Professional Documents
Culture Documents
มาตรา ๘๐ ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
มาตรา ๘๐ ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผูใ้ ดพยายามกระทาความผิด
ผูน ้ น
้ ั ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษทีก
่ ฎหมายกาหนดไว้สาหรับความผิดนัน
้
ถ้าการกระทาดังกล่าวในวรรคแรกได้กระทาไปโดยความเชือ
่ อย่างงมงาย
ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3211/2560
จาเลยที่ 1
ลงมือกระทาความผิดตามทีม ี วู้ า่ จ้างให้ไปรับเมทแอมเฟตามีนในทีเ่ กิดเหตุซง่ึ ถูกซุกซ่อนอยู่
่ ผ
บริเวณโคนเสาป้ ายสัญญาณจราจรทางโค้ง
โดยลงจากรถไปยืนทีบ ่ ริเวณดังกล่าวตามทีน ่ ด
ั หมายไว้
อันเป็ นเหตุการณ์ ใกล้ชด
ิ กับความผิดสาเร็จ แต่จาเลยที่ 1
กระทาไปไม่ตลอดเพราะถูกเจ้าพนักงานตารวจมาพบและถูกจับกุมได้เสียก่อน
จึงเป็ นการพยายามกระทาความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพือ ่ จาหน่ าย
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6048/2559
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5923/2559
การทีจ่ าเลยขับรถในขณะเมาสุรา ซึง่ เป็ นความผิดต่อพระราชบัญญัตจิ ราจรทางบก
พ.ศ.2522
และจาเลยขับรถยนต์ค ันเกิดเหตุพงุ่ เข้าชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์รว่ มทัง้ สองอันเป็ นความ
ผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ นัน
้ เป็ นการกระทาความผิดทีม
่ เี จตนาแยกต่างหากจากกัน
ถือไม่ได้วา่ การทีจ่ าเลยขับรถในขณะเมาสุราเป็ นสาเหตุสว่ นหนึ่งของการทีจ่ าเลยขับรถยนต์ค ั
นเกิดเหตุพงุ่ เข้าชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์รว่ มทัง้ สอง
การกระทาของจาเลยจึงเป็ นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5505/2559
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3237/2559
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2856/2559
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2559
ก่อนเกิดเหตุผต ู้ ายกับจาเลยต่างเมาสุราโต้เถียงทะเลาะกัน
จาเลยกลับบ้านเอามีดดาบของกลางมาขูผ ่ ูต
้ าย ผูต้ ายกับจาเลยโต้เถียงกันอีก
แล้วจาเลยถือมีดดาบวิง่ ไล่ผูต้ ายไปจนถึงบริเวณทีผ ่ ูต ้ ายกับพวกนั่งดืม ่ สุรากัน
อ.เข้าไปห้ามจาเลย จาเลยจึงกลับบ้านโดยไม่ได้ฟน ั ผูต ้ าย ผูต
้ ายกลับมานั่งดืม ่ สุรากับพวกต่อ
่ นึ่งผูต
สักครูห ้ ายเดินออกไปทางท้ายซอยห่างจากวงสุราประมาณ 10 เมตร
และยืนชี้มาทางบ้านจาเลยลักษณะท้าทาย
จาเลยโมโหจึงได้ขบั รถจักรยานยนต์เข้าไปหาผูต ้ ายแล้วใช้มด ี ดาบฟันผูต ้ าย ดังนี้
พฤติการณ์ ของจาเลยหลังจากทีจ่ าเลยใช้มด ี ดาบของกลางวิง่ ไล่ผูต ้ ายไปจนถึงทีเ่ กิดเหตุและใช้
มีดดาบของกลางเล่มเดิมฟันผูต ้ าย เป็ นเหตุการณ์ ทต ี่ อ่ เนื่องกันไม่ขาดตอน
ถือไม่ได้วา่ จาเลยกระทาการโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2559
เจ้าพนักงานตารวจได้เข้าจับกุมจาเลยทัง้ สองโดยทีจ่ าเลยที่ 1
ยังไม่ได้สง่ มอบเมทแอมเฟตามีนของกลางแก่จาเลยที่ 2 จาเลยที่ 2
ยังไม่ได้รบั เข้ามาในเงื้อมมือของจาเลยที่ 2 จึงฟังไม่ได้วา่ จาเลยที่ 2
ได้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็ นความผิดสาเร็จ แต่การทีจ่ าเลยที่ 2
ไปรอรับเมทแอมเฟตามีนของกลางทีจ่ าเลยที่ 1 นาเข้ามาเพือ ่ ส่งมอบให้ทจี่ ุดนัดหมาย
ถือว่าเป็ นการกระทาทีใ่ กล้ชด ิ ต่อความผิดสาเร็จ เข้าขัน ้ ลงมือกระทาผิดแล้ว
การกระทาของจาเลยที่ 2
จึงเป็ นความผิดฐานพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจาหน่ าย
ปัญหาดังกล่าวเกีย่ วด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จาเลยที่ 2 ไม่ได้กล่าวชัดแจ้งในฎีกา
ศาลฎีกาก็หยิบยกขึน ้ วินิจฉัยได้ ซึง่ การกระทาผิดของจาเลยที่ 2
ต่อเมทแอมเฟตามีนของกลางดังทีก ่ ล่าวมาแล้วทัง้ หมดได้ความว่ามีลกั ษณะเดียวกับทีจ่ าเลยที่
2 กระทาต่อกัญชาของกลาง
ศาลฎีกาเห็นควรพิพากษาให้มผ ี ลตลอดไปถึงการกระทาผิดเกีย่ วกับกัญชาของกลางซึง่ ยุตไิ ป
แล้วด้วย
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 13908/2558
โจทก์ฟ้องว่าจาเลยที่ 2 ก่อให้จาเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันฆ่า ส. ผูเ้ สียหายและ อ.
