Professional Documents
Culture Documents
วิชา ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ศาสนาและประเพณี และอาเซียนสูค ่ วามมั่นคงของมนุษย์
-----------------
ความเป็ นมาของอาเซียน
หน้าทีข่ องเลขาธิการอาเซียน
มีหน้าทีก ่ ากับดูแลงานของอาเซียนในภาพรวม
อานวยความสะดวก
ดูแลความคืบหน้าในการดาเนินงานตามความตกลงและข้อตัดสินใจของอาเซีย
น จัดทาและเสนอรายงานประจาปี เกีย่ วกับงานและข้อคิดเห็นของอาเซียน
เข้าร่วมการประชุมกับประเทศคูเ่ จรจาตามแนวนโยบายทีไ่ ด้รบ ั ความเห็นชอบ
และตามอานาจหน้าทีท ่ ไี่ ด้รบ
ั มอบหมายและเป็ นผูแ ้ ทน (representative)
ของอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศ
รวมถึงหน้าทีอ ่ ืน
่ ทีไ่ ด้กาหนดไว้ในกฎบัตรอาเซียน
หลักการคัดเลือกเลขาธิการอาเซียน
เลขาธิการอาเซียนได้รบ ั การแต่งตัง้ จากทีป ่ ระชุมสุดยอดผูน ้ าอาเซียน
(ASEAN Summit)
จากการเสนอชือ ่ ของประเทศทีม ่ ีสทิ ธิในการเสนอชือ ่ ผูส ้ มัครใช้หลักการเวียนต
ามตัวอักษร ภาษาอังกฤษของประเทศสมาชิก เช่น
ในวาระปัจจุบน ั ประเทศเวียดนามมีสท ิ ธิเสนอชือ
่ ผูท้ จี่ ะดารงตาแหน่ ง
ส่วนรอบต่อไปคือปี
พ.ศ.2561 ประเทศบรูไนจะได้รบ ั สิทธิในการเสนอชือ ่ ผูท
้ จี่ ะมาดารงตาแหน่ งเ
ลขาธิการอาเซียน เป็ นต้น
วาระการดารงตาแหน่ ง
เลขาธิการอาเซียนมีระยะเวลาการดารงตาแหน่ ง 5 ปี
โดยจะสามารถดารงตาแหน่ งได้เพียง 1 สมัยเท่านัน ้ ไม่สามารถต่ออายุได้
(Non-renewable Term) ในรอบปัจจุบน ั
เลขาธิการอาเซียนมีวาระการดารงตาแหน่ งระหว่างวันที่ 1 มกราคม
พ.ศ.2556 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2560
เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบน ั
เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบน ั คือ นายเล เลือง มินห์ (Le Luong
Minh) จากประเทศเวียดนาม ซึง่ เข้าดารงตาแหน่ งเมือ ่ วันที่ 1 มกราคม
พ.ศ.2556 และจะสิน ้ สุดวาระใรวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2560 โดยนายนายเล
เลือง มินห์ เข้าดารงตาแหน่ งเขาธิการอาเซียนต่อจาก ดร.สุรน ิ ทร์ พิศสุวรรณ
เลขาธิการอาเซียนคนก่อนจากประเทศไทย ซึง่ ดารงตาแหน่ งระว่างวันที่ 1
มกราคม พ.ศ.2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2555
รองเลขาธิการอาเซียนวาระการดารงตาแหน่ ง ๓ ปี (กรกฎาคม ๒๕๕๖
- มิถุนายน ๒๕๕๙) โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑. ปัจจุบน
ั สานักเลขาธิการอาเซียนมีรองเลขาธิการอาเซียน จานวน
๔ คน ซึง่ มีตาแหน่ งเทียบเท่าระดับรัฐมนตรีชว่ ยว่าการ
โดยรองเลขาธิการอาเซียน ๒ คน
ได้รบ ั การคัดเลือกจากคนชาติประเทศสมาชิกอาเซียน
ซึง่ เข้ารับหน้าทีโ่ ดยสลับหมุนเวียนตามลาดับตัวอักษรแรกของชือ ่ ประเทศและ
อีก ๒ คน
ได้รบ ั การคัดเลือกแบบเปิ ดกว้างโดยพิจารณาจากพื้นฐานความรูค ้ วามสามารถ
เป็ นหลัก ทัง้ นี้
สาหรับรองเลขาธิการอาเซียนด้านงานบริหารเป็ นตาแหน่ งทีไ่ ด้รบ ั การคัดเลือก
แบบเปิ ดกว้างโดยพิจารณาจากพื้นฐานความรู ้
โดยจะต้องผ่านการสอบข้อเขียนและการสอบสัมภาษณ์
๒. ความรับผิดชอบ คุณสมบัติ และค่าตอบแทน
ของรองเลขาธิการอาเซียนด้านงานบริหาร
๒.๑
ความรับผิดชอบ ครอบคลุมงานบริหารภายในสานักเลขาธิการอาเซียน
อาทิ การบริหารทรัพยากรบุคคล งบประมาณและการคลัง กฎหมาย
เทคโนโลยีสารสนเทศ การสนับสนุนการจัดประชุมและพิธีการ
การเข้าถึงประชาชน การปฏิสม ั พันธ์กบั ภาคประชาสังคมและภาคนิตบ ิ ญั ญัติ
รวมทัง้ การดาเนินงานขององค์กรทีเ่ กีย่ วข้องกับอาเซียน
๒.๒ คุณสมบัติ อายุไม่เกิน ๕๗ ปี
สาเร็จการศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรัฐประศาสนศาสตร์
นโยบายสาธารณะ หรือการบริหาร มีประสบการณ์ การทางานไม่ต่ากว่า ๑๕ ปี
ในหน่ วยงานภาครัฐ องค์การระหว่างรัฐบาล และองค์การระหว่างประเทศ
