Professional Documents
Culture Documents
บทสวดมนต์
บทสวดมนต์
บทสวดมนต์
้
(บางวัด/บางสานัก ใช ้บทสวดต่อไปนี แทน)
อิมน ิ ำสักกำเรนะ พุทธ ัง อะภิปูชะยำมิ
้
ข ้าพเจ ้าทังหลาย ขอบูชาโดยยิง่ ซึงพระพุ
่ ทธเจ ้า,
่ กการะนี ้
ด ้วยเครืองสั
อิมน ิ ำสักกำเรนะ ธ ัมมัง อะภิปูชะยำมิ
้
ข ้าพเจ ้าทังหลาย ขอบูชาโดยยิง่ ซึงพระธรรม
่
่ กการะนี ้
,ด ้วยเครืองสั
อิมน ิ ำสักกำเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยำมิ
้
ข ้าพเจ ้าทังหลาย ขอบูชาโดยยิง่ ซึงพระสงฆ
่ ์
่ กการะนี ้
,ด ้วยเครืองสั
ธ ัมมัง นะมัสสำมิ ,
ั้
ข ้าพเจ ้านมัสการพระธรรม , ( กรำบ ๑ ครง)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สำวะกะสังโฆ ,
พระสงฆ ์สาวกของพระผูม้ พ
ี ระภาคเจ ้า ปฏิบต
ั ด
ิ แี ล ้ว ,
สังฆัง นะมำมิ .
ั้
ข ้าพเจ ้านอบน้อมพระสงฆ ์ ( กรำบ ๑ ครง)
คำกล่ำวนอบน้อมพระผู ม ้ พ
ี ระภำคเจ้ำ
(หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะ
นะมะการัง กะโรมะ เส)
ธ ัมมำภิถุต ิ
( หันทะ มะยัง ธัมมาภิถต
ุ งิ กะโรมะ เส. )
สังเวคะปริกต
ิ ตนปำฐะ
อิธะ ตะถำคะโต โลเก อุปปั นโน ,
พระตถาคตเจ ้าเกิดขึนแล ้ ้ว ในโลกนี ้ ,
อะระหัง สัมมำสัมพุทโธ ,
เป็ นผูไ้ กลจากกิเลส ,
ตร ัสรู ้ชอบได ้โดยพระองค ์เอง ,
ธ ัมโม จะ เทสิโต นิ ยยำนิ โก ,
่
และพระธรรมทีทรงแสดง ,
่
เป็ นธรรมเครืองออกจากทุ กข ์ ,
อุปะสะมิโก ปะรินิพพำนิ โก ,
่
เป็ นเครืองสงบกิ ่
เลส เป็ นไปเพือปริ
นิพพาน ,
สัมโพธะคำมี สุคะตป ั ปะเวทิโต ,
่
เป็ นไปเพือความรู ้พร ้อม
่
เป็ นธรรมทีพระสุ คตประกาศ ,
่
เพือให ้สาวกกาหนดรอบรู ้อุปาทานขันธ ์เหล่านี เอง ้
,
ธะระมำโน โส ภะคะวำ ,
จึงพระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้านั้น
่ งทรงพระชนม ์อยู่ ,
เมือยั
เอวงั พะหุลงั สำวะเก วิเนติ ,
ย่อมทรงแนะนาสาวกทังหลาย ้
้ นส่วนมาก ,
เช่นนี เป็
เอวงั ภำคำ จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สำวะเกสุ
อะนุ สำสะนี พะหุลำ ปะวัตตะติ
อนึ่ ง คาสังสอนของพระผู
่ ี ระภาคเจ ้านั้น
ม้ พ
, ย่อมเป็ นไปในสาวกทังหลาย ้ , ส่วนมาก ,
มีสว่ นคือ การจาแนก อย่างนี ว่้ า ,
รู ปัง อนิ จจัง , ่ ,
รูปไม่เทียง
เวทะนำ อนิ จจำ , เวทนาไม่เทียง ่ ,
สัญญำ อนิ จจำ , สัญญาไม่เทียง ่ ,
สังขำรำ อนิ จจำ , สังขารไม่เทียง ่ ,
วิญญำณัง อนิ จจัง , วิญญาณไม่เทียง ่ ,
รู ปัง อะนัตตำ , รูปไม่ใช่ตวั ตน ,
เวทะนำ อะนัตตำ , เวทนาไม่ใช่ตวั ตน ,
สัญญำ อะนัตตำ , สัญญาไม่ใช่ตวั ตน ,
สังขำรำ อะนัตตำ , สังขารไม่ใช่ตวั ตน ,
วิญญำณัง อะนัตตำ , วิญญาณไม่ใช่ตวั ตน ,
สัพเพ สังขำรำ อนิ จจำ
้
สังขารทังหลายทั ้
งปวงไม่ ่
เทียง
สัพเพ ธ ัมมำ อะนัตตำติ ,
้
ธรรมทังหลายทั ้
งปวงไม่ ใช่ตวั ตน ดังนี ้ ,
เต (หญิงว่ำ ตำ ) มะยัง โอติณณำมะหะ,
้
พวกเราทังหลาย เป็ นผูถ้ ก
ู ครอบงาแล ้ว,
ชำติยำ , โดยความเกิด ,
ชะรำมะระเณนะ , โดยความแก่ ,
และความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ
อุปำยำเสหิ ,
โดยความโศก ความราไรร ่ าพัน
ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ
้
ความคับแค ้นใจ ทังหลาย ,
ทุกโขติณณำ , เป็ นผูถ้ กู ความทุกข ์
่
หยังเอาแล ้ว ,
ทุกขะปะเรตำ , เป็ นผูม้ คี วามทุกข ์
้
เป็ นเบืองหน้ าแล ้ว ,
อ ัปเปวะนำมิมส ั สะ เกวะลัสสะ
ทุกขักขันธ ัสสะ อ ันตะกิรย ิ ำ ปั ญญำ เยถำติ ,
ทาไฉน การทาทีสุ ่ ดแห่งกองทุกข ์ทังสิ
้ นนี
้ ้
จะพึงปรากฏชัดแก่เราได ้ ,
(สำหร ับภิกษุ สำมเณร)
จิระปะรินิพพุตม
ั ปิ ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ
อะระหันตัง สัมมำสัมพุทธ ัง ,
้
เราทังหลายอุ ทศ ิ เฉพาะพระผูม้ พ
ี ระภาคเจ ้า ,
ผูไ้ กลจากกิเลส , ตร ัสรู ้ชอบได ้โดยพระองค ์เอง ,
แมป้ รินิพพานนานแล ้ว พระองค ์นั้น
สัทธำ อะคำร ัสะมำ อะนะคำริยงั ปั พพะชิตำ ,
เป็ นผูม้ ศ
ี รทั ธา ออกบวชจากเรือน
่
ไม่เกียวข ้องด ้วยเรือนแล ้ว ,
ตัสสะมิง ภะคะวะติ พร ัหมะจะริยงั จะรำมะ ,
ประพฤติอยูซ ึ่
่ งพรหมจรรย ์
ี ระภาคเจ ้าพระองค ์นั้น,
ในพระผูม้ พ
(สามเณรหยุดสวด ตรงทีขี ่ ดเส ้นใต ้ไว ้)
ภิกขูนงั สิกขำสำชีวะสะมำปั นนำ ,
่
ถึงพร ้อมด ้วยสิกขาและธรรมเป็ นเครืองเลี ้ วต
ยงชี ิ ข
้ั
องภิกษุทงหลาย
ตัง โน พร ัหมะจะริยงั อิมส ั สะ เกวะลัสสะ
ทุกขักขันธ ัสสะ อ ันตะกิรย ิ ำยะ สังว ัตตะตุ .
้
ขอให ้พรหมจรรย ์ของเราทังหลายนั ้น ,
่
จงเป็ นไปเพือการท ่ ด ,แห่งกองทุกข ์ทังสิ
าทีสุ ้ นนี
้ ้
เทอญ .
(สาหร ับอุบาสกอุบาสิกาสวด)
จิระปะรินิพพุต ัมปิ ต ัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตำ
้
เราทังหลาย ่
ผูถ้ งึ แล ้วซึงพระผู ม้ พ
ี ระภาคเจ ้า
แม ้ปรินิพพานนานแล ้ว พระองค ์นั้น เป็ นสรณะ ,
ธ ัมมัญจะ สังฆัญจะ , มีพระธรรมด ้วย
ถึงพระสงฆ ์ด ้วย ,
ต ัสสะ ภะคะวะโต สำสะนัง , ยะถำสะติ , ยะถำพะลัง ,
มะนะสิกะโรมะ อะนุ ปะฏิ ปั ชชำมะ ,
จักทาในใจอยู่ ปฏิบต ั ต
ิ ามอยู่
่ าสังสอนของพระผู
ซึงค ่ ี ระภาคเจ ้านั้น , ตามสติกาลัง ,
ม้ พ
สำ สำ โน ปะฏิปัตติ , ขอให ้ความปฏิบต ิ ้ัน ๆ
ั น
้
ของเราทังหลาย,
อิมส ั สะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธ ัสสะ อ ันตะกิรย ิ ำยะ
สังวัตตะตุ .
่
จงเป็ นไปเพือการท ่ ดแห่งกองทุกข ์ทังสิ
าทีสุ ้ นนี
้ ้
เทอญ .
ฑังสะมะกะสะวำตำตะปะสิรงิ สะปะสัมผัสสำนัง
ปะฏิฆำตำยะ,
่ าบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง ลม
เพือบ
้
แดด, และ สัตว ์เลือยคลานทั ้
งหลาย,
ยำวะเทวะ หิรโิ กปิ นะปะฏิจฉำทะนัตถัง,
่
และเพียงเพือปกปิ ดอวัยวะ,
อันให ้เกิดความละอาย,
ปะฏิสงั ขำ โยนิ โส ปิ ณฑะปำตัง ปฏิเสวำมิ,
เราย่อมพิจารณาโดยแยบคายแล ้วฉันบิณฑบาต,
เนวะ ทะวำยะ,
่
ไม่ให ้เป็ นไปเพือความเพลิ ดเพลินสนุ กสนาน,
นะ มะทำยะ, ่
ไม่ให ้เป็ นไปเพือความเมามั น
เกิดกาลังพลังทางกาย,
นะ มัณฑะนำยะ, ไม่ให ้เป็ นไปเพือประดั ่ บ,
นะ วิภูสะนำยะ, ไม่ให ้เป็ นไปเพือตกแต่ ่ ง,
ยำวะเทวะ อิมส ั สะ กำยัสสะ ฐิตย ิ ำ,
่
แต่ให ้เป็ นไปเพียงเพือความตั ้ ่ได ้แห่งกายนี ,้
งอยู
ยำปะนำยะ, ่
เพือความเป็ นไปได ้ของอัตภาพ,
วิหงิ สุปะระติยำ,
่
เพือความสิ ้
นไปแห่ งความลาบากทางกาย,
พร ัหมะจะริยำนุ คคะหำยะ,
่
เพืออนุ เคราะห ์แก่การประพฤติพรหมจรรย ์,
อิต ิ ปุ รำณัญจะ เวทะนัง ปะฏิหงั ขำมิ,
ด ้วยการทาอย่างนี ,้ เราย่อมระงับเสียได ้
่ กขเวทนาเก่า คือ ความหิว,
ซึงทุ
นะวัญจะ เวทะนัง นะ อุปปำเทสสำมิ,
และไม่ทาทุกขเวทนาใหม่ให ้เกิดขึน,้
่
เพียงเพือบรรเทาอั นตรายอันจะพึงมีจากดินฟ้ าอากา
ศ,
่
และเพือความเป็ นผู ้ยินดีอยู่ได ้
่ กเร ้นสาหร ับภาวนา,
ในทีหลี
ปะฏิสงั ขำ โยนิ โส
คิลำนะปั จจะยะเภสัชชะปะริกขำร ัง ปะฏิเสวำมิ,
เราย่อมพิจารณาโดยแยบคายแล ้ว,
บริโภคเภสัชบริขารอันเกือกู ้ ลแก่คนไข ้,
ยำวะเทวะ อุปปั นนำนัง เวยยำพำธิกำนัง
เวทะนำนัง ปะฏิฆำตำยะ,
่ าบัดทุกขเวทนาอันบังเกิดขึนแล
เพียงเพือบ ้ ้ว
มีอาพาธต่าง ๆ เป็ นมูล,
อ ัพะยำปั ชฌะปะระมะตำยำติ,
่
เพือความเป็ นผูไ้ ม่มโี รคเบียดเบียน
เป็ นอย่างยิง,่ ดังนี .้
ธำตุปฏิกูลปั จจะเวกขณปำฐะ
(หันทะ มะยัง ธาตุปะฏิกล
ู ะปัจจะเวกขะปาฐัง ภะณามะ
เส.)
ยะถำปั จจะยัง ปะวัตตะมำนัง ธำตุมต ั ตะเมเวตัง,
่
สิงเหล่ านี ้ นี่ เป็ นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น,
กาลังเป็ นไปตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนื องนิ จ,
ยะทิทงั จีวะร ัง ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุ คคะโล,
่
สิงเหล่ านี ้ คือ จีวร, และคนผูใ้ ช ้สอยจีวรนั้น,
ธำตุมต ั ตะโก, เป็ นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ,
นิ สสัตโต, มิได ้เป็ นสัตวะอันยั่งยืน,
นิ ชชีโว, มิใช่ชวี ะอันเป็ นบุรษ ุ บุคคล,
สุญโญ,
ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็ นตัวตน,
สัพพำนิ ปะนะ อิมำนิ จีวะรำนิ
อะชิคุจฉะนี ยำนิ ,
้
ก็จวี รทังหมดนี ,้
ไม่เป็ นของน่ าเกลียดมาแต่เดิม,
อิมงั ปู ตก ิ ำยัง ปั ตะวำ,
้ั
ครนมาถู กเข ้ากับกายอันเน่ าอยู่เป็ นนิ จนี แล ้ ้ว,
อะติวย ิ ะ ชิคุจฉะนี ยำนิ ชำยันติ,
่
ย่อมกลายเป็ นของน่ าเกลียดอย่างยิงไปด ้วยกัน.
