You are on page 1of 2

อุทาหรณ์ การยัดเยียดการเรี ยนเกินไป ทำให้ เด็กสติขาด เรื่ องจริ งที่ใหญ่ที่สดุ ในชีวิต

ก่อนอื่น จะเล่าเรื่ องให้ ฟัง เพิ่งได้ รับทราบมาเหมือนกันจากปากของเพื่อนทังน้ำตา


้ และคิดว่ามีประโยชน์ไม่มากก็น้อย
เพื่อนคนนี ้ไม่ได้ ติดต่อมานานประมาณ เกือบๆ 4 ปี เห็นจะได้ คือไม่สนิทเท่าไร แต่พดู คุยกันได้ และตอนนี ้เพื่อนมีลกู แล้ ว แต่มีเพื่อนน้ อย เพื่อนแต่งงาน
กับวิศวกร(สามี)ที่เก่งมาก และตัวเพื่อนเองก็จบมหาลัยเอกชน ก็เกียรตินิยมอันดับ 2 ด้ านภาษาต่างประเทศ คือเหมาะสม ถึงไม่รวยมาก แต่ก็เกินปาน
กลาง พอแต่งงานก็ไม่ได้ ติดต่อใคร แต่ทราบว่ามีลกู ณ. ปั จจุบนั ก็จะ 7 ขวบกว่าแล้ ว ได้ โทรไปหาเพื่อน เพราะตอนนี ้เรามีลกู 4 ขวบกว่า ก็หาข้ อมูลเรื่ อง
การเรี ยนเป็ นหลัก และอาศัยถามคนอื่นด้ วย และไม่อายที่จะถามด้ วย เพราะคิดว่ายิ่งรู้มาก ก็ยิ่งดี จึงได้ โทรไปหาเพื่อน และถามเรื่ องลูก สิง่ ที่ได้ รับ คือ
การปล่อยโฮอย่างแรง ร้ องไห้ จะเป็ นจะตายเดียวนัน้ เราก็ตกใจ เฮ้ ย แกเป็ นไรว่า เป็ นไร
มันบอกว่ามันอึดอัด มันจะบ้ าอยู่แล้ ว ปรึกษาใครก็ไม่ได้ ทุกวันนี ้มันถูกตราหน้ าว่าเป็ นคนผิด “ผิดอย่างร้ ายกาจ” จากครอบครัวสามี และ แม่ตวั เอง มัน
ปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะพื ้นฐานคือ ทังสามี
้ และเพื่อน เป็ นคนเสียเงินเท่าไรเท่ากัน แต่อายหรื อไม่สมบูรณ์ไม่ได้ ดังนันมั ้ นจึงไม่ปรึกษาใครเลย เพราะมัน
อายและไม่อยากให้ ใครดูถกู มัน เรื่ องคือ ลูกชายเข้ าเรี ยนตอน 3 ขวบกว่านิดๆ ได้ เข้ าเรี ยนในระดับโรงเรี ยนดังเลย ค่าเทอมเป็ นแสน เพื่อนดี สังคมดูดี เพ
อร์ เฟ็ ก และโรงเรี ยนเป็ นที่หมายตากันมาก ..
ที่นี ้โรงเรี ยนดัง ก็พอ่ แม่ตา่ งก็ผลักและดันกันสุดฤทธิ์(มัน บอกอย่างนี)้ เงินพร้ อมซะอย่าง ก็คยุ กันต้ องติวอย่างนัน้ ต้ องครูคนนี ้ ฝรั่งคนนี ้ ต้ องเรี ยนนี ้เสริ ม
เพื่อนก็เป็ นเช่นนัน้ และมันบอกว่าก็มีการเม้ มที่เด็ดๆไว้ ไม่บอกใครก็มี ........ฮื่อ....
ที่นี ้ ลูกเรี ยนวันจันทร์ – ศุกร์ ยัน 6 โมงเย็น และเป็ นอย่างงี ้ มาตังแต่
้ อนุบาล 1 ถึง 3 เข้ านอน ไม่เกิน 3 ทุม่ เพราะต้ องตื่นเช้ าไปส่ง ตื่นตอน ตี 5 ครึ่ง
เพราะเพื่อนมีบ้านในหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึง่ ซึง่ อยู่นอกเขตและห่างจากโรงเรี ยนค่อน ข้ างมาก ออกจากบ้ าน ไม่เกิน 6 โมงเช้ า เท่านัน้ และไปถึงโรงเรี ยน
ประมาณ เกือบ 7 โมง วันเสาร์ เรี ยนพิเศษเสริ ม เริ่ ม 8 โมงเช้ าถึง บ่ายโมง และ ตอนบ่าย 3 เรี ยนว่ายน้ำ จึงได้ กลับบ้ าน ส่วนวันอาทิตย์ ครึ่งวันเช้ าเรี ยน
ที่สถาบันคุมองต์ เสริ ม ครึ่งวันหลังผักผ่อน... ตอน 1 ทุม่ วันอาทิตย์ต้องทบทวนงานและเตรี ยมความพร้ อมเพื่อไปเรี ยนวันจันทร์ และแนะนำจากพ่อและ
แม่ ไม่เกิน 3 ทุม่ เข้ านอน
และเหตุการณ์ที่มนั เล่าแบบสะเทือนใจตอนหลังคือ ..... ลูกไม่มีเพื่อนในหมู่บ้านเลยสักคนเดียว... เพราะไม่ได้ คยุ กับใครอยู่แล้ ว สังคมเมืองของแท้ ปั่ น
แต่จกั รยานของเค้ าเท่านัน้ วันนัน้ วันอาทิตย์ ลูกก็ปั่นจักยานไม่ยอมเข้ าบ้ าน แม่ก็เรี ยก ให้ มาอาบน้ำได้ แล้ ว 6 โมงเย็นแล้ ว เตรี ยมกินข้ าว และทบทวน
การบ้ าน ลูกก็ไม่ฟัง จนเพื่อนและสามีโมโห บอกว่า เสียงดัง .... เข้ าบ้ านเดียวนี ้ เข้ าบ้ านเลย ทำไมดื ้ออย่างนี ้ ยิ่งโตยิ่งดื ้อ (เพื่อนว่าลูก) จะไม่ให้ ขี่
จักรยานอีกต่อไป ตัวสามีก็ไปดึงจักรยานออกจากลูก และแม่มาจับลูก (สามี)เข้ าบ้ าน ป๋ าจะโยนจักรยานทิ ้งซะ ถ้ าทำอย่างนี ้อีก
ลูกชายเข้ าไปกอดขาพ่อ และยกมือไหว้ ป๋ าอย่าทำ หนูไม่มีเพื่อนที่ไหน จักรยานคือ เพื่อนของหนู หนูมีจกั รยานเป็ นเพื่อนเท่านัน้ ป๋ าอย่า ทำนะ ทังเพื
้ ่อน
และสามีก็ไม่ใส่ใจอะไร เพียงต้ องการให้ เข้ าไปอ่านหนังสือเท่านัน้
และ... อีกเหตุการณ์หนึง่ .... ลูกกลับจากบ้ าน คุยกับพ่อและแม่ อยากดู อุลตร้ าแมน มดเอ๊ กซ์ บ้ าง เพื่อนๆ คุยกันที่โรงเรี ยน เค้ าไม่ร้ ูเรื่ องเลย เพื่อนยัง
บอกว่าที่บ้านไม่มีทีวีหรื อไง ทำให้ เค้ าไม่มีปฏิสมั พันธ์กบั เพื่อนๆ เค้ าได้ ดแู ต่การ์ ตนู เสริ มความรู้ เช่น ถ้ าดู ก็ประมาณ ดอร่า หมาบลู ประมาณนี ้ สามีและ
เพื่อนบอกว่า ลูกอย่าทำตัวไร้ สาระได้ หรื อเปล่า ตอนนี ้เพื่อนๆ ลูกอยากทำอะไรก็ปล่อยเค้ าไป การ์ ตนู มีแต่ความรุนแรงไม่เสริ มความ รู้อะไรเลย เราได้
เปรี ยบ เราใช้ เวลาทบทวนและเรี ยน ในขณะที่คนอื่นเค้ าไร้ สาระ ลูกลองคิดดู โตขึ ้นลูกก็จะเป็ นนาย ของคนพวกนี ้ และคนพวกนี ้จะไม่เหนือลูกเด็ดขาด
