You are on page 1of 45

เทศนอบรมคณะนักเรียนโรงเรียนราชินูทิศ อุดรธานี 

 
เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๒ 

 
เรื่องดุกับเครื่องมือปราบลิง 
 

  

        หนังสือของเรานี้ไมมีการซื้อการขาย มีแตการใหฟรี ๆ สงใหฟรีดวย  บางคนเขามาถามเขาคงวิตกถึงเรื่องการสงของเรา เขาถามเฉพาะเรื่องสง  
เรื่องสงคงจะหมดมากนะหลวงพอสงหนังสือนี้  โอย  อยามาถามเราบอกตรง ๆ เลย  ถาเราจะมาวิตกวิจารณกับเรื่องการไดการเสียแลว  
เราทําไมไดเราไมทําจริง ๆ เราทําไมไดจริง ๆ  เชน  คาสงนี้มันก็เปนแสน ๆ  ลาน ๆ จะวาไง คาสงหนังสือนี้ วันหนึ่ง ๆ สงมากขนาดไหน 
บางวันรถปกอัพเต็มเลย สงไป ๒๐ กวาปแลว  สงใกลสงไกลขนาดไหน  ในเมืองไทยเราไมตองพูดแหละ โนนเมืองนอกยังสงออกไป ทั้งเทปทั้งหนังสือ  
เวลานี้เทปดูจะมากกวาหนังสือดวยซ้ํา  ขอมานี้เปนเหมือนกับไฟลามทุงเลยเชียว  ตองใหพระทานพักเครื่อง ไมงั้นพระตาย ไมไหวอัดใหไมทัน  
เครื่องอัดเทปนี้เราก็หามาใหนะ  ดวยความสงสารทั้งนั้นแหละ 

               หนังสือก็แจกมาได ๒๐ กวาป  เทปที่ตั้งหนาตั้งตาแจกมาก็ ๑๐ กวาปแลว  สองอยางนี้เวลานี้เทปนาจะมากกวาหนังสือ แจกทั่วประเทศไทย 
ใหชาวพุทธของเราทั้งหลายไดอานและรูสึกตัวบางวา  เราเปนชาวพุทธหรือชาวอะไร หรือเทวทัต ชาวเทวทัตมีนี่  เปน ชาวพุทธนั้นแหละ แตทําลายศาสนา 
ทําลายคัดคานพระพุทธเจาอยูตลอดเวลา ความรูความเห็น ความคิดความปรุงของใจ มีแตเรื่องของกิเลสซึ่งเปนภัยตอศาสนา 
เปนภัยตอคําสั่งสอนของพระพุทธเจา 

               นี่เรียกวาเทวทัตรบพระพุทธเจา มันรบอยางนี้แหละ รบภายในใจ ออกมาทางวาจา พูดคําไหนที่จะเปนไปเพื่ออรรถเพื่อธรรมไมคอยมี  
มีแตเรื่องทําลายธรรม  ทําลายตัวเอง  กิริยาที่ทําไปทุกแงทุกมุมก็มีแตการทําลายธรรมและทําลายตัวเอง แลวก็ตางคนตางทําลาย  
กระจายไปทุกแหงทุกหน  เลยกลายเปนไมใชพุทธบริษัทเสียแลว  กลายเปนเทวทัตบริษัทไปแหละ  มันบริษัทของเทวทัต 

               ระวังจะเปนอาจารยของเทวทัตไปนะมากเขา ๆ ทีแรกก็เปนลูกศิษยของเทวทัต 
ครั้นตอมามากเขาหนักเขาจะกลายเปนอาจารยของเทวทัตไปละนะ  ใหสังเกตพิจารณา หลวงตาพูดใหฟงวันนี้เอาไปคิดนะ  พูดใหคิด  ไมใชพูดไมใหคิด  
พูดอยางตรงไปตรงมา  ความ ผิดความถูกมีอยูอยางเปดเผยตามหลักความจริงของธรรม ผูทําก็ทําอยูอยางนั้น ทําผิดทําถูกทํากันอยูอยางนั้น เพราะฉะนั้น 
การพูดเพื่อแกความผิดเพื่อความถูก  จึงเปนการพูดไดตามหลักความจริง  ผูตองการความจริงแลวตองแกไขตามนั้น 

 
               นี่ธรรมะเวลาไปแลวใหไปอานนะ อานพินิจพิจารณา กอนที่จะไดหนังสือนี้มาใหบรรดาพี่นองลูกหลานทั้งหลายอานนี้  หลวงตาพูดจริงๆ  
หลวงตานี้เดนตายมา  ฟง ใหชัดเจนนะ เราพูดเสมอถึงเรื่องเดนตายมา กอนที่จะไดธรรมะมาเทศนาวาการแจกจายกันขนาดนี้ 
เปนเวลาตั้งเทาไรที่เราออกสังคมมานี้ ดูเหมือน ๓๙ ป  แตกอนอยูในปาในเขาขึ้นเวทีฟดกับกิเลสอยูบนเขาในปาในเขา  กินก็กิน  ไมกินก็ไมกิน  เปนก็เปน  
ตายก็ตาย  แตยังไงเรากับกิเลสนี้ กิเลสไมตายเราตายเทานั้น เรื่องถอยกันไมมี  นี่แหละถอดออกมาจากหัวใจมาพูดใหบรรดาลูกหลานทั้งหลายฟง 

               เวลา อยูในปาในเขาไมมีใครทราบวาเราจะเปนจะตาย ไมรูจริงๆ นี่นะ เพราะอยูในปาในเขานี่ ถาทราบก็เปนพวกคนปาคนเขาเทานั้นเขาทราบ 
แตเขาก็ไมสนใจอะไรพอจะทราบ  เพราะฉะนั้น จึงวาเขาไมทราบก็ได หลังจากนั้นมาแลวบรรดาผูที่ไปเกี่ยวของก็มีพระเปนอันดับหนึ่ง  
เขาเกี่ยวของกอนเพื่อน  พอพอแมครูจารยมั่นเรามรณภาพ 

               ฟงซิพอแมครูจารยมั่น ทานเปนทั้งพอเราทั้งแมเรา ทุกอยางรวมอยูในนั้นหมด  ใหอรรถใหธรรมใหขอคิดเห็นที่จะเปนสิริมงคล  
สิ่งใดไมดีปดเปาออกไปดวยคําสอน แนะนําสั่งสอนทุกแงทุกมุม  จึงเปนเหมือนกับพอกับแมของเรา  เหมือนเรามีพอมีแมนี่แหละ  
แตละคนเกิดมาจากพอจากแม  แตละคน ๆ นี้เนื้อหนังมังสังชีวิตจิตใจนี้เอามาจากพอจากแมทั้งนั้น  เอามาจากไหนไมมีใครใหไดเลย  มีแตพอกับแม  
ความเมตตาสงสารการสงเคราะหเอาเปนเอาตายเขาวาเลย  ถาเปนกับลูกแลวถึงไหนถึงกัน 

         พอแมกินยังไงใชยังไงพอทําเนา ขอใหลูกไดอยูไดกินก็พอ  ยิ่งลูกตัวเล็กๆ  นั่น ละยิ่งเปนตัวสําคัญ ตัวเล็กขนาดไหนนั่นละคือขาหลวง 
เราเคยเปนขาหลวงมาแลวดวยกัน ขาหลวงในครอบครัว ใครเปนเด็กที่เล็กที่สุด ลูกคนไหนเปนคนเล็ก ลูกคนนั้นละเปนผูทรงอํานาจมากในครอบครัว 
พอแมมีแตโอๆ  ใครก็มีแตโอๆ ปลอยใหขาหลวงขยําเอาตามอารมณชอบเลย  ชี้นกเปนนก ชี้กาเปนกา ชี้อะไรเปนอันนั้น นี่ขาหลวงครอบครัว  
แลวจากนั้นก็ขยายเปนขาหลวงภาค ภาคครอบครัว  ภาคญาติ  ภาควงศ  นี้มาเคารพหมดเลย ขี้ใสหัวก็ไมวา ขาหลวงธรรมดามาขี้ใสหัวไดยังไงใชไหม  
ไมมีขาหลวงคนใดจะมาขี้ใสหัวคน แตลูกนี่มาขี้ใสหัวพอแมไดสบาย  นี่ละขาหลวง 

         เราทุกคนเปนขาหลวงมาทุกคน เอาพอเอาแมเปนถานขี้เลย  ทั้งขี้รดเยี่ยวรดทุกสิ่งทุกอยาง ขี้ตามตักตามบาตามหัวตามอะไรขี้ไดหมด 
พอแมนี่เปนสวมเปนถานเปนขากลางบานกลางเรือน ไมมีใครที่จะเกินพอกับแมแหละ ที่ปฏิบัติตอลูกดวยความสงสาร  ดวยความเมตตา  
ไมมีคําวาถือสีถือสา  เพราะอํานาจแหงเมตตานั้นละลนฟาลนแผนดิน เกินกวาที่จะมาถือสีถือสากับลูกของตน  ทํายังไงลูกของตนจะมีความสะดวกสบาย  
เอาอันนั้นแหละมาปฏิบัติตอลูก ๆ 

               ไดอะไรมาก็ตองคิดถึงลูกกอน  ลูกไดกินแลวเปนที่พอใจ พอแมจะอดหิวขนาดไหนก็ชางมันเถอะ ไมสนใจกับความอดความหิวของตัวเอง 
ทั้งพอทั้งแมเหมือนกันหมด  ไมวาการใชการสอยการเปนอยูหลับนอนทุกอยาง มอบใหลูกเปนใหญทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอยางไหลลงเพื่อลูก ๆ 
เพื่อขาหลวงใหญนั่นแล พอโตขึ้นมาสักหนอย  ขา หลวงคนนี้ก็ลดตําแหนงลงมาเปนรองผูวาฯ ใครเปนคนเล็กกวาเพื่อนผูนั้นเปนขาหลวงแทน 
คนผูที่ใหญโตขึ้นมาพอสมควรแลวลดอํานาจลงมาเปนรองผูวาฯ เปนปลัดจังหวัด  เรื่อยมาจนกระทั่งถึงนายอําเภอ  ลดลงมาเปนกํานัน  
ลดลงมาเปนผูใหญบาน 

พอถึงขั้นผูใหญบานแลวไมยอมลดลงอีกเลย อยูนั้นแหละไมลด ใหลดเปนคนธรรมดาสามัญทั่วไปนี้ไมยอมลด  
ตองเปนผูใหญบานอยูในบานนั้นจนไดแหละ เพราะอะไร เพราะถือสิทธิ์เปนลูกนี่  พอแมวายังไงไมสนใจไมฟง  
เอาอํานาจของลูกนี้เขาไปเหยียบย่ําพอแมอยูนั่นแล  ขั้นผูใหญบานก็ไมใชเลน ๆ นะ  ขั้นผูใหญบานนี่เปนคนโตของพอของแมแหละ  
ตองถืออํานาจอยูในตัวเองวาเปนลูกนั่นแหละ เปนยังงั้นละ  พวกเราเปนพวกเอารัดเอาเปรียบพอแมที่สุดก็คือลูกๆ ทั้งหลายนั่นแล 

               เกิดขึ้นมาแลวเปนยังไง  เราปฏิบัติใหพอแมของเราไดภูมอิ กภูมิใจบางหรือเปลา  มาเรียนหรือมาลิง นักเรียนก็มีนักลิงก็มี มีหลายอยาง  
พอแมสงเคราะหสงหาหาทุกสิ่งทุกอยาง  ไดอะไรมาเพื่อลูก ๆ เพื่อใหเปนนักเรียนก็เพื่อมันไปเปนนักลิงเสียก็ไมรูนะ  จําใหดี  มีไหมนักลิงอยูในนี้นะ 

               ตะกี้นี้เราพูดถึงพอแมครูจารยมั่น เราเคารพทานสุดขีด ในหัวใจของเรานี้อยูกับพอแมครูจารยมั่นหมดเลย  เราพูดจริงๆ  
ในบรรดาครูบาอาจารยทั้งหลาย  เราไมไดประมาททาน  เราไมไดคบคาสมาคมกับทานสนิทติดจมจริงๆ  ฝากเปนฝากตายเหมือนพอแมครูจารยมั่น  
นี่ทุกสิ่งทุกอยางตั้งแต กิ แต กา  แต เอะ  แต เอ  เรื่อยไป  ทานสอนหมดในภาคปฏิบัติธรรมะนะ สวนภาคปริยัติเราก็เรียน  
เรียนไปแลวแตไมเปนทาเปนทางอะไร  เพียงแคจดไดมาจําไดมาเฉยๆ  ไมรูวิธีภาคปฏิบัติเปนยังไง  ทานตองบอก  อันนี้ทําอยางนี้ 
เครื่องมืออันนี้เอาไปทําอยางนั้นเครื่องมืออันนี้ไปใชอยางนี้ๆ ที่เราเรียนมาเราจําได แตปฏิบัติไมถูก ปฏิบัติไมเปน 
อาศัยทานพาปฏิบัติดําเนินการเรียนมานั้น 

         เราจําไดแตไมรูจักวิธีปฏิบัติ  ทานก็หยิบออกมา อันนี้ใหทําประโยชนอยางนั้น  อันนั้นใหทําประโยชนอยางนั้นๆ  
เราก็ยึดก็จับเอาไดจากทานเรื่อยมาจนเปนภาคปฏิบัติ  ภาคปฏิบัติก็เอาอีกเหมือนกัน  ตองใหทานเปนแมเหล็ก  เปนเครื่องดึงดูด  เปนรมโพธิ์รมไทร  
เราอยูใตรมโพธิ์รมไทร  เหมือนกับกาจับภูเขาทอง  เปนยังไงกาจับภูเขาทอง โอย  เหลืองอรามไปเลย  กิเลสมันกลัวเวลามาอยูกับทาน  กิเลสมันก็หมอบ  
อยูกับทานสบายๆ นี่ก็เปนรมโพธิ์รมไทรอันหนึ่ง  เปนแมเหล็กเครื่องดึงดูดเราใหมีแกใจประกอบความพากความเพียรเอาเปนเอาตาย  
หนักเบาออกมาจากทาน ไดรับการศึกษาจากทาน  ทุกสิ่งทุกอยางทานแนะนําเต็มภูมิ  และพาปฏิบัติเต็มกําลังทุกดาน 

               พอแมของเราเรายกไวเปนประเภทหนึ่งนะ พอแมก็เปนประเภทหนึ่ง  คุณคาของพอแมเปนประเภทหนึ่ง  
คุณงามความดีของพอแมที่มีตอเราเปนประเภทหนึ่ง  คุณของครูบาอาจารยเปนอีกประเภทหนึ่ง  ที่ สอนละเอียดลออที่สุดคือพอแมครูบาอาจารยมั่นเรา 
อันนี้สอนละเอียดมากทีเดียว พอแมของเราไมสามารถที่จะนํามาสอนได แตครูบาอาจารยทานสอนไดเต็มเม็ดเต็มหนวยใหซึ้งถึงใจเรา 
นี่จึงเรียกวาพอแมครูจารย วาอยางนี้ความหมายใหจําเอานะ 

               กลับไปหาพอแมของตัวเอง  อยาเอาพอแมมาเปนสวมเปนถานขี้รดหัวนะ  ประพฤติปฏิบตั ิชั่วทําตัวไมดีนั่นแหละคือขี้รดหัวพอแม  
โตขึ้นมาขี้รดหัวแบบหนึ่ง  เวลายังเล็ก ๆ ขี้รดหัวแบบหนึ่ง  ขี้รดหัวอยูไมหยุดไมถอย พอแมเลยมีตั้งแตสวมแตถาน 
คลําหัวดูซิใครเปนพอแมของลูกเตาวามีขี้ไหม  กอนจะมาวัดนี้ไดลางออกแลวยัง  หรือมีตั้งแตขี้ลูกเต็มตัวนั่นเหรอ จําใหดีนะลูกเตาหลานเหลนทุกคน  
ปฏิบัติตัวของเราใหดีนะ 

               รางกายทุกสวนนี้ไดมาจากพอจากแม  ชีวิตจิตใจทุกชิ้นทุกสวนไดมาจากพอจากแม  ความเปนอยูทุกดานไดมาจากพอจากแม 
เราจะไปไดมาจากใครไมมี ตองขึ้นพอแมเปนอันดับแรก ไมวาพอแมจะเปนคนทุกขคนมีคนจน ไมไดคํานึงถึงความมีความจน 
เลี้ยงลูกใหโตเหมือนกับโลกทั้งหลายทั่วๆไป  ตามฐานะของพอแมแตละคนเต็มกําลังความสามารถดวยกัน  ยิ่งเปนคนทุกข 
ยิ่งทุกขยิ่งยากลําบากในการเลี้ยงลูก  คนที่มั่งมีศรีสุขก็เปนอีกอยางหนึ่ง  เบาภาระไปบาง บางทีใหคนอื่นเขามาชวยเลี้ยงก็ได  
พอแมไมคอยไดดูเทาไรนักหนา  แตคนจนนี้ทั้งดูแลดวยตนเอง  ทั้งวิ่งเตนขวนขวายหาอยูหากิน  ทั้งดูแลลูกจะเปนจะตายดวยกันทั้งนั้น 

         ทุกขยากที่สุดคือคนทุกขคนจนที่เปนพอเปนแมของเรานั่นแล  ฉะนั้นจึงใหเห็นคุณคาของทานนะ พอแมคนไหนมีความทุกขจนหนโลกมาก 
ลูกคนนั้นละเปนลูกที่ไดรับความสงเคราะหมากเต็มหัวใจ และความสละเปนสละตายจากพอจากแม 
เพราะฉะนั้นจึงใหเห็นคุณของพอของแมอยางฝงใจอยาลืมนะ  ใครลืมบุญลืมคุณพอแมนี้ เวลาโตขึ้นมามีลูกมีเตา 
ลูกจะเปนเทวทัตผลาญพอแมใหฉิบหายวายปวงไปหมด ไมมีอะไรเหลือเลยละ ทั้งจะสรางขวากหนามปกหัวอกเราผูเปนพอเปนแมอยูตลอดไป 
เพราะกรรมหลังตามใหผล 

         วันนี้เราพูดถึงเรื่องอรรถธรรมที่เราปฏิบัติมา  ใหบรรดาลูกเตาหลานเหลนทั้งหลายนําไปอาน นี่ใหไปอานจริงๆ นะ  
เราตั้งใจประพฤติปฏิบัติเต็มความสามารถดังที่พูดนี้แหละ เวลาจะเปนจะตายไมมีใครเห็นเรา  พอออกจากนั้นแลวพระก็เกาะเปนอันดับหนึ่ง  
พอพอแมครูอาจารยมั่นมรณภาพไปแลวพระก็รุมพึ่บเลย จนมองหาตัวไมเห็นถาพูดภาษาของเรานะ  ตั้งแตบัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ 

               การ แนะนําสั่งสอนก็สอนก็เต็มเม็ดเต็มหนวยสอนเต็มภูมิ ธรรมะสวนมากที่นําออกแสดงแกประชาชน พระเณร เขาวาหลวงตาบัวนี้ดุ 
ร่ําลือทั่วประเทศไทย  บางคนยังมาพูดตอหนาก็มี  พูดเปนเชิงหยั่งเสียงหรืออะไรก็ไมรูแหละ ทําเปนหนาเศราๆ  หนา หยีๆ 
วาไปที่ไหนก็ไดยินแตชื่อหลวงพอเรานี่แหละ มันเปนยังไงหลวงพอมีเต็มบานเต็มเมือง ถึงมีแตหลวงพอองคเดียวนี้ มันเปนยังไงวามาซิ 
ก็เรื่องดุนั่นแหละเขาวา ไปที่ไหนไดยินแตเรื่องดุนั่นแหละ เราก็เลยบอกวา ออ เวลานี้เรายังไมมีความดี  มีแตความดุเรื่องดุ  ใหเอาดุไปเสียกอนนะ  
เมื่อไดของดิบของดีแลวคอยมาเอาอีก  จนกระทั่งปานนี้ยังไมไดของดิบของดีใหใครเลย  มันจะดีไดยังไงในเมื่อลูกศิษยลูกหาเรามันเหมือนลิงนี่  
เขาใจรึเปลา  มาก็ตีตัวนั้นตีตัวนี้  ตบตัวนั้นตบตัวนี้อยูอยางนั้น  กิริยาการกระทํามันหลุกหลิกเหมือนลิงแลวจะไมใหดุไดยังไง 

               เครื่องมือปราบลิงเปนเครื่องมือประเภทหนึ่ง  เครื่องมือปราบคนเปนอีกประเภทหนึ่ง คนเปนคนประเภทใดมีกี่ประเภทของคน  
คนหนึ่งเปนยังไง  คนตัวแสบๆ มันมี เราจะเอาเครื่องมือชนิดใดไปปราบ ศาสตราวุธชนิดใดไปปราบมันถึงจะหายพยศ ตัวแสบๆ  
จะเอาเครื่องมือแบบกบไปไสไมทั้งตนไดเหรอ  ไมนี่มันคดมันงอมาก  ตองเอาขวานถากอยางแรง  ดีไมดีขวานหลุดมือ 
ถาถึงขั้นที่ควรจะเอากบไสไมตองบอก  ไมมีใครฉลาดยิ่งกวานายชางทําบานทําเรือนแหละ  ถาควรถากก็ตองถาก  ควรตัดตองตัด  ควรไสตองไส  
เวลามันดีเรียบรอยแลว  ทาชะแล็กปุบ  เอา  ใครแตะไมไดเลยที่นี่  นั่น ดีเรียบรอยแลว  สมบูรณเต็มที่แลวใครแตะไมได 

         นี่เวลานี้เรายังไมใชอยางนั้น มันไมใชแบบแตะไมได  มันไมใชแบบถูกตองหมดแลวดีหมดแลวแตะไมได  
แตนี้มันมีแตความผิดเต็มเนื้อเต็มตัวจะวายังไง  ผิดแสบๆ ก็มี  ผิดอยางผาดโผนโลดเตนโจนทะยานก็มี มีหลายประเภท  
เพราะฉะนั้นจึงใหเอาธรรมะของพระพุทธเจานี่ไปดัดมันอยางหนักมือ  เวลามันผาดมันโผดโลดเตนเผนกระโดด 

         เฉพาะทุกวันนี้ในวัยนี้เปนวัยที่สําคัญมากนะ  เปนวัยที่โลดเตนเผนกระโดดอยางมาก ไมมีเหตุมีผล มีแตความอยาก  ความทะเยอทะยาน  
ใหระวังใหดี  ระวังเหตุไมดีระวังผลชั่วจะติดตามมา  เอาธรรมะไปสกัดลัดกั้นเหยียบเบรกใหแรงนะ  เอาใหตัวโกงโนนนะ  
ดีไมดีตัวกระเด็นตกออกหนากระจกเพราะเหยียบเบรกอยางแรง  หัวทะลุออกโนน  ไมงั้นมันจะไมอยู  รถมันจะพาลงคลอง ตองเหยียบเบรกอยางแรง 
 

               นี่ละเมื่อเวลาความทะเยอทะยานของเรา  เฉพาะอยางยิ่งราคะตัณหามันเกิดมันรุนแรงขึ้นมา  มันจะไมมองเห็นเหตุเห็นผลดีชั่วอะไรนะ  
มันจะมองเห็นแตไอหนุมเทานั้นละ  ไมมองเห็นพอเห็นแมเห็นญาติเห็นวงศ  ไมมองเห็นความผิดความถูก  จะมองเห็นแตไอหนุม  
จะเปนบากับไอหนุมอยางเดียวเทานั้น  ใหเหยียบเบรกหามลอเอาไวอยางแรง ไอหนุมมันเปนอะไร  ก็เปนคนเหมือนกัน จะหลงเขาอะไรจนเกินเหตุเกินผล  
ราวกับไอหนุมจะพาเหาะเหินเดินฟาไปอยางนั้น เราก็เปนคน ไอหนุมก็เปนคน  คนทั้งโลกเขาก็มีผัวมีเมียเหมือนกัน  
ทําไมเราจึงวิ่งเตนเผนกระโดดเอาเกินโลกเกินสงสารเขานัก  ไมใชใจเรานี้มันเปนผีแลวเหรอ  ใหทักใหกระตุกเจาของอยางนี้ ใหสอนเจาของอยางนี้ 
นี่คือวิธีเหยียบเบรก วิธีเหยียบเบรกใหเหยียบอยางนี้  หามมันใหอยูไมงั้นเสียคนไดอยางนาอับอาย 