ยะถำปั จจะยัง ปะวัตตะมำนัง ธำตุมต ั ตะเมเวตัง,
่ านี ้
สิงเหล่
นี่ เป็ นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น,
กาลังเป็ นไปตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนื องนิ จ,
ปั ตติทำนคำถำ
( หันทะ มะยัง ปัตติทานะคาถาโย ภะณามะ เส)
ยำ เทวะตำ สันติ วิหำระวำสินี ,
้
เทวดาทังหลายเหล่ าใด มีปกติอยู่ในวิหาร
ถู เป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง ตะหิง,
่ อนพระสถูป ทีเรื
สิงสถิตทีเรื ่ อนโพธิ ในทีนั
่ ้น ๆ
ตำ ธ ัมมะทำเนนะ ภะวันตุ ปู ชต ิ ำ,
เทวดาเหล่านั้น , เป็ นผูอ้ น ้
ั เราทังหลาย บูชาแล ้ว
ด ้วยธรรมทาน ,
โสตถิง กะโรนเตธะ วิหำระมัณฑะเล,
่
ขอจงทาซึงความสวั สดี
ความเจริญในมณฑลวิหารนี ้
เถรำ จะ มัชฌำ นะวะกำ จะ ภิกขะโว
้ั
พระภิกษุทงหลายที ่ นเถระ, ทีเป็
เป็ ่ นปานกลาง,
่ นผูบ้ วชใหม่ก็ด ี
ทีเป็
คำทำวัตรเย็นแปล
คำบู ชำพระร ัตนตร ัย
โย โส ภะคะวำ อะระหัง สัมมำสัมพุทโธ ,
พระผูม้ พ
ี ระภาคเจ ้า พระองค ์ใด , เป็ นพระอรหันต ์ ,
ดับเพลิงกิเลส , ้ ง,
เพลิงทุกข ์สินเชิ
ตร ัสรู ้ชอบได ้โดยพระองค ์เอง ,
สะวำกขำโต เยนะ ภะคะวะตำ ธ ัมโม ,
พระธรรมเป็ นธรรมทีพระผู่ ม้ พี ระภาคเจ ้า
พระองค ์ใด , ตร ัสไว ้ดีแล ้ว,
สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สำวะกะสังโฆ ,
พระสงฆ ์สาวกของพระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้า พระองค ์ใด
, ปฏิบต ั ด
ิ แี ล ้ว ,
ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธ ัมมัง สะสังฆัง ,
อิเมหิ สักกำเรหิ ยะถำระหัง อำโรปิ เตหิ
อภิปูชะยำมะ ,
ข ้าพเจ ้าทังหลาย ้ ขอบูชาอย่างยิง่ ,
่
ซึงพระผู ี ระภาคเจ ้า พระองค ์ นั้น
ม้ พ
้
พร ้อมทังพระธรรมและพระสงฆ ์
ด ้วยเครืองสั ่ กการะทังหลาย ้ เหล่านี ้ ,
้
อันยกขึนตามสมควรแล ้วอย่างไร
สำธุโน ภันเต ภะคะวำ สุจริ ะปะรินิพพุโตปิ ,
ข ้าแต่พระองค ์ผูเ้ จริญ , พระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้า
แม้ปรินิพพานนานแล ้ว
ทรงสร ้างคุณสาเร็จประโยชน์ไว ้แก่ข ้าพเจ ้าทังหลา ้
ย
ปั จฉิ มำ ชะนะตำนุ ก ัมปะมำนะสำ ,
ทรงมีพระหฤทัยอนุ เคราะห ์แก่ข ้าพเจ ้าทังหลาย ้
อันเป็ นชนรุน ่ หลัง ,
คำนมัสกำรพระร ัตนตร ัย
อะระหัง สัมมำสัมพุทโธ ภะคะวำ ,
พระผูม้ พี ระภาคเจ ้า , เป็ นพระอรหันต ์ ,
ดับเพลิงกิเลส , เพลิงทุกข ์สินเชิ้ ง
ตร ัสรู ้ชอบได ้โดยพระองค ์เอง ,
พุทธ ัง ภะคะวันตัง อะภิวำเทมิ ,
ื่
ข ้าพเจ ้าอภิวาทพระผูมี้ พระภาคเจ ้า ,ผูรู้ ้ ผูต้ น
ผูเ้ บิกบาน ,
( กรำบ ๑ ครง้ั )
สะวำกขำโต พุทธะโคตะเมนะ ภะคะวะตำ ธ ัมโม ,
่
พระธรรมเป็ นธรรมทีพระผู ม้ พ
ี ระภาคเจ ้า
ตร ัสไว ้ดีแล ้ว ,
ธ ัมมัง นะมัสสำมิ ,
ข ้าพเจ ้านมัสการพระธรรม ,
( กรำบ ๑ ครง้ั )
คำกล่ำวนอมน้อมพระผู ม
้ พ
ี ระภำคเจ้ำ
(หันทะ มะยัง พุทธัสสะภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการงั
กะโรมะ เส. )
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต ,
ขอนอบน้อมแด่พระผูม้ พ ้ ,
ี ระภาคเจ ้า พระองค ์นัน
อะระหะโต , ่ นผูไ้ กลจากกิเลส ,
ซึงเป็
สัมมำสัมพุทธ ัสสะ ,
ตรัสรู ้ชอบได ้โดยพระองค ์เอง . (ว่า ๓ หน)
พุทธำนุ สสติ
( หันทะ มะยัง พุทธานุ สสะตินะยัง กะโรมะ เส )
ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวัง กัล๎ยำโณ
กิตติสท ั โท อ ัพภุคคะโต ,
ก็กต ิ ติศพ ั ท ์อันงามของพระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้านัน ้ ,
ได ้ฟุ้ งไปแล ้ว อย่างนี ว่้ า ,
อิตป ิ ิ โส ภะคะวำ , เพราะเหตุอย่างนี ้ ๆ
พระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้านัน, ้
อะระหัง , เป็ นผูไ้ กลจากกิเลส ,
สัมมำสัมพุทโธ ,
เป็ นผูต้ รัสรู ้ชอบได ้โดยพระองค ์เอง ,
วิชชำจะระณะสัมปั นโน ,
เป็ นผูถ้ งึ พร ้อมด ้วยวิชชาและจะระณะ
สุคะโต , เป็ นผูไ้ ปแล ้วด ้วยดี ,
โลกะวิทู , เป็ นผูร้ ู ้โลกอย่างแจ่มแจ ้ง ,
อะนุ ตตะโร ปุ รส ิ ะทัมมะสำระถิ ,
เป็ นผูส้ ามารถฝึ กบุรษ ่
ุ ทีสมควรฝึ กได ้
อย่างไม่มใี ครยิงกว่ ่ า,
สัตถำ เทวะมะนุ สสำนัง ,
เป็ นครูผูส้ อนของเทวดาและมนุ ษย ์ทังหลาย ้ ,
พุทโธ , เป็ นผูร้ ู ้ ผูต้ น ื ่ ผูเ้ บิกบานด ้วยธรรม
,
ภะคะวำติ . เป็ นผูม้ ค ี วามจาเริญ
จาแนกธรรมสังสอนสั ่ ตว ์ ดังนี .้
พุทธำภิคต ี ิ
( หันทะ มะยัง พุทธาภิคต
ี งิ กะโรมะ เส )
พุทธะวำระหันตะวะระตำทิคุณำภิยุตโต ,
พระพุทธเจ ้า ประกอบด ้วยคุณ
,มีความประเสริฐแห่งอรหันตะคุณ เป็ นต ้น ,
สุทธำภิญำณะกะรุณำหิ สะมำคะตัตโต ,
มีพระองค ์อันประกอบด ้วยพระญาณ
และพระกรุณาอันบริสท ุ ธิ ์ ,
โพเธสิ โย สุชะนะตัง กะมะลังวะ สู โร ,
พระองค ์ใดทรงกระทาชนทีดี่ ใหเ้ บิกบาน ,
ดุจอาทิตย ์ทาบัวให้บาน
วันทำมะหัง ตะมะระณัง สิระสำ ชิเนนทัง ,
ข ้าพเจ ้าไหว ้พระชินสีห ์ , ผูไ้ ม่มก ้
ี เิ ลส พระองค ์นัน
ด ้วยเศียรเกล ้า ,
พุทโธ โย สัพพะปำณี นงั สะระณัง
เขมะมุตตะมัง,
พระพุทธเจ ้า พระองค ์ใด เป็ นสะระณะอันเกษมสูงสุด
้
ของสัตว ์ทังหลาย ,
ปะฐะมำนุ สสะติฏฐำนัง วันทำมิ ตัง สิเรนะหัง ,
ข ้าพเจ ้าไหว ้พระพุทธเจ ้าพระองค ์นัน ้
อันเป็ นทีตั่ งแห่
้ งความระลึก ่ ง่
องค ์ทีหนึ
ด ้วยเศียรเกล ้า ,
พุทธ ัสสำหัสสะมิ ทำโส (ทำสี ) วะ , พุทโธ เม
สำมิกส ิ สะโร ,
ข ้าพเจ ้าเป็ นทาสของพระพุทธเจ ้า,พระพุทธเจ ้าเป็ นนา
ย มีอสิ ระเหนื อ ข ้าพเจ ้า,
พุทโธ ทุกขัส สะ ฆำตำ จะ วิธำตำ จะ หิตส ั สะ
เม
พระพุทธเจ ้า เป็ นเครืองก ่ าจัดทุกข ์
่
และทรงไว ้ซึงประโยชน์ แก่ข ้าพเจ ้า ,
พุทธ ัสสำหัง นิ ยยำเทมิ สะรีร ัญชีวต ิ ญั จิทงั ,
ข ้าพเจ ้ามอบกายถวายชีวต ิ นี ้ แด่พระพุทธเจ ้า,
วันทันโตหัง (ตีหงั ) จะริสสำมิ พุทธ ัสเสวะ
สุโพธิตงั
ข ้าพเจ ้าผูไ้ หว ้อยู่จกั ประพฤติตาม
่
ซึงความตร สั รู ้ดีของพระพุทธเจ ้า,
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง , พุทโธ เม สะระณัง
วะร ัง
่
สรณะอืนของข ้าพเจ ้าไม่มี ,
พระพุทธเจ ้าเป็ นสรณะอันประเสริฐของ
ข ้าพเจ ้า ,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฒเฒยยัง สัตถุ
สำสะเน ,
ด ้วยการกล่าวคาสัตย ์นี ้
ข ้าพเจ ้าพึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา ,
พุทธ ัง เม วันทะมำเนนะ (มำนำยะ) ยัง ปุ ญญัง
ปะสุตงั อิธะ
ึ่
ข ้าพเจ ้าผูไ้ หว ้อยู่ซงพระพุ ทธเจ ้า,ได ้ขวนขวายบุญใด
ในบัดนี ้ ,
สัพเพปิ อ ันตะรำยำ เม มำเหสุง ตัสสะ
เตชะสำ .
อันตรายทังปวง ้ อย่าได ้มีแก่ข ้าพเจ ้า
ด ้วยเดชแห่งบุญนัน ้ .
( กราบหมอบลงว่า )
ธ ัมมำภิคต
ี ิ
( หันทะ มะยัง ธัมมาภิคต
ี งิ กะโรมะ เส )
สะวำกขำตะตำ , ทิคุณะโย คะวะ เสนะ เสยโย
,
่ ประเสริ
พระธรรมเป็ นสิงที ่ ฐเพราะประกอบด ้วยคุณ คือ
ความทีพระผู ่ ม้ ี พระภาคเจ ้า ตรสั ไว ้ดีแล ้ว เป็ นต ้น ,
โย มัคคะ ปำกะปะ ริยต ั ติ วิโมกขะเภโท ,
เป็ นธรรมอันจาแนกเป็ น มรรค ผล ปริยตั ิ
และนิ พพาน ,
ธ ัมโม กุโลกะปะตะนำ ตะทะธำริธำรี ,
เป็ นธรรมทรงไว ้ซึงผู ่ ท้ รงธรรม
จากการตกไปสูโ่ ลกทีชั ่ ว่ ,
วันทำมะหัง ตะมะหะร ัง วะระธ ัมมะเมตัง
,ข ้าพเจ ้าไหว ้พระธรรมอัน ประเสริฐนัน้
อันเป็ นเครืองขจั่ ่
ดเสียซึงความมื ด,
ธ ัมโม โย สัพพะปำณี นงั สะระณัง
เขมะมุตตะมัง ,
พระธรรมใด เป็ นสรณะอันเกษมสูงสุด
้
ของสัตว ์ทังหลาย ,
ทุตย ิ ำ นุ สสะติฏฐำนัง วันทำมิ ตัง สิเรนะหัง ,
ข ้าพเจ ้าไหว ้พระธรรมนัน ้ ,
อันเป็ นทีตั่ งแห่
้ งความระลึกองค ์ทีสอง ่ ด ้วย เศียรเกล ้า ,
ธ ัมมัสสำหัสสะมิ ทำโส (ทำสี) วะ, ธ ัมโม เม
สำมิกส ิ สะโร ,
ข ้าพเจ ้าเป็ นทาสของพระธรรม
พระธรรมเป็ นนายมีอสิ ระเหนื อข ้าพเจ ้า
ธ ัมโม ทุกขัส สะ ฆำตำ จะ วิธำตำ จะ
หิตส ั สะ เม
พระธรรมเป็ นเครืองก ่ าจัดทุกข ์
่
และทรงไว ้ซึงประโยชน์ แก่ข ้าพเจ ้า ,
ธ ัมมัสสำหัง นิ ยยำเทมิ สะรีร ัญชีวต ิ ญ
ั จิทงั ,
ข ้าพเจ ้ามอบกายถวายชีวต ิ นี ้ แด่พระธรรม
วันทันโตหัง (ตีหงั ) จะริสสำมิ ธ ัมมัสเสวะ
สุธ ัมมะตัง ,
ข ้าพเจ ้าผูไ้ หว ้อยู่จกั ประพฤติตาม
่
ซึงความเป็ นธรรมดีของพระธรรม ,
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธ ัมโม เม สะระณัง
วะร ัง
่
สรณะอืนของข ้าพเจ ้าไม่มี
พระธรรมเป็ นสรณะอันประเสริฐของข ้าพเจ ้า ,
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฒเฒยยัง สัตถุ
สำสะเน ,
ด ้วยการกล่าวคาสัตย ์นี ้
ข ้าพเจ ้าพึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา,
ธ ัมมัง เม วันทะมำเนนะ (มำนำยะ) ยัง ปุ ญญัง
ปะสุตงั อิธะ
ึ่
ข ้าพเจ ้าผูไ้ หว ้อยู่ซงพระธรรม
ได ้ขวนขวายบุญใดในบัดนี ้ ,
สัพเพปิ อ ันตะรำยำ เม มำเหสุง ตัสสะ เตชะสำ
.
้
อันตรายทังปวง อย่าได ้มีแก่ข ้าพเจ ้า
ด ้วยเดชแห่งบุญนัน ้ .
( กราบหมอบลงว่า )
กำเยนะ วำจำยะ วะ เจตะสำ วำ , ด ้วยกายก็ดี
ด ้วยวาจาก็ดี ด ้วยใจก็ดี ,
ธ ัมเม กุก ัมมัง ปะกะตัง มะยำ ยัง ,
กรรมน่ าติเตียนอันใดทีข่ ้าพเจ ้ากระทาแล ้ว
ในพระธรรม,
ธ ัมโม ปะฏิคณ ั หะตุ อ ัจจะยันตัง , ขอพระธรรม
่
จงงดซึงโทษล่ วงเกินอันนัน ้
กำลันตะเร สังวะริตุง วะ ธ ัมเม .
่
เพือการส ารวมระวัง ในพระธรรมในกาล
ต่อไป .
