You are on page 1of 30

Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.

com/ 1

ข้อสอบฟิ สิกส์ วิชาสามัญ ปี 2565

กำหนดให้ใช้ค่ำต่อไปนี้ สำหรับกรณีที่ตอ้ งแทนค่ำตัวเลข


ควำมเร่งโน้มถ่วง g = 9.8 m/s2
อัตรำเร็วของแสงในสุญญำกำศ c = 3.0 x 108 m/s
ค่ำคงตัวแก๊ส R = 8.3 J/(mol K)
ค่ำคงตัวอำโวกำโดร NA = 6.0 x 1023 mol-1
ค่ำคงตัวโบลต์ซมันน์ kB = 1.4 x 10-23 J/K

ค่ำของ sin  , cos  และ tan  ที่มมุ ต่ำง ๆ ดังตำรำงต่อไปนี้


 0O 30O 45O 60O 90O
sin  1 2 3
0 1
2 2 2
cos  3 2 1
1 0
2 2 2
1
tan  0 1 3 ไม่นิยำม
3
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 2

ตอนที่ 1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คำตอบที่ถูกที่สดุ


จำนวน 25 ข้อ (ข้อ 1 – 25) ข้อละ 3 คะแนน รวม 75 คะแนน

1. ออกแรงกระทำต่อวัตถุ 2 ครัง้ ได้กรำฟควำมสัมพันธ์ระหว่ำงขนำดของแรง F ที่กระทำต่อวัตถุกับเวลำ t


ดังภำพ
กำหนดให้ ขณะที่วตั ถุถูกแรงกระทำ มวลของวัตถุและทิศทำงของแรงไม่เปลี่ยนแปลง
F (N) F (N)
5 5
4 4
3 3
2 2
1 1
t ( 10 −2 s ) t ( 10 −2 s )
0 1 2 3 4 5 6 7 8 0 1 2 3 4 5 6 7 8
กำรออกแรงครัง้ ที่ กำรออกแรงครัง้ ที่ 2
ข้อใดเปรียบเทียบขนำดของกำรดลครัง้ ที่ 1 (I1) และครัง้ ที่ 2 (I 2) ได้ถูกต้อง
1. I 1 มำกกว่ำ I 2 เพรำะพืน้ ที่ได้กรำฟของครัง้ ที่ 1 มำกกว่ำครัง้ ที่ 2
8
2. I 1 มำกกว่ำ I 2 เพรำะขนำดของแรงสูงสุดของครัง้ ที่ 1 มำกกว่ำของครัง้ ที่ 2
3. I 2 มำกกว่ำ I 1 เพรำะแรงเฉลี่ยของครัง้ ที่ 2 มำกกว่ำครัง้ ที่ 1
4. I 2 มำกกว่ำ I 1 เพรำะช่วงเวลำทีว่ ตั ถุถูกแรงกระทำของครัง้ ที่ 2 มำกกว่ำของครัง้ ที่ 1
5. I 2 มำกกว่ำ I 1 เพรำะขนำดของแรงของครัง้ ที่ 2 ลดลงจำกจุดสูงสุดเร็วกว่ำของครัง้ ที่ 1

aird (t) =nonoowfawnososcos=p2 -J,


I Ft mF=
= - mi

I 8 Frow FGut
=

FCN)

OF
1
NTA1(1) Exxx=1 t(Rs)

Ez I=
oerNFr +
2x2(5 184)
5x18- N.5
I1 PN FNt
x =

=
13x(4415) 6X8
=
N.S
or a void In > I2 Mot
-
->
1
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 3

5 3
2. เจ้ำหน้ำที่กภู้ ยั ต้องกำรโยนอุปกรณ์ให้คนที่อยูใ่ นตึกซึ่งอยู่หำ่ ง 5 เมตร และอยูส่ งู เมตร ดังภำพ
2
กำหนดให้ ไม่คิดแรงต้ำนอำกำศ

U
Sy=

·
Sx =

เจ้ำหน้ำที่กภู้ ยั ต้องโยนอุปกรณ์ดว้ ยมุมกี่องศำเทียบกับแนวระดับ เพื่อให้อุปกรณ์ขณะรับมีควำมเร็วในแนวดิง่


เป็ นศูนย์
1. 30
2. 37
disiacos was tano-u myF;e
Vy 0
=

3. 45

"IERINE FOR
4. 53 AN
O 5. 60

5 m
(h) ux oi1 5x =

7 Iy
Sx uxt
= ux

5 uxt ②
xt 55
=
=

uxt 5
= -
0 I
↓y B =

&My Ol
Sy 55 m
=

ux

58 tan0=1
t
=
B

Sy=cnytv 8 p 0 609
=
Ux

M00
-
- -
5

2
uyt 55 -
=
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 4

3. ลูกกลมมวล m1 มีมวลเป็ นครึ่งหนึ่งของ m2 ถูกผูกด้วยเชือกที่ยำวไม่เท่ำกันไว้ที่จุดตรึงหนึง่ เมื่อแกว่งลูกกลม


ทัง้ สองลูกให้เริ่มเคลื่อนที่พร้อมกันเป็ นวงกลมในระนำบเดียวกันและมีจุดศูนย์กลำงร่วมกัน พบว่ำรัศมีกำรเคลื่อนที่


ของลูกกลม m2 มีค่ำเป็ นสองเท่ำของรัศมีกำรเคลื่อนทีข่ องลูกกลม m1 ดังภำพ

#conlccoson
conalcononorcaro
need
Zouoso,
no
m2 m1
* VLsino.
ข้อใดถูกต้อง
1. คำบของ m1 มีค่ำน้อยกว่ำคำบของ m2 * Coinw)
2. ควำมถีเ่ ชิงมุมของ m1 มีค่ำน้อยกว่ำควำมถีเ่ ชิงมุมของ m2 & Cinisw)
8.3. อัตรำเร็วเชิงมุมของ m1 มีค่ำเท่ำกับอัตรำเร็วเชิงมุมของ m2

X(v>v)
4. อัตรำเร็วเชิงเส้นของ m1 มีค่ำเท่ำกับอัตรำเร็วเชิงเส้นของ m2
5. แรงสู่ศนู ย์กลำงของ m1 มีค่ำมำกกว่ำแรงสู่ศนู ย์กลำงของ m2 (Fc <F0z)

1
economics
T

FCOSO FT ofso
x FsinO
stoso
->

my

[[Fy = 0]

Taxyfecoretries
Ecoso= mg-0
[EFc = mac]

Esino-man
resin into
o

Lost
e
· Isino=mali of air (T), armoissaiz (w)

w=so
↑ sirisqu (w) oimits

toso, wel
Pat 24
608:T
=

LCosO
cro-
so 801 was

602 or

803 v
ge

84 osswise v

W
air v wr=
660h (i) =
/

on v> ry

X.vesve
00 -

004.00
ma

v 0 =

-
v 2r
=

&5 orfaviar Fo
&1 Fc =
mac

Fa mwr
=

Onsite k 24,W wz
m
m3,
= =
=

Fc m,wr
=

Foz mzwrz
=

(2m,)w=(2n)
=

F2z 40, wr=

FG 4FcI
=

Faz> Fc1 w
-5
M 3
- >
-
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 5

4. แกว่งลูกตุม้ มวล m ที่ผูกเชือกยำว L ให้เคลื่อนที่แบบฮำร์มอนิกอย่ำงง่ำยระหว่ำง จุด A และ B ดังภำพ


พบว่ำ ลูกตุม้ แกว่งครบ 10 รอบ ใช้เวลำ 2 วินำที

L 660=B180gN
2. A


vossbow v nX 0
=

A B T 6281

-
=

พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้ -

ก. ที่จุด A และ B ขนำดของควำมเร็วมีค่ำเท่ำกันและไม่เท่ำกับศูนย์ * =


π 0.2π S
=

ข. เมื่อแกว่งลูกตุม้ มวล m ที่ผูกเชือกยำว L คำบกำรแกว่ง เท่ำกับ 0.2  วินำที v 10


Nv
ค. เมื่อแกว่งลูกตุม้ มวล 2m ที่ผูกเชือกยำว L ควำมถี่เชิงมุมมำกกว่ำเมื่อแกว่งลูกตุม้ มวล m ที่ผูกเชือกยำว 2L
<

ข้อควำมใดถูกต้อง 2.
acomiso saw confound 1800 news rad) ⑤
1. ก. เท่ำนัน้
w 2πf
=
=

2. ข. เท่ำนัน้
3. ค. เท่ำนัน้
4. ก. และ ข. anwissiz (w) roo gervonisso
(auCT) 24(Z)

=
5. ข. และ ค. w
=

104 2,2z 2L
=
=

i=
=z
divi wi> Wa dv
w E
=

58.668 = 0V
MON
-
-
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 6

5. วัดขนำดของวัตถุปริซึมสี่เหลี่ยมที่มีฐำนเป็ นรูปสีเ่ หลี่ยมจัตรุ สั ดังภำพ

&
sivc ① = 3.65 cm

↑ 57

4
5
วัดควำมสูง drewin

4
omwaino

3
2

3
1
0

0 1 2 3 4 5

วัดควำมยำวด้ำนหนึ่งของฐำนสี่เหลี่ยมจัต รุ ัส
3 4 5
Poind400 cm

กำหนดให้ อ่ำนค่ำควำมสูงและควำมยำวจำกภำพที่ขยำยเท่ำนัน้

ปริซึมนีม้ ีปริมำตรกีล่ กู บำศก์เซนติเมตร โดยคำนึงถึงเลขนัยสำคัญ


1. 53.29
2. 53.3
seans ration of
3. 58 (4.00 X4.00) x
=
3.65
y 4. 58.4
3
5. 58.40 58.4
=
cr

nou 584cm3 & swsonowain3 nz


-
-

marizona cowards do gouge 03m2.


Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 7

6. รถบรรทุกมวล M ขนตูม้ วล m บนกระบะเคลื่อนที่ดว้ ยควำมเร็วต้น u ดังภำพ


กำหนดให้ k เป็ นสัมประสิทธิ์ควำมเสียดทำนจลน์ระหว่ำงตูแ้ ละพืน้ กระบะรถบรรทุก
s เป็ นสัมประสิทธิ์ควำมเสียดทำนสถิตระหว่ำงตูแ้ ละพืน้ กระบะรถบรรทุก
g เป็ นขนำดของควำมเร่งโน้มถ่วง

m
repaid on u
boswain 8fs, max M
-

&
ถ้ำต้องกำรให้รถหยุดนิ่งโดยที่ตยู้ งั อยู่นงิ่ เทียบกับรถ ระยะทำงที่สนั้ ทีส่ ดุ ตัง้ แต่เริ่มเบรกจนกระทั่งรถหยุดนิง่ เป็ น
เท่ำใด oreseen adassia in
u2
O
1.
2s g Js, max admin in

u2
2.
2k g sowsoapomssore oncworsmen the Camax)
u2
3.
( k +  s ) g Ramax assepe v0
=

I
4. 
 M + m  u2

 m  2s g Inks, max
It
S
 M + m  u2 ma]
5.   [CF =

+2aS
 m  2k g v u =

Js, may
=
mamax
0 -u 27
+
Msg) S
-

Msmg= mamax
0 It
=

2
amax=-Msg S =
-
U
now 1
-
-

2MsG
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 8

7. กระถำงต้นไม้มวล m ถูกแขวนอยู่บนเส้นลวดสองเส้นคือ A และ B ซึ่งยึดติดกับเสำสองต้น โดยมุมที่เส้นลวด


A กระทำกับเส้นแนวระดับเท่ำกับ  และเส้นลวด A และ B ทำมุมกับ 90 องศำ ดังภำพ

กำหนดให้ g เป็ นขนำดของควำมเร่งโน้มถ่วง

 เส้นแนวระดับ

ขนำดของแรงดึงในเส้นลวด B มีค่ำเท่ำใด

8
1. mg sin
2. mg cos
3. mg tan
..
mg ·
4.
sin
mg
5. my
tan
Saporoo360s conocross
mg
B
-
=

s-) +
sin 90s

TB
gCos
=

TB =
mgcosO 200
-
-
2
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 9

8. ตัวนำทรงกลม A และ B มีมวล M เท่ำกัน แต่ขนำดประจุไฟฟ้ำบนตัวนำทรงกลม A เท่ำกับ Q ส่วนตัวนำ


ทรงกลม B มีขนำดประจุไฟฟ้ำเป็ น n เท่ำของตัวนำทรงกลม A
วำงตัวนำทรงกลม A ไว้บนพืน้ ทีเ่ ป็ นฉนวน แล้วนำตัวนำทรงกลม B ที่ผูกด้วยเชือกเบำเข้ำใกล้ตวั นำทรงกลม
A ในแนวดิ่ง โดยให้ระยะห่ำงระหว่ำงจุดศูนย์กลำงของตัวนำทรงกลมทัง้ สองเท่ำกับ d ดังภำพ

เชือกเบำ
QB nQA nQ
=
=

ตัวนำทรงกลม B
F= A
FE=6650WW8=nC ANEB d
FE
not logo casemaster) 4
ตัวนำทรงกลม A
swor
oripi

⑦A Q =

A 00sai


กำหนดให้ k เป็ นค่ำคงตัวคูลอมบ์ my
g เป็ นขนำดของควำมเร่งโน้มถ่วง

ถ้ำต้องกำรให้ตวั นำทรงกลม A เริ่มจะลอยขึน้ จำกพืน้ ได้ ชนิดประจุไฟฟ้ำบนตัวนำทรงกลมทัง้ สองจะต้องเป็ น


อย่ำงไร และระยะห่ำง d จะต้องมีค่ำมำกทีส่ ดุ เท่ำใด
275 0
d
=

ชนิดประจุไฟฟ้ า ระยะห่าง d
=

1. nkQ ESF y =
0]
ชนิดเดียวกัน
Mg

IFFon
2. k FF Mg
=

ชนิดเดียวกัน Q
Mg
3. nkQ
ชนิดต่ำงกัน
Mg mg

duzon
4. k
ชนิดต่ำงกัน Q
Mg
85.
ชนิดต่ำงกัน Q
nk
Mg

now 5
-
- .
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 10

9. เครื่องดักจับฝุ่นด้วยไฟฟ้ำสถิตชนิดหนึง่ มีหลักกำรทำงำน โดยให้อำกำศที่มีอนุภำคฝุ่นเคลื่อนที่ผำ่ นส่วนสร้ำง


ประจุไฟฟ้ำ เพื่อทำให้อนุภำคฝุ่นมีประจุไฟฟ้ำลบ แล้วเคลื่อนที่ไปยังแผ่นรับฝุ่นที่มีขวั้ ไฟฟ้ำ
พิจำรณำอนุภำคฝุ่น A และ B ซึ่งอนุภำคฝุ่น A มีมวลมำกกว่ำ B และ อัตรำส่วนระหว่ำงประจุต่อมวลของ
A มำกกว่ำของ B ขณะอนุภำคทัง้ สองเคลื่อนที่เข้ำหำแผ่นรับฝุ่น ดังภำพ MASMB 1102
I'farm ong
EAS
กำหนดให้ แรงโน้มถ่วงมีขนำดน้อยมำกเมื่อเทียบกับแรงเนือ่ งจำกสนำมไฟฟ้ำระหว่ำงแผ่นรับฝุ่น

แผ่นรับฝุ่นขัว้ ไฟฟ้ำบวก
ขึน้
A
↓1 ↓ d
:
ซ้ำย ขวำ
B
ลง
อนุภำคฝุ่ น A และ B
แผ่นรับฝุ่นขัว้ ไฟฟ้ำลบ แผ่นรับฝุ่นขัว้ ไฟฟ้ำลบ
⑦ E Swain Vescts In UnitGoBaNos E
สนำมไฟฟ้ำระหว่ำงแผ่นรับฝุ่นมีทิศทำงใด และขณะอนุภำคฝุ่นทัง้ สองเคลือ่ นทีใ่ นสนำมไฟฟ้ำขนำดของ
ควำมเร่งและขนำดประจุเป็ นไปตำมข้อใด

① ทิศทางของสนามไฟฟ้ า ② ขนาดความเร่ง ③ ขนาดประจุ


1. ขึน้ A น้อยกว่ำ B A น้อยกว่ำ B
2. ขึน้ A มำกกว่ำ B v A มำกกว่ำ B N
3. ลง N A น้อยกว่ำ B A น้อยกว่ำ B
4. ลง M A เท่ำกับ B A มำกกว่ำ B v

O
5. ลง v A มำกกว่ำ B N A มำกกว่ำ B N

Gowisdio
② m189800 WO A l8LB ③ A 110c B

1
E F gE [SF =
ma] Ondauva
aA a
1
;
=

gE = ma

a
F of
GASa
=

a
con OBOW GA>GB
660K MA>MB
Fong new &A > GB
mA mB
Mor 5
NOW aA > aB -
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 11

10. ณ อุณหภูมิหนึ่ง ลวดตัวนำ A B และ C มีควำมยำวและควำมต้ำนทำน ดังตำรำง


R
ลวดตัวนา ความยาว (เมตร) 1 ความต้านทาน (โอห์ม)
A 1.0 2.2
B 2.0 4.4
C 2.0 5.2

พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้
ก. ถ้ำลวดตัวนำ A มีสภำพต้ำนทำนไฟฟ้ำ 2.2 x 10-7 โอห์ม เมตร จะมีพนื้ ที่หน้ำตัด 0.1 ตำรำงมิลลิเมตร V

ข. ถ้ำลวดตัวนำ A และ B มีสภำพต้ำนทำนไฟฟ้ำเท่ำกัน พืน้ ที่หน้ำตัดของลวดตัวนำ A จะมำกกว่ำ B X


ค. ถ้ำลวดตัวนำ C มีควำมยำว 1.0 เมตร โดยพืน้ ที่หน้ำตัดเท่ำเดิม จะมีควำมต้ำนำน 10.4 โอห์ม *

ข้อควำมใดถูกต้อง 1.81 A ar R pL
=

#
O
-

1. ก. เท่ำนัน้
2. ข. เท่ำนัน้ 2.2 = 2.2x127 x 1.0
-

3. ก. และ ค. เท่ำนัน้ A

4. ข. และ ค. เท่ำนัน้ 2
A = 187m
5. ก. ข. และ ค.
A
0.14186mz
=

0.1
= mm n gr

1
arUNI
RCOSC
F &
* p-
=

R
an R =pL
A

180A soo inkin


P(0)
AA= AB=p()
4.4

-! E2
=

Di AA = AB ood

2 0
=

1 ofD R2 2.62=

MoU
--
air

1
-
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 12

11. แบตเตอรี่ขนำด 12 โวลต์ ที่มีควำมต้ำนทำนภำยใน 1 โอห์ม ต่ออยู่กับอุปกรณ์ไฟฟ้ำที่มีควำมต้ำนทำน


R1 = 10  และตัวต้ำนทำนที่มีควำมต้ำนทำน R2 = 10  ดังภำพ
อุปกรณ์ไฟฟ้ำ R 1 = 10 

ตัวต้ำนทำน R 2 = 10 

12 V 1

-> wat
wassin i8 x
= 600)
พลังงำนไฟฟ้ำที่อุปกรณ์ไฟฟ้ำใช้ไปใน 30 วินำที มีค่ำกี่จูล
w pt
=
(IR) +
=

1. 12
I
⑧ 2. 300 2
pow each
-

1
50
3. 432 zR 52 =

~
4. 600
5. 1200
#Im-1 w pt

W
=

(IPRI +
=

F 12V,
=
v = 12
(110)
=
+ x 30

F(v) 11)
3005 n02
E
=
I =
-

2A missNG(p)
I
k
= =

P IV I
R =
v2
=

wing und IP
=

all
I1
-v 7

I
Ema
-

↑ I2A =

1A
I1 zz
= = =
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 13

12. ขดลวดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำมีพนื้ ที่ 0.50 ตำรำงเมตร อยูใ่ นบริเวณที่มสี นำมแม่เหล็กสม่ำเสมอ B ในทิศ +z


ในขณะเริ่มต้น ระนำบของขดลวดวำงตัวอยู่ในระนำบ xy จำกนัน้ หมุนขดลวดรอบแกน y โดยระนำบของขดลวด
ทำมุม  กับระนำบ xy ดังภำพ
x
x


z
y
B B
z

ภำพ ก. ภำพมุมมองแบบ มิติ ภำพ ข. ภำพมุมมองด้ำนข้ำง โดยแกน Y


มีทิศทำงพุ่งออกจำกระนำบกระดำ

ถ้ำขณะมุม  = 0O ฟลักซ์แม่เหล็กทีผ่ ่ำนขดลวดเท่ำกับ 0.40 เวเบอร์ สนำมแม่เหล็กมีขนำดกี่เทสลำและเมือ่ 


เพิ่มขึน้ จำก 0 องศำ ถึง 90 องศำ ฟลักซ์แม่เหล็กมีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงไร

ขนาดสนามแม่เหล็ก (เทสลา) การเปลี่ยนแปลงฟลักซ์แม่เหล็ก


1. 0.20 น้อยลง
2. 0.80 v มำกขึน้

3. 0.80 v น้อยลง
4. 1.25 มำกขึน้
5. 1.25 น้อยลง

0 5 0 0.4 Wh
8 = =

8 X

aB

I BA
=
to i

8.4 =B(0.5)

B 0.8 T
0.1
= =

obond a twain of 1890 o

ti
woropluroaironocow00o te
win't was
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 14

13. นักเรียนคนหนึ่งมีแผ่นโพลำรอยด์ที่ทรำบแนวโพลำไรส์ 1 แผ่น และแหล่งกำเนิดแสงโพลำไรส์ที่ไม่ทรำบแนว


โพลำไรส์ เขำจึงคิดวิธีกำรทดลองเพื่อหำแนวโพลำไรส์ของแสงดังกล่ำว ดังนี้
“ฉำยแสงให้เคลื่อนทีใ่ นทิศ +z ผ่ำนแผ่นโพลำรอยด์ซงึ่ อยูใ่ นแนวขนำนกับระนำบ xy ดังภำพแล้วสังเกตควำม
สว่ำงของแสงในขณะที่หมุนแผ่นโพลำรอยด์รอบแกน z อย่ำงช้ำ ๆ เพื่อหำตำแหน่งมุมที่ทำให้มองเห็นแสงมีควำม
สว่ำงมำกทีส่ ดุ ”
y

x
แผ่นโพลำรอยด์

z
วิธีขำ้ งต้นจะสำมำรถใช้หำแนวโพลำไรส์ของแสงได้หรือไม่ เพรำะเหตุใด
1. ไม่ได้ เพรำะควำมสว่ำงของแสงที่ผำ่ นแผ่นโพลำรอยด์จะคงที่ไม่มีกำรเปลี่ยนแปลง
2. ไม่ได้ เพรำะกำรใช้แผ่นโพลำรอยด์เพียงแผ่นเดียวจะไม่สำมำรถหำแนวโพลำไรส์ของแสงได้
3. ไม่ได้ เพรำะแสงโพลำไรส์จะมีสนำมไฟฟ้ำอยู่ในหลำยแนวจึงไม่สำมำรถหำแนวโพลำไรส์ได้
04. ได้ เพรำะขณะที่แสงมีควำมสว่ำงมำกทีส่ ดุ จะระบุได้วำ่ แนวโพลำไรส์ของแสงอยูใ่ นแนวขนำนกับแนวโพลำ
ไรส์ของแผ่นโพลำรอยด์
5. ได้ เพรำะขณะที่แสงมีควำมสว่ำงมำกทีส่ ดุ จะระบุได้วำ่ แนวโพลำไรส์ของแสงอยูใ่ นแนวตัง้ ฉำกกับแนวโพ
ลำไรส์ของแผ่นโพลำรอยด์
ความเข้มแสงโพลาไรส์ที่ผ่านแผ่นโพลาลอยด์ขึ้นกับมุมของแนวโพลาไรซ์ของแสง ตามสมการ. I IocOSO
=

- O'

wot015000 wage


68s
*

bowsws08200605s

ความเข้มแสงที่ผ่านแผ่นโพลาลอยด์จะมากที่สุดเมื่อ 8 00
=

ความเข้มแสงที่ผ่านแผ่นโพลาลอยด์จะน้อยที่สุดเมื่อ 8 90·
=

disawahas mansion line foolisher MOU


·
4
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 15

14. ทรงกระบอกที่มีลกู สูบเคลื่อนที่ได้คล่อง ภำยในบรรจุแก๊สอุดมคติ 2 โมล อุณหภูมิ 67 องศำเซลเซียส และมี


ควำมดันคงตัวเท่ำกับ 10 กิโลพำสคัล
กำหนดให้ R เป็ นค่ำคงตัวแก๊ส
ถ้ำลดอุณหภูมิของแก๊สลงช้ำ ๆ จนเหลือ 48 องศำเซลเซียส โดยควำมดันเท่ำเดิม งำนทีเ่ กิดขึน้ เมื่อลูกสูบ
เคลื่อนที่มีค่ำเท่ำใด และระบบมีกำรเปลี่ยนแปลงปริมำตรอย่ำงไร
1. 3.8R x 10-3 และ ปริมำตรลดลง sonni(W) = PAV
⑧2. 38R และ ปริมำตรลดลง
P(Vz V)
= -

3. 38R และ ปริมำตรเพิ่มขึน้


4. 3.8R x 105 และ ปริมำตรลดลง W n R(Tz T1)
=
-

5. 3.8R x 103 และ ปริมำตรเพิ่มขึน้


24(48
=
-
67)

W =
- 38R

Windounout -> dtainross

MOU2
-
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 16
M
=

15. ดัดลวดขนำดเล็กมำก มวล 2.0 กรัม ให้เป็ นวงรูปสี่เหลีย่ มผืนผ้ำ กว้ำง 2.4 เซนติเมตร ยำว 2.5 = 80

เซนติเมตร แล้วผูกด้วยเชือกเบำและนำไปวำงบนผิวของของเหลวชนิดหนึ่งที่มีควำมตึงผิว 0.4 นิวตันต่อเมตร


จำกนัน้ ออกแรงดึงเชือก ดังภำพ
ทิศของแรงดึง

of isdownoor +
ohwiswwsw

185datNNN ลวด ผิวของของเหลว

ถ้ำต้องกำรให้ลวดหลุดออกจำกผิวของของเหลวได้ จะต้องออกแรงดึงขนำดอย่ำงน้อยทีน่ ิวตัน


1. 3.9 x 10-2

IEEE
2. 4.9 x 10-2
3. 5.9 x 10-2
4. 7.8 x 10-2
o 5. 9.8 x 10-2 /

Looe v +80 2(2,5= 2.4)


+

-
acros lus = 9.8cm

oh wow
shiswor

EEFy 0] =

F mg+stwon to Low
=

+ [O0)
F mg ocLaos
+

F (2.0 x153)(9.8)
=
+
0.4 (9.8x10 9,84103)
+

9.8(2.0 x
=
10-3 4.04103 + 4.04103)
+

F 9.8x102 Mo 5
=
N -
-
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 17

16. ลวดโลหะ A และ B มีพนื้ ที่หน้ำตัด 10.0 และ 2.0 ตำรำงมิลลิเมตร ตำมลำดับ
กำหนดให้ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมเค้น () และควำมเครียด () ของลวดโลหะทัง้ สอง เป็ นดังกรำฟ
 ( x108 Pa)
ลวดโลหะ B
8.0
ขีดจำกัดแปรผันตรง ~Onvirsowsaus's
3.0 ลวดโลหะ A

0 4.0 6.0  ( x10-3)


หำกต้องกำรลวดโลหะที่ทนต่อแรงภำยนอกที่มำกระทำได้มำกกว่ำ โดยยังสำมำรถกลับมำมีควำมยำวเท่ำเดิม
ควรเลือกลวดโลหะใด และมอดุลสั ของยังของลวดโลหะดังกล่ำวมีค่ำกี่พำสคัล
accato
paravovindavan
1. ลวดโลหะ A และ 2.0 x 10-11 พำสคัล
① 2. ลวดโลหะ A และ 5.0 x 1010 พำสคัล if enoise so ass
3. ลวดโลหะ B และ 5.0 x 10-12 พำสคัล S ar 5F =

ET
A #
4. ลวดโลหะ B และ 8.0 x 109 พำสคัล
.

5. ลวดโลหะ B และ 2.0 x 1011 พำสคัล


3x108 F 0A =

FA 3.0X10
=
81100x10
N
F1 = 3000

at aonangnasr
F JA

sxsoo
00x100(2,0x103
=

FB

·
=

FB = 1600 N

did FA> Fo A BormPaand B

aYA YA= astonia


0.5000
=30x100
d

For
38
=

YA =
5.0 x100 N/m2

152.
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 18

17. เมื่อฉำยแสงควำมถี่ f ค่ำต่ำง ๆ ตกกระทบผิวโลหะชนิดหนึ่ง ได้ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมต่ำงศักย์หยุดยัง้


กับควำมถี่ของแสง ดังกรำฟ

กำหนดให้ e เป็ นค่ำประจุของอิเล็กตรอน


h เป็ นค่ำคงตัวของพลังค์ ในหน่วยจูล วินำที
VS (V)
ginnin
-
3
2
wordwsin (W) 000 002 =2.0eV
1

w gdowynwVsFr5
=
0
-1 & 2 4 6 8 10 12 f ( x1014 Hz)
-2
-3

ที่ควำมถี่ f พลังงำนจลน์สงู สุดของโฟโตอิเล็กตรอนมีค่ำกี่อเิ ล็กตรอนโวลต์


hf all EK,max
⑦ 1. − 2.0
e -

hf
2. + 2.0 Els = w Ek.max
+

e
hf
3. + 5.0
e
warnwavivev; If
= W+ Ekmax

4. hf − 2.0e
5. hf + 2.0e con Ermax=Af-W
=

hf -
2.0 Mod
&
<
1-
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 19

18. ปฏิกิริยำนิวเคลียร์หนึ่ง เขียนแทนได้ดว้ ยสมกำร


16 16 28 4
8 O + 8 O → 14 Si + 2 He
กำหนดให้ มวล 1 u เทียบเท่ำกับพลังงำน 932 เมกะอิเล็กตรอนโวลต์
mO เป็ นมวลของออกซิเจนในหน่วย u
mHe เป็ นมวลของฮีเลียมในหน่วย u
E เป็ นพลังงำนที่ได้จำกปฏิกิริยำนิวเคลียร์นใี้ นหน่วยเมกะอิเล็กตรอนโวลต์
ปฎิกิริยำนิวเคลียร์นี้ เป็ นปฏิกิริยำนิวเคลียร์ชนิดใด และมวลในหน่วย u ของซิลิคอนมีค่ำเท่ำใด
1. ฟิ ชชัน และ 2mO + mHe − 932E
agenson guides
E
2. ฟิ ชชัน และ 2mO − mHe −
3. ฟิ ชชัน และ 2mO + mHe − 932E
932
10 +

10 208i -
4He
+

E ↑
① 4. ฟิ วชัน และ 2mO − mHe −
932 p ·autonowsense
-
was
5. ฟิ วชัน และ 2mO − mHe − 932E
or ajosa glass ·

si onmen,
800 2

ado E = Amx 932 80 E seli MeV

Am senio u

E (min
= -

Mus) 932

E2 2mo msi mHe


-
= -

E
spor onsi = 2mo-mHe
-

- MOU 4
932 -

- .
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 20

19. ในปรำกฏกำรณ์หนึง่ อนุภำค A เคลือ่ นที่มำพบอนุภำค B แล้วทำให้ได้รงั สีแกมมำ ดังสมกำร


① อนุภำค A + อนุภำค B → รังสีแกมมำ
โดยที่อนุภำค A และ B เป็ นอนุภำคที่ประกอบด้วย ควำร์กและแอนติควำร์ก

พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้
ก. อนุภำค A และ อนุภำค B มีขนำดของประจุไฟฟ้ำเท่ำกัน v
ข. อนุภำคมูลฐำนในอนุภำค B ยึดเหนี่ยวกันด้วยกำรแลกเปลี่ยนกลูออนระหว่ำงกัน v
ค. ผลรวมมวลของอนุภำค A กับอนุภำค B เท่ำกับมวลของโฟตอนของรังสีแกมมำโฟตอนเดียว *

ข้อควำมใดถูกต้อง
anwowmemin andnurse cannihilation)
1. ก. เท่ำนัน้
2. ข. เท่ำนัน้ sindo orena (partical)
⑧ 3. ก. และ ข. woo
4. ก. และ ค. soon agaisional contipartical)
5. ข. และ ค.

same
andgagonal associas despite martia
coon in
denowais wish own as
bozidosis list
A
his

or (800gr)
Bengor dworons
ozd 000000 A NS-BOusWosOwonroESET-
now insisten E mc clonin)
82
=

%
A
30
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 21

20. คลื่นกลเคลื่อนที่ดว้ ยอัตรำเร็ว 2.0 เมตรต่อวินำที เมื่อพิจำรณำอนุภำคหนึ่งที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึง่ ใน


ตัวกลำง พบว่ำ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกำรกระจัดกับเวลำเป็ นดังกรำฟ
กำรกระจัด (m)

"
0.4

0 เวลำ (s)
0.5 1.0 1.5 2.0 2.5
-0.4
-
T 2.05

=

ณ เวลำหนึง่ ๆ อนุภำคสองอนุภำคใด ๆ ในตัวกลำง ที่มีเฟสต่ำงกัน เรเดียน จะอยู่ห่ำงกันกี่เมตร


4
1. 0.1
2. 0.125 asiwsesweros sew: (AX) no assesons (10) was a
3. 0.25

4. 0.5 Ed =
*


5. 1.0
aiunsdnissos no 1007
5x.18010-1
-
-

Miss T 2.8S
=

#is AD AX
=

'non

o pav(T)
I 1
=

4.0
T 2.0S
=

o AX = 0.5 m

aix
4
&
-

V MOU
-
=

-
a

2.8 z
=

2. O

x= 4.0 u
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 22

21. ปลำยเชือกด้ำนซ้ำยของเชือกเส้นหนึง่ ถูกตรึงอยู่กับที่ เมื่อสะบัดปลำยเชือกด้ำนขวำทำให้เกิดคลื่นในเส้นเชือก


2 คลื่น ที่มีรูปร่ำงต่ำงกัน เคลื่อนที่ในทิศทำงเดียวกันด้วยอัตรำเร็วเท่ำกัน 1 เมตรต่อวินำที รูปร่ำงคลื่น ณ เวลำ nois

"I
หนึ่งเป็ นดังภำพ y (m) Y


doin
2
adveNowdsinsow 180

windowles
↑10 on A
-1
1 2 3 4 5
x (m) -*
"3" x

s vt -2
atois
=

t = 25
S 1x2 = 2M
=
t0 =
S

ข้อใดแสดงรูปร่ำงของคลื่นเมื่อเวลำผ่ำนไป 2 วินำที ได้ถูกต้อง


Mo I

8 y (m)
-

1. 2. y (m)
-

2 2
1 1
0 x (m) 0 x (m)
1 2 3 4 5 1 2 3 4 5
-1 -1
-2 -2

3. y (m) 4. y (m)
2 2
1 1
0 x (m) 0 x (m)
1 2 3 4 5 1 2 3 4 5
-1 -1
-2 -2

5. y (m)
2
1
0 x (m)
1 2 3 4 5
-1
-2
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 23

22. ในกำรเตรียมงำนจุดพลุใกล้ชุมชนหนึ่ง ผูจ้ ดั งำนทำกำรตรวจสอบระดับเสียง โดยทดสอบจุดพลุที่ทำให้เกิด


เสียงที่มีควำมถี่ประมำณ 1000 เฮิรตซ์ ในสถำนที่เตรียมจัดงำน พบว่ำ ที่ระยะห่ำงจำกจุดทีท่ ดสอบ 15 เมตร
วัดระดับเสียงได้ 140 เดซิเบล 140dB R 1 15m
B1
=
=

กำหนดให้ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงระดับเสียงและควำมเข้มเสียง กับควำมถี่ที่คนในชุมชนนีไ้ ด้ยินเป็ นดังกรำฟ


ขีดเริ่มเปลี่ยนของกำรเจ็บปวด
unitwidox 200 180s
140
120
s 10 2 acizr1000 Hz
1 120dB
·
B2

ควำมเข้มเสียง (W / m2 )
=

100 10 −2
ระดับเสียง (dB)

