You are on page 1of 54

วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

2
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

โอม ชรีกาเนชายะ นะมะ หะริ โอม


โอม ชรี กาเนชายะ ปะฏิฏายะ นะมะ โอม
ขอน้ อมบูชามหาเทพผู้สร้ างผู้ทาํ ลายและรักษา เป็ นลําดับต้ น
ขอน้ อมบูชาองค์มหาพิฆเณศมหาเทพ
ผู้เป็ นใหญ่เหนือเครืองกันความสําเร็จทังมวล
ผู้มีพระนามอันยิงใหญ่ ผู้นาํ มาซึงความเปลียนแปลงอันดี
ขอน้ อมบูชาด้ วยบุญกุศลทังหมดทีกระทําไว้ ดีแล้ ว
ขอบูชาด้ วย ขนมโมทะกะ ขนมลาดู อันปรุงยากเหล่านี
ขอน้ อมบูชาแด่ องค์มหาเทพผู้เป็ นครูของข้ าพเจ้ า
3
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

คํานํา ก่อนถึงความสําเร็จในการเรียนรู ้
ธรรมชาติของการเรียนรู้ทุกสรรพวิชาในโลก ผมได้ น้อมเอาคําสอนของ
บรมศาสดาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ครูเอกของโลกมาระลึกตรึกใช้
พระองค์สอนว่าจะทําสิงใดให้ สาํ เร็จ ต้ องประกอบด้ วยธรรม ประการ
และการเรียนรู้โหราศาสตร์แบบดวงขุมทรัพย์ ศาสตร์ทจะไม่ ี มีวนั เรียน
สําเร็จเลย หากไม่เข้ าถึง “ปรัชญา” และหลักคิดของวิชานี การเรียนรู้
แบบท่องจําเป็ นความสามารถของนกแก้ ว นกขุนทอง และเดรัจฉาน
ต่างๆ มิใช่ความสามารถของมนุษย์ผ้ มู ีสติปัญญาอ่านคิดและ
สร้ างสรรค์สงที
ิ ยังไม่มีให้ มีขึนได้
ฉันทะ มีความพึงพอใจในสิงทีทํา คุณจะมีความสุขทุก
ครังทีเรียนรู้ หากคุณไม่มีความสุขปรากฏในใจ คุณหยุดเรียนเสียดีกว่า
วิริยะ มีความพากเพียรก้ าวข้ ามอุปสรรค ทุกการฝึ กฝน ไม่
มีอะไรไม่เหนือย ไม่ยาก หากคุณคิดว่าคุณจะไม่ยอมให้ อะไรมากัน
ขวางระหว่างคุณและความสําเร็จแล้ ว จะก้ าวข้ ามอุปสรรคได้ ทงหมด

จิตตะ มีความเอาใจใส่ จดจ่ออยู่กบั สิงทีเรียน ตามดูว่ามีสงิ
ทีต้ องเรียนรู้อะไรบ้ าง โครงสร้ างวิชาเป็ นอย่างไร ครูอาจารย์ มีสอน
เสริม มีบรรยาย มีเอสารอะไรใหม่ๆ เพิมเติมบ้ าง อันนี คือความเอาใจ

4
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ใส่ไม่ทอดทิง ไม่ละทิงความฝันและความสําเร็จเพียงกลางทาง
วิมังสา คือการรู้จักวิเคราะห์ตามเหตุตามผลว่า อะไรคือเหตุ
ของความสําเร็จทีได้ มา อะไรเป็ นเหตุให้ ไม่สาํ เร็จ แล้ วเร่งแก้ ไขพัฒนา
ให้ เกิดความรู้ความเข้ าใจยิงๆ ขึนไป เป็ นคนทีไม่หยุดนิงกับสิงเก่าๆ
สิงเดิมๆ ทีสําเร็จมาแล้ วในอดีต
ชีวติ ตัวผมเองนัน เปรียบเหมือนหลุมดินหลุมโคลน ทีลึกมาก ดิน
โคลนทีไม่ได้ โดนแม้ แต่แสงแดดย่อมเหม็นสาบ ท่านครูโหราจารย์ และ
พระอาจารย์อกี สองรูป ได้ เติมบ่อนีด้ วยนําใส แต่ครูมิได้ แบกมิได้ หาม
นําใสนันมาทุ่มโยนลงในบ่ออันสกปรกนี หากแต่ได้ สอนวิธใี ห้ ศษิ ย์ร้ จู ัก
หานําใสไร้ มลทินมาเติมเต็มให้ บ่อนีไม่ขาดจากนํา โคลนทีก้ นก็เจือจาง
ไปกับนําใสจํานวนมหาศาลจนความขุ่นนัน เบาบางจางลงจนใส
ผู้ใดใคร่อยากได้ ความรู้ทดัี งนําในบ่อนี อย่ามาตักตวงเอาตรงๆ
เพราะมันจะหกหายเสีย หากไม่มีความรู้ว่าจะรักษามันไว้ ได้ อย่างไร
ควรยิงทีต้ องเรียนรู้ปรัชญาของหลักวิชาก่อน เพือทีจะได้ เก็บกักเอาสิงที
ได้ ไปนันไว้ กบั ตัวได้ อย่างแท้ จริง เป็ นด้ วยอํานาจของวิมังสา สิงทีได้ ไป
นัน หากเลียงดูด้วยความใฝ่ รู้ ความรู้นนๆ ั จะเติบโตขึนแบบไม่มีทสุี ด

มงกุฎ สิงหนันท์
โหรดวงขุมทรัพย์ ๑๙ (วยัตตะศกที ๕)
5
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

คัมภีรก์ ฤตมัณชาตรา (อิงจิ ต) ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ทางจิ ต


คัมภีร์นี ไม่ได้ ชีชัดว่า การพัฒนาพลังจิต มีสมาธิทเข้ ี มข้ นแบบมี
เป้ าหมายว่าจะพยากรณ์ได้ แม่นยํานันคือหัวใจของการฝึ กฝนวิชานี
แต่เป็ นการทีพยายามฝึ กฝนจิตใจของนักพยากรณ์ให้ เป็ นความเป็ น
ธรรมดาในทุกสถานการณ์รอบตัว ผู้ทมีี ความเข้ าใจในปรัชญาของ
กฤตมัณชาตรา ความรู้อนั ทีไม่เคยรู้มาก่อนและทีไม่อาจบอกสอนได้
จะเกิดขึนกับผู้ทฝึี กฝนหลักวิชาในคัมภีร์องิ จิตนี
* ห้ ามเรียนรู้ฝึกฝนโดยไม่มีครูชแนะและกํ
ี ากับการฝึ กฝน *

สําเร็จ กฤตมัณชาตรา ใน ๕ วัน


วันที ๑ ศึกษาปรัชญาและหลักวิชา
วันที ๒ ศึกษา ธรรมชาติของความเปลียนในจักรวาลนี เรียนรู้
กฎตายตัว หลักการทีแน่นอนของจักรวาล รูปแบบ
วันที ๓ เรียนรู้ รูปสัญลักษณ์จากเครืองมืออุปกรณ์พยากรณ์
วันที ๔ เรียนรู้การพลิกแพลงใช้ เครืองมือโดยนิรันดร์พิสดาร
วันที ๕ . . สอบอารมณ์นักพยากรณ์ และ ภูมิร้ ู ภูมิธรรม . .

6
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

กําเนิดอรรถการ
จุดหนึงในโบราณเวลา ณ ริมชายป่ าอันร่มรืน มีกระท่อมทีสร้ าง
จากกิงไม้ และใบไม้ แห้ งแบบง่ายๆ กระจายตัวอยู่ทวบริ
ั เวณ นับพัน
หลัง กระท่อมเหล่านี ปลูกสร้ างเว้ นช่วงห่างๆ กันไป สถานทีนีเหล่า
นักเดินทางได้ ขนานนามตามจํานวนกระท่อมกิงไม้ จํานวนมากนีว่า
“พันอาศรม” อันหมายถึงกระท่อมพันหลังอันเป็ นทีอยู่ของเหล่า
นักบวช เหล่าฤๅษี และ เหล่าพระราชโอรส เจ้ าชายจากแคว้ นต่างๆ
มาพักอาศัยอยู่รวมกันเพือเป้ าหมายเดียวกัน
ทุกๆ เช้ า ภารกิจสําคัญของผู้คนเรือนหมืนมีเพียงหนึงเดียว คือ
การเตรียมตัวให้ พร้ อมสําหรับการมาถึงของผู้เล่าธรรม “อรรถ
7
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

การ” (อัด-ถะ-การ) ผู้ทจะมาเยี


ี ยมกระท่อมแต่ละหลัง อันเป็ นทีอยู่
ของผู้บวชเรียนกระท่อมละ คน อรรถการ จะนําความรู้อนั ได้ รับบอก
สอนมา มาบรรยายถ่ายทอดให้ กบั ผู้ฝึกฝนทุกเช้ า
ศิวะนาฏพราหมณ์ บรมครูสงู สุดแห่งมหาอาศรมนับพันหลังคา
เรือนนี ผู้เป็ นครูของเหล่าศิษย์นับหมืนในปริมณฑลอาศรมของตน และ
อีกนับแสนทีสําเร็จวิชาไปแล้ วหลายรุ่นตระกูล ด้ วยเหตุที ศิวะนาฏ
พราหมณ์ เป็ นผู้เดียวทีแสดงธรรมได้ พิสดารให้ ศษิ ย์ผ้ มู ีความหลง
เข้ าใจผิดได้ มีดวงตาภายในเปิ ดใสสว่างกว้ างและบรรลุในสิงทีควรบรรลุ
เข้ าถึงในสิงทีควรเข้ าถึง แม้ ปีนีศิวะนาฏพราหมณ์ ครูพราหมณ์ผ้ ูเฒ่าจะ
มีอายุล่วงวัยไปจนถึง ปี แล้ วก็ตาม แต่การใช้ กาํ ลังร่างกายก็มิได้ ขาย
ตกบกพร่องไปเลย ยังคงมีสขุ ภาพทีดี มีใบหน้ าทีแจ่มใส ประกอบกับ
ความแตกต่างจากคุรุอาจารย์ในอาศรมอืนๆ ทีไว้ ผมยาวไม่เคยตัด ไม่
โกนหนวดโกนเครา ศิวะนาฏพราหมณ์ กลับโกนหัวให้ โล้ นเลียน ปลง
หนวดเคราให้ สะอาดหูสะอาดตา ปรากฏเป็ นความแจ่มใสให้ ศษิ ย์ได้ ตงั
ข้ อสังเกต ได้ ฉงนกันทัวหน้ าสําหรับผู้ทพบเห็
ี นคุรุอาจารย์ศิวะนาฏเป็ น
ครังแรก
คุรอุ าจารย์มหาฤๅษีศิวะนาฏ ปรากฏชือเสียงและคําสรรเสริญจาก
ทัวทัง แคว้ นในภูมิประเทศนี เพราะความวิเศษในตัวเองเพียง
ประการเท่านัน ความมหัศจรรย์ ประการนี ยังความสะเทือนเลือนลัน
8
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ไปยังองค์ราชามหากษัตริย์ และ ผู้มีวรรณะทังหลายได้ เข้ ามาขอความ


ช่วยเหลือ และเมือท่านครูเฒ่าได้ เข้ าช่วยเหลือแล้ ว ข้ อตกลงเพียง
ประการเดียวคือ กุลบุตร กุลธิดา จะเป็ นคนธรรมดา หรือ ราชโอรสองค์
ยุพราชก็ตาม ต้ องเข้ ามาถือบวชเรียนธรรมในอาศรมของท่านครูเฒ่า
เป็ นเวลา ปี จะมิได้ กลับบ้ านหากกลับไปเยียมบ้ านแล้ ว ก็จะกลับมา
อีกไม่ได้ นีเป็ นข้ อตกลง
เรืองราวของ “พันอาศรม” จึงถือกําเนิดขึนทีตรงนี ด้ วยจํานวน
คนทีมากมาย การบอกสอนเป็ นไปได้ โดยยาก ครูเฒ่าศิวะนาฏ จึง
ประกาศหาผู้ศรัทธาในภาระหน้ าทีงานอันหนักหนายิง งานบอกธรรม
สอนธรรม เล่าธรรมอันเป็ นเครืองหล่อเลียงดวงจิตให้ ช่มุ ชืน มีความสุข
แม้ งานนีจะยิงใหญ่หนักหน่วง ดังความหมายของคําว่า คุรุ ผู้ถือของ
หนัก แต่ศวิ ะนาฏคุรุ ก็มิได้ ลดละศรัทธาว่า “แม้ จะมีอรรถการเพียง
คน หรือ แม้ เพียงคนๆ เดียว หากคือเขาคือผู้ทจะมี ี ใจศรัทธาในความ
จริง เป็ นผู้ให้ อยู่ในโลกใบนี สักวัน “อรรถการ” ผู้บอกธรรมสอนธรรม
แทนตัวเรา จะทําให้ แสงสว่างและความสุขในโลกใบนีทรงตัวอยู่ได้ ”
เช้ าวันนี อรรถการประจําอาศรมที ยังไม่ได้ ปรากฏตัวบน
ทางเดินเลียบแม่นายมุ
ํ นาเหมือนเช่นเคย แม้ ดอกไม้ นับหลายสิบดอกจะ
บานรับแสงแห่งพระอรุณผู้ขับเคลือนราชพาหนะขององค์สรุ ิยะเทพแล้ ว
แต่ร่างอันสูงใหญ่ของอรรถการ “วยัตตะพราหมณ์” ก็ยังไม่ได้ ปรากฏ
9
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ในคลองสายตาของผู้รอคอย เสือคลุมกายและกางเกงสีนาตาลเข้
ํ มเกือบ
ดําเพราะผ่านการย้ อมแล้ วย้ อมอีกตลอดเวลากว่า 20 ปี ก็ไม่ได้ ปรากฏ
ร่องรอยในทางเดินสู่อาศรมนันเช่นกัน เครืองแต่งกายของอรรถการแต่
ละคนนัน บ่งบอกถึงความยาวนานของการบวชเรียนในอาศรมของบรม
ครูเฒ่านี
ในแต่ละปี ก่อนเทศกาลศิวาราตรี เทศกาลแห่งการถือบวชบําเพ็ญ
พรตครังใหญ่จะมาถึง ครูเฒ่าและอรรถการทังหมดจะนําเอาผ้ าใช้ สอย
ไปย้ อมด้ วยนํายางไม้ จนสีของผ้ าใช้ สอยเหล่านันเข้ มขึนเรือยๆ ยิงบวช
มานานเท่าไหร่ สีของผ้ าก็เข้ มจนเกือบเป็ นสีดาํ สําหรับอรรถการ “วยัต
ตะพรามหณ์” นีก็อยู่ในระดับทีบวชมาได้ นานเป็ นลําดับ ในพัน
อาศรมนี นับจากท่านครูเฒ่าผู้มีอาวุโสสูงสุดเป็ นลําดับ ๑ ถัดมาก็เป็ น
“ศิรวิทย์พราหมณ์” ผู้อาวุโสมากกว่า “วยัตตะพราหมณ์” เพียงปี เดียว
เสียงกระดิงทองเหลืองเล็กๆ สองสามใบดังกรุ๊งกริงกังวานไพเราะ
มาจากลับมุมโค้ งทางเดิน ทุกสายตาทีเฝ้ ารอคอยในอาศรมที ล้ วน
เพ่งความสนใจระคนปนกับความดีใจไปทีต้ นทางของเสียงนัน แม้
เจ้ าของเสียงยังไม่ปรากฏตัวในสายตาของผู้พยายามมองเพ่งหา แต่ทุก
ดวงใจตรงนันรู้ดวี ่า ตลอดเวลา เดือนทีได้ มาเป็ นบัณฑิตผู้ศกึ ษารํา
เรียนในพันอาศรมนี เจ้ าของเสียงนีคืออรรถการผู้เดียวทีได้ เป็ นสะพาน
ถ่ายทอดความรู้ ความเข้ าใจในโลกนีและในโลกข้ างหน้ าทียังมาไม่ถงึ
10
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