สังฆำนุ สสติ
( หันทะ มะยัง สังฆานุ สสะตินะยัง กะโรมะเส )
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สำวะกะสังโฆ ,
สงฆ ์สาวกของพระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้า หมู่ใด ,
ปฏิบต ั ด ิ แี ล ้ว ,
อุชปุ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สำวะกะสังโฆ ,
สงฆ ์สาวกของพระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้า หมู่ใด ,
ปฏิบต ั ต ิ รงแล ้ว ,
ญำยะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สำวะกะสังโฆ ,
สงฆ ์สาวกของพระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้า หมู่ใด ,
ปฏิบต ่ ้ธรรมเป็ น เครืองออกจากทุ
ั เิ พือรู ่ กข ์แล ้ว ,
สำมีจป ิ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สำวะกะสังโฆ ,
สงฆ ์สาวกของพระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้า หมู่ใด
,ปฏิบต ั ส ิ มควรแล ้ว,
ยะทิทงั , ได ้แก่บค ุ คลเหล่านี ้ คือ
จัตตำริ ปุ รส ิ ะยุคำนิ อัฏฐะ ปุ รส ิ ะปุ คคะลำ ,
คูแ่ ห่งบุรษ ุ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรษ ุ ได ้ ๘ บุรษ
ุ ,
เอสะ ภะคะวะโต สำวะกะสังโฆ ,
นั่นแหละ สงฆ ์สาวกของพระผูม้ พ ี ระภาคเจ ้า,
อำหุเนยโย ,
เป็ นสงฆ ์ควรแก่สก ่
ั การะทีเขาน ามาบูชา ,
ปำหุเนยโย ,
เป็ นสงฆ ์ควรแก่สก ่
ั การะทีเขาจั ดไว ้ต ้อนร ับ ,
ทักขิเณยโย , เป็ นผูค้ วรร ับทักษิณาทาน ,
อ ัญชะลีกะระณี โย ,
ี่ คคลทัวไปควรท
เป็ นผูท้ บุ ่ าอัญชลี ,
อะนุ ตตะร ัง ปุ ญญักเขตตัง โลกัสสำติ .
้
เป็ นเนื อนาบุ ญของโลก , ไม่มน ่ งกว่
ี าบุญอืนยิ ่ า
ดังนี ้ .
สังฆำภิคต
ิ ิ
( หันทะ มะยัง สังฆาภิคต
ี งิ กะโรมะเส )
สัทธ ัมมะโช สุปะฏิปัต ติคุณำ ทิยุตโต ,
พระสงฆ ์ทีเกิ ่ ดโดยพระสัทธรรม ประกอบด ้วยคุณ
มีความปฏิบต ั ดิ ี เป็ นต ้น ,
โยฏฐัพพิโธ อะริยะ ปุ คคะละ สังฆะ เสฏโฐ ,
เป็ นหมู่แห่งพระอริยบุคคลอันประเสริฐ ๘ จาพวก
,
สีลำทิธ ัมมะ ปะวะรำ สะยะกำ ยะจิตโต ,
มีกายและจิต อันอาศัยธรรม มีศล ี เป็ นต ้น อันบวร
,
วันทำมะหัง ตะมะริยำนะคะณัง สุสุทธ ัง ,
ข ้าพเจ ้าไหว ้หมู่แห่งพระอริยะเจ ้าเหล่านั้น
อันบริสท ุ ธิด์ ้วยดี ,
สังโฆ โย สัพพะปำณี นงั สะระณัง
เขมะมุตตะมัง,
พระสงฆ ์หมู่ใด , เป็ นสะระณะอันเกษมสูงสุด
ของสัตว ์ทังหลาย้ ,
ตะติยำ นุ สสะติฏฐำนัง วันทำมิ ตัง สิเรนะหัง,
ข ้าพเจ ้าไหว ้พระสงฆ ์หมู่น้ัน ,
อันเป็ นทีตั่ งแห่้ งความระลึก
องค ์ทีสาม่ ด ้วยเศียรเกล ้า ,
สังฆัสสำหัสสะมิ ทำโส (ทำสี ) วะ สังโฆ เม
สำมิกส ิ สะโร ,
ข ้าพเจ ้าเป็ นทาสของพระสงฆ ์ พระสงฆ ์เป็ นนาย
มีอส ิ ระเหนื อข ้าพเจ ้า ,
สังโฆ ทุกขัส สะ ฆำตำ จะ วิธำตำ จะ หิตส ั สะ
เม , พระสงฆ ์เป็ นเครือง ่ กาจัดทุกข ์
่
และทรงไว ้ซึงประโยชน์ แก่ข ้าพเจ ้า ,
สังฆัสสำหัง นิ ยยำเทมิ สะรีร ัญชีวต ิ ญ
ั จิทงั ,
ข ้าพเจ ้ามอบกายถวายชีวต ิ นี ้ แด่พระสงฆ ์,
วันทันโตหัง (ตีหงั ) จะริสสำมิ สังฆัสโส
ปะฏิปันนะตัง ,
ข ้าพเจ ้าผูไหว ้ ้อยู่จก ั ประพฤติตาม
่
ซึงความปฎิ บตั ด
ิ ขี องพระสงฆ ์,
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง
วะร ัง ,
่
สรณะอืนของข ้าพเจ ้าไม่มี
พระสงฆ ์เป็ นสรณะอันประเสริฐของ
ข ้าพเจ ้า ,
เอเตนะ สัจ จะวัชเชนะ วัฒเฒยยัง สัตถุ
สำสะเน ,
ด ้วยการกล่าวคาสัตย ์นี ้
ข ้าพเจ ้าพึงเจริญในพระศาสนาของ
พระศาสดา
สังฆัง เม วันทะมำเนนะ (มำนำยะ) ยัง
ปุ ญญัง ปะสุตงั อิธะ,
ข ้าพเจ ้าผู ้ไหว ้อยู่ซงึ่
พระสงฆ ์ได ้ขวนขวายบุญใดในบัดนี ้ ,
สัพเพปิ อ ันตะรำยำ เม มำเหสุง ตัสสะ เตชะสำ
.
อันตรายทังปวง ้ อย่าได ้มีแก่ข ้าพเจ ้า
ด ้วยเดชแห่งบุญนั้น .
( กราบหมอบลงว่า )
กำเยนะ วำจำยะ วะ เจตะสำ วำ ,
ด ้วยกายก็ด ี ด ้วยวาจาก็ด ี ด ้วยใจก็ด ี ,
สังเฆ กุก ัมมัง ปะกะตัง มะยำ ยัง ,
่ ้าพเจ ้ากระทาแล ้ว
กรรมน่ าติเตียนอันใด ทีข
ในพระสงฆ ์,
สังโฆ ปะฏิคณ ั หะตุ อ ัจจะยันตัง ,
่
ขอพระสงฆ ์ จงงดซึงโทษล่ วงเกินอันนั้น ,
กำลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ .
่
เพือการส ารวมระวัง ในพระสงฆ ์ ในกาลต่อไป
อดีตปั จจเวกขณปำฐะแปล
(หันทะ มะยัง อะตีตะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส.)
อ ัชชะ มะยำ อะปั จจะเวกขิตะวำ ยัง จีวะร ัง
ปะริภุตตงั ,
ั พิจารณาในวันนี ,้
จีวรใด อันเรานุ่ งห่มแล ้ว, ไม่ทน
ตัง ยำวะเทวะ สีตส ั สะ ปะฏิฆำตำยะ,
จีวรนั้น เรานุ่ งห่มแล ้ว,
่ าบัดความหนาว,
เพียงเพือบ
อุณหัสสะ ปฏิฆำตำยะ, ่ าบัดความร ้อน,
เพือบ
ฑังสะมะกะสะวำตำตะปะสิรงิ สะปะสัมผัสสำนัง
ปะฏิฆำตำยะ,
่ าบัดสัมผัสอันเกิดจากเหลือบ ยุง ลม แดด,
เพือบ
้
และสัตว ์เลือยคลานทั ้
งหลาย,
ยำวะเทวะ หิรโิ กปิ นะปะฏิจฉำทะนัตถัง,
่
และเพียงเพือปกปิ ดอวัยวะ,
อันให ้เกิดความละอาย.
อภิณหปั จจเวกขณปำฐะ
( หันทะ มะยัง อะภิณหะปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส
)
ชะรำธ ัมโมมหิ ( หญิงว่ำ ธ ัมมัมหิ )
เรามีความแก่เป็ นธรรมดา
ชะร ัง อะนะตีโต ( หญิงว่ำ อะนะตีตำ )
จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได ้
พะยำธิธ ัมโมมหิ ( หญิงว่ำ ธ ัมมัมหิ )
เรามีความเจ็บไข ้เป็ นธรรมดา
พะยำธิง อะนะตีโต ( หญิงว่ำ อะนะตีตำ )
จะล่วงพ้นความเจ็บไข ้ไปไม่ได ้
มะระณะธ ัมโมมหิ ( หญิงว่ำ ธ ัมมัมหิ )
เรามีความตายเป็ นธรรมดา
มะระณัง อะนะตีโต ( หญิงว่ำ อะนะตีตำ )
จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได ้
สัพเพหิ เม ปิ เยหิ มะนำเปหิ นำนำภำโว
วินำภำโว
เรามีความเป็ นต่างๆ , คือ ความพลัดพราก
จากของรักของเจริญใจ ทังหลายทั ้ ้
งปวง
กัมมัสสะโกมหิ, เรามีกรรมเป็ นของ ของตน,
กัมมะทำยำ โท, ( ญ . ทำ )
เป็ นผูร้ ับผลของกรรมนั้น,
กัมมะโยนิ , เป็ นผูม้ ก
ี รรมเป็ นกาเนิ ด,
กัมมะพันธุ, เป็ นผูม้ กี รรมเป็ นเผ่าพันธุ ์,
กัมมะปะฏิสะระ โณ ( ญ . ณำ )
เป็ นผูม้ ก ่ งอาศั
ี รรมเป็ นทีพึ ่ ย,
ยัง กัมมัง กะริสสำมิ , จักทากรรม อันใดไว ้,
กัละยำณัง วำ ปำปะก ัง วำ , ่
ดีหรือชัว,
ตัสสะ ทำยำ โท ( ญ . ทำ ) ภะวิสสำมิ
จักเป็ นผูร้ ับผลของกรรมนั้น
เอวัง อัมเหหิ อะภิณหัง ปั จจะเวกขิตพ ั พัง
้
เราทังหลาย พึงพิจารณาเนื่ อง ๆ อย่างนี แล. ้
เขมำเขมสรณทีปิกคำถำแปล
(หันทะ มะยัง เขมาเขมะสะระณะทีปิกะคาถาโย ภะณามะ
เส)
พะหุง เว สะระณัง ยันติ
ปั พพะตำนิ วะนำนิ จะ,
อำรำมะรุกขะเจตยำนิ
มะนุ สสำ ภะยะตัชชิตำ,
้
มนุ ษย ์ทังหลายจ านวนมาก,
่ กภัยคุกคามแล ้ว,
เมือถู
้
ย่อมถึงภูเขาทังหลายบ ้
้าง, ป่ าทังหลายบ ้าง
้
อารามต ้นไม้และเจดีย ์ทังหลายบ ้าง, ว่าเป็ นสรณะ,
เนตัง โข สะระณัง เขมัง
เนตังสะระณะมุตตะมัง,
นั่นแลมิใช่สรณะอันเกษม นั้นมิใช่สรณะอันสูงสุด,
เนตัง สะระณะมำคัมมะ
สัพพะทุกขำ ปะมุจจะติ,
เขาอาศัยสรณะนั้นแล ้ว
้
ย่อมไม่พน้ จากทุกข ์ทังปวงได ้,
โย จะ พุทธ ัญจะ ธ ัมมัญจะ
สังหัญจะ สะระณัง คะโต,
ส่วนผูใด
้ ถึงพระพุทธเจ ้าด ้วย ถึงพระธรรมด ้วย
ถึงพระสงฆ ์ด ้วย ว่าเป็ นสรณะ,
จัตตำริ อะริยะสัจจำนิ สัมมัปปั ญญำยะ
ปั สสะติ,
เห็นอริยสัจทัง้ ๔ ด ้วยปัญญาอันชอบ,
ทุกขัง ทุกขะสะมุปปำทัง ทุกขัสสะ
จะ อะติกกะมัง,
คือเห็นความทุกข ์และตัณหาทียั ่ งทุกข ์ให ้เกิด
และความก ้าวล่วงทุกข ์,
โอวำทปำติโมกขคำถำแปล
(หันทะ มะยัง โอวาทะปาติโมกขะคาถาโย ภะณามะ เส)
สัพพะปำปั สสะ อะกะระณัง,
้
การไม่ทาบาปทังปวง
กุสะลัสสู ปะสัมปะทำ,
การทากุศลให ้ถึงพร ้อม,
สะจิตตะปะริ โยทะปะนัง,
การชาระจิตของตนให ้ขาวรอบ,
เอตัง พุทธำนะสำสะนัง,
ธรรม ๓
อย่างนี ้ เป็ นคาสังสอนของพระพุ
่ ้
ทธเจ ้าทังหลาย,
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีตก ิ ขำ,
ขันติ คือความอดกลัน ้
่
เป็ นธรรมเครืองเผากิ ่
เลสอย่างยิง,
นิ พพำนัง ปะระมัง วะทันติ พุทธำ,
้
ผูร้ ู ้ทังหลาย ่
กล่าวพระนิ พพานว่าเป็ นธรรมอันยิง,
อริยธนคำถำแปล
(หันทะ มะยัง อะริยะธะนะคาถาโย ภะณามะ เส)
ยัสสะ สัทธำ ตะถำคะเต อะจะลำ สุปะติฏฐิตำ,
้ นอย่
่
ศร ัทธาในพระตถาคตของผูใ้ ดตังมั ่
างดีไม่หวันไ
หว
สีลญ
ั จะ ยัสสะ กัละยำณัง, และ
ศีลของบุคคลใด งาม,
อะริยะกันต ัง, ่ นดีแห่งพระอริยเจ ้า,
เป็ นทียิ
ปะสังสิต ัง,
อันพระอริยเจ ้าสรรเสริญแล ้ว,
สังเฆ ปะสำโท ยัสสัตถิ, ่
ความเลือมใส
ในพระสงฆ ์, มีอยู่แก่บค
ุ คลใด
อุชภ ุ ู ต ัญจะ ทัสสะนัง,
อนึ่ งความเห็นของบุคคลใด เป็ นความเห็นตรง,
อะทะลิทโทติ ต ัง อำหุ, ้
บัณฑิตทังหลาย
กล่าวหาผูน้ ้ันว่า เป็ นผูไ้ ม่จน,
อะโมฆันต ัสสะ ชีวต
ิ ัง, ิ ของบุคคลนั้น,
ชีวต
ไม่เปล่าจากประโยชน์,
ต ัสมำ สัทธ ัญจะ สีลญ
ั จะ ปะสำทัง ธ ัมมะทัสสะนัง,
อะนุ
ยุญเชถะ เมธำวี สะร ัง พุทธำนะ สำสะนันติ.
เพราะเหตุน้ัน
ผูม้ ป ้
ี ัญญามาระลึกถึงคาสอนของพระพุทธเจ ้าทังหลาย
่
ควรตามประกอบซึงความเชื อ่ ศีล ความเลือมใส,
่
้
และความเห็นธรรมไว ้เนื องๆ ดังนี แลฯ
อุททิสสนำธิฏฐำนคำถำ
(หันทะ มะยัง อุททิสสะนาธิฏฐานะคาถาโย ภะณามะ เส)
อิมน
ิ ำ ปุ ญญะกัมเมนะ ด ้วยบุญนี อุ้ ทศ
ิ ให ้
อุปัชฌำยำ คุณุตตะรำ
อุปัชฌาย ์ผู ้เลิศคุณ
อำจะริยูปะกำรำ จะ แลอาจารย ์
้
ผูเ้ กือหนุ น
มำตำ ปิ ตำ จะ ญำตะกำ
้ อแม่แลปวงญาติ
ทังพ่
สุรโิ ย จันทิมำ รำชำ
สูรย ์จันทร ์และราชา
คุณะวันตำ นะรำปิ จะ
ผูท้ รงคุณหรือสูงชาติ
พ๎ร ัห๎มะมำรำ จะ อินทำ จะ
พรหมมารและอินทราช
โลกะปำลำ จะ เทวะตำ
้
ทังทวยเทพและโลกบาล
ยะโม มิตตำ มะนุ สสำ จะ
ยมราชมนุ ษย ์มิตร
มัชฌัตตำ เวริกำปิ จะ
ผูเ้ ป็ นกลางผู ้จองผลาญ
สัพเพ สัตตำ สุข ี โหนตุ
ขอให ้เป็ นสุขศานติทุ์ กทัวหน้
่ าอย่าทุกข ์ทน
ปุ ญญำนิ ปะกะตำนิ เม
่ ้าทาจงช่วยอานวยศุภผล
บุญผองทีข
สุขงั จะ ติวธ
ิ ัง เทนตุ
ให ้สุขสามอย่างล ้น
ขิปปั ง ปำเปถะ โว มะตัง
ให ้ลุถงึ นิ พพานพลัน
อิมน
ิ ำ ปุ ญญะกัมเมนะ ้ เราท
ด ้วยบุญนี ที ่ า
อิมน
ิ ำ อุททิเสนะ จะ
แลอุทศ
ิ ให ้ปวงสัตว ์
ขิปปำหัง สุละเภ เจวะ
่
เราพลันได ้ซึงการตั
ด
ตัณหุปำทำนะเฉทะนัง
ตัวตัณหาอุปาทาน
เย สันตำเน หินำ ธ ัมมำ ่ วในดวงใจ
่
สิงชั
ยำวะ นิ พพำนะโต มะมัง
กว่าเราจะถึงนิ พพาน
นัสสันตุ สัพพะทำ เยวะ
้
มลายสินจากสันดาน
ยัตถะ ชำโต ภะเว ภะเว ่
ทุกๆ ภพทีเราเกิ
ด
อุชจ
ุ ต
ิ ตัง สะติปัญญำ
มีจต ้ั ญญาอันประเสริฐ
ิ ตรงและสติทงปั
สัลเลโข วิรย ิ ม
ั หินำ
้
พร ้อมทังความเพี ่ ดกิเลสหาย
ยรเลิศเป็ นเครืองขู
มำรำ ละภันตุ โนกำสัง
้ งหลาย
โอกาสอย่าพึงมีแก่หมู่มารสินทั ้
กำตุญจะ วิรเิ ยสุ เม
เป็ นช่องประทุษร ้ายทาลายล ้างความเพียรจม
พุทธำธิปะวะโร นำโถ
พระพุทธผูบ้ วรนาถ
ธ ัมโม นำโถ วะรุตตะโม
่ งอุ
พระธรรมทีพึ ่ ดม
นำโถ ปั จเจกะพุทโธ จะ
พระปัจเจกะพุทธสม
สังโฆ นำโถตตะโร มะมัง
่ งผยอง
ทบพระสงฆ ์ทีพึ ่
เตโสตตะมำนุ ภำเวนะ ด ้วยอานุ ภาพนั้น
มำโรกำสัง ละภันตุ มำ ขอหมู่มาร
อย่าได ้ช่อง
ทะสะปุ ญญำนุ ภำเวนะ
้ บป้ อง
ด ้วยเดชบุญทังสิ
มำโรกำสัง ละภันตุ มำ.
อย่าเปิ ดโอกาสแก่มาร เทอญ.
พระสู ตร และปำฐะ
ปุ พพะภำคะนะมะกำระปำฐะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมำสั
มพุทธ ัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมำสั
มพุทธ ัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมำสั
มพุทธ ัสสะฯ
สะระณะคะมะนะปำฐะ
พุทธ ัง สะระณัง คัจฉำมิ
ธ ัมมัง สะระณัง คัจฉำมิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉำมิ
ทุตย
ิ ม
ั ปิ พุทธ ัง สะระณัง คัจฉำมิ
ทุตย
ิ ม
ั ปิ ธ ัมมัง สะระณัง คัจฉำมิ
ทุตย
ิ ม
ั ปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉำมิ
ตะติยม
ั ปิ พุทธ ัง สะระณัง คัจฉำมิ
ตะติยม
ั ปิ ธ ัมมัง สะระณิ ง คัจฉำมิ
ตะติยม
ั ปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉำมิ
โยจักขุมำ
โย จักขุมา โมหะมะลาปะกัฏโฐ สามัง วะ พุทโธ
สุคะโต วิมุตโต
มาร ัสสะ ปาสา วินิโมจะยันโต ปาเปสิ เขมัง
ชะนะตัง วิเนยยัง ฯ
พุทธัง วะร ันตัง สิระสา นะมามิ โลกัสสะ นาถัญจะ
วินายะกัญจะ
ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ สัพพันตะรายา จะ
วินาสะเมนตุ ฯ
ธัมโม ธะโช โย วิยะ ตัสสะ สัตถุ ทัสเสสิ โลกัสสะ
วิสท
ุ ธิมค
ั คัง
นิ ยยานิ โก ธัมมะธะร ัสสะ ธารี สาตาวะโห
สันติกะโร สุจณ
ิ โณ ฯ
ธัมมัง วะร ันตัง สิระสา นะมานิ โมหัปปะทาลัง
อุปะสันตะทาหัง
ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ สัพพันตะรายา จะ
วินาสะเมนตุ ฯ
สัทธัมมะเสนา สุคะตานุ โค โย โลกัสสะ
ปาปูปะกิเลสะเชตา
สันโต สะยัง สันตินิโยชะโก จะ สวากขาตะธัมมัง
วิทต
ิ งั กะโรติ ฯ
สังฆัง วะร ันตัง สิระสา นะมามิ พุทธานุ พุทธัง
สะมะสีละทิฏฐิง
ตันเตชะสา เต ชะยะสิทธิ โหตุ สัพพันตะรายา จะ
วินาสะเมนตุ ฯ
นะมะกำระสิทธิคำถำ (สัมพุทเธ)
สัมพุทเธ อัฏฐะวีสญ
ั จะ ทวาทะสัญจะ
สะหัสสะเก
ปัญจะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง
เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ
นะมามิหงั
นะมะการานุ ภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ
อุปัททะเว
อะเนกา อันตะรายาปิ วิ นัสสันตุ อะเสสะโต ฯ
สัมพุทเธ ปัญจะปัญญาสัญจะ
จะตุวส
ี ะติสะหัสสะเก
ทะสะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง
เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ
นะมามิหงั
นะมะการานุ ภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ
อุปัททะเว
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต ฯ
สัมพุทเธ นะวุตตะระสะเต
อัฏฐะจัตตาฬส ี ะสะหัสสะเก
วีสะติสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง
เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ
นะมามิหงั
นะมะการานุ ภาเวนะ หันต๎วา สัพเพ
อุปัททะเว
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต ฯ
กรณี ยเมตตสู ตร
กะระณี ยะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง
อะภิสะเมจจะ
สักโก อุช ู จะ สุหช
ุ ู จะ สุวะโจ จัสสะ มุทุ
อะนะติมานี
สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ อัปปะกิจโจ จะ
สัลละหุกะวุตติ
สันตินท๎รโิ ย จะ นิ ปะโก จะ อัปปะคัพโภ กุเลสุ
อะนะนุ คท
ิ โธ
นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร
อุปะวะเทยยุง
สุขโิ น วา เขมิโน โหตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ
สุขต
ิ ต
ั ตา
เย เกจิ ปาณะภูตต
ั ถิ ตะสา วา ถาวะรา
วา อะนะวะเสสา
ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา
อะณุ กะถูลา
ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เย จะ ทูเร วะสันติ
อะวิทเู ร
ภูตา วา สัมภะเวสี วา สัพเพ สัตตา ภะวันตุ
สุขต
ิ ต
ั ตา
นะ ปะโร ปะรัง นิ กพ
ุ เพถะ นาติมญ
ั เญถะ กัตถะจิ
นัง กิญจิ
พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา
นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
มาตา ยะถา นิ ยงั ปุตตัง อายุสา
เอกะปุตตะมะนุ ร ักเข
เอวัมปิ สัพพะภุเตสุ มานะสัมภาวะเย
อะปะริมาณัง
เมตตัญจะ สัพพะโลกัสม
๎ งิ มานะสัมภาวะเย
อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะ ติรยิ ญ
ั จะ อะสัมพาธัง
อะเวร ัง อะสะปัตตัง
ติฏฐัญจะร ัง นิ สน
ิ โน วา สะยาโน วา
ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พ๎ร ัห๎มะเมตัง
วิหาร ัง อิธะมาหุ
ทิฏฐิญจะ อะนุ ปะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ
สัมปันโน
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง นะ หิ ชาตุ
คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีตฯิ
ขันธะปะริตตะคำถำ (วิรูปักเข)
วิรป
ู ักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง
เอราปะเถหิ เม
ฉัพยาปุตเตหิ เม เมตตัง เมตตัง
กัณหาโคตะมะเกหิ จะ
อะปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง ทิปาทะเกหิ
เม
จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง เมตตัง
พะหุปปะเทหิ เม
มา มัง อะปาทะโก หิงสิ มา มัง หิงสิ
ทิปาทะโก
มา มัง จะตุปปะโก หิงสิ มา มัง หิงสิ
พะหุปปะโก
สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา สัพเพ
ภูตา จะ เกวะลา
สัพเพ ภัทรานิ ปัสสันตุ มา กิญจิ
ปาปะมาคะมา
วัฏฏกปริตร
อัตถิ โลเก สีละคุโณ สัจจัง
โสเจยยะนุ ททะยา
เตนะ สัจเจนะ กาหามิ สัจจะกิรยิ ะมะนุ ตตะร ัง
อาวัชชิตว๎ า ธัมมะพะลัง สะริตว๎ า ปุพพะเก
ชิเน
สัจจะพะละมะวัสสายะ สัจจะกิรยิ ะมะกาสะหัง
สันติ ปักขา อะปัตตะนา สันติ ปาทา
อะวัญจะนา
มาตา ปิ ตา จะ นิ กขันตา ชาตะเวทะ
ปะฏิกกะมะ
สะหะ สัจเจ กะเต มัยหัง มะหาปัชชะลิโต
สิข ี
วัชเชสิ โสฬะสะ กะรีสานิ อุทะกัง ปัตว๎ า ยะถา
สิข ี
สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระมีต ิ
ฯ
โมระปริตร
อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง
ปะฐะวิปปะภาสัง
ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง
เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม
เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ
นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
อิมงั โส ปะริตตัง กัตว๎ า โมโร จะระติ
เอสะนา ฯ
อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา
หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส
ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง
ปะฐะวิปปะภาสัง
ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง
เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม
เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ
นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
อิมงั โส ปะริตตัง กัตว๎ า โมโร
วาสะมะกัปปะยีต ิ ฯ
โพชฌังคะปริตร
อภยปริตรตัง (ยันทุน)
ยันทุนนิ มต
ิ ตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโธ
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พุทธานุ ภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
ยันทุนนิ มต
ิ ตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
ธัมมานุ ภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
ยันทุนนิ มต
ิ ตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
สังฆานุ ภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
อิตป
ิ ิ โส
อิตป
ิ ิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุ ตตะโร
ปุรสิ ะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุ สสานัง พุทโธ
ภะคะวาติ
อำฏำนำฏิยะปริตรตัง (วิปัสสิสสะ)
วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมน
ั ตัสสะ สิรมี ะโต
สิขส
ิ สะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุ กมั ปิ โน
เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นะหาตะกัสสะ
ตะปัสสิโน
นะมัตถุ กะกุสน
ั ธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน
โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พ๎ราห๎มะณัสสะ
วุสม
ี ะโต
กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ
สัพพะธิ
อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สักย๎ ะปุตตัสสะ
สิรมี ะโต
โย อิมงั ธัมมะมะเทเสสิ
สัพพะทุกขาปะนู ทะนัง
เย จาปิ นิ พพุตา โลเก ยะถาภูตงั
วิปัสสิสงุ
เต ชะนา อะปิ สุณา มะหันตา
วีตะสาระทา
หิตงั เทวะมะนสสานัง ยัง นะมัสสันติ
โคตะมัง
วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง
วีตะสาระทัง
วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ
โคตะมันติ ฯ
สักก ัตวำ
สักกัตวา พุทธะร ัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง
วะรัง
หิตงั เทวะมะนุ สสานัง พุทธะเตเชนะ
โสตถินา
นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ทุกขา
วูปะสะเมนตุ เมฯ
สักกัตวา ธัมมะร ัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง
วะรัง
ปิ รฬ
ิ าหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ
โสตถินา
นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุ
เมฯ
สักกัตวา สังฆะร ัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง
วะรัง
อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง สังฆะเตเชนะ
โสตถินา
นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ โรคา วูปะสะเมนตุ
เมฯ
นัตถิ เม สะระณัง
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธเม
สะระณัง วะร ัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ
เต ชะยะมังคะลังฯ
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง
วะรัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
โหตุ เต ชะยะมังคะลังฯ
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม
สะระณัง วะร ัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต
ชะยะมังคะลังฯ
บทถวำยพรพระ (พำหุง)
พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธน
ั ตัง
ครีเมขะลัง อุทต
ิ ะโฆ ระสะเสนะมาร ัง
ทานาทิธมั มะวิธน
ิ า ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะร ัตติง
โฆร ัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสท
ุ น
ั ตะวิธน
ิ า ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
นาฬาคิรงิ คะชะวะรัง อะติมต
ั ตะภูตงั
ทาวัคคิจก
ั กะมะสะนี วะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธน
ิ า ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
