You are on page 1of 144

บทนำ

กำรฝังเข็ม หมำยถึงกำรใช ้เข็มปักเข ้ำไปยังตำแหน่ งต่ำง


ๆของร่ำงกำย มีจด ุ มุ่งหมำยทำงกำรแพทย ์แผนปัจจุบน ั เป็ น 2 ส่วน
ได ้แก่

1. ปร ับสมดุลย ์ของร่ำงกำย เพือให ้อวัยวะและระบบต่ำง ๆ
กลับมำทำงำนได ้ตำมปกติ เรียกว่ำ ฝังเข็มร ักษำ

2. กำรฝังเข็มเพือให ้ “ระงับควำมเจ็บปวด”
ใช ้ในกำรร ักษำโรคปวดหรือใช ้ในกำรผ่ำตัด

ในอนำคตทัง้ 2 วัตถุประสงค ์อำจรวมเป็ นหนึ่ งเดียว คือ


Preventive Medicine
มีวท ่
ิ ยำกำรอย่ำงอืนหลำยแขนงที ่ ยวข
เกี ่ ่
้องกับกำรฝังเข็มซึงจะกล่ ำวถึง
โดยย่อ ได ้แก่

1. กำรกดจุด (Acupressure) จุดต่ำง ๆ


อำศัยจุดตำมแบบเดียวกับกำรฝังเข็ม เพียงแต่ไม่ใช ้เข็ม
้ อเป็ นเครืองมื
แต่ใช ้นิ วมื ่ อในกำรกดนวดแทน
โดยมีเทคนิ คกำรนวดหลำยแบบ
แต่มวี ต
ั ถุประสงค ์เดียวกับกำรฝังเข็ม
2. กำรรมยำ (Moxibustion) วิธน ้ ้สมุนไพรทีก
ี ี ใช ่ ำหนดไว ้
มวนคล ้ำยบุหรีแต่ ่ มขี นำดเล็กกว่ำ วำงไว ้ตำมจุดต่ำง ๆ
เช่นเดียวกับจุดของกำรฝังเข็ม
่ั
โดยใช ้ขิงหรือมันฝรงรองเป็ ่
นฐำนแล ้วจุดไฟทีปลำย
จนลำมมำทีผิ ่ วหนัง จะรู ้สึกร ้อนเป็ นแนว
3. กำรฝังเข็มกระตุนไฟฟ้้ ำ (Electroacupuncture)
เหมือนกำรฝังเข็มทุกประกำร
แต่กำรกระตุนเข็้ มจะใช ้ไฟฟ้ ำกระตุน้
่ นวิธท
ซึงเป็ ี่
ี แพร่ หลำยมำกทีสุ ่ ดในปัจจุบน ั
4. TENS (Transcutaneous Electrical-Nerve
Stimulation) วิธน ้ ใช ้เข็ม แต่ใช ้ไฟกระตุ ้นผ่ำนผิวหนัง
ี ี ไม่
ในหลักกำรเดียวกันกับกำรฝังเข็ม
้ั
ในกำรวิจยั บำงครงจะมี กำรศึกษำเปรียบเทียบกันเสมอ
5. Laser Acupuncture (LA)
เป็ นวิทยำกำรใหม่ทใช ี่ ้หลักกำรของกำรฝังเข็มและใช ้จุดฝัง

เข็ม แต่ไม่ใช ้เข็ม ใช ้เครืองเลเซอร ์ยิงไปยังจุดต่ำง ๆ
ตำมต ้องกำร

ประว ัติการฝั งเข็ม

ในประเทศจีน

o ่ นว่ำ กำรฝังเข็มเกิดขึนในประเทศจี
เชือกั ้ นกว่ำ 5,000
ปี มำแล ้ว

มีหลักฐำนแน่ ช ัดว่ำ เข็มทีถู่ กบันทึกไว ้เป็ นครงแรกนั


้ั ้นทำด ้วยหิน
เรียกว่ำ หินเบียน่ (Pien) เมือประมำณ
่ 2,500 ปี มำแล ้ว
ในต ้นรำชวงศ ์ฮัน ่ หรือประมำณ 2,000 ปี ก่อน
ได ้มีตำรำแพทย ์เล่มแรกซึงท ่ ้ำยเล่มบันทึกเรืองรำวเกี
่ ยวกับกำรฝังเข็มไ
ว ้ ต่อมำได ้ร ับกำรแปลเป็ นภำษำอังกฤษใช ้ชือว่ ่ ำ “Classical
Textbook of Physical Medicine of The Yellow
Emperor” ในรำชวงศ ์ฮันเข็ ่ มถูกบันทึกไว ้ว่ำทำด ้วยเงินและทอง
o ในช่วงประมำณปี ค.ศ. 220
กำรฝังเข็มได ้ร ับกำรบันทึกในพจนำนุ กรมจีน
และมีตำรำอธิบำยถึงวิธก ี ำรโดยละเอียด
o ปี ค.ศ. 1833
กำรแพทย ์แผนปัจจุบน ั ได ้แพร่หลำยเข ้ำไปในจีน
แต่กำรแพทย ์แผนโบรำณรวมทังกำรฝั ้ ่ ยมแ
งเข็มยังเป็ นทีนิ
พร่หลำยไปพร ้อม ๆ กัน
o ปี ค.ศ. 1958 เหมำเจ๋อตุง

อนุ ญำตให ้กำรแพทย ์จีนดำเนิ นกำรไปทังทำงแพทย ์แผนปั
จจุบนั และแผนจีน
และแพทย ์แผนปัจจุบน ั จึงได ้นำกำรฝังเข็มมำใช ้ในกำรร ักษ
ำโรคและระงับปวดกันอย่ำงแพร่หลำยจนปัจจุบน ั

กลไกกำรฝังเข็ม
1.กำรฝังเข็มระงับปวด (Acupuncture Analgesia)

1. กลไกทำงระบบประสำท
2. สำรเอนดอร ์ฟิ นกับกำรฝังเข็มระงับปวด
3. สำรในสมองส่วนกลำง
4. ระบบพิทอ
ู ท ่
ิ ำรีไฮโปธำลำมั ส
5. สรุป
้ ัง
2.กำรฝังเข็มระงับปวดกับอำกำรปวดเรือร

3.กำรติดยำกับกำรฝังเข็ม

4.ผลของกำรฝังเข็มกับระบบประสำท ระบบหัวใจและหลอดเลือด
กำรแก ้อำเจียน ระบบปัสสำวะ ระบบกำรหำยใจ ระบบขับถ่ำย
1.กำรฝังเข็มระงับปวด
ในระยะหลังประเทศทำงตะวันตก
ใช ้กำรฝังเข็มระงับปวด(Acupuncture Analgesia)
ในกำรร ักษำโรคปวดเรือร ้ ังเป็ นส่วนใหญ่
และไม่ใช ้ในหัตถกำรทำงศัลยกรรมนอกจำกเป็ นกำรสำธิตเท่ำนั้น
อย่ำงไรก็ตำมมีกำรใช ้กำรฝังเข็มระงับปวดร่วมกบกำรให ้ไนตร ัสออกไ
วด ์หรือเฟนตำนิ ล

มีคำถำมว่ำ “กำรฝังเข็มสำมำรถลดอำกำรปวดฟันได ้อย่ำงไร”


เนื่ องจำกเป็ นไปตำมทฤษฎีทำงสรีรวิทยำ
่ เกิ
นักวิทยำศำสตร ์จึงมีควำมสงสัย โดยอธิบำยสิงที ่ ดขึนว่
้ ำ
เกิดจำกภำวะหลอก (Placebo Effect) กำรคำดหวัง
และกำรสะกดจิต

ในปี ค.ศ.1945 บีเชอร ์และคณะ ได ้อธิบำยกำรระงับปวด


โดยกำรใช ้มอร ์ฟี นพบว่ำสำมำรถ ลดอำกำรปวดได ้ 70% ของผู ้ป่ วย

ในขณะทีกำรให ้
้สำรสำยละลำยนำตำล (Placebo)
สำมำรถลดปวดได ้ 35 % (โดยผูป่้ วยเข ้ำใจว่ำตนเองได ้ร ับมอร ์ฟี น)
ในปี ค.ศ. 1970

นักวิจยั ได ้ตังสมมติ ฐำนกำรฝังเข็มระงับปวดมีกลไกทำงจิตใจ
อย่ำงไรก็ตำมไม่สำมำรถอธิบำยสมมติฐำนนี ได ้ ้ในกำรใช ้กำรฝังเข็มใ
่ กำรใช ้ในประเทศจีนกว่ำ 1000 ปี ในยุโรปกว่ำ 100 ปี
นสัตว ์ ซึงมี
และกำลังเป็ นทีนิ ่ ยมในสหร ัฐอเมริกำ
ในสัตว ์ไม่สำมำรถอธิบำยสมมติฐำนนี ได ้ ้ จะมีเพียงสัตว ์ 1 – 2
ชนิ ดเท่ำนั้นทีอธิ
่ บำยผลทำงจิตใจได ้ เรียกภำวะนี ว่้ ำ “Animal
hypnosis” ขณะเดียวกันในเด็กอำยุนอ้ ย ๆ
ก็ตอบสนองต่อกำรฝังเข็ม
กำรทดสอบทำงจิตเวชกับกำรฝังเข็มไม่พบควำมสัมพันธ ์ระหว่ำงควำม
คำดหวังกับกำรฝังเข็ม กำรสะกดจิตสำมำรถตัดออกไปได ้
จำกกำรศึกษำเปรียบเทียบระหว่ำงกำรสะกดจิตและกำรฝังเข็ม
ต่อกำรตอบสนองต่อ Naloxone

พบว่ำกำรฝังเข็มสำมำรถถูกยับยังจำกกำรใช ้ Naloxone

ในขณะทีกำรสะกดจิ ู ยับยัง้
ตไม่ถก

หลักฐำนงำนวิจยั ด ้ำนกำรฝังเข็ม ส่วนใหญ่ได ้จำกคน


่ กำรเก็บประวัตจิ ำกผู ้ป่ วย
ซึงมี
่ นงำนวิจยั เชิงทดลอง 20 ปี ทีผ่
มีเพียงบำงงำนวิจยั ทีเป็ ่ ำนมำ

สถำนกำรณ์ได ้เปลียนไปนั ้ ำถำมสำคัญ 2
กวิทยำศำสตร ์ได ้ตังค
ประกำร คือ

1.การฝั งเข็มระงับปวดมีประโยชน์จริงหรือ

(โดยกำรเปลียนแปลงทำงสรี
รวิทยำมำกกว่ำจิตใจหรือภำวะหลอก)
่ าให้เกิด
2.ถ้ามีประโยชน์จริง อะไรคือกลไกทีท

สำหร ับคำถำมแรก
จำเป็ นต ้องใช ้วิธท
ี ดลองทีมี ่ กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง

เพือขจั ดภำวะหลอก กำรหำยเอง
่ วนใหญ่จะทำในผู ้ป่ วยทีมี
ซึงส่ ่ อำกำรปวดเรือร
้ ังหรือกำรศึกษำทำงห ้อง
ปฏิบต ั ก ่
ิ ำรทีกระตุ นให
้ ้
้เกิดควำมเจ็บปวดทังในคนและในสั ตว ์
ผลสรุปจำกกำรทดลองพบว่ำกำรฝังเข็มระงับปวดมีประโยชน์กว่ำภำวะ
หลอกมำก
1.1ระบบประสาทก ับการฝั งเข็มระงับปวด
กำรฝังเข็มระงับปวดกระตุ ้นเส ้นประสำทเล็ก ๆ ในกล ้ำมเนื อ้
นำกระแสประสำทไปทีไขสั ่ นหลัง และมีศน ู ย์3
่ ยวข
ศูนย ์ทีเกี ่ ้
้องกับกำรยับยังกระแสประสำทด ้ำนควำมเจ็บปวด คือ
ไขสันหลัง Midbrain และพิทอ ิ ำรี ในรูปที่ 1,2
ู ท
สรุปสมมติฐำนของกลไกกำรฝังเข็มระงับปวดต่อระบบประสำท

รูปที่ 1
ด ้ำนบนแสดงกำรส่งกระแสประสำทหลังจำกกำรได ้ร ับควำมเจ็บปวด
่ กกระตุ ้นจนกระทังถึ
จำกผิวหนังบริเวณทีถู ่ งสมอง

่ ้ำมเนื อ้
ด ้ำนล่ำง แสดงกำรฝังเข็มผ่ำนผิวหนังเข ้ำไปทีกล
ถัดมำเป็ นไขสันหลังและส่วนต่ำง ๆ ของสมอง

จำกรูปที่ 1

เพือควำมเข ้ำใจในกำรส่งกระแสประสำท ดูทลูี่ กศรซ ้ำยบน
่ ภยันตรำยต่อผิวหนังจะกระตุ ้น Sensory receptor ของ
หลังจำกทีมี
afferent fiber A delta และ C axon
(ไยประสำทแบ่งโดยใช ้ขนำดเส ้นผ่ำศูนย ์กลำงและจุดกำเนิ ดว่ำมำจำก
ผิวหนังและกล ้ำมเนื อ้

เส ้นผ่ำศูนย ์กลำงขนำดใหญ่ มีmyelinคลุม A beta(ผิวหนัง),type


I(muscle) ส่ง touch และ propioception

เส ้นผ่ำศูนย ์กลำงขนำดเล็ก มี Myelinคลุม A delta (ผิวหนัง), type


II, III (muscle) ส่ง Pain
่ ด ไม่มี myelin คลุม C (ผิวหนัง),
เส ้นผ่ำศูนย ์กลำงขนำดเลกทีสุ
type IV(muscle) ส่ง Pain

II,III,IV และ C สำมำรถส่งกระแสประสำทควำมเจ็บปวดได ้)

จำกรูปที่ 1 เซลล ์ ( ส่งกระแสประสำทไปที่ เซลล ์ (


่ ่ในไขสันหลังในส่วน Spinothalamic tract (STT) เซลล ์
ซึงอยู
((STT) ส่งกระแสประสำทไปยังเซลล ์ (ในธำลำมัส แล ้วส่งต่อไปยัง
เซลล ์ (ในสมอง(ส่วน somatosensory cortex)
กำรส่งกระแสประสำทควำมเจ็บปวดไปสู่สมองมีทงหมด ้ั 6 ทำง
แต่เพือให ่ ้ง่ำยต่อควำมเข ้ำใจจึงนำมำอธิบำยเพียงทำงเดียว คือ
Spinothalamic tract (STT) สำหร ับเซลล ์ทีเหลื ่ อ รูปที่ 2
จะแสดงถึงกำรทำงำนจำกกำรฝังเข็มส่งกระแสประสำทสู่ไขสันหลังผ่ำ
นเซลล ์ (ซึงเป็ ่ นไยประสำท type II, III โดย type II
จะแสดงอำกำรตือหรื ้ อทีเรี ่ ยกว่ำ De Qui sensation ส่วน type III
จะมีอำกำรหนักและเจ็บร ้ำว(heaviness+aching)
ในบำงจุดฝังเข็มไม่มก ี ล ้ำมเนื อ้ เช่น ปลำยนิ ว,บริ
้ เวณเส ้นประสำทใหญ่
ไยประสำทอืนจะมำเกี ่ ่
ยวข ้อง (ถ ้ำ cutaneous nerve ถูกกระตุน้ A
delta จะเกียวข ่ ้อง) เซลล ์ ( ส่งกระแสประสำทไปยัง เซลล ์ (
อยู่ในไขสันหลังส่วน Anterolateral Tract
ซึงส่่ งกระแสประสำทไปยัง 3 ศูนย ์ คือ
ไขสันหลัง,Midbrain,พิทอ ู ทิ ำรีไฮโปธำลำมัส ในไขสันหลัง เซลล ์ (
ส่งกระแสประสำทไปยัง เซลล ์ ( ซึงเป็ ่ นเซลล ์ทีหลั
่ งสำรเอนดอร
่ ์ฟิ น
ได ้แก่ enkephaline , dynorphin แต่ไม่หลัง่ เบต ้ำ-เอนดอร ์ฟิ น
สำรเอนดอร ์ฟิ นในไขสันหลังจะไปยับยังกำรส่ ้ งกระแสประสำทควำมเจ็
บปวดจำกเซลล ์ ( ไปยังเซลล ์ ( มีไยประสำทระหว่ำงเซลล ์ ( และเซลล ์

(ซึงคำดว่ ำปลำยประสำทของเซลล ์ ( จะมี receptor
่ ยวข
ทีเกี ่ ้องกับสำรเอ็นดอร ์ฟิ นอยู่ ในรูปที่ 2ไม่ได ้แสดงสำรอืน ่ ๆ
่ ่ตรงปลำยประสำท เซลล ์( ซึงได
ทีอยู ่ ้แก่ Cholecystokinin ,
Somatostatin , Neurotensin , Dombesin , Calcitonin ,
gene related peptide , Angiotensin , Supstance P ,
vasoactive intestinal peptide ซึง่ Cholecystokinin (CCK)
จะมีผลต่อกำรฝังเข็มระงับปวดโดยออกฤทธิคล ์ ้ำย ๆ กับ Naloxone
ไปยับยังกำรฝั้ งเข็มระงับปวดทีผ่ ่ ำนกลไกสำรเอนดอร ์ฟิ น เซลล ์(
ส่งกระแสประสำทไปยัง Midbrain โดยผ่ำน Anterolateral tract
จะไปกระตุนเซลล ้ ์ใน Periaquiductal gray (PAG) เซลล ์ (,(
จะหลังสำร่ enkephalin เพือยั ่ บยังกำรท ้ ำงำนของเซลล ์ ( เซลล ์ (
จะส่งกระแสประสำทไปทีเซลล ่ ์ 11 ต่อจำกนั้นเซลล ์ 11
ก็จะส่งกระแสประสำทไปตำมไขสันหลังผ่ำนทำง Dorsolateral Tract
(DLT) จะมีกำรหลังสำร ่ Monoamines เช่น Serotonin และ
norepinephrine ไปยังไขสันหลัง โดยสำรMonoamines

จะยับยังกำรท ำงำนของเซลล ์ ( และกระตุ ้นกำรทำงำนของเซลล ์ (
ทำให ้อำกำรปวดลดลง โดยเชือว่ ่ ำทัง้ Serotonin และ
Norepinephrine ออกฤทธิเสริ ์ มกัน
นอกจำกนี ยั ้ งมีสำรMonoamines อีกหลำยตัว เช่น Neurotensin

มำเกียวข ้อง ในขณะนี ได ้ ้มีผู ้วิจยั สำรต่ำง ๆ เหล่ำนี อยู ้ ่ เซลล ์ (
ส่งกระแสประสำทไปยัง เซลล ์ 12 , 13 ในพิทอ ู ทิ ำรีไฮโปธำลำมัส
โดยเซลล ์ 12 อยู่ใน arcuate nucleus กระตุนผ่ ้ ำนเบต ้ำเอ็นดอร ์ฟิ น
เซลล ์ 13 ในไฮโปธำลำมัส จะหลังสำรเบต ่ ้ำเอนดอร ์ฟิ น
ไปกระตุนเซลล ้ ์ 14 ในพิทอ ู ท
ิ ำรี แล ้วส่งผลต่อเซลล ์ ( ใน Midbrain
ควำมสำคัญของกำรหลังสำรเบต ่ ้ำเอนดอร ์ฟิ นในพิทูอท ิ ำรี
จะสัมพันธ ์กับกำรหลัง่ ACTH (Adrenocorticotrophic
Hormone) ซึงจะหลั ่ ่
งออกมำพร ้อมกันในกระแสเลือด
มีปริมำณสัมพันธ ์กัน ACTH
จะเดินทำงไปยังต่อมหมวกไต(เป็ นแหล่งผลิตคอร ์ติซอลในเลือด)
จึงเป็ นกำรอธิบำยกำรลดกำรอักเสบของข ้ออักเสบ
และกำรลดกำรหอบหืด
(ระดับคอร ์ติซอลในเลือดทีเกิ ่ ดจำกกำรฝังเข็มมีจำนวนน้อยและสม่ำเส
มอ จึงไม่มผ ี ลข ้ำงเคียงเหมือนกำรร ักษำด ้วยยำคอร ์ติซอล) โดยสรุป
กำรฝังเข็มกระตุนไยประสำทในกล
้ ้ำมเนื อ้
ส่งกระแสประสำทไปยังไขสันหลังและกระตุนศู ้ นย ์ 3
ศูนย ์(ไขสันหลัง,Midbrain
และระบบพิทอ ู ทิ ำรีไฮโปธำลำมัส)ทำให ้ระงับปวด ระดับไขสันหลังใช ้
enkephaline และ dynorphin

สกัดกันกระแสประสำทด ้วยกำรกระตุนในช่
้ วงควำมถีต่ ำ่
และสำรGABA โกยกำรกระตุ ้นช่วงควำมถีสู ่ ง ระดับMidbrain ใช ้
enkephalin ไปกระตุนเซลล ้ ์บริเวณ Raphe ไปยับยัง้ spinal cord
pain โดยใช ้สำร Monoamines ด ้วยกำรกระตุ ้นช่วงควำมถีสู ่ ง
ส่วนระบบพิทอ ู ทิ ำรีไฮโปธำลำมัสนั้น

จะมีกำรหลังสำรเบต ้ำเอนดอร ์ฟิ นเข ้ำสู่กระแสเลือดและน้ำไขสันหลัง
ทำให ้ระงับปวด ไฮโปธำลำมัสเองได ้ส่งไยประสำทไปยัง Midbrain
ผ่ำนเบต ้ำเอนดอร ์ฟิ น ทำให ้อำกำรปวดลดลง
กำรกระตุนศู ้
้ นย ์นี จะเกิ ดจำกช่วงควำมถีต ่ ำ่

กำรใช ้ในทำงปฏิบต
ั ิ
่ งเข็มใกล ้บริเวณทีปวดและตึ
* เมือฝั ่ ง (trigger point)
จะส่งกระแสประสำทไปยัง เซลล ์( ในไขสันหลัง และเซลล ์ 11,14

ในศูนย ์อืน
่ งเข็มห่ำงจำกบริเวณทีปวด
* เมือฝั ่ จะกระตุนเพี
้ ยง เซลล ์ 11,14
โดยไม่กระตุ ้นเซลล ์ ( ดังนั้นจะเห็นว่ำ เซลล ์ 11 ,14
สำมำรถลดอำกำรปวดได ้ทัวร่ ่ ำงกำย แต่เซลล ์ (
นั้นจะลดอำกำรปวดได ้เฉพำะส่วนทีเกี ่ ยวข่ ้องเท่ำนั้น
่ ้ผลตรงบริเวณทีปวดมำกกว่
กำรฝังเข็มเฉพำะทีให ่ ำกำรฝังเข็มในจุดที่
ไกลออกไป จำกสมมติฐำน 3 ศูนย ์ทีกล่ ่ ำวมำ โดยทัวไปกำรฝั
่ งเข็มมี
2 ชนิ ด คือกำรฝังเข็มใกล ้บริเวณทีเป็่ นและไกลจำกบริเวณทีเป็ ่ น

(local&distance) จะใช ้ร่วมกันในผู ้ป่ วยเพือเสริ มกัน
จุดสำคัญในกำรปฏิบต ี จุดหนึ่ ง คือ กำรกระตุ ้นซึงมี
ั อิ ก ่ 2 ประเภท คือ

1.กำรกระตุนในย่
้ ่ ่ำ (2-4 Hz) ควำมแรงสูง
ำนควำมถีต
กำรออกฤทธิผ่์ ำนระบบเอนดอร ์ฟิ นและผ่ำน 3 ศูนย ์

2.กำรกระตุนในย่
้ ำควำมถีสู่ ง (50 – 200 Hz) ควำมแรงตำ่
ออกฤทธิผ่์ ำนเซลล ์ (และ 11 โดยไม่ผ่ำนระบบเอนดอร ์ฟิ น

จำกกำรวิจยั พบว่ำ

ก.กำรกระตุ ้นทีย่่ ำนควำมถีต


่ ่ำ สำมำรถลดอำกำรปวดช ้ำกว่ำ
ใช ้เวลำในกำรร ักษำนำนกว่ำกำรกระตุนที ้ ย่่ ำนควำมถีสู
่ ง
โดยกำรกระตุ ้นทีย่่ ำควำมถีต่ ่ำใช ้เวลำกระตุ ้น 30 นำที
และจะมีผลสะสม คือ ผู ้ป่ วยจะมีอำกำรดีขนเรืึ ้ อย่ ๆ

้ ย่่ ำนควำมถีสู
ข.กำรกระตุนที ่ ง สำมำรถลดอำกำรปวดได ้เร็วกว่ำ

ใช ้เวลำในกำรร ักษำสันกว่
ำ แต่ไม่มผี ลสะสมของกำรกระตุ ้น

จึงมีผูใ้ ห ้คำอธิบำยปรำกฎกำรณ์วำ่ ข ้อแรกเป็ น Acupuncture-like


TENS ข ้อสองเป็ น Conventional TENS
เนื่ องจำกกำรกระตุนที ้ ย่่ ำนควำมถีต ่ ำ่ ควำมแรงสูง ทำให ้เกิดกำรสะสม
กำรมำร ับกำรร ักษำอย่ำงต่อเนื่ องทำให ้ผู ้ป่ วยดีขน ึ้
เป็ นจำกกำรคงอยู่ของเอนดอร ์ฟิ น ส่วน Conventional TENS
หำกใช ้ในผูป้ ่ วยอย่ำงต่อเนื่ อง พบว่ำมีกำรดือต่ ้ อกำรร ักษำ
กำรไม่ตอบสนองต่อกำรฝังเข็มระงับปวด

เกิดขึนได ้จำกภำวะพันธุกรรมผิดปกติในส่วน Opiate receptors
หรือกำรบกพร่องในโมเลกุลของสำรเอนดอร ์ฟิ น ซึงในบำงแห่ ่ งใช ้ยำ
D-phenylalanine เพือช่ ่ วยในกำรกระตุ ้นเอนดอร ์ฟิ น
ในทำงเวชปฏิบต ั ต ่
ิ ้องอธิบำยให ้ผู ้ป่ วยทีตอบสนองต่ อกำรร ักษำไม่ด ี
ไม่ควรหยุดกำรร ักษำเร็วเกินไป
เนื่ องจำกอำจจะมีภำวะสะสมน้อยกว่ำผู ้อืน(อี ่ กทำงเลือกหนึ่ งคือ
ให ้ผูป้ ่ วยทำ 5 ครง้ั ถ ้ำอำกำรไม่ทเุ ลำให ้หยุดกำรร ักษำ
หรือถ ้ำมีกำรตอบสนองบ ้ำงก็ให ้ทำต่อไปอีก
และพิจำรณำใหม่เมือคร ่ ้ั ่ 10-15)
งที

1.2 เอ็นดอร ์ฟิ นกับกำรฝังเข็มระงับปวด

กำรฝังเข็มระงับปวดมีกำรวิจยั ในกำรใช ้ endorphin antagonist


เช่น Naloxone,Naltrexon
เมเยอร ์ศึกษำในอำสำสมัครทีน ่ ำมำทำให ้ปวดฟัน แล ้วปักทีจุ่ ด LI 4
(…….) แบ่งเป็ น 2 กลุ่ม คือกลุ่มทีหนึ ่ ่ งให ้ Naloxone i.v.
และกลุ่มทีสอง่ ให ้ saline i.v. พบว่ำกลุ่มทีให ่ ้ Saline

i.v.เริมชำเมื ่
อ30 นำที และชำต่อจำกนั้นอีก 1 ชวโมง ่ั
ในขณะทีกลุ ่ ่มทีให ่ N ้ aloxone i.v. จะไม่มอ ี ำกำรชำเกิดขึน้
แต่กลุ่มทดลองไม่มก ี ลุ่มให ้ Naloxone i.v. อย่ำงเดียวโดยไม่ฝังเข็ม
เนื่ องจำกเกรงว่ำผูป้ ่ วยจะเกิดอำกำรปวดมำกกว่ำเดิม(Hyperalgesia
) จำกยำNaloxone i.v. อย่ำงไรก็ตำมมีงำนวิจยั จำนวนมำกชีว่้ ำ
Naloxone ไม่ทำให ้เกิดอำกำรปวดมำก (Hyperalgesia)
[เนื่ องจำกมีสมมติฐำน เอนดอร ์ฟิ นไม่มใี นระดับต่ำ
ขณะเกิดควำมเจ็บปวดอย่ำงรวดเร็ว]
และเมเยอร ์ได ้ใช ้กลุ่มควบคุมเป็ นผูป้ ่ วยทีได ่ ้ร ับกำรฉี ดยำหลอก
่ กำรระงับปวดจำกยำหลอก
เพือดู
พบว่ำไม่มผ ่
ี ู ้ป่ วยทีสำมำรถระงั บปวดได ้จำกยำหลอก (บีเชอร ์
ได ้ทดลองในภำวะเจ็บปวดอย่ำงรวดเร็ว พบว่ำมีผู ้ป่ วยเพียง 3 %
เท่ำนั้นทีมี
่ กำรระงับปวดจำกยำหลอก [Placebo analgesia])
โพเมอรำนซ ์ได ้ทดลองในหนู โดยกำรฝังเข็มที่ LI 4 (…)
โดยแบ่งกลุ่มออกเป็ นดังนี ้ ฝังเข็มอย่ำงเดียว ฝังเข็มและให ้ Saline i.v.
ฝังเข็มและให ้Naloxone i.v. ฝังเข็มผิดจุด (Sham point)
Naloxone i.v.อย่ำงเดียว Saline i.v.อย่ำงเดียว
่ ได ้ร ับกำรรกั ษำ
และทีไม่
(โดยหนู ทกุ ตัวในกำรทดลองได ้ร ับกำรกระตุนให ้ ้ได ้ร ับควำมเจ็บปวดเท่
ำ ๆ กัน) พบว่ำ Naloxone ยับยังฤทธิ ้ ์
กำรฝั ้
งเข็มระงับปวดทังหมด
กำรฝังเข็มผิดจุดไม่มผ ี ลตอบสนอง
Naloxoneอย่ำงเดียวทำให ้เกิดอำกำรปวดมำกขึน้
(Hyperalgesia)เพียงเล็กน้อย และได ้นำมำประยุกต ์ใช ้ในคนคือ
1.กำรฝังเข็มไม่ใช่ผลทำงด ้ำนจิตใจ
2.กำรฝังเข็มระงับปวดถูกยับยังจำก ้ Naloxone อย่ำงสมบูรณ์
นอกจำกนี ยั้ งพบว่ำกำรเพิมปริ ่ มำณ Naloxone

จะเพิมฤทธิ ์
กำรยั ้
บยังกำรฝั งเข็ม กำรศึกษำต่อมำในแมว
โพเมอรำนซ ์บันทึกจำก Layer 5 cell ในไขสันหลัง (เซลล ์(ในรูป 1)
พบว่ำ Naloxone i.v. ยับยังฤทธิ ้ ์
กำรฝั งเข็มระงับปวดได ้อย่ำงสินเชิ้ ง

1.3 สำร Midbrain Monoamines กับกำรฝังเข็มระงับปวด สำร


Monoamines ใน Midbrain โดยเฉพำะ Serotonin และ
Norepinephrine บริเวณRaphe magnus ในก ้ำนสมอง
มีเซลล ์ผลิต Serotonin มำกทีสุ่ ดในสมอง
้ บส่วนนี จะท
ถ ้ำมีพยำธิสภำพขึนกั ้ ำให ้ฤทธิกำรฝั
์ งเข็มระงับปวดลดลงด ้
่ งออกจำก
วย Serotonin ทีหลั ่ Raphe ไปกระตุนไขสั
้ นหลังผ่ำน
Dorsolateral tract (DLT) เสริมฤทธิกั์ บ Norepinephrine

ออกฤทธิในกำรส่ งกระแสประสำทควำมเจ็บปวดในไขสันหลัง

1.4 กำรฝังเข็มระงับปวดกับระบบพิทูอท ิ ำรีไฮโปธำลำมัส


่ ยวข
ศูนย ์ทีเกี ่ ้องกับกำรฝังเข็มศูนย ์ที่ 3
จำกกำรกระตุ ้นทีย่่ ำนควำมถีต ่ ำและผ่
่ ำนระบบสำรเอนดอร ์ฟิ น
สำรเอนดอร ์ฟิ นจะพบในเซลล ์ใน arcuate nucleus
ในไฮโปธำลำมัสและต่อมพิทูอท ิ ำรี
ถ ้ำมีพยำธิสภำพในบริเวณดังกล่ำวจะมีผลต่อกำรฝังเข็มระงับปวด

