Professional Documents
Culture Documents
เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒
เรื่องดุกับเครื่องมือปราบลิง
หนังสือของเรานี้ไมมีการซื้อการขาย มีแตการใหฟรี ๆ สงใหฟรีดวย บางคนเขามาถามเขาคงวิตกถึงเรื่องการสงของเรา เขาถามเฉพาะเรื่องสง
เรื่องสงคงจะหมดมากนะหลวงพอสงหนังสือนี้ โอย อยามาถามเราบอกตรง ๆ เลย ถาเราจะมาวิตกวิจารณกับเรื่องการไดการเสียแลว
เราทําไมไดเราไมทําจริง ๆ เราทําไมไดจริง ๆ เชน คาสงนี้มันก็เปนแสน ๆ ลาน ๆ จะวาไง คาสงหนังสือนี้ วันหนึ่ง ๆ สงมากขนาดไหน
บางวันรถปกอัพเต็มเลย สงไป ๒๐ กวาปแลว สงใกลสงไกลขนาดไหน ในเมืองไทยเราไมตองพูดแหละ โนนเมืองนอกยังสงออกไป ทั้งเทปทั้งหนังสือ
เวลานี้เทปดูจะมากกวาหนังสือดวยซ้ํา ขอมานี้เปนเหมือนกับไฟลามทุงเลยเชียว ตองใหพระทานพักเครื่อง ไมงั้นพระตาย ไมไหวอัดใหไมทัน
เครื่องอัดเทปนี้เราก็หามาใหนะ ดวยความสงสารทั้งนั้นแหละ
หนังสือก็แจกมาได ๒๐ กวาป เทปที่ตั้งหนาตั้งตาแจกมาก็ ๑๐ กวาปแลว สองอยางนี้เวลานี้เทปนาจะมากกวาหนังสือ แจกทั่วประเทศไทย
ใหชาวพุทธของเราทั้งหลายไดอานและรูสึกตัวบางวา เราเปนชาวพุทธหรือชาวอะไร หรือเทวทัต ชาวเทวทัตมีนี่ เปน ชาวพุทธนั้นแหละ แตทําลายศาสนา
ทําลายคัดคานพระพุทธเจาอยูตลอดเวลา ความรูความเห็น ความคิดความปรุงของใจ มีแตเรื่องของกิเลสซึ่งเปนภัยตอศาสนา
เปนภัยตอคําสั่งสอนของพระพุทธเจา
นี่เรียกวาเทวทัตรบพระพุทธเจา มันรบอยางนี้แหละ รบภายในใจ ออกมาทางวาจา พูดคําไหนที่จะเปนไปเพื่ออรรถเพื่อธรรมไมคอยมี
มีแตเรื่องทําลายธรรม ทําลายตัวเอง กิริยาที่ทําไปทุกแงทุกมุมก็มีแตการทําลายธรรมและทําลายตัวเอง แลวก็ตางคนตางทําลาย
กระจายไปทุกแหงทุกหน เลยกลายเปนไมใชพุทธบริษัทเสียแลว กลายเปนเทวทัตบริษัทไปแหละ มันบริษัทของเทวทัต
ระวังจะเปนอาจารยของเทวทัตไปนะมากเขา ๆ ทีแรกก็เปนลูกศิษยของเทวทัต
ครั้นตอมามากเขาหนักเขาจะกลายเปนอาจารยของเทวทัตไปละนะ ใหสังเกตพิจารณา หลวงตาพูดใหฟงวันนี้เอาไปคิดนะ พูดใหคิด ไมใชพูดไมใหคิด
พูดอยางตรงไปตรงมา ความ ผิดความถูกมีอยูอยางเปดเผยตามหลักความจริงของธรรม ผูทําก็ทําอยูอยางนั้น ทําผิดทําถูกทํากันอยูอยางนั้น เพราะฉะนั้น
การพูดเพื่อแกความผิดเพื่อความถูก จึงเปนการพูดไดตามหลักความจริง ผูตองการความจริงแลวตองแกไขตามนั้น
นี่ธรรมะเวลาไปแลวใหไปอานนะ อานพินิจพิจารณา กอนที่จะไดหนังสือนี้มาใหบรรดาพี่นองลูกหลานทั้งหลายอานนี้ หลวงตาพูดจริงๆ
หลวงตานี้เดนตายมา ฟง ใหชัดเจนนะ เราพูดเสมอถึงเรื่องเดนตายมา กอนที่จะไดธรรมะมาเทศนาวาการแจกจายกันขนาดนี้
เปนเวลาตั้งเทาไรที่เราออกสังคมมานี้ ดูเหมือน ๓๙ ป แตกอนอยูในปาในเขาขึ้นเวทีฟดกับกิเลสอยูบนเขาในปาในเขา กินก็กิน ไมกินก็ไมกิน เปนก็เปน
ตายก็ตาย แตยังไงเรากับกิเลสนี้ กิเลสไมตายเราตายเทานั้น เรื่องถอยกันไมมี นี่แหละถอดออกมาจากหัวใจมาพูดใหบรรดาลูกหลานทั้งหลายฟง
เวลา อยูในปาในเขาไมมีใครทราบวาเราจะเปนจะตาย ไมรูจริงๆ นี่นะ เพราะอยูในปาในเขานี่ ถาทราบก็เปนพวกคนปาคนเขาเทานั้นเขาทราบ
แตเขาก็ไมสนใจอะไรพอจะทราบ เพราะฉะนั้น จึงวาเขาไมทราบก็ได หลังจากนั้นมาแลวบรรดาผูที่ไปเกี่ยวของก็มีพระเปนอันดับหนึ่ง
เขาเกี่ยวของกอนเพื่อน พอพอแมครูจารยมั่นเรามรณภาพ
