Professional Documents
Culture Documents
2
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
คํานํา ก่อนถึงความสําเร็จในการเรียนรู ้
ธรรมชาติของการเรียนรู้ทุกสรรพวิชาในโลก ผมได้ น้อมเอาคําสอนของ
บรมศาสดาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ครูเอกของโลกมาระลึกตรึกใช้
พระองค์สอนว่าจะทําสิงใดให้ สาํ เร็จ ต้ องประกอบด้ วยธรรม ประการ
และการเรียนรู้โหราศาสตร์แบบดวงขุมทรัพย์ ศาสตร์ทจะไม่ ี มีวนั เรียน
สําเร็จเลย หากไม่เข้ าถึง “ปรัชญา” และหลักคิดของวิชานี การเรียนรู้
แบบท่องจําเป็ นความสามารถของนกแก้ ว นกขุนทอง และเดรัจฉาน
ต่างๆ มิใช่ความสามารถของมนุษย์ผ้ มู ีสติปัญญาอ่านคิดและ
สร้ างสรรค์สงที
ิ ยังไม่มีให้ มีขึนได้
ฉันทะ มีความพึงพอใจในสิงทีทํา คุณจะมีความสุขทุก
ครังทีเรียนรู้ หากคุณไม่มีความสุขปรากฏในใจ คุณหยุดเรียนเสียดีกว่า
วิริยะ มีความพากเพียรก้ าวข้ ามอุปสรรค ทุกการฝึ กฝน ไม่
มีอะไรไม่เหนือย ไม่ยาก หากคุณคิดว่าคุณจะไม่ยอมให้ อะไรมากัน
ขวางระหว่างคุณและความสําเร็จแล้ ว จะก้ าวข้ ามอุปสรรคได้ ทงหมด
ั
จิตตะ มีความเอาใจใส่ จดจ่ออยู่กบั สิงทีเรียน ตามดูว่ามีสงิ
ทีต้ องเรียนรู้อะไรบ้ าง โครงสร้ างวิชาเป็ นอย่างไร ครูอาจารย์ มีสอน
เสริม มีบรรยาย มีเอสารอะไรใหม่ๆ เพิมเติมบ้ าง อันนี คือความเอาใจ
4
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
ใส่ไม่ทอดทิง ไม่ละทิงความฝันและความสําเร็จเพียงกลางทาง
วิมังสา คือการรู้จักวิเคราะห์ตามเหตุตามผลว่า อะไรคือเหตุ
ของความสําเร็จทีได้ มา อะไรเป็ นเหตุให้ ไม่สาํ เร็จ แล้ วเร่งแก้ ไขพัฒนา
ให้ เกิดความรู้ความเข้ าใจยิงๆ ขึนไป เป็ นคนทีไม่หยุดนิงกับสิงเก่าๆ
สิงเดิมๆ ทีสําเร็จมาแล้ วในอดีต
ชีวติ ตัวผมเองนัน เปรียบเหมือนหลุมดินหลุมโคลน ทีลึกมาก ดิน
โคลนทีไม่ได้ โดนแม้ แต่แสงแดดย่อมเหม็นสาบ ท่านครูโหราจารย์ และ
พระอาจารย์อกี สองรูป ได้ เติมบ่อนีด้ วยนําใส แต่ครูมิได้ แบกมิได้ หาม
นําใสนันมาทุ่มโยนลงในบ่ออันสกปรกนี หากแต่ได้ สอนวิธใี ห้ ศษิ ย์ร้ จู ัก
หานําใสไร้ มลทินมาเติมเต็มให้ บ่อนีไม่ขาดจากนํา โคลนทีก้ นก็เจือจาง
ไปกับนําใสจํานวนมหาศาลจนความขุ่นนัน เบาบางจางลงจนใส
ผู้ใดใคร่อยากได้ ความรู้ทดัี งนําในบ่อนี อย่ามาตักตวงเอาตรงๆ
เพราะมันจะหกหายเสีย หากไม่มีความรู้ว่าจะรักษามันไว้ ได้ อย่างไร
ควรยิงทีต้ องเรียนรู้ปรัชญาของหลักวิชาก่อน เพือทีจะได้ เก็บกักเอาสิงที
ได้ ไปนันไว้ กบั ตัวได้ อย่างแท้ จริง เป็ นด้ วยอํานาจของวิมังสา สิงทีได้ ไป
นัน หากเลียงดูด้วยความใฝ่ รู้ ความรู้นนๆ ั จะเติบโตขึนแบบไม่มีทสุี ด
มงกุฎ สิงหนันท์
โหรดวงขุมทรัพย์ ๑๙ (วยัตตะศกที ๕)
5
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
