Professional Documents
Culture Documents
Thai General Construction Specification
Thai General Construction Specification
โครงการออกแบบอาคารเรียนอเนกประสงค์และปฏิบตั ิ การ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
ตาบลท่างิ้ว อาเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
สารบัญ
หน้า
สารบัญ Ii
บทนา v
รายการทัวไป่ vi
เงื่อนไขและข้อบังคับทัวไป
่
หมวดที่ 1 คาจากัดความ 1
หมวดที่ 2 บุคลากรในการก่อสร้างและอานาจหน้าทีค่ วามรับผิดชอบ 3
หมวดที่ 3 การประสานงาน 6
หมวดที่ 4 การเตรียมสถานที่ 7
หมวดที่ 5 การเตรียมวัสดุ – อุปกรณ์ 14
หมวดที่ 6 แผนการดาเนินงาน และการรายงานผลงานก่อสร้างและระบบความปลอดภัย 15
หมวดที่ 7 แบบ วัสดุ และการขออนุมตั ิ 23
หมวดที่ 8 การดาเนินงาน 36
หมวดที่ 9 มาตรฐาน และการอ้างอิง 39
หมวดที่ 10 การตรวจงานและควบคุมงาน 41
หมวดที่ 11 การรักษาสิง่ แวดล้อม และความปลอดภัย 42
หมวดที่ 12 การส่งมอบงาน 59
งานวิศวกรรมโครงสร้าง
หมวดที่ 13 งานดินขุด ดินถม และปรับระดับดินเดิม 61
หมวดที่ 14 งานเสาเข็ม 64
หมวดที่ 15 งานเสริมโครงสร้างยึดรัง้ ให้กบั ฐานรากของอาคารทีต่ งั ้ อยู่บนหน้าผาหินไหล่เขาและบน 75
ภูหมวดที
เขา ่ 16 งานแบบหล่อ 77
หมวดที่ 17 งานเหล็กเสริมคอนกรีต 81
หมวดที่ 18 งานเหล็กรูปพรรณ 88
หมวดที่ 19 งานคอนกรีต 90
หมวดที่ 20 งานพืน้ คอนกรีตสาเร็จรูป 101
หมวดที่ 21 งานพืน้ แผ่นเหล็กสาเร็จรูป (Structural decking) 102
หมวดที่ 22 งานผนังคอนกรีตสาเร็จรูป 103
หมวดที่ 23 งานระบบ POST TENSION 106
หมวดที่ 24 งานไม้ 113
หมวดที่ 25 งานป้องกันและกาจัดปลวก 123
หมวดที่ 26 งานก่อสร้างถนนและทีจ่ อดรถ 128
สารบัญ
งานสถาปตั ยกรรม หน้า
หมวดที่ 27 งานพืน้ 142
หมวดที่ 28 งานผนัง 167
หมวดที่ 29 งานแผงอลูมเิ นียมกันแดดชนิดอบสีสาเร็จรูป 194
หมวดที่ 30 งานหลังคา 196
หมวดที่ 31 งานฉนวนป้องกันความร้อน 199
หมวดที่ 32 งานฝ้าเพดาน 201
หมวดที่ 33 งานบันได 208
หมวดที่ 34 งานประตู – หน้าต่าง 209
หมวดที่ 35 งานกระจก 224
หมวดที่ 36 งานลูกบิดและลูกกุญแจ 229
หมวดที่ 37 งานสุขภัณฑ์ 231
หมวดที่ 38 งานผนังห้องน้าสาเร็จรูป 243
หมวดที่ 39 งานสี 245
หมวดที่ 40 งานระบบกันซึม 253
หมวดที่ 41 งานแผ่น ALUMINIUM COMPOSITE 259
หมวดที่ 42 งานระบบป้องกันความร้อนสาหรับอาคาร 264
หมวดที่ 43 งานป้าย - เครื่องหมายทัวไป
่ 269
หมวดที่ 44 งานเครื่องหมายอุปกรณ์จราจร 270
หมวดที่ 45 งานเครื่องหมายหนีไฟ - ดับเพลิง 280
หมวดที่ 46 สิง่ อานวยความสะดวกในอาคารสาหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพและคนชรา 283
หมวดที่ 47 งานสลิง สเตนเลส ราวกันตก 290
หมวดที่ 48 งานอุปกรณ์ยดึ กระจก 292
หมวดที่ 49 งานระบบป้องกันความร้อนชืน้ 294
หมวดที่ 50 งานวัสดุกนั ไฟและควัน 296
หมวดที่ 51 งานฉนวนซีเมนต์ป้องกันไฟโครงเหล็ก 298
หมวดที่ 52 งานสีป้องกันไฟ 300
หมวดที่ 53 ยางยาแนว 303
งานผังบริเวณ
หมวดที่ 54 งานผังบริเวณและงานดินถม 307
ั
หมวดที่ 55 งานภูมสิ ถาปตยกรรม 309
งานระบบประปา และสุขาภิบาล และระบบดับเพลิง
หมวดที่ 56 รายการทัวไป่ 322
สารบัญ
หน้า
หมวดที่ 57 ระบบประปา 326
หมวดที่ 58 ระบบระบายน้าฝนและระบบระบายน้าทิง้ 333
หมวดที่ 59 ระบบบาบัดน้าเสีย 335
หมวดที่ 60 ระบบกาจัดขยะ 336
หมวดที่ 61 ระบบน้าร้อน 337
หมวดที่ 62 ข้อกาหนดทัวไป ่ 339
หมวดที่ 63 เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน 340
หมวดที่ 64 ท่อน้า 345
หมวดที่ 65 ระบบไฟฟ้า 350
หมวดที่ 66 หม้อแปลงไฟฟ้า 366
หมวดที่ 67 เครื่องกำเนิดไฟฟ้ำ 371
หมวดที่ 68 ตูส้ วิตซ์อตั โนมัตเิ มน 377
หมวดที่ 69 ระบบป้องกันฟ้าผ่า 387
หมวดที่ 70 ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ 392
หมวดที่ 71 ระบบโทรศัพท์และระบบสือ่ สารภายใน 409
หมวดที่ 72 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 414
หมวดที่ 73 เครื่องสารองไฟฟ้าฉุกเฉิน 423
หมวดที่ 74 ระบบเสียง 428
หมวดที่ 75 ระบบเสาอากาศวิทยุ โทรทัศน์รวม 430
หมวดที่ 76 ระบบโทรทัศน์วงจรปิ ด 434
หมวดที่ 77 ระบบควบคุมการเข้าออก 439
หมวดที่ 78 ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ 442
หมวดที่ 79 ระบบอุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ 451
หมวดที่ 80 ระบบชุดกุญแจอัจฉริยะ 453
หมวดที่ 81 ระบบลิฟต์โดยสาร 457
หมวดที่ 82 ระบบดับเพลิง 462
หมวดที่ 83 ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ 467
หมวดที่ 84 การอุดช่องเพื่อป้องกันไฟลามงาน 470
หมวดที่ 85 ระบบมาตรการป้องกันและควบคุมอุบตั เิ หตุ 471
ภาคผนวกเอกสาร
ภาคผนวก ก. รายการวัสดุเทียบเท่าตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 485
ภาคผนวก ข. ตัวอย่างมาตรฐานวัสดุอุปกรณ์ 492
PMC CODE : 002_2016 โครงการออกแบบอาคารเรียนอเนกประสงค์และปฏิ บตั ิ การวิ ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิ ทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
v
บทนา
รายการทัวไป
่
เงื่อนไขและข้อบังคับทัวไป
่
หมวดที่ 1
คาจากัดความ
1
กําหนดความหมายและหน้าทีก่ รรมการตรวจการจ้างเป็นไปตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และฉบับแก้ไข
เพิม่ เติม
2
กําหนดความหมายและหน้าทีผ่ คู้ วบคุมงานเป็ นไปตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และฉบับแก้ไขเพิม่ เติม
และหรือตามสัญญาจ้างควบคุมงานกําหนดไว้
จบหมวดที่ 1
หมวดที่ 2
บุคลากรในการก่อสร้างและอานาจหน้ าที่ความรับผิดชอบ
1. บุคลากรและขอบเขตของงาน
บุคลากรในการก่อสร้างสําหรับโครงการนี้ ครอบคลุมถึงบุคลากรในส่วนต่างๆ ดังนี้
1.1 ผูว้ ่าจ้าง
1.2 ผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้าง/ผูค้ วบคุมงาน
1.3 ผูอ้ อกแบบ/สถาปนิก/วิศวกร
1.4 ผูร้ บั จ้าง
2. อํานาจหน้าทีแ่ ละความรับผิดชอบ
2.1 ผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้าง/ผูค้ วบคุมงาน
มีหน้าทีค่ วบคุมและตรวจงาน ทําการทดสอบ และวิเคราะห์ผลการทํางานของผูร้ บั จ้าง
2.1.1 ผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้าง/ผูค้ วบคุมงาน มีอาํ นาจออกคําสัง่ คําแนะนํา เป็ นลายลักษณ์อกั ษร โดยถือว่าเป็ นข้อ
ผูกมัดผูร้ บั จ้าง เหมือนคําสังของผู่ ว้ ่าจ้างเอง
2.1.2 ผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้าง/ผูค้ วบคุมงาน ไม่มอี าํ นาจทีจ่ ะยกเว้นความรับผิดชอบใดๆ ของผูร้ บั จ้างตามสัญญา
และไม่มอี าํ นาจเกีย่ วกับการเพิม่ ราคาค่าก่อสร้างหรือทําให้งานเปลีย่ นรูปไป
2.1.3 การทีผ่ แู้ ทนผูว้ ่าจ้าง/ผูค้ วบคุมงาน ไม่ได้คดั ค้านการทํางานใดๆ ทีผ่ รู้ บั จ้างกระทําไปโดยพลการ ไม่
อาจลบล้างอํานาจของผูว้ ่าจ้างหรือผูอ้ อกแบบ/สถาปนิก/วิศวกรทีจ่ ะไม่เห็นชอบกับงานหรือสิง่ ของ
นัน้ ๆ ได้
2.2 ผูอ้ อกแบบ/สถาปนิก/วิศวกร
2.2.1 ผูอ้ อกแบบ/สถาปนิก/วิศวกร มีอาํ นาจทีจ่ ะออกคําสังเพิ ่ ม่ เติมในระหว่างงานกําลังดําเนินอยู่ เมื่อ
ผูอ้ อกแบบ/สถาปนิก/วิศวกร เห็นสมควร เช่น วิธกี ารใช้วสั ดุทถ่ี กู ต้อง หรือการดําเนินงานส่วนใดควร
จะทําก่อนหรือหลัง เพื่อมิให้เกิดความเสียหายกับงานส่วนอื่นๆ (ทัง้ นี้ไม่หมายถึงการทําให้ราคา
เพิม่ ขึน้ หรือลดลง)ในขณะก่อสร้างหรือภายหลังได้ ผูร้ บั จ้างจะต้องทําตามและยอมรับคําสังนั ่ น้ ๆ
ในขณะก่อสร้าง
2.2.2 ผูอ้ อกแบบ/สถาปนิก/วิศวกร มีอาํ นาจทีจ่ ะสังเป็ ่ นลายลักษณ์อกั ษรให้
(1) รือ้ ถอนวัสดุ สิง่ ของใดๆ ก็ตามทีเ่ ห็นว่าไม่เป็ นไปตามทีร่ ะบุไว้ในรูปแบบและสัญญาออกจาก
บริเวณสถานทีก่ ่อสร้าง
(2) เปลีย่ นวัสดุสงิ่ ของทีถ่ ูกต้องมาแทน
(3) รือ้ ถอนงานใดๆ ทีฝ่ ีมอื การทํางาน หรือวัสดุสงิ่ ของทีใ่ ช้ไม่เป็ นไปตามรูปแบบรายการและ
สัญญาแล้วให้สร้างใหม่ ในกรณีทผ่ี รู้ บั จ้างไม่ปฏิบตั ติ ามคําสังดั ่ งกล่าว ผูว้ ่าจ้างมีสทิ ธิที์ จ่ ะ
ว่าจ้างผูอ้ ่นื มาปฏิบตั ติ ามคําสังนั
่ น้ ตามคําแนะนําของผูค้ วบคุมงาน โดยผูร้ บั จ้างต้องเสีย
ค่าใช้จ่ายทัง้ หมด และยอมให้ผวู้ า่ จ้างหักเงินทีจ่ า่ ยให้กบั ผูร้ บั จ้างมาชดเชยการนี้
2.2.3 ผูอ้ อกแบบ/สถาปนิก/วิศวกร หรือผูใ้ ดทีไ่ ด้รบั มอบอํานาจจากผูว้ า่ จ้างมีสทิ ธิจะเข้ ์ าไปในบริเวณงาน
หน่วยงาน โรงงาน และทุกๆ แห่งทีม่ กี ารเตรียมงาน หรือแหล่งผลิต เก็บรักษา วัสดุสงิ่ ของทีจ่ ะ
นํามาใช้ในการก่อสร้าง ผูร้ บั จ้างมีหน้าทีค่ อยให้ความสะดวกในการนําไปใช้ในสถานทีต่ ่างๆ เหล่านัน้
จบหมวดที่ 2
หมวดที่ 3
การประสานงาน
1. การให้ความร่วมมือต่อผูค้ วบคุมงานและวิศวกร
ผูร้ บั จ้างต้องให้ความร่วมมือต่อผูค้ วบคุมงาน และวิศวกรในการทํางานตรวจสอบ วัด เทียบ จัดทําตัวอย่าง
และอื่นๆ ตามควรแก่กรณี
2. การประชุมโครงการ
ผูร้ บั จ้างต้องเข้าร่วมประชุมโครงการ และประชุมในหน่วยงานซึง่ จัดให้มขี น้ึ เป็ นระยะๆ ซึง่ ตัวแทนผูร้ บั จ้างและ
ผูเ้ ข้าร่วมประชุมต้องมีอาํ นาจในการตัดสินใจสังการและทราบรายละเอี
่ ยดของโครงการและการสังการของผู
่ ว้ า่ จ้างได้
เป็ นอย่างดี
3. การประสานงานด้านสาธารณูปโภค
ผูร้ บั จ้างต้องเป็ นผูจ้ ดั หานํ้าประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ ฯลฯ ซึง่ เกีย่ วพันกับระบบงานในความรับผิดชอบของผูร้ บั จ้าง
สําหรับใช้ในการก่อสร้าง
3.1 ผูร้ บั จ้างต้องประสานงานกับผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้างเกีย่ วกับค่าใช้จ่ายทีเ่ กิดขึน้ ระหว่างการก่อสร้าง ซึง่ อยู่ในความ
รับผิดชอบของผูร้ บั จ้าง
3.2 ผูร้ บั จ้างต้องรวบรวมข้อมูลเกีย่ วกับปริมาณ ขนาด และรายละเอียดอื่นๆ ทีจ่ าํ เป็ น และดําเนินการติดต่อกับ
หน่วยงานต่างๆ ของรัฐ หรือเอกชน ในการขออนุมตั ใิ ช้บริการดังกล่าว
4. การประสานงานในด้านมัณฑนาการ
หากพืน้ ทีใ่ ดของอาคารทีเ่ กีย่ วข้องกับการตกแต่ง ทัง้ ทีร่ ะบุไว้ในแบบก่อสร้าง หรือทราบว่าจะมีการตกแต่งใน
ภายหลัง ผูร้ บั จ้างต้องประสานงานกับสถาปนิก และมัณฑนากรโดยใกล้ชดิ ตามทีผ่ คู้ วบคุมงานร้องขอ
5. การรักษาความสะอาด
ผูร้ บั จ้างต้องขนขยะมูลฝอย เศษวัสดุ และสิง่ ของเหลือใช้ ออกจากพืน้ ทีป่ ฏิบตั งิ านทุกวัน โดยนําไปทิง้ รวมกันใน
บริเวณส่วนกลางทีจ่ ดั ไว้ให้ ถ้ามิได้กาํ หนดไว้เป็ นอย่างอื่น ผูร้ บั จ้างต้องร่วมเป็ นผูอ้ อกค่าใช้จ่ายในการกําจัดขยะมูล
ฝอยต่างๆ ออกจากบริเวณโครงการ
6. การรักษาความปลอดภัย
ผูร้ บั จ้างต้องรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยด้านต่างๆ ภายในสถานทีก่ ่อสร้าง
7. การติดต่อหน่วยงานรัฐและค่าธรรมเนียม
ถ้ามิได้กาํ หนดไว้เป็ นอย่างอื่น ผูร้ บั จ้างต้องมีหน้าทีเ่ ป็ นผูต้ ดิ ต่อประสานงานกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน เรื่อง
การทดสอบวัสดุ-อุปกรณ์ หรือการทดสอบระบบต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึง่ ความสมบูรณ์ของงานและระบบประกอบ
อาคารนัน้ โดยค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการติดต่อดําเนินงานรวมถึงค่าธรรมเนียมทีเ่ รียกเก็บเป็ นความรับผิดชอบของผู้
รับจ้างทัง้ สิน้
จบหมวดที่ 3
หมวดที่ 4
การเตรียมสถานที่
หมายเหตุ
(1) แผ่นป้ายเป็ นแผ่น STICKER พิมพ์ดว้ ย INK JET ปิ ดบนแผ่นพลาสติกลูกฟูก (Polypropylene Corrugated Board
หนาไม่น้อยกว่า 3 มม.) โดยแผ่นป้ายดังกล่าวจะติดตัง้ ทับบนแผ่นไม้อดั หนา 6 มม. ซึง่ ทาสีดา้ นหลัง
(2) ขนาดตัวอักษร ชื่อหน่วยงานเจ้าของโครงการ สูง 8-10 ซม. สถานทีต่ ดิ ต่อ สูง 3-5 ซม. รายละเอียดข้อความ สูง 2-5
ซม. และข้อความท้ายป้าย สูง 5-10 ซม. รูปแบบตัวอักษร PSL Natrinthorn, PSL Text Regular หรือ EAC Paetai
Regular
(3) สีของป้ายและตัวอักษร ให้ขออนุมตั จิ ากผูว้ ่าจ้างก่อนการดําเนินการติดตัง้
ภาพประกอบ
จบหมวดที่ 4
หมวดที่ 5
การเตรียมวัสดุ – อุปกรณ์
จบหมวดที่ 5
หมวดที่ 6
แผนการดาเนิ นงาน การรายงานผลงานก่อสร้างและระบบความปลอดภัย
4. แผนการทํางานล่วงหน้า
ผูร้ บั จ้างต้องจัดทําแผนการทํางาน และรายละเอียดของงานเสนอต่อผูค้ วบคุมงานเพื่อประกอบการขออนุมตั ทิ าํ งาน
ล่วงหน้าดังต่อไปนี้
4.1 แผนการทํางานล่วงหน้ารายวัน (DAILY REQUEST) ประกอบด้วย
(1) ตําแหน่งและปริมาณงานก่อสร้างในวันถัดไป
(2) จํานวนบุคลากรและแรงงานทีเ่ ข้าปฏิบตั งิ านในวันถัดไป
(3) ปริมาณเครื่องจักร วัสดุ และอุปกรณ์ทใ่ี ช้ปฏิบตั งิ านในวันถัดไป
โดยจัดส่งให้ผคู้ วบคุมงานล่วงหน้าก่อนการดําเนินงาน 1 วัน หรือตามทีผ่ คู้ วบคุมงานกําหนดให้
4.2 แผนการทํางานล่วงหน้ารายสัปดาห์ (WEEKLY REQUEST) ประกอบด้วย
(1) ตําแหน่งและปริมาณงานก่อสร้างพร้อมเวลาแล้วเสร็จของงานในรอบสัปดาห์ถดั ไป
(2) จํานวนบุคลากรและแรงงานทีเ่ ข้าปฏิบตั งิ านในรอบสัปดาห์ถดั ไป
(3) ปริมาณเครื่องจักร วัสดุ และอุปกรณ์ทใ่ี ช้ปฏิบตั งิ านในรอบสัปดาห์ถดั ไป
โดยจัดส่งให้ผคู้ วบคุมงานภายในวันสุดท้ายของแต่ละสัปดาห์ หรือตามทีผ่ คู้ วบคุมงานกําหนดให้
4.3 แผนการนําเครื่องจักร วัสดุ และอุปกรณ์เข้าหน่วยงาน (MATERIALS DELIVERY)
ผูร้ บั จ้างต้องแสดงชนิด ปริมาณ และกําหนดการนําเข้าของเครื่องจักร วัสดุ หรืออุปกรณ์ โดยจัดส่งให้ผู้
ควบคุมงานล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน เพื่อทีผ่ คู้ วบคุมงานจะสามารถประสานงานกับผูว้ ่าจ้างในกรณีทก่ี าร
นําเข้านัน้ มีผลกระทบกับบุคคลอื่นๆ เช่น กีดขวางถนน หรือต้องปิ ดการจราจรชัวคราว ่ เป็ นต้น
4.4 แผนการทํางานนอกเวลาทําการปกติ (OVERTIME REQUEST)
หากผูร้ บั จ้างมีความประสงค์ทจ่ี ะทํางานในช่วงเวลาทํางานทีเ่ กินเวลา 8 ชัวโมง่ ในวันทํางานปกติ (วันจันทร์
ถึงวันเสาร์) และทํางานล่วงเวลาในวันอาทิตย์ วันนักขัตฤกษ์ หรือวันทีท่ างราชการกําหนดให้เป็น
วันหยุดราชการ ผูร้ บั จ้างต้องแจ้งให้ผคู้ วบคุมงานทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน โดยแสดงรายละเอียด
ปริมาณงาน และตําแหน่งของงาน เพื่อขออนุมตั ทิ าํ งานล่วงเวลา ผูค้ วบคุมงานจะพิจารณาอนุมตั ติ ามความ
เหมาะสม ในกรณีทก่ี ารทํางานนัน้ จําเป็ นต้องมีผคู้ วบคุมงานอยู่ควบคุม ผูร้ บั จ้างต้องเป็ นผูร้ บั ภาระออก
ค่าใช้จ่ายในการทํางานล่วงเวลาของผูค้ วบคุมงาน
5. การรายงานความก้าวหน้าของงาน
5.1 ผูร้ บั จ้างต้องบันทึกรายละเอียดต่างๆ ของงานทีท่ าํ และเหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ในแต่ละวัน สรุปเป็ นรายงานนําส่ง
ให้ผคู้ วบคุมงาน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
5.1.1 ปริมาณงานและตําแหน่งงานทีป่ ฏิบตั จิ ริง และผลการดําเนินงาน หมายรวมถึง
(1) งานทีแ่ ก้ไขเปลีย่ นแปลงตามทีผ่ วู้ ่าจ้างหรือผูค้ วบคุมงานสังดํ
่ าเนินการ
(2) การปฏิบตั งิ านนอกเวลาการทํางานปกติ
(3) การปฏิบตั งิ านฉุกเฉิน และ/หรือเฉพาะกิจ
(4) การเชื่อมต่อ หรือตัด หรือเลิกใช้ สาธารณูปโภค หรือส่วนบริการอื่นๆ
(5) การทดลอง ทดสอบ ระบบ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้
(6) การแก้ไขรายละเอียด ส่วนงานทีย่ งั ไม่เรียบร้อย เพื่อการมอบงาน
(7) การนําเข้าเครื่องจักร วัสดุ หรืออุปกรณ์
(8) การหยุดงาน และสาเหตุ
5.1.2 อุบตั เิ หตุ (จํานวนครัง้ ลักษณะ และการดําเนินการ)
5.1.3 จํานวนบุคลากรและแรงงานทีป่ ฏิบตั งิ าน
1.ระบบความปลอดภัย
ผูร้ บั จ้างอย่างน้อยต้องดําเนินการจัดระบบความปลอดภัยนอกเหนือจากทีน่ ําเสนอดังนี้
1. การป้องกันการบุกรุกทีข่ า้ งเคียง
ผูร้ บั จ้างต้องจํากัดขอบเขตการก่อสร้าง และต้องป้องกันดูแลมิให้ลกู จ้างของตนบุกรุกทีข่ า้ งเคียงของผูอ้ ่นื โดย
เด็ดขาด ผูร้ บั จ้างต้องเป็ นผูอ้ อกค่าใช้จ่าย ค่าชดเชย รวมทัง้ การแก้ไขให้คนื ดีในเมื่อเกิดการเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ทีเ่ กิด
จากการกระทําของลูกจ้างของตนในกรณีทไ่ี ปบุกรุกทีข่ า้ งเคียง
2. การป้ องกันบุคคลภายนอกและอาคารข้างเคียง
ผูร้ บั จ้างต้องป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอก หรือผูท้ ไ่ี ม่ได้รบั อนุญาตจากผูค้ วบคุมงานเข้าไปในบริเวณก่อสร้างตลอด
ระยะเวลาก่อสร้างทัง้ ในเวลากลางวันและกลางคืน ให้ผรู้ บั จ้างปฏิบตั ติ ามข้อนี้อย่างเคร่งครัด เมื่อถึงเวลาเลิกงานก่อสร้างใน
แต่ละวัน ให้ตวั แทนผูร้ บั จ้างตรวจตราให้ทุกคนออกไปจากอาคารทีก่ ่อสร้าง ยกเว้นยามรักษาการ หรือการทํางานล่วงเวลา
ของบุคคลทีไ่ ด้รบั การอนุมตั แิ ล้วเท่านัน้ ผูร้ บั จ้างจะต้องติดตัง้ เครื่องป้องกันวัสดุตกหล่นทีจ่ ะเป็ นอันตรายต่อชีวติ หรือสร้าง
ความเสียหายต่อทรัพย์และอาคารข้างเคียง โดยไม่กดี ขวางทางสัญจรสาธารณะ ผูร้ บั จ้างจะต้องเป็ นผูอ้ อกค่าใช้จ่ายในการ
ติดตัง้ ขออนุญาต ค่าบํารุงรักษา ตลอดระยะเวลาก่อสร้าง รวมถึงค่ารือ้ ถอนเมื่อแล้วเสร็จงาน
5. การหลีกเลี่ยงเหตุเดือดร้อนราคาญ
งานก่อสร้างหรือการกระทําใดๆ ของลูกจ้างทีน่ ่าจะเป็ นเหตุเดือดร้อนรําคาญแก่บุคคลในทีข่ า้ งเคียง ผูค้ วบคุมงาน
อาจออกคําสังให้ ่ ผรู้ บั จ้าง ทํางานก่อสร้างนัน้ ตามวิธแี ละเวลาทีเ่ หมาะสม หรือแจ้งให้ผรู้ บั จ้างหาวิธปี ้ องกันเหตุเดือดร้อน
ดังกล่าว ผูร้ บั จ้างจะต้องเร่งดําเนินการในทันที
6. อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในการทางาน
ผูร้ บั จ้างต้องจัดสถานทีก่ ่อสร้างให้มสี ภาพแวดล้อมทีด่ สี ะอาดไม่มสี งิ่ ทีจ่ ะเป็ นอันตรายต่อสุขภาพและชีวติ ของลูกจ้าง
จัดให้มปี ้ ายเตือนทีเ่ ห็นเด่นชัดในบริเวณทีอ่ าจเกิดอันตรายหรืออุบตั เิ หตุทุกแห่งในบริเวณก่อสร้างจัดให้มอี ปุ กรณ์ป้องกัน
อันตรายต่างๆ เช่น หมวกนิรภัย เข็มขัดนิรภัย รัว้ กันตกจากทีส่ งู เป็ นต้น ผูค้ วบคุมงานอาจออกคําสังให้ ่ ผรู้ บั จ้างปรับปรุง
แก้ไขได้ตามความเหมาะสมให้ผรู้ บั จ้างมีการจัดการเรื่องความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและถูกต้องตามกฎหมายทีเ่ กีย่ วข้อง
ตลอดระยะเวลาก่อสร้าง
7. การปฐมพยาบาลและอุปกรณ์ช่วยชีวิต
ผูร้ บั จ้างต้องจัดให้มยี าและเวชภัณฑ์สาํ หรับการปฐมพยาบาล และอุปกรณ์ช่วยชีวติ ทีจ่ าํ เป็ นตามความเหมาะสม
หรือตามทีก่ าํ หนดไว้ในกฎหมายทีเ่ กีย่ วข้อง และต้องจัดการให้มเี พิม่ เติมเพียงพออยู่เสมอ ตลอดระยะเวลาก่อสร้าง
8. การประกันภัย
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดให้มกี ารประกันภัยสําหรับความเสียหายต่อบุคคลทุกคนทีเ่ กีย่ วข้องและไม่เกีย่ วข้องโดยตรงกับ
การก่อสร้างนี้ตามกฎหมายและประกันภัยสําหรับความเสียหายต่อทรัพย์สนิ ในบริเวณก่อสร้างและข้างเคียงรวมความ
เสียหายทีเ่ กิดจากภัยธรรมชาติ และอุบตั เิ หตุอ่นื ๆ ตามระบุในสัญญา หรือตามกฎหมายตามมูลค่าของงานก่อสร้าง และตาม
ระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา โดยได้รบั ความเห็นชอบจากผูค้ วบคุมงานและผูว้ ่าจ้างก่อน
9. การรายงานอุบตั ิ เหตุ
เมื่อมีอุบตั เิ หตุใดๆเกิดขึน้ ในบริเวณก่อสร้าง ไม่ว่าเหตุนนั ้ ๆ จะมีผลกระทบต่องานก่อสร้างหรือไม่กต็ าม ให้ตวั แทนผู้
ว่าจ้างรีบรายงานเหตุทเ่ี กิดนัน้ ๆ ให้ผคู้ วบคุมงานทราบในทันที แล้วทํารายงานเป็ นลายลักษณ์อกั ษรระบุรายละเอียด
เหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ การแก้ไขเหตุการณ์นนั ้ ๆ และการป้องกันไม่ให้เกิดขึน้ อีก
จบหมวดที่ 6
หมวดที่ 7
แบบ วัสดุ และการขออนุมตั ิ
- งานโครงเคร่าโลหะผนังเบา
- ผนังแผ่นยิปซัมบอร์
่ ด
- ผนังบุแผ่น ACOUSTIC BOARD
- ผนังบุกระเบือ้ งเซรามิค
- ผนังบุกระเบือ้ งดินเผาชนิดแกร่ง
- ผนังไฟเบอร์ซเี มนต์บอร์ด (ปราศจากใยหิน)
- ผนังกระจก
- ผนังก่อบล็อกแก้ว
- ผนังเกล็ดอลูมเิ นียม
- ผนังบุหนิ ธรรมชาติ
- ผนังเลื่อนกัน้ ห้องประชุม
- ผนังอินฟิลวอลล์
- ผนังคอนกรีตบล๊อคกันความร้อน
- ผนังอคูสติกดูดซับเสียงโพลีฯ
- คอนกรีตเสริมใยแก้ว GRC/GFRC
- ผนังสําเร็จรูปชนิดชนิด PU
- ผนังบุแผ่นอลูมเิ นียมคอมโพสิทพร้อมโครงเหล็ก
- ผนังบุไม้สงั เคราะห์
- ผนังทําสีพ่น TEXTURE
- ผนังประกอบสําเร็จรูปซีเมนต์โฟม
งานหลังคา 30
- หลังคากระเบือ้ งคอนกรีต
- หลังคากระเบือ้ งซีเมนต์ผสมเส้นใยสังเคราะห์
- หลังคาเหล็กรีดลอน
- หลังคากระจกเทมเปอร์ลามิเนต
- หลังคาโพลีคาร์โบเนต
- หลังคา Shingle Roof
งานฉนวนป้องกันความร้อน 31
- แผ่นสะท้อนความร้อน
- ฉนวนกันความร้อน ชนิดใยแก้ว
- ฝ้าเพดานแผ่นยิปซัมบอร์
่ ด
- ฝ้าเพดานแผ่นยิปซัมชนิ ่ ดกันชืน้
- ฝ้าเพดานแผ่นกันเสียงสะท้อนใยแร่ (ACOUSTIC BOARD)
- ฝ้าเพดานแผ่นไฟเบอร์ซเี มนต์บอร์ด
- ฝ้าอลูมเิ นียมแบบตะแกรง
- ฝ้าเพดานท้องพืน้ Post Tension หรือท้องพืน้ ค.ส.ล. ฉาบปูนเรียบทาสี
- ฝ้าเพดานไม้ระแนงพีวซี ลี ายไม้ สีสาํ เร็จรูป
- ฝ้าเพดานแผ่นอะคูสติกดูดซับเสียง ใยไม้สาํ เร็จรูป
- ฝ้าเพดานสําเร็จรูปชนิด PU
- ฝ้าเพดานแผ่นอลูมเิ นียมคอมโพสิต พร้อมโครงเหล็ก
- ฝ้าเพดานอคูสติกซับเสียงโพลีเอสเตอร์
- ฝ้าเพดานไม้สงั เคราะห์รุ่นผิวเรียบ (ขอบตัววี) ขนาด 0.012x0.10 ม. โครง
เคร่าไม้ 1½”X3” @ 0.60x0.60 ทาสี
- ฝ้าเพดานไม้สงั เคราะห์ไฟเบอร์ซเี มนต์ กว้าง 0.075 หนา 0.008 ม. ชนิดขอบ
ตรง ผิวเรียบ กรุตาข่ายในล่อนกันแมลง ตีเว้นร่อง 0.005 ม. ตัง้ ฉากกับผนังโครง
เหล็กกล่อง
งานบันได
งานบันได 33
งานประตู – หน้าต่าง 34
- ประตู-หน้าต่างไม้
- ประตู-หน้าต่างอลูมเิ นียม
- ประตู หน้าต่างพีวซี ี
- ประตูกระจกบานเปลือย
- ประตูบานม้วน (SHUTTER)
- ประตูเหล็กทนไฟ
งานกระจก 35
งานลูกบิดและลูกกุญแจ 36
งานสุขภัณฑ์ 37
งานผนังห้องนํ้าสําเร็จรูป 38
งานสี 39
งานสถาปตั ยกรรม หมวดที่
งานระบบกันซึม 40
งานแผ่น ALUMINIUM COMPOSITE 41
งานป้าย - เครื่องหมายทัวไป
่ 43
งานเครื่องหมายอุปกรณ์จราจร 44
งานเครื่องหมายหนีไฟ - ดับเพลิง 45
สิง่ อํานวยความสะดวกในอาคารสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพและคนชรา 46
งานผังบริเวณ
งานผังบริเวณและงานดินถม 54
ั
งานภูมสิ ถาปตยกรรม 55
งานวิศวกรรมสุขาภิบาล
ระบบประปา 57
ระบบระบายนํ้าฝนและระบบระบายนํ้าทิง้ 58
ระบบบําบัดนํ้าเสีย 59
ระบบกําจัดขยะ 60
ระบบนํ้าร้อน 61
งานระบบปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน 63
งานระบบไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้า 65
หม้อแปลงไฟฟ้า 66
เครื่องกําเนิดไฟฟ้าสํารอง 67
ตูส้ วิตช์อตั โนมัตเิ มน 68
ระบบป้องกันฟ้าผ่า 69
ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ 70
งานระบบสือ่ สาร
ระบบโทรศัพท์ 71
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 72
ระบบเครื่องสํารองไฟฟ้าฉุกเฉิน 73
ระบบเสียง 74
ระบบเสาอากาศวิทยุ – โทรทัศน์รวม 75
ระบบโทรทัศน์วงจรปิ ด 76
ระบบควบคุมการเข้าออก 77
ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ 78
อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ 79
ระบบชุดกุญแจ 80
งานระบบลิฟต์โดยสาร หมวดที่
ระบบลิฟต์โดยสาร 81
งานระบบป้องกันเพลิงไหม้
ระบบดับเพลิง 82
ระบบสัญญาณแจ้งเพลิงไหม้ 83
การอุดช่องเพื่อป้องกันไฟลาม 84
งานระบบมาตรการป้องกันและควบคุมอุบตั เิ หตุ 85
รูปแบบ
ตัวอย่าง รูปแบบ
รายการขออนุมตั ิ รายละเอียด ที่ใช้สร้าง/ อื่นๆ
ผลิ ตภัณฑ์ ติ ดตัง้
แค็ตตาล็อก
ระบบกันซึมชนิดแผ่น - -
ระบบกันซึมชนิดทา/ฉาบ
ระบบกันซึมชนิดน้ายา
ผสมในคอนกรีต
ขออนุมตั ิ Shop Drawing
หินขัดในที่ หินขัดสาเร็จรูป - -
ก่อนดาเนินการ
ขออนุมตั ิ Shop Drawing
ซีเมนต์ขดั มัน/ขัดมันผสมสี - - ก่อนดาเนินการ
ยางสังเคราะห์
พรม
คอนกรีตบล็อกสนามหญ้า
พืน้ ยก
ไม้สงั เคราะห์
พืน้ ยางสังเคราะห์
SYNTHETIC
จมูกบันได
รูปแบบ
ตัวอย่าง รูปแบบ
รายการขออนุมตั ิ รายละเอียด ที่ใช้สร้าง/ อื่นๆ
ผลิ ตภัณฑ์ ติ ดตัง้
แค็ตตาล็อก
ขออนุมตั ิ Shop Drawing
คิว้ PVC - -
ก่อนดาเนินการ
ผนังก่ออิฐ - -
ผนังก่อคอนกรีตบล็อก
ผนังก่อคอนกรีตมวลเบา -
ขออนุมตั ิ Shop Drawing
บล็อกแก้ว - -
ก่อนดาเนินการ
ผนังเลื่อนกัน้ ห้องประชุม
น้ายาซิลโิ คนเคลือบผิว
ขออนุมตั ิ Shop Drawing
โครงเคร่าโลหะผนังเบา -
ก่อนดาเนินการ
วัสดุยาแนว - -
หลังคาโลหะ ผนังโลหะ และ
- -
เกล็ดระบายอากาศโลหะ
หลังคากระเบือ้ งซีเมนต์
ฉนวนกันไฟชนิดพ่น - - - -
ฉนวนกันความร้อนสาหรับ
- -
อาคาร
ขออนุมตั ิ Shop Drawing
โครงเคร่าโลหะฝ้าเพดาน -
ก่อนดาเนินการ
แผ่นยิปซัมบอร์
่ ด -
แผ่นอะคูสติกบอร์ด
ฝ้าอลูมเิ นียมแบบตะแกรง
งานประตูและงานวงกบเหล็ก - -
งานประตูและหน้าต่าง
-
อลูมเิ นียม
งานประตูไม้ - -
งานประตูกระจกบานเปลือย
งานประตูบานม้วน - -
งานประตูเหล็กทนไฟ - -
อุปกรณ์ประตู-หน้าต่าง - -
รูปแบบ
ตัวอย่าง รูปแบบ
รายการขออนุมตั ิ รายละเอียด ที่ใช้สร้าง/ อื่นๆ
ผลิ ตภัณฑ์ ติ ดตัง้
แค็ตตาล็อก
กระจก - -
กระจก CURTAIN WALL
สุขภัณฑ์และอุปกรณ์
- - -
ประกอบ
ผนังห้องน้าสาเร็จรูป
ขออนุมตั ิ Shop Drawing
แผ่นอะลูมเิ นียมคอมโพสิต
ก่อนดาเนินการ
สีทาถนน/สีจราจร
ขออนุมตั ิ Shop Drawing
สีน้ามัน - - - ก่อนดาเนินการ
รูปแบบ
ตัวอย่าง รูปแบบ
รายการขออนุมตั ิ รายละเอียด ที่ใช้สร้าง/ อื่นๆ
ผลิ ตภัณฑ์ ติ ดตัง้
แค็ตตาล็อก
หม้อแปลงไฟฟ้า - -
เครื่องกาเนิดไฟฟ้าฉุกเฉิน
ตูส้ วิตซ์อตั โนมัตเิ มน - -
ระบบป้องกันฟ้าผ่า - -
ระบบโทรศัพท์และสือ่ สาร - -
ระบบเครือข่ายไอพี
ระบบคอมพิวเตอร์ - -
ระบบเสียง - -
ระบบเสาอากาศวิทยุ-
- -
โทรทัศน์รวม
ระบบโทรทัศน์วงจรปิ ด - -
ระบบควบคุมการเข้าออก
ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ
อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ - -
ขออนุมตั ิ Shop Drawing
ระบบลิฟต์โดยสาร - -
ก่อนดาเนินการ
สิง่ อานวยความสะดวก ขออนุมตั ิ Shop Drawing
-
สาหรับผูพ้ กิ าร ก่อนดาเนินการ
อื่นๆ ตามความเห็นของผูค้ วบคุมงาน
จบหมวดที่ 7
หมวดที่ 8
การดาเนิ นงาน
1. การดําเนินการทัวไป ่
1.1 รูปแบบและรายการประกอบแบบ ผูว้ ่าจ้างจะจัดไว้ให้ 1 ชุด นอกเหนือจากคู่สญ ั ญา ให้ผรู้ บั จ้างเก็บรักษาไว้
ในสถานทีก่ ่อสร้างอย่างน้อย 1 ชุด และพร้อมทีจ่ ะนําออกมาใช้งานได้ตลอดเวลา
1.2 ผูร้ บั จ้างต้องรับผิดชอบควบคุมงานก่อสร้างจนแล้วเสร็จ โดยจะให้มผี แู้ ทนผูร้ บั จ้างควบคุมงานแทนก็ได้ ซึง่
จะต้องแจ้งให้ผวู้ ่าจ้างทราบเป็ นลายลักษณ์อกั ษร คําสัง่ คําแนะนําต่างๆ ของผูว้ ่าจ้างซึง่ แจ้งแก่ผแู้ ทนผู้
รับจ้าง ถือว่าได้แจ้งผูร้ บั จ้างด้วย และผูว้ ่าจ้างคงไว้ซง่ึ สิทธิในการเปลี
์ ย่ นตัวแทนผูร้ บั จ้างได้ดว้ ย
1.3 ผูร้ บั จ้างต้องจัดให้มกี ารป้องกันอุบตั เิ หตุ อันตราย และมิให้เกิดความเสียหายใดๆ ต่อชีวติ และทรัพย์สนิ ของ
บุคคลภายนอก บุคคลในบังคับของผูร้ บั จ้าง รวมทัง้ เจ้าหน้าทีข่ องผูว้ ่าจ้าง ทัง้ นี้ให้เป็ นไปตามประกาศตาม
กฎกระทรวงของกระทรวงมหาดไทย3 กฎหมายแรงงาน กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายท้องถิน่
ข้อกําหนดความปลอดภัย หรือมาตรฐานของหน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องกับการดําเนินงานนัน้ ๆ เช่น การติดตัง้
โครงสร้างชัวคราว ่ รัว้ ชัวคราว
่ การป้องกันฝุน่ ตาข่ายป้องกัน ป้ายเตือน หรือสัญญาณเตือนภัยในระหว่าง
การทํางานกลางคืนหรือขณะฝนตกหนัก เป็ นต้น ในกรณีเป็ นอาคารสูง4 ให้ผรู้ บั จ้างนําเสนอแผนงานความ
ปลอดภัย รายการคํานวณนังร้ ่ าน รายชื่อผูค้ วบคุมงาน วิศวกร ตามมาตรฐานอาคารสูงอย่างเคร่งครัดต่อผู้
ควบคุมงานและผูว้ า่ จ้างพิจารณาอนุมตั กิ ่อนดําเนินการ
1.4 ในกรณีทก่ี ารดําเนินงานก่อสร้างจะกีดขวางการจราจรทัง้ ทางบกและทางนํ้า การสัญจร การระบายนํ้าหรือ
อื่นๆ จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อชุมชนนัน้ ๆ ผูร้ บั จ้างต้องจัดการป้องกันและหาทางแก้ไขทันที
1.5 ผูร้ บั จ้างต้องรับผิดต่ออุปทวเหตุ ั ความเสียหาย หรือภยันตรายใดๆ อันเกิดจากการปฏิบตั งิ านของผูร้ บั จ้าง
และจะต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการกระทําของลูกจ้างของผูร้ บั จ้าง ความเสียหายใดๆ อันเกิดแก่งานที่
ผูร้ บั จ้างได้ทาํ ขึน้ แม้เกิดขึน้ เพราะเหตุสดุ วิสยั นอกจากกรณีอนั เกิดจากความผิดของผูว้ ่าจ้าง ผูร้ บั จ้างจะต้อง
รับผิดโดยซ่อมแซมให้ดหี รือเปลีย่ นให้ใหม่ โดยค่าใช้จ่ายของผูร้ บั จ้างเอง ความรับผิดของผูร้ บั จ้างดังกล่าวใน
ข้อนี้จะสิน้ สุดลง เมื่อผูว้ ่าจ้างได้รบั มอบงานครัง้ สุดท้าย
1.6 ผูว้ ่าจ้างมีสทิ ธิที์ จ่ ะสังให้ ่ ผรู้ บั จ้างทํางานพิเศษซึง่ ไม่ได้แสดงไว้ หรือรวมอยูใ่ นเอกสารสัญญา หากงานพิเศษ
นัน้ ๆ อยู่ในขอบข่ายทัวไปแห่ ่ งวัตถุประสงค์ของสัญญา นอกจากนี้ผวู้ ่าจ้างยังมีสทิ ธิสั์ งให้
่ เปลีย่ นแปลงหรือ
แก้ไขรูปแบบ และข้อกําหนดต่างๆ ในเอกสารสัญญานี้ โดยไม่ทาํ ให้สญ ั ญาเป็ นโมฆะแต่อย่างใด อัตราค่าจ้าง
หรือราคาทีก่ าํ หนดไว้ในสัญญานี้ให้กาํ หนดใช้สาํ หรับงานพิเศษหรืองานทีเ่ พิม่ เติมขึน้ หรือตัดทอนลงทัง้ ปวง
ตามคําสังของผู
่ ว้ ่าจ้าง หากในสัญญาไม่ได้กาํ หนดไว้ถงึ อัตราค่าจ้างหรือราคาใดๆ ทีจ่ ะนํามาใช้สาํ หรับงาน
พิเศษหรืองานทีเ่ พิม่ ขึน้ ดังกล่าว ผูว้ ่าจ้างและผูร้ บั จ้างต้องตกลงกันทีจ่ ะกําหนดอัตราหรือราคา รวมทัง้ การ
3
กฎหมายความปลอดภัยในการก่อสร้าง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย
4
อาคารสูง หมายถึง อาคารทีบ่ ุคคลอาจเข้าอยูห่ รือเข้าใช้สอยได้ทม่ี คี วามสูงตัง้ แต่ยส่ี บิ สามเมตรขึน้ ไป การวัดความ
สูงของอาคารให้วดั จากระดับพืน้ ดินทีก่ ่อสร้างถึงพืน้ ดาดฟ้า สําหรับอาคารทรงจัวหรื ั้
่ อปนหยาให้ วดั จากระดับพืน้ ดินที่
ก่อสร้างถึงยอดผนังของชัน้ สูงสุด
PMC CODE : 002_2016 โครงการออกแบบอาคารเรียนอเนกประสงค์และปฏิ บตั ิ การวิ ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิ ทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
Page 37 of 521
จบหมวดที่ 8
หมวดที่ 9
มาตรฐาน และการอ้างอิ ง
1. สถาบันมาตรฐาน
นอกเหนือจากข้อบังคับ หรือข้อบัญญัตแิ ห่งกฎหมายท้องถิน่ ตลอดจนระเบียบของหน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องต่างๆ แล้ว
ถ้ามิได้กาํ หนดไว้เป็ นอย่างอื่น มาตรฐานทัวไปของวั
่ สดุ-อุปกรณ์ การประกอบ การติดตัง้ ทีร่ ะบุไว้ในรูปแบบ และ
รายการประกอบแบบ เพื่อใช้อา้ งอิงสําหรับงานโครงการนี้ให้ถอื ตามมาตรฐานของสถาบันทีเ่ กีย่ วข้องดังต่อไปนี้
1.1 มาตรฐานทัวไป ่
MINISTRY OF INTERIOR THAILAND (กระทรวงมหาดไทย)
MINISTRY OF INDUSTRY THAILAND (กระทรวงอุตสาหกรรม)
MINISTRY OF ENERGY THAILAND (กระทรวงพลังงาน)
BMA BANGKOK METROPOLITAN ADMINISTRATION
(กทม.) (กรุงเทพมหานคร)
EIT THE ENGINEERING INSTITUTE OF THAILAND UNDER H.M.
THE KING’S PATRONAGE
(วสท.) (วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์)
TISI THAI INDUSTRIAL STANDARDS INSTITUTE
(สมอ.) (สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)
TEI Thailand Environment Institute
(สสท.) (สถาบันสิง่ แวดล้อมไทย)
ACI American Concrete Institute
AISC American Institute of Steel Construction
ANSI American National Standards Institute
ASTM American Society for Testing and Materials
BOCA Building Officials and Code Administrators International, Inc.
BSI British Standards Institution
CSA Canadian Standards Association
DIN Deutsches Institut für Normung
ICC International Code Council
JSA Japanese Standards Association
NEA NATIONAL ENERGY ADMINISTRATION
1.2 งานระบบสุขาภิบาล
MWA Metropolitan Waterworks Authority
(กปน.) (การประปานครหลวง)
PWA Provincial Waterworks Authority
(กปภ.) (การประปาส่วนภูมภิ าค)
ASPE American Society of Plumbing Engineers
จบหมวดที่ 9
หมวดที่ 10
การตรวจงานและควบคุมงาน
จบหมวดที่ 10
หมวดที่ 11
การรักษาสิ่ งแวดล้อม และความปลอดภัย
1. สถานทีก่ ่อสร้าง
1.1 ข้อกําหนดทัวไป ่
1.1.1 งานก่อสร้าง หมายความว่า การประกอบการเกีย่ วกับการก่อสร้างอาคารและระบบต่างๆ ของอาคาร
เช่น ไฟฟ้า ประปา เป็ นต้น และหมายรวมถึงการต่อเติม ซ่อมแซม ซ่อมบํารุงดัดแปลง หรือรือ้ ถอน
อาคาร หรือสิง่ ก่อสร้างนัน้ ๆ
1.1.2 เขตก่อสร้างหรือสถานทีก่ ่อสร้าง หมายความว่า พืน้ ทีบ่ ริเวณโดยรอบ พืน้ ทีท่ ด่ี าํ เนินการก่อสร้าง
1.1.3 เขตอันตราย หมายความว่า บริเวณทีก่ าํ ลังก่อสร้าง หรือบริเวณทีใ่ ช้ปนจั ั ้ นหรื
่ อบริเวณทีต่ ดิ ตัง้ นังร้
่ าน
หรือติดตัง้ ลิฟต์ขนส่ง หรือส่วนของงานก่อสร้างหรือทางลําเลียงวัสดุเพื่อการก่อสร้างหรือสถานทีเ่ ก็บ
เชือ้ เพลิง หรือวัสดุเพื่อการก่อสร้าง หรือบริเวณทีใ่ ช้เครื่องจักรกล หรือกระแสไฟฟ้าเพื่อการก่อสร้าง
1.1.4 ในสถานทีก่ ่อสร้างจะต้องติดตัง้ ป้ายเตือนให้ลกู จ้างปฏิบตั ใิ ห้ระวัง / ห้าม และให้สวมใส่อุปกรณ์
คุม้ ครองความปลอดภัยส่วนบุคคลในเขตก่อสร้าง โดยใช้เครื่องหมาย / ป้ายทีเ่ ข้าใจง่ายและเห็นได้
ชัดเจน
1.1.5 ห้ามดืม่ สุราหรือเสพสารเสพติดทุกชนิดในสถานทีก่ ่อสร้าง
1.2 ความเป็ นระเบียบเรียบร้อยภายในสถานทีก่ ่อสร้าง
1.2.1 ห้ามมิให้ลกู จ้างหรือผูอ้ ่นื เข้าพักอาศัยในอาคารทีก่ าํ ลังก่อสร้าง หรือในเขตก่อสร้างเว้นแต่ นายจ้าง
หรือ ผูร้ บั จ้างเหมาจะได้จดั ให้มมี าตรการด้านความปลอดภัย และได้รบั ความเห็นชอบจากวิศวกร
และเก็บเอกสารแสดงความเห็นชอบนัน้ ไว้ ณ สถานทีก่ ่อสร้าง เพื่อให้พนักงานแรงงานตรวจสอบได้
และในกรณีทไ่ี ด้รบั ความเห็นชอบให้มกี ารพักอาศัยในอาคารทีท่ าํ การก่อสร้าง ให้นายจ้างปฏิบตั ดิ งั นี้
(1) ปิ ดป้ายแสดงเขตทีพ่ กั ให้ชดั เจน ณ เขตทีพ่ กั อาศัย
(2) กําหนดทางเข้า–ออก มิให้ผ่านเขตก่อสร้างและเขตอันตราย
(3) จัดให้มวี ศิ วกรความปลอดภัยดูแลทีพ่ กั อาศัย
1.2.2 ผูร้ บั จ้างต้องแจ้งและปิ ดประกาศห้ามลูกจ้าง และไม่ยนิ ยอมให้ลกู จ้างเข้าพักอาศัยในอาคารทีก่ าํ ลัง
ก่อสร้างโดยการปิ ดประกาศนัน้ ให้ปิดไว้ในทีเ่ ปิ ดเผยตลอดเวลา ณ เขตก่อสร้าง
1.2.3 จะต้องรักษาความสะอาด บันได ทางเข้า-ออก และทางเดิน ไม่ให้มวี ตั ถุหรือวัสดุทจ่ี ะนําเข้าไปใช้งาน
หรือสิง่ กีดขวางอื่นๆ ทุกชนิด
1.2.4 จะต้องวางวัตถุ วัสดุทน่ี ําเข้าใช้งานให้ห่างจากริมช่องส่งของ ช่องบันไดพืน้ หรือถ้ายังไม่ได้สร้างผนัง
ด้านนอกอาคาร จะต้องวางให้หา่ งจากขอบอาคารด้านนอก
1.2.5 ห้ามทิง้ ชิน้ สิง่ ของใดๆ ไว้เกลื่อนกลาดตามพืน้ หรือบนหลังคา ซึง่ ยังมุงไม่เสร็จเว้นแต่จะเก็บหรือผูก
มันไว้
่ มนคงปลอดภั
ั่ ย
1.2.6 จะต้องเก็บรวบรวม ตะปู สลักเกลียว แป้นเกลียว หรือหมุดยํ้า และวัสดุมคี มทุกวัน โดยเก็บไว้ใน
กล่องหรือทีเ่ ก็บอื่นทีเ่ หมาะสม
1.2.7 ต้องไม่วางเครื่องมือทิง้ ไว้ตามพืน้ ซึง่ อาจทําให้ผอู้ ่นื สะดุดหกล้มหรือเกิดอันตรายอื่นๆ และทุกครัง้
ก่อนเลิกงานจะต้องรวบรวมและเก็บเครื่องมือไว้ทแ่ี ผงเครื่องมือหรือทีๆ่ จัดไว้สาํ หรับเก็บเครื่องมือไม่
ใช้งานแล้ว
1.90 40 4.50
2.22 45 5.00
2.54 50 5.50
3.4.12 จะต้องจัดให้มกี ารตรวจตราเครือ่ งมือ เครื่องจักรทุกชิน้ ก่อนทีจ่ ะเริม่ ให้ลฟิ ต์ทาํ งานทุกวัน
3.5 ั ้ น่
ปนจั
3.5.1 จะต้องสร้าง ติดตัง้ บํารุงรักษา และใช้งานปนจั ั ้ น่ โดยไม่ให้ชน้ิ ส่วนใดรับแรงเกินกว่าหน่วยแรงใช้ทป่ี ลอดภัย
และจะต้องปฏิบตั ใิ ห้เป็ นไปตามกฎหมาย
3.5.2 จะต้องตรวจสอบลวดสลิงทุกเส้น ก่อนนําไปใช้งาน ลวดสลิงเส้นใดขึน้ สนิมมากหรือลวดแตกเกลียวตัง้ แต่รอ้ ย
ละสิบขึน้ ไปของจํานวนลวดทัง้ หมดต่อความยาวของลวดสลิง 90 เซนติเมตรจะต้องไม่นํามาใช้งานอีก
3.5.3 ฐานของปนจั ั ้ นจะต้ ่ องมีทร่ี องรับแข็งแรงและยึดมันคง ่ เพื่อป้องกันไม่ให้เคลื่อนตัวไปทิศทางใดๆ
3.5.4 ก่อนการติดตัง้ ปนจั ั ้ นแบบสายโยงยึ
่ ด จะต้องตรวจสอบว่า รอก แช็คเกิล้ รอกเคลื่อนและการต่อส่วนต่างๆ ที่
ปลายเสากระโดงอยู่ในสภาพดี
3.5.5 ปนจั ั ้ นแบบสายโยงยึ
่ ด ลวดสลิงดึงทางด้านปลายเสา ควรจะทําเป็ นห่วงสลิง โดยมีเหล็กรองห่วงสลิง
(Thimble) เพื่อป้องกันลวดสลิงหักพับ และปลายสลิงยึดด้วยกริบ๊ Clips or U-clamps) (3 ตัว สายโยงยึด
จะต้องยึดมันคงกั ่ บแผ่นยึดสลิงหัวเสา โดยใช้แช็คเกิล้ (Shackle) และสลัก ของแช็คเกิล้ ควรเป็นแบบสวมเข้า
ทีโ่ ดยใช้เดือยล๊อคขวาง (Cotter pin) ห่วงสลิง ถ้าไม่ใช้เป็ นกริบ๊ สลิง อาจจะใช้ห่วงสลิงสําเร็จรูป (Socket
fiting) แทนได้
3.5.6 ปลายเสากระโดงของปนจั ั ้ นแบบสายโยงยึ
่ ดจะต้องอยู่คงที่ และจะต้องยึดโดยลวดสลิงไม่น้อยกว่า 6 เส้น
ดึงทํามุมระหว่างกันเท่ากัน
3.5.7 ถ้าใช้ “ตอม่อ” เป็ นหลักยึดสายโยงยึด จะต้องระวังไม่ไห้ตอม่อนัน้ รับแรงเกินกว่าหน่วยแรงเฉือนของวัตถุท่ี
นํามาใช้ทาํ ตอม่อ
3.5.8 จะต้องระวังไม่ให้สว่ นหนึ่งส่วนใดของปนจั ั ้ น่ สายโยงยึด หรือสิง่ ของทีย่ กกระทบกับสายไฟฟ้า
3.5.9 จะต้องระวังไม่ให้สงิ่ ของทีย่ ก สลิงทีใ่ ช้ยกของและคันยก กระแทกนังร้ ่ าน วัตถุหรือโครงสร้าง
3.5.10 สายดึง หรือสายโยงยึดจะต้องมีขนาดทีจ่ ะใช้ได้กบั นํ้าหนักสิง่ ของทีย่ กต่างๆ กันโดยสิง่ ของนัน้ แกว่งได้อสิ ระ
จะต้องใช้ผปู้ ฏิบตั งิ านซึง่ มีความชํานาญคอยควบคุมสายดึงเหล่านี้
3.5.11 สําหรับปนจั ั ้ นแบบขายยึ
่ ดตายตัว (Stiff–leg derricks) ซึง่ จะมีคนั ยกยาวกว่าเสากระโดง อุปกรณ์คอห่าน
(Goose necks) ทีป่ ลายเสากระโดงจะต้องยึดแน่นกับขายึดตายตัว เพื่อไม่ให้เกิดแรงเสียดทานทีแ่ กนเสา
มากเกินไป
3.5.12 นํ้าหนักถ่วงและหลักยึด (Anochoring) ทีใ่ ช้กบั ขายึดตายตัวจะต้องอยู่ในลักษณะทีท่ าํ ให้ปนจั ั ้ นทรงตั
่ วได้ดี
3.5.13 จะต้องใช้ผชู้ าํ นาญการ ตรวจสอบสภาพปนจั ั ้ นทุ ่ กวัน และบันทึกผลการตรวจสอบสภาพไว้ท่ี ทีค่ วบคุมปนจั ั ้ น่
นัน้ จนกระทังงานแล้ ่ วเสร็จ
3.5.14 ให้ใช้ผปู้ ฏิบตั งิ านทีม่ คี วามชํานาญไว้ควบคุมดูแลปนจั ั ้ น่ และห้ามไม่ให้ผอู้ ่นื ทีไ่ ม่ได้มอบหมายมาปฏิบตั กิ าร
เกีย่ วกับปนจั ั ้ นนั ่ น้
3.5.15 ห้ามผูป้ ฏิบตั งิ าน โดยสารไปกับสิง่ ของซึง่ ปนจั ั ่ นกํ ่ าลังยกอยู่
3.516 ห้ามยกสิง่ ของ หรือยกเบนสิง่ ของข้ามศรีษะของบุคคลใด และห้ามบุคคลใดเดินลอดใต้สงิ่ ของทีย่ กลอยตัว
3.5.17 ขณะพักงาน หรือขณะไม่ใช้ปนจั ั ่ น่ จะต้องวางคันยกลงแนวราบหรือผูกยึดเอาไว้เพื่อป้องกันแรงลม ซึง่ อาจจะ
พัดให้คนั ยกแกว่งหรือหมุนไป
3.5.18 จะต้องให้ผชู้ าํ นาญงาน หรือจัดให้มกี ารควบคุมดูแลการผูกสลิงรัดสิง่ ของให้ถูกต้อง
3.5.19 ต้องจัดให้มหี า้ มล้อ ซึง่ สามารถจะบังคับหยุด นํ้าหนักสิง่ ของได้รอ้ ยละ 150 ของพิกดั นํ้าหนักทีป่ นจั ั ้ นจะยกได้
่
และจะต้องอยู่ในสภาพใช้การได้ดอี ยู่เสมอ
4.2.1 ราวกัน้ มาตรฐาน จะต้องมีความสูงตามแนวดิง่ ไม่น้อยกว่า 0.90 ม. และไม่เกิน 1.10 เมตร นับจากพืน้ ราวอัน
กลางจะต้องอยู่กลางระหว่างพืน้ กับผิวด้านใต้ของราวอันบน
4.2.2 ราวอันกลางอาจจะใช้ตะแกรงลวดขึงระหว่างราวอันบนกับพืน้ หรือขอบกันตกโดยใช้ลวดตะแกรงเบอร์ 6
(U.S.gage wise) และขนาดช่องตะแกรง 38 มม.
4.2.3 การยึดเสากับพืน้ หรือยกพืน้ รวมทัง้ โครงของราวกัน้ จะต้องสร้างให้ราวกัน้ สามารถรับแรงกระแทกได้ไม่น้อย
กว่า 100 กก. ในทุกทิศทางของแรงทีม่ ากระทํา
4.2.4 ในกรณีทต่ี อ้ งมีขอบกันของตก ขอบดังกล่าวจะต้องสูงตามแนวดิง่ อย่างน้อย 15 ซม. นับจากพืน้ ยกพืน้
ทางลาดหรือทางเดินถึงขอบบนของขอบกันของตก
4.3 บันได
4.3.1 ต้องติดตัง้ บันไดถาวรให้เร็วทีส่ ดุ เท่าทีส่ ภาพการปฏิบตั งิ านจะอํานวยให้
4.3.2 เมื่องานก่อสร้างอาคารดําเนินการคืบหน้าไปถึงระดับสูงเกินกว่า 18.00 เมตรเหนือพืน้ ดินและในทางปฏิบตั ิ
ยังไม่สามารถทีจ่ ะติดตัง้ บนไดถาวรจะต้องสร้างบันไดชัวคราวอย่ ่ างน้อยหนึ่งบันได ทอดตลอดความสูงของ
โครงสร้างขึน้ ไปถึงจุดทีก่ าํ ลังก่อสร้างอยู่ และจะต้องคงบันไดนี้ไว้จนกว่าจะติดตัง้ บันไดถาวรเสร็จ
4.3.3 ชัน้ บันไดและชานพักชัวคราวจะต้ ่ องรับนํ้า หนักได้ 500 กก./ตร.ม.โดยปลอดภัย
4.3.4 บันไดชัวคราว่ จะต้องมีขนาดลูกตัง้ และลูกนอนเท่ากับขนาดของบันไดมาตรฐาน
4.3.5 บันไดชัวคราวจะต้
่ องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 1.00 เมตร
4.3.6 บันไดชัวคราวซึ ่ ง่ สูงตามแนวดิง่ เกิน 3.50 เมตร จะต้องสร้างชานพัก
4.3.7 ต้องจัดให้มแี สงสว่างพอสมควรทีบ่ นั ไดชัวคราวทั ่ ง้ หมด
4.3.8 บันไดชัวคราว ่ ซึง่ มีฝากัน้ ด้านข้างต้องไม่สร้างประตูเปิ ดออกโดยตรงทีป่ ลายบันได แต่จะต้องสร้างชานบันได
จากปลายบันไดถึงประตู ให้มคี วามกว้างไม่น้อยเท่ากับความกว้างของประตู
4.3.9 บันไดชัวคราวที ่ เ่ ป็ นไม้ จะต้องไม่มตี ะปู หรือเสีย้ นโผล่ปลายแหลมอยู่
4.3.10 บันได และชานพักซึง่ ไม่มฝี ากัน้ ด้านข้าง จะต้องสร้างราวกัน้ มาตรฐานทางด้านข้างทีเ่ ปิ ดโล่งตลอดความยาว
บันได
4.3.11 บันไดทีส่ งู เกินกว่า 50 องศา นับจากแนวราบ ให้ถอื เป็ นบันไดไต่และต้องดําเนินการตามมาตรฐานบันไดไต่
4.3.12 บันไดซึง่ กว้างไม่เกิน 1.10 เมตร และมีดา้ นข้างเปิ ดโล่งอยูข่ า้ งหนึ่งต้องสร้างราวบันไดทางด้านข้างทีเ่ ปิ ดโล่ง
ไว้นนั ้
4.3.13 บันไดซึง่ เกินกว่า 1.10 เมตร ต้องมีราวมือจับทางด้านทีป่ ิ ดกัน้ และราวบันไดทางด้านทีเ่ ปิ ดโล่ง
4.4 ช่องเปิ ด
4.4.1 ช่องเปิ ด หรือรู ทีพ่ น้ื ทีอ่ าจก่อให้เกิดอันตราย พลัดตก หรืออาจก้าวถลําลงไปได้ให้ป้องกันโดยปิดกัน้ ด้วย
วัสดุทส่ี ามารถรับนํ้าหนักได้ไม่น้อยกว่า 200 กก./ตร.ม. หรือทําราวกัน้ มาตรฐาน และขอบกันตกของทุกด้าน
ทีเ่ ปิ ดโล่ง
4.4.2 ช่องเปิ ดทีผ่ นัง ซึง่ สูงจากระดับพืน้ ไม่เกิน 7.50 ซม. หรือสูงจากระดับพืน้ เกินกว่า 1.50 ขึน้ ไป จะต้องกัน้ ด้วย
ขอบกันของตก หรือราวกัน้ มาตรฐานทีข่ งึ ด้วยตะแกรง โดยมีช่องว่างไม่เกิน 2.50 ซม. ตามลําดับเพื่อป้องกัน
อันตรายทีจ่ ะเกิดจากสิง่ ของหล่นใส่บุคคลข้างล่าง
5. การทํางานในทีส่ งู และการป้องกันการตกหล่น หรือพังทลาย
5.1 การทํางานในทีส่ งู
5.1.1 การทํางานจากพืน้ ทีท่ ป่ี ฏิบตั งิ านเกินความสูงสองเมตรขึน้ ไป จะต้องจัดให้มนี งร้ ั ่ านมาตรฐานสําหรับ
ผูป้ ฏิบตั งิ านใช้ในขณะปฏิบตั งิ าน
6.2.6 การกองเหล็กแผ่นและสังกะสี
(1) เหล็กแผ่นและสังกะสีควรจะกองในลักษณะแบนราบ โดยกองสูงไม่เกิน 1.20 เมตร
(2) ควรมีแผ่นชัน้ รองระหว่างมัดแต่ละมัด และมีเสาไม้ปกั กัน้ โดยรอบกองเหล็กแผ่นและสังกะสี
เพื่อกัน้ ไม่ให้คนงานเดินเข้าใกล้ซง่ึ อาจเกิดเตะหรือถูกเหล็กแผ่นหรือสังกะสีบาดเท้าได้
6.2.7 การกองเก็บท่อ
(1) ท่อทุกชนิดจะต้องวางซ้อนและจัดกองในลักษณะทีจ่ ะป้องกันไม่ให้ท่อกลิง้ กระจายออกมาจาก
กอง
(2) ในการรือ้ ท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 5 เซนติเมตร ขึน้ ไปออกจากกองโดยทีท่ ่อวางอยูใ่ น
แนวเดียวกัน และซ้อนกันตัง้ แต่ 2 ชัน้ ขึน้ ไป ผูร้ อ้ื จะต้องดึงท่อออกจากด้านปลายห้ามดึงออก
ทางด้านข้าง
(3) ท่อระบายต่างๆ ถ้ามีการจัดกองจะต้องจัดท่อขนาดใหญ่ไว้ขา้ งล่างลําดับขึน้ ไปถึงท่อเล็กๆ อยู่
ข้างบน และความสูงของกองท่อจะต้องไม่เกิน 1.50 เมตร
6.2.8 การกองเก็บทราย กรวด และหินย่อยขนาดต่างๆ
(1) การทิง้ ทราย กรวด หรือหินย่อย กองไว้ขา้ งผนังอาคาร จะต้องกองไม่สงู จนอาจเป็ นสาเหตุให้
ผนังอาคารทลายลงมา
(2) คนงานซึง่ ทํางานอยูท่ ถ่ี งั ปิ ดเปิ ด หรือบนกองวัสดุทไ่ี ม่ยดึ ตัวกันแน่นจะต้องสวมเข็มขัดนิรภัยและสาย
ช่วยชีวติ
7. การเชื่อมและการตัด
7.1 ข้อกําหนดทัวไป ่
7.1.1 ช่างเชื่อมหรือช่างตัด จะต้องเป็นผูท้ ช่ี าํ นาญซึง่ สามารถจะทําการเชื่อมและตัดได้ตาม
ข้อกําหนดคุณสมบัตชิ ่างเชื่อมและตัด ซึง่ ได้กาํ หนดไว้ในข้อบัญญัตติ ่างๆ เช่น American
Welding Society (AWS) : Code for Arc and Gas Welding in Building Construction ,
American Standard Code for pressure piping.
