Professional Documents
Culture Documents
จากวิกพ
ิ ีเดีย สารานุกรมเสรี
บทความนี้อาจต้องเขียนใหม่ทง้ ั หมดเพือ่ ให้เป็ นไปตามมา
ตรฐานคุณภาพของวิกพ ิ ีเดีย หรือกาลังดาเนินการอยู่ คุณ
ช่วยเราได้ หน้าอภิปรายอาจมีขอ ้ เสนอแนะ
มาเลเซีย
Malaysia; ( مليسياมาเลเซีย)
ธงชาติ ตราแผ่นดิน
เพลงชาติ: เนอการากู
(แผ่นดินของข้า)
MENU
0:00
เมืองหลวง กัวลาลัมเปอร์1
(และเมืองใหญ่สุด) 2°30′N 112°30′E
ภาษาราชการ ภาษามาเลเซีย
การปกครอง สหพันธรัฐราชาธิปไตยภายใต้ร ั
ฐธรรมนูญ
- พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชาธิบดีมูฮม
ั มัดที่
5
- นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซะก์
เอกราช
- จาก สหราชอาณาจักร(เฉพาะมลายา 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500
)
- การสร้างชาติ รวม ซาบะฮ์ ซาราวะก์ 16 กันยายน พ.ศ. 2506
และสิงคโปร์
พื้นที่
- รวม 329,847 ตร.กม. (66)
127,287 ตร.ไมล์
- แหล่งน้า (%) 0.3
ประชากร
- 6 กันยายน 2560 (ประเมิน) 32,203,200 (42)
- ต่อหัว $ 28,636
จีดพ
ี ี (ราคาตลาด) 2560 (ประมาณ)
- รวม $ 309.860 พันล้าน
- ต่อหัว $ 9,623
ขับรถด้าน ซ้ายมือ
โดเมนบนสุด .my
รหัสโทรศัพท์ 602
1. ปูตราจายาเป็ นทีต
่ ง้ ั รัฐบาล
2. 020 เมือ
่ โทรฯ จากสิงคโปร์
มาเลเซีย (มาเลเซีย: Malaysia)
เป็ นประเทศสหพันธรัฐราชาธิปไตยภายใต้รฐั ธรรมนูญ ตัง้ อยูใ่ นภูมภ ิ าคเอเชีย
ตะวันออกเฉี ยงใต้ ประกอบด้วยรัฐ 13 รัฐ และดินแดนสหพันธ์ 3
ดินแดน และมีเนื้อทีร่ วม 330,803 ตารางกิโลเมตร (127,720 ตารางไมล์)
โดยมีทะเลจีนใต้แบ่งพื้นทีอ ่ อกเป็ น 2 ส่วนซึง่ มีขนาดใกล้เคียงกัน
ได้แก่ มาเลเซียตะวันตกและมาเลเซียตะวันออก มาเลเซียตะวันตกมีพรมแดน
ทางบกและทางทะเลร่วมกับไทย และมีพรมแดนทางทะเลร่วมกับสิงคโปร์ เวีย
ดนาม และอินโดนีเซีย มาเลเซียตะวันออกมีพรมแดนทางบกและทางทะเลร่วม
กับบรูไนและอินโดนีเซีย
และมีพรมแดนทางทะเลกับร่วมฟิ ลิปปิ นส์และเวียดนาม
เมืองหลวงของประเทศคือกัวลาลัมเปอร์ ในขณะทีป ่ ูตราจายาเป็ นทีต
่ ง้ ั ของรัฐบ
าลกลาง ด้วยประชากรจานวนกว่า 30 ล้านคน
มาเลเซียจึงเป็ นประเทศทีม่ ีประชากรมากทีส ่ ุดเป็ นอันดับที่ 42
ของโลก ตันจุงปี ไอ (Tanjung Piai)
จุดใต้สุดของแผ่นดินใหญ่ทวีปยูเรเชียอยูใ่ นมาเลเซีย
มาเลเซียเป็ นประเทศในเขตร้อน และเป็ นหนึ่งใน 17
ประเทศของโลกทีม่ ีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยิง่ (megadiverse
country) โดยมีชนิดพันธุ์เฉพาะถิน
่ เป็ นจานวนมาก
มาเลเซียมีตน ้ กาเนิดมาจากอาณาจักรมลายูหลายอาณาจักรทีป ่ รากฏในพื้
นที่ แต่ตง้ ั แต่พุทธศตวรรษที่ 24 เป็ นต้นมา
อาณาจักรเหล่านัน ้ ก็ทยอยขึน้ ตรงต่อจักรวรรดิบริเตน โดยอาณานิคมกลุม ่ แรก
ของบริเตนมีชือ ่ เรียกรวมกันว่านิคมช่องแคบ ส่วนอาณาจักรมลายูทเี่ หลือกลาย
เป็ นรัฐในอารักขาของบริเตนในเวลาต่อมา
ดินแดนทัง้ หมดในมาเลเซียตะวันตกรวมตัวกันเป็ นครัง้ แรกในฐานะสหภาพม
าลายาในปี พ.ศ. 2489 มาลายาถูกปรับโครงสร้างเป็ นสหพันธรัฐมาลายาในปี
พ.ศ. 2491 และได้รบ ั เอกราชเมือ ่ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500
มาลายารวมกับบอร์เนียวเหนือ ซาราวะก์ และสิงคโปร์เป็ นมาเลเซียเมือ ่ วันที่
16 กันยายน พ.ศ. 2506 แต่ไม่ถงึ สองปี ถัดมา คือในปี พ.ศ. 2508
สิงคโปร์ก็ถูกขับออกจากสหพันธ์[2]
มาเลเซียเป็ นประเทศพหุชาติพน ั นธรรมซึง่ มีบทบาทอย่างมา
ั ธุ์และพหุวฒ
กในด้านการเมือง
ประมาณครึง่ หนึ่งของประชากรทัง้ หมดมีเชื้อสายมลายูโดยมีชนกลุม ่ น้อยกลุม
่
สาคัญคือ ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และชนพื้นเมือ
งดัง้ เดิมกลุม ่ ต่าง
ๆ รัฐธรรมนูญประกาศให้ศาสนาอิสลามเป็ นศาสนาประจาชาติ แต่ก็ยงั ให้เสรีภ
าพในการนับถือศาสนาแก่ผท ู้ ีไ่ ม่ใช่ชาวมุสลิม
ระบบรัฐบาลมีรูปแบบคล้ายคลึงกับระบบรัฐสภาเวสต์มน ิ สเตอร์ ระบบกฎหมาย
มีพื้นฐานอยูบ ่ นระบบคอมมอนลอว์ ประมุขแห่งรัฐเป็ นพระมหากษัตริย์หรือทีเ่
รียกว่ายังดีเปอร์ตวนอากง ทรงได้รบ ั เลือกจากบรรดาเจ้าผูค้ รองรัฐในมาเลเซีย
ตะวันตก 9 รัฐ โดยทรงดารงตาแหน่ งคราวละ 5 ปี
ส่วนหัวหน้ารัฐบาลคือนายกรัฐมนตรี
นับตัง้ แต่ได้รบ ั เอกราช
มาเลเซียเป็ นประเทศทีม ่ ีประวัตท
ิ างเศรษฐกิจทีด ่ ท ี่ ุดประเทศหนึ่งในเอเชีย
ี ส
โดยมีคา่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเติบโตขึน ้ เฉลีย่ ร้อยละ 6.5
ต่อปี เป็ นเวลาเกือบ 50
ปี [3] ระบบเศรษฐกิจแต่เดิมได้รบ ั การขับเคลือ
่ นด้วยทรัพยากรธรรมชาติทม ี่ ีอยู่
แต่ก็กาลังขยายตัวในภาควิทยาศาสตร์ การท่องเทีย่ ว การพาณิชย์
และการท่องเทีย่ วเชิงสุขภาพ ทุกวันนี้
มาเลเซียเป็ นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ทใี่ ช้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีซง่ึ มี
ขนาดใหญ่ทส ี่ ุดเป็ นอันดับ 3
ในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ (รองจากอินโดนีเซียและไทย)
เป็ นสมาชิกจัดตัง้ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ การประชุมสุ
ดยอดเอเชียตะวันออก และองค์การความร่วมมืออิสลาม และเป็ นสมาชิกของค
วามร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-
แปซิฟิก เครือจักรภพแห่งชาติ และขบวนการไม่ฝก
ั ใฝ่ ฝ่ ายใด
ประวัตศิ าสตร์[แก้ไขต้นฉบับ]
ยุคก่อนประวัตศ ิ าสตร์[แก้ไขต้นฉบับ]
ประเทศมาเลเซียปัจจุบน ั ไม่คอ่ ยมีหลักฐานแสดงความยิง่ ใหญ่ในอดีตเหมื
อนประเทศอืน ่ ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้
อย่างที่ กัมพูชามีเมืองพระนคร อินโดนีเซียมีโบโรบูดรู ์ หลักฐานทางโบราณค
ดีเก่าแก่ทส ี่ ุดทีพ่ บได้แก่ กะโหลกศีรษะมนุษย์ ยุคโฮโมเซเปี ยน ในถา้ นียะห์
รัฐซาราวะก์ โรงเครือ ่ งมือหินทีพ ่ บในโกตาตัมปัน รัฐเประก์
หลักฐานดังกล่าวบ่งชี้วา่ มนุษย์ในยุคแรกเริม ่ ของบริเวณนี้เป็ นนักล่าสัตว์
และผูเ้ พาะปลูกเร่รอ ่ นของ ยุคหินกลาง
อาศัยอยูต ่ ามเพิงหินและถา้ ในภูเขาหินปูนของคาบสมุทร
ใช้เครือ ่ งมือหินตัดบดและล่าสัตว์ป่า ราว 2,500 ปี ก่อนคริสต์ศกั ราช
มีกลุม่ คนยุคหินใหม่อพยพมาจากจีนตอนใต้เข้ามาสูบ ่ ริเวณนี้
และด้วยความทีม ่ ีเครือ่ งมือทันสมัยกว่า รูจ้ กั วิธีเพาะปลูก
ในทีส ่ ุดจึงขับไล่พวกทีม ่ าอยูก
่ อ่ นเข้าไปในภูเขาและป่ าชัน ้ ในของแหลมมลายู
หลังจากนัน ้ ราว 300 ปี ก่อนคริสต์ศกั ราช
ก็มีกลุม ่ คนยุคเหล็กและยุคสาริด ใช้โลหะเป็ นอาวุธ รูจ้ กั ค้าขาย
ก็มาขับไล่พวกเดิมให้อยูใ่ นป่ าลึกเข้าไปอีก
พวกทีม ่ าใหม่นี้ตอ ่ มากลายเป็ นบรรพบุรุษโดยตรงของชาวมาเลเซียในปัจจุบน ั
อย่างไรก็ตาม
ด้วยหลักฐานทางประวัตศ ิ าสตร์ของมาเลเซียในยุคโบราณมีไม่มากนัก
นักประวัตศ ิ าสตร์จงึ มักถือเอาช่วงเวลาที่ มะละกา ปรากฏตัวขึน ้ เป็ นศูนย์กลาง
การค้าทีส ่ าคัญทางชายฝั่งคาบสมุทรมลายูเป็ นจุดเริม ่ ต้นของประวัตศ ิ าสตร์มาเ
ลเซีย
ภาพวาดเมืองมะละกาช่วงปี 1750
พงศาวดารมลายูกล่าวว่ากษัตริย์ปรเมศวรเป็ นผูต้ ง้ ั ชือ
่ เมืองนี้ตามชือ
่ ต้นม
ะละกา ( A Malaka tree-ต้นมะขามป้ อม)
ซึง่ ในขณะทีพ
่ ระองค์ทรงผักผ่อนใต้รม่ ต้นไม้นี้
ได้ทอดพระเนตรเห็นกระจงหันเตะสุนข ั ล่าสัตว์ แสดงให้เห็นว่าในพื้นทีน ่ ี้
แม้แต่สตั ว์ก็ยงั มีเลือดนักสู้
จึงนับเป็ นลางทีด ่ ที ท
ี่ าให้พระองค์ตดั สินใจตัง้ หลักปักฐานทีน ่ ี่
และสร้างมะละกาให้กลายเป็ นอาณาจักรชายฝั่งทะเลทีร่ ุ่งเรืองต่อมา
อีกคาสันนิษฐานหนึ่งกล่าวว่ามะละกามาจากคาอาหรับทีว่ า่ มะละกัด
(Malakat) หรือศูนย์กลางการค้าอันเป็ นชือ ่ ทีพ่ อ
่ ค้ามักใช้เรียกเกาะวอเตอร์
(Water Island)ทีอ ่ ยูใ่ กล้ๆนานแล้ว
มะละกาจุดเริม ่ ต้นประวัตศ ิ าสตร์ของมาเลเซีย[แก้ไขต้นฉบับ]
้ ประมาณ ค.ศ. 1400
มะละกาเป็ นเมืองท่าสาคัญ ก่อตัง้ ขึน
่ นช่องแคบมะละกาซึง่ คร่อมเส้นทางการค้าสาคัญทางทะเลจากตะวันออ
ตัง้ อยูบ
กสูต ่ ะวันตก ระหว่างสองเมืองสาคัญอย่างจีนกับอินเดีย
ถือเป็ นท่าเรือทีด
่ เี พราะไม่มีป่าโกงกาง
น้าลึกพอให้เรือเทียบท่าและมีเกาะสุมาตราเป็ นทีก ่ าบังพายุ
การเมืองการปกครอง[แก้ไขต้นฉบับ]
มาเลเซียมีการปกครองแบบสหพันธรัฐ
มีรฐั บาลกลางทาหน้าทีด ่ แ
ู ลเรือ
่ งสาคัญๆ เช่น การต่างประเทศ
การป้ องกันประเทศ ความมั่นคง ตุลาการ การคลัง และอืน ่ ๆ
ขณะทีใ่ นแต่ละรัฐมีรฐั บาลของรัฐดูแลด้านศาสนา ประเพณี สังคม
เกษตรกรรม การคมนาคมภายในรัฐ บางรัฐเช่นกลันตัน
มีระบบราชการในรูปแบบของตนเอง
นอกจากนี้ในแต่ละรัฐจะมีสภาแห่งรัฐทีม ่ าจากการเลือกตัง้ ทุกๆ 4 ปี
เหมือนกันหมด
ประมุข[แก้ไขต้นฉบับ]
สมเด็จพระราชาธิบดีเป็ นประมุขอยูภ ่ ายใต้รฐั ธรรมนูญ
มาจากการเลือกตัง้ สุลต่าน 9 รัฐ ได้แก่ ยะโฮร์ ตรังกานู ปะหัง เซอลาโงร์
เกอดะฮ์ กลันตัน เนอเกอรีเซิมบีลน ั เประก์ และปะลิส
้ ดารงตาแหน่ ง วาระละ 5 ปี ส่วนอีก 4 รัฐ คือ ปี นัง
ผลัดเปลีย่ นหมุนเวียนขึน
มะละกา ซาบะฮ์ และซาราวะก์ ไม่มีสุลต่านปกครอง
ตามปกติสุลต่านทีม
่ ีอาวุโสสุงสุดจะได้รบ
ั เลือก
โดยต้องได้เสียงมากกว่าครึง่ หนึ่ง นอกจากนี้ยงั อาจได้รบ
ั เลือกเข้ามาเป็ นสมัยที่
2 อีกได้ หากสุลต่านจากรัฐอืน่ ๆ ได้ดารงตาแหน่ ง ยัง ดี เปอร์ตวน
อากงเรียบร้อยแล้ว
อานาจส่วนใหญ่ของ ยังดีเปอร์ตวน อากง เกีย่ วข้องกับพิธีการต่างๆ
นอกจากนัน ้ มีอานาจในทางบริหาร และนิตบ ิ ญ ั ญัติ คือ
กฎหมายทีอ ่ อกมาจะต้องประกาศใช้ ถูกยับยัง้ หรือ
ได้รบ
ั การแก้ไขในนามพระองค์ มีอานาจเกีย่ วกับการกาหนดสมัยประชุมสภา
แต่งตัง้ หัวหน้าพรรคการเมืองทีม่ ีเสียงข้างมาก หรือทีส
่ ามารถจัดตัง้ รัฐบาลได้
ให้ดารงตาแหน่ งนายกรัฐมนตรี มีอานาจอภัยโทษ
แต่งตัง้ ประธานศาลและผูพ ้ พ
ิ ากษาตามคาแนะนาของนายกรัฐมนตรีหรือคณะ
รัฐบาล นอกจากนี้ยงั สามารถประกาศภาวะฉุ กเฉิน พอเสียชีวต ิ
โดยถ้ารัฐบาลเห็นว่ามีความจาเป็ น ยังดี เปอร์ตวน อากง
จะเป็ นผูป ้ ระกาศพระบรมราชโองการ
และเมือ ่ ประกาศใช้แล้วจะไม่มีพระบรมราชโองการใดมาเปลีย่ นแปลงได้
ฝ่ ายบริหาร[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ รัฐบาลมาเลเซีย
นายกรัฐมนตรีเป็ นผูน
้ าสูงสุด
มาจากหัวหน้าพรรคการเมืองทีส ่ มาชิกได้รบ ั เลือกเข้ามานั่งในสภามากทีส ่ ุด
หรืออาจเป็ นหัวหน้าพรรคทีเ่ ป็ นแกนนาในสภาผูแ ้ ทนราษฎร ทัง้ นี้ ยัง ดี-
เปอร์ตวน อากง จะเป็ นผูแ ้ ต่งตัง้ ผูท
้ จี่ ะมาเป็ นนายกรัฐมนตรี
ต้องเป็ นพลเมืองของสหพันธรัฐโดยกาเนิดเท่านัน ้
และต้องเป็ นสมาชิกสภาผูแ ้ ทนราษฎร
นายกรัฐมนตรีสามารถแต่งตัง้ บุคคลเข้าดารงตาแหน่ งผูบ ้ ริหารระดับสุงสุดในร
ะบบราชการ
รวมทัง้ มีหน้าทีถ
่ วายคาแนะนาชี้แจงนโยบายการปกครองและการบริหารรัฐให้
แก่ ยัง ดี-เปอร์ตวน อากง
ส่วนรองหัวหน้าพรรคจะได้รบ ั ตาแหน่ งรองนายกรัฐมนตรีไปด้วย
ถือเป็ นผูม
้ ีอานาจรองจากนายกรัฐมนตรีและเป็ นบุคคลทีจ่ ะสืบทอดอานาจต่อจ
ากนายกรัฐมนตรี
ภายใต้การนาของนายกรับมนตรี
มีกลุม ่ ผูท
้ าหน้าทีบ
่ ริหารราชการแผ่นดินคือคณะรัฐมนตรี
โดยมีการเลือกรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ เอาจากสมาชิกสภาผูแ ้ ทนราษฎร
ซึง่ ด้วยระบบการเมืองของมาเลเซียทีม ่ ีพรรคร่วมรัฐบาลจานวนมาก
อีกทัง้ หลายพรรคตัง้ ขึน ้ มาโดยอาศัยเชื้อชาติ ศาสนา
การเลือกสรรบุคคลจึงเป็ นเรือ ่ งยากเพราะต้องคานึงถึงอัตราส่วนตัวแทนพรรค
และตัวบุคคลว่าจะทางานร่วมกันกับตัวแทนของเชื้อชาติอืน ่ ๆได้หรือไม่
ฝ่ ายนิตบ
ิ ญ
ั ญัต[ิ แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ เดวัน เนกรา และ เดวัน รักยัต
องค์กรทีม่ ีอานาจหน้าทีด
่ า้ นนิตบ
ิ ญ
ั ญัตข
ิ องมาเลเซียคือรัฐสภา
รัฐสภาจะทาหน้าพิจารณากฎหมายต่างๆ และทาการแก้ไขกฎหมายทีม ่ ีอยู่
รวมถึงตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล
กฎหมายต่างๆทีอ ่ อกโดยรัฐสภาของมาเลเซียประกอบด้วยสองสภาได้แก่
1.เดวัน รักยัต (Dewan Rakyat) หรือสภาผูแ ้ ทนราษฎรมีสมาชิก 222
คนมาจากการเลือกตัง้ ทั่วไป โดยจะมีการเลือกตัง้ ทุก 5 ปี 2.เดวัน เนกรา
(Dewan Negara) หรือวุฒส ิ ภา มีสมาชิก 70 คน โดยเลือกตัง้ สมาชิกก 26
คนมาจาก ทัง้ 13 รัฐ รัฐละ 2 คน ส่วนอีก 44 คนมาจากการแต่งตัง้ โดย ยัง ดี-
เปอร์ตวน อากง ภายใต้คาแนะนาของนายกรัฐมนตรี อยูใ่ นตาแหน่ งคราวละ 3
ปี อานาจทางการเมืองจะอยูก ่ บั เดวัน รักยัต ในขณะที่ เดวัน
เนกรามีอานาจยับยัง้ กฎหมายต่างๆ ได้
่ เป็ ยการถ่วงดุลอานาจซึ่งกันและกัน
เพือ
พรรคการเมือง[แก้ไขต้นฉบับ]
ฝ่ ายตุลาการ[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ กระบวนการยุตธิ รรมในประเทศมาเลเซีย
สถาบันทางตุลาการทัง้ ประเทศยกเว้นศาลอิสลาม
อยูภ
่ ายใต้ระบบสหพันธรัฐ อานาจตุลาการเป็ นอิสระมาก
ปราศจากการควบคุมหรือแทรกแซงโดยฝ่ ายบริหาร และฝ่ ายนิตบ
ิ ญ
ั ญัติ
สถาบันตุลาการสูงสุดหรือศาลฎีกา
ทาหน้าทีร่ บ ั ข้อพิจารณาเรือ ่ งอุทธรณ์ จากการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
รวมถึงคอยไกล่เกลีย่ ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับรัฐด้วย
จากศาลสูงสุดไล่ลงมาเป็ นขัน ้ ๆ จนถึงระดับท้องถิน ่ มีศาลประเภทต่างๆ
ทีป
่ ระชาชนสามารถร้องเรียนเพือ ่ ขอความเป็ นธรรมได้
ถ้าเป็ นปัญหาเกีย่ วกับศาสนาและวัฒนธรรมจะมีศาลอิสลามและศาลของชนพื้น
เมืองเป็ นฝ่ ายพิจารณา นอกจากนี้ยงั มีศาลประเภทอืน ่ ๆ เช่น ศาลสูง
(ศาลรองจากศาลสูงสุด) ศาลเฉพาะ (ศาลทีท ่ าคดีอาญามีโทษจาคุกไม่เกิน 7 ปี
กับศาลแพ่งทีต ่ อ
้ งคืนทรัพย์ไม่เกิน 2 หมืน ่ ริงกิต) ศาลแขวง
(ศาลทีท ่ าหน้าทีพ ่ จิ ารณาคดีอาญาและคดีแพ่งทีม ่ ีโทษสถานเบา) ศาลท้องถิน
่
(ศาลทีท ่ าหน้าทีพ ่ จิ ารณาคดีทมี่ ีการกระทาความผิดเล็กน้อย เน้นการรอมชอม)
ศาลเด็ก (ศาลทีพ ่ จิ ารณาคดีของบุคคลทีอ ่ ายุต่ากว่า 18 ปี ) เป็ นต้น
(สีน้าเงิน) รัฐ
ปะลิส เกอดะฮ์ ปี นัง กลันตัน ตรังกานู เประก์ เซอลาโงร์
เนอเกอรีเซิมบีลน
ั มะละกา ยะโฮร์ ปะหัง
ซาราวะก์ ซาบะฮ์ ลาบวน กัวลาลัมเปอร์ ปูตราจายา มาเลเซียตะวันตก
มาเลเซียตะวันออก
(สีแดง) ดินแดนสหพันธ์
ทะเลจีนใต้
ช่องแคบ
มะละกา
อ่าวไทย
ทะเลซูลู
ทะเลเซเลบีส
ประเทศบรูไน
ประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศสิงคโปร์
ประเทศไทย
ประเทศมาเลเซียเป็ นประเทศสหพันธรัฐ แบ่งเขตการปกครองออกเป็ น
13 รัฐ และ 3 ดินแดนสหพันธ์[4] โดย 11 รัฐ กับ 2 ดินแดนสหพันธ์
อยูใ่ นมาเลเซียตะวันตก และอีก 2 รัฐ กับ 1 ดินแดนสหพันธ์
อยูใ่ นมาเลเซียตะวันออก แต่ละรัฐแบ่งเป็ นเขต แต่ละเขตแบ่งเป็ นมูกม
ิ (muki
m) ในรัฐซาบะฮ์และรัฐซาราวะก์ เขตในรัฐจะถูกจัดกลุม ่ โดยบาฮาเกียน
(ภาษามลายู: Bahagian, อังกฤษ: division) [5]
ด•พ•ก
เมืองใหญ่ทส
ี่ ุดในมาเลเซีย
จากการสารวจสามะโนครัวประชากรในปี พ.ศ
ที่ เมือง รัฐ ประชากร (คน) ที่ เมือ
1 กัวลาลัมเปอร์ ดินแดนสหพันธ์ 1,674,621 11 มะละกา
2 ยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ 1,386,569 12 โกตาบารู
3 กาจัง รัฐเซอลาโงร์ 795,522 13 โกตากีนาบ
กัวลาลัมเปอร์ 4 อีโปะฮ์ รัฐเประก์ 767,794 14 กวนตัน
5 กลัง รัฐเซอลาโงร์ 744,062 15 ซูไงปตานี
6 ซูบงั จายา รัฐเซอลาโงร์ 708,296 16 บาตูปาฮัต
7 กูชงิ รัฐซาราวะก์ 617,887 17 ตาเวา
ยะโฮร์บาห์รู 8 เปอตาลิงจายา รัฐเซอลาโงร์ 613,977 18 ซันดากัน
9 เซอเร็มบัน รัฐเนอเกอรีเซิมบีลน
ั 555,935 19 อลอร์สตาร
10 จอร์จทาวน์ รัฐปี นัง 520,202 20 กัวลาเตอเร
ต่างประเทศ[แก้ไขต้นฉบับ]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
ความสัมพันธ์กบ
ั ราชอาณาจักรไทย[แก้ไขต้นฉบับ]
มีการเสนอว่า
บทความนี้หรือส่วนนี้ควรแยกเป็ นบทความใหม่ชือ
่ ควา
มสัมพันธ์มาเลเซีย–ไทย (อภิปราย)
ภาพรวมความสัมพันธ์ท่วั ไป[แก้ไขต้นฉบับ]
ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับมาเลเซียเมือ ่ วันที่ 31 สิงหาคม
2500 และมีสถานเอกอัครราชทูต ณ กัวลาลัมเปอร์ เอกอัครราชทูต ณ
กัวลาลัมเปอร์ คนปัจจุบน ั คือ นายกฤต ไกรจิตติ
ซึง่ เดินทางไปรับหน้าทีเ่ มือ
่ วันที่ 2 เดือนตุลาคม 2555 นอกจากนี้
ไทยยังมีสถานกงสุลใหญ่ในมาเลเซีย 2 แห่ง ได้แก่ (1) สถานกงสุลใหญ่ ณ
เมืองปี นัง และ (2) สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู
สาหรับส่วนราชการและหน่ วยงานต่าง ๆ ของไทย
ซึง่ ตัง้ สานักงานในมาเลเซียได้แก่ สานักงานผูช ้ ว่ ยทูตฝ่ ายทหารทัง้ สามเหล่าทัพ
สานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ สานักงานแรงงาน
และสานักงานประสานงานตารวจ สานักงานการท่องเทีย่ วแห่งประเทศไทย
บริษท ั การบินไทย จากัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จากัด (มหาชน) มาเลเซีย
มาเลเซียมีสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจาประเทศไทย
และเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจาประเทศไทย ได้แก่ ดาโต๊ะ นาซีระห์ บินตี
ฮุสซัยน์ ซึง่ เข้ารับตาแหน่ งเมือ
่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2554
และมีสถานกงสุลใหญ่มาเลเซียประจาจังหวัดสงขลา
และกงสุญใหญ่มาเลเซียประจาจังหวัดสงขลา ได้แก่ นายไฟซัล แอต มุฮม ั มัด
ไฟซัล บิน ราซาลี ซึง่ เข้ารับตาแหน่ งเมือ
่ วันที่ 21 สิงหาคม 2555
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียแบ่งออกเป็ น 2 ด้านหลัก ได้แก่
(1) การดาเนินความร่วมมือภายใต้กลไกต่าง ๆ ทีม ่ ีอยู่ อาทิ
คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับมาเลเซีย
(Joint Commission : JC)
คณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสาหรับพื้นทีช ่ ายแดน (Joint
Development Strategy : JDS) คณะกรรมการด้านความมั่นคง ได้แก่
คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC)
คณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC)
และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมภ ิ าค (Regional Border Committee :
RBC) ซึ่งทัง้ 3
ระดับเป็ นกรอบความร่วมมือของฝ่ ายทหารเพือ ่ แลกเปลีย่ นข้อมูลข่าวสารด้าน
ความมั่นคง และความร่วมมือชายแดน
คณะกรรมการด้านความมั่นคงกรอบอืน ่ ๆ เฉพาะเรือ ่ ง อาทิ
คณะกรรมการร่วมด้านการป้ องกันและปราบปรามยาเสพติด
และความร่วมมือในกรอบ Indonesia-Malaysia-Thailand Growth
Triangle (IMT-GT) และอาเซียน และ (2)
ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นทีจ่ งั หวัดชายแดนภาคใต้
ซึง่ ประกอบด้วยการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นทีช ่ ายแดนร่วมกัน
การร่วมกันพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวต ิ ของประชาชนในพื้นทีช ่ ายแดนข
องทัง้ สองประเทศและการเสริมสร้างมาตรการสร้างความไว้วางใจ
(Confidence Building Measures) บนพื้นฐานของกรอบ 3Es ได้แก่
การศึกษา (Education) การจ้างงาน (Employment)
และการประกอบกิจการ (Entrepreneurship)
ความสัมพันธ์ดา้ นการเมือง[แก้ไขต้นฉบับ]
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียมีพลวัตร
รวมทัง้ ตัง้ อยูบ
่ นผลประโยชน์รว่ มกัน โดยทัง้ สองฝ่ ายตระหนักถึงการมี
“จุดมุง่ หมาย” ร่วมกัน
โดยให้ความสาคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีเพือ ่ สนับสนุนความเชือ
่
มโยงในอาเซียนทัง้ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
การอานวยความสะดวกด้านการเดินทางและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน
ความสัมพันธ์ดา้ นความมั่นคง[แก้ไขต้นฉบับ]
กองทัพไทยกับมาเลเซียมีการฝึ กทางทหารระหว่างกันเป็ นประจา ได้แก่
(1) LAND EX THAMAL ซึง่ เป็ นการฝึ กประจาปี เริม
่ เมือ่ ปี 2536 (2)
THALAY LAUT ซึ่งมีการฝึ กครัง้ แรกเมือ ้ ทุก 2 ปี
่ ปี 2523 จัดขึน
โดยไทยกับมาเลเซียสลับกันเป็ นเจ้าภาพ (3) SEA EX THAMAL เริม ่ เมือ
่ ปี
2522 มีพื้นทีฝ ่ ึ กบริเวณพื้นทีป ่ ฏิบตั ก
ิ ารร่วมชายแดนทางทะเลระหว่างไทย-
มาเลเซียทัง้ ด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามัน (4) AIR THAMAL
เป็ นการฝึ กการปฏิบตั ก ิ ารทางอากาศยุทธวิธีตามบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย
ตัง้ แต่ปี 2525 โดยทาการฝึ กทุกปี
ประกอบด้วยการฝึ กภาคสนามสลับกับการฝึ กปัญหาทีบ ่ งั คับการ
และสลับกันเป็ นเจ้าภาพ และ (5) JCEX THAMAL
เป็ นการฝึ กร่วม/ผสมภายใต้กรอบการปฏิบตั ก ิ ารทางทหารนอกเหนือจากสงคร
ามในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบตั ิ
และการช่วยเหลือประชาชน
อนึ่ง เมือ ่ วันที่ 3 - 7 มีนาคม 2555
รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงกลาโหมมาเลเซียและผูบ ้ ญ
ั ชาการทหารสูงสุดมาเลเซี
ยเดินทางเยือนไทยอย่างเป็ นทางการ
เพือ ่ เข้าร่วมพิธีเปิ ดงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ทางทหารและเทคโนโลยีดา้ นกา
รรักษาความปลอดภัยประจาปี 2555
ซึง่ จัดขึน ้ ทีศ ่ ูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี
มและเมือ ่ วันที่ 17-19 เมษายน 2555
รองผูบ ้ ญั ชาการทหารบกและผูแ ้ ทนระดับสูงจากกระทรวงกลาโหมได้เดินทางเ
ยือนมาเลเซียเพือ ่ เข้าร่วม Defence Services Asia – DSA 2012) ครัง้ ที่
13 และมาเลเซียได้เป็ นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการระดับสูงไทย -
มาเลเซีย (HLC) ครัง้ ที่ 28 ระหว่างวันที่ 14 - 16 พฤษภาคม 2555
ทีก ่ วั ลาลัมเปอร์ โดยมีผบ ู้ ญ
ั ชาการทหารสูงสุดของทัง้ สองฝ่ ายเป็ นประธานร่วม
ความสัมพันธ์ดา้ นเศรษฐกิจ[แก้ไขต้นฉบับ]
การค้า
ในปี 2554 มาเลเซียเป็ นคูค ่ า้ อันดับที่ 4
การค้ารวมระหว่างไทยกับมาเลเซียมีมูลค่า 24,724.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(749,626.68 ล้านบาท) ไทยส่งออก 12,398.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(373,606.62 ล้านบาท) และนาเข้า 12,326.06
ล้านดอลลาร์สหรัฐ(376,020.05 ล้านบาท) โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า
72.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เสียเปรียบดุลการค้าเนื่องจากอัตราแลกเปลีย่ น
2,4613.43 ล้านบาท) เพิม ้ ร้อยละ 16.10
่ ขึน
เมือ
่ เปรียบเทียบกับมูลค่าการค้ารวมปี 2553
การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียมีมูลค่า 18,688.49
ล้านดอลลาร์สหรัฐ (560,654.99 ล้านบาท) โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า
6,602.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (198,073.34 ล้านบาท) ทัง้ นี้
การค้าชายแดนประกอบเป็ นสัดส่วนร้อยละ 74
ของการค้ารวมระหว่างไทยกับมาเลเซีย
สินค้าส่งออกของไทยไปมาเลเซีย ได้แก่ ยางพารา คอมพิวเตอร์
อุปกรณ์ และส่วนประกอบรถยนต์อุปกรณ์ และส่วนประกอบ น้ามันสาเร็จรูป
แผงวงจรไฟฟ้ า เคมีภณ ั ฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง
เครือ
่ งจักรและส่วนประกอบของเครือ ่ งจักรกล เม็ดพลาสติก เหล็ก
เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินค้าทีไ่ ทยนาเข้าจากมาเลเซียประกอบด้วย
น้ามันดิบ เครือ ่ งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เคมีภณ ั ฑ์
เครือ่ งจักรไฟฟ้ าและส่วนประกอบ สือ ่ บันทึกข้อมูล ภาพ เสียง แผงวงจรไฟฟ้ า
เครือ ่ งจักรกลและส่วนประกอบ เครือ ่ งใช้ไฟฟ้ าในบ้าน น้ามันสาเร็จรูป
สินแร่และโลหะอืน ่ ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
การลงทุน
ในปี 2554 มาเลเซียลงทุนในไทยจานวน 34 โครงการ มีมูลค่า 6,135
ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็ นการลงทุนในสาขาการบริการยานยนต์ การเกษตร
และอิเล็กทรอนิกส์ ทัง้ นี้
ได้รบ ั การอนุมตั จิ ากสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จานวน 21
โครงการ คิดเป็ นมูลค่า 3,863 ล้านบาท
มาเลเซียสนใจมาลงทุนในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์
การแปรรูปยางพาราและปาล์มน้ามัน
เนื่องจากมาเลเซียมีศกั ยภาพในการลงทุน
และการลงทุนในไทยจะช่วยลดต้นทุนการผลิตเนื่องจากไทยมีแรงงานและอุตส
าหกรรมสนับสนุนทีด ่ ก
ี ว่ามาเลเซีย ทัง้ นี้ Malaysia Industrial
Development Authority (MIDA)
อนุมตั ส ิ ง่ เสริมการลงทุนในโครงการทีม ่ ีภาคการลงทุนของไทยลงทุนด้วยจานว
น 3 โครงการ มีมูลค่า 2,415 ล้านบาท
นักลงทุนไทยทีส ่ นใจไปลงทุนในมาเลเซียได้แก่ บริษท ั เครือเจริญโภคภัณฑ์
กลุม่ บริษท ั ไทยซัมมิท เครือซีเมนต์ไทย กลุม ่ บริษท
ั สามารถ
และร้านอาหารไทย
การท่องเทีย่ ว
ในปี 2554
มีนกั ท่องเทีย่ วจากมาเลเซียเดินทางมาประเทศไทยมากเป็ นอันดับหนึ่งจานวน
2.47 ล้านคน ขณะทีม ่ ีนกั ท่องเทีย่ วไทยไปมาเลเซียจานวน 1.52 ล้านคน
แรงงานไทย
ปัจจุบน
ั มีแรงงานไทยในมาเลเซียประมาณ 210,000 คน
โดยเป็ นแรงงานถูกกฎหมายประมาณ 6,600 คน ทัง้ นี้ ในปี 2553
มีแรงงานต่างชาติทที่ างานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในมาเลเซียจานวน
458,698 คน โดยแรงงานจากอินโดนีเซียจัดเป็ นลาดับหนึ่ง ร้อยละ 55.81
และแรงงานไทยจัดอยูใ่ นลาดับ 9 ร้อยละ 1.45
มาเลเซียมีความต้องการแรงงานไทยสาขาก่อสร้าง งานนวดแผนไทย
งานบริการ การเกษตรชายแดน อุตสาหกรรมและงานแม่บา้ น ทัง้ นี้
รัฐบาลมาเลเซียไม่มีการกาหนดอัตราค่าจ้างขัน ้ บังคับใช้
้ ต่าขึน
้ อยูก
ค่าจ้างขึน ่ บ
ั การตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
ไทยกับมาเลเซียมีความร่วมมือด้านแรงงานในกรอบคณะทางานร่วมด้านควา
มร่วมมือแรงงานภายใต้คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี
(JC) ไทย-มาเลเซีย
ความสัมพันธ์ดา้ นสังคมและวัฒนธรรม[แก้ไขต้นฉบับ]
ชาวไทยทีอ ่ าศัยอยูใ่ นมาเลเซียประกอบด้วย (1)
กลุม ่ แรงงานไทยในร้านต้มยาของมาเลเซีย (ร้านอาหารไทย) จานวนมากกว่า
10,000 คน และ (2) กลุม ่ นักเรียนทุนรัฐบาลมาเลเซีย
ซึง่ ศึกษาระดับมัธยมต้น -
มัธยมปลายในโรงเรียนสอนศาสนาของรัฐบาลมาเลเซียจานวน 350 คน
นอกจากนี้ ยังมีกลุม ่ คนมาเลเซียเชื้อสายสยาม
ซึง่ เป็ นกลุม
่ คนทีม ่ ีบรรพบุรุษเป็ นชาวไทยอาศัยอยูใ่ น 4
มณฑลในภาคใต้ตอนล่างของสยาม เนื่องจากเมือ ่ ปี 2452
รัฐบาลสยามตกลงมอบ 4
มณฑลให้อยูภ ่ ายใต้การปกครองของอังกฤษกับการให้องั กฤษยอมรับอธิปไตย
ของสยามในส่วนอืน ่ ของประเทศ
คนเหล่านี้จงึ ตกค้างและกลายเป็ นพลเมืองของมาเลเซียในปัจจุบน ั
คนสยามดังกล่าวมีการสืบทอดวัฒนธรรมไทย เช่น ประเพณีสงกรานต์
ลอยกระทง เข้าพรรษา ออกพรรษา กฐิน
และใช้ภาษาไทยเป็ นภาษาสือ ่ สารในท้องถิน่
ความร่วมมือทางวิชาการ[แก้ไขต้นฉบับ]
ไทยและมาเลเซียมีความร่วมมือทางวิชาการภายใต้บน ั ทึกความเข้าใจว่าด้
วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างไทยกับมาเลเซีย ลงนามเมือ ่ 21
สิงหาคม 2550
และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านอุดมศึกษาระหว่างไทยกับมาเล
เซีย ลงนามเมือ ่ 19 มกราคม 2554
ซึง่ ดาเนินความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาของไทยและมาเลเซีย
การแลกเปลีย่ นบุคลากรทางการศึกษา และการให้ทุนการศึกษา นอกจากนี้
ทัง้ สองฝ่ ายยังมีความร่วมมือระหว่างสถาบันวิชาการไทย - มาเลเซีย
(Thailand-Malaysia Think Tank and Scholar Network)
โดยมีศน ู ย์ดเิ รก ชัยนาม คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ
Institute of Strategic and International Studies
ของมาเลเซียเป็ นผูป ้ ระสานงานหลัก
กองทัพ[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ กองทัพมาเลเซีย
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
กองกาลังกึง่ ทหาร[แก้ไขต้นฉบับ]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
เศรษฐกิจ[แก้ไขต้นฉบับ]
โครงสร้าง[แก้ไขต้นฉบับ]
ตัง้ แต่สมัยอาณานิคม การส่งออกดีบุก ยางพารา
และน้ามันปาล์มก็เป็ นตัวขับเคลือ ่ นเศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียมาโดยตลอ
ดเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่เป็ นชาวจีน ได้รบ ั การส่งเสริมจากรัฐบาลอาณานิคม
รวมทัง้ ชาวยุโรปด้วย เมือ ่ ถึงสมัยสงครามโลกครัง้ ที่ ๒ (ค.ศ. 1939-1945)
ญีป ่ ุ่ นยกพลขึน ้ บกพร้อมควบคุมประเทศ อุตสาหกรรมดีบุก
ยางพาราและนามันปาล์มต่างซบเซาลง
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยางพารายังต้องแข่งกันกับยางสังเคราะห์ทเี่ ติบโตขึน ้ ใ
นช่วงสงคราม อย่างไรก็ตามเมือ ่ สงครามสิน ้ สุด
ทัง้ ยางพาราและน้ามันปาล์มก็กลับมาเป็ นสินค้าส่งออกสาคัญ
ยางธรรมชาติได้รบ ั การพิสูจน์วา่ ดีกว่ายางสังเคราะห์
แม้วา่ สวนยางจะประสบความยุง่ ยากบ้างในช่วงทีม ่ ลายาประกาศสถานการณ์ ฉุ
กเฉินในปี ค.ศ. 1948 - 1960
ส่วนปาล์มก็มีการปลูกไปทั่วในช่งวกลางทศวรรษ 1950
ทัง้ ยังมีเงินทุนหลั่งไหลเข้ามา
พร้อมๆกับเป็ นช่วงทีต ่ ลาดการค้าโพ้นทะเลเฟื่ องฟู
ทาให้มาเลเซียกลายเป็ นผูผ ้ ลิตน้ามันปาล์มทีใ่ หญ่ทส ี่ ุดของโลกในช่วงนัน
้
ต่างกับดีบุกทีม ่ ีการส่งออกมาตรการประหยัดการใช้ดบ ี ุก
ส่งผลให้ราคาดีบุกขึน ้ ๆ ลงๆ จนผลสุดท้ายอุตสาหกรรมนี้ลดความสาคัญลงไป
นอกจากนี้สน ิ ค้าส่งออกทีส ่ าคัญขณะนัน ้ ยังได้แก่
ไม้ซุงจากเกาะบอร์เนียวเหนือ และพืชเชิงพานิชย์ตา่ งๆ เช่น เนื้อมะพร้าวแห้ง
ปอมะนิลา โกโก้
อาคาร เปโตรนาสทาวเวอร์ซึ่งถือว่าเป็ นอาคารแฝดทีส
่ ูงทีส
่ ุดในโลก
และยังเป็ นตึกสานักงานของ บริษท ั เปรโตรนาส
ซึง่ ถือว่าเป็ นบริษท
ั น้ามันของมาเลเซีย
การกาหนดแนวทางเศรษฐกิจเพือ ่ สร้างความเจริญเติบโตของประเทศไป
พร้อมกับการแก้ปญ ั หาสังคมและการเมืองถูกกาหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิ
จ ซึง่ มีขน
ึ้ ตัง้ แต่ยงั เป็ นสหพันธ์มลายาฉบับแรกๆ (ช่วงปี ค.ศ. 1956 - 1960)
เน้นการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ
พยายามผลักดันอุตสาหกรรมในประเทศเพือ ่ ทดแทนการนาเข้าแต่ไม่คอ
่ ยได้ผ
ล เพราะตลาดการค้าในประเทศยังเล็กมาก
นอกจากนี้ยงั มีเรือ ่ งการลดความเหลือ ่ มลา้ ทางเศรษฐกิจระหว่างกลุม
่ ชาติพน
ั ธุ์ต่
างๆ โดยพยายามทาให้รายได้กระจายไปสูป ่ ระชากรอย่างทั่วถึง
ให้ทุกคนมีงานทา
ปัญหาทางเศรษฐกิจทีส ่ าคัญของประเทศมาเลเซีย ได้แก่
การว่างงานและความยากจน โดยเฉพาะกลุม ่ ชาวมลายูในชนบท
รัฐบาลจึงพยายามพัฒนาทีด ่ นิ และสร้างสิง่ อานวยความสะดวก เช่น
ถนนหนทาง โรงเรียน สถานพยาบาล ระบบชลประทาน
แต่ก็ชว่ ยแก้ปญั หาได้ระดับหนึ่งเท่านัน ้
ในขณะทีช ่ าวจีนซึ่งถือว่าเป็ นคนมาอยูใ่ หม่ ไม่ใช่เจ้าของทีก
่ ลับขยันขันแข้ง
เข้ามาหักร้างถางพง และมีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่าชาวมลายูทอ ี่ ยูม
่ าก่อน
ความเหลือ ่ มลา้ ทางเศรษฐกิจระหว่างชาวมลายูกบ ั ชาวจีนขณะนัน ้
ทาให้บางคนถึงกับคิดว่าในอนาคตชาวจีนจะควบคุมประเทศ
ในขณะทีช ่ าวมลายูจะถูกไล่เข้าป่ าดงดิบซึ่งถือเป็ นส่วนหนึ่งทีน
่ าไปสูค
่ วามขัดแ
ย้งทางเชื้อชาติ
หลังจากได้รบ ั เอกราชในปี ค.ศ. 1957
เศรษฐกิจของมาเลเซียก็เติบโตขึน ้
แล้วเริม ่ เปลีย่ นจากการทาดีบุกกับยางพาราเป็ นหลักไปเป็ นทาอุตสาหกรรมทีห ่
ลากหลายและทันสมัยมากขึน ้ แต่ก็ยงั มีปญ ั หาใหญ่ทค ี่ ก ุ คามเศรษฐกิจคือ
ปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อชาติซงึ่ เกิดปะทุขน ึ้ รุนแรงจนนาไปสูจ่ ลาจลในเดือ
นพฤษภาคม ค.ศ. 1969
รัฐบาลซึ่งขณะนัน ้ นาโดยพรรคอัมโนจึงคิดนโยบายเศรษฐกิจใหม่ (New
Economic Policy-NEP) ออกมาแก้ปญ ั หา นาออกมาใช้ครัง้ แรกเมือ ่ ปี
ค.ศ. 1970 โดยเนื้อหาสาคัญคือ ให้สท ิ ธิพเิ ศษแก่พวก "ภูมบ ิ ุตร"
หรือพลเมืองเชื้อสายมลายูเช่น
กาหนดสัดส่วนข้าราชการส่วนใหญ่ให้เป็ นชาวมลายู ให้สท ิ ธิการเข้าเรียน
จัดแบ่งทีอ ่ ยูอ่ าศัยและอสังหาริมทรัพย์เพือ ่ การพานิชย์ให้แก่พลเมืองเชื้อสายมล
ายูกอ ่ นพลเมืองเชื้อสายจีนหรืออินเดีย
นโยบายดังกล่าวทาให้เศรษฐกิจของมาเลเซียดีขน ึ้
สัดส่วนผูถ ้ ือหุน้ ชาวมลายูในบริษท ั ต่างๆ เพิม ่ ขึน ้
จนกระทั่งได้รบ ั ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจเอเชีย (วิกฤติตม ้ ยากุง้ )
ระหว่างปี ค.ศ. 1997-1998 ทีท ่ าให้การถือหุน ้ ตกไปอยูใ่ นมือชาวต่างชาติ
รวมทัง้ ชาวมลายูเองก็มกั ลงทุนเพือ ่ แสวงหาผลกาไรในระยะสัน ้
มีวฒ ั นธรรมการเล่นพวกพ้องทีเ่ ป็ นผลมาจากนโยบายเศรษฐกิจชาตินิยม
ช่วงนัน ้ มาเลเซียได้รูว้ ธิ ีการจัดการและกลลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ
ซึง่ มีสว่ นช่วยให้มาเลเซียปรับตัวได้ดเี มือ ่ เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกอีกครัง้ ในปี
ค.ศ. 2008-2009 โดยเศรษฐกิจมาเลเซียหดตัวเพียงเล็กน้อยเท่านัน ้
อย่างไรก็ตาม พลเมืองของประเทศมาเลเซียทัง้ เชื้อชาติมลายู
อินเดียและจีน ส่วนหนึ่งเห็นว่าควรยกเลิก NEP ไป
เพราะเป็ นนโยบายทีเ่ ลือกปฏิบตั ิ ส่วนนักลงทุนต่างชาติตะวันตกเห็นว่า NEP
มีผลเสีย เนื่องจากทาให้พวกภูมบ ิ ุตรเอาแต่รอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล
บ้างก็วจิ ารณ์ กน ั ว่าแท้จริงแล้ว NEP
อาจมีเพือ ่ การรักษาอานาจทางการเมืองของพรรคอัมโน
เนื่องจากเป็ นนโยบายทีอ ่ านวยผลประโยชน์ตอ ่ พลเมืองเชื้อสายมลายู
ซึง่ เป็ นสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรค
ในปี ค.ศ. 2010 เศรษฐกิจมาเลเซียเจริญเติบโตอย่างมาก
ธนาคารของมาเลเซียมีเงินทุนทีม ่ ่น
ั คง ใช้การบริการแบบอนุรกั ษนิยม
ไม่มีนโยบายให้สน ิ เชือ
่ แก่ลูกหนี้ทม ี่ ีความเสีย่ งสูง
ซึง่ สัมพันธ์กบั วิกฤติซบ ั ไพร์ทเี่ กิดในอเมริกา
ธนาคารแห่งชาติมีนโยบายรักษาสภาพคล่องในการลงทุน
ห้ามลงทุนในสินทรัพย์ทมี่ ีความเสีย่ งสูงตามระแสการลงทุนในต่างประเทศ
ทาให้มาเลเซียเป็ นประเทศทีม ่ ีเงินทุนสารองระหว่างประเทศสูงและหนี้ตา่ งประ
เทศต่า
ในทีส
่ ุดปี ค.ศ. 2010 นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค
ทีม
่ าจากพรรคอัมโนได้ยกเลิกข้อบังคับสิทธิพเิ ศษแก่ชาวมลายูในด้านต่างๆ
รวมถึงทางด้านเศรษฐกิจ เช่น
กาหนดให้บริษท ั ทีจ่ ะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีชาวมลายูถือหุน
้ อย่า
งน้อย ร้อยละ 30 และประกาศต้นแบบเศรษฐกิจใหม่ (New Economic
Model-NEM) ซึง่ จะเป็ นพื้นฐานของนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ (Economic
Transformation Program-ETP) หลักการสาคัญของ NEM ได้แก่
การเพิม่ รายได้ให้ประชาชน
กระจายรายได้และผลประโยชน์ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน
และให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน นโยบายหรือการลงทุนต่างๆภายใต้ NEM
จึงต้องคานึงถืองผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจและสิง่ แวดล้อม
มาเลเซียภายใต้การนาของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค
มุง่ ให้ความสาคัญแก่อุตสาหกรรมไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ น้ามันชีวภาพ
เครือ ่ งสาอาง และพลาสติก อุตสาหกรรมน้ามันและก๊าซพลังงานธรรมชาติ
อุตสาหกรรมภาคบริการ เกษตรกรรม พลังงานทางเลือก
รวมถึงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อย่าง เพลง ภาพยนตร์ ศิลปะ
และการแสดงด้วย
นอกจากนี้ยงั มีการวางแผนทีจ่ ะเป็ นศูนย์กลางของภูมภ
ิ าคในด้านเทคโนโลยีชีว
ภาพ และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ รวมถึงเป็ นศูนย์ทางการเงินของอิสลาม
ยุทธศาสตร์ของ NEM
เพือ่ ให้นโยบายเศรษฐกิจใหม่ของมาเลเซียบรรลุเป้ าหมาย
จึงได้มีการกาหนดยุทธศาสตร์ NEM 8 ประการขึน ้ มา ได้แก่
มาเลเซีย
ก้าวสูค่ วามเป็ นหนึ่งในอุตสาหกรรมฮาลาล
อุตสาหกรรมอีกอย่างหนึ่งทีน ่ ่ าสนใจมากในมาเลเซีย
คืออุตสาหกรรมฮาลาล ซึง่ ไม่ได้หมายถึงอาหารอิสลามเท่านัน ้
แต่ยงั รวมไปถึงสินค้าประเภทอืน ่ เช่น ยา เครือ ่ งสาอาง ของใช้ประเภทสบู่
ยาสีฟน ั เครือ
่ งหนัง ฯลฯ และเกีย่ วข้องกับการบริการ เช่น การจัดเลี้ยง
โรงแรม การฝึ กอบรม ธนาคาร สือ ่ สารมวลชน โลจิสติกส์ และท่องเทีย่ วด้วย
มาเลเซียวางเป้ าหมายให้อุตสาหกรรมฮาลาลของตนเป็ นศูนย์กลางของโลก
โดยมีการจัดตัง้ Halal Industry Development Corporation-HDC
ตัง้ แต่ปี ค.ศ. 2006
ให้เป็ นหน่ วยงานกลางในการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาล HDC
ได้จดั ทา The Halal Industry Master Plan สาหรับปี ค.ศ. 2008 - 2020
โดยจัดแผนการดาเนินงานเป็ น 3 ระยะได้แก่ -
มุง่ เตรียมความพรอมให้มาเลเซียก้าวไปเป็ นผูน ้ าในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล
โดย HDC จะเป็ นหน่ วยงานหลักทีช ่ ว่ ยส่งเสริม ผลักดัน
และให้การสนับสนุนการค้า การลงทุนในอุตสาหกรรมฮาลาล
และธุรกิจทีเ่ กีย่ วข้อง - มุง่ เน้นความสนใจไปทีธ่ ุรกิจส่วนประกอบอาหาร
อาหารแปรรูป และเครือ ่ งใช้สว่ นตัว ให้การพัฒนาคุณภาพ
นวัตกรรมและการทาการตลาด -
ระยะนี้จะเห็นความเปลีย่ นแปลงของอุตสาหกรรมฮาลาล
จากระดับท้องถิน ่ สูผ
่ น
ู้ าในระดับสากล รวมถึงการก่อตัง้ ศูนย์วจิ ยั
และพัฒนาเกีย่ วกับอุตสาหกรรมฮาลาล
ผดดยระยะทีส ่ ามนี้วางแผนอยูใ่ นช่วงปี ค.ศ. 2015 - 2020
อุตสาหกรรมหลัก อิเล็กทรอนิกส์
อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
สินค้าส่งออกทีส
่ าคัญ ไม้
อุปกรณ์ ไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ น้ามันดิบ
ก๊าซธรรมชาติเหลว ปิ โตเลียม เฟอร์นิเจอร์ ยาง
น้ามันปาล์ม
สินค้านาเข้าทีส
่ าคัญ
ชิน
้ ส่วนไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์
เครือ
่ งจักรอุตสาหกรรม สินค้าแปรรูป
สินค้าอาหาร
ตลาดนาเข้าทีส
่ าคัญ ญีป
่ ุ่ น จีน สิงคโปร์
สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ไทย
การท่องเทีย่ ว[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ การท่องเทีย่ วในประเทศมาเลเซีย
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
โครงสร้างพื้นฐาน[แก้ไขต้นฉบับ]
การคมนาคม และ โทรคมนาคม[แก้ไขต้นฉบับ]
เส้นทางคมนาคม[แก้ไขต้นฉบับ]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
โทรคมนาคม[แก้ไขต้นฉบับ]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
การศึกษา[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ การศึกษาในประเทศมาเลเซีย
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
สาธารณสุข[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ สาธารณสุขในประเทศมาเลเซีย
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
ประชากรศาสตร์[แก้ไขต้นฉบับ]
เชื้อชาติ[แก้ไขต้นฉบับ]
ประเทศมาเลเซียมีปญ ั หาประชากรหลากหลายเชื้อชาติ
ในอดีตเคยเกิดสงครามกลางเมืองเนื่องจากการกีดกันทางเชื้อชาติ
ประเทศมาเลเซียประชากรส่วนใหญ่เป็ นชาวมลายูรอ้ ยละ 50.4
เป็ นชาวภูมบ ิ ุตร (Bumiputra) คือบุตรแห่งแผ่นดิน
รวมไปถึงชนดัง้ เดิมของประเทศอีกส่วนหนึ่ง
ได้แก่กลุม ่ ชนเผ่าในรัฐซาราวะก์ และรัฐซาบะฮ์มีอยูร่ อ้ ยละ
11[6] ซึง่ ตามรัฐธรรมนูญของมาเลเซียนัน ้
ชาวมลายูนน ้ ั คือมุสลิม และอยูใ่ นกรอบวัฒนธรรมมลายู
แต่ชาวภูมบ ิ ุตรทีไ่ ม่ใช่ชาวมลายูนน ้ั
มีจานวนกว่าครึง่ ของประชากรในรัฐซาราวะก์ (ได้แก่ชาวอิบน ั ร้อยละ 30)
และร้อยละ 60 ของประชากรรัฐซาบะฮ์ (ได้แก่ชาวกาดาซัน-ดูซุน ร้อยละ 18
และชาวบาเจา ร้อยละ
17)[6] นอกจากนี้ยงั มีชนพื้นเมืองดัง้ เดิมของคาบสมุทรมลายูอีกกลุม่ หนึ่ง
คือ โอรัง อัสลี
ประชากรกลุม ่ ใหญ่ทีไ่ ม่ใช่ชาวภูมบ
ิ ุตรหรือชนดัง้ เดิมเป็ นพวกทีเ่ ข้ามาให
ม่ โดยเป็ นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน มีอยูร่ อ้ ยละ 23.7
ซึง่ มีกระจายอยูท ่ ่วั ประเทศ มีชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย อีกร้อยละ 7.1
[6]
ของประชากร ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวทมิฬ แต่ยงั มีชาวอินเดียกลุม ่ อื่
น
อย่างเกรละ, ปัญจาบ, คุชราต และปาร์ซี นอกจากนี้ยงั มีกลุม ่ ชาวมาเลเซียเชื้อส
ายไทย โดยอาศัยอยูใ่ นรัฐทางตอนเหนือของประเทศ
มีคนเชื้อสายชวาและมีนงั กาเบาในรัฐทางตอนใต้ของคาบสมุทรอย่าง รัฐยะโฮ
ร์
ชุมชนลูกครึง่ คริสตัง (โปรตุเกส-มลายู)
ทีน ั ถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และชุมชนลูกครึง่ อืน
่ บ ่ ๆ อย่าง
ฮอลันดาและอังกฤษ
ส่วนมากอาศัยในรัฐมะละกา ส่วนลูกครึง่ เปอรานากัน หรือชาวจีนช่องแคบ
(จีน-มลายู) ส่วนมากอาศัยอยูใ่ นรัฐมะละกา และมีชุมชนอยูใ่ นรัฐปี นัง
ศาสนา[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ ศาสนาในประเทศมาเลเซีย
ศาสนาในประเทศมาเลเซีย
ศาสนา ร้อยละ
อิสลาม 59%
พุทธ 19.3%
คริสต์ 8.1%
ฮินดู 6.3%
ไม่มีศาสนา 6.1%
อืน
่ ๆ 2%
ขงจื๊อและเต๋า 1.3%
ในปี ค.ศ. 2010[7] ประเทศมาเลเซียมีผนู้ บ
ั ถือศาสนา
แบ่งได้ดงั นี้ ศาสนาอิสลาม 60% ศาสนาพุทธ 19% ศาสนาคริสต์ 12% ศาส
นาฮินดู6.3% ลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า 1.3% ศาสนาอืน ่ ๆ
2% ไม่มีศาสนา 6.1%
แต่การหันไปนับถือศาสนาอืน ่ ทีไ่ ม่ใช่อส
ิ ลามเป็ นปัญหาอย่างมากเนื่องจา
กทางภาครัฐจะไม่เปลีย่ นข้อมูลทางราชการให้
มาเลเซียบัญญัตใิ นรัฐธรรมนูญให้อส ิ ลามเป็ นศาสนาประจาชาติ
และผูท้ น
ี่ บ
ั ถือศาสนาอิสลามจะมีสทิ ธิพเิ ศษ คือ
ได้รบ
ั เงินอุดหนุนเรือ
่ งค่าครองชีพตามนโยบายภูมบ ิ ุตรของรัฐบาล
และยังมีการสนับสนุนให้การไม่มีศาสนาเป็ นเรือ ่ งผิดกฏหมายอีกด้วย[ต้องการอ้างอิ
ง]
ภาษา[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ ภาษาราชการของมาเลเซีย
กีฬา[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ มาเลเซียใน, มาเลเซียในโอลิมปิ ก และ มาเลเซียในเอเชียนเ
กมส์
ฟุตบอล[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ สมาคมฟุตบอลมาเลเซีย, ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย และ ฟุตซ
อลทีมชาติมาเลเซีย
วัฒนธรรม[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ วัฒนธรรมมาเลเซีย
มาเลเซียประกอบด้วยชนจากหลายเผ่าพันธุ์ (พหุสงั คม) รวมกันอยู่
บนแหลมมลายูมากว่า 1,000 ปี ประกอบด้วยเชื้อชาติใหญ่ๆ 3 กลุม
่ คือ
ชาวมลายู ชาวจีน และชาวอินเดีย อาศัยอยูบ ่ นแหลมมลายู
ส่วนชนพื้นเมืองอืน ่ ๆ เช่น อิบน ั (Ibans) ส่วนใหญ่อาศัยอยูใ่ นรัฐซาราวัค
และคาดาซัน (Kadazans) อาศัยอยูใ่ นรัฐซาบะฮ์
ด้วยประชากรหลากหลายเชื้อชาติภายในประเทศ
ทาให้เกิดการหล่อหลอมของวัฒนธรรมและส่งผลต่อ
การดารงชีวต ิ ของชาวมาเลเซีย จึงเกิดประเพณีทส ี่ าคัญมากมาย อาทิเช่น
1.การราซาบิน (Zapin) :เป็ นการแสดงการฟ้ อนราหมู่
ซึง่ เป็ นศิลปะพื้นเมืองของชาวมาเลเซีย
โดยเป็ นการฟ้ อนราทีไ่ ด้รบ ั อิทธพลมาจาก ดินแดนอาระเบีย
โดยมีผแ ู้ สดงเป็ นหญิง ชาย จานวน 6 คู่
เต้นตามจังหวะของกีตาร์แบบอาระเบีน และ กลอง
เล็กสองน้าทีบ ่ รรเลงจากช้าไปเร็ว 2.เทศกาลทาเดา คาอามาตัน (Tadau
Kaamatan) :เป็ นเทศกาลประจาปี ในรัฐซาบะฮ์
จัดในช่วงสิน ้ เดือนพฤษภาคม
ซึง่ เป็ นช่วงสิน ้ สุดของฤดูการเก็บเกีย่ วข้าวและเริม่ ต้นฤดูกาลใหม่
โดยจะมีพธิ ีกรรมตามความเชือ ่ ในการทาเกษตร และมีการแสดงระบาพื้นเมือง
และขับร้องบทเพลงท้องถิน ่ เพือ่ เฉลิมฉลองอีกด้วย
วัฒนธรรมร่วมสมัย[แก้ไขต้นฉบับ]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
การแต่งกาย[แก้ไขต้นฉบับ]
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
สถาปัตยกรรม[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ สถาปัตยกรรมของมาเลเซีย
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
อาหาร[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ อาหารมาเลเซีย
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
สือ
่ สารมวลชน[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ สือ่ สารมวลชนของมาเลเซีย
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
วันหยุด[แก้ไขต้นฉบับ]
ดูบทความหลักที:่ รายชือ่ วันสาคัญของมาเลเซีย
ส่วนนี้รอเพิม
่ เติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิม
่ เติมข้อมูลในส่วนนี้ ได้
ดูเพิม
่ [แก้ไขต้นฉบับ]
พุทธศาสนาในประเทศมาเลเซีย
อ้างอิง[แก้ไขต้นฉบับ]