You are on page 1of 6

"Diamond Grains" มีจดเริ่มต้นมาจากคุณ อุน-ชนิสรา วงศ์ติประสิทธิ์ และ คุณแพ็ค-วุฒิ กานต์ วงศ์ติ

ประสิทธิ์ ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง จึงได้สารวจตลาดว่า ณ ตอนนั้นมีตลาดช่องทางใหนที่ลาบารณ์เทรกตัว


เข้าไปได้ โดยต้องเป็นตลาดที่ยังไม่มีผู้เล่นเยอะ กิจการสามารถเติบโตได้ ซึ่งทั้งคู่ได้เล็งเห็นว่าในต่างประเทศเทรนด์
สุขภาพกาลังเป็นที่นิยม ผสานกับทั้งสองคนสนใจในเรื่องของสุขภาพอยู่แล้ว จึงได้ผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม
คนรักสุขภาพ โดยเริ่มต้นจากการทาคุกกี้ธัญพืชที่ไม่ผสมแป้งและน้าตาลแต่ไม่ประสบความสาเร็จ จึงพัฒนาสินค้า
โดยยืดหลัก Learning by trying concept จนได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกว่า "กราโน ล่า" และเป็นกราโนล่าเจ้าแรก
ของประเทศไทย ซิ่งได้เป็นเรื่องการคิดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยวัตถุดิบส่วนใหญ่ 80% เป็นวัตถุดบิ นาเข้าจาก
ต่างประเทศ อาทิ ข้าวโอ๊ตจากประเทศออสเตรเลีย อัลมอนด์ แครนเบอรี่และเมล็ดเจิยจากประเทศสหรัฐอเมริกา
ส่วน 20% เป็นวิตถุดิบในประเทศไทย อาทิ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ นอกจากนั้นยังเน้นเรื่องความสะดวกในการ
รับประทาน มีการออกแบบ Package เป็นถ้วยสามารถรับประทานคู่กับนมหรือโยเกิร์ตภายในถ้วยได้เลย อีกทั้งยัง
ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าแบบ Family ที่สามารถซื้อถุงใหญ่ไปรับประทานที่บ้านได้ โดยถุงได้มีการทาชิปล็อคเพื่อกัน
อากาศเข้าสามารถยืดอายุสินค้าได้ แต่ในช่วง 3 ปีแรกนั้น ยอดขายไม่เพิ่มขึน้ เนื่องจากแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จัก ทา
ให้คุณอุน-ชนิสรา และ คุณแพ็ค-วุฒิ กานต์ ไต้ตัดสินใจออกรายการ "SMEs ตีแตก" เมื่อปี 2558 เป็นผลให้คน
สนใจในกราโนล่ามากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายสูงขึ้น หลังจากนั้นทางแบรนด์ได้มีการแตกไลน์ สินค้าใหม่ คือ “โจ๊ก”
และยังคง concept ของแบรนด์ในเรื่องของสุขภาพ"
ประวัติของเจ้าของธุรกิจ

อูน–ชนิสรา และ แพ็ค–วุฒิกานต์ วงศ์ดีประสิทธิ์ สองกรรมการผู้จัดการร่วม ของ บริษัท บรันช์


ไทม์ จากัด วัย 27 ปี และ 29 ปีตามลาดับ ที่ปลุกปั้นพัฒนาสูตรด้วยกันมาตั้งแต่ 7 ปีก่อนชนิสรา ตั้งต้นเล่าการ
เริ่มต้นธุรกิจ ในสมัยที่เธอเรียนชั้นปีที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนวุฒิกานต์ศึกษาด้าน
การค้าระหว่างประเทศ ชั้นปีที่ 4 ที่ University of International Business and
Economics ที่ Beijing ประเทศจีน ทั้งคู่เป็นคู่รักวัยรุ่นที่มีฝันร่วมกันในการสร้างธุรกิจส่วนตัว โดยมองหาธุรกิจที่
เหมาะกับความชอบส่วนตัวและเหมาะกับตลาดจนมาลงตัวที่อาหารสุขภาพ
ประวัติความเป็นมาของธุรกิจ
จุดเริ่มต้นของ Diamond Grains เกิดขึ้นในปี 2555 โดย คุณอูน- ชนิสรา วงศ์ดปี ระสิทธิ์ และ คุณแพ็ค-
วุฒิกานต์ จงศ์ดีประสิทธิ์ คู่รักที่มองหาการทาธุรกิจส่วนตัวของตนเอง ซึ่งทั้งคู่ได้ใช้ความชอบในการรับประทาน
อาหารเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา ทาให้ทั้งคู่เริ่มศึกษาแนวโน้มอาหารของตลาดโลก พบว่าแนว