ผูต้ ายโดยไตร่ตรองไว้กอ่ น ต่อมา จาเลยที่ 1
กับพวกใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายและผูต ้ ายหลายนัดโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ นเนื่
องจากถูกใช้ จ้าง วาน ยุยงส่งเสริมจากจาเลยที่ 2
เป็ นเหตุให้ผต ู้ ายถึงแก่ความตายและผูเ้ สียหายได้รบั อันตรายแก่กาย
เมือ่ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจาเลยที่ 2 ขัดแย้งกับผูเ้ สียหาย จาเลยที่ 2
มอบอาวุธปื นและบอกให้จาเลยที่ 1 สั่งสอนผูเ้ สียหาย
การมอบอาวุธปื นมีกระสุนปื นหลายนัดให้จาเลยที่ 1 แสดงให้เห็นเจตนาของจาเลยที่ 2
ว่าให้จาเลยที่ 1
สั่งสอนผูเ้ สียหายโดยใช้ปืนยิงและย่อมเล็งเห็นได้วา่ หากผูเ้ สียหายไม่ตายก็ยอ ่ มได้รบั บาดเจ็บ
จากบาดแผลกระสุนปื น จึงเป็ นการก่อให้ผูอ ้ น
ื่ กระทาผิดโดยเจตนาตาม ป.อ. มาตรา 59
วรรคสอง เมือ่ จาเลยที่ 1 ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายจึงเป็ นการกระทาตามทีจ่ าเลยที่ 2
ใช้ให้จาเลยที่ 1 ฆ่าผูเ้ สียหายโดยไตร่ตรองไว้กอ่ นแล้ว เมือ่ ผูเ้ สียหายไม่ถงึ แก่ความตาย
จาเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็ นผูใ้ ช้และรับโทษเสมือนตัวการร่วมกับจาเลยที่ 1 ตาม ป.อ.
มาตรา 289 (4), 80 ประกอบมาตรา 84 วรรคสอง และเมือ่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จาเลยที่ 2
ไม่เคยรูจ้ กั ไม่มส ี าเหตุโกรธเคืองกับผูต ้ าย ก่อนเกิดเหตุจาเลยที่ 2 บอกให้จาเลยที่ 1
ไปสั่งสอนผูเ้ สียหายให้เข็ดหลาบ โดยไม่ปรากฏว่าจาเลยที่ 2
ทราบเหตุการณ์ ทผ ี่ ูเ้ สียหายนัดหมายผูต้ ายมารับเพือ่ เดินทางกลับบ้าน ทัง้ จาเลยที่ 2
ไม่ได้ตด ิ ตามผูเ้ สียหายและผูต ้ ายไป ตามพฤติการณ์ จาเลยที่ 2 ไม่อาจคาดหมายว่าจาเลยที่ 1
จะใช้อาวุธปื นยิงผูต ้ ายด้วย การทีจ่ าเลยที่ 1
ยิงผูต
้ ายถึงแก่ความตายเป็ นการกระทาเกินขอบเขตทีใ่ ช้ จึงฟังไม่ได้วา่ จาเลยที่ 2
มีเจตนาก่อให้จาเลยที่ 1 ฆ่าผูต
้ าย เมือ่ ตามฟ้ องโจทก์บรรยายว่าจาเลยที่ 2 เป็ นผูใ้ ช้ให้จาเลยที่
1 ฆ่าผูต้ ายโดยไตร่ตรองไว้กอ่ น แต่ทางพิจารณาโจทก์สบ ื ไม่สมฟ้ องในความผิดฐานดังกล่าว
จึงต้องยกฟ้ องในข้อหานี้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 13592/2558
พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 บัญญัตวิ า่
"ผูใ้ ดนาหรือพาของทีย่ งั มิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจากัด หรือของต้องห้าม
หรือทีย่ งั มิได้ผา่ นศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในพระราชอาณาจักรสยามก็ดี...