กำรหลังสำรเอนดอร ์ฟิ นจะมีควำมสัมพันธ ์กับกำรหลัง่ ACTH

เข ้ำสู่กระแสเลือด ซึงจะไปยั ่
งต่อมหมวกไต แล ้วจะมีกำรหลังคอร ์ติซอล
จะช่วยในผู ้ป่ วยข ้ออักเสบและผู ้ป่ วยโรคหอบหืด

5. สรุป

หลักฐำนกำรวิจยั กำรฝังเข็มระงับปวดจะผ่ำนระบบสำรเอนดอร ์ฟิ นเป็ น


หลัก ร่วมกับสำรMonoamines ในรูปที่ 1 และ 2 ทีกล่
่ ำวมำ

2.กำรฝังเข็มระงับปวดสำหร ับอำกำรปวดเรือร ้ ัง
้ ังสำมรถสรุปข ้อสำคัญของกำรฝังเข็มระงับปวด
สำหร ับอำกำรปวดเรือร
ได ้ 2 ประกำร คือ
่ อำกำรปวดเรือร
1.กำรฝังเข็มระงับปวดได ้ผลมำกกับผู ้ป่ วยทีมี ้ ัง
โดยสำมำรถช่วยได ้ถึง 55-85 % ของผู ้ป่ วย
่ ยบกับกำรร ักษำด ้วยยำ (เช่น มอร ์ฟี น ช่วยได ้ 70 % เป็ นต ้น)
เมือเที
2.กำรฝังเข็มระงับปวดได ้ผลมำกกว่ำภำวะหลอกมำก

ซึงแสดงออกโดยทำงกำย

จำกผลสรุปทีกล่ ่ ำวมำอยู่บนพืนฐำนข ้ ้อมูลจำกกำรแบ่งกลุ่มกำรศึกษำ


วิจยั ดังนี ้ Class A กำรศึกษำทีไม่ ่ มก
ี ลุ่มควบคุมสำหร ับเปรียบเทียบ
Class B กำรศึกษำทีมี ่ กลุ่มควบคุมทีฝั ่ งเข็มผ่ำนผิวหนังแต่ผด ิ จุด
(Sham acupuncture) เทียบกับกลุ่มทีได ่ ้ร ับกำรฝังเข็มทีถู
่ กต ้อง
Class C กำรศึกษำในกลุ่มควบคุมทีใช ่ ้กำรฝังเข็มหลอก(มักจะใช ้
disconnected TENS หรือกำรใช ้เข็มทีใช ่ ้กำวติดกับผิวหนัง)
เปรียบเทียบกับกลุ่มทีได ่ ้ร ับกำรฝังเข็ม
โดยจุดฝังเข็มทังสองกลุ้ ่มจะเป็ น true acupoint ใน Class B และ C
ถือว่ำเป็ นกำรทดลองแบบ single blind
(ผูป้ ่ วยจะไม่รู ้ว่ำตนเองได ้ร ับเป็ นจริงหรือหลอก แต่ผู ้ให ้กำรร ักษำจะรู ้)
สำมำรถเรียงลำดับคุณภำพได ้ Class C , Class B และ Class A
ตำมลำดับมำกไปหำน้อย

เริมแรกเรำคำดว่ ำกำรเปรียบเทียบโดยให ้Sham acupuncture เป็ น
Placebo แต่จำกกำรศึกษำพบว่ำกำรใช ้ Sham acupuncture
สำมำรถช่วยผูป่้ วยได ้ถึง 33-50 % ขณะที่ Placebo ใน Class C
สำมำรถช่วยลดปวดได ้ 30-35%ของผู ้ป่ วยทีร่ ับกำรร ักษำ (ส่วน true
acupuncture สำมำรถช่วยได ้ถึง 55 – 85 %)
เลวิธและมำชินได ้ทำกำรศึกษำพบว่ำ Sham acupuncture
สำมำรถช่วยผูป่้ วยได ้ 40 % ขณะที่ True acupuncture
สำมำรถช่วยได ้ 70 %
่ ำวมำ Placebo ช่วยเพียงผูป่้ วยจำนวน 30 – 35 %
จำกทีกล่

ทีมำด ้วยอำกำรปวดเรือร้ ัง

ซึงกำรศึ ่ ำนวนกลุ่มตัวอย่ำงทีน
กษำในระยะแรกมีปัญหำเรืองจ ่ ำมำศึกษ

่ ำนวนกลุ่มตัวอย่ำงผลกำรวิจยั ก็ได ้ออกมำคล ้ำยกับกำร
ต่อมำได ้เพิมจ
่ ำวมำข ้ำงต ้น
ศึกษำทีกล่
จึงมีกำรสงสัยกันในจุดฝังเข็มว่ำจำเพำะกับกำรเจ็บปวดมำกน้อยเพียง
ใด

ในกำรศึกษำทังสำมกลุ ่มข ้ำงต ้น
มีหลำยกำรศึกษำทีเปรี ่ ยบเทียบกำรฝังเข็มกับกำรใช ้ยำ(Standard
Treatment)กับอำกำรปวดเรือร ้ ัง พบว่ำไม่มค
ี วำมแตกต่ำงกัน
กำรศึกษำเหล่ำนี ก็้ มป ี ัญหำเรืองจ่ ำนวนกลุ่มตัวอย่ำงด ้วยเช่นกัน

อย่ำงไรก็ตำมเมือเปรี ยบเทียบผลข ้ำงเคียงของกำรฝังเข็มและกำรใช ้ยำ
ระงับปวดแล ้ว กำรฝังเข็มจะมีนอ้ ยกว่ำ

และเมือเปรี
ยบเทียบกำรฝังเข็มกับ TENS
กำรฝังเข็มจะมีประสิทธิภำพมำกกว่ำ
แต่จะไม่พบควำมแตกต่ำงทำงสถิต ิ

กำรศึกษำในกลุ่มทังสำมกลุ ่มไม่สำมำรถแสดงควำมรู ้สึกเต ้อฉี ้ (De

Qi sensation) เมือกำรกระตุ นผ่
้ ำนไยประสำท type III
ทำให ้เกิดควำมรู ้สึกเต ้อฉี ้ จะทำให ้มี success rat ถึง 85-90%
่ ดตำมกำรร ักษำไป 4-8 เดือน
เมือติ

โดยสรุปกำรฝังเข็มระงับปวดจะดีกว่ำ Placebo
สำหร ับอำกำรปวดส่วนใหญ่ (ยกเว ้น Neuralgia และ Migraine)
สำมำรถช่วยได ้ถึง 55-85% เมือเที ่ ยบกับกำรใช ้มอร ์ฟี นช่วยได ้ 70%
กำรฝังเข็มระงับปวดได ้ผลดีกว่ำหรือเท่ำกับกำรใช ้ยำและมีผลข ้ำงเคียง
่ อยกว่ำ จึงน่ ำจะเป็ นทำงเลือกหนึ่ งของกำรร ักษำอำกำรปวดเรือร
ทีน้ ้ ัง
กำรวิจยั ในอนำคตคำดว่ำจะต ้องปรบั ระดับควำมรู ้สึกเต ้อฉี ้ (De Qi
sensation)ให ้มำกขึน้ เพือให่ ่
้มีsuccess rate ทีมำกขึ ้ ้วย
นด

ธรรมชำติของPlacebo พบว่ำ Half life ของกำรฝังเข็มระงับปวด


15-17 นำทีในคน และ 7-13 นำที ในสัตว ์ ซึงไม่ ่ สำมำรถอธิบำยด ้วย
Placebo และกำรร ักษำอย่ำงต่อเนื่ องเป็ นผลจำกสำรเอ็นดอร ์ฟิ น
่ ใช่Placebo และข ้อสำคัญอีกประกำรหนึ่ ง คือ
ซึงไม่
กำรทำกำรร ักษำอย่ำงต่อเนื่ องทำให ้ผูป้ ่ วยดีขน
ึ ้ เมือเที
่ ยบกับ

Placebo ผลกำรร ักษำทีอำกำรไม่ ่
เปลียนแปลง

3.กำรติดสำรเสพย ์ติด

นพ.เว็น ศัลยแพทย ์สมอง พบว่ำกำรฝังเข็มกระตุนไฟฟ้ ้ ำ


สำมำรถลดอำกำรถอนยำ (withdrawal symptoms)
ของกำรติดฝิ่ น
โดยพบเมือหลั ่ งจำกผู ้ป่ วยบำงคนหลังได ้ร ับกำรผ่ำตัดสมองแล ้วมีกำร
ติดฝิ่ นเพือลดอำกำรปวด
่ รำยงำนแรกเป็ นกำรฝังเข็มทีใบหู ่ ตด
ิ ไว ้ 8
วัน สำมำรถช่วยให ้ผู ้ป่ วยเลิกฝิ่ นได ้
ในรำยงำนต่อมำเขำได ้พบว่ำกำรให ้ Naloxone antagonist
ร่วมกับกำรฝังเข็มกระตุนไฟฟ้้ ำ 30 นำที เป็ นเวลำ 3 วัน
ได ้ผลดีกว่ำและเร็วกว่ำ
่ ำให ้ผู ้ป่ วยหำรขำด
แต่เขำไม่ได ้ระบุวำ่ เป็ นกำรร ักษำทีท
เนื่ องจำกผู ้ป่ วยจำเป็ นต ้องได ้ร ับกำรฟื ้ นฟูสภำพ
และกำรบำบัดทำงจิตร่วมด ้วย กำรศึกษำต่อ ๆมำ พบ success rate
ลดลงเนื่ องจำกมีผูป้ ่ วยหยุดกำรร ักษำไปกลำงคัน
นอกจำกกำรติดสำรเสพย ์ติดแล ้วยังมีงำนวิจยั ทีเกี ่ ยวกั
่ บกำรติดยำระงั
บปวด ซึงผู่ ป้ ่ วย 12 ใน 14 คน
สำมำรถหยุดได ้ด ้วยกำรใช ้กำรฝังเข็มทีหู ่ 60 นำทีตอ
่ วัน
้ ดจำกกำรหลังสำรกลุ
นักวิจยั คำดว่ำกลไกนี เกิ ่ ่มเอนดอร ์ฟิ น
บุลลอคค ์ได ้ทำกำรศึกษำในคนไข ้ทีติ่ ดสุรำโดยใช ้กำรฝังเข็มทีหู
่ 3 จุด
และเทียบกับกำรฝังเข็มผิดจุด ในผู ้ป่ วย 50 คน โดยแบ่งกลุ่มละ 25
คน พบว่ำ ในผู ้ป่ วยกลุ่มแรก 42 % สำมำรถหยุดสุรำได ้ภำยใน 3
เดือน และ 28 % ลดกำรดืมลง ่ (สำมำรถช่วยได ้รวม 70 %)
ในขณะทีกลุ่ ่มทีสอง
่ ่ ำนวนกลุ่มตัวอย่ำงเป็ น
ไม่เกิดผล บุลลอคได ้เพิมจ
80 คน ก็ได ้ผลเช่นเดียวกัน ในรำยงำนวิจยั หลำยแหล่ง
ได ้ผลลักษณะเดียวกัน

สถำบันยำเสพย ์ติดแห่งชำติ (National Institute of Drug


Abuse) ประเทศสหร ัฐอเมริกำ
ได ้ให ้กำรสนับสนุ นกำรฝังเข็มกับกำรติดยำเสพย ์ติด

ซึงในระยะแรกใช ้ในกำรร ักษำกำรติดฝิ่ นและโคเคน
โปรแกรมกำรร ักษำของสมิททีนิ ่ วยอร ์ค ได ้ร ับผลสำเร็จอย่ำงมำก
ในช่วงปี พ.ศ.2513 – 2523 มีสถำนบริกำรฝังเข็มกับยำเสพย ์ติด

กว่ำ 400 แห่ง ทัวโลก โปรแกรมกำรร ักษำใช ้กำรกระตุนฝั ้ งเข็ม วันละ
30 นำที

จนกระทังในบำงร ัฐของอเมริกำได ้กำหนดเป็ นกฎหมำยในกำรร ักษำผู ้
ป่ วยติดยำเสพย ์ติด

กำรเติบโตของกำรฝังเข็มในกำรใช ้ร ักษำผู ้ติดยำเสพย ์ติดมีควำมสำคั


่ ต
ญ จึงจำเป็ นอย่ำงยิงที ่ ้องมีกำรวิจยั เชิงทดลองเพือยื
่ นยันผลกำรร ักษำ

และมีข ้อผิดพลำดของงำนวิจยั ทีพบบ่ ่
อยคือ จุดฝังเข็มทีใบหู
ใกล ้เคียงกับจุดฝังเข็มผิดจุดมำก (ห่ำงกันเพียง 5 มิลลิเมตร)
ปัจจุบน ้ นจำนวนมำก
ั มีสถำบันให ้กำรสนับสนุ นกำรวิจยั ทำงด ้ำนนี เป็

4.Neurological, Cardiovascular, Antiemesis, Urogenital,


่ ๆ
Pulmonary ,ระบบทำงเดินอำหำร และอืน
้ ่ภำยใต ้ข ้อเดียวกัน
ในหัวข ้อนี อยู
เนื่ องจำกมีกำรวิจยั ทีมี
่ กลุ่มควบคุมน้อยในเรืองเหล่
่ ำนี ้

กำรงอกของเส ้นประสำทในผู ้ป่ วย ไม่สำมำรถทีจะท ่ ำให ้เป็ นกำรวิจยั


double blind control ได ้อย่ำงสมบูรณ์
ในประเทศจีนได ้รำยงำนผู ้ป่ วย Bell’s palsy กว่ำ 100,000 รำย
ได ้ร ับกำรร ักษำโดยกำรฝังเข็ม พบว่ำมี success rate ถึง 92 %
อย่ำงไรก็ตำม Bell’s Palsy สำมำรถหำยเองได ้ถึง 80 %
ทำให ้เรำไม่สำมำรถขจัดภำวะหลอกออกไปได ้ ในห ้องทดลอง
พบว่ำกำรฝังเข็มกระตุนไฟฟ้้ ำ
กระตุนให้ ้มีกำรเจริญของเส ้นประสำททัง้ Sensory และ Motor
ในหนู ทได ี่ ้ร ับกำรบำดเจ็บที่ Sciatic Nerve

มีงำนวิจยั เชิงทดลองถึงผู ้ป่ วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)


โดยใช ้กำรฝังเข็มร่วมกับกำรกำยภำพบำบัด ในผู ้ป่ วยทีเป็ ่ นในระยะ
36 ชวโมง่ั ถึง 3 เดือน หลังจำกมีอำกำรอัมพำต จำกกำรศึกษำพบว่ำ
สำมำรถลดจำนวนวันในกำรนอนพักร ักษำในโรงพยำบำลลง
โดยสำมำรถประหยัดเงินได ้ถึง 26,000 เหรียญสหร ัฐ
ต่อผู ้ป่ วยหนึ่ งคน กำรศึกษำทีใช ่ ้ CT scan ดูบริเวณเส ้นเลือดตีบ
กำรฝังเข็มจะช่วยได ้ในกรณี ทเป็ ี่ นน้อยกว่ำครึงหนึ
่ ่ งของ Motor
pathway

ขณะทีรำยงำนวิ จยั ไม่สำมำรถสรุปได ้แน่ ช ัดในกำรร ักษำทำงเอเชีย

ซึงกำรฝั งเข็มได ้ใช ้อย่ำงกว ้ำงขวำงในกลุ่มผู ้ป่ วยอัมพำต
ในประเทศจีนตึกผูป้ ่ วยในหลำยแห่งเต็มไปด ้วยผู ้ป่ วยอัมพำตทีได ่ ้ร ับก
ำรร ักษำด ้วยกำรฝังเข็ม
ในประเทศเกำหลีโรงพยำบำลทีให ่ ้บริกำรฝังเข็ม ขนำด 500 เตียง
พบว่ำ ร ้อยละ 80 ในจำนวนนั้นเป็ นผูป้ ่ วย Stroke

กำรศึกษำวิจยั ในอนำคตจำเป็ นต ้องหำข ้อบ่งชีของกำรฝั งเข็มกับ
Stroke

กำรศึกษำระบบหัวใจและหลอดเลือดในสัตว ์
เยำและคณะได ้ศึกษำโดยกำรกระตุ ้นที่ Sciatic Nerve
ทำให ้ควำมดันโลหิตลดลง
ในหนู ทได ี่ ้ร ับกำรกระตุ ้นให ้มีควำมดันโลหิตสูง

ซึงในรำยงำนวิ จยั ต่อมำ ก็ได ้ผลเช่นเดียวกัน

ปฏิกริ ยิ ำนี สำมำรถลบล ้ำงด ้วยฤทธิ ์ Naloxone และมีสำร
Serotonin เข ้ำมำเกียวข ่ ้องเช่นเดียวกับกำรฝังเข็มระงับปวด
โทเลนได ้ทดลองนำหนู ทท ี่ ำให ้มีควำมดันโลหิตสูงมำวิงระยะหนึ
่ ่ง
พบว่ำสำมำรถลดควำมดันและลดอำกำรปวดได ้
(ออกฤทธิผ่์ ำนกลไกเอนดอร ์ฟิ นและสำร Serotonin) คำดว่ำNerve
fiber Type III จะช่วยลดอำกำรปวดหลังกำรออกกำลังกำย
(กำรลดควำมดันโลหิตและลดอำกำรปวด สำมำรถถูกยับยังด ้ ้วย
Naloxone) แต่กำรฝังเข็มจะไม่ได ้เกียวกั ่ บ Nerve fiber type III

ในสุนัขทีดมยำสลบกระตุ ้นที่ Du 26 (upper lip)
สำมำรถเพิมควำมดั ่ นโลหิต แต่ Naloxone
ไม่สำมำรถยับยังฤทธิ ้ นี์ ได
้ ้ ในสุนัขทีมี ่ อำกำรช็อคจำกกำรเสียเลือด
กำรกระตุนท ้ ำให ้มีควำมดันสูงขึน้ จำกกำรเพิม ่ Cardiac output
มีกำรศึกษำในสุนัขโดยกำรฝังเข็มทีจุ่ ด ST 36 จะช่วยลด Cardiac
output สำมำรถยับยังฤทธิ ้ ด์ ้วย Atropine คำดว่ำเกิดจำก
sympathetic effect และมีกำรศึกษำในหนู และแมวทีดมยำสลบ ่
กำรกระตุนที ้ ย่่ ำนควำมถีต ่ ำจะมี
่ ่
กำรหลังสำร catecholamine
ออกมำในปริมำณน้อย จำกต่อมหมวกไต

ขณะทีกระตุ ้ ย่่ ำนควำมถีสู
นที ่ ง จะมีกำรหลัง่ catecholamine

ออกมำมำกกว่ำ ซึงกำรหลั ่
งสำรดั งกล่ำวในปริมำณน้อย

จะช่วยลดควำมดันโลหิต กำรหลังออกมำมำก

จะทำให ้เพิมควำมดั นโลหิต เอินส ์และลี ได ้ฝังเข็มทีจุ่ ด LI 4 และ St
36 ทำให ้เกิด cutaneous vasodilation ในคนปกติ

โดยกำรใช ้คลืนควำมร ้อนวัด

มีงำนวิจยั กำรฝังเข็มในด ้ำน Urogenital Problem


กำรฝังเข็มถูกจุด ดีกว่ำกำรฝังเข็มผิดจุด ในกำรร ักษำ
Dysmenorrhea

ปัญหำเรืองกระเพำะปั ึ ้ อได
สสำวะดีขนเมื ่ ้ร ับกำรฝังเข็ม
ในกำรศึกษำต่อมำในหญิงมีครรภ ์เกินกำหนด โดยใช ้ TENS
ทีจุ่ ดฝังเข็ม โดยใช ้ Sham TENS เป็ นกลุ่มควบคุม
กลุ่มทดลองมีกำรเพิมขึ ่ นของกำรหดร
้ ้
ัดตัวของมดลูกทังควำมแรงและ
ควำมถี่ มีควำมแตกต่ำงกันอย่ำงมีนัยสำคัญทีสถิ ่ ตต ิ อ
่ กลุ่มควบคุม
่ ้ำได ้กับกำรวิจยั เกียวกั
ซึงเข ่ บกำรลดกำรเกิด Reynaud’s
syndrome ได ้ผลถึง 63% เมือเที ่ ยบกับกลุ่มควบคุมทีได ่ ้เพียง 27 %
แต่ก็มก ่ เป็ นไปอย่ำงทีกล่
ี ำรศึกษำทีไม่ ่ ำวมำคือ
กำรฝังเข็มทีมื ่ อจะทำให ้เกิดควำมเย็นขึนของผิ
้ วหนังบริเวณมือ
ในกำรศึกษำต่อมำกำรกระตุนฝั ้ งเข็มด ้วยไฟฟ้ ำและกำรกระตุนด ้ ้วยมือ

สำมำรถเพิมโอกำสรอดของ Skin flap
โดยกำรป้ องกันกำรตำยของผิวหนังบริเวณนั้น
่ อำกำรคลืนไส
กำรวิจยั กำรใช ้ในกลุ่มผู ้ป่ วยทีมี ่ ้ โดยใช ้จุด Pe 6
(เน่ ยกวน) รำยงำน 10 ใน 12 ฉบับแสถงถึงผลทีดี ่ มำกจำกกำรฝังเข็ม
ใน10 ฉบับนี :้ 6 ฉบับใช ้ Placebo control group, 2 ฉบับ ไม่มี
treatment control group และอีก 2 ฉบับ มี drug treatment
control group พบว่ำกำรฝังเข็มได ้ผลดีกว่ำกำรใช ้ยำและ
placebo กำรกระตุนจุ ้ั
้ ดเน่ ยกวน Pe 6 มีทงกำรกดจุ ด,
กำรฝังเข็มกระตุนด้ ้วยมือ และกำรฝังเข็มกระตุนด ้ ้วยไฟฟ้ ำ
และในรำยงำนวิจยั ทัง้ 10 ฉบับ: 6 ฉบับ
เป็ นกำรคลืนไส ่ ้หลังกำรผ่ำตัด, 2
ฉบับเป็ นกลุ่มคลืนไส ่ ้
้ในภำวะตังครรภ ์ และอีก 2ฉบับ
เป็ นกลุ่มผู ้ป่ วยมะเร็งหลังกำรให ้เคมีบำบัด
กำรกดจุดจะมีผลดีตอ ่
่ กลุ่มคลืนไส ้
้ในหญิงตังครรภ ์และกลุ่มวิงเวียนจำ
กกำรเมำรถ อย่ำงไรก็ตำมกลไกกำรฝังเข็มต่อกำรคลืนไส ่ ้ยังไม่ช ัดเจน
Sensory input จำก Median nerve ไปยังส่วนหลังของ
brainstem ยับยังอำกำรคลื ้ ่
นไส ้หรือไม่ ? กำรใช ้ยำชำต่อ Median
nerve มีผลยับยังกำรฝั ้ งเข็มกับกลุ่มอำกำรคลืนไส ่ ้

กำรฝังเข็มมีผลกำรร ักษำดีกว่ำ Placebo ในกำรร ักษำ


Incontinence ในผู ้สูงอำยุ พบว่ำกว่ำ 90 %
่ ้ร ับกำรฝังเข็มสำมำรถลดกำรปัสสำวะตอนกลำงคืนลง
ของกลุ่มทีได
ในขณะที่ Placebo ลดได ้ 11 % สำหร ับภำวะมีบต ุ รยำก
กำรฝังเข็มใบหู มีประสิทธิผลใกล ้เคียงกับกำรร ักษำด ้วยฮอร ์โมน
แต่ผลข ้ำงเคียงจะน้อยกว่ำ

กำรร ักษำ Vasomotor symptoms ในสตรีวยั ทอง สำมำรถลด


้ ่มทดลองและกลุ่มควบคุม
Hot flush ลงได ้ 50 % ทังกลุ
(Subcutaneous Needle) แต่กำรติดตำมผูป่้ วยใน 3 เดือนต่อมำ
กลุ่มทดลองเท่ำนั้นทีคงกำรไม่
่ มี Hot flush ได ้
อย่ำงไรก็ตำมกลุ่มควบคุมยังไม่สมบูรณ์

จึงจำเป็ นต ้องมีกำรศึกษำด ้ำนนี มำกขึ ้
นในอนำคต

เข็มและการใช้เข็ม
่ ้ในกำรฝังเข็มมีหลำยชนิ ด เช่น เข็มกลมเล็ก,
เข็มทีใช
เข็มศีรษะ, เข็มหู, เข็มดอกเหมย, เข็มชำ และเข็มยำว เป็ นต ้น
่ ละชนิ ดก็มวี ธิ ก
ซึงแต่ ่
ี ำรใช ้ทีแตกต่
ำงกันออกไป
ในทีนี่ จะกล่
้ ำวถึงเฉพำะเข็มกลมเล็ม (fine needle)
่ ยมใชกันบ่อยและแพร่หลำยทีสุ
ซึงนิ ่ ด

1. โครงสร ้างของเข็ม
เข็มประกอบด ้วยส่วนต่ำง ๆ ดังนี ้ คือ ตัวเข็ม
(Body) ทีนิ ่ ยมทำด ้วยลวดสเต็นเลส

มีส่วนทีแหลมตรงปลำยเรี ยกว่ำ ปลายเข็ม
(Tip) อีกปลำยหนึ่ งจะพันด ้วยลวดทองแดงหรือลวดอลูมเิ นี
ยมเป็ นเกลียว เรียวว่ำ ด้ามเข็ม
(Handle) ซึงเป็่ นส่วนทีใช่ ้นิ วมื
้ อจับถือ
ตรงปลำยสุดของเข็มจะมีลก ั ษณะม้วนขดเป็ นวง
่ ให ้แทงถูกนิ วมื
เพือมิ ้ อในขณะใช ้ เรียกว่ำ หางเข็ม
(Tail) ส่วนของเข็มทีติ ่ ดต่อระหว่ำงด ้ำมเข็มและตัวเข็มนั้น
เรียกว่ำ โคนเข็ม (Root)

2.ขนาดของเข็ม
ขนำดของเข็มกำหนดจำกควำมยำวหรือจำกเส ้น
ผ่ำศูนย ์กลำงของส่วนตัวเข็ม
ควำมยำวของเข็มนิ ยมวัดเป็ นชุน ่ (หรือหุน
่ นหน่ วยวัดควำมยำว เท่ำกับหนึ่ งนิ วจี
ซึงเป็ ้ น = 25 มม.)
ส่วนเส ้นผ่ำศูนย ์กลำงของตัวเข็มนิ ยมบอกเป็ นเบอร ์
่ ยบเป็ นหน่ วยเมตริกได ้ตำมตำรำงข ้ำงล่ำงนี ้
ซึงเที

ขนาดความยาวของตัวเข็ม

ชุน
่ 0.5 1 1.5 2 2.5 3 3.5 4 4.5 5

มม. 15 25 40 50 65 75 90 100 115 125

เส้นผ่าศู นย ์กลางของตัวเข็ม

เบอร ์ 26 27 28 29 30 31 32 33 34

มม. 0.45 0.42 0.38 0.34 0.32 0.30 0.28 0.26 0.23

กำรเลือกใช ้ขนำดเข็มนั้น พิจำรณำว่ำ ถ ้ำเป็ นผูป้ ่ วยทีมี ่ รป


ู ร่ำง
ผอม, เล็ก, หรือเป็ นเด็ก จุดแทงเข็มอยู่ตน ื้
้ อที
มีอวัยวะหรือเนื อเยื ่ บอบบำงมำก
่ ต ้องกำรกำรกระตุ ้นไม่แรงนัก
ก็ควรใช ้เข็มทีมี ่ ขนำดเล็ก, สัน
้ ในทำงตรงกันข ้ำม ถ ้ำเป็ นผู ้ใหณ่
มีรปู ร่ำงอ ้วน, จุดแทงเข็มอยู่ลกึ , ไม่มอี วัยวะบอบบำง,
ต ้องกำรกำรกระตุนแรง ้ ่ ขนำดใหญ่ ยำวเป็ นต ้น
ควรใช ้เข็มทีมี

โดยทัวไปแล ้ว อำจพิจำรณำประกอบจำกหลักเกณฑ ์ดังต่อไปนี ้
คือ

บริเวณศีรษะ, ใบหน้า ใช ้เข็ม 0.5 ชุน ่ บริเวณลาต ัว, แขน,


ขา ใช ้เข็มขนำด 1.5 ถึง 3.0 ชุน ่ บริเวณก้น, สะโพก,
สันหลัง, ต้นขา ใช ้เข็มขนำด 3.0 ถึง 4.0 ชุน ่
ส่วนขนำดเบอร ์นั้น โดยทัวไปนิ
่ ยมใช ้เบอร ์ 30
ในบริเวณเบ ้ำตำให ้ใช ้เบอร ์ 32 และถ ้ำหำกต ้องกำรกระตุนแรง
้ ๆ
ให ้ใช ้เบอร ์ 26 หรือ 28 อย่ำงไรก็ตำมพึงระลึกไว ้ว่ำ

ต ้องพิจำรณำรูปร่ำงผู ้ป่ วย, ตำแหน่ งทีจะแทง
ดังกล่ำวไว ้ข ้ำงต ้นเป็ นหลักพิจำรณำสำคัญเสมอ

Go to Top

่ ารุด
3.การซ่อมแซมเข็มทีช
และการเก็บร ักษาเข็ม
ถ ้ำปลำยเข็มทู่ หรืองอเป็ นตะขอ ให ้ฝนลับกับหินลับมีด
้ วแม่มอ
หรือกระดำษทรำยละเอียด ถ ้ำตัวเข็มโค ้งงอให ้ใช ้นิ วหั ื
้ จั้ บสำลีรด
และนิ วชี ู จำกโคนเข็มออกไปทำงปลำยเข็ม
พร ้อมกันนั้นก็ดด ั ตัวเข็มให ้ตรง

ถ ้ำเข็มขึนสนิ มหรืองอมำกไม่ควรจะใช ้อีกต่อไป

เพรำะอำจจะทำให ้เข็มหักคำเนื อในระหว่ ำงกำรแทงเข็มได ้

ภำยหลังจำกกำรใช ้เข็มทุกครง้ั ควรแช่น้ำยำฆ่ำเชือโรค



เช่น 70% แอลกอฮอล ์ แล ้วจึงนำไปทำควำมสะอำด
้ อฆ่
แล ้วนำไปอบไอนำเพื ่ ำเชือโรค

อย่ำงไรก็ตำม ในปัจจุบน ่
ั มีเข็มทีสำมำรถใช ้ั ยวทิง้
้ครงเดี
(disposible needle) ออกจำหน่ ำย ทำให ้โอกำสติดเชือต่้ ำง ๆ
่ สะอำดลดลง
จำกกำรใช ้เข็มทีไม่
Go to Top

การฝึ กหัดฝั งเข็ม



ขันแรกให ้ ่ ม เช่น กระดำษทิชชู
้ใช ้กระดำษเนื อนุ
ตัดเป็ นแผ่นขนำด 8x5 ซม.2 เรียงซ ้อนกันหนำ 2 ซม.
แล ้วใช ้ด ้ำยผูกมัดให ้มีลก
ั ษณะเป็ นหมอน
หรือใช ้ผ ้ำฝ้ ำยห่อก ้อนสำลีทอัี่ ดแน่ นเป็ นลูกกลม เส ้นผ่ำศูนย ์กลำง 6
ซม. แล ้วฝึ กหัดแทงเข็มลงไปในหมอนกระดำษ หรือก ้อนสำลีนี ้
้ หมุนปั่น, ดึงขึนดั
ให ้ฝึ กแทง, ถอนขึน, ้ นลง
(ตำมวิธท ี่
ี จะกล่ ่
ำวต่อไปในเรืองเทคนิ คกำรฝังเข็ม)
่ กด ้วยเข็มสันก่
ควรจะเริมฝึ ้ อน แล ้วจึงเปลียนไปฝึ
่ กด ้วยเข็มยำว ดังรูป


หลังจำกกำรฝึ กขันแรกแล ้ว
้ อไป จาเป็ นอย่างยิง่ ทีจะต
ขันต่ ่ ้องฝึ กแทงกับร่ำงกำยของตนเอง
เพรำะกำรฝึ กแทงกับกระดำษหรือสำลี
ย่อมไม่เหมือนกำรแทงกับผิวหนังหรือเนื อคนเรำจริ ้ งๆ

