Professional Documents
Culture Documents
วิศวกรรมสีเขียว
วิศวกรรมสีเขียว
pdf
วิศวกรรมสีเขียว
(Green Engineering)
วิศวกรรมสีเขียว
(Green Engineering)
นวัตวิศวกรรมเพือ ่ สิง่ แวดล ้อม
วิศวกรรมสีเขียว
(Green Engineering)
นวัตวิศวกรรมเพือ ่ สิง่ แวดล ้อม
นางสาวพนิดา ปรารัตน์ (ดร.)
นักวิชาการมาตรฐานปฏิบต ั ก
ิ าร
สำนักพัฒนาโครงสร ้างพืน ้ ฐานด ้านการมาตรฐาน
ปั จจุบนั ปั ญหาสิง่ แวดล ้อมได ้เกิดขึน ้ มากมายไม่วา่ จะเป็ นปั ญหา
มลพิษทางน้ำ ดิน และอากาศรวมถึงการร่อยหรอของทรัพยากรธรรมชาติ
จึงทำให ้ผู ้คนหันมาสนใจรณรงค์เพอปกป้ องสิง่ แวดล ้อมทีเ่ หลืออยูน ่ ้อยนิด
กันมากขึน ้ เช่น การลดปริมาณของเสีย (Waste minimization)
โดยนำหลักการ 3Rs มาใช ้ซึง่ ประกอบ
ด ้วยการลดการใช ้ (Reduce) การใช ้ซ้ำ
(Reuse) และการนำกลับมาใช ้ใหม่
(Recycle) การใช ้ผลิตภัณฑ์ทเี่ ป็ นมิตร
ต่อสิง่ แวดล ้อม (Environmental friendly
products) การประหยัดพลังงาน และอนๆ
เป็ นต ้นเพือ่ ให ้การใช ้ทรัพยากรเกิด
ประโยชน์สงู สุดและเกิดการพัฒนา
อย่างยั่งยืน (Sustainability)
“วิศวกรรมสีเขียว” (Green Engineering) คืออะไร
คือ การออกแบบและพัฒนากระบวนการทีม ่ คี วามยั่งยืนทางวิศวกรรม
(Sustainable engineering) ในการผลิตสินค ้าในเชิงพาณิชย์
(Commercialization) โดยคำนึงถึงปั จจัยด ้านสิง่ แวดล ้อม เศรษฐกิจและสังคม
เป็ นสำคัญ วิศวกรรมสีเขียวมุง่ เน ้นการพัฒนาวัตถุดบ ิ (Materials) ผลิตภัณฑ์
(Products) กระบวนการ (Processes) และระบบ (Systems) ทีเ่ ป็ นมิตรกับ
สิง่ แวดล ้อม [1,2] เพอป้ องกันการเกิดมลพิษ (Pollution prevention)
ณ แหล่งกำเนิด แนวคิดวิศวกรรมสีเขียวถือกำเนิดเมอปี 2001
โดย Paul Anastas et al. [3] เป็ นการนำหลักการ “เคมีสเี ขียว (Green
Chemistry)” มาปรับปรุงและพัฒนาจนเกิดเป็ นแนวคิดวิศวกรรมสีเขียวขึน ้
นอกจากนี้แนวคิดวิศวกรรมสีเขียวและเคมีสเี ขียวได ้ถูกนำมาพัฒนาเป็ นแนวคิด
อนๆ อีกมากมายเพอปกป้ องสิง่ แวดล ้อมและ สุขภาพอนามัย ของมนุษย์ เช่น
เทคโนโลยีสะอาด (Cleantechnology) และ การออกแบบเชิง นิเวศเศรษฐกิจ
(EcoDesign) เป็ นต ้น
12 หลักการของ
Green Engineering [1,4]
• Principle I : Inherent rather than circumstantial
เลือกใช ้วัตถุดบ ิ และแหล่งพลังงานทีป ่ ั จจัยเข ้า (Input) ของกระบวนการผลิตทีไ่ ม่เป็ น
สารอันตรายและเป็ นมิตรต่อสิง่ แวดล ้อมมากทีส ่ ด ่ ะทำได ้ ซึง่ ในการพิจารณา
ุ เท่าทีจ
เลือกใช ้วัตถุดบ ิ และแหล่งพลังงานดังกล่าว ควรพิจารณาครอบคลุมถึงความเป็ น
ไปของการเกิดสาร ประกอบตัวกลาง (Intermediates) ทีอ ่ าจเกิดขึน ้ ระหว่าง
กระบวนการ
• Principle II : Prevention instead of treatment
ป้ องกันการเกิดมลพิษหรือของเสียตัง้ แต่เริม ่ ต ้นแทนการใช ้วิธก ี ารบำบัด เช่น