หรือเกีย่ วข้องด้วยประการใด ๆ ในการหลีกเลีย่ ง
หรือพยายามหลีกเลีย่ งการเสียค่าภาษี ศุลกากร หรือในการหลีกเลีย่ ง
หรือพยายามหลีกเลีย่ งบทกฎหมาย และข้อจากัดใด ๆ อันเกีย่ วแก่การนาของเข้า ส่งของออก
ขนของขึน ้ เก็บของในคลังสินค้า และการส่งมอบของโดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษี ของรัฐบาล
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห ่ ัว ทีจ่ ะต้องเสียสาหรับของนัน ้ ๆ ก็ดี
หรือหลีกเลีย่ งข้อห้ามหรือข้อจากัดอันเกีย่ วแก่ของนัน ้ ก็ดี สาหรับความผิดครัง้ หนึ่ง ๆ
ให้ปรับเป็ นเงินสีเ่ ท่าของราคาของซึง่ ได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจาคุกไม่เกินสิบปี
หรือทัง้ ปรับทัง้ จา" ดังนี้
ความผิดฐานนี้ไม่วา่ จะเป็ นพยายามกระทาความผิดหรือกระทาความผิดสาเร็จ
กฎหมายกาหนดโทษไว้เท่ากัน
ทีศ
่ าลอุทธรณ์ ลงโทษปรับจาเลยในความผิดฐานดังกล่าวสองในสามของโทษปรับทีก ่ ฎหมาย
กาหนดไว้จงึ เป็ นการไม่ชอบ
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6984/2558
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 14715/2557
การทีจ่ าเลยที่ 1 และที่ 2
ร่วมกันตัดผลปาล์มของผูเ้ สียหายจนหล่นลงมากองอยูบ ่ นพืน
้ เป็ นการแยกหรือเคลือ
่ นทีผ
่ ลปาล์
มออกจากต้น แต่ยงั ไม่ทน ั รวบรวมผลปาล์ม ผูเ้ สียหายก็มาพบเสียก่อน ยังถือไม่ได้วา่ จาเลยที่
1 และที่ 2 เข้ายึดถือเอาผลปาล์มจานวนนัน ้ ไว้แล้วอันเป็ นการเอาไปซึง่ ทรัพย์ของผูเ้ สียหาย
กรณีจงึ เป็ นความผิดฐานพยายามร่วมกันลักทรัพย์เท่านัน ้ และถือเป็ นเหตุในลักษณะคดี
ศาลฎีกามีอานาจพิพากษาให้มผ ี ลไปถึงจาเลยที่ 2 ทีม
่ ไิ ด้ฎก
ี าด้วยได้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 11741/2557
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 11666/2557
จาเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านพักอาศัยของผูเ้ สียหายที่ 1
แล้วชกต่อยผูเ้ สียหายที่ 2 แสดงว่าจาเลยกับพวกมีเจตนาแต่แรกเพียงทีจ่ ะทาร้ายผูเ้ สียหายที่
2 เท่านัน้ แต่ภายหลังจาเลยชกต่อยกับผูเ้ สียหายที่ 2 แล้ว จาเลยเรียก ว. เข้ามายิงผูเ้ สียหายที่
2 ในขณะผูเ้ สียหายที่ 2 ล้มนอนบนพืน ้ การที่ ว. ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายที่ 2
้ ภายหลัง
จึงเป็ นเจตนาทีเ่ กิดขึน
การกระทาของจาเลยกับพวกในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ และร่วมกันพยายามฆ่า
ผูอ
้ น
ื่ โดยพลาด กับความผิดฐานร่วมกันบุกรุก จึงเป็ นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6585/2557
จุดด่านตรวจทีจ่ บั กุมจาเลยได้อยูห ่ า่ งจากเรือนจาประมาณ 10 กิโลเมตร
เป็ นจุดตรวจค้นพบของกลางเท่านัน ้
ยังไม่ใช่จุดปฏิบตั ก ่ งบินซึง่ จาเลยเคยมาทดสอบการใช้เครือ่ งบินเฮลิคอปเตอร์บ ั
ิ ารบังคับเครือ
งคับด้วยวิทยุมาแล้ว ฉะนัน ้
เมือ่ จาเลยจะปฏิบตั ก ิ ารบังคับเครือ
่ งบินเฮลิคอปเตอร์สง่ โทรศัพท์เคลือ
่ นทีแ
่ ละอุปกรณ์ เข้าเรือ
นจาจึงอยูใ่ กล้เรือนจาซึง่ สามารถกระทาได้
การกระทาของจาเลยถือว่าได้ลงมือกระทาความผิดแล้ว
แต่กระทาไปไม่ตลอดเนื่องจากเจ้าพนักงานตารวจจับกุมจาเลยได้เสียก่อน
การกระทาของจาเลยจึงเป็ นความผิดฐานร่วมกันพยายามนาโทรศัพท์เคลือ ่ ละอุปกรณ์ ซงึ่
่ นทีแ
เป็ นสิง่ ของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจา อันเป็ นการฝ่ าฝื นระเบียบหรือข้อบังคับของเรือนจา
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2557
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 22746/2555
