Professional Documents
Culture Documents
บทวิเคราะห์"ผลกระทบของประชาคมอาเซียนต่อธุรกิจอุตสาหกรรมไทย" โดย อ.อนุสรณ์ ธรรมใจ และ ดร.ยศ อมรกิจวิกัย
บทวิเคราะห์"ผลกระทบของประชาคมอาเซียนต่อธุรกิจอุตสาหกรรมไทย" โดย อ.อนุสรณ์ ธรรมใจ และ ดร.ยศ อมรกิจวิกัย
doc
เอกสารเผยแพร่บทวิเคราะห์
“ผลกระทบของประชาคมอาเซียนต่อธ ุรกิจ
อ ุตสาหกรรมไทย”
ดร.อน ุสรณ์ ธรรมใจ ดร.ยศ อมรกิจวิกยั 1
คณะเศรษฐศาสตร์ และศูนย์วิจยั เศรษฐกิจและธ ุรกิจเพื่อการปฏิร ูป มหาวิทยาลัยรังสิต
มหาวิทยาลัยรังสิต เมืองเอก ปท ุมธานี
วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน 2555
สอบถามรายเอียดเพิ่มเติม
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
โทรศัพท์ 083-856-0129, 083-856-0130
http://www.rsu.ac.th/econ
บทวิเคราะห์
ผลกระทบของประชาคมอาเซียนต่ อธุรกิจอุตสาหกรรมไทย
1
ผู้วจิ ยั ขอขอบพระคุณ รศ.ดร.ภิรมย์ จัน่ ถาวร ผศ.พรรณี จรัมพร ดร.นันทรัตน์ ตังวิ
้ ฑรู ธรรม และคุณจุฑาทิพ ลือเลิศยศ สำหรับข้ อมูล
สนับสนุนและความช่วยเหลือในการจัดทำ
ี นต่อธุรกิจอุตสาหกรรมไทย โดย อนุสรณ์
บทวิเคราะห์ ผลกระทบประชาคมเศรษฐกิจอาเซ ย
ธรรมใจ ยศ อมรกิจวิกย
ั Page 1
บทนำ - ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Economic Community: AEC)
หากพิจารณาพิมพ์เขียวของการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน เศรษฐกิจโดยภาพรวมของประเทศสมาชิ
ในประชาคมจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการขยายตัวของการค้าการลงทุนระหว่างกันและขนาดของตลาดที
ใหญ่ข้ ึนด้วยประชากร 587 ล้านคน สำหรับรายธุรกิจอุตสาหกรรมแล้วก็ตอ้ งพิจารณาว่า ธุรกิจอุตสาหกรรม
นั้น มีค วามสามารถในแข่ง ขัน (Competitiveness) และ ความได้เ ปรี ย บเชิง เปรี ย บเทีย บ(Comparative
Advantage) อย่างไรบ้าง
อีกทั้งให้กลุ่มประเทศสมาชิกมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมกันหรื อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่าง
ประเทศสมาชิก โดยผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
(SMEs) และ โครงการริ เริ่ มเพื่อการรวมตัวกันของกลุ่มสมาชิก (Initiative for ASEAN Integration) ตลอดจน
สนับสนุนให้กลุ่มสมาชิกอาเซียนสามารถเชื่อมโยงกับประเทศนอกภูมิภาค โดยจัดทำเขตการค้าเสรี ระหว่าง
อาเซี ยนกับประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ
อีกทั้งให้มีการเร่ งรัดการดำเนินงานรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซี ยน ทางด้านการค้า การบริ การ การ
ลงทุน แรงงาน และเงินทุน โดยมีสาระสำคัญดังนี้
Wholesale and Retail Trade, Repair of Vehicles and Personal 847,564 856,098 866,332 888,016 970,806 1,042,043 1,116,528 1,206,866 1,288,332 1,272,556 1,323,916 1,354,399 1,086,121
and Household Goods
275,2 289, 309, 299, 334,2 346, 386, 416, 440, 439, 479, 518,
Hotels and Restaurants 14 175 622 567 22 865 063 758 173 720 145 612 377,928
395,9 427, 449, 457, 492,5 519, 569, 626, 645, 647, 688, 716,
Transport, Storage and Communication 26 049 278 169 30 623 261 456 300 319 136 321 552,864
145,8 151, 170, 202, 233,7 264, 286, 308, 354, 368, 410, 482,
Financial Intermediation 40 360 036 257 19 896 220 915 619 831 048 798 281,628
161,7 163, 171, 177, 188,2 198, 208, 214, 216, 215, 228, 239,
Real Estate, Renting and Business Activities 92 862 751 848 43 521 810 925 681 839 770 971 198,918
211,0 222, 244, 262, 295,8 326, 349, 374, 399, 416, 441, 475,
Public Administration and Defense; Compulsory Social Security 45 161 783 272 85 051 981 043 094 087 420 393 334,851
196,5 202, 211, 221, 248,8 280, 316, 360, 384, 414, 435, 459,
Education 42 318 278 191 76 978 829 446 444 924 246 831 311,075
96,6 104, 107, 106, 116,6 135, 150, 163, 168, 177, 185, 198,
Health and Social Work 78 825 654 836 95 224 013 924 839 188 932 705 142,709