        ถึงกาลเวลามันคอยเปนไป  โลกอันนี้มีไมไดขาดแหละเรื่องครอบครัวเหยาเรือนราคะตัณหา มันมีมาตั้งแตตั้งแผนดิน มีมาตั้งแตตั้งสมมุติ  
ผูหญิงผูชายนี้แยกจากกันไมออก  ยังไงมันก็ไมดับ ไมสูญพันธุ  มัน มีของมันอยูอยางนี้ แตใหอยูในความพอดิบพอดีเหมือนอยางที่เคยอุปมาใหฟง 
เหมือนไฟ สมมุติวาไฟแช็กหรือไมขีดไฟก็ตามใสในกระเปาเรานี้ไปก็ได  เรารักษามันจะเปนอะไรไป  ไฟ เรานั่นแหละใสในกระเปาไปไดเลย ถาเราไมรักษา 
ไฟอยูในกระเปานั่นแหละมันจะไหมหัวเรา ไหมบานไหมเรือนก็คือไฟ อันนี้ก็เหมือนกันไฟราคะตัณหา  เวลามันกําเริบมากๆ มันไหมไปไดหมดนะ  
ไมวาไมเปนไมตายไหมไปหมด  ฉะนั้นจึงตองรักษากันใหอยูในความพอดีที่โลกนิยมและยอมรับกัน 

            ทุกวันนี้โลกกําลังกําเริบนะ  เขาวาปญญาชนๆ มันอยูกับใครเวลานี้ปญญาชน  มันชนดะนั่นนะมันสําคัญ  เดี๋ยวนี้มีแตชนดะ ๆ 
หาเหตุหาผลหาหลักหาเกณฑใหเปนที่รมเย็น  ใหเปนที่เกาะที่ยึดของประชาชนทั้งหลายไมได  มันชนดะๆ  เรียนมาความรูมากเทาไรยิ่งมาเสริมไฟ 
ยิ่งมาเสริมคนใหมีความทุจริตผิดมนุษยมากขึ้นๆ ยิ่งนักกฎหมายถาไมมีอรรถมีธรรมแลว  นักกฎหมายนี่เปนนักเลหเหลี่ยมนักแงงอนที่สุดเลย 
ไมมีใครเกินนักกฎหมายนะ  คว่ํากินหงายกินไดตะพึดตะพือถาไมมีธรรมเสียอยางเดียว 

            ถามีธรรม ไมมีใครที่จะใหความรมเย็นไดยิ่งกวาทานเหลานี้ ใหความเปนธรรมทุกอยาง  วินิจฉัยใครครวญขอคดีตางๆ นี้ 
วินิจฉัยไปดวยเหตุดวยผล  ตัดสินกันดวยความถูกตองดีงาม  เปนที่พึ่งที่เกาะที่ยึดของคนไดทั่วๆ ไป  ถาไมมีธรรมเสียอยางเดียวแลว  โห  
คว่ําก็กินหงายก็กิน  อะไรกินหมด กินทั้งปากทั้งหาง  กลืนทั้งปากกลืนทั้งหางคือพวกนี้เอง นี่ละคําวาปญญาชน  
ถาไมมีธรรมเขาไปแทรกเสียอยางเดียวแลว  ปญญาชนนี้คือตัวชนดะ  จําใหดีนะ 
เราจะเปนชนไหนใหพากันนําธรรมะนี้ไปพิจารณาและปฏิบัติตอตัวเองดวยความเปนธรรม  เราและโลกจะเจริญรุงเรืองทั่วหนากัน 

เอาละพอ 

 

เทศนอบรมคณะนักเรียนโรงเรียนประจักษศิลปาคาร อุดรธานี
เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๒
พอแมเปนบอแหงชีวิต
นีก่ ล็ กู หลานมาฟงการอบรมพากันจําไดดนี ะ การอบรมนี้เปนความชอบธรรม
เปนความเหมาะสม ทุกสิ่งทุกอยางตองไดรับการดัดการแปลง หากคนก็ตอ งไดรบั การอ
บรมไดรบั การแนะนําสัง่ สอน ตองมีครูมีอาจารย ไมใชทาํ ไปแบบสุม สีส่ มุ หาตามความ
อยากความทะเยอทะยานของเรา ซึ่งมีแตสิ่งที่เสียอยูภายในจิตใจเปนสวนมาก ถาเราจะ
ปลอยใหเปนไปตามความอยาก ออกมาชองไหนมีแตอยาก อยากเปนทางผิดๆ ทางถูก
ไมคอยมี เมื่อไดรับการอบรมแลวก็ไดดัดไดแปลงไดเลือกไดเฟนกัน วาความอยาก
ชนิดไหนเปนความเสียหายมากนอยเพียงไร หรือเปนความถูกตองทีค่ วรจะปฏิบตั ติ าม
เราก็ปฏิบัติตามนั้น นี่เรียกวาเราเลือกเราเฟน
ในหลักธรรมทานวา นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ใหพจิ ารณาใครครวญกอนในกิจการ
ทุกอยาง ทานไมเวนฟงซิ ใหใชความพินจิ พิจารณาใหเรียบรอยกอนในกิจการทุกอยาง
ไมใหทําแบบพรวดพราด ถาแบบพรวดพราดแลวเคยชินตอนิสยั จะกลายเปนคนนิสยั
พรวดพราด นิสัยสะเพรา นิสัยมักงายอันเปนเรื่องเสียทั้งนั้น เพราะไมไดใชความพินิจ
พิจารณาก็ไมมีหลักเกณฑ การพินิจพิจารณาแลวทําลงไป อันนั้นนอกจากเปนประโยชน
ในเวลาทีท่ าํ แลว ยังมาเปนหลักเกณฑตอ เราอีก และเปนนิสัยอันดีงามของเราไมพรวด
พราด ทําอะไรทําดวยความพินิจพิจารณาแลวก็ดีไมคอยมีเสีย
เรียนก็เหมือนกันเรียนหนังสือตั้งหนาตั้งตาเรียน ไมเพียงสักแตวาเรียนแตวา
ทองบนสังวัธยายหรือจําไปไดเฉยๆ ไมไดพจิ ารณาถึงความหมายของหลักวิชานัน้ วามี
ความหมายลึกตืน้ หยาบละเอียดแคไหน เราตองใชความพินิจพิจารณาอีกทีหนึ่ง จะเปน
ความละเอียดถีถ่ ว นดี เพราะฉะนั้น ความรูข องคนแมแตเรียนวิชาในแขนงเดียวกัน
ความลึกตืน้ หยาบละเอียดแหงความรูข องผูท เ่ี รียนในวิชาเดียวกันนัน้ ยังตางกันอยูม าก
เพราะคนหนึ่งใชความพินิจพิจารณา คนหนึ่งสุกเอาเผากินไมไดเรื่อง ไดแตจําไปตามที่
เรียนมาเฉยๆ เวลาถามความหมายมักไมรเู รือ่ ง ผูท ใ่ี ชความพินจิ พิจารณา หลักวิชาวา
ยังไงที่เราเรียนมา แลวพิจารณาตามหลักวิชา ซึง่ มีความหมายทุกๆ อยางในวิชาแตละ
แขนงๆ เราใชความพินิจพิจารณาไปตาม จะไดความละเอียดเขาไปโดยลําดับ ผูนั้นละผู
ที่มีความรูกวางขวางและทําประโยชนไดดี ก็คอื ผูท ใ่ี ชความพินจิ พิจารณาตามหลักวิชา
นัน่ แล

หลวงตาสอนเด็ก ๘

ทีนี้เวลาจะมาปฏิบัติตอตนเองก็เหมือนกัน ตองใชความพินิจพิจารณา ไมใชสุมสี่


สุม หา อยากทําก็ทําอยากไปก็ไป อยากมาก็มา อยากอยูก็อยู อยากเที่ยวก็เที่ยว อยากเลนก็
เลน การคบคาสมาคมไมคํานึงคํานวณถึงวาเปนคนดีคนชั่ว เปนหญิงเปนชาย เปนประเภท
ใดคนประเภทใด เพราะคําวาคนเปนคํากลางๆ แตแยกออกไปในความไดความเสียของคน
ความดีความชั่วของคนมีมาก จึงตองไดใชความพินิจพิจารณา ถาไมใชแลวเสีย
เราคิดดูซิตั้งแตอาหารอยูในสํารับของเรานะ แลวยนเขามาในถวยเดียวนัน่
แหละ จานนัน้ ถวยนัน้ แหละทีว่ า อาหารๆ นะมันยังมีกระดูกยังมีกาง นัน้ ไมใชอาหารนะ
นัน่ นะ เราตองไดเลือกเฟนเอาออก กระดูก กางเอาออก เราจะรับประทานไดเฉพาะ
อาหารทีเ่ ปนคุณแกรา งกาย กระดูกไมไดเปนคุณแตเปนโทษตอรางกาย กางก็เหมือน
กัน เพียงในถวยเดียวเทานี้ มันยังมีสิ่งที่จะตองเลือกของมันอยูในนั้น
อันนีก้ ารงานของเรามีมากขนาดไหน แลวเราคบคน อยากจะวาคบกันทัง้ โลกจะ
วาไง ประสับประสานกันทัว่ ไปหมด แลวมันมีคนดีคนชั่วแฝงกันไปๆ จึงตองไดใชความ
พินจิ พิจารณาไมอยางนัน้ เสียคนได การคบคนไมเลือกคนก็เสียคน การดําเนินกิจการ
หรือกิรยิ าความเคลือ่ นไหวทุกดาน ไมใชความพินจิ พิจารณาก็จะทําใหเสียได เพราะ
กิรยิ านีม้ นั เปนการแสดงออก แสดงออกเพือ่ การทํา ไมทําดีก็ตองทําชั่ว สวนมากมักจะ
ทําชัว่ ถาไมไดใชความพิจารณาเสียกอน มักจะทําชั่วเสียมากตอมาก
นีล่ กู หลานทัง้ หลายก็กาํ ลังอยูใ นวัยทีศ่ กึ ษาเลาเรียน เพื่อความเจริญ แตในขณะ
เดียวกันถาเราไมรอบคอบ เพื่อความเสื่อมมันก็มีไปในนั้นเสร็จ ความรูนี้มันมีไปไดสอง
ทาง เอาไปทางดีก็ได เอาไปในทางเสียก็ได แลวแตผเู ปนเจาของจะนําไปใช ใหตั้งหนา
ตั้งตาศึกษาเลาเรียนประพฤติหนาที่การงานของตน
ทุกคนอยาลืมนะวาพอแมเปนบอแหงชีวติ เปนบอแหงบุญแหงคุณของเราทุก
คน ไมมีใครที่เกิดขึ้นมาโดยไมมีพอมีแม แลวก็ใหญโตขึ้นมาเปนเอกในเราคนเดียวนี้
ไมมี ตองเกิดขึ้นมาจากพอจากแมอุปถัมภบํารุง ตัง้ แตอยูใ นทองก็ตอ งบํารุงแลว ยา
บํารุงครรภ แนะเห็นไหม อาหารชนิดใดทีจ่ ะแสลงแกลกู อยูใ นทอง แมถงึ จะอยากแสน
อยากหิวแสนหิวก็ไมกลาแตะ เพราะอยางนอยกลัวจะกระทบกระเทือนตอลูกอยูใ นทอง
มากกวานัน้ เดีย๋ วลูกตาย ดีไมดีแมตายไปดวยถาเปนของแสลง กินมากหรือหนักมาก
กวานัน้ เขาไป นีล่ ะความรักลูก รักมากขนาดไหน แมอยากแสนอยากไมคาํ นึง คํานึงถึง
ลูกมากกวาตัวเอง มีมากมีนอ ยเสาะแสวงหามาได
คนเรายอมมีฐานะตางกัน เปนคนรวยมี คนจนมี ทุกขจนจริงๆ มี แตสําคัญที่
ลูกมีดว ยกันทุกคน คําวาลูกนีส่ าํ คัญ ความรักลูกนี้ไมไดวาคนมีคนจนนะ ไมมีใครบก
พรองเลย รักลูกเต็มหัวใจดวยกันหมด คนจนก็รกั ลูกเต็มหัวใจ คนมีกร็ กั ลูกเต็มหัวใจ
เมื่อเปนเชนนั้นการเสาะแสวงหามาเพื่อลูกนี้ตองสุดเหวี่ยงละ ยิ่งคนจนเทาไรแลวพอแม
หลวงตาสอนเด็ก ๙
๑๐

ไดกนิ อะไรก็กนิ ขอแตลูกไดกินไดใชไดสอยใหอิ่มพอแลว เปนที่พอใจของพอของแม จะ


อดอยากขาดแคลนบางไมเปนไรพอแม กินเกลือก็ไดกนิ น้าํ ปลาก็ไดถา มีนาํ้ ปลานะ มัน
จนจริงๆ น้าํ ปลาจะกินก็ไมมี แมเกลือก็ยังจะไมมี เอา กินขาวเปลาๆ ก็กนิ ขอใหลูกได
กิน นั่นเปนยังไง
นีล่ ะความรักของพอแมเปนความรักทีบ่ ริสทุ ธิ์ เปนความรักที่หาไดยาก เราไป
หาที่ไหนไมเจอเลย จะมีเฉพาะพอแมกบั ลูกเทานัน้ ความรักอันนีค้ วามสงสารอันนี้ ทุก
สิ่งทุกอยางไดรับการสงเคราะหมาตั้งแตตน ตัง้ แตอยูใ นทอง ตกคลอดออกมาอาหาร
การกินทุกสิง่ ทุกอยาง เครือ่ งใชไมสอยเครือ่ งนุง หมมาจากไหน ไมมาจากพอจากแมจะ
มาจากไหน คนจนคนมีก็ตามจะตองไดเสาะแสวงหามาแทบเปนแทบตายดวยกันทั้งนั้น
นีค่ ณ
ุ ของพอของแมใหถอื เปนพืน้ ไวเลยนะ ใหฝง จิตใจอยางลึกลับ เวลาพอแม
วาอะไรก็อยาถกอยางเถียงอยาโตอยาอวดรูอ วดฉลาด วาตนนีไ้ ดเรียนรูค วามรูว ชิ าใน
ชัน้ นัน้ ชัน้ นี้ พอแมไมไดเรียนอะไร จะเรียนอะไรพอแมเลีย้ งลูกมาจนเกือบตายจะให
เรียนอะไรอีก เขาใจหรือเปลาละ ทัง้ ใหไปเรียนอีกทัง้ เลีย้ งลูกอีกมันตายละพอแมคน นี่
เราโตขึ้นมาเราไปเรียนหนังสือ แลวเอาความรูน ไ้ี ปอวดพอแม คนนัน้ เปนคนโงคนพาล
สันดานหยาบ ไมดี คนอกตัญู คนนั้นไปทําอะไรไมเจริญนะ ดีไมดีลูกเกิดขึ้นมาก็มา
เปนภัยตอพอแมมาเปนขาศึกตอพอแม เพราะพอแมคอื ใคร ก็คือเรา เราไมรูจักบุญจัก
คุณของพอแมฉนั ใด ลูกก็จะไมรจู กั บุญจักคุณของเราฉันนัน้
เพราะคําวาบาปวาบุญนีเ้ ปนของติดแนบอยูก บั ตัวของบุคคลของสัตว ใครจะ
ปฏิเสธไมได เมือ่ กิรยิ าแหงการทําดีทาํ ชัว่ มีอยู ผลดีผลชัว่ จะตองติดแนบกันอยูอ ยางนัน้
เพราะฉะนั้นใหเราระมัดระวัง ใหยกพอแมเทิดทูนไวที่สุดเลย ยิ่งพอแมคนไหนเปนคน
จนนัน้ ยิ่งจะควรเทิดทูนมากที่สุด ผูนี้ละเปนผูตะเกียกตะกายเพื่อลูกๆ มากทีส่ ดุ ทานผู
มีความมั่งความมีทานก็มีเรื่องความเมตตาสงสาร แตมีผูชวยใหเบาแรงลงไปเยอะ เชน
คนใชกม็ ใี นบานเยอะ เงินทองขาวของอะไรๆ ก็มีเยอะ ก็ไมคอยไดหนักใจเทาไร แต
สําหรับพอแมที่เปนคนจนนี้ เอะอะอะไรก็มีตั้งแตเจาของวิ่งๆ ทัง้ จะหาใสปากใสทอ ง
เจาของ ทั้งจะหาใสปากใสทองลูก บางทีมลี กู หลายคนไมทราบจะหาใสปากไหนบาง
ปากไหนก็มแี ตปากจะกินปากจะกลืน นีล่ ะฟงเอานะ
เพราะฉะนั้น พืน้ ฐานทีเ่ ปนหลักใจของเราจริงๆ อะไรก็ตามเถอะ อยาไดลมื คุณ
ของพอของแม อันนี้เปนหลักเกณฑที่ใหญโตมาก ใครประมาทพอแมแลวคนนั้นไม
เจริญเลย ไปไหนก็ไปเถอะ มันหากเปนอยูใ นนัน้ แหละ เพราะพอแมนี้เปนเรื่องที่หนัก
มาก ถาวาบุญก็บญ ุ มากกุศลมาก ปฏิบตั ถิ กู ตอพอแมแลวทานวาไดบญ ุ มาก ทักขิเณยย
บุคคลของบุตรคือพอกับแม เทียบกับพระอรหันตองคหนึง่ ไมใชเลนๆ นะ ถาทําผิดก็
เปนพิษอยางรายแรง
หลวงตาสอนเด็ก ๑๐
๑๑

ทานจึงสอนไวกรรมหนัก ๕ ประการฟงนะลูกหลาน แลวก็ไมพน พอกับแมนะ


คําวากรรมหนักนี้ ๕ ประการฆาบิดา ๑ ฆามารดา ๑ ฆาพระอรหันต ๑ ทําลายพระพุทธ
เจาแมจะไมตายก็ตาม ใหไดรับความทุกขความทรมาน ก็ไมควรอยางยิง่ นี้ ๑ สังฆเภท
คือ ทําลายสงฆ ยุแหยสงฆ ที่มีความสามัคคีกันดีอยูแลว ใหแตกแยกกันเปนคนละฝกละ
ฝาย เหมือนกับหมอดีๆ เอามาทุบใหมันแตกกระจัดกระจายไป ๑
กรรม ๕ อยางนี้ ผูใดก็ตามถายังมีสติพอระลึกไดอยู หามไมใหทาํ เปนอันขาด
เพราะเปนกรรมที่หนักมากที่สุดเลย จมลงในนรกหลุมนี้เปนอันดับหนึ่งของนรก ที่ให
ความทุกขความรอนทีส่ ดุ และใหอายุยนื นาน ตองเสวยกรรมไปอีกนานทีส่ ดุ ก็คอื นรก
หลุมนีเ้ ปนหลุมที่ ๑ เลย เปนอันดับ ๑ ทานจึงหามในกรรม ๕ ประเภทนีจ้ ะลงจุดนีแ้ นๆ
ไมไปทีอ่ น่ื สมกับศาสดาของเราเปนศาสดาเอก เอกนีค้ อื วามีอนั เดียวไมมคี แู ขง คําพูด
ของพระพุทธเจาทุกคํา ๆ กลัน่ กรองพินจิ พิจารณารู . ร . อบขอบชิดหมดแลวจึงนํามาสอน
โลก จึงไมผิด ทานใหนามวา สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ทานตรัสไวชอบแลวๆ ใหเรา
พยายามปฏิบตั ติ ามนัน้
นี่พื้นฐานของเราที่เกิดมาจากพอแม บุญคุณอยาลืมกับพอกับแม จากนัน้ ก็ให
สนองคุณของพอของแมที่เลี้ยงลูกมา เพือ่ จะใหเติบโต เพื่อจะใหมีหนาที่การงาน เพื่อที่
จะใหพง่ึ พาอาศัยได ใหเราทําตัวของเราใหเปนที่พึ่งพาอาศัยของตัวไดดวย ใหเปนทีพ่ ง่ึ
พาอาศัยของพอแมญาติวงศทั้งหลายไดดวย แลวอยาไปทําความชัว่ ชาลามกหมกไหม
เปนของไมดีเลย ความชั่วนี้ติดที่ตรงไหน ไมดีทั้งนั้น ก็เหมือนกับของสกปรกพอติด
ตรงไหนนิดจะตองรีบลาง ไมลางไมไดสกปรกไปหมดเหม็นคลุงไปหมด ดูไมไดเลย
อันนีค้ วามชัว่ มันติดคนก็เหมือนกัน ไมวาติดหญิงติดชายไมนาดูทั้งนั้น เปนคน
สกปรก หญิงสกปรกชายสกปรกไมนาดูดวยกันทั้งสองฝาย ใหพากันระมัดระวัง ความ
สกปรกเกิดจากความประพฤติของเรา หลักใหญก็เกิดมาจากใจของเรา ถาใจของเราไม
มีอรรถมีธรรมเปนเบรกหามลอ ปลอยใหเปนไปตามความอยากความทะเยอทะยาน
แลว คนนั้นจะเสียงายที่สุด ถาเปนรถก็ลงคลองเร็วทีส่ ดุ เลย เหยียบแตคนั เรงอยาง
เดียวไมไดเหยียบเบรก ก็ลงคลองตูมเลย นี่คนก็มีแตทะเยอทะยานเหยียบแตคันเรง
เพื่อความทะเยอทะยาน อยากไดอะไรก็เปนไปตามความอยาก ดิน้ ไปตามความอยาก
สุดทายก็ลงคลอง นั่น คนนั้นคนเสียหาคุณคาไมไดเลย จึงตองใหพากันระมัดระวัง
รักษา เวลานีเ้ รายังดีอยูท กุ คนๆ ใหตั้งหนาตั้งตาประพฤติปฏิบัติตัวใหดี ไมมีอะไรดียิ่ง
กวามนุษยดี สมบัติเงินทองอะไรจะดีจะมากจะนอย สูค นดีมากไมไดนะ คนดีมจี าํ นวน
มากเทาไรนั้นละจะทําโลกใหเจริญรุงเรืองมากเทานั้น ถาคนชัว่ มีมากนอยเทาไร คือการ
ทําลายสวนรวมใหฉบิ หายลงไปเพียงนัน้ ละ ใหพากันจําเอาลูกหลานทุกคน วันนี้พูดแค
นีก้ อ นพอเขาใจ ฝายผูช ายก็ดฝี า ยหญิงก็ดี เทศนนี้เทศนใหคนฟง ผูช ายก็เปนคน ผู
หลวงตาสอนเด็ก ๑๑
๑๒

หญิงก็เปนคน ใหตางคนตางฟง ทําชัว่ ไดดว ยกันทําดีไดดว ยกัน ใหพากันไปปฏิบัติเอา


นะ
เอาละพอ

www.Luangta.or.th หรือ www.luangta.com

หลวงตาสอนเด็ก ๑๒
๑๓

เทศนอบรมคณะนักเรียนโรงเรียนประจักษศิลปาคาร อุดรธานี
เมือ่ วันที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๒
นักเรียน นักลิง
ลูกศิษยลกู หาหลานเหลนใหพากันสรางตัวนะ สรางอะไรก็สรางแตการสรางตัว
นัน่ เปนของสําคัญมาก สรางกายวาจาใจ สรางความประพฤติของตน โดยเอาศีลธรรม
เปนแนวทางเปนแบบเปนฉบับเปนแมพมิ พ แลวดําเนินตามแมพิมพที่ถูกตองดีงามนั้น
ตามแบบตามฉบับทีถ่ กู ตองดีงามนัน้ ใหกายวาจาใจของเราหมุนเขาสูค วามดีงาม ความ
ดีงามทานเรียกวาศีลธรรม ศีลธรรมคือความถูกตองดีงาม เปนแบบเปนฉบับของโลก
มานานแสนนานแลว
โลกถามีศีลธรรมแลวจะเปนโลกมีความสงบรมเย็น ไมวาเด็กไมวาผูใหญจะนาดู
นาชมไปดวยกัน ผูใ หญกน็ า กราบไหวบชู า เด็กก็นา เมตตาสงสาร ถามีศลี ธรรมตางคน
ตางมีศีลธรรม ถาปราศจากศีลธรรมเสียเทานั้น ไมมีใครที่จะเลวรายยิ่งกวามนุษยเรา
เพราะมนุษยเรานี้เปนสัตวฉลาด คิดไดทําไดในสิ่งที่สัตวทั่วๆ ไปคิดไมไดทําไมได แต
ทําตัวใหเหลวแหลกแหวกแนวยิง่ กวาสัตวทง้ั หลายนัน้ จึงไมนาดูและดูไมไดเลย
นี่เราเปนเด็กจะเริ่มเปนผูใหญ เรานี้แหละตอไปจะเปนผูรักษาชาติบานเมือง
กอนอื่นเราตองรักษาตัวของเราใหดีตั้งแตบัดนี้เปนตนไป การเรียนนีเ่ รียนเพือ่ รักษาตัว
การอาชีพทุกอยางก็เพื่อตัวของเรา ความประพฤติใหถกู ตองดีงาม ก็เพื่อการรักษาตัว
ของเรา ตัวของเราแตละคน ๆ นี้มีความเกี่ยวโยงกันทั่วประเทศชาติบานเมืองของเรา
เพราะฉะนั้น จงพากันประพฤติปฏิบัติตัวใหเปนหลักเปนเกณฑตอตัวของเรา จะเปนที่
แนใจอบอุนและมั่นคงในตัวของเรา เชื่อตัวของเราได
ถาความประพฤติของเราไมดี เฉพาะอยางยิ่งจิตใจที่ไมไดรับการอบรมเลยนั้น
เปนจิตใจที่เต็มไปดวยยาพิษ แสดงอาการอะไรมีแตออกทางเปนพิษเปนภัยแกตวั ของ
เรา ถาวาอยาก อยากอะไร สวนมากใจเรามักจะอยากในสิง่ พาใหเสียหาย อยากดูอยาก
เห็นอยากไดยนิ ไดฟง ทุกอยางสวนมากมีแตความเสียหาย ถามีธรรมแลวก็มีเครื่อง
กลัน่ กรอง ความอยากนีค้ วรหรือไมควร ดีหรือไมดี ถาไมดใี หคดั เลือกแลวก็ไมทาํ ตาม
ความอยากนัน้ เชน อยากทําในสิง่ ตางๆ อยากไปอยากเทีย่ ว อยากเตร็ดเตรเรรอน
อยากคบคาสมาคมกับเพือ่ นทัง้ หญิงทัง้ ชายไมมกี าํ หนดกฎเกณฑ ไมหกั หามตัวเอง นัน้
เปนคนที่เริ่มทําลายตัวเอง ทําใหใจแตก
ถาใจแตกแลว เราดูซิหมอแตกเปนยังไง หมอดีๆ เอามาใชได แลวหมอแตก
เอามาใชไดไหม ใชไมได เพียงราวเทานั้นก็เสียคุณภาพของมันไปมากมายแลว ยิ่งแตก

หลวงตาสอนเด็ก ๑๓
๑๔

หมดทั้งลูกเลยแลว หมอทัง้ ลูกนัน้ หมดความหมาย นีค่ นเราก็เหมือนกัน ใจรั่วรีบซอม


แซม ใจรั่วคือความประพฤติของเราไมดีจากใจของเรา ถายิง่ ใจแตกดวยแลวแหวกแนว
เลย คนคนนัน้ หาคุณคาไมได หมดทั้งคนหาคุณคาในตัวไมมีเลย นัน้ แลเรียกวาคนใจ
แตก เหมือนกับหมอแตก พากันจําเอานะ อยาทําตัวเปนคนหมอแตกหมอราว ใหทาํ
ตัวเปนคนหมอดี เอาไปใชอะไรๆ ดีทั้งนั้น ใหตั้งใจปฏิบัติ
คําวาศีลธรรมคือความถูกตองดีงาม เราเปนเด็กก็ใหประพฤติตัวอยูในกรอบของ
เด็ก อยูในโอวาทของครูของอาจารยของพอของแม เราไปศึกษาเพื่อหาคุณงามความดีหา
วิชาความรูในโรงร่ําโรงเรียน มาวัดมาวาก็เพื่อมาหาศีลธรรม ศีลธรรมคือความถูกตองดี
งาม เรากาวเขามาในวัดเราก็ไดเห็นแลว สิ่งที่เราจะยึดเปนคติตัวอยางอันดีไดมีอยูแลว
พอกาวเขามาในวัดนีเ้ ปนยังไง ดูเอา
ถาวัดของพระทีม่ คี วามดีงามอยูภ ายในจิตใจแลว จะระบายออกมาทางกิริยา
มารยาท และระบายออกมาใหเห็นทางตาของเรา ดูอะไรก็นา ดูนา ชม เอา ดูลานวัด ดูสถาน
ที่ ดูทุกสิ่งทุกอยาง ดูกิริยาของพระของเณรที่ประพฤติปฏิบัติตัวเปนยังไง ถาดูแลวงาม
ตาๆ เขาไป นัน่ ละธรรมอยูใ นความงามตางามหู พูดออกมาก็มีเหตุมีผล ไพเราะเพราะ
พริ้งดวยเหตุดวยผล จับใจสําหรับผูฟง ฟงแลวซึมซาบเขาไปภายในจิตใจฝงไวไมลืม นี่
คือความดี ตาเห็นเปนยังไง เชนอะไรๆ ที่เห็นๆ อยูเ หลานีเ้ ราดูซเี ปนยังไง มีระเบียบเรียบ
รอยไหม มีความสวยงามไหม อันใดทีม่ คี วามสวยงาม นัน่ เปนอรรถเปนธรรมแหละ ให
จําเอาไปเปนคติเครื่องสอนใจ
ฟงพูดออกมาก็นา ฟง นัน่ ก็เปนธรรมแลว กิรยิ ามารยาททีแ่ สดงออกก็ใหพอ
เหมาะพอดีทุกสิ่งทุกอยาง อยาใหเปนภัยแกตนดวยการประพฤติดวยคําพูดคําจา นีก่ ็
เรียกวาศีลธรรม เรามาดูครูบาอาจารยพระเณรเปนยังไง กิริยาของพระของเณรผูมุงตอ
อรรถตอธรรมอยางยิ่ง จะเปนกิริยาที่สวยงามนาดู ไมคกึ คะนอง เขาใจคําวาคึกคะนอง
กันไหม คําวาคึกคะนองก็เหมือนอยางสุนขั หนาเดือน ๙ เดือน ๑๑-๑๒ นัน่ แล เคย
เห็นไหมเขาคึกเขาคะนอง เมื่อเชานี้เราก็ไลสุนัข ๒ ตัวไปโนน เพราะมันไลกัดกัน
อึกทึก สุนัขถาเปนเวลาธรรมดาก็คอยยังชั่ว ถาเปนเวลามันคะนองเปนอยางนัน้ ละเห็น
ไหม ไมรูจักดีจักชั่ว กัดกันดะไปเลย
คนเราถาปลอยใหตัวเองคะนองก็เหมือนกัน ไมรูจักผูใหญผูนอย ไมรูจักศีล
จักธรรม ไมรูจักพอจักแม ไมรูจักครูจักอาจารย ขามหัวไปเลย ไมฟง พูดงายๆ
คําวาขามหัวไปเลยคือไมฟง อยากทําตามเฉพาะความอยากของเจาของนั่นแหละ ที
นี้ความอยากมันก็กัดเจาของเขาไปซิ เหมือนหมากัดกันหนาเดือน ๙ เดือน ๑๐ เห็น
ไหม มันกัดกัน เมื่อเชานี้ก็ไลกัดกันมา เราควาไดไมไลแตกกระเจิงกลับไปบานโนน

หลวงตาสอนเด็ก ๑๔
๑๕

สุนัขหนาเดือน ๙ เปนอยางนั้น คือมันคึกมันคะนอง ราคะตัณหามันกําเริบ ถาลง


ราคะตัณหาไดกําเริบแลวคนเราก็เสียคนนะ ใหระมัดระวังใหดี คําวาราคะตัณหานี่
คือตัวเปนฟนเปนไฟเผาไหมในบานในเรือนในตัวของเรานัน่ แล แมที่สุดสามีกับภรรยา
ก็ทะเลาะกันเปนอยางนอย มากกวานัน้ แตกจากกันเพราะราคะตัณหามันกําเริบ ผัวก็
กําเริบเมียก็กําเริบ ถาผัวไมกาํ เริบเมียก็กาํ เริบ อยางหนึง่ กําเริบทัง้ สอง หาไมพอกินคือ
ราคะตัณหา หาเทาไรยิง่ หิวยิง่ โหยยิง่ อยากยิง่ ทะเยอทะยานยิง่ เปนบาสด ๆ รอน ๆ เขา
ไปคือตัณหา พากันจําเอานะ ใครอยามาเสริมมันนะตัณหา เสริมไมไดนะ ใหจาํ เอานะ
ลูกหลาน อยาไปเสริม ใหตหี วั มันไวๆ ตัณหามันอยูท ไ่ี หน มันอยูที่หัวเรา ตีหวั เราลง
ไปนะ หัวใจเรานั่นมันดื้อมันดาน ใหตีลงไปที่ตรงนั้น อยาใหมันดีดมันดิ้นใหทรงตัวอยู
พอประมาณ ไมอจุ าดบาดตาจนเกินไป
โลกอันนีม้ นั มีราคะตัณหาทัง้ นัน้ แหละ ไมวาผูหญิงผูชาย ไมวาสัตวเดรัจฉาน
มันมีดว ยกัน แตเราเปนมนุษยใหเปนผูมีสติปญญารักษาไฟอันนี้ไวใหดี อยาใหมนั ดีด
มันดิน้ ออกนอกลูน อกทางจะเปนความเสียหายแกตน เผาบานเผาเมืองเผาไปหมดก็คือ
ไฟราคะตัณหา หากินไมพอกินก็คอื อันนีเ้ อง ใหเทาไรยิ่งหิวยิ่งโหยยิ่งทะเยอทะยานคือ
ราคะตัณหานีเ้ อง เพราะฉะนั้น จึงอยาใหมันมีมากจนลนฝงแหงหัวใจแตละคนๆ
เชนอยางผูท ม่ี คี รอบครัวเหยาเรือนหรือเราอยูใ นกรอบเหมือนกัน ไมวาใครก็
ตาม เด็กก็ตอ งอยูใ นกรอบ ถึงเวลาควรคะนองก็คะนองบางเล็กๆ นอยๆ เปนธรรมดา
ถึงเวลาสงบตองสงบ ตองรักษามันไวเสมอ ไมรักษาไมไดนะ มันไหมไดทั้งหญิงทั้ง
ชายนัน่ แหละ ราคะตัณหามีทั้งหญิงทั้งชาย เพราะฉะนั้น มันถึงทําคนใหเสียไดทั้งนั้น
เราตองระมัดระวัง เราเปนเจาของของมันนําธรรมะไปใช อยากเทาไรก็ตามอยาไป
เสริมมัน เมื่อไมถึงกาลอันควรจะเสริมไมเสริม ไมถงึ กาลควรจะใหไมให นั่นจึงเรียก
วาสัตวมเี จาของ ใจมีเจาของคือธรรมะครอบครองใจ
กิเลสตัณหามันมีเจาของ เราเปนใหญกวามัน คือธรรมเปนเครื่องปกครองมัน
ไมควรไปไมใหไป ไมควรทําไมใหทํา ถึงเวลาทําคอยทํา ไมถึงเวลาไมทํา ถึงเวลาขาย
คอยขาย ไมถงึ เวลาอยาขาย อยาขายกอนซือ้ อยาสุกกอนหาม เปนคนที่เนาเฟะ บทถึง
เวลาที่ควรจะขายแลวขายไมออก เนาเฟะกอนแลว นีม่ นั เสีย เราอยาทําตัวเปนคนเนา
เฟะนะ ใหตั้งหนาตั้งตาปฏิบัติ
เวลานีก้ าํ ลังอยูใ นวัยเรียนหนังสือ อยาไปสนใจกับสิง่ ใดมากยิง่ กวาเรียน เรียน
นีค่ อื โครงการของเราอันแนวแนอยูแ ลว พอแมก็ทราบวาเราเปนนักเรียน สงลูกมา
เรียนหนังสือ ไมใชสงลูกมาใหเปนลิงเปนคางบางชะนี อยูตามโรงร่ําโรงเรียนซึ่งมักมี
เยอะนะ โรงเรียนก็มีโรงลิงก็มี มันเยอะ เพราะฉะนั้น เราจึงตองใหระมัดระวังในเรื่อง

หลวงตาสอนเด็ก ๑๕
๑๖

เหลานี้ อยาใหมนั มาถูกตัวของเรานะ ถาเริม่ ปลอยใจตัง้ แตบดั นีแ้ ลวจะเสียคน ให


ระมัดระวังใหมาก เสียอะไรก็ตามสูเสียคนไมได เสียคนนีเ่ สียอยางรายแรง เสียอยาง
มากมายทีส่ ดุ เจาของเองก็เปนฟนเปนไฟ ในบานในเรือนเปนไฟไปหมด ถาบานใดมี
เด็กไมดหี รือมีคนไมดอี ยูใ นบานนัน้ บานนัน้ จะรอนกันทัง้ บานนัน่ แหละ อยาเขาใจวา
จะเย็น เพราะฉะนั้น ตางคนจึงตางรักษาความรมเย็นดวยความประพฤติปฏิบัติตัวใหดี
ใหอยูใ นกรอบของพอของแม เวลาพอแมแนะนําสั่งสอนก็ใหเชื่อฟงนะ อยาดื้ออยา
ดาน อยาเขาใจวาตัวนี้เรียนหนังสือทันสมัยล้ําสมัยไปแลว ล้าํ สมัยจนลงคลองก็มนี ะ ให
พากันจําเอา
พอแมเลี้ยงเรามาตั้งแตวันเกิด ทานไมฉลาดทานจะเลี้ยงเราใหญโตไดยังไง ก็
ใหถอื เอาตรงนัน้ ซิเปนหลักสําคัญ ทุกคนนี้โตขึ้นมาจากพอจากแม พอแมไมเลี้ยงจะ
เอาอะไรมากินเอาอะไรมาอยูม าหลับมานอนจนกระทัง่ มีชวี ติ มาขนาดนี้ พอแมไมฉลาด
เลี้ยงเราโตไดยังไง นั่นแสดงวาพอแมฉลาดเต็มภูมิของพอแมแลว จึงเลีย้ งลูกเตาหลาน
เหลนมาแตละคนๆ นี้โตขึ้นมาเปนผูเปนคนได นีล่ ะความฉลาดของพอของแม
เวลาเรามาเรียนหนังสือนีก้ เ็ ปนพอแมสง เสริมอยากใหเรียน อยูเ ฉยๆ มันโงเงา
เตาตุนหากินไมทันเขา เวลาปวดถายวิง่ ไปนี้ พวกที่เขาตื่นแตเชาเขาไปถายใสหนทางก็
ไดไมมีใครเห็นเขา ไอเราจะไปถายใสหนทางไมไดเพราะตื่นสายๆ เขาก็เอาคอนฟาด
กนเอาซี ตองไปหาถายลึกๆ เขาไปโนน นัน่ ละตืน่ เชาถายใกลทางก็ได ถาตืน่ สายถาย
ใกลทางไมไดนะ หากินก็ไมทันเขา นัน่ ละคนโงคนขีเ้ กียจขีค้ รานหากินก็ไมทนั เขา อยา
วาแตหากิน หาถายก็ไมทนั เขา ถายใสทางไมไดเพราะนอนตื่นสาย จําเอานะลูกหลาน
เวลามาเรียนหนังสือใหตง้ั หนาตัง้ ตาเรียนนะ ทองบนสังวัธยายใหจดใหจาํ ได ครู
มอบภาระอันใดวิชาอันใดหลักเกณฑอนั ใด ใหเอามาทองบนสังวัธยาย หลักสูตรบาง
อยางมันตองไดทอง ฟงแตวา หลักสูตรเถอะ ถาเปนหลักสูตรตองไดทอ งเปนเครือ่ ง
ประกอบ เพราะหลักสูตรเปนของสําคัญ ยิ่งเปนวิชาทางธรรมแลวยิ่งเปนของละเอียด
มากยิง่ กวาทางโลกเปนไหนๆ เพราะมันตองวิจยั กันออกจน..…นีก่ เ็ อามาตีความหมาย
กันไดแลวก็ใหตั้งใจศึกษาเลาเรียน
การจับการจายการใชการสอยอยาฟุม เฟอย อยาฟุงเฟอเหอเหิม ใหฝก หัดเจา
ของใหมีความประหยัด ประหยัดไวตั้งแตบัดนี้แหละดี ถาพากันสุรยุ สุรา ยเกินไป ตัง้
แตบดั นีแ้ ลว โตกวานี้ไปใชไมไดเลย เอาไวไมอยู หญิงเอาไวไมอยู ชายเอาไวไมอยู ลูก
เตาผูหญิงผูชาย เมือ่ เอาไวไมอยูแ ลวก็หมด พอแมอกแตกตาย เลีย้ งมาแทบเปนแทบ
ตายแทนที่จะเปนผูเปนคน มันยิ่งกวาเปรตกวาผีไปแลวทํายังไง ยิง่ กวายักษ นัน่ มัน
เสียหัวใจของพอแม หัวใจขาดสะบัน้ ไปเลย เลีย้ งลูกทัง้ คนมาวาจะใหดี เอามาเรียน

หลวงตาสอนเด็ก ๑๖
๑๗

หนังสือกลับเปนนักลิงไป ไมไดเปนนักเรียนแหละ มันเสียหัวใจพอแม อกจะแตกละ


วิง่ เตนขวนขวายอยากใหลกู ไดอยูไ ดกนิ ไดศกึ ษาเลาเรียนเต็มเม็ดเต็มหนวย อะไรไมมี
วิง่ เตนขวนขวายหามา บางทีติดหนี้ติดสินเขาก็มีกลัวลูกจะไมไดร่ําเรียนหนังสือ แลว
ติดหนีส้ นิ เขามาลูกยิง่ เอาไปถลุงเสียแหลกหมด เห็นวาพอแมเอาเงินมาเอามาๆ เฉยๆ
ยืน่ ใสมอื ให พอแมหาเกือบเปนเกือบตาย ใหเราคิดอยางนั้นนะ เมื่อคิดอยางนั้นแลว
เราจะไดประหยัดในการใชสอยของเรา ทุกสิ่งทุกอยางจะไดมีความประหยัด
การประพฤติเนื้อประพฤติตัว ก็คุณคาของเราคืออะไรที่พอแมเลี้ยงมาแลว คุณคา
ของเราคือการปฏิบัติตัวดี เรียนหนังสือดี หนาที่การงานดี ความประพฤติดี นี่เปนคุณคา
สําคัญทีจ่ ะประดับตัวของเราและประดับวงศสกุล และประดับพอแมของเราใหมีความรม
เย็นเปนสุขมีสงาราศี ไดลกู เตามาก็ลกู ดี ไมใชลูกเถลไถล พอเขาใจลูกหลาน ใหพากัน
ประพฤติ จํากันทุกคนนะทั้งหญิงทั้งชายนั่นละ ตางคนตางมีความดีความชั่วดวยกันทุกคน
ใหเอาไปรักษาทุกคน ใหตั้งหนาตั้งตาเรียนหนังสือใหดี
ถึงเราจะไมไดเปนขาราชการเปนเจาเปนนายก็ตาม เราเปนนายของเราดวย
ความประพฤติดี มีหลักมีศลี หลักธรรม มีหลักวิชาใชแลวไมตายคนเรา ขอใหมหี ลักวิชา
ใหมคี วามฉลาดพอตัวเถอะ ปกครองตัวเองก็ได ปกครองคนอืน่ ก็ดี ถาตัวไมดเี ปนนาย
เขาก็ไมเปนทาแหละ เปนนายเขาก็เบื่อจะตายแหละ ถาเปนนายก็ไปคดไปโกงไปรีดไป
ไถลูกนอง รีดไถดะไปหมด เมือ่ มันเคยตอนิสยั แลวไมกนิ ไมไดคนเรา ทําอะไรมีแตทา
จะกินๆ ไปหมดใชไมไดเลย
เราวาเปนผูป กครองบานเมือง มันกลับเปนคนทําลายบานเมือง ประเทศชาติบาน
เมืองคือใครเปนคนทําลาย ผูรักษาบานเมืองนั่นแหละเปนคนทําลาย ถาไมมีศีลธรรมเสีย
อยางเดียวมันทําลายไดนะ ยิ่งพวกขาราชการดวยแลว มีกฎหมายเปนโลบังหนา แอบอาง
อยูใ นกฎหมายนัน่ ฉากหลังนีก่ นิ ไปๆ ดะไปหมด ทีนเ้ี ขาก็เบือ่ ประชาชนราษฎรเขาเปน
ผูเปนคนเขามีหัวใจเหมือนกัน ทําไมผิดถูกเขาจะไมรู ทีนี้มันก็เอือมระอานะซี เจานายก็
เปนเจาหนาย เขาใจไหมเจาหนาย คือเขาหนาย เขาเบื่อจะตายเขาเลยไมอยากเคารพนับ
ถือ อยาใหเปนประเภทนั้นเรา ความหมายวาอยางนั้นนะ
ถาเปนนายก็เปนนายจริงๆ เหมือนกับพอแม พอแมเปนนายเรานี้ชุมเย็นนะ
เปนนายดวยความเมตตาสงสาร เมตตาอยูก บั พอกับแม กรุณาอยูก บั พอกับแม เมตตา
สงสารคือพอคือแมกอ นอืน่ กรุณาคือความชวยลูกตลอดเวลา พอแมเปนหนึง่ มุทิตา
คือยินดีเมื่อลูกไดดีแลว พอแมพลอยอนุโมทนายินดีไปดวย อุเบกขาคือพอแมกส็ บาย
ไมไดเปนหวงโนนหวงนี้ เปนตัวของตัวบางพอใหสบายๆ นีอ่ เุ บกขา คือพอแมวางตัวได

หลวงตาสอนเด็ก ๑๗
๑๘

สะดวกสบาย ไมเปนหวงเปนใยยุงเหยิงวุนวาย เพราะลูกคนนั้นไมดี ลูกคนนี้ไมดีอยางนี้


นี่ละเรียกวาพอแมของเราเปนนายของเรา แตเปนนายที่ชุมเย็น
ทีนน้ี ายทัง้ หลายปกครองบานเมืองก็ใหมอี ยางนัน้ มันถึงรมเย็น ราษฎรเขาถึง
รักเขาถึงมีความเคารพ ถาประพฤติตวั เหลวแหลกแหวกแนว นายยิง่ รายยิง่ กวาประชา
ชนราษฎร กินบานกินเมืองกินไดมากคือเจานายนัน่ แหละ เพราะมีกฎหมายบานเมือง
เปนฉากบังหนา ถาหากวาไมมศี ลี ธรรมแลวนะ เจานายนัน่ แหละเปนผูฉ ลาดทีส่ ดุ ใน
การปลิน้ ปลอนหลอกลวงไมมใี ครเกิน เพราะพวกนี้เรียนกฎหมายเรียนวิชาความรู วิชา
ความรูหมุนไปในทางที่ผิดมันก็กินไปไดหมด คว่าํ กินหงายกินไปไดหมด ถามีธรรมะ
เสียอยางเดียวเย็นไปหมด นั่นฟงซิ มีวิชาความรูมากเทาไรยิ่งเย็น
เพราะฉะนั้น เวลาลูกศิษยลูกหาที่เปนเจาเปนนายแผนกตาง ๆ มาหา มารับ
การอบรมสั่งสอน เราจึงสอนวานี้นะเวลานี้เราเปนผูพิพากษานะ เวลานี้เราเปนอัยการนะ
อัยการ ผูพิพากษาเปนตัวสําคัญ ถาไมมีศีลธรรมแลว กินเขาไดแหลกหมดเลยนะ หมอ
ก็เหมือนกัน คนเขาไปในโรงพยาบาลหรือคลินิกมีแตคนจนตรอกจนมุมเขาไป จะรีดจะ
ไถเขาสักเทาไรก็ได เขาตายหมดเลย ฉิบหายหมดเลยถาหมอไมมธี รรม ถามีธรรมไมมี
ใครจะใหความรมเย็นแกโลกไดยง่ิ กวาหมอนะ สอนอยางนี้ คือหมอ อัยการ ผูพิพากษา
ตํารวจเปนของสําคัญมาก รีดเทาไรก็ไดตํารวจนี่ หาจับมือเซ็นเอาเลยก็ไดนะถาไมมธี รรมะ
ใหคํานึงถึงธรรมะเสมอ ใจจะมีหิริโอตตัปปะกลัวบาปกลัวกรรม
นรกมีนะ นรกมีอยูแลวตั้งแตดั้งเดิม ไมวา ตํารวจ ไมวา ทหาร ไมวาเจานาย ไม
วาราษฎร ไมวา ใคร ถาทําผิดแลวตกนรกไดทง้ั นัน้ นรกไมไดลําเอียงใครนะ เผาได
ทั้งนั้นเหมือนไฟ เอา เขาไปซีไฟ ใครจะวานีต้ าํ รวจนีท้ หาร นี้ขาราชการ แลวเขาไปวาไฟ
ไมรอนมีไหม ไหมหมดแหลกหมดนั่นแหละ ไฟไมลําเอียงนะ อันนีก้ เ็ หมือนกัน เราอยา
เขาใจวานรกมันกลัวคนชัว่ นะ นรกชอบเผาทีส่ ดุ ก็คอื เผาคนชัว่ คนดีไมไดเผาแหละ
เพราะคนดีไมไดไปตกนรกนี่นะ
อยางเรือนจํานี่คนดีเขาไมไปติดคุกติดตะราง มีแตคนชัว่ สวนมากไปติดคุกติด
ตะราง เพราะเชื่อตัวเองนั่นแหละ เชื่อตัวเองยังไง ไปขโมยที่ไหนก็วาเขาจะจับไมได ๆ
แลวก็สนุกขโมยๆ ไมคดิ บางวาเขาก็เปนคนคนหนึง่ ครัน้ แลวก็มากองกันอยูใ นเรือนจํา
เห็นไหม นี่ละคนเชื่อตัวเองมากไปเปนอยางนั้น นึกวาเขาจะจับไมไดแลวกองกันตาย
อยูใ นนัน้ ในเรือนจํามากขนาดไหน นีเ้ ราก็เหมือนกัน เราอยาเชื่อตัวเองมากยิ่งกวาเหตุ
กวาผล ยิง่ กวาครูกวาอาจารยกวาผูอ น่ื บาง ใหเราไดพิจารณาเรื่องเหลานี้ ควรเชื่อคน
อื่นเราตองเชื่อ ควรเชื่อเรา เราก็เชื่อ เราอยาไปเชื่อเราโดยถายเดียว ไมดี จําเอานะลูก
หลาน เอาไปประพฤติปฏิบัติ