ฟงซิพอแมครูจารยมั่น ทานเปนทั้งพอเราทั้งแมเรา ทุกอยางรวมอยูในนั้นหมด ใหอรรถใหธรรมใหขอคิดเห็นที่จะเปนสิริมงคล
สิ่งใดไมดีปดเปาออกไปดวยคําสอน แนะนําสั่งสอนทุกแงทุกมุม จึงเปนเหมือนกับพอกับแมของเรา เหมือนเรามีพอมีแมนี่แหละ
แตละคนเกิดมาจากพอจากแม แตละคน ๆ นี้เนื้อหนังมังสังชีวิตจิตใจนี้เอามาจากพอจากแมทั้งนั้น เอามาจากไหนไมมีใครใหไดเลย มีแตพอกับแม
ความเมตตาสงสารการสงเคราะหเอาเปนเอาตายเขาวาเลย ถาเปนกับลูกแลวถึงไหนถึงกัน
พอแมกินยังไงใชยังไงพอทําเนา ขอใหลูกไดอยูไดกินก็พอ ยิ่งลูกตัวเล็กๆ นั่น ละยิ่งเปนตัวสําคัญ ตัวเล็กขนาดไหนนั่นละคือขาหลวง
เราเคยเปนขาหลวงมาแลวดวยกัน ขาหลวงในครอบครัว ใครเปนเด็กที่เล็กที่สุด ลูกคนไหนเปนคนเล็ก ลูกคนนั้นละเปนผูทรงอํานาจมากในครอบครัว
พอแมมีแตโอๆ ใครก็มีแตโอๆ ปลอยใหขาหลวงขยําเอาตามอารมณชอบเลย ชี้นกเปนนก ชี้กาเปนกา ชี้อะไรเปนอันนั้น นี่ขาหลวงครอบครัว
แลวจากนั้นก็ขยายเปนขาหลวงภาค ภาคครอบครัว ภาคญาติ ภาควงศ นี้มาเคารพหมดเลย ขี้ใสหัวก็ไมวา ขาหลวงธรรมดามาขี้ใสหัวไดยังไงใชไหม
ไมมีขาหลวงคนใดจะมาขี้ใสหัวคน แตลูกนี่มาขี้ใสหัวพอแมไดสบาย นี่ละขาหลวง
เราทุกคนเปนขาหลวงมาทุกคน เอาพอเอาแมเปนถานขี้เลย ทั้งขี้รดเยี่ยวรดทุกสิ่งทุกอยาง ขี้ตามตักตามบาตามหัวตามอะไรขี้ไดหมด
พอแมนี่เปนสวมเปนถานเปนขากลางบานกลางเรือน ไมมีใครที่จะเกินพอกับแมแหละ ที่ปฏิบัติตอลูกดวยความสงสาร ดวยความเมตตา
ไมมีคําวาถือสีถือสา เพราะอํานาจแหงเมตตานั้นละลนฟาลนแผนดิน เกินกวาที่จะมาถือสีถือสากับลูกของตน ทํายังไงลูกของตนจะมีความสะดวกสบาย
เอาอันนั้นแหละมาปฏิบัติตอลูก ๆ
ไดอะไรมาก็ตองคิดถึงลูกกอน ลูกไดกินแลวเปนที่พอใจ พอแมจะอดหิวขนาดไหนก็ชางมันเถอะ ไมสนใจกับความอดความหิวของตัวเอง
ทั้งพอทั้งแมเหมือนกันหมด ไมวาการใชการสอยการเปนอยูหลับนอนทุกอยาง มอบใหลูกเปนใหญทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอยางไหลลงเพื่อลูก ๆ
เพื่อขาหลวงใหญนั่นแล พอโตขึ้นมาสักหนอย ขา หลวงคนนี้ก็ลดตําแหนงลงมาเปนรองผูวาฯ ใครเปนคนเล็กกวาเพื่อนผูนั้นเปนขาหลวงแทน
คนผูที่ใหญโตขึ้นมาพอสมควรแลวลดอํานาจลงมาเปนรองผูวาฯ เปนปลัดจังหวัด เรื่อยมาจนกระทั่งถึงนายอําเภอ ลดลงมาเปนกํานัน
ลดลงมาเปนผูใหญบาน
พอถึงขั้นผูใหญบานแลวไมยอมลดลงอีกเลย อยูนั้นแหละไมลด ใหลดเปนคนธรรมดาสามัญทั่วไปนี้ไมยอมลด
ตองเปนผูใหญบานอยูในบานนั้นจนไดแหละ เพราะอะไร เพราะถือสิทธิ์เปนลูกนี่ พอแมวายังไงไมสนใจไมฟง
เอาอํานาจของลูกนี้เขาไปเหยียบย่ําพอแมอยูนั่นแล ขั้นผูใหญบานก็ไมใชเลน ๆ นะ ขั้นผูใหญบานนี่เปนคนโตของพอของแมแหละ
ตองถืออํานาจอยูในตัวเองวาเปนลูกนั่นแหละ เปนยังงั้นละ พวกเราเปนพวกเอารัดเอาเปรียบพอแมที่สุดก็คือลูกๆ ทั้งหลายนั่นแล
เกิดขึ้นมาแลวเปนยังไง เราปฏิบัติใหพอแมของเราไดภูมอิ กภูมิใจบางหรือเปลา มาเรียนหรือมาลิง นักเรียนก็มีนักลิงก็มี มีหลายอยาง
พอแมสงเคราะหสงหาหาทุกสิ่งทุกอยาง ไดอะไรมาเพื่อลูก ๆ เพื่อใหเปนนักเรียนก็เพื่อมันไปเปนนักลิงเสียก็ไมรูนะ จําใหดี มีไหมนักลิงอยูในนี้นะ
ตะกี้นี้เราพูดถึงพอแมครูจารยมั่น เราเคารพทานสุดขีด ในหัวใจของเรานี้อยูกับพอแมครูจารยมั่นหมดเลย เราพูดจริงๆ
ในบรรดาครูบาอาจารยทั้งหลาย เราไมไดประมาททาน เราไมไดคบคาสมาคมกับทานสนิทติดจมจริงๆ ฝากเปนฝากตายเหมือนพอแมครูจารยมั่น