6
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
กําเนิดอรรถการ
จุดหนึงในโบราณเวลา ณ ริมชายป่ าอันร่มรืน มีกระท่อมทีสร้ าง
จากกิงไม้ และใบไม้ แห้ งแบบง่ายๆ กระจายตัวอยู่ทวบริ
ั เวณ นับพัน
หลัง กระท่อมเหล่านี ปลูกสร้ างเว้ นช่วงห่างๆ กันไป สถานทีนีเหล่า
นักเดินทางได้ ขนานนามตามจํานวนกระท่อมกิงไม้ จํานวนมากนีว่า
“พันอาศรม” อันหมายถึงกระท่อมพันหลังอันเป็ นทีอยู่ของเหล่า
นักบวช เหล่าฤๅษี และ เหล่าพระราชโอรส เจ้ าชายจากแคว้ นต่างๆ
มาพักอาศัยอยู่รวมกันเพือเป้ าหมายเดียวกัน
ทุกๆ เช้ า ภารกิจสําคัญของผู้คนเรือนหมืนมีเพียงหนึงเดียว คือ
การเตรียมตัวให้ พร้ อมสําหรับการมาถึงของผู้เล่าธรรม “อรรถ
7
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
ในคลองสายตาของผู้รอคอย เสือคลุมกายและกางเกงสีนาตาลเข้
ํ มเกือบ
ดําเพราะผ่านการย้ อมแล้ วย้ อมอีกตลอดเวลากว่า 20 ปี ก็ไม่ได้ ปรากฏ
ร่องรอยในทางเดินสู่อาศรมนันเช่นกัน เครืองแต่งกายของอรรถการแต่
ละคนนัน บ่งบอกถึงความยาวนานของการบวชเรียนในอาศรมของบรม
ครูเฒ่านี
ในแต่ละปี ก่อนเทศกาลศิวาราตรี เทศกาลแห่งการถือบวชบําเพ็ญ
พรตครังใหญ่จะมาถึง ครูเฒ่าและอรรถการทังหมดจะนําเอาผ้ าใช้ สอย
ไปย้ อมด้ วยนํายางไม้ จนสีของผ้ าใช้ สอยเหล่านันเข้ มขึนเรือยๆ ยิงบวช
มานานเท่าไหร่ สีของผ้ าก็เข้ มจนเกือบเป็ นสีดาํ สําหรับอรรถการ “วยัต
ตะพรามหณ์” นีก็อยู่ในระดับทีบวชมาได้ นานเป็ นลําดับ ในพัน
อาศรมนี นับจากท่านครูเฒ่าผู้มีอาวุโสสูงสุดเป็ นลําดับ ๑ ถัดมาก็เป็ น
“ศิรวิทย์พราหมณ์” ผู้อาวุโสมากกว่า “วยัตตะพราหมณ์” เพียงปี เดียว
เสียงกระดิงทองเหลืองเล็กๆ สองสามใบดังกรุ๊งกริงกังวานไพเราะ
มาจากลับมุมโค้ งทางเดิน ทุกสายตาทีเฝ้ ารอคอยในอาศรมที ล้ วน
เพ่งความสนใจระคนปนกับความดีใจไปทีต้ นทางของเสียงนัน แม้
เจ้ าของเสียงยังไม่ปรากฏตัวในสายตาของผู้พยายามมองเพ่งหา แต่ทุก
ดวงใจตรงนันรู้ดวี ่า ตลอดเวลา เดือนทีได้ มาเป็ นบัณฑิตผู้ศกึ ษารํา
เรียนในพันอาศรมนี เจ้ าของเสียงนีคืออรรถการผู้เดียวทีได้ เป็ นสะพาน
ถ่ายทอดความรู้ ความเข้ าใจในโลกนีและในโลกข้ างหน้ าทียังมาไม่ถงึ
10
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
17
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
18
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
ไปทันที
วยัตตะ นึกชมในใจสําหรับการพัฒนาความเข้ าใจของศิษย์คนนี
หากเขารุ่มร้ อนใจแล้ วพูดคําๆนีออกมา มันจะออกมาพร้ อมกิริยาเสียด
สี ร้ อนรน สะใจ หรือไม่กพ็ ูดแบบมีบทบาทให้ เล่นไป พูดไปตามบท
มิได้ ออกจากใจ แต่กบั จันนะ ไม่ใช่อย่างนัน จันนะพูดด้ วยกิริยาอิม