หลวงตาสอนเด็ก ๑๘
๑๙

เอาแคนล้ี ะ

www.Luangta.or.th หรือ www.luangta.com

หลวงตาสอนเด็ก ๑๙
๒๐

เทศนอบรมคณะนักเรียนราชินทู ศิ -ประจักษศิลปาคาร อุดรฯ


เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๒
มาอาชาไนย
การรับแขกทั้งวันทั้งคืนก็ไมหวาดไมไหว ในวัดนี้ก็เหมือนกันแขกมาอยูตลอด เรา
ไปไหนก็มาอยูอยางนั้น แตถาเราไมอยูก็ไมเปนไร บอกวาเราไมอยูเ ทานัน้ เขาก็ไป ถาเราอยู
นัน่ ซิมนั ลําบากนะ ตองรับแขกอยูตลอดเวลา เหนือ่ ย นีเ่ ราถึงไดเห็นพุทธวิสยั พระวิสัยของ
พระพุทธเจาทานสอนโลก พระพุทธเจาเพียงพระองคเดียวสามารถสอนโลกไดสามโลก
โลกที่หยาบก็คือพวกโลกมนุษยเราทานสอนได มองเห็นกันอยูอ ยางนีเ้ รียกวาโลกหยาบ คือ
มองเห็นกันดวยตาเนือ้ ฟงกันดวยหูหนังก็เขาใจกันได นีอ่ นั หนึง่ ก็อยูในภาระที่พระพุทธ
เจาจะทรงสั่งสอนทั่วไปหมด มิหนําซ้าํ กลางค่าํ กลางคืนหรือเวลาไหนก็ตาม ยังเล็งญาณดู
สัตวโลกอีก วาสัตวทง้ั หลายทีม่ อี ปุ นิสยั สามารถทีจ่ ะบรรลุธรรมไดอยางรวดเร็ว มีอยู
จํานวนมาก ก็อุตสาหเสด็จไปโปรด
นีเ่ พียงสอนมนุษยเราทานก็หนักถาไมมภี าระอืน่ เขามาแทรก แตนภ้ี าระอืน่ มากยิง่
กวาภาระสอนมนุษยนอ้ี กี นะ ตกกลางคืนก็สอนพวกเทพพวกเทวดา นีแ่ หละทีว่ า ภพ
ละเอียด พวกเราไมสามารถมองไมเห็น เพราะเปนภพทีล่ ะเอียด เปนกายทิพย พระพุทธ
เจาเปนใจทีบ่ ริสทุ ธิ์ เปนใจของพระพุทธเจา สามารถแทงทะลุไปหมด เห็นหมด ไมมีอะไร
ปดบังลี้ลับ วัตถุเหลานี้ไมมีความหมายที่จะปดบังพระญาณ คือความหยั่งทราบของพระ
พุทธเจาไมใหทราบไมใหเห็น เพราะสิ่งนี้ปดสิ่งนั้นบังไมมี ทรงแทงทะลุไปหมดเลย นี่สอน
พวกเทพ
พวกเทพก็เหมือนกับพวกมนุษยเรา คือพวกเทพที่มีอุปนิสัยสามารถแกกลายังมีอยู
เยอะ รองลําดับกันลงไปๆ ถึงพวกเทพที่หนาก็มี มนุษยเราที่บางก็มี บางมากก็มีและหนา
ก็มี หนาจนไมมคี วามหมายเลยในบรรดาธรรมทัง้ หลายอยางนัน้ ก็มี พระพุทธเจาจะทรง
สั่งสอน ๒-๓ ประเภท ประเภททีบ่ างมาก และบางลดกันลงมา กับเนยยะทีค่ วรฉุดควร
ลากไปได ประเภทปทปรมะนั้นเปนประเภทที่หมดหวัง สุดวิสัยที่ธรรมจะเขาถึงใจได เชน
เดียวกับคนเปนโรคหนักไมมที างเยียวยา ตองสงเขาหองไอ.ซี.ยู. อันนี้ไมสนใจกับหยูกกับ
ยากับอะไรทั้งนั้น เขาไปก็คอยจะตายทาเดียว โรคกิเลสประเภทนีไ้ มมหี วังในทางธรรมะที่
จะเขาชวยได มีแตทางจะจมทาเดียว พวกนีห้ นาไมใชหนาธรรมดา หนาดวยความชัว่ มีแต
คอยจะจมทาเดียว อยางนี้พระองคก็ทรงปลอย สอนไมไดแลว

หลวงตาสอนเด็ก ๒๐
๒๑

สวนประเภทอุคฆฏิตญ ั ูทจ่ี ะรูธ รรมไดอยางรวดเร็วนี้ ก็ทรงเล็งญาณดูทราบไป


หมด แลวใครจะมีอายุสน้ั ยาวขนาดไหน ถาเปนมนุษยเปนผูจะมีอายุอยูเพียงเล็กนอย ทั้งๆ
ที่มีอุปนิสัยสามารถจะบรรลุธรรมถึงธรรมขั้นเอกพูดงายๆ อยูแลว แตจะตายเสียเร็วๆ นี้
พระองคก็รีบเสด็จไปโปรดคนนั้นกอน แลวพวกที่มีอุปนิสัยอยางเดียวกันแตชีวิตยังอยู
ธรรมดาเรา ก็เปนอันดับที่สอง จากนั้นก็อันดับที่สาม นีเ่ พียงเทศนสอนมนุษยเราก็มขี นาด
ตางกัน อยางบาง อยางรองลงมา และอยางหนา อยางหนาทีส่ ดุ นีพ่ ระพุทธเจาก็เปนภาระ
สอนทั้งนั้น นีเ่ ปนภาระอันหนึง่ ทีพ่ ระพุทธเจาทรงสัง่ สอนโลก
อันดับที่สอง สอนพวกเทพ พวกเทพนีเ่ ราทัง้ หลายไมเคยเห็น มีแตคนตาบอดหู
หนวกเต็มแผนดิน มีตาญาณหยัง่ ทราบตาดีหดู ี มีพระพุทธเจาและพระอรหันตทานเทานั้น
เปนผูเ ห็นเปนผูร ู ถึงจะเอาออกมาใหเห็นเทาไรมันก็ไมเห็นเพราะตาบอด เหมือนกันกับ
เราถือวัตถุที่มีสีแสงตางๆ มาใหคนตาบอดดู ดูสักเทาไรมันก็ไมเห็น คนตาบอดมีกี่หมื่น
กีแ่ สนกีล่ า นคน มันก็ไมเห็นเหมือนกันหมด นอกจากคนตาดี เพียงคนเดียวก็เห็น
อันนี้สิ่งที่อยูในวิสัยของคนตาดีเห็นก็คือพระพุทธเจา พระอรหันตทา น ทีนี้คนตา
บอดมากขนาดไหน นัน่ แหละเทียบกับวาเปนหมืน่ ๆ แสนๆ ลานๆ มีแตคนตาบอด บอก
เทาไรมันก็ไมเชื่อ เพราะไมเห็นมันก็บอกไมเห็น มันจะเอาตานีเ้ ขาไปวัดสิง่ เหลานัน้ ซึง่ ไม
ใชฐานะ มันเปนอฐานะคือเขากันไมได ตาทิพยกับสิ่งที่เปนทิพยเขากันได ของที่ละเอียด
ตองใชความละเอียด แมแตเปนวัตถุเชนอยางเชื้อโรคเขาเปนยังไง ตาเรามองไมเห็นดวย
ตาเนือ้ นีน่ ะ ไมเห็น แตเครื่องขยายของเขามีพวกกลองจุลทรรศนอะไรนี่เขาตรวจดูเห็น
หมด นี่ทั้งๆ ที่เปนวัตถุยังตองใชความละเอียด เครื่องมือที่จะดูสิ่งเหลานั้นก็ตองละเอียด
ไปตามๆ กัน มันก็ทันกัน เห็นกันได อันนี้ตาทิพยก็มีตั้งแตสิ่งที่เปนทิพยเทานั้นไมใช
ธรรมดา อันนี้ก็เปนภาระของพระพุทธเจาที่ทรงสั่งสอน
ในหลักของศาสดาที่ทรงสอนโลกไวนั้นมีอยู นี่ภาระของพระพุทธเจา ทานเรียก
พุทธกิจ ๕ คืองานประจําของพระพุทธเจามี ๕ อยาง ที่เปนงานสําคัญซึ่งคนอื่นจะชวยไดนอย
มากทีเดียวและชวยไมได
พอบายสามโมง ก็เทศนสอนประชาชนทั่วๆ ไป นับแตพระมหากษัตริยลงมา
พอตกค่ํามา ก็ประทานพระโอวาทแกพระสงฆ พระสงฆนน้ั มีหลายขัน้ หลายภูมิ
แหงธรรมภายในใจ มีแตละขั้นที่ละเอียดๆ แลวลงมาหาขัน้ หยาบ ขั้นสามัญธรรมดา
พระโอวาทจะตองสอนใหพอเหมาะพอสมเหมือนเรือบินเหินฟา สอนธรรมะ ธรรมะพื้นๆ
ก็สอนที่ต่ําๆ ธรรมะที่สูงอยูภายในจิตใจของผูฟงก็เหินขึ้นๆ ธรรมะละเอียดเทาไร ธรรมะ

หลวงตาสอนเด็ก ๒๑
๒๒

ของผูที่ฟงนั้นนะ อยูภายในจิตใจมีความละเอียดมากนอยเพียงไร ธรรมะที่จะนําออกแสดง


นี้ก็สูงขึ้นๆ จึงเปนเหมือนกับวาเรือบินเหินฟา ขึน้ จากสนามบินแลวก็เหินขึน้ ๆ ธรรมะ
พระพุทธเจาเทศนตั้งแตพื้นๆ นีเ่ สียกอนแลวก็สงู ขึน้ ๆ เพื่อใหไดรับประโยชนทั่วถึงกัน ภูมิ
นี้ก็ใหไดรับ ภูมนิ น้ั ก็ใหไดรบั ภูมิสูงก็ใหไดรับ จนกระทั่งภูมิสูงสุด ไมใหมีบกพรองใน
การแนะนําสั่งสอนของพระพุทธเจา นี่ตั้งแตทุมหนึ่งหรือสองทุมไปแลวประทานพระโอวาท
แกพระสงฆ
จากนั้นตั้งแตหกทุมไปอีก ก็ประทานพระโอวาทและแกปญหาของพวกทวยเทพทั้ง
หลาย คําวาทวยเทพนีห่ มายถึงเทวดานับตัง้ แตทา วมหาพรหมลงมา พรหม ๑๖ ชัน้ เปน
ที่อยูของพวกพรหมทั้งหลาย แลวสวรรค ๖ ชั้นเปนที่อยูของพวกเทวดา และยังมีอากาสา
เทวดา รุกขเทวดา มีอยูเยอะที่พระพุทธเจาจะทรงแนะนําสั่งสอน นีก่ เ็ ปนภาระทีห่ นักมาก
อันหนึง่ พระองคไมทรงละเลยงานอันนี้ ไปอยูที่ไหนก็ไมทรงละ ก็คืองานสอนพวกเทพเจา
ทัง้ หลาย ตั้งแตทาวมหาพรหมลงมา อันนี้สอนดวยตาทิพยใจทิพย เพราะสิง่ เหลานีเ้ ปน
ทิพยมองหาดวยตาเรานีไ้ มเห็น แตใจนั้นเปดเผยกันตามความมีอยู อันนั้นเปนตาทิพยแต
ก็มีอยู อันนีก้ จ็ กั ษุญาณตาญาณเห็นกันรับกัน แนะนําสัง่ สอนกัน
การสั่งสอนพวกเทพทั้งหลาย ไมไดนาํ เอาคําพูดมาสอนอยางเราสอนมนุษยนะ
มนุษยนี้ตองไดสอนกันอยางเต็มที่เต็มฐาน ถาจะวามนุษยเราหยาบก็ใชไดไมผดิ ไมผิดยัง
ไง เอา ใหคนชาติอื่นภาษาอื่นมาฟงซิ เราพูดภาษาไทยเราอยางนี้เขาฟงไมออก จะตองได
เรียนภาษากันกอนใหยุงไปหมดถึงจะเขาใจภาษากัน แตใจมีภาษาเดียว เทพชั้นไหนก็ตาม
ภูมิใดก็ตาม พอแย็บออกนี้จะรับกันทันทีๆ นี่สอนพวกเทพ จะพูดวาสอนงายกวาพวกเรา
ก็ไมเห็นจะผิดอะไร เพราะเปนภาษาใจอันเดียวกัน พอแย็บทางนี้ปบ ทางนัน้ รับกันแลวๆ
อันนี้ไมไดนะถาพูดภาษาของเรา จะไปไหน ทางนั้นงงเปนไกตาแตกถาเปนฝรั่งนะ
เพราะไมรู มันตองไดใชภาษาเขาอีก ทีนใ้ี ชภาษาเขา เชนอยางหลวงตาบัวนีเ้ ปนเสร็จเลย
ก็ไมไดภาษาเขานี่ มันไดแตภาษาเรา พวกนั้นก็เลยขาดทุนซี เขาจะมาศึกษากับเราก็ตอง
ไดเรียนภาษา เราจะไปสอนเขาก็ตอ งใชภาษาใหเขาเขาใจ พูดกันตองเปนภาษาโลกภาษา
ปากเรานี่ ภาษาของพวกเทพทัง้ หลายเหลานัน้ ไมไดเปนภาษาเรานีน้ ะ เปนภาษาเดียว ใจมี
ภาษาเดียว มีความรูสึกอยางเดียวกัน พอแยมมาพับจะรับทราบทันทีๆ อันนีพ้ วกเรามัน
ไมรนู น่ั ซี นี่ละพระพุทธเจาเปนอยางนี้
ออกจากนั้นมาคือสอนพวกเทพทั้งหลาย ตั้งแตทาวมหาพรหมลงมา มากขนาดไหน
ฟงซิ มากกวาสอนมนุษยอีก ถาเราจะเอาความจริงมากางกันแลว สอนพวกที่ลึกลับนี้สอน

หลวงตาสอนเด็ก ๒๒
๒๓

มากยิ่งกวาและหนักมากยิ่งกวาสอนมนุษยเรา เพราะมันกวางขวางตอกวางขวาง มากตอ


มาก
ตั้งแตปจฉิมยามไป คือตั้งแตเกาทุมไปทรงเล็งญาณดูสัตวโลก ผูใ ดจะเขาตาขายคือ
พระญาณความหยั่งทราบของพระองควา ผูใ ดจะไดบรรลุมรรคผลนิพพานอยางรวดเร็ว
แลวก็เสด็จไปโปรดคนนัน้ ๆ นัน่ เปนวาระที่ ๔
วาระที่ ๕ ก็ไปบิณฑบาต พระพุทธเจาบิณฑบาตกับสาวกอรหันตบณ ิ ฑบาต ไมได
เหมือนกันกับพวกเราๆ ทานๆ ทานไมไดคาํ นึงคํานวณถึงวาใครจะมาใสบาตร มีวัตถุ
ไทยทานมากนอย ทานคํานวณทีห่ วั ใจ ทานเล็งเอาหัวใจสัตว เพราะทานนีม้ หี วั ใจเปนเจา
ของ ออกมาจากใจ ใจมีคุณคามากขนาดไหนในวัตถุทานของตน มีความปติยินดียิ้มแยม
แจมใสพอใจขนาดไหน นัน้ ละคุณคาสําคัญอยูท ห่ี วั ใจคน โนน พระองคทรงมุงใจเป . นสํ. าคัญ
ไปเพื. ่อใจ นั. ้นนะไปบิณฑบาต ปุพพ ฺ เณฺห ปณฺฑปาตฺจ ไปบิณฑบาตเขามองเห็นชัว่ ขณะ
เทานัน้ ก็เปนมงคลมหามงคลแกเขามากขนาดไหน ตั้งแตเกิดมาเขาไมเคยเห็นพระพุทธ
เจาผูส น้ิ กิเลส ผูเ ลิศเลอทีส่ ดุ ในโลกอันนี้ ไมมีใครเสมอเลยก็คือองคศาสดา เขาไดพบ
แลวในวันนัน้ ขณะนัน้
การที่ไดพบพระพุทธเจาแตละครั้งๆ นีจ้ งึ เปนมหามงคลอันสูงสุด เรียกวา ทัสสนา
นุตตริยะ เปนความเห็นอยางอัศจรรยอยางประเสริฐ ทานแยมพระโอษฐออกมา คือปาก
พูดอะไรๆ ออกมา รับสั่งคําใดออกมา นีเ้ ปนอรรถเปนธรรมเปนเหตุเปนผล ผูฟงทั้ง
หลายจะซึ้งเขาถึงใจๆ นี่เปนประโยชนทั้งการไดเห็นการไดยินไดฟงแลวนําไปคิดมากมาย
ขนาดไหน เปนประโยชนมากมายขนาดนัน้ นี่ละวิสัยของพระพุทธเจาเปนอยางนี้ หนัก
มากไหมพิจารณาซิ
สอนมนุษยเรานีก้ ส็ อนตลอดเวลา สอนมาตัง้ แตวนั ตรัสรู แลวสอนเทวดายิ่งทุกคืน
เลยไมมเี วน เชนอยางพระองคเสด็จไปจําพรรษาที่ปาเลไลยก ในพรรษานัน้ จะไมทรงเกีย่ ว
ของกับใครเลย ประชาชนญาติโยมพระเณรพระองคไมเกี่ยวของ แตพวกเทพนี้ละไมไดเลย
คือไปอยูในปามีชางปาเลไลยกนั้นเปนผูอุปฏฐาก ตั้งแตชางแทๆ เขายังรูจักพระพุทธเจา
ยังมาอุปถัมภอุปฏฐากพระพุทธเจาเชนเดียวกับมนุษยทั้งหลาย เปนแตเพียงเขาพูดไมเปน
เทานัน้ พอพระองครับสั่งอะไรนี้เขาจะเขาใจทันทีๆ ยกตัวอยางเชน พระอานนทจะเขาไป
ทูลพระพุทธเจาไปเฝาพระพุทธเจา ชางวิ่งสกัดเลยไมใหเขาไป ไมใหพระอานนทเขาไปหา
พระพุทธเจา ชางนัน้ วิง่ สกัดเลย ตัดหนาไวกอน ขวางไวกอนไมใหไป พระองคก็รับสั่งวา
นัน่ เปนพระอุปฏ ฐากเราใหเขามาหาเราเถิด พอวาเทานัน้ ชางเปดทางใหเลย เขาใจทันที

หลวงตาสอนเด็ก ๒๓
๒๔

เปดทางใหแลวตามพระอานนทเขามา นัน่ ละปทา นจําพรรษาทีป่ า เลไลยก ทานไมไดเกี่ยว


กับประชาชนญาติโยมพระเณรอะไรทั้งนั้น แตเทวดาทานละไมได สอนเทวดากลางค่าํ กลาง
คืนเวลาไหนก็ตามสอนเทวดา นั่นภาระของพระพุทธเจาหนักไหม อยางนี้ใครจะทําได เอา
ลองคิดดูซิ
สอนพวกเทพนี้ใครมีความสามารถสอนได ถาทําไดก็มีพระอรหันตทาน แตจะให
เต็มภูมิเหมือนพระพุทธเจาไมเต็ม แตทําได นี่ตางกันอยางนี้พระอรหันตกับพระพุทธเจา
เพราะทานเปนผูส น้ิ กิเลสโลงไปหมด ถาเปนจิตบริสุทธิ์แลวเหมือนกันกับจิตพระพุทธเจา
แตกับความสามารถอาจเอื้อมลึกซึ้งหยาบละเอียดนั้นพระพุทธเจาเปนเอก พระสาวกทั้ง
หลายก็อันดับสองรองลงมา
เพราะฉะนัน้ การแนะนําสัง่ สอนทําภาระแทนพระพุทธเจา จึงไมมีใครสูพระอรหันต
ทานได พระอรหันตทา นรูน จ่ี ะวาไง รูเต็มภูมิของพระอรหันต พระพุทธเจารูเต็มภูมิของ
ศาสดา ไมไดเหมือนภูมขิ องประชาชนคนธรรมดามีกเิ ลสหนาเต็มหัวใจเหมือนอยางเราๆ
ทานๆ ทัง้ หลายนี้ ความรูของทานเปดโลงไปหมดไมมีอะไรมากีดมาขวางเลย เพราะกิเลส
มันกีดขวางเหมือนเมฆ เมฆนีถ้ า ลงมันหนาๆ ดูซิ พระอาทิตยมันเคยมีมากี่กัปกี่กัลปก็มอง
ไมเห็นเลยในเวลานัน้ เพราะเมฆหนาจึงมองไมเห็น พอเมฆจางไปๆ ตลอดถึงเมฆกระจาย
ออกหมดแลว พระอาทิตยสองจาเลย ใจของทานเปนอยางนัน้ แล
เมื่อกิเลสซึ่งเปนเหมือนเมฆเปดออกหมดแลว จิตพระอรหันต จิตพระพุทธเจา จะ
เปลงแสงอยางเต็มที่จาเลย แตฟงแตวาพระอรหันต ฟงแตวาพระพุทธเจาทานไมมีกิเลส
ทานไมมีความอยากความทะเยอทะยาน ทานจึงไมมีความโออวด ความโออวดเปนเรือ่ ง
ของกิเลส กิเลสหมดจากหัวใจทานแลวเอาอะไรมาโออวด ทานจะเอาอะไรมาอยาก ทาน
จะพูดตามเหตุตามผล กิจการงานทุกอยางทานจะเปนไปตามเหตุตามผลที่ควรไมควรเทา
นัน้ ทานไมนําความอยากออกมาใชเพราะไมมี
ทีนี้จิตของทานสวางขนาดไหน นั่นละจิตของพระพุทธเจาจิตของพระอรหันตทาน
สวางจาไปหมดเลย แตทา นก็อยูส บายเหมือนกับโลกทัว่ ๆ ไป จะยกตัวอยางใหทานทั้ง
หลายฟง พระพุทธเจาสมัยทานเปนพระโพธิสัตวนะ เอานี้ตอกันไปเสียกอนแลวคอยยอน
กลับมา พระพุทธเจาของเราสมัยเปนพระโพธิสัตว ไปเกิดเปนมาอาชาไนย มียายคนหนึง่
เลีย้ งมาไว มานัน้ มีจาํ นวนมาก
มาอาชาไนยนัน้ ตามธรรมดาแลวมาตัวไหนจะอยูด ว ยไมไดเลย เพราะฤทธิ์อํานาจ
ของมาอาชาไนยนี้มาก ผิดมาธรรมดาอยูม าก มาทัง้ หลายกลัวกันมาก เขาใกลไมไดเลย