รวมทัง้ มีความเชีย่ วชาญในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษในระดับดีมาก
๒.๓ ค่าตอบแทน เงินเดือน ๘,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ค่าทีพ ่ กั
ค่ารักษาพยาบาล เงินสนับสนุนการศึกษาบุตร และเงินตอบแทนพิเศษ
กลไกการบริหารของอาเซียน
1. ทีป่ ระชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit)
เป็ นองค์กรสูงสุดในการกาหนดนโยบาย และมีการประชุมปี ละ 2 ครัง้ มีหน้าที่
1) ให้แนวนโยบายและตัดสินใจเรือ ่ งสาคัญๆ
2)
สั่งการให้
ั มีการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็ นการเฉพาะกิจเพือ ่ พิจารณาเรือ ่ งทีเ่ กีย่
วข้องกับเสาหลักต่างๆ มากกว่า 1 เสา
3) ดาเนินการแก้ไขสถานการณ์ ฉุกเฉิ นที ่่กระทบต่ออาเซียน
4) ตัดสินข้อพิพาทระหว่างรัฐสมาชิก กรณี ทไี่ ม่
อาจหาข้อยุตใิ นข้อขัดแย้งได้
หรือมีการไม่ปฏิบตั ต ิ ามคาตัดสินของกลไกระงับข้อพิพาท
5) ตัง้ หรือยุบองค์กรอาเซียน
6) แต่งตัง้ เลขาธิการอาเซียน
2. คณะมนตรีประสานงานอาเซียน (ASEAN Coordinating Council)
ประกอบด้วยรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเ
ซียน ทาหน้าทีเ่ ตรียมการประชุมสุดยอดอาเซียน ประสานงานระหว่าง 3
เสาหลัก เพือ ่ ความเป็ นบูรณาการในการดาเนินงานของอาเซียน
และแต่งตัง้ องเลขาธิการอาเซียน
3. คณะมนตรีประชาคมอาเซียน (ASEAN Community Council)
สาหรับ 3 เสาหลักของประชาคมอาเซียน
ประกอบด้วยผูแ ้ ทนทีแ ่ ต่ละประเทศสมาชิกแต่งตัง้ เพือ ่ ทาหน้าทีป ่ ระสานงานแล
ะติดตามการดาเนินงานตามแนวนโยบายของผูน ้ าทัง้ ในเรือ
่ งทีอ่ ยูภ
่ ายใต้เสาหลั
กของตน และเรือ ่ งทีเ่ ป็ นประเด็นทีเ่ กีย่ วข้องกับหลายเสาหลัก
และเสนอรายงานและข้อเสนอแนะในเรือ ่ งทีอ
่ ยูภ
่ ายใต้การดูแลของตนต่อผูน ้ า
4. องค์กรระดับรัฐมนตรีอาเซียนเฉพาะสาขา (ASEAN Sectoral
Ministerial Bodies) จัดตัง้ โดยทีป ่ ระชุมสุดยอดอาเซียนมีหน้าทีห ่ ลัก คือ
1) ดาเนินการตามอาณัตท ิ มี่ ีอยูแ่ ล้ว
2) นาความตกลงและมติของผูน ้ าไปปฎิบตั ิ
3) เสริมสร้างความร่วมมือเพือ ่ สนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน
4)
เสนอรายงานและข้อเสนอแนะประเทศไทยกับอาเซียน 21ต่อคณะมนตรีประ
ชาคมอาเซียนทีเ่ หมาะสม และ
5) สามารถมีเจ้าหน้าทีอ
่ าวุโส
หรือองค์กรย่อยเพือ
่ สนับสนุนการทางานได5. สานักเลขาธิการอาเซียน
(ASEAN Secretariat) อยูภ ่ ายใต้บงั คับบัญชาของเลขาธิการอาเซียน
(Secretary General of
ASEAN)ซึง่ มีบทบาทมากขึน
้ โดยนอกจากจะเป็ นหัวหน้าเจ้าหน้าทีฝ
่ ่ ายบริหาร
ของอาเซียนแล้ว
เลขาธิการอาเซียนจะมีบทบาทในการติดตามการปฏิบตั ต ิ ามคาตัดสินของกลไ
กระงับข้อพิพาทและรายงาน
ตรงต่อผูน ้ า
และสนับสนุนการมีปฏิสม ั พันธ์ระหว่างองค์กรของอาเซียนกับภาคประชาสังค
ม ทัง้ นี้ ให้มีรองเลขาธิการอาเซียน (DeputySecretary General) 4 คน
โดย 2 คนจะมาจากการหมุนเวียนตามลาดับตัวอักษรประเทศ
มีวาระการดารงตาแหน่ ง 3 ปี และอีก
2คนมาจากการคัดเลือกตามความสามารถ มีวาระการดารงตาแหน่ ง 3
ปี และอาจได้รบ ั การต่ออายุได้อีก 1 วาระ
6. คณะผูแ ้ ทนถาวรประจาอาเซียน (Committee of
Permanent Representatives (CPR) to ASEAN) ทีก ่ รุงจาการ์ตา
ประเทศไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียนจะแต่งตัง้ ผูแ ้ ทนระดับเอกอัครราชทูตเ
พือ ่ ทาหน้าทีเ่ ป็ นคณะผูแ ้ ทนถาวรประจาอาเซียน ทีก ่ รุงจาการ์ตา
ซึง่ เป็ นคนละคนกับเอกอัครราชทูตประจากรุงจาการ์ตา
ทาหน้าทีแ ่ ทนคณะกรรมาธิการอาเซียน
โดยคณะผูแ ้ ทนถาวรประจาอาเซียนจะมีบทบาทสาคัญสองด้าน ได้แก่
การเป็ นผูแ ้ ทนของประเทศสมาชิกและการเป็ นผูแ ้ ทนของอาเซียน
ซึง่ จะเป็ นเรือ ่ งการสนับสนุ นคณะมนตรีประชาคมอาเซียนและองค์กรความร่ว
มมือเฉพาะด้านต่างๆ การประสานงานกับสานัก
