Professional Documents
Culture Documents
9 ข้อพิจารณา....
-2-
9. ข้อพิจารณาด้านจริยธรรม ให้มีเนื้อหาและเอกสารดังนี้
- ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและการปูองกันแก้ไข
- ระบุการตอบแทน ชดเชย การดูแลรักษา และแก้ไขปัญหาอื่นๆ กรณีเกิดผล
แทรกซ้อนแก่ผู้วิจัย
- ระบุประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวกับด้านจริยธรรม
- เอกสารคาแนะนาหรือแจ้งข้อมูลแก่ผู้วิจัยหรืออนุญาต (Subject information sheet)
- ใบยินยอมให้ทาการวิจัยของกลุ่มตัวอย่าง (Inform Consent Form)
10. เอกสารอ้างอิง
11. ประวัติผู้วิจัย (ทุกคน)
3.1.3 เครื่ องมือในการวิจัย เช่น แบบสอบถาม แบบสั มภาษณ์ โปรแกรม/รูปแบบการจัดกิจกรรม
(อย่างละ 1 ฉบับ)
3.1.4 หนังสือรับรองการผ่านคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของสถาบัน/หน่วยงานต้นสังกัด
3.1.5 หนังสือรับทราบข้อปฏิบัติในการเก็บข้อมูลในหน่วยงานกรมพินิจฯ (วพ.3)
**หมายเหตุ เอกสารจะต้องครบทุกรายการ กรมพินิจฯ ถึงจะดาเนินการพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
3.2 เมื่อกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้รับ หนังสือและเอกสารแล้ว สถาบันวิจัยและพัฒนา
ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร วพ.1 ภายใน 3 วันทาการ หากเอกสารครบถ้วน จะดาเนินการจัดส่งเอกสาร
ให้กับคณะกรรมการเพื่อพิจารณา หากตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารไม่ครบถ้วน สถาบันวิจัยและพัฒนาจะแจ้งให้
ผู้วิจัยทราบ ภายใน 3 วัน ทาการ เพื่อจัดส่งเอกสารมาให้ครบถ้วน
3.3 คณะกรรมการพิจารณางานวิจัยเฉพาะด้านพิจารณางานวิจัยที่ขออนุญาตเก็บข้อมูลกับเด็ก เยาวชน
และเจ้าหน้าที่ ตามหลักเกณฑ์แบบ วพ.2 ภายใน 7 วันทาการ นับจากวันที่คณะกรรมการ ได้รับหนังสือขอความ
อนุเคราะห์ พิจารณาแบบการพิจารณางานวิจัย/วิทยานิพนธ์ ที่ขอเก็บข้อมูลในหน่วยงานกรมพินิจฯ
ตามหลักเกณฑ์การพิจารณางานวิจัย/วิทยานิพนธ์ที่ขอเก็บข้อมูลในหน่วยงานกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและ
เยาวชน (วพ.2) ประกอบด้วย
การพิทักษ์และคุ้มครองเด็ก เยาวชน และเจ้าหน้าที่
วิธีการเก็บข้อมูล และข้อคาถาม ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มตัวอย่างทั้งทางร่างกายและจิตใจ (เด็ก
เยาวชน เจ้าหน้าที่)
วิธีการเก็บข้อมูล กับกลุ่มตัวอย่างต้องระบุถึงการเยียวยา กรณีเมื่อเกิดปัญหาระหว่างการเก็บข้อมูล
วิธีการเก็บข้อมูล ต้องระบุวิธีรักษาความลับของข้อมูลสาหรับกลุ่มตัวอย่าง
มีการชี้แจงรายละเอียดของการวิจัย วัตถุประสงค์และชี้แจงสิทธิในการเข้าร่วมการวิจัยแก่กลุ่มตัวอย่าง
คุณค่าของงานวิจัยที่เกิดขึ้นต่อกรมพินิจฯ
การศึกษาวิจัย/วิทยานิพนธ์ เป็นประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชน และเจ้าหน้าที่ และเป็นประโยชน์ต่อกรมพินิจ
และคุ้มครองเด็กและเยาวชน
การศึกษาวิจัย/วิทยานิพนธ์ ต้องไม่มีความซ้าซ้อน
การศึกษาวิจัย/วิทยานิพนธ์ ตรงตามความต้องการของกรมพินิจฯ/สอดคล้องกับนโยบายของกรมพินิจฯ
(ทั้งนี้ให้พิจารณาแผนการปฏิบัติงานของกรมพินิจฯ ร่วมด้วย)
คุณค่าของ...
