Professional Documents
Culture Documents
คำนำ
1
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำรบัญ
หน้ ำ
1 จุดประสงค์การเรี ยนรู้ 3
2 ผลการเรี ยนรู้ที่คาดหวัง 4
3 แบบทดสอบก่อนเรี ยนและเฉลยแบบทดสอบก่อนเรี ยน 5
5 แบบทดสอบหลังเรี ยนและเฉลยแบบทดสอบหลังเรี ยน 39
7 ข้อมูลอ้างอิง 58
8 ภาคผนวก 59
2
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
1. จุดประสงค์ กำรเรียนรู้
3
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. ผลกำรเรียนรู้ที่คำดหวัง
นักเรี ยนสามารถ
4
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. แบบทดสอบก่อนเรียนและเฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
5
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จากค่า Eo ต่อไปนี้
Mg2+(aq) + 2e- Mg(s) Eo = - 2.36 V
Ni2+(aq) + 2e- Ni(s) Eo = - 0.24 V
Zn2+(aq) + 2e- Zn(s) Eo = - 0.76 V
Mn2+(aq) + 2e- Mn(s) Eo = - 1.18 V
ข้ อใดเกิดปฏิกริ ิยำ
ตัวเลือก Mn(s) + Zn2+(aq) Mn2+(aq) + Zn(s)
ตัวเลือก Mn(s) + Mg2+(aq) Mn2+(aq) + Mg(s)
ตัวเลือก Ni(s) + Zn2+(aq) Ni2+(aq) + Zn(s)
ตัวเลือก Ni(s) + Mg2+(aq) Ni2+(aq) + Mg(s)
6
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
8
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
9
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
10
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
11
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
12
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
13
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สวัสดีครับนักเรี ยนทุก ๆ คน
วันนี้ เราจะมาเรี ยนเกี่ยวกับการแยกน้ าด้วยกระแสไฟฟ้ าโดยใช้เซลล์อิเล็กโทรไลต์หรื อเซลล์อิเล็ก
โทรไลติกกัน เราจะได้ทราบว่าถ้าต้องการแยกน้ าด้วยกระแสไฟฟ้ าจะทาอย่างไร จะใช้เครื่ องมือประเภท
ไหน น้ าบริ สุทธิ์ จะแยกด้วยกระแสไฟฟ้ าได้หรื อไม่ ถ้าไม่ได้จะต้องทาอย่างไร ต้องเติมสารใดลงไปในน้ า
และเมื่อแยกน้ าด้วยกระแสไฟฟ้ าจะใดสารใดบ้าง
14
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรี ยนกัน การทดสอบก่อนเรี ยนเป็ นการทดสอบความรู ้เบื้องต้นที่ตอ้ งใช้ในตอนเรี ยนนี้ เช่ น เรื่ องของเซลล์
กัลวานิก ขั้วไฟฟ้ าแอโนด แคโทด ปฏิกิริยาออกซิ เดชันและรี ดกั ชัน เป็ นต้น
สาหรั บนักเรี ยนที่ ทาแบบทดสอบก่ อนเรี ยนแล้ว ผลการทดสอบเป็ นอย่างไรกันบ้าง ได้คะแนนดี
ไหมครับ ใครที่ได้คะแนนน้อย แสดงว่ายังมีพ้นื ฐานความรู ้ค่อนข้างน้อย ควรหาโอกาสกลับไปทบทวนและ
กลับมาทาแบบทดสอบใหม่อีกครั้งครับ
ในช่วงแรก เราจะมาดูจุดประสงค์การเรี ยนรู้ของการแยกน้ าด้วยกระแสไฟฟ้ ากันก่อนซึ่ งมีหลายข้อ
ดังนี้ครับ
15
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
16
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เซลล์ไฟฟ้ าเคมี
(Electrochemical cell)
17