นี่ทุกสิ่งทุกอยางตั้งแต กิ แต กา แต เอะ แต เอ เรื่อยไป ทานสอนหมดในภาคปฏิบัติธรรมะนะ สวนภาคปริยัติเราก็เรียน
เรียนไปแลวแตไมเปนทาเปนทางอะไร เพียงแคจดไดมาจําไดมาเฉยๆ ไมรูวิธีภาคปฏิบัติเปนยังไง ทานตองบอก อันนี้ทําอยางนี้
เครื่องมืออันนี้เอาไปทําอยางนั้นเครื่องมืออันนี้ไปใชอยางนี้ๆ ที่เราเรียนมาเราจําได แตปฏิบัติไมถูก ปฏิบัติไมเปน
อาศัยทานพาปฏิบัติดําเนินการเรียนมานั้น
เราจําไดแตไมรูจักวิธีปฏิบัติ ทานก็หยิบออกมา อันนี้ใหทําประโยชนอยางนั้น อันนั้นใหทําประโยชนอยางนั้นๆ
เราก็ยึดก็จับเอาไดจากทานเรื่อยมาจนเปนภาคปฏิบัติ ภาคปฏิบัติก็เอาอีกเหมือนกัน ตองใหทานเปนแมเหล็ก เปนเครื่องดึงดูด เปนรมโพธิ์รมไทร
เราอยูใตรมโพธิ์รมไทร เหมือนกับกาจับภูเขาทอง เปนยังไงกาจับภูเขาทอง โอย เหลืองอรามไปเลย กิเลสมันกลัวเวลามาอยูกับทาน กิเลสมันก็หมอบ
อยูกับทานสบายๆ นี่ก็เปนรมโพธิ์รมไทรอันหนึ่ง เปนแมเหล็กเครื่องดึงดูดเราใหมีแกใจประกอบความพากความเพียรเอาเปนเอาตาย
หนักเบาออกมาจากทาน ไดรับการศึกษาจากทาน ทุกสิ่งทุกอยางทานแนะนําเต็มภูมิ และพาปฏิบัติเต็มกําลังทุกดาน
พอแมของเราเรายกไวเปนประเภทหนึ่งนะ พอแมก็เปนประเภทหนึ่ง คุณคาของพอแมเปนประเภทหนึ่ง
คุณงามความดีของพอแมที่มีตอเราเปนประเภทหนึ่ง คุณของครูบาอาจารยเปนอีกประเภทหนึ่ง ที่ สอนละเอียดลออที่สุดคือพอแมครูบาอาจารยมั่นเรา
อันนี้สอนละเอียดมากทีเดียว พอแมของเราไมสามารถที่จะนํามาสอนได แตครูบาอาจารยทานสอนไดเต็มเม็ดเต็มหนวยใหซึ้งถึงใจเรา
นี่จึงเรียกวาพอแมครูจารย วาอยางนี้ความหมายใหจําเอานะ
กลับไปหาพอแมของตัวเอง อยาเอาพอแมมาเปนสวมเปนถานขี้รดหัวนะ ประพฤติปฏิบตั ิชั่วทําตัวไมดีนั่นแหละคือขี้รดหัวพอแม
โตขึ้นมาขี้รดหัวแบบหนึ่ง เวลายังเล็ก ๆ ขี้รดหัวแบบหนึ่ง ขี้รดหัวอยูไมหยุดไมถอย พอแมเลยมีตั้งแตสวมแตถาน
คลําหัวดูซิใครเปนพอแมของลูกเตาวามีขี้ไหม กอนจะมาวัดนี้ไดลางออกแลวยัง หรือมีตั้งแตขี้ลูกเต็มตัวนั่นเหรอ จําใหดีนะลูกเตาหลานเหลนทุกคน
ปฏิบัติตัวของเราใหดีนะ
รางกายทุกสวนนี้ไดมาจากพอจากแม ชีวิตจิตใจทุกชิ้นทุกสวนไดมาจากพอจากแม ความเปนอยูทุกดานไดมาจากพอจากแม
เราจะไปไดมาจากใครไมมี ตองขึ้นพอแมเปนอันดับแรก ไมวาพอแมจะเปนคนทุกขคนมีคนจน ไมไดคํานึงถึงความมีความจน
เลี้ยงลูกใหโตเหมือนกับโลกทั้งหลายทั่วๆไป ตามฐานะของพอแมแตละคนเต็มกําลังความสามารถดวยกัน ยิ่งเปนคนทุกข
ยิ่งทุกขยิ่งยากลําบากในการเลี้ยงลูก คนที่มั่งมีศรีสุขก็เปนอีกอยางหนึ่ง เบาภาระไปบาง บางทีใหคนอื่นเขามาชวยเลี้ยงก็ได
พอแมไมคอยไดดูเทาไรนักหนา แตคนจนนี้ทั้งดูแลดวยตนเอง ทั้งวิ่งเตนขวนขวายหาอยูหากิน ทั้งดูแลลูกจะเปนจะตายดวยกันทั้งนั้น
ทุกขยากที่สุดคือคนทุกขคนจนที่เปนพอเปนแมของเรานั่นแล ฉะนั้นจึงใหเห็นคุณคาของทานนะ พอแมคนไหนมีความทุกขจนหนโลกมาก
ลูกคนนั้นละเปนลูกที่ไดรับความสงเคราะหมากเต็มหัวใจ และความสละเปนสละตายจากพอจากแม
เพราะฉะนั้นจึงใหเห็นคุณของพอของแมอยางฝงใจอยาลืมนะ ใครลืมบุญลืมคุณพอแมนี้ เวลาโตขึ้นมามีลูกมีเตา
ลูกจะเปนเทวทัตผลาญพอแมใหฉิบหายวายปวงไปหมด ไมมีอะไรเหลือเลยละ ทั้งจะสรางขวากหนามปกหัวอกเราผูเปนพอเปนแมอยูตลอดไป
เพราะกรรมหลังตามใหผล
วันนี้เราพูดถึงเรื่องอรรถธรรมที่เราปฏิบัติมา ใหบรรดาลูกเตาหลานเหลนทั้งหลายนําไปอาน นี่ใหไปอานจริงๆ นะ
เราตั้งใจประพฤติปฏิบัติเต็มความสามารถดังที่พูดนี้แหละ เวลาจะเปนจะตายไมมีใครเห็นเรา พอออกจากนั้นแลวพระก็เกาะเปนอันดับหนึ่ง
พอพอแมครูอาจารยมั่นมรณภาพไปแลวพระก็รุมพึ่บเลย จนมองหาตัวไมเห็นถาพูดภาษาของเรานะ ตั้งแตบัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้
การ แนะนําสั่งสอนก็สอนก็เต็มเม็ดเต็มหนวยสอนเต็มภูมิ ธรรมะสวนมากที่นําออกแสดงแกประชาชน พระเณร เขาวาหลวงตาบัวนี้ดุ
ร่ําลือทั่วประเทศไทย บางคนยังมาพูดตอหนาก็มี พูดเปนเชิงหยั่งเสียงหรืออะไรก็ไมรูแหละ ทําเปนหนาเศราๆ หนา หยีๆ
วาไปที่ไหนก็ไดยินแตชื่อหลวงพอเรานี่แหละ มันเปนยังไงหลวงพอมีเต็มบานเต็มเมือง ถึงมีแตหลวงพอองคเดียวนี้ มันเปนยังไงวามาซิ
ก็เรื่องดุนั่นแหละเขาวา ไปที่ไหนไดยินแตเรื่องดุนั่นแหละ เราก็เลยบอกวา ออ เวลานี้เรายังไมมีความดี มีแตความดุเรื่องดุ ใหเอาดุไปเสียกอนนะ
เมื่อไดของดิบของดีแลวคอยมาเอาอีก จนกระทั่งปานนี้ยังไมไดของดิบของดีใหใครเลย มันจะดีไดยังไงในเมื่อลูกศิษยลูกหาเรามันเหมือนลิงนี่
เขาใจรึเปลา มาก็ตีตัวนั้นตีตัวนี้ ตบตัวนั้นตบตัวนี้อยูอยางนั้น กิริยาการกระทํามันหลุกหลิกเหมือนลิงแลวจะไมใหดุไดยังไง
เครื่องมือปราบลิงเปนเครื่องมือประเภทหนึ่ง เครื่องมือปราบคนเปนอีกประเภทหนึ่ง คนเปนคนประเภทใดมีกี่ประเภทของคน
คนหนึ่งเปนยังไง คนตัวแสบๆ มันมี เราจะเอาเครื่องมือชนิดใดไปปราบ ศาสตราวุธชนิดใดไปปราบมันถึงจะหายพยศ ตัวแสบๆ
จะเอาเครื่องมือแบบกบไปไสไมทั้งตนไดเหรอ ไมนี่มันคดมันงอมาก ตองเอาขวานถากอยางแรง ดีไมดีขวานหลุดมือ
ถาถึงขั้นที่ควรจะเอากบไสไมตองบอก ไมมีใครฉลาดยิ่งกวานายชางทําบานทําเรือนแหละ ถาควรถากก็ตองถาก ควรตัดตองตัด ควรไสตองไส
เวลามันดีเรียบรอยแลว ทาชะแล็กปุบ เอา ใครแตะไมไดเลยที่นี่ นั่น ดีเรียบรอยแลว สมบูรณเต็มที่แลวใครแตะไมได
นี่เวลานี้เรายังไมใชอยางนั้น มันไมใชแบบแตะไมได มันไมใชแบบถูกตองหมดแลวดีหมดแลวแตะไมได
แตนี้มันมีแตความผิดเต็มเนื้อเต็มตัวจะวายังไง ผิดแสบๆ ก็มี ผิดอยางผาดโผนโลดเตนโจนทะยานก็มี มีหลายประเภท
เพราะฉะนั้นจึงใหเอาธรรมะของพระพุทธเจานี่ไปดัดมันอยางหนักมือ เวลามันผาดมันโผดโลดเตนเผนกระโดด
เฉพาะทุกวันนี้ในวัยนี้เปนวัยที่สําคัญมากนะ เปนวัยที่โลดเตนเผนกระโดดอยางมาก ไมมีเหตุมีผล มีแตความอยาก ความทะเยอทะยาน
ใหระวังใหดี ระวังเหตุไมดีระวังผลชั่วจะติดตามมา เอาธรรมะไปสกัดลัดกั้นเหยียบเบรกใหแรงนะ เอาใหตัวโกงโนนนะ
ดีไมดีตัวกระเด็นตกออกหนากระจกเพราะเหยียบเบรกอยางแรง หัวทะลุออกโนน ไมงั้นมันจะไมอยู รถมันจะพาลงคลอง ตองเหยียบเบรกอยางแรง
นี่ละเมื่อเวลาความทะเยอทะยานของเรา เฉพาะอยางยิ่งราคะตัณหามันเกิดมันรุนแรงขึ้นมา มันจะไมมองเห็นเหตุเห็นผลดีชั่วอะไรนะ
มันจะมองเห็นแตไอหนุมเทานั้นละ ไมมองเห็นพอเห็นแมเห็นญาติเห็นวงศ ไมมองเห็นความผิดความถูก จะมองเห็นแตไอหนุม
จะเปนบากับไอหนุมอยางเดียวเทานั้น ใหเหยียบเบรกหามลอเอาไวอยางแรง ไอหนุมมันเปนอะไร ก็เปนคนเหมือนกัน จะหลงเขาอะไรจนเกินเหตุเกินผล
ราวกับไอหนุมจะพาเหาะเหินเดินฟาไปอยางนั้น เราก็เปนคน ไอหนุมก็เปนคน คนทั้งโลกเขาก็มีผัวมีเมียเหมือนกัน
ทําไมเราจึงวิ่งเตนเผนกระโดดเอาเกินโลกเกินสงสารเขานัก ไมใชใจเรานี้มันเปนผีแลวเหรอ ใหทักใหกระตุกเจาของอยางนี้ ใหสอนเจาของอยางนี้
นี่คือวิธีเหยียบเบรก วิธีเหยียบเบรกใหเหยียบอยางนี้ หามมันใหอยูไมงั้นเสียคนไดอยางนาอับอาย
ถึงกาลเวลามันคอยเปนไป โลกอันนี้มีไมไดขาดแหละเรื่องครอบครัวเหยาเรือนราคะตัณหา มันมีมาตั้งแตตั้งแผนดิน มีมาตั้งแตตั้งสมมุติ
ผูหญิงผูชายนี้แยกจากกันไมออก ยังไงมันก็ไมดับ ไมสูญพันธุ มัน มีของมันอยูอยางนี้ แตใหอยูในความพอดิบพอดีเหมือนอยางที่เคยอุปมาใหฟง
เหมือนไฟ สมมุติวาไฟแช็กหรือไมขีดไฟก็ตามใสในกระเปาเรานี้ไปก็ได เรารักษามันจะเปนอะไรไป ไฟ เรานั่นแหละใสในกระเปาไปไดเลย ถาเราไมรักษา
ไฟอยูในกระเปานั่นแหละมันจะไหมหัวเรา ไหมบานไหมเรือนก็คือไฟ อันนี้ก็เหมือนกันไฟราคะตัณหา เวลามันกําเริบมากๆ มันไหมไปไดหมดนะ
ไมวาไมเปนไมตายไหมไปหมด ฉะนั้นจึงตองรักษากันใหอยูในความพอดีที่โลกนิยมและยอมรับกัน
ทุกวันนี้โลกกําลังกําเริบนะ เขาวาปญญาชนๆ มันอยูกับใครเวลานี้ปญญาชน มันชนดะนั่นนะมันสําคัญ เดี๋ยวนี้มีแตชนดะ ๆ
หาเหตุหาผลหาหลักหาเกณฑใหเปนที่รมเย็น ใหเปนที่เกาะที่ยึดของประชาชนทั้งหลายไมได มันชนดะๆ เรียนมาความรูมากเทาไรยิ่งมาเสริมไฟ
ยิ่งมาเสริมคนใหมีความทุจริตผิดมนุษยมากขึ้นๆ ยิ่งนักกฎหมายถาไมมีอรรถมีธรรมแลว นักกฎหมายนี่เปนนักเลหเหลี่ยมนักแงงอนที่สุดเลย
ไมมีใครเกินนักกฎหมายนะ คว่ํากินหงายกินไดตะพึดตะพือถาไมมีธรรมเสียอยางเดียว
ถามีธรรม ไมมีใครที่จะใหความรมเย็นไดยิ่งกวาทานเหลานี้ ใหความเปนธรรมทุกอยาง วินิจฉัยใครครวญขอคดีตางๆ นี้
วินิจฉัยไปดวยเหตุดวยผล ตัดสินกันดวยความถูกตองดีงาม เปนที่พึ่งที่เกาะที่ยึดของคนไดทั่วๆ ไป ถาไมมีธรรมเสียอยางเดียวแลว โห
คว่ําก็กินหงายก็กิน อะไรกินหมด กินทั้งปากทั้งหาง กลืนทั้งปากกลืนทั้งหางคือพวกนี้เอง นี่ละคําวาปญญาชน
ถาไมมีธรรมเขาไปแทรกเสียอยางเดียวแลว ปญญาชนนี้คือตัวชนดะ จําใหดีนะ
เราจะเปนชนไหนใหพากันนําธรรมะนี้ไปพิจารณาและปฏิบัติตอตัวเองดวยความเปนธรรม เราและโลกจะเจริญรุงเรืองทั่วหนากัน
เอาละพอ
๘
เทศนอบรมคณะนักเรียนโรงเรียนประจักษศิลปาคาร อุดรธานี
เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๒
พอแมเปนบอแหงชีวิต
นีก่ ล็ กู หลานมาฟงการอบรมพากันจําไดดนี ะ การอบรมนี้เปนความชอบธรรม
เปนความเหมาะสม ทุกสิ่งทุกอยางตองไดรับการดัดการแปลง หากคนก็ตอ งไดรบั การอ
บรมไดรบั การแนะนําสัง่ สอน ตองมีครูมีอาจารย ไมใชทาํ ไปแบบสุม สีส่ มุ หาตามความ
อยากความทะเยอทะยานของเรา ซึ่งมีแตสิ่งที่เสียอยูภายในจิตใจเปนสวนมาก ถาเราจะ
ปลอยใหเปนไปตามความอยาก ออกมาชองไหนมีแตอยาก อยากเปนทางผิดๆ ทางถูก
ไมคอยมี เมื่อไดรับการอบรมแลวก็ไดดัดไดแปลงไดเลือกไดเฟนกัน วาความอยาก
ชนิดไหนเปนความเสียหายมากนอยเพียงไร หรือเปนความถูกตองทีค่ วรจะปฏิบตั ติ าม
เราก็ปฏิบัติตามนั้น นี่เรียกวาเราเลือกเราเฟน
ในหลักธรรมทานวา นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ใหพจิ ารณาใครครวญกอนในกิจการ
ทุกอยาง ทานไมเวนฟงซิ ใหใชความพินจิ พิจารณาใหเรียบรอยกอนในกิจการทุกอยาง
ไมใหทําแบบพรวดพราด ถาแบบพรวดพราดแลวเคยชินตอนิสยั จะกลายเปนคนนิสยั
พรวดพราด นิสัยสะเพรา นิสัยมักงายอันเปนเรื่องเสียทั้งนั้น เพราะไมไดใชความพินิจ
พิจารณาก็ไมมีหลักเกณฑ การพินิจพิจารณาแลวทําลงไป อันนั้นนอกจากเปนประโยชน