80 10 −4
60 10 −6
ขีดเริ่มเปลี่ยนของกำรได้ยิน
40 10 −8
20 10 −10
0 10 −12
20 50 100 500 1000 5000 10000
ควำมถี่ (Hz)
จำกผลกำรทดสอบและกรำฟข้ำงต้น บริเวณที่จุดพลุควรอยู่หำ่ งจำกชุมชนอย่ำงน้อยทีส่ ดุ กี่เมตร คนในชุมชนจึงได้
ยินเสียงที่ระดับเสียงไม่เกินขีดเริ่มเปลี่ยนของกำรเจ็บปวด Rz
a
1. 1.3 x 10
2
P2 120dB =

2. 1.3 x 10
② 3. 1.5 x 102 27R2
3
4. 1.5 x 10

-

5. 1.5 x 108
B.
-

p2 10log(1))
=

140-120 10
=

log(R2)
20
20log) (5)
=

1
10g(E)
=

15,
10
=

0: Pat R1 150 m
=

-
now 3
&
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 24

23. นักเรียนศึก ำกำรบีตของเสียงระหว่ำงแหล่งกำเนิดเสียงหนึ่งที่มีควำมถี่ 435 เฮิรตซ์ กับส้อมเสียง 4 อัน ที่มี


ควำมถี่ของเสียง ดังตำรำง fi 435H2
=

ส้อมเสียง ความถี่ (เฮิรตซ์)

a)
A 425

B 430

C 440
D 445

ถ้ำต้องกำรให้เกิดบีตระหว่ำงเสียงจำกแหล่งกำเนิดเสียงกับเสียงจำกกำรเคำะส้อมเสียง 1 อัน โดยมีควำมถี่บีต


เท่ำกับ 5 เฮิรตซ์ ควรเลือกใช้สอ้ มเสียงใด และเสียงดังกล่ำวจะมีเสียงดังเป็ นจังหวะกี่ครัง้ ใน 2 วินำที
1. ส้อมเสียง A และ 5 ครัง้ xifz
2. ส้อมเสียง B และ 5 ครัง้ - >
-

& 3. ส้อมเสียง C และ 10 ครัง้ fb 1fi fz)


-

4. ส้อมเสียง D และ 5 ครัง้


5. ส้อมเสียง D และ 10 ครัง้ 5 1435=
-
fz/

↓-
5 435
f2
f2
-
- =

5 435
=
-

430Hz fz 448H2
fz
=

fc =440 H2
fortwet d0 fB =430th 115

&wzircu
·essoa
swin 180005 as
fans as
:
20mm 10

MOU 3
·
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 25
x =

24. ฉำยแสงเลเซอร์ควำมยำวคลื่น 650 นำโนเมตร ตกกระทบตัง้ ฉำกกับเกรตติง พบว่ำ เกิดจุดสว่ำงกลำง และ


I =

จุดสว่ำงอันดับที่ 1 ที่ตำแหน่งบนฉำกซึ่งอยูห่ ่ำงจำกเกรตติง 1.0 เมตร ดังภำพ

1.0 m 0.0 cm

37.0 cm
เกรตติง
เลเซอร์
 ↳ 50.0 cm50-37
x= = 13cm

* 63.0 63 50 13cm
= =

x1 =

cm

100.0 cm

พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้
ก. ระยะห่ำงระหว่ำงช่องของเกรตติงมีคำ่ เท่ำกับ 5.0 ไมโครเมตร p *
&
ข. ถ้ำฉำยแสงเลเซอร์ที่มีควำมยำวคลื่นน้อยกว่ำ 650 นำโนเมตร ระยะห่ำงระหว่ำงจุดสว่ำงจะมีค่ำเพิ่มขึน้ X
ค. ถ้ำใช้เกรตติงอันใหม่ แล้วพบว่ำระยะห่ำงระหว่ำงจุดสว่ำงมีค่ำน้อยลง แสดงว่ำระยะห่ำงระหว่ ำงช่องของ v
เกรตติงจะมีค่ำมำกกว่ำเดิม * d
1.gid
ข้อควำมใดถูกต้อง
dx nx
1. ก. เท่ำนัน้ =

I
2. ข. เท่ำนัน้
14650x109
3. ค. เท่ำนัน้
#(0.13)
=

0 4. ก. และ ค.
5. ข. และ ค. d 50x 189
=
=
5000x109
0.13

d 5.0x106m
= 5.0rm
=

n.gn
aciwsaswox d. aciwsa is
a or

1
no x X
2
(n 1)
aldy nX
=

ay
on ny
=
(n 1)
=

x
xL
=
d
=
x <X d</
80000 80000 drawx tows dair
rispo x x

v. wo a,gl MOU
-
4
-
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 26

25. เมื่อฉำยแสงเลเซอร์เข้ำสู่แท่งพลำสติกรูปครึ่งวงกลมตำมแนวรัศมี แสงเลเซอร์ทอี่ อกจำกด้ำนระนำบจะมีมมุ


วิกฤตมีค่ำเท่ำกับ 30 องศำ ดังภำพ
กำหนดให้ อัตรำเร็วของแสงในอำกำศมีค่ำเท่ำกับ 3.0 x 108 เมตรต่อวินำที
ค่ำดรรชนีหกั เหของอำกำศมีค่ำเท่ำกับ 1
665sPW'swowN
obs nosocrorionos อำกำศ
vz
3.04108m
=

30o
7. เลเซอร์ 1x
-
Vi แท่งพลำสติกรู ปครึ่งวงกลม
-

อัตรำเร็วของแสงในแท่งพลำสติกจะมีค่ำกีเ่ มตรต่อวินำที และถ้ำให้แสงเลเซอร์เดิมเคลือ่ นที่จำกแท่งพลำสติกไปยัง


อำกำศด้วยมุมตกกระทบน้อยลงเป็ น 20 องศำแสงจะเคลื่อนที่อย่ำงไร
1. 1.5 x 108 เมตรต่อวินำที และ แสงจะหักเหออกสู่อำกำศด้วยมุมหักเหที่นอ้ ยกว่ำ 20 องศำ
O 2. 1.5 x 108 เมตรต่อวินำที และ แสงจะหักเหออกสู่อำกำศด้วยมุมหักเหที่มำกกว่ำ 20 องศำ
3. 1.5 x 108 เมตรต่อวินำที และ แสงจะสะท้อนกลับหมดโดยไม่ออกจำกตัวกลำง
4. 3.0 x 108 เมตรต่อวินำที และ แสงจะหักเหออกสู่อำกำศด้วยมุมหักเหที่มำกกว่ำ 20 องศำ
5. 3.0 x 108 เมตรต่อวินำที และ แสงจะสะท้อนกลับหมดโดยไม่ออกจำกตัวกลำง