การสอนจะประมาณนี ้ตลอด แต่เพื่อนบอกว่า เค้ าและสามีทำดีที่สดุ และ ให้ ในสิ่งที่ดีที่สดุ ที่คนทัว่ ไปบางทีก็ให้ ไม่ได้ ด้วยซ้ำไป
ที่นี ้หนักสุด ต้ องติว เข้ า ป. 1 ที่นี ้เวลาเล่นแทบน้ อยมาก แต่ก็ได้ ติดที่ ป. 1 ตามที่หวังไว้ แต่ก็ต้องเรี ยนเสริ มเหมือนเดิม.ฯลฯ จนถึงวันที่ลกู ทนไม่ได้ จน
ลูกโกรธจนตัวสัน่ และพูดว่า เค้ าจะไม่เป็ นคนดี เค้ าเบื่อที่สดุ แล้ ว เค้ าอยากเล่นฟุตบอล เค้ าอยากวิ่งเล่น อยากดูการ์ ตนู อยากอ่านขายหัวเราะ ให้ พอ่ แม่
อนุญาตให้ อา่ น เค้ าเกลียดพ่อและแม่ ทำไมต้ องบังคับ ทำไมต้ องอาย ทำไม เค้ าจะเป็ นคนชัว่ (เพื่อนมันบอกว่า ลูกพูดจนลิ ้นพันกัน ตัวสัน่ ไปหมด จับ
ลำดับคำพูดยาก (ป 1) อะไรก็พดู ๆๆๆๆออกมา ร้ องไห้ หน้ าแดง กำหมัด ขว้ างข้ าวของ เสียงดัง ในระหว่างนัน้ สามีและเพื่อนก็ใช้ เสียงดังเพื่อหยุด
พฤติกรรม แต่ไม่เป็ นผล ยิ่งดัง ก็ยงิ่ ดังใส่ จนเด็กเป็ นลม คงสะสมมานาน
พอผ่านไปสักระยะ จนทางโรงเรี ยนมีจดหมายมาถึงเพื่อเชิญผู้ปกครองไปพบ พอไปถึงโรงเรี ยน ทางครูบอกว่า ตอนนี ้น้ องมีอาการเหม่อลอย ไม่มอง
กระดาน และไม่มีปฎิสมั พันธ์กบั เพื่อนเลยแม้ แต่คนเดียว ให้ ทำอะไรทำได้ หมด แต่ทำไปอย่างให้ จบไป ไม่มีอารมณ์ร่วมแม้ แต่น้อย บางครัง้ ก็มีน้ำตาเอ่อ
แต่ไม่ไหลออกมา เป็ นระยะ และพูดน้ อยลง ใช้ สายตาและท่าทางคิดมากขึ ้น ....ฯลฯ เพื่อนและสามีไม่ยอมรับและไม่เชื่อ ก็สกั พักใหญ่ๆ จึงไปพบหมอที่
สมิติเวช หมอแจ้ งว่า.....น้ องกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างแรง บวกกับเก็บกดภายในสิ่งที่ฝืนความรู้สกึ มานาน จนระเบิดออกมาเหมือนคนเสียสติ
เค้ าไม่ได้ บ้า หรื อพิการทางสมอง แต่เค้ าปิ ดกันทุ้ กสิ่งทุกอย่างเอง ไม่รับเอง ไม่เอาเอง ซึง่ ตรงนี ้น่าวิตกคือ แล้ วเมื่อไรเค้ าจะรับ และเปิ ดใจกลับมาเหมือน
เดิม สมาธิและจิตใจได้ ถกู ตัดด้ วยตัวเค้ าเอง ...... เค้ าอยากอยู่แต่ในโลกจินตนาการที่เค้ าคิดว่านันคื ้ อความสุขของเค้ า ไม่อยากออกมาเลยด้ วยซ้ำ คง
ต้ องใช้ เวลามาก เพราะถ้ าเรารู้วา่ เค้ าสมาธิสนั ้ เรามีทางแก้ ถ้ าเค้ าเป็ นดาวน์ เรารู้วิธี แต่เค้ าเลือกเองที่จะปิ ดตัวเองอย่างเด็ดขาด ถ้ าปล่อยไว้ จะกลาย
เป็ นคนวิกลจริ ตทาง ความคิดในอนาคต ทุกวันนี ้ผลคือ สามีก็ยอมรับในระดับหนึง่ แต่ก็เริ่ มโทษภรรยา มากกว่าโทษตัวเอง ตอนนี ้มันรับกรรมเต็มๆ ลูก
ไม่สามารถเรี ยนได้ แล้ ว ต้ องพบจิตแพทย์เด็กโดยตรง ถึงตรงนี ้ มันบอกว่ามันเรี ยกลูกกลับมาไม่ได้ แล้ วจริ งๆ มันเศร้ ามาก มันก็ กำชับไม่ให้ บอกใครเพระ
มันอาย..

You might also like