เลขาธิการอาเซียน เลขาธิการอาเซียน
และสานักเลขาธิการอาเซียนแห่งชาติของแต่ละประเทศสมาชิก
และการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศคูเ่ จรจา
7. สานักเลขาธิการอาเซียนแห่งชาติ (ASEAN National Secretariat)
จัดตัง้ โดยประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ
เพือ ่ เป็ นจุดประสานงานในการประสานงานและสนับสนุนภารกิจต่างๆ
ทีเ่ กีย่ วข้องกับอาเซียนภายในประเทศ รวมทัง้ การเตรียมการประชุมต่างๆ
ของอาเซียนตลอดจนเป็ นศูนย์กลางเก็บรักษาข้อมูลเกีย่ วกับอาเซียนด้วย
8. องค์กรสิทธิมนุษยชนของอาเซียน (ASEAN Human Rights Body-
AHRB)
มีหน้าทีส ่ ง่ เสริมและคุม ้ ครองสิทธิมนุษยชนในภูมภ ิ าคโดยจะมีการตัง้ คณะผูเ้ ชี่
ยวชาญขึน ้ มายกร่างเอกสารกาหนดขอบเขตอานาจหน้าที ่่ (Term
Reference) ขององค์กรดังกล่าวต่อไป ทัง้ นี้ที
่่ประชุมรัฐมนตรีตา่ งประเทศได้ให้แนวทางว่า
อานาจหน้าทีข ่ ององค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนไม่ควรจากัดแค่การให้คาปรึก
ษา
แต่ควรรวมถึงการติดตามและประเมินสถานการณ์ สท ิ ธิมนุษยชนในภูมภ ิ าคกา
รส่งเสริมการศึกษาและการตืน ่ ตัวของหน่ วยงานภาครัฐและ
ประชาชนด้วย
9. มูลนิธอิ าเซียน (ASEAN Foundation)
มีหน้าทีส
่ นับสนุนเลขาธิการอาเซียนและประสานงานกับองค์กรอืน ่ ๆ
ของอาเซียนในการเผยแพร ่่ความรูเ้ กีย่ วกับอาเซียน
ส่งเสริมการมีปฏิสม ั พันธ์ระหว่างประชาชนและความร่วมมือกับผูม ้ ีสว่ นได้เสีย
ต่างๆ ของอาเซียน
Advertisements
อัตลักษณ์ อาเซียน
คาขวัญ
"หนึ่งวิสยั ทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม (One Vision, One Identity, On
สัญลักษณ์
ธงอาเซียน
ธงอาเซียนเป็ นธงพื้นสีน้าเงิน มีดวงตราอาเซียนอยูต
่ รงกลาง แสดงถึงเสถียรภาพ สันติภ
พลวัตของอาเซียน
สีของธงประกอบด้วย สีน้าเงิน สีแดง สีขาว และสีเหลือง ซึ่งเป็ นสีหลักในธงชาติของบร
อาเซียนทัง้ หมด
วันอาเซียน
วันที่ 8 สิงหาคม ของทุกปี เป็ นวันอาเซียน
ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของอาเซียน
นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้บรรยายในหัวข้อ
"มรดกวัฒนธรรมอาเซียน" เมือ่ วันศุกร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๐๐ –
๑๒.๐๐ น. ณ ห้องประชุมสุขม
ุ นัยประดิษฐ์ สานักงาน ก.พ. จังหวัดนนทบุรี ว่า
๑) กลุม
่ วัฒนธรรมลุม
่ น้าโขง (ไทย-ลาว-เขมร-พม่า-เวียดนาม)
ลุม
่ แม่น้าโขงเป็ นเป็ นทีอ ่ ยูอ
่ าศัยของหลายชุมชนทีม ่ ีอาณาเขตติดต่อกันหลายป
ระเทศนับเป็ นแหล่งอารยธรรมทีส ่ าคัญซึง่ มีประเพณี ดนตรี วัฒนธรรม
ความเชือ ่ ค่านิยม ทัง้ ทีม
่ ีความคล้ายคลึงและแตกต่าง
ด้วยลักษณะทางภูมศ ิ าสตร์ทใี่ กล้เคียงกัน รวมทัง้ มีการไปมาหาสู่ มีการค้าขาย
และกิจกรรมอืน ่ ๆ ร่วมกันอย่างสม่าเสมอและต่อเนื่อง
ส่งผลให้วฒ ั นธรรมของแต่ละประเทศ
มีทง้ ั ทีแ
่ สดงออกถึงลักษณะเฉพาะของตนเอง
ขณะทีม ่ ีความคล้ายคลึงในบางส่วนของการดาเนินวิถีชีวต ิ กล่าวได้วา่ ไทย-
ลาว-กัมพูชามีรากวัฒนธรรมเดียวกัน
จึงมีความพ้องของวัฒนธรรมมากกว่าพม่าและเวียดนามซึ่งได้รบ ั อิทธิพลจากจี
น ในทีน
่ ี้
ขอหยิบยกตัวอย่างมรดกร่วมทางวัฒนธรรมในภูมภ ิ าคทีเ่ ห็นได้ชดั เจน ได้แก่
- ด้านภาษา (ไทย-ลาว-เขมร) ทีม ่ ีตวั อักษร คาทีม ่ ีความหมายคล้ายคลึงกัน
โดยได้รบ ั อิทธิพลมาจากภาษาสันสกฤต โดยคนไทย ลาว เขมร
สามารถสือ ่ สารเข้าใจกันได้ อย่างไรก็ดี
ภาษาเขมรมีความแตกต่างจากภาษาเพือ ่ นบ้าน เนื่องจากไม่มีเสียงวรรณยุกต์
- ด้านการแสดงรามเกียรติ ์
เป็ นมรดกร่วมทางวัฒนธรรมทีโ่ ดดเด่นของอาเซียน
ต้นเค้าของเรือ ่ งรามเกียรติน ์ ่ าจะมาจากเรือ ่ ง รามายณะ ของอินเดีย
ซึง่ เป็ นนิทานทีแ ่ พร่หลายอยูท ่ ่วั ไปในภูมภ ิ าคเอเชียใต้
ต่อมาอารยธรรมอินเดียได้แพร่หลายเข้ามาในภูมภ ิ าคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้
