You are on page 1of 45

198

สรุ ป ความใ นต อนนี้ ท่ า นม าพั กอย่่ แ ถ บบ้ าน ห้ ว ยแ คน


บ้ านนาสีน วน บ้านโคก บ้า นนามน ตำา บลตองโขบ เขตอำา เภอ
เมือง จังหวัดสกลนคร ๓ พรรษาติด ๆ กัน ในระยะที่พักอย่่แถบ
นี้ ท้ั ง ในและนอกพรรษา การติ ด ต่ อ สั่ ง สอนพวกเทพฯ และชาว
มนุ ษ ย์ ท่ า นว่ าท่ านดำา เนิ น ไปโดยสมำ่ าเสมอ เฉพาะพวกเทพไม่
ค่อยมีมากและไม่มาบ่อยนักเหมือนอย่่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ คง
เกี่ยวกับสถานที่มีความเงียบสงัดต่างกัน จะมีบ้างก็หน้าเทศกาล
โดยมาก เช่ น วั น มาฆบ่ ชา วั น วิ ส าขบ่ ชา วั น เข้ า พรรษา กลาง
พรรษา และวันปวารณาออกพรรษาเท่านั้น วันนอกนั้นไม่ค่อยมี
พวกเทพฯ มาเกี่ ย วข้ อ งเหมื อ นเวลาท่ า นพั ก อย่่ ท่ี เ ชี ย งใหม่ ใน
พรรษาพระเณรไม่ มี ม ากเพราะเสนาสนะมี จำา กั ด พอดี กั บ พระ
เณรที่อาศัยอย่่กับท่านโดยเฉพาะเท่านั้น
ส่วนพระเณรจากทิศต่าง ๆ ที่ไปรับการอบรมกับท่านตอน
นอกพรรษานั้ น มี ไ ม่ ข าด เข้ า ๆ ออก ๆ สั บ เปลี่ ย นกั น เสมอมา
ท่านอุตส่าห์เมตตาสั่งสอนด้วยความเอ็นด่สงสารอย่างสมำ่าเสมอ
พอตกหน้าแล้งของพรรษาที่สาม ก็มีญาติโยมจากบ้านหนองผือ
นาในไปอาราธนาท่านให้มาโปรดที่หม่่บ้านนั้น ท่านรับคำานิ มนต์
เขาแล้ ว ไม่ น านญาติ โ ยมก็ พ ร้ อ มกั น ไปรั บ ท่ า นมาพั ก และจำา
พรรษาที่บ้านหนองผือ ตำา บลนาใน อำา เภอพรรณานิ คม จังหวัด
สกลนคร ท่ านออกเดิ น ทางจากบ้ า นโคกมาบ้ า นหนองผื อ ด้ ว ย
เท้าเปล่า และพักแรมมาตามรายทางราว ๓-๔ คืนจึงถึงหม่่บ้าน
หนองผือ เพราะทางเต็มไปด้วยป่ าดงพงลึก ต้องด้นดั้นซอกซอน
มาตลอดสายจนถึงหม่่บ้านหนองผือ
เพี ย งไม่ ก่ี วั น ที่ ม าถึ ง บ้ า นหนองผื อ ท่ า นเริ่ ม ป่ วยเป็ นไข้
มาลาเรียแบบจับสั่น ชนิ ดเปลี่ยนหนาวเป็ นร้อนและเปลี่ยนร้อน
เป็ นหนาว ซึ่งเป็ นการทรมานอย่างยิ่งอย่่แรมเดือน ไข้ประเภทนี้
ใครโดนเข้าร้่สึกจะเข็ดหลาบไปตาม ๆ กัน เพราะเป็ นไข้ชนิ ดที่
ไม่ ร้่ จั ก หายลงได้ เป็ นเข้ า กั บ รายใดแล้ ว ตั้ ง แรมปี ก็ ไ ม่ ห าย คง
แอบมาเยี่ยม ๆ มอง ๆ อย่่ทำา นองนั้น คือหายไปตั้ง ๑๕ วันหรือ
เดือนหนึ่ ง นึ กว่าหายสนิ ทแล้วก็กลับมาเป็ นเข้าอีก หรือตั้งเป็ น
เดือน ๆ แล้วก็กลับมาเป็ นอีก ซึ่งเคยเขียนเรื่องไข้ประเภทนี้ บ้าง
แล้วว่า ถ้าล่กเขยเป็ นก็อาจทำาเอาจนพ่อตาแม่ยายเบื่อ ถ้าพ่อตา
หรือแม่ยายเป็ นก็ทำา เอาจนล่กเขยเบื่อ เพราะทำา งานหนั ก หนา
อะไรไม่ ไ ด้ แต่ รั บประทานได้ ม าก นอนหลั บ สนิ ท ดี ช นิ ด ไม่ ร้่ จั ก

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 198
199

ตื่นและบ่น ได้ เ ก่ ง ชนิ ด ไม่ ห ยุ ด ปากพอให้ ค นดี เ บื่ อกั น ดี น่ั นแล ผ้่
เป็ นไข้ชนิ ดนี้ ใครไม่เบื่อเป็ นไม่มี เพราะเป็ นไข้ท่ีน่าเบื่อเอามากที
เดี ย ว ทั้ ง นี้ เนื่ องจากสมั ย นั้ น ไม่ มี ย าแก้ กั น ให้ ห ายเด็ ด ขาดได้
เหมือนสมัยนี้ เมื่อเป็ นเข้าแล้วต้องปล่อยให้หายไปเอง มิฉะนั้นก็
กลายเป็ นโรคเรื้อรังไปเป็ นปี ๆ ถ้าเป็ นเด็กโดยมากก็ลงพุง จน
กลายเป็ นเด็กพุงโตหรือพุงโร หน้าไม่มีสีสันวรรณะเลย
ไข้ ป ระเภทนี้ ช อบเป็ นกั บ คนที่ เ คยอย่่ บ้ า นทุ่ ง ๆ แล้ ว ย้ า ย
ภ่มิลำาเนาเข้าไปอย่่ในป่ าตามไร่นา แม้คนที่เคยอย่่ป่าเป็ นประจำา
มาแล้ ว ก็ ยั ง เป็ นได้ แต่ ไ ม่ ค่ อ ยรุ น แรงเหมื อ นคนมาจากทางทุ่ ง
และชอบเป็ นกับพระธุดงคกรรมฐานที่ชอบเที่ยวซอกแซกไปตาม
ป่ าตามเขาโดยมาก สำา หรั บ ผ้่ เ ขี ย นแล้ ว ถ้ า เป็ นสิ่ ง ที่ มี ค่ า ควร
ออกอวดโลกได้เกี่ยวกับไข้ชนิ ดเข็ดหลาบตลอดวันตายนี้ ก็คงได้
อวดอย่างเต็มภ่มิไม่ยอมแพ้ใครอย่างง่าย ๆ ทีเดียว เพราะเคย
โดนมามากมายหลายครั้ง และร้่ฤทธิข ์ องมันชนิ ดไม่กล้าส้่ตลอด
วันตายเลย ขณะเขียนก็ยังกลัวอย่่เลย แม้มาอย่่บ้านหนองผือปี
แรกก็โดนไข้น้ี ดัดสันดานจนตลอดพรรษาและเตลิดถึงหน้าแล้ง
ไม่ยอมหายสนิ ทได้เลย จะไม่ใ ห้เ ข็ด หลาบอย่ างไรเพราะพระก็
คือคนที่มีหัวใจและร้่ จักสุ ข ทุก ข์ ดี ชั่ว อย่ างเต็ มใจเช่น เดีย วกั บ
คนทั่ว ๆ ไปนั่ น เอง สิ่ ง ที่ น่ า เข็ ด น่ า กลั ว จึ ง ต้ อ งเข็ ด ต้ อ งกลั ว เช่ น
เดียวกับคนทั้งหลาย
ท่านพักอย่่ท่ีหนองผือ ปรากฏมีพระเณรมากขึ้นโดยลำา ดับ
เฉพาะภายในวัดในพรรษาหนึ่ ง ๆ ก็มีถึง ๒๐-๓๐ กว่าองค์อย่่แล้ว
นอกจากนั้นยังมีพระเณรพักและจำาพรรษาอย่่ตามหม่่บ้านเล็ก ๆ
แถบใกล้เคียงอีกหลายแห่ง แห่งละ ๒ องค์บ้าง ๓ องค์บ้าง ๔-๕
องค์บ้าง แห่งละ ๙-๑๐ องค์บ้าง วันประชุมทำา อุโบสถ ปรากฏมี
พระมารวมทำา อุ โ บสถถึ ง ๓๐-๔๐ องค์ ก็ มี รวมทั้ ง ในวั ด และ
บริ เ วณใกล้ เ คี ย งแล้ ว มี พ ระเณรไม่ ต่ ำ ากว่ า ๕๐-๖๐ องค์ นอก
พรรษายั ง มี ม ากกว่ า นั้ น ในบางครั้ ง และมี ม ากตลอดมานั บ แต่
ท่านไปจำาพรรษาที่น้ัน เวลากลางวันพระเณรต่างปลีกตัวเข้าไป
อย่่ในป่ าลึกนอกบริเวณวัดเพื่อประกอบความเพียร เพราะป่ าดง
ที่ต้ังสำา นักร้่สึกกว้างขวางมากเป็ นสิบ ๆ กิโลเมตร ยิ่งด้านยาว

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 199
200

ด้ ว ยแล้ ว แทบจะหาที่ สุ ด ป่ าไม่ เ จอ เพราะยาวไปตามภ่ เ ขาที่ มี


ติดต่อกันไปอย่างสลับซับซ้อนจนไม่อาจพรรณนาได้
อำาเภอพรรณานิ คมทางด้านทิศใต้ โดยมากมีแต่ป่าแต่เขา
ทั้งนั้น จนไปจดจังหวัดกาฬสินธ์ุ ฉะนั้นเวลาท่านพระอาจารย์ม่ัน
ไปพั ก อย่่ วั ด หนองผื อ จึ ง เ ป็ น จุ ด ศ่ น ย์ ก ลางแ ห่ ง พร ะธุ ดงค
กรรมฐานดีมาก ที่ท่านต้องมารวมฟั งปาฏิโ มกข์แ ละฟั งโอวาท
ตามโอกาสตลอดเวลา เกิดข้อข้องใจทางด้านภาวนาขึ้นมาก็มา
ศึกษาได้สะดวก พอออกพรรษาหน้าแล้งท่านผ้่ประสงค์จะขึ้นไป
พั ก อย่่ บ นเขาก็ ไ ด้ ในถำ้ าหรื อ เงื้ อมผาก็ ไ ด้ จะพั ก อย่่ ต ามป่ าดง
ธรรมดาก็สะดวก เพราะหม่่บ้านมีประปรายอย่่เป็ นแห่ง แห่งละ
๑๐ หลังคาเรือนบ้าง ๒๐-๓๐ หลังคาเรือนบ้าง แม้บนไหล่เขาก็
ยั ง มี ห ม่่ บ้ า นเล็ ก ๆ น้ อ ย ๆ ที่ อ าศั ย ทำา ไร่ ทำา สวนอย่่ แ ทบทั่ ว ไป
แห่งละ ๕-๖ หลังคา ซึ่งปล่กเป็ นกระต๊อบเล็ก ๆ พอได้อาศัยเขา
โคจรบิณฑบาต
บ้านหนองผือตั้งอย่่ในหุบเขาซึ่งทั้งสี่ด้านหรือสี่ทิศมีป่าและ
ภ่เขาล้อมรอบ แต่เป็ นหุบเขาที่กว้างขวางพอสมควร ประชาชน
ทำา นากันได้สะดวกเป็ นแห่ง ๆ ไป ป่ ามีมาก ภ่เขาก็มีมาก สนุก
เลื อกหาที่วิ เ วกเพื่ ออั ธ ยาศั ย ได้ อ ย่ า งสะดวกเป็ นที่ ๆ ไป ฉะนั้ น
พระธุ ด งค์ จึ ง มี ม ากในแถบนั้ น และมี ม ากทั้ ง หน้ า แล้ ง หน้ า ฝน
สมัยที่ท่านอาจารย์ม่ันพักอย่่ พระธุดงค์ทยอยกันเข้าออกวัดหน
องผื อ ไม่ ค่ อ ยขาดแต่ ล ะวั น ทั้ ง มาจากป่ า ทั้ ง ลงมาจากภ่ เ ขาที่
บำา เพ็ ญ มาฟั งการอบรม ทั้ ง ออกไปป่ าและขึ้ น ภ่ เ ขาเพื่ อสมณ
ธรรม ทั้งมาจากอำาเภอ จังหวัดและภาคต่าง ๆ มารับการอบรม
กั บ ท่ า นมิ ไ ด้ ข าด ยิ่ ง หน้ า แล้ ง พระยิ่ ง หลั่ ง ไหลมาจากที่ ต่ า ง ๆ
ตลอดประชาชนจากอำาเภอและจังหวัดต่าง ๆ ทั้งใกล้และไกล พา
กัน มากราบเยี่ ย มและฟั งโอวาทท่ า นมิ ไ ด้ ข าด แต่ ล้ ว นเดิน ด้ ว ย
เท้าเปล่ากันทั้งนั้น นอกจากผ้่หญิงที่ไม่เคยคิดเดินทางไกลและ
คนแก่เท่านั้น ที่ว่าจ้างล้อเกวียนเขาไปส่งถึงวัดหนองผือ
ทางจากอำาเภอพรรณนานิ คมเข้าไปถึงหม่่บ้านหนองผือ ถ้า
ไปทางตรง แต่ ต้ อ งเดิ น ตั ด ขึ้ น หลั ง เขาไปราว ๕๐๐ เส้ น ถ้ า ไป
ทางอ้อมโดยไม่ต้องขึ้นเขาก็ราว ๖๐๐ เส้น ผ้่ไม่เคยเดินทางไปไม่
ตลอด เพราะทางตรงไม่มีหม่่บ้านในระหว่างพอได้อาศัยหรือพัก
แรม ส่วนทางอ้อมยังพอมีหม่่บ้านบ้ างห่าง ๆ ซึ่งไม่ค่อยสะดวก

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 200
201

นัก พระที่ไปหาท่านต้องเดินด้วยเท้ากันทั้งนั้น เพราะไม่มีทางที่


รถยนต์ พ อเข้ า ไปได้ แม้ ร ถมี ก็ เ ฉพาะที่ ว่ิ ง ตามทางใหญ่ จ าก
จังหวัดถึงตัวจังหวัดเท่านั้น ทั้งไม่ค่อยมีมากเหมือนสมัยนี้ ไปผิด
เวลาบ้างก็มีหวังตกรถและเสียเวลาไปอีกหนึ่ งวัน
พระธุด งค์ปกติท่ านชอบเดิน ด้ว ยเท้า กัน ไม่ ชอบขึ้ น รถขึ้ น
รา เพราะไม่สะดวกเกี่ยวกับคนมาก เวลาท่านเดินธุดงค์ท่านถือ
เป็ นความเพี ย รไปพร้ อ มในเวลานั้ น ด้ ว ย ไม่ ว่ า จะไปป่ าใดหรื อ
ภ่เขาล่กใด เพียงตั้งความมุ่งหมายไว้แล้วท่านก็เดินจงกรมไปกับ
การเดินทางนั่นแล โดยไม่คิดว่าจะถึงหม่่บ้านวันหรือคำ่าเพียงไร
ท่านถือเสียว่าคำ่าที่ไหนก็พักนอนที่น่ัน ตื่นเช้าค่อยเดินทางต่อไป
ถึ ง หม่่ บ้ า น แล้ ว เข้ า โคจรบิ ณ ฑบาตมาฉั น ตามมี ต ามเกิ ด ไม่
กระวนกระวายในอาหารว่ า ดี ห รื อ เลวประการใด เพี ย งยั ง
อัตภาพให้เป็ นไปในวันหนึ่ ง ๆ เท่า นั้ น ท่า นถือ เป็ นความสบาย
สำาหรับธาตุขันธ์แล้ว จากนั้นก็เดินทางต่อไปอย่างเย็นใจจนถึงที่
หมาย
อั น ดั บ ต่ อ ไป ท่ า นเดิ น เที่ ย วหาทำา เลที่ เ หมาะกั บ อั ธ ยาศั ย
จนกว่าจะพบที่มุ่งหมายไว้ แต่น้ ำาเป็ นสิ่งสำาคัญในการพักบำาเพ็ญ
เมื่ อได้ ทำา เลที่ เ หมาะแล้ ว จากนั้ นก็ เ ร่ ง ความพากเพี ย รเดิ น
จงกรมนั่ งสมาธิภาวนาทั้งกลางวันกลางคืน มีสติประคองใจ มี
ปั ญญาเป็ นเครื่องรำาพึงในธรรมทั้งหลายที่มาสัมผัสกับอายตนะ
พยายามเกลี้ยกล่อมใจด้วยธรรมที่ถก ่ กับจริต ให้มีความสงบเย็น
เป็ นสมาธิ เมื่ อจิ ต ถอนขึ้ น มาจากสมาธิ แ ล้ ว พิ จ ารณาธรรมทั้ ง
หลายโดยทางปั ญญา ทั้ง ข้า งนอกคือ ทัศนี ย ภาพที่ สัม ผัส กัน อย่่
ตลอดเวลา ทั้ งข้ า งในคื อ ธาตุ ขั น ธ์ อ ายตนะที่ แสดงอาการ
กระเพื่อมตัวอย่่ทุกขณะ ไม่มีเวลาสงบนิ่ งอย่่ได้ ว่าเป็ นวิปริณาม
ธรรม มีความแปรปรวนอย่่เสมอมาและเสมอไป ใจไม่น่ิ งนอน
อย่่กับอะไร ซึ่งจะเป็ นเหตุให้ติดข้องพัวพัน
กำา หนดคลี่คลายด่ร่างกายจิตใจให้เห็นชัดด้วยปั ญญาจนร้่
เท่า และปล่อยวางไปเป็ นระยะ ๆ ปั ญญาทำา การขุ ด ค้ นทั้ ง ราก
แก้ ว รากฝอยและต้น ตอของกิ เ ลสทุ ก ประเภทไม่ ล ดละ มี ค วาม
เพลิดเพลินอย่่กับความเพียรสืบเนื่ องกับธรรมทั้งหลาย สิ่งที่มา
สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับใจก็พิจารณาลงในธรรม คือไตรลักษณ์ เพื่อ
ความร้่แจ้งและถอดถอนไปโดยลำาดับ เมื่อมีข้อข้องใจเกิดขึ้นที่ไม่

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 201
202

แน่ ใจว่าถ่กหรือผิดก็รีบมาเรียนถามท่าน พอได้รับคำาชี้แจงเป็ นที่


แน่ ใจแล้ว ก็กลับไปบำาเพ็ญเพื่อความก้าวหน้าของจิตต่อไป
พระธุดงคกรรมฐานจำานวนมากที่อาศัยอย่่กับท่านอาจารย์
มั่ น เพื่ อการศึ ก ษาอบรม เมื่ อที่ พั ก ในสำา นั ก ท่ า นมี ไ ม่ เ พี ย งพอ
ท่านก็แยกย้ายกันไปอย่่ในที่ต่าง ๆ โดยปลีกออกไปอย่่ท่ีละองค์
บ้าง ๒ องค์บ้าง ต่างองค์ต่างไปเที่ยวหาที่วิเวกสงัดของตน และ
ต่างองค์ต่างอย่่ตามหม่่บ้านต่าง ๆ ที่มีอย่่ในป่ าและในภ่เขาซึ่งไม่
ห่ า งจากสำา นั ก ท่ า นนั ก พอไปมาหาส่่ กั น ได้ ส ะดวกราว ๖-๗
กิโลเมตรบ้าง ๘-๙ กิโลเมตรบ้าง ๑๑-๑๒ กิโลเมตรบ้าง ๑๕-๑๖
กิ โ ลเมตรบ้ า ง หรื อ ราว ๒๐-๓๐ กิ โ ลเมตรบ้ า ง ตามแต่ ทำา เล
เหมาะกับอัธยาศัย ที่อย่่ไกลราว ๒๐ กิโลเมตรขึ้นไป เวลามาก
ราบเยี่ยมท่านก็พักค้างคืนฟั งการอบรมพอสมควรก่อนแล้วค่อย
กลับไปที่พักของตน บางท่านอาจจะไม่เข้าใจว่ากิโลเมตรหนึ่ งมี
ประมาณกี่เส้น จึงขอชี้แจงไว้พร้อมนี้ คือกิโลเมตรหนึ่ งมี ๒๕ เส้น
๔ กิโลเมตรก็เท่ากับ ๑๐๐ เส้น โปรดเทียบตามหลักเกณฑ์ท่ีให้
ไว้น้ี
หนทางตามบ้านป่ าบ้านเขาไม่เหมือนทางถนนจากอำา เภอ
ไปส่่ อำา เภอ จากจั ง หวั ด ไปส่่ จั ง หวั ด ดั ง ที่ เ ห็ น ๆ กั น แต่ เ ป็ นทาง
ของชาวบ้ า นป่ าบ้ า นเขา เขาเดิ น ท่ อ งเที่ ย วหากั น อย่ า งนั้ น มา
ดั้งเดิม และเป็ นความเคยชินของเขาอย่างนั้น นานวันจึงจะไปหา
กันครั้งหนึ่ ง ทางจึงเต็มไปด้วยป่ าดงพงลึกและขวากหนาม บาง
แห่งถ้าไม่สังเกตให้มากอาจเดินผิดทาง และหลงเข้าป่ าเข้าเขา
ซึ่งไม่มีหม่่บ้านเลยก็ได้ ระหว่างทางบางตอนไม่มีหม่่บ้านคนเลย
มี แ ต่ ป่ าแต่ เ ขาทั้ ง นั้ น และยาวตั้ ง ๒๐-๓๐ กิ โ ลเมตรถึ ง จะพบ
หม่่บ้านชาวป่ าชาวเขาก็มี ระหว่างทางนั้นสำาคัญมาก ถ้าเกิดไป
หลงทางเข้าแล้วมีหวังนอนค้างป่ าค้างเขาและอดอาหารแน่ นอน
ทั้ ง อาจไม่ ถ่ ก หม่่ บ้า นเลยก็ ไ ด้ นอกจากจะพบพวกนายพรานที่
เที่ยวล่าสัตว์ และอาศัยเขาบอกทาง หรือเขานำา ออกไปหาทาง
ไปยังหม่่บ้านจึงจะพ้นภัย
พระธุ ด งคกรรมฐานผ้่ ห วั ง ในธรรมอย่ า งยิ่ ง ท่ า นร้่ สึ ก
ลำา บากอย่่ไม่น้อยในการอย่่ การบำา เพ็ญ การเดินทาง และการ
แสวงหาคร่ อ าจารย์ ผ้่ อ บรมโดยถ่ ก ต้ อ งและราบรื่ นชื่ นใจ เช่ น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 202
203

ท่ า นอาจารย์ ม่ั น มาพบเห็ น ท่ า นแล้ ว ดี อ กดี ใ จเหมื อ นล่ ก เล็ ก ๆ


เห็นพ่อแม่เราดี ๆ นี่ เอง ทั้งรักทั้งเคารพทั้งเลื่อมใส และอะไร ๆ
รวมเป็ นความไว้ ว างใจหมดทุ ก อย่ า ง หรื อ จะเรี ย กว่ า หมดชี วิ ต
จิ ต ใจรวมล งใน ท่ า นองค์ เ ดี ย วก็ ถ่ ก เพ ราะนิ สั ย พระธุ ด งค
กรรมฐานมีความเชื่อถือและเคารพรักอาจารย์มาก ขนาดสละ
ชีวิตแทนได้โดยไม่อาลัยเสียดายเลย แม้จะแยกย้ายกันไปอย่่ใน
ที่ต่าง ๆ ก็ตาม แต่ท่านมีความผ่กพันในอาจารย์มากผิดธรรมดา
การอย่่การบำาเพ็ญหรือการไปมาแม้จะลำาบาก ท่านพอใจที่
จะพยายาม ขอแต่ มีค ร่ อ าจารย์ ค อยให้ ค วามอบอุ่ น ก็ พ อ ความ
เป็ นอย่่หลับนอน การขบฉันท่านทนได้ อดบ้างอิ่มบ้างท่านทนได้
เพราะใจท่ า นมุ่ ง ต่ อธรรมเป็ นสำา คั ญ กว่ า สิ่ ง อื่ นใด บางคื น ท่ า น
นอนตากฝนทั้งคืนทนหนาวจนตัว สั่นเหมื อนล่กนก ท่า นก็ย อม
ทนเพราะความเห็นแก่ธรรม เวลาท่านสนทนาธรรมกันเกี่ยวกับ
การบำาเพ็ญการพักอย่่ในที่ต่าง ๆ กันและการไปมาตามป่ าตาม
เขา ร้่สึกว่าน่ าฟั งมาก ทั้งน่ าสงสารท่านเหมือนสัตว์อย่่ในป่ าตัว
หนึ่ ง ไม่ มี ร าคาอะไรเลย เพราะความลำา บากจนมุ ม ที่ อ ย่่ ห ลั บ
นอนในบางครั้ งเหมื อนของสั ตว์ เพราะความจำา เป็ นบั ง คั บ ที่ จำา
ต้องอดทน
การบำาเพ็ญท่านมีอุบายวิธีต่าง ๆ กันไปตามจริตนิ สัยชอบ
คื อ อดนอนบ้ าง ผ่ อนอาหารบ้ า ง อดอาหารบ้ า ง กี่ คื น หรื อ กี่ วั น
ตามแต่ ค วามเหมาะสมกั บ จริ ต และธาตุ ขั น ธ์ จ ะพอทนได้ เดิ น
จงกรมแต่หัวคำ่าตลอดสว่างบ้าง นั่งสมาธิหลาย ๆ ชั่วโมงบ้าง นั่ง
สมาธิแต่หัวคำ่าจนสว่างบ้าง ไปนั่งสมาธิอย่่ทางเสือเข้าถำ้าของมัน
บ้าง ไปนั่งสมาธิอย่่ท่ีด่านอันเป็ นทางมาของเสือบ้าง ไปนั่งสมาธิ
อย่่ ใ นป่ าช้ าที่ กำา ลั ง เผาผี อ ย่่ ใ นวั น นั้ น บ้ า ง ไปนั่ ง อย่่ ริ ม เหวลึ ก ๆ
บ้าง กลางคืนดึก ๆ เดินเที่ยวบนภ่เขา พอไปเจอทำา เลเหมาะ ๆ
คือที่น่ากลัวมากก็น่ังสมาธิอย่่เสียที่น้ันบ้าง ไปนั่งสมาธิใต้ร่มไม้
กลางภ่เขาดึก ๆ คอยให้เสือมาที่น้ันจิตจะได้สงบในขณะนั้นบ้าง
วิ ธี เ หล่ า นี้ ท่ า นมี ค วามมุ่ ง หมายลงในจุ ด เดี ย วกั น คื อ เพื่ อ
ทรมานจิตให้หายพยศ ซึ่งก็เป็ นไปตามความมุ่งหมายจริง ๆ โดย
มากท่านได้อุบายจากวิธี เหล่า นี้ แต่ละวิธี ของแต่ล ะนิ สัย ทำา ให้
ท่านมีกำา ลังใจทำา ได้ตามวิธีท่ีถ่กกับจริตนิ สัยของตน ฉะนั้นท่าน
จึงชอบอุบายวิธีทรมานต่าง ๆ กัน แม้ท่านอาจารย์ม่ันเองก็เคย
ทำา มา และส่งเสริมพระที่ฝึกและทรมานโดยวิธีต่าง ๆ ว่าเป็ นผ้่

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 203
204

ฉลาดฝึ กอบรมตน วิ ธี เ หล่ า นี้ พ ระธุ ด งค์ ท่ า นยั ง ทำา ของท่ า นอย่่
มิได้ลดละตลอดมา
การฝึ กตั วให้เ ป็ นคนมี คุณค่า ทำา ใจให้ มีร าคาย่ อมเป็ นสิ่ ง ที่
ฝื นอย่่บ้าง ความยากลำา บากนั้ นไม่สำา คัญเท่าผลที่จะทำา ให้เป็ น
คนดี มีความสุข มีข่ ือมีแป และมีธรรมเป็ นเครื่องกำากับรักษา ไม่
ว่าโลกหรือธรรมเคยถือกันมาอย่างนั้น นอกจากสิ่งของที่ใช้การ
อะไรไม่ได้หมดความหมายไร้ค่าและคนตายแล้วเท่านั้นจึงไม่มี
การรั กษากั น คนเรายั ง มี คุณ ค่ า ควรจะได้ รั บ จากการปรั บ ปรุ ง
รักษาอย่่ จึงควรสงวนรักษาตัวอย่างยิ่ง ผลแห่งการรักษาจะยังผ้่
นั้นให้เป็ นคนดีมีความสุขความเจริญ ทั้งปั จจุบันและอนาคตไม่มี
สิ้นสุด ดังนั้น ที่พระธุดงค์ท่านปฏิบัติบำาเพ็ญโดยไม่เห็นแก่ความ
ยากลำา บากมาเป็ นอุ ป สรรค จึ ง เป็ นการเบิ ก ทางเพื่ อความ
ก้าวหน้าแห่งธรรมภายในใจ อันเป็ นที่น่ากราบไหว้บ่ชาอย่างยิ่ง
ตราบใดที่ยังมีผ้่สนใจและปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมอย่่
พระศาสนาก็ยังดำารงคงอย่่กับโลกตลอดไป และแสดงผลให้โลก
ที่ใคร่ต่อธรรมเห็นอย่ต ่ ามลำาดับที่ปฏิบัติได้ ตรงกับหลักพระพุทธ
ศาสนาที่พระพุทธเจ้าทรงเป็ นผ้่ทำา จริง ร้่จริง และสอนโลกด้วย
ธรรมจริง ผ้่เชื่อถือศาสนาก็เป็ นผ้่ทำาจริงเพื่อความร้่จริงเห็นจริง
ไม่เหลาะแหละย่อหย่อนอ่อนความสามารถ อันเป็ นการกดถ่วง
และลดคุ ณ ค่ า ของพระศาสนาลงให้ พ าหิ ร ชนเขาด่ ถ่ ก เหยี ย ด
หยามดั ง ที่ ท ราบกั น อย่่ เพราะศาสนาที่ แ ท้ จ ริ ง เป็ นคุ ณ ธรรมที่
ควรนำาออกแสดงได้อย่างเปิ ดเผยทั่วไตรโลกธาตุ โดยไม่มีความ
สะท้ า นหวั่ นไหวว่ า ไม่ จ ริ ง เพราะเป็ นธรรมที่ จริ ง ตามหลั ก
ธรรมชาติ ด้ ว ย ศาสดาที่ ส อนก็ เ ป็ นผ้่ บ ริ สุ ท ธิ แ ์ ละทรงสอนตาม
ความจริงแห่งธรรมด้วย นอกจากจะไม่สนใจหรือไม่สามารถค้น
ให้ถึง ความจริ งตามที่ศาสนาสอนไว้เ ท่า นั้ น จึ ง อาจเป็ นไปตาม
ความร้่ ค วามเห็ น ที่ ไ ม่ มี ป ระมาณของแต่ ล ะหั ว ใจที่ มี ธ รรมชาติ
หนึ่ ง ปิ ดบั ง อย่ า งลึ ก ลั บ และฝั งลึ ก อย่่ ใ นใจ ทั้ ง ปกปิ ดดวงใจไว้
ตลอดกาล ซึ่งศาสนาแทงทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว
ขออภัยที่เขียนเลยเถิดไปบ้างตามนิ สัยของคนไม่มีหลักยึด
ที่แน่ นอน ขอย้อนอธิบายวิธีฝึกทรมานต่า ง ๆ ที่พ ระธุด งค์ท่ าน
ชอบทำา เป็ นประจำา นิ สัยตลอดมาอีกเล็กน้อย พอทราบความมุ่ง
หมายและผลที่เกิดจากวิธน ี ้ัน ๆ บ้าง

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 204
205

การฝึ กแต่ละวิธีท่านเห็นผลประจักษ์ใจเป็ นลำาดับ คือทำาให้


จิตที่มีความพยศลำาพองเพราะร่างกายมีกำาลังมาก ให้ลดลงด้วย
วิธีผ่อนอาหาร อดอาหารหรืออดนอน ตลอดการหักโหมด้วยวิธี
ต่า ง ๆ คือเดิน จงกรมนาน ๆ บ้า ง นั่ งสมาธิภ าวนานาน ๆ บ้ า ง
เพื่ อใจจะได้ มี กำา ลั ง ก้ า วหน้ า ไปตามแถวแห่ ง ธรรมด้ ว ยความ
สะดวก เพื่อใจที่หวาดกลัวต่ออัน ตรายมีเสื อหรือ ผีเ ป็ นต้น แล้ว
ย้อนเข้ามาส่่ภายในอันเป็ นที่สถิตอย่่ของใจอย่างแท้จริง จนเกิด
ความสงบและกล้ า หาญขึ้ น มา ซึ่ ง เป็ นการบรรเทาหรื อ กำา จั ด
ความหวาดกลั ว ต่ าง ๆ เสี ย ได้ เพื่ อจิ ต ได้ ร้่กำา ลั ง ความสามารถ
ของตนในเวลาเข้ าที่ คั บ ขั น คื อ ความจนตรอกจนมุ ม หรื อ คราว
เกิ ด ทุ ก ขเวทนากล้ า จนถึ ง เป็ นถึ ง ตายจริ ง ๆ จะมี ท างต่ อ ส้่ เ พื่ อ
ชัยชนะเอาตัวรอดได้
ตามปกติ ถ้ า ไม่ เ ข้ า ที่ คั บ ขั น สติ ปั ญญาไม่ ค่ อ ยเกิ ด และไม่
อาจร้่ ค วามสามารถของตน การหาวิ ธี ท รมานต่ า ง ๆ ตามจริ ต
นิ สั ย และความแยบคายของแต่ ล ะรายนั้ น เป็ นวิ ธี ฝึ กซ้ อ มสติ
ปั ญญาให้มีความสามารถอาจหาญและทราบกำา ลังของตนได้ดี
ไม่สะทกสะท้านต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่เลือกกาล
สถานที่ ผลที่ปรากฏแก่ผ้่ชอบฝึ กทรมานตนด้วยวิธีต่าง ๆ คือ ผ้่
ที่ เ คยกลั ว ผี ม าดั้ ง เดิ ม ก็ ห ายกลั ว ผี ไ ด้ ด้ ว ยวิ ธี ฝืนใจเข้ า ไปเยี่ ย ม
ป่ าช้า ผ้่เคยกลัวสัตว์ร้ายต่าง ๆ มีเสือเป็ นต้น ก็หายกลัวได้ด้วย
วิธีฝืนใจเข้าไปอย่่ในที่เปลี่ยวอันเป็ นที่น่ากลัว ผ้่มักเห็นแก่ปาก
แก่ท้องชอบโลเลในอาหารปั จจัย ก็บรรเทาหรือหายเสียได้ด้วย
การผ่อนอาหารหรืออดอาหาร ตามปกตินิสัยของคนเราโดยมาก
ย่ อ มชอบอาหารดี ๆ รั บ ประทานได้ ม าก ๆ ถื อ ว่ า เป็ นความสุ ข
เพราะถ่กกับใจ ผ้่มักโลภไม่เคยมีความพอดีแอบซ่อนอย่่ด้วยได้
เลย แม้ ใ จจะทุ ก ข์ เ พี ย งไรก็ ไ ม่ ค่ อ ยสนใจคิ ด ว่ า มี ส าเหตุ เ ป็ นมา
จากอะไร แต่ ผ้่ปฏิ บัติ ธ รรมเพื่ อความร้่ ส่ิ ง เกี่ ย วข้ อ งกั บ ตนอั น มี
มากมายและต่าง ๆ กัน จำาต้องพิจารณาและทรมานกันบ้าง เพื่อ
ร้่ฤทธิข ์ องกันและกัน
ดั ง นั้ น พระธุ ด งค์ บ างองค์ ท่ า นจึ ง ทรมานท่ า นจนเป็ นที่ น่ า
สงสารอย่างจับใจก็มี คืออาหารดี ๆ ตามสมมุตินิยมที่ท่านได้มา
หรือมีผ้่นำามาถวาย พอเห็นจิตแสดงอาการอยากได้จนเป็ นที่น่า
เกลียดอย่่ภายใน ท่านกลับทรมานใจเสียไม่ยอมเอาอาหารชนิ ด
นั้ น แต่ ก ลั บ ไปเอาชนิ ด ที่ จิ ต ไม่ ต้ อ งการไปเสี ย อย่ า งนั้ น ถ้ า จิ ต

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 205
206

ต้องการมากท่านก็เอาแต่เพียงเล็กน้อยหรือบางคราวท่านบังคับ
ให้ฉันข้าวเปล่า ๆ ทั้งที่อาหารมีอย่่ อย่างนี้ ก็มี อาหารบางชนิ ด
เป็ นคุณแก่ร่างกายแต่กลับเป็ นภัยแก่ใจ คือทับถมจิตใจ ภาวนา
ยากหรือไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ทั้งที่ทำาความเพียรดังที่เคยทำามา
เป็ นประจำา เมื่อทราบว่าเป็ นเพราะเหตุใดจิตจึงไม่ก้าวหน้า ท่าน
ก็พยายามตัดต้นเหตุน้ันออกไป โดยไม่ยอมเสียดายและตามใจที่
เป็ นเจ้ากิเลสตัวโลโภ สมกับท่านมาฝึ กทรมานใจกับคร่อาจารย์
จริง ๆ มิได้ปล่อยตามใจที่เคยเอาแต่ใจตัวมาจนเป็ นนิ สัย
การฉันท่านก็ฝึกให้มีประมาณและขอบเขตจำากัด การหลับ
นอน ท่านก็ฝึกให้นอนและตื่นตามเวลาที่กำา หนดไว้ ไม่ปล่อยให้
นอนตามใจชอบหรือตามยถากรรม การไปมาในทิศทางใดควร
หรือไม่ควรท่านก็ฝึก แม้ไม่ผิดพระวินัยแต่ผิดธรรม ท่านก็บังคับ
ไม่ให้ฝ่าฝื นในสิ่งที่เห็นว่าไม่ควรนั้ น ๆ การพยายามปล่กธรรม
ให้ เ จริ ญ รุ่ งเรื องขึ้ น โดยลำา ดั บ ภายในใจไม่ ใ ห้ เ สื่ อมทรามลง จึ ง
แสนปล่กยากอย่างยิ่ง แทบพ่ดได้ว่าไม่มีอะไรจะลำาบากยากเย็น
เสมอเหมือนเลย
ส่วนการปล่กโลก ผ้่เขียนอยากจะพ่ดว่า มันคอยแต่จะแย่ง
เกิ ดและเจริญ ขึ้ น เพื่ อทำา ลายจิ ต ใจเราอย่่ ทุ ก ขณะที่ เ ผลอ จนไม่
ชนะที่จะปราบปรามมัน เพียงนาทีหนึ่ งมันก็แอบเข้ามาเกิดและ
เจริ ญ ในใจเสี ย แล้ ว ไม่ ร้่ ว่ า กี่ ป ระเภท โดยมากก็ เ ป็ นประเภท
สังหารทำาลายตัวเรานั่นแล มันเกิดและเจริญเร็วที่สุด ชั่วพริบตา
เดียวเท่านั้นก็มองไม่ ท่ัว ตามแก้ไ ม่ทัน สิ่ง ที่เกิ ดง่ ายแต่ทำา ลาย
ยากคือต้นราคะตัณหาตัวทำาความพินาศบาดหัวใจ นี่ แลเป็ นสิ่งที่
เก่งกล้าสามารถกว่าอะไรในโลก ไม่ว่าท่านว่าเราต่างก็ชอบมัน
เสี ย ด้ ว ย มั น จึ ง ได้ ใ จแล ะก่ อค วามพิ นาศใ ห้ โ ลก อย่ าง ไม่ มี
ประมาณและไม่เกรงขามใครเลย ที่มีกลัวอย่่บ้างก็ผ้่มีธรรมในใจ
และที่ ก ลั ว จริ ง ๆ คื อ พระพุ ท ธเจ้ า และพระอรหั น ต์ ท่ า นเท่ า นั้ น
มันไม่กล้าเข้าไปแอบได้ เพราะท่านทำาลายโรงลิเกละครและโรง
อะไร ๆ ของมันพังพินาศไปหมดแล้ว มันจึงกลับมาเล่นงานกับ
พวกเราผ้่ยังอย่่ใต้อำานาจของมัน
พระธุ ด งค์ ท่ านแทบเป็ นแทบตายในการฝึ กทรมานตน ก็
เพราะกิเลสสองสามตัวนี่ แลเป็ นเหตุ และทำาการกีดขวางถ่วงใจ
ท่านให้ได้รับความลำาบาก แม้เปลี่ยนเพศเป็ นพระมีผ้าเหลืองซึ่ง
เป็ นเครื่องหมายของท่านผ้่ชนะมารมาแล้วมาครองประกาศตัว

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 206
207

แต่กิเลสประเภทนี้ มันยังไม่ยอมเกรงกลัวท่านบ้างเลย แถมมัน


ยังพยายามตามฉุดลากท่านให้เปลื้องผ้าเหลืองอย่่ตลอดไป ไม่
ยอมปล่ อยตั ว เอาง่ าย ๆ ทั้ ง ไม่ เ ลื อ กวั ย เสี ย ด้ ว ย ท่ า นจึ ง จำา ต้ อ ง
ตะเกียกตะกายด้วยการฝึ กทรมานโดยวิธีต่าง ๆ ที่เห็นว่าเป็ นวิธี
กำาจัดมันออกจากใจได้ ยากก็ทน ลำาบากก็ทำา ทุกข์ก็ต้องต่อส้่ ไม่
ยอมถอยหลัง เดีย ๋ วมันจะหัวเราะเยาะเข้าอีก ยิ่งขายทั้งหน้าขาย
ทั้งผ้าเหลือง ขายทั้งเพศนักบวชที่เป็ นเพศแห่งนักต่อส้่ไม่ยอมจน
มุ ม และขายทั้ งศาสนาซึ่ง เป็ นหลัก ใหญ่ข องมวลมนุษ ย์ ยิ่งเป็ น
ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เมื่อเป็ นเช่นนี้ ก็จำาต้องพลีชีพเพื่อ
ก้่หน้า ก้่ผ้าเหลือง ก้่เพศแห่งนักบวช และก้่พระศาสนาและองค์
พระศาสดาไว้ดีกว่าจะตายแบบล่มจมป่ นปี้
เหล่ า นี้ เ ป็ นอุ บ ายที่ พ ระธุ ด งค์ ท่ า นนำา มาพรำ่ าสอนตั ว เพื่ อ
ความกล้าหาญชาญชัย เทิดไว้ซึ่งธรรมดวงเลิศ อันจักนำา ให้ถึง
แดนประเสริฐพ้น ทุกข์ ไปได้ ใ นวั น หนึ่ ง โดยไม่ ส งสั ย เพราะทาง
พ้นทุกข์ถึงความเป็ นผ้่ประเสริฐมีอย่่กับศาสนธรรมที่ประทานไว้
นี้ เ ท่ า นั้ น ที่ เ ป็ นทางตรงแน่ ว ต่ อ ความพ้ น ทุ ก ข์ โ ดยประการทั้ ง
ปวงไม่สงสัย ไม่มีอย่่ในที่อ่ ืนใดที่จะพอหลบหลีกปลีกตัวและผ่อน
คลายไปได้โดยไม่ต้องลำา บากในการขวนขวาย นอกนั้ นเต็ มไป
ด้วยขวากหนามที่จะคอยทิ่มแทงร่างกายจิตใจให้เป็ นทุกข์จนหา
ที่ปลงวางไม่ได้ตลอดกัปกัลป์ ไม่มีประมาณว่าจะผ่านพ้นไปได้
แม้ท่านอาจารย์ม่ันก่อนหน้าท่านจะปรากฏองค์ขึ้นมา ให้
พวกเราได้กราบไหว้เป็ นขวัญใจ และเป็ นอาจารย์ส่ังสอนบรรดา
ศิษย์ ท่านก็เคยเป็ นมาแล้วชนิ ดตายไม่มีป่าช้า คือสิ้นลมที่ไหน
ปล่อยร่างกันที่น่ัน ไม่อาลัยเสียดายชีวิตยิ่งกว่าธรรม ดังที่เขียน
ผ่านมาบ้างแล้ว เวลาเป็ นอาจารย์ส่ังสอนศิษย์ ท่านสั่งสอนอย่าง
เด็ด ๆ เผ็ด ๆ ร้อน ๆ ด้วยอุบายอั นแหลมคมตามแนวทางท่ าน
เคยดำา เนิ น และเห็ น ผลมาแล้ ว นั่ น แล ท่ า นสั่ ง สอนแบบปลุ ก จิ ต
ปลุกใจ และฟื้ นฟ่ความฉลาดให้ทันกับกลมารยาของกิเลสที่เคย
เป็ นนายบนหัวใจคนมานาน เพื่อการถอดถอนทำาลายกิเลสออก
ให้ ห มด จะได้ ห มดโทษหมดภั ย อย่่ ส บาย ไปอย่ า งผ้่ สิ้ น ทุ ก ข์ ไม่
ต้องมีการวกเวียนเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ แต่ความทุกข์ท่ีฝังอย่่
ในใจไม่ยอมเปลี่ยน
แม้จะเปลี่ยนภพกำาเนิ ดไปสักเท่าไร ก็เท่ากับเปลี่ยนเครื่อง
มือสังหารตนอย่่น่ั นเอง จึงไม่ควรยินดีในการเกิดเป็ นนั่ นเป็ นนี่

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 207
208

อันเป็ นลักษณะนักโทษย้ายที่อย่่หลับนอนในเรือนจำาซึ่งไม่มีอะไร
ดี ขึ้ น เลย การเกิ ด ตายนั ก ปราชญ์ ท่ า นถื อ เป็ นภั ย โดยจริ ง ใจ
เหมือนย้ายที่ท่ีถ่กไฟไหม้ แม้จะย้ายที่อย่่ไปไหนก็ไม่พ้นจากการ
ระวังภัยอย่่น่ันเอง เหล่านี้ นำามาลงเพียงเล็กน้อยสำาหรับโอวาทที่
ท่านอาจารย์ม่ันสั่งสอนพระธุดงค์ตลอดมา ที่นำา มาลงบ้างนี้ พอ
เป็ นคติแก่ท่านที่ชอบในอุบายท่าน
การให้ โ อวาทวั น ทำา อุ โ บสถและวั น ประชุ ม ฟั งธรรมโดย
เฉพาะ มี น้ ำ าหนั กแห่ ง ธรรมต่ า งกัน อย่่ ม าก วั น อุ โ บสถมี พ ระมา
มากจากสำา นั ก ต่ า ง ๆ ราว ๔๐-๕๐ องค์ การสั่ ง สอนแม้ จ ะเด็ ด
เดี่ ย วและลึ ก ซึ้ ง ก็ ไ ม่ เ หมื อ นวั น ประชุ ม ธรรมในสำา นั ก ท่ า นโดย
เฉพาะ วั น ประชุ ม ร้่ สึ ก เด็ ด และซึ้ ง จริ ง ๆ อำา นาจแห่ ง ธรรมที่
แสดงออกแต่ละครั้งขณะท่านให้โอวาท ในความร้่สึกของผ้่ฟังทั่ว
ๆ ไปประหนึ่ ง โลกธาตุ ดั บ สนิ ท ไปตามกิ เ ลสที่ ท่ า นเทศน์ขั บ ไล่
ออกจากดวงใจพระธุดงค์ ปรากฏเฉพาะธรรมกับใจที่เข้าสัมผัส
กันอย่่ขณะนั้นเท่านั้น เป็ นความซาบซึ้งตรึงใจและอัศจรรย์อย่าง
บอกไม่ถ่ก แม้หลังจากนั้นยังปรากฏเหมือนไม่มีอะไรเหลืออย่่ใน
ใจ จิ ต หมอบอย่่ เ ป็ นเวลาหลายวั น เพราะอำา นาจธรรมที่ ท่ า น
แสดงอย่างเผ็ดร้อน ประหนึ่ งท่านท้าทายกิเลสทั้งหลาย พอผ่าน
ไปหลายวันกิเลสค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาทีละน้อย ๆ นานไปพอง
ตั ว ขึ้ น อี ก พอดี ถึ ง วั น ประชุ ม ท่ า นก็ ป ราบให้ อี ก พอบรรเทา
เบาบางให้สบายใจไปได้เป็ นระยะ ๆ
ด้วยเหตุดังกล่าวมา พระธุดงค์ท้ังหลายผ้่ใคร่ต่อธรรมแดน
พ้ น ทุ ก ข์ จึ ง มี ใ จผ่ ก พั น ในอาจารย์ ม ากผิ ด ธรรมดา เพราะการ
ถอดถอนกิเลสนั้นทั้งทำาโดยลำา พังตนเอง ทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับ
อาจารย์ ผ้่ ค อยให้ อุ บ ายด้ ว ยอย่ า งแยกไม่ อ อก บางครั้ ง พระไป
บำาเพ็ญเพียรอย่่โดยลำาพัง พอเกิดข้อข้องใจซึ่งเป็ นเรื่องของกิเลส
ขึ้ น มา ไม่ ส ามารถแก้ ไ ขโดยลำา พั ง ได้ ต้ อ งรี บ มาเล่ า ถวาย
อาจารย์เพื่อท่านได้ช้ีแจงให้ฟัง พอมาเล่าถวาย ท่านก็อธิบายให้
ฟั งตามสาเหตุ น้ั น ๆ ย่ อ มได้ ส ติ แ ละหายสงสั ย ไปในขณะนั้ น
นั่นเอง บางครั้งกำาลังเกิดความสงสัยวุ่นวายอย่่กับจุดใดจุดหนึ่ ง
ที่สลับซับซ้อน เหลือที่จะแก้ให้ตกได้โดยลำาพังสติปัญญาของตน
พอท่ า นอธิ บ ายธรรมไปถึ ง จุ ด นั้ น ปรากฏเหมื อ นท่ า นเข้ า ไป
ทำา ลายความสงสัยของตนเสียได้ และผ่านไปได้ในขณะนั้นเป็ น
พัก ๆ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 208
209