7.1.2 บริเวณทีท่ าํ การเชื่อมหรือตัดจะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ดบั เพลิงทีใ่ ช้ได้ผลเตรียมไว้ เพื่อใช้ได้
ทันท่วงทีและถ้าบริเวณทีท่ าํ การเชื่อม หรือตัดมีวสั ดุทต่ี ดิ ไฟได้งา่ ยอยู่ใกล้จะต้องจัดให้มผี ชู้ ่วย
หรือจัดคนไว้เป็ นพิเศษ เพื่อช่วยในการระงับอัคคีภยั
7.1.3 จะต้องใช้ฉาก ฉนวนกัน้ หรือสิง่ ป้องกันอันตรายอื่นๆ ทีเ่ หมาะสมเพื่อป้องกัน บุคคลหรือวัสดุ
ทีต่ ดิ ไฟง่าย ซึง่ อยู่เบือ้ งล่างหรืออาจเป็ นอันตรายจากประกายไฟเชื่อมหรือตัด
7.1.4 ห้ามแกะหรือพยายามซ่อมอุปกรณ์นิรภัย หรือลิน้ ปิ ด – เปิ ดของท่อเก็บแก๊ส ออกซิเจน ถ้า
เกิดมีการชํารุดดังกล่าว จะต้องแจ้งให้ผสู้ ง่ ท่อแก๊สทราบและส่งคืนทันที พร้อมปฏิบตั ติ าม
ข้อแนะนําวิธกี ารขนส่งกลับคืนโรงงาน
7.1.5 เมื่อมีการเชื่อมหรือตัดโลหะชนิดทีก่ ่อให้เกิดควันพิษ เช่น ตะกัว่ สังกะสี หรือวัสดุทช่ี ุบแคดเมีย่ ม
จะต้องจัดให้มรี ะบบระบายอากาศทีเ่ พียงพอ
7.2 การเชื่อมด้วยไฟฟ้า
7.2.1 อุปกรณ์การเชื่อมไฟฟ้ามาตรฐาน เช่น เครื่องเชื่อมไฟฟ้าชนิดผลิตไฟฟ้าโดยใช้เครื่องยนต์ขบั ผลิต
ไฟฟ้าโดยขับด้วยมอเตอร์ หม้อแปลงไฟฟ้า เครื่องแปลงไฟตรง (Rectifier) ฯลฯ จะต้องมีคุณสมบัติ
ตามข้อกําหนดมาตรฐานในระดับสากลรองรับ เช่น National Electrical Manufacturers Association
8.2.10 ปลักลดเสี
๊ ยง ต้องทําด้วยพลาสติก หรือยาง หรือวัสดุอ่นื ใช้ใส่ชอ่ งหูทงั ้ สองข้างสามารถลดระดับเสียง
ลงพอเพียงทีจ่ ะไม่เกิดอันตราย
8.2.11 ครอบหูลดเสียง ต้องทําด้วยพลาสติกหรือยาง หรือวัสดุอ่นื ใช้ครอบหูทงั ้ สองข้าง สามารถลดระดับ
เสียงลงพอเพียงทีจ่ ะไม่เกิดอันตราย
จบหมวดที่ 11
หมวดที่ 12
การส่งมอบงาน
จบหมวดที่ 12
งานวิ ศวกรรมโครงสร้าง
หมวดที่ 13
งานดิ นขุด ดิ นถม และปรับระดับดิ นเดิ ม
1. ทัวไป
่
ผูร้ บั จ้างต้องดําเนินการปรับระดับพืน้ ทีบ่ ริเวณก่อสร้างให้เหมาะสมทีจ่ ะดําเนินงานก่อสร้าง โดยต้องจัดเตรียมเสนอ
วิธกี ารเปิ ดหน้าดิน การป้องกันดินด้านข้างพังทลาย การระบายนํ้าออกจากทีด่ นิ เสนอให้ผอู้ อกแบบและ/หรือผูว้ ่า
จ้างตรวจสอบพิจารณาและให้ความเห็นชอบเสียก่อนจึงจะดําเนินการได้
2. การเปิ ดหน้าดินโดยไม่มคี ้าํ ยัน
ผูร้ บั จ้างต้องคํานวณความลาดเอียงด้านข้างตามคุณสมบัตขิ องชัน้ ดินทีจ่ ะขุดเปิ ด และเสนอวิธกี ารให้ผคู้ วบคุมงาน
หรือผูอ้ อกแบบอนุมตั กิ ่อนดําเนินการ โดยเอกสารขออนุมตั ติ อ้ งมีวศิ วกรควบคุมและรับรองความปลอดภัยในการขุด
ดินตามประกาศกระทรวงมหาดไทยและพระราชบัญญัตกิ ารขุด-ถมดิน ระหว่างดําเนินงานผูร้ บั จ้างต้องดูแล
รับผิดชอบพืน้ ทีใ่ ห้คงสภาพปลอดภัยตลอดระยะเวลาทํางานและดูแลป้องกันมิให้เกิดนํ้าท่วมขังภายในพืน้ ทีจ่ นกว่า
งานขุดดินฐานรากและงานชัน้ ใต้ดนิ จะแล้วเสร็จ
3. การเปิ ดหน้าดินโดยมีค้าํ ยัน
ผูร้ บั จ้างต้องวิเคราะห์ออกแบบระบบคํ้ายันให้เหมาะสมกับงาน และนําเสนอรายการคํานวณโครงสร้างพร้อมวิศวกร
ลงนามรับรอง ให้ผคู้ วบคุมงานหรือผูอ้ อกแบบพิจารณาอนุมตั กิ ่อนดําเนินการ ผูร้ บั จ้างต้องใช้วสั ดุทม่ี คี ุณภาพมา
ติดตัง้ และดูแลรักษาให้มสี ภาพมันคงแข็ ่ งแรงตลอดการใช้งาน
4. ระบบโครงสร้างป้ องกันดิ นสาหรับงานฐานรากและงานโครงสร้างใต้ดินแบบ STEEL SHEET PILE
ระบบโครงสร้างป้องกันดินสําหรับงานฐานรากและงานโครงสร้างใต้ดนิ โดยใช้โครงสร้างกันดินแบบ Steel Sheet
Pile โดยส่วนประกอบของโครงสร้างดังกล่าวมีดงั นี้
1. แผ่นเหล็กพืด (Steel Sheet Pile) เป็ นแผ่นเหล็กลอนรูปต่างๆ มีความยาวตามกําหนดใช้ตอกในแนวดิง่
สําหรับป้องกันแรงดันนํ้า และแรงดันดิน ทีก่ ระทําตามความลึกของการขุด
2. เหล็กคํ้ายันรอบ (Wale) เป็ นส่วนของโครงสร้างทีต่ า้ นแรงกระทําทางด้านข้างจากแผ่นเหล็กพืด (Sheet
Pile) ซึง่ จะถ่ายแรงเป็ นแรงกระจาย (uniform horizontal force) เข้าสูเ่ หล็กคํ้ายันรอบ (Wale)
3. เหล็กคํ้ายัน (Strut) เป็ นส่วนโครงสร้างทีร่ บั แรงแนวแกนทีถ่ ่ายจากเหล็กคํ้ายันรอบ (Wale) และรับแรง
แนวดิง่ ทีถ่ ่ายจากแผ่นเหล็กพืน้ (Platform) ซึง่ นํามาวางบนเหล็กคํ้ายัน (Strut) เพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ ในขัน้ ตอน
การก่อสร้างเหล็กคํ้ายัน (Strut) โดยทัวไปจะมี่ 2 ชนิด คือ เหล็กคํ้ายันตามแนวยาว และเหล็กคํ้ายันตามแนวขวาง
และแบ่งเป็ นชัน้ ๆ ตามระดับความลึก
4. เสาเหล็กหลัก (Kingpost) เป็ นส่วนทีร่ บั แรงจากเหล็กคํ้ายัน (Strut) ในแนวดิง่ แล้วถ่ายลงสูด่ นิ ทําหน้าที่
เหมือนเสาในอาคารขนาดใหญ่ ยังสามารถใช้เป็ นฐานรากในการรับปนจั ั ้ นเสาสู
่ ง (Tower Crane) ในการลําเลียงวัสดุ
และสิง่ ต่างๆ ได้อกี ด้วย หมายเหตุ แผ่นเหล็กพืน้ (Platform) เป็ นโครงสร้างทีป่ ระกอบด้วยตงเหล็กและแผ่นเหล็กที่
นํามาเชื่อมติดกันทําหน้าทีเ่ หมือนพืน้ วางอยู่บนเหล็กคํ้ายัน (Strut) เพื่อใช้ประโยชน์ในการขุดดินการขนส่งวัสดุ และ
อื่นๆ ฯลฯ
จบหมวดที่ 13
หมวดที่ 14
งานเสาเข็ม
1. เสาเข็มไม้
1.1 ชนิด ใช้ไม้แก่น กระเทาะเปลือกหมด ลําต้นตรงเป็ นไม้ท่อนเดียว มีขนาดและความคดโค้งไม่ผดิ ไปจากทีไ่ ด้
อนุโลมไว้ตามข้อ 1.3.1 ไม่แตกร้าว หรือผุจนเสียกําลัง
1.2 ขนาด อนุญาตให้ใช้เสาเข็มทีม่ ขี นาดเล็กกว่าทีก่ าํ หนดในรูปแบบได้ แต่ตอ้ งไม่เล็กกว่าขนาดทีก่ าํ หนดไว้ใน
ตารางข้างล่างนี้
หน้าตัด ความยาว
เส้นผ่านศูนย์กลาง เส้นรอบรูปจริง ความยาวกําหนด ความยาวจริง
ทีก่ าํ หนด ไม่น้อยกว่า (มิลลิเมตร) (เมตร) ไม่สนั ้ กว่า (เมตร)
3 นิ้ว 210 3.00 2.80
4 นิ้ว 280 4.00 3.80
5 นิ้ว 350 5.00 4.80
6 นิ้ว 430 6.00 5.80
8 นิ้ว 570 8.00 7.80
หน้าตัด วัดทีก่ ง่ึ กลางของเสาทีค่ วามยาวจริง
ยาวจริง วัดเมื่อตัดหัวเสาเข็มและตกแต่งปลายเสาเข็มเรียบร้อยแล้ว
2. เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสําเร็จ
2.1 ขอบเขตของงาน
2.1.1 เสาเข็มทีน่ ํามาใช้ในงานก่อสร้างจะต้องเป็ นเสาเข็มทีผ่ ลิตจากโรงงานทีม่ อี ุปกรณ์และมีวศิ วกรควบคุม
การผลิตชัน้ วุฒวิ ศิ วกรทีเ่ ป็ นผูช้ าํ นาญงานพอเพียงแก่การผลิตเสาเข็มให้มคี ุณภาพดีได้มาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อาทิเช่น เสาเข็มคอนกรีต มอก.395–2524 เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง
มอก.396–2549 เสาเข็มคอนกรีตขนาดสัน้ มอก.399–2524 เสาเข็มทุกต้นต้องระบุวนั เดือนปี ทผ่ี ลิต
และชื่อผูผ้ ลิตแสดงไว้ชดั เจน และผูอ้ อกแบบหรือผู้ควบคุมงานก่อสร้างสงวนสิทธิในการเข้
์ าดูวธิ กี าร
ผลิต และขอผลทดสอบว่าเป็ นไปตามมาตรฐาน มอก. หรือไม่ เช่น การดึงลวด การทดสอบคอนกรีต
เป็ นต้น
2.1.2 การกําหนดจุดยกและการขนส่ง เสาเข็มทุกต้นจะต้องแสดงจุดยกให้ชดั เจน และหากต้องทําการ
ทดสอบด้วยการนําเสาเข็มวางบนหมอนรองรับทีจ่ ุดยก รอยแตกร้าวทีเ่ กิดขึน้ จะต้องไม่กว้างมากกว่า
0.20 มิลลิเมตร
2.1.3 ความคลาดเคลื่อนทีย่ อมได้
(1) ความคดงอเสาเข็มตามยาวขณะวางในสภาวะปกติไม่ได้รบั BENDING จะต้องไม่เกิน 3
มิลลิเมตรต่อความยาว 3.00 เมตร หรือ 9.5 มิลลิเมตรต่อความยาว 12.00 เมตร หรือ 47.6
คูณด้วยความยาว (เมตร) หารด้วย 60.96 (เมตร)
(2) ปลายทีต่ อกของเสาเข็มต้องมีผวิ หน้าเรียบและตัง้ ฉากกับแกนความยาวของเสาเข็ม โดยยอม
ให้มคี วามคลาดเคลื่อนไม่เกิน 1 องศา
2.1.4 การตอกเสาเข็มโดยใช้ลกู ตุม้ ชนิดปล่อย ถ้ารูปแบบหรือรายการประกอบแบบไม่ได้ระบุไว้เป็ นอย่าง
อื่น ให้ถอื ปฏิบตั ดิ งั นี้
ความคลาดเคลื่อน การแก้ไข
เสาเข็มแต่ละต้นตําแหน่งคลาดเคลื่อนไปจากศูนย์ ไม่ตอ้ งแก้ไข
ของเสาเข็มไม่เกิน 7.5 เซนติเมตร
เสาเข็มต้นใดๆ ตําแหน่งคลาดเคลื่อนไปจาก แก้ไขจํานวนเหล็กเสริมของฐานรากแต่หรือความ
ตําแหน่งทีร่ ะบุ 7.5 – 10.0 เซนติเมตร หนาของฐานรากตามทีฐ่ านรากไม่น้อยกว่าที่
กําหนดในแบบ
3.4.3 กรณีทก่ี ารสกัดหัวเสาเข็มส่วนของคอนกรีตทีไ่ ม่มคี ุณภาพออกไป หากปรากฏว่าระดับ PILE CUT OFF ตํ่า
กว่าทีก่ าํ หนดไว้ในแบบก่อสร้าง ทางผูร้ บั จ้างจะต้องดําเนินการแก้ไขให้สามารถทํางานได้ โดยค่าใช้จ่ายเป็ น
ของผูร้ บั จ้างเอง
3.5 การรายงานประวัตเิ สาเข็ม
ผูร้ บั จ้างจะต้องรายงานประวัตเิ สาเข็มทุกต้น และจะต้องจัดทําให้ผวู้ ่าจ้าง 3 ชุด ภายหลังงานเสาเข็มนัน้ แล้วเสร็จไม่
เกิน 48 ชัวโมง่ ในการทํารายงานประวัตจิ ะต้องใช้แบบฟอร์มทีไ่ ด้รบั อนุมตั ใิ ห้ใช้ได้เท่านัน้ และจะต้องบันทึกข้อมูล
ต่างๆ ของเสาเข็มแต่ละต้นดังนี้
3.5.1 วัน เดือน ปี
3.5.2 หมายเลขกํากับเสาเข็ม
3.5.3 ระดับดิน
3.5.4 ระดับตัดหัวเสาเข็ม
3.5.5 ระดับดินทรายแน่น หรือปลายเสาเข็มเจาะ
3.5.6 เส้นผ่านศูนย์กลางของรูเจาะ
3.5.7 ความเบีย่ งเบนทีร่ ะดับตัดเสาเข็มและระดับก้นฐานรากของศูนย์กลางเสาเข็มจากตําแหน่งทีถ่ ูกต้อง
3.5.8 ความยาวของปลอก
3.5.9 ระดับดินข้างเคียงก่อนและหลังการถอนปลอก
จบหมวดที่ 14
หมวดที่ 15
้ กบั ฐานรากของอาคารที่ตงั ้ อยู่บนหน้ าผาหิ น ไหล่เขาและบนภูเขา
งานการเสริมโครงสร้างยึดรังให้
1. ทัวไป
่
การเสริมโครงสร้างยึดรัง้ ให้กบั ฐานรากของอาคารทีต่ งั ้ อยู่บนหน้าผาหิน บนภูเขา คือการฝงั เหล็กเดือยไว้ในพืน้
หินใต้ฐานรากทีเ่ ป็ นฐานรากชนิดฐานแผ่ โดยการใช้ Epoxy –Tie ซึง่ เป็ นวัสดุเหลวทีม่ คี ุณสมบัตใิ นการช่วยยึดเหนี่ยวตาม
มาตรฐาน ASTM C881 นํามาใส่ในรูทเ่ี กิดจากการใช้สว่านเจาะเข้าไปในพืน้ หินโดยต้องเติมวัสดุยดึ เหนี่ยว ลงไปในรูอย่าง
เหมาะสมและถูกต้องตามข้อกําหนดต่างๆทีร่ ะบุไว้ตามรายการประกอบแบบ แล้วจึงนําเหล็กข้ออ้อยทีม่ ขี นาดและความยาว
ตามรูปแบบกําหนด สําหรับเสริมโครงสร้างยึดรัง้ หรือตามการออกแบบคํานวณแก้ไขใหม่ให้ได้ตามวัตถุประสงค์ความ
แข็งแรงซึง่ อาจเป็ นกรณีทร่ี ปู แบบกําหนดไว้ให้ดาํ เนินการให้เป็ นไปตามรูปแบบกําหนด หรือโดยการตรวจสอบสภาพพืน้ ที่
ก่อสร้างจําเป็ นต้องดําเนินการเป็ นกรณีพเิ ศษและถือเป็ นงานเพิม่ เติมเพื่อแก้ปญั หาการเจาะสํารวจดินใหม่ การเกราท์ เป็ น
ต้น เพื่อให้การก่อสร้างให้ได้ความมันคงแข็่ งแรง
1.1 การดําเนินการ
ผูร้ บั จ้างต้องก่อสร้างเสริมความยึดรัง้ ให้กบั ฐานรากของอาคารทีต่ งั ้ อยู่บนหน้าผาหินบนไหล่เขาหรือ บนภูเขา
ตามหลักวิศวกรรมควบคุมโดยวิศวกร โดยการดําเนินการต้องคํานึงถึงการเคลื่อนตัวตัวขององค์อาคารอย่างระมัดระวัง และ
ต้องใช้แรงงานทีม่ ฝี ีมอื และความชํานาญในการติดตัง้ การเสริมงานยึดรัง้ ฐานรากเพื่อให้ได้งานทีด่ ี มันคงแข็
่ งแรง และผูร้ บั
จ้างต้องได้รบั อนุมตั วิ ธิ กี ารทํางาน การอนุมตั ิ SHOP DRAWING จากวิศวกรผูค้ วบคุมงานก่อนจึงจะก่อสร้างได้
1.2 การเตรียมการ
ก่อนการวางฐานรากแผ่บนพืน้ หินผานัน้ ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการเจาะสํารวจชัน้ หินในบริเวณนัน้ แล้วนําวัสดุ
ตัวอย่างมาวิเคราะห์เพื่อหาผลทดสอบทีแ่ สดงรายละเอียดต่างๆอย่างครบถ้วนและถูกต้อง เพื่อสามารถนํามาประกอบการ
วางแผนงานควบคุมการก่อสร้างได้อย่างชัดเจน ซึง่ หากพบว่าชัน้ หินไม่มคี ุณสมบัตดิ พี อทีจ่ ะใช้รองรับฐานรากแผ่ตามที่
ออกแบบไว้ได้ การ Groutingในบริเวณนัน้ ทีม่ ากกว่ารูปแบบกําหนดไว้และจําเป็ นต้องดําเนินการให้อยูใ่ นวัตถุประสงค์
ของงานตามรายการประกอบแบบนี้แล้ว โดยผูร้ บั จ้างและผูว้ ่าจ้างต้องตกลงงานลดเพิม่ เป็ นกรณีตามข้อเท็จจริง และเป็ น
อํานาจของกรรมการตรวจการจ้างในการพิจารณาโดยถือเป็ นสิน้ สุด
1.3 การขออนุมตั กิ ่อนดําเนินการ
ก่อนการดําเนินการ ให้ผรู้ บั จ้างต้องขออนุมตั แิ ละนําส่งเอกสารประกอบต่อผูว้ ่าจ้าง ผ่านผูค้ วบคุมงานดังนี้
- รูปแบบสํารวจสถานทีท่ ต่ี อ้ งดําเนินการ
- SHOP DRAWING และวิธกี ารทํางาน
- รายงานผลการเจาะทดสอบดิน ตําแหน่งละ 1 จุด
- รายละเอียดผลิตภัณฑ์วสั ดุสาํ หรับ ยึดเกาะ grount และวัสดุอ่นื ๆ ทีต่ อ้ งใช้เพื่อการทํางานนี้
จบหมวดที่ 15
หมวดที่ 16
งานแบบหล่อ
1. ทัวไป
่
1.1 แบบหล่อ
ผูร้ บั จ้างต้องก่อสร้างแบบหล่อตามหลักวิศวกรรมควบคุมโดยวิศวกร โดยการคํานวณออกแบบต้องคํานึงถึงการโก่ง
ตัวขององค์อาคารอย่างระมัดระวัง และต้องใช้แรงงานทีม่ ฝี ีมอื และความชํานาญในการติดตัง้ แบบหล่อเพื่อให้ได้ผวิ คอนกรีต
ทีด่ ี มีขนาดตามระบุในแบบ ในกรณีทแ่ี บบหล่อสูงเกิน 60 เซนติเมตร ผูร้ บั จ้างต้องได้รบั อนุมตั จิ ากวิศวกรผูค้ วบคุมงานก่อน
จึงจะก่อสร้างได้
1.2 คํ้ายัน
1.2.1 การต่อหรือวิธกี ารคํ้ายันซึง่ ได้จดทะเบียนสิทธิบตั รไว้ ผูร้ บั จ้างจะต้องปฏิบตั ติ ามข้อแนะนําของผูผ้ ลิต
อย่างเคร่งครัดเรื่องการยึดโยง และการรับนํ้าหนักปลอดภัยสําหรับความยาวระหว่างทีย่ ดึ ของคํ้ายัน
1.2.2 ผูร้ บั จ้างต้องคํานวณออกแบบรอยต่อ ให้ตา้ นทานการโก่ง และการดันเช่นเดียวกับองค์อาคารทีร่ บั
แรงอื่นๆ วัสดุทใ่ี ช้ต่อคํ้ายันจะต้องไม่สนั ้ กว่าหนึ่งเมตร
1.2.3 การต่อทาบ ห้ามต่อในสนามเกินกว่าอันสลับอันสําหรับคํ้ายันใต้แผ่นพืน้ หรือไม่เกินทุกๆ สามอัน
สําหรับคํ้ายันใต้คาน และไม่ควรต่อคํ้ายันเกินกว่าหนึ่งแห่งนอกจากจะมีการยึดทะแยงทีจ่ ุดต่อทุกแห่ง
และจะต้องกระจายให้ทวสมํ ั ่ ่าเสมอเท่าทีจ่ ะทําได้ รอยต่อต้องไม่อยู่ใกล้กบั กึง่ กลางของตัวคํ้ายันโดย
ไม่มี ทีย่ ดึ ด้านข้าง หรือกึง่ กลางระหว่างจุดยึดด้านข้าง ทัง้ นี้เพื่อป้องกันการโก่ง
1.3 การยึดทะแยง
ผูร้ บั จ้างต้องคํานวณออกแบบให้ถ่ายแรงทางข้างลงสูพ่ น้ื ดินในลักษณะปลอดภัยตลอดเวลา และต้องจัดให้มกี ารยึด
ทะแยงทัง้ ในระนาบดิง่ และระนาบราบตามต้องการเพื่อให้มสี ติฟเนสสูง และเพื่อป้องกันการโก่งขององค์อาคารเดีย่ วๆ
1.4 การทรุดตัว
แบบหล่อต้องสร้างให้สามารถปรับระดับทางแนวดิง่ ได้ เพื่อเป็ นการชดเชยกับการทรุดตัวทีอ่ าจเกิดขึน้ และเพื่อให้
เกิดการทรุดตัวน้อยทีส่ ดุ เมื่อรับนํ้าหนักเต็มที่ ในกรณีทใ่ี ช้ไม้ตอ้ งพยายามให้มจี าํ นวนรอยต่อทางแนวราบน้อยทีส่ ุด
โดยเฉพาะจํานวนรอยต่อซึง่ แนวเสีย้ นบรรจบบนแนวเสีย้ นด้านข้าง อาจใช้ลมิ่ สอดทีย่ อดหรือก้นของคํ้ายันอย่างใดอย่าง
หนึ่ง แต่จะใช้สองปลายไม่ได้ เพือ่ ให้สามารถปรับแก้การทรุดตัวทีไ่ ม่สมํ่าเสมอ ทางแนวดิง่ ได้ หรือเพื่อสะดวกในการถอด
แบบ
2. รูปแบบทีใ่ ช้สร้าง (SHOP DRAWING)
2.1 การอนุมตั โิ ดยวิศวกร
ในกรณีทก่ี าํ หนดไว้ก่อนทีจ่ ะลงมือสร้างแบบหล่อ ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งรูปแบบทีใ่ ช้สร้างแสดงรายละเอียดของงานแบบ
หล่อเพื่อให้วศิ วกรผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้างอนุมตั กิ ่อน หากรูปแบบดังกล่าวไม่เป็ นทีพ่ อใจของวิศวกรผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้าง ผูร้ บั จ้างจะต้อง
จัดการแก้ไขตามทีก่ าํ หนดให้เสร็จก่อนทีจ่ ะเริม่ งาน การทีว่ ศิ วกรผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้างอนุมตั ใิ นรูปแบบทีเ่ สนอหรือแก้ไขมาแล้วมิได้
หมายความว่า ผูร้ บั จ้างจะหมดความรับผิดชอบทีจ่ ะต้องทําการก่อสร้างให้ดแี ละดูแลรักษาให้แบบหล่ออยู่ในสภาพทีใ่ ช้งาน
ได้ดตี ลอดเวลา ในการนําเสนอรูปแบบและรายการคํานวณนี้ผรู้ บั จ้างจะต้องมีวศิ วกรโยธาระดับสามัญวิศวกรเป็ นผูค้ าํ นวณ
และลงนามรับรองการออกแบบ
2.2 สมมุตฐิ านในการคํานวณออกแบบ
ในรูปแบบทีใ่ ช้สร้างจะต้องแสดงค่าต่างๆ ทีส่ าํ คัญ ตลอดจนสภาพการบรรทุกนํ้าหนัก นํ้าหนักบรรทุกจร อัตรา
หมวดที่ 17
งานเหล็กเสริมคอนกรีต
1. ทัวไป
่
1.1 ข้อกําหนดในหมวดนี้ครอบคลุมถึงงานทัวไปเกี ่ ย่ วกับการจัดหา การตัด การดัด และการเรียงเหล็กเสริมตาม
ชนิดและขัน้ ตอนทีร่ ะบุไว้ในรูปแบบและรายการประกอบแบบ งานทีท่ าํ จะต้องตรงตามบทกําหนดและ
คําแนะนําของวิศวกรอย่างเคร่งครัด
1.2 รายละเอียดเกีย่ วกับเหล็กเสริมคอนกรีต ซึง่ มิได้ระบุในรูปแบบและรายการประกอบแบบนี้ ให้ถอื ปฏิบตั ติ าม
มาตรฐานงานเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทางกรมโยธาธิการ (มยธ.103-2533) โดยสามารถดาวน์โหลดได้ท่ี
www.dpt.go.th หรือ WEB SITE อื่นทีห่ น่วยงานราชการเผยแพร่5
2. วัสดุ
2.1 เหล็กทีใ่ ช้เสริมคอนกรีตจะต้องตรงตามเกณฑ์กาํ หนดของสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรม ทัง้
ขนาด นํ้าหนัก และคุณสมบัตอิ น่ื ๆ
2.2 เหล็กขนาด 6 และ 9 มิลลิเมตร ให้ใช้เหล็กเส้นกลมธรรมดา ชัน้ คุณภาพ SR24 ตามมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต:เหล็กเส้นกลม (มอก.20-2543) โดยมีจุดคลากไม่น้อยกว่า
2400 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
2.3 สําหรับเหล็กขนาดตัง้ แต่ 12 มิลลิเมตร ขึน้ ไปให้ใช้เหล็กข้ออ้อย ชัน้ คุณภาพ SD30 ตามมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต:เหล็กข้ออ้อย (มอก.24-2548) โดยมีจุดคลากไม่น้อยกว่า
3000 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร (ในกรณีทร่ี ปู แบบมิได้กาํ หนดเป็ นอย่างอื่น)
2.4 กรณีผรู้ บั จ้างประสงค์จะใช้เหล็กชัน้ คุณภาพ SD 40 – 50
วิศวกร ผ่านผูค้ วบคุมงานภายใต้การอนุมตั ขิ องกรรมการตรวจการจ้าง โดยนําเสนอรายการ
คํานวณทางวิศวกรรมประกอบการพิจารณาเป็ นกรณีไป
2.5 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดส่งตัวอย่างเหล็กเสริมไปทดสอบยังสถาบันทีเ่ ชื่อถือได้ และผูร้ บั จ้างต้องเป็ นผูอ้ อก
ค่าใช้จ่ายทัง้ หมดในการทดสอบและอื่นๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง รายงานผลการทดสอบให้จดั ส่งสําเนารวม 3 ชุด
3. การเก็บรักษาเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต
จะต้องเก็บเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตไว้เหนือพืน้ ดินและอยู่ในอาคาร หรือทําหลังคาคลุม หรือมีวสั ดุคลุม เมื่อจัดเรียง
เหล็กเส้นเข้าทีพ่ ร้อมจะเทคอนกรีตแล้ว เหล็กนัน้ จะต้องสะอาดปราศจากฝุน่ นํ้ามันสี สนิมขุม และสะเก็ด
4. วิธกี ารก่อสร้าง
4.1 การตัดและประกอบ
4.1.1 เหล็กเสริมจะต้องมีขนาดและรูปร่างตรงตามทีก่ าํ หนดในรูปแบบ และในการตัดและดัดต้องไม่ทาํ ให้
เหล็กชํารุดเสียหาย
4.1.2 ข้องอ หากในแบบไม่ได้ระบุถงึ รัศมีของการงอเหล็ก ให้งอตามเกณฑ์กาํ หนดต่อไปนี้
(1) การงอขอให้ใช้วธิ ดี ดั เย็น โดยมีสว่ นทีย่ ่นื ต่อออกไปอย่างน้อย 4 เท่าของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็ก
กลม และ 5 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางเหล็กข้ออ้อย แต่ระยะยื่นนี้ตอ้ งไม่น้อยกว่า 6 เซนติเมตร
5
www.dpt.go.th
(3) เฉพาะเหล็กลูกตัง้ และเหล็กปลอก การงอขอ 90 องศา ให้มสี ว่ นทีย่ ่นื ถึงปลายขออย่างน้อย 6 เท่าของเส้น
ผ่านศูนย์กลางของเหล็กแต่ตอ้ งไม่น้อยกว่า 4 เซนติเมตร และการงอขอ 135 องศา ให้มสี ว่ นทีย่ น่ื ถึงปลายขออย่างน้อย 4
เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กแต่ตอ้ งไม่น้อยกว่า 3 เซนติเมตร ดังรูป
กรณีเสามีหน้าตัดไม่เท่ากันศูนย์ตรงกัน
กรณีเสามีหน้าตัดไม่เท่ากันศูนย์เยือ้ งกัน
(6) การเสริมเหล็กคานยื่น
4.2 การเรียงเหล็กเสริม
4.2.1 ก่อนเรียงเข้าที่ จะต้องทําความสะอาดเหล็กมิให้มสี นิมขุม สะเก็ด และวัสดุเคลือบต่างๆ ทีจ่ ะทําให้
การยึดหน่วงเสียไป
4.2.2 จะต้องเรียงเหล็กเสริมอย่างประณีตให้อยู่ในตําแหน่งทีถ่ ูกต้องพอดี และผูกยึดให้แน่นหนาระหว่างเท
คอนกรีต หากจําเป็ นก็อาจใช้เหล็กเสริมพิเศษช่วยในการติดตัง้ ได้
4.2.3 ทีจ่ ุดตัดกันของเหล็กเส้นทุกแห่งจะต้องผูกให้แน่นด้วยลวดเหล็กเบอร์ 18 SWG (ANNEALED IRON
WIRE) โดยพันสองรอบและพับปลายลวดเข้าในส่วนทีจ่ ะเป็ นเนื้อคอนกรีตภายใน
4.2.4 ให้รกั ษาระยะห่างระหว่างแบบกับเหล็กเสริมให้ถูกต้อง โดยใช้เหล็กแขวนก้อนมอร์ตา้ หรือวิธอี ่นื ใด
ซึง่ วิศวกรให้ความเห็นชอบแล้ว ก้อนมอร์ตา้ ให้ใช้สว่ นผสมซีเมนต์ 1 ส่วน ต่อทรายทีใ่ ช้ผสมคอนกรีต
1 ส่วน
4.2.5 หลังจากผูกเหล็กเสร็จแล้วจะต้องให้วศิ วกรตรวจก่อนเทคอนกรีตทุกครัง้ หากผูกทิง้ ไว้นานเกินควร
จะต้องทําความสะอาดและให้วศิ วกรตรวจอีกครัง้ ก่อนเทคอนกรีต
5. การต่อเหล็กเสริม
5.1 ในกรณีทม่ี คี วามจําเป็ นต้องต่อเหล็กเสริมนอกจุดทีก่ าํ หนดในรูปแบบ หรือทีร่ ะบุในตารางที่ 2 ทัง้ ตําแหน่ง
และวิธตี ่อจะต้องได้รบั ความเห็นชอบจากวิศวกร
5.2 ในรอยต่อแบบทาบ ระยะทาบต้องไม่น้อยกว่า 48 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเส้น ในกรณีของ
เหล็กเส้นกลมธรรมดา และ 36 เท่าสําหรับเหล็กข้ออ้อย แล้วให้ผกู มัดด้วยลวดเหล็กเบอร์ 18 SWG
5.3 สําหรับเหล็กเสริมทีโ่ ผล่ทง้ิ ไว้เพือ่ จะเชื่อมต่อกับเหล็กของส่วนทีจ่ ะต่อเติมภายหลัง จะต้องหาทางป้องกันมิให้
เสียหาย และผุกร่อน
5.4 การต่อเหล็กเสริมโดยวิธเี ชื่อม จะต้องให้กาํ ลังของรอยเชื่อมไม่น้อยกว่าร้อยละ 125 ของกําลังของเหล็กเสริม
นัน้ ก่อนเริม่ งานเหล็กจะต้องทําการทดสอบกําลังรอยต่อเชื่อมโดยสถาบันทีเ่ ชื่อถือได้ และผูร้ บั จ้างเป็ นผูอ้ อก
ค่าใช้จ่าย ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งสําเนาผลการทดสอบอย่างน้อย 3 ชุดไปยังสํานักงานวิศวกร
5.5 ณ หน้าตัดใดๆ จะมีรอยต่อของเหล็กเสริมเกินร้อยละ 25 ของจํานวนเหล็กเสริมทัง้ หมดไม่ได้
5.6 รอยต่อทุกแห่งจะต้องได้รบั การตรวจและอนุมตั โิ ดยวิศวกรก่อนเทคอนกรีต รอยต่อซึง่ ไม่ได้รบั การอนุมตั ใิ ห้
ถือว่าเป็ นรอยต่อเสีย อาจถูกห้ามใช้กไ็ ด้
ตารางที่ 2 รอยต่อในเหล็กเสริม
ชนิดขององค์อาคาร ชนิดของการต่อ ตําแหน่งของรอยต่อ
ต่อทาบ ต่อเชื่อม เหล็กบนต่อทีก่ ลางคาน
แผ่นพืน้ คาน และผนัง (สําหรับเหล็กเส้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง เหล็กล่างต่อทีห่ น้าเสาถึงระยะ 1/5
มากกว่า 19 มิลลิเมตร) จากศูนย์กลางเสา
ต่อเชื่อม เหนือระดับพืน้ ไม่เกินหนึ่งเมตร
เสา (สําหรับเหล็กเส้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
มากกว่า 19 มิลลิเมตร)
ฐานราก ห้ามต่อ
6. การเชื่อมต่อเหล็กด้วยไฟฟ้า
6.1 ลวดเชื่อมและกระแสไฟฟ้าทีใ่ ช้
6.1.1 ลวดเชื่อมทีน่ ํามาใช้เชื่อม ให้ใช้ลวดเชื่อมทีม่ คี ุณสมบัตเิ ป็ นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
ลวดเชื่อมมีสารพอกหุม้ ใช้เชื่อมเหล็กกล้าละมุนด้วยอาร์ก (มอก.49-2528)
6.1.2 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลวดเชือ่ ม และกระแสไฟฟ้าทีใ่ ช้เชื่อมจะต้องเป็ นไปตามบริษทั ผูผ้ ลิตลวด
เชื่อมนัน้ ๆ กําหนดไว้
6.2 การต่อเหล็กเส้นกลมและเหล็กข้ออ้อย
6.2.1 การเชื่อมต่อต้องเป็ นไปตามแบบทีก่ าํ หนดไว้ให้แบบใดแบบหนึ่ง
6.2.2 ตําแหน่งการต่อเหล็กต้องไม่ต่อ ณ จุดทีเ่ หล็กงอ รอยต่อจะอยู่ห่างจากจุดทีเ่ หล็กงออย่างน้อย 50 เท่า
ของเส้นผ่านศูนย์กลางเหล็กเส้นนัน้
6.2.3 การต่อเหล็กให้ต่อ ณ ตําแหน่งทีเ่ หล็กรับแรงน้อยทีส่ ดุ ในกรณีทไ่ี ม่สามารถต่อเหล็ก ณ จุดทีก่ าํ หนด
ดังกล่าวได้ ให้เสริมเหล็กมากขึน้ จากเดิมเป็ นสองเท่า ในระยะห่างจากปลายของเหล็กทีเ่ ชื่อมแต่ละ
ปลายออกไปอย่างน้อย 15 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเส้นนัน้
6.3 รูปแบบของการต่อเหล็กกลมและเหล็กข้ออ้อย
6.4 การดําเนินการเชื่อม
6.4.1 เหล็กทีน่ ํามาเชื่อมจะต้องตัดปลายแล้ววางให้ได้รปู ตามทีไ่ ด้กาํ หนดไว้ในข้อ 6.3
6.4.2 บริเวณปลายเหล็กทีต่ ดั ก่อนทีจ่ ะนํามาเชื่อมจะต้องขัดให้เรียบและสะอาดปราศจากฝุน่ สีน้ํามัน
6.4.3 เหล็กเส้นทีจ่ ะนํามาเชื่อมต่อกันจะต้องวางให้ได้แนวเส้นผ่านศูนย์กลางของกันและกัน ขณะทีท่ าํ การ
เชื่อม ควรวางอยูบ่ นทีร่ องรับยาวประมาณข้างละ 1 เมตร ห่างจากจุดทีจ่ ะเชื่อมต่อ
6.4.4 การเชื่อมจะต้องเชื่อมเป็ นชัน้ ๆ หรือเป็ นแนวๆ ตามลําดับ เมื่อเชื่อมเสร็จแต่ละชัน้ หรือแต่ละแนวการ
เชื่อมขัน้ ต่อไปจะต้องเคาะขีเ้ หล็กออกให้หมดทุกครัง้ แล้วแปรงให้สะอาดเสียก่อน
6.4.5 ระหว่างการเชื่อมแต่ละแนวให้ปล่อยทิง้ ไว้ในอากาศนิ่งจนอุณหภูมลิ ดลงตํ่ากว่า 250 องศาเซียลเซส
โดยการวัดทีผ่ วิ ตรงจุดกึง่ กลางความยาวของแนวเชื่อม ห้ามกระทําการใดๆ เพื่อทีจ่ ะเร่งให้อุณหภูมิ
ลดลง
จบหมวดที่ 17
หมวดที่ 18
งานเหล็กรูปพรรณ
1. ทัวไป
่
1.1 บทกําหนดส่วนนี้คลุมถึงเหล็กรูปพรรณทุกชนิด
1.2 รายละเอียดเกีย่ วกับเหล็กรูปพรรณ ซึง่ มิได้ระบุในแบบและบทกําหนดนี้ ให้ถอื ปฏิบตั ติ าม “มาตรฐานสําหรับ
อาคารเหล็กรูปพรรณ” ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ทุกประการ
2. วัสดุ
เหล็กรูปพรรณทัง้ หมดจะต้องมีคุณสมบัตสิ อดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (มอก.1227-2539) หรือ ASTM หรือ JIS ทีเ่ หมาะสมชัน้ คุณภาพ SM400
ผลิตภัณฑ์ของ บจก.เหล็กสยามยามาโต๊ะ หรือคุณภาพเทียบเท่า
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึน้ รูปเย็น (มอก.1228-2549) หรือ ASTM หรือ JIS ทีเ่ หมาะสม
3. การกองเก็บวัสดุ
การเก็บเหล็กรูปพรรณทัง้ ทีป่ ระกอบแล้วและยังไม่ได้ประกอบ จะต้องจัดเก็บไว้เหนือพืน้ ดิน โดยต้องรักษาเหล็กให้
ปราศจากฝุน่ ไขมัน หรือสิง่ แปลกปลอมอื่นๆ และต้องระวังรักษาอย่าให้เหล็กเป็ นสนิม
4. การประกอบและยกติดตัง้
ก่อนทําการประกอบเหล็กรูปพรรณทุกชิน้ ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งรูปแบบขยาย (SHOP DRAWING) ต่อผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้าง
เพื่อรับความเห็นชอบ โดยรูปแบบต้องแสดงรายละเอียดเกีย่ วกับการตัดต่อ การประกอบ รูสลักเกลียว รอยเชื่อม และ
รอยต่อทีจ่ ะกระทําในโรงงาน รวมถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ทีใ่ ช้จะต้องเป็ นไปตามมาตรฐานสากล และเสนอวิธกี ารยกติดตัง้
ตลอดจนการยึดโยงชัวคราว่
กรณีในรูปแบบกําหนดให้นําเหล็กรูปพรรณมาเปลีย่ นแปลงรูปร่างเป็ นคานหรือเสา หรือโครงสร้างเหล็กรูปร่างอื่น
เป็ นเหล็กชนิด เซลล์ลลู ่าร์บมี ( Cellular Beam ) ทีใ่ ห้เกิดนวัตกรรมใหม่ โดยมีช่องเปิ ดทีม่ ลี กั ษณะโค้งรูปวงกลม หรือ
รูปทรงอื่นๆ เรียงเป็ นระยะบนเหล็กชิน้ งานโดยทัวไป ่ ในกรณีเสาหรือคานเมื่อทําการตัดเป็ นแนว แล้วเทินเหล็กเชื่อมกัน
ใหม่ อันทําให้ได้ผลลัพธ์ของรูปตัดความลึกของคานเพิม่ ขึน้ 40 -60 % นัน้ ข้อกําหนดวัสดุให้เป็นไปมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเดิม และให้นําส่งรายการคํานวณการออกแบบ พร้อมวิศวกรลงนามรับรอง พร้อมนําส่งผล
ทดสอบ จากสถาบัน AIT หรือหน่วยงานราชการทีผ่ วู้ ่าจ้างเชื่อถือด้วย
5. การต่อและประกอบในสนาม
5.1 ให้ปฏิบตั ติ ามทีร่ ะบุในแบบขยาย และคําแนะนําในการยกติดตัง้ โดยเคร่งครัด
5.2 ค่าผิดพลาดทีย่ อมให้ ให้ถอื ปฏิบตั ติ ามมาตรฐานสากล
5.3 จะต้องทํานังร้ ่ านคํ้ายัน ยึดโยง ฯลฯ ให้พอเพียงเพื่อยึดโครงสร้างให้แน่นหนาอยู่ในแนวและตําแหน่งที่
ต้องการ เพื่อความปลอดภัยต่อผูป้ ฏิบตั งิ านจนกว่างานประกอบจะเสร็จเรียบร้อยและแข็งแรงดีแล้ว
5.4 หมุดให้ใช้สาํ หรับยึดชิน้ ส่วนต่างๆ เข้าหากันโดยไม่ให้เหล็ก (โลหะ) เกิดการบิดเบีย้ วชํารุดเท่านัน้
5.5 ห้ามใช้วธิ ตี ดั ด้วยแก๊สเป็ นอันขาด นอกจากจะได้รบั อนุมตั จิ ากวิศวกร
5.6 สลักเกลียวยึดและสมอให้ตงั ้ โดยใช้แบบนําเท่านัน้
5.7 ช่องเปิ ดอื่นๆ เหนือจากรูสลักเกลียวจะต้องเสริมแหวนเหล็กซึง่ มีความหนาไม่น้อยกว่าความหนาขององค์
อาคารทีเ่ สริมนัน้ รูหรือช่องเปิ ดภายในของแหวนจะต้องเท่ากับช่องเปิ ดขององค์อาคารทีเ่ สริมนัน้
5.8 แผ่นรองรับ
จบหมวดที่ 18
หมวดที่ 19
งานคอนกรีต
1. ทัวไป
่
1.1 งานคอนกรีตในทีน่ ้หี มายรวมถึงงานคอนกรีตสําหรับโครงสร้าง ซึง่ ต้องเสร็จสมบูรณ์และเป็ นไปตามรูปแบบ
บทกําหนด ข้อกําหนด และสภาพต่างๆ ของสัญญาอย่างเคร่งครัด
1.2 หากมิได้ระบุในรูปแบบและ/หรือบทกําหนดนี้ รายละเอียดต่างๆ เกีย่ วกับองค์อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก และ
งานคอนกรีตทัง้ หมดให้เป็ นไปตามมาตรฐานงานก่อสร้างคอนกรีตของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย หรือ
กรมโยธาธิการ
2. วัสดุ
วัสดุต่างๆ ทีเ่ ป็ นส่วนผสมของคอนกรีตต้องเป็ นไปตามบทกําหนดและเกณฑ์อ่นื ๆ ดังนี้ คือ
2.1 ปูนซีเมนต์ จะต้องเป็ นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ (มอก.15 เล่ม 1-
2547) ชนิดทีเ่ หมาะสมกับงาน และต้องเป็ นปูนซีเมนต์ทแ่ี ห้งไม่จบั ตัวเป็ นก้อน
2.2 นํ้าทีใ่ ช้ผสมคอนกรีตจะต้องสะอาด ใช้ดม่ื ได้
2.3 มวลรวมทีใ่ ช้สาํ หรับคอนกรีตจะแข็งแกร่ง มีความคงตัว เฉื่อย ไม่ทาํ ปฏิกริ ยิ ากับด่างในปูนซีเมนต์
มวลรวมหยาบและมวลรวมละเอียดให้ถอื เป็ นวัสดุคนละอย่าง มวลรวมหยาบแต่ละขนาด หรือหลายขนาด
ผสมกันจะต้องมีสว่ นขนาดคละตามเกณฑ์กาํ หนดของข้อกําหนด ASTM ทีเ่ หมาะสม
2.4 สารผสมเพิม่ สําหรับคอนกรีตส่วนทีม่ ใิ ช่ฐานรากทัง้ หมดให้ใช้สารผสมเพิม่ ชนิดเพิม่ ความสามารถได้ ส่วนที่
เป็ นโครงสร้างห้องใต้ดนิ ทัง้ หมดให้ผสมตัวยากันนํ้าซึมชนิดทนแรงและกันนํ้าได้ โดยใช้ตามคําแนะนําของ
ผูผ้ ลิตอย่างเคร่งครัด นอกจากทีก่ ล่าวนี้หา้ มใช้สารผสมเพิม่ ชนิดอื่นหรือปูนซีเมนต์ทผ่ี สมสารเหล่านัน้
นอกจากจะได้รบั อนุมตั จิ ากวิศวกรก่อน
3. การกองเก็บวัสดุ
3.1 ให้เก็บปูนซีเมนต์ไว้ในอาคาร ถังเก็บ หรือไซโลทีป่ ้ องกันความชืน้ และความสกปรกได้ และในการส่งให้สง่ ใน
ปริมาณเพียงพอทีจ่ ะไม่ทาํ ให้งานคอนกรีตต้องชะงักหรือล่าช้าไม่ว่ากรณีใด จะต้องแยกวัสดุทส่ี ง่ มาแต่ละครัง้
ให้เป็ นสัดส่วนไม่ปะปนกัน
3.2 การส่งมวลรวมหยาบ ให้สง่ แยกขนาดไปยังสถานทีก่ ่อสร้าง นอกจากจะได้รบั อนุมตั จิ ากวิศวกรเป็ นอย่างอื่น
3.3 การกองมวลรวม ต้องกองในลักษณะทีจ่ ะป้องกันมิให้ปะปนกับมวลรวมกองอื่นซึง่ มีขนาดต่างกัน เพื่อให้
เป็ นไปตามนี้ อาจต้องทําการทดสอบสัดส่วนขนาดคละ ตลอดจนความสะอาดของมวลรวมว่าตรงตามเกณฑ์
กําหนดหรือไม่ โดยเก็บตัวอย่าง ณ ทีท่ าํ การผสมคอนกรีต
3.4 การเก็บสารผสมเพิม่ ต้องระวังอย่าให้เกิดการปนเปื้ อน การระเหย หรือเสือ่ มคุณภาพ สําหรับสารผสมเพิม่
ชนิดทีอ่ ยูใ่ นรูปสารลอยตัวหรือสารละลายทีไ่ ม่คงตัวจะต้องจัดหาอุปกรณ์สาํ หรับกวน เพื่อให้ตวั ยากระจาย
โดยสมํ่าเสมอ ถ้าเป็ นสารผสมเพิม่ ชนิดเหลวจะต้องป้องกันมิให้เกิดการเปลีย่ นแปลงอุณหภูมมิ ากนัก เพราะ
จะทําให้คุณสมบัตขิ องสารนัน้ เปลีย่ นแปลงได้
4. คุณสมบัตขิ องคอนกรีต
4.1 องค์ประกอบ คอนกรีตต้องประกอบด้วยปูนซีเมนต์ ทราย มวลรวมหยาบ นํ้า และสารผสมเพิม่ ตามแต่จะ
กําหนด ผสมให้เข้ากันเป็ นอย่างดีโดยมีความข้นเหลวทีพ่ อเหมาะ
ตารางที่ 1 ขนาดโตสุดของมวลรวมหยาบสําหรับงานคอนกรีตชนิดต่างๆ
ประเภทของโครงสร้าง ขนาดโตสุด (มิลลิเมตร)
คอนกรีตเสริมเหล็กทัวไป
่ 20 หรือ 25
คอนกรีตเสริมเหล็กทีม่ คี วามหนามากหรือ 40
คอนกรีตไม่เสริมเหล็ก
6
รายการกาลังอัดคอนกรีต หากมีขอ้ ขัดแย้งกันในรูปแบบให้ตรวจสอบจากรายการคานวณของวิศวกรผูอ้ อกแบบจากผูว้ ่าจ้าง และ
ถือเป็ นสิน้ สุด
ตารางที่ 2 ค่ายุบตัวคอนกรีต
ค่ายุบตัว (เซนติเมตร)
ประเภทของงาน
สูงสุด ตํ่าสุด
พืน้ ถนน 8.0 3.0
โครงสร้างทัวไป
่ 10.0 5.0
เสาหรือผนังบาง 12.5 7.5
โครงสร้างทีเ่ หล็กเสริมแน่น 15.0 10.0
5. การคํานวณออกแบบส่วนผสม
5.1 ห้ามมิให้นําคอนกรีตมาเทส่วนทีเ่ ป็ นโครงสร้างใดๆ จนกว่าส่วนผสมของคอนกรีตทีจ่ ะนํามาใช้นนั ้ ได้รบั ความ
เห็นชอบจากวิศวกร ผูค้ วบคุมงาน หรือผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้างแล้ว
5.2 ก่อนเทคอนกรีตอย่างน้อย 35 วัน ผูร้ บั จ้างจะต้องเตรียมส่วนผสมคอนกรีตต่างๆ ในห้องปฏิบตั กิ ารเพื่อให้
วิศวกร ผูค้ วบคุมงาน หรือผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้าง ตรวจให้ความเห็นชอบก่อน
5.3 การทีว่ ศิ วกรให้ความเห็นชอบต่อส่วนผสมทีเ่ สนอมาหรือทีแ่ ก้ไข (หากมี) นัน้ มิได้หมายความว่าจะลดความ
รับผิดชอบของผูร้ บั จ้างทีม่ ตี ่อคุณสมบัตขิ องคอนกรีตทีไ่ ด้จากส่วนผสมนัน้
5.4 การจัดปฏิภาคส่วนผสม
5.4.1 หาอัตราส่วน นํ้า : ซีเมนต์ ทีเ่ หมาะสมโดยการทดลองขัน้ ตอนตามวิธกี ารต่อไปนี้
(1) ทดลองทําส่วนผสมคอนกรีตทีม่ อี ตั ราส่วนและความข้นเหลวทีเ่ หมาะสมกับงาน โดยเปลีย่ นอัตราส่วน นํ้า : ซีเมนต์
อย่างน้อย 3 ค่า ซึง่ จะให้กาํ ลังต่างๆ กัน โดยอยู่ในขอบข่ายของค่าทีก่ าํ หนดสําหรับงานนี้ และต้องคํานวณออกแบบ
สําหรับค่าการยุบสูงสุดเท่าทีย่ อมให้
(2) จากนัน้ หาปฏิภาคของวัสดุผสม แล้วทําการทดสอบตาม “มาตรฐานวิธปี ฏิบตั ใิ นการเลือกปฏิภาคส่วนผสมสําหรับ
คอนกรีต” (ACI 211.1)
5.4.2 นําผลทีไ่ ด้จากการทดสอบไปเขียนเป็ นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วน นํ้า : ซีเมนต์
5.4.3 สําหรับอัตราส่วน นํ้า : ซีเมนต์ แต่ละค่าให้หล่อชิน้ ตัวอย่างอย่างน้อย 3 ชิน้ สําหรับแต่ละอายุ เพื่อ
นําไปทดสอบ โดยเตรียมและบ่มตัวอย่างตาม “มาตรฐานวิธกี ารทําและบ่มตัวอย่างคอนกรีตใน
ห้องปฏิบตั กิ าร” (ASTM C192) และทดสอบทีอ่ ายุ 7 และ 28 วัน การทดสอบให้ปฏิบตั ติ าม
“มาตรฐานวิธกี ารทดสอบกําลังอัดของตัวอย่างคอนกรีตแท่งทรงกระบอก” (ASTM C39)
7
กฎกระทรวง ฉบับที่ 60 (พ.ศ.2549) ออกตามความในพระราชบัญญัตคิ วบคุมอาคาร พ.ศ.2522
7.3 การเทคอนกรีต
7.3.1 ผูร้ บั จ้างจะเทคอนกรีตส่วนหนึ่งส่วนใดของโครงสร้างยังมิได้จนกว่าจะได้รบั อนุมตั จิ ากวิศวกร ผู้
ควบคุมงาน หรือผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้างเรียบร้อยแล้ว และเมื่อได้รบั อนุมตั แิ ล้วถ้าผูร้ บั จ้างยังไม่เริม่ เท
คอนกรีตภายใน 24 ชัวโมง ่ จะต้องได้รบั อนุมตั จิ ากวิศวกร ผูค้ วบคุมงาน หรือผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้างอีกครัง้ จึง
จะเทได้
7.3.2 การเทคอนกรีตจะต้องกระทําต่อเนื่องกันตลอดทัง้ พืน้ ที่ รอยต่อขณะก่อสร้างจะต้องอยูท่ ต่ี ําแหน่งซึง่
กําหนดไว้ในแบบ หรือได้รบั ความเห็นชอบแล้ว การเทคอนกรีตจะต้องกระทําในอัตราทีค่ อนกรีตซึง่
เทไปแล้วจะต่อกับคอนกรีตทีจ่ ะเทใหม่ยงั คงสภาพเหลวพอทีจ่ ะเทต่อกันได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ
ห้ามมิให้เทคอนกรีตต่อกับคอนกรีตซึง่ เทไว้แล้วเกิน 30 นาที แต่จะต้องทิง้ ไว้ประมาณ 20 ชัวโมง ่ จึง
จะเทต่อได้ เมื่อการเทคอนกรีตส่วนใดจะเทรวดเดียวเสร็จไม่ได้ ก็ให้หยุดเทโดยหยุดให้ตรงตามทีร่ ะบุ
ไว้ในรูปแบบและรายละเอียด หรือตามกําหนดดังนี้
(1) สําหรับเสาให้เทถึงระดับ 75 มิลลิเมตร ตํ่าจากท้องคานหัวเสา
(2) สําหรับคานให้เทถึงกลางคาน
(3) สําหรับพืน้ ให้เทถึงกลางแผ่น
เมื่อเทคอนกรีตต่อจากทีห่ ยุดไว้ให้กระเทาะหน้าคอนกรีตเก่า และใช้แปรงลวดขัด ราดนํ้าให้เปียก แล้วผสม
ปูนซีเมนต์และทรายในอัตราส่วนทีเ่ ท่ากันราดให้ทวหน้ ั ่ าคอนกรีตทีจ่ ะเทต่อแล้วจึงเทคอนกรีตต่อไปได้
7.3.3 ห้ามมิให้นําคอนกรีตทีแ่ ข็งตัวบ้างแล้วบางส่วนหรือแข็งตัวทัง้ หมด หรือทีม่ วี สั ดุแปลกปลอมมาเท
ปะปนกันเป็ นอันขาด
7.3.4 เมื่อเทคอนกรีตต้องเทภายใน 30 นาทีนบั ตัง้ แต่ปล่อยคอนกรีตออกจากเครื่องกวน และจะต้องอัด
คอนกรีตให้แน่นภายในเวลา 30 นาทีนบั ตัง้ แต่ปล่อยคอนกรีตออกจากเครื่องผสมนอกจากจะมีเครื่อง
กวนพิเศษสําหรับการนี้โดยเฉพาะหรือมีเครื่องผสมติดรถซึง่ จะกวนตลอดเวลา ในกรณีเช่นนัน้ ให้เพิม่
เวลาได้เป็ น 2 ชัวโมงนั ่ บตัง้ แต่บรรจุซเี มนต์เข้าเครื่องผสม
7.3.5 จะต้องเทคอนกรีตให้ใกล้ตําแหน่งสุดท้ายมากทีส่ ุดเท่าทีจ่ ะทําได้ เพื่อหลีกเลีย่ งการเกิดการแยกแยะ
อันเนื่องจากการโยกย้ายและการไหลตัวของคอนกรีต ต้องระวังอย่าให้วธิ กี ารใดๆ ทีจ่ ะทําให้คอนกรีต
เกิดการแยกแยะ ห้ามปล่อยคอนกรีตเข้าทีจ่ ากระยะสูงเกินกว่า 2 เมตร นอกจากจะได้รบั อนุมตั จิ าก
วิศวกร
7.3.6 การทําให้คอนกรีตแน่นให้ใช้วธิ สี นด้ ั ่ วยเครื่อง หรือกระทุง้ เพื่อให้คอนกรีตหุม้ เหล็กเสริม และเข้าไปอัด
ตามมุมต่างๆ จนเต็ม โดยขจัดกระเปาะอากาศ และกระเปาะหิน อันจะทําให้คอนกรีตเป็ นโพรงเป็น
หลุมบ่อ หรือเกิดระนาบทีไ่ ม่แข็งแรงออกให้หมดสิน้ เครื่องสันจะต้ ่ องมีความถีอ่ ย่างน้อย 7000 รอบ
ต่อนาที และผูท้ ใ่ี ช้งานจะต้องมีความชํานาญเพียงพอ ห้ามมิให้ทาํ การสันคอนกรี ่ ตเกินขนาดและใช้
เครื่องสันเป็ ่ นตัวเขยือ้ นคอนกรีตให้เคลื่อนทีจ่ ากตําแหน่งหนึ่งไปยังอีกตําแหน่งหนึ่งภายในแบบหล่อ
เป็ นอันขาด ให้จุ่มและถอนเครื่องสันขึ ่ น้ ลงตรงๆ ทีห่ ลายๆ จุด ห่างกันประมาณ 50 เซนติเมตร ใน
การจุ่มแต่ละครัง้ จะต้องทิง้ ระยะเวลาให้เพียงพอทีจ่ ะทําให้คอนกรีตแน่นตัว แต่ตอ้ งไม่นานเกินไปจน
เป็ นเหตุให้เกิดการแยกแยะ โดยปกติจุดหนึ่งๆ ควรจุ่มอยู่ระหว่าง 5 ถึง 15 วินาที ในกรณีทห่ี น้าตัด
ของคอนกรีตบางเกินไปจนไม่อาจแหย่เครื่องสันลงไปได้ ่ กใ็ ห้ใช้เครื่องสันนั
่ น้ แนบกับข้างแบบ หรือใช้
วิธอี ่นื ทีไ่ ด้รบั การเห็นชอบแล้ว สําหรับองค์อาคารสูงๆ และหน้าตัดกว้าง เช่น เสาขนาดใหญ่ควรใช้
เครื่องสันชนิ ่ ดเกาะติดกับข้างแบบ แต่ทงั ้ นี้แบบหล่อต้องแข็งแรงพอทีจ่ ะสามารถรับความสันได้ ่ โดย
ข้อกําหนด
สําหรับฐานรากวางบนดิน (SOIL) b ไม่มากกว่า a/2
สําหรับฐานรากวางบนหิน (ROCK) b ไม่มากกว่า a
ข้อกําหนด
สําหรับฐานรากวางบนดิน (SOIL) a ไม่น้อยกว่า 1.00 เมตร
สําหรับฐานรากวางบนหิน (ROCK) a ไม่น้อยกว่า 0.75 เมตร
สําหรับฐานรากวางบนดิน (SOIL) และหิน (ROCK) b ไม่น้อยกว่า 0.30 เมตร
จบหมวดที่ 19
หมวดที่ 20
งานพืน้ คอนกรีตสาเร็จรูป
1. ทัวไป
่
1.1 หากระบุในรูปแบบให้ใช้พน้ื สําเร็จรูปแบบตันหรือท้องเรียบ (PLANKS) จะต้องมีคุณภาพมาตรฐาน
อุตสาหกรรมแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสําเร็จสําหรับระบบพืน้ คอนกรีต (มอก.576-2546) หากระบุ
ในแบบให้ใช้พน้ื สําเร็จรูปแบบ HOLLOW CORE จะต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรมชิน้ ส่วน
คอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสําเร็จสําหรับระบบพืน้ ประกอบ (มอก.828-2546) สามารถรับนํ้าหนักจรได้ไม่
น้อยกว่าตามทีร่ ะบุ ในรูปแบบ และเมื่อปูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องมีลกั ษณะท้องเรียบโดยสมํ่าเสมอ ไม่โก่ง
แตกต่างกันระหว่างแผ่นจนปรากฏเห็นชัดเจน
1.2 การเก็บกองแผ่นพืน้ สําเร็จรูป ควรใช้ไม้หมอนหนุนตรงจุดหูยกของแผ่นพืน้ สําเร็จรูป
1.3 กรณีรปู แบบกําหนดความยาวแผ่นพืน้ ทีไ่ ม่สอดคล้องกับมาตรฐาน มอก. ทีก่ าํ หนดไว้หรือไม่มผี ลิต
กําหนดให้ผรู้ บั จ้างนําเสนอคานซอยกลาง เพื่อให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์แผ่นพืน้ ตามขนาดทีม่ ี มอก. รับรองได้
เท่านัน้ ซึง่ ค่าใช้จ่ายทีเ่ กิดขึน้ ให้ถอื เป็ นภาระค่าใช้จ่ายของผูร้ บั จ้างด้วยแล้ว
2. วัสดุ
2.1 แผ่นพืน้ สําเร็จรูปท้องเรียบ ขนาดและลักษณะ การรับนํ้าหนัก ต้องเป็ นไปตามทีก่ าํ หนดในรูปแบบก่อสร้าง
2.2 แผ่นพืน้ สําเร็จรูปท้องเรียบทีม่ คี วามยาวพืน้ ตัง้ แต่ 3.00 เมตรขึน้ ไป ต้องมีแผ่นเหล็กเชื่อมข้าง (SHEAR
KEY)
2.3 คอนกรีตทับหน้า (TOPPING) หนา 50 มิลลิเมตร เสริมเหล็กตะแกรง ให้ยดึ ตามทีร่ ปู แบบกําหนด หากไม่
ระบุในรูปแบบ คอนกรีตทับหน้าให้ใช้อตั ราส่วนของ ปูนซีเมนต์ : ทราย : หิน เท่ากับ 1 : 2 : 4 และกําลังอัด
ของคอนกรีตไม่ต่ํากว่า 240 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
2.4 ก่อนการเทคอนกรีตทับหน้าต้องได้รบั อนุมตั จิ ากผูค้ วบคุมงานทุกครัง้
2.5 หลังจากเทคอนกรีตทับหน้าแล้วต้องบ่มคอนกรีตด้วยนํ้าติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 วัน
2.6 การถอดคํ้ายัน ถอดได้เมื่อคอนกรีตมีอายุครบ 7 วัน หรือตามทีว่ ศิ วกรผูอ้ อกแบบกําหนด
2.7 คานรับพืน้ สําเร็จรูปทีร่ ะดับหลังคานตํ่าเกินไป ไม่ควรใช้อฐิ ก่อเสริมปรับระดับ ควรปรับระดับด้วยปูนทราย
หรือเทคอนกรีตเสริมหลังคานโดยต้องเสริมเหล็กด้วย
3. การติดตัง้
3.1 การเรียงพืน้ สําเร็จรูปท้องเรียบบนคาน ทิศทางการวางต้องเป็ นไปตามรูปแบบ โดยให้สว่ นปลายวางบนคาน
อย่างน้อย 50 มิลลิเมตร หรือตามมาตรฐานของผูผ้ ลิต โดยได้รบั การอนุมตั จิ ากผูค้ วบคุมงาน
3.2 การคํ้ายันแผ่นพืน้ ความยาวแผ่นพืน้ ขนาดไม่เกิน 1.00 เมตร ไม่ตอ้ งคํ้ายัน ความยาวแผ่นพืน้ ขนาด 1.00 –
3.00 เมตร คํ้ายัน 1 จุด ทีก่ ง่ึ กลาง ความยาวแผ่นพืน้ ขนาดตัง้ แต่ 3.00 เมตรขึน้ ไป คํ้ายัน 2 จุด ทีร่ ะยะ 1/3
ของความยาวพืน้ และสามารถใช้ค้าํ ยันในการปรับระดับแผ่นพืน้ ให้เสมอกัน โดยต้องคํ้ายันทัง้ พืน้ ชัน้ ล่าง
และชัน้ บน
3.3 กรณีทต่ี อ้ งมีการตัดแผ่นพืน้ ให้ใช้ไฟเบอร์ในการตัดเท่านัน้ ห้ามใช้วธิ สี กัด ทุบ โดยเด็ดขาด หากเกิดรอย
แตกร้าวขึน้ เนื่องจากการตัด ไม่อนุญาตให้ผรู้ บั จ้างนําแผ่นพืน้ นัน้ มาติดตัง้
จบหมวดที่ 20
หมวดที่ 21
งานพืน้ แผ่นเหล็กสาเร็จรูป (Structural decking)
1. ทัวไป
่
1.1 หากระบุในรูปแบบให้ใช้แผ่นเหล็กแบบพืน้ (Structural Decking) จะต้องมีคุณภาพมาตรฐาน AS 1397-G300-
Z215 หรือ ASTM A653 SQ GRADE 40 (257) G90
2. วัสดุ
2.1 แผ่นเหล็กแบบพืน้ สําหรับการหล่อคอนกรีตหรือใช้เป็ นพืน้ ประสมสําหรับพืน้ คอนกรีต ของอาคาร ตาม
บริเวณลอนของแผ่นเหล็กจะต้องมีปมุ่ นูนกระจายอยู่ทวไป ั ่ เพื่อทําหน้าทีย่ ดึ มวลคอนกรีตเข้ากับแผ่นเหล็ก
ผลิตจากเหล็กเคลือบสังกะสีคุณภาพชัน้ ผิวเคลือ Z275 (275 กรัม/ตร.ม.) กําลัง ณ จุดคลาก 300 MPa
2.2 ชนิดลอน 2 w หรือเทียบเท่าคุณลักษณะ (รายละเอียดอาจคลาดเคลื่อนได้)
ความกว้างต่อแผ่น = 914 มม.
ความสูงลอน = 51 มม.
ชนิดลอน 3 w หรือเทียบเท่าคุณลักษณะ (รายละเอียดอาจคลาดเคลื่อนได้)
ความกว้างต่อแผ่น = 914 มม.
ความสูงลอน = 76 มม.
2.3 อุปกรณ์กรรมวิธตี ามแบบมาตรฐานผูผ้ ลิต ผลิตภัณณฑ์ LYSAGHT W-DECK อัยธนาหรือเทียบเท่า
2.4 การติดตัง้
โดยการวางบนคานเหล็กรูปพรรณ โดยวางแผ่นเหล็กแบบพืน้ (Structucral Decking) 2 W หรือ 3 W บนคานเหล็ก
ระยะห่าง 2.50-3.00 ม. ยึดแผ่นโดย SHEAR STUD ขนาด 19x85.7 mm. ถึง 19x123.85 mm. ขึน้ อยู่กบั ความหนา
SLAB วางลวด WIRE MESH Ø 4 mm. @ 150 mm. # พร้อมเทคอนกรีตทีค่ วามหนารวมชิน้ แผ่น = 120 มม. และจบ
ขอบด้วยแผ่นปิ ด (EDGE FORM GALV ทีค่ วามหนา 1.2 mm.)
2.5 ตัวอย่างวัสดุ ทีเ่ หลือใช้คอื รุ่น 3W (หรือเทียบเท่าคุณลักษณะ)
2.5.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุ พร้อมรายการคํานวณวิศวกรรมให้ผวู้ ่าจ้างได้พจิ ารณาและอนุมตั ิ
ก่อนดําเนินการติดตัง้ โดยผ่านผูค้ วบคุมงานพิจารณาเบือ้ งต้น
2.5.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องมีการประสานงานร่วมกันกับผูว้ ่าจ้างเพื่อกําหนดตําแหน่งพร้อม SHOP DRAWING
และตรวจสอบสถานทีท่ ุกแห่งในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องทีจ่ ะมีการติดตัง้ ใสมบูรณ์เรียบร้อยก่อนจะมีการ
ติดตัง้
2.5.3 แผ่นเหล็กแบบพืน้ ทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องมีความมันคงแข็
่ งแรง รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องจะต้อ
ยึดแน่นแข็งแรงกับโครงสร้างอื่นๆ ได้ระยะขนาดทีถ่ ูกต้องตมมาตรฐานผูผ้ ลิต
2.5.4 ผูร้ บั จ้างจะต้องตรวจความถูกต้องและความสะอาด หากเกิดความเสียหายเช่นแตก บิด ยุบแอ่นตัว
หรือรูรวั ่ อันจะมีผลกับความแข็งแรงและเสียหายดังกล่าวจะต้องแก้ไขหรือเปลีย่ นแปลงให้ใหม่กอ่ น
ขอความเห็นชอบในการตรวจสอบและก่อนส่งมอบงานจากผูค้ วบคุมงาน
2.5.5 การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพคุณสมบัตขิ องวัสดุและการติดตัง้ หากอุปกรณ์ใดทีต่ ดิ ตัง้ แล้วเกิดชํารุด หรือไม่ครบ
ตามมาตรฐานผูผ้ ลิต ผูร้ บั จ้างจะต้องเปลีย่ นใหม่หรือซ่อมแซมแก้ไขให้อยูใ่ นสภาพดี ตามจุดประสงค์ของผูอ้ อกแบบ/หรือผู้
ควบคุมงาน โดยไม่คดิ มูลค่าใด ๆ ทัง้ สิน้
จบหมวดที่ 21
หมวดที่ 22
งานผนังคอนกรีตสาเร็จรูป
จบหมวดที่ 22
หมวดที่ 23
งานระบบ POST TENSIONED
1. การขออนุมตั แิ ละดําเนินการ
ระบบ POST TENSIONED ทีก่ าํ หนดไว้ในรูปแบบ ให้ผรู้ บั จ้างนําเสนอ SHOP DRAWING ต่อผูอ้ อกแบบก่อน
ดําเนินการ ซึง่ ต้องมีขอ้ มูลตามรูปแบบกําหนด เช่น ลวดดึง นังร้ ่ าน ค่าการออกแบบ กําลังคอนกรีตเหล็กเสริม โดยนําเสนอ
ล่วงหน้าก่อนดําเนินการอย่างน้อย 30 วัน
2. รายการประกอบแบบก่อสร้างระบบ POST TENSIONED
2.1 สิง่ ใดทีป่ รากฏในรูปแบบและรายการประกอบแบบ หรือในตารางเสนอราคา หากมีขอ้ ขัดแย้งกัน หรือผูร้ บั
ั
จ้างพบว่าจะเป็ นปญหาในการก่ อสร้างให้ผรู้ บั จ้างปรึกษาและขอความเห็นต่อผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้าง และเมื่อได้รบั
อนุมตั แิ ล้วจึงจะดําเนินการก่อสร้างต่อไปได้
2.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบควบคุมงานก่อสร้างจนแล้วเสร็จ โดยจะให้มผี แู้ ทนผูร้ บั จ้างควบคุมงานแทนก็ได้
ซึง่ จะต้องแจ้งให้ผวู้ ่าจ้างทราบเป็ นลายลักษณ์อกั ษร คําสัง่ คําแนะนําต่างๆ ของผูว้ ่าจ้างซึง่ แจ้งแก่ผแู้ ทนผู้
รับจ้าง ถือว่าได้แจ้งผูร้ บั จ้างด้วย และผูว้ ่าจ้างคงไว้ซง่ึ สิทธิในการเปลี
์ ย่ นตัวแทนผูร้ บั จ้างได้ดว้ ย
2.3 ผูร้ บั จ้างต้องจัดให้มกี ารป้องกันอุบตั เิ หตุ อันตราย และมิให้เกิดความเสียหายใดๆ ต่อชีวติ และทรัพย์สนิ ของ
บุคคลภายนอก บุคคลในบังคับของผูร้ บั จ้าง รวมทัง้ เจ้าหน้าทีข่ องผูว้ ่าจ้าง เช่น การติดตัง้ โครงสร้างชัวคราว่
รัว้ ชัวคราว
่ ให้มปี ้ ายเตือน หรือมีสญั ญาณเตือนภัย ในระหว่างการทํางานกลางคืน หรือขณะฝนตกหนัก หรือ
อื่นๆ
2.4 ให้ผรู้ บั จ้างจัดทําแผนการดําเนินงาน เพื่อรับความเห็นชอบจากผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้างก่อนลงมือทํางาน
2.5 สิง่ ใดทีไ่ ด้กาํ หนดไว้ในรูปแบบและรายการประกอบแบบ แต่ในทางปฏิบตั งิ านช่างไม่อาจระบุได้ครบถ้วน เช่น
การติดตัง้ รูปร่างลักษณะ และสิง่ ปลีกย่อยต่างๆ ให้ผรู้ บั จ้างจัดทํารูปแบบทีใ่ ช้สร้าง (SHOP DRAWING)
เพื่อรับความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบและผูแ้ ทนผูว้ ่าจ้างก่อนการดําเนินงานนัน้ ๆ และให้ผรู้ บั จ้างจัดทําแบบ
สร้างจริง (ASBUILT DRAWING) เมื่อดําเนินการแล้วเสร็จ โดยต้องมีความละเอียดถูกต้องมากทีส่ ดุ และให้
ส่งมอบผูว้ ่าจ้างก่อนงวดสุดท้าย โดยถือเป็ นสาระสําคัญในงวด และได้รบั การตรวจสอบจากผูค้ วบคุมงาน
ก่อนจึงจะส่งมอบงานได้
2.6 ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการดําเนินงานในเรื่องต่างๆ การประสานงานด้านสาธารณูปโภคกับหน่วยงานที่
เกีย่ วข้อง ตลอดจนการทดสอบวัสดุ งานไม้แบบ งาน TABLE FORM เป็ นของผูร้ บั จ้างทัง้ สิน้
2.7 การขอแก้ไข เปลีย่ นแปลงงานก่อสร้าง ผูร้ บั จ้างจะต้องขออนุมตั จิ ากผูว้ ่าจ้างและผูอ้ อกแบบเป็ นลายลักษณ์
อักษร โดยระบุรายละเอียดตลอดจนราคา และเวลาดําเนินการด้วย เมื่อได้รบั อนุมตั แิ ล้วจึงดําเนินการได้
2.8 ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาและส่งตัวอย่างวัสดุก่อสร้าง สิง่ ของต่างๆ รวมทัง้ เอกสารแนะนําสินค้าของวัสดุทจ่ี ะใช้
ให้แก่ผแู้ ทนผูว้ ่าจ้าง เพื่อพิจารณาและอนุมตั ใิ ห้ใช้ก่อนกําหนดการใช้งานนัน้ ๆ ผูร้ บั จ้างต้องดําเนินการ
ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนการทํางาน
2.9 ผูร้ บั จ้างต้องนําส่งรายงานตามทีก่ าํ หนดไว้ในรายการประกอบแบบนี้ทุกประการ
2.10 ให้ผรู้ บั จ้างแต่งตัง้ วิศวกรควบคุมงานด้านระบบ POST TENSIONED ควบคุมระบบนังร้ ่ าน และความมันคง
่
แข็งแรง ประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 5 ปี เป็ นผูร้ บั ผิดชอบด้านการควบคุมงานเสนอต่อผูว้ ่าจ้างก่อนการ
ดําเนินการ
หมวดที่ 24
งานไม้
ตารางที่ 1 บัญชีรายชื่อไม้เนื้อแข็งมาตรฐาน
ลําดับ ชนิดไม้ ชื่อพฤกษศาสตร์ หมายเหตุ
1 ตะเคียนทอง Hopea odorata Roxb.
2 ก่อ Quercus sp.
3 กะโดน Careya arborea Roxb.
4 กระถินพิมาน Acacia siamensis Craib
5 กะพีเ้ ขาควาย Dalbergia cultrata Graham
6 คันเกรา Fagraea fragrans Roxb.
7 ขานาง Homalium tomentosum Benth.
8 เขล็ง Dialium cochinchinense Pierre
9 เคีย่ ม Cotylelobium lanceolatum Craib
10 เคีย่ มคะนอง Shorea sericeiflora Fisch. & Hutch.
11 แคทราย Stereospermum neuranthum Kurz
12 เฉียงพร้านางแอ Carallia brachiata Merr.
13 ชัน หรือ เต็งดง Shorea thorelii Pierre
14 ชิงชัน Dalbergia oiiveri Gamble
15 ซาก Erythrophleum teysmannii Craib
16 แดง Xylia kerrii Craib & Hutch
17 ตะเคียนชันตาแมว Balanocarpus heimii King
18 ตะเคียนราก(ก) Hopea avellanea Heim
ตะเคียนราก(ข) Hopea pierrei Hance
19 ตะเคียนหิน Hopea ferrea Pierre
20 ตะแบกเลือด Terminalia mucronata Craib & Hutch.
21 ตะแบกใหญ่ Lagerstroemia calyculata kurz
22 ตีนนก Vitex sp.
23 เต็ง Shorea obtuse Wall.
24 เต็งมาเลเชีย หรือ Balau Shorea foxworthyi Sym.
25 เต็งมาเลเชีย หรือ Balau Shorea maxwelliana King
26 บุนนาค Mesue ferred Linn.
27 ประดู่ Pterocarpus spp.
28 พะยอม Shorea talura Roxb.
29 พยุง Dalbergia cochinchinansis Pierre
30 พลวง Dipterocarpus tuberculatus Roxb.
31 มะเกลือ Diospyros mollis Griff.
3.
ลําดับ ชื่อไทย THAILAND MALASIA SABAH SARAWAK INDONESIA INDOCHINA PHILIPPINES MYANMA CEYLON INDIA
1 กันเกรา,ตําเสา Kan Krao Tembusu Tamasu Tembusu Tembusu Trai Urang Ananma Termbusu Anan
2 เขล็ง,หมากเค็ง,หยี Khleng Keranji Keranji Keranji Xoay - - - - -
งานไม้
3 เคีย่ ม Kian Giam,Resak, - - Giam - - - - -
Bukit
4 เคีย่ มคะนอง Kiam Meranti - - - - - - - -
Meranti
Kanong
Pa’ang
Group
Bakauan-
5 เฉียงพร้านางแอ Chiang Phra Meransi Perapat Sabak - Sang-ma Manianga Dawata, Calallia
Gubat
Hutan Bakau - - - Uberiya Wood
มหาวิ ทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
6 ตะเคียนชัน Ta Kianchan Chengal - - - - - - - -
ตะเคียนชันตาแมว
7 ตะเคียนทอง Takianthong Merawan Gagil, Gagil Luis Cengal Sao Manggachapui Thingan - Thingan
8 ตะเคียนใหญ่,แคน Selangan Selangan
ตะเคียนหิน Takianhin Malut - - - - - - - -
9 ตีนนก Tin nok Leban Kulimpape Leban - Binhlinh, Molave Kyetyo Milla Miilla
Leban Hap
10 บุนนาค,นาคบุตร Bunnak Penaga - Penaga - Vap - Gangau Na Betta
11 ประดู่ Pra doo Sena - - Sono - Narra - -
Cham-
Kembeng
pagam
12 พลวง Pluang - - - - Cho-nau - In Hora Eng
Tatlum,Tatalu
13 มะค่าโมง Maka Mong - - - - Beng - - -
3.1 หลักเกณฑ์ทวไปสํ
ั ่ าหรับเนื้อไม้
3.1.1 ขนาดไม้ทเ่ี ลื่อยและไสแล้วยอมให้เสียไม้เป็ นคลองเลื่อยและไสกบเล็กกว่าขนาดทีร่ ะบุได้ แต่เมื่อ
ตกแต่งพร้อมทีจ่ ะประกอบเข้าเป็ นส่วนของสิง่ ก่อสร้างแล้ว จะต้องมีขนาดของการลดหย่อนตาม
ตารางต่อไปนี้
ขนาดทีร่ ะบุ (นิ้ว) ขนาดทีต่ กแต่งแล้ว (มิลลิเมตร)
1/2 9
3/4 14
1 19
1 1/4 25
1 1/2 30
2 40
2 1/2 54
3 67
4 90
ถ้าไม้ขนาดใหญ่กว่า 4 นิ้ว ให้ไสกบออกได้เพียง 1/2 นิ้ว เป็ นอย่างมาก สําหรับไม้พน้ื และฝาไม้ ขนาดความกว้างให้
เล็กลงจากขนาดทีก่ าํ หนดให้ 1/2 นิ้ว เป็ นอย่างมาก
3.1.2 ตาและรูตอ้ งมีขนาดไม่มากกว่าหรือไม่น้อยกว่าขนาดทีก่ าํ หนดไว้ขา้ งล่างนี้ โดยวิธวี ดั ขนาดหรือรูแห่ง
หนึ่ง ด้วยการลากเส้นขนานกับขอบไม้ 2 เส้น กระทบกับขอบตาหรือขอบรูตอนทีก่ ว้างทีส่ ดุ ไม้ทม่ี ตี าเป็ นกลุม่ หรือ
ติดต่อกันเป็ นกระจุกให้คดั ออก ไม้ทม่ี เี นื้อผุ เนื้ออ่อนอยู่ภายในของตาให้นบั ว่าใช้ได้ ในการพิเคราะห์เรื่อง ตา รู จะ
แบ่งเป็ น ตา รู อยูใ่ นด้านแคบ (หน้าราบ) ของตง คานกับตารู อยู่ดา้ นกว้าง (หน้าทีต่ งั ้ ขึน้ ) ส่วนตาทีอ่ ยู่คาบทัง้ 2 ด้าน
เพราะอยู่ทม่ี มุ ท่อน ให้ถอื เสมือนเป็ นตาอยู่ในด้านแคบของตง คาน ทีม่ ตี ารูอยู่ทงั ้ ขอบบน ขอบล่าง และมีลกั ษณะเข้า
ประเภทต่างกันให้ถอื ประเภททีอ่ ยู่สงู กว่าเป็ นเกณฑ์
ขนาดของตาหรือรูทโ่ี ตทีส่ ดุ
ลักษณะ ตา รู ไม้ทใ่ี ช้ก่อสร้างอาคาร
ตา รู ทุกๆ แห่งภายในครึง่ ท่อนตอนกลางบน
ไม่ต่ําว่า 1.5 ของหน้าแคบ
หน้าแคบของตงคาน วัดรวมกัน
ตาใดตาหนึ่งภายใน 1/3 ท่อน ตอนกลางบน
ไม่โตกว่า 3/4 เท่าของหน้าแคบ หรือ 6 เซนติเมตร
หน้าแคบของตง คาน
ตาใดตาหนึ่งภายใน 1/3 ท่อน ตอนปลายบน
ไม่โตกว่า 3/4 เท่าของหน้าแคบ หรือ 10 เซนติเมตร
หน้าแคบของตง คาน
ตาใดตาหนึ่งบนหน้ากว่าของตงคาน หรือบนหน้าใดๆ ของเสา
ไม่โตกว่า 3/4 เท่าของหน้ากว้างหรือ 11 เซนติเมตร
เมื่อตาอยู่กง่ึ กลางหน้ากว้าง
3.1.3 รอยแตกร้าวทีห่ น้าตัดปลายท่อน สําหรับคาน ตง และเสา ยอมให้แตกลึกเข้าไปในท่อนได้ไม่เกิน 4/9
ของหน้าแคบ
3.1.4 เนื้อไม้แหว่งบริเวณทีข่ องไม้ แหว่ง ได้กว้างไม่เกิน 1/5 เท่าของหน้าแคบ
ไม้กว้างเกิน 7 นิ้วฟุต ยึดด้วยตะปู 3 ตัว ทุกๆ ช่วงตง โดยเพิม่ ทีก่ ลางแผ่นอีก 1 ตัว
- ไม้กระดานเข้าลิน้
ไม้กว้างไม่เกิน 8 นิ้วฟุต ยึดด้วยตะปูกลางแผนตัวเดียวทุกๆ ช่วงตง
ไม้กว้างเกิน 8 นิ้วฟุต ยึดด้วยตะปู 2 ตัว ทุกๆ ช่วงตง
- ระยะห่างในการตอกตะปู นับเป็นจํานวนเท่าของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตะปู ดังนี้
ระยะ เมื่อไม่เจาะนํา เมื่อเจาะนํา
ระหว่างปลายไม้กบั ศูนย์ตะปู 20 เท่า 10 เท่า
ระหว่างขอบไม้กบั ศูนย์ตะปู 5 เท่า 5 เท่า
ระหว่างแถวตะปูวดั ตามหน้ากว้าง 10 เท่า 3 เท่า
ระหว่างตะปูภายในแถววัดตามยาวของท่อนไม้ 20 เท่า 10 เท่า
หมายเหตุ ระยะระหว่างขอบไม้กบั ศูนย์ตะปู ต้องไม่น้อยกว่า 1 เซนติเมตร
จบหมวดที่ 24
หมวดที่ 25
งานป้ องกันและกาจัดปลวก
2.3 รายชื่อผูด้ าํ เนินงานป้องกันปลวก เช่น บริษทั อุตรดิตถ์ กําจัดปลวก บริษทั 12 เพสท์ คอนโทรล เซอร์วสิ
จํากัด หรือ บริษทั เวล-เพสท์ คอนโทรล จํากัด หรือ บริษทั แอ๊ดวานซ์ เซอร์วสิ (ประเทศไทย) จํากัด
บจก. โอภา เซอร์วสิ (ประเทศไทย)
หรือทีไ่ ด้รบั การพิจารณาคุณสมบัตจิ ากผูค้ วบคุมงานและพิจารณาแล้วสามารถเทียบเท่าได้ ทัง้ นี้ให้ผ่านการ
พิจารณาจากกรรมการตรวจการจ้างก่อนดําเนินการ
3. วิธกี ารดําเนินงาน
3.1 ทัวไป ่
3.1.1 เลือกสารเคมีตามทีก่ าํ หนด ผสมในอัตราส่วนและฉีดคลุมบริเวณพืน้ ทีต่ ามปริมาณทีก่ าํ หนด
ผูด้ าํ เนินการต้องรูเ้ ทคนิคและวิธกี ารเป็ นอย่างดี การทํางานอาจปรับเปลีย่ นให้เข้ากับสภาพพืน้ ที่ แต่
การปฏิบตั จิ ะต้องเป็ นไปตามข้อกําหนดต่อไปนี้
3.1.2 พืน้ ใต้ถุนยกสูง แนวพืน้ ดิน บริเวณกําแพง หรือคานคอดินของใต้ถุน ต้องทําให้ร่วน เพื่อให้สารเคมี
สามารถซึมลึกได้ไม่ต่ํากว่า 2 นิ้ว ของพืน้ ผิวและผนังด้านใน
3.1.3 พืน้ ถมเต็ม อัดสารเคมีให้ทวทุ ั ่ กจุดของพืน้ ผิว การเพิม่ หน้าดินใดๆ จะต้องมีการฉีดสารเคมีในส่วนที่
เพิม่
3.1.4 ท่อนํ้าดี หรือนํ้าเสียหรือท่ออื่นๆ ทีต่ อ้ งเจาะเข้าหรือฝงั ผ่านพืน้ ผนังอาคาร จะต้องฉีดสารเคมีบริเวณ
ปากทางเข้าโดยรอบของท่อ
3.1.5 ไม่อนุญาตให้ทาํ งานอัดฉีดนํ้ายาเคมีป้องกันปลวกในสภาพพืน้ ทีท่ เ่ี ปี ยกแฉะ หรือหลังฝนตก หรือมี
การเคลื่อนไหลของดิน
3.2 การวางท่อ
หลังจากดําเนินการก่อสร้างโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผูร้ บั จ้างจะต้องให้ผเู้ ชีย่ วชาญด้านการ
ป้องกันและกําจัดปลวกติดต่อประสานงานต่อผูว้ ่าจ้าง ได้แล้วจึงให้ทาํ การวางท่อนํ้ายาเคมียดึ ติดให้แข็งแรง ขนานติดกับ
แนวคานด้านในรอบตัวอาคาร และส่วนกลางของอาคาร ตามทีแ่ สดงไว้ใน SHOP DRAWING ระยะวาล์วฉีดนํ้ายาเคมีบน
ท่อห่างกันไม่เกิน 1.00 เมตร และต้องมีหวั อัดนํ้ายาเคมีรอบอาคาร เป็ นช่วงๆ ตามความยาวของท่อไม่เกินช่วงละ 15
เมตร ติดหัวอัดนํ้ายาเคมีทห่ี วั และท้ายของช่วงท่อนัน้ ๆ ดําเนินการวางท่อจนสามารถอัดฉีดนํ้ายาเคมีได้ครอบคลุมเต็มพืน้ ที่
ของอาคาร (การกําจัดปลวกแบบวางท่อจะกําหนดไว้ในรูปแบบและราคาเสมอ หากไม่ระบุให้เป็นการจัดทํา SOIL
TREATMENT แบบฉีดลงดินแทน)
3.3 การอัดและฉีดพ่นนํ้ายาเคมี
3.3.1 ดําเนินการอัดนํ้ายาเคมีลงดินบริเวณฐานอาคาร รอบตอม่อ และรอบส่วนของโครงสร้างทีส่ มั ผัสกับ
ดินโดยใช้เครื่องอัดแรงดันสูงอัดนํ้ายาเคมีลงใต้ดนิ ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ห่างจากฐานอาคาร
หรือตอม่อ หรือรอบโครงสร้างใต้ดนิ ประมาณ 20 เซนติเมตร และทิง้ ระยะห่างต่อจุดประมาณ 1.00
เมตร ตามแนวยาว โดยใช้น้ํายาผสมเสร็จในปริมาณ 5 ลิตร ต่อ 1 จุด
3.3.2 ดําเนินการฉีดนํ้ายาเคมีเคลือบผิวหน้าดินแบบครอบคลุมทุกตารางเซนติเมตร รอบนอกอาคาร โดย
ทําห่างจากแนวอาคารไม่ต่ํากว่า 1.00 เมตร โดยรอบ อัตราการใช้น้ํายาเคมีผสมเสร็จไม่ต่ํากว่า 5
ลิตร ต่อ 1 ตารางเมตร
3.3.3 ดําเนินการอัดนํ้ายาเคมีเข้าท่อ โดยใช้น้ํายาผสมเสร็จในปริมาณเฉลีย่ 15 ลิตร ต่อทุกๆ ความยาว
3.00 เมตร ของท่อ
3.3.4 รายละเอียดอื่นๆ ทีม่ ไิ ด้กล่าวถึงให้ยดึ ถือและปฏิบตั ติ ามข้อกําหนดของ Thailand Pest
Management Association (TPMA)
4. รายละเอียดระบบการวางท่อ
ระบบการวางท่อ คือระบบการป้องกันและกําจัดปลวก ใต้พน้ิ ดินด้วยการอัดสารเคมีชนิดนํ้าเข้าท่อ
คุณสมบัตขิ องท่อ HDPE
1. เป็ นท่อทีส่ ามารถใช้งานอุตสาหกรรมทัวไป ่ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมสารเคมี การประปา งาน
การเกษตร สนามกอล์ฟ เหมืองแร่ ท่อร้อยสายไฟ สายเคเลิล้ ท่อส่งแก๊สธรรมชาติ ท่อนํ้าทิง้ เป็นต้น
2. สามารถโค้งงอได้ 20-40 เท่า ไม่หกั งอหรือแตกร้าวจากการทรุดตัวของพืน้ ดิน
3. สามารถทนต่อแสงแดด เคลือบสารป้องกันแดด เพื่อไม่กรอบแตก ทนต่อแรงกระแทก แรงกดทับต่าง ๆจากการ
ฝงั ดินได้ดี
4. มีคุณสมบัตเิ ป็ นกลางทางเคมีจงึ ทนต่อกรดด่างได้ดี ดังนัน้ ไม่ว่าจะติดตัง้ ใต้ดนิ หรือในนํ้าทะเล จึงไม่มกี ารผุ
กร่อน หรือ เป็ นสนิม
5. ผิวภายในท่อมีความเรียบมัน มีการเสียดทานตํ่า สามารถทนต่อแรงดันได้สงู ถึง 259.86 psi (ปอนด์ต่อ
ตารางนิ้ว) หรือ 18.3 บาร์ต่อตารางนิ้ว
6. สามารถทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศทีเปลีย่ นแปลงได้เป็ นอย่างดี แม้ภาวะทีร่ อ้ นจัด หรือเย็นจัด เพราะได้ผลิต
ตามมาตรฐาน BS HEAVY มาตรฐานของประเทศอังกฤษ
อุปกรณ์วางท่อ
1. ท่อHDPE ซึง่ มีขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางรอบนอกเท่ากับ 21.4 มิลลิเมตร และความหนาของท่อเท่ากับ 303
มิลลิเมตร
2. ข้องอ ข้อต่อตรงเกลียวใน นิปเปิ้ล (ต่อตรงเกลียวนอก เข็มขัดรัดท่อ ตะปูเกลียว พุก และปล่อยสารเคมี
(สปิ งเกลอร์)
3. สว่านไฟฟ้าสําหรับเจาะท่อและคาน
วิธกี ารทําบริการด้วยระบบการวางท่อ
1. ใช้สว่านเจาะรูท่อ และทําเกลียวทีเ่ จาะทุกรู ระยะห่างจากจุดประมาณ 1 เมตร ใส่หวั ปล่อยสารเคมีตามรูทเ่ี จาะ
ทุกรู หมุนตามเกลียวทีท่ าํ ไว้เพือ่ ป้องกันการหลุดออกของหัวปล่อยสารเคมี และปรับหัวปล่อยสารเคมีอยู่ใน
ทิศทางเดียวกัน
2. ผูร้ บั จ้างจะเริม่ ปฏิบตั งิ านได้ หลังจากทีเ่ จ้าหน้าทีฝ่ า่ ยก่อสร้างได้ทาํ การเทคานคอดิน และถอนแบบออก
เรียบร้อย
3. ผูร้ บั จ้างจะเริม่ ดําเนินการวางท่อ ตามแบบแปลนการวางท่อ ซึง่ ผูร้ บั จ้าง เป็ นผูจ้ ดั ทําให้กบั ผูว้ ่าจ้างหรือตัวแทน
ผูว้ ่าจ้าง ท่อทีจ่ ะวางต้องขนานติดด้านในรอบตัวอาคาร โดยให้ลงลึกจากคานด้านบนประมาณ 15.30
เซนติเมตร ปรับระดับของท่อจากแนวคานในระดับประมาณ 45-90 องศา จากแนวคาน
4. ใช้เข็มขัดรัดท่อ ทําการรัดท่อให้ตดิ กับแนวคานระยะห่างแต่ละจูดประมาณ 1-1.5 เมตร
5. กําหนดจุดทีจ่ ะติดตัง้ หัวอัดสารเคมี โดยความยาวของท่อ HDPE จะเท่ากับ 20 เมตร ต่อหัวอัดสารเคมี
6. การตัดตัง้ หัวอัดสารเคมี จะห่างจากผนังของอาคารด้านนอก อย่างน้อยประมาณ 10 เซนติเมตร
สารเคมีทน่ี ํามาใช้ได้รบั การขึน้ ทะเบียนจากหน่วยงานของรัฐ
สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
หมายเหตุ สารเคมีทใ่ี ช้ กลุม่ คลอร์ไพริฟอส
วิธใี ช้สารเคมีลงในดิน
5. การรับประกัน
1. ให้ผรู้ บั จ้างรับประกันผลงานเป็ นระยะเวลา 3 ปี นับจากวันส่งมอบงานให้กบั ผูว้ ่าจ้าง หากมีปญั หาการเข้า
ทําลายของปลวกเกิดขึน้ ในช่วงระยะเวลารับประกัน ผูร้ บั จ้างจะต้องดําเนินการกําจัดและแก้ไขภายใน 7 วัน
หลังจากทีไ่ ด้รบั แจ้งจากผูว้ ่าจ้าง โดยผูร้ บั จ้างต้องนําส่งตารางการบริการ งานตรวจสอบ การกําจัดปลวก เป็ น
เอกสารต่อตัวแทนผูว้ ่าจ้าง หรืองานพัสดุของโครงการเพื่อใช้เร่งรัดและติดตามผลการดําเนินงานระหว่างการ
ประกันต่อไป
2. ผูร้ บั จ้างจะต้องดําเนินการตรวจสอบปลวกทุก 6 เดือน ต่อครัง้ ตลอดระยะเวลาสัญญา
3. ในกรณีผรู้ บั จ้างเปลีย่ นแปลงสถานทีต่ ดิ ต่อ หรืออื่น ๆ จะต้องแจ้งให้ผวู้ ่าจ้างทราบทุกครัง้ เพื่อความสะดวกใน
การแจ้งปฏิบตั งิ านครัง้ ต่อไป
จบหมวดที่ 25
หมวดที่ 26
การก่อสร้างถนน และที่จอดรถ
2 งานกรุยแนวทางและขุดตอ
2.1 ข้อกาหนดทัวไป ่
งานกรุยแนวทางและขุดตอ ให้กระทําในบริเวณก่อสร้างภายในเขตทาง บรรดาสิง่ ก่อสร้างทีก่ ดี ขวางและเป็ น
อุปสรรคแก่งานก่อสร้าง ทัง้ ทีอ่ ยูเ่ หนือพืน้ ดินและอยู่ใต้พน้ื ดิน ตลอดจนสิง่ ใด ๆ ทีอ่ าจจะทําให้ถนนซึง่ จะสร้างขึน้
ใหม่เสียความมันคงแข็
่ งแรง หรือเสียประโยชน์ใช้สอยในภายหน้า ให้ถอื ว่าเป็ นสิง่ ไม่พงึ ประสงค์ ผูร้ บั จ้างจะต้องรือ้
ถอนหรือกําจัดออกไปให้พน้ จากบริเวณก่อสร้าง
2.2 วิ ธีการทางาน
2.2.1 การปรับพืน้ ที่
(ก) พืน้ ทีใ่ นบริเวณทีจ่ ะสร้างถนนซึง่ จะต้องกําจัดรากไม้ ตอไม้ วัชพืชและสิง่ ปฏิกลู ให้ขดุ ตํ่าลง
ไปจากระดับหลังคันทาง (FINISHED SUBGRADE) ไม่น้อยกว่า 40 ซ.ม.
(ข) พืน้ ทีใ่ นบริเวณทีร่ ะดับหลังคันทางทีจ่ ะสร้างใหม่สูงกว่าระดับดินเดิม (EXISTING GROUND)
เกินกว่า 80 ซ.ม. ต้นไม้และตอไม้ต่างๆ ให้ตดั ออกเสมอระดับดินเดิมก่อนทีจ่ ะทําการถม
(ค) ผูร้ บั จ้างจะต้องใช้ความระมัดระวังในการดูแลสงวนต้นไม้ทม่ี อี ยู่ใกล้บริเวณก่อสร้าง ห้ามทํา
การตัดโค่นโดยไม่จาํ เป็ น คณะกรรมการตรวจการจ้างหรือผูแ้ ทนจะเป็ นผูก้ าํ หนดว่า ต้นไม้ตน้ ใดบ้างทีจ่ ะให้คงไว้
และเป็ นหน้าทีข่ องผูร้ บั จ้างจะต้องคอยดูแลรักษามิให้ตายหรือเสียหายตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง
(ง) วัสดุต่างๆ ทีข่ ดุ ออกจากถนนเดิม และมีคุณสมบัตอิ ยูใ่ นเกณฑ์ทจ่ี ะใช้งานต่อไปได้ให้นําไป
กองรวมไว้ ณ บริเวณทีค่ ณะกรรมการตรวจการจ้างหรือผูแ้ ทนกําหนดให้
(จ) วัสดุต่างๆ ทีข่ ดุ ออกหรือรือ้ ถอนออก และไม่อยูใ่ นเกณฑ์ทจ่ี ะใช้งานได้ ให้ผรู้ บั จ้างรีบขนย้าย
ออกไปให้พน้ บริเวณก่อสร้างทันที โดยให้จดั การส่งไปไว้ยงั ทีใ่ ดๆ ตามทีค่ ณะกรรมการตรวจการจ้างกําหนด
2.2.2 ปริมาณงาน
งานกรุยแนวทางและขุดตอให้ทาํ เต็มความกว้างของถนนจากจุดสุดลาดไหล่ทางฝงหนึ ั ่ ่งไปจรดสุด
ลาดไหล่ทางอีกฝงหนึ ั ่ ่ง สําหรับงานสร้างถนนทีไ่ ม่มไี หล่ทาง ให้ทาํ เต็มความกว้างจากขอบนอกของถนนฝงหนึ ั ่ ่ง
ไปจรดขอบนอกของถนนอีกฝงหนึ ั ่ ่งเช่นเดียวกัน
3. งานคันทาง
3.1 ข้อกาหนดทัวไป ่
งานคันทางจะต้องสร้างให้ได้ความกว้าง แนว ระดับ รูปร่าง ส่วนลาดโค้ง ตลอดจนความแน่นในการบด
อัดเป็ นไปตามกําหนดไว้ในแบบรูปรายการก่อสร้างในการทํางานให้ทาํ ติดต่อกันเป็ นช่วงยาวตลอดห้ามทําการ
ก่อสร้างเป็ นช่วงๆ นอกจากกรณีผรู้ บั จ้างมีเครื่องจักร เครื่องมือสําหรับทํางานมากกว่า 1 ชุด หรือกรณีจาํ เป็ นซึง่
ต้องได้รบั อนุญาตจากคณะกรรมการตรวจการจ้างก่อน
3.3.2 การถมคันทาง
(ก) ในบริเวณทีจ่ ะทําการถมจะต้องได้รบั การตรวจสอบจากคณะกรรมการ ตรวจการจ้าง
เสียก่อนว่างานในชัน้ กรุยแนวทางและขุดตอได้กระทําถูกต้องแล้ว
(ข) ในกรณีทจ่ี ะทําการถมบนผิวทางเดิมและปรากฏว่าความหนาของวัสดุคนั ทางทีจ่ ะทําการ
ถมน้อยกว่า 10 ซ.ม. จะต้องทําการไถคราดผิวหน้าของผิวทางเดิมให้แตกย่อยเป็ นก้อนเล็กเสียก่อน เพื่อให้มกี าร
ยึดเหนี่ยวระหว่างวัสดุเก่าและวัสดุใหม่
(ค) การถมจะต้องเกลีย่ ใส่วสั ดุเป็ นชัน้ ๆ ให้เต็มความกว้างยาวของบริเวณทีจ่ ะทําการถม โดย
ใช้ใบมีดรถเกลีย่ เกลีย่ กลับไปมา หรือใช้วธิ อี ่นื ทีค่ ล้ายกัน จนได้วสั ดุเป็ นเนื้อเดียวกัน พรมนํ้าตามจํานวนทีต่ อ้ งการ
แล้วใช้รถเกลีย่ ปาดเกลีย่ ให้วสั ดุมคี วามชืน้ สมํ่าเสมอทัวกั่ น ก่อนทําการบดอัด ทัง้ นี้เพื่อให้ได้ชนั ้ ของวัสดุหลังการ
บดอัดมีความแน่นและความชืน้ สมํ่าเสมอ ในการถมซึง่ มิได้ทาํ เต็มตามความกว้างยาวตลอดบริเวณทีจ่ ะถมดังทีก่ ล่าว
¾" 30 – 70 -
½" - 20 – 60
3/8 " 10 – 30 -
No. 4 0 – 15 0 – 10
No. 8 - 0-5
(ค) เหล็กเดือยและเหล็กยึด (Dowel Bars หรือ Tie Bars) จะต้องมีขนาด ชนิดความยาว และ
ตําแหน่งถูกต้องตามทีก่ าํ หนดในแบบรูป มีลกั ษณะไม่คดงอ เหล็กเดือย ซึง่ ให้ทาปลายข้างหนึ่งด้วย BOND BREAKING
MATERIAL นัน้ ปลายข้างทีท่ าจะต้องเรียบไม่มเี หลีย่ มมุม วัสดุทท่ี าไว้จะต้องไม่หลุดลอกออกขณะนําไปใช้งาน สําหรับ
เหล็กยึดจะต้องสะอาด ปราศจากการเปรอะเปื้ อนของสี นํ้ามันเชือ้ เพลิง นํ้ามันทาแบบและต้องไม่มี MORTAR ทีแ่ ห้งจับ
เกรอะอยู่
(ง) การเสริมเหล็ก เหล็กเสริมจะต้องได้ขนาด ระยะเรียง และตําแหน่งตามทีป่ รากฏในแบบรูป
เหล็กเสริมจะต้องผูกให้แน่นอยูใ่ นตําแหน่งทีต่ อ้ งการ เหล็กเสริมเส้นริมสุดต้องอยูห่ ่างจากขอบผิวทางหรือรอยต่อระหว่าง
3 – 8 ซ.ม. (วัดจากผิวเหล็กเสริม) และปลายทัง้ สองข้างของเหล็กเสริมจะอยูห่ ่างจากขอบผิวทาง หรือรอยต่อได้ไม่เกิน 5
ซ.ม.
5.3.2 การเตรียมการ
(ก) ก่อนทีจ่ ะทําการเทคอนกรีต ผูร้ บั จ้างจะต้องแจ้งให้คณะกรรมการตรวจการจ้างทราบล่วงหน้า
เป็ นลายลักษณ์อกั ษรไม่น้อยกว่า 6 ชัวโมง ่ เพื่อทีจ่ ะได้ทาํ การตรวจความเรียบร้อยต่าง ๆ ว่าพร้อมทีจ่ ะเทคอนกรีตได้
หรือไม่ ผูร้ บั จ้างให้สญ
ั ญาว่าจะไม่ทาํ การเทคอนกรีตโดยไม่ได้รบั อนุญาตจากคณะกรรมการตรวจการจ้างเสียก่อน
(ข) ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ทีจ่ าํ เป็ นต้องใช้ ตลอดจนอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ
ให้พร้อมเพรียง เช่น เครื่องเขย่าคอนกรีต อุปกรณ์ป้องกันมิให้เกิดการแยกตัวของคอนกรีตขณะเท อุปกรณ์แต่งผิวหน้า
และป้ายสัญญาณต่าง ๆ ฯลฯ คณะกรรมการตรวจการจ้างมีสทิ ธิทจ่ี ะไม่อนุญาตให้ทาํ การเทคอนกรีต หากการเตรียมการ
ดังกล่าวข้างต้นยังไม่พร้อม
5.3.3 การสร้างผิวทาง
(ก) ในการเทคอนกรีต การเกลีย่ และการทําให้คอนกรีตแน่นตัวจะต้องให้สมํ่าเสมอ โดยใช้
ช่างฝีมอื ทีช่ าํ นาญงาน การใช้เครื่องเขย่า ให้จุ่มหัวเครื่องเขย่าลงในเนื้อคอนกรีตตามแนวดิง่ เป็นจุด ๆ ไล่ไปตลอดความ
กว้างและความยาวของคอนกรีตทีเ่ ทไว้ โดยแต่ละจุดให้จุ่มหัวเขย่าไว้ในเนื้อคอนกรีตเป็ นระยะเวลาสัน้ ๆ ให้เพียงพอที่
ส่วนของคอนกรีตทีถ่ ูกเขย่าแล้วเหลื่อมกันโดยไม่เว้นข้ามส่วนใดเลย การเกลีย่ คอนกรีตเข้าแบบให้ใช้จอบหรือพลัวหรื ่ อใช้
เครื่องปู ห้ามใช้เครื่องเขย่าในการเกลีย่ ไล่คอนกรีตเป็ นอันขาด
(ข) เมื่อเทคอนกรีตได้ระดับแล้ว จะต้องแต่งผิวหน้าให้เรียบร้อยได้สว่ นลาดเอียงตามต้องการ
แล้วใช้ไม้กวาดหรือกระสอบกวาดผิวหน้าของคอนกรีตอีกครัง้ หนึ่ง การกวาดให้กวาดจากริมด้านหนึ่งไปยังริมอีกด้านหนึ่ง
ในแนวตัง้ ฉากกับแนวศูนย์กลางของถนน การกวาดแต่ละครัง้ ต้องให้ทบั รอยกวาดเดิมด้วย และต้องระวังไม่ให้รอยกวาดนี้
ลึกเกิน 5 มม. ผิวหน้าของผิวทางเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องไม่มรี โู พรง หรือเศษหินทรายโผล่ตดิ อยูท่ ผ่ี วิ
(ค) ผิวทางทีไ่ ด้รบั การตกแต่งเรียบร้อยแล้ว จะต้องได้รบั การบ่มเพื่อให้คอนกรีตมีความแข็งแรง
การบ่มให้กระทําติดต่อกันไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือตามทีค่ ณะกรรมการตรวจการจ้างจะเห็นสมควร และให้เริม่ ทําการบ่ม
ทันทีทผ่ี วิ หน้าของผิวทางทีแ่ ต่งไว้แข็งตัว หรือ อย่างช้าไม่เกิน 24 ชัวโมง ่ นับแต่การเทคอนกรีตผิวทางเสร็จเรียบร้อย
แล้ว ถ้าแบบรูปและรายการก่อสร้างเฉพาะงานไม่ได้กาํ หนดการบ่มไว้เป็ นการเฉพาะแล้ว การบ่มให้ใช้วธิ กี ารใดวิธกี าร
หนึ่งดังนี้ คือ
1. ใช้กระสอบคลุมสลับกันเป็ นชัน้ โดยให้เหลื่อมกันอย่างน้อย 15 ซ.ม. แล้วรดนํ้าให้ชุ่ม
ตลอดเวลา
2. ใช้ดนิ เหนียวกัน้ เป็ นขอบโดยรอบแล้วใช้น้ําแช่ขงั ให้เต็มหน้าคอนกรีต
3. เมื่อคอนกรีตก่อตัวแล้ว ให้ใช้ทรายสาดคลุมผิวหน้าคอนกรีต แล้วรดนํ้าให้ชมุ่ ตลอดเวลา
4. ใช้น้ํายาบ่มคอนกรีตตามกรรมวิธที ผ่ี ผู้ ลิตกําหนดไว้ แต่จะต้องได้รบั ความเห็นชอบจาก
คณะกรรมการตรวจการจ้างเสียก่อน
6.2.2 ปริมาณงานและเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้
(ก) งานสร้างไหล่ทางจะต้องสร้างให้ได้ความกว้างและความลาดตามทีก่ าํ หนดให้ในแบบรูปและ
รายการ หากมิได้กาํ หนดไว้ให้สร้างไหล่ทางเลยจากแนวผิวทางออก ไปทังสองข้ ่ าง ๆ ละไม่ต่ํากว่า 50 ซ.ม. (วัดถึงขอบ
ไหล่ทาง) โดยมีความลาดชันของไหล่ทาง 1 : 2
(ข) เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนทีย่ อมให้ไหล่ทางทีส่ ร้างเสร็จแล้วระดับในแนวทีข่ นานไปกับ
ศูนย์กลางถนนทีต่ รวจสอบได้ จะต้องต่างกันไม่เกิน 1 ซ.ม. ส่วนค่าระดับยอมให้มกี ารคลาดเคลื่อนจากทีก่ าํ หนดได้ไม่เกิน
1 ซ.ม. เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนทีย่ อมให้ตามทีก่ าํ หนดในวรรคก่อนให้ยกเว้นตอนทีต่ อ้ งมีการปรับส่วนลาดโค้งของถนน
เพื่อให้กลมกลืนกับถนนเดิมทีม่ อี ยู่แล้ว ทัง้ นี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการตรวจการจ้าง
7. งานทางเท้า
7.1 ข้อกาหนดทัวไป ่
งานทางเท้าจะต้องสร้างให้ได้ความกว้าง แนว รูปร่าง ฯลฯ และปูล๊อคประดับตามทีก่ าํ หนดให้ในแบบ
รูป วัสดุทน่ี ํามาใช้สร้างทางเท้าจะต้องมีคุณสมบัตเิ ป็ นไปตามข้อกําหนด
7.2 วัสดุปูทางเท้า
ให้ใช้บล็อกประดับแบบ PAVING BLOCK ขนาดหนา 60 ม.ม. มีค่ากําลังอัดประลัย (ULTIMATE
COMPRESSIVE STRENGTH) ไม่น้อยกว่า 350 กก./ ซ.ม. 2
7.3 วิ ธีการทางาน
7.3.1 ให้บดอัดดินเดิม และ/หรือดินถมและรองพืน้ ทางเท้าทีส่ ร้างขึน้ ให้ได้ความแน่นไม่ต่ํากว่า 95 %
STANDARD PROCTOR DENSITY
7.3.2 การปูบล็อกประดับให้ปฏิบตั ดิ งั นี้
(ก) ให้เกลีย่ ทรายรองพืน้ จนเต็มทางเท้าตามความลาดทีต่ อ้ งการ โดยให้คาํ นึงถึงระยะยุบตัวของ
ทรายรองพืน้ นี้ภายหลังการบดอัดด้วย
(ข) ปู PAVING BLOCK ให้พน้ื ผิวทางข้างของ BLOCK แต่ละก้อนเรียงชิดติดกันในลักษณะ
ให้เกิด INTERLOCKING RESISTANCE (ตามแบบ) และผิวด้านบนจะต้องได้ระดับเสมอกัน
(ค) หลังจากการปู PAVING BLOCK เสร็จแล้ว ให้ใช้ทรายสาดทับหน้า กวาดทรายให้ลงไป
อุดตามรอยต่อระหว่าง BLOCK แล้วใช้ PLATE VIBRATOR ตบผิวหน้าบล็อกซํ้าอีกครัง้ เพือ่ ให้ทรายอัดตัวกันแน่น
ตามรอยต่อระหว่าง BLOCK
7.4 ข้อกาหนดอื่น ๆ
7.4.1 ในการปู PAVING BLOCK แถวสุดท้าย ซึง่ อาจจําเป็ นต้องตัด PAVING BLOCK ให้เข้ากับ
ช่องว่างทีเ่ หลือ ให้ตดั ด้วยเครื่อง HYTRAULIC SPLITTER ให้ได้ขนาดพอดีกนั
7.4.2 ทางเท้าเมื่อสร้างเสร็จแล้ว ช่องว่างตรงแนวต่อของแผ่นวัสดุปทู างเท้ากับคันหินจะต้องมีความกว้าง
ไม่เกิน 1 ซ.ม.
7.4.3 ผูร้ บั จ้างจะต้องสร้างคันหิน หรือคันหินรางตืน้ ให้แล้วเสร็จเสียก่อน จึงทําการสร้างทางเท้าได้
8. งานระบายน้า
8.1 ข้อกาหนดทัวไป ่
ข้อกําหนดในข้อหมวดนี้ ให้ใช้บงั คับกับงานก่อสร้างท่อหรือรางระบายนํ้าทิง้ นํ้าฝน ฯลฯ และบ่อพัก
ทัง้ ประเภทหล่อในที่ และประเภทนําท่อหรือรางระบายนํ้าสําเร็จรูปมาวางเรียงต่อกัน เพื่อจุดประสงค์ในการระบายนํ้า
ท่อหรือรางระบายนํ้า ต้องเป็นท่อระบายนํ้ากลมหรือท่อระบายนํ้ารูปทรงอื่น ๆ หรือรางระบายนํ้าตามที่
กําหนดในแบบรูปหรือรายการก่อสร้างเฉพาะงาน
8.2 ข้อกาหนดสาหรับวัสดุ
8.2.1 ท่อระบายนํ้ากลม ให้ใช้ท่อระบายนํ้าคอนกรีตเสริมเหล็กสําเร็จรูปซึง่ ผลิตด้วยเครื่องจักรมีคุณสมบัติ
และคุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ท่อระบายนํ้าคอนกรีตเสริมเหล็ก (มอก. 128 – 2528) ชัน้ คุณภาพ ค.
ส.ล. 2 มีขนาดและเส้นผ่าศูนย์กลางภายในตามทีก่ าํ หนด และความยาวของท่อแต่ละท่อนต้องไม่น้อยกว่า 1.00 เมตร
8.2.2 คอนกรีต ทีใ่ ช้หล่อโครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของท่อหรือรางระบายนํ้าประเภทหล่อในที่ หล่อบ่อพัก
และอื่น ๆ ให้ใช้อตั ราส่วนผสม 1 : 2 : 4 โดยปริมาตร และวัสดุทใ่ี ช้ผสมคอนกรีตต้องมีคุณสมบัตดิ งั นี้
(ก)ปูนซีเมนต์ให้ใช้ปนู ซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท1มีคุณสมบัตติ ามมาตรฐานผลิตภัณฑ์
อุตสาหกรรม มอก. 15 เล่ม 1 – 2532
(ข) ทราย ให้ใช้ทรายหยาบนํ้าจืดทีส่ ะอาด มีเม็ดแข็งทนทานและไม่มดี ่าง หรือกรด หรือเกลือ
เจือปน ปราศจากอินทรียวัตถุและสิง่ สกปรกต่าง ๆ ทีจ่ ะทําให้คุณสมบัตขิ องคอนกรีตเสือ่ มเสีย และต้องมีขนาด 1.55 – 3
ม.ม.