ทาให้เรือ ่ งรามายณะแพร่หลายไปทั่วภูมภ ิ าค
ได้ปรับเปลีย่ นเนื้อหาให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของประเทศนัน ้ จนกลายเป็ นว
รรณคดีประจาชาติไป ดังปรากฏในหลาย ๆ ชาติ เช่น ลาว พม่า กัมพูชา
มาเลเซีย อินโดนีเซีย
ล้วนมีวรรณคดีเรือ ่ งรามเกียรติเ์ ป็ นวรรณคดีประจาชาติทง้ ั สิน ้
- ด้านนาฏศิลป์-ดนตรี การแสดงราของไทย ลาว เขมรมีความคล้ายคลึงกัน
รวมทัง้ เครือ ่ งดนตรีทไี่ ด้รบ ั อิทธิพลซึง่ กันและกัน
แต่มีการปรับเปลีย่ นให้เข้ากับวัฒนธรรมประเพณีของประเทศนัน ้ ๆ ทัง้ นี้
ด้วยสภาพภูมศ ิ าสตร์ และลักษณะการประกอบอาชีพทีเ่ ป็ นเกษตรกรรม
ส่งผลต่อวัฒนธรรม และวิถีชีวต ิ ของประชาชนทีอ ่ าศัยอยูใ่ นแถบใกล้เคียงกัน
- ด้านประเพณีสงกรานต์ เป็ นประเพณี ปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา
พม่า ชนกลุม ่ น้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน
ศรีลงั กาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย
และเป็ นประเพณี เก่าแก่ซงึ่ สืบทอดมาแต่โบราณคูม ่ ากับประเพณี ตรุษ
จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีสง่ ท้ายปี เก่า
และต้อนรับปี ใหม่ คาว่า "ตรุษ” เป็ นภาษาทมิฬ แปลว่า "การสิน ้ ปี ”
พิธีสงกรานต์ เป็ นพิธีกรรมทีเ่ กิดขึน ้ ในสมาชิกในครอบครัว
หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปจั จุบน ั ได้เปลีย่ นไปสูส ่ งั คมในวงกว้าง
และมีแนวโน้มทีจ่ ะเปลีย่ นทัศนคติ และความเชือ ่ ไป
ในความเชือ ่ ดัง้ เดิมใช้สญ ั ลักษณ์ เป็ นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่
การใช้น้าเย็น ใช้น้ารดให้แก่กน ั เพือ
่ ความชุม ่ ชืน่ มีการขอพรจากผูใ้ หญ่
การราลึกและกตัญญูตอ ่ บรรพบุรุษทีล่ ว่ งลับ
ในชีวต ิ สมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์
นับวันสงกรานต์เป็ นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้าพระทีน ่ าสิรม
ิ งคล
เพือ่ ให้เป็ นการเริม ่ ต้นปี ใหม่ทม ี่ ีความสุข
๒) กลุม ่ วัฒนธรรม มาเลเซีย-อินโดนีเซีย-บรูไน ดารุสซาลาม-สิงคโปร์
เป็ นกลุม่ ประเทศทีป ่ ระชาชนส่วนใหญ่นบ ั ถือศาสนาอิสลาม
แต่ก็มีประชาชนส่วนหนึ่งนับถือศาสนาพุทธ คริสต์
และฮินดูดว้ ยสัดส่วนทีแ ่ ตกต่างกันไป ดังนัน ้ วัฒนธรรมประเพณี ศิลปะ
การแสดง จะมีความคล้ายคลึงกัน
ในขณะทีส ่ งิ คโปร์เป็ นสังคมผสมผสานระหว่างจีน-มาเลย์-อินเดีย ดังนัน ้
จึงมีความหลากหลายของวัฒนธรรม
ตัวอย่างของมรดกวัฒนธรรมร่วมในกลุม ่ นี้ ได้แก่
- การใช้ภาษามาเลย์ (หรือมลายู) ในชุมชนภาคใต้ของไทย และภาษามาเลย์
ยังสามารถสือ ่ สารเข้าใจได้กบ ั ภาษาอินโดนีเซีย
มาตรฐานอย่างเป็ นทางการของภาษามลายูนน ้ั
มีการตกลงร่วมกันระหว่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน ว่าใช้บาฮาซารีเยา
(Bahasa Riau) เป็ นมาตรฐาน อันเป็ นภาษาของหมูเ่ กาะรีเยา
ซึ่งถือว่าเป็ นต้นกาเนิดของภาษามลายูมาช้านาน
- การแต่งกาย ชุมชนทีน ่ บ
ั ถือศาสนาอิสลามจะแต่งกายคล้ายคลึงกัน เช่น
กลุม
่ คนภาคใต้ตอนล่าง ประชาชนชาวมาเลเซีย อินโดนีเซีย
ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของไทย
Posted on เมษายน 20, 2015by blkp2015
วัฒนธรรมของลาวจะมีความคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมทางภาคอีสาน ของไทยมาก
ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของมาเลเซีย
ด้วยเหตุทม
ี่ ีหลายชนชาติอยูร่ วมกันทาให้ดน
ิ แดนแห่งนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรมทีแ
่ ตกต่างหล
การผสานวัฒนธรรมจากชนชาติอืน ่ และการรักษาวัฒนธรรมประเพณีของชนแต่ละกลุม ่ ใ
* การราซาบิน (Zabin) เป็ นการแสดงการฟ้ อนราหมู่ ซึง่ เป็ นศิลปะพื้นเมืองของชา
ฟ้ อนราทีไ่ ด้รบ