โน้มของการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นที่นิยมไม่เพียงแค่ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเด็กเท่านั้น แต่กลุ่มคน
วัยรุ่นรวมถึงวัยทางานกลับให้ความสาคัญในด้านนี้มากขึ้นเช่นเดียวกัน จากแนวโน้มดังกล่าว ทาให้ทงั้ คู่เล็งเห็นถึง
ช่องว่างในตลาดเมืองไทยที่แนวโน้มอาหารเพื่อสุขภาพยังไม่เป็นที่สนใจในกลุ่มผู้ประกอบการมากนัก จึงเป็นก้าว
แรกที่สู่การทาคุกกี้เพื่อสุขภาพแต่ยังไม่ประสบความสาเร็จ เนื่องจากทั้งคู่มองเพียงแค่ช่องว่างทางการตลาดและ
ความชอบส่วนตัวเพียงด้านเดียวเท่านั้น ทั้งคู่จึงเปลี่ยนแนวคิดจากเดิมที่ยึดว่าตนเองอยากจะผลิตอะไร กลายเป็น
การมองที่ลูกค้าว่าเขาต้องการอะไร และพยายามปรับผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ รวมถึงวิธีการสื่อสารให้เหมาะสมกับ
ลูกค้าจนกลายมาเป็นกราโนล่า Diamond Grains ธัญพืชที่ไม่มีแป้งเป็นส่วนผสมไม่ผ่านการปรุงแต่ง ไม่ขัดสี มี
ลักษณะไม่แข็ง กรอบร่วน อร่อย และยังคงไฟเบอร์ คุณสมบัติของความเป็นธัญพืชได้อยู่ 100% อาหารของคนรัก
สุขภาพที่มรี สชาติถูกปากคนไทยในที่สุด
ใครคือกลุ่มลูกค้าหลัก
จากการมองตลาดเพื่อสุขภาพของ Diamond Grains นี้เอง ถือเป็นจุดยืนสาคัญของแบรนด์ในการเลือก
กลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ โดยจะเน้นไปยังกลุ่มวัยรุ่นและวัยทางานเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากคนกลุ่มนี้หันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพ รูปร่างและความงาม นอกจากนั้นคนทั้ง 2 กลุ่มนี้ มีวิถีการใช้ชีวิต
ที่เร่งรีบ จึงทาให้เกิดความต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์ในแง่ของความสะดวกในการรับประทาน ซึ่งกราโนล่า
Diamond Grains นี้สามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
ผลิตภัณฑ์ของ Diamond Grains
Diamond Grains มีผลิตภัณฑ์หลักทั้งหมด 2 กลุ่ม คือ กราโนล่า และโจ๊กข้าวโอ๊ต
1. กราโนลา มีทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ Diamond Grains Original, Diamond Grains Overnight แล:
Dimond Grains Malt Flake ซึ่งประกอบไปด้วยรสชาติที่หลาก หลายกว่า 10 รสชาติ ได้แก่ ฮาร์ทตี้นักตี้ ทรอปี
คอสริช ดับเบิ้ลช็อคโกแลต ซัมเมอร์เบอรี่ มัจฉะกรีนที คอฟฟี่ฟอร์เอฟ บานานาน่า เพียวฮันนี่ มอคค่าโมเมนท์
และ La Vie En Rose โดยมี 3 รสชาติเป็นรสชาติขายดี ได้แก่ sส Double Chocolate ที่มี ส่วนผสมของช็อคโก
แลตชั้นดีจากเบลเยี่ยม รส La Vie En Rose และรส Banana nana ที่ได้วัตถุดิบมาจากโครงการหลวงอีกทั้งแบ
รนด์ได้มีการพัฒนาสูตรนาเมล็ดงาขี้ม่อนออกจากผลิตภัณฑ์และทดแทนด้วยมอลด์เฟลค (Malt Flake) สาหรับ
ลูกค้าที่แพ้งาขี้ม่อน ถือเป็นการเติมเต็มสายผลิตภัณฑ์ของกราโน่ลา
2. โจักข้าวโอ๊ต ทั้งหมด 4 รสชาติ ได้แก่ รสผักโขม รสมะเขือเทศ รสสาหร่าย รสเห็ดหอมสด ซึ่งสร้าง
ความแตกต่างจากตลาดโจ๊กทั่วไป โดยที่ปราศจากผงชูรส มีโซเดียมต่าไม่ใช้สารเคมีและให้ไฟเบอร์สูง บรรจุกัณฑ์
แบบถ้วยที่ทนทานต่อความร้อนทาให้สะดวกต่อการถือรับประทาน
เคล็ดลับในการสร้าง Brand Loyalty
สร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหวัง พิจารณาถึงความต้องการขอผู้บริโภคเป็นหลัก โดยเริ่มต้นจาก
ความใส่เช่น ใส่ใจในเรื่องของการแพ็คบรรจุภัณฑ์ส่งมอบลูกค้าทางไปรษณีย์ ชั้นแรกตัวกล่องมีการปรับให้สวยงาม