การมาอยู่ทนีี เดือน นอกจากการพบปะและได้ สนทนากับท่านครูศวิ ะ


นาฏพราหมณ์เพียงครังเดียวเพือรับพรสู่ความสําเร็จ ก็มีเพียง วยัตตะ
พราหมณ์ อรรถการผู้นีเพียงผู้เดียวทีสนใจและเอาใจใส่พวกเขาในทุก
เรือง
อภิเชษ พีใหญ่สดุ ใน คน โอรสองค์ใหญ่จากแคว้ นวชิรประเทศ
แคว้ นทีอยู่ห่างไกลจากพันอาศรมนับพันๆ กิโลเมตร เป็ นบัณฑิตคน
แรกในอาศรมที หลังจากทีบัณฑิตชุดก่อนได้ สาํ เร็จวิชาลากลับภูมิ
ประเทศกันไปหมด อภิเชษมาอยู่ทนีี เป็ นคนแรกตังแต่ทางเดินเข้ า
อาศรมยังไม่เต็มไปด้ วยดอกไม้ สวยงามขนาดนี เพราะทีนีเป็ นอาศรม
ร้ างตังแต่เดิมมาเกือบ ปี ทีไม่มีใครได้ มาใช้ ประโยชน์ ผู้คนต่างพากัน
สร้ างอาศรมให้ ใกล้ กบั อาศรมใหญ่ของท่านคุรอุ าจารย์ให้ มากทีสุด
แต่สาํ หรับอภิเชษ ราชโอรสของกษัตริย์ยากจนในเมืองเล็กๆ แสน
ไกล ยิงไม่มีใครได้ คุยด้ วย ยิงไม่เจอใครนอกจากอรรถการประจํา
อาศรม ยิงไม่ได้ มีเพือนมากนอกจากอีก คนทีมาอยู่กนิ นอนด้ วยกัน
ยิงจะสําเร็จวิชาทีควรสําเร็จ จะรับรู้สงที
ิ ประเสริฐเหมือนกับพระบิดา
องค์มหาอภิเชษพรหม กษัตริย์แห่งวชิรประเทศ ศิษย์ร่นุ ก่อนหน้ าทีเคย
ใช้ อาศรมลําดับที นีมาก่อน ทีนีพระองค์และใครๆ จะถูกปฏิบัติ
เยียงสามัญชน
สายตาของอภิเชษมองหาไปตามทางเสียงกระดิง ทีในไม่กอึี ดใจ
11
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

กําลังจะเดินพ้ นโค้ งทางเดิน ในสายตาทีมองเห็น เป็ นช่อเฟื องฟ้ าสีชมพู


สดสวยงาม เพือนบัณฑิตได้ พากันปลูกไว้ เมือปี ทีแล้ วและบัดนีมันได้ ทาํ
หน้ าทีของมันอย่างเต็มที เป็ นความสวยงามแบบทีไม่ซดี จาง ไม่ได้ ใช้
เงินทุนราคาแพงมากมาย นําคําชมมาจากแขกทีได้ พบเห็น และตอนนี
มันเป็ นฉากหลังสีชมพูอมแดงสดทีตัดกับผ้ าห่มกายสีนาตาลเข้
ํ มของ
อรรถการ วยัตตะพราหมณ์ ทีเดินเข้ ามาในทางเดินสู่อาศรม ใบหน้ า
ของอรรถการวันนี หลายๆ อย่างก็ยังเหมือนเดิม ผมล้ านเลียนเป็ นเงา
มันวาบล้ อกับดวงตะวันเวลาสายๆ อย่างนี ในมือข้ างหนึงถือเอาไม้ เท้ า
ทําจากไม้ เนือแข็งสูงเลยไหล่ไปเล็กน้ อย มีกระดิงทองเหลืองเล็กๆห้ อย
อยู่เป็ นกระจุก ใบ กระดิงนีเองทีเป็ นทีมาของเสียงเมือสักครู่
ครังหนึงอภิเชษเคยถามท่านวยัตตะว่า เหตุใด ท่านทําไม่
เหมือนกับคนอืนๆ ไม่เหมือนกับอรรถการคนอืนๆ ทีมีรถเทียมม้ าเป็ น
พาหนะในยามทีจะเดินทางไปแสดงความรู้ให้ อาศรมประจําของตน
คําตอบทีอภิเชษได้ รับมันทําให้ จิตใจกว้ างและสว่างมากขึน เพราะท่าน
วยัตตะอรรถการให้ เหตุผลว่า
“ กระดิงเหล่านี สร้ างเสียง เสียงนํามาสู่การได้ ยิน การได้ ยิน
นํามาสู่การฟั ง การฟั งนํามาสู่ความระลึก ความตรึกคิด ความคิดนํามา
สู่ ความคิดทีผุดขึนใหม่ ความคิดทีผุดขึนใหม่ นํามาสู่ความคิดถัดไป
ในความคิดนันๆ ล้ วนมาและไป เกิดๆ ดับๆ ดวงใจของเรา เฝ้ าดู
12
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ความคิด ดูความเป็ นไปของมัน บางครัง เราก็ดูแล้ วยินดีไปกับมัน


บางครังเราก็โศกเศร้ าไปกับความคิดทีไปๆ มาๆ ทังๆ ทีเราไม่ไปยุ่งกับ
มันก็ได้ เราจะถือไม้ เท้ านีไว้ หรือเราจะปล่อย เราก็สามารถทําได้ ถ้ าเรา
ถือไว้ เราจะต้ องไม่ส่งใจของเราไปยุ่งกับมัน
เราต้ องฝึ กแยกแยะอย่างนีๆ บ่อยๆ เพือให้ เรา เป็ นผู้ดู ผู้ร้ โู ดย
สมบูรณ์ เรายังถือไม้ เท้ านีอยู่ เพราะเราเป็ นอรรถการของพวกท่าน
เป็ นผู้เล่าขานในสิงทีท่านยังไม่ร้ ู เป็ นผู้แนะนําในสิงทีท่านยังไม่เห็น
เป็ นผู้ขัดเกลาท่อนไม้ ทยัี งไม่กลมกลึงมีเสียนหนาม เราต้ องระมัดระวัง
ใจเราให้ มาก เพราะผู้ร้ ู ยุ่งเกียวกับผู้ไม่ร้ ู ด้ วยเมตตา มิใช่ด้วยถือครอง
เป็ นสมบัตเิ ป็ นสิงภาคภูมิใจ เราจึงถือมันไว้ เตือนถึงหน้ าที อรรถการ
ของเรา และอีกอย่าง มันก็ให้ สญ ั ญาณศิษย์ทยัี งไม่พร้ อมจะฟัง ศิษย์ที
ยังไม่ตนนอน
ื ศิษย์ทยัี งทานอาหารไม่เสร็จ เวลาเรามาถึงแล้ ว จะได้ ไม่
เสียเวลาของเราทังหลายอย่างไรล่ะ” นันเป็ นคําตอบที อภิเชษ จําได้ ขึน
ใจ และพยายามฝึ กฝนใจตัวเองให้ พ้นจากความยุ่งเกียว เผลอไปยุ่ง ใน
สิงทีมากระทบ พยายามกวดขันบัณฑิตในอาศรมให้ พร้ อมสําหรับการ
เรียนรู้
สินเสียงกระดิงท่านวยัตตะมาถึงชานพักของอาศรมแล้ ว นําท่ายก
มารับรองพร้ อมผ้ าชุบนําอันเหมาะต่อการเช็ดหน้ าเช็ดตา ท่านวยัตตะ
ยินดีทจะเดิ
ี นมาทีนี ด้ วยเหตุผลทางสุขภาพตามศาสตร์แห่งอายุรเวท
13
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

เวทแห่งองค์พรหมทีว่าด้ วยการดํารงอายุวยั มีสขุ ภาพทีดี และ ชะลอ


ความชราภาพต่างๆ อรรถการหลายคนได้ รับการดูแลจากศิษย์
โดยเฉพาะศิษย์ทเป็
ี นเชือพระวงศ์หรือพ่อค้ าผู้มังคัง จะจัดจ้ างรถเทียม
ม้ ามาบริการอรรถการของตัวเอง จนร่างกายออกแรงน้ อย ร่างกายอ้ วน
สมบูรณ์ มีนาหนั
ํ กมาก และ ป่ วยเป็ นโรคได้ ง่าย
อรรถการ เช็ดหน้ าลูบตัวด้ วยผ้ าชุบนํา ดืมนําอันนําความสดชืน
คืนกลับมาเรียบร้ อยแล้ ว หันมายิมให้ บรรดาศิษย์บัณฑิตผู้ฝึกธรรมใน
อาศรมของตน วยัตตะรู้ดีว่าเหตุผลของการมาสายของตัวเองในวันนี
เป็ นทีใคร่ร้ ขู องศิษย์ทุกคนแน่นอน แต่วยัตตะจะนิงไว้ ดูอาการทางใจ
ของแต่ละคนอีกสักนิด
สําหรับองค์ชายอภิเชษ วยัตตะไม่เป็ นห่วงเท่าไหร่ เพราะได้ ฝึก
ปฏิบัตจิ ิตมากว่าสามเดือนแล้ ว เริมคุ้นเคยกับการมองเห็นอารมณ์ใน
อารมณ์ มองเห็นจิตใจของตัวเอง มองเห็นความเป็ นจริงบ้ างแล้ ว ทีอภิ
เชษยังไม่เอ่ยปากถามอะไรตังแต่รับไม้ เท้ าไปวางพาดไปทีมุขอาศรม
จนถึงมานังพร้ อมหน้ ากันนี คงเพราะอภิเชษกําลังเห็นความอยากรู้ใน
อารมณ์ของตัวเอง กําลังเพ่งดูใจว่าจะเอาอย่างไรต่อดี กําลังคุยอยู่กบั
ตัวเอง สายตาจึงดูเหม่อลอยไม่ได้ สนใจว่าวยัตตะได้ ลูบหน้ าลูบตาด้ วย
ผ้ า และ รับนําดืมเสร็จเรียบร้ อยแล้ ว
วยัตตะปล่อยให้ อภิเชษครุ่นคิดกับตัวเองไปก่อน มองไปทาง
14
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

บัณฑิตศิษย์อกี คนทีนังอยู่ข้างอภิเชษ ชายหนุ่มวัย อ่อนกว่าอภิเชษ


เพียงปี เดียว สาวัส ชายร่างอ้ วนบวม ทังแขน ทังขา อ้ วนสมบูรณ์ มิได้ ลง
พุงแต่อย่างเดียว สาวัส อ้ วนทังตัว แม้ แต่คอยังมองหาไม่เห็น สาวัส มา
เข้ าด้ วยอาศรมนีเพราะบิดาผู้เป็ นพ่อค้ าได้ ประสบความสําเร็จทาง
การค้ า และต้ องทําตามข้ อตกลง
แต่ด้วยบิดานัน ต้ องการครอบครองอาณาจักรการค้ าทางทะเลให้
ยิงใหญ่กว่าเดิม จึงมาพร้ อมกับข้ อตกลงซ้ อนกันใน เรืองทีต้ องการให้
ช่วย และ ยินดีนาํ บุตรของตน คนมารับการฝึ กฝนทีพันอาศรมนีเอง
หวังใจไว้ ว่าลูกๆ ของตนจะได้ คบหากับบรรดาลูกเศรษฐีจากเมืองอืนๆ
หรือ เป็ นพระสหายสนิทกับพระราชโอรสของเมืองใหญ่ทมีี อาํ นาจต่างๆ
ก็ยงดี
ิ หัสดินวานิช พ่อค้ าหัวใจใจถึง คิดอย่างนี และ เขาก็ได้ รับ
ความสําเร็จนันๆ เป็ นทีเรียบร้ อย ตอนนีทัง สาวัส พีคนโตทีอ้ วน
สมบูรณ์ และ สุวสั น้ องคนเล็กทีอ้ วนท้ วนสมบูรณ์ไม่แพ้ กนั
ในขณะทีวยัตตะกําลังส่งยิมไปทีพีน้ องสองคนนี สาวัสก็ขยับปาก
จะถาม แต่สวุ สั ก็รีบตีแขนไว้ เสียก่อนว่าเดียวให้ ท่านวยัตตะพราหมณ์ได้
บอกเอง ถามมากเดียวท่านวยัตตะอรรถการจะว่าเอาได้ ท่านเพิงมาถึง
วยัตตะยังนังส่งยิมไม่ยอมพูดจาอะไร ใจนึกขันทีพีน้ องสองคนนี พีคน
โต สาวัส ปั ญญาดีมีไหวพริบ ในครังทีเห็นว่าอาหารจะขาดแคลน ก็ยัง
รู้จักไปหาปลูกผักปลูกพืชไว้ กนิ แต่สวุ สั กลับขีเกียจปั ญญาทึบอาศัยว่า
15
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

