Professional Documents
Culture Documents
Chapter 1
Chapter 1
Relationship Marketing)
1.1 วิวฒ
ั นาการของแนวความคิดด้ านการตลาด (development of marketing concepts)
การศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการตลาดได้มกี ารพัฒนาขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1950 และ 1960 ดังนี้
ในช่ ว งปี ค.ศ. 1960 Borden (1964) พัฒนา 12 ตัว แปรของโปรแกรมการตลาด (ได้แก่
ผลิตภัณฑ์ (product) ราคา (price) การสร้างตราสินค้า (branding) การกระจายสิ นค้า (distribution) การ
ขายส่วนบุคคล (personal selling) การโฆษณา (advertising) การส่ งเสริ มการตลาด (promotions) บรรจุ
ภัณ ฑ์ (packaging) การจัดแสดงสิ นค้า (display) การบริ การ (servicing) การจัด การทางกายภาพ
(physical handling) การค้นพบความเป็ นจริ ง (fact finding) และการวิเคราะห์ (analysis)) ซึ่งต่อมาได้มี
การพัฒ นาจนเป็ นที่ รู้จ ักในฐานะของ 4Ps ของการตลาด หรื อ ส่ ว นประสมทางการตลาด กรอบ
แนวความคิ ดนี้ มองตลาดเป็ นเสมือนกลยุทธ์และการบริ หารจัดการที่จ ะต้องทาควบคู่ กนั (Webster,
1992) และกระบวนทัศน์น้ ี ได้มีอิทธิพลทั้งต่อการวิจยั ด้านการตลาดและการปฏิบตั ิ ซึ่งในช่วงเวลานี้
(ค.ศ.1960) ตลาดมีลกั ษณะเป็ น “การตลาดอุตสาหกรรม” (Christopher et al., 1991)
ในช่วงปี ค.ศ. 1970 เศรษฐกิจมีการเจริ ญเติบโตอย่างรวดเร็ วและการตลาดในช่วงเวลานั้นเป็ น
การตลาดที่ ถูก ครอบงาโดยตลาดที่มีผขู ้ ายน้อยราย (oligopoly market) (Webster, 1992; Grönroos,
2004) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผูบ้ ริ โภคที่มีความต้องการที่มากขึ้น และมีประสบการณ์ มากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์
การตลาดแบบง่าย ๆ จะไม่สามารถใช้ได้กบั ผูบ้ ริ โภคเหล่านี้ (Webster, 1992)
ในปี ค.ศ.1980 ทุกภาคส่ วนได้ให้ความสาคัญกับภาคบริ การ (Christopher et al., 1991) และ
ในช่วงเวลานี้สมาคมการตลาดแห่งสหรัฐอเมริ กา (AMA Board, 1985) ได้กาหนดนิ ยามของการตลาด
ไว้ ดังนี้
การตลาดหมายถึง “กระบวนการของการวางแผนและการดาเนิ นการ การกาหนดราคาการ
ส่งเสริ มการตลาด และการกระจายของความคิด สินค้า และบริ การ เพื่อสร้างการแลกเปลี่ยนที่ สามารถ
ตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลและตอบสนองวัตถุประสงค์ขององค์กร”
1
ส่วนประสมทางการตลาด (marketing mix) หมายถึง เครื่ องมือทางการตลาดที่ธุรกิจนามาใช้
เพื่อให้บรรลุว ตั ถุประสงค์ทางการตลาด เครื่ องมือทางการตลาดนี้ ประกอบด้ว ย ผลิตภัณ ฑ์ ราคา
สถานที่จาหน่ าย และการส่ งเสริ มการตลาด (Kotler, 2010) ทั้งนี้ มีนักวิจยั และนักการตลาดบางส่ วน
