Professional Documents
Culture Documents
Ais Final
Ais Final
ควบคุมภายใน องค์กรต้องมีการจัดการกฎระเบียบและสิ่งแวดล้อม
ในการทำงานที่เหมาะสมไม่ตั้งกฎที่เข้มงวดจนเกินไป และไม่ลด
หย่อนกฎให้หละหลวมจนเกินไป และองค์กรอาจกำหนดให้มี
หัวหน้างานคอยควบคุมการทำงานหรืออาจติดตั้งกล้องวงจรปิ ด
ภายในสถานที่ทำงาน
3) ความเสี่ยงจากการละเมิดกฎหมายแรงงาน องค์กรอาจมีความ
เสี่ยงจากการละเมิดกฎหมายแรงงานหากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
ทางกฎหมายจะส่งผลต่อชื่อเสียงขององค์กรและต้องเสียค่าชดเชย
หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ควบคุมภายใน องค์กรควรศึกษารายละเอียดในข้อกฎหมาย
แรงงานอย่างละเอียดและกำหนดรายละเอียดเหล่านั้นให้เป็ นส่วน
หนึ่งของนโยบายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เพื่อให้
องค์กรสามารถ ปฏิบัติตามข้อกฎหมายได้อย่างถูกต้อง และอาจจะ
ขอคำแนะนำจากทีมกฎหมายเพิ่มเติมหากมีกรณีสงสัย
4) ความเสี่ยงจากการบันทึกเวลาปฏิบัติงานจริงไม่ถูกต้อง (ความ
เสี่ยงจากบัตรตอกเวลา) เมื่อพนักงานต้องปฏิบัติงานจริงจึงอาจมี
การบันทึกเวลาปฏิบัติงานจริงไม่ถูกต้องเช่นมีการบันทึกเวลาแทน
กันซึ่งส่งผลให้องค์กรต้อง จ่ายค่าตอบแทนเกินกว่าผลของงานที่ได้
รับ
ควบคุมภายใน องค์กรอาจตั้งเครื่องตอกบัตรให้อยู่ในระยะสายตา
ของพนักงานรักษาความปลอดภัย เพื่อให้พนักงานรักษาความ
ปลอดภัยช่วยสอดส่องดูแลความผิดปกติ หรือทำการติดต้องกล้อง
วงจรปิ ดในบริเวณดังกล่าว เพื่อป้ องกันการบันทึกเวลาทำงานแทน
กัน นอกจากนั้นพนักงานยังต้องบันทึกเวลาแยกเป็ นงานในบัตรงาน
ผลิต ดังนั้นองค์กรควรเพิ่มขั้นตอนการเปรียบเทียบข้อมูลในบัตร
ตอกเวลากับบัตรงานผลิต เพื่อดูความสอดคล้องของข้อมูลใน
เอกสารทั้งสอง นอกจากนี้อาจนำเทคโนโลยีมาใช้เช่นเทคโนโลยีการ
ยืนยันตัวตนด้วยชีวะมิติที่ใช้เอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล เช่นการ
สแกนลายนิ้วมือหรือสแกนม่านตา
5) ความเสี่ยงจากการคำนวณเงินเดือนและค่าแรงผิดพลาด อาจมี
สาเหตุมาจากการนำข้อมูลเวลาการปฏิบัติงานเข้าสู่ระบบการ
คำนวณคลาดเคลื่อนหรือการใช้อัตราเงินเดือนและค่าแรงที่ไม่เป็ น
ปั จจุบันทำให้ผลการคำนวณผิดพลาด รวมถึงการคำนวณรายการ
ขายรถยนต์ไม่ตรงกับความเป็ นจริง รายการหักทางภาษีไม่ถูกต้อง
หรือไม่เป็ นตามอัตราที่เป็ นปั จจุบัน นอกจากนี้การป้ อนข้อมูล เข้าสู่
ระบบคอมพิวเตอร์อาจเกิดข้อผิดพลาดได้
ควบคุมภายใน องค์กรควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อน
นำเข้าสู่ระบบการประมวลผลเงินเดือนและค่าแรง โดยเปรียบเทียบ
ข้อมูลนำเข้าในโปรแกรมการคำนวณกับเอกสารต้นทางหรือ
เอกสารอ้างอิง เช่น บัตรตอกเวลา(สำหรับเวลาปฏิบัติงานจริง)
ระเบียนประวัติพนักงาน (สำหรับอัตราเงินเดือน และค่าแรงราย
ละเอียดรายการหัก) เพื่อให้แน่ใจว่าการคำนวณเงินเดือนและ
ค่าแรงถูกต้องครบถ้วนและเป็ นปั จจุบัน องค์กรยังอาจนำหลักการ
แบ่งแยกหน้าที่มาใช้โดยแยกหน้าที่ระหว่างผู้ดูแลการบันทึกเวลา
ปฏิบัติงานและผู้คำนวณเงินเดือนและค่าแรง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อ