-3-
คุณค่าของงานวิจัยที่เกิดขึ้นต่องานวิชาการ
การศึ ก ษาวิ จั ย /วิ ท ยานิ พ นธ์ มี ค วามถู ก ต้ อ งและน่ า เชื่ อ ถื อ ตามหลั ก วิ ช าการ (โดยพิ จ ารณาจาก
ความเป็นเหตุและผลของการศึกษาวิจัย รวมทั้งทาการศึกษาวิจัยตามจรรยาบรรณของนักวิจัย
การศึกษาวิจัย/วิทยานิพนธ์ มีประโยชน์ต่องานด้านวิชาการ (การใช้ประโยชน์ของงานวิจัยด้านวิชาการ
พิจารณาถึงประโยชน์ในวงกว้างต่อสังคมของการศึกษาวิจัยในเรื่องนั้น ๆ อาจหมายถึงการนาข้อสรุปที่เกิดขึ้นไปสู่
การปฏิบัติ หรือการนาข้อสรุปไปต่อยอดในเชิงวิชาการ)
3.4 คณะกรรมการพิจารณางานวิจัย ดาเนินการพิจารณาสรุปผลการพิจารณางานวิจัยที่ ขออนุญาตเก็บ
ข้อมูลกับเด็ก เยาวชน และเจ้าหน้าที่ และให้ข้อเสนอแนะในการดาเนินการของผู้วิจัย (ถ้ามี) ภายใน 7 วันทาการ
ภายหลังการพิจารณา พบว่า
1. งานวิจัยตรงตามคุณสมบัติหรือมีคุณภาพตามที่กรมพินิจฯ กาหนด ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาจะแจ้ง
ให้ผู้วิจัยทราบภายใน 3 วันทาการ นับจากวันที่คณะกรรมการพิจารณางานวิจัยแล้วเสร็จ และทาหนังสือแจ้งไปยัง
มหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานต้นสังกัด พร้อมทั้งหน่วยงานในสังกัดกรมพินิจฯ ที่ผู้วิจัยจะเข้าเก็บข้อมูล โดยหลังจาก
ผู้วิจัยได้รับหนังสืออนุญาตเข้าเก็บข้อมูลจากกรมพินิจฯ ให้ผู้วิจัยประสานยังหน่วยงานที่จะเข้าเก็บข้อมูลด้วยตนเอง
เพื่อประสานวัน เวลา ในการเข้าเก็บข้อมูล
2. งานวิจัยไม่มีคุณสมบัติหรือคุณภาพตามที่กรมพินิจฯ กาหนด ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาจะแจ้งให้
ผู้วิจัยทราบภายใน 3 วันทาการ นับจากวันที่คณะกรรมการพิจารณางานวิจัยแล้วเสร็จ เพื่อให้ผู้วิจัยดาเนินการ
แก้ไข และหากมีการแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้จัดส่งมายังสถาบันวิจัยและพัฒนา เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณา
งานวิจัยพิจารณาอีกครั้ง
กรณีที่ 1 หากตรงตามคุณสมบัติหรือคุณภาพตามที่กรมพินิจฯ กาหนด ให้ดาเนินการตามข้อ 1
กรณีที่ 2 หากพบว่างานวิจัยไม่มี คุณสมบัติหรือคุณภาพตามที่กรมพินิจฯ กาหนด หรือไม่แก้ไขตามที่
กาหนด กรมพินิจฯ จะไม่ พิจารณาอนุ ญาตให้เข้าเก็บข้อมูล และแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ภายใน 3 วัน ทาการ
นับจากวันที่ได้รับเอกสารแก้ไข
4. ผู้วิจัยดาเนินการเข้าเก็บข้อมูลในหน่วยงาน ตามวัน เวลา ที่ได้ประสานกับหน่วยงานที่เข้าเก็บข้อมูล
โดยให้ปฏิบัติตามเอกสาร วพ.3 หากเป็นการเก็บข้อมูลกับเด็กและเยาวชน ใช้หนังสือรับทราบข้อปฏิบัติในการเก็บ
ข้อมูลกับเด็กและเยาวชน ในหน่วยงานกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน วพ.3 (ด/ย) หากเป็นการเก็บข้อมูล
กับเจ้าหน้าที่ ใช้หนังสือรับทราบข้อปฏิบัติในการเก็บข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ในหน่วยงานกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและ
เยาวชน) วพ.3 (จนท.)