(Kotler, 1992; Takala & Uusitalo, 1996; Aijo, 1996) มองการตลาดในลักษณะนี้ ว่าเป็ นการทา
“การตลาดแบบดั้งเดิม” (Transactional Marketing - TM)
2
1.2 วิวัฒ นาการของแนวความคิด ด้ า นการตลาดเชิ ง สั ม พัน ธภาพ (the development of
relationship marketing)
ส่ ว นนี้ จะเป็ นการกล่ า วถึ ง เรื่ อง ต้น ก าเนิ ด ของการตลาดเชิ ง สัม พัน ธ์ (antecedents of
relationship marketing) และวิ ว ัฒ นาการของการตลาดเชิ ง สัม พัน ธภาพ (the development of
relationship marketing) เพื่อเป็ นการสร้างความเข้าใจพื้นฐานในเรื่ องการตลาดเชิงสัมพันธภาพ
3
การตลาดเชิงสัมพันธภาพ (Relationship Marketing) หรื อใช้ตวั ย่อว่า RM เป็ นที่ยอมรับในกลุ่ม
นักวิชาการหลายสานัก (Buttle, 1996; Christopher et al., 2002. Henning-Thurau & Hansen, 2000;
Hollensen, 2003; Grönroos, 2007; Gummesson, 2008) ว่าเป็ นองค์ประกอบสาคัญในการกาหนดกล-
ยุทธ์ขององค์กรใด ๆ ก็ตามที่มีวตั ถุประสงค์เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า พัฒนาความภักดี และ
รักษาความสัมพันธ์กบั ลูกค้าในระยะยาว (Henning-Thurau & Hansen, 2000)
การตลาดเชิงสัมพัน ธภาพถูก พูด ถึงอย่างกว้างขวางในหมู่นัก วิชาการและผูป้ ฏิบัติงานด้าน
การตลาดในช่วงเวลา 20 กว่าปี ที่ผ่านมา (Henning-Thurau & Hansen, 2000; Christopher et al., 2002;
Egan, 2004) ความขัดแย้งเรื่ องต้นกาเนิ ดของการตลาดเชิงสัมพันธภาพยังคงปรากฏให้เห็นและมีการ
ถกเถียงกันอยูว่ ่า Berry (1983) เป็ นคนแรกที่น่าจะนาคาว่า “การตลาดเชิงสัมพันธภาพ” มาใช้ในมุมมอง
ของการเป็ นแนวคิดที่ทนั สมัยในการดาเนิ นงานด้านการตลาด (ดู Grönroos, 1990; Morgan & Hunt,
1994; Sheth & Parvatiyar, 1995; Aijo, 1996; Henning-Thurau & Hansen, 2000; Christopher et al.,
2002; Buttle, 2006) ต่อมา Barbara Bund Jackson เป็ นคนแรกที่ใช้คาว่า “การตลาดเชิงสัมพันธภาพ”
ในทางตรงกันข้ามกับการทา “การตลาดแบบดั้งเดิม” และในบริ บทของธุรกิจกับธุรกิจ (business-to-
business context) (Christopher et al., 2002; Sheth, 2002; Grönroos, 2004) ในช่วงปี ค.ศ. 1990 คาว่า
“การตลาดเชิ งสัมพัน ธภาพ” ได้มี ก ารพัฒ นาเป็ นค าที่ ใ ช้ใ นการด าเนิ น งานด้านการตลาดทั่ว ไป
(Grönroos, 1990; Hunt & Morgan, 1994; Christopher et al., 2002)
ช่วงปลายคริ สต์ศตวรรษที่ 19 เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ วและรุ นแรงในสภาพแวดล้อมที่
เกี่ยวข้องกับการดาเนินงานด้านการตลาด ซึ่งหมายความว่าการได้เปรี ยบในการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ไม่ได้