73,8 77, 84, 96, 115,1 123, 128, 119, 123, 123, 138, 149,
Other Community, Social and Personal Service Activities 13 118 949 654 78 743 680 513 353 912 039 354 112,859
7,0 7, 7, 7, 8,2 8, 8, 9, 9, 10, 10, 10,
Private Household with Employed Persons 28 297 455 822 22 531 738 212 682 135 162 442 8,727
4,922, 5,133, 5,450, 5,917, 6,489, 7,092, 7,844, 8,525, 9,080, 9,041, 10,104, 10,539, 7,511,92
Gross Domestic Product 731 502 643 369 476 893 939 197 466 551 821 446 0
Per capita GDP (Baht) 79098 81697 85947 92485 100564 108955 119635 129089 136585 135144 150117 155916 114603
ตารางที่ 1 ผลิตภัณฑ์ มวลรวมในประเทศ จำแนกตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หน่ วย: ล้านบาท
Construction 3.06% 3.01% 2.95% 2.95% 3.00% 3.02% 2.99% 2.92% 2.85% 2.72% 2.66% 2.56% 2.89%
การส่ งออกในช่ว งปี 2550 – 2554 พบว่า สิ น ค้า อุต สาหกรรมมีส ดั ส่ ว นการส่ ง ออกเฉลี่ย สู ง สุ ด คิด เป็ น
133,153 ล้า นเหรี ย ญสหรัฐ หรื อคิด เป็ นร้อ ยละ 75.99 ของมูลค่า ส่ งออกเฉลี่ย ทั้งหมด นอกจากนี้สิ น ค้า
อุตสาหกรรมการเกษตร มีการส่ งออกเฉลี่ยในช่วงปี 2550 – 2554 คิดเป็ นมูลค่า 12,098 ล้านเหรี ยญ (หรื อ
ร้อยละ 6.90 ของมูลส่ งออกเฉลี่ยทั้งหมด (รู ปภาพที่ 1)
3
จากการสำรวจภาวการณ์ทำ งานของประชาชนในปี 2554 (ตัวเลขล่าสุ ด ณ เดือนธันวาคมซึ่งเป็ น ตัวเลขประจำเดือ น
กันยายน 2554) โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ
ี นต่อธุรกิจอุตสาหกรรมไทย โดย อนุสรณ์
บทวิเคราะห์ ผลกระทบประชาคมเศรษฐกิจอาเซ ย
ธรรมใจ ยศ อมรกิจวิกย
ั Page 8
หมายเหตุ : ข้อมูลปี 2554 เป็ นข้อมูลเบื้องต้น (ตั้งแต่มกราคม –ตุลาคม)
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสาร กระทรวงพาณิชย์โดยความร่ วมมือจากกรมศุลกากร
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
จากมูลค่าการค้าระหว่างประเทศระหว่างประเทศไทยกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซี ยน (ตารางที่
5) พบว่าในช่วงปี 2542 - 2554 ประเทศไทยมีดุลการค้า เกินดุลในกลุ่มประเทศ ได้แก่ เวีย ดนามคิด เป็ น
134,021 ล้านบาท คิดเป็ นร้อยละ 2.31 ของมูลค่าดุลการค้าทั้งหมด สิ งคโปร์คิดเป็ น 83,692 ล้านบาท (ร้อยละ
1.44 ของมูล ค่า ดุล การค้า ทั้ง หมด) กัมพูช าคิด เป็ น 67,020 ล้า นบาท (ร้อ ยละ 1.55 ของมูล ค่า ดุล การค้า
ทั้งหมด) ฟิ ลิปปิ นส์คิดเป็ น 59,337 ล้านบาท (ร้อยละ 1.02 ของมูลค่าดุลการค้าทั้งหมด) อินโดนีเซี ย คิดเป็ น
52,459 ล้านบาท (ร้อยละ 0.90 ของมูลค่าดุลการค้าทั้งหมด) ลาวคิดเป็ น 44,501 ล้านบาท (ร้อยละ 0.77 ของ
มูลค่าดุลการค้าทั้งหมด) และบรู ไนคิดเป็ น 432 ล้านบาท (ร้อยละ 0.01 ของมูลค่าดุลการค้าทั้งหมด) ส่ วน
ประเทศอาเซี ยนที่ประเทศไทยขาดดุลการค้า ได้แก่ พม่าคิดเป็ น 27,180 ล้านบาท เนื่องจากประเทศไทยนำ
เข้าก๊าซธรรมชาติ คิดเป็ นเป็ นร้อยละ 91.36 ของมูลค่าการนำเข้าจากพม่าและมาเลเซี ย 15,384 ล้านบาท
เนื่องจากมีการนำเข้าเครื่ องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ คิดเป็ นร้อยละ 15.19 ของมูลค่าการนำเข้าจากมาเลเซี ย
และน้ำมันดิบ คิดเป็ นร้อยละ 14.15 ของมูลค่าการนำเข้าจากมาเลเซี ย (ตารางที่ 6)
ทีม
่ า: ธนาคารแห่งประเทศไทย (2555)
ภายใต้เขตการค้าเสรี อาเซียนหรื อ AFTA (ASEAN Free Trade Area)ซึ่ งเริ่ มในปี 2535 โดยมีการ
ทยอยลดอัตราภาษีศุลกากรระหว่างประเทศสมาชิกอาเซี ยนอย่างต่อเนื่อง และในปี 2553 ประเทศอาเซี ยน
เดิม 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิ งคโปร์ ฟิ ลิปปิ นส์ อินโดนีเซี ย และบรู ไน จะต้องลดอัตราภาษีศุลกากร
ระหว่างกันให้เหลือ 0% ในรายการ Inclusive List ขณะที่ประเทศสมาชิกใหม่อีก 4 ประเทศ คือ กัมพูชา
สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม ต้องทยอยลดอัตราภาษีศุลกากรจนเหลือ 0% ภายในปี 2558 เป็ นที่น่าสังเกตว่า
การเปิ ดเสรี การค้าของอาเซียนทำให้สินค้าส่ งออกหลายรายการของไทยได้เปรี ยบคู่แข่ง ในอาเซี ยน ขณะที่
สิ นค้าบางรายการต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยกลุ่มสิ นค้าส่ งออกที่คาดว่าจะได้
เปรี ย บจากการเปิ ดเสรี ดงั กล่าวมีห ลายรายการ อาทิ ข้าวโพด ผลิตภัณฑ์ย าง และเฟอร์ นิเ จอร์ ในตลาด
อินโดนีเซี ย เสื้ อผ้าสำเร็ จรู ป เฟอร์ นิเจอร์ รถยนต์ในตลาดมาเลเซี ย เป็ นต้น ขณะที่สินค้าส่ งออกบางรายการ
จำเป็ นต้องปรับตัว รวมทั้งสิ นค้าเกษตรและสิ นค้าอุตสาหกรรม อาทิ ผลิตภัณฑ์มนั สำปะหลัง ผ้าผืน เม็ด
พลาสติก ในตลาดอินโดนีเซีย ยางพารา ผ้าผืนในตลาดฟิ ลิปปิ นส์ เป็ นต้น
ผลกระทบต่อภาคการเกษตรไทย
ผลกระทบต่ อภาคบริการการเงิน
การเปิ ดเสรี การค้าบริ การ อาเซียนได้เริ่ มเปิ ดเสรี การค้าบริ การภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้า
บริ การ (ASEAN FrameworkAgreement on Services: AFAS) ในปี พ.ศ.2539 เพื่อขจัดอุปสรรคหรื อข้อจำกัด
ประการที่ สอง: แม้ AEC จะไม่ได้กำหนดเป้ าหมายการเปิ ดเสรี ไว้ในระดับสู ง แต่ในปั จจุบนั ประเทศสมาชิก
หลักของอาเซียน ก็ยงั เปิ ดเสรี ไม่ถึงเป้ าหมายตามแผนของ AEC ที่กำหนดไว้ โดยในกรณี ของไทยได้เปิ ดเสรี
ด้านสิ นค้าไปในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้ าหมายของ AEC แล้ว แต่ที่สำ คัญคือ ระดับการเปิ ดเสรี ของไทยยัง
ตามหลังสมาชิกหลักของอาเซียนในภาคบริ การทางการเงินและเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่ งส่ วนหนึ่งมาจากความ
ระมัด ระวังในการเปิ ดเสรี ข องไทย อัน สะท้อ นได้จ ากกฎหมายและระเบีย บต่า งๆ ในปัจ จุบ นั ที่ย งั ไม่
สอดคล้องกับเป้ าหมายการเปิ ดเสรี อย่างไรก็ดี ในอีกด้านหนึ่งของวงจรเกื้อกูลนั้น จากการพิจารณาเครื่ องชี้
วัดด้านการพัฒนาภาคการเงินและปัจจัยแวดล้อมด้านสถาบัน สรุ ปได้วา่ ประเทศไทยอยูใ่ นระดับปานกลาง
เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนหลัก
ผลิตภาพแรงงานในอุตสาหรรมผลิตยานยนต์ และจักรยานยนต์
นอกจากนี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดต่างประเทศคือ
ผลิตภาคแรงงานต่อคน ซึ่ ง ณ ปัจจุบนั ดัชนีผลิตแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตอยูใ่ นเกณฑ์ที่ค่อนข้างสู ง
(คิด เป็ น 149.48 ในปี 2554) ซึ่ งสูงกว่าภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตรอื่น ๆ ยกเว้น การเงิน การ
ธนาคารเนื่องจากมีดชั นีผลิตภาพแรงงานต่อคนสู งที่สุด (คิดเป็ น 182.53 ในปี 2554) แต่หากพิจารณาลงไป
ในอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์และจักรยานยนต์ พบว่าดัชนีผลิตภาพแรงงานต่อคนมีคา่ สู งกว่าดัชนีผลิต
แรงงานต่อคนของภาคอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย โดยอุตสาหกรรมยานยนต์มีดชั นีผลิตภาพแรงงานต่อคนในปี
2554 อยูท่ ี่ 164.01 ส่ วนอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์มีดชั นีผลิตภาพแรงงานต่อคนในปี 2554 อยูใ่ นเกณฑ์
สู ง (คิดเป็ น 364.58)
4
แบ่งเป็ นยานยนต์ อุปกรณ์และส่ วนประกอบ คิดเป็ น 157.50 ล้านเหรี ยญสหรัฐ และจักรยานยนต์ และส่ วนประกอบ คิดเป็ น 123.03 ล้าน
เหรี ยญสหรัฐ
ี นต่อธุรกิจอุตสาหกรรมไทย โดย อนุสรณ์
บทวิเคราะห์ ผลกระทบประชาคมเศรษฐกิจอาเซ ย
ธรรมใจ ยศ อมรกิจวิกย
ั Page 24
ตารางที่ 6: สิ นค้าส่ งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนและสิ นค้ านำเข้ าจากกลุ่มประเทศอาเซียนของไทยที่มีมูลค่ าสู งสุ ด 10 ลำดับแรก
หน่ วย: ล้านดอล์ล่าสหรัฐ
ประเทศ สินค้าส่งออกของไทย มูลค่าเฉลีย ่ 3 ปี % สินค้านำเข้าของไทย มูลค่าเฉลีย
่ 3 %
(2550-2552) ปี
(2550-2552)
บรูไนดารุสซาลาม รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 34.37 30.82% น้ำมันดิบ 100.83 98.30%
ข ้าว 31.73 28.46% เหล็ก เหล็กกล ้าและผลิตภัณฑ์ 0.9 0.88%
อัญมณีและเครือ ่ งประดับ 2.13 1.91% สินแร่โลหะอืน ่ ๆ เศษโลหะและ 0.3 0.29%
หม ้อแปลงไฟฟ้ าและส่วนประกอบ 2.77 2.48% ผลิ
สัตว์ตแภัละผลิ
ณฑ์ ตภัณฑ์จากสัตว์ 0.17 0.17%
น้ำตาลทราย 2.20 1.97% สินค ้านำเข ้าอืน