เอิบ สบายๆ พูดด้ วยรอยยิม พูดแบบคนทีเอาชนะความทุกข์ ย้ ายข้ าง
หัวใจมาเป็ นความสุขได้ ใหม่ๆ มันแสนภาคภูมิ และมีรางวัลเป็ นความ
อิมใจ สงบใจนันเอง
วยัตตะ เลือกทีจะไม่ตอบโต้ อะไรต่อ เพราะอีก คนนัน ดู
เหมือนใคร่ร้ กู นั เต็มที จึงกล่าวขึนเรียบๆ ว่า
“เช้ านี มีใครบูชาองค์พระพิฆเณศ หรือยัง วันนีเรามาช้ า มีใคร
ปฏิบัตดิ ้ วยตนเองหรือไม่”
ท่ามกลางความเงียบครู่หนึง มืออันอ้ วนท้ วนของ สาวัส ก็ยกขึนช้ า
เหมือนจะเกรงใจเพือนๆ ทีดูซ้ายดูขวาไม่เห็นมีใครยกมือเหมือนตัวเอง
“ผมได้ ทาํ ครับ ผมตืนแต่เช้ ามารดนําผักทีแปลง แล้ วก็ทาํ กาเนชา
ปูชา และ สุริยะสวัสดิ ครับ แต่ผมไม่ได้ ล้างมือครับ ไม่ได้ อาบนํา ยัง
ไม่ได้ บ้วนปาก ผมทําผิดมัยครับ ผมกําลังจับดินทีแปลงผักพอดีพระ
อาทิตย์ขึน เลยทําปูชาเลย” สาวัสถามเสียงอ่อยๆ
23
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
สมบูรณ์
การบูชาของเจ้ า หากยังต้ องการบูชาเพิม ทําให้ ดียงๆ
ิ ขึนไปอีก
นันเป็ นความปรารถนาทีจะพัฒนาทําให้ ดขี ึนๆ ยิงขึนไปอีก เป็ นคนละ
เรืองกับความสมบูรณ์นะ ถ้ าเราทําปูชาแล้ ว รู้สกึ ขาดๆ รู้สกึ ผิดเพราะ
ขันตอนสลับไปสลับมาก็ดี ข้ าวของทีเตรียมไม่ครบทังๆ ทีหาได้ มากกว่า
นัน หาได้ ดีกว่านัน กระทําจบไปแล้ ว ยังรู้สกึ ไม่สบายใจ อย่างนีคือการ
ปูชาทีไม่สมบูรณ์ ผลลัพธ์คอื เราไม่สบายใจ เพราะเรารู้ดีอยู่ว่าเราทํา
อะไรได้ แค่ไหน แต่เราไม่ได้ ทาํ มันออกมา ”
“แล้ วเจ้ ารู้สกึ ไม่สบายใจหรือเปล่าล่ะตอนนี” วยัตตะจบท้ ายด้ วย
คําถาม
“รู้สกึ ดีทได้
ี ทาํ ครับอาจารย์ รู้สกึ ว่าพระสุริยะเทพอวยพรให้ ผม
ครับ” สาวัสตอบกลับพร้ อมกับรอยยิมขนาดใหญ่
“การเป็ นบัณฑิตผู้ร้ ู ต้ องไม่ดูถูกบุญกุศล ถ้ าพวกเจ้ าไม่มีบุญกุศล
เจ้ าคงเกิดท่ามกลาง กาม หมายถึงเป็ นลูกของคนต่างวรรณะทีไม่
สามารถสะกดกําหนดกามไว้ ได้ ลูกทีเกิดมาเป็ นจัณฑาล เจ้ าจะไม่ได้ มา
เรียนรู้ เจ้ าจะไม่ได้ มาอยู่กนิ แบบสงบแบบนี ราชบุรษุ จะผลักไสเจ้ า
ไปสู่ความเดือดร้ อนกายใจ
การทีเป็ นผู้ทได้
ี รับโอกาสทีดี ต้ องมีความอ่อนน้ อม ผู้ทปีี นสูงที
25
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
29
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
31
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
32
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
33
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
ศิ ลาพยากรณ์
เช้ าวันรุ่งขึนดวงตาทังสิบของคน คน ยังจับจ้ องไปทีโค้ งทางเดิน
ทีเต็มไปด้ วยพุ่มดอกเฟื องฟ้ ามีชมพูอมแดงสดสวยงาม ในมือของศิษย์
ทัง คนนันพร้ อมเตรียมพร้ อมแล้ วซึงอุปกรณ์ทอาจารย์
ี สงไว้
ั เมือวาน
ว่าให้ เก็บหินมาจากริมแม่นายมุ ํ นามาคนละ ก้ อน เอาเฉพาะก้ อนที
แปลกๆ ก้ อนทีคิดว่าไม่เหมือนก้ อนอืนๆ ขณะนี ในมือบ้ าง วางอยู่
ตรงหน้ าบ้ าง ทุกคนมีหินครบ และ ดูเหมือนการเรียนรู้วนั นีจะน่าสนใจ
เรียกเอาความตืนเต้ นจากศิษย์หนุ่มทัง ได้ ไม่น้อย
“สุวสั เจ้ าว่าท่านอาจารย์จะเอาหินนีไปทําอะไร ข้ าว่า อาจารย์
น่าจะเห็นว่าเราเหมาะสมเรียนเพลงยุทธ เพลงอาวุธ หรือเปล่า ประเภท
ปามีด ปาหากอะไรแบบนัน ได้ ยินว่าทีสํานักทางเหนือพราหมณ์ทนัี น
สอนเพลงอาวุธให้ ด้วยนา”
สาวัสพีชายกําลังใช้ ความคิดรีดเอาจินตนาการส่วนตัวออกมา เพือ
เดาใจท่านอาจารย์ว่าหิน ก้ อนตรงหน้ านี เอามาทําอะไร ปากพูดถาม
สุวสั น้ องชายผู้ทบึ ปั ญญาไปพลาง ตาก็จ้องหินแปลกๆ ของตัวเองไป
พลาง บางก้ อนมีสเี ขียวเหมือนจะเป็ นหินมรกตมีค่า แต่กไ็ ม่สามารถ
ตัดสินใจลงไปได้ ว่าเป็ นอะไร เพราะตลอดชีวติ ไม่มีความรู้เรืองอัญมณี
34
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
ศาสตร์เลย
“ไม่ร้ เู หมือนกันท่านพี ข้ าว่า เอามาเป็ นเครืองเล่นเกม หรือ นับ
เวลาสวดมนต์มัง สวดหนึงรอบ ก็หยิบมาหนึงอัน”
สาวัสตอบพลางหัวเราะชอบใจ เพราะตัวเองนัน เวลาสวดมนต์
เมือไหร่มันจะนับหลงนับพลาดเสียทุกที ถ้ าไม่ได้ ประคําทีคอช่วยนับ
เป็ นนับผิดทุกครังไป
“พวกเจ้ าเงียบได้ แล้ วน่า ได้ ยินอะไรมัยนัน” อภิเชษออกเสียงกํา
หราบน้ องๆ ทีเริมจะทําลายความสงบก่อนการศึกษา สายตามองไปที
โค้ งทางเดิน โสตประสาทเปิ ดรับเสียงทีคุ้นเคย เสียงกระดิงระฆัง
ทองเหลืองทีหัวไม้ เท้ าของท่านอาจารย์วยัตตะอรรถการประจําอาศรมที
นันเอง
เพียงชัวครู่ ทังอาจารย์และศิษย์กพ็ ร้ อมทีจะรับถ่ายทอดความรู้
ทังๆ ทีไม่ร้ วู ่าวันนี จะเรียนจะสอนอะไร สิงนี สร้ างความอึดอัดใจให้ กบั
ชัยมิตรมากทีสุด เพราะชัยมิตรกําลังเดา และ กําลังจิตนาการตามไปกับ
คําพูดของสาวัสเมือสักครู่ว่า อาจารย์จะสอนเพลงอาวุธประเภทปามีด
ปาดาบ ซึงตรงกับใจดําของตัวเองทีต้ องเสียพ่อ และ เสียทุกอย่างเพราะ
อาวุธ
อาจารย์วยัตตะยังไม่เฉลยว่าวันนีจะทําอะไร เอาแต่นงยิ
ั มมองหน้ า
35
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
36
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
37
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
ละคนรวมกันได้ ก้ อน จากนันเขาเอามือของตัวเองความกวนลงไป
ในถาดเพือให้ หินแต่ละก้ อนสลับตําแหน่งของตัวเอง เพือให้ ตาํ แหน่งที
อยู่ใกล้ กนั ในตอนแรก ถูกสลับเปลียนมัวไปหมด
“เรียบร้ อยแล้ วครับอาจารย์ ทําอย่างไรต่อครับ” อภิเชษถาม
“เอาล่ะ ให้ พวกเจ้ านึกถึงภาพของหินทีเจ้ าเพ่งจดจําเมือสักครู่
อภิเชษ เจ้ านึกภาพนันออกมัย” วยัตตะถามอภิเชษ พีใหญ่ทนัี งใกล้ สดุ
ในขณะนัน
“ครับ ผมกําลังมองเห็นภาพหินก้ อนนันในใจ ถ้ าให้ ผมชีว่าก้ อน