เขียนจดหมายไปบอกพ่อให้ พ่อส่งอาหารมาให้ กน็ ่าจะเพียงพอแล้ ว โดย


ลืมไปว่า ระยะเวลาจากอาศรม ไปถึงบ้ านของพ่อผู้เป็ นวาณิชย์ใหญ่
ทางทะเลนันยาวนานถึง วัน และพ่อของตนก็มิได้ มีผกั หญ้ าอะไรทีกิน
ได้ เลย มีแต่ธุรกิจจับปลา การประมง อันเป็ นเนือมังสาทังสิน ถึงจะส่ง
ผักทีซือมากว่าจะถึงอาศรมก็เน่าเสียสิน ถึงส่งปลามาก็กนิ ไม่ได้ เพราะ
เป็ นมังสวิรัติ ถึงจะส่งเงินทองมาให้ ซอหาเอาที
ื นี ก็ไม่มีใครเอาสินค้ า
อาหารอันหายากมาขาย ในยามวิกฤตเงินกลับช่วยอะไรไม่ได้ เลย
วยัตตะ หันหน้ าไปทางศิษย์คนที ชัยมิตร ลูกของนายช่างเหล็ก
ทีมีฝีมือทีสุดในฝังลุ่มนํายมุนา ไม่ว่าดาบของประเทศไหนจะตีด้วยวัสดุ
อะไร หรือ หล่อหลอมมาด้ วยกลวิธใี ด เมือดาบของ ปิ ยมิตร บิดาของ
ชัยมิตร ฟันฉับลงไปดาบนันจะหักลงทันทีเป็ นสองท่อน นอนกอง
แสดงออกถึงความตายตรงหน้ า ครังหนึงปิ ยมิตรได้ ขายดาบปิ ยมิตร
ทีตังชือตามชือตัวเอง เพือหวังชือเสียงให้ กกึ ก้ องยิงขึนไปอีก ดาบปิ ย
มิตรจํานวนหลายร้ อยเล่มได้ ถูกจําหน่ายผ่านมือไปหลายทอด ไปสู่มือ
ของเมืองทีเป็ นศัตรูกนั
ดาบปิ ยมิตรได้ สร้ างชือเสียงอย่างมาก เพราะสามารถฟันดาบของ
ข้ าศึกให้ หักได้ อย่างง่ายดาย เหมือนฟันดาบลงไปบนกิงไม้ ศัตรูเมือง
นันได้ ลอบเข้ ามาขโมยดาบปิ ยมิตรเลืองชือไปจากกองทหารลาดตระเวน
และนําไปถวายพระราชา พระราชามีรับสังให้ ความหาตัวผู้สร้ างดาบนี
16
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

แล้ วซือตัวมาอยู่เมืองของตัวเอง ไม่ว่าจะด้ วยวิธใี ด ฝ่ ายตรงกันข้ าม


จะต้ องไม่มีดาบทีดีใช้ ได้ อกี เด็ดขาด การณ์กลับด้ านกันตรงที กองสอด
แนมหน่วยจารบุรษุ ได้ ลอบเข้ ามาทีบ้ านของนายช่างปิ ยมิตร มีการต่อสู้
กัน นายช่างปิ ยมิตรมีร่างกายแข็งแรงมาก แต่ไม่เคยได้ ต่อสู้จริง และ
ไม่ได้ เรืองในทางเพลงดาบ ดาบชันดีในมือหลุดกระเด็นในห้ องทีมืด
สลัว กว่าจะคว้ าดาบทีหล่นตรงพืนมารับคมดาบของจารบุรษุ ได้ ก็ร้ ผู ล
แพ้ ชนะแล้ ว เพราะดาบทีหยิบขึนมานัน เป็ นดาบเลวๆ ทัวไป ส่วนดาบ
ในมือจารบุรษุ นันเป็ นดาบชันดี ดาบปิ ยมิตร ทีกําลังฝังแทรกคมดาบบน
เนือกะโหลกกลางกระหม่อมอยู่เดียวนี สิงทีเป็ นคําพูดของผู้ร้ ู มิได้
บิดเบือนไปจากสถานการณ์นีเลย
“ ค้ ามนุษย์ ค้ าทาส ค้ ากาม ย่อมได้ รับกรรม เป็ นทาส เป็ น
โสเภณี ขาดอิสรภาพ”
“ ค้ าสัตว์เป็ น ย่อมได้ รับกรรม เกิดเป็ นสัตว์ ได้ รับทุกขเวทนา
เยียงสัตว์ ขาดอิสรภาพ”
“ ค้ าอาวุธ ย่อมได้ รับกรรม เป็ นโทษจากอาวุธ ได้ รับการ
เบียดเบียน“
“ ค้ ายาพิษ ย่อมได้ รับกรรม เป็ นโทษจากยาพิษ มีโรคมาก รักษา
ไม่หาย“

17
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

“ ค้ าสุรา ย่อมได้ รับกรรม เป็ นคนโง่ ขาดสติ จิตใจเร่าร้ อน คุม


อารมณ์ไม่ได้ ”
ทังๆ ทีคุรุอาจารย์ศิวะนาฏ ได้ แนะนําช่วยเหลือแล้ ว แต่ปิยมิตร
นายช่างผู้เลืองชือในฝี มือตีดาบ ก็ไม่สามารถละทิงกองเงินกองทอง กอง
ชือเสียงตรงหน้ าได้ เขาก้ าวข้ ามผ่านจุดนีไปไม่ได้ เพราะมันใจว่า ดาบ
ตัวเองแข็งแกร่งทีสุดในโลก อนิจจาเอ๋ย กรรมแข็งแกร่งกว่าสิงใด
ทังหมด
ชัยมิตร เมือสินบิดา ด้ วยวัย ปี จึงเดินทางมาหาคุรอุ าจารย์
ศิวะนาฏเพือขอให้ ช่วยเริมต้ นใหม่ ให้ ชีวติ ทีดีครังใหม่ กับเขาที เขาได้
เผาโรงตีดาบ เอกสารตํารา และ บรรดาตัวอย่างอันมีค่า ทรัพย์สมบัติ
ทังหมดได้ นาํ มาถวายแด่คุรุอาจารย์ศิวะนาฏทังหมดสิน ด้ วยรู้ดวี ่าเงิน
นันสกปรก แม้ เก็บไว้ อาจนําชีวติ และศีรษะของเขาเองไปจากเขาได้
เมือวยัตตะมองมาทีชัยมิตร ชัยมิตรเองก็รอให้ อรรถการวยัตตะ
หันหน้ ามาหาตัวเองอยู่เหมือนกัน เมือสองสายตาพบกันแล้ ว จึงเอ่ย
ถาม
“ ท่านอาจารย์มาช้ านะครับ ผมคิดว่าอาจารย์จะไม่มาแล้ ว” ชัย
มิตรพูดขึนด้ วยความตรง คิดอย่างไร ก็พูดอย่างนัน
วยัตตะยิมตอบ แต่ไม่พูดตอบว่าอะไร หันหน้ าสายตาไปทีศิษย์คน

18
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ที จันนะ บุตรชายคนโตของ มหาวิศวามิตรพราหมณ์ ผู้มีชือเสียงใน


การทําพิธีกรรมบูชายัญ ในหัวเมืองแถบลุ่มนํายมุนาล้ วนรู้จักชือบิดา
ของ จันนะ ทุกคน แต่น้อยคนนักทีจะรู้ว่า บิดาของจันนะมีภรรยาถึง
คน และ คนถูกปกปิ ดฐานะภรรยาพราหมณ์ใหญ่ผ้ มู ีหน้ าตาชือเสียง
จากสาธารณะ จันนะ เป็ นบุตรของภรรยาหลวง ทีได้ รับการยกย่อง แต่
ตัวจันนะเอง ไม่ได้ รับการยกย่องในฐานะบุตรของพราหมณ์ใหญ่ นัน
เป็ นเพราอะไร
เป็ นเพราะ จันนะ เคยถามวิศวามิตรพราหมณ์ผ้ ูเป็ นบิดาอยู่หลาย
ครัง ว่าการสวดมันตราก็ดี การทําพิธบี ูชายัญด้ วยเลือด ด้ วยการทรมาน
ร่างกาย ด้ วยการทําเสียงและท่าทางแปลกๆ ด้ วยการเสพกามต่อหน้ า
องค์เทวรูป การสักแทงร่างกายให้ เลือดไหลสดๆ สิงนันทําไปเพืออะไร
ความพอใจของพระเจ้ าพิสจู น์ได้ อย่างไร การมีข้าวกินมีบ้านอยู่ มีเพียง
วิธนี วิี ธเี ดียวหรือ สัตว์และมนุษย์ทได้
ี รับความเจ็บปวดและพลีชีวติ นัน
เป็ นความต้ องการของมันจริงหรือ สาวพรหมจรรย์ทเราบู ี ชาด้ วยการ
สละสาว สาวกามกับท่านพ่อหรือศิษย์ท่านพ่อ เขาจะมีชีวติ ครอบครัวทีดี
ได้ มัย สามีของเธอจะคิดอย่างไร หรือ เธอจะกลายเป็ นผู้ทเสี ี ยสละที
พระเจ้ าก็พอใจและสาปแช่งไม่ให้ มีความรักทีดี
คําถามอันยิงใหญ่จาก จันนะ ฝี ปากกล้ าในอายุ ปี ทําให้ พ่อ
พราหมณ์ใหญ่ในเมืองถึงกับอึดอัดและเครียดเพราะไม่สามารถหา
19
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

คําตอบใดๆ มาโต้ เหตุโต้ ผล กับบุตรชายในสายเลือดของตนได้ และ


เริมมันใจในเค้ าลางว่า บุตรของเรานีเอง วันหน้ าจะทําลายวรรณะ
ทําลายฐานะ และ ทําให้ แนวทางการบูชายัญทีแม้ แต่องค์กษัตริย์และ
พระราชาแคว้ นต่างๆ ยังต้ องเสด็จมาทําพิธี คิดได้ อย่างนัน จึงเริมมี
ภรรยาในทีลับๆ เพือสร้ างทายาทคนใหม่มาแทนที จันนะ ทีพร้ อมจะขยี
ลัทธิความเชืออันขาดเหตุขาดผลนี
ด้ วยความทีไม่สามารถหาเหตุผลของความศรัทธาได้ จันนะ จึง
ตัดสินไม่ไม่เรียนมันตราอะไรสักอย่าง ไม่ขอเรียนรู้อะไรทังนัน เพราะ
พราหมณ์สงู สุดทีผู้คนทัวแผ่นดินเดินทางมาหาเพือขอเพียงแค่พร หรือ
คําปรึกษาพูดคุย กลับไม่สามารถคลายข้ อข้ องใจของจนได้ สิงนีเป็ น
จุดอ่อนของ จันนะ ทังมารดาของจันนะเองก็เคยเตือนว่า ต้ องอ่านท่อง
มันตรา ไม่อย่างนันท่านพ่อจะโกรธ
และเหตุการณ์กเ็ ป็ นเช่นนันจริงๆ เมือวิศวามิตรพราหมณ์ ได้
อาศัยจังหวะทีภรรยาน้ อย คน คลอดบุตรชาย จึงไล่ จันนะ ออกจาก
บ้ านด้ วยเหตุผลทีว่า องค์พรหมทรงไม่พอพระทัย สาปให้ จันนะไม่
สามารถเอ่ยมันตราไดๆ ได้ จึงควรให้ พ้นจากตระกูลไป จันนะรู้ดวี ่า
เป็ นเพราะไม่เรียนเอง แต่กเ็ อาเถอะเพราะบัดนี จันนะได้ อสิ รภาพแล้ ว
และ การเดินทางสู่เหตุกบั ผลก็เริมต้ นขึน หลงทางไปเรียนอยู่หลาย
สํานักจนมาทดลองศึกษาลัทธิของพันอาศรมดู เพราะ ทีนีแยก เหตุ
20
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ออกจาก ผล เป็ นกระบวนวิชาทีชัวชีวติ จันนะ แสวงหามาโดยตลอด


จันนะ มีผวิ กายขาวสะอาด และดูดใี นหน้ าตา ด้ วยอายุ ปี
ใครๆ ก็คดิ ว่า จันนะ เป็ นพระราชโอรสของเมืองใหญ่เมืองใดเมืองหนึง
แน่ๆ แต่จริงๆ แล้ ว จันนะ เวลานี เป็ นคนไร้ บ้าน ไร้ สมบัติ และ พร้ อม
ทีจะเป็ นอะไรก็ได้ ตราบใดทีสิงนันมี “เหตุ” กับ “ผล” ทีฟังขึนแข็งแรง
พอ
วยัตตะสบสายตากับจันนะ พร้ อมๆ กับเอ่ยถามขึนมาก่อนว่า
“เจ้ าว่าเรามาช้ ามัย” วยัตตะถามยิมๆ
“ท่านอาจารย์ไม่ได้ มาช้ าหรอกครับ เราคุ้นชิน กับเวลาเดิมของ
ท่านต่างหาก” จันนะตอบ
วยัตตะฟังคําตอบแล้ วครุ่นคิดในใจเสียววินาที รู้ได้ เลยว่า จันนะ
พัฒนาไปอีกขันแล้ ว
โดยธรรมชาติของใจ ธรรมชาติของดวงจิตและความคิด “ความ
คุ้นชิน” เป็ นสิงทีล่อหลอกเราไปสู่ความทุกข์ได้ มากทีสุด ความคุ้นชิน
เป็ นแนวทางของการพยากรณ์ทแม่ ี นยําได้ แน่นอน ทุกยุคทุกสมัย สิงนี
จะไม่เปลียนไป
คนเราจะคุ้นชิน กับสิงทีเป็ นมาอยู่ซาๆ
ํ สิงทีเกิดขึนแล้ ว เกิดขึน
อีก ตรงตามเวลาบ้ าง ไม่ตรงตามเวลาบ้ าง เช่นฝนตก เราไม่สามารถ
21
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