ในเวลาทีท่ าํ แลว ยังมาเปนหลักเกณฑตอ เราอีก และเปนนิสัยอันดีงามของเราไมพรวด
พราด ทําอะไรทําดวยความพินิจพิจารณาแลวก็ดีไมคอยมีเสีย
เรียนก็เหมือนกันเรียนหนังสือตั้งหนาตั้งตาเรียน ไมเพียงสักแตวาเรียนแตวา
ทองบนสังวัธยายหรือจําไปไดเฉยๆ ไมไดพจิ ารณาถึงความหมายของหลักวิชานัน้ วามี
ความหมายลึกตืน้ หยาบละเอียดแคไหน เราตองใชความพินิจพิจารณาอีกทีหนึ่ง จะเปน
ความละเอียดถีถ่ ว นดี เพราะฉะนั้น ความรูข องคนแมแตเรียนวิชาในแขนงเดียวกัน
ความลึกตืน้ หยาบละเอียดแหงความรูข องผูท เ่ี รียนในวิชาเดียวกันนัน้ ยังตางกันอยูม าก
เพราะคนหนึ่งใชความพินิจพิจารณา คนหนึ่งสุกเอาเผากินไมไดเรื่อง ไดแตจําไปตามที่
เรียนมาเฉยๆ เวลาถามความหมายมักไมรเู รือ่ ง ผูท ใ่ี ชความพินจิ พิจารณา หลักวิชาวา
ยังไงที่เราเรียนมา แลวพิจารณาตามหลักวิชา ซึง่ มีความหมายทุกๆ อยางในวิชาแตละ
แขนงๆ เราใชความพินิจพิจารณาไปตาม จะไดความละเอียดเขาไปโดยลําดับ ผูนั้นละผู
ที่มีความรูกวางขวางและทําประโยชนไดดี ก็คอื ผูท ใ่ี ชความพินจิ พิจารณาตามหลักวิชา
นัน่ แล
หลวงตาสอนเด็ก ๘
๙
หลวงตาสอนเด็ก ๑๒
๑๓
เทศนอบรมคณะนักเรียนโรงเรียนประจักษศิลปาคาร อุดรธานี
เมือ่ วันที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๒
นักเรียน นักลิง
ลูกศิษยลกู หาหลานเหลนใหพากันสรางตัวนะ สรางอะไรก็สรางแตการสรางตัว
นัน่ เปนของสําคัญมาก สรางกายวาจาใจ สรางความประพฤติของตน โดยเอาศีลธรรม
เปนแนวทางเปนแบบเปนฉบับเปนแมพมิ พ แลวดําเนินตามแมพิมพที่ถูกตองดีงามนั้น
ตามแบบตามฉบับทีถ่ กู ตองดีงามนัน้ ใหกายวาจาใจของเราหมุนเขาสูค วามดีงาม ความ
ดีงามทานเรียกวาศีลธรรม ศีลธรรมคือความถูกตองดีงาม เปนแบบเปนฉบับของโลก
มานานแสนนานแลว
โลกถามีศีลธรรมแลวจะเปนโลกมีความสงบรมเย็น ไมวาเด็กไมวาผูใหญจะนาดู
นาชมไปดวยกัน ผูใ หญกน็ า กราบไหวบชู า เด็กก็นา เมตตาสงสาร ถามีศลี ธรรมตางคน
ตางมีศีลธรรม ถาปราศจากศีลธรรมเสียเทานั้น ไมมีใครที่จะเลวรายยิ่งกวามนุษยเรา
เพราะมนุษยเรานี้เปนสัตวฉลาด คิดไดทําไดในสิ่งที่สัตวทั่วๆ ไปคิดไมไดทําไมได แต
ทําตัวใหเหลวแหลกแหวกแนวยิง่ กวาสัตวทง้ั หลายนัน้ จึงไมนาดูและดูไมไดเลย
นี่เราเปนเด็กจะเริ่มเปนผูใหญ เรานี้แหละตอไปจะเปนผูรักษาชาติบานเมือง
กอนอื่นเราตองรักษาตัวของเราใหดีตั้งแตบัดนี้เปนตนไป การเรียนนีเ่ รียนเพือ่ รักษาตัว
การอาชีพทุกอยางก็เพื่อตัวของเรา ความประพฤติใหถกู ตองดีงาม ก็เพื่อการรักษาตัว
ของเรา ตัวของเราแตละคน ๆ นี้มีความเกี่ยวโยงกันทั่วประเทศชาติบานเมืองของเรา
เพราะฉะนั้น จงพากันประพฤติปฏิบัติตัวใหเปนหลักเปนเกณฑตอตัวของเรา จะเปนที่
แนใจอบอุนและมั่นคงในตัวของเรา เชื่อตัวของเราได
ถาความประพฤติของเราไมดี เฉพาะอยางยิ่งจิตใจที่ไมไดรับการอบรมเลยนั้น
เปนจิตใจที่เต็มไปดวยยาพิษ แสดงอาการอะไรมีแตออกทางเปนพิษเปนภัยแกตวั ของ
เรา ถาวาอยาก อยากอะไร สวนมากใจเรามักจะอยากในสิง่ พาใหเสียหาย อยากดูอยาก
เห็นอยากไดยนิ ไดฟง ทุกอยางสวนมากมีแตความเสียหาย ถามีธรรมแลวก็มีเครื่อง
กลัน่ กรอง ความอยากนีค้ วรหรือไมควร ดีหรือไมดี ถาไมดใี หคดั เลือกแลวก็ไมทาํ ตาม
ความอยากนัน้ เชน อยากทําในสิง่ ตางๆ อยากไปอยากเทีย่ ว อยากเตร็ดเตรเรรอน
