You are on page 1of 39

à

Ã
Í
è
קÊ
Ñ
é
¹

à
ÊÍ
פ¹
½
¹ä¿

Ë
ÁͦÇ
¹ÒÃ
Ñ
¡É
à
Êͤ
× ¹½
¹ä¿
Ë
ÁͦÇ
¹ÒÃ
¡
Ñɏ
à
Êͤ
× ¹½¹ä¿
Ë
ÁͦǹÒ
á
Ñɏ
à
¼Âá
¾Ã¤
‹Ã
§
é
ÑáÃ
¡·Ò
§www.eb
ooks
.i
n.
t
h
Í
Í¡á
ººÃ»
Ù
àÅ
ÁÃ
‹ ¾
¾
Õ²¹
Ñ Í
§
Ԥʷ
Ô
¸ì
Ô
¾
Ê
ÔÙ̈
¹Í
¡
Ñ
ÉÃþ¾
Õ²¹
Ñ 
ͧ
Ô¤
Ê·
Ô¸ì
Ô
¨Ò¡¼ÙŒà¢Õ¹
ในช่ ว งเวลาราวห้ า สิบ ปี ที่ ผ่า นมา ผื น ป่ าใหญ่ ห ลายล้ า นไร่ ถูก ผลาญ
ทํ า ลายกลายเป็ นเพี ย งอดี ต บ้ างเปลี่ ย นโฉมหน้ าจากป่ าสู่ชุ ม ชนเมื อ ง บ้ าง
เปลีย่ นเป็ นที่ราบโล้ นเลีย่ นรอวันเพาะปลูกพืชผลเศรษฐกิจ ยิ่งในภาวะที่ทนุ นิยมรุ ก
ลํ ้ากลํ ้ากรายจนยากจะหยุดยัง้ นักอนุรักษ์ ที่เริ่ มอ่อนแรงแผ่วกําลังก็ทําได้ เพียงป่ าว
ประกาศถึงความสําคัญของผืนป่ าใหญ่ ในขณะที่สองมือของมนุษย์ยงั คงลงแรงขุด
ร้ างถางฟั นเพื่อเปิ ดพื ้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ผืนป่ าที่เคยเขียวสดกลับกลายเป็ นไร่
ข้ าวโพดและมันสําปะหลังทอดยาวจนสุดลูกหูลกู ตา มันช่างเป็ นภาพที่บาดไปถึง
หัวใจของวันวัยที่ใฝ่ ฝั นว่ายามเติบใหญ่จะได้ เห็นผืนป่ าอุดมสมบูรณ์

ในฐานะนักอนุรักษ์ ฝึกหัดคนหนึ่งที่เคยเข้ าป่ านับครัง้ ได้ แม้ จะเกิดไม่ทนั


ได้ พบพานกับผืนป่ าใหญ่ แต่ด้วยเรื่ องราวที่ถ่ายทอดร้ อยเรี ยงจากปลายปากกา
ของหม่อ มเชน ม.ล.ปริ ญ ญากร วรวรรณ ช่ า งภาพสัต ว์ ป่ าที่ ทํ า งานสื่อ สารกับ
สาธารณชนผ่านบทความและภาพความงามของธรรมชาติ ผลงานที่ปลูกฝั งความ
เป็ นนักรักษ์ ไพรให้ กับผมตังแต่
้ ห้วงเยาว์วยั จนเกิดเป็ นจิตใต้ สํานึกของการต่อสู้
ขัดขวางความเจริ ญในนามของผืนป่ าและสัตว์ป่า กระทัง่ เติบใหญ่และได้ โอกาส
เข้ ามาทํางานด้ านอนุรักษ์ อย่างเต็มตัว

เปล่า, ผมไม่ได้ ต้องการเรี ยกร้ องให้ ทกุ คนทอดทิ ้งความเจริ ญ หันหลังให้


เมืองใหญ่และกลับมาอยูอ่ ย่างมนุษย์ถํ ้า เพียงแต่ต้องการบอกเล่าถึงความงดงาม
ที่เคยได้ ประสบพบพานด้ วยสองตาของตนผ่านเรื่ องสันที
้ ่สะท้ อนให้ เห็นถึงความ
ยิ่งใหญ่ตระการของมารดาที่ชื่อว่าธรรมชาติ ที่บางครัง้ เธออาจโบยตีสิ่งมีชีวิตที่
เรี ยกว่าคนในยามที่เดินออกนอกลูท่ าง โบยตีเพื่อให้ ร้ ู สํานึกว่าสิ่งที่เราๆท่านๆต่าง
กระทํามันได้ ผา่ นเลยจุดที่จะคงไว้ ซงึ่ ความสมดุล

น่าเสียดาย ที่การโบยตีในครัง้ เหตุการณ์อทุ กภัยปี 2554 กลับไม่ทําให้ คน


บางกลุม่ รู้สาํ นึก และเติบใหญ่เป็ นเด็กก้ าวร้ าวที่คิดจะต่อสู้เพื่อเอาชนะมารดาผู้ให้
กําเนิดตน ทังที
้ ่ร้ ู ดีว่าในตอนท้ ายจะต้ องยอมจํานนเข้ ามาหมอบกราบเพื่อขอขมา
แต่กว่าจะถึงตอนนัน้ เธออาจจะแก่ชราและเจ็บชํ ้าเกินกว่าที่จะฟื น้ ฟูให้ คืนสูส่ ภาพ
เดิม

แต่ในวิกฤติที่เลวร้ ายก็ ยังมีความหวังรํ าไร ผมเชื่ อว่าตอนนีย้ ังไม่สาย


เกินไปที่จะเปลีย่ นแนวทางพัฒนาโดยควบคูไ่ ปกับการรักษาสิง่ แวดล้ อม แน่นอนว่า
มันไม่ใช่เรื่ องง่ายและอาจต้ องใช้ เวลานานกว่ารัฐบาลหนึง่ สมัย แต่การเดินทางไกล
ย่อมเริ่ มต้ นที่ก้าวแรก จะดีกว่าไหมที่เราจะเริ่ มเปลีย่ นตังแต่
้ วนั นี ้

หมอฆ วนารักษ์

มิถนุ ายน 2556, ในวันที่ประเทศไทยยังไม่เปลีย่ น


á́‹
¼
¹
×»Ò

µÐÇ
¹
ѵ¡
à
ÊÍ
פ¹
½
¹ä¿
Ê
×
Í ผมกระชับกล้ องส่องทางไกลในมื อเมื่อได้ ยินเสียงแกรกกราก
จากราวป่ า เงาวูบไหวสีส้มแดงเคลื่อนตัวอย่างระวังระไวริ มแนวป่ าโป่ ง
ซับบอน โป่ งนํ ้าไม่กี่แห่งในผืนป่ าห้ วยขาแข้ ง รู ปร่ างลํ่าสันของวัวหนุ่ม
เผยตัวอย่างเชื่องช้ าสู่พื ้นที่โล่งริ มโป่ ง มันก้ าวน่องสีขาวยํ่าลงบนผืนดิน
เฉอะแฉะก่อนส่งสัญญาณให้ แก่ฝูงของมัน วัวแก่จ่าฝูงเดินออกมาจาก
ราวป่ าอย่างเงียบเชี ยบ สี ขนที่ ผลัดเปลี่ยนเป็ นสีนํ ้าตาลเข้ มบ่งบอกถึง
ประสบการณ์ที่เคี่ยวกรํ ามานานปี ทังฝู
้ งมีราวสิบหกตัว นับว่าจํานวนไม่
น้ อย เมื่อเทียบกับจํานวนสัตว์ป่าที่ลดลงอย่างฮวบฮาบเมื่อไม่กี่ขวบปี ที่
ผ่านมา
แม้ จะมีเหยื่ออยู่เบื ้องหน้ า แต่มนั ก็เสี่ยงเกินไปที่จะยื่นลํากล้ อง
ออกจากบัง ไพรในเวลาบ่าย สัญ ชาตญาณสัตว์ ป่าเป็ นสิ่ง ที่ ประมาท
ไม่ได้ โดยเฉพาะสัตว์กินพืชที่ต้องผจญกับนักล่าหลากชนิด แสงสะท้ อน
จากวัตถุแปลกประหลาดเพียงครู่ เดียวอาจทําให้ มนั เตลิดหายไปในผืน
ป่ า กว่ า มัน จะรู้ สึ ก ว่ า ปลอดภัย บางครั ง้ อาจกิ น เวลาถึ ง สองสัป ดาห์

à
ประสบการณ์กว่าสิบปี ในป่ าสอนผมให้ ร้ ู จกั การรอคอย รอ… เพื่อหา
จังหวะเหมาะสมที่สดุ ในการล่า

8 เสือ คน ฝน ไฟ
ราวสามชั่ ว โมงที่ ผ มนั่ง ผ่ อ นลมหายใจหลัง ม่ า นบัง ไพร แม้
อากาศร้ อนระอุแต่ผมก็ต้องจํากัดการเคลื่อนไหวให้ น้อยที่สดุ เพื่อป้องกัน
ไม่ให้ เกิดเสียง แต่เจ้ าจ่าฝูงก็ยงั หันมาทางบังไพรอย่างระแคะระคายใน
ขณะที่ ลมเปลี่ยนทิศ ก่อนจะหันกลับไปเล็มดินโป่ งตามเดิม วัวชราคง
สัมผัสได้ ถึงกลิ่นแปลกหน้ า แต่เมื่ อไม่มีสญ
ั ญาณการคุกคามมันจึงทํา
หน้ าที่เพียงเฝ้าระวัง
แสงแดดที่คล้ อยตํ่าลงอนุญาตให้ ผมสอดลํากล้ องออกจากม่าน
ไผ่สีเขียวเหลืองที่ปกป้องผมจากสายตาของฝูงวัวแดง ผมเล็งอยู่หลาย
นาทีก่อนกลันลมหายใจเพื
้ ่อลัน่ ไกไปยังวัวชราหัวหน้ าฝูง ที่ยืนเคียงกัน
คือลูกน้ อยผอมโซซึง่ น่าจะลืมตาดูโลกได้ ไม่นาน
เสียงชัตเตอร์ ดงั ทําลายความสงบของผืนป่ า ผมสบตากับเจ้ าจ่า
ฝูงที่เปล่งเสียงกังวานก้ องพร้ อมจ้ องมองทะลุทะลวงมายังบังไพรอย่างดุ
ร้ าย นิ ้วชี ้ของผมเร่งลัน่ ชัตเตอร์ เพื่อเก็บภาพเพราะรู้ว่าฝูงวัวแดงกําลังจะ
สลายหายไปในราวป่ า แรงกระแทกของฝี เท้ าวัวกว่าสิบชีวิตเล่นเอาผืน
ดิน สั่น สะเทื อน ผมลั่นชัตเตอร์ จนหมดม้ วนฟิ ล์ ม แม้ เป้าหมายในการ
เดินทางครัง้ นี ้จะไม่ใช่ววั แดง แต่ภาพวัวชราก็มีค่าไม่น้อยในห้ วงยามที่
ชะตากรรมของผืนป่ าเดินมาจนสุดทาง
ผมยิ ้มอย่างพึงใจก่อนเก็บกล้ อง Leica M6 และเลนส์เทเลโฟโต้
ช่วง 500 มิลลิเมตรลงในกระเป๋ า ไม่นานนักชายชาวกะเหรี่ ยงก็ปรากฎ