การเปลีย ่ นกระบวนการผลิตโดยการปรับเปลีย ่ นเทคโนโลยีการผลิตหรือวัตถุดบ ิ ที่
เป็ นมิตรต่อสิง่ แวดล ้อม เป็ นต ้น
• Principle III : Design for separation
การออกแบบกระบวนการแยก (Separation) หรือการทำให ้บริสท ุ ธิ์ (Purification)
โดยอาศัยคุณลักษณะทางกายภายหรือเคมีของวัสดุนัน ้ เพอลดการเพิม ่ ขัน ้ ตอน
ในกระบวนการหรือระบบ เช่น การแยกขวด PET ออกจากขวดประเภท HDPE
ด ้วยน้ำโดยอาศัยความหนาแน่น (Density) ทีแ ่ ตกต่างกันของวัสดุ ซึง่ ในขัน ้ ตอนนี้
ขวด PET จะลอยแยกออกมา เนองจากมีความหนาแน่นน ้อยกว่าขวด HDPE
• Principle IV : Maximize mass, energy, space and time efficiency
การออกแบบให ้ผลิตภัณฑ์กระบวนการและระบบเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการ
ดำเนินงาน โดยมีการวางแผนและออกแบบให ้มีการใช ้ทรัพยากร พลังงาน และ
ระยะเวลาในการผลิตอย่างคุ ้มค่า เช่น Heat integration ระหว่าง cold และ
hot process
• Principle V : Output-pulled versus input-pushed คือ
การออกแบบให ้ลดการใช ้ทรัพยากรทีเ่ ป็ นปั จจัยเข ้าแต่ยังคงได ้ผลผลิตตามที่
ต ้องการตัวอย่างเช่น การใช ้ป้ ายอิเล็กทรอนิกส์ (RFID Tag) แทนการใช ้บาร์โค ้ด
เพราะ RFID Tag เขียนทับข ้อมูลได ้จึงทำให ้สามารถนำกลับมาใช ้ใหม่ได ้ ซึง่ จะ
ลดต ้นทุนของการผลิตป้ ายสินค ้า (ป้ ายอิเล็กทรอนิกส์สามารถติดตามข ้อมูล
ของวัตถุดบ ิ หรือผลิตภัณฑ์ 1 ชิน ้ ว่า คืออะไร ผลิตทีไ่ หน ใครเป็ นผู ้ผลิต
ผลิตอย่างไร ผลิตวันไหน เมอไหร่ ประกอบไปด ้วยชิน ้ ส่วนกีช ่ นิ้ และแต่ละชิน ้ มา
จากทีใ่ ด)
• Principle VI : Conserve complexity
การออกแบบผลิตภัณฑ์ต ้องคำนึงถึงต ้นทุนการผลิต และต ้นทุนในการกำจัด
ซากของผลิตภัณฑ์ (End-of-life) ซึง่ ผลิตภัณฑ์ทม ี่ ค ี วามซับซ ้อนมากจะมี
การบริโภคทรัพยากร พลังงาน และเวลาในการผลิต เป็ นจำนวนมาก ดังนัน ้
หากจำเป็ นต ้องผลิตผลิตภัณฑ์ทม ี วามซับซ ้อน องค์กรควรพิจารณาถึงแนว
ี่ ค
ทางการใช ้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ทห ี่ มดอายุการใช ้งานแล ้ว (End-of-life)
โดยการใช ้ซ้ำหรือการนำกลับมาใช ้ใหม่ เป็ นต ้น โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์ทม ี่ ี
ความซับซ ้อนมาก เช่น คอมพิวเตอร์มักให ้ความสำคัญกับการนำชิน ้ ส่วนบาง
ประเภทมาใช ้ซ้ำ อาทิเช่น บริษัท IBM ออกแบบตะปูควง (Screw) ชนิดใหม่ โดยใช ้
ตะปูควงแบบเดียวกัน ในการประกอบติดตัง้ เครอง PC ซึง่ การออกแบบดังกล่าว
ทำให ้ผลิตภัณฑ์แต่ละรุน ่ มีชน ิ้ ส่วนบางชิน ้ ส่วนทีใ่ ช ้ร่วมกันได ้
• Principle VII : Durability rather than immortality
ออกแบบผลิตภัณฑ์ให ้มีอายุการใช ้งานทีเ่ หมาะสมเพอลดผลกระทบสิง่ แวดล ้อม
เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ทซ ี่ อ่ มบำรุงได ้ง่ายเพอยืดช่วงอายุการใช ้งานของ
ผลิตภัณฑ์ ซึง่ จะช่วยลดปริมาณของเสียทีจ ่ น
่ ะเข ้าสูข ั ้ ตอนการทำลาย/กำจัดได ้
มาก นอกจากนีก ้ ารออกแบบให ้ง่ายต่อการกำจัดซากผลิตภัณฑ์ภายหลัง
หมดอายุแล ้ว ได ้แก่ ใช ้วัสดุยอ ่ ยสลายได ้ง่าย ไม่ตกค ้างในสิง่ แวดล ้อมเป็ นเวลานาน
เป็ นต ้น
• Principle VIII : Meet need, minimize excess
ไม่ควรออกแบบกระบวนการผลิตทีม ่ ากเกินความจำเป็ น เพราะจะส่งผลให ้มีการใช ้
้
ทรัพยากรหรือพลังงานอย่างสินเปลือง ตัวอย่างของการออกแบบเกินความ
จำเป็ นในหลักการข ้อนี้ คือ การผลิตจำนวนสินค ้ามากเกินความต ้องการ
ของตลาด (Overcapacity) หรือการเลือกใช ้เทคโนโลยีทม ี่ ต
ี ้นทุนในการผลิต
สูงเกินไป เป็ นต ้น
• Principle IX : Minimize material diversity
การลดความหลากหลายของวัตถุดบ ิ ทีใ่ ช ้ในการผลิตถือว่าเป็ นหลักการสำคัญใน
การออกแบบผลิตภัณฑ์ทเี่ ป็ นมิตรต่อสิง่ แวดล ้อม เพราะการใช ้วัตถุดบ ิ ทีม่ คี วาม
หลากหลายน ้อยกว่าจะสามารถนำชิน ้ ส่วนต่างๆกลับมาใช ้ซ้ำหรือนำกลับมาใช ้ใหม่
ได ้ง่ายกว่าผลิตภัณฑ์ทม ี่ ค ี วามซับซ ้อนมาก เนองจากต ้องใช ้หลายขัน ้ ตอน/
้
กระบวนการในการแยกชินส่วนต่างๆ ทีม ่ คี วามหลากหลายออกจากกัน เช่น
ปั จจุบนั การออกแบบรถยนต์เลือกใช ้วัสดุจำพวกพอลิเมอร์หรือโลหะ (Metal)
ในการผลิต โดยเน ้นการใช ้วัสดุบริสท ุ ธิ์ (Single material) แทนการใช ้โลหะผสม
(Alloy)
• Principle X : Integrate local material and energy flows
ผลิตภัณฑ์ กระบวนการและระบบควรออกแบบให ้มีการใช ้ทรัพยากร (วัตถุดบ ิ และ
พลังงาน) ทีม ่ อ
ี ยูใ่ นสายการผลิตให ้มากทีส ่ ดุ เพอให ้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น
ของเสียหรือสารพลอยได ้ (Byproducts) จากกระบวนการ A อาจใช ้เป็ น
วัตถุดบ ิ ของกระบวนการ B ลักษณะดังกล่าวเรียกว่า Mass integration
หรือการผลิตพลังงานแบบ Cogeneration ซึง่ ระบบ cogeneration คือ
กระบวนการใดๆทีแ ่ ปลงพลังงานเชือ ้ เพลิงเป็ นพลังงานไฟฟ้ าและพลังงาน
ความร ้อนได ้ในเวลาเดียวกัน เช่น การเผาไหม ้เชือ ้ เพลิงเพ Nj อเพิม ่ อุณหภูมใิ ห ้น้ำ
่
กลายเป็ นไอน้ำในหม ้อ Boiler ซึงโดยปกติแล ้วก็จะมี Pressure Reducing Valve
(PRV) เพือ ่ ลดแรงดันไอน้ำลงสูร่ ะดับทีต ่ ้องการใช ้งาน เมอนำระบบ Cogeneration
มาใช ้ อาจติดตัง้ Steam Turbine แทน PRV ซึง่ สามารถลดแรงดันไอน้ำ
เพอนำไปใช ้งานได ้พร ้อมกับได ้ผลพลอยได ้เป็ นพลังงานไฟฟ้ า เพอใช ้ใน
กระบวนการผลิตอืน ่ ๆ ต่อไป [5]
• Principle XI : Design for commercial "Afterlife"
การออกแบบกระบวนการหรือระบบทีส ่ ามารถนำผลิตภัณฑ์ทห ี่ มดอายุการใช ้งาน
แล ้วมาใช ้ประโยชน์ เพือ ่ ลดปริมาณของเสียและเพิม ่ มูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น