ซึงจะเป็ นกำรเรียนรู ้ว่ำ จะปักเข็มอย่ำงไรจึงจะทำให ้ไม่รู ้สึกเจ็บ
และทีส ่ ำคัญ คือจะได ้รู ้ว่ำ ถ ้ำหำดแทงถูกจุดแล ้ว จะมีควำมรู ้สึกว่ำ
“ได ้ลมปรำณ” นั้นเป็ นอย่ำงไร (ดูรำยละเอียดในเทคนิ คกำรฝังเข็ม)

ตำแหน่ งทีควรฝึ กแทง คือ จุดบนต ้นขำของตัวเอง เพรำะเป็ นบริเวณ

ทีจะสำมำรถฝึ กแทงได ้สะดวกและไม่มอ ี น
ั ตรำยแต่อย่ำงไร
Go to Top

การตระเตรียมก่อนการฝั งเข็ม

1. อุปกรณ์ทใช้ ี่ ในการฝั งเข็ม


1. เข็มแทง
2. ไม้พันสำลีปรำศจำกเชือ้ ชุบโพวิดนี
้ ป 70 %
3. กระปุกใส่ก ้อนสำลีปรำศจำกเชือชุ
แอลกอฮอล ์ และสำลีแห ้ง
4. แหนบคีบ (Forceps) สำหร ับคีบเข็มหรือก ้อนสำลี
2. การเตรียมเข็ม
่ อกขนำดและจำนวนเข็มทีต
2.1 เมือเลื ่ ้องกำรใช ้มำเรียบร ้อ
ยแล ้ว
ให ้ตรวจสอบสภำพเข็มทุกเล่มว่ำมีสภำพชำรุดหรือไม่ ดังนี ้
 เข็มทีมี ่ ปลำยแหลมคม
จะสำมำรถแทงทะลุผ่ำนผ ้ำฝ้ ำยทีขึ ่ งให ้ตึงได ้โด
ยง่ำย จนแทบจะไม่มค ี วำมรู ้สึกต ้ำนเลย
 ใช ้สำลีแห ้งรูดตัวเข็มจำกโคนเข็มออกไปทำงป

ลำยเข็มช ้ำ ๆ ถ ้ำหำกปลำยเข็มงอเป็ นตะขอ



จะเกียวขนส ำลีตดิ ค ้ำงอยู่ให ้เห็น
้ ้องเปลียนใช
ซึงต ่ ้เข็มเล่มใหม่
 ตัวเข็มจะต ้องตรง ไม่โค ้งงอหรือหยักงอ

 เข็มจะต ้องไม่มส ี นิ มจับ


โดยเฉพำะอย่ำงยิงต ่ ้องตรวจบริเวณโคนเข็มให ้
ละเอียด
เพรำะเป็ นตำแหน่ งทีมั ่ กจะมีครำบสนิ มเกำะอยู่
และทำให ้เข็มหักง่ำยทีสุ ่ ด


2.2 นำเข็มทีตรวจสภำพเรี ยบร ้อยแลว้

ไปทำให ้ปรำศจำกเชือโดยกำรอบไอน ำ้ (Autoclave)
รอให ้เข็มเย็นลงจึงนำเอำไปแทงได ้
Go to Top

3. ท่าของผู ป ้ ่ วยในขณะฝั งเข็ม


กำรเลือกจัดท่ำผูป้ ่ วยนั้น ให ้พิจำรณำว่ำ

จุดทีจะแทงอยู่ส่วนไหนของร่ำงกำย
และควรเป็ นท่ำทีท่ ำให ้กล ้ำมเนื อของผู
้ ่ ด
้ป่ วยผ่อนคลำยมำกทีสุ
แพทย ์สำมำรถฝังเข็มได ้ถนัด และในระหว่ำงทีแทงเข็ ่ มอยู่

ผูป้ ่ วยจะต ้องไม่เคลือนไหวส่ ่ กแทง
วนทีถู
เพรำะจะทำให ้เข็มหักหรืองอได ้

Go to Top

เทคนิ คการฝั งเข็ม


ก่อนกำรฝังเข็มทุกครง้ั ควรล ้ำงมือให ้สะอำด
เช็ดมือให ้แห ้งด ้วยผ ้ำสะอำด เลือกหำตำแหน่ งจุดทีต ่ ้องกำรจะแทง
จำกนั้นใช ้ไม้พน ั สำลีชบ ุ โพวิดน
ี แต ้มบริเวณจุด
่ ำควำมสะอำดผิวหนัง
เพือท

พร ้อมทังเครื ่
องหมำยแสดงต ำแหน่ งจุดเอำไว ้ จึงลงมือแทงเข็มดังนี ้
1. วิธฝ
ี ั งเข็ม

เนื่ องจำกในชนผิ
้ั วหนังมีปลำยประสำทร ับรู ้ควำมเจ็บปวดอ
ยู่มำก
กำรฝังเข็มควรจะฝังให ้ผ่ำนชนผิ้ั วหนังลงไปด ้วยควำมรวดเ
ร็วเสียก่อน
จำกนั้นจึงค่อยฝังเข็มให ้ลึกลงไปตำมทิศทำงทีต ่ ้องกำร

วิธก ่ ยมมีอยู่ 4 วิธ ี คือ


ี ำรฝังเข็มทีนิ

1. วิธก
ี ดผิวหนังปั กเข็ม

ใช ้นิ วหั ้ วแม่มอ ื ซ ้ำยกดบริเวณผิวหนังบริเวณข ้ำง ๆ


จุดทีจะแทงให ่ ้ตึง
ใช ้นิ วหั ้ วแม่มอ ้ ขวำจั
ื และนิ วชี ้ บด ้ำมเข็มบริเวณใกล ้ ๆ
กับโคนเข็ม แล ้วปักเข็มแทงลงไปยังจุดให ้รวดเร็ว
่ วยให ้แทงเข็มได ้แม่นยำ อำจใช ้นิ วกลำง,
เพือช่ ้

นิ วนำง และนิ วก้ ้อยข ้ำงขวำ
วำงแตะบนผิวหนังบริเวณใกล ้เคียง
พยุงให ้มือจับเข็มได ้มันคงมำกขึ่ น้
วิธน ้ ้สำหร ับกำรปักเข็มทีมี
ี ี ใช ่ ขนำดสัน ้

2. วิธพ
ี ยุงปั กเข็ม
้ วแม่มอ
ใช ้นิ วหั ้ ขวำจั
ื และนิ วชี ้ บด ้ำมเข็ม
้ วแม่มอ
ส่วนนิ วหั ้ ข้ ้ำงซ ้ำยจับสำลีชบ
ื และนิ วชี ุ 70 %
แอลกอฮอล ์

มำหุ ้มจับทีปลำยเข็ ้ อแตะถูกตัวเข็ม
มโดยไม่ให ้นิ วมื
่ องกันกำรติดเชือ้
เพือป้
จ่อปลำยเข็มให ้ตรงตำแหน่ งจุด
จำกนั้นออกแรงทีข ่ ้อมือขวำปักเข็มลงไป
โดยอำศัยนิ วหั ้ วแม่มอ ื
และนิ วชี้ ซ้ ้ำยทีจั
่ บก ้อนสำลีอยู่น้ันจับพยุงปลำยเข็มเอ
ำไว ้ ในขณะเดียวกัน
้ อซ ้ำยทังสองกดตึ
นิ วมื ้ งผิวหนังเอำไว ้ด ้วย
ทำใหเข็มสำมำรถผ่ำนผนังไปได ้โดยสะดวก
วิธน ้ ้สำหร ับกำรปักเข็มทีมี
ี ี ใช ่ ขนำดยำว

3. วิธบ
ี บ
ี ผิวหนังปั กเข็ม
้ วแม่มอ
ใช ้นิ วหั ้ ซ้ ้ำยวำงบนผิวหนังบริเวณทีจะ
ื และนิ วชี ่
แทงให ้ห่ำงกันเล็กน้อย
แล ้วบีบผิวหนังระหว่ำงนิ วทั้ งสองให
้ ้
้นู นขึนมำเล็ กน้อย
จำกนั้นใช ้นิ วหั
้ วแม่มอ ้ ขวำจั
ื และนิ วชี ้ ่
บทีโคนเข็ ม
ปักเข็มลงไป วิธน ้ ้สำหร ับกำรปักบริเวณใบหน้ำ
ี ี ใช
่ ผวิ หนังบำง ต ้องปักตืน้ ๆ
ซึงมี

4. วิธใี ช้หลอดกลวงเป็ นตัวนาเข็ม


้ วแม่มอ
ใช ้นิ วหั ้ ขวำจั
ื และนิ วชี ้ บทีด่ ้ำมเข็ม จำกนั้นใช ้
้ วแม่มอ
นิ วหั ้ ซ้ ้ำย จับทีหลอดกลวง
ื และนิ วชี ่
ใส่เข็มเข ้ำไปในหลอดกลวง
ไม่ให ้ปลำยเข็มเลยปลำยหลอด
วำงปลำยหลอดทีจุ่ ดฝังเข็ม
้ วแม่มอ
ใช ้นิ วหั ้ ขวำที
ื และนิ วชี ้ ่ บทีด
จั ่ ้ำมเข็มปักลงไปในชนผิ้ั
วหนัง วิธน ้
ี ี สำมำรถลดกำรสั มผัสเข็มของผูท้ ำกำรปักเข็ม
และกำรงอของเข็มลดลง
Go to Top

2. ทิศทางและความลึกของเข็ม
ทิศทำงของกำรแทงเข็ม มีอยู่ 3 แบบ คือ

1. แทงตรง แทงโดยให ้เข็มอยู่ในแนวตังฉำกกั ้ บผิวหนัง


มักใช ้แทงในบริเวณร่ำงกำยทีมี ่ เนื อเยื
้ อใต ่ ้ผิวหนัง
และชนกล้ั ้
้ำมเนื อหนำ และเป็ นจุดทีต ่ ้องกำรแทงลึก
เช่น บริเวณบันเอว,้ แขน, ขำ, สะโพก
2. แทงเฉี ยง แทงโดยให ้เข็มทำมุมกับผิวหนังประมำณ
30๐ –
60๐ มักใช ้แทงในบริเวณร่ำงกำยทีมี ่ เนื อเยื
้ อใต
่ ้ผิวหนั
้ หนำมำกนัก
งและกล ้ำมเนื อไม่
หรือเป็ นบริเวณทีมี ่ อวัยวะภำยในสำคัญอยู่

ซึงจะแทงลึ กไม่ได ้ เช่น บริเวณทรวงอก หรือหลัง
3. แทงราบ แทงโดยให ้เข็มทำมุมกับผิวหนังประมำณ
10๐– 20๐ ใช ้แทงกับบริเวณทีมี ่ ผวิ หนังบำงมำก ๆ
เช่น ใบหน้ำ
ตัวเข็มจะอยู่ตนเพี ื ้ ยงชนใต ้ั ้ผิวหนังเท่ำนั้น
วิธก ้ ้องอำศัยกำรปักเข็มแบบบีบผิวหนังหรือกำร
ี ำรนี ต
ปักเข็มแบบใช ้หลอดกลวง
จึงจะสำมำรถแทงได ้สะดวก และไม่รู ้สึกเจ็บ

เกียวกั ่
บควำมลึกของเข็มทีแทง
ให ้พิจำรณำจำกหลักเกณฑ ์ 4 ข ้อ

ดังต่อไปนี ประกอบกั
นคือ
ก. ให ้แทงลึกตำมควำมลึกทีได่ ้กำหนดเอำไว ้
โดยประมำณของแต่ละจุด

ซึงจะดู ่ ดฝังเข็ม
รำยละเอียดได ้จำกบทต่อไป เรืองจุ

ข. โดยทัวไปแล ้
้ว ถ ้ำเป็ นบริเวณแขน ขำ สะโพก บันเอว
มักจะแทงลึก ส่วนบริเวณศีรษะ, ใบหน้ำ, ลำคอ, ทรวงอก,
ท ้อง และแผ่นหลัง มักจะแทงตืน้

ค. ถ ้ำเป็ นเด็ก, คนรูปร่ำงผอม ก็ให ้แทงตืนกว่ ำผู ้ใหญ่
หรือคนรูปร่ำงอ ้วน

ง. แทงให ้ลึกพอทีจะเกิ ดควำมรู ้สึก “ได ้ลมปรำณ”
(ดูรำยละเอียดในหัวข ้อถัดไป)
้ นสิงที
หลักเกณฑ ์ข ้อนี เป็ ่ ส่ ำคัญทีสุ่ ด เพรำะว่ำ
ผลของกำรร ักษำจะดีหรือไม่ขนอยู ึ้ ่กบั ว่ำ แทง
“ได ้ลมปรำณ” หรือไม่ ถ ้ำแทงลึกไม่พอ
ก็จะไม่ถงึ ตำแหน่ งทีจะ่ “ได ้ลมปรำณ” อย่ำงไรก็ตำม
ต ้องพิจำรณำหลักเกณฑ ์ข ้อ ก. ข. ค. ข ้ำงต ้นด ้วย เช่น
๋ ำนหลี่ กำหนดให ้แทงลึกประมำณ 1-2 ชุน
จุดจูซ ่
หำกแทงลึกลงไป 3 ชุน ่ แล ้ว ไม่เกิดควำมรู ้สึกได ้ลมปรำณ
แสดงว่ำอำจแทงไม่ตรงตำแหน่ ง ถ ้ำหำกเป็ นเด็ก
หรือคนรูปร่ำงผอม แทงลึกเพียงแค่ 0.5-1 ชุน ่
ก็เกิดควำมรู ้สึก “ได ้ลมปรำณ” แล ้ว

ในกรณี เช่นนี เรำก็ ควรจะหยุดแค่นี ้
มิใช่วำ่ ต ้องแทงให ้ลึกจนถึง 2 ชุน ่ เสมอไป

3. ปรากฎการณ์ “การได้ลมปราณ” (PSC


phenomenon – Propagated Sensation along
the Channel phenomenon)
ทฤษฎีแพทย ์จีนเห็นว่ำ
ภำยในร่ำงกำยคนเรำมี “พลังลมปรำณ”

วิงไหลเวี ่ งเข็ม “ถูกจุด”
ยนไปตำมเส ้นลมปรำณ เมือฝั
ก็จะเกิดปรำกฎกำรณ์ “กำรได ้ลมปรำณ” เกิดขึน้
ปรำกฎกำรณ์แสดงให ้ทรำบ 2 แบบ คือ

1. ตัวผูถ้ ก
ู ฝังเอง จะรู ้สึกเสียวหรือชำ หรือรู ้สึกหนัก ๆ
หรือรู ้สึกเหมือนถูกไฟฟ้ ำช ๊อต หรือรู ้สึกร ้อน
ตรงบริเวณทีถู ่ กแทง ควำมรู ้สึกต่ำง ๆ เหล่ำนี ้
อำจจะเป็ นควำมรู ้สึกเฉพำะทีบริ ่ เวณนั้น
หรือกระจำยไปตำมแนวเส ้นปรำณนั้น ๆ ก็ได ้
2. ตัวผูฝ้ ังเอง จะรู ้สึกว่ำ
เหมือนมีแรงบำงอย่ำงอยู่ใต ้ผิวหนังดูดเข็มเอำไว ้

เมือขยั บจะรู ้สึกหนื ด ๆ ในทำงตรงกันข ้ำม
ถ ้ำฝังเข็มไม่ถก ู จุด ผู ้ฝังจะรูสก
ึ ว่ำ
เหมือนฝังเข็มลงไปในทีว่่ ำงเปล่ำ รู ้สึกโล่ง ๆ
ไม่มค ี วำมรู ้สึกว่ำมีแรงต ้ำนต่อเข็มเลย

โดยทัวไปแล ้ว ถ ้ำหำกแทงเข็ม “ถูกจุด” หรือ
“ได ้ลมปรำณ” ผลกำรร ักษำจะค่อนข ้ำงดี
แต่ถ ้ำแทงไม่ได ้ลมปรำณ ผลกำรร ักษำก็จะไม่ด ี

เนื่ องจำกปรำกฎกำรณนี ้
แสดงออกด ้วยควำมรู ้สึกของผูถู้ กฝังเข็มและผู ้ฝังเข็ม

กำรทีจะเรี ยนรู ้ปรำกฎกำรณ์นีดี ้
จึงอยำกจะขอยำว่ ้ ำ กำรฝึ กหัดฝังเข็มลงในร่ำงกำยของ
ตัวเองก่อน ดังทีกล่ ่ ำวมำแล ้วเกียวกั
่ บกำรฝึ กหัดฝังเข็ม
่ ำเป็ นอย่ำงยิง่
จึงเป็ นสิงจ
ข ้อน่ ำสังเกตมีอยู่วำ่
ในกำรฝังเข็มร ักษำผูป่้ วยทีเป็ ่ นโรคเรือร
้ ังนั้น
กำรฝังเข็มครงแรก้ั ๆ ผู ้ป่ วยอำจจะไม่รู ้สึก “ได ้ลมปรำณ”

ช ัดเจนมำกนัก แต่เมือแทงไปหลำย ๆ
้ั
ครงตำมแผนกำรร กั ษำ ผูป้ ่ วยจะค่อย ๆ เกิดควำมรู ้สึก
“ได ้ลมปรำณ” ช ัดเจนมำกขึน้ พร ้อม ๆ
ไปกับอำกำรของโรคจะค่อย ๆ ดีขนตำมไปด ึ้ ้วย
ปรำกฎกำรณ์เช่นนี อธิ ้ บำยได ้ว่ำ
กำรเจ็บป่ วยนั้นมีพยำธิสภำพอย่ำงหนึ่ ง คือ
มีกำรคังค่ ้ำงของพลังลมปรำณอยู่
ดังนั้นควำมรู ้สึกในตอนแรกควำมรู ้สึก “ได ้ลมปรำณ”
จึงยังไม่ด ี
่ งกระตุ ้นให ้กำรไหลเวียนของพลังลมปรำณดีขน
เมือฝั ึ้
ควำมรู ้สึกของกำรได ้ลมปรำณจึงช ัดเจนขึนพร ้ ้อมไปกับอำ
กำรของโรคก็คอ ่ ย ๆ หำยไปด ้วย
Go to Top

4. วิธก
ี ารกระตุน
้ เข็ม
่ กเข็มลงไปทีจุ่ ดแล ้ว มักจะไม่รู ้สึก “ได ้ลมปรำณ”
เมือปั
ในทันที จะต ้องมีกำรกระตุนเข็
้ มเสียก่อน จึงจะเกิด
“ได ้ลมปรำณ” ขึน้
วิธกี ระตุนเข็
้ มมีไดหลำยวิธต ี ำมแต่ละสำนักวิชำและชนิ ดขอ
่ ยมใช ้กันทัวไปมี
งเข็ม ทีนิ ่ ดงั นี ้

1. วิธก
ี ารกระตุน
้ แบบแทงดึง
่ กเข็มลงไปลึกลงไปตำมทีก
เมือปั ่ ำหนดของเข็มแล ้ว

ให ้ดึงเข็มขึนมำโดยที ่
ปลำยเข็ มยังคงอยู่ใต ้ผิวหนังอยู่
่ ำหนดอีก ดึง-แทง
แล ้วดันเข็มแทงลงไปให ้ลึกตำมทีก

ให ้เข็มขึนลงสลั บติดต่อกันไปเช่นนี ้

ถ ้ำหำกดึงเข็มขึนมำมำกแล ้วแทงลงไปลึก หรือทำถี่ ๆ
เร็ว ๆ แรงกระตุนเข็
้ มก็จะมีมำก ในทำงตรงกันข ้ำม
ถ ้ำดึงเข็มลงมำน้อย, ทำช ้ำ ๆ แรงกระตุนก็้ จะน้อย
้ วแม่มอ
ให ้สังเกตจำกรูปว่ำใช ้เฉพำะนิ วหั ้ ้
ื และนิ วชี
เท่ำนั้น จับด ้ำมเข็มบริเวณใกล ้โคนเข็ม
้ เหลื
ส่วนนิ วที ่ อใช ้แตะทีผิ
่ วหนัง
่ งยพยุงให ้กระตุ ้นเข็มได ้ถนัดมำกขึน้
เพือช่

2. วิธก
ี ระตุน ่
้ แบบปั นเข็ ม
่ กเข็มลงลึกตำมต ้องกำรแล ้ว
เมือปั
ให ้ปั่นเข็มหมุนไปทำงซ ้ำยประมำณ
90๐ แล ้วหมุนกลับมำทำงขวำตำมเดิม
ทำสลับเช่นนี ต่ ้ อเนื่ องกันไป ถ ้ำหำกมุมทีหมุ
่ นมำก
และปั่นเร็ว ๆ แรงกระตุนก็ ้ จะมำก
และถ ้ำมุมหมุนน้อยและปั่นช ้ำ ๆ แรงกระตุ ้นก็จะน้อย
อย่ำงไรก็ตำม ไม่ควรจะให ้มุมหมุนมำกเกินไป
โดยเฉพำะอย่ำงยิงห ่ ้ำมหมุนเป็ นวงกลมภำยในทิศทำ
งเดียวตลอด เพรำะเข็มจะไปทำให ้ไยกล ้ำมเนื อ้
(Muscle fiber) หมุนพันตัวเข็ม
ผู ้ป่ วยจะเจ็บปวดมำก
่ ำคัญเรำอำศัยควำมถีของกำรปั
ทีส ่ ่ นมำเป็ นตัวกระตุน้
มำกกว่ำ

ให ้สังเกตว่ำ
วิธปี ่ ันด ้ำมเข็มทีถู
่ กต ้องนั้น ต ้องให ้ตัวเข็มอยู่ระหว่ำง
ด ้ำนในของปลำยนิ วหั ้ วแม่มอื
(คือด ้ำนตรงข ้ำมกับเล็บ – Palmar surface)
กับด ้ำนข ้ำงของปลำยนิ วชี ้ ้ (radial surface)
้ เป็
แล ้วใช ้นิ วชี ้ นตัวปั่นเข็ม ส่วนนิ วหั
้ วแม่มอ ื นั้นอยู่นิ่ง
ๆ ตำมรูป

3. วิธก
ี ระตุน
้ เข็มแบบเกา
้ วแม่มอ
ให ้ใช ้นิ วหั ้
ื ชีและนิ ้ ข้ ้ำงซ ้ำย
วชี

จับตัวเข็มให ้คงทีเอำไว ้
้ วแม่มอ
แล ้วใช ้ปลำยนิ วหั ื ขวำกดบนหำงเข็มเบำ ๆ
้ ขวำเกำที
ใช ้นิ วชี ้ ่ ้ำมเข็ม

โดยให ้ปลำยเล็บขูดขึนลงตำมด ้ ้ำมเข็มสลับต่อเนื่ องกั

4. วิธก
ี ระตุน
้ แบบดีดเข็ม
้ ขวำดี
ใช ้นิ วชี ้ ่
ดทีหำงเข็ มเบำ ๆ

ทำให ้ตัวเข็มสันสะเทื อน จะเป็ นกำรกระตุนให
้ ้
“ได ้ลมปรำณ” เร็วขึนอี ้ กวิธหี นึ่ ง
ี ่ ั นแทง
5. วิธป

ควำมจริงแล ้ว วิธน ้ คอ
ี ี ก็ ื
ี สมของแบบปั่นกับแบบขึนลงนั
วิธผ ้ ่ นเอง กล่ำวคือ
ในขณะทีดึ ่ งเข็มขึนแล
้ ้วแทงเข็มลงนั้น
ก็ป่ ันเข็มไปพร ้อมกันไปด ้วย
้ จะช่
ทังนี ้ วยเพิมแรงกระตุ
่ ้นให ้มำกขึน้
วิธน ้ นวิธท
ี ี เป็ ี่ ยมใช ้มำกทีสุ
ี นิ ่ ด

ในกำรเลือกใช ้วิธก ี ำรกระตุ ้นเข็มนั้น


ถ ้ำหำกเป็ นกำรแทงตรง สำมำรถจะใช ้วิธก ้ ง้ 5
ี ระตุนทั
้ น้ แต่ถ ้ำเป็ นกำรแทงเฉี ยงหรือแทงรำบ
วิธไี ด ้ทังสิ
มักจะใช ้วิธป ี ่ ันเข็มมำกกว่ำ เพรำะกำรถอน-
แทงเข็มเข ้ำ ๆ ออก ๆ จะทำให ้เจ็บปวดมำก
เนื่ องจำกเข็มอยู่ตนใกล ื้ ้ตัวร ับควำมรู ้สึกเจ็บปวด
(pain receptor) ทีผิ ่ วหนังนั่นเอง

6.การกระตุน ่
้ ด้วยเครืองกระตุ น
้ ไฟฟ้า

ปัจจุบน ่
ั ได ้มีกำรประดิษฐ ์เครืองกระตุ ้นเข็มด ้ว
ยไฟฟ้ ำ มำใช ้แทนวิธก
ี ำรกระตุนด ้ ้วยมือ
ทำให ้สะดวกแก่กำรร ักษำผู ้ป่ วยจำนวนมำก ๆ
และสำมำรถมีประสิทธิผลเท่ำเทียมกับ กำรกระตุนประสำทผ่
้ ำนผิวหนัง
(TENS)

กำรกระตุนควรปฏิ
้ บต ิ งั นี ้
ั ด

o ต่อสำยไฟจำกเครืองกระตุ่ ่ ป้ ่ วย
้น หนี บกับเข็มทีผู
โดยกำรเลือกจุดหนี บ
ให ้พิจำณำจุดทีอยู ่ ่ในแนวเส ้นปรำณเดียวกับ
หรืออยู่ตำมแนวเส ้นประสำท ไม่ควรกระตุนข ้ ้ำมข ้ำง
(โดยถือแนวกระดูกสันหลังเป็ นตัวแบ่ง)
ก่อนต่อต ้องปร ับปุ่ มทุกปุ่ มไปทีต ่ ำแหน่ งตำสุ
่ ด

และไฟจ่ำยเครืองอยู ่ทตี่ ำแหน่ ง “Off” เสมอ
o ่
เลือนสวิ ทช ์ไฟจ่ำยไปทีต ่ ำแหน่ ง “On”
o ่
เลือกชนิ ดคลืนกระตุ ้นทีต ่ ้องกำรตำมตำแหน่ งทีปรำกฏบน ่
หน้ำปัด สัญญำณไฟปรำกฏให ้เห็นตำมจังหวะกำรกระตุน้

(ดูชนิ ดของคลืนตำมรู ปข ้ำงล่ำง)

โดยควำมรู ้สึกของผู ้ป่ วย กำรกระตุ ้นในย่ำนควำมถี่ I จะเป็ นลักษณะ


ตุบ ๆ สม่ำเสมอ ส่วนย่ำนควำมถีที ่ ่ II และ III
จะรู ้สึกเหมือนถูกกดหรือนวด บริเวณจุดเป็ น ระยะ ๆ

o ข ้อควรระวังระหว่ำงทีจะหยุ่ ดกำรกระตุ ้น
ต ้องปรบั ทุกปุ่ มไปทีจุ่ ดต่ำสุดก่อน เพือป้
่ องกันกำรร ัดวงจร
และอำจทำให ้กล ้ำมเนื อของผู้ ้ป่ วยบำดเจ็บได ้
Go to Top

5.การคาเข็ม

โดยทัวไปแล ่
้ว เมือกระตุ
นจน
้ “ได ้ลมปรำณ” แล ้ว
ก็สำมำรถถอนเข็มออกได ้
ี่ นโรคเรือร
อย่ำงไรก็ตำมในกรณี ทเป็ ้ ัง,
่ อำกำรเจ็บปวดมำก, มีกำรเกร็งของกล ้ำมเนื อมำก
โรคทีมี ้ ๆ
ควรคำเข็มไว ้สัก 10-20 นำที ในระหว่ำงนั้น
ก็ทำกำรกระตุนเข็
้ มเป็ นพัก ๆ ไปด ้วย
ส่วนในเด็กไม่ควรคำเข็ม
เพรำะเด็กอำจจะดินท้ ำให ้เข็มหักคำเนื อได
้ ้ง่ำย

ในรำยทีใช่ ้เครืองกระตุ
่ นไฟฟ้
้ ำ
จะใช ้เวลำในกำรกระตุน้ 15 – 25 นำที จึงถอนเข็ม
Go to Top

6. การถอนเข็ม
ใช้นิวหั ้ วแม่มอ ื และนิ วชี ้ ซ ้ ้ายกดผิวหนังรอบ ๆ
เข็มให้ตงึ พอสมควร ใช้มอ ื ขวาจ ับด้ามเข็ม ค่อย ๆ

ถอนเข็มขึนมาช้ ่
า ๆ เพือให้ แน่ ใจว่าเข็มไม่ตด ิ แน่ น
หรือไม่ได้บด ิ งออยู ่ภายในเนื อ ้

จนกระทังปลายเข็ ้
มถอนขึนมาอยู ้ั
่ชนใต้ ผวิ หนังแล้วให้ดงึ เข็ม
ออกมาเร็ว ๆ ผู ป ้ ่ วยจะไม่รู ้สึกเจ็บ
ใช้กอ ้ นสาลีแห้งกดเอาไว้สก ่ องกันเลือดออก
ั ครู ่ เพือป้

จึงเป็ นอ ันเสร็จสินกระบาวนการฝั งเข็ม ข้อควรระลึกเสมอคือ
ภายหลังการร ักษาทุกครง้ั จะต้องตรวจสอบว่า
ได้ถอนเข็มออกครบทุกเล่มแล้ว
โดยเฉพาะในกรณี ทฝั ี่ งหลายจุด หรือมีผูป ้ ่ วยจานวนมาก
มีตวั อย่างทีผู ่ ร้ ักษาถอนเข็มออกไม่หมดอยู ่เสมอ
Go to Top

ภาวะแทรกซ ้อนจากการฝั งเข็ม


หมายถึงภาวะอ ันไม่พงึ ประสงค ์
่ ดอ ันตรายร ้ายแรงต่อชีวต
หรือกระทังเกิ ิ ผู ป
้ ่ วย ในระหว่างแล
ะ/หรือภายหลังจากการฝั งเข็ม

โดยทัวไปแล้ วการฝั งเข็มมีภาวะแทรกซ ้อนเกิดขึนน้ ้ อยมาก
แต่ถา้ หากผู ฝ
้ ั งเข็มไม่ระมัดระว ังถึงข้อห้ามต่างๆ
ฝี มือไม่ชานาญ
ไม่เข้าใจถึงโครงสร ้างทางกายวิภาค ของร่างกายมนุ ษย ์
ก็สามารถจะเกิดภาวะแทรกซ ้อนได้เสมอ
ภาวะแทรกซ ้อนทีพบบ่ ่ อยมีด ังนี ้

1. เป็ นลม

สาเหตุ : ผู ป ่
้ ่ วยตืนเต้
น, กลัวเข็ม,
ร่างกายอ่อนเพลีย, ท้องว่างหิวข้าว
หรือเกิดจากกระตุน
้ เข็มแรงเกินไป

อาการและอาการแสดง : ในระหว่างการฝั งเข็ม


ผู ป ่
้ ่ วยรู ้สึกวิงเวียนศีรษะ, ตาลาย, ใจสัน,
คลืนไส้่ อาเจียน, หน้าซีด, เหงื่อออก, แขนขาเย็น,
ชีพจรเต้นเบา ความดันโลหิตตา ่
จนกระทังเป็ ่ นลมหมดสติไป

การแก้ไข: 1. ถอนเข็มออกทันทีให้หมดทุกเล่ม
2. ให้ผูป ้ ไม่หนุ นหมอน,
้ ่ วยนอนราบกับพืน,
ยกปลายเท้าสู งขึนเล็ ้ กน้อย
ห่มผ้าคลุมร่างกายให้อบอุน ่
3. ผู ท ี่ อาการเล็กน้อย ให้ดมน
้ มี ื่ ้ าอุน

หรือชงด้วยน้ าตาล โดยทัวไปแล้ ่ วอาการจะดีขน ึ้
4. ถ้าผู ป ้ ่ วยมีอาการมาก
ให้ใช้นิวมื ้ อกดหรือใช้เข็มปั กไปทีจุ่ ด เหินจง,
ซูเ่ หลียว, เน่ ยกวาน และจู ซ ๋ านหลี่
ถ้าอาการไม่ดข ึ ้ รีบส่งต่อให้แพทย ์ร ักษา
ี น

การป้ องกัน : 1.
สาหร ับผู ป ่ งมาร
้ ่ วยทีเพิ ่ ้ั
ับการร ักษาเป็ นครงแรก
โดยเฉพาะคนไทย ซึงส่ ่ วนใหญ่จะไม่รู ้จ ัก
หรือไม่คน
ุ ้ เคยกับการร ักษาด้วยการฝั งเข็ม ต้องพู ดคุย