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เซลล์กลั วานิกยังมีอีกชนิ ดหนึ่ งเรี ยกว่าเซลล์ความเข้มข้น เช่น เซลล์ ทองแดง – ทองแดง เซลล์ชนิด
นี้มี 2 ครึ่ งเซลล์ที่เหมือนกันแต่ความเข้มข้นของอิเล็กโทรไลต์ไม่เท่ากัน
กำรแบ่ งประเภทเซลล์
นอกจากเซลล์กลั วานิ กตามที่กล่าวมาแล้ว นักเรี ยนนักเรี ยนยังจาได้ไหมว่า ถ้าเราแบ่งตามลักษณะ
ของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ จะได้กี่ประเภทครับ
18
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สองประเภท คือเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทุติยภูมิค่ะ
เซลล์ปฐมภูมิ คือ เซลล์กลั วานิ กที่ ใช้แล้วหมดไป เนื่ องจากปฏิ กิริยาเคมี เกิ ดขึ้นภายในเซลล์อย่าง
สมบูรณ์ และไม่สามารถเปลี่ ยนผลิ ตภัณฑ์กลับมาเป็ นสารตั้งต้นได้อีก เช่ น ถ่านไฟฉาย เซลล์แอลคาไลน์
เซลล์เงินและเซลล์ปรอท
19
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
20
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
21
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
22
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
23
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สารเคมีและอุปกรณ์
อุปกรณ์ที่เราต้องใช้ ได้แก่
เครื่ องแยกน้ าด้วยกระแสไฟฟ้ า ซึ่ งประกอบด้วยกระป๋ องพร้อมฝาสาหรับบรรจุน้ าหรื อสารละลายที่
จะแยกด้วยกระแสไฟฟ้ า ฝากระป๋ องเจาะรู ไว้ 5 รู สาหรับใส่ ข้ วั ไฟฟ้ า 2 ขั้ว และหลอดแก้ว 2 หลอด
24
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิธีการทดลอง
เมื่อเตรี ยมสารเคมี และอุ ปกรณ์ พ ร้ อมแล้ว เราจะเริ่ มทดลองแยกน้ าด้วยกระแสไฟฟ้ ากัน วิธีการ
ทดลองเป็ นดังนี้
- เริ่ มต้นเติมน้ าบริ สุทธิ์ ลงในกระป๋ องให้ได้ปริ มาตร 3 ใน 4 ของกระป๋ อง
25
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หนู ไ ม่เห็ นการเปลี่ ย นแปลงใด ๆ เกิ ดขึ้ นเลยค่ ะ มี อะไรผิดพลาดหรื อเปล่ าคะคุ ณครู เราจัดการ
ทดลองผิดหรื อเปล่าคะ มันคล้ายกับไม่มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นเลยค่ะ
เราไม่ ไ ด้ท ดลองผิ ด หรอกครั บ เมื่ อ แยกน้ า บริ สุ ท ธิ์ ด้ว ยกระแสไฟฟ้ า จะไม่ มี ป ฏิ กิ ริ ย าเกิ ด ขึ้ น
เนื่ องจากน้ าเป็ นอิเล็กโทรไลต์อ่อนมาก ทาให้นาไฟฟ้ าได้น้อยมากหรื อไม่นาไฟฟ้ าเลย การที่แยกน้ าด้วย
ไฟฟ้ าจึงต้องใส่ สารอิเล็กโทรไลต์บางอย่างลงไป ซึ่ งถ้าเลือกใช้สารที่เหมาะสมจะได้ผลลัพธ์เป็ นการแยกน้ า
ด้วยไฟฟ้ า เช่น เติมสารละลายกรดซัลฟิ วริ กเจือจางลงไป จะทาให้เกิดการแยกน้ าด้วยไฟฟ้ า
26
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
27
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มีปฏิ กิริยาเกิ ดขึ้นค่ะ หนู เห็ นฟองแก๊สเกิ ดขึ้นที่ข้ วั ไฟฟ้ าทั้งสองขั้วเลยค่ะ ขนาดของฟองแก๊สก็ไม่
เท่ากัน ปริ มาณที่เกิดขึ้นที่ข้ วั ไฟฟ้ าทั้งสองก็ไม่เท่ากัน แปลกจริ ง ๆ นะคะ แล้วฟองแก๊สที่เกิดขึ้นจะเข้าไป