ั อิทธิพลมาจากดินแดนอาระเบีย โดยมีผแ ู้ สดงเป็ นหญิงชายจานวน 6 คู่ เ
แบบอาระเบียน และกลองเล็กสองหน้าทีบ ่ รรเลงจากช้าไปเร็ว
สิงคโปร์เป็ นประเทศทีม
่ ีประชากรหลากหลายเชื้อชาติหลากหลายศาสนา ทาให้ป
ทีห
่ ลากหลาย สาหรับเทศกาลทีส ่ าคัญของสิงคโปร์ก็จะเป็ นเทศกาลเกีย่ วข้องกับความเชือ
่ ท
* เทศกาลตรุษจีน เทศกาลปี ใหม่ของชาวจีนทีจ่ ดั ขึน้ ในเดือนกุมภาพันธ์
* เทศกาล Good Friday จัดขึน ้ เพือ
่ ระลึกถึงการสละชีวต ิ ของพระเยซู บนไม้กางเขนข
* เทศกาลวิสาขบูชา จัดขึน้ เพือ
่ ระลึกถึงการประสูติ ตรัสรู ้ และปรินิพพานของพ
เดือนพฤษภาคม
* เทศกาล Hari Raya Puasa เทศกาลการเฉลิมฉลองของชาวมุสลิมทีจ่ ดั ขึน ้ เมือ
่ สิน้
ในเดือนตุลาคม
* เทศกาล Deepavali เทศกาลแห่งแสงสว่างและเป็ นงานขึน ้ ปี ใหม่ของชาวฮินดู ทีจ่
ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของอินโดนีเซีย
มีชนพื้นเมืองหลายชาติพน
ั ธุ์กระจายกันอยูต
่ ามเกาะ ทาให้วฒ
ั นธรรมประเพณีในแต่ละท้อง
* วายัง กูลต
ิ (Wayang Kilit) เป็ นการแสดงเชิดหุน
่ เงาทีเ่ ป็ นเอกลักษณ์ ของอินโดนีเซีย แ
งดงามและวิจต ิ รกว่าการแสดงชนิดอืน
่ เพราะรวมศิลปะหลายด้านไว้ดว้ ยกัน โดยฉบับดัง้ เด
นิยมใช้วงดนตรีพื้นบ้านบรรเลงขณะแสดง
ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของเวียดนาม
Posted on เมษายน 20, 2015by blkp2015
ศิลปวัฒนธรรมส่วนใหญ่ของเวียดนามจะได้รบ
ั อิทธิพลจากจีนและฝรั่งเศส เวียดนามมีเท
จัดขึน้ เพือ
่ ราลึกและแสดงความเคารพต่อ “เอตาส (Aetas)” ชนเผ่าแรกทีม ่ าตัง้ รกรากอ
ฟิ ลิปปิ นส์ และราลึกถึงพระเยซูคริสต์ในวัยเด็ก โดยจะแต่งตัวเลียนแบบ *เทศกาลอาติชนเ
บนท้องถนนในเมืองคาลิบู (Kalibu)
* เทศกาลซินูล็อก (Sinulog)
้ ในวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน มกราคมทุกปีี เป็ นงานทีจ่ ดั ขึน
งานนี้จะจัดขึน ้ เพือ
่ ราลึกถึงนัก
(Santo Nino)โดยจะจัดแสดงดนตรีและ มีขบวนพาเหรดแฟนซี ทั่วเมือง เซบู (Cebu)
* เทศกาลดินาญัง (Dinayang)
้ เพือ
งานนี้ จดั ขึน ่ ราลึกถึงนักบุญซานโต นินอย (Santo Nino) เช่นเดียวกับเทศกาลซิน
ของเดือนมกราคม ทีเ่ มือง อิโลอิโย (Iloilo)
ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของประเทศบรูไน
Posted on เมษายน 20, 2015by blkp2015
ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของ ประเทศกัมพูชา
Posted on เมษายน 19, 2015by blkp2015
* เทศกาลน้า (Water festival) หรือ “บอน อม ตุก” เทศกาลประจาปี ทีย่ งิ่ ใหญ่ของกัม
พฤศจิกายน เพือ
่ เป็ นการแสดงความสานึกในพระคุณของ แม่น้าทีน ่ าความอุดมส
แข่งเรือยาว แสดงพลุดอกไม้ไฟ การแสดงขบวนเรือประดับไฟ และขบวนพาเหรด
บริเวณทะเลสาบ “โตนเลสาบ” ทีจ่ ดั ขึน ้ ้ 14 ค่า 15 ค่า จนถ
ทุกปี ตัง้ แต่ วันขึน
ซึง่ ทางการกัมพูชา ประกาศให้เป็ น วันหยุด 3 วัน เพราะน้าในแม่น้าโขงเมือ ้ สูง
่ ขึน
จะไหลไปทีท ่ ะเลสาบ เนื่องจากในช่วงปลาย ฤดูฝนในเดือนพฤศจิกายน น้าในทะลสาบล
สูล่ าน้าโขงอีกครัง้ ชาวกัมพูชาจะร่วมกันลอยทุน ่ ทีป่ ระดับด้วยดวงไฟ ไปตาม แม่น้าโขง
ราลึก ถึงเหตุการณ์ ในประวัตศ ิ าสตร์สมัยพระเจ้า ชัยวรมันที่ 7 ช่วงศตวรรษที่ 12 ในย
เขมรทีก ่ าลังรุง่ เรืองมีชยั เหนืออาณาจักรจาม ในการสูร้ บ ทางเรือ
ประเพณี วฒ
ั นธรรมประเทศเมียนม่าร์(พม่า)
วัฒนธรรม
วัฒนธรรมของพม่าได้รบ ั อิทธิพลทัง้ จากจีน อินเดีย และไทยมาช้านาน ดังสะท้อน
และอาหาร สาหรับศิลปะของพม่านัน ้ ได้รบ
ั อิทธิพลจากวรรณคดีและพระพุทธศาสนานิกาย
ในปัจจุบน
ั นี้วฒ
ั นธรรมพม่ายังได้รบั อิทธิพลจากตะวันตกมากขึน ้ ซึง่ เห็นได้ชดั จากเขตชนบ
ชาวพม่าทัง้ หญิงและชายนิยมนุ่งโสร่ง เรียกว่า ลองยี ส่วนการแต่งกายแบบโบราณเรียก
ประเพณี ปอยส่างลอง
การเข้ามาของศาสนาอิสลามในภูมภ
ิ าคเอเชีย
ตะวันออกเฉี ยงใต้