กําหนดเวลานาทีทมัี นจะตกได้ แต่เมือมันใกล้ ตกจนถึงช่วงทีฝนตก เรา


ก็ไม่ได้ เดือดร้ อนตืนเต้ นอะไรเพราะ เราคุ้นชินกับวันว่ามันจะเป็ นเช่นไร
ก่อนตกฟ้ าเป็ นอย่างไร กําลังตกเป็ นอย่างไร ฝนตกแล้ วฟ้ าเป็ นอย่างไร
เราเคยเห็น เราเข้ าใจ เราเลยไม่ตนเต้
ื นตกใจ เราคุ้นชิน เราไม่ทุกข์
แต่ถ้าเรืองไดทีเราไม่เคยมีประสบการณ์ เราไม่เคยป่ วยไข้ อยู่ๆ
ไม่สบาย เราไม่ค้ นุ กับความรู้สกึ นี เราจะทุกข์ เมือเราทุกข์เราจะดินรน
ออกจากทุกข์ เพราเราไม่ค้ นุ กับความรู้สกึ นี หากเล็กๆ น้ อย เราจะทน
ไว้ ก่อน แต่ถ้ามากขึนและไม่ค้ นุ ชิน เราจะดีดหนี เราจะต่อต้ านกับมัน
ทันที
ความคุ้นชิน เป็ นเหตุของปั ญหาแบบทีเราไม่ร้ ตู วั ช่วงนีทํางาน
ใกล้ ททํี างานพอเปลียนงานให้ มีรายได้ มากขึนแต่กเ็ ดินทางไกลมากกว่า
เดิม ไม่ค้ นุ ชินกับสิงใหม่ ก็บ่นว่าทุกข์ ทังๆ ทีเลือกทีจะเปลียน เลือกที
จะมีอะไรใหม่ๆ แต่สดุ ท้ ายก็ตาํ หนิกโ็ ทษและว่าร้ ายความเปลียน สรุป
แล้ ว ผู้ทยัี งไม่เข้ าใจหลักการนี ไม่ว่าจะเปลียนแปลง จะพัฒนาอะไรไป
แค่ไหน ก็จะทําไปพร้ อมๆ กับความทุกข์ พร้ อมๆ กับการด่าทอ
พร้ อมๆ กับความหงุดหงิดใจ รวยขึนก็หงุดหงิด ลูกค้ าเข้ าร้ านมาซือ
สินค้ าหรือบริการมากขึนก็หงุดหงิด หงุดหงิดไปซะหมดแบบนี ก็หา
ความสุขได้ ยากเพราะไม่ร้ ตู วั ว่าถูกความคุ้นชินทางสุขเข้ าหล่อหลอมเป็ น
เปลือกปราการหุ้มห่อไว้ ทําให้ ความเปลียนแปลงต่างๆ เป็ นกองทุกข์
22
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ไปทันที
วยัตตะ นึกชมในใจสําหรับการพัฒนาความเข้ าใจของศิษย์คนนี
หากเขารุ่มร้ อนใจแล้ วพูดคําๆนีออกมา มันจะออกมาพร้ อมกิริยาเสียด
สี ร้ อนรน สะใจ หรือไม่กพ็ ูดแบบมีบทบาทให้ เล่นไป พูดไปตามบท
มิได้ ออกจากใจ แต่กบั จันนะ ไม่ใช่อย่างนัน จันนะพูดด้ วยกิริยาอิม
เอิบ สบายๆ พูดด้ วยรอยยิม พูดแบบคนทีเอาชนะความทุกข์ ย้ ายข้ าง
หัวใจมาเป็ นความสุขได้ ใหม่ๆ มันแสนภาคภูมิ และมีรางวัลเป็ นความ
อิมใจ สงบใจนันเอง
วยัตตะ เลือกทีจะไม่ตอบโต้ อะไรต่อ เพราะอีก คนนัน ดู
เหมือนใคร่ร้ กู นั เต็มที จึงกล่าวขึนเรียบๆ ว่า
“เช้ านี มีใครบูชาองค์พระพิฆเณศ หรือยัง วันนีเรามาช้ า มีใคร
ปฏิบัตดิ ้ วยตนเองหรือไม่”
ท่ามกลางความเงียบครู่หนึง มืออันอ้ วนท้ วนของ สาวัส ก็ยกขึนช้ า
เหมือนจะเกรงใจเพือนๆ ทีดูซ้ายดูขวาไม่เห็นมีใครยกมือเหมือนตัวเอง
“ผมได้ ทาํ ครับ ผมตืนแต่เช้ ามารดนําผักทีแปลง แล้ วก็ทาํ กาเนชา
ปูชา และ สุริยะสวัสดิ ครับ แต่ผมไม่ได้ ล้างมือครับ ไม่ได้ อาบนํา ยัง
ไม่ได้ บ้วนปาก ผมทําผิดมัยครับ ผมกําลังจับดินทีแปลงผักพอดีพระ
อาทิตย์ขึน เลยทําปูชาเลย” สาวัสถามเสียงอ่อยๆ

23
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

“ไม่เป็ นไรหรอก สาวัส” วยัตตะตอบเรียบๆ ยิมๆ


“การบูชาสิงใดในโลกนี หากกระทําด้ วยใจ การบูชานันสมบูรณ์
แบบในทันที เจ้ ามีมือทีสกปรกด้ วยดิน มีแปลงผักทีราดรดด้ วยอุจจาระ
ของพวกเรา แต่เจ้ าให้ ความสําคัญกับการมาถึงขององค์สรุ ิยะ เจ้ าได้ ให้
ความสําคัญกับพระองค์มากกว่าผักทีออกผลดีของเจ้ า นันคือการให้
ความสําคัญ เป็ นปฏิบัตบิ ูชาทีดีแล้ ว หากเราจะเลือกบูชาแต่เฉพาะเวลา
สะอาดๆ เวลาทีเสร็จจากการงาน ปูชาเฉพาะตอนทีมีภาชนะอันสวยงาม
ใส่ของถวาย บูชาเฉพาะตอนทีมีข้าวและปลา ของหวานและผลไม้
สมบูรณ์ สําหรับคนยากทีมีศรัทธาแล้ ว มันแทบจะเป็ นไปไม่ได้ เลยสินะ
จะว่าไป ของสะอาดและคําว่าสมบูรณ์ สําหรับการบูชาแล้ ว มันหมายถึง
สิงใดหรือ
สะอาด หมายถึงไม่สกปรก ไม่มีมูล ไม่มีมลทิน ไม่มีของเหม็น ไม่
มีปฏิกูลใช่มัย ถ้ าใช่เราทังหลายคงไม่สามารถทําปูชาได้ หรอก เพราะ
ทังหมด มีเหงือไหลตลอดเวลา มีอจุ จาระ และ ปั สสาวะอยู่ภายใน
ร่างกาย กายของเราเหมือนถุงทีบรรจุของเน่าเหม็นไว้ มันไม่ได้ สะอาด
หรอก ความสมบูรณ์กเ็ ช่นกัน สมบูรณ์หมายถึงครบถ้ วนหรือ ครบถ้ วน
ของแต่ละที แต่ละกฏเกณฑ์เหมือนกันหรือไม่ แล้ วแท้ ทจริ ี ง ครบ
สมบูรณ์คอื อะไร คือความพอแล้ วในสิงทีมี เมือใดมีคาํ ๆ นีเกิดขึน เมือ
นันความไม่หาเพิม ความไม่ขวนขวายอีกจะเกิดขึน นันแหล่ะความ
24
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

สมบูรณ์
การบูชาของเจ้ า หากยังต้ องการบูชาเพิม ทําให้ ดียงๆ
ิ ขึนไปอีก
นันเป็ นความปรารถนาทีจะพัฒนาทําให้ ดขี ึนๆ ยิงขึนไปอีก เป็ นคนละ
เรืองกับความสมบูรณ์นะ ถ้ าเราทําปูชาแล้ ว รู้สกึ ขาดๆ รู้สกึ ผิดเพราะ
ขันตอนสลับไปสลับมาก็ดี ข้ าวของทีเตรียมไม่ครบทังๆ ทีหาได้ มากกว่า
นัน หาได้ ดีกว่านัน กระทําจบไปแล้ ว ยังรู้สกึ ไม่สบายใจ อย่างนีคือการ
ปูชาทีไม่สมบูรณ์ ผลลัพธ์คอื เราไม่สบายใจ เพราะเรารู้ดีอยู่ว่าเราทํา
อะไรได้ แค่ไหน แต่เราไม่ได้ ทาํ มันออกมา ”
“แล้ วเจ้ ารู้สกึ ไม่สบายใจหรือเปล่าล่ะตอนนี” วยัตตะจบท้ ายด้ วย
คําถาม
“รู้สกึ ดีทได้
ี ทาํ ครับอาจารย์ รู้สกึ ว่าพระสุริยะเทพอวยพรให้ ผม
ครับ” สาวัสตอบกลับพร้ อมกับรอยยิมขนาดใหญ่
“การเป็ นบัณฑิตผู้ร้ ู ต้ องไม่ดูถูกบุญกุศล ถ้ าพวกเจ้ าไม่มีบุญกุศล
เจ้ าคงเกิดท่ามกลาง กาม หมายถึงเป็ นลูกของคนต่างวรรณะทีไม่
สามารถสะกดกําหนดกามไว้ ได้ ลูกทีเกิดมาเป็ นจัณฑาล เจ้ าจะไม่ได้ มา
เรียนรู้ เจ้ าจะไม่ได้ มาอยู่กนิ แบบสงบแบบนี ราชบุรษุ จะผลักไสเจ้ า
ไปสู่ความเดือดร้ อนกายใจ
การทีเป็ นผู้ทได้
ี รับโอกาสทีดี ต้ องมีความอ่อนน้ อม ผู้ทปีี นสูงที

25
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ยอดเขา ยอดเขาจะมีพืนทีเล็กลงๆ โดยธรรมชาติ หากเจ้ าไม่บริหาร


จัดการตัวเองให้ ดี ไม่ร้ จู ักแบ่งปั นทีอันเล็กๆ นัน ให้ ได้ ร่วมอยู่ ร่วมใช้
กันอย่างถ้ อยที ถ้ อยอาศัย คนทีมาข้ างหลังจะผลักดันเจ้ าออกจากที
เล็กๆ ทีสูงชัน เจ้ าจะตกลงมาตาย หากเจ้ า ยอมและรู้จักคุณค่าของคํา
ว่าที เจ้ าจะได้ ความปลอดภัย ได้ พนที ื ยืน พืนทีเดิน มากกว่ายอดเขา
อันเป็ นที เสมอ
ดังตัวอย่างทีข้ าพเจ้ า อรรถการวยัตตะจะได้ แสดงให้ เจ้ าฟังถึง
เรืองราวอันสยบความสันสะเทือนของเทวดาทังสวรรค์ลงได้ ” วยัตตะ
ลุกขึนเพือคลายอิริยาบถ บรรดาศิษย์ทงหมดก็ ั ลุกตาม วยัตตะคว้ ามือ
หยิบไม้ เท้ าระฆังทีพาดไว้ หน้ ามุขทางเข้ า แล้ วเดินนําหน้ าศิษย์ไปยังลาน
แสดงธรรมในสวนอันร่มรืน สวนนี แม้ เวลาเทียงวัน ก็มิได้ ร้อน แม้ เวลา
หนาวเหน็บ ก็มิได้ มีลมหนาวพัดเข้ ามาให้ ต้องเดือดร้ อนเลย
เมือถึงอาสนะหินทีสร้ างไว้ เป็ นแท่นศิละ แท่น สูงจากพืน
ศอก ทังอาจารย์และศิษย์กข็ ึนไปนังบนแท่นประจําทีของจน คณะศิษย์
ทังหมด หันหลังให้ แม่นํายมุนา ตามคําสังของวยัตตะ เพือไม่ให้ สงที
ิ มา
กับลํานํานัน พาเอาความสนใจและความจําไปด้ วย สิงทีล่อหูตามทางรูป
กระทบนีแหล่ะทีขวางกันความไม่เข้ าใจในวิชาความรู้ทงมวล
ั ส่วนตัว
วยัตตะนัน หันหน้ าไปยังแม่นายมุ
ํ นา ประจันหน้ ากับศิษย์ทงห้
ั า นังห่าง
กันระยะ ศอก พอพูดกันได้ ยิน
26
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ลมพัดแรงขึน โชยเอากลินดอกไม้ ป่าหอมสดชืนจากมาแนว


บุปผาชาติริมแม่นายมุ ํ นาทีบรรดาบัณฑิตผู้เข้ ามาเรียนศึกษาในพัน
อาศรมนี ได้ ช่วยกันคนละไม้ คนละมือสร้ างแต่งสวนดอกไม้ ไว้ ให้ รืนรมย์
ในยามเช้ าจะมีผ้ คู นมาใช้ สถานทีนี บูชาแสงแห่งสุริยะเทพ แสงแรกที
ทอดทอลงมาสู่พนแม่ ื นาํ ส่องประกายทองระยิบระยับ เป็ นรางวัลที
ยิงใหญ่ให้ กบั ผู้ทตืี นมารับพระองค์ในยามเช้ า
“โอม วักกระตรุณ ดูมะฮากาย ซูริโกติ ซะมัปประภา เนระวิ
กระนัม กูรูเมเดวา ซาราราดะเยชู ซาระวะดา” วยัตตะกล่าวมันตรา
บูชาครู องค์มหาเทพพิฆเณศ เสียงดังกังวาน แล้ วเริมบรรยาย อรรถ
กถาว่าดังนี
“แม้ องค์พระสุริยะเทพ จะเป็ นเทพเจ้ าผู้นาํ แสงสว่างมาให้ เป็ น
องค์แรกทีเสด็จสู่โลกในเวลากลางวัน แต่ท่านก็ได้ ทรงให้ เกียรติแก่บุตร
แห่งองค์มหาเทพทังสามโลก บุตรแห่งองค์พระลักษมี เทวีแห่งความ
รํารวย มังคัง บุตรแห่งองค์ปาราวตี เทวีแห่งเมตตานิรันดร และ ยัง
เป็ นบุตรผู้เป็ นทายาทรับทอดสรรพวิชาจากองค์เทวีสรุ ัสวดี เทวีผ้ เู ป็ น
ใหญ่ในศาสตร์ ภาษาและศิลป์ วิทยาทังมวลอีกด้ วย “พระพิฆเณศ”
เป็ นบุตรแห่งเทวีของทังสามโลก ประกอบกับพรอันวิเศษอีกนานัปการ
จากองค์มหาเทพ และ เทพผู้ยิงใหญ่ ให้ องค์พระพิฆเณศ เป็ นเทพเจ้ า
องค์แรกทีได้ รับการบูชาก่อนเทพเจ้ าองค์ใดๆ ได้ รับการถวายทุกสิง
27
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

อย่าง ก่อนการถวายให้ แก่เทพเจ้ าองค์อนๆ


ื ได้ รับการสรรเสริญสดุดใี น
พระนามแห่งคุณธรรมทีอยู่ในพระองค์ ก่อนเอ่ยพระนามของเหล่าเทวะ
อืนๆ
พรประการนี นําความหวันไหวสันสะเทือนมาสู่สวรรค์
ด้ วยพรอันเลิศข้ อนี ทําให้ แม้ พระสุริยะเทพเอง ผู้นาํ เวลากลางวัน
และแสงสว่างมาสู่พนโลก
ื ยังทรงตกพระทัยว่า หรือเราว่าจะไม่ใช่เทวะ
องค์แรกทีมนุษย์จะเห็นและศรัทธาในพระองค์ก่อน หรือว่าแสงสว่าง
และนิยามแห่งการเริมต้ นจะเปลียนไป แม้ แต่เหล่าเทวดาผู้มีหน้ าที ผู้
เป็ นดาราทรงฤทธิ อํานาจ และ พลังในทิศทางต่างๆ ก็ได้ หวันไหว
สันสะเทือนกันไปตามๆ กัน
แต่ด้วยความอ่อนน้ อมถ่อมพระองค์ขององค์พระพิฆเณศมหา
เทพ ผู้ทรงมีและทําประหนึงว่าไม่มี ผู้ทรงรู้ด้วยปั ญญาว่า ธรรมดาและ
ธรรมชาติทงหลาย
ั ความเปลียนแปลงไปโดยวิธธี รรมดาตามปกตินีแห
ล่ะ คือสิงทีสวยงามทีสุด พระองค์อยากจะดับความรู้สกึ สันสะเทือน
ในหน้ าทีฐานะของเทวะแต่ละองค์ อันก่อให้ เกิดไม่สบายใจเนินนาน จะ
แสดงออกก็ไม่กล้ ากระทําออกไปตรงๆ เพราะพรประการนีได้
รับประทานพรจากเหล่ามหาเทวะชันสูง จะไม่ทาํ อะไรเลย ก็เป็ นการคัง
ค้ างในความรู้สกึ โดยเฉพาะอย่างยิง องค์พระสุริยะเทพ ผู้เป็ นเสมือน
ศูนย์กลางแห่งเทวะนพเคราะห์ทงหลาย
ั เป็ นประธานใหญ่ ก็ยังมี
28
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ความรู้สกึ เยียงนี เพียงแต่ไม่สามารถกระทําการแสดงอะไรให้ ชัดเจนลง