ถือในกระบวนการคำนวณและตรวจสอบ และองค์กรควรพิจารณา
ความสมเหตุสมผลของข้อมูลในการคำนวณเงินเดือนและค่าแรง
โดยสังเกตความผิดปกติของข้อมูลนำเข้า เช่นจำนวนทำงานใน
แต่ละวันไม่ควรเกิน 24 ชั่วโมง หรือองค์กรเปรียบเทียบข้อมูลนำ
เข้าจากบัตรตอกเวลากับจำนวนชั่วโมงในบัตรงานผลิต นอกจาก
นี้องค์กรยังสามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยในการควบคุมภายในเช่น
การควบคุมข้อมูลป้ อนเข้า เช่น การควบคุมการเข้าถึงระเบียน
ประวัติพนักงาน เพื่อไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องทำการแก้ไขข้อมูล
ควบคุมภายใน องค์กรควรมีกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าทุกครั้งที่มี
การจ่ายเงินเดือนและค่าแรงต้องมีการจ่ายรายการหักค่าลดหย่อน
ต่างๆด้วย นอกจากนี้องค์กรอาจกำหนดให้มีการตรวจสอบความ
ครบถ้วนและสอบถามการคำนวณเพื่อให้แน่ใจว่าการจ่ายรายการ
หักค่าลดหย่อนต่างๆถูกต้อง โดยผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ
จ่ายเงิน
8) ความเสี่ยงจากการจัดทำระเบียนประวัติพนักงานไม่ถูกต้อง
นักเรียนโปรดพนักงานถือเป็ นข้อมูลสำคัญขององค์กร ซึ่งองค์กร
อาจ จะบันทึกข้อมูลส่วนตัวข้อมูลตำแหน่งงานหรืออัตราเงินเดือน
และค่าแรงไม่ถูกต้อง โดยอาจเป็ นการบันทึกข้อมูลหลักในระเบียบ
ประวัติพนักงานคลาดเคลื่อนจากความเป็ นจริง หรือมีการ
เปลี่ยนแปลงข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคารของพนักงาน รวมถึง
องค์กรอาจมีความเสี่ยงจากการจัดทำระเบียบประวัติพนักงานที่ไม่มี
ตัวตนจริง
ควบคุมภายใน องค์กรควรมีกระบวนการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ของเอกสารอ้างอิงของพนักงานเช่นสำเนาบัตรประชาชนสำเนา
สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร ร่วมกับหลักฐานสัญญาจ้างที่ได้รับ
อนุมัติจากองค์กรก่อนทำการสร้างระเบียนประวัติพนักงาน
นอกจากนี้ทุกครั้งที่มีการปรับปรุงระเบียนประวัติพนักงาน เช่น
เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง หรือลาออก องค์กรควรออกเอกสารอ้างอิง
อย่างเป็ นทางการก่อนส่งต่อให้แผนกบุคคล
9) ความเสี่ยงจากการเข้าถึงระเบียนประวัติพนักงานโดยไม่ได้รับ
อนุญาต ระเบียนประวัติพนักงานถือเป็ นข้อมูลหลักที่สำคัญของ
วงจรเงินเดือนและค่าแรง ซึ่งองค์กรอาจมีความเสี่ยงถ้าหากมีการ
เข้าถึงระเบียนประวัติพนักงาน โดยบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจนำ
ไปสู่การใช้ประโยชน์ในข้อมูลนั้นในทางมิชอบ
ควบคุมภายใน องค์กรควรมีกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าเฉพาะผู้ที่
มีหน้าที่และได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง หรือแก้ไข
ระเบียนประวัติพนักงาน โดยองค์กรควรเก็บระเบียนประวัติ
พนักงานไว้ในตู้แบบมิดชิด และมีผู้ควบคุมดูแล อนุญาตให้เฉพาะผู้
ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำเทคโนโลยีมา
ใช้ในการควบคุมภายใน เช่นการใช้รหัสผ่านสำหรับการเข้าถึง
ระเบียนประวัติพนักงาน
ควบคุมภายใน องค์กรควรมีกระบวนการที่ทำให้มั่นใจว่ามีการ
ป้ องกันการสูญเสียข้อมูลหรือมีความสามารถในการกู้คืนข้อมูลหาก
เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้องค์กรควรเก็บรักษา
เอกสารทางการเงินหรือสมุดบัญชีอย่างเป็ นระบบและระยะเวลาที่
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
11) ความเสี่ยงจากการบันทึกรายการค้าและบัญชีไม่ถูกต้อง
เมื่อเกิดรายการค้าย่อมมีการบันทึกรายการค้าและบัญชีจึงทำให้
องค์กรมีความเสี่ยงจากการบันทึกทางบัญชีไม่ถูกต้องหรือไม่เป็ นไป
ตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป
ควบคุมภายใน องค์กรควรมีกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าทุกรายการ
เงินเดือนและค่าแรงมีการบันทึกอย่างถูกต้อง ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม
และตามระยะเวลาที่ถูกต้อง โดยใช้เอกสารที่มีการกำหนดเลขที่ไว้
ล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่ารายการต่างๆมีการจัดทำตามลำดับไม่มีการ
บันทึกซ้ำหรือไม่ข้ามรายการใดรายการหนึ่ง
บทที่8 วงจรสินทรัพย์ถาวร
-วงจรสินทรัพย์ถาวรเป็ นส่วนหนึ่งของวงจรรายจ่าย
-สินทรัพย์ถาวรหมายถึงที่ดินอาคารอุปกรณ์ที่คาดว่าจะให้ผลประโยชน์
แก่องค์กรยาวนานกว่า 1 ปี
-โดยวงจรเริ่มต้นเมื่อองค์กรได้รับสินทรัพย์ถาวร มีการดูแลรักษาคำนวณ
และบันทึกค่าเสื่อมราคาจนกระทั่งสิ้นสุดเมื่อองค์กรยุติการใช้ประโยชน์
ของสินทรัพย์ถาวรนั้น
1. จำนวนที่คิดค่าเสื่อมราคา(หลังจากมูลค่าคงเหลือ)
2. อายุการใช้ประโยชน์
3. วิธีการคิดค่าเสื่อมราคา
วัตถุประสงค์
1. สามารถจัดหาสินทรัพย์ถาวรให้เป็ นไปตามความต้องการขององค์กร
2. สามารถควบคุมดูแลสินทรัพย์ถาวรให้ใช้ได้ตลอดระยะเวลาการใช้
ประโยชน์
3. สามารถจัดการการสิ้นสุดของสินทรัพย์ถาวรได้อย่างเหมาะสม
เอกสารในวงจรสินทรัพย์ถาวร
บัญชีและรายงานในวงจรสินทรัพย์ถาวร
ความเสี่ยงและการควบคุมภายในที่เหมาะสม
1. ความเสี่ยงจากการจัดหาสินทรัพย์ถาวรไม่คุ้มค่าหรือไม่สอดคล้อง
กับการดำเนินงานขององค์กร องค์กรจึงมีความเสี่ยงเช่นแผนกสั่ง
ซื้อตามความต้องการของพนักงานหรือหัวหน้าแผนก โดยกำหนด
คุณสมบัติของสินทรัพย์ถาวรตามความต้องการส่วนตัว
การควบคุมภายใน > องค์กรควรมีกระบวนการอนุมัติและขอซื้อใน
แต่ละแผนก และมีการควบคุมวงเงินขอซื้อแรงงบประมาณ
นอกจากนี้แผนกจัดซื้อยังควรพิจารณาภาพรวมของการจัดซื้อ
สินทรัพย์ถาวรขององค์กร และได้รับการอนุมัติจากองค์กรก่อนจึง
จัดทำใบสั่งซื้อส่งให้ผู้ขาย
2. ความเสี่ยงจากการจัดซื้อกับผู้ขายที่ไม่น่าเชื่อถือและไม่ประหยัด
> องค์กรควรมีการพิจารณา ผู้ค้ายังรอบคอบ เพราะมีความเสี่ยง
เช่นองค์กรจัดซื้อจากผู้ขายเพียงเพราะราคาขายต่ำสุด หรือองค์กร
ทำการซื้อขายกับผู้ขายที่มีความใกล้ชิดกับพนักงาน ซึ่งหากได้ผู้ขาย
ที่ไม่น่าเชื่อถือทำให้ได้สินทรัพย์ถาวรที่ไม่มีคุณภาพ และหากองค์กร
ไม่มีการวางแผนในการจัดซื้อที่ดีองค์กร อาจมีการจัดซื้อกะทันหัน
ทำให้ได้ราคาสูงเกินความจำเป็ น
8. ความเสี่ยงจากทางเลือกการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ถาวรไม่เหมาะ
สม > การตัดจำหน่ายสินทรัพย์ถาวร ถือเป็ นแกนที่สุดการใช้
ประโยชน์ซึ่งแต่ละทางเลือกการตัดจำหน่ายจะส่งผลกระทบที่ต่าง