(ค) หิน ให้ใช้หนิ ปูนย่อยเป็ นส่วนผสมคอนกรีต โดยหินจะต้องมีขนาดลอดตะแกรงทีม่ ชี ่องลอด
ขนาด 2.5 2.5 ซ.ม. ได้ทงั ้ สิน้ และต้องมีคุณสมบัตแิ ข็ง ทนทาน ไม่ผุ สะอาด ปราศจากวัตถุอ่นื ๆ ปน และก่อน
ใช้ตอ้ งล้างหินให้สะอาดก่อนเสมอ
(ง) นํ้า ให้ใช้น้ําสะอาด ไม่มคี ณ
ุ สมบัตเิ ป็ นนํ้ากระด้าง ไม่มรี สกร่อย ปราศจากนํ้ามันพฤษชาติ
และสิง่ สกปรกเจือปน เช่น ตะไคร่น้ํา จอก แหน ฯลฯ การก่อสร้าง ณ สถานทีท่ ม่ี นี ้ําประปา ให้ใช้น้ําประกา ถ้าทีใ่ ด
ไม่มนี ้ําประปา อนุญาตให้ใช้น้ําจากบ่อ คู คลองได้ แต่น้ํานัน้ ต้องมีคุณสมบัตดิ งั กล่าวข้างต้น
8.2.3 เหล็กเสริม เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ต้องเป็ นเหล็กใหม่ไม่เคยใช้งาน มาก่อน มีผวิ สะอาดไม่มี
สนิมขุม ไม่เปื้ อนสิง่ สกปรกอื่นใด ไม่มรี อยปริแตกร้าว ปี ก ลูกคลื่น สามารถทนต่อการดัดเย็น โดยไม่มรี อยปริแตกร้าว
เกิดขึน้ ตมผิวมีลกั ษณะตรงไม่คด งด และเป็ นชนิดทีต่ รงกับทีก่ าํ หนดไว้ในแบบรูปมีคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์
อุตสาหกรรมของสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม คือ
เหล็กเส้นกลมเป็ นเหล็กชนิด SR – 24 มอก. 20 – 2527
เหล็กข้ออ้อยเป็ นเหล็กชนิด SD – 30 มอก. 24 – 2536
8.2.4 ปูนก่อ สําหรับยาแนวรอยต่อท่อคอนกรีต ให้ใช้ซเี มนต์ 1 ส่วน ทราย 2 ส่วน ซึง่ ผสมไว้ไม่นาน
เกินกว่า 30 นาที
8.3 ข้อกาหนดในการทางาน
8.3.1 การขุดดิน เพื่อการก่อสร้าง คูระบายนํ้า รางระบายนํ้า บ่อพัก ท่อระบายนํ้า เขือ่ น และโครงสร้าง
อื่น ๆ ตามทีก่ าํ หนดไว้ในแบบรูปและรายการให้ดาํ เนินการดังต่อไปนี้
(ก) ให้ผรู้ บั จ้างทําการบดอัดคันทางให้เสร็จเรียบร้อยตามวิธกี ารทีก่ าํ หนดในหมวดที่ 2 เสียก่อน
แล้วจึงขุดร่องดินตรงทีจ่ ะสร้างรางระบายนํ้า หรือวางท่อให้ได้ความลึกตามต้องการ
(ข) การขุดร่องดินเพื่อสร้างรางระบายนํ้า หรือวางท่อระบายนํ้า ผูร้ บั จ้างต้องขุดเป็ นระยะทาง
ยาวพอสมควรให้สมั พันธ์กบั การดําเนินการขัน้ ต่อไป ห้ามผูร้ บั จ้างขุดร่องดินยาวเกินความจําเป็น และการขุดผ่านทางแยก
หรือทางเข้าอาคาร ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาแผ่นเหล็ก หรือวัสดุอน่ื ใดปิ ดร่องทีข่ ดุ ให้ยานพาหนะสามารถผ่านได้ หากผูร้ บั จ้าง
ไม่อาจจัดหาแผ่นเหล็กหรือวัสดุใดปิ ดได้ภายใน 6 ชัวโมง ่ นับแต่เริม่ ขุดและไม่มกี ารปฏิบตั งิ านต่อเนื่องกัน ผูร้ บั จ้างต้อง
รีบจัดการหลุมร่องดินเสียก่อน สําหรับท่อทีน่ ํามาใช้ให้ผรู้ บั จ้างวางเรียงไม่ให้กดี ขวางแก่ยานพาหนะและผูส้ ญ ั จร
(ค) การขุดร่องดิน ในบริเวณทีอ่ ยู่ใกล้เคียงกับสิง่ ก่อสร้างอื่นหรือถนน ผูร้ บั จ้างต้องดําเนินการ
จัดทํากําแพงกันดินชัวคราว
่ เพือ่ ป้องกันการทรุด และจะต้องป้องกันมิให้สงิ่ ก่อสร้างเดิมได้รบั ความเสียหาย
(ง) ดินทีน่ ําขึน้ มาจากการขุดร่อง ไม่ควรกองไว้ทป่ี ากหลุม ยกเว้นจะมีวธิ กี ารป้องกันดินปาก
หลุมพังอย่างเพียงพอ
(จ) ถ้าจําเป็ นจะต้องสร้างเขือ่ นชัวคราวเพื
่ ่อกักนํ้าให้สร้าง ณ บริเวณทีค่ ณะกรรมการตรวจการ
จ้างหรือผูแ้ ทนกําหนดให้
8.3.2 การวางท่อหรือการก่อสร้างรางระบายนํ้า
(ก) เมื่อขุดดินได้ระดับแล้ว จะต้องปรับพืน้ เดิมให้เรียบและทํารองพืน้ โดยใช้วสั ดุทก่ี าํ หนดให้ใน
แบบรูป แล้วจึงทําการวางท่อ หรือก่อสร้างรางระบายนํ้าได้ ในกรณีทเ่ี ป็ นท่อหรือรางชนิดทีไ่ ม่มเี สาเข็มรองรับ หากขุดถึง
ระดับทีต่ อ้ งการแล้วปรากฏว่าดินเดิมเป็ นดินอ่อนหรือดินเลน ผูร้ บั จ้างจะต้องขุดทิง้ จนถึงดินแข็งแล้วใส่ทรายหยาบ หรือ
หินคลุกแทนแล้วทําการบดอัดแน่นเสียก่อนทีจ่ ะทํารองพืน้
(ข) การวางท่อ จะต้องทําให้รอยต่อสนิทแนบเนียน หากไม่เป็ นดังทีก่ ล่าวนี้จะต้องจัดวางใหม่
ให้ถูกต้อง และในการวางท่อหากว่าท่อเกิดชํารุดเสียหาย จะต้องเอาออกและนําท่อใหม่ทม่ี สี ภาพดีมาวางแทน
(ค) การต่อท่อและยาแนวท่อ การวางท่อจะต้องวางท่อจากระดับตํ่าไปหาสูง
- ท่อแบบปากลิน้ ราง วางท่อท่อนแรกลงบนพืน้ ร่องท่อหันปลายทีป่ ากรางไปในทางสวนกับ
ทิศทางนํ้าไหล แล้ววางท่อท่อนทีส่ องทีเ่ ป็ นลิน้ สอดเข้าไปในรางท่อท่อนแรกให้สนิทแนบเนียน แล้วพอกปูนก่อตรงช่วงที่
ต่อกันโดยรอบ ใช้ปนู ก่อยาแนวผิวท่อตรงรอยต่อให้ได้ขนาดความหนาและความกว้างของปูนยาแนว ตามทีก่ าํ หนด เมื่อ
ยาแนวแล้วให้บม่ ปูนก่อเป็ นเวลา 3 วัน
- ท่อแบบปากระฆัง (เบลแอนด์สปิ กกอต) วางท่อท่อนแรกลงบนพืน้ ร่องท่อ หันปลายด้าน
เป็ นปากระฆังสวนกับทิศทางนํ้าไหล แล้วใช้ท่อท่อนทีส่ องสอดเข้าไปในปากท่อทีว่ างครัง้ แรก จนเข้ากันสนิทแนบเนียน
แล้วพอกปูนก่อตรงช่วงทีต่ ่อกันโดยรอบ ใช้ปนู ยาแนวผิวท่อตรงรอยต่อ ให้ได้ขนาดความหนาและความกว้างของปูนยา
แนวตามทีก่ าํ หนด เมื่อยาแนวแล้วให้บม่ ปูนก่อเป็ นเวลา 3 วัน
8.3.3 การถมและบดอัดภายหลังการวางท่อหรือการก่อสร้างรางระบายน้า
(ก) ท่อหรือรางระบายนํ้าทีส่ ร้างในผิวทาง ให้ถมและบดอัดข้างท่อหรือรางระบายนํ้า และหลัง
ท่อด้วยทรายถมซึง่ สะอาด เป็ นชัน้ ๆ ตามความยาวของท่อหรือรางระบายนํ้า การบดอัดให้ใช้วธิ กี ารทีเ่ หมาะสม และ
จะต้องได้ความแน่นของการบดอัดไม่ต่าํ กว่า 95 % ของความแน่นแห้งสูงสุด ทีไ่ ด้จากการทดลอง ตามระเบียบวิธี
STANDARD PROCTOR ในห้องปฏิบตั กิ ารทดลอง การถม และบดอัดนี้ ให้กระทําเป็ นชัน้ ๆ แต่ละชัน้ หนาไม่เกิน
15 ซ.ม. จนถึงระดับทีจ่ ะสร้างพืน้ ฐาน (BASE & SUBBASE) ของผิวทาง
จบหมวดที่ 26
งานสถาปัตยกรรม
หมวดที่ 27
งานพืน้
1. พืน้ หินขัด
1.1 วัสดุ
1.1.1 หินขัดชนิดแผ่นหินขัดสําเร็จ ขนาด 0.50x0.50 เมตร หนา 20 มิลลิเมตร หรือตามทีร่ ปู แบบระบุ และ
ต้องได้มาตรฐานอุตสาหกรรมกระเบือ้ งหินขัดปูพน้ื (มอก.379-2543) กรรมวิธกี ารติดตัง้ ให้เป็ นไป
ตามมาตรฐานและคําแนะนําของผูผ้ ลิต โดยสี ลาย และขนาดเม็ดหิน สถาปนิกเป็ นผูก้ าํ หนด
ผลิตภัณฑ์ TRG, MARBLEX, STONIC หรือของ บริษทั สระบุรรี ชั ต์ จํากัด หรือคุณภาพเทียบเท่า
1.1.2 หินขัดชนิดดําเนินการก่อสร้างในที่ กําหนดให้
(1) หิน ใช้เศษหินอ่อนเบอร์ 3 หรือระบุเป็ นอย่างอื่น โดยต้องได้รบั ความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบ เศษหินอ่อนทีใ่ ช้
จะต้องสะอาดปราศจากเศษดิน หินอื่นๆ ฝุน่ หรือวัสดุอ่นื เจือปน
(2) ปูนซีเมนต์ขาว ให้ใช้ปนู ซีเมนต์ตรากิเลน หรือตราช้างเผือก หรือเทียบเท่า
(3) สีผสม ต้องใช้สนี ้ําฝุน่ สําหรับผสมซีเมนต์อย่างดี ผูร้ บั จ้างต้องจัดทําตามตัวอย่างทีไ่ ด้รบั ความเห็นชอบ
(4) นํ้า ทีใ่ ช้ผสมจะต้องใสสะอาด ปราศจากนํ้ามัน กรด และสิง่ สกปรกอื่นๆ
(5) เส้นแบ่งหินขัด ให้ใช้ชนิดและขนาดตามทีร่ ะบุในรูปแบบ กรณีทไ่ี ม่ได้ระบุเจาะจงไว้ ให้ใช้เส้นทองเหลืองขนาด 3/16
นิ้ว แบ่งเป็ นช่องไม่เกิน 4 ตารางเมตร ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทําแผนผังแต่ละห้องให้ผอู้ อกแบบ และ/หรือผูค้ วบคุมงาน
เห็นชอบก่อนดําเนินการ
1.1.3 บัวเชิงผนัง พืน้ หินขัดทุกแห่งจะต้องมีบวั เชิงผนังหินขัดสูง 10 เซนติเมตร เสมอผิวปูนฉาบ ขนาดของ
หินเป็ นเบอร์ 3 หรือเบอร์ 4 สีเดียวกัน นอกจากจะระบุเป็ นอย่างอื่น
1.1.4 ในกรณีทร่ี ปู แบบระบุใช้บวั เชิงผนัง PVC ให้ใช้วสั ดุทผ่ี ลิตจาก PVC เกรด A ขนาดความกว้าง 4 นิ้ว
หนา 9 มิลลิเมตร ทนทานต่อความชืน้ ไม่บดิ งอหรือหดตัว ความคงตัวสูง ทําความสะอาดเช็ดถูได้
ง่าย ผลิตภัณฑ์ของ APACE, INFINITE หรือเทียบเท่า
1.1.5 ติดตัง้ ด้วยกาวแม๊กซ์บอนด์เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพการยึดเกาะทีถ่ าวรและคงทน ควรบีบกาวเป็ น
ลักษณะลูกคลื่นเป็ นเส้นขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตร (กาวสามารถแห้งภายใน 20-30 นาที)
1.2 วิธดี าํ เนินการ
1.2.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดพืน้ ผิวบริเวณทีจ่ ะทําหินขัดให้เรียบร้อย ปราศจากเศษปูน ฝุน่ ละออง
1.2.2 จัดวางแนวเส้นแบ่งพืน้ พร้อมกับทําปุม่ จับให้ทวบริ ั ่ เวณ ทิง้ ไว้ให้แห้ง 1 วัน เป็ นอย่างน้อย
1.2.3 ก่อนเทส่วนผสมปูนซีเมนต์ขาวกับเศษหินอ่อนต้องรดนํ้าให้ชมุ่ แล้วเทด้วยนํ้าปูนซีเมนต์ขน้ ๆ
พอประมาณให้ทวบริ ั ่ เวณ แล้วจึงเทส่วนผสมปูนซีเมนต์ขาวกับหินอ่อนลงไป
1.2.4 ปรับระดับผิวหน้าให้ได้ระดับทัวบริ ่ เวณ แล้วปล่อยทิง้ ไว้ให้แห้งอย่างน้อย 24 ชัวโมง ่ จากนัน้ บ่ม
ผิวหน้าพืน้ ทีจ่ ะทําหินขัดทิง้ ไว้อย่างน้อย 7 วัน จึงเข้ามาขัดผิวหน้าได้
1.2.5 การขัดผิวหน้าจะต้องขัดด้วยเครือ่ ง ยกเว้นในส่วนทีเ่ ป็ นมุมตามซอกอนุญาตให้ขดั มือได้
1.2.6 หลังจากขัดผิวหน้าได้ระดับเรียบร้อยแล้ว ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาด เก็บกวาด ทัวบริ ่ เวณ
รวมทัง้ ส่วนอื่นๆ ของอาคารทีส่ กปรกเนื่องจากการทําหินขัด แล้วลงผิวหน้าด้วยวัสดุเคลือบผิวทีไ่ ม่ทาํ
ให้สขี องหินขัดเปลีย่ นไปอย่างน้อย 2 ครัง้
(28.1 kg/sq.m.)
VITREOUS (PAVER) TILE 7 DAYS > 400
(28.1 kg/sq.m.)
28 DAYS > 400
(28.1 kg/sq.m.)
(2) งานปูพน้ื ภายนอก
รวมทัง้ พืน้ ทีภ่ ายในห้องนํ้า (BATH ROOMS, REST ROOMS, SHOWER) ทัวๆ ่ ไป วัสดุทใ่ี ช้ตอ้ งได้รบั การ
เห็นชอบตามความต้องการจากผูอ้ อกแบบก่อนนําไปใช้งาน โดยมีคุณสมบัติ ดังนี้
กาวซีเมนต์ (MORTAR) มีสว่ นผสมของ POWDER LATEX, PORTLAND CEMENT, SAND และส่วนผสมของ
POLYMET ทัง้ นี้ตอ้ งได้รบั มาตรฐานอเมริกา ANSI A118.1-1985 LATEX PORTLAND MORTAR ดังนี้
- COMPRESSIVE STRENGTH (PSI) ASTM C-109 > 3,500
- SHEAR BOND (PSI) ANSI A 118.4
NON-VITREOUS TILE 7 DAYS > 600
28 DAYS > 800
VITREOUS (PAVER TILE) 7 DAYS > 300
28 DAYS > 450
NON-VITREOUS TILE 7 DAYS > 250
28 DAYS > 300
2.2.8 การยาแนว (GROUT)
(1) งานปูพน้ื นอกจากระบุไว้เป็ นอย่างอื่น ทีร่ ่องยาแนวไม่เกิน 3 มิลลิเมตร (1/8 นิ้ว) ให้ใช้กาวยาแนว DRY SET
GROUT ต้องได้รบั การเห็นชอบตามความต้องการจากผูอ้ อกแบบก่อนนําไปใช้งาน โดยมีคุณสมบัติ ดังนี้
กาวยาแนว (GROUT) มีสว่ นผสมของ PORTLAND CEMENT และส่วนผสมเป็ นระบบ DRY-SET GROUT ทัง้ นี้
ต้องได้มาตรฐานอเมริกา ANSIA118.6-H-2.3 ดังนี้
- SHEAR BOND (PSI) ABSORPTIVE TILE 7 DAYS > 200
SEMI-VITREOUS TILE 7 DAYS > 300
- COMPRESSIVE STRENGTH (PSI) 7 DAYS > 2,400
28 DAYS > 3,500
- WATER ABSORPTION (%) > 12
- HARDNESS (SHORE D) > 70
- INITIAL SET (HOURS) ASTM C-266 2
- FINAL SET (HOURS) ASTM C-266 8
- BUCKET LIFE 2
(2) การยาแนวสําหรับงานปูพน้ื ทีร่ อ่ งยาแนวตัง้ แต่ 3 มิลลิเมตร (1/8 นิ้ว-1/2 นิ้ว) ให้ใช้กาวยาแนว DRY SET GROUT
ต้องได้รบั การเห็นชอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนนําไปใช้งานโดยมีคุณสมบัตดิ งั นี้
กาวยาแนว (GROUT) มีสว่ นผสมของ LATEX, PORTLAND CEMENT เป็ นระบบ LATEX PORTLAND
CEMENT GROUT ทัง้ นี้ตอ้ งได้มาตรฐานอเมริกา ANSIA118.6-H-2.4 ดังนี้
- SHEAR BOND (PSI)
VITREOUS (PAVER) TILE 7 DAYS > 500
2.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทจ่ี ะใช้แต่ละชนิด ขนาดเท่ากับวัสดุทจ่ี ะใช้จริงไม่น้อยว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้
ผูอ้ อกแบบเห็นชอบก่อนจึงจะนําไปใช้งานได้ ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นทีจ่ าํ เป็ นต้องใช้ดว้ ย เช่น
ขอบคิว้ หรือมุมต่างๆ เป็ นต้น รวมทัง้ รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE SPECIFICATION)
2.4 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาช่างฝีมอื ดีมคี วามชํานาญในการปู โดยปูตามแนวราบ แนวตัง้ และแนวนอน จะต้องได้ฉากแนว
ระดับสมํ่าเสมอ หรือลวดลายตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดให้ดว้ ยความปราณีตเรียบร้อย ทัง้ นี้ให้มกี ารคลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 1
มิลลิเมตร ผูร้ บั จ้างต้องตรวจสอบดูหนิ ให้มาจากส่วนการผลิตและรุ่นเดียวกัน ตรวจสอบสีให้ถูกต้อง และสีไม่แตกต่างกัน
มาก และทําการเรียงแผ่นหินทีจ่ ะใช้ในบริเวณใกล้เคียงกัน เพื่อเฉลีย่ สีและลายของหินให้สมํ่าเสมอกันทัวทั ่ ง้ พืน้ ที่ ทีจ่ ะปู
และให้ผอู้ อกแบบ หรือผูค้ วบคุมงานพิจารณาเห็นชอบก่อนการดําเนินการติดตัง้
2.4.1 การเตรียมผิว
(1) ทําความสะอาดพืน้ ผิวทีจ่ ะปูหนิ ให้ปราศจากฝุน่ ผง คราบไขมัน เศษปูน หรือสิง่ สกปรกอื่นใด แล้วล้างทําความสะอาด
ด้วยนํ้า
(2) เทปูนทรายปรับระดับสําหรับพืน้ ให้ได้ระดับและความเอียงลาดตามต้องการ ได้ดงิ่ ได้ฉาก ได้แนว เพื่อให้ได้ผวิ
พืน้ ทีเ่ รียบและแข็งแรงก่อนการปูหนิ
(3) หลังจากเทพืน้ ปูนทรายปรับระดับแล้ว 24 ชัวโมง ่ ให้ทาํ การบ่มตลอด 3 วัน ทิง้ ไว้ให้แห้ง แล้วจึงเริม่ ดําเนินการปูหนิ
ได้
(4) การเตรียมแผ่นหิน จะต้องจัดเรียงแผ่นหินทีจ่ ะใช้ในบริเวณใกล้เคียงๆ เพื่อเฉลีย่ สีและลายของหินให้สมํ่าเสมอกันทัว่
ทัง้ พืน้ ทีท่ จ่ี ะปูหนิ ให้ผคู้ วบคุมงาน และ/หรือผูอ้ อกแบบพิจารณาอนุมตั ติ ําแหน่งการวางแผ่นหินแต่ละแผ่น และ
คัดเลือกหินแต่ละแผ่นก่อนการติดตัง้
(5) ก่อนดําเนินการปูหนิ จะต้องทานํ้ายาเคลือบใสป้องกันความชืน้ ทีด่ า้ นหลังและด้านข้างของแผ่นหิน รวม 5 ด้าน โดย
ยกเว้นด้านหน้าของแผ่นหิน สําหรับหน้าหินทีท่ าํ ผิวขัดมัน และทาทัง้ 6 ด้าน โดยทาทีด่ า้ นหน้าของแผ่นหินด้วย
สําหรับหน้าหินทีท่ าํ ผิวด้าน พ่นทราย เปา่ ไฟ สกัดหยาบ หรือผิวอื่นใดนอกเหนือจากผิวขัดมัน โดยทาอย่างน้อย
ด้านละ 2 เทีย่ ว และทิง้ ไว้ให้แห้งก่อนนําไปติดตัง้
2.4.2 การปูหนิ
(1) ทําการวางแนวของแผ่นหิน กําหนดจํานวนและเศษแผ่นตาม Shop Drawing ทีไ่ ด้รบั อนุมตั ิ แนวหินทัวไปให้ ่ ชดิ กัน
ให้มากทีส่ ดุ หรือตามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
(2) เศษของแผ่นหินจะต้องเหลือเท่ากันทัง้ สองด้าน แนวรอยต่อหินของพืน้ กับผนังจะต้องตรงกัน หรือตาม Shop
Drawing ทีไ่ ด้รบั อนุมตั ิ การเข้ามุมหินหากไม่ระบุในแบบ ให้ใช้วธิ เี จียรขอบ 45 องศา ประกบเข้ามุม ให้เห็นความ
หนาของแผ่นหินทีป่ ระกบกันทัง้ 2 แผ่น ด้านละประมาณ 5 มิลลิเมตร
(3) การตัดแต่งหินในแนวตรง แนวโค้ง ต้องตัดด้วยเครื่องมือมาตรฐานและคมเป็ นพิเศษ การเจาะหินเพื่อใส่อุปกรณ์
ต่างๆ รอยเจาะต้องมีขนาดตามต้องการ หินทีต่ ดั แต่งแล้วต้องไม่บดิ เบีย้ ว แตกบิน่ มีขนาดตามต้องการและต้อง
ตกแต่งขอบให้เรียบร้อยก่อนนําไปติดตัง้
(4) CONTROL JOINT (ในกรณีการปูดว้ ยกาวซีเมนต์)
- การปูชดิ สําหรับงานภายใน ให้มี CONTROL JOINT ทุกระยะห่างกันประมาณ 4-6 เมตร
- การปูห่างสําหรับงานภายใน ให้มี CONTROL JOINT ทุกระยะห่างกันประมาณ 6-10 เมตร
- การปูชดิ สําหรับงานภายนอก ให้มี CONTROL JOINT ทุกระยะห่างกันประมาณ 2-3 เมตร
- การปูห่างสําหรับงานภายนอก ให้มี CONTROL JOINT ทุกระยะห่างกันประมาณ 4-5 เมตร
(5) ทําความสะอาดพืน้ ผิว แล้วพรมนํ้าให้เปี ยกโดยทัว่ ใช้เกรียงฉาบกาวซีเมนต์ทใ่ี ช้สาํ หรับยึดติดแผ่นหิน ด้วยการโบก
ให้ทวพื
ั ่ น้ ทีท่ จ่ี ะปูหนิ แล้วขูดให้เป็ นรอยทาง ให้ปฏิบตั ติ ามคําแนะนําของผูผ้ ลิตกาวซีเมนต์ โดยได้รบั ความเห็นชอบ
จากผูค้ วบคุมงานก่อน
(6) ติดตัง้ และกดแผ่นหินตามแนวทีว่ างให้แน่นไม่เป็ นโพรงภายในเวลาทีก่ าํ หนดของกาวซีเมนต์ทใ่ี ช้ในกรณีท่ี
เป็ นโพรง หรือไม่แน่น หรือไม่แข็งแรง จะต้องรือ้ ออกและทําการติดตัง้ ใหม่
(7) หลังจากปูหนิ แล้วเสร็จ ทิง้ ให้หนิ ไม่ถูกกระทบกระเทือนเป็ นเวลาอย่างน้อย 48 ชัวโมง ่ แล้วจึงยาแนวรอยต่อด้วยวัสดุ
ยาแนว โดยใช้สที ใ่ี กล้เคียงหรืออ่อนกว่าสีหนิ หรือตามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
(8) การยาแนว ขนาดความกว้างต้องให้มขี นาดเดียวกันและสมํ่าเสมอกันตลอดแนว มีความประณีต เรียบร้อย สีของ
กาวยาแนวต้องได้รบั การเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบก่อนติดตัง้
(9) เช็ดวัสดุยาแนวส่วนเกินออกจากแผ่นหินด้วยฟองนํ้าชุบนํ้าหมาดๆ ก่อนทีว่ สั ดุยาแนวจะแห้ง ให้ร่องและผิวของหิน
สะอาด ปล่อยทิง้ ไว้ประมาณ 2 ชัวโมง ่ จึงทําความสะอาดด้วยผ้าสะอาดชุบนํ้า หมาดๆ ทิง้ ให้วสั ดุยาแนวแห้งสนิท
(10) นํ้ายาเคลือบผิว ต้องได้รบั การเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบก่อนนําไปใช้งาน และต้องปฏิบตั ติ ามกรรมวิธขี องบริษทั ผูผ้ ลิต
โดยเคร่งครัด
2.5 การทําความสะอาด
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดทุกแห่งหลังจากการติดตัง้ ผิวของวัสดุตอ้ งปราศจากรอยแตกร้าว แตกบิน่ รอยขูดขีด
หรือมีตําหนิ หลุดล่อน และต้องไม่เปรอะเปื้ อน
(1) ทําความสะอาดผิวหินด้วยฟองนํ้า ผ้า และนํ้า ก่อนทีป่ นู จะแห้งภายใน 1 ชัวโมง ่ หลังจากการติดตัง้ และทําความ
สะอาดรอยต่อระหว่างแผ่นให้สะอาดไม่มรี อยคราบเปื้ อนใดๆ ก่อนส่งมอบ
(2) การขัดเคลือบผิว ให้ทาํ ความสะอาดอีกครัง้ ด้วยนํ้าสบู่ หรือนํ้ายาทําความสะอาด และชําระด้วยนํ้าเปล่า เช็ดให้แห้ง
ด้วยผ้านุ่มสะอาด หลังจากนัน้ เคลือบผิวด้วยนํ้ายาเคลือบเงา
(3) ผูร้ บั จ้างจะต้องป้องกันไม่ให้งานพืน้ ปูหนิ สกปรกหรือเสียหายตลอดระยะเวลาก่อสร้าง
2.6 การป้องกันแผ่นหิน
(1) ผูร้ บั จ้างจะต้องเก็บกองโดยไม่ให้มนี ้ําหนักกดทับลงบนแผ่นหิน โดยการวางแผ่นหินเรียงกันตามแนวตัง้ มีกระสอบ
หรือหมอนไม้รองรับ และทีเ่ ก็บกองจะต้องไม่มคี วามชืน้
(2) พืน้ ทีป่ หู นิ แล้วเสร็จ ห้ามมีการเดินผ่านหรือบรรทุกนํ้าหนัก หากจําเป็ นจะต้องมีการสัญจร จะต้องมีการป้องกันผิว
หินมิให้เป็ นรอยหรือเสียหาย ในกรณีทผ่ี วิ หน้าหินเกิดริว้ รอยขูดขีดปรากฏให้เห็น หรือแผ่นหินไม่เรียบ ไม่สมํ่าเสมอ
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการแก้ไขตามกรรมวิธกี ารขัดผิวมันของแผ่นหิน หรือเปลีย่ นให้ใหม่ และให้ได้สขี องแผ่นหินที่
สมํ่าเสมอกันทัวทั ่ ง้ บริเวณ โดยค่าใช้จ่ายของผูร้ บั จ้าง
2.7 การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพของวัสดุและการติดตัง้ หากเกิดความเสียหายอันเนื่องจากการติดตัง้ และผิวของ
วัสดุ เกิดรอยร้าว แตกบิน่ ขูดขีด หรือหลุดล่อน ผูร้ บั จ้างจะต้องซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีสมบูรณ์ตามจุดประสงค์ของ
ผูอ้ อกแบบและ/หรือผูค้ วบคุมงาน โดยไม่คดิ มูลค่าใดๆ ทัง้ สิน้
(4) บัวเชิงผนัง หากไม่ระบุไว้เป็ นอย่างอื่น บัวเชิงผนังจะต้องเป็ นวัสดุ PVC หนา 2.0 มิลลิเมตร สูง 10 เซนติเมตร
ลวดลายและสีจะกําหนดโดยผูอ้ อกแบบ
(5) กรณีรปู แบบระบุเป็ นชนิดม้วนจะกําหนดชัดเจนในรูปแบบเฉพาะ
3.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทจ่ี ะใช้แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง และส่งผูอ้ อกแบบเห็นชอบก่อนจึงจะ
นําไปใช้งานได้ ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอืน่ ที่จาํ เป็ นต้องใช้ดว้ ย เช่น ขอบคิว้ หรือมุมต่างๆ เป็ นต้น
3.4 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาช่างฝีมอื ดี มีความชํานาญในการปู โดยการปูตามแนวราบ แนวตัง้ และแนวนอน จะต้องได้ฉาก
แนวระดับเท่ากันสมํ่าเสมอ หรือลวดลายตามผูอ้ อกแบบกําหนดให้ดว้ ยความประณีตเรียบร้อย
3.4.1 การเตรียมพืน้ ผิว
(1) พืน้ คอนกรีตเสริมเหล็กทีจ่ ะปูกระเบือ้ งยางจะต้องเตรียมเผื่อระดับความหนาประมาณ 40 มิลลิเมตร และเทปูนทราย
รองพืน้ อีกชัน้ หนึ่ง ให้เหลือความหนาเท่ากับความหนาของกระเบือ้ งยางทีใ่ ช้อตั ราส่วนปูนทรายใช้ปนู ซีเมนต์ 1 ส่วน
ต่อทราย 3 ส่วน แล้วทําการขัดผิวพืน้ ให้เรียบและได้ระดับสมํ่าเสมอ
(2) พืน้ ทีจ่ ะติดตัง้ ด้วยกระเบือ้ งยางชนิดแผ่นจะต้องเป็ นพืน้ ทีไ่ ด้ระดับเรียบ ผิวของพืน้ ทีจ่ ะปูจะต้องไม่เป็ นคลื่นโดย
เด็ดขาด และปราศจากเศษปูน นํ้ามัน เศษฝุน่ ต่างๆ ทีเ่ หลืออยู่เป็ นพืน้ ผิวขัดมันเรียบ
(3) พืน้ ไม้ จะต้องเป็ นพืน้ ทีเ่ รียบ รอยต่อต้องสนิทและสมํ่าเสมอกัน ต้องสะอาดปราศจากความชืน้ แห้งสนิท
3.4.2 การปูกระเบือ้ งยาง
(1) ต้องปูหลังจากงานส่วนอื่นทีอ่ าจจะมีผลเสียหายต่อกระเบือ้ งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทัง้ นี้ผรู้ บั จ้างจะจัดเตรียมกระเบือ้ ง
ยางสํารองให้แก่เจ้าของงานทุกสีและลวดลายของการใช้ ในอัตราส่วน 1% ของปริมาณกระเบือ้ งยางทีป่ ู
(2) การทากาวติดกระเบือ้ ง การปาดทา และระยะเวลาทีย่ อมให้ปกู ระเบือ้ งยาง ก่อนกาวแห้งจะต้องปฏิบตั ิตามคําแนะนํา
ของบริษทั ผูผ้ ลิตอย่างเคร่งครัด
(3) การปูกระเบือ้ งยาง จะต้องปูตามแนวทีก่ าํ หนดในแบบก่อสร้าง หรือตามอนุมตั ใิ น SHOP DRAWING ทัง้ นี้ การปู
จะต้องชิดสนิทกันและได้ฉาก
(4) หลังการปูเสร็จให้ใช้ลกู กลิง้ หนักประมาณ 50 กิโลกรัม บดทับทันที เพื่อให้กระเบือ้ งยางติดกับพืน้ ทุกแผ่น แล้ว
จะต้องทิง้ ไว้ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่น้อยกว่า 7 วัน
(5) ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดผูด้ แู ลมิให้ฝนสาด หรือเกิดการพองตัว หรือหลุดล่อน หากเกิดการพองตัว หรือหลุดร่อน ผูร้ บั จ้าง
จะต้องรือ้ ทัง้ ห้อง และทําการปูใหม่ โดยค่าใช้จ่ายของผูร้ บั จ้างเองทัง้ สิน้
3.5 การทําความสะอาดและเคลือบผิว
การทําความสะอาดและเคลือบผิวหลังจากปูเสร็จเรีบยร้อยในห้องหรือบริเวณทีก่ าํ หนด จะต้องทําความสะอาดผิว
ด้วยนํ้ายาล้างพืน้ และคราบไขมัน สิง่ สกปรกบนพืน้ ต่างๆ ให้สะอาดจนกว่าจะหมดคราบและทําการเคลือบเงาพืน้ ด้วยนํ้ายา
เคลือบพืน้ WAX อย่างน้อย 2 ครัง้ และขัดด้วยเครื่องขัดให้ขน้ึ เงา โดยให้ปฏิบตั ติ ามกรรมวิธขี องบริษทั ผูผ้ ลิต ผูร้ บั จ้าง
จะต้องทําให้เรียบร้อยทุกแห่งหลังจากการติดตัง้ ผิวของกระเบือ้ งต้องปราศจาก รอยร้าว แตกบิน่ หรือมีตําหนิ หลุดล่อน
ก่อนขอความเห็นชอบในการตรวจสอบและส่งมอบงานจากผูค้ วบคุมงาน
3.6 การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพวัสดุ และการติดตัง้ หลังจากการติดตัง้ แล้วต้องแข็งแรงมันคงปราศจากตํ
่ าหนิ
5.2 วัสดุทใ่ี ช้
5.2.1 ใช้กระเบือ้ งเซรามิคผิวเคลือบด้านขนาด 12 x 12 นิ้ว (หรือขนาดตามรูปแบบกําหนด) ผลิตภัณฑ์ตาม
มาตรฐานกระเบือ้ งดินเผาปูพน้ื (มอก.37-2529) ได้แก่ COTTO หรือ RCI หรือคัมพาน่า หรือ
คุณภาพเทียบเท่า (สีและลายเลือกภายหลังโดยผูอ้ อกแบบ)
5.2.2 นํ้ายากันซึม ใช้ของ THOROSEAL, UNASEAL, BRUSBOND หรือคุณภาพเทียบเท่า
5.2.3 กระเบือ้ งจะต้องได้มาตรฐาน ขนาด ความหนา ลวดลาย และสีจะต้องสมํ่าเสมอเท่ากันทุกแผ่น
เป็ นไปตามทีส่ ถาปนิกเลือกไว้ หากเป็ นผลิตภัณฑ์ทม่ี ชี น้ิ ส่วนกระเบือ้ งทีใ่ ช้ทาํ ขอบ คิว้ มุม กาบกล้วย
ควํ่า และหงาย ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหามาให้พร้อม หากผลิตภัณฑ์ไม่มชี น้ิ ส่วนดังกล่าว ให้ใช้เส้นขอบ
มุม PVC สําเร็จรูปสีเหมือนกระเบือ้ ง
5.2.4 ซีเมนต์ขาวสําหรับปูกระเบือ้ ง ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานปูนซีเมนต์ขาว (มอก.133-2518) ได้แก่
ตราช้างเผือก ตรากิเลน หรือเทียบเท่า
5.2.5 ซีเมนต์กาวสําเร็จรูปสามารถนํามาใช้เทียบเท่าได้ เช่น ตราจรเข้ ตราตุ๊กแก เป็ นต้น
5.3 การติดตัง้
5.3.1 การเตรียมผิว
(1) ทําความสะอาดพืน้ ผิวทีจ่ ะปูหรือบุกระเบือ้ งให้ปราศจากฝุน่ ผง คราบไขมัน เศษปูนทราย หรือสิง่ สกปรกอื่นใด แล้ว
ล้างทําความสะอาดด้วยนํ้า
(2) สําหรับพืน้ ทีจ่ ะปูกระเบือ้ ง จะต้องเทปูนทรายปรับระดับ ให้ได้ระดับและความเอียงลาดตามต้องการเพื่อให้ได้ผวิ
พืน้ ทีเ่ รียบและแข็งแรงก่อนการปู
(3) หลังจากเทพืน้ ปูนทรายปรับระดับ แล้ว 24 ชัวโมง ่ ให้ทาํ การบ่มตลอด 3 วัน ทิง้ ไว้ให้แห้ง แล้วจึงเริม่ ดําเนินการปู
กระเบือ้ งพืน้ ได้
(4) การเตรียมแผ่นกระเบือ้ ง จะต้องแกะกล่องออกมา ทําการเฉลีย่ สีของกระเบือ้ งให้สมํ่าเสมอทัวกั ่ น และเพียงพอกับ
พืน้ ทีท่ จ่ี ะปูแล้วจึงนํากระเบือ้ งไปแช่น้ําก่อนนํามาใช้ หรือปฏิบตั ติ ามคําแนะนําของผูผ้ ลิต โดยได้รบั ความเห็นชอบ
จากผูค้ วบคุมงานก่อน
(5) กระเบือ้ งดินเผาทีไ่ ม่เคลือบผิว ก่อนการปูหรือบุตอ้ งเคลือบผิวด้วยนํ้ายาเคลือบใส เพื่อป้องกันการซึมของนํ้าปูนและ
สียาแนวโดยเคลือบให้ทวผิ ั ่ วหน้าและขอบโดยรอบรวม 5 ด้าน อย่างน้อย 2 เทีย่ ว
5.3.2 การปูกระเบือ้ ง
(1) ทําการวางแนวกระเบือ้ ง กําหนดจํานวนแผ่น และเศษแผ่นตาม SHOP DRAWING ทีไ่ ด้รบั อนุมตั ิ แนวกระเบือ้ ง
ทัวไปหากไม่
่ ระบุในแบบให้ห่างกัน 2 มิลลิเมตร หรือชิดกันตามชนิดของกระเบือ้ ง หรือตามวัตถุประสงค์ของ
ผูอ้ อกแบบ
(2) เศษของแผ่นกระเบือ้ งจะต้องเหลือเท่ากันทัง้ 2 ด้าน แนวรอยต่อจะต้องตรงกันทุกด้านทัง้ พืน้ และผนัง หรือตาม
SHOP DRAWING ทีไ่ ด้รบั อนุมตั ิ การเข้ามุมกระเบือ้ งหากไม่ระบุในแบบ ให้ใช้วธิ เี จียรขอบ 45 องศา ครึง่ ความ
หนาของแผ่นกระเบือ้ งประกบเข้ามุม รอยต่อรอบสุขภัณฑ์หรืออุปกรณ์หอ้ งนํ้าต่างๆ จะต้องตัดให้เรียบร้อยสวยงาม
ด้วยเครื่องมือตัดทีค่ มเป็ นพิเศษ
(3) ทําความสะอาดพืน้ ผิว แล้วพรมนํ้าให้เปี ยกโดยทัว่ ใช้กาวซีเมนต์ในการยึดกระเบือ้ ง ด้วยการโบกให้ทวพื ั ่ น้ แล้วจึงปู
กระเบือ้ ง ให้ปฏิบตั ติ ามคําแนะนําของผูผ้ ลิตกาวซีเมนต์ โดยได้รบั การอนุมตั จิ ากผูค้ วบคุมงานก่อน
(4) ติดตัง้ และกดแผ่นกระเบือ้ งตามแนวทีว่ างไว้ให้แน่นไม่เป็ นโพรง ภายในเวลาทีก่ าํ หนดของกาวซีเมนต์ทใ่ี ช้ ในกรณีท่ี
เป็ นโพรง หรือไม่แน่น หรือไม่แข็งแรง จะต้องรือ้ ออกและทําการติดตัง้ ใหม่
7.4 การส่งตัวอย่าง
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาตัวอย่างทีจ่ ะใช้แต่ละชนิด ซึง่ แสดงขนาดของเม็ดทรายและสี ไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้
ผูอ้ อกแบบเห็นชอบก่อนจึงนําไปใช้งานได้ ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นทีจ่ าํ เป็ นต้องใช้ดว้ ย เช่น ขอบคิว้
หรือมุมต่างๆ เป็ นต้น ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมทําตัวอย่าง ขนาด 30x30 เซนติเมตร หรือขนาด 20x20 เซนติเมตร จํานวน
2 ตัวอย่าง เพื่อขอความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบก่อนการติดตัง้
9.2 การเตรียมผิว
ผิวของวัสดุทจ่ี ะทํากันซึม จะต้องสะอาด แห้ง ไม่มขี ป้ี นู คราบไขมัน หรือสิง่ แปลกปลอมอื่นๆ ควรปรับระดับผิวให้น้ํา
ไหลไปทางท่อระบายนํ้าก่อน สําหรับผิวคอนกรีตใหม่ตอ้ งทิง้ ผิวนัน้ ให้แห้งสนิท อย่างน้อย 28 วันก่อนทํากันซึม
9.3 ขัน้ ตอนการติดตัง้ ระบบกันซึม ประกอบด้วยชัน้ ต่างๆ ดังนี้
9.3.1 ชัน้ PRIMER ใช้น้ํายาทารองพืน้ บนพืน้ ผิวเพื่ออุดรอยแตกร้าว และเพิม่ แรงยึดเกาะ อัตราส่วนของ
นํ้ายา ต่อนํ้าสะอาด เท่ากับ 5:1 ทิง้ ไว้ให้แห้งประมาณ 4 ชัวโมง
่
9.3.2 ชัน้ BODY COAT ทานํ้ายาด้วยลูกกลิง้ เพื่อสร้างชัน้ ฟิลม์ อัตราส่วนของนํ้ายาต่อนํ้าสะอาด เท่ากับ
10:1
9.3.3 ชัน้ FIBRE GLASS MAT ปูแผ่นเสริมแรง Fiber Glass Mesh ทันทีขณะทีช่ นั ้ BODY COAT ยังไม่
แห้ง
9.3.4 ชัน้ SECOND BODY COAT ทานํ้ายาด้วยลูกกลิง้ เพื่อสร้างชัน้ ฟิลม์ และยึดแผ่นเสริมแรงให้
เป็ นเนื้อเดียว อัตราส่วนของนํ้ายาต่อนํ้าสะอาด เท่ากับ 10:1
9.3.5 ชัน้ TOP COAT ทาทับหน้าด้วยนํ้ายาด้วยลูกกลิง้ เพื่อปกป้องฟิลม์ ในชัน้ SECOND BODY COAT
อัตราส่วนของนํ้ายาต่อนํ้าสะอาด เท่ากับ 10:1 แล้วทิง้ ให้แห้งอย่างน้อย 48 ชัวโมง
่ พืน้ ผิวนัน้ จึง
สามารถใช้งานได้ตามปกติ
9.4 พืน้ ทีท่ ใ่ี ช้
พืน้ ค.ส.ล. บริเวณดาดฟ้า พืน้ ผิวซีเมนต์ขดั มันภายนอกอาคาร หรือบริเวณทีเ่ ปี ยกนํ้าได้ (หรือตามระบุในรูปแบบ)
โดยให้แต่งระดับพืน้ ด้วยปูนทราย ผสมนํ้ายากันซึมให้มคี วามลาดเอียง 1:200 ลงสูร่ รู ะบายนํ้า ขัดด้วยเครื่องขัดขณะปูน
หมาด
12. พืน้ ปูบล็อกประสานปูพน้ื ถนน (INTER LOCKING CONCRETE ROAD PAVING BLOCK)
12.1 วัสดุทใ่ี ช้
12.1.1 คอนกรีตบล็อกประสานปูพน้ื มีกาํ ลังอัดประลัยไม่ต่ํากว่า 300 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร ขนาด
และชนิดตามทีร่ ะบุไว้ในแบบก่อสร้าง และจะต้องได้รบั การเห็นชอบวัสดุเรื่องสี รูปลักษณ์ และ
ลวดลาย จากผูอ้ อกแบบก่อนนํามาใช้ ผลิตภัณฑ์ตรา CPAC โอฬาร เคทีที C-CON หรือคุณภาพ
เทียบเท่า
12.1.2 ปูนซีเมนต์ ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ผสม (มอก.80-2550)
12.1.3 ทรายนํ้าจืด ต้องสะอาดปราศจากสิง่ เจือปน
12.1.4 ขอบคันหิน ขนาด 15x30x100 เซนติเมตร
12.2 การเตรียมพืน้
12.2.1 ปรับพืน้ ทีใ่ ห้เรียบแล้วจึงถมทรายให้ได้ระดับอย่างน้อย 20 เซนติเมตร แล้วจึงราดนํ้าให้ชมุ่ พร้อมบด
อัดด้วยเครื่องตบ
12.2.2 ปูบล็อกตามลวดลายทีอ่ อกแบบไว้
12.2.3 ยาแนวรอยต่อด้านข้างริมขอบคันหินสําเร็จรูป
12.2.4 ปรับระดับบล็อก แล้วนําเอาผงปูนซีเมนต์ผสมทรายละเอียดโรยทับทิง้ ไว้ 72 ชัวโมง ่
12.2.5 กวาดทรายออกและทําความสะอาด
12.3 การส่งตัวอย่าง
ให้ผรู้ บั จ้างส่งตัวอย่างและแคตตาล๊อค จํานวน 1 ชุด เพื่อให้คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาเลือกสีและ
เห็นชอบก่อนดําเนินการ พร้อมทัง้ นําเสนอ SHOP DRAWING PATTERN การปูพน้ื
14.6 การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการติดตัง้ ในระยะ 1 ปี หากเกิดรอยร้าว แตก เกิดขึน้ ภายในระยะเวลา
1 ปี ภายหลังส่งมอบงานแล้ว ผูร้ บั จ้างจะต้องมาจัดทําใหม่หรือซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี โดยไม่คดิ มูลค่าใดๆ ทัง้ สิน้
15.5 การทําความสะอาด
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดทุกแห่งหลังจากการติดตัง้ แล้วเสร็จ ผิวของวัสดุตอ้ งปราศจากรอยแตกร้าว แตกบิน่ มี
ตําหนิ หลุดล่อน และไม่เปรอะเปื้ อน ก่อนขอความเห็นชอบของการตรวจสอบจากผูอ้ อกแบบและ/หรือผูค้ วบคุมงานและก่อน
ส่งมอบงาน
15.6 การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพของวัสดุและการติดตัง้ หากเกิดการชํารุดเสียหายอันเนื่องมาจากคุณสมบัตขิ อง
วัสดุและการติดตัง้ ผูร้ บั จ้างจะต้องเปลีย่ นให้ใหม่หรือซ่อมแซม ให้อยู่สภาพสมบูรณ์ตามจุดประสงค์ของผูว้ ่าจ้างและ/หรือ
ตัวแทนผูว้ ่าจ้าง โดยไม่คดิ มูลค่าใดๆ ทัง้ สิน้
22. หญ้าเทียม
22.1 ข้อกําหนดทัวไปคุ
่ ณสมบัตวิ สั ดุ
ระบบหญ้าเทียมทัง้ ระบบต้องผ่านมาตรฐาน DIN V 18035-7 หรือเทียบเท่า และโรงงานผลิตต้องได้รบั
มาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น DQS-GZ -100 standards หรือเทียบเท่าใบหญ้าผลิตจาก 100% Polyethylene ลักษณะใบ
23.4.3 พืน้ ผิวคอนกรีตทีเ่ ทเสร็จ จึงทําการเคลือบผิวพืน้ มาตรฐาน GMP และ HACCP ด้วยความหนาแน่น
2 กก/ลิตร ความหนา 6 มม. (12 กก/ตรม)
23.4.4 เลือกสีโดยผูใ้ ช้อาคาร
23.5 การทําความสะอาด ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดบริเวณทีต่ ดิ ตัง้ ทุกแห่งทีเ่ กีย่ วข้องจากการติดตัง้ ด้วย
ความปราณีตเรียบร้อยก่อนการขอตรวจสอบและความเห็นชอบเพื่อส่งมอบงานจากผูอ้ อกแบบและ/หรือผู้
ควบคุมงาน
23.6 การรับประกันผลงาน ผูร้ บั จ้างรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการติดตัง้ ในระยะ 1 ปี หากเกิดรอย
ร้าว แตก เกิดขึน้ ภายในระยะเวลา 1 ปี ภายหลังส่งมอบงานแล้ว ผูร้ บั จ้างจะต้องมาจัดทําใหม่หรือ
ซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี โดยไม่คดิ มูลค่าใดๆ ทัง้ สิน้
จบหมวดที่ 27
หมวดที่ 28
งานผนัง
1. ผนังก่ออิฐมอญ
1.1 ขอบเขตของงาน
งานก่อผนังตามทีร่ ะบุไว้ในแบบ ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมแบบ SHOP DRAWING เพื่อแสดงขนาดของผนังเมื่อก่อ
เสร็จ ความหนาของปูนฉาบ หรือ FINISHING อื่นๆ การใส่เหล็กเสริมต่างๆ ในการก่ออิฐ ตําแหน่ งและระยะติดตัง้ เสาเอ็น/
คานทับหลัง เพื่อขออนุมตั แิ ละตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทําการติดตัง้
1.2 วัสดุ
1.2.1 อิฐ อิฐมอญหรืออิฐก่อสร้างสามัญจะต้องเป็ นอิฐทีม่ คี ุณภาพดี เผาไฟสุกทังก้ ่ อน เนื้อแกร่ง ไม่มโี พรง
ไม่แตกร้าว รูปร่างและขนาดสมํ่าเสมอ ไม่แอ่นบิดงอ จะต้องดูดนํ้าไม่เกิน 25% และจะต้องต้านทาน
แรงอัดสูงสุดไม่ยน้อยกว่า 40 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร สามารถใช้อฐิ ก่อพืน้ ถิน่ ได้ หรือมี
คุณสมบัตติ ามมาตรฐานอิฐก่อสร้างสามัญ เทียบเท่า (มอก.77-2545) ในกรณีทใ่ี นรูปแบบระบุเป็น
ผนังก่ออิฐโชว์แนว อิฐทีใ่ ช้ตอ้ งมีผวิ เรียบสมํ่าเสมอ
1.2.2 ปูนซีเมนต์ ใช้ปนู ซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ทม่ี วี สั ดุเฉื่อยผสมอยู่ เช่น ทราย หรือหินปูนบดละเอียด (MIXED
CEMENT) ตามมาตรฐานปูนซีเมนต์ผสม (มอก.80-2550) เป็ นปูนใหม่ไม่รวมตัวจับกันเป็ นก้อน หรือ
ในกรณีทใ่ี ช้ปนู ผสมสําเร็จรูปจะต้องเป็ นผลิตภัณฑ์ทม่ี คี ุณภาพได้มาตรฐานปูนก่อสําเร็จรูปชนิดแห้ง
(มอก.598-2547)
(1) ปูนก่อทีผ่ สมแล้ว จะต้องใช้ให้หมดภายในเวลา 30 นาที ปูนก่อที่ผสมแล้วนานเกินกว่า 30 นาที ห้ามนํามาใช้ในงาน
ก่อสร้าง
(2) การกองเก็บปูนซีเมนต์สาํ หรับงานก่อ ต้องเก็บในสถานทีท่ ป่ี ้ องกันนํ้าและความชืน้ ได้ หากปูนซีเมนต์แข็งจับตัวเป็ น
ก้อน ห้ามนํามาใช้งานโดยเด็ดขาด
(3) ลักษณะของปูนก่อทีด่ จี ะต้องมีความข้นเหลวพอเหมาะ เหนียวนุ่ม เวลาปนจะจั ั ้ บตัวเป็ นก้อน ไม่แห้งแตก ยึดเกาะ
ก้อนอิฐได้ดี มีระยะเวลาแห้งตัวพอเหมาะ เมื่อแข็งตัวแล้ว จะต้องไม่ยดื หรือหดตัวมาก มีแรงยึดเหนี่ยวทีด่ ี สามารถ
รับแรงอัด แรงเฉือน และแรงดึงได้ไม่น้อยกว่ากําลังของอิฐ หรือวัสดุทใ่ี ช้ก่อ
1.2.3 ทราย เป็ นทรายนํ้าจืด ปราศจากสิง่ เจือปนในปริมาณทีจ่ ะทําให้เสียความแข็งแรง
1.2.4 นํ้า นํ้าทีใ่ ช้ผสมปูนก่อ ต้องเป็ นนํ้าจืดทีส่ ะอาดปราศจากสิง่ เจือปนจําพวกแร่ธาตุ กรด ด่าง และ
สารอินทรียต์ ่างๆ ในปริมาณทีจ่ ะทําให้ปนู ก่อเสียความแข็งแรง
1.2.5 เหล็กเสริม ใช้เหล็ก GRADE SR24 มีคุณภาพตามมาตรฐานเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต:เหล็กเส้นกลม
(มอก.20-2543)
1.2.6 ตะแกรงลวด ตะแกรงลวดทีใ่ ช้ยดึ ผนังก่ออิฐ (METAL LATH) ต้องเป็ นชนิดอาบสังกะสีขนาดช่อง 1/4
นิ้ว ความหนาของลวดไม่ต่ํากว่า 6 มิลลิเมตร
1.2.7 อีพ๊อกซีส่ าํ หรับเชื่อมเหล็กเสริมกับโครงสร้างคอนกรีต ในกรณีทต่ี อ้ งมีการเจาะเสียบเหล็กเสริมเพื่อ
การก่ออิฐมอญ ให้ใช้เป็ นชนิด 2-PART THIXOTROPIC EPOXY ADHESIVE ทีไ่ ด้รบั มาตรฐาน
ASTM-C88-78 TYPE 1 GRADE 3 CLASS B+C หรือ EN 1504-4 สามารถรับแรงดึงสูงสุดได้ไม่ต่ํา
กว่า 20 N/Sq.m. ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทใ่ี ช้ เช่น SIKA DUR 731N หรือเทียบเท่า
1.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทใ่ี ช้ไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้ผอู้ อกแบบเห็นชอบและอนุมตั กิ ่อน จึงจะ
นําไปใช้ตดิ ตัง้ ได้ นอกจากระบุไว้เป็ นอย่างอื่น
1.4 การก่อผนัง
1.4.1 ต้องรดนํ้าหรือแช่อฐิ ในนํ้าให้อมิ่ ตัวก่อนนําไปใช้
1.4.2 การผสมปูนก่อ
ในกรณีทไ่ี ม่ได้ใช้ปนู ซีเมนต์ผสมสําเร็จ ให้ใช้สว่ นผสมของปูนก่อโดยปริมาตร ดังนี้
ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน
ปูนขาว 1 ส่วน
ทราย 4-6 ส่วน
นํ้า พอประมาณ
การผสมปูนก่อ ต้องคลุกปูนขาวกับทรายให้เข้ากันดี แล้วจึงเติมปูนซีเมนต์กบั นํ้า ปริมาณของนํ้าทีใ่ ช้ ต้องให้พอดี
ไม่แข็งไม่เหลวจนเกินไป หรืออาจใช้น้ํายาผสมปูนก่อแทนปูนขาวได้ โดยผูร้ บั จ้างจะต้องเสนอรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพื่อ
ขออนุมตั จิ ากผูค้ วบคุมงานเสียก่อน
1.4.3 การแต่งแนวเซาะร่องรอยต่อระหว่างแผ่นอิฐ แนวรอยต่อระหว่างแผ่นอิฐต้องไม่ตรงกันทุกชัน้ ใน
แนวตัง้ ต้องก่อสลับแนวชัน้ ต่อชัน้ ขนาดรอยต่อประมาณ 1 เซนติเมตรนอกจากระบุไว้เป็ นอย่างอื่น
ต้องให้เห็นรอยต่อโชว์แนวอิฐระหว่างแผ่นอิฐแต่ละแผ่นอย่างชัดเจน ได้ระดับทัง้ แนวตัง้ แนวนอนโดย
ปราศจากการหลุดล่อนของปูนก่อ
1.4.4 จุดตัดของผนัง ทีท่ ุกจุดตัดของผนังให้ทาํ เสาเอ็นเชื่อมประสานระหว่างผนังเท่านัน้
1.4.5 การยึดผนังติดกับโครงสร้าง ทีร่ อยต่อด้านข้าง ด้านบน และด้านล่างของผนังกับโครงสร้างอาคาร
ต้องยึดด้วยเหล็กเสริมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตร ทุกระยะ 40 เซนติเมตร โดยให้ปลายฝงั
อยู่ในผนังไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร ท้องพืน้ หรือท้องคาน ไม่น้อยกว่า 5 ตารางเมตร และยื่นโผล่
พ้นผิวโครงสร้างออกมาไม่น้อยกว่า 40 ตารางเมตร โดยฝากเหล็กออกมาในขัน้ ตอนการหล่อเสา
คอนกรีต
1.4.6 คานเอ็นทับหลังและเสาเอ็น การก่อผนังอิฐทัง้ หมด รวมทัง้ ทีข่ อบของช่องปิ ดในผนัง (เช่น ประตู และ
หน้าต่าง) ให้ก่อโดยมีคานเอ็นทับหลังและเสาเอ็น ค.ส.ล. ทัง้ หมด โดยผนังก่อทีไ่ ม่มชี ่องเปิ ดจะต้องมี
คานเอ็นทับหลัง ค.ส.ล.ทุกระยะความสูงไม่เกิน 1.50 เมตร และทุกความยาวไม่เกิน 2.50 เมตร ของ
ผนังต้องมีเสาเอ็น โดยการใช้เหล็กเสริมตามแนวดิง่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 9 มิลลิเมตร 2 เส้นวาง
อยู่ในตําแหน่งแกนกลางของแบบหล่อ ช่องละเส้น ปลายเหล็กแต่ละข้างยึดติดกับโครงสร้าง กรอก
คอนกรีตสําหรับงานโครงสร้าง มีค่ากําลังอัดไม่น้อยกว่า 240 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร โดยใช้
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 ตาม มอก.80-2550 เป็ นส่วนผสม และมีความกว้างไม่น้อยกว่า 15
เซนติเมตร โดยเสาเอ็น ทับหลังทัง้ หมด ต้องยึดติดกับโครงสร้างหลักของอาคาร นอกจากระบุไว้ใน
แบบว่าเป็ นอย่างอื่น
1.4.7 ในกรณีทก่ี ่อผนังชนท้องพืน้ หรือท้องคาน ให้ใส่โฟมคันระหว่่ างท้องพืน้ หรือท้องคานนัน้ ๆ กับผนังอิฐ
ก่อชัน้ บนสุด เพื่อป้องกันแรงกดทับจากโครงสร้าง ทําให้ผนังแตกร้าวได้
1.4.8 เมื่อก่อสร้างแล้ว หากพบว่าแนวก่อล้มดิง่ เกินกว่า 1 เซนติเมตร ให้ผรู้ บั จ้างทําการแก้ไขให้ตรงตาม
แนวทีก่ าํ หนด โดยต้องเสนอวิธกี ารให้ผคู้ วบคุมงานอนุมตั กิ ่อนการแก้ไข
2. ผนังก่อคอนกรีตบล็อก
2.1 ขอบเขตของงาน
งานก่อผนังตามทีร่ ะบุไว้ในแบบ ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมทําแบบ SHOP DRAWING เพื่อแสดงขนาดของผนังเมื่อ
ก่อเสร็จ ความหนาของปูนฉาบ หรือ FINISHING อื่นๆ การใส่เหล็กเสริมต่างๆ ในการก่อตําแหน่งและระยะติดตัง้ เสาเอ็น/
คานทับหลัง เพื่อขออนุมตั แิ ละตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทําการติดตัง้
2.2 วัสดุ
2.2.1 คอนกรีตบล็อก
คอนกรีตบล็อกทีใ่ ช้ ให้เป็ น HOLLOW BLOCK ทีม่ คี ุณภาพ รูปร่างสมํ่าเสมอ ได้ตามมาตรฐานคอนกรีตบล็อกไม่รบั
นํ้าหนัก (มอก.58-2533) ยกเว้นส่วนทีก่ าํ หนดให้เป็ นผนังส่วนทีร่ บั นํ้าหนัก จะต้องเป็ นไปตามมาตรฐานคอนกรีตบล็อกรับ
นํ้าหนัก (มอก.57-2533) มีกาํ ลังอัดประลัย (ULTIMATE COMPRESSIVE STRENGTH) ไม่น้อยกว่า 35 กิโลกรัมต่อ
ตารางเซนติเมตร มีอตั ราการดูดซึมนํ้าไม่เกิน 7% เพื่อไม่ให้มกี ารดูดซึมนํ้า เนื่องจากฝนและขยายตัวเมื่อถูกแดดมาก
เกินไป เป็ นสาเหตุให้ผนังเกิดการแตกร้าว
(1) ในกรณีทแ่ี บบระบุให้เป็ นผนังก่อเต็มแผ่น ให้ใช้คอนกรีตบล็อกหนา 14 เซนติเมตร
(2) ในกรณีทก่ี ่อผนังสูงเกินกว่า 3.5 เมตรให้ใช้คอนกรีตบล็อกหนา 14 เซนติเมตร
(3) บริเวณทีต่ อ้ งเป็ นผนังกันไฟ เช่น โถง และปล่องบันไดหนีไฟ ทางเดินไปสูบ่ นั ไดหนีไฟ และ FIRE
COMPARTMENT ให้ใช้คอนกรีตบล็อกหนา 19 เซนติเมตร กรอกปูนทรายให้เต็มในช่องบล็อกทุกก้อน และก่อชน
ท้องพืน้
(4) ผนังคอนกรีตบล็อกทีต่ ดิ ตัง้ เครื่องสุขภัณฑ์ ให้กรอกปูนทรายเต็มก้อน
(5) ผนังคอนกรีตบล็อกทีต่ อ้ งฉาบปูนทับหน้า ให้ใช้คอนกรีตบล็อกชนิดหยาบ
(6) ผนังคอนกรีตบล็อกก่อแต่งแนวให้ใช้คอนกรีตบล็อกชนิดผิวเรียบ
(7) นอกจากบล็อกธรรมดาแล้ว ผูร้ บั จ้างต้องเตรียมบล็อกลักษณะจําเพาะต่างๆ เช่น ครึง่ บล็อก บล็อกมุม เป็ นต้น
3. ผนังก่อคอนกรีตมวลเบา
3.1 ขอบเขตงาน
งานก่อผนังตามทีร่ ะบุไว้ในแบบ ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมรูปแบบ (SHOP DRAWING) หรือแผงตัวอย่างในส่วน
ต่างๆ เพื่อขออนุมตั แิ ละตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทําการติดตัง้
3.2 วัสดุ
3.2.1 คอนกรีตมวลเบา คอนกรีตมวลเบาทีใ่ ช้ให้เป็ นชนิดมีฟองอากาศ-อบไอนํ้า ซึง่ ผลิตจากทราย
ปูนซีเมนต์ ปูนขาว ยิปซัม่ และผงอลูมเิ นียม จะต้องได้รบั มาตรฐานชิน้ ส่วนคอนกรีตมวลเบาแบบมีฟองอากาศ-อบไอนํ้า
(มอก.1505-2541) ขนาดของก้อนถ้าไม่ระบุในแบบ ให้ใช้ขนาดกว้างไม่ต่ํากว่า 20 เซนติเมตร ยาวไม่ต่ํากว่า 60 เซนติเมตร
และมีความหนา สําหรับผนังภายในและผนังภายนอก ไม่ต่ํากว่า 7.5 เซนติเมตร ความคลาดเคลือ่ นของวัสดุไม่เกิน ±2
มิลลิเมตร และมีคุณสมบัตทิ ส่ี าํ คัญดังนี้
(1) ความหนาแน่นไม่เกิน 500 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
(2) ค่ากําลังรับแรงอัดไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
(3) ค่าโมดูลสั ยืดหยุ่นไม่น้อยกว่า 15,000 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
(4) อัตราการทนไฟตามมาตรฐาน BS476 ไม่ต่ํากว่า 4 ชัวโมง ่ ทีค่ วามหนา 7.5 เซนติเมตร
(5) อัตราการดูดกลืนนํ้าไม่เกิน 50%
(6) ค่าการนําความร้อนไม่เกิน 0.089 วัตต์ต่อเมตร-เคลวิน
3.2.2 ปูนก่อ ใช้ปนู ก่อบางสําเร็จรูปสําหรับงานผนังคอนกรีตมวลเบาโดยเฉพาะ (THIN BED ACHESIVE
MORTAR) ซึง่ มีค่ากําลังรับแรงอัดที่ 28 วัน ไม่ต่ํากว่า 100 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร และค่ายึดเหนี่ยวไม่น้อยกว่า 1.50
กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
ผนัง ) และหากพืน้ ทีร่ วมเกินกว่าทีก่ าํ หนดใว้ในตาราง (แล้วแต่ความหนาของ Block) ให้ทาํ เสาเอ็น หรือ
คานเอ็น ค.ส.ล.หรือใช้เสาเอ็นสําเร็จรูป ตามมาตรฐานผูผ้ ลิต
3.4.10 สําหรับผนัง Block หนา 7.5 ซม. ต้องทําเสา/คานเอ็น ค.ส.ล. หรือใช้ทบั หลังสําเร็จรูป ตามมาตรฐานผูผ้ ลิต
โดยรอบ ช่องเปิ ด ตามคําแนะนําของ ตามมาตรฐานผูผ้ ลิต กรณีใช้ความหนาตัง้ แต่ 10 ซม. ขึน้ ไป เหนือ
ช่องประตูหน้าต่าง หรือช่องเปิ ดอื่น ๆ ใช้ทบั หลังสําเร็จรูป ตามมาตรฐานผูผ้ ลิต วางลงบนช่องเปิ ด ให้มรี ะยะ
นังบนผนั
่ งทัง้ 2 ด้าน ไม่น้อยกว่า 15 ซม.ขึน้ ไปแทนการหล่อเสาและคานเอ็น ค.ส.ล.
3.4.11 การยึดวงกบเข้ากับผนัง สามารถทําได้หลายวิธอี าจใช้แผ่นเหล็ก Metal Strap ยึดด้วยตะปูเข้ากับวงกบไม้
ทุกชัน้ ของ รอยต่อระหว่างชัน้ Block แล้วป้ายทับด้วยปูนก่อ ตามมาตรฐานผูผ้ ลิต ก่อนวาง Block ทับลงไป
แล้วอุดแนวรอยต่อข้างวงกบให้แน่นด้วยปูนก่อ ตามมาตรฐานผูผ้ ลิต หรือยึดตามวิธี Detail การยึดวงกบ
ประตู-หน้าต่าง ของตามมาตรฐานผูผ้ ลิต
3.4.12 การก่อผนังให้ก่อชนท้องคานหรือท้องพืน้ ทุกแห่ง โดยเว้นช่องไว้ประมาณ 2-3 ซม. แล้วอุดให้แน่นด้วยปูน
ทรายตลอดแนว ผนังทีก่ ่อสูงไม่ชนท้องคานหรือพืน้ (ก่อลอย)จะต้องทําทับหลัง ค.ส.ล. ขนาดไม่เล็กกว่าเสา
เอ็นตามข้อ 3.4.8 ตลอดแนว
3.4.13 การก่อผนังทีช่ นกับท้องพืน้ โครงสร้างอาคารซึง่ อาจมีการแอ่นตัวมากเป็ นพิเศษ เช่น พืน้ ระบบ Post
Tensioned หรือโครงสร้างเหล็ก จะต้องเว้นช่องว่างด้านบนไว้ประมาณ 4 - 5 ซม. แล้วเสริมวัสดุทม่ี คี วาม
ยืดหยุ่นตัวได้ เช่น โฟม เป็ นต้น และหลีกเลีย่ งการฉาบชนท้องพืน้ แต่หากจําเป็ นให้เซาะร่องไว้ตามแนว
รอยต่อ
3.4.14 การวางฝงั ท่องานระบบในผนังสามารถใช้เหล็กเซาะร่องขูดออกตามแนว หรือเครื่องตัดไฟฟ้า เป็ นร่องแนว
ลึก 2 แนว แล้วสกัดออก ทัง้ นี้ไม่ควรลึกเกิน 1 ใน 3 ของความหนาของผนัง จากนัน้ อุดปูนทรายให้แน่นเต็ม
แล้วปิ ดทับด้วยลวดตาข่ายกว้างจากขอบแนวสกัดด้านละ 10 ซม. ตลอดแนวก่อนฉาบปูนทับ
3.4.15 กรณีทท่ี าํ การติดตัง้ ท่องานระบบไว้ก่อน ให้ก่อผนัง ตามมาตรฐานผูผ้ ลิต ห่างจากแนวท่อเล็กน้อย แล้วตอก
ฝงั เหล็ก Ø 6 มม. แล้วอุดด้วยปูนทราย กรณีทช่ี ่องใหญ่กว่า 2 นิ้ว ให้เทคอนกรีตตลอดแนวท่องานระบบ
3.5 การทําความสะอาด
ผูร้ บั จ้างต้องทําความสะอาดทุกแห่งทีเ่ กีย่ วข้องหลังการติดตัง้ ด้วยความประณีตสะอาดเรียบร้อย ปราศจากคราบนํ้า
ปูน คราบไคล หรือรอยเปรอะเปื้อนต่างๆ ก่อนขออนุมตั ติ รวจสอบจากผูอ้ อกแบบและส่งมอบงาน
3.6 การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างต้องประกันคุณภาพของวัสดุและการก่อ ตลอดจนฝีมอื ช่างทีด่ าํ เนินการ หากเกิดชํารุดเสียหายอัน
เนื่องมาจากคุณสมบัตขิ องวัสดุ และการก่อ ผูร้ บั จ้างจะต้องเปลีย่ นให้ใหม่และซ่อมแซม ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ตาม
วัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบและผูว้ ่าจ้างตามสัญญานี้ โดยไม่คดิ มูลค่าใดๆ ทัง้ สิน้
4. ผนังฉาบปูน
4.1 ขอบเขตของงาน
งานฉาบปูนทัง้ ภายในและภายนอก ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมแบบ SHOP DRAWING แสดงแนวการแบ่งเส้นเซาะ
ร่องกันแตกในกรณีทเ่ี ป็ นผนังขนาดใหญ่ ทีจ่ ะต้องมีการแบ่งเส้นแนวกันแตก เพื่อเสนอผูอ้ อกแบบให้ความเห็นชอบและ
จัดเตรียมแผงตัวอย่าง (MOCK-UP PENAL) เพื่อเป็ นตัวอย่างมาตรฐานการฉาบปูน โดยปูนฉาบทีร่ ะบุไว้เป็ นการฉาบปูน
เรียบจะต้องมีพ่ น้ื ผิวทีส่ มํ่าเสมอไม่เกิดรูพรุน หรือมีเม็ดทรายทีข่ นาดโตกว่าทีก่ าํ หนดปรากฏขึน้ มากเกินไป พืน้ ผิวทีฉ่ าบปูน
เรีบยร้อยแล้วจะต้องมีระนาบ เรียบสมํ่าเสมอไม่เกิดคลื่น และต้องยึดเกาะติดแน่นกับพืน้ ผิวทีฉ่ าบ
4.2 วัสดุ
ปูนฉาบชนิดปูนซีเมนต์ผสม
4.2.1 ปูนฉาบสําเร็จรูป ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานมอร์ตาร์สาํ หรับฉาบ (มอก.1776-2542) ประเภทปูน
ฉาบทัวไปสํ
่ าหรับงานฉาบบริเวณผนังก่อทัวไป ่ เช่น อิฐมอญ คอนกรีตบล็อก เป็ นต้น และใช้ประเภทปูนฉาบผิวคอนกรีตมี
กําลังอัดไม่น้อยกว่า 50 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร สําหรับบริเวณทีเ่ ป็ นพืน้ ผิวคอนกรีตหล่อ เช่น เสา คาน ผนัง ค.ส.ล.
เป็ นต้น
4.2.2 ปูนฉาบชนิดปูนซีเมนต์ผสม
(1) ปูนซีเมนต์ ใช้ปนู ซีเมนต์ปอร์ตแลนด์คุณภาพตามมาตรฐานปูนซีเมนต์ผสม (มอก.80-2550)
(2) ปูนขาว/นํ้ายาผสมปูนขาว
- ใช้ปนู ขาวหินทีเ่ ผาสุกดีแล้ว ต้องเป็ นปูนใหม่ไม่รวมตัวจับกันเป็นก้อนแข็ง
- นํ้ายาผสมปูนฉาบต้องมีคุณภาพการยึดเกาะแน่น ลดการแตกร้าวช่วยกระจายกักฟองอากาศและไม่มี
ส่วนผสมของ CHLORIDE คุณภาพตามมาตรฐาน BS 4887
(3) ทราย ทรายนํ้าจืด สะอาดปราศจากสิง่ เจือปนในปริมาณทีจ่ ะทําให้เสียความแข็งแรง
(4) นํ้า นํ้าทีใ่ ช้ผสมปูนฉาบต้องเป็ นนํ้าจืดทีส่ ะอาด ปราศจากสิง่ เจือปนจําพวกแร่ธาตุ กรด ด่าง และ สารอินทรียต์ ่างๆ
ในปริมาณทีจ่ ะทําให้ปนู เสียความแข็งแรง การใช้น้ํายาผสมปูนฉาบต้องทําตาม กรรมวิธขี องบริษทั ผูผ้ ลิตโดย
เคร่งครัด
4.2.3 ปูนฉาบคอนกรีตมวลเบา ให้ใช้ปนู ฉาบทีผ่ ลิตขึน้ สําหรับงานคอนกรีตมวลเบาโดยเฉพาะ มีค่ากําลังรับ
แรงอัดไม่ต่ํากว่า 50 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร และมีแรงยึดเหนี่ยวไม่น้อยกว่า 80 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร และ
ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน ASTM C091, ASTM C109, ASTM C185, ASTM C807, ASTM C952
4.2.4 ตะแกรงลวด ให้ใช้ตะแกรงลวดติดทับบริเวณรอยต่อระหว่างผนังก่อกับผนังคอนกรีต โดยอยูใ่ นพืน้ ที่
ทัง้ 2 ฝงๆ ั ่ ละ 10 เซนติเมตร และเป็ นตะแกรงชนิดอาบสังกะสีขนาดช่อง 1/4 นิ้ว
4.3 การฉาบปูน
4.3.1 การเตรียมสถานทีก่ ่อนทํางานต้องทําความสะอาดสถานทีใ่ ห้เรียบร้อย ไม่ให้มเี ศษขยะ เศษฝุน่ หรือ
เศษวัสดุอ่นื ใดอยู่ในบริเวณทีท่ าํ งาน และต้องให้ผคู้ วบคุมงานตรวจแนวผนัง รวมถึงการล้มดิง่ ของผนังก่อ ห้ามล้มดิง่ เกิน 1
ตารางเมตร
4. 3.2 การเตรียมผิวทีร่ บั ปูนฉาบ ผิวผนังทีร่ บั ปูนฉาบต้องทําเสร็จไม้น้อยกว่า 7 วัน และผ่านขัน้ ตอนการก่อ
อย่างถูกต้องตามหมวดงานผนัง
(1) การจัดเซีย้ ม ให้จดั เซีย้ มทุกมุมของผนังทีจ่ ะทําการฉาบด้วยปูนเค็ม โดยให้จบั เซีย้ มตามแนวเส้นทีผ่ ่านการ
ตรวจสอบแล้วจากผูค้ วบคุมงาน ในการจัดเซีย้ มจะใช้วธิ กี ารจับสด (ใช้ปนู เค็มอย่างเดียว) หรือใช้เซีย้ ม PVC ก็ได้
แต่ตอ้ งเป็ นเซีย้ ม PVC ทีท่ าสีตดิ
(2) การจัดปุม่ ให้ใช้ปนู เค็มปนเป็ ั ้ นก้อนขึน้ มาจากผนัง โดยระดับหลังปุม่ เป็ นระดับตามแนวเส้นทีผ่ ่านการตรวจสอบแล้ว
จากผูค้ วบคุม โดยแต่ละปุม่ กําหนดให้มรี ะยะห่างกันไม่เกิน 1.00 เมตร
(3) การสลัดดอก เป็ นการเตรียมผิวทีฉ่ าบให้หยาบหรือขรุขระ โดยเฉพาะผิวคอนกรีตให้กะเทาะให้เกิดรอย หรือทําการ
สลัดปูนทราย โดยใช้สว่ นผสมปูนซีเมนต์ต่อทรายหยาบ 1:1 โดยปริมาตร ให้เกาะติดกับผนังก่อนฉาบ
(4) การติดตะแกรงลวด ให้ตดิ ตะแกรงลวดบริเวณทีเ่ ป็ นวัสดุต่างชนิดกัน เช่น ผนังก่ออิฐกับเสา หรือคานคอนกรีต ผนัง
ก่ออิฐกับเสาเอ็น หรือทับหลังค.ส.ล. รวมถึงบริเวณทีเ่ ดินท่องานระบบไฟฟ้าและสุขาภิบาลด้วย โดยให้ตะแกรงลวด
ั่
อยู่ในพืน้ ทีข่ องทัง้ 2 วัสดุ ฝงละไม่ น้อยกว่า 10 เซนติเมตร
4. 3.3 การผสมปูนฉาบ
(1) ปูนฉาบสําเร็จรูปชนิดฉาบทัวไป ่ ให้ผสมนํ้าสะอาดในอัตราส่วน 10-13 ลิตรต่อปูนฉาบ 50 กิโลกรัม
(2) ปูนฉาบสําเร็จรูปชนิดฉาบผิวคอนกรีต ให้ผสมนํ้าสะอาดในอัตราส่วน 10-12 ลิตรต่อปูนฉาบ 50 กิโลกรัม
(3) ปูนฉาบทีผ่ สมเสร็จแล้ว ควรใช้ให้หมดโดยเร็ว ไม่ให้ทง้ิ ไว้เกิน 30 นาที ลักษณะเนื้อปูนฉาบทีด่ ี เมื่อผสมเสร็จจะต้อง
มีความข้นเหลวเหมาะสม มีความเหนียวนุ่ม เวลาปนจะจั ั ้ บตัวเป็นก้อนไม่แห้งแตก มีความเหนียวยึดเกาะก้อนอิฐดี
แต่ไม่เหนียวติดเกรียง
(4) การผสมปูนฉาบกรณีใช้ปนู ฉาบ ให้ใช้สว่ นผสมของปูนฉาบ ดังนี้
ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน
ปูนขาว 1/4 ส่วน สําหรับปูนฉาบภายใน
1/10 ส่วน สําหรับฉาบภายนอก
ทราย 3 ส่วน
นํ้า พอประมาณ
ในกรณีใช้น้ํายาผสมปูนฉาบ ต้องทําตามกรรมวิธขี องบริษทั ผูผ้ ลิตโดยเคร่งครัด
4. 3.4 การฉาบปูน
(1) การรดนํ้าผนังอย่างพอเพียงและทัวถึ ่ งก่อนทําการฉาบ ก่อนการทําการฉาบทุกครัง้ จะต้องรดนํ้าให้ ทัวผนั ่ งทีจ่ ะทํา
การฉาบ จนผนังก่อดูดนํ้าจนอิม่ ตัว ให้รดนํ้าให้ชมุ่ ในช่วงเย็นก่อนทําการฉาบ 1 วัน และในวันรุ่งขึน้ ก่อนจะเริม่ ฉาบ
ให้พรมนํ้าซํ้าอีกครัง้ จนกว่าจะสังเกตเห็นนํ้าซึมออกมาอีกด้านหนึ่งของผนังทีไ่ ม่ได้พรม
(2) การฉาบชัน้ แรก การแบต้องกดให้แน่นเพื่อให้เกิดแรงยึดเหนี่ยวระหว่างผนังกับปูนฉาบมากทีส่ ดุ ผิวของปูนฉาบชัน้
แรกต้องทําให้หยาบและขรุขระเล็กน้อย โดยการใช้แปรงหรือไม้กวาดไล้ตามผิวแนวนอน ในระหว่างทีป่ นู ฉาบยังไม่
แข็งตัว แล้วควบคุมการฉาบในชัน้ นี้ให้หนาไม่เกิน 1.5เซนติเมตร หลังจากฉาบแล้ว ให้บม่ โดยการพรมนํ้าให้ชน้ื อยู่
ตลอดเป็ นเวลา 48 ชัวโมง ่ เสร็จแล้วทิง้ ไว้ให้แห้งไม่น้อยกว่า 5 วัน ก่อนทีจ่ ะลงมือฉาบชัน้ ที่ สอง
(3) การแบชัน้ ทีส่ อง ก่อนแบต้องทําความสะอาด และพรมนํ้าให้ผวิ ของปูนฉาบชัน้ แรกมีความชืน้ สมํ่าเสมอ แล้วจึงฉาบ
ชัน้ ทีส่ องให้มคี วามหนาในชัน้ นี้ ไม่เกิน 1.5 เซนติเมตร เมื่อรวมความหนาปูนทัง้ สองชัน้ แล้ว ต้องไม่เกิน 2.5
เซนติเมตร และต้องอยูใ่ นแนวระดับของเซีย้ ม และปุม่ ทีท่ าํ ไว้กอ่ นหน้าแล้วด้วย
(4) การตีน้ําลงฟอง เป็ นการทําให้ผนังปูนฉาบมีความเรียบเนียนมากขึน้ โดยการใช้แปรงสลัดนํ้าไปที่ ผนังปูนฉาบทีเ่ ริม่
แห้งหมาดๆ แล้วใช้เกรียงไม้ลบู ไปมาให้ทวั ่ เพื่อเกลีย่ ผิวหน้าปูนฉาบให้มคี วามเสมอกันทัวทั ่ ง้ ผนัง จากนัน้ ใช้
ฟองนํ้าชุบนํ้า บิดให้แห้ง ประกบบนเกรียงไม้ ลูบไปมาให้ทวผนั ั ่ งอีกครัง้ ไม่ให้ตนี ้ําในขณะทีป่ นู ฉาบยังไม่แห้ง
หรือปล่อยให้ปนู ฉาบแห้งไปแล้วจึงตีน้ํา เพราะจะทําให้ผนังปูนฉาบเกิดลายงาภายหลัง และไม่ให้ใช้ฟองนํ้าทีแ่ ห้ง
เกินไป เพราะจะดูดนํ้าปูนออกจาก ปูนฉาบ ทําให้ปนู ฉาบแห้งตัวเร็วและแตกร้าวได้
(5) การบ่มผิว เป็ นขัน้ ตอนทีไ่ ม่ให้ปนู ฉาบสูญเสียนํ้าเร็วเกินไป ในขณะทีป่ นู ยังไม่แข็งตัว ให้ใช้น้ําพ่น เป็ นหมอกหรือ
ละอองไปบนผิวปูนฉาบทีเ่ ริม่ แข็งตัวแล้ว เพื่อให้ผนังชุ่มชืน้ อยู่เสมอต่อเนื่องเป็ นเวลาอย่างน้อย 7 วัน
4.4 การฉาบคอนกรีตมวลเบา
4.4.1 การผสมปูนฉาบคอนกรีตมวลเบาสําเร็จรูป ให้ผสมกับนํ้าสะอาดในอัตราส่วน 10-12 ลิตรต่อปูนฉาบ
50กิโลกรัม
4.4.2 การเตรียมพืน้ ผิว
(1) ใช้แปรงตีน้ําหรือไม้กวาดปาดเศษผงทีต่ ดิ อยู่บนผนังออกให้หมด
(2) หากมีรอยแตกบิน่ ของผนัง ให้อดุ ซ่อมก่อนด้วยปูนซ่อม โดยผสมเศษผงคอนกรีตมวลเบา จากการตัดเข้ากับปูนก่อ
คอนกรีตมวลเบาและนํ้าผสมให้เข้ากันดี แล้วนําไปป้ายอุดจุดทีต่ อ้ งซ่อม ทิง้ ไว้ให้แห้งก่อนฉาบอย่างน้อย 1 วัน
5. งานโครงเคร่าโลหะผนังเบา
5.1 วัสดุ
5.1.1 โครงเคร่า (METAL FRAMING) ต้องผลิตจากเหล็กชุบสังกะสีดว้ ยกรรมวิธกี ารจุม่ ร้อน (HOT-DIP
ZINC COATED) มีความหนาไม่น้อยกว่า 0.50 มิลลิเมตร ได้รบั การรับรองตามมาตรฐาน JIS 3302-1987 หรือ มอก.863-
2532 ผลิตภัณฑ์ ของ DECEM, ตราช้าง หรือเทียบเท่า
5.1.2 สกรูเกลียวปล่อย (SCREW)
5.1.3 พุกเหล็ก (EXPANSION BOLT)
5.2 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาช่างฝีมอื ทีด่ ี มีความชํานาญ และประสบการณ์ในการติดตัง้ ทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้ระดับและ
เส้นแนวตรง มีความประณีตเรียบร้อยมันคงแข็ ่ งแรง ตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนด และกรรมวิธมี าตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต
ก่อนการติดตัง้ ให้ตรวจสอบบริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้อง ถ้ามีสงิ่ บกพร่องให้แก้ไขก่อนการดําเนินการติดตัง้
5.2.1 โครงเคร่าผนังสูงไม่เกิน 3.00เมตร (ผนังไม่จรดเพดาน)
5.3 การทําความสะอาด
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดทุกแห่งหลังจากการติดตัง้ โดยปราศจากการชํารุดและมีตําหนิ ก่อนขอความเห็นชอบ
ในการตรวจสอบและส่งมอบงานจากผูค้ วบคุมงาน
5.4 การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพของวัสดุและการติดตัง้ โครงเคร่าโลหะผนังเบาตามมาตรฐานของบริษทั ของ
ผูผ้ ลิต และได้รบั ความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบ หากเกิดการโก่งตัวหรือชํารุดเสียหายอันเนื่องมาจากคุณสมบัตขิ องวัสดุและ
6. ผนังแผ่นยิปซัมบอร์่ ด
6.1 วัสดุ
วัสดุทจ่ี ะนํามาใช้จะต้องเป็ นของใหม่ไม่เคยใช้งานมาก่อนไม่มรี อยชํารุดแตกร้าวเสียหาย ใช้แผ่นยิปซัมบอร์ ่ ดชนิด
ธรรมดา (REGULAR GYPSUM BOARD) ต้องประกอบด้วยยิปซัมในส่ ่ วนกลาง ปิ ดผิวด้วยกระดาษชนิดอัดแน่นด้านนอก2
ด้าน หากมิได้ระบุในแบบให้ใช้ใช้ขนาดความหนา 9 มิลลิเมตร ผลิตภัณฑ์ มอก.219-2524 ได้แก่ ตราช้าง TG, GYPROC
หรือเทียบเท่า
6.2 โครงเคร่า
ดูรายละเอียด และการติดตัง้ ในงานโครงเคร่าโลหะผนังเบา
6.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทใ่ี ช้แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้ผอู้ อกแบบ เพื่อขอความเห็นชอบ
และตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นที่
จําเป็ นต้องใช้ดว้ ย รวมทัง้ รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE APECIFICATION)
6.4 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาช่างฝีมอื ทีด่ มี คี วามชํานาญและประสบการณ์ในการติดตัง้ ทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้ระดับ
และเส้นแนวตรงหรือลวดลายได้ฉากมีความปราณีตเรียบร้อยมันคงแข็ ่ งแรงตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดและกรรมวิธมี าตราฐาน
ของบริษทั ผูผ้ ลิตก่อนการติดตัง้ ให้มกี ารประสานงานกับผูร้ บั จ้างหลัก เพื่อตรวจสอบบริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้องให้
สมบูรณ์เรียบร้อยถ้ามีสงิ่ บกพร่องให้แก้ไขก่อนการดําเนินงานการติดตัง้
8. ผนังบุกระเบือ้ งเซรามิค
8.1 วัสดุทใ่ี ช้
8.1.1 ใช้กระเบือ้ งเซรามิค ขนาด 8x8 นิ้ว, 12x12 นิ้ว หรือตามรูปแบบกําหนด ความหนาไม่น้อยกว่า 6.5
มิลลิเมตร ผลิตในประเทศตาม มอก.613-2529 ได้แก่ COTTO, RCI, CAMPANA หรือคุณภาพเทียบเท่า (สีและลายเลือก
ภายหลัง) โดยให้สง่ ตัวอย่างให้คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาเลือกสีและเห็นชอบก่อนดําเนินการภายในระยะเวลา 30
วัน
8.2 การบุกระเบือ้ ง
9. ผนังบุกระเบือ้ งดินเผาชนิดผิวแกร่ง
9.1 วัสดุทใ่ี ช้
9.1.1 ใช้กระเบือ้ งเซรามิคชนิดไม่เคลือบ และเป็ นกระเบือ้ งเนื้อเดียวกัน โดยผ่านการเผาทีอ่ ุณหภูมไม่ต่าํ
กว่า 1250°C โดยผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจาก ASTM หรือ EN87 ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษทั เคนไซ ซีรามิคส์ อินดัสต
รี้ จํากัด หรือคุณภาพเทียบเท่า (สีและลายเลือกภายหลังโดยผูอ้ อกแบบ)
9.1.2 ซีเมนต์กาวสําเร็จรูปสามารถนํามาใช้เทียบเท่าได้ เช่น ตราจรเข้ ตราตุ๊กแก เป็ นต้น
9.2 การติดตัง้
9.2.1 ตีเส้นตามลวดลายทีเ่ ลือกไว้
9.2.2 นํากระเบือ้ งแช่ในนํ้าสะอาดก่อนการใช้งาน
9.2.3 นําซีเมนต์กาวผสมนํ้า
9.2.4 ราดนํ้าบริเวณทีจ่ ะบุกระเบือ้ งให้ชุ่ม เพื่อให้กระเบือ้ งยึดเกาะได้ดยี งิ่ ขึน้
9.2.5 ตักซีเมนต์กาวทีผ่ สมไว้ป้ายด้านหลังของกระเบือ้ ง แล้วบุตามขัน้ ตอนของลวดลายทีเ่ ลือกไว้
9.2.6 ใช้แปรงไม้กวาดชุบนํ้าล้างเศษปูนทีต่ ดิ ผิวหน้าออกให้หมด แล้วเช็ดทําความสะอาดด้วยฟองนํ้าอีก
ครัง้
9.2.7 จบขอบมุมและแนวกระเบือ้ งด้วย PVC ย
10.2 โครงเคร่า
โครงเคร่าเหล็ก ขนาด 2”x4” หนา 2.3 มิลลิเมตร @ 0.60 เมตร ชุบสีกนั สนิมทัง้ ภายนอกและภายในและทาทับหน้า
ด้วยสีน้ํามัน หรือตามรูปแบบระบุ โดยผูร้ บั จ้างต้องเสนอ SHOP DRAWING รายละเอียดการติดตัง้ ให้สถาปนิกพิจารณา
อนุมตั กิ ่อนการติดตัง้
10.3 การติดตัง้
(1) การติดตัง้ โครงเคร่า ให้วางโครงตามแนวนอนทัง้ ด้านบนและด้านล่าง แล้วจึงวางระยะโครงในแนวตัง้ โดยกําหนด
ระยะห่างที่ 60 เซนติเมตร สําหรับผนังทาสี และ 40 เซนติเมตร สําหรับผนังติดกระเบือ้ ง หรืออาจจะมากน้อยกว่า
ั ยด้านแรงลมทีม่ ากระทําเป็ นหลัก ความหนาของไฟเบอร์
นัน้ ขึน้ อยู่กบั วิศวกรโครงการเป็นผูอ้ อกแบบ ซึง่ ขึน้ กับปจจั
ซีเมนต์แนะนําให้ใช้ความหนาตัง้ แต่ 10 มิลลิเมตรขึน้ ไป โดยระยะห่างของตะปูเกลียว คือ 20 เซนติเมตร รอยต่อให้
ทําการติดตัง้ แบบเว้นร่องยาแนวด้วยโพลียลู เี ทน
(2) ผนังทีต่ ดิ ตัง้ แล้วจะต้องได้ระดับทัง้ แนวตัง้ และแนวนอน ได้ฉากกับพืน้ ผนังห้อง และจะต้องทําความสะอาดให้
เรียบร้อย
12.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทจ่ี ะใช้แต่ละชนิด ขนาดเท่ากับวัสดุทจ่ี ะใช้จริงไม่น้อยว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้
ผูอ้ อกแบบเห็นชอบก่อนจึงจะนําไปใช้งานได้ ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นทีจ่ าํ เป็ นต้องใช้ดว้ ย เช่น ขอบ
คิว้ หรือมุมต่างๆ เป็ นต้น รวมทัง้ รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE SPECIFICATION)
12.4 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาช่างฝีมอื ดีมคี วามชํานาญในการปู โดยปูตามแนวราบ แนวตัง้ และแนวนอน จะต้องได้ฉากแนว
ระดับสมํ่าเสมอ หรือลวดลายตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดให้ดว้ ยความปราณีตเรียบร้อย ทัง้ นัน้ จะมีการเคลื่อนได้ไม่เกิน 1
มิลลิเมตร ก่อนการติดตัง้ ต้องทําการเรียงแผ่นหินให้ผอู้ อกแบบ หรือผูค้ วบคุมงานพิจารณาเห็นชอบก่อนการดําเนินการ
ติดตัง้
12.4.1 การเตรียมผิว
(1) ทําความสะอาดผิวทีจ่ ะบุหนิ ให้ปราศจากฝุน่ ผง คราบไขมัน เศษปูน หรือสิง่ สกปรกอื่นใด แล้วล้างทําความสะอาด
ด้วยนํ้า
(2) ฉาบปูนรองพืน้ สําหรับผนัง ให้ได้ระดับและความเอียงลาดตามต้องการ ได้ดงิ่ ได้ฉาก ได้แนว เพือ่ ให้ได้ผวิ ผนังที่
เรียบและแข็งแรงก่อนการบุหนิ
(3) หลังจากฉาบปูนรองพืน้ ผนังแล้ว 24 ชัวโมง ่ ให้ทาํ การบ่มตลอด 3 วัน ทิง้ ไว้ให้แห้ง แล้วจึงเริม่ ดําเนินการบุหนิ ได้
(4) การเตรียมแผ่นหิน จะต้องจัดเรียงแผ่นหินทีจ่ ะใช้ในบริเวณใกล้เคียงกัน เพื่อเฉลีย่ สีและลายของหินให้สมํ่าเสมอกัน
ทัวทั
่ ง้ พืน้ ทีท่ จ่ี ะบุหนิ ให้ผคู้ วบคุมงาน และ/หรือผูอ้ อกแบบพิจารณาอนุมตั ติ ําแหน่งการวางแผ่นหินแต่ละแผ่น และ
คัดเลือกหินแต่ละแผ่นก่อนการติดตัง้
(5) ก่อนดําเนินการบุหนิ จะต้องทานํ้ายาเคลือบใสป้องกันความชืน้ ทีด่ า้ นหลังและด้านข้างของแผ่นหิน รวม 5 ด้าน โดย
ยกเว้นด้านหน้าของแผ่นหิน สําหรับหน้าหินทีท่ าํ ผิวขัดมัน และทาทัง้ 6 ด้าน โดยทาทีด่ า้ นหน้าของแผ่นหินด้วย
สําหรับหน้าหินทีท่ าํ ผิวด้าน พ่นทราย เปา่ ไฟ สกัดหยาบ หรือผิวอื่นใดนอกเหนือจากผิวขัดมัน โดยทาอย่างน้อยด้าน
ละ 2 เทีย่ ว และทิง้ ไว้ให้แห้งก่อนนําไปติดตัง้
12.4.2 การบุหนิ
(1) ทําการวางแนวของแผ่นหิน กําหนดจํานวนและเศษแผ่นตาม Shop Drawing ทีไ่ ด้รบั อนุมตั ิ แนวหินทัวไปให้ ่ ชดิ กัน
ให้มากทีส่ ดุ หรือตามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
(2) เศษของแผ่นหินจะต้องเหลือเท่ากันทัง้ สองด้าน แนวรอยต่อหินของพืน้ กับผนังจะต้องตรงกัน หรือตาม Shop
Drawing ทีไ่ ด้รบั อนุมตั ิ การเข้ามุมหินหากไม่ระบุในแบบ ให้ใช้วธิ เี จียรขอบ 45 องศา ประกบเข้ามุม ให้เห็นความ
หนาของแผ่นหินทีป่ ระกบกันทัง้ 2 แผ่น ด้านละประมาณ 5 มิลลิเมตร
(3) การตัดแต่งหินในแนวตรง แนวโค้ง ต้องตัดด้วยเครื่องมือมาตรฐานและคมเป็ นพิเศษ การเจาะหินเพื่อใส่อุปกรณ์
ต่างๆ รอยเจาะต้องมีขนาดตามต้องการ หินทีต่ ดั แต่งแล้วต้องไม่บดิ เบีย้ ว แตกบิน่ มีขนาดตามต้องการและต้อง
ตกแต่งขอบให้เรียบร้อยก่อนนําไปติดตัง้
(4) CONTROL JOINT (ในกรณีการบุดว้ ยกาวซีเมนต์)
- การบุชดิ สําหรับงานภายใน ให้มี CONTROL JOINT ทุกระยะห่างกันประมาณ 4-6
เมตร
- การบุห่างสําหรับงานภายใน ให้มี CONTROL JOINT ทุกระยะห่างกันประมาณ 6-10
เมตร
- การบุชดิ สําหรับงานภายนอก ให้มี CONTROL JOINT ทุกระยะห่างกันประมาณ 2-3
เมตร
12.5 การทําความสะอาด
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดทุกแห่งหลังจากการติดตัง้ ผิวของวัสดุตอ้ งปราศจากรอยแตกร้าว แตกบิน่ รอยขูดขีด
หรือมีตําหนิ หลุดล่อน และต้องไม่เปรอะเปื้ อน
(1) ทําความผิวหินด้วยฟองนํ้า ผ้า และนํ้า ก่อนทีป่ นู จะแห้งภายใน 1 ชัวโมงหลั
่ งจากการติดตัง้ และทําความสะอาด
รอยต่องระหว่างแผ่นให้สะอาดไม่มรี อยคราบเปื้ อนใดๆ ก่อนส่งมอบ
(2) การขัดเคลือบผิว ให้ทาํ ความสะอาดอีกครัง้ หนึ่งด้วยนํ้าสบู่ หรือนํ้ายาทําความสะอาด และชําระด้วยนํ้าเปล่า เช็ดให้
แห้งด้วยผ้านุ่มสะอาด หลังจากนัน้ เคลือบผิวด้วยนํ้ายาเคลือบเงา
(3) ผูร้ บั จ้างจะต้องป้องกันไม่ให้งานผนังบุหนิ สกปรกหรือเสียหายตลอดระยะเวลาก่อสร้าง
12.6 การป้องกันแผ่นหิน
(1) ผูร้ บั จ้างจะต้องเก็บกองโดยไม่ให้มนี ้ําหนักกดทับลงบนแผ่นหิน โดยการวางแผ่นหินเรียงกันตามแนวตัง้ มีกระสอบ
หรือหมอนไม้รองรับ และทีเ่ ก็บกองจะต้องไม่มคี วามชืน้
(2) พืน้ ทีบ่ ุหนิ แล้วเสร็จ ห้ามมีการเดินผ่านหรือบรรทุกนํ้าหนัก หากจําเป็ นจะต้องมีการสัญจร จะต้องมีการป้องกันผิว
หินมิให้เป็ นรอยหรือเสียหาย ในกรณีทผ่ี วิ หน้าหินเกิดริว้ รอยขูดขีดปรากฏให้เห็น หรือแผ่นหินไม่เรียบ ไม่สมํ่าเสมอ
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการแก้ไขตามกรรมวิธกี ารขัดผิวมันของแผ่นหิน หรือเปลีย่ นให้ใหม่ และให้ได้สขี องแผ่นหินที่
สมํ่าเสมอกันทัวทั ่ ง้ บริเวณ โดยค่าใช้จ่ายของผูร้ บั จ้าง
12.7 การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพของวัสดุและการติดตัง้ หากเกิดความเสียหายอันเนื่องจากการติดตัง้ และผิวของ
วัสดุ เกิดรอยร้าว แตกบิน่ ขูดขีด หรือหลุดล่อน ผูร้ บั จ้างจะต้องซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีสมบูรณ์ตามจุดประสงค์ของ
ผูอ้ อกแบบ และ/หรือผูค้ วบคุมงาน โดยไม่คดิ มูลค่าใดๆ ทัง้ สิน้
เกิน 0.20 วัตต์ /เมตร.องศาเคลวิน ค่าการทนไฟตาม BS 476 Part 22:1987 ได้ 4 ชัวโมง ่ มีคา่ กันเสียง
STC 40 ตรา อีโค บล็อก , เอส จี ไอ , สิทธิบล็อก หรือเทียบเท่า
15.2 ตัวอย่างวัสดุ ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทใ่ี ช้ แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ก้อนตัวอย่าง พร้อม แคทตาล๊อ
คสินค้า และส่งให้ผอู้ อกแบบ เพื่อขอความเห็นชอบและตรวจสอบความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะ
นําไปใช้งาน ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นทีจ่ าํ เป็ นต้องใช้ดว้ ย รวมทัง้ รายละเอียด
ประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE APECIFICATION)
15.3 การติดตัง้ ก่อผนัง
15.3.1 ขัน้ ตอนการก่อผนัง คอนกรีตบล็อก กันความร้อน
(1) ทําความสะอาดบริเวณแนวทีจ่ ะทําการก่อผนัง กําหนดแนวดิง่ แนวระดับของการก่อ
(2) ผสมปูนก่อสําเร็จรูป ในสัดส่วน 1 ถุง( 50 กก.) ต่อ นํ้าสะอาดประมาณ 10-11 ลิตร ผสม
ั ่ นทีต่ ่อเข้ากับสว่านไฟฟ้า 2-3 นาที ให้เข้ากันเป็ นอย่างดี ควรผสม
ให้เข้ากันด้วยหัวปนปู
แค่พอใช้เท่านัน้ และควรใช้ให้หมดภายใน 2 ชม. ( ข้อแนะนําให้ใช้ปนู ก่อสําเร็จรูปเพราะ
สัดส่วนผสมมาตรฐานสมํ่าเสมอ อาจใช้ปนู ก่อผสมเองได้อตั ราส่วนต้องคงทีต่ าม
คําแนะนําผูผ้ ลิตปูนซิเมนต์)
(3) เริม่ การก่อชัน้ แรก โดยการใช้ปนู ก่อทําการปรับระดับพืน้ โดยให้มคี วามหนาของแนวปูน
ก่อประมาณ 2.5-3.0 ซม. การก่อผนังบนพืน้ ระบบ Post Tension ทีม่ โี อกาสแอ่นตัวได้ ถ้า
ความยาวผนังเกิน 3.5 เมตร ควรทํา คานคอนกรีตรองรับผนังขนาด 10 ซม.(เหมือนเสา
เอ็น/ทับหลัง)
(4) ก่อบล็อกชัน้ แรกโดยให้มปี นู ก่อระหว่างเสา ค.ส.ล.กับบล็อก และระหว่างก้อนบล็อก 1.0-
1.5 ซม. โดยใช้คอ้ นยางและระดับนํ้าปรับให้ได้ระดับตามแนวเอ็นทีค่ วบคุมทัง้ แนวดิง่ และ
แนวนอน
(5) ก่
. มี .-
1.5 ซ . ครื่องตัดไฟฟ้า
ก ข ค) ง)
15.5 การติ ดตะแกรงเหล็ก
ตําแหน่งทีค่ วรติดตะแกรงเหล็ก คือ
(1) มุมวงกบประตูหน้าต่างโดยตัดตะแกรงขนาด 15x50 ซม. ติดให้ชดิ มุมวงกบ และติดทัง้ 2 ด้านของผนัง (ตามรูป
จ)
(2) แนวรอยต่อระหว่างผนังกับเสาหรอคาน ค.ส.ล. โดยใช้ตะแกรงขนาดกว้าง 15 ซม. ติดยาวตลอดแนวเสาหรือ
คาน ค.ส.ล. (ตามรูป จ)
(3) ตามแนวฝงั ท่องานระบบประปาและไฟฟ้าโดยควรให้ความกว้างคลุมเลยจากท่อไปอีกข้างละ 10 ซม. (ตามรูป ฉ)
( ตามรูป จ )
( ตามรูป ฉ)
15.6 ขัน้ ตอนการฉาบผนัง
(7) ใช้แปรงตีน้ําหรือไม้กวาดปาดและทําความสะอาดเศษผงทีต่ ดิ อยู่บนผนังให้หมด พรมนํ้าทีผ่ นังให้ชมุ่
พอประมาณเหมือนการเตรียมการฉาบผนังก่ออิฐมอญหรือผนังคอนกรีตบล็อกทัวไปแล้ ่ วทิง้ ให้ผนัง ดูดซับนํ้า
(ควรพรมนํ้าก่อน 1 คืนและก่อนการฉาบพรมนํ้าแต่พอสมครรอีกครัง้ จะได้ผวิ ปูนฉาบทีส่ มบูรณ์)
(8) ผสมปูนฉาบสําเร็จรูปกับนํ้าสะอาดในอัตราส่วน 3.5 : 1 โดยปริมาตร (ปูน 1 ถุง/50 กก.ใช้น้ํา 11 ลิตร) หรือ
ใช้ปนู ซิเมนต์ผสมทราย ในอัตราส่วน 1 : 3 โดยปริมาตร และใส่สารเคมีทช่ี ว่ ยการฉาบ ผสมให้เข้ากันด้วย
หัวปนปูั ่ นทีต่ ่อเข้ากับสว่านไฟฟ้า 2-3 นาที ให้เข้ากันเป็ นอย่างดี ควรผสมแค่พอใช้เท่านัน้ และควรใช้ให้หมด
ภายใน 2 ชม. 30 นาที
(9) ให้ทาํ การฉาบ 2 ชัน้ ชัน้ ละประมาณครึง่ หนึ่งของความหนาทัง้ หมด
(10) เมื่อฉาบชัน้ แรกแล้วให้ทง้ิ ไว้ให้หมาด แล้วฉาบชัน้ ทีส่ องต่อ จนได้ความหนาทีต่ อ้ งการ หลังจากนัน้ แต่งผิวให้
เรียบตามวิธปี กติ ปูนฉาบต้องหนาประมาณ 10 – 15 มม.
