You are on page 1of 35

ประเทศเวียดนาม

จากวิกพ
ิ ีเดีย สารานุกรมเสรี
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam (เวียดนาม)

ธงชาติ ตราแผ่นดิน

คาขวัญ: Độc lập – Tự do – Hạnh phúc ดกเหฺลบ ิ ตึซอ หั่ญฟุก


(เหนือ) ดกเหฺลบ
ิ ตึยอ หั่ญฟุก (ใต้)
("เอกราช อิสรภาพ ความสุข")

เพลงชาติ: มาร์ชทหารเวียดนาม
(Tiến Quân Ca)[N 1]

MENU
0:00

ทีต
่ ง้ ั ของ ประเทศเวียดนาม (เขียว)
ในอาเซียน (เทาเข้ม) — [คาอธิบายสัญลักษณ์ ]
เมืองหลวง ฮานอย
21°2′N 105°51′E
เมืองใหญ่สุด นครโฮจิมน
ิ ห์
ภาษาราชการ ภาษาเวียดนาม
การปกครอง คอมมิวนิสต์
- ประธานาธิบดี เจิน
่ ดั่ย กวาง
- นายกรัฐมนตรี เหงียน ซวน ฟุก
- ประธานสมัชชาแห่งชาติเวียดนาม เหงียน ถิ กีม เงิน
เอกราช จาก ฝรั่งเศส
- ประกาศ 2 กันยายน พ.ศ. 2488[1]
- เป็ นทีย่ อมรับ พ.ศ. 2497
พื้นที่
- รวม 331,689 ตร.กม. (65)
128,065 ตร.ไมล์
- แหล่งน้า (%) 1.3 [2]
ประชากร
- 1 กรกฎาคม 2560 (ประเมิน) 93,700,000 [3] (13)
- ความหนาแน่ น 272 คน/ตร.กม. (46)
703 คน/ตร.ไมล์
จีดพ
ี ี (อานาจซื้อ) 2560 (ประมาณ)
- รวม $ 648.243 พันล้าน
- ต่อหัว $ 6,925
จีดพ
ี ี (ราคาตลาด) 2560 (ประมาณ)
- รวม $ 215.829 พันล้าน
- ต่อหัว $ 2,305
HDI (2558) 0.683 (ปานกลาง) (115th)
สกุลเงิน ด่อง (₫)[4] ( VND )
เขตเวลา (UTC+7)
• ฤดูรอ้ น (DST) (UTC+7)
ขับรถด้าน ขวามือ
โดเมนบนสุด .vn
รหัสโทรศัพท์ 84
เวียดนาม (เวียดนาม: Việt Nam [viət˨ nam˧] เหฺวียดนาม)
มีชือ
่ อย่างเป็ นทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เวียดนาม: Cộng
hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam, ก่ง ฮหว่า สา โห่ย จู๋ เหงีย เหวียต นาม)
เป็ นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ ตัง้ อยูท่ างด้านตะวันออกสุดของคาบส
มุทรอินโดจีน มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ทางทิศเหนือ ประเทศลาว และปร
ะเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก
และอ่าวตังเกีย๋ ทะเลจีนใต้ ทางทิศตะวันออกและใต้
หรือในภาษาเวียดนามเรียกเฉพาะทะเลทางทิศตะวันออกว่า ทะเลตะวันออก
(เวียดนาม: Biển Đông, เบีย๋ น ดง) เวียดนามมีประชากรมากกว่า 89
ล้านคน ถือเป็ นประเทศทีม ่ ีประชากรมากทีส ่ ุดเป็ นอันดับ 13 ของโลก
百越; พินอิน: Bǎiyuè; แปลว่า "ร้อยเวียด")
ซึง่ เป็ นคาทีใ่ ช้เรียกกลุม
่ ชนทีเ่ คยอาศัยอยูบ
่ ริเวณทางใต้ของจีนและทางเหนือข
องเวียดนาม [6]

ประวัตศ
ิ าสตร์[แก้]
ดูบทความหลักที:่ ประวัตศ
ิ าสตร์เวียดนาม
สมัยก่อนประวัตศ
ิ าสตร์[แก้]
ดูบทความหลักที:่ วัฒนธรรมดงเซิน

กลองมโหระทึกสาริด
เป็ นอารยธรรมก่อนประวัตศ ิ าสตร์ในเวียดนามมีชือ
่ เสียงมากโดยเฉพาะอ
ารยธรรมยุคหินใหม่ ทีม่ ีหลักฐานคือกลองมโหระทึกสาริด
และชุมชนโบราณทีด ่ งเซินเขตเมืองแทงหวา ทางใต้ของปากแม่น้าแดง สันนิษ
ฐานว่าบรรพบุรุษของชาวเวียดนามโบราณผสมผสานระหว่างชนเผ่ามองโกลอ
ยด์เหนือจากจีนและใต้ ซึง่ เป็ นชาวทะเล
ดารงชีพด้วยการปลูกข้าวแบบนาดาและจับปลา และอยูก ่ น
ั เป็ นเผ่า
บันทึกประวัตศ ิ าสตร์ยุคหลังของเวียดนามเรียกยุคนี้วา่ อาณาจักรวันลาง มีผน
ู้ า
ปกครองสืบต่อกันหลายร้อยปี เรียกว่า กษัตริย์หุง่
แต่ถือเป็ นยุคก่อนประวัตศิ าสตร์
สมัยประวัตศ
ิ าสตร์[แก้]
เวียดนามเริม ่ เข้าสูย่ ุคประวัตศ
ิ าสตร์หลังจากตอนใต้ของจีนเข้ารุกรานแล
ะยึดครองดินแดนแถบลุม ่ แม่น้าแดง จากนัน้ ไม่นานจักรพรรดิจน ิ๋ ซีซงึ่ เริม
่ รวม
ดินแดนจีนสร้างจักรวรรดิให้เป็ นหนึ่งเดียว
โดยได้ยกทัพลงมาและทาลายอาณาจักรของพวกถุกได้
ก่อนผนวกดินแดนลุม ่ แม่น้าแดงทัง้ หมด
ให้ขน ึ้ ตรงต่อศูนย์กลางการปกครองหนานไห่ ทีเ่ มืองพานอวีห ่ รือกว่างโจวในม
ณฑลกวางตุง้ ปัจจุบน ั
หลังสิน ้ สุดราชวงศ์ฉิน ข้าหลวงหนานไห่คอ ื จ้าวถัว ประกาศตัง้ หนานไห่เป็ นอา
ณาจักรอิสระ
่ ว่า หนานเยว่ หรือ นามเหวียต ในสาเนียงเวียดนามซึง่ เป็ นทีม
ชือ ่ าของชือ ่ เวียด
นามในปัจจุบน ั ก่อนกองทัพฮั่นเข้ายึดอาณาจักรนามเหวียด ได้ในปี พ.ศ.
585 และผนวกเป็ นส่วนหนึ่งของจีน
ใช้ชือ
่ ว่า เจียวจื้อ ขยายอาณาเขตลงใต้ถงึ บริเวณเมืองดานังในปัจจุบน ั
และส่งข้าหลวงปกครองระดับสูงมาประจา
เป็ นช่วงเวลาทีช ่ าวจีนนาวัฒนธรรมจีนทางด้านต่างๆ
ไปเผยแพร่ทด ี่ นิ แดนแห่งนี้
พร้อมเก็บเกีย่ วผลประโยชน์ทรัพยากรจากชาวพื้นเมืองหรือชาวเวียดนามจน
นาไปสูก ่ ารต่อต้านอย่างรุนแรงหลายครัง้ เช่น:

 วีรสตรีในนาม ฮายบาจึง ได้นากองกาลังต่อต้านก


ารปกครองของจีน แต่ปราชัยในอีก 3
ปี ต่อมาและตกเป็ นส่วนหนึ่งของจีน
 นักโทษปัญญาชนชาวจีนนามว่า หลีโบน ร่วมมือกั
บปัญญาชนชาวเวียดนามร่วมทาการปฏิวตั ิ
ก่อตัง้ ราชวงค์หลี ขนานนามแคว้นว่า วันซวน
แต่พา่ ยแพ้ในทีส่ ุด
การปกครองของจีนในเวียดนามขาดตอนเป็ นระยะตามสถานการณ์ ในจี
นเอง ซึง่ เป็ นโอกาสให้ชาวพื้นเมืองในเวียดนามตัง้ ตนเป็ นอิสระ
ในช่วงเวลาทีเ่ วียดนามอยูใ่ ต้การปกครองของราชวงศ์ถาง พุทธศาสนาเริม ่ เข้า
สูเ่ วียดนาม เมืองต้าหลอหรือฮานอย
เป็ นเมืองใหญ่ทส ี่ ุดเป็ นศูนย์กลางการค้าการเดินทางของชาวจีนและอินเดีย
พระสงฆ์และนักบวชในลัทธิเต๋าจากจีนเดินทางเข้ามาอาศัยในดินแดนนี้
ต่อมาราชวงศ์ถางได้เปลีย่ นชือ ่ เขตปกครองนี้ใหม่วา่ อันหนาน (หรืออันนัม
ในสาเนียงเวียดนาม) หลังปราบกบฏชาวพื้นเมืองได้
แต่ถือเป็ นช่วงเวลาสุดท้ายทีจ่ ีนครอบครองดินแดนแห่งนี้

 พ.ศ. 1498-1510 ราชวงศ์โง--


หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ถางของจีน
นายพลโงเกวีย่ นผูน ้ าท้องถิน
่ ในเขตเมืองฮวาลือ
ทางใต้ของลุม ่ แม่น้าแดง ขับไล่ชาวจีนได้
แล้วจึงก่อตัง้ ราชวงศ์โงเปลีย่ นชือ ่ ประเทศว่า
ไดเวียด หลังจากจักรพรรดิสวรรคต
อาณาจักรแตกแยกออกเป็ น 12 แคว้น
มีผน
ู้ าของตนไม่ขน ึ้ ตรงต่อกัน
 พ.ศ. 1511-1523 ราชวงศ์ดงิ ห์--
ขุนศึกดิงห์โบะหลิง แม่ทพ ั ของราชวงศ์โง
สามารถรวบรวมแคว้นต่างๆเข้าด้วยกัน
เปลียนชือ่ ประเทศเป็ น
ไดโก่เวียด เริม ่ สร้างระบบการปกครองแบบจีนมากกว่ายุคก่อนหน้า
และตัง้ ตนเป็ น จักรพรรดิดงิ ห์เตียน หรือ ดิงห์เตียนหว่าง
เสมือนจักรพรรดิจน ิ๋ ซีผรู้ วบรวมจีน ถือเป็ นการเริม
่ ใช้ตาแหน่ งจักรพรรดิหรื อ
หว่างเด๋ ในเวียดนามเป็ นครัง้ แรก

