Professional Documents
Culture Documents
2
2
หน่ วยที่ 2
รูปแบบและโครงสร้ างของเว็บไซต์
แผนการสอนประจาหน่ วย
ชุ ดวิชา การออกแบบและพัฒนาเว็บ
หน่ วยที่ 2 รู ปแบบและโครงสร้ างของเว็บไซต์
ตอนที่ 1
2.1 นิยามและประเภทของเว็บไซต์
2.2 โครงสร้างเว็บไซต์
2.3 องค์ประกอบและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
แนวคิด
1. เว็บไซต์ เป็ นแหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่ อประสมต่าง ๆ แบ่งได้เป็ น 2 ส่ วน คือ
1) โฮมเพจ และ 2) เว็บเพจ โดยโฮมเพจ คือ ข้อมูลหน้าแรกของเว็บไซต์ หรื อ หน้าปกของนิตยสาร
ส่ วนเว็บเพจ คือ รายละเอียดของเว็บแต่ละหน้าภายในเว็บไซต์ เหมือนหน้ากระดาษแต่ละหน้าของ
นิตยสารนัน่ เอง เว็บไซต์สามารถแบ่งออกตามลักษณะของเนื้อหาและรู ปแบบของเว็บไซต์ เป็ น 9
ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ เว็บท่า เว็บข่าว เว็บข้อมูล เว็บธุ รกิจหรื อการตลาด เว็บการศึกษา เว็บบันเทิง
เว็บองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกาไร เว็บส่ วนตัว และเว็บเครื อข่ายทางสังคม นอกจากนี้ เว็บไซต์ยงั ให้
ประโยชน์ดา้ นการเรี ยนการสอน ด้านธุ รกิจ และการนาคลาวด์คอมพิวติ้งมาช่วยประยุกต์ใช้ทาให้
สามารถนาไอทีไปใช้ในเชิงธุ รกิจทาได้ง่ายและประหยัดขึ้นกว่าในอดีต โดยองค์กรสามารถใช้บริ การ
ทางด้านไอทีได้ โดยไม่จาเป็ นต้องลงทุนมากมายกับโครงสร้างพื้นฐานไอทีของตน อีกทั้งผูใ้ ช้งานก็
สามารถเลือกใช้บริ การเฉพาะอย่างและเลือกเสี ยค่าใช้จ่ายให้ตรงกับความต้องการเฉพาะด้านหรื อ
สอดคล้องกับงบประมาณของตนได้
2. โครงสร้างของเว็บไซต์ก่อนการออกแบบเว็บไซต์เป็ นแผนผังของการลาดับเนื้ อหา หรื อการ
จัดวางตาแหน่งเว็บเพจทั้งหมด ซึ่ งทาให้ผชู ้ มเว็บไซต์รู้ว่าประกอบไปด้วยเนื้ อหาอะไรบ้าง และมีเว็บ
เพจหน้า ไหนที่ เ กี่ ย วข้องเชื่ อมโยงถึ ง กัน ดัง นั้น การออกแบบโครงสร้ า งเว็บ ไซต์จึง มี ค วามส าคัญ
เปรี ยบเสมือนกับการเขียนพิมพ์เขียวเพื่อสร้างอาคารก่อนการลงมือก่อนสร้างอาคารจริ ง เนื่ องจากทาให้
ทราบถึงทิศทางการดาเนิ นการของเว็บไซต์น้ นั โดยสามารถจาแนกโครงสร้างของเว็บไซต์ออกเป็ น 4
ประเภท คือ 1) โครงสร้างของเว็บไซต์แบบเรี ยงลาดับ 2) โครงสร้างของเว็บไซต์แบบลาดับชั้น 3)
โครงสร้างของเว็บไซต์แบบตาราง และ 4) โครงสร้างเว็บไซต์แบบใยแมงมุม
3
วัตถุประสงค์
เมื่อศึกษาหน่วยที่ 2 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ
1. บอกความหมายและความสัมพันธ์ของเว็บไซต์ โฮมเพจ และเว็บเพจ บอกความหมายของ
นิยามศัพท์ที่เกี่ยวข้องได้ บอกประเภทและอธิ บายลักษณะของเว็บไซต์แต่ละชนิดได้ รวมทั้งอธิ บาย
ความสาคัญของเว็บไซต์ได้
2. บอกคุณลักษณะ ประโยชน์ และตัวอย่างเว็บไซต์ของโครงสร้างเว็บไซต์แต่ละประเภทได้
3. บอกองค์ประกอบของเว็บไซต์ และอธิ บายคุณลักษณะของบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการสร้าง
เว็บไซต์ได้
กิจกรรมระหว่ างเรียน
1. ทาแบบประเมินผลตนเองก่อนเรี ยนหน่วยที่ 2
2. ศึกษาเอกสารการสอนตอนที่ 2.1 – 2.3
3. ปฏิบตั ิกิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายในเอกสารการสอนแต่ละเรื่ อง
4. ทาแบบประเมินผลตนเองหลังเรี ยนหน่วยที่ 2
5. เรี ยนผ่านสื่ ออิเล็กทรอนิกส์ (ถ้ามี)
6. ทากิจกรรมฝึ กปฏิบตั ิเสริ มทักษะด้วยตนเอง
7. เข้ารับการฝึ กปฏิบตั ิเสริ มทักษะภาคสนาม ในวัน เวลา และสถานที่ ที่มหาวิทยาลัยกาหนด
ซึ่ งจะแจ้งให้ทราบก่อนถึงกาหนดการฝึ กปฏิบตั ิเสริ มทักษะอย่างน้อย
4
สื่ อการสอน
1. เอกสารการสอน
2. แบบฝึ กปฏิบตั ิ (แบบประเมินผลตนเองก่อนเรี ยนและหลังเรี ยน)
3. สื่ ออิเล็กทรอนิกส์ (ถ้ามี)
4. กิจกรรมฝึ กปฏิบตั ิเสริ มทักษะด้วยตนเอง
การประเมินผล
1. ประเมินผลจากแบบประเมินผลตนเองก่อนเรี ยนและหลังเรี ยน (ประเมินผลด้วยตนเอง)
2. ประเมินผลจากกิจกรรมและแนวตอบท้ายเรื่ อง (ประเมินผลด้วยตนเอง)
3. ประเมินผลจากกิจกรรมฝึ กปฏิบตั ิเสริ มทักษะด้วยตนเอง
4. ประเมินผลจากการเข้ารับการฝึ กปฏิบตั ิเสริ มทักษะภาคสนาม
5. ประเมินผลจากการสอบประจาภาคการศึกษา
ตอนที่ 2.1
นิยามและประเภทของเว็บไซต์
โปรดอ่านหัวเรื่ อง แนวคิด และวัตถุประสงค์ของตอนที่ 2.1 แล้วจึงศึกษารายละเอียดต่อไป
หัวเรื่อง
2.1.1 นิยามศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
2.1.2 ข งเว็บไซต์
2.1.3 ความสาคัญของเว็บไซต์
แนวคิด