(11) การฉาบตามบริเวณมุมวงกบประตู, หน้าต่าง, รอยต่อเสา รวมถึงบริเวณทีม่ กี ารฝงั ท่อสายไฟหรือท่อนํ้า ให้
ติดลวดตาข่ายหรือตาข่ายพลาสติก ในผิวปูนฉาบ
(12) ควรพรมนํ้าบนผิวฉาบต่ออีก 1-2 วัน
(13) ปูนก่อและปูนฉาบสําเร็จรูปทีค่ วรใช้
16.2 ตัวอย่างวัสดุ ผูร้ บั จ้างต้องจัดส่งตัวอย่างขนาด 20 ซม.x 20ซม. จํานวน 2 ชิน้ พร้อมแผ่นตัวอย่างสี แพทเท
เทิรน์ และแคทตาล๊อคสินค้า ให้คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาเห็นชอบก่อนดําเนินการ
16.3 การติดตัง้ ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาช่างทีม่ คี วามชํานาญและประสบการณ์ในการติดตัง้ ทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้
ระดับและเส้นแนวตรงหรือลวดลายได้ฉากมีความประณีตเรียบร้อย มันคงแข็ ่ งแรง ตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนด
และกรรมวิธมี าตรฐานของบริษทั ฯผูผ้ ลิตก่อนการติดตัง้ ให้มกี ารประสานงานกับผูร้ บั จ้างหลัก เพือ่ ตรวจสอบ
บริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้องให้สมบูรณ์เรียบร้อยถ้ามีสงิ่ บกพร่องให้แก้ไขก่อนการดําเนินงานติดตัง้
16.4 รูปแบบการติดตัง้ และวัสดุโครง ให้ดรู ายละเอียดตามแบบตกแต่งภายในประกอบ
จบหมวดที่ 28
หมวดที่ 29
งานแผงอลูมิเนี ยมกันแดด ชนิ ดอบสีสาเร็จรูป
(ALUMINIUM SHADING DEVICES)
1. ขอบเขตของงาน
งานแผงอลูมเิ นียมกันแดด ชนิดอบสีสาํ เร็จรูปทีไ่ ด้ระบุไว้ในแบบก่อสร้างทัง้ หมด ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์
แรงงาน การประสานงานกับผูร้ บั เหมาช่วง และการจัดเตรียมทําแบบแปลนแสดงตําแหน่งการติดตัง้ โครงสร้างยึด
โยงหลัก และโครงสร้างรอง ตลอดจนแบบ SHOP DRAWING แสดงถึงรายละเอียดการติดตัง้ การยึด ระยะต่าง ๆ และ
ต้องเป็ นไปตามแบบและขนาดซึง่ กําหนดไว้ในแบบก่อสร้างเพื่อขอตรวจสอบพิจารณาเห็นชอบจากผูค้ วบคุมงานและ
กรรมการตรวจการจ้างตามความต้องการและวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
2. วัสดุ
2.1 วัสดุทใ่ี ช้ในการสร้างนี้จะต้องเป็นวัสดุใหม่ มีสภาพเรียบร้อยจากบริษทั ผู้ผลิต มีเครื่องหมายรายละเอียด
ต่างๆ แสดงรุ่นและชื่อผูผ้ ลิตอย่างสมบูรณ์ชดั เจน
2.2 แผ่นอลูมเิ นียม รูปตัวซีขนาดหน้ากว้าง 8.5 ซม. ความหนาไม่น้อยกว่า 0.6 มม. ผลิตจากอลูมเิ นียม
อัลลอย NO.3105 H16 เคลือบสีระบบ Roller Coating หรือ ระบบ POWDER COAT ใช้ขายึดแผ่น ชนิด
มุมเอียง 25-45 องศา ผลิตจากAluminium เคลือบสี POWDER COAT การติดตัง้ ติดตัง้ พร้อม โครง
เหล็ก LG ขนาด 1 1/4" x 1 1/4" ความหนา 1.2 มม. ทาสี กันสนิม และทาทับด้วยสีจริงอีกครัง้ พร้อม
อุปกรณ์ กรรมวิธตี ามแบบ มาตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต ผลิตภัณฑ์ของ MPV ,KNAUF, CLINE หรือ
เทียบเท่า
3. ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุแต่ละชนิดทีใ่ ช้ ให้ผคู้ วบคุมงานได้ตรวจสอบให้เป็ นไปตามความต้องการ ของ
ผูอ้ อกแบบและให้ความเห็นชอบก่อนทีจ่ ะทําการติดตัง้ วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึง
3.1 โครงหลัก
3.2 โครงรอง
3.3 แผงกันแดด ลักษณะต่างๆทีก่ าํ หนดไว้
3.4 รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE’s SPECIFCATIONS) แสดงถึงการทดสอบคุณสมบัตขิ อง
วัสดุ และส่วนอุปกรณ์ยดึ ต่างๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง
4. การติดตัง้
4.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องหาช่างฝีมอื ทีด่ มี คี วามชํานาญในการติดตัง้ ทุก ๆ ส่วนทีต่ ดิ ตัง้ และจะต้องมันคงแข็
่ งแรง ได้
ระดับในแนวตัง้ และแนวนอนด้วยความประณีตเรียบร้อย จะต้องปฏิบติตามแบบมาตรฐานกรรมวิธกี ารติดตัง้ ของ
บริษทั ผูผ้ ลิตและต้องได้รบั ความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบ
4.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องมีการประสานงานร่วมกันกับผูจ้ า้ งหลัก เพื่อกําหนดตําแหน่งทีเ่ กีย่ วข้องในการติดตัง้ ทัง้ หมด
และตรวจสอบสถานทีท่ ุกแห่งในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องทีจ่ ะมีการติดตัง้ ให้สมบูรณ์เรียบร้อยก่อนจะมีการติดตัง้
4.3 แผงกันแดดทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องมีความมันคง ่ แข็งแรง
4.4 แผงกันแดดสําเร็จรูปรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องจะต้องยึดแน่นแข็งแรงกับผนังหรือโครงสร้างอื่นๆ ได้
ระยะขนาดที่ ถูกต้องตามมาตรฐานของผูผ้ ลิต
จบหมวดที่ 29
หมวดที่ 30
งานหลังคา
1. ทัวไป
่
1.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทม่ี คี ุณภาพ แรงงานทีม่ ฝี ีมอื และความชํานาญ โดยมีระบบควบคุมคุณภาพ
ทีด่ ใี นการก่อสร้างงานมุงหลังคา ตามทีร่ ะบุในแบบและรายการประกอบแบบ พร้อมการทดสอบและให้ใช้งานได้ป้องกันการ
รัวซึ
่ ม
1.2 การสังวั ่ สดุมุงหลังคาให้สงคราวเดี
ั่ ั
ยวกัน เพื่อไม่ให้มปี ญหารื ่องเฉดสี พร้อมนําส่งใบรับประกันการมุงจาก
ผูผ้ ลิต 5 ปี
1.3 วัสดุโครงหลังคา สําหรับกระเบือ้ งคอนกรีต หรือกระเบือ้ งซีเมนต์ผสมเส้นใยสังเคราะห์ หากไม่ระบุในรูปแบบ
ให้ใช้แปสําเร็จรูปชุบสังกะสี ความหนา 0.55 มิลลิเมตร สําหรับองค์อาคารมีความสูงไม่เกิน 15 เมตร และใช้ความหนา 0.70
มิลลิเมตร สําหรับองค์อาคารมีความสูงเกินกว่า 15 เมตร หากรูปแบบระบุใช้ขนาดความหนาทีข่ ดั แย้งกับทีร่ ะบุขา้ งต้น ให้
ผูร้ บั จ้างใช้ขนาดทีใ่ หญ่กว่าในการติดตัง้ โดยค่าใช้จ่ายเป็ นของผูร้ บั จ้าง
1.4 ในกรณีทอ่ี งค์อาคารมีความสูงเกินกว่า 15 เมตร ให้ผรู้ บั จ้างนําเสนอรูปแบบการติดตัง้ วัสดุโครงหลังคา และ
รายการคํานวณ โดยมีวศิ วกรโยธาระดับสามัญวิศวกรเป็ นอย่างน้อยเป็ นผูร้ บั รอง เพื่อขออนุมตั ติ ่อผู้ควบคุมงานก่อนการ
ติดตัง้
2. หลังคากระเบือ้ งคอนกรีต
2.1 วัสดุ
2.1.1 วัสดุมุงหลังคา ให้ใช้หลังคากระเบือ้ งคอนกรีตชนิดตามระบุในรูปแบบรายการ เลือกสีโดยสถาปนิก
ผูอ้ อกแบบ
2.1.2 ครอบหลังคาต่างๆ แผ่นปิ ดเชิงชาย แผ่นปิ ดรอยต่อหลังคาและอุปกรณ์อ่นื ๆ ทีใ่ ช้ในการป้องกัน
หลังคารัวระบบ่ Dry Tech ให้ใช้ของบริษทั ทีผ่ ลิตวัสดุมุงหลังคา หรือระบุเป็ นอย่างอื่นในแบบ
2.1.3 ตะปูเกลียวหรือสลักเกลียว สําหรับยึดวัสดุมุงหลังคากับแป พร้อมทัง้ อุปกรณ์แหวนและแผ่นยางรอง
ให้ใช้ขนาดทีเ่ หมาะสมตามมาตรฐานหรือคําแนะนําจากบริษทั ผูผ้ ลิตวัสดุมุงหลังคา และต้องป้องกันการรัวซึ ่ มได้ดี โดยได้รบั
ความเห็นชอบจากผูค้ วบคุมงานก่อน
2.1.4 อื่นๆ ตามระบุในแบบ หรือตามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
2.2 การติดตัง้
2.2.1 ก่อนมุงหลังคาจะต้องตรวจสอบระดับความลาดเอียงให้เรียบร้อยก่อน หากมีการผิดพลาดเนื่องจาก
การติดตัง้ โครงหลังคา จะต้องได้รบั การแก้ไขให้เรียบร้อย ก่อนทีจ่ ะติดตัง้ แปและมุงหลังคา
2.2.2 ก่อนมุงหลังคา ผูร้ บั จ้างจะต้องตรวจสอบทิศทางลมฝนเสียก่อนและไม่ควรให้รอยซ้อนทับของหลังคา
หันเข้าหาทิศทางลม โดยขอความเห็นชอบจากผูค้ วบคุมงานก่อน
2.2.3 การตัดเจาะวัสดุมงุ หลังคาและติดตัง้ หลังคา จะต้องใช้เครื่องมือทีเ่ หมาะสมและใช้ความประณีต โดย
จะต้องได้รบั ความเห็นชอบจากผูค้ วบคุมงานก่อน
2.2.4 การมุงหลังคา การติดตัง้ อุปกรณ์ยดึ และอุปกรณ์อ่นื ๆ การซ้อนทับ การยาแนว และการกันรัวซึ ่ ม
จะต้องปฏิบตั ติ ามคําแนะนําของบริษทั ผูผ้ ลิตวัสดุหลังคาอย่างเคร่งครัด โดยได้รบั ความเห็นชอบจากผูค้ วบคุมงานก่อน และ
ต้องมีวธิ ปี ้ องกันและระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายใดๆ ต่อวัสดุมุงหลังคาขณะทําการติดตัง้ และขณะตรวจสอบหรือ
แก้ไขหลังการติดตัง้
2.3 การทดสอบ
เมื่อมุงหลังคาเสร็จแล้ว ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าหลังคามีความเสียหายหรือไม่ แล้วจึงทําการทดสอบว่า
หลังคาทีต่ ดิ ตัง้ แล้ว ไม่มกี ารรัวซึ
่ มและสามารถระบายนํ้าได้ดี โดยการฉีดนํ้ารดให้ทวทั
ั ่ ง้ หลังคาด้วยความแรง และระยะเวลา
ทีเ่ หมาะสม หรือวิธอี ่นื ตามความเห็นชอบของผูค้ วบคุมงาน
2.4 การบํารุงรักษาและทําความสะอาด
เมื่อมุงหลังคาเสร็จเรียบร้อย ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดหลังคาให้ปราศจากเศษวัสดุต่างๆ ทัง้ บนหลังคา และ
รางนํ้า แล้วตรวจตราความเรียบร้อยของหลังคาอีกครัง้ หากมีการเสียหายจะต้องแก้ไขหรือเปลีย่ นใหม่ ตามคําสังของผู ่ ้
ควบคุมงาน และต้องป้องกันไม่ให้สกปรกหรือเสียหายตลอดระยะเวลาก่อสร้าง
3. หลังคากระเบือ้ งซีเมนต์ผสมเส้นใยสังเคราะห์
เป็ นผลิตภัณฑ์ทผ่ี ลิตจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ผสมเส้นใยสังเคราะห์รปู ทรงว่าว ขนาดแผ่น 0.80x0.60 เมตร หนา
6 มิลลิเมตร พร้อมอุปกรณ์ครบชุด ระยะห่างและวิธกี ารติดตัง้ ให้ปฏิบตั ติ ามมาตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิตอย่างเคร่งครัด
ผลิตภัณฑ์ของไอยรา หรือเทียบเท่า
4. หลังคาเหล็กรีดลอน
ขอบข่ายหลังคาแผ่นเหล็กรีดตามระบุไว้ในแบบก่อสร้างทัง้ หมด ให้ดาเนินการตามมาตรฐานผูผ้ ลิตโดย
เคร่งครัด ผูร้ บั จ้าง” จะต้องจัดเตรียมหาแบบ Shop Drawing รายละเอียดในส่วนต่างๆ ในการติดตัง้ ตามแบบ
ก่อสร้างและวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบเพือ่ ขออนุมตั ิ และตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบ
4.1 แผ่นเหล็กจะต้องเป็ นชนิดสังกะสีผสมอลูมเิ นียม ประกอบด้วยอลูมเิ นียม 55% สังกะสี 43.4% และซิลคิ อน
1.6% โดยมีปริมาณการเคลือบบนแผ่นเหล็กทัง้ สองด้านไม่น้อยกว่า 150 กรัม ต่อตารางเมตร หรือ AZ 150g/Sq.m. และมี
ความแข็งแรง ณ จุดครากของเหล็ก (ค่า MINIMUM YEILD STRENGHT) ต้องไม่น้อยกว่า 550 MPA –G550 ทัง้ นี้ให้
เป็ นไปตามมาตรฐาน AS1397-1993 หรือ JIS3321 หรือ ASTM A 792
4.2 ในกรณีทร่ี ะบุให้มกี ารเคลือบสี ความหนาแผ่นเหล็กรวมชัน้ เคลือบสีตอ้ งไม่น้อยกว่า 0.50 มิลลิเมตร
4.3 การเคลือบสีให้เคลือบอบด้วยสี POLYESTER โดยระบบต่อเนื่อง ต้องมีความหนาของชัน้ เคลือบไม่น้อยกว่า
ทีก่ าํ หนดคือ ชัน้ เคลือบด้านบน ประกอบด้วยสีรองพืน้ หนา 5 ไมครอน เคลือบทับด้วยสี POLYESTER หนา 20 ไมครอน
ทัง้ นี้ความหนาของชัน้ สีเมื่อแห้ง (DRY FILM THICKNESS) ของสีดา้ นบนรวมกันต้องไม่น้อยกว่า 25 ไมครอน ชัน้ เคลือบ
ด้านล่าง ประกอบด้วยสีรองพืน้ หนา 5 ไมครอน เคลือบทับด้วยสีอพี อคซี่ หนา 5 ไมครอน ทัง้ นี้ให้มคี ุณสมบัตเิ ป็ นไปตาม
มาตรฐาน AS-2728 “PRE-PAINTED AND ORGANIC FILM / METAL LAMINATE PRODUCTS” โดยผ่านการทดสอบ
ตามมาตรฐานสากล ดังนี้
4.3.1 การทดสอบแรงกระแทก (IMPACT TEST) ตามมาตรฐาน AS-2728 (APP.E) มากกว่า 10 จูล
4.3.2 การทดสอบการโค้งงอ (BENDING TEST) เมื่องอแผ่นโค้งด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เท่าของ
ความหนาจะต้องไม่มกี ารหลุดลอกของสี (ADHESION LOSS)
4.4 แผ่นเหล็กเคลือบสีมุงหลังคาต้องเป็ นแผ่นเดียวยาวตลอดความยาวของลาดหลังคา ชนิดการยึดแผ่นแบบ
คลิปล็อก หน้ากว้างแผ่นไม่น้อยกว่า 70 เซนติเมตร รวมระยะซ้อนทับแล้ว ความสูงลอนไม่น้อยกว่า 39 มิลลิเมตร
4.5 สกรู สกรูยงิ ยึดหลังคาและผนังเหล็กรีดลอน ให้ใช้สกรูทเ่ี คลือบด้วย Armourcoat 4 (Armourcoat 4 เป็ นชัน้
เคลือบด้วยอัลลอย ผ่านขบวนการ Mechanical Plating ได้มาตรฐาน AS3566.2-2002 Class 4 ) สําหรับสกรูทใ่ี ช้ยงิ สัน
ลอนหลังคา จะต้องมี Top Grip เพื่อยึดสันลอนกับหัวสกรู และ Shank Protector เพื่อป้องกันชัน้ เคลือบของแกนสกรู แหวน
ยางกันนํ้าทีใ่ ช้กบั สกรูจะต้องเป็นแหวนยาง EPDM ชนิดทนความร้อนและไม่น้ําไฟฟ้า
จบหมวดที่ 30
หมวดที่ 31
งานฉนวนป้ องกันความร้อน
1. แผ่นสะท้อนความร้อน
1.1 วัสดุ
แผ่นอลูมเิ นียมฟอยล์ 2 ด้าน มีความสะท้อนไม่น้อยกว่า 0.95 ไมครอน มีเส้นใยโพลีเอทธีลนี เสริมความแข็งแรง และ
แผ่นกันชืน้
ผลิตภัณฑ์ ไอยรา CPACMONIER, V-CON หรือเทียบเท่า
1.2 การติดตัง้
1.2.1 การติดตัง้ กับแปสําเร็จรูปหรือแปไม้ ให้ปตู ามแนวขนานกับเชิงชาย โดยปูบนจันทันก่อนติดตัง้ แป
แล้วใช้ตะปูยดึ แปยึดแผ่นสะท้อนความร้อนติดกับจันทัน ให้มรี ะยะซ้อนทับระหว่างแผ่น 15 เซนติเมตร
1.2.2 การติดตัง้ กับแปเหล็ก ให้ปบู นแผ่นเหล็กซึง่ เชื่อมกับจันทันเรียบร้อยแล้ว โดยเริม่ ปูจากเชิงชายขึน้ ไป
บนสันหลังคา และให้มรี ะยะซ้อนทับด้านข้างระหว่างแผ่น 15 เซนติเมตร
2. ฉนวนกันความร้อน ชนิดใยแก้ว
2.1 วัสดุ
ใยแก้ว (GLASS WOOL) ให้ใช้ใยแก้ว หนา 2 นิ้ว หรือตามทีร่ ะบุในรูปแบบ ปิ ดผิวหน้าด้วยอลูมเิ นียมฟอยด์ 2 ด้าน
ชนิดเสริมแรงจากโรงงานได้รบั การออกแบบและผลิต ตามมาตรฐาน ASTM คุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานใยแก้ว
(มอก.486-2527) แผ่นใยแก้ว (มอก.487-2526) และ/หรือตามข้อกําหนดฉลากเขียวสําหรับฉนวนกันความร้อน (TGL-14-
97) ผลิตภัณฑ์ ตราช้าง, MICROFIBER, Ultra Kool หรือเทียบเท่า
2.2 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องเสนอรายละเอียดของวัสดุป้องกันความร้อน และชิน้ ตัวอย่าง ขนาด 30x30 เซนติเมตร อย่างน้อย 2
ตัวอย่าง ให้ผอู้ อกแบบตรวจสอบให้ความเห็นชอบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน
2.3 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างจะต้องปฏิบตั ติ ามคําแนะนําของผูผ้ ลิตวัสดุป้องกันความร้อน โดยได้รบั การอนุมตั จิ ากผูค้ วบคุมงานก่อน
ขัน้ ตอนในการติดตัง้ จะต้องประสานงานกับงานส่วนอื่นๆ เช่น งานติดตัง้ แป งานติดตัง้ ท่อร้อยสายไฟ โคมไฟฝ้าเพดาน งาน
ติดตัง้ ท่อนํ้ายาและเครื่องปรับอากาศใต้หลังคา ค.ส.ล. งานติดตัง้ Sleeve และรูระบายนํ้าต่างๆ ของงานระบบสุขาภิบาล
เป็ นต้น การติดตัง้ วัสดุกนั ความร้อน ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการป้องกันงานส่วนอื่นของอาคาร ไม่ให้เกิดความสกปรกหรือ
เสียหาย จะต้องจัดทําขัน้ ตอนและแผนปฏิบตั งิ านให้สอดคล้องกันกับงานส่วนอื่นๆ หากมีปญั หาในการติดตัง้ จะต้องแจ้งให้
ผูค้ วบคุมงานทราบ เพื่อพิจารณาแก้ไขปญหาในทั ั นที
2.3.1 การติดตัง้ ฉนวนบนแปเหล็ก ติดตัง้ โดยมีตะแกรงกัลวาไนท์ ขนาด 2 นิ้ว# รองรับใต้แผ่น PVC สีขาว
ตลอดผืนหลังคา รอยต่อระหว่างแผ่นให้ปิดทับด้วยเทปอลูมเิ นียมทัง้ หมด
2.3.2 การติดตัง้ ฉนวนบนฝ้าเพดานยิบซัมบอร์ ่ ด ชนิดโครงเคร่า ที-บาร์
้
(1) เปิ ดฝาเพดานในบริเวณทีต่ อ้ งการปูเพื่อนําฉนวนขึน้ ไป
(2) ปูฉนวนไปตามแนวโครงเคร่าฝ้าเพดาน โดยการกลิง้ ฉนวนให้เต็มพืน้ ทีแ่ ละในแนวต่างๆ ทีต่ อ้ งการ
(3) ส่วนทีท่ าํ การตัดต่อฉนวนหรือรอยฉีกขาดให้ซ่อมแซมด้วยเทปอลูมเิ นียมฟอยล์ ข้อแนะนํา
ควรปูห่างจากจุดทีม่ กี ารติดตัง้ ดวงไฟประมาณ 3 นิ้ว
จบหมวดที่ 31
หมวดที่ 32
งานฝ้ าเพดาน
1. งานโครงเคร่าโลหะฝ้าเพดาน
1.1 ขอบและเขตงาน
งานโครงเคร่าโลหะฝ้าเพดานตามระบุในแบบก่อสร้างทัง้ หมด ผูร้ บั จ้างต้องจัดเตรียมทําแบบประกอบการติดตัง้
SHOP DRAWING รวมถึงส่วนต่างๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง ซึง่ ต้องแสดงรายละเอียดการติดตัง้ (INSTALLTION) การยึด (FIXED)
และแสดงระยะต่างๆ โดยละเอียดให้ถูกต้องตามแบบก่อสร้าง พร้อมทัง้ ให้ตรวจสอบ การแบ่งระยะดวงโคมไฟฟ้า เพื่อขอ
อนุมตั แิ ละตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนจะทําการติดตัง้
1.2 วัสดุ
วัสดุทน่ี ํามาใช้งานต้องได้มาตรฐานการผลิตของบริษทั ผูผ้ ลิตและเป็ นวัสดุใหม่ ผลิตหรือจัดจําหน่ายโดยบริษทั ผูผ้ ลิต
หรือจัดจําหน่ายเดียวกับแผ่นฝ้าเพดาน ทัง้ นี้ตอ้ งได้รบั ความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบก่อนนําไปใช้งาน
1.2.1 โครงเคร่าโลหะชนิดแผ่นฝ้าเพดานยึดติดแน่น (ฉาบเรียบ)
(1) โครงเคร่าโลหะ ต้องผลิตจากเหล็กชุบสังกะสีดว้ ยกรรมวิธจี ุ่มร้อน มีความหนาโครงเคร่าไม่น้อยกว่า 0.50 มิลลิเมตร
ได้รบั รองมาตรฐาน JIS 3302-1987 หรือ มอก. 863-2532 ผลิตภัณฑ์ ตราช้าง GYPROC, DECEM หรือเทียบเท่า
(2) สปริงปรับระดับและลวด เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 มิลลิเมตร
(3) สกรูเกลียวปล่อย
(4) พุกเหล็ก (EXPANSION BOLT)
1.2.2 โครงเคร่าโลหะ ชนิด T-BAR
(1) โครงเคร่าโลหะ T-BAR ต้องผลิตจากเหล็กชุบสังกะสีและเคลือบสี มีความหนาแบบพับซ้อน 2 ชัน้ ชัน้ ละไม่น้อย
กว่า 0.35 มิลลิเมตร ความกว้างไม่น้อยกว่า 24 มิลลิเมตร โครงเคร่าหลักความสูงไม่น้อยกว่า 32 มิลลิเมตร
ผลิตภัณฑ์ ตราช้าง GYPROC, DECEM หรือเทียบเท่า
(2) สปริงปรับระดับและลวด เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 มิลลิเมตร
(3) พุกเหล็ก (EXPANSION BOLT)
1.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทจ่ี ะใช้แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง ละส่งให้ผอู้ อกแบบเพื่อขอความเห็นชอบ
และตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน
1.4 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาช่างฝีมอื ทีม่ คี วามชํานาญในการติดตัง้ ฝ้าเพดานทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วจะต้องได้ระดับและ
เส้นแนวตรงเรียบร้อยหรือลวดลายได้ฉากตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดด้วยความประณีตเรียบร้อย
1.4.1 โครงเคร่าโลหะชนิดแผ่นฝ้าเพดานยึดติดแน่น (ฉาบเรียบ)
(1) หาระดับทีต่ อ้ งการติดตัง้ ฝ้าเพดาน แล้วยึดรางระดับเข้ากับโครงสร้างอาคารโดยรอบของห้องหรือบริเวณทีท่ าํ การ
ติดตัง้ ฝ้าเพดาน ตามระดับกําหนด
(2) ยึดเหล็กฉากด้วยพุกเหล็กกับโครงสร้างบนของอาคาร เว้นระยะห่างกันไม่เกิน 1.20 เมตร
(3) ใช่สปริงและลวดปรับระดับยึดโยงระหว่างเหล็กฉากกับโครงเคร่าหลักและปรับให้ได้ระดับตามต้องการ
(4) ยึดเคร่าซอยเข้ากับด้านล่างของเคร่าหลัก ให้แนวตัง้ ฉากกับเคร่าหลัก โดยเว้นระยะเคร่าซอยห่างกันทุก ระยะ 40
เซนติเมตร โดยมีเคร่าหลักหิว้ อยู่ดา้ นบนทุกๆ ระยะ 1.00 – 1.20 เมตร
2.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทใ่ี ช้แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้ผอู้ อกแบบ เพื่อขอความเห็นชอบ
และตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นที่
จําเป็ นต้องใช้ดว้ ย รวมทัง้ รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE APECIFICATION)
2.4 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาทีม่ คี วามชํานาญและประสบการณ์ในการติดตัง้ ทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้ระดับและเส้นแนวตรง
หรือลวดลายได้ฉากมีความปราณีตเรียบร้อยมันคงแข็ ่ งแรงตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดและกรรมวิธมี าตราฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต
ก่อนการติดตัง้ ให้มกี ารประสานงานกับผูร้ บั จ้างหลัก เพื่อตรวจสอบบริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้องให้สมบูรณ์เรียบร้อยถ้ามีสงิ่
บกพร่องให้แก้ไขก่อนการดําเนินงานการติดตัง้
3. ฝ้าเพดานแผ่นยิปซัมชนิ ่ ดกันชืน้
3.1 วัสดุ
วัสดุทจ่ี ะนํามาใช้จะต้องเป็ นของใหม่ไม่เคยใช้งานมาก่อนไม่มรี อยชํารุดแตกร้าวเสียหาย
ใช้แผ่นยิปซัมชนิ่ ดทนความชืน้ (MOISTURE RESISTANTN GYPSUM BOARD) ในส่วนกลางของแผ่นยิปซัม่ ต้องมี
ส่วนผสมของ SILICONE หรือสารประกอบอย่างอื่นทีไ่ ม่เป็ นพิษ (NONTOXIC) สามารถป้องกันความชืน้ โดยแผ่นยิปซัม่
จะต้องดูดความชืน้ ไม่เกิน 5% และมีกระดาษชนิดเหนียวพิเศษปิดผิดด้านนอก 2 ด้าน หากไม่ได้ระบุให้ใช้ขนาดความหนา
9 มิลลิเมตร ผลิตภัณฑ์ มอก.219-2524 ได้แก่ ตราช้าง TG, GYPROC หรือเทียบเท่า
3.2 โครงเคร่า
ดูรายละเอียด และการติดตัง้ ในงานโครงเคร่าโลหะฝ้าเพดาน
3.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทใ่ี ช้แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้ผอู้ อกแบบ เพื่อขอความเห็นชอบ
และตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นที่
จําเป็ นต้องใช้ดว้ ย รวมทัง้ รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE APECIFICATION)
3.4 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาทีม่ คี วามชํานาญและประสบการณ์ในการติดตัง้ ทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้ระดับและเส้นแนวตรง
หรือลวดลายได้ฉากมีความปราณีตเรียบร้อยมันคงแข็ ่ งแรงตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดและกรรมวิธมี าตราฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต
ก่อนการติดตัง้ ให้มกี ารประสานงานกับผูร้ บั จ้างหลักเพื่อตรวจสอบบริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้องให้สมบูรณ์เรียบร้อยถ้ามีสงิ่
บกพร่องให้แก้ไขก่อนการดําเนินงานการติดตัง้
4. ฝ้าเพดานแผ่นกันเสียงสะท้อนใยแร่ (ACOUSTIC BOARD)
4.1 วัสดุ
4.1.1 ฝ้าเก็บเสียงใยแร่ชนิดบังใบใหญ่ให้ใช้แผ่นฝ้าทีผ่ ลิตจาก MINERAL FIBER ขนาด 595x1195x19
มิลลิเมตร มีใบรับประกันไม่แอ่นตัว 10 ปี ภายใต้ความชืน้ 99% อุณหภูมิ 49 องศาเซลเซียส ค่าดูดซับเสียงไม่น้อยกว่า
0.50 ค่าการกันเสียงไม่น้อยกว่า 33 เดซิเบล การป้องกันไฟ CLASS A ตามมาตรฐาน BS 476 PART 6&7 เคลือบสีขาว
VINYL LATEX สําเร็จจากโรงงาน ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ ARMSTRONG รุ่น FINE FISSURRED SECOND LOOK 4 RH99 #
3583 หรือAURATONE หรือเทียบเท่า
4.1.2 ฝ้าเก็บเสียงใยแร่ชนิดขอบเรียบให้ใช้แผ่นฝ้าทีผ่ ลิตจาก MINERAL FIBER ขนาด 595x1195x15
มิลลิเมตร มีใบรับประกันไม่แอ่นตัว 10 ปี ภายใต้ความชืน้ 99% อุณหภูมิ 49 องศาเซลเซียส ค่าดูดซับเสียงไม่น้อยกว่า
0.50 ค่าการกันเสียงไม่น้อยกว่า 33 เดซิเบล การป้องกันไฟ CLASS A ตามมาตรฐาน BS 476 PART 6&7 เคลือบสีขาว
VINYL LATEX สําเร็จจากโรงงาน ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ ARMSTRONG รุ่น FINE FISSURRED RH99 # 3570 หรือ
AURATONE หรือเทียบเท่า
4.1.3 แผ่นฝ้าเก็บเสียงทีจ่ ะนํามาติดตัง้ จะต้องมีขนาดตามทีก่ าํ หนด ขอบแผ่นทุกด้านจะต้องได้รบั การบังใบ
มาจากโรงงานผูผ้ ลิต ได้ฉาก ไม่แตกบิน่ การกองเก็บแผ่นฝ้าเก็บเสียงจะต้องกองบนพืน้ ทีเ่ รียบเท่านัน้
4.2 โครงเคร่า
ดูรายละเอียด และการติดตัง้ ในงานโครงเคร่าโลหะฝ้าเพดาน
4.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทใ่ี ช้แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้ผอู้ อกแบบเพื่อขอความเห็นชอบและ
ตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นที่
จําเป็ นต้องใช้ดว้ ย รวมทัง้ รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE APECIFICATION)
4.4 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาทีม่ คี วามชํานาญและประสบการณ์ในการติดตัง้ ทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้ระดับและเส้นแนวตรง
หรือลวดลายได้ฉากมีความปราณีตเรียบร้อยมันคงแข็ ่ งแรงตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดและกรรมวิธมี าตราฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต
ก่อนการติดตัง้ ให้มกี ารประสานงานกับผูร้ บั จ้างหลักเพื่อตรวจสอบบริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้องให้สมบูรณ์เรียบร้อยถ้ามีสงิ่
บกพร่องให้แก้ไขก่อนการดําเนินงานการติดตัง้
5. ฝ้าเพดานแผ่นไฟเบอร์ซเี มนต์บอร์ด
5.1 วัสดุทใ่ี ช้
ใช้แผ่นไฟเบอร์ซเี มนต์บอร์ด (ปราศจากใยหิน) ตราช้าง (สมาร์ดบอร์ด) หรือตราต้นไม้ (แฟลกซีบ่ อร์ด) หรือตรา
ROCK WOOD หรือเทียบเท่า หนา 6 มิลลิเมตร
5.2 โครงเคร่า
ดูรายละเอียด และการติดตัง้ ในงานโครงเคร่าโลหะฝ้าเพดาน
5.3 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทใ่ี ช้แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้ผอู้ อกแบบ เพื่อขอความเห็นชอบ
และตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นที่
จําเป็ นต้องใช้ดว้ ย รวมทัง้ รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE APECIFICATION)
5.4 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาทีม่ คี วามชํานาญและประสบการณ์ในการติดตัง้ ทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้ระดับและเส้นแนวตรง
หรือลวดลายได้ฉากมีความปราณีตเรียบร้อยมันคงแข็ ่ งแรงตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดและกรรมวิธมี าตราฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต
ก่อนการติดตัง้ ให้มกี ารประสานงานกับผูร้ บั จ้างหลัก เพื่อตรวจสอบบริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้องให้สมบูรณ์เรียบร้อยถ้ามีสงิ่
บกพร่องให้แก้ไขก่อนการดําเนินงานการติดตัง้
6. ฝ้าอลูมเิ นียมแบบตะแกรง
6.1 ขอบเขตของงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุซง่ึ ประกอบด้วยแผ่นฝ้า โครงรับฝ้า อุปกรณ์ยดึ ฝ้า แรงงานฝีมอื ดี อุปกรณ์เครื่องมือ และสิง่
อํานวยความสะดวกต่างๆ ทีจ่ าํ เป็ นทุกชนิด สําหรับการทํางานฝ้าอลูมเิ นียมให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนตามแบบและ
รายการสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนต้องดูรกั ษาให้คงอยูใ่ นสภาพดีจนถึงส่งงานงวดสุดท้าย
6.2 วัสดุ
6.2.1 โครงหลัก (MAIN RUNNER) และโครงขวาง (CROSS RUNNER) ทําจากอลูมเิ นียมรูปตัว U กว้าง
10 มม. สูงไม่เกิน 50 มม. ความหนาไม่น้อยกว่า 1.0 มม. ระยะห่างระหว่างโครง 0.60 x 0.60 หรือ 0.60 x 1.20 มิลลิเมตร
ระแนงหลังซ้อนทับ 4 นิ้ว ทําสีสาํ เร็จรูปจากโรงงานผูผ้ ลิต การดูดซึมนํ้าตํ่า ปลวกไม่กนิ ตรา winwood หรือ
peonek หรือ daiken
8.2 ตัวอย่างวัสดุ ผูร้ บั จ้างต้องจัดส่งตัวอย่างขนาด 11 มม. xความยาว 30 เซนติเมตร จํานวน 2 ชิน้ พร้อม
ตัวอย่างสี และแคทตาล๊อคสินค้า ให้คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาเห็นชอบก่อนดําเนินการ
8.3 โครงเคร่า ดูรายละเอียด และการติดตัง้ ในงานโครงเคร่าโลหะฝ้าเพดาน
8.4 ตัวอย่างวัสดุ ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทใ่ี ช้ แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง พร้อม แคทตาล๊อคสิน
ค้า และส่งให้ผอู้ อกแบบ เพื่อขอความเห็นชอบและตรวจสอบความต้องการของผู้ออกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้
งาน ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นทีจ่ าํ เป็ นต้องใช้ดว้ ย รวมทัง้ รายละเอียดประกอบ
ตัวอย่าง (MANUFACTURE APECIFICATION)
8.5 การติดตัง้ ใช้การติดตัง้ ยึดด้วยสกรูยงิ ฝ้าเกลียวปล่อย ขนาด 6 มม.กับโครงเคร่า โดยใช้การติดตัง้ แผ่นฝ้า
ระแนงซ้อนแผ่น เพื่อซ่อนสกรู ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาช่างทีม่ คี วามชํานาญและประสบการณ์ในการติดตัง้ ทุกส่วน
ทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้ระดับและเส้นแนวตรงหรือลวดลายได้ฉากมีความประณีตเรียบร้อย มันคงแข็ ่ งแรง ตามที่
ผูอ้ อกแบบกําหนดและกรรมวิธมี าตรฐานของบริษทั ฯผูผ้ ลิตก่อนการติดตัง้ ให้มกี ารประสานงานกับผูร้ บั จ้าง
หลัก เพื่อตรวจสอบบริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้องให้สมบูรณ์เรียบร้อยถ้ามีสงิ่ บกพร่องให้แก้ไขก่อนการ
ดําเนินงานติดตัง้
9. ฝ้ าเพดานแผ่นอะคูสติ กดูดซับเสียง ใยไม้สาเร็จรูป
9.1 วัสดุทใ่ี ช้ แผ่นอะคูสติกดูดซับเสียงใยไม้สสี าํ เร็จรูป รุ่น wood wool silk ceiling & panel ขนาดแผ่นรวม
600x600 หนา 15 มม. ความหนาแน่นไม่น้อยกว่า 8 กิโล/ตร.ม. ขอบบังใบ ผลิตจากใยไม้ละเอียด ทําสี
สําเร็จรูป ตรา Cello board , Daiken หรือ Valchromat
9.2 ตัวอย่างวัสดุ ผูร้ บั จ้างต้องจัดส่งตัวอย่างขนาด 20x20 เซนติเมตร จํานวน 2 แผ่น พร้อมแผ่นสี และแคทตาล๊อ
คสินค้า ให้คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาเห็นชอบก่อนดําเนินการ
9.3 โครงเคร่าโลหะ ชนิด T-BAR
9.4 ตัวอย่างวัสดุ ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทใ่ี ช้ แต่ละชนิดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง พร้อม แคทตาล๊อคสินค้า
และส่งให้ผอู้ อกแบบ เพื่อขอความเห็นชอบและตรวจสอบความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน
ตัวอย่างดังกล่าวให้รวมถึงวัสดุประกอบอย่างอื่นทีจ่ าํ เป็ นต้องใช้ดว้ ย รวมทัง้ รายละเอียดประกอบตัวอย่าง
(MANUFACTURE APECIFICATION)
9.5 การติดตัง้ ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาช่างทีม่ คี วามชํานาญและประสบการณ์ในการติดตัง้ ทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้
ระดับและเส้นแนวตรงหรือลวดลายได้ฉากมีความประณีตเรียบร้อย มันคงแข็ ่ งแรง ตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนด
และกรรมวิธมี าตรฐานของบริษทั ฯผูผ้ ลิตก่อนการติดตัง้ ให้มกี ารประสานงานกับผูร้ บั จ้างหลัก เพือ่ ตรวจสอบ
บริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้องให้สมบูรณ์เรียบร้อยถ้ามีสงิ่ บกพร่องให้แก้ไขก่อนการดําเนินงานติดตัง้
1) โครงเคร่าโลหะ T-BAR
จัดวางผังการติดตัง้ ตามแปลนพืน้ ที่ คํานวณระยะจากวางโครง เพื่อให้ได้ตามแบบและมีความประณีต
เรียบร้อย ตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนด
หาระดับทีต่ อ้ งการติดตัง้ ฝ้าเพดาน แล้วจึงยึดเคร่าริมรับแผ่นฝ้าเพดานกับผนังโดยรอบให้ได้ระดับตามที่
กําหนด
ยึดเหล็กฉากด้วยพุกเหล็กกับโครงสร้างบนของอาคารเว้นระยะห่างกัน 1.20 เมตร
ใช้สปริงและลวดระดับระหว่างเหล็กฉากกับโครงเคร่าผืน T-BAR และปรับให้ได้ระดับตามความต้องการ
โดยเคร่ายืนห่างกันระยะ 1.20 เมตร
กรณีหอ้ งเย็น
- ฝ้าเพดาน PUใช้ความหนา 4 นิ้ว
- ผนัง PU ใช้ความหนา 4 นิ้ว
กรณีหอ้ งปฏิบตั กิ ารทัวไป
่
- ฝ้าเพดาน PU ความหนา 2 นิ้ว
จบหมวดที่ 32
หมวดที่ 33
งานบันได
จบหมวดที่ 33
หมวดที่ 34
งานประตู – หน้ าต่าง
1. งานประตู-หน้าต่างไม้
1.1 ขอบเขตของงาน
1.1.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทม่ี คี ุณภาพ แรงงานทีม่ ฝี ีมอื และความชํานาญ ในการติดตัง้ งาน
ประตู-หน้าต่างไม้ ตามระบุในแบบและรายการประกอบแบบ พร้อมทําการทดสอบให้ใช้งานได้ดี
1.1.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดส่งชิน้ ส่วนตัวอย่างวัสดุบานประตู-หน้าต่างไม้ วงกบไม้ และอุปกรณ์ต่างๆ ให้ผู้
ควบคุมงานพิจารณาอนุมตั กิ ่อนการสังซื ่ อ้ หรือสังผลิ
่ ต
1.1.3 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทํา Shop drawing แสดงการติดตัง้ วงกบและบานประตู-หน้าต่างไม้ พร้อม
รายละเอียดต่างๆ ให้ผคู้ วบคุมงานพิจารณาอนุมตั กิ ่อนการติดตัง้
1.2 วัสดุ
1.2.1 วงกบไม้ทงั ้ หมดจะต้องมีขนาดและรูปร่างตามระบุในแบบ หากไม่ระบุในแบบ ให้ใช้ไม้เนื้อแข็ง ขนาด
50x100 มิลลิเมตร (2x4 นิ้ว) สําหรับห้องนํ้า ให้ใช้ขนาด 50x125 มิลลิเมตร (2x5 นิ้ว) และบานทีม่ มี งุ้ ลวดหรือบานเลื่อน ให้
ใช้ขนาด 50x150 มิลลิเมตร (2x6 นิ้ว)
วงกบประตูจะต้องมีบงั ใบสูง 10 มิลลิเมตร กว้างเท่ากับความหนาของบานประตู (35 มิลลิเมตร) หรือตามระบุในแบบ
สําหรับวงกบประตูภายนอกทีจ่ ะต้องกันฝนสาด ต้องมีขอบวงกบล่าง (ธรณีประตู) ฝงั เรียบเสมอผิวพืน้ ทีต่ กแต่งแล้ว และมี
บังใบสําหรับกันฝนสาดสูง 20 มิลลิเมตร หรือตามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
การเข้าไม้จะต้องให้ถูกตามหลักวิชาช่าง
1.2.2 บานกรอบประตูไม้ และบานกรอบหน้าต่างไม้ จะต้องประกอบขึน้ จากไม้เนื้อแข็ง เกรด A และจะต้อง
ประกอบมาจากโรงงานให้เรียบร้อย การบากและการเข้าไม้จะต้องแน่นสนิท และมีขนาดตามระบุในแบบ
1.2.3 ประตูไม้อดั ให้ใช้ประตูทไ่ี ด้มาตรฐานบานประตูแผ่นไม้ประกอบ (มอก.192-2549) ของไทยวนภัณฑ์
ไม้อดั ไทยบางนา หรือเทียบเท่า ห้ามใช้ประตูประกอบขึน้ เอง เว้นแต่เป็ นขนาดทีไ่ ม่มใี นท้องตลาด โดยได้รบั การอนุมตั จิ าก
ผูค้ วบคุมงานก่อน ประตูทุกบานจะต้องมีความหนา 35 มิลลิเมตร ประตูไม้อดั ทัง้ หมดทัง้ ภายใน ภายนอก และประตู
ห้องนํ้า ให้ใช้ประตูไม้อดั ชนิดภายนอก (Exterior doors)
1.2.4 หากระบุให้ตดิ มุง้ ลวด ให้ตดิ ตัง้ มุง้ ลวดอย่างดีสดี าํ หรือตามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ กรอบประตู
ไม้เนื้อแข็งขนาด 37.5x125 มิลลิเมตร (1 - 1/2x5 นิ้ว) หรือกรอบหน้าต่างไม้เนื้อแข็งสักขนาด 37.5x100 มิลลิเมตร (1
1/2x4 นิ้ว) หรือตามระบุในแบบ การติดตัง้ มุง้ ลวดต้องขึงให้ตงึ ได้ระดับและได้แนว ยึดให้ตดิ กับกรอบบานไม้อย่างเรียบร้อย
แข็งแรง ทัง้ สีด่ า้ น
1.3 การขนส่ง การเก็บและการรักษา
ประตู-หน้าต่างไม้และวงกบไม้ จะต้องส่งมายังสถานทีก่ ่อสร้างในสภาพแห้ง และต้องเก็บให้คงสภาพแห้งอยู่เสมอ
การขนย้ายต้องทําด้วยความระมัดระวังทัง้ ระหว่างการขนส่งและทัง้ ในสถานทีก่ ่อสร้าง จะต้องเก็บกองไว้ในลักษณะทีป่ ระตู
ไม้และวงกบไม้ ไม่บดิ เบีย้ ว แตกหัก หรือเสียหายใดๆ การเก็บวางบานประตู-หน้าต่างและวงกบไม้ไว้ในสถานทีก่ ่อสร้าง
ต้องวางในทางตัง้ และเก็บไม้ไว้ในทีแ่ ห้ง มีสงิ่ ปกคลุม ไม่มคี วามชื้น ไม่มนี ้ํารัวซึ ่ ม และไม่มฝี นสาดเข้ามา หากปรากฏ
ภายหลังว่างานประตู-หน้าต่างไม้บดิ เบีย้ ว ยืด และหดตัว หรือเกิดความเสียหายใดๆ ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการแก้ไขหรือ
เปลีย่ นใหม่ทนั ที โดยค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็ นของผูร้ บั จ้างทัง้ สิน้
1.4 การติดตัง้
1.4.1 การติดตัง้ วงกบไม้
ไม้วงกบทีน่ ําเข้ามาในหน่วยงานจะต้องทาหนึ่งครัง้ ด้วยแชล็คขาวโดยรอบวงกบ เพื่อป้องกันนํ้าปูนซึม เข้าไปในเนื้อ
ไม้ ขณะเทเสาเอ็น และคานทับหลัง วงกบไม้ดา้ นนอกโดยรอบทีจ่ ะติดกับเสาเอ็นหรือคานทับหลัง ต้องเซาะร่องขนาดกว้าง
ไม่น้อยกว่า 20 มิลลิเมตร ลึก 10 มิลลิเมตร และต้องทําการติดตัง้ วงกบไม้ก่อนเทเสาเอ็นและคานทับหลัง เพื่อให้วงกบไม้
ยึดแน่นกับเอ็นและคานทับหลัง ค.ส.ล. โดยจะต้องมีการคํ้า หรือยึดตรึงวงกบไม้ให้ดดี ว้ ยวิธที เ่ี หมาะสมตามความเห็นชอบ
ของผูค้ วบคุมงาน เพื่อป้องกันวงกบไม้คดโก่ง ยกเว้นคานทับหลังใต้วงกบหน้าต่าง หรือช่องแสง หรือกรณีพเิ ศษตามความ
เห็นชอบของผูค้ วบคุมงาน ให้เทก่อนติดตัง้ วงกบได้ โดยฝงั พุกไม้ไว้ขณะเททุกระยะไม่เกิน 500 มิลลิเมตร แล้วติดตัง้ ด้วย
วิธที เ่ี หมาะสม โดยวงกบไม่เสียหายส่วนของวงกบไม้ทต่ี ดิ กับผนังฉาบปูน จะต้องเซาะร่องผนังปูนฉาบโดยรอบวงกบกว้าง 5
มิลลิเมตร ลึก 3 มิลลิเมตร ทัง้ ภายนอกและภายใน
1.4.2 บานประตู-หน้าต่างไม้และอุปกรณ์
(1) ก่อนการติดตัง้ ผูร้ บั จ้างจะต้องตรวจดูความถูกต้องของวงกบเสียก่อน ถ้าเกิดการคดโก่งของวงกบ หรือการชํารุด
อื่นๆ ซึง่ อาจเป็ นผลเสียหายต่อบานประตู-หน้าต่างภายหลัง ผูร้ บั จ้างต้องทําการแก้ไขให้เรียบร้อย โดยได้รบั การ
พิจารณาอนุมตั จิ ากผูค้ วบคุมงานก่อน จึงทําการติดตัง้ บานประตู-หน้าต่างได้
(2) การติดตัง้ บาน อาจต้องมีการตัดแต่งบ้างเล็กน้อยเพื่อให้พอดีกบั วงกบ เพื่อความสะดวกในการปิดเปิ ด และ
สอดคล้องกับการทํางานของช่างสี ผูร้ บั จ้างจะต้องติดตัง้ และปรับบานด้วยความระมัดระวัง โดยมีช่องว่างโดยรอบ
บาน ห่างจากวงกบประมาณด้านละ 2 มิลลิเมตร
(3) การติดตัง้ อุปกรณ์ เช่น บานพับ กุญแจ ลูกบิด ฯลฯ ผูร้ บั จ้างจะต้องใช้เครื่องมือทีเ่ หมาะสม โดยกําหนดจุดทีจ่ ะเจาะ
ก่อน แล้วจึงทําการเจาะ เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดหลังจากการติดตัง้ อุปกรณ์ต่างๆ และได้ทดสอบการใช้งานได้ดี
แล้ว ให้ถอดอุปกรณ์ต่างๆ ออกให้หมด (ยกเว้นบานพับ) แล้วนําเก็บลงในกล่องบรรจุเดิมให้เรียบร้อย เพื่อให้ช่าง
ทาสีทาํ งานได้โดยสะดวก และเมื่องานทาสีบาน และวงกบเสร็จเรียบร้อยและแห้งสนิทแล้ว จึงทําการติดตัง้ อุปกรณ์
เหล่านัน้ ใหม่และทดสอบจนใช้งานได้ดอี ุปกรณ์ต่างๆ ถ้าปรากฏเป็ นรอยอันเนื่องมาจากการติดตัง้ หรือจากการขนส่ง
งานทาสี เป็ นสนิมมีรอยด่าง หรืออื่นๆ ผูร้ บั จ้างจะต้องแก้ไข หรือเปลีย่ นให้ใหม่ทนั ที โดยค่าใช้จา่ ยต่างๆ เป็ นของผู้
รับจ้างทัง้ สิน้
1.5 การทาสีและการบํารุงรักษา
วงกบไม้ บานประตูไม้ บานหน้าต่างไม้ทงั ้ หมดทัง้ ภายนอกและภายใน ให้ทาย้อมเนื้อไม้ตามระบุในหัวข้องานทาสี
นอกจากระบุเป็ นอย่างอื่นในแบบ หรือตามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ และเมื่อทาสีเสร็จแล้ว ผูร้ บั จ้างจะต้องทดลองเปิ ด -
ปิ ดบานประตูและใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ จนสามารถใช้งานได้ดี ก่อนส่งมอบงาน
2. งานอุปกรณ์ ประตู-หน้าต่างไม้
2.1 ขอบเขตของงาน
2.1.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทม่ี คี ุณภาพ แรงงานทีม่ ฝี ีมอื และความชํานาญ มีระบบควบคุม
คุณภาพทีด่ ใี นการติดตัง้ อุปกรณ์ประตู-หน้าต่าง (Hardware) ตามทีไ่ ด้ระบุไว้ในแบบและรายการประกอบแบบ รวมทัง้ การ
ทดสอบให้ใช้งานได้ดี
2.1.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดส่งตัวอย่างอุปกรณ์ประตู-หน้าต่างทัง้ หมดไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง พร้อม
รายละเอียดให้ผคู้ วบคุมงาน เพือ่ พิจารณาอนุมตั กิ ่อนการสังซื่ อ้
2.1.3 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทํา Shop drawing แสดงระยะ ตําแหน่ง การติดตัง้ ของ Hardware ทุกชนิด แสดง
ทิศทางการเปิ ดของประตู รายละเอียดของกุญแจ โดยระบุการใช้งาน (Function) เพื่อให้เหมาะสมกับประตูหอ้ งต่าง ๆ ตาม
3. งานประตูพวี ซี ี
ผลิตด้วยพีวซี คี ุณภาพสูงขึน้ รูปเคลือบผิวด้วยเทอร์โมพลาสติกยูรเี ทน ใช้ผลิตภัณฑ์ของ BATHIC, POLYWIN,
CHAMP หรือคุณภาพเทียบเท่า
3.1 งานประตู-หน้าต่างไวนิล ผลิตจากโพลิเมอร์สงั เคราะห์คุณภาพสูงใช้ผลิตภัณฑ์ของ WNSER จากบริษทั นว
พลาสติก หรือคุณภาพเทียบเท่า
4. งานประตู-หน้าต่างอลูมเิ นียม
4.1 วงกบและกรอบบาน
4.1.1 ขอบเขตของงาน
(1) ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหา วัสดุอุปกรณ์ทม่ี คี ุณภาพ แรงงานทีม่ ฝี ีมอื และความชํานาญ มีระบบควบคุมคุณภาพทีด่ ี ในการ
ติดตัง้ งานประตู-หน้าต่าง ตามระบุในแบบและรายการประกอบแบบ พร้อมการทดสอบ
(2) ผูร้ บั จ้างติดตัง้ งานอลูมเิ นียม จะต้องเป็ นบริษทั ทีม่ เี ครื่องมือทีท่ นั สมัย และมีช่างทีม่ ฝี ีมอื และความชํานาญ มีระบบ
ควบคุมคุณภาพทีด่ ี มีประวัตแิ ละผลงานการติดตัง้ ทีด่ ี โดยเสนอผูค้ วบคุมงานพิจารณาอนุม ตั กิ ่อนทีผ่ รู้ บั จ้างจะว่าจ้าง
ให้เป็ นผูต้ ดิ ตัง้
(3) ผูร้ บั จ้างจะต้องคํานวณแรงลมตามกฎหมาย จัดหาวัสดุซง่ึ มีหน้าตัดและความหนาทีเ่ หมาะสมและแข็งแรง และ
สามารถป้องกันการรัวซึ ่ มของนํ้าฝนได้เป็ นอย่างดี โดยเสนอผูค้ วบคุมงานพิจารณาอนุมตั กิ ่อนการสังซื ่ อ้
(4) ผูร้ บั จ้างจะต้องวัดขนาดทีแ่ น่นอนของประตู-หน้าต่างจากสถานทีก่ ่อสร้างจริงทันทีทส่ี ามารถจัดทําได้และจัดทํา
Shop drawing พร้อมรายละเอียดต่าง ๆ ให้ผคู้ วบคุมงานพิจารณาอนุมตั กิ ่อนการประกอบและติดตัง้
4.1.2 วัสดุอลูมเิ นียม จะต้องมีคุณสมบัตดิ งั นี้
(1) เนื้อและผิวอลูมเิ นียม (ALUMINIUM EXTRUSION) ต้องเป็ นไปตามมาตรฐานอะลูมเิ นียมเจือหน้าตัดรูปต่างๆ
(มอก.284-2530) ชนิด 6063 ภาวะประสงค์ T5 หรือ 50S-T5 โดยมี ULTIMATE TENSILE STRENGTH ไม่น้อย
กว่า 22,000 PSI การเคลือบผิวอลูมเิ นียมจะต้องเป็ นสี NATURAL ANODIZED Na-1 หรือ ANOLOK ตามทีร่ ะบุใน
แบบโดยมีความหนาของ ANODIC FILM ไม่ต่ํากว่า 0.0006 นิ้ว หรือ 15 MICRON (Allowable Tolerance ±2
Micron) และจะต้องมีหนังสือรับรองความหนาของ Anodic Film และระบบชุบเป็ นลายลักษณ์อกั ษรจากโรงงาน
ผูผ้ ลิต สําหรับสีของแผ่นอลูมเิ นียมให้ใช้ชนิด FLUOROCABONผลิตจากโรงงานทีไ่ ด้มาตรฐาน ISO 9001
ผลิตภัณฑ์ของ TOSTEM THAI CO.,LTD. , ผลิตภัณฑ์ของเอ็ม ที อลูเม็ท เมืองทองอุตสาหกรรมอาลูมเิ นียม
มหานครมิทอล ไทยเม็ททอลวินเซท อลูมเิ นียม หรือเทียบเท่า
(2) ขนาดหน้าตัดอลูมเิ นียม ถ้าในแบบมิได้ระบุไว้เป็ นอย่างอื่น จะต้องมีความหนาของส่วนโครงสร้างดังนี้ (Allowable
Tolerance ตามมาตรฐานการรีดโลหะสากล)
- ชิน้ ส่วนหลัก ได้แก่ วงกบ และกรอบบาน หนาไม่น้อยกว่า 1.8 มิลลิเมตร
- ชิน้ ส่วนประกอบส่วนทีเ่ หลือทัง้ หมด หนาไม่น้อยกว่า 1.2 มิลลิเมตร
(3) แถบยางกันซึม (WEATHER SEAL GASKET)
ยางอัดกระจกให้ใช้ชนิด NEOPRENE ส่วนชนิด EPDM สีดาํ สามารถใช้ได้กบั ส่วนทีไ่ ม่ถูกแสงแดด โดยมีความ
ยืดหยุ่น 40 (± 5) DUROMETREตาม ASTM C509-7
(4) แถบใยกันซึมกัน้ อากาศ (PILE WEATHERSEAL)
สําหรับบานกระทุง้ หรือบานเปิ ดชนกับวงกบหรือชนกับบานอื่นให้ใส่ BULB SEAL ชนิด NEOPRENE ส่วนบาน
เลื่อนหรือบานสวิงทีเ่ สียดสีกบั วงกบหรือบานอื่นตามแนวตัง้ ให้ใส่สกั หลาด (WOVEN POLY) ความยาวของใยทีใ่ ช้
ต้องมากกว่าช่องห่าง 15% โดยตลอดแนว
(5) วัสดุยาแนวรอยต่อและกันซึม (JOINT SEALANT)
รอยต่อรอบวงกบทัง้ ภายนอกและภายในส่วนทีต่ ดิ แนบกับปูน คอนกรีต ไม้ หรือวัสดุอ่นื ใดให้ใช้ SILICONE
EALANT ส่วนรอยต่อระหว่างกระจกและอลูมเิ นียมในส่วนทีจ่ ะต้องรับแรงลมให้ใช้ STRUCTURAL SILICONE
SEALANT และส่วนทีส่ มั ผัสแสงแดดจะต้องเป็ น SILICONE ชนิดทนรังสี UV ทัง้ หมด
(6) แหวนรอง สกรู หมุดยํ้า ฉากยึด (FIXING BRACKET)
ส่วนทีอ่ ยู่ภายนอกอาคารให้ใช้ STAINLESS STEEL NO.304 ส่วนทีอ่ ยู่ภายในอนุญาตให้ใช้เหล็กกล้าเคลือบ
สังกะสี (ZINC COATING) ด้วยกรรมวิธี (HOT DIPPED GALVANIZED STEEL) หรือ CAD PLATED ตาม
มาตรฐาน ASTM A-123 พุกพลาสติกทําด้วย NYLON ระยะยึดห่างกันไม่เกิน 50 เซนติเมตร สีเดียวกันกับสีของ
อลูมเิ นียมการยาแนวรอยต่อต่างๆ จะต้องทําด้วยฝีมอื ประณีตและสวยงามทัง้ ภายนอกและภายใน
(7) แบบและเอกสารพิจารณา ให้ผรู้ บั จ้างนําส่งเอกสารดังนี้
(1) รายชื่อบริษทั ผูผ้ ลิตและติดตัง้ งานระบบประตู-หน้าต่าง อลูมเิ นียม พร้อมทัง้ รายละเอียดของบริษทั ดังนี้
(1.1) ผลงานการติดตัง้ ประตู-หน้าต่าง อลูมเิ นียม อย่างน้อย 2 โครงการ โครงการละไม่ต่ากว่า 50 ล้านบาท
และจะต้องมีหนังสือรับรองผลงานจากเจ้าของโครงการ
(1.2) บุคลากรทีจ่ ะทํางานโครงการ
(1.3) เครื่องมือ และเครื่องจักรทํางาน
(1.4) แผนการติดตัง้ ประตู-หน้าต่าง อลูมเิ นียม
(2) แบบประกอบการพิจารณา
(2.1) แบบรายละเอียดประตู-หน้าต่างทัวไป่
(2.2) แบบรายละเอียดสําหรับแบบประกอบการเสนอราคาดังกล่าวข้างต้นนัน้ จะต้องแสดงรายละเอียดของ
ขนาด Section การยึด (Fixing) ระบบกันนํ้า โดยละเอียด
(3) รายการคานวณขนาด Section
4.1.3 การติดตัง้
(1) การประกอบประตู-หน้าต่างอลูมเิ นียม จะต้องติดตัง้ ตามแบบและรายละเอียดทีไ่ ด้รบั อนุมตั ดิ ว้ ยฝีมอื ประณีต
(2) การเคลื่อนย้ายประตู-หน้าต่างอลูมเิ นียมระหว่างการขนส่งและในสถานทีก่ ่อสร้าง ต้องกระทําด้วยความระมัดระวัง
ต้องห่อหุม้ ให้เรียบร้อย การวางพิงหรือเก็บกอง ต้องมีค้าํ ยัน หรือวัสดุรองรับทีเ่ หมาะสม ต้องมีหลังคาคลุม และไม่
โดนนํ้าหรือฝนสาด กุญแจ มือจับและอุปกรณ์อ่นื ๆ ต้องห่อหุม้ ไว้เพื่อป้องกันความเสียหายจนกว่าจะส่งมอบงาน
หากเกิดความเสียหายใด ๆ ผูร้ บั จ้างต้องแก้ไข หรือเปลีย่ นให้ใหม่ทนั ที โดยค่าใช้จ่ายของผูร้ บั จ้าง
(3) การติดตัง้ ประตู-หน้าต่างอลูมเิ นียม จะต้องติดตัง้ ให้ถูกต้องครบถ้วนตามช่องเปิ ดทีเ่ ตรียมไว้ และต้องรับผิดชอบใน
การตรวจสอบและประสานงานการปรับระดับเสาเอ็นและคานทับหลังโดยรอบช่องวงกบ เพื่อให้วงกบขนานกับผิว
ของเสาเอ็นและคานทับหลัง และมีระยะเว้นโดยรอบด้านละประมาณ 5 มิลลิเมตร ได้ดงิ่ และได้ฉากทุกมุม
(4) การยึดวงกบอลูมเิ นียมกับโครงสร้าง หรือเสาเอ็นและคานทับหลัง ให้ตดิ ตัง้ ชิน้ ส่วนสําหรับยึดไว้อย่างมันคงก่
่ อน การ
ยึดจะต้องเว้นช่วงห่างไม่เกิน 500 มิลลิเมตร การยึดวงกบทุกจุดทุกด้าน จะต้องมันคงแข็ ่ งแรง
5. ประตูกระจกบานเปลือย
5.1 ขอบเขตของงาน
งานในส่วนนี้ประกอบด้วยการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ และติดตัง้ บานประตูกระจก รวมถึงการติดตัง้ อุปกรณ์และงานอื่นๆ
ทีเ่ กีย่ วข้องกับงานนี้เสร็จเรียบร้อยตามแบบและรายการก่อสร้าง ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่มขี อ้ บกพร่องและป้องกัน
ดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพดีจนส่งงานงวดสุดท้าย
5.2 วัสดุ
5.2.1 ให้ใช้กระจกชนิด TEMPERED ขนาดความหนาหากมิได้ระบุในแบบก่อสร้างไว้เป็ นอย่างอื่น ให้ใช้
ขนาดหนา 12 มม. สําหรับบานขนาดไม่เกิน 1.50 x 2.50 ม. ส่วนบานทีข่ นาดใหญ่กว่านี้ให้ผผู้ ลิตเสนอความหนาพร้อม
รายการคํานวณ และหนังสือรับรองความแข็งแรงลงนามโดยผูม้ อี าํ นาจของผูผ้ ลิตและวิศวกรผูค้ าํ นวณ
5.2.2 หากมิได้ระบุในแบบไว้เป็ นอย่างอื่น ให้ใช้เป็ นบานเปลือยชนิดไม่มกี รอบบานทัง้ 4 ด้าน
5.2.3 มาตรฐานอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับรายการในหัวข้อกระจก
5.3 อุปกรณ์
5.3.1 บานพับสปริง สําหรับบานกระจกเปลือย (FLOOR SPRING) หากมิได้ระบุไว้ในแบบก่อสร้างให้ใช้
ั
ชนิดฝงซ่อนเรียบเสมอในพืน้ แบบ DOUBLE ACTION เปิ ดค้าง 90ºให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ DORMA BTS 75 หรือ WINMA
200 หรือ VVPหรือสกุลไทย ยูไนเต็ด หรือเทียบเท่า
5.3.2 อุปกรณ์บานเปลือยอื่น ๆ ได้แก่ อุปกรณ์ยดึ ล่าง อุปกรณ์ยดึ บน อุปกรณ์ยดึ ข้าง อุปกรณ์ยดึ ช่องแสง
หรืออุปกรณ์อ่นื ๆ ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ WINMA หรือ VVPหรือสกุลไทย ยูไนเต็ด หรือเทียบเท่า
5.3.3 กุญแจกระจกเปลือย หากในแบบก่อสร้างไม่ได้ระบุให้ใช้อุปกรณ์ชนิดอื่นหรือแบบมิได้ระบุว่าไม่ตอ้ ง
ติดตัง้ ให้ถอื ว่าต้องติดตัง้ กุญแจบานเปลือยชนิดมีกุญแจเปิ ดทีบ่ านเปิ ดทุกบาน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ DORMA หรือ
WINMA หรือ VVPหรือสกุลไทย ยูไนเต็ด หรือเทียบเท่า
6. งานประตูบานม้วน (SHUTTER)
6.1 วัสดุ
6.1.1 ประตูเหล็กม้วนทึบใช้เหล็กลอนเดีย่ วเบอร์ 22 ชุบสี (สีตามสถาปนิกผูอ้ อกแบบกําหนด)
6.1.2 ประตูเหล็กโปร่งใช้ลายตาข่าย พร้อมอุปกรณ์ครบชุดสามารถเลื่อนปิ ดเปิ ดทางตัง้ ขึน้ ไปซ่อนไว้ใน
กล่องตอนบน ขอบบนมีเหล็กฉากและปุม่ ยางกันกระแทก ขอบล่างประตูมที ใ่ี ส่กุญแจล๊อคกลอนติดราง 2 ข้าง พร้อมทีใ่ ส่
กุญแจแบบคล้องยึดติดพืน้ รางเหล็กข้าง เชื่อมแนบติดเหล็กในเสาอย่างมันคงแข็
่ งแรง
6.1.3 ระบบมือดึง ใช้สาํ หรับประตูทม่ี คี วามกว้างไม่เกิน 4.00 เมตร สูงไม่เกิน 3.00 เมตร หรือไม่ควรมี
นํ้าหนัก เกิน 120 กิโลกรัม ถ้าเกินกว่านี้ให้เสริมเสากลาง หรือใช้ระบบอื่น
6.1.4 ระบบมือหมุนใช้สาํ หรับประตูทม่ี คี วามกว้างไม่เกิน 6.00 เมตร สูงไม่เกิน 4.00 เมตร หรือไม่ควรมี
นํ้าหนัก เกิน 400 กิโลกรัม
6.1.5 ระบบโซ่ ใช้สาํ หรับประตูทม่ี คี วามกว้างไม่เกิน 7.00 เมตร สูงไม่เกิน 4.00 เมตร หรือไม่ควรมีน้ําหนัก
เกิน 650 กิโลกรัม
6.1.6 ระบบไฟฟ้า ใช้สาํ หรับประตูทม่ี คี วามกว้างไม่เกิน 10.00 เมตร สูงไม่เกิน 5.00 เมตร หรือไม่ควรมี
นํ้าหนักเกิน 750 กิโลกรัม
6.2 ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาวัสดุทจ่ี ะใช้แต่ละชนิด ไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง พร้อมทัง้ ทํา SHOP DRAWING เพื่อขอความ
เห็นชอบ และตรวจสอบ ตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปติดตัง้ เช่น
6.2.1 ตัวอย่างของประตูทจ่ี ะนําไปใช้งานก่อสร้าง และรวมถึงสีและ FINISHING
6.2.2 รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE’S SPECIFICATIONS) แสดงถึงการทดสอบ
คุณภาพของประตูและส่วนต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง
6.2.3 ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาอุปกรณ์ (HARDWARE) ทีจ่ ะใช้มาช่วย เพื่อพิจารณาประกอบการติดตัง้ และได้รบั
ความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบ
6.3 การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาช่างฝีมอื ทีด่ มี คี วามชํานาญในการติดตัง้ ให้เป็นไปตามรายละเอียดของ SHOP DRAWING และได้
มาตรฐานทางวิชาการก่อสร้างทีด่ ี
6.3.1 ผูร้ บั จ้างต้องตรวจสอบสถานทีท่ ม่ี กี ารติดตัง้ ให้สมบูรณ์เรียบร้อย ถ้ามีขอ้ บกพร่องต่าง ๆ ให้แก้ไขให้
ถูกต้องก่อนการติดตัง้
6.3.2 การติดตัง้ ต้องมีความมันคงแข็่ งแรง เปิ ด-ปิ ด ได้สะดวก เมื่อปิ ดจะต้องมีขอยึดหรือุปกรณ์รองรับ มิให้
เกิดความเสียหายกับประตูหรือผนัง
6.3.3 การติดตัง้ รางรับประตู จะต้องได้ดงิ่ และฉากถูกต้องตามหลักวิชาช่างทีด่ ี การยึดทุกจุดต้องมันคง ่
แข็งแรง
6.3.4 การปรับระดับภายหลังการติดตัง้ ประตูแล้ว อุปกรณ์ทงั ้ หลายต้องได้รบั การปรับให้อยูใ่ นลักษณะทีเ่ ปิ ด
ปิ ด ได้สะดวก
6.3.5 ช่องเปิ ดสําหรับการติดตัง้ ผูร้ บั จ้างต้องไม่พยายามใส่บานประตูเข้ากับช่องเปิ ดทีไ่ ม่ได้ฉาก หรือขนาด
เล็กเกินไป ช่องเปิ ดต้องมีระยะเว้นเพื่อการติดตัง้ โดยรอบประมาณด้านละ 10 มิลลิเมตร เป็ นอย่างน้อย
6.3.6 การทําสีตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดแผ่นประตูและรางรับประตู จะต้องขัดให้ผวิ เรียบทําความสะอาดให้
เรียบร้อย ไม่มฝี นุ่ คราบนํ้ามันใด ๆ แล้วพ่นสีกนั สนิมอย่างน้อย 2 ครัง้ หรือตามมาตรฐานผูผ้ ลิตสีกนั สนิมแล้วพ่นทับหน้า
ด้วยสีน้ํามันอย่างน้อย 2 ครัง้ หรือโดยมีความสวยงามประณีตเรียบร้อย
6.4 การทําความสะอาด
ผูร้ บั จ้างต้องทําความสะอาดในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องให้เรียบร้อย ผิวส่วนทีเ่ ป็ นเหล็กของประตูทุกด้านให้สะอาด ปราศจาก
คราบนํ้าปูน รอยขีดข่วน หรือตําหนิต่าง ๆ ก่อนขอความเห็นชอบในการตรวจสอบจากผูอ้ อกแบบ
6.5 การรับประกันผลงาน
7. ประตูเหล็กทนไฟ
7.1 ขอบเขตเขตของงาน
งานในส่วนนี้ประกอบด้วยการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ และติดตัง้ วงกบ บานประตู กระจกช่องมอง อุปกรณ์กนั ควัน
ตัวอย่าง รวมถึงการติดตัง้ อุปกรณ์และงานอื่น ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับงานนี้เสร็จเรียบร้อยตามแบบและรายการก่อสร้าง ใช้งานได้
อย่างมีประสิทธิภาพตลอดจนทําความสะอาดดูแลรักษาให้อยูใ่ นสภาพดีจนส่งมอบงานงวดสุดท้าย
7.2 วัสดุประตูทนไฟ
7.2.1 สามารถต้านทานและป้องกันการแผ่กระจายความร้อน และควันจากเพลิงไหม้อาคาร
7.2.2 ทิศทางการเปิ ดผลักให้ดจู ากแบบ และข้อกําหนดในรายการนี้ร่วมกัน หากมีขอ้ ขัดแย้งให้เสนอ
สถาปนิกชีข้ าดเป็ นลายลักษณ์อกั ษรก่อนลงมือก่อสร้าง
7.2.3 บานประตูพบั ขึน้ รูปด้วยแผ่นเหล็กหนาไม่น้อยกว่า 1.5 มม. ชนิด ELECTRO ZINC COATED
STEEL เชื่อมหรืออ๊อกด้วยระบบ SPOT WELD ยืดหดตัวได้เมือ่ ถูกความร้อน แต่จะต้องไม่เห็นรอยเชื่อมจากภายนอกบาน
7.2.4 ภายในต้องมีระบบกันไฟด้วยระบบรังผึง้ (HONEY COMB) หรือฉนวนกันความร้อนใยหิน (ROCK
WOOL) หรือระบบอื่นทีม่ คี ุณสมบัตปิ ้ องกันไฟ ความร้อนทีเ่ ทียบเท่ากัน
7.2.5 สามารถทนไฟได้นานอย่างน้อย 2 ชัวโมง ่ ยกเว้นบานประตูหอ้ ง MAINFRAME COMPUTER
จะต้องเป็ นบานพิเศษทนไฟได้ 4 ชัวโมง ่
7.2.6 หากแบบไม่ได้กาํ หนดไว้เป็ นอย่างอื่น ขนาดช่องประตูกว้าง 0.90 ม. สูง 2.00 ม. หรือตามมาตรฐาน
ผูผ้ ลิต
7.2.7 บานประตูหนาไม่น้อยกว่า 44 มม.
7.2.8 วงกบทําด้วยเหล็กทัง้ 4 ด้าน รอบบาน
7.2.9 มีแถบ NEOPRENE ปิ ดรอบวงกบเพื่อกันควันเวลาเกิดเพลิงไหม้ หรือติดตัง้ อุปกรณ์อ่นื ทีใ่ ช้งานได้
เทียบเท่ากันโดยต้องเสนอสถาปนิกอนุมตั ิ
7.2.10 ประตูพ่นและอบแห้งด้วยสี PRIMER หรือ EPOXY โทนสีทบั หน้าจะกําหนดระหว่างก่อสร้าง
7.2.11 ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ MARTIN ROBERTS หรือ SCL หรือ FEDERALS หรือ CHUBB หรือเทียบเท่า
7.2.12 จะต้องมีช่องมองขนาดกว้าง 0.20 ม. สูง 0.80 ม. กระจกช่องมองต้องเป็ นกระจกกันไฟได้โดยไม่ทาํ
ให้คุณสมบัตโิ ปร่งใสมองทะลุได้เสียไปเมื่อถูกไฟ มีคว้ิ ยึดกระจกซึง่ สามารถกันไฟและควันได้
7.3 อุปกรณ์
7.3.1 ประตูกนั ไฟบานทัวไป่ ด้านในตัวอาคารมีคานผลักเปิ ดสลักประตู (PANIC DEVICE) ออกสูบ่ นั ไดหนี
ไฟ ส่วนด้านบันไดหนีไฟมีลกู บิดหรือแขนมือจับหมุนเปิ ดเข้ากลับในอาคาร
7.3.2 ประตูกนั ไฟบานเปิ ดออกดาดฟ้า ด้านบันไดหนีไฟมีคานผลักเปิ ดสลักประตูออกสูด่ าดฟ้าภายนอก
ส่วนด้านดาดฟ้ามีลกู บิดหรือแขนมือจับหมุนเปิ ดเข้ากลับในบันไดหนีไฟ
7.3.3 ประตูกนั ไฟบานเปิ ดออกภายนอกอาคารบริเวณระดับพืน้ ดิน หรือระดับทีส่ ามารถหนีไปสูร่ ะดับ
พืน้ ดินได้ ด้านบันไดหนีไฟมีคานผลักเปิ ดสลักประตูออกสูภ่ ายนอกอาคาร ส่วนด้านภายนอกอาคารมีลกู บิดหรือแขนมือจับ
หมุนเปิ ดเข้ากลับในบันไดหนีไฟ
7.3.4 คานผลักเปิ ดประตู หากแบบมิได้กาํ หนดเอาไว้ ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ BRITON 378 หรือ MONARCH
F18 หรือ VONDUPRIN 22 K-F หรือเทียบเท่า
7.3.5 บานพับโลหะ หากแบบมิได้กาํ หนดเอาไว้ ให้ใช้แบบ HEAVY DUTY HINGE ติดตัง้ กับบานและวง
กบด้วยระบบสกรู
7.3.6 อุปกรณ์ปิดบานอัตโนมัติ หากแบบมิได้กาํ หนดเอาไว้ ให้ใช้ชนิดเปิ ดค้างไม่ได้ มี DELAY ACTION
ใช้ผลิตภัณฑ์ของ BRITON หรือ GEZE TS 4000 หรือเทียบเท่า
7.4 ตัวอย่างและการติดตัง้
7.4.1 แบบขยายรายละเอียด SHOP DRAWINGS แสดงการประกอบติดตัง้
ผูร้ บั จ้างจะต้องเสนอ SHOP DRAWINGS ของการประกอบติดตัง้ ประตู ให้ผคู้ วบคุมงานและสถาปนิกตรวจแก้ไขให้
ถูกต้องก่อนลงมือประกอบการติดตัง้ แบบประกอบการติดตัง้ จะต้องเสนอรายละเอียดการ ติดตัง้ (FIXING) การกันนํ้า
(WATER TIGHT) การกันควัน และต้องแสดงระยะต่าง ๆ ตลอดจนความคลาดเคลื่อน (TOLERANCE) โดยละเอียดให้
ถูกต้องตามแบบงานสถาปตยกรรม ั
7.4.2 ตัวอย่าง
ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งแคตตาล็อคตัวอย่างวัสดุอุปกรณ์ต่อไปนี้จาํ นวน 2 ชุด ให้สถาปนิกอนุมตั กิ ่อนดําเนินการ
- วงกบและกรอบบานโลหะทุกชนิดของประตูหน้าต่างแสดงให้เห็นทุกจุดเช่น วงกบบน วงกบล่าง และอื่น ๆ แสดงยึด
ติดเป็ นชุดเข้ากับผนังโดยรอบ พร้อมวัสดุประกอบต่าง ๆ เช่น การกันควัน
- กระจกช่องมอง
- อุปกรณ์ประตูทุกชนิด
7.4.3 การตรวจสอบ ก่อนจะลงมือติดตัง้ ประตูหน้าต่างผูร้ บั จ้างจะต้องติดตัง้ ตัวอย่างพร้อมกระจก ลงใน
สถานทีจ่ ริงเพื่อให้สถาปนิกตรวจสอบและใช้เป็ นตัวอย่างมาตรฐาน
7.4.4 การขนส่งและเก็บรักษา การขนส่งอย่าให้ตก หล่นหรือโยน ให้เคลื่อนย้ายด้วยความระมัดระวัง โดยมิ
ให้มคี วามเสียหายหรือมีตําหนิเกิดขึน้ วัสดุต่าง ๆ จะต้องเก็บไว้ในทีร่ ่ม ไม่เปี ยกชืน้ และจะต้องระมัดระวังรักษาให้อยู่ใน
สภาพเรียบร้อย
7.4.5 การติดตัง้ ประตูเหล็กกันไฟต้องถูกต้องตามมาตรฐานของผูผ้ ลิต ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาช่างทีช่ าํ นาญ
งานในด้านนี้มาทําการติดตัง้ วงกบ ตัวบาน การติดตัง้ จะต้องให้ได้ดงิ่ ได้ฉากระดับและแนวตามแบบและตามคําแนะนําของ
โรงงานผูผ้ ลิต การยึดจับกับผนังหรือวัสดุอ่นื ต้องแข็งแรง เมื่อติดตัง้ เสร็จแล้วสิง่ ทีย่ ดึ จับเพื่อช่วยในการติดตัง้ และไม่
จําเป็ นต้องตัดออกและจะต้องตกแต่งให้เรียบร้อย การติดตัง้ วงกบโลหะกับผนังอิฐหรือคอนกรีตจะต้องจัดหาวัสดุยดึ ให้มี
ขนาดทีเ่ หมาะสมเพื่อความมันคงแข็ ่ งแรง หรือตามทีร่ ะบุไว้ในแบบ หลังจากการติดตัง้ กรอบบานและบานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผูร้ บั จ้างจะต้องปรับบานและอุปกรณ์ประกอบให้บานประตูเปิ ดปิดได้สะดวก จะต้องติดตัง้ อุปกรณ์ตามคําแนะนําของโรงงาน
ผูผ้ ลิตตามความจําเป็ น
8. ประตูหอ้ งมันคง
่
เป็ นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กตามรูปแบบ
8.1 โครงสร้าง
บานประตูขน้ึ รูปจากเหล็กกล้า ภายในโครงสร้างบรรจุสารกันเจาะและกันความร้อน มีความหนารวม 140
มม.(รวมชุดกลไก) หน้าบานทีท่ าํ หน้าทีป่ ้ องกันการเจาะทําลายหนา 25 มม. บริเวณด้านหลังบานประตูตดิ ตัง้ แผง
ฉนวนกันความร้อนหนา 40 มม. เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพในการกันไฟ
8.2 วงกบ
ประกอบเป็ นชิน้ เดียวกับตัวบานประตู เป็ นวงกบแบบหุม้ ผนังทัง้ ด้านนอกและด้านใน ซึง่ เป็ นรูปแบบทีแ่ ข็งแรงและ
ทนทานต่อความพยายามในการทําลายบานประตู วงกบประกอบจากเหล็กกล้าเชื่อมติดเป็ นชิน้ เดียวกันแบบไร้รอยต่อ
8.3 ระบบล็อค
แบบ 2 กุญแจ 1 รหัส กุญแจแบบ 8 แถบระดับ ฟนั กุญแจแบบ 2 ด้าน ยากต่อการทําเลียนแบบ กุญแจทัง้ 2 ชุด
ทํางานอิสระจากกัน บริเวณแม่กญ ุ แจติดตัง้ แผ่นเหล็กกันเจาะป้องกันการเจาะทําลายแม่กญ
ุ แจ รหัสแบบ 3 ตัวเลข ผ่าน
มาตรฐาน UL สามารถเปลีย่ นเลขรหัสได้ถงึ 1 ล้านหมายเลข บริเวณรหัสติดตัง้ กระจกนิรภัย ซึง่ ทํางานร่วมกับระบบล็อค
อัตโนมัตเิ มื่อเกิดแรงสันสะเทื
่ อน,แรงกระแทก หรือ แรงอัดอย่างรุนแรงจากการระเบิด ระบบล็อคอัตโนมัตจิ ะทํางานทันที ทํา
ให้บานประตูยงั คงล็อคสนิทอยู่อย่างเดิม มาตรฐาน VDS,ECB-S และ EN1300A
8.4 สลักกลอน
ควบคุมการเปิ ด-ปิ ด ด้วยสลักกลอนเคลื่อนที่ 3 ทิศทาง บริเวณขอบบานด้านหน้า 7 จุด ขอบบานด้านบนและล่าง
ตําแหน่งละ 2 จุด บริเวณขอบบานด้านหลังติดตัง้ สลักกลอนตาย 7 จุด สลักกลอนผลิตจากเหล็กกล้า ชุบโครเมีย่ มเพื่อ
ป้องกันสนิม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 มม.