ในวงพระปฏิ บั ติ ร ะหว่ า งเพื่ อนนั ก ปฏิ บั ติ ด้ ว ยกั น และ


ระหว่างล่ กศิ ษ ย์ กั บอาจารย์ จ ะทราบภ่ มิ ข องกั น และกั น ได้ และ
ทำา ให้ เ กิ ด ความเคารพเลื่ อมใสต่ อ กั น มาก ย่ อ มทราบจากการ
สนทนาธรรมกันทางภาคปฏิบัติ เมื่อเล่าความจริ งที่ จิต ประสบ
และผ่านไปส่่กันฟั ง ย่อมทราบถึงภ่มิจิตภ่มิธรรมของผ้่น้ั นทันที
ว่าอย่่ในภ่มิใด บรรดาศิษย์ท่ีทราบภ่มิของอาจารย์ได้ ย่อมทราบ
ในขณะที่เล่าธรรมภายในจิตของตนถวายท่าน หรือเล่าตอนที่จิต
ติดขัดอย่่กับอารมณ์ท่ียังแยกจากกันไม่ออก ว่าจะควรปฏิบัติต่อ
กั น อย่ า งไร ถ้ า อาจารย์ เ ป็ นผ้่ ร้่ ห รื อ ผ่ า นไปแล้ ว ท่ า นจะต้ อ ง
อธิ บ ายเพิ่ ม เติ ม ต่ อ จากที่ ต นเล่ า ถวายท่ า นแล้ ว นั้ น หรื อ ชี้ แ จง
ตอนที่ตนกำาลังติดขัดอย่่ ให้ทะลุปรุโปร่งอย่างไม่มีท่ีขัดข้องต้องติ
ใด ๆ เลย
อี ก ประการหนึ่ ง ล่ ก ศิ ษ ย์ เ กิ ด ความสำา คั ญ ตนผิ ด คิ ด ว่ า ตน
ผ่านพ้นไปโดยสิ้นเชิงแล้ว แต่ท่านทราบว่าเป็ นความเห็นที่ยังไม่
ตรงตามความเป็ นจริ ง ที่ ท่ า นผ้่ เ ห็ น มาโดยถ่ ก ต้ อ ง ท่ า นจำา ต้ อ ง
อธิ บ ายเหตุ ผ ลและชี้ แ จงให้ ฟั งตามจุ ด ที่ ผ้่ น้ั นสำา คั ญ ผิ ด จน
ยอมรั บ เหตุ ผ ลอั น ถ่ ก ต้ อง จากท่ าน เป็ นต อน ๆ ไปจน ถึ ง ที่
ปลอดภัย เมื่อต่างได้สนทนากันตามจุดต่าง ๆ แห่งธรรมจนเป็ น
ที่ทราบและลงกันได้ ย่อมยอมรับความจริงจากกันโดยไม่มีอะไร
มาประกาศยื น ยั น เพราะหลั ก ความจริ ง เป็ นเครื่ องยื น ยั น กั น
พร้อมม่ลแล้ว นี่ แลเป็ นหลักพิส่จน์ภ่มิของนักปฏิบัติธรรมด้วยกัน
ว่า ท่านผ้่ใดอย่่ในภ่มิจิตภ่มิธรรมขั้นใด นับแต่ข้ันอาจารย์ลงมา
หาพระปฏิบัติท่ัว ๆ ไป ท่านทราบกันได้ด้วยหลักฐานดังกล่าวมา
ส่ ว นการทราบด้ ว ยญาณวิ ถี น้ั น เป็ นเรื่ องภายในอี ก ขั้ น หนึ่ ง ผ้่
เขียนไม่อาจนำา มายืนยัน จึงขอมอบไว้กับท่านผ้่มีความชำา นาญ
ในทางนี้ เป็ นกรณีพิเศษ จะพึงปฏิบัติเองเป็ นราย ๆ ไป
ที่บรรดาศิษย์มีความเคารพเลื่อมใสท่านอาจารย์ม่ันอย่าง
ถึงใจ ฝากเป็ นฝากตายถวายชีวิตจริง ๆ เพราะความใกล้ชิดสนิ ท
ทั้งภายนอกภายใน เกี่ยวกับการสนทนากับท่านอย่่เสมอนั่นแล
ทำา ให้ จิ ต ยอมรั บ ความจริ ง จากท่ า นอย่ า งสนิ ท และตายใจ มิ ไ ด้
เป็ นแบบสักแต่ว่าเห็น ได้ยิ นคำา เล่ าลื อจากที่ใกล้ท่ี ไกลแล้วเชื่อ
สุ่ม ๆ ไปอย่างนั้น เฉพาะผ้่เขียนซึ่งเป็ นพระที่มีทิฐิจัดไม่ยอมลง
ใครเอาง่ า ย ๆ แล้ ว ยอมรั บ ว่ า เป็ นตั ว เก่ ง ที่ น่ า รำา คาญและน่ า
เกลียดอย่่ไม่น้อยผ้่หนึ่ งในการโต้เถียงกับท่านอาจารย์ม่ัน เป็ น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 209
210

นั กโต้เถีย งจนลืม สำา นึ กตัว ว่า เวลานี้ เรามาในนามล่ กศิ ษย์ เพื่ อ
ศึ ก ษาธรรมกั บ ท่ า น หรื อ มาในนามอาจารย์ เ พื่ อสอนธรรมแก่
ท่านเล่า อย่างนี้ ก็มใี นบางครั้ง
แต่ก็ ยังภ่ มิใจในทิฐิของตนที่ ไม่ ยอมเห็น โทษและกลั วท่ าน
แม้ถ่กท่านสับเขกลงจนกะโหลกศีรษะจะไม่มีชิ้นต่อกันเวลานั้น
หลักใหญ่ก็เพื่อทราบความจริงว่าจะมีอย่่กับทิฐิเรา หรือจะมีอย่่
กับความร้่ความฉลาดของท่านผ้่เป็ นอาจารย์ ขณะที่กำาลังโต้แย้ง
กั น อย่่ อ ย่ า งชุ ล มุ น วุ่ น วาย แต่ ทุ ก ครั้ ง ที่ โ ต้ กั น อย่ า งหนั ก ความ
จริง เป็ นฝ่ ายท่านเก็บกวาดไว้ หมด แต่ค วามเหลวไหลไร้ ค วาม
จริ ง มากองอย่่ กั บ เราผ้่ ไ ม่ เ ป็ นท่ า ที่ เ หลื อ แต่ ใ จส้่ จ นไม่ ร้่ จั ก ตาย
พอโต้เถียงกับท่านยุติลง เราเป็ นฝ่ ายนำาไปขบคิดเลือกเฟ้ นและ
ยอมรั บ ความจริ ง ของท่ า นไปเป็ นตอน ๆ ส่ ว นใดที่ เ ราเหลวก็
กำา หนดโทษของตนไว้ แ ละยอมรั บ ความจริ ง จากท่ า นด้ ว ยการ
เทิดท่นบนเศียรเกล้า ตอนใดที่ไม่เข้าใจซึ่งยังลงกันไม่ได้ วันหลัง
มี โ อกาสขึ้ น ไปโต้ กั บ ท่ า นใหม่ แต่ ทุ ก ครั้ ง ต้ อ งศี ร ษะแตกลงมา
ด้วยเหตุผลของท่านมัดตัวเอา แล้วอมความยิ้มในธรรมของท่าน
ลงมา
องค์ ท่านเองทั้ง ที่ทราบเรื่ องพระบ้ า ทิ ฐิจั ด ได้ ดี แทนที่ จ ะดุ
ด่ า หรื อ หาอุ บ ายทรมานให้ ห ายบ้ า เสี ย บ้ า ง แต่ ข ณะที่ ท่ า นมอง
หน้ า เราที ไ รอดยิ้ ม ไม่ ไ ด้ ท่ า นคงนึ ก หมั่ น ไส้ ห รื อ นึ ก สงสารคน
แสนโง่แต่ชอบต่อส้่แบบไม่ร้่จักตาย ผ้่เขียนจึงมิใช่คนดีมาแต่เดิม
แม้กระทั่งปั จจุบันนี้ ขนาดอาจารย์ยังกล้าต่อส้่ไม่ละอายตัวเอง
เลย แต่ ดี อ ย่ า งหนึ่ ง ที่ ไ ด้ ค วามร้่ แ ปลก ๆ จากวิ ธี น้ั น มาเป็ นคติ
สอนตนเรื่ อยมาจนทุ ก วั น นี้ ท่ า นเองก็ ไ ม่ เ คยถื อ สาอะไรเลย
นอกจากนึ กขันไปด้วยเท่านั้น เพราะนาน ๆ จะมีพระหัวดื้อมาก
วนใจเสียครั้งหนึ่ ง ปกติไม่ค่อยมีท่านผ้่ใดมาสนทนาและถกเถียง
ท่าน พอให้พระเณรในวัดตื่นตกใจและงงไปตาม ๆ กันบ้างเลย
หลังจากที่ท่านผ่านดงหนาป่ าทึบ คือ วัฏวนที่เชียงใหม่ตาม
ที่เขียนผ่านมาแล้ว ท่านไปพักอย่่ในสถานที่ใดนานหน่ อย สถาน
ที่ น้ั น ร้่สึ ก จะมี ค วามหมายอย่่ อ ย่ า งลึ ก ลั บ สำา หรั บ ท่ า น โดยมิ ไ ด้
บอกใครให้ทราบ พอสังเกตได้ตอนมาจากเชียงใหม่มาแวะพักที่
นครราชสีมา ก็มีพระและฆราวาสที่มีนิสัยใคร่ธรรมเป็ นหลักใจ
และภาวนาดีอย่่หลายท่าน เข้ามาศึกษาธรรมกับท่านในขณะมา
พักที่น้ัน หลังจากนั้นก็ได้ติดตามไปอบรมศึกษากับท่านที่จังหวัด

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 210
211

อุ ดรธานี บ้าง ที่ส กลนครบ้ า ง เสมอมาจนวาระสุ ด ท้ า ย ทั้ ง พระ


และฆราวาสที่ ก ล่ า วถึ ง นี้ ก็ ไ ด้ เ ป็ นผ้่ ม่ั น คงทางด้ า นจิ ต ตภาวนา
ตลอดมา ฝ่ ายพระก็ได้กลายเป็ นอาจารย์ท่ีมีหลักธรรมมั่นคงใน
ใจ กลายเป็ นผ้่มีช่ ือเสียงและเป็ นอาจารย์ส่ังสอนบรรดาศิษย์ท้ัง
พระฆราวาสหญิงชายตลอดมาถึงปั จจุบันนี้ ฝ่ ายฆราวาสก็เป็ นผ้่
มั่นคงทางจิตตภาวนาและศรัทธาอย่างอื่น ๆ เรื่อยมาจนทุกวันนี้
และเป็ นผ้่นำาฝ่ ายอุบาสกสีกา ทั้งด้านจิตใจและการเสียสละต่าง
ๆ เป็ นที่น่าชมเชยในแถบนั้นตลอดมา
เวลาท่ า นมาพั ก จำา พรรษาที่ อุ ด รฯ ก็ มี ท่ า นเจ้ า คุ ณ ธรรม
เจดีย์ซึ่งเป็ นพระสำาคัญและเป็ นเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ อุดรฯ
เป็ นผ้่ นำา ทั้ งฝ่ ายพระและประชาชน ให้ ร้่ จั ก คุ้ น เคยกั บ ท่ า น
อาจารย์ซึ่งเป็ นพระสำา คัญ ตลอดการทำา บุญให้ทานและรับการ
อบรมสั่งสอนจากท่าน ประกอบกับท่านเจ้าคุณท่านก็เคยเป็ นล่ก
ศิษย์ท่านอาจารย์ม่ันมาดั้งเดิมที่ท่านรักและเมตตามากเสมอมา
จึงได้มาอนุเคราะห์เป็ นวาระสุดท้าย
เวลาไปพั ก ที่ บ้า นนามน จั ง หวั ด สกลนคร ก็ มี อุบ าสิ ก าน่ ุ ง
ขาวแก่ ๆ คนหนึ่ งเป็ นหัวหน้าสำานักอย่่ในหม่่บ้านนั้นเป็ นสาเหตุ
ท่านได้เมตตาสั่งสอนอุบาสิกาแก่คนนั้นโดยสมำ่าเสมอ อุบาสิกา
คนนั้นภาวนาดี มีหลักใจทางด้านจิตตภาวนา ท่านเองก็ชมเชย
ว่าแกภาวนาดี ซึ่งนาน ๆ จะได้พบสักรายหนึ่ ง
ท่านมาพักบ้านหนองผือ นาใน ก็ทราบว่ามีสถานที่แ ละผ้่
เกี่ยวข้องเป็ นสาเหตุสำาคัญไม่ด้อยกว่าที่อ่ ืน ๆ สถานที่ท่ีบ้านหน
องผือตั้งอย่่น้ันเป็ นศ่นย์กลาง มีภ่เขาล้อมรอบแต่เนื้ อที่ในหุบเขา
นั้นกว้างขวางมาก และเหมาะเป็ นทำา เลบำา เพ็ญสมณธรรมของ
พระธุดงค์ท้ังหลายได้ดี ในหม่่บ้านหนองผือนั้นมีอุบาสิกาแก่นุ่ง
ห่มขาวคนหนึ่ งอายุราว ๘๐ ปี เช่นเดียวกับอุบาสิกาบ้านนามน
เป็ นนักภาวนาสำาคัญคนหนึ่ งที่ท่านเมตตาแกเป็ นพิเศษเสมอมา
แกพยายามตะเกียกตะกายออกไปศึกษาธรรมกับท่านเสมอ แก
พยายามเดิ น ด้ ว ยเท้ า กั บ ไม้ เ ท้ า เป็ นเครื่ องพยุ ง ออกไปหาท่ า น
อาจารย์ กว่ าจะถึ ง วั ด ต้ อ งพั ก เหนื่ อยระหว่ า งทางถึ ง สามสี่ ค รั้ ง
ทั้งเหนื่ อยทั้งหอบน่ าสงสารมาก
บางทีท่านอาจารย์ก็ทำาท่าดุเอาบ้างว่า โยมจะออกมาทำาไม
มันเหนื่ อยไม่ร้่หรือ แม้แต่เด็ก ๆ เขายังร้่จักเหนื่ อย แต่โยมแก่จน
อายุ ๘๐-๙๐ ปี แล้ ว ทำา ไมไม่ ร้่ จั ก เหนื่ อยเมื่ อยล้ า มาให้ ลำา บาก

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 211
212

ทำาไม แกเรียนตอบท่านอย่างอาจหาญตามนิ สัยที่ตรงไปตรงมา


ของแก จากนั้นท่านก็ถามเกี่ยวกับจิตตภาวนาและอธิบายธรรม
ให้ฟัง
อุบาสิกาแก่คนนี้ นอกจากแกภาวนาดีมีหลักเกณฑ์ทางจิต
แล้ว แกยังมีปรจิตตวิชชา คือสามารถร้่พ้ ืนเพดีช่ัวแห่งจิตของผ้่
อื่นได้ด้วยและมีนิสัยชอบร้่ส่ิงแปลก ๆ ภายนอกด้วย เวลาแกมา
รับการอบรมกับท่านอาจารย์ แกเล่าความร้่แปลก ๆ ถวายท่าน
ด้วยความอาจหาญมาก ท่านทั้งขบขันทั้งหัวเราะ ทั้งเมตตาว่า
ยายแก่น้ี อาจหาญจริง ไม่กลัวใคร แม้พระเณรจะนั่งฟั งอย่่เวลา
นั้นร่วมครึ่งร้อย แกพ่ดของแกอย่างสบาย ไม่สนใจว่าใครจะคิด
อะไร ที่น่าฟั งมากก็ตอนที่แกทายใจท่านอาจารย์อย่างอาจหาญ
มาก ไม่กลัวท่านจะว่าจะดุอะไรบ้างเลย
แกทายว่าจิตหลวงพ่ อพ้ นไปนานแล้ ว “ฉันทราบจิ ตหลวง
พ่อมานานแล้ว จิตหลวงพ่อไม่มีใครเสมอ ทั้งในวัดนี้ หรือที่อ่ ืน ๆ
จิ ต หลวงพ่ อ ประเสริ ฐ เลิ ศ โลกแล้ ว หลวงพ่ อ จะภาวนาไปเพื่ อ
อะไรอีก” ท่านตอบแกทั้งหัวเราะว่า “ภาวนาไปจนวันตายไม่มี
ถอย ใครถอยผ้่น้ั นมิใช่ศิษย์ตถาคต” ดังนี้ ซึ่งเป็ นอุบายสั่งสอน
ไปในตัว แกเรียนท่านว่า “ถ้าไปได้ก็พอไป แต่น่ี จิตหลวงพ่อหมด
ทางไปทางมาแล้ว มีแต่ความสว่างไสวและความประเสริฐเต็ม
ดวงจิต อย่่แ ล้ว หลวงพ่อ จะภาวนาไปไหนอีก เล่ า ฉัน ด่ จิต หลวง
พ่อสว่างไสวครอบโลกไปหมดแล้ว อะไรมาผ่านหลวงพ่อก็ทราบ
หมด ไม่ มี อ ะไรปิ ดบั ง จิ ต หลวงพ่ อ ได้ เ ลย แต่ จิ ต ฉั น มั น ยั ง ไม่
ประเสริฐอย่างจิตหลวงพ่อ จึงต้องออกมาเรียนถามเพื่อหลวงพ่อ
ได้ช้ีแจงทางเดินให้ถึงความประเสริฐอย่างหลวงพ่อด้วยดังนี้ ”
ขณะที่ ฟั งแกสนทนากั บ ท่ า นอาจารย์ ร้่ สึ ก ว่ า แกภาวนาดี
จริง ๆ เวลาภาวนาติดขัดแกต้องพยายามเดินคืบคลานออกมา
ด้วยไม้เท้าเป็ นเพื่อนร่วมทาง ท่านอาจารย์ก็เมตตาแกเป็ นพิเศษ
ด้ ว ย ทุ ก ค รั้ ง ที่ แ ก ม า จ ะ ไ ด้ รั บ คำา ชี้ แ จ ง จ า ก ท่ า น ท า ง ด้ า น
จิตตภาวนาด้วยดี ขณะที่แกมาหาท่านอาจารย์ พระเณรต่างองค์
ต่ า งมาแอบอย่่ แ ถวบริ เ วณข้ า ง ๆ ศาลาฉั น ซึ่ ง เป็ นที่ ท่ี ย ายแก่
มาสนทนาธรรมกั บ ท่ า น เพื่ อฟั งปั ญหาธรรมทางจิ ต ตภาวนา
ระหว่างท่านอาจารย์กับยายแก่สนทนากัน เท่าที่ฟังด่แล้ว ร้่สึก
น่ าฟั งอย่างเพลินใจ เพราะเป็ นปั ญหาที่ร้่เห็นขึ้นจากการภาวนา
ล้ ว น ๆ เกี่ ย วกั บอริ ย สั จ ทางภายในบ้ า ง เกี่ ย วกั บ พวกเทพพวก

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 212
213

พรหมภายนอกบ้ า ง ทั้ ง ภายในและภายนอก เมื่ อยายแก่ เ ล่ า


ถวายจบลง ถ้ าท่ านเห็ น ด้ วยท่ า นก็ ส่ ง เสริ ม เพื่ อเป็ นกำา ลั ง ใจใน
การพิจารณาธรรมส่วนนั้นให้มากยิ่งขึ้น ถ้าตอนใดที่ท่านไม่เห็น
ด้วย ก็อธิบายวิธีแก้ไข และสั่งสอนให้ละวิธน ี ้ันไม่ให้ทำาต่อไป
ยายแก่มาเล่าถวายท่านถึงการร้่จิตท่านและร้่จิตพระเณร
ในวั ด ร้่ สึ ก น่ า ฟั งมาก พระเณรทั้ ง แสดงอาการหวาด ๆ บ้ า ง
แสดงอาการอยากฟั งแกเล่าบ้าง แกว่านับแต่จิตท่านอาจารย์ลง
ถึงจิตพระเณร ความสว่างไสวลดหลั่นกันลงมาเป็ นลำา ดับลำา ดา
เหมือนดาวใหญ่กับดาวเล็ก ๆ ทั้งหลายที่อย่่ด้วยกันฉะนั้น ร้่สึก
น่ าด่และน่ าชมเชยมาก ที่มองด่จิตพระจิตเณรมีความสว่างไสว
และสง่าผ่าเผย ไม่เป็ นจิตที่อับเฉาเฝ้ าทุกข์ท่ีกลุ้มรุมดวงใจ แม้
เป็ นจิ ต พระหน่ ุ ม และสามเณรน้ อ ย ๆ ก็ ยั ง น่ า ปี ติ ยิ น ดี แ ละน่ า
เคารพนั บ ถื อ ตามภ่ มิ ข องแต่ ล ะองค์ ที่ อุ ต ส่ า ห์ พ ยายามชำา ระ
ขัดเกลาได้ตามฐานะของตน ๆ
บางครั้ ง แกมาเล่ าถวายท่ า นเรื่ องแกขึ้ น ไปพรหมโลก ว่ า
เห็นแต่พระจำานวนมากมายในพรหมโลก ไม่เห็นมีฆราวาสสลับ
ปนอย่่บ้างเลย ทำาไมจึงเป็ นเช่นนั้น ท่านตอบว่า “เพราะที่พรหม
โลกโดยมากมีแต่พระที่ท่านบำา เพ็ญจิตสำา เร็จธรรมขั้นอนาคามี
ผลแล้ ว เวลาท่ า นตายก็ ไ ปเกิ ด ในพรหมโลก ส่ ว นฆราวาสมี
จำา นวนน้อยมากที่ บำา เพ็ ญตนจนได้ สำา เร็ จ ธรรมขั้ น อนาคามี ผล
แล้วไปเกิดและอย่่ในพรหมโลกชั้นใดชั้นหนึ่ ง ฉะนั้น โยมจึงเห็น
แต่ พ ระไม่ เ ห็ น ฆราวาสสั บ ปนอย่่ เ ลย อี ก ประการหนึ่ ง ถ้ า โยม
สงสั ย ทำา ไมจึ ง ไม่ ถ ามพระท่ า นบ้ า ง เสี ย เวลาขึ้ น ไปถึ ง แล้ ว มา
ถามอาตมาทำา ไม” แกหัวเราะแล้วเรียนท่านว่า “ลืมเรียนถาม
พระท่าน เวลาลงมาแล้วจึงระลึกได้ก็มาเรียนถามท่าน ต่อไปถ้า
ไม่ลืมเวลาขึ้นไปอีกจึงจะเรียนถามพระท่าน”
ท่ านอาจารย์ ตอบปั ญหายายแก่ มีค วามหมายเป็ นสองนั ย
นั ย หนึ่ งตอบตามความจริ ง นั ย สองตอบเป็ นเชิ ง แก้ ค วามสงสั ย
ของยายแก่ท่ีถาม ต่อมาท่านห้ามไม่ให้แกออกร้่ส่ิงภายนอกมาก
ไป เสี ย เวลาพิ จ ารณาธรรมภายในซึ่ ง เป็ นทางมรรคทางผล
โดยตรง ยายแก่ก็ปฏิบัติตามท่าน ท่านอาจารย์เองชมเชยยาย
แ ก่ ค น นั้ น ใ ห้ พ ร ะ ฟั ง เ ห มื อ น กั น ว่ า แ ก มี ภ่ มิ ธ ร ร ม ส่ ง ที่ น่ า
อนุโมทนา พวกพระเรามีหลายองค์ท่ีไม่อาจร้่ได้เหมือนยายแก่
คงเป็ นด้วยเหตุเหล่านี้ ท่ีทำา ให้ท่านพักอย่่วัดหนองผือนานกว่าที่

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 213
214

อื่ น ๆ บ้ า ง คื อ วั ด หนองผื อ เป็ นศ่ น ย์ ก ลางของคณะปฏิ บั ติ ท้ั ง


หลายทั้งที่เที่ยวอย่่ในที่ต่าง ๆ แถบนั้น ทั้งที่พก ั อย่่ตามสำานักต่าง
ๆ ที่ไ ปมาหาส่่ ท่านได้อย่า งสะดวกสบาย ทั้ งทำา เลบำา เพ็ ญ สมณ
ธรรมมีมาก หาเลือกได้ตามชอบใจ เพราะมีท้ังป่ าธรรมดา มีท้ัง
ภ่เขา มีท้ังถำ้า ซึ่งเหมาะแก่ผ้่แสวงหาที่บำาเพ็ญอย่่มาก
ท่ านอาจารย์ ม่ัน พัก อย่่ วัด หนองผื อ ๕ พรรษา เฉพาะองค์
ท่านเองพักอย่่กับที่ ไม่ค่อยได้ไปเที่ยววิเวกทางไหนเหมือนเมื่อ
ก่อน เพราะอายุท่านราว ๗๕ ปี เข้าไปแล้ว สุขภาพก็นับวันทรุด
ลง เพียงพักอย่่เป็ นร่มเงาของบรรดาศิษย์ท่ีกำา ลังแสวงหาธรรม
ได้อาศัยความร่มเย็น ก็เป็ นที่ภาคภ่มิใจพอแล้ ว ท่า นพั กอย่่ท่ีน่ี
เหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับภ่ตผีเทวดาไม่ค่อยมีมาก มีมาหาท่าน
ก็ เ ป็ นบางสมั ย ไม่ ค่ อ ยมี บ่ อ ยนั ก เหมื อ นท่ า นพั ก อย่่ ท่ี เ ชี ย งใหม่
แต่ท่านทำาประโยชน์แก่พระเณรและประชาชนได้มากกว่าที่อ่ ืน
ๆ ในเขตจังหวัดสกลนคร ที่วัดหนองผือโดยมากเป็ นป่ าดงพงลึก
ไข้ป่าชุกชุมมาก พระเณรไปกราบเยี่ยมท่าน ท่านต้องสั่งให้รีบ
ออกถ้ า จวนเข้ า หน้ า ฝน ถ้ า หน้ า แล้ ง ก็ อ ย่่ ไ ด้ น านหน่ อ ย ผ้่ ป่ วย
ต้ อ งใช้ ค วามอดทนเพราะยาแก้ ไ ข้ ไ ม่ มี ใ ช้ กั น เลยในวั ด นั้ น
เนื่ องจากยาหายาก ไม่เหมือนสมัยทุกวันนี้ ถ้าเป็ นไข้จำา ต้องใช้
ธรรมโอสถแทนยา คือต้องพิจารณาทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นในขณะ
นั้ น ด้ ว ยสติ ปั ญญาอย่ า งเข้ ม แข็ ง และแหลมคม ไม่ เ ช่ น นั้ น ก็ แ ก้
ทุกขเวทนาไม่ได้ ไข้ไม่สร่างไม่หายได้เร็วกว่าธรรมดาที่ควรเป็ น
ได้
ผ้่ ท่ี ส ติ ปั ญญาผ่ า นทุ ก ขเวทนาในเวลาเป็ นไข้ ไ ปได้ อ ย่ า ง
อาจหาญ ย่ อ มได้ ห ลั ก ยึ ด ทั้ ง เวลาปกติ แ ละเวลาเจ็ บ ไข้ ไ ด้ ทุ ก ข์
ตลอดเวลาจวนตั ว จริ ง ๆ ไม่ ท้ อ แท้ อ่ อ นแอและเสี ย ที ใ นวาระ
สุ ด ท้ า ย เป็ นผ้่ กำา ชั ย ชนะในทุ ก ขสั จ ไว้ ไ ด้ อ ย่ า งประจั ก ษ์ใ จ และ
อาจหาญต่ อ คติ ธ รรมดา คื อ ความตาย การร้่ ทุ ก ขสั จ ด้ ว ยสติ
ปั ญญาจริง ๆ ไม่มีการอาลัยในเวลาต่อไป จิตยึดความจริงที่เคย
พิ จารณาร้่แ ล้ว เป็ นหลักใจตลอดไป เมื่ อถึ ง คราวจวนตั ว เข้ า มา
สติปัญญาประเภทนั้นจะเข้ามาเทียมแอกเพื่อลากเข็นทุกข์ ด้วย
การพิจารณาให้ถึงความปลอดภัยทันที ไม่ยอมทอดธุระนอนจม
ทุ ก ข์ อ ย่่ ดั ง แต่ ก่ อ นที่ ยั ง ไม่ เ คยกำา หนดร้่ ทุ ก ข์ เ ลย แต่ ส ติ ปั ญญา
ประเภทนี้ จะเข้าประชิดข้าศึกทันที

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 214
215

กิริยาท่าทางภายนอกก็เป็ นเหมือนคนไข้ท่ัว ๆ ไป คือมีการ


อิดโหยโรยแรงเป็ นธรรมดา แต่กิริยาภายในคือใจกับสติปัญญา
จะเป็ นลั ก ษณะทหารเตรี ย มออกแนวรบ ไม่ มี ก ารสะท้ า นหวั่ น
ไหวต่อทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นมากน้อยในขณะนั้น มีแต่การค้นหา
ม่ลความจริงของกาย เวทนา จิต ธรรม ซึ่งเป็ นที่รวมแห่งทุกข์ใน
ขณะนั้ นอย่างเอาจริ งเอาจัง ไม่กลั วว่ าตนส้่ห รื อ ทนทุ ก ข์ ไ ม่ ไ หว
กลัวแต่สติปัญญาจะไม่ร้่รอบทันกับเวลาที่ต้องการเท่านั้ น การ
พิจารณาธรรมของจริงมีทุกขสัจเป็ นต้น กับผ้่ต้องการร้่ความจริง
อย่่อย่างเต็มใจที่เคยร้่เห็นมาแล้วนั้น ท่านไม่ถือเอาความลำาบาก
มาเป็ นเครื่องกีดขวางทางเดินให้เสียเวลา และทำา ความอ่อนแอ
แก่ตนอย่างไร้ประโยชน์ท่ีควรจะได้เลย มีแต่คิดว่าทำาอย่างไรจึง
จะร้่ ทำาอย่างไรจึงจะเห็นความจริงดังที่เคยเห็นประจักษ์มาแล้ว
ก็ ต้ อ งทำา อย่ า งนั้ น จนร้่ ป ระจั ก ษ์ขึ้ น มาในปั จจุ บั น ไม่ พ้ น มื อ สติ
ปั ญญาศรัทธาความเพียรไปได้
เมื่อร้่ความจริงแล้ว ทุกข์ก็จริง กายก็จริง ใจก็จริง ต่างอัน
ต่างจริง ไม่มีอะไรรังควานรังแกบีบคั้นกัน สมุทย ั ที่ก่อเหตุให้เกิด
ทุ ก ข์ ก็ ส งบตั ว ลง ไม่ คิ ด ปรุ ง ว่ า กลั ว ทุ ก ข์ กลั ว ตายหรื อ กลั ว ไข้ ไ ม่
หายอั น เป็ นอารมณ์เ ขย่ า ใจให้ ว้ า วุ่ น ขุ่ น มั ว ไปเปล่ า ๆ เมื่ อสติ
ปั ญญาร้่รอบแล้ว ไข้ก็สงบลงในขณะนั้น หรือแม้ไข้ยังไม่สงบลง
ในขณะนั้ น แต่ ไ ม่ กำา เริ บ รุ น แรงต่ อ ไป และไม่ ทั บ ใจให้ เ กิ ด
ทุกขเวทนาไปด้วย ที่เรียกว่าป่ วยกายป่ วยใจ กลายเป็ นไข้สอง
ซ้อน
การพิจารณาทุกขเวทนาในเวลาเจ็บไข้ได้ทุกข์ พระธุดงค์
ท่ านชอบพิ จารณาเป็ นข้ อวั ตรของการฝึ กซ้ อมสติ ปัญญาให้ ทั น
กับเรื่องของตัว โดยมากก็เรื่องทุกข์ ทั้งทุกข์กาย ทั้งทุกข์ใจ ราย
ใดขณะที่ กำา ลัง เป็ นไข้แ สดงอาการระสำ่าระสายกระวนกระวาย
ในวงพระปฏิบัติท่านถือว่ารายนั้ นไม่เป็ นท่าทางจิตใจ เกี่ยวกับ
สมาธิและปั ญญา ไม่ส ามารถประคองตั วได้ใ นเวลาจำา เป็ นเช่น
นั้น ไม่สมกับสร้างสติปัญญาเครื่องปราบปรามและป้ องกันตัวไว้
เพื่อ สงคราม คือ ทุก ขเวทนาที่เกิ ดขึ้ นจากเหตุต่า ง ๆ แต่ แล้ ว ก
ลั บ เหลวไหลไร้ ม รรยาทขาดสติ ปั ญญา แต่ ร ายใดสำา รวมสติ
อารมณ์ได้ด้วยสติปัญญา ไม่แสดงอาการทุรนทุรายในเวลาเช่น
นั้ น ท่านชมและถือว่ารายนั้ นดีจริง สมเกียรติพระปฏิบัติท่ี เป็ น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 215
216

นักต่อส้่ สมกับปฏิบัติมาเพื่อต่อส้่จริง ๆ เห็นผลในการปฏิบัติของ


ตนและประกาศตนให้หม่่คณะเห็นประจักษ์โดยทั่วกันอีกด้วย
วงพระธุ ด งค์ ท่ านถื อ กั น ตรงนี้ เ ป็ นสำา คั ญ แม้ อ งค์ ท่ี ถ่ ก ภั ย
คุกคามนั้ น ท่านก็ถือท่านเหมือนกันว่าจะไม่ยอมแพ้แม้จนตาย
ไปในเวลานั้ น คื อ ไม่ ย อมแพ้ ท างสติ ปั ญญาอั น เป็ นเ ครื่ อง
พิจารณาเพื่อหาทางออกอย่างปลอดภัยไร้กังวล เมื่อสุดวิสัยจะ
อย่่ต่อไปไม่ได้แล้ว
ดังนั้น ผ้่ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงความจริงดังที่ท่านสั่งสอนไว้
แล้ ว จึ ง เป็ นผ้่ เ ชื่ อต่ อ ความจริ ง ไม่ ย อมถอยทั พ กลั บ แพ้ ข้ า ศึ ก ที่
เผชิญหน้าอย่่ในขณะนั้ น ต้อ งต่ อส้่ จนตาย ร่า งกายทนไม่ไ หวก็
ปล่อยให้ตายไป แต่ใจกับสติปัญญาเครื่องรักษาและป้ องกันตัว
ท่านไม่ยอมปล่อยวาง พยายามฉุดลากกันไปจนได้ ไม่ให้ไร้ผล
ในส่ ว นที่ ต นมุ่ ง หมาย สมกั บ เป็ นนั ก รบหวั ง ชั ย ชนะเพื่ อเอาตั ว
รอดพาไปจอดในที่เหมาะสมและปลอดภัยจริง ๆ ธรรมบทว่า ธมฺ
โม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ นั้นเห็นประจักษ์อย่่กับใจผ้่ปฏิบัติตาม
หลักความจริงไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็ นอื่นแน่ นอน นอกจากปฏิบัติ
แบบสะเทิ้นนำ้าสะเทิ้นบกไม่จริงไม่จังเท่านั้น ผลก็ไม่ทราบว่าจะ
ให้ เ ป็ นความจริ ง มาได้ อ ย่ า งไร นอกจากจะมาขั ด กั บ ความจริ ง
เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นที่จะพอสันนิ ษฐานได้ เพราะคำาว่าธรรมแล้ว
ต้องเหตุกับผลลงกันได้ จึงจะเรียกว่า สวากขาตธรรม ตามที่
ประทานไว้
พระธุ ด งค์ ท่ า นมุ่ ง ปฏิ บั ติ เ พื่ อเห็ น ผลในปั จจุ บั น ทั น ตาจาก
ศาสนธรรมมากกว่าอื่น ในบรรดาผลที่จะควรปรากฏในปั จจุบัน
เช่น สมาธิความสงบเย็นใจ ปั ญญาการถอดถอนล่กศรคือกิเลส
ประเภทต่ า ง ๆ ออกจากใจ ซึ่ ง ทั้ ง สองประเภทนี้ เป็ นความสุ ข
เย็นใจขึ้น ไปเป็ นขั้ น ๆ ที่ค วรจะเห็ นได้ป ระจัก ษ์ใ จในทิฏฐธรรม
ปั จจุ บั น ท่ า นจึ ง หมายมั่ น หมั่ น เพี ย รเพื่ อร้่ เ ห็ น ในปั จจุ บั น อั น
เป็ นการตัดปั ญหาข้อขัดข้ องและกดถ่วงใจไปเป็ นพัก ๆ ถ้าควร
พ้นไปได้ในวันนี้ เดือนนี้ ปี นี้ หรือชาติน้ี ก็ขอให้พ้นไปด้วยความ
เพียรที่กำาลังตะเกียกตะกายอย่่อย่างสุดกำาลังตลอดมา
แม้ท่านอาจารย์เองก็อบรมพระเณรด้วยอุบายการปลุกจิต
ปลุกใจ ไม่ให้ท้อแท้อ่อนแอต่อหน้าที่ของตน ทั้งในยามปกติและ
เวลาเจ็บไข้ได้ทุกข์ ท่านเทศน์ปลุกใจให้เป็ นนักต่อส้่เพื่อก้่ตัวเอง
ให้ พ้ น ภั ย ไปทุ ก ระยะ ยิ่ ง เวลาป่ วยไข้ ด้ ว ยแล้ ว รายใดแสดง

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 216
217

อาการอ่ อ นแอและกระวนกระวาย ไม่ สำา รวมมรรยาทและสติ


อารมณ์ด้วยแล้ว รายนั้นต้องถ่กเทศน์อย่างหนัก ดีไม่ดีไม่ให้พระ
เณรไปพยาบาลรั ก ษาเสี ย ด้ ว ย โดยเห็ น ว่ า ความอ่ อ นแอความ
กระวนกระวายและร้ อ งครางต่ า ง ๆ ไม่ ใ ช่ ท างระงั บ โรคและ
บรรเทาทุกข์แต่อย่างใด คนดี ๆ เราทำา เอาก็ได้ไม่เห็นยากเย็น
อะไร ทั้ ง ไม่ใ ช่ ท างของพระผ้่ มี เ พศอั น อดทนและใคร่ ครวญเลย
ไม่ ค วรนำา มาใช้ ใ นวงปฏิ บั ติ จะกลายเป็ นโรคระบาดติ ด ต่ อ ก่ อ
แขนงออกไป เป็ นตั ว อย่ า งไม่ ดี แ ก่ ผ้่ อ่ ื นยึ ด เอาอย่ า ง กลายเป็ น
โรคเลอะเทอะไปด้ วยการร้ องครางทิ้ง เนื้ อทิ้ งตั วเหมื อนสัตว์ จะ
ตายดิ้นรนกระเสือกกระสนฉะนั้น
เราเป็ นพระและเป็ นนักปฏิบัติ อย่ายึดเอาลัทธิสัตว์มาใช้จะ
กลายเป็ นพระลัทธิสัตว์ ศาสนาของสัตว์ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จน
กลายเป็ นพระโลกแตกศาสนาโลกแตกไป ซึ่งมิใช่ลัทธิของพุทธ
ศาสนาเลย อาการหนักหรือเบาแม้จะไม่แสดงออกมา คนดีมีสติ
พอร้่เรื่องและด่กันร้่ เพราะการเจ็บไข้ได้ทุกข์ ใครก็เคยมีเคยเป็ น
มาด้วยกัน ถ้าหายได้ด้วยการกระวนกระวายร้องครางก็ไม่ต้อง
รักษากันด้วยหย่กยา ใครเป็ นขึ้นผ้่น้ันร้องครางขึ้นเสียไข้ก็หาย
ไปเอง ยิ่งง่ายนิ ดเดียวไม่ต้องรักษาให้ลำาบากและเสียเวลาเปล่า
ๆ นี่ เวลาเป็ นไข้ เราร้องครางไข้มันหายไหมล่ะ ถ้าไม่หายจะร้อง
ครางประกาศความโง่ ค วามไม่ เ ป็ นท่ า ของตั ว ให้ ค นอื่ นเบื่ อกั น
ทำาไม
นี่ คื อ กั ณ ฑ์ เ ทศน์ร ายที่ ไ ม่ เ ป็ นท่ า ต้ อ งได้ รั บ จากท่ า น และ
ทำา ให้ท่ านผ้่อ่ ื นรำา คาญด้ว ยความไม่เ ป็ นท่า ของเธอองค์น้ั น แต่
ร าย ที่ เ ข้ ม แ ข็ ง แ ล ะส ง บส ติ อาร ม ณ์ ด้ ว ย ดี ไ ม่ แ ส ด ง อาก าร
ทุรนทุราย เวลาท่านไปเยี่ยมไข้ ท่านต้องแสดงความยิ นดีด้ วย
แสดงความชมเชยและเทศน์ใ ห้ ฟั งอย่ า งจั บ ใจและเพลิ น ไปใน
ขณะนั้น แม้ไข้หายไปแล้วก็แสดงความชมเชยในลำาดับต่อไปอย่่
เสมอ และแสดงความพอใจความไว้วางใจด้วยว่า ต้องอย่างนั้น
จึงสมกับเป็ นนักรบในสงครามกองทุกข์ไม่ต้องบ่นให้ข้าศึกว่า มา
มากหรือมาน้อย มาเท่าไรก็รบมันเท่านั้น จนสุดกำาลังอาวุธและ
ความสามารถขาดดิ้น ไม่ถอยทัพกลับยอมแพ้ให้ข้าศึกมาเหยียบ
ยำ่าซำ้าเติม เราเป็ นนักรบในวงปฏิบัติ ไม่ต้องบ่นให้การเจ็บไข้ได้
ทุกข์ว่าทุกข์มากทุกข์นอ ้ ย ทุกข์มีเท่าไรกำาหนดร้่ให้หมด

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 217
218

เพราะทุกข์มากหรือน้อยล้วนเป็ นสัจธรรมของจริงด้วยกัน
ผ้่ ประสงค์ อยากร้่ของจริ งแต่กลั วทุ กข์ ไม่ ยอมพิ จ ารณาจะร้่ ข อง
จริงได้อย่างไร พระพุทธเจ้าทรงร้่ของจริงก็เพราะการพิจารณา
มิใช่เพราะการร้องครางต่าง ๆ ดังพระไม่เป็ นท่าประกาศขายตัว
อย่่เวลานี้ พระองค์ได้ตรัสไว้หรือเปล่าว่า ถ้าต้องการร้่ความจริง
ต้องร้องต้องครวญคราง ผมเรียนน้อยจึงไม่เจอธรรมบทนี้ การ
ร้ อ งครางมั น อย่่ ใ นคั ม ภี ร์ ไ หนก็ ไ ม่ ท ราบ ใครเรี ย นมาก ถ้ า
พบเห็นพระองค์ตรัสไว้ดังที่ว่านั้น นิ มนต์นำา มาบอกผมบ้าง เผื่อ
จะไม่ต้องสั่งสอนใครให้พิจารณาและอดทนกันให้ลำาบาก ต่างคน
ต่างร้องเอาครางเอาให้เป็ นของจริงขึ้นมาเต็มโลกธาตุโน้น จะได้
เห็นนักปราชญ์ท่ี สำาเร็จมรรคผลด้วยการครวญครางขึ้นในโลก
แข่ ง ธรรมของพระพุ ท ธเจ้ า ที่ ต รั ส ไว้ ไ ด้ ส องพั นกว่ า ปี แล้ ว ว่ า ไม่
เป็ นของจริงล้าสมัยไปแล้ว
ธรรมของนั ก ปราชญ์ รุ่ น หลั ง นี้ เ ป็ นธรรมใหม่ แ ละจริ ง ทั น
สมั ย ไม่ ต้ อ งพิ จ ารณาให้ ลำา บาก เพี ย งแต่ ค รางเอาครางเอา
เท่านั้นก็สำาเร็จมรรคผลรวดเร็วทันใจ สมกับสมัยที่คนชอบผลดี
มี ค วามสุ ขด้ ว ยการทำา เหตุ ช่ั ว ๆ ซึ่ ง กำา ลั ง จะเกลื่ อนโลกอย่่ แ ล้ ว
ต่อไปน่ ากลัวโลกจะคับแคบไม่มีท่ีให้นักปราชญ์สมัยใหม่อย่่ ผม
มันหัวโบราณ พระพุทธเจ้าว่าอย่างไรก็เชื่อตามอย่างนั้น ไม่กล้า
ลัดคิว กลัวเวลาเท้าพ้นจากพื้นแล้วจะกลับเอาศีรษะและปากลง
ฟาดกับพื้นตายแบบไม่เป็ นท่า น่ าอนาถใจเหลือประมาณ
ธรรมเหล่านี้ จะได้ฟังเวลาท่านเทศน์ สอนพระที่อ่อนแอไม่
อดทนและเข้มแข็งต่อทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นในเวลาป่ วย หรือเวลา
ฝึ กทรมานตนด้ ว ยตปธรรมอย่ า งใดอย่ า งหนึ่ ง แล้ ว เกิ ด ความ
อ่ อ น แอท้ อ ถ อย ขึ้ น ม าใ นระหว่ าง การบำา เ พ็ ญ ไ ม่ ส าม าร ถ
พิจารณาด้วยอุบายต่าง ๆ จนผ่านพ้นไปได้ด้วยความพากเพียร
ของนักต่อส้่ จึงมักได้ฟังธรรมประเภทเผ็ดร้อนจากท่านเสมอ แต่
ผ้่ ส นใจจริ ง ๆ ธรรมดั ง กล่ า วกลั บ เป็ นธรรมโอสถ เครื่ องปลุ ก
ประสาทให้เกิดความอาจหาญร่าเริงในการบำาเพ็ญ ไม่ลดหย่อน
อ่อนกำาลังลงง่าย ๆ มีทางกำาชัยชนะได้เป็ นพัก ๆ จนถึงแดนแห่ง
ความเกษมได้ด้ วยธรรมเหล่า นี้ เพราะเป็ นธรรมปลุกให้ต่ ืนตัว
ตื่นใจ ไม่นอนจมอย่่กับความเกียจคร้านอ่อนแอ อันเป็ นทางเดิน
ของวัฏทุกข์ประจำาวัฏวน

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 218
219

ระยะที่ ท่ า นอาจารย์ พั ก อย่่ วั ด หนองผื อ มี พ ระตายในวั ด ๒


องค์ ตายบ้านนาในอี ก ๑ องค์ องค์แ รกอายุ ราวกลางคน ท่ าน
องค์น้ี บวชเพื่อปฏิบัติโดยเฉพาะ และปฏิบัติอย่่กับท่านอาจารย์
แบบเข้า ๆ ออก ๆ เรื่อยมาแต่สมัยท่านอย่่เชียงใหม่ และติดตาม
ท่านจากเชียงใหม่มาอุดรฯ สกลนคร แล้วมามรณภาพที่วัดหน
องผื อ ทางด้ า นจิ ต ตภาวนาท่ า นดี ม าก ทางสมาธิ ส่ ว นทาง
ปั ญญากำา ลังเร่งรัดโดยมีท่านอาจารย์เป็ นผ้่คอยให้นัยเสมอมา
ท่านมีนิสัยเคร่งครัดเด็ดเดี่ยวมาก เทศน์ก็เก่งและจับใจไพเราะ
มาก ทั้ ง ที่ ไ ม่ ไ ด้ ห นั ง สื อ สั ก ตั ว เทศน์มี ป ฏิ ภ าณไหวพริ บ ปั ญญา
ฉลาด สามารถยกข้อเปรียบเทียบมาสาธกให้ผ้่ฟังเข้าใจได้อย่าง
ง่าย ๆ
แต่น่ าเสี ย ดาย ท่ านป่ วยเป็ นวั ณ โรคกระเสาะกระแสะมา
นาน มาหนั ก มากแล ะม รณะที่ วั ดห นองผื อ ตอนเช้ าเ วล า
ประมาณ ๗ น. ด้วยท่าทางอันสงบสมเป็ นนั กปฏิบัติทางจิตมา
นานพอสมควรจริง ๆ เห็นอาการท่านในขณะจวนตัวและสิ้นลม
แล้วเกิดความเชื่อเลื่อมใสในท่าน และในอุบายวิธีของจิตที่ได้รับ
การฝึ กอบรมมาเท่าที่ควร ก่อนจะมาถึงวาระสุดท้ายซึ่งเป็ นขณะ
ที่ต้องช่วยตัวเองโดยเฉพาะ ไม่มีใครแม้รักสนิ ทอย่างแยกไม่ออก
จะเข้าไปเกี่ยวข้องได้ จิตจะมีทางต้านทานส้่กับสิ่งเป็ นภัยแก่ตน
ได้ อ ย่ า งเต็ ม กำา ลั ง ฝี มื อ ที่ มี อ ย่่ แ ละแยกตั ว ออกได้ โ ดยปลอดภั ย
เพราะวาระสุ ด ท้ ายเป็ นข้ า ศึ ก ศั ต ร่ ต่ อ ตั ว เองอย่ า งสำา คั ญ ใครมี
อุ บ ายฉลาดหรื อ ขลาดเขลาเมามั ว เพี ย งไร ก็ ต้ อ งมาเผชิ ญ กั บ
เหตุการณ์อันนี้ จนได้ ผ้่ช่วยตัวเองได้ก็ดีไป ผ้่ช่วยตัวเองไม่ได้ก็
จมไป และจมอย่่ในความไม่เป็ นท่าของตนโดยไม่มีใครช่วยได้
ฉะนั้ น ที่ พ ระพุ ท ธเจ้ า ตรั ส ไว้ ว่ า โก นุ หาโส กิ ม านนฺ โ ท
เป็ นต้ น ซึ่ ง แปลเอาความว่ า ก็ เ มื่ อโลกอั น ความมื ด ด้ ว ย ราคะ
โทสะ โมหะ เหมือนไฟกองใหญ่ไหม้ลุกโพลงอย่่ท้ังวันทั้งคืนเช่น
นี้ ยังพากันหัวเราะเฮฮาหน้ายิ้มอย่่ได้ ทำา ไมไม่พากันแสวงหาที่
พึ่งเสียแต่บัดนี้ เล่า? อย่าพากันอย่่แบบนี้ เดีย ๋ วจะพากันไปแบบ
นี้ ตายแบบนี้ แล้วก็เสวยผลทนทุกข์ แบบนี้ กัน อีก ไม่ มีสิ้ นสุด ได้
ดั ง นี้ ทั้ ง นี้ ก็ เ พื่ อเตื อ นหม่่ ช นไม่ ใ ห้ ลื ม ตั ว จนเกิ น ไป พระคาถาที่
ทรงเตื อ นไว้ น้ั น ฟั งแล้ ว น่ า อั บ อายแทบมุ ด หน้ า ลงในดิ น กลั ว
พระองค์จะทรงมองหน้าตนที่เพลิดเพลินไม่ร้่จักตาย อายก็อาย