หมอฆ วนารักษ์ 9
ตัวเบื ้องหลังบังไพรอย่างเงียบเชียบ ‘โจป่ อง’ อดีตพรานนักล่าที่ผนั ตัวเอง
เป็ นเจ้ าหน้ าที่พิทกั ษ์ ป่าห้ วยขาแข้ งยิ ้มให้ ผมอย่างคุ้นเคยก่อนจะเดินมา
หยิบกระเป๋ าอุปกรณ์ที่หนักกว่าสิบกิโลกรัมไปถืออย่างทะมัดทะแมง
เราเดินฝ่ าผื นป่ าไปตามเส้ นทางพรานเก่าราวหนึ่งชัว่ โมงเศษ
ก่อนที่จมูกของผมจะปะทะกับกลิ่นหอมของอาหารเย็น นับว่าเป็ นโชคดี
ที่ผมได้ มาทํางานคูก่ บั ลุงโจป่ อง ปราชญ์ผ้ เู กิด เติบโต และดําเนินวิถีชีวิต
ในผืนป่ าใหญ่จนอายุใกล้ เลขหก เรี ยกได้ ว่าเขารอบรู้ทกุ เรื่ องเกี่ยวกับผืน
ป่ า โดยเฉพาะพื ชพรรณที่ เขาสามารถเลื อกสรรมาประกอบอาหารได้
หลากชนิด
ตลอดหกปี ตังแต่
้ ผมเริ่ มโปรเจกต์ถ่ายภาพสัตว์ป่าในห้ วยขาแข้ ง
อาหารจานผัก รสเลิ ศ ตัง้ แต่ผัก ธรรมดาอย่ า งผัก กู ด หรื อ ผัก หวานป่ า
กระทั่ง ผักชื่อแปลกอย่างกํ าแพงเจ็ ดชัน้ ที่ โบราณท่านว่าเป็ นยาบํารุ ง
กําลังชันเยี
้ ่ยม ต่างก็ได้ สมั ผัสลิ ้นผมมาแล้ วทังสิ
้ ้น
ในป่ าไม่มีอาหารให้ เ ราเลื อกมากนัก นอกจากเนือ้ เค็ม มาม่า
ข้ าวสารและปลากระป๋ องที่ ต้องขนใส่หลังเดินเท้ าเอาเข้ ามา ที่เหลือก็
ขึน้ อยู่กับความสามารถในการหาของป่ าเพื่ อนํ ามาแกล้ ม สํ ารั บ เมนู
สําหรับมื ้อเย็นวันนี ้คือยํามะม่วงปลากระป๋ อง กับผักกูดลวกจิ ้มนํ ้าพริ ก
กะเหรี่ ยง ผมสวาปามอาหารเบื อ้ งหน้ าอย่างหิ วโหยใต้ ผื น ฟ้ าที่ กําลัง
แปรเปลี่ยนเป็ นสีมว่ งเทา

10 เสือ คน ฝน ไฟ
สิบเจ็ดปี แล้ วกระมังที่ชีวิตต้ องซัดเซพเนจรจากป่ าสู่เมืองจาก
เมื อ งสู่ป่าเพื่ อทํ างานที่ ไ ม่ต่างอะไรจากงานการกุศล ผมรู้ ดี ว่ าอาชี พ
ช่างภาพสัตว์ป่าในเมืองไทย ต่อให้ ท่มุ เทแค่ไหนก็ไม่มีทางเจริ ญ ชื่อ ‘คีรี
พนาลัย’ กลับกลายเป็ นที่ ร้ ู จักในต่างแดนมากกว่าบ้ านเกิ ดเมืองนอน
ภาพถ่ายที่จดั แสดงมาแล้ วค่อนโลก เป็ นได้ เพียงหนังสือรวมภาพขายไม่
ออกที่ตีพิมพ์โดยผมไม่เคยได้ รับค่าลิขสิทธิ์
แต่ผมก็ไม่เคยคิดโทษใคร เพราะอย่างน้ อยนี่ก็คือเส้ นทางที่ผม
เลือกเดิน เส้ นทางเพื่อพูดในนามของสัตว์ป่า พูดเพื่อเรี ยกร้ องให้ มนุษย์
รับรู้ ว่าสัตว์ป่าก็มีชีวิตมีจิตใจ แม้ จะไม่มี สิทธิ มีเสียงตามรัฐธรรมนูญก็
ตาม
งานในผืนป่ าห้ วยขาแข้ งเป็ นงานชิ ้นที่สี่ ชิ ้นที่ผมคาดหวังว่าจะ
เป็ นงานมาสเตอร์ พี ซ กว่าหกปี แห่ง การบุกป่ าฝ่ าฝนทนแสงแดด จน
เหลื อเพี ยงชิน้ ส่วนสุดท้ ายคือภาพลูกเสื อที่ จ ะทํ าให้ ง านชุดนี ส้ มบูรณ์
พร้ อมเผยแพร่
“วันนี ้ที่หน่วยวิทยุมาบอกผมว่ารับสัญญาณวิทยุของรพินทร์ ได้
แถวๆศูนย์ เธอวนเวียนอยู่แถวนันมาสองสามวั
้ นแล้ ว สงสัยจะล่าเหยื่อ
ได้ พรุ่งนี ้คุณจะลองเสี่ยงดูไหม” ลุงโจป่ องกล่าวถึงเสือแม่ลกู อ่อนที่ตงชื
ั ้ ่อ
ตามนามนักวิ จัยกระทิ ง ชื่ อดัง ของไทย เสื อสาวรายนี ก้ ํ าลัง ตรากตรํ า
อย่างหนักเพื่อหาอาหารให้ ลกู น้ อย ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะออกล่าเหยื่อไกล

หมอฆ วนารักษ์ 11
ถึ ง บริ เ วณศูน ย์ วิ จัยที่ อยู่ห่างออกไปราวสามสิบ กิ โ ลเมตร เพราะโดย
ธรรมชาติของนางเสือ เธอไม่อาจปล่อยลูกให้ อยู่ในรังเพียงลําพังได้ นาน
นักหากไม่จําเป็ นจริ งๆ
“ไปสิครับลุง โอกาสอย่างนี ้ไม่ร้ ู จะมี อีกเมื่ อไหร่ ” ผมตอบขณะ
นัง่ เล่นอยู่บนเปลสนามข้ างกองไฟ ลุงโจป่ องเติมเชื ้อไฟจนคุโชนพลาง
ควักยาเส้ นใบกระโดนออกมาสูบ กลิ่นฉุนเริ่ มทํางานไล่ฝงู ยุงที่ออกหากิน
หลังอาทิตย์ลบั ฟ้า
“ผมไม่อยากให้ คณ
ุ ไปเลย ตอนนี ้เธออาจกลับไปอยู่แถวรัง คุณ
ก็น่าจะรู้ ว่าเวลาอย่างนี เ้ ธอจะดุขนาดไหน ยิ่งถ้ าเห็นใครไปป้วนเปี ้ยน
เธอเล่นถึงตายแน่” ชายชรากล่าวในขณะที่ซอ่ นใบหน้ าไว้ หลังม่านควันสี
ขาว นํ ้าเสียงของเขามีเค้ ารอยของความกังวล
สัตว์ป่าทุกตัวมีธรรมชาติที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ ากับมนุษย์
แต่หากมนุษย์ก้าวล่วงเกินระยะปลอดภัย การรุ กเข้ าทําร้ ายก็เป็ นสิ่งที่
ยากจะหลีกเลี่ยง ยิ่งในสภาวะอ่อนไหวอย่างช่วงเลี ้ยงดูลกู อ่อน ความดุ
ร้ ายย่อมสูงขึ ้นเป็ นทบทวี นี่คือความเสี่ ยงที่ผมต้ องชั่งนํ ้าหนัก ระหว่าง
งานกับความปลอดภัย
“พรุ่ ง นี ผ้ มขอเสี่ ยงซักครั ง้ ละกัน นะลุง ไม่งัน้ คงจะเสี ยดายไป
ตลอดชีวิต” ผมตอบคํา ก่อนทิ ้งตัวลงในเปลสนาม เบื ้องบนมืดมิดจาก
ผืนผ้ ายางที่กางป้องกันนํ ้าค้ างยามเช้ า ความรู้สึกบางอย่างที่ยงั ตกค้ าง