กันต่อตัวเลขทางบัญชี ช่วงก่อนจึงอาจมีความเสี่ยงจาก ทางเลือก
การตัดจำหน่ายสินทรัพย์ถาวรไม่เหมาะสมเช่นองค์กรเลือกทาง
เลือกที่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ขององค์กรแต่เป็ นการเอื้อประโยชน์ให้
พนักงานเป็ นการส่วนตัว
10. ความเสี่ยงจากการเข้าถึงทะเบียนคุมสินทรัพย์ถาวรโดยไม่
ได้รับอนุญาต > ทะเบียนคุมสินทรัพย์ถาวรถือเป็ นอีกข้อมูลหลัก
ของวงจรสินทรัพย์ถาวร องค์กรจึงอาจมีความเสี่ยงทำให้องค์กรอาจ
ได้รับความเสียหายจากการที่มีพนักงานที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไป
ทำการแก้ไขข้อมูลอย่างไม่เหมาะสม หรือไปใช้ในทางที่ผิด
วัตถุประสงค์
1. สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพในปริมาณที่พอเหมาะ แทงต่อความ
ต้องการของลูกค้าและมีต้นทุนที่เหมาะสม
2. สามารถผลิตสินค้าได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าใน
ปั จจุบันและอนาคต ทำให้องค์กรไม่เสียโอกาสในการขาย
1.กระบวนการวางแผนและควบคุมการผลิต > แผนกควบคุมการผลิต
จัดรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เช่น แผนกขายและแผนกการ
ตลาดจะจัดทำแผนการผลิต แนะทำการส่งข้อมูลให้องค์กรเพื่อพิจารณา
ยอดขายในปั จจุบันและอนาคต ผนวกกับสูตรการผลิตจากแผนกผลิต
เพื่อใช้วางแผนในการจัดหาวัตถุดิบและแรงงาน
เอกสารในวงจรต้นทุนการผลิต
ความเสี่ยงและการควบคุมภายใน
1. ความเสี่ยงจากการวางแผนการผลิตสินค้าไม่มีประสิทธิภาพ >
องค์กรมีความเสี่ยงจากการที่องค์กรไม่ได้พิจารณาข้อมูลอย่างรอบ
ด้านและรอบคอบ ทำให้องค์กรผลิตสินค้าได้น้อยหรือมากเกินกว่า
ความต้องการของลูกค้า รวมถึงหากองค์กรไม่ได้พิจารณาสถานะ
สินค้าและวัตถุดิบคงคลังอาจทำให้แผนการผลิต และการจัดหา
วัตถุดิบล่าช้า
2. ความเสี่ยงจากการผลิตสินค้าไม่เป็ นไปตามแผนหรือมีการสลับ
แผนงาน > องค์กรมีความเสี่ยง เช่นขาดวัตถุดิบในการผลิต ขาด
แรงงานที่ใช้ในการผลิต หรือผลิตสินค้าไม่ทันต่อความต้องการของ
ลูกค้า
4. ความเสี่ยงจากการสูญเสียสินค้าหรือการผลิตหยุดชะงักจากเหตุ
ไม่พึงประสงค์ > องค์กรอาจจะเกิดไฟฟ้ าดับ เครื่องจักรเสีย หรือ
จากภัยพิบัติต่างๆเช่นน้ำท่วม ไฟไหม้ซึ่งเป็ นเหตุที่เกิดไม่บ่อยแต่
หากเกิดแล้วสร้างความเสียหายในการหยุดชะงักในกระบวนการ
ผลิตขององค์กร
5. ความเสี่ยงจากการบันทึกรายการบัญชีต้นทุนไม่ถูกต้อง >
รายการบัญชีต้นทุนถือเป็ นรายงานที่มีความละเอียดปล่อยและซับ
ซ้อน กล่าวคือ มีส่วนประกอบหลายส่วน เช่นวัตถุดิบทางตรง
ค่าแรงทางตรง และค่าใช้จ่ายในการผลิต ซึ่งมีความเสี่ยงจากการ
บันทึกบัญชีต้นทุนไม่ถูกต้องจะส่งผลในการตัดสินใจต่างๆที่เกี่ยวกับ
สินค้าที่ผลิตเสร็จ
8. ความเสี่ยงจากการเข้าถึงข้อมูลต้นทุนการผลิตโดยไม่ได้รับ
อนุญาต > ข้อมูลต้นทุนการผลิตเกี่ยวข้องกับต้นทุนมาตรฐานและ
ต้นทุนจริง เป็ นข้อมูลที่ใช้ประกอบพิจารณาผลการปฏิบัติงานที่
เกี่ยวข้องกับการผลิต องค์กรจึงอาจมีความเสี่ยงหากข้อมูลดังกล่าว
ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือนำไปใช้ไม่ถูกต้องจะส่งผลให้การตัดสิน
ใจและการประเมินผลเกี่ยวกับการผลิตผิดพลาดได้