เขียนบน กันยายน 11, 2013 โดย nooornchurue
การเข้ามาของศาสนาอิสลามในภูมภ
ิ าคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้
ศาสตราจารย์มศั อูด อัลฮัซซัน
ได้กล่าวถึงการเข้ามาของศาสนาอิสลามในภูมภ ิ าคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้
ในหนังสือHistory of Islam ไว้ดงั นี้
หมูเ่ กาะต่าง ๆ ทางทะเลใต้ ซึ่งรวมกันอยูในอาณาบริเวณที่ เรียกกันว่ า
“มาลัยทวีป” มาตัง้ แต่ตน ้ พุทธศตวรรษที่ 12 อันได้แก่ เกาะสุมาตรา เกาะชวา
เกาะบาหลี เกาะบอร์เนียว เกาะสุลาเลวี หรือเกาะะเซเลเบส เกาะมะละกา
และเกาะนิวกินี ในบริเวณนัน ้ ทัง้ หมด
เดิมเคยได้รบ ั อารยธรรมแห่งศาสนาพราหมณ์ และศาสนาพุทธ นิกายมหายาน
จากอินเดียมาตัง้ แต่ตน ้ พุทธศตวรรษที่ 12 จนกระทั่งถึงพุทธศตวรรษที่ 19
ความเปลีย่ นแปลงทีเ่ กีย่ วกับวัฒนธรรมทางศาสนา
ได้เกิดขึน ้ ในพุทธศตวรรษที่ 14
เมือ ่ พ่อค้าอาหรับได้นาเรือสินค้าลาแรกของชนชาติอาหรับมาติดต่อทาการค้า
ขาย และเผยแพร่ศาสนาอิสลามเป็ นครัง้ แรก ทางเกาะสุมาตราเหนือ
เมือ ่ พ.ศ.1389 โดยแวะจอดเรือขึน ้ ทีเ่ มืองท่า “อาเจ๊ะ” (บันดาอาเจ๊ะ)
แล้วตัง้ ศูนย์การค้าและศูนย์กลางการแพร่ศาสนาอิสลามขึน ้ ณ
เกาะสุมาตราเหนือโดยมีครูสอนศาสนาอิสลามชือ ่ “มาลิก อัลซอและห์”
ทาการสอนศาสนาอิสลามให้แก่เจ้าเมือง และครอบครัวของเจ้าเมืองปาลัส
จนกระทั่งปรากฏว่าธิดาคนหนึ่งเจ้าของเมืองเปอร์ลกั
บังเกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า ถึงกับสมรสกับ โต๊ะครูมาลิก อัลซอและห์
ในปี พ.ศ.1840 ปรากฏว่าสุลต่านมุสลิมคนแรกของเมืองปาไซได้วายชนม์ลง
และได้มีการฝังศพตามพิธีศาสนาอิสลาม
และมีหลักศิลาจารึกด้วยอักษรอาหรับปักไว้บนหลุมศพของท่านสุลต่าน
ซึง่ แสดงว่า
ศาสนาอิสลามได้แผ่ขยายเข้ามาสูม ่ ลายูในตอนกลางพุทธศตวรรษที่ 19
ซึง่ นับว่าเป็ นการแพร่ขยายทีร่ วดเร็วมาก
ซึง่ นักเผยแพร่ศาสนาอิสลามคนสาคัญ คือ อิบนีบาตูเตาะห์ ชาวมอรอคโค
เชื้อสายอาหรับ ท่านได้ตง้ ั ศูนย์การเผยแพร่ศาสนาอิสลาม นิกายซุนนี
โดยมีเป้ าหมายทีจ่ ะทาให้ ราชาซอและห์ ผูม ้ ีอานาจอิทธิพล
นับถือศาสนาอิสลาม ด้วยเหตุนี้เมือ ่ ราชาซอและห์
เกิดความเสือ ่ มใสศรัทธาในศาสนาอิสลามแล้ว
พระองค์ก็ได้ทรงช่วยเผยแพร่ศาสนาอิสลามไปในหมูพ ่ สกนิกรของพระองค์
ได้จดั ระบบเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง
ตามพระบัญญัตแ ิ ห่งพระคัมภีร์อลั กรุอาน อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ทาให้อาณาจักรของพระองค์กลายเป็ น รัฐสุลต่านทีเ่ ข้มแข็ง
พระองค์ได้จดั คณะผูเ้ ผยแพร่ออกไปยังหมูเ่ กาะต่างๆทางภาคทะเลตะวันออก
ของเกาะสุมาตราอีกด้วย ทาให้ศาสนาอิสลาม นิกายซุนนี
ซึง่ เป็ นศาสนาใหม่ได้เข้าไปสูม ่ าลายู และภาคใต้ของสุวรรณภูมิ
ตลอดจนใช้อท ิ ธิพลทางการเมืองทาให้รฐั ใกล้เคียงกลายเป็ นรัฐอิสลามไปด้วย
การขยายตัวของศาสนาอิสลามในระยะนี้ ได้แผ่ขยาย
เข้ามาสูต ่ อนใต้ของประเทศไทยและปรากฏหลักฐานว่าเจ้าผูค ้ รองนครทางภาค
ใต้ของประเทศไทยในระยะนัน ้ จนถึงเมืองนครศรีธรรมราช
ปรากฏว่าเป็ นผูน ้ บั ถือศาสนาอิสลาม ระยะเวลาเกือบ 700 ปี มาแล้ว
ประกอบกับทางกรุงสุโขทัยก็ปรากฏหลักฐานการค้ากับ ประเทศกล่มอาหรับ
มีหลัก ฐานภาษาอิหร่านอยูใ่ นศิลาจารึกของพ่อขุนรามคาแหง
ส่วนประเทศอิหร่าน
ก็ปรากฏมีถว้ ยชามสังคโลก สมัยกรุงสุโขทัยปรากฏอยูม ่ ากมาย
จากหลักฐานทางประวัตศ ิ าสตร์ และวัตถุพยานมากมาย
เป็ นเครือ ่ งชี้ชดั ว่าคากล่าวของท่านอาจารย์ มรว.คึกฤทธิ ์ ปราโมช
ทีก ่ ล่าวไว้ในตอนต้นว่า “สาหรับศาสนาอิสลาม
หรือคนทีน ่ บ
ั ถือศาสนาอิสลามนัน ้ มีอยูใ่ นดินแดนไทยตัง้ แต่เริม ่ ประวัตศ
ิ าสตร์
ของชาติไทย
เพราะว่าศาสนาอิสลามได้เผยแพร่เข้ามาถึงอินโดนีเซียและในแหลมมลายูนน ้ั
ก่อนทีค ่ นอีกเผ่าหนึ่งจะได้เคลือ ่ นมาจากยูนานใด้…..”