 พ.ศ. 1524-
1552 ราชวงศ์เตีย่ นเลหรือเลยุคแรก--
มเหสีของจักรพรรดิดงิ ห์โบะหลิง
ได้ขบั ไล่รชั ทายาทราชวงศ์ดงิ ห์
สถาปนาพระสวามีใหม่คอ ื ขุนศึกเลหว่านเป็ นจักร
พรรดิเลด่ายแห่ง
โดยพยายามสร้างความมั่นคงด้วยการฟื้ นฟูความ
สัมพันธ์กบ ั ราชวงศ์ซ่งของจีนและปราบปรามกบฏ
ภายใน แต่ก็ไม่รอดพ้นการรัฐประหาร
สมัยนี้พุทธศาสนาและลัทธิเต๋ารุง่ เรืองมากและได้ร ั
บความเลือ ่ มใสศรัทธาในหมูช ่ นชัน
้ สูงมาก
ราชวงศ์ยุคใหม่[แก้]

 พ.ศ. 1552-1768 ราชวงศ์หลี--หลี กง


อ่วนมีอานาจในราชสานักฮวาลือ เมือ ้ ครองราช
่ ขึน
ย์ ทรงย้ายเมืองหลวงไปที่ ทังลอง (ฮานอย)
ทรงสร้างวัดขึน้ 150 แห่ง ในปี 1070
นาระบบการสอบจอหงวนมาใช้
ก่อตัง้ มหาวิทยาลัยวันเหมียว ให้ความรูเ้ กีย่ วกับวร
รณคดีขงจื้อ เพือ ่ สอบเข้ารับราชการในระบบจอห
งวน แต่ขุนนางยังมีจานวนน้อย
ส่วนหนึ่งเป็ นเชื้อสายผูม ้ ีอท
ิ ธิพลในหัวเมือง
ต่อมาทรงพระนามว่า หลีไถโต๋ สมัยหลีเป็ นสมัยที่
พระพุทธศาสนามีอท ิ ธิพลต่อการเมืองการปกครอ
งและสังคมมาก
ทีป ่ รึกษาราชการในบางสมัยเป็ นพระสงฆ์ จักรพร
รดิราชวงศ์หลีช่วงหลังสร้างวัดขนาดใหญ่ขน ึ้ หลาย
แห่ง และสละราชสมบัตอ ิ อกผนวช
เป็ นสาเหตุให้การบริหารราชการเริม ่ ตกอยูใ่ นอาน
าจของเครือญาติพระชายามาจากตระกูลทีม ่ ่งั คั่งใน
หัวเมือง
ผูป้ กครององค์สุดท้ายเป็ นเด็กหญิงทีไ่ ด้รบ ั การตัง้ เ
ป็ นจักรพรรดินี พระนามว่าหลีเจีย่ ว การบริหารรา
ชการตกอยูใ่ นอานาจของญาติวงศ์พระชนนีซงึ่ เป็
นขุนศึกมีกองกาลังทหารอยูใ่ นมือ
เช่นเจิน ่ ถูโดะ ซึง่ ก่อรัฐประหารยึดอานาจจากราช
วงศ์หลีในทีส ่ ุด

 พ.ศ. 1768-1943 ราชวงศ์เจิน ่ --


เจิน่ ถูโดะญาติของพระชายาจักรพรรดิกอ ่ รัฐประห
าร ยึดอานาจท่ามกลางสถานการณ์ กบฏและการรุ
กรานจากข้าศึกต่างชาติ
จากนัน ้ ได้อภิเษกสมรสกับพระนางเจียว
ฮว่าง จักรพรรดินีองศ์สุดท้ายของราชวงศ์หลีแล้ว
ยกหลานขึน ้ เป็ นจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์เจิ่

สมัยเจิน ่ เวียดนามต้องเผชิญกับศึกสงครามโดยตล
อด
ทีร่ า้ ยแรงทีส ่ ุดคือการรุกรานจากพวกมองโกลและ
จัมปา สมัยเจิน ่ ก็เริม
่ ให้ความสาคัญกับอารยธรรม
จีนมากกว่ายุคก่อนหน้าโดยเฉพาะด้านภูมป ิ ญ
ั ญา
และอักษรศาสตร์ รวมถึงการบริหารราชการแบบ
จีน ในสมัยนี้มีการประมวลพงศาวดารชาติเป็ นครั้
งแรก ชือ ่ ว่า ด่ายเหวียตสือกี๋ หรือ
บันทึกประวัตศ ิ าสตร์มหาอาณาจักรเวียด โดยราช
บัณฑิต เลวันฮึว นอกจากนี้ยงั เริม
่ มีการประดิษฐ์อ ั
กษรของเวียดนามทีเ่ รียกว่า อักษรโนม ขึน ้ เป็ นครั้
งแรก

 พ.ศ. 1943-1971 ราชวงศ์โห่--


โห่กุย๊ ลี ญาติของพระชายาจักรพรรดิราชวงศ์เจิน ่
สร้างฐานอานาจของตนด้วยการเป็ นแม่ทพ ั ทาศึกกั
บพวกจามทางใต้ ต่อมาก่อรัฐประหารยึดอานาจจา
กจักรพรรดิราชวงศ์เจิน ่ และพยายามกาจัดเชื้อสาย
ราชวงศ์ทห ี่ ลงเหลืออยู่ จากนัน ้ ครองราชย์
้ ขึน
ตัง้ ทายาทของตนเป็ นจักรพรรดิตอ ่ มา
ราชนิกูลราชวงศ์เจิน ่ ได้ขอความช่วยเหลือไปยังจี
น ทาให้จีนส่งกองทัพเข้ามาล้มล้าง ราชวงศ์โห่ แต่
สุดท้ายก็ไม่มอบอานาจให้แก่ราชวงศ์เจิน ่ และยึด
ครองเวียดนามแทนที่

 การกูเ้ อกราชและก่อตัง้ ราชวงศ์เล (ยุคหลัง) พ.ศ.


1971-
2331 เล่เหล่ย ชาวเมืองแทงหวา ทางใต้ของฮานอ
ย ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกตัง้ ตนขึน ้ เป็ นผูน
้ าเ
วียดนาม ขับไล่จีนออกจากเวียดนามได้สาเร็จ
ต่อมาในปี พ.ศ.
1971 เลเหล่ยขึน ้ ครองราชย์เป็ นจักรพรรดิองค์ให
ม่ สถาปนา ราชวงศ์เล ขึน ้
มีราชธานีทีฮ ่ านอยหรือทังลองและราชธานีอีกแห่ง
คือทีเ่ มืองแทงหวา (ทันห์วา้ ) หรือ
ราชธานีตะวันตก
ซึง่ เป็ นถิน
่ ฐานเดิมของเลเหล่ยและตระกูลเล
ต่อมาเลเหล่ยได้รบ ั การถวายพระนามว่า เลไถโต๋
ราชวงศ์เลช่วงแรกเป็ นช่วงสร้างความมั่นคงและฟื้ นฟูประเทศในทุกด้าน
โดยเฉพาะในสมัยเลไถโต๋หรือเลเหล่ย เช่นการสร้างระบบราชการ จัดสอบคัดเ
ลือกขุนนาง ตรากฎหมายใหม่ แบ่งเขตการปกครองใหม่
ฟื้ นฟูการเกษตร รวมถึงการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนทาให้เวีย
ดนามเข้าสูย่ ุคสงบสุขปลอดจากสงครามอีกครัง้
หลังสมัยเลเหล่ย เริม ่ เกิดความขัดแย้งระหว่างขุนนางพลเรือนกับบรรดาขุ
นศึกทีร่ ว่ มทัพกับเลเหล่ยในการสูร้ บกับจีน
ความขัดแย้งบานปลายจนนาไปสูก ่ ารแบ่งพรรคแบ่งพวกในหมู่ขา้ ราชสานัก จ
นเกิดการรัฐประหารครัง้ แรกของราชวงศ์เลใน พ.ศ.
2002 มีการประหารพระชนนีและจักรพรรดิขณะนัน ้
ต่อมาบรรดาขุนนางจึงสนับสนุ นให้ราชนิกูลอีกพระองค์หนึ่งมาเป็ นจักรพรรดิ
แทน ต่อมาคือจักรพรรดิเลแถงตง (พ.ศ. 2003-2040)
รัชกาลจักรพรรดิเลแถงตงถือว่ายาวนานและรุง่ เรืองทีส ่ ุดยุคหนึ่งในประวั
ติศาสตร์เวียดนาม มีการปฏิรูปประเทศหลายด้านโดยยึดรูปแบบจีนมากกว่าเดิ

ทัง้ ระบบการสอบรับราชการทีจ่ ดั สอบครบสามระดับตัง้ แต่อาเภอจนถึงราชธานี
จานวนขุนนางเพิม ้ ทวีคณ
่ ขึน ู และทาให้ระบบราชการขยายตัวมากกว่ายุคสมัยก่
อนหน้า
นอกจากนัน ้ ยังมีการประมวลกฎหมายใหม่พระองค์ทรงสร้างเวียดนามให้เป็ น
มหาอานาจและเป็ นศูนย์กลางด้วยการทาสงครามกับเพือ ่ นบ้านทีม ่ กั ขัดแย้งกับเ
วียดนามคือจัมปาและลาว อิทธิพลของเวียดนามรับรูไ้ ปจนถึงหัวเมืองเผ่าไทใน
จีนตอนใต้และล้านนา หลังรัชกาลนี้ราชวงศ์เลเริม ่ ประสบปัญหาความขัดแย้งใ
นหมูข ่ น
ุ นาง เชื้อพระวงศ์ ปัญหาเศรษฐกิจจนทีส ่ ุดก็ถูกรัฐประหารโดยขุนศึกห
มักดังซุง ในปี พ.ศ.
2071 เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์เลหลบหนีดว้ ยการช่วยเหลือของขุนศึกตระกูลเหวีย
นและจิง่ ทีม ่ ีอท
ิ ธิพลในราชสานักมาแต่แรก
ราชวงศ์เลเริม
่ การฟื้ นฟูกอบกูอ
้ านาจคืนโดยมีแม่ทพ
ั เป็ นคนตระกูลเหวีย
นและจิง่ ทาสงครามกับราชวงศ์หมักจนถึงปี พ.ศ.
2136 จึงสามารถยึดเมืองทังลองคืนได้และฟื้ นฟูราชวงศ์เลปกครองเวียดนามต่
อไป
ยุคแตกแยกเหนือ-ใต้[แก้]