1. เว็บไซต์ เป็ นแหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่ อประสมต่าง ๆ แบ่งได้เป็ น 2 ส่ วน คือ
1) โฮมเพจ และ 2) เว็บเพจ โดยโฮมเพจ คือข้อมูลหน้าแรกของเว็บไซต์ หรื อ หน้าปกของนิตยสาร
ส่ วนเว็บเพจ คือ รายละเอียดของเว็บแต่ละหน้า เหมือนหน้ากระดาษแต่ละหน้าของนิ ตยสารนัน่ เอง ใน
หน้าโฮมเพจจะมีลิงค์เพื่อเชื่ อมโยงไปยังหน้านั้นๆด้วยเพื่อความสะดวก รวดเร็ ว ซึ่งจะอยูใ่ นรู ปแบบ
ไฟล์ นอกจากนี้ยงั มีนิยามศัพท์ที่เกี่ยวกับเว็บไซต์ ได้แก่ อีเมล เว็บบอร์ ด เว็บท่า โอเพนซอร์ ส ลิงค์ เนวิ
เกชัน และ เฟรม
2. การที่จะสามารถใช้งานเว็บไซต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุ ดได้น้ นั จาเป็ นอย่างยิง่ ที่จะต้องเข้าใจ
ถึงลักษณะของเว็บไซต์และจาแนกแยกแยะได้วา่ เว็บไซต์เหล่านั้นมีความแตกต่างหรื อเหมือนกัน
อย่างไร รวมถึงมีหน้าที่หลักเฉพาะตัวอย่างไรบ้าง เว็บไซต์สามารถแบ่งออกตามลักษณะของเนื้ อหา
และรู ปแบบของเว็บไซต์ เป็ น 9 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ เว็บท่า เว็บข่าว เว็บข้อมูล เว็บธุ รกิจหรื อ
การตลาด เว็บการศึกษา เว็บบันเทิง เว็บองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกาไร เว็บส่ วนตัว และเว็บเครื อข่าย
ทางสังคม
3. ปั จจุบนั นี้ไม่เพียงแต่หน่วยงานใหญ่ๆจะหันมาสนใจการมีเว็บไซต์เป็ นของตนเอง ผูใ้ ช้ที่เป็ น
บุคคลธรรมดาก็สามารถมีเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ตได้ โดยประโยชน์ของเว็บไซต์มีมากมายไม่วา่ จะเป็ น
การประชาสัมพันธ์ขอ้ มูล ข่าวสารต่าง ๆ บริ การรับส่ งอีเมล บริ การรับส่ งข้อมูลผ่านทางโพรโทคอล
เอฟทีพี นอกจากนี้ เว็บไซต์ยงั ให้ประโยชน์ดา้ นการเรี ยนการสอน ด้านธุ รกิจ และคลาวด์คอมพิวติง้ ช่วย
ทาให้สามารถนาไอทีไปประยุกต์ใช้ในเชิงธุ รกิจทาได้ง่ายและประหยัดขึ้นกว่าในอดีต โดยองค์กร
สามารถใช้บริ การทางด้านไอทีได้ โดยไม่จาเป็ นต้องลงทุนมากมายกับโครงสร้างพื้นฐานไอทีของตน
อีกทั้งผูใ้ ช้งานก็สามารถเลือกใช้บริ การเฉพาะอย่างและเลือกเสี ยค่าใช้จ่าย ให้ตรงกับความต้องการ
6
เฉพาะด้านหรื อสอดคล้องกับงบประมาณของตนได้
วัตถุประสงค์
เมื่อศึกษาตอนที่ 2.1 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ
1. บอกความหมายและความสัมพันธ์ของเว็บไซต์ โฮมเพจ และเว็บเพจ รวมทั้งความหมายของ
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องได้
2. บอกประเภทและอธิ บายลักษณะของเว็บไซต์แต่ละชนิ ดได้
3. อธิบายความสาคัญของเว็บไซต์ได้
7
เรื่องที่ 2.1.1
นิยามศัพท์ ที่เกีย่ วข้ องกับเว็บไซต์
เว็บเพจ 5 หน้า
โฮมเพจ
5. ลิงค์ (link) หมายถึง หัวข้อต่าง ๆ หรื อส่ วนที่สามารถเชื่ อมโยงไปยังเว็บไซต์ หรื อ ไปยัง
รายละเอียดที่ระบุไว้ ผูใ้ ช้จะต้องใช้เมาส์เลื่อนไปคลิก ยังลิงค์ที่ตอ้ งการ ซึ่ งโดยส่ วนใหญ่ มักจะมี "การ
ขีดเส้นใต้" ไว้ และถ้าผูใ้ ช้เลื่อนเมาส์ ไปอยูบ่ นลิงค์ เมาส์จะเปลี่ยนเป็ นรู ปมือที่ยนื่ นิ้วชี้ออกมา บนหัวข้อ
นั้น ๆ
6. เนวิเกชัน (Navigation) หมายถึง ศิลปะในการนาทางให้ผอู ้ ่านได้ท่องเว็บไซต์ ดังนั้น
ผูอ้ อกแบบเนวิเกชันควรทราบว่ามีเนื้อหาอะไรบ้าง เนื้ อหานั้นตั้งอยูท่ ี่ใด มีวธิ ี การค้นหาเนื้อหานั้นๆได้
อย่างไร เนวิเกชันเป็ นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะบอกผูใ้ ช้งานให้ไปยังจุดหมายได้ง่ายและรวดเร็ ว
7. เฟรม (frame) คือการแบ่งพื้นที่หน้าจอของเว็บบราวเซอร์ (Web Browser) ออกเป็ นส่ วน ๆ
ทาให้สามารถแสดงเว็บเพจหลายๆ หน้า ไว้ในหน้าจอเดียวกันได้ สาหรับหน้าจอจะเรี ยกว่า "Window"
โดยปกติแล้ว หนึ่งหน้าจอจะแสดงหน้าเวบ เพียงหนึ่งหน้า แต่บางเว็บไซต์ ผูเ้ ขียนเว็บไซต์อาจ
กาหนดให้แสดงผลหลาย ๆ เฟรม อยูภ่ ายในหน้าจอเดียวกัน (http://www.cs.kku.ac.th : ค้นคืนเมื่อวันที่
12 สิ งหาคม 2554)
กิจกรรม 2.1.1
1. โฮมเพจคืออะไร
2. เว็บเพจคืออะไร
แนวตอบกิจกรรม 2.1.1
1. โฮมเพจ คือ ข้อมูลหน้าแรกของเว็บไซต์ หรื อ หน้าปกของนิตยสาร ในหน้าโฮมเพจจะมีลิงค์
เพื่อเชื่ อมโยงไปยังหน้านั้นๆด้วยเพื่อความสะดวก รวดเร็ ว จะอยูใ่ นรู ปแบบไฟล์
2. เว็บเพจ คือ รายละเอียดของเว็บแต่และหน้า เหมือนหน้ากระดาษแต่ละหน้าของนิ ตยสาร
12
เรื่องที่ 2.1.2
ประเภทของเว็บไซต์
8. เว็บส่ วนตัว (personal site) อาจเป็ นเว็บของคนๆ เดียว เพื่อนฝูง หรื อครอบครัวก็ได้ โดยอาจ
จัดทาขึ้นด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เช่น แนะนากลุ่มเพื่อน โชว์รูปภาพ แสดงความคิดเห็น เขียนไดอารี่