เรียบหรู สลักโลโก้สีขาวทองตามโอกาสเหมาะสมหรือเทศกาลสาคัญ ชั้นที่สองมีการห่อกระดาษที่ติดสติกเกอร์ตรา
Diamond Grains สีทองพร้อมใบบอกสรรพคุณแต่ละรสชาติ เพื่อสื่อความหมายแทนอัญมณี 9 ชนิด 9 รสชาติ
เป็นการเพิ่มมูลค่าในตัวผลิตภัณฑ์ การรับฟัง Feedback เพื่อนากลับมาปรับปรุงและพัฒนาให้ตอบโจทย์กับความ
ต้องการของลูกค้า เป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น โจ๊ก Diamond Grains โดยมีทั้งหมด 4 รสชาติ ที่สามารถ
ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการรับประทานอาหารเช้าเพื่อสุขภาพในรูปแบบร้อน
เตรียมความพร้อมสู่ Modern Trade
ภายหลังจากที่การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ประสบความสาร็จแบรนด์กลายเป็นที่รู้จักในตลาด
ออนไลน์อย่างแพร่หลาย ส่งผลให้ความต้องการในตัวสินค้ากราโนล่าของ Diamond Grains สูงขึ้น ในขณะที่มี
ช่องทางการจัดจาหน่ายมีเพียงแค่ช่องทางออนไลน์ช่องทางเดียวเท่านั้น ทาให้แบรนด์สูญเสียโอกาสทางการขายใน
ช่องทางอื่นๆ ดังนั้น Diamond Grains จึงเริ่มต้นการขยายช่องทางการจัดจาหน่ายสู่ช่องทาง Modern Trade
ในช่วงระยะ เวลาก่อนเข้าสู่ช่องทาง Modern Trade นั้น Diamond Grains ได้ เตรียมความพร้อมโดยแบรนด์ได้
สร้างความเชื่อมั่นทางด้านผลิตภัณฑ์ ด้วยการทาให้คุณภาพของสินค้าได้มาตรฐาน เพื่อลดภาระของช่องทางการ
จาหน่ายในการผลักสินค้าออกสู่ตลาดและเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ Diamond Grains จะสามารถจาหน่ายสินค้า
ผ่านช่องทาง Modern Trade ได้อย่างยั่งยืน เมื่อได้เตรียมความพร้อมทางด้านผลิตภัณฑ์แล้ว Diamond Grains
เริ่มการเข้าสู่การจัดจาหน่ายผ่านช่องทาง Modern Trade ด้วยกลยุทธ์ Intensive Distributor กล่าวคือ มีการ
กระจายช่องทางการจัดจาหน่ายที่หลากหลาย เช่น Top Supermarket, Gourmet Market ,Villa Market และ
Foodland และยังมีการขยายช่องทางเพิ่มเติม ผ่าน Convenience Store เช่น 7- Eleven รวมถึง Family Mart
ทีม่ ีสาขาอยู่มากมายทั่วประเทศ การขยายช่องทางการจัดจาหน่ายที่หลากหลายนี้ทาให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อและ
เข้าถึงตัวสินค้าของแบรนด์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
โปรโมชั่นจับคู่ที่ตรงจุด
ท่ามกลางสถานการณ์การตลาดที่เข่งขันด้วยโปรโมชั่นดุเดือด บางธุรกิจประสบปัญหาจากการท์โปรโมชั่นจนทาให้
แบรนด์สูญเสียภาพลักษณ์ หรือการที่ทาโปรโมชั่นมากเกินไปจนแบรนด์ผูกติดกับโปรโมชั่น ทาให้ผู้บริโภคเกิด
พฤติกรรมรอซื้อเมื่อมีโปรโมชั่นเท่านั้น แต่ Diamond Grains ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้ โดยเน้นกล
ยุทธ์ Cross Promotion จับคู่ซื้อ กราโนล่า จาก Diamond Grains คู่กับดีน่านมถั่วเหลือง UHT, ซื้อเครื่องดื่ม
Happy Milk หรือ Happy Soya คู่กับ กราโนล่า จาก Diamond Grains รวมถึงการออกแคมเปญจับดี กินฟรีทั้ง
ปี!!! ลุ้นทานฟรีทั้งปีกันได้เลย เพียงซื้อ Diamond Grains Bowl 1 ถ้วย โดยจัดกิจกรรม 3 วัน ในช่วงวันแม่ ซึ่งการ
จัดโปรโมชั่นไม่เพียงแต่ เพื่อการส่งเสริมการขายอย่างเดียว เท่านั้น ยังเป็นการทาให้ผู้บริโภครับรู้ตัวตนของแบรนด์
ว่า Diamond Grains คืออาหารเพื่อสุขภาพอีกด้วย
กยุทธ์การแข่งขันเพื่อครองส่วนแบ่งตลาด