ไป เกรงว่าจะหนักหรือจะเบาจนเกินเหมาะสม และจะเสียความเป็ น
ผู้ใหญ่ในวงศ์แห่งเทพเสียเปล่า สิงนีองค์พระพิฆเณศมหาเทพทรงหยัง
รู้ด้วยประปั ญญาญาณเป็ นอย่างดี จึงตัดสินใจทีจะทําในสิงทีเหล่าเทวะ
ทังหลาย ไม่คาดการณ์มาก่อน
ตามปกติ ผู้ทได้ี รับพรอันวิเศษ เช่นได้ รับพรให้ มีชีวติ อมตะ หญิง
ก็ฆ่าไม่ได้ ชายก็ฆ่าไม่ได้ หรือ พรนิวเพชร ชีไปทางใดก็ตาย หรือจะเป็ น
พรทีให้ มีชีวติ ใหม่เมือเลือดหลังลงบนพืนดินเหล่านี ล้ วนโดนลําพองใจ
และ กําแหงอาจหาญทําเรืองชัวๆ เข้ าข่มเหงผู้อืนตามฤทธิอํานาจของ
ตน และจบท้ ายด้ วยการโดยผู้ทมีี ปัญญามากกว่ากําหราบไว้ อยู่หมัด
โดนปราบทุกคน
ผู้ทถืี อว่าตัวเองเก่งและเด่นกว่าใคร ผู้นนั ตามธรรมชาติของ
จักรวาล มีจะมีผ้ มู าลบล้ างมาแย่งชิง เป็ นธรรมดา
แต่สาํ หรับองค์มหาเทพพิฆเณศ พระองค์ทรงตืนแต่เช้ าทุกวัน หัน
พระพักต์ของพระองค์ไปทางทิศตะวันออก รอคอยการมาถึงของพระ
สุริยะเทพ และเมือแสงแห่งอรุณแรกมาถึง องค์พระพิฆเณศได้ ทรง
ประนมกรน้ อมเศียรอภิวาทวันทา ไปยังองค์พระสุริยะเทพ ด้ วยหัวใจ
บริสทุ ธิ วันทากราบไว้ บูชา คุณธรรมแห่งองค์สรุ ิยะเทพทีปรากฏ

29
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

เทวดาทังสรวงสวรรค์ต่างตกตะลึง ถึงการกระทําในครังนี เทพ


เจ้ าผู้ทได้
ี รับพรให้ เป็ นผู้ทต้ี องบูชาก่อนเทวะองค์ใด ครังไหนทีใด จะ
ตังพิธกี รรมใหญ่เล็ก จะบูชาเทพองค์ใดก็ตาม ก็จะต้ องเริมต้ นทีการบูชา
พระพิฆเณศก่อนเสมอทุกครัง ไม่เช่นนัน พิธีกรรมนันจะไม่สามารถ
ประกอบได้ สาํ เร็จเสร็จสิน
แล้ วนีอย่างไร เหตุใดเทพเจ้ าผู้มีศกั ดิศรีถึงเพียงนี ได้ ทรงรอคอย
ในเวลาเช้ า เพือทีจะอภิวาทวันพระ องค์พระสุริยะเทพ ผู้เป็ นประธาน
แห่งนพเคราะห์ และ เป็ นผู้อาวุโสสูงในบรรดาเทพเจ้ าผู้มีหน้ าที เทวดา
ทังสวรรค์ ปรากฏกายขึน ณ ทีนัน ด้ วยสําคัญผิดว่า ทีนีต้ องมีเรือง
สําคัญ อาจเกิดการต่อสู้ การเปิ ดศึกรบกันเพราะได้ ยินข่าวความไม่
พอใจของบรรดาเทพดาวนพเคราะห์ทงหลายอยู ั ่บ้าง วันนี พระพิฆ
เณศ ประจันหน้ า กับองค์พระสุริยะเทพ ทีแม้ แต่หนุมานเทพผู้เป็ น
อมตะยังไม่สามารถยับยังได้
ในครังนัน พระพิฆเณศมหาเทพ ได้ เอ่ยสดุดคี ุณธรรมองค์พระ
สุริยะเทพว่า องค์พระพิฆเณศนันแม้ ได้ รับพรให้ เป็ นเทพองค์แรกที
ได้ รับการปูชา แต่กไ็ ม่ได้ ยิงใหญ่เหมือนดังองค์สรุ ิยะเทพเลยแม้ แต่น้อย
แม้ เราเององค์พระพิฆเณศ จะเป็ นผู้ทมอบความสํ
ี าเร็จให้ สรรพสิง
แต่หากปราศจากแสงสว่าง ความอบอุ่น และ ความสมําเสมอ ขาดวินัย
อันดีทไม่
ี เคยละเว้ นบกพร่องแม้ เพียงวันเดียว ดังเช่นองค์สรุ ิยะเทพแล้ ว
30
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ความสําเร็จทังหลายแม้ ได้ มา ก็ไม่สามารถตังอยู่ได้ นาน เราจึงมาคารวะ


บูชาท่านองค์สรุ ิยะเทพผู้อาวุโส
เราจะบูชาท่าน บูชาในคุณธรรมแห่งความสําเร็จทีท่านดํารงรักษา
ไว้ มาเนินนานก่อนจักรวาลจะมีเรา และตลอดไป เราจะบูชาท่านเป็ น
องค์แรกในแต่ละวัน เราจะบูชาท่าน ก่อนบิดามารดาของเรา ขอแสง
แห่งองค์สรุ ิยะเทพ จงนําความสําเร็จมาสู่จักรวาลนี ขอผู้ทปรารถนา

ความสําเร็จทุกคนจงปราศจากความมืดด้ วยแสงแห่งองค์สรุ ยะเทพ นับ
แต่นีเป็ นต้ นไป
สินคําสรรเสริญและให้ ครังนัน องค์สรุ ิยะเทพปรากฏแสงสว่างใน
กําลังฤทธิของพระองค์ สร้ างความปิ ติยินดีภายใน ความกังวลหงุดหงิด
ลังเลสงสัย ทุกสิงอย่างหายไปหมดสิน ด้ วยความปราโมทย์นี องค์สรุ ิยะ
เทพจึงกล่าวสดุดวี ่า องค์พระพิฆเณศเป็ นดังดวงตะวันล้ านๆ ดวง ผู้นํา
ความสําเร็จมาให้ ผู้ใดต้ องการความสําเร็จ ให้ บูชาพระพิฆเณศ และ ผู้
นันจะได้ รับแสงแห่งความสําเร็จ จะได้ รับการสนับสนุนจากเรา ราชา
แห่งดาวนพเคราะห์ทงมวล”

วยัตตะ พักเหลือบสายตาดูที จันนะ ศิษย์น้องสุด ผู้ทแสวงหาเหตุ

กับผลมาตลอดชีวติ วัยรุ่น แม้ จะหน้ าตาดีกว่าใครเพือน แต่มิได้ สนใจใน
สิงอืนใดนอกจากความจริง และเหตุผลของความจริง

31
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

เวลานี จันนะ กําลังประติดประต่อ ภาพของศาสนาความเชือนีได้


บ้ าง หลังจากทีถูกบังคับให้ เชือแบบไร้ คาํ อธิบาย เวลานี จันนะ กําลัง
มองเห็นว่าโลกใบนี เต็มไปด้ วยคุณธรรม หรือ ความจริงทีให้
คุณประโยชน์แน่นอน หากทําตามอย่างตังใจและถูกต้ อง
คุณธรรมของความสําเร็จนันจันนะ เข้ าใจดีเลยทีเดียว เพราะถ้ า
ใครได้ รับความสําเร็จอะไรสักอย่างในชีวติ แต่ไม่สามารถสร้ าง
ความสําเร็จซําอีกได้ ไม่สามารถรักษาความสําเร็จไว้ ได้ การได้ รับ
ความสําเร็จครังนัน อาจเป็ นหลุมพรางไปสู่ความทะนงหย่งผยองตัว อัน
เป็ นอธรรม ทีไม่ควรข้ องแวะ
สายตาทีใสมีประกายของจันนะตอนนี วยัตตะ พิจารณาว่าเป็ น
สายตาของคนทีกําลังครุ่นคิด และ เหลืออีกเพียงสองสามชินส่วน
เท่านัน ดวงตาดวงใหม่ของ จันนะ ก็จะเปิ ดขึน
“อาจารย์ครับ แล้ วทําไม เป็ นดวงอาทิตย์นับล้ านดวงด้ วยละครับ
ในเมือสุริยะเทพมีองค์เดียว” อภิเชษ พีใหญ่คนโตถามขึน
“องค์พระพิฆเณศให้ ความสําเร็จ กับผู้ทถึี งพร้ อมด้ วยเวลา ปั จจัย
และ พระองค์พิจารณาว่า รักษาและพัฒนาความสําเร็จนันต่อๆ ไปอีก
ดีๆ ขึนไปอีกได้ พระองค์กจ็ ะมอบให้ เมือพระองค์ให้ ใครสําเร็จใน
เรืองทีเขาต้ องการแล้ ว องค์สรุ ิยะเทพจะตามมาให้ แสงสว่าง ให้ พลัง

32
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

แห่งการขับเคลือนโลก ให้ แรงบันดาลใจเสริมเข้ าไปอีก ทีองค์พระพิฆ


เณศ เป็ นดังล้ านดวงตะวันนัน เพราะ บรรดาผู้ทีประสบความสําเร็จที
สามารถรักษาเอาพลังแห่งองค์สรุ ิยะเทพได้ อย่างต่อเนืองนัน มีเป็ น
ล้ านๆ คน ล้ านๆ ความสําเร็จ และ เป็ นพลังสุรยะเทพทีมีแต่จะยิงใหญ่
ขึนๆ พัฒนาขึนเรือยๆ
ผู้ทประทานความสํ
ี าเร็จให้ องค์แรก จึงเปรียบเสมือนดวงตะวัน
นับล้ านๆ ดวงไปด้ วยไงล่ะ”
วยัตตะ ตอบอภิเชษด้ วยความรู้สกึ ดีทศิี ษย์ร้ จู ักใช้ ความคิด
ใคร่ครวญ รู้จักตังคําถามอันได้ ประโยชน์มาก
“เอาล่ะ วันนี พอแค่นีก่อน วันพรุ่งนี เรามาศึกษากันต่อ พรุ่งนีข้ า
อยากให้ พวกเจ้ าไปทีริมนํายมุนา เก็บหินทีคิดว่าแปลกๆ มาคนละ
ก้ อนนะ ใหญ่กไ็ ด้ เล็กก็ได้ หรือจะเอาก้ อนนันมาก็ไม่เป็ นไรนะ”
วยัตตะพูดพลางชีมือไปทีแท่นหินขนาดใหญ่เท่าโคตัวหนึง รูปร่าง
แปลกๆ ดีเพราะมีปุ่มนูนเหมือนผลน้ อยหน่า ศิษย์ทงั ต่างพากัน
หัวเราะเพราะยกไม่ไหวแน่ถ้าเป็ นก้ อนนัน แล้ วยกนําร้ อนให้ ท่าน
อาจารย์ได้ ดมก่
ื อนเดินทางกลับ

33
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ศิ ลาพยากรณ์
เช้ าวันรุ่งขึนดวงตาทังสิบของคน คน ยังจับจ้ องไปทีโค้ งทางเดิน
ทีเต็มไปด้ วยพุ่มดอกเฟื องฟ้ ามีชมพูอมแดงสดสวยงาม ในมือของศิษย์
ทัง คนนันพร้ อมเตรียมพร้ อมแล้ วซึงอุปกรณ์ทอาจารย์
ี สงไว้
ั เมือวาน
ว่าให้ เก็บหินมาจากริมแม่นายมุ ํ นามาคนละ ก้ อน เอาเฉพาะก้ อนที
แปลกๆ ก้ อนทีคิดว่าไม่เหมือนก้ อนอืนๆ ขณะนี ในมือบ้ าง วางอยู่
ตรงหน้ าบ้ าง ทุกคนมีหินครบ และ ดูเหมือนการเรียนรู้วนั นีจะน่าสนใจ
เรียกเอาความตืนเต้ นจากศิษย์หนุ่มทัง ได้ ไม่น้อย
“สุวสั เจ้ าว่าท่านอาจารย์จะเอาหินนีไปทําอะไร ข้ าว่า อาจารย์
น่าจะเห็นว่าเราเหมาะสมเรียนเพลงยุทธ เพลงอาวุธ หรือเปล่า ประเภท
ปามีด ปาหากอะไรแบบนัน ได้ ยินว่าทีสํานักทางเหนือพราหมณ์ทนัี น
สอนเพลงอาวุธให้ ด้วยนา”
สาวัสพีชายกําลังใช้ ความคิดรีดเอาจินตนาการส่วนตัวออกมา เพือ
เดาใจท่านอาจารย์ว่าหิน ก้ อนตรงหน้ านี เอามาทําอะไร ปากพูดถาม
สุวสั น้ องชายผู้ทบึ ปั ญญาไปพลาง ตาก็จ้องหินแปลกๆ ของตัวเองไป
พลาง บางก้ อนมีสเี ขียวเหมือนจะเป็ นหินมรกตมีค่า แต่กไ็ ม่สามารถ
ตัดสินใจลงไปได้ ว่าเป็ นอะไร เพราะตลอดชีวติ ไม่มีความรู้เรืองอัญมณี