หลวงตาสอนเด็ก ๒๔
๒๕

แตเวลายายเอาไปเลีย้ งไวดว ยกันนัน้ มาอาชาไนยตัวนั้นกับมาทั้งหลายเหมือนพอแมกับ


ลูก อยูด ว ยสบายๆ อาหารอะไรๆ ก็ตามถามาทั้งหลายไมไดกินเสียกอน มาตัวนี้จะไมกิน
มีความรักความสงสารมาทัง้ หลายเต็มหัวใจ ตองมาทั้งหลายกินอิ่มเสียกอน มาอาชาไนย
ตัวนี้ถึงจะกิน
ยายแกคนนีแ้ กก็ไมรวู า มาตัวนีค่ อื มาประเภทใด แกก็เลีย้ งคละเคลากันอยูน น้ั เพราะ
ไมรู มาตัวนัน้ เมือ่ ยายแกไมรวู า มาตัวนีเ้ ปนมาเชนไร มาตัวนั้นก็ไมแสดงตน ฟงซิ นีล่ ะ
นิสัยของโพธิสัตวโพธิญาณจะมาเปนพระพุทธเจา ไมทรงถือพระองคอยางนี้เอง เพราะ
ความเมตตาสงสาร นีก่ เ็ มตตาสงสารแกเพือ่ นมาทัง้ หลายเปนจํานวนมาก ถามาทัง้ หลาย
ไมอิ่มมาตัวนี้จะไมยอมกินอาหาร จะใหมาทั้งหลายกินเสียกอน เวลาไปไหนก็คอยดูแลรักษา
มาทั้งหลาย มาทั้งหลายแตกอนกลัว ทีนี้กลับไมกลัว อยูกันเปนผาสุกเหมือนพอแมกับลูก
นัน่ แล
สมัยนัน้ พระสารีบตุ รกับพระโมคคัลลานนเ้ี ปนพอคาใหญ พระพุทธเจาของเรานี้เวลา
นั้นเสวยพระชาติเปนมาอาชาไนย ยายแกแกเลี้ยงเอาไว พอพระสารีบตุ รพระโมคคัลลานซง่ึ
เปนพอคาใหญไปดวยกัน เพราะทานเคยติดพันกันมาแตไหนแตไร ตั้งแตชาติปางกอนๆ โนน
ทานเปนสหายกัน ไปก็ไปมองเห็นมา ออกอุทานกันวา โถ ตาย มาตัวนี้ไมใชมาธรรมดา โห
แลวมันอยูกันไดยังไง ดูมาทั้งหลายก็เฉยธรรมดาๆ อยูเหมือนแมกับลูก มาตัวนี้เหมือนกับ
เปนพอกับแมนะ มาทั้งหลายนี่เหมือนกับลูก มันรักมันสงวนอะไรพูดไมถูก มันติดมันพันกัน
อยูอ ยางนัน้ ไมมกี ริ ยิ าทีว่ า นากลัว แตธรรมดามาทั้งหลายทั่วๆ ไปกลัวกันมาก แตมาตัวนี้อยู
กับมาทั้งหลายไดอยางสบาย จึงถามยายแกคนนั้นวา
ยายรูไ หมวามาตัวนีเ้ ปนมาอะไร โห ยายไมรแู มไมรหู รอก แมก็เลี้ยงไวอยางนั้น
แหละ วางัน้ แลวเวลาใหอาหารเปนยังไง โห ใหอาหารนั้นถามาทั้งหลายไมกินอิ่มเสียกอน
มาตัวนีเ้ ขาไมกนิ แหละ ตองใหมาทั้งหลายกินเสียกอนอิ่มแลวเขาถึงจะกิน เอาอาหารอะไร
ใหก็กินหมดไมมีเลือกเลย พอคาสองคนนีร่ แู ลวนะวาเปนมาประเภทใด จึงไปเอารําอยางดี
ที่สุดมาใหมานี้กิน
พอเอาไปใหมานี้กิน มาตัวนัน้ ทําเฉย ไมสนใจเลยกับรําทีว่ า ดีทส่ี ดุ นัน่ นะ พอคานั้น
สงสัยทําไมมานีเ้ วลายายแกเอาอะไรๆ มาใหก็กิน กินหมด แตเวลาเราหาอาหารดีๆ มาให
ดวยซ้ําแลวทําไมจึงไมกิน มาตัวนัน้ ตอบมาทันทีวา เราอยูใ นสถานทีใ่ ดกับบุคคลใด ที่เขา
ไมรเู ราวาเปนมาชนิดใด เราอยูไ ดหมด กินไดหมด แตเวลาเรามาอยูก บั สถานทีท่ บ่ี คุ คลรู
เราวาเปนมาชนิดใดแลว เราจึงไมกนิ รําของทาน คือมาอาชาไนยนีร่ แู ลววาพอคาสองคนนีร่ ู

หลวงตาสอนเด็ก ๒๕
๒๖

วาเขาเปนมาชนิดใด คือเขาเปนมาประเสริฐ แตคนทัว่ ๆ ไปไมรู ใครๆ ไมรู มาทั้งหลายก็


ไมรู ยายคนนัน้ ก็ไมรู เขาก็อยูไดกินไดสบายๆ พอพอคาสองคนนี้ไปเจอเขาเทานั้นก็รูวา
เปนมาอาชาไนย จึงเอาอาหารดีๆ ให มาตัวนั้นไมยอมกินเลย นั่นพระพุทธเจา ตั้งแต
เปนสัตวอยูก็ไมเยอหยิ่งไมจองหองนะ อันนี้เปนเรื่องภูมิของพระโพธิสัตวที่จะแสดงความ
ฉลาดตอมาตอพอคาทั้งสองคนนั้นใหทราบ พูดงายๆ วาอยางนัน้ แตเวลากับมาทัง้ หลาย
มาทัง้ หลายโงขนาดไหน มาตัวนีจ้ ะทําตัวโงแบบเดียวกัน แสดงกิรยิ าโงแบบเดียวกันหมด
ทีนป้ี ระมวลเขามานะ พระพุทธเจา พระสาวกอรหันตทา น ทานเห็นอะไรก็ตามจะ
ปดทานไดหรือ ก็เหมือนอยางพระอาทิตยที่ไมมีเมฆกําบังแลว สองจาไปไดหมดนั่นแล แต
พระอาทิตยยังมีที่ปดบังนะ ถาสมมุติวาสองมาถึงพื้นนี้ก็อยูพื้นนี้ ทะลุลงไปโนนไมไดเพราะ
มีที่ปดบัง แตจิตของทานไมไดเปนอยางนั้น จิตของพระพุทธเจาพระอรหันตทานทะลุไปได
หมด คําวาวัตถุทง้ั หลายนีไ้ มมคี วามหมายทีจ่ ะมาปดบังลีล้ บั ความรูอ นั นัน้ ไดเลย สิ่งใดมี
อยูอยางไรจริงอยางไร เห็นตามความมีความเปนนัน้ ทานจึงนําเอาสิง่ เหลานัน้ มาสอนโลก
ทัง้ หลาย และสอนไดอยางลึกซึ้งกวางขวางมากมาย ผิดกับโลกทั่วๆ ไปสอนกันอยูมาก
ความรูของพระพุทธเจา ความรูของพระอรหันต ทองฟามหาสมุทรจะมาแขงทาน
ไดอยางไร เพราะทานรูตลอดทั่วถึงหมด นอกจากทานจะนํามาพูดมากนอยเพียงไรเทา
นัน้ เพียงแตจะบรรยายเฉพาะสัตวตวั หนึง่ เทานัน้ จะบรรยายตัง้ แตวนั ทานบรรลุธรรม
หรือตรัสรูธ รรม จนกระทั่งถึงวันนิพพานก็ไมจบ ในเรื่องของคนคนเดียว สัตวตวั เดียว
นัน้ สัตวตัวนี้ออกจากนี้ไปเกิดที่นั่นไปตายที่โนน กอนที่จะตายตองไปเสวยทุกขตางๆ ไมมี
ประมาณ เพราะไปทํากรรมอะไรตออะไรมากมาย นีบ้ รรยายแตภพชาติและกรรมของสัตว
ตัวเดียวก็ไมจบ ตายเปลาๆ ไมมใี ครจะไปบรรยายจบ ฟงซิมากหรือไมมาก
ภพชาติของสัตวที่เกิดมาตายๆ แลวตกนรกหมกไหมไมรูกี่ครั้งกี่หน กี่หมื่นกี่แสน
กีล่ า นๆ หนนับไมได ถาจะบรรยายถึงเรือ่ งของบุคคลคนเดียวนัน้ ตัง้ แตวนั ตรัสรูจ นกระทัง่
ถึงวันนิพพานก็ไมจบ เมื่อเปนเชนนั้นความรูพระพุทธเจาจะไมกวางขวางยังไง สอนสัตว
ทั้งโลก เรื่องสัตวทั้งโลกรูหมด นอกจากจะนํามาสอนเฉพาะที่จําเปนใหเกิดประโยชนแก
โลกเทานัน้ อันไหนไมจําเปนและไมเกิดประโยชนก็ผานไปๆ เทานัน้ เอง ความรูของพระ
พุทธเจาทานมีความสามารถขนาดนัน้ แล ทีท่ รงนํามาสอนพวกเรา ที่วาพุทธกิจ ๕ คืองาน
ของพระพุทธเจาหนักขนาดไหน ทานสอนโลกไดขนาดนัน้ แล
สวนพวกเราทัง้ หลายนีส้ อนตัวเราคนเดียวๆ ยังไมเห็นไดเรื่องไดราวอะไรเลย ฟงซิ
ลูกหลาน สอนเราคนเดียวเปนยังไง ตัง้ แตตน่ื เชาขึน้ มานีค้ วามเคลือ่ นไหวดีชว่ั เปนยังไง

หลวงตาสอนเด็ก ๒๖
๒๗

มันคิดทุจริตมันโกโรโกโสกี่ครั้งกี่หน แมตั้งแตกินขาวเขากินจนอิ่มแลว จึงตืน่ ขึน้ มาสายๆ


มันเวลาเทาไรแลว ตั้งแตตื่นขึ้นมานี้เราคิดอะไร ทําอะไรบาง พอเปนประโยชนแกครอบ
ครัว เรารักษาตัวของเรายังไง วันนีจ้ นถึงตอนเย็นเราจะไปทําความชัว่ ความเสียหายทีไ่ หน
บาง เราปกครองเราไดไหมคนเดียวเทานีแ้ หละนะ เราอยาพูดถึงเรื่องพระพุทธเจาปกครอง
โลก สั่งสอนโลกมากมายกายกองนั้นเลย เพียงเราสั่งสอนเราคนเดียวนี้ก็ยังไมเห็นไดเรื่อง ยัง
เถลไถลอยูร าํ่ ไป
พอแมบอกอยางนั้นแลวไปทําอยางนี้ พอแมบอกอยางนี้แลวไปทําอยางนั้น ครูบา
อาจารยบอกอยางนั้นไปทําอยางนี้ ชอบไปตั้งแตทางเถลไถลทางจะพาลงคลอง เหยียบตัง้
แตคนั เรงทีจ่ ะพาตัวลงคลอง ไมไดสนใจกับเบรกกับพวงมาลัยวามันจะหมุนไปทางไหน ปลอด
ภัยไมปลอดภัยบางเลย พวกเรานี่พวกลงคลอง คือชอบประพฤติตัวในทางไมดีเปนนิสัย
ปกครองตนคนเดียวคือเรานี้ก็ยังไมไดเรื่อง คอยแตจะลมจะจมอยูตลอดเวลา
เพราะฉะนัน้ จงพยายามฝกหัดดัดแปลงตนในทางที่ดีนะลูกหลาน ปกครองเราคน
เดียว ยังไมจําเปนจะตองปกครองใครมากมาย ไมแนะนําสั่งสอนใคร ดัดแปลงหรือดุดาวา
กลาวใครมากมายยิง่ กวาการดุดา วากลาวเจาของ ดัดแปลงเจาของใหเปนคนดี เพียงคน
ดีคนเดียวคือเราเทานีเ้ รายังปกครองไดยากจะทํายังไง เอาใหไดนะ พยายามปกครองเจา
ของใหดี ตัง้ หนาเรียนหนังสือ อยาไปเลนโกโรโกโสเถลไถลไมเกิดประโยชนอะไร เรามา
เรียนตองเรียนจริงๆ หนาทีก่ ารงานอะไรทีเ่ หมาะสมกับเราทีเ่ ปนนักเรียน ใหตั้งหนาตั้งตา
ทําใหเปนชิ้นเปนอันอยาเถลไถล จะเปนนิสัยไมดีติดตัว เวลาโตขึ้นมาจะไมมีหลักยึด จะ
กลายเปนคนหลักลอยซึ่งไมใชของดีเลย
กลับไปบานแลวชวยพอชวยแมของเรา มีการมีงานอะไรใหชวย อยามีแตเถลไถล
เอาตั้งแตหัวทันสมัยไปอวดพออวดแม ขานีไ่ ดเรียนจบ ม.นัน้ ม.นี้ ม.ขี้หมาอะไร นับแต
เกิดมาจนปานนี้พอแมไดงานอะไรกับเราบางไหม ตื่นขึ้นมามีแตเถลไถล อยูในทองแมก็
กินตับกินปอดแมกินเลือดแม พอตกคลอดออกมาแลวก็กินนม กินกลวยกินขนมของแม
ทุกสิ่งทุกอยางกินหมดไมมีอะไรเหลือ ยังขี้ใสตักแมดวยนะ ขี้ใสมือแมดวย เยีย่ วรดแม
ดวย ไมไดเลือกวาสวมวาถานอะไรแหละ ถายดะไปหมดเลย หัวพอหัวแมไมเลือกทั้งนั้น
เปนสวมเปนถานถายไดหมด พวกนี้พวกถายใสหัวพอหัวแมเสียจนชํานิชํานาญ แมหลวง
พอเองก็เคยถายใสพอแมมาแลวเชนเดียวกัน จึงกลาพูดไดอยางไมกระดากอาย
ครั้นโตขึ้นมาแลวแทนที่จะไดการไดงานกับลูกๆ เอาทีนี้ก็ตองเรียนหนังสือซี ไมเรียน
มันโงจะตายเปลา พอแมก็ตองวิ่งเตนขวนขวายหาทุกสิ่งทุกอยาง อุปกรณของการศึกษาเลา

หลวงตาสอนเด็ก ๒๗
๒๘

เรียน ทั้งจะไปสงเขาโรงเรียน ทัง้ จะหาวัตถุสง่ิ ของมาใหราํ่ ใหเรียน การงานวันหนึง่ ๆ ไมได


อะไร มีแตวง่ิ เพือ่ ลูกๆ ลูกไมไดงานอะไรมีแตเถลไถล ไมไดเรื่องไดราวอะไร ตั้งแตเกิดมานี้
พอแมไดการไดงานจากเรามีอะไรบาง มีแตงานเถลไถลใชไหม อยางนีห้ วั อกพอแมจะแตกนะ
ใหพากันจําเอานะลูกหลาน แลวนําไปปฏิบัติตัวใหดี
ใหมหี นาทีก่ ารงาน กลับไปบานชวยพอชวยแมมีการมีงานอะไรใหชวย มาโรงร่าํ
โรงเรียนก็ใหเปนประโยชนแกโรงร่าํ โรงเรียน เปนประโยชนแกตวั ของเรา นี่จึงชื่อวามา
เรียนหนังสือ มาเรียนเพือ่ เอาหลักเอาเกณฑ เอาเหตุเอาผล เอาความรูค วามฉลาดไปปก
ครองตนเอง ตลอดครอบครัวเหยาเรือนและสวนรวมทัว่ ๆ ไป เมื่อตางคนตางมีความรูดี
มีหนาที่การงานอันชอบธรรมและประพฤติตัวดีแลว นัน่ แลโลกเจริญเพราะอันนีเ้ อง ไมได
เจริญเพราะความเหลวแหลกแหวกแนวนะ พากันจําไดไหมละ
เอาละพอ

www.Luangta.or.th หรือ www.luangta.com

หลวงตาสอนเด็ก ๒๘
๒๙

เทศนอบรมคณะนักเรียนโรงเรียนประจักษศิลปาคาร อุดรธานี
เมือ่ วันที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๒
นิสัยของพระโพธิสัตว
พวกเราทั้งหลายใหเห็นใจพระพุทธเจาที่ทรงขวนขวายแทบเปนแทบตาย สรางพระบารมี
มาเฉพาะพระพุทธเจาของเรานี่ ๔ อสงไขยแสนมหากัป คําวา ๔ อสงไขย แปลวานับไมได ๔
หน ถาหากเราเทียบก็อยางเรานับ ๑, ๒, ๓ , ไปถึง ๑ ลาน พอลานแลวก็หยุดที่ตรงนั้นแลวมา
นับใหม จนถึงลานเปนสองลาน สามลาน เปนสีล่ า น นีอ่ สงไขยคือนับไมได ตัง้ แตครัง้ นัน้ เขา
จะถือเลขไหนเปนสําคัญไมรู แตสําหรับเมืองไทยเรานี้ถือเลขลาน พอถึงลานแลวก็หยุดมานับ
ใหม ไปถึงลานแลวหยุด เพราะฉะนัน้ จึงวาหนึง่ ลาน สองลาน หรือสิบลาน ยีส่ บิ ลาน พันลาน
หมืน่ ลาน อยูใ นจุดลาน เปนจุดขีดขัน้ ตายตัวเอาไวยอ นมานับใหม อันนี้อสงไขยนั่นก็คงหมาย
เลขลานนั่นแหละ เปนแตวาเขาไมเรียกลาน นับไปถึงไหนไมทราบแลวก็นับไมไดหนหนึ่ง อสงไขย
แปลวานับไมไดหนึง่ หนสองหน ถาหากวาเราเทียบในสมัยปจจุบันเราก็เรียกวา ๔ ลาน กําไร
แสนมหากัป หมายความวาพิเศษออกไปเรียกวากําไรๆ นี่ เหมือนอยางเราไปซื้อของมานี่เราซื้อ
สิบเราขายมากกวานัน้ นั้นเรียกวาเปนกําไร อันนี้ตน ๔ อสงไขย เศษออกไปอีกแสนมหากัป
นี่พระพุทธเจาสรางพระบารมี
การสรางพระบารมีของพระพุทธเจามีมากนอยตางกัน บางองค ๑๖ อสงไขย ๘ อสงไขย ๔
อสงไขย อยางนอย ๔ อสงไขย นับไมได ๔ หน นับไมได ๑๖ หน นับไมได ๘ หน เรียกวา
อสงไขยๆ แลวก็แสนมหากัปๆ เศษดวยกันทั้งนั้น นีก่ วาจะเต็มสมบูรณความเปนพระพุทธเจา
ถาน้ํากวาจะเต็มตุมเต็มถังนี้ก็ ๑๖ อสงไขย กวาจะเต็มตุม ตุมใหญ ตุมแหงความเปนพระพุทธ
เจา บรรจุอรรถธรรมไวอยูน น้ั หมด พุทธวิสยั ความสามารถของพระพุทธเจาอยูน น้ั หมด ไมมีใคร
มีความสามารถเหมือนพระพุทธเจา เพราะเวลาสรางก็สรางเอาหนักเอาหนา ฟงซิวา ๔ อสงไขย
นับไมไดถึง ๔ หน ถาเราเทียบอยางทุกวันนี้ก็เรียกวา ๔ ลานแลวอีกแสนมหากัป คําวากัปหนึ่ง
นี้นานแสนนานนะ จึงเรียกวาหนึง่ กัปอีกดวยนะ แสนมหากัปอีกดวย นัน่ มากไหม ๔ อสงไขย
แลวยังแสนมหากัปอีก มากขนาดไหน กัปหนึ่งนี้นานแสนนานกวาจะนับเปนกัปหนึ่งได กัปหนึ่ง
กัลปหนึ่ง
นี่ละพระพุทธจาแตละพระองคๆ ทรงพยายามอุตสาหทุกสิ่งทุกอยาง คอก็ตัดขาดไปได
เลยเพื่อสรางพระบารมี ทุกสิ่งทุกอยางไมมีความเสียดาย คิดดูอยางพระพุทธเจาของเราชาติสุด

หลวงตาสอนเด็ก ๒๙
๓๐

ทายที่จะมาเปนพระพุทธเจานี้ก็ทานกัณหา - ชาลี ใครละทานได ทานแลวพราหมณเอาไปเฆี่ยน


ตีตอหนาตอตาอยูนั่น ถาธรรมดาแลวพราหมณนั้นคอขาดเลย ตีลูกใหเห็นตอหนาตอตาของ
เจาของทานจะทนไดยังไงคนเรามีกิเลส ฉวยไดดาบก็ตัดคอพราหมณ ไมไดกัณหา - ชาลีไปเลย
ละ กัณหา - ชาลีก็ตองกลับคืนมา เพราะพราหมณนั้นคอขาดแลว เนื่องจากมาเฆี่ยนตอหนาตี
ตอหนาตอตาของเจาของทาน อับดับที่สองอีกก็ทานพระนางมัทรี พระนางมัทรีคือพระชายาคูพึ่ง
เปนพึ่งตายเหมือนเงาเทียมตัว
ชายาๆ แปลวาผูเกิดพรอมกัน พระนางมัทรีนี้เกิดพรอมกันกับพระพุทธเจา นี่ละคูพึ่ง
เปนพึ่งตาย พระองคก็สละใหทานได ทีนี้ในชาติพระเวสสันดรการใหทานก็ไมมีใครเปนคูแขง
ทาน จนกระทั่งชาวบานชาวเมืองเขาไมพออกพอใจ ขับไลไสสงพระองคหนีจากเมือง ขับออกจาก
ความเปนพระเจาแผนดิน เขาอยูในปาเขาวงกต พระองคก็ยอมไปเขาใหไปก็ไป เรื่องของชาว
บานชาวเมืองเขาไมพอใจเพราะการใหทาน เอาชางมงคลนั่นแหละทานแลวเขาไมพอใจ จึงขับไล
พระองคไปอยูเ ขาคิรวี งกตโนน พระองคก็ยอมไป แตเรือ่ งนิสยั ของพระโพธิสตั วจะสรางบารมี
นัน้ ไมยอมถอย ไปในปาไมมีอะไรทานก็ยกกัณหา – ชาลีทาน ยกพระนางมัทรีทาน นั่นฟงซิ
นี่ละวิสัยของพระโพธิสัตวไมมีคําวาถอย โลกเขาไมยินดีเขาขับไปไหนก็ไป แตเรือ่ งพระ
อัธยาศัยหรือนิสยั ของพระโพธิสตั วนน้ั ไมยอมปลอยวางเลย เพราะนักทาน คําวาโพธิสัตวคือผูที่
จะตรัสรูข า งหนา แปลออกแลวเปนอยางนั้น เปนผูที่มีความเมตตาสงสารมากมาโดยลําดับลําดา
ไปอยูใ นฝูงสัตวกใ็ หอภัยแกสตั ว เจาของยอมตายแทนสัตวได เปนหัวหนาสัตว เจาของยอมตาย
ทีเดียวๆ อยูกับสัตว เอา สัตวอดใหพระองคอดเสียกอนใหสตั วอม่ิ พวกบริษทั บริวารอิม่ ทอง
พระโพธิสัตวถึงจะอิ่มทีหลัง
ทีนี้เวลามาเปนพระพุทธเจาแลว ความเมตตาสงสารนี้เราอยามาพูดเลยเม็ดหินเม็ดทราย
ที่อื่นที่ไมมีเม็ดหินเม็ดทรายยังมีอีก พระเมตตาของพระพุทธเจาไปไดหมด ถาวามีแตเม็ดหิน
เม็ดทรายมันก็จะมีอยูในแผนดินนี้เทานั้นเม็ดหินเม็ดทราย พระเมตตาของพระพุทธเจาก็จะมีอยู
เพียงแผนดินนี้ เพราะมีเม็ดหินเม็ดทรายอยูที่นี่ ถาหากวาพระเมตตาแทรกอยูทุกเม็ดหินเม็ด
ทราย เลยจากเม็ดหินเม็ดทรายไปอีก เทียบกับทองฟามหาสมุทรสุดสาคร ในสามภพนี้พระเมตตา
ของพระพุทธเจาหยั่งถึงหมด มากยิ่งกวาเม็ดหินเม็ดทรายนี้อีก นี่ละเวลาพระองคสรางพระบารมี
สรางมาเต็มที่แลว
เวลาขวนขวายที่จะเปนพระพุทธเจาในชาติปจจุบันเราก็เห็นแลว สลบไสล เปนยังไงถอย
ไหมพระพุทธเจา สลบก็ยังไมถอย เอา ฟนขึ้นมาเอาอีก สลบลงไป ฟนขึ้นมาสูอีกไมถอย จนได
ตรัสรู เกงไหมฟงซิ เราหาใครมาเทียบมาเปนคูแ ขง นอกจากสลบลงไปบนหมอนดังครอกๆ

