Professional Documents
Culture Documents
022_1 ไม่เต็มรูปแบบ
โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม
งานวิจัยในชัน้ เรียน / งานวิจัยเชิงปฏิบัตกิ าร
ปี การศึกษา 2559
1. หลักการและเหตุผล
ในปั จจุบนั นี ้พบว่ามีปัญหาการเขียนคาพ้ องเสียงของนักเรี ยนไม่ถกู ต้ อง และไม่ชดั เจน ไม่เป็ นที่น่าพอใจ
สาหรับผลการประเมินจากการเขียนคาพ้ องเสียงหากปล่อยให้ ปัญหานี ้ดาเนินต่อไป จะทาให้ เป็ นอุปสรรคต่อการ
เรี ยนต่อในชันที
้ ่สงู ขึ ้น และจะเป็ นอุปสรรคในการติดต่อสื่อสาร และจะมีผลทาให้ การเขียนคาพ้ องเสียงผิดอีกด้ วย
ฉะนันผู
้ ้ วิจยั จึงมีความสนใจที่จะแก้ ปัญหาการเขียนคาพ้ องเสียงโดยการสร้ างและพัฒนาแบบฝึ กเสริม
ทักษะการเขียนคาพ้ องเสียงเพื่อให้ นกั เรี ยนได้ ฝึกทักษะการเขียนและการเรี ยนรู้ได้ หากมีเวลาและตังใจฝึ ้ กอย่าง
จริงจัง
2. วัตถุประสงค์ การวิจัย
1. เพื่อพัฒนาการเขียนคาพ้ องเสียงของนักเรี ยนชันประถมศึ
้ กษาปี ที่ 4/3 โดยใช้ แบบฝึ กเสริมทักษะการ
เขียนคาพ้ องเสียง
2. เพื่อเปรี ยบเทียบการเขียนคาพ้ องเสียงของนักเรี ยนชันประถมศึ
้ กษาปี ที่ 4/3 ระหว่างก่อนเรี ยนและหลัง
เรี ยน โดยใช้ แบบฝึ กเสริมทักษะการเขียนคาพ้ องเสียง
3. นิยามศัพท์
1. แบบฝึ กหัดเสริมทักษะ หมายถึง แบบฝึ กที่นามาเสริมสร้ างทักษะการเขียนคาพ้ องเสียงของนักเรี ยนชัน้
ประถมศึกษาปี ที่ 4/3
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน หมายถึง คะแนนที่นกั เรี ยนได้ รับจากการเขียนคาพ้ องเสียงถูกต้ องตาม
แบบฝึ กหัดเสริมทักษะที่ครูสร้ างขึ ้น
3. ประชากร หมายถึง นักเรี ยนชันประถมศึ
้ กษาปี ที่ 4/3 โรงเรี ยนอัสสัมชัญแผนกประถม
4. กลุม่ ตัวอย่าง หมายถึง นักเรี ยนชันประถมศึ
้ กษาปี ที่ 4/3 โรงเรี ยนอัสสัมชัญแผนกประถม จานวน 10
คน
5. กรอบแนวคิดของการวิจัย
ตัวแปรต้ น ตัวแปรตาม
- แบบฝึ กเสริมทักษะการเขียน - การพัฒนาการเขียนคาพ้ อง
คาพ้ องเสียง เสียง
6. สมมติฐานการวิจัย
ในการใช้ แบบฝึ กเสริมทักษะการเขียนคาพ้ องเสียงนักเรี ยนมีผลสัมฤทธิ์ ในการการเขียน หลังการใช้ แบบ
ฝึ กเสริมทักษะการเขียนคาพ้ องเสียงสูงกว่าก่อนใช้ แบบฝึ กเสริมทักษะการเขียนคาพ้ องเสียง
7. ตัวแปรอิสระ
แบบฝึ กเสริมทักษะการเขียนคาพ้ องเสียง
8. ตัวแปรตาม
การพัฒนาด้ านการเขียนคาพ้ องเสียง
9. ประชากร และกลุ่มตัวอย่ าง และวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่ าง