ณ ปัจจุบัน ตลาดกราโนล่าในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูง ทาให้มีคู่แข่งขันเข้ามาใหม่มา
กราย Diamond Grains ในฐานะที่เป็นผู้นาตลาดกราโนล่าอันดับหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องรักษาส่วนแบ่งตลาด โดยการ
พัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อเติมเต็มสายผลิตภัณฑ์ (Product Line Filling) เช่น การออกรสชาติใหม่ เพิ่มขนาด ที่
สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้ โดยจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์กราโนล่าสูตรปกติ กราโน
ล่าสูตร Overnight และกราโนล่าสูตรมอลต์เฟลค ในขณะเดียวกันได้มีการเพิ่มความกว้างผลิตภัณฑ์ โดยออก
ผลิตภัณฑ์ของโจ๊กข้าวโอ๊ต นอกจากการเติมเต็มสายผลิตภัณฑ์แล้ว Diamond Grains ยังมีการตอกย้าภาพลักษณ์
ของแบรนด์ด้วย ลงทุนผลิตภาพยนตร์โฆษณา "Diamond Grains Secret Factory" ซึ่งเนื้อหาในภาพยนตร์
โฆษณา ได้เล่าให้เห็นถึงการคัดสรรและการดูแลวัตถุดิบ ตลอดจนการผลิตสินค้าอย่างพิถีพถิ ันในทุกขั้นตอน พร้อม
เพิ่มความถี่ในการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าจดจากาพลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน รวมถึงมีการเปิดร้าน
Diamond Grains Breakfast House ในรูป แบบ Stand Alone ถือเป็นการนาเบรนด์ข้าไปใกล้กับกลุ่มเป้าหมาย
มากขึ้น โดยที่ไม่จาปั่นต้องรับประทาน Diamond Grains เป็นมื้อเช้า เท่านั้น แต่สามารกรับประทานได้ในทุกเวลา
เป็นมิตรกับสุขภาพ ถือเป็นการเพื่อเพิ่มช่องทางการจาหน่าย และจับตลาดที่ Mass มากยิ่งขึ้น เพราะการเปิดหน้า
ร้านทาให้ลูกค้ามีโอกาสทดลองผลิตภัณฑ์มากขึ้น เมื่อเทียบกับการจาหน่ายตาม Modern Trade
DIAMOND GRAINS' MISSION
บริษัทมุ่งมั่นที่จะคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพและพัฒนาสินค้า เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในด้านสุขภาพ ด้วย
การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายและรสชาติอร่อย โดยการรับฟังข้อเสนอแนะของลูกค้าเพื่อนาไป
ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามความต้องการของลูกค้า
DIAMOND GRAINS' VISION
1. เพื่อให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ในฐานะผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาด
ต่างประเทศ
2. เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารเช้าที่ช่วยในการส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้ดียิ่งขึ้น
3. สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีความแปลกใหม่ พร้อมทั้งนาเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความสนุกสนานและมีสุขภาพดี
4. เป็นผู้นาที่มคี วามเชี่ยวชาญทางด้านอาหาร เพื่อสุขภาพและข้าถึงได้ง่าย
สมาชิกในกลุ่มที่ 3
1.เกรียงศักดิ์ แก้วเอียด 6250116003 MKT
2.นางสาวจินตกานต์ สุกช่วง 6250116005 MKT
3.นางสาวปภาดา ว่องประสิทธิกุล 6250116009 MKT
4.นางสาวฤทัยรัตน์ ทองเมือง 6250116019 MKT
5.นายณภัทร หมวกทอง 6250116030 MKT
6.นางสาวเนตรชนก อัจฉริยอุเทน 6250116031 MKT
7.นางสาวศศิชา รักบ้านเพิง 6250116035 MKT
8.นายกิตติศักดิ์ พรหมสุวรรณ 6250116041 MKT

You might also like