12 เสือ คน ฝน ไฟ
ภายในจิตใจทําให้ ผมไม่อาจข่มตาหลับ อาจเพราะเค้ าลางความกังวล
ในแววตาของพรานชรากระมัง ที่ ทํ าให้ ผ มรู้ สึกขาดความมั่นใจในวัน
พรุ่งนี ้
เกือบยี่สิบปี ที่ทํางานในผืนป่ า แม้ จะผ่านร้ อนผ่านหนาวจนเรี ยก
ได้ ว่าชํ่าชอง แต่ก็แทบไม่มีหนไหนที่สัตว์ ป่าจะทําให้ ผมรู้ สึกขลาดกลัว
ราวกับมีบางสิ่งคอยคํ ้าจุนศรัทธาบางอย่างในสัตว์ป่า สัง่ สมเป็ นความ
เชื่อที่วา่ สัตว์ป่าไม่มีวนั ทําร้ ายคน มีเพียงครัง้ หนึ่งที่ผมพลาดเข้ าใกล้ ช้าง
ป่ าจนโดนชาร์ จ นั่นเป็ นบทเรี ยนแรกๆที่ทําให้ ผมรู้ จักคําว่า ‘ระยะห่าง’
ระหว่างคนและสัตว์ป่าที่ไม่วา่ อย่างไรก็ไม่สามารถใกล้ ชิดกันเหมือนสัตว์
เลี ้ยง
เสียงปะทุของกองไฟเบื ้องนอกและกลิ่นฉุนจากยาเส้ นบอกผม
ว่าลุงโจป่ องยังคงไม่หลับ บางที พรานเฒ่าเองก็ คงกังวลถึงวันพรุ่ งนี ้ไม่
ต่างจากผม
อากาศหนาวยะเยื อกแทรกผ่านถุงนอนผืนบางที่ถูกใช้ ต่างผ้ า
ห่ม ผมพยายามสลัดความกังวลก่อนจะผล็อยหลับไปในอ้ อมกอดของ
ผืนป่ า
---
แรงสะกิดด้ านข้ างปลุกผมให้ ตื่นจากห้ วงฝั นตังแต่
้ ฟ้ายังไม่สว่าง
กลิ่นหอมของอาหารลอยมาปะทะจมูกอี กครั ง้ ท่ามกลางเปลวไฟที่เริ ง

หมอฆ วนารักษ์ 13
ระบํากลางหมอกขาว ผมเทนํ ้าจากกระติกมาลูบหน้ าเพื่อเรี ยกความสด
ชื่นก่อนลุกไปเก็บตุนพลังงานเพื่อใช้ ตลอดวัน
นํา้ ข้ าวสี ข าวขุ่นในกระบอกไม้ ไผ่ส่งกลิ่น หอมบางเบาเคล้ าไอ
หมอกเย็น กลิ่นกรุ่นอันเคยคุ้นทําให้ ผมเริ่ มรู้ สึกผ่อนคลาย ในขณะที่ชาย
ชรายัง คงเลื อ กที่ จ ะขัง คํ า พูด ของตนไว้ ใ นห้ ว งความคิ ด ไม่ น านหลัง
จากนันเขาก็
้ หนั มาสบตา ก่อนพยักหน้ าเป็ นสัญญาณเริ่มออกเดินทาง
เส้ น ทางด่ า นสัต ว์ ค ดเคี ย้ ววกวนมุ่ง หน้ า สู่ ป่ าลึ ก ร่ อ งรอยยํ่ า
เหยียบของสัตว์ป่าประปรายตามรายทาง แต่กระนันก็
้ ยงั คงความรกทึบ
มีดเหน็บของชายชาวกะเหรี่ ยงถูกชักออกมาใช้ ครัง้ แล้ วครัง้ เล่า เราสอง
คนเดินลัดเลาะไปตามสันเขาราวสองชัว่ โมงก่อนจะพาร่างกายที่เริ่ มโรย
แรงลงพักที่ริมห้ วย
ลุงโจป่ องหันมายิ ้มให้ ผมอย่างให้ กําลังใจ แม้ อายุจะล่วงเลยไป
มากและต้ องแบกสัมภาระหนักกว่าผมเกื อบสิบเท่า แต่ท่าทางของเขา
ยังคงกระชุม่ กระชวยในขณะวักนํ ้าลูบหน้ า
“อี กไม่ไ กลแล้ วคุณ รี บไปต่อเถอะ ต้ องเตรี ยมบัง ไพรให้ เ สร็ จ
ก่อนฟ้าสาง” เสียงแหบพร่าฉุดร่างผมให้ ลกุ ขึ ้นยืนเพื่อเดินทางต่อ
หลัง จากผ่า นหาดหิ นริ ม ห้ วยและป่ าทึบไม่น านนัก เราก็ ท ะลุ
มายังดงป่ าไผ่ขนาดใหญ่ ลําไผ่หกสีเขี ยวครึ ม้ ขนาดพอๆกับต้ นขาทอด

14 เสือ คน ฝน ไฟ
แนวยาวก่อนจะบางตาลงบริ เวณเนินลูกย่อมๆที่พรานเฒ่าส่งสัญญาณ
บอกผมว่านัน่ คือที่ซอ่ นของเจ้ าเสือน้ อยทังสามตั
้ ว
ลุงโจป่ องนําผมลัดเลาะไปตามเนินเขาระนาบเดียวกับโพรงถํา้
พลางใช้ มีดฟั นลําไผ่หกเพื่อมาประกอบเป็ นซุ้มบังไพรชัว่ คราว เสียงไผ่
หักสะท้ อนก้ องสอดรับกับเสียงประสานของแมลงที่ผมไม่ร้ ู จกั ประกอบ
กับ ชะนี แ ละแซงแซวที่ ร้ องรั บ อรุ ณ ทั่ว ทัง้ ผื น ป่ า ผมหยิ บ อุ ป กรณ์ ม า
ประกอบด้ านหลังบังไพรไม้ ไผ่ แม้ จะอยูไ่ กลราวสามร้ อยเมตร แต่ก็ยงั ถือ
ว่าเป็ นระยะหวังผลของเลนส์เทเลโฟโต้ ขนาด 500 มิลลิเมตร เลนส์คใู่ จที่
ผมมักจะพกเข้ าป่ าด้ วยเสมอ
ผมนั่ง รออยู่ห ลัง บังไพรอย่างใจเย็ น วันนี พ้ รานชราเลือกที่ จ ะ
ปั กหลักอยู่เป็ นเพื่อนผมราวกับต้ องการให้ คลายกังวล กระแสเวลาไหล
ผ่านอย่างอ้ อยอิ่ง จากไอหมอกยามเช้ าตรู่ ส่สู ายลมเย็นยามสาย ตามมา
ด้ วยแดดจัดในยามเที่ยงวัน ทุกอย่างยังคงนิ่งสงัดไร้ การเคลื่อนไหว เว้ น
แต่หมาในฝูงหนึง่ ที่เลาะเลียบมาไกลลิบๆ ก่อนจะลับตาไปในทิวไม้
ผมยังคงนัง่ เฝ้ามองอยูห่ ลังบังไพรพลางหยิบกล้ องมาส่องดูเป็ น
ระยะ เสี ย งมี ด ฟั น กิ่ ง ไผ่เ มื่ อ เช้ า กระมัง ที่ ทํ า ให้ ลูก เสื อ ทัง้ สามรู้ สึก ไม่
ปลอดภัย แดดยามบ่ายทอแสงระอุเหนือผืนป่ าบัน่ ทอนนํ ้าในกระติกจน
คอดขวด ลมหายใจของพรานชราเบื ้องหลังยังคงสมํ่าเสมอ ปื นกระบอก
ยาวบรรจุยาสลบถูกพิงพาดไว้ ริมกอไผ่ใกล้ มือ ผมไพล่สายตากลับไปยัง

หมอฆ วนารักษ์ 15
กองหินอีกครัง้ พลันเห็นความเคลื่อนไหวสีเหลืองครี ม ในที่สดุ เจ้ าลูกเสือ
ก็เริ่มวางใจเพียงพอที่จะออกมาวิ่งเล่น
ภาพเบื ้องหน้ าเล่นเอาหัวใจของผมสัน่ ไหว นี่แหละคือชิน้ ส่วน
สุดท้ ายที่จะเติมเต็มความเป็ นห้ วยขาแข้ ง ผมบรรจงเล็งผ่านช่องมอง
ภาพ ค่อยๆหมุนโฟกัสก่อนจะกดชัตเตอร์ อย่างแผ่วเบา ลูกเสือทังสาม

หยอกล้ อกันสนุกสนานเหนือผืนดินที่ทาทับด้ วยสีนํ ้าตาลอ่อนของใบไผ่
แม้ จะตกใจเมื่อได้ ยินเสียงชัตเตอร์ ครัง้ แรก แต่เมื่อรู้ ว่าไร้ อันตราย เสือ
น้ อยทังสามก็
้ แทบจะไม่สนใจเสียงอันแปลกแปร่งที่ดงั ก้ องราวป่ า
ความละโมบของช่า งภาพเริ่ ม แสดงพลัง เบื อ้ งหลัง เลนส์ มัน
พยายามหว่านล้ อมคุกคามให้ ผมตัดสินใจเข้ าไปถ่ายใกล้ กว่านี ้ มันบอก
เหตุผลกับผมว่า ภาพระยะไกลไม่มีทางเข้ าถึงแก่นแท้ ของความมีชีวิต
ผมลังเลอยู่ไม่นานก่อนจะส่งสัญญาณให้ ลุงโจป่ องยื่นกระเป๋ าอุปกรณ์
มาให้ มือทังสองเคลื
้ ่อนไหวสับเปลี่ยนเลนส์เป็ นช่วงระยะ 50 มิลลิเมตร
อย่างคล่องแคล่ว พรานเฒ่าคงรู้ ว่าผมกําลังจะทําอะไร แต่ก็ทําได้ เพียง
ส่งสายตาไม่เห็นด้ วย ผมตัดสินใจหมอบตัวลงก่อนจะคืบคลานออกจาก
บังไพร เข้ าใกล้ เจ้ าสามตัวนันอย่
้ างช้ าๆ
ที่หมายของผมคือหลังต้ นส้ านใหญ่ ริมเนิน มุมนัน้ คือมุมหน้ า
โพรงที่สามารถถ่ายเจ้ าเสือน้ อยทังสามโดยมี
้ ฉากหลังเป็ นป่ าไผ่เขียวครึม้
ตัดกับใบไผ่สีเหลืองอ่อนหน้ าปากโพรง

16 เสือ คน ฝน ไฟ
เสียงหัวใจเต้ นระงมจนกลบเสียงภายนอกแทบหมดสิ ้น ผมรู้สึก
ได้ ถึงฝ่ ามือที่เริ่ มชื ้นเหงื่อและชีพจรที่วิ่งพล่านไปทัว่ ร่างกาย อีกไม่กี่นาที
งานที่ผมทุม่ เทมากว่าหกปี ก็จะเสร็ จสมบูรณ์ อีกไม่กี่นาทีเท่านัน!

เสียงปื นยาสลบที่ดงั ขึน้ เบื ้องหลังปลุกผมให้ ตื่นจากภวังค์แห่ง
ความโลภ พลันเสี ยงคํารามโกรธเกรี ย้ วก็ ดงั กึกก้ องไปทั่วผืนป่ า ลุงโจ
ป่ องตะโกนบอกให้ ผมรี บหนีในขณะที่ขาทังสองของผมกลายเป็
้ นหิน แม้
จะคุ้นชินกับเสือมากหน้ าหลายตา แต่ทกุ ครัง้ เราต่างมอบระยะห่างให้ แก่
กันตามกติกาที่ธรรมชาติกําหนดไว้
และครัง้ นี ้ผมเป็ นคนละเมิด จึงไม่น่าแปลกหากผมจะต้ องจ่าย
ค่าปรับราคาแพง
แรงกระแทกจากนํ ้าหนักกว่าหนึ่งร้ อยกิโลกรัมผลักผมให้ ล้มลง
เธอใช้ สองเท้ าหน้ ากดไหล่ทงั ้ สองแนบติดกับพื น้ ดิน เรี่ ยวแรงมหาศาล
ของสัตว์ผ้ ลู ่าโถมทับจนยากจะขยับตัว เธอละสายตาจากผมชัว่ ครู่ เมื่อ
เสียงปื นอีกนัดคํารามจากด้ านข้ าง อีกราวสิบนาทียาสลบจึงจะออกฤทธิ์
แต่กว่าจะถึงตอนนันร่
้ างของผมคงเหลือเพียงซากไร้ วิญญาณ
รพินทร์ กางกรงเล็บก่อนตะปบลงบนใบหน้ า มันชาแปลบเกิน
กว่าจะเรี ยกได้ ว่าเจ็บปวด กลิ่นคาวเลือดเริ่ มคละคลุ้งเคล้ ากลิ่นสาบเสือ
นี่อาจไม่ใช่จดุ จบอันสวยงามในชีวิตของใครหลายคน แต่สําหรับผมมันก็
ถือว่าไม่เลวนัก เพราะอย่างน้ อยก็ยงั ได้ ตายด้ วยนํ ้ามือของสิ่งที่ผมรัก

หมอฆ วนารักษ์ 17
ในขณะที่ ค วามตายเริ่ ม คื บ คลานผมกลั บ รู้ สึ ก สงบอย่ า ง
ประหลาด บางอย่างบอกผมว่าการตายครั ง้ นี เ้ ป็ นเพียงจุดเริ่ มต้ นของ
การเดินทางอันยาวไกล ผมคลายมือออกจากอุปกรณ์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข
กันมากว่าสองทศวรรษ และใช้ เวลาสุดท้ ายซึมซับกับความสง่างามของ
สิ่งมีชีวิตเบื ้องหน้ า
คมเขี ้ยวที่ชําแรกผ่านลําคอตัดสายใยบางๆระหว่างชีวิตและจิต
วิญญาณออกจากกัน ภาพสุดท้ ายของสติอนั เลือนลาง ผมมองเห็นเสือ
สาวดิ ้นรนฝื นฤทธิ์ยากระเสือกกระสนเพื่อกลับไปยังโพรงรัง

18 เสือ คน ฝน ไฟ
¤
¹ เขาลืมตาอีกครัง้ ในถํ ้าอันมืดมิด เบื ้องนอกหมอกยามเช้ ายังไหล
เรื่ อ ยเรี่ ย พื น้ ดิน ท่ า มกลางสรรพเสี ย งสอดประสานตามครรลองของ
ธรรมชาติ สัมผัสอันแหลมคมส่งผ่านเสียงสายนํ ้าไหลเอื่อย ปะทะกังวาน
ก้ องของแซงแซวเหนือยอดไม้ ก่อนจะเสียดแทงเข้ าสู่โสตประสาท กลิ่น
ไอดินชื ้นหยาดนํ ้าค้ างผสานกลิ่นกรุ่ นใบไผ่ต่างหลัง่ ไหลเข้ าสู่สองนาสิก
ข้ างกายของเขาคือเสือน้ อยที่ยงั คงงัวเงียกับความเย็นสบายในยามเช้ า
มันคือความงามในอุดมคติที่เขาเฝ้ าฝั นว่าจะได้ ถ่ายทอดสู่เหล่าเพื่อน
มนุษย์ เขาพยายามขยับมือทังสองข้
้ างเพื่อควานหากล้ องคูใ่ จอย่างเคย
ชิน พลันเขาได้ รับรู้ว่าดวงจิตของเขาได้ หลุดลอยออกจากร่างมนุษย์และ
หลอมรวมเป็ นส่วนหนึง่ กับเสือน้ อยเสียแล้ ว
เขาเรี ยนรู้ และยอมรับว่าทําได้ เพียง ‘สัมผัส’ ทุกผัสสะและการ
เคลื่ อ นไหว หากแต่ ไ ม่ ส ามารถควบคุ ม จิ ต ใจที่ ขั บ เคลื่ อ นไปตาม
สัญชาตญาณได้ นี่คงเป็ นวัฏจักรแห่งการเปลี่ยนผ่าน เป็ นรู ปแบบหนึ่ง
ของการถ่ายทอดพลัง งานระหว่างกันของธรรมชาติ และเขาก็คงเป็ น
ผลผลิตที่ผิดพลาด กลายเป็ นเพียงกาฝากในร่างของเดรัจฉาน

หมอฆ วนารักษ์ 19
เสื อ น้ อ ยบิ ด ขี เ้ กี ย จก่ อ นเดิ น ออกมาเชยชมโลกยามเช้ า เขา
พยายามปรั บตัวเข้ ากับสัม ผัส เหนื อมนุษย์ ที่ประดังประเดเข้ ามา การ
มองโลกผ่านนัยน์ตาเสือย่อมแตกต่างจากห้ วงยามที่เขาเฝ้ามองผืนป่ า
หลังเลนส์ ผืนป่ าที่เขาเคยใช้ ชีวิตร่ วมมานับยี่สิบปี บัดนี ้แปรสภาพจนตัว
เขาเองแทบจําไม่ได้ ทุกสิ่งช่างชัดเจนและงดงามจนเขาเริ่ มคิดว่าตนเอง
ฝั นไป แต่ถ้าหากนี่คือความฝั นเขาก็อยากหลับตาอยูเ่ ช่นนันตลอดไป

ทัศนียภาพอันบริ สทุ ธิ์ของป่ าดิบบอกเขาว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เขาหลุด
ลอยออกจากกายหยาบ หากแต่เป็ น ‘รังใหม่’ ของรพินทร์ ที่คาบสามพี่
น้ องเดินทางหนีจากการรบกวนของมนุษย์ แรงกระแทกด้ านข้ างปลุกให้
เขาตื่นขึ ้นจากทัศนียภาพอันงดงาม ร่ างของเสือน้ อยกระแทกลงบนผืน
หญ้ า มันซวนเซตังหลั
้ ก ก่อนจะพยายามส่งเสียงคํารามแต่เปล่งออกมา
เป็ นเพียงเสียงฟ่ อคล้ ายแมวขู่ พี่น้องทังสองของมั
้ นโลดแล่นรับยามเช้ า
ด้ วยการฝึ กทักษะการล่า การละเล่นเพียงหนึ่งเดียวที่มนั ต้ องเรี ยนรู้ เพื่อ
เอาชีวิตรอด
แม่รพินทร์ สอนทักษะทุกอย่างให้ แก่ลูกน้ อยทังสาม
้ จนกระทั่ง
เติบโตพอที่จะมีอาณาเขตเป็ นของตัวเอง เมื่อนัน้ ก็ได้ เวลาที่เสือสี่ชีวิต
จะต้ องแยกย้ ายเพื่อออกเดินทางตามเส้ นทางของตน การเริ่ มก้ าวแรก
ไม่ใช่เรื่ องง่าย ผืนป่ าตะวันตกแม้ จะกว้ างใหญ่แต่ก็มกั ถูกจับจองโดยเสือ
ผู้มีพละกํ าลังเกินกว่าจะต่อกร ส่วนพื ้นที่ที่ไม่มีใครจับจองก็เป็ นแนวสัน

20 เสือ คน ฝน ไฟ
เขาที่นอกจากจะแทบไม่มีสตั ว์ป่า ยังคับแคบและรกชัฎเกินกว่าจะอยู่ได้
อย่างสะดวกดาย
เสือรุ่ นร่ อนเร่ อย่างไร้ หลักแหล่งร่ วมปี โดยมีอาหารตกถึงท้ อง
อย่างตามมี ตามเกิ ด แม้ ร่างกายของมันจะเพียบพร้ อมด้ วยสมรรถนะ
การเป็ นนักล่า แต่ด้วยความอ่อนด้ อยประสบการณ์ เหยื่อส่วนใหญ่จึง
เร้ นหายพ้ นสายตาหรื อโจนหนีไปอย่างไม่ยากเย็น อาหารจานหลักเพื่อ
เอาชีวิตรอดจึงหนีไม่พ้นหมูป่าที่แทบไม่พอยาไส้ ส่วนเก้ ง กวาง หรื อวัว
แดงนันแทบจะไม่
้ ต้องพูดถึง
ยังดีที่เขาและเจ้ าเสือยังพอมีโชคอยู่บ้าง หลังจากพลัดหลุดเข้ า
ไปในผืนป่ าอันอุดมสมบูรณ์ และพบพานกับเจ้ าของอาณาเขตที่กําลัง
ป่ วย เสือเฒ่าถอยห่างอย่างยินยอมเมื่ อเขาเริ่ มทํ าเครื่ องหมายทับรอย
เดิม ปริ มาณเหยื่อที่หนาแน่นบ่มเพาะร่างเสือหนุ่มจนอุดมสมบูรณ์ อาจ
ด้ วยความลํ่าสันน่ายํ าเกรงกระมังที่ ทําให้ จวบจนปั จจุบนั ก็ยังไม่มีใคร
กล้ าเข้ ามาท้ าทายเพื่อช่วงชิงอาณาเขต
ราวห้ าปี เขาได้ ท่องเที่ ยวอย่างเสรี ไปทั่วผืนป่ า หลีกเลี่ ยงการ
เผชิญหน้ ากับเหล่าเสือหนุ่มเลือดร้ อน ขัดเกลาทักษะการล่าจนชํ่าชอง
เรี ยนรู้ ที่จะเฝ้าซากและกิ นเหยื่ ออย่างสมถะ ประสบการณ์ เหล่านี ้ย่อม
เป็ นที่เฝ้าฝั นของเหล่านักรักษ์ ไพรที่ยอมแลกแม้ แต่ชีวิตตนเองเพื่อรักษา
ความงดงามของธรรมชาติเอาไว้ แต่ในบางคํ่าคืนอันเงียบเหงา เขาก็ยงั