ตั้งอยูบ่ นพื้นฐานของรู ปแบบหรื อลักษณะของผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่ ความพึงพอใจของลูกค้า ได้
กลายเป็ นกุญแจสาคัญในการสร้างความมัน่ ใจในการทากาไรของบริ ษทั (Barne, 1994; Aijo, 1996)
อย่างไรก็ตาม นักการตลาดจานวนหนึ่ ง (เช่น Webster, 1992; Grönroos, 1994) ได้คน้ พบว่ามีช่องว่าง
ระหว่างสิ่ งที่ถูกเขียนในตาราด้านการตลาดและการปฏิบตั ิจริ ง กรอบแนวคิดด้านการตลาดและส่ วน
ประสมทางการตลาด หรื อ 4Ps ไม่อาจจะรักษาลูกค้าไว้ได้ท้งั ลูกค้าในกลุ่มผูบ้ ริ โภคหรื อลูกค้าในตลาด
อุตสาหกรรม (Gummesson 1987; Gronroos, 1994) เนื่ องจาก แนวคิดการตลาดที่เกี่ยวข้อง 4Ps ได้ถูก
นาไปใช้กบั กลุ่มลูกค้าทัว่ ไป และนาเสนอสินค้าอุปโภคบริ โภคที่มีมาตรฐานเดียวกันเท่านั้น เมื่อเทียบ
กับ การการตลาดเชิ ง สั ม พัน ธภาพที่ ส ามารถสร้ า งความสั ม พัน ธ์ ก ับ ลู ก ค้า แต่ ล ะรายและอย่ า ง
เฉพาะเจาะจง แนวคิ ดการตลาดเชิงสัมพันธภาพจึงสามารถสร้างความแตกต่างด้านการรั บรู ้ระหว่าง
ทฤษฎีและการปฏิบตั ิ นอกจากนั้น Grönroos (1994) ยังกล่าวว่า การตลาดเชิงสัมพัน ธภาพได้ถูก
นาไปใช้อย่างกว้างขวางในอุต สาหกรรมบริ ก าร การตลาดบริ ก าร และการจัดการช่ องทางการจัด
4
จาหน่ าย โดยมีวตั ถุประสงค์หลัก คือ การเปลี่ยนแปลงจากการจาหน่ ายผลิตภัณฑ์ให้เป็ นการส่ งมอบ
คุณค่าที่เหนือกว่าให้กบั ลูกค้า (Christopher, 1996) การตลาดเชิงสัมพันธภาพอาจจะเรี ยกว่า “การจัดการ
ที่มุ่งเน้นลูกค้า” (Gummesson, 1994) และ “การจัดการความสัมพันธ์ ” (Payne et al., 1994) ดังนั้น
การตลาดเชิงสัมพันธภาพจึงเป็ นที่รับรู ้กนั ว่าเป็ นองค์ประกอบสาคัญในจัดการกลยุทธ์ขององค์กร ซึ่งมี
วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า สร้างความภักดี และรักษาความสัมพันธ์กบั ลูกค้าในระยะ
ยาว (Henning-Thurau & Hansen, 2000)
ตารางที่ 1 การพัฒนาแนวคิดด้านการตลาดเชิงสัมพันธภาพ
5
1.2.3 การเปรี ย บเที ย บการตลาดแบบดั้ ง เดิ ม กั บ การตลาดเชิ ง สั ม พั น ธภาพ (comparison between
Transactional Marketing (TM) and Relationship Marketing (RM))
ในส่วนนี้จะเป็ นการเปรี ยบเทียบการตลาดแบบดั้งเดิมกับการตลาดเชิงสัมพันธภาพ ดังนี้
6
ตารางที่ 3 การเปรี ยบเทียบการตลาดแบบดั้งเดิมกับการตลาดเชิงสัมพันธภาพภาษาไทย
การตลาดแบบดั้งเดิม การตลาดเชิงสัมพันธภาพ
7
การจัดการการบริ การเป็ นประเด็นหลักสาคัญของการสร้างความสัมพันธ์และการรักษาลูกค้า (Grönroos
& Strandvik, 1997)
8
ลักษณะนี้ มีความโดดเด่นในด้านที่ ผมู ้ ีความสัมพันธ์ท้ งั สองฝ่ ายมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และมี
ความตั้งใจที่จะมีส่วนร่ วมในกระบวนการที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน