You are on page 1of 23

มาตรา ๘๐ ผูใ้ ดลงมือกระทาความผิดแต่กระทาไปไม่ตลอด

หรือกระทาไปตลอดแล้วแต่การกระทานัน้ ไม่บรรลุผล ผูน


้ น
้ ั พยายามกระทาความผิด

ผูใ้ ดพยายามกระทาความผิด
ผูน ้ น
้ ั ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษทีก
่ ฎหมายกาหนดไว้สาหรับความผิดนัน

มาตรา ๘๑ ผูใ้ ดกระทาการโดยมุง่ ต่อผลซึง่ กฎหมายบัญญัตเิ ป็ นความผิด


แต่การกระทานัน ้ ไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้
เพราะเหตุปจั จัยซึง่ ใช้ในการกระทาหรือเหตุแห่งวัตถุทม
ี่ งุ่ หมายกระทาต่อ
ให้ถือว่าผูน
้ น
้ ั พยายามกระทาความผิด
แต่ให้ลงโทษไม่เกินกึง่ หนึ่งของโทษทีก่ ฎหมายกาหนดไว้สาหรับความผิดนัน ้

ถ้าการกระทาดังกล่าวในวรรคแรกได้กระทาไปโดยความเชือ
่ อย่างงมงาย
ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้

มาตรา ๘๒ ผูใ้ ดพยายามกระทาความผิด หากยับยัง้ เสียเองไม่กระทาการให้ตลอด


หรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทานัน ้ บรรลุผล
ผูน
้ น้ ั ไม่ตอ้ งรับโทษสาหรับการพยายามกระทาความผิดนัน

แต่ถา้ การทีไ่ ด้กระทาไปแล้วต้องตามบทกฎหมายทีบ่ ญ
ั ญัตเิ ป็ นความผิด
ผูน้ น้ ั ต้องรับโทษสาหรับความผิดนัน
้ ๆ

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3211/2560

จาเลยที่ 1
ลงมือกระทาความผิดตามทีม ี วู้ า่ จ้างให้ไปรับเมทแอมเฟตามีนในทีเ่ กิดเหตุซง่ึ ถูกซุกซ่อนอยู่
่ ผ
บริเวณโคนเสาป้ ายสัญญาณจราจรทางโค้ง
โดยลงจากรถไปยืนทีบ ่ ริเวณดังกล่าวตามทีน ่ ด
ั หมายไว้
อันเป็ นเหตุการณ์ ใกล้ชด
ิ กับความผิดสาเร็จ แต่จาเลยที่ 1
กระทาไปไม่ตลอดเพราะถูกเจ้าพนักงานตารวจมาพบและถูกจับกุมได้เสียก่อน
จึงเป็ นการพยายามกระทาความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพือ ่ จาหน่ าย
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6048/2559

จาเลยขับรถจักรยานยนต์พา ศ. ไปรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนที่ อ. ค้างชาระ ศ.


ทีร่ า้ นอาหารทีเ่ กิดเหตุและเดินตาม ศ. เข้าไปในร้าน
จาเลยรับว่าเป็ นคนขับรถจักรยานยนต์พา ศ. นาเมทแอมเฟตามีน 1,000 เม็ด
ไปซุกซ่อนไว้ทโี่ คนเสาป้ ายจราจร จาเลยพาไปยังจุดซ่อนและพบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
หากจาเลยไม่บอกและไม่พาไปเจ้าพนักงานตารวจก็ไม่อาจทราบได้
พฤติการณ์ ของจาเลยบ่งชี้วา่ รูเ้ ห็นกับการกระทาของ ศ. จาเลยจึงร่วมกับ ศ.
มีเมทแอมเฟตามีน 1,000 เม็ด ไว้ในครอบครองเพือ ่ จาหน่ าย

ศ. รับว่า ตกลงขายเมทแอมเฟตามีนแก่ อ. จริง


แต่เดินทางมาในวันเกิดเหตุเพือ ่ รับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนที่ อ. ค้างชาระเท่านัน

ไม่ได้นาเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบ
โดยซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนไว้ทโี่ คนเสาป้ ายจราจรห่างจากร้านทีเ่ กิดเหตุ 1 กิโลเมตร
เมทแอมเฟตามีนจึงยังไม่พร้อมส่งมอบแก่ อ. ในทันทีทไี่ ด้รบั เงิน
พฤติการณ์ ยงั ไม่ถงึ ขัน
้ ลงมือกระทาผิดฐานจาหน่ ายเมทแอมเฟตามีน
ไม่เป็ นความผิดฐานพยายามจาหน่ ายเมทแอมเฟตามีน

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5923/2559
การทีจ่ าเลยขับรถในขณะเมาสุรา ซึง่ เป็ นความผิดต่อพระราชบัญญัตจิ ราจรทางบก
พ.ศ.2522
และจาเลยขับรถยนต์ค ันเกิดเหตุพงุ่ เข้าชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์รว่ มทัง้ สองอันเป็ นความ
ผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ นัน
้ เป็ นการกระทาความผิดทีม
่ เี จตนาแยกต่างหากจากกัน
ถือไม่ได้วา่ การทีจ่ าเลยขับรถในขณะเมาสุราเป็ นสาเหตุสว่ นหนึ่งของการทีจ่ าเลยขับรถยนต์ค ั
นเกิดเหตุพงุ่ เข้าชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์รว่ มทัง้ สอง
การกระทาของจาเลยจึงเป็ นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุรา ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2),


160 ตรี นัน
้ โจทก์บรรยายฟ้ องแต่เพียงว่า จาเลยขับรถยนต์คน ั เกิดเหตุในขณะเมาสุรา
โดยโจทก์มไิ ด้บรรยายอ้างเหตุวา่ การทีจ่ าเลยขับรถในขณะเมาสุรา อันเป็ นการไม่ปฏิบตั ต ิ าม
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2) นัน ้ เป็ นเหตุให้ผูอ
้ น
ื่ ได้รบั อันตรายสาหัส
คดีจงึ ไม่อาจลงโทษจาเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 160 ตรี วรรคสาม
แต่คงลงโทษจาเลยได้ตามมาตรา 160 ตรี วรรคหนึ่ง เท่านัน

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5505/2559

การทีจ่ าเลยใช้อาวุธปื นซึง่ มีสภาพร้ายแรงยิงเข้าไปทีข


่ อบหน้าต่างด้านบนของห้องของบ้านเกิ
ดเหตุ
โดยทีไ่ ม่สามารถคาดการณ์ ได้วา่ เมือ่ กระสุนปื นกระทบขอบหน้าต่างแล้วจะหักเหไปในทิศทา
งใด จาเลยย่อมเล็งเห็นผลได้วา่ กระสุนปื นอาจแฉลบไปถูกผูท ้ อ
ี่ ยูภ
่ ายในห้องถึงแก่ชีวต
ิ ได้
จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3237/2559

จาเลยที่ 2 และจาเลยที่ 3 จะไปรับเมทแอมเฟตามีนของกลางเพือ ่ ขนกลับไปคืนให้แก่ ศ.


เมือ่ เมทแอมเฟตามีนของกลางมีจานวนมาก จาเลยที่ 2 และที่ 3 ย่อมรูว้ า่ ศ.
มีไว้เพือ
่ จาหน่ าย การกระทาของจาเลยที่ 2 และที่ 3 ย่อมถือได้วา่ มีเจตนาร่วมกับ ศ.
มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพือ ่ จาหน่ าย

การทีจ่ าเลยที่ 2 เข้าไปทีโ่ รงแรม อ. ขอกุญแจห้องพักหมายเลข 503


จากพนักงานของโรงแรมดังกล่าวและถูกจับกุมขณะกาลังเปิ ดประตูหอ้ งพัก ส่วนจาเลยที่ 3
เข้าไปทีโ่ รงแรม ล. ขณะกาลังเคาะประตูหอ้ งพักหมายเลข 10
เพือ
่ จะไปรับเมทแอมเฟตามีนคืนให้ ศ. จึงถูกเจ้าพนักงานตารวจจับกุมเช่นกัน ถือว่าจาเลยที่
2 และที่ 3 ลงมือกระทาความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพือ ่ จาหน่ ายแล้ว
แม้การกระทาของจาเลยที่ 2 และที่ 3 จะไม่บรรลุผลสาเร็จก็ตาม การกระทาของจาเลยที่ 2
และที่ 3
ก็เข้าขัน
้ พยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพือ ่ จาหน่ ายไม่ใช่เป็ นเพียงความผิดฐา
นสนับสนุน ศ. มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพือ ่ จาหน่ าย

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2856/2559

เจ้าพนักงานตารวจจับกุม ด. ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน 1,570 เม็ด และอาวุธปื น


ในระหว่างที่ ด. ถูกควบคุมตัวจาเลยที่ 4 โทรศัพท์ส่งั ซื้อเมทแอมเฟตามีนจาก ด.
ด.ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานตารวจสัง่ ซื้อเมทแอมเฟตามีนจาก ว. ให้จาเลยที่ 4 ว.
ให้จาเลยที่ 1 และจาเลยที่ 2 นาเมทแอมเฟตามีนมาส่งให้ ด.
เจ้าพนักงานตารวจจับกุมจาเลยที่ 1 และที่ 2 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน 40,000 เม็ด
แล้วขยายผลการจับกุมโดยให้สบ ิ ตารวจเอก ท. ปลอมตัวเป็ นลูกน้องของ ด.
นาเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้จาเลยที่ 4 จาเลยที่ 4 ให้จาเลยที่ 3
มารับเมทแอมเฟตามีนแทน การทีส่ บ ิ ตารวจเอก ท.
ส่งมอบกระเป๋ าซึง่ ภายในไม่มเี มทแอมเฟตามีนของกลางให้จาเลยที่ 3
คงเป็ นเพราะเจ้าพนักงานตารวจเกรงว่าจาเลยที่ 3
ซึง่ มารับเมทแอมเฟตามีนอาจแย่งชิงเมทแอมเฟตามีนของกลางจากสิบตารวจเอก ท.
ไปมากกว่าเหตุอน ื่ ถือได้วา่ เป็ นเรือ ้ โดยบังเอิญ
่ งทีเ่ กิดขึน
หาใช่เป็ นการแน่ แท้เด็ดขาดว่าเป็ นเรือ ่ งพ้นวิส ัยทีจ่ าเลยที่ 3
จะกระทาความผิดสาเร็จไม่ได้เพราะเหตุไม่มเี มทแอมเฟตามีนทีเ่ จ้าพนักงานตารวจตรวจยึด
ได้ แต่เป็ นกรณี ทอ ี่ าจบรรลุผลได้ตามเจตนาของจาเลยที่ 3
ทีต่ อ
้ งการนาเมทแอมเฟตามีนของกลางไป การกระทาของจาเลยที่ 3
จึงเป็ นความผิดฐานพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพือ ่ จาหน่ ายตาม ป.อ.
มาตรา 80 ไม่ใช่พยายามกระทาความผิดทีไ่ ม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ตามมาตรา
81

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2559

ก่อนเกิดเหตุผต ู้ ายกับจาเลยต่างเมาสุราโต้เถียงทะเลาะกัน
จาเลยกลับบ้านเอามีดดาบของกลางมาขูผ ่ ูต
้ าย ผูต้ ายกับจาเลยโต้เถียงกันอีก
แล้วจาเลยถือมีดดาบวิง่ ไล่ผูต้ ายไปจนถึงบริเวณทีผ ่ ูต ้ ายกับพวกนั่งดืม ่ สุรากัน
อ.เข้าไปห้ามจาเลย จาเลยจึงกลับบ้านโดยไม่ได้ฟน ั ผูต ้ าย ผูต
้ ายกลับมานั่งดืม ่ สุรากับพวกต่อ
่ นึ่งผูต
สักครูห ้ ายเดินออกไปทางท้ายซอยห่างจากวงสุราประมาณ 10 เมตร
และยืนชี้มาทางบ้านจาเลยลักษณะท้าทาย
จาเลยโมโหจึงได้ขบั รถจักรยานยนต์เข้าไปหาผูต ้ ายแล้วใช้มด ี ดาบฟันผูต ้ าย ดังนี้
พฤติการณ์ ของจาเลยหลังจากทีจ่ าเลยใช้มด ี ดาบของกลางวิง่ ไล่ผูต ้ ายไปจนถึงทีเ่ กิดเหตุและใช้
มีดดาบของกลางเล่มเดิมฟันผูต ้ าย เป็ นเหตุการณ์ ทต ี่ อ่ เนื่องกันไม่ขาดตอน
ถือไม่ได้วา่ จาเลยกระทาการโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2559
เจ้าพนักงานตารวจได้เข้าจับกุมจาเลยทัง้ สองโดยทีจ่ าเลยที่ 1
ยังไม่ได้สง่ มอบเมทแอมเฟตามีนของกลางแก่จาเลยที่ 2 จาเลยที่ 2
ยังไม่ได้รบั เข้ามาในเงื้อมมือของจาเลยที่ 2 จึงฟังไม่ได้วา่ จาเลยที่ 2
ได้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็ นความผิดสาเร็จ แต่การทีจ่ าเลยที่ 2
ไปรอรับเมทแอมเฟตามีนของกลางทีจ่ าเลยที่ 1 นาเข้ามาเพือ ่ ส่งมอบให้ทจี่ ุดนัดหมาย
ถือว่าเป็ นการกระทาทีใ่ กล้ชด ิ ต่อความผิดสาเร็จ เข้าขัน ้ ลงมือกระทาผิดแล้ว
การกระทาของจาเลยที่ 2
จึงเป็ นความผิดฐานพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจาหน่ าย
ปัญหาดังกล่าวเกีย่ วด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จาเลยที่ 2 ไม่ได้กล่าวชัดแจ้งในฎีกา
ศาลฎีกาก็หยิบยกขึน ้ วินิจฉัยได้ ซึง่ การกระทาผิดของจาเลยที่ 2
ต่อเมทแอมเฟตามีนของกลางดังทีก ่ ล่าวมาแล้วทัง้ หมดได้ความว่ามีลกั ษณะเดียวกับทีจ่ าเลยที่
2 กระทาต่อกัญชาของกลาง
ศาลฎีกาเห็นควรพิพากษาให้มผ ี ลตลอดไปถึงการกระทาผิดเกีย่ วกับกัญชาของกลางซึง่ ยุตไิ ป
แล้วด้วย

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 13908/2558
โจทก์ฟ้องว่าจาเลยที่ 2 ก่อให้จาเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันฆ่า ส. ผูเ้ สียหายและ อ.
ผูต้ ายโดยไตร่ตรองไว้กอ่ น ต่อมา จาเลยที่ 1
กับพวกใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายและผูต ้ ายหลายนัดโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ นเนื่
องจากถูกใช้ จ้าง วาน ยุยงส่งเสริมจากจาเลยที่ 2
เป็ นเหตุให้ผต ู้ ายถึงแก่ความตายและผูเ้ สียหายได้รบั อันตรายแก่กาย
เมือ่ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจาเลยที่ 2 ขัดแย้งกับผูเ้ สียหาย จาเลยที่ 2
มอบอาวุธปื นและบอกให้จาเลยที่ 1 สั่งสอนผูเ้ สียหาย
การมอบอาวุธปื นมีกระสุนปื นหลายนัดให้จาเลยที่ 1 แสดงให้เห็นเจตนาของจาเลยที่ 2
ว่าให้จาเลยที่ 1
สั่งสอนผูเ้ สียหายโดยใช้ปืนยิงและย่อมเล็งเห็นได้วา่ หากผูเ้ สียหายไม่ตายก็ยอ ่ มได้รบั บาดเจ็บ
จากบาดแผลกระสุนปื น จึงเป็ นการก่อให้ผูอ ้ น
ื่ กระทาผิดโดยเจตนาตาม ป.อ. มาตรา 59
วรรคสอง เมือ่ จาเลยที่ 1 ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายจึงเป็ นการกระทาตามทีจ่ าเลยที่ 2
ใช้ให้จาเลยที่ 1 ฆ่าผูเ้ สียหายโดยไตร่ตรองไว้กอ่ นแล้ว เมือ่ ผูเ้ สียหายไม่ถงึ แก่ความตาย
จาเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็ นผูใ้ ช้และรับโทษเสมือนตัวการร่วมกับจาเลยที่ 1 ตาม ป.อ.
มาตรา 289 (4), 80 ประกอบมาตรา 84 วรรคสอง และเมือ่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จาเลยที่ 2
ไม่เคยรูจ้ กั ไม่มส ี าเหตุโกรธเคืองกับผูต ้ าย ก่อนเกิดเหตุจาเลยที่ 2 บอกให้จาเลยที่ 1
ไปสั่งสอนผูเ้ สียหายให้เข็ดหลาบ โดยไม่ปรากฏว่าจาเลยที่ 2
ทราบเหตุการณ์ ทผ ี่ ูเ้ สียหายนัดหมายผูต้ ายมารับเพือ่ เดินทางกลับบ้าน ทัง้ จาเลยที่ 2
ไม่ได้ตด ิ ตามผูเ้ สียหายและผูต ้ ายไป ตามพฤติการณ์ จาเลยที่ 2 ไม่อาจคาดหมายว่าจาเลยที่ 1
จะใช้อาวุธปื นยิงผูต ้ ายด้วย การทีจ่ าเลยที่ 1
ยิงผูต
้ ายถึงแก่ความตายเป็ นการกระทาเกินขอบเขตทีใ่ ช้ จึงฟังไม่ได้วา่ จาเลยที่ 2
มีเจตนาก่อให้จาเลยที่ 1 ฆ่าผูต
้ าย เมือ่ ตามฟ้ องโจทก์บรรยายว่าจาเลยที่ 2 เป็ นผูใ้ ช้ให้จาเลยที่
1 ฆ่าผูต้ ายโดยไตร่ตรองไว้กอ่ น แต่ทางพิจารณาโจทก์สบ ื ไม่สมฟ้ องในความผิดฐานดังกล่าว
จึงต้องยกฟ้ องในข้อหานี้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 13592/2558
พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 บัญญัตวิ า่
"ผูใ้ ดนาหรือพาของทีย่ งั มิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจากัด หรือของต้องห้าม
หรือทีย่ งั มิได้ผา่ นศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในพระราชอาณาจักรสยามก็ดี...
หรือเกีย่ วข้องด้วยประการใด ๆ ในการหลีกเลีย่ ง
หรือพยายามหลีกเลีย่ งการเสียค่าภาษี ศุลกากร หรือในการหลีกเลีย่ ง
หรือพยายามหลีกเลีย่ งบทกฎหมาย และข้อจากัดใด ๆ อันเกีย่ วแก่การนาของเข้า ส่งของออก
ขนของขึน ้ เก็บของในคลังสินค้า และการส่งมอบของโดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษี ของรัฐบาล
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห ่ ัว ทีจ่ ะต้องเสียสาหรับของนัน ้ ๆ ก็ดี
หรือหลีกเลีย่ งข้อห้ามหรือข้อจากัดอันเกีย่ วแก่ของนัน ้ ก็ดี สาหรับความผิดครัง้ หนึ่ง ๆ
ให้ปรับเป็ นเงินสีเ่ ท่าของราคาของซึง่ ได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจาคุกไม่เกินสิบปี
หรือทัง้ ปรับทัง้ จา" ดังนี้
ความผิดฐานนี้ไม่วา่ จะเป็ นพยายามกระทาความผิดหรือกระทาความผิดสาเร็จ
กฎหมายกาหนดโทษไว้เท่ากัน
ทีศ
่ าลอุทธรณ์ ลงโทษปรับจาเลยในความผิดฐานดังกล่าวสองในสามของโทษปรับทีก ่ ฎหมาย
กาหนดไว้จงึ เป็ นการไม่ชอบ

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6984/2558

จาเลยทัง้ สามบุกรุกเข้าไปในสถานทีเ่ ก็บรักษาสายไฟฟ้ า


ทัง้ ยังทาร้ายผูเ้ สียหายซึง่ ครอบครองดูแลสถานทีน
่ น้ ั อันเป็ นส่วนหนึ่งของการปล้นทรัพย์
จึงเป็ นการลงมือกระทาความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่ใช่แค่เพียงตระเตรียมการ
แม้จาเลยทัง้ สามจะหลบหนีไปก่อนโดยไม่แตะต้องสายไฟฟ้ าก็เป็ นการลงมือกระทาความผิด
แล้วแต่กระทาไปไม่ตลอด
การกระทาของจาเลยทัง้ สามจึงเป็ นการร่วมกันพยายามกระทาความผิดฐานปล้นทรัพย์

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 14715/2557
การทีจ่ าเลยที่ 1 และที่ 2
ร่วมกันตัดผลปาล์มของผูเ้ สียหายจนหล่นลงมากองอยูบ ่ นพืน
้ เป็ นการแยกหรือเคลือ
่ นทีผ
่ ลปาล์
มออกจากต้น แต่ยงั ไม่ทน ั รวบรวมผลปาล์ม ผูเ้ สียหายก็มาพบเสียก่อน ยังถือไม่ได้วา่ จาเลยที่
1 และที่ 2 เข้ายึดถือเอาผลปาล์มจานวนนัน ้ ไว้แล้วอันเป็ นการเอาไปซึง่ ทรัพย์ของผูเ้ สียหาย
กรณีจงึ เป็ นความผิดฐานพยายามร่วมกันลักทรัพย์เท่านัน ้ และถือเป็ นเหตุในลักษณะคดี
ศาลฎีกามีอานาจพิพากษาให้มผ ี ลไปถึงจาเลยที่ 2 ทีม
่ ไิ ด้ฎก
ี าด้วยได้

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 11741/2557

ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 153


เป็ นความผิดสาเร็จเมือ่ เจ้าพนักงานผูม ้ ห
ี น้าทีจ่ า่ ยทรัพย์
ได้จา่ ยทรัพย์เกินกว่าทีค ่ วรจ่ายเพือ ่ ประโยชน์ สาหรับตนเองหรือผูอ ้ น
ื่ โดยไม่จาต้องคานึงว่ากา
รจ่ายทรัพย์นน ้ ั ต้องทาให้หนี้ระงับลงด้วย
เพราะความผิดมาตรานี้ตอ ้ งการลงโทษเจ้าพนักงานผูม ้ หี น้าทีจ่ า่ ยทรัพย์ได้จา่ ยทรัพย์เกินกว่า
ทีค ่ วรจ่ายเท่านัน ้ แม้จาเลยซึง่ เป็ นเจ้าพนักงานผูม ้ ห
ี น้าทีจ่ า่ ยทรัพย์จะชาระหนี้ดว้ ยเช็ค และ
ก.
ผูไ้ ด้รบั ชาระหนี้ยงั ไม่ได้นาเช็คไปเรียกเก็บเงินเนื่องจากถูกเรียกทวงคืนก่อนอันทาให้หนี้นน ้ั
ยังไม่ระงับลงก็ตาม การกระทาของจาเลยก็เป็ นความผิดสาเร็จตามมาตรา 153 แล้ว
หาใช่เป็ นเพียงความผิดฐานเป็ นเจ้าพนักงานผูม ้ ห
ี น้าทีจ่ า่ ยทรัพย์พยายามจ่ายทรัพย์เกินกว่าที่
ควรจ่ายเพือ ่ ประโยชน์ สาหรับตนเองหรือผูอ ้ น
ื่ ตาม ป.อ. มาตรา 153 ประกอบมาตรา 83 ไม่

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 11666/2557

จาเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านพักอาศัยของผูเ้ สียหายที่ 1
แล้วชกต่อยผูเ้ สียหายที่ 2 แสดงว่าจาเลยกับพวกมีเจตนาแต่แรกเพียงทีจ่ ะทาร้ายผูเ้ สียหายที่
2 เท่านัน้ แต่ภายหลังจาเลยชกต่อยกับผูเ้ สียหายที่ 2 แล้ว จาเลยเรียก ว. เข้ามายิงผูเ้ สียหายที่
2 ในขณะผูเ้ สียหายที่ 2 ล้มนอนบนพืน ้ การที่ ว. ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายที่ 2
้ ภายหลัง
จึงเป็ นเจตนาทีเ่ กิดขึน
การกระทาของจาเลยกับพวกในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ และร่วมกันพยายามฆ่า
ผูอ
้ น
ื่ โดยพลาด กับความผิดฐานร่วมกันบุกรุก จึงเป็ นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6585/2557
จุดด่านตรวจทีจ่ บั กุมจาเลยได้อยูห ่ า่ งจากเรือนจาประมาณ 10 กิโลเมตร
เป็ นจุดตรวจค้นพบของกลางเท่านัน ้
ยังไม่ใช่จุดปฏิบตั ก ่ งบินซึง่ จาเลยเคยมาทดสอบการใช้เครือ่ งบินเฮลิคอปเตอร์บ ั
ิ ารบังคับเครือ
งคับด้วยวิทยุมาแล้ว ฉะนัน ้
เมือ่ จาเลยจะปฏิบตั ก ิ ารบังคับเครือ
่ งบินเฮลิคอปเตอร์สง่ โทรศัพท์เคลือ
่ นทีแ
่ ละอุปกรณ์ เข้าเรือ
นจาจึงอยูใ่ กล้เรือนจาซึง่ สามารถกระทาได้
การกระทาของจาเลยถือว่าได้ลงมือกระทาความผิดแล้ว
แต่กระทาไปไม่ตลอดเนื่องจากเจ้าพนักงานตารวจจับกุมจาเลยได้เสียก่อน
การกระทาของจาเลยจึงเป็ นความผิดฐานร่วมกันพยายามนาโทรศัพท์เคลือ ่ ละอุปกรณ์ ซงึ่
่ นทีแ
เป็ นสิง่ ของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจา อันเป็ นการฝ่ าฝื นระเบียบหรือข้อบังคับของเรือนจา

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2557

วันเกิดเหตุ เวลากลางคืน รถจักรยานยนต์ทผ ี่ ูเ้ สียหายที่ 1 จอดไว้ในห้องทางาน


สถานีบริการน้ามันของผูเ้ สียหายที่ 2 และน้ามันเครือ ่ งรถจักรยานยนต์ เครือ ่ งคิดเลข วิทยุ
กับกล้องวงจรปิ ดของผูเ้ สียหายที่ 2 ถูกคนร้ายลักไป ต่อมาเวลาประมาณ 6 นาฬก ิ า
มีผูพ ้ บเห็นรถจักรยานยนต์คน ั ดังกล่าวจอดอยูท ่ ห
ี่ น้ามัสยิดของหมูบ ่ า้ นโดยมีเสือ้ คลุม
น้ามันเครือ ่ งรถจักรยานยนต์ เครือ ่ งคิดเลข และวิทยุทวี่ างไว้ในตะกร้าหน้ารถจึงแจ้งให้ ม.
ผูช
้ ว่ ยผูใ้ หญ่บา้ นทราบ ม. ไปดูรถจักรยานยนต์คน ั ดังกล่าว
สักครูห ่ นึ่งจาเลยจะมาเอารถจักรยานยนต์ไป ม. ขอดูบตั รประจาตัวประชาชนและกุญแจรถ
จาเลยไม่มี ม. บอกให้จาเลยไปเอากุญแจรถมาก่อน จาเลยจึงกลับไป
พฤติการณ์ ดงั กล่าวแสดงว่าจาเลยต้องรูด ้ วี า่ รถจักรยานยนต์และทรัพย์ทต ี่ ะกร้าหน้ารถทีจ่ าเล
ยจะไปเอานัน ้ เป็ นทรัพย์ทไี่ ด้มาโดยการกระทาความผิดเข้าลักษณะลักทรัพย์
เมือ่ จาเลยจะไปเอาทรัพย์ดงั กล่าวอันเป็ นการช่วยพาเอาไปเสียตาม ป.อ. มาตรา 357
วรรคแรก แต่ไม่สามารถเอาไปได้เพราะ ม. เข้าขัดขวางโดยให้จาเลยไปเอากุญแจรถมาก่อน
การกระทาของจาเลยถือได้วา่ เป็ นการลงมือกระทาความผิดฐานรับของโจร
แต่กระทาไปไม่ตลอด จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามรับของโจร
แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษข้อหารับของโจร
แต่เมือ่ ข้อเท็จจริงทีป ่ รากฏในการพิจารณารับฟังได้วา่ จาเลยกระทาความผิดฐานพยายามรับข
องโจร ศาลก็มอ ี านาจลงโทษจาเลยได้
จาเลยกระทาผิดฐานพยายามรับของโจรรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กยน ปัตตานี
484 ของผูเ้ สียหายที่ 1 ฉะนัน ้ น้ามันเครือ ่ งรถจักรยานยนต์ เครือ ่ งคิดเลข
และวิทยุของผูเ้ สียหายที่ 2 ทีถ ่ ูกคนร้ายลักไปกับกล้องวงจรปิ ดย่อมไม่ใช่ทรัพย์ทผ ี่ ู้เสียหายที่ 2
สูญเสียไปเนื่องจากการกระทาผิดของจาเลยทีโ่ จทก์จะมีสท ิ ธิเรียกให้จาเลยคืนหรือใช้ราคาทรั
พย์ได้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 12384/2556

จาเลยที่ 4 ร่วมเดินทางมากับจาเลยอืน ่ กับพวกในรถยนต์ค ันทีจ่ าเลยที่ 2 ขับ


โดยจาเลยที่ 4 เป็ นมารดาจาเลยที่ 1 และเป็ นภริยาจาเลยที่ 2
ซึง่ ขณะเกิดเหตุนน ้ ั ได้ความว่าระหว่างทีจ่ าเลยที่ 2 กับพวกรุมกระทืบผูเ้ สียหายอยูน่ น
้ ั จาเลยที่
4 พูดว่า "เอามันให้ตาย เอามันให้ตาย" เมือ่ พิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างจาเลยที่ 4
กับจาเลยที่ 1 และที่ 2 ทีร่ ว่ มเดินทางมายังทีเ่ กิดเหตุในลักษณะเจ็บแค้นแทนจาเลยที่ 1
ผูเ้ ป็ นบุตรและต้องการแก้แค้นผูท ้ าร้ายบุตรตนแล้ว การกระทาของจาเลยที่ 4
ดังกล่าวจึงเป็ นการช่วยเหลือให้กาลังใจและชี้นาแก่จาเลยที่ 2
กับพวกทาร้ายผูเ้ สียหายให้ถงึ แก่ความตายเพือ ่ แก้แค้นแทนจาเลยที่ 1 ถือได้วา่ จาเลยที่ 4
สนับสนุนให้จาเลยที่ 1 และที่ 2 กระทาความผิด เมือ่ จาเลยที่ 2
ร่วมกันทาร้ายผูเ้ สียหายโดยเจตนาฆ่า การกระทาของจาเลยที่ 4
จึงเป็ นความผิดฐานสนับสนุนให้ผูอ ้ น
ื่ กระทาความผิดพยายามฆ่าผูเ้ สียหาย