5. เมื่อดาเนินการศึกษาวิจัยเสร็จสิ้นแล้ว ขอให้ส่งผลงานวิจัยให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
จานวน 1 เล่ม พร้อมกับ CD จานวน 1 แผ่น ภายใน 15 วัน หลังการวิจัยแล้วเสร็จ
4. อานาจหน้าทีใ่ นการพิจารณา
อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยสถาบันวิจัยและพัฒนา เป็นผู้เสนอความเห็น
ติดต่อสอบถามได้ที่ E-mail : djopthailand@gmail.com โทร. 02 141 6519
5.แผนผัง....
-4-
5. แผนผังกระบวนงาน
ผู้วิจัย
- เตรียมเอกสารประกอบการขออนุญาต (ตามเอกสาร วพ. 1 )
- ทาหนังสือขออนุญาตเก็บข้อมูลจากทางมหาวิทยาลัย/หน่วยงานต้นสังกัด ถึงอธิบดีกรมพินิจ
ฯ
สถาบันวิจยั และพัฒนา
พิจารณาความครบถ้วนของเอกสาร
วพ. 1 ภายใน 3 วันทาการ
ครบถ้วน ไม่ครบถ้วน
คณะกรรมการพิจารณางานวิจัยเฉพาะด้าน พิจารณา
ประเมินความเหมาะสมของงานวิจยั ภายใน 7 วันทาการ
คณะกรรมการพิจารณางานวิจยั
สรุปผลและให้ข้อเสนอแนะ (ถ้ามี)
ภายใน 7 วันทาการ
เหมาะสม ไม่เหมาะสม
สถาบันวิจัยและพัฒนา แจ้งให้ผู้วิจัยแก้ไข
ภายใน 3 วันทาการ
ผู้วิจัยดาเนินการเก็บข้อมูลในหน่วยงาน ไม่อนุญาตให้เข้าเก็บข้อมูลในหน่วยงานและ
แจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ภายใน 3 วันทาการ
ผู้วิจัยจัดส่งผลงานวิจยั ฉบับสมบูรณ์
ให้กรมพินิจฯ พร้อม CD ภายใน 15 วัน
วพ.1
เอกสารประกอบการพิจารณาขออนุญาตเก็บข้อมูลกับเด็ก เยาวชน
และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
เอกสาร มี ไม่มี
1. หนังสือขออนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย/หน่วยงานต้นสังกัด ถึงอธิบดีกรมพินิจ
และคุ้มครองเด็กและเยาวชน..............................................................................
2. โครงร่างงานวิจัยบทที่ 1 – 3 จานวน 1 ฉบับ
2.1 ชื่อโครงการเป็นภาษาไทยที่กะทัดรัด และสื่อความหมายได้ดี ถ้ามีชื่อ
โครงการเป็นภาษาอังกฤษต้องมีความหมายตรงกับชื่อโครงการภาษาไทย...........
2.2 ชื่อและที่ทางานของผู้วิจัย............................................................................
2.3 บทนา ให้ระบุรายละเอียดต่อไปนี้
- ความเป็นมา.................................................................................................
- เหตุผลและความจาเป็นที่ต้องวิจัย...............................................................
- ประโยชน์ที่จะได้รับจากการวิจัย..................................................................
2.4 วัตถุประสงค์……………………………………………………………………..……….........
2.5 แนวคิดหรือทฤษฎีที่นามาใช้ในการวิจัย (สรุปย่อ)........................................