หมอฆ วนารักษ์ 21
ย้ อนกลับไปถึงอดีตชาติที่เคยมี โอกาสยํ่ าตระเวนไปทัว่ พงไพรในฐานะ
มนุษย์คนหนึง่
เวลาห้ าปี ล่วงเลยไปอย่างราบเรี ยบ มีเพียงเหตุการณ์ เดียวที่
เขายากจะลืมเลือน มันเริ่ มจากแสงสว่างวาบจากกล้ องดักถ่ายในยาม
คํ่าขณะกํ าลังออกล่า เขาทราบดี ว่านี่ คือ สัญ ญาณล่วงหน้ าก่อนที่ ทีม
นัก วิ จัย จะพยายามทุก วิถี ท างเพื่ อ ดัก จับ เสื อ โคร่ ง ตัวนี ้ เขาพยายาม
สื่อสารกับวิญญาณเจ้ าเสือหนุ่ม แต่ก็ราวกับมีกําแพงแห่งชาติกําเนิดมา
ขวางกันทํ
้ าให้ ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไร แต่ก็ไม่สามารถเข้ าถึงร่ างและ
วิญญาณของเสือหนุม่ ได้ เลย
ไม่นานหลังจากถูกจูโ่ จมจากกล้ องดักถ่ายตัวแรก เขาก็ได้ ไปพบ
เจอกับเหยื่อหน้ าตาแปลกประหลาดที่ยืนทอดหุ่ยอยู่กลางผืนป่ าอย่างไม่
รู้ ร้อนรู้ หนาว วัวหนุ่มท่าทางทะมัดทะแมงจ้ องมองมาทางเขาอย่างแข็ง
กร้ าว มันไม่มีทีท่าว่าจะขยับหนีด้วยซํ ้าเมื่อย่องเข้ าไปใกล้ กว่าเสือโคร่ ง
หนุ่มจะรู้ ว่าเจ้ าวัวเป็ นเพียงเหยื่ อล่อ กับดักก็ ล็อคขาหน้ าของมันไว้ จน
ยากจะเคลื่อนไหว วัวเบื ้องหน้ าปรายตามองมาอย่างมีชยั ก่อนหายลับ
ไปในราวป่ าในขณะที่มนั ได้ แต่สง่ เสียงคํารามกึกก้ องอย่างเจ็บแค้ น
การถูกพันธนาการครั ง้ แรกในชี วิตทํ าให้ มัน ร้ อนรนเจี ยนคลั่ง
อิสรภาพในอาณาเขตกว้ างใหญ่กลับถูกบัน่ ทอนเหลือเพียงพื ้นที่ไม่กี่สิบ
ตารางเมตร เสือหนุ่มดิ ้นรนอยู่ไม่นานก่อนจะทิ ้งตัวลงใต้ ร่มไม้ อย่างอ่อน

22 เสือ คน ฝน ไฟ
แรง ความเหนื่ อยล้ าทํ าให้ มัน ขาดความระมัดระวังจนกระทั่ง กระสุน
ยาสลบทะลวงผ่านผิวหนังบริ เวณสะโพก มันพยายามต่อสู้กบั ฤทธิ์ยาไม่
นานก่อนจะสิ ้นฤทธิ์ลงพร้ อมกับเสียงตะโกนภาษามนุษย์
เวลาผลัดเปลี่ยนจากยํ่ารุ่งเป็ นยามสาย ไอแดดที่เริ่ มแผดเผาทํา
ให้ เขาลืมตาอย่างงัวเงี ยในร่ างเสือหนุ่มที่บดั นี ้ไม่มีพนั ธนาการใดจํากัด
พืน้ ที่ของมันอีกต่อไป เหลื อเพี ยงสัมผัสอัน แปลกแปร่ งตรงลํ าคอที่ ปัด
ป่ ายเท่าไรก็ ไ ม่ยอมหลุด มัน คือปลอกคอรั บสัญ ญาณวิท ยุเ พื่ อศึกษา
พฤติกรรมเสือโคร่ ง ชิ ้นงานวิจัยที่ เขาเคยเข้ าร่ วมในฐานะผู้บนั ทึกภาพ
ปั จจุบนั หน้ าที่นนได้
ั ้ ถกู ผลัดเปลี่ยนมายังชายหนุ่มเบื ้องหน้ าที่ตงหน้
ั ้ าตัง้
ตากดชัตเตอร์ อยูไ่ ม่ไกลจากเขานัก
เสียงชัตเตอร์ อนั เคยคุ้นกลับทําให้ เขารู้สึกว้ าวุ่นอย่างประหลาด
ตลอดเวลาร่วมครึ่งทศวรรษ เขาแทบไม่เคยคิดถึงสายสัมพันธ์ครัง้ ยังเป็ น
มนุษย์ ป่ านนี ้พ่อแม่จะเป็ นอย่างไรบ้ างนะ พวกท่านคงเสียใจไม่น้อยที่
ลูกชายคนเดียวกลับมาทิ ้งอนาคตไว้ กลางผืนป่ า นํ ้าฝนภรรยาของเขาก็
คงเสียใจไม่ต่างกัน เขาได้ แต่หวังว่าเธอคงจะแต่งงานใหม่กับชายที่เขา
ไม่ร้ ู จักและได้ ครองชี วิตคู่สามัญธรรมดา ไม่ต้องมานั่งเฝ้ารอสามีที่จะ
ออกจากป่ ามาเยี่ยมเยียนเธอแค่เดือนละครัง้
เขาพยายามจะตะโกนสื่อสารกับเด็กหนุ่มเบื ้องหน้ า ระยะเวลา
ร่ วมห้ าปี คงจะมี สิ่งสํ าคัญมากมายที่ เกิ ดขึน้ โดยที่เขาไม่รับรู้ แต่เสี ยง

หมอฆ วนารักษ์ 23
ตะโกนที่พยายามเปล่งออกไปกลับกลายเป็ นเพียงเสียงแหบคํารามของ
เสือโคร่ งที่ดงั ก้ องไปทั่วทิวไม้ เวลานี ม้ นั ยังงัวเงี ยเกินกว่าที่จะล่าเหยื่อ
สัญชาตญาณบอกให้ มนั หันหลังกลับสู่อ้อมกอดของผืนป่ า หันหลังจาก
เหยื่ออันโอชะเบื ้องหน้ าเพื่อแสวงหาความปลอดภัยและความสงบ
นั บ แต่ นั น้ เป็ นต้ น มา เจ้ าเสื อ ก็ เ รี ย นรู้ ที่ จ ะระแวงภั ย จนไม่
เผลอไผลไปติดกับดักของพวกมนุษย์อีก การเผชิญหน้ ากับมนุษย์ครัง้
นัน้ จึง เป็ นครั ง้ แรกและครั ง้ สุด ท้ ายที่ เ ขาได้ ผ่ านพบกับ อดี ต ชาติข อง
ตนเอง
เมื่อย่างก้ าวเข้ าสู่ปีที่หก ผืนป่ าก็ประสบกับความเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็ วราวกับเสื่อมมนต์ขลัง ต้ นไม้ ใหญ่ที่เคยแผ่กิ่งก้ านสาขาบัดนี ้
เป็ นเพียงซากไร้ ชีวิตที่กลิ ้งโคโล่เหนือพื ้นดิน เขาเข้ าใจดีว่านี่เป็ นวัฎจักร
ตามธรรมชาติ แต่มันก็ น่าแปลกที่ ราวกับต้ น ไม้ ช ราทัง้ ป่ าตัดสินใจล้ ม
ขอนนอนไพรในคราวเดียว ทิง้ ไว้ แต่ไม้ วัยหนุ่มที่ยังคงยืนหยัดต่อสู้กับ
สภาวะอากาศที่เริ่ มวิปริ ต
ผื น ป่ าอาณาเขตที่ โรยราบังคับให้ เ ขาต้ องเดินทางหาถิ่ นที่ อยู่
ใหม่ กลิ่นอายแห่งความตายแผ่กําจายไปทัว่ พงไพร ไม่มีที่ใดอีกแล้ วที่
สามารถตอบสนองความอดอยากแห้ งโหยเหลือประมาณ สัญชาตญาณ
ผลักดันให้ เขาต้ องเข้ าไปแย่งซากกวางหนุ่มจากฝูงหมาใน เขารู้ดีว่ามัน

24 เสือ คน ฝน ไฟ
ไม่ ใ ช่วิ สัยของเสื อโคร่ ง สัต ว์ ป่าผู้ค รองตํ า แหน่ง อยู่บ นสุด ของห่ว งโซ่
อาหาร แต่ในห้ วงยามอับจน ทุกชีวิตต่างก็ต้องดิ ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด
ฝนที่ไม่ตกมานับปี ไม่ได้ พรากเพียงชีวิตของต้ นไม้ แต่สตั ว์กินพืช
หลายชนิดก็เลือกที่จะมาทิ ้งร่างข้ างลําห้ วยจนลําขาแข้ งคละคลุ้งไปด้ วย
กลิ่นของความตาย กว่าสองสัปดาห์ ที่เขาเดินทางหลายร้ อยกิโลเมตร
โดยไม่มีเหยื่อตกถึงท้ อง ไม่มีแม้ แต่เสียงลิงค่างหรื อเสียงนกระวังไพรอัน
คุ้นเคย กระทัง่ นํ ้าซับตามโป่ งก็แห้ งแล้ งไร้ ชีวิต ไม่ว่าที่ใดก็ไร้ วี่แววสัตว์ที่
เขาพอจะล่ามาเป็ นอาหารเคลื อบกระเพาะอัน โหยหิว จะมี ก็เ พียงหัว
กลอยกรอบแห้ งที่พอประทังให้ เสือหนุม่ มีแรงก้ าวเดินต่อ
ผืนป่ าที่เคยรกครึม้ บัดนี ้ไม่เหลือแม้ แต่ร่มเงาใหญ่เพียงพอให้ พกั
พิง โชคเข้ าข้ างเขาอีกครัง้ เมื่อนาสิกประสาทสัมผัสได้ ถึงกลิ่นหอมของ
ซากสัตว์ ความโหยหิวขับเคลื่อนให้ สี่เท้ าโผทะยานไปเบื ้องหน้ าอย่างบ้ า
คลัง่ กระทัง่ มาหยุดลงตรงลานกว้ าง ขากวางน่องโตถูกแขวนไว้ กบั กิ่งไม้
แคระแกร็ นกลางลานราวกับเชิญชวนให้ เข้ าไปกินเสียเต็มประดา เขารู้ดี
ว่านี่เป็ นกับดักของพรานป่ าที่ยดั ยาพิษไว้ ในซากสัตว์เพื่อล่อเสือโคร่ งผู้
หิวโหย แต่ทงๆที
ั ้ ่ร้ ู ว่าเบื ้องหน้ าคือลานประหาร สัญชาตญาณกลับผลัก
ไสให้ ก้าวไปอย่างไร้ สติ
สัมผัสของเนือ้ กวางฉํ่ านุ่มแล่นไปกระตุ้น ทุกผัส สะในร่ างกาย
เสือหนุม่ ขยํ ้ากินเนื ้อกวางอย่าตะกละตะกรามโดยแทบไม่ร้ ูสึกถึงยาพิษที่

หมอฆ วนารักษ์ 25
แทรกซึมอยู่ข้างใน ความปี ติกระเซ็นกระสายทัว่ องคาพยพ มันมาพร้ อม
กับความร้ อนผ่าวที่สูบฉี ดไปตามแรงบีบอัดของหัวใจ ความตายเยี่ยม
หน้ ามาทักทายอย่างช้ าๆ มันช่างทุกข์ ทรมานแตกต่างจากคราวที่เขา
หมดลมหายใจด้ วยคมเขี ้ยวของรพินทร์
ความเจ็บปวดบังคับให้ เสื อโคร่ งหนุ่มออกวิ่งอย่างไร้ จุดหมาย
ราวกับต้ องการจะเร้ นหนี จากเงื อ้ มมือมัจจุราช เส้ นด้ ายชีวิตที่กําลังจะ
ขาดสะบันได้
้ ชกั จูงเขาเข้ ามายังผื นป่ าลึกลับที่ต้นไม้ สูงจนแทบมองไม่
เห็นเรื อนยอด พวกมันต่างตังตระหง่
้ านราวกับท้ าทายการดับสลายของ
ผืนป่ าเบื ้องนอก เขาไม่แน่ใจว่าจังหวะรั วของหัวใจนัน้ มาจากพิษร้ าย
หรื อความตระการตาเบื ้องหน้ า เสี ยงเพรี ยกบางอย่างเชิญ ชวนให้ เขา
เดินทางต่อไปเพื่อเข้ าสูใ่ จกลางป่ าดึกดําบรรพ์ผืนนี ้
ผืนป่ าใหญ่ทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ ้นสุด แต่เสือหนุ่มก็ยงั ฝื นยก
เท้ า ที่ ห นัก ราวตะกั่ว พิ ษ ที่ ฉี ด พล่ า นไปทั่ว ร่ า งเริ่ ม แผลงฤทธิ์ มัน สูบ
กินกําลังวังชาของเสือหนุม่ ราวผีดบิ ผู้หิวโหย ในขณะที่ร่างกายเริ่ มเซซวน
สัมปั ญ ชัญญะอันอ่อนล้ ายังคงดัน ทุรังนํ าร่ างอ่อนระโหยเคลื่อนตัวไป
ตามเสียงเพรี ยก สติสดุ ท้ ายก่อนดับหายคือภาพต้ นไทรตระการที่แผ่กิ่ง
ก้ านโอบร่ างเขาไว้ อย่างเป็ นมิตร ความร้ อนรุ่มทุรนทุรายจากพิษเคมีถูก
ชะล้ า งผ่ า นผื น ดิ น ฉํ่ า เย็ น ใต้ ม่ า นไทร วิ ญ ญาณของเขาเข้ า สู่ ภ าวะ
หลับใหลอีกครัง้ ราวกับต้ องการถนอมแรงไว้ เพื่อการเดินทางครัง้ ใหม่

26 เสือ คน ฝน ไฟ
½
¹ ไทรชรารับรู้ ถึงสัตว์แปลกหน้ าที่ก้าวล่วงเข้ ามาในเขตป่ าดึกดํา
บรรพ์ เสียงฝี เท้ าหนักหน่วงกึกก้ องจนรู้ได้ ว่าชีวิตอันเปราะบางกําลังใกล้
จะปลิดปลิวเต็มที ต้ นไม้ เฒ่ากําเนิดและอาศัยผืนแผ่นดินมาเนิ่นนาน แต่
ก็ไม่ยาวนานพอจะไม่ร้ ู สึกถึงความเศร้ าเมื่อได้ เป็ นประจักษ์ พยานของ
ความตาย ร่างเสือโคร่งหนุม่ ทิ ้งตัวลงเบื ้องหน้ า ดิ ้นทุรนทุรายต่อสู้กบั พิษ
ร้ ายก่อนสิ ้นใจในยามอาทิตย์ลบั ขอบฟ้า กลีบเมฆเบื ้องบนเปลี่ยนเป็ นริ ว้
สีแดงฉานราวกับแสดงความอาลัยแด่อีกหนึง่ ชีวิตที่ต้องจากไป
สายลมพัดหวิวจนใบไม้ กรี ดเสียงไปทัว่ ผืนป่ า มันเป็ นเพลงเพื่อ
ต้ อนรับดวงวิญญาณที่ทอดกายลงและแปรผันเป็ นพลังงานเพื่อสืบทอด
ให้ สิ่งมีชีวิตอื่นดํารงต่อ ไทรเฒ่ารู้สึกได้ ถึงอณูบางอย่างที่แทรกซึมอยู่ใน
ร่างเสือโคร่ งหนุ่ม มันอาจเป็ นเหลือบไรของวิญญาณร้ าย หรื อเศษเสี ้ยว
วิ ญ ญาณของสิ่ ง มี ชี วิ ต บริ สุ ท ธิ์ แต่ ไ ม่ ว่ า จะเป็ นสิ่ ง ใด มารดาแห่ ง
ธรรมชาติก็ พ ร้ อมที่ จ ะรั บ ไว้ เ พื่ อ ปลอบประโลมเห่ ก ล่อ มก่ อ นส่ ง กลับ
สู้วฎั ฎะแห่งการเวียนว่าย
ร่ า งที่ สิ น้ ลมเริ่ ม แปรเปลี่ ย นสภาพเป็ นที่ ฟู ม ฟั กของหนอน
แมลงวัน ขนสีขาวสลับดําบัดนี ้ถูกปกคลุมด้ วยคลื่นขาวของเหล่าผู้ย่อย

หมอฆ วนารักษ์ 27
สลาย บางส่วนถูกแปรเปลี่ยนเป็ นอาหารอันโอชะของตะกวดและหมูป่า
ที่มุ่งเข้ ามาชิมเนื อ้ เหนี ยวนุ่มของอดีตราชาแห่งนักล่า ร่ างเสือหนุ่มถูก
ย่อยสลายเหลือเพียงกระดูกขาวโพลนในเวลาไม่กี่สปั ดาห์ ก่อนที่เม่นผู้
ชื่นชอบกระดูกสัตว์ จะเข้ ามาแทะเล็มเก็ บกวาด กระบวนการทุกอย่าง
ดําเนินไปเบื ้องหน้ าต้ นไม้ ใหญ่ ผู้ซึ่งอาวุโสที่สดุ ในผืนป่ าต้ องมนตราแห่ง
นี ้
ไทรเฒ่าทราบดีวา่ นี่ไม่ใช่ความตายธรรมดาดารดาษ แต่มนั เป็ น
สัญญาณเริ่ มต้ นของการดับสลายของมารดาแห่งธรรมชาติ กลิ่นอาย
แห่งความตายที่คละคลุ้งเบื ้องหน้ าคละเคล้ าไปด้ วยความตายจากผืนป่ า
เบื ้องนอกที่บอกเล่าผ่านดวงวิญญาณที่ใกล้ ดบั สลาย หายนะกําลังคืบ
คลานเข้ ามาในขณะที่ มนั ทํ าได้ เพียงสังเกตการณ์และยอมรับในชะตา
กรรม
ความอุดมสมบูรณ์ ที่เคยสัง่ สมใต้ พื ้นพิภพกลับสูญสลายพร้ อม
กับความตายของกวางผา ราชาแห่งผืนดิน สายนํ ้าที่เคยให้ ความชุ่มชื ้น
พลันแห้ งเหือดหลังเก้ งหม้ อ เจ้ าที่ลําห้ วยเหลือเพียงร่างไร้ วิญญาณ สัตว์
น้ อยใหญ่ ทิง้ ลมหายใจเมื่ องูเ หลื อมกลายเป็ นเพี ยงอดี ต สายลมและ
เหล่าวิหคสงัดเสียงไว้ อาลัยร่ างแซงแซว ผู้พิพากษาแห่งนก บัดนี ้สี่ เสา
หลักผู้คํ ้าจุนสมดุลแห่งธรรมชาติตามตํารากะเหรี่ ยงโบราณได้ ถึงกาล

28 เสือ คน ฝน ไฟ
เสื่อมสลาย โรคร้ ายที่กดั กินโลกใบนี ้มาเนิ่นนานในที่สดุ ก็กําเริ บอาการสู่
วาระสุดท้ าย
เงาแห่งมัจจุราชกรี ดกรายรุกลํ ้า มันทรงพลังเกินกว่าเทพารักษ์ ผ้ ู
คอยปกปั กษ์ ผืนดินอันศักดิ์สิทธิ์ จะหยุดยัง้ อณูมนตราที่เคยแผ่ร่างปก
คลุมผื นป่ าบัดนี ไ้ ด้ เสื่ อมสลายกลายเป็ นเพี ยงหมอกขาวที่คอยปลอบ
ประโลมผู้เ ฒ่าแห่ง ป่ าชราให้ ทิง้ ร่ างอย่างสงบ เหลื อเพี ยงแต่กาฮัง ฝูง
สุดท้ ายที่เกาะกิ่งไทรอย่างเหนื่อยล้ า ราวกับเฝ้ารอเวลาแห่งการตัดสินที่
กําลังจะมาถึง
ไทรชราสูบกิ น เศษซากสสารของเสื อโคร่ ง หนุ่มที่ บดั นี ถ้ ูกย่อย
สลายลงสู่ผื นดิน วิ ญ ญาณอัน แปลกแยกที่ มัน รู้ สึกคื อเสี ย้ ววิ ญ ญาณ
มนุษย์ ผ้ ูถูกเลือกให้ เป็ นพยานรั บรู้ ความตายของสรรพสิ่ง ในห้ วงยาม
ก่อนสิน้ ลมหายใจของต้ นไม้ เ ฒ่า มันใช้ พลัง งานเฮื อกสุดท้ ายผลิ ดอก
ออกผลไทรเพื่อส่งต่อเศษเสี ้ยววิญญาณนันให้
้ แก่ราชาแห่งฝูงกาฮัง
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้ ากระทัง่ ผลไทรสุกแดง ชีพจรที่ดําเนิน
มากว่าพันปี สงัดเสียงลงพร้ อมกับลมหายใจสุดท้ ายของชะนี เจ้ าแห่งป่ า
ดงดิบที่ทิ ้งร่ างไร้ ชีวิตเหนือคาคบของไทรบริ วาร บัดนี ้เสาหลักแห่งวัตถุ
ธรรมตาทัง้ ห้ าเสื่ อมสลายเหลื อเพี ย งสิ่ ง สุดท้ ายคื อราชาแห่ง กาฮัง ผู้
เปรี ย บได้ ดั่ง พระเจ้ าแผ่ น ดิ น ที่ กํ า ลั ง โฉบกิ น ผลไทรสุ ก เพื่ อ นํ า พา
วิญญาณมนุษย์ไปสูก่ ารเดินทางอันยาวไกล