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 22746/2555
จาเลยขับรถจักรยานยนต์มาทีว่ น ิ รถจักรยานยนต์พูดว่า หากใครไม่จา่ ยไม่ให้จอด
ระวังจะจาเบอร์ไม่ได้ จาซอยไม่ได้ ขับเงียบ ๆ ใกล้จะหมดเวลาของพวกมึงแล้ว
มีลกั ษณะเป็ นการข่มขูผ ่ เู้ สียหายทัง้ สามว่าอาจถูกทาร้าย
หลังจากมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้วแต่ไม่มก ี ารควบคุมตัวจาเลยในระหว่างดาเนินคดี
ผูเ้ สียหายทัง้ สามเกรงจะได้รบั อันตรายและถูกห้ามขับรถจักรยานยนต์รบั จ้างในซอยเกิดเหตุจึ
งต้องจายอมจ่ายเงินให้แก่จาเลยวันละ 15 บาท ตามทีจ่ าเลยเรียกร้อง
แต่ขอ ้ เท็จจริงทีผ
่ ูเ้ สียหายทัง้ สามจายอมจ่ายเงินให้แก่จาเลยวันละ 15 บาท
ภายหลังมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้วนัน ้
ปรากฏแต่ในทางพิจารณาโดยโจทก์ไม่ได้กล่าวไว้ในฟ้ อง
ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงไม่ใช่เป็ นเรือ ่ งทีโ่ จทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
จึงต้องห้ามมิให้ศาลลงโทษจาเลยโดยอาศัยข้อเท็จจริงนัน ้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่
ประกอบมาตรา 225
ศาลฎีกาจึงลงโทษจาเลยได้แต่ในความผิดฐานพยายามกรรโชกทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 337
วรรคแรก ประกอบมาตรา 80 เท่านัน ้

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 20375/2555
จาเลยที่ 1 ใช้ปืนซึง่ เป็ นอาวุธทีม ่ อ
ี านุภาพร้ายแรงยิงผูเ้ สียหาย
ขณะทีผ ่ ูเ้ สียหายกอดรัดอยูก ่ บั จาเลยที่ 2
แม้กระสุนปื นจะเฉี่ยวศีรษะของผูเ้ สียหายไปเป็ นเหตุให้มเี พียงบาดแผลฉี กขาดทีศ ่ ีรษะได้รบั
บาดเจ็บเท่านัน ้ ก็ตาม
ก็ถือได้วา่ เป็ นการยิงโดยมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหายและจาเลยได้กระทาไปตลอดครบองค์ประกอบ
ของความผิดฐานพยายามฆ่าแล้ว แม้ขอ ้ เท็จจริงจะได้ความว่า
เมือ่ ผูเ้ สียหายหนีไปอยูห ่ ลังกระต๊อบ จาเลยที่ 2 ไปลากผูเ้ สียหายออกมาแล้ว จาเลยที่ 1
จะยับยัง้ ไม่ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายต่อไปจนถึงแก่ความตาย จาเลยที่ 1
ก็ยงั ต้องรับโทษสาหรับความผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ ทีไ่ ด้กระทาไปแล้ว
กรณีหาใช่การกระทาความผิดของจาเลยที่ 1
เป็ นการยับยัง้ เสียเองไม่กระทาให้ตลอดหรือจาเลยที่ 1
กลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทานัน ้ บรรลุผลอันจะทาให้จาเลยที่ 1
ไม่ตอ ้ งรับโทษสาหรับการกระทาความผิดนัน ้ ตาม ป.อ. มาตรา 82

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 16527/2555

การทีจ่ าเลยขับรถยนต์กระบะชนรถจักรยานยนต์สายตรวจทีจ่ อดขวางอยูก ่ ็เพือ


่ ต้องการเปิ ดทา
งหลบหนีการจับกุม ซึง่ จาเลยย่อมเล็งเห็นผลได้วา่ อาจทาให้ผเู้ สียหายที่ 3
ทีย่ ืนอยูบ
่ ริเวณทีร่ ถจักรยานยนต์ดงั กล่าวจอดได้รบั บาดเจ็บได้ จึงมีเจตนาทาร้ายผูเ้ สียหายที่
3 เมือ่ ผลการตรวจร่างกายผูเ้ สียหายที่ 3 คงมีอาการปวดแก้มก้น 2 ข้าง
และปวดขาข้างขวาถึงเท้า รักษาให้หายภายใน 7 วัน
หากไม่มโี รคแทรกซ้อนตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์
ซึง่ อาการดังกล่าวยังถือไม่ได้วา่ ผูเ้ สียหายที่ 3 ได้รบั อันตรายแก่กาย
การกระทาของจาเลยจึงมีความผิดฐานใช้กาลังทาร้ายผูอ ้ น
ื่ โดยไม่ถงึ กับเป็ นเหตุให้เกิดอันตรา
ยแก่กายตาม ป.อ. มาตรา 391
และความผิดดังกล่าวก็เป็ นความผิดอย่างหนึ่งทีร่ วมอยูใ่ นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงา
นซึง่ กระทาการตามหน้าทีต ่ ามฟ้ องซึง่ มีโทษเบากว่า
ศาลย่อมลงโทษความผิดฐานนี้ตามทีพ ่ จิ ารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย
ประกอบมาตรา 215 และ 225

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 7253/2555
ตัง้ แต่ออกจากรีสอร์ทจนมาถึงทีเ่ กิดเหตุทพ ี่ ช
ี่ าย น. ยิงผูเ้ สียหาย
ไม่ปรากฏว่าจาเลยและพีช ่ าย น. ได้พด ู กันแต่อย่างใด แต่เมือ่ จาเลยจอดรถพีช ่ าย น.
ก็กระโดดลงจากรถและชักอาวุธปื นออกมายิงผูเ้ สียหาย แสดงว่าจาเลยและพีช ่ าย น.
ได้ตกลงกันไว้กอ ่ นแล้วให้จาเลยเป็ นคนพาผูเ้ สียหายมา ส่วนพีช ่ าย น. จะเป็ นคนยิง
อันเป็ นการแบ่งหน้าทีก ่ น
ั ทา จาเลยจึงเป็ นตัวการร่วมกระทาความผิดกับพีช ่ าย น. ด้วย
การทีค ่ นร้ายใช้อาวุธปื นซึง่ เป็ นอาวุธร้ายแรงยิงผูเ้ สียหาย 5 นัด ถูกทีไ่ หล่ซา้ ย 1 นัด
จนทะลุแสดงว่าคนร้ายมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหาย
แต่เนื่องจากกระสุนปื นไม่ถูกอวัยวะสาคัญผูเ้ สียหายจึงไม่ถงึ แก่ความตาย
การกระทาของจาเลยกับพวกจึงเป็ นความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ และเป็ นการกระทา
ความผิดโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น
เพราะได้มก ี ารวางแผนไว้ลว่ งหน้าก่อนทีจ่ ะนาตัวผูเ้ สียหายมายิงในทีเ่ กิดเหตุ

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6265/2555

อาวุธปื นของกลางทีจ่ าเลยที่ 1 ใช้ยงิ รถเป็ นเพียงอาวุธปื นแก๊ปยาวประจุปาก


เมือ่ พิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงทีว่ า่ จาเลยที่ 1 ยิงในขณะทีโ่ จทก์รว่ มที่ 1 ขับรถสวนมา
หากอาวุธปื นของกลางมีอานุภาพร้ายแรงจริงน่ าจะก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงมาก
แต่จากรายงานการตรวจพิสจู น์ สภาพรถบรรทุก
ปรากฏความเสียหายเพียงมีรอ ่ งรอยถูกยิงด้วยกระสุนปื น 8 รอย
รอยยุบแต่ละรอยดังกล่าวไม่ลก ึ มาก
คงมีแต่ครอบพลาสติกของกรอบกระจกหน้าข้างขวาด้านในเพียงแห่งเดียวทีม ่ รี ูทะลุคอ่ นข้างลึ
ก และมีกระจกบังลมหน้ารถแตกจากกระสุนปื น
ส่วนบุคคลทีน ่ ่ งั อยูใ่ นรถไม่ได้รบั อันตรายจากกระสุนปื นเลย
แสดงว่าอาวุธปื นของกลางไม่มอ ี านุภาพร้ายแรงนัก การกระทาของจาเลยที่ 1
จึงเป็ นความผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ ทีไ่ ม่สามารถบรรลุผลได้แน่ แท้
เพราะเหตุอาวุธปื นซึง่ เป็ นปัจจัยทีใ่ ช้ในการกระทาความผิดตาม ป.อ. มาตรา 81 วรรคแรก
การทีจ่ าเลยที่ 2 ใช้ให้จาเลยที่ 1
ใช้อาวุธปื นยิงรถบรรทุกดังกล่าวถือได้วา่ เป็ นพฤติการณ์ ทอ ี่ าจเล็งเห็นได้วา่ อาจเกิดการกระ
ทาความผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น ื่ ได้ เมือ่ การกระทาของจาเลยที่ 1
เป็ นความผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น ื่ ทีไ่ ม่สามารถบรรลุผลได้แน่ แท้
เพราะเหตุปจั จัยซึง่ ใช้ในการกระทา จาเลยที่ 2
จึงมีความผิดฐานเป็ นผูใ้ ช้ให้กระทาความผิดฐานดังกล่าว
ซึง่ เป็ นความรับผิดทางอาญาตามความผิดทีเ่ กิดขึน ้ จากการใช้ตาม ป.อ. มาตรา 87
วรรคแรก
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2555

จาเลยกับพวกแทงผูต
้ ายและโจทก์รว่ มที่ 2
อย่างแรงทีอ่ วัยวะสาคัญของร่างกายทีส่ ามารถทาให้ถงึ แก่ความตายได้
เมือ่ ผูต
้ ายถึงแก่ความตายและโจทก์รว่ มที่ 2 ได้รบั อันตรายสาหัส
แพทย์ผต ู้ รวจชันสูตรบาดแผลเบิกความว่า หากไม่ได้รบั การรักษาทันท่วงทีโจทก์รว่ มที่ 2
อาจถึงแก่ความตายได้ จึงฟังได้วา่ จาเลยมีเจตนาฆ่าผูต ้ ายและพยายามฆ่าโจทก์รว่ มที่ 2
ส่วนโจทก์รว่ มที่ 3 จาเลยใช้มด ี แทงและฟันโจทก์รว่ มที่ 3
ตามโอกาสอานวยไม่ได้เลือกแทงอวัยวะส่วนทีส่ าคัญของร่างกายทัง้ มีดทีใ่ ช้แทงและฟันไม่ใช่
มีดขนาดใหญ่ แม้บาดแผลทีโ่ จทก์รว่ มที่ 3
ถูกฟันด้านหลังยาวจากสะบัดขวาถึงเอวด้านซ้ายยาว 50 เซนติเมตร แต่ลก ึ เพียง 0.4
เซนติเมตร แสดงว่าไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงทีจ่ ะทาให้โจทก์รว่ มที่ 3 ถึงแก่ความตายได้
จาเลยกับพวกมีเพียงเจตนาทาร้ายร่างกายโจทก์รว่ มที่ 3 เท่านัน ้

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 4164/2555
จาเลยใช้ลน ิ้ เลียทีอ่ วัยวะเพศของโจทก์รว่ ม
ใช้อวัยวะเพศของจาเลยสอดใส่อวัยวะเพศของโจทก์รว่ มโจทก์รว่ มมีอาการเจ็บ
มีอาการอักเสบเป็ นรอยแดงบริเวณแคมทัง้ สองข้างรอบปากช่องคลอด สือ่ ให้เห็นว่า
จาเลยประสงค์จะใช้อวัยวะเพศของจาเลยสอดใส่อวัยวะเพศของโจทก์รว่ ม
มิใช่เพียงการใช้อวัยวะเพศของจาเลยถูไถเฉพาะภายนอกอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มโดยไม่ปร
ะสงค์จะสอดใส่
การกระทาของจาเลยจึงบ่งชี้ถงึ เจตนาของจาเลยทีจ่ ะข่มขืนกระทาชาเราโจทก์รว่ ม
หาใช่มเี จตนาเพียงแค่กระทาอนาจารไม่ ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง
ซึง่ แก้ไขเพิม ่ เติมโดยมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.แก้ไขเพิม ่ เติม (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2550
ต้องการขยายความหมายของการกระทาชาเราว่า
นอกจากหมายถึงการใช้อวัยวะเพศของผูก ้ ระทากระทาต่ออวัยวะเพศของผูถ ้ ก
ู กระทาแล้ว
ยังรวมถึงการใช้อวัยวะเพศของผูก ้ ระทากระทากับทวารหนักหรือช่องปากของผูถ ้ ูกกระทาด้ว
ย เท่ากับเป็ นการเพิม ่ อวัยวะทีถ ่ ูกกระทาขึน ้ ใหม่
เพิม ่ สิง่ ทีใ่ ช้ในการกระทานอกจากจะกระทาชาเราโดยใช้อวัยวะเพศของผูก ้ ระทากระทากับอวั
ยวะเพศ ทวารหนักหรือช่องปากของผูถ ้ ูกกระทาแล้ว ยังรวมถึงการใช้สงิ่ อืน่ ใด เช่น
การใช้อวัยวะเพศเทียมกระทากับอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของผูถ ้ ูกกระทาด้วย
เป็ นกรณี ทข ี่ ยายความหมายของคาว่ากระทาชาเรา
ในแง่เพิม ่ สิง่ ทีใ่ ช้ในการกระทาและอวัยวะทีถ ้ ใหม่เท่านัน
่ ูกกระทาขึน ้
ส่วนกรณี อย่างไรจึงจะเป็ นการกระทาชาเราสาเร็จนัน ้ ก็คงยังคงมีความหมายอยูว่ า่
จะเป็ นการกระทาชาเราสาเร็จได้ตอ ้ งถึงขัน้ อวัยวะเพศของผูก ้ ระทาล่วงลา้ เข้าไปในอวัยวะเพ
ศของผูถ ้ ูกกระทา หรือล่วงลา้ เข้าไปในทวารหนักของผูถ ้ ูกกระทา
หรือล่วงลา้ เข้าไปในช่องปากของผูถ ้ กู กระทา หากมีการใช้สงิ่ ของอย่างอืน ่ เช่น
อวัยวะเพศเทียม สิง่ ของอย่างนัน ้ ก็ตอ ้ งมีการล่วงลา้ เข้าไปในอวัยวะเพศ
หรือทวารหนักของผูถ ้ ก
ู กระทาเช่นกัน จาเลยมีเจตนากระทาชาเราโจทก์รว่ ม
จาเลยใช้อวัยวะเพศของจาเลยถูไถอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มแต่อวัยวะเพศของจาเลยไม่อาจล่
วงลา้ เข้าไปในอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มได้ เพราะอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มมีขนาดเล็ก
ส่วนการใช้ลน ิ้ เลียอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มก็ไม่ปรากฏว่าลิน ้ ได้ลว่ งลา้ เข้าไปในอวัยวะเพศข
องโจทก์รว่ ม การกระทาของจาเลยถือได้วา่ จาเลยลงมือกระทาชาเราแล้ว
แต่การกระทาไม่บรรลุผล จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามกระทาชาเราโจทก์รว่ ม

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2894/2555

ผูต
้ รวจพิสจู น์อาวุธปื นให้การไว้ในชัน ้ สอบสวนว่า
อาวุธปื นแก๊ปของกลางเป็ นอาวุธทีส่ ามารถทาอันตรายแก่ชีวต ิ และวัตถุได้
การทีก่ ระสุนปื นไม่ล่น ั เมือ่ สับนกปื นนัน้ สามารถเกิดขึน ้ กับอาวุธปื นได้
หากดินปื นมีความชื้นหรือเปี ยกชื้น
เพราะประกายไฟซึง่ เกิดจากนกปื นสับไปทีแ ่ ก๊ปปื นไม่สามารถลุกลามไปติดเนื้อดินปื นในลาก
ล้องเพือ่ ส่งเม็ดตะกั่วทีบ ่ รรจุอยูอ่ อกไปทางปากกระบอกปื นได้
แสดงว่าในวันเกิดเหตุหากดินปื นทีบ ่ รรจุอยูใ่ นลากล้องอาวุธปื นของกลางแห้ง ไม่เปี ยกชื้น
กระสุนปื นก็ตอ ้ งลั่นส่งเม็ดตะกั่วทีบ ่ รรจุอยูใ่ นลากล้องออกมาใส่ใบหน้าผูเ้ สียหายเป็ นอันตราย
ต่อชีวติ ได้ การกระทาของจาเลยจึงเป็ นการลงมือกระทาความผิดไปตลอดแล้ว
แต่การกระทาไม่บรรลุผลอันเป็ นการพยายามกระทาความผิดตาม ป.อ. มาตรา 80
หาใช่การกระทานัน ้ ไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้
เพราะอาวุธปื นหรือเครือ่ งกระสุนปื นของกลางอันเป็ นปัจจัยซึง่ ใช้ในการกระทาตามมาตรา
81 แต่อย่างใดไม่

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2555

จาเลยใช้อาวุธปื นจีข
้ ูเ่ ข็ญผูเ้ สียหายว่าอย่าส่งเสียงและให้สง่ ของมีคา่ ให้
เมือ่ ผูเ้ สียหายส่งกระเป๋ าสะพายให้และพูดว่า
จะเอาอะไรก็เอาไปขอบัตรประจาตัวประชาชนไว้
จาเลยค้นกระเป๋ าสะพายแล้วเห็นว่าไม่มข ี องมีคา่ จึงส่งกระเป๋ าสะพายคืนให้
และคลาทีค ่ อผูเ้ สียหายเพือ
่ หาสร้อยคอ ผูเ้ สียหายบอกจาเลยว่าไม่มข ี องมีคา่ ติดตัวมา
จาเลยจึงปล่อยตัวผูเ้ สียหายแล้วเดินหนีไป
แสดงให้เห็นว่าจาเลยมิได้ประสงค์จะแย่งเอากระเป๋ าสะพายของผูเ้ สียหายไปเป็ นของตน
เพียงแต่ตอ้ งการค้นหาของมีคา่ ในกระเป๋ าสะพายเท่านัน ้
มิฉะนัน
้ เมือ่ จาเลยได้กระเป๋ าสะพายแล้วก็ตอ ้ งหลบหนีไปทันทีโดยไม่ตอ ้ งเปิ ดดูและคืนกระเป๋
าสะพายให้ผูเ้ สียหาย ดังนัน ้ เมือ่ จาเลยยังไม่ได้ของมีคา่ ตรงตามเจตนาของจาเลย
การกระทาของจาเลยจึงยังไม่เป็ นการชิงทรัพย์สาเร็จ

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 11840/2554

ว. เป็ นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจาเลย อยูก ่ น


ิ ด้วยกันทีอ่ าเภอหลังสวน
จังหวัดชุมพรต่อมาเลิกกันโดยมิได้จดทะเบียนหย่า ว. ย้ายไปอยูจ่ งั หวัดภูเก็ต
ได้รจู ้ กั กับผูเ้ สียหายและได้อยูก
่ น
ิ ฉันสามีภริยากับผูเ้ สียหาย
จาเลยตามไปจังหวัดภูเก็ตและขูว่ า่ หากแต่งงานใหม่จะฆ่า ว. กับผูเ้ สียหาย ต่อมาปี 2547 ว.
กับผูเ้ สียหายได้มางานศพบิดา ว. ทีอ่ าเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร จาเลยขูจ่ ะฆ่า ว.
และผูเ้ สียหายอีก จน ว. ได้แจ้งความไว้กบั เจ้าพนักงานตารวจ
แสดงว่าจาเลยมีความโกรธแค้น ว.
และผูเ้ สียหายและก็คงหาโอกาสทีจ่ ะฆ่าบุคคลทัง้ สองมาตลอด
จนวันเกิดเหตุเมือ่ จาเลยทราบว่า ว. และผูเ้ สียหายมาทีอ่ าเภอหลังสวน
จาเลยก็ได้เดินทางจากบ้านจาเลยไปทีบ ่ า้ นพักของ ว. และผูเ้ สียหาย
เมือ่ ไปถึงจาเลยก็ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายแล้วหลบหนีไป
การทีจ่ าเลยนาอาวุธติดตัวไปด้วยแสดงว่าจาเลยเตรียมอาวุธปื นเพือ ่ ทีจ่ ะฆ่าผูเ้ สียหายไว้แล้ว
ทัง้ บ้านจาเลยและบ้านทีเ่ กิดเหตุซงึ่ อยูค ่ นละหมูบ ่ า้ นกันย่อมมีระยะทางห่างกันพอสมควร
ระหว่างทีจ่ าเลยเดินทางไปจาเลยย่อมคิดทบทวนหลายครัง้ แล้วว่าจะฆ่าผูเ้ สียหาย
เมือ่ ไปถึงจาเลยก็ได้ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายไปเลยโดยไม่ได้พด ู คุยอะไรกัน
การกระทาของจาเลยจึงเป็ นการพยายามฆ่าผูเ้ สียหายโดยไตร่ตรองไว้กอ่ น