2.6 กรอบแนวคิดการวิจัย...................................................................................
2.7 ระบุสถานที่ศึกษาวิจัยและระยะเวลาศึกษาวิจัย...........................................
2.8 วิธีการดาเนินการวิจัย
- กลุ่มประชากร และกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา (Population and Sample)......
- เกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างเข้าร่วมวิจัย (Inclusion Criteria)..............
- เกณฑ์การแยกกลุม่ ตัวอย่างออกจากการวิจัย (Exclusion Criteria)…………
- ขั้นตอนการดาเนินการวิจัย การควบคุมการวิจยั การเก็บรวบรวมข้อมูล
และการวิเคราะห์ข้อมูล.......................................................................................................
2.9 ข้อพิจารณาด้านจริยธรรม ให้มเี นื้อหาและเอกสารดังนี้
- ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและการปูองกันแก้ไข.........................................
- ระบุการตอบแทน ชดเชย การดูแลรักษา และแก้ไขปัญหาอื่นๆ กรณีเกิดผล
แทรกซ้อนแก่ผู้วิจัย.......................................................................................
- ระบุประเด็นอื่นๆ ทีเ่ กี่ยวกับด้านจริยธรรม....................................................
- เอกสารคาแนะนาหรือแจ้งข้อมูลแก่ผู้วิจยั หรืออนุญาต (Subject
information sheet)..........................................................................................................
- ใบยินยอมให้ทาการวิจัยของกลุ่มตัวอย่าง (Inform Consent Form)...........
2.10 เอกสารอ้างอิง................................................................................................
2.11 ประวัตผิ ู้วิจัย (ทุกคน)....................................................................................
3. เครื่องมือในการวิจัย เช่น แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ โปรแกรม/รูปแบบการ
จัดกิจกรรม (อย่างละ 1 ฉบับ).............................................................................
4. หนังสือรับรองการผ่านคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของสถาบัน/หน่วยงาน
ต้นสังกัด...............................................................................................................
5. หนังสือรับทราบข้อปฏิบัติในการเก็บข้อมูลในหน่วยงานกรมพินิจฯ (วพ.3).........
หมายเหตุ เอกสารจะต้องครบทุกรายการ กรมพินิจฯ ถึงจะดาเนินการพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
ครบถ้วน ไม่ครบถ้วน
(ลงชื่อ).............................................................ผูต้ รวจสอบ
(นางสาวพิจิตราพรรณ พีรคาไล้)
วพ.2
แบบการพิจารณางานวิจัย/วิทยานิพนธ์ที่ขอเก็บข้อมูลในหน่วยงานกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
(เฉพาะคณะกรรมการพิจารณางานวิจัยเฉพาะด้าน)
ชื่อเรื่อง
ชื่อผู้วิจัย/องค์กร/โครงการ
หน่วยงาน/สถาบัน
เกณฑ์การให้คะแนน
สรุปผลการประเมิน
ข้อเสนอแนะอื่นๆ
ลงชื่อ.......................................................
(..............................................................)
วันที่........................................................
วพ. 3 ประกอบด้วย
1. หนังสือรับทราบข้อปฏิบัติในการเก็บข้อมูล กับเด็กและเยาวชนในหน่วยงานกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก
และเยาวชน วพ.3 (ด/ย)
2. หนังสือรั บทราบข้อปฏิบัติ ใ นการเก็บข้อมูล เจ้า หน้า ที่ ใ นหน่วยงานกรมพิ นิจและคุ้มครองเด็ กและ
เยาวชน วพ.3 (จนท.)