อธิบาย เพือคลายความกลั ่
ว ก ังวล ตืนเต้น เสียก่อน

2. พยายามเลือกท่านอนสาหร ับฝั งเข็มอยู ่เสมอ



3. จานวนเข็มทีจะฝั งงไม่ควรจะมากเกินไป,
การแทงเข็มกระตุน้ ต้องทาให้นิ่มนวลไม่แรงเกินไป

4. ผู ป ่ อนเพลีย, หิวข้าว ควรจะงดการร ักษา


้ ่ วยทีอ่

2. เข็มคาติดเนื อ

สาเหตุ :
ผู ป ่
้ ่ วยตืนเต้ ่ กฝั งแล้วมีการหดเกร็งของกล้ามเนื อ
นเมือถู ้
หรือปั กเข็มลงในเส้นเอ็น (tendon)
หรือหมุถนปั่ นเข็มไปในทิศทางเดียว ทาให้ไยกล้ามเนื อ ้
(muscle fiber) พันร ัดเอาไว้
่ ง แทง ปั่ นเข็ม จะรู ้สึกฝื ดมาก,
อาการแสดง : เมือดึ
ขยับถอนเข็มไม่ออก, ผู ป ่
้ ่ วยรู ้สึกเจ็บมากเมือขยั
บเข็ม

การแก้ไข : 1. บอกให้ผูป ้
้ ่ วยผ่อนคลายกล้ามเนื อ

แพทย ์ไม่จาเป็ นต้องแสดงหรือบอกให้รู ้ว่าเข็มติดคาเนื อ
เพราะผู ป ่
้ ่ วยจะยิงกลั ้
วแล้วเกร็งกล้ามเนื อมากขึน้
2. ถ้าเกิดจากการหมุนปั่ นไปทางเดียว
ก็ให้หมุนเข็มย้อนกลับมาช้า ๆ
้ สก
3. ปล่อยเข็มคาทิงไว้ ั พัก

หรือนวดคลึงบริเวณกล้ามเนื อใกล้ เคียง
่ าให้กล้ามเนื อคลายตัวก็
เพือท ้ จะสามารถถอนเข็มออกได้

การป้ องกัน : หลีกเลียงหรื ี่ าวมาข้างต้น
อขจ ัดสาเหตุทกล่

3. เข็มงอ

สาเหตุ : ปั กเข็มแรงลึกเกินไปจนกระแทกถู กกระดู ก,


หรือแทงเข็มเข้าไปในโพรงข้อต่อกระดู ก (Joint cavity)
ผู ป ่
้ ่ วยขยับตัวเคลือนไหวส่ ่ เข็มคาอยู ่
วนของร่างกายทีมี
หรือเกิดจากเข็มคาติดเนื อนาน ้ ๆ (ดู ภาวะแทรกซ ้อน ข้อ 2)
โดยทีแพทย่ ์ไม่ทราบ
้ พั
ไยกล้ามเนื อที ่ นร ัดเอาไว้จะทาให้เข็มงอได้เช่นกัน


อาการแสดง : เข็มบิดเบนออกไปจากทิศทางเดิมทีคาเข็ ม
ขยับเข็มไม่ได้ ผู ป ่
้ ่ วยรู ้สึกเจ็บปวดมากเมือขยั
บเข็ม

การแก้ไข : 1. ให้พจ
ิ ารณาจากลักษณะการบิดเบนของเข็ม,
ท่าของผู ป ้ แล้วคาดคะเนดู วา
้ ่ วยในขณะนัน ่
เข็มงออยู ่ทศ ิ ทางใด

2. ถ้าพบว่าท่าของผู ป่วยผิดไปจากเดิม ให้ผูป


้ ่ วยค่อย ๆ

ขยับตัวเปลียนมาอยู ่ในท่าเดิม

3. ค่อย ๆ ขยับถอนเข็มออก

ย้อนขึนมาตามทิ ี่ มงอมาก
ศทางการงอของเข็ม ในกรณี ทเข็

ๆ อาจลองโยกเข็มในขณะทีถอนไปด้ วย

ห้ามดึงเข็มขึนมาตรง ๆ
การป้ องกัน :
ขณะปั กเข็มผ่านผิวหนังอย่างรวดเร็วนันต้ ้ องควบคุมเข็มไม่ใ
ห้ลก ่
ึ เกินไป, หลีกเลียงไม่ ปักลงไปบริเวณโพรงข้อต่อกระดู ก,
กาช ับผู ป ่
้ ่ วยไม่ให้ขยับเคลือนไหวส่ ่ มคาเอ
วนของร่างกายทีเข็
าไว้,
ในรายทีคาเข็ ่ มเอาไว้ตอ ้
้ งตรวจสอบว่ามีเข็มคาติดเนื อหรื
อไม่
เป็ นระยะ ๆ ไปด้วยเสมอ

4. เข็มหัก

สาเหตุ : เข็มมีสนิ มกัดกร่อน, คุณภาพเข็มไม่ด,ี


ปั ดเข็มจนมิดในเนื อ,้
กระตุน ้
้ เข็มแรงเกินไปทาให้กล้ามเนื อหดเก็
งร ัดเข็มอย่างรุนแ
รง หรือผู ป ่
้ ่ วยขยับเปลียนท่ ามาก ๆ

อาการแสดง : เข็มหัก,

ส่วนทีเหลื
อคาอยู ่ในร่างกายของผู ป
้ ่ วย
อาจมีปลาโผล่ให้เห็นหรือจมมิดหายเข้าไปในผิวหนังเลย

้ ่ วยอยู ่นิ่ง ๆ
การแก้ไข : 1. บอกให้ผูป

เพราะการเคลือนไหวจะท ่
าให้เข็มเคลือนตัวลึ
กลงไป
หรือย้ายตาแหน่ งได้

2. ถ้าตวั เข็มยังโผล่อยู ่ หรือกดผิวหนังบริเวณรอบ ๆ


้ อ หรือ Forcep ดึงออก
เข็มแล้วยังเห็นตัวเข็มอยู ่ ใช้นิวมื

3. ถ้าเข็มจมมิดหายไป
ให้ใช้ปากกาขีดเป็ นวงบอกตาแหน่ งเข็มเอาไว้

พยายามอย่าขยับเคลือนไหวร่ างกายส่วนนัน ้
แล้วส่งต่อผู ป
้ ่ วยให้แพทย ์ทาการร ักาาต่อไป
การป้ องกัน : 1. ก่อนจะใช้เข็ม
ต้องตรวจสอบคุณภาพของเข็มเสมอ

2. เลือกใช้เข็มทีมี่ ขนาดยาวลึกกว่าความลึกของจุดทีจะแทง

ประมาณครึงนิ่ ว้

ขณะทีคาเข็ ้
มนันควรจะให้ ส่วนของตัวเข็มโผล่พน ้
้ ผิวหนังขึน
มาเล็กน้อย ไม่ให้ปักลึกจนถึงด้ามเข็ม

ี่ มคาติดเนื อ
3. ในกรณี ทเข็ ้ หรือเข็มงอ ห้ามดึงออกมาแรง ๆ
ตรง ๆ ให้จ ัดการตามวิธแ ่ าวแล้วเป็ นลาดับ
ี ก้ไขทีกล่

5. เลือดออก

สาเหตุ : ปลายเข็มงอเป็ นตะขอเกียวก ้
ับเนื อ
หรือแทงถู กเส้นเลือด หรือมีภาวะเลือดออกง่ าย

อาการแสดง : ภายหลังถอนเข็ม เห็นเลือดออก


้ บวม
หรือผิวหนังบริเวณฝั งเข็มเป็ นสีแดงคลา,
ผู ป
้ ่ วยอาจรู ้สึกเจ็บปวดมากร่วมด้วย

การแก้ไข : 1. ใช้สาลีแห้งกดรู เข็มเอาไว้สกั 2-3 นาที



โดยทัวไปแล้ วเลือดมักจะหยุดได้เอง
เพราะมักเป็ นเลือดออกจากหลอดเลือดฝอย

2. ถ้าหากเลือดออกมาจนเห็นรอยฟกชา้
ให้ใช้ผา้ ชุบน้ าเย็นประคบก่อน

เพือให้หลอดเลือดหดตัวลดภาวะเลือดออก
ในว ันต่อมาจึงค่อยใช้ผา้ ชุบน้าอุน ่
่ ประคบเพือให้ ้
รอยชาหายเ

ร็วขึน

3. ถ้าผู ป
้ ่ วยเจ็บปวดมาก
พิจารณาให้ยาแก้ปวดร ับประทานด้วยก็ได้
่ ตะขอ
การป้ องกัน : ไม่ใช้เข็มทีมี

หลีกเลียงที ่
จะแทงบริ ่ เส้นเลือดใหญ่
เวณทีมี
่ ความผิวปกติเกียวกับโรคเลื
ห้ามใช้ฝังเข็มร ักษาทีมี ่ อดหยุดย
าก

6. ลมขังในโพรงเยือปอด (Pneumothorax)
่ ม
สาเหตุ : ปั กลึกจนทะลุเยือหุ ้ ปอด
ทาให้มล ่ ม
ี มเข้าไปค้างอยู ่ในโพรงเยือหุ ้ ปอด

(ซึงตามปกติ ่ ม
แล้วช่องว่างระหว่างเยือหุ ้
้ ปอดนี จะไม่ มล
ี มค้างอ
ยู ่) ทาให้ปอดถู กอ ัดแฟบลง,
การแลกเปลียนก๊่ าซในปอดผิดปกติไป
เป็ นภาวะแทรกซ ้อนทีอ ่ ันตรายมาก

อาการและอาการแสดง :
ผู ป ่ ร ับการฝั งเข็มบริเวณทรวงอก, หลัง
้ ่ วยทีได้
เหนื อกระดู กไหปลาร ้า แล้วมีอาการเจ็บหน้าอก, ไอ,
อึดอ ัดหายใจลาบาก, ใจสันหวิ ่ ว
ถ้าอาการหนักจะมีหายใจลาบากช ัดเจน, ริมฝี ปากเขียว

กระทังหมดสติ ถงึ แก่ชวี ต
ิ ได้

การแก้ไข : 1. ขณะฝั งเข็มบริเวณทรวงอก


ถ้าผู ป ้
้ ่ วยรู ้สึกเจ็บหน้าอก หรือไอขึนมาอย่ างฉับพลัน
แสดงว่าเข็มอาจจะทะลุเยือหุ ่ ม้ ปอด ใหเถอนเข็มออกทันที

้ ่ วยมีอาการไม่มาก ให้น่งพั
2. ถ้าผู ป ั ก ติดตามอาการสักระยะ
ถ้าอาการผู ป ึ้
้ ่ วยดีขนอาจให้ ผูป
้ ่ วยกลับได้
แต่ตอ้ งกาช ับให้ผูป ้ ่ วยไปหาแพทย ์ทันทีเมือรู ่ ้สึกเจ็บแน่ นหน้า
อก หายใจลาบาก

โดยทัวไปแล้ ่ั
วรู รวของเยื ่ ม
อหุ ้ ปอดจะสามารถปิ ดหายไปเองได้
3. ถ้าผู ป
้ ่ วยมีอาการมาก
ต้องรีบส่งแพทย ์เพือจ่ ด
ั การใส่ท่อระบายลมอย่างรีบด่วน

การป้ องกัน : 1. พึงตระหนักเสมอว่า



เมือใดก็ ่ งเข็มบริเวณทรวงอก, สีขา้ ง, ชายโครง, หลัง,
ตามทีฝั
ต้นคอ และบริเวณกระดู กไหปลาร ้า ต้องคึวบคุมทิศทาง,
ความลึก, มุมเข็มให้แม่นยา แทงเข้าไปช้า ๆ
อย่าประมาทเป็ นอ ันขาด

2. ในขณะทีดันด้่ ามเข็มเข้าไปนัน ้
ให้ถามผู ป
้ ่ วยตลอดเวลาว่า มีความรู ้สึก “ได้ลมปราณ”
แล้วหรือยัง ถ้าผู ป
้ ่ วยได้ความรู ้สึกแล้ว
ให้หยุดแล้วถอนเข็มออกมานิ ดหนึ่ง
แต่ถา้ แทงลงไปลึกพอตามทีก ่ าหนดแล้ว ผู ป
้ ่ วยไม่รู ้สึก
“ได้ลมปราณ” ควรจะถอนเข็มออกมายังชนใต้ ้ั ผวิ หนัง
แล้วค่อย ๆ แทงเข้าไปใหม่

3. โดยทัวไปแล้ ว
ลาพังแต่การแทงเข็มลงไปลึกจนทะลุเยือหุ ่ ม ้
้ ปอดนัน
ไม่ทาให้เกิดภาวะลมขังในโพรงเยือหุ ่ ม ้ ปอดได้
เพราะว่ารู เข็มมีขนาดเล็กมาก แต่วา ่
่ เสือเราคาเข็ มเอาไว้
ในขณะทีผู ่ ป ้ ่ วยหายใจเข้าออก
่ ม
เยือหุ ้
้ ปอดและเนื อปอดจะถู กปลายเข็มครู ดกรีดทาให้รูทะลุน้ั
นฉี กกว้างมากขึน ้
จนทาให้เกิดภาวะลมขังในโพรงเยือหุ ่ ม ้ ปอด
้ าผู ป
ดังนันถ้ ้ ่ วยรู ้สึกเจ็บหน้าอก หรือรู ้สึก “ได้ลมปราณ” แล้ว
ควรจะถอนเข็มออกมานิ ดหนึ่งเสมอ
่ ให้เข็มทะลุคาในเยือหุ
เพือมิ ่ ม้ ปอด

ข้อควรสนใจในการฝั งเข็ม
1. ควรงดฝั งเข็มในผู ป ้ ่ วยทีตื ่ นเต้
่ น หวาดกลัวมาก
หรืออยู ่ในภาวะอ่อนเพลีย ท้องว่างหิวข้าว
ผู ป
้ ่ วยโรคเรือร ้ ังไม่ควรกระตุน ้ แรงเกินไป
พยายามจ ัดท่าผูป ้ ่ วยให้อยู ่ในท่านอนเสม
2. หญิงทีก ่ าลังอยู ่ในรยะมีประจาเดือน ควรจะงดแทงเข็ม
3. สาหร ับหญิงตังครรภ ้ ้ ห้ามแทงเข็มบริเวณท้อง,
์นัน
หรือจุดทีมี ่ ฤทธิกระตุ
์ น
้ การหดตัวของมดลู กอย่างรุนแรง
เช่น จุดเหอกู ,่ ซานยินเจียว, คุนหลุน, จือยิ ้ น เป็ นต้น
ยกเว้นเป็ นจุดทีต้ ่ องใช้ในการร ักษาโรคเกียวกับครรภ ่ ์บา
งจุด
4. ห้ามแทงกระหม่อมเด็ก

โดยทัวไปแล้ วไม่ปักคาเข็มในการร ักษาเด็ก
เพราะเด็กมักจะดินท ้ าให้เข็มหักงอได้
5. บริเวณทีมี ่ ผวิ หนังอ ักเสบ, เป็ นหนอง, มีกอ ้
้ นเนื องอก
ห้ามฝั งโดยเด็ดขาด
6. ห้ามแทงเส้นเลือด ถ้าจาเป็ รต้องแทงบริเวณนัน ้
ให้ใช้นิวมื ้ อซ ้ายดันเส้นเลือดดาชนใต้ ้ั ผวิ หนังให้เฉเคลือ่
นหลีกออกไปเสียก่อน
7. บริเวณทีมี ่ อว ัยวะสาคัญเหล่านี ้ ให้ระมัดระว ังเป็ นพิเศษ

บริเวณเบ้าตา ห้ามกระตุน
้ แรง, ห้ามปั กคาเข็ม

บริเวณท้ายทอย
และแนวกลางสันหลัง ถ้าผู ป
้ ่ วยรู ้สึกเหมือนไฟฟ้าช๊อตแล้ว
ให้ถอนเข็มออกมาเล็กน้อย

บริเวณทรวงอก, ชายโครง, หลัง, แอ่งเหนื อกระดู กอก


และบริเวณกระดู กไหปลาร ้า ห้ามแทงตรง หรือแทงลึก
บริเวณท้อง ห้ามแทงลึก เพราะอาจทะลุกระเพาะอาหารลาไส้
ควรให้ผูป
้ ่ วยถ่ายปั สสาวะให้หมดก่อนฝั งเข็ม
่ องกน
เพือป้ ่ ่
ั การแทงทะลุกระเพาะปั สสาวะทีขยายโตจากการคั
งของน้ าปั สสาวะ

จุดฝังเข็มและเส้นลมปราณ
จุดฝังเข็ม
กำรหำตำแหน่ งจุด
วิธกี ำรหำตำแหน่ งจุด
่ ้บ่อย
จุดฝังเข็มทีใช
เส ้นลมปรำณปอด (The Lung Channel)
เส ้นลมปรำณลำไส ้ใหญ่ (The Large Intestine Channel)
เส ้นลมปรำณกระเพำะอำหำร (The Stomach Channel)
เส ้นลมปรำณม้ำม (The Spleen Channel)
เส ้นลมปรำณหัวใจ (The Heart Channel)
เส ้นลมปรำณลำไส ้เล็ก (The Small Intestine Channel)
เส ้นลมปรำณกระเพำะปัสสำวะ (The Urinary Bladder
Channel)
เส ้นลมปรำณไต (The Kidney Channel)
เส ้นลมปรำณเยือหุ่ ้มหัวใจ (The Pericardium Channel)
เส ้นลมปรำณซำนเจียว (The Sanjiao Channel)
เส ้นลมปรำณถุงน้ำดี (The Gall Bladder Channel)
เส ้นลมปรำณตับ (The Liver Channel)
เส ้นลมปรำณตูม่ำย (The Du Mai Channel)
เส ้นลมปรำณเยินม่ ่ ำย (The Ren Mai Channel)
จุดพิเศษนอกเส ้นปรำณหลัก
จุดฝังเข็ม (Acupuncture point) หมายถึง
จุดทีม ่ ีตาแหน่ งแน่ นอนอยูบ ่ นส่วนผิวของร่างกาย
ซึง่ เมือ่ ถูกกระตุน ี ารหนึ่ง ๆ เช่น การใช้เข็มแทง, การกดนวด
้ โดยวิธก
หรือการกระตุน ้ ด้วยกระแสไฟฟ้ า
สามารถทีจ่ ะมีบทบาทในการรักษาอาการและโรคได้
โดยส่วนใหญ่จุดต่าง ๆ
จะกระจายอยูต ่ ามแนวทางเดินของเส้นลมปราณ แพทย์จีนเห็นว่า
จุดฝังเข็มคือตาแหน่ งทีพ ่ ลังลมปราณซึง่ ไหลเวียนในร่างกายเปิ ดติดต่
อกับโลกภายนอกร่างกาย
มันอาจจะมีอาการหรืออาการแสดงปรากฎออกมาให้ทราบตรงตาแห
น่ งจุดเหล่านี้ได้ดว้ ย เช่น รูส้ กึ เจ็บ หรือคลาได้กอ
้ นแข็ง
หรือสีผวิ หนังบริเวณนัน ้ เปลีย่ นไป เป็ นต้น
จุดฝังเข็ม แบ่งเป็ น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1. จุดบนเส้นลมปราณ ได้แก่บรรดาจุดทีม
่ ีตาแหน่ งกระจายอยูต ่ ามแ
นวทางเดินของเส้นปราณหลัก
มันมีสรรพคุณในการรักษาอาการหรือโรคทีเ่ กีย่ วข้องกับเส้นลมปรา
ณนัน้ เป็ นสาคัญ เช่น
จุดบนเส้นลมปราณปอดจะใช้รกั ษาโรคปอดหรือหลอดลมได้
2. จุดพิเศษนอกเส้นลมปราณ ได้แก่
บรรดาจุดทีไ่ ม่ได้กระจายอยูต ่ ามแนวทางเดินของเส้นลมปราณหลัก
มีชอ
ื่ เรียกเฉพาะ มีสรรพคุณในการรักษาอาการหรือโรคทีจ่ าเพาะ
ไม่เกีย่ วข้องกับอวัยวะทีเ่ ส้นลมปราณควบคุมอย่างหนึง่ อย่างใดโดยตร
ง เช่น จุดไท่หยางทีบ ่ ริเวณขมับ ใช้รกั ษาอาการปวดศีรษะ เป็ นต้น
3. จุดกดเจ็บ หมายถึง จุดใด ๆ ก็ตาม
(ยกเว้นจุดทีอ่ ยูบ ่ นเส้นลมปราณหรือจุดพิเศษ)
ทีผ
่ ป
ู้ ่ วยรูส้ ก
ึ เจ็บปวดหรือกดเจ็บ มันไม่มีตาแหน่ งระบุเอาไว้แน่ นอน
จึงไม่มีชอ ื่ เรียกเฉพาะ
ในการรักษาสามารถทีจ่ ะใช้จุดเหล่านี้ได้เช่นกัน โดยถือหลักว่า
“เจ็บตรงไหน แทงตรงนัน ้ ”
Go toTop
การหาตาแหน่ งจุด
ตาแหน่ งของจุดเป็ นเรือ ่ งทีส่ าคัญมาก เพราะการแทงถูกจุดหรือไม่
จะเกีย่ วข้องกับผลของการรักษาโดยตรงว่าจะได้ผลดีหรือไม่
ในการวัดหาตาแหน่ งจุดนัน ้ ใช้หน่ วยวัดความยาวเป็ นชุน

ความยาวของชุน ่ มีความยาวผันแปรกันไปตามขนาดรูปร่างของร่างก
ายแต่ละคน
โดยมีการกาหนดมาตรฐานความยาวของแต่ละส่วนของร่างกายเอาไว้
(รูปที่ 10) ตัวอย่างเช่น
ระยะทางระหว่างรอยพับข้อมือด้านในมาถึงรอยพับข้อศอกด้านใน
ยาวเท่ากับ 12 ชุน ่ ดังนัน้ ความยาว 3 ชุน ่
ก็สามารถจะหาได้โดยวัดความยาว ¼
ของระยะห่างรอยพับข้อมือและข้อศอก จะเห็นได้วา่ ความยาว 12
ชุน
่ ดังตัวอย่างนี้ ในเด็ก 10 ขวบ กับผูใ้ หญ่อายุ 30 ปี
ย่อมไม่เท่ากันแน่ นอน
ดังนัน
้ ระยะตาแหน่ งจุดจะต้องกาหนดจากขนาดรูปร่างของแต่ละคนเ
สมอ
ส่วนของ ระยะห่าง ชุ่ หมายเหตุ
ร่างกาย น
ชายผมด้านหน้าถึงชายผมด้าน 1 ในกรณี ทช ี่ ายผมไม่ชดั
หลัง 2 หรือศีรษะเถิกล้าน
ศีรษะ ให้วดั ระยะห่างจากหว่างคิว้
หว่างคิว้ ถึงชายผมด้านหน้า 3 ถึงปุ่ มกระดูกสันหลังคอที่ 7
เป็ นความยาว 18 ชุ่น
ปุ่ มกระดูกสันหลังคอที่ 7 3
ถึงชายผมด้านหลัง
ปุ่ มกระดูกหลังหูขา้ งหนึง่ ไปยังอี 9
กข้างหนึง่

ทรวงอกและ ระหว่างนมทัง้ สองข้าง 8 ความกว้างของกระดูกซีโ่ ครง


ท้อง แต่ละซีถ
่ ือเป็ น 1.6 ชุ่น
ลิน
้ ปี่ ถึงสะดือ 8

สะดือถึงขอบบนของกระดูกหัวเ 5
หน่ า

หลัง ขอบในสุดของกระดูกสะบักถึงเ 3 ตาแหน่ งจุดบริเวณหลัง


ส้นกลางหลัง นิยมนับจากลาดับของช่องระหว่าง
กระดูกสันหลังเป็ นเกณฑ์

แขน รอยพับรักแร้ดา้ นหน้าถึงรอยพั 9


บข้อศอกด้านใน

รอยพับข้อศอกด้านในถึงรอยพั 1
บข้อมือด้านใน 2

ขา ขอบบนกระดูกหัวเหน่ าถึงขอบ 1
บนกระดูกสะบ้า 8

ขอบล่างกระดูกสะบ้าถึงจุดกึง่ ก 1
ลางปุ่ มนูนตาตุม
่ ใน 3

ปุ่ มนูนกระดูกต้นขาถึงจุดกึง่ กล 1
างกระดูกสะบ้า 9

จุดกึง่ กลางกระดูกสะบ้าถึงจุดกึง่ 1
กลางปุ่ มนูนตาตุม
่ นอก 6

จุดกึง่ กลางปุ่ มนูนตาตุม


่ นอกถึง 3
ส้นเท้า

Go toTop
วิธก ่ ลายวิธี ซึง่ ต้องเลือกใช้ตามส่วนต่าง ๆ
ี ารหาตาแหน่ งจุด มีอยูห
ของร่างกายให้เหมาะสม และสะดวกรวดเร็ว
1. วิธห
ี าโดยการแบ่งส่วน วิธน ี ี้นิยมใช้กบั จุดทีอ่ ยูต
่ าม แขน ขา
หรือลาตัว ซึง่ ไม่มจี ุดสังเกตทางกายวิภาคเป็ นตัวช่วยบอก เช่น
จุดซีเหมินอยูด ่ า้ นในของแขนท่อนล่าง ต่าจากรอยพับข้อศอกลงมา 7
ชุน
่ เนื่องจากเราทราบว่า ระยะห่างจากรอยพับข้อศอก
ถึงรอยพับข้อมือด้านใน ยาวเท่ากับ 12 ชุน ่
ดังนัน ่ ่าจากกึง่ กลางของระยะห่างนี้ลงมาอีก
้ ตาแหน่ งจุดซีเหมินจะอยูต
1 ชุน
่ นั่นเอง (รูป 11)

รูปที่ 11 ตาแหน่ งจุดซีเหมิน


2. วิธอ ี าศัยจุดสังเกตทางกายวิภาค (Anatomical landmarks)
เป็ นวิธท ี น
ี่ ิยมใช้มากทีส่ ุด วิธน ี ี้จะอาศัยจุดสังเกตต่าง ๆ
ทางกายวิภาคทีเ่ ห็น, คลาได้งา่ ยและชัดเจนมาช่วยหาตาแหน่ งจุด เช่น
จุดอิน ้ ถาง อยูต ่ รงกลางระหว่างหัวคิว้ ทัง้ สองข้าง
จุดซ่านจงอยูก ่ งึ่ กลางระหว่างหัวนมทัง้ สองข้อง เป็ นต้น
นอกจากนี้จุดบางจุดต้องให้ผป ู้ ่ วยอยูใ่ นเฉพาะท่าบางท่าเท่านัน้
จึงจะหาจุดได้ เช่น ให้ผป ู้ ่ วยอ้าปาก จะเห็นรอยบุม ๋ อยูห
่ น้าต่อรูหู
ซึง่ เป็ นจุดทิงกง หรือให้ผป ู้ ่ วยปล่อยแขนแนบกับลาตัว
ปลายสุดของนิว้ กลางทีท ่ าบด้านนอกของต้นขา
จะตรงกับจุดเฟิ งชือพอดี เป็ นต้น
3. วิธวี ดั โดยใช้นิ้วมือของผูป ้ ่ วย วิธน
ี ี้ใช้กบั จุดทีม
่ ีระยะห่างสัน ้
หรือใช้วดั ประกอบกับวิธท ี ง้ ั สองข้างต้น
โดยอาศัยความยาวของแต่ละส่วนของนิ้วมือของผูป ้ ่ วย (ไม่ใช้ผฝ
ู้ งั )
(รูปที่ 12)
Go toTop
จุดฝังเข็มทีใ่ ช้บอ
่ ย
จุดฝังเข็มนัน
้ มีมากมาย
เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ตอ
้ งการทีจ่ ะเป็ นคูม
่ ือปฏิบตั ม
ิ ากกว่าทีจ่ ะเป็ นตา
รา จึงได้ค ัดเลือกเฉพาะจุดทีม
่ ีความสาคัญและใช้บอ ่ ยประมาณ 100
กว่าจุด มาแนะนาให้ทราบถึงตาแหน่ ง, วิธก ี ารฝัง
และข้อควรระวังในการฝังเข็ม
เพือ่ ให้สะดวกแก่การจดจาขอชี้แจงในการหาตาแหน่ งจุดให้เ
ข้าใจ ณ ทีน
่ ี้กอ
่ น คือ
1. ลาดับในการแนะนาจุด
จะแนะนาเรียงไปตามลาดับของเส้นลมปราณทีจ่ ุดนัน
้ สัมพันธ์อยู่
จากนัน
้ จึงเป็ นการแนะนาจุดพิเศษนอกเส้นลมปราณ
โดยจะมีการแนะนาทางเดินของเส้นลมปราณให้ทราบก่อนแนะนาจุด
2. เกีย่ วกับเรียกชือ
่ ของจุดนัน
้ ปัจจุบน
ั มีวธิ เี รียกอยู่ 2 ระบบ
คือ
2.1 ระบบภาษาจีน
จะเรียกชือ ่ จุดเป็ นภาษาจีนทีเ่ รียกกันมาแต่เดิม
ซึง่ แต่ละจุดจะมีชอ ื่ ของมันไปเลย เช่น จุดเหอกู่ จุดอิน
้ ถาง
2.2 ระบบสากล
จะเรียกชือ ่ จุดตามเส้นปราณหลักทีจ่ ุดนัน ้ สังกัดอยู่
แล้วใส่เลขอารบิคบอกลาดับของจุดทีส่ งั กัดเส้นนัน ้ ๆ
โดยนับจุดทีอ่ ยูต ่ น้ ทางของลมปราณ เป็ นลาดับที่ 1 เช่น
เส้นลมปราณปอดมีจุดสังกัดรวม 11 จุด จุดที่ 7 ก็จะเรียกว่า จุด
Lung 7 หรือย่อเป็ น L 7 ซึง่ จะตรงกับชือ ่ จุดในภาษาจีนว่า
จุดเลีย่ เชวีย เป็ นต้น ส่วนจุดทีอ่ ยูน
่ อกเส้นลมปราณก็เรียกเป็ น Extra
point เช่น จุด อิน ้ ถาง ตรงกับ จุด Ex 1 เป็ นต้น
ในทีน ่ ี้จะเรียกตามระบบสากลแล้วมีชอ ื่ ระบบจีนต่อท้าย
3. เกีย่ วกับสรรพคุณในการรักษาของแต่ละจุด เช่น จุด L 5
ฉื่อเจ๋อ มีสรรพคุณหลักในการรักษาอาการไอ, หอบ, เจ็บคอ
และเจ็บแน่ นหน้าอก ในทีน ่ ี้ได้เว้นทีจ่ ะแนะนาเช่นนี้
เพราะในทางปฏิบตั แ ิ ล้ว
การเลือกจุดฝังเข็มไม่ได้เลือกจุดใดจุดเดียวเท่านัน ้
และการกาหนดแผนการรักษาเลือกจุดก็กาหนดจากการวิเคราะห์อาก
ารและโรคของผูป ้ ่ วยก่อน
แล้วจึงมาฝังในจุดทีก ่ าหนดในแผนการรักษา มิใช่วา่ มาไล่ดวู า่
จุดไหนมีสรรพคุณอะไร แล้วเลือกแทงจุดนัน ้ เลย
การใช้จุดจึงได้แนะนาอยูใ่ นบทของการรักษาต่างหากออกไป
4. ในภาพทีแ
่ สดงถึงทางเดินของเส้นลมปราณนัน

 ตัวเลขอารบิคทีก ่ ากับอยู่
แสดงถึงทางเดินของเส้นแต่ละช่วงทีส่ าคัญ
คาอธิบายเกีย่ วกับทางเดินของเสนนัน
้ อธิบายตามตัวเลขทีก
่ ากับ
 เส้นทึบ _____ หมายถึง ช่วงทางเดินทีม ่ ีจุดฝังเข็มอยู่
เส้นประ- - - - หมายถึง ช่วงทางเดินทีไ่ ม่มีจุดฝังเข็ม
 แสดงถึง ตาแหน่ งจุดแทงเข็มประจาเส้นปราณนัน
้ ๆ
 แสดงถึง ตาแหน่ งจุดแทงเข็มของเส้นปราณเส้นอืน

ทีเ่ ส้นลมปราณนัน
้ ตัดผ่าน
Go toTop

1. เส้นลมปราณปอด (The Lung


Channel)
1. เริม
่ ต้นจากกลางท้อง
ลงมาสัมพันธ์กบั ลาไส้ใหญ่
2.
ย้อนไปโอบล้อมกระเพาะอาหาร
3. ทะลุผา่ นกระบังลม
4. ไปสังกัดอยูก ่ บั ปอด
5.
ผ่านเฉี ยงจากแอ่งเหนือกระดูกสัน
อก มาอยูช ่ น ้ ั ตืน
้ ทีบ ่ ริเวณหัวไหล่
6, 7, 8, 9, 10, 11, 12.
ทอดลงมาตามด้านหน้าของแขน
มาสิน ้ สุดทีป่ ลายนิว้ หัวแม่มือ
13.
มีแขนงแยกไปตรงบริเวณข้อมือไ
ปสิน้ สุดทีป่ ลายนิว้ ชี้
จุดสาคัญในเส้นปราณปอด ได้แก่

L 1 จุดจงฟุ
ตาแหน่ ง ด้านข้างของทรวงอก ในช่องซีโ่ ครงที่
1, 6 ชุน ่ จากแนวกลางอก
และอยูใ่ ต้กระดูกไหปลาร้า 1 ชุน ่
วิธแ
ี ทง แทงราบ 1 ซม. ต้องระมัดระวัง
จุดบางจุดเป็ นจุดทีอ่ าจทาให้เกิดอันตรายต่ออวัยว
ะทีอ่ ยูใ่ กล้เคียงจุด
ดังนัน้ ต่อไปจุดฝังเข็มทีเ่ ป็ นบริเวณทีจ่ ะก่อให้เกิด
อันตราย จะมีขอ ้ ความ “ต้องระมัดระวัง”
ข้างท้ายของวิธแ ี ทง
L 5 จุดฉื อเจ๋อ
ตาแหน่ ง ตรงรอยพับของข้อศอก
ชิดกัขอบนอกของเอ็นกล้ามเนื้อ Biceps
brachii
วิธแ
ี ทง แทงตรงลึก 1-2 ซม.
L 7 จุดเลีย่ เชวีย
ตาแหน่ ง 1.5 ชุน ่ เหนือรอยพับข้อมือ
อยูท ่ างด้านกระดูกเรเดียส หรือ
ให้ผป ู้ ่ วยเอาง่ามมือทัง้ สองข้างประสานเข้าหากัน
ให้ปลายนิ้วชี้วางทาบอยูบ ่ นปุ่ มกระดูกแขนนอก
(Styloid process of the radius)
จะคลาได้แอ่งเล็ก ๆ ทีบ ่ ริเวณปลายนิว้ ชี้
คือจุดนี้เอง
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยงขึน ้ ไปหาข้อศอก 1-2 ซม.
L 9 จุดไท่หยวน
ตาแหน่ ง
ปลายนอกสุดของรอยพับข้อมือด้านหน้า
ตรงกับแอ่งชีพจร
วิธแี ทง ใช้นิ้วดันให้เส้นเลือดเรเดียล (Radial
artery) เลือ
่ นออกไป เล็กน้อยก่อน แล้วแทงตรง
0.5 ซม.