หลวงตาสอนเด็ก ๓๐
๓๑

อูย อันนีท้ เุ รศนะ พวกนี้พวกสลบบนหมอน เสือ่ ขาด ขาดนี่เพราะนอนทั้งวันไมตื่น นี่


พวกเรามันพวกอยางนี้ พระพุทธเจานัน่ สลบเอาจริงๆ ตอสูจนถึงขั้นสลบ
นีเ่ วลามาตรัสรูธ รรมแลวทรงเล็งญาณในเดีย๋ วนัน้ เลย วาใครจะสามารถรูธ รรมเห็น
ธรรมของเราตถาคตที่รูอยูเวลานี้ไดและทรงธรรมนี้ได จะมีใคร ก็เล็งไปถึงดาบสทั้งสองที่พระ
องคเคยไปอาศัยอยู ก็ทรงทราบในพระญาณนั้นเอง พระญาณคือความหยั่งทราบ ไมใชหลักฐาน
พยานนะ พระญาณปรีชาสามารถ ละเอียดแหลมคมยิ่งกวาปญญาเขาไปอีก ทานจึงเรียกวาญาณ
คือความซึมซาบไปหมดเลย นี่พระองคก็ทราบวา โห เสียดายไดสิ้นเสียตั้งแตเมื่อวานนี้ คือดาบส
ทั้งสองนั้นตายเสียเมื่อเย็นวานนี้ ถาหากวายังอยูแลวพระองคจะเสด็จไปโปรดสองดาบสนี้กอน
จากนั้นมาก็เล็งญาณอีก ก็เห็นเบญจวัคคียทั้ง ๕ จึงไดเสด็จไปโปรดพระเบญจวัคคียทั้ง
๕ จากนั้นก็มีเมตตาสงสารสัตวทุกสิ่งทุกอยางที่พระพุทธเจาจะทรงทําไดแลว ยังไงก็ไมถอย จน
กระทัง่ วันปรินพิ พาน ไมมีคําวาหยุดวาถอยในการสงเคราะหสัตวโลกทั้งหลาย นีล่ ะใหเราเห็นใจ
พระพุทธเจาที่ทรงอุตสาหพยายามเพื่อสัตวทั้งหลาย ทานไมไดหวังเอาอะไรจากสัตวเลย เห็น
สัตวตกอยูในความทุกขความลําบากทรมานแลวก็เมตตาสงสาร ถาเปนบันไดก็ยื่นบันไดลงไปให
ยื่นมือลงไปใหจับ ฉุดลากขึ้นมา ๆ เหนื่อยยากขนาดไหนไมไดคํานึงถึงพระองค คํานึงตัง้ แตสตั ว
ทั้งหลายที่จะใหหลุดพนจากทุกขนั้นเทานั้น นั่นละความเมตตาของพระพุทธเจานี่เปนอันดับหนึ่ง
มาแนะนําสัง่ สอนสัตวโลก
ธรรมที่พระพุทธเจานํามาสั่งสอนนี้ไมมีใครจะมาสั่งสอนไดนะ ความรูอ ยางพระพุทธเจา
ไมมีความรูใดเสมอได อันดับที่สองก็ความรูของพระอรหันต ความบริสุทธิ์นั้นเสมอกันกับพระ
พุทธเจา จิตใจนี้เปดโลงเหมือนกันหมด เปนความบริสุทธิ์พุทโธ นีเ่ รียกวาเต็มดวงเหมือนกัน
ถาเปนพระอาทิตยก็เต็มดวง นี่คือความสวางกระจางแจงของจิตใจที่หลุดพนจากทุกข อันนี้เสมอ
กันกับพระพุทธเจา แตพุทธวิสัยคือวิสัยของพระพุทธเจา กับสาวกวิสัยคือวิสัยของสาวก นั้นตาง
กัน ถาเปนภาชนะหรือถาเปนถังก็ถังพระพุทธเจานี้ถังใหญ ถังของสาวกแตละถังๆ แตละองค
ๆ นั้นลดกันลงมา แตน้ําเต็มถังทานเหมือนกัน ความเมตตาสงสารเต็มหัวใจทาน จากใจที่
บริสุทธิ์เต็มหัวใจเชนเดียวกัน นี่ละใหเราเห็นใจพระพุทธเจาเปนอันดับหนึ่ง เห็นใจของพระ
สาวกทั้งหลายที่เปนสาวกของพระพุทธเจา ตะเกียกตะกายจนไดตรัสรู หรือบรรลุธรรมไดเปน
พระอรหันต แลวสั่งสอนโลกแทนพระพุทธเจาเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปจจุบันนี้
มาปจจุบนั นีก้ เ็ ห็นอยูแ ลว หนังสือนี่ออกมาจากไหน ก็ออกมาจากพระพุทธเจา ธรรมของ
พระพุทธเจาเอามาสอนนี่ เพราะฉะนั้นเวลาเราเอาไปอาน อยาไดอานดวยความขี้เกียจขี้คราน อาน
ใหกิเลสมัดคอไวอาน เปนยังไงกิเลสมัดคอไว คือมันไมปลอยใหเปนอิสระ ใหไดอานหนังสือ

หลวงตาสอนเด็ก ๓๑
๓๒

ธรรมะสะดวกสบาย พอจับหนังสือธรรมะขึน้ มาแลว มันจะรัดคอรัดแขงรัดขาไปหมดแหละ เจ็บ


นัน้ ปวดนีย้ งุ ไปหมด การงานก็ยุง ถาเวลาจะอานหนังสือธรรมะนะ กิเลสมันผูกมันมัดอยางนั้นเอง
เราปลอยทัง้ หมดเรือ่ งเหลานี้ เวลาเราอานธรรมะ อานพินิจพิจารณาแลวธรรมะนี้จะซึ้งเขาสูจิตใจ
เมือ่ ธรรมะซึง้ เขาสูจ ติ ใจแลว ใจจะเย็น ใจจะมีเหตุมีผล มีการยับยั้งชั่งตัวได แลวก็ไดสนุก
พิจารณาแหละที่นี่ อันใดผิดอันใดถูกพิจารณา อันใดควรทําอันใดไมควรทํา
เพราะการทําทั้งสองคือดีและชั่วนี้ เราเปนผูจะรับผลของกรรมทั้งสองประเภทนี้ ไมมีผู
อื่นใดจะมารับแทนเราได เพราะฉะนั้น การกระทําทุกสิ่งทุกอยางของผูมีธรรม ตองเปนผูพินิจ
พิจารณาเต็มหัวใจ นอกจากผูไมมีธรรมแลว อยากอะไรก็โดดผึงๆ หัวขาดขาดวนก็ขาดลงไปๆ
ไมไดสนใจไมเข็ดไมหลาบ ก็คือคนไมมีธรรมะในหัวใจนั่นเอง นีเ่ ราเปนลูกศิษยตถาคต มี
ธรรมะในหัวใจ ขอใหเอาไปพินิจพิจารณา
พระพุทธเจาเปนนักใครครวญที่สุด พระสาวกอรหันตเปนนักใครครวญทีส่ ดุ นัก
พิจารณาละเอียดลออที่สุด ไมมีใครเกินพระพุทธเจาและพระอรหันตทาน ถาพูดถึงเรื่องความ
ละเอียดลออแหงจิตใจ เพราะใจนั้นใจบริสุทธิ์ นีเ่ ราเปนลูกศิษยตถาคต ถึงจะไมไดอยางนั้นก็
ตาม ขอใหใชความพินิจพิจารณาเสียกอน อยากจะทําอะไรอยากจะไปจะมา อยากจะเตร็ดเตรเร
รอนไปไหนบางเปนธรรมดาของคนมีหัวใจก็มีบาง แตอยาใหเปนจนกระทั่งถึงปลอยเนื้อปลอยตัว
จนเสียผูเ สียคนไปหมด ศักดิ์ศรีของมนุษยจะไมมีเหลือเลยใหกิเลสเอาไปกินหมด เปดดูภายใน
ตับไมมีปอดไมมีอะไรเหลือ ไสพุงก็ไมมี กินขาวแลวไมทราบไสพุงมันหายไปไหน กิเลสเอาไปกิน
หมด
กินก็ไมกินธรรมดากินแบบโลภ กินจะเอาใหตายเหมือนพราหมณ ถาวานอนก็นอนจะเอา
ใหตายจนจะใหพระไปกุสลา ใครจะไปกุสลาคนนอนหลับ ถาตายจริงๆ ก็จะไป อยางเมื่อวานนี้ก็
ไป เขามานิมนตไป นั่นมันตายจริงๆ ไมใชคนนอนหลับครอกๆ ไมมีวันตื่นแลวใหไปกุสลา มี
แตคอนแตไมที่เราจะเอาไปกุสลา เปนยังไงฟงซิ เอาใหมันชัดเจน หลวงตาพูดใหถึงเหตุถึงผล
เรื่องของมันเปนอยางนี้ พูดใหเห็นเหตุเห็นผล นีล่ ะใหใชความพินจิ พิจารณา อยาปลอยเนือ้
ปลอยตัว
ไมมีอันใดมีคุณคายิ่งกวามนุษย ใหพน่ี อ งทัง้ หลายทราบเอาไวนะ เงินจะมีเปนกี่หมื่น ๆ
แสนๆ ลานๆ ก็ตาม ไปจากมนุษย มนุษยเปนผูผ ลิตขึน้ มนุษยเปนผูใช ถาหากวาเรามีความ
เฉลียวฉลาด เงินทุกบาททุกสตางคจะมาเปนผลเปนประโยชน หนุนเราใหมีความสุขความเจริญ
เปนแกวสารพัดนึกไดเลย แตถาเราเปนคนชั่วคนไมดีเสีย เงินทั้งหลายนั้นก็กลายมาเปนฟนเปน
ไฟเผาไหมเราหมด เพราะเราไปกวานเอามาซื้อสิ่งของที่มันจะเปนภัยละซี

หลวงตาสอนเด็ก ๓๒
๓๓

ยกตัวอยางเชนเฮโรอีนเปนยังไง ยาเสพยติดตางๆ เปนยังไง เอาไปซื้อมาดูซิ ไมกี่


บาทกี่สตางคละมันจะติด ทีนี้เมื่อติดแลวไมซื้ออยูไมได นั่นแหละเงินเหลานี้เปนภัยทั้งหมด
ที่นี่ มาเสริมฟนเสริมไฟใหเผาไหมเจาของทีโ่ งๆ นั่นแหละใหตายทั้งเปน เพราะฉะนั้นจึงตอง
ถือเจาของเปนของสําคัญ มีคุณคาอยูกับเจาของ เจาของตองพินิจพิจารณาใหดี เปนเจาของ
ของสมบัติใด สมบัตนิ น้ั จะเกิดประโยชนทง้ั หมด ถาเราเปนผูมีความเฉลียวฉลาดในการรักษา
ในการใชสอยในสิ่งเหลานั้นแลว ถาเราเปนคนโงแลวสิ่งเหลานั้นจะกลายมาเปนฟนเปนไฟเผา
ไหมเราหมดอีกเหมือนอีก เพราะฉะนั้นจึงตองไดใชความพินิจพิจารณา มนุษยเราจึงตองมี
ธรรมเปนเครื่องกํากับรักษาตัว
ธรรมเปนธรรมชาติที่ปลอดภัยไรกังวลทุกสิ่งทุกอยาง ธรรมเปนที่ฝากเปนฝากตายได
ธรรมคือความพอเหมาะพอดี ความถูกตองแมนยําทุกสัดทุกสวนไมมีอะไรเกินธรรม เพราะฉะนั้น
จึงมีธรรมเปนพื้นไวในตัวของเรา จะทําอะไรอยาลืมคําวาธรรมความถูกตอง คนเราทั้งคนนี่ถาไม
มีความถูกตองดีงามเขาไปประดับ เขาไปแทรกไปซึมแลว จะหาคุณคาไมได ทีนี้เราอยากเปนคน
ไรคุณคาไหม ถาเราอยากไรคุณคาก็ปลอยตัวไป ปลอยตัวไปเทาไรก็ยิ่งแหลกยิ่งเหลวเลวไปหมด
เลย
ถาเราพยายามรักษาตัวของเราเราก็มีคุณคา จะทุกขจะจนอันนั้นเปนเรื่องของโลกอนิจจัง
ไมเปนของแนนอนอะไร มันเกิดมีมาก็วามี มันหมดไปก็วาหมดเทานั้น แตความดีของเราคนดี
นีอ่ ยูใ นหัวใจของเรา อยูในตัวของเราไมหาย ใหรกั ษานีใ้ หคงเสนคงวาเอาไว แลวเราจะมีความ
สุขความเจริญรุง เรือง อยูในบานในเรือน ไปนอกบานนอกเมือง ไปคบคาสมาคม ตางคนตาง
ไดรับการศึกษาอบรมในทางที่ถูกที่ดีดวยกันแลว เขากันไดงายมนุษยเรา
ถาผีกับเปรตนี้มันเขากันไดยากนะ เขาไปคอยที่จะกัดกัน นี่ละกิเลสเขาตรงไหนกัดตรง
นัน้ ทะเลาะตรงนัน้ อยางนอยซุบซิบๆ นินทาวารายเขา คนนัน้ ไมดอี ยางนี้ คนนี้ไมดีอยางนั้น
ปากนี้มันเกงมาก ปากไมมีเบรก ปากสกปรก ปากไมมีหามลอมันเสีย นี่ปากไมมีธรรมะเปน
อยางนั้น ถาปากมีธรรมะไมตองบน บนไปทําไม นินทาเขาทําไม เกิดประโยชนอะไร ดูเจา
ของนั่นซิเจาของเปนยังไง ผิดถูกดีชั่วใครจะรูยิ่งกวาเจาของรูเจาของ ดูเจาของนี่มันไมดีตรง
ไหน แกไขเจาของอยูเ รือ่ ยๆ ตางคนตางแกไขเจาของแลวก็ไดของดีออกมาโชวกันนะซิ
เมื่อของดีออกมาโชวมีเทาไรไมเฟอ ถาชั่วแลวเอาแหละ เฟอทันที เห็นไหมคนชั่ว
สมมุติวาอยางบานตาดนี้มีเพียงสามคนเปนยังไง บานนีจ้ ะแตกนีน่ ะ ไมใชเลนๆ นะ คนดีมีอยู
เทาไรไมเปนไร ดีหมดทุกสิ่งทุกอยาง เหมือนเครื่องใชไมสอยของเรา มีมากมีนอยมีแตของดี
เสียหมดก็ใชดีทั้งนั้น ถามีของเสียเขามาดูซิในบานนั้นแตกบานอีกแหละ ใหจาํ เอานะ ใหเอา

หลวงตาสอนเด็ก ๓๓
๓๔

ธรรมะนี้ไปพินิจพิจารณา อานใหเขาอกเขาใจ อานพินิจพิจารณา อันดับที่สองก็อยางประวัติ


หลวงปูมั่น นี่เราพยายามตะเกียกตะกายเขียนประวัติของทานมาใหทานทั้งหลายไดเอาไปอานให
เปนคติเครื่องเตือนใจ
ธรรมะแตละเลม ๆ ที่จัดออกมานี้ก็ไมใชเรื่องเล็กนอย แมแตเราตัวเทาหนูนี้เราก็ทุกข
ยากลําบากแสนสาหัสเหมือนกันนะ ตามภูมิของเราวาสนาของเรา เมื่อมันลําบากเราก็ตองวา
ลําบาก การลําบากนี้ไมมีอะไรเกินกวาการฆากิเลส การรบกับกิเลส การตอสูกับกิเลส กิเลส
เปนสิ่งที่แหลมคมมาก เปนสิ่งที่มีอํานาจมาก กลอมสัตวทั้งหลายใหหลับสนิทไดทั้งตาลืมๆ อยู
นี่ วาอะไรดีหมด ๆ ถาลงกิเลสไดกลอมแลวหลับสนิทไปหมดทั้งๆ ที่ยังไมหลับ หัวใจมันหลับ
แลว คลอยตามไปแลว นีล่ ะกิเลสมันแหลมคมอยางนี้
เพราะฉะนั้น การจะเรียนเพลงธรรมะ เรียนอันใดก็ตาม ถาไมใชธรรมะแลวแกกิเลสไมตก
ฆากิเลสไมตาย ตองหลักธรรมะพระพุทธเจา ธรรมะพระพุทธเจานี้เปนธรรมะที่ไดฆากิเลสตาย
แลว ธรรมะเกิดขึ้นมาดวยความบริสุทธิ์ใจ จึงเอาธรรมะอันนี้มาฆากิเลส เราอยาเอาอยางอื่นไป
ฆา มันก็เหมือนกันกับสถานที่นี่สกปรก เอาน้ําสกปรกมาเทลงไปซี มันก็เพิ่มความสกปรกเขาไป
เพิ่มความสกปรกยิ่งขึ้น อะไรมันจะหาย เอาน้ําที่สะอาดมาเทซี มาชะมาลาง ลาง ๑ ถังไมพอ ๒
ถังเขาไป ๓ ถังเขาไป สถานที่นั่นก็สะอาดได มันจะสกปรกขนาดไหนก็ไมพนการชะลางดวยน้ํา
ที่สะอาดไปไดเลย มันจะสะอาดจนได
นี่หัวใจของเรามันสกปรกดวยอํานาจของกิเลสมันโสมมเต็มอยูภายในจิตใจ เอาน้ําอรรถ
น้าํ ธรรมนีเ้ ขาไปชะไปลาง แกไขดัดแปลงตนเองไปวันละเล็กละนอย แลวก็คอยสะอาดไปๆ ก็
กลายเปนคนสะอาด เมือ่ ใจของเราสะอาดดวยความสุจริตธรรมแลว กิริยามารยาทแสดงออกมา
ทางใดสะอาดไปหมด นีล่ ะคนมีธรรม ใหเอาธรรมนีไ้ ปชําระลางนะ เพราะคําวากิเลสนีข่ นาดอยาง
ทีว่ า นัน่ แหละ เราพูดเต็มหัวใจลืมไมไดกับเรื่องของกิเลสนี่ พอพูดขึ้นมาเดี๋ยวนี้ยังคันฟนใหกับ
กิเลสอยูนี่ ยังจะตอสูกิเลสอยูนี่ ฟงซิมันเจ็บแสบขนาดไหน ถึงไดผูกโกรธผูกแคนกันถึงขนาด
นัน้ มนุษยเรา เจ็บแสบขนาดนั้นแหละ
เรื่องของกิเลสนี่ทําใหเจ็บแสบขนาดนั้น ฟดกันนี่บางทีมันจะตายอยูในภูเขาจะวายังไง
เดินบิณฑบาตในบานไมถึงบานเขานี่จะตายแลว นั่งพักอยูตามรมไม นั่งพักอยูตามขางทาง มัน
ไปไมถึงจะตายเสียกอน มันทําไมถึงจะตาย ก็ไมกินขาวตั้งหลายๆ วัน นัน่ ถากินขาวแลวมันคึก
มันคะนอง กิเลสราคะตัณหามันก็มาก คนกําลังหนุมกําลังนอยเรานี่ กิเลสมันวิง่ รวดเร็วทีส่ ดุ
เลย สติตามไมทันมัน ยิ่งกินใหมันดีนอนใหหลับสบายๆ แลวมันตายทั้งเปนนั่นแหละ เพราะ

หลวงตาสอนเด็ก ๓๔
๓๕

ฉะนั้นจึงตองไดดัดกันทุกดานทุกทาง เมื่อเวลาดัดลงไป ขาวก็ไมใหกินๆ กําลังมันก็ออนลงทาง


รางกาย
รางกายเปนเครื่องเสริมกิเลส เปนเครื่องมือของกิเลสไดดี ถาเราปลอยใหอันนี้เปน
เครือ่ งมือไดดี ก็คือวากินมากนอนมาก อยูสบายๆ อันนี้ละกิเลสหัวเราะทีเดียว กิเลสสบายมาก
ไดเครื่องมือที่ทันสมัย เครือ่ งมือนีบ้ อกนอนสอนงายทีส่ ดุ เลย ทีนี้อะไรมันก็เกิดซี ขึน้ ชือ่ วาเรือ่ ง
ของกิเลส มันจะเกิดขึ้นอยางรวดเร็วๆ เมื่อเปนเชนนั้นเราตองการจะไปใหกิเลสเกิดขึ้นสงเสริม
กิเลส เพาะกิเลสเหรอ หรือเราจะไปฆากิเลส เมื่อเราจะไปฆากิเลส อันใดกิเลสชอบเราตองดัดกัน
ธรรมะเราชอบกิเลสยังดัด มันไมใหชอบ ทีนี้กิเลสมันชอบตรงไหน ธรรมะเราก็ดัดเขา
ไปๆ ฟนเขาไป ฟนกิเลสดวยเหตุใดมันถึงดี เชน ฟนดวยการอดนอน เอาไมนอน มันเปนยัง
ไง เมือ่ ไมนอนแลวไดผลยังไงบาง ภาวนาเดินไดผลยังไงบาง เอา อดอาหารมันไดผลยังไงบาง
หาอุบายวิธีการ เอาวิธีนี้ไมไดหาวิธีนี้มาแก หาวิธีนี้แกไมได เอาวิธีนี้มาแก นัน่ จึงเรียกวาเปน
ความฉลาด เอาจนกระทั่งสูได
พอจับเคล็ดลับมันไดแลว ออ กิเลสตัวนี้ตองฆาวิธีนี้ เมื่อฆาวิธีนี้ไดผลแลวจะปลอยวิธี
นี้ไปเปนวิธีอื่นซึ่งไมไดผล ไปปลอยไดยังไงคนเรา เมื่อไดดวยวิธีใด ไดผลไดประโยชนดวยวิธี
ใด มันก็ตองฝนตองบืนซีคนเรา เชน ไดประโยชนดวยการอดหลับอดนอน ดวยการผอนอาหาร
อดอาหารก็ตองอด หิวจนจะตายก็ตองไดอดแหละ เพราะกิเลสมันหมอบเวลาอดอาหาร
ภาวนามันก็ดีดมันก็ขึ้น จิตใจสงางาม จิตใจสวางกระจางแจงไปทั่วแดนโลกธาตุนี่จะวาไง
ฟงซิ ตาเรามันเห็นแตแคนเ้ี ทานัน้ ใจนี่อะไรจะมาปดบังได สวางกระจางแจงไปหมดทั่ว
แดนโลกธาตุอะไรจะไปเกินใจ เพราะฉะนัน้ ใจจึงเปนของเลิศประเสริฐสุด จึงตองใหบํารุง
หัวใจเรา นีท่ า นสอนตรงนี้
นี่เราพูดถึงเรื่องกิเลสมันแหลมมันคมมันละเอียดลออมาก อํานาจของมันนี้กลอม
ตรงไหนหลับสนิทๆ ไปหมดไมวา ชาติชน้ั วรรณะใด สัตวในสามแดนโลกธาตุนอ้ี ยูใ นเพลง
ของกิเลสที่กลอมใหหลับสนิทดวยกันทั้งนั้น นอกจากพระพุทธเจาและพระอรหันตทาน
กลอมทานไมได ทานฆามันสังหารมันแลว จึงไดเห็นวาเพลงของมันนี้เกงมาก เพลงของ
มันละเอียดมาก แหลมคมมากทีเดียว แลวจึงไดมาสอนโลกทัง้ หลายนี่ สอนโลกใหรูวิธีแก
กิเลส ถากิเลสยังมีบนหัวใจมากนอย ยิ่งไมมีธรรมะดวยแลว คนนั้นจะตายทั้งเปน กุสลา
ไมทนั นัน่ แหละ ตามกุสลาไมทัน ถามีธรรมะเขาแทรกยังพอฟดพอเหวี่ยง มีแพมีชนะกัน
ได มีทีไดทีเสียบาง พากันจําเอานะ

