You are on page 1of 1

!

เรียนรู้

เขาใช้อะไรแบ่งโลกเป็นชั้นๆ (เปลือกโลก
. เนื้อโลก . แก่นโลก)
) สันติ ภัยหลบลี้ - * 23 เมษายน 2020 - + 0

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่าโลกนั้นแบ่งออกเป็นชั้นๆ ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด แต่


องค์ความรูน้ ี้ไม่ได้เกิดจากการใช้เครือ
่ งมือลงไปสํารวจ เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่
สามารถทําได้ เช่น การทําเหมืองใต้ดินสามารถขุดลึกลงไปได้ 3-4 กิโลเมตร ในขณะที่การขุด
เจาะนQามันมีความลึกสูงสุด 6-7 กิโลเมตร นอกจากนี้จากการศึกษา หิ น แปลกปลอม
(xenolith) ที่ติดมากับแมกมาและแข็งตัวกลายเป็นหินพบว่าหินดังกล่าวอยู่ที่ระดับความลึก
50-300 กิโลเมตร หรือแม้กระทั่งกระบวนการเกิด หิ น คิ ม เบอร์ไ ลต์ (kimberlite) ก็พบว่ามี
ความลึก 400 กิโลเมตร โดยประมาณ

(ซ้าย) แร่เพอริโดไทต์สีเขียวมะกอก ซึง ่ เป็นหินแปลกปลอมทีต ่ ิดมากับแมกมาในระหว่างทีภ


่ ูเขาไฟ
ปะทุกลายเป็นหินบะซอลต์สีดํา (ขวา) เหมืองเมียร์ (Mir Mine) เหมืองหินคิมเบอร์ไลต์ (kimberite) ที่
มีเพชรติดอยู่ในหิน ทางตะวันออกของไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย

แต่เนื่องจากโลกมีรศ
ั มี 6,371 กิโลเมตร ดังนั้นการศึกษาโดยตรงดังที่กล่าวไปข้างต้น จึงทําได้
เพียงส่วนพื้นผิวของโลกเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากการสังเกต คลื ่ น ไหวสะเทื อ น (seismic
wave) ที่ตรวจวัดได้จากการเกิดแผ่นดินไหว นักวิทยาศาสตร์พบว่าคลื่นสามารถเดินทางทะลุ
ผ่านตลอดเนื้อของโลกได้ จึงพยายามศึกษาและทําความเข้าใจองค์ประกอบภายในโลกโดย
อาศัยคุณสมบัติพื้นฐานของคลื่น ได้แก่

1) การหั ก เห (refraction) เกิดจากการที่คลื่นไหวสะเทือนเปลี่ยนความเร็ว เมื่อวิ่งผ่าน


ตัวกลางที่มีความหนาแน่นแตกต่างกัน โดยคลื่นจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่อวิ่งผ่าน
ตัวกลางความหนาแน่นสูงหรือความหนาแน่นตWา ซึ่งหากคลื่นเปลี่ยนแปลงจากช้าไปเร็ว คลื่นจะ
เปลี่ยนทิศทางแบบเชิดหัวขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงจากเร็วไปช้าคลื่นจะกดหัวลง

2) การสะท้ อ น (reflection) เกิดจากคลื่นสะท้อนนั้นเชิดหัวขึ้นกลับไปอยู่ในตัวกลางเดิม โดย


จะให้มุมที่คลื่นตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน

การหักเหและการสะท้อนของคลื่น

ในอดีตที่ยังไม่มีความรูเ้ รือ
่ งโครงสร้างภายในโลก นักวิทยาศาสตร์คาดว่าถ้าโลกมีเนื้อเดียวกัน
ทั้งก้อน คลื่นไหวสะเทือนควรจะวิ่งออกจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวเป็นเส้นตรง แต่จากข้อมูลที่
ตรวจวัดได้พบว่า คลื่นไหวสะเทือนมีการหักเหทิศทางและเปลี่ยนแปลงความเร็วหลายครัง้ ใน
ระหว่างที่ว่ง
ิ เข้าไปในโลก นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อว่าโลกไม่น่าจะเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด แต่อาจ
จะมีการแยกเป็นชั้นของวัสดุที่มีความหนาแน่นที่แตกต่างกัน

แบบจําลองการเดินทางของคลื่นไหวสะเทือน เมื่อโลกมีเนื้อเดียวกัน เมื่อโลกแบ่งเป็นชัน


ชั้นของโลก (แยกตามสมบัติทางกายภาพ)

ดังที่กล่าวไปในข้างต้น การเดินทางของคลื่นไหวสะเทือนซึ่งสัมพันธ์กับคุณสมบัติทางกายภาพ
(ความหนาแน่น) ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดระยะทางของการเดินทางของคลื่น ดังนั้น
เพื่อที่จะแบ่งชั้นต่างๆ ของโลกตามคุณสมบัติทางกายภาพ นักวิทยาศาสตร์จึงศึกษาคุณสมบัติ
พื้นฐานของการเดินทางของคลื่นไหวสะเทือน (การหักเหและสะท้อน) และสามารถแบ่งโลกออก
เป็นชั้นได้ 5 ชั้น ดังนี้

1) ชั ้ น ธรณี ภ าค (lithosphere) เป็นชั้นนอกสุดของโลก ประกอบด้วย 1) เปลื อ กโลก


(crust) และ 2) ส่ ว นบนสุ ด ของเนื ้ อ โลก (uppermost mantle) ซึ่งมีคุณสมบัติเย็นและมี
สถานะเป็นของแข็ง (rigid) มีความหนารวม 100-300 กิโลเมตร โดยในส่วนของเปลือกโลกนั้น
แบ่งย่อยเป็น 2 ประเภท คือ

เปลือกทวีป (continental crust) ส่วนใหญ่มีองค์ประกอบโดยรวมเป็นหินแกรนิต มีความ


หนาเฉลี่ย 33-35 กิโลเมตร และมีความหนาแน่น 2.7 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
เปลือกสมุทร (oceanic crust) มีองค์ประกอบโดยรวมเป็นหินบะซอลต์ มีความหนาเฉลี่ย 5-
8 กิโลเมตร และมีความหนาแน่น 3 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร

้ ต่างๆ ของโลกตามคุณสมบัติทางกายภาพ (คลื่นไหวสะเทือน)


การแบ่งชัน

2) ชั ้ น ฐานธรณี ภ าค (asthenosphere) รองรับอยู่ใต้ชั้นธรณีภาค มีคุณสมบัติเป็นพลาสติก


(plastic) ประกอบด้วยส่วนที่เป็นส่วนล่างของ เนื ้ อ โลกตอนบน (upper mantle) มีความ
หนาเฉลี่ย 350-500 กิโลเมตร มีคุณสมบัติรอ ้ น (อุณหภูมิประมาณ 600-1,000OC) หนืดและ
นิ่ม มีความหนาแน่นประมาณ 3.3 กรัม/เซนติเมตร มีการเคลื่อนที่แบบหมุนเวียนด้วยกลไก
การพาความร้อ น (convection)

3) ชั ้ น มี โซสเฟี ย ร์ (mesosphere) มีคุณสมบัติเป็นของแข็ง (rigid) มีความหนา 500-2,900


กิโลเมตร ประกอบด้วยส่วนที่เป็น เนื ้ อ โลกตอนล่ า ง (lower mantle) มีความหนาแน่น
ประมาณ 5.5 กรัม/เซนติเมตร และมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 1,000-3,500 OC

4) แก่ น โลกชั ้ น นอก (outer core) มีความหนา 2,900-5,150 กิโลเมตร มีคุณสมบัติเป็น


ของเหลว (liquid) มีอุณหภูมิสูง 1,000 – 3,500 OC มีความหนาแน่น 10 กรัม/ลูกบาศก์
เซนติเมตร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าน่าจะมีองค์ประกอบเป็นเหล็กที่หลอมละลาย เนื่องจาก
หลักฐานที่คลื่นทุติยภูมิ (S-wave) ไม่สามารถวิ่งผ่านชั้นนี้ได้ การหมุนเวียนของมวลเหล็ก
หลอมเหลวในชั้นนี้ เป็นปัจจัยสําคัญที่ทําให้เกิด สนามแม่ เหล็ ก โลก (earth’s magnetic
field)

5) แก่ น โลกชั ้ น ใน (inner core) มีองค์ประกอบเป็นเหล็กและนิเกิลในสถานะของแข็ง (rigid)


ซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 5,000 OC มีความหนาแน่น 12 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร อยู่ระหว่างความ
ลึก 5,150-6,370 กิโลเมตร

จุ ด ศู น ย์ ก ลางโลกลึ ก 6,370 กิ โ ลเมตร

โดยปกติหากพิจารณาเพียงอุณหภูมิเป็นหลัก แก่นโลกชั้นในควรมีสถานะเป็นของเหลวเช่นเดียว
กับแก่นโลกชั้นนอก แต่เนื่องจากการเดินทางผ่านได้ของคลื่นทุติยภูมิ ทําให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อ
ว่าน่าจะมีสถานะเป็นของแข็ง ซึ่งอธิบายได้ว่า ถึงแม้ว่าแก่นโลกชั้นในจะมีอุณหภูมิสูงกว่าแก่น
โลกชั้นนอก แต่หากพิจารณาร่วมกับความดันกดทับที่สูงขึ้นมากเช่นเดียวกันในแก่นโลกชั้นใน
จึงทําให้มีสถานะเป็นของแข็ง

สรุปการเปลี่ยนแปลงความเร็วของคลื่นไหวสะเทือนทัง ้ คลื่นปฐมภูมิและคลื่นทุติยภูมิในแต่ละระดับ
ความลึกลงไปในโลก สังเกตบริเวณแก่นโลกชัน ้ ใน พบว่าเกิดคลื่นทุติยภูมิขึ้นมาอีกครัง ้ ๆ ที่ไม่ใช่
้ ทัง
คลื่นที่ผ่านมาจากแก่นโลกชัน
้ นอก (คลื่นทุติยภูมิผ่านเข้ามาไม่ได้)

ความไม่ต่อเนื่องภายในโลก

การแบ่งชั้นต่างๆ ของโลกตามคุณสมบัติทางกายภาพ สามารถอธิบายได้ด้วยการเปลี่ยนแปลง


ทิศทางและการเดินทางของคลื่นไหวสะเทือน ซึ่งผลจากการศึกษาคลื่นไหวสะเทือน เมื่อเกิด
แผ่นดินไหวในแต่ละครัง้ นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบความไม่ต่อเนื่องของความเร็วของคลื่นไหว
สะเทือนอย่างน้อย 3 รอยต่อ ซึ่งความไม่ต่อเนื่องเหล่านี้บางส่วนสัมพันธ์กับขอบเขตของชัน

ต่างๆ ภายในโลกดังที่อธิบายในข้างต้น

1) ความไม่ต่อเนื่องโมโฮโรวิซิค

ความไม่ ต ่ อ เนื ่ อ งโมโฮโรวิ ซ ิ ค (Mohorovi


(Mohorovičči ć Discontinuity) ค้นพบโดย แอนดริจา โม
โฮโรวิคซิค (Mohorovičić A) นักวิทยาศาสตร์ชาวโครเอเชีย ในปี ค.ศ. 1909 โดยโมโฮโรวิคซิค
ค้นพบและตรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนทั้งคลื่นปฐมภูมิและคลื่นทุติยภูมิได้อย่างละ 2 ชุดจากแผ่น
ดินไหวเพียงเหตุการณ์เดียว โดยแต่ละชุดวิง ่ มาถึงสถานีตรวจวัด ในเวลาที่แตกต่างกัน โมโฮโร
วิคซิคจึงตั้งสมมุติฐานว่าคลื่นไหวสะเทือนปกติน่าจะมีการหักเหกับตัวกลางอะไรบางอย่างใต้
โลกแล้วเกิดเป็นคลื่นภายในโลก 2 ชุดวิ่งด้วยความเร็วที่แตกต่างกันเข้ามาหาสถานี

นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบความไม่ต่อเนื่องของคลื่นไหวสะเทือนที่ว่ง
ิ ผ่านโลก

จากการคํานวณทางคณิตศาสตร์พบว่า คลื่นปฐมภูมิวิง ่ ด้วยความเร็วปกติ 6-7 กิโลเมตร/วินาที


ในขณะที่คลื่นปฐมภูมิอีกชุดวิ่งด้วยความเร็ว 8 กิโลเมตร/วินาที ด้วยความที่ความเร็วเปลี่ยนไป
เขาจึงเรียกชั้นที่ทําให้คลื่นไหวสะเทือนเปลี่ยนความเร็วนี้ว่า ชั ้ น ไม่ ต ่ อ เนื ่ อ งโมโฮโรวิ ค ซิ ค
หรือ ชั ้ น โมโฮ (Mohorovi
(Mohorovičči ć Discontinuity หรือ Moho) และกําหนดให้เป็นฐานของ
ชัน
้ เปลือกโลกตามคุณสมบัติทางกายภาพ

ผลจากการศึกษาคลื่นไหวสะเทือนทั่วโลกพบว่าบริเวณต่างๆ ของโลกมีความหนาของชั้นเปลือก
โลกที่แตกต่างกันระหว่าง 5-70 กิโลเมตร โดยพื้นมหาสมุทรส่วนใหญ่มีความหนาอยู่ในช่วง 5-
15 กิโลเมตร ในขณะพื้นทวีปของโลกมีความหนาประมาณ 30-40 กิโลเมตร โดยบริเวณที่มี
ความหนามาก ได้แก่ เทือกเขาร๊อกกี้ ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา (หนาประมาณ 45-50
กิโลเมตร) เทือกเขาแอนดีส ทางตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ (หนาประมาณ 60-70 กิโลเมตร)
และเทือกเขาหิมาลัยทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย (หนาประมาณ 60-70 กิโลเมตร)

แผนที่โลกแสดงการกระจายตัวของความหนาเปลือกโลก (ที่มา : www.ucsd.edu)

ชั ้ น โมโฮ คื อ ขอบเขตระหว่ า งเปลื อ กโลก


กโลก--แมนเทิ ล

2) ความไม่ต่อเนื่องกูเต็นเบิร์ก

ความไม่ ต ่ อ เนื ่ อ งกู เ ต็ น เบิ ร ์ก (Gutenberg Discontinuity) ค้นพบโดยโน่ กิวเตนเบอร์ก


(Gutenberg B) ในปี ค.ศ. 1914 โดยกิวเตนเบอร์กพบว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหว สถานีตรวจวัดใน
บางพื้นที่ไม่สามารถตรวจวัดคลื่นไหวสะเทือนได้ ทั้งที่เป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อสังเกต
และศึกษาในรายละเอียดจะพบว่าพื้นที่อับคลื่นนั้นสัมพันธ์กับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว เช่น
กําหนดให้เกิดแผ่นดินไหวที่บริเวณขั้วโลกเหนือ สถานีที่ต้ังห่างออกไปจากศูนย์กลาง 103o-
180o จะไม่สามารถตรวจวัดคลื่นทุติยภูมิได้ เรียกว่า โซนอั บ คลื ่ น ทุ ต ิ ย ภู ม ิ (S-wave
shadow zone) ส่วนกรณีของคลื่นปฐมภูมิไม่พบคลื่นเช่นกันในช่วง 103o-143o จึงเรียกว่า
ช่ ว งอั บ คลื ่ น ปฐมภู ม ิ (P wave shadow zone)

แสดงลักษณะช่วงอับสัญญาณ (Shadow zone) ก) คลื่นปฐมภูมิ ข) คลื่นทุติยภูมิ

ซึ่งจากการค้นพบช่วงอับคลื่นดังกล่าว ปรากฏการณ์ของ กิวเตนเบอร์ก จึงนําเสนอว่าน่าจะมี


ความไม่ต่อเนื่องอยู่อีกที่ระดับ 2,900 กิโลเมตร จึงกําหนดให้เป็น ชั ้ น ไม่ ต ่ อ เนื ่ อ งกิ ว เตนเบอร์
ก (Gutenberg Discontinuity)

ความไม่ ต ่ อ เนื ่ อ งกู เ ต็ น เบิ ร ์ก คื อ ขอบเขตระหว่ า งแก่ น โลก


โลก--แมนเทิ ล

3) ความไม่ต่อเนื่องเลห์มัน

ความไม่ ต ่ อ เนื ่ อ งเลห์ ม ั น (Lehman Discontinuity) นําเสนอโดยอิงจ์ เลห์มัน (Lehman


I) นักวิทยาศาสตร์วิทยาหญิงชาวเดนมาร์ก ในปี ค.ศ. 1936 โดยพบว่าคลื่นปฐมภูมิที่วิ่งผ่านไป
ตามแก่นโลกชั้นในแสดงการเพิ่มขึ้นของความเร็วคลื่น บ่งชี้ว่าแก่นโลกชั้นในนั้นเป็นของแข็ง ใน
ขณะที่ไม่มีคลื่นทุติยภูมิผ่านเข้ามาในชั้นแก่นโลก จึงเชื่อได้ว่าแก่นโลกชั้นนอกนั้นน่าจะมีสถานะ
เป็นของเหลว ต่อจากนั้นความกว้างและความเร็วคลื่นปฐมภูมิจึงค่อยๆ เพิ่มขึ้น แต่คลื่นทุติยภูมิ
ยังคงจับไม่ได้ในช่วงสถานีต้ังแต่ 143o-180o จับคลื่นปฐมภูมิได้ดังเดิม แต่ยังไม่มีคลื่นทุติยภูมิ
ในช่วงจับคลื่นปรากฏว่าจับคลื่นบางคลื่นได้ จึงสรุปว่าน่าจะมีแก่นโลกชั้นในด้วย ซึ่งมีคุณสมบัติ
ยืดหยุ่นต่างกัน (ทําให้คลื่นปฐมภูมิกลับเร็วขึ้นมาอีกในระดับความลึกประมาณ 5,000
กิโลเมตร) และคาดว่าแก่นโลกชั้นในน่าจะมีสถานะเป็นของแข็ง และเรียกรอยต่อระหว่างแก่น
โลกชั้นในและแก่นโลกชั้นนอกว่า ความไม่ ต ่ อ เนื ่ อ งเลแมน (Lehman Discontinuity)