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 219
220

อยากก็อยาก รักก็รัก เกลียดก็เกลียดเพราะนิ สัยของปุถุชนมัน


หากดื้อด้านอย่างนี้ แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ทราบจะทำา อย่างไรจึงจะ
ละได้ นี้ เหมือนเป็ นคำา ที่ท่ลตอบพระองค์ด้วยความละอายที่ ตน
ละไม่ได้ตามคำาที่ทรงตำาหนิ
ที่เขียนเรื่องพระองค์ท่ีมรณภาพในวัดหนองผือแทรกลงใน
ประวัติท่านบ้าง เนื่ องจากเห็นว่าเป็ นคติแก่พวกเราอย่่บ้าง ซึ่ง
กำา ลังเดินทางไปส่่จุดนั้นด้วยกัน ได้พิจารณาเพื่อตัวเองในวาระ
ต่อไป ขณะท่านองค์น้ั นจะสิ้นลม ท่านอาจารย์ม่ันและพระสงฆ์
ซึ่ ง กำา ลั ง จะออกบิ ณ ฑบาต ได้ พ ากั น แวะไปปลงธรรมสั ง เวชที่
กำา ลัง แสดงอย่่อย่างเต็มตา พอท่ านสิ้น ลมแล้ ว ชั่ ว ขณะหนึ่ ง ซึ่ ง
เป็ นขณะที่ ท่านอาจารย์กำา ลั งยืน รำา พึง อย่่ อย่ างสงบ ได้พ่ ด ออก
มาด้วยท่าทางเคร่ งขรึม ว่า “ไม่น่าวิตกกับเธอหรอก เธอขึ้ นไป
อุ บั ติ ท่ี อ าภั ส รา พรหมโลกชั้ น ๖ เรี ย บร้ อ ยแล้ ว ” นั บ ว่ า หมด
ปั ญหาไปสำา หรั บ ท่ า นในครั้ ง นี้ แต่ เ สี ย ดายอย่่ ห น่ อ ยหนึ่ ง ถ้ า
ท่านมีชีวิตยื ดเวลาเร่ งวิ ปัสสนาให้ มากยิ่ งกว่ านี้ บ้า ง ก็มีห วัง ได้
ขึ้นพรหมโลก ๕ ชั้น ชั้นใดชั้นหนึ่ งแล้วเตลิดถึงที่สุดเลย ไม่ต้อง
กลับมาวกเวียนในวัฏวนนี้ อีก
ที่เป็ นปั ญหาอย่่มากเวลานี้ ก็คือพวกเรา ไม่ทราบว่าใครจะ
เตรียมไปชั้นไหนกันแน่ บ้าง จะไปชั้ นเดีย รัจ ฉาน เปรต ผี นรก
อเวจี หรื อ ชั้ นมนุ ษ ย์ เทวบุ ต ร เทวธิ ด า อิ น ทร์ พรหม หรื อ
นิ พพาน ชั้นใดกันแน่ ฉะนั้นเพื่อความแน่ ใจจงด่เข็มทิศคือใจของ
ตน ๆ ให้ ดี ว่ า เบนหน้ า ไปทางใดมาก เป็ นทางดี ห รื อ ชั่ ว ควร
พิ จ ารณาด้ ว ยดี แต่ บัด นี้ ตายแล้ ว ไม่ มี ท างแก้ ไ ขได้ อี ก ใคร ๆ ก็
ทราบกันทั่วโลกว่าความตายคือแดนสุดวิสัย ทำาอะไรต่อไปอีกไม่
ได้ดังนี้
องค์ท่ีสองเป็ นไข้ป่า ท่านเป็ นพระชาวอุบลฯ นับแต่เริ่มป่ วย
รวมเวลาประมาณหนึ่ ง เดื อ นก่ อ นท่ า นจะมรณภาพ มี พ ระองค์
หนึ่ งท่านพิจารณาเห็นเหตุการณ์ของท่านผ้่ป่วยอย่างไรไม่ทราบ
วันนั้นตอนเย็น ท่านขึ้นไปกราบท่านอาจารย์และสนทนาธรรม
กันในแง่ต่าง ๆ จนเรื่องวกเวียนมาถึงท่านผ้่ป่วย พระองค์น้ันได้
โอกาสจึงกราบเรียนเหตุการณ์ท่ีตนปรากฏถวายท่านว่า คืนนี้
ไม่ทราบว่าจิตเป็ นอะไรไป กำา ลังพิจารณาธรรมอย่่ดี ๆ พอสงบ
ลงไปปรากฏว่าเห็นท่านอาจารย์ไปยืนอย่่หน้ากองฟื นที่ใครก็ไม่
ทราบเตรี ย มขนมากองไว้ ว่ า “ ให้ เ ผาท่ า น … ..ตรงนี้ เ อง ตรงนี้

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 220
221

เหมาะกว่ า ที่ อ่ ื น ๆ ดั ง นี้ ” ทำา ไมจึ ง ปรากฏอย่ า งนั้ น ก็ ไ ม่ ท ราบ


หรือผ้่ป่วยจะไปไม่รอดจริงหรือ แต่ด่อาการก็ไม่เห็นรุนแรงนักที่
ควรจะเป็ นได้อย่างที่ปรากฏนั้น
พอพระองค์ น้ั น กราบเรี ย นจบลง ท่ า นก็ พ่ ด ขึ้ น ทั น ที ว่ า ผม
พิจารณาทราบมานานแล้ว อย่างไรก็ไปไม่รอด แต่เธอไม่เสียที
แม้จะไปไม่รอดสำาหรับความตาย เหตุการณ์แสดงบอกเกี่ยวกับ
จิตใจเธอสวยงามมาก สุคติเป็ นที่ไปของเธอแน่ แต่ใคร ๆ อย่าไป
พ่ดเรื่องนี้ ให้เธอฟั งเด็ดขาด เมื่อเธอทราบเรื่องนี้ จะเสียใจแล้วจะ
ทรุดทั้งกายและเสียทั้งใจ สุคติท่ีเธอควรจะได้อย่่แล้วจะพลาดไป
ได้ เพราะความเสี ย ใจเป็ นเครื่ องทำา ลาย พออย่่ ต่ อ มาไม่ ก่ี วั น
พระที่ ป่ วยก็ เ กิ ด ปุ บ ปั บขึ้ น ในทั น ที ทั น ใดตอนค่ อ นคื น พอ ๓
นาฬิกากว่ า ๆ ก็ สิ้น ลมไปด้ ว ยความสงบ จึ ง ทำา ให้ คิ ด เรื่ องท่ า น
อาจารย์ เ กี่ ย วกั บ เหตุ ก ารณ์ต่ า ง ๆ ว่ า พออะไรมาผ่ า นท่ า นคง
พิจารณาไปเรื่อย ๆ ในทุกเรื่อง เมื่อทราบเหตุการณ์ชัดเจนแล้วก็
ปล่อยไว้ตามสภาพของสิ่งนั้น ๆ
กลางวั น วั น หนึ่ ง มี พ ระเป็ นไข้ ม าลาเรี ย ในวั ด นั้ น วั น นั้ น
ปรากฏว่าไข้เริ่มหนักแต่เช้า เจ้าตัวก็ไม่ไปบิณฑบาตและไม่ฉัน
จั ง หั น ด้ ว ย พระที่ ป่วยต่ อ ส้่ กั บ ทุ ก ขเวทนาด้ ว ยการพิ จ ารณาแต่
เช้าจนบ่าย ๓ โมงไข้จึงสร่าง ตอนกลางวันที่ท่านกำาลังพิจารณา
อย่่ ปรากฏว่ากำา ลังเรี่ยวแรงอ่อนเพลีย มาก ท่านเลยเพ่ งจิต ให้
อย่่กับจุดใดจุดหนึ่ งของทุกขเวทนาที่กำาลังกำาเริบหนัก โดยไม่คิด
ทดสอบแยกแยะเวทนาด้วยปั ญญาแต่อย่างใด พอดีเวลานั้นเป็ น
เวลาที่ท่ านอาจารย์ ท่านพิ จารณาด่ พระองค์ น้ั น กำา ลัง ปฏิ บัติ อย่่
อย่างชัดเจน แล้วย้อนจิตกลับมาตามเดิม
พอบ่าย ๔ โมง ท่านที่ป่วยมาหาท่ านอาจารย์พ อดี ท่ านก็
ตั้ ง ปั ญหาถามขึ้ น ทั น ที โดยพระนั้ น ไม่ ท ราบสาเหตุ บ้ า งเลยว่ า
ทำา ไมท่ า นจึ ง พิ จ ารณาอย่ า งนั้ น เล่ า ? การเพ่ ง จิ ต จ้ อ งอย่่ ไ ม่ ใ ช้
ปั ญญาพิจารณาแยกแยะ กาย เวทนา จิต ให้ร้่เรื่องของกันและ
กั น ท่ า นจะทราบความจริ ง ของกาย ของเวทนา ของจิ ต ได้
อย่างไร แบบท่านเพ่งจ้องอย่่น้ั นมั นเป็ นแบบฤๅษี แบบหมากั ด
กัน ไม่ใช่แบบพระผ้่ต้องการทราบความจริงในธรรมทั้งหลาย มี
เวทนาเป็ นต้น ต่อไปอย่าทำา อย่างนั้น มันผิดทางที่จะให้ร้่ให้เห็น
ความจริงทั้งหลายที่มีอย่่ในกาย ในเวทนา ในจิต ตอนกลางวัน
ผมได้ พิ จ ารณาด่ ท่ า นแล้ ว ว่ า ท่ า นจะปฏิ บั ติ อ ย่ า งไรบ้ า งกั บ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 221
222

ทุกขเวทนาที่กำาลังแสดงอย่่ในเวลาเป็ นไข้ พอดีไปเห็นท่านกำาลัง


เพ่งจิตจ่ออย่่กับเวทนาเฉย ๆ ไม่ ใช้ สติ ปัญญาคลี่คลายด่ กาย ด่
เวทนา ด่จิตบ้างเลย พอเป็ นทางให้สงบและถอดถอนทุกขเวทนา
ในเวลานั้น เพื่อไข้จะได้สงบลงดังนี้
การอนุเ คราะห์ เมตตาแก่ บรรดาศิ ษย์ ท่า นมิ ได้เ ลือ กกาล
สถานที่ แต่อนุเคราะห์ด้วยวิธีต่าง ๆ ตามที่เห็นสมควรจะทำา ได้
เมื่ อไรและแก่ ผ้่ ใ ด ท่ า นเมตตาอนุ เ คราะห์ อ ย่ า งนั้ น เสมอมา
บางที ท่ า นก็ บอกตรง ๆ ว่ า ท่ า นองค์ น้ี ไ ปภาวนาอย่่ ท่ี ถ้ ำ าโน้น ดี
กว่ามาอย่่กับหม่่คณะอย่างนี้ นิ สย ั ท่านชอบถ่กดัดสันดานอย่่เป็ น
นิ ตย์ นี่ ก็ไปให้เสือช่วยดัดเสียบ้าง จิตจะได้กลัวและหมอบสงบลง
ได้ พอเห็นอรรถเห็นธรรมและอย่่สบายบ้าง อย่่อย่างนี้ ไม่ดี คน
หัวดื้อต้องมีส่ิงแข็ง ๆ คอยดัดบ้างถึงจะอ่อน เช่นเสือเป็ นต้น พอ
เป็ นค่่ ท รมานกั น ได้ คนกลั ว เสื อ ก็ ต้ อ งเอาเสื อ เป็ นคร่ ดี ก ว่ า
อาจารย์ ท่ี ต นไม่ ก ลั ว เป็ นคร่ กลั ว ผี ก็ ค วรเอาผี เ ป็ นคร่ ค่ ท รมาน
จิ ต กลั ว อะไรก็ เ อาสิ่ ง นั้ น เป็ นคร่ ค่ ท รมาน จั ด ว่ า เป็ นผ้่ ฉ ลาดใน
การฝึ กทรมานตน
พระองค์น้ันแต่ก่อนที่ยังไม่บวชเธอเคยเป็ นนั กเลงมาแล้ว
จึ ง มี นิ สั ยกล้ า หาญและตรงไปตรงมา ว่ า จะอย่่ ต้ อ งอย่่ ว่ า จะไป
ต้องไป และมีนิสัยหัวดื้ออย่่บ้าง แต่ด้ ือแบบพระ พอได้รับโอวาท
อย่างเด็ด ๆ เช่นนั้นแล้ว เธอก็ตัดสินใจจะไปตามคำา ที่ท่านบอก
โดยให้เหตุผลแก่ตัวเองว่า พระขนาดท่านอาจารย์ม่ันนี้ จะบอก
เราไปให้เสือกินนั้ น เป็ นไปไม่ได้แน่ ๆ เราต้องไปอย่่ถ้ ำานั้ นตาม
คำา ที่ ท่ า นบอก ตายก็ ย อมตาย ไม่ ต้ อ งเสี ย ดายชี วิ ต เพื่ อได้ เ ห็ น
เหตุเห็นผลในคำาที่ท่านบอก ว่ามีความจริงมากน้อยเพียงไร เรา
เคยได้ยินแต่คนอื่นบอกเล่าว่า ท่านพ่ดอะไรต้องมีเหตุผลแฝงอย่่
ในคำา พ่ด นั้ นอย่างสมบ่ รณ์เ สมอไป คื อท่ านพิ จ ารณาด้ ว ยความ
ละเอี ย ดถี่ ถ้ ว นแล้ ว ถึ ง ได้ พ่ ด ออกมา ผ้่ ท่ี ท ราบความหมายของ
ท่านพยายามปฏิบัติตามย่อมได้ผลทุกรายไป
ก็คำาที่ท่านพ่ดกับเราคราวนี้ เป็ นคำา พ่ดที่หนักแน่ นมาก ซึ่ง
ประกอบด้วยเมตตาพร้อมทั้งความเห็นแจ้งภายใน ประหนึ่ งท่าน
ควักเอาหัวใจเราไปขยี้ขยำา ด่จนทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว ถ้าเรา
ไม่ เ ชื่ อและปฏิ บั ติ ต ามท่ า น เมตตาบอกอย่ า งตรงไปตรงมาใน
คราวนี้ เราก็ ไ ม่ ใ ช่ พ ระ เราก็ คื อ นาย … .ดี ๆ นั้ น เอง อย่ า งไร
ก็ตาม เราต้องไปอย่่ใ นถำ้ านั้ นแน่ น อนในครั้งนี้ จะตายก็ ตายไป

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 222
223

เมื่ อไม่ ต ายขอให้ ร้่ ธ รรมแปลกประหลาดในที่ น้ั น จนได้ คำา พ่ ด


ท่านบ่งบอกชื่อเราอย่างชัดเจนไม่มีเงื่อนงำา แฝงอย่่เลย แม้คำา ที่
ท่ า นว่ า “ เราหั ว ดื้ อไม่ ย อมลงใครง่ า ย ๆ” นั้น ก็เป็ นเครื่องวัด
ความถ่กต้องได้อย่างสมบ่รณ์แล้ว เรายังไม่สามารถร้่เรื่องเราได้
เท่าท่านเลย เท่าที่ท ราบบ้ างก็เ ป็ นดัง ท่า นว่ าจริง ๆ เราจึง เป็ น
คนชนิ ดที่ท่านว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉะนั้ นอุบายที่ท่านบอกเครื่อง
ทรมานคือเสือให้เรา จึงเป็ นคำาที่ไม่ควรขัดแย้งอย่างยิ่ง นอกจาก
จะปฏิบัติตามท่านเท่านั้น
ความจริ ง ท่ านองค์ น้ี มี นิสั ย หั ว ดื้ อไม่ ล งใครง่ า ย ๆ ดั ง ท่ า น
อาจารย์ ว่ า จริ ง ๆ พอเธอนำา คำา พ่ ด ของท่ า นไปคิ ด เป็ นที่ ป ลงใจ
แล้ ว วั น หลั ง ก็ ม ากราบลาท่ า นไปถำ้ านั้ น พอขึ้ น ไปกราบ ท่ า น
ถามทั น ที ว่ า “ ท่ า น … .จะไปไหน เห็ น ครองผ้ า เต็ ม ยศมาหา
ทำา นองจะออกแนวรบอย่ า งเอาจริ ง เอาจั ง ” เธอตอบท่านตาม
นิ สัยว่า “กระผมจะไปตายในถำ้าที่ท่านอาจารย์บอกให้ไป” ท่าน
อาจารย์พ่ดสวนขึ้นมาทันทีว่า “ผมบอกท่านให้ไปตายในถำ้านั้น
จริ ง ๆ ดั ง ท่ า นว่ า หรื อ ผมบอกให้ ท่ า นไปภาวนาต่ า งหากเล่ า ”
เธอตอบท่ า นว่ า “ความจริ ง ท่ า นอาจารย์ บ อกกระผมให้ ไ ป
ภาวนาต่ า งหาก มิ ไ ด้ บ อกให้ ไ ปตาย แต่ ก ระผมทราบจากพระ
ท่ า นเล่ า ว่ า ถำ้ านั้ นมี เ สื อ โคร่ ง ใหญ่ อ ย่่ ใ นถำ้ าข้ า งบนของถำ้ าที่
กระผมจะไปอย่่ น้ั น เป็ นประจำา ซึ่ ง ถำ้ านั้ นอย่่ ไ ม่ ห่ า งจากถำ้ าที่
กระผมจะไปอย่่นักเลย และทราบว่ามันเคยเข้า ๆ ออก ๆ ขึ้น ๆ
ลง ๆ ถำ้านั้ นเสมอ เวลามัน จะไปเที่ ยวหากิน ที่ไ หน ก็ล งมาผ่ าน
หน้าถำ้าที่กระผมจะไปพักเสมอ จึงไม่แน่ ใจในชีวิตเวลาไปพักอย่่ท่ี
นั้น ฉะนั้น เวลาท่านอาจารย์ถาม กระผมจึงเรียนตอบตามความ
ร้่สึกที่หวาดต่อมันอย่่เสมอมา”
ท่านถามว่า “ก็ถ้ ำานั้นเคยมีพระไปอย่่มาแล้วหลายองค์และ
หลายครั้ง ก็ไม่ปรากฏว่าเสือมาเอาท่านไปกิน แต่เวลาท่านไป
อย่่ท่ีน้ัน ทำาไมเสือจะมาคว้าเอาไปกินเล่า? เนื้ อท่านกับเนื้ อพระ
เหล่ า นั้ น ต่ า งกั น อย่ า งไรจึ ง ทำา ให้ เ สื อ กลั ว และกล้ า และหิ ว โหย
อยากกินต่ างกันนั ก เล่ า? ท่านไปได้เนื้ อหอมหวานมาจากไหน
เสือถึงได้ชอบนัก ถึงกับต้องจดจ้องมองด่ และคอยจะกินเฉพาะ
ท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้น” จากนั้นท่านก็อบรมสั่งสอนเกี่ยวกับ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 223
224

มายาของใจที่หลอกลวงคนได้ร้อยแปดพันนัย ยากที่จะตามทัน
ได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่นักทดสอบและวิพากษ์วิจารณ์จริงๆ จะทรมาน
ใจดวงแสนปลิ้นปล้อนให้หายพยศได้ยาก นี่ ยังไม่ถึงไหนก็ยอม
เชื่ อกิ เ ลสกระซิ บใจยิ่ ง กว่ า เชื่ ออาจารย์ เ สี ย แล้ ว จะไปรอดหรื อ
ท่าน?
ความตายนั้นพวกเรายังไม่เคยตายกันแต่โลกกลัวกันมาก
ส่วนความเกิดอันเป็ นเหยื่อล่อปลาทำาให้ความตายปรากฏตัวขึ้น
มา ไม่ค่อยมีใครกลัวกัน ใคร ๆ ก็อยากเกิดกันทั้งโลก ไม่ทราบ
อยากเกิดอะไรกันนักหนา เท่าที่เกิดมาเพียงร่างเดียวก็แสนทุกข์
แสนกังวลพออย่่แล้ว ถ้ามนุษย์เราแยกแขนงเกิดได้เหมือนแขนง
ไม้ ไ ผ่ แ ล้ ว ก็ ย่ิ ง อยากเกิ ด กั น มาก เพี ย งคนเดี ย วก็ อ ยากแตก
แขนงออกไปเป็ นร้อยคนพันคน โดยไม่คิดถึงเวลาจะตายเลย ว่า
จะพร้อมกันกลัวความตายทีละตั้งร้อยคนพันคน โลกนี้ ต้องเป็ น
ไฟแห่ ง ความกลั ว ตายกั น จนไม่ มี ท่ี อ ย่่ แ น่ ๆ เลย เราเป็ นนั ก
ปฏิ บั ติ ทำา ไมจึ ง กลั ว ตายนั ก ยิ่ ง กว่ า ฆราวาสที่ ไ ม่ เ คยได้ รั บ การ
อบรมมาเลย และทำา ไมจึงปล่อยใจให้กิเลสยำ่ายีหลอกหลอนจน
กลายเป็ นคนสิ้นคิดไปได้ ทั้งที่ความคิดและสติปัญญามีอย่่ ทำาไม
จึงไม่นำาออกมาใช้เพื่อขับไล่กิเลสกองต้มตุุนที่ซ่องสุมอย่่ในหัวใจ
ให้แตกกระจายออกไปบ้าง จะได้เห็นความโง่เขลาของตัวที่เคย
มัวเมาเฝ้ ากิเลสมานานไม่เคยเห็นฤทธิข ์ องมัน
สนามชัย ของนั กรบก็ คือ ความกล้ าตายในสงครามนั่ น เอง
ถ้ า ไม่ ก ล้ าตายก็ ไ ม่ ต้ องเข้ า ส่่ แ นวรบ ความกล้ า ตายนั่ น แลเป็ น
ทางมาแห่ ง ชั ย ชนะข้ า ศึ ก ศั ต ร่ ถ้ า ท่ า นมุ่ ง ต่ อ แดนพ้ น ทุ ก ข์ ด้ ว ย
ความเห็ น ทุ ก ข์ จ ริ ง ๆ ท่ า นก็ ต้ อ งเห็ น ความกลั ว ตายนั้ น ว่ า เป็ น
กิเลสพอกพ่นทุกข์บนหัวใจ แล้วตามแก้ไขกันที่สนามชัยอันเป็ น
ที่ เ หมาะสมดั ง ที่ ผ มชี้ บ อก ท่ า นก็ จ ะเห็ น โทษแห่ ง ความกลั ว ว่ า
เป็ นตัวเขย่าก่อกวนใจให้กระเพื่อมขุ่นมัว และเป็ นทุกข์ในวันใด
หรือเวลาหนึ่ งแน่ นอน ดีกว่าท่านจะนั่งกอดนอนกอดความกลัว
ตายนั้นไว้เผาลนหัวอกให้เกิดความทุกข์ร้อนนอนครางอย่่ในใจ
ไม่มีวันปลดปล่อยได้ดังที่เป็ นอย่่เวลานี้
ท่านจะเชื่อธรรม เชื่อคร่อาจารย์ ว่าเป็ นความเลิศประเสริฐ
ศักดิส ์ ิทธิ ์ หรือท่านจะเชื่อความกลัวที่กิเลสปล่อยมายั่วหัวอกให้
มีความสะทกสะท้านหวั่นไหว จนไร้สติปัญญาเครื่องปลดเปลื้อง
แก้ ไ ขตน มองไปทางไหนมี แ ต่ เ สื อ จะมากั ด มาฉี ก ไปกิ น เป็ น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 224
225

อาหารอย่่ ทำา นองนั้ น นิ ม นต์ นำา ไปคิ ด ให้ ถึ ง ใจ ธรรมที่ ผ มเคย


ปฏิบัติดัดสันดานตนและเคยได้ผลมาแล้ว ก็มีดังที่พ่ดให้ท่านฟั ง
นี้ แล นอกนั้นผมยังมองไม่เห็น ขอจงคิดให้ดีตัดสินใจให้ถก ่
นับแต่ขณะที่ท่านเทศน์กัณฑ์หนัก ๆ ให้ฟังแล้ว เธอว่าขณะ
นั้ น ใจเหมื อ นจะออกแสงแพรวพราวขึ้ น ด้ ว ยความกล้ า หาญ
เพราะความปี ติในธรรม พอท่านเทศน์จบลงก็กราบลาท่านลงมา
และเตรี ย มตั ว ออกเดิ น ทางไปถำ้ าในขณะนั้ น เมื่ อไปถึ ง ถำ้ าด้ ว ย
ความกล้ า หาญและเอิ บ อิ่ ม ด้ ว ยปี ติ ยั ง ไม่ ห าย ก็ ป ลงบริ ข ารลง
จากบนบ่าเที่ยวด่ทำา เลที่พักตามบริเวณนั้ น แต่ตาเจ้ากรรม ใจ
เจ้ า เวร ทำา ให้ ร ะลึ ก ถึ ง เสื อ ขึ้ น มาได้ ว่ า ถำ้ านี้ มี เ สื อ พร้ อ มกั บ
สายตาที่มองลงไปพื้นบริเวณหน้าถำ้า ก็ไปเจอเอารอยเท้าเสือที่
เหยียบไว้แต่เมื่อไรไม่ทราบอย่างถนัดตา ใจร้่สึกสะท้านกลัวขึ้น
มาในขณะนั้นแทบเป็ นบ้าไปได้ จนลืมโอวาทท่านอาจารย์ท่ีสอน
ไว้ และลืมความกล้าหาญที่เคยออกแสงแพรวพราวขณะที่น่ังฟั ง
เทศน์อ ย่่ วั ด หนองผื อ เสี ย โดยสิ้ น เชิ ง มี แ ต่ ค วามกลั ว เต็ ม หั ว ใจ
พยายามแก้ค วามกลัว ด้ว ยวิธี ต่า ง ๆ ก็ไ ม่ ห าย ต้ อ งเดิ น ไปกลบ
รอยเสือด้วยฝ่ าเท้าออกจนหมดก็ยังไม่หายกลัว แต่มีเบาลงเล็ก
น้อยที่มองไปไม่เห็นรอยมันอีก
นับแต่ขณะที่เหลือบมองลงไปเจอรอยเสือ จนกระทั่งกลาง
คืนตลอดรุ่งยังแก้กันไม่ตก แม้กลางวันก็ยังกลัว ยิ่งตกกลางคืน
ยิ่งเพิ่มความกลัวหนักเข้า ราวกับบริเวณที่พักนั้นเต็มไปด้วยเสือ
ทั้งสิ้น จากนั้นไข้มาลาเรียชนิ ดจับสั่นก็เริ่มกำา เริบขึ้นอีก เท่ากับ
ตกนรกทั้งเป็ นอย่่ในถำ้านั้น ไม่มีความสบายกายสบายใจเอาเลย
แต่ น่ า ชมเชยท่ า นที่ ใ จแข็ ง แกร่ ง ไม่ ย อมลดละความพยายาม
ทรมานตนให้หายกลัวด้วยอุบายวิธีต่าง ๆ ตลอดไป ไข้ก็กำา เริบ
รุนแรงขึ้นตาม ๆ กัน หรือจะเป็ นเพราะธรรมบันดาลก็สุดจะคาด
ถึง ทั้งทุกข์เพราะกลัวเสือ ทั้งทุกข์เพราะไข้กำาเริบ จนไม่เป็ นตัว
ของตัว แทบเป็ นบ้าไปได้ในเวลานั้น นาน ๆ ระลึกถึงโอวาทและ
พระคุณของท่านอาจารย์ม่ันได้ทีหนึ่ ง หัวใจที่เต็มไปด้วยไฟ คือ
ความทุกข์ทรมานก็สงบลงได้พักหนึ่ ง
ตอนไข้กำา เริบรุนแรงเป็ นเหตุใ ห้ท่ านระลึกสละตายขึ้น มา
ได้ ก็รีบถามตัวเองในขณะนั้นว่า ก่อนจะมาอย่่ท่ีน่ี ก็ได้คิดอย่าง
เต็มใจแล้วว่าจะมาสละตาย เวลาท่านอาจารย์ถามว่าจะไปไหน
ได้ตอบท่านว่าจะไปตายในถำ้านั้ น แล้วก็มาด้ว ยความอาจหาญ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 225
226