หลวงตาสอนเด็ก ๓๕
๓๖

นีแ่ ลเรือ่ งกิเลสมันละเอียดขนาดนัน้ ละ จึงวามันลืมไมได พระพุทธเจาทานก็ลืมไมได


ประวัติของทานมีมาจนกระทั่งปานนี้เห็นไหม พระองคสลบ พระองคทํางานอะไรเคยสลบไหม
เปนพระเจาแผนดินมา ๑๓ ปพระองคเคยสลบไหม ไมเห็นสลบ เวลามาฟดกับกิเลส ๖ ป สลบ
๓ หน นั่นฟงซิทุกขไหม พระสาวกก็เหมือนกัน บางองคฝาเทาแตก เดินจงกรมนี่ เดินไปเดินมา
ฆากิเลสจนกระทั่งฝาเทาแตก กิเลสยังไมแตก ฝาเทาแตกเสียกอน แลวตานีแ้ ตก โนนพระจักขุ
บาล อดนอนไมนอน ไมยอมนอน จนกระทั่งตาพิการขึ้นมา หมอเขาวาตองนอน โห นอนไม
ได เราไดตั้งสัจอธิษฐานแลววา ๓ เดือนนี้จะไมนอน ทานก็ไมยอมนอน ตาแตกแตกไปทานวา
ยังงัน้ เอา ตาก็แตก กิเลสก็แตกสะบั้นออกจากหัวใจกลายเปนพระอรหันตขึ้นมาในเวลานั้นนั่น
แล
นั่นฟงซิ ทุกขไหมลําบากไหม นี่ทานจะลืมไดยังไง พระอรหันตแทบทุกองคทานเปน
อยางนั้น ทานก็ลืมไมได พระพุทธเจาทานก็ลืมไมได จึงไดเขียนประวัติมาใหพวกเราทั้งหลาย
ทราบวา คือกิเลสมันเกงขนาดนัน้ นะ ความหมายวาอยางนั้น ไมเอาจริงเอาจังไมไดนะวางั้น นี่
ละทานเอาธรรมะมาสอนพวกเรา
ถึงเราไมไดเปนอยางนั้นก็ตาม ไมไดแบบนั้นก็ตาม ขอใหไดแบบลูกศิษยมีครู ให
เอาไปประพฤติปฏิบัติตามสติกําลังความสามารถของตน อยาใหแตกิเลสเอาไปถลุงเสียทั้ง
วันทั้งคืน นอนอยูก็ถลุง แลวแตวา จะตืน่ เมือ่ ไร ตืน่ ขึน้ มาแลวก็เพลิน เอาไปถลุงทางเพลิน
เอา การจับจายใชสอยมีมากมีนอยเอาหมดกระเปา เพลินเอาไปถลุงๆ เสียทั้งหมด สิ่งใด
ที่มีใหกิเลสเอาไปใชและถลุงแหลกๆ ไมมีคําวาพอประมาณ ไมมีคําวาพอดิบพอดี ถาลง
วากิเลสไดถอื บังเหียนแลวเสร็จเลย เพราะฉะนั้น ใหธรรมถือบังเหียนซิ ธรรมถือบังเหียนจะรู
จักความพอดี ใชสอยอะไรความพอดีใหมีประจํา จะควรซื้ออะไรพิจารณาดูกอน ซื้อนี้เปน
ประโยชนอะไร ถาไมเปนประโยชนไมซื้อ อยางนัน้ ซีจงึ เรียกวาธรรม ธรรมกํากับไวตลอดเวลา
อันใดที่ควรซื้อควรหาคอยซื้อคอยหา อันใดไมควรก็ไมตองเอา บังคับ เรื่องความอยาก
มันไมถอย เพราะเรือ่ งของกิเลสมันจะถอยเมือ่ ไรละ มันไมถอยแหละ เอาธรรมะสกัดความอยาก
ดวยเบรกหามลอไวกึ๊ก เอา อยากเทาไรก็อยากเถอะเราไมซื้อ เพราะเหตุผลบอกอยูแลววาซื้อ
มาก็เพื่อทําลายตัวเอง คนเราจะตัง้ ใจซือ้ เครือ่ งสังหารมาทําลายตัวเองมีอยางเหรอ นัน่ เทานัน้
หยุด แลววันหลังเบาลงๆ คราวตอไปนี้ฟงเหตุฟงผล เราจะทําอะไร ไปมาอะไรก็ตาม ควร
หรือไมควร มันจะบอกทันทีในหัวใจนั่นแหละ เมือ่ ไมควรแลวหยุดไมเสียดายๆ ไมไดฝนกัน
เหมือนดังแตกอน นี่ละการฝกตนตองเปนอยางนี้

หลวงตาสอนเด็ก ๓๖
๓๗

ขอใหพี่นองลูกหลานทั้งหลายไดนําธรรมะนี้ไปประพฤติปฏิบัติ เราจะเปนคนดีมีสงาราศี
มีความสุขความเจริญทั้งปจจุบันและอนาคต คําวาอนาคตคือจิตดวงนี้แหละ ยายออกจากราง
กายนี้มันจะไปสูรางกายขางหนา รางกายขางหนาในภพหนานัน่ มันมีความดีไหม ถาไมมีความดี
ความจมมันจะมีอยูในนั้นแหละ คนเรามันไมทําความดีมันมักทําชั่ว สวนมากมักทําแตความชั่ว
ตายแลวจม นี่เราอยากจมละเหรอ คิดตั้งแตเราอยูในโลกกับมนุษยเขา เราไมไดจมไปไหน ทุกข
เรายังรูวามันทุกข ลําบากเรายังรูวาลําบาก จนยังรูว า จน แลวไปเมืองผีใครจะตามไปสงเสีย
อะไรๆ ตอเรา ใครจะไปสงเคราะหสงหาเรา ไมมีใครสงเคราะหใครนะ ถาเจาของไมไดจัดการทํา
เจาของ รับรองเจาของ ยืนยันเจาของ ดวยความดีทั้งหลายเสียตั้งแตบัดนี้แลวไมมีทาง จําให
ดีนะ
เอาละพอ

www.Luangta.or.th หรือ www.luangta.com

หลวงตาสอนเด็ก ๓๗
๓๘

เทศนอบรมฆราวาส ณ วัดปาบานตาด
เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๑
เทพบันดาล
เมื่อวานซืนนี้ก็ไปเทศนที่วัดถ้ํากลองเพล งานระลึกถึงหลวงปูข าวทานวันที่ ๑๖
ตอนกลางคืน คนก็มากพระก็มาก เทศนจบแลวเรามาเลยไมไดคา ง วัดถ้ํากลองเพลก็
มีเปนบริเวณทีก่ าํ แพงลอมรอบอยูเ ทานัน้ นอกจากนั้นก็เปนทะเลสาบไปหมด ปาไมมี
เหลือเลย เหลืออยูเ ฉพาะบริเวณวัดเทานัน้ เอง แตกอนก็ปาชางดงเสือนะนั่นนะ วัดถ้ํา
กลองเพล ก็ดังที่เขียนไวในประวัติของหลวงปูทานเกี่ยวกับเรื่องถ้ํากลองเพล มีเหตุผล
เปนมายังไงถึงเรียกถ้ํากลองเพลก็บอกไวแลว
แถวนัน้ ไมมบี า นผูบ า นคนนะ หนองวัวซอที่มีเปนบานทุกวันนี้ก็ยายมาจากอุบลฯ
มาอยูน ่ี หนองบัวบานก็มาจากทางจังหวัดเลย ยายมาเมือ่ เร็วๆ นีน้ ะ ทีเ่ ขาเรียกหนองวัว
ซอๆ ไมใชอะไรนะ เปนวัวปาไมใชววั บาน มันมารอกันอยู จะลงกินน้ําในหนองนั่นนะ
แตทางนีเ้ ขาเรียกมันซอๆ ก็คือจอรออยูอยางนั้นเพื่อจะลง มันมากตอมาก เปนวัวปาทัง้ นัน้
ไมใชววั บาน ที่วาหนองวัวซอๆ แตกอนเปนปาวัว - วัวแดงเต็มไปหมดนั้น เพราะไมมี
บานผูบ า นคนเลย แถวนัน้ จะมีบา นทีไ่ หน ไมมี หนองแวงฮีก็ไมมี บานหมากหญาดูวา
ยายไปอยูกอนเขาก็มีเทานั้น มีบา นหมากหญาแลวก็บา นหนองขุน นอกนัน้ ไมเห็นมีบา น
อะไร หนองแซงอะไรเหลานี้ไมมี บานคนไมมี หนองบัวบานก็ไมมี หนองวัวซอก็ไมมี
พวกนีย้ า ยมาจากอุบลฯ บานโนนทันเหลานีย้ า ยมาจากอุบลฯ แตกอนเปนดงเปนปาทั้ง
นัน้ สัตวชุม เดีย๋ วนีม้ แี ตปา คน
ปาไมชุมเย็นแตปาคนนั้นรอน ไมมีอะไรรอนยิ่งกวาปาคน เราพูดอยางนีเ้ ราไม
ตําหนิใคร เพราะเราก็คนคนหนึง่ ก็เราไมใชคนตาย เราก็รอ นเปนหนาวเปนเหมือนกัน
นีน่ ะ คนไปอยูที่ไหนมักมีเรื่องมากและรอนมากยุงมาก ปานั้นไมยุงแตเย็น เราคิดดูซทิ ่ี
วาแตกอ นไมมหี มูบ า นเลยนะ เดีย๋ วนีเ้ ปนยังไง หนาแนนขนาดไหน ดูเอา ถ้ํากลองเพลนี้
เปนสถานที่ที่ไปพักแรมของนายพรานเขานะ นายพรานเขามาหาลาเนือ้ แลวก็ไปพักแรม
ที่นั่น เพราะทีน่ น่ั ฝนตกแลวไมรว่ั เขาก็ไปอาศัยนั่น แถวนัน้ ไมมบี า นคน จึงมีแตพวก
สัตว พวกเนือ้ พวกเสือ พวกชางเต็มไปหมด
เมือ่ เร็วๆ นีจ้ วนทานจะมรณภาพนีม้ ชี า งใหญตวั หนึง่ มันยังมาหา ทานบอก
วาทานรําพึง ทานเลาใหฟงก็มีขบขันดีเหมือนกัน เวลาทานเลานาฟงอยูน ะ ทานอยู

หลวงตาสอนเด็ก ๓๘
๓๙

เฉยๆ แตวาทานคิดถึงสภาพของปาอยู ทานวาชางมันมาเสมอในวัดนัน้ นะ มันมาเปน


โขลงๆ เขาไปทางสํานักแมขาวแมชี แตมันไมกินอะไรนะ พวกกลวย พวกตนกลวย
อะไรนี้ก็ไมกิน เขาไปอยูตามนั้น อาศัยกินอะไรอยูในวัด เวลากลางวันมันก็มานอนอยู
ทางตะวันออกของกุฏิหลวงปู ที่ลุมๆ ตีนเขานัน้ กลางวันนอนอยูนั้นพระทานยังไป
แอบดูมัน เวลาบายๆ มันออกหากิน พอไดยินเสียงไมหัก ไมไรไมไผหัก พระเลย
ดอมๆ ไปดูเห็นตัวมันอยูโ นนละ บริเวณเหลานี้ เมือ่ เร็วๆ นี้ ยังมีนี่ชาง ยังมาอยู แต
เวลานีน้ า จะหมดแลว พวกยักษมีหูเอาไปกินหมดแลว
นี่ทานก็รําพึงถึงชางตัวใหญๆ ทีม่ นั เคยมาหาทาน ทานอยูวัดถ้ํากลองเพลมันเคย
มา เคยมาเสมอนะแตมันไมไดเขามาถึงกุฏิทาน อยางคราวทีแ่ ลวนีม่ นั มาหากินอยูใ กลๆ
นี่ ตัวใหญมากทีเดียว แลวทานก็ราํ พึง เอะ ชางตัวใหญๆ นีม่ นั ตายแลวหรือไงนาไมเห็น
นานแลว ตัวทีม่ นั มาเทีย่ วหากินอยูต ามบริเวณทีเ่ ราอยูน ่ี ทานวางัน้ นะ มันไปไหนหาย
เงียบไปเลย หรือถูกเขาฆาแลวนา ทานรําพึงอยูตอนกลางวัน พอตกกลางคืนมันก็มา
ดึกสงัดจริงๆ ดูประมาณสักตีหนึ่ง
ธรรมดาชางเดินไมไดยินเสียงมันหรอก มันไมมีเล็บลงพื้น เล็บมันอยูข า งบน
เหมือนเล็บมือเล็บเทาเรานี่ เดินไปถึงไมไดยินเสียง พอดึกสงัดมันก็เอางวงมาลูบมาคลํา
ฝากุฏิทาน เวลามันมานัน้ ทานอยูใ นหอง มันก็เอางวงมาลูบมาคลําตรงกับที่เรานอนอยู
ขางใน มันลูบมันคลําฝาขางนอกทานวางั้น ฟงเสียงเหมือนกับเสียงคนมาลูบมาคลําฝา
ใครมาทีน่ น่ั ทานวางัน้ นะ เสียงไมดังนักแตพอไดยินดีๆ นีแ่ หละทานวา ใครมาอยูข า ง
นอกนัน่ นะทานวางัน้
เสียงมันก็ยังมีอยูและเงียบไปชั่วคราว ทานเลยนึกในใจ หรือพวกขโมยมาหา
ขโมยของหรือไงนา แตทานไมไดบอกวาขโมย ถาอยากไดของ ของอะไรก็อยูชั้นลางนั่น
พรมก็มี อยากไดก็เอาไปซีทานบอก ทานนึกวาเปนพวกขโมย ความจริงเปนชางใหญ
อยูขางนอกนั้น มันกําลังเอางวงมันคลําฝากุฏิทาน มันอยูทางดานตะวันตก ทานอยูใน
หอง ทานบอกวาถาอยากไดอะไรก็เอาซิ พรมก็อยูช น้ั ลางนัน้ แหละ แลวทานก็ภาวนา
ไปทานวา
ตกตอนเชาทานเลยไปดูวาขโมยมาเอาของอะไรไป ของก็ยังเห็นดีๆ อยูในหอง
ชัน้ ลางนะ ยังดีๆอยู ทีนี้รอยก็ไมเห็นละซี นีซ่ มี นั นาคิดเอามากนะ เวลามันเขามาตาม
ทางนั่นจะไปเห็นรอยมันไดยังไง ก็หินนี่ทางเขา กุฏหิ ลวงปูห ลังปจจุบนั เขามานี้ ถาเดิน
มาตามทางก็ไมเห็นรอยซิ อะไรมาก็ไมเห็นรอย ทีนี้เวลามันออกไปนี้ มันนาคิดอยูน ะ

หลวงตาสอนเด็ก ๓๙
๔๐

มันมีกองทรายอยูโนน พวกกองทราย เขาเอาทรายมาผสมปูนอะไรๆ เสร็จแลวก็วาง


กองอยูขางนอก ทางไปอยูอีกทางหนึ่ง มันไมไดออกไปตามทางนี่นะเวลามันออก
ออกไปก็ไปเหยียบเอากองทรายนั่นนะไวตรงนั้น เหยียบรอยเดียวนะ มันแปลกจริงๆ
เหยียบเสร็จแลวก็ไป
ทีนี้ประตูนั้นมันมีซุมประตู มันเปนประตูไมตีขวางไวนี้ มันก็ไมไปตรงนี้ ถาไปตรง
นี้ประตูก็พัง ประตูตองหักราวที่ตีขางบนตองหัก มันก็ออมไป เวลามาก็ออมเขามา เวลา
ออกไปก็ออมไป ทานจึงมาเห็นรอย อุย ๆ นี่ ๆ มันมาเมื่อคืนนี้ ทานชีร้ อยนัน้ ใหพระ
เณรดู พระทานก็เลยเอาอะไรมาวางขวางไวกลัวคนจะไปเหยียบ ใครมาก็ใหดู เราไปวัด
ดูไดหนึ่งศอกหลวงพอดีนะ ก็ประมาณ ๕๐ ซม.หรือวาไง ไดพอดีเปงเลย รอยมันกวาง
กลม มันไปแลวใหมๆ เราไปนัน่ ทานก็เลยเลาเรื่องใหฟงแลวทานก็พาไปดูรอยชางตัว
นี้ นีๆ
่ ดูซิทานมหา รอยมันตัง้ ใจเหยียบไวนน่ี ะ ไมไดเดินไปเหยียบเพราะผานไปเฉยๆ
มันตั้งใจไปเหยียบแลวมันก็กลับ มันจึงเปนเหมือนเทวดาบันดลบันดาลใจ พวกนี้พวก
เทพบันดาลใจมีนะ เชน เทพบันดาลเปนสัตว เชน ชาง เชนเสือ เชนอะไรๆ มาก็เปน
ได คืออิทธิฤทธิ์ของเทพใหเปนสัตวทั้งตัวเลย ใหเรามองเห็นดวยตาเนือ้ ของเราชัด ๆ นี่
อยางนี้ก็เปนได หรือเทวดาบันดาลใจสัตวใหรเู รือ่ งรูร าวอะไรใหปฏิบตั หิ นาทีแ่ ทนอยาง
นั้นก็ได เชนอยางชางไปเหยียบรอยไว นีก้ เ็ หมือนกับเทวดาบันดาลใจใหเปนๆ
อยางที่พระทานเดินจงกรมอยู ทีห่ ลวงปูม น่ั ทานเลาใหฟง ทีเ่ ราเขียนไวในประวัตฯิ
นะ พระทานเดินจงกรมอยู เสือมันมานั่งอยูขางทาง ไมไดนั่งหมอบทําทาจะตะครุบอะไร
นะ มันนัง่ ธรรมดาเหมือนสุนขั นั่งอยูขางทางจงกรม ทานอยูฝงแมน้ําโขงทางโนน ปกติ
ฝงแมน้ําโขงทางโนนเสือชุมอยูแลว ทุกวันนี้ก็ยังชุมเพราะเนื้อมากเสือมาก คนยังไมได
ทําลายอะไรมากนักเหมือนเมืองไทยเรา แตกอนก็ยิ่งมากทานวา
ทานวาทานเดินจงกรมอยู มันก็มานั่งอยูขางทางจงกรมตั้งแตเมื่อไรก็ไมทราบ
มันรูสึกมีลักษณะแสลงตาๆ เหมือนมีอะไรอยูขางๆ ทานเลยมองไปๆ ที่ไหนไดเสือมัน
นั่งมองดูเราอยู มองอยูตั้งแตเมื่อไรไมรู ทีแรกรูส กึ เสียวเหมือนกัน พอจากนัน้ แลวรูส กึ
เงียบๆ ใจจะวากลัวจริงๆ ก็ไมใช ทานวาพอเปนลักษณะเสียวๆ พอมองไปๆ ปบ เสือ
มันนั่งอยูเหมือนหมานั่งแลวก็มองดูคน
ตาอะไรจะแหลมคมยิ่งกวาตาเสือใชไหมละ ทานมองไปงี้ตามันก็สบกันแลวทาน
ก็ผา นไปเสีย พอรูว า เปนเสือทานก็เดินกลับไปกลับมาอยูน น่ั ทานก็เลยนึกละซีที่นี่ จะ
มานอนเฝาอะไร ทานคิดเฉยๆ นะนี่ จะมานอนเฝาหาอะไร ถาหิวอาหารจะไปหาอยูห า

หลวงตาสอนเด็ก ๔๐
๔๑

กินที่ไหนก็ไปซีทานวา พอวางั้น เสียงมันคํารามขึน้ อยางแรงเลยนะ โฮก ไปหรือไมไป


จะทําไม คงจะวางั้นซิ พอคํารามขึ้นอีกทีหนึ่ง โฮก โฮ ถาไมอยากไปจะเฝาอันตรายใหก็ดี
ทานวางัน้ นะ นีท่ า นแกปบ เลยภายในใจนะ ไมไดพูด ไมมีกิริยาอะไรตอกันละ มีแต
กิรยิ าทางนัน้ คําราม เพราะทางนี้คิดไมเขาทา จะไปหาอยูหากินที่ไหนก็ไปซี เขานัง่
เฉยๆ ไมเห็นมายุง อะไรกับเราใชไหมละ จะไปหาอยูหากินก็ไปซี จะมานั่งเฝาทําไม พอ
วางั้นก็ โฮกขึ้น ความหมายวามายุง กับเราทําไม ทางนีก้ ว็ า ถาอยางนัน้ ไมยงุ แหละทานวา
ถาไมไปหาอยูหากิน อยากจะเฝาอันตรายใหรักษาอันตรายใหก็ไดไมเปนไร นีค่ ดิ นะ
พอวางั้นเขาก็อยูอยางนั้นเลย
ทางนี้ก็เดินจงกรมตอไปจนกระทั่งเหนื่อยธรรมดาเรานะ เหนือ่ ยแลวก็มาราน ทํา
วัตรไหวพระสวดมนตเสร็จแลวนัง่ ภาวนาจนกระทัง่ นอน ตืน่ ขึน้ มาตีสาม ก็ธรรมดาพระ
กรรมฐานทานทําอยางนัน้ นี่ งานของทานคืองานเดินจงกรม นัง่ สมาธิภาวนา พอเสร็จ
แลวทานก็ลงไปเดินจงกรม ตรงทีม่ นั เคยนัง่ ไมเห็นเลย คงไปแลว วันหลังก็ไมเห็นมา
อีก จนกระทั่งทานจากไปจากที่นั่นก็ไมปรากฏอีกเลยนะ
ทีนี้มันสําคัญตรงที่วา ทางนีค้ ดิ วาไงทานวา ทางนัน้ ตอบรับความคิดนี้ เหมือน
เทพบันดาลจิตใจ เหมือนเทพมาสิงสถิตอยูในใจของสัตว พอคิดอยางนั้นมันก็ตอบรับกัน
แบบนัน้ หา จะมาเฝากันทําไม จะไปหาอยูหากินที่ไหนก็ไปซิ พอวางั้นทางนั้นก็โฮกขึ้น
เลย ทานก็พลิกความคิดเสียใหม ถาไมหิวไมไปก็ไมเปนไร จะรักษาอันตรายใหกันก็ไม
วาอะไร ทีนก้ี เ็ ลยนัง่ อยูน น่ั เสีย แนะ ฟงซินี่มันมีอะไรนะ
เรานีเ้ ชือ่ ละวาตองมีเทพบันดาลหนึง่ ไมก็เทพนิรมิตหนึ่งเปนไดสองอยาง เทพ
นิรมิตนัน้ ถาเสือก็เหมือนเสือจริงๆ ถาคนก็เปนเหมือนคนจริงๆ จะวาไง ถาบันดาลในจิต
ก็เขาแทรกในจิต อยางหลวงปูมั่นนี้เราอยากจะพูดวา เทวดาดูจะตามอารักขาทานอยู
ตลอดภายในจิตใจ คอยรับทราบความรูส กึ ความเคลือ่ นไหวของใจทานอยูต ลอดเวลานะ
เราอยากจะพูดอยางนั้น
ทานผูที่จิตบริสุทธิ์แลวไปไหนเหมือนกับวามีเทพตามอารักขา เหมือนกับวาคอย
รับขาวสงขาวเรือ่ งราวอะไรแสดงออกมาภายนอกใหคนทัง้ หลายไดเห็น เชน อยางพระ
สารีบตุ รเหมือนกัน พระสารีบตุ รทานรําพึงถึงโรคของทาน คือทานเปนโรคริดสีดวง เวลา
โรคกําเริบแลวทานตองจํากัดอาหารเอาอยางมากทีเดียว ผิดไมไดโรคนี้จะกําเริบใหญ ทีนี้
วันนัน้ ทานอยูใ นปากับพระโมคคัลลานนะ เพราะทั้งสองนี้ทานเปนคูกันนี่ พระโมคคัล
ลานเลยถามทาน เมือ่ โรคนีก้ าํ เริบแลว แตกอนทานเคยฉันอะไรที่ถูกกับโรค ทานก็บอก