34
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ศาสตร์เลย
“ไม่ร้ เู หมือนกันท่านพี ข้ าว่า เอามาเป็ นเครืองเล่นเกม หรือ นับ
เวลาสวดมนต์มัง สวดหนึงรอบ ก็หยิบมาหนึงอัน”
สาวัสตอบพลางหัวเราะชอบใจ เพราะตัวเองนัน เวลาสวดมนต์
เมือไหร่มันจะนับหลงนับพลาดเสียทุกที ถ้ าไม่ได้ ประคําทีคอช่วยนับ
เป็ นนับผิดทุกครังไป
“พวกเจ้ าเงียบได้ แล้ วน่า ได้ ยินอะไรมัยนัน” อภิเชษออกเสียงกํา
หราบน้ องๆ ทีเริมจะทําลายความสงบก่อนการศึกษา สายตามองไปที
โค้ งทางเดิน โสตประสาทเปิ ดรับเสียงทีคุ้นเคย เสียงกระดิงระฆัง
ทองเหลืองทีหัวไม้ เท้ าของท่านอาจารย์วยัตตะอรรถการประจําอาศรมที
นันเอง
เพียงชัวครู่ ทังอาจารย์และศิษย์กพ็ ร้ อมทีจะรับถ่ายทอดความรู้
ทังๆ ทีไม่ร้ วู ่าวันนี จะเรียนจะสอนอะไร สิงนี สร้ างความอึดอัดใจให้ กบั
ชัยมิตรมากทีสุด เพราะชัยมิตรกําลังเดา และ กําลังจิตนาการตามไปกับ
คําพูดของสาวัสเมือสักครู่ว่า อาจารย์จะสอนเพลงอาวุธประเภทปามีด
ปาดาบ ซึงตรงกับใจดําของตัวเองทีต้ องเสียพ่อ และ เสียทุกอย่างเพราะ
อาวุธ
อาจารย์วยัตตะยังไม่เฉลยว่าวันนีจะทําอะไร เอาแต่นงยิ
ั มมองหน้ า

35
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ลูกศิษย์คนโน้ นทีคนนีที พอเหลือบสายตาจะถึงสาวัส วยัตตะก็รีบปาด


สายตาข้ ามสาวัสไปอีก เฉียวไปเฉียวมากอย่างนีอยู่หลายรอบ จนใน
ทีสุด สาวัส ก็เอ่ยปากถามแบบเก็บความรู้สกึ ทีสุดแล้ ว
“ท่านอาจารย์ วันนีเราจะเรียนอะไรครับ ศิษย์ ขอถามได้ มัยครับ”
เหมือนฝนทีกําลังใกล้ ตก บรรยายกาศจะร้ อนระอุ แต่เมือมันได้ ตกลงสู่
พืนตามวาระของมันแล้ ว มันก็เย็นฉํา ชัยมิตรอยากรู้ยงกว่
ิ า ร้ อนใจยิง
กว่าสาวัส บัดนีใจของชัยมิตรก็เย็นลงไปมากเช่นกัน
“พวกเจ้ าคนไหน มีหินไม่ครบ ก้ อน” วยัตตะถามเรียบๆ
ศิษย์ทงั เหลียวตามองไปมองมา แล้ วก็ตอบกลับอาจารย์ไปว่ามี
ครบทุกก้ อน คนละ ก้ อน และ นําออกมาวางบนพืน ตรงหน้ าของแต่
ละคน
“เอาล่ะ พวกเจ้ าจดจํารูปร่างสัญลักษณ์ ความแปลกโดดเด่นของ
แต่ละก้ อนให้ ดี พยายามจําให้ ได้ ก้อนเดียวก็พอ” วยัตตะโบกมือให้
สัญญาณว่าเริมพิจารณาได้
อภิเชษ นังดูหิน ก้ อนตรงหน้ าด้ วยน่านังสมาธิ ไม่สมั ผัสแม้ แต่
หินก้ อนเดียว สาวัส กําลังหยิบหินแต่ละก้ อนขึนมาพิจารณา หมุนไป
หมุนมาเหมือนหารอยตําหนิ นิวอ้ วนๆ กลมๆ ของสาวัสแทบจะบดบัง
หินก้ อนเล็กๆทีตนเลือกมา สุวสั นัน วางหินทัง ก้ อนลงบนฝ่ ามือแล้ ว

36
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

เอามาดูใกล้ ๆตา จนก้ อนหินจะทิมจมูกอยู่แล้ ว ชัยมิตรและจันนะทํา


เหมือนกันคือ วางก้ อนหินทัง ไว้ ทพืี นตรงหน้ าแล้ วเลือกก้ อนที
แปลกๆ ออกมา แล้ วพยายามจดจําตามทีอาจารย์สัง
เวลาผ่านไปครู่หนึง ดูจากอาการเงยหน้ าขึนมองท่านอาจารย์
วยัตตะเหมือนจะรอคําสังต่อไป เป็ นสัญญาณบอกว่าพร้ อมแล้ ว ขณะนี
จําลักษณะพิเศษทีแตกต่างของหินบางก้ อนในมือได้ แล้ ว รอคําสังต่อไป
“เอาล่ะ พวกเจ้ าได้ หินทีมีลักษณะพิเศษมาจากแม่นายมุ
ํ นา พวก
เจ้ าได้ สงั เกต และ จดจําลักษณะสัณฐานเหล่านันไว้ ทงหมดแล้
ั ว แม้ จาํ
ได้ เพียงก้ อนเดียวก็ไม่เป็ นไร เอาล่ะ มาลองดูกนั ว่าเจ้ าเอาอะไรเป็ น
เครืองช่วยจํา สุวสั เจ้ าสังเกตหินก้ อนไหนรึ” วยัตตะถามจีไปยังศิษย์ที
ปั ญญาทึบทีสุด
“ผมจําหินก้ อนใหญ่นครั
ี บ รูปร่างมันคล้ ายๆ กับอ่างล้ างหน้ าของ
ศิษย์ครับ” สุวสั ตอบแบบซือๆ
“ดีมาก เอาล่ะนะ ขอให้ พวกเจ้ าทังหมด เอาหินทัง ก้ อนของ
พวกเจ้ า มารวบรวมกันไว้ เป็ นกองเดียวในถาดใบนี เราจะได้ หิน
ทังหมด ก้ อน อภิเชษ เจ้ าเอาหินของทุกคนคละเคล้ ากัน ด้ วยนะ ให้
มันปนๆ มัวๆ กันนันแหล่ะ”
พูดจบ อภิเชษ ก็คว้ าเอาถาดในอาศรมมาใส่หินทัง ก้ อนของแต่

37
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ละคนรวมกันได้ ก้ อน จากนันเขาเอามือของตัวเองความกวนลงไป
ในถาดเพือให้ หินแต่ละก้ อนสลับตําแหน่งของตัวเอง เพือให้ ตาํ แหน่งที
อยู่ใกล้ กนั ในตอนแรก ถูกสลับเปลียนมัวไปหมด
“เรียบร้ อยแล้ วครับอาจารย์ ทําอย่างไรต่อครับ” อภิเชษถาม
“เอาล่ะ ให้ พวกเจ้ านึกถึงภาพของหินทีเจ้ าเพ่งจดจําเมือสักครู่
อภิเชษ เจ้ านึกภาพนันออกมัย” วยัตตะถามอภิเชษ พีใหญ่ทนัี งใกล้ สดุ
ในขณะนัน
“ครับ ผมกําลังมองเห็นภาพหินก้ อนนันในใจ ถ้ าให้ ผมชีว่าก้ อน
ไหนจากในถาดนี ผมก็ยังชีและหยิบขึนมาได้ ถูกเลยครับอาจารย์” อภิ
เชษตอบระคนกับอารมณ์ภมู ิใจในความจําของตนทียังแจ่มชัดอยู่เพิงจะ
เพ่งจํา
“ทุกคนก็จาํ หินของตัวเองได้ ใช่มัย” วยัตตะถามเน้ นยําอีกครัง
หนึง
“เอาล่ะ ต่อไปให้ พวกเจ้ า นําเอาภาพของสิงทีข้ าจะพูดนี ไป
ประกบติดกับภาพหินในใจเจ้ า อภิเชษ ให้ เจ้ าคิดถึง เปลวไฟทีร้ อนแรง
เอาภาพเปลวไฟกับหินของเจ้ าไปประกบเข้ าด้ วยกันในใจ เห็น
ภาพมัย” วยัตตะถามรุกเข้ าไปหาผลลัพธ์
“เห็นครับอาจารย์ หินของผมเป็ นสีม่วง ตอนนีติดไฟแล้ วครับ
38
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

อาจารย์ ไฟกําลังลุกไหม้ หินของผมอยู่ตอนนี” อภิเชษพูดไปพร้ อมๆ


กับดวงตาทีหลับสนิท มีเพียงปากทีขยับให้ ร้ วู ่ายังไม่ได้ หลับ
“วัสสา ให้ เจ้ าคิดถึง นําในแม่นายมุ
ํ นาทังหมด กําลังไหลเวียนอยู่
กับก้ อนหินของเจ้ า ส่วนเจ้ า สุวสั ให้ เจ้ าคิดถึงลมพายุทโหมกระหนํ
ี า
เจ้ าชัยมิตร ให้ เจ้ าคิดถึงภาพภูเขาอันสูงใหญ่ สูงเทียมฟ้ า มีพลังอํานาจ
เจ้ าคิดเห็นภาพแล้ วใช่มัย” วยัตตะรุกศิษย์อ่อนอีกแล้ ว
“ส่วนเจ้ าจันนะ ให้ เจ้ าคิดถึงภาพเมฆบนฝ้ ายามใกล้ ฝนจะตก เมฆ
เหล่านันเคลือนตัวเร็วแค่ไหน ให้ เจานึกภาพนีไว้ แล้ วเอาไปรวมกับ
ภาพหินทีเพ่งจําไว้ ” วยัตตะ บอกมโนนิมิตให้ กบั จันนะด้ วยนําเสียง
ราบเรียบ
หลังจากทีมันใจว่าทัง คนได้ กาํ หนดมโนภาพอันเป็ นนิมิตสม
บัตรทีเพิงสร้ างขึนในใจได้ เรียบร้ อยแล้ ว วยัตตะก็ลุกขึน ปลดผ้ าคลุม
ไหล่ออกวางพาดทับลงไปบนถาดทีเต็มไปด้ วยก้ อนหินใบนัน แล้ วหมุน
ถาดไปมา สามสีครัง เดียวหมุนซ้ าย เดียวหมุนขวา ดูสบั สนไปหมด
“เอาล่ะ ใครอยากจะลองดูก่อน ก้ าวออกมาตรงหน้ า ได้ เลย”
วยัตตะท้ าทายศิษย์ทช่ี างรู้ช่างเห็นของตัวเอง ในใจคิดว่า จันนะ น่าจะ
กระโดดออกมาเป็ นคนแรก แต่กต็ ้ องแปลกใจทีเป็ นสาวัส ศิษย์อ้วนทีดู
เหมือนจะสนใจสิงทีกําลังสอนนีมาก

39
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

“ศิษย์ขอลองครับ ท่านอาจารย์จะให้ ทาํ อะไรครับ” สาวัสถามด้ วย


อารมณ์ใคร่ร้ ปู นกับความงงๆ ว่า วันนีเราทังหลายทําอะไรกันอยู่
“ดีมาก สอดมือเข้ าไปใต้ ผ้านี หยิบหินทีอยู่ใต้ ผ้ามาให้ ข้า ลูก
ก่อนจะหยิบให้ เจ้ านึกถึงพ่อของเจ้ า วาณิชย์ผ้ มู ังคัง หยิบแล้ วส่งมาให้ ข้า
นะ” วยัตตะบอกวิธีการ
สาวัสล้ วงมือเข้ าไปใต้ ผ้าตามทีอาจารย์บอก ก่อนหน้ านีเขารู้อยู่ว่า
ใต้ ผ้านีคือก้ อนหินทังนัน แต่เมือจะต้ องเลือกหินสักก้ อนจากการสัมผัส
เขาพบว่า มันก็คล้ ายๆกันไปหมด
“ได้ แล้ วครับอาจารย์” สาวัส ตัดสินใจหยิบหินกรวดสีขาวขึนมา
“หินก้ อนนี เป็ นก้ อนของใคร จําได้ มัย” วยัตตะถาม กวาดตาไป
ยังศิษย์ทงั วัสสาส่งก้ อนหินก้ อนนันไปให้ เพือนศิษย์อีก คน
พิจารณาดู อภิเชษ กับ จันนะ บอกว่าคลับคล้ ายคลับคลาว่าเป็ นของ
ตัวเอง แต่กไ็ ม่มันใจว่าใช่หรือเปล่า
“หินก้ อนนี เป็ นหินธรรมดา หินทีพวกเจ้ าไม่ได้ เพ่งพิจารณา เป็ น
หินทีพวกเจ้ าแลดู เพ่งดูน้อย ใช้ เวลาและความเอาใจใส่ทจะจดจํ
ี ามันไม่
มากเหมือนหินแปลกๆ ทีเจ้ าเพ่งดูเพือจดจําลักษณะของมันได้
ในหินนีไม่ได้ มีความหมายอะไรเท่าไหร่หรอก มันเป็ นหินธรรมดา
เท่านัน ส่วนทีให้ ระลึกถึงพ่อของเจ้ านัน เพราะพ่อเจ้ ามีจดหมายมาถึง
40
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

เจ้ า อาจารย์ต้องการดูว่า พลังจิตของเจ้ า เป็ นเช่นไร เอาล่ะ เมือกี


เป้ าหมายคําถามไม่ชัดเจน คราวนีลองใหม่ ในกระบอกนี มีจดหมาย
ของท่านวาณิชย์พ่อของเจ้ า สาวัส เจ้ าลองทําใจให้ ว่างๆ ดูใหม่แล้ วจับ
หินขึนมาใหม่ส”ิ วยัตตะเริมเฉลยว่าวันนีเรียนอะไร
สาวัส พยายามกําหนดสมาธิปราณ โดยการหายเจ้ าเข้ าออกแรงๆ
สามครังแล้ วก็เพ่งพิจารณาลงในถาดทีมีผ้าสีนาตาลเข้
ํ มของท่านอาจารย์
คลุมอยู่ ล้ วงมือเข้ าไปหยิบเอาหินอีกก้ อนทีคราวนีสาวัสตังใจว่า จะต้ อง
หยิบหินแปลกของตัวเองให้ ได้
ผลลัพธ์เหมือนอย่างทีคิด หินก้ อนสีชมพูปรากฏขึน ชัยมิตรร้ อง
บอกทันทีว่าก้ อนนีเป็ นก้ อนหินทีตนพิจารณาอยู่เมือครู่
“อ้ า ได้ หินของเพือนล่ะสิ หินนี มีภาพของอะไรติดมาด้ วยนะชัย
มิตร บอกอาจารย์ส”ิ วยัตตะ ยิงคําถามต่อโดยไม่ปล่อยเวลาให้ คดิ
“ก้ อนนี มีภาพของภูเขาสูงครับ ภูเขาทีสูงใหญ่มาก” ชัยมิตรตอบ
เสียงดังฟังชัด
“ถ้ าเราจะพยากรณ์เรืองพ่อของสาวัส เราจะพยากรณ์ไปในทางใด
ดี เราก็จะเอาภาพในมโนความคิดนีแหล่ะเป็ นเครืองมือช่วยในการ
พยากรณ์ เอ้ าสาวัส ไหนลองบอกสิว่า จดหมายของพ่อเจ้ าในกระบอก
นี เขียนถึงอะไร ใจความโดยรวมน่าจะเป็ นอย่างไร” วยัตตะเดินหน้ าต่อ