หมอฆ วนารักษ์ 29
ราชากาฮั ง โผบิ น สู่ ผื น ฟ้ าอั น กว้ างใหญ่ ทิ ง้ ไว้ เพี ย งร่ า งไร้
วิญญาณของผืนป่ าที่รอเวลาแห่งการเสื่อมสลาย มันทอดอาลัยไม่นาน
นักก่อนจะบินลับฟ้า นําพาเหล่ากาฮังฝูงสุดท้ ายสลายร่างไปเหนือกลีบ
เมฆทะมึน
สายฝนที่อดั อันมานานแรมปี
้ กลัน่ ตัวถ้ วนทัว่ บริ เวณราวกับรํ่ าไห้
ให้ กบั ดวงวิญญาณของมารดาแห่งธรรมชาติที่ล่วงเข้ าสู่วยั ชราภาพใกล้
แตกดับ วันแล้ ววันเล่าที่เหล่ากาฮังออกบินไปตามสัญชาตญาณโดยไร้
อาหารตกถึงท้ อง โลกใบนี ้ไม่เหลือสิ่งใดให้ อาลัยอาวรณ์อีกแล้ วหลังจาก
ผืนป่ าสุดท้ ายได้ ลม่ สลายไปต่อหน้ าต่อตา
มันบินไปตามเส้ นทางคดเคี ้ยวของงูใหญ่สีดําเบื ้องล่าง ทิวทัศน์
เริ่ ม ผัน เปลี่ ยนจากผื นป่ าสู่ที่ ราบไพศาลไร้ สิ่ งปกคลุม ผื นดินแดงหม่น
รองรับนํา้ ฝนอย่างเต็มกลื นก่อนไหลทะลักลงสู่ลํานํา้ จนแม่นํา้ ทุกสาย
กลายกลับเป็ นสีเลือด ตลอดการเดินทางอันยาวไกล กาฮังผู้เป็ นใหญ่ได้
แต่ทอดสายตามองเพื่อนร่ วมทางที่ร่วงหล่นสู่ผืนนํ ้าคลัง่ ปะปนกับร่ างไร้
วิญญาณของมวลมนุษย์
ภาพตึกสูงในเมืองใหญ่ที่เงียบงันราวไร้ สิ่งมีชีวิตฉายชัดไม่ไกล
นัก ขณะที่กลุม่ เมฆยังคงกลัน่ สายฝนลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับไม่ยี่หระ
ต่อการดิ ้นรนครัง้ สุดท้ ายของมนุษยชาติ พลันมันได้ ยินเสียงโกลาหลจาก
เบื ้องล่าง มนุษย์กลุม่ ใหญ่กระจุกตัวเบียดเสียดกันอยูบ่ นเรื อขนาดมหึมา

30 เสือ คน ฝน ไฟ
ท่ามกลางกระแสนํ ้าที่ถั่งท้ นและสายฝนที่ดรู าวกับไม่มีวนั สิ ้นสุด มันนํา
ฝูงกาฮังที่เหลือไม่ถึงสิบตัวโผบินลงสู่กระโดงเรื อพลางมองเหล่ามนุษย์ที่
เผยสัญชาตญาณเดรัจฉานอย่างสมเพช
ภาพที่พวกมันเห็นไปต่างจากการจลาจลของฝูงสัตว์ผ้ เู ห็นแก่ตวั
มันเฝ้ามองธาตุแท้ ของมนุษย์ที่ถมเต็มไปด้ วยความบ้ าคลัง่ บ้ างฆ่าฟั น
กันอย่างเลือดเย็น บางร้ องไห้ อ้อนวอนขอชี วิต บ้ างเสียสติกระโดดลง
จากเรื อก่อนหายไปท่ามกลางสายนํ า้ เชี่ ยว แต่เ มื่ อมี ผ้ ูสัง เกตเห็น การ
มาถึ ง ของเหล่า กาฮัง ความเกลี ย ดชัง และหิ ว โหยทํ า ให้ ก ระบอกปื น
ทังหมดถู
้ กหันมายังฝูงนกผู้บริ สทุ ธิ์ ราชาแห่งกาฮังเฝ้ามองเพื่อนร่ วมสาย
พันธุ์ถกู กระสุนดินปื นก่อนร่วงหล่นทีละรายจนเหลือมันเพียงลําพัง เหล่า
มนุษย์ยงั คงพยายามทําร้ ายมันอย่างไม่ลดละโดยหารู้ ไม่ว่าการกระทํา
เหล่านันคื
้ อการดับชีพจรของตนเอง
ในที่ สุ ด มนุ ษ ย์ ก็ เ ป็ นฝ่ ายชนะบนเศษซากปรั ก หั ก พั ง เมื่ อ
วิญ ญาณในร่ า งยักษ์ ข องราชันย์ ถูกปลิ ดปลิ วด้ วยประดิษฐกรรมของ
มนุษย์ สมดุลสุดท้ ายแห่งธรรมชาติถกู ทําลายไปพร้ อมกับความหวังที่จะ
อยูร่ อดเผ่าพันธุ์ ความตายของกาฮังนํามาซึ่งอาเพศจนเรื อเบื ้องล่างแตก
เป็ นชิ ้นเล็กชิ ้นน้ อย เหล่ามนุษย์พยายามยึดเกาะเศษซากแห่งอารยธรรม
อย่างสิน้ หวัง น่าเสียดายที่ คําอ้ อนวอนสุดท้ ายกลับไม่ได้ รับตอบสนอง
ดาวเคราะห์สีนํ ้าเงินดวงนี ้ถูกทําร้ ายเกินกว่าที่จะเยียวยา มันถึงกาลชรา

หมอฆ วนารักษ์ 31
ภาพก่อนวัยอันควรด้ วยนํ ้ามือของมนุษย์ผ้ แู ต่งตังตนเองเป็
้ นผู้อยู่เหนือ
สรรพสิ่ง
ชั่วเวลาไม่กี่ครู่ ยาม ดาวเคราะห์ ทัง้ ใบก็ร้างไร้ สิ่ง มีชี วิต เหลื อ
เพียงเสียงครื นครันที่ก้องดังราวกับจะตอกยํ ้าว่าฝั นร้ ายครัง้ นี ้จะไม่มีวนั
สิ ้นสุด

32 เสือ คน ฝน ไฟ
¿ ข้ าถูกปลุกขึน้ มาอี กครั ง้ หลังจากการตายของราชาแห่งกาฮัง
รอบกายเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพังและเหล่าร่างไร้ วิญญาณของเพื่อน
ร่ วมโลก ข้ าตื่นมาในสภาพไม่ต่างจากวิญญาณเร่ ร่อน ก่อนจะถูกแรง
ดึงดูดหนาหนักพัดพาให้ ซวนเซไปยังก้ อนแสงขนาดมหึมาที่ส่งเสียงครื น
ครั น ราวต้ อ งการให้ โลกปริ แ ยก รอยแตกเผยให้ เห็ น ดวงวิ ญ ญาณ
สุกสว่าง ปี กทัง้ สี่ของมันแผ่ขยายไปทั่วผื นดิน ส่องแสงขับไล่ความมืด
ให้ กบั ดาวเคราะห์ที่ยงั คงหมาดมัวด้ วยหยาดฝน
แสงจ้ าที่สาดส่องราวกับแดดยามเช้ าปลุกเหล่าดวงวิญญาณให้
ฟื ้นคืน ดวงจิตจากทั่วทุกแห่งเคลื อบทาผื นฟ้าจนเป็ นสี ส้มทอง ข้ ายื น
มองใบหน้ ามนุษย์หลากชาติพนั ธุ์ผสมปนเปไปกับสัตว์เดรัจฉาน แม้ แต่
ดวงจิตแห่งพงไพรก็ยงั ไม่อาจต้ านทานต่อเสียงเพรี ยกของนกยักษ์ เบื ้อง
หน้ า ทุกอย่างถูกดึงดูดและกักเก็บอยู่ภายในร่ างแสง มันรวดเร็ วสับสน
ราวกับการอพยพครัง้ ใหญ่ โลกใบนี ้คงแก่ชราเกินกว่าที่จะรองรับการเกิด
ใหม่ของสิ่งมีชีวิตแล้ วกระมัง
ข้ ามองภาพอัศจรรย์เบื ้องหน้ าอย่างไม่ร้ ูเบื่อ ก่อนที่จะฉุกใจได้ ว่า