หลวงตาสอนเด็ก ๔๑
๔๒

วา เคยฉันนัน้ ๆ นีเ่ ทพทราบแลวนะ แลวก็ไปบันดลบันดาลชาวบานใหหาอาหารทีถ่ กู กับ


โรคมาใหทา นฉัน เปนอยางนัน้ นะ จะวาอะไรอยางหลวงปูมั่นนี่ก็เห็นอยางชัดๆ ไมรกู ค่ี รัง้
กี่หน เปนแตเพียงเราตาบอดไมเห็นพวกเทพเทานั้นแหละ ตาเรามันบอดถึงมองพวกเทพ
ไมเห็น ถาเปนกลวยงาวกลวยหอม อูย ตาดี ตาแมวสูไมไดละ ลุกวาวๆ
หลวงปูม น่ั นีท่ าํ ใหเราคิดไมรกู ค่ี รัง้ กีห่ นละ เหมือนวาเทพคอยแทรกอยูตลอด
คอยรับทราบความเคลือ่ นไหวของทานภายในจิตใจนี่ อยางไปอยูกับทานทีแรก ผานวิสาข
บูชาแลวเราก็ไป ทีนว้ี นั เขาพรรษานัน้ เลยละ ปนน้ั ผาหายากนี่ พ.ศ.๒๔๘๕ สงครามญี่ปุน
กําลัง…พวกผาไมมี อดอยาก ปนั้นก็มีพระ ๙ เณร ๒ อยูจ าํ พรรษาบานโคกนามนดวย
กัน ปนน้ั เปนปแรกทีเ่ ราจําพรรษาอยูก บั หลวงปูม น่ั
ทีนี้ก็แจกผา พระก็กลัว ทานจะเอามาแจกหมดความหมาย ผาทีเ่ ขาเอามาถวาย
แลวกองเอาไวนน้ั นะ พระทานก็เลยแยกจากนั้นไป เอาไปไวในหองทานผืนหนึง่ เปนผา
อาบน้าํ ผาขาวนีล่ ะ พอดีทานเขาไปขางในทานก็ไปเห็น ทั้งๆ ที่ยังไมไดแจก กําลังจะ
แจกแลว ฉันจังหันเสร็จแลวก็จะแจกผา ทานเขาไปในหองของทานซึ่งก็คือศาลากั้นหอง
ไว ใครเอาผามาวางไวนท้ี า นวางัน้ เอามาวางไวทาํ ไม เรากําลังจะแจกพระอยูน ่ี พอวา
งั้นแลวก็เขาไปทําธุระของทาน เสร็จแลวทานก็ออกมา แลวก็แจกๆ จนหมด เพราะผา
นีม้ ไี มครบพระนะ ดูเหมือนขาดอยูผืนเดียว ทานก็เลยไปควาของทานมา
ถาเอาผืนของทานมาแลวก็จะพอ แตมนั ขาดทาน พระทั้งหลายก็พูดขึ้น ทาน
อาจารยกงมา วัดดอยธรรมเจดียนี้เอง ก็อนั นัน้ สําหรับแจกทานอาจารยตา งหากนีเ่ อามา
ทําไม ทานอาจารยกงมาทานเปนคนตรงไปตรงมา พูดอาจหาญมากนะ ขาดก็ขาดไปซิ
จะเปนอะไรไป ขอใหครูบาอาจารยไดเถอะ องคไหนก็เปนที่พอใจทาน วางัน้ นะ องค
ไหนไมมีความเดือดรอนเสียใจ ไดไมไดไมสําคัญ ขอใหครูบาอาจารยไดเถอะ ทานก็พูด
มีเหตุผลนี่ โอย เรามันเปนผูใหญเมื่อไรมันก็ได ทานวาอยางนีน้ ะ แนะฟงซิ ผูใ หญ
ตอบ ก็เราเปนผูใ หญ ผูนอยมันไมคอยไดนะ ผูใหญไดอยูเรื่อยๆ อะไรๆ ก็ได ใครเอา
มาๆ ก็ใหแตผใู หญแหละ ทานไมยอมเอากลับมา เอาละบุญมีหากไดเองแหละ ทานวางี้
คําพูดนี้เราก็จับปุบไวเลยนะ บุญมีหากไดเองแหละ ก็นี้เราทําบุญนี่นะ ก็พอดี แตกอน
ไมมีทางรถนะ มีแตทางลอทางเกวียน ทางผูคนไปมาจากสกลนครถึงอําเภอนาแกก็เหมือนกัน
เปนทางลอทางเกวียน ทานวางั้นเราก็จับเอาไวเปนขอคิดแลว ค่ําๆ ละที่นี่มีโยมขี้ยาคนหนึ่ง
แกไปสกลนครมา แลวพวกบริษัทแมนุม ชุวานนท นีเ่ ขาฝากผามาโดยเสียคาจางให เพราะ
คนขี้ยาเมื่อจางมันแลวจะใหสงถึงไหนมันก็สงได ขอใหไดกินยาเทานั้นเปนพอ นี่เขาก็ใหคา

หลวงตาสอนเด็ก ๔๒
๔๓

ยา กินฝนนั่นนะ แลวก็ถามวาพระอยูในวัดหลวงปูมั่นมีเทาไรๆ เพราะเขาเปนโยมอุปฏฐาก


หลวงปูมั่นมาแตไหนแตไร แมของคุณแมนุมเปนโยมอุปถัมภอุปฏฐากหลวงปูมั่น หลวงปูเสาร
มาดั้งเดิม ทานเหลานี้ละเปนสําคัญที่อาราธนานิมนตทานมาสรางวัดสุทธาวาสทุกวันนี้นะ ก็
เพราะทานเหลานีล้ ะเปนผูส ราง
ผูนี้ก็เปนโยมอุปถัมภอุปฏฐาก ไดถามขาวคราวถึงเรื่องพระมีจํานวนเทาไร ๆ คนนัน้
ก็พูดอยางงูๆ ปลาๆ เอ ๙ องคหรือ ๑๐ องคผมก็จําไมชัด เห็นทานมาบิณฑบาตจะ ๙
องคหรือ ๑๐ องคนี่แหละ เรื่องจะใหคนขี้ยาไปวัดใครจะไปเพราะไมมียามีฝนอยู ถามีฝน
อยู โห มันยกไปหมดทั้งโคตรมันเลยแหละ อยาวาแตคนขี้ยาคนนั้นใชไหมละ นี้ไมมีฝน
นี่ จะใหมันไปหาอะไร มันพูดไดขนาดนั้นก็นับวาเกงแลว
พวกนัน้ เขาก็คาดคะเนเอาเลย เขาหาผาขาวดายเทศ ไมใชผา ขาวดายบานทีเ่ ราทอ
นะ เปนดายดิบอยางดี เนือ้ มันก็แนนเทากันในสกลนคร ๑๑ ผืนเลยนะ สะพายไดไหม
ก็มาลอง เขาก็ใหคาจางอยางแพงดวย โอย ถาลงใหคาจางแพงๆ มากกวานั้นมันก็
สะพายไดคนขี้ยานี่ จนกระทั่งค่ําไปถึงวัด โฮ หนักไมใชเลนนะผาตัง้ ๑๑ ผืน จาก
สกลนครมาหาบานโคกนัน้ มันทาง ๒๒ ก.ม.เขาไปในวัดอีก ๑ ก.ม. เปน ๒๓ ก.ม.
เวลาเอาผาเขาไปแกก็เลาเรือ่ งใหฟง เพราะค่าํ แลวนีน่ ะ เขาสัง่ วาไปนีใ้ หรบี เอาไป
ถวายทานเลยนะ ไมใหรอ เจาของทานเขาสั่งมา พอไปถึงแลวรีบเอาไปถวายทานเสียกอน
แกจึงไดไป กําลังเริ่มจะมืด เราจึงถามวาไปสกลฯ เมื่อไร ผมไปเมื่อเชานี้ แลวทําไมจึง
ไดผา มาแกเลยเลาเรือ่ งใหฟง นีเ่ หตุทเ่ี ราจะรู ก็เหมือนกับวาเทวดาบันดลบันดาลนะ
แปลกอยู หลายอยางเราไมเอามาพูดมากละ เอาแตวา เทพบันดลบันดาลเทพเนรมิตแค
นีก้ พ็ อแลวแหละ เรือ่ งเหลานีเ้ คยมีมาดัง้ เดิมไมใชมมี าเมือ่ วานนีห้ รือวานซืนนี้
อะไรก็ตามถาครูบาอาจารยองคสําคัญๆ พูดอะไรแปลกๆ อยางทานอาจารยกงมา
วัดดอยธรรมเจดีย ก็เห็นไดชัดมาก คือหนูมากัดหมอนสามเหลีย่ มทานแหลกหมด ทาน
เลยทําทาขูเ ฉยๆ ไมไดมีเจตนาอะไรนี่ วาหนูนท้ี าํ ไมมาทําลายศาสนา ทานวางัน้ นะ มา
ทําลายศาสนามาหากัดหมอนของครูบาอาจารยทา นใชอยูน ่ี มันหนูยังไง หือ แมวไปไหน
นะหนูมนั พิลกึ พิลน่ั เวลานีน้ ะ มาทําลายศาสนา แมวมาชวยหนอยทานวา ตอนเชาทาน
ก็ทาํ ทาขูแ ลวก็หายไปเลย ทานบอกวาพูดขูเฉยๆ นี่
ธรรมดาหนูกบั แมวมันเปนขาศึกกัน ทานเลยเอาแมวมาขูเ ลน นี่มันแปลกตรงนี้
นะ พอตกกลางคืนมาในวันนัน้ ทานก็นง่ั ภาวนาอยูต รงหมอนนัน่ แหละ เพราะเย็บเสร็จ
แลวก็เอาทําเปนหมอนพิง จุดตะเกียงโคมรั้วหรี่ๆ วางไวขา งๆ ไมใหแสงไฟสองตา นัง่

หลวงตาสอนเด็ก ๔๓
๔๔

ภาวนาเหนือ่ ย ทานก็ลืมตาขึ้น ที่ไหนไดแมวมานั่งอยูขางๆ นีซ่ มิ นั นาแปลกประหลาด


คือไมเคยมีแมวเลย ไมเคยเห็นแมวมากอนเลยตัง้ แตสรางวัด ทานพูดตอนเชานั้นตก
กลางคืนพอลืมตาขึ้น ที่ไหนไดแมวมันมานั่งอยูนี่ อาว แมวมายังไงนี่ แมวก็วง่ิ หนีเลย
แปลกนะ จากนัน้ มาแมวตัวนีท้ าํ ใหเห็นเรือ่ ยๆ นะ ตัง้ แตวนั นัน้ ละ ไปเตาไฟก็เห็นรอย
มันอยูในเตาไฟ นี่ละเหตุที่ทานจะดักเอานะ ทานบอกใหพระเณรดักแมว เอาคอกเอา
อะไรมาดัก เตาไฟเปนเตาไฟตมน้าํ รอนไมใชเตาหุงตมอาหารการกินอะไรแหละ เห็น
รอยมันเหยียบขีเ้ ถาอะไรอยูแ ถวนัน้ ก็เลยเอากับมาดักแลวเอาอาหารใสในนัน้ สุดทายมัน
ก็ไปติดจริงๆ
พอติดก็เลยเอามาเลีย้ งไว เอาอาหารเอาอะไรๆ ใหกินเลยกลายเปนแมววัดไป แลว
ทานเปนผูสอนมัน มึงอยาไปกัดหนูนะ หนูก็เปนลูกศิษยกู มึงก็เปนลูกศิษยกู เปนลูกศิษย
ทั้งสอง สูอยารังแกกันนะทานสอนมัน ก็เอามาเลีย้ งไวแลวนีจ่ ะทํายังไง ดักไดแลวเวลาให
มันกินก็สอนมัน มันก็ไมทําไมจริงๆ แตหนูอยาไปกัดหมอนนะทานวางั้น ถากัดหมอนวัน
ไหนตองเห็นหัวหนูอยูน น้ั ดวย มันสําคัญจริงๆ นะทานวา มันอะไรพูดไมถูก นีเ่ รือ่ งหนึง่ ที่
ทานรองหาแมว แลวกลางคืนแมวก็มานี้อันหนึ่งนะ แลวก็เลี้ยงไวไมใหมันกัดหนู แตถาหนู
กัดหมอนวันไหน ตรงทีห่ มอนขาดนัน้ นะหัวหนูจะอยูท น่ี น่ั คือแมวมันเอาตัวไปกินแลวๆ
มันเหลือหัวไวให มันคงจะมาบอกครูบาวา นี่ไมใหกัดยังไงก็หมอนขาดทั้งลูกนี่ ก็เอาแต
หัวมันมาไวน่ี ความหมายวางั้นนะ
ทานบอกเปนอยางนัน้ จริงๆ แปลกเหลือเกิน ถาหากหนูไมกัดหมอนมันไมทํา
อะไร จะยัว้ เยีย้ ๆ ขนาดไหนก็ไมเปนไร มันก็อยูอยางนั้นละไมสนใจอะไร เราเปนแต
เพียงปรามมันไว มึงอยาไปยุงหนูนะ บางทีแมวนั่งอยูกับคน หนูมันก็วิ่งผานไปผานมา
ไฟมีอยูอยางนี้ แลวแมวก็นั่งอยูกับคน หนูก็วิ่งผานไปผานมา มึงอยาไปยุงกับหนูนะ
ทานขูไ วเรือ่ ยทานวางัน้ มันก็ไมทําไม บทเวลามันกัดหมอนละซี กัดวันไหนเปนไดเรื่อง
วันนัน้ เอาหัวหนูมาไวนน้ั เลยละ ทานวางัน้ มันแปลกจริงๆ นีอ้ นั หนึง่
อันนี้เราก็พูดเรื่องหนู เราก็ตัวเทาหนูตัวหนึ่งมันก็ทําใหแปลกเหมือนกัน มันเปน
อะไรหรือวาแมวนี้มันมีหูทิพยตาทิพย ตอนนัน้ เราอยูห ว ยทราย นีก่ เ็ หมือนกันหองนัน้ เอา
หมอนแขวนไว ที่แขวนก็กลัวหนูจะกัดนั่นเอง ถึงเอาเชือกมาผูกหมอนนี้แขวนเอาไว ก็หนู
นี่แหละขึ้นไปกัดเชือกขาดตกลงมา แลวหนูอีกนั่นแหละเปนผูขยําหมอนแหลกหมดเลย
หองนั้นจนเขาไมไดนะถึงขนาดนั้นแหละ เราไปเห็นเขา โถ ยังไงนี่แมวมันไปไหนดงนี้ไมมี
แมวเหรอ ทําไมหนูถึงไดพิลึกนักหนา ตอนเชานั้น นี่เราก็พูดตามภาษาเรา แมวมันไปไหน

หลวงตาสอนเด็ก ๔๔
๔๕

หมด ดงนี้ไมมีแมวเหรอ หนูมันมาทําลายศาสนาแหลกหมดแลวนี่เห็นไหม ในหองนีน้ ะ


เราวางั้น
พระเณรไดยินเสียงเราก็รุมกันขึ้นมา เพราะพระเณรเดินจงกรมอยูตามขางๆ กอน
จะบิณฑบาต นีไ่ ปดูซิ ไมมีอะไรละมีแตเรื่องหนูกัดหมอนอยูเทานั้น ดูซิก็มันเต็มไปหมด
เลยในหอง มันกัดยังไงพิลึกพิลั่นหนูนี่ หมอนทุกลูกที่มัดติดกันไว พอเชือกขาดลงมาถูกกัด
จนแหลกหมด พอดีตอน ๕ โมงเย็นมันแปลกอยูนะ เณรไปบอกวาทีค่ รูอาจารยถามหาแมว
เรียกหาแมวเมือ่ เชานี้ มันมาแลวนะ มันมาอยูไหนละ มันมาอยูใตหองนั้นแลว เอะ ทําไม
มันมาไดยังไงก็ไมทราบ วางัน้ แลวแมวตัวยังไง ตัวใหญมากวางั้น มันอยูไหนละ มัน
หมอบอยูใ ตหอ งนัน่ ละ หองที่เก็บหมอนอยูขางบนนี่นะ แลวมันหมอบอยูใตหองนั้นละอยู
ที่พื้น เณรวามันอยูพื้น แตความจริงมันอยูใตหองที่หนูกัดหมอนนั่นแหละ ไหนนะเราไป
ดูหนอย เราก็เลยไปดู
ไปดู มันอยูนั่นจริงๆ หมอบเฉยอยู ไมใชตัวเล็กๆ นะ ดาง ๆ สีกระตายบาง สี
ขาวบาง นัน้ นะมันอยูน น่ั โห ใชจริงๆ นี่ทํายังไง สวนพระทานมายืนดูอยูเต็มไปหมด
แลว อยูขางนอกนั่น แมวตัวนั้นมันไมเคยมีวางั้นเถอะนะ ไมเคยเห็นเลยนะวามีแมว แลว
ก็มีมาบันดลบันดาลเอาวันนั้น อันนี้เราก็ไมไดพูดวาเราศักดิ์สิทธิ์นะ เราพูดถึงเรื่องแมวมัน
มีหูทิพยตาทิพยตางหากนะ
ตั้งแตนั้นมาเราก็บอก มึงอยาไปหากัดหนูนะ กูเรียกเฉยๆ ไมไดเรียกใหมาจริงๆ
หรอก เรียกเฉยๆ นี่แหละ เราวา มึงอยามากัดหนูไมไดนะ แลวมาแทบทุกวันนะ พอ ๕
โมงเย็นมาแลว เดินฉากโนนฉากนี้ ทีนี้พอตกกลางคืนนี้เขาจะทําทาฉลาดมากนะ เขาจะ
อาวๆ ๆ รอบวัด วันนัน้ หนูเหมือนมันตายหมดนะ ทั้งดงนั้นเลย อยาวาแถวนัน้ ใกลๆ
เลย มันกลัวนี่นะ ฟงเสียงอาวๆ ๆ เทานัน้ ละ โห หนูนี้เงียบเลย นี้มันก็แปลก
เอา ทีนี้มาวัดนี้อีก นัน่ เราปลูกออยดําไวใหโยมแมเรา อยูขางๆ กุฏิโยมแม โยม
แมเราเปนโรคอัมพาต รักษากับหมออยูบ า นจัน่ ยาของหมอนั้นเขามีออยดําผสม นี้เราก็ได
เอาออยดําจากหมอมาปลูกไวสําหรับผสมยาใหโยมแมนั่นเองพูดงายๆ ใหเขาทําเปนแปลง
แบบปลูกผัก แลวก็เอาออยดําปลูกเปนยานๆ มันก็ขึ้นเขียวชอุมงามจริงๆ เราปดกวาดเขา
ไปตรงนั้น ไดออกอุทาน โถ ออยดํานี่ทําไมถึงงามนักหนา หรือดินมันดีหรือไงหนา เราก็
มองโนนมองนี้ ทําไมถึงเขียวสดงดงามเอานักหนา
ทีนค้ี ราวอยูท ห่ี นองผือเราเคยเห็นหนูมนั กัดออยนี่ มานีเ้ ราก็คดิ ในปานีม่ นั มีหนู
ไหมนะ ถามีหนูก็กลัวจะมากัดออยโยมแม เรานึกนะ แลวพอดีกลางคืนนัน้ หนูมาฟาด

หลวงตาสอนเด็ก ๔๕
๔๖

เอาแหลกเลย ก็แสดงวาหนูก็หูทิพยใชไหมละ พอวาในดงนีม้ นั มีหนูหรือเปลานะ ถาเปน


หนองผือแลวมันเอาเรียบเลยนะ ในดงนีม้ นั มีหนูหรือเปลานะเรานึกในใจ พอดีตกกลาง
คืนมาหนูมาถางเสียเรียบหมดเลย โถ มึงมีจริงๆ นะ แลวอยามาทําอีกนะ กูถามหามึง
เฉยๆ ละ มีจริงนะ พอวางั้นแลวพูดขูอีก เรียกหาแมวอีกแหละ ในดงนีม้ แี ตหนูเหรอ
แมวไมมีเหรอไปอีกแหละ หือ มีแตหนูมาถางออยหรือ แมวไมมเี หรอ วาอีกแหละ
เราพูดตอนปดกวาดเวลาราว ๔ โมงกวาๆ ตก ๕ โมงเย็นกวามาแลวแมวนะ เสียง
อาวๆ มาจากโนน พอดีเราอยูท ศ่ี าลาเล็ก ศาลาปลูกใหม เพราะสรางวัดใหมเรามา
ศาลามานัง่ อยูน น่ั ฟงเสียงอาวๆ มาแตโนน ฟงซิบอกหมูเพื่อน เสียงนีฟ้ ง เหมือนเสียง
แมวนะ ใครก็ฟงอาวๆ ๆ มานี่ โอ ใชแลว ๆ มันก็มาเรื่อย ถางั้นคอยดูนะจะเปน
แมวจริงๆ ไหม เพราะทีน่ ม่ี นั เตียน ปดกวาดสักเดี๋ยวมันก็อาวๆ ๆ เรือ่ ยมา ผานมา
ตรงที่หนูถางออยโยมแมนะ โผลออกมาเลยเห็นกันทุกคน อูย แมวใหญมานี่ มึงมา
อะไร กูเรียกหาใหมงึ มาขูห นูตา งหาก อยามากัดหนูไมไดนะ พอเห็นคนแลวมันก็เดิน
ฉากไปโนน จากนัน้ มาไมเคยเห็นอีกเลยนะ
ทีนห้ี นูกด็ ดั สันดานเราเรือ่ ยเพราะจิตเรามันคะนองยังไงไมรนู ะ พอมันเขียวๆ ขึ้น
เราพูดใหหนูแลวพอดีแมวก็มานี่ หรือวาแมวมาวันนัน้ เอาหนูตวั นีไ้ ปกินแลวนา นี่ออยก็
กําลังขึ้นสดสวยงดงาม ไมเห็นหนูมาถางวางีน้ ะ หรือวาหนูตัวนี้ถูกแมวกัดตายตั้งแตวัน
นัน้ นาวางี้ พอวางั้นตกกลางคืนมันมาถางเรียบหมดเลย ก็แสดงวามันยังไมตายพูดงายๆ
เขาใจไหมละ อุยตาย พอตอนเชาตื่นขึ้นมาไปเจออีก โฮ กูรูแลววามึงยังอยู ทีนี้มึงอยา
มาถางนะ กูรูแลวมึงอยูนี้กูไมวาอะไรละที่นี่นะ หากมึงตองการลําใหญๆ พอเราพูดลํา
ใหญ มันก็แปลกอยูนะ พูดถึงมันลําใหญสวยงามมาก เราก็คดิ เห็นอีกละ ออยลําขนาด
นี้ที่หนองผือปลูกไวขางๆ กุฏเิ รา กุฏเิ ราอยูใ นปาลึกๆ แลวเณรเอาออยนัน้ ไปปลูกไว
ทางตะวันออกกุฏิเรา ไมใชสวนเปนอะไรละ เปนที่โลงๆ ตรงนั้น เลยเอาออยไปชําไว
นัน่ มันขึ้นสดสวยงดงาม อมหรือชะมดเห็นออยขึ้นงามๆ มันก็มากัด มันลากเอาออย
ลําสวยๆ ที่กัดขาดแลวลากเขาไปกินในปา เพราะฉะนัน้ เวลาเห็นออยเราขึน้ ดีๆ อยางนี้
อยูทางหนองผือเห็นอมมันเอาไปกินนะ นี่เวลามันขึ้นสวยหนูมันจะไมเอาออยไปกินอีก
เหรอเราวา
พอตกกลางคืนมามันก็เอาเรียบวุธอีก เอาออยไปกิน มันแปลกอยูนะ พูดทีไรเปน
ไดเรื่องทุกที ตัง้ แตนน้ั มาเราเลยเปนเหมือนขอตกลงกันกับหนู เอาทีน้ี มึงอยากเอาไป
ก็เอาไปนะ มึงอยากกินก็มากินกูไมวาอะไรแหละ เหลานีก้ ป็ ลูกไวสาํ หรับทํายาใหโยมแม

หลวงตาสอนเด็ก ๔๖
๔๗

แตถา มึงตองการใหมาเอาเปนลําๆ นะ อยามาถางไมไดนะเราบอก ตั้งแตนั้นมาเขามา


เอาเรือ่ ยนะ เขามาเอาทีละลําๆ เอาเขาไปกินในปา พอกัดขาดแลวก็เอาไปในปา โห
ในปานัน้ เขากินหลายครัง้ หลายหนจนเต็มไปแตออ ย มีแตออยอยูในโนน ไดไปทีละลํา
เทานัน้ ละเขาไมเอามากหรอก ดึงเขาไปกินในปา มันแปลกอยูนะ เหมือนเทวดาบันดาล
แปลกๆ อยู นี่ละพูดทีไรไดเรื่องทีนั้น ทําใหเราอดคิดไมไดนี่ เอะ ชอบกลไมมีธุระ
อะไรพูดแตเรื่องแมว เรื่องแมวก็ดีเปนคติอันหนึ่ง
เอาละนะเลิกกัน

www.Luangta.or.th หรือ www.luangta.com

หลวงตาสอนเด็ก ๔๗

You might also like