8.5 อุปกรณ์เสริม
ติดตัง้ บานลูกกรงและพัดลมดูดอากาศ
8.6 รายละเอียดบานประตูหอ้ งมันคง่ ขนาด 1 นิ้ว
ขนาดภายนอกรวมวงกบ (กว้าง x สูง) 1266 มม. X 2110 มม. หรือขนาดไกล้เคียง +-10 มม. ขนาดภายในช่อง
ประตูเมื่อเปิ ดบานประตู 180 องศา (กว้าง x สูง) 814 มม. X 1920 มม. หรือขนาดไกล้เคียง +-10 มม. ขนาดช่องเจาะช่อง
กําแพงเพื่อเตรียมติดตัง้ (กว้าง x สูง) 1000 มม. X 2000 มม. หรือขนาดไกล้เคียง +-10 มม. ความหนาของกําแพงไม่น้อย
กว่า 200 มม. นํ้าหนักบานประตู 610 กิโลกรัมผลิตภัณฑ์ Chubb safes, National, Falcon หรือเทียบเท่า
จบหมวดที่ 34
หมวดที่ 35
งานกระจก
1. รายการทัวไป ่
ผูร้ บั จ้างจะต้องเป็ นผูอ้ อกค่าใช้จา่ ยทัง้ หมดในการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ รวมทัง้ แรงงานฝีมอื ทีม่ คี วามชํานาญงาน
โดยเฉพาะสําหรับทําการก่อสร้างซึง่ เกีย่ วเนื่องกับงานกระจก เพื่อให้สาํ เร็จลุล่วงและทดสอบจนใช้งานได้ดตี ามรายละเอียดที่
ระบุในรูปแบบรายการ อาทิเช่น การติดตัง้ ระบบ Curtain Wall งานประตูหน้าต่าง งานหลังคากระจก งานกระจกทัง้ หมด
ถือเป็ นงานทีผ่ รู้ บั จ้างต้องปฏิบตั แิ ละได้คดิ ราคารวมอยู่ในการเสนอราคาแล้วทัง้ หมดไม่ว่ากรณีใดๆ ผูร้ บั จ้างจะยกเป็ น
ข้ออ้างในการปฏิเสธไม่ได้ คิดราคารายการหนึ่งรายการใดไม่ได้
2. ชนิดของกระจก
2.1 กระจกโฟลตใส (Clear Float Glass)
เป็ นกระจกโปร่งใสผลิตด้วยระบบ Float Process ซึง่ เป็ นระบบผลิตทีท่ นั สมัยทีส่ ดุ โดยให้กระจกไหลลอยบนผิวดีบุก
หลอม ภายใต้ความดันและอุณหภูมทิ ถ่ี ูกควบคุมอย่างดี จะทําให้ได้กระจกแผ่นทีม่ คี ุณภาพผิวทัง้ สองด้านขนานเรียบสนิท
ให้ภาพมองผ่านแจ่มชัดและให้ภาพสะท้อนทีส่ มบูรณ์ไม่บดิ เบีย้ ว ขนาดความกว้าง ± 3.00 เมตร ความยาวถึง 7.60 เมตร
ความหนาตัง้ แต่ 2 – 19 มม. หรือตาม มอก. 54-2516 และ 880–2547 ความหนาเป็ นไปตามทีค่ าํ นวณและรายการระบุไว้
2.2 วัสดุยาแนว (Sealant)
ควรเป็ นวัสดุยดื หยุ่นทีม่ คี ุณภาพสูง เช่น โพลีซลั ไฟด์ (PolySulfide) หรือ ซิลโิ คน (Silicone) วัสดุทใ่ี ช้รองรับวัสดุยา
แนว (Backup Material) ต้องมีคุณสมบัตเิ ป็ นฉนวนความร้อนทีด่ ี เช่น โฟมยาง (Neoprene Foam) หรือ โพลีแอทธีลนี
(Polyethelene) เพื่อป้องกันการแตกร้าวเมื่อกระจกได้รบั ความร้อนและขยายตัว การใช้วสั ดุรองกระจก (Setting Block)
ควรเป็ นยางแข็ง (Neoprene) ความแข็ง 90 องศา หรือมากกว่า และควรแยกรองเป็ น 2 จุด เพื่อให้สามารถรับนํ้าหนักได้
ความหนาของกระจกตัง้ แต่ 3 – 15 มม.
2.3 กระจกลวดลาย (Figured Glass)
เป็ นกระจกทีม่ ลี วดลายพิมพ์ลกึ ลงบนด้านหนึ่งของแผ่นกระจก คุณสมบัตกิ ง่ึ ทึบกึง่ ใส เหมาะสําหรับใช้กบั งานตกแต่ง
ความหนา 3 – 5 มม.
2.4 กระจกเงา (Mirror)
ผลิตจากกระจกโฟลทใสและโฟลทสีตดั แสง มี 4 สี คือกระจกใส (Clear) กระจกเงาชา (Grey) กระจกเงาบรอนซ์
(Bronze) กระจกเงาฟ้า (Blue)
2.5 กระจกสะท้อนแสง (Reflective Glass)
เป็ นกระจกสะท้อนแสงชนิดธรรมดา (Annealed Reflective Glass) ความหนาตัง้ แต่ 3 – 12 มม.
2.6 กระจกสะท้อนแสงกึง่ นิรภัย (Heat Strengthened Glass)
เป็ นกระจกเคลือบผิวสะท้อนด้านในของกระจก ความหนาตัง้ แต่ 6 – 12 มม.
2.7 กระจกสะท้อนแสงชนิดนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Reflective Glass)
มีความแข็งแรงมากกว่ากระจกธรรมดา 3 – 5 เท่า ความหนาตัง้ แต่ 3 – 19 มม. หรือตาม มอก.965-2537
หากไม่ระบุเป็ นอย่างอื่น ประตูเปลือย และผนังเปลือย ใช้ 12 มม. มาตรฐาน ASTM C1038 ASTM C1048 และ ANSI
Z97.1
(1) ก่อนการติดตัง้ ระบบ CURTAIN WALL ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการทดสอบ ULTIMATE TENSILE STRENGTH ของ
อลูมเิ นียมตามทีก่ าํ หนด โดยค่าใช้จ่ายส่วนผูร้ บั จ้างจะต้องเป็ นผูร้ บั ผิดชอบ และในระหว่างการก่อสร้าง หาก
สถาปนิกพิจารณาเห็นว่าจะต้องนําตัวอย่างอลูมเิ นียมไปทําการทดสอบ ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบสําหรับค่าใช้จ่ายนี้
ด้วย และผูร้ บั จ้างจะต้องติดตัง้ ตัวอย่างชุดหน้าต่าง และหน้าต่างติดตายพร้อมกระจกและอุปกรณ์ เพื่อให้สถาปนิก
ตรวจสอบ และเพื่อใช้เป็ นมาตรฐานในการติดตัง้ งานอลูมเิ นียม สําหรับการติดตัง้ ตัวอย่างนี้ผคู้ มุ งานจะกําหนดให้
ภายหลัง
(2) ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทําการทดสอบระบบอัดอากาศ (CHAMBER TEST) สําหรับการทดลองผนังกระจกระบบ
CURTAIN WALL ให้เป็ นไปด้วยความถูกต้อง และสอดคล้องกับข้อกําหนดมาตรฐานการทดสอบด้วยอุปกรณ์ และ
วิธกี ารทีไ่ ด้ถอื ปฏิบตั มิ าแล้วในต่างประเทศ โดยให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูและของวิศวกรจากสถาบันทีเ่ ชื่อถือได้
ผูร้ บั จ้างจะต้องเป็ นฝา่ ยจัดให้มกี ารทดสอบโดยเป็ นผูอ้ อกค่าใช้จา่ ยสําหรับการเตรียมการดําเนินการอื่นๆ ในทุกกรณี
ผูร้ บั จ้างสามารถใช้ผลการทดสอบอ้างอิงระบบ CURTAIN WALL แบบเดียวกัน ซึง่ ได้ทาํ การติดตัง้ และทําการ
ทดสอบระบบอัดอากาศ (CAHMBER TEST) ไปแล้ว ทัง้ นี้ผลการทดสอบจะต้องเป็ นไปตามข้อกําหนด ดังต่อไปนี้
- รายการทดสอบ และการคํานวณในโครงสร้าง (STRUCTURAL)
การทดสอบตามเงื่อนไขของ ASTM E330 หากผลการทดสอบไม่เป็ นทีพ่ อใจของผูว้ ่าจ้าง ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งรายการคํานวณ
เพิม่ เติมเกีย่ วกับ DEFLECTION และ STRESS ในโครงสร้างของ CURTAIN WALL จนกว่าจะพิสจู น์ความเป็ นไปได้จน
เป็ นทีแ่ น่ชดั ทางวิชาการ
- แบบหย่อนตัว (DEFLECTION)
CURTAIN WALL จะต้องรับแรงลม (WIND LOAD) ได้ไม่น้อยกว่า 100 กก./ตร.ม. ในระดับตํ่ากว่า 40 เมตร ลงมาถึงระดับ
ดิน และ 160 กก./ตร.ม. ในระดับสูงกว่า 40 เมตรขึน้ ไป หรือยึดหลักเกณฑ์สามารถรับแรงลมได้ไม่น้อยกว่า 801 กก./ตร.ม.
โดยทัวไป ่ และมีการหย่อนตัวทีย่ อมให้ (ALLOWABLE DEFLECTION) ไม่เกิน 1/175 ของช่วง SPAN และจะต้องไม่
มากกว่า 0.75 นิ้ว หรือ 20 มม. ส่วนระยะหย่อนตัวที่ SEALANT JOINTS ตรงกรอบหน้าต่าง และส่วนประกอบอื่นๆ ของ
อาคารต้องไม่มากกกว่า ½ ของ JOINT WIDTH ซึง่ จะมีการเสริมความแข็งแรงด้วยอลูมเิ นียมหรือเหล็กเมื่อจําเป็ น ส่วนการ
หย่อนตัวของ ANCHORS จะไม่เกินกว่า 1.5 มม. ส่วนประกอบทุกชิน้ จะต้องผ่านการทดสอบทีก่ าํ หนดตามเทศบัญญัติ หรือ
ตาม ANSVAAMA 302.9 โดยผูร้ บั จ้างจะต้องเสนอผลการทดสอบพร้อมทัง้ รายการคํานวณให้ผวู้ า่ จ้าง
(3) GLASS LOAD
ชิน้ ส่วนรับบานกระจกติดตายจะต้องมี DEFLECTION ของจุดรับนํ้าหนักไม่เกิน 1/175 ของ SPAN ซึง่ ไม่ทาํ ห้
GLASS BITE ลดลงเกินกว่า 25% หรือ 3 มม.
(4) ความเค้น (STRESS)
โครงสร้างชิน้ ส่วนหน้าต่างทัง้ หมดจะต้องเป็ น ALUMINIUM ALLOY และสามารถรับ ULTIMATE TENSILE
STRENGHT 22,000 P.S.L. เมื่อทดสอบโครงสร้างจะเท่ากับ 1.5 เท่า ของความกดดันทีอ่ อกแบบไว้ และไม่มี
OVER STRESS ปรากฏทีส่ ว่ นประกอบใดๆ STRESS LIMITS สําหรับส่วนประกอบต่างๆ จะอยู่ในขอบเขต
ข้อกําหนดของ SPECIFICATION ของ AAMA ตาม GUIDE LINES อย่างเคร่งครัด
(5) AIR INFILTRATION
บานกระจกติดตายเมื่อทําการทดสอบด้วย STATIC PRESSURE 1.56 PSF. (25 MPH.) จะต้องมีค่าการรัวของ ่
อากาศไม่เกินกว่า 0.06 CFM. ต่อตารางฟุต (ทดสอบตามมาตรฐานของ ASTM.E283)
(6) WATER PENETRATION
เมื่อทําการทดสอบตาม ASTM E331 ด้วย STATIC PRESSURE 6.24 PSF.(50MPH.) และพ่นกระจายนํ้า 5
แกลลอน ต่อตารางฟุตต่อชัวโมง ่ จะต้องไม่ปรากฏการรัวซึ ่ มใดๆ
จบหมวดที่ 35
หมวดที่ 36
งานลูกบิ ดและลูกกุญแจ
1. ขอบเขตของงาน
งานในข้อนี้ให้รวมถึงการจัดหาวัสดุจาํ พวกกุญแจ และอุปกรณ์อ่นื ทีใ่ ช้สาํ หรับเปิ ดสลักบานประตูหน้าต่าง ตลอดจน
รวมถึงแรงงานทีช่ าํ นาญเฉพาะในการติดตัง้ วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านัน้ ให้เสร็จสิน้ สมบูรณ์ครบถ้วนตามทีม่ รี ะบุในแบบ
และรายการก่อสร้างอย่างเรียบร้อย ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพดีจนถึงส่งงานงวด
สุดท้าย
2. วัสดุ
2.1 ลูกบิดและลูกกุญแจ
วัสดุลกู บิดและอุปกรณ์อ่นื ทีใ่ ช้สาํ หรับปิ ดล็อคหรือเปิ ดสลักบานประตู-หน้าต่าง รวมถึงลูกกุญแจทีใ่ ช้ไขลูกบิดนัน้ ให้
ใช้ตามทีม่ กี าํ หนดในแต่ละข้อประตู-หน้าต่างเฉพาะชนิดนัน้
2.2 กุญแจหลัก (MASTER KEY)
ลูกกุญแจทีใ่ ช้ไขลูกบิดในแต่ละประเภทชนิดประตู-หน้าต่างนัน้ จะต้องมีกุญแจหลักทีใ่ ช้ร่วมเปิ ดลูกบิดหลายๆ ลูก
รวมกันได้เฉพาะกลุม่ ของตนเอง ให้จดั หากุญแจหลักแบ่งเป็ นกลุม่ จํานวนกลุ่มละ 3 ดอก (3 COPIES) เป็ นอย่างน้อย โดย
ให้แบ่งกลุ่มดังนี้
2.2.1 กลุ่ม 1 ชัน้ 1
2.2.2 กลุ่ม 2 ชัน้ 2 (และกลุ่มอื่น ๆ ตามชัน้ ความสูงอาคารต่อไป)
2.2.3 กลุ่ม 3 ห้องนํ้า ห้องระบบวิศวกรรม ทุกห้อง
2.3 ลูกกุญแจรวม (GRAND MASTER KEY)
ให้มลี กู กุญแจรวม (GRAND MASTER KEY) ในแต่ละประเภทชนิดของประตู-หน้าต่างนัน้ ๆ โดยลูกกุญแจรวมนี้
จะต้องไขประตูแต่ละประเภทชนิดของประตูหน้าต่างนัน้ ได้ทุกบานในอาคารหลังนี้ กําหนดให้ตอ้ งมีลกู กุญแจรวมนี้อย่าง
น้อย จํานวน 3 ดอก (3 COPIES)
3. การติดตัง้ และตัวอย่าง
การติดตัง้ และการส่งตัวอย่างอนุมตั ใิ ห้เป็ นไปตามทีก่ าํ หนดในแต่ละข้อประตู-หน้าต่างเฉพาะแต่ละชนิดนัน้
4. ป้ายกุญแจ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดทําป้ายถาวรติดห้อยกุญแจ ป้ายดังกล่าวจะต้องระบุตวั อักษรหรือตัวเลขแล้วแต่กรณี ให้สอ่ื ถึงลูกบิด
ทีค่ ่กู นั ทุกลูกได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่ายไม่สบั สน
5. แผงแขวนกุญแจ
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทําตูแ้ ผงสําหรับแขวนกุญแจรวมกันไว้ครบทุกดอก ตูแ้ ผงดังกล่าวทําด้วยวัสดุสเตนเลส หน้าบาน
เปิ ดมีกรอบเป็ นสเตนเลส ลูกฟกั กระจกหนาไม่ต่าํ กว่า 10 มิลลิเมตร ขนาดของตูแ้ ผงให้ใหญ่เหมาะสมสําหรับการแขวน
กุญแจทุกดอกรวมกันไว้ พร้อมทัง้ มีป้ายติดกับทีใ่ ต้กญ ุ แจแต่ละดอกนัน้ โดยป้ายนัน้ ต้องมีตวั อักษรหรือตัวเลขตรงกับ
ตัวอักษรหรือตัวเลขบนป้ายกุญแจ ตามหัวข้อย่อย “ป้ายกุญแจ” ให้ตดิ ตัง้ ตูแ้ ผงนี้ในตําแหน่งทีผ่ รู้ บั จ้างจะระบุให้ขณะ
ก่อสร้าง เช่น ในห้องควบคุมระบบอาคารหรือฝา่ ยรักษาความปลอดภัย ผูร้ บั จ้างต้องส่งมอบตูแ้ ผงนี้ในการส่งมอบงานงวด
สุดท้าย
6. ข้อกําหนด
6.1 กุญแจทุกดอกทุกชนิดทีใ่ ช้กบั ประตู-หน้าต่างในอาคารนี้จะต้องได้รบั การเก็บรักษากุญแจจากผูร้ บั จ้างอย่างดี
โดยผูร้ บั จ้างจะต้องแต่งตัง้ อย่างเป็ นทางการให้เจ้าหน้าทีค่ นใดคนหนึ่งของผูร้ บั จ้างเป็ นผูม้ อี าํ นาจในการดูแลรับผิดชอบ
กุญแจทุกดอกทีใ่ ช้ในอาคารหลังนี้ การนํากุญแจดอกใดดอกหนึ่งไปใช้จะต้องกระทําโดยเจ้าหน้าทีผ่ นู้ ้ี หรือภายใต้การรูเ้ ห็น
ของเจ้าหน้าทีผ่ นู้ ้โี ดยตลอดเท่านัน้ ห้ามมิให้ผอู้ ่นื นอกเหนือจากเจ้าหน้าทีผ่ นู้ ้ใี ช้กุญแจโดยเด็ดขาด ผูร้ บั จ้างจะต้องแจ้งชื่อ
ของเจ้าหน้าทีผ่ นู้ ้ใี ห้ผวู้ ่าจ้างทราบภายใน 60 วันหลังลงนามในสัญญาจ้าง
6.2 กุญแจทุกดอกของโครงการห้ามมิให้มกี ารจําลองโดยเด็ดขาด มิว่าในกรณีใดๆ ทัง้ สิน้ หากกุญแจหาย ผูร้ บั
จ้างจะต้องเปลีย่ นลูกบิดนัน้ ทัง้ ชุดโดยจะคิดเงินเพิม่ อีกไม่ได้
6.3 ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งมอบกุญแจทีก่ ล่าวถึงทุกดอกให้แก่ผวู้ ่าจ้างในการส่งงานงวดสุดท้ายอย่างครบถ้วน
จบหมวดที่ 36
หมวดที่ 37
งานสุขภัณฑ์
1. มาตรฐานผลิตภัณฑ์
ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทไ่ี ด้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทีร่ ะบุ และ/หรือตามข้อกําหนดฉลากเขียวสําหรับเครื่อง
สุขภัณฑ์ (TGL-5-R2-03) ในกรณีทไ่ี ม่มรี ะบุให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ AMERICAN STANDARD หรือ Kohler หรือ COTTO
หรือคุณภาพเทียบเท่า
2. การจัดวางสุขภัณฑ์
การจัดวางสุขภัณฑ์ตอ้ งถูกต้องตามมาตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต ตําแหน่งของสุขภัณฑ์ให้ดตู ามรูปแบบ และพิจารณา
จากมาตรฐานการติดตัง้ ประกอบ ทัง้ ในส่วนระยะ และความสูงของสุขภัณฑ์ ซึง่ ต้องสอดคล้องกับระบบท่อนํ้าทิง้ และนํ้าดี
โดยให้คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาเห็นชอบก่อนดําเนินการ
3. การติดตัง้
3.1 สําหรับห้องนํ้าทุกห้อง กําหนดให้ตดิ ตัง้
3.1.1 STOP VALVE ทุกจุดทีต่ ่อเชื่อมกับสายชําระ อ่างล้างมือ และส้วมชักโครก
3.1.2 หัวก๊อกล้างพืน้ ชนิดโลหะชุบโครเมีย่ มของ AMERICAN STANDARD หรือ TOTO หรือ KARAT
หรือ COTTO หรือ EVERGREEN คุณภาพเทียบเท่า (ห้องละอย่างน้อย 1 ที่ หรือตามทีร่ ะบุในรูปแบบ)
3.1.3 ตะแกรงปิ ดท่อนํ้าทิง้ ชนิดดักกลิน่ ถอดได้รุ่น A-8200-N ผลิตภัณฑ์ของ AMERICAN STANDARD
หรือ TOTO หรือ KARAT หรือคุณภาพเทียบเท่า (ห้องละอย่างน้อย 1 ที่ หรือตามทีร่ ะบุในรูปแบบ)
3.2 ผูร้ บั จ้างต้องวางท่อให้ได้ตําแหน่งก่อนทําพืน้ และผนัง ห้ามสกัดพืน้ POST TENSIONED โดยเด็ดขาด หาก
กรณีจาํ เป็ นให้อยู่ในดุลยพินจิ ของวิศวกรผูอ้ อกแบบเท่านัน้ ให้นําเสนอ SHOP DRAWING งานระบบสุขาภิบาลควบคู่ไปกับ
งานโครงสร้างดึงลวด POST TENSIONED
3.3 งานทีท่ าํ จะต้องให้ได้ระดับมาตรฐานทีด่ ี รอยต่อ รอยประกอบจะต้องได้รบั ความเห็นชอบจากผูค้ วบคุมงาน
ทุกครัง้ ก่อนทีจ่ ะทําการปิ ดฝงั ท่อต่างๆ ในส่วนนัน้
3.4 ตําแหน่งติดตัง้ อุปกรณ์ ท่อนํ้า ก๊อกนํ้า ทีจ่ ะต้องทะลุจากผนังให้ตดิ ตัง้ ตรงตําแหน่ง รอยต่อระหว่างแผ่น
กระเบือ้ ง หรือมุมกระเบือ้ ง 4 แผ่นชนกันแล้วแต่กรณีทไ่ี ด้แสดงไว้ในรูปแบบ การติดตัง้ ต้องเตรียมการหรือนําเสนอ SHOP
DRAWING เพื่อการบุกระเบือ้ งให้ลงตัวไว้ล่วงหน้าโดยผูร้ บั จ้าง
3.5 การติดตัง้ ชักโครกจะต้องได้ระดับหรือลาดจากด้านหน้าลงไปด้านหลังเล็กน้อย เพื่อให้ฝาปิ ดชักโครกเปิ ด
ค้างได้โดยไม่ตอ้ งล้มปิ ดลงมา
4. เครื่องอุปกรณ์ประกอบ
ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษทั เดียวกับเครื่องสุขภัณฑ์ โดยจัดส่งตัวอย่างให้คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณา
เห็นชอบก่อนดําเนินการ
5. การทดสอบ การทําความสะอาด
เครื่องสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ทงั ้ หมด ภายหลังจากการติดตัง้ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องทําการทดสอบการรัวซึ ่ ม และ
กําลังดันของนํ้า เครื่องสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ทต่ี ดิ ตัง้ เรียบร้อยแล้วต้องทําความสะอาดให้เรียบร้อยจึงส่งมอบงานได้
6. เครื่องสุขภัณฑ์
รหัส : CT457NS
ฟลัชวาล์วสําหรับโถ ยีห่ อ้ : COTTO
สุขภัณฑ์ ใช้น้ํา 3.8 ลิตร ฟลัชวาล์วสําหรับโถ รุ่น : TOILET FLUSH
สุขภัณฑ์ ใช้น้ํา 6 VALVE
ลิตร
K-13516X-CP
2 โถส้วม(นังราบ)แบบฟลั
่ ชแทงค์ แบบ
ประหยัดนํ้า 2.6 / 4 ลิตร
รุ่น 2007-WT-0 พร้อม Stop Valve
และสายนํ้าดี
ของ AMERICAN STANDARD
สุขภัณฑ์แบบชิน้
เดียว รหัส : C1046-WH
รุ่น เมมมัวร์ (สเตทลี่
ดีไซน์) ยีห่ อ้ : COTTO
K-3453X-S รุน่ : GRAND
ASTORIA LITE
รูปตัวอย่าง รูปตัวอย่าง
รูปตัวอย่าง
ลําดับ รายละเอียด AMERICAN COTTO
KOHLER
STANDARD
3 โถส้วม (นังราบ)แบบฟลั
่ ชแทงค์
แบบประหยัดนํ้า 2.6 / 4 ลิตร
รุ่น 2307SC-WT-0 พร้อม Stop
Valveและ สายนํ้าดี ของ
AMERICANSTANDARD
รหัส : C13527-WH
ยีห่ อ้ : COTTO
K-45363X
Persuade Two รุ่น : RIVIERA
Piece 3/ 4.5 L Dual
Flush Toilet
4 โถส้วม (นังราบ)แบบฟลั
่ ชแทงค์รุ่น
2146SC-WT-0 พร้อม Stop Valve
และ สายนํ้าดี ของ
AMERICANSTANDARD
5 ั เคาน์เตอร์รุ่น
อ่างล้างหน้าชนิดฝงใต้
WP-F513-WT
ของ AMERICANSTANDARD
6 อ่างล้างหน้าชนิดครึง่ เคาน์เตอร์รุ่น
WP-F513-WT
ของ AMERICANSTANDARD
รหัส : C02237-WH
รหัส : K-11479X- ยีห่ อ้ : COTTO
VC1-0
รุ่น : RIVIERA
ยีห่ อ้ : KOHLER
รุ่น : FOREFRONT
7 อ่างล้างหน้าชนิดแขวนพร้อมขา
รุ่น 0507W/0707-WT-0
ของ AMERICANSTANDARD
รหัส :
รหัส : K-2358X-1-0 C01517/C4250-WH
ยีห่ อ้ : KOHLER ยีห่ อ้ : COTTO
รุ่น : ARCHER รุ่น : TETRAGON
8 ก๊อกผสมอ่างล้างหน้า รุ่น
A-1301-100 พร้อม สะดือ
Pop-Up และ Stop Valve
ของ AMERICANSTANDARD
9 ก๊อกเซ็นเซอร์อ่างล้างหน้า
แบบใช้ไฟฟ้า
รุ่น A-8509-AC
ของ AMERICANSTANDARD
รหัส : CT532NAC
รหัส : K-13471X-CP
ยีห่ อ้ : COTTO
ยีห่ อ้ : KOHLER
รุ่น : AUTOMATIC
รุ่น : GEOMETRIC
TOUCHLESS
10 ก๊อกนํ้าเย็นอ่างล้างหน้า
รุ่น A-0406-10
ของ AMERICANSTANDARD
รหัส : K-37327X-
รหัส : CT1046A
4CD-CP
ยีห่ อ้ : COTTO
ยีห่ อ้ : KOHLER รุ่น : LARIO
รุ่น : STRAYT
11 โถปสั สาวะชาย
รุ่น 6502-WT-0 + Flush
Valve A-5900-01N
ของ AMERICANSTANDARD
K-4960X-ET-0
รหัส : C3010
โถปสั สาวะชาย รุ่น บา
ยีห่ อ้ : COTTO
ดัน้ (รูน้ําเข้าด้านบน)
รุ่น :มาร์แชล Mashal
รหัส : CT4001DUF
ยีห่ อ้ : COTTO
รุ่น : URINAL
FLUSH VALVE
K-13519X-CP
Urinal Flush Valve ใช้
นํ้า 1.9 ลิตร
12 โถปสั สาวะชาย รุ่น
6502BD-WT + Flush
Valve แบบ Sensor แบบใช้ไฟฟ้า รุ่น
A-8614-000-50 และอุปกรณ์ชุดทาง
นํ้าเข้าด้านหลังรุ่น VP-1823
ของ AMERICANSTANDARD
รหัส : K-8988X-C03-
CP รหัส :
CT480AC(NL)
ยีห่ อ้ : KOHLER
ยีห่ อ้ : COTTO
รุ่น : PATIO
รุ่น : CT480AC(NL)
13 อ่างอาบนํ้าพร้อมสะดืออ่างแบบป๊อป
อัพ
รุ่น 70020P-WT
ของ AMERICANSTANDARD
รหัส :
K-18257X-0 ( 1.7 m
BT1052PP(H)
x 0.8 x 0.42 m.)
อ่างอาบนํ้าอะครีลคิ รุ่น ยีห่ อ้ : COTTO
แพททีโอ รุน่ : ริเวียร่า
14 ก๊อกผสมอ่างอาบนํ้าติดผนัง
รุ่น A-1311-200
พร้อมฝกั บัว
ของ AMERICANSTANDARD รหัส : K-45370X-4-
CP
ยีห่ อ้ : KOHLER รหัส : CT2012A
รุ่น : STRAYT ยีห่ อ้ : COTTO
รุ่น : SQUARE
รหัส : Z42(HM)
ยีห่ อ้ : COTTO
รุ่น : SHOWER
15 ก๊อกผสมอ่างอาบนํ้าติดผนัง
รุ่น A-6911-200
พร้อมฝกั บัว
ของ AMERICANSTANDARD
รหัส : CT2032A
ยีห่ อ้ : COTTO
รุ่น : SOPRANO
K-7686X-4-CP
ก๊อกผสมลงอ่างและยืน
อาบแบบติดผนังพร้อม
ฝกั บัวสายอ่อนแบบ
ปรับได้ 4 ระดับ รุ่น จู
ลายน์
รหัส : Z42(HM)
ยีห่ อ้ : COTTO
รุ่น : SHOWER
16 ชุดฝกั บัวแบบ Rain Shower รุ่น A-
6110-978-903 และ ก๊อกผสมยืนอาบ
รุ่น A-1912-711-310B
ของ AMERICANSTANDARD
รหัส : K-45372X-4-
CP รหัส : CT2072W
ยีห่ อ้ : KOHLER ยีห่ อ้ : COTTO
K-5419X-CP
รหัส :
ชุดฝกั บัวฉีดชาระ
CT992K#CR(HM)
พร้อมสาย สีโครเมีย่ ม
ยีห่ อ้ : COTTO
รุ่น : RINSING(CT)
21 สะดืออ่างล้างหน้า
รุ่น A-8007
ของ AMERICAN STANDARD
K-11704X-CP
ชุดท่อน้าทิง้ อ่างล้าง รหัส : CT682
หน้ารูปตัวพี (ยาว 25.5 ยีห่ อ้ : COTTO
ซม.)
23 Stop Valve
รุ่น A-4400
ของ AMERICANSTANDARD
25 ทีใ่ ส่กระดาษชําระ
รุ่น K-1387-55-N สีโครเมีย่ ม
ของ AMERICAN STANDARD
รหัส : CT0044(HM)
รหัส : K-16141-CP
ยีห่ อ้ : COTTO
ยีห่ อ้ : KOHLER
รุ่น : DIAMOND
รุ่น : REVIVAL
27 ทีใ่ ส่สบู่ รุ่น K-1382-42-N
ของ AMERICAN STANDARD
รหัส : K-37066X-CP
รหัส : CT0115
ยีห่ อ้ : KOHLER
ยีห่ อ้ : COTTO
รุ่น : AIRFOIL
รุ่น : GLACIER
28 ทีใ่ ส่สบู่ รุ่น K-2501-54-N
ของ AMERICAN STANDARD
รหัส : CT0046(HM)
รหัส : K-16142-CP ยีห่ อ้ : COTTO
ยีห่ อ้ : KOHLER รุ่น : DIAMOND
รุ่น : REVIVAL
29 ราวแขวนผ้า 60 ซม.
รุ่น K-1393-46-N
ของ AMERICAN STANDARD
หมวดที่ 38
งานผนังห้องน้าสาเร็จรูป (TOILET PARTITION)
1. ขอบเขตของงาน
ผนังห้องนํ้าสําเร็จรูปทีไ่ ด้ระบุไว้ในแบบก่อสร้างทัง้ หมด ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์ แรงงาน การประสานงาน
กับผูร้ บั เหมาช่วง และการจัดเตรียมทําแบบแปลนแสดงตําแหน่งทิศทางการเปิ ดปิ ดของประตู แบบ SHOP DRAWING
แสดงถึงรายละเอียดการติดตัง้ การยึด ระยะต่าง ๆ และต้องเป็นไปตามแบบและขนาดซึง่ กําหนดไว้ในแบบก่อสร้างเพื่อขอ
ตรวจสอบพิจารณาเห็นชอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบ
2. วัสดุ
2.1 วัสดุทใ่ี ช้ในการสร้างนี้จะต้องเป็นวัสดุใหม่ ต้องห่อหุม้ เรียบร้อยจากบริษทั ผูผ้ ลิต มีเครื่องหมายรายละเอียด
ต่างๆ แสดงรุน่ และชื่อผูผ้ ลิตอย่างสมบูรณ์ชดั เจน
2.2 แผ่น MFF (Melamine Face Foamboard) ผลิตจากโพลียรู เี ทนโฟมชนิดหนาแน่นพิเศษ แข็งเหมือนไม้เทียม
ควบคุมระบบการผลิตทุกขัน้ ตอน และได้รบั การรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2000 คุณสมบัตขิ องแผ่น MFF ไม่บวมนํ้า ไม่
เป็ นสือ่ ลามไฟ ไม่นําไฟฟ้า นํ้าหนักเบา ความหนาของแผ่นกัน้ กลาง ประตู เสากลาง เสาข้าง รวมผิวเมลามีน 2 ด้าน ความ
หนาที่ 25 มิลลิเมตร ปิ ดผิวด้วย PVC เกรด A ทัง้ 4 ด้านโดยรอบ ขาตัง้ สแตนเลส พร้อมอุปกรณ์เป็ นวัสดุปลอดสนิมครบชุด
ขนาดและการติดตัง้ ตามแบบ ผลิตภัณฑ์ของ WILLY, ELITE, PERSTOP, KOREX หรือเทียบเท่า
3. ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุแต่ละชนิดทีใ่ ช้ ให้ผอู้ อกแบบได้ตรวจสอบความต้องการ และให้ความเห็นชอบ
ก่อนทีจ่ ะทําการติดตัง้ วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึง
3.1 DOOR STOPPER
3.2 LOCK RIMBOLT
3.3 SPPING HINGE
3.4 BUMPER HOOK
3.5 TISSUE HOLDER
3.6 HEAD RAIL
3.7 U-BRACKET
3.8 BRACING
3.9 ADJUSTABLE FOOTING
3.10 DOOR AND PARTITON
3.11 รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE’s SPECIFCATIONS) แสดงถึงการทดสอบคุณสมบัตขิ อง
วัสดุ และส่วนต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง
4. การติดตัง้
4.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องหาช่างฝีมอื ทีด่ มี คี วามชํานาญในการติดตัง้ ทุก ๆ ส่วนทีต่ ดิ ตัง้ และจะต้องมันคงแข็
่ งแรง ได้
ระดับในแนวตัง้ และแนวนอนด้วยความประณีตเรียบร้อย จะต้องปฏิบติตามแบบมาตรฐานกรรมวิธรี การติดตัง้ ของ
บริษทั ผูผ้ ลิตและต้องได้รบั ความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบ
4.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องมีการประสานงานร่วมกันกับผูจ้ า้ งหลัก เพื่อกําหนดตําแหน่งทีเ่ กีย่ วข้องในการติดตัง้ ทัง้ หมด
และตรวจสอบสถานทีท่ ุกแห่งในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องทีจ่ ะมีการติดตัง้ ให้สมบูรณ์เรียบร้อยก่อนจะมีการติดตัง้
จบหมวดที่ 38
หมวดที่ 39
งานสี
1. ขอบเขตของงาน
1.1 ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาวัสดุและอุปกรณ์ ทีม่ คี ุณภาพ แรงงานทีม่ ฝี ีมอื มีความชํานาญ และมีผคู้ วบคุมงานคอย
ดูแลตลอดเวลา มีระบบคุณภาพทีด่ ี สําหรับงานทาสี ตามทีร่ ะบุในแบบและรายการประกอบแบบ พร้อมการรับประกัน
คุณภาพ
1.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดส่งแค็ตตาล็อกสี และ/หรือแผ่นตัวอย่างสีทใ่ี ช้ สีรองพืน้ และอื่นๆ ให้ผคู้ วบคุมงานพิจารณา
อนุมตั ติ ามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ และคณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาเห็นชอบก่อนการดําเนินการ
1.3 สีทน่ี ํามาใช้จะต้องบรรจุอยู่ในถังหรือภาชนะทีป่ ิ ดสนิทเรียบร้อยมาจากโรงงาน โดยมีใบส่งของและรับรอง
คุณภาพจากโรงงานผูผ้ ลิตทีส่ ามารถตรวจสอบได้
1.4 การเก็บรักษาจะต้องแยกห้องสําหรับเก็บสีเฉพาะ โดยไม่มวี สั ดุอ่นื เก็บรวม และเป็ นห้องทีไ่ ม่มคี วามชืน้ สีท่ี
เหลือจากการผสมหรือการทาแต่ละครัง้ จะต้องนําไปทําลายทันที พร้อมภาชนะทีบ่ รรจุสนี นั ้ หรือตามความเห็นชอบของผู้
ควบคุมงาน
1.5 การผสมสีและขัน้ ตอนการทาสี จะต้องปฏิบตั ติ ามวิธกี ารของผูผ้ ลิตสีอย่างเคร่งครัด และได้รบั อนุมตั จิ ากผู้
ควบคุมงาน โดยให้ทาํ การผสมสี ณ ทีก่ ่อสร้างเท่านัน้
1.6 สีทใ่ี ช้และสีรองพืน้ จะต้องปฏิบตั ติ ามคําแนะนําของบริษทั ผูผ้ ลิตโดยเคร่งครัด ห้ามการผสมสีอ่นื ใด
นอกเหนือไปจากนัน้ ในการทาสีภายหลังจากทีแ่ ห้งแล้ว สีเดียวกันจะต้องปรากฏเหมือนกันทุกประการ หากสีทท่ี าไม่เท่ากัน
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการทาสีทต่ี ่างกันเสียใหม่
1.7 ห้ามทาสีขณะฝนตก อากาศชืน้ จัด หรือบนพืน้ ผิวทีย่ งั ไม่แห้งสนิท และจะต้องมีเครื่องตรวจวัดความชืน้ ของ
ผนังก่อนการทาสีทุกครัง้
1.8 งานทาสีทงั ้ หมดจะต้องเรียบร้อยสมํ่าเสมอ ไม่มรี อยแปรง รอยหยดสี และข้อบกพร่องอื่นๆ ต้องทําความ
สะอาดรอยเปื้ อนสีบนกระจก พืน้ ฯลฯ งานทาสีจะต้องได้รบั การตรวจตราและได้รบั ความเห็นชอบจากสถาปนิก
1.9 พืน้ ทีไ่ ม่ตอ้ งทาสี โดยทัวไปสี
่ ทท่ี าทัง้ ภายนอกและภายใน จะทาผนังปูนฉาบ ผิวคอนกรีต ผิวท่อโลหะ โครง
เหล็ก ต่างๆ หรือตามระบุในแบบ สําหรับสิง่ ทีไ่ ม่ตอ้ งทาสี มีดงั นี้
1.9.1 ผิวกระเบือ้ งปูพน้ื และบุผนัง ฝ้า กระจก กระเบือ้ งมุงหลังคา
1.9.2 อุปกรณ์สาํ เร็จรูปทีม่ กี ารเคลือบสีมาแล้ว
1.9.3 ผิวพืน้ คอนกรีตขัดมัน ผิวท่อคอนกรีต
1.9.4 ผิวบันไดคอนกรีตทัง้ ลูกตัง้ ลูกนอน
1.9.5 ผิววัสดุทผ่ี ่านวิธกี นั สนิม
1.9.6 สแตนเลส
1.9.7 ผิวภายในรางนํ้า
1.9.8 โคมไฟ
1.9.9 ส่วนของอาคารหรือโครงสร้างซึง่ ซ่อนอยู่ภายในไม่สามารถมองเห็นได้ ยกเว้น การทาสีกนั สนิม หรือ
ระบุในแบบเป็ นพิเศษ
1.10 การรับประกัน ผูร้ บั จ้างจะต้องเลือกใช้วสั ดุสแี ละขัน้ ตอนการทาสีทด่ี ี สามารถรับประกันคุณภาพโดย
บริษทั ผูผ้ ลิตและผูร้ บั จ้างทาสีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
2. วัสดุ
2.1 สีทาภายนอก
2.1.1 สีทาภายนอกอาคาร ผิวปูนฉาบ ปูนสลัด งานกระเบือ้ งแผ่นเรียบ GRC ให้ใช้สนี ้ําชนิด ACRYLIC
100% กึง่ เงา หรือตามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
PARASHIELD COOL MAX ของ CAPTAIN
BEGER COOL UV SHIELD ของ BEGER
SUPER SHIELD TITANIUM ของ TOA
DELTA ของ บริษทั สีเดลต้า
หรือเทียบเท่า
2.1.2 สีทาเพดานภายนอกอาคาร
PARASHIELD COOL MAX ของ CAPTAIN
BEGER COOL UV SHIELD ของ BEGER
SUPER SHIELD TITANIUM ของ TOA
DELTA ของ บริษทั สีเดลต้า
หรือเทียบเท่า
2.1.3 สีรองพืน้ สําหรับภายนอกอาคาร (ปูนเก่า)
PARACHIELD ACRYLIC ALKALI RESISTING PRIMER ของ CAPTAIN
BEGER SHIELD ACRYLIC ALKALI RESISTING B-4000 ของ BEGER
SUPERSHIELD ACRYLIC ALKALI RESISTING PRIMER ของ TOA
DELTA ของ บริษทั สีเดลต้า
หรือเทียบเท่า
2.1.4 สีรองพืน้ สําหรับภายนอกอาคาร (ปูนใหม่)
PARACHIELD ACRYLIC ALKALI RESISTING PRIMER ของ CAPTAIN
BEGER SHIELD ACRYLIC ALKALI RESISTING B-4000 ของ BEGER
SPEED PRIMER และ
SUPERSHIELD ACRYLIC ALKALI RESISTING PRIMER ของ TOA
DELTA ของ บริษทั สีเดลต้า
หรือเทียบเท่า
2.1.5 สีน้ํามันสําหรับงานไม้และโลหะ หรือส่วนทีร่ ะบุให้ทาสีน้ํามัน
HIGH GLOSS ENAMEL ของ CAPTAIN
BEGERSHIELD SUPER GLOSS ENAMEL ของ BEGER
HIGH GLOSS ENAMEL ของ TOA
DELTA ของ บริษทั สีเดลต้า
หรือเทียบเท่า
2.2 สีทาภายใน
2.2.1 สีทาภายในอาคาร ผิวปูนฉาบ ปูนสลัด งานกระเบือ้ งแผ่นเรียบ GRC ให้ใช้สแี บบธรรมดา หรือตาม
วัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
3. การเตรียมผิวและการทาสีรองพืน้
3.1 งานปูน
3.1.1 ข้อควรปฏิบตั ิ
(1) การเตรียมพืน้ ผิวก่อนทาสีเป็ นสิง่ สําคัญยิง่ ถ้าพืน้ ผิวทีจ่ ะทาสะอาดปราศจากฝุน่ หรือสิง่ สกปรกสีทท่ี าลงไปจะดู
สวยงามและมีความทนทานได้นานกว่า อย่างน้อยงานปูนฉาบควรทิง้ ให้แห้ง โดยไม่มปี ฎิกริ ยิ าทางเคมี ไม่น้อยกว่า
28 วัน หรือตามความเห็นชอบของผูค้ วบคุมงาน
(2) ผิวปูนฉาบส่วนใดทีแ่ ตกร้าวจะต้องสกัดออกและฉาบแต่งใหม่ให้เรียบร้อย โดยใช้ปนู ทรายชนิดเดียวกันกับทีใ่ ช้เดิม
และทิง้ ไว้ให้แห้งก่อนลงมือทาสีได้
3.1.2 ผิวปูนใหม่
ทิง้ ให้พน้ื ผิวแห้งสนิท ขจัดฝุน่ โดยใช้ผา้ แห้งเนื้อหยาบๆ แล้วเช็ดตามด้วยผ้าชืน้ อีกครัง้ หนึ่งก่อนทาสีรองพืน้ ต้องให้
แน่ใจว่าได้ขจัดฝุน่ คราบไขมัน คราบปูนจนหมด รอจนพืน้ ผิวนัน้ แห้งสนิทจริงๆ จึงทาสีได้
3.1.3 ผิวปูนเก่า
(1) สําหรับผิวปูนฉาบ ปูนสกัด งานกระเบือ้ งแผ่นเรียบ GRC ให้ทาสีรองพืน้ ด้วยสีประเภท ACRYLIC ALKAYD
RESISTING PRIMER 1 ครัง้ และทาทับหน้าด้วยสีประเภท PURE ACRYLIC PAINT 100% กึง่ เงา อีก 2 ครัง้
(2) สําหรับภายนอกอาคาร เพิม่ ขัน้ ตอนทาทับหน้าด้วยสี INETRIOR EMULSION PAINT อีก 2 ครัง้
(3) สําหรับภายใน ผิวปูนเก่าให้ทาสีรองพืน้ สําหรับปูนเก่า (CONTACT PRIMER) 1 ครัง้
3.2 งานไม้
3.2.1 ข้อควรปฏิบตั ิ
การทาสีบนพืน้ ไม้ขน้ึ อยู่กบั ความชืน้ ของเนื้อไม้ ถ้าเนื้อไม้ยงั มีความชืน้ สูงมาก ห้ามทาสี ต้องปล่อยทิง้ ไว้ให้แห้งด้วย
การตากหรืออบจนเหลือง ความชืน้ ประมาณ 10% – 20% รอยต่อหรือส่วนของไม้ทจ่ี ะต้องนําไปประกอบวัสดุอย่างอื่น เช่น
ผนังอิฐ ผนังซีเมนต์ ผนังปูน พลาสเตอร์ ต้องทาสีรองพืน้ ก่อนนําไปประกอบติดกัน
3.2.2 ผิวไม้ใหม่
(1) ต้องแน่ใจว่าได้ผ่านการอบหรือตากจนแห้งดีแล้ว
(2) รอยแตกร้าวเป็ นรู ต้องทําการอุดแต่งด้วยวัสดุทแ่ี ข็งพอ และขัดให้เรียบเสมอกัน
(3) ส่วนทีเ่ ป็ นตาไม้ ต้องตกแต่งให้เรียบร้อย ถ้าตาใหญ่ให้เจาะและอุดด้วยไม้ชนิดเดียวกันขัดให้เรียบ
(4) รอยต่อ ลิน้ ร่องต่างๆ ทีท่ าํ จากโรงงานจะต้องทาสีรองพืน้ ก่อนทีจ่ ะนํามาประกอบ
(5) ในการต่อประกอบชิน้ ส่วนต่างๆ หากมีการตัดเลื่อยส่วนใดๆ ให้ทาสีรองพืน้ ทันที
(6) เช็ดฝุน่ ออกให้หมด และปราศจากคราบนํ้ามัน หรือสิง่ สกปรกอื่นๆ ถ้ามีตอ้ งขัดหรือเช็ดออกให้สะอาด
(7) ทาด้วยนํ้ายารักษาเนื้อไม้ 1 ครัง้ (ห้ามใช้สนี ้ําตาลหรือสีชา ยกเว้นส่วนทีอ่ ยู่ในฝ้าซึง่ มองไม่เห็นจากภายนอกให้ทา
ด้วยสีน้ําตาล) แล้วทาด้วยสีรองพืน้ กันยางไม้ (ALUMINIUM WOOD PRIMER) อีก 1 ครัง้ โดยทาทัง้ 6 ด้านของ
ชิน้ งาน
3.3 งานโลหะ
3.3.1 ข้อควรปฏิบตั ิ
(1) จุดประสงค์ของการทาสีบนพืน้ โลหะ ก็เพื่อการรักษาความคงทนและช่วยให้เกิดความสวยงามฉะนัน้ กรรมวิธที าสีท่ี
ถูกต้องและการเตรียมพืน้ ผิว จึงเป็ นสิง่ สําคัญมาก เพื่อช่วยให้สที บั หน้าเกิดความสวยงามและทนทาน
(2) การทาสีรองพืน้ กันสนิมให้ทา 1 ครัง้ เมื่อส่งวัสดุเข้าถึงหน่วยงานก่อสร้างเมื่อทําการติดตัง้ แล้วหรือขณะทําการ
ประกอบเป็ นโครงก่อนทําการติดตัง้ ให้ทาทับทัง้ หมดอีก 1 ครัง้ เฉพาะรอบๆ รอยเชื่อมทีส่ กี นั สนิมโดนละลายด้วย
ความร้อน จะต้องขัดให้สะอาดแล้วทาสีรองพืน้ ทับ 2 ครัง้ เมื่อติดตัง้ แล้วต้องตรวจดูรอยกระทบกระเทือน หากมีรอย
ชํารุดเสียหายหรือทําการเชื่อมใหม่ให้ทาสีรองพืน้ ส่วนใดไม่ดจี ะต้องขัดออกและทาใหม่
3.3.2 ผิวเหล็กหรือโลหะทีม่ สี ว่ นผสมของเหล็ก
(1) ผิวโลหะทีย่ งั ไม่เคยทาสีมาก่อน ต้องขจัดสนิม สะเก็ดลวดเชื่อม หรือผงร่อนออก ด้วยการขัด กระดาษทรายหรือ
แปรงลวด
(2) ขจัดคราบนํ้ามันด้วยทินเนอร์ หรือนํ้ามันก๊าซ
(3) เช็ดด้วยผ้าให้สะอาด
(4) ถ้าสีทบั หน้าเป็ นสีน้ํามัน หรือสีน้ํามันอะครีลคิ (ACRYLIC SOLVENT) ให้ทาสีรองพืน้ กันสนิมเรดเลด 1-2 ครัง้
(5) ถ้าสีทบั หน้าเป็ นสี EPOXY หรือสีโพลียรู เี ทน (POLYURETHANE) หรือสีฟลูออโรคาร์บอน (FLUOROCARBON)
ให้ทาสีรองพืน้ กันสนิม EPOXY 1-2 ครัง้
3.3.3 ผิวเหล็กอาบสังกะสี หรือโลหะผสม อลูมเิ นียม ทองแดง
(1) ถ้าสีทบั หน้าเป็ นสีน้ํามัน หรือสีน้ํามันอะครีลคิ (ACRYLIC SOLVENT) ให้ทาสีรองพืน้ วอซไพรเมอร์ 1 ครัง้ และทาสี
รองพืน้ กันสนิมซิงค์โครเมท 1-2 ครัง้
(2) ถ้าสีทบั หน้าเป็ นสีโพลียรู เี ทน (POLYURETHANE) หรือสีฟลูออโรคาร์บอน (FLUOROCARBON) ให้ทาสีรองพืน้
วอซไพรเมอร์ 1 ครัง้ และทาสีรองพืน้ กันสนิมอีพอ้ กซีซ่ งิ ค์โครเมท 1-2 ครัง้ หรือ สีรองพืน้ อีพ๊อกซีโ่ มดิฟายด์ ชนิด
ฟิลม์ หนา ทีท่ าทับบนพืน้ ผิวโลหะผสมได้
3.4 งานเครื่องหมายจราจรบนผิวถนนและขอบทาง
3.4.1 ถ้าสีทบั หน้าเป็ นสีเทอร์โมพลาสติก (THERMOPLASTIC) ให้ทาสีรองพืน้ TACK COAT 1 ชัน้
3.4.2 ถ้าสีทบั หน้าเป็ นสี CHLORINATED RUBBER ALKYD RESIN ไม่ตอ้ งทาสีรองพืน้
- ขัน้ ตอนที่ 2 หลังจากเตรียมพืน้ ผิวตามขัน้ ตอนที่ 1 แล้วนัน้ ให้ผรู้ บั จ้างทําการพ่นสีรองพืน้ กันสนิมประเภท Inorganic
Zinc Silicate ทันทีทค่ี วามหนา 60-75 ไมครอน
PMC CODE : 002_2016 โครงการออกแบบอาคารเรียนอเนกประสงค์และปฏิ บตั ิ การวิ ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิ ทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
Page 252 of 521
ผลิตภัณฑ์สตี ามทีร่ ะบุในขัน้ ตอนที่ 2-5 กําหนดให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ TOA, Jotun, International, Dimet, Carboline หรือ
เทียบเท่า โดยผูร้ บั จ้างต้องนําเสนอชนิดและรุ่นพร้อมทัง้ เอกสารคุณสมบัตขิ องสีประกอบเพื่อขออนุมตั ใิ ช้งานก่อน
ดําเนินการ
จบหมวดที่ 39
หมวดที่ 40
งานระบบกันซึม
1. ขอบเขต
ในงานนี้จะกล่าวถึงวัสดุทท่ี าํ หน้าทีก่ นั นํ้าหรือของเหลวรัวซึ
่ มเข้าไปในอาคาร ทีผ่ วิ ด้านนอกของอาคารทัง้ แนวนอน
และแนวตัง้ หากมีกาํ หนดไว้ในรูปแบบและรายการละเอียด
2. ข้อปฏิบตั ทิ วไป
ั่
ผูร้ บั จ้างต้องสังซื
่ อ้ วัสดุกนั ซึมโดยตรงจากบริษทั ผูผ้ ลิต หรือตัวแทนจําหน่ายของบริษทั ผูผ้ ลิตโดยต้องมีใบรับรองจาก
บริษทั แจ้งปริมาณทีส่ งมาเพื
ั่ ่องานนี้จริง
2.1 ผูต้ ดิ ตัง้ ระบบกันซึมต้องเป็ นตัวแทนทีไ่ ด้รบั การแต่งตัง้ จากบริษทั ผูผ้ ลิตหรือเป็ นผูผ้ ลิตวัสดุ
2.2 ผูร้ บั จ้างต้องทําการตรวจสอบรูปแบบและรายการละเอียดของงานระบบกันซึมและเสนอวิธกี ารติดตัง้ ระบบ
กันซึมให้แก่คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาก่อนทําการติดตัง้
2.3 การติดตัง้ ไม่ว่าจะเป็ นระบบกันซึมชนิดใดก็ตาม ต้องดําเนินการโดยช่างผูช้ าํ นาญการ เพื่อทีจ่ ะทําให้เป็ น
ระบบกันซึมทีส่ มบูรณ์แบบและถูกต้องตามกรรมวิธขี องบริษทั ผูผ้ ลิต
4. การติดตัง้ ระบบกันซึม
4.1 ส่วนประกอบของวัสดุกนั ซึม ต้องมีคุณภาพสมบูรณ์พร้อมทีจ่ ะใช้งานได้ดี
4.2 ให้ปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนต่างๆ ในการติดตัง้ ระบบกันซึม ตลอดจนระยะเวลาในการติดตัง้ อย่างเคร่งครัด ตาม
มาตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิตและติดตัง้ เพื่อทีจ่ ะได้ระบบกันซึมทีม่ ปี ระสิทธิภาพสมบูรณ์
4.3 ให้ตรวจสอบขัน้ ตอนในการทํางานของระบบงานอื่นๆ และต้องประสานงานกับงานระบบอื่นทีเ่ กี่ยวข้องกับ
งานระบบกันซึม เพื่อป้องกันความเสียหายทีอ่ าจจะเกิดขึน้ กับระบบกันซึม
4.4 ให้ผรู้ บั จ้างเสนอวิธกี ารติดตัง้ ตลอดจนต้องจัดทํารูปแบบขยายระยะรายละเอียดขณะก่อสร้าง (Shop
Drawing) ในส่วนทีเ่ สีย่ งต่อการรัวซึ
่ ม เช่นการจบของแผ่นกันซึมกับผนังและรูระบายนํ้า ส่วนทีม่ งี านระบบอื่นกีดขวาง เช่น
ตําแหน่งทีต่ งั ้ เครื่องระบายความร้อนของระบบปรับอากาศ เป็ นต้น
4.5 วัสดุกนั ซึมทีใ่ ช้กบั หลังคา ดาดฟ้า หรือถังเก็บนํ้าหากแบบและรายการละเอียด กําหนดให้มวี สั ดุกนั ซึมกับ
หลังคา หรือดาดฟ้าทีต่ อ้ งการรองนํ้าฝนไว้ใช้ หรือภายในถังหรือบ่อเก็บนํ้า สระว่ายนํ้า หรืออ่างเลีย้ งปลา ต้องเป็ นวัสดุท่ี
ปราศจากสารพิษเจือปน ไม่เป็ นอันตรายต่อสิง่ มีชวี ติ และสิง่ แวดล้อม (Non toxic) โดยมีหนังสือรับรองความปลอดภัยของ
ผลิตภัณฑ์จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือสถาบันทีเ่ ชื่อถือได้
5. ประเภท การจัดทํากันซึม
5.1 หลังคาคอนกรีต ระบบกันซึมดาดฟ้า (Roof Slab Water Proofing)
(1) ขอบข่าย
หลังคาคอนกรีตตามระบุไว้ในแบบก่อสร้างทัง้ หมดและดําเนินการตามมาตรฐานผูผ้ ลิตโดยเคร่งครัด
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมทําแบบ Shop Drawing รายละเอียดในส่วนต่างๆ ในการติดตัง้ ตามแบบ
ก่อสร้างและวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบเพื่อขออนุมตั แิ ละตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบ
(2) วัสดุ
เป็ นวัสดุประเภท Acrylic Polymer โดยเสริมแรงด้วย Fiber Glass Chopped Stand Mat 300 G/M2
ชนิดสาน เป็ นเส้นใยทีม่ คี วามยืดหยุ่นได้ทุกทิศทาง สามารถทนแรงฉีกขาดได้ดี เพื่อเพิม่ ความ
แข็งแรง เป็ นระบบทา 5 ชัน้ มีคณ ุ สมบัตใิ นการทน UV Resistance 2000 Hrs. ตามมาตรฐาน Astm
G 53 สามารถทนแรงดึงได้ไม่น้อยกว่า 16.8 N/mm2 และชัน้ Top Coat ผสม Sand โดยมีค่าความ
แข็งไม่น้อยกว่า 86.7 N/mm2 ตามมาตรฐาน ASTM ความหนาไม่น้อยกว่า 800 ไมครอน รับประกัน
คุณภาพป้องกันการรัวซึ ่ มเป็ นระยะเวลา 10 ปี ให้เป็ นไปตามมาตรฐานกรรมวิธขี องบริษทั ผูผ้ ลิตหรือ
ตัวแทนจําหน่าย ผลิตภัณฑ์ ของ Deckard, Pro-Act Traffigard, Formak ของ บ. Louis
Tleonowents , หรือคุณภาพเทียบเท่า
(3) ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุ ทีจ่ ะใช้แต่ละชนิด และอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงนํ้ายากันซึมไม่น้อยกว่า
2 ตัวอย่าง และส่งให้ผคู้ วบคุมงานตรวจสอบเห็นชอบตามความต้องการทีจ่ ะนําไปใช้งานถ้าไม่ชดั เจน
ในรายละเอียดของวัสดุให้ปรึกษาผูอ้ อกแบบก่อนขออนุมตั ใิ ช้งาน
(4) การติดตัง้
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาผูด้ าํ เนินการหรือช่างฝีมอื ทีม่ คี วามชานาญในการติดตัง้ มีประสบการณ์ในการ
ติดตัง้ และได้รบั การอนุมตั หิ รือแต่งตัง้ จากบริษทั ผูผ้ ลิตโดยตรง เป็ นผูด้ าํ าเนินการให้เป็ นไปตามแบบ
ขยาย Shop Drawing ทัง้ นี้การติดตัง้ อุปกรณ์ทเ่ี กีย่ วข้อง ต้องถูกต้องสมบูรณ์ตามกรรมวิธแี ละ
คําแนะนําของบริษทั ผูผ้ ลิตโดยเคร่งครัด ทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องได้ระดับเรียบแนบสนิทเป็ นแนว
เรียบร้อย ผูร้ บั จ้างจะต้องมีการประสานงานร่วมกับ ผูร้ บั จ้างหลัก เพื่อกําหนดตําแหน่งและพิจารณา
ส่วนต่างๆ ทีเ่ กีย่ วข้องในการติดตัง้ และตรวจสอบสถานทีท่ จ่ี ะดําเนินการทุกแห่งให้สมบูรณ์เรียบร้อย
ถ้ามีขอ้ บกพร่องใดๆ ให้มกี ารแก้ไขให้ถูกต้องก่อนจะมีการติดตัง้
(5) การเตรียมผิวงาน
พืน้ หลังคาจะต้องขัดฉาบผิวเรียบให้ได้ระดับลงท่อระบายนํ้าทิง้ กรณีมรี อยแตกร้าว น้อยกว่า 1 มม.
ซ่อมรอยร้าวด้วยนํ้ายา Super Roofcote ทีม่ คี วามยืดหยุ่น 1000% และกรณีมรี อยร้าวเกินกว่า 1 มม.
สกัดรอยร้าวเป็ นรูปตัว V และซ่อมด้วย Non Shrink Grout
(6) การดําเนินการติดตัง้
ชัน้ ที่ 1 ทานํ้ายา Acrylic Polymer ด้วยลูกกลิง้ และทิง้ ไว้ให้แห้งอย่างน้อยชัน้ ละประมาณ 1-2 ชัวโมง ่
ชัน้ ที่ 2 ทานํ้ายา Acrylic Polymer ด้วยลูกกลิง้ อีกครัง้
ชัน้ ที่ 3 ปู Fiber Glass Chopped Stand Mat 300 g/m2 ขณะทีช่ นั ้ ที่ 2 ยังเปี ยกอยู่ โดยรีบปูแผ่น
Fiber Glass Chopped Stand Mat และทานํ้ายาทับบน Fiber Glass จนเปี ยกโชก และรีด
ผ้าให้เรียบจนไม่มรี อยย่นของผ้า แล้วทิง้ ไว้ให้แห้ง
ชัน้ ที่ 4 ทานํ้ายา Acrylic Polymer ด้วยลูกกลิง้ อีกครัง้
ชัน้ ที่ 5 ทานํ้ายา Acrylic Polymer เป็ นชัน้ สุดท้าย ทีม่ สี ว่ นผสมของ Sand เคลือบผิวแกร่งเพื่อป้องกันแรงขีดข่วน และทิง้ ไว้
ให้แห้งประมาณ 1-2 สัปดาห์ (ทัง้ นี้ขน้ึ อยู่กบั สภาพภูมอิ ากาศด้วย)
5.2 งานระบบกันซึม และยางยาแนว (Water Proofing, Sealant Caulking)
ระบบกันซึม (Water Proofing System)
ขอบข่าย
ระบบกันซึมบนผิว ค.ส.ล และการติดตัง้ ตามระบุไว้ในแบบก่อสร้าง ผูร้ บั จ้าง จะต้องจัดเตรียมทาแบบ Shop
Drawing ของรายละเอียดต่างๆ เพื่อขออนุมตั แิ ละตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบ
วัสดุ
การทําระบบนํ้ายากันซึมและขัน้ ตอนการป้องกันนํ้าในชัน้ ใต้ดนิ (Basement Waterproofing) ให้เป็ นไปตาม
มาตรฐานกรรมวิธขี องบริษทั ผูผ้ ลิต หรือตัวแทนจาหน่าย Pro-Act, Radcon, Fosroc หรือคุณภาพเทียบเท่า การรับประกัน
ให้ทาํ เอกสารรับประกันคุณภาพป้องกันการรัวซึ ่ มเป็ นระยะเวลา 10 ปี (รวมค่าวัสดุและแรงงาน) โดยมีรายละเอียดการ
ติดตัง้ ระบบกันซึมดังนี้
(1) ระบบกันซึมสําหรับติดตัง้ บริเวณพืน้ และผนังโครงสร้างใต้ดนิ
ใช้ระบบกันซึมแบบโทไนท์ จีโอเท็กไทล์เมนเบรน ซึง่ ประกอบด้วยเบนโทไนท์ ปริมาณ 5.37
kg./sq.m. ด้านหลังแผ่นทีจ่ ะต้องสัมผัสน้าติดด้วยแผ่น HDPE วัสดุทใ่ี ช้ คือ Velclay Voltex DS หรือเทียบเท่า โดย
มาตรฐาน Peel Adhesion to Concrete ASTM D 903 Mod. 25 kN/m Min Hydrostatic Pressure Resistance ASTM
D5385 100 PSI (70 M) Permeability ASTM D5084 1x 10-11 cm/sec Grab Tensile Strength ASTM D 4632 422 N
Puncture Resistance ASTM D4833 445 N วัสดุประกอบติดตัง้ Accessory Waterproofing Products
(1.1) Volclay Bentenseal : เบนโทไนท์คอมปาวด์ สําหรับใช้เกรียงฉาบในบริเวณทีแ่ ผ่นถูกเจาะผ่าน
รูยดึ แบบบริเวณมุม และบริเวณจบปลายแผ่น
(1.2) Volclay Waterstoppage : เกล็ดเบนโทไนท์สาํ หรับใช้โรยรอยฟุตติง้ และบริเวณทีม่ กี ารเจาะ
ทะลุ
(2) รอยต่อกับข้อต่อ (Cold Joint)
ทัง้ หมดของโครงสร้างคอนกรีตต้องเชื่อมกันให้ตรงและมิดชิดทัง้ ยังตัง้ แผ่นยางกันซึม PVC คัน่
รอยต่อในส่วนโครงสร้างทีต่ อ้ งรับแรงดันของนํ้า เช่น ผนังและพืน้ ห้องใต้ดนิ ถังเก็บนํ้าทุกตําแหน่ งทีม่ กี ารหยุดเท
คอนกรีตตามคําสังผู่ ค้ วบคุมงาน การต่อแผ่นยางกันซึม PVC ให้ใช้วธิ กี ารเชื่อมด้วยความร้อน ห้ามใช้วธิ ที าบ ก่อนเท
คอนกรีตต้องยึดแผ่นกันซึม PVC ให้ได้แนวและยึดด้วยลวดทีร่ ตู าไก่ทต่ี อกไว้ทุกระยะ 20 ซม. เพื่อการเคลื่อนตัวของ
คอนกรีตทีเ่ ทตามกรรมวิธขี องผูผ้ ลิต
(3) วิธปี ้ องกันนํ้าซึมบนหลังคาดาดฟ้า (Roof Slab Waterproofing)
(3.1) ระบบกันซึมสําหรับหรับดาดฟ้า Slab คสล. พืน้ หรือส่วนที่ “แบบ” ระบุ ให้ทาํ ระบบกันซึมแบบ
Self Adhesive ให้ใช้ระบบปูดว้ ยแผ่นกันซึม การติดตัง้ ตามกรรมวิธขี องผูผ้ ลิต แผ่นกันซึมใช้ Bitustick หรือเทียบเท่า
หรือผลิตภัณฑ์ตามทีร่ ะบุใน “แบบ” ถ้าในแบบระบุให้ทาํ Finishing บนดาดฟ้า Slab คสล. หรือส่วนทีร่ ะบุ ในแบบให้ทาํ
ระบบกันซึม ให้เท Topping โดยใช้คอนกรีต Class B (หินเกล็ด เสริมด้วยตะแกรงเหล็ก (Wire Mesh)) ขนาด 10 ซม.
ทับบนแผ่นปูกนั ซึม และให้ทาํ รอยต่อทุกพืน้ ที่ 4 ตารางเมตร อุดรอยต่อด้วย Joint Sealant กรรมวิธกี ารทําข้างต้นให้
ปรึกษา ผูผ้ ลิตแผ่นกันซึมทีไ่ ด้รบั อนุมตั ทิ ุกขัน้ ตอน
(4) ถังเก็บนํ้า สระนํ้า บ่อนํ้าพุ กระบะปลูกต้นไม้
(4.1) คอนกรีตทีใ่ ช้ตอ้ งจํากัดปริมาณการใช้วสั ดุทส่ี ามารถแทนซีเมนต์ได้เป็ นต้นว่าขีเ้ ถ้า ลอย
จบหมวดที่ 40
หมวดที่ 41
งานแผ่น ALUMINIUM COMPOSITE
1. ขอบเขตของงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือทีจ่ าํ เป็ น พร้อมทัง้ ช่างฝีมอื ดี มีความชํานาญงานเพื่อดําเนินการ
ติดตัง้ ประกอบขึน้ แผ่นอลูมเิ นียมคอมโพสิต (Aluminium Composite panel) และโครงเคร่า รวมทัง้ อุปกรณ์อ่นื ๆ ทีใ่ ช้
ประกอบติดตัง้ วัสดุยาแนวเพื่อเป็ นการป้องกันการรัว้ ซึมของนํ้าในพืน้ ทีท่ ก่ี าํ หนดตามระบุในแบบก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์
และตรงตามมาตรฐานวิธกี ารติดตัง้ จากบริษทั ผูผ้ ลิตอย่างเคร่งครัด โดยทุกส่วนทีต่ ดิ ตัง้ จะต้องได้ระนาบทัง้ แนวตัง้ และ
แนวนอน แนวรอยต่อแผ่นจะต้องเป็ นเส้นตรงได้ฉาก มีความปราณีตตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนด ทัง้ นี้ผรู้ บั จ้างจะต้องจัดทํา
SHOP DRAWING แสดงรายละเอียดการติดตัง้ ไม่น้อยกว่า 3 ชุด ส่งให้แก่ผคู้ วบคุมงาน เพื่อทําการตรวจสอบรูปแบบ
และคุณสมบัตขิ องผลิตภัณฑ์เพือ่ ทําการขออนุมตั กิ ่อนทีจ่ ะนําไปติดตัง้ จริงอย่างน้อย 60 วัน
2. วัสดุ
2.1 ตัวแผ่นผนังอลูมเิ นียมคอมโพสิต
(1) ค่าการนําความร้อน ทัง้ รุ่นธรรมดา และรุ่นกันไฟ 0.3387 W/m.C
(2) ผิวมีความเรียบ ทําความสะอาดฝุน่ ละอองและคราบเขม่าได้ง่ายโดยใช้น้ําและผงซักฟอก ถูออกด้วย
ฟองนํ้า อัตรา การโก่งไม่เกิน 5% ของความยาว หรือหน้ากว้าง
(3) ค่า Acoustic Insulation ตาม ASTM E413
(4) ผนังอลูมเิ นียมคอมโพสิต (Aluminum Composite Panel) ต้องมีความหนารวมไม่น้อยกว่า 4
มม.ผิวอลูมเิ นียมหนา 0.5 มิลลิเมตร ทัง้ 2 ด้าน ทําจากวัสดุอลูมเิ นียมผสมเกรด 3105 H16 มี
ผลทดสอบแรงดึงตาม ASTM E8M-90a
(5) นํ้าหนัก (ทีค่ วามหนา 4 มิลลิเมตร) ไม่น้อยกว่า 5.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ขนาดมิตนิ อกเหนือจาก
มาตรฐาน กําหนดให้ใช้ตามมาตรฐานการอ้างอิงของบริษทั ผูผ้ ลิตรายนัน้ โดยตรง
2.2 แกนกลางของแผ่นผนังอลูมเิ นียมคอมโพสิต
(1) แกนกลาง PE สําหรับรุ่นธรรมดาผลิตจาก PE ชนิดความหนาแน่นตํ่า Low Density Polyethylene
(LDPE 5310)
(2) แกนกลาง FR สําหรับกันไฟผลิตจาก Polyolefin 28% Magnesium Hydroxide 70% (สารทีท่ าํ ให้ไม่
ลามไฟ) ผ่านการทดสอบตาม ASTM E119 ทนไฟได้นาน 60 นาที
2.3 วัสดุประสานระหว่างชัน้ ผิวอลูเนียม
วัสดุประสานระหว่างชัน้ ผิวอลูมเิ นียมทีป่ ระกอบเข้ากับแกนกลางนัน้ ต้องใช้วสั ดุประสานเป็ นแผ่นกาวทีม่ คี ุณภาพสูง
เพื่อป้องกันการบวมพองของชัน้ ผิวอลูมเิ นียมกับแกนกลาง
2.4 ระบบสี
(1) ผิวด้านนอกเคลือบด้วยสี PVDF (Polyvinylidene Fluoride) ชนิด KYNER 500 เคลือบหนา 25
ไมครอน มีผลทดสอบการเปลีย่ นแปลงของสีไม่น้อยกว่า 15 ปี
(2) ผิวอลูมเิ นียมทีป่ ระกอบด้านหลัง แผ่นต้องมีการเคลือบสีดว้ ยระบบ Polyester Costing หรืออินาเมล
เพื่อป้องกันการสึกกร่อนจากปฏิกริ ยิ า กัดกร่อนจากนํ้าปูน
8. การรับประกัน
8.1 รับประกันคุณภาพวัสดุ เช่น การบวมของผิวอลูมเิ นียมและสีเคลือบ สีลอกล่อน สีด่าง หรือสีแตกลายงา การ
หลุดล่อนของผิวอลูมเิ นียม เป็ นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี
8.2 รับประกันคุณภาพงานติดตัง้ เช่น การกันนํ้า การยึดแน่นของแผ่น วัสดุยาแนว และโครงสร้าง เป็นเวลาไม่
น้อยกว่า 2 ปี
จบหมวดที่ 41
หมวดที่ 42
งานระบบป้ องกันความร้อนสาหรับอาคาร
3 ฉนวนป้ องกันไฟโครงเหล็ก
3.1 ขอบข่าย
บทนี้จะกล่าวถึงฉนวนป้องกันไฟโครงเหล็ก ซึง่ เป็ นส่วนโครงสร้างหลักของอาคารทัง้ หมดทีม่ ไิ ด้ห่อหุม้ ด้วย
คอนกรีต (Exposed Steel Structure) จะต้องหุม้ ด้วยฉนวนป้องกันไฟตามมาตรฐานข้อกาหนดในเทศบัญญัติ
สําหรับกรณีทม่ี ไิ ด้ระบุให้ใช้ฉนวนป้องกันไฟอย่างอื่นในแบบให้ใช้ฉนวนป้องกันไฟดังต่อไปนี้
3.2 ฉนวนป้ องกันไฟ ระบบยิปซัมทนไฟ หุ้มโครงสร้างเหล็ก
(1) วัสดุ
(1.1) แผ่นฝ้ายิปซัมป้องกันไฟ (Fire Bloc) มีสารใยแก้วผสมในเนื้อยิปซัม ซึง่ เป็ นฉนวนกันความร้อน
ได้มากกว่าแผ่นยิปซัมทัวไป ่ มีอตั ราการป้องกันไฟสูง ขนาดมาตรฐาน 1200 x 2400 มม. หนา 15.9 มม. เลือกใช้
แบบขอบเรียบ (Square Edge) ใช้ผลิตภัณฑ์ของ บ.สยามอุตสาหกรรมยิปซัม, บ.บีพบี ี ไทยยิปซัม หรือเทียบเท่า
(1.2) โครงคร่าวผนังไม่รบั นํ้าหนัก ( Non-Load Bearing Metal Stud Wall)
(1.3) โครงคร่าวผนังต้องแข็งแรงเพียงพอทีจ่ ะรับนํ้าหนักของแผ่นยิปซัมบอร์ด ได้มาตรฐาน
มอก.863-2532 โดยผลิตจากกรรมวิธเี หล็กรีดร้อนชุบสังกะสี ไม่น้อยกว่า 220 กรัม/ ตร.ม. กันสนิมได้มาตรฐาน
มอก. 50-2538 รวมทัง้ เหล็กเข้ามุมโดยโครงคร่าว นอนตัว U ขนาดไม่เล็กกว่า 32 x 76 มม. หนาไม่น้อยกว่า 0.5
มม. โครงคร่าวตัง้ ตัว C ขนาดไม่เล็กกว่า 35 x 75 มม. หนาไม่น้อยกว่า 0.5 มม. ใช้ผลิตภัณฑ์ของ บ.สยาม
อุตสาหกรรมยิปซัม, บ.บีพบี ี ไทยยิปซัม หรือเทียบเท่า
(1.4) สกรูทใ่ี ช้ยดึ แผ่นยิปซัมกับโครงคร่าว ใช้สกรูเกลียวปล่อย
(1.5) ปูนปลาสเตอร์และผ้าเทป ใช้สาํ หรับฉาบรอยต่อ ใช้ผลิตภัณฑ์ของ บ.สยามอุตสาหกรรมยิปซัม,
บ.บีพบี ี ไทยยิปซัม หรือ เทียบเท่า
(2) การติดตัง้
ผูร้ บั จ้าง ต้องจัดหาช่างฝีมอื ทีม่ คี วามชํานาญหรือได้ใบรับรองมาตรฐานการติดตัง้ จากบริษทั ผูผ้ ลิต
ก่อนการติดตัง้ ให้มกี ารประสานงานกับผูร้ บั จ้างหลัก เพื่อตรวจสอบบริเวณสถานทีท่ เ่ี กีย่ วข้องให้สมบูรณ์ การติดตัง้
ทัง้ ระบบต้องผ่านมาตรฐานการป้องกันไฟ 3 ชัวโมง ่ ตาม ASTM E-119 จากสถาบันทีม่ ชี ่อื เสียง หรือได้ใบยืนยัน
รับรองจากวุฒวิ ศิ วกรทีเ่ ชื่อถือได้มรี ายละเอียดการติดตัง้ ดังนี้
(2.1) วัดระยะห่างของมุมทัง้ 2 ด้านของโครงสร้าง วางโครงคร่าว C75 ตามระยะห่างทีว่ ดั ได้
(2.2) ตัดโครงคร่าว U 76 ยาวตามระยะห่างทีว่ ดั ได้ ติดโครงคร่าว U76 เข้ากับโครง C75 ทุกระยะ
40 ซม. โดยใช้สกรูยดึ โครง
(2.3) ทําเช่นเดียวกันนี้อกี หนึ่งครัง้ แล้วนําแผงโครงทัง้ 2 ประกบเข้ากับโครงสร้าง จากนัน้ ตัดโครง
U76 ยาวตามระยะห่างของแผงโครงทัง้ 2 แผง แล้วติดเข้าไปบนโครงทัง้ 2 แผง เพื่อหุม้ โครงสร้างทุกระยะ 40 ซม.