41
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

อย่างรวดเร็ว
“ถ้ าหินก้ อนนี หมายถึงภูเขาสูง หมายถึงภูผาขนาดใหญ่เทียมฟ้ า
ภูเขาทียิงใหญ่ ไม่เคลือนทีไปไหน การทีท่านพ่อจะมาหาศิษย์กค็ งไม่
น่าจะใช่ การทีศิษย์จะไปก็ไปไม่ได้ ตามกฎของอาศรมห้ ามกลับบ้ าน
ภูเขาสูงเป็ นทีอยู่ของต้ นไม้ เป็ นทีอยู่ของสัตว์ และ เป็ นจุดเริมต้ น
ของสายนําทังหลาย เป็ นทีๆ เอือเฟื อแก่สรรพชีวิต เป็ นแหล่งเดินทาง
ของโยคีและฤาษีผ้ ูแสวงบุญ อืม จะเป็ นเรืองอะไรน้ า” วัสสาครุ่นคิด
ฉับพลันทีกําลังใช้ ความคิด กําลังเพ่งความสนใจไปกับโจทย์เป้ า
หมายถึงเนือหาในกระบอกจดหมาย ภาพๆ หนึงก็ปรากฏขึนในใจ ที
ชะง่อนผาด้ านหนึงของภูเขาในความคิดนัน สาวัสมองเห็นถําเล็กๆ ทีมี
สมบัตอิ ยู่ด้านในมากมาย จิตของสาวัสเวลานี กําลังสงสัยว่าใครเป็ น
เจ้ าของถําและสมบัตเิ หล่านี แต่เมือพยายามคิดหาคําตอบ ก็ตือตัน คิด
ไม่ออกว่าเป็ นอะไร ในใจของสาวัส เปรียบเทียบภาพต่างๆ ทีปรากฏ
ขึนตังแต่เริมต้ นพิจารณาเชือมโยงก้ อนหินทีมีภาพของภูเขาสูงติดมา
ด้ วย เขาเห็นภาพสัตว์ เขาเห็นภาพต้ นไม้ สงู เข้ าเห็นภาพของสายนํา
เล็กๆ และช่วงท้ ายเขาเห็นภาพของถําทีมีสมบัติ สาวัสถามตัวเองว่า
อันไหนชัดเจนมากจนใจเขาอยากจะเชือว่าจริง สาวัสพบว่า ภาพของถํา
สมบัตชิ ัดเจนทีสุด แต่เขาไม่สามารถหาคําตอบลึกไปกว่านีได้ อีกแล้ ว จึง
ตัดสินใจลืมตาขึนมา พร้ อมกับความรู้สกึ เหนือยๆ เพลียๆ นิดๆ เป็ น
42
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ความอ่อนล้ าทีไม่ใช่เกิดจากร่างกาย ร่างกายของสาวัสยังนังอยู่ทเดิ


ี ม
ด้ วยท่าขัดสมาธิแบบสบายๆ ทําไมเขาจึงเหนือยแบบนีนะ ยังแอบถาม
ตัวเองอยู่ในใจ
“ผมเห็นภาพถําสมบัตคิ รับอาจารย์ ในกระบอกจดหมายนัน มี
ข้ อความอะไรเกียวกับสมบัตหิ รือเปล่าครับท่านอาจารย์ มันเป็ นเรือง
กิจการของท่านพ่อหรือเปล่าครับท่านอาจารย์” สาวัส บอกอาจารย์ใน
สิงทีตนเองพบในความรู้สกึ แต่เมือเริมต้ นเปิ ดปากพูดออกมา กลับ
พบว่า สิงทีรู้เดิม รู้สกึ ไว้ ก่อนหน้ านีทีเป็ นเพียงภาพถําสมบัติ ตอนนี
เหมือนปากมันจะพาไปเอาดือ ไปพูดเลยเถิดถึงกิจการของท่านพ่อได้
อย่างไร เขาเองก็ไม่ร้ เู หมือนกัน รู้เพียงว่า มันผุดขึนมาทีหลังและเร็ว
มาก
“เราได้ รับจดหมายจากท่านวาณิชย์ พ่อของเจ้ าสองฉบับ ฉบับ
แรกลงชือข้ าเอง ฉบับทีสองลงชือเจ้ า ด้ วยธรรมอันดี ด้ วยมารยาท เรา
ยังไม่ได้ เปิ ดอ่านจดหมายกระบอกของเจ้ าหรอก กระบอกของเราน่ะ
อ่านแล้ ว เมือได้ รับจดหมายแล้ วก็รีบไปพบค่าคุรุอาจารย์ศิวะนาฏทันที
เพือขอคําชีแนะ เราจึงมาหาเจ้ าช้ าในเช้ าเมือวานนี
เอ้ า มารับไปสิ จดหมายของเจ้ า พ่อของเจ้ าส่งจดหมายมาปรึกษา
กับข้ าว่า จะทําอย่างไรให้ เจ้ าเรียนวิชาสําเร็จเร็วๆ จะได้ นาํ ไปช่วยกิจการ
ทีบ้ าน เวลานี ชราลงมาก อยากจะเลิกทํางานให้ ลูกๆ มาดูแลงานแทน
43
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

มาสอบถามข้ าทางจดหมายว่า จะเป็ นไปได้ มัยทีจะกลับบ้ านก่อน ปี


ซึงตอนนีพวกเจ้ าก็มาอยู่ทนีี ได้ เพียง เดือนเท่านัน พ่อเจ้ าให้ เหตุผล
ว่า หากไม่มีใครมาดูแลกิจการต่อ บรรดาอาณาจักรการประมงทังหมดที
พ่อเจ้ าสร้ างไว้ ก็จะสูญสินพังพินาศไป เอ้ าลองอ่านดูจดหมายของเจ้ าดู
สิ” วยัตตะส่งจดหมายให้ วสั สาทีลุกขึนมารับไปจากมืออาจารย์
วัสสากางจดหมายเปิ ดออก สุวสั น้ องชายชะโงกหน้ าเข้ ามาอ่าน
ด้ วย ศิษย์ทเหลื
ี ออีก คน รักษาธรรมอันดี ไม่ย่งุ เกียวเรืองส่วนตัว คง
นังนิงอยู่ วัสสาและสุวสั อ่านจดหมายไม่ถงึ ลมหายใจ เนือหาใน
จดหมายก็จบสินกระบวนความ คนเงยหน้ าขึนแล้ วก็ร้องหาพร้ อมๆ
กัน
“ท่านอาจารย์ครับ นีไม่ใช่จดหมายหรอกครับ นีเป็ นพินัยกรรม
ของท่านพ่อครับ เวลานีท่านพ่อเป็ นโรคผิวหนังลุกลามทัวตัว เสียเงิน
ทองไปมากมาย ใช้ หมอดีจากทุกแคว้ นเมือง ยังรักษาไม่หาย ท่านพ่อได้
เขียนพินัยกรรมนี ยกกิจการทุกอย่างให้ ศษิ ย์และเจ้ าสุวสั แล้ วครับ”
สาวัสพูดเสียงเครือ ความรู้สกึ เหมือนพ่อกําลังตายจากไปวันนีพรุ่งนี
“แล้ วเราจะทําอย่างไรต่อดีครับท่านอาจารย์ ผมต้ องกลับไปดูแล
กิจการของท่านพ่อ เฮ้ อ ทําอย่างไรดีเราสองคน” สาวัสหันหน้ าไปทาง
อาจารย์และน้ องสุวสั น้ องชายทีค่อนข้ างทึบปั ญญา

44
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

“พ่อยกให้ กด็ แี ล้ วนีพี เราจะได้ ทาํ ตามใจเราได้ ไง อยากทําไรทํา


พ่อไม่อยู่ว่า แม่ไม่อยู่ด่า ดีออก” สุวสั แสดงความเห็นบ้ าง
“ท่านคุรอุ าจารย์ศวิ ะนาฏ ให้ พวกเจ้ าเลือกด้ วยศรัทธาและความรู้
ความเข้ าใจของเจ้ าเอง ว่าจะเป็ นบัณฑิตผู้ศกึ ษาอยู่ทนีี หรือจะไปเป็ น
พ่อค้ าวาณิชย์เหมือนดังพ่อของเจ้ า มีเพียงทางใดทางหนึงเท่านัน เจ้ า
จําเป็ นต้ องสละข้ างใดข้ างหนึงเป็ นแน่นอน
โรคภัยของพ่อเจ้ าเวลานี เรียกว่าโรคกรรม โรคทีเกิดจากการ
เบียดเบียนชีวติ ของสัตว์นํานานาชนิด จับมาฆ่าวันละเป็ นพันๆ ชีวติ
นํามาแช่มาทาเกลือ เพือให้ คงสภาพเนือไว้ นํามาแล่นาํ มาถลกหนัง
เพือนําไปทําอาหาร กรรมนันมันย้ อนมาเป็ นโรคภัย จึงไม่สามารถพ้ น
จากความทรมานได้ ง่ายนักหรอก แม้ ทาํ บุญเพิมกุศลก็ยังช่วยลบล้ าง
ไม่ได้ เพราะมันทําหน้ าทีได้ แค่เจือจางการให้ ผลของบาปเท่านัน และที
สําคัญคือ ทันเวลาหรือไม่ด้วย หลายคนรู้ผลของบาปว่ามีอยู่จริง และ
เริมต้ นสร้ างบุญกุศลกันตอนทีบาปมาถึงเข้ มข้ นแล้ ว ก็คลายทุกข์ คลีปม
ทุกข์กนั ไม่ทนั
เราอยากฟังคําตอบจากเจ้ าว่าเจ้ าจะดําเนินการอย่างไร กับวง
กรรมวงนีของเจ้ า” วยัตตะ ทําหน้ าทีครูแสดงผลของกรรมให้ เห็นอย่าง
ชัดเจน คําพูดนีเข้ าไปกระแทกก้ อนอารมณ์ในจิตใจของสาวัสอย่างมาก
ในขณะทีสุวสั กําลังคิดถึงเงินทองของท่านพ่อทีรอให้ ตวั เองไปใช้
45
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ออกไปจากอาศรมนี เป็ นฆราวาส ไม่ต้องถือพรหมจรรย์ อะไรๆ คง


สนุกกว่านีไม่น้อย ใบหน้ าของสุวสั นัน สดชืนยิงกว่าวันไหน แต่สาํ หรับ
สาวัสนัน เหมือนมีอะไรหนักๆ มากดทับทังตัวหัวและไหล่ไว้ เป็ น
ความรู้สกึ ทีคนใคร่ครวญทุกคนพบเจอ
ตลอดเวลาทีมาเรียนธรรม สาวัสรู้ดีว่าพ่อทําอาชีพทีไม่เหมาะ ไม่
ควร เป็ นสายทางการเดินทีเบียดเบียน มาวันนี สิงนันมาถึงมือของเขา
อย่างไม่มีทางเลือก เขาจะทําอย่างไรดี สาวัสได้ แต่ถามตัวเองเช่นนี
ก่อนทีบรรยายการเรียนรู้วนั นีจะหายไป เป็ นความตึงเครียดของ
สาวัส วยัตตะได้ ตดั บทขึนตรงๆ สันๆ
“ทีเราได้ ทาํ ไปเมือครู่ คือ กฤตมัณชาตรา ศาสตร์ความรู้แห่งการ
ใช้ ดวงจิตและอํานาจจิต อํานาจทีเรามีกนั อยู่ในทุกคนนีแหล่ะ การใช้ ก
ฤตมัณชาตรานัน สิงทีเราต้ องทําคือ
. กําหนดวัสดุ ประเภทอุปกรณ์ทจะใช้ี ไม่ว่าจะเป็ นอะไรรอบตัว
ขอให้ เป็ นชนิดเดียวกัน เช่น ก้ อนหิน ก็ต้องเป็ นก้ อนหินเหมือนๆ กัน
จะเป็ นก้ อนแก้ วอันสวยงามปนอยู่กบั หมู่ก้อนหิน อย่างนีไม่ได้ หาก
เลือกเป็ นใบไม้ ก็ต้องเป็ นใบไม้ จากอาณาเขตเดียวกัน หากเลือกเป็ น
ภาพสัญลักษณ์ ก็ต้องเป็ นภาพสัญลักษณ์ทมีี ขนาดของภาพเท่าๆกัน

46
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

. เพ่งจิตลงไป หินทีพวกเจ้ าเก็บมาคนละ ก้ อนนี เป็ น


ตัวแทนของสัญลักษณะ เพ่งจิตลงจะช่วยให้ เกิดการจดจําทีดี เราให้
พวกเจ้ าเพ่งจิตไปยังหินก้ อนแปลกทีไม่เหมือนใคร คนละ ก้ อน
เพือให้ เจ้ าไม่เหนือยเกินไปกับการใช้ พลังจิตในช่วงแรกๆ แต่ถ้า
ต้ องการใช้ ในการพยากรณ์จริงๆ เจ้ าต้ องกําหนดภาพ กําหนดความคิด
กําหนดรูปแบบสถานการณ์ลงไปในทุกๆ ชินทีเจ้ าใช้ ถ้ าเจ้ าใช้ หิน
ก้ อน ในการพยากรณ์โดยกฤตมัณ เจ้ าก็ต้องกําหนดเรืองราวความ
เป็ นไปของโลก ของสิงทีจะพยากรณ์ไว้ ในหินทัง ก้ อน
. หยิบเลือก อุปกรณ์พยากรณ์ ขึนมาด้ วยระบบเสียงทายเสมอ
คํานีหมายถึง จะต้ องเป็ นการสุ่มขึนมาโดยเจ้ าชะตาผู้ต้องการรับคํา
พยากรณ์เอง ผู้อนอาจช่
ื วยเลือกอุปกรณ์แทนได้ แต่กต็ ้ องอยู่ในระบบ
สุ่มเสียงเท่านัน หากเป็ นหินตรงหน้ านี เราได้ นําเอาผ้ าคลุมไหล่ของเรา
คลุมไว้ ทําให้ พวกเราไม่สามารถรู้ได้ ว่าหินใต้ ผ้านี ก้ อนไหนเป็ นของใคร
น่าหยิบจับหรือไม่น่าหยิบจับ
. การแปลผลนัน ตามชือคัมภีร์นเลย ี คือ กฤตมัณชาตรา หรือ
คัมภีร์องิ จิต เป็ นคัมภีร์ทต้ี องใช้ อาํ นาจจิตเป็ นอย่างมาก ต้ องฝึ กฝนจิต
มาอย่างดีเพือแปลความหมายตามแต่รปู สัญลักษณ์ทเรากํ ี าหนดไว้
ผู้ทไม่
ี ได้ ฝึกนังสมาธิ หรือ ฝึ กกรรมฐานเลย จะทําตรงนีได้ ยาก
เพราะความคิดภายในใจจะตืนเขินมากๆ แห้ งแล้ งไปจากกําลังทาง
47
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ความคิด ฐานของความคิดคับแคบทําให้ ไม่สามารถพยากรณ์ได้ ชัดเจน