ความไม่ ต ่ อ เนื ่ อ งเลห์ ม ั น คื อ ขอบเขตระหว่ า งแก่ น โลกชั ้ น ใน


ใน--แก่ น โลก
ชั ้ น นอก

4) ชั้นเปลี่ยนโซน

ชั ้ น เปลี ่ ย นโซน (Transitional Zone) หากเกิดแผ่นดินไหวระดับตื้นที่เส้นศูนย์สูตร ซึ่งทั้ง


คลื่นปฐมภูมิและทุติยภูมิว่งิ ไปทุกทิศทาง โดยทิศทางการวิ่งของคลื่นจะเบี่ยงเบนจากการหักเห
ของคลื่นเมื่อวิ่งลึกลงไปในตัวโลก นักวิทยาศาสตร์พบว่า ที่สถานีวัดที่อยู่ห่างจากจุดกําเนิดแผ่น
ดินไหวคิดเป็นมุม 15o-22o ทั้งเหนือและใต้เส้นศูนย์สูตร (มุมนี้เป็นมุมที่วัดตรงใจกลางโลก
ระหว่างจุดที่เกิดแผ่นดินไหวกับสถานีวัด) คลื่นไหวสะเทือนจะเร็วขึ้น โดยมีความเร็วคลื่นปฐม
ภูมิเพิ่มเป็น 9.1 กิโลเมตร/วินาที และคลื่นทุติยภูมิเป็น 5.3 กิโลเมตร/วินาที ดังนั้น นัก
วิทยาศาสตร์จึงคาดว่าน่าจะมีช้น ั ไม่ต่อเนื่องแทรกอยู่ระหว่างเนื้อโลกตอนบนกับเนื้อโลกตอน
ล่าง และเรียกชั้นไม่ต่อเนื่องนี้ว่า ชั ้ น เปลี ่ ย นโซน (Transitional Zone) ซึ่งอยู่ลึกลงไปในตัว
โลก 400-700 กิโลเมตร

ชั ้ น เปลี ่ ย นโซน คื อ รอยต่ อ ระหว่ า งเนื ้ อ โลกตอนบนกั บ เนื ้ อ โลกตอน


ล่ า ง

้ เปลี่ยนโซน (transitional zone) คือ ชัน


ชัน ่ งที่แทรกอยู่ระหว่าง เนื้อโลกตอนบนกับเนื้อ
้ ไม่ต่อเนือ
โลกตอนล่าง ซึ่งอยู่ลึกลงไปในตัวโลก 400-700 กิโลเมตร

...
บทความล่ า สุ ด : www.mitrearth.org
เยี ่ ย มชม facebook : มิ ต รเอิ ร ์ธ – mitrearth

ไส้ในโลก : กับการคาดเดาองค์ประกอบ ใต้เปลือกโลกไม่ใช่แมกมา และภูเขาไฟก็ เปลือกโลกบนเนื้อโลก ก็คล้ายๆ ขอน


ของแต่ละชัน้ ไม่ได้เกิดไปเรื่อยเปื่ อย ไม้ลอยบนแป้งเปียกหนืดๆ
22 มีนาคม 2021 2 กันยายน 2019 22 มีนาคม 2021
In "เรียนรู"้ In "เรียนรู"้ In "เรียนรู"้

TAGS เปลือกโลก แก่นโลก แมนเทิล

SHARE: $ % & ' (

" Previous Article Next Article #


ทะเลทรายกับการสะสมตัวของตะกอน ปิโตรเลียมและการสํารวจ : ความรู้เบื้อง
ต้น

สัน ติ ภัย หลบลี้ , - $

ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปทุมวัน


กรุงเทพมหานคร

RELATED POSTS

เรียนรู้ สํารวจ

ปรากฏการณ์ขั้วโลกพเนจร กับ นิทาน . ตํานาน . ความเชื่อ . แผ่น


การศึกษาภูมิศาสตร์บรรพกาล ดินไหว
By สันติ ภัยหลบลี้ - * 13 กุมภาพั นธ์ 2021 By สันติ ภัยหลบลี้ - * 31 กรกฎาคม 2019

COPYRIGHT © 2019 MITREARTH.ORG ALL RIGHTS RESERVED


.

You might also like