ต่ อ ความตายราวกั บจะเหาะเหิ น เดิ น ฟ้ าได้ แต่ เ มื่ อมาถึ ง ถำ้ าอั น


เป็ นที่ ต ายจริ ง ๆ แล้ ว ทำา ไมจึ ง กลั บ ไม่ อ ยากตาย และมี ค วาม
กลั วตายจนตั้ ง ตั ว ไม่ติ ด ใจเราคนเดี ย วกัน มิ ไ ด้ ไ ปเที่ ย วหาเอา
หัวใจคนขี้ขลาดหวาดกลัวของผ้่ใดและของสัตว์ตัวใดมาสวมใส่
เข้า พอจะกลายเป็ นผ้่ใหม่และสัตว์ตัวใหม่ท่ีข้ีขลาดขี้กลัวขึ้นมา
ในเราคนเดียวกัน แล้วทำา ไมเวลาอย่่โน้นเป็ นอย่างหนึ่ ง บทมา
อย่่ท่ีน้ี กลับเป็ นอีกอย่างหนึ่ ง เราจะเอาอย่างไรกันแน่ รีบตัดสิน
ใจเดีย ๋ วนี้ อย่าชักช้า
เอาอย่ า งนี้ ดี ไ หม เราจะตั ด สิ น ใจให้ คื อ หนึ่ ง ออกไปนั่ ง
ภาวนาอย่่ริมเหว ถ้าเผลอสติก็ให้มันตกลงไปตายอย่่ในเหว ให้
แร้ ง กาแมลงวั น มาจั ด การศพให้ เ ลย ไม่ ต้ อ งให้ ยุ่ ง ยากกั บ ชาว
บ้ า น เพราะเราเป็ นพระไม่ เ ป็ นท่ า อย่ า ให้ ใ ครมาแตะต้ อ งกาย
ของพระไม่เป็ นท่าให้แปดเปื้ อนเขา แล้วกลายเป็ นคนไม่เป็ นท่า
ไปหลายคนเลย สอง ออกไปนั่ ง ภาวนาอย่่ ท างขึ้ น ถำ้ าเสื อ เวลา
เสือออกไปเที่ยวหากิน อย่าให้มันต้องลำา บาก จะได้โดดคาบคอ
พระไม่เป็ นท่าองค์น้ี ไปเป็ นอาหารว่างของมันในคืนนี้ จะเอาข้อ
ไหนให้เลือกเอาเดีย ๋ วนี้ อย่าเนิ่ นนาน เราจะพาจัดการเดีย ๋ วนี้
ว่าแล้วก็ออกจากมุ้งมายืนอย่่หน้าถำ้าขณะหนึ่ งรอการตัดสิน
ใจ สุดท้ายก็ตกลงเอาตามข้อที่หนึ่ ง คือออกไปนั่ งภาวนาอย่่ริม
เหวอย่ างหมิ่ นเหม่ ท่ีสุ ด ถ้าเผลอก็ ต้อ งมอบศพให้ สัต ว์จำา พวกที่
พ่ดฝากไว้แล้วเหล่านั้นแน่ นอน แล้วก็เตรียมนั่งภาวนาหันหน้า
ไปทางเหวลึ ก หั น หลั ง ออกมาทางที่ เ สื อ เดิ น ขึ้ น ถำ้ า บริ ก รรม
ภาวนาด้วยพุทโธ กับคำาว่า ถ้าประมาทต้องตายในบัดเดีย ๋ วใจไม่
ชักช้า ขณะที่น่ังบริกรรมภาวนาได้ทำาความสังเกตด่ใจว่า จะกลัว
ตกเหวตายหรื อ จะกลั ว เสื อ กิ น ตาย ปรากฏว่ า กลั ว ตกเหวตาย
เป็ นกำาลัง และตั้งสติมิได้พลั้งเผลอจากคำา บริกรรมด้วยธรรม
สองบทนั้น ตามแต่จิตจะระลึกได้บทใดเวลาใด
พอภาวนาตั้งท่าตายอย่่ริมเหวลึกไม่นานเลย จิตก็รวมสงบ
ตั ว ลงอย่ า งรวดเร็ ว และลงถึ ง ฐานของอั ป ปนาสมาธิ เ ลย รวด
เดียวดับเงียบไปเลยในขณะนั้น หมดความกังวลวุ่นวายที่เป็ นไฟ
เผาใจ เหลื อ แต่ เ จ้ า ของของผ้่ ก ลั ว ตายคื อ จิ ต ดวงเดี ย วเท่ า นั้ น
ทรงตัวอย่่อย่างอัศจรรย์ ความกลัวตายได้หายไปโดยสิ้นเชิง นับ
แต่เวลา ๔ ทุ่มจนถึง ๔ โมงเช้าของวันรุ่งขึ้นจิตจึงได้ถอนขึ้นมา
มองด่ตะวันขึ้นครึ่งฟ้ าแล้ว วันนั้นเลยไม่ต้องลงไปบิณฑบาตและ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 226
227

ไม่ฉน ั จังหันด้วย พอจิตถอนขึ้นมาความกลัวไม่ทราบหายหน้าไป


ไหนหมด ปรากฏแต่ความอาจหาญกับความอัศจรรย์ท่ีไม่เคย
ปรากฏมาเท่ านั้ น ไข้ ก็ถอนหายขาดในคื นวัน นั้ น ไม่ มีอีกต่อ ไป
เลย ท่ านว่าธรรมโอสถรักษาได้ท้ั งโรคมาลาเรีย ทั้ ง โรคขี้ ก ลั ว
เสือ
นับแต่วันนั้นทั้งไข้ท้ังความกลัวไม่มีมารบกวนร่างกายและ
จิ ต ใจอี ก เลย อย่่ ท่ี ไ หนก็ อ ย่่ ไ ด้ ไปที่ ไ หนก็ ไ ปได้ อ ย่ า งสบายหาย
ห่วง เสือจะมาหรือไม่มาเลยไม่สนใจคิด นอกจากคิดอยากให้เสือ
มาบ้าง จะได้ทดลองจิตด้วยวิธีเดินเข้าไปหาเสือ โดยไม่มีความ
สะทกสะท้านแม้แต่น้อยเลยเท่านั้ น ทั้งได้ระลึกถึงพระคุณท่าน
อาจารย์อย่างเทิดท่นบนศีรษะอย่่ตลอดเวลา ว่าเราได้เห็นฤทธิ ์
ของกิเลสตัวกลัว ๆ เพราะท่านสอน
พอท่ านจั บเคล็ ด ของจิ ต ได้ แ ล้ ว ท่ า นฝึ กทรมานจิ ต ด้ ว ยวิ ธี
นั้นตลอดมา คือชอบเที่ยวแสวงหาที่น่ากลัวมากเป็ นที่น่ังสมาธิ
ภาวนา แม้ท่านพักอย่่ในถำ้านั้นนับแต่วันนั้นมาแล้วก็ฝึกแบบนั้น
ตลอดไป โดยเที่ยวหานั่งภาวนาอย่่ในที่ต่าง ๆ เช่น ทางเสือขึ้น
ถำ้าบ้าง ทางเสือเคยเดินผ่านไปมาบ้าง ขณะที่น่ังภาวนาในที่พัก
ท่ า นก็ ไ ม่ ล ดมุ้ ง ลง โดยความหมายว่ า ถ้ า ลดมุ้ ง ลงจิ ต จะไม่ นึ ก
กลัวเสือแล้วจะไม่รวมสงบลงได้อย่างใจหมาย หรือนั่งภาวนาอย่่
หน้าถำ้าบ้าง นอกมุ้งบ้าง ตามแต่วิธีท่ีเห็นว่าจิตจะรวมลงได้เร็ว
และสนิ ทเต็มฐานของสมาธิ
คืน หนึ่ งจิต ไม่ ยอมสงบลงได้ แม้จ ะนั่ งภาวนานานเพีย งไร
ท่านเลยนึ กถึงเสือโคร่งตัวที่เคยขึ้น ๆ ลง ๆ และไปมาอย่่เสมอใน
แถบบริเวณนั้น ว่าวันนี้ เสือตัวนี้ ไปไหนกันนะ มาช่วยให้จิตเรา
ภาวนารวมสงบลงบ้างเป็ นไร ถ้าเสือมามันไม่ได้ภาวนายากเย็น
อะไรเลย จิตคอยแต่จะรวมลงท่าเดียว หลังจากท่านคิดรำาพึงถึง
เสื อ โคร่ ง ค่่ มิ ต รไม่ น านนั ก ราวครึ่ ง ชั่ ว โมงก็ ไ ด้ ยิ น บาทย่ า งเท้ า
ของเสื อ ตั ว นั้ น เดิ น ขึ้ น มาบนถำ้ าอย่ า งเป็ นจั ง หวะจะโคนจริ ง ๆ
เวลานั้นราว ๒ นาฬิกา พอได้ยินเสียงเสือเดินขึ้นมา ท่านก็เตือน
จิตว่าบัดนี้ เสือขึ้นมาแล้วนะจะมัวเพลินอย่่น้ี ไม่กลัวเสือคาบคอ
ไปกินหรือ จะลงหาที่ซ่อนตัวเพื่อหลบภัยก็รีบลงมาซิ ถ้าไม่อยาก
เป็ นอาหารเสือ
พอคิดเท่านั้นก็กำาหนดจิตสมมุติเอาเสือตัวกำาลังเดินมานั้น
โดดคาบที่คอของตน ปรากฏว่าพอกำาหนดเอาเสือโดดมาคาบคอ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 227
228

เท่ า นั้ น จิ ต ก็ ร วมลงส่่ ส มาธิ อ ย่ า งรวดเร็ ว และถึ ง ฐานอั ป ปนา


สมาธิในขณะนั้น หายเงียบไปเลยทั้งเสือทั้งคนในความหมาย ยัง
เหลื อแต่ ค วามสงบอั น ราบคาบเป็ นเอกจิ ต เอกธรรม ที่ เ ต็ ม ไป
ด้วยความอัศจรรย์สุดจะคาดในเวลานั้น นับแต่เวลาจิตรวมสงบ
ลงเวลา ๒ นาฬิกา จนถึง ๑๐ โมงเช้า (๔ โมงเช้า) จึงถอนขึ้นมา
รวมเป็ นเวลา ๘ ชั่วโมงเต็ม ตอนออกจากสมาธิมองด่ตะวันครึ่ง
ฟ้ า เลยต้องงดไม่ไปบิณฑบาต และไม่ฉน ั ในวันนั้น ขณะที่จิตรวม
ลงอย่ างเต็ ม ที่ถึ ง ฐานของอั ป ปนาสมาธิ ตามจริ ต นิ สั ย ของจิ ต ที่
รวมลงอย่างรวดเร็วเหมือนคนตกเหวตกบ่อนั้น ต้องดับอายตนะ
ภายในไม่รับทราบกับอายตนะภายนอกโดยประการทั้งปวงใน
เวลานั้น จิตของท่านองค์น้ี ก็มีนิสัยเช่นนั้น ฉะนั้น เวลารวมสงบ
ลงเต็มที่แล้วจึงหมดความร้่สก ึ กับสิ่งภายนอก
ตอนออกจากสมาธิแล้ว จึงเดินไปด่ตรงที่ได้ยินเสียงเสือมา
เป็ นเสือมาจริง ๆ หรือห่มันหลอกต่างหาก เวลาไปด่ ก็เ ห็น รอย
เสือโคร่งใหญ่ค่มิตรตัวนั้นเดินผ่านมาด้านหลังท่านจริง ๆ ห่าง
กันประมาณ ๒ วา มันเดินขึ้นไปถำ้าที่อย่่ประจำา ของมัน โดยมิได้
สนใจเดินวกเวียนด่ค่มิตรของมันเลย จึงน่ าแปลกและอั ศจรรย์
อย่่มาก ท่านว่าพอจิตรวมลงเท่านั้ น เรื่องทั้งหลายก็ดับไปหมด
ในขณะนั้น จนกว่าจิตจะถอนขึ้นมาถึงจะมีส่ิงมาเกี่ยวข้อง
การฝึ กจิตโดยลำาพังโดยไม่มีเหตุมาบังคับ รวมสงบได้ยาก
ไม่เหมื อนมีเ หตุ อันตรายมาเกี่ ยวข้อ งในเวลานั้ น ซึ่ งรวมได้ เร็ว
ที่ สุ ด ชั่ ว วิ น าที เ ดี ย วเท่ า นั้ น ก็ ล งถึ ง ที่ เ ลยไม่ ชั ก ช้ า ฉะนั้ น ผมจึ ง
ชอบไปเที่ยวแสวงหาอย่่ในที่กลัว ๆ สะดวกแก่การฝึ กจิตดีมาก
ไม่อยากอย่่ในที่ท่ีเป็ นป่ าเป็ นเขาหรือถำ้าธรรมดา แต่ต้องเป็ นป่ า
เสือ เขาที่มีเสือหรือถำ้าที่มีเสือ อย่างนั้นถ่กกับจริตของผมซึ่งเป็ น
คนหยาบ ดังที่เป็ นมานี่ แล ผมจึงจำาต้องชอบอย่่ในที่เช่นนั้น
มี แ ปลกอย่่ ต อนหนึ่ ง ที่ ผ มพั ก อย่่ ถ้ ำ านั้ น นอกจากจิ ต ได้ รั บ
ความสงบตามความมุ่งหมายแล้ว ยังมีความร้่แปลก ๆ เกี่ยวกับ
พวกรุ ก ขเทพและคนตายได้ อี ก บางคื น มี รุ ก ขเทพเข้ า มาหา
(ตอนนี้ ขอเรียนเพียงเท่ านี้ : ผ้่เขียน) และเวลาคนตายในบ้า น
ต้องทราบจนได้ ไม่ทราบว่ามีอะไรมาบอก แต่ทราบขึ้นภายในใจ
เองและแน่ ทุกครั้งเสียด้วย ถ้าจะว่าความร้่โกหกก็ไม่กล้าตำา หนิ
เราพักอย่่ในถำ้านั้น ก็อย่่ห่างไกลจากหม่่บ้านตั้งหลายกิโลเมตร

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 228
229

ทางร่วมสองร้อยเส้น เขายังมานิ มนต์ไปมาติกาบังสุกุลคนตาย


จนได้ ซึ่ ง เป็ นการลำา บากแก่ เ รามาก พอคนในบ้ า นตายต้ อ ง
ทราบแล้วว่าพรุ่งนี้ ต้องเดินบุกป่ าฝ่ าดงไปป่ าช้าอีกแล้ว และเขา
ก็ ม ารบกวนจริ ง ๆ ด้ ว ย บอกเขา ๆ ก็ ไ ม่ ฟั ง โดยให้ เ หตุ ผ ลว่ า
พระหายากจึ ง ต้ องมารบกวนท่ า น นึ ก ว่ า โปรดสัต ว์ เ อาบุ ญ เถิ ด
ดั งนี้ เราก็จำา ต้ องไปเพราะความเห็ น ใจและสงสาร ถ้ า เวลาอด
อาหารซึ่งเป็ นเวลาที่ต้องเร่งความเพียรอย่างยิ่ง ไม่อยากให้เรื่อง
ใด ๆ มากวนใจ แต่ก็ต้องมีจนได้
เธอว่าพักอย่่ท่ีถ้ ำานั้นได้กำาลังใจดีมาก โดยอาศัยเสือค่่มิตร
ตั ว นั้ น ช่ ว ยพยุ ง จิ ต ให้ เ สมอมา ซึ่ ง เว้ น เพี ย งคื น หนึ่ ง หรื อ สองคื น
มันก็ขึ้นหรือลงมาเพื่อเที่ยวหากินตามภาษาสัตว์ท่ีมีปากมี ท้อ ง
โดยไม่สนใจกับเราเลย ทั้ง ๆ ที่มันเดินผ่านหลังเราไปมาทุกครั้ง
ที่ออกหากิน เพราะทางออกมีเพียงเท่านั้น ไม่ทราบจะให้มันไป
ที่ไหน นิ สัยเธอองค์น้ี แปลกอย่่บ้าง ที่เวลากลางคืนดึก ๆ ก็ออก
จากถำ้าไปเที่ยวนั่งภาวนาอย่่ตามหินดานบนภ่เขา อย่างไม่สนใจ
กับสัตว์เสืออะไรเลย และชอบเที่ยวไปองค์เดียวเป็ นนิ สัย
ที่เขียนเรื่องเธอองค์น้ี แทรกลงบ้างก็โดยเห็นว่า พอเป็ นคติ
อย่่บ้างเป็ นบางตอน ที่เ ป็ นคนเอาจริ ง เอาจั ง จนเห็ น ข้ อ เท็ จ จริ ง
จากใจดวงพยศและสามารถดัดกันลงได้ สิ่งที่เคยเห็นว่าเป็ นภัย
ก็กลับถือมาเป็ นมิตรในความเพียรได้ เช่ น เสือ เป็ นต้ น ซึ่ งเป็ น
สัตว์ท่ีไม่น่าไว้ใจได้เลยยังยึดเอามาเป็ นเครื่องปลุกใจทางความ
เพียรได้ จนเห็นผลประจักษ์ใจ
ท่านอาจารย์ม่ันพักอย่่ท่ีวัดหนองผือด้วยความผาสุก พระ
ธุดงค์ท่ีไปอาศัยร่มเงาท่านก็ปรากฏว่าได้กำาลังจิตใจกันมาก แม้
จะมี จำา นวน ๒๐-๓๐ องค์ ใ นพรรษา ต่า งก็ ต้ั ง ใจปฏิ บัติ ต่ อ หน้า ที่
ของตน ๆ ไม่ มี เ รื่ องราวที่ น่ าให้ ท่ า นหนั ก ใจ มี ค วามสามั ค คี
กลมกลืนกันดีมากราวกับอวัยวะอันเดียวกัน ตอนออกบิณฑบาต
ร้่สึกน่ าด่มาก เดินกันเป็ นแถวยาวเหยียดไปตลอดสายทาง ชาว
บ้านจัดที่น่ังเป็ นม้ายาวไว้สำาหรับพระสงฆ์ท่านนั่งอนุโมทนาทาน
หลั ง จากใส่ บ าตรเสร็ จ แล้ ว ท่ า นฉั น รวมที่ โ รงฉัน แห่ ง เดี ย วกั น
โดยนั่งเรียงแถวกันตามลำาดับพรรษา เมื่อเสร็จแล้วต่างองค์ต่าง
ล้ า งและเช็ ด บาตร ใส่ถ ลกนำา ไปเก็ บ ไว้ เ รี ย บร้ อ ย แล้ ว ต่ า งองค์
เข้ า หาทางจงกรมในป่ ากว้ า ง ๆ ติ ด กั บ วั ด ทำา ความเพี ย ร เดิ น
จงกรมนั่งสมาธิตามอัธยาศัย

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 229
230

จวนบ่าย ๔ โมงเย็นถึงเวลาปั ดกวาดลานวั ด ต่า งก็ท ยอย


กันออกมาจากที่ทำาความเพียรของตน ๆ พร้อมกันปั ดกวาดลาน
วั ด เสร็ จ แล้ ว ขนนำ้ าขึ้ น ใส่ ตุ่ ม ใส่ ไ ห นำ้ าฉัน นำ้ าล้ า งเท้ า ล้ า งบาตร
และสรงนำ้ า หลั งจากนั้ นต่ างก็ เข้ าหาทางจงกรมทำา ความเพีย ร
ตามเคย ถ้ า ไม่ มี ก ารประชุ ม อบรมก็ ทำา ความเพี ย รต่ อ ไปตาม
อัธยาศัยจนกว่าจะถึงเวลาพักผ่อน ปกติ ๗ วันท่านจัดให้มีการ
ประชุ ม ครั้ ง หนึ่ ง แต่ ผ้่ ป ระสงค์ จ ะไปศึ ก ษาธรรมเป็ นพิ เ ศษกั บ
ท่านก็ได้ โดยไม่ต้องรอจนถึงวันประชุม หรือผ้่มีความขัดข้องจะ
เรี ย นถามปั ญหาธรรมกั บ ท่ า นก็ ไ ด้ ต ามโอกาสที่ ท่ า นว่ า ง เช่ น
ตอนหลั ง จั ง หั น ตอนบ่ า ย ๆ ตอนราว ๕ โมง และตอน ๒ ทุ่ ม
กลางคืน
เวลาท่ า นสนทนาหรื อ แก้ ปั ญหาธรรมกั น ตอนกลางคื น
เงียบ ๆ ร้่สึกน่ าฟั งมาก เพราะมีปัญหาแปลก ๆ จากบรรดาศิษย์
ซึ่ ง มาจากที่ ต่ า ง ๆ ที่ ต นพั ก บำา เพ็ ญ เป็ นปั ญหาเกี่ ย วกั บ ธรรม
ภายในบ้าง เกี่ยวกับสิ่งภายนอก เช่น พวกกายทิพย์บ้าง ฟั งแล้ว
ทำา ให้เพลิดเพลินอย่่ภายใน ไม่อยากให้ จบสิ้น ลงง่า ย ๆ ทั้ งเป็ น
คติ ท้ั ง เป็ นอุ บ ายแก้ ใ จในขณะนั้ น เพราะผ้่ ม าศึ ก ษากั บ ท่ า นมี
ภ่มิธรรมทางภายในเหลื่อมลำ้าตำ่าส่งต่างกันเป็ นราย ๆ ไปและมี
ความร้่ แ ปลก ๆ ตามจริ ต นิ สั ย มาเล่ า ถวายท่ า น จึ ง ทำา ให้ เ กิ ด
ความรื่นเริงใจไปกับปั ญหาธรรมนั้น ๆ ไม่มีสน ิ้ สุด
เวลามีโอกาสท่านก็เล่านิ ทานที่เป็ นคติให้ฟังบ้าง เล่าเรื่อง
ความเป็ นมาของท่านในชาติปัจจุบันแต่สมัยเป็ นฆราวาส จนได้
บวชเป็ นเณรเป็ นพระให้ฟังบ้าง บางเรื่องก็น่าขบขันน่ าหัวเราะ
บางเรื่ องก็ น่ า สงสารท่ า น และน่ า อั ศ จรรย์ เ รื่ องของท่ า น ซึ่ ง มี
มากมายหลายเรื่ อง ฉะนั้ น การอย่่ กั บ คร่ บ าอาจารย์ น าน ๆ จึ ง
ทำาให้จริตนิ สัยของผ้่ไปศึกษา มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางดีตาม
ท่านวันละเล็กละน้อยทั้งภายนอกภายใน จนกลมกลื นกับ นิ สัย
ท่ า นตามควรแก่ ฐ านะของตน ทั้ ง มี ค วามปลอดภั ย มาก มี ท าง
เจริญมากกว่าทางเสื่อมเสีย ธรรมค่อยซึมซาบเข้าส่่ใจโดยลำาดับ
เพราะการเห็ น การได้ ยิ น ได้ ฟั งอย่่ เ สมอ ความสำา รวมระวั ง อั น
เป็ นทางส่งเสริมสติปัญญาให้มีกำาลังก็มากกว่าปกติ เพราะความ
เกรงกลัวท่านเป็ นสาเหตุไม่ให้นอนใจ ต้องระวังกายระวังใจอย่่
รอบด้าน แม้เช่นนั้นท่านยังจับเอาไปเทศน์ให้เราและหม่่คณะฟั ง

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 230
231

จนได้ ซึ่งบางเรื่องน่ าอับอายหม่่คณะ แต่ก็ยอมทนเอา เพราะเรา


โง่ไม่รอบคอบต่อเรื่องของตัว
เวลาอย่่ กั บ ท่ า นมี ค วามเย็ น กายเย็ น ใจเจื อ ด้ ว ยความปี ติ
อย่ า งบอกไม่ ถ่ ก แต่ ถ้ าใจไม่ เ ป็ นธรรมก็ ใ ห้ ผ ลตรงข้ า ม คื อ เกิ ด
ความรุ่มร้อนไปทุกอิริยาบถ เพราะความคิดผิดของตัวในความ
ร้่สึกของตนเป็ นอย่างนี้ สำา หรั บท่ านผ้่อ่ ื นก็ ไม่ อาจทราบได้ เรา
มั นเป็ นคนหยาบต้องอาศัย ท่า นคอยสับ คอยเขกให้ อย่่ เสมอ จึ ง
พอมีลมหายใจสืบต่อกันไปได้ กิเลสตัณหาไม่แย่งเอาไปกินเสีย
หมด ยิ่งเวลาท่านเล่าเรื่องจิตท่านในเวลาบำาเพ็ญให้ฟังเป็ นระยะ
ๆ ก็ย่ิงเพิ่มกำาลังใจมากขึ้น ราวกับจะเหาะเหินเดินเมฆบนอากาศ
ได้ ปรากฏว่ า กายเบาใจเบายิ่ ง กว่ า สำา ลี แต่ เ วลาไปทำา ความ
เพี ย รเข้ า จริ ง ๆ ให้ ส มกั บ ใจที่ จ ะเหาะลอยอย่่ ข ณะนั้ น แต่ ก ลั บ
กลายเป็ นเหมือนลากภ่เขาทั้งล่ก ทั้งหนักทั้งฝื ด ซึ่งน่ าโมโหแทบ
มุดดินลงได้อย่่ใต้พิภพ ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าเลย พอดีกับจิตที่
หยาบคายร้ายเลวเอาเสียจริง ๆ ไม่ยอมฟั งอะไรกับใครเอาง่าย

นี้ เ ขี ย นตามความหยาบความหนาของตั ว ให้ ท่ า นได้ อ่ า น
บ้าง เพื่อทราบความจมดิ่งของใจที่ถ่กบรรจุเครื่องทำาลายและกด
ถ่ว งไว้อย่างอั ดแน่ น ว่ าเป็ นจิต ที่ แ สนจะฉุด ลากและฝึ กทรมาน
ยาก ถ้าไม่เอาจริง ๆ กับมัน ต้องนั บวันจะพาเจ้าของจมดิ่งลงส่่
ความตำ่าทรามได้อย่างไม่เลือกกาลสถานที่และเพศวัยเลย ท่าน
ผ้่ พยายามฝึ กจิต ดวงแสนพยศมาประจำา กำา เนิ ด ภพชาติ ใ ห้ ห าย
พยศ ดำา รงตนอย่่ โดยอิส ระเสีย ได้ จึ งเป็ นบุค คลที่น่ า กราบไหว้
บ่ ช าอย่ า งยิ่ ง ดั ง พระพุ ท ธเจ้ า และพระสาวกเป็ นตั ว อย่ า งสมั ย
ปั จจุบัน พ่ดตามความสนิ ทใจของผ้่เขียนก็คือ พระอาจารย์ม่ันที่
พวกเรากำา ลังอ่านประวัติท่านอย่่เวลานี้ ที่เป็ นผ้่หนึ่ งในบรรดา
ปั จฉิมสาวกของพระพุทธองค์
ท่านเป็ นผ้่อาจหาญชาญชัยทางข้อวัตรปฏิบัติเครื่องดำาเนิ น
ไม่ ย อมลดหย่ อนผ่ อนคลายไปตามอำา นาจฝ่ ายตำ่ าตลอดมา แม้
ก้าวเข้าวัยชราควรจะอย่่สบายตามวิบากขันธ์ ไม่ต้องขวนขวาย
กับ กิจ การภายใน คือสมณธรรมทางสมาธิภ าวนา แต่ ก ารเดิ น
จงกรมภาวนาตามเวลาที่ เ คยทำา มานั้ น พระหน่ ุ ม ๆ ยั ง ส้่ ไ ม่ ไ ด้
และกิ จ ภายนอกเกี่ ย วกั บ การอบรมสั่ ง สอนบรรดาศิ ษ ย์ ท่ า นก็
อนุ เ คราะห์ ด้ ว ยจิ ต เมตตาเสมอมาไม่ เ คยทอดอาลั ย การเทศน์

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 231
232

อบรมโดยมากท่านมักเทศน์ไปตามนิ สัยที่เคยเด็ดเดี่ยวมาแล้ว
ไม่ค่อยทิ้งลวดลายของนักต่อส้่ตลอดมา คือ เทศน์เป็ นเชิงปลุกใจ
ผ้่ ฟั งให้ มี ค วามอาจหาญร่ า เริ ง ในปฏิ ป ทาเพื่ อแดนพ้ น ทุ ก ข์ เ ป็ น
ส่ ว นมากกว่ า จะเทศน์อ นุ โ ลม อั น เป็ นการกล่ อ มใจของคนที่ มี
นิ สัยอ่อนแอประจำาสันดานอย่่แล้ว ให้เคลิ้มหลับไปขณะที่ฟังและ
วาระต่อไป
พระอาจารย์ม่ันท่านเป็ นผ้่เทิดท่นศาสนธรรมไว้ได้ท้ังทาง
ปริ ยั ติ ปฏิ บั ติ และปฏิ เ วธธรรมเต็ ม ภ่ มิ ท่ี สมั ย สาวกหายาก
เฉพาะอย่างยิ่งธุดงควัตร ๑๓ ข้อที่แทบจะขาดความสนใจในวง
พุ ท ธบริ ษัท อย่่ เ สมอมา ไม่ ค่ อ ยมี ผ้่ ฟ้ ื นฟ่ ขึ้ น มาปฏิ บั ติ กั น ให้ เ ป็ น
เนื้ อเป็ นหนังบ้าง เหมือนธรรมอื่น ๆ ที่ธุดงค์เหล่านี้ ปรากฏเด่น
ในสายตา และเกิดความสนใจปฏิบัติกันในวงพระธุดงค์ท้ังหลาย
สมัยปั จจุบัน ก็เพราะท่านอาจารย์เสาร์ ท่านอาจารย์ม่ัน เป็ นผ้่
พาดำาเนิ นอย่างเอาจริงตลอดมาในภาคอีสาน ธุดงค์ท้ัง ๑๓ ข้อนี้
ท่ า นอาจารย์ ท้ั ง สองเคยปฏิ บั ติ ม าแทบทุ ก ข้ อ ตามสถานที่ แ ละ
โอกาส เป็ นแต่ เ พี ย งไม่ ไ ด้ ป ฏิ บัติ เ ป็ นประจำา เหมื อ นธุ ด งค์ ข้อ ที่
ระบุไว้ในประวัติท่านซึ่งเขียนผ่านมาแล้วเท่านั้น คือป่ าช้าท่านก็
เคยอย่่มาจนจำา เจ อัพโภกาศท่านก็เคยอย่่มา โคนไม้ท่านก็เคย
อย่่ ม าจนเคยชิ น ที่ ไ ด้ เ ห็ น พระธุ ด งค์ ท างภาคอี ส านซึ่ ง เป็ นสาย
ของท่านอาจารย์ท้ังสองปฏิบัติกันมา ก็ล้วนดำาเนิ นตามที่ท่านพา
ดำาเนิ นให้เห็นร่องรอยมาแล้วทั้งนั้น
ท่านอาจารย์เสาร์ท่านอาจารย์ม่ันท่านฉลาดแหลมคมมาก
ร้่ ค วามสำา คั ญ ของธุ ด งค์ ท้ั ง ๑๓ ข้ อ ว่ า เป็ นเครื่ องมื อ ปิ ดช่ อ ง
ทางออกแห่ ง กิ เ ลสของพระธุ ด งค์ ไ ด้ ดี ม าก เพราะถ้ า ไม่ มี ธุ ด งค์
เหล่านี้ ช่วยปิ ดช่องไว้บ้าง กิเลสของพระธุดงค์ท่ีสักแต่ช่ ือก็ร้่สึก
จะเพ่นพ่านเอามาก และอาจจะทำาความรำาคาญแก่ประสาทของ
ผ้่ อ่ ื นพอด่ แต่ พ ระธุ ด งค์ ท่ี มี ธ รรมเหล่ า นี้ ช่ ว ยบ้ า ง ก็ พ อทำา ให้
เบาใจแก่ตั วเองและผ้่ อ่ ืน จะทนด่ ไ ด้ ไม่ แ สลงตาแสลงใจเกิ น ไป
ธุ ด งค์ แ ต่ ล ะข้ อ ร้่ สึ ก เป็ นธรรมกระซิ บ ใจได้ ดี ไ ม่ เ ผลอตั ว ไปมาก
และไม่เผลอตัว พอจิตคิดไปในทางผิดซึ่งเป็ นข้าศึกกับธุดงค์ข้อ
ใด ใจกลั บ ร้่ สึ ก ได้ ใ นธุ ด งค์ ข้ อ นั้ น ทั น ที แล้ ว ทำา ความระวั ง และ
แก้ไขตนต่อไป
ธุด งค์เ ป็ นธรรมละเอีย ดลออมาก และมีค วามหมายอย่ า ง
เต็มตัวทุกข้อไป ทั้งสามารถแก้กิเลสในหัวใจของสัตว์ได้โดยสิ้น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 232
233

เชิงด้วยธุดงค์ข้อนั้น ๆ อย่างไม่มีปัญหา ขอแต่ผ้่ปฏิบัติคิดให้ถึง


ความจริ ง ของธุ ด งค์ ข้ อนั้ น ๆ แล้ ว นำา มาปฏิ บั ติ ต่ อ ตนเองด้ ว ยดี
เท่านั้น จะเห็นว่ากิเลสทุกประเภทอย่่ในข่ายของธุดงค์เหล่านั้น
จะเป็ นธรรมปราบปรามให้ สิ้น ซากไปทั้ งสิ้ น ไม่มีกิ เลสตั วใดจะ
เหนื ออำา นาจธุดงค์ไปได้ เท่า ที่กิ เลสไม่ค่ อยกลัว เรานั กก็ เพราะ
เรากลั ว ธุ ด งค์ จ ะทำา ความลำา บากให้ แ ก่ ต นที่ ป ฏิ บั ติ ต าม ส่ ว น
กิเลสจะทำาความลำาบากแก่เราเพียงไร เมื่อไม่มีธุดงคธรรมเป็ น
เครื่ องปราบปรามนั้ น ร้่ สึ ก จะเป็ นช่ อ งโหว่ ข องตน จึ ง เป็ นช่ อ ง
ทางให้ เ ผลอตั ว ไปตำา หนิ ธุ ด งค์ ว่ า ปฏิ บั ติ ย ากเสี ย บ้ า ง หรื อ บาง
หัวใจอาจคิดไปว่า ธุดงค์ล้าสมัยเสียบ้างก็ไม่อาจทราบได้
ในขณะที่ ค วามคิ ด กลั บ เป็ นข้ า ศึ ก แก่ ต น กิ เ ลสจึ ง ได้ รั บ
ความนิ ย มนั บถื ออย่่ อ ย่ า งลึ ก ลั บ โดยผ้่ ช มเชยก็ ไ ม่ อ าจทราบได้
แต่ผลของมันที่เกิดจากการส่งเสริมชมเชยผลิตออกมาให้โลกได้
รับเสวยนั้น เป็ นสิ่งเปิ ดเผยอย่่ตลอดเวลา แทบพ่ดได้ว่าเป็ นอกา
ลิโก การปฏิบัติตามธุดงค์ไม่ว่าข้อใดย่อมเป็ นความสง่างามน่ าด่
ทั้งเป็ นผ้่เลี้ยงง่าย กินง่าย นอนง่าย เครื่องใช้สอยของผ้่มีธุดงค์
อย่่ในใจบ้างย่อมถือเป็ นความสบายไปตลอดสาย เป็ นผ้่เบากาย
เบาใจไม่พระรุงพระรังทั้งทางอารมณ์และเครื่องเป็ นอย่่ต่าง ๆ
ธุดงค์เหล่านี้ แม้ฆราวาสจะเลือกนำาไปใช้ในบางข้อเพื่อเป็ น
ประโยชน์ แ ก่ ต น ก็ ย่ อ มได้ เ ช่ น เดี ย วกั บ พระ เพราะกิ เ ลสของ
ฆราวาสกั บ กิ เ ลสของพระมั น เป็ นประเภทเดี ย วกั น ธุ ด งค์ เ ป็ น
ธรรมแก้ กิ เ ลสจึ ง ควรนำา ไปปฏิ บั ติ เ พื่ อแก้ กิ เ ลสได้ เ ช่ น เดี ย วกั น
ตามฐานะและเพศของตนจะอำา นวย ธุ ด งค์ เ ป็ นคุ ณ ธรรมที่ ส่ ง
อย่างลึกลับ ยากที่เราจะทราบได้ตามความจริงของธุดงค์แต่ละ
ข้ อ ผ้่ เ ขี ย นเองก็ ต ะเกี ย กตะกายเขี ย นไปแบบป่ า ๆ ตามนิ สั ย
อย่า งนั้ นแล ไม่ ได้ มีค วามร้่ ความเข้ าใจในธุด งค์ เ ท่ า ที่ ค วรอะไร
เลย แต่หัวใจมีก็เขียนสุ่ม ๆ ไปอย่างนั้นเองจึงขออภัยด้วย
คุณสมบัติของธุดงค์ท้ังหลายไม่อาจพรรณนาให้จบสิ้นลงได้
เพราะเป็ นธรรมที่ ล ะเอี ย ดสุ ขุม มาก ทั้ง สามารถทำา ให้ ผ้่ รั ก ใคร่
ใฝ่ ใจปฏิบัติในธุดงค์ สำา เร็จได้ในคุณธรรมตั้งแต่ข้ันตำ่าจนถึงขั้น
อริ ย ชน ไม่ น อกไปจากธุ ด งค์ เ หล่ า นี้ เ ลย ท่ า นอาจารย์ ม่ั น เป็ น
อาจารย์ ผ้่ นำา บรรดาศิ ษ ย์ พ าดำา เนิ นมาตลอดสายจนถึ ง วาระ
สุดท้าย หมดกำาลังแล้วจึงปล่อยวางพร้อมกับสังขารที่ติดแนบกับ
องค์ท่าน

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 233
234

ฉะนั้นธุดงควัตรจึงเป็ นธรรมจำาเป็ น สำาหรับผ้่มุ่งชำาระกิเลส


ทุก ประเภทภายในใจให้ สิ้ น ไป จะทอดธุ ร ะว่ า ธุ ด งค์ ไ ม่ ใ ช่ ธ รรม
จำา เป็ นเสียมิได้ แต่จะไม่ขออธิบายคุณสมบัติของธุดงค์แต่ละข้อ
ว่ า มี คุ ณ ค่ า และความจำา เป็ นแก่ เ ราอย่ า งไรบ้ า ง กรุ ณ าท่ า นผ้่
สนใจพิ จ ารณาตี แ ผ่ เ อาเอง อาจได้ ค วามละเอี ย ดและเกิ ด
ประโยชน์แ ก่ ตั ว ท่ า นเองมากกว่ า ผ้่ อ่ ื นอธิ บ ายให้ ฟั งเสี ย อี ก ผ้่
เขียนเคยพิจารณาและเห็นผลมาบ้างตามประสา นับแต่เริ่มออก
ปฏิบัติจนทุกวันนี้ เท่าที่สามารถ เพราะเห็นว่าเป็ นธรรมจำา เป็ น
ประจำา ตัว ตลอดมาและตลอดไป ท่า นผ้่ มุ่ง ต่อ ความสิ้น กิเลสทั้ง
ประเภทที่ ห ยาบโลน และประเภทที่ ล ะเอี ย ดสุ ด จึ ง ไม่ ค วรมอง
ข้ามธุดงค์ไป โดยเห็นว่าไม่สามารถถอดถอนกิเลสได้

ท่านพระอาจารย์มัน
่ เริม
่ ป่ วย และเริม
่ ลาวัฏวน
เป็ดนครั
พอท่ านจำา พรรษาวั ้ งสุดอท้ปีาย
หนองผื ที่ ๔ ผ่ า นไปแล้ ว ตกหน้ า
แล้งราวเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ ทางจันทรคติจำาได้ว่าเป็ นวัน
ขึ้น ๑๔ เดือน ๔ เป็ นวันสังขารท่านเริ่มแสดงอาการไม่สนิ ทที่จะ
ครองขันธ์ต่อไป ดังที่เป็ นมาแล้ว ๗๙ ปี วันนั้นเป็ นวันที่ท่านเริ่ม
ป่ วยอันเป็ นสาเหตุลุกลามไปถึงจุดสุดท้ายของสังขารที่ครองตัว
มาเป็ นเวลานาน วันนั้นได้แสดงความสั่นสะเทือนขึ้นมาแก่ขันธ
ปั ญจกท่ า นและพระสงฆ์ ใ นวงใกล้ ชิ ด โดยเริ่ ม แรกมี ไ ข้ แ ละไอ
ผสมกันไม่มากนัก มีอาการรุม ๆ ไปแทบทั้งวันทั้งคืน ไม่ค่อยมี
เวลาสร่างนับแต่วันแรกเป็ น ท่านแสดงออกเป็ นอาการผิดปกติ
ที่น่าวิตกด้วยแล้ว ทำาให้คนดีไม่น่าไว้ใจเลย องค์ท่านทราบอย่าง
ประจักษ์ไม่มีทางสงสัยว่าไข้คราวนี้ เป็ นไข้ครั้งสุดท้าย ไม่มีทาง
หายได้ด้วยวิธีและยาขนานใด ๆ ทั้งสิน ้
ฉะนั้ น ท่ า นจึ ง เผดี ย งให้ บ รรดาศิ ษ ย์ ท ราบตั้ ง แต่ เ ริ่ ม แรก
เป็ น และไม่สนใจกับหย่กยาอะไรเลย นอกจากแสดงอาการเป็ น
ความรำา คาญเวลามีผ้่นำา ยาเข้าไปถวายให้ฉันเท่านั้ น โดยบอก
ว่าไข้น้ี มันเป็ นไข้ของคนแก่ ซึ่งหมดความสืบต่อใด ๆ อีกแล้ว ไม่
ว่ายาขนานใดมาใส่จะไม่มีวันหาย มีเพียงลมหายใจที่รอวันตาย
อย่่เท่านั้น เช่นเดียวกับไม้ท่ีตายยืนต้น แม้จะรดนำ้ าพรวนดินให้
ฟื้ นเพื่อผลิดอกออกใบ ก็ไม่มีทางเป็ นไปได้ รออย่่พอถึงวันโค่น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 234
235

ล้ ม ลงจมดิ น ของมั น เท่ า นั้ น ไข้ ท่ี เริ่ ม เป็ นอย่่ เ วลานี้ ก็ เ ป็ นไข้
ประเภทนั้นนั่นแล จะผิดกันอะไรเล่า ผมได้พิจารณาประจักษ์ใจ
แล้วแต่ไข้ยังไม่เริ่มปรากฏโน้น ฉะนั้น จึงได้เตือนหม่่เพื่อนเสมอ
ว่า อย่าพากันนอนใจ รีบเร่งทางความเพียรขณะที่ผมยั งมี ชีวิ ต
อย่่ ติ ด ขั ด อะไรจะได้ ช่ ว ยแก้ ไ ขให้ ทั น กั บ เหตุ ก ารณ์ อย่ า ให้ ผิ ด
พลาดและเสียเวลานาน
ผมจะอย่่กับหม่่เพื่อนไปอีกไม่นาน จะจากไปตามกฎของอ
นิ จฺจํที่เดินตามสังขารอย่่ทุกเวลาไม่ลดละ อย่างไรก็ไม่เลย ๓ ปี
นี่ เป็ นคำาที่เคยเตือนล่วงหน้ามาได้ ๓ ปี เข้านี้ แล้ว จะให้ผมเตือน
อย่างไรอีก จะพ่ดให้เคลื่อนจากที่แน่ ใจอย่่แล้วนี้ ไปไม่ได้ งานของ
วัฏจักรที่ทำา บนร่างกายจิตใจของคนและสัตว์ เขาทำา ของเขาอย่่
ทุกเวลานาที นี้ ก็เป็ นงานครั้งสุดท้ายของเขาที่ทำาอย่่บนร่างกาย
ผม ซึ่ งจะเสร็จ สิ้น ไปภายในไม่ ก่ี เ ดื อ นนี้ จะให้ เ ขาเปลี่ ย นแปลง
งานเขาอย่างไรได้ดังนี้
อาการท่านนับแต่วันเริ่มเป็ นมีแต่ทรงกับทรุดไปวันละเล็ก
ละน้อย ค่อย ๆ ขยับไปโดยไม่สนใจกับหย่กยาอะไรทั้งสิ้น เวลา
ถ่ ก อาราธนาให้ ท่ า นฉัน ยา ร้่ สึ ก ท่ า นแสดงความรำา คาญอย่ า ง
เห็นได้ชัดทุก ๆ ครั้งที่ขอรบกวน แต่ทนคนหม่่มากไม่ไหว เพราะ
คนนั้นว่ายานั้นดี คนนี้ ก็ว่ายานี้ ดี ฉันแล้วหาย ใครฉันแล้วมีแต่
หายกัน จึ งอยากขออาราธนาท่า นอาจารย์ ได้ โปรดเมตตาบ้ าง
จะได้ ห ายและโปรดบรรดาล่ ก ศิ ษ ย์ ล่ ก หาไปนาน ๆ ท่ า นเตื อ น
เสมอว่ า ยาไม่ เ ป็ นประโยชน์ กั บ ไข้ ข องผมในครั้ ง นี้ มี แ ต่ ฟื น
เท่านั้นจะเข้ากันได้สนิ ท ท่านพ่ดห้ามเท่าไรก็ย่ิงขอวิงวอน จึงได้
ฉันให้เสียบ้างทีละนิ ดทีละหน่ อย ตามคำา ขอร้องของคนหม่่มาก
พอไม่ให้เสียใจนักว่าท่านทอดอาลัยในสังขารเกินไป
เมื่อข่าวว่าท่านป่ วยไปถึงไหน ใครทราบก็มาถึงทั้งนั้น ทั้ง
พระทั้งฆราวาสพากันหลั่งไหลมาแทบทุกทิศทุกทาง มิได้คำา นึ ง
ว่าทางไกลหรือใกล้ หน้าแล้งหรื อหน้า ฝน ผ้่ค นหลั่ง ไหลเข้า ไป
เยี่ยมท่านยิ่งกว่าฝนที่ท้ังตกทั้งพรำา เสียอีก บ้านหนองผือ อย่่ ใน
ป่ าและหุ บ เขา ทั้ ง ห่ า งไกลจากถนนใหญ่ สายอุ ด ร-สกลฯ ราว
๕๐๐–๖๐๐ เส้น มิได้สนใจว่าไกลและลำาบาก ซึ่งโดยมากเดินกัน
ด้ วยเท้าเปล่ าเข้ าไปหาท่ า น นอกจากคนแก่ ๆ เดิ น ไม่ ไ หวก็ ว่ า
จ้างล้อเกวียนเขาเข้าไป เฉพาะท่านเองชอบอย่่องค์เดียวเงียบ ๆ
ตามอั ธ ยาศั ย แม้ พ ระเณรก็ ไ ม่ อ ยากให้ เ ข้ า ไปเกี่ ย วข้ อ งถ้ า ไม่

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 235
236

จำา เป็ นจริง ๆ ดังนั้น เมื่อมีผ้่คนพระเณรเข้า ไปเกี่ ยวข้อ งมาก ๆ


ร้่สึกขัดกับอัธยาศัยที่ท่านไม่เคยดำาเนิ นมา จึงไม่อยากเกี่ยวข้อง
กับเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงพระเณรซึ่งเป็ นล่กศิษย์ใกล้ชิดภายใน
วัด ท่านยังไม่ประสงค์ให้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย แต่ความจำาเป็ นมีก็
จำา ต้ อง อนุ โ ล ม ผ่ อน ผั น เ ป็ น บ าง ก า ล แ ม้ เ ช่ น นั้ น ก็ จำา ต้ อ ง
ระมัดระวังกันอย่างมาก
ขณะเข้ า ไปเกี่ ย วข้ อ งท่ า นด้ ว ยกิ จ ธุ ร ะจำา เป็ น ไม่ ใ ห้ เ ข้ า ไป
แบบสุ่มสี่สุ่มห้า ตลอดข้อวัตรที่ควรทำา ถวายท่านในเวลาจำา เป็ น
ต้องจัดพระเณรองค์ท่ีเห็นสมควรไว้ใจได้ เป็ นผ้่จัดทำา ถวายเป็ น
คราว ๆ ไป สิ่ ง ที่ เ กี่ ย วกั บ ท่ า นต้ อ งมี พ ระผ้่ อ าวุ โ สและฉลาด
พอควร เป็ นผ้่คอยควบคุมด่แลให้เห็นสมควรก่อนค่อยทำา ลงไป
ทุกกรณี เพราะท่านอาจารย์เป็ นผ้่รอบคอบและละเอียดมากตาม
ปกติ นิ สั ย ผ้่ เ ข้ า ไปเกี่ ย วข้ อ งจึ ง ควรได้ รั บ การพิ จ ารณากั น พอ
สมควร เพื่อไม่ให้ขัดกับอัธยาศัยท่านซึ่งเป็ นเวลาที่จำา เป็ นอย่าง
ยิ่ง
เมื่ อมี ป ระชาชนพระเณรมาจากที่ ต่ า ง ๆ ประสงค์ จ ะเข้ า
กราบเยี่ยมท่าน ทางวัดต้องขอให้รออย่่ท่ีสมควรก่อน แล้วมีพระ
ผ้่ เ คยปฏิ บั ติ ท างนี้ เ ห็ น เป็ นกาลอั น ควรแล้ ว เข้ า ไปกราบเรี ย น
ให้ ท่ านทราบ เมื่ อท่ า นอนุ ญ าตแล้ ว ค่ อ ยมาบอกให้ เ ข้ า ไป และ
เมื่ อมี พ ระในวั ด องค์ ส มควรนำา เข้ า ไปกราบท่ า น มี อ ะไรท่ า นก็
แสดงโปรดท่านเหล่านั้นตามอัธยาศัย พอสมควรแล้วก็พากราบ
ลาท่านออกมา การพาแขกเข้ากราบเยี่ยมท่าน ทางวัดได้ปฏิบัติ
อย่างนี้ ตลอดมา และพาเข้ากราบเยี่ยมเป็ นคราว ๆ ไป ตามแต่
แขกมีม ากน้อยซึ่ ง มาในเวลาต่ า งกัน เฉพาะพระอาจารย์ ท่ี เ คย
เป็ นล่ ก ศิ ษ ย์ ท่ านมาแล้ ว และมี ค วามสนิ ท กั บ ท่ า นเป็ นพิ เ ศษ ก็
เป็ นเพียงไปกราบเรียนให้ท่านทราบว่า ท่านอาจารย์น้ันจะมาก
ราบเยี่ ย ม เมื่ อท่ า นอนุ ญ าตแล้ ว ก็ เ ข้ า กราบเยี่ ย ม และสนทนา
ธรรมกันตามอัธยาศัยทั้งสองฝ่ าย
อาการป่ วยท่านค่อยเป็ นไปเรื่อย ๆ ไม่ผาดโผนรุนแรง แต่
ไม่ค่อยเป็ นปกติสุขได้ ถ้าเป็ นสงครามก็แบบสงครามใต้ดิน ค่อย
ขยั บ เข้ า ที ล ะเล็ ก ที ล ะน้ อ ยจนกลายเป็ นสงครามไปทั่ ว ดิ น แดน
และกลายเป็ นแดนยึ ด ครองไปทั่ ว พิ ภ พ ไม่ มี ส่ ว นเหลื อ เลย พอ
ท่า นซึ่ งเป็ นจุด หัว ใจของส่ วนรวมเริ่มป่ วยลงเท่า นั้ น มองด่ พระ
เณรในวั ด ร้่ สึ ก เศร้ า หมองทางอาการ ไม่ ค่ อ ยแช่ ม ชื่ นเบิ ก บาน

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 236
237

เหมือนแต่ก่อน มองด่หน้าตากันก็มองแบบเศร้า ๆ ไม่ผ่องใสทาง


อาการ ตลอดการสนทนากัน ก็ต้องยกเรื่องป่ วยท่านอาจารย์ขึ้น
สนทนาก่อนจะกระจายไปเรื่องอื่น ๆ แล้วก็ต้องมายุติกันที่เรื่อง
ของท่านอีก
แต่ ก ารให้ โ อวาทสั่ งสอนพระเณร ท่ า นยั ง คงมี เ มตตา
อนุเคราะห์อย่่อย่างสมำ่าเสมอมิได้ทอดธุระ เป็ นแต่ไม่ได้ช้ีแจงข้อ
อรรถข้อธรรมให้ละเอียดลออได้เต็มความเมตตาเหมือนแต่ก่อน
เท่านั้น พออธิบายธรรมจบลงและชี้แจงจุดสงสัยของผ้่เรียนถาม
เสร็จสิ้นลงแล้ว ก็ส่ังให้เลิกกัน ไปประกอบความเพียร องค์ท่าน
เองก็เข้าพักผ่อน ขณะที่ท่านแสดงธรรมปรากฏว่าไม่มีความไม่
สบายแฝงอย่่เลย แสดงอย่างฉะฉานร่าเริง เสียงดังและกังวาน
ลักษณะอาการอาจหาญเหมือนคนไม่ป่วยเป็ นอะไรเลย การเร่ง
และเน้น หนั ก ในธรรมเพื่ อผ้่ ฟั ง ก็ เ น้ น ลงอย่ า งถึ ง ใจจริ ง ๆ ไม่ มี
ความสะทกสะท้ า นใด ๆ ปรากฏในเ วลานั้ น ทุ ก อาการที่
แสดงออกเหมือนท่านไม่ได้เป็ นอะไรเลย พอจบการแสดงแล้วถึง
จะทราบว่า อาการท่านอ่อนเพลียและต้องการพักผ่อน พอทราบ
อาการเช่นนั้นต่างก็รีบให้โอกาสท่านได้พก ั ผ่อนตามอัธยาศัย

ท่านเทศน์อัศจรรย์ครั้งสุดท้าย
วันมาฆบ่ชา เดือนสามเพ็ญ พ.ศ. ๒๔๙๒ ก่อนท่านจะเริ่ม
ป่ วยเล็กน้อย วันนั้ นท่านเริ่ มเทศน์แต่ เวลา ๒ ทุ่ม จนถึ งเวลา ๖
ทุ่มเที่ยงคืน รวมเป็ นเวลา ๔ ชั่วโมง อำานาจธรรมที่ท่านแสดงใน
วันนั้นเป็ นความอัศจรรย์ประจักษ์ใจของพระธุดงค์ ที่มารวมกัน
อย่่เป็ นจำานวนมากโดยทั่วกัน ประหนึ่ งโลกธาตุดับสนิ ทไม่มีอะไร
เหลื อ อย่่ เ ลย ปรากฏแต่ ก ระแสธรรมท่ า นแผ่ ค รอบไปหมดทั่ ว
ไตรโลกธาตุ โดยยกพระอรหั น ต์ ๑,๒๕๐ องค์ ท่ี ต่ า งมาเองส่่ ท่ี
ประชุม ณ พุทธสถาน โดยไม่มีใครอาราธนานิ มนต์หรือนัดแนะ
ขึ้น แสดงว่าท่านเป็ นวิสุทธิบุคคลล้วน ๆ ไม่มีคนมีกิเลสเข้าสั บ
ปนเลยแม้คนเดียว
การแสดงโอวาทปาฏิโมกข์พระพุทธเจ้าทรงแสดงเองเป็ นวิ
สุทธิอุโบสถ คืออุโบสถในท่ามกลางแห่งบุคคลผ้่บริสุท ธิล ์ ้วน ๆ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 237
238

ไม่เหมือนพวกเราซึ่งแสดงปาฏิโมกข์ในท่ามกลางแห่งบุคคลผ้่มี
กิเลสล้วน ๆ ไม่มีบุคคลผ้่สิ้นกิเลสสับปนอย่่เลยแม้คนเดียว ฟั ง
แล้ ว น่ า สลดสั ง เวชอย่ า งยิ่ ง ที่ พ วกเราก็ เ ป็ นคนผ้่ ห นึ่ ง หรื อ เป็ น
พระองค์หนึ่ งในความเป็ นศากยบุตรของพระองค์ องค์เดียวกัน
แต่มันเป็ นเพียงชื่อไม่มีความจริงแฝงอย่่บ้างเลย เหมือนคนที่ช่ ือ
ว่าพระบุญ เณรบุญ และนายบุญ นางบุญ แต่เขาเป็ นคนขี้บาป
หาบแต่โทษและอาบัติใส่ตัวแทบก้าวเดินไปไม่ได้
สมัยโน้นท่านทำา จริงจึงพบแต่ของจริง พระจริง ธรรมจริ ง
ไม่ปลอมแปลง ตกมาสมัยพวกเรากลายเป็ นมีแต่ ช่ ือเสี ยงเรื อง
นามส่ ง ส่ ง จรดพระอาทิ ต ย์ พระจั น ทร์ แต่ ค วามทำา ตำ่ ายิ่ ง กว่ า
ขุมนรกอเวจี แล้วจะหาความดี ความจริง ความบริสุทธิม ์ าจาก
ไ ห น เ พ ร า ะ สิ่ ง ที่ ทำา มั น ก ล า ย เ ป็ น ง า น พ อ ก พ่ น กิ เ ล ส แ ล ะ
บาปกรรมไปเสียมาก มิได้เป็ นงานถอดถอนกิเลสให้สน ิ้ ไปจากใจ
แล้วจะเป็ นวิสุทธิอุโบสถขึ้นมาได้อย่างไรกัน
บวชมาเอาแต่ ช่ ื อเสี ย งเพี ย งว่ า ตนเป็ นพระเป็ นเณรแล้ ว ก็
ลืมตัว มัวแต่ยกว่าตนเป็ นผ้่มีศีลมีธรรม แต่ศีลธรรมอันแท้จริง
ของพระของเณรตามพระโอวาทของพระองค์แท้ ๆ นั้นคืออะไร
ก็ ยั ง ไม่ เ ข้ าใจกั นเลย ถ้า เข้ า ใจในโอวาทปาฏิ โ มกข์ ท่ า นสอนว่ า
อย่ า งไร นั่ น แลคื อ องค์ ศี ล องค์ ธ รรมแท้ ท่ า นแสดงย่ อ เอาแต่
ใจความว่ า การไม่ ทำา บาปทั้ ง ปวงหนึ่ ง การยั ง กุ ศ ลคื อ ความ
ฉลาดให้ถึงพร้อมหนึ่ ง การชำาระจิตของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ ง นี่ แล
เป็ นคำาสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
การไม่ ทำา บาป ถ้ า ทางกายไม่ ทำา แต่ ท างวาจาก็ ทำา อย่่ ถ้ า
ทางวาจาไม่ทำาแต่ทางใจก็ทำา และสั่งสมบาปวันยังคำ่าจนถึงเวลา
หลั บ พอตื่ นจากนอนก็ เ ริ่ ม สั่ ง สมบาปต่ อ ไปจนถึ ง ขณะหลั บ อี ก
เป็ นอย่่ ทำา นองนี้ โดยมิ ได้ส นใจคิด ว่า ตัว ทำา บาปหรือ สั่ง สมบาป
เลย แม้เช่นนั้ นยังหวังใจอย่่ว่า ตนมีศีลมีธรรม และคอยเอาแต่
ความบริสุทธิจ์ ากความมีศีลมีธรรมที่ยังเหลือแต่ช่ ือนั้น ฉะนั้นจึง
ไม่เจอความบริสุทธิ ์ กลับเจอแต่ความเศร้าหมองวุ่นวายภายใน
ใจอย่่ตลอดเวลา ทั้งนี้ ก็เพราะตนแสวงหาสิ่งนั้นก็ต้องเจอสิ่งนั้น
ถ้าไม่เจอสิ่งนั้นจะให้เจออะไรเล่า คนเราแสวงหาสิ่งใดก็ต้องเจอ
สิ่ ง นั้ นเป็ นธรรมดา เพราะเป็ นของมี อ ย่่ ใ นโลกสมมุ ติ อ ย่ า ง
สมบ่ ร ณ์ ที่ ท่ า นแสดงอย่ า งนี้ แสดงโดยหลั ก ธรรมชาติ ข องศี ล
ธรรมทางด้านปฏิบัติ เพื่อนักปฏิบัติได้ทราบอย่างถึงใจ

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 238
239

ลำา ดับต่อไปท่านแสดงสมาธิ ปั ญญา ตลอดวิมุ ตติห ลุด พ้น


อย่างเต็มภ่มิและเปิ ดเผยไม่ปิดบังลี้ลับอะไรเลยในวันนั้น แต่จะ
ไม่ขออธิบาย เพราะเคยอธิบายและเขียนลงบ้างแล้ว ขณะนั้นผ้่
ฟั งทั้ ง หลายนั่ ง เงี ย บเหมื อ นหั ว ตอ ตลอดกั ณ ฑ์ ไ ม่ มี เ สี ย งอะไร
รบกวนธรรมที่ท่านกำาลังแสดงอย่างเต็มที่เลย ตอนสุดท้ายแห่ง
การแสดงธรรม ท่ า นพ่ ด ทำา นองพ่ ด ที่ วั ด เจดี ย์ ห ลวง จั ง หวั ด
เชียงใหม่ ว่ากัณฑ์น้ี เทศน์ซ้ ำาเฒ่า ต่อไปจะไม่ไ ด้เ ทศน์ทำา นองนี้
อีก แล้วก็จบลง คำานั้นได้กลายเป็ นความจริงขึ้นมาดังท่านพ่ดไว้
นับแต่วันนั้นแล้วท่านมิได้เทศน์ทำา นองนั้นอีกเลย ทั้งเนื้ อธรรม
และการแสดงนาน ๆ ผิดกับครั้งนั้นอย่่มาก หลังจากนั้นอีกหนึ่ ง
เดือนท่านเริ่มป่ วยกระเสาะกระแสะเรื่อยมา จนถึงวาระสุดท้าย
แห่งขันธ์เสียจนได้
แม้ ท่ า นจะได้ รั บ ความลำา บากทางขั น ธ์ เพราะโรคภั ย
เบียดเบียนจนสุขภาพทรุดลงเป็ นลำาดับก็ตาม แต่การบิณฑบาต
ฉัน ในบาตร และฉัน มื้ อเดี ย วที่ เ คยดำา เนิ น มา ท่ า นก็ ยั ง อุ ต ส่ า ห์
ประคองของท่านไปไม่ยอมลดละปล่อยวาง เมื่อไม่สามารถไปสุด
สายบิณฑบาตได้ ท่านก็พยายามไปเพียงครึ่งหม่่บ้าน แล้วกลับ
วั ด ต่ อ มาญาติ โ ยมและพระอาจารย์ ท้ั ง หลายเห็ น ท่ า นลำา บาก
มากก็ ปรึ กษากัน ตกลงขออาราธนานิ ม นต์ ท่ า นไปแค่ ป ระต่ วั ด
แล้วกลับ ถ้าจะขออาราธนาท่านไว้ไม่ให้ไปเลย ท่านไม่ยอม โดย
ให้เหตุผลว่าเมื่อยังพอไปได้อย่่ต้องไป ฉะนั้นจำา ต้องอนุโลมตาม
ท่านไม่ให้ขัดอัธยาศัย ท่านเองก็พยายามไป ไม่ยอมลดละความ
เพียรเอาเลย จนไปไม่ไหวจริง ๆ ท่านยังขอบิณฑบาตบนศาลา
โรงฉัน พยายามจนลุกเดินไม่ได้ จึงยอมหยุดบิณฑบาต แม้เช่น
นั้นยังขอฉันในบาตรและฉันมื้อเดียวตามเดิม
เราคนดี ต้ อ งอนุ โ ลมตามความประสงค์ ท่ า นทุ ก ระยะไป
ด้วยความอัศจรรย์ในความอดทนของนักปราชญ์ชาติอาชาไนย
ไม่ยอมทิ้งลวดลายที่เคยเป็ นนักต่อส้่ให้กิเลสยื้อแย่งแข่งดีได้เลย
ถ้ า เป็ นพวกเราน่ า กลั ว จะถ่ ก หามลงมาฉัน จั ง หั น นั บ แต่ วั น เริ่ ม
ร้่สึกว่าไม่สบาย ซึ่งเป็ นที่น่าอับอายกิเลสที่คอยหัวเราะเยาะคน
ไม่ เ ป็ นท่ าอย่่ ต ลอดเวลา ที่ ม านอนคอยเขี ย งให้ กิ เ ลสสั บ ฟั นหั่ น
แหลกอย่างไม่มีชิ้นดี อันเป็ นที่น่าสังเวชเอาหนักหนา ถ้ายังร้่สึก
เสียดายเรา ซึ่งเป็ นคนทั้งคนที่คอยจะเป็ นเขียงให้กิเลสสับฟั น ก็
ควรระลึกถึงปฏิปทาของท่านอาจารย์ม่ันตอนนี้ ไว้บ้าง เผื่อได้ยึด

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 239
240

มาเป็ นเครื่องมือป้ องกันตัวในการต่อส้่กับกิเลส จะไม่กลายเป็ น


เขี ย งให้ มั น หมดทั้ ง ตั ว ยั ง พอมี เ ครื่ องหมายสั ต บุ รุ ษ พุ ท ธบริ ษัท
ติดตัวอย่่บ้าง
อาการท่านร้่สึกหนักเข้าโดยลำา ดับ จนคนดีท่ีเกี่ยวข้อง ไม่
พากันนิ่ งนอนใจได้ ตอนกลางคืนต้องจัดวาระกันคอยรักษาท่าน
อย่างลับ ๆ คราวละ ๓-๔ องค์เสมอ แต่มิ ได้ เรีย นให้ ท่า นทราบ
นอกจากท่านจะทราบทางภายในโดยเฉพาะเท่านั้น ทั้งนี้ เกรงว่า
ท่ า นจะห้ ามไม่ ใ ห้ ทำา โดยเห็ น ว่ า เป็ นภาระกั ง วลวุ่ น วายเกิ น ไป
พระเณรที่ อ ย่่ รั ก ษาท่ า นตามวาระก็ ใ ห้ อ ย่่ ใ ต้ ถุ น กุ ฎี ท่ า นอย่ า ง
เงียบ ๆ วาระละ ๒-๓ ชั่วโมง ตลอดรุ่งทุกคืน ซึ่งเริ่มแต่ยังไม่เข้า
พรรษา พอเห็ น อาการท่ า นหนั ก มากก็ ป รึ ก ษากั น แล้ ว กราบ
เรียนขอถวายความปลอดภัยให้ท่าน โดยมาขอนั่งสมาธิภาวนา
ที่เฉลียงข้างนอกกุฎีท่านคราวละ ๒ องค์ ท่านก็อนุญาต จึงได้จัด
ให้พระอย่่บนกุฎีท่านครั้งละ ๒ องค์ อย่่ใต้ถุน ๒ องค์ตลอดไป ไม่
ให้ขาดได้ นอกจากพระที่จัดเป็ นวาระไว้ประจำา แล้ว ยังมีพระใน
วัดมาลอบ ๆ มอง ๆ คอยสังเกตการณ์อย่่เสมอมิได้ขาดตลอดคืน
พอออกพรรษาแล้ว พระและคร่บาอาจารย์ท่ีจำา พรรษาอย่่
ในที่ต่าง ๆ ก็ทยอยกันมากราบเยี่ยมและปฏิบัติท่านมากขึ้นเป็ น
ลำา ดั บ อาการท่ า นร้่ สึ ก หนั ก เข้ า ทุ ก วั น ไม่ น่ าไว้ ใ จ ท่ า นจึ ง ได้
ประชุมเตือนบรรดาศิษย์ให้ทราบ ในการที่จะปฏิบัติต่อท่านด้วย
ความเหมาะสมว่า การป่ วยของผมจวนถึงวาระเข้าทุกวัน จะพา
กั น อย่ า งไรก็ ค วรคิ ด เสี ย แต่ บั ด นี้ จ ะได้ ทั น กั บ เหตุ ก ารณ์ ผมน่ ะ
ต้องตายแน่ นอนในคราวนี้ ดังที่เคยพ่ดไว้แล้วหลายครั้ง แต่การ
ตายของผมเป็ นเรื่องใหญ่ของสัตว์และประชาชนทั่ว ๆ ไปอย่่มาก
ด้วยเหตุน้ี ผมจึงเผดียงท่านทั้งหลายให้ทราบว่า ผมไม่อยากตาย
อย่่ ท่ี น่ี ถ้ าตายที่ น่ี จ ะเป็ นการกระเทื อ นและทำา ลายชี วิ ต สั ต ว์ ไ ม่
น้ อ ยเลย สำา หรั บผมตายเพี ย งคนเดี ย ว แต่ สั ต ว์ ท่ี จ ะพลอยตาย
เพราะผมเป็ นเหตุน้ันมีจำานวนมากมาย เพราะคนจะมามาก ทั้ง
ที่น้ี ไม่มีตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน
นับแต่ผมบวชมาไม่เคยคิดให้สัตว์ได้รับความลำา บากเดือด
ร้อน โดยไม่ต้องพ่ดถึงการฆ่าเขาเลย มีแต่ความเมตตาสงสาร
เป็ นพื้ นฐานของใจตลอดมา ทุ ก เวลาได้ แ ผ่ เ มตตาจิ ต อุ ทิ ศ ส่ ว น
กุศลแก่สัตว์ไม่เลือกหน้า โดยไม่มีประมาณตลอดมา เวลาตาย

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 240
241

แล้ วจะกลายเป็ นศั ตร่ ค่ เ วรแก่ สั ต ว์ ให้ เ ขาล้ ม ตายลงจากชี วิ ต ที่


แสนรักสงวนของแต่ละตัว เพราะผมเป็ นเหตุเ พีย งคนเดีย วนั้ น
ผมทำาไม่ลง อย่างไรขอให้นำา ผมออกไปตายที่สกลนคร เพราะที่
นั้นเขามีตลาดอย่่แล้ว คงไม่กระเทือนชีวิตของสัตว์มากเหมือนที่
นี่ เพียงผมป่ วยยังไม่ถึงตายเลย ผ้่คนพระเณรก็พากันหลั่งไหล
มาไม่หยุดหย่อน และนับวันมากขึ้นโดยลำา ดับ ซึ่งพอเป็ นพยาน
อย่ า งประจั ก ษ์แ ล้ ว ยิ่ ง ผมตายลงไปผ้่ ค นพระเณรจะพากั น มา
มากเพียงไร ขอได้พากันคิดเอาเอง
เพียงผมคนเดียวไม่คิดคำา นึ งถึงความทุกข์เดือดร้อนของผ้่
อื่นเลยนั้น ผมตายได้ทุกกาลสถานที่ ไม่อาลัยเสียดายร่างกาย
อั น นี้ เ ลย เพราะผมได้ พิ จ ารณาทราบเรื่ องของมั น ตลอดทั่ ว ถึ ง
แล้วว่า เป็ นเพียงส่วนผสมแห่งธาตุรวมกันอย่่ช่ัวระยะกาล แล้ว
ก็แตกทำาลายลงไปส่่ธาตุเดิมของมันเท่านั้น จะมาอาลัยเสียดาย
หาประโยชน์อะไร เท่าที่พ่ดนี้ ก็เพื่อความอนุเคราะห์สัตว์ อย่าให้
เขาต้องมาพร้อมกั นตายเป็ นป่ าช้ า ผีดิ บ วางขายเกลื่ อนอย่่ ต าม
ริมถนนหนทาง อันเป็ นที่น่าสมเพชเวทนาเอาหนักหนาเลย ซึ่ง
ยังไม่สุดวิสัยที่จะควรพิจารณาแก้ไขได้ในเวลานี้ ฉะนั้นจึงขอให้
รีบจัดการให้ผมได้ออกไปทันกับเวลาที่ยังควรอย่่ในระยะนี้ เพื่อ
อนุเคราะห์สัตว์ท่ีรอตายตามผมอย่่เป็ นจำา นวนมาก ให้เขาได้มี
ความปลอดภั ย ในชี วิ ต ของเขาโดยทั่ ว กั น หรื อ ใครมี ค วามเห็ น
อย่างไร ก็พ่ดได้ในเวลานี้
ทั้งพระและญาติโยมรวมฟั งกันอย่่เป็ นจำานวนมาก ไม่มีใคร
พ่ดขึ้น มีแ ต่ความสงบเงีย บแห่ง บรรยากาศที่เ ต็ม ไปด้ว ยความ
ผิ ด หวั ง ดั ง บทธรรมท่ า นว่ า ยมฺ ปิ จฺ ฉํ น ลภติ ตมฺ ปิ ทุ กฺ ขํ
ปรารถนาไม่ ส มหวั ง ย่ อ มเป็ นทุ ก ข์ คือท่านจะอย่่วัดหนองผือก็
ต้องตาย จะออกไปสกลนครก็ต้องตาย ไม่มีหวังทั้งนั้น ที่ประชุม
จึงต่างคนต่างเงียบ หมดทางแก้ไขทุกประต่ จึงเป็ นอันพร้อมกัน
ยินดีและตกลงตามความเห็นและความประสงค์ท่าน
ทีแรกญาติโยมบ้านหนองผือทั้งบ้านแสดงความประสงค์ว่า
ขอให้ท่านตายที่น่ี เขาจะเป็ นผ้่จัดการศพท่านเอง แม้จะทุกข์จน
ข้นแค้นแสนเข็ญเพียงไรก็ตาม แต่ศรัท ธาความเชื่อเลื่ อมใสใน
คร่ อ าจารย์ มิ ไ ด้ จ น ยั ง มี เ ต็ ม เปี่ ยมในสั น ดาน จึ ง ขอจั ด การศพ
ท่ า นจนสุ ด ความสามารถขาดดิ้ น ไม่ ย อมให้ ใ ครด่ ห มิ่ น เหยี ย ด
หยามว่ า ชาวบ้ า นหนองผื อ ไม่ มี ค วามสามารถ เผาศพท่ า น

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 241
242

อาจารย์เพียงองค์เดียวก็ไม่ไหม้ ปล่อยให้เขาเอาท่านไปทิ้งเสียที่
อื่น ดังนี้ ไม่ให้มี อย่างไรก็ขอพร้อมกันทั้งบ้านมอบกายถวายชีวิต
ต่อท่านอาจารย์องค์เป็ นสรณะของชาวบ้านหนองผือจนหมดลม
หายใจ ไม่ยอมให้ใครเอาท่านไปไหน จนกว่าชาวหนองผื อ ไม่ มี
ลมหายใจครองขันธ์แล้ว จึงจะยอมให้เอาท่านไป
แต่พอได้ยินคำาท่านให้เหตุผลโดยธรรมแล้ว ก็พากันแสดง
ความเสียดาย โดยพ่ดอะไรไม่ได้ จำาต้องยอมทั้งที่มีความเลื่อมใส
และอาลั ย เสี ย ดายท่ า นแทบใจจะขาด ปราศจากลมหายใจใน
ขณะนั้น จึงเป็ นที่น่าเห็นใจพี่น้องชาวหนองผือเป็ นอย่างยิ่ง และ
ขอจารึ ก เหตุ ก ารณ์คื อ ความเสี ย สละอย่ า งถึ ง เป็ นถึ ง ตายเพื่ อ
ถวายบ่ชาท่านอาจารย์ครั้งนี้ ไว้ในหทัยของผ้่เขียน ในนามท่านผ้่
อ่านทั้งหลายด้วย ซึ่งคงจะมีความร้่สก ึ ต่อพี่นอ ้ งชาวหนองผือเช่น
เดียวกัน
วั น ประชุ ม นั้ น มี ค ร่ บ าอาจารย์ ผ้่ ใ หญ่ ห ลายท่ า นที่ เ ป็ นล่ ก
ศิษย์ท่านมาร่วมด้วย ท่านอาจารย์เองเป็ นผ้่ช้ีแจงเรื่องที่ไม่ควร
ให้ท่านอย่่วัดหนองผือต่อไป ด้วยเหตุดังที่เขียนผ่านมาแล้ว เมื่อ
ทั้งฝ่ ายพระสงฆ์และฝ่ ายชาวบ้านต่างทราบคำาชี้แจงจากท่านใน
ที่ ป ระชุ ม ด้ ว ยกั น และไม่ มี ใ ครคั ด ค้ า นแล้ ว ก็ ต กลงกั น ทำา แคร่
สำาหรับหามท่านออกจากวัดหนองผือไปสกลนคร วันที่กลายเป็ น
วันมหาเศร้าโศกโลกหวั่นไหว เพราะความวิโยคพลัดพรากจาก
สิ่ ง ที่ รั ก เลื่ อมใสสุ ด จิ ต สุ ด ใจ ก็ ไ ด้ ร ะเบิ ด ขึ้ น แก่ ช าวบ้ า นชาววั ด
อย่างสุดจะอดกลั้นไว้ได้น้ัน คือวันที่ประชาชนญาติโยมและพระ
สงฆ์จำานวนมาก เตรียมแคร่มารอรับท่านอาจารย์ท่ีบันไดกุฎี

ประวัติท่านพระอาจารย์มัน
่ ภูรท
ิ ัตตเถระ 242

You might also like