วพ.3 (ด/ย)
หนังสือรับทราบข้อปฏิบัติในการเก็บข้อมูลกับเด็กและเยาวชน
ในหน่วยงานกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
เมื่อได้รั บอนุ ญาตจากอธิบ ดีกรมพินิจฯ ให้ ดาเนินการเก็บข้อมูล ผู้ ขอเก็บข้อมูล จะต้องประสานไปยัง
หน่วยงานที่จะเข้าทาการเก็บข้อมูลเพื่อนัดวัน/เวลา ที่จะเข้าทาการเก็บข้อมูลอีกครั้งด้วยตนเอง เนื่องจากหากตรง
กับวันที่มีการจัดกิจกรรมให้กับเด็กและเยาวชน หน่วยงานอาจไม่พร้อมให้เข้าดาเนินการเก็บข้อมูล
การแต่งกาย แต่ ง กายสุ ภ าพ เรี ย บร้ อ ย สุ ภ าพสตรี ส ามารถสวมกางเกงได้ แ ต่ ต้ อ งเป็ น แบบสุ ภ าพ
ไม่ควรสวมเสื้อผ้ารัดรูป
ข้อปฏิบัติสาหรับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเด็กและเยาวชน
1. ในระหว่างการเก็บข้อมูลให้อยู่ภายในสายตาของเจ้าหน้าที่ประจาสถานควบคุม ไม่ อนุญาตให้อยู่โดยลาพัง
กับเด็กหรือเยาวชน โดยจะต้องให้มีเจ้าหน้าที่ เช่น นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ เข้าร่ วมสังเกตการณ์ใน
การสัมภาษณ์ด้วย
2. การเก็บข้อมูลต้องชี้แจงให้กลุ่มตัวอย่าง (เด็ก เยาวชน) เข้าใจถึงวัตถุประสงค์และข้อมูลสาคัญอื่นๆของการ
เข้าร่วมการวิจัย และต้องเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนยินยอมและสมัครใจที่จะเข้าร่วมการวิจัยเท่านั้น พร้อมทั้งให้
เด็กหรือเยาวชนลงลายมือกากับแสดงการยินยอมด้วย ในกรณีที่เด็กและเยาวชนอยู่ในศูนย์ฝึกและอบรมฯ จะต้องมี
การลงลายมือชื่อยินยอมจากผู้ปกครองตามกฎหมาย คือ ผู้อานวยการศูนย์ฝึกและอบรม นั้นๆ ด้วย และในกรณี
เด็กและเยาวชนที่อยู่ในสถานพินิจฯ ควรให้ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนรายนั้นๆ ทราบและลงลายมือชื่อยินยอม
ด้วย
3. ในระหว่างดาเนินการเก็บข้อมูลเด็กและเยาวชน ไม่ประสงค์ที่จะเข้าร่วมการวิจัยต่อสามารถยุติได้โดยทันที
หรือหากเด็กและเยาวชนอึดอัดไม่สบายใจ หรือมีอาการปุวยฉับพลัน จะต้องยุติการเก็บข้อมูลกับเด็กหรือเยาวชน
รายนั้นทันที และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ร่วมสังเกตการณ์การสัมภาษณ์
4. ไม่ อ นุ ญ าตให้ ร ะบุ ชื่ อ หรื อ ระบุ ตั ว ตนเด็ ก /เยาวชน ที่ เ ป็ น กลุ่ ม ตั ว อย่ า ง หรื อ กระท าการใด ๆ
ทีเ่ ป็นการเปิดเผยตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นๆ เช่น การถ่ายภาพ การบันทึกเทป การอัดเสียงสัมภาษณ์ ฯลฯ
5. การดาเนินการใดๆ หากนอกเหนือขอบเขตทีไ่ ด้รับอนุญาตไม่สามารถทาได้
6. หากเ ด็ ก ห รื อ เย าว ช นขอใ ห้ ติ ด ต่ อ บุ คคลภ ายน อกให้ โ ดย การ โ ทรศั พท์ หรื อ ส่ งจด หมา ย
ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลหรือให้เด็กหรือเยาวชนติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในสถานควบคุมที่มีหน้าที่โดยตรงเพื่อดาเนินการ
ให้
7. กรณีต้องการให้รางวัลตอบแทนเด็กหรือเยาวชน ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลทราบก่อน เพื่อจะได้ดาเนินการ
ให้ถูกต้องตามระเบียบ
8. กรณีเก็บข้อมูลเด็กหรือเยาวชนแล้ว มีข้อสังเกตใดเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนที่อาจจะเกิดอันตรายต่อเด็ก
หรือเยาวชน หรือผู้อื่น ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแล เพื่อการดูแลและปูองกันต่อไป
9. ไม่นาข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนไปเผยแพร่ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่เด็กหรือเยาวชนและ
ครอบครัว
10. เมื่อดาเนิ น การศึกษาวิจั ยเสร็ จ สิ้ น แล้ ว ขอให้ ส่ งผลงานวิจัยให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
จานวน 1 เล่ม พร้อม file ข้อมูล เพื่อจะได้นาข้อมูลไปประกอบการพัฒนาการดาเนินงานของกรมพินิจและ
คุ้มครองเด็กและเยาวชนต่อไป
11. ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหน่วยงานที่เข้าเก็บข้อมูลอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยให้สอบถามเจ้าหน้าที่ใน
หน่วยงานก่อนดาเนินการเข้าเก็บข้อมูล
ข้าพเจ้าและคณะที่จ ะเข้าเก็บข้อมูล ได้รับทราบข้อปฏิบัติต่าง ๆ ข้างต้นแล้ ว และจะปฏิบัติตามอย่าง
เคร่งครัด
ลงชื่อ
( )
(หน่วยงาน/สถานศึกษา)
วันที่
วพ.3 (จนท.)
หนังสือรับทราบข้อปฏิบัติในการเก็บข้อมูลเจ้าหน้าที่
ในหน่วยงานกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
เมื่อได้รั บอนุ ญาตจากอธิบ ดีกรมพินิจฯ ให้ ดาเนิน การเก็บข้อมูล ผู้ ขอเก็บข้อมูล จะต้องประสานไปยัง
หน่วยงานที่จะเข้าทาการเก็บข้อมูลเพื่อนัดวัน/เวลา ที่จะเข้าทาการเก็บข้อมูลอีกครั้งด้วยตนเอง เนื่องจากหากตรง
กับวันที่มีการจัดกิจกรรมให้กับเด็กและเยาวชน หน่วยงานอาจไม่พร้อมให้เข้าดาเนินการเก็บข้อมูล
การแต่งกาย แต่ ง กายสุ ภ าพ เรี ย บร้ อ ย สุ ภ าพสตรี ส ามารถสวมกางเกงได้ แ ต่ ต้ อ งเป็ น แบบสุ ภ าพ
ไม่ควรสวมเสื้อผ้ารัดรูป
ข้อปฏิบัติสาหรับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเจ้าหน้าที่
1. การเก็บข้อมูลต้องชี้แจงให้กลุ่มตัวอย่าง เข้าใจถึงวัตถุประสงค์และข้อมูลสาคัญอื่นๆของการเข้าร่วมการ
วิจัย และสมัครใจทีจ่ ะเข้าร่วมการวิจัย พร้อมลงรายมือชื่อในใบแสดงความยินยอม
2. ในกรณีที่กลุ่มตัวอย่างปฏิบัติงานอยู่ในสถานที่ควบคุม ไม่อนุญาตให้ผู้วิจัยเข้าไปเก็บข้อมูลในสถานควบคุม
และการดาเนินการใดๆ หากนอกเหนือขอบเขตที่ได้รับอนุญาตไม่สามารถทาได้
3. ช่วงเวลาในการเก็บข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ต้องไม่รบกวนเวลาที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานกับเด็กและเยาวชน
4. เมื่อดาเนิ น การศึกษาวิจั ยเสร็ จ สิ้ น แล้ ว ขอให้ ส่ งผลงานวิจัยให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
จานวน 1 เล่ม พร้อม file ข้อมูล เพื่อจะได้นาข้อมูลไปประกอบการพัฒนาการดาเนินงานของกรมพินิจและ
คุ้มครองเด็กและเยาวชนต่อไป
5. ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหน่วยงานที่เข้าเก็บข้อมูลอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยให้สอบถามเจ้าหน้าที่ใน
หน่วยงานก่อนดาเนินการเข้าเก็บข้อมูล
ข้าพเจ้าและคณะที่จ ะเข้าเก็บข้อมูล ได้รับทราบข้อปฏิบัติต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว และจะปฏิบัติตามอย่าง
เคร่งครัด
ลงชื่อ
( )
(หน่วยงาน/สถานศึกษา)
วันที่