การออกแบบขบวนการรีไซเคิลขวด PET โดยการทำปฏิกริ ย ิ ากับสารเมทานอล
ด ้วยความร ้อน ทำให ้ได ้พอลิเอสเทอร์ทส ี่ ามารถใช ้เป็ นวัตถุดบ ิ ตัง้ ต ้นในการผลิต
ขวด PET และสารพลอยได ้จำพวก antifreeze and coolant ทีใ่ ช ้ป้ องกันการ
แข็งตัว และช่วยระบายความร ้อนของน้ำในหม ้อน้ำ เป็ นต ้น
• Principle XII : Renewable rather than depleting
ควรใช ้ทรัพยากรทีส ่ ามารถฟื้ นฟูได ้มากกว่าใช ้ทรัพยากรทีใ่ ช ้แล ้วหมดไป
เพอให ้เกิดความยั่งยืนทางวิศวกรรม (Sustainable engineering) เช่น
การใช ้พลังงานลม แสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานความร ้อนใต ้พิภพ
(Geothermal) หรือชีวมวล (Biomass) ในการผลิตไฟฟ้ าเพอใช ้ในกระบวนการ
ผลิตแทนการใช ้เชือ ้ เพลิงจำพวกถ่านหิน หรือก๊าซธรรมชาติ เป็ นต ้น
ประโยชน์ของวิศวกรรมสีเขียว
12 หลักการของ Green Engineering เปรียบเสมือนเครองมือ
ทีช ่ ว่ ยในการประเมินให ้การออกแบบผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และระบบมีความ
เหมาะสมและยั่งยืนมากทีส ่ ด
ุ
• ลดการเกิดมลพิษจากกระบวนการนำกลับมาใช ้ใหม่และใช ้ซ้ำ และมีการจัดสรร
และใช ้ทรัพยากรอย่างคุ ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
• เพิม ่ ประสิทธิภาพการผลิตและกำไรจากการประหยัดวัตถุดบ ิ และพลังงาน
อันนำไปสูก ่ ารลดต ้นทุนการผลิตซึง่ เป็ นการเพิม ่ กำไรและขีดความสามารถ
ในการแข่งขัน
• มีผลิตภัณฑ์ทเี่ ป็ นมิตรต่อสิง่ แวดล ้อมมากขึน ้ เนือ ่ งจากต ้องมีการแข่งข ้นใน
ระดับสากล เพือ ่ ยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์
เอกสารอ ้างอิง
[1] Anastas, P.T. and Zimmerman, J.B. (2003) ‘Design Through the 12 Principles
of Green Engineering’, Environmental Science and Technology. March
1, 2003, ACS Publishing.
[2] Retrieved from “http://www.epa.gov/oppt/greenengineering/”
[3] Anastas, P. T. and Warner, J. C. (1998) Green Chemistry: Theory and
Practice, Oxford University Press, New York.
[4] Anastas, P.T., Heine, P.T. and Williamson, T.C. (2001) Green Engineering:
Introduction, American Chemical Society, Oxford University Press, Oxford.
[5] จิระ อาชายุทธการ และพงษ์ศก ั ดิ์ มฤคทัต. การตรวจวัดประสิทธิภาพกระบวนการผลิต
Cogeneration สำหรับ SPP และ VSPP, การไฟฟ้ าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย, 2550.
วิศวกรรมสีเขียว....การออกแบบและพัฒนากระบวนการทีม ่ คี วาม
ยั่งยืนทางวิศวกรรม เพอให ้การใช ้วัตถุดบ ิ พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ
เป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให ้เกิดผลกระทบความเสีย ่ งต่อมนุษย์และ
่
สิงแวดล ้อมน ้อยทีส ่ ด ุ