อยากคบคาสมาคมกับเพือ่ นทัง้ หญิงทัง้ ชายไมมกี าํ หนดกฎเกณฑ ไมหกั หามตัวเอง นัน้
เปนคนที่เริ่มทําลายตัวเอง ทําใหใจแตก
ถาใจแตกแลว เราดูซิหมอแตกเปนยังไง หมอดีๆ เอามาใชได แลวหมอแตก
เอามาใชไดไหม ใชไมได เพียงราวเทานั้นก็เสียคุณภาพของมันไปมากมายแลว ยิ่งแตก
หลวงตาสอนเด็ก ๑๓
๑๔
หลวงตาสอนเด็ก ๑๔
๑๕
หลวงตาสอนเด็ก ๑๕
๑๖
หลวงตาสอนเด็ก ๑๖
๑๗
หลวงตาสอนเด็ก ๑๗
๑๘
หลวงตาสอนเด็ก ๑๘
๑๙
เอาแคนล้ี ะ
หลวงตาสอนเด็ก ๑๙
๒๐
หลวงตาสอนเด็ก ๒๐
๒๑
หลวงตาสอนเด็ก ๒๑
๒๒
หลวงตาสอนเด็ก ๒๒
๒๓
หลวงตาสอนเด็ก ๒๓
๒๔
หลวงตาสอนเด็ก ๒๔
๒๕
หลวงตาสอนเด็ก ๒๕
๒๖
หลวงตาสอนเด็ก ๒๖
๒๗
หลวงตาสอนเด็ก ๒๗
๒๘
หลวงตาสอนเด็ก ๒๘
๒๙
เทศนอบรมคณะนักเรียนโรงเรียนประจักษศิลปาคาร อุดรธานี
เมือ่ วันที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๒
นิสัยของพระโพธิสัตว
พวกเราทั้งหลายใหเห็นใจพระพุทธเจาที่ทรงขวนขวายแทบเปนแทบตาย สรางพระบารมี
มาเฉพาะพระพุทธเจาของเรานี่ ๔ อสงไขยแสนมหากัป คําวา ๔ อสงไขย แปลวานับไมได ๔
หน ถาหากเราเทียบก็อยางเรานับ ๑, ๒, ๓ , ไปถึง ๑ ลาน พอลานแลวก็หยุดที่ตรงนั้นแลวมา
นับใหม จนถึงลานเปนสองลาน สามลาน เปนสีล่ า น นีอ่ สงไขยคือนับไมได ตัง้ แตครัง้ นัน้ เขา
จะถือเลขไหนเปนสําคัญไมรู แตสําหรับเมืองไทยเรานี้ถือเลขลาน พอถึงลานแลวก็หยุดมานับ
ใหม ไปถึงลานแลวหยุด เพราะฉะนัน้ จึงวาหนึง่ ลาน สองลาน หรือสิบลาน ยีส่ บิ ลาน พันลาน
หมืน่ ลาน อยูใ นจุดลาน เปนจุดขีดขัน้ ตายตัวเอาไวยอ นมานับใหม อันนี้อสงไขยนั่นก็คงหมาย
เลขลานนั่นแหละ เปนแตวาเขาไมเรียกลาน นับไปถึงไหนไมทราบแลวก็นับไมไดหนหนึ่ง อสงไขย
แปลวานับไมไดหนึง่ หนสองหน ถาหากวาเราเทียบในสมัยปจจุบันเราก็เรียกวา ๔ ลาน กําไร
แสนมหากัป หมายความวาพิเศษออกไปเรียกวากําไรๆ นี่ เหมือนอยางเราไปซื้อของมานี่เราซื้อ
สิบเราขายมากกวานัน้ นั้นเรียกวาเปนกําไร อันนี้ตน ๔ อสงไขย เศษออกไปอีกแสนมหากัป
นี่พระพุทธเจาสรางพระบารมี
การสรางพระบารมีของพระพุทธเจามีมากนอยตางกัน บางองค ๑๖ อสงไขย ๘ อสงไขย ๔
อสงไขย อยางนอย ๔ อสงไขย นับไมได ๔ หน นับไมได ๑๖ หน นับไมได ๘ หน เรียกวา
อสงไขยๆ แลวก็แสนมหากัปๆ เศษดวยกันทั้งนั้น นีก่ วาจะเต็มสมบูรณความเปนพระพุทธเจา
ถาน้ํากวาจะเต็มตุมเต็มถังนี้ก็ ๑๖ อสงไขย กวาจะเต็มตุม ตุมใหญ ตุมแหงความเปนพระพุทธ
เจา บรรจุอรรถธรรมไวอยูน น้ั หมด พุทธวิสยั ความสามารถของพระพุทธเจาอยูน น้ั หมด ไมมีใคร
มีความสามารถเหมือนพระพุทธเจา เพราะเวลาสรางก็สรางเอาหนักเอาหนา ฟงซิวา ๔ อสงไขย
นับไมไดถึง ๔ หน ถาเราเทียบอยางทุกวันนี้ก็เรียกวา ๔ ลานแลวอีกแสนมหากัป คําวากัปหนึ่ง
นี้นานแสนนานนะ จึงเรียกวาหนึง่ กัปอีกดวยนะ แสนมหากัปอีกดวย นัน่ มากไหม ๔ อสงไขย
แลวยังแสนมหากัปอีก มากขนาดไหน กัปหนึ่งนี้นานแสนนานกวาจะนับเปนกัปหนึ่งได กัปหนึ่ง
กัลปหนึ่ง
นี่ละพระพุทธจาแตละพระองคๆ ทรงพยายามอุตสาหทุกสิ่งทุกอยาง คอก็ตัดขาดไปได
เลยเพื่อสรางพระบารมี ทุกสิ่งทุกอยางไมมีความเสียดาย คิดดูอยางพระพุทธเจาของเราชาติสุด
หลวงตาสอนเด็ก ๒๙
๓๐
หลวงตาสอนเด็ก ๓๐
๓๑
หลวงตาสอนเด็ก ๓๑
๓๒
หลวงตาสอนเด็ก ๓๒
๓๓
หลวงตาสอนเด็ก ๓๓
๓๔
หลวงตาสอนเด็ก ๓๔
๓๕
หลวงตาสอนเด็ก ๓๕
๓๖
หลวงตาสอนเด็ก ๓๖
๓๗
ขอใหพี่นองลูกหลานทั้งหลายไดนําธรรมะนี้ไปประพฤติปฏิบัติ เราจะเปนคนดีมีสงาราศี