ไหนจากในถาดนี ผมก็ยังชีและหยิบขึนมาได้ ถูกเลยครับอาจารย์” อภิ
เชษตอบระคนกับอารมณ์ภมู ิใจในความจําของตนทียังแจ่มชัดอยู่เพิงจะ
เพ่งจํา
“ทุกคนก็จาํ หินของตัวเองได้ ใช่มัย” วยัตตะถามเน้ นยําอีกครัง
หนึง
“เอาล่ะ ต่อไปให้ พวกเจ้ า นําเอาภาพของสิงทีข้ าจะพูดนี ไป
ประกบติดกับภาพหินในใจเจ้ า อภิเชษ ให้ เจ้ าคิดถึง เปลวไฟทีร้ อนแรง
เอาภาพเปลวไฟกับหินของเจ้ าไปประกบเข้ าด้ วยกันในใจ เห็น
ภาพมัย” วยัตตะถามรุกเข้ าไปหาผลลัพธ์
“เห็นครับอาจารย์ หินของผมเป็ นสีม่วง ตอนนีติดไฟแล้ วครับ
38
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
39
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
41
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
อย่างรวดเร็ว
“ถ้ าหินก้ อนนี หมายถึงภูเขาสูง หมายถึงภูผาขนาดใหญ่เทียมฟ้ า
ภูเขาทียิงใหญ่ ไม่เคลือนทีไปไหน การทีท่านพ่อจะมาหาศิษย์กค็ งไม่
น่าจะใช่ การทีศิษย์จะไปก็ไปไม่ได้ ตามกฎของอาศรมห้ ามกลับบ้ าน
ภูเขาสูงเป็ นทีอยู่ของต้ นไม้ เป็ นทีอยู่ของสัตว์ และ เป็ นจุดเริมต้ น
ของสายนําทังหลาย เป็ นทีๆ เอือเฟื อแก่สรรพชีวิต เป็ นแหล่งเดินทาง
ของโยคีและฤาษีผ้ ูแสวงบุญ อืม จะเป็ นเรืองอะไรน้ า” วัสสาครุ่นคิด
ฉับพลันทีกําลังใช้ ความคิด กําลังเพ่งความสนใจไปกับโจทย์เป้ า
หมายถึงเนือหาในกระบอกจดหมาย ภาพๆ หนึงก็ปรากฏขึนในใจ ที
ชะง่อนผาด้ านหนึงของภูเขาในความคิดนัน สาวัสมองเห็นถําเล็กๆ ทีมี
สมบัตอิ ยู่ด้านในมากมาย จิตของสาวัสเวลานี กําลังสงสัยว่าใครเป็ น
เจ้ าของถําและสมบัตเิ หล่านี แต่เมือพยายามคิดหาคําตอบ ก็ตือตัน คิด
ไม่ออกว่าเป็ นอะไร ในใจของสาวัส เปรียบเทียบภาพต่างๆ ทีปรากฏ
ขึนตังแต่เริมต้ นพิจารณาเชือมโยงก้ อนหินทีมีภาพของภูเขาสูงติดมา
ด้ วย เขาเห็นภาพสัตว์ เขาเห็นภาพต้ นไม้ สงู เข้ าเห็นภาพของสายนํา
เล็กๆ และช่วงท้ ายเขาเห็นภาพของถําทีมีสมบัติ สาวัสถามตัวเองว่า
อันไหนชัดเจนมากจนใจเขาอยากจะเชือว่าจริง สาวัสพบว่า ภาพของถํา
สมบัตชิ ัดเจนทีสุด แต่เขาไม่สามารถหาคําตอบลึกไปกว่านีได้ อีกแล้ ว จึง
ตัดสินใจลืมตาขึนมา พร้ อมกับความรู้สกึ เหนือยๆ เพลียๆ นิดๆ เป็ น
42
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
44
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
46
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
49
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
50
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
52
วยัตตอรรถการ สัตตะจักรา ๑
อาจจะโยกคลอนอ่อนแอลงได้ เหล่าเทวดาประจําตัวเหล่านันจึงดําริที
จะเป็ นเทวดาผู้คอยให้ การสนับสนุนในเรืองทีทําได้ เพือให้ บุญบรรลุ
ผลสัมฤทธิให้ จงได้
54