จาเลยขับรถจักรยานยนต์มาทีว่ น ิ รถจักรยานยนต์พูดว่า หากใครไม่จา่ ยไม่ให้จอด
ระวังจะจาเบอร์ไม่ได้ จาซอยไม่ได้ ขับเงียบ ๆ ใกล้จะหมดเวลาของพวกมึงแล้ว
มีลกั ษณะเป็ นการข่มขูผ ่ เู้ สียหายทัง้ สามว่าอาจถูกทาร้าย
หลังจากมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้วแต่ไม่มก ี ารควบคุมตัวจาเลยในระหว่างดาเนินคดี
ผูเ้ สียหายทัง้ สามเกรงจะได้รบั อันตรายและถูกห้ามขับรถจักรยานยนต์รบั จ้างในซอยเกิดเหตุจึ
งต้องจายอมจ่ายเงินให้แก่จาเลยวันละ 15 บาท ตามทีจ่ าเลยเรียกร้อง
แต่ขอ ้ เท็จจริงทีผ
่ ูเ้ สียหายทัง้ สามจายอมจ่ายเงินให้แก่จาเลยวันละ 15 บาท
ภายหลังมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้วนัน ้
ปรากฏแต่ในทางพิจารณาโดยโจทก์ไม่ได้กล่าวไว้ในฟ้ อง
ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงไม่ใช่เป็ นเรือ ่ งทีโ่ จทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
จึงต้องห้ามมิให้ศาลลงโทษจาเลยโดยอาศัยข้อเท็จจริงนัน ้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่
ประกอบมาตรา 225
ศาลฎีกาจึงลงโทษจาเลยได้แต่ในความผิดฐานพยายามกรรโชกทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 337
วรรคแรก ประกอบมาตรา 80 เท่านัน ้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 20375/2555
จาเลยที่ 1 ใช้ปืนซึง่ เป็ นอาวุธทีม ่ อ
ี านุภาพร้ายแรงยิงผูเ้ สียหาย
ขณะทีผ ่ ูเ้ สียหายกอดรัดอยูก ่ บั จาเลยที่ 2
แม้กระสุนปื นจะเฉี่ยวศีรษะของผูเ้ สียหายไปเป็ นเหตุให้มเี พียงบาดแผลฉี กขาดทีศ ่ ีรษะได้รบั
บาดเจ็บเท่านัน ้ ก็ตาม
ก็ถือได้วา่ เป็ นการยิงโดยมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหายและจาเลยได้กระทาไปตลอดครบองค์ประกอบ
ของความผิดฐานพยายามฆ่าแล้ว แม้ขอ ้ เท็จจริงจะได้ความว่า
เมือ่ ผูเ้ สียหายหนีไปอยูห ่ ลังกระต๊อบ จาเลยที่ 2 ไปลากผูเ้ สียหายออกมาแล้ว จาเลยที่ 1
จะยับยัง้ ไม่ใช้อาวุธปื นยิงผูเ้ สียหายต่อไปจนถึงแก่ความตาย จาเลยที่ 1
ก็ยงั ต้องรับโทษสาหรับความผิดฐานพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ ทีไ่ ด้กระทาไปแล้ว
กรณีหาใช่การกระทาความผิดของจาเลยที่ 1
เป็ นการยับยัง้ เสียเองไม่กระทาให้ตลอดหรือจาเลยที่ 1
กลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทานัน ้ บรรลุผลอันจะทาให้จาเลยที่ 1
ไม่ตอ ้ งรับโทษสาหรับการกระทาความผิดนัน ้ ตาม ป.อ. มาตรา 82
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 16527/2555
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 7253/2555
ตัง้ แต่ออกจากรีสอร์ทจนมาถึงทีเ่ กิดเหตุทพ ี่ ช
ี่ าย น. ยิงผูเ้ สียหาย
ไม่ปรากฏว่าจาเลยและพีช ่ าย น. ได้พด ู กันแต่อย่างใด แต่เมือ่ จาเลยจอดรถพีช ่ าย น.
ก็กระโดดลงจากรถและชักอาวุธปื นออกมายิงผูเ้ สียหาย แสดงว่าจาเลยและพีช ่ าย น.
ได้ตกลงกันไว้กอ ่ นแล้วให้จาเลยเป็ นคนพาผูเ้ สียหายมา ส่วนพีช ่ าย น. จะเป็ นคนยิง
อันเป็ นการแบ่งหน้าทีก ่ น
ั ทา จาเลยจึงเป็ นตัวการร่วมกระทาความผิดกับพีช ่ าย น. ด้วย
การทีค ่ นร้ายใช้อาวุธปื นซึง่ เป็ นอาวุธร้ายแรงยิงผูเ้ สียหาย 5 นัด ถูกทีไ่ หล่ซา้ ย 1 นัด
จนทะลุแสดงว่าคนร้ายมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหาย
แต่เนื่องจากกระสุนปื นไม่ถูกอวัยวะสาคัญผูเ้ สียหายจึงไม่ถงึ แก่ความตาย
การกระทาของจาเลยกับพวกจึงเป็ นความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ และเป็ นการกระทา
ความผิดโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น
เพราะได้มก ี ารวางแผนไว้ลว่ งหน้าก่อนทีจ่ ะนาตัวผูเ้ สียหายมายิงในทีเ่ กิดเหตุ
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6265/2555
จาเลยกับพวกแทงผูต
้ ายและโจทก์รว่ มที่ 2
อย่างแรงทีอ่ วัยวะสาคัญของร่างกายทีส่ ามารถทาให้ถงึ แก่ความตายได้
เมือ่ ผูต
้ ายถึงแก่ความตายและโจทก์รว่ มที่ 2 ได้รบั อันตรายสาหัส
แพทย์ผต ู้ รวจชันสูตรบาดแผลเบิกความว่า หากไม่ได้รบั การรักษาทันท่วงทีโจทก์รว่ มที่ 2
อาจถึงแก่ความตายได้ จึงฟังได้วา่ จาเลยมีเจตนาฆ่าผูต ้ ายและพยายามฆ่าโจทก์รว่ มที่ 2
ส่วนโจทก์รว่ มที่ 3 จาเลยใช้มด ี แทงและฟันโจทก์รว่ มที่ 3
ตามโอกาสอานวยไม่ได้เลือกแทงอวัยวะส่วนทีส่ าคัญของร่างกายทัง้ มีดทีใ่ ช้แทงและฟันไม่ใช่
มีดขนาดใหญ่ แม้บาดแผลทีโ่ จทก์รว่ มที่ 3
ถูกฟันด้านหลังยาวจากสะบัดขวาถึงเอวด้านซ้ายยาว 50 เซนติเมตร แต่ลก ึ เพียง 0.4
เซนติเมตร แสดงว่าไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงทีจ่ ะทาให้โจทก์รว่ มที่ 3 ถึงแก่ความตายได้
จาเลยกับพวกมีเพียงเจตนาทาร้ายร่างกายโจทก์รว่ มที่ 3 เท่านัน ้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 4164/2555
จาเลยใช้ลน ิ้ เลียทีอ่ วัยวะเพศของโจทก์รว่ ม
ใช้อวัยวะเพศของจาเลยสอดใส่อวัยวะเพศของโจทก์รว่ มโจทก์รว่ มมีอาการเจ็บ
มีอาการอักเสบเป็ นรอยแดงบริเวณแคมทัง้ สองข้างรอบปากช่องคลอด สือ่ ให้เห็นว่า
จาเลยประสงค์จะใช้อวัยวะเพศของจาเลยสอดใส่อวัยวะเพศของโจทก์รว่ ม
มิใช่เพียงการใช้อวัยวะเพศของจาเลยถูไถเฉพาะภายนอกอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มโดยไม่ปร
ะสงค์จะสอดใส่
การกระทาของจาเลยจึงบ่งชี้ถงึ เจตนาของจาเลยทีจ่ ะข่มขืนกระทาชาเราโจทก์รว่ ม
หาใช่มเี จตนาเพียงแค่กระทาอนาจารไม่ ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง
ซึง่ แก้ไขเพิม ่ เติมโดยมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.แก้ไขเพิม ่ เติม (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2550
ต้องการขยายความหมายของการกระทาชาเราว่า
นอกจากหมายถึงการใช้อวัยวะเพศของผูก ้ ระทากระทาต่ออวัยวะเพศของผูถ ้ ก
ู กระทาแล้ว
ยังรวมถึงการใช้อวัยวะเพศของผูก ้ ระทากระทากับทวารหนักหรือช่องปากของผูถ ้ ูกกระทาด้ว
ย เท่ากับเป็ นการเพิม ่ อวัยวะทีถ ่ ูกกระทาขึน ้ ใหม่
เพิม ่ สิง่ ทีใ่ ช้ในการกระทานอกจากจะกระทาชาเราโดยใช้อวัยวะเพศของผูก ้ ระทากระทากับอวั
ยวะเพศ ทวารหนักหรือช่องปากของผูถ ้ ูกกระทาแล้ว ยังรวมถึงการใช้สงิ่ อืน่ ใด เช่น
การใช้อวัยวะเพศเทียมกระทากับอวัยวะเพศ หรือทวารหนักของผูถ ้ ูกกระทาด้วย
เป็ นกรณี ทข ี่ ยายความหมายของคาว่ากระทาชาเรา
ในแง่เพิม ่ สิง่ ทีใ่ ช้ในการกระทาและอวัยวะทีถ ้ ใหม่เท่านัน
่ ูกกระทาขึน ้
ส่วนกรณี อย่างไรจึงจะเป็ นการกระทาชาเราสาเร็จนัน ้ ก็คงยังคงมีความหมายอยูว่ า่
จะเป็ นการกระทาชาเราสาเร็จได้ตอ ้ งถึงขัน้ อวัยวะเพศของผูก ้ ระทาล่วงลา้ เข้าไปในอวัยวะเพ
ศของผูถ ้ ูกกระทา หรือล่วงลา้ เข้าไปในทวารหนักของผูถ ้ ูกกระทา
หรือล่วงลา้ เข้าไปในช่องปากของผูถ ้ กู กระทา หากมีการใช้สงิ่ ของอย่างอืน ่ เช่น
อวัยวะเพศเทียม สิง่ ของอย่างนัน ้ ก็ตอ ้ งมีการล่วงลา้ เข้าไปในอวัยวะเพศ
หรือทวารหนักของผูถ ้ ก
ู กระทาเช่นกัน จาเลยมีเจตนากระทาชาเราโจทก์รว่ ม
จาเลยใช้อวัยวะเพศของจาเลยถูไถอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มแต่อวัยวะเพศของจาเลยไม่อาจล่
วงลา้ เข้าไปในอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มได้ เพราะอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มมีขนาดเล็ก
ส่วนการใช้ลน ิ้ เลียอวัยวะเพศของโจทก์รว่ มก็ไม่ปรากฏว่าลิน ้ ได้ลว่ งลา้ เข้าไปในอวัยวะเพศข
องโจทก์รว่ ม การกระทาของจาเลยถือได้วา่ จาเลยลงมือกระทาชาเราแล้ว
แต่การกระทาไม่บรรลุผล จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามกระทาชาเราโจทก์รว่ ม
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2894/2555
ผูต
้ รวจพิสจู น์อาวุธปื นให้การไว้ในชัน ้ สอบสวนว่า
อาวุธปื นแก๊ปของกลางเป็ นอาวุธทีส่ ามารถทาอันตรายแก่ชีวต ิ และวัตถุได้
การทีก่ ระสุนปื นไม่ล่น ั เมือ่ สับนกปื นนัน้ สามารถเกิดขึน ้ กับอาวุธปื นได้
หากดินปื นมีความชื้นหรือเปี ยกชื้น
เพราะประกายไฟซึง่ เกิดจากนกปื นสับไปทีแ ่ ก๊ปปื นไม่สามารถลุกลามไปติดเนื้อดินปื นในลาก
ล้องเพือ่ ส่งเม็ดตะกั่วทีบ ่ รรจุอยูอ่ อกไปทางปากกระบอกปื นได้
แสดงว่าในวันเกิดเหตุหากดินปื นทีบ ่ รรจุอยูใ่ นลากล้องอาวุธปื นของกลางแห้ง ไม่เปี ยกชื้น
กระสุนปื นก็ตอ ้ งลั่นส่งเม็ดตะกั่วทีบ ่ รรจุอยูใ่ นลากล้องออกมาใส่ใบหน้าผูเ้ สียหายเป็ นอันตราย
ต่อชีวติ ได้ การกระทาของจาเลยจึงเป็ นการลงมือกระทาความผิดไปตลอดแล้ว
แต่การกระทาไม่บรรลุผลอันเป็ นการพยายามกระทาความผิดตาม ป.อ. มาตรา 80
หาใช่การกระทานัน ้ ไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้
เพราะอาวุธปื นหรือเครือ่ งกระสุนปื นของกลางอันเป็ นปัจจัยซึง่ ใช้ในการกระทาตามมาตรา
81 แต่อย่างใดไม่
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2555
จาเลยใช้อาวุธปื นจีข
้ ูเ่ ข็ญผูเ้ สียหายว่าอย่าส่งเสียงและให้สง่ ของมีคา่ ให้
เมือ่ ผูเ้ สียหายส่งกระเป๋ าสะพายให้และพูดว่า
จะเอาอะไรก็เอาไปขอบัตรประจาตัวประชาชนไว้
จาเลยค้นกระเป๋ าสะพายแล้วเห็นว่าไม่มข ี องมีคา่ จึงส่งกระเป๋ าสะพายคืนให้
และคลาทีค ่ อผูเ้ สียหายเพือ
่ หาสร้อยคอ ผูเ้ สียหายบอกจาเลยว่าไม่มข ี องมีคา่ ติดตัวมา
จาเลยจึงปล่อยตัวผูเ้ สียหายแล้วเดินหนีไป
แสดงให้เห็นว่าจาเลยมิได้ประสงค์จะแย่งเอากระเป๋ าสะพายของผูเ้ สียหายไปเป็ นของตน
เพียงแต่ตอ้ งการค้นหาของมีคา่ ในกระเป๋ าสะพายเท่านัน ้
มิฉะนัน
้ เมือ่ จาเลยได้กระเป๋ าสะพายแล้วก็ตอ ้ งหลบหนีไปทันทีโดยไม่ตอ ้ งเปิ ดดูและคืนกระเป๋
าสะพายให้ผูเ้ สียหาย ดังนัน ้ เมือ่ จาเลยยังไม่ได้ของมีคา่ ตรงตามเจตนาของจาเลย
การกระทาของจาเลยจึงยังไม่เป็ นการชิงทรัพย์สาเร็จ
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 11840/2554
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 11065/2554
คดีนี้จาเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้ องว่า
วันเวลาเกิดเหตุจาเลยใช้กาลังประทุษร้ายกดตัวผูเ้ สียหายลงกับพื้น
ใช้มอ ื ชกทีบ
่ ริเวณท้องและปากของผูเ้ สียหาย
แล้วจาเลยฉี กกระชากกระโปรงของผูเ้ สียหายจนขาด
ผูเ้ สียหายร้องให้คนช่วยและมีผูเ้ ข้าช่วยเหลือ ดังนี้
ลักษณะการกระทาของจาเลยดังกล่าวยังไม่อยูใ่ นวิสยั ทีจ่ าเลยจะกระทาชาเราผูเ้ สียหายได้
การกระทาของจาเลยจึงไม่เป็ นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทาชาเรา
แม้จาเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจาเลยฐานนี้ไม่ได้
แต่การกระทาของจาเลยเป็ นความผิดฐานกระทาอนาจารผูเ้ สียหายตาม ป.อ. มาตรา 278
อันเป็ นความผิดทีร่ วมการกระทาตามทีโ่ จทก์ฟ้องอยูด่ ว้ ยแล้ว
ศาลย่อมมีอานาจลงโทษจาเลยตามความผิดทีพ ่ จิ ารณาได้ความตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192
วรรคท้าย ได้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 9693/2554
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6816/2554
ความผิดฐานข่มขืนกระทาชาเราหญิงซึง่ มิใช่ภริยาของตน
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก (เดิม)
ซึง่ เป็ นกฎหมายทีใ่ ช้ในขณะจาเลยกระทาความผิด และต้องใช้บงั คับแก่คดี
เนื่องจากกฎหมายทีแ ่ ก้ไขในภายหลังไม่เป็ นคุณแก่จาเลยนัน้
มิได้ให้คานิยามของการกระทาชาเราไว้ แต่ตามบทบัญญัตแ ิ ห่งประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 276 วรรคสอง ทีแ ่ ก้ไขในภายหลัง ให้คานิยามของการกระทาชาเราไว้วา่
หมายความว่าการกระทาเพือ ่ สนองความใคร่ของผูก้ ระทาโดยการใช้อวัยวะเพศของผูก
้ ระทา
กระทากับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือ ช่องปากของผูอ ้ น
ื่ หรือ
การใช้สงิ่ อืน่ ใดกระทากับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผูอ ้ น
ื่
ซึง่ เป็ นเพียงการขยายความแต่ก็ยงั คงเทียบเคียงการกระทาชาเราหญิงตามกฎหมายเดิมได้
ความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทาชาเราหญิงนัน ้
ผูก
้ ระทาจะต้องใช้อวัยวะเพศของตนกระทาในลักษณะใกล้ชด ิ พร้อมทีจ่ ะใช้อวัยวะเพศสอดใส่
กับอวัยวะเพศของหญิงผูถ ้ ูกกระทา
การกระทาของจาเลยทีใ่ ช้แรงกายบังคับฉุ ดกระชากลากตัวผูเ้ สียหายเข้าไปในห้องน้า
ล๊อกประตูหอ้ งน้า ถอดกางเกงชัน ้ นอกและกางเกงในของผูเ้ สียหายออก
แล้วจับนมและอวัยวะเพศของผูเ้ สียหาย ซึง่ ถือเป็ นการกระทาการลวนลามผูเ้ สียหายแล้ว
แต่จาเลยยังไม่ได้ถอดกางเกงทีต ่ นเองสวมใส่ออก
การกระทาของจาเลยจึงยังไม่ถงึ ขัน ้ ทีพ
่ ยายามใช้อวัยวะเพศของตนเองสอดใส่เข้าไปในอวัยว
ะเพศของผูเ้ สียหาย
จึงถือว่าลักษณะการกระทาความผิดของจาเลยยังไม่อยูใ่ นวิสยั ทีจ่ ะกระทาการข่มขืนกระทาชา
เราผูเ้ สียหายได้
การกระทาของจาเลยจึงเป็ นความผิดเพียงฐานกระทาอนาจารผูเ้ สียหายเป็ นเหตุให้ได้รบั อันต
รายสาหัสเท่านัน ้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5725/2554
จาเลยที่ 1
เพียงแต่น่งั คร่อมรถจักรยานยนต์เพือ
่ จะใช้กุญแจผีไขรถจักรยานยนต์ของผูเ้ สียหายโดยยังไม่
ได้เอารถออกไป เป็ นการลงมือลักทรัพย์แล้ว
แต่กระทาไปไม่ตลอดเพราะเจ้าพนักงานตารวจและผูเ้ สียหายมาถึงทีเ่ กิดเหตุกอ ่ น
ทาให้จาเลยที่ 1 เอารถจักรยานยนต์ของผูเ้ สียหายไปไม่ได้ จาเลยที่ 1
มีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3925/2554
การที่ ส. พูดว่าจะเอาอาวุธปื นมายิงจาเลยแล้วจาเลยพูดกับ ส. ว่า พูดไม่เข้าหู แล้ว
ส., ม. และ น. ออกจากบ้านจาเลยไป เหตุโกรธเคืองยุตแ ิ ละขาดตอนไปแล้ว
ระหว่างนัน้ จาเลยย่อมมีโอกาสคิดไตร่ตรองไว้กอ่ นแต่พฤติการณ์ ทจี่ าเลยนั่งซ้อนท้ายรถจักรย
านยนต์ที่ ต. ขับติดตาม ส., ม. และ น. ไปโดยจาเลยเตรียมนาอาวุธปื นไปด้วยแสดงว่า
จาเลยคิดไตร่ตรองแล้วว่าจะใช้อาวุธปื นทีเ่ ตรียมไปยิงผูเ้ สียหายที่ 1 เพือ่ แก้แค้นทัง้ ต.
ยังขับรถแซงรถของ ส. ไปดักรอ ส., ม. และ น. อยูข ่ า้ งหน้า เมือ่ รถของ ส. มาถึง
จาเลยใช้อาวุธปื นยิง ส. การกระทาของจาเลยต่อ ส. จึงเป็ นการกระทาโดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น
จาเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผูอ ้ น
ื่ โดยไตร่ตรองไว้กอ่ นตาม ป.อ. มาตรา 289
(4), 80 รวม 1 กระทง แต่ไม่ปรากฎว่าจาเลยกับ ม. และ น.
มีเหตุโกรธเคืองกันจนจาเลยต้องคิดฆ่าบุคคลทัง้ สอง การทีจ่ าเลยยิง ม. และ น.
ก็เพราะบุคคลทัง้ สองนั่งรถจักรยานยนต์มากับ ส. จึงเป็ นการคิดฆ่าอีกกระทงหนึ่งในทันที
มิได้ไตร่ตรองไว้กอ่ นจาเลยจึงมีความผิดเพียงฐานร่วมกันพยายามฆ่าตาม ป.อ. มาตรา 288 ,
80
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2925/2554
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2819/2554
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2552
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2551
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512/2551
การกระทาทีไ่ ม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ตาม ป.อ. มาตรา 81
ต้องเป็ นกรณี ทเี่ กีย่ วกับปัจจัยหรือวัตถุซงึ่ ใช้ในการกระทาผิดไม่สามารถจะ
กระทาให้บรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ เช่น หญิงไม่มช ี อ
่ งคลอดอันเป็ นการผิดปกติมาแต่กาเนิด
ซึง่ อย่างไรๆ อวัยวะเพศชายก็ไม่สามารถจะสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศหญิงดังกล่าวได้
อวัยวะเพศชายสามารถเข้าไปในช่องคลอดของผูเ้ สียหายได้แต่ชอ ่ งคลอดจะฉี กขาดและ
จะต้องมีการบังคับขูเ่ ข็ญหรือใช้สารหล่อลืน ่
ซึง่ ไม่ใช่กรณี ทอ
ี่ วัยวะเพศชายไม่สามารถจะสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้ เสียหายได้
การกระทาของจาเลยทีก ี่ จั จัยซึง่ ใช้ในการ
่ ระทาต่อผูเ้ สียหายจึงไม่ใช่กรณี ทป
กระทาผิดไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ตามความหมายในมาตรา 81
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2551
ขณะทีเ่ จ้าพนักงานตารวจเข้าทาการตรวจค้นจับกุมยังมิได้มก ี ารส่งมอบกัญชาทีจ่ ะทา
การซื้อขายต่อกัน ทัง้ กัญชาของกลางจานวน 84 แท่ง อยูใ่ นกระสอบป่ าน 3 ใบ
ยังไม่ไม่ได้แบ่งแยกกัญชาทีล่ อ ่ ซื้อออกจากกัญชาทัง้ หมด
ประกอบกับผูล้ อ่ ซื้อยังไม่ได้เห็นกัญชาของกลาง
ตามพฤติการณ์ ยงั ต้องมีขน ้ ั ตอนอีกหลายกระบวนการกว่าจาเลยจะส่งมอบกัญชาทีจ่ ะ
ทาการซื้อขายกัน
จึงยังไกลเกินกว่าทีจ่ ะรับฟังลงโทษจาเลยในความผิดฐานพยายามจาหน่ ายกัญชาได้
กรณีจงึ ต้องยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้จาเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 10450/2550
จาเลยใช้อาวุธมีดสปาต้าปลายแหลมยาวประมาณ 1 ศอก
ฟันทาร้ายผูเ้ สียหายหลายครัง้ ถูกทีร่ า่ งกาย ใบหน้า และท้ายทอยซึง่ เป็ นอวัยวะสาคัญ
เมือ่ พิจารณาถึงบาดแผลลึกเห็นกระดูกและกระดูกแก้มแตกหักและลึกถึงกะโหลก
ศีรษะซึง่ แพทย์เห็นว่าเป็ นการถูกฟันโดยแรง ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 45 วัน ดังนี้
แสดงว่าจาเลยกระทาโดยมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหาย จึงเป็ นความผิดฐานพยายามฆ่า
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 4166/2550
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1477/2550
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2550
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3502/2548
จาเลยโกรธผูเ้ สียหายเนื่องจากถูกทวงเงินค่าน้ามันแล้วขับขีร่ ถจักรยานยนต์เสียงดังใส่หน้าผูเ้
สียหาย ต่อมาประมาณ 30 นาที จึงกลับมาใช้อาวุธปื นแก๊ปยิงผูเ้ สียหาย
กรณีไม่ใช่เกิดโทสะแล้วยิงผูเ้ สียหายทันที
หากแต่เกิดโทสะและออกจากทีเ่ กิดเหตุแล้วประมาณ 30 นาที ซึง่ มีเวลาทีจ่ ะคิดไตร่ตรอง
ถือว่ามีเจตนาผูอ้ น
ื่ โดยไตร่ตรองไว้กอ ่ น แต่เมือ่ จาเลยยิงผู้เสียหายในระยะห่าง 20 เมตร
กระสุนปื นถูกบริเวณคอด้านหน้าขวาและบริเวณชายโครงขวาด้านหน้าทัง้ สองแห่งมี
บาดแผลขนาด 0.5 เซนติเมตร ไม่มค ี วามลึก รักษาหายภายใน 7 วัน
แสดงว่ากระสุนปื นไม่มค ี วามรุนแรงพอทีจ่ ะทาให้ถงึ แก่ความตายได้อย่างแน่ แท้
เพราะเหตุอาวุธปื นซึง่ เป็ นปัจจัยทีใ่ ช้ในการกระทาความผิด
จึงเป็ นการกระทาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 81
วรรคหนึ่ง
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5089/2542
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3688/2541
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5881/2533