มีความสุขความเจริญทั้งปจจุบันและอนาคต คําวาอนาคตคือจิตดวงนี้แหละ ยายออกจากราง
กายนี้มันจะไปสูรางกายขางหนา รางกายขางหนาในภพหนานัน่ มันมีความดีไหม ถาไมมีความดี
ความจมมันจะมีอยูในนั้นแหละ คนเรามันไมทําความดีมันมักทําชั่ว สวนมากมักทําแตความชั่ว
ตายแลวจม นี่เราอยากจมละเหรอ คิดตั้งแตเราอยูในโลกกับมนุษยเขา เราไมไดจมไปไหน ทุกข
เรายังรูวามันทุกข ลําบากเรายังรูวาลําบาก จนยังรูว า จน แลวไปเมืองผีใครจะตามไปสงเสีย
อะไรๆ ตอเรา ใครจะไปสงเคราะหสงหาเรา ไมมีใครสงเคราะหใครนะ ถาเจาของไมไดจัดการทํา
เจาของ รับรองเจาของ ยืนยันเจาของ ดวยความดีทั้งหลายเสียตั้งแตบัดนี้แลวไมมีทาง จําให
ดีนะ
เอาละพอ
หลวงตาสอนเด็ก ๓๗
๓๘
เทศนอบรมฆราวาส ณ วัดปาบานตาด
เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๑
เทพบันดาล
เมื่อวานซืนนี้ก็ไปเทศนที่วัดถ้ํากลองเพล งานระลึกถึงหลวงปูข าวทานวันที่ ๑๖
ตอนกลางคืน คนก็มากพระก็มาก เทศนจบแลวเรามาเลยไมไดคา ง วัดถ้ํากลองเพลก็
มีเปนบริเวณทีก่ าํ แพงลอมรอบอยูเ ทานัน้ นอกจากนั้นก็เปนทะเลสาบไปหมด ปาไมมี
เหลือเลย เหลืออยูเ ฉพาะบริเวณวัดเทานัน้ เอง แตกอนก็ปาชางดงเสือนะนั่นนะ วัดถ้ํา
กลองเพล ก็ดังที่เขียนไวในประวัติของหลวงปูทานเกี่ยวกับเรื่องถ้ํากลองเพล มีเหตุผล
เปนมายังไงถึงเรียกถ้ํากลองเพลก็บอกไวแลว
แถวนัน้ ไมมบี า นผูบ า นคนนะ หนองวัวซอที่มีเปนบานทุกวันนี้ก็ยายมาจากอุบลฯ
มาอยูน ่ี หนองบัวบานก็มาจากทางจังหวัดเลย ยายมาเมือ่ เร็วๆ นีน้ ะ ทีเ่ ขาเรียกหนองวัว
ซอๆ ไมใชอะไรนะ เปนวัวปาไมใชววั บาน มันมารอกันอยู จะลงกินน้ําในหนองนั่นนะ
แตทางนีเ้ ขาเรียกมันซอๆ ก็คือจอรออยูอยางนั้นเพื่อจะลง มันมากตอมาก เปนวัวปาทัง้ นัน้
ไมใชววั บาน ที่วาหนองวัวซอๆ แตกอนเปนปาวัว - วัวแดงเต็มไปหมดนั้น เพราะไมมี
บานผูบ า นคนเลย แถวนัน้ จะมีบา นทีไ่ หน ไมมี หนองแวงฮีก็ไมมี บานหมากหญาดูวา
ยายไปอยูกอนเขาก็มีเทานั้น มีบา นหมากหญาแลวก็บา นหนองขุน นอกนัน้ ไมเห็นมีบา น
อะไร หนองแซงอะไรเหลานี้ไมมี บานคนไมมี หนองบัวบานก็ไมมี หนองวัวซอก็ไมมี
พวกนีย้ า ยมาจากอุบลฯ บานโนนทันเหลานีย้ า ยมาจากอุบลฯ แตกอนเปนดงเปนปาทั้ง
นัน้ สัตวชุม เดีย๋ วนีม้ แี ตปา คน
ปาไมชุมเย็นแตปาคนนั้นรอน ไมมีอะไรรอนยิ่งกวาปาคน เราพูดอยางนีเ้ ราไม
ตําหนิใคร เพราะเราก็คนคนหนึง่ ก็เราไมใชคนตาย เราก็รอ นเปนหนาวเปนเหมือนกัน
นีน่ ะ คนไปอยูที่ไหนมักมีเรื่องมากและรอนมากยุงมาก ปานั้นไมยุงแตเย็น เราคิดดูซทิ ่ี
วาแตกอ นไมมหี มูบ า นเลยนะ เดีย๋ วนีเ้ ปนยังไง หนาแนนขนาดไหน ดูเอา ถ้ํากลองเพลนี้
เปนสถานที่ที่ไปพักแรมของนายพรานเขานะ นายพรานเขามาหาลาเนือ้ แลวก็ไปพักแรม
ที่นั่น เพราะทีน่ น่ั ฝนตกแลวไมรว่ั เขาก็ไปอาศัยนั่น แถวนัน้ ไมมบี า นคน จึงมีแตพวก
สัตว พวกเนือ้ พวกเสือ พวกชางเต็มไปหมด
เมือ่ เร็วๆ นีจ้ วนทานจะมรณภาพนีม้ ชี า งใหญตวั หนึง่ มันยังมาหา ทานบอก
วาทานรําพึง ทานเลาใหฟงก็มีขบขันดีเหมือนกัน เวลาทานเลานาฟงอยูน ะ ทานอยู
หลวงตาสอนเด็ก ๓๘
๓๙
หลวงตาสอนเด็ก ๓๙
๔๐
หลวงตาสอนเด็ก ๔๐
๔๑
หลวงตาสอนเด็ก ๔๑
๔๒
หลวงตาสอนเด็ก ๔๒
๔๓
หลวงตาสอนเด็ก ๔๓
๔๔
หลวงตาสอนเด็ก ๔๔
๔๕
หลวงตาสอนเด็ก ๔๕
๔๖
หลวงตาสอนเด็ก ๔๖
๔๗
หลวงตาสอนเด็ก ๔๗