อุกขิตตะขัคคะมะติหต
ั ถะสุทารุณันตัง
ธาวันติโยชะนะปะถังคุลม
ิ าละวันตัง
อิทธีภส
ิ งั ขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย
วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวธิ านิ จุปัททะวานิ
โมกขัง สุขงั อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญฯ
มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณิ นัง
ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต
สัมโพธิมุตตะมัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลังฯ
ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง
นันทิวฑ
ั ฒะโน
เอวัง ตวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร
อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปัตโต
ปะโมทะติฯ
สุนักขัตตัง สุมงั คะลัง สุปะภาตัง สุหฏ
ุ ฐิตงั
สุขะโณ สุมุหต
ุ โต จะ สุยฏ
ิ ฐัง พร ัมหมะจาริสุ
ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง
ปะทักขิณัง
ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิ ธเี ต
ปะทักขิณา
ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ
ปะทักขิเณฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานุ ภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ
เตฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะธัมมานุ ภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ
เตฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะสังฆานุ ภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ
เต
ธ ัมมะจก
ั กป
ั ปะวัตตะนะสู ตร
เอวัมเม สุตงั ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา
พาราณะสิยงั วิหะระติ อิสปิ ะตะเน มิคะทาเย ฯ ตัตร๎ ะ
โข ภะคะวา ปัญจะวัคคิเย ภิกขู อามันเตสิ ฯ
เท๎วเม ภิกขะเว อันตา ปัพพะชิเตนะ นะ เสวิตพ ั พา
โย จายัง กาเมสุ
กามะสุขลั ลิกานุ โยโค หีโน คัมโม โปถุชชะนิ โก
อะนะริโย อะนัตถะ
สัญหิโต โย จายัง อัตตะกิละมะถานุ โยโค ทุกโข
อะนะริโย อะนัตถะสัญหิโต ฯ
เอเต เต ภิกขะเว อุโภ อันเต อะนุ ปะคัมมะ
มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสม ั พุทธา
จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ
สัมโพธายะ นิ พพานายะ สังวัตตะติ ฯ
กะตะมา จะ สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา
ตะถาคะเตนะ อะภิสม ั พุทธา จักขุกะระณี
ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ
นิ พพานายะ สังวัตตะติ ฯ
อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค ฯ เสยยะถีทงั ฯ
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา
สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม
สัมมาสะติ สัมมาสะมาธิ ฯ
อะยัง โข สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา
ตะถาคะเตน อะภิสม ั พุทธา จักขุกะระณี
ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ
นิ พพานายะ สังวัตตะติ ฯ
อิทงั โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขัง อะริยะสัจจัง ฯ
ชาติปิ ทุกขาชะราปิ ทุกขา มะระณัมปิ ทุกขัง
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะ นัสสุปายาสาปิ ทุกขา
อัปปิ เยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ปิ เยหิ วิปปะโยโค ทุกโข
ยัมปิ จฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง สังขิตเตนะ
ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ
อิทงั โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย
อะริยะสัจจัง ฯ ยายัง
ตัณหา โปโนพภะวิกา นันทิราคะสะหะคะตา ตัตร๎ ะ
ตัตร๎ าภินันทินี ฯ
เสยยะถีทงั ฯ กามะตัณหา ภะวะตัณหา วิภะวะตัณหา
ฯ
อิทงั โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิ โรโธ อะริยะสัจจัง
ฯ โย ตัสสาเยวะ
ตัณหายะ อะเสสะวิราคะนิ โรโธ จาโค
ปะฏินิสสัคโคมุตติ อะนาละโย ฯ
อิทงั โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิ โรธะคามินี
ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง ฯ
อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค ฯ เสยยะถีทงั ฯ
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา
สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม
สัมมาสะติ สัมมาสะมาธิ ฯ
(หยุด)
อิทงั ทุกขัง อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ
อะนะนุ สสุเตสุธมั เมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง
อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก
อุทะปาทิ ฯ
ตัง โข ปะนิ ทงั ทุกขัง อะริยะสัจจัง ปะริญเญยยันติ
เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุ สสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง
อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา
อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ตัง โข ปะนิ ทงั ทุกขัง อะริยะสัจจัง ปะริญญาตันติ
เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุ สสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง
อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา
อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
อิทงั ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว
ปุพเพ อะนะนุ สสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง
อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก
อุทะปาทิ ฯ
ตัง โข ปะนิ ทงั ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง
ปะหาตัพพันติเม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุ สสุเตสุ
ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา
อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ตัง โข ปะนิ ทงั ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง
ปะหีนันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุ สสุเตสุ ธัมเมสุ
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ
วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
อิทงั ทุกขะนิ โรโธ อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว
ปุพเพ อะนะนุ สสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง
อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก
อุทะปาทิ ฯ
ตัง โข ปะนิ ทงั ทุกขะนิ โรโธ อะริยะสัจจัง
สัจฉิ กาตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุ สสุเตสุ
ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา
อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ตัง โข ปะนิ ทงั ทุกขะนิ โรโธ อะริยะสัจจัง
สัจฉิ กะตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุ สสุเตสุ ธัมเมสุ
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ
วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
คำถำสวดประจำวันเกิด วน
ั จันทร ์
พระพุทธรู ปปำงห้ำมญำติ
ี่ นมงคล เหลือง สวด
มีกำลังวัน ๑๕ สีทเป็
๑๕ จบ
ยันทุนนิ มต
ิ ตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป
สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปิ นัง อะกันตัง พุทธานุ ภาเวนะ
วินาสะเมนตุ
ยันทุนนิ มต
ิ ตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป
สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโหทุสสุปิ นัง อะกันตัง ธัมมานุ ภาเวนะ
วินาสะเมนตุ
ยันทุนนิ มต
ิ ตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป
สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโหทุสสุปิ นัง อะกันตัง สังฆานุ ภาเวนะ
วินาสะเมนตุ
คำถำสวดประจำวันเกิด วน
ั อ ังคำร
พระพุทธรู ปปำงไสยำสน์
ี่ นมงคล ชมพู สวด ๘
มีกำลังวัน ๘ สีทเป็
จบ
ยัสสานุ ภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ
ภิงสะนัง
ยัมหิ เจวานุ ยุญช ันโต รัตตินทิวะมะตันทิโต
สุขงั สุปะติ สุตโต จะ ปาปัง กิญจิ นะ
ปัสสะติ
เอวะมาทิคณ ุ ู เปตัง ปะริตตันตัมภะณามะ
เส ฯ
คำถำสวดประจำวันเกิด วน
ั พุธกลำงวัน
พระพุทธรู ปปำงอุม
้ บำตร
ี่ นมงคล เขียว สวด
มีกำลังวัน ๑๗ สีทเป็
๑๗ จบ
สัพพาสีวะชาตีนัง ทิพพะมันตาทะคัง วิยะ
ยันนาเสติ วิสงั โฆรัง เสสัญจาปิ ปะริสสะยัง
อาณักเขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา
สัพพะปาณิ ณัง สัพพะโสปิ นิ วาเรติ
ปะริตตันตัมภะณามะเส ฯ
คำถำสวดประจำวันเกิด วน
ั พุธกลำงคืน
พระพุทธรู ปปำงป่ ำเลไลยก ์
ี่ นมงคล ดำหรือม่วง
มีกำลังวัน ๑๒ สีทเป็
สวด ๑๒ จบ
กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ สุรยิ งั
ปะมุญจะสิ
สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ
ติฏฐะสีต ิ
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวน
ั โต นะ สุขงั
ละเภ พุ
ทธะคาถาภิคโี ตมหิ โน เจ มุญเจยยะ
สุรยิ น
ั ติ
กินนุ สันตะระมาโน วะราหุ สุรยิ งั
ปะมุญจะสิ
สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ
ติฏฐะสีต ิ
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวน
ั โต นะ สุขงั
ละเภ
พุทธะคาถาภิคโี ตมหิ โน เจ มุญเจยยะ
จันทิมน
ั ติฯ
คำถำสวดประจำวันเกิด วน
ั พฤหัสบดี
พระพุทธรู ปปำงสมำธิ
ี่ นมงคล ส้มหรือแสด
มีกำลังวัน ๑๙ สีทเป็
สวด ๑๙ จบ
ปูเรนตัมโพธิสม
ั ภาเร นิ พพัตตัง
โมระโยนิ ยงั
เยนะ สังวิหต
ิ าร ักขัง มะหาสัตตัง
วะเนจะรา
จิร ัสสัง วายะมันตาปิ เนวะ สักขิงสุ
คัณหิตงุ
พร ัมมะมันตันติ
ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
คำถำสวดประจำวันเกิด วน
ั ศุกร ์
พระพุทธรู ปปำงรำพึง
ี่ นมงคล ฟ้ำหรือน้ ำเงิน
มีกำลังวัน ๒๑ สีทเป็
สวด ๒๑ จบ
อัปปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุ
สัมมะเต
อะมะนุ สเนหิ จัณเฑหิ สะทา
กิพพิสะการิภ ิ
ปะริสานัญจะ ตัสสันนัง มะหิงสายะ จะ
คุตติยา
ยันเทเสหิ มะหาวีโร
ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
คำถำสวดประจำวันเกิด วน
ั เสำร ์
พระพุทธรู ปปำงนำคปรก
ี่ นมงคล ม่วงหรือดำ
มีกำลังวัน ๑๐ สีทเป็
สวด ๑๐ จบ
ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต
นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวต
ิ าโวโรเปตา เตน
สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ คัพภัสสะ ฯ
คำถำสวดประจำวันเกิด วันพระเกตุ
พระพุทธรู ปปำงมำรวิช ัย
ี่ นมงคล ขำว สวด ๙ จบ
มีกำลังวัน ๙ สีทเป็
พระคำถำชินบัญชร
่
เพือให ่ นก่
้เกิดอานุ ภาพยิงขึ ้ อนเจริญภาวนาพระค
าถาชินบัญชร ตังนะโม้ ๓ จบ
แล ้วระลึกถึงและบูชาเจ ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจาร
ย์ (โต พร ัหมรงั สี ) ด ้วยคาว่า
ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
อัตถิกาเยกายะญายะ
เทวานังปิ ยะตังสุตตะวา
้ บทิศ
พระคำถำป้ องก ันภัยทังสิ
บู ระพำร ัสมิง พระพุทธะคุณัง บูระพาร ัสมิง
พระธัมเมตัง บูระพาร ัสมิง พระสังฆานัง
ทุกขะโรคะภะยัง วิวญ
ั ชัยเย สัพพะทุกข ์
สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห ์
เสนี ยดจัญไร วิวญ
ั ชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง
ภะวันตุ เม รักขันตุ สุร ักขันตุฯ
อำคะเนยร ัสมิง พระพุทธะคุณัง
อาคะเนยรัสมิง พระธัมเมตัง อาคะเนยรัสมิง
พระสังฆานัง ทุกขะโรคะภะยัง วิวญ
ั ชัยเย
สัพพะทุกข ์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย
สัพพะเคราะห ์ เสนี ยดจัญไร วิวญ
ั ชัยเย
สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ
สุร ักขันตุฯ
ทักษิณร ัสมิง พระพุทธะคุณัง ทักษิณรัสมิง
พระธัมเมตัง ทักษิณรัสมิง พระสังฆานัง
ทุกขะโรคะภะยัง วิวญ
ั ชัยเย สัพพะทุกข ์
สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห ์
เสนี ยดจัญไร วิวญ
ั ชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง
ภะวันตุ เม รักขันตุ สุร ักขันตุฯ
หรดีร ัสมิง พระพุทธะคุณัง หรดีร ัสมิง
พระธัมเมตัง หรดีร ัสมิง พระสังฆานัง
ทุกขะโรคะภะยัง วิวญ
ั ชัยเย สัพพะทุกข ์
สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห ์
เสนี ยดจัญไร วิวญ
ั ชัยเย สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง
ภะวันตุ เม รักขันตุ สุร ักขันตุฯ
คำไหว้พระเจ้ำสิบชำติ (แบบล้ำนนำ)
เต๋มโิ ย นาโมนามะ ภะก๊ะวาเสฏฐัง วัฏฏะกัง อา
รัมมะณัง ธุวงั โสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละต๋า ธั
มเม สัมมาสัมพุทโธ อิตป ิ ิ โส ภะกะวา ฯ
ชะนะโก๋ นาโมนามะ ภะก๊ะวาเสฏฐัง วัฏฏะกัง
อารัมมะณัง ธุวงั โสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสสะละต๋า