โดยใช้สกรูยดึ โครง
(2.4) ติดแผ่นยิปซัมชนิดทนไฟ หนา 15.9 มม. เข้ากับโครงทีห่ มุ้ โครงสร้าง โดยชัน้ แรกใช้สกรูดา 25
มม. ติดทุกระยะ 20 ซม. ส่วนการติดแผ่นชัน้ ทีส่ อง ใช้สกรูดา 38 มม. ติดทุกระยะ 20 ซม. โดยรอยต่อแผ่นชัน้ ใน
และชัน้ นอกต้องไม่ตรงกัน
จบหมวดที่ 42
หมวดที่ 43
งานป้ าย - เครือ่ งหมายทัวไป
่
1. ลักษณะตัวอักษร (FONT)
ให้ใช้มาตรฐานตัวอักษร (FONT) ตามทีม่ กี าํ หนดเป็ นตัวอย่างในแบบก่อสร้างหรือรายการก่อสร้างแล้วแต่กรณี
ยกเว้นทีส่ ถาปนิกจะกําหนดให้เป็ นอย่างอื่นเป็ นพิเศษเฉพาะจุดในขณะก่อสร้าง หากมิได้มกี าํ หนดลักษณะตัวอักษรไว้ใน
แบบหรือรายการก่อสร้าง ให้ผรู้ บั จ้างเสนอสถาปนิกอนุมตั ิ
2. ตําแหน่งติดตัง้
ให้ผรู้ บั จ้างทําแบบขยายรายละเอียด (SHOP DRAWINGS) แสดงตําแหน่งทีต่ อ้ งติดตัง้ ป้ายตามหัวข้อนี้ให้สถาปนิก
พิจารณาและอนุมตั เิ ป็ นลายลักษณ์อกั ษร เมื่อสถาปนิกแก้ไขให้เป็ นไปอย่างใดแล้วผูร้ บั จ้างจะต้องดําเนินการก่อสร้างให้
เป็ นไปตามนัน้
3. แผ่นป้ายโลหะชัวคราว ่
ก่อนลงมือก่อสร้างให้ผรู้ บั จ้างจัดทําแผ่นป้ายโลหะทีเ่ ห็นได้ชดั เจนทีด่ า้ นหน้าของสถานทีก่ ่อสร้าง โดยระบุช่อื อาคาร
เจ้าของอาคาร สถาปนิก วิศวกรผูอ้ อกแบบ ผูค้ วบคุมงาน ผูร้ บั จ้าง ระยะเวลาก่อสร้าง วันทีก่ ่อสร้างแล้วเสร็จ และวงเงินค่า
ก่อสร้างตามรูปแบบและรายละเอียดทีส่ ถาปนิกจะกําหนดให้ ให้จดั ทําแผ่นป้ายโลหะนี้จาํ นวน 1 ป้าย หากกฎหมาย
กําหนดให้ตอ้ งระบุรายละเอียดใดเพิม่ เติมหรือมีขอ้ กําหนดใดเป็นพิเศษ ผูร้ บั จ้างต้องจัดทําให้สอดคล้องตามทีก่ ฎหมาย
กําหนดนัน้ ด้วย
4. ป้ายชื่อโครงการหรือชื่ออาคารถาวร
หากในแบบมิได้กาํ หนดเอาไว้ ให้ผรู้ บั จ้างจัดทําป้ายชื่อและป้ายสัญลักษณ์โครงการหรืออาคาร ติดตัง้ ในสถานที่
ก่อสร้างบริเวณทีม่ องเห็นจากทางสาธารณะได้ชดั เจน หรือติดตัง้ ทีต่ วั อาคาร หรือในตําแหน่งทีส่ ถาปนิกจะกําหนดให้
ภายหลังตามขนาด สี วัสดุ และรูปแบบทีส่ ถาปนิกจะกําหนดรายละเอียดต่อไป ให้จดั ทําแผ่นป้ายโครงการเหล่านี้จาํ นวน 1
ชุด
5. ป้ายเครื่องหมายห้องนํ้า
ให้ผรู้ บั จ้างจัดทําป้ายสัญลักษณ์ “ชาย” และ “หญิง” ติดหน้าห้องนํ้ารวมชายและหญิงทุกห้อง โดยป้ายจะต้องเป็ นส
เตนเลส ขนาด 0.12x0.20 เมตร ติดสูงจากพืน้ หน้าห้อง 1.50 เมตร ให้ผรู้ บั จ้างเสนอสัญลักษณ์ให้สถาปนิกอนุมตั กิ ่อนสังทํ ่ า
6. เสาธง
ให้ผรู้ บั จ้างจัดหาและติดตัง้ เสาธงและอุปกรณ์ประกอบต่างๆ รวมทัง้ ผืนธงในตําแหน่งทีร่ ะบุในแบบก่อสร้าง เสาธง
เป็ นเสาสูงปลายเรียว ผลิตจากเหล็กอาบสังกะสีดว้ ยวิธี HOT DIP GALVANIZED มีความแข็งแรง สามารถทนแรงลมได้ดี
ลักษณะการติดตัง้ ปราศจากการยึดด้วยสลิง ระบบขึน้ -ลงใช้แบบมือหมุน ให้ใช้เสาธงสําเร็จรูปผลิตภัณฑ์ CCH. หรือ
เทียบเท่า โครงสร้างรับตัวเสาและฐานรอบเสาหากในแบบไม่ได้ระบุรายละเอียด ให้ผรู้ บั จ้างทําแบบขยายรายละเอียด
(SHOP DRAWINGS) เสนอผูอ้ อกแบบพิจารณาอนุมตั กิ ่อนดําเนินการ
จบหมวดที่ 43
หมวดที่ 44
งานเครือ่ งหมายอุปกรณ์จราจร
1. ลักษณะตัวอักษร - สัญลักษณ์
ให้ใช้มาตรฐานตัวอักษร (FONT) และสัญลักษณ์ ตามทีม่ กี าํ หนดเป็ นตัวอย่างในแบบก่อสร้างหรือรายการก่อสร้าง
แล้วแต่กรณี ยกเว้นทีส่ ถาปนิกจะกําหนดให้เป็ นอย่างอื่นเป็ นพิเศษเฉพาะจุดในขณะก่อสร้าง หากมิได้มกี าํ หนดลักษณะ
ตัวอักษรไว้ในแบบหรือรายการก่อสร้าง ให้ผรู้ บั จ้างเสนอผูอ้ อกแบบพิจารณาความเห็นเบือ้ งต้นและนําเสนอผูค้ วบคุมงาน
และกรรมการตรวจการจ้างฯ พิจารณาอนุมตั ิ
2. ตําแหน่งติดตัง้
ให้ผรู้ บั จ้างทําแบบขยายรายละเอียด (SHOP DRAWINGS) แสดงตําแหน่งทีต่ อ้ งติดป้ายตามหัวข้อนี้ ให้ผอู้ อกแบบ
พิจารณาและนําส่งผูค้ วบคุมงานและกรรมการตรวจการจ้างฯอนุมตั เิ ป็ นลายลักษณ์อกั ษร เมื่อผูค้ วบคุมงานและกรรมการ
ตรวจการจ้างฯ พิจารณาแก้ไขให้เป็ นไปอย่างใดแล้ว ผูร้ บั จ้างจะต้องดําเนินการก่อสร้างให้เป็ นไปตามนัน้
3. เส้นแนวถนน แนวช่องแบ่งทีจ่ อดรถ และลูกศรชีท้ ศิ เดินรถ
ให้ผรู้ บั จ้างตีเส้นแบ่งแนวช่องถนนและเส้นแบ่งช่องจอดรถบนพืน้ ตามแนวทีแ่ สดงในแบบ โดยภายในอาคารให้ใช้สี
จราจรสีขาว ส่วนภายนอกอาคารให้ใช้เทอร์โมพลาสติกขนาดเส้นกว้างไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร และให้ผรู้ บั จ้างตี
เครื่องหมายลูกศรชีท้ ศิ ทางเดินรถลงบนพืน้ ถนนและสัญญลักษณ์ทจ่ี อดรถผูพ้ กิ าร รูปแบบของลูกศรและสัญญลักษณ์ให้ใช้
ตามมาตรฐานของกรมทางหลวงและ Universal Design สําหรับทิศทางลูกศร ขนาดลูกศร และตําแหน่งทีต่ อ้ งเขียนลูกศร
ตลอดจนแนวทางข้าม และพืน้ ทีห่ า้ มจอด สถาปนิกหรือผูว้ ่าจ้างจะกําหนดให้ภายหลัง จํานวนเครื่องหมายทัง้ หมดตามความ
เหมาะสม
4. ป้ายเครื่องหมายจราจร
ให้ผรู้ บั จ้างทําป้ายเครื่องหมายกํากับจราจรพร้อมเสา โดยป้ายทําด้วยโลหะสีเ่ หลีย่ มหรือวงกลมขนาด 1 ตารางฟุต
ยึดติดกับเสาเหล็กกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 1/2 นิ้ว หนาไม่น้อยกว่า 4 มิลลิเมตร เสาปกั ฝงั ลงในดินโดยมีฐานคอนกรีต
ขนาด 0.25 x 0.25 x 0.50 เมตร หลังฐานอยู่ทร่ี ะดับ 0.30 เมตร เหนือทางเท้า รูปแบบของป้ายให้ใช้ตามมาตรฐานของกรม
ทางหลวง เครื่องหมายบนป้ายและตําแหน่งติดตัง้ ป้าย ผูอ้ อกแบบจะเป็ นผูก้ าํ หนดภายหลัง สีทใ่ี ช้เขียน/ทา/พ่น เครื่องหมาย
เป็ นสีสะท้อนแสงทีท่ นแดดทนฝน ทัง้ นี้ให้เป็ นไปตามรูปแบบกําหนดให้ดาํ เนินการ
5. รายละเอียดคุณสมบัตวิ สั ดุ
งานเครื่องหมายจราจรบนผิวทาง (Pavement Markings)ลักษณะของงาน งานนี้ประกอบด้วยการทาสีทาํ
เครื่องหมายจราจรพืน้ ผิว ซึง่ ประกอบด้วย
ก. การตีเส้นเครื่องหมายจราจรแบบเส้นทึบ เส้นประ ทางคนข้าม เส้นหยุด เส้นแนวการจอดรถ ลูกศร ข้อความ หรือ
เครื่องหมายต่าง ๆ บนผิวถนน คันหินและลานจอดรถ ตามทีแ่ สดงในแบบรายละเอียด และหรือตามทีผ่ คู้ วบคุมงานและ
กรรมการตรวจการจ้างฯ เห็นสมควรให้แก้ไขเพิม่ เติม
ข. การตีเส้นทําเครื่องหมายจราจรบนพืน้ อาคารทีจ่ อดรถตามทีแ่ สดงในแบบรายละเอียด และหรือตามทีผ่ คู้ วบคุมงาน
และกรรมการตรวจการจ้างฯ เห็นสมควรให้แก้ไขเพิม่ เติม
วัสดุ สีสาหรับเครือ่ งหมายจราจรบนผิวทางแบบถาวรทัง้ หมด ต้องเป็ นสีเทอร์โมพลาสติก ชนิดทาร้อน ส่วนเครือ่ งหมาย
จราจรบนคันหิน เป็ นสีเทอร์โมพลาสติก ชนิดทาเย็น
ก. สีเทอร์โมพลาสติ กชนิ ดทาร้อน สีเทอร์โมพลาสติกต้องเป็ นสีผสมสําเร็จรูปทีโ่ รงงาน จากผูผ้ ลิตทีไ่ ด้รบั การ
เห็นชอบ และต้องเหมาะสมกับประเภท และสถานทีข่ องการใช้งาน สีตอ้ งมีคุณสมบัตเิ ป็ นสารเทอร์โมพลาสติกในสภาวะ
ส่วนประกอบของระบบ
3.1 ชุดควบคุมส่วนกลาง
ระบบ Parking Barrier Control System ต้องสามารถควบคุม ตรวจสอบหรือแจ้งเตือน ( Alarm ) หรือสังการ
่
หรือรับรูแ้ ละบันทึกเหตุการณ์ได้ท่ี Security Control Room โดยประกอบด้วย ( Minimum Requirement )
Adapter
- Monitor :
LCD 20" หรือดีกว่า
- Graphics :
PCI-Express หรือดีกว่า
- Keyboard :
มาตรฐาน ไทย/อังกฤษ
- Mouse :
Wheel Mouse Optical or Laser Mouse
- Software :
Window 7 หรือดีกว่า
- Printer :
Laser Color, A4 Paper Size
Power Supply :
220 VAC, 50Hz
3.2 โปรแกรมควบคุม ( System Software )
ต้องเป็ นโปรแกรมทีจ่ ดั ทําขึน้ เพือ่ ใช้กบั ระบบ Parking Barrier Control System โดยเฉพาะ มีลกั ษณะการ
ติดต่อกับผูใ้ ช้งานแบบ GUI ( Graphic User Interface ) ทํางานบนระบบปฏิบตั กิ าร Windows, XP, 7 ปี ล่าสุด
การแก้ไขปรับปรุงหรือการป้องกันข้อมูลต้องสามารถทําได้ท่ี Security Control Room มีการจัดเก็บข้อมูลแบบ
Microsoft Access Database หรือ SQL โปรแกรมจัดการระบบดังกล่าวอย่างน้อยจะต้องสามารถจัดทํา
รายการต่างๆ ได้ดงั นี้
การตัง้ ระบบ ( Set Up ) กําหนดรหัสของระบบ สามารถแบ่งระดับความสําคัญของผูใ้ ช้เครื่อง
-
ได้ไม่น้อยกว่า3 ระดับ โดยแต่ละระดับสามารถตัง้ รหัสได้ดว้ ย โดยประกอบด้วยตัวเลขหรือ
ตัวอักษรต่างๆ กันไม่น้อยกว่า 8 หลัก
การโปรแกรมชุดอ่านบัตร ต้องสามารถกําหนด ชื่อรูปถ่าย หมายเลข ชนิด เวลาทีเ่ ปิ ดประตู
- และเวลาแจ้งเหตุหรือระดับความปลอดภัย พร้อมทัง้ สามารถเลือกทีจ่ ะให้ขอ้ มูลแสดงที่
เครื่องพิมพ์ เก็บไว้ในแฟ้มทะเบียนบัตรได้
สามารถกําหนดการใช้งานระบบ (Operator) ได้สงู สุดไม่น้อยกว่า 10 Operator และสามารถ
-
Log On พร้อมกันได้ไม่น้อยกว่า 5 User ในเวลาเดียวกัน
- สามารถกําหนดวันและเวลา หมดอายุของบัตรแต่ละใบได้ ( Card Expired Date )
ต้องสามารถโปรแกรมการแจ้งเหตุ Alarm รูปแบบต่างๆ ตามความต้องการได้ และสัญญาณ
-
Alarm จะมีการเก็บไว้ใน Log และสามารถพิมพ์เป็ นรายงานได้
- สามารถสังเปิ่ ด-ปิ ดประตู ( Remote Door Control ) ได้จากทาง PC
การรายงานต้องสามารถแสดงผลทางหน้าจอ หรือพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ โดย
-
แสดง
หมายเลขบัตร วัน เวลา ทีผ่ ่านเข้า
·
ออกตามปกติ
วัน เวลา ตําแหน่งประตูทเ่ี ปลีย่ น
·
สถานะ
สถานะของของอุปกรณ์
·
Sensor)
แจ้งเหตุ เมื่อเกิดการเข้าออกบริเวณ
·
ทีไ่ ม่อนุญาต
- โปรแกรมสามารถบันทึกข้อมูลการเข้า-ออกของพนักงาน ทุกครัง้ ทีผ่ ่านการเข้า-ออก
Zone ต่างๆ และสามารถจัดการข้อมูลให้เรียกออกมาดูได้ในลักษณะต่างๆ เช่น
เรียงตามลําดับชื่อและรายละเอียด
·
เฉพาะบุคคล
· แผนกงาน
· ช่วงเวลา
- โปรแกรมสามารถเลือกเจาะจงเวลาในการเข้าออกของผูถ้ อื บัตรในแต่ละ Zone ได้
- โปรแกรมสามารถรับข้อมูลติดต่อกับระบบ Alarm หรือ Detector ของระบบ Fire Door
Monitor และ Close Circuit TV ( CCTV ) เพื่อการบันทึก หรือ ตรวจสอบ หรือ Alarm
และ แจ้งผ่าน Monitor ของ Security
- Control Room
- โปรแกรมสามารถพิมพ์ Transaction Event ทีเ่ กิดขึน้ ออกทางเครื่องพิมพ์ได้
- การแสดงผลเมื่อมีการแจ้ง Alarm ให้จอภาพแสดงตําแหน่งประตูเกิดเหตุ เป็ นแผนภาพ
ของ อาคารแบบ
- Dynamic Graphic ซึง่ สามารถ Input เข้ามาจากไฟล์รปู ภาพ JPG หรือ BMP File และ
แจ้ง Report ทางเครื่องพิมพ์ โดยมีรายละเอียดของวัน เวลา ตําแหน่ง ชนิด เหตุการณ์
โดยอัตโนมัติ และนอกจากนี้ยงั สังการโดยอั
่ ตโนมัตใิ ห้ระบบโทรทัศน์วงจรปิ ดบันทึกภาพ
เหตุการณ์ ( ไม่น้อยกว่า 16 กล้อง ) กรณี Alarm ทีป่ ระตูควบคุม
- อันเนื่องจากมีผพู้ ยายามบุกรุกเข้าประตูดงั กล่าวโดยไมได้รบั อนุญาต
- สามารถส่งสัญญาณเตือน (Alarm) ตามเวลาทีก่ าํ หนด ในกรณีทป่ี ระตูคา้ งทิง้ ไว้ นานเกิน
กว่าทีก่ าํ หนด
- มีระบบป้องกันการจีบ้ งั คับ ( Duress Button )
- สามารถแสดงสถานะการ Online และ Offline ของเครือ่ งควบคุม
- สามารถกําหนดได้ว่า เมื่อมีการใช้บตั รแล้ว ให้ PC แสดงกราฟฟิกเป็ นรูปภาพของ
พนักงานทีเ่ ข้า-ออก ประตูนนั ้ โดยทันทีประกอบด้วยฟงั ก์ชนต่
ั ่ างๆ อย่างน้อย ดังนี้
- Anti Pass Back ป้องกันการใช้บตั รซํ้าในเวลาจํากัด
- สามารถทําการยกเลิกบัตรเดิมได้ เมื่อผูใ้ ช้บตั รเปลีย่ นบัตรใหม่ หรือสูญหาย
- Time Schedule กําหนดเวลาเข้า-ออก ของแต่ละทางเข้าออกให้กบั ผูถ้ อื บัตรได้อย่าง
อิสระ
- Group Access ระบบจะอนุญาตให้เฉพาะกลุ่มทีไ่ ด้รบั อนุมตั มิ กี ารเข้าออก
- Door Monitoring ระบบสามารถตรวจสอบสถานะของประตูได้
- ระบบจะต้องมีการสํารองข้อมูลกรณีมคี วามผิดพลาดใด ๆ เกิดขึน้ โดยข้อมูลต่างๆ จะต้อง
ถ่ายโอนและทํางานได้ปกติเมื่อระบบกลับสูส่ ภาพเดิมแล้วในส่วนของ Hardware จะต้อมี
คุณสมบัตอิ ย่างน้อยดังนี้
- จุดเชื่อมโยงสัญญาณโดยใช้จุดต่อในลักษณะ TCP/IP, หรือ RS485 ได้
- Multi-site capable : stand alone controller, multiple site networking
- ใน 1 ชุดควบคุม ให้สามารถครอบคลุมการทํางานของประตูได้มากทีส่ ดุ ไม่เกิน 8
- ในกรณีระบบรักษาความปลอดภัยได้รบั สัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ประตูทถ่ี ูกควบคุมด้วย
ควบคุม
ไฟแสดงการทํางานระบบไฟฟ้า
·
แผงควบคุม
· ไฟแสดงการรับข้อมูล
- ระบบนี้จะต้องได้รบั การออกแบบสําหรับ card reader ในแต่ละส่วนของระบบรักษาความปลอดภัย
โดยการอนุญาตผ่านเข้าออกได้ในบางพืน้ ทีเ่ ฉพาะบุคคล และกําหนดเวลาในการผ่านเข้าออกในบาง
พืน้ ที่
- มีอุปกรณ์ Audible Alarm อยู่ในแผงชุดควบคุม สําหรับส่งเสียงเมื่อเกิด Alarm ต่าง ๆ
- ต้องสามารถจัดเก็บ Offline Transaction Event กรณีการเชื่อมต่อกับ Security Control Room
ขัดข้องได้ไม่น้อยกว่า 10,000 Event
- มีระบบนาฬิกาในตัวเองและจะทําการตัง้ เวลาให้ตรงกับ Server และโปรแกรมควบคุมโดยอัตโนมัติ
- ต้องสามารถรองรับอุปกรณ์รบั สัญญาณและอุปกรณ์ควบคุม ตามแบบทีก่ าํ หนดและสามารถขยาย
เพิม่ ได้สามารถเก็บข้อมูลบัตรผ่านได้ไม่น้อยกว่า20,000 บัตร
- ระบบนี้ตอ้ งสามารถบันทึกการแก้ไข Program ในลักษณะของ ; วันเดือนปี , เวลา และ รายชื่อผูท้ าํ
การแก้ไข
- ระบบนี้ตอ้ งมร Software สําหรับเรียกแฟ้มข้อมูล เพื่อรายงานผลได้ และต้องมีการบันทึกการลง
เวลา การใช้งานจากบัตร / ระบบต่าง ๆ สามารถตรวจสอบได้
- ระบบต้องสามารถทํางานแบบ stand alone ได้พร้อมกับการบันทึกข้อมูล ถึงแม้ว่าจะเกิดการทํางาน
ผิดพลาดของส่วนกลาง ( central computer failure )
- ส่งสัญญาณเตือนไปยัง CCTV เมื่อมีการพยายามบุกรุก / พังประตูหรือเปิ ดประตูนานผิดปกติ
3.6.1 Entrance :
- Entrance Control Box (Including Controllers, Card Box, LED
Display, Sound)
- Vechicle Detector, Loop
3.6.2 Exit :
- Exit Control Box (Including Controllers, Card Box, LED Display,
Sound)
- Vechicle Detector, Loop
Guard House / Monitoring
3.6.3
Center :
- Guard House
- Computer, Printer and UPS Power
supply
- Parking Managrment Software
- Intercom
- Video card
- Protocol Converter
3.6.4 Picture Capture
- Video card
- Camera & Lens
- Bracket, Camera House, Power
supply
3.7 ชุดอุปกรณ์ไม้กนั ้ รถยนต์ (Parking Barrier)
เป็ นอุปกรณ์ทท่ี าํ หน้าทีค่ วบคุมการเข้า-ออกของรถยนต์ โดยทํางานพร้อมกับเครื่องอ่านบัตร และการ
บันทึกภาพด้านหน้า ตัวรถ พร้อมป้ายทะเบียนรถ ของกล้องฌทรทัศน์วงจรปิ ด เมื่อระบบอ่านบัตรถูกต้องและ
ผูถ้ อื บัตรมีสทิ ธิ เข้าพืน้ ทีไ่ ด้ระบบจะทําการเปิ ดไม้กนั ้ ให้เข้าพืน้ ที่ และเมื่อรถยนต์ผ่านไปแล้ว ไม้กนั ้ จะปิ ดลง
เองโดยอัตโนมัติ อุปกรณ์การควบคุมการเข้า-ออกนี้จะต้องมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้
- เครื่องอ่านบัตรต้องมีระยะอ่านบัตร ไม่น้อยกว่า 50 cm. สามารถทนแดดทนฝนได้
- ใช้ระบบ Motor แบบกระแสสลับหรือกระแสตรงก็ได้
- สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องอ่านบัตรได้
- มี Power Consumption ตํ่าจะต้องมีขนาด แรงบิด ไม่น้อยกว่า150 Nm
- มีระยะเวลาในการเปิ ด-ปิ ด Flap ได้ไม่เกิน 3.5 วินาที
- แขนกัน้ ต้องมีตวั ถังครอบทีม่ ดิ ชิด และสามารถเปิ ดเพื่อปรับตัง้ หรือซ่อมบํารุงได้ง่าย
- วัสดุเป็ นอลูมเิ นียมหรือดีกว่าความยาว 3 เมตร (หรือตามความเหมาะสมของถนน)
- แขนกัน้ เป็ นชนิดกลมหรือเหลีย่ ม สามารถพับได้ ถ้าติดตัง้ ทีม่ เี พดานตํ่า
- สามารถยกขึน้ เองโดยอัตโนมัติ ในกรณีทก่ี าํ ลังปิ ดลงมากระทบรถยนต์ หรือสิง่ กีดขวางตัดผ่าน
- กรณีไฟฟ้าดับ สามารถปลดแผนกัน้ ให้ยกขึน้ ได้โดยอิสระ
สายไฟฟ้ า
4.1 สายสัญญาณต้องเป็ นแบบ multicore หรือได้รบั การแนะนําจากโรงงานผูผ้ ลิต ส่วนขนาดของสายเคเบิล้
ให้เป็ นไปตามทีแ่ สดงไว้ในแบบ
4.2 สาย Power Supply ให้มขี นาดเหมาะสมทีจ่ ะจ่าย Load ได้ ตามคําแนะนําของผูผ้ ลิตและต้องสอดคล้อง
กับมาตรฐานของระบบไฟฟ้ากําลังด้วย
การติ ดตัง้
5.1 การติดตัง้ และเดินสายสําหรับระบบรักษความปลอดภับ ให้เดินด้วยระบบเดินในท่อร้อยสายไฟฟ้าตาม
ปรากฎในแบบ
5.2 อุปกรณ์ต่างๆ จะต้องได้รบั การป้องกันความเสียหาย
5.3 หากมีอุปกรณ์ใดทีต่ อ้ งติดตัง้ ภายนอก จะต้องเป็ นชนิดกันนํ้า (Weather Proof Type) หรือดีกว่า
การทดสอบและการฝึ กอบรม
6.1 ผูร้ บั จ้างภายใต้สญั ญานี้จะต้องจัดบริการเกีย่ วกับการฝึกอบรมโดยตัวแทนจากผูผ้ ลิต เพื่อทีจ่ ะเป็ นการให้
คําแนะนําในการติดตัง้ และติดตามผลของอุปกรณ์นนั ้ ๆ รวมถึงการทดสอบเพื่อจะมันใจได้
่ ว่าระบบนัน้
ทํางานได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และตรงตามกับมาตรฐานและกฎระเบียบต่าง ๆ
6.2 การตจัดการฝึกอบรมควรจัดสําหรับ 4 คน อย่างน้อย 5 วัน สําหรับการจัดการระบบม เทคนิค และการ
ใช้งานในทุกขัน้ ตอน
จบหมวดที่ 44
หมวดที่ 45
งานเครือ่ งหมายหนี ไฟ - ดับเพลิ ง
1. ขอบเขตของงาน
แม้มไิ ด้แสดงไว้ในแบบก่อสร้างก็ตาม ให้ถอื ว่างานในข้อนี้ทุกข้อย่อยเป็ นงานในขอบเขตตามสัญญาของผูร้ บั จ้างที่
จะต้องจัดทําจัดหาวัสดุอุปกรณ์และแรงงานติดตัง้ ให้เสร็จสิน้ สมบูรณ์และครบถ้วน ตามทีร่ ะบุทงั ้ ในรายการก่อสร้างและแบบ
ก่อสร้าง (ถ้ามีระบุ) อย่างเรียบร้อยและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนดูแลรักษาให้คงสภาพดีจนถึงส่งงานงวด
สุดท้าย
2. ลักษณะตัวอักษร - สัญลักษณ์
ให้ใช้มาตรฐานตัวอักษร (FONT) และสัญลักษณ์ตามทีม่ กี าํ หนดเป็ นตัวอย่างในรูปแบบก่อสร้าง ยกเว้นทีส่ ถาปนิกจะ
กําหนดให้เป็ นอย่างอื่นเป็ นพิเศษเฉพาะจุดในขณะก่อสร้าง หากมิได้มกี าํ หนดลักษณะตัวอักษรไว้ในรูปแบบ ให้ผรู้ บั จ้าง
เสนอสถาปนิกเพื่อขออนุมตั ิ
3. ตําแหน่งติดตัง้
ั
นอกเหนือจากตําแหน่งทีม่ รี ะบุในรูปแบบก่อสร้างทัง้ แบบสถาปตยกรรมและแบบวิ ศวกรรมแล้ว ผูร้ บั จ้างจะต้องทํา
รูปแบบขยายรายละเอียด (SHOP DRAWING) เสนอให้อนุมตั อิ กี ครัง้ ให้ถูกต้องตามเกณฑ์ทก่ี าํ หนดในรายการประกอบ
แบบนี้ดว้ ย โดยแบบขยายรายละเอียดจะต้องแสดงรายละเอียดดังนี้
3.1 ตําแหน่งทีต่ ดิ ตัง้
3.2 ตําแหน่งความสูงทีต่ ดิ ตัง้ แสดงการยึดจากผนังหรือเพดาน
3.3 แสดงทิศชีข้ องลูกศรของแต่ละป้ายทุกป้าย (ถ้าเป็ นป้ายชนิดทีต่ อ้ งมีลกู ศร)
3.4 อักษรและสัญลักษณ์บนป้าย
3.5 ชนิดของไฟฟ้าทีใ่ ช้กบั ป้ายชนิดแสงสว่างและอุปกรณ์ทุกชิน้
เมื่อสถาปนิกพิจารณาแก้ไขและอนุมตั เิ ป็ นลายลักษณ์อกั ษรเป็ นอย่างใดแล้ว ผูร้ บั จ้างจะต้องดําเนินการก่อสร้างให้
เป็ นไปตามนัน้
4. กล่องป้ายทางออกฉุกเฉิน
แม้ไม่ได้ระบุในแบบ ให้ถอื ว่าอยูใ่ นขอบเขตทีผ่ รู้ บั จ้างจะต้องจัดทําให้เสร็จสมบูรณ์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยให้ผรู้ บั จ้างทํากล่องป้ายไฟแสงสว่างบอกทางออกฉุกเฉินเหนือประตูหนีไฟทุกบาน ในตําแหน่ งซึง่ สามารถเห็นได้ชดั เจน
ตามตําแหน่งทีไ่ ด้แสดงไว้ในรูปแบบ หรือตําแหน่งทีส่ ามารถมองเห็นได้จากทางเดินหรือพืน้ ทีส่ ญ ั จรส่วนกลาง นอกจากนี้ให้
ติดกล่องป้ายไฟทางออกฉุกเฉินนี้กระจายทัวไปในบริ ่ เวณทางเดินและพืน้ ทีส่ ญ ั จรส่วนกลางทุกชัน้ ตลอดทัวทั ่ ง้ อาคารใน
ปริมาณมากพอทีส่ ามารถให้ผใู้ ช้อาคารมองเห็นได้จากทุกจุดเมื่อเกิดอัคคีภยั และชีน้ ําไปสูท่ างหนีไฟได้อย่างถูกต้อง ป้าย
จะต้องเขียนข้อความ “EXIT” หรือ “ทางออก” พร้อมรูปหัวลูกศรสามเหลีย่ มชีไ้ ปทางประตูทางออกหนีไฟ ขนาดตัวอักษรสูง
ไม่น้อยกว่า 80 มิลลิเมตร ภายในกล่องป้ายมีหลอดไฟให้แสงสว่างตลอดเวลา ในภาวะปกติให้ทาํ งานด้วยไฟฟ้าจากระบบ
ไฟฟ้าอาคาร และเมื่อเกิดเพลิงไหม้ซง่ึ ไฟฟ้าอาคารถูกตัด ให้ทาํ งานอัตโนมัตดิ ว้ ยแบตเตอรีส่ าํ รองในตัวทีช่ าร์จไฟได้เมื่อใช้
ยามปกติ ให้ผรู้ บั จ้างทํา SHOP DRAWINGS แสดงตําแหน่งทีต่ อ้ งติดตัง้ กล่องป้ายทางออกฉุกเฉินนี้ ให้สถาปนิกอนุมตั เิ ป็ น
ลายลักษณ์อกั ษรก่อนจึงเริม่ ดําเนินการติดตัง้ สถาปนิกมีสทิ ธิกํ์ าหนดตําแหน่งติดตัง้ เพิม่ เติมหากเห็นว่ายังไม่ครอบคลุมมาก
พอ และผูร้ บั จ้างต้องจัดทําตามทีส่ ถาปนิกกําหนด ผูร้ บั จ้างต้องเสนอตัวอย่างกล่องป้ายทางออกฉุกเฉินนี้ให้สถาปนิก
พิจารณาก่อนสังซื ่ อ้ สัญลักษณ์ทงั ้ หมดให้ใช้สเี ขียว
5. ป้ายเลขชัน้
ให้ผรู้ บั จ้างจัดทําป้ายเลขชัน้ ติดตรงตําแหน่งทีก่ าํ หนดไว้ในแบบ และตําแหน่งในรายการดังต่อไปนี้
5.1 ผนังบันไดหนีไฟทุกชัน้ ทุกจุด
5.2 ผนังในโถงหน้าลิฟต์ดบั เพลิงทุกชัน้
ป้ายเป็ นแผ่นกระจกใสหรืออครีลคิ 0.30x0.30 เมตร หนาอย่างตํ่า 4 หุน ด้านหลังพ่นสีสะท้อนแสงสีเหลืองเป็ นรูป
ตัวเลขชัน้ ขนาดสูง 0.20 เมตร กลับข้างเพื่อให้อ่านได้จากทางด้านหน้า แล้วพ่นสีทบั ด้านหลังด้วยสีขาวเป็ นสีพน้ื ให้ตดิ ตัง้
ป้ายนี้ดว้ ยตะปูเกลียวสเตนเลส 4 ตัว ทะลุแผ่นกระจกใกล้มุมทัง้ 4 ของแผ่นป้าย มีแหวนรองหนุนด้านหลัง ให้ป้ายลอยออก
จากผนังประมาณ 10 มิลลิเมตร ผูว้ ่าจ้างจะเป็ นผูก้ าํ หนดตัวเลขหรือตัวอักษรให้ขณะก่อสร้าง
6. กล่องป้ายทางเข้าลิฟต์ดบั เพลิง
ให้ผรู้ บั จ้างจัดทํากล่องป้ายทางเข้าลิฟต์ดบั เพลิงชนิดเดียวกับกล่องป้ายทางออกฉุกเฉิน แต่เปลีย่ นสัญลักษณ์และ
ตัวอักษรเป็ นข้อความ “ลิฟต์ดบั เพลิง” และลูกศรแทน ให้ใช้ไฟสีแดงแทนสีเขียว ให้ตดิ ตัง้ กล่องป้ายนี้ทท่ี างเข้าจากภายนอก
อาคารสูล่ ฟิ ต์ดบั เพลิงจากภายนอกอาคารทุกตัวทีช่ นั ้ 1
7. แผนผังอาคาร
ให้ผรู้ บั จ้างจัดทําผังอาคารเพื่อใช้ในขณะเกิดเพลิงไหม้ดงั นี้
7.1 แผนผังแต่ละชัน้
ให้ผรู้ บั จ้างติดรูปผังอาคารบนผนังภายในโถงหน้าลิฟต์ดบั เพลิงแต่ละชัน้ ทุกชัน้ โดยในโถงลิฟต์ของชัน้ ใดก็ให้ตดิ ผัง
ของชัน้ นัน้ ผังทีต่ ดิ จะต้องใช้มาตราส่วนไม่เล็กกว่า 1 : 250 ให้ตดิ รูปแผนผังนี้ทร่ี ะดับสายตา โดยให้ใช้สสี ะท้อนแสงตาม
โทนสีดงั นี้ (ยกเว้นโทนสีดาํ ไม่ตอ้ งใช้สสี ะท้อนแสง)
7.1.1 พืน้ ทีท่ างสัญจร ใช้สขี าว
7.1.2 พืน้ ทีบ่ นั ไดหนีไฟ ลิฟต์ดบั เพลิง โถงลิฟต์ดบั เพลิง โถงทางผ่านหนีไฟ สายดับเพลิงใช้สเี ขียว เฉพาะ
ตําแหน่งสายดับเพลิงให้เขียนอักษร “FH” ด้วยสีดาํ
7.1.3 พืน้ ทีใ่ ช้สอยอื่นๆ ทีเ่ หลือใช้สแี ดง
7.1.4 ผนัง ค.ส.ล. ผนังก่ออิฐเต็มแผ่น ใช้เส้นสีดาํ กว้าง 10 มิลลิเมตร
7.1.5 ผนังก่ออิฐครึง่ แผ่น ผนังเบาใช้เส้นสีดาํ กว้าง 5 มิลลิเมตร
7.1.6 ผนังเตีย้ แบ่งห้องย่อย ไม่ตอ้ งแสดง
7.1.7 ประตูเหล็กปิ ดกันไฟลามเข้าโถงหน้าลิฟต์ ใช้เส้นประสีเขียว กว้าง 0.30 มิลลิเมตร
7.1.8 ประตูเหล็กกันไฟ ใช้เส้นทึบสีเขียว กว้าง 0.2 มิลลิเมตร และแสดงเส้นแนวทิศทางเปิ ดประตู
7.1.9 ประตูหน้าต่างอื่นๆ ไม่ตอ้ งแสดง
7.2 แผนผังของทุกชัน้
ให้ผรู้ บั จ้างจัดทําแผนผังอาคารย่อส่วนลงในกระดาษขนาด A4 ผัง 1 ชัน้ ต่อ 1 แผ่น ให้ครบทุกชัน้ รวมถึงแผนผังชัน้
ดาดฟ้าและลานจอดเฮลิคอปเตอร์ (ถ้ามี) แผนผังแต่ละชัน้ ให้เคลือบด้วยพลาสติกชนิดเดียวกับทีใ่ ช้เคลือบทัวไป ่ และให้
รวบรวมเข้าเล่มแผนผังทุกชัน้ นี้เข้าเป็ นชุด ให้วางชุดแผนผังนี้ในตําแหน่งต่อไปนี้
7.2.1 ในตูเ้ ก็บอุปกรณ์ดบั เพลิงในโถงหน้าลิฟต์ดบั เพลิงทุกชัน้ ทุกจุด
7.2.2 ในตูส้ ายฉีดนํ้าดับเพลิงทุกชัน้ ทุกจุด
รูปแบบรายละเอียด ชนิดสี โทนสี ให้ใช้เหมือนทีก่ าํ หนดในข้อ “แผนผังแต่ละชัน้ ” แต่ขนาดความกว้างของเส้นให้ย่อลงตาม
สัดส่วนและยังให้ใช้สสี ะท้อนแสงเช่นเดียวกันด้วย
7.3 แผนผังละเอียด
ให้ผรู้ บั จ้างจัดทําแผนผังละเอียดตามแบบแสดงการก่อสร้างจริง (ASBUILT DRAWINGS) โดยใช้มาตราส่วนไม่เล็ก
กว่า 1:200 ลงในกระดาษขาว ขนาด A1 ผัง 1 ชัน้ ต่อ 1 แผ่น โดยไม่แบ่งเป็ นส่วนๆ และให้มแี บบครบตามรายการดังนี้
7.3.1 แบบสถาปตั ยกรรมแปลนทุกชัน้
7.3.2 แบบสถาปตั ยกรรมรูปตัด 2 รูป
7.3.3 แบบวิศวกรรมแปลนทุกชัน้
7.3.4 แบบวิศวกรรมขยายเสริมเหล็กและขนาดโครงสร้างทุกแผ่น
7.3.5 แบบวิศวกรรมสุขาภิบาลแปลนทุกชัน้
7.3.6 แบบวิศวกรรมสุขาภิบาลไดอะแกรมทุกชุด
7.3.7 แบบวิศวกรรมไฟฟ้าแปลนแสงสว่างและกําลังทุกชัน้
7.3.8 แบบวิศวกรรมไฟฟ้าไดอะแกรมทุกชุด
7.3.9 แบบวิศวกรรมปรับอากาศทุกชัน้
7.3.10 แบบวิศวกรรมปรับอากาศไดอะแกรมทุกชุด
แบบทัง้ หมดให้เคลือบเต็มทัง้ ด้านหน้าและด้านหลังด้วยพลาสติกใส แล้วเย็บเล่มรวมกันไว้ให้เปิดใช้ได้อย่างสะดวก
ให้จดั ทําแผนผังละเอียดจํานวน 2 ชุด เก็บไว้ทห่ี อ้ งควบคุมระบบอาคารและโถงหน้าลิฟต์ดบั เพลิงทีช่ นั ้ 1 ตําแหน่งละ 1 ชุด
และให้สาํ เนา SOFT COPY FILE เป็ น CAD FILE ส่งมอบเป็ น CD จํานวน 2 ชุด
จบหมวดที่ 45
หมวดที่ 46
สิ่ งอานวยความสะดวกในอาคารสาหรับผูพ้ ิ การหรือทุพพลภาพ และคนชรา
1. ขอบเขตของงาน
รายละเอียดเกีย่ วกับสิง่ อํานวยความสะดวกในอาคารสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชรา ซึง่ มิได้ระบุใน
รูปแบบและรายการประกอบแบบนี้ ให้ถอื ปฏิบตั ติ ามกฎกระทรวง กําหนดสิง่ อํานวยความสะดวกในอาคารสําหรับผูพ้ กิ าร
หรือทุพพลภาพ และคนชรา พ.ศ.2548
2. คําจํากัดความ
2.1 สิง่ อํานวยความสะดวกสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชรา หมายความว่า ส่วนของอาคารทีส่ ร้างขึน้
และอุปกรณ์อนั เป็ นส่วนประกอบของอาคารทีต่ ดิ หรือตัง้ อยู่ภายในและภายนอกอาคาร เพื่ออํานวยความสะดวกในการใช้
อาคารสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชรา
2.2 ลิฟต์ หมายความว่า อุปกรณ์ทใ่ี ช้สาํ หรับนําคนขึน้ ลงระหว่างพืน้ ของอาคารทีต่ ่างระดับกัน แต่ไม่ใช่บนั ได
เลื่อนหรือทางเลื่อน
2.3 พืน้ ผิวต่างสัมผัส หมายความว่า พืน้ ผิวทีม่ ผี วิ สัมผัสและสีซง่ึ มีความแตกต่างไปจากพืน้ ผิวและสีในบริเวณ
ข้างเคียงซึง่ คนพิการทางการมองเห็นสามารถสัมผัสได้
2.4 ความกว้างสุทธิ หมายความว่า ความกว้างทีว่ ดั จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยปราศจากสิง่ ใดๆ กีดขวาง
3. ป้ายแสดงสิง่ อํานวยความสะดวก
3.1 ผูร้ บั จ้างต้องจัดให้มปี ้ ายแสดงสิง่ อํานวยความสะดวกสําหรับผูพ้ กิ าร หรือทุพพลภาพ และคนชรา ตามสมควร
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
3.1.1 สัญลักษณ์รปู ผูพ้ กิ าร
3.1.2 เครื่องหมายแสดงทางไปสูส่ งิ่ อํานวยความสะดวกสําหรับผูพ้ กิ าร หรือทุพพลภาพ และคนชรา
3.1.3 สัญลักษณ์ หรือตัวอักษรแสดงประเภทของสิง่ อํานวยความสะดวก สําหรับผูพ้ กิ าร หรือทุพพลภาพ
และคนชรา
3.2 สัญลักษณ์หรือตัวอักษรตามทีร่ ปู แบบรายการกําหนด โดยให้เป็นสีขาวโดยพืน้ เป็ นสีน้ําเงิน หรือเป็ นสีน้ําเงิน
โดยพืน้ เป็ นสีขาว
3.3 ป้ายต้องมีความชัดเจน มองเห็นได้ง่าย ติดอยูใ่ นตําแหน่งทีไ่ ม่ทาํ ให้สบั สน และต้องจัดให้มแี สงส่องสว่างเป็ น
พิเศษทัง้ กลางวันและกลางคืน
4. ทางลาดและลิฟต์
4.1 หากระดับพืน้ ภายในอาคาร หรือระดับพืน้ ภายในอาคารกับภายนอกอาคาร หรือระดับพืน้ ทางเดินภายนอก
อาคารมีความต่างระดับกันเกิน 200 มิลลิเมตร ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดให้มที างลาดหรือลิฟต์ระหว่างพืน้ ทีต่ ่างระดับกัน แต่ถา้ มี
ความต่างระดับไม่เกิน 200 มิลลิเมตร จะต้องปาดมุมพืน้ ส่วนทีต่ ่างระดับกันไม่เกิน 45 องศา
4.2 ทางลาดกําหนดให้มลี กั ษณะ ดังต่อไปนี้
4.2.1 พืน้ ผิวทางลาดต้องเป็ นลักษณะทีไ่ ม่ล่นื
4.2.2 พืน้ ผิวของจุดต่อเนื่องระหว่างพืน้ กับทางลาดต้องเรียบไม่สะดุด
5. บันได
ผูร้ บั จ้างต้องจัดให้มบี นั ไดทีผ่ พู้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชราใช้ได้อย่างน้อยชัน้ ละ 1 แห่ง โดยกําหนดให้มี
ลักษณะ ดังต่อไปนี้
5.1 ต้องมีความกว้างสุทธิไม่น้อยกว่า 1,500 มิลลิเมตร
5.2 ต้องมีชานพักทุกระยะในแนวดิง่ ไม่เกิน 2,000 มิลลิเมตร
5.3 ต้องมีราวบันไดทัง้ สองข้าง โดยให้ราวมีลกั ษณะตามทีก่ าํ หนดในข้อ 4.2.7
5.4 ความสูงของลูกตัง้ ต้องไม่เกิน 150 มิลลิเมตร และความกว้างของลูกนอนเมื่อหักส่วนทีข่ นั ้ บันไดเหลื่อมกัน
ออกแล้วต้องเหลือไม่น้อยกว่า 280 มิลลิเมตร และมีขนาดสมํ่าเสมอตลอดช่วงบันได ในกรณีทข่ี นั ้ บันไดเหลื่อมกัน หรือมี
จมูกบันไดจะต้องมีระยะเหลื่อมกันได้ไม่เกิน 20 มิลลิเมตร
5.5 พืน้ ผิวของบันไดต้องใช้วสั ดุทไ่ี ม่ล่นื
5.6 ลูกตัง้ บันไดห้ามเปิ ดเป็ นช่องโล่ง
5.7 ต้องมีป้ายแสดงทิศทาง ตําแหน่ง หรือหมายเลขชัน้ ของอาคารทีค่ นพิการทางการมองเห็นและคนชรา
สามารถทราบความหมายได้ ตัง้ อยู่บริเวณทางขึน้ และทางลงของบันไดทีเ่ ชื่อมระหว่างชัน้ ของอาคาร หรือตามทีร่ ปู แบบ
รายการกําหนด
6. ทีจ่ อดรถ
6.1 ผูร้ บั จ้างต้องจัดให้มที จ่ี อดรถสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชราอย่างน้อยตามอัตราส่วน ดังนี้
6.1.1 ถ้าจํานวนทีจ่ อดรถตัง้ แต่ 10 คัน แต่ไม่เกิน 50 คัน ให้มที จ่ี อดรถสําหรับผูพ้ กิ าร หรือทุพพลภาพ และ
คนชราอย่างน้อย 1 คัน
6.1.2 ถ้าจํานวนทีจ่ อดรถตัง้ แต่ 51 คัน แต่ไม่เกิน 100 คัน ให้มที จ่ี อดรถสําหรับผูพ้ กิ าร หรือทุพพลภาพ
และคนชราอย่างน้อย 2 คัน
6.1.3 ถ้าจํานวนทีจ่ อดรถตัง้ แต่ 101 คัน ขึน้ ไป ให้มที จ่ี อดรถสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชรา
อย่างน้อย 2 คัน และเพิม่ ขึน้ อีก 1 คัน สําหรับทุกๆ จํานวนรถ 100 คันทีเ่ พิม่ ขึน้ เศษของ 100 คัน ถ้าเกินกว่า 50 คัน ให้
คิดเป็ น 100 คัน
6.2 ผูร้ บั จ้างต้องจัดทีจ่ อดรถสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชราให้อยู่ใกล้ทางเข้าออกอาคารมากทีส่ ดุ
โดยมีลกั ษณะไม่ขนานกับทางเดินรถ มีพน้ื ผิวเรียบ มีระดับเสมอกัน และมีสญ ั ลักษณ์รปู ผูพ้ กิ ารนังเก้
่ าอีล้ อ้ อยู่บนพืน้ ของที่
จอดรถด้านทีต่ ดิ กับทางเดินรถ มีขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 900 มิลลิเมตร และยาวไม่น้อยกว่า 900 มิลลิเมตร และมีป้าย
ขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 300 มิลลิเมตร และยาวไม่น้อยกว่า 300 มิลลิเมตร ติดอยู่สงู จากพืน้ ไม่น้อยกว่า 2,000 มิลลิเมตร ใน
ตําแหน่งทีเ่ ห็นได้ชดั เจน
6.3 ทีจ่ อดรถสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชราต้องเป็ นพืน้ ทีส่ เ่ี หลีย่ มผืนผ้า กว้างไม่น้อยกว่า 2,400
มิลลิเมตร และยาวไม่น้อยกว่า 6,000 มิลลิเมตร และต้องจัดให้มที ว่ี ่างข้างทีจ่ อดรถกว้างไม่น้อยกว่า 1,000 มิลลิเมตร ตลอด
ความยาวของทีจ่ อดรถ โดยทีว่ ่างดังกล่าวต้องมีลกั ษณะพืน้ ผิวเรียบและมีระดับเสมอกับทีจ่ อดรถ
8. ประตู
8.1 ประตูของอาคารต้องมีลกั ษณะ ดังต่อไปนี้
8.1.1 เปิ ดปิ ดได้ง่าย
9. ห้องส้วม
9.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดให้มหี อ้ งส้วมสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชราเข้าใช้ได้อย่างน้อย 1 ห้อง หรือ
ตามรูปแบบกําหนด ในห้องส้วมสําหรับบุคคลทัวไป ่ หรือจะจัดแยกออกมาอยูใ่ นบริเวณเดียวกันกับห้องส้วมสําหรับบุคคล
ทัวไปก็
่ ได้
9.2 ห้องส้วมสําหรับผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชรา จะต้องมีลกั ษณะดังต่อไปนี้
9.2.1 ต้องมีพน้ื ทีว่ ่างภายในห้องส้วม เพื่อให้เก้าอีล้ อ้ สามารถหมุนตัวกลับได้ ซึง่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อย
กว่า 1,500 มิลลิเมตร
9.2.2 ประตูของห้องทีต่ งั ้ โถส้วมจะต้องเป็ นแบบบานเปิ ดออกสูภ่ ายนอก โดยจะต้องเปิ ดค้างได้ไม่น้อยกว่า
90 องศา หรือเป็ นแบบบานเลื่อน ตามทีร่ ะบุในรูปแบบรายการ และมีสญ ั ลักษณ์รปู ผูพ้ กิ ารติดไว้ทป่ี ระตูดา้ นหน้าห้องส้วม
ลักษณะของประตูนอกจากทีก่ ล่าวมาข้างต้น ให้เป็ นไปตามทีก่ าํ หนดในข้อ 8.
9.2.3 พืน้ ห้องส้วมจะต้องมีระดับเสมอกับพืน้ ภายนอก ถ้าเป็ นพืน้ ต่างระดับจะต้องมีลกั ษณะเป็ นทางลาด
ตามข้อ 4. วัสดุทป่ี พู น้ื ห้องส้วมจะต้องไม่ล่นื
9.2.4 พืน้ ห้องส้วมตรวจสอบแล้วต้องมีความลาดเอียงเพียงพอไปยังช่องระบายนํ้าทิง้ เพื่อทีจ่ ะไม่ให้มนี ้ําขัง
บนพืน้
9.2.5 ต้องมีโถส้วมชนิดนังราบ ่ สูงจากพืน้ ไม่น้อยกว่า 450 มิลลิเมตร แต่ไม่เกิน 500 มิลลิเมตร และต้องมี
พนักพิงหลังทีใ่ ห้ผพู้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชราทีไ่ ม่สามารถนังทรงตั ่ วได้เองใช้พงิ ได้ และทีป่ ล่อยนํ้าต้องเป็ นชนิดคัน
โยก ปุม่ กดขนาดใหญ่หรือชนิดอื่นทีผ่ พู้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชราสามารถใช้ได้อย่างสะดวก ด้านข้างด้านหนึ่งของโถ
ส้วมจะต้องอยูช่ ดิ ผนังโดยมีระยะห่างวัดจากกึง่ กลางโถส้วมถึงผนังไม่น้อยกว่า 450 มิลลิเมตร แต่ไม่เกิน 500 มิลลิเมตร
ต้องมีราวจับทีผ่ นัง ส่วนด้านทีไ่ ม่ชดิ ผนังให้มที ว่ี ่างมากพอทีผ่ พู้ กิ ารหรือทุพพลภาพ และคนชราทีน่ งเก้ ั ่ าอีล้ อ้ สามารถเข้าไป
จบหมวดที่ 46
หมวดที่ 47
งานสลิ ง สเตนเลส ราวกันตก
1. ขอบเขตของงาน
งานสลิงราวกันตก ราวบันได ชนิดสําเร็จรูป ทีไ่ ด้ระบุไว้ในแบบก่อสร้างทัง้ หมด ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์
แรงงาน การประสานงานกับผูร้ บั เหมาช่วง และการจัดเตรียมทําแบบแปลนแสดงตําแหน่งการติดตัง้ โครงสร้างยึดโยงหลัก
และโครงสร้างรอง ตลอดจนแบบ SHOP DRAWING แสดงถึงรายละเอียดการติดตัง้ การยึด ระยะต่าง ๆ และต้องเป็ นไปตาม
แบบและขนาดซึง่ กําหนดไว้ในแบบก่อสร้างเพื่อขอตรวจสอบพิจารณาเห็นชอบจากผูค้ วบคุมงานและกรรมการตรวจการจ้าง
ตามความต้องการและวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
2. วัสดุ
2.1 วัสดุทใ่ี ช้ในการสร้างนี้จะต้องเป็นวัสดุใหม่ มีสภาพเรียบร้อยจากบริษทั ผูผ้ ลิต มีเครื่องหมายรายละเอียด
ต่างๆ แสดงรุ่นและชื่อผูผ้ ลิตอย่างสมบูรณ์ชดั เจน
2.2 สลิงสเตนเลสเกรด 316 เป็ นสเตนเลสเกรดสําหรับงานทะเล โดยนําสเตนเลสแต่ละเส้นมารวมเป็ นสลิง Ø5
มม. (Cable Stand 1x19) พร้อมด้วยอุปกรณ์ยดึ สลิง (Rod) ชนิดสเตนเลส AISI 316-DIN 1.4401 เพื่อติดตัง้
เข้ากับโครงสร้างหลักของราวกันตกสเตนเลส อุปกรณ์กรรมวิธตี ามแบบมาตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต
ผลิตภัณฑ์ของ STRUDYNA,HPI หรือเทียบเท่า
3. ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุแต่ละชนิดทีใ่ ช้ ให้ผคู้ วบคุมงานได้ตรวจสอบให้เป็ นไปตามความต้องการ ของ
ผูอ้ อกแบบ และให้ความเห็นชอบก่อนทีจ่ ะทําการติดตัง้ วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึง
3.1 โครงหลักราวสเตนเลส
3.2 ลวดสลิง
3.3 อุปกรณ์ยดึ สลิง (Rod)
3.4 รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE’s SPECIFCATIONS) แสดงถึงการทดสอบคุณสมบัตขิ อง
วัสดุ และส่วนอุปกรณ์ยดึ ต่างๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง
4. การติดตัง้
4.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องหาช่างฝีมอื ทีด่ มี คี วามชํานาญในการติดตัง้ ทุก ๆ ส่วนทีต่ ดิ ตัง้ และจะต้องมันคงแข็
่ งแรง ได้
ระดับในแนวตัง้ และแนวนอนด้วยความประณีตเรียบร้อย จะต้องปฏิบติตามแบบมาตรฐานกรรมวิธกี ารติดตัง้ ของ
บริษทั ผูผ้ ลิตและต้องได้รบั ความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบ
4.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องมีการประสานงานร่วมกันกับผูจ้ า้ งหลัก เพื่อกําหนดตําแหน่งทีเ่ กีย่ วข้องในการติดตัง้ ทัง้ หมด
และตรวจสอบสถานทีท่ ุกแห่งในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องทีจ่ ะมีการติดตัง้ ให้สมบูรณ์เรียบร้อยก่อนจะมีการติดตัง้
4.3 สลิงสเตนเลสทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องมีความมันคงแข็่ งแรง
4.4 สลิงสเตนเลสสําเร็จรูปรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องจะต้องยึดแน่นแข็งแรงกับผนังหรือโครงสร้างอื่น ๆ
ได้ระยะขนาดที่ ถูกต้องตามมาตรฐานของผูผ้ ลิต
5. การทําความสะอาด
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดแผงกันแดดสําเร็จรูป และอุปกรณ์ยดึ โยงทีเ่ กีย่ วข้องหลังจากการติดตัง้ โดยปราศจาก
รอยแตกร้าว แตกบิน่ รอยขูดขีด รอยด่าง หรือมีตําหนิ สีหลุดล่อน และต้องไม่เปรอะเปื้ อน หากเกิดความเสียหายดังกล่าว
จะต้องแก้ไขหรือเปลีย่ นแปลงให้ใหม่ก่อนขอความเห็นชอบในการตรวจสอบและก่อนส่งมอบงานจากผูค้ วบคุมงาน
6. การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพคุณสมบัตขิ องวัสดุและการติดตัง้ เมื่อติดตัง้ แล้วจะต้องระวังมิให้มกี ารชํารุดเสียหาย
หรือมีตําหนิก่อนส่งมอบงาน หากอุปกรณ์ใดทีต่ ดิ ตัง้ แล้วเกิดชํารุดเสียหาย ผูร้ บั จ้างจะต้องเปลีย่ นใหม่หรือซ่อมแซมแก้ไข
ให้อยูใ่ นสภาพดี ตามจุดประสงค์ของผูอ้ อกแบบและ/หรือผูค้ วบคุมงานโดยไม่คดิ มูลค่าใดๆ ทัง้ สิน้
จบหมวดที่ 47
หมวดที่ 48
งานอุปกรณ์ยึดกระจก (SPYDER STANLESS)
1. ขอบเขตของงาน
งานยึดกระจกด้วยระบบ SPYDER ชนิดสําเร็จรูป ทีไ่ ด้ระบุไว้ในแบบก่อสร้างทัง้ หมด ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุ
อุปกรณ์แรงงาน การประสานงานกับผูร้ บั เหมาช่วง และการจัดเตรียมทําแบบแปลนแสดงตําแหน่งการติดตัง้
โครงสร้างยึดโยงหลัก และโครงสร้างรอง ตลอดจนแบบ SHOP DRAWING แสดงถึงรายละเอียดการติดตัง้ การยึด ระยะ
ต่าง ๆ และต้องเป็ นไปตามแบบและขนาดซึง่ กําหนดไว้ในแบบก่อสร้างเพื่อขอตรวจสอบพิจารณาเห็นชอบจากผู้
ควบคุมงานและกรรมการตรวจการจ้างตามความต้องการและวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบ
2. วัสดุ
2.1 วัสดุทใ่ี ช้ในการสร้างนี้จะต้องเป็นวัสดุใหม่ มีสภาพเรียบร้อยจากบริษทั ผูผ้ ลิต มีเครื่องหมายรายละเอียด
ต่างๆ แสดงรุ่นและชื่อผูผ้ ลิตอย่างสมบูรณ์ชดั เจน
2.2 SPYDER STANLESS เป็ นสเตนเลสเกรด 316 เป็ นสเตนเลสเกรดสําหรับงานทะเล ตามมาตรฐาน AISI
316-DIN 1.4401 พร้อมอุปกรณ์ครบชุดตามมาตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต ผลิตภัณฑ์ของ STRUDYNA,HPI
หรือเทียบเท่า
3. ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุแต่ละชนิดทีใ่ ช้ ให้ผคู้ วบคุมงานได้ตรวจสอบให้เป็ นไปตามความต้องการ ของ
ผูอ้ อกแบบ และให้ความเห็นชอบก่อนทีจ่ ะทําการติดตัง้ วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึง
3.1 โครงหลัก
3.2 โครงรอง
3.3 อุปกรณ์ยดึ (Rod)
3.4 รายละเอียดประกอบตัวอย่าง (MANUFACTURE’s SPECIFCATIONS) แสดงถึงการทดสอบคุณสมบัตขิ อง
วัสดุ และส่วนอุปกรณ์ยดึ ต่างๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง
4. การติดตัง้
4.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องหาช่างฝีมอื ทีด่ มี คี วามชํานาญในการติดตัง้ ทุก ๆ ส่วนทีต่ ดิ ตัง้ และจะต้องมันคงแข็
่ งแรง ได้
ระดับในแนวตัง้ และแนวนอนด้วยความประณีตเรียบร้อย จะต้องปฏิบติตามแบบมาตรฐานกรรมวิธกี ารติดตัง้ ของ
บริษทั ผูผ้ ลิตและต้องได้รบั ความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบ
4.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องมีการประสานงานร่วมกันกับผูจ้ า้ งหลัก เพื่อกําหนดตําแหน่งทีเ่ กีย่ วข้องในการติดตัง้ ทัง้ หมด
และตรวจสอบสถานทีท่ ุกแห่งในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องทีจ่ ะมีการติดตัง้ ให้สมบูรณ์เรียบร้อยก่อนจะมีการติดตัง้
4.3 สลิงสเตนเลสทีต่ ดิ ตัง้ แล้วต้องมีความมันคงแข็่ งแรง
4.4 สลิงสเตนเลสสําเร็จรูปรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องจะต้องยึดแน่นแข็งแรงกับผนังหรือโครงสร้างอื่น ๆ
ได้ระยะขนาดที่ ถูกต้องตามมาตรฐานของผูผ้ ลิต
5. การทําความสะอาด
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดแผงกันแดดสําเร็จรูป และอุปกรณ์ยดึ โยงทีเ่ กีย่ วข้องหลังจากการติดตัง้ โดยปราศจาก
รอยแตกร้าว แตกบิน่ รอยขูดขีด รอยด่าง หรือมีตําหนิ สีหลุดล่อน และต้องไม่เปรอะเปื้ อน หากเกิดความเสียหายดังกล่าว
จะต้องแก้ไขหรือเปลีย่ นแปลงให้ใหม่ก่อนขอความเห็นชอบในการตรวจสอบและก่อนส่งมอบงานจากผูค้ วบคุมงาน
6. การรับประกันผลงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพคุณสมบัตขิ องวัสดุและการติดตัง้ เมื่อติดตัง้ แล้วจะต้องระวังมิให้มกี ารชํารุดเสียหาย
หรือมีตําหนิก่อนส่งมอบงาน หากอุปกรณ์ใดทีต่ ดิ ตัง้ แล้วเกิดชํารุดเสียหาย ผูร้ บั จ้างจะต้องเปลีย่ นใหม่หรือซ่อมแซมแก้ไข
ให้อยูใ่ นสภาพดี ตามจุดประสงค์ของผูอ้ อกแบบและ/หรือผูค้ วบคุมงานโดยไม่คดิ มูลค่าใดๆ ทัง้ สิน้
จบหมวดที่ 48
หมวดที่ 49
งานระบบป้ องกันความร้อนชื้น THERMAL PROTECTION
1. ขอบข่าย
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุ แรงงาน และอุปกรณ์ทจี าํ เป็ นในการก่อสร้างงานป้องกันความร้อนหลังคา ผนังและพืน้
อาคารตามทีระบุในแบบ กรณีทไี ม่ได้ระบุในรูปแบบให้ถอื ว่าจะต้องมีการป้องกันความร้อน สําหรับหลังคาหรือดาดฟ้าของ
อาคาร ผนังเปลือกนอกอาคาร และใต้ทอ้ งพืน้ อาคารสําหรับบริเวณทีเป็ นพืน้ ทีป่ รับอากาศในส่วนทีส่ มั ผัสกับอากาศ
ภายนอกโดยตรง
2. วัสดุ
2.1 ฉนวนกันความร้อนประเภทใยแก้ว (Fiber Glass)
2.1.1 ฉนวนใยแก้วสําหรับติดตัง ในผนังให้ใช้ชนิดหนา 3” มีความหนาแน่นไม่น้อยกว่า 24 กก/ลบ.ม. ติด
โดยมี PIN เกียวแขวนไว้กบั ผนัง
2.1.2 สําหรับฉนวนใต้หลังคาของอาคารทีใช้วสั ดุมุงให้ใช้เป็ นฉนวนใยแก้ว ความหนาไม่น้อยกว่า 3” มีความ
หนาแน่นไม่ต่ํากว่า 24 กก./ลบ.ม. ชนิดห่อหุม้ ด้วยอลูมเิ นียมฟอยด์ทงั 4 ด้านและมีวสั ดุกนั ความชืน้ ทุกด้าน มีค่าต้านทาน
ความร้อน ( R ) ไม่น้อยกว่า 23 hr.sq.ft.F/Btu.รอยต่อทุกแนวปิดด้วยเทปฟอยด์ กว้าง 2” โดยตลอด การติดตัง ฉนวนใย
แก้วทีก่ าํ หนดให้ตดิ ตัง ใยแก้วหนา 3” 3 ชัน้ ความหนารวม 9” ให้ตดิ ตัง ตามกรรมวิธขี องผูผ้ ลิต ผลิตภัณฑ์ของบริษทั
สยามไฟเบอร์กลาส จํากัด ,บริษทั ไมโครไฟเบอร์ จํากัด 3D INTERPRODUCTSCO.,LTD. หรือคุณภาพเทียบเท่า
2.2 ฉนวน PU FOAM
พืน้ ดาดฟ้า ค.ส.ล. เหนือพืน้ ทีป่ รับอากาศของอาคารรวมถึงพืน้ ชัน้ อื่นๆ ของพืน้ ทีป่ รับอากาศทีใ่ ต้ทอ้ งพืน้ สัมผัส
อากาศภายนอกโดยตรง ให้ตดิ ตัง้ ฉนวนโฟม PU (POLYURETHANE) ความหนา 2 นิ้ว ความหนาแน่นไม่น้อยกว่า 40
กก./ลบ.ม. รับนํ้าหนัก 500 kg/m2 ของ VINSULATOR,NCL, TSS, 3D INTERPRODUCTS CO., LTD. หรือวัสดุอ่นื ทีม่ ี
คุณสมบัตเิ ทียบเท่าและได้รบั อนุมตั จิ ากสถาปนิกติดตัง้ บนพืน้ โครงสร้าง ค.ส.ล. ด้วยวิธกี ารพ่นให้มคี วามหนาสมํ่าเสมอ
ตลอดทัง้ พืน้ ทีจ่ ากนัน้ จึงคอนกรีตเสริมเหล็กทับหน้าก่อนทีจ่ ะติดตัง้ วัสดุปผู วิ ให้เรียบร้อย ขัน้ ตอนการติดตัง้ ทัง้ หมดจะต้อง
ได้รบั อนุมตั จิ ากสถาปนิกก่อนการก่อสร้าง หากมีการก่อสร้างก่อนได้รบั อนุมตั ิ ถ้ามีการผิดพลาดหรือเสียหายจะต้องเป็ น
ความรับผิดชอบของผูร้ บั จ้างทัง้ หมด และถือเป็ นเหตุให้เกิดความล่าช้าแก่การก่อสร้างไม่ได้
2.3 ในกรณีทส่ี ว่ นใดของอาคารเป็ นพืน้ ทีป่ รับอากาศ หากแบบก่อสร้างหรือรายละเอียดประกอบแบบมิได้
ระบุเป็ นอย่างอื่นให้ถอื ปฏิบตั ดิ งั นี้
2.3.1 การบุฉนวน
ให้ทาํ อย่างต่อเนื่องรอบตัวอาคาร ดังนี้ใต้หลังคาทุกพืน้ ที,่ ผนังโดยรอบอาคารทีม่ ใิ ช่กระจกทุกพืน้ ที,่ ใต้พน้ื อาคาร
ทีย่ กลอยจากดิน เพื่อหลีกเลีย่ งรอยรัวของความร้
่ อน หรือหาทางติดตัง้ เพื่อลดปญั หาสะพานความร้อน (THERMAL
BREAK) ซึง่ โดยปกติแล้วส่วนของอาคารทีเ่ ป็ นใต้ทอ้ งพืน้ หรือไม่ได้รบั อิทธิพลจากแสงแดด ต้องมีฉนวนหนาไม่ต่ํากว่า 2”
ส่วนเปลือกอาคารในแนวตัง้ หรือผนังภายนอก ต้องมีฉนวนหนาไม่ต่ํากว่า 3” และส่วนใต้หลังคาหรือฝ้าเพดานชัน้ บนสุดของ
อาคารที่ ติดตัง้ ระบบปรับอากาศ ต้องมีฉนวนหนาไม่น้อยกว่า 6”
2.3.2 การป้องกันรังสีอุลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ ฉนวนทุกชนิด เมื่อติดตัง้ แล้วต้องไม่ได้รบั อิทธิพลจาก
รังสีอุลตราไวโอเลตทัง้ ทางตรงและทางอ้อม หากเป็ นฉนวนประเภทโฟมจะต้องมีการฉาบป้องกันผิวนอกอย่างถูกวิธี
2.3.3 การติดตัง้ ฉนวน จะต้องคํานึงถึงปญั หาการเกิดการควบแน่นของไอนํ้าทีผ่ วิ ฉนวนมิให้เกิดขึน้
โดยคํานึงถึงเทคนิคการติดทีถ่ ูกวิธี
2.3.4 การติดตัง้ พืน้ , ผนัง, ฝ้าเพดาน, หน้าต่าง, ประตู หรืออุปกรณ์ใด ๆ ทีต่ ่อเนื่องกับภายนอกอาคาร
ทัง้ หมด ให้ตดิ ตัง้ โดยมี THERMAL BREAK ป้องกันมิให้มกี ารนําความร้อนเข้าสูอ่ าคารในส่วนนัน้ ๆ ได้
จบหมวดที่ 49
หมวดที่ 50
งานวัสดุกนั ไฟและควัน (FIRESTOP SYSTEM)
1. ขอบข่าย
งานวัสดุเพื่อ ใช้ในการป้องกันการลามของไฟด้านในบริเวณช่อง Shaft หรือรอยต่อ ระหว่างกําแพงหรือพืน้ ในแบบ
ก่อสร้างทัง้ หมดหรือในบริเวณทีร่ ะบุ ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมแบบประกอบการติดตัง้ (Shop Drawing) รวมถึงส่วนต่างๆ ที่
เกีย่ วข้อง แสดงถึงรายละเอียดการติดตัง้ โดยละเอียดทีผ่ ่านการอนุมตั แิ ล้วจากUnderwriters Laboratories, Inc. (UL)
สําหรับรอยต่อทุกแบบทีม่ เี พื่อขออนุมตั แิ ละตรวจสอบพิจารณาจากผูอ้ อกแบบก่อนการติดตัง้
2. วัสดุ
1. ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุทเ่ี หมาะสมกับการยาแนวเพื่อการกันไฟลามตามแบบทีก่ าํ หนด รวมทัง้
รอยต่อใดทีตอ้ งยาแนวแต่มไิ ด้กาํ หนดในแบบ ผูร้ บั จ้างจะต้องยาแนวรอยต่อนัน้ ให้เรียบร้อยด้วย
2. วัสดุทใ่ี ช้จะต้องบรรจุในบรรจุภณ ั ฑ์ทแ่ี ข็งแรงเพียงพอต่อการขนส่งอยู่ในสภาพเรียบร้อย โดยมี
รายละเอียดชื่อสินค้าชนิดผลิตภัณฑ์ รุ่น หมายเลขการผลิตและอื่นๆอย่างสมบูรณ์ชดั เจน
3. ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเก็บวัสดุตามคําแนะนําของผูผ้ ลิต
4. ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทําระบบบันทึกการหมุนเวียนของวัสดุดงั นี้
- วันทีท่ ร่ี บั ของ
- ชื่อสินค้าและหมายเลขผลิตภัณฑ์
- หมายเลขการผลิต
- บันทึกใบรับประกันคุณภาพ หรือ COA (Certificate of Analysis) จากผูผ้ ลิตในทุกหมายเลข
การผลิต
- วันทีเ่ บิกของไปใช้
- จํานวนของทีเ่ บิกไปใช้
- ชื่องานทีน่ ําไปใช้
5. วัสดุทใ่ี ช้ตอ้ งเป็ นวัสดุชนิดทีเ่ หมาะสมกับวัสดุและประเภทของงานนัน้ ๆโดยเฉพาะ ตามมาตรฐาน
ของ TREMCO INCORPORATED หรือ 3M หรือคุณภาพเทียบเท่า
3. ตัวอย่างวัสดุ
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทจ่ี ะใช้ไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่าง และส่งให้ผอู้ อกแบบเพื่อขออนุมตั แิ ละตรวจสอบ
ตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน
4. การติ ดตัง้
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาผูด้ าํ เนินการหรือช่างฝีมอื ทีม่ คี วามชํานาญมีประสบการณ์ในการติดตัง้ โดยปฏิบตั ิ
ตามกรรมวิธแี ละคําแนะนําของบริษทั ผูผ้ ลิตอย่างเคร่งครัด โดย
4.1 การเตรียมผิวงาน ผูร้ บั จ้างต้องตรวจสอบสถานทีใ่ ห้เรียบร้อย แก้ไขข้อบกพร่องต่างๆให้เรียบร้อยก่อน
ดําเนินการ ทําความสะอาดผิวงานให้สะอาด แห้ง ปราศจากฝุน่ ผง คราบนํ้ามัน สนิม ด้วยสารละลายทีบ่ ริษทั ผูผ้ ลิตแนะนํา
ผ้าทีใ่ ช้ตอ้ งเป็ นผ้าฝ้ายขาว 100% ใช้ผา้ ผืนแรกชุบสารละลายเช็ดทีผ่ วิ งานแล้วใช้ผา้ ผืนทีส่ องเช็ดตามเพื่อเป็ นการดูดซับสิง่
สกปรก และไขมันทันทีก่อนทีสารละลายจะระเหย สําหรับพืน้ ผิวคอนกรีตให้ใช้แปรงขัดทําความสะอาด แล้วเปา่ ด้วยลมจาก
เครื่องอัดแรงดันสูง ทาสารรองพืน้ (ถ้าจําเป็ น) เพียงบางๆ ทิง้ ไว้ให้แห้ง 20-30 นาทีโดยประมาณ
4.2 ติดเทปโฟม (Spacer) ยางหนุน (Setting Block) โฟมหนุน (Backer Rod) แถบกันการยึดติด (Bond Breaker)
และอื่นๆตามแบบทีกกําหนด
4.3 ทัง้ นี้กรรมวิธใี นการติดตัง้ ต้องเป็ นไปตามรายละเอียดการติดตัง้ ทีผ่ ่านการอนุมตั แิ ล้วจาก Underwriters
Laboratories, Inc. (UL)
5. การทาความสะอาด
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดบริเวณทํางานทุกแห่งหลังจากติดตัง้ ระบบกันไฟลามแล้วด้วยความ
ประณีตเรียบร้อยก่อนการอนุมตั ติ รวจสอบจากผูอ้ อกแบบ และก่อนส่งมอบงาน
6. การรับรอง
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพคุณสมบัตขิ องวัสดุ และการติดตัง้ ตามมาตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต เมื่อติดตัง้ แล้ว
ต้องไม่มกี ารหลุดร่อน หรือมีขอ้ บกพร่องใดๆ หากเกิดการดังกล่าว ผูร้ บั จ้างต้องทําการซ่อมแซม
ให้อยูใ่ นสภาพดีโดยไม่คดิ มูลค่าใดๆทัง้ สิน้
จบหมวดที่ 50
หมวดที่ 51
งานฉนวนซีเมนต์ป้องกันไฟโครงเหล็ก CEMENTITIOUS FIREPROOFING
1. ขอบข่าย
ฉนวนป้องกันไฟโครงเหล็ก ซึง่ เป็ นส่วนโครงสร้างหลักของอาคารทัง้ หมดทีม่ ไิ ด้ห่อหุม้ ด้วยคอนกรีต
(EXPOSED STEEL STRUCTURE) จะต้องหุม้ ด้วยฉนวนป้องกันไฟตามมาตรฐานข้อกําหนด ในเทศบัญญัติ สําหรับ
กรณีทม่ี ไิ ด้ระบุให้ใช้ฉนวนป้องกันไฟอย่างอื่นในแบบให้ใช้ฉนวนป้องกันไฟดังต่อไปนี้
2. วัสดุ
2.1 ฉนวนป้องกันไฟ (SPRAY-ON FIREPROOFING) ให้ใช้ “MONOKOTE” ,PYROLITE,FIRECUT หรือ
คุณภาพเทียบเท่า ทัง้ นี้ตอ้ งได้รบั ความเห็นชอบจากผูอ้ อกแบบ
- “MONOKOTE” TYPE Z-106, หรือ FIRECUT TYPE F – 1 สําหรับบริเวณหรือพืน้ ทีภ่ ายในหรือกึง่
ภายนอกอาคาร
- “MONOKOTE” TYPE Z-146, หรือ FIRECUT TYPE F – 100สําหรับบริเวณหรือพืน้ ทีภ่ ายนอกอาคาร
2.2 ฉนวนป้องกันไฟ ต้องปราศจาก ASBESTOS และ MINERAL WOOL
2.3 ความหนา และ RESISTANCE ของฉนวนป้องกันไฟ (FIREPROOFING) ทีใ่ ช้กบั โครงเหล็กก่อสร้าง
ต้องได้มาตรฐานสากล กฎข้อบังคับควบคุมอาคารก่อสร้าง หรือได้ระบุไว้เป็ นอย่างอื่นแต่ทงั ้ นี้ตอ้ งได้รบั ความเห็นชอบ และ
อนุมตั จิ ากผูอ้ อกแบบก่อนนําไปใช้
2.4 ฉนวนป้องกันไฟต้องผ่านการทดสอบได้มาตรฐานสากล เช่น U.L (UNDERWRITER’S
LABORATORIES INC.) และมาตรฐานการทดสอบของ ASTM E119 หรือเทียบเท่า SPRAY-ON FIREPROOFING ต้อง
ผ่านการทดสอบดังต่อไปนี้
- DRY DENSITY : ต้องได้มาตรฐาน ASTM E605 โดยเฉลีย่ มีความหนาแน่นไม่น้อยกว่า22 pcf หรือ
มาตรฐานเทียบเท่า
- DEFLECTION : ฉนวนป้องกันไฟจะต้องไม่รา้ ว หลุด ออกจากผิวของวัสดุทต่ี ดิ ตัง้ ได้มาตรฐาน ASTM
E759 หรือเทียบเท่า
- BOND IMPACT : ต้องได้มาตรฐาน ASTM E760 หรือเทียบเท่า
- BOND STRENGTH : เมื่อผ่านการทดสอบได้มาตรฐาน ASTM E736 แล้ว จะต้องได้BOND STRENGTH
1000 PSF
- AIR EROSION : เมื่อผ่านการทดสอบได้มาตรฐาน ASTM E859 แล้ว MAXIMUMWEIGHT LOSS ของ
้
ฉนวนปองกันไฟทีย่ อมให้ 0.005 GM./SQUARE FEET
- COMPRESSIVE STRENGTH : เมื่อผ่านการทดสอบมาตรฐาน ASTM E761 แล้วฉนวนป้องกันไฟเมื่อรับ
COMPRESSIVE FORCE จะต้องไม่เปลีย่ นแปลงรูปลักษณะเกิน 10 PERCENT
- CORROSION RESISTANCE : เหล็กทีจ่ ะใช้ฉนวนป้องกันไฟจะต้องได้มาตรฐาน ASTME937 และต้องไม่
เป็ นสนิม
- SURFACE BURNING : เมื่อผ่านการทดสอบ ASTM E84FLAME SPREAD ................. 0
- นํ้าทีใ่ ช้ผสมวัสดุตอ้ งเป็ นนํ้าจืดทีส่ ะอาด ปราศจากสิง่ เจือปนจําพวกแร่ธาตุ กรด ด่าง และสารอินทรียต์ ่าง ๆ
2.5 ตัวอย่างวัสดุพร้อมหนังสือรับรอง
3. การทาความสะอาด
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดหลังจากการติดตัง้ ในส่วนทีเ่ กีย่ วข้องให้สมบูรณ์ สะอาด เรียบร้อยโดยปราศจากสิง่
สกปรก เปรอะเปื้ อนและรอยด่างต่าง ๆ ถ้าหากมีขอ้ บกพร่องดังกล่าวเกิดขึน้ ผูร้ บั จ้างจะต้องแก้ไขให้สมบูรณ์เรียบร้อยก่อน
การอนุมตั ติ รวจสอบจากควบคุมงาน
จบหมวดที่ 51
หมวดที่ 52
งานสีป้องกันไฟ INTUMESCENT MASTIC FIRE PROOFING
1. ขอบเขต
1.1 ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาวัสดุและอุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องจักรทีใ่ ช้ในการปฏิบตั งิ านและติดตัง้ ทีม่ คี ุณภาพ
แรงงานทีม่ ฝี ีมอื และความชํานาญ มีระบบคุณภาพทีด่ สี าํ หรับงานทาสีป้องกันไฟ ตามทีร่ ะบุในแบบและรายการประกอบ
แบบ พร้อมการรับประกันคุณภาพ
1.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดส่งตัวอย่างสีป้องกันไฟ สีรองพืน้ และอุปกรณ์อ่นื ๆทีเ่ กีย่ วข้อง ให้ผคู้ วบคุมงานพิจารณาอนุมตั ิ
ตามวัตถุประสงค์ของผูอ้ อกแบบก่อนการสัง่ ซือ้ โดยจะต้องปฏิบตั ติ ามคําแนะนําของผูผ้ ลิตอย่างเคร่งครัด ให้ดาํ เนินการ
ภายใต้การแนะนํา การตรวจสอบ และการเก็บตัวอย่างของ ผูเ้ ชียวชาญจากผูผ้ ลิตสีป้องกันไฟ
1.3 สีทน่ี ํามาใช้จะต้องบรรจุอยูใ่ นสภาพสมบรูณ์ไม่มรี ่องรอยการเปิ ดบรรจุภณ ั ฑ์ ถังหรือภาชนะทีป่ ิ ดสนิทเรียบร้อย
้
มาจากโรงงาน ต้องมีปายแสดงชนิดของสินค้าและชื่อผูผ้ ลิตอย่างชัดเจนโดยมีใบส่งของและรับรองคุณภาพจากโรงงาน
ผูผ้ ลิตทีส่ ามารถตรวจสอบได้
1.4 ทุกขัน้ ตอนงานทาสีป้องกันไฟ จะต้องปฏิบตั ติ ามวิธกี ารของผูผ้ ลิตสีอย่างเคร่งครัด โดยได้รบั อนุมตั จิ ากผู้
ควบคุมงาน
1.5 งานทาสีป้องกันไฟทัง้ หมด จะต้องเรียบร้อยสมํ่าเสมอ ไม่มรี อยแปรง รอยหยดสี หรือข้อบกพร่องอื่นใดและ
จะต้องทําความสะอาดรอยสีเปื้ อนส่วนอื่นๆ ของอาคารทีไ่ ม่เกีย่ วข้อง เช่น พืน้ ผนัง กระจก
อุปกรณ์ต่างๆ เป็ นต้น
1.6 คุณสมบัตขิ องผูต้ ดิ ตัง้ จะต้องมีผลงานทีเ่ คยติดตัง้ ระบบวัสดุเดียวกันนี้ และมีประสบการณ์การติดตัง้ ไม่น้อย
กว่า 5 ปี
1.7 การรับประกันผูร้ บั จ้างจะต้องเลือกใช้วสั ดุสปี ้ องกันไฟและขันตอนการทาหรื
้ อพ่นสีทด่ี ี สามารถรับประกัน
คุณภาพโดยบริษทั ผูผ้ ลิตและบริษทั ผูร้ บั จ้างพ่นสีเป็ นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี
1.8 ใช้วสั ดุกนั ไฟแต่ละรุ่นทีผ่ ลิตจากโรงงานเดียวกันทีไ่ ด้มาตรฐาน
1.9 ผลิตภัณฑ์การติดตัง้ และความหนาของวัสดุกนั ไฟจะต้องเป็นไปตามข้อกําหนดเกีย่ วกับอัตราการทนไฟ ให้
เป็ นไปตามกฎข้อบังคับของกฎกระทรวงเกีย่ วกับอัตราการทนไฟ โดยส่งใบรับรองของวัสดุป้องกันไฟทีม่ กี ารรับรอง ให้ผู้
ควบคุมงานพิจารณาอนุมตั กิ ่อนการสังซื ่ อ้
1.10 ผูต้ ดิ ตัง้ ให้สง่ ข้อมูลวัสดุป้องกันไฟโครงสร้างเหล็กอย่างละเอียดและให้สง่ ใบรับรองว่าสินค้านัน้ ๆ มีคุณสมบัติ
ถูกต้องตามความต้องการหรือสูงกว่าความต้องการทีไ่ ด้ระบุไว้ ผูต้ ดิ ตัง้ ต้องเข้านําเสนอวิธกี ารติดตัง้ ก่อนการติดตัง้ เพื่อตรวจ
รับวัสดุ การติดตัง้ ความหนา กระบวนการติดตัง้ และหัวข้ออื่นๆ
2. วัสดุ
2.1 วัสดุป้องกันไฟโครงสร้างเหล็กเป็ นวัสดุประเภท Solvent – Based Intumescent Coating มีอตั ราทนไฟตาม
กฎกระทรวง ติดตัง้ ด้วยวิธกี ารพ่นหรือทาบนโครงสร้างเหล็ก
2.2 เป็ นวัสดุป้องกันไฟโครงสร้างเหล็กทีไ่ ด้มาตรฐานตามการทดสอบมาตรฐาน ASTM E119
2.3 ส่วนประกอบ
- วัสดุป้องกันไฟ เป็ นวัสดุประเภท Solvent – Based Intumescent ต้องไม่มสี าร asbestos
3. การดาเนิ นการ
3.1 การตรวจสอบ
3.1.1 ตรวจสอบว่าพืน้ ผิวเหล็กพร้อมได้รบั การติดตัง้
3.1.2 ตรวจสอบว่าท่อลม ท่อ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึง่ อาจเป็นอุปสรรคในการติดตัง้ วัสดุกนั ไฟซึง่ ยังไม่ได้รบั การ
ติดตัง้ จนกว่าจะติดตัง้ วัสดุกนั ไฟเสร็จ
3.1.3 ตรวจสอบว่ามีการเติมช่องหรือรอยแตกต่าง ๆ ให้เต็ม และจัดเก็บวัสดุต่าง ๆ ทีย่ ่นื ออกมาในบริเวณทีจ่ ะมีการ
พ่นวัสดุป้องกันไฟให้เรียบร้อย
3.1.4 ให้มกี ารส่งมอบพืน้ ทีก่ ่อนการติดตัง้
3.2 การเตรียมพืน้ ผิว
3.2.1 ทําความสะอาดผิวเหล็กให้ปราศจากไขมัน นํ้ามัน เศษวัสดุทต่ี ดิ อยู่ หรือวัสดุอ่นื ๆ ซึง่ อาจมี
ผลต่อการยึดเกาะของสารกับเนื้อเหล็ก
3.2.2 ให้ทาหรือพ่นสีกนั สนิม
3.3 การป้องกัน
3.3.1 ติดตัง้ วัสดุป้องกันบริเวณข้างเคียงและอุปกรณ์ต่าง ๆ จากการฟุ้งในกรณีทม่ี กี ารพ่น
3.3.2 ป้องกันวัสดุป้องกันไฟไม่ให้โดนฝนขณะทําการติดตัง้
3.3.3 ติดตัง้ สีทบั หน้า (Topcoat) เพื่อป้องกันสภาพอากาศชืน้ และตบแต่งผิวให้สวย โดยสีทบั หน้าที่
แนะนํา ได้แก่ อะคริลคิ สีอพี ๊อกซี่ สีเอ็นโพลียรู เี ทน
3.4 การติดตัง้
3.4.1 โดยการทา
- ทาสีกนั ไฟแต่ละชัน้ ทีค่ วามหนา 250 -500 ไมครอน และสามารถทาได้มากกว่า 1 ชัน้ เพื่อให้
หมวดที่ 53
ยางยาแนว SEALANT, CAULKING
1. ขอบข่าย
งานยางยาแนว (SEALANT, CAULKING) รอยต่อ ตามทีร่ ะบุไว้ในแบบก่อสร้าง และรายการประกอบแบบก่อสร้าง
รวมถึงภาคต่างๆทัง้ หมดถ้าได้กล่าวถึงในภาคอื่นๆแล้วให้ใช้บทนี้ประกอบด้วย ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมแบบประกอบการ
ติดตัง้ (Shop Drawing) รวมถึงส่วนต่างๆทีเ่ กียวข้อง แสดงถึงรายละเอียดการติดตัง้ โดยละเอียดสําหรับรอยต่อทุกแบบทีม่ ี
เพื่อขออนุมตั แิ ละตรวจสอบพิจารณาจากผูอ้ อกแบบก่อนการติดตัง้
2. วัสดุ
2.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุทเ่ี หมาะสมกับการยาแนวตามแบบทีก่ าํ หนด รวมทัง้ รอยต่อใดทีต่ อ้ งยาแนวแต่มไิ ด้
กําหนดในแบบ ผูร้ บั จ้างจะต้องยาแนวรอยต่อนัน้ ให้เรียบร้อยด้วย
2.2 วัสดุทใ่ี ช้จะต้องบรรจุในบรรจุภณ ั ฑ์ทแ่ี ข็งแรงเพียงพอต่อการขนส่งอยู่ในสภาพเรียบร้อยโดยมี
รายละเอียด ชื่อสินค้า ชนิดผลิตภัณฑ์ รุ่น หมายเลขการผลิต และอื่นๆอย่างสมบูรณ์ชดั เจน
2.3 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเก็บวัสดุตามคําแนะนําของผูผ้ ลิต
2.4 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทําระบบบันทึกการหมุนเวียนของวัสดุดงั นี้
- วันทีท่ ร่ี บั ของ
- ชื่อสินค้าและหมายเลขผลิตภัณฑ์
- หมายเลขการผลิต
- บันทึกใบรับประกันคุณภาพ หรือ COA (Certificate of Analysis) จากผูผ้ ลิตในทุกหมายเลขการผลิต
- วันทีเ่ บิกของไปใช้
- จํานวนของทีเ่ บิกไปใช้
- ชื่องานทีน่ ําไปใช้
2.5 วัสดุยางยาแนวทีใ่ ช้ตอ้ งเป็ นวัสดุชนิดทีเ่ หมาะสมกับวัสดุและประเภทของงานนัน้ ๆโดยเฉพาะ
ตามมาตรฐานของ Dow Corning Corporation, GE, SIKA WACKER หรือ Tremco หรือเทียบเท่า มี
รายละเอียดดังนี้
2.5.1 สําหรับรอยต่อประเภท Curtainwall (4-sided และ 2-sided)
2.5.1.1 Structural Glazing Sealant ให้ใช้ชนิด TWO PART เพื่อติดตัง้ กระจกในโรงงาน โดย จะต้องมี
การทดสอบ CompatibilityTest และ Deglazing Test ตามข้อกําหนดของผูผ้ ลิต โดยจะต้องส่ง รายงาน การทดสอบให้
รับรองโดยใช้ผลิตภัณฑ์ Dow Corning 983, GE ULTRA GLAZE SSG 4400 สําหรับ ONE PART อนุโลมให้ใช้
เฉพาะงานซ่อมแซมเท่านัน้
2.5.1.2 Weatherproofing Sealant ให้ใช้
- Dow Corning 791, GE SCS2900 หรือคุณภาพเทียบเท่า
- วัสดุยาแนวต้องได้รบั มาตรฐาน ASTM C920 Standard Specification for
Elastomeric Joint Sealants, Type S, Grade NS, Class 50, Use NT, G, A, M,
- วัสดุยาแนวต้องมีความสามารถในการรับการเคลื่อนไหวของรอยต่อไม่น้อยกว่า
±50%
3. ตัวอย่างวัสดุ
สถาปนิก ผูอ้ อกแบบจะเป็ นผูก้ าํ หนดสีของยาแนวทีใ่ ช้ให้สอดคล้องกับพืน้ ผิววัสดุ
3.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาตัวอย่างวัสดุทจ่ี ะใช้ทุกอย่างทีเ่ กีย่ วข้องไม่น้อยกว่า 2 ตัวอย่างต่อรายการ และส่งให้
ผูอ้ อกแบบเพื่อขออนุมตั แิ ละตรวจสอบตามความต้องการของผูอ้ อกแบบก่อนทีจ่ ะนําไปใช้งาน
3.2 ผูร้ บั จ้างต้องนําส่งรายละเอียดสินค้า (Product Manufacturer’s Specification) จากบริษทั ผูผ้ ลิต
3.3 สําหรับซิลโิ คนยาแนวผูร้ บั จ้างต้องส่งผลการทดสอบซิลโิ คนยาแนวกับวัสดุทจ่ี ะยาแนวจาก
ห้องปฏิบตั กิ ารของผูผ้ ลิตซิลโิ คนยาแนวทีส่ ถาปนิกรับรองก่อนทีจ่ ะลงมือทํางาน ผลการทดสอบขัน้ ตํ่าทีต่ อ้ งการ
ประกอบด้วย
3.3.1 การทดสอบการยึดเกาะของวัสดุกบั ยาแนว (Adhesion-In-Peel Test) ตามมาตรฐานการทดสอบ
ASTM C794
3.3.2 การทดสอบการเข้ากันได้กบั วัสดุทงั ้ หมดทีใ่ ช้รว่ มกัน (Compatibility Test) กับซิลโิ คนยาแนวทีใ่ ช้ ตาม
มาตรฐานการทดสอบ ASTM C1087
3.3.3 การทดสอบการเกิดคราบในวัสดุจากซิลโิ คนยาแนว (Stain Test) ตามมาตรฐานการทดสอบ ASTM
C1248
3.3.4 สําหรับซิลโิ คนยาแนวงานโครงสร้าง (Structural Glazing Sealant) ผูร้ บั จ้างต้องส่งรายงานการ
ควบคุมคุณภาพ ได้แก่ เอกสารการทดสอบการยึดติดทีส่ ถานทีก่ ่อสร้าง (Site Adhesion Test) หรือเอกสารการตรวจสอบ
การยึดติดโดยการรือ้ ยาแนว (Deglazing)
3.3.5 ข้อแนะนําจากห้องปฏิบตั กิ ารเกีย่ วกับความจําเป็ นในการใช้สารรองพืน้ (Primer) ชนิดของสารรองพืน้
และข้อแนะนําชนิดของสารละลายในการทําความสะอาด
4. การติ ดตัง้
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาผูด้ าํ เนินการหรือช่างฝีมอื ทีม่ คี วามชํานาญมีประสบการณ์ในการติดตัง้ โดยปฏิบตั ติ ามกรรมวิธี
และคําแนะนําของบริษทั ผูผ้ ลิตอย่างเคร่งครัด โดย
4.1 การเตรียมผิวงาน ผูร้ บั จ้างต้องตรวจสอบสถานทีใ่ ห้เรียบร้อย แก้ไขข้อบกพร่องต่างๆให้เรียบร้อยก่อน
ดําเนินการ
4.2 ผูร้ บั จ้างทําความสะอาดผิวงานให้สะอาด แห้ง ปราศจากฝุน่ ผง คราบ นํ้ามัน สนิม ด้วยสารละลายที่
บริษทั ผูผ้ ลิตแนะนํา ผ้าทีใ่ ช้ตอ้ งเป็ นผ้าฝ้ายขาว 100% ใช้ผา้ ผืนแรกชุบสารละลายเช็ดทีผ่ วิ งานแล้วใช้ผา้ ผืนทีส่ องเช็ดตาม
เพื่อเป็ นการดูดซับสิง่ สกปรก และไขมันทันทีก่อนทีส่ ารละลายจะระเหย
4.3 สําหรับพืน้ ผิวคอนกรีตให้ใช้แปรงขัดทําความสะอาด แล้วเปา่ ด้วยลมจากเครื่องอัดแรงดันสูง
4.4 สําหรับพืน้ ผิวโลหะ เช่นอลูมเิ นียม ต้องทําความสะอาดพืน้ ที่ ทีจ่ ะยาแนวให้สะอาด โดยปราศจากสนิมคราบ
ไขมัน คราบนํ้ามัน เทป รอยเปรอะเปื้ อนต่างๆ เช็ดให้สะอาด และทิง้ ให้แห้งก่อนยาแนว
4.5 ทาสารรองพืน้ (ถ้าจําเป็ น) เพียงบางๆ ทิง้ ไว้ให้แห้ง 20-30 นาทีโดยประมาณ
4.6 ติดเทปโฟม (Spacer) ยางหนุน (Setting Block) โฟมหนุน (Backer Rod) แถบกันการยึดติด (Bond Breaker)
และอื่นๆ ตามมาตรฐานของผูผ้ ลิตยางยาแนว หรือตามแบบทีก่ าํ หนด
4.7 สัดส่วนความลึกและความกว้างของรอยต่อของยางยาแนวต้องปฏิบตั ติ ามกรรมวิธขี องบริษทั ผูผ้ ลิตอย่าง
เคร่งครัดหรือตามทีผ่ อู้ อกแบบกําหนดและมีความประณีต ไม่มฟี องอากาศในยาแนว ปาดตบแต่งผิวของยาแนวด้วยแท่ง
ปาดให้สะอาดเรียบร้อย
5. การทาความสะอาด
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดบริเวณทํางานทุกแห่งหลังจากติดตัง้ ระบบกันไฟลามแล้วด้วยความปราณีเรียบร้อย
ก่อนการอนุมตั ติ รวจสอบจากผูอ้ อกแบบ และก่อนส่งมอบงาน
6. การรับรอง
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันคุณภาพ คุณสมบัตขิ องวัสดุ และการติดตัง้ ตามมาตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิต
เมื่อติดตัง้ แล้วจะต้องไม่มกี ารหลุดร่อน หรือมีตําหนิใด ๆ หากเกิดการดังกล่าว ผูร้ บั จ้างจะต้องซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี
ด้วยความประณีตเรียบร้อย โดยไม่คดิ มูลค่าใด ๆ ทัง้ สิน้ ตามมาตรฐานของบริษทั ผูผ้ ลิตและความเห็นชอบของผูอ้ อกแบบ
ในระยะเวลาการรับประกันไม่น้อยกว่า 10 ปี
จบหมวดที่ 53
งานผังบริเวณ
หมวดที่ 54
งานผังบริเวณและงานดิ นถม
1. งานดินถม
1.1 ประเภทของวัสดุทใ่ี ช้
1.1.1 วัสดุประเภท ทราย ต้องมีคุณสมบัตดิ งั นี้
(1) ปราศจากก้อนดินเหนียว รากไม้ หรือวัชพืช หรือวัสดุอ่นื ๆ
(2) อินทรียป์ นอยู่อนั อาจจะทําให้เกิดการยุบตัวเสียหายในอนาคต
(3) มีความหนาแน่นแห้งสูงสุด (Maximum dry density) ไม่น้อยกว่า 1,700 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
(4) มีค่าการพองตัวไม่มากกว่าร้อยละ 4
(5) ขนาดผ่านตะแกรงเบอร์ 200 ไม่มากกว่าร้อยละ 20 โดยนํ้าหนัก
1.1.2 วัสดุ ประเภท Soil Aggregate ทีไ่ ม่ใช่ทราย ต้องมีคุณสมบัตดิ งั นี้
(1) ปราศจากก้อนดินเหนียว รากไม้ หรือวัชพืช หรือวัสดุอนิ ทรียป์ นอยู่อนั อาจจะทําให้เกิดการยุบตัว เสียหายในอนาคต
(2) ขนาดวัสดุผ่านตะแกรงเบอร์ 200 ไม่มากกว่าร้อยละ 25 โดยนํ้าหนัก
(3) ค่าขีดเหลวไม่มากกว่า 40
(4) ขนาดวัสดุใหญ่ทส่ี ดุ ไม่โตกว่า 5 เซนติเมตร
(5) ค่าดัชนีความเป็ นพลาสติก (Plasticity Index) ไม่มากกว่า 20
(6) ค่าการพองตัวไม่มากกว่าร้อยละ 3
(7) มีความหนาแน่นแห้งสูงสุดไม่น้อยกว่า 1,800 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
1.2 วิธกี ารก่อสร้าง
1.2.1 บริเวณทีจ่ ะถมดินให้ถางปา่ ขุดตอไม้ รากไม้ออกแล้วนําไปทิง้ ทีผ่ คู้ วบคุมงานเห็นสมควร หลังจากนัน้
ให้ปรับแต่งพืน้ ทีใ่ ห้สมํ่าเสมอ พรมนํ้าแล้วทําการบดอัดให้มคี วามแน่นตามทีผ่ คู้ วบคุมงานกําหนด
1.2.2 ดําเนินการถมโดยให้ถมเป็ นชัน้ ๆ ชัน้ หนึ่งๆ หนาไม่เกิน 30 เซนติเมตร ทุกชัน้ ต้องบดอัดแน่นไม่
น้อยกว่าร้อยละ 85 Standard Proctor Density (สําหรับในเขตพืน้ ทีอ่ าคาร สามารถใช้ทรายถมได้)
1.2.3 ในส่วนทีท่ าํ ถนน คสล. หรือราดยาง กําหนดให้ ใช้ดนิ ลูกรัง บดอัดแน่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 95
Standard Proctor Density
1.2.4 บริเวณลาดไหล่ดนิ ถมให้ลง TOP SOIL ปลูกหญ้าพืน้ เมือง เป็ นแถวระยะห่างแถวละ 20 เซนติเมตร
1.2.5 บริเวณทีป่ ลูกหญ้าให้เตรียม TOP SOIL ลงหนาไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร
2. งานถนนและลานจอดรถ คสล.
ขนาดความกว้างถนนตามรูปแบบถนนและลานจอดรถ คสล. สามารถปรับลดขนาดได้ตามความเหมาะสมและสภาพการใช้
งาน แต่ทงั ้ นี้พน้ื ทีร่ วมทัง้ หมดต้องไม่น้อยกว่าทีร่ ะบุในแบบแปลน คอนกรีต และเหล็กเสริม เป็นไปตาม มาตรฐานงาน
อาคาร ตามทีร่ ะบุในแบบ
3. งานปลูกต้นไม้
3.1 การปลูกต้นไม้กาํ หนดให้ผรู้ บั จ้างจัดหาให้ได้ขนาดตามทีร่ ะบุในรูปแบบ สําหรับพันธุไ์ ม้ให้เป็ นไปตามรูปแบบ
กําหนด แต่สามารถปรับเปลีย่ นพันธุไ์ ม้ทเ่ี หมาะสมกับสภาพการเจริญเติบโต และภูมอิ ากาศทีเ่ หมาะสมได้ ตามดุลยพินจิ
ของคณะกรรมการตรวจการจ้าง ทัง้ นี้เพื่อประโยชน์ของราชการเป็ นสําคัญ
3.2 การปลูกต้นไม้ กําหนดให้ผรู้ บั จ้างจัดเตรียมกรรมวิธกี ารปลูก และไม้ค้าํ ตามทีร่ ปู แบบภูมทิ ศั น์ระบุ
จบหมวดที่ 54
หมวดที่ 55
งานภูมิสถาปัตยกรรม
1.2 การดําเนินการก่อสร้าง
(1) ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคในระหว่างดําเนินงาน เช่น ประปา ไฟฟ้า การกําจัดขยะมูลฝอย และการทดสอบอื่นๆ เช่น
การทดสอบคุณภาพของไม้ หิน ทราย เหล็ก คอนกรีต เป็ นต้น เป็ นหน้าทีข่ องผูร้ บั จ้างจะต้องออกค่าใช้จ่ายทัง้ สิน้
(2) ผูร้ บั จ้างจะต้องแต่ตงั ้ ผูแ้ ทนทีม่ อี าํ นาจเต็มทีซ่ ง่ึ สามารถจะรับผิดชอบ และแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆ แทนผูร้ บั จ้างมา
ประจําสถานทีก่ ่อสร้างไม่น้อยกว่า 1 นาย เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการปฏิบตั งิ าน
(3) ผูว้ ่าจ้างมีสทิ ธิทจ่ี ะแต่งตัง้ ผูห้ นึ่งผูใ้ ดเป็ นผูค้ วบคุมงาน ซึง่ ผูร้ บั จ้างจะต้องให้ความสะดวกและความร่วมมือในการ
ปฏิบตั งิ านตามหน้าที่ ในกรณีทผ่ี คู้ วบคุมงานพบสิง่ ใดบกพร่องหรือพบการกระทําทีอ่ าจจะเป็ นในทางฝา่ ฝืนสัญญา
หรือไม่สมกับสภาพอันควรแก่การทํางานทีถ่ ูกต้อง ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการแก้ไขภายในกําหนดเวลาอันสมควร อนึ่ง
ถ้าผูค้ วบคุมงานเห็นว่าลูกจ้างหรือช่างคนใดของผูร้ บั จ้างขาดความเข้าใจงานหรือประพฤติตนไม่ดี หรือฝีมอื ไม่ดี
หรือ ทํางานหยาบสะเพร่า ผูว้ ่าจ้างและผูค้ วบคุมงานมีสทิ ธิขอให้ผรู้ บั จ้างเปลีย่ นลูกจ้าง หรือช่างผูน้ นั ้ ได้ในกรณีน้ผี ู้
รับจ้างจะต้องรับจัดหามาแทนภายใน 7 วัน
(4) ผูว้ ่าจ้างสงวนสิทธิในการสั
์ งหยุ
่ ดงานชัวคราวได้ ่ ในกรณีทผ่ี รู้ บั จ้างไม่ปฏิบตั งิ านให้ถูกต้องตามรูปแบบหรือ
รายการก่อสร้างข้อหนึ่งข้อใด และผูร้ บั จ้างไม่มสี ทิ ธิที์ จ่ ะนําไปเป็นข้ออ้างในการต่อเวลาในสัญญา
(5) ผูร้ บั จ้างจะต้องใช้หอ้ งนํ้า – ส้วม สําหรับเจ้าหน้าทีแ่ ละคนงานในบริเวณทีเ่ จ้าของโครงการกําหนดให้เท่านัน้ รวมทัง้
ทําการรักษาความสะอาดพืน้ ทีก่ อ่ สร้างตลอดระยะการปฏิบตั งิ าน ในกรณีเกิดมีการถ่ายอุจจาระหรือปสั สาวะใน
บริเวณก่อสร้างนอกห้องส้วมทีจ่ ดั ไว้ให้ หรือมีขยะทิง้ สกปรกรุงรังในพืน้ ทีก่ ่อสร้าง ผูว้ ่าจ้างและผูค้ วบคุมงานมีสทิ ธิสั์ ง่
หยุดงานได้จนกว่าผูร้ บั จ้างจะทําความสะอาดให้เรียบร้อย
(6) การส่งมอบงาน ผูร้ บั จ้างจะต้องทําความสะอาดส่วนต่างๆ ของอาคารและบริเวณให้เรียบร้อยพร้อมทัง้ ถมดินปรับ
ระดับให้เรียบร้อยตามระบุในแบบ อุปกรณ์ต่างๆ จะต้องอยูใ่ นสภาพเรียบร้อยใช้งานได้ทนั ที
1.3 การเตรียมวัสดุก่อสร้างใช้งานได้ทนั ที
(1) สิง่ ของทีป่ รากฏอยู่ในแบบและรายการก่อสร้างก็ดี หรือทีม่ ไิ ด้ปรากฏในแบบและรายการก่อสร้างก็ดี อันเป็ นส่วนหนึ่ง
หรือเครื่องประกอบการก่อสร้างนี้ให้เป็ นไปตามหลักวิชาช่างนัน้ ผู้รบั จ้างจะต้องจัดหามารวมอยูใ่ นงานก่อสร้างนี้
ทัง้ สิน้
(2) ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุก่อสร้างทีม่ คี ุณภาพดีให้ครบตามแบบทุกประการ และให้ทนั เวลาวัสดุทจ่ี าํ เป็ นจะต้องสัง่
จากต่างประเทศ ผูร้ บั จ้างจะต้องรีบสังทั ่ นทีเพื่อให้ทนั กับระยะทีจ่ ะต้องใช้ในการก่อสร้าง ผูร้ บั จ้างจะมาอ้างภายหลัง
ว่าวัสดุนนั ้ ไม่มจี าํ หน่ายในท้องตลาดไม่ได้
(3) วัสดุและอุปกรณ์ทใ่ี ช้จะต้องเป็ นของใหม่ คุณภาพดีไม่เคยใช้งานมาก่อนและถูกต้องตามแบบและรายการก่อสร้าง
วัสดุและอุปกรณ์ทจ่ี ะใช้ทุกชนิด ผูร้ บั จ้างจะต้องนําตัวอย่างมาให้ภูมสิ ถาปนิกและเจ้าของโครงการพิจารณารับรอง
ก่อนจึงจะทําการสังซื ่ อ้ หรือติดตัง้ ได้
1.4 ความเสียหายและอุปทวเหตุ ั
(1) ผูร้ บั จ้างจะต้องเป็ นผูร้ บั ผิดชอบโดยตรงต่อความเสียหายใดๆ อันเกิดแก่อาคารใกล้เคียงและอุปทั วเหตุทเ่ี กิดแก่
ทรัพย์สนิ หรือบุคคลใดๆ เนื่องจากงานก่อสร้างนี้ทงั ้ สิน้
(2) ผูร้ บั จ้างเป็ นผูร้ บั ผิดชอบในการทํารัว้ ป้องกันอันตราย การติดโคมแสงสว่างและการเฝ้าดูแลสถานทีก่ ่อสร้างตลอดจน
การว่าจ้างยามเพื่อป้องกันรักษาในกรณีทจ่ี าํ เป็ น
1.5 การขัดแย้งในรูปแบบและรายการการว่าจ้าง
หากมีขอ้ ขัดแย้งไม่ตรงกันในรูปแบบหรือกับรายละเอียดประกอบการก่อสร้าง ทัง้ ในด้านงานสถาปตั ยกรรม งาน
โครงการ งานระบบประกอบการก่อสร้าง ให้ผรู้ บั จ้างแจ้งให้ผวู้ ่าจ้าง ผูค้ วบคุมงาน สถาปนิกและวิศวกรทราบ เป็ นลาย
ลักษณ์อกั ษรโดยทันที เพื่อจะได้พจิ ารณาวินจิ ฉัยว่าจะถือตามข้อกําหนดใดเป็ นเกณฑ์ในการปฏิบตั จิ ริง การวินิจฉัยของภูมิ
สถาปนิก และวิศวกรถือเป็ นยุติ
1.6 การขยายเวลา
ให้ผรู้ บั จ้างส่งคําบอกกล่าวเป็ นลายลักษณ์อกั ษร แจ้งถึงสาเหตุแห่งความล่าช้าแก่ผวู้ ่าจ้างและผูค้ วบคุมงาน ภายใน
7 วัน หลังจากเกิดสาเหตุนนั ้ ๆ และให้ชแ้ี จงว่าเป็ นเหตุโดยอย่างใดเพื่อให้ผวู้ ่าจ้างและผูค้ วบคุมงานพิจารณาตามความเป็ น
จริง
1.7 ตารางแสดงความก้าวหน้าของงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งตารางแสดงความก้าวหน้าของงาน ให้ผวู้ ่าจ้างพร้อมกับการขอเบิกเงินงวดค่าก่อสร้างทุกงวดตาม
ความก้าวหน้าของการก่อสร้างตามจริง
1.9 เส้นทางการขนส่งวัสดุก่อสร้าง
ผูร้ บั จ้างจะต้องบํารุงรักษาเส้นทางเพื่อใช้สาํ หรับการขนส่งวัสดุก่อสร้างให้อยูใ่ นสภาพเดิมตลอดระยะการก่อสร้าง
หากเกิดชํารุดเสียหายเนื่องจากการใช้สอยของผูร้ บั จ้างจะต้องรับซ่อมแซมให้เหมือนเดิมโดยไม่เรียกร้องค่าใช้จ่ายเพิม่ เติม
จากผูว้ ่าจ้าง
1.10 การกองเก็บวัสดุก่อสร้าง
ห้ามใช้พน้ื ทีภ่ ายใต้พุ่มใบของต้นไม้เป็ นทีก่ องเก็บวัสดุก่อสร้างหรือเตรียมงานก่อสร้าง ห้ามใช้สว่ นของต้นไม้ในพืน้ ที่
ก่อสร้างในการตอกหรือยึดโยงเพื่อรองรับการทํางานก่อสร้าง
1.12 การจําลองระบบการทํางานของงานระบบ
ในการตรวจรับงาน ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการทดลองงานระบบหรือแสดงให้เห็นถึงการทํางานทีไ่ ด้ประสิทธิภาพและ
คุณภาพตามแบบและรายการ ได้แก่
(1) ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง
(2) ระบบสูบนํ้า ระบบรดนํ้าต้นไม้
(3) ระบบอื่นๆ ทีจ่ าํ เป็ น
1.16 งานก่ออิฐและฉาบปูน
(1) การจัดหา ผูร้ บั เหมาเป็ นผูจ้ ดั หาวัสดุ อุปกรณ์ มาทําการก่อสร้างทัง้ หมด
(2) วัสดุ
- อิฐโดยทัวไปให้
่ ใช้อฐิ เผาสุกทัวไป
่ มีเสียงเคาะก้องและแกร่ง ไม่หกั บิน่
- ให้ใช้ปนู ตราเสือของบริษทั ปูนซีเมนต์ไทย หรือทีม่ คี ุณภาพเทียบเท่า โดยต้องได้รบั การรับรองจาก
คณะกรรมการตรวจการจ้าง สถาปนิกและวิศวกรเป็ นลายลักษณ์อกั ษรก่อน
(3) ส่วนผสมของปูนก่อและปูนฉาบ
- ส่วนผสมของปูนก่อให้ใช้ดงั นี้
ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน
ทรายหยาบ 4 ส่วน
- ส่วนผสมของปูนฉาบให้ใช้ดงั นี้
ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน
ทรายหยาบ 5 ส่วน
(4) กรรมวิธใี นการปฏิบตั งิ านก่อสร้าง
- ก่อนการก่อสร้างจะต้องราดนํ้าให้อฐิ หรือบล็อกชุม่ นํ้าเสียก่อน อิฐทีก่ ่อจะต้องให้ได้แนวทัง้ ทางตัง้ และทางนอน
และจะต้องเรียงโดยการขึงเชือก รอยต่อโดยรอบแผ่นอิฐต้องมีไม่น้อยกว่า 1 เซนติเมตร และจะต้องใส่ปนู ก่อให้เต็มรอยต่อ
โดยรอบแผ่นอิฐ ปลายอิฐทีก่ ่อชนเสาหรือเสาเอ็นจะต้องเสียบเหล็กเดือยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตร ทีเ่ สาไว้ทุก
ระยะไม่เกิน 60 เซนติเมตร และจะต้องรดนํ้าคอนกรีตให้เปียกก่อนทําการก่อ
- ในกรณีทผ่ี วิ ปูนแตกร้าวหรือผิวปูนไม่จบั กับผนังภายหลังการฉาบ ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการซ่อมแซมโดยการ
สกัดปูนฉาบออกเป็ นบริเวณกว้างไม่ต่ํากว่า 10 เซนติเมตร ทําผิวกําแพงให้ขรุขระ ล้างนํ้าให้สะอาดแล้วจึงทําการฉาบใหม่
ได้ ผิวปูนฉาบใหม่จะต้องเรียบสนิทเป็ นเนื้อเดียวกับผิวปูนฉาบเดิม
- ในกรณีทก่ี าํ แพงยาวเกินกว่า 3.00 เมตร ต้องมีเสาเอ็นขนาด 0.10x0.10 ยาวตลอดความสูงกําแพง เสริม
เหล็ก 2-Ø 6 มิลลิเมตร เหล็กปลอก Ø 6 มิลลิเมตร @ 0.20
1.17 งานคอนกรีตเสริมเหล็ก
(1) การปฏิบตั โิ ดยทัวไปที
่ ไ่ ม่ได้ระบุในรายการนี้ให้ถอื ตามมาตรฐานสําหรับงาน ค.ส.ล เอกสาร ว.ส.ท.1001-14
(2) คอนกรีตทีใ่ ช้ให้มกี าํ ลังอัดไม่ต่ํากว่า 240 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร เมื่อทดสอบด้วยตัวอย่าง ขนาดเส้นผ่าน
ศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร สูง 30 เซนติเมตร เมื่ออายุ 28 วัน
(3) ปูนซีเมนต์ใช้ปอร์ตแลนด์ซเี มนต์ เช่น ตราช้าง ตราพญานาค หรือตราเพชร
(4) ทรายให้ใช้ทรายนํ้าจืดตามธรรมชาติตอ้ งมีเม็ดหยาบคมสะอาดและแกร่ง ปราศจากสิง่ เจือปน
(5) หิน ต้องเป็ นวัสดุทแ่ี ข็ง เหนียว ไม่ผุ เช่น หินราชบุรี สระบุรี ก่อนนํามาใช้ตอ้ งทําการล้างให้สะอาดปราศจากวัสดุเจือ
ปน
(6) นํ้าต้องสะอาดสามารถใช้ด่มื ได้
(7) เหล็กเสริมต้องปราศจากรอยร้าว สนิมขุม และนํ้ามัน มีตรารับรอง มอก.