ประจาวัน นาเสนอผลงาน ถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่ งที่เชี่ยวชาญหรื อสนใจ โดยทั้งหมดนี้อาจทา
เป็ นเว็บไซต์หรื อเป็ นเพียงเว็บเพจหน้าเดียวก็ได้ ภาพที่ 2.11 เป็ นตัวอย่างของเว็บส่ วนตัว
18
กิจกรรม 2.1.2
1. เว็บไซต์ที่แบ่งออกตามลักษณะของเนื้ อหาและรู ปแบบของเว็บไซต์ได้กี่ประเภท อะไรบ้าง
2. จงอธิบายลักษณะของเว็บท่ามาพอเข้าใจ
แนวตอบกิจกรรม 2.1.2
1. เว็บไซต์สามารถแบ่งออกตามลักษณะของเนื้ อหาและรู ปแบบของเว็บไซต์ เป็ น 9 ประเภท
ใหญ่ๆ ได้แก่ เว็บท่า เว็บข่าว เว็บข้อมูล เว็บธุ รกิจหรื อการตลาด เว็บการศึกษา เว็บบันเทิง เว็บองค์กรที่
ไม่แสวงหาผลกาไร เว็บส่ วนตัว และเว็บเครื อข่ายทางสังคม
2. เว็บท่า เป็ นเว็บที่รวบรวมลิงค์ เว็บไซต์ และบทความต่างๆ โดยการจัดหมวดหมู่ให้ดูง่าย
และมีหน้าที่นาพาผูเ้ ยีย่ มชมไปยังเว็บอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เว็บท่าอาจให้บริ การแบบทัว่ ไป คือ มีเว็บครบทุก
หมวดหมู่ general portal หรื อบริ การเฉพาะ เช่น เว็บท่าสุ ขภาพ (health portal) เว็บท่ามัลติมีเดีย
(multimedia portal) เว็บท่าข่าว (news portal) เป็ นต้น
20
เรื่องที่ 2.1.3
ความสาคัญของเว็บไซต์
ยุคเว็บ 1.0 (Web 1.0) เป็ นการสื่ อสารระหว่างผูส้ ร้างเว็บ (web master) กับผูท้ ี่เข้ามาใช้บริ การ
บนเว็บนั้นๆ ซึ่งเป็ นลักษณะของการสื่ อสารทางเดียว (one-way communication) ที่ผเู้ ยีย่ มชมเว็บไม่
สามารถตอบโต้ หรื อแก้ไขข้อมูลต่างๆได้ในทันที ซึ่งรู ปแบบที่ใช้สื่อสารถึงกันจะมีลกั ษณะเป็ นการรับ-
ส่ งอีเมล์ (e-mail) เข้าแชตรู ม (chat room) ดาวน์โหลดภาพและเสี ยง หรื อใช้การค้นหาผ่านเว็บ Search
Engine เพื่อหาข้อมูลหรื อรายงาน รวมทั้งการใช้ web board เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เช่น MSN,
Yahoo Messenger, Google Talk, Chat และ ICQ เป็ นต้น
ส่ วนยุคเว็บ 2.0 (Web 2.0) จะมีความเชื่อมโยงกับโปรแกรมประยุกต์บนเว็บ ซึ่งมีลกั ษณะ
ส่ งเสริ มให้เกิดการแบ่งปั นข้อมูล การพัฒนาในด้านแนวความคิดการออกแบบที่เน้นผูใ้ ช้งานเป็ น
ศูนย์กลาง user-centered design และ การร่ วมสร้างข้อมูลในโลกของอินเทอร์ เน็ตเวิลด์ไวด์เว็บ เว็บไซต์
ที่ออกแบบโดยใช้หลักการของ Web 2.0 ทาให้กลุ่มผูใ้ ช้งานสามารถปฏิสัมพันธ์และร่ วมมือกันใน
ลักษณะของสื่ อสังคมออนไลน์ โดยกลุ่มผูใ้ ช้งานเป็ นผูส้ ร้างเนื้อหาขึ้นเอง ต่างจาก Web 1.0 ที่กลุ่มผูใ้ ช้
ถูกจากัดบทบาทโดยทาได้แค่เพียงการเยีย่ มชม หรื อดูเนื้อหาที่ผใู ้ ช้สนใจ สาหรับตัวอย่างของ Web 2.0
ได้แก่ บล็อก เครื อข่ายสังคมออนไลน์ สารานุกรมเสรี วิดีโอแชริ ง โปรแกรมประยุกต์บนเว็บ แมชอัพส์
Hi5, Facebook และ โฟล์คโซโนมี เป็ นต้น รวมไปถึงการแชร์ ไฟล์ต่างๆไม่วา่ จะแชร์ รูปภาพผ่าน
Flicker แชร์ วิดีโอผ่าน Youtube รวมไปถึงการเข้าไปใช้งาน application ต่างๆที่ออนไลน์บนโลก
อินเทอร์ เน็ต อย่างที่ Hi5 และ Facebook ได้บริ การ application แบบต่างๆไว้ให้ผใู ้ ช้สามารถติดตั้งไว้บน
หน้าเว็บส่ วนตัวได้ และอย่างที่ Google ได้เตรี ยม Google Doc ไว้เป็ นโปรแกรมสร้างเอกสารที่สามารถ
เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา (http://th.wikipedia.org/ เข้าถึงเมื่อวันที่ 31 สิ งหาคม 2554)
สามารถเปรี ยบเทียบให้เห็นความแตกต่างของ Web 1.0 และ Web 2.0 ในรู ปตาราง ดังตารางที่
2.2 ดังนี้
25
ตัวอย่างของ Web 2.0 ที่เป็ นสาเหตุให้เกิด Cloud Computing เช่น Google Apps ที่รวม
application ต่างๆผ่านจุดเดียว รวมไปถึงบริ การที่มีอยูม่ ากมาย ตั้งแต่ search engine, gmail, picasa,
google video, google doc, google calendar, youtube, google maps, google reader และ blogger เป็ นต้น
และเมื่อไรที่บริ การและโปรแกรมแอพพลิเคชันต่างๆเหล่านี้ทางานร่ วมกันราวกับว่าเป็ นระบบเดียวกัน
รวมไปถึงสามารถแชร์ ทรัพยากรและใช้งานร่ วมกันระหว่างผูใ้ ช้อื่นๆได้ ก็จะทาให้เกิดคลาวด์คอมพิวติ้ง
ขึ้นมาในที่สุด
แนวโน้มในอนาคต คลาวด์คอมพิวติ้งจะเป็ นเทคโนโลยีที่สาคัญเข้ามามีบทบาทในการ
ปรับเปลี่ยน รู ปแบบการใช้งานทางด้านไอทีขนานใหญ่ นอกจากนั้นแนวโน้มการใช้งานคลาวด์
คอมพิวติ้งจะใช้งานกันอย่างกว้างขวาง แนวโน้มความสาคัญของคลาวด์คอมพิวติ้งมี 5 ประการดังนี้
1. แนวโน้มด้านการเป็ นสื่ อกลางในการติดต่อสื่ อสารของคนทัว่ โลก ปั จจุบนั เว็บเครื อข่ายทาง
