Professional Documents
Culture Documents
By
Ukrit Chaimongkon
Demonstration School University of
Phayao
เมฆ (Cloud) และฝน (rain)
เมฆ คือ อนุภาคน้ำหรื อผลึกน้ำแข็งขนาดเล็กลอยอยู่ใน
อากาศ ประกอบไปด้ วย
น้ำหรือน้ำแข็ง หรือ น้ำและน้ำแข็ง
เมฆเกิดจาการกลั่นตัวของไอน้ำขณะลอยตัวขึน้ และเย็นลง
“สิ่งทีช่ ่ วยให้ ไอน้ำกลั่นตัวเป็ นก้ อนเมฆ คือ ฝุ่ นผงเล็ก ๆ
หรื อเกลือในบรรยากาศ”
ชนิดของเมฆ
เมื่อใช้ ความสูงของฐานเมฆเป็ นเกณฑ์ สามารถแบ่ งเมฆได้ เป็ น 4 ประเภท
ดังนี ้
- เมฆชัน้ สูง (High Could) มีความสูงของฐานเมฆ 7,000 – 10,000
m มียอดสูงไม่ แน่ นอน เช่ น
1. เมฆซีร์รัส (Cirrus)
2. เมฆซีร์โรคิวมูลัส (Cirrocumulus)
3. เมฆซีร์โรสเตรตัส (Cirrostratus)
มีความสูงของฐานเมฆ 7,000 – 10,00 m
1. เมฆอัลโตคิวมูลัส (Altocumulus)
2. เมฆอัลโตสเตรตัส (Altostratus)
ความสูงของฐานเมฆ 2,000 m
1. เมฆสเตรตัส (Stratus)
2. เมฆสเตรโตคิวมูลัส (Stratocumulus)
3. เมฆนิมโบสเตรตัส (Nimbostratus)
ความสูงของยอดเมฆ 2,000 m
1. เมฆคิวมูลัส (Cumulus)
2. เมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus)
ภาพ 4 แสดง เมฆที่ก่อตัวในแนวตัง้ (Vertical development cloud)
เมฆ (Cloud)
เมฆนัน้ แบ่ งเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ แบบเป็ นชัน้ (layered) ใน
แนวนอน และ แบบลอยตัวสูงขึน้ (convective) ในแนวตัง้ โดยจะ
มีช่ ือเรี ยกว่ า สเตรตัส (stratus ซึ่งหมายถึงลักษณะเป็ นชัน้ ) และ
คิวมูลัส (cumulus ซึ่งหมายถึงทับถมกันเป็ นกอง) ตามลำดับ
นอกจากนีแ้ ล้ วยังมีคำที่ใช้ ในการบอกลักษณะของเมฆอีกด้ วย
สเตรตัส (stratus) หมายถึง ลักษณะเป็ นชั้น
คิวมูลัส (cumulus) หมายถึง ลักษณะเป็ นกองสุม
ซีร์รัส (cirrus) หมายถึง ลักษณะเป็ นลอนผม หรือ เป็ นริ้ว ๆ คล้ ายขนสัตว์
นิมบัส (nimbus) หมายถึง ฝน
เมฆ (Cloud)
เมฆซีร์โรสเตรตัส ทำให้ เกิดดวงอาทิตย์ ทรงกรด หรื อดวง
จันทร์ ทรงกรด
ดวงอาทิตย์ ทรงกรด หรือดวงจันทร์ ทรงกรด เกิดจาก แสง
อาทิตย์ หรื อแสงจันทร์ ส่องมากระทบกับเกล็ดน้ำแข็งในเมฆ
ซีร์โรสเตรตัสในมุมทีเ่ หมาะสม ทำให้ เกิดการหักเหของแสง
ทำให้ เกิดรุ้ งรอบดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์ มักเกิดในวันที่
อากาศปรอดโปร่ ง
เมฆ (Cloud)
เมฆเมฆนิมโบสเตรตัส (Nimbostratus) ทำให้ เกิด ฝนพรำ
ๆ ต่ อเนื่องเป็ นเวลานาน
เมฆ (Cloud)
เมฆเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) ทำให้ เกิด ฝน
ตกหนัก ลมแรง เกิดพายุฟ้าคะนอง
ส่ วนประกอบของเมฆในแต่ ละระดับ
เมฆที่อยู่ในระดับสูง (ตัง้ แต่ 6000 m ขึน้ ไป) ประกอบไป
ด้ วยผลึกน้ำแข็งเกือบทั้งหมด
เมฆที่อยู่ในระดับปานกลาง (ตัง้ แต่ 2000-6000 m) ประกอบไป
ด้ วยผลึกน้ำแข็งและอนุภาคของน้ำ
เมฆที่อยู่ในระดับต่ำ (ตัง้ แต่ 0-2000 m ) ประกอบไปด้ วยอนุภาค
ของน้ำเกือบทั้งหมด
ลักษณะของเมฆแต่ ละชนิดทำให้ ทราบถึง
แนวโน้ มลักษณะของสภาวะอากาศที่จะเกิดขึน้ ล่ วง
หน้ าเช่ น
ถ้ าเมฆในท้ องฟ้ามีเมฆคิวมูโลนิมบัส จะหมาย
ถึงการเกิดพายุฟ้าคะนอง จะทำให้ เกิดฝน
ตกหนัก มีฟ้าแลบ ฟ้าร้ อง ฟ้าผ่ า เมฆชนิดนี เ้ ป็ น
อันตรายกับเครื่องบินขนาดเล็ก
นักอุตุนิยมวิทยาใช้ ปริมาณเมฆในท้ องฟ้า บอกสภาพอากาศ
ดังนี ้ ลักษณะท้ องฟ้า ปริมาณเมฆ
1. ท้ องฟ้าแจ่ มใส ไม่ มีเมฆ หรือมีน้อยกว่ า 1 ส่ วน
2. ท้ องฟ้าโปร่ ง มากกว่ า 1/10 ส่ วนแต่ ไม่ เกิน 3/10 ส่ วน
3. เมฆบางส่ วน มากกว่ า 3/10 ส่ วนแต่ ไม่ เกิน 5/10 ส่ วน
4. เมฆเป็ นส่ วนมาก มากกว่ า 5/10 ส่ วนแต่ ไม่ เกิน 8/10 ส่ วน
5. เมฆมาก มากกว่ า 8/10 ส่ วนแต่ ไม่ เกิน 9/10 ส่ วน
6. เมฆเต็มท้ องฟ้า 10/10 ส่ วน