่ ๆทัง้ หมด 0.37 0.36%
ปูนซิเมนต์ 2.60 2.33% มูลค่าการนำเข ้าทัง้ หมด 102.57 100.00%
เสือ้ ผ ้าสำเร็จรูป 1.87 1.67%
เครือ ่ งจักรกลและส่วนประกอบ 1.13 1.02%
ผลไม ้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห ้ง 1.57 1.41%
ผลิตถัณฑ์ยาง 1.63 1.47%
สินค ้าส่งออกอืน ่ ๆทัง้ หมด 29.49 26.45%
มูลค่าการส่งออกทัง้ หมด 111.49 100.00%
ปริมาณการขายในประเทศ 631,251 47.77% 614,078 44.17% 548,871 50.61% 800,357 47.18% 790,000 50.32%
ปริมาณการส่งออก (CBU) 690,100 52.23% 776,241 55.83% 535,563 49.39% 895,855 52.82% 780,000 49.68%
รวมปริมาณการจ ัดจำหน่วย 100.00
ทงหมด
ั้ 1,321,351 100.00% 1,390,319 100.00% 1,084,434 100.00% 1,696,212 100.00% 1,570,000 %
อุตสาหกรรมรถจ ักรยานยนต์
2550 % 2551 % 2552 % 2553 % 2554 %
ปริมาณการผลิตทงหมด
ั้ 1,653,139 1,923,651 1,635,193 2,026,927 2,260,000
ปริมาณการขายในประเทศ 1,598,876 94.03% 1,703,375 91.86% 1,535,461 93.02% 1,845,997 92.22% 2,120,000 92.22%
ปริมาณการส่งออก (CBU) 101,560 5.97% 150,948 8.14% 115,280 6.98% 155,688 7.78% 240,000 7.78%
รวมปริมาณการจ ัดจำหน่วย 100.00
ทงหมด
ั้ 1,700,436 100.00% 1,854,323 100.00% 1,650,741 100.00% 2,001,685 100.00% 2,360,000 %
หมายเหตุ * เป็ นข้อมูลประมาณจากแผนการผลิตของผูป้ ระกอบการรถยนต์
6
อุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ รวมสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการผลิตเครื่ องมือ เครื่ องใช้ไฟฟ้ าสำหรับใช้ในบ้านเรื อน เช่น ตูเ้ ย็น
เครื่ องซักผ้า เครื่ องดูดฝุ่ น พัดลม เครื่ องใช้ในการเตรี ยมหรื อทำอาหาร เครื่ องปั่ น เครื่ องคั้นน้ำผลไม้ เตาอบ เครื่ องปิ้ งขนมปั ง ฯลฯ เครื่ องใช้ไฟฟ้ า
ที่ให้ความร้อน เครื่ องทำน้ำร้อน เตารี ด เครื่ องเป่ าผม ฯลฯเครื่ องใช้ในการหุงต้ม เตาอบ เตาไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว เครื่ องปิ้ งขนมปั ง เครื่ องต้ม
กาแฟรวมทั้งการผลิตเครื่ องทำความร้อน เครื่ องที่ใช้ในการหุงต้มที่ไม่ใช้ไฟฟ้ า เช่น เตาแก๊ส เป็ นต้น ยกเว้ น การผลิตเครื่ องอุปกรณ์ที่ใช้ในงาน
อุตสาหกรรมหรื อเชิงพาณิ ชย์ ซึ่ งมีขนาดใหญ่และความทนทานมากกว่าเครื่ องใช้ในบ้านเรื อน จัดประเภทไว้ในหมู่ยอ่ ยที่เหมาะสมในหมู่ใหญ่
291 การผลิตเครื่ องจักรที่ใช้งานทัว่ ไป หรื อหมู่ใหญ่ 292 การผลิตเครื่ องจักรที่ใช้งานเฉพาะอย่างการผลิตเครื่ องจักรสำหรับเย็บ ซึ่ งจะใช้ในครัว
เรื อนหรื อไม่กต็ าม จัดประเภทไว้ในหมู่ยอ่ ย 2926 การผลิตเครื่ องจักรที่ใช้ในการผลิตสิ่ งทอ เครื่ องแต่งกายและเครื่ องหนัง
ี นต่อธุรกิจอุตสาหกรรมไทย โดย อนุสรณ์
บทวิเคราะห์ ผลกระทบประชาคมเศรษฐกิจอาเซ ย
ธรรมใจ ยศ อมรกิจวิกย
ั Page 33
รู ปภาพที่ 6 การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์ และวิทยุ และสิ นค้ าที่เกีย่ วข้ อง (ISIC 323
โอกาสและผลกระทบของประชาคมอาเซียนต่ออุตสาหกรรมยานยนต์
ของประเทศไทย
จากข้อมูลการค้าระหว่า งไทยกับ ประเทศอาเซี ย นในตารางที่ 3-5 พบว่า การเปิ ดเสรี ท างการค้า
ระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียน ส่ งผลให้กลุ่มประเทศอาเซี ยนเป็ นตลาดส่ งออกอันดับ 1 ของไทย
นับตั้งแต่ปี 2545 เป็ นต้นมาจนถึงปัจจุบนั ขณะเดียวกันอาเซี ยนเป็ นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 2 ของไทย และหาก
พิจารณาดุลการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนพบว่าประเทศไทยมีดุลการค้าเกินดุลกับอาเซี ยน นับตั้งแต่ปี 2536
ตลอดมาจนถึงปัจจุบนั ดังนั้น สามารถสรุ ปได้วา่ การเปิ ดการค้าเสรี ทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิกใน
ประเทศอาเซียน ช่วยส่ งเสริ มการส่ งออกของไทยอันเนื่องมาจากปั จจัยที่มากจากการเปิ ดการค้าเสรี ได้แก่
การลดภาษีเหลือต่ำมากเกือบเป็ น 0% ตามพันธกรณี AFTA และการขจัดอุปสรรคทางการค้าจากมาตรการที่
มิใ ช่ภ าษี (Non-Tariff Barriers: NTBs) ของอาเซี ย น จากเหตุผ ลดัง กล่า ว ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซี ย น
(ASEAN Economic Community: AEC) ซึ่ งมุ่งเน้นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซี ยนเพื่อประโยชน์
ทางด้านการค้า การบริ การ การลงทุน แรงงาน และเงินทุน สามารถเพิ่มโอกาสการส่ งออกของอุตสาหกรรม
ไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมเครื่ องใช้ไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์สิ่งเป็ นสิ นค้าส่ ง
ออกที่สำคัญของประเทศไทย โดยสามารถสรุ ปสาระสำคัญดังนี้
ประชากร 1,000 คน มาเลเซีย มีสดั ส่ วนการใช้รถยนต์อยูท่ ี่ 334 คันต่อประชากร 1,000 คัน บรู ไนดารุ ส
ซาลาม มีสดั ส่ วนการใช้รถยนต์อยูท่ ี่ 696 คันต่อประชากร 1,000 คน ซึ่ งชี้ให้เห็นว่า ตลาดยานยนต์ใน AEC
ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก อีกทั้งตลาดอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ของไทย เป็ นการลงทุนจากบริ ษทั
ข้ามชาติประเทศญี่ปุ่น ซึ่ งถือเป็ นจุดแข็งในการส่ งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซี ยนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก
ประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์ในเรื่ องการลดภาษีและการขจัดอุปสรรคทางการค้าจากมาตรการที่มิใช่
ภาษี (Non-Tariff Barriers: NTBs) ของอาเซี ยนตามข้อตกลงในประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน ซึ่ งจะส่ งผลให้
สามารถแข่งขันกับผูผ้ ลิตรถยนต์ในประเทศมาเลเซี ย ได้แก่ เปอโรดัว และ โฟรตอน ซึ่ งคิดเป็ นร้อยละ 60
ของยอดขายรถยนต์ท้ งั หมดในประเทศมาเลเซี ยในปี 2553 นอกจากนี้ประเทศไทยยังสามารถเพิ่มโอกาสการ
ส่ งออกยานยนต์ไปยังประเทศ สิ งคโปร์ เวียดนาม และฟิ ลิปปิ นส์ ซึ่ ง ณ ปั จจุบนั ผูผ้ ลิตรถยนต์เกาหลีใต้ (ฮุน
ได) มีสดั ส่ วนยอดขายค่อนข้างสูงในประเทศเหล่านี้
อย่างไรก็ตามตลาดอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และจักรยานยนต์ไม่สามารถเพิ่มการส่ งออกไป
ยังประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนได้มากนัก เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และจักรยานยนต์ มี
อัตราการใช้กำลังการผลิตค่อนข้างสูง อยูท่ ี่ร้อยละ 89.43 ในปี 2555 (หรื อร้อยละ 79.10 เฉลี่ยตั้งแต่ปี 2546 –
2555) และอุตสาหกรรมการผลิตจักรยานยนต์มีอตั ราการใช้กำลังการผลิตอยูท่ ี่ร้อยละ 76.21 ในปี 2555
(หรื อร้อยละ 86.9 เฉลี่ยตั้งแต่ปี 2546 – 2555) อีกทั้งปั ญหาราคาน้ำมันดิบโลกที่ผนั ผวน ตลอดจนปั ญหา
เรื่ องโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในกลุ่มประเทศอาเซี ยน เช่น สภาพถนนที่ขาดการดูแลและ
ปรับปรุ งในกลุ่มประเทศ อาจส่ งผลต่อการส่ งออกยานยนต์ของไทยได้ในอนาคต ดังนั้นรัฐบาลไทยควรให้
ความสำคัญเรื่ องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์เพิม่ เติม เพื่อเพิม่ กำลังการผลิต
ยานยนต์ในอนาคต นอกจากนี้รัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือนักลงทุนต่างชาติ ซึ่ งอาจจะเป็ นการให้สิทธิ
พิเศษด้านการลงทุนต่าง ๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนในอนาคต นอกจากนี้รัฐบาลอาจสนับสนุนการส่ งออกการ
ลงทุนด้านการผลิตรถจักรยานยนต์เพิม่ มากขึ้น เพื่อเพิม่ โอกาสการส่ งออก ไปยังประเทศเทศที่มี GNI per
capita อยูใ่ นเกณฑ์ต ่ำ เช่น ลาว กัมพูชา พม่า และเวียดนาม ซึ่ งอาจมีกำลังการซื้ อรถยนต์ค่อนข้างต่ำ (ตารางที่
9)
3. เพิ่มการจ้างงานของประชากรภายในประเทศ เนื่องจากการขยายตัวทางการค้าของประเทศไทยสู่
ประเทศสมาชิก จะทำให้การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์เพิม่ สู งขึ้น นอกจากนี้การ
ลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) จากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซี ยนที่อาจเพิ่ม
ขึ้นอนาคต จะส่ งผลให้เกิดผลกระทบที่ส่ งผ่านจะประเทศ (Spillover Effect) ทางด้านเทคโนโลยี
ความรู้ใหม่ๆและการจัดการ ซึ่ งจะส่ งผลให้แรงงานไทยในอุตสาหกรรมยานยนต์ จำเป็ นต้องแสวงหา
ความรู้ใหม่ ๆ โดยจะทำให้ผลิตภาพแรงงาน (Labour Productivity) เพิ่มสู งขึ้น
ผลกระทบของ AEC ต่ อภาคอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์
อย่างไรก็ตาม การเปิ ดการค้าเสรี ทางการค้า จากการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซี ยนเพื่อ
ประโยชน์ทางด้านการค้า การบริ การ การลงทุน แรงงาน และเงินทุน ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน
(ASEAN Economic Community: AEC) อาจส่ งผลกระทบต่อตลาดยานยนต์ในประเทศ ซึ่ งอาจมีการนำเข้า
รถยนต์ที่ผลิตจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนเพิ่มมากขึ้น เช่น เปอโรดัว และ โฟรตอน จากประเทศมาเลเซี ย
หรื อยานยนต์ที่ผลิตจากประเทศอินโดนีเซีย โดยที่มาเลเซี ยและอินโดนีเซี ยต่างเป็ นประเทศอันดับต้นในการ
ผลิตรถยนต์ในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน แต่ผลกระทบอาจไม่มากนักเนื่องจากยีห่ อ้ รถยนต์ที่ผลิตใน
ประเทศมาเลเซีย ยังถือว่าเป็ นสิ นค้าใหม่ในตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่ งยังต้องใช้เวลาในการสร้างความ
เชื่อมัน่ และความจงรักภักดี (Brand Loyalty) ของผูบ้ ริ โภคในประเทศพอสมควร นอกจากนี้ กลุ่มผูผ้ ลิตยาน
ยนต์ในประเทศอินโดนีเซียส่ วนใหญ่ต่างเป็ นกลุ่มผูผ้ ลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในอินโดนีเซี ย ซึ่ ง
เป็ นกลุ่มเดียวกันกับผูผ้ ลิตรถยนต์ในประเทศไทย ดังนั้นหากรัฐบาลสามารถสร้างความเชื่อมัน่ ต่อนักลงทุน
บริ ษทั ข้ามชาติญี่ปุ่นให้ลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น เพิ่มการลงทุนขยายฐานการผลิตรถยนต์หรื อ
อุปกรณ์ส่วนประกอบยานยนต์ในประเทศ ก็สามารถสร้างความได้เปรี ยบเชิงการค้าและการลงทุนของไทยได้
อย่างยัง่ ยืน อันจะส่ งผลต่อความเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการจ้างงานของประเทศได้ในอนาคต เนื่องจาก
หากประเทศไทยไม่มีการพัฒนาปัจจัยพื้นฐาน (Infrastructure) ที่ดี และประสิ ทธิ ภาพการผลิตของแรงงาน
(Labor productivity) อยูใ่ นเกณฑ์ต ่ำ อีกทั้งไม่มีการปรับปรุ งกฎระเบียบ หรื อกฎหมาย ให้มีความทันสมัยและ
ไม่เป็ นอุปสรรคต่อการลงทุน อาจส่ งผลให้บริ ษทั ข้ามชาติ ย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทยไปยังประเท
ศอื่นๆ ใน ASEAN ที่เหมาะสมกว่า
โอกาสและผลกระทบของประชาคมอาเซียนต่ออุตสาหกรรมการผลิต
เครื่องใช้ไฟฟ้ าละอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
โอกาสของ AEC ของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่ องใช้ ไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์
ตารางที่ 8: การค้าระหว่างประเทศของสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศในกลุ่มประเทศอาเซียน
ASEAN ICT goods exports ICT goods imports Internet users
2007-2009 2007-2009 2010
(% of total goods exports) (% of total goods imports) (per 100 people)
Brunei
Darussalam Nil Nil 50
Indonesia 5.2 8.3 9.1
Malaysia 35.3 31.2 55.3
Philippines 55.47 37.67 9
Singapore 35.83 29.03 70.1
Cambodia 0.1 4 1.4
Lao PDR Nil Nil 7
4. เพิ่มส่ วนเกินผูบ้ ริ โภค กล่าวคือ ผูบ้ ริ โภคได้รับประโยชน์จากการลดภาษีสินค้านำเข้าสิ นค้า ซึ่ งส่ งผลให้ราคา
สิ นค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่ องใช้ไฟฟ้ านำเข้าจากกลุ่มประเทศอาเซี ยนถูกลง และถือเป็ นการเพิ่มอำนาจซื้ อ
ของผูบ้ ริ โภคในประเทศ นอกจากนี้ยงั ช่วยกดดันให้ราคาสิ นค้าชนิดเดียวกันหรื อสิ นค้าทดแทนที่ผลิตใน
ประเทศปรับลดราคาให้ใกล้เคียงกับราคาสิ นค้าที่นำเข้า อันเป็ นผลมาจากการแข่งขันที่สูงขึ้น นอกจากนี ้ยงั ส่ ง
ผลให้ผบู ้ ริ โภคสามารถเลือกบริ โภคสิ นค้าที่หลากหลายขึ้น
บทสรุป
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนถือเป็ นเสาหลักที่สำ คัญ ในการขับเคลื่อ นให้เกิดการรวมตัวกันของเศรษฐกิจ
อาเซี ยนตามแผนงานเพื่อจัด ตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ย น (AEC Blueprint) โดยมุ่งเน้น ให้กลุ่ม ประเทศ
สมาชิกมีตลาดและฐานการผลิตร่ วม (Single Market and Single Production Base) และมีการเคลื่อนย้ายสิ นค้า
และบริ การ การลงทุน เงินลงทุน และแรงงานฝี มืออย่า งเสรี นอกจากนี้ผบู ้ ริ โภคในกลุ่มประเทศสมาชิก
สามารถเลือกซื้ อสิ นค้าและบริ การได้อย่างหลากหลาย และสามารถเดินทางในกลุ่มประเทศสมาชิกได้อย่างเสรี
เพิ่ม ขึ้น นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้น ให้ก ลุ่ม ประเทศสมาชิก อาเซี ย นมีค วามสามารถในการแข่ง ขัน สู ง (Highly
Competitive Economic Region) ในเวทีโลกโดยส่ งเสริ มให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โทรคมนาคม การ
เงินการธนาคาร และการคุม้ ครองสิ นทรัพย์ทางปั ญญา อีกทั้งให้กลุ่มประเทศสมาชิกมีการพัฒนาเศรษฐกิจ
อย่างเท่าเทียมกันหรื อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิก โดยผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การพัฒนา
เศรษฐกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) และ โครงการริ เริ่ มเพื่อการรวมตัว กันของกลุ่ม
สมาชิก (Initiative for ASEAN Integration) ตลอดจนสนับสนุนให้กลุ่มสมาชิกอาเซี ยนสามารถเชื่อมโยงกับ
ประเทศนอกภูมิภาค โดยจัดทำเขตการค้าเสรี ระหว่างอาเซี ยนกับประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ
อุตสาหกรรมไทยภาคอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing Sector) ในประเทศไทย ถือได้ว า่ เป็ นภาคที่มี
ความสำคัญต่อกิจกรรมเศรษฐกิจของประเทศเป็ นอย่างมาก เนื่องจากพิจารณาส่ วนกิจกรรมเศรษฐกิจของภาค
อุตสาหกรรมการผลิตไทย พบว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตยังคงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง
คิดเป็ นร้อยละ 34.59 ของ GDP ในประเทศ ระหว่างปี 2543 – 2554 อย่างไรก็ดี นโยบายภาคอุตสาหกรรมไทย
ในช่วงที่ผา่ นมายังคงให้ความสำคัญด้านการผลิตและการขยายตัวทางเศรษฐกิจเชิงตัวเลขเป็ นหลัก แต่ไม่ได้ให้
ความสำคัญการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิต และการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอย่างยัง่ ยืน เช่น การลด
การพึ่งพาการนำเข้าเท่าที่ควร จากเหตุผลดังกล่าว หากภาคอุตสาหกรรมการผลิตไทยไม่เตรี ยมพร้อมและไม่
ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน (AEC) ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ
ประเทศอาจสูญเสี ยโอกาสทางเศรษฐกิจ ในการที่จะเป็ นผูนำ ้ ด้านเศรษฐกิจกลุ่มประเทศอาเซี ยน ในอนาคตได้
อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์
อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไทยมีส่วนการขายตลาดในประเทศคิดเป็ นร้อยละ 48.01 และใน
ตลาดต่างประเทศคิดเป็ นร้อย 51.99 ตามลำดับ ส่ วนโครงสร้างการส่ งออกจักรยานยนต์ของไทยพบว่ามีความ
แตกต่างระหว่างตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศเป็ นอย่างมาก เนื่องจากตลาดในประเทศเป็ นตลาด
หลักของอุตสาหกรรมการผลิตจักรยานยนต์ คิดเป็ นร้อยละ 92.67 ซึ่ งตลาดต่างประเทศมีสดั ส่ วนร้อยละ 7.33
เท่านั้น นอกจากนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์และส่ วนประกอบ ของประเทศไทย ถือเป็ นสิ นค้านำเข้าที่
สำคัญของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่ งในช่วงปี 2550 - 2552 อินโดนีเซี ยนำเข้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่ วนประกอบ
คิดเป็ นมูลค่านำเข้าสิ นค้าอันดับที่ 1 ของสิ นค้าที่นำเข้าทั้งหมดจากประเทศไทย (1,136.60 ล้านเหรี ยญสหรัฐ
โดยเฉลี่ย หรื อคิดเป็ นร้อยละ 21.57 ของมูลค่าสิ นค้านำเข้าเฉลี่ยจากประเทศไทย) ฟิ ลิปปิ นส์ ถือเป็ นประเทศที่
สำคัญ ในการนำเข้า ยานยนต์ข องประเทศไทย โดยคิด เป็ นมูล ค่า นำเข้า อัน ดับ ที่ 1 ของสิ น ค้า นำเข้า จาก
ประเทศไทยทั้งหมด (611.13 ล้านเหรี ยญสหรัฐโดยเฉลี่ย หรื อคิดเป็ นร้อยละ 19.21 ของมูลค่าสิ นค้านำเข้า
เฉลี่ยจากประเทศไทย) นอกจากนี้ยงั มีประเทศในกลุ่มอาเซี ยนที่นำเข้ายานยนต์ อุปกรณ์และส่ วนประกอบ จาก
ประเทศไทย ได้แก่ สิ งคโปร์ (237.37 ล้านเหรี ยญสหรัฐ) ลาว (170 ล้านเหรี ยญสหรัฐ) เวียดนาม (280.53 ล้าน