สังคม (Social network) มีการเปลี่ยนแปลงรู ปแบบทุกวันโดยผูใ้ ช้หลายล้านคนจากทัว่ ทุกมุมโลก เช่น
เฟซบุค๊ (Facebook) วิกิพีเดีย (Wikipedia) หรื อทวิตเตอร์ (Twitter) เป็ นต้น ด้วยเหตุที่มีผใู้ ช้นิยมใช้งาน
เว็บเครื อข่ายทางสังคมอย่างแพร่ หลาย ทาให้เริ่ มมีการนาเว็บแอพพลิเคชันรู ปแบบดังกล่าวมา
ประยุกต์ใช้กบั การทางานร่ วมกันระหว่างบุคลากรในองค์กร โดยเลือกใช้เว็บเครื อข่ายทางสังคมผ่าน
เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งในองค์กร เพื่อระดมความคิดเห็นของพนักงานผ่านระบบออนไลน์ในแบบ
26
กิจกรรม 2.1.3
เว็บไซต์มีความสาคัญอย่างไร
แนวตอบกิจกรรม 2.1.3
ปั จจุบนั นี้ ไม่เพียงแต่หน่วยงานใหญ่ๆจะหันมาสนใจการมีเว็บไซต์เป็ นของตนเอง ผูใ้ ช้ที่เป็ น
บุคคลธรรมดาก็สามารถมีเว็บไซต์อยูบ่ นอินเทอร์ เน็ตได้ โดยประโยชน์ของเว็บไซต์มีมากมายไม่วา่ จะ
เป็ นการประชาสัมพันธ์ขอ้ มูล ข่าวสารต่าง ๆ บริ การรับส่ ง e-mail บริ การรับส่ งข้อมูลผ่านทางโพรโท
คอล FTP นอกจากนี้ เว็บไซต์ยงั ให้ประโยชน์ดา้ นการเรี ยนการสอน ด้านธุ รกิ จ และการนาคลาวด์
คอมพิวติ้งมาช่วยให้สามารถนาไอทีไปประยุกต์ใช้ในเชิ งธุ รกิ จทาได้ง่ายและประหยัดขึ้นกว่าในอดี ต
โดยองค์กรสามารถใช้บริ การทางด้านไอทีได้ โดยไม่จาเป็ นต้องลงทุนมากมายกับโครงสร้างพื้นฐานไอ
ทีของตน อีกทั้งผูใ้ ช้งานก็สามารถเลือกใช้บริ การเฉพาะอย่างและเลือกเสี ยค่าใช้จ่าย ให้ตรงกับความ
ต้องการเฉพาะด้านหรื อสอดคล้องกับงบประมาณของตนได้
28
ตอนที่ 2.2
โครงสร้ างเว็บไซต์
โปรดอ่านหัวเรื่ อง แนวคิด และวัตถุประสงค์ของตอนที่ 2.2 แล้วจึงศึกษารายละเอียดต่อไป
หัวเรื่อง
2.2.1 โครงสร้างเว็บไซต์แบบเรี ยงลาดับ
2.2.2 โครงสร้างเว็บไซต์แบบลาดับชั้น
2.2.3 โครงสร้างเว็บไซต์แบบตาราง
2.2.4 โครงสร้างเว็บไซต์แบบใยแมงมุม
แนวคิด
1. โครงสร้างของเว็บไซต์แบบเรี ยงลาดับมีลกั ษณะเป็ นโครงสร้ างแบบธรรมดาที่นิยมใช้กนั
มากที่สุดเนื่ องจากง่ายต่อการจัดระบบข้อมูล เป็ นโครงสร้ างที่ใช้เก็บข้อมูลที่เป็ นเรื่ องราว
ตามลาดับเวลา หรื อดาเนินเนื้อหาไปตามลาดับ หรื อดาเนิ นเนื้ อหาจากเรื่ องทัว่ ๆไป กว้างๆ
ไปสู่ เรื่ องที่ จาเพาะเจาะจงมากขึ้ น หรื อ มี รายละเอี ย ดมากขึ้ น หรื อการเรี ย งล าดับตาม
ตัวอักษร เช่น ดรรชนี สารานุกรม หรื ออภิธานศัพท์ เป็ นต้น
2. โครงสร้างของเว็บไซต์แบบลาดับชั้น เป็ นโครงสร้างที่ดีวิธีหนึ่งในการจัดระบบโครงสร้าง
ที่มีความซับซ้อนของข้อมูล โดยแบ่งเนื้ อหา ออกเป็ นส่ วนต่างๆ และมีรายละเอียดย่อย ๆ
ลดหลั่นกัน ซึ่ งใช้แนวคิ ดเดี ยวกันกับแผนภู มิองค์ก ร จึ ง ง่ า ยต่ อการท าความเข้า ใจกับ
โครงสร้างของเนื้ อหา ลักษณะเด่นคือการมีจุดเริ่ มต้นที่จุดร่ วมจุดเดียว นัน่ คือ โฮมเพจ และ
เชื่อมโยงไปสู่ เนื้อหาในลักษณะเป็ นลาดับจากบนลงล่าง
3. โครงสร้างเว็บไซต์แบบตาราง มีความซับซ้อนมากกว่ารู ปแบบที่ผา่ นมา ทาให้เพิ่มความ
ยืดหยุน่ ให้แก่การเข้าสู่ เนื้อหาของผูใ้ ช้ โดยเพิ่มการเชื่อมโยงซึ่ งกันและกันระหว่างเนื้ อหาแต่
ละส่ วน เหมาะแก่การแสดงให้เห็นความสัมพันธ์กนั ของเนื้ อหา การเข้าสู่ เนื้ อหาของผูใ้ ช้จะ
ไม่เป็ นลักษณะเชิ งเส้นตรง เนื่องจากผูใ้ ช้สามารถเปลี่ยนทิศทางการเข้าสู่ เนื้ อหาของตนเอง
ได้
4. โครงสร้ างเว็บไซต์แบบใยแมงมุ มมี ความยืดหยุ่นมากที่ สุด ทุกหน้าในเว็บสามารถจะ
เชื่ อมโยงไปถึ งกันได้หมด เป็ นการสร้ างรู ปแบบการเข้าสู่ เนื้ อหาที่เป็ นอิสระ ผูใ้ ช้สามารถ
กาหนดวิธีการเข้าสู่ เนื้ อหาได้ดว้ ยตนเอง การเชื่ อมโยงเนื้ อหาแต่ละหน้าอาศัยการโยงใย
29
วัตถุประสงค์
เมื่อศึกษาตอนที่ 2.2 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ
1. บอกคุณลักษณะ ประโยชน์ ของโครงสร้างเว็บไซต์แต่ละประเภทได้
2. บอกตัวอย่างเว็บไซต์แต่ละประเภทได้
30
เรื่องที่ 2.2.1
โครงสร้ างเว็บไซต์ แบบเรียงลาดับ
การจัดทาโครงสร้างของเว็บไซต์ก่อนการออกแบบเว็บไซต์เป็ นแผนผังของการลาดับเนื้อหา
หรื อการจัดวางตาแหน่งเว็บเพจทั้งหมด ซึ่ งทาให้ผชู ้ มเว็บไซต์รู้วา่ ประกอบไปด้วยเนื้ อหาอะไรบ้าง
และมีเว็บเพจหน้าไหนที่เกี่ยวข้องเชื่ อมโยงถึงกัน ดังนั้นการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์จึงมี
ความสาคัญเปรี ยบเสมือนกับการเขียนพิมพ์เขียวเพื่อสร้างอาคารก่อนการลงมือก่อนสร้างอาคารจริ ง
เนื่องจากทาให้ทราบถึงทิศทางการดาเนิ นการของเว็บไซต์น้ นั อาจกล่าวได้วา่ การจัดทาโครงสร้างของ