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 11065/2554
คดีนี้จาเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้ องว่า
วันเวลาเกิดเหตุจาเลยใช้กาลังประทุษร้ายกดตัวผูเ้ สียหายลงกับพื้น
ใช้มอ ื ชกทีบ
่ ริเวณท้องและปากของผูเ้ สียหาย
แล้วจาเลยฉี กกระชากกระโปรงของผูเ้ สียหายจนขาด
ผูเ้ สียหายร้องให้คนช่วยและมีผูเ้ ข้าช่วยเหลือ ดังนี้
ลักษณะการกระทาของจาเลยดังกล่าวยังไม่อยูใ่ นวิสยั ทีจ่ าเลยจะกระทาชาเราผูเ้ สียหายได้
การกระทาของจาเลยจึงไม่เป็ นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทาชาเรา
แม้จาเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจาเลยฐานนี้ไม่ได้
แต่การกระทาของจาเลยเป็ นความผิดฐานกระทาอนาจารผูเ้ สียหายตาม ป.อ. มาตรา 278
อันเป็ นความผิดทีร่ วมการกระทาตามทีโ่ จทก์ฟ้องอยูด่ ว้ ยแล้ว
ศาลย่อมมีอานาจลงโทษจาเลยตามความผิดทีพ ่ จิ ารณาได้ความตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192
วรรคท้าย ได้

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 9693/2554

เมือ่ สายลับล่อซือ้ เมทแอมเฟตามีนได้แล้ว


ผูเ้ สียหายกับพวกเข้าไปจับกุมจาเลยทัง้ สาม โดยใช้รถยนต์ 2 คัน
คันหนึ่งขับไปขวางหน้ารถยนต์ทจี่ าเลยที่ 1 เป็ นคนขับ
และรถยนต์อก ี คันหนึ่งทีม่ ผ
ี เู้ สียหายนั่งมาด้วยขับไปขวางทางด้านหลัง
ผูเ้ สียหายลงจากรถยนต์มายืนด้านหลังรถยนต์ของจาเลยที่ 1
พร้อมพูดแสดงตัวเป็ นเจ้าพนักงานตารวจเพือ ่ จับกุมด้วยเสียงดัง จาเลยที่ 1
ขับรถยนต์ถอยหลังพุง่ ตรงไปทางผูเ้ สียหาย ผูเ้ สียหายกระโดดหลบ รถยนต์ทจี่ าเลยที่ 1
ขับชนทางด้านหน้าของรถยนต์ พันตารวจโท ฉ.
ทีข ่ วางอยูด
่ า้ นหลังได้รบั ความเสียหายค่อนข้างมาก การทีจ่ าเลยที่ 1
ขับรถยนต์ถอยหลังดังกล่าวย่อมเล็งเห็นผลได้วา่ หากผูเ้ สียหายไม่กระโดดหลบรถยนต์ทจี่ าเลย
ที่ 1 ขับอาจชนผูเ้ สียหายซึง่ ยืนอยูท ่ างด้านหลังในระยะห่างเพียง 5 เมตร ถึงแก่ความตายได้
การกระทาของจาเลยที่ 1
จึงเป็ นความผิดฐานพยายามฆ่าผูเ้ สียหายซึง่ เป็ นเจ้าพนักงานกระทาตามหน้าทีต ่ าม ป.อ.
มาตรา 289 (2)

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6816/2554

ความผิดฐานข่มขืนกระทาชาเราหญิงซึง่ มิใช่ภริยาของตน
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก (เดิม)
ซึง่ เป็ นกฎหมายทีใ่ ช้ในขณะจาเลยกระทาความผิด และต้องใช้บงั คับแก่คดี
เนื่องจากกฎหมายทีแ ่ ก้ไขในภายหลังไม่เป็ นคุณแก่จาเลยนัน้
มิได้ให้คานิยามของการกระทาชาเราไว้ แต่ตามบทบัญญัตแ ิ ห่งประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 276 วรรคสอง ทีแ ่ ก้ไขในภายหลัง ให้คานิยามของการกระทาชาเราไว้วา่
หมายความว่าการกระทาเพือ ่ สนองความใคร่ของผูก้ ระทาโดยการใช้อวัยวะเพศของผูก
้ ระทา
กระทากับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือ ช่องปากของผูอ ้ น
ื่ หรือ
การใช้สงิ่ อืน่ ใดกระทากับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผูอ ้ น
ื่
ซึง่ เป็ นเพียงการขยายความแต่ก็ยงั คงเทียบเคียงการกระทาชาเราหญิงตามกฎหมายเดิมได้
ความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทาชาเราหญิงนัน ้
ผูก
้ ระทาจะต้องใช้อวัยวะเพศของตนกระทาในลักษณะใกล้ชด ิ พร้อมทีจ่ ะใช้อวัยวะเพศสอดใส่
กับอวัยวะเพศของหญิงผูถ ้ ูกกระทา
การกระทาของจาเลยทีใ่ ช้แรงกายบังคับฉุ ดกระชากลากตัวผูเ้ สียหายเข้าไปในห้องน้า
ล๊อกประตูหอ้ งน้า ถอดกางเกงชัน ้ นอกและกางเกงในของผูเ้ สียหายออก
แล้วจับนมและอวัยวะเพศของผูเ้ สียหาย ซึง่ ถือเป็ นการกระทาการลวนลามผูเ้ สียหายแล้ว
แต่จาเลยยังไม่ได้ถอดกางเกงทีต ่ นเองสวมใส่ออก
การกระทาของจาเลยจึงยังไม่ถงึ ขัน ้ ทีพ
่ ยายามใช้อวัยวะเพศของตนเองสอดใส่เข้าไปในอวัยว
ะเพศของผูเ้ สียหาย
จึงถือว่าลักษณะการกระทาความผิดของจาเลยยังไม่อยูใ่ นวิสยั ทีจ่ ะกระทาการข่มขืนกระทาชา
เราผูเ้ สียหายได้
การกระทาของจาเลยจึงเป็ นความผิดเพียงฐานกระทาอนาจารผูเ้ สียหายเป็ นเหตุให้ได้รบั อันต
รายสาหัสเท่านัน ้

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5725/2554

จาเลยที่ 1
เพียงแต่น่งั คร่อมรถจักรยานยนต์เพือ
่ จะใช้กุญแจผีไขรถจักรยานยนต์ของผูเ้ สียหายโดยยังไม่
ได้เอารถออกไป เป็ นการลงมือลักทรัพย์แล้ว
แต่กระทาไปไม่ตลอดเพราะเจ้าพนักงานตารวจและผูเ้ สียหายมาถึงทีเ่ กิดเหตุกอ ่ น
ทาให้จาเลยที่ 1 เอารถจักรยานยนต์ของผูเ้ สียหายไปไม่ได้ จาเลยที่ 1
มีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3925/2554
การที่ ส. พูดว่าจะเอาอาวุธปื นมายิงจาเลยแล้วจาเลยพูดกับ ส. ว่า พูดไม่เข้าหู แล้ว
ส., ม. และ น. ออกจากบ้านจาเลยไป เหตุโกรธเคืองยุตแ ิ ละขาดตอนไปแล้ว
ระหว่างนัน้ จาเลยย่อมมีโอกาสคิดไตร่ตรองไว้กอ่ นแต่พฤติการณ์ ทจี่ าเลยนั่งซ้อนท้ายรถจักรย
านยนต์ที่ ต. ขับติดตาม ส., ม. และ น. ไปโดยจาเลยเตรียมนาอาวุธปื นไปด้วยแสดงว่า
จาเลยคิดไตร่ตรองแล้วว่าจะใช้อาวุธปื นทีเ่ ตรียมไปยิงผูเ้ สียหายที่ 1 เพือ่ แก้แค้นทัง้ ต.
ยังขับรถแซงรถของ ส. ไปดักรอ ส., ม. และ น. อยูข ่ า้ งหน้า เมือ่ รถของ ส. มาถึง
จาเลยใช้อาวุธปื นยิง ส. การกระทาของจาเลยต่อ ส. จึงเป็ นการกระทาโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น
จาเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ โดยไตร่ตรองไว้กอ่ นตาม ป.อ. มาตรา 289
(4), 80 รวม 1 กระทง แต่ไม่ปรากฎว่าจาเลยกับ ม. และ น.
มีเหตุโกรธเคืองกันจนจาเลยต้องคิดฆ่าบุคคลทัง้ สอง การทีจ่ าเลยยิง ม. และ น.
ก็เพราะบุคคลทัง้ สองนั่งรถจักรยานยนต์มากับ ส. จึงเป็ นการคิดฆ่าอีกกระทงหนึ่งในทันที
มิได้ไตร่ตรองไว้กอ่ นจาเลยจึงมีความผิดเพียงฐานร่วมกันพยายามฆ่าตาม ป.อ. มาตรา 288 ,
80

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2925/2554

จาเลยใช้อาวุธมีดแทงผูเ้ สียหายทีบ ่ ริเวณซีโ่ ครงซ้ายและไหล่ซา้ ยและพยายามใช้อาวุธมีดปาด


คอโดยเจตนาฆ่า จาเลยกระทาไปตลอดแล้ว
แต่การกระทานัน ้ ไม่บรรลุผลให้ผูเ้ สียหายถึงแก่ความตาย
การทีจ่ าเลยยับยัง้ ไม่ใช้อาวุธมีดแทงทาร้ายผูเ้ สียหายต่อไปจนถึงแก่ความตาย
จาเลยก็ยงั ต้องรับโทษสาหรับความผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ ทีไ่ ด้กระทาไปแล้ว
ส่วนการทีจ่ าเลยช่วยนาผูเ้ สียหายไปส่งโรงพยาบาลและดูแลผูเ้ สียหายในระหว่างทีร่ กั ษาตัวนั้
น เมือ่ การกระทาของจาเลยบรรลุผลเป็ นการพยายามฆ่าผูเ้ สียหาย
ซึง่ กฎหมายบัญญัติเป็ นความผิดแล้ว
กรณีจงึ มิใช่การกระทาความผิดของจาเลยยังไม่บรรลุผล
ไม่เป็ นการกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทานัน ้ บรรลุผล
ในอันทีจ่ ะไม่ตอ
้ งรับโทษสาหรับการพยายามกระทาความผิดนัน ้ ตาม ป.อ. มาตรา 82

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2819/2554

เหตุทจี่ าเลยถือขวานวิง่ ไล่ฟน ั ผูเ้ สียหาย


เพราะโกรธทีถ ่ ูกกล่าวหาว่าลักพระจตุคามรามเทพ ผูเ้ สียหายวิง่ เข้าห้องนอนปิ ดประตู
จาเลยฟันผูเ้ สียหายเพียงครัง้ เดียวถูกประตูหอ้ งนอนโดยไม่ปรากฏว่าจาเลยเลือกทีจ่ ะฟันอวัยว
ะสาคัญทีจ่ ะทาให้ผูเ้ สียหายถึงแก่ความตาย
และไม่ได้ฟน ั ผูเ้ สียหายซา้ อีกทัง้ ทีจ่ าเลยสามารถทาได้
จึงฟังไม่ได้วา่ จาเลยใช้ขวานฟันผูเ้ สียหายโดยเจตนาฆ่าผูเ้ สียหาย
คงฟังได้แต่เพียงว่าจาเลยมีเจตนาทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหายเท่านัน ้
จาเลยกระทาความผิดไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทาไม่บรรลุผล
จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหายซึง่ เป็ นบุพการี
และเป็ นความผิดทีร่ วมอยูก
่ บั ความผิดฐานพยายามฆ่าบุพการีตามฟ้ องของโจทก์
ศาลฎีกาจึงมีอานาจทีจ่ ะพิพากษาลงโทษจาเลยในความผิดทีพ ่ จิ ารณาได้ความตาม ป.วิ.อ.
มาตรา 192 วรรคท้าย

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2552

จาเลยใช้ไฟแช็กแก๊สจุดไฟบริเวณทีร่ าดน้ามันซึง่ เป็ นพืน


้ ปูนซีเมนต์และประตูหน้า
บ้านของผูเ้ สียหายซึง่ เป็ นประตูเหล็ก
แต่วตั ถุดงั กล่าวหาใช่วา่ จะไม่สามารถติดไฟได้เลยอย่างแน่ แท้ไม่
เพราะน้ามันเบนซินเป็ นวัตถุไวไฟติดไฟง่ายสามารถเผาผลาญปูนซีเมนต์และเหล็ก ได้
ทัง้ เมือ่ ไฟติดแล้วอาจจะลุกลามกระจายเป็ นวงกว้างไปไหม้บา้ นของผูเ้ สียหายได้
การทีจ่ าเลยจุดไฟไม่ตด ิ จึงเป็ นเหตุบงั เอิญมากกว่า
การกระทาของจาเลยจึงไม่เป็ นความผิดฐานพยายามกระทาความผิดทีไ่ ม่สามารถบรรลุ
ผลได้อย่างแน่ แท้ตาม ป.อ. มาตรา 81 แต่เป็ นความผิดฐานพยายามซึง่ อาจบรรลุผลได้ตาม
ป.อ. มาตรา 80

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2551

ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุม ้ ครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 4 ให้คานิยามของคาว่า


"ล่า" หมายความว่า เก็บ ดัก จับ ยิง ฆ่า
หรือทาอันตรายด้วยประการอืน ่ ใดแก่สตั ว์ป่าทีไ่ ม่มเี จ้าของและอยูเ่ ป็ นอิสระ
และหมายความรวมถึงการไล่ การต้อน การเรียก หรือการล่อเพือ ่ การกระทาดังกล่าวด้วย
ดังนัน
้ การเคาะไม้ไล่ตอ้ นสัตว์ป่าจึงอยูใ่ นความหมายของคาว่า "ล่า" ตามคานิยามดังกล่าว
การทีจ่ าเลยกับพวกร่วมกันเคาะไม้ไล่ตอ ้ นสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สตั ว์ป่า
เพือ
่ ให้พวกของจาเลยทีด ่ กั ซุม
่ รออยูใ่ ช้อาวุธปื นยิง จึงเป็ นความผิดสาเร็จฐานล่าสัตว์ป่า
มิใช่เป็ นเพียงความผิดฐานพยายามล่าสัตว์ป่า

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512/2551
การกระทาทีไ่ ม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ตาม ป.อ. มาตรา 81
ต้องเป็ นกรณี ทเี่ กีย่ วกับปัจจัยหรือวัตถุซงึ่ ใช้ในการกระทาผิดไม่สามารถจะ
กระทาให้บรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ เช่น หญิงไม่มช ี อ
่ งคลอดอันเป็ นการผิดปกติมาแต่กาเนิด
ซึง่ อย่างไรๆ อวัยวะเพศชายก็ไม่สามารถจะสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศหญิงดังกล่าวได้
อวัยวะเพศชายสามารถเข้าไปในช่องคลอดของผูเ้ สียหายได้แต่ชอ ่ งคลอดจะฉี กขาดและ
จะต้องมีการบังคับขูเ่ ข็ญหรือใช้สารหล่อลืน ่
ซึง่ ไม่ใช่กรณี ทอ
ี่ วัยวะเพศชายไม่สามารถจะสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้ เสียหายได้
การกระทาของจาเลยทีก ี่ จั จัยซึง่ ใช้ในการ
่ ระทาต่อผูเ้ สียหายจึงไม่ใช่กรณี ทป
กระทาผิดไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ตามความหมายในมาตรา 81

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2551
ขณะทีเ่ จ้าพนักงานตารวจเข้าทาการตรวจค้นจับกุมยังมิได้มก ี ารส่งมอบกัญชาทีจ่ ะทา
การซื้อขายต่อกัน ทัง้ กัญชาของกลางจานวน 84 แท่ง อยูใ่ นกระสอบป่ าน 3 ใบ
ยังไม่ไม่ได้แบ่งแยกกัญชาทีล่ อ ่ ซื้อออกจากกัญชาทัง้ หมด
ประกอบกับผูล้ อ่ ซื้อยังไม่ได้เห็นกัญชาของกลาง
ตามพฤติการณ์ ยงั ต้องมีขน ้ ั ตอนอีกหลายกระบวนการกว่าจาเลยจะส่งมอบกัญชาทีจ่ ะ
ทาการซื้อขายกัน
จึงยังไกลเกินกว่าทีจ่ ะรับฟังลงโทษจาเลยในความผิดฐานพยายามจาหน่ ายกัญชาได้
กรณีจงึ ต้องยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้จาเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 10450/2550

จาเลยใช้อาวุธมีดสปาต้าปลายแหลมยาวประมาณ 1 ศอก
ฟันทาร้ายผูเ้ สียหายหลายครัง้ ถูกทีร่ า่ งกาย ใบหน้า และท้ายทอยซึง่ เป็ นอวัยวะสาคัญ
เมือ่ พิจารณาถึงบาดแผลลึกเห็นกระดูกและกระดูกแก้มแตกหักและลึกถึงกะโหลก
ศีรษะซึง่ แพทย์เห็นว่าเป็ นการถูกฟันโดยแรง ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 45 วัน ดังนี้
แสดงว่าจาเลยกระทาโดยมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหาย จึงเป็ นความผิดฐานพยายามฆ่า

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 4166/2550

การทีจ่ าเลยใช้อาวุธปื นยิง ส. กระสุนปื นถูก ส. และยังพลาดไปถูก อ. ด้วยนัน



การกระทาของจาเลยจึงเป็ นความผิดฐานพยายามฆ่า ส. และฐานพยายามฆ่า อ. โดยพลาด
แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้ องว่าการกระทาของจาเลยดังกล่าวเป็ นการกระทาโดยพลาด
มาด้วย ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงทีป
่ รากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงทีก ่ ล่าว ในฟ้ อง
อันจะเป็ นเหตุให้ศาลต้องพิพากษายกฟ้ องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192
และการกระทาของจาเลยดังกล่าวเป็ นการกระทากรรมเดียวเป็ นความผิดต่อกฎหมายหลาย
บท
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3611/2550

ผูเ้ สียหายและ ว. ไปเทีย่ วงานวัด แต่การจราจรติดขัด ว. จอดรถจักรยานยนต์รออยูบ ่ นถนน


ขณะเดียวกัน ณ. วิง่ มาต่อยหน้าผูเ้ สียหาย 1 ครัง้ ผูเ้ สียหายวิง่ หนีจาเลย น. และ ย. วิง่ ไล่ตาม
ณ. ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหาย 1 นัด ผูเ้ สียหายวิง่ ไปได้ 30 เมตรก็หมดแรงล้มลง จาเลย ณ. น.
และ ย. เข้าไปรุมทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหาย โดยจาเลยใช้อาวุธมีดดาบฟันผูเ้ สียหาย
ผูเ้ สียหายยกมือทัง้ สองข้างกันไว้ จึงถูกคมมีด พวกจาเลยรุมเตะผูเ้ สียหาย
แต่มค ี นช่วยผูเ้ สียหายหลบหนีไปได้ ดังนัน ้ การทีผ่ ูเ้ สียหายไปเทีย่ วงานวัดแล้วพบ ณ.
กับจาเลยและพวกนัน ้ น่ าจะเป็ นเหตุบงั เอิญ และที่ ณ.
เข้าไปชกทาร้ายร่างกายผูเ้ สียหายทันทีและต่อมาก็ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหาย
นัน ้ เป็ นการกระทาและตัดสินใจของ ณ. โดยลาพัง
ไม่ปรากฏว่าจาเลยได้สมคบกระทาการดังกล่าวกับ ณ.
จาเลยจึงไม่ตอ ้ งรับผิดในผลการกระทาดังกล่าวร่วมกับ ณ.
แต่จาเลยต้องรับผิดเฉพาะผลการกระทาของตน

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1477/2550

จาเลย ที่ 2 เป็ นสามีจาเลยที่ 1 เมือ่ ส. สัง่ ซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจาเลยที่ 2 แล้วจาเลยที่ 2


ให้จาเลยที่ 1 นาเมทแอมเฟตามีนไปส่งให้ ส. จาเลยที่ 1
ถูกเจ้าพนักงานตารวจจับก่อนส่งมอบ
แม้การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนยังไม่สาเร็จบริบรู ณ์ แต่การกระทาของจาเลยทัง้ สอง
ก็เป็ นการลงมือกระทาความผิดแล้ว
แต่กระทาไปไม่ตลอดเพราะถูกเจ้าพนักงานตารวจจับกุมเสียก่อน
จึงเป็ นความผิดฐานพยายามจาหน่ ายเมทแอมเฟตามีน

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 353 - 354/2550

จาเลย ที่ 1 และที่ 3 ร่วมเดินทางไปกับจาเลยที่ 2 เพือ่ ไปยิงแก้แค้น ช. ซึง่ เคยยิงจาเลยที่ 2


มาก่อน โดยจาเลยที่ 1 และที่ 3 ทราบดีวา่ จาเลยที่ 2 นาอาวุธปื นติดตัวไปด้วย จาเลยที่ 1
และที่ 3 มีเจตนาร่วมกับจาเลยที่ 2 ฆ่า ช. และเมือ่ พบผูเ้ สียหาย จาเลยที่ 2
ยิงผูเ้ สียหายโดยเข้าใจว่าเป็ น ช. ย่อมเป็ นการกระทาต่ออีกบุคคลหนึ่งโดยสาคัญผิดตาม ป.อ.
มาตรา 61 จาเลยที่ 1 และที่ 3 ซึง่ ร่วมกระทาความผิดกับจาเลยที่ 2
ไม่อาจยกเอาความสาคัญผิดดังกล่าวมาเป็ นข้อแก้ตวั ว่ามิได้มเี จตนาร่วมฆ่าผู้ เสียหายได้
ต้องถือว่าจาเลยที่ 1 และที่ 3 มีเจตนาร่วมกับจาเลยที่ 2 ฆ่าผูเ้ สียหายด้วย ฉะนัน

เมือ่ ผูเ้ สียหายไม่ถงึ แก่ความตายสมดังเจตนาฆ่า จาเลยที่ 1 และที่ 3
จึงมีความผิดฐานร่วมกับจาเลยที่ 2 พยายามฆ่าผูเ้ สียหาย

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2550

จาเลย ที่ 1 กับที่ 2 พร้อมพวกไปเทีย่ วงานวัด มีชายคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์มาชนจาเลยที่


1 จาเลยที่ 1 จึงชกต่อยกับชายดังกล่าว จาเลยที่ 2
กับพวกเข้าห้ามหลังจากนัน ้ จาเลยทัง้ สองกับพวกไปรับประทานอาหารทีบ ่ า้ นจาเลย ที่ 1
มีคนใช้ขวดสุราขว้างปามาทีบ ่ า้ นจาเลยที่ 1 จาเลยที่ 1 โมโหมาก
จึงหยิบอาวุธปื นแก๊ปยาวทีอ่ ยูใ่ นบ้านออกมาหน้าบ้านโดยจาเลยที่ 2 เดินตามมาด้วย จาเลยที่
1 ยิงปื นไปยังกลุม ่ วัยรุน
่ โดยจาเลยที่ 2 ยืนอยูใ่ กล้ ๆ
กระสุนปื นถูกโจทก์รว่ มทีศ ่ ีรษะได้รบั บาดเจ็บไม่ปรากฏว่าจาเลยที่ 2
มีสาเหตุโกรธเคืองกับกลุม ่ วัยรุน ่ ทีข
่ ว้างปาบ้านของจาเลยที่ 1 และขณะเกิดเหตุจาเลยที่ 2
ก็มไิ ด้แสดงอาการอย่างใดอันจะชี้ให้เห็นว่ามีเจตนาร่วมกับจาเลยที่ 1 ยิงกลุม ่ วัยรุน
่ ดังกล่าว
การทีจ่ าเลยที่ 1 ใช้อาวุธยิงไปยังกลุม ่ วัยรุน
่ เป็ นเรือ ้ ทันทีทน
่ งทีเ่ กิดขึน ั ใด แม้จาเลยที่ 2
จะมิได้หา้ มปรามจาเลยที่ 1 ก็อาจเป็ นไปได้วา่ จาเลยที่ 2 มิได้คาดคิดว่าจาเลยที่ 1
จะกระทาเช่นนัน ้ พฤติการณ์ แห่งคดียงั ฟังไม่ได้วา่ จาเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับจาเลยที่ 1
กระทาความผิดฐานพยายามฆ่าตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3502/2548
จาเลยโกรธผูเ้ สียหายเนื่องจากถูกทวงเงินค่าน้ามันแล้วขับขีร่ ถจักรยานยนต์เสียงดังใส่หน้าผูเ้
สียหาย ต่อมาประมาณ 30 นาที จึงกลับมาใช้อาวุธปื นแก๊ปยิงผูเ้ สียหาย
กรณีไม่ใช่เกิดโทสะแล้วยิงผูเ้ สียหายทันที
หากแต่เกิดโทสะและออกจากทีเ่ กิดเหตุแล้วประมาณ 30 นาที ซึง่ มีเวลาทีจ่ ะคิดไตร่ตรอง
ถือว่ามีเจตนาผูอ้ น
ื่ โดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น แต่เมือ่ จาเลยยิงผู้เสียหายในระยะห่าง 20 เมตร
กระสุนปื นถูกบริเวณคอด้านหน้าขวาและบริเวณชายโครงขวาด้านหน้าทัง้ สองแห่งมี
บาดแผลขนาด 0.5 เซนติเมตร ไม่มค ี วามลึก รักษาหายภายใน 7 วัน
แสดงว่ากระสุนปื นไม่มค ี วามรุนแรงพอทีจ่ ะทาให้ถงึ แก่ความตายได้อย่างแน่ แท้
เพราะเหตุอาวุธปื นซึง่ เป็ นปัจจัยทีใ่ ช้ในการกระทาความผิด
จึงเป็ นการกระทาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 81
วรรคหนึ่ง
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5089/2542

จาเลยโกรธแค้นผูเ้ สียหายซึง่ เป็ นภริยาทีไ่ ม่ยอมคืนดีดว้ ย และจาเลยเข้าใจว่าผูเ้ สียหายคบชู้


จาเลยใช้มด ี ปลายแหลมแทงหลายครัง้ แต่ไม่ถูกเพราะผูเ้ สียหายเอีย้ วตัวหลบได้ ทัน และ
จาเลยได้ใช้มด ี ปาดคอผูเ้ สียหายจนผูเ้ สียหายได้รบั บาดเจ็บโดยมีบาดแผลทีค ่ อ ขนาดกว้าง 1
เซนติเมตร ยาว 10 เซนติเมตรมีบาดแผลฉี กขาดถึงกะโหลกศรีษะทาให้กะโหลกศรีษะ แตก
การทีจ่ าเลยเลือกแทงร่างกาย ปาดบริเวณลาคอ และฟันศรีษะ
ผูเ้ สียหายซึง่ เป็ นอวัยวะส่วนสาคัญ และเมือ่ ผูเ้ สียหายล้มลง จาเลยยังได้ใช้มด
ี โต้ฟน
ั ผูเ้ สียหาย
อีกหนึ่งครัง้ จึงเป็ นการกระทาโดยมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหาย
จาเลยมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหายและได้ลงมือกระทาความผิดไป
ตลอดครบองค์ประกอบของความผิดฐานพยายามฆ่าแล้ว แต่ผูเ้ สียหาย ไม่ตายสมดังเจตนา
จึงเป็ นกรณี ทก ี่ ารกระทานัน้ ไม่บรรลุผล
การกระทาของจาเลยจึงเป็ นความผิดฐานพยายามฆ่าผูเ้ สียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 แล้ว
ส่วนการทีจ่ าเลยทิง้ มีดโต้แล้วไปสวมกอดผูเ้ สียหายเพราะความรัก
ผูเ้ สียหายและรักลูกมิใช่เป็ นกรณี ยับยัง้ เสียเองไม่กระทาการ ให้ตลอดไป
อันจาเลยไม่ตอ ้ งรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3688/2541

จาเลยใช้มด ี ยาวทัง้ ด้ามรวม 8 นิ้วแทงผูเ้ สียหายหลายครัง้


โดยเฉพาะบาดแผลทีท ่ อ้ งซึง่ เป็ นอวัยวะสาคัญเป็ นเหตุให้กระเพาะอาหารและตับ ฉี กขาด
จาเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทาว่าจะเป็ นเหตุให้ผูเ้ สียหายถึงแก่ความตาย
ได้ถือได้วา่ จาเลยมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหาย ทัง้ จาเลยได้กระทาผิด ไปโดยตลอดแล้ว
การทีจ่ าเลยไม่แทงผูเ้ สียหายซา้ อีกและช่วยพาผูเ้ สียหายลงจากตึกทีเ่ กิดเหตุ ไปรักษาพยาบาล
ไม่ใช่เป็ นการยับยัง้ ไม่กระทาการให้ตลอดหรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทาบรรลุ
ผลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82
จาเลยเป็ นฝ่ ายก่อเหตุทาร้ายผูเ้ สียหายก่อนและเป็ นการสมัครใจต่อสูท ้ าร้าย ซึง่ กันและกัน
จาเลยจะอ้างว่าเป็ นการป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทาโดยบันดาลโทสะไม่ได้

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5881/2533

จาเลยกระทาการข่มขืนกระทาชาเราผูเ้ สียหายไปไม่ตลอดเพราะผูเ้ สียหายยังเล็ก


อวัยวะเพศของจาเลยไม่สามารถเข้าไปในอวัยวะเพศของผูเ้ สียหายได้
จาเลยไม่ได้ยบั ยัง้ ไม่กระทาการให้ตลอดเสียเองกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นเหตุไม่
ต้องรับโทษสาหรับการพยายามกระทาความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
82

You might also like