ธัมเม สัมมาสัมพุทโธ อิตป ิ ิ โส ภะกะวา ฯ
สุวณั ณะสำโม นาโมนามะ ภะก๊ะวาเสฏฐัง วัฏ
ฏะกัง อาร ัมมะณัง ธุวงั โสหัง พุทโธ ภะวิสสะติ กุสส
ะละต๋า ธัมเม สัมมาสัมพุทโธ อิตป ิ ิ โส ภะกะวา ฯ
้ นเอาไว ้
คาจุ จะได ้ไปสวรรค ์
จะได ้ทันพระเจ ้า จะได ้เข ้าพระนิ พพาน
อะหังวันทามิ สัพพะโส
อะหังวันทามิ นิ พพานะปัจจะโย โหตุฯ
กำรเจริญภำวนำ
การเจริญภาวนาเป็ นวิธก
ี ารฝึ กจิตตามหลักของพ
ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า
มี จุ ด ประสงค เ์ พื่ ออบรมจิ ต ให เ้ กิ ด ความบริสุ ท ธิ ์
( ป ริ สุ ทฺ โ ธ ) ใ ห ้ ต ้ั ง มั่ น ( ส มิ หิ โ ต )
ั ตัว เข า้ กับ การงานในขณะนั้ นได ้
ให เ้ กิ ด การปร บ
( กั ม ม ะ นิ โ ย ) ถ ้ า ห า ก จิ ต มี ลั ก ษ ณ ะ ทั้ ง ๓
ป ร ะ ก า ร นี ้ ย่ อ ม ท า ใ ห ้ ชี วิ ต มี ค ว า ม สุ ข ไ ด ้
เพราะมนุ ษย ท ์ ุ ก คน จะดี จะร า้ ย จะสุ ข จะทุ ก ข ์
จ ะ เ จ ริ ญ จ ะ เ สื่ อ ม อ ยู่ ที่ จิ ต ทั้ ง นั้ น ดั ง ค า พู ด ว่ า
“ ใ จ ร า้ ย เ ป็ น ผี ใ จ ดี เ ป็ น ค น ใ จ กั ง ว ล เ ป็ น บ ้ า
ใ จ ก ล ้ า เ ป็ น นั ก ร บ ใ จ ส ง บ เ ป็ น นั ก ป ร า ช ญ ์
ใจฉลาดเป็ นบัณ ฑิต ใจไม่ ยึด ติด เป็ นพระนิ พ พาน”
หั ว ใ จ ข อ ง ก า ร พั ฒ น า อ ยู่ ที่ จิ ต
ถ า้ จิ ต ไม่ พ ัฒ นาทุ ก อย่ า งจะตกอยู่ ใ นความเสื่ อม
จ ะ พั ฒ น า อ ย่ า ง ไ ร ก็ ติ ด ขั ด
การพัฒนาจิตได ้นั้นต ้องอาศัยการภาวนาตามหลักพ
่ งเป็ น ๒ วิธ ี
ระพุทธศาสนาซึงแบ่
๑ . ฝึ ก จิ ต เ พื่ อ ใ ห ้ เ กิ ด ค ว า ม ส ง บ เ รี ย ก ว่ า
สมถภาวนา
ทั้ ง ๒ วิ ธี นี ้ ก็ จ ะ เ กิ ด อ า ร ม ณ์ คื อ
่ จิ
สิงที ่ ตจะไปกาหนดรู ้ต่างกัน สมถภาวนา มีอารมณ
๔๐ มี ก สิ น ๑๐ อสุ ภ ะ ๑๐ อนุ สสติ ๑๐ เป็ นต น
้
วิปัสสะนา มีอารมณ์มากมาย เช่น ขันธ ์ ๕ อายตนะ
๑๒ ธาตุ ๑๘ เป็ นต ้น
ซึ่ ง อ า ร ม ณ์ เ ห ล่ า นี ้
ผูป้ ฏิบต ่
ั จิ ะต ้องนาไปใช ้เพือให ้เหมาะกับจริตหรืออุปนิ
สัยสันดานของตน จึงจะทาใหไ้ ด ผ ้ ลแน่ นอน แต่ทง้ั ๒
วิ ธี นี ้ มี จุ ด มุ่ ง ห ม า ย สู ง สุ ด เ ห มื อ น กั น คื อ
ก า ร ห ลุ ด พ้ น แ ห่ ง จิ ต
เ ห มื อ น กั บ ก า ร เ ดิ น ท า ง ไ ป ก รุ ง เ ท พ ฯ
้
บางคนขึนเครื ่
องบิ น บางคนนั่ งรถ แต่ถึง กรุง เทพฯ
เ ห มื อ น น กั
ึ้
เพียงแต่ใครจะถึงช ้าหรือเร็วก็ขนอยู
่ กบ
ั วิธก ่
ี ารและเงือ
นไข
ก า ร ป ฏิ บั ติ ธ ร ร ม ก็ เ ห มื อ น กั น
ห ลั ก ท ฤ ษ ฎี น้ั น พ ร ะ พุ ท ธ เ จ ้า แ ส ด ง ไ ว ้ม า ก ม า ย
แ ต่ ะ จ ะ ป ฏิ บั ติ ไ ด ้ ผ ล ม า ก น้ อ ย อ ยู่ ที่ ต น เ อ ง
รู ้ จั ก ต น เ อ ง แ ล ะ ต น เ อ ง รู ้ วิ ธี ก า ร
จ ะ ข อ น า เ อ า วิ ธี ก า ร เ จ ริ ญ ภ า ว น า แ บ บ ง่ า ย ๆ
่ บาอาจารย ์เคยปฏิบต
ทีครู ั สิ บ
ื ทอดกันมาเป็ นระยะเวลา
นาน มาแสดงพอเป็ นแนวทางของการปฏิบต
ั ส
ิ บ
ื ไป
้
เบืองต้
นของกำรเจริญภำวนำ
บทสวดสู มำห้ำโกฐำก
นะมามิ พุทธัง คุณะสาคะร ันตัง
นะมามิ ธัมมัง มุนิราชะเทสิตงั
นะมามิ สังฆัง มุนิราชะสาวะกัง
นะมามิ กัมมัฏฐานัง นิ พพานะคะมุปายัง
นะมามิ กัมมัฏฐานะทายะกาจะริยงั นิ พพานะ
มั ค คุ เ ท ส ะ กั ง ฯ
อั จ จะโย โน ภัน เต อั ช ฌะคะมา ยะถาพาเล
ยะถามุ ฬ ะเห ยะถาอะกุ ส ะเล เย มะยัง พุ ท ธะ ธัม มะ
สังฆะ กัมมัฏฐานัง กัมมัฏฐานะทายะจะริยะ สังขาเตสุ
ปัญจะระตะเนสุ อะตีเต วา ปัจจุปันเน วา อะวิ วา ยะทิ
วา ระโห วา กาเยนะ วา วาจายะ วา มะนะสา วา
ปะมาทั ง วา อะคาระวัง วา อะกาสิ ม หา ทิ ส ะวา
ย ะ ถ า ธั ม มั ง ป ะ ฏิ ก ก ะ โ ร ม ะ เ ต สั ง โ น ภั น เ ต
พุ ท ธาทิ ร ะตะนะปั ญ จะกัง อะนุ กัม ปั ง อุ ป าทายะ
อัจ จะยัง อัจ จะยะโต ปะฏิค คัณ หัน ตุ สัพ พัง โทสัง
ขะมันตุ โน ฯ
สาธุ สาธุ โอกาสะ ภันเต
ข ้าแด่พระร ัตนตร ัยเจ ้าแก ้วตังสามประก๋าร
หมายมีพระพุทธเจ ้าเป็ นเก๊าเป็ นประธาน
้ เป็ นวันดี ติถอี น
ในก๋าละวันนี ก็ ั วิเศษ
้
บัดนี นาผู ข
้ ้าตังหลาย หมายมี…… เป็ นเก๊า
พร ้อมด ้วย……… บ่ได ้ละเสียยังฮีตอดีตประเวณี
ก็ปากันสะน๋ งขงขวายตกแต่งน้อมนามา ยังธูป
บุปผาลาชาดวงดอกข ้าวตอกดอกไม้ลาเตียน
มาจ๋าเนี ยรไว ้เหนื อขัน ปั๋นเป็ นห ้าโก๋ฐากส ์
้ วตี
ปะฐะมะวิภาคเบืองหั
ผูข
้ ้าขอสมมาถวายปู๋ จาองค ์พระมุนีสะหลีสมั มาสัมพุท
ธเจ ้า ต๋นเป็ นปิ่ นเกล ้าติโลก๋าจ๋ารย ์
นาสัตว ์สงสารมวลหมู่ ได ้อว่ายหน้าเข ้าสูเ่ นรปาน
้
ดับภัยมารเสียงขาด ฯ
ส่วนทุตยิ โก๋ฐากส ์ขันถ ้วนสองนั้นเล่า
ขอสมมาถวายปู๋ จา
ยังคุณพระนวโลกุตตรธรรมเจ ้าเก ้าประก๋าร
สิบกับตังพระปริยต
ั ธิ รรมดวงเลิศแล ้ว
เป็ นประทีปแก ้วส่องมัคคาตางไปรอด
เวียงแก ้วยอดเนรปาน ฯ
ส่วนตะติยะโก๋ฐากส ์ขันถ ้วนสามงามบ่เส ้า
ขอสมมาถวายปู๋ จายัง พระอริยสังฆเจ ้าตังหลาย
หมายมีพระอัญญาโกญฑัญญะเป็ นเก๊า
้ ดห
ถราบต่อเต๊าพระสมมติสงฆ ์ จุต๋นจุองค ์ว่าสันนี แต๊ ี ลี
ฯ ส่วนจะตุตถะโก๋ฐากส ์ขันถ ้วนสี่ บานงามกลีใสบ่
่ เส ้า
ผูข
้ ้าตังหลายขอสมมาถวายปู๋ จาคุณอุปัชญายะเจ ้า
ตังครูบาอาจารย ์จุต๋นจุองค ์
๋ ฏฐาน
ผูท้ ะรงธิตาคุณอันผาเสริฐ เมตตาเกิดสอนกัมมั
วิปัสสนาญาณดวงงามวิเศษ
่
อันชาระกิเลสเครืองเศร ้าหมองใจ
่ ้
สอนอักขระธรรมดวงใสได ้พรารู
นาต๋นเข ้าสูห
่ ้องเกษมศรี ฯ
ส่วนปัญจะมะโก๋ฐากส ์ขันถ ้วนห ้า
ผูข
้ ้าตังหลายขอสมมาถวายปู๋ จา
คุณพระกัมมั๋ ฏฐานวิปัสสนาญาณตีบเตส
๊
อันเป็ นเก๊าเหตุนาไปรอด อมตะเวียงแก ้วยอดเนรปาน
ผูข
้ ้าตังหลายสักก๋าระปู๋ จาแล ้วขอสมมา
หลอนผูข
้ ้าตังหลายได ้ประมาท
ปะลาดหลงลืมได ้กระตาด ้วยก๋ายะก๋รรม วจีก๋๋ รรม
้ าก๋รรมตังสาม มีอน
มะโนก๋รรม ลากว่ ิ ทรีย ์ตังหก
และอิรยิ าบทตังสี่ หลอนว่าได ้ข ้ามตีต
่ ่าย่าตีสู
่ งก็ด ี
ได ้ออกปากเป็ นกาประมาท
แรกแต่จติ ตุปบาทวิถน ้ นผะม๋าน
ี ี เป็
นับแต่ปัจจุบน ้ นหลัง
ั นะจาตินีคื
ถราบต่อเต๊าเถิงอเนกะจาติ
สังสาระบ่มม ่
ี ูละเงือนเก๊ ้ ้นผากฏจดเจือ๋
าเบืองต
ั นะจาตินี ้
มาถราบเถิงก๋าละปัจจุบน
ด ้วยเหตุอวิชชาญาณะ วิปะยาตะ
หลอนได ้กระตาก๋รรมอันเป็ นโทษ อะนาจะ ยะถาพาเล
แรกแต่ปายหลังได ้กระตาวิภาค
อะนาละเตยยะปะฏิสน
ั นานัญจะ แม่นได ้กระตาเสียก็ด ี
อะปะฏิสน
ั นานัญจะ แม่นบ่ได ้กระตาเสียก็ด ี ภะวันตา
้ งไว ้ บ่สอ
หากกังบั ่ งแจ ้งได ้รู ้ห่อนหัน
่ กหนา ยะถาพาเล
อันจักเป็ นโทษอนันต ์ยิงนั
เหมือนคนหลงอยู่ป่ากล๋างดง ยะถามุฬะเห
เหมือนคนหลงหนจิตตุปบาท ยะถาอะกุสะเล
เหมือนคนบ่ฉลาดรู ้กองธรรม เย มะยัง ผูข้ ้าตังหลาย
่ กสังวระศีลหือบั
สังวะเรยยามะ เพือจั ้ วริสท
ุ ธิ ์
้
ปราศจากโทษมลทินหือหมดใส
ผูข ้ ้าตังหลายก็กลัวเป็ นโทษะก๋รรมมาติดแปด
่
จิงปากั นแขวดตกแต่งดามา
ยังธูปบุปผาลาชาดวงดอกไม้
มานบน้อมไหว ้สักก๋าระปู๋ จา สมมาคารวะ
ขอพระปัญจะแก ้วห ้าประก๋าร
มีธรรมะเมตตาปะฏิคคะหะ
ร ับเอายังสัพพะวัตถุปจาทานั
ู๋ ้ ้ว
ง ตังหลายมวลฝูงนี แล
ขอจุง่ ขุณณาผายโผด ลาลดโทษป๋ าปก๋รรมตังหลาย
้ นนิ วรณธรรม
กล๋ายเป็ นอโหสิกร๋ รม อย่าหือเป็
ก๋รรมอันกล ้าหยาบ อันจักการาบห ้ามเสียยัง
หนตางไปสูช ้ั าและเนรปาน แก่ผูข
่ นฟ้ ้ ้าตังหลาย
อันได ้ปู๋ จาแล ้วขอสมมา
อันว่าปมาทะธรรมและก๋รรมตังหลาย
แม่นว่าเกิดมีแสนสิง่ ขอจุง่ ม้วยมิงกลั
่ บหายไปพรา่
่ ากลิ
เป็ นดังน ้ ้
งตกจากใบบั วใบบอน ปะริสทุ โธ
้ ข
ขอหือผู ้ ้าตังหลาย ได ้บัวริสท ์
ุ ธิหมดใสพร า่
่ าซ่
เป็ นดังน ้ วยแก ้ว หือได
้ ้ ่แล ้วมีสข
้ตังอยู ุ ป๊ นจากตุกข ์
้
หือได ั จิ ๋าศีลภาวนา สืบต่อศาสนาไปไจ ้ ๆ
้ปฏิบต
่
ดังปราชญ ๋ า ได ้กระตามาแต่กอ
์แต่ไท ้ในอะตีต๋ ่ น
นั้นจุง่ จักมีเตียงแต๊
่ ่
ดีหลี ดังบทบาทบาลี วา่ “อัจจะโย
โน ภันเต อัชฌะคะมา ยะถาพาเล ยะถามุฬะเห
ยะถาอะกุสะเล เย มะยัง พุทธะ ธัมมะ สังฆะ
กัมมัฏฐานัง กัมมัฏฐานะทายะกาจะริยะ สังขาเต สุ
ปัญจะระตะเนสุ อะตีเต วา ปัจจุปันเน วา อะวิ วา ยะทิ
วา ระโห วา กาเยนะ วา วาจายะ วา มะนะสา วา
ปะมาทัง วา อะคาระวัง วา อะกาสิมหา ทิสะวา
ยะถาธัมมัง ปะฏิกกะโรมะ เตสัง โน ภันเต
พุทธาทิระตะนะปัญจะกัง อะนุ กมั ปัง อุปะทายะ
อัจจะยัง อัจจะยะโต ปะฏิคคัณหันตุ สัพพัง โทสัง
ขะมันตุ โน ฯ
สวดกัมมัฏฐำน
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(๓ หน)
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุตยิ ม
ั ปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
ทุตยิ ม
ั ปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
ทุตยิ ม
ั ปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยม
ั ปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
ตะติยม
ั ปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
ตะติยม
ั ปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
พุทธัง ชีวต
ิ งั ยาวะ นิ พพานัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง ชีวต
ิ งั ยาวะ นิ พพานัง สะระณัง คัจฉามิ,
สังฆัง ชีวต
ิ งั ยาวะ นิ พพานัง สะระณัง คัจฉามิ
นะโม พุทธายะ นะโม ธัมมายะ นะโม สังฆายะ
อัปปะมาโณ พุทโธ อัปปะมาโณ ธัมโม อัปปะมาโณ
สังโฆ พุทโธ เม นาโถ ธัมโม เม นาโถ สังโฆ เม
นาโถ
กัมมัฏฐานัง เม นาถัง กัมมัฏฐานะ ทายะกา
จะริโย เม นาโถ
กัมมัฏฐานัง เม นาถัง กัมมัฏฐานะทายะก๋าจะริโย เม
นาโถ
อะหัง ภันเต พุทธานุ สสะติ กัมมัฏฐานัง ยาจามิ
พุทธานุ สสะติ
กัมมัฏฐานัง เทถะ เม ภันเต อะนุ กมั มัง อุปาทายะ
อะหัง ภันเต ปิ ติ อุปะจาระสะมาธิง ยาจามิ
บทอิตป
ิ ิ โต
อิตป
ิ ิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุ ตตะโร
ปุรสิ ะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุ สสานัง พุทโธ
ภะคะวาติ
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก
อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง
เวทิตพั โพ วิญญูหต ี ิ
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชป
ุ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจป ิ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทงั
จัตตาริ ปุรสิ ะยุคานิ อัฏฐะ ปุรสิ ะปุคคะลา เอสะ
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย
ทักขิเณยโย อัญชะลี กะระณี โย อะนุ ตตะรัง
ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ
พิจำรณำร่ำงกำยธำตุ ๔ ขันธ ์ ๕
อัตถิ อิมสั สะมิง กาเย เกสา โลมา นะขา ทันตา
ตะโจมังสัง นะหารู อัฏฐี อัฏฐิมญ ิ ชัง วักกัง หะทะยัง
ยะกะนัง กิโลมะกัง ปิ หากัง ปัปผาสัง อัตตัง
อันตะคุณัง อุทะริยงั กะรีสงั ปิ ตตัง เสมหัง ปุพโพ
โลหิตตัง เสโท เมโท อัสสุ วะสา เขโฬ สิงฆานิ กา๋
ละสิกา มุตตัง มัตถะเก มัตถะลุงคันติ ทวัตติง สาการ ัง
อะยัง อัตตะภาโว อะนิ จจัง ทุกขัง อะนัตตา อะสุจ ิ
อะสุภงั อิมงั กัมมัฏฐานัง ปุนัพภะโวติฯ
อะจิร ัง วะตะยังกาโย ปะฐะวิง อธิเสสสะติ ฉุ ฑโฑ
อะเปตะวิญญาโณ นิ ร ัตถัง วะ กะลิง คะรัง
ปะฐะวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ
รูปักขันโธ เวทะนากขันโธ สัญญากขันโธ
สังขาร ักขันโธ วิญญาณักขันโธ
ปัญจักขันธาอัชฌัตตา พะหิธา สังขารา อะนิ จจา
ทุกขา อะนัตตา วิปะริณามะธัมมา
อะนิ จจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน
อุปัชฌิตะวา นิ รช ุ ฌันติ เตสัง วูปะสะโม สุโขฯ
นามะรูปัง อะนิ จจัง พะยัตเถนะ นิ จจัง วะตะ
นิ พพานัง
นามะรูปัง ทุกขัง พะยัตเถนะ สุขงั วะตะ นิ พพานัง
นามะรูปัง อะนัตตา อะสาระกัตเถนะ สาร ัง วะตะ
นิ พพานัง
นามะรูปัง อะนิ จจัง นามะรูปัง ทุกขัง นามะรูปัง
อะนัตตานิ จจัง วะตะ นิ พพานัง สุขงั วะตะ นิ พพานัง
สาร ัง วะตะ นิ พพานัง นิ พพานัง ปะระมัง สุขงั ฯ
เทวทู ตทัง้ ๕
อะหัมปิ โขมหิ ชาติ ธัมโม ชาติง อะนะตีโต
หันทาหัง กัลละยาณัง กะโรมิ กาเยนะ วาจายะ
มะนะสาฯ
อะหัมปิ โขมหิ ชะรา ธัมโม ชะร ัง อะนะตีโต
หันทาหัง กัลละยาณัง กะโรมิ กาเยนะ วาจายะ
มะนะสาฯ
อะหัมปิ โขมหิ พยาธิ ธัมโม พยาธิง อะนะตีโต
หันทาหัง กัลละยาณัง กะโรมิ กาเยนะ วาจายะ
มะนะสาฯ
เย กิระ โภ ปาปานิ กัมมานิ กะโรนติ เต ทิฏเฐวะ
ธัมเม เอวะรูปา วิวธิ า กัมมะการะณา กะริยน
ั ติ
กิมงั คัง ปรัตะถ หันทาหัง กัลละยาณัง กะโรมิ กาเยนะ
วาจายะ มะนะสาฯ
อะหัมปิ โขมหิ มะระณะ ธัมโม มะระณัง อะนะตีโต
หันทาหัง กัลละยาณัง กะโรมิ กาเยนะ วาจายะ
มะนะสาฯ
นัตถิ เม
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง
วะร ัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ
สัพพะทา
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง
วะร ัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ
สัพพะทา
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง
วะร ัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ
สัพพะทา.