เว็บไซต์ก็คือการออกแบบระบบนาทางหรื อระบบเนวิเกชัน (Navigation) นัน่ เอง ซึ่งระบบเนวิเกชัน
จานวนมากทั้งที่อยูใ่ นรู ปแบบข้อความเชื่อมโยงรู ปภาพ หรื อเครื่ องมือเพื่อให้สามารถจัดวางระบบเนวิ
เกชันในตาแหน่งที่เหมาะสม มีแนวทางการทางานที่จดั เจน และทาให้ผเู้ ยีย่ มชมเว็บไซต์สามารถเรี ยนรู้
และเลือกใช้ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเข้าไปใช้เว็บไซต์ทวั่ ๆไปจะพบว่า แต่ละเว็บไซต์มีรูปแบบโครงสร้างที่แตกต่างกัน ซึ่ ง
มักจะขึ้นอยูก่ บั ความถนัดและความนิยมของผูอ้ อกแบบเว็บไซต์เป็ นหลัก สอดคล้องกับแนวคิดสาหรับ
การออกแบบเว็บไซต์ของลินช์และฮอร์ ตนั (Lynch and Horton, 2002) ที่เสนอว่า การออกแบบเว็บไซต์
ที่ดีควรจะมีการวางแผนโครงสร้างของเว็บไซต์ให้มีความสมดุล มีการเชื่อมต่อสัมพันธ์กนั ระหว่าง
รายการ (Menu) หรื อโฮมเพจ กับหน้าเนื้ อหาอื่นๆ รวมถึงการเชื่ อมโยงไปสู่ ภาพและข้อความต่างๆ โดย
การวางแผนโครงสร้างที่ดีจะเป็ นการป้ องกันอุปสรรคที่จะเกิดต่อผูใ้ ช้เว็บไซต์ เช่น การหลงทางของ
ผูใ้ ช้ในขณะเยีย่ มชมเนื้อหาในส่ วนต่างๆ เป็ นต้น จากหลักการนี้แสดงว่าโครงสร้างของเว็บไซต์เป็ น
ส่ วนที่ควรให้ความสาคัญ โครงสร้างที่ดีจะช่วยให้ผใู้ ช้งานเว็บไซต์สะดวกรวดเร็ วไม่เกิดความสับสน
เนื่องจากข้อมูลภายในเว็บไซต์มีอยูม่ ากมายจึงต้องอาศัย การเชื่ อมโยงเนื้อหา หรื อการจัดระเบียบของ
เนื้อหาให้กบั การสื บค้นภายในเว็บไซต์ การจัดระเบียบของเนื้อหาที่ดีจะช่วยให้ผใู ้ ช้มีความสะดวก ใน
ขณะเดียวกันโครงสร้างที่ไม่เหมาะสมจะส่ งผลเสี ยต่อผูใ้ ช้เช่นกัน รู ปแบบโครงสร้างของเว็บไซต์ตาม
แนวคิดของลินช์และฮอร์ ตนั โดยสามารถจาแนกโครงสร้างของเว็บไซต์ออกเป็ น 4 ประเภท คือ 1)
โครงสร้างของเว็บไซต์แบบเรี ยงลาดับ 2) โครงสร้างของเว็บไซต์แบบลาดับชั้น 3) โครงสร้างของ
เว็บไซต์แบบตาราง และ 4) โครงสร้างเว็บไซต์แบบใยแมงมุม
31
1. ลักษณะของเว็บไซต์ แบบเรียงลาดับ
โครงสร้างของเว็บไซต์แบบเรี ยงลาดับ (Sequential Structure) มีลกั ษณะเป็ นโครงสร้างแบบ
ธรรมดาที่ใช้กนั มากที่สุดเนื่องจากง่ายต่อการจัดระบบข้อมูล เป็ นโครงสร้างที่ใช้เก็บข้อมูลที่เป็ น
เรื่ องราวตามลาดับเวลา หรื อดาเนินเนื้อหาไปตามลาดับ หรื อดาเนิ นเนื้อหาจากเรื่ องทัว่ ๆไป กว้างๆ
ไปสู่ เรื่ องที่จาเพาะเจาะจงมากขึ้น หรื อ มีรายละเอียดมากขึ้น หรื อการเรี ยงลาดับตามตัวอักษร เช่น
ดรรชนี สารานุกรม หรื ออภิธานศัพท์ เป็ นต้น
Sub Sub
Topic Topic
page page
4. การนาเว็บไซต์ แบบเรียงลาดับไปใช้
โครงสร้างนี้เหมาะกับเว็บที่มีขนาดเล็ก เนื้ อหาไม่ซบั ซ้อน เหมือนการอ่านหนังสื อเรี ยงลาดับ
ไปทีละหน้า ดังตัวอย่างเว็บไซต์ในภาพที่ 2.18
กิจกรรม 2.2.1
1) ลักษณะของเว็บไซต์แบบเรี ยงลาดับมีลกั ษณะอย่างไร
2) จงบอกประโยชน์ของเว็บไซต์แบบเรี ยงลาดับมาพอเข้าใจ
แนวตอบกิจกรรม 2.2.1
1) ลักษณะของเว็บไซต์แบบเรี ยงลาดับ มีลกั ษณะเป็ นโครงสร้างแบบธรรมดาที่ใช้กนั มากที่สุด
เนื่องจากง่ายต่อการจัดระบบข้อมูล เป็ นโครงสร้างที่ใช้เก็บข้อมูลที่เป็ นเรื่ องราวตามลาดับเวลา หรื อ
ดาเนินเนื้ อหาไปตามลาดับ หรื อดาเนิ นเนื้ อหาจากเรื่ องทัว่ ๆไป กว้างๆ ไปสู่ เรื่ องที่จาเพาะเจาะจงมากขึ้น
หรื อ มีรายละเอียดมากขึ้น หรื อการเรี ยงลาดับตามตัวอักษร เช่น ดรรชนี สารานุกรม หรื ออภิธานศัพท์
เป็ นต้น
2) ประโยชน์ของเว็บไซต์แบบเรี ยงลาดับ คือ ผูอ้ อกแบบเว็บไซต์ออกแบบได้ง่ายในการจัดระบบ
โครงสร้าง และง่ายต่อการปรับปรุ งแก้ไข เนื่องจากมีโครงสร้างที่ไม่ซบั ซ้อน การเพิ่มเติมเนื้อหาเข้าไป
สามารถทาได้ง่าย เพราะมีผลกระทบต่อบางส่ วนของโครงสร้างเท่านั้น
35
เรื่องที่ 2.2.2
โครงสร้ างเว็บไซต์ แบบลาดับชั้น
1. ลักษณะของเว็บไซต์ แบบลาดับชั้ น
โครงสร้างเว็บไซต์แบบลาดับชั้น (Hierarchical Structure) เป็ นโครงสร้างที่ดีวธิ ีหนึ่งในการ
จัดระบบโครงสร้างที่มีความซับซ้อนของข้อมูล โดยแบ่งเนื้อหา ออกเป็ นส่ วนต่างๆ และมีรายละเอียด
ย่อย ๆ ลดหลัน่ กัน โดยใช้แนวคิดเดียวกันกับแผนภูมิองค์กร จึงง่ายต่อการทาความเข้าใจกับโครงสร้าง
ของเนื้ อหา ลักษณะเด่นคือการมีจุดเริ่ มต้นที่จุดร่ วมจุดเดียว นัน่ คือ โฮมเพจ (Homepage) และเชื่อมโยง
ไปสู่ เนื้อหาในลักษณะเป็ นลาดับจากบนลงล่าง
Home
page
จากภาพที่ 2.19 จะเห็นว่าา หน้า home page แบ่งเนื้ อหาออกเป็ น 5 กลุ่มเนื้ อหาย่อย โดยหน้า
แรกของกลุ่มเนื้ อหาย่อยจะเรี ยกว่า หน้าเริ่ มต้น หรื อ Start page ในหน้า Start page จะเป็ นคาอธิ บาย
ชี้ แจง บอกหัวข้อหรื อรายละเอียดของเนื้ อหาในกลุ่มเนื้ อหาย่อย เมื่อผูช้ มเข้าไปสู่ เนื้ อหาย่อยโดยใช้ปุ่ม
หน้าต่อไป หรื อหน้าที่แล้ว (Next/Previous Topic) ในการดูเนื้ อหาย่อยทีละหน้า เมื่อถึงหน้าสุ ดท้ายก็ใช้
ปุ่ มกลับขึ้นไปสู่ หน้าเนื้ อหาหลัก ในกรณี ที่มีการแบ่งเนื้ อหาย่อยเป็ นส่ วนๆ ควรจัดระบบเนื้ อหาของ
ส่ วนนั้นๆ ในลักษณะโครงสร้างแบบลาดับชั้นอีกชั้นหนึ่ ง เช่น เว็บเพจชื่อ Topic Page 5.2 อาจแยกย่อย
เนื้ อหาในรายละเอียดเพิ่มเติมอีกก็สามารถทาหน้า Sub Topic Page 5.2.1 และ Sub Topic Page 5.2.2ได้
จากนั้นก็ กาหนดลักษณะการเข้า สู่ เนื้ อหาในลักษณะเดี ยวกันกับที่ กล่ าวข้างต้น และเมื่อกลับจากดู
เนื้อหาย่อยมาที่หน้าแรกของเนื้อหาหลักแล้ว ก็จะมีปุ่มกลับไปหน้าโฮมเพจ (home Page) เมื่อต้องการ
กลับไปที่หน้าโฮมเพจเพื่อเลือกเนื้อหาหลักส่ วนต่อไป
4. การนาเว็บไซต์ แบบลาดับชั้นไปใช้
โครงสร้างแบบนี้ เหมาะกับเว็บที่มีขนาดใหญ่ มีเนื้ อหาจานวนมากแต่มีโครงสร้างไม่
ซับซ้อน ส่ วนใหญ่จะใช้กบั เว็บไซต์การเรี ยนการสอน ดังตัวอย่างของเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างแบบลาดับ
ชั้นในภาพที่ 2.20
37
กิจกรรม 2.2.2
1) ลักษณะของเว็บไซต์แบบลาดับชั้นมีลกั ษณะอย่างไร
2) จงบอกประโยชน์ของเว็บไซต์แบบลาดับชั้นมาพอเข้าใจ
แนวตอบกิจกรรม 2.2.2
1) ลักษณะของเว็บไซต์แบบลาดับชั้น เป็ นโครงสร้างที่ดีวิธีหนึ่ งในการจัดระบบโครงสร้างที่มีความ
ซับซ้อนของข้อมูล โดยแบ่งเนื้ อหา ออกเป็ นส่ วนต่างๆ และมีรายละเอียดย่อย ๆ ลดหลัน่ กัน โดยใช้
แนวคิดเดียวกันกับแผนภูมิองค์กร จึงง่ายต่อการทาความเข้าใจกับโครงสร้างของเนื้ อหา ลักษณะเด่นคือ
การมีจุดเริ่ มต้นที่จุดร่ วมจุดเดียว นัน่ คือ โฮมเพจ (Homepage) และเชื่ อมโยงไปสู่ เนื้ อหาในลักษณะเป็ น
ลาดับจากบนลงล่าง
2) ประโยชน์ของโครงสร้ า งแบบเรี ย งล าดับ คือ ผูช้ มเว็บไซต์ สามารถแยกแยะเนื้ อหาได้ง่า ยและ
จัดระบบข้อมูลของผูอ้ อกแบบ นอกจากนี้ผดู ้ ูแลเว็บไซต์สามารถดูแลและปรับปรุ งแก้ไขเว็บไซต์ได้ง่าย
38
1. ลักษณะของเว็บไซต์ แบบตาราง
โครงสร้างของเว็บไซต์แบบตาราง (Grid Structure) มีความซับซ้อนมากกว่ารู ปแบบที่ผา่ น
มา การออกแบบเพิ่มความยืดหยุน่ ให้แก่การเข้าสู่ เนื้อหาของผูใ้ ช้ โดยเพิ่มการเชื่ อมโยงซึ่ งกันและกัน
ระหว่างเนื้อหาแต่ละส่ วน เหมาะแก่การแสดงให้เห็นความสัมพันธ์กนั ของเนื้ อหา การเข้าสู่ เนื้อหาของ
ผูใ้ ช้จะไม่เป็ นลักษณะเชิงเส้นตรง เนื่ องจากผูใ้ ช้สามารถเปลี่ยนทิศทางการเข้าสู่ เนื้ อหาของตนเองได้
1234
5
สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโก
Home 1 2 3 สิ นทร์
page 4
0 1 2 3 4
1
2
3
จากภาพที่ 2.23 เมื่อผูใ้ ช้คลิกเลือกดูประวัติศาสตร์ สมัยสุ โขทัย (1) ก็จะเข้าไปสู่ หน้าเนื้ อหา
(Topic Page1/1) จะแสดงรายละเอียดของประวัติศาสตร์ สมัยสุ โขทัยด้านการปกครอง ส่ วนการ
เชื่อมโยงอื่นๆ ผูอ้ อกแบบสามารถให้เชื่อมโยงถึงกันทุกหน้า หรื อกลับหน้าหลักของแต่ละสมัยได้
4. การนาเว็บไซต์ แบบตารางไปใช้
โครงสร้างนี้เหมาะกับเว็บที่มีขนาดใหญ่ มีเนื้ อหาจานวนมากและมีโครงสร้างซับซ้อน ในการ
จัดระบบโครงสร้างแบบนี้ เนื้ อหาที่นามาใช้แต่ละส่ วนควรมีลกั ษณะที่เหมือนกัน และ สามารถใช้
รู ปแบบร่ วมกัน หลักการออกแบบคือนาหัวข้อทั้งหมดมาบรรจุลงในที่เดียวกันซึ่ งโดยทัว่ ไป จะเป็ นหน้า
แผนภาพ (map page) ที่แสดงในลักษณะเดียวกับโครงสร้างของเว็บ เมื่อผูใ้ ช้คลิกเลือก หัวข้อใด ก็จะเข้า
ไปสู่ หน้าเนื้อหา (Topic Page) ที่แสดงรายละเอียดของหัวข้อนั้นๆ และภายในหน้านั้น ก็จะมีการ
เชื่อมโยงไปยังหน้ารายละเอียดของหัวข้ออื่นที่เป็ นเรื่ องเดียวกัน นอกจากนี้ยงั สามารถนา โครงสร้าง
แบบเรี ยงลาดับและแบบลาดับชั้นมาใช้ร่วมกันได้อีกด้วย ถึงแม้โครงสร้างแบบนี้ อาจจะสร้างความ
ยุง่ ยากในการเข้าใจได้ และอาจเกิดปั ญหาการคงค้างของหัวข้อ (Cognitive Overhead) ได้ แต่จะเป็ น
ประโยชน์ที่สุดเมื่อผูใ้ ช้ได้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหา ในส่ วนของการออกแบบจาเป็ นจะต้อง
42
กิจกรรม 2.2.2
1) ลักษณะของเว็บไซต์แบบตารางมีลกั ษณะอย่างไร
2) จงบอกประโยชน์ของเว็บไซต์แบบตารางมาพอเข้าใจ
แนวตอบกิจกรรม 2.2.2
1) ลักษณะของเว็บไซต์แบบตาราง มีความซับซ้อนมากกว่ารู ปแบบที่ผา่ นมา การออกแบบเพิ่มความ
ยืดหยุ่นให้แก่การเข้าสู่ เนื้ อหาของผูใ้ ช้ โดยเพิ่มการเชื่ อมโยงซึ่ งกันและกันระหว่างเนื้ อหาแต่ละส่ วน
เหมาะแก่การแสดงให้เห็นความสัมพันธ์กนั ของเนื้ อหา การเข้าสู่ เนื้ อหาของผูใ้ ช้จะไม่เป็ นลักษณะเชิ ง
เส้นตรง เนื่องจากผูใ้ ช้สามารถเปลี่ยนทิศทางการเข้าสู่ เนื้อหาของตนเองได้
43
1. ลักษณะของเว็บไซต์ แบบใยแมงมุม
โครงสร้างเว็บไซต์แบบใยแมงมุม (web structure) มีความยืดหยุน่ มากที่สุด ทุกหน้าในเว็บ
สามารถจะเชื่อมโยงไปถึงกันได้หมด เป็ นการสร้างรู ปแบบการเข้าสู่ เนื้ อหาที่เป็ นอิสระ ผูใ้ ช้สามารถ
กาหนดวิธีการเข้าสู่ เนื้อหาได้ดว้ ยตนเอง การเชื่อมโยงเนื้ อหาแต่ละหน้าอาศัยการโยงใยข้อความที่มีมโน
ทัศน์ (concept) เหมือนกัน ของแต่ละหน้าในลักษณะของไฮเปอร์ เท็กซ์หรื อไฮเปอร์ มีเดีย โครงสร้าง
ลักษณะนี้จดั เป็ นรู ปแบบที่ไม่มีโครงสร้างที่แน่นนอนตายตัว (unstructured) นอกจากนี้การเชื่ อมโยง
ไม่ได้จากัดเฉพาะเนื้ อหาภายในเว็บนั้นๆ แต่สามารถเชื่ อมโยงออกไปสู่ เนื้ อหาจากเว็บภายนอกได้อีก
ด้วย
Topic
page
4
Start
page
4. การนาเว็บไซต์ แบบใยแมงมุมไปใช้
เนื่องจากสร้างสร้างแบบใยแมงมุมเป็ นโครงสร้างที่มีความยืดหยุน่ มากที่สุด จึงนิยมใช้ใน
แวดวงธุ รกิจเพื่ออานวยความสะดวกแก่ผเู ้ ยีย่ มชมหรื อผูท้ ี่คาดว่าจะเป็ นลูกค้าอย่างเต็มที่ ดังตัวอย่างของ
เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างแบบใยแมงมุมในภาพที่ 2.26
กิจกรรม 2.2.2
1) ลักษณะของเว็บไซต์แบบใยแมงมุมมีลกั ษณะอย่างไร
2) จงบอกประโยชน์ของเว็บไซต์แบบใยแมงมุมมาพอเข้าใจ
แนวตอบกิจกรรม 2.2.2
1) โครงสร้างเว็บไซต์แบบใยแมงมุมมีความยืดหยุน่ มากที่สุด ทุกหน้าในเว็บสามารถจะเชื่อมโยงไปถึง
กันได้หมด เป็ นการสร้างรู ปแบบการเข้าสู่ เนื้อหาที่เป็ นอิสระ ผูใ้ ช้สามารถกาหนดวิธีการเข้าสู่ เนื้ อหาได้
ด้วยตนเอง การเชื่อมโยงเนื้ อหาแต่ละหน้าอาศัยการโยงใยข้อความที่มีมโนทัศน์เหมือนกัน ของแต่ละ
หน้าในลักษณะของไฮเปอร์ เท็กซ์หรื อไฮเปอร์มีเดีย โครงสร้างลักษณะนี้จดั เป็ นรู ปแบบที่ไม่มี
โครงสร้างที่แน่นนอนตายตัว นอกจากนี้การเชื่ อมโยงไม่ได้จากัดเฉพาะเนื้อหาภายในเว็บนั้นๆ แต่
สามารถเชื่อมโยงออกไปสู่ เนื้ อหาจากเว็บภายนอกได้อีกด้วย
2) ประโยชน์ของเว็บไซต์แบบใยแมงมุม คือ ง่ายต่อผูใ้ ช้ในการท่องเที่ยวบนเว็บโดยผูใ้ ช้สามารถ
กาหนดทิศทาง การเข้าสู่ เนื้อหาได้ดว้ ยตนเอง แต่ขอ้ เสี ยคือถ้ามีการเพิม่ เนื้ อหาใหม่ๆ อยูเ่ สมอจะเป็ นการ
ยากในการ ปรับปรุ ง นอกจากนี้การเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลที่มีมากมายนั้นอาจทาให้ผใู ้ ช้เกิดการสับสน
ได้
47
ตอนที่ 2.3
องค์ ประกอบและบุคลากรที่เกีย่ วข้ องกับเว็บไซต์
แนวคิด
1. องค์ประกอบพื้นฐานของเว็บไซต์สามารถแยกออกเป็ น 4 ส่ วน ได้แก่ 1) ส่ วนหัวของหน้า
เว็บ 2) ส่ วนเนื้ อหา 3) ส่ วนคอลัมน์การเชื่ อมโยง อาจมี ท้ งั ด้านซ้าย และด้านขวา และ 4)
ส่ วนท้ายของหน้าเว็บ นอกจากส่ วนประกอบทั้ง 4 ส่ วนแล้ว ยัง ควรคานึ งถึ งพื้นที่ ว่างใน
เว็บไซต์ เนื่องจากเว็บไซต์ส่วนใหญ่มกั ไม่เห็นความสาคัญของการเว้นพื้นที่วา่ งในเว็บไซต์ มัก
มีการใส่ ภาพหรื อตัวหนังสื อเข้าไปให้มากที่สุดเนื่องจากคิดว่าจะทาให้เว็บดูสวยงามขึ้น หรื อใช้
พื้นที่ที่มีอยูใ่ ห้คุม้ ค่าที่สุด หากออกแบบโดยไม่ได้คานึ งว่าต้องมีพ้ืนที่วา่ งอยูใ่ นเว็บไซต์ จะทา
ให้เว็บไซต์ดูไม่สบายตา การเว้นช่องว่าง ไม่วา่ จะเป็ นระยะห่ างระหว่างตัวอักษร หรื อช่องว่าง
ระหว่างภาพ เนื้ อหาต่างๆ นอกจากจะทาให้เว็บดูสบายตาขึ้นแล้ว ยังทาให้ผอู้ อกแบบเว็บไซต์
สามารถกาหนดจุดให้ผใู ้ ช้งานเว็บรู ้สึกสนใจในจุดนั้นได้อีกด้วย
2. เว็บเพจที่เห็นอยู่ในปั จจุบนั มีบุคลากรที่เกี่ ยวข้องในการสร้ างเว็บไซต์ซ่ ึ งแบ่งตามกลุ่มงาน
3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มงานออกแบบเว็บไซต์ เป็ นกลุ่มงานแรกที่มีหน้าที่ในการกาหนดสิ่ งที่เป็ น
แนวทางในการดาเนินการ ตลอดจนภารกิจที่ตอ้ งปฏิบตั ิ ซึ่ งเป็ นการเตรี ยมตัวล่วงหน้า เพื่อให้ผู้
ที่ เ กี่ ย วข้องปฏิ บ ัติ ภ ารกิ จ ตามนโยบาย เป้ าหมาย วัต ถุ ป ระสงค์ และกิ จ กรรมที่ ก าหนดไว้
แผนการดาเนิ นงานจะเป็ นเสมือนคู่มือและเข็มทิศในการทางาน 2) กลุ่มงานพัฒนาเว็บไซต์
เป็ นกลุ่มงานที่มีส่วนเกี่ ยวข้องกับการทางานของเครื่ องคอมพิวเตอร์ ซึ่ งเป็ นองค์ประกอบที่
สาคัญ เนื่ องจากบุคคลากรในกลุ่มนี้ จะเป็ นผูด้ าเนิ นงานให้ระบบคอมพิวเตอร์ ดาเนิ นต่อไปได้
ซึ่ งจะมี ส่วนสัม พันธ์ ก ับฮาร์ ดแวร์ และซอฟต์แวร์ มี บทบาทส าคัญในการพัฒนาหรื อใช้งาน
ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึง ทีมงานต่างๆ และ 3) กลุ่มงานดูแลเว็บไซต์
48
วัตถุประสงค์
เมื่อศึกษาตอนที่ 2.3 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ
1. บอกองค์ประกอบของเว็บไซต์ได้
2. บอกและอธิ บายคุณลักษณะของบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการสร้างเว็บไซต์
49
กิจกรรม 2.3.1
1) องค์ประกอบพื้นฐานของเว็บไวต์มีกี่ส่วน อะไรบ้าง
2) เหตุใดจึงควรมีพ้นื ที่วา่ งในเว็บไซต์
แนวตอบกิจกรรม 2.3.1
1) องค์ประกอบพื้นฐานของเว็บไซต์สามารถแยกออกเป็ น 4 ส่ วน ได้แก่ 1) ส่ วนหัวของหน้าเว็บ 2)
ส่ วนเนื้อหา 3) ส่ วนคอลัมน์การเชื่ อมโยง อาจมีท้ งั ด้านซ้าย และด้านขวา และ 4) ส่ วนท้ายของหน้าเว็บ
2) การมีพ้นื ที่วา่ งในเว็บไซต์ทาให้เว็บไซต์ดูสบายตาขึ้นทาให้ผอู ้ อกแบบเว็บไซต์สามารถกาหนดจุดที่
จะให้ผใู ้ ช้งานเว็บรู ้สึกสนใจในจุดนั้นได้อีกด้วย เช่น หากเว้นช่องว่างเอาไว้ตรงกลาง และนาภาพหรื อ
ตัวหนังสื อเล็กๆไปวางไว้ ตรงจุดนั้นจะเป็ นที่สนใจของผูช้ มได้ทนั ที เป็ นต้น
57
เรื่องที่ 2.3.2
บุคลากรที่เกีย่ วข้ องในการสร้ างเว็บไซต์
สคริ ปต์อื่นๆ เช่น ภาษาพีเอชพี ภาษาเพิร์ล หรื อภาษาจาวาสคริ ปต์ เป็ นต้น ซึ่ งเกี่ยวข้องกับการทา
เว็บไซต์ บนเว็บไซต์ที่มีขนาดใหญ่ข้ ึน เว็บมาสเตอร์จะทาหน้าที่เป็ นผูป้ ระสานงานและตรวจสอบ
กิจกรรมต่างๆ ของผูอ้ ื่นที่ทางานบนเว็บ ซึ่งมักจะเป็ นลูกจ้างของเจ้าของเว็บไซต์ ความรับผิดชอบหลัก
ของเว็บมาสเตอร์ จะรวมถึงการวางข้อกาหนดและการบริ หารสิ ทธิ การเข้าถึงของผูใ้ ช้ที่แตกต่างกันใน
เว็บไซต์ และการกาหนดภาพลักษณ์ของการสารวจเว็บไซต์ การวางตาแหน่งของเนื้อหาก็อาจเป็ นความ
รับผิดชอบของเว็บมาสเตอร์ แต่ในขณะที่การสร้างเนื้ อหาขึ้นมาใหม่ปกติจะไม่ใช่หน้าที่ของเว็บ
มาสเตอร์ นอกจากนั้น เว็บมาสเตอร์อาจทาหน้าที่เป็ นเจ้าหน้าที่รับฟังความคิดเห็นและคาติชมจากผูใ้ ช้
ซึ่ งเกี่ยวกับการทางานของเว็บไซต์อีกด้วย
3.2 มอดเดอร์ เรเตอร์ (moderator) เป็ นบุคคล หรื อกลุ่มบุคคล ที่เป็ นผูด้ ูแลประจาเว็บบอร์ดที่มี
หน้าที่ตรวจสอบ forum สามารถแก้ไขหรื อลบข้อความ และสามารถล็อก ปลดล็อก ย้าย ลบ และแยก
หัวข้อใน forum โดยทัว่ ไปมอดเดอร์เรเตอร์ จะทาการป้ องกันการโพสต์ขอ้ ความก่อกวน ส่ วนใหญ่จะ
ใช้กบั เว็บไซต์ที่มีการตั้งกระทูม้ ากๆ เช่น การเล่นเกมส์ เนื่องจากมอดเดอร์เรเตอร์มีความรู้
ความสามารถในการช่วยเหลือตอบคาถามผูเ้ ล่นได้เป็ นอย่างดี และเป็ นผูท้ ี่พร้อมสละแรงกาย แรงใจ
และเวลาส่ วนตัว เพื่อผลประโยชน์ต่อสังคมในเกม หน้าที่หลัก moderator จะเป็ นผูช้ ่วยเหลือ และ
ตัวกลางในการประสานระหว่างผูเ้ ล่นและทีมงาน สามารถลบกระทูไ้ ม่เหมาะสมได้ เป็ นต้น
กิจกรรม 2.3.2
1) ผูอ้ อกแบบเว็บไซต์มีหน้าที่อย่างไร
2) มอดเดอร์ เรเตอร์ อยูใ่ นกลุ่มงานอะไร และมีหน้าที่อย่างไร
แนวตอบกิจกรรม 2.3.2
1) ผูอ้ อกแบบเว็บไซต์ ทาหน้าที่ออกแบบเว็บไซต์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น บางทีก็รวมบุคคลที่สามารถ
เขียน HTML และคนทากราฟิ กไปด้วย แต่บางทีก็มองว่าการออกแบบเป็ นเพียงการร่ างภาพคร่ าวๆ
ออกมาเท่ า นั้น งานออกแบบเว็บ ไซต์เ ป็ นงานที่ ค่ อ นข้า งยากและต้อ งอาศัย พรสวรรค์พ อสมควร
ผสมผสานกับรสนิ ยมของผูอ้ อกแบบ เนื่ องจากบางคนออกแบบเว็บไซต์แล้วคิดว่าสวยมากแต่เมื่อให้
หลายๆสายตามอง กลับมองว่าไม่สวยก็เป็ นไปได้ ดังนั้นจึงต้องนารสนิ ยมมาประกอบในการออกแบบ
เว็บไซต์ดว้ ย แต่หลายคนที่มีพรสวรรค์ออกแบบมาก็ทาให้คนส่ วนมากมองว่าสวยได้เหมือนกัน
2) มอดเดอร์ เรเตอร์ อยูใ่ นกลุ่มงานดูแลเว็บไซต์ เป็ นบุคคล หรื อกลุ่มบุคคล ที่เป็ นผูด้ ูแลประจาเว็บ
บอร์ดที่มีหน้าที่ตรวจสอบ forum สามารถแก้ไขหรื อลบข้อความ และสามารถล็อก ปลดล็อก ย้าย ลบ
62
บรรณานุกรม
กรรณิ การ์ สวรรค์โพธิพนั ธุ์ “ออกแบบเว็บให้ น่าใช้ Designing Web Usability” กรุ งเทพฯ :
สานักพิมพ์เคทีพี, 2550
พันธุ์จนั ทร์ ธนวัฒนเสถียร “ออกแบบสร้าง โปรโมท Web site Step by Step” กรุ งเทพฯ: บริ ษทั ซีเอสมี
เดีย จากัด, 2547
สิ ทธิชยั ประสานวงศ์ “เรี ยน เล่น ใช้อินเทอร์เน็ตด้วย Internet Explorer 5” กรุ งเทพฯ: ซอฟ์ ทเพรส,
2543
http://gotoknow.org/blog/open-source/162487 ค้นคืนเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554.
64