แทนที่น้ าและลอยขึ้นสู่ ขา้ งบนของหลอดทดลองด้วยค่ะ ไม่รู้วา่ เป็ นแก๊สอะไร รู ้แต่วา่ เบาและไม่ละลายน้ าค่ะ
เก่งมากครับ ดูกนั ต่อไป อีกสักครู่ ครู จะอธิ บายให้ทราบกัน ขอให้นกั เรี ยนสังเกตไว้ดว้ ยนะครับว่า
แก๊สที่เกิดขึ้นที่ข้ วั ไฟฟ้ าที่ต่อกับขั้วบวกของแบตเตอร์ รี่หรื อสายไฟสี แดง จะมีฟองน้อยกว่าที่ข้ วั ที่ต่อกับขั้ว
ลบของแบตเตอร์รี่หรื อสายไฟสี ดา
เอาละครั บ ตอนนี้ ก็ ใ ช้เ วลาพอสมควรแล้ว ได้แ ก๊ ส ที่ มี ป ริ ม าตรเหมาะสมพอสั ง เกตปริ ม าตรที่
แตกต่างกันได้แล้ว ครู จะหยุดการทดลองนะครับ วิธีหยุดการทดลองก็ทาได้ง่าย ๆโดยถอดสายไฟออกจาก
วงจรไฟฟ้ า นักเรี ยนเห็นอะไรครับเมื่อครู ถอดสายไฟออก
ไม่มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นแล้วครับ ฟองแก๊สที่ข้ วั ไฟฟ้ าก็จะไม่มีดว้ ยครับ ปริ มาตรของแก๊สที่ข้ วั ลบมี
มากกว่าที่ข้ วั บวกครับ ประมาณ 2 เท่าครับ
28
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
29
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อพิจารณาค่า Eo แบบออกซิ เดชันในสมการ (3) และ (4) จะพบว่า Eo ของน้ าในสมการ (4) มีค่า
มากกว่า Eo ของซัลเฟตไอออนในสมการ (3) แสดงว่าน้ าให้อิเล็กตรอนได้ดีกว่าซัลเฟตไอออนดังนั้นที่
ขั้วแอโนดหรื อขั้วบวกจึงเกิดปฏิกิริยาออกซิ เดชันของน้ าได้แก๊สอ๊อกซิ เจนตามสมการ (4)
30
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
31
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
32
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อุปกรณ์ และสารเคมี
ปิ เปตพลาสติก
บีกเกอร์
ขวดรู ปชมพู่
เข็มหมุด
สายไฟพร้อมคลิปปากจระเข้
แบตเตอร์ รี่ 9 โวลต์ พร้อมขั้วต่อ
แผ่นพลาสติก
และสารละลายกรดซัลฟิ วริ ก
33
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิธีทดลอง
เริ่ มต้นทดลองโดยใช้ปิเปตต์พลาสติกดูดน้ าให้เต็ม แล้ววางตั้งไว้ในบีกเกอร์ หรื อขวดรู ปชมพู่ ใช้
เข็มหมุด 2เล่ม แทงเข้าไปในปิ เปตต์ ให้เข็มหมุดอยูต่ รงข้ามกันและอยูใ่ นระดับต่างกันพอควร วางปิ เปตต์ที่
เสี ยบเข็มหมุดแล้วบนขวดรู ปชมพู่
34
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิธีทดลอง
นอกจากจะแยกน้ าด้วยไฟฟ้ าโดยใช้ปิเปตต์พลาสติกแล้ว ยังมีวิธีที่ง่ายกว่านี้ อีก โดยใช้สารละลาย
เพียง 2-3 หยดเท่านั้น อุปกรณ์ที่ใช้ก็เป็ นชุ ดเดี ยวกับการแยกน้ าด้วยไฟฟ้ าโดยใช้ปิเปตต์พลาสติก วิธีการ
ดังกล่าว ต่อวงจรไฟฟ้ าไว้ก่อนด้วยอุปกรณ์ ดังรู ป
35
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
น าปลายสายไฟทั้ง สองซึ่ งต่ อ อยู่ ก ับ เข็ ม หมุ ด จุ่ ม ลงในน้ าบริ สุ ท ธิ์ ซึ่ งจะครบวงจรไฟฟ้ า มี ก ารผ่ า น
กระแสไฟฟ้ าลงไป แต่จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งที่ข้ วั ไฟฟ้ าแคโทดและแอโนด กรณี น้ าบริ สุทธิ์
จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ไม่มีแยกน้ าด้วยไฟฟ้ า เนื่องจากน้ าไม่นาไฟฟ้ า
36
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
37
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
38
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
5. แบบทดสอบหลังเรียนและเฉลยแบบทดสอบหลังเรียน
39
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
40
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
41
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
42
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
43
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
44
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
45
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
46
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
47
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คาตอบและคาอธิบาย
เซลล์กลั วานิ ก เกิดจากสารเคมีในเซลล์ทาปฏิกิริยากันแล้วทาให้มีกระแสไฟเกิดขึ้น เซลล์กลั วานิ ก
สามารถเกิดปฏิกิริยาได้เอง มีศกั ย์ไฟฟ้ าของเซลล์เป็ นบวก
เซลล์อิเล็กโทรไลติ กหรื อเซลล์อิเล็กโทรไลต์ เกิ ดจากการใส่ กระแสไฟฟ้ าลงในเซลล์ แล้วทาให้
สารเคมีเกิดปฏิ กิริยา เซลล์อิเล็กโทรไลติกเกิดขึ้นเองไม่ได้ ต้องใช้พลังงานจากภายนอก เช่ นจากแบตเตอรี่
ศักย์ไฟฟ้ าของเซลล์จึงมีค่าเป็ นลบ
48
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จากค่า Eo ที่กาหนดให้
Cu2+(aq) + 2e- Cu(s) Eo = +0.34 V ….(1)
Sn2+(aq) + 2e- Sn(s) Eo = -0.14 V ….(2)
(2) – (1) : Sn2+(aq) + 2e- - (Cu2+(aq) + 2e-) Sn(s) - Cu(s)
หรื อ Sn2+(aq) + Cu(s) Sn(s) + Cu2+(aq)
Eo = Eo (2) - Eo (1)
= - 0.14 – 0.34
= - 0.48 V .................(3)
ปฏิกิริยาในสมการ (3) คือปฏิกิริยาระหว่าง Cu กับ Sn2+
มีค่า Eo เป็ นลบจึงเป็ นเซลล์อิเล็กโทรไลติก
49
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คาตอบและคาอธิบาย
เซลล์อิเล็กโทรไลติกมีค่า Eo ของเซลล์เป็ นลบ
เซลล์กลั วานิกมีค่า Eo ของเซลล์เป็ นบวก
จากค่า Eo ที่กาหนดให้
MnO4-(aq) + 8H+(aq) + 5e- Mn2+(aq) + 4H2O(l) Eo= +1.51 V ….(1)
NO3-(aq) + 4H+(aq) + 3e- NO(g) + 2H2O(l) Eo = +0.96V ….(2)
50
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
51
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
52
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คาตอบและคาอธิบาย
จากค่า Eo ที่กาหนดให้
S2O82- + 2e- → 2SO42- Eo = +2.01 V ….(1)
O2 + 4H+ + 4e-→ 2H2O Eo = +1.23 V ….(2)
2H+ + 2e- → H2 Eo = 0 V ….(3)
2H2O + 2e-→ H2 + 2OH- Eo = - 0.83 V ….(4)
Na+ + e- → Na Eo = - 2.71 V ….(5)
K+ + e- → K Eo = - 2.92 V ….(6)
ก. เมื่อแยกน้ าด้วยกระแสไฟฟ้ าโดยเติมสารละลาย H2SO4 ลงในน้ า มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นดังนี้
O2 + 4H+ + 4e-→ 2H2O Eo = +1.23 V ….(2)
2H+ + 2e- → H2 Eo = 0 V ….(3)
2(3) – (2) : 2H2O 2H2+ O2