(8) ห้ามนําคอนกรีตทีผ่ สมแล้วนานกว่า 30 นาที มาใช้เป็ นอันขาด
(9) ก่อนทําการเทคอนกรีตต้องให้ผคู้ วบคุมงานตรวจสอบความแข็งแรงของไม้แบบและขนาดส่วนประกอบ ต่างๆ และ
ได้รบั อนุมตั ิ
(10) การถอดไม้แบบ สําหรับคอนกรีตทีใ่ ช้ปอร์ตแลนด์ซเี มนต์
- แบบข้างและผนัง 2 วัน
- เสา 3 วัน
- ท้องคาน 21 วัน
- ท้องพืน้ ทีม่ คี านรับ 24 วัน
1.18 งานไม้
(1) ผูร้ บั จ้าง เป็ นผูจ้ ดั หาวัสดุ อุปกรณ์ แรงงาน มาทําการก่อสร้างทัง้ หมด
(2) ชนิดของไม้ ใช้ไม้ตามระบุในแบบก่อสร้าง ความชืน้ ไม่เกิน 21% ชนิดคัดพิเศษ
(3) เกณฑ์ทวไปสํ ั ่ าหรับเนื้อไม้
- ขนาดทีร่ ะบุในแบบก่อสร้างเป็ นขนาดทีท่ าํ การไสแต่งแล้ว
- ห้ามใช้ไม้ทม่ี นี ้ําหนักเบากว่าปกติเมื่อเทียบกับไม้ทม่ี ชี นิดเดียวกันทีม่ ขี นาดเท่ากัน
- ไม้ท่อนใดทีเ่ นื้อไม้เป็ นกระพี้ แตกร้าว มีตา หรือผุ เพราะเหตุใดๆ ก็ตาม ห้ามนํามาใช้ทาํ การก่อสร้าง
(4) การเข้าไม้
รอยบากไม้รบั กันและหน้าไม้ทป่ี ระกบกัน ต้องขีดเส้นฉากวัดมุมให้ถูกต้องแล้วเลื่อย เจาะใส ให้ประกบกันแน่นสนิท
เต็มหน้าทีป่ ระกบกัน
(5) การยึดตะปูควงและตะปู
- ขนาดตะปูควงจะต้องโตกว่าเบอร์ 8 และยาวไม่น้อยกว่า 2 เท่า ของความหนาของไม้ทถ่ี ูกยึดสําหรับตะปู
ต้องยาวไม่น้อยกว่า 2.50 เท่า ของความหนาของไม้ทถ่ี ูกยึด
- หากจําเป็ นต้องเจาะรูนําเพื่อมิให้ไม้แตก ให้เจาะรู โตไม่เกิน 0.9 เท่าของขนาดตะปูควง และโตไม่เกิน 0.8
เท่า ของขนาดตะปูธรรมดา
(6) การตีตะปู
- สนามหญ้า ต้องมีลกั ษณะสมบูรณ์ใบเขียวขจี ราบเรียบเป็ นผืนเดียวกัน ไม่เป็ นหลุมเป็ นบ่อ ไม่มบี ริเวณใดที่
เหลือง ตาย และไม่มวี ชั พืชขึน้ ปะปน
- วัสดุอ่นื ๆ ทีใ่ ช้ประกอบในงานส่วนนี้ตอ้ งยังคงอยูใ่ นสภาพดี ไม่ผุกร่อน หรือเสือ่ มสลายไปจนทําให้งาน
ก่อสร้างไม่เป็ นไปตามแบบก่อสร้าง หรือตามความเห็นของภูมสิ ถาปนิกและหรือเจ้าของโครงการ
2.2 งานปรับระดับผิวดิน
(1) ขอบเขตของงาน
การปรับแต่งให้เป็ นไปตามแบบผังระดับไม่มคี วามลาดเอียงตามทีร่ ะบุ ดินทีน่ ํามาถมปรับระดับในส่วนบน 30-40
เซนติเมตร ของบริเวณทีจ่ ะมีการปลูกต้นไม้และสนามหญ้าจะต้องเป็ นหน้าดินทีไ่ ด้รบั การอนุมตั จิ ากผูค้ วบคุมงานและ/หรือ
ภูมสิ ถาปนิก ระดับอ้างอิงให้ยดึ ถือระดับพืน้ อาคารเป็ นเกณฑ์ในการทํางาน
(2) การบดอัด
ในส่วนทีจ่ ะเป็ นพืน้ ผิวแข็งจะต้องทําการบดอัดให้ได้ความหนาแน่นตามรายละเอียดและกรรมวิธที ร่ี ะบุโดยวิศวกร
ส่วนทีจ่ ะเป็ นแปลงปลูกต้นไม้หรือสนามหญ้า ให้ใช้วธิ บี ดอัดด้วยรถแทรกเตอร์หรืออุปกรณ์อ่นื ให้มคี วามหนาแน่น
พอประมาณ มิให้เกิดการพังทลาย แต่สามารถให้น้ําซึมผ่านได้สะดวก
2.3 ดินและเครื่องปลูก
(1) ดินบน (Top soil)
หมายถึงดินดีทน่ี ํามาจากแหล่งภายนอกบริเวณ โดยจะต้องเป็ นดินผิวส่วนบนจากท้องนา สวน หรือเชิงเขาต้องเป็ น
ดินร่วนไม่เหนียวจัด ไม่มเี กลือหรือสารเคมีอ่นื ใดเจือปน ปราศจากเศษวัชพืช เศษอิฐ หิน คอนกรีต เหล็ก ไม้ แก้วแตก
พลาสติก ถุงพลาสติกโลหะ ตลอดจนวัชพืชใดๆ เจือปน มีความชืน้ พอเหมาะไม่เหลวเละหรือแห้งสนิทหรือปน่ เป็ นผง ผูร้ บั
จ้างจะต้องแจ้งแหล่งดินว่าได้มาจากทีใ่ ดเป็ นลายลักษณ์อกั ษร และต้องได้รบั การอนุมตั จิ ากภูมสิ ถาปนิกเสียก่อนจึงจะนําดิน
เข้าในบริเวณได้
2.4 การเตรียมดินปลูก
(1) การเตรียมแปลงปลูก
- ในบริเวณทีเ่ ป็ นแปลงปลูกต้นไม้พุ่มและไม้คลุมดิน ให้ทาํ การสับดินเพื่อทําการเก็บเศษวัสดุและรากหญ้าออก
ให้หมดก่อนทําการหว่านปุ๋ย กทม.901 และเปลือกถัวในอั ่ ตราอย่างละ 30 ลิตรต่อตารางเมตร สําหรับไม้พุ่ม และ 20 ลิตรต่อ
ตารางเมตร สําหรับไม้คลุมดิน เมื่อหว่านปุ๋ยและเปลือกถัวครบตามอั
่ ตราส่วนแล้ว ให้ทาํ การไถพรวนหรือใช้จอบสับดินเป็ น
การคลุกเคล้าปุ๋ยให้เข้ากับดินลึก 0.40 เมตร โดยให้ดนิ มีขนาดก้อนไม่โตกว่า 5 เซนติเมตร แล้วจึงเกลีย่ ให้เรียบได้รปู แบบ
- ส่วนของแปลงปลูกทีต่ ดิ กับสนามหญ้าจะต้องทําร่องดินสับรูปตัววีกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร และลึก 10
เซนติเมตร เพื่อเป็ นการแยกสนามกับแปลงปลูก เพื่อความสะดวกในการตัดหญ้าและรักษาแนวไม้คลุมดินให้เรียบอยู่เสมอ
(2) การเตรียมดินปลูกหญ้า
- การเตรียมดินปลูกหญ้านวลน้อย
ให้เตรียมโดยการไถพรวนหรือขุดด้วยจอบลึก 15 เซนติเมตร พร้อมทัง้ เก็บเศษวัสดุขยะมูลฝอยรวมทัง้ วัชพืช
ออกให้หมดก่อนทําการใส่ป๋ ยอิ
ุ นทรียใ์ นอัตรา 20 ลิตรต่อตารางเมตร หรือใช้ป๋ ยุ ก.ท.ม. เบอร์ 2 ใน
อัตราส่วน 5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร พรวนให้ละเอียดและคลุกเคล้าปุ๋ยให้ทวั ่ ก่อนทําการบดอัดด้วยลูกกลิง้
ให้ได้ความแน่นระหว่าง 50-60% STANDARD PROCTOR การปรับระดับสนามอาจใช้ทรายละเอียดโรย
เป็ นการปรับให้เรียบ แต่ไม่ควรหนาเกิน 2 เซนติเมตร
- การเตรียมดินปลูกหญ้าพืน้ เมือง
ให้เตรียมพืน้ ทีเ่ หมือนการปลูกหญ้านวลน้อย แต่ในการใส่ป๋ ยก่
ุ อนปลูกนัน้ ให้ใช้ป๋ ยุ กทม. เบอร์ 2 รองพืน้
ก่อนปลูกหญ้า ในอัตรา 0.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร หลังจากการปลูกแล้วรอให้หญ้าเจริญเติบโตแข็งแรงดี
จึงทําการตัดและบดอัดด้วยลูกกลิง้ เพื่อให้เรียบ
(3) การเตรียมดินปลูกนอกสถานที่
ผูร้ บั จ้างอาจเตรียมดินปลูกจากนอกสถานทีไ่ ด้หากสะดวกกว่า โดยเฉพาะกรณีทม่ี ฝี นตกหนักหรือในกรณีทผ่ี รู้ บั จ้าง
มีอุปกณ์การผสมดินพร้อมอยู่นอกสถานที่ ในกรณีเช่นนี้ ผูร้ บั จ้างจะต้องแจ้งแก่ภูมสิ ถาปนิกเป็นลายลักษณ์ อกั ษร พร้อมทัง้
ส่งตัวอย่างดินทีผ่ สมเสร็จแล้วตามสูตรทีก่ าํ หนดให้ 3 ถุงๆ ละ 500 กรัม หากปรากฏในภายหลังว่าการผสมดินดังกล่าวไม่
เป็ นไปตามสูตร ผูร้ บั จ้างจะต้องขนดินออกจากบริเวณโดยค่าใช้จ่ายของผูร้ บั จ้าง ส่วนผสมพิเศษ ในกรณีทต่ี น้ ไม้แต่ละชนิด
ต้องการเครื่องปลูกหญ้าทีแ่ ตกต่างกัน การเพิม่ ส่วนของอินทรีย์ ปุ๋ย วัสดุปรับปรุงดิน ให้ผรู้ บั จ้างทําเฉพาะดินปลูกชัน้ บน
โดยการแจ้งให้ภมู สิ ถาปนิกรับทราบ หรือได้รบั การอนุมตั จิ ากผูค้ วบคุมงานเสียก่อน
2.6 งานทําสนามหญ้า
(1) การปลูกหญ้า
- ชนิดของหญ้าทีใ่ ช้ปลูกในบริเวณให้เป็ นไปตามกําหนดในแบบแปลน
- การปู ใช้วธิ ปี เู ป็ นแผ่น แผ่นหญ้าจะต้องมีขนาด 50x100 เซนติเมตร หญ้ามีความเขียวสดชุม่ ชื่นไม่ขาดริม
โหว่กลาง ดินทีต่ ดิ มากับหญ้าจะต้องมีความสมํ่าเสมอ หญ้าทีเ่ หลือง แห้ง หรือไม่สมบูรณ์ ขาด แหว่ง จะถูกคัดออก ผูร้ บั จ้าง
ควรเตรียมดินสนามให้พร้อมทีจ่ ะปูได้ จึงนําหญ้าเข้ามาในบริเวณ หญ้าทีน่ ํามากองไว้เกิน 3 วัน จะถูกคัดออก ก่อนทําการปู
จะต้องปรับผิวดินให้เรียบ และรดนํ้าให้ ชุ่มชื่นแต่ไม่เละ ผิวดินทีเ่ สียหายหรือถูกชะโดยฝน หรือนํ้าจะต้องได้รบั การปรับ
ผิวหน้าใหม่เสียก่อน การปูหญ้าจะต้องปูให้รอยขอบต่อแผ่นชิดสนิทและเรียบเสมอกับขอบเข้ามุมหรือโค้งให้เรียบร้อยด้วย
คมมีดหรือกรรไกรทีเ่ หมาะสม เมื่อปูเสร็จแล้วให้รดนํ้าให้ชุ่ม แล้วใช้ลกู กลิง้ บดให้แผ่นหญ้าแนบแน่นกับผิวดิน
- การดูแลรักษาสนามหญ้าในระหว่างความรับผิดชอบของผูร้ บั จ้าง ผูร้ บั จ้างจะต้องดูแลรักษาสนามหญ้า
หลังจากส่งมอบงานแล้วขัน้ สุดท้ายเป็ นเวลา 120 วัน
- การรดนํ้า หลังจากทําการปูหญ้าไปแล้ว ผูร้ บั จ้างจะต้องรดนํ้าสนามในปริมาณทีเ่ หมาะสม วันละ 2 เวลา เป็ น
เวลา 1 สัปดาห์ หลังจาก 1 สัปดาห์ไปแล้วให้รดนํ้าในเวลาเช้าหรือเย็นให้ชมุ่ วันละ 1 ครัง้ เป็นเวลาอีก 1 สัปดาห์ เมื่อครบ
กําหนดแล้วให้หยุดรดนํ้า 2 วัน ทําการตัดหญ้าใส่ป๋ ยแล้ ุ วจึงเริม่ ทําการรดนํ้าต่อไป ในสัปดาห์ท่ี 3 ให้รดนํ้าให้ชมุ่ โชก 2 วัน
ต่อครัง้ จนถึงวันส่งงาน การรดนํ้า จะต้องรดนํ้าด้วยหัวฉีดฝอย ไม่รดนํ้ามากและเร็วจนนํ้าไหลไปตามผิวดิน ควรใช้หวั ฉีดนํ้า
แบบฝอย หมุนด้วยแรงนํ้า
(2) การถอนวัชพืช ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการถอนวัชพืชออกทันทีตลอดเวลาทีท่ าํ การดูแลรักษาทีก่ าํ หนดไว้ในสัญญา
(3) การบดสนาม หลังจากการบดด้วยลูกกลิง้ ครัง้ แรกแล้วเป็ นเวลา 2 สัปดาห์ ผูร้ บั จ้างต้องนําลูกกลิง้ มากลิง้ บดสนามที่
ไม่เรียบให้เรียบร้อยอีกครัง้ หลังจากนัน้ ให้ทาํ การบดสนามทุกๆ 30 วัน จนกว่าจะหมดสัญญาการดูแลรักษา การบดควรรด
นํ้าให้ดนิ ฟูเสียก่อน
(4) การแต่งผิว ในกรณีทม่ี กี ารยุบของดินเกิดขึน้ และไม่สามารถแก้ไขได้ดว้ ยการบดลูกกลิง้ ผูร้ บั จ้างจะต้องใช้ป๋ ยุ กทม.
901 ผสมกับทรายละเอียด อัตราส่วน 1:1 ร่อนผ่านตระแกรงมุง้ ลวด แล้วนํามาโรยตามรอยยุบของสนามทุกครัง้ ทีท่ าํ การตัด
หญ้าและบดลูกกลิง้
2.8 การดูแลและรักษางานภูมทิ ศั น์
(1) ขอบเขตงานและความรับผิดชอบ
ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบในการดูแลรักษางานภูมทิ ศั น์ตามสัญญาต่อไป เป็ นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน (เก้าสิบ) หรือ
ตามระยะเวลาทีร่ ะบุในสัญญาหลังจากคณะกรรมการได้ตรวจรับงานงวดสุดท้ายในระหว่างเวลาแห่งสัญญานี้ ผูร้ บั จ้างต้อง
รับผิดชอบในงานต่างๆ ดังต่อไปนี้
(2) การดูแลต้นไม้พมุ่
- รดนํ้าตามระยะเวลาทีส่ มควรตามขนาดและชนิดของต้นไม้
- ตัดแต่งให้ป๋ ยตามคํ
ุ าสังของผู
่ ค้ วบคุมงาน
- บําบัดรักษาให้ยาฆ่าแมลงและโรคทีเ่ กิดแก่ตน้ ไม้
- เปลีย่ นต้นไม้ทต่ี ายหรือไม่เจริญ
- ปรับปรุงซ่อมแซมการคํ้าจุนต้นไม้ ถอนวัชพืชโคนต้นไม้
(3) การดูแลต้นไม้ใหญ่
- รดนํ้าและให้ป๋ ยุ ตามระยะเวลาทีเ่ หมาะสม
- ตัดแต่งและรักษาโรคแมลงตามความจําเป็ น
- เปลีย่ นต้นไม้ทต่ี ายหรือไม่เจริญ
- ปรับปรุงซ่อมแซมการคํ้าจุนต้นไม้ พรวนดิน ถอนวัชพืช แต่งขอบ
(4) การดูแลสนามหญ้า
สนามหญ้า จะต้องให้ดเู ขียวปราศจากวัชพืชและตัดเรียบตลอดเวลา
- การรดนํ้า ให้รดเปี ยกให้ชุ่มโชกวันละครัง้ ในกรณีทฝ่ี นตกชุกอาจเว้นได้นานขึน้ แต่ควรรดเมื่อสนาม แห้ง
- การตัดหญ้า ก่อนทําการตัดให้งดการรดนํ้าเป็ นเวลา 2 วัน และให้ทาํ การตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้าชนิดโร
ตารีท่ ม่ี ใี บมีดคม การตัดควรกระทําทุก 1-2 สัปดาห์ ขึน้ อยู่กบั สภาพของหญ้าว่ายาวช้าหรือเร็ว เพียงใด แต่ควรตัดทันที
เมื่อหญ้าสูงเกิน 6 เซนติเมตร หรือถ้าเป็ นพืน้ ทีห่ ญ้าทีต่ อ้ งตัดสัน้ ก็ให้ทาํ การตัดทันทีทส่ี มควร และหลังตัดให้กวาดเศษหญ้า
ออกให้หมด
- การแต่งผิวหน้า ในกรณีทม่ี กี ารยุบของดินเกิดขึน้ และไม่สามารถแก้ไขด้วยการบดลูกกลิง้ ผูร้ บั จ้างจะต้องใช้
ปุ๋ย กทม.901 ผสมกับทรายละเอียดในอัตราส่วน 1:1 ร่อนผ่านตะแกรงมุง้ ลวด แล้วนํามาโรยตามรอยยุบสนามครัง้ ละหนา
ไม่เกิน 2 เซนติเมตร เมื่อหญ้าแทงขึน้ ดีแล้วจึงโรยใหม่จนกว่าจะได้ระดับปกติ
- การใส่ป๋ ยุ ให้ใช้ป๋ ยยู
ุ เรีย 46% ผสมนํ้าในอัตรา 1 ช้อนโต๊ะต่อนํ้า 20 ลิตร ฉีดหรือรดในอัตราส่วน 1 ลิตรต่อ
ตารางเมตร หรือ 1 ปี บต่อ 20 ตารางเมตร ทุกสองสัปดาห์สาํ หรับปุ๋ยอื่นให้ใช้ป๋ ยคอก ุ โรยบางๆ ในอัตราส่วน 1 ลิตรต่อ
ตารางเมตร ทุกสามเดือน และรดนํ้าให้ชมุ่ จนปุ๋ยแทรกซึมลงไปอยู่ บนดิน โดยมิให้มหี ลงเหลืออยู่บนใบหญ้า ซึง่ จะทําให้
หญ้าเน่าตายและทุกเดือนจะต้องให้ป๋ ยุ สูตร 15-15-15 โรยบางๆ ก่อนการรดนํ้าให้ซมึ ลงในดิน
- การบดสนาม ในช่วงเดือนแรกหลังการปลูกหญ้าจะต้องบดทุกๆ 3 วัน หรือทําการบดอัดเมื่อมีการแต่ง
ผิวหน้าทุกครัง้ ก่อนการบดทุกครัง้ ควรรดนํ้าให้ดนิ ชุม่ เสียก่อน
- การกําจัดวัชพืช ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการถอนวัชพืชออกทันทีตลอดเวลาทีท่ าํ การดูแลรักษาไว้ในสัญญา
(5) การทําความสะอาดบริเวณทัวไป ่
- ผูร้ บั จ้างมีหน้าทีร่ บั ผิดชอบต่อเศษหญ้า ใบไม้ กิง่ ไม้ ถุงพลาสติก หรือภาชนะ เศษดิน ฯลฯ ทีเ่ กิดจากงาน
ดูแลรักษาดังกล่าว โดยคนของผูร้ บั จ้างเฉพาะในวันทีผ่ รู้ บั จ้างทําการ การทําความสะอาดถนนและสนามประจําวันไม่อยูใ่ น
ความรับผิดชอบของผูร้ บั จ้าง
จบหมวดที่ 55
1. วัตถุประสงค์
ผูร้ บั จ้างทําการก่อสร้าง จัดหา ติดตัง้ ทดสอบเครื่องจักรกล วัสดุ อุปกรณ์ ด้านสุขาภิบาล ตามรูปแบบและ
รายการ รวมถึงงานทีเ่ กีย่ วข้องซึง่ อาจไม่แสดงไว้ แต่จาํ เป็ นต้องทําเพื่อให้งานระบบสุขาภิบาลและดับเพลิงสามารถใช้การ
ได้ดตี ามหลักวิชาการและมาตรฐานต่างๆ โดยรายการและข้อกําหนด ในเอกสารนี้ จะใช้เมื่อในแบบรูปและรายการไม่มี
ข้อกําหนดเป็ นอย่างอื่น
2. ขอบเขตของงาน
2.1 ระบบประปา
2.2 ระบบระบายนํ้าฝนและระบบระบายนํ้าทิง้
2.3 ระบบป้องกันอัคคีภยั
2.4 ระบบบําบัดนํ้าเสีย
2.5 ระบบไฟฟ้าทีเ่ กีย่ วข้องกับงานสุขาภิบาล
2.6 การทดสอบและการฝึกอบรม
3. มาตรฐาน พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศ เทศบัญญัติ
ข้อบัญญัติ ระเบียบ คําสัง่ ข้อกําหนด คําแนะนํา หลักเกณฑ์ หนังสือ กฎหมาย ทีเ่ กีย่ วข้องหรือบังคับใช้ ให้ยดึ ถือ
และปฏิบตั ติ าม โดยให้ใช้ฉบับล่าสุดเป็ นหลัก มีดงั นี้
3.1 มาตรฐานการเดินท่อภายในองค์การ ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย
3.2 มาตรฐานการป้องกันอัคคีภยั ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย
3.3 สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรม (มอก.)
3.4 การประปานครหลวง (กปน.)
3.5 การประปาภูมภิ าค (กปภ.)
4. มาตรฐานการติดตัง้
4.1 การต่อท่อ
การต่อท่อทุกชนิดทีต่ ่อเข้าด้วยกันรอยต่อจะต้องมีความแน่นหนาแข็งแรงพอทีจ่ ะรับนํ้าหนักหรือแรงดันของนํ้า หรือ
แก๊สภายในท่อได้โดยปลอดภัยและไม่รวไหล ั่ ลักษณะการต่อท่อแบบต่างๆ ให้เป็ นไปตามมาตรฐานดังนี้
การต่อท่อ PVC ถ้ามิได้ระบุไว้เป็ นอย่างอื่นข้อต่อท่อ PVC ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตํ่ากว่า 100 มิลลิเมตร จะต้องเป็ นแบบ
ใช้น้ํายาซีเมนต์ ในการเชื่อมเข้ากับท่อรับความดัน โดยข้อต่อต้องมีคุณสมบัติ และความแข็งแรงเท่ากับท่อส่วนข้อต่อท่อ
PVC ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัง้ แต่ 100 มิลลิเมตร ขึน้ ไป จะต้องเป็ นแบบ Socket Type มีคณ ุ สมบัตเิ ป็ นไปตาม
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรม มอก.1131 “ข้อต่อท่อ PVC แข็ง สําหรับใช้กบั ท่อรับ ความดัน” พร้อมทัง้ มีแหวนยางกัน
ซึมแบบวงแหวน คุณสมบัตขิ องแหวนยางกันซึมจะต้องเป็ นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรม มอก.237 “แหวนยาง
สําหรับท่อนี้ชนิดทนความดัน” ให้ดาํ เนินตามมาตรฐานผูผ้ ลิตและตามทีร่ ะบุในแบบ
4.2 การวางปลอกท่อ การสกัด การตกแต่ง
4.3.6 การทาสีของท่อ
ในช่องเดินท่อ ทีม่ ชี ่องเปิ ดของช่องเดินท่อ ให้ทาสีท่อทุกประเภทตามสีทก่ี าํ หนดให้ทงั ้ หมด ตลอดความสูงของช่องเปิ ด
พร้อมทัง้ อักษรย่อชนิดท่อและทิศทางการไหลเป็ นสีต่างๆ ดังนี้
ท่อประปา ทาสี นํ้าเงิน
ท่อระบายนํ้าทิง้ ทาสี นํ้าตาล
ท่อส้วม ทาสี ดํา
ท่อระบายอากาศ ทาสี ขาว
ท่อดับเพลิง ทาสี แดง
ท่อระบายนํ้าฝน ทาสี เขียว
5. ข้อกําหนดทัวไป
่
5.1 การติดตัง้ ทัวไป่
ถ้าหากยังไม่มกี ารวางท่อ หรือเลิกงานแล้วแต่ละวันผูร้ บั จ้างจะต้องอุดปลายท่อให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันสิง่ สกปรก
หรือสิง่ หนึ่งสิง่ ใดเข้าไปอุดอยูใ่ นท่อ และก่อนทีจ่ ะมีการเริม่ ทําการวางท่อต่อไป จะต้องตรวจสอบภายในท่อทีไ่ ด้วางไว้แล้ว
เสียก่อนว่าไม่มวี สั ดุอ่นื ใดอยูใ่ นนัน้ ห้ามวางท่อประปาหรือท่อนํ้าฝงั ดินใดๆ ก็ตามไว้ดว้ ยกันกับท่อระบายนํ้าเว้นแต่จะได้
ดําเนินการดังต่อไปนี้
5.1.1 จุดตํ่าสุดของท่อประปาอยู่สงู กว่าจุดสูงสุดของท่อระบายนํ้าไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร
5.1.2 วางท่อประปาไว้ดา้ นใดด้านหนึ่งของร่องสําหรับวางท่อ
5.1.3 จํานวนรอยต่อของท่อประปามีน้อยทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะมีได้ และการต่อท่อทัง้ ของท่อประปาและท่อระบาย
นํ้าซึมผ่านไม่ได้ รอยต่อระหว่างเครื่องสุขภัณฑ์กบั กําแพงหรือพืน้ จะต้องแนบสนิทนํ้าซึมผ่านไม่ได้
5.2 คุณภาพวัสดุ และการเทียบเท่า
5.2.1 วัสดุและอุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการติดตัง้ ต้องเป็ นของใหม่ และผลิตโดยผูผ้ ลิตทีเ่ ป็ นทีเ่ ชื่อถือได้ อุปกรณ์ท่ี
บกพร่องหรืออุปกรณ์ทเ่ี สียหาย ในขณะติดตัง้ หรือขณะทดสอบ จะต้องเปลีย่ นใหม่และหรือแก้ไขซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพทีด่ ี
ทัง้ นี้ตอ้ งได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจการจ้าง
5.2.2 รายละเอียด คุณลักษณะของท่อและอุปกรณ์ ให้ยดึ ถือและปฏิบตั ดิ งั นี้
(1) ท่อนํ้าโสโครก ใช้ท่อ PVC 8.5 ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.17-2532 และ มอก.1131-2535 ความลาดใน
แนวนอนไม่น้อยกว่า 1:75
(2) ท่อระบายอากาศ ใช้ท่อ PVC 8.5 ตามมาตรฐาน มอก.17-2532 และ มอก.1131-2535 มีท่อระบายอากาศ จากบ่อ
เกรอะ ศก. 2” ต่อแนบอาคารสูงจากพืน้ ถึงชัน้ ดาดฟ้า
(3) ท่อประปาใช้ท่อ PVC 13.5 ตามาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.17-2532 และ มอก.1131-2535
(4) ท่อระบายนํ้าทิง้ ใช้ท่อ PVC 8.5 ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.17-2532 และ มอก.1131-2535ความลาดใน
แนวนอนไม่น้อยกว่า 1:75
(5) ฝาตะแกรงนํ้าทิง้ ทีพ่ น้ื ต้องมีทด่ี กั กลิน่ ชนิด พี แทรป แยกออกต่างหากจากตะแกรงดักขยะ
(6) ฝาปิ ดตะแกรงดักขยะของท่อนํ้าทิง้ ทีพ่ น้ื ใช้ชนิดทองเหลืองชุบโครเมีย่ มชนิดถอดออกได้
(7) GATE VALVE คุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.431-2529
(8) ให้ตดิ ตัง้ STOP VALVE ก่อนต่อท่อประปาแยกเข้าสุขภัณฑ์ ส้วมอ่างล้างมือ อ่างล้างจาน
(9) ให้ตดิ ตัง้ ถังดับเพลิงยกหิว้ ขนาด 4 กิโลกรัม ชนิดผงเคมีแห้ง แบบมือถือแบบคาร์ออน (ตําแหน่งติดตัง้ ให้เสนอ
กรรมการตรวจการจ้างพิจารณา)
จบหมวดที่ 56
หมวดที่ 57
ระบบประปา
1. ขอบเขตของงาน
1.1 ท่อประปา หากแบบรูปและรายการละเอียดมิได้ระบุไว้เป็ นอย่างอื่นให้ถอื ปฏิบตั ดิ งั นี้ เดินท่อประปาสาย
ประธานมายังตัวอาคาร
1.2 หากแบบรูปและรายการละเอียดมิได้ระบุไว้ ให้ใช้ท่อประปาสําหรับสุขภัณฑ์ มีขนาดดังนี้
2. การติดตัง้ ท่อและอุปกรณ์ประกอบ
2.1 การวางท่อประปาเป็ นแนวตรง ถ้าหักเป็ นมุมหรือขนานไปตามแนวผนังจะต้องได้สดั ส่วน ประณีตท่อขึน้
จะต้องได้ดงิ่ และตรง
2.2 สายไฟฟ้าระบบกําลังและระบบควบคุมสําหรับเครื่องสูบนํ้าการต่อประปา และมาตรวัดนํ้าเข้ากับท่อประปา
ประธานให้ถอื ตามข้อกําหนดบังคับของการไฟฟ้า หรือประปาในท้องทีท่ ม่ี กี ารก่อสร้างอาคารนัน้ ๆ แล้วแต่กรณี
2.3 ในกรณีทร่ี ปู แบบไม่ระบุ
ประตูน้ําขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ½” – 2” ให้ใช้ประตูน้ําแบบ Ball Valve ชนิดทนแรงดันใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 150 ปอนด์
ต่อตารางนิ้ว และสําหรับขนาดโตกว่าเส้นผ่านศูนย์กลาง 2” ให้ใช้ประตูน้ําแบบ Butterfly Valve หรือ Gate Valve ชนิด
ทนแรงดันใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 150 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว และการเดินท่อให้ใส่ประตูน้ํารวมและประตูน้ําแยก พร้อมข้อต่อ
ยูเนียนแต่ละชัน้ หรือแต่ละส่วน เพื่อสะดวกในการซ่อมแซมแก้ไขหรือติดตัง้ เพิม่ เติมในอนาคตได้
2.4 การต่อท่อของระบบประปาทัง้ หมด ทีเ่ ป็ นท่อเหล็กอาบสังกะสีให้ทารอยต่อ Joint Compound หรือใช้เทป
สําหรับการต่อท่อจํานวนเหมาะสม และทําความสะอาดให้เรียบร้อย
2.5 ในกรณีทม่ี ถี งั เก็บนํ้าเป็ นแบบอาศัยความต่างระดับและได้รบั นํ้าจากท่อประปาสาธารณะหรือจากท่อจ่าย
นํ้าประปาอื่นภายใต้ความดัน จะต้องมีลน้ิ อัตโนมัตสิ าํ หรับปิ ดเปิ ดนํ้าเพื่อป้องกันการไหลล้น
2.6 วัสดุตวั อย่าง เอกสารรายละเอียดวัสดุ
ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งมอบวัสดุตวั อย่างเพื่อใช้เป็ นมาตรฐานในการเปรียบเทียบกับของทีต่ ดิ ตัง้ ดังนี้
2.6.1 โลหะทีใ่ ช้ในการรองรับหรือรัดท่อ
2.6.2 ประตูน้ําชนิดต่างๆ
2.6.3 อุปกรณ์ทต่ี อ้ งได้รบั รองคุณภาพจากผูผ้ ลิต หรือสถาบันทางราชการทีเ่ ชื่อถือได้ ตามความต้องการ
ของคณะกรรมการตรวจการจ้างคือ
2.6.4 ข้อต่อ
3. มาตรฐานวาล์วและอุปกรณ์ประกอบ
แผนผัง ผูร้ บั จ้างจะต้องทําแผนทีแ่ สดงถึงจํานวน ตําแหน่งและหน้าทีข่ องประตูน้ําแต่ละตัวรวม ทัง้ ท่อทีป่ ระสานกันด้วย ใส่
กรอบกระจกขนาดตามความเหมาะสม (รายการข้อนี้จะใช้ประกอบเฉพาะอาคารทีไ่ ด้ระบุไว้ในแบบรูปและรายการละเอียด
เท่านัน้ )
3.1 ความต้องการโดยทัวไป ่
3.1.1 จัดหาและติดตัง้ วาล์วในระบบสุขาภิบาลทีม่ คี ณ ุ สมบัติ และลักษณะทีถ่ ูกต้องทางด้าน
เทคนิคและข้อกําหนดให้เป็ นไปตามแบบและรายการจนสามารถใช้การได้ดแี ละสมบูรณ์ตามที่
ต้องการ
3.1.2 วาล์วทีใ่ ช้สาํ หรับปิ ด หรือ เปิ ด ทีม่ ไิ ด้แสดงไว้ในแบบ แต่มคี วามจําเป็ น และทําให้ระบบสมบูรณ์
ยิง่ ขึน้ จะต้องจัดหาและติดตัง้ ให้ดว้ ยโดยไม่คดิ ค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิม่ ขึน้
3.1.3 วาล์วจะต้องมีลกั ษณะและคุณสมบัตทิ เ่ี หมาะสม ทีใ่ ช้กบั ของเหลวในระบบ
3.1.4 วาล์วจะต้องสามารถทนแรงดันใช้งาน ( WORING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า 200 ปอนด์ต่อ
ตารางนิ้ว ( 200 PSI )
3.1.5 พวงมาลัยหมุนวาล์วจะต้องใหญ่พอทีจ่ ะสามรถปิ ด-เปิ ดวาล์วได้สนิทด้วยมือ
3.1.6 วาล์วทีต่ ดิ ตัง้ ในทีส่ งู เหนือศีรษะ ไม่สามารถทีจ่ ะใช้มอื หมุนได้ จะต้องติดตัง้ โซ่ทพ่ี วงมาลัย (
CHAIN OPERATED HANDWHEEL ) พร้อมห่วงกันโซ่หลุด และโซ่น้จี ะต้องไม่เป็ นสนิม
ปลายโซ่จะห้อยลงมาสูงจากพืน้ ประมาณ 1 เมตร พร้อมทีค่ ล้องโซ่ในตําแหน่งทีเ่ หมาะสม
3.2 GATE VALVE และ GLOBE VALVE
3.2.1 GATE VALVE และ GLOBE VALVE ทีม่ ขี นาด 15 มิลลิเมตร ( ½ นิ้ว ) จนถึงขนาด 50
มิลลิเมตร ( 2 นิ้ว ) ตัววาล์วทําด้วย BRONZE ชนิด NON-RISING STEM ยึดข้อต่อโดย
ใช้เกลียว ( SCREWED ENDS ) ทนแรงดันใช้งาน ( WORKING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า
200 PSI
3.2.2 GATE VALVE และ GLOBE VALVE ทีม่ ขี นาด 65 มิลลิเมตร ( 2 ½ นิ้ว ) และ
ใหญ่กว่าตัววาล์วทําด้วย CAST IRON หรือ DUCTILE IRON ชนิด RISING STEM หรือ
NON-RISING STEM ยึดข้อต่อโดยใช้หน้าแปลน ( FLANGED ENDS ) ทนแรงดันใช้งาน (
WORKING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า 200 PSI
3.2.3 GATE VALVE สําหรับระบบระบายนํ้าเสีย ( WASTE WATER SYSTEM ) ขนาด 50
มิลลิเมตร ( 2 นิ้ว ) และใหญ่กว่าตัววาล์วทําด้วย CAST IRON หรือ DUCTILE IRON ชนิด
NON-RISING STEM, RESILIENT DISC ออกแบบมาสําหรับระบบระบายนํ้าเสีย ( WASTE
WATER SYSTEM ) ยึดข้อต่อโดยใช้หน้าแปลน ( FLANGED ENDS ) ทนแรงดันใช้งาน (
WORKING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า 10 BAR ( 145 PSI )
3.3 BUTTERFLY VALVE
3.3.1 วาล์วเป็ นแบบ WAFER TYPE โดยมี ALIGNMENT HOLES สําหรับเล็งยึดหน้าแปลน
3.3.2 ขนาด 65 มิลลิเมตร ( 2 ½ นิ้ว ) และใหญ่กว่า ตัววาล์วทําด้วย CAST IRON หรือ
PRESSURE REDUCING VALVE MODULATING TYPE มาเป็ นค่า FLOW RATE ทีจ่ ะใช้ในการเลือกขนาดของ
วาล์วโดยกําหนดให้มคี ่า FALL - OFF ประมาณ 5 PSI
วัสดุของ PRESSURE REDUCING VALVE DIRECT ACTING TYPE
BODY - BRONZE
SEAT - STAINLESS STEEL
DIAPHRAGM - NYLON REINFORCED BUNA-N
3.11 WATER HAMMER ARRESTOR
ตัววาล์วทําด้วย COPPER, PISTON ทําด้วย ACETAL PISTON WITH BUNA-NORING
ยึดข้อต่อโดยใช้เกลียว ( SCREWED END ) ทนแรงดันใช้งาน ( WORKING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า 150 PSI
การเลือกขนาด WATTER HAMMER ARRESTOR ให้พจิ ารณาตามค่า FIXTURE UNITS ทีใ่ ช้งาน
โดยต้องส่งรายละเอียดการเลือกขนาดมาให้ผวู้ ่าจ้างอนุมตั กิ ่อนการติดตัง้
3.12 FOOT VALVE
3.12.1 ใช้สาํ หรับต่อด้านนํ้าเข้าเครื่องสูบนํ้า หรือตามทีแ่ สดงในแบบ
3.12.2 ขนาด 40 มิลลิเมตร ( 1 ½ นิ้ว ) จนถึงขนาด 50 มิลลิเมตร ( 2 นิ้ว ) ตัววาล์วทําด้วย BRASS
ตะแกรงดักผงทําด้วย POLYETHYLENE ยึดข้อต่อโดยใช้เกลียว ( SCREWED END ) ทนแรงดันใช้งาน
(WORKING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า 150 PSI
3.12.3 ขนาด 65 มิลลิเมตร ( 2 ½ นิ้ว ) และใหญ่กว่า ตัววาล์วทําด้วย CAST IRON , ตะแกรงดักผงทํา
ด้วย POLYETHYLENE หรือ GALVANISED STEEL ยึดข้อต่อโดยใช้หน้า แปลน ( FLANGED END ) ทนแรงดัน
ใช้งาน ( WORKING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า 150 PSI
4. การติดตัง้ เครื่องสูบนํ้าและอุปกรณ์
4.1 ในกรณีทแ่ี บบระบุมเี ครื่องสูบนํ้า จะต้องมีเครื่องควบคุมการทํางานของเครื่องสูบนํ้าแบบอัตโนมัตสิ าํ หรับการ
เริม่ ทํางานของเครื่องสูบนํ้าขึน้ อยู่กบั ระดับนํ้าในถังเก็บนํ้าซึง่ จะกําหนดให้ขณะติดตัง้ ถ้ากําหนดให้มเี ครื่องสูบนํ้ามากกว่า 1
เครื่อง เครื่องสูบนํ้าทุกๆ เครื่องต้องสามารถสับเปลีย่ นกันทํางานได้
4.2 การส่งมอบงานทีม่ เี ครื่องสูบนํ้าอยู่ดว้ ย ผูจ้ บั จ้างต้องเขียนผังแสดงวงจรชุดควบคุมเครื่องสูบนํ้าทีใ่ ช้ตดิ ไว้ในตู้
พร้อมส่งมอบกับคณะกรรมการตรวจการจ้าง จํานวน 2 ชุด และสาธิตวิธกี ารควบคุมแก่เจ้าหน้าทีข่ องทางราชการเป็ นที่
เข้าใจโดยไม่คดิ มูลค่าใดๆ ทัง้ สิน้
4.3 ผูร้ บั จ้างจะต้องยื่นข้อกําหนดของเครื่องสูบนํ้าและตารางแสดงความสามารถในการทํางาน (Performance
Curve) ของเครื่องสูบนํ้าให้แก่คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาตรวจสอบก่อนทําการติดตัง้
6. CONTROLLER
6.1 ตูค้ วบคุมต้องสามารถควบคุมให้เครื่องสูบนํ้าทัง้ 2 ชุด ทํางานสลับกันหรือช่วยกันทํางานพร้อมกันโดย
อัตโนมัตติ าม สภาวะใช้น้ํามากน้อย
6.2 ตูค้ วบคุมต้องสามารถเลือกการใช้งานได้ทงั ้ แบบอัตโนมัติ (AUTO) และแบบมือสตาร์ท(MANUAL)
6.3 ตูค้ วบคุมจะควบคุมการทํางานโดยรับสัญญาณจากชุด ELECTRODE ของถังนํ้าดาดฟ้าและใต้ดนิ
6.4 ตูค้ วบคุมจะต้องมีระบบแสดงสัญญาณเตือนเมื่อระดับนํ้าในถังเก็บสูงหรือตํ่ากว่าระดับทีก่ าํ หนด
จบหมวดที่ 57
หมวดที่ 58
ระบบระบายน้าฝนและระบบระบายน้าทิ้ ง
1. ขอบเขตของงาน
งานติดตัง้ อุปกรณ์และการเดินท่อระบายนํ้าทิง้ จากอาคาร
2. มาตรฐานการติดตัง้
2.1 ท่อระบายนํ้าทิง้ และท่อนํ้าฝนทีจ่ ะต้องเปลีย่ นทิศทางหรือการต่อท่อบรรจบแนวนอนกับแนวตัง้ ให้ต่อท่อด้วย
ข้อต่อ ตัว “วาย” หรือข้อโค้งรัศมีกว้างห้ามใช้ขอ้ งอฉากโดยเด็ดขาด
2.2 รอยต่อทีห่ ลังคาหรือรอบท่อระบายอากาศ จะต้องทําให้ไม่มกี ารรัวซึ ่ มได้โดยใช้แผ่นทองแดง หรือแผ่นเหล็ก
สแตนเลส หรือวัสดุทไ่ี ด้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจการจ้าง
2.3 ช่องทําความสะอาดท่อ ให้ตดิ ตัง้ ในกรณีต่อไปนี้
2.3.1 ตรงจุดเชื่อมระหว่างท่อระบายนํ้าจากอาคารกับท่อระบายนํ้ารอบอาคาร
2.3.2 ทุกๆ ระยะไม่เกิน 15 เมตร
2.3.3 ทีโ่ คนของท่อระบายในแนวดิง่
2.4 กรณีแบบไม่ระบุช่องระบายนํ้าทิง้ ทีพ่ น้ื ให้ใช้แบบตัวเรือนทําด้วยเหล็กหล่อ ฝาตะแกรงทําด้วยทองเหลือง
ชุบโครเมีย่ ม สามารถถอดเปิ ดได้ขนาดพืน้ ทีร่ ะบายนํ้าไม่ต่ํากว่า 120% ของพืน้ ทีห่ น้าตัดท่อทางออกของรูระบายนํ้า ตัว
เรือนมีครีบกันนํ้ากว้างไม่น้อยกว่า 40 มิลลิเมตร ต่อเนื่องกันโดยรอบฝาตะแกรงจะต้องสามารถปรับระดับได้ตดิ ตัง้ ประกอบ
กับทีด่ กั กลิน่ แบบ P-Trap ชนิดทําด้วยเหล็กหล่อสําหรับในพืน้ ชัน้ ล่างหรือชัน้ อื่นๆ ทีไ่ ม่สะดวกทีจ่ ะทําการบํารุงรักษาจาก
ด้านล่างให้ใช้แบบ Bell Trap
2.5 หากแบบไม่ระบุเป็ นอย่างอื่นให้ดาํ เนินการดังนี้ นํ้าทิง้ จากโรงครัว โรงอาหารจะต้องมีทด่ี กั ขยะ–ไขมัน
2.6 กรณีแบบไม่ระบุทด่ี กั กลิน่ ของอ่างล้างหน้าทีเ่ ป็ นอ่างเคลือบให้ใช้คอห่านแบบ P-Trap ทําด้วยทองเหลือง
ชุบโครเมีย่ ม สําหรับทีด่ กั กลิน่ ของอ่างสแตนเลส เช่น อ่างครัว หรือ Pantry ใช้ทด่ี กั กลิน่ แบบ Bottle Trap ประกอบกับ
ตะกร้าดักขยะแบบใหญ่ ทําด้วย PVC หรือ PE สําหรับทีด่ กั กลิน่ ของอ่างของห้องทดลองให้ทด่ี กั กลิน่ ของอ่างของ
ห้องทดลองใช้ทด่ี กั กลิน่ แบบ Bottle Trap ทําด้วย พี.พี. (Poly Propylene)
2.7 ฐานของท่อในแนวดิง่ ท่อส้วม ท่อนํ้าฝนและท่อนํ้าทิง้ จะต้องมีฐานรองรับท่อทีเ่ ดินในแนวดิง่ ด้วยคอนกรีต
และก่ออิฐ หรือด้วยเหล็กยึดติดกับอาคาร หรือด้วยวิธอี ่นื ๆ ทีค่ ณะกรรมการตรวจจ้างเห็นชอบ
2.8 ท่อระบายนํ้าในแนวระดับจะต้องวางโดยมีความลาดเอียงไม่น้อยกว่า 1 : 200 ในกรณีทไ่ี ม่อาจปฏิบตั ิ
ดังกล่าวได้ จะต้องวางท่อโดยมีความลาดเอียงพอทีน่ ้ําจะไหลด้วยความเร็วไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตรต่อวินาที
2.9 ท่อส้วม ท่อนํ้าทิง้ และท่อระบายอากาศ หากแบบรูปและรายการละเอียดมิได้ระบุไว้เป็ นอย่างอื่น ให้ถอื
ปฏิบตั ดิ งั นี้
2.9.1 ท่อส้วม ท่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร (4 นิ้ว) รับส้วมได้ไม่เกิน 6 ทีน่ งั ่ ถ้ารับส้วมเกิน
กว่า 6 ทีน่ งให้
ั ่ ใช้ท่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 150 มิลลิเมตร (6 นิ้ว)
2.9.2 ท่อปสั สาวะ ท่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 65 มิลลิเมตร (2 ½”) รับทีป่ สั สาวะไม่เกิน 3 ที่
2.9.3 ท่อนํ้าทิง้ ท่อทัวไปแต่
่ ละจุดทีเ่ ดินใต้พน้ื ห้องนํ้า ใช้ท่อขนาดดังต่อไปนี้
(1) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 มิลลิเมตร (2”) รับอ่างนํ้าทิง้ หรือรูระบายนํ้าทิง้ ทีพ่ น้ื ไม่เกิน 2 ที่
(2) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 80 มิลลิเมตร (3”) รับอ่างนํ้าทิง้ หรือรูระบายนํ้าทิง้ พืน้ ทีไ่ ม่เกิน 12 ที่
(3) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 มิลลิเมตร (4”) รับอ่างนํ้าทิง้ หรือรูระบายนํ้าทิง้ พืน้ ทีไ่ ม่เกิน 25 ที่
2.9.4 ท่อระบายอากาศทีต่ ่อจากท่อส้วมขนาด Ø6” ต้องมีขนาดท่อระบายอากาศไม่เล็กกว่า 2 ½ ”
2.9.5 ท่อระบายอากาศทีต่ ่อจากท่อส้วมขนาด Ø 4” ต้องมีขนาดท่อระบายอากาศไม่เล็กกว่า 2”
2.9.6 ท่อระบายอากาศทีต่ ่อกับส้วม หรือท่อนํ้าทิง้ จะต้องต่อเข้ากับส่วนบนของท่อเหนือระดับนํ้าสูงสุดของ
เครื่องสุขภัณฑ์ทร่ี ะบายนํ้าลงสูท่ อ่ ดังกล่าว เป็ นท่ออากาศแนวดิง่ ไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร ก่อนทีจ่ ะเป็ นทิศทางของท่อ
อากาศเป็ นแนวระดับหรือก่อนทีจ่ ะต่อเข้ากับท่อระบายอากาศรวม
2.9.7 ในกรณีทห่ี ลังคานัน้ ต้องการใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่นด้วย ท่อระบายอากาศจะต้องโผล่เหนือ
หลังคาไม่น้อยกว่า 1 เมตร
2.9.8 ท่อระบายอากาศทีโ่ ผล่เหนือหลังคานัน้ จะต้องไม่ทาํ ให้หลังคารัวซึ ่ มได้ และปลายของท่อจะต้องไม่
ระบายอากาศเข้าสูอ่ าคารหรือใกล้ประตู หน้าต่างหรือช่องลมของอาคารนัน้ หรืออาคารอื่น
2.9.9 ท่อระบายอากาศต้องต่อให้ออกไปนอกอาคาร ปลายโผล่พน้ ชายคาลักษณะเป็ นข้อต่อสามทางและมี
ข้องอควํ่า เพื่อกันฝนพร้อมติดตะแกรงตาถีก่ นั แมลง
2.10 ท่อระบายนํ้าฝนหากรูปแบบและรายการละเอียดมิได้ระบุไว้เป็ นอย่างอื่น ให้ต่อท่อระบายนํ้าฝนจากราง
ระบาย นํ้าฝนของอาคารลงบ่อพัก ค.ส.ล. ขนาดภายใน 0.60x0.60 เมตร ชัน้ พืน้ ดินแล้วระบายออกไปทีร่ างระบายนํ้า
ภายนอกอาคาร
2.11 หากแบบรูปและรายการละเอียดมิได้ระบุไว้เป็ นอย่างอื่นให้ต่อท่อระบายนํ้าฝนจากรางระบายนํ้าฝนของ
อาคารลงบ่อ
พัก ค.ส.ล. ขนาดภายใน 0.60x0.60 เมตร แล้วระบายออกไปทีร่ างระบายนํ้ารอบอาคารด้วยท่อ Cement เส้นผ่านศูนย์กลาง
0.30 เมตร
2.12 หากแบบแปลนมิได้กาํ หนดขนาดรางระบายนํ้ารอบอาคารไว้เป็นแบบแปลนหรือรายละเอียดอื่นๆ ให้ผรู้ บั
จ้างทํารางระบายนํ้ารอบอาคารเป็ น ค.ส.ล. กว้างภายใน 0.25 เมตร ลึก 0.30 เมตร ฝาปิ ด ค.ส.ล. หรือตะแกรงเหล็ก
โดยรอบอาคารและต่อท่อระบายนํ้าลงบ่อพักท่อระบายนํ้า ตําแหน่งทีอ่ ยู่ใกล้อาคารและเหมาะสมทีส่ ดุ ทีค่ ณะกรรมการ
กําหนดให้
2.13 การฝงั ท่อและตําแหน่งข้อต่อสําหรับอ่างล้างมือ โถปสั สาวะ โถส้วม ต้องได้ระดับ
จบหมวดที่ 58
หมวดที่ 59
ระบบบาบัดน้าเสีย
รายละเอียดระบบบําบัดนํ้าเสีย
1. ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการติดตัง้ ระบบบําบัดนํ้าเสียให้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบตามรูปแบบรายการทีก่ าํ หนดไว้
2. ถังบําบัดนํ้าเสียทีต่ ดิ ตัง้ ต้องได้มาตรฐานผูผ้ ลิต
3. ถังเก็บนํ้าพลาสติกเสริมใยแก้ว (มอก.435-2548) HT-70 UG/ A-5000
4. ถังเก็บนํ้าพลาสติก (มอก.1379-2551)
การติดตัง้ ให้เป็ นไปตามมาตรฐานและคําแนะนําของผูผ้ ลิต ผลิตภัณฑ์ของPREMIER PRODUCTS หรือ กะรัต หรือ
ไฮเคลียร์ หรือคุณภาพเทียบเท่า
5. ระบบบําบัดนํ้าเสีย
งานถังบําบัดนํ้าเสีย
ถังบําบัดนํ้าเสียรุ่น PREMIER PRODUCTS AMC-40
หรือ บําบัดนํ้าเสียรุ่น กะรัต
หรือ บําบัดนํ้าเสียรุ่น ไฮเคลียร์
หรือคุณภาพเทียบเท่า
6. ระบบถังดักไขมันGREASE TRAP ผลิตภัณฑ์พรีเมียร์หรือเทียบเท่า AMX -18-3-1200
จบหมวดที่ 59
หมวดที่ 60
ระบบกาจัดขยะ
จัดให้มพี น้ื ทีว่ างถังขยะ จํานวน 2 ถัง บริเวณภายนอกอาคาร โดยต้องให้ง่ายต่อการจัดเก็บและไม่มกี ลิน่ รบกวน
จบหมวดที่ 60
งานระบบน้าร้อน
หมวดที่ 61
รายละเอียดข้อกาหนดทางด้านเทคนิ ค เครื่องทาน้าร้อนสาหรับโรงแรม
AIR TO WATER HEAT PUMP
1. เครื่องทํานํ้าร้อน แบบ AIR TO WATER HEAT PUMP ผลิตนํ้าร้อน ทีอ่ ุณหภูมิ 60-650C ใช้ R-134a เป็ น
สารทําความเย็นไม่ทาํ ลายโอโซน และ นําเอาอากาศเย็นจากพัดลมไปใช้งานในห้องเครื่องต่างๆ ภายในเครื่อง
ประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก COMPRESSOR , ชุดพัดลมและมอเตอร์, EVAPORATOR COIL , HOT WATER HEAT
EXCHANGER พร้อมทัง้ อุปกรณ์วาวล์ต่างๆ และ ชุด THEMOSTAT ควบคุมอุณหภูมิ นํ้าร้อน
2. สภาวะการใช้งานเครื่อง HOT WATER UNIT (HEAT PUMP)
- อุณหภูมนิ ้ําร้อน เข้า/ออก เครื่อง 30/60 OC
- อุณหภูมอิ ากาศเข้าเครื่อง 15-45 OC
- อุณหภูมนิ ้ําร้อนปรับตัง้ ค่าได้ถงึ 60-65 OC
- อุณหภูมอิ ากาศเข้าเครื่องสูงสุด โดยเครื่องยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ 45 OC
- อุณหภูมอิ ากาศเข้าเครื่องตํ่าสุด โดยเครื่องยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ 15 OC
3. โครงสร้างของเครื่อง โครงเครื่องและผนังใช้ เหล็กกล้า เคลือบด้วยสีฝ่นุ หรือ STAINLESS STEEL
4. คอมเพรสเซอร์ (COMPRESSOR) เป็ นแบบ SCROLL HERMETIC TYPE COMPRESSOR ใช้กบั สาร
ทําความเย็น R-134a
5. คอยล์เย็น (EVAPORATOR COIL) ทําจากท่อทองแดงแบบไร้ตะเข็บ (SEAMLESS COPPER TUBE) ยึด
ติดกับครีบอลูมเิ นียม (ALUMINIUM FINS) และเคลือบสารกันการกัดกร่อน
6. เครื่องแลกเปลีย่ นนํ้าร้อน (HOT WATER HEAT EXCHANGER) เป็ นแบบ PLATE STAINLESS GRADE
316S ทีท่ นต่อการกัดกร่อนหรือตะกรัน และมีประสิทธิภาพสูงในการแลกเปลีย่ นความร้อนสูง
7. วงจรนํ้ายา (REFRIGERANT CIRCUIT) สามารถใช้งานได้ช่วงอุณหภูมอิ ากาศเข้าเครื่อง 15OC - 45 OC
และสามารถทําอุณหภูมนิ ้ําร้อนออกจากเครื่องได้อุณหภูมสิ งู สุดที่ 60-65OC โดยการทํางานของเครื่องจะถูกควบคุมจาก
THERMOSTAT สารทําความเย็นทีใ่ ช้ในเครื่องเป็ นนํ้ายา R-134a ซึง่ เหมาะต่อการใช้งานกับเครื่อง HOT WATER UNIT
(HEAT PUMP) เพื่อผลิตนํ้าร้อน และไม่ทาํ ลายโอโซน อุปกรณ์ในวงจรนํ้ายาประกอบด้วย SIGHT GLASS, FITER
DRYER, EXPANSION VALVE และ RECEIVER TANK , มี DEFROST STAT เพื่อป้องกันไม่ให้ EVAPORATOR
COIL เป็ นนํ้าแข็งช่วงอุณหภูมภิ ายนอกเครื่องตํ่าๆ
8. ใบพัดลม (FAN BLADE) พัดลมเป่าลม เป็ นแบบ PROPELLER or CENTRIFUGAL FAN ติดตัง้ มาพร้อม
กับ MOTOR , CLESS F IP 44 (IP55 OPTION)
9. ถังเก็บความร้อน
HOT WATER TANK TANK 3,000 Liter
(1) Outer casing
Dimensions 1.2x2.2m
Water Capacity 2500 liter
ข้อมูลทีก่ าหนด
UNIT NO. HP1 – HP2
HEAT PUMP CAPACITY kW 30
STORAGE TANK L 3,000
ELECTRICAL POWER kW 7-8.5
10. เครื่องสูบนํ้าร้อนหมุนเวียน (HWRP 1-2) เป็ นชนิดใช้กบั นํ้าร้อน ตัวเรือนและใบพัดเป็ นสแตนเลส สามารถ
สูบส่งนํ้าได้ 120 ลิตร / นาที ทีค่ วามสูง 10 เมตร
11. ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งรายละเอียดพร้อมรายการคํานวณส่งขออนุมตั กิ ่อนการติดตัง้
จบหมวดที่ 61
งานระบบปรับอากาศ
หมวดที่ 62
ข้อกาหนดทัวไป
่
1. บทนํา
1.1 ผูว้ ่าจ้างมีความประสงค์จะว่าจ้างจัดหาพร้อมติดตัง้ วัสดุและอุปกรณ์ สําหรับงานวิศวกรรมระบบประกอบ
อาคาร ตลอดจนระบบงานอื่นๆ ทีจ่ าํ เป็ นสําหรับการใช้งานของโครงการก่อสร้างอาคารให้แล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ตาม
รายละเอียดทีร่ ะบุ หรือแสดงไว้ในแบบและรายละเอียดประกอบแบบนี้ทุกประการ
1.2 วัสดุและอุปกรณ์ตลอดจนการติดตัง้ ระบบต่างๆ ตามข้อกําหนด ต้องมีความเหมาะสมกับการใช้งานภายใต้
สภาพภูมอิ ากาศดังต่อไปนี้
(1) ความสูงใกล้เคียงระดับนํ้าทะเลปานกลาง
(2) อุณหภูมสิ งู สุดเฉลีย่ 96 องศาฟาเรนไฮท์
(3) อุณหภูมเิ ฉลีย่ ต่อปี 86 องศาฟาเรนไฮท์
(4) ความชืน้ สัมพัทธ์สงู สุดเฉลีย่ 79 เปอร์เซ็นต์
(5) ความชืน้ สัมพัทธ์เฉลีย่ ต่อปี 55 เปอร์เซ็นต์
ถ้ามิได้กาํ หนดเป็ นอย่างอื่น สภาวะทีใ่ ช้เป็ นข้อมูลในการออกแบบทางงานวิศวกรรมระบบปรับอากาศมีดงั ต่อไปนี้
(1) อุณหภูมอิ ากาศภายนอก 90°db/83°Fwb
(2) อุณหภูมภิ ายในห้องปรับอากาศโดยทัวไป ่ 75±2°F
(3) ความชืน้ สัมพันธ์ในห้องปรับอากาศโดยทัวไป ่ 55±5°F
1.3 การทดสอบเครื่องและระบบ
1.3.1 ผูร้ บั จ้างต้องจัดทําตารางแผนแสดงกําหนดการทดสอบเครื่องและระบบ รวมทัง้ จัดเตรียมเอกสาร
แนะนําจากผูผ้ ลิตในการทดสอบ (OPERATION MANUAL) เสนอผูค้ วบคุมงานก่อนทําการทดสอบ
1.3.2 ผูร้ บั จ้างต้องทําการทดสอบเครื่องและระบบตามหลักวิชาและข้อกําหนด โดยมีผแู้ ทน เจ้าของ
โครงการอยู่ร่วมขณะทดสอบด้วย
1.3.3 ผูร้ บั จ้างต้องดําเนินการโดยทันทีทไ่ี ด้รบั แจ้งจากเจ้าของโครงการให้เปลีย่ น หรือแก้ไขเครื่องอุปกรณ์
ตามสัญญารับประกัน มิฉะนัน้ เจ้าของโครงการสงวนสิทธิ ์ ทีจ่ ะจัดหาผูอ้ ่นื มาดําเนินการ โดยค่าใช้จ่ายทัง้ สิน้ ผูร้ บั จ้างต้องเป็ น
ผูร้ บั ผิดชอบ
2. การบริการ
2.1 ผูร้ บั จ้างต้องจัดเตรียมช่างผูช้ าํ นาญในแต่ละระบบไว้สาํ หรับตรวจสอบซ่อมแซม และบํารุงรักษาอุปกรณ์ ให้
อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี เป็ นประจําทุกเดือน เป็ นระยะเวลา 1 ปี โดยผูร้ บั จ้างต้องจัดทํารายงานผลการตรวจสอบเครื่อง
อุปกรณ์ระบบ และการบํารุงรักษา เสนอเจ้าของโครงการภายใน 7 วันนับจากวันตรวจสอบทุกครัง้
2.2 หลังจากทีอ่ าคารได้เปิ ดดําเนินการแล้วเป็ นเวลา 3 เดือน ผูร้ บั จ้างต้องจัดเจ้าหน้าทีเ่ ข้ามาทําการปรับแต่ง
ระบบนํ้าเย็น (CHILLED WATER) และระบบส่งลมเย็นทัง้ หมด เพื่อให้อยู่ในสภาพทีเ่ หมาะสมกับการใช้งาน และความ
ต้องการของผูใ้ ช้งาน โดยค่าใช้จา่ ยต่างๆ ให้อยู่ในความรับผิดชอบของผูร้ บั จ้าง
จบหมวดที่ 62
หมวดที่ 63
เครือ่ งปรับอากาศแบบแยกส่วน (SPLIT TYPE SYSTEM)
จบหมวดที่ 63
หมวดที่ 64
ท่อน้า (PIPLING)
1. การติดตัง้
1.1 การเดินท่อต่างๆ ทีแ่ สดงไว้ในแบบเป็ นเพียงแนวทางในการออกแบบเท่านัน้ ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการ
ตรวจสอบแนวการเดินท่อ วิธกี ารติดตัง้ ระบบท่อให้เหมาะสมกับสภาพการก่อสร้างทีเ่ ป็ นจริง สะดวกและง่ายต่อการเข้าถึง
ในการติดตัง้ และซ่อมบํารุง พร้อมทัง้ ต้องตรวจสอบแบบสถาปนิกโครงสร้างอื่นๆ แล้วจัดหลบหลีกแนวท่อตามทีจ่ าํ เป็ น หาก
เป็ นไปได้ตามแนวท่อจะต้องจัดเดินให้อยูใ่ นแนวขนาน หรือตัง้ ฉากกับกําแพงเนื่องจากเป็ นความประสงค์ของแบบทีไ่ ม่
ต้องการแสดงรายละเอียดการติดตัง้ ไว้ทุกประการจํานวนข้อต่อ การทําจุดยึดหิว้ หรือวาล์วต่างๆ ทีต่ อ้ งทําเพิม่ เติมจากการ
จัดหลบแนวท่อ เพื่อให้ได้ระบบการเดินท่อทีถ่ ูกต้องสมบูรณ์ ตามทีร่ ะบุไว้ในข้อกําหนดอื่นๆ และในแบบไม่เป็ นปญหากั ั บ
งานอื่นๆ เป็ นส่วนของผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบและไม่สามารถคิดค่าใช้จ่ายเพิม่ เติมจากเจ้าของโครงการได้
1.2 การติดตัง้ ท่อนํ้าจะต้องเป็ นไปโดยถูกต้องโดยการวัดขนาดความยาวแท้จริง ณ สถานทีต่ ดิ ตัง้ เมื่อติดตัง้ ท่อ
แล้วจะต้องไม่เกิดแรงเครียด (STRESS) ภายในท่อ อันอาจจะทําให้ระบบท่อหรืออาคารเสียหายได้
1.3 การติดตัง้ ระบบท่อนํ้า จะต้องปล่อยให้มกี ารยึดและหดตัว โดยไม่เกิดความเสียหายต่อข้อต่อต่างๆ โดยให้
จัดทํา OFFSETS และ LOOPS ตามความเหมาะสมเพื่อใช้รบั การขยายตัวของท่อ
1.4 การต่อท่อเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ และวาล์วต้องเป็ น UNION หรือ FLANGE
1.5 จะต้องไม่มแี นวท่อนํ้าเดินอยู่เหนือแผงไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์โดยเด็ดขาด
1.6 ผงตะไบ ฝุน่ ต่างๆ จะต้องกวาดออกจากภายในท่อ ผิวภายนอกของท่อเหล็กดําและชิน้ ส่วนทีเ่ ป็นเหล็ก
ทัง้ หมด ต้องทาสีตามรายละเอียดในหมวดการทาสีป้องกันการผุกร่อน และรหัสสี
1.7 การเปลีย่ นแนวทางเดินท่อ เปลีย่ นขนาดต้องใช้ขอ้ ต่อขนาดมาตรฐานเสมอ ท่อแยก (BRANCH) ทีต่ ่อออก
จากท่อเมน (MAIN) ให้ใช้ TEE มาตรฐาน นอกจากท่อแบบเชื่อมขนาด 8 นิ้วและใหญ่กว่า หากท่อแยกมีขนาดไม่เกิน
ครึง่ หนึ่งของท่อเมน ยอมให้ใช้ WELD-O-LET ได้
1.8 ข้องอ (ELBOW) ต้องเป็ นแบบรัศมีกว้าง (LONG RADIUS ELBOW)
1.9 ในกรณีทใ่ี ช้ขอ้ ลด สําหรับท่อในแนวนอน (HORIZONTAL) ให้ใช้ขอ้ ลดเบีย้ ว (ECCENTRIC REDUCER)
โดยติดตัง้ ให้ดา้ นหลังท่ออยู่ในระดับเดียวกัน ด้านลดขนาดอยู่ดา้ นล่างทัง้ ท่อนํ้าส่งและนํ้ากลับ เพื่อไม่ให้อากาศค้างอยู่
ภายใน
1.10 ข้อลดของท่อแบบเกลียว ห้ามใช้แบบลดเหลีย่ ม (BUSHING) ต้องใช้ขอ้ ลดมาตรฐานเท่านัน้
1.11 ติดตัง้ AUTOMATIC AIR VENT พร้อม GATE VALNT และต่อท่อจาก AIR VENT ไปยังจุดนํ้าทิง้ ทีใ่ กล้
ทีส่ ดุ สําหรับบริเวณต่อไปนี้คอื
(1) MAIN HEADER ในห้องทํานํ้าเย็น
(2) จุดบนสุดของท่อ CHILLED WATER RISERS
(3) อื่นๆ ตามทีร่ ะบุในแบบ และทีจ่ าํ เป็ น
1.12 จุดยึดท่อ (CLAMP) ในแนวดิง่ (VERTICAL RISER) และข้อต่อไม่ควรอยู่สงู กว่า 1.50 เมตรจากพืน้ ของแต่
ละชัน้
1.13 จุดตํ่าสุดของท่อแนวดิง่ (RISER) ทุกท่อต้องทํา DIRT PACKET และติดตัง้ DRAIN VALVE ไว้ถ่ายนํ้าทิง้
และ จากวาล์วต่อท่อสัน้ ๆ ขนาดเท่าวาล์วพร้อมมี CAP ปิ ดปลายขนาดของวาล์วถ่ายนํ้าทิง้ ถ้าไม่ได้ระบุในแบบให้ เป็ นดัง
ตาราง
ขนาดท่อแนวดิง่ ขนาดวาล์วถ่ายนํ้าทิง้
มิลลิเมตร (นิ้ว) มิลลิเมตร (นิ้ว)
เล็กกว่า 100 (4) 20 (3/4)
150-200 (6-8) 25 (1)
250-300 (9-12) 40 ( 1 ½ )
350-400 (13-16) 50 (2)
ใหญ่กว่า 400 (16) 65 (2 ½ )
(2) ท่อทีจ่ ะนํามาเชื่อมให้ลบปลายเป็ นมุม (BEVEL) ประมาณ 20–40 องศา โดยการกลึงหรือให้หวั เชื่อมตัด แต่ตอ้ งใช้
ค้อนเคาะออกไซด์ และสะเก็ดโลหะออก พร้อมตะไบให้เรียบร้อยก่อนการเชื่อม
(3) การเชื่อมท่อโดยทัวไปเป็่ นแบบ BUTT-WELDING ใช้วธิ กี ารเชื่อมด้วยไฟฟ้า (ARC WELDING) รอยเชื่อมจะต้อง
เป็ นไปอย่างสมํ่าเสมอ ตลอดแนวเชื่อมโลหะทีน่ ําเชื่อมละลายเข้ากันได้อย่างทัวถึ
่ ง
5.3 การต่อแบบหน้าแปลน (FLANGED JOINT)
(1) เลือกมาตรฐานขนาดหน้าแปลน และการเจาะให้เหมาะสมกับมาตรฐานท่อ (OUT-SIDE DIAMETER) ทีเ่ ลือกใช้งาน
และหน้าแปลนทีต่ ดิ ประกอบมากับอุปกรณ์ต่างๆ หน้าแปลนทีใ่ ช้ประกอบกับท่อโดยทัวไปจะต้
่ องเป็ นแบบเชื่อม
(2) การยึดจับหน้าแปลน จะต้องจัดให้หน้าสัมผัส (FACING FLANGE) ได้แนวขนานกันและตัง้ ฉากกับท่อ การเชื่อม
หน้าแปลนกับท่อ ให้เชื่อมอย่างน้อย 2 รอย ทับกัน
(3) สลักเกลียว (BOLT) และน๊อต (NUT) ทีใ่ ช้กบั หน้าแปลนโดยทัวไปเป็่ นแบ บCARBON STEEL ยกเว้นทีใ่ ช้กบั ระบบ
ท่อชุบสังกะสีจะต้องใช้แบบ GALVANIZED OR CADMIUM PLATED BOLT AND NUT และทีใ่ ช้กบั ระบบท่อฝงั ดิน
จะต้องทําด้วย STAINLESS STEEL สลักเกลียวจะต้องมีความยาวพอเหมาะกับการยึดหน้าแปลน เมื่อขันเกลียวต่อแล้ว
จะต้องมีปลายโผล่จากแป้นเกลียวไม่น้อยกว่า 1/4 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของสลักเกลียว
5.4 การต่อแบบบัดกรี (SOLDERED JOINTS)
(1) ปลายท่อทองแดงทีจ่ ะนํามาต่อเชื่อมจะต้องตัดให้ได้ฉาก ลบเศษคมออกให้หมด ทําความสะอาดปลายท่อภายนอก
และภายใน
(2) ใช้แปรงทา SOLDER FLUX ทีป่ ลายท่อและ FITTING สวมต่อท่อแล้วทําการเชื่อมประสานอุณหภูมกิ ารเผาและ
ปริมาณ FLUX ทีใ่ ช้จะต้องเป็ นไปตามคําแนะนําของผูผ้ ลิตโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะการใช้ SOLDER แบบ SILVER
BRAZING นํ้าบัดกรี ส่วนเกินจะต้องเช็คออกให้หมดก่อนจะปล่อยให้เย็นตัวลง
6. ท่อนํ้าและอุปกรณ์
6.1 ท่อนํ้าเย็น (CHILLED WATER PIPE) ท่อนํ้าเย็นทัง้ หมด ถ้าไม่ได้ระบุเป็ นอย่างอื่น จะต้องใช้ท่อเหล็กดํา (BLACK
STEEL PIPE) ชนิด ERW SEAMED PIPE มีคุณสมบัตติ ามมาตรฐาน AP1-5L หรือ ASTM A-53 ความหนาไม่น้อยกว่า
SCHEDULE 40 ท่อทุกท่อจะต้องทําปลายท่อแบบ BEVEL END และพิมพ์รหัสเครื่องหมายมาตรฐานท่อ และขนาด ระบุ
ลงบนตัวท่อสําหรับท่อทีม่ ขี นาดเกินเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มิลลิเมตร
6.2 อุปกรณ์ประกอบท่อเหล็ก (PIPE FITTING) ใช้ STANDARD WEIGHT FITTING แบบเชื่อมหรือแบบต่อด้วย
เกลียว หน้าแปลนใช้ FORGED-STEEL แบบ SLIP-ON, WELDING-NECK หรือ SOCKET WELDING มาตรฐาน BS 10
TALBE F หรือ CLASS 150 lb, มาตรฐาน ANSI b 16.5 (BS 1560) ประเก็นใช้ NATURAL RUBBER หรือ ASBESTOS
อุปกรณ์ ประกอบท่อแบบ UNION ใช้แบบ GROUND JOINT BRONZE OR BRASS TO IRON SEAT
6.3 ท่อนํ้าคอนเดนเซอร์ (CONDENSER WATER PIPE) ท่อนํ้าคอนเดนเซอร์ทงั ้ หมด ถ้าไม่ได้ระบุเป็ นอย่างอื่น จะต้อง
ใช้ท่อดํา (BLACK STEEL PIPE) ชนิด ERW SEAMED PIPE มีคุณสมบัตติ ามมาตรฐาน AP1-5L หรือ ASTM A-53
ความหนาไม่น้อยกว่า SCHEDULE 40 ท่อทุกท่านจะต้องทําปลายท่อแบบ BEVEL END และพิมพ์รหัสเครื่องหมาย
มาตรฐานท่อและขนาดระบุลงบนตัวท่อสําหรับท่อทีม่ ขี นาดเกินเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มิลลิเมตร
6.4 ท่อนํ้าเติม (MAKE UP WATER PIPING) และท่อนํ้าทิง้ จากหอผึง่ นํ้า (COOLING TOWER DRAIN) วัสดุทใ่ี ช้
ประกอบระบบท่อนํ้าเติม และนํ้าทิง้ จากจุดต่อของระบบประปาของอาคารจนถึง หอผึง่ นํ้าให้ใช้ทอ่ เหล็กอาบสังกะสี
(GALVANIZED STEEL PIPE) ทีผ่ ลิตขึน้ ตามมาตรฐาน BS 1387 : 1967, CLASS MEDIUM อุปกรณ์ประกอบด้วยท่อ
(PIPE FITTING) ใช้แบบมีเกลียวทําด้วย MALLEABLE IRON หรือ MILD STEEL
6.5 ท่อนํ้าทิง้ จาก CONDENSATE DRAIN ของเครื่องปรับอากาศใช้ท่อ PVC. CLASS 8.5 ตามมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 17-2532 อุปกรณ์ขอ้ ต่อท่อ จะต้องใช้ชนิดทีม่ คี วามหนาตามประเภทท่อทีใ่ ช้ และใช้น้ํายาต่อ
ท่อตามคําแนะนําของผูผ้ ลิต
6.6 ท่อทองแดงทีใ่ ช้สาํ หรับต่อเข้าเครื่องเปา่ ลมเย็นขนาดเล็ก (FAN COIL UNIT) ในส่วนทีต่ ่อจาก HALF UNION ต้อง
ใช้ท่อทองแดงชนิด HARD DRAWN, TYPE L ตามมาตรฐาน ASTM B-88 หรือใช้ชนิดตาม TABLE “Y” มาตรฐาน BA
2871 PART 1 อุปกรณ์ประกอบแท่นท่อทองแดง (PIP FITTING) WROUGHT COPPER WELD FITTING หรือ WELD
SOCKET รอยต่อเชื่อมใช้ SILVER BRAZING หรือ WELDING RING ตัว HALF UNION ใช้วสั ดุทองแดง
จบหมวดที่ 64
งานระบบไฟฟ้ า
หมวดที่ 65
ระบบไฟฟ้ า
1. ขอบเขตของงานและเงื่อนไขโดยทัวไป ่
1.1 ขอบเขตของงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์สาํ หรับระบบไฟฟ้า ตลอดจนอุปกรณ์อ่นื ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับระบบนี้ มาทําการติดตัง้ ตามแบบ
และรายการนี้ให้ครบถ้วน พร้อมทัง้ ทดลองจนเสร็จเรียบร้อยใช้งานได้ดี
1.2 กฎข้อบังคับ
วัสดุและอุปกรณ์ตลอดจนการติดตัง้ ระบบไฟฟ้า ถ้าไม่มกี าํ หนดไว้ในแบบหรือทีห่ นึ่งทีใ่ ด จะต้องเป็ นไปตามข้อกําหนดของ
มาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่งต่อไปนี้
(1) Local Code and Regulation
(2) E.I.T STANDARD 2001-56 (มาตรฐาน ว.ส.ท.)
(3) TGL (Green Label : Thailand)
(4) DIN (German Industrial Standard)
(5) IEC (International Electrotechnical Committee)
(6) NEC (National Electrical Code)
(7) NEMA (National Electrical Manufacturers Association)
(8) NFC (National Fire Codes of National Fire Protection Association)
(9) TIS (Thai Industrial Standard)
(10) UL (Underwriter's Laboratories Inc.)