ตรงหน้ าเราในเวลานี มีหินอยู่ ก้ อน หากเราจดจําได้ ทงหมด

ว่าก่อนนีมีสญ ั ลักษณ์เป็ นตัวแทนเรืองราวใดๆ เราก็สามารถใช้ ทงั
ก้ อนนีทํานายอะไรก็ได้ ถามว่าก้ อนหิน ก้ อนยิงใหญ่ยอดเยียม
ขนาดนันเลยหรือ ทีว่าทายอะไรก็ได้ คําตอบคือ ก้ อนหิน ก้ อนนัน
ไม่ได้ วเิ ศษหรือเยียมในทางพยากรณ์อะไรมาก ต่อให้ มีถงึ ก้ อน
คําพยากรณ์กเ็ หมือนเดิม หากผู้ทมารั ี บคําพยากรณ์ เอาดวงจิตมาด้ วย
ถ้ าเขาหรือเธอเอาดวงจิตมาด้ วยนะ ดูให้ ได้ ทุกคนล่ะ”
วยัตตะกล่าวทิงท้ ายด้ วยมุขเล็กๆ เพือขับไล่ความตึงเครียดในชัน
เรียนลงบ้ าง วยัตตะรู้ดีว่า กฤตมัณชาตรานัน เป็ นฐานวิชาขันที และ
เป็ นขันทีหากศิษย์สาํ เร็จได้ แล้ ว อะไรในโลก จะเบาลง เพราะวินิจฉัยได้
ง่ายดายขึนมาก
“บางคน กําหนดตัวเลข - พร้ อมกําหนดเรืองราวทีเล่าได้ ง่าย
ฟังดูสนุกและตืนเต้ นลงใน เหตุการณ์นนั ใครจับออกมาได้
เหตุการณ์ใด ก็พยากรณ์อนาคตไปว่าจะเป็ นไปตามเหตุการณ์นนั
หลายครังทีผู้พยากรณ์จาํ สิงทีตัวเองบัญญัตเิ หตุการณ์ไว้ หรือ กําหนด
สถานการณ์ไว้ ล่วงหน้ า แต่จาํ ไม่ได้ เพราะใช้ วสั ดุเครืองมือจํานวนมาก
ชิน จึงมีการทําเครืองหมายสัญลักษณ์ลงไปอีก บ้ างก็ขูดกับหินสี บ้ างก็
เขียนเป็ นรูปภาพพร้ อมใส่หมายเลขกํากับกันงง
48
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

บ้ างก็ต้องการความละเอียดมากขึน จึงไปสร้ างเรืองราว สถาน


กาณ์ปลีกย่อยทีน่าจะเกิดขึน แล้ วทําสัญลักษณ์ลงบนวัสดุเพือให้ จาํ ง่าย
ขึนด้ วย
การใช้ กฤตมัณชาตรา ต้ องกระทําในช่วงทีสภาพอารมณ์ของนัก
พยากรณ์เป็ นกลาง ไม่สขุ จนเกินพอดี ไม่อยู่ในช่วงทุกข์โศกเศร้ า กําลัง
ของจิตจะอ่อนแรงด้ วยความไม่ตังมัน
หลายครังทีเราอาจรู้สกึ ว่า เห็นภาพบางอย่างชัดในใจ เมือเหลือบ
ตามดูวสั ดุพยากรณ์ เช่นหินสี หรือ กระดาษทีมีภาพวาด แล้ วข้ อมูลดูจะ
ขัดๆ กันอย่างไรชอบกล ขอให้ ยึดตามความรู้สกึ ในใจของเรา แต่ถ้ารู้สกึ
ชัดเจนว่าภายในใจมันไม่ร้ สู กึ อะไร ให้ พูดเรืองราวคําพยากรณ์ของสือ
พยากรณ์นนๆ ั ได้ เลย
สือพยากรณ์บางชนิดในโลกใบนี ออกแบบมาเพือพยากรณ์ทาง
กาม ทางความรัก ความรู้สกึ โดยเฉพาะ บางชนิดออกแบบมาเพือการ
พยากรณ์ทางธุรกิจการค้ าโดยเฉพาะ บางชนิดทําได้ ทงสองอย่
ั างแต่ก็
ไม่ได้ ดที สุี ดในทังสองอย่าง
การทีจะใช้ กฤตมัณชาตรา ได้ ดี ต้ องเข้ าใจถึงอํานาจของจิต ว่า
มันควบคุมอะไรบ้ าง และ มีธรรมชาติเป็ นอย่างไร เราก็จะใช้ มันได้ อย่าง
ดี บางครังหากเราจําเป็ นทีต้ องใช้ กฤตมัณชาตราบ่อยๆ ก็ควรอย่างยิง

49
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

ทีจะสร้ างอุปกรณ์ประจําตัวเองขึนมา เพือใช้ คนเดียว รู้คนเดียว และ


ให้ ผลในการพยากรณ์ทแม่ี นยําเป็ นการเฉพาะ
โหรนักพยากรณ์โบราณ รวมทังคุรมุ หาฤาษีทงหลาย
ั มีเครืองมือ
การพยากรณ์เช่นนี แต่มิได้ ถ่ายทอดความรู้ หรือ เทคนิควิธีการให้ คน
นอก จะบอกสอนกันแต่ในเฉพาะครอบครัว หรือ เหล่าศิษยานุศษิ ย์
เท่านัน
ในวันรุ่งขึน เราจะเริมต้ นเรียนรู้สงที
ิ จําเป็ นต้ องรู้ในกฤตมัณชาตรา
นี เอาล่ะ สาวัส เจ้ าคิดอย่างไรเรืองท่านพ่อของเจ้ า”
วยัตตะบอกสอนหลักวิชา และตัดกลับมาทีสาวัส เชือว่าสาวัสมี
คําตอบอยู่เรียบร้ อยแล้ ว และโดยธรรมดาของผู้บวชเรียน จะไม่พูด
กลับไปกลับมา สําหรับสุวสั นัน พีสาวัสทําอย่างไรก็ทาํ ตามกัน ไม่มีขัด
ค้ านเลย
“ผมขอทําแบบชัยมิตรครับท่านอาจารย์ ชัยมิตรเผาโรงหลอม
ดาบทิง นําสมบัตทิ งหมดถวายแด่
ั คุรุอาจารย์ศวิ ะนาฏเพือล้ างเงินล้ าง
ทรัพย์สเี ทา ทรัพย์อนั เศร้ าหมองเป็ นทรัพย์สะอาด ท่านคุรุอาจารย์กไ็ ด้
ปั นทรัพย์นนให้
ั กบั มารดาของชัยมิตรให้ มีกนิ ใช้ ตามฐานะอัตภาพ ศิษย์
เองก็จะทําแบบนันครับ เพือเป็ นเยียงอย่างของผู้ทกล้ ี าตัด กล้ าทําลาย
ทรัพย์อนั เศร้ าหมองในโลกนี เพือความผาสุก ความไม่เบียดเบียนทังใน

50
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

โลกนีและโลกหน้ า ศิษย์จะขายทรัพย์สนิ ทังหมด ขายสัมปทานคืนแก่


พระราชา และ นําทรัพย์นนชํ
ั าระหนีกรรม เปลียนเงินดําเป็ นเงินสีขาว
ขอเศษส่วนทานจากท่านคุรใุ ห้ มารดาและญาติได้ มีทรัพย์ตงต้
ั นทําอาชีพ
ใหม่
บริวารและข้ าทาสจะเลิกเสีย ส่งกลับบ้ านกลับเรือนให้ อสิ รภาพแก่
เขา บรรเทาการกักขังและริดทอนอิสรภาพทีท่านบิดาของศิษย์ทาํ มา
ตลอดชีวติ บางครังศิษย์ยังนึกสนุกเวลาเอาไม้ ยาวไปแหย่ปลาในบ่อพัก
ปลาทีจับมาได้ เดียวนีศิษย์เกรงกลัวต่อบาปเหล่านัน นีเป็ นสิงทีศิษย์
ตัดสินใจแล้ ว หากสุวสั ต้ องการทรัพย์ครึงหนึงในส่วนของเขา ศิษย์กจ็ ะ
เอาเฉพาะส่วนของศิษย์มาทําอย่างนี หากสุวสั เห็นด้ วยกับศิษย์ เราทัง
สองจะพลีอาชีพอันเศร้ าหมองนีเสียที” สาวัสกล่าวหนักแน่น
“ศิษย์กเ็ ห็นด้ วยกับพีสาวัส ท่านพ่อป่ วยคราวนีคงไม่หายง่าย
เพราะเป็ นกรรมโรค ท่านพีจัดการได้ เลย น้ องกลัวว่าวันหนึงก็จะเป็ น
เหมือนท่านพ่อ น้ องไม่เอาด้ วยหรอก” สุวสั กล่าวเสริมแบบไม่ต้องรอ
ถาม
“ถ้ าเช่นนัน เราจะจัดการส่งจดหมายไปยังเรือนของท่านวาณิชย์
ให้ มารดาของเจ้ าดําเนินการในเรืองนี เจ้ าจงปลดเข็มขัดทับทิมประจํา
ตระกูลของเจ้ าทังสองมาเถิด มารดาเจ้ าจะได้ เข้ าใจว่านีเป็ นสิงทีเจ้ าได้
ตัดสินใจด้ วยสติสมั ปชัญญะของเจ้ าเอง มาเถอะผู้ส่งสารจะได้ รีบไป
51
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

จัดการกองทานอันยิงใหญ่นี อภัยทานทียิงใหญ่และทําได้ ยากยิง ย่อมมี


อานิสงข์มากมายหลายภพชาติ อาจารย์ขอสาธุการอนุโมทนากับ สุขคติ
แนวคิดของเจ้ าทังสองด้ วยนะ”
“สิงนีดีแล้ ว เจริญแล้ ว สาธุ” เสียงอนุโมทนาจากทังศิษย์และ
อาจารย์ทงั คน ดังกังวานอยู่กลางอาศรมลําดับที เสียงนัน
ทะยานขึนไปบนฟากฟ้ าแสนไกล ดิงตรงไปด้ วยกําลังแรงของสุขคติจิต
คือ จิตทีคิดดี คิดแต่เรืองทีเจริญ เป็ นจิตทีอาจหาญร่าเริงในธรรมอันดี
จิตนันได้ แผ่ซ่านความสุขทีเกิดจากความมันใจว่า
บัดนีเราได้ ทาํ ดีแล้ ว เราจะมันคงในความดี ความดีย่อมนําสุขมา
ให้ เราเป็ นผู้รับผลของความดีแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีผ้ ใู ดสามารถลดหรือ
แบ่งทอนความสุข ความดีนี ไปจากเราได้
แม้ ในโลกนี โลกหน้ า หรือ เวลาไหน ทําดีย่อมได้ ดี ทําชัวย่อมได้
ชัว สิงนีเป็ นจริงแล้ วในศรัทธาความเชือของศิษย์และอาจารย์ที กลุ่ม
บัณฑิตผู้ศกึ ษาและค้ นหาความจริงของจักรวาลกําลังร่าเริงด้ วยธรรม
ด้ วยกองกุศลอันเกิดจากแนวคิดทีได้ รับการทําความ ขัดเกลามาด้ วย
ทาน ศีล และ ภาวนาอันสมําเสมอ
การละครังยิงใหญ่ เต็มไปด้ วยอุปสรรคเครืองหน่วงมีเฉพาะผู้ที
ละเอียดในกรรมดีททํี าได้ แบบไม่ลังเล รังสีจิตและความคิดเช่นนี แผ่น

52
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

กระจายไปทังในทิศเบืองสูง และทิศเบืองตํา บรรดาเทวดาประจําตัว


ทังหลายเป็ นพวกแรกทีได้ รับรู้ถึง กระแสกุศล กระแสบุญ กระแส
ความสุขทีเปล่งออกจากลูกหลานเหลนโหลน เครือญาติแห่งตัวเองที
เชือมโยงกันมาตลอดอายุแห่งวัฏฏะทีหมุนเวียนเกิดเวียนตาย กระแส
จิตดีๆอย่างนีไปแผ่ซ่านอบอุ่นอยู่รอบๆ องค์เทวดาบรรพบุรษุ ที
มองเห็นการกระทําของลูกหลานในโลกมนุษย์ตลอดเวลา
เสียงสาธุการอีกครังดังขึนในสรวงสวรรค์ตงแต่ั ชนจาตุ
ั มหาราชิกา
ไปจนชันทีละเอียดกว่า สูงขึนไปเรือย เทวดาบรรพบุรษุ ผู้เคยเป็ นญาติ
เป็ นพีเป็ นน้ อง เป็ นพ่อเป็ นแม่ เป็ นผัวเป็ นเมีย บางองค์กต็ งจิ
ั ต
อธิษฐานปาวารนาตัวเองว่าจะเป็ นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนในกองบุญที
สาวัสจะเลิกจากอาชีพทีนําความเศร้ าหมองนีออกไปเสียจากตัวเอง ด้ วย
ดวงตาเห็นสัมมาทิฐิเริมเปิ ดทํางานแล้ วนันเอง
เทวดาบางองค์ปลืมในสัมมาสังกัปปะกรรม คือ การแสดงออก
ชัดเจนว่าจะทําอย่างไรกับชีวติ เมือคิดอะไรต่ออะไรได้ แล้ ว ต่อไปคือ
การลงมือทํา และในเวลานี สาวัส ได้ กระทําแล้ ว ซึง มรรค องค์ คือ
คิดได้ ตังใจว่าจะทํา และ พูดว่าจะทําแล้ ว
เทวดาทังหลายทีประสงค์บุญใหญ่ในอันที สาวัส จะก้ าวข้ ามเส้ น
บาปมาสู่เส้ นทางสายบุญแบบนี ย่อมมีอปุ สรรคต่างๆ นาๆ ทําให้ สัมมา
วายาโม คือ มรรค อันว่าด้ วยความพากเพียรทีจะข้ ามกิเลสไปได้ นนั
53
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑

อาจจะโยกคลอนอ่อนแอลงได้ เหล่าเทวดาประจําตัวเหล่านันจึงดําริที
จะเป็ นเทวดาผู้คอยให้ การสนับสนุนในเรืองทีทําได้ เพือให้ บุญบรรลุ
ผลสัมฤทธิให้ จงได้

54

You might also like