Eo = Eo (3) - Eo (2)
= 0.0 – 1.23
= - 1.23 V
ศักย์ไฟฟ้ าที่ตอ้ งใช้เมื่อแยกน้ าด้วยกระแสไฟฟ้ าคือมากกว่า 1.23 V
53
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
54
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คาตอบและคาอธิบาย
ก. ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นคือ 2H2O(l) 2H2(g) + O2(g)
จากสมการเกิด H2 11.2 dm3 ที่ STP = 11.2 / 22.4
= 0.5 โมล
ดังนั้นเกิด O2 = 0.5 / 2 = 0.25 โมล
= 0.25 x 32 = 8.0 กรัม
= 0.25 x 6.02 x 1023 = 1.51 x 1023 โมเลกุล
= 0.25 x 22.4 = 5.6 dm3(ที่ STP)
ข. ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นคือ 2H2O(l) 2H2(g) + O2(g)
จากสมการเกิด O2 8.0 กรัม = 8.0 / 32 =0.25 โมล
ดังนั้นเกิด H2 = 2 x 0.25 = 0.5 โมล
= 0.5 x 2 = 1.0 กรัม
= 0.5 x 6.02 x 1023
= 3.01 x 1023 โมเลกุล = 0.5 x 22.4
= 11.2 dm3 (ที่ STP) = (760 x 11.2 x 303) / (273 x 700)
= 13.5 dm3 ที่ 30 oC 700 mmHg
55
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คาตอบและคาอธิบาย
สรุ ปการแยกน้ าด้วยไฟฟ้ า
1. ใช้เซลล์อิเล็กโทรไลติก
2. ใช้ไฟฟ้ ากระแสตรง
2. ใช้สารละลายกรด H2SO4 เป็ นสารอิเล็กโทรไลต์
3. ขั้วบวกของเซลล์ (แอโนด) เกิดปฏิกิริยาออกซิ เดชัน ได้แก๊สออกซิ เจน
4. ขั้วลบของเซลล์ (แคโทด) เกิดปฏิกิริยารี ดกั ชัน ได้แก๊สไฮโดรเจน
5. ปริ มาตรของแก๊สไฮโดรเจนเป็ น 2 เท่าของแก๊สออกซิ เจนที่ภาวะเดียวกัน
6. แก๊สออกซิ เจนเกิดจากน้ า
7. แก๊สไฮโดรเจนเกิดจากกรด H2SO4
8. ศักย์ไฟฟ้ าของเซลล์เป็ น -1.23 โวลต์ ถ้าต้องการให้เกิดการแยกน้ าด้วยไฟฟ้ าต้องใช้ไฟฟ้ าแยก
น้ าด้วยไฟฟ้ ามากกว่า 1.23 โวลต์
ก. ในการแยกน้ าด้วยไฟฟ้ า จะต้องเติมสารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่เหมาะสมลงไป ถ้าเป็ นสารไอออ
นิก ควรเลือกสารที่ประกอบด้วยไอออนบวกที่มีค่า Eo น้อยกว่า H2O คือน้อยกว่า – 0.83 V เพราะไอออน
เหล่านี้จะแย่งชิงและรับอิเล็กตรอนสู ้น้ าไม่ได้ ทาให้ไม่เกิดโลหะหรื อสารอื่น ๆ ที่ไม่ตอ้ งการ
2H2O + 2e-→ H2 + 2OH- Eo = - 0.83 V
และเลือกไออนลบที่มีค่า Eo แบบออกซิเดชันน้อยกว่า H2O คือน้อยกว่า – 1.23 V
2H2O → O2 + 4H+ + 4e- Eo = - 1.23 V
56
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
57
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7. ข้ อมูลอ้างอิง
3. Silberberg, M.S. Chemistry : The Molecular Nature of Matter and Change. 4th ed. ; McGraw-Hill,
2006.
4. Atkins, P.W. and Jones, L.L. Chemistry: Molecules, Matter and Change. 3rd ed. ; New York : W.H.
Freeman and Company, 1997.
6. Hill, J.W. and Petrucci, R.H. General Chemistry : An Integrated Approach. 2nd ed. ; New Jersey :
Prentice-Hall Inc., 2000.
58
คู่มือสื่ อการสอนวิชาเคมี จัดทาโดยความร่ วมมือระหว่าง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
8. ภาคผนวก
59