ประชากร = นักเรี ยนชันประถมศึ ้ กษาปี ที่ 4/3 โรงเรี ยนอัสสัมชัญแผนกประถม
กลุม่ ตัวอย่าง=นักเรี ยนชันประถมศึ
้ กษาปี ที่ 4/3 โรงเรี ยนอัสสัมชัญแผนกประถม จานวน 10 คน
วิธีสมุ่ ตัวอย่าง=คัดจากการสังเกตการเรี ยนการสอนวิชาภาษาไทย ในส่วนการอ่านออกเสียงแล้ วครูเลือก
จากนักเรี ยนที่อ่านออกเสียงไม่ถกู ต้ องจานวน 10 คน
10. เครื่ องมือในการเก็บรวบรวมข้ อมูล
1. แบบฝึ กเสริมทักษะการเขียนคาพ้ องเสียง
2. แบบทดสอบการเขียนคาพ้ องเสียงก่อนเรี ยน / หลังเรี ยน
11. การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ
ศึกษาหลักสูตรเนื ้อหาวิชาภาษาไทย และคาพ้ องเสียงที่นกั เรี ยนส่วนใหญ่มกั เขียนผิด โดยใช้ กระบวนการ
ดังนี ้
1. สังเกตปั ญหาที่เกิดขึ ้นขณะดาเนินการสอบอ่านออกเสียงคาพ้ องเสียง
2. พิจารณาแนวทางแก้ ปัญหาที่เกิดขึ ้นในข้ อ 1 โดยสร้ างแบบฝึ กหัดการเขียนคาพ้ องเสียงและเลือกคา
พ้ องเสียงที่นกั เรี ยนส่วนใหญ่เขียนสะกดผิด กาหนดเป็ นลาดับขันตอน ้
3. ศึกษารูปแบบของการสร้ างแบบฝึ กหัดการเขียนคาพ้ องเสียงจากเอกสารตัวอย่าง
4. ออกแบบชุดแบบฝึ กหัดการเขียนคาพ้ องเสียงแต่ละชุด ให้ มีรูปแบบที่หลากหลาย น่าสนใจ
5. ลงมือสร้ างแบบฝึ กหัดคาพ้ องเสียงในแต่ละชุด
6. ส่งให้ ผ้ เู ชี่ยวชาญวิชาภาษาไทยตรวจสอบ
7. นาไปใช้ จริงและเผยแพร่ตอ่ ไป
12. การเก็บรวบรวมข้ อมูล และระยะเวลาการเก็บข้ อมูล
ในการวิจยั ครัง้ นี ้ผู้วิจยั ดาเนินการเก็บข้ อมูลตังแต่
้ วนั ที่ 2 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม พ.ศ. 25559 เวลา
12.30-13.00 น. ดังนี ้
1. ผู้วิจยั ทาการทดสอบการเขียนคาพ้ องเสียงก่อนเรี ยน( Pre test ) ใช้ แบบทดสอบการเขียนคา
พ้ องเสียงแล้ วบันทึกลงแบบการให้ คะแนน
2. ผู้วิจยั ดาเนินการทดลองโดยให้ นกั เรี ยนใช้ แบบฝึ กเสริมทักษะการเขียนคาพ้ องเสียง
3. ทาการทดสอบการเขียนคาพ้ องเสียงหลังเรี ยน ( Post test ) โดยใช้ แบบทดสอบการเขียนคา
พ้ องเสียงชุดเดียวกับแบบทดสอบก่อนเรี ยน
13. การวิเคราะห์ ข้อมูล
ผู้วิจยั ดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี ้ คือ ผู้วิจยั ตรวจแบบบันทึกคะแนนการเขียนคาพ้ องเสียงของ
นักเรี ยนก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนทัง้ 2 ครัง้ มาเปรี ยบเทียบความแตกต่างของคะแนนที่ ได้ สถิติที่ใช้ ในการ
วิเคราะห์ข้อมูลในครัง้ นี ้ คือ เปรี ยบเทียบเป็ นจานวนร้ อยละ
14. ผลการวิเคราะห์ ข้อมูล
ผู้วิจยั ดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี ้ คือ ผู้วิจยั ตรวจแบบบันทึกคะแนนของนักเรี ยนก่อนเรี ยนและหลัง
เรี ยนทัง้ 2 ครัง้ มาเปรี ยบเทียบความแตกต่างของคะแนนที่ได้ สถิตทิ ี่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูลในครัง้ นี ้ คือ
เปรี ยบเทียบเป็ นจานวนร้ อยละ แสดงตารางเปรี ยบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังใช้ แบบฝึ กเสริมทักษะการ
เขียนคาพ้ องเสียงดังนี ้
15. สรุปผลการวิจัย
คะแนนทดสอบหลังใช้ ชดุ แบบฝึ กหัดเสริ มทักษะการเขียนคาพ้ องเสียงของนักเรี ยนชันประถมศึ
้ กษาปี ที่ 4
มีคะแนนสูงจากก่อนใช้ ชดุ แบบฝึ กหัดเสริ มทักษะการเขียนคาพ้ องเสียงจาก 52 % เป็ น 70 % ซึ่งแสดงว่า การใช้
ชุดแบบฝึ กหัดเสริ มทักษะการเขียนคาพ้ องเสียงของนักเรี ยนชันประถมศึ
้ กษาปี ที่ 4 ทาให้ นักเรี ยนมี ผลสัมฤทธิ์
ทางการเรี ยนสูงขึ ้น
16. ข้ อเสนอแนะ
1. ครูผ้ สู อนวิชาภาษาไทย ชันประถมศึ
้ กษาปี ที่ 4 ควรนาชุดแบบฝึ กหัดเสริ มทักษะการเขียนคาพ้ องเสียง
ไปใช้ ในการเรี ยนการสอน หรื อใช้ ในการสอนซ่อมเสริม
2. ควรมีการสร้ างชุดแบบฝึ กหัดเสริมทักษะการเขียนคาพ้ องเสียงในระดับชันต่ ้ างๆ อย่างทัว่ ถึง
3. ควรมีการนาชุดแบบฝึ กหัดเสริ มทักษะการเขียนคาพ้ องเสียงไปทดลองใช้ กับหลายๆ โรงเรี ยน เพื่ อ
สรุปผลและปรับปรุงแก้ ไข
4. ผู้บริหาร และผู้เกี่ยวข้ อง ควรสนับสนุนให้ มีการอบรมเชิงปฏิบตั ิการสร้ างชุดแบบฝึ กหัดเสริ มทักษะการ
เขียนคาพ้ องเสียง ให้ แก่คณะครูในโรงเรี ยน
บรรณานุกรม
www.google.com
ภาคผนวก
1.ชุดแบบฝึ กหัดเสริมทักษะการเขียนคาพ้ องเสียง
2. แบบทดสอบก่อนเรี ยน / หลังเรี ยน
หมายเหตุ
- แบบฟอร์ มนี ้สาหรับงานวิจยั แบบไม่เต็มรูปแบบ
- ให้ ครูจดั ทาตามหัวข้ อ 1 – 13 ตามกาหนดการส่งแผนงานวิจยั
- Save ข้ อมูลเป็ น File PDF นาขึ ้น SWIS ลงในช่องส่งเค้ าโครงงานวิจยั ด้ วยตนเอง
- หลังจากทาวิจยั เรี ยบร้ อย ให้ กรอกข้ อมูลหัวข้ อ 14 – ภาคผนวก ตามกาหนดการส่งรายงานการวิจยั
- Save ข้ อมูลเป็ น File PDF นาขึ ้น SWIS ลงในช่องส่งรายงานวิจยั ด้ วยตนเอง
ภาคผนวก
ชุดแบบฝึ กหัดเสริมทักษะ
การเขียนคาพ้ องเสียง
แบบฝึ กหัดที่ ๑
คำชี้แจง เติมคำพ้องเสี ยง (คำทีข่ ดี เส้ นใต้ ) ให้ ถูกต้ อง
(๑) จักตอก เครื่ อง...................... ประ.....................