à
ทํ าไมดวงจิ ตของข้ ากลับไม่โ ดนดูดเข้ าไปในร่ า งของนกยักษ์ เ ฉกเช่น

หมอฆ วนารักษ์ 33
วิญ ญาณดวงอื่ น เพี ยงชั่วห้ วงความคิดข้ าก็ พ ลันเข้ าใจ นกยักษ์ เบื อ้ ง
หน้ าสื่อสารกับข้ าด้ วยวิธีอนั แปลกใหม่ที่ข้าไม่สามารถอธิบายเป็ นคําพูด
ได้ ข้ า รั บ รู้ เพี ย งว่ า มหาวิ ญ ญาณเบื อ้ งหน้ า ได้ ม อบหมายให้ ข้ า เป็ น
ประจัก ษ์ พ ยานในการเดิ น ทางอัน ยาวไกล การเดิ น ทางสู่ จุ ด หมาย
ปลายทางที่ข้าไม่อาจเข้ าใจ
ข้ าเฝ้ารอจนกระทัง่ ดวงจิตสุดท้ ายถูกบรรจุลงในร่างนกยักษ์ แรง
ดึง ดูดมหาศาลกลื น ดวงจิตของข้ าให้ เ ป็ นหนึ่ง เดียวกับมหาวิญ ญาณ
เบื ้องหน้ า ก่อนที่มนั จะถลาขึ ้นสู่ท้องฟ้าฝ่ ากลีบเมฆสีเทาทึม ทิ ้งให้ เบื ้อง
ล่างเหลือเพียงโลกที่ไร้ แม้ กระทัง่ จิตวิญญาณ
ภาพเศษซากอารยธรรมก่อให้ เกิ ดกระแสอาวรณ์ แก่เหล่าดวง
วิญญาณมนุษย์ ข้ าพอจะปะติดปะต่อความทรงจําที่หลากไหลพอได้
ความว่า หลังจากที่ข้าละจากร่ างมนุษย์ไปกินอยู่เยี่ยงสัตว์ป่า สงคราม
นิวเคลียร์ ระหว่างสองมหาอํ านาจก็บงั เกิด มันนํามาซึ่งความอดอยาก
แร้ นแค้ นที่ผลักดันให้ มวลมนุษย์ต้องหันเข้ าหาที่พึ่งพิงสุดท้ ายคือผืนป่ า
ธรรมชาติ และด้ วยนํ ้ามือมนุษย์นี ้เองที่ถางไถสูบกลืนผืนป่ าอย่างไม่ร้ ูจกั
พอ ผูกบ่วงรัดคอตนจนโลกถึงกาลเสื่อมสลายในเวลาไม่กี่ปี
นกยักษ์ เหินฝ่ ามวลเมฆสู่ชนบรรยากาศ
ั้ ปี กทังสี
้ ่วาดไปยังเศษ
ซากอาณานิคมเหนือผืนฟ้าของมนุษย์ที่ยงั คงทํางานอย่างซื่อสัตย์ ก่อน
จะทะลุไปยังความเวิ ้งว้ างของผืนฟ้าดํามืด ดาวเคราะห์ที่เคยถูกขนาน

34 เสือ คน ฝน ไฟ
นามว่าไพลินแห่งดาราจักร บัดนี ้เหลือเพียงเมฆดําขุ่นมัวที่บดบังทัว่ ชัน้
บรรยากาศ ข้ า หยุ ด อยู่ไ ม่ น านนัก ก่ อ นจะเดิ น ทางมุ่ ง หน้ า ไปยัง ดาว
เคราะห์ สี แ ดง ดาวเคราะห์ ด วงที่ ส องที่ ม นุษ ยชาติไ ด้ ฝ ากรอยเท้ า ทิ ง้
เอาไว้
โครงการเปลี่ ย นแปลงพื น้ ผิ ว ดาวอั ง คารยั ง อยู่ ใ นระหว่ า ง
ดําเนินการ มันคือการเสี่ยงดวงของมนุษย์ที่เลือกหว่านโปรยพืชชันตํ
้ ่าลง
บนพื น้ ผิว เพื่ อสร้ างชัน้ บรรยากาศ เจ้ านกยักษ์ ช ะลอราวกับ สนใจใน
กระบวนการสร้ างโลกใหม่ ก่ อนจะเลยจากไปเมื่ อเห็ น ว่าอี ก นานนับ
พันล้ านปี กว่ากระบวนการนี ้จะประสบผลสําเร็ จ
นกยักษ์ พาข้ าบินหลบหลีกระหว่างดวงจันทร์ จํานวนนับไม่ถ้วน
ของดาวพฤหัส ดาวเคราะห์ ยักษ์ ผ้ ูเกรี ย้ วกราดรุ นแรงและแทบไม่ต่าง
อะไรจากกลุ่มก๊ าซรอวันระเบิด ก่อนจะโผบินมุ่งไปยังดาวเสาร์ และดาว
เนปจูน การเดินทางครัง้ นี ้ราวกับถูกจัดวางอย่างจงใจให้ เหล่ามนุษย์ร้ ูสึก
ผิ ด บาปกับสิ่ ง ที่ ก ระทํ า ลงไปในดาวเคราะห์ อัน สวยงามของตน ดาว
เคราะห์ที่มารดาแห่งธรรมชาติใช้ เวลาฟูมฟั กมานานนับล้ านล้ านปี แต่
กลับถูกมนุษย์ยํ่ายีจนเหลือเพียงเศษซากด้ วยความเร็วที่นา่ ใจหาย
ข้ าเดินทางผ่านกลุ่มดาวเซ็นทอรี่ ส่โู ปรไซออน ก่อนจะหลุดพ้ น
มายังน่านฟ้ าที่ มนุษย์ ไ ม่อาจจิ นตนาการถึง กระทั่งหลุดออกจากทาง
ช้ างเผือกสู่ผืนฟ้าที่แทบจะกลายเป็ นสีดําสนิท เหลือเพียงแสงแผ่วบาง

หมอฆ วนารักษ์ 35
จากปี กทัง้ สี่ ข องนักยักษ์ ที่ ยัง เคลื่ อนที่ อย่ างไม่ร้ ู จักเหน็ด เหนื่ อ ย ดวง
วิญ ญาณส่ วนใหญ่ ที่ โดยสารต่างเข้ า สู่ส ภาวะหลับ ใหล ในขณะที่ ข้ า
ยังคงต้ องทําหน้ าผู้สงั เกตการณ์ รับรู้การเดินทางอันยาวไกลราวกับไม่มี
ที่สิ ้นสุด
พลัน พลัง งานบางอย่างทํ าให้ การเดินทางของนกยักษ์ ส ะดุด
หยุดลง มันกลับลําหันหน้ าไปยังทิศทางของดาราจักร กระแสความคิด
บอกกับข้ าว่าแสงสว่างริ บหรี่ เบื ้องหน้ าคือวาระสุดท้ ายของโลกที่พวกเรา
จากมา มันเป็ นเพียงจุดเล็กๆไม่ตา่ งจากแสงดาวดวงอื่นบนฟากฟ้า แสง
จากอดีตฉายฉานไม่นานนักก่อนจะดับสนิทลง โลกที่เคยเปรี ยบเสมือน
ทุกสิ่งอย่างของใครหลายคนบัดนี ้เหลือเพี ยงฝุ่ นผงอณูธาตุล่องลอยใน
อวกาศ
เจ้ านกหยุดนิ่งอยูส่ กั พักก่อนจะผินหน้ าล่องลอยสู่อวกาศเวิ ้งว้ าง
ก่อนจะสิ ้นสุดลงในห้ วงจักรวาลที่มีดาวฤกษ์ และดาวเคราะห์คล้ ายคลึง
กับระบบสุริยะ มัน เลื อกระยะห่างจากดาวฤกษ์ อย่างพิ ถีพิ ถันราวกับ
ต้ องการทํารังวางไข่ ก่อนค่อยๆเปล่งแสงสร้ างแรงดึงดูดมหาศาลรอบ
กายจนแม้ แต่ข้ายังรู้สกึ สัน่ สะเทือน
มวลสารทัง้ หลายหมุน วนรอบกายข้ าราวฝุ่ นแดงคลั่ง ร่ างนก
ยักษ์บดั นี ้สลายไปกลายเป็ นพลังงานเหลือเพียงเหล่าวิญญาณว่างเปล่า
ที่ต่างหลับใหล ทิ ้งไว้ เพียงข้ าที่ทนทรมาณต่ออุณหภูมิที่ร้อนรุ่ มจนอาจ

36 เสือ คน ฝน ไฟ
ละลายแม้ กระทั่ง วิ ญ ญาณ ความร้ อนทํ า ให้ มวลสารทัง้ หลายเริ่ ม
ขยายตัว มันร้ อนจนทําให้ แต่ละวินาทียาวนานชัว่ กัลป์ ข้ าเฝ้ารอให้ เวลา
เดินผ่านไปอย่างเชื่องช้ าก่อนที่สรรพเสียงจะมอดไหม้ ไปจากโสตสดับ
ฉับพลันนันเอง
้ ข้ ามองเห็นแสงสว่าง

หมอฆ วนารักษ์ 37
´ŒÇ¤ÇÒÁ¢Íº¤Ø³
หม่อมเชน ที่เป็ นแรงบันดาลใจตังแต่
้ อดีต จวบจนปั จจุบนั

เพื่อนทุกคน ที่รักและยังคงไม่ลมื กัน

พี่ๆในมูลนิธิสบื นาคะเสถียร ที่ชี ้แนะแนวทางให้ กบั นักอนุรักษ์ ฝึกหัดคนนี ้

และผู้อา่ นทุกท่าน ที่เปรี ยบดัง่ ลมหายใจของนัก (อยาก) เขียน

38 เสือ คน ฝน ไฟ
หมอฆ วนารั ก ษ์ นามจริ ง รพี พัฒ น์ อิ ง คสิ ท ธิ์ เกิ ด ที่
ราชบุรี ก่อนจะย้ ายถิ่ นอาศัยไปยังสงขลา กาญจนบุรี และชาย
ขอบกรุ งเทพฯ-นครปฐม
เริ่ มรั กการอ่านตังแต่
้ สมัยมัธยมจนเรี ยกได้ ว่าจมอยู่ใน
โลกของวรรณกรรม และริ อ่านอย่างเขียนงานอย่างจริ งจังสมัย
มหาวิทยาลัย
หลังจากสําเร็ จการศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์ และการ
บัญ ชี มหาวิ ท ยาลัย ธรรมศาสตร์ ก็ เ กิ ด อาการไม่รั ก ดี ทิ ง้ งาน
วิชาชีพก่อนจะก้ าวเข้ าสูเ่ ส้ นทางนักอนุรักษ์
ปั จจุบนั ทํางานประจําอยู่ที่มลู นิธิสืบนาคะเสถียร พร้ อม
กับรํ่ าเรี ยนปริ ญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ อีกหนึง่ ใบ

หมอฆ วนารักษ์ 39

You might also like