เหรี ยญสหรัฐ) พม่า (37.07 ล้านเหรี ยญสหรัฐ) บรู ไนดารุ สซาลาม (34. 37 ล้านเหรี ยญสหรัฐ)อย่างไรก็ดี
ทั้งโครงสร้างตลาดอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ ยังสามารถขยายไปยังตลาดต่างประเทศได้แต่
ไม่สามารถขยายได้มากนัก เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์มีอตั ราการใช้กำลังการผลิตค่อนข้างสู ง อยู่
ที่ร้อยละ 89.43 ในปี 2555 (หรื อร้อยละ 79.10 เฉลี่ยตั้งแต่ปี 2546 – 2555) ส่ วนโครงสร้างตลาดจักรยานยนต์มี
สัดส่ วนการขายในตลาดต่างประเทศค่อนข้างต่ำ ซึ่ งยังสามารถขยายไปยังตลาดต่างประเทศได้ แต่อาจมีขอ้
จำกัดเรื่ องการใช้กำลังการผลิตในอนาคต เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตจักรยานยนต์มีอตั ราการใช้กำลังการ
ผลิตอยูท่ ี่ร้อยละ 76.21 ในปี 2555 (หรื อร้อยละ 86.9 เฉลี่ยตั้งแต่ปี 2546 – 2555)
นอกจากนี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดต่างประเทศคือผลิตภาค
แรงงานต่อคน ซึ่ ง ณ ปัจจุบนั ดัชนีผลิตแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตอยูใ่ นเกณฑ์ที่ค่อนข้างสู ง (คิดเป็ น
149.48 ในปี 2554) ซึ่ งสูงกว่าภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตรอื่นๆ ยกเว้น การเงินการธนาคารเนื่องจาก
มีด ชั นีผ ลิต ภาพแรงงานต่อ คนสูง ที่สุ ด (คิด เป็ น 182.53 ในปี 2554) นอกจากนี้ห ากพิจ ารณาลงไปใน
อุตสาหกรรมผลิตยานยนต์และจักรยานยนต์ พบว่าดัชนีผลิตภาพแรงงานต่อคนมีค่าสู งกว่าดัชนีผลิตแรงงาน
ต่อคนของภาคอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย โดยอุตสาหกรรมยานยนต์มีดชั นีผลิตภาพแรงงานต่อคนในปี 2554 อยูท่ ี่
164.01 ส่ วนอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์มีดชั นีผลิตภาพแรงงานต่อคนในปี 2554 อยูใ่ นเกณฑ์สูง (คิดเป็ น
364.58)
1. การพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะผู้ใช้ แรงงาน
ประเทศไทยมีจุดแข็งอย่างมากในภาคบริ การการท่องเที่ยว การบริ การด้านสุ ขภาพ การรักษาพยาบาล
การดูแลผูส้ ู งอายุ และด้านศัลยกรรม จึงเป็ นที่คาดหมายว่าเมื่อมีการเปิ ดเสรี ภาคบริ การในอาเซี ยน ภาคบริ การ
ดังกล่าวจะเป็ นภาคธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ค่อนข้างมาก และในอนาคตการส่ งออกแรงงานจะเป็ นช่องทางหา
รายได้จากต่างประเทศเข้าสู่ ประเทศไทยจำนวนมหาศาลต่อปี โดยเฉพาะแรงงานประเภทภูมิปัญญาท้องถิ่น
อาทิ พ่อครัว พนักงานสปา หมอรักษา โรคด้วยยาสมุน ไพรสู ตรแผนโบราณ หรื อ หมอนวดแผนโบราณ
ประเทศไทยจึงจาเป็ นต้องเตรี ยมการพัฒนาแรงงานที่อยูใ่ นตลาดแรงงานและแรงงานที่จะออกสู่ ตลาดแรงงาน
ให้มีสมรรถนะ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในด้านภาษาอังกฤษหรื อภาษาอื่นในชีวิตประจาวัน
นอกจากนี้ ประะเทศในภูมิภาคอาเซี ยนทั้งหลายควรร่ วมกันจัดตั้งหน่วยงานเหนือชาติหรื อระดับ
นานาชาติข้ ึนมาดูแลปัญหาของกลุ่มคนงานที่ได้รับผลกระทบจากการเปิ ดเสรี ด้วยการฝึ กอบรมความรู ้ความ
ชำนาญใหม่ การฝึ กอบรมจะทำให้ตลาดแรงงานมีความยืดหยุน่ และทำให้การเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและ
ระหว่างภูมิภาคนั้นดีข้ ึน นอกจากการฝึ กฝนทักษะแรงงานเพื่อเข้าไปทำงานในประเทศกลุ่มอาเซี ยนด้วยกัน
แล้ว การฝึ กฝนทักษะแรงงานเพื่อป้ อนสู่ ตลาดโลกก็มีความสาคัญไม่ยงิ่ หย่อนไปกว่ากัน ดังนั้น ภาครัฐจึงควร
กำหนดเป็ นนโยบายสำคัญของประเทศและเปิ ดหลักสู ตรอบรมวิช าชีพให้กบั ประชาชนในสาขาวิชาอาชีพ
ปัญหาความท้ าทายของเศรษฐกิจไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย 2552.
ปริ วรรต กนิษฐะเสน วัชรกูร จิวากานนท์ ชานนท์ บุญนุช AEC 2015: Ambitions, Expectations and
Challenges ASEAN’s path towards Greater Economic and Financial Integration เอกสารวิจยั สัมมนาประจำ
ปี 2554
Kwan S.Kim “Global Integration, Capital and Labor: A North-South Comparative Perspective”
Parviz Dabir-Alai, Mehmet Odekon, “Political Economy, Liberalization and Labor's Absorption”