L 11 จุดซ่าวซาง
ตาแหน่ ง
อยูห่ า่ งจากมุมล่างด้านนอกของโคนเล็บนิ้วหัวแม่
มือออกมาประมาณ 0.1 ชุน ่
วิธแ
ี ทง แทงตืน ้ ประมาณ 1-2 มม.

Go toTop

2. เส้นปราณลาไส้ใหญ่ (The Large


Intestine Channel)
1. เริม
่ ทีป
่ ลายนิ้วชี้
2 – 7.
ย้อนขึน ้ มาตามแขนด้านนอกจนถึงหัวไหล่
8. ข้ามไหล่ไปยังกระดูกสันหลังคอ
9. แทงทะลุมาทางด้านหน้า
มาโผล่ทแ ี่ อ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า
(เชวียเผิน)
10 –12. ผ่านลงไปยังปอด, ทะลุกระบังลม
ไปสังกัดอยูท ่ ลี่ าไส้ใหญ่
13 –14.
มีแขนงแยกออกจากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้
้ ไปตามลาคอ
าขึน
จนถึงมุมปาก
15. มีแขนงแทงลึกลงไปถึงเหงือกล่าง
16.
ส่วนทีเ่ หลือผ่านเหนือริมฝี ปากข้ามไปสิน
้ สุดที่
มุมปี กจมูกด้านตรงกันข้าม
จุดสาคัญในเส้นปราณลาไส้ใหญ่ ได้แก่

LI 4 จุดเหอกู่
ตาแหน่ ง 1. กางนิ้วหัวแม่มือออก
ใช้หวั แม่มืออีกข้างวางทาบบนง่ามมือระหว่างนิ้วหัว
แม่มือ และนิว้ ชี้
โดยให้ขอ ้ ต่ออันปลายทาบบนขอบง่ามมือ
ตรงปลายหัวแม่มือทีท ่ าบอยูจ่ ะตรงจุดนี้พอดี
2. คว่ามือ ให้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้แนบชิดกัน
จุดสูงสุดของกล้ามเนื้อทีน ้ มา
่ ูนขึน
ระหว่างนิ้วทัง้ สอง คือ จุดเหอกู่
วิธแ
ี ทง แทงตรง
ให้ปลายเข็มชี้ไปทางข้อมือเล็กน้อย ลึก 1-2 ซม.

LI 11 จุดชวีฉือ
ตาแหน่ ง งอข้อศอกเป็ นมุมฉาก
จุดนี้จะอยูป
่ ลายสุดทางด้านนอกของรอยพับข้อศอก
วิธแ
ี ทง แทงตรง 2-3 ซม.

LI 14 จุดปี้ น่ าว
้ มา 7 ชุน
ตาแหน่ ง เหนือจุดชวีฉือขึน ่
ตรงปลายของกล้ามเนื้อ Deltoid
วิธแ
ี ทง แทงตรงหรือแทงเฉี ยงขึน้ บน 2-3 ซม.
LI 15 จุดเจียนหวี
ตาแหน่ ง ยกต้นแขนให้อยูใ่ นระดับเดียวกับไหล่
ตรงปลายหัวไหล่จะมีแอ่งบุม ๋ ระหว่างปลายนอกสุดข
องกระดูกไหปลาร้า และหัวกระดูกต้นแขน
จะเป็ นตาแหน่ งของจุดนี้
วิธแ
ี ทง แทงตรงลึก 1-2 ซม.

LI 18 จุดฟูตู้
ตาแหน่ ง ด้านข้างของลูกกระเดือก 3 ชุน

วิธแ
ี ทง แทงตรง 0.5 ซม.

LI 19 จุดเหอเหลียว
ตาแหน่ ง ใต้จมูก, ด้านข้างของจุด Du 26 เยิน
่ จง
โดยทีจ่ ุดเยิน
่ จง อยูแ
่ นวกลาง
ระหว่างจมูกและริมฝี ปากบน
วิธแ
ี ทง แทงเฉี ยง 0.2-0.5 ซม.
LI 20 จุดหยิงเซียง
ตาแหน่ ง ข้างจมูก 0.5 ชุน ่ บนรอยบุม

Nasolabrial groove
วิธแี ทง แทงราบ หรือแทงเฉี ยง ลึก 0.2-0.5 ซม.

Go toTop

3. เส้นปราณกระเพาะอาหาร (The
Stomach Channel)
1.เริม่ จากปี กจมูก
2. ขึน ้ ไปตามสันจมูก ไปยังมุมตาใน
3. วกลงมาทีข ่ อบตาล่าง
แล้วดิง่ ตรงลงมาถึงระดับปี กจมูก
4. วกไปผ่านเหงือกบน
5-6.
โค้งรอบมุมปากมายังจุดกึง่ กลางใต้รม ิ ฝี ปากล่
าง
7-11. ไปตามขอบขากรรไกรล่าง
้ ไปตามชายผมจนถึงหน้าผาก
ขึน
12-13. มีแขนงแยกลงมาตามลาคอ
มายังแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า
14-15. จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า
มีแขนงพุง่ ลงไปผ่านกระบังลม
ไปสังกัดกระเพาะอาหารและสัมพันธ์กบั ม้าม
16-24. จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า
มีอีกแขนงหนึ่งผ่านลงมายังหัวนม,
ลงมาตามผนังหน้าท้อง ลงไปตามขา
ผ่านขอบนอกของกระดูกสะบ้าไปสิน ้ สุดทีป ่ ลา
ยนิ้วชี้เท้า
25-26.
ใต้กระดูกสะบ้าเล็กน้อยมีแขนงแยกลงมาตาม
ขา มาสิน ้ สุดทีป
่ ลายนิ้วกลางซ้าย
27.
ทีบ่ ริเวณหลังมีแขนงแยกไปสิน ้ สุดทีป
่ ลายด้า
นในของนิ้วหัวแม่เท้า

จุดสาคัญในเส้นปราณกระเพาะอาหาร ได้แก่

St 2 จุดซือ
่ ไป๋
ตาแหน่ ง
๋ ต่าลงมาจากจุดกึง่ กลางของขอบต
รอยบุม
าล่าง 1 ชุน ่ ซึง่ จะตรงกับรูใต้เบ้าตา
วิธแ ี ทง แทงตรง 0.2-0.5 ซม.
St 3 จุดจวี้เหลียว
ตาแหน่ ง ใต้จุดซือ ่ ไป๋ (St 2) ลงมา
ตรงกับระดับมุมล่างของปี กจมูกพอดี
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยงหรือราบ ลงมาข้างล่าง
ลึก 0.5 ซม.
St 4 จุดตีค ้ ัง
ตาแหน่ ง ด้านข้างของมุมปาก 0.5
ชุน ่ ตรงกับเส้นแนวดิง่ ทีล่ ากผ่าน
กึง่ กลางตาดา
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยงออกไปด้านนอก ลึก 1
ซม.
St 5 จุดต้าหยิง
ตาแหน่ ง จุดต่าสุดของด้านหน้าของขอบ
กล้ามเนื้อ Masseter
วิธแ ี ทง แทงตรง 0.5 ซม.
St 6 จุดเจีย๋ เชอ
ตาแหน่ ง อยูเ่ ยือ ้ งมาทางด้านหน้า
และเฉี ยงขึน ้ บน
ห่างจากมุมขากรรไกรล่าง 1 ชุน ่
จะเป็ นตาแหน่ งทีอ่ ยูบ ่ นกล้ามเนื้อ
Masseter
คลาได้กล้ามเนื้อนูนขึน ้ มาเมือ
่ ทาท่าขบก
ราม
วิธแ ี ทง แทงตรง 0.5 ซม.
St 8 จุดโถ่วเหว่ย
ตาแหน่ ง อยูเ่ ลยมุมชายผมด้านหน้า 0.5
ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงราบ 1 ซม.
ปลายเข็มชี้ไปทางด้านหน้า
หรือด้านหลังก็ได้
St 21 จุดเหลียงเหมิน
ตาแหน่ ง 2 ชุน ่ ด้านข้างต่อแนวกลาง
และ 4 ชุน ่ เหนือสะดือ
จุดนี้อยูด
่ า้ นข้างต่อ Ren 12 จงวาน
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
ต้องระมัดระวัง
St 25 จุดเทียนซู
ตาแหน่ ง อยูด ่ า้ นข้างของสะดือ
ห่างออกมา 2 ชุน ่
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

St 29 จุดกุย้ หลาย
ตาแหน่ ง ใต้จุด St 25 เทียนซู ลงมา 4
ชุน

วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

St 35 จุดตูป๋ ี๋
ตาแหน่ ง งอเข่า
คลาพบแอ่งบุม ๋ ทีข
่ อบนอกของเอ็นสะบ้า
ตรงกับระดับขอบล่างของลูกสะบ้าพอดี
คือ ตาแหน่ งจุดนี้
วิธแ
ี ทง แทงเฉี ยงเข้าไปทางกระดูกสะบ้า
2-4 ซม.
St 36 จุดจูซ
๋ านหลี่
ตาแหน่ ง ใต้จุดตูป ๋ ี๋ ลงมา 3 ชุน

ห่างจากขอบกระดูกหน้าแข้ง (กระดูก
Tibia) ออกมาทางด้านนอก 1 ชุน ่
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
St 38 จุดเตียวคู
ตาแหน่ ง ใต้จุด St 36 จูซ
๋ านหลี่ 5 ชุน

และ 1 นิ้วมือจากขอบกระดูกหน้าแข้ง
วิธแ
ี ทง แทงตรง 2-3 ซม.

St 40 จุดเฟิ งหลง
ตาแหน่ ง
จุดกึง่ กลางของเส้นสมมติทลี่ ากเชือ
่ มระห
ว่างจุด St 35 ตูป๋ ี๋
กับจุดกึง่ กลางตาตุม ่ นอก
วิธแ
ี ทง แทงตรง 2-3 ซม.
St 44 จุดเน่ ยถิง
ตาแหน่ ง จุดทีอ่ ยูห
่ า่ งจากง่ามนิ้วเท่าที่ 2
และ 3 เข้ามา 0.5 ชุน ่
วิธแ
ี ทง แทงตรงหรือแทงเฉี ยง 1 ซม.
่่ Go toTop
4. เส้นลมปราณม้าม (The Spleen
Channel)
1. เริม
่ ต้นจากปลายนิ้วหัวแม่เท้า
2-7. ผ่านมาตามด้านหน้าของตาตุม ่ ด้านใน,
ด้านในของขาและต้นขา
8-9. เมือ่ ผ่านขาหนีบ ก็จะเข้าสูท่ อ
้ ง
ไปสังกัดต่อม้าม
และสัมพันธ์กบั กระเพาะอาหารด้วย
10-12. ผ่านผนังกระบังลมขึน ้ มา
ขนาบสองข้างของหลอดอาหารไปสิน ้ สุดทีล่ น
ิ้
13-14.
มีแขนงแยกจากบริเวณกระเพาะอาหาร
ผ่านกระบังลมมาสิน ้ สุดทีห
่ วั ใจ

จุดสาคัญในเส้นปราณม้าม ได้แก่

Sp 3 จุดไท้ไป๋
ตาแหน่ ง เหนือข้อต่อกระดูกหัวแม่เท้าข้อแรก
และอยู่ ทางด้านใน
วิธแ
ี ทง แทงตรงลึก 0.5-1 ซม.
Sp 4 จุดกงซุน
ตาแหน่ ง รอยบุม ๋ บริเวณใต้ตอ ่ ฐานของกระดูก
Metatarsal bone อยูท ่ างด้านใน
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
Sp 6 จุดซานยินเจียว
ตาแหน่ ง ขอบหลังของกระดูกหน้าแข้ง
เหนือตาตุม ่ ด้านใน 3 ชุน่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-3 ซม.

Sp 9 จุดหยินหลิงเฉวียน
ตาแหน่ ง
แอ่งบุม
๋ ชิดขอบหลังปุ่ มกระดูกด้านในของกระ
ดูกหน้าแข้ง (medial epicondyle of the
tibia)
วิธแ
ี ทง แทงตรง ลึก 2-3 ซม.

Sp 10 จุดเสวียะห่าย
ตาแหน่ ง ให้ผป ู้ ่ วยงอเข่าเป็ มมุมฉาก
แพทย์ผฝ ู้ งั ใช้มือวางทาบบนหัวเข่าขวาของผู้
ป่ วย ให้องุ้ มือทาบบนกระดูกสะบ้า
นิ้วหัวแม่มือซ้ายกางออกเล็กน้อย
ทามุมกับนิ้วชี้ซา้ ยประมาณ 45 องศา
ปลายนิ้วหัวแม่มือซ้ายจะตรงกับจุดนี้พอดี
ซึง่ จะเป็ นตาแหน่ งทีอ่ ยูเ่ หนือขอบบนกระดูกส
ะบ้าขึน ้ มา 2 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยง 2-3 ซม.
Sp 15 ต้าเหิง
ตาแหน่ ง ด้านข้างของสะดือ 4 ชุน

วิธแ
ี ทง แทงตรง 2-3 ซม

Go toTop
5. เส้นลมปราณหัวใจ (The Heart
Channel)
1. เริม
่ ต้นออกจาก
ใจกลางของหัวใจ
2. ผ่านกระบังลม
มาสัมพันธ์กบั ลาไส้เล็ก
3-5. มีแขนงออกจากหัวใจ
้ มาตามคอหอย ไปจนถึงตา
ขึน
6-11.
มีอีกแขนงหนึ่งออกจากหัวใจ
โค้งผ่านปอด มาทะลุทรี่ กั แร้
แล้วผ่านลงมาตามด้านในของ
แขน ไปสิน ้ สุดทีป
่ ลายนิ้วก้อย

จุดสาคัญในเส้นปราณหัวใจ ได้แก
่่

He 5 จุดทงลี่
ตาแหน่ ง เหนือจุด He 7 เซินเหมิน 1 ชุน

ขอบนอกของเส้นเอ็น Flexor carpi ulnaris
วิธแ
ี ทง แทงตรง 0.5-1 ซม.
He 6 จุดหยินซี
ตาแหน่ ง เหนือ จุด He 7 เซินเหมิน 0.5 ชุน

วิธแี ทง แทงตรง 0.5-1 ซม.
He 7 จุดเซินเหมิน
ตาแหน่ ง
แอ่งบุม๋ ในสุดตรงรอยพับข้อมือชิดขอบในของเส้
นเอ็น Flexor carpi ulnaris
วิธแ
ี ทง แทงตรง 0.5 ซม.

He 9 จุดเส้าชง
ตาแหน่ ง ขอบของนิ้วก้อยไปทางกระดูกเรเดียส,
2 มม. เหนือต่อเล็บ
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 มม.

Go toTop
6. เส้นปราณลาไส้เล็ก (The Small
Intestine Channel)
1. เริม
่ ต้นจากปลายนิ้วก้อย
2-5. ผ่านขึน ้ ไปตามหลังมือ,
แขน จนถึงไหล่
6-8. วกลงมาทีก ่ ระดูกสะบัก
แล้วพาดข้ามไหล่มายังแอ่งเหนือ
กระดูกไหปลาร้า ทางด้านหน้า
9-13.
จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า
ทอดแทงลึกลงมาสัมพันธ์กบั หัวใ
จ วนผ่านหลอดอาหาร
ผ่านกระบังลม, ผ่านกระเพาะ
จนมาสังกัดอยูท ่ ลี่ าไส้เล็ก
14-18.
มีแขนงแยกขึน ้ มาตามลาคอ
ผ่านขากรรไกรล่าง
ไปจนถึงมุมตานอก
แล้ววกลงมาเข้าไปสิน ้ สุดในหู
19-20. ทีบ ่ ริเวณขากรรไกรล่าง
มีแขนงหนึ่งแยก
ผ่านโหนกแก้มไปสิน ้ สุดทีม
่ ุมตาใ

จุดสาคัญในเส้นปราณลาไส้เล็ก ได้แก่
SI 3 จุดโฮ่วซี
ตาแหน่ ง กามือ
จุดนี้จะอยูท
่ ป
ี่ ลายสุดของรอยพับของเส้นลายมือขว
างบริเวณนิ้วก้อย
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

SI 6 จุดหยางเหอ
ตาแหน่ ง รอยบุม ๋ ของกระดูกอัลนา
ทางด้านนิ้วกลาง (Radial side styloid
process of the ulna)
วิธแี ทง แทงเฉี ยง 1 ซม. ไปทางจุด Pe 6
เน่ ยกวาน

SI 9 จุดเจียนเจิน
ตาแหน่ ง เมือ ่ แนบแขนชิดลาตัว
้ ไป
จุดนี้จะอยูเ่ หนือปลายรอยพับรักแร้ดา้ นหลังขึน
1 ชุน่
วิธแ
ี ทง แทงตรง 2-3 ซม.
SI 10 จุดน่ าวซู
้ ไป
ตาแหน่ ง อยูเ่ หนือจุดเจียนเจินขึน
เป็ นกระดูกแอ่งบุม๋ ใต้ปลายหนามกระดูกสะบัก
(Scapular spine)
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

SI 17 จุดเทียนหย่ง
ตาแหน่ ง ด้านข้างของกระดูกขากรรไกร
หน้าต่อกล้ามเนื้อSternocleidomas- toideus
วิธแ ี ทง แทงตรง 1 ซม.
SI 18 จุดเฉวียนเหลียว
ตาแหน่ ง ขอบล่างของกระดูกโหนกแก้ม
(Zygomatic bone)
ตรงกับแนวดิง่ ทีล่ ากจากมุมตาด้านนอกลงมา
วิธแ ี ทง แทงตรง 0.5-1 ซม.
SI 19 จุดทิงกง
ตาแหน่ ง เมือ ่ อ้าปากจะคลาพบ
แอ่งบุม ๋ หน้าติง่ รูหพ
ู อดี
ซึง่ จะอยูช ่ ด
ิ ขอบหลังของข้อต่อขากรรไกร
(Temperomandibular joint)
วิธแ ี ทง แทงตรง 0.5 ซม.

Go toTop
7. เส้นปราณกระเพาะปัสสาวะ (The Urinary
Bladder Channel)
1. เริม
่ ต้นจากมุมตาใน
2-3. ขึน้ ไปทีห
่ น้าผาก
แล้วพาดข้ามยอดกระหม่อม
4. มีแขนงแยกลงมาทางด้านหลังหู
5-9.
ตรงยอดกระหม่อมมีแขนงย่อยแทงลึกลงไ
ปติดต่อกับสมอง
เส้นลมปราณผ่านต่อไปยังท้ายทอย
แล้วทอดดิง่ ลงมาขนาบข้างอยูก ่ บั แนวกระ
ดูกสันหลังลงไปจนถึงเอว
10. มีแขนงแยกไปสัมพันธ์กบั ไต
11.
ผ่านจากไตลงไปสังกัดอยูก่ บั กระเพาะปัสส
าวะ
12-13. เส้นลมปราณผ่านกระดูกก้นกบ
ต่อไปยังสะโพก, ด้านหลังต้นขา
จนถึงข้อพับเข่า
14-16. จากท้ายทอยมีเส้นแขนงอีกเส้น
ทอดขนานมาตามแนวดิง่ ชิดขอบในกระดู
กสะบัก ผ่านสะโพก, ด้านหลังต้นขา
มาบรรจบกับเส้นลมปราณเดิมทีข ่ อ
้ พับเข่า
17-21. จากข้อพับเข่า รวมเป็ นเส้นเดียว
ทอดลงมาผ่านน่ อง
แล้วหักเฉไปทางด้านนอกของขา
ไปจนถึงส้นเท้า
แล้วทอดไปตามขอบนอกฝ่ าเท้าไปสิน ้ สุดที่
ปลายนิ้วเท้าที่ 5

จุดสาคัญในเส้นปราณกระเพาะปัสสาวะ ได้แก่
UB 2 จุดจ่านจู๋
ตาแหน่ ง ปลายสุดของหัวคิว้
ตรงกับแนวดิง่ ทีผ
่ า่ นมุมตาด้านใน
วิธแ
ี ทง แทงตรง 0.5-0.8 ซม.

UB 10 จุดเทียนจู๋
ตาแหน่ ง ด้านข้างต่อจุด Du 15 ย่าเหมิน,
1.3 ชุน ่
วิธแ
ี ทง แทงตรงหรือแทงเฉี ยง 1-2 ซม.
UB 11 ต้าซู่
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) อกที่ 1
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม. ต้องระมัดระวัง
UB 13 จุดเฟ่ ยซู
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) อกที่ 3
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
UB 15 จุดซินซู
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) อกที่ 5
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม. ต้องระมัดระวัง
UB 17 จุดเก๋อซู
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) อกที่ 7
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม. ต้องระมัดระวัง
UB 18 จุดกานซู
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) อกที่ 9
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
UB 19 จุดต้านซู
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) อกที่ 10
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
UB 20 จุดผีซู
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) อกที่ 11
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
UB 21 จุดเว่ยซู
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) อกที่ 12
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
UB 23 จุดเซิน ่ ซู
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) เอวที่ 2
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
UB 25 จุดต้าฉางซู
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลัง
(Spinous process) เอวที่ 4
ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
UB 27 จุดเสียวช่างซู
ตาแหน่ ง
ทีร่ ะดับปุ่ มหนามกระดูกกระเบนเหน็บที่ 1
(S 1) ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1 ซม.
UB 28 จุดผังกวางซู
ตาแหน่ ง
ทีร่ ะดับปุ่ มหนามกระดูกกระเบนเหน็บที่ 2
(S 2) ออกมาทางด้านข้าง 1.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1 ซม.
UB 40 จุดเหว่ยจง
ตาแหน่ ง จุดกึง่ กลางของรอยพับเข่า
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
UB 54 จุดจื้อเปี ยน
ตาแหน่ ง
ทีร่ ะดับปุ่ มหนามกระดูกกระเบนเหน็บที่ 4
(S 4) ออกมาทางด้านข้าง 3 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

UB 60 จุดคุนหลุน
ตาแหน่ ง
แอ่งบุม ๋ กึง่ กลางระหว่างขอบหลังของตาตุม
่ น
อก กับขอบในของเอ็นร้อยหวาย
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
UB 62 จุดเซินหม่าย
ตาแหน่ ง ใต้กระดูกตาตุม ่ ด้านนอก 0.5 ชุน

วิธแี ทง แทงตรง 0.5-0.8 ซม.
UB 67 จุดจื้อยิน
ตาแหน่ ง
ห่างจากมุมนอกของโคนเล็บนิ้วเท้าที่ 5
ออกมา 0.1 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 มม.

Go toTop
8. เส้นลมปราณไต (The Kidney Channel)
1. เริม ่ ต้นทีป
่ ลายนิ้วเท้าที่ 5
2-3.
พาดข้ามฝ่ าเท้ามาวนเป็ นวงอยูห ่ ลังตาตุม
่ ใ

4. แทงเข้าไปในส้นเท้า
5-8. ขึน ้ มาตามด้านในของขา, เข่า, ต้นขา
แล้วผ่านเข้าไปในกระดูกสันหลังไปสังกัดอ
ยูก
่ บั ไต
9.
มีเส้นไปสัมพันธ์กบั กระเพาะปัสสาวะด้วย
10-14. มีเส้นลมปราณออกจากไต
ขึน้ มาผ่านตับ, กระบังลม, ปอด, คอหอย
แล้วไปสิน ้ สุดทีโ่ คนลิน ้
15. ในระหว่างทีผ ่ า่ นปอด
มีเส้นแขนงทีแ ่ ยกออกมาไปสัมพันธ์ตด ิ ต่อ
กับเส้นหัวใจ

จุดสาคัญในเส้นปราณไต ได้แก่

Ki 3 จุดไท่ซี
ตาแหน่ ง
แอ่งบุม
๋ ระหว่างขอบหลังของตาตุม ่ ด้า
นใน และขอบในของเอ็นร้อยหวาย
ในระดับเดียวกับจุดนูนทีส่ ุดของตาตุม

ด้านใน
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
Ki 6 จุดเจ้าห่าย
ตาแหน่ ง อยูใ่ ต้กระดูกตาตุม
่ ด้านใน 1
ชุน

วิธแ ี ทง แทงตรง 0.5-1 ซม.

Ki 7 จุดฟุเหลียว
ตาแหน่ ง ด้านหน้าของเอ็นร้อยหวาย
เหนือตาตุม่ ด้านใน 2 ชุน่
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
Ki 8 จุดเจียวซิน่
ตาแหน่ ง ขอบหลังของกระดูกทิเบีย
เหนือตาตุม ่ ด้านใน 2 ชุน ่ , หน้าต่อจุด
Ki 7 ฟุเหลียว 0.5 ชุน่
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

Go toTop
9. เส้นปราณเยือ่ หุม
้ หัวใจ (The
Pericardium Channel)
1.
เริม
่ ต้นออกจากเยือ่ หุม ้ หัวใจกล
างทรวงอก
2-3.
ผ่านกระบังลมลงมาสัมพันธ์ตด ิ
ต่อกับ เส้นปราณซานเจียว
4-5.
มีแขนงแยกออกมาผ่านทรวงอ
ก ทะลุบริเวณข้างลาตัว
ใต้รกั แร้
6-11.
ทอดผ่านลงมาในแนวกลางด้าน
ในของแขน, ฝ่ ามือ
ไปสิน ้ สุดทีป
่ ลายนิว้ กลาง
12. จากบริเวณใจกลางฝ่ ามือ
มีแขนงแยกย่อยไปสิน ้ สุดทีป
่ ลา
ยนิ้วนาง

จุดสาคัญในเส้นปราณเยือ่ หุม
้ หัวใจ ได้แก่

Pe 4 จุดซิเหมิน
ตาแหน่ ง อยูร่ ะหว่างเอ็นของกล้ามเนื้อ Palmaris
longus และ Flexor carpi radialis,
เหนือรอยพับข้อมือ 5 ชุน ่
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
Pe 6 จุดเน่ ยกวาน
ตาแหน่ ง กามือให้แน่ น
จะเห็นเส้นเอ็นสองเส้นอย่างชัดเจนทีบ่ ริเวณข้อมือด้
านหน้า คือ Palmaris longus และ Flexor
carpi radialis, เหนือรอยพับข้อมือ 2 ชุน

วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

Pe 7 จุดต้าหลิง
ตาแหน่ ง
จุดกึง่ กลางของรอยพับข้อมือด้านหน้าระหว่างเส้นเ
อ็นทัง้ สองทีก
่ ล่าวมาแล้ว
ในจุดเน่ ยกวานและซิเหมิน
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

Go toTop
10. เส้นปราณซานเจียว (The Sanjiao
Channel)
1. เริม
่ ต้นจากปลายนิ้วนาง
2-8. ผ่านขึน ้ มาตามหลังฝ่ ามือ,
แขน, หัวไหล่
9.
พาดข้ามไหล่มายังแอ่งเหนือกระดูก
ไหปลาร้า
10-11.
ผ่านทรวงอกไปสัมพันธ์อยูก ่ บั เยือ่ หุ้
มปอด
แล้วทอดผ่านกระบังลมผ่านไปยังกล
างท้อง
2-16. จากกลางทรวงอก
มีแขนงย้อนกลับมาทีแ ่ อ่งเหนือกระ
ดูกไหปลาร้า
วกไปยังต้นคอด้านหลัง
แล้วทอดขึน ้ มาหลังใบหู
แล้วขึน้ ต่อไปยังชายผมใกล้หน้าผาก
17-19.
จากใบหูมีแขนงผ่านไปยังใบหู
แล้วมาโผล่ทด ี่ า้ นหน้ารูหู
ไปสิน
้ สุดทีห ่ างคิว้
20. จากปลายทีช ่ ายผมใกล้หน้าผาก
มีแขนงย่อยมาสิน ้ สุดทีม
่ ุมตาในอีกที

จุดสาคัญในเส้นปราณซานเจียว ได้แก่
SJ 3 จุดจงจู๋
ตาแหน่ ง
อยูใ่ นร่องระหว่างกระดูกฝ่ ามืออันที่
4 และ 5 ทางด้านหลังมือ
ถัดจากง่ามนิว้ มือเข้ามา 1 ชุน

วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

SJ 5 จุดว่ายกวาน
ตาแหน่ ง อยูด ่ า้ นหลังของแขน
เหนือรอยพับข้อมือขึน ้ มา 2 ชุน

โดยอยูร่ ะหว่างปลายกระดูกทัง้ สองอัน
คือ กระดูกเรเดียส และกระดูกอัลนา
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
SJ 6 จุดจือโกว
ตาแหน่ ง เหนือจุดว่ายกวานขึน ้ มา 1
ชุน

วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
SJ 8 จุดซานหยางลั่ว
ตาแหน่ ง ระหว่างกระดูกเรเดียส
และกระดูกอัลนา เหนือข้อมือ 4 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
SJ 14 จุดเจียนเหลียว
ตาแหน่ ง
กางแขนขึน ้ ในแนวระดับหัวไหล่
จะพบรอยบุม ๋ สองอัน
จุดนี้อยูท่ บ
ี่ ริเวณรอยบุม๋ อันหลัง
(อยูห่ ลังเอ็นกล้ามเนื้อไบเซป)
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

SJ 17 จุดอี้เฟิ ง
ตาแหน่ ง รอยบุม ๋ หลังติง่ หู
ตรงระหว่างขากรรไกรล่าง (Angle
of the Mandible) และกระดูกกกหู
(Mastoid process)
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
SJ 21 จุดเอ๋อเหมิน
ตาแหน่ ง เมือ
่ อ้าปาก
จะคลาพบแอ่งบุม ๋ หน้าติง่ รูหเู หนือจุด
SI 19 ทิงกง ขึน ้ ไปเล็กน้อย
ตรงระดับรอยหยักบนของติง่ หู
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

Go toTop
11. เส้นปราณถุงน้าดี (The Gall Bladder
Channel)
1. เริม
่ ต้นจากมุมตานอก
2-4. ทอดเฉี ยงลงมาทีห ่ น้าใบหู
วกกลับขึน ้ ไปตามชายผม
แล้วโค้งไปยังด้านหลังใบหู
วกกลับมายังหน้าผากเหนือคิว้
แล้ววกย้อนกลับยังท้านทอยและต้น
คอ
5.
พาดข้ามไหล่มายังแอ่งเหนือกระดูก
ไหปลาร้า
6-8.
จากหลังใบหูมีแขนงเข้าไปในหู
มาทะลุทห ี่ น้าต่อรูหู
แล้วลงมาสิน ้ สุดทีป
่ ลายล่างของใบหู
9-13. จากมุมตานอก
มีแขนงทอดมาทีข ่ ากรรไกรล่าง
วกขึน้ ไปทีโ่ หนกแก้ม
แล้วย้อนกลับมาทีข ่ ากรรไกรล่าง
ทอดต่อลงไปรวมทีแ ่ อ่งเหนือกระดูก
ไหปลาร้า
14-20.
จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้ามีแข
นงทอดลึกลงไปในทรวงอก
ผ่านกระบังลมไปสัมพันธ์ตด ิ ต่อกับ
ตับ เข้าไปสังกัดอยูก ่ บั ถุงน้าดี
แล้วทอดลงไปตามชายโครง
21-25.
จากแอ่งเหนือกระดูกไหปลาร้า
มีแขนงอีกเส้นทอดออกมาผ่านใต้ร ั
กแร้ ลงไปตามสีขา้ ง
จนถึงบริเวณสะโพก
แล้ววกไปตามกระเบนเหน็บ
วกกลับมารวมกับแขนงตามหมายเล
ข 14 –20 ทีบ ่ ริเวณด้านข้างสะโพก
เป็ นเส้นเดียวกัน
26-31. จากด้านข้างสะโพก
ทอดมาตามด้านล่างของขา,
หลังเท้าไปสิน้ สุดทีป่ ลายนิ้วเท้าที่ 4
32. บริเวณหลังเท้ามีแขนงย่อย
ทอดข้ามไปสิน ้ สุดทีป
่ ลายนิ้วหัวแม่เ
ท้า

จุดสาคัญของเส้นปราณถุงน้าดี

GB 1 จุดถงจือ่ เหลียว
ตาแหน่ ง อยูห
่ า่ งจากมุมต่ดา้ นนอกออกมา 0.1 ชุน

วิธแ
ี ทง แทงเฉี ยง 1-2 ซม. ไปในแนวด้านข้าง

GB 2 จุดทิงฮุย่
ตาแหน่ ง รอยบุม ๋ ในท่าอ้าปาก
หน้าต่อติง่ รูหใู ต้จดุ ทิงกง
ในระดับรอยหยักของติง่ รูหู
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
GB 14 จุดหยางไป๋
ตาแหน่ ง จุดเหนือคิว้ 1 ชุน ่
ในแนวดิง่ ตรงกับลูกตาเมือ ่ มองตรงไปข้างหน้า
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยง 0.5-1 ซม.
GB 20 จุดเฟิ งฉื อ
ตาแหน่ ง
ลากเส้นตรงในแนวระดับจากปุ่ มกระดูกกกหู
(Mastoid Process) มายังบริเวณท้ายทอย
จนถึงจุดกึง่ กลางท้ายทอย
ซึง่ จุดนี้จะเลยขอบตีนผมไป 1 ชุน ่
จุดแบ่งครึง่ เส้นทีเ่ ชือ
่ มระหว่างปุ่ มกระดูกกกหู
และจุดกึง่ กลางท้ายทอยนี้
จะเป็ นตาแหน่ งของจุดเฟิ งฉื อ
วิธแี ทง แทงตรง โดยให้ทศ ิ ทางของปลายเข็ม
ชี้ไปทางลูกตาด้านตรงข้าม ลึก 2-3 ซม.
(ห้ามแทงลึกกว่านี้โดยเด็ดขาด) ต้องระมัดระวัง
GB 21 จุดเจียนจง
ตาแหน่ ง จุดสูงสุดทีอ่ ยูร่ ะหว่างจุด Du 14 ต้าจุย้
และปุ่ มกระดูก Acromian
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม. ต้องระมัดระวัง

GB 24 จุดยีห ่ ยู
ตาแหน่ ง ช่องซีโ่ ครงที่ 7 ในแนวกึง่ กลางราวนม
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยง 1-2 ซม. ต้องระมัดระวัง
GB 25 จุดจิงเหมิน
ตาแหน่ ง จุดต่าสุดของกระดูกซีโ่ ครงอันที่ 12
วิธแ
ี ทง แทงตรง 0.5-1 ซม.
GB 26 จุดต้ายหม่าย
ตาแหน่ ง ใต้จุด Liv 13 จางเหมิน,
อยูใ่ นระดับเดียวกับสะดือ
วิธแี ทง แทงตรง 1-3 ซม.
GB 30 จุดหวนแท่ว
ตาแหน่ ง ให้ผป ู้ ่ วยนอนตะแคง
งอขาเป็ นมุมฉากกับสะโพก
คลาหาปุ่ มนูนใหญ่ของกระดูกต้นขา (Greater
trochanter of the Femur)
วางนิ้วหัวแม่มือโดยให้รอยพับขวางของข้อนิ้วมือต
อนปลายวางอยูบ ่ นปุ่ มกระดูกนี้
ปลายนิ้วชี้มายังกระดูกก้นกบ
จุดนี้จะอยูป่ ลายสุดของนิ้วหัวแม่มือพอดี
อีกวิธห ี นึ่งคือ
ให้หาจุดทีอ่ ยูเ่ หนือปลายสุดของกระดูกก้นกบขึน ้ มา
1.5 ชุน ่
จากจุดนี้ลากเส้นตรงเชือ ่ มไปกับปุ่ มนูนใหญ่กระดูก
ต้นขา
ตาแหน่ งของจุดหวนแท่วจะเป็ นจุดทีแ ่ บ่งเส้นตรงนี้
ออกเป็ นส่วนนอก 1/3 และส่วนใน 2/3
วิธแี ทง แทงตรง 4-8 ซม.
GB 34 จุดหยางหลิงเฉวียน
ตาแหน่ ง แอ่งบุม ๋ ใต้ขอ
้ ต่อปุ่ มหัวกระดูกน่ อง
(Head of Fibula) เยือ ้ งมาทางด้านหน้าเล็กน้อย
วิธแ ี ทง แทงตรง 2-3 ซม.
GB 37 จุดสวนจง
ตาแหน่ ง อยูร่ ะหว่างกระดูกน่ องและเอ็นของกล้ามเ
นื้อ Peroneous longus & brevis
เหนือตาตุม ่ ด้านนอก 3 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

GB 40 จุดกิวซู
ตาแหน่ ง
อยูด ่ า้ นหน้าและใต้ตอ
่ กระดูกตาตุม
่ ด้านนอก
วิธแ
ี ทง แทงตรง 0.5-1 ซม.
GB 41 จุดหลิงกี
ตาแหน่ ง แอ่งบุม ๋ ระหว่างกระดูกนิ้วนางและนิ้วก้อย
เท้า (Metatarsal bone)
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
Go toTop
12. เส้นปราณตับ (The Liver Channel)

1-6. เริม ่ จากนิว้ หัวแม่มือเท้า


ทอดผ่านขึน ้ มาตามด้านในของขาจนถึง
ขาหนีบ
7-10.
วกกลับลงมาอวัยวะสืบพันธุ์แล้วแทงเข้า
ท้องน้อย ผ่านขึน ้ ไปยังกระเพาะอาหาร
ถุงน้าดี แล้วเข้าไปสังกัดอยูก ่ บั ตับ
11-17. ออกจากตับ
ผ่านกระบังลมขึน ้ มาตามชายโครง
ไปอยูด่ า้ นหลังของหลอดอาหาร, คอหอย
ทอดผ่านเข้าสูใ่ บหน้า
ผ่านตาขึน ้ ไปจนถึงกระหม่อม
18-19.
จากตามีแขนงทอดลงมาล้อมรอบริมฝี ปา

20-22. มีแขนงออกจากตับ
ผ่านกระบังลม
เข้าไปในปอดแล้ววกลงมาสิน ้ สุดทีก่ ระเ
พาะอาหาร

จุดสาคัญของเส้นลมปราณตับ ได้แก่

Liv 2 จุดซิงเจียน
ตาแหน่ ง
ขอบง่ามนิ้วระหว่างนิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วชี้
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
Liv 3 จุดไท่ชง
ตาแหน่ ง
อยูห ่ ลังฝ่ าเท้าระหว่างกระดูกฝ่ าเท้าที่ 1
และ 2 ห่างจากง่ามนิ้วเข้ามา 2 ชุน ่
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

Liv 8 จุดชูกวาน
ตาแหน่ ง ขอบรอยพับทีเ่ ข่าด้านใน
วิธแ
ี ทง แทงตรง 2-3 ซม.

Liv 13 จุดจางเหมิน
ตาแหน่ ง ขอบกระดูกซีโ่ ครงอันที่ 11
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-2 ซม.
Liv 14 จุดชีเหมิน
ตาแหน่ ง ช่องซีโ่ ครงที่ 6
ในแนวดิง่ แบ่งครึง่ กระดูกไหปลาร้า
วิธแ
ี ทง แทงเฉี ยง 1-2 ซม.
ต้องระมัดระวัง

Go toTop
13. เส้นปราณตูมา่ ย (The Du Mai
Channel)
1.
เริม
่ ต้นจากในช่องท้องน้อย
มาทะลุออกทีบ ่ ริเวณฝี เย็บ
2-5. ทอดไปทางด้านหลัง
ในแนวกึง่ กลางลาตัว
้ มาอยูภ
ตรงดิง่ ขึน ่ ายในลากระ
ดูกสันหลัง ผ่านท้ายทอย,
โค้งผ่านกระหม่อม
มายังหน้าผาก
แล้วทอดดิง่ ลงมาตามสันจมูก
มาสิน้ สุดทีจ่ ุดกึง่ กลางเหงือกบ

จุดสาคัญของเส้นปราณตูมา่ ย ได้แก่

Du 4 จุดมิง่ เหมิน
ตาแหน่ ง จุดใต้ปุ่มหนามกระดูกเอวที่ 2
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1 ซม.
Du 6 จุดจี้จง
ตาแหน่ ง จุดใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลังอกที่
11 ในแนวกึง่ กลางหลัง
วิธแี ทง แทงเฉี ยง 1 ซม.
Du 11 จุดซินเดา
ตาแหน่ ง จุดใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลังอกที่ 5
ในแนวกึง่ กลางหลัง
วิธแ
ี ทง แทงเฉี ยง 1 ซม.
Du 13 จุดเท่าเดา
ตาแหน่ ง จุดใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลังอกที่ 1
ในแนวกึง่ กลางหลัง
วิธแี ทง แทงเฉี ยง 1 ซม.

Du 14 จุดต้าจุย้
ตาแหน่ ง จุดใต้ปุ่มหนามกระดูกสันหลังคอที่ 7
ในแนวกึง่ กลางหลัง
วิธแ
ี ทง แทงเฉี ยง 1 ซม.

Du 20 จุดไป่ หุย้
ตาแหน่ ง
ลากเส้นเชือ ่ มระหว่างยอดใบหูทง้ ั สองข้าง
ตัดกับเส้นผ่าศูนย์กลางกะโหลกศีรษะจากหน้า
ไปหลัง จุดตัดของเส้นทัง้ สอง คือ
ตาแหน่ งของจุดไป่ หุย้
ซึง่ ห่างจากชายผมด้านหน้า 5 ชุน ่
และห่างจากตีนผมทีท ้ มา 7 ชุน
่ า้ ยทอยขึน ่
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยงไปด้านหลัง 0.5 ซม.

Du 26 จุดเหยินจง
ตาแหน่ ง แบ่งร่องเหนือริมฝี ปากออกเป็ น 2
ส่วน คือ ส่วนบน 1/3 และส่วนล่าง 2/3
จุดตัดของส่วนแบ่งทัง้ สองนี้คอ
ื จุดเหยินจง
วิธแ ้ บน 0.5 ซม.
ี ทง แทงเฉี ยงขึน
Go toTop
14. เส้นปราณเยิน
่ ม่าย (The Ren Mai
Channel)
1.
เริม่ ต้นจากภายในช่องท้องน้อย
แทงออกมาทีบ ่ ริเวณฝี เย็บ
2-5.
อ้อมมาทางด้านหน้าในแนวกึง่ กล
างของลาตัว
โดยผ่านบริเวณหัวหน่ าว, ท้อง,
ทรวงอก, คอหอย
จนถึงริมฝี ปากล่าง
6-7.
จากนัน ้ แยกโค้งรอบริมฝี ปากทัง้ ส
องข้างขึน ้ ไปสิน
้ สุด
ทีร่ ูกระบอกตาล่าง (Infraorbital
foramen)

จุดสาคัญเส้นปราณเยิน
่ ม่าย ได้แก

Ren 3 จุดจงจี๋
ตาแหน่ ง แนวกึง่ กลางลาตัว ใต้สะดือ 4 ชุน

วิธแ
ี ทง แทงตรง 2-3 ซม.
Ren 4 จุดกวานหยวน
ตาแหน่ ง แนวกึง่ กลางลาตัว ใต้สะดือ 4 ชุน ่
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1-1.5 ซม.
Ren 6 จุดชีห ่ า่ ย
ตาแหน่ ง แนวกึง่ กลางลาตัว ใต้สะดือ 1.5 ชุน ่
วิธแี ทง แทงตรง 2-3 ซม.
Ren 12 จุดจงวาน
ตาแหน่ ง แนวกึง่ กลางลาตัว
จุดกึง่ กลางระหว่างลิน ้ ปี่ กับสะดือ
วิธแ ี ทง แทงตรง 2-3 ซม.
Ren 14 จุดจวี้เจวีย๋
ตาแหน่ ง แนวกึง่ กลางลาตัว ใต้ลน ิ้ ปี่ 2 ชุน

วิธแ ี ทง แทงตรง 2-3 ซม.
Ren 17 จุดซานจง
ตาแหน่ ง แนวกลางระหว่างหัวนมทัง้ สองข้าง
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยงลง 2-3 ซม.
Ren 22 จุดเทียนทู
ตาแหน่ ง แอ่งบุม ๋ เหนือกระดูกยอดอก
วิธแ ี ทง ให้ผป
ู้ ่ วยแหงนคอขึน ้ ให้เต็มที่
แทงตรงลึก 0.4 ซม.ก่อน แล้วค่อย ๆ
แทงดิง่ ลงมาให้ชด ิ กับด้านหลังของกระดูกแผ่น
อกอยูต ่ ลอดเวลา แทงลงมาลึก 2-3 ซม.
ต้องระมัดระวัง

Ren 23 จุดเหลียนเฉวียน
ตาแหน่ ง แนวกึง่ กลางลาตัว
ชิดขอบบนกระดูกลิน ้ (Hyoid bone)
วิธแ
ี ทง แทงเฉี ยงเข้าหาโคนลิน
้ ลึก 2-3 ซม.
Go toTop
15. จุดพิเศษนอกเส้นปราณหลัก
Ex 1 จุดอิน ้ ถาง
ตาแหน่ ง จุดกึง่ กลางระหว่างหัวคิว้ ทัง้ สอง
วิธแี ทง แทงเฉี ยงลงล่าง 0.5 ซม.
Ex 2 จุดไท่หยาง
ตาแหน่ ง
รอยบุม ๋ ห่างจากหางคิว้ และมุมตาด้านนอกเ
ท่า ๆ กัน ออกไปทางด้านหลัง 1 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรงหรือแทงเฉี ยง 1 ซม.
Ex 3 จุดอูเ่ หยา
ตาแหน่ ง อยูก ่ ลางคิว้
ในแนวดิง่ ตรงกับลูกตาดา
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยง 0.5 ซม.
เฉี ยงไปทางด้าน Frontal sinus
Ex 6 จุดซิเซินคง
ตาแหน่ ง เป็ นจุดสีจ่ ุด อยูด ่ า้ นหน้า,
ด้านหลัง และด้านข้าง ของจุด Du 20
ไป่ หุย้
วิธแ ี ทง แทงเฉี ยงลึก 0.5 ซม.
เฉี ยงเข้าหาจุดไป่ หุย้
Ex 8 จุดอันเหมีย่ น I
ตาแหน่ ง อยูร่ ะหว่างจุด SJ 17 ยีเ่ ฟิ ง
และจุด Ex 7 หยีเ่ หมิน, หลังต่อจุดยีเ่ ฟิ ง
0.5 ชุน ่
วิธแ ี ทง แทงตรง 1 ซม.
มักใช้พร้อมกันกับจุด Ex 9 อันเหมีย่ น II
Ex 9 จุดอันเหมีย่ น II
ตาแหน่ ง กึง่ กลางระหว่างจุด Ex 7 หยีห ่ มิง
และ GB 20 เฟิ งฉื อ
วิธแ ี ทง แทงตรง 1 ซม.
Ex 17 จุดติง้ ฉวน
ตาแหน่ ง ใต้ปุ่มหนามกระดูกคอที่ 7
ห้างออกไปข้าง ๆ 0.5 ชุน ่ (ข้างจุด Du 14
ต้าจุย้ 0.5 ชุน
่ นั่ นเอง)
วิธแ
ี ทง แทงตรง 1 ซม.
Ex 21 จุดหัวโทวเจีย๋ จี๋
ตาแหน่ ง
ได้แก่จุดทีอ่ ยูเ่ ยือ
้ งใต้ปุ่มหนามของกระดูกสั
นหลังแต่ละอัน ออกมาด้านข้าง 0.5 ชุน ่
นับตัง้ แต่กระดูกสันหลังอกที่ 1
จันถึงกระดูกสันหลังเอวที่ 4 รวมทัง้ หมดมี
16 จุด คือ เป็ นจุดทีส่ ว่ นอก 12 จุด
และส่วนเอว 4 จุด
วิธแี ทง แทงตรง 1 ซม.

Ex 28 จุดปาเสีย
ตาแหน่ ง ง่ามนิ้วมือทัง้ หมด
มือแต่ละข้างจะมี 4 จุด รวมเป็ น 8 จุด
วิธแ ้ บน 1 ซม.
ี ทง แทงเฉี ยงขึน
Ex 31 จุดเหอติง้
ตาแหน่ ง กึง่ กลางของขอบบนกระดูกสะบ้า
วิธแ
ี ทง แทงตรง 0.5-2 ซม.
Ex 32 จุดเน่ ยซีเหยีย่ น
ตาแหน่ ง
แอ่งบุม๋ ข้างกระดูกสะบ้าทางด้านใน
ตรงข้ามจุด St 35 ตูป ๋ ี๋
วิธแ
ี ทง แทงตรงหรือแทงเฉี ยงเข้าใน 0.5-
2 ซม.
Ex 36 จุดปาเฟิ ง
ตาแหน่ ง
ง่ามนิ้วเท้าทางด้านหลังเท้าทัง้ สองข้าง
รวมมี 8 จุด
วิธแ ้ บน 1 ซม.
ี ทง แทงเฉี ยงขึน
จุดเน่ ยมา “เน่ ย” แปลว่า กลาง และ “มา”
แปลว่า ชา
ตาแหน่ ง กึง่ กลางขอบหลังของกระดูกทิเบีย
อยูร่ ะหว่างตาตุม่ ในและข้อเข่า
วิธแี ทง แทงตรง 1-2 ซม.

การใช้การฝั งเข็มในเวชปฏิบ ั
ติ
ควำมสัมพันธ ์ระหว่ำง อวัยวะ,
จุดสำคัญในกำรฝังเข็ม ้ อ, ่ Sensory organ และธำตุ
เนื อเยื
่ ่ distal
จุดฝังเข็มทีอยู
Distal point บำงจุด
ต่อศอกหรือเข่ำ
จุดฝังเข็มสำหร ับกำรร ักษำตำม
Influencial point
อำกำร

มำตรฐำนทัวไปของกำรฝั งเข็ม
โรคตำมกำรร ับรองจำกองค ์กำร
อนำมัยโลก
Locomotor Disorder
Cervical Spondylosis Intercostal Neuralgia
ปวดหลัง Sciatica, Lumbar
ข ้อไหล่ตด
ิ (Frozen Shoulder)
pain
ปวดข ้อศอก Epicondylitis, ปวดข ้อ (Coxarthrosis,
Tennis Elbow Coxarthritis)
โรคข ้ออักเสบรูมำตอยด ์
ปวดข ้อเข่ำ
(Rheumatoid Arthritis)
โรคระบบทำงเดินหำยใจ
ไข ้หวัด ไซนัสอักเสบกระดูกแมกซิลลำ
้ ัง (Chronic
หลอดลมอักเสบเรือร
Frontal Sinusitis
Bronchitis)
โรคหอบหืด (Bronchial
Asthma)
โรคระบบหลอดเลือดและหัวใจ
Angina Pectoris โรคความดันโลหิตสูง
กลุม
่ อาการผิดปกติของการไหลเวีย
กลุม
่ อาการความดันโลหิตต่า
นเลือดส่วนปลาย
โรคระบบทางเดินอาหาร
กระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะ,
และลาไส้อกั เสบ แผลในลาไส้สว่ นบน
ท้องผูก (Constipation) ท้องร่วง (Diarrhea)
Irritable Bowel Disease โรคระบบทางเดินน้าดี
กลุม
่ โรคจิตเวช
โรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ
การติดสารเสพย์ตด
ิ ติดสุรา
การติดสารนิโคติน โรคอ้วน
กลุม
่ โรคทางประสาทวิทยา
โรคปวดศีรษะและไมเกรน ลมช ัก (Epilepsy)
Trigeminal Neuralgia อัมพำต
อัมพำตใบหน้ำ Facial
Paresis, Bell’s Palsy
ปวดประจำเดือน
โรคทำงนรีเวชกรรม
(Dysmenorrhea)

อำกำรปวดจำกเนื องอกทำงนรี

กำรระงับปวดระหว่ำงกำรคลอด
วช
โรคผิวหนัง สิว (Acne Vulgaris)
่ น, ผิวหนังอักเสบ (Eczema,
ผืนคั
้ ัง
แผลเรือร
Neurodermatitis)

โรคเรือนกวำง (Psoriasis)
กำรฝังเข็มในทำงทันตกรรม กำรฝังเข็มชำถอนฟัน
กำรฝังเข็มระงับอำกำรเจ็บจำกำ

รขูดหินนำลำย

จุดสำคัญในกำรฝังเข็มมีดงั นี ้ คือ

1. กำรวินิจฉัยถูกต ้อง โดยเน้นกำรแยกโรคจำกโรคมะเร็งต่ำง ๆ


2. มีกำรวิเครำะห ์อำกำรของผูป่้ วยอย่ำงละเอียด
โดยเฉพำะกลุ่มอำกำรเรือร ้ ังและซ ับซ ้อน
3. กำรตรวจร่ำงกำย กำรหำจุดปวด และอำกำรต่ำง ๆ ทีถู ่ กต ้อง

4. มีควำมรู ้ถึงเส ้นปรำณ ทังควำมส ำคัญของแต่ละจุด

5. จุดแต่ละจุด มีเทคนิ คในกำรฝังเข็มต่ำงกัน ทังควำมลึ
ก แนวเข็ม
และกำรกระตุน้

กำรร ักษำได ้อำศัยกำรศึกษำในกำรฝังเข็มของจีน


่ ำนมำ พบดังนี ้
และกำรนำมำศึกษำวิจยั ในระยะ 30 ปี ทีผ่

1. จุดฝังเข็มมี local effect ต่อบริเวณรอบ ๆ


2. จุดปวดหรือแข็งตึง ใช ้เป็ นจุดฝังเข็ม เรำเรียกว่ำ locus
dolendi point หรือจีนเรียกว่ำ Ah Shi point แต่ใน trigger
point ของกลุ่มอำกำร trigeminal neuralgia
จะใช ้ไม่ได ้เนื่ องจำกทำให ้เพิมควำมปวด

3. จุดฝังเข็มมีผลกับอวัยวะต่ำง ๆ หรือเนื อเยื้ อต่
่ ำง ๆ
่ ้นปรำณเกียวข
ทีเส ่ ้ นพืนฐำนในกำรเลื
้อง ข ้อนี เป็ ้ อกจุดฝังเข็ม
้ อ,
ความสัมพันธ ์ระหว่าง อว ัยวะ, เนื อเยื ่ Sensory organ
และธาตุ

อว ัยวะหยิน อว ัยวะหยาง ้ อ
เนื อเยื ่ Sensory ธาตุ
organ

ปอด ลำไส ้ใหญ่ ผิวหนัง, ขน จมูก ทอง

ไต กระเพำะปัสสำวะ กระดูก, ข ้อ หู นำ้

ตับ ้
ถุงนำดี ้ เอ็น
กล ้ำมเนื อ, ตำ ไม้

หัวใจ ลำไส ้เล็ก เลือด, เส ้นเลือด ลิน้ ไฟ


่ ม
เยือหุ ้ หัวใจ Sanjiao

ม้าม กระเพำะ ้ อเกี


เนื อเยื ่ ยวพั
่ น ปำก ดิน
่ ่ distal ต่อศอกหรือเข่ำ เรียกว่ำ distal
4. จุดฝังเข็มทีอยู
point มีผลต่อ Proximal area มีจด ุ สำคัญ 6 จุด ดังนี ้

จุด ตาแหน่ ง Proximal


area
้ วแม่มอ
ระหว่ำงนิ วหั ้ ้
ื และนิ วชี ใบหน้ำ, คอ และ
แขน LI 4 เหอกู ่
Sensory organ

Lu 7 1.5 ชุน
่ คอ, ปอด
่ เหนื อข ้อมือด ้ำนขอบทำงกระดูก
เลียเชวี
ย Radius

Pe 6 ด ้ำนในของแขน 2 ชุน
่ Epigastrium,
เหนื อข ้อมือ ด ้ำนหน้ำของช่วงอก
เน่ ยกวาน

ขา St 36 ด ้ำนข ้ำงของกระดูก Tibia 3 อวัยวะภำยในช่องท ้อง


ชุน่ ใต ้เข่ำ
๋ านหลี่
จู ซ

UB 40 ตรงกลำงของ popliteal แผ่นหลังด ้ำนล่ำง,


crease ระบบขับถ่ำยปัสสำวะ
เหว่ยจง

Sp 6 3 ชุน
่ เหนื อ medial ระบบอวัยวะสืบพันธ ์,
malleolus perinium
ซานยินเจียว

5. Distal point บำงจุด สำมำรถทำให ้เกิดกำรระงับปวด



(analgesia), Sedative, เพิมระบบภู มค
ิ ม
ุ ้ กัน, tonifying
หรือ homeostatic effect

จุดระงับปวด LI 4 เหอกู่

St 44 เน่ ยถิง

St 43 เซียงกู
่ ผล tonifying effect
จุดทีมี ่ ำย
Ren 6 ชีห่

Ren 8 เชินกี

St 36 จู๋ซำนหลี่

Sp 6 ซำนจินเจียว

่ ผล sedative effect
จุดทีมี Du 20 ไป่ หุย้

Ex 6 ซือเชินคง

He 6 เซินเหมิน

UB 62 เซินหม่ำย

่ ผล homeostatic
จุดทีมี LI11 ชวีฉือ
effect

Sp 6 ซำนจินเจียว

St 36 จู๋ซำนหลี่


จุดทีผลต่ ่ มค
อการเพิมภู ิ ม
ุ ้ กัน LI11 ชวีฉือ

Du 14 ต ้ำจุย

Du 13 เท้ำเดำ

6. จุดฝังเข็มสำหร ับกำรร ักษำตำมอำกำร

อาการ จุดฝั งเข็ม

สะอึก St 36, Pe 6, UB 17


คลืนไส้ Pe 6, St 36

เหงื่อซึม He 6, Ki 7, LI 4

คัดจมู ก LI 20, Ex 1, Pe 6

บวม Sp 9, Ren 5, Ren 9


นอนไม่หลับ Du 20, He 7, Ex 8, Ex 9

ไข้ Du 14, LI 11, LI 4

ท้องผู ก SJ 6, St 25

ถ่ายเหลว Sp 4, St 36, Ren 6

่ ผลต่อเนื อเยื
7. จุดทีมี ้ อหรื
่ ออวัยวะต่ำง ๆ เรียกว่ำ Influencial
point

้ อ,อวัยวะ
เนื อเยื ่ Influencial points

อวัยวะตัน Liv 13 จำงเหมิน

อวัยวะกลวง Ren 12 จงวำน

ระบบทางเดินหายใจ Ren 17 ซำนจง

เลือด UB 17 เก๋อซู

กระดูก UB 11 ดำซู

ไขกระดูก GB 39 เสวียนจง

้ เส้นเอ็น
กล้ามเนื อ, GB 34 หยำงหลิงเฉวียน

ระบบหลอดเลือด Lu 9 ไท่หยวน


ในหนังสือเล่มนี จะกล่ ำวถึงกำรฝังเข็มในโรคทีองค ่ ์กำรอนำมัยโลกให ้ก
่ พ.ศ. 2522 ซึงใช
ำรร ับรองเมือปี ่ ้ได ้ผลดีในประเทศทำงตะวันตก
กำรร ักษำทำงแผนปัจจุบน ้
ั ร่วมกับกำรฝังเข็ม ทังกำรแนะน ่
ำเรืองอำหำร
กำยภำพบำบัด และจิตบำบัด มีส่วนสำคัญในกำรหำยของผูป่้ วย
ในรำยทีจ่ ำเป็ นต ้องได ้ร ับยำ ก็จะใช ้ยำน้อยลง


มาตรฐานทัวไปของการฝั งเข็ม

โดยทัวไป ้ั อสัปดำห ์
ผู ้ป่ วยจะถูกฝังเข็มประมำณ 2 ครงต่
ในรำยทีมี่ อำกำรปวดอย่ำงเฉี ยบพลัน เช่น trigeminal neuralgia,
acute migraine และกำรปวดในโรคมะเร็ง สำมำรถทำได ้วันละ 1
ครง้ั พักกำรร ักษำ 7 – 14 วัน หลังกำรร ักษำ 8 –12 ครง้ั
้ั ้เวลำนำน 10 – 25 นำที
กำรฝังเข็มแต่ละครงใช
จึงถอนเข็มออก แต่ในรำยทีจ่ ำเป็ น เช่น trigeminal neuralgia
่ั
สำมำรถใช ้เวลำได ้ถึง 1 ชวโมง ในบำงอำกำรสำมำรถฝังเข็มได ้ 10 –
15 ครง้ั หรือจนกระทัง่ 20 ครง้ั

ก่อนกำรฝังเข็มทุกครง้ั ต ้องพยำยำมหำจุดทีมี
่ กำรปวด
บริเวณที่ sensitive หรือเรียกว่ำ Ah-Shi point และใช ้เป็ น local
acupuncture point

จุดต่ำง ๆ ทีแสดง ่ คอลัมน์แรกเป็ น local


point คอลัมน์ทสองเป็ ี่ น distal point

ทีแขน ี่
คอลัมน์ทสำมเป็ ่ และจุดต่ำง ๆ
น distal point ทีขำ

ทีแสดงแต่ ละแถวจะเรียงตำมลำดับควำมสำคัญ
โดยจุดทีส ่ ำคัญจะกล่ำวถึงก่อน จุดทีแสดงในที
่ ่ ไม่
นี ้ เป็ นสูตรตำยตัว
่ วยให ้ผูเ้ ริมต
แต่เพือช่ ่ ้นสำมำรถพบจุดสำคัญได ้ง่ำย

่ ้ผลดีจำกกำรฝั
โรคตามการร ับรองจากองค ์การอนามัยโลก ทีได
งเข็ม

1. Locomotor Disorder
ผลของกำรร ักษำในโรคกลุ่มนี ้ ได ้มีกำรวิจยั ทีมี
่ กลุ่มควบคุม
พบว่ำได ้ผลดีโดยเฉพำะกลุ่มอำกำรปวดเรือร ้ ังทีร่ ักษำด ้วยกำรฝังเข็มวั
นละครง้ั
หลักการร ักษา

o ่
จุดทีปวดและ sensitive ต่อแรงกด หรือ Ah Shi point
จะเป็ นจุดฝังเข็ม
o บริเวณทีปวด่ และบริเวณทีปวดร่ ้ำว
จะสัมพันธ ์กับเส ้นปรำณ สำมำรถเลือก local และ distal
point ของเส ้นปรำณนั้น ๆ เช่นปวดไหล่
ในแนวเส ้นปรำณลำไส ้ใหญ่ (Large Intestine
channel) ก็จะใช ้จุด LI 4 เหอกู่ และ LI 11 ชวีฉี
o ้
Influential point สำหร ับกล ้ำมเนื อและเอ็ น GB 34
หยำงหลิงเฉวียน
o ่
ภำวะเสือมของข ้อ, กระดูก และกระดูกอ่อน ใช ้ UB 11
ต ้ำซู

จุดระงับปวด LI 4 เหอกู่ และ St 44 เน่ ยติง

1.1 Cervical Spondylosis, Torticollis และ


Rheumatoid Arthritis

จีนได ้แบ่ง cervical spondylosis เป็ น 2 ประเภท


ตำมบริเวณทีปวด่ ดังนี ้

1. บริเวณแนวกลำง เกียวข ้องกับเส้นปราณกระเพาะปั ส

สาวะ ทำให ้กำรเคลือนไหวจ ำกัด และกำรก ้มหน้ำ
หรือเงยหน้ำ จะปวดมำกขึน้
่ ผลจำกเส ้นปรำณลำไส ้เล็กและกระเพำะปัสสำวะ
ซึงมี

2. บริเวณด ้ำนข ้ำง ทำให ้กำรเคลือนไหวจำกัด
กำรหันคอจะทำให ้ปวดมำกขึน้
่ ้ร ักษำอยู่ในเส้นปราณซานเจียวและเส้นปราณ
จุดทีใช
ถุงน้ าดี
ในรำยทีเป็่ นเฉี ยบพลัน กำรกระตุ ้นให ้มี sedative effect
่ ำเป็ น
เป็ นสิงจ
่ นเรือร
ส่วนกลุ่มทีเป็ ้ ังต ้องกระตุ ้นด ้วยเครืองกระตุ
่ นไฟฟ้
้ ำ

Cervical spondylosis
แนวกลาง (เส ้นปรำณลำไส ้เล็กและกระเพำะปัสสำวะ)

Du 20 ไป่ หุย้
UB 60
UB 10 เทียนจู SI 3 หูซ ี
คุนหลุน
Du 14 ต ้ำจุย้ SI 6 หยำงเลำ
UB 11 ต ้ำซู่ Lu 7 ลีฉวี
Ex 21
LI 4 เหอกู่
ฮัวโตวเจียจี
Ah Shi
points

Cervical spondylosis ด้านข้าง

Du 20 ไป่ หุย้
SJ 5
GB 20 เฟิ งฉื อ GB 39 เสวียนจง
ว่ำยกวำน
GB 21 GB 34
LI 4 เหอกู่
เจียนจิง หยำงหลิงกวำน
Du 14 ต ้ำจุย้ Lu 7 ลีฉวี
Ah Shi
points
1.2 Intercostal Neuralgia, Trauma of the
Thorax, Ankylosing Spondylosis และ Zoster Neuralgia
่ นรุนแรงร่วมกับกำรปวดเรือร
ในรำยทีเป็ ้ ัง
สำมำรถทำกำรฝังเข็มได ้ถึง 20 – 30 ครง้ั

Du 20 ไป่ หุย้

๋ ๋ SJ 8
Ex 21 หัวโทวเจียจี GB 40 ฉวีซอื
ซำนหยำงโลว
GB 34
GB 21 เจียนจิง LI 4 เหอกู่
หยำงหลิงกวำน
UB 11 ถึง UB 21
(เลือก 3-5จุด)
Ah Shi points
1.3 ปวดหลัง Sciatica, Lumbar pain

Sciatica แนวกลำง จะสัมพันธ ์กับเสน้ ปรำณกระเพำะปัสส


ำวะ หรือด้านข้าง จะสัมพันธ ์กับเส้นปราณถุงน้ าดี

ปวดตำมแนวเส้นปรำณกระเพำะปัสสำวะ

Du 20 ไป่ หุย้
Du 3 เหยำหยำงกวำน LI 4 เหอกู่ UB 40 เหว่ยจง
Hand Point
Du 4 มิงเหมิน UB 60 คุนหลุน
1
UB 23 เซินซู UB 58 เฟยหยำง
UB 25 ต ้ำชำงซู UB 57 เชงซำน
UB 26 กวำนหยวนซู
้ ยน
UB 54 จือเปี
UB 36 เชงฟู
Ah Shi points


ปวดตำมแนวเส ้นปรำณถุงนำดี

Du 20 ไป่ หุย้
GB 34
GB 30 หวนเตียว LI 4 เหอกู่
หยำงหลิงกวำน
GB 31 เฟงจี GB 39 เสวียนจง
UB 23 เซินซู
Du 3 เหยำหยำงกวำน
Du 4 มิงเหมิน
้ ยน
UB 54 จือเปี
UB 36 เชงฟู
Ah Shi points

1.4 ข้อไหล่ตด
ิ (Periarthritis
Humeroscapularis, Frozen Shoulder)

Local point ในข ้อไหล่ สำมำรถเลือกได ้ดังนี ้


1. ปวดด ้ำนหน้ำของไหล่ ใช ้จุดในเส ้นปรำณลำไส ้ใหญ่ (LI 15, LI
16) distal point ใช ้ LI 4, LI 11 และ distal point
่ คือ St 38
สำคัญทีขำ
2. ปวดไหล่ด ้ำนหลัง Local point ที่ SI 9 – 11 ร่วมกับ distal
point ที่ SI 6
3. ปวดบริเวณกลำงไหล่ Local และ distal point
่ ้ำได ้กับกำรยกไหล่
ในเส ้นปรำณซำนเจียว และเส ้นต่ำง ๆ ทีเข
คือ

Anteversion ใช ้เส ้นปรำณลำไส ้ใหญ่


Abduction ใช ้เส ้นปรำณซำนเจียว
Retroversion ใช ้เส ้นปรำณลำไส ้เล็ก
่ ข ้อไหล่ตด
ผูป้ ่ วยทีมี ิ กำรกระตุ ้นที่ St 38
ได ้ผลดีเป็ นอย่ำงมำก มีรำยงำนกำรวิจยั พบว่ำ 40% ของผูป่้ วย
ึ้
อำกำรดีขนในกำรฝั ้ั
งเข็มครงแรก และ 80% ดีขนหลั ึ้ งกำรร ักษำ 2-3
ครง้ั

ปวดไหล่ด ้ำนหน้ำ

Du 20 ไป่ หุย้
LI 15 เจียนหยู LI 4 เหอกู่ St 38 เตียวคู
LI 16 จูกู๋ LI 11 ฉวีช ี GB 39 เสวียนจง
LI 14 ปี ้น่ ำว

ปวดกลำงไหล่
Du 20 ไป่ หุย้
SJ 5
SJ 14 เจียนเหลียว
ว่ำยกวำน
SJ 13 หน่ ำงฮุย LI 4 เหอกู่ St 38 เตียวคู

ปวดไหล่ด ้ำนหลัง

Du 20 ไป่ หุย้
SI 9 เจียนเจิน SI 6 หยำงเล่ำ
Du 14 ต ้ำจุย้ SI 3 ฮัวซี St 38 เตียวคู

1.5ปวดข้อศอก Epicondylitis, Tennis Elbow

กำรร ักษำอำกำรปวด ทีส ่ ำคัญในกำรเลือกจุดคือ


หำจุดปวดมำกทีสุ ่ ด หรือปวดมำกเมือได
่ ้ร ับแรงกด distal

point สัมพันธ ์กับเส ้นปรำณทีพำดผ่ ำน
กำรกระตุนบริ ้ เวณ distal point จะได ้ผลดีมำก
่ ควรระมั
สิงที ่ ดระวังคือ
กำรขยับข ้ออย่ำงรวดเร็วและกำรยกของหนัก
่ ต
เป็ นสิงที ่ ้องหลีกเลียง

Du 20 ไป่ หุย้
LI 11 ฉวีช ี LI 4 เหอกู่
SJ 5
๋ ำนหลี่
LI 10 จูซ
ว่ำยกวำน
Lu 5 ฉื อเจ๋อ
Pe 3 ฉวีเจ๋อ
He 3 เจำห่ำย
Ah Shi points
เป็ นจุดสำคัญมำก
1.6 ปวดข้อ (Coxarthrosis, Coxarthritis)
Du 20 ไป่ หุย้
GB 34
GB 30 หวนเตียว LI 4 เหอกู่
หยำงหลิงกวำน

UB 54 จีเบียน UB 40 เหว่ยจง
UB 32 ซิเหลียว UB 60 คุนหลุน
UB 36 เชงฟู St 44 เน่ ยติง
Ah Shi points
เป็ นจุดสำคัญมำก

1.7 ปวดข้อเข่า (Gonarthrosis, Pain in the


Knee Joint)

มี local point สำคัญ 3 จุด คือ Ex 31 เหอติง,้ Ex


32 ซีหยำน และ St 35 ตู๋ป๋ี เรียกจุดเหล่ำนี ว่้ ำเป็ น
“ตำของเข่ำ” (Knee eyes)
เป็ นจุดหลักในกำรร ักษำโรคปวดเข่ำ จุด local point

หรือจุดปวดเมือได ่ ำมำใช ้ในกำรรกั ษ
้ร ับแรงกดจะเป็ นจุดทีน
ำ ส่วน distal point ก็เลือกเส ้นปรำณทีสั ่ มพันธ ์กับ local
point
Du 20 ไป่ หุย้
Ex 31 เหอติง้ LI 4 เหอกู่ St 44 เน่ ยติง
UB 11
Ex 32 ซีหยำน UB 60 คุนหลุน
ต ้ำซู
St 35 ตู๋ป๋ี
๋ ำนหลี่
St 36 จูซ
GB 34 หยำงหลิงกวำน
UB 40 เหว่ยจง
Ah Shi points

ข ้อบวม

Sp 9 หยำงหลิงเฉวียน

1.8 โรคข้ออ ักเสบรู มาตอยด ์ (Rheumatoid


Arthritis)

ต ้องใช ้เวลำในกำรร ักษำเป็ นเวลำนำน



กำรใช ้ยำจะค่อย ๆ ลดลง ขณะทีอำกำรปวดลดลง

่ ำย LI 11
Ren 6 ชีห่ ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ
ฉวีฉือ
LI 10
Ren 8 เซินเฉอ Ki 7 ฟุเหลียว
ซูซำนหลี่
Lu 9 Sp 6
Ren 12 จงวำน
ไท่หยวน ซำนจินเจียว
UB 20 ผีซ ู
UB 22 ซำนเจียวซู
UB 23 เซินซู
Du 4 มิงเหมิน
Du 13 เท่ำดำว
Du 14 ต ้ำจุย้

Influential point
่ ผลต่อกล ้ำมเนื อและเส
ทีมี ้ ้นเอ็น GB 34 หยำงหลิงกวำน
มีผลดีตอ
่ กลุ่มอำกำรรูมำติก UB 11 ดำซู เป็ น influential point
ของกระดูกและกระดูกอ่อน ในรำยทีมี ่ กำรอักเสบเฉี ยบพลัน ใช ้จุด Du
14 ดำจุ ้ย กำรร ักษำในระยะยำวไม่เพียงแต่จะลดอำกำรปวดเท่ำนั้น

ยังทำให ้กำรเคลือนไหวของข ึ้
้อดีขน

2. โรคระบบทางเดินหายใจ (Respiratory
Disorders)

โรคระบบทำงเดินหำยใจหลำยโรคหำยได ้โดยกำรฝัง
เข็ม โดยเฉพำะกลุ่มอำกำรเรือร้ งั เช่น ไซนัสอักเสบเรือร ้ ัง,
หลอดลมอักเสบ, หอบหืด (Bronchial asthma)
กำรฝังเข็มมีผลดีกว่ำกำรร ักษำทัว่ ๆ ไป
กำรร ักษำในระยะยำวสำมำรถช่วยกระทังผู ่ ้ป่ วยทีดื
่ อต่
้ อกำรร ักษำ
่ ดเชือเฉี
ในรำยทีติ ้ ยบพลันในทำงเดินหำยใจส่วนต ้น
สำมำรถทุเลำลงได ้ในระยะเวลำอันสัน ้ (ฝังเข็มเพียง 1 – 2 ครง) ้ั

แพทย ์จีนถือว่ำ สภำพอำกำศภำยนอก ได ้แก่



ควำมเย็น, ควำมร ้อน,ควำมชืนของอำกำศ และลม
จะมีผลต่อพลังชีวติ ของปอด ควำมผิดปกติของปอดก็จะเกิดขึน้

และจำกจุดนี เองเป็ นส่วนสำคัญในกำรร ักษำ

หลักการร ักษา
- Local points

จมู ก: LI 20 ยิงเซียง, Ex 1 หยินตำง


Maxillary sinus: LI 20, St 2, St 3, SI 18
Frontal sinus: UB 2, GB 14, Ex 3, Ex 1
Tonsils: Ren 23, LI 18, SI 17

่ ำคัญต่อโรคระบบทำงเดินหำยใจ
- Distal points ทีส

Lu 7 เลียเชวี ย เป็ นจุดสำคัญของปอด
และจีนถือว่ำเป็ นจุดเปิ ดของผิวหุ ้มร่ำงกำย

LI 4 เหอกู ่ มีผลโดยเฉพำะบริเวณศีรษะและคอ:

สำมำรถลดไข ้และเพิมกำรขั ่
บเหงือ

Lu 6
คงจุย ้
้ ข ้อบ่งชีในรำยที ่ นหลอดลมอักเสบหรือหอบหืด
เป็

SJ 5
่ ดจำกควำมร ้อน
ว่ายกวาน สำมำรถช่วยลดอำกำรทีเกิ
(heat-type symptoms)

- Ren 17 ซานจง เป็ น Influential point


สำหร ับโรคระบบทำงเดินหำยใจ
โดยเฉพำะโรคหลอดลมอักเสบและหอบหืด

- Ex 17 ติงฉวน ลดอำกำรหอบหืด

- Ren 22 เทียนทู ได ้ผลดีมำกใน


อำกำรหอบหืดเฉี ยบพลัน
- UB 17 เก๋อซู ทำให ้กระบังลมคลำยตัวลง
กำรกระตุ ้นทีจุ่ ดนี จะท
้ ำให ้ลดอำกำรไอและหำยใจไม่สะดวก
จำกโรคหอบหืด

- St 40 เฟิ งหลง มีฤทธิช่์ วยในกำรละลำยเสมหะ


่ เสมหะเหนี ยว (persistent and viscous
ในกลุ่มทีมี
mucus)

- Du 14 ต้าจุย ้ , LI 11 ฉวีช ี และ LI 4


เหอกู ่ มีผลดีตอ
่ กำรลดไข ้

- He 7 เซินเหมิน และ Pe 6
่ ภำวะวิตกกังวลเด่น
เน่ ยกวาน มีประโยชน์ในรำยทีมี
(psychogenic factors)

2.1 ไข้หว ัด (Common Cold)

ในทฤษฎีแพทย ์จีน
ไข ้หวัดเกิดจำกสภำพอำกำศ ได ้แก่ควำมเย็นและลม
อำจเป็ นจำกควำมร ้อนด ้วย ทำให ้ลดควำมแข็งแรงของพลังชีวติ ปอด
และภูมค ิ มกั ่
ุ ้ นของร่ำงกำยลดลง อำกำรทีพบบ่ อยคือ ปวดศีรษะ,
ปวดแขนขำ และอ่อนเพลีย หำกมีอำกำรไข ้, กระหำยน้ำ
่ ทำงเดินหำยใจแห ้ง จะเป็ นประเภท heat type
หรือเยือบุ
(หยินเกิน)

Du 20 ไป่ หุย้

่ ย Sp 10
GB 20 เฟงชี Lu 7 เลียเชี
สัวฮ่ำย
Du 14 ต ้ำจุย้ LI 4 เหอกู่ St 44 เน่ ยถิง
Du 16 เฟงฟุ LI 11 ฉวีช ี Liv 3 ไท่จง
SJ 5
ว่ำยกวำน

จุดมุ่งหมำยของกำรร ักษำ คือ


่ อให ้เกิดพยำธิสภำพภำยนอก
กำรลดปัจจัยทีก่
และกระตุนภู
้ มค ิ มกั
ุ ้ นของปอด

2.2 ไซนัสอ ักเสบกระดู กแมกซิลลา (Maxill


ary Sinusitis)
่ นเรือร
กำรฝังเข็มจะได ้ผลดีมำกในรำยทีเป็ ้ ั
้ จะลดลง
ง และอัตรำกำรกลับเป็ นซำก็

Du 20 ไป่ หุย้
LI 20 Sp 10
LI 4 เหอกู่
หยิงเซียง สัวฮ่ำย
St 2 ซิไป๋ LI 11 ฉวีช ี St 44 เน่ ยถิง
St 3 จูเหลียว
St 18
กวำนเหลียว
2.3 ไซนัสอ ักเสบกระดู กหน้าผาก (Frontal
Sinusitis)

อำกำรของไซนัสชนิ ดนี ้ ได ้แก่


กำรปวดศีรษะบริเวณหน้ำผำก
้ เวณระหว่ำงหัวตำทังสองข
และอำกำรปวดตือบริ ้ ้ำง

Du 20 ไป่ หุย้
UB 60
UB 2 ซำนจู ้ LI 4 เหอกู่
คุนหลุน
Ex 3 อูู่เหยำ LI 11 ฉวีช ี St 44 เน่ ยถิง

Ex 1 อินถำง
GB 14 ยำงไป๋
้ ัง (Chronic
2.4 หลอดลมอ ักเสบเรือร
Bronchitis)

ทฤษฎีแพทย ์จีนจะถือว่ำ
เป็ นกำรขำดพลังงำนของปอด ร่วมกับกำรขำดพลังงำนของไต
ื้
หรือม้ำม กำรร ักษำจึงมีพนฐำนอยู ่ ยวข
่กบั กำรกระตุ ้นอวัยวะทีเกี ่ ้อง
และกำรปร ับสภำพพลังงำนของปอด

Du 20 ไป่ หุย้
Lu 9 St 40
Lu 1 จงฟู่
ไท่หยวน เฟิ งหลง
Lu 7 St 36
UB 13 เฟ่ ยซู ่
เลียเชวี
ย ๋ ำนหลี่
จูซ
Du 14 ต ้ำจุย้
Ren 17
ซำนจง

UB 17 เก๋อซู
้ ัง
จะช่วยลดอำกำรไอเรือร

2.5 โรคหอบหืด (Bronchial Asthma)


กำรฝังเข็มจะช่วยเป็ นอย่ำงมำก

ทังในรำยที ่ นเฉี ยบพลันและเรือร
เป็ ้ ัง
ทำให ้กำรตีบของหลอดลม (bronchospasm) ลดลง

แบบที ่ 1

Du 20 ไป่ หุย้
Ren 17 ซำนจง ่
Lu 7 เลียเชวี
ย St 40 เฟิ งหลง
UB 13 เฟ่ ยซู LI 4 เหอกู่ ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ
Lu 1 จงฟู่ Lu 5 ซีจ ี
Ex 17 ติงฉวน ่
Lu 6 คงสุ่ย (ในรำยทีหำยใจถี )่

Ren 22 เทียนทู (ในรำยทีหำยใจถี )่ Ki 3 ไท ้ซี
Du 14 ต ้ำจุย้
่ กำรอัเสบเฉี ยบพลัน)
(ในรำยทีมี

แบบที ่ 2

Du 20 ไป่ หุย้
Sp 6
Ren 17 ซำนจง Lu 9 ไท่หยวน
ซำนจินเจียว
UB 13 เฟ่ ยซู ่
Lu 17 เลียเชวี
ย Ki 3 ไท่ซ ี
Ex 17 ติงฉวน

3. โรคระบบหลอดเลือดและหัวใจ
่ กต ้อง จำเป็ นต ้องทำก่อนกำรฝังเข็ม
กำรวินิจฉัยทีถู
กลุ่มโรคหลอดเลือดและหัวใจ กำรฝังเข็มมีผลดีกบั Psychosomatic
heart disorders, Hypotension, Hypertension และอำกำรต่ำง
ๆ จำก Chronic heart disease
3.1 โรคหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี
และการเจ็บเค้นหน้าอก (Angina Pectoris)
ในกลุม
่ โรคหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี
การฝังเข็มควรใช้รว่ มกับการใช้ยา
การฝังเข็มจะทาให้ผป ู้ ่ วยผ่อนคลายลง

Du 20 ไป่ หุย้
UB 15 สินซู Pe 6 เน่ ยกวาน
Ren 14 จูฉวี He 7 เซินเหมิน
Ren 17 ซานจง Pe 4 ซีเหมิน (ในรายทีเ่ ป็ นเฉี ยบพลัน)

3.2 Cardiac Neurosis


ในโรคกลุม่ นี้ จะมีภาวะทางจิตประสาทเด่น
ผูป
้ ่ วยจะมีอาการวิตกกังวล, เหนื่อยง่าย, ใจสั่น, หัวใจเต้นเร็ว,
เจ็บหน้าอก หรือในบางรายมีอาการปวดต้นแขนซ้าย
หลังจากการฝังเข็ม 2 – 3 ครัง้ อาการจะทุเลาลง

Du 20 ไป่ หุย้
Ex 6 ซิเฉิ นคง He 7 เซินเหมิน Liv 3 ไท่จง
Ren 14 จูฉวี He 5 ทงลี่
Pe 1 เถียนชี Pe 6 เน่ ยกวำน
3.3 โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
ตามทฤษฎีแพทย์จีน
ความดันโลหิตสูงเกิดจากพลังชีวต ิ ของเส้นปราณตับเกินและเส้นปรา
ณไตขาด การฝังเข็มทีจ่ ุด Liv 3 ไท่จง
สามารถปรับสมดุลของเส้นปราณทัง้ สอง
การรักษาต้องใช้ทา่ นอนเท่านัน้
การกระตุน ้ จะทาให้ฤทธิข์ องยามากขึน

จึงจาเป็ นต้องลดขนาดของยาความดันลง

Du 20 ไป่ หุย้
Ex 6 ซิเฉินคง
UB 15 ซินซู LI 11 ฉวีชี Liv 3 ไท่จง
GB 20 เฟงชี He 7 เซินซู St 36 จูซ
๋ านหลี่
Liv 2 ซินเจียน

3.4 กลุม
่ อาการความดันโลหิตต่า
โรคความดันโลหิตต่า มีอาการดังนี้ คือ วิงเวียน,
เหนื่อย, เพลีย, สั่น หรือมือและเท้าเย็น

UB 23 เซินซู LI 11 ฉวีชี St 36 จูซ


๋ านหลี่
Ren 6 ฉี หา่ ย LI 10 ซูซานหลี่ Ki 7 ฟุเหลียว
Du 12 เซินจู้
Du 11 เซินเดา
3.5 กลุม
่ อาการผิดปกติของการไหลเวียนเลือดส่วนปลา
ย (Disturbance of Peripheral Blood Supply)
จุดทีท
่ าให้เกิดสมดุลในร่างกาย (Hemeostatic
points) ได้แก่ LI 11 ฉวีชี และ St 36 จูซ๋ านหลี่ ร่วมกับ
Influential points ของหลอดเลือด คือ Lu 9 ไท่หยวน, Ex 28 ปาสี่
และ Ex 36 ปาเฟิ ง

Du 20 ไป่ หุย้
GB 34
UB 15 สินซู Lu 9 ไท่หยวน
หยางหลิงกวาน
Ren 17 ซานจง LI 11 ฉวีชี St 36 จูซ
๋ านหลี่
He 3 เซาห่าย Ex 36 ปาเฟิ ง
Ex 28 ปาสี่ Liv 3 ไท่จง
LI 4 เหอกู่

4. โรคระบบทางเดินอาหาร (Gastroenterological
Disorders)
โดยเฉพาะกลุม
่ ทีม
่ ีปญ
ั หาทางด้านจิตประสาทร่วมด้วย
(functional and psychosomatic gastroenterological
disorders) จะได้ผลดีมากจากการฝังเข็ม
จุดทีม
่ ีผลดีกบั โรคในกลุม
่ นี้ได้แก่
St 36
จูซ
๋ านหลี่ เป็ นจุดสาคัญทีส่ ุดสาหรับการรักษาโรคระบบทางเดินอาหาร
มีการศึกษาพบว่า สามารถลดการหดเกร็งของกระเพาะและลาไส้
ซึง่ ผูศ
้ ก
ึ ษาได้ตรวจด้วยกล้องส่องกระเพาะ
Pe 6 เน่ ยกวาน มีผลดีตอ่ ระบบทางเดินอาหารส่วนบน
ช่วยลดอาการคลืน่ ไส้ สะอึก และอาเจียน
4.1 กระเพาะอาหารอักเสบ และลาไส้อกั เสบ (Gastritis,
Gastroenteritis)
Du 20 ไป่ หุย้
Ren 12 จงวาน Pe 6 เน่ ยกวาน St 36 จูซ
๋ านหลี่
St 21
He 7 เซินเหมิน St 34 เหลียงเฉี ย
เหลียงเหมิน
St 25 เทียนชู LI 4 เหอกู่ St 44 เน่ ยถิง
SUB 21 เว่ยซู LI 11 ฉวีชี
Liv 16 จางเหมิน
4.2 แผลในกระเพาะ, แผลในลาไส้สว่ นบน (Gastric
and Duodenal Ulcers)
Du 20 ไป่ หุย้
St 21
Pe 6 เน่ ยกวาน St 36 จูซ
๋ านหลี่
เหลียงเหมิน
St 25 เถียนซู He 7 เซินเหมิน Sp 4 กงซุน
Ren 12 จงวาน LI 4 เหอกู่ St 44 เน่ ยถิง
UB 21 เว่ยซู LI 11 ฉวีชี Liv 3 ไท่จง
UB 20 ไป๋ ซู
Sp 15 ดาเฮง
Liv 14 ฉี เหมิน
Ren 14 ฉี หา่ ย

4.3 ท้องร่วง (Diarrhea)


Du 20 ไป่ หุย้
St 25 เถียนซู Pe 6 เน่ ยกวาน Sp 4 กงซุน
UB 25 ต้าฉางซู LI 11 ฉวีชี St 37 ซางจูสู
St 29 กุย้ หลาย LI 4 เหอกู่ St 36 จูซ
๋ านหลี่
Ren 6 กีหา่ ย Sp 6 ซานจินเจียว
Ren 4
St 39 เสียจูซู
กวานหยวน
4.4 Irritable Bowel Disease
Du 20 ไป่ หุย้
St 25 เถียนซู LI 4 เหอกู่ St 37 ซางจูสู
St 29 กุย้ หลาย LI 11 ฉวีชี St 36 จูซ
๋ านหลี่
Sp 15 ต้าเหิง Pe 6 เน่ ยกวาน Sp 4 กงซุน
UB 25 ต้าฉางซู Sp 6 ซานจินเจียว
UB 20 ไป๋ ซู่
Liv 13 จางเหมิน

4.5 ท้องผูก (Constipation)


เช่นเดียวกับการรักษา Irritable Bowel
Disease คือเลือกจุดตามอาการทีเ่ กีย่ วข้อง
เส้นปราณลาไส้ใหญ่และกระเพาะเป็ นจุดสาคัญในการรักษา SJ 6 จีกู
เป็ นจุดทีไ่ ด้ผลดีในรายทีม
่ ีทอ
้ งผูกเรือ
้ รัง

Du 20 ไป่ หุย้
St 25 เถียนซู SJ 6 จีกู St 37 ซางจูสู
Sp 15 ต้าเหิง LI 11 ฉวีชี St 36 จูซ
๋ านหลี่
St 29 กุย้ หลาย LI 4 เหอกู่ Sp 4 กงซุน
UB 25 ต้าฉางซู

4.6 โรคระบบทางเดินน้าดี (Cholangitis,


Cholecystitis, Biliary Dyskinesia, Biliary colic)
โรคระบบทางเดินน้าดี
ได้ผลดีจากการฝังเข็มโดยเฉพาะในรายทีเ่ ป็ นเรือ
้ รังและไ
ม่พบพยาธิสภาพ (chronic and functional
disorders)
โรคกลุม่ นี้เกิดจากการเกินของพลังงานความร้อนในเส้นป
ราณตับและเส้นปราณถุงน้าดี
การรักษาทัง้ สองเส้นปราณจึงเป็ นส่วนสาคัญในการรักษาโ
รคกลุม
่ นี้

Du 20 ไป่ หุย้
GB 34
GB 24 หยีห
่ ยู LI 4 เหอกู่
หยางหลิงกวาน
Liv 14 กีเหมิน Pe 6 เน่ ยกวาน GB 37 กวางหมิง
UB 19 ต้านซู LI 11 ฉวีชี Sp 6 ซานจินเจียว
UB 18 กานซู Liv 3 ไท่จง
St 21
Ex 35 ต้านนัง
เลียงเหมิน
GB 21 เจียนจิง St 36 จูซ
๋ านหลี่
Liv 6 จงตู้

5. กลุม
่ โรคจิตเวช (Mental Disturbances and
Illnesses)
การฝังเข็มรักษากลุม ้
่ อาการทางจิตเวชได้ถูกใช้มากขึน
ในยุโรปตะวันตกและอเมริกา การรักษาร่วมกับจิตบาบัด, สังคมบาบัด
สามารถช่วยลดการใช้ยาลง
จุดทีม
่ ีผลต่อการรักษาโรคทางจิตเวชได้แก่ เส้นปราณหัวใจ,
เส้นปราณตูมา่ ย, เส้นปราณเยือ่ หุม
้ หัวใจ และเส้นปราณถุงน้าดี
จุดทีใ่ ช้บอ
่ ย ๆ ในกลุม
่ อาการทางจิตเวช ได้แก่
Du 20 ไป่ หุย้ จุดบนเส้นปราณดตูมา่ ย
Ex 6 ซีเฉินคง กระตุน
้ Psychological effects
He 7 เซินเหมิน เป็ นจุดช่วยในการนอนหลับ
Pe 6 เน่ ยกวาน
UB 62 เซินม่าย
UB 15 สินซู

การฝังเข็มได้ผลเป็ นอย่างดีในรายทีเ่ ป็ น
Psychosomatic disorders ได้แก่ agitation หรือ exhaustion
condition, นอนไม่หลับ, ซึมเศร้า, sexual disturbance,
การเสพย์สารเสพติด, โรคอ้วน และอาการปวดศีรษะ
ซึง่ ได้รบั การวิจยั จากหลาย ๆ แห่ง
5.1 โรคซึมเศร้า (Depression)
ตามทฤษฎีแพทย์จีน
โรคนี้เกิดจากการขาดพลังชีวต ิ ของเส้นปราณไต
เส้นปราณเส้นนี้เกีย่ วข้องกับไต, ระบบสืบพันธุ์
อีกทัง้ ระบบต่อมหมวกไต ซึง่ อาจมีผลต่อโรคนี้
กลุม
่ อาการนี้จะมีอาการ มือเท้าเย็น, เหนื่อยง่าย, ซีด,
กิจวัตรประจาวันลดลง, อารมณ์ ซม ึ เศร้า
ในบางรายทีเ่ ป็ นมากจะมีอาการเย็นบริเวณบัน ้ เอว,
หลังด้านล่างแข็งตึง, ปวดหลังหรือปวดร้าวไปทีเ่ ท้า
และบางรายอาจมีความรูส้ กึ ทางเพศลดลง

Du 20 ไป่ หุย้
Ex 6 ซีเฉินคง He 7 เซินเหมิน Liv 3 ไท่จง
Liv 14 กีเหมิน Pe 6 เน่ ยกวาน GB 37 กวางหมิง
Ren 6 กีฮา่ ย He 5 ทงลี่ Sp 6 ซานจินเจียว
Pe 6 เน่ ยกวาน
LI 4 เหอกู่
5.2 Agitation
Du 20 ไป่ หุย้
Ex 6 ซีเฉินคง He 7 เซินเหมิน Liv 3 ไท่จง
UB 15 สินซู Pe 6 เน่ ยกวาน UB 62 เซินหม่าย
GB 34
He 5 ทงลี่
หยางหลิงกวาน

5.3 นอนไม่หลับ (Sleep Disturbances)


จุดสาคัญในการรักษาอาการนอนไม่หลับอยูท่ ี่
จุด Ex 8 อันเหมีย่ น I และ Ex 9 อันเหมีย่ น II
ซึง่ อันเหมีย่ นในภาษาจีน แปลว่า “นอนหลับดี” หลังจากการฝังเข็ม 2-
3 ครัง้ ยาทีผ ่ ป
ู้ ่ วยได้รบั อยูจ่ ะลดลง และหยุดการกินยาในทีส่ ุด

Du 20 ไป่ หุย้
Ex 6 ซีเฉินคง He 7 เซินเหมิน UB 62 เซินหม่าย
Ex 8 อันเหมีย่ น I Pe 6 เน่ ยกวาน Sp 6 ซานจินเจียว
Ex 9 อันเหมีย่ น
He 5 ทงลี่ Liv 3 ไท่จง
II
Ex 1 อิน
้ ถาง
5.4 การติดสารเสพย์ตด

การรักษาการใช้สารเสพย์ตด ิ ได้เริม
่ ใช้การฝังเ
ข็มในการรักษาผูป ้ ่ วยกลุม
่ ทีต ่ ด
ิ ฝิ่ น โดยประสาทศัลยแพทย์
ในฮ่องกงช่วง ปี พ.ศ. 2500 – 2510
พบว่าผูป้ ่ วยไม่มีอาการถอนยาในระยะแรกของการหยุดใช้ฝิ่น
ในระยะแรกยังไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ ทพ ี่ บ ต่อมาในปี พ.ศ.
2522 พบว่าเกิดจากการเพิม ่ ขึน้ ของระดับเอนดอร์ฟินในกระแสเลือด
อย่างไรก็ตามความสาเร็จในการรักษาขึน ้ อยูก่ บั จิตบาบัด
และสิง่ แวดล้อมต่างของผูป ้ ่ วย
มีการศึกษาในสหรัฐอเมริกา
ได้รกั ษาผูป ้ ่ วยติดเฮโรอีนและโคเคน ทีโ่ รงพยาบาลลินคอล์น,
นิวยอร์ค พบว่าในผูป ้ ่ วย 250 คนทีไ่ ด้รบั การฝังเข็มวันละ 1 ครัง้
ร้อยละ 60-68 หยุดการใช้ยา (จากการตรวจปัสสาวะ)
ซึง่ ปัจจุบน
ั ได้มีการใช้กน ั อย่างแพร่หลายทั่วโลก
ทัง้ จุดฝังเข็ม ทีล่ าตัวและจุดจาเพาะทีใ่ บหู
ใช้เป็ นจุดฝังเข็มในการรักษาการติดสารเสพย์ตด ิ
จุดเซินเหมิน,จุดหัวใจ และจุดไต ทีใ่ บหู ได้ผลดีมาก
บางแห่งใช้เพียงจุดทีใ่ บหูเท่านัน
้ จุดเซินเหมิน,
จุดหัวใจ, จุดตับ, จุดไต และจุด Sympathicus

Du 20 ไป่ หุย้
He 7
Du 14 ต้าจุย้ St 36 จูซ
๋ านหลี่
เซินเหมิน
จุดใบหู 55 GB 34
Pe 6 เน่ ยกวาน
เซินเหมิน หยางหลิงกวาน
จุดใบหู 100 หัวใจ LI 4 เหอกู่ Liv 3 ไท่จง
จุดใบหู 98 ตับ SJ 5 ว่ายกวาน
จุดใบหู 95 ไต
จุดใบหู 17
sympathicus

5.5 ติดสุรา
การฝังเข็ม ร่วมกับการให้ยา รวมทัง้ สภาพสังคม
ก็มีผลต่อการหายของผูป ้ ่ วย อวัยวะทีถ่ ูกรบกวนจากการติดสุรา คือ
กระเพาะ-ไต และ ตับ-ถุงน้าดี
จุดบนเส้นปราณหัวใจมีสว่ นช่วยทาให้ผป ู้ ่ วยสงบลง
ร่วมกับจุดเฉพาะทีห
่ ท
ู ช
ี่ ว่ ยลดอาการถอนสุรา
Du 20 ไป่ หุย้
He 7
Ren 12 จงวาน St 36 จูซ
๋ านหลี่
เซินเหมิน
GB 34
Liv 13 จางเหมิน Pe 6 เน่ ยกวาน
หยางหลิงกวาน
Liv 14 กีเหมิน Liv 3 ไท่จง
จุดใบหู 55 เซินเหมิน
จุดใบหู 84 ปำก
จุดใบหู 87 กระเพำะ
จุดใบหู 98 ตับ
จุดใบหู 17
sympathicus
5.6 การติดสารนิโคติน
การฝังเข็มได้ผลดีมากในผูป
้ ่ วยทีต
่ อ้ งการอดบุ
หรี่ อาการอดบุหรี่ ได้แก่ กระสับกระส่าย, หงุดหงิด, หิวจัด,
อยากสูบบุหรี,่ เหงือ่ ออก และใจสั่น สามารถบรรเทาด้วยการฝังเข็ม
เช่นเดียวกับการติดสารเสพย์ตด ิ ต่าง ๆ
แรงกระตุน ้ ภายในผูป ้ ่ วยเองเป็ นจุดสาคัญของความสาเร็จ
หลังจากผูป ้ ่ วยเริม
่ ลดการสูบบุหรี่ จะได้รบั การรักษา 2-3
ครัง้ ต่อสัปดาห์ ประมาณ 4-5 ครัง้

Du 20 ไป่ หุย้
He 7
Ex 6 ซีเฉินคง
เซินเหมิน
Liv 13 จางเหมิน Pe 6 เน่ ยกวาน
จุดใบหู 55 เซินเหมิน
จุดใบหู 101 ปอด
จุดใบหู 87 กระเพำะ
่ อำกำรหิวจัด หรือท ้องผูก)
จุดใบหู 91 ลำไส ้ใหญ่(ในรำยทีมี
จุดใบหู 17
sypatethicus

5.7 โรคอ้วน และน้าหนักลด


การฝังเข็มสามารถลดอาการหิวมากผิดปกติ
เนื่องจากการแพทย์จีนถือว่า
ผูป
้ ่ วยโรคอ้วนมักเป็ นกลุม
่ ทีม
่ ก
ี ารขาดพลังงานในเส้นปราณกระเพาะ-
ม้าม ในบางรายมีการเกีย่ วเนือ่ งถึงเส้นปราณไต
การรักษาโรคอ้วนจะได้ผลต่อเมือ่ ผูป ้ ่ วยให้ควา
มร่วมมือในการควบคุมอาหาร
และระหว่างทีใ่ ห้การรักษาผูป
้ ่ วยต้องดืม
่ น้าวันละ 3-4 ลิตรต่อวัน
หลังจากการควบคุมอาหารผูป ้ ่ วยจะสามารถเปลีย่ นแปลงอุปนิสยั การกิ
นและการเลือกอาหารทีจ่ าเป็ นได้งา่ ยกว่าเดิม
การให้คาปรึกษาเกีย่ วกับการควบคุมอาหารจะเป็ นผลดีตอ่ การรักษาร
ะยะยาว การฝังเข็มจะทา 2-3 ครัง้ ต่อสัปดาห์ และใช้เวลาประมาณ 6-
8 ครัง้

Du 20 ไป่ หุย้
He 7
Ren 12 จงวาน St 36 จูซ
๋ านหลี่
เซินเหมิน
จุดใบหู 55 เซินเหมิน Pe 6 เน่ ยกวาน Liv 3 ไท่จง
จุดใบหู 87 กระเพำะ
จุดใบหู 84 ปำก
จุดใบหู 17
sypatethicus
6. กลุม
่ โรคทางประสาทวิทยา (Neurological
Disorders)
การฝังเข็มได้ผลดีตอ่ โรคไมเกรน,
ปวดศีรษะเรื้อรัง และการปวดประสาทสามแฉก (Trigeminal
Neuralgia) การฝังเข็มจะดีกว่าการรักษาวิธอี ืน ่
พบว่าผูป้ ่ วยทีเ่ ป็ นโรคปวดศีรษะหรือไมเกรน ร้อยละ 30
ได้รบั การฝังเข็ม
การรักษากลุม ่ โรคเหล่านี้ได้แพร่หลายในประเทศตะวันตก
แม้แต่ผป ้
ู้ ่ วยทีเ่ ป็ นอัมพาต ก็สามารถทาให้เคลือ่ นไหวได้มากขึน
นอกจากนี้กลุม ่ ผูป ้ ่ วยชัก สามารถลดอาการชัก
และลดโอกาสการกลับเป็ นซา้ ลง
6.1 โรคปวดศีรษะและไมเกรน
อาการปวดศีรษะเรื้อรังเกิดจากการอุดตันการไ
หลเวียนของพลังชีวต ิ ของศีรษะ
การปวดศีรษะเรือ้ รังส่วนใหญ่เกิดจากอวัยวะภายใน และเส้นปราณ
มากกว่าสภาพอากาศภายนอก
จุดปวดเป็ นสิง่ สาคัญในการวางแผนการรักษา ซึง่ ได้แบ่งออกเป็ น 4
กลุม
่ ดังนี้
อาการปวดศีรษะตามแนวเส้นปราณถุงน้าดี
จะปวดบริเวณ GB 14
หน้าผากบริเวณเหนือตา การปวดนี้จะปวดบริเวณทีเ่ ชือ่ มต่อระหว่าง
เส้นปราณซานจินเจียวและถุงน้าดี จึงมีชือ่ เรียกว่า
การปวดศีรษะแบบเซาหยาง (Shao-Yang type headache)
ซึง่ ร้อยละ 40-50 ของอาการปวดศีรษะ

Du 20 ไป่ หุย้
Ex 6 ซีเฉินคง
GB 14 หยางไป๋ SJ 5 ว่ายกวาน GB 41 หลิงกี
GB 20 เฟงชี LI 4 เหอกู่ GB 37 กวางหมิง
GB 8 ไซกู SJ 3 จงจู St 44 เน่ ยติง
Liv 3 ไท่จง

ปวดศีรษะบริเวณขมับ
ซึง่ ส่วนใหญ่ทปี่ วดจะอยูต
่ รงจุด St 8 ตูเว่ย
สัมพันธ์กบั เส้นปราณกระเพาะ

Du 20 ไป่ หุย้
St 8 โถ่วเหว่ย LI 4 เหอกู่ St 44 เน่ ยติง
GB 4 หันยาน LI 11 ฉวีชี St 36 จูซ
๋ านหลี่
St 7 เซียกหนาน

ปวดศีรษะตามแนวเส้นปราณกระเพาะปัสสาวะ
ส่วนใหญ่จะปวดทีจ่ ุด UB 2 ซานจู้ (อยูร่ ะหว่างคิว้ )
หรือ UB 10 เถียนจู้ (บริเวณคอ)

Du 20 ไป่ หุย้
UB 2 ซานจู้ SI 3 ฮูสี UB 60 คุนหลุน
UB 10 เถียนจู้ LI 4 เหอกู่ UB 67 จี้หยิน

ปวดศีรษะบริเวณกลางกระหม่อม
บริเวณจุด Du 20 ไป่ หุย้ เป็ นจุดทีป
่ วดบ่อย
สัมพันธ์กบั เส้นปราณตับ

Du 20 ไป่ หุย้
Ex 6 ซีเฉินคง LI 4 เหอกู่ Liv 3 ไท่จง
Liv 14 กีเหมิน SJ 6 ว่ายกวาน Liv 2 สิงเจียน
GB 34
หยางหลิงกวาน

6.2 อาการปวดประสาทสามแฉก (Trigeminal


Neuralgia)
เกิดจากการอุดตันพลังชีวต
ิ จากความเย็น,
ความร้อน และลม
ช่วยกันทาให้มีการรบกวนพลังชีวต ิ ของเส้นปราณตับและกระเพาะ
ทาให้เกิดอาการปวดแสบร้อน หรือปวดตือ้
บางครัง้ อาจมีอาการปวดเป็ นพัก ๆ , ปวดเมือ่ มีการเคลือ่ นไหว
หรือในบางรายอาจปวดมากเมือ่ ถูกลมพัดบริเวณใบหน้า
การรักษาจะใช้เข็มประมาณ 10 –12 เล่ม
ฝังในด้านตรงข้ามกับทีม ่ ีอาการ และกระตุน้ ด้วยมือ
เพือ่ เป็ นการบรรเทาอาการ (sedative effects) จุด distal point
สาคัญทีช ่ ว่ ยได้ คือ LI 4 เหอกู่
ในรายทีเ่ ป็ นรุนแรงและเป็ นครัง้ แรก
จะได้รบั การรักษาวันละ 1 ครัง้ ใช้เวลา 30 – 60 นาทีตอ่ ครัง้
ในรายทีเ่ ป็ นรุนแรงควรจะฝังเข็มด้านตรงกันข้ามกับทีเ่ กิดอาการ
เนื่องจากหากฝังเข็มในข้างทีม ่ ีอาการ
อาจทาให้อาการปวดเพิม ่ มากขึน้ หลังจากอาการปวดพอทุเลาลง
จึงค่อยฝังเข็มด้านทีเ่ ป็ นด้วยเข็มเพียง 2-3 เล่ม แล ้วค่อย ๆ
่ ำนวนเข็มขึน้ อำกำรปวดจะลดลงหลังจำกกำรฝังเข็ม 4-5
เพิมจ

ครังแรก จำกระยะนี ท้ ำต่ออีก 15-20 ครัง้
จะทำให้อำกำรปวดหำยไปได ้หลำยปี
หำกมีอำกำรเกิดขึนอี้ กก็เริมกำรรักษำใหม่

ปวดบริเวณรอบ ๆ ตำ (V 1)
Du 20 ไป่ หุย้
GB14 หยำงไป๋ LI 4 เหอกู่ St 44 เน่ ยติง
Ex 2 ไท่หยำง SJ 6 ว่ายกวาน Liv 3 ไท่จง
UB 2 ซำนจู ้ ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ

Ex 1 อินถำง

ปวดบริเวณกระดูกแมกซิลล่ำ (V 2)

Du 20 ไป่ หุย้
St 2 ซิไป๋ LI 4 เหอกู่ St 44 เน่ ยถิง
St 3 จูเหลียว SJ 6 ว่ายกวาน Liv 3 ไท่จง
SI 18 กวำนเหลียว SI 3 หูซ ี ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ

Du 26 เยินจง

St 7 เซียะกวำน
LI 20 หยิงเซียง

อำกำรปวดบริเวณกรำม

Du 20 ไป่ หุย้
้ ง
St 4 ตีคั LI 4 เหอกู่ St 44 เน่ ยถิง
St 6 เจียเฉอ SJ 6 ว่ายกวาน Liv 3 ไท่จง

St 7 เซียะกวำน
Ren 24 เชงเจียง
Ex 5 เจียเชงเจียง

6.3 อัมพาต
กำรรักษำในคลินิคฝังเข็มในประเทศจีนโดยส่วน
ใหญ่เป็ นโรคนี ้ พยำกรณ์ของโรคหลอดเลือดสมองจะดีกว่ำ
่ นจำกอุบตั เิ หตุ
กลุ่มทีเป็
กำรฝังเข็มสำมำรถช่วยลดอำกำรเกร็งจำกอัมพำตได ้ถึงร ้อยละ 30
่ นจะให้ผลดีมำก
ของผูป้ ่ วย กำรรักษำผูป้ ่ วยในระยะแรกทีเป็
แม้ในรำยทีเป็่ นมำนำน สำมำรถช่วยทำให้ผูป้ ่ วยดีขนเช่
ึ ้ นกัน
กำรรักษำจะใช ้กำรฝังเข็มประมำณ 2-3 รอบ
โดยแต่ละรอบกำรรักษำ จะฝังเข็ม 10-12 ครัง้
หำกรอบแรกของกำรรักษำไม่ไดผลเท่ำทีควร ่
อำจต ้องใช ้กำรฝังเข็มทีศี่ รษะ (Scalp Acupuncture)
เป็ นกำรเสริมกำรรักษำ


อัมพำตทีแขน

Du 20 ไป่ หุย้
GB 34
Ex 6 ซีเฉิ นคง LI 15 เจียนหยู
หยำงหลิงกวำน
LI 11 ฉวีช ี
LI 10 ซูซำนหลี่
LI 4 เหอกู่
Ex 28 ปำสี่
SJ 14
เจียนเหลียว
SJ 5 ว่ำยกวำน
SJ 3 จงจู ้


อัมพำตทีขำ

Du 20 ไป่ หุย้ LI 4 เหอกู่ ่ ้นขำ


St 32 ฟูทู ทีต
Ex 6 ซีเฉิ นคง LI 11 ฉวีช ี ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ
St 31 ไป่ กวำน St 40 เฟงหลง
St 41 ไจ๋สี่
St 44 เน่ ยถิง
Ex 36 ป่ ำเฟิ ง
GB 30 ฮวนเตียว
GB 34
หยำงหลิงกวำน
GB 37 กวำงหมิง G
B 40 กิวสู่
Liv 3 ไท่จง

6.4 อัมพาตใบหน้า (Facial Paresis, Bell’s


Palsy)
ในผูป้ ่ วย Bell’s palsy
กำรกระตุนด
้ ้วยมือจะช่วยได ้มำก
้ ้วยควำมถีต่ ำ่ ๆ ประมำณ
กำรใช ้ไฟฟ้ ำกระตุนด
่ น
3-10 เฮิร ์ทส ์ กำรกระตุน้ local point ทำในด ้ำนทีเป็
ส่วนกำรกระตุน้ distal point สำมำรถกระตุนได ้
้ ้ทังสองข ้ำง

Du 20 ไป่ หุย้
GB 34
Ex 6 ซีเฉิ นคง LI 4 เหอกู่
หยำงหลิงกวำน
St 31 ไป่ กวำน LI 11 ฉวีช ี ๋ ำนหลี ่
St 36 จูซ
GB14 หยำงไป๋
Ex 2 ไท่หยำง
St 2 ซิไป๋
St 3 จูเหลียว
้ ง
St 4 ตีคั
St 5 ต ้ำหยิง
St 7 เสียกวำน
SI 18 กวำนเหลียว
Ex 5 เจียเชงเจียง

6.5 ลมช ัก (Epilepsy)

กำรฝังเข็มมีผลระงับชักเป็ นอย่ำงดี
โดยเฉพำะในรำยทีเป็ ่ นเฉี ยบพลัน
กำรฝังเข็มหรือกำรกดจุดจะทำให้อำกำรชักลดลง
ในขณะช ักอยู่ กำรฝังเข็มทีจุ่ ด Du 26 เยินจง ่
จะได ้ผลเป็ นอย่ำงมำก ต่อผูป้ ่ วยถึงร ้อยละ 80-90
่ งด่วน เรำสำมำถใช ้เข็มฉี ดยำแทน
ในรำยทีเร่
่ อำกำรช ัก ฝังทีจุ่ ด Du 26 เยินจง
กำรรักษำเมือมี ่
่ มอี ำกำรลมชกั
กำรรักษำเมือไม่

Du 20 ไป่ หุย้
Ex 6 ซีเฉิ นคง He 7 เซินเหมิน Ki 1 ยงกวำน

Ex 1 อินถำง Pe 6 เน่ ยกวำน UB 62 เซินหม่ำย

่ GB 34
Du 26 เยินจง LI 4 เหอกู่
หยำงหลิงกวำน
Liv 3 ไท่จง

7. โรคทางนรีเวชกรรม
่ ้องกับเส ้นปรำณไต
อวัยวะสืบพันธุ ์จะเกียวข
้ บก็มสี ่วนสำคัญเนื องจำกผ่
อีกทังตั ่ ำนอวัยวะสืบพันธุ ์
7.1 ปวดประจาเดือน (Dysmenorrhea)
Du 20 ไป่ หุย้
Ren 3 จงจี LI 4 เหอกู่ Ki 1 ยงกวำน
Ren 6 กีฮ่ำย He 7 เซินเหมิน Sp 10 สุฮ่ำย
Ren 4 กวำนหยวน Liv 3 ไท่จง
St 29 กุ ้ยหลำย ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ


7.2 อาการปวดจากเนื องอกทางนรี
เวช
์ บปวดได ้เป็ นอย่ำงดี
กำรฝังเข็มมีฤทธิระงั

โดยเฉพำะกับอำกำรปวดจำกเนื องอกบริ เวณอุงเชิ
้ งกรำน

ซึงกำรฝั งเข็มจะดีกว่ำกำรใช ้ยำแก ้ปวดทีมี่ ฤทธิแรง


ในรำยทีปวดมำกกำรใช ้ไฟฟ้ ำกระตุนจะได
้ ้ผลมำก

Du 20 ไป่ หุย้
Sp 6
Ren 4 กวำนหยวน LI 4 เหอกู่
ซำนจินเจียว
Du 3
LI 11 ฉวีช ี St 44 เน่ ยถิง
เหยำหยำงกวำน
UB 23 เซินซู Liv 3 ไท่จง
UB 25 ต ้ำฉำงซู
7.3 การระงับปวดระหว่างการคลอด
กำรฝังเข็มสำมำรถระงับปวดระหว่ำงคลอด
้ ำให้ระยะเวลำในกำรคลอดลดลง
อีกทังท

ในรำยทีกำรหดตั ่
วของมดลูกไม่ด ี สำมำรถเพิมกำรหดตั
วได ้
Local point อยู่บริเวณท้องส่วนล่ำง
่ งร่วมกับกำรฝังเข็มที ่ distal point สำหรับ distal point
หรือทีหลั
จะอยู่ที ่ Sp 6 ซำนจินเจียว และเน่ ยมำ ด ้ำนในของขำ
่ ำนันที
โดยฝังเข็มเพียงขำข ้ำงใดข ้ำงหนึ งเท่ ้ จะไม่
่ กด
ี ขวำงผูท้ ำคลอด

Du 20 ไป่ หุย้
Sp 6
Ex 6 ซีเฉิ นคง LI 4 เหอกู่
ซำนจินเจียว
Ren 4 กวำนหยวน He 7 เซินเหมิน เน่ ยมำ
Du 2 เหยำซู Liv 3 ไท่จง

Du 6 จีจง ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ
GB 21 เจียนจิง ้ น
UB 67 จีหยิ

กำรกระตุนไฟฟ้
้ ำจะสำมำรถระงับอำกำรปวดระหว่ำงคลอดได ้เป็ นอย่ำง
ดี

8. โรคผิวหนัง

โรคผิวหนังทีสำมำรถรั
กษำโดยกำรฝังเข็มได ้แก่ สิว,

งู สวัด, เรือนกวำง, ่ น อำกำรโรคผิวหนัง
ผืนคั
ส่วนใหญ่มกั สัมพันธ ์กับเส้นปรำณปอดและลำไส ้ใหญ่

กำรรักษำจึงใช ้จุดตำมเส ้นปรำณทังสองเป็ นสำคัญ
หลักการร ักษา

1. เลือกจุดรอบ ๆ
รอยโรค แต่ไม่ควรฝังเข็มภำยในบริเวณรอยโรค
โดยเฉพำะบริเวณทีเป็ ่ นแผล
2. จุดบนเส้นปราณปอด เนื องจำกผิ ่ วหนังมีควำมสัมพันธ ์กั
บเส้นปรำณปอด

3. จุด Sp 10 สู ฮา่ ย มีฤทธิลดอำกำรแพ้ (antiallergic
properties)
4. จุด Du 14 ต้าจุย้ และ Sp 6
ซานจินเจียว มีฤทธิลดกำรอั ์ กเสบและกระตุนระบบภู
้ มค
ิ ้ม
กัน
5. จุด LI 11
ฉวีช ี เป็ นจุดทีท่ ำให้เกิดสมดุลและกระตุนระบบภู
้ มค
ิ มกั
ุ้ น
(Homeostatic and immune-enhancin
properties)
6. จุด Lu 9 ไท่หยวน เป็ น influential point
สำหรับระบบหลอดเลือด

8.1 สิว (Acne Vulgaris)

กำรรักษำสิว
่ ้เคียงกับบริเวณ
กำรเลือกจุดฝังเข็มจะดูตำมจุดฝังเข็มทีใกล
ทีมี่ สวิ และ distal point
่ ้นปรำณเส ้นทีเกี
ทีเส ่ ยวข
่ ้องพำดผ่ำน
ในทีนี่ จะกล่
้ ่
ำวถึงสิวทีใบหน้
ำและแผ่นหลัง

สิวทีใบหน้

Du 20 ไป่ หุย้
St 3 จูเหลียว LI 4 เหอกู่ ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ
St 5 ต ้ำยิง LI 11 ฉวีช ี Sp 10 สูฮ่ำย
่ ย Sp 6
St 6 เจียเชอ Lu 7 เลียเชี
ซำนจินเจียว
St 7 เสียกวำน Pe 4 สีเหมิน
Local points

่ นหลัง
สิวทีแผ่

Du 20 ไป่ หุย้
Du 14 ต ้ำจุย้ LI 11 ฉวีช ี ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ
Du 12 เซินจู ้ ่ ย
Lu 7 เลียเชี UB 60 คุนหลุน
UB 13 เฝ่ ยซู Sp 10 สูฮ่ำย
Local points
้ ัง
8.2 แผลเรือร
่ ้รับรังสีรกั ษำ แล ้วเกิดแผลเรือรัง
ในรำยทีได ้
ผลกำรรักษำจะได ้ผลดีมำก ภำยในระยะเวลำ 2-3 วัน
้ อใหม่
เนื อเยื ่ ้ ำงรวดเร็ว บำงรำยใช ้เวลำเป็ นแรมปี จึงหำย
จะเจริญขึนอย่
่ อและใต ้ต่อแผล,
Local points: จุดทีเหนื
่ ้นปรำณนัน้ ๆ พำดผ่ำน หรือจุดทีอยู
จุดทีเส ่ ่ด ้ำนตรงข ้ำมกับแผลทีเป็
่ น
เช่นเป็ นแผลทีต่ ้นขำขวำ
ก็ฝังเข็มทีต่ ้นขำซ ้ำยบริเวณทีตรงกั
่ นข ้ำมกับแผล

Sp 6
Du 20 ไป่ หุย้ Lu 9 ไท่หยวน
ซำนจินเจียว
Du 14 ต ้ำจุย้ ่ ย
Lu 7 เลียเชี
LI 11 ฉวีช ี

่ น, ผิวหนังอักเสบ (Eczema,
8.3 ผืนคั
Neurodermatitis)
้ ดจำกกำรขำดพลังงำนหยินของเส ้นปรำณ
อำกำรเหล่ำนี เกิ
ปอด
่ นจะกระตุนที
กำรรักษำผืนคั ้ จุ่ ดบนเส ้นปรำณปอดและเส ้นป
รำณลำไส ้ใหญ่

Du 20 ไป่ หุย้
Du 14 ต ้ำจุย้ LI 11 ฉวีช ี Sp 10 สูฮ่ำย
Sp 6
จุดทีใ่ กล ้เคียงบริเวณทีเ่ ป็ น He 7 เซินเหมิน
ซำนจินเจียว
LI 4 เหอกู่ ๋ ำนหลี่
St 36 จูซ


8.4 โรคเรือนกวาง (Psoriasis)

ในอำกำรนี ้ กำรรักษำต ้องใช ้เวลำนำน


โดยส่วนใหญ่ใช ้เวลำ 2-4 รอบกำรรักษำ
โดยแต่ละรอบจะทำกำรฝังเข็ม 10-12 ครัง้

Du 20 ไป่ หุย้
จุดทีใ่ กล ้เคียงบริเวณทีเ่ ป็ น LI 11 ฉวีช ี Sp 10 สูฮ่ำย
Sp 6
Lu 5 ชีเจ๋อ
ซำนจินเจียว
Lu 7 St 36
่ ย
เลียเชี ๋ ำนหลี่
จูซ

9. การฝั งเข็มในทางทันตกรรม

กำรประยุกต ์กำรฝังเข็มในประเทศไทยนันยั้ งไม่เป็ น



ทีทรำบและแพร่ หลำย ทัง้ ๆ ทีมี่ กำรค ้นคว ้ำและทดลองในประเทศต่ำง ๆ

ทังภำคคลิ นิกและทฤษฎีสรีรวิทยำเพืออธิ ่ บำยปรำกฎกำรณ์กำรระงับป
วด และกำรรักษำโรคกันอย่ำงกว ้ำงขวำง

เนื องจำกกำรใช ้กำรฝังเข็มในทำงทันตกรรมมีข ้อดีและข ้อจำกัดหลำย
ด ้ำน ในทีนี่ จึ้ งเสนอเรืองที
่ น่่ ำสนใจ
เพือเป็ ่ นแนวทำงในกำรค ้นคว ้ำและเลือกใช ้ในภำวะจำเป็ น

9.1 การฝั งเข็มชาถอนฟั น


กำรฝังเข็มชำ (Acupuncture Anesthesia)
ปัจจุบน ั ได ้รับกำรนำมำใช ้ในกำรผ่ำตัดบำงอย่ำงของแผนกศัลยกรรม
ช่องปำกและใบหน้ำ นอกจำกใช ้ในกำรถอนฟันแลล ้ว
ยังใช ้ในกำรระงับปวดในกำรผ่ำตัดกระดูกขำกรรไกร,

กำรผ่ำตัดบริเวณต่อมนำลำยพำรอติ ค, ริมฝี ปำก, แก ้ม
และบริเวณเพดำนปำก เป็ นต ้น อย่ำงได ้ผลมำแล ้ว
ในกำรเลือกจุกฝังเข็มนัน้
ให้พิจำรณำในตำแหน่ งซีฟั่ นทีจะถอน

แล ้วเลือกจุดฝังเข็มด ้ำนเดียวกับฟัน เช่น
ถอนข ้ำงขวสก็เลือกจุดข ้ำงขวำ ดังตำรำงข ้ำงล่ำงต่อไปนี ้
้ มนัน้ อำจจะใช ้กำรกระตุนด
ส่วนกำรกระตุนเข็ ้ ้วยมือ

หรือใช ้เครืองกระตุ นไฟฟ้
้ ่
ำก็ได ้ เพือควำมสะดวกในกำรปฏิ บตั ิ


ฟั นทีจะถอน ่ อกใช้
จุดทีเลื
่ องใช้ทุกครง้ั
จุดร่วมทีต้ LI 4 เหอกู่ หรือแทงจุด LI 4 เหอกู่ ทะลุไปถึง
ไม่ว่าจะเป็ นฟั นบนหรือฟั นล่าง จุด Pe 8

ฟั นหน้าบน Du 26 หยินจง, SI 18 เฉวียนเหลียว, LI 3


จุดซำนเจียน แทงทะลุไปยังจุด LI 4 เหอกู่

ฟั นกรามน้อยบน SI 18 เฉวียนเหลียว, LI 3 จุดซำนเจียน


แทงทะลุไปยังจุด LI 4 เหอกู่

ฟั นกรามบน ่
St 7 เซียกวำน, SI 18 เฉวียนเหลียว, LI 3
จุดซำนเจียน แทงทะลุไปยังจุด LI 4 เหอกู่

ฟั นหน้าล่าง Ren 24 เฉิ งเจียง, LI 3 จุดซำนเจียน


แทงทะลุไปยังจุด LI 4 เหอกู่

ฟั นกรามน้อยล่าง St 5 ต ้ำหยิง, LI 3 จุดซำนเจียน


แทงทะลุไปยังจุด LI 4 เหอกู่
ฟั นกรามล่าง ่
Ren 24 เฉิ งเจียง, St 7 เซียกวำน, St 6

เจียเชอ, LI 3 จุดซำนเจียน แทงทะลุไปยังจุด LI
4 เหอกู่


ฟั นทีถอน ่
โรคของฟั นทีถอน ่ อกใช้
จุดทีเลื


เหอกู ่ ซานเจียน เหยินจง หยิงเซียง ซือไป๋ เฉวียนเหล
LI 3 DU26 LI 20 St 2 SI 18
LI 4

# 21 Periodontitis X X X X X

# 12 Chronic X X X X X
dentoalveolar
abscess

# 13 ” X X X X X X

# 13, # ” X X X X X X
14

# 16 ” X X

# 17 ” X X

# 24 ” X X X

# 26, # ” X X
27

# 27 ” X X
# 43, # ” X X
33

# 32, #
33

# 44, # ” X X
45

# 46, # ” X X
47

# 36, #
37, # 38

# 37 ” X X

# 38 ” X X

่ ้ในกำรฝังเข็ม
X คือจุดทีใช
9.2 การฝั งเข็มระงับอาการเจ็บจาการขูดหิน

นาลาย

กำรขูดหินนำลำยใต ่ ลต ้ำโซ
้เหงือกด ้วยเครืองอุ
นิ ค (Ultasonic Scaler) มักทำให้ผูป้ ่ วยรู ้สึกเจ็บไม่มำกก็นอ้ ย

เพือบรรเทำอำกำรดั งกล่ำว อำจพิจำรณำใช ้เข็มแทงทีจุ่ ด LI

11 ฉวีชแี ละ LI 4 เหอกู ่ ทังสอข ้ำง กระตุนก่
้ อนขูดประมำณ 10 นำที

You might also like