นับว่าในดินแดนสุวรรณภูมน ิ ี้ มีคน
พื้นเมืองเดิม ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามได้อยูม ่ าก่อนแล้วนั่นเอง
หากดูจากหลักสาคัญ 5 ประการแต่ดง้ ั เดิมของศาสนาอิสลามแล้ว
จะเห็นได้วา่ มีหลักบางอย่างทีข ่ ดั แย้งกับลักษณะของชาวเอเชียตะวันออกเฉี ยง
ใต้ ทีย่ งั นิยมนับถือวิญญาณต่างๆ อยู่
ศาสนาอิสลามจึงไม่น่าทีจ่ ะมีอท ิ ธิพลและแพร่หลายในดินแดนนี้ได้
หลักสาคัญของศาสนาอิสลาม 5 ประการอันเป็ นการกาหนดหน้าทีข ่ องมุสลิม
มีดงั นี้คอ ื
1. ต้องมีความเชือ ่ ว่า ไม่มีพระเจ้าองค์อน ื่ นอกจากพระอัลเลาะห์
และพระมะหะหมัดคือศาสดาผูน ้ าคาสั่งสอนของพระอัลเลาะห์มาเผยแพร่แก่ม
นุษย์
2. มุสลิมต้องสวดอ้อนวอนวันละ 5 ครัง้ คือ ก่อนอาทิตย์ขน ึ้ ตอนเทีย่ ง
ตอนบ่าย ก่อนอาทิตย์ตกตอนเย็นและตอนกลางคืน
ก่อนสวดต้องทาตัวให้บริสุทธิ ์ และเวลาสวดต้องหันหน้าไปยังเมืองเมกกะ
และสวดเป็ นภาษาอาหรับ ในวันศุกร์ควรไปสวดร่วมกับมุสลิมอืน ่ ๆ ทีส่ ุเหร่า
ซึง่ ตามหลักของศาสนาอิสลามแล้วต่างเท่าเทียมกันหมด
และมีความสัมพันธ์ตอ ่ กันประดุจพีน ่ ้อง
3. มุสลิมควรให้ทานแก่คนยากจน
4. มุสลิมควรอดอาหารในเดือนเก้าตามหลักอิสลาม ซึง่ เรียกว่า
เดือนรอมดอน มุสลิมจะดืม ่ น้าหรือรับประทานอาหารใดๆ ไม่ได้เลย
นับแต่พระอาทิตย์ขน ึ้ จนพระอาทิตย์ตก
รวมทัง้ ละเว้นจากการหาความเพลิดเพลินนานาประการด้วย
5. มุสลิมควรเดินทางไปแสวงบุญทีเ่ มืองเมกกะ
ถ้าหากมีโอกาสทีจ่ ะทาได้อย่างน้อยก็ครัง้ หนึ่งในชีวต ิ จะเห็นได้วา่ หลักสาคัญๆ
ของศาสนา เช่น ไม่มีพระเจ้าองค์อืน ่ ใดนอกจากพระอัลเลาะห์นน ้ั
ขัดต่อความเชือ ่ ของชาวเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ท่วั ๆ ไป
ทีน ่ ิยมบูชาพระเจ้าหลายองค์ดว้ ยกัน ทัง้ ในศาสนาพราหมณ์
และศาสนาพุทธแต่ชาวเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้สว่ นใหญ่ในคาบสมุทรมลายูแ
ละหมูเ่ กาะอินโดนีเชีย สามารถรับนับถือศาสนาอิสลามได้นน ้ั
ก็เพราะว่าภายหลังทีพ ่ ระมะหะหมัดเสด็จดับขันธ์ไปแล้ว
ศาสนาอิสลามก็มีการเปลีย่ นแปลงไปบ้างตามกาลเวลาเพือ ่ ให้เข้ากับความรูส้ ก ึ
นึกคิดของคนในชาติตา่ งๆ ในดินแดนทีศ ่ าสนาอิสลามแพร่หลายเข้าไป
เกิดมีนิกายต่างๆ แตกแยกออกไปหลายนิกาย
เพือ ่ ทีช
่ าวพื้นเมืองนัน ้ จะได้นาไปผสมผสานให้เข้ากับวัฒนธรรมประเพณีดง้ ั เดิ
มของตนได้ ประเพณีความเชือ ่ ถือดัง้ เดิมของชนชาติตา่ งๆ เหล่านี้
จึงถูกนามาผสมผสานเข้ากับหลักของศาสนาอิสลาม
จนในทีส ่ ุดก็ยากทีจ่ ะแยกแยะออกได้วา่ หลักใด พิธีใด เป็ นของศาสนาอิสลาม
และหลักใด พิธีใด
เป็ นประเพณีดง้ ั เดิมของชาวพื้นเมืองอิสลามทีผ ่ า่ นการวิวฒั นาการเช่นนี้แล้วนั่
นเองทีเ่ ป็ นอิสลามทีเ่ ผยแพร่เข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ในเมืองชุมทางท
างการค้าต่างๆ อย่างแพร่หลาย และไม่มีอุปสรรคใดๆ
ในทางศาสนาในการทีช ่ าวเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้จะหันมานับถือศาสนาอิสลา
มมีหลักฐานแสดงว่า อิสลามทีแ ่ พร่เข้ามายังภูมภ ิ าคส่วนนี้เป็ นนิกาย ‘ซูฟี’
ซึง่ เป็ นนิกายทีน ่ ิยมพิธีตา่ งๆ ทีล่ ก ึ ลับและนิยมอภินิหาร
ซึง่ เข้ากับความนิยมดัง้ เดิมของชาวเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ได้เป็ นอย่างดี
อิสลามได้แพร่เข้ามายังอินโดนีเซียก่อน
ชาวอินโดนีเซียได้รบ ั เอาหลักการของศาสนาอิสลาม
เข้ามาผสมผสานกับประเพณีดง้ ั เดิมของตน
เช่นเดียวกันกับทีเ่ คยกระทาเมือ ่ รับเอาศาสนาพราหมณ์
หรือศาสนาพุทธมาก่อนแล้วนั่นเอง ดังนัน ้
อินโดนีเซียจึงรับเอาหลักการและการปฏิบตั ท ิ างศาสนาอิสลามเข้าไปผสมผสา
นกับประเพณีความเชือ ่ แต่เดิมของตน
ความเชือ ่ ดัง้ เดิมยังมีบทบาทอยูป ่ ระชาชนในแถบหมูเ่ กาะอินโดนีเซีย
และแหลมมลายู รับเอาศาสนาอิสลามโดยมีปจั จัยสาคัญสนับสนุนดังนี้คอ ื
1. ถึงแม้หลักศาสนาอิสลามประการหนึ่งจะบ่งไว้วา่
มุสลิมทุกคนมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันหมดในสายตาของพระเจ้า
แต่ในระยะหลังหลักของศาสนาอิสลามมีการเปลีย่ นไปบ้างดังกล่าว
จึงเกิดมีความเชือ ่ เรือ ่ งอานาจความศักดิส์ ท ิ ธิน์ อกเหนือจากธรรมชาติ