150 200
8309 Mon 0 =

&VI
-

**=
sin Qc=
V2

sin30,108
3.8518
x
-not -
Vi 1.5x10
=

-
871 8
3.0x10

108
Vi 15 x
m sin200 -
of a 02720 M02 2
-
a
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 27

ตอนที่ 2 แบบระบำยคำตอบทีเ่ ป็ นตัวเลข


จำนวน 5 ข้อ (ข้อ 26 – 30) ข้อละ 5 คะแนน รวม 25 คะแนน

26. วำงวัตถุไว้หน้ำกระจกโค้ง ซึ่งมีรศั มีควำมโค้ง 28 เซนติเมตร พบว่ำ เกิดภำพจริงขนำดเป็ น 2 เท่ำของวัตถุ


วัตถุอยู่ห่ำงจำกกระจกโค้งกีเ่ ซนติเมตร
+2
f = R
28
=
14cm,
=
m =

27S S 7 14
f +


=
-

m
=
<

I
= 21cm

2 =
Mo 0021.00 CM
->
-

5 -
14 14/2
=

27. ต่อตัวต้ำนทำน R ที่มีควำมต้ำนทำน 10 โอห์มกับลวดตัวนำ X และ Y ที่วำงขนำนกันและอยูห่ ่ำงกันเป็ น


ระยะ 25 เซนติเมตร แล้ววำงแท่งตัวนำ Z ตัง้ ฉำกกับลวดตัวนำทัง้ สอง ดังภำพ ซึ่งเป็ นมุมมองจำกด้ำนบน
จำกนัน้ ดึงแท่งตัวน่ำ Z ให้เคลื่อนที่ไปทำงขวำด้วยควำมเร็วคงตัว 40 เซนติเมตรต่อวินำที ในบริเวณที่มี
สนำมแม่เหล็กสมำ่ เสมอ 1 เทสลำซึ่งมีทิศพุ่งออกและตัง้ ฉำกกับระนำบกระดำ

กำหนดให้ ควำมต้ำนทำนของลวดนำ X และ Y และแท่งตัวนำ Z มีค่ำน้อยมำกเมื่อเปรียบเทียบกับตัว


ต้ำนทำน R S1
me
X

zzou
v B

1
25 cm who p
In
Z
Y X IR
An 151,
=

=
Az 452
=

จงหำกระแสไฟฟ้ำเหนี่ยวนำผ่ำนตัวต้ำนทำนมีค่ำกี่แอมแปร์ 0 =1
IX10

1.227668 1950Waluzasi I 0.01=


A

e)
9
-8 AAz-
=

2 =
- 51)
BL(
0000100
At

2= -
BLV=-1x0.25x0.40 (bskfowPardiola 0.1X

six B oadaw Binn)


=in
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 28

28. แก๊สอุดมคติบรรจุอยู่ในภำชนะปิ ดปริมำตรคงตัว 0.5 ลูกบำศก์เมตร วัดควำมดันของแก๊สขณะที่แก๊สมี


อุณหภูมิค่ำต่ำง ๆ แล้วนำข้อมูลที่วดั ได้ไปเขียนกรำฟแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมดันของแก๊สและอุณหภูมิของ
แก๊ส ได้ผลดังกรำฟ
ควำมดัน (Pa) ariwonw 41.5
J/m3K
=pp
=

ควำมชันของกรำฟ = 41.5 J/(m3 K)


oil PV = nRT. -
0

PV nRTz
=
-

อุณหภูมิ (K)
② -

(P2-P1) V n
=
R(Tz T1)
-

กำหนดให้
ค่ำคงตัวแก๊ส R = 8.3 J/(mol K)
lpe
n
=

ค่ำคงตัวอำโวกำโดร NA = 6.0 x 1023 mol-1


ค่ำคงตัวโบลต์ซมันน์ kB = 1.4 x 10-23 J/K

แก๊สภำยในภำชนะมีจำนวนกี่โมล
n
(p) =airdwerm
=

(
=2.5o e
4540.5
n =

mod
100002.50
29. วัตถุเคลื่อนทีใ่ นแนวตรงโดยเริ่มจำกหยุดนิ่ง ซึ่งควำมเร็ว ณ เวลำต่ำง ๆ แสดงได้ดงั กรำฟ
ควำมเร็ว (m/s)
15
anwisiodo
caov)=
iii
u= 10 <-
** 889
5
0
5 10 15 20 25 30
เวลำ (s) acwsonwno+ faisa
-5
V-
=-10 easonic footbot
-15 #
At = 25 5
- = 20S
ควำมเร่งเฉลี่ยของวัตถุนี้ ในช่วงเวลำ t = 5 s ถึง t = 25 s มีขนำดกี่เมตรต่อวินำที2
is
aar=
t 5590255

1
& =

uncoswissia=1.0m/s2
a (0)
=
=

av

0001.00

Mov
Mz
-10m/st
-
--
a =
av
Facebook Page : ฟิ สิกส์โกเอก เรียนฟิ สิกส์ออนไลน์ : https://www.physicskoake.com/ 29

30. ออกแรงทิศทำงขนำนกับพืน้ กระทำต่อวัตถุให้เคลื่อนที่ไปบนพืน้ ระดับเป็ นระยะทำง 30 เมตร ควำมสัมพันธ์


ระหว่ำงแรงกับตำแหน่งของวัตถุชนิ้ นีเ้ ป็ นดังกรำฟ
แรง (N)
w ESE
=

60 erw #noS
50

50)to
40
30
20
10
0 ตำแหน่ง (m)
-10 5 10 15 20 25 30
-20
-30

ถ้ำแรงนีก้ ระทำต่อวัตถุเป็ นเวลำ 10 วินำที กำลังเฉลี่ยของแรงนีม้ ีค่ำกี่วตั ต์

a woino-30m

Wo-30m Wi =
+
Wz +

W3

=
[X50x10
+
(20x10) 1x40x10
+

200 +
200
250
-

wo-30m 2505 =

assista
Par
=
Pav 50
=
25
=
W

M0W 0025.00 W
-
-

You might also like