1.3 รายละเอียดวัสดุและอุปกรณ์
ผูร้ บั จ้างจะต้องแจ้งรายละเอียดของวัสดุและอุปกรณ์ทุกชนิดทีใ่ ช้ในงานติดตัง้ ในโครงการนี้แก่วศิ วกรเพื่อขออนุมตั คิ วาม
เห็นชอบก่อนทีจ่ ะดําเนินการใดๆ หากผูร้ บั จ้างไม่แจ้งหรือระบุรายละเอียดของวัสดุหรืออุปกรณ์ไว้ให้ถอื เป็ นสิทธิโดยถู
์ กต้อง
ของวิศวกรทีจ่ ะเลือกใช้วสั ดุหรืออุปกรณ์ใดๆ ก็ตามทีเ่ ป็ นไปโดยถูกต้องตรงตามแบบ และ/หรือรายการประกอบแบบ และ
ผูร้ บั จ้างจะต้องดําเนินการให้เป็นไปตามความประสงค์นนั ้ รายละเอียดของวัสดุหรืออุปกรณ์อย่างน้อยจะต้องประกอบด้วย
ชื่อบริษทั ผูผ้ ลิต ชื่อบริษทั ตัวแทนจําหน่ายทีไ่ ด้รบั สิทธิโดยถู
์ กต้องจากผูผ้ ลิต สมุดคําอธิบายทีแ่ สดงรายละเอียดข้อมูลทาง
เทคนิคของวัสดุหรืออุปกรณ์นนั ้ ๆ
1.4 ตัวอย่างวัสดุและอุปกรณ์
วัสดุและอุปกรณ์ทุกชนิดทีร่ ะบุไว้ในแบบและรายการประกอบแบบนี้ จะต้องได้รบั ความเห็นชอบจากวิศวกรเป็ นลายลักษณ์
อักษรก่อนทีจ่ ะทําการติดตัง้ โดยผูร้ บั จ้างจะต้องส่งตัวอย่างวัสดุหรืออุปกรณ์พร้อมรายละเอียดคุณสมบัตทิ ส่ี มบูรณ์ ให้
วิศวกรตรวจสอบก่อนทีจ่ ะดําเนินการติดตัง้ หากผูร้ บั จ้างนําวัสดุหรืออุปกรณ์ไปใช้งานโดยมิได้รบั ความเห็นชอบจากวิศวกร
แล้วปรากฏว่าวัสดุหรืออุปกรณ์นนั ้ ไม่ถูกต้องตามแบบและรายละเอียดข้อกําหนด ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายใน
การรือ้ ถอน ถอดเปลีย่ นวัสดุหรืออุปกรณ์นนั ้ เอง
1.5 วัสดุอุปกรณ์และการดําเนินงาน
1.5.1 วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ทีน่ ํามาติดตัง้ จะต้องเป็ นของใหม่ไม่บุบสลาย หรือผ่านการใช้งานมาก่อน
ประจํา ณ สถานทีท่ ท่ี าํ การติดตัง้ ตลอดเวลาทีม่ กี ารติดตัง้ งานไฟฟ้า เพื่อทีว่ ศิ วกรจะได้ตดิ ต่อได้ตลอดเวลา ผูร้ บั จ้างต้องแจ้ง
รายชื่อโฟร์แมนพร้อมทัง้ ประสบการณ์ต่อวิศวกรเพื่อขอรับความเห็นชอบ
1.9 การตรวจสอบ
ในกรณีทจ่ี าํ เป็ นต้องให้การไฟฟ้าฯ มาตรวจสอบการติดตัง้ ผูร้ บั จ้างมีหน้าทีร่ บั ผิดชอบให้การตรวจสอบเป็ นไปโดยเรียบร้อย
และเป็ นผูช้ าํ ระค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบทีก่ ารไฟฟ้าฯ เรียกเก็บทัง้ สิน้
1.10 ป้ายชื่อ
ตูท้ ุกตูต้ อ้ งมีป้ายเพื่อแสดงชื่อของอุปกรณ์และการใช้งาน โดยใช้ภาษาไทย (หรือภาษาอังกฤษ) และ/หรือตามทีก่ าํ หนดใน
แบบ หลอดไฟสัญญาณ สวิตซ์ต่างๆ เครื่องวัดและอื่นๆ ต้องมีป้ายชื่อให้ครบ ป้ายชื่อให้ทาํ ด้วยพลาสติกแกะสลักซึง่ เห็น
ตัวอักษรชัด ยึดติดกับตูอ้ ย่างถาวร
1.11 การเคลื่อนย้ายวัสดุและอุปกรณ์
ในการเคลื่อนย้ายวัสดุหรืออุปกรณ์ต่างๆ ไปยังตําแหน่งทีจ่ ะติดตัง้ ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบในการเคลื่อนย้ายดังกล่าว
ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่วสั ดุหรืออุปกรณ์นนั ้ ๆ หรืองานในระบบอื่นๆ หากเกิดความเสียหายขึน้ ผูร้ บั จ้างจะต้อง
รับผิดชอบในการเปลีย่ นหรือซ่อมแซมแก้ไขความเสียหายดังกล่าวโดยจะคิดค่าใช้จ่ายเพิม่ เติมอีกไม่ได้
1.12 การตรวจสอบแบบและรายการประกอบแบบ
1.12.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องศึกษาแบบระบบไฟฟ้า รายการประกอบแบบระบบไฟฟ้าตลอดจนแบบของระบบอื่นๆ
ทีเ่ กีย่ วข้องให้เป็ นทีเ่ ข้าใจโดยแจ้งชัด ถ้าหากผูร้ บั จ้างดําเนินการใดๆ ไปโดยทีไ่ ม่เข้าใจในแบบและรายการประกอบแบบ
โดยแจ้งชัดแล้วก่อให้เกิดความผิดพลาด หรือความเสียหายต่องานไฟฟ้า หรืองานในระบบอื่นๆ ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบ
ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทัง้ สิน้ ทีเ่ กิดจากความผิดพลาดและความเสียหายดังกล่าว
1.12.2 ในกรณีทแ่ี บบและ/หรือรายการประกอบแบบมีความขัดแย้งกันถือว่าการตีความใดๆ ทีก่ ่อให้เกิด
ประโยชน์กว่า ถูกต้องกว่า และดีกว่าเป็ นความถูกต้อง ถ้าหากผูร้ บั จ้างดําเนินการใดๆ โดยไม่ยดึ ถือกฎเกณฑ์ดงั กล่าว ผูร้ บั
จ้างจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ทัง้ สิน้ ในการทําให้เกิดประโยชน์กว่าถูกต้องกว่าและดีกว่าสิง่ ทีด่ าํ เนินการไปแล้ว
1.13 การเปลีย่ นแปลงแก้ไขแบบและวัสดุอุปกรณ์
1.13.1 การเปลีย่ นแปลงแก้ไขแบบไม่วา่ จะเป็ นเพราะสาเหตุใดๆ ก็ตามต้องดําเนินการไปโดยความ เห็นชอบ
ของวิศวกรผูอ้ อกแบบและจะต้องเป็ นลายลักษณ์อกั ษร โดยการเปลีย่ นแปลงแก้ไขใดๆ ทีด่ าํ เนินการไปโดยพละการ ถ้า
หากเกิดความผิดพลาด ความไม่เหมาะสม ความเสียหายและความไม่ถูกต้อง ผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบความเสียหายต่างๆ
ทัง้ สิน้ ทีเ่ กิดขึน้ ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่างๆ ทัง้ สิน้ ทีเ่ กิดขึน้ ในการเปลีย่ นแปลงแก้ไขสิง่ ทีด่ าํ เนินการไปแล้วให้เกิดความ
เหมาะสมและถูกต้อง
1.13.2 ข้อกําหนดคุณสมบัตวิ สั ดุและอุปกรณ์ต่างๆ ทีก่ าํ หนดไว้ในแบบ และ/หรือรายการประกอบนี้ให้ถอื
เป็ นนัยสําคัญทีผ่ รู้ บั จ้างจะต้องปฏิบตั ติ ามถ้าหากวัสดุและอุปกรณ์ทน่ี ํามาติดตัง้ ไม่เป็ นตาม ข้อกําหนดให้ถอื เป็ นความ
รับผิดชอบของผูร้ บั จ้างต่อค่าใช้จ่ายใดๆ ก็ตามในการเปลีย่ นแปลงวัสดุและอุปกรณ์นนั ้ ๆ ให้ถูกต้องตามแบบและรายการ
ประกอบแบบ
1.14 การทดสอบ
ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการทดสอบการทํางานของอุปกรณ์ต่างๆ และระบบต่างๆ ทีต่ ดิ ตัง้ ภายในโครงการนี้ทงั ้ หมด โดยผูร้ บั จ้าง
จะต้องจัดเตรียมบุคคลากรทีเ่ หมาะสมสําหรับทดสอบอุปกรณ์และระบบนัน้ ๆ และจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ทัง้ สิน้
ตลอดจนความเสียหายทีเ่ กิดขึน้ จากการทดสอบนัน้ ๆ ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทํารายละเอียดแสดงวิธกี ารทดสอบเพื่อขออนุมตั ิ
ความเห็นชอบต่อวิศวกรก่อนการดําเนินการทดสอบจริง อย่างน้อย 15 วัน และรายงานผลการทดสอบให้ผวู้ ่าจ้างทราบและ
เห็นชอบ
1.15 ขอบเขตของรายการประกอบแบบ
2. ข้อกําหนดรายละเอียดวัสดุ และอุปกรณ์
2.1 แผงสวิตซ์จ่ายไฟแรงตํ่าเมน
รายการประกอบแบบ 2.1 นี้ถอื ว่ามีผลบังคับใช้กบั แผงสวิตช์จ่ายไฟอื่นทีค่ ล้ายคลึงกันด้วยโดยแผงสวิตซ์จะประกอบด้วย
2.1.1 ตูโ้ ลหะ
(1) ให้ใช้ตูโ้ ลหะทีผ่ ลิตในประเทศไทย โดยถ้าไม่มกี าํ หนดไว้เป็ นอย่างหนึ่งอย่างใด ต้องผลิตให้เป็ นไปตามมาตรฐานของ
NEC, VDE หรือ IEC สําหรับระบบไฟฟ้า 380/220 โวลท์ 3 เฟส 4 สาย 50 เฮิรต์ ซ์
(2) ต้องเป็ นชนิดด้านปิ ด (Dead Front) ขนาดตามทีแ่ สดงไว้ในแบบหรืออาจเป็ นขนาดอื่นทีไ่ ด้รบั ความเห็นชอบจากการ
ไฟฟ้าฯ
(3) ทนแรงดันไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 500 โวลท์ และทนกระแสลัดวงจรได้ไม่น้อยกว่าค่าสูงสุดทีอ่ าจเกิดขึน้ ณ จุดนัน้
(4) โครงตูแ้ ต่ละตูใ้ ห้ใช้เหล็กแผ่นขนาดความหนาไม่น้อยกว่า 3.00 มิลลิเมตรพับขึน้ รูปและเชื่อมติดกันเป็ นโครงตู้
(5) ฝาปิ ดรอบนอกของตูท้ งั ้ หมดให้ใช้เหล็กแผ่นขนาดความหนาไม่น้อยกว่า 2.0 มิลลิเมตรโดยฝาปิ ดด้านหน้าด้านหลัง
ด้านข้าง และด้านบนของตูใ้ ห้เป็นแบบพับขอบ
(6) ฝาปิ ดด้านหลัง ด้านข้าง และด้านบนของตูต้ อ้ งเป็ นแบบทีส่ ามารถถอดออกได้ โดยยึดติดกับโครงตูด้ ว้ ยสลักเกลียว
(7) ฝาปิ ดด้านหน้าให้เป็ นแบบถอดและเปิ ดปิ ดได้ โดยยึดติดกับโครงตูด้ ว้ ยบานพับชนิดซ่อน และเปิ ดปิ ดโดยใช้ กลอน
กุญแจแบบมือหมุนทีส่ ามารถล๊อคได้หรืออาจเป็ นชนิดอื่นทีท่ าํ ให้เปิ ดปิ ดฝาได้ง่าย ทัง้ นี้จะต้องได้รบั ความเห็นชอบ
จากวิศวกรก่อน
(8) ด้านล่างและด้านบนของฝาข้างให้ทาํ ช่องระบายอากาศชนิดกันหยดนํ้าได้ (Drip Proof) ขนาดของช่องระบายอากาศ
ต้องพอเพียงสําหรับระบายความร้อนภายในตูไ้ ด้ดี ช่องระบายอากาศต้องมีแผ่นกันฝุน่ และแมลง
(9) ชิน้ ส่วนทีเ่ ป็ นเหล็กทัง้ หมดต้องพ่นสีรองพืน้ ด้วย Zinc Phosphate และอบอย่างน้อยหนึ่งครัง้ ทีอ่ ุณหภูมแิ ละเวลาที่
เหมาะสมก่อนทีจ่ ะพ่นสีรองพืน้ ต้องขัดผิวเหล็กให้เรียบ และทําความสะอาดจนปราศจากสนิม ไข และนํ้ามัน
(10) สีชนั ้ นอกให้พ่นด้วยสีอย่างน้อยสองชัน้ โดยแต่ละชัน้ ให้อบเช่นเดียวกับสีรองพืน้
(11) ฝาหลังของตูท้ บ่ี รรจุคะแปซิเตอร์ ต้องเป็ นแผ่นเหล็กเจาะรูพรุน ขนาดพอเหมาะสม
(12) ตูท้ ต่ี งั ้ ชิดกับตูบ้ รรจุคะแปซิเตอร์ ต้องมีฝาข้างทีป่ ิ ดมิดชิด
(13) กรณีทแ่ี ผงสวิตช์จ่ายไฟแรงตํ่าเมนตัง้ ชิดกับหม้อแปลง ต้องมีแผ่นเหล็กกัน้ ระหว่างแผงสวิตช์จา่ ยไฟแรงตํ่าและตู้
หม้อแปลง
(14) ด้านหน้าของแผงสวิตช์ตอ้ งมี Mimic Diagram แสดงการแจกจ่ายไฟฟ้าทัง้ หมด Mimic Diagram ให้ทาํ ด้วยแผ่น
พลาสติกสีดาํ ขนาดหนาไม่น้อยกว่า 1 มิลลิเมตรและกว้าง 1.45 - 2.0 เซนติเมตร
(15) แผงสวิตช์ ต้องติดตัง้ บนแท่นคอนกรีตขนาดตามแบบ
(16) แผงสวิตช์ ไม่อนุญาตให้ใช้แผงแบบ KNOCK DOWN
2.1.2 บัสบาร์
(1) บัสบาร์ให้ใช้ทองแดงทีผ่ ลิตสําหรับใช้งานไฟฟ้าเฉพาะ ขนาดตามแบบ บัสบาร์ เส้นศูนย์และเส้นเฟสให้ตดิ ตัง้ บน
ฉนวน Cast Resin ทีท่ นกระแสลัดวงจรได้ไม่น้อยกว่าค่าสูงสุดทีอ่ าจเกิดขึน้ ณ จุดนัน้ บัสบาร์เส้นดินให้ยดึ ติดกับ
โครงตู้
(2) กรณีทเ่ี ส้นเฟสต้องใช้บสั บาร์มากกว่าหนึ่งเส้น ให้วางบัสบาร์ขนานกัน และห่างกันเท่าความหนาของ บัสบาร์
(3) บัสบาร์เส้นศูนย์และเส้นดินจะต้องมีความยาวตลอดแนวตู้
(4) บัสบาร์ทงั ้ หมดให้พ่นด้วยสีทนความร้อน โดย
ทีอ่ ุณหภูมิ และเวลาทีเ่ หมาะสม สีชนั ้ นอกให้พ่นด้วยสีไม่น้อยกว่าสองครัง้ และอบเช่นเดียวกัน ด้านข้างของตูใ้ ห้ทาํ ช่อง
ระบายอากาศแบบกันหยดนํ้าได้ (Drip Proof) ช่องระบายอากาศต้องมีแผ่นกันฝุน่ และแมลง
(3) แผงสวิตช์จ่ายไฟย่อยทีต่ ดิ ตัง้ ภายนอกอาคารหรือบริเวณเปี ยกชืน้ ตัวตูต้ อ้ งเป็ นชนิดกันนํ้าและตูท้ ต่ี ดิ ตัง้ ภายนอก
อาคารต้องทําด้วยเหล็กอาบสังกะสีแล้วพ่นสีดว้ ยกรรมวิธที เ่ี หมาะสม
(4) แผงรองรับอุปกรณ์ภายในตูต้ อ้ งเป็ นแผ่นเหล็กพับขอบไม่น้อยกว่า 1 เซนติเมตรและต้องสามารถถอดได้
(5) ทีด่ า้ นในฝาหน้าของแผงสวิตช์จา่ ยไฟย่อย ต้องมีแผ่นป้ายบอกบริเวณชื่อห้อง หรือชื่ออุปกรณ์ทส่ี วิตช์ตดั ตอน
อัตโนมัตแิ ต่ละตัวจ่ายไฟให้ และสวิตช์ตดั ตอนอัตโนมัตยิ ่อยทุกตัวต้องระบุช่อื วงจร โดยใช้แผ่นป้ายบอกชื่อวงจรทีท่ าํ
ด้วยพลาสติกสีดาํ แกะสลักและทาร่องตัวเลขด้วยสีขาว
(6) แผงสวิตช์จ่ายไฟย่อย ต้องเป็ นแบบติดฝงั ผนังหรือติดลอยบนผนังตามแบบ โดยหากไม่มกี าํ หนดระดับความสูงใน
แบบให้ตดิ ตัง้ ทีร่ ะดับ 1.50 เมตรจัดจากพืน้ ถึงกลางตู้ และแผงสวิตช์จ่ายไฟย่อยทีต่ งั ้ ติดกันต้องจัดให้สว่ นบนของแผง
สวิตช์อยูใ่ นระดับเดียวกัน
2.2.2 บัสบาร์
(1) การต่อเชื่อมพลังงานไฟฟ้าระหว่างสวิตช์ตดั ตอนอัตโนมัตเิ มนและสวิตช์ตดั ตอนอัตโนมัตสิ าํ หรับวงจรย่อยให้
ใช้บสั บาร์ทองแดงหรืออลูมเิ นียมทีท่ าํ สําหรับใช้กบั งานไฟฟ้าโดยเฉพาะโดยขนาดของบัสบาร์เมนให้เป็ นไปตามแบบ
และขนาดของบัสบาร์ย่อย ต้องมีขนาดทนกระแสได้ไม่น้อยกว่า 125% ของพิกดั กระแสของสวิตช์ตดั ตอนอัตโนมัติ
(2) เมนบัสบาร์หรือขัวต่ ้ อสายสําหรับสายดินและสายศูนย์ทแ่ี ยกจากกัน โดยกรณีทใ่ี ช้แบบขัวต่ ้ อสายต้องมีจาํ นวนขัว้ ต่อ
สายพอเพียงสําหรับสายดินและสายศูนย์ทงั ้ หมด แผงสวิตช์ให้ต่อลงดินทีบ่ สั บาร์หรือขัว้ ต่อสายเส้นดิน
(3) บัสบาร์ทงั ้ หมด (ยกเว้นบัสบาร์สาํ หรับสายศูนย์และสายดิน) ภายในแผงสวิตซ์จ่ายไฟย่อยต้องห่อหุม้ ด้วยฉนวนโพลี
วีนีลคลอไรด์ (Polyvinyl Chloride) ทีม่ พี กิ ดั ทนแรงดันไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 750 โวลท์ และพิกดั อุณหภูมใิ ช้งานสูงสุด
ไม่น้อยกว่า 75°C
2.2.3 อุปกรณ์ประกอบ
(1) สวิตช์ตดั ตอนอัตโนมัตสิ าํ หรับแผงสวิตช์จ่ายไฟย่อย ต้องเป็ นชนิด molded case มีกลไกสําหรับทําให้การสับเข้าและ
ออกเป็ นไปโดยรวดเร็ว มี thermal overcurrent และinstantaneous short circuit release สวิตช์ตดั ตอนอัตโนมัติ
ชนิด 3 โพล ต้องมีกลไกภายในเป็ นแบบ common trip
(2) สวิตช์ตดั ตอนอัตโนมัติ สําหรับวงจรย่อยต้องทนกระแสลัดวงจรได้ไม่น้อยกว่า 5 KA ที่ 380โวลท์ สําหรับชนิด 3
โพล และที่ 220 โวลท์ สําหรับชนิด 1 โพล
2.3 ท่อร้อยสายไฟ (Conduit)
ท่อร้อยสายไฟและอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ตลอดจนการติดตัง้ ถ้าไม่มกี าํ หนดไว้ในแบบหรือทีห่ นึ่งทีใ่ ดจะต้องเป็ นไป
ตามข้อกําหนดต่อไปนี้
2.3.1 ท่อร้อยสายชนิดหนา (Rigid Steel Conduit) และ ชนิดกลาง (Intermediate Metal Conduit) ต้อง
เป็ นท่อเหล็กอาบสังกะสีทม่ี เี ส้นผ่านศูนย์กลางไม่เล็กกว่า 1/2 นิ้ว ใช้สาํ หรับการเดินท่อฝงั ในดิน ฝงั ผ่านถนน บริเวณทีเ่ ปียก
ชืน้ และเดินลอยภายนอกอาคาร
2.3.2 ท่อร้อยสายชนิดบาง (Electrical Metallic Tubing) ต้องเป็ นท่อเหล็กอาบสังกะสีทม่ี เี ส้นผ่านศูนย์กลาง
เล็กทีส่ ดุ 1/2 นิ้ว ใช้สาํ หรับการเดินท่อลอยเกาะผนัง เดินลอยเกาะเพดาน ภายในอาคาร
2.3.3 ท่อร้อยสายชนิดโลหะอ่อน (Flexible Metal Conduit) ใช้สาํ หรับเดินสายไฟฟ้าช่วงสัน้ ๆ เข้าดวงโคม
มอเตอร์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ
2.3.4 การเลีย้ วเป็ นมุม 90 องศา ของท่อร้อยสายไฟขนาดตัง้ แต่ 1 1/2 นิ้ว ขึน้ ไป ต้องใช้ขอ้ ต่อโค้ง (Elbow)
2.3.5 การต่อระหว่างท่อร้อยสายไฟฟ้าชนิดหนาและชนิดกลางให้ใช้ขอ้ ต่อแบบเกลียว
3. ระบบแสงสว่างฉุกเฉินอัตโนมัติ
3.1 ทัวไป่
ระบบแสงสว่างฉุกเฉินอัตโนมัติ ต้องเป็ นดวงโคมแบบมีแบตเตอรีพ่ ร้อมชุดควบคุมบรรจุอยู่ภายในดวงโคมเอง หรือ
เป็ นแบบมีแบตเตอรีแ่ ละชุดควบคุมรวมศูนย์ทแ่ี ผงควบคุมตามทีแ่ สดงไว้ในแบบตัวโคมทําจาก extrude aluminum เพื่อ
ความคงทน แข็งแรง
3.2 ข้อกําหนดทางเทคนิค
ดวงโคมแสงสว่างฉุกเฉิน และ/หรือแผงควบคุมของระบบแสงสว่างฉุกเฉินต้องเป็ นไปตามข้อกําหนดในแบบและ
ข้อกําหนดต่อไปนี้
3.2.1 แบตเตอรี่
แบตเตอรีต่ อ้ งเป็ นแบบ Sealed Lead-Acid หรือเป็ นแบบ Sealed Lead Calcium ทีม่ พี กิ ดั แรงดันไฟฟ้า
กระแสตรง 12 โวลท์
3.2.2 การอัดประจุ
วงจรอัดประจุแบตเตอรี่ (Battery Charging Circuit) ต้องเป็ นวงจรแบบอีเลคโทรนิคชนิดอัดประจุโดยวิธจี าํ กัดกระแส
และแรงดันทีจ่ ุดสูงสุด (Maximum Constant Voltage and Maximum Constant Current Limited Charging Circuit) ที่
สามารถควบคุมให้การอัดประจุเข้าแบตเตอรีเ่ ป็ นไปโดยอัตโนมัตติ ามสภาพของแบตเตอรี กล่าวคือ ต้องเป็ นวงจรที่
สามารถตัดการอัดประจุเข้าแบตเตอรีอ่ อกทันทีเมื่อแบตเตอรีถ่ ูกอัดประจุเต็มขนาดความจุ และต้องเป็ นวงจรทีส่ ามารถรักษา
แบตเตอรีใ่ ห้เต็มขนาดความจุได้ตลอดเวลาทีย่ งั ไม่มกี ารจ่ายโหลด รวมทัง้ ต้องเป็ นวงจรทีส่ ามารถป้องกันการจ่าย
กระแสไฟฟ้าจนเกินพิกดั ของแบตเตอรี่
3.2.3 การทํางาน
ในภาวะปกติแบตเตอรีต่ อ้ งถูกอัดประจุ ให้เต็มขนาดความจุพร้อมทีจ่ ะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่โหลดได้ตลอดเวลา
เมื่อไฟฟ้าปกติเกิดบกพร่องตัวเครื่องจะหน่วงเวลาไว้ราว 1 วินาที (เพื่อป้องกันในกรณีเกิดไฟกระพริบ) แบตเตอรีจ่ งึ จ่าย
กระแสไฟฟ้าให้แก่หลอดไฟทัง้ หมด ถ้าระดับแรงดันของแบตเตอรีท่ จ่ี ่ายให้หลอดไฟลดลงตํ่ากว่า 7.5 โวลท์ จะต้องมีวงจร
ตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าหลอดไฟออกทันที และเมื่อไฟฟ้าปกติกลับคืนสูส่ ภาพทีส่ ามารถใช้งานได้ การจ่ายกระแสไฟฟ้า
ให้แก่หลอดไฟทัง้ หมดของแบตเตอรีต่ อ้ งถูกตัดออก และแบตเตอรีต่ อ้ งถูกอัดประจุให้เต็มขนาดความจุพร้อมทีจ่ ะจ่ายโหลด
ได้อกี การทํางานทัง้ หมดดังกล่าวต้องเป็ นไปโดยอัตโนมัตสิ าํ หรับระบบแสงสว่างฉุกเฉินแบบดวงโคม ทีม่ แี บตเตอรีพ่ ร้อมชุด
ควบคุมอยู่ภายใน ดวงโคมนัน้ ต้องสามารถทดสอบ (Test) ดูการทํางานของระบบและสภาพระดับแรงดันของแบตเตอรีไ่ ด้
โดยปุม่ กด (Test) ทีต่ วั ดวงโคมเองและโดยใช้ Remote Test ชนิดไร้สาย ระบบแสงสว่างฉุกเฉินแบบดวงโคมทีม่ แี บตเตอรี่
และชุดควบคุมอยูภ่ ายในดวงโคม และแบบใช้แผงควบคุมรวมต้องมีวงจรทางด้านเข้าทีส่ ามารถใช้งานได้กบั ระบบไฟฟ้า
แบบ 1 ph 220 โวลท์ 50 เฮิรต์ ซ์
3.2.4 อุปกรณ์ป้องกันและชีบ้ อก
อุปกรณ์ป้องกันและชีบ้ อกสําหรับระบบแสงสว่างฉุกเฉินต้องเป็ นไปตามแบบ และข้อกําหนด ต่อไปนี้ระบบแสงสว่าง
ฉุกเฉินแบบใช้ดวงโคมทีม่ แี บตเตอรี่ พร้อมชุดควบคุมอยูใ่ นดวงโคมเองบนด้านหน้าของดวงโคมอย่างน้อยต้องประกอบด้วย
อุปกรณ์ต่อไปนี้
(1) ฟิวส์ สําหรับป้องกันการลัดวงจรของวงจรไฟฟ้ากระแสสลับทางด้านเข้า
(2) หลอดไฟสําหรับแสดงสภาพของวงจรไฟฟ้ากระแสสลับด้านทางเข้าและหลอดไฟแสดงสภาวะระดับแรงดัน
ของแบตเตอรี่
(3) สวิตซ์แบบปุม่ กดสําหรับทดสอบการทํางานของระบบ และสวิตซ์เปิ ด/ปิ ดวงจรทางด้านออกระบบแสงสว่างฉุกเฉิน
แบบใช้แผงควบคุมรวม อย่างน้อยต้องประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ตามทีร่ ะบุไว้ก่อนหน้านี้และต่อไปนี้
(4) โวลท์มเิ ตอร์สาํ หรับวัดค่าแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่
(5) แอมมิเตอร์สาํ หรับวัดค่ากระแสไฟฟ้าอัดประจุ
(6) ฟิวส์หรือสวิตซ์อตั โนมัติ (Circuit Breaker) สําหรับป้องกันการลัดวงจรของวงจรทางด้านออกหลอดไฟฟ้าหรือดวง
โคม
(7) หลอดไฟสําหรับดวงโคมแบบมีแบตเตอรี่ และชุดควบคุมอยู่ภายในตัวให้ใช้หลอดฮาโลเจน (Halogen Lamp) หรือส
ปอตไลท์ (Spot Light) ขนาด 35 วัตต์ ชนิดกระจายแสงและมีคา่ พิกดั ไฟฟ้าเป็ นไปตามทีแ่ สดงไว้ในแบบ หรือเป็ น
ตามพิกดั แรงดันของแบตเตอรี่ หลอดไฟ และดวงโคมไฟฟ้าสําหรับระบบแสงสว่างฉุกเฉินแบบมีแผงควบคุมรวมให้
เป็ นไปตามทีแ่ สดงไว้ในแบบ
5. ระบบสายอากาศลงดินและลดอันตรายจากฟ้าผ่า
5.1 ข้อกําหนดทัวไป ่
ผูร้ บั จ้างไฟฟ้าต้องเป็ นผูร้ บั ผิดชอบและสายอากาศกับระบบล่อฟ้า ถึงแม้บางส่วนจะให้ผรู้ บั เหมาก่อสร้างรายอื่นดําเนินการก็
ตาม
5.2 ขอบเขต
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาและติดตัง้ อุปกรณ์ของระบบสายอากาศ (CONDUCTOR) สายลงดิน (DOWN, CONDUCTOR) ระบบ
ลากสายดิน (GROUND CONDUCTOR AND GROUND ROD) ตามทีแ่ สดงไว้ในแบบและระบุในข้อกําหนดทุกประการ
5.3 มาตรฐาน
อุปกรณ์และการติดตัง้ ให้เป็ นตาม
5.3.1 มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของไฟฟ้า ของสํานักงานพลังงานแห่งชาติ เรื่องมาตรฐานการติดตัง้
ระบบล่อฟ้า
5.3.2 NATIONAL FIRE PROTECTION ASSOCIATION No.78
5.3.3 มาตรฐาน ว.ส.ท.
6. การติดตัง้
6.1 ความทัวไป
่
6.1.1 วัสดุอุปกรณ์ทงั ้ หมดจะต้องส่งถึงสถานทีต่ ดิ ตัง้ ในสภาพดีเยีย่ ม และติดตัง้ เข้าทีใ่ นตําแหน่งทีแ่ สดงไว้
ในแบบแปลน ผูต้ ดิ ตัง้ จะเป็ นผูป้ ระกอบติดตัง้ ต่อเข้ากับระบบตรวจสอบ และทดสอบการใช้งานตามข้อกําหนดทีจ่ ะกล่าว
ต่อไปนี้ และตามข้อกําหนดของโรงงานผูผ้ ลิตและตามหลักมาตรฐานสากลทางด้านวิศวกรรม
6.1.2 ผูต้ ดิ ตัง้ จะต้องประสานงานกับผูต้ ดิ ตัง้ งานระบบอื่นๆ เพื่อให้งานระบบเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ ผูร้ บั
จ้างจะต้องจัดทํารายละเอียดของแบบแปลน อุปกรณ์ ตําแหน่งของ SLEEVE และอุปกรณ์ยดึ โยงต่างๆ ให้กบั ผูเ้ กีย่ วข้อง
โดยประชุมปรึกษาหารือกับผูเ้ กีย่ วข้องจนเป็ นทีเ่ รียบร้อยแล้ว แต่ทงั ้ นี้ไม่ถอื เป็ นการปลดภาระความรับผิดชอบของผูร้ บั จ้าง
ในการจัดวางตําแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับระบบงานทีเ่ กีย่ วข้อง
6.2 งานระบบไฟฟ้าแสงสว่างและเต้ารับไฟฟ้า
6.2.1 ตําแหน่งของดวงโคมไฟฟ้า เต้ารับไฟฟ้าทีแ่ สดงในแบบเป็ นตําแหน่งโดยประมาณเท่านัน้ ตําแหน่ง
แน่นอนให้ตรวจสอบกับสถาปนิกหรือแบบตกแต่งภายในหรือแบบใช้งานซึง่ ผ่านความเห็นชอบของวิศวกรเป็ นทีเ่ ข้าใจว่า
ตําแหน่งของดวงโคมไฟฟ้า สวิทซ์ไฟฟ้า และเต้ารับไฟฟ้าสามารถเปลีย่ นแปลงได้ตามความเหมาะสม
6.2.2 แผงสวิทซ์ไฟฟ้ากําลังและแสงสว่างจะต้องติดตัง้ ณ ตําแหน่งทีแ่ สดงไว้ในแบบแปลนสูง 2.00 เมตร
1.80เมตร1.50 เมตร จากพืน้ ตามระบุ
6.2.3 สวิทซ์ดวงโคมไฟฟ้า ติดตัง้ สูงจากพืน้ 1.20 เมตร
6.2.4 เต้ารับไฟฟ้า และเต้ารับอื่นๆ ติดตัง้ สูงจากพืน้ 0.30 เมตร
6.3 ท่อร้อยสายไฟฟ้า
6.3.1 ท่อร้อยสายไฟฟ้าจะต้องติดตัง้ ตามทีแ่ สดงไว้ในแบบแปลน ท่อทีฝ่ งั ในพืน้ คอนกรีตใช้ท่อ IMC ส่วนที่
เดินลอย แนบผนัง หรือแนบเพดานให้ใช้ท่อ EMT
6.3.2 ท่อร้อยสายไฟฟ้า จะต้องมีความยาวทีเ่ หมาะสมทีจ่ ะรับกับตูห้ รือกล่องต่อสาย หรือกล่องเอ๊าเลตใน
กรณีทต่ี ่อเข้ากับกล่องต่อสายหรือตู้ CABINET ท่อทุกท่อจะต้องได้ระดับและมีความยาวของปลายท่อเท่ากัน ทีป่ ลายท่อ
จะต้องมีปลักอุ ๊ ดป้องกันการอุดตันของปูนหรือเศษผงต่างๆ สําหรับปลายท่อต่อเข้ากับเครื่องยนต์ไฟฟ้าจะต้องใช้อุปกรณ์ท่ี
เหมาะสมสําหรับแตะละกรณี
6.3.3 ท่อร้อยสายไฟฟ้าทีผ่ ่านการใช้งานแล้ว จะนํามาใช้งานใหม่อกี ไม่ได้
6.3.4 ปลายท่อจะต้องทําการลบคมท่อทุกครัง้ ก่อนการติดตัง้ ท่อทีต่ อ้ งทําเกลียวจะต้องทําเกลียวและทํา
ความสะอาดก่อนทีจ่ ะลบคมท่อ
6.3.5 ท่อจะต้องยึดแน่นกับกล่องต่อสายหรือกล่อง OUTLET ต่างๆ ด้วย LOCK NUT และ BUSHING
ตามข้อกําหนด NEC CODE ท่อเดินลอยจะต้องยึดกับทีใ่ ห้มนคงทุ ั่ กระยะ 2 เมตร และจะต้องยึดบริเวณข้องอปลายท่อทุก
แห่ง การยึดท่อต่อท่อจะต้องทําให้เสร็จเรียบร้อยก่อนทีจ่ ะทําการดึงสาย
6.3.6 ภายในท่อจะต้องสะอาดเรียบร้อยไม่มสี งิ่ สกปรก หากไม่สามารถทําความสะอาดได้จะต้องทําการ
เปลีย่ นท่อเสียใหม่
6.4 การติดตัง้ เคเบิล้ สายไฟ
6.4.1 ก่อนการติดตัง้ สายเคเบิล้ หรือสายไฟจะต้องตรวจสอบและแน่ใจว่างานระบบท่อได้ตดิ ตัง้ เรียบร้อยโดย
ไม่มสี งิ่ กีดขวางใดๆ ทีจ่ ะทําความเสียหายให้กบั สายไฟได้
6.4.2 ในการดึงสาย ห้ามใช้จารบีหรือนํ้ามันหล่อลื่นใดๆ นอกจาก COMPOUND ซึง่ ผลิตสําหรับการดึงสาย
โดยเฉพาะเท่านัน้ การต่อสายจะต้องทําทีก่ ล่องเอ๊าเลตหรือกล่องต่อสายเท่านัน้ โดยใช้ตวั ต่อแบบบีบรัด และพันด้วยฉนวน
มีคุณสมบัตเิ ปรียบเทียบดับฉนวนของสายไฟฟ้า
จบหมวดที่ 65
หมวดที่ 66
หม้อแปลงไฟฟ้ า
1. หม้อแปลงไฟฟ้าชนิดแห้ง
1.1 ความต้องการทัวไป ่
(1) หม้อแปลงไฟฟ้าชนิดแห้งต้องทําและทดสอบตามมาตรฐานฉบับล่าสุดทีเ่ กีย่ วข้องของ IEC Standard และต้องได้รบั
การรับรองโดยสถาบันทีเ่ ชื่อถือได้
(2) หม้อแปลงไฟฟ้าต้องเป็ นชนิดแห้ง สําหรับใช้ภายในอาคารในทีม่ คี วามชืน้ สูงฉนวนชนิด Cast-Resin Under
Vacuum, Insulation Class F or H สําหรับ HV หรือ LV winding.
(3) ผูผ้ ลิตต้องรับประกันคุณภาพของหม้อแปลงไฟฟ้าชนิดแห้งไม่ต่าํ กว่า 5 ปี หากมีการเสียหายผูผ้ ลิตจะต้องทําการ
เปลีย่ นหม้อแปลงไฟฟ้าลูกใหม่ให้ โดยไม่มคี ่าใช้จ่าย
1.2 พิกดั ของหม้อแปลงไฟฟ้าชนิดแห้ง
(1) ขดลวดแรงสูง 24kV หรือ 33KV หรือตามทีร่ ะบุในแบบ (Delta–Connection) 3 เฟส 50 Hz ขดลวดต้องมี off-load
tap changer, หรือ -4x2.5% ตามมาตรฐานของการไฟฟ้านครหลวง โดยมีค่า Dielectric Test Voltage ไม่น้อยกว่า
มาตรฐานทีก่ ารไฟฟ้านครหลวงกําหนด
(2) ขดลวดแรงตํ่า 416/240 โวลต์ 3 เฟส 4 สาย 50 Hz (Y-Connection) ตามมาตรฐานของการไฟฟ้านครหลวง และ
เส้นศูนย์ตอ้ งทนกระแสไฟได้เท่าเส้นเฟส
(3) Vector Group ต้องเป็ นไปตามมาตรฐานทีก่ ารไฟฟ้านครหลวงกําหนด
(4) ขดลวด เป็ นชนิดอลูมเิ นียม หรือทองแดง
(5) ความสูญเสีย (Loss) ความสูญเสียต้องมีค่าตํ่าทัง้ ขณะทีไ่ ม่มโี หลด และขณะมีโหลดเต็มที่ ค่าความสูญเสียรวมต้อง
ไม่เกิน 1% ทีเ่ ต็มพิกดั และ PF = 1
(6) Impedance Voltage ประมาณระหว่าง 5.6 - 8% at rated KVA
(7) หม้อแปลงต้องสามารถรับโหลดเต็มทีต่ ่อเนื่องกันได้ทอ่ี ุณหภูมโิ ดยรอบ 40ºC โดยไม่ตอ้ งใช้พดั ลมเปา่
(8) อุณหภูมทิ เ่ี พิม่ ขึน้ สูงสุดขณะใช้โหลดเต็มทีต่ อ้ งไม่สงู เกิน 100 K (100ºC วัดจากอุณหภูมโิ ดยรอบ 40ºC)
(9) ระดับเสียงรบกวนต้องตํ่าและมีคา่ ไม่เกินกว่าทีก่ าํ หนดไว้ใน NEMA or IEC Standard ให้ระบุค่าด้วยในการเสนอ
ราคา
(10) ขนาดหม้อแปลงทีต่ ดิ ตัง้ ในตูห้ ม้อแปลงตามทีก่ าํ หนดในแบบหรือข้อกําหนดต้องสามารถรับโหลดต่อเนื่อง
เพิม่ ขึน้ ได้อกี 40% ของขนาดมาตรฐาน เมื่อมีการติดตัง้ พัดลมเปา่ หม้อแปลงโดยอัตโนมัตติ ามมาตรฐานของผูผ้ ลิต
1.3 โครงสร้างของหม้อแปลง
(1) ตัวขดลวดหม้อแปลงต้องติดตัง้ บนโครงเหล็กโดยมีชน้ิ ส่วนป้องกันความสันสะเทื ่ อนรองรับ (Vibration Damper) และ
ต้องมีห่วงยกตามทีจ่ าํ เป็ น
(2) ขัว้ ต่อสายแรงสูง ให้เป็ นแบบทําสําหรับต่อกับสายเคเบิล้ แรงสูง ตามมาตรฐานของการไฟฟ้านครหลวง
(3) ขัว้ ต่อสายแรงตํ่า ต้องทําสําหรับใช้ต่อกับบัสบาร์ ขัวต่ ้ อสายศูนย์ตอ้ งทนกระแสไฟฟ้าได้เท่าขัวต่
้ อสายเฟส
(4) ขัว้ ต่อสายดิน ต้องมีให้ทงั ้ ทีโ่ ครงหม้อแปลงและทีต่ วั ถังปิ ดหม้อแปลง
(5) ตัวต่อกลางอ่อน (Flexible connector) ทีข่ วต่ ั ้ อสายแรงสูงและแรงตํ่าทุกอันต้องติดตัง้ ตัวต่อกลางอ่อนทําด้วย
ทองแดง ทนกระแสไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 125% ของกระแสไฟสูงสุดทีร่ ะบุสาํ หรับกรณีใช้พดั ลมเปา่ ให้ต่อระหว่าง
ขัว้ ต่อสายของหม้อแปลงกับบัสบาร์ทต่ี ่อเข้าแผงสวิตช์ เพื่อลดความสันสะเทื ่ อนและรับการขยายตัวของบัสบาร์
(6) ข้างตัวหม้อแปลงต้องมีทว่ี ่างเตรียมไว้ให้พร้อมทีจ่ ะติดตัง้ พัดลมเปา่ หม้อแปลง เพื่อเพิม่ พิกดั ขึน้ ได้
(7) ตัวขดลวดแรงตํ่า ต้องสามารถติดตัง้ อุปกรณ์วดั อุณหภูมิ (Temperature Sensor) เพิม่ ขึน้ ได้ทุกเมื่อ เพื่อวัดอุณหภูมิ
ของขดลวดแรงตํ่า
(8) ตัวหม้อแปลงต้องมีตวั ถังครอบมิดชิดเป็ นแบบนิรภัยรอบด้าน (Safety Deadfront) ชนิด Class IP21, หรือตามที่
กําหนดในแบบ ตัวถังให้ทาํ ในประเทศไทยได้ และได้รบั การรับรองจากโรงงานผูผ้ ลิตหม้อแปลงแหล่งกําเนิด โดยมี
ลักษณะทัวไปดั
่ งนี้คอื เหล็กทีใ่ ช้ทาํ ตัวถัง หนาไม่น้อยกว่า 2 มม. ชิน้ ส่วนทีเ่ ป็ นเหล็กต้องขัดสนิม ล้างสนิ มและไขมัน
ออกด้วยนํ้ายา พ่นสีกนั สนิมชนิด Zinc Phosphate พ่นสีรองพืน้ (Primer) พ่นสีชนั ้ สุดท้ายอย่างน้อยสองชัน้ โดยใช้สี
ชนิด Stoved enamel สีเหมือนตูแ้ ผงสวิตซ์ หรือสีตามทีก่ าํ หนดให้ ระหว่างการพ่นสีแต่ละชัน้ ต้องผ่านการอบด้วย
ความร้อนสูง
1.4 อุปกรณ์ประกอบ
(1) เครื่องกันฟ้า (Lightning or surge arrester) จํานวนสามอัน ติดตัง้ ทางด้านแรงสูง เป็ นแบบทีท่ าํ สําหรับป้องกันหม้อ
แปลงชนิดนี้โดยเฉพาะ ต้องเป็ นเครื่องกันฟ้าทีท่ าํ ตามมาตรฐาน ANSI หรือ IEC ผ่านการทดสอบและรับรอง
คุณภาพโดยสถาบันทีเ่ ชื่อถือได้
(2) เทอร์โมมิเตอร์แบบมีเข็มชี้ (Dial type) สเกลประมาณ 45ºC-200ºC หรือแบบแสดงผลเป็ นตัวเลข (Digital Type)
ั
สําหรับวัดอุณหภูมสิ งู สุดของขดลวดแรงตํ่าทัง้ สามชุด โดยใช้อุปกรณ์วดั อุณหภูมฝิ งในขดลวดทั ง้ สามชุด
(3) ติดตัง้ Thermister สําหรับวัดอุณหภูมทิ ข่ี ดลวดแรงตํ่า ณ จุด HOTEST SPOT ทีข่ ดลวดแรงตํ่าทัง้ 3 ชุด ณ.ระดับ
อุณหภูมติ ่าง ๆ ดังนี้
- ระดับอุณหภูมิ 100ºC ส่งสัญญาณบังคับให้พดั ลมเปา่ หม้อแปลงทํางาน
- ระดับอุณหภูมิ 130ºC ส่งสัญญาณให้สญ ั ญาณอันตรายทํางาน
- ระดับอุณหภูมิ 150ºC ส่งสัญญาณให้อุปกรณ์ป้องกันตัดไฟทัง้ ด้านแรงสูงและแรงตํ่า
(4) พัดลมเปา่ หม้อแปลง
- พัดลมเปา่ หม้อแปลง ต้องประกอบด้วยสวิตซ์ตดั ตอนอัตโนมัติ คอนแทคเตอร์ หลอดไฟสัญญาณ สายไฟหุม้
ฉนวนและเปลือกนอก มอเตอร์ชนิดหุม้ มิดพร้อมพัดลมประกอบกันเป็ นชุด ทําโดยเฉพาะสําหรับใช้กบั หม้อแปลงตาม
ข้อกําหนดนี้สามารถเปา่ ลมได้ปริมาณเพียงพอทีจ่ ะเพิม่ พิกดั หม้อแปลงได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 หรือตามทีร่ ะบุทอ่ี ุณหภูมิ
โดยรอบ 40ºC โดยรายละเอียดของพัดลมเปา่ หม้อแปลงและช่องอากาศเข้าจากตัวถัง จะต้องทําตามคําแนะนําของโรงงาน
ผูผ้ ลิตตัวหม้อแปลง
- พัดลมเปา่ หม้อแปลงต้องเป็ นแบบ CROSS FLOW FAN โดยเปา่ ลมจากใต้ขดลวดหม้อแปลงขึน้ ไปด้านบน
(5) ชุดสัญญาณอันตราย ต้องประกอบด้วยออดหรือกริง่ ไฟฟ้า หลอดไฟสัญญาณ คอนแทคเตอร์ ปุม่ กดดับ
สัญญาณเสียง และมีขวั ้ ต่อสายสําหรับต่อชุดสัญญาณอันตรายระยะไกลไปยังห้องควบคุมกลาง ได้อกี 1 ชุดด้วย
1.5 การติดตัง้ หม้อแปลงไฟฟ้า
(1) โครงของหม้อแปลงไฟฟ้าต้องต่อลงดินทีจ่ ุดทีอ่ ยูใ่ กล้ทส่ี ดุ สายทีใ่ ช้ต่อลงดินให้ใช้ขนาดตามทีก่ าํ หนดในแบบ
(2) พืน้ ทีร่ องรับหม้อแปลงไฟฟ้าต้องมันคงแข็ ่ งแรง ระหว่างหม้อแปลงและพืน้ ทีร่ องรับให้รองด้วยวัสดุทช่ี ่วยลดการ
สันสะเทื
่ อน (Vibration Isolator)
(3) ในการเข้าสาย หรือบัสบาร์ทห่ี ม้อแปลงไฟฟ้า ต้องทําความสะอาดขัว้ ต่อของหม้อแปลงไฟฟ้าก่อน หลังจากต่อสาย
หรือบัสบาร์เข้า/ออกแล้ว ต้องฉาบจุดทีต่ ่อโดยใช้ Lacquer หรือวิธอี ่นื ทีอ่ นุมตั ิ
(4) ก่อนจ่ายไฟเข้าหม้อแปลงไฟฟ้า ต้องทดสอบก่อนว่าค่าทางไฟฟ้าของหม้อแปลงไฟฟ้าถูกต้องตามทีผ่ ผู้ ลิตแนะนํา
หรือแจ้งไว้ ลักษณะการต่อสายเข้าและออกถูกต้องตามความต้องการของข้อกําหนดทางไฟฟ้า ในกรณีของหม้อ
แปลงไฟฟ้าทีก่ ารไฟฟ้าท้องถิน่ จะต้องเป็ นผูต้ รวจอนุมตั ใิ ห้ใช้ ผูร้ บั จ้างต้องเป็ นผูต้ ดิ ต่อประสานงานให้การไฟฟ้า
ท้องถิน่ ตรวจและอนุมตั กิ ่อน จึงจะจ่ายไฟเข้าหม้อแปลงไฟฟ้าได้
(5) เมื่อจ่ายไฟเข้าหม้อแปลงไฟฟ้าแล้ว ผูร้ บั จ้างต้องตรวจและทดสอบว่าแรงดันด้านแรงตํ่ามีค่าตามทีก่ าํ หนด ถ้ายัง
ไม่ได้ตามทีก่ าํ หนดต้องเปลีย่ น Tap เพื่อปรับแรงดันให้ได้ก่อน จึงจะจ่ายไฟไปสูว่ งจรภายนอกได้ นอกจากนี้จะต้อง
ทดสอบระบบควบคุมและระบบสัญญาณอันตรายเตือนตามทีก่ าํ หนดไว้ว่าใช้งานได้
1.6 การทดสอบ
(1) หม้อแปลงต้องผ่านการทดสอบทีโ่ รงงานผูผ้ ลิตตัวหม้อแปลง (มิใช่โรงงานผูป้ ระกอบตัวถัง) ตามทีก่ าํ หนดใน
มาตรฐาน โดยต้องมีหนังสือรับรองผลการทดสอบระบุ SERIAL NUMBER ออกโดยโรงงานดังกล่าว แสดง
รายละเอียดผลการทดสอบ และตรวจพินิจครบถ้วน ให้สง่ หนังสือรับรองดังกล่าว จํานวน 3 ชุด
(2) หม้อแปลงจะต้องผ่านการทดสอบจากสถาบันมาตรฐานตาม IEC 76-5 โดยรวมถึง
- Partial Discharge Measurement
- Noise Level Measurement
- Impulse Test, Heat Run Test และ Ability withstand short circuit (สามารถใช้ Type Test ได้)
(3) เมื่อหม้อแปลงส่งไปถึงสถานทีต่ ดิ ตัง้ แล้ว ผูร้ บั จ้างต้องจัดให้มกี ารทดสอบโดยการไฟฟ้าท้องถิน่ ก่อนจ่ายไฟ ผูร้ บั จ้าง
ต้องเป็ นผูเ้ สียค่าใช้จ่ายในการทดสอบทัง้ สิน้ หากการไฟฟ้าท้องถิน่ ไม่ยอมให้ใช้หม้อแปลงทีส่ ง่ มอบ ผูร้ บั จ้างจะต้อง
นําหม้อแปลงใหม่ทถ่ี ูกต้องมาเปลีย่ นให้ โดยไม่คดิ ค่าใช้จ่ายใดๆ เพิม่ ขึน้ ทัง้ สิน้
(4) ผูว้ ่าจ้างขอสงวนสิทธิในการที
์ จ่ ะขอทดสอบหม้อแปลงตามวิธกี ารทีผ่ วู้ ่าจ้างจะกําหนดให้ภายหลัง เพื่อทดสอบ
หม้อแปลงในรายละเอียดต่างๆของข้อกําหนดรวมทัง้ การทดสอบที่ full load และเกิน full load อีกร้อยละ 40 โดย
ผูร้ บั จ้างจะต้องเป็ นผูร้ บั ผิดชอบค่าใช้จ่ายทัง้ สิน้
(5) ผูร้ บั จ้างต้องส่งหนังสือคู่มอื ในการติดตัง้ การใช้ และการบํารุงรักษา พร้อมทัง้ แบบการติดตัง้ แปลเป็ นภาษาไทย ใช้
หน่วย "เอสไอ" แสดงขนาดมิตโิ ดยละเอียด วงจรการต่อสายและรายการอะไหล่ จํานวนรวม 3 ชุด
2. หม้อแปลงไฟฟ้าชนิดนํ้ามัน
2.1 ความต้องการทัวไป ่
(1) หม้อแปลงไฟฟ้ากําลัง (Power Transformer) ต้องเป็ นชนิดขดลวดจุ่มอยู่ในนํ้ามัน (Oil immersed) สําหรับใช้งาน
ภายนอกอาคาร
(2) หม้อแปลงไฟฟ้าต้องผลิตและทดสอบ ตามมาตรฐานของ TIS, ANIS หรือ IEC ฉบับล่าสุด และต้องเป็ นไปตามกฎ
และระเบียบของการไฟฟ้า
(3) การแสดงพิกดั ต่างๆ ของหม้อแปลงไฟฟ้าจะต้องอ้างอิงทีอ่ ุณหภูมิ 40ºC ความชืน้ สัมพัทธ์ 50%
(4) หม้อแปลงไฟฟ้า ต้องมีคุณสมบัติ และสมรรถนะ ดังนี้
- Rated Primary Voltage : ตามทีก่ าํ หนดในแบบ
- Rated Frequency : 50 H z
- Number of Phase : 3
- Rated Power Output : ตามทีก่ าํ หนดในแบบ
- Vector Group : Dyn 11
- HV. No-Load Tap Changer : - 4x2.5% (MEA)
: + 2x2.5% (PEA)
- Total loss at P F.1 : ไม่เกิน 1.5% ที่ Full load
3. การรับประกัน
3.1 ผูร้ บั จ้างต้องรับประกันว่า หม้อแปลงไฟฟ้าทีจ่ ะนํามาใช้เป็ นของใหม่ทผ่ี ลิตจากโรงงาน และยังไม่เคยติดตัง้ ใช้
งานทีใ่ ด หากไม่ถูกต้องผูร้ บั จ้างจะต้องรับผิดชอบในการเปลีย่ นให้
3.2 ผูร้ บั จ้างต้องรับประกันหม้อแปลงไฟฟ้าทีม่ กี ารเสียหาย เนื่องจากข้อผิดพลาดในการผลิตการขนส่ง และการ
ติดตัง้ โดยต้องรับซ่อมหรือเปลีย่ นใหม่ภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วนั ทีเ่ ริม่ ใช้งานหรือวันรับมอบงานทัง้ ระบบ
3.3 เมื่อครบกําหนดการรับประกัน ผูร้ บั จ้างต้องตรวจ ทําความสะอาด และทําการขันรอยต่อทุกจุด
จบหมวดที่ 66
หมวดที่ 67
เครือ่ งกาเนิ ดไฟฟ้ าสารอง
1. ความต้องการทัวไป ่
1.1 ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาติดตัง้ เครื่องกําเนิดไฟฟ้าสํารอง พร้อมระบบควบคุมอัตโนมัตแิ ละอุปกรณ์ต่างๆ ทีจ่ าํ เป็ น
เพื่อให้เครื่องกําเนิดไฟฟ้าดังกล่าวทํางานโดยสมบูรณ์ตามทีแ่ สดงในแบบและระบุในข้อกําหนดนี้ทุกประการ
1.2 เครื่องกําเนิดไฟฟ้าฉุกเฉินให้กาํ ลังไฟฟ้าเป็ นแบบ Prime (Prime Rating) โดยมีขนาด kVA. ไม่น้อยกว่าที่
แสดงไว้ในแบบทีเ่ พาเวอร์แฟกเตอร์ 0.8 380/220 V. 3 เฟส4 สาย 50 Hz ทีค่ วามเร็วรอบ 1500 รอบ/นาที
1.3 เครื่องยนต์ เครื่องกําเนิดไฟฟ้า และ Radiator ตัง้ อยูบ่ นฐานเดียวกัน ซึง่ ทําด้วยเหล็กประกอบสําเร็จรูปและ
Coupling มาจากโรงงานผูผ้ ลิตและต้องส่ง Test Report ของเครื่องนัน้ ๆ มาให้ผคู้ วบคุมงานพิจารณาด้วย
1.4 แผงควบคุมชุดเครื่องกําเนิดไฟฟ้า ต้องเป็ นแผงควบคุมทีป่ ระกอบสําเร็จรูป โดยบริษทั ผูผ้ ลิตชุดเครื่องกําเนิด
ไฟฟ้า
1.5 ผูร้ บั จ้างต้องจัดทําการทดสอบด้วยโหลดเทียมทีส่ ถานทีต่ ดิ ตัง้ หรือทีโ่ รงงานผูจ้ ดั จําหน่ายตามรายการ
ทดสอบระบบ
2. เครือ่ งยนต์
2.1 เป็ นเครื่องยนต์ทใ่ี ช้น้ํามันดีเซลเป็ นเชือ้ เพลิงชนิดสีจ่ งั หวะ ทํางานทีพ่ กิ ดั ความเร็ว 1,500 รอบต่อนาที ขนาด
กําลังของเครื่องยนต์จะต้องเป็ นขนาดทีเ่ หมาะสมกับขนาดพิกดั ของ Generator เป็ นเครื่องยนต์ชนิด Low Emissions ได้
มาตรฐานเทียบเท่า TA-Luft หรือ TIER-I
2.2 ระบบควบคุมความเร็วรอบใช้ Solid State Synchronous Governor เพื่อให้ความถีข่ องกระแสไฟฟ้าทีจ่ ่าย
ออกอยู่ระหว่าง 50 Hz 0.25%
2.3 ระบบจ่ายนํ้ามันเชือ้ เพลิงเป็ น แบบ Direct Injection นํ้ามันเชือ้ เพลิงก่อนเข้า Fuel injector ต้องผ่านเครื่อง
กรองนํ้ามันชนิดทีส่ ามารถเปลีย่ นไส้ได้ซง่ึ ติดตัง้ ในตําแหน่งทีส่ ามารถเข้าบํารุงรักษาได้สะดวก
2.4 ระบบนํ้ามันหล่อลื่นเป็ นแบบ Gear type lubricating oil pump
2.5 ไส้กรองของนํ้ามันหล่อลื่นใช้แบบ Double หรือ Triple Paper Element และมีเครื่องกรองนํ้ามันพร้อม
Bypass Valve ซึง่ ทํางานด้วยสปริงเพื่อให้น้ํามันสามารถไหลผ่านได้ในกรณีทไ่ี ส้กรองอุดตัน
2.6 การระบายความร้อน จะต้องมีระบบระบายความร้อนซึง่ จัดมาพร้อมเสร็จกับเครื่องยนต์โดยมีขนาดพอทีจ่ ะไม่
ทําให้เครื่องยนต์รอ้ นเกินกําหนดในขณะทํางาน เป็ นแบบระบบปิ ดประกอบด้วยปมนํ ั ๊ ้าซึง่ รับแรงขับจากเครื่องยนต์ในกรณีท่ี
ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยนํ้า หม้อนํ้าและพัดลมอาจจะเป็ นแบบทีต่ ดิ อยู่กบั เครื่องหรือติดตัง้ แยกกันก็ได้ ซึง่ ขึน้ อยู่กบั
สภาพและสถานทีต่ ดิ ตัง้ ซึง่ ถ้าติดตัง้ แยกกันแล้วจะต้องจัดหาเครื่องสูบนํ้าทีม่ ขี นาดเพียงพอทีจ่ ะระบายความร้อนสําหรับ
เครื่องยนต์นนั ้ ๆ ด้วยโดยค่าใช้จา่ ยอยู่ในส่วนรับผิดชอบของผูร้ บั จ้างทัง้ สิน้ ระบบจ่ายนํ้าสําหรับระบายความร้อนต้องอิสระ
และให้ผเู้ สนอเครื่องยนต์กาํ หนดหรือแนะนํานํ้ายาทีใ่ ช้เติมในนํ้าระบายความร้อนเพื่อป้องกันการผุกร่อนมาด้วย
2.7 ระบบกรองอากาศใช้เครื่องกรองอากาศชนิดแห้ง (Dry type air filter paper element)
2.8 ระบบระบายความร้อนใช้ Radiator with fan guards รับแรงขับจากเครื่องยนต์ผ่านสายพาน ปริมาณ Air
Flow และ Air Flow Restriction ต้องเพียงพอกับสภาพการติดตัง้ ตามแบบ
2.9 สตาร์ทเครื่องยนต์ดว้ ย 24 VDC Starting Motor โดยใช้กระแสไฟฟ้าจาก Lead-Acid Battery ซึง่ มีความจุ
ไฟฟ้าพอทีจ่ ะสตาร์ทเครื่องยนต์ตดิ ต่อกันได้อย่างน้อย 4 ครัง้ พร้อมกันนัน้ ยังสามารถใช้ได้กบั ระบบอัตโนมัติ ระบบควบคุม
ระบบเตือนหรือระบบอื่นๆ ทีจ่ าํ เป็ นอย่างเพียงพอ
2.10 การประจุแบตเตอรีต่ อ้ งเป็ นระบบ Solid State ซึง่ จะประจุไฟโดยอัตโนมัตดิ ว้ ยแรงดันคงทีส่ ามารถประจุให้
แบตเตอรีเ่ ต็มโดยเร็วตามสมควรแต่ไม่เกิน 12 ชัวโมง่ และจะต้องมีไฟสัญญาณแสดงภาวะ การทํางานของเครื่องประจุ
แบตเตอรี่
2.11 ระบบไอเสียให้มอี ุปกรณ์ระงับเสียง (Exhaust Silencer) ชนิด Residential หรือดีกว่าและท่ออ่อน (Flexible
Exhaust Pipe) เพื่อลดเสียงดังลงมา การติดตัง้ ท่อไอเสียจะต้องยึดด้วย Vibration Absorber ชนิดสปริงและจะต้องไม่เกิด
ความเสียหายเนื่องจากความร้อนทีเ่ กิดขึน้ โดยท่อไอเสียให้ใช้เหล็กดํา Schedule 40 หรือดีกว่า และติดตัง้ Flexible
Exhaust Pipe ความยาวท่อไม่น้อยกว่า 60 ซม. ท่อไอเสียทีเ่ ดินภายในอาคารจะต้องหุม้ ด้วยฉนวนความร้อน (Calcium
Silicate) และแผ่นอลูมเิ นียมความหนาไม่น้อยกว่า 0.6 มม. อีกชัน้ หนึ่ง
2.12 จัดให้มรี ะบบป้องกันเสียง (Sound Attenuator with Aluminium Grill Fixed Type) ทีบ่ ริเวณช่องลมเข้าและ
ช่องระบายลมหน้าหม้อนํ้าทีต่ ําแหน่งห้องเครื่องกําเนิดไฟฟ้า
2.13 แผงควบคุมเครื่องยนต์ตอ้ งมีอุปกรณ์และเครื่องวัดทีอ่ ่านค่าแบบดิจติ อนได้อย่างน้อยดังนี้
(1) โวลท์มเิ ตอร์ และแอมป์มเิ ตอร์
(2) เครื่องวัดอุณหภูมนิ ้ําหล่อเย็น
(3) เครื่องวัดอุณหภูมแิ ละเครื่องวัดความดันของนํ้ามันหล่อลื่น
(4) เครื่องวัดความเร็วรอบของเครื่องยนต์
(5) Over speed and Under speed
(6) นาฬิกาจับเวลาการทํางานของเครื่องยนต์
(7) สัญญาณแจ้งเตือนการทํางานผิดพลาดพร้อมสัญญาณเสียง และหน้าสัมผัส (Normally Open
Contact)
(8) ปุม่ ทดสอบสัญญาณแสง
(9) สวิตช์ Auto – Off –Manual สําหรับระบบสังสตาร์่ ทเครื่องยนต์
(10) Emergency Stop Switch และ Key switch
2.14 แผงควบคุมเครื่องยนต์ จะต้องมีไฟเตือนทีแ่ ผงควบคุมหรือทําให้เกิดเสียงเตือนหรือเพื่อดับเครื่องยนต์ใน
กรณีทเ่ี ครื่องยนต์ทาํ งานผิดปกติอย่างน้อยดังนี้
(1) แรงดันนํ้ามันเครื่องตํ่า
(2) อุณหภูมขิ องนํ้าระบายความร้อนสูงเกิน หรือปริมาณนํ้าระบายความร้อนน้อยกว่าปกติ หรือสายพานพัดลมระบาย
ความร้อนขาด
(3) อุณหภูมนิ ้ํามันหล่อลื่นสูงกว่าปกติ
(4) ความเร็วสูงผิดปกติ
(5) ระดับนํ้ามันเชือ้ เพลิงตํ่ากว่าทีก่ าํ หนด
(6) เครื่องยนต์เกิด Overcrank
2.15 ฐานเครื่องและส่วนทีย่ ดึ กับอาคาร ต้องมีฐานเป็ นโครงเหล็กและมีทร่ี องป้องกันการสันสะเทื
่ อนเป็ นแบบสปริง
หรือดีกว่า
3. ชุดเครือ่ งจ่ายไฟฟ้ า
3.1 ต้องมีพกิ ดั กําลังตามทีร่ ะบุ เป็ นเครื่องจ่ายไฟระบบ 380/220 V. 3 เฟส 4 สาย 50 Hz PF = 0.8 เป็ นแบบ 4
POLE เป็ นแบบ Brushless Rotating Diode, Full Wave Rectifier ต่อโดยตรงเข้ากับเครื่องยนต์ตน้ กําลังโดยผ่าน Flexible
Coupling และต้องติดตัง้ บนฐานเหล็กอันเดียวกัน
3.2 ฉนวนของขดลวดทัง้ Rotor และ Stator ให้มคี วามทนทานต่อ Temperature Rise ตาม NEMA ,IEC,ISO
8528 Standard Class F หรือดีกว่า
3.3 Excitation System เป็ นแบบ Self Excited (กระตุน้ ด้วยตัวเองโดยไม่ตอ้ งใช้แหล่งจ่ายไฟฟ้าจากภายนอก )
3.4 เครื่องจ่ายไฟต้องมี Protective Thermister Relay เพื่อหยุดการทํางานของเครื่องกรณีความร้อนในขดลวด
สูงเกินปกติ
3.5 การควบคุมแรงดันไฟฟ้าต้องใช้ Solid State Automatic Voltage Regulator ซึง่ สามารถควบคุม
แรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในเกณฑ์ดงั นี้
(1) Voltage Regulation ไม่เกิน 1% ของ Rated Voltage จาก no load ถึง full load
(2) Voltage Stability ไม่เกิน 0.5% ของ Rated Voltage ที่ steady state
(3) Voltage Dip ไม่เกิน 20% ของ Rated Voltage เมื่อมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าทันที 90% ของ rated load และ
recovery time ไม่เกิน 3 วินาที
(4) มี Rheostat สําหรับปรับแรงดันไฟฟ้าได้ 5% ของ Rated voltage
(5) สามารถรับ Automatic Thyristor Load ได้ไม่ต่ํากว่า 70% ของ Output Rating และมี Distortion ของ Waveform
น้อยทีส่ ดุ ทีย่ อมรับได้
4. ระบบควบคุม
ระบบควบคุมจะทําหน้าทีค่ วบคุมการทํางานของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าดังนี้
4.1 ควบคุมการสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อได้รบั สัญญาณจาก Automatic Transfer Switch หรือ ระบบ Fire Alarm
หรือ Manual Start ระบบควบคุมจะส่งสัญญาณให้เครื่องยนต์สตาร์ทหากเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ตดิ ในครัง้ แรก ระบบ
ควบคุมจะส่งสัญญาณให้เครื่องยนต์ สตาร์ทใหม่ตดิ ต่อกันได้อกี 2 ครัง้ เมื่อสตาร์ทครบ 3 ครัง้ แล้ว เครื่องยนต์ยงั ไม่ตดิ
เครื่องยนต์จะหยุดทํางานและส่งสัญญาณ over-crank ให้ทราบ เครื่องยนต์จะสตาร์ทใหม่ได้เมื่อได้รบั การแก้ไขเหตุขดั ข้อง
และ reset เสียก่อน
4.2 หยุดการทํางานของเครื่องยนต์เมื่อเกิด High Coolant Temperature, Low Oil Pressure หรือ Over Speed
พร้อมทัง้ ส่งสัญญาณแจ้งให้ทราบ
4.3 ควบคุมการทํางานของระบบเพือ่ ให้ได้ Frequency Regulation, Voltage Regulation, Voltage Stability
ตามทีไ่ ด้กาํ หนดไว้ขา้ งต้น
4.4 ควบคุมให้เครื่องยนต์เดินต่ออีก 5 นาที (ปรับได้ตงั ้ แต่ 5-10 นาที) ในช่วง Cool Down Period หลังจากที่
Transfer Switch ได้สบั เปลีย่ น Load ไปรับกระแสไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟปกติ
4.5 ตรวจสอบการทํางานของระบบต่างๆ พร้อมทัง้ มีสญ ั ญาณเตือนเมื่อระบบชํารุด เช่น ระบบประจุแบตเตอรีไ่ ม่
ทํางาน อุปกรณ์สาํ หรับสตาร์ทขัดข้อง เป็ นต้น โดยสัญญาณเตือนเหล่านี้จะต้องมีทงั ้ สัญญาณเสียงและสัญญาณไฟ
4.6 แผงควบคุม Generator เป็ นแบบดิจติ อลแสดงค่าเป็ นตัวเลขและตัวอักษร โดยทีส่ ามารถแสดงเป็ นตัวอักษร
ภาษาไทยได้ และมี EVENT LOG ได้ถงึ 250 ค่าและได้รบั มาตรฐาน ISO 9001และ UL ต้องประกอบด้วย
อุปกรณ์อย่างน้อยดังต่อไปนี้
(1) AC แอมมิเตอร์วดั กระแสได้ 3 เฟส
5. ถังน้ามันเชื้อเพลิ งและท่อน้ามันเชื้อเพลิ ง
5.1 ถังนํ้ามันจะต้องมีปริมาตรเพียงพอ ทีจ่ ะบรรจุน้ํามันเชือ้ เพลิงสําหรับเดินเครื่องกําเนิดไฟฟ้าสํารองได้ไม่น้อย
กว่า 12 ชัวโมง
่ ที่ full load
5.2 ถังนํ้ามันจะต้องทําด้วยเหล็กหนาไม่น้อยกว่า 3 มม. ทาสีรองพืน้ ด้วยสีกนั สนิม 2 ชัน้ และทาสีทบั ด้วยสี
Epoxy ทัง้ ด้านในและด้านนอก
5.3 ถังนํ้ามันจะต้องมีอุปกรณ์สาํ หรับตรวจระดับนํ้ามันในถังได้สะดวก กรณีทอ่ี ุปกรณ์ตรวจสอบระดับนํ้ามันเป็ น
แบบ Sight Tube ต้องมี Protective Guard และ วาล์วสําหรับเปิดหรือปิ ดนํ้ามันทีเ่ ข้าในท่อ และจะต้องมีอุปกรณ์เตือนใน
กรณีทร่ี ะดับของนํ้ามันตํ่ากว่าระดับทีก่ าํ หนด
5.4 ระดับของท่อนํ้ามันทีจ่ ่ายออกจากถังต้องอยู่สงู กว่าระดับปลายท่อทีเ่ ติมนํ้ามันเข้าถัง
5.5 จัดให้มที ่อระบายอากาศขนาดไม่เล็กกว่า 30 มม. ปลายท่อระบายอากาศต้องสูงกว่าตําแหน่งบนสุดของถังไม่
น้อยกว่า 150 มม. ปลายท่อทําเป็ น U-Bend และมีตระแกรงลวดปิ ด
5.6 ก่อนทําการทาสีถงั ต้องทํา Hydrostatic Test โดยเติมนํ้าเต็มถังและต่อปลายท่อสูงเกินระดับถัง 1 เมตร ทํา
การทดสอบไม่น้อยกว่า 24 ชัวโมง ่
5.7 ท่อนํ้ามันเชือ้ เพลิง ใช้ท่อเหล็กดํา ด้านนอกทาสีกนั สนิม
5.8 ส่วนของถังนํ้ามันเชือ้ เพลิงทีเ่ ป็นโลหะจะต้องต่อลงดิน
5.8.1 ติดตัง้ ท่อนํ้ามันจากถังนํ้ามันไปทีเ่ ครื่องกําเนิดไฟฟ้าและ ติดตัง้ มอเตอร์ปมนํ
ั ้ ้ามันและ ปมแบบมื
ั้ อ
หมุนสําหรับเติมนํ้ามันเข้าถังพร้อมชุดควบคุมระบบป้องกันอาร์คทีต่ ู้ ATS ติดตัง้ ระบบป้องกันอาร์ค
(Arc Guard System) ภายในตู้ ATS เพื่อป้องกันความเสียหายเมื่อเกิดอาร์ค ผลิตตามมาตรฐาน
IEC 61508 และ IEC 62061 โดยจะต้องมีความสามารถ ในการสังทริ ่ ป ATS ทัง้ สองด้าน หรือ
Circuit Breaker (ด้าน Main) โดยทันทีทนั ใด ภายในเวลาไม่เกิน 0.1 วินาที มีเซนเซอร์จบั อาร์ค
(Lens) และเป็ นสายชนิดแก้วนําแสง (Fiber Optic Cable) เพื่อหลีกเลีย่ งการรบกวนจาก
สนามแม่เหล็กติดตัง้ อุปกรณ์ป้องกันเสิรจ์ (Surge Protective Device) Type I) สําหรับป้องกันระบบ
ไฟฟ้ากําลัง (Power Supply) ของตูเ้ มนแผงสวิทซ์ไฟฟ้าแรงตํ่า (ATS) โดยเป็ นผลิตภัณฑ์เดียวกันกับ
Circuit Breaker มีคุณสมบัตดิ งั ต่อไปนี้
Max. Continuous ac voltage UC 255 V
Impulse current Limp (10/350µs) Iimp 25 kA / Pole
Voltage protection level Up ≤ 2.5 kV
Follow current extinguishing capability a.c. I fi 50 kArms
7. การทดสอบ
ผูร้ บั จ้างต้องทดสอบเครื่องกําเนิดไฟฟ้าฉุกเฉินก่อนส่งมอบงานดังนี้
7.1 ทดสอบเดินเครื่องในลักษณะ Step Load Test
7.2 ทดสอบเดินเครื่องเต็มพิกดั โหลดติดต่อกันเป็ นเวลา 2 ชัวโมง ่ ทําการวัดค่าของกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้า
เพาเวอร์แฟกเตอร์ ความเร็วรอบ ปริมาณเชือ้ เพลิงทีใ่ ช้ในทุกครึง่ ชัวโมง
่ และเปรียบเทียบกับข้อกําหนดจากโรงงานผูผ้ ลิต
7.3 ทดสอบการเดินเครื่อง Overload 10% เป็ นเวลา 1 ชัวโมง ่
7.4 ทดสอบการทํางานของออโตเมติคทรานสเฟอร์สวิทซ์ทุกขัน้ ตอนและทดสอบ Weekly Exercise
7.5 ทําการวัดระบบการต่อลงดินของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า
7.6 Alarm Trouble Test
8. การบริการและการรับประกัน
8.1 ผูร้ บั จ้างต้องรับประกันความเสียหายทีเ่ กิดกับเครื่องกําเนิดไฟฟ้า เป็ นระยะเวลา 1 ปี ในกรณีทเ่ี กิดความ
บกพร่องจากการประกอบหรือของชิน้ ส่วน ผูร้ บั จ้างต้องนําชิน้ ส่วนมาเปลีย่ นหรือซ่อมแซมให้ใช้งานได้ตลอดระยะเวลา
รับประกัน
8.2 บริษทั ผูจ้ าํ หน่ายเครื่องกําเนิดไฟฟ้า ต้องเป็ นผูแ้ ทนจําหน่ายทีไ่ ด้รบั การแต่งตัง้ ในประเทศไทย มีช่างบริการ
ของบริษทั เองทีส่ ามารถจะตรวจเช็คการทํางานของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าทุกระยะ 3 เดือน นับจากวันส่งมอบงานเป็ น
ระยะเวลา 1 ปี และบริษทั ผูจ้ าํ หน่ายต้องเปิ ดหลักสูตรอบรมช่างผูด้ แู ลเครื่องกําเนิดไฟฟ้าให้สามารถใช้และบํารุงรักษาเครื่อง
กําเนิดไฟฟ้า
8.2.1 บริษทั ทีเ่ สนอราคาต้องแนบผลงานติดตัง้ พร้อมสัญญาซือ้ ขายกับหน่วยงานภาครัฐหรือบริษทั
มหาชนทีม่ าจาก
รัฐวิสาหกิจทีม่ มี ลู ค่างานไม่น้อยกว่ามูลค่าทีเ่ สนอราคา
8.3 การฝึกอบรม ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดส่งผูเ้ ชีย่ วชาญมาฝึกอบรมช่างเทคนิคและผูเ้ กีย่ วข้อง ให้สามารถใช้และ
บํารุงรักษาเครื่องได้อย่างถูกต้อง
8.4 ผูร้ บั จ้างต้องจัดหนังสือคู่มอื การบํารุงรักษาเครื่อง ให้แก่ผวู้ ่าจ้างเป็ นภาษาไทยอย่างน้อย 2 ชุด
8.5 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดเตรียมอะไหล่ ในวันส่งมอบงานให้ผวู้ ่าจ้างเก็บไว้ดงั นี้
(1) 2 ชุด ไส้กรองอากาศ ต่อหนึ่งเครื่องกําเนิดไฟฟ้า
(2) 2 ชุด ไส้กรองนํ้ามันเครื่อง ต่อหนึ่งเครือ่ งกําเนิดไฟฟ้า
(3) 2 ชุด ไส้กรองบายพาส ต่อหนึ่งเครื่องกําเนิดไฟฟ้า
(4) 2 ชุด ไส้กรองกรองนํ้ามันเชือ้ เพลิงต่อหนึ่งเครื่องกําเนิดไฟฟ้า
(5) 2 ชุด Corrosion Resistor ต่อหนึ่งเครือ่ งกําเนิดไฟฟ้า
จบหมวดที่ 67
หมวดที่ 68
ตู้สวิ ตซ์อตั โนมัติเมน (MDB)
18. สายไฟฟ้ า
18.1 สายไฟฟ้าทัง้ หมดให้ใช้สายทองแดงหุม้ ฉนวนทีไ่ ด้รบั อนุญาตแสดงเครื่องหมาย มอก.11-2553
18.2 การเลือกใช้สายไฟฟ้า
(1) เครื่องหมายประจําสายไฟฟ้าให้ใช้สขี องฉนวนสายไฟฟ้าหรือผ้าเทปสีมว้ นสายหรืออักษรกํากับสายดังนี้
- สายดิน : G สีเขียวหรือสีเขียวแถบเหลือง
- สายศูนย์ : N สีฟ้า
- สายเฟส A : R สีน้ําตาล
- สายเฟส B : Y สีดาํ
- สายเฟส C : B สีเทา
(2) ชนิดของสายไฟฟ้าหากมิได้กาํ หนดไว้เป็ นอย่างอื่นให้ใช้ดงั นี้
- วงจรไฟฟ้าระบบ 1 เฟสให้ใช้สายไฟฟ้าแรงดัน 300 V
- วงจรไฟฟ้าระบบ 3 เฟสให้ใช้สายไฟฟ้าแรงดัน 750 V
- สายไฟฟ้าเดินลอยให้ใช้ TYPE - B (VAF)
- สายไฟฟ้าเดินลอยสําหรับเต้ารับให้ใช้ TYPE B - G (VAF-GROUND)
- สายไฟฟ้าร้อยท่อในรางเดินสายให้ใช้ TYPE - A (THW)
- สายไฟฟ้าใต้ดนิ ร้อยท่อหรือฝงั ดินโดยตรงให้ใช้ TYPE-CS หรือTYPE - D (NYY)
(3) ขนาดของสายไฟฟ้าหากมิได้กาํ หนดไว้เป็ นอย่างอื่นให้ใช้ขนาดไม่ต่าํ กว่าทีก่ าํ หนดดังต่อไปนี้
- สายวงจรย่อย 2.5 ตารางมิลลิเมตร
- สายวงจรย่อย 4 ตารางมิลลิเมตร
- สายวงจรย่อย 6 ตารางมิลลิเมตร
ในกรณีรอ้ ยท่อสายแยกจากวงจรย่อยเข้าเต้ารับดวงโคมไฟฟ้าและพัดลมให้ใช้สายไฟฟ้าขนาด 2.5 ตารางมิลลิเมตร TYPE -
A ในกรณีเดินสายลอยสายแยกจากวงจรย่อยเข้าเต้ารับดวงโคมไฟฟ้าและพัดลมให้ใช้สายไฟฟ้าขนาด 1.5 ตารางมิลลิเมตร
TYPE – B
18.3 การเดินสาย
(1) การร้อยสายในท่อต้องทําหลังจากการติดตัง้ ท่อหรือรางเดินสายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
(2) การตัดต่อสายต้องทําในกล่องต่อสายกล่องสวิตซ์กล่องเต้ารับกล่องดวงโคมหรือรางเดินสายเท่านัน้ ตําแหน่ง
ทีท่ าํ การตัดต่อสายต้องอยูใ่ นตําแหน่งทีส่ ามารถทําการตรวจสอบหรือซ่อมบํารุงได้โดยง่าย
22. การต่อลงดิ น
22.1 ชิน้ ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าทีเ่ ป็ นโลหะซึง่ ไม่ใช่เป็ นทางเดินของกระแสไฟฟ้าและอยู่สงู จากระดับพืน้ อาคารแต่ละ
ชัน้ ตํ่ากว่า 2.50 เมตรซึง่ คนสัมผัสได้ต้องต่อลงดินทัง้ หมดยกเว้นชิน้ ส่วนโลหะดังกล่าวอยู่ในตําแหน่งทีส่ มั ผัสไม่ถงึ
จบหมวดที่ 68
หมวดที่ 69
ระบบป้ องกันฟ้ าผ่า
1. กฎข้อบังคับ
ถ้าไม่ได้มกี าํ หนดไว้ในแบบหรือทีห่ นึ่งทีใ่ ด วัสดุอุปกรณ์และการติดตัง้ ระบบป้องกันฟ้าผ่าต้องเป็นไปตามกฎ
ข้อบังคับของมาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่ง ต่อไปนี้ให้ เป็ นไปตามมาตรฐานอ้างอิงต่อไปนี้ ประกาศ
กระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยเกีย่ วกับ ไฟฟ้า หมวด 7 การติดตัง้ สายล่อฟ้า มาตรฐานเพื่อความ
ปลอดภัยทางไฟฟ้า สํานักงานพลังงานแห่งชาติ TEST 12 - 1980 มาตรฐานระบบป้องกันฟ้าผ่า สําหรับอาคารและ
สิง่ ปลูกสร้างประกอบอาคาร National Fire Protection Assocciation No.78
2. ขอบเขต
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหา และติดตัง้ ระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าชนิด EARLY STREAMER EMISSION
SYSTEM รัศมีมกี ารป้องกันไม่น้อยกว่าระบุในแบบ ระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าต้องสามารถรับประจุทเ่ี กิดจาก
ฟ้าผ่า แล้วนําสูพ่ น้ื ดินอย่างรวดเร็ว และจะต้องไม่ใช้แหล่งจ่ายไฟใด ๆ เกิดจากภายนอกทัง้ สิน้ ผลิตภัณฑ์ตอ้ งเป็ นไป
ตามมาตรฐาน FRENCH STANDARD NFC 17 102 โดย หัวล่อฟ้า (AIR TERMINAL) เป็ นชนิดทีส่ ามารถเก็บ
พลังงานจากแสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน และมีอุปกรณ์สะสมพลังงานไว้ใช้ได้ตลอดเวลาอยู่ภายในและจะปล่อย
พลังงานทีส่ ะสมออกมาในรูปประจุ เพื่อล่อและนํากระแสไฟฟ้าผ่านลงดิน
4. ส่วนประกอบสาคัญและคุณสมบัติ
3.1 หัวล่อฟ้า (AIR TERMINAL) เป็ นชนิดทีส่ ามารถเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน และมี
อุปกรณ์สะสมพลังงานไว้ใช้ได้ตลอดเวลาอยู่ภายใน และจะปล่อยพลังงานทีส่ ะสมออกมาในรูปประจุ เพื่อล่อ
และนําลําฟ้าผ่าลงดินต้องมีแหล่งเก็บสะสมพลังงานไม่น้อยกว่า 2 แหล่ง
6 2 4 7 12 19 29 - - - -
10 1 3 4 7 12 19 32 - - -
16 1 1 3 5 9 14 23 36 - -
25 1 1 1 3 5 9 15 23 29 -
35 - 1 1 3 4 7 12 19 24 30
50 - - 1 1 3 5 9 14 17 21 34
70 - - 1 1 2 4 7 10 13 16 26 37
95 - - - 1 1 3 5 7 10 12 19 27
120 - - - 1 1 2 4 6 8 10 16 23
150 - - - - 1 1 3 5 7 8 13 19
185 - - - - 1 1 2 4 5 6 10 15
240 - - - - - 1 1 3 4 5 8 12
300 - - - - - 1 1 2 3 4 6 10
400 - - - - - 1 1 1 2 3 5 8
500 - - - - - 1 1 1 2 2 4 6
ตารางที่ 4 จานวนสูงสุดของสายไฟฟ้ า ขนาดเดียวกันในท่อร้อยสาย
จานวนสูงสุดของสายไฟฟ้ า ขนาดเดียวกัน มอก.11-2553 ตารางที่ 6 ที่ใช้ในท่อร้อยโลหะตาม มอก.770-2533
ขนาดระบุของท่อ
ขนาด
มิ ลลิ เมตร (นิ้ ว)
สายไฟ
(ตาราง 15 20 25 32 40 50 65 80 90 100 125 150
มิ ลลิ เมตร) (1/2) (3/4) (1) (1 1/4) (1 1/2) (2) (2 1/2) (3) (3 1/2) (4) (5) (6)
1 1 1 3 5 8 12 21 33 - - - -
1.5 1 1 2 4 7 11 19 30 - - - -
2.5 1 1 2 4 7 10 17 26 33 - - -
4 1 1 1 3 6 9 15 23 29 36 - -
6 - 1 1 3 5 8 13 21 26 33 - -
10 - 1 1 2 4 6 11 17 22 27 - -
16 - 1 1 1 3 5 10 15 19 23 36 -
25 - 1 1 1 3 4 8 12 15 19 29 -
35 - - 1 1 1 3 6 10 12 15 24 35
50 - - 1 1 1 3 5 8 11 13 21 31
70 - - - 1 1 2 4 7 8 11 17 24
95 - - - 1 1 1 3 5 7 8 13 19
120 - - - 1 1 1 3 4 6 7 11 17
150 - - - - 1 1 1 3 4 5 9 13
185 - - - - 1 1 1 3 4 5 7 11
240 - - - - - 1 1 2 3 4 6 9
300 - - - - - 1 1 1 2 3 5 7
400 - - - - - - 1 1 1 2 4 6
500 - - - - - - 1 1 1 1 3 4
จบหมวดที่ 69
หมวดที่ 70
ระบบผลิ ตไฟฟ้ าด้วยเซลล์แสงอาทิ ตย์
2. วัตถุประสงค์
ต้องการก่อสร้างพร้อมติดตัง้ ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์และติดตัง้ ระบบไฟฟ้าภายในอาคาร
สํานักงาน ขนาดกําลังไฟฟ้าสูงสุดไม่น้อยกว่า 2,000 Wp.(วัตต์) เพื่อผลิตไฟฟ้าสําหรับสนับสนุน กิจกรรมการในอาคาร
3. เป้ าหมาย
ผูร้ บั จ้างจะต้องดําเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย ดังต่อไปนี้
ดําเนินการก่อสร้างพร้อมติดตัง้ ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาดไม่น้อยกว่า 2,000 Wp.วัตต์
จํานวน 1 ระบบ ซึง่ มีไดอะแกรมลักษณะของระบบฯ ดังแสดงในรูปที่ 1 และติดตัง้ พร้อมเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าภายในอาคาร
สํานักงาน และอื่นๆ โดยใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงเพื่อการประหยัดพลังงานให้กบั อาคาร
DC
SSW
MCCB.
PV CC. INV.
MLC
Note;
BATT.
PV = Photovoltaic array
SSW. = Safety switch Etc.
CC. = Charger& controller
BATT = Battery bank
INV. = Stand alone inverter BLD.2
MCCB = Molded case circuit breaker
MLC = Main load center BLD.1
BLD1,2 = Building 1 , 2
รายละเอียดคุณสมบัติวสั ดุ
1. รายละเอียดเฉพาะของอุปกรณ์ระบบผลิ ตไฟฟ้ าด้วยเซลล์แสงอาทิ ตย์ มีรายละเอียดดังนี้
1.1 แผงเซลล์แสงอาทิ ตย์ จานวน 1 ชุด ต่อระบบ มีขนาดกําลังไฟฟ้าสูงสุดไม่น้อยกว่า 3,000 Wp. ต่อ
ระบบ มีรายละเอียด ดังนี้
1. แผงเซลล์แสงอาทิตย์ทุกแผง ต้องมีเครื่องหมายการค้า รุ่น และค่าพิกดั กําลังไฟฟ้าสูงสุดทีเ่ หมือนกัน
และขนาดกําลังไฟฟ้าสูงสุดของแผงเซลล์ฯ ต่อระบบ หลังจากการทดสอบรวมกันต้องมีขนาด
กําลังไฟฟ้าสูงสุดไม่น้อยกว่า 2,000 Wp.
2. คุณสมบัตทิ างไฟฟ้าทีส่ ภาวะ Standard Test Condition (STC.) ค่าแรงดันไฟฟ้าวงจรเปิ ด Voc. ของ
แผงเซลล์ฯ ไม่น้อยกว่า 20 V.แรงดันไฟฟ้าทีก่ าํ ลังไฟฟ้าสูงสุด Vmp.ไม่น้อยกว่า 17.0 V.
3. Maximum system voltage ไม่น้อยกว่า 600 Vdc. และ Temperature Coefficient of Power ไม่เกิน
– (0.5) % / ๐ C หรือ Temperature coefficient of Voc ไม่เกิน - 0.15 V/๐C
4. ต้องมีกรอบ (Frame) แผงเซลล์ฯ ทีแ่ ข็งแรง ไม่เป็ นสนิมและทนทานต่อการกัดกร่อนของสภาพแวดล้อม
และสภาพภูมอิ ากาศได้ดี
5. ด้านหลังของแผงเซลล์ฯ ติดตัง้ กล่องต่อสายไฟฟ้า (Junction Box) หรือขัว้ ต่อสาย (Terminal Box) ทีม่ ี
การปิ ดผนึกหรือมีฝาทีป่ ิ ดล็อคได้อย่างมันคง
่ สามารถทนต่อสภาพอากาศและสภาวะแวดล้อมได้ดี และ
ต้องมีวสั ดุป้องกันนํ้าซึมเข้า ภายในกล่องรวมสายไฟต้องมีขอ้ ต่อสายไฟทีม่ นคงแข็
ั่ งแรง ทนทานต่อ
สภาวะการใช้งานภายนอกอาคารได้และมีอายุการใช้งานเทียบเท่าแผงเซลล์ฯ
6. ภายในแผงเซลล์ฯ จะต้องมีการผนึกด้วยสารกันความชืน้ Ethylene Vinyl Acetate (EVA) หรือวัสดุอ่นื ที่
เทียบเท่าหรือดีกว่า ด้านหน้าแผงเซลล์ฯ ปิ ดทับด้วยกระจกใส หรือวัสดุอ่นื ทีม่ คี ุณสมบัตเิ ทียบเท่าหรือ
ดีกว่า วัสดุ อุปกรณ์ทใ่ี ช้ยดึ ชุดแผงเซลล์ฯ ต้องเป็ นวัสดุทท่ี าํ จากสแตนเลส
7. แผงเซลล์ฯ ทุกแผง ต้องแสดงชือ่ ผูว้ ่าจ้าง โดยการสลักตัวอักษรชื่อไว้บนกรอบของแผงเซลล์ฯ หรือ
จัดพิมพ์ช่อื หน่วยงานไว้บนแผ่น Sticker ทีท่ นแสงแดดและทนความร้อน ปิ ดทับบนช่องว่างของชัน้
เซลล์แสงอาทิตย์ ก่อนปิ ดทับด้วยแผ่นกระจกใสหรือวัสดุอ่นื ทีม่ คี ุณสมบัตเิ ทียบเท่าหรือดีกว่า โดย
ขนาดของตัวอักษรต้องมีความเหมาะสมสามารถมองเห็นและอ่านได้ชดั เจน
1.4 กรณี แผงเซลล์แสงอาทิ ตย์เป็ นชนิ ด Hybrid Thin Film หรือ Thin film (ทีไ่ ม่ใช่ Amorphous Silicon)
1. มีขนาดกําลังผลิตไฟฟ้าสูงสุดไม่ต่ํากว่า 30 วัตต์ ต่อแผงฯ ทีค่ ่าความเข้มแสงอาทิตย์ 1,000 W/m2
อุณหภูมแิ ผงเซลล์ฯ 25 oC, Air mass 1.5
2. เป็ นแผงเซลล์ฯ ทีม่ คี ุณสมบัตเิ ป็นไปตามมาตรฐาน IEC 61646 Thin-film terrestrial photovoltaic
(PV) modules Design qualification and type approval
3. ภายในแผงเซลล์ฯ จะต้องมีการผนึกด้วยสารกันความชืน้ Ethylene Vinyl Acetate ( EVA)
หรือเทียบเท่าหรือเป็ นวัสดุชนิดอื่นทีด่ กี ว่า ด้านหน้าแผงเซลล์ปิดด้วยกระจกใส หรือวัสดุอ่นื ทีม่ ี
คุณสมบัตทิ ด่ี กี ว่าหรือเทียบเท่า
9.3.1 Miniature circuit breaker , MCB. ทีม่ คี ุณสมบัตติ ามมาตรฐาน IEC 947-2: 1989 มี
คุณลักษณะการทํางานตัดวงจร Thermal magnetic Tripping characteristic curve แบบ Type B ตามมาตรฐาน IEC 898
หรือ BS EN 60898:1991 เป็ นชนิด 1 pole หรือ 2 poles, 220-240 V.50 Hz มีพกิ ดั กระแส Icu ไม่น้อยกว่า 5 kA. มีพกิ ดั
กระแส AF ไม่น้อยกว่า 50 A. และมีพกิ ดั กระแสไฟฟ้า AT ไม่น้อยกว่า 1.25 เท่าของพิกดั กระแสสูงสุดจ่ายออกของ
อินเวอร์เตอร์ใช้สาํ หรับตัด-ต่อวงจรไฟฟ้าทัง้ หมดทุกอาคาร
9.3.3 Miniature circuit breaker, MCBs. ทีม่ คี ุณสมบัตติ ามมาตรฐาน IEC 947-2: 1989 มีคุณลักษณะการทํางานตัด
วงจร Thermal magnetic Tripping characteristic curve แบบ Type B ตามมาตรฐาน IEC 898 หรือ BS EN 60898:1991 เป็ นชนิด 1 pole หรือ 2 poles,
220-240 V. 50 Hz มีพกิ ดั กระแส Icu ไม่น้อยกว่า 5 kA. มีพกิ ดั กระแส AF. ไม่น้อยกว่า 30 A. และมีพกิ ดั กระแสไฟฟ้า AT ไม่น้อยกว่า 1.25
เท่าของพิกดั กระแสโหลดรวมของแต่ละอาคาร ใช้สาํ หรับตัด-ต่อวงจรไฟฟ้าเฉพาะของ แต่ละอาคาร ทีร่ ะบบจ่ายกระแสไฟฟ้า
9.4 แผงควบคุมระบบไฟฟ้ าอาคาร (Load center) ของแต่ละอาคารทุกหลัง (ยกเว้น อาคารทีต่ ดิ ตัง้
Main Load center ใช้อุปกรณ์ขอ้ 9.3.2) เป็ นกล่องทําด้วยโลหะหรือพลาสติกแข็ง ใช้ตดิ ตัง้ Miniature Circuit Breaker,
MCB. ทีม่ คี ุณสมบัตติ ามมาตรฐาน IEC 947-2: 1989 มีคุณลักษณะการทํางานตัดวงจร Thermal magnetic Tripping
characteristic curve แบบ Type B ตามมาตรฐาน IEC 898 หรือ BS EN 60898:1991 เป็ นชนิด 2 poles, 220-240 V. 50
Hz, Icu ไม่น้อยกว่า 5 kA, AF ไม่น้อยกว่า 30 A. และมีพกิ ดั กระแสไฟฟ้า AT ไม่น้อยกว่า 1.25 เท่า ของพิกดั กระแส
โหลดแสงสว่างและกระแสไฟฟ้าวงจรเต้ารับทัง้ หมด ใช้สาํ หรับตัด-ต่อวงจรไฟฟ้าทัง้ หมดของอาคารทีต่ ดิ ตัง้
10. ตู้แสดงค่าทางไฟฟ้ า จานวน 1 ชุด ต่อระบบ มีรายละเอียดดังนี้
10.1 เป็ นตูโ้ ลหะขนาด 50x60 เซนติเมตร ทําจากแผ่นโลหะความหนาไม่น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร ทาสีกนั
สนิมและพ่นสีพน้ื เป็ นสีเทาหรือสีโทนสีอ่อน ด้านหลังตูเ้ ป็ นโครงเหล็กเจาะรูสาํ หรับใช้ยดึ ติดตัง้ กับผนัง
10.2 ด้านหน้าตูโ้ ลหะเป็ นฝาเปิด – ปิ ดด้านเดียว มีตวั ล๊อคฝาปิดเป็ นแบบกดปุม่ พืน้ ฝาตูต้ ดั เป็นช่องทีม่ ี
สัดส่วนเหมาะสมสําหรับติดตัง้ เครื่องมือแสดงค่าทางไฟฟ้า โดยติดกรอบยางหรือวัสดุอ่นื ๆทีม่ คี ณ ุ ภาพดีกว่าหรือเทียบเท่าที่
ขอบช่องสําหรับติดตัง้ เครื่องมือแสดงค่าทางไฟฟ้า พร้อมแสดงชื่อของเครื่องมือนัน้ ๆ โดยพิมพ์ช่อื ลงบน Sticker อย่างหนา
ทีท่ นต่อการฉีกขาด ติดในบริเวณใต้เครื่องมือแสดงค่าทางไฟฟ้าอย่างครบถ้วน
10.3 ติดตัง้ เครื่องมือแสดงค่าทางไฟฟ้า บนฝาตูแ้ ละเดินสายวงจรไฟฟ้าภายในตูเ้ ป็ นระเบียบแข็งแรงและ
ปลอดภัย โดยมีเครื่องมือดังนี้
10.3.1 DC Volt meter, DC Amp meter แสดงค่ากระแสและแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงชัวขณะที ่ อ่ อก
จากชุดแผงเซลล์แสงอาทิตย์แต่ละชุด
10.3.2 AC Volt meter, AC Amp meter แสดงค่ากระแสและแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับค่าชัวขณะที ่ ่
ออกจากอินเวอร์เตอร์
10.3.3 Frequency meter or Hertz meter แสดงค่าความถีไ่ ฟฟ้าที่ Output อินเวอร์เตอร์
10.3.4 Power factor meter แสดงค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ท่ี Output อินเวอร์เตอร์
10.3.5 AC Watt meter แสดงค่ากําลังไฟฟ้าจ่ายออกค่าชัวขณะที ่ ่ Output อินเวอร์เตอร์
10.3.6 AC kWh meter แสดงค่าพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับสะสม ทีอ่ นิ เวอร์เตอร์จ่ายให้แก่ภาระไฟฟ้า
ทัง้ หมด
10.4 เครื่องมือทีใ่ ช้แสดงค่าทางไฟฟ้าตามข้อ 10.3 กําหนดให้มี Accuracy class ไม่เกิน 2.5 มีพกิ ดั ทาง
ไฟฟ้าและช่อง Scale ทีเ่ หมาะสมกับขนาดทางไฟฟ้าทีต่ รวจวัด เป็ นอุปกรณ์ทม่ี คี ุณภาพได้รบั การรับรองหรือผลิตตาม
มาตรฐาน DIN หรือ JIS หรือ IEC หรือ IEEE เป็ นต้น
12.2 แผ่นป้ ายอธิ บายข้อมูลทางเทคนิ ค พร้อมเสาป้ าย จํานวน 1 ชุด ต่อระบบ มีรายละเอียด ดังนี้
12.2.1 แผ่นป้ายทําด้วยเหล็กแผ่นเรียบ ขนาดไม่น้อยกว่า 80x120 เซนติเมตร ความหนาไม่น้อย
กว่า 2.0 มิลลิเมตร ขัดพืน้ ก่อนพ่นสีกนั สนิมคุณภาพดี 2 ครัง้ และพ่นสีพน้ื เป็ นสีเขียวอย่างน้อย 2 ครัง้ ชนิด
คุณสมบัตใิ ช้งานกลางแจ้ง สามารถทนต่อแดดและฝน
12.2.2 ข้อความอธิบายข้อมูลทางเทคนิคของระบบฯ อย่างน้อยต้องระบุ ขนาดกําลังไฟฟ้าสูงสุด
ของชุดแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ข้อมูลทางเทคนิคของแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ลักษณะการต่อวงจรชุดแผงเซลล์
แสงอาทิตย์ และอื่นๆ เป็ นต้น
งานระบบสื่อสาร
หมวดที่ 71
ระบบโทรศัพท์และระบบสื่อสารภายใน
(TELEPHONE SYSTEM AND INTERCOM SYSTEM)
1. ระบบโทรศัพท์
1.1 ตูส้ าขาอัตโนมัติ (PRIVATE AUTOMATIC BRANCH EXCHANGE)
1.1.1 ตูส้ าขาอัตโนมัติ จะต้องเป็ นแบบ FULLY DIGITAL STORED PROGRAM CONTROL (SPC)
ควบคุมด้วยระบบบรรจุคาํ สัง่ ตามมาตรฐาน CCITT และมาตรฐานของบริษทั ทศท คอร์ปอเรชัน่ จํากัด (มหาชน) (TOT)
ระบบของสวิตซ์ตูส้ าขาจะต้องสามารถใช้งานในลักษณะเดียวกันทัง้ ระบบ VOICE และ DATA
1.1.2 ตูส้ าขาอัตโนมัตจิ ะต้องสามารถใช้งานได้ ดังนี้
(1) สามารถขยายระบบโดยการเพิม่ แผงวงจร (CARD) เข้าไปในระบบโดยไม่จาํ เป็ นต้องเปลีย่ นโครงสร้างหลักของระบบ
(2) สามารถใช้งานกับเครื่องรับโทรศัพท์ชนิดกดปุม่ ความถีเ่ สียง (DTMF) หรือชนิด DIGITAL
(3) สามารถใช้โทรศัพท์ภายในประชุมพร้อมกันได้ ไม่ต่ํากว่า 4 เครื่อง
(4) ชุดพนักงานรับสายโทรศัพท์ (OPERATOR) สามารถพักสายได้ ทัง้ สายภายใน และสายภายนอก โดยมีเสียง
สัญญาณแจ้งให้ผใู้ ช้งานทราบ
(5) สามารถกําหนดความสามารถในการใช้งานของเครื่องโทรศัพท์ภายในได้ เช่น
- ใช้ตดิ ต่อภายในได้
- ใช้ตดิ ต่อได้ทงั ้ ภายในและภายนอก
- ใช้ตดิ ต่อโทรทางไกลภายในประเทศได้
- ใช้ตดิ ต่อโทรทางไกลต่างประเทศได้ เป็ นต้น
(6) สามารถกําหนดรับสายแทนกันได้ โดยกดรหัสทีก่ าํ หนดและสามารถเรียกสายกลับได้ในกรณีทส่ี ายของผูถ้ ูกเรียกว่าง
ลง
(7) ต้องมีระบบตัดสายออกชัวคราวในกรณี
่ ทส่ี ายโทรศัพท์ลดั วงจรและสามารถกําหนดเวลาไม่ให้ใช้สายนานเกินควรและ
วางหูเครื่องรับไม่สนิท
(8) สามารถบันทึกการใช้งานโทรศัพท์ (BILLING RECORD SYSTEM) ในการต่อออกภายนอกของเครื่องภายใน โดย
พิมพ์ดรู ายละเอียดได้เมื่อต้องการ เช่น
- เป็ นระบบคอมพิวเตอร์พร้อมเครื่องพิมพ์
- วัน เดือน ปี ทีโ่ ทรออก (DATE)
- เลขหมายภายในทีโ่ ทรออก (EXTENSION NUMBER)
- เลขหมายทีโ่ ทรไป (DESTINATION NUMBER)
- ระยะเวลาทีใ่ ช้ (DURATION TIME)
- คํานวณค่าใช้จ่ายของแต่ละเลขหมายทีโ่ ทรออก (EXTENSION EXPENSE)
(9) ต้องมีอุปกรณ์สาํ หรับตอบรับสายโทรศัพท์เข้าโดยอัตโนมัติ (AUTO-ATTENDANT) พร้อมกันได้อย่างน้อย 8 วงจร
โดยมีคุณสมบัตทิ วไปดั
ั ่ งนี้
- เป็ นแบบระบบคอมพิวเตอร์
- โอนสายอัตโนมัตไิ ปยังเลขหมายภายใน
2. ระบบสื่อสารภายใน
2.1 ขอบเขตของงาน
ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุ อุปกรณ์และติดตัง้ ระบบสือ่ สารภายใน ตามตําแหน่งทีร่ ะบุไว้ในแบบ ให้สามารถใช้งานได้สมบูรณ์
โดยระบบสือ่ สารภายใน ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
จบหมวดที่ 71
หมวดที่ 72
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
(COMPUTER NETWORK SYSTEM)
1. ความต้องการทัวไป
่
ข้อกําหนดโดยทัวไปจะครอบคลุ
่ มถึงการจัดจ้าง จัดหา จัดตัง้ และการทดสอบ Data Cabling System ของระบบรวม
ไปถึงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ทีจ่ ะสามารถใช้งานได้ ทัง้ นี้อุปกรณ์ทงั ้ หมดต้องสามารถทํางานร่วมกับอุปกรณ์เดิมของ
มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ได้อย่างสมบูรณ์ และจะต้องจัดทําคูม่ อื แบบการติดตัง้ AutoCAD file และรายงานการ
ทดสอบ
2. ขอบเขตการทางาน
ขอบเขตการทํางานจะครอบคลุมถึงการจัดจ้าง จัดหา ติดตัง้ และทดสอบอุปกรณ์ต่างๆ ทีแ่ สดงในแบบหรือระบุใน
ทีน่ ้เี พื่อการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์
2.1 ผูร้ บั จ้างต้องทําตารางเปรียบเทียบคุณสมบัตติ ่างๆของผลิตภัณฑ์ทเ่ี สนอกับคุณสมบัตทิ างเทคนิคตาม
ข้อกําหนดรายการประกอบแบบ
2.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องดําเนินการติดตัง้ สายเคเบิล สายไฟฟ้า สายดิน รวมทัง้ ระบบพร้อมอุปกรณ์ทเ่ี กีย่ วข้องเข้ากับ
ระบบไฟฟ้า ระบบเคเบิลต่างๆภายในอาคารสถานทีต่ ดิ ตัง้ ระบบและทีเ่ กีย่ วข้องกับการทํางานของระบบทีเ่ สนอ รวมทัง้
อุปกรณ์ทต่ี อ้ งใช้ทงั ้ หมด โดยคํานึงถึงมาตรฐานการเดินสายไฟฟ้า สายเคเบิลและสายดินเป็ นหลัก ทัง้ นี้จะต้องมอบแผนผัง
รายละเอียดการติดตัง้ สายไฟฟ้า สายเคเบิลและสายดิน ให้มหาวิทยาลัยทักษิณด้วย
2.3 ผูร้ บั จ้างต้องดําเนินการฝึกอบรมเจ้าหน้าทีท่ ค่ี วบคุมและบํารุงรักษาเครื่องหรือตัวแทนผูว้ ่างจ้าง/เจ้าของ
โครงการให้สามารถใช้งานและสามารถบํารุงรักษาเครื่องได้อย่างถูกต้อง
2.4 ผูร้ บั จ้างต้องรับประกันคุณภาพและมาตรฐานการติดตัง้ ทีร่ ะบุในสัญญาเป็ นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี หลังจาก
การเริม่ ใช้งานระหว่างเวลารับประกันผูร้ บั จ้างต้องดําเนินการทันทีทไ่ี ด้รบั แจ้งเมื่ออุปกรณ์ต่างๆชํารุดหรือเสียหาย อุปกรณ์
ไม่ถูกต้องมีคุณภาพตํ่ากว่าข้อกําหนดมาติดตัง้ โดยผูร้ บั จ้างเป็ นผูร้ บั ผิดชอบค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ผรู้ บั จ้างจะต้องจัