Professional Documents
Culture Documents
Improving the process of receiving raw materials before production, quality checking before
delivering to customers.
Case Study: Sanitary Ware Manufacturing Company
จตุพร สิ งห์ค ำ
Jatuporn Singkham
ศิวกร ทิพย์สุขมุ
chiwagon thipsukhum
ฉัตรวิภา แหวนวิเศษ
Chatwipa Wanwiset
ทยาภรณ์ มีเชาวน์
Thayaporn Meechao
Improving the process of receiving raw materials before production, quality checking before
delivering to customers.
Case Study: Sanitary Ware Manufacturing Company
จตุพร สิ งห์ค ำ
Jatuporn Singkham
ศิวกร ทิพย์สุขมุ
chiwagon thipsukhum
ฉัตรวิภา แหวนวิเศษ
Chatwipa Wanwiset
ทยาภรณ์ มีเชาวน์
Thayaporn Meechao
ใบรับรองรายงานการปฏิบัติงานสหกิจศึกษา
หัวข้ อสหกิจศึกษา การปรับปรุ งกระบวนการรับเข้าวัตถุดิบก่อนการผลิตการตรวจสอบคุณภาพก่อนส่ งมอบลูกค้า
กรณี ศึกษา : บริ ษทั ผูผ้ ลิตสุขภัณฑ์
Improving the process of receiving raw materials before production, quality checking before delivering to customers.
Case Study: Sanitary Ware Manufacturing Company
ชื่อนักศึกษา นางสาว จตุพร สิ งห์ค ำ นาย ศิวกร ทิพย์สุขมุ นางสาว ฉัตรวิภา แหวนวิเศษ
นางสาว ปวีณา ศรี สุข นางสาว ทยาภรณ์ มีเชาวน์
อาจารย์ ที่ปรึกษา ดร.จิราวรรณ เนียมสกุล บริ หารธุรกิจ
หลักสู ตร บริ หารธุรกิจบัณฑิต
สาขาวิชา การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน
ปี การศีกษา 2565
....................................................................................
(ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. วีรวิชญ์ เลิศไทยตระกูล)
รองคณะบดีคณะโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
..................................................................................
(ดร.จิราวรรณ เนียมสกุล)
หัวหน้าสาขาวิชาการจัดการ โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน
......................................................................................
(ดร. จิราวรรณ เนียมสกุล)
อาจารย์ที่ปรึ กษาสหกิจศึกษ
II
หนังสือรับรองการส่ งรายงานการปฏิบัติงานสหกิจศึกษา
วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565
จึงเรี ยนมาเพื่อโปรดพิจารณา
...................................................
ขอแสดงความนับถือ
นางสาว จตุพร สิ งห์ค ำ
นาย ศิวกร ทิพย์สุขมุ
นางสาว ฉัตรวิภา แหวนวิเศษ
นางสาว ปวีณา ศรี สุข
นางสาว ทยาภรณ์ มีเชาวน์
III
กิตติกรรมประกาศ
การที่ศึกษากรณีศึกษาตามโครงการสหกิจศึกษา ณ บริ ษทั โกรเฮ่ สยาม จำกัด ทำให้ดิฉนั ได้รับความรู้และ ประสบการณ์
ในการทำงานจริ งรวมทั้งทักษะในการทำงานด้านต่างๆ ที่มีคุณค่า สำหรับรายงานสหกิจ ฉบับนี้ สำเร็จลงได้ดว้ ยดี เนื่องจาก
การสนับสนุนและความร่ วมมือจากหลายฝ่ าย ดังนี้
1)
2)
3) ดร.จิราวรรณ เนียมสกุล อาจารย์ที่ปรึ กษาสหกิจศึกษา
นอกจากนี้ยงั มีบุคคลท่านอื่นๆ ที่มิได้กล่าวไว้ ณ ที่น้ ี ซึ่งท่านเหล่านี้ได้กรุ ณาให้ค ำแนะนำในการจัดทํารายงานฉบับนี้
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้มีส่วนร่ วมในการให้ขอ้ มูล คำแนะนำ และเป็ นที่ปรึ กษาใน จัดทำรายงานฉบับนี้ จนเสร็ จ
สมบูรณ์
.......................................................
นางสาว จตุพร สิ งห์ค ำ
นาย ศิวกร ทิพย์สุขมุ
นางสาว ฉัตรวิภา แหวนวิเศษ
นางสาว ปวีณา ศรี สุข
นางสาว ทยาภรณ์ มีเชาวน์
ผูจ้ ดั ทำรายงาน
วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2565
IV
ชื่อนักศึกษา นางสาว จตุพร สิ งห์ค ำ นาย ศิวกร ทิพย์สุขมุ นางสาว ฉัตรวิภา แหวนวิเศษ
นางสาว ปวีณา ศรี สุข นางสาว ทยาภรณ์ มีเชาวน์
อาจารย์ ที่ปรึกษา ดร.จิราวรรณ เนียมสกุล บริ หารธุรกิจ
หลักสู ตร บริ หารธุรกิจบัณฑิต
สาขาวิชา การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน
ปี การศีกษา 2565
บทคัดย่ อ
สารบัญ
หน้ า
ใบรับรองรายงานการปฏิบตั ิงานสหกิจศึกษา I
หนังสื อรับรองการส่ งรายงานการปฏิบตั ิงานสหกิจศึกษา II
กิตติกรรมประกาศ III
บทคัดย่อ IV
สารบัญตาราง VI
สารบัญภาพ VIII
บทที่ 1 บทนำ
ประวัติความเป็ นมาขององค์การ.........................................................................................................2
ลักษณะทางธุรกิจ...............................................................................................................................3
บทที่ 3 รายละเอียดของโครงงาน
สภาพการณ์และปัญหา...........................................................................................................
วัตถุประสงค์ของโครงงาน.....................................................................................................
ขั้นตอนดำเนินการทำวิจยั ......................................................................................................
ผลที่คาดว่าจะได้รับ..................................................................................................................
นิยามคำศัพท์.........................................................................................................................
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
ที่มาและความสำคัญของปัญหา………………………………………………………
วิเคาระห์สภาพปัญหา…………………………………………………………………
แนวทางแก้ไขปัญหา.......................................................................................................
VI
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ประวัติผจู ้ ดั ทำโครงงาน
VI
สารบัญตาราง
VII
สารบัญภาพ
1
บทที่ 1
บทนำ
1. ชื่อหน่วยงาน
ตราสัญลักษณ์ประจำหน่วยงาน
2.ที่ต้ งั ของสถานประกอบการ
2
บริ ษทั โกรเฮ่ สยาม จำกัด สถานที่ต้ งั 203 หมู่ 10 หมู่บา้ นเชียงใหม่แลนด์ ตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 21110
ที่มา : http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?action=profile;u=5842;sa=showPosts;start=2540
บริ ษทั โกรเฮ่ สยาม จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 โดยก่อตั้งบริ ษทั ที่203 หมู่ 10 หมู่บา้ นเชียงใหม่แลนด์ ตำบลบ้านนา
อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 21110 บริ ษทั โกรเฮ่ สยาม จำกัด ผูผ้ ลิตสิ นค้าก๊อกน้ำ ฝักบัวและอุปกรณ์ในห้องน้ำระดับพรี เมี่
ยมชั้นนำรายใหญ่ของโลก เข้าสู่ยคุ ของเทคโนโลยี 4.0 เป็ นหนึ่งในโรงงานที่ทนั สมัยและยัง่ ยืนที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เป็ น
ส่วนหนึ่งของกลุ่มบริ ษทั ลิกซิล (LIXIL Group Corporation) บริ ษทั ฯได้รับรองมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO 14001 และ
ได้มีการสร้างโรงงานถึง 3 โรงงาน ได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่ อยๆทุกปี
4.การจัดองค์กร
3
ลักษณะทางธุรกิจ
ปัจจุบนั บริ ษทั โกรเฮ่ เป็ นผูผ้ ลิตอุปกรณ์รายใหญ่ที่สุดของยุโรปและมีืสัดส่ วน 8 เปอร์เซ็นของตลาดทัว่ โลก ตลาดเยอรมัน
คิดเป็ นประมาณ 15 เปอรเซ็นของยอดขายโดยรวม ปัจจุบนั โกรเฮ่เป็ นเจ้าของเกือบ 100% โดยโกรเฮ่ยงั มีผถู้ ือหุน้ ส่ วนน้อย
บางส่วนจ่กช่วงที่โกรเฮ่ เข้าจดทะเบียนตลาดหุ ้น ะเน้นการผลิตเครื่ องสุ ขภัณฑ์ที่ท ำจากทองเหลืองอย่างเต็มรู ปแบบ บริ ษทั ฯ
ได้ท ำการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ รวมถึงโรงหลอมกลาง และเครื่ องหล่อความดันต่ำ ซึ่ง ปัจจุบนั มีพนักงาน 650 คน และตั้งเป้ า
ว่าจะเพิ่มจำนวนเป็ นมากกว่า 900 คน ในปี พ.ศ. 2549 บริ ษทั ฯ ได้ท ำการจ้างพนักงานฝ่ ายผลิต วิศวกรอุตสาหกรรม และ
วิศวกรเพื่อ พัฒนาระบบ เทคโนโลยีการหล่อ การผลิตเหล็กและเครื่ องมือ และการผลิตแบบลีน แมนูแฟคเชอริ่ ง (lean
manufacturing) จากการก่อสร้างในช่วงสองสามเดือนที่ผา่ นมา ได้มีการขยายพื้นที่จาก 42,000 ตารางเมตร เป็ น 84,000
ตารางเมตร ซึ่งในที่น้ ี 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ที่เพิม่ ขึ้นถึง 10,000 ตารางเมตร เป็ นพื้นที่การผลิต นอกจากนี้ ยังเพิม่ พื้นที่
อาคารสำหรับพนักงาน 800 ตารางเมตร รวมถึงสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน ลานจอดรถและบ่อบำบัดน้ำ
บทที่ 2
แนวคิดและทฤษฎีทเี่ กีย่ วข้ อง
1.แนวคิดเกีย่ วกับขั้นตอนกระบวนการผลิต
1.1 ความหมายของกระบวนการผลิต
กระบวนการผลิต (production process)
กระบวนการผลิต (Production process) มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการ อันได้แก่ ปัจจัยนำเข้า (Input), กระบวนการ
แปลงสภาพ (Conversion Process) และผลผลิต (Output) โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ปัจจัยนำเข้า (Input) คือทรัพยากรขององค์การที่ใช้ผลิตทั้งที่เป็ นสิ นทรัพย์ที่มีตวั ตน (Tangible Assets) เช่น วัตถุดิน
เครื่ องจักร อุปกรณ์ และสิ นทรัพย์ที่ไม่มีตวั ตน (Intangible Assets) เช่น แรงงาน ระบบการจัดการ ข่าวสาร ทรัพยากรที่ใช้จะ
ต้องมีคุณสมบัติและประโยชน์ใช้สอยที่เหมาะสม และมีตน้ ทุนการผลิตที่ต ่ำ เพื่อให้สินค้าสำเร็จรู ปสามารถแข่งขันทางด้าน
ราคาได้ในท้องตลาด
กระบวนการแปลงสภาพ (Conversion Process) เป็ นขึ้นตอนที่ท ำให้ปัจจัยนำเข้าที่ผา่ นเข้ามามีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ
ได้แก่
1. รู ปลักษณ์ (Physical) โดย การผ่านกระบวนการผลิตในโรงงาน
2. สถานที่ (Location) โดย การขนส่ ง การเก็บเข้าคลังสิ นค้า
3. การแลกเปลี่ยน (Exchange) โดย การค้าปลีก การค้าส่ ง
4. การให้ขอ้ มูล (Informational) โดย การติดต่อสื่ อสาร
5. จิตวิทยา (Psychological) โดย การนันทนาการ ฯลฯ
ผลผลิต (Output) เป็ นผลได้จากระบบการผลิตที่มีมูลค่าสูงกว่าปัจจัยนำเข้าที่รวมกันอันเนื่องมาจากที่ได้ผา่ นกระบวนการ
แปลงสภาพ ผลผลิตแบ่งเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ สิ นค้า (Goods) และบริ การ (Service)
2.1 ความหมายของการขนส่ ง
แลมเบิร์ต, สต็อค และเอลแรม (2546: 137) อธิบายว่า การขนส่ ง หมายถึง การ เคลื่อนย้ายสิ นค้าจากสถานที่ผลิตไปยัง
สถานที่บริ โภคสิ นค้านั้น ซึ่งการเคลื่อนย้ายสิ นค้าระหว่าง สถานที่ ดังกล่าวก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่สินค้า ซึ่งมูลค่าเพิม่ นี้เรี ยก
ว่า อรรถประโยชน์ดา้ นสถานที่ (Place Utility)นอกจากนี้การขนส่ งยังก่อให้เกิดอรรถประโยชน์ดา้ นเวลา (Time Utility) ซึ่ง
เกิดขึ้น จากการเก็บรักษาสิ นค้าไว้จนกระทัง่ เกิดความต้องการในการบริ โภคสิ นค้านั้น วิโรจน์ พุทธวิถี (2547: 170) อธิบาย
ว่า การขนส่ งเป็ นการเคลื่อนย้ายสิ นค้าและบริ การ จากแหล่งผูผ้ ลิตหรื อผูจ้ ดั เก็บ ไปยังลูกค้าในระดับต่าง ๆ การขนส่ งจะเป็ น
ตัวขับเคลื่อนสิ นค้าหรื อ บริ การเข้าไปยังกลุ่มเป้ าหมายทางการตลาด ทำให้สินค้าและบริ การถูกส่ งมอบไปในที่ที่ตอ้ งการ
บริ โภค และสิ นค้าหรื อบริ การนั้นจะเป็ นที่รู้จกั มากขึ้นจากข้อมูลข้างต้นสรุ ปได้วา่ การขนส่ งคือการ เคลื่อนย้ายบุคคลหรื อ
สิ่ งของจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งซึ่งก่อให้เกิดอรรถประโยชน์ดา้ น สถานที่และเวลา และมีรูปแบบในการขนส่ ง
ที่หลากหลายแตกต่างกัน บริ การเข้าไปยังกลุ่มเป้ าหมายทางการตลาด ทำให้สินค้าและบริ การถูกส่ งมอบไปในที่ที่ตอ้ งการ
บริ โภค และสิ นค้าหรื อบริ การนั้นจะเป็ นที่รู้จกั มากขึ้นจากข้อมูลข้างต้นสรุ ปได้วา่ การขนส่ งคือการ เคลื่อนย้ายบุคคลหรื อ
สิ่ งของจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งซึ่งก่อให้เกิดอรรถประโยชน์ดา้ น สถานที่และเวลา และมีรูปแบบในการขนส่ ง
ที่หลากหลายแตกต่างกัน
ควบคุม คุณภาพของการเก็บ การหยิบสิ นค้า การป้ องกัน ลดการสูญเสี ยจากการ ดำเนินงานเพื่อให้ตน้ ทุน การดำเนิน
งานต่ำที่สุด และการใช้ประโยชน์เต็มที่จากพื้นที่ วัตถุประสงค์ของการจัดการคลังสิ นค้า (Objective of Warehouse
Management) ลดระยะทางในการปฏิบตั ิการในการเคลื่อนย้ายให้มากที่สุด การใช้พ้ืนที่และปริ มาตรในการจัดเก็บให้
เกิดประโยชน์สูงสุ ด สร้างความมัน่ ใจว่าแรงงาน เครื่ องมือ อุปกรณ์ สาธารณูปโภคต่างๆ มีเพียงพอและ สอดคล้อง กับ
ระดับของธุรกิจที่ได้วางแผนไว้
4.วิธีการแก้ปัญหาการจัดการพืน้ ที่จัดเก็บวัตถุดบิ
บทสรุป
ขึ้นชื่อว่าธุรกิจ ไม่วา่ จะเป็ นในรู ปแบบใด ต่างก็ตอ้ งมีตน้ ทุนในการผลิตหรื อจัดหาสิ นค้าและบริ การด้วยกันทั้งสิ้ น ซึ่ง
ต้นทุนเหล่านั้นอาจนำมาซึ่งความเสี ยหายของผลประกอบการได้ เราอาจมองว่าเป็ นการยากถ้าจะต้องหาวิธีใดสักวิธี
เพื่อลดสิ่ งไม่จ ำเป็ นลงหรื อแม้แต่การจะมองหาว่าสิ่ งใดไม่จ ำเป็ นในกระบวนการของการทำงาน เพราะเรามองเพียงจุด
เล็ก ๆ ที่เป็ นเพียงส่ วนหนึ่งของกระบวนการทั้งหมด แต่หากปรับมุมมอง ปรับเปลี่ยนหรื อพลิกแพลงวิธีการ ก็อาจจะ
เห็นจุดบกพร่ องเหล่านั้นแล้วแก้ไขได้อย่างตรงจุด ซึ่งทั้งเจ้าของธุรกิจ ผูบ้ ริ หาร และบุคลากรในองค์กรก็สามารถช่วย
กันลดต้นทุนที่สูญเปล่านี้ลงได้ดว้ ยวิธี ECRS นี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ผลประกอบการดีข้ ึน แต่ยงั เพิม่ ประสิ ทธิภาพใน
การทำงานอีกด้วย
6.1.1 เมื่อต้องการค้นหาสาเหตุแห่งปัญหา
สิ่ งสำคัญในการ สร้างแผนผัง คือ ต้องทําเป็ นทีม เป็ นกลุ่ม โดยใช้ข้นั ตอน 6 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
6.2.2 กำหนดกลุ่มปัจจัยที่จะทำให้เกิดปัญหานั้นๆ
6.2.3 ระดมสมองเพื่อหาสาเหตุในแต่ละปัจจัย
6.2.4 หาสาเหตุหลักของปัญหา
6.2.5 จัดลำดับความสำคัญของสาเหตุ
6.3 การกำหนดปัจจัยบนก้างปลา
M – Method กระบวนการทํางาน
ที่มา : https://perchai.wordpress.com/2012/06/07/25/
4) สาเหตุหลัก
5) สาเหตุยอ่ ย
11
การทดสอบสมมุติฐานข้ อมูล
บทสรุป เชิงคุณภาพ/เชิงผันแปร
ความน่าจะเป็ น
ประวัติและขอบเขตของมาตรฐาน MIL-STD-105 E
มาตรฐาน MIL-STD-105 E เป็ นมาตรฐานที่ประกันคุณภาพด้วยระดับคุณภาพที่สามารถยอมรับ (Acceptable
Quality Level; AQL) โดยมีจุดเริ่ มต้นจากตารางแผนการชักสิ่ ง ตัวอย่างของกรมสรรพวุธแห่งสหรัฐอเมริ กาในปี พ.ศ.
2485 จากนั้นได้มีการพัฒนาแผนดังกล่าวอีกเล็กน้อยใน พ.ศ. 2488 โดยกลุ่มนักวิจยั ด้านสถิติของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
ได้พฒั นาตารางสุ่ มตัวอย่างทางสถิติข้ ึนมาใช้ในกองทัพเรื อและต่อมาในปี พ.ศ. 2492 กระทรวงกลาโหมแห่ง
15
สหรัฐอเมริ กาได้มีการพัฒนาต่อ โดยใช้ชื่อมาตรฐาน JAN-STD-105 (Joint Army Nary Standard 105) และต่อมาในปี
พ.ศ. 2493 ได้เปลี่ยนชื่อเป็ น MIL-STD-105A (Military Standard 105 A)
มาตรฐาน MIL-STD-105A ได้รับการเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อยในปี พ.ศ. 2501 และ ปี พ.ศ. 2504 ได้มีการเปลี่ยนชื่อ
เป็ น MIL-STD-105B และ MIL-STD-105 C ตามลำดับ
ในระหว่างปี พ.ศ. 2503 ถึงปี พ.ศ. 2505 กองทัพของประเทศสหรัฐอเมริ กา อังกฤษ และแคนาดาได้ส่งผูเ้ ชี่ยวชาญเพื่อ
ทําหน้าที่ยกร่ างมาตรฐานการชักสิ่ งตัวอย่างเพื่อการยอมรับสําหรับใช้ร่วมกันในประเทศทั้งหลายและเรี ยกมาตรฐานนี้วา่
ABC-STD-105 (ABC มา จากอักษรตัวแรกของประเทศทั้งสามคือ America Britain and Canada)
กระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริ กาได้ประกาศใช้เป็ นมาตรฐาน MIL-STD-105 D เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2506
พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อยในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 และวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2507
ในปี พ.ศ. 2514 สํานักมาตรฐานแห่งชาติสหรัฐอเมริ กาได้ยอมรับมาตรฐาน MILSTD-105D เป็ นมาตรฐานแห่งชาติ
ภายใต้ชื่อ ANSI Z 1.4 (American National Standard Institute) ต่อมาได้รับการพัฒนาเก้ไขอีกครั้งในปี พ.ศ. 2524 และ
ครั้งสุ ดท้ายในปี พ.ศ. 2536
มาตรฐาน MIL-STD-105D ได้รับการประกาศให้เปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2532 โดยใช้ชื่อว่า
มาตรฐาน MIL-STD-105E แต่ในปี พ.ศ. 2538 ทาง กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริ กาได้ประกาศยกเลิกใช้ MIL-STD-
105E เนื่องจากมาตรฐาน แห่งชาติอเมริ กาคือ ANSUASQC Z 1.4 ฉบับปี พ.ศ. 2536 มีความใกล้เคียงกับ MIL-STD-105E
มาก และแนะนําให้องค์กรคู่คา้ ของกระทรวงกลาโหมหันไปควบคุมด้านมาตรฐาน ANSI Z 1.4 แทน อย่างไรก็ตาม การ
ประกาศดังกล่าวก็ไม่มีผลต่อองค์กรอื่น ๆ แต่อย่างใด ทางสํานักงานระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานโดย ISO/TC 69 ได้
มีการศึกษามาตรฐาน ANSI Z 1.4 พร้อมกับแก้ไขเล็กน้อยและประกาศเป็ นมาตรฐานระหว่างประเทศทางใต้ ชื่อว่า ISO-
2859 ในปี 2517 และมีการแก้ไขครั้งสุ ดท้ายในปี พ.ศ. 2528
สำหรับประเทศไทย สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้มีการประกาศใช้มาตรฐาน มอก. 2465-
2527 ซึ่งมีพ้ืนฐานมาจาก ISO 2459 และ MIL-SID-105D ตาม ประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 11 มกราคม
พ.ศ. 2527 และยังไม่มีการแก้ไข หลังจากปัจจุบนั นี้
ขอบเขตมาตรฐาน
มาตรฐาน MIL-STD-105E เป็ นมาตรฐานที่ได้จดั ทําขึ้นเพื่อใช้เป็ นวิธีการและแผนในการชักสิ่ งตัวอย่างจากลอตหรื อ
แบช เพื่อการตรวจสอบแบบเชิงคุณภาพ (Attribute) ซึ่งหมายถึง การตรวจสอบเพียงเพื่อระบุวา่ หน่วยผลิตภัณฑ์ (Unit of
Product) ที่ได้รับการตรวจสอบเป็ นผลิตภัณฑ์ที่บกพร่ องหรื อไม่หรื อเพื่อบ่งชี้ถึงจํานวนข้อบกพร่ องในหน่วยผลิตภัณฑ์
เพื่อเปรี ยบเทียบกับคุณลักษณะที่กาํ หนด
มาตรฐาน MIL-STD-105E โดยมีการรวบรวมแผนการชักสิ่ งตัวอย่างไว้ 15 แบบ แผนซึ่งแสดงโดยใช้อกั ษรในภาษา
อังกฤษ A ถึง R (ยกเว้น 1 และ O) และ s (เฉพาะการตรวจสอบ แบบเคร่ งครัด) โดยแต่ละแบบแผนประกอบด้วยแผนการ
ชักสิ่ งตัวอย่างจํานวนมากขึ้นอยูก่ บั ขนาดของระดับคุณภาพที่สามารถยอมรับ (AQL)
แผนการชักสิ่ งตัวอย่ างที่ระบุในมาตรฐานนี้ ได้ รับการออกแบบเพือ่ การตรวจสอบสิ่ งต่อไปนี้ เช่ น
ผลิตภัณฑ์ ข้นั สํ าเร็จรูป
ชิ้นส่ วนสำหรับประกอบและวัตถุดบิ
การปฏิบัติการหรือการบริการ
วัสดุในระหว่ างผลิต
สิ นค้ าในคลังหรือรอการส่ งมอบ
นิยามคําศัพท์ ของมาตรฐาน MIL-STD-105E
1. ลอตหรือแบช
16
ลอดหรื อแบช (Lot/Batch) หมายถึง สิ่ งที่เกิดจากการรวบรวม (Collection) หน่วย ผลิตภัณฑ์ (Unit of Inspection
Lot) หรื อแบบเพื่อการตรวจสอบ (Inspection Batch) มิใช่ลอดหรื อ แบบที่รวบรวมขึ้นเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ เช่น การผลิต
การขนส่ ง เป็ นต้น
สําหรับขนาดของลอดหรื อแบช (Lot or Batch Size) หมายถึงจํานวนหน่วยผลิตภัณฑ์ในลอดหรื อแบบหนึ่ง ๆ
2. ข้ อบกพร่ อง
ข้อบกพร่ อง (Defect) หรื อรอยตําหนิ หมายถึง สภาพลงหน่วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็ นไปตาม (Nonconformance of the
unit of product) ความต้องการที่ระบุไว้ ซึ่งสามารถจําแนก ออกได้เป็ น 3 ประเภท ตามความรุ นแรง (Seriousness) ของข้อ
บกพร่ อง
2.1 ข้ อบกพร่ องวิกฤต (Critical Defect) หมายถึงข้อบกพร่ องที่มีการระบุโดย การตัดสิ นใจและประสบการณ์แล้ว
ว่าจะมีผลต่อสภาพที่ทาํ ให้เกิดอันตราย หรื อสภาพไม่ปลอดภัย (Unsafe Condition) ต่อบุคคล เมื่อมีการนําไปใช้งาน
2.2 ข้ อบกพร่ องสํ าคัญ (Major Defect) หมายถึง ข้อบกพร่ องที่อาจทําให้ ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถใช้งานได้ หรื อ
เป็ นการลดประสิ ทธิภาพในการใช้งานของผลิตภัณฑ์น้ นั ๆ ลง
2.3 ข้ อบกพร่ องย่ อย (Minor Defect) หมายถึงข้อบกพร่ องที่ไม่ถึงกับเป็ นเหตุ ให้ประสิ ทธิภาพในการใช้งานของ
ผลิตภัณฑ์น้ นั ๆ ลดลง หรื อเป็ นข้อบกพร่ องที่ผดิ ไปจากเกณฑ์ กําหนดเพียงเล็กน้อย และมีผลต่อประสิ ทธิผลในการใช้งาน
ผลิตภัณฑ์น้ นั น้อยมาก
ในการกําหนดถึงปริ มาณของข้อบกพร่ องมาตรฐาน MIL-STD-105E กําหนดให้อยู่ ในรู ปของจํานวนข้อบกพร่ องต่อ
ร้อยหน่วยผลิตภัณฑ์ (Defect per Hundred unit) ซึ่งหมายถึง ร้อย ละของจํานวนข้อบกพร่ องต่อจํานวนหน่วยผลิตภัณฑ์ที่ทาํ
การตรวจสอบ ดังนี้
จำนวนข้อบกพร่ องต่อร้อยหน่วย = จำนวนข้อบกพร่ อง x 100
จำนวนผลิตภัณฑ์ที่ทำการตรวจสอบ
3. ผลิตภัณฑ์ บกพร่ อง
ผลิตภัณฑ์บกพร่ อง (Defective) หรื อของเสี ย หมายถึง หน่วยผลิตภัณฑ์ที่มี ข้อบกพร่ องอย่างน้อยหนึ่งข้อ ใน
มาตรฐาน MIL-STD-105E ได้นิยามผลิตภัณฑ์บกพร่ องไว้ 3 ประเภท คือ
3.1 ผลิตภัณฑ์ บกพร่ องวิกฤต (Critical Defective) หมายถึง หน่วยผลิตภัณฑ์ ที่มีขอ้ บกพร่ องวิกฤตอย่างน้อยหนึ่ง
ข้อ และอาจจะมีขอ้ บกพร่ องสําคัญ หรื อข้อบกพร่ องย่อยก็ได้
3.2 ผลิตภัณฑ์ บกพร่ องสําคัญ (Major Defective) หมายถึง หน่วยผลิตภัณฑ์ที่ มีขอ้ บกพร่ องสําคัญอย่างน้อยหนึ่ง
ข้อ และอาจจะมีขอ้ บกพร่ องย่อยด้วยก็ได้ แต่จะต้องไม่มี ข้อบกพร่ องวิกฤตรวมอยูด่ ว้ ย )
3.3 ผลิตภัณฑ์ บกพร่ องย่ อย (Minor Defective) หมายถึง หน่วยผลิตภัณฑ์ที่มี ข้อบกพร่ องย่อยอย่างหนึ่งข้อ แต่จะ
ต้องไม่มีขอ้ บกพร่ องวิกฤต หรื อข้อบกพร่ องสําคัญรวมอยูด่ ว้ ย
ในการกําหนดถึงปริ มาณของผลิตภัณฑ์บกพร่ อง มาตรฐาน MIL-STD-105 E กําหนดให้อยูใ่ นรู ปของค่าร้อยละ
ผลิตภัณฑ์บกพร่ อง (Percent Defective) ซึ่งหมายถึงค่าร้อยละ ของจํานวนผลิตภัณฑ์บกพร่ องต่อจํานวนหน่วยผลิตภัณฑ์ที่
ทําการตรวจสอบดังนี้
จำนวนข้อบกพร่ อง
ค่าร้อยละผลิตภัณฑ์ที่บกพร่ อง = x 100
จำนวนผลิตภัณฑ์ที่ทำการตรวจสอบ
17
แผนการชักสิ่ งตัวอย่ าง
มาตรฐาน MIL-STD-105E กําหนดให้มีการเลือกหน่วยผลิตภัณฑ์ที่จะมาทําการตรวจสอบ แบบสุ่ ม (Random) จากล
อตหรื อแบช และจะเรี ยกหน่วยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับเลือกมาตรวจสอบนี้ วา่ สิ่ งตัวอย่าง (Sample) และเรี ยกวิธีการเลือกหน่วย
ผลิตภัณฑ์จากลอตหรื อแบชนี้ วา่ การชักสิ่ ง ตัวอย่าง (Sampling) และจะเรี ยกจํานวนหน่วยผลิตภัณฑ์ในสิ่ งตัวอย่างว่า ขนาด
สิ่ งตัวอย่าง (Sampling Size) โดยในมาตรฐาน MIL-STD-10SE ได้กาํ หนดให้อยูใ่ นรู ปของอักษรรหัส (Code Letter) ซึ่งได้
กําหนดอักษรตั้งแต่ A ถึง R (ยกเว้น 1 และ O) และ s (เฉพาะการตรวจสอบแบบ เคร่ งครัด) รวมทั้งหมด 15 อักษรรหัส
ในการชักสิ่ งตัวอย่างแบบสุ่มสามารถทําได้ 2 วิธีคือ การชักสิ่ งตัวอย่างสุ่ มอย่างง่าย (Sinople Random Sampling) ซึ่ง
หมายถึง การชักสิ่ งตัวอย่างโดยให้โอกาสเท่า ๆ กันทุกครั้ง แก่หน่วยผลิตภัณฑ์ท้ งั หมดในลอตหรื อแบชที่ทาํ การตรวจสอบ
และการชักสิ่ งตัวอย่างและสุ่ มอย่างมีระบบ (Systematic Random Sampling) ซึ่งหมายถึงการชักสิ่ งตัวอย่างโดยยังคงให้
โอกาสเท่ากันแก่หน่วยผลิตภัณฑ์ท้ งั หมดในลอตหรื อเเบชที่ทาํ การตรวจสอบแต่จะมีมีการกําหนดช่วง (Internal) ซึ่งอาจจะ
หมายถึงช่วงของหน่วยผลิตภัณฑ์ (Unit Internal) หรื อช่วงเวลา (Tirne Internal) ก็ได้แล้วจึงทําการเลือกสิ่ งตัวอย่างจากแต่ละ
ช่วงที่กาํ หนด
มาตรฐาน MIL-STD-105E ได้แบ่ งแผนการชักสิ่ งตัวอย่างออกเป็ น 3 แบบคือ
18
3. แผนการชักสิ่ งตัวอย่างหลายเชิง (Multiple Sampling Plan) หมายถึง การชักสิ่ งตัวอย่าง จากลอตหรื อแบชมากกว่า 2
ตัวอย่างจึงจะตัดสิ นใจได้วา่ จะยอมรับลอตหรื อแบชหรื อไม่
2 แผนการชักสิ่งตัวอย่างเชิงคู่
โดยกําหนดให้จาํ นวนหน่วยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตรวจสอบเท่ากับขนาดตัวอย่าง ครั้งที่ 1 (n1) ถ้าพบข้อบกพร่ องหรื อ
จํานวนผลิตภัณฑ์บกพร่ องที่วา่ ไม่เกินตัวเลขแห่งการยอมรับ ครั้งที่ 1 (Ac1) ให้ทาํ การยอมรับลอตหรื อแบชนั้น แต่ถา้ หาก
ํ าตัวเลขแห่งการปฏิเสธครั้งที่ 1 (Re1) ใช้ทาํ การชักสิ่ งตัวอย่างครั้งที่ 2
ข้อบกพร่ องหรื อจํานวนผลิตภัณฑ์ บกพร่ อง ไม่ต่ากว่
(n2) โดยการนับจํานวนข้อบกพร่ องและผลิตภัณฑ์บกพร่ องที่ได้จากการตรวจสอบทั้งสองครั้งเข้าด้วยกัน ถ้าหากจํานวน
สะสมข้อบกพร่ องหรื อจํานวนผลิตภัณฑ์บกพร่ องไม่เกินตัวเลขแห่งการยอมรับครั้งที่ 2 (Ac2) ให้ทาํ การยอมรับลอตหรื อแบ
ชนั้น แต่ถา้ หากจํานวนสะสมข้อบกพร่ องหรื อจํานวนสะสมผลิตภัณฑ์บกพร่ องไม่ต ่ำกว่า ตัวเลขแห่งการปฏิเสธครั้งที่ 2
(Re2) ให้ทาํ การปฏิเสธลอตหรื อแบชนั้น
3 แผนการชักสิ่งตัวอย่างหลายเชิง
การชักส่ งตัวอย่างหลายเชิง จะมีวิธีการเหมือนเดิมแผนการชักสิ่ งตัวอย่างเชิงคู่ ทุกประการ เพียงแต่การชักสิ่ งตัวอย่าง
หลายเชิงจะมีการชักสิ่ งตัวอย่างมากกว่า 2 ครั้ง และอาจจะมี การชักสิ่ งตัวอย่างมากถึง 7 ครั้งก็ได้
ความผิดพลาดและความเสี่ยงในการชักสิ่งตัวอย่ าง
เกิดข้อผิดพลาด (Error) ขึ้น 2 แบบ คือ ตัดสิ นใจปฏิเสธลอตที่ดี (Reject Good Lot) ซึ่งความจริ งควรจะยอมรับลอต
โดยความผิดพลาด แบบนี้ เรี ยกว่า ความผิดพลาดแบบที่ 1 (Type 1 Error) และตัดสิ นใจยอมรับลอตที่ไม่ดี (Accept Bad Lot)
ทั้งๆที่ควรจะปฏิเสธ ซึ่งเรี ยกว่าความผิดพลาดแบบที่ 2 (Type II Error)
ในการปฏิบตั ิ การชักสิ่ งตัวอย่างจะเกี่ยวข้องกับเรื่ องความน่าจะเป็ นที่จะเกิดความผิดพลาด แต่ละแบบขึ้น ซึ่งเรี ยกว่า
ความเสี่ ยง (Risk) โดยความน่าจะเป็ นที่จะเกิดความผิดพลาดแบบที่ เรี ยกว่า ความเสี่ ยงของผูผ้ ลิต (Producer's Risk) และ
ความน่าจะเป็ นที่จะเกิดความผิดพลาด แบบที่ 2 เรี ยกว่า ความเสี่ ยงของผูบ้ ริ โภค (Consumer's Risk) โดยความสัมพันธ์
ระหว่างความผิดพลาดทั้ง 2 แบบ
การตัดสิ นใจเกีย่ วกับลอตของ คุณภาพของลอต
ผลิตภัณฑ์ ดี ไม่ดี
ความผิดพลาดแบบที่ 2
การยอมรับ (Accept) การตัดสิ นใจถูกต้อง
(ความเสี่ ยงของผูบ้ ริ โภค)
ความผิดพลาดแบบที่ 1
การปฏิเสธ การตัดสิ นใจถูกต้อง
(ความเสี่ ยงของผูผ้ ลิต)
ระดับคุณภาพที่ยอมรับ
ในการผลิตของปริ มาณมากที่จะทําให้สินค้าทุกชิ้นดี 100% จึงต้องกําหนดเปอร์เซ็นต์ของเสี ยขึ้นมาจํานวนหนึ่งในการ
ผลิตเวลาใดๆ ก็ตามถ้ามีของเสี ยน้อยกว่าหรื อเท่ากับเปอร์เซ็นต์ของเสี ยที่กาํ หนดไว้กย็ อมรับได้ ซึ่งจะประหยัดกว่าการตรวจ
สอบ 100% เรี ยกระดับคุณภาพที่ยอมรับได้น้ ี วา่ ระดับคุณภาพที่ยอมรับ
ในกรณี ที่ค่า AQL ที่ระบุ (Specifying AQL) มีค่าไม่ตรงกับ AQL ที่นิยม ซึ่งระบุไว้ใน มาตรฐานก็ไม่สามารถใช้
มาตรฐานนี้ได้ จึงมีความจําเป็ นต้องปรับให้ค่า AQL ที่ระบุให้ตรงกับค่า AQL ในมาตรฐาน ดังแสดงในตาราง
0 – 0.109 0.10
ตารางการวัดคุณภาพค่า AQL
ในการกําหนดค่า AQL นี้ ขึ้นอยูก่ บั มาตรฐานทางด้านเศรษฐศาสตร์หรื อมาตรฐานของเจ้าของบริ ษทั เอง ถ้าเป็ นการตรวจ
รับสิ นค้า AQL คือ เปอร์เซ็นต์ของเสี ยในลอตที่ส่งมาปกติผซู้ ้ื อส่วนใหญ่จะตั้งค่า AQL และวิธีการสุ่มตัวอย่างซึ่งเป็ นส่ วน
หนึ่งของสัญญาการซื้อหรื อในการตรวจสอบเกี่ยวกับข้อบกพร่ องนั้น การกําหนดค่า AQL จะขึ้นอยูก่ บั ความรุ นแรงของข้อ
บกพร่ อง ที่ตรวจซึ่งแนะนําให้ใช้ค่า AQL ไม่เกิน 0.10% สําหรับข้อบกพร่ องวิกฤต 1.0% สําหรับ ข้อบกพร่ องสําคัญและ
2.4% สําหรับข้อบกพร่ องน้อยและถ้ามีการตรวจสอบพร้อมกันให้กาํ หนดขนาดตัวอย่างเท่ากับขนาดตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุด
ของแต่ละระดับความรุ นแรงของข้อบกพร่ อง
การตรวจสอบ
มาตรฐาน MIL-STD-105E ได้ให้นิยามการตรวจสอบ (Inspection) ว่า หมายถึง กระบวนการในการวัด (Measuring) การ
สอบ (Examining) และการทดสอบ (Testing) ตลอดจน วิธีการอื่นๆ ในวันที่จะเปรี ยบเทียบคุณภาพของหน่วยผลิตภัณฑ์กบั
ความต้องการ
โดยมาตรฐาน MIL-STD-105E ได้แบ่งการตรวจสอบทัว่ ไปออกเป็ น 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1, II และ III และระดับการ
ตรวจสอบพิเศษอีก 4 ระดับคือ S-I, S-2, S-3 และ S-4 ซึ่งปกติแล้วการ กําหนดระดับการตรวจสอบจะต้องทําเป็ นลายลักษณ์
อักษรในคู่สญ
ั ญาหรื อในคู่มือคุณภาพ หาก มิได้มีการระบุระดับใดๆ ในคู่สญั ญาจะใช้ระดับการตรวจสอบที่ 1
1. ระดับการตรวจสอบทั่วไป
2. ระดับการตรวจสอบพิเศษ
กําหนดระดับการตรวจสอบออกเป็ น 4 ระดับ คือ ระดับ S-1, S-2, S-3 และ S-4 เป็ นระดับการตรวจสอบที่ใช้ในกรณี ที่
จําเป็ นต้องใช้ตวั อย่างขนาดเล็กกว่าการตรวจสอบทัว่ ไป โดยยอมให้ความเสี่ ยงของผูบ้ ริ โภคมากขึ้น โดยการตรวจสอบ
ระดับ S-1 จะมีขนาดตัวอย่างน้อยที่สุดและเพิ่มขึ้นตามลําดับจนถึง S-4 จะมีขนาดตัวอย่างมากที่สุด
22
วิธีการตรวจสอบ
มาตรฐาน MIL-STD-105E ได้แบ่งความเข้มงวดของการตรวจสอบ (Inspection Procedures) ออกเป็ น 3 แบบคือ
กฎการสั บเปลีย่ น
1. การสั บเปลีย่ นวิธีการตรวจสอบแบบปกติเป็ นแบบเคร่ งครัด
ในขณะที่มีการตรวจสอบแบบปกติน้ นั ถ้ามีลอดหรื อแบบได้รับการปฏิเสธ 2 ลอตหรื อแบบในจํานวนตรวจสอบที่
ต่อเนื่องกัน 2, 3, น 2. 3. 4 หรื อ 5 หรื อแบบในการตรวจสอบแรกเริ่ มแล้วให้สบั เปลี่ยน สอบแบบเคร่ งครัด
2. การสั บเปลีย่ นวิธีการตรวจสอบแบบเคร่ งครัดเป็ นแบบปกติ
ในขณะที่มีการตรวจสอบแบบเคร่ งครัดนั้น ถ้ามีลอดหรื อแบบจํานวน 5 ลอต หรื อแบบที่ต่อเนื่องกันได้รับการ
ยอมรับจากการตรวจสอบแรกเริ่ มแล้ว ให้สบั เปลี่ยนไปใช้การตรวจสอบแบบปกติ
3. การสั บเปลีย่ นวิธีการตรวจสอบแบบปกติเป็ นแบบผ่ อนคลาย
ในขณะที่มีการตรวจสอบแบบปกติน้ นั ถ้าเงื่อนไขต่อไปนี้ท้ งั หมดเป็ นจริ งแล้วให้สบั เปลี่ยนไปใช้การตรวจสอบ
แบบผ่อนคลาย
3.1 มีลอดหรื อแบบจํานวน 10 ลอตหรื อแบบที่ต่อเนื่องกัน (หรื ออาจจะมากกว่า 10 ลอยหรื อแบบ ) ได้รับการ
ยอมรับจากการตรวจสอบแรกเริ่ ม
3.2 จํานวนทั้งหมดของข้อบกพร่ องหรื อผลิตภัณฑ์ขอ้ บกพร่ องในขนาดสิ่ งตัวอย่างทั้งหมดของ 10 ลอดหรื อแบบนั้น
(หรื ออาจจะมากกว่า 10 ลอตหรื อแบช ) ไม่นบั ตัวเลขพิกดั ตามจํานวนที่กาํ หนดไว้
ในกรณี ที่ใช้แผนการชักสิ่ งตัวอย่างเชิงคู่หรื อหลายเชิงให้ทาํ การรวมสิ่ งตัวอย่างทั้งหมด ที่ได้รับการตรวจสอบ มิใช่
เฉพาะสิ่ งตัวอย่างแรกเท่านั้น
3.3 กระบวนการผลิตลอดหรื อแบบนั้นอยูภ่ ายใต้การควบคุมและ
3.4 นโยบายในการตรวจสอบ ยอมให้มีการใช้การตรวจสอบแบบผ่อนคลาย (โดยกรณี น้ ี ควรมีการระบุเงื่อนไขในคู่
สัญญาด้วย)
4. การสั บเปลีย่ นวิธีการการตรวจสอบแบบผ่อนคลายเป็ นแบบปกติ
ในกรณี ที่มีการตรวจสอบแบบผ่อนคลายนั้น ถ้าเงื่อนไขต่อไปนี้เพียงข้อใดข้อหนึ่งเป็ นจริ งสำหรับการตรวจสอบ
แรกเริ่ มแล้ว ให้สบั เปลี่ยนไปใช้การตรวจสอบแบบปกติ
4.1 มีลอตใดลอตหนึ่งหรื อแบบใดแบบหนึ่งได้รับการปฏิเสธ
4.2 มีการยอมรับลอตหรื อแบช ในกรณี มีขอ้ บกพร่ องหรื อผลิตภัณฑ์บกพร่ องที่ได้จากการตรวจสอบตามขนาด
ตัวอย่างอยูร่ ะหว่างตัวเลขแห่งการยอมรับและตัวเลขแห่งการปฏิเสธ
23
การระงับการตรวจสอบ
ในกรณี ที่มีการตรวจสอบแบบเคร่ งครัดในการตรวจสอบแบบแรกเริ่ มนั้น ถ้าจํานวนสะสมของลอดหรื อแบบได้รับ
การปฏิเสธถึง 5 ลอดหรื อแบบจากการตรวจสอบลอดหรื อ แบบที่ต่อเนื่องแล้ว ให้ทาํ การระงับการตรวจสอบไว้ แล้วดําเนิน
การค้นหาสาเหตุขอ้ บกพร่ องใน กระบวนการผลิตลอดหรื อแบบนั้น พร้อมทําการแก้ไขให้ถูกต้อง และเมื่อมีการแก้ไขให้ถูก
ต้อง
ตารางแสดงตัวอย่างแผนการชักสิ่งตัวอย่ างของมาตรฐาน MIL-STD-105E
1.การชักสิ่ งตัวอย่างเชิงเดีย่ วแบบปกติ
2.การชักสิ่ งตัวอย่างเชิงคู่แบบปกติ
25
3.การชักสิ่ งตัวอย่างหลายเชิงแบบปกติ
9. งานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
วิจัย 5 เรื่อง เกีย่ วกับงาน QC ในโรงงาน ภาคภาษาไทย
การเตรี ยมวัตถุดิบ ในแผนกคลัง วัตถุดิบ : กรณี ศึกษา โรงงานผลิตเครื่ องสำอาง แผนก วัตถุดิบ
วิจยั นี้ เพื่อเพิ่มประสิ ทธิภาพการเตรี ยมวัตถุดิบ ในแผนกคลัง วัตถุดิบ โรงงานผลิตเครื่ องสำอาง โดยเน้นการลดพื้นที่การจัด
เก็บวัตถุดิบ และลดเวลาในการเตรี ยม วัตถุดิบ จากการศึกษาพบว่าโรงงานกรณี ศึกษาประสบปัญหาหลัก 3 ประการ คือ ไม่มี
งานวิจยั นี้ ได้ด ำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการ มาตรฐานการตักแบ่งวัตถุดิบหลังปรับปรุ ง (6W1H & ECRS)
เมื่อพิจารณาขั้นตอนกิจกรรมการตักแบ่งวัตถุดิบหลังปรับปรุ ง
ชื่อผูจ้ ดั ทำ : นายวรพงษ์ สี จาํ ปา บัณฑิตวิทยาลัย คณะ สาขาวิชา การจัดการงานวิศวกรรม มหาวิทยาลัยสยาม
การควบคุมคุณภาพความสูญเสี ยในกระบวนการการผลิตถังแรงดัน : กรณี ศึกษาโรงงานบจก. ซ. วุฒิการช่าง
เกิดปัญหาตามคุณภาพในการผลิตถังแรงดันทำให้มีเหล็กในการตัดเหล็กก่อนขึ้นรู ปมี การเหลือเศษ ผูจ้ ดั ทําโครงงานจึงมี
แนวคิดในการปรับปรุ งให้มีการควบคุณภาพในกระบวนการตัด เหล็ก( 7 QC Tools) จัดทำใบตรวจสอบ (Check Sheets)
การระบุสาเหตุที่มีอภิพลต่อการเกิดปัญหาผลิตภัณฑ์จากการตัดแผ่นสาเหตุเกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตจะเกิดจาก 4M คือ
คน เครื่ องจักร
ชื่อผูจ้ ดั ทำ : นางสาวทินภัทร ป้ องพาล วิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์ วิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี
การปรับปรุ งกระบวนการตรวจสอบคุณภาพชิ้นส่วนวัตถุดิบและการตรวจสอบ กรณี ศึกษา : บริ ษทั ABC
งานวิจยั นี้ มุ่งลดปัญหาข้อบกพร่ องผลิตภัณฑ์เครื่ องซักผ้าด้านคุณภาพที่ลูกค้าพบหลังจากการใช้งาน
ใช้หลักการ ECRS โดยใช้ R: re-arrange จัดเรี ยง/จัดแบ่งการทำงานใหม่ของพนักงานในห้อง QC-final ให้สามารถตรวจพบ
error code E3 และ E7-x ได้ท้ งั หมด C: Combine รวมกระบวนการย่อยที่สามารถทำได้ดว้ ยกันโดยพนักงาน 1 คน โดยที่มี
การวิเคราะห์ถึงภาระงาน ของพนักงานในตำแหน่งต่างๆ หลังมีการรวมกระบวนการเพื่อไม่ให้เกิดภาระงานที่มากเกินไป
ชื่อผูจ้ ดั ทำ : มณี รัตน์ อินทประเสริ ฐ, วิชญตร์ งามสะอาด บัณฑิตวิทยาลัย สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์ คณะบริ หารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
การลดของเสี ยในกระบวนการเจาะของอุตสาหกรรมการผลิตพีซีบี
26
InTouch’s quality program for furniture inspection was able to eliminate shipping delays for this client’s orders, while
saving the client time and money in remedial rework for their product. This American manufacturer continues to rely on
InTouch as their chosen third-party inspection partner because of the peace of mind they receive.
For an insider’s look at this InTouch QC program just fill out the form on this page and click “Submit” now!
ให้เราส่ งกรณี ศึกษาเชิงลึกนี้ ให้คุณ ซึ่งคุณจะได้เรี ยนรู้เกี่ยวกับโซลูชนั การตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ต่อไปนี้ที่ InTouch มอบให้
แก่ลูกค้า
ให้เราส่ งกรณี ศึกษาเชิงลึกนี้ ให้คุณ ซึ่งคุณจะได้เรี ยนรู้เกี่ยวกับโซลูชนั การตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ต่อไปนี้ที่ InTouch มอบให้
แก่ลูกค้า:
การพัฒนารายการตรวจสอบคุณภาพ – ช่างเทคนิคคุณภาพของ InTouch ได้พฒั นารายการตรวจสอบที่เป็ นมาตรฐานสำหรับ
เกณฑ์การตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ และนำไปใช้กบั ซัพพลายเออร์เฟอร์นิเจอร์ของลูกค้าทุกราย
การตรวจสอบการผลิตเต็มรู ปแบบ ผูต้ รวจสอบระบุปัญหาแบบเรี ยลไทม์ แจ้งเตือนทั้งโรงงานและลูกค้า และตรวจสอบ
ประสิ ทธิภาพของการดำเนินการแก้ไขการตรวจสอบก่อนจัดส่ งขั้นสุ ดท้าย นอกเหนือจากการตรวจสอบบรรจุภณั ฑ์ ขนาด
ผลิตภัณฑ์ และเกณฑ์ดา้ นความสวยงามก่อนการบรรจุในขั้นสุ ดท้ายแล้ว เฟอร์นิเจอร์ยงั อยูภ่ ายใต้การควบคุมการทดสอบใน
สถานที่ท ำงานโดย InTouch ซึ่งรวมถึง:การทดสอบการยึดเกาะของการเคลือบผงการทดสอบความคงทนของสี ของเบาะ
การทดสอบปริ มาณความชื้นในไม้ โปรแกรมคุณภาพของ InTouch สำหรับการตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์สามารถขจัดความ
ล่าช้าในการจัดส่ งสำหรับคำสัง่ ซื้อของลูกค้ารายนี้ ในขณะที่ช่วยประหยัดเวลาและเงินของลูกค้าในการปรับปรุ งแก้ไข
ผลิตภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์ของตน ผูผ้ ลิตในอเมริ การายนี้ยงั คงไว้วางใจให้ InTouch เป็ นพันธมิตรด้านการตรวจสอบ
บุคคลที่สามที่ได้รับเลือก เพราะพวกเขาสบายใจ
สำหรับข้อมูลวงในของโปรแกรม InTouch QC นี้เพียงกรอกแบบฟอร์มในหน้านี้ แล้วคลิก “ส่ ง” ทันที
A case study of Quality control charts in a manufacturing industry
By Fahim Ahmed Touqir
การควบคุมกระบวนการทางสถิติ (SPC) คือชุดเครื่ องมือในการแก้ปัญหาที่มีประสิ ทธิภาพและวิธีการที่มีประโยชน์ที่ซบั
ซ้อนที่สุดในการบรรลุความเสถียรของกระบวนการและปรับปรุ งความสามารถของกระบวนการผ่านการลดความ
แปรปรวน ในกระบวนการผลิต สิ นค้าทุกชิ้นไม่ตรงตามช่วงคุณภาพที่ตอ้ งการอย่างสม่ำเสมอกับข้อกำหนดของลูกค้า
ความไม่สอดคล้องกันนี้เกิดขึ้นเนื่องจากแหล่งที่มาของการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย เช่น เครื่ องจักร ผูป้ ฏิบตั ิงาน วัสดุ
ฯลฯ เป้ าหมายสูงสุ ดของแผนภูมิควบคุมคือการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง และควบคุมกระบวนการในภายหลัง เนื่องจาก
การใช้วิธี SPC การศึกษานี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมและปรับปรุ งคุณภาพของโบลท์โดยการตรวจสอบความสูง เส้นผ่าน
ศูนย์กลาง และน้ำหนักของโบลต์จากบริ ษทั ผูผ้ ลิตโบลต์ ในการตรวจสอบนี้ เราได้พฒั นาแผนภูมิแท่ง X, S และแผนภูมิ
ควบคุมช่วงสำหรับตัวแปรแต่ละตัว นอกจากนี้ เรายังมุ่งเน้นที่ Estimated Weighted Moving Average (EWMA) สำหรับ
การตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการขนาดเล็กและ T ของ Hotelling แบบหลายตัวแปรสำหรับการตรวจสอบ
ความสูงและเส้นผ่านศูนย์กลางของสลักเกลียวพร้อมกัน การตรวจสอบเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ากระบวนการนั้นอยูใ่ นการ
ควบคุมหรื ออยูน่ อกการควบคุม สำหรับสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ควรระบุและป้ องกันสาเหตุที่ก ำหนดได้เบื้อง
หลังโดยดำเนินการตามขั้นตอนที่จ ำเป็ น
การแนะนำ แผนภูมิควบคุมคือการแสดงกราฟิ กของคุณลักษณะด้านคุณภาพที่วดั หรื อคำนวณจากตัวอย่างเทียบกับจำนวน
ตัวอย่างหรื อเวลา แผนภูมิประกอบด้วยเส้นกึ่งกลางซึ่งแสดงถึงค่าเฉลี่ยของลักษณะคุณภาพที่สอดคล้องกับสถานะที่อยูใ่ น
การควบคุม เลือกขีดจำกัดการควบคุมสองแบบ (UCL, LCL) เพื่อที่วา่ หากกระบวนการอยูใ่ นการควบคุม จุดตัวอย่างเกือบ
ทั้งหมดจะอยูร่ ะหว่างทั้งสอง นอกจากนี้ยงั เป็ นอุปกรณ์การประมาณค่าที่แสดงการควบคุมทางสถิติของพารามิเตอร์
กระบวนการดังกล่าว เช่น ค่าเฉลี่ย ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เศษส่ วน ไม่สอดคล้องกัน หรื อหลุดออกมา เป็ นต้น จากนั้นอาจ
ใช้การประมาณการเหล่านี้เพื่อกำหนดความสามารถของกระบวนการในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ยอมรับได้
ตารางการวิเคราะห์งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 3
รายละเอียดของโครงงาน
เนื่องจาก บริ ษทั โกรเฮ่ สยาม จำกัด เริ่ มเดินเครื่ องโรงงานผลิต zinc die-cast (ซิงค์ ไดแคส) แห่งใหม่ในอำเภอ
แกลง จังหวัดระยอง นับว่าเป็ นการลงทุนเพื่อเทคโนโลยีในอนาคตโกรเฮ่ลงทุนขยายโรงงานผลิต zinc die-cast (ซิงค์ ได
แคส) แห่งใหม่เพื่อเพิม่ กำลังการผลิตเป็ น 2 เท่า ซึ่งเป็ นส่ วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ผลักดันการเติบโตในระดับสากล ลงทุน
30
กว่า 30 ล้านเหรี ยญสหรัฐ (ประมาณ 1 พัน 65 ล้านบาท)และสร้างงานใหม่ๆ กว่า 800 ตำแหน่งใน 5 ปี โรงงานที่ยงั่ ยืนที่สุด
ในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ เพิ่มเติมจากการลงทุนในโรงงานทั้ง 3 แห่งในประเทศเยอรมนีเมื่อไม่นานมานี้
อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ประเทศไทย 8 พฤศจิกายน 2560 – GROHE (โกรเฮ่) ผูผ้ ลิตสิ นค้าก๊อกน้ำ ฝักบัว และ
อุปกรณ์ในห้องน้ำระดับพรี เมี่ยมชั้นนำรายใหญ่ของโลกและเป็ นส่ วนหนึ่งของกลุ่มบริ ษทั ลิกซิล (LIXIL Group
Corporation) โกรเฮ่ยงั คงรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับสากลและได้ทุ่มทุนขยายโรงงานในอำเภอแกลง จังหวัด
ระยอง ประเทศไทยจนเป็ นผลสำเร็ จ โกรเฮ่มีเป้ าหมายในการลงทุนในเทคโนโลยี พร้อมทั้งสร้างงานใหม่ๆ และส่ งเสริ มการ
พัฒนาอย่างยัง่ ยืนในโรงงานผลิตทุกแห่งของบริ ษทั ซึ่งการขยายโรงงานในอำเภอแกลงนี้ นบั ว่าเป็ นการลงทุนครั้งล่าสุ ดของ
โกรเฮ่ โดยใน 5 ปี ที่ผา่ นมาโกรเฮ่ได้ลงทุนในโรงงานผลิต 5 แห่งรวมเป็ นเงินลงทุนกว่า 100 ล้านเหรี ยญสหรัฐ และเพิ่ง
ฉลองการขยายโรงงานผลิตในเมือง Lahr ประเทศเยอรมนีเมื่อไม่นานมานี้ เดินหน้าผลิตก๊อกผสมก้านโยกอย่างเต็มรู ปแบบ
ดังนั้นทางผูจ้ ดั ทำโคงงานวิจยั จึงใช้วิธีการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบ ก่อนนำเข้ากระบวนการผลิต โดยใช้หลักการ
ECRS เข้ามาช่วยในการคัดแยกขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบ โดยทำการปรับปรุ งขั้นตอนการคัดแยกวัตถุดิบ
อย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้คุณภาพของวัตถุดิบเสี ยหายและปะปนกับวัตถุดิบส่ วนอื่น จัดแยกประเภทของพื้นที่จดั เก็บอย่าง
ชัดเจน เพื่อช่วยลดการเวลาในการคัดแบยกวัตถุดิบออกจากคลังจัดเก็บ และประหยัดเวลาในการตรวจสอบคุณภาพของ
วัตถุดิบ จัดอบรวมพนักงานให้มีความชำนาญในการตรวจสอบ เพิ่มจำนวนพนักงาน และจัดซื้ ออุปกรณ์เทคโนโลยีมาช่วย
ในการตรวจสอบชิ้นงาน เพื่อการทำงานในขั้นตอนการตรวจสอบที่รวดเร็ว และวัตถุดิบเมื่อไปถึงในกระบวนการผลิต
สามารถดำเนินการผลิตได้ทนั ที ไม่ตอ้ งตรวจสอบเพิ่มเติม เพิ่มประสิ ทธิภาพการทำงานที่รวดเร็ วยิง่ ขึ้น
1.สภาพการณ์ และปัญหา
ในปัจจุบนั ขั้นตอนการรับวัตถุดิบเข้ากระบวนการผลิตไม่มีการคัดแยกประเภทของวัตถุดิบอย่างอถูกต้อง สถาณที่จดั
เก็บ การแบ่งแยก วัตถุดิบ และจำนวนพนักงานต่อการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบ ซึ่งมีข้นั ตอนค่อนข้างละเอียดและต้อง
ใช้ก ำลังคนพนักงานจำนวนไม่นอ้ ย สรุ ปเป็ นประเด็นปัญหาต่างๆดังต่อไปนี้
1.1 มีพนักงานตรวจสอบเพียงคนเดียว ทำให้ในกรณี ที่ไม่สามารถมาปฏิบตั ิงานได้ พนักงานคนอื่นที่มาทําหน้าที่แทนนั้น
ไม่มีความชำนาญในการตรวจสอบคุณภาพได้อย่างมี ประสิ ทธิภาพมากพอเพราะทางบริ ษทั ไม่มีระบบเทคโนโลยีมาช่วยใน
การตรวจสอบคุณภาพ อาศัยแต่ความ ชำนาญและประสบการณ์ที่เคยผ่านมาเท่านั้น
1.2 กระบวนการตรวจสอบคุณภาพสิ นค้ายังไม่มีมาตรฐาน พนักงานไม่มีการจดบันทึกข้อมูลการตรวจสอบ โดยการตรวจ
สอบสิ นค้าณุปแบบเดิมเป็ นเพยงการสุ่ มตรวจ 4-5 ตัว จากสิ นค้า 1 เลท จำนวน 192 ตัว
2. วัตถุประสงค์ ของโครงงาน
3.ขอบเขตของการดำเนินงานของโครงงาน
นักศึกษาทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากสถานประกอบการที่ปฏิบตั ิงานสหกิจอยูใ่ นขณะนี้ คือ บริ ษทั โกรเฮ่ สยาม จำกัด
จากการดำเนินงานโครงการ การตรวจสอบ ควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบก่อนนำเข้ากระบวนการผลิต ด้วยหลักการ ECRS
และการสุ่ มตรวจด้วยมาตรฐาน MIL-STD-105 E วัตถุดิบ
4.ขั้นตอนดำเนินการทำวิจัย
วิเคราะห์ปัญหาและสอบถามข้อมูลที่ตอ้ งการ
5.2 ด้ านสถานประกอบการ
5.2.1 ช่วยลดกระบวนการทำงาน ด้านการตรวจสอบวัตถุดิบของบริ ษทั ฯ ได้
5.2.2 ช่วยให้ลดเวลาในกระบวนการผลิต
5.2.3 ช่วยแก้ไขปัญหาและปรับปรุ งศักยภาพของพนักงานตรวจสอบวัตถุดิบ
33
6.นิยามคำศัพท์
6.1 การผลิต (Production) หมายถึง การแปรสภาพปัจจัยการผลิต (Factors of Production) ได้แก่ วัตถุดิบ แรงงาน และ
ทุน โดยอาศัยกรรมวิธีและเทคโนโลยีต่างๆ ให้เป็ นผลผลิตตามที่ตอ้ งการ การผลิต (Production) หมายถึงการเปลี่ยนแปลง
ปัจจัยต่างๆ (Inputs) หรื อสิ่ งต่างๆ ที่หน่วยผลิตซื้ อมาให้เป็ นผลผลิตต่างๆ (Outputs) หรื อสิ่ งต่างๆ ที่หน่วยผลิตขายออกไป
สำหรับคำว่า การผลิต ไม่ได้หมายเพียงแต่การเปลี่ยนแปลงทางด้านวัตถุเท่านั้น ยังรวมถึงการให้บริ การต่างๆ เช่น บริ การ
ด้านขนส่ ง บริ การด้านการเงิน การค้าส่ ง และการค้าปลีก เป็ นต้น ส่ วนคำว่าปัจจัยต่างๆ หมายถึง ทุกสิ่ งทุกอย่างที่หน่ายการ
ผลิตซื้ อ (all things that firm buy) ขณะที่ค ำว่า ปัจจัยการผลิต (Factors of Production) จะมีความหมายที่แคบกว่า คือ หมาย
ถึง ที่ดิน แรงงาน ทุน และผูป้ ระกอบการเท่านั้น
การผลิต (Production) หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงหรื อรู ปแบบปัจจัยการผลิตให้เป็ นการผลิต ได้แก่ สิ นค้าและ
บริ การต่างๆ ซึ่งอาจกล่าวได้วา่ การผลิตเป็ นสิ่ งที่ส ำคัญที่ก่อให้เกิดการใช้ปัจจัยการผลิตและก่ อให้เกิดสิ นค้าและบริ การ
ต่างๆ ขึ้นในระบบเศรษฐกิจ หน่วยเศรษฐกิจที่ท ำหน้าที่ในการผลิตก็คือ ผูผ้ ลิตหรื อหน่วยธุรกิจ ซึ่งมีอยูห่ ลานประเภท ได้แก่
ผูผ้ ลิตที่เป็ นเจ้าของคนเดียว เช่นเกษตรกร พ่อค้า แม่คา้ ฯลฯ ห้างหุน้ ส่ วนจำกัด และบริ ษทั ผูผ้ ลิตเหล่านี้พยายามหาวิธีการ
ผลิตให้เกิดผลผลิตมากที่สุดเท่า ที่จะทำได้ หรื อพยายามทำการผลิตให้เสี ยต้นทุนต่ำที่สุด เพื่อได้ก ำไรมากที่สุด
6.2 วิธีตรวจสอบทุกชิ้น (Screening inspection) หมายถึง การตรวจสอบทุกชิ้นจะเป็ นการตรวจสอบสิ นค้าแบบ 100% เป็ น
วิธีที่ง่ายและใช้กนั ทัว่ ไป เพื่อใช้หาของเสี ยจากกระบวนการผลิต เช่น การตรวจหลอดไฟว่าให้แสงสว่างได้ หรื อตรวจขวด
แก้วว่าไม่มีรอยร้าว แต่วิธีการนี้กย็ งั ไม่มนั่ ใจว่าจะได้สินค้าสมบูรณ์ทุกชิ้น เพราะวิธีน้ ี จะใช้เวลาตรวจสอบมาก ทำให้เกิด
ความล่าช้า พนักงานเกิดความเบื่อหน่ายง่าย ในทางปฏิบตั ิจริ งวิธีการนี้จะทำให้เปลืองเงินและใช้เวลางานมากเกินไป และ
ในสิ นค้าบางอย่างก็ไม่สามารถตรวจได้ เช่น การตรวจสอบหาความชิ้นของเส้นหมี่อบแห้ง ที่ตอ้ งนำเส้นหมี่ไปอบเพื่อ
ระเหยน้ำแล้วมาคำนวณหาค่าความชิ้น การทดสอบแบบนี้ จะทำให้สินค้าได้รับความเสี ยหาย สูญเสี ยสิ นค้าเยอะเกินไป อาจ
ทำให้การผลิตขาดทุน ดังนั้นจึงไม่สามารถทำการตรวจสอบทุกชิ้นได้
6.3 วิธีการสุ่ มตัวอย่างจากแต่ละรุ่ น (Sampling) หมายถึง การสุ่ มตัวอย่างจากสิ นค้าในแต่ละรุ่ น เป็ นการหลีกเลี่ยงวิธีตรวจ
สอบแบบ 100% ไม่ท ำให้สินค้าเสี ยหายเยอะเกินไป โดยในการผลิตสิ นค้าครั้งละจำนวนมากๆ รวมกันเป็ นกลุ่มจะเรี ยกว่า
รุ่ น (Lot) เช่น วัตถุดิบที่ส่งเข้ามาในโรงงานในแต่ละครั้ง หรื อผลิตภัณฑ์สำเร็จรู ปที่ผลิตเสร็ จในแต่ละช่วงเวลา หรื อในแต่ละ
วัน ถือเป็ น 1 รุ่ น แทนที่จะทำการตรวจสอบทุกชิ้น ก็จะสุ่ มเลือกบางชิ้นในแต่ละรุ่ นมาทำการตรวจสอบเท่านั้น และมีเกณฑ์
ที่ก ำหนดในการตัดสิ นใจว่าจะยอมรับ (Accept) หรื อจะปฏิเสธ (Reject) วัตถุดิบหรื อสิ นค้าสำเร็ จรู ปทั้งรุ่ น (Lot) ที่สุ่ มมา
ทำการตรวจสอบ
6.4 วิธีตรวจสอบตามขบวนการผลิต (Process inspection) หมายถึง เป็ นการตรวจสอบในระหว่างขบวนการผลิต จะมี
พนักงานตรวจสอบในพื้นที่การผลิต เพื่อตรวจสอบวิธีการและเงื่อนไขในการผลิต รวมถึงสุ่มชิ้นงานระหว่างการผลิต
(Work in process) มาทำการตรวจสอบ การตรวจสอบวิธีน้ ี ท ำให้สามารถแก้ขอ้ ผิดพลาดทันทีที่พบเห็น เช่น การตรวจสอบ
ในสายการผลิต โดยพนักงานทุกคนที่ท ำงานในสายการผลิตทุกจุดเป็ นผูต้ รวจสอบไปในตัวด้วย หรื ออาจมีพนักงาน QC มา
เป็ นผูส้ ุ่มตัวอย่างจากแต่ละตำแหน่งในสายการผลิตไปตรวจสอบ ข้อจำกัดของการตรวจสอบวิธีน้ ี กค็ ือผูต้ รวจไม่สามารถจะ
ตรวจชิ้นงานได้ทุกชิ้น ชิ้นงานบางชิ้นงานจะพลาดการตรวจ และอาจจะเป็ นชิ้นที่มีปัญหาคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน
34
บทที่ 4
ผลการดำเนินโครงงาน
1.ที่มาและความสำคัญของปัญหา
บริ ษทั ที่ผวู้ จิ ยั นำมาเป็ นกรณี ศึกษานั้น เป็ นบริ ษทั ผูผ้ ลิตสุ ขภัณฑ์ วัตถุดิบต่างๆที่เป็ นชิ้นส่ วนประกอบต่างๆ
ของเครื่ องใช้สุขภัณฑ์ ปัจจุบนั มีการเครมสิ นค้าจากผูซ้ ้ื อจากปัญหาชิ้นส่ วนของสุ ขภัณฑ์ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งบริ ษทั ผูผ้ ลิต
ต้องตะหนักและเร่ งปรับปรุ ง ปัญหาที่ผศู้ ึกษาวิจยั นั้นคาดว่าเกิดจากใช้วตั ถุดิบที่น ำเข้ามาในกระบวนการผลิตไม่ตรงกับ
ประเภทของสิ นค้าทำให้สินค้าไม่เป็ นไปตามรู ปแบบ จึงเกิดการเครมและการตีกลับของสิ นค้ามายังโรงงานเป็ นจำนวน
มากและกลายมาเป็ นของเสี ยในที่สุด ซึ่งหากมองย้อนกลับมาสาเหตุหลักมาจากกระบวนการผลิตและกระบวนการ
ตรวจสอบ วัตถุดิบไม่ตรงกับประเภทของสิ นค้า โดยวัตถุดิบมี 2 ประเภท คือ สังกะสี และ คาทริ กซ์ ซึ่งเป็ นวัตถุดิบ
หลักในกระบวนการผลิตสิ นค้า โดยคาทริ กซ์เป็ นเหล็กความเร็วสูงและมีความเย็นเร็ วมีความแข็งแรงมากกว่าสังกะสี
ในบางชิ้นส่ วนของผลิตภัณฑ์จะต้องใช้ส่วนผสมของสังกะสี ที่มีความแข็งแรงต่ำกว่าคาทริ กซ์แต่เมื่อพิมพ์งานแล้วมี
ความเย็นช้ากว่า เมื่อมีแรงกระแทกสูงสังกะสี จะเกิดการผิดรู ปและไม่ตรงตามชิ้นงาน ทำให้เกิดเป็ นของเสี ย เนื่องจาก
การใช้วตั ถุดิบไม่ตรงกับประเภทสิ นค้า จากกระบวนการรับเข้าวัตถุดิบไม่มีการคัดแยกวัตถุดิบก่อนรับเข้ากระบวนการ
ผลิต จากการศึกษากระบวนการรับเข้าวัตถุดิบ พบว่า คุณภาพของวัตถุดิบก่อนการส่ งมอบมีสดั ส่ วนของเสี ยสูง ซึ่งอาจ
ทำให้บริ ษทั ตัดสิ นใจผิดพลาดในการรับเข้าวัตถุดิบที่ไม่ได้มีการคัดแยกก่อนนำเข้ากระบวนการผลิต มีการผลิตสิ นค้า
จากวัตถุดิบที่ไม่ถูกประเภทของสิ นค้าและกระบวนการตรวจสอบ QC ก่อนส่ งมอบสิ้ นค้าไม่เหมาะสม โดยวิธีการ
ตรวจสอบรู ปแบบเดิม คือการสุ่ มตรวจตัวอย่างสิ นค้า เลท 1 เลทจะมี 192 ตัว แลจะทำการสุ่ มตรวจ 4-5 ตัวก่อนส่ งมอบ
เข้ากระบวนการบรรจุผลิตภัณฑ์ เพื่อส่ งมอบให้ลูกค้าลูกค้า/ผูบ้ ริ โภค ไม่พอใจจากผลิตภัณฑ์มีความเสี ยหายและไม่ได้
มาตรฐาน พบของเสี ยต่อเดือน 20-30 ตัวการดำเนินงานนี้ท ำให้ทางบริ ษทั สูญเสี ยทรัพยากรในการรับเข้าวัตถุดิบและ
การตรวจสอบคุณภาพเป็ นจำนวนมาก จึงจำเป็ นต้องหาแนวทางในการปรับปรุ งกระบวนการรับเข้าวัตถุดิบผลิตและ
กระบวนการตรวจสอบคุณภาพสิ นค้า เนื่องด้วยปัญหาดังนี้
2.วิเคาระห์ สภาพปัญหา
สภาพปัญหาจากกรณี ศึกษา (แผนภูมิกา้ งปลา) บริ ษทั กรณี ศึกษาประสบปัญหาเรื่ องของการควบคุมคุณภาพ
ผลิตภัณฑ์ สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้ใน 4 ด้านดังนี้
35
วัตถุดิบขาเข้า
ด้ าน 1. MAN ปัญหาที่พบมีดงั นี้ คือ พนักงานขาดความรู้ความเข้ าใจทั้งกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพ
1.) พนักงานฝ่ ายผลิตยังขาดความรู้ความเข้าใจในการผลิต ยังขาดขั้นตอนการทำงานที่มีประสิ ทธิภาพ ซึ่งการเบิกจ่าย
วัตถุดิบที่ขาดขั้นตอนในการทำงานและแผนการผลิต
2.) พนักงาน QC ควบคุมคุณภาพยังขาดความรู้ความเข้าใจในการควบคุมคุณภาพและแผนการดำเนินงานที่ถูกต้อง จึง
ให้การผลิตสิ นค้านั้นเกิดความเสี ยหาย
ด้ าน 2. Machine ปัญหาที่พบมีดงั นี้ คือ ขาดการติดตามวัตถุดบิ ชิ้นส่ วน อุปกรณ์ไม่ เพียงพอต่ อการควบคุมคุณภาพ
1.) ขาดอุปกรณ์สารสนเทศที่จะช่วยในการควบคุมคุณภาพให้อยูใ่ นระบบ
2.) ขาดอุปกรณ์การตรวจสอบวัตถุดิบก่อนนำเข้ามาผลิตและระบบขั้นตอนมาตรฐาน
ด้ าน 3. Environment ปัญหาที่พบมีดงั นี้ คือ พืน้ จัดเก็บวัตถุดบิ ไม่ เพียงพอและการตรวจสอบที่ยาก
1.) พื้นที่จดั เก็บวัตถุดิบนำเข้า มีไม่เพียงพอและจึงทำให้การตรวจสอบนั้นยาก
2.) พื้นจัดเก็บวัตถุดิบมีความซับซ้อนในการเบิกจ่ายวัตถุดิบแต่ละชนิด
ด้ าน 4. Material ปัญหาที่พบมีดงั นี้ คือ พืน้ ที่จัดเก็บวัตถุดบิ แต่ละชนิดมีไม่ เพียงพอ
1.) พนักงานฝ่ ายผลิตเบิกจ่ายวัตถุดิบที่มความซับซ้อนและการทำงานที่ล่าช้า
2.) พืนที่จดั เก็บวัตถุดิบที่วางไม่เป็ นระบบ ระเบียบ จึงทำให้พนักงานไม่เข้าใจขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน
ผลการงานดำเนินงาน
ก่ อนปรับปรุ ง
36
วัตถุดิบขาเข้า
ทำการคั
ก่ อนปรับปรุ ดแยกอย่
งกล่าางเป็
งจากตารางดั ว นระบบ สังกะสี คาร์ ทริ ด
1. นำเข้าวัตถุดิบเข้ามาที่โรงงานผลิตซึ่งมีหลายวัตถุดิบ สังกะสี คาร์ท ริ ดจ์
2. เมื่อวัตถุดิบมาถึงไม่มีการคัดแยก ซึ่งทำให้วตั ถุดิบปะปนกัน
3. นำเข้ากระบวนการผลิต ซึ่งไม่มีการตรวจวัตถุดิบอย่างดีพอ และจะทำการสุ่มตรวจทุกๆ 2 ชัว่ โมง
4. เมื่อผลิตเสร็ จ จนเต็มเลท 1 เลทจะมี 192 ตัว แลจะทำการสุ่ มตรวจ 4-5 ตัวก่อนส่ งมอบ
5. เข้า กระบวนการบรรจุผลิตภัณฑ์ เพื่อส่ งมอบให้ลูกค้า
6. กระบวนการผลิต ความสู
ลูกค้า/ผูญบ้ เปล่
ริ โภคา ไม่พอใจจาก
ผลิตภัณฑ์มีความ
นำเข้าคลังเก็บวัตถุดิบโดยไม่มีการคัดแยกอย่างเป็ นระบบ เสี ยหายและไม่ได้
กระบวนการ QC มาตราฐาน ตัวชี้วดั มาตรฐาน พบของ
เสี ยต่อเดือน 20-30 ตัว
ผลการดำเนิเข้
นงาน
ากระบวนการผลิต
หลังการปรับปรุ ง
ผ่านกระบวนการ QC ความสูญเปล่า
บรรจุผลิตภัณฑ์
สังกะสี คาร์ทริ ด
ลูกค้า/ผูบ้ ริ โภค
37
หลังปรับปรุ ง
1. นำเข้าวัตถุดิบ
2. ทำการคัดแยกวัตถุดิบไม่ให้มีการปะปนกัน
3. เข้ากระบวนการผลิตที่ให้วตั ถุดิบให้ตรงประเภทและถูกต้อง
4. หลังจากผลิตเสร็ จ ทำการสุ่ มตรวจต่อเลทอย่างมีมาตรฐาน MIL-STD-105E
5. ส่ งมอบให้ลูกค้าหรื อผูบ้ ริ โภค
6. ทำการลดความสูญเปล่าที่เกิดขึ้น เก็บข้อมูลเชิงสถิติ ของเสี ยลดลง
7. อัตราการคืนสิ นค้าของผูบ้ ริ โภคลดลง
4.3 ข้ อเปรียบเทียบ
ผูว้ จิ ยั ได้ท ำการแก้ไขการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบขาเข้าและหลังผลิตเสร็ จสิ้ น และร่ วมกับวิธีลดความสูญเปล่าด้วย
หลัก ECRS ทาการแก้ไขและปรับปรุ งในส่ วนของกระบวนการทางานให้มีระยะเวลาที่ลดลง และมี Flow การทางานที่ง่าย
ไม่ซบั ซ้อนยุง่ ยากจากการแก้ไขปัญหาและได้นาไปประยุกต์ใช้กบั หน้างานจริ ง ผลที่ได้มีดงั นี้ คือ
บทที่ 5
สรุ ปผลการศึกษา
1. สรุ ปผลการดาเนินโครงงาน
จากการศึกษาวิจยั ทำให้เห็นถึงปัญหาในด้านต่างๆ 1.Man พนักงานที่ไม่มีความรู้ในการตรวจสอบ Qc วัตถุดิบ
และการจัดเก็บ 2.Machine คือขาดการติดตามวัตถุดิบ อุปกรไม่เพียงพอต่อการควบคุมคุณภาพ 3.ด้าน Environment คือ
พื้นที่จดั เก็บไม่เพียงพอและตรวจสอบยาก 4. Material พื้นที่จดั เก็บไม่เพียงพอ และไม่เป็ นระเบียบ จากปัญหาต่างๆที่ได้พบ
มากทำให้เรามีการนำกระบวนการ ตรวจสอบมาตราฐาน แผนการชักสุ่ มตัวอย่างเชิงคู่แบบปกติมาใช้ในการ QC วัตถุดิ[แล้ว
ยังมีการนำ หลักการ ECRS มาทำการแก้ไขและปรับปรุ งในกระบวนการทำงานของการควบคุมคุณภาพ เพื่อให้ง่ายต่อการ
ทำงานและไม่ซบั ซ้อน เมื่อนำหลักการ นี้มาใช้กท็ ำให้มีการเบิกวัตถุดิบได้อย่างรวดเร็ วและแม่นยำ และมีการจัดระเบียบ
พื้นที่จดั เก็บให้แบ่งตามประเภทและหมวดหมู่เพื่อให้สะดวกต่อการใช้ง่าย และยังได้มีการจัดอบรมพนักงานให้เข้าใจต่อการ
ทำงาน QC ว่าต้องตรวจสอบและ สุ่ มตรวจอย่างไร เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งระบบ และเพิม่ สารสนเทศให้เพียงพอต่อ
การปฎิบตั ิงานเพื่อลดความยุง่ ยากออกและมีการนำระบบสต๊อกเข้ามาใช้ในการทำงาน
40
บรรนาณุกรมของแมน
เอกสารอ้ างอิง
1. กิติศกั ดิ์ พลอยพานิชเจริ ญ (2546), มาตรฐานระบบการตรวจสอบด้วยการชักสิ่ งตัวอย่างเพื่อ
การ ยอมรับ MIL-STD-105E และแผนภาพ AC-0. พิมพ์ครั้งที่ 5 สมาคมส่ งเสริ มเทคโนโลยี
(ไทย-ญี่ปุ่น), กรุ งเทพ
2. เกษม พิพฒ ั น์ปัญญานุกลุ (2541) การควบคุมคุณภาพ พิมพ์ครัง้ ที่ 9 สำนักพิมพ์
ประกอบเมไตรกรุงเทพ
3.พงศ์ หรดาล และคณะ(2546) การบริ หารคุณภาพในงานอุตสาหกรรม พิมพ์ครัง้ ที่ 3
พิทกั ษ์ อกั ษร กรุงเทพ
4.เสรี ยูนิพนั ธ์ และคณะ (2528) เทคนิคการควบคุมคุณภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพ
5. ฤดี มาสุจนั ทร์ (2547) การควบคุมคุณภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยี
พระจอมเกล้ าเจ้ าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพ
6. มาตรฐานการควบคุมคุณภาพ MIL-STD-105E (ออนไลน์)
https://elsmar.com/pdf_files/Military%20Standards/MIL_STD
_105E%20legible%20copy.pdf
41