 หลังการฟื้ นฟูราชวงศ์เลขึน ้ ได้ ขุนศึกตระกูลจิง่ ตัง้


ตนเป็ นผูส้ าเร็จราชการ และให้ขุนศึกตระกูลเหวีย
นไปปกครองเขตชายแดนใต้บริเวณเมืองด่งเหยล
งไปถึงบริเวณเมืองดานังในปัจจุบน ั
ขุนศึกตระกูลจิง่ ตัง้ ตนเป็ น เจ้าสืบตาแหน่ งผูส ้ าเร็จ
ราชการ ในตระกูลของตนเอง ขุนศึกตระกูลเหวีย
นจึงประกาศไม่ยอมรับการปกครองของตระกูลจิง่
จนเกิดสงครามครัง้ ใหม่ตอ ่ มาอีกหลายสิบปี
เวียดนามแบ่งแยกเป็ นสองส่วน ส่วนเหนือ
คือ เวียดนามเหนือ อยูใ่ นการปกครองของราชวง
ศ์เลและเจ้าตระกูลจิง่ มีศน ู ย์กลางทีท ่ งั ลอง ส่วนใต้
คือ เวียดนามใต้ มีตระกูลเหวียนปกครอง
มีศนุ ย์กลางทีเ่ มืองฝูซวนหรือเว้ในปัจจุบน ั ตลอดม

จักรวรรดิเวียดนาม[แก้]
ดูบทความหลักที:่ ราชวงศ์เตยเซิน และ ราชวงศ์เหวียน
 พ.ศ.
2316 เกิดกบฏนาโดยชาวนาสามพีน ่ ้องทีห
่ มูบ
่ า้ นเ
้ ในเขตเมืองบิง่ ดิง่ เขตปกครองของตระ
ตยเซินขึน
กูลเหวียน และสามารถยึดเมืองฝูซวนได้
องค์ชายเหงวียนแอ๋ง เชื้อสายตระกูลเหวียนหลบห
นีลงใต้ออกจากเวียดนามไปจนถึงกรุงเทพฯ ก่อน
กลับมารวบรวมกาลังเอาชนะพวกเตยเซินได้
องค์ชายเหงวียนแอ๋งหรือเหงวียนฟุกอ๊าน (องเชียงสือ)
ผูน
้ าตระกูลเหงวียน
ซึง่ ตัง้ ตนเป็ นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งราชวงศ์เหงวียน ในปี พ.ศ.
2345 สถาปนาราชธานีใหม่ทเี่ มืองเว้ แทนทีท ่ งั ลอง ซึง่ ถูกเปลีย่ นชือ
่ เป็ น ฮาน
อย

 จักรวรรดิเวียดนาม (พ.ศ. 2345 -2488)


องค์ชายเหงวียนแอ๋งหรือจักรพรรดิยาลอง จักรพรรดิพระองค์แรกของรา
ชวงศ์เหวียนเริม
่ ฟื้ นฟูประเทศ เวียดนามมีอาณาเขตใกล้เคียงกับปัจจุบน

ดินแดนภาคใต้ขยายไปถึงปากแม่น้าโขงและชายฝั่งอ่าวไทย ทรงรักษาสัมพัน
ธ์กบ
ั ชาวตะวันตกโดยเฉพาะชาวฝรั่งเศสทีช ่ ว่ ยรบกับพวกเตยเซิน
นายช่างชาวฝรั่งเศสช่วยออกแบบพระราชวังทีเ่ ว้
และ ป้ อมปราการเมืองไซ่งอ ่ น
ราชวงศ์เหงวียนรุง่ เรืองทีส
่ ุดในสมัยจักรพรรดิมน
ิ หมั่ง จักรพรรดิองค์ทส
ี่
อง
ทรงเปลีย่ นชือ
่ ประเทศเป็ น ด่ายนาม ขยายแสนานุภาพไปยังลาวและกัมพูชา ผ
นวกกัมพูชาฝั่งตะวันออก ทาสงครามกับสยามต่อเนื่องเกือบยีส
่ บ
ิ ปี
แต่ภายหลังต้องถอนตัวจากกัมพูชาหลังถูกชาวกัมพูชาต่อต้านอย่างรุนแรง
สมัยนี้เวียดนามเริม ่ ใช้นโยบายต่อต้านการเผยแพร่คริสต์ศาสนาของบาท
หลวงชาวตะวันตก
มีการจับกุมและประหารบาทหลวงชาวตะวันตกอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงชาวเวียดนามทีน ่ บั ถือคริสต์ศาสนาจนถึงรัชกาลจักรพรรดิองค์ที่ 4
คือจักรพรรดิตด ึ๊ ทรงต่อต้านชาวคริสต์อย่างรุนแรงต่อไป
ึ ก
จนในทีส ่ ุดบาทหลวงชาวฝรั่งเศสขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลของตนให้ชว่ ยคุ้
มครอง พ.ศ.
2401 เรือรบของกองทัพเรือฝรั่งเศสเข้ามาถึงน่ านน้าเมืองดานัง (หรือตูราน)
ฐานทัพเรือใกล้เมืองหลวงเว้ นาไปสูก ่ ารสูร้ บกันของทัง้ ฝ่ าย
ต่อมากองกาลังฝรั่งเศสได้บุกโจมตีดน ิ แดนภาคใต้บริเวณปากแม่น้าโขง
และยึดครองพื้นทีไ่ ด้เกือบทัง้ หมด จักรพรรดิตด ึ๊ จึงต้องยอมสงบศึกและมอบดิ
ึ ก
นแดนภาคใต้ให้แก่ฝรั่งเศส
ชาวเวียดนามเริม่ ต่อต้านการยึดครองของฝรั่งเศสแต่ไม่อาจต่อสูก ้ บ
ั แสนยานุภ
าพทหางทหารทีเ่ หนือกว่าได้ ฝรั่งเศสจึงเข้าควบคุมเวียดนามอย่างจริงจังมากขึ้
นและแบ่งเวียดนามออกเป็ น 3 ส่วน
คืออาณานิคมโคชินจีน ในภาคใต้ เขตอารักขาแคว้นอันนัม ในตอนกลาง และ
เขตอารักขาตังเกีย๋ ในภาคเหนือ
และเวียดนามยังมีจกั รพรรดิเป็ นประมุขเช่นเดิม
แต่ตอ้ งผ่านการคัดเลือกโดยข้าหลวงฝรั่งเศส และมีฐานะเป็ นสัญลักษณ์ อานาจ
ในการบริหารการคลัง การทหาร และ การทูตเป็ นของฝรั่งเศส
ถือว่าเวียดนามสิน
้ สุดฐานะเอกราชนับแต่นน ้ั
ยุคอาณานิคม[แก้]
ดูบทความหลักที:่ อินโดจีนฝรั่งเศส

แผนทีอ
่ น
ิ โดจีน ค.ศ. 1913.
ฝรั่งเศสแสวงหาผลประโยชน์จากการปกครองเวียดนามทางด้านเศรษฐกิ
จ เวียดนามเป็ นแหล่งปลูกข้าวและพืชเศรษฐกิจใหม่ ๆ
เช่นกาแฟ และยางพารา ส่งออกไปยังฝรั่งเศสและเป็ นวัตถุดบ ิ แก่โรงงานในฝรั่
งเศส
ทีด
่ น
ิ ในเวียดนามถูกยึดและตกเป็ นของชาวฝรั่งเศส และเริม
่ อพยพเข้ามาตัง้ ถิน

ฐานในเวียดนาม
ขณะเดียวกันก็สง่ เสริมการศึกษาและวัฒนธรรมฝรั่งเศสให้แพร่หลายในเวียด
นาม
ชาวเวียดนามส่วนหนึ่งได้รบ ั การศึกษาแบบใหม่และเริม ่ ต้องการอิสระในการ
ทางานและมีสว่ นร่วมในการปกครองประเทศ
นาไปสูก ่ ารก่อตัวของกลุม
่ ชาตินิยมต่าง ๆ
ทีเ่ ข้มแข็งทีส
่ ุดคือพรรคคอมมิวนิสต์อน ิ โดจีนทีต ้ โดยโฮจิมน
่ ง้ ั ขึน ิ ห์ ในปี พ.ศ.
2473และต่อมาปรับเปลีย่ นเป็ น กลุม ่ เวียดมินห์ ได้นาชาวนาก่อการต่อต้านฝรั่
งเศสในชนบท
ยุคเอกราช[แก้]
ดูบทความหลักที:่ เวียดนามเหนือ และ เวียดนามใต้
พ.ศ. 2488
โฮจิมนิ ห์รบ
ั มอบอานาจจากจักรพรรดิบา๋ วได่และรับตาแหน่ งประธานาธิบดีค
นแรกหลังประกาศเอกราช
แต่หลังจากนัน ้ ฝรั่งเศสได้กลับเข้ามาขับไล่รฐั บาลของโฮจิมน ิ ห์และไม่ยอมรับเ
อกราชของเวียดนาม
นาไปสูส ่ งครามจนในทีส ่ ุดฝรั่งเศสพ่ายแพ้แก่กองกาลังเวียดมินห์ที่คา่ ยเดียนเบี
ยนฟู ในปี พ.ศ.
2497และมีการทาสนธิสญ ั ญาเจนีวา ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยอมรับเอก
ราชของเวียดนาม
แต่สหรัฐอเมริกาและชาวเวียดนามในภาคใต้บางส่วนไม่ตอ ้ งการรวมตัวกับรัฐ
บาลของโฮจิมน ิ ห์ ต่อมาได้กอ่ ตัง้ ดินแดนเวียดนามภาคใต้เป็ นอีกประเทศหนึ่ง
คือ สาธารณรัฐเวียดนาม
(เวียดนามใต้) มีเมืองหลวงคือ ไซ่งอ ่ น ใช้เส้นละติจูดที่ 17
องศาเหนือแบ่งแยกกับเวียดนามส่วนเหนื อใต้การปกครองของโฮจิมน ิ ห์
(เวียดนามเหนือ)
สงครามเวียดนาม[แก้]

สงครามเวียดนาม
ดูบทความหลักที:่ สงครามเวียดนาม
เวียดนามเหนือไม่ยอมรับสถานภาพของเวียดนามใต้ ขณะทีส ่ หรัฐอเมริก
าได้ให้การช่วยเหลือทางทหารแก่เวียดนามใต้อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการส่งทหารมาประจาในเวียดนามใต้เพิม ้ เรือ
่ ขึน ่ ยๆ
เวียดนามเหนือประกาศทาสงครามเพือ ่ ขับไล่และ ปลดปล่อย เวียดนามใต้จาก
สหรัฐอเมริกาและรวมเข้าเป็ นประเทศเดียวกัน
พร้อมให้การสนับสนุนกลุม
่ ชาวเวียดนามใต้ทตี่ อ
่ ต้านสหรัฐอเมริกา (เวียดกง)
ในการทาสงคราม
การรบส่วนใหญ่กลายเป็ นการรบระหว่างทหารสหรัฐอเมริกาและพันธมิต
รจากต่างประเทศ
กับกองกาลังเวียดกงและเวียดนามเหนือ ทัง้ ในชนบทและการโจมตีในเมือง
แม้สหรัฐอเมริกาได้ทม ุ่ เทแสนยานุภาพอย่างเต็มทีแ
่ ต่ก็ไม่อาจทาให้สงครามยุติ
ลงได้ หลังการรุกโจมตีครัง้ ใหญ่ของเวียดนามเหนือและเวียดกงในปี พ.ศ.
2511 ทีเ่ มืองเว้และเมืองหลักอืน
่ ๆ
ในเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาเริม ่ เตรียมการถอนกาลังจากเวียดนามใต้และให้เ
วียดนามใต้ทาสงครามโดยลาพัง
สหรัฐอเมริกาถอนทหารจากเวียดนามใต้อย่างเป็ นทางการในปี พ.ศ.
2516 กองกาลังเวียดนามเหนือและเวียดกงจึงสามารถรุกเข้ายึดไซ่งอ ่ นและเวี
ยดนามใต้ได้ทง้ ั หมดในปี พ.ศ.
้ ในวันที่ 2
2518 การรวมเวียดนามทัง้ สองส่วนเข้าด้วยกันเกิดขึน
กรกฎาคม พ.ศ.
2519 และเปลีย่ นชือ่ ประเทศเป็ น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นับแต่นน
้ั
หน่ วยงานราชการและการเมือง[แก้]
1.การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ
เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เป็ นองค์กรทีม
่ ีอานาจ
สูงสุดเพียงพรรคการเมืองเดียว ผูกขาดการชี้นาภายใต้ระบบผูน ้ าร่วม
(collective leadership) ทีค่ านอานาจระหว่างกลุม
่ ผูน้ า ได้แก่

 กลุม ่ ปฏิรูป ทีส ่ นับสนุนการเปิ ดเสรีทางเศรษฐกิจ


นาโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ฟาน วัน ขาย
 กลุม ่ อนุรกั ษนิยม
ซึง่ ต่อต้านหรือชะลอการเปิ ดประเทศ
เพราะเกรงภัยของ “วิวฒ ั นาการทีส ่ น
ั ติ”
peaceful evolution)
อันเนื่องมาจากการเปิ ดประเทศ และ
 กลุม ่ ทีเ่ ป็ นกลาง
ประนีประนอมระหว่างสองกลุม ่ แรก
นาโดยอดีตประธานาธิบดี เจิน ่ ดึก๊ เลือง
ส่งผลให้รฐั บาลเวียดนามต้องปรับแนวทางการบริ
หารประเทศให้ยืดหยุน ่ และเปิ ดกว้างมากขึน้
แต่ก็ไม่สามารถดาเนินไปได้ในย่างก้าวทีร่ วดเร็ว
นัก
2.เวียดนามได้มีการเลือกตัง้ สภาแห่งชาติ สมัยที่ 11 เมือ ่ 19 พฤษภาคม
พ.ศ. 2545 มีผไู้ ด้รบ ั การเลือกตัง้ ทัง้ สิน
้ 498 คน เป็ นผูเ้ ลือกตัง้ อิสระเพียง 2
คน ทีเ่ หลือเป็ นผูส
้ มัครทีไ่ ด้รบ
ั การคัดเลือกจากพรรคคอมมิวนิสต์
สภาแห่งชาติมีวาระดารงตาแหน่ ง 5 ปี มีหน้าทีต ่ รากฎหมาย
แต่งตัง้ หรือถอดถอนประธานาธิบดี ประธานรัฐสภา และ นายกรัฐมนตรี
3.สภาแห่งชาติชุดใหม่ได้เปิ ดประชุมเมือ
่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2545
โดยสภาได้มีมติสาคัญๆ คือ

 รับรองผลการเลือกตัง้ เมือ่ 19 พฤษภาคม


 เลือกตัง้ คณะกรรมการต่าง ๆ ประจาสภา
 การเลือกตัง้ ให้นายเหวียน วัน อาน
ดารงตาแหน่ งประธานสภาต่อไป (เมือ ่ 23
กรกฎาคม)
 การเลือกตัง้ ให้นายเจิน ๊ เลือง
่ ดึก
ดารงตาแหน่ งประธานาธิบดีตอ ่ ไป (เมือ่ 24
กรกฎาคม) และ
 เลือกตัง้ ให้นายฟาน วัน ขาย
ดารงตาแหน่ งนายกรัฐมนตรีตอ ่ ไป (เมือ่ 25
กรกฎาคม) และได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีเมือ ่ 8
สิงหาคม 2545 โดยในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 26
คน มีรฐั มนตรีทไี่ ด้รบ
ั แต่งตัง้ ใหม่ 15 คน
ซึง่ ส่วนใหญ่เป็ นคนรุน ่ ใหม่ทม
ี่ ีความรูค
้ วามสามารถ
หลายคนเคยดารงรัฐมนตรีชว่ ยในกระทรวงนัน ้ ๆ มาแล้ว นอกจากนี้
ยังมีการตัง้ กระทรวงใหม่ 3 กระทรวง ได้แก่
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม
กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม และกระทรวงภายใน
ซึง่ เป็ นการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารประเท
ศมากขึน ้ ซึง่ เมือ
่ พิจารณาในประเด็นนี้
ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-
เวียดนามทีด ่ าเนินไปด้วยดีในปัจจุบน ั
4.แผนงานการปฏิรูประบบราชการสาหรับปี ค.ศ. 2001-2010 เน้น 4
ประเด็น ได้แก่ การปฏิรูประบบกฎหมาย การปฏิรูปโครงสร้างองค์กร
การยกระดับความสามารถของข้าราชการ และการปฏิรูปด้านการคลัง
การทหาร[แก้]
ดูบทความหลักที:่ กองทัพเวียดนาม
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ[แก้]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]
ดูบทความหลักที:่ จังหวัดของประเทศเวียดนาม, เทศบาลนครของประเทศเวีย
ดนาม และ เขตของประเทศเวียดนาม
ลายเจิว
หล่าวกาย
ห่าซาง
กาวบั่ง
หลั่งเซิน
บัก ๊ กั่น
เตวียนกวาง
เอียนบ๊าย
เดีย่ นเบียน
เซินลา
ฟู้ เถาะ
ท้ายเงวียน
ฮานอย
บัก ๊ ซาง
กว๋างนิญ
ไฮฟอง
ท้ายบิญ ่
นามดิญ ่
นิญบิญ ่
ฮหว่าบิญ ่
ทัญฮว้า
เหงะอาน
ห่าติญ ๋
กว๋างบิญ ่
กว๋างจิ
เถือ
่ เทียน-เว้
ดานัง
กว๋างนาม
กอนตูม
กว๋างหงาย
ซาลาย
บิญ ่ ดิญ ่
ดัก ๊ ลัก
ฟู้ เอียน
ดัก ๊ นง
คัญ ้ ฮหว่า
เลิมด่ง
นิญถ่วน
บิญ ่ ถ่วน
บิญ่ เฟื้ อก
ด่งนาย
บ่าเสียะ-หวุงเต่า
บิญ ่ เซือง
เต็ยนิญ
ล็องอาน
ด่งท้าป
อานซาง
เกียนซาง
ก่าเมา
บักเลียว
ซ้อกจัง
จ่าวิญ
เบ๊นแจ
หวิญฟุก
บัก ๊ นิญ
หายเซือง
ฮึงเอียน
ห่านาม
นครโฮจิมน ิ ห์
เตีย่ นซาง
หวิญล็อง
เกิน ่ เทอ
เหิว่ ซาง
ดินดอนสามเหลีย่ ชายฝั่งตอนกล ตะวันออกเฉี ยงเ ตะวันตกเฉี ยงเหนื
มปากแม่น้าแดง างเหนือ หนือ อ

 ห่าติญ๋  บัก ๊ ซาง  เดีย่ นเบียน


 บัก
๊ นิญ  เหงะอาน  บัก ๊ กั่น  ฮหว่าบิญ ่
 ห่านาม  กว๋างบิญ่  กาวบั่ง  ลายเจิว
 หายเซือง  กว๋างจิ  ห่าซาง  เซินลา
 ฮึงเอียน  ทัญฮว้า  หลั่งเซิน
 นามดิญ ่  เถือ
่ เทียน  หล่าวกาย
 นิญบิญ่ -เว้  ฟู้ เถาะ
 ท้ายบิญ ่  กว๋างนิญ
 หวิญฟุก
 ฮานอย (เทศ  ท้ายเงวียน
บาลนคร)  เตวียนกวา
 ไฮฟอง (เทศ ง
บาลนคร)  เอียนบ๊าย

ทีส
่ ูงตอนกลาง ชายฝั่งตอนกล ตะวันออกเฉี ยง ดินดอนสามเหลีย่
างใต้ ใต้ มปากแม่น้าโขง

 ดัก
๊ ลัก
 ดัก๊ นง  บิญ ่ ดิญ่  บ่าเสียะ-  อานซาง
 ซาลาย  นิญถ่วน หวุงเต่า  บักเลียว
 กอนตูม  คัญ ้ ฮหว่า  บิญ
่ เซือง  เบ๊นแจ
 เลิมด่ง  บิญ ่ ถ่วน  บิญ่ เฟื้ อก  ก่าเมา
 ฟู้ เอียน  ด่งนาย  ด่งท้าป
 กว๋างนา  เต็ยนิญ  เหิว่ ซาง
ม  โฮจิมน ิ ห์ (  เกียนซาง
 กว๋างหงา เทศบาลน  ล็องอาน
ย คร)  ซ้อกจัง
 ดานัง (เ  เตีย่ นซาง
ทศบาลน  จ่าวิญ
คร)  หวิญล็อง
 เกิน
่ เทอ (เท
ศบาลนคร)

ภูมศ
ิ าสตร์[แก้]

อ่าวหะล็อง
ชาวเวียดนามนิยมปลูกข้าวแบบขัน
้ บันได
เวียดนามเป็ นประเทศทีม ่ ีลกั ษณะเป็ นแนวยาว และ
มีภูมป
ิ ระเทศเป็ นภูเขาสูงกัน ้ ระหว่างทีร่ าบลุม
่ แม่น้าทีอ
่ ุดมสมบูรณ์ ทางตอนเหนื
อและใต้ แต่มีภูเขาทีม ่ ีป่าหนาทึบแค่ 20% โดยมีพน ั ธุ์ไม้ 13,000 ชนิด
และพันธุ์สตั ว์กว่า 15,000 สายพันธุ์
ลักษณะภูมป
ิ ระเทศ[แก้]

 มีทรี่ าบลุม
่ แม่น้าขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ
ตอนเหนือเป็ นทีร่ าบลุม ่ แม่น้าแดง และตอนใต้เป็ น
ทีร่ าบลุม
่ แม่น้าโขง
 มีทรี่ าบสูงตอนเหนือของประเทศ
และยังเป็ นภูมภ ่ ีเขา ซึง่ เป็ นภูเขาทีส
ิ าคทีม ่ ูง 3,143
เมตร (10,312 ฟุต)
ลักษณะภูมอ
ิ ากาศ[แก้]

 เป็ นแบบมรสุมเขตร้อน
ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิ ดโล่งรับลมมรสุมตะ
วันออกเฉี ยงเหนือทีพ่ ดั ผ่านทะเลจีนใต้ ทาให้มีโอ
กาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตก
ชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครัง้
(ฝนตกตลอดปี
ได้รบั อิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉี ยงเหนือ)
 เป็ นประเทศทีม่ ีความชื้นประมาณร้อยละ 84
ตลอดปี มีอุณหภูมเิ ฉลีย่ ตัง้ แต่ 5 องศาเซลเซียส
ชายแดน[แก้]
ทัง้ หมด 4,638 กิโลเมตร (2,883 ไมล์)
โดยติดกับประเทศกัมพูชา 1,228 กิโลเมตร (763 ไมล์) ประเทศจีน 1,281
กิโลเมตร (796 ไมล์) และประเทศลาว 2,130 กิโลเมตร (1,324 ไมล์)
เศรษฐกิจ[แก้]
ฮานอยมีเคียงนัมฮานอยแลนด์มาร์กทาวเวอร์ตก
ึ ทีส
่ ูงทีส
่ ุดในเวียดนาม
เกษตรกรรม[แก้]
มีผลผลิตได้แก่ ข้าวเจ้า ยางพารา ชา กาแฟ ยาสูบ พริกไทย (ในปี พ.ศ.
2549 ส่งออกกว่า 116,000 ตัน) [7] การประมง
เวียดนามจับปลาได้เป็ นอันดับ 4 ของสินค้าส่งออก
เช่น ปลาหมึก กุง้ ตลาดทีส
่ าคัญ คือ ญีป
่ ุ่ น ไต้หวัน และสิงคโปร์
อุตสาหกรรม[แก้]
อุตสาหกรรมทีส ่ าคัญ คือ อุตสาหกรรมทอผ้า
ศูนย์กลางอยูท ่ ีโ่ ฮจิมน
ิ ห์ซต ี ละมีนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตเี้ บียนโฮ[8] การทาเ
ิ แ
หมืองแร่ทสี่ าคัญ
คือ ถ่านหิน น้ามันปิ โตรเลียม และแก๊สธรรมชาติ เวียดนามเป็ นประเทศส่งออ
กน้ามันดิบรายใหญ่อน ั ดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้
รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย [9]
สถานการณ์ เศรษฐกิจ[แก้]

ท่าเรือไซ่งอ
่ น
เวียดนามมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
และเผชิญภาวะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้ า
จึงมีการซื้อพลังงานไฟฟ้ าจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ตัง้ แต่กน
ั ยายนปี
2004 [10] แม้วา่ เหตุผลทางเศรษฐกิจจะเป็ นเหตุผลทีม ่ ีความสาคัญรองจากเหตุ
ผลทางการเมืองและยุทธศาสตร์ในการทีอ ่ าเซียนรับเวียดนามเข้าเป็ นสมาชิก
แต่ก็ยงั คงความสาคัญในระดับหนึ่งทีจ่ ะมองข้ามไปไม่ได้ความสัมพันธ์ทวิภาคี
ทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามและประกาศถอนทหารออกจากกัมพูชา และเมื่
อเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพทีก ่ รุงปารีสในปี 1991
เหตุผลการเข้าเป็ นสมาชิกอาเซียน[แก้]

1. การสนับสนุนและความช่วยเหลือในการพัฒนาทา
งเศรษฐกิจของเวียดนาม
ทัง้ โดยทางตรงและทางอ้อมจากประเทศสมาชิกอา
เซียนซึง่ เวียดนามมองว่าเป็ นสิง่ ทีม ่ าพร้อมกับการ
ปรับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์และการปรับน
โยบายต่างประเทศ
การเข้ารวมกลุม ่ อาเซียนจะทาให้เวียดนามมีโอกา
สได้เรียนรูป ้ ระสบการณ์ ในการพัฒนาประเทศจา
กสมาชิกต่างๆ
อันจะมีสว่ นเอื้ออานวยและเร่งการพัฒนาของตนไ
ปสูร่ ะบบเศรษฐกิจการตลาดซึง่ ตัง้ อยูบ ่ นหลักการข
องการแข่งขันได้ในทีส ่ ุด
2. เวียดนามให้ความสาคัญสูงสุดต่อการเข้าร่วมในร
ะบบเศรษฐกิจของภูมภ ิ าคเอเชีย-
แปซิฟิกและระบบเศรษฐกิจของโลก
การเป็ นสมาชิกของอาเซียนจะนาไปสูก ่ ารมีสว่ นร่
วมในเขตการค้าเสรีอาเซียน
และนาเวียดนามไปสูค ่ วามคุน ้ เคยกับแนวทางปฏิ
บัตใิ นการรวมกลุม ่ ทางเศรษฐกิจในระดับโลก
อันจะมีผลดีและเป็ นปัจจัยประการหนึ่งทีจ่ ะผลักดั
นเวียดนามให้กา้ วไปสูก ้ ารเป็ นสมาชิกของ APE
C และ WTO ได้ในทีส ่ ุด
3. ในฐานะของสมาชิกอาเซียน
เวียดนามหวังทีจ่ ะได้รบ ั ประโยชน์ จากการเพิม ้
่ ขึน
ของการค้าและการลงทุนกับประเทศอาเซียนทัง้ ห
ลาย
ขณะเดียวกันในขณะทีก ่ ารค้าภายในกลุม ่ อาเซียน
กาลังขยายตัว
เวียดนามก็ได้ตระเตรียมและปรับทิศทางการส่งอ
อกของตนทีจ่ ะไปสูต ่ ลาดอาเซียนนี้อย่างจริงจังมา
กขึน ้
การนาเข้าของเวียดนามจากอาเซียนในขณะนี้เป็ น
ครึง่ หนึ่งของการนาเข้าทัง้ หมดของทัง้ หมดของเวี
ยดนาม และประมาณร้อยละ 30
ของการค้าทัง้ หมดของเวียดนามทีม ่ ีกบ ั อาเซียนนอ
กจากนี้
เวียดนามยังหวังว่าตนจะได้รบ ั สิทธิพเิ ศษ GSPอ
้ ไป
ย่างน้อย 10 ปี ขึน
และเวียดนามยังจะเป็ นจุดส่งออกทีส ่ าคัญสาหรับป
ระเทศสมาชิกอาเซียนอืน ่ ๆ
ในด้านการลงทุน
ทัง้ เวียดนามและประเทศในกลุม ่ อาเซียนจะได้รบ ั ผลประโยชน์ รว่ มกันจากการ
ทีป ่ ระเทศในกลุม ่ อาเซียนเข้าไปลงทุนในเวียดนามโดยเวียดนามจะสามารถดูด
ซึมเทคนิค วิทยาการและเทคโนโลยีทผ ี่ า่ นมากับการลงทุนต่างชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในรูปแบบของการร่วมทุน
ซึง่ จะนาไปสูก ่ ารพัฒนาการผลิตของเวียดนาม และขณะเดียวกัน
นับตัง้ แต่เวียดนามเปิ ดประเทศและประกาศกฎหมายว่าด้วยการลงทุนต่างชาติ
ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างก็ให้ความสนใจลพยายามแสวงหาโอกาสเข้าไปลง
ทุนในเวียดนาม
ทัง้ นี้เพราะอาเซียนก็สนใจในผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกันทัง้ ด้านกา
รค้าและการลงทุน เนื่องจากเวียดนามเป็ นตลาดใหญ่มีประชากรถึง 73
ล้านคน มีความสมบูรณ์ ทางทรัพยาธรรมชาติ
มีแรงงานทีม ่ ีศกั ยภาพและมีราคาถูก
การมีเวียดนามเป็ นสมาชิกเพิม ้ จะทาให้อาเซียนมีประชากรเพิม
่ ขึน ่ เป็ น 420
ล้านคน และจะมีผลผลิตมวลรวมภายในถึง 500 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ
อันจะทาให้อาเซียนมีศกั ยภาพในการขยายตัวกางเศรษฐกิจได้มากขึน ้ ไปอีก
ในปัจจุบนั
ประเทศทีไ่ ด้รบ ั การอนุมตั ด
ิ ว้ ยมูลค่าลงทุนมากทีส ่ ุดได้แก่สงิ คโปร์
ซึง่ มีโครงการการลงทุนทีไ่ ด้รบ ั การอนุมตั จิ านวนโครงการ ด้วยมูลค่า 5.3
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
มูลค่าการลงทุนของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวียดนามคิดได้เป็ นร้อยละ
27.69 ของมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทง้ ั สิน ้ ในเวียดนาม กล่าวคือในมูลค่า
8.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทง้ ั สิน 29.4
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีโครงการทัง้ สิน ้ 337 โครงการ
โดยมาเลเซียลงทุนเป็ นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ ไทยลงทุนเป็ นอันดับ 3
ประเภทของการลงทุนทีส ่ มาชิกอาเซียนดาเนินการในเวียดนาม ได้แก่
อุตสาหกรรมการผลิต การก่อสร้างสานักงาน ทีอ ่ ยูอ่ าศัย
การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและการแปรรูปอาหาร
เวียดนามหวังว่าการลงทุนจากประเทศสมาชิกอาเซียนนี้จะมีสว่ นช่วยถ่วงดุลกา
รลงทุนจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และญีป
่ ุ่ น
ในขณะเดียวกันในส่วนของอาเซียน
เหตุผลประการหนึ่งทีท ่ าให้อาเซียนยินดีรบั เวียดนามเข้าเป็ นสมาชิกก็คอื
การเข้ารวมกลุม ่ อาเซียนของเวียดนามนัน ้ จะมีผลไปเพิม ่ ความสามารถในการ
แข่งขันทางเศรษฐกิจอีกทัง้ อานาจในการต่อรองทางการเมืองทัง้ หลายต่างก็มีผ
ลประโยชน์ทส ี่ อดคล้องกัน
ทัง้ ทางการเมืองและทางเศรษฐกิจร่วมกันอันนาไปสูก ่ ารยอมรับในทีส่ ุด
วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี[แก้]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
การขนส่ง[แก้]
อากาศ[แก้]

เครือ
่ งบินของสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์
เวียดนามมีทา่ อากาศยานขนาดใหญ่ 6 แห่ง
คือ ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ ยบ่าย (Noi Bai)
ในกรุงฮานอย, ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิต้ (Tan Son Nhat)
ในนครโฮจิมน ิ ห์, โครงการท่าอากาศยานนานาชาติล็องถั่ญ (Long Thanh)
ในจังหวัดด่งนาย, ท่าอากาศยานจูลาย (Chu Lai)
ในจังหวัดกว๋างนามและท่าอากาศยานนานาชาติดานัง (Danang)
ในนครดานัง[11]
ถนน[แก้]

ในส่วนของ ทางด่วนเหนือ-ใต้ การเชือ


่ มต่อ Cầu Giẽ และ บิญ
่ ถ่วน
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
ทางรถไฟ[แก้]
ดูบทความหลักที:่ การขนส่งระบบรางในประเทศเวียดนาม
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
ทางน้า[แก้]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
ประชากรศาสตร์[แก้]
ดูบทความหลักที:่ ประชากรศาสตร์เวียดนาม
เชื้อชาติ[แก้]
ดูบทความหลักที:่ ชาวญวน
มีจานวน 84.23 ล้านคน ความหนาแน่ นโดยเฉลีย่ 253
คนต่อตารางกิโลเมตร เป็ นชาวญวนร้อยละ 86
(บริเวณสามเหลีย่ มปากแม่น้าโขงทางตอนใต้ของประเทศ) ต่าย ชาวไท เหมือ
่ ง
ฮัว้ (จีน) ชาวเขมร นุง ชาวม้ง[12][13][14]

ด•พ•ก

เมืองใหญ่ทสี่ ุดในเวียดนาม
2015 estimate
ที่ เมือง จังหวัด
1 นครโฮจิมน ิ ห์ เทศบาลในประเทศเวียดนาม
2 ฮานอย เทศบาลในประเทศเวียดนาม
3 ไฮฟอง เทศบาลในประเทศเวียดนาม
4 เกิน่ เทอ เทศบาลในประเทศเวียดนาม
นครโฮจิมน
ิ ห์ 5 เบียนฮหว่า ด่งนาย
6 ดานัง เทศบาลในประเทศเวียดนาม
7 หวุงเต่า จังหวัดบ่าเสียะ-หวุงเต่า
8 บวนมาถ็วต ดัก
๊ ลัก
ฮานอย
9 ญาจาง คัญ้ ฮหว่า
10 เว้ เถือ่ เทียน-เว้
ภาษา[แก้]
ดูบทความหลักที:่ ภาษาเวียดนาม
่ สารใช้ภาษาเวียดนาม ซึง่ เมือ
การสือ ่ ปี พ.ศ. 2463
วงการวิชาการเวียดนามได้ลงประชามติทจี่ ะใช้ตวั อักษรโรมัน (Quốc ngữ)
แทนตัวอักษรจีน (Chữ Nôm) ในการเขียนภาษาเวียดนาม [15]
ศาสนา[แก้]
ดูบทความหลักที:่ ศาสนาในประเทศเวียดนาม
ศาสนาในประเทศเวียดนาม
ศาสนา ร้อยละ
พื้นบ้านและไม่มีศาสนา   73.2%
พุทธ   12.2%
คริสต์   8.3%
อืน
่ ๆ   6.3%

เจดีย์เสาเดียว แสดงให้เห็นถึงศาสนาพื้นบ้านเวียดนาม
จากการสารวจในปี พ.ศ.
2557[16] ประเทศเวียดนามมีประชากรนับถือศาสนา 90 ล้านคน
แบ่งได้ดงั นี้ ศาสนาพื้นบ้านเวียดนามและไม่มีศาสนา 24 ล้านคน
(73.2%) ศาสนาพุทธ 11 ล้านคน (12.2%) ศาสนาคริสต์ 7.6 ล้านคน
(8.3%) ลัทธิเฉาได 4.4 ล้านคน (4.8%) ลัทธิฮหว่าหาว 1.3 ล้านคน
(1.4%) และศาสนาอืน ่ ๆ (0.1%) เช่น ศาสนาอิสลาม 75,000
คน ศาสนาบาไฮ 7,000 คน ศาสนาฮินดู 1,500 คน[17][18][19][20][21][22][23]
การศึกษา[แก้]
ประวัตก
ิ ารศึกษาของเวียดนาม[แก้]
ประเทศเวียดนามได้มีการพัฒนาการศึกษาควบคูไ่ ปกับพัฒนาของประเท
ศ ซึง่ สามารถแบ่งออกได้เป็ นระยะ ๆ ย่อ ๆ ในเชิงประวัตศ
ิ าสตร์ดงั นี้ (Pham
Minh Hac,1995, 42-61)
1. ระยะทีอ
่ ยูภ
่ ายใต้การปกครองของราชวงศ์จีน (Period of Chinese
Imperial Domination) : 200 ปี ก่อน ค.ศ. - ค.ศ. 938
ในระยะนี้ประเทศเวียดนามอยูภ ่ ายใต้การปกครองของราชวงศ์จีน
ดังนัน ้ ผูบ
้ ริหารของประเทศจีน
จึงเป็ นผูก ้ อ
่ ตัง้ ระบบการศึกษาในประเทศเวียดนามทัง้ ในแบบของรัฐและเอกช

ซึง่ ในสมัยก่อนเน้นเฉพาะการศึกษาของบุตรชายและการฝึ กอบรมบุคคลเพือ ่ เ
ข้าไปรับราชการและบริหารประเทศ มีนโยบาย "Feudal Intelligentsia"
ซึง่ จะคัดเลือกเฉพาะบุตรชายจากครอบครัวขุนนางไปรับราชการกับราชวงศ์จี
น ระบบการศึกษาต่อเนื่องของชาวเวียดนามในบางศตวรรษพบว่า
บุคคลชาวเวียดนามทีม ่ ีฐานะทางสังคมดีและมีสติปญ ั ญาดีจะได้รบั อนุญาตให้เ
ข้าไปศึกษาต่อในประเทศจีน
โดยมีการสอบแข่งขันหลายขัน ้ ตอนและครัง้ สุดท้ายจะสอบทีก่ รุงปักกิง่
เมือ ่ สอบผ่านจะได้วุฒเิ ทียบเท่า Doctor’s Degree
ระบบการศึกษาดังกล่าวสืบทอดมาจนถึง ราชวงศ์ถงั (ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907)
ระบบการศึกษาทีเ่ ลียนแบบมาจากประเทศจีนประกอบด้วย การศึกษาเบื้องต้น
(Primary Education) ทีม ่ ีระยะเวลาการศึกษาน้อยกว่า 15 ปี
และการศึกษาระดับอุดมศึกษา (Higher Education)
ทีม ่ ีระยะเวลาการศึกษามากกว่า 15 ปี ขึน ้ ไป
2. ระยะทีป
่ ระเทศมีอส
ิ รภาพ (Period of National Independence) :
ค.ศ. 938 -ค.ศ. 1859
ในปี ค.ศ. 938 Ngo Dinh ได้รบชนะจีนและก่อตัง้ ราชวงศ์ Ngo Dinh
และราชวงศ์ Le ตอนต้น (ค.ศ. 939 - ค.ศ. 1009)
การศึกษาส่วนใหญ่เป็ นการดาเนินการโดยเอกชนและโรงเรียนพุทธศาสนา
จนกระทั่งราชวงศ์ Le (ค.ศ.1009 - ค.ศ. 1225)
เริม
่ ให้ความสาคัญกับการศึกษาเพิม ่ มากขึน้ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เช่น
เมืองหลวง Thang Long หรือ Ha Noi ในปัจจุบน ั
มีการก่อตัง้ สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศเวียดนามเป็ นแห่งแร
ก ใน ค.ศ. 1076 ทีม ่ ีชือ
่ เรียกว่า "Quoc Tu Gian หรือ Royal College"
เพือ่ เป็ นแหล่งการศึกษาของบุตรชายของครอบครัวทีม ่ ีฐานะดี
ในยุคนี้มีการสร้างโรงเรียนของรัฐขึน ้ อีกทัง้ ในส่วนกลางและจังหวัดต่างๆ
เพือ ่ ให้บุตรชายของสามัญชนเข้ารับการศึกษา
ทาให้ระบบการศึกษาในประเทศเวียดนามในยุคนี้แบ่งออกเป็ น 3 แบบ คือ

 Royal College อยูใ่ นเมืองหลวง


อยูภ่ ายใต้การบริหารโดยตรงของกษัตริย์
 โรงเรียนในระดับจังหวัดและอาเภอ
เป็ นโรงเรียนของรัฐซึง่ ยังมีจานวนไม่มากนัก
 โรงเรียนของภาคเอกชน
อาจสรุปได้วา่ การศึกษาในระยะต้น ๆ
ของประเทศเวียดนามอยูใ่ นระบบศักดินา
ทีม
่ ีวตั ถุประสงค์หลักเพือ
่ การคัดเลือกคนเข้าไปเรียนเพือ
่ เป็ นขุนนางและข้ารา
ชการในระดับต่างๆ
3. ระยะทีอ
่ ยูภ
่ ายใต้อาณานิคมของฝรั่งเศส (Period of French
Colonialism): ค.ศ. 1859 - 1945
ในระยะทีป ่ ระเทศเวียดนามอยูภ
่ ายใต้การปกครองของฝรั่งเศสนี้
ระยะแรกๆ ยังคงใช้ระบบการศึกษาตามลัทธิขงจื้ออยู่ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1917
จึงได้มีการเริม
่ ระบบการศึกษาแบบฝรั่งเศส
แต่ให้ความสาคัญกับการศึกษาในระดับประถมศึกษา
มีโรงเรียนประถมศึกษาเกิดขึน ้ ในหมูบ
่ า้ นทีม
่ ีพลเมืองอาศัยอยูห
่ นาแน่ น
การศึกษาในเบื้องต้นมีเกรด 1-2 มีชือ ่ เรียกทีแ
่ ตกต่างกัน Ecole
Communale ใช้เรียกการศึกษาในทางตอนเหนือ Ecole Auxilier
Preparatoire ใช้เรียกการศึกษาทางตอนใต้ และ Ecole Preparatoire
ใช้เรียกการศึกษาในตอนกลางของประเทศ ในบางเมืองมีการศึกษาพื้นฐาน 6
ปี ในเมืองใหญ่ ๆ เช่น Ha Noi, Haiphong และ Vinh มีการศึกษาทีส ่ ูงกว่า
ระดับประถมศึกษาเพิม ้ อีก 4 ปี และมีเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ
่ ขึน
เท่านัน
้ ทีม
่ ีการศึกษาสูงกว่าระดับมัธยมศึกษา คือ Ha Noi, Hue และ
Saigon
ตอนต้นศตวรรษที่ 20 ประเทศฝรั่งเศสมีการพัฒนาการศึกษาวิชาชีพ
(Professional Education) ขึน ้
โดยมีการก่อตัง้ สถาบันการศึกษาทีม ่ ีรูปแบบตะวันตก ในปี ค.ศ. 1902
มีวท ิ ยาลัยแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์เกิดขึน ้ เป็ นแห่งแรกทีก
่ รุงฮานอย
และมีการก่อตัง้ สถาบันการศึกษาหลายแห่งในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ยงั มีสถาบันการศึกษาทางด้านเทคนิคและอุตสาหกรรมอีกหลายแห่ง
ซึง่ มีระยะเวลาในการศึกษา 2 ปี
เน้นการฝึ กอบรมทักษะในการทางานกับเครือ ่ งจักรกล
สถาบันการศึกษาในระดับนี้เรียกว่า โรงเรียนฝึ กวิชาชีพชัน ้ สอง จนกระทั่ง
ค.ศ. 1919
จึงมีระบบการศึกษาแบบมหาวิทยาลัยทีม ่ ก
ี ารศึกษาวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์
ได้แก่ วิชาฟิ สิกส์ เคมี จนกระทั่งถึง ค.ศ. 1923
ได้เริม่ มีการจดทะเบียนผูท ้ ศ
ี่ ก
ึ ษาในระดับมหาวิทยาลัย
โดยทั่วไปแล้วระบบการศึกษาของประเทศเวียดนามภายใต้การปกครอง
ของประเทศฝรั่งเศส ยังมีความจากัดอยูม
่ าก
โดยพบว่ามีจานวนนักศึกษาทีล่ งทะเบียนประมาณรัอยละ 2.6
ของประชากรในวัยเรียนทัง้ หมดของประเทศ ในขณะทีม
่ ีประชากรทัง้ หมด
17,702,000 คน ในปี ค.ศ. 1931
4. ระยะหลังการปฏิวตั เิ ดือนสิงหาคม (Period after August
Revolution) : ค.ศ. 1945 - 1975
5. ระยะของการรวมประเทศ (Period of National Reunification) :
ค.ศ. 1975 - ปัจจุบน

การศึกษาของเวียดนามในปัจจุบน
ั [แก้]
ปัจจุบน
ั เวียดนามแบ่งลักษณะของการจัดการศึกษาไว้ 5 ลักษณะ คือ
1. การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา (Pre-School Education)
ประกอบด้วยการเลี้ยงดูเด็ก สาหรับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 3 ปี
และอนุบาลสาหรับเด็กอายุ 3-5 ปี
2. การศึกษาสามัญ (5 - 4 – 3)

 ระดับประถมศึกษาเป็ นการศึกษาภาคบังคับ 5 ปี
ชัน
้ 1-5
 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น คือชัน
้ 6-9
 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คือชัน้ 10-12
3. การศึกษาด้านเทคนิคและอาชีพ
มีเทียบเคียงทัง้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย
4. การศึกษาระดับอุดมศึกษา แบ่งเป็ นระดับอนุปริญญา (Associate
degree) และระดับปริญญา
5. การศึกษาต่อเนื่อง
เป็ นการศึกษาสาหรับประชาชนทีพ
่ ลาดโอกาสการศึกษาในระบบสายสามัญแล
ะสายอาชีพ
การศึกษาสามัญ 12 ปี (General Education)
ของเวียดนามนัน ้ เวียดนามมีวตั ถุประสงค์ทจี่ ะ
ให้ประชาชนได้มีวญ ิ ญาณในความเป็ นสังคมนิยม มีเอกลักษณ์ ประจาชาติ
และมีความสามารถในด้านอาชีพ ในอดีตการศึกษาสามัญของเวียดนามมีเพียง
10 ปี เท่านัน
้ และไม่มีอนุบาลศึกษามาก่อนจนถึงปี การศึกษา 2532 - 2533
จึงมีการศึกษาถึงชัน ้ ปี ที่ 9 ทัง้ ประเทศ ซึ่งได้เรียกการศึกษาสามัญ 9 ปี
ดังกล่าวนี้วา่ การศึกษาขัน ้ พื้นฐาน (Basic Education)
และเมือ่ ได้ขยายไปถึงปี ที่ 12 แล้วจึงได้เรียกการศึกษาสามัญ 3 ปี สุดท้ายว่า
มัธยมชัน ้ สูง (Upper Secondary School) ปี 2535-2536
ระบบการศึกษาสามัญในเวียดนามจึงกลายเป็ นระบบ 12 ชัน ้ เรียนทัง้ ประเทศ
โดยเด็กทีเ่ ข้าเรียนในชัน ้ ปี ที่ 1 จะมีอายุยา่ งเข้าปี ที่ 6
เมือ
่ เวียดนามได้ใช้ระบบการศึกษาเป็ น 12 ปี แล้ว
จานวนนักเรียนในทุกระดับชัน ้ ยังมีน้อย ดังนัน
้ ปี 2534
สภาแห่งชาติของเวียดนามจึงได้ออกกฎหมายการกระจายการศึกษาระดับประ
ถมศึกษา (Law of Universal Primary Education)
ซึง่ ถือเป็ นกฎหมายฉบับแรกว่าด้วยการศึกษาของเวียดนาม
วัฒนธรรม[แก้]
ดูบทความหลักที:่ วัฒนธรรมเวียดนาม
สือ
่ สารมวลชน[แก้]
ดูบทความหลักที:่ สือ่ สารมวลชนในประเทศเวียดนาม
สือ
่ ของเวียดนามได้รบ ั การควบคุม โดยรัฐบาลตามกฎหมายปี 2004
ในการเผยแพร่ [24] โดยทั่วไปจะมองเห็นว่า ภาคสือ่ ของเวียดนามถูกควบคุม
โดยรัฐบาลไปตามเส้นทางของพรรคคอมมิวนิสต์
แม้วา่ หนังสือพิมพ์บางฉบับจะค่อนข้างตรงไปตรงมา [25] เสียงของเวียดนามเป็
นบริการกระจายเสียงทางวิทยุแห่งชาติทรี่ ฐั
ออกอากาศผ่านทางเอฟเอ็มโดยใช้เครือ ่ งส่งสัญญาณให้เช่าในประเทศอืน ่ ๆ
และการให้การออกอากาศจากเว็บไซต์ของ สถานีวท ิ ยุโทรทัศน์ แห่งประเทศเวี
ยดนาม เป็ นบริษท ั วิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ
ตัง้ แต่ปี 1997
เวียดนามมีการควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสาธารณะอย่างกว้างขวาง
โดยใช้วธิ ีการทางกฎหมายและทางเทคนิค
เพือ
่ ล็อกผลจะเรียกกันอย่างแพร่หลายว่า
"แบมบู ไฟร์วอลล์"[26]โครงการความร่วมมือโอเพ่นเน็ตริเริม ่ จัดระดับของเวีย
ดนามการเซ็นเซอร์ทางการเมืองจะเป็ นการ
"แพร่หลาย"[27] ในขณะทีผ ่ ส ่ ข่าวไร้พรมแดนเวียดนามพิจารณาให้เป็ นหนึ่งใ
ู ้ ือ
น 15 ของโลก
"ศัตรูของอินเทอร์เน็ ต"[28] แม้วา่ รัฐบาลของเวียดนามอ้างว่าเพือ ่ ป้ องกันประเท
ศกับเนื้อหาลามกอนาจารหรือไม่เหมาะสมทางเพศผ่านความพยายามสกัดกัน ้
ของหลายทางการเมืองและศาสนาเว็บไซต์ทม ี่ ีความสาคัญเป็ นสิง่ ต้องห้ามยัง[29
]

ดนตรี[แก้]
เพลงเวียดนามแบบดัง้ เดิมแตกต่างระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของประ
เทศ
ดนตรีคลาสสิกเหนือเป็ นรูปแบบดนตรีทเี่ ก่าแก่ทสี่ ุดของเวียดนามและเป็ นประ
เพณี ทเี่ ป็ นทางการมากขึน้
ต้นกาเนิดของดนตรีเวียดนามสามารถโยงไปถึงการรุกรานของมองโกลในศต
วรรษที่ 13 เมือ ่ เวียดนามจับกุมคณะงิว้ [30]
วรรณกรรม[แก้]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
เทศกาล[แก้]

ต้นไม้ของประเพณี ตรุษญวน (ปี ใหม่ทางจันทรคติ)


เวียดนามมีเทศกาลตามปฏิทน ิ จันทรคติมากมาย
เทศกาลทีส ่ าคัญทีส
่ ุดคือการเฉลิมฉลองปี ใหม่ตรุษญวน งานแต่งงานเวียดนาม
แบบดัง้ เดิมยังคงเป็ นทีน
่ ิยมกันอย่างแพร่หลายและมักจะมีการเฉลิมฉลองโดย
ชาวเวียดนามในประเทศตะวันตก
เทศกาลเต๊ต
เป็ นเทศกาลทางศาสนาทีส ่ าคัญทีส
่ ุด มีชือ
่ เต็มว่า
"เต๊ตเงวียนด๊าน" หมายความว่า
เทศกาลแห่งรุง่ อรุณแรกของปี
มีขน ้ึ ระหว่างปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภ
าพันธ์ เป็ นการเฉลิมฉลองความเชือ ่ ในเทพเจ้า
ลัทธิเต๋า ขงจือ่ และศาสนาพุทธ
และเป็ นการเคารพบรรพบุรุษ
เทศกาลกลางฤดูใบไม้รว่ ง
ตรงกับวันขึน ้ 15 ค่า เดือน 8 ของทุกปี
ชาวบ้านประกวดทาขนมเปี๊ ยะโก๋ญวน
(บันตรังทู) พร้อมทัง้ จัดขบวนแห่เชิดมังกร
เพือ่ เป็ นการแสดงความเคารพต่อดวงจันทร์
การท่องเทีย่ ว[แก้]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล
คุณสามารถช่วยเพิม ่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
กีฬา[แก้]
ดูบทความหลักที:่ ฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม,
ประเทศเวียดนามในโอลิมปิ ก และ เวียดนาม
ในเอเชียนเกมส์
ตะกร้อเวียดนามก็เล่น เด้อ
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล
คุณสามารถช่วยเพิม ่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
อาหาร[แก้]

เฝอ หนึ่งในอาหารเวียดนามยอดนิยม
เฝอ เป็ นอาหารยอดนิยมในเวียดนาม
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล
คุณสามารถช่วยเพิม ่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
การแต่งกาย[แก้]
การแต่งกายอ่าวหญ่าย (Ao dai)
เป็ นชุดประจาชาติของประเทศเวียดนามทีป ่ ร
ะกอบไปด้วยชุดผ้าไหมทีพ ่ อดีตวั
สวมทับกางเกงขายาวซึง่ เป็ นชุดทีม ่ กั สวมใส่ใ
นงานแต่งงาน และพิธีการสาคัญของประเทศ
ชุดผูห
้ ญิงคล้ายชุดกีเ่ พ้าของจีน
ในปัจจุบน ั เป็ นชุดทีไ่ ด้รบ
ั ความนิยมมากจาก
ผูห
้ ญิงเวียดนามทั่วทัง้ ประเทศ
ส่วนผูช้ ายจะสวมใส่ชุดอ่าวหญ่ายในพิธีแต่งง
านหรือพิธีศพ
ดูเพิม
่ [แก้]

 ภาษาเวียดนาม
 ฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม
 วีลีก
หมายเหตุ[แก้]

1. กระโดดขึน้ ↑ Only the first verse


of the "Army March" is
recognized as the official
national anthem of the Socialist
Republic of Vietnam.
อ้างอิง[แก้]

1. กระโดดขึน ้ ↑ Robbers, Gerhard


(30 January
2007). Encyclopedia of world
constitutions. Infobase
Publishing. p. 1021. ISBN 978-
0-8160-6078-8. สืบค้นเมือ ่ 1 July
2011.
2. กระโดดขึน ้ ↑ Vietnam –
Geography. Index Mundi. 12
July 2011. Retrieved 19
December 2011.
3. กระโดดขึน ้ ↑ "World Economic
Outlook: Vietnam". International
Monetary Fund. October 2013.
สืบค้นเมือ
่ 16 February 2014.
4. กระโดดขึน ้ ↑ "Socialist Republic
of Vietnam".
Travelsradiate.com. สืบค้นเมือ ่ 6
August 2011.
5. กระโดดขึน ้ ↑ Woods 2002, p. 38
6. กระโดดขึน ้ ↑ Yue-Hashimoto
1972, p. 1
7. กระโดดขึน ้ ↑http://www.nhandan.c
om.vn/english/business/050707/
business_p.htm
8. กระโดดขึน้ ↑ อมตะซิตี้ เบียนโฮ
ทางเลือกใหม่ลงทุน
9. กระโดดขึน ้ ↑ http://www.manager.
co.th/IndoChina/ViewNews.asp
x?NewsID=9500000096151
10. กระโดดขึน ้ ↑ http://thai.cri.cn/
1/2007/12/05/21@114375.htm
11. กระโดดขึน ้ ↑ เวียดปักธงสนามบิน
$8 พันล้าน แข่งสุวรรณภูมิ (ผูจ้ ดั การ)
12. กระโดดขึน ้ ↑ "Under South
Vietnam Rule". MHRO.org.
2010. Retrieved 21 April 2012.
13. กระโดดขึน ้ ↑ World Directory
of Minorities and Indigenous
Peoples – Vietnam: Chinese
(Hoa).UNHCR Refworld.
Retrieved 12 February 2013.
14. กระโดดขึน ้ ↑ Vietnam (08/08).
U.S. Department of State.
Retrieved 12 February 2013.
15. กระโดดขึน ้ ↑ หนังสือพิมพ์มติชน
รายวัน หน้า 6 คอลัมน์
หน้าต่างความจริง วันที่ 8 เมษายน
พ.ศ. 2550 ปี ที่ 30 ฉบับที่ 10620
16. กระโดดขึน ้ ↑ [1] Religion in
Vietnam
17. กระโดดขึน ้ ↑ "Background
Note: Vietnam". US Department
of State. สืบค้นเมือ ่ 28 April 2010.
18. กระโดดขึน ้ ↑ "The Largest
Buddhist Communities".
Adherents.com. Retrieved 9
July 2013. This source quotes a
much lower figure than the 85%
quoted by the US Department of
State.
19. กระโดดขึน้ ↑ "Vietnam".
APEC. Archived from the
original on 6 April 2008.
สืบค้นเมือ
่ 9 July 2013.
20. กระโดดขึน ้ ↑ "Vietnam".
Encyclopedia of the Nations. 14
August 2007. สืบค้นเมือ ่ 28 April
2010.
21. กระโดดขึน ้ ↑ "Vietnam's
religions". Vietnam-
holidays.co.uk. สืบค้นเมือ ่ 28 April
2010.
22. กระโดดขึน ้ ↑ "Religion of the
Vietnamese".
Mertsahinoglu.com. สืบค้นเมือ ่ 28
April 2010.
23. กระโดดขึน ้ ↑ "Vietnam:
International Religious Freedom
Report 2007". U.S. Department
of State: Bureau of Democracy,
Human Rights, and Labor. 14
September 2007. สืบค้นเมือ ่ 21
January 2008.
24. กระโดดขึน ้ ↑ "Law on
Publication (No. 30/2004/QH11
of 3 December 2004)". Ministry
of Justice. สืบค้นเมือ ่ 21
September 2011.
25. กระโดดขึน ้ ↑ "Muting the
Messengers: Vietnam's Press
Under Pressure". The
Economist (London). 15
January 2009. สืบค้นเมือ ่ 17
January 2009.
26. กระโดดขึน ้ ↑ Wilkey, Robert
N (2002). "Vietnam’s Antitrust
Legislation and Subscription to
E-ASEAN: An End to the
Bamboo Firewall Over Internet
Regulation?". John Marshall
Journal of Computer and
Information Law 20 (4).
27. ้ ↑ OpenNet
กระโดดขึน
Initiative (9 May 2007). "Country
Profile: Vietnam". สืบค้นเมือ ่ 15
July 2008.
28. กระโดดขึน้ ↑ Reporters
Without Borders. "Internet
Enemies: Vietnam". สืบค้นเมือ ่ 15
July 2008.
29. กระโดดขึน ้ ↑ "OpenNet
Initiative Vietnam Report:
University Research Team
Finds an Increase in Internet
Censorship in Vietnam".
Berkman Center for Internet &
Society at Harvard University. 5
August 2006. สืบค้นเมือ ่ 15 July
2008.
30. กระโดดขึน ้ ↑ "Opera—
Vietnam". Encyclopedia of
Modern Asia. 2006. Archived
from the original on 10 July
2007. สืบค้นเมือ ่ 11 August 2012 –
โดยทาง BookRags.com.

 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดย
กระทรวงการต่างประเทศ

You might also like