ซึง่ เป็ นอานาจจากพระเจ้าถ่ายทอดมายังบุคคลสาคัญในสังคมเช่นกษัตริย์
เรียกอานาจเช่นนี้ตามภาษาอาหรับว่า Keramat ความเชือ ่ เช่นนี้
สอดคล้องกับชนชัน ้ สูงของชาวอินโดนีเซีย
เกีย่ วกับอานาจอันศักดิส์ ท ์ องเทพเจ้าทางศาสนาฮินดู-พุทธ ทีเ่ รียกว่า ‘ศักติ’
ิ ธิข
ทีถ ่ า่ ยทอดมาสูค ่ นสาคัญคือกษัตริย์ในระบอบเทวราชาและสอดคล้องกับความเ
ชือ
่ เรือ ่ งความศักดิส์ ท ิ ธิข ์ องวิญญาณ ตามลัทธิ Animism
ทีแ ่ พร่หลายอยูใ่ นหมูข ่ องสามัญชนด้วย ชาวอินโดนีเชียจึงรับเอาความเชือ ่ เรือ่ ง
Keramat จากศานาอิสลามโดยไม่มีอุปสรรคใด
2. ศาสนาอิสลามในระยะหลัง ได้เกิดมีนิกายต่างๆ แตกแขนงออกไป
และบางนิกายก็รวมเอาความเชือ ่ เกีย่ วกับคาถาอาคม อภินิหารต่างๆ ไว้ดว้ ย
ดังเช่นนิกายซูฟี และนิกายซูฟีนี่เองทีแ ่ พร่หลายเข้ามายังหมูเ่ กาะอินโดนีเซีย
ซึง่ ประชาชนส่วนใหญ่ก็นบ ั ถืออภินิหาร คาถาอาคมอยูแ ่ ล้ว
ชนชัน ้ ผูป ้ กครองก็นบ ั ถือลัทธิตน ั ตระ ซึ่งเน้นอภินิหาร
นิกายซูฟีจึงแพร่หลายอย่างรวดเร็ว
3. ศาสนาอิสลามเน้นความเสมอภาคและภราดรภาพในหมูม ่ ุสลิม
จึงเข้ากันได้กบ ั ประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้
ซึง่ แม้จะรับเอาศาสนาพราหมณ์ ไว้
แต่ก็มไิ ด้รบ ั เอาระบบวรรณะจากพราหมณ์ ดว้ ย
ประชาชนในสังคมเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้แบ่งออกเป็ นชนชัน ้ ก็จริง
แต่ชนชัน ้ เหล่านี้ก็เป็ นการแบ่งตามอานาจหน้าทีเ่ ป็ นส่วนใหญ่
แต่ละชนชัน ้ มีความสัมพันธ์และมีการเคลือ ่ นไหวเข้าหากันอย่างสงบ
มิใช่อยูก ่ น ั คนละส่วนดังเช่นระบบวรรณะในอินเดีย
อิสลามจึงแพร่เข้ามาในดินแดนนี้อย่างสงบ
ผิดกับในอินเดียทีม ่ ีการต่อต้านจนกระทั่งกลายเป็ นสงครามกลางเมืองอยูบ ่ อ่ ยๆ
ประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้จงึ ไม่รงั เกียจทีจ่ ะนับถือศาสนาอิสลาม
4. ในการนับถือศาสนาอิสลามนี้
บรรดาเจ้าผูค ้ รองแคว้นและข้าราชการในราชสานักเป็ นผูน ้ บั ถือก่อน
แล้วจึงเผยแพร่ตอ ่ ไปยังประชาชน
เหตุผลทีเ่ จ้าผูค ้ รองเมืองในหมูเ่ กาะอินโดนีเซียหันไปนับถือศาสนาอิสลามนัน ้
นอกจาก
เพราะศาสนาอิสลามทีแ ่ พร่เข้ามาไม่มีขอ
้ บังคับอันใดทีข ่ ดั ต่อความเชือ่ ถือหรือ
สถาบันทางสังคมแต่เดิมแล้ว
ก็เพราะศาสนาอิสลามยังให้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและการเมืองอีกด้วย
กล่าวคือ
เจ้าเมืองและชนชัน ้ สูงในราชสานักเป็ นผูด ้ าเนินการค้าขายอยูก ่ บ
ั พ่อค้าต่างชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิง่ กับพ่อค้ามุสลิมจากอินเดีย
จึงเห็นว่าการติดต่อค้าขายสะดวกขึน ้ ถ้าหากหันไปนับถือศาสนาอิสลาม
เพราะชาวมุสลิมถือว่ามุสลิมด้วยกันนัน ้ คือพีน่ ้องกัน
ส่วนผลประโยชน์ทางการเมืองก็คอ ื ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14
นี้บริเวณเมืองท่าต่างๆ ในสุมาตราและชายฝั่งชวาภาคเหนือ
ต้องการปลีกตัวออกจากอานาจของอาณาจักรมัชปาหิต
ซึง่ ขณะนัน ้ ยังมีวฒ
ั นธรรมแบบตันตระอยู่ ถ้าเจ้าเมืองต่างๆ
ต่างหันไปนับถือศาสนาอิสลาม
จะได้อาศัยศรัทธาในศาสนาสร้างความกลมเกลียวขึน ้ ในแว่นแคว้นของตน
ประชาชนทีเ่ ป็ นมุสลิมจะต่อต้านอานาจของมัชปาหิต
ซึง่ เป็ นพวกนอกศาสนาได้อย่างเข้มแข็งยิง่ ขึน ้ ศาสนาอิสลามจะแพร่หลายไปอ
ย่างกว้างขวางตัง้ แต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็ นต้นไป
ทัง้ นี้โดยอาศัยการเผยแพร่ของบรรดาพ่อค้าในอาณาจักรมะละกา
ซึง่ รุง่ เรืองขึน
้ ในศตวรรษที่ 15 และได้ทาการค้าขายติดต่อกับเมืองต่างๆ
ในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้อย่างกว้างขวาง
พ่อค้าเหล่านี้จะนาศาสนาอิสลามไปเผยแพร่ตามเส้นทางการค้าของตนด้วย
ชาวมุสลิมกับภาษามาเลย์ (หรือมลายู)
มีการตกลงร่วมกันระหว่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน
ใช้ภาษามาเลย์ (หรือมลายู) บาฮาซารีเยา Bahasa Riau)
เป็ นภาษามาตรฐานในการติดต่อสือ ่ สาร ภาษานี้เป็ นภาษาของหมูเ่ กาะรีเยา
ซึง่ ถือว่าเป็ นต้นกาเนิดของภาษามลายูมาช้านาน
..........................................