พุทโธมังคะละสัมภู โต
พุทโธ มังคะละสัมภูโต สัมพุทโธ ทีปะทุตตะโม
พุทธะ มังคะละมาคัมมะ สัพพะทุกขา
ปะมุญจะเร
ธัมโม มังคะละสัมภูโต คัมภีโร ทุทสั โส อะณุ ง
ธัมมะ มังคะละมาคัมมะ สัพพะภะยา
ปะมุญจะเร
สังโฆ มังคะละสัมภูโต ทักขิเณยโย
อะนุ ตตะโร
สังฆะมังคะละมาคัมมะ สัพพะโรคา ปะมุญจะเร
ฯ
ปั ญจะมำเร
ปัญจะมาเร ชิโน นาโถ ปัตโต
สัมโพธิมุตตะมัง จะตุสจั จัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง
ปะวัตตะยิ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม
ชะยะมังคะลังฯ
*************************
ภัตเตข ้าแด่พระเจ ้า ๕ จาพวก
้ ้าพเจ ้าขอภาวนา
บัดนี ข
พุทธานุ สสิตกัมมัฏฐาน
ขอให ้ปี ติและสมาธิจงมาบังเกิดแก่
ข ้าพเจ ้า ณ กาลบัดนี ้ แด่เทอญ.
- นั่งตัวตรงดารงสติให ้มั่น
- เท ้าขวาทับเท ้าซ ้าย มือขวาทับมือซ ้าย
- ทอดสายตาในระยะ ๒ ศอก หลับตา
- นาสติมากาหนดลักษณะการนั่งของตนเอง
- หายใจเข ้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ
นาสติไปกาหนดลม
หายใจเข ้าออก หายใจเข ้า รู ้ หายใจออก รู ้
- หายใจเข ้าภาวนาว่า “พุทธ”
- หายใจออกภาวนาว่า “โธ”
โดยเอาสติกาหนดแน่ นิ่งกับพุทโธ
พอสมควรแก่เวลาเสร็จแล ้วยกมือพนมไว ้ทีอ ่
ก เปล่งวาจาแผ่เมตตาต่อไป
วิธส
ี มำทำนกรรมฐำน
คามอบตนและถวายชีวต
ิ ต่อพระรัตนตรัย
อิมำหัง ภะคะวำ อ ัตตะภำวงั ตุมหำก ัง
ปะริจจะชำมิฯ
ข ้าแต่สมเด็จพระผูม้ พ
ี ระภาคเจ ้า
ข ้าพระองค ์ขอมอบกายถวายชีวต ิ
ต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ ์
คำขอกรรมฐำน
นิ พพำนัสสะ เม ภันเต
สัจฉิ กะระณัตถำยะ กัมมัฏฐำนังเทหิฯ
ข ้าแต่ผูเ้ จริญ
ขอท่านจงให ้กรรมฐานแก่ข ้าพเจ ้า
่
เพือจะทาให ้แจ ้งซึง่ มรรค ผล นิ พพาน
ต่อไปเถิด
เดินจงกรม
การเดินจงกรมนั้น
ตามหลักของพระวิปัสสนาจารย ์
ท่านมิได ้กาหนดให ้เดินจงกรมทุกระยะ ตังแต่ ้ ระยะที่ ๑
ถึงระยะที่ ๖
ในคราวเดียวกันเพราะอินทรีย ์ยังมีกาลังอ่อนอยู่
ต ้องปฏิบตั ใิ ห ้เป็ นไปตามลาดับของวิปัสสนาญาณ
ฉะนั้นท่านจึงกาหนดให ้เดินจงกรม ๑ ระยะก่อน
(จงกรม ๑ ระยะ ขวาย่างหนอ ซ ้ายย่างหนอ)
ในวิสทุ ธิมรรค (วิสท ุ ธิ. ๓/๒๕๑)
กล่าวถึงการแบ่งส่วนก ้าวเท ้า ก ้าวหนึ่ ง ๆ ออกเป็ น ๖
ส่วน หรือ ๖ ระยะ ว่าได ้ดังนี ้
“ตโต เอกปทวาร อุทธฺ รณ อติหรณ วีตห ิ รณ
โวสฺสชฺชน สนฺ นิ เขปน สนฺ นิรม ุ ฺภน วเสน ฉ โกฏฐฺ าเส
กโรติ” แปลว่า “ขณะทีก ่ ้าวเท ้าไป
ทาการแบ่งเก ้าท ้าวหนึ่ งออกเป็ น ๖ ส่วน หรือ ๖
ระยะคือ
(๑) อุทธ ฺ รณ นาม ปาทสฺส ภูมโิ ต อุกข ฺ ป
ิ น
้
ยกเท ้าขึนจากพื น้ เรียกว่า อุทธรณะ (ยก)
เท่ากับ ยกส ้นหนอ
(๒) อติหรณ นาม ปุรโต หรณ
ยกหรือยืนเท ่ ้าไปข ้างหน้า เรียกว่า อติหรณะ
(ย่าง) เท่ากับ ยกหนอ
(๓) วีตหิ รณ นาม ขาณุ กณฺ ฏก ทีฆชาติอาทีสฺ
กิญจฺ เทว ทิสวฺ า อิโต จิโต จ ปาทสญฺจรณ
่ นตอเห็นหนามหรือเห็นทีฆชาติ
เมือเห็
อย่างใดอย่างหนึ่ ง หรือย ้ายเท ้าไปข ้างโน้น
(และ) ข ้างนี ้ เรียกว่า วีตห ิ รณะ ย ้ายหรือ ย่าง
เท่ากับ ย่างหนอ
(๔) โวสฺสชฺชน นาม ปาทสฺส โอโรปน เมือลด ่
(หย่อน) เท ้าต่าลงเบืองล่ ้ าง เรียกว่า
โวสสัชชนะ (ลง) เท่ากับ ลงหนอ
(๕) สนฺ นิกเฺ ขปน นาม ปฐวีตเล ฐปน
วางเท ้าลงทีพื ่ นดิ
้ น เรียกว่า สันนิ เขปนะ
(เหยียบ) เท่ากับ ถูกหนอ
(๖) สนฺ นิรมุ ภ
ฺ น นาม ปุน ปาทุทธ ฺ รณกาเล
ปาทสฺส ปฐวิยา สทฺธ ึ อภินิปป ฺ ัฬน
ขณะยกเท ้าก ้าวไปข ้างหน้าอีกก ้าวหนึ่ ง
กดเท ้าอีกข ้างหนึ่ งไว ้กับพืนเรี ้ ยกว่า
สันนิ รม
ุ ภนะ (กด) เท่ากับ กดหนอ
วัตถุประสงค ์ในการปฏิบต ั ต
ิ ามหลักสติปัฏฐาน
ท่านพระวิปัสสนาจารย ์จึงนาเอาระยะหรือจังหวะมาแบ่
้
งแยกเป็ นขันตอน
สอนโยคีผูป้ ฏิบต ั ใิ ห ้รู ้จักใช ้ในการเดินจงกรมเป็ นระยะ
ดังนี ้
จงกรม ๑ ระยะ : ขวาย่างหนอ ซ ้ายย่างหนอ
จงกรม ๒ ระยะ : ยกหนอ เหยียบหนอ
จงกรม ๓ ระยะ : ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ
จงกรม ๔ ระยะ : ยกส ้นหนอ ยกหนอ ย่างหนอ
เหยียบหนอ
จงกรม ๕ ระยะ : ยกส ้นหนอ ยกหนอ ย่างหนอง
ลงหนอ ถูกหนอ
จงกรม ๖ ระยะ : ยกส ้นหนอ ยกหนอ ย่างหนอง
ลงหนอ ถูกหนอ
กดหนอ
นั่งสมำธิ
ี ่ ังสมาธินี ้ ในสติปัฏฐานสูตร
วิธน
พระพุทธองค ์ตร ัสไว ้ว่า “นิ สท ี ติ ปลฺลงฺ ก อาภุชต ิ วฺ า,
อุช ุ กาย ปณิ ธาย ปริมุข สตี อุปฏฐฺ เปตฺวา”
แปลความว่า นั่งคู ้บัลลังก ์ ตังกายตรง
้
ดารงสติไว ้เฉพาะหน้า
ตามหลักในการปฏิบต ั วิ ป ิ ัสสนากัมมัฏฐาน
ท่านแนะนาให ้นั่งขัดสมาธิราบแบบพระพุทธรูป
้ วตรง ตังล
ตังตั ้ าคอและศรีษะตรง
วางเท ้าขวาทับลงบนเท ้าซ ้าย
วางมือขวาทับลงบนมือซ ้ายหรือจะวางทีหั ่ วเข่าทังสอง
้
ก็ได ้ หลับตา ตังสติ้ กาหนด อารมณ์
กัมมัฏฐานโดยการกาหนดระยะ เริมด ่ ้วยการกาหนด
๒ ระยะก่อน ตามลาดับ
นั่งกำหนด
๒ ระยะ พองหนอ ยุบหนอ
๓ ระยะ พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ
(ถ ้านอนอยู่กาหนด พองหนอ ยุบหนอ นอนหนอ)
๔ ระยะ พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ
(ถ ้านอนอยู่กาหนด พองหนอ ยุบหออ นอนหนอ
ถูกหนอ )
แผ่เมตตำท้ำยภำวนำ
“สาธุ ข ้าพเจ ้าภาวนาพระกัมมัฏฐาน
นานประมาณเท่านี แล ้ ้ว
ขอยกไว ้เหนื อหัวแห่งข ้าพเจ ้าก่อนแล”
สัพเพ สัตตำ
้
สัตว ์ทังหลายที ่ นเพือนทุ
เป็ ่ กข ์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
้
ด ้วยกันทังหมดทั ้ น้
งสิ
อะเวรำ โหนตุ
จงเป็ นสุขเป็ นสุขเถิด อย่าได ้มีเวรแก่กน
ั และกันเลย
อะนี ฆำ โหนตุ
จงเป็ นสุขเป็ นสุขเถิด
อย่าได ้มีความทุกข ์กายทุกข ์ใจเลย
วันทำหลวง(ไหว้ลำพระเจ้ำ)
วันทามิ พุทธัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภัณเต
วันทามิ ธัมมัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภัณเต
วันทามิ สังฆัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภัณเต
วันทามิ ครุอปุ ัชฌาญา จริยงั สัพพัง เม โทสัง
ขะมะถะ เม ภัณเต
วันทามิ กัมมัฏฐานัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม
ภัณเต
วันทามิ อาราเม พัทธสีมาณัง สัพพะ ฐาเนสุ
ปฏิตฐิตา
สะรีระ ธาตุ มหาโพธิง พุทธะรูปัง สะการ ัง สะทา
นาคะโลเก เทวะโลเก พรหมะโลเก ชมพูทเี ป
ลังกาทีเป
สะรีระ ธาตุโย เกสา ธาตุโย อะระหันตา ธาตุโย
เจติยงั
คันธะกุฏงิ จะตุราสี สหัสเส ธัมมักขันเธ สัพเพ ตัง
ปาทะ เจติยงั อะหัง วันทามิ สัพพะโส
คำไหว้พระเจ้ำตนหลวง
นะโม เม อะตีตกะกุสน
ั โธ โกนาคะมะโน
กัสสะโป สิรสิ ม
ั ปันโน
โคตะโม สากยะปุงคะโว นะโม เม อะหังิ
วันทามิ สัพพะทา ฯ
โย โส ภะคะวา อะนะปะกัปโป ปะนิ หติ ะติวธิ ะ สุจะ
ริตตะสะมันนาคะโต ทะวาทะวัตติสะ มะหาปุรสิ ะลักขะ
ณะปัตติมน
ั ติโต การุณกาโล
โสหันตา สะปาตะยุคคะลัง สิระสา นะมามิ ฯ
คำไหว้พระธำตุจอมทอง
อิมสั มิง เกสาธาตุโย วามะเก อัฏฐิธาตุ ปิ ฐาตุ
โลหะปัพพะ ตังทักขิณัง มหาจุนทัง อะหัง วันทามิ
สิระสาฯ
คำอธิษฐำนจิต
๑.
้
ขอให ้ข ้าพเจ ้าชนะศัตรูหมู่มารทังหลายทั ้
งปวง
๒. ขอให ้ข ้าพเจ ้าปราศจากทุกข ์โศกโรคภัยนาน
าประการ
๓. ขอให ้ข ้าพเจ ้าเจริญด ้วยอายุ วรรณะ สุขะ
พละ
๔. ขอให ้ข ้าพเจ ้าเจริญด ้วยลาภ ยศ
สรรเสริญ สุข
๕. ขอให ้ข ้าพเจ ้าเจริญในธุรกิจหน้าที่
้
การงานทังหลายทั ้
งปวง
๖. ขอให ้ข ้าพเจ ้าเจริญในพระสัจธรรมคาสอน
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ ้า
ตลอดกาลเป็ นนิ ตย ์ด ้วยเทอญ
คำอำรำธนำศีล ๘
อะหัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ สีลานิ ยาจามิ
ฯ
ทุตยิ มั ปิ มะยัง ภันเต
ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ สีลานิ ยาจามิ ฯ
ตะติยม ั ปิ มะยัง ภันเต
ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ สีลานิ ยาจามิ ฯ
(ถ ้าหลายคนเปลียน ่ อะหัง เป็ น มะยัง , ยาจามิ เป็ น
ยาจามะ)
หัวข้อศีล ๘
๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะ
มาทิยามิ
๒. อทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิย
ามิ
๓.
อพร ัหมะจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๔.
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๕. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐฺ านา เวระมะณี สิก
ขา
ปะทัง สะมาทิยามิ
๖.
วิกาละโภชะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๗. นัจจะคีตะวาทิตะ วิสก ู ะทัสสะนามาลาคันธะวิเ
ลปะนะ
ธาระณะ มัณฑะนะ
วิภส
ู ะนัฏฐฺ านา เวระมะณี สิกขา
ปะทัง สะมาทิยามิ
๘.
อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมณี สิกขาปะทัง
สะมาทิยามิ
อิมานะ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิฯ (ว่า ๓ หน)
คำสมำทำนศีล ๕
มะยังภันเต วิสุงวิสุง ร ักขะนะธำยะ ติสะระเน
นะสะหะ ปั ญจะ ศีลำนิ ยำจำมะ
้
(ท่านผูเ้ จริญ ข ้าพเจ ้าทังหลาย ขอศีล 5 พร ้อมกับสรณะ
3)
ทุตย ิ ม
ั ปิ มะยังภันเต วิสุงวิสุง ร ักขะนะธำยะ
ติสะระเน นะสะหะ ปั ญจะ ศีลำนิ ยำจำมะ
(ท่านผูเ้ จริญ แม้นในวาระที่ 2 ข ้าพเจ ้าทังหลาย้ ขอศีล 5
พร ้อมกับสรณะ 3)
ตะติยม ั ปิ มะยังภันเต วิสุงวิสุง ร ักขะนะธำยะ
ติสะระเน นะสะหะ ปั ญจะ ศีลำนิ ยำจำมะ
(ท่านผูเ้ จริญ แม้นในวาระที่ 3 ข ้าพเจ ้าทังหลาย ้ ขอศีล 5
พร ้อมกับสรณะ 3)
่
(ถ ้าคนเดียวเปลียนจากค าว่า "มะยัง" เป็ น "อะหัง" และ
"ยาจามะ" เป็ น "ยาจามิ")
คำลำสิกขำจำกศีลจำริณี
ปั ณฑะร ังคะปั พพะชิต ัสสะ
อ ัฏฐะสิกขำปะทำนิ ปั จจักขำมิ
อ ัชชะตัคเคทำนิ คิหต ี ิ มัง ธำเรถะ ฯ
ข ้าแต่ท่านผูเ้ จริญ ข ้าพเจ ้าขอลาสิกขาบททัง้ ๘
ของนักบวชผูน้ ุ่ งขาวห่มขาว ขอท่านทังหลาย้
จงจาข ้าพเจ ้าไว ้ว่า เป็ นคฤหัสถ ์
้ บดั นี เป็
ตังแต่ ้ นต ้นไปเทอญ .
วิธล
ี ำสิกขำพระ
๑. ไหว ้พระ
๒. ปลงอาบัต ิ
๓. ขอขมาพระสงฆ ์
๔. นะโม ๓ จบ เปล่งคาลาสิกขา
“สิกขัง ปัจจักขามิ คิหต
ี ม
ิ งั สังโฆทาเรตุ”
(๓ จบ)
๕. ฟังโอวาท กลับไปนุ่ งห่มผ้าอย่างคฤหัสถ ์
๖. ร ับศีล ๕ ปฏิญาณตนเป็ นพุทธมามกะ
๗. ถวายจตุปัจจัย รับพรจากพระสงฆ ์ เสร็จพิธ ี
คำปฏิญำณตนเป็ นพุทธมำมกะ
เอเต มะยัง ภันเต, สุจริ ะปะรินิพพุตม
ั ปิ ,
ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉำมะ, ธ ัมมั
ญจะ สังฆัญจะ, พุทธะมำมะกำติ โน,สังโฆ
ธำเรตุ อ ัชชะตัคเค ปำณุ เปตัง
สะระณังคะตัง.
้
ข ้าแต่พระสงฆ ์ผูเ้ จริญ ข ้าพเจ ้าทังหลาย ขอ
ี ระภาคเจ ้าพระองค ์นัน้ แม้เสด็จปรินิพพา
ถึงผูม้ พ
้
นแล ้ว ทังพระธรรม ่
และพระสงฆ ์เป็ นสรณะทีระลึ
้
กนับถือ ขอพระสงฆ ์จงจาข ้าพเจ ้าทังหลายไว ้ว่าเ
ป็ นพุทธมามกะ เป็ นผูร้ บั เอาพระพุทธเจ ้าเป็ นของ
ตน คือผูน้ ับถือพระพุทธเจ ้า
คำถวำยสังฆทำน (ถวำยภัตตำหำร)
“อิมำนิ มะยัง ภันเต ภัตตำนิ สะปะริวำรำนิ
ภิกขุสงั ฆัสสะ โอโณชะยำมะ สำธุโน ภันเต
ภิกขุ สังโฆ
อิมำนิ ภัตตำนิ สะปะริวำรนิ ปะฏิคคัณหำตุ
อ ัมหำกัง ทีฆะร ัตตัง หิตำยะ สุขำยะ “
ข ้าแต่พระสงฆ ์ผูเ้ จริญ
้
ข ้าพเจ ้าทังหลายขอน้ อมถวาย
ซึงภั่ ตตาหารกับของทีเป็่ นบริวาร
้
ทังหลายเหล่ ้ พระสงฆ ์
านี แด่
ขอพระสงฆ ์จงร ับซึงภั่ ตตาหารกับของ
่ นบริวารทังหลาย
ทีเป็ ้ เหล่านี ้ เพือประโยชน์
่
่
เพือความสุ ้
ขแก่ข ้าพเจ ้าทังหลาย ้
สินกาลนานเทอญ
คำบู ชำข้ำวพระพุทธ
อิมงั , สูปพยัญชะนะสัมปันนัง, สาลีนัง,
โภชะนัง,
อุทะกังวะร ัง, พุทธัสสะ, ปูเชมิ.
คำลำข้ำวพระ
เสสัง มังคะลัง ยาจามิ.
อนุ โมทนำคำถำ
้
(ผูเ้ ป็ นประธานสวดรูปเดียว + เจ ้าภาพกรวดนา)
ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะร ัง
เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ
อิจฉิ ตงั ปัตถิตงั ตุมหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ
สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา จันโท
ปัณณะระโส ยะถา
มะณิ โชติระโส ยะถา ฯ
( เจ ้าภาพเทนาให ้ ้หมด
แล ้วประนมมือตังใจร้ ับพร)
(รูปที่ ๒ ร ับ สัพพีตโิ ย นอกนั้นร ับพร ้อมกันว่า
วิวช
ั ชันตุ....)
สัพพีตโิ ย วิวช
ั ชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ
มา เต ภะวัตวันตะราโย สุข ี ทีฆายุโก ภะวะ
, (๓ จบ)
อะภิวาทะนะสีลส ิ สะ นิ จจัง
วุฑฒาปะจายิโน
จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขงั
พะลัง ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ
สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานุ ภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ
เต
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ
สัพพะเทวะตา
สัพพะธัมมนุ ภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ
เต
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ
สัพพะเทวะตา
สัพพะสังฆานุ ภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ
เต
คำพิจำรณำอำหำร
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมต ั ตะเมเวตัง
ยะทิทงั คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร ฯ
ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล ธาตุมต ั ตะโก
นิ สสัตโต นิ ชชีโว สุญโญ ฯ สัพโพ ปะนายัง
คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร อะชิคจ ุ ฉะนี โย
อิมงั ปูตก
ิ ายัง ปัตวา อะติวยิ ะ ชิคจ
ุ ฉะนี โย ชายะติ
ฯ
คำแสดงอำบัต ิ
(พรรษาอ่อนว่า)
สัพพา ตา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน)
ทุตยิ ม
ั ปิ สาธุ สุฏฐุ ภันเต สังวะริสสามิ
ทุตยิ ม
ั ปิ สาธุ สุฏฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ
๑๒. พิชต
ิ ใจผู ค ้ นให้ร ักใคร่
การสวดมนต ์เป็ นประจาจะทาให ้ศัตรูกลายเป็ นมิตร
่ นมิตรอยู่แล ้วก็ร ักใคร่กลมเกลียวกันมากยิงขึ
ผู ้ทีเป็ ่ น้
่
แมค้ นทีเคยเป็ นศัตรูคอ ่ ด
ู่ าฆาตกันก็จะหันกลับมาคืนดีในทีสุ
๑๓. ทำให้แคล้วคลำดปลอดภัยจำกอน ั ตรำย
การสวดมนต ์เป็ นประจา จะทาให ้รอดพ้นจากภัยอันตราย
ในยามโชคร ้ายประสบเคราะห ์กรรมอันจะมีมาถึงตัว
เพราะจะทาให ้มีสติอยู่ตลอดเวลา
๑๔. สะเดำะกรรมทำให้ดวงดี
การสวดมนต ์เป็ นการแก ้เคราะห ์สะเดาะกรรม
ขจัดปัดเป่ าเสนี ยดจัญไร
ท่านกล่าวไว ้ว่าชีวต
ิ ของคนเราจะดีหรือชวนั ่ ั ้นก็อยู่ทการกระท
ี่ า
ทาดีก็มค
ี วามสุข ทาชวก็่ ั กลัวทุ
้ กข ์ร ้อนรนใจ
การสวดมนต ์จะช่วยให ้สิงที่ ร่ ้ายกลายเป็ นดี
ทวัตติงสำกำรปำฐะ
(หันทะ มะยัง ทวัตติงสาการะปาฐัง ภะณามะ เส)
อะยัง โข เม กำโย กายของเรานี แล ้
อุทธ ัง ปำทะตะลำ ้
เบืองบนแต่ ื ้ ้าขึนมา
พนเท ้
อะโธ เกสะมัตถะกำ ้ ่าแต่ปลายผมลงไป
เบืองต
ตะจะปะริยน ั โต มีหนังหุ ้มอยู่เป็ นทีสุ่ ดรอบ
ปุ โรนำนัปปะกำร ัสสะ อะสุจโิ น
เต็มไปด ้วยของไม่สะอาดมีประการต่างๆ
อ ัตถิ อิมสั มิง กำเย มีอยู่ในกายนี ้
เกสำ -คือผมทังหลาย ้
โลมำ -คือขนทังหลาย ้
นะขำ -คือเล็บทังหลาย ้
ทันตำ -คือฟันทังหลาย ้
ตะโจ -หนัง
มังสัง -เนื อ้
้
นะหำรู -เอ็นทังหลาย
้
อ ัฏฐี -กระดูกทังหลาย
อ ัฏฐิมญ ่
ิ ช ัง -เยือในกระดู ก
วักกัง -ม้าม
หะทะยัง -หัวใจ
ยะกะนัง -ตับ
กิโลมะกัง -พังผืด
ปิ หะก ัง -ไต
ปั ปผำสัง -ปอด
อ ันตัง -ไส ้ใหญ่
อ ันตะคุณัง -ไส ้น้อย
อุทะริยงั -อาหารใหม่
กะรีสงั -อาหารเก่า
้
ปิ ตตัง -นาดี
เสมหงั -นาเสลด ้
้
ปุ พโพ -นาเหลื อง
โลหิตงั -นาเลื ้ อด
เสโท -นาเหงื้ ่
อ
เมโท -นามั ้ นข ้น
อ ัสสุ -น้าตา
วะสำ -นามั ้ นเหลว
เขโฬ -นาลาย ้
สิงฆำณิ กำ -นามู ้ ก
ละสิกำ -นามั ้ นไขข ้อ
มุตตัง -นามู ้ ตร
่
(มัตถะเก มัตถะลุงคัง -เยือในสมอง)
้
เต็มไปด ้วยของไม่สะอาดมีประการต่างๆอย่างนี แลฯ
บทสวด มงคลจักรวำลน้อย
สัพพะพุทธำนุ ภำเวนะ
้
ด ้วยอานุ ภาพแห่งพระพุทธเจ ้าทังปวง
สัพพะธ ัมมำนุ ภำเวนะ
้
ด ้วยอานุ ภาพแห่งพระธรรมทังปวง
สัพพะสังฆำนุ ภำเวนะ
้
ด ้วยอานุ ภาพแห่งพระสงฆ ์ทังปวง
พุทธะระตะนัง ธ ัมมะระตะนัง
ด ้วยอานุ ภาพแห่งร ัตนะสาม คือ
สังฆะระตะนัง ติณณัง ระตะนำนัง พุทธร ัตนะ
ธรรมร ัตนะ สังฆรตนะ
อำนุ ภำเวนะ
จะตุรำสีตส ิ ะหัสสะธ ัมมักขันธำ-
ด ้วยอานุ ภาพแห่งพระธรรมขันธ ์
นุ ภำเวนะ ่ พั
แปดหมืนสี ่ น
ปิ ฏะกัตตะยำนุ ภำเวนะ
ด ้วยอานุ ภาพแห่งพระไตรปิ ฏก
ชินะสำวะกำนุ ภำเวนะ
ด ้วยอานุ ภาพแห่งพระสาวกของพระชินเจ ้า
สัพเพ เต โรคำ สัพเพเต ภะยำ
้
สรรพโรคทังหลายของท่ ้
าน สรรพภัยทังหลาย
ของท่าน
สัพเพ เต อ ันตะรำยำ
้
สรรพอันตรายทังหลายของท่ าน
สัพเพ เต อุปัททะวำ ้
สรรพอุปัทวะทังหลายของท่ าน
สัพเพ เตทุนนิ มต ิ ตำ
สรรพนิ มต ้
ิ ร ้ายทังหลายของท่ าน
สัพเพ เต อะวะมังคะลำ
้
สรรพอวมงคลทังหลายของท่ าน
วินส ั สันตุ จงพินาศไป
อำยุวฑ ั ฒะโก ธะนะวัฑฒะโก ความเจริญอายุ
ความเจริญทรพ ั ย์
สิรวิ ฑ ั ฒะโก ยะสะวัฑฒะโก ความเจริญศิร ิ
ความเจริญยศ
พะละวัฑฒะโก วัณณะวัฑฒะโก ความเจริญกาลัง
ความเจริญวรรณะ
สุขะวัฑฒะโก โหตุ สัพพะทำ ฯ ความเจริญสุข จงมี
(แก่ท่าน) ในกาลทังปวง ้
ทุกขะโรคะภะยำ เวรำ โสกำ ทุกข ์โรคภัย
แลเวรทังหลาย ้ ความโศก
สัตตุ จุปัททะวำ ้
ศัตรูแลอุปัทวะทังหลาย
อะเนกำ อน ั ตะรำยำปิ
้ นตรายทังหลายเป็
ทังอั ้ นอเนก
วินส ั สันตุ จะ เตชะสำ จงพินาศไปด ้วยเดช
ชะยะสิทธิ ธะนัง ลำภัง ความชนะ
ความสาเร็จทรพ ั ย ์ลาภ
โสตถิ ภำคยัง สุขงั พะลัง ความสวัสดี
ความมีโชค ความสุข ความมีกาลัง
สิร ิ อำยุ จะ วัณโณ จะ โภคัง ศิรอิ ายุแลวรรณะ
โภคะความเจริญ
วุฑฒี จะ ยะสะวำ แลความเป็ นผูม้ ย ี ศ
สะตะวัสสำ จะ อำยู จะ แลอายุยน ื ร ้อยปี
ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต ฯ
ความสาเร็จกิจในความเป็ นอยู่ จงมีแก่ท่าน
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน
ร ักขันตุ สัพพะเทวะตำ ขอเหล่าเทวดา
จงร ักษาท่าน
สัพพะพุทธำนุ ภำเวนะ
ด ้วยอานุ ภาพแห่งพระพุทธเจ ้า
สัพพะธ ัมมำนุ ภำเวนะ
ด ้วยอานุ ภาพแห่งพระธรรม
สัพพะสังฆำนุ ภำเวนะ ด ้วยอานุ ภาพแห่งพระสงฆ ์
สะทำ โสตถี ตะวันตุ เต. ้ั
ขอความสวัสดีทงหลาย
จงมีแก่ท่านทุกเมือ ่ เทอญ.