(๒) สะบัด สม.......................... นาม.....................
(๓) ผูกพัน สัม.......................... ผิว.......................
(๔) ผักกาด ประ......................... เก่ง......................
(๕) ประสาน สง........................... มหา....................
(๖) กานพลู ประสบ.................... เทศ.....................
(๗) สี สัน จัด........................... สร้าง...................
(๘) ข้าวสุ ก วัน........................... ความ...................
(๙) คุณค่า ........................ทาส ....................แมลง
(๑๐) ดอกพุด วัน.......................... พระ......................
๙. ควรเติมคาในตัวเลือกใดลงในช่องว่างตามลาดับ จึงได้ความหมายถูกต้อง
“ฉันเห็นร้านช่าง................นาด้ายสาย.................มาโยงรอบบ้าน...................ว่าคงทาบุญเปิ ด
..................ใหม่วนั นี้แน่ๆ”
ก. สิ น / ศิลป์ / ฆาต / ร้าน ข. ศิลป์ / สิ น / คาด / ล้าน
ค. สิ น / สิ ญจน์ / ฆาต / ล้าน ง. ศิลป์ / สิ ญจน์ / คาด / ร้าน
๑๑. คาที่ขีดเส้นใต้ในประโยคตัวเลือกใดใช้ไม่ถูกต้อง
ก. ฉันเดินเจอที่คนั่ หนังสื อตกอยูท่ ี่ข้ นั บันไดสะพานลอย
ข. ชาวบ้านต่างโจษกันว่า มีโจทก์บอกว่าดาขโมยของ
ค. ครู เลือกสรรค์งานของนักเรี ยนที่มีความคิดสร้างสรรเข้าประกวด
ง. ป้ านาผลขนุนสุ กมาแกะใส่ จาน และกินอย่างมีความสุ ข
๑๒. ตัวเลือกใดไม่มีคาพ้องเสี ยง
ก. ฉันชอบกินหมูปิ้งไม่ไหม้ ข. เขาวางขันใกล้กบั พระขรรค์
ข. คุณย่าตัดหญ้าอยูห่ น้าบ้าน ง. พ่อปลูกต้นเสมาใกล้ใบเสมา
๑๓. คาพ้องเสี ยงคู่ใดใช้ไม่ถูกต้อง
ก. ทุกวันพุดแม่คา้ จะมาขายดอกพุธ ข. เขานาพานใส่ ของไปให้คนพาล
ค. เขารดน้ าใส่ รถยนต์ ง. แม่ใส่ บาตรพระที่มาบิณฑบาต
๑๔. ตัวเลือกใดไม่ ใช่ ลกั ษณะของคาพ้องเสี ยง
ก. เขียนต่างกัน ข. เขียนเหมือนกัน
ค. อ่านออกเสี ยงเหมือนกัน ง. ความหมายต่างกัน
๑๕. คาคู่ใดเป็ นคาพ้องเสี ยง
ก. ฉัน-กัน ข. รด-รส
ค. ฟัน-ฝัน ง. สุ ด-สมุด
๑๖. “คนส่ วนใหญ่ชอบเลี้ยงสุ นขั เพราะมันเป็ น.........ที่มีความซื่อ......” ควรนาคาใดเติมลงในช่องว่าง
ก. สัด-สัตย์ ข. สัตว์-สัตย์
ค. สัตย์-สัตว์ ง. สัตย์-สัด
๑๗. “เมื่อวัน.........ชาวบ้านต่างโจษ...........ว่าต้น..........หน้าบ้านออกดอกแปลกมาก” ควรนาคาในข้อ
ใดเติมลงในช่องว่าง
ก. จันทร์-จัน-จันทน์ ข. จันทร์-จันทน์-จัน
ค. จัน-จันทร์-จันทน์ ง. จันทน์-จัน-จันทร์
๑๘. ตัวเลือกใดแตกต่างจากพวก
ก. เขมา-เขมา ข. จัน-จันทร์
ค. หญ้า-ย่า ง. บาต-บาท
๑๙. ตัวเลือกใดไม่มีคาพ้องเสี ยง
ก. มานะถูกคุณย่าว่าเพราะลืมซื้อลูกหว้า
ข. เขาเห็นเหรี ยญบาทวางอยูบ่ นบาตรพระ
ค. แม่เด็ดขั้วพริ กไปคัว่ ไฟอ่อนๆ
ง. ปูเห็นคนแขมเดินลุยดงแขมที่ปลายทุ่ง
๒๐. คาพ้องเสี ยงคู่ใดใช้ไม่ถูกต้อง
ก. ในชีวติ ของเขาเคยพบพานคนพาลมามากมาย
ข. ผูเ้ ฒ่าตักขี้เถ้ามาดับไปในเตา
ค. พ่อล้างรดก่อนที่จะไปรถน้ าต้นไม้
ง. แม่เตรี ยมอาหารสาหรับตักบาตรพระที่มาบิณฑบาต
********************************************************************************************************
ชื่อ...........................................................................................ชั้น ป.๔/...............เลขที…
่ ……..
แบบทดสอบก่อนเรียน Post-Test
คำชี้แจง ทำเครื่องหมำย xทับตัวอักษรทีถ่ ูกทีส่ ุ ด
๑. คาที่ขีดเส้นใต้ในประโยคตัวเลือกใดใช้ไม่ถูกต้อง
ก. ฉันเดินเจอที่คนั่ หนังสื อตกอยูท่ ี่ข้ นั บันไดสะพานลอย
ข. ชาวบ้านต่างโจษกันว่า มีโจทก์บอกว่าดาขโมยของ
ค. ครู เลือกสรรค์งานของนักเรี ยนที่มีความคิดสร้างสรรเข้าประกวด
ง. ป้ านาผลขนุนสุ กมาแกะใส่ จาน และกินอย่างมีความสุ ข
๒. ตัวเลือกใดไม่มีคาพ้องเสี ยง
ก. ฉันชอบกินหมูปิ้งไม่ไหม้ ข. เขาวางขันใกล้กบั พระขรรค์
ข. คุณย่าตัดหญ้าอยูห่ น้าบ้าน ง. พ่อปลูกต้นเสมาใกล้ใบเสมา
๓. คาพ้องเสี ยงคู่ใดใช้ไม่ถูกต้อง
ก. ทุกวันพุดแม่คา้ จะมาขายดอกพุธ ข. เขานาพานใส่ ของไปให้คนพาล
ค. เขารดน้ าใส่ รถยนต์ ง. แม่ใส่ บาตรพระที่มาบิณฑบาต
๔. ตัวเลือกใดไม่ ใช่ ลกั ษณะของคาพ้องเสี ยง
ก. เขียนต่างกัน ข. เขียนเหมือนกัน
ค. อ่านออกเสี ยงเหมือนกัน ง. ความหมายต่างกัน
๕. คาคู่ใดเป็ นคาพ้องเสี ยง
ก. ฉัน-กัน ข. รด-รส
ค. ฟัน-ฝัน ง. สุ ด-สมุด
๖. “คนส่ วนใหญ่ชอบเลี้ยงสุ นขั เพราะมันเป็ น.....ที่มีความซื่อ.....” ควรนาคาใดเติมลงในช่องว่าง
ก. สัด-สัตย์ ข. สัตว์-สัตย์
ค. สัตย์-สัตว์ ง. สัตย์-สัด
๗. “เมื่อวัน.........ชาวบ้านต่างโจษ...........ว่าต้น..........หน้าบ้านออกดอกแปลกมาก” ควรนาคาในข้อใด
เติมลงในช่องว่าง
ก. จันทร์-จัน-จันทน์ ข. จันทร์-จันทน์-จัน
ค. จัน-จันทร์-จันทน์ ง. จันทน์-จัน-จันทร์
๘. ตัวเลือกใดแตกต่างจากพวก
ก. เขมา-เขมา ข. จัน-จันทร์
ค. หญ้า-ย่า ง. บาต-บาท
๙. ตัวเลือกใดไม่มีคาพ้องเสี ยง
ก. มานะถูกคุณย่าว่าเพราะลืมซื้อลูกหว้า
ข. เขาเห็นเหรี ยญบาทวางอยูบ่ นบาตรพระ
ค. แม่เด็ดขั้วพริ กไปคัว่ ไฟอ่อนๆ
ง. ปูเห็นคนแขมเดินลุยดงแขมที่ปลายทุ่ง
๑๐. คาพ้องเสี ยงคู่ใดใช้ไม่ถูกต้อง
ก. ในชีวติ ของเขาเคยพบพานคนพาลมามากมาย
ข. ผูเ้ ฒ่าตักขี้เถ้ามาดับไปในเตา
ค. พ่อล้างรดก่อนที่จะไปรถน้ าต้นไม้
ง. แม่เตรี ยมอาหารสาหรับตักบาตรพระที่มาบิณฑบาต
๑๑. คาพ้องเสี ยงหมายถึงตัวเลือกใด
ก. ออกเสี ยงเหมือนกัน เขียนต่างกัน ความหมายต่างกัน
ข. ออกเสี ยงเหมือนกัน เขียนเหมือนกัน ความหมายต่างกัน
ค. ออกเสี ยงต่างกัน เขียนต่างกัน ความหมายเหมือนกัน
ง. ออกสี ยงต่างกัน เขียนเหมือนกัน ความหมายต่างกัน
๑๒. ตัวเลือกใดไม่มีคาพ้องเสี ยง
ก. คุณพ่อหยิบพระขรรค์มาวางใกล้ขนั น้ า
ข. คุณย่าถอนหญ้าอยูร่ ิ มสนาม
ค. คุณแม่ตกั บาตรพระที่มาบิณฑบาต
ง. กรี เดินลงน้ าถูกกรี แทงจนเลือดไหล
๑๓. ควรเติมคาใดลงในช่องว่างตามลาดับ
“คนที่ไม่มีคุณ........มักเป็ น.......ยาเสพติด และสุ ดท้ายมักจะ.......กันเอง เพื่อประโยชน์ส่วนตัว”
ก. ฆ่า / ข้า / ค่า ข. ค่า / ข้า / ฆ่า
ค. ข้า / ค่า / ฆ่า ง. ค่า / ฆ่า / ข้า
๑๔. คาในคู่ใดเป็ นคาพ้องเสี ยง
ก. ลูกจันมีกลิ่นหอมเช่นเดียวกับไม้จนั ทน์ ข. ฉันมีขา้ ทาสบริ วารมากมาย
ค. หน้าหนาวนี้ควรซื้อครี มมาทาหน้าด้วย ง. ฆ่าควายอย่าเสี ยดายเกลือ
๑๕. “ฉันไม่ได้เป็ นคนทาให้ไฟไหม้บา้ น” คู่ใดเป็ นคาพ้องเสี ยง
ก. ฉัน-คน ข. ไฟ-ไหม้
ค. ไม่-ไหม้ ง. ให้-บ้าน
๑๖. ตัวเลือกใดเป็ นคาพ้องเสี ยง
ก. พันธุไ์ ม้-ใกล้ฝั่ง ข. ช้อนส้อม-ถนอมอาหาร
ค. สัตว์ป่า-สัดส่ วน ง. พูดชัด-ปัดเป่ า
๑๗. เลือกใดเป็ นคาพ้องเสี ยง
ก. จัด-แจง ข. เดือน-ดาว
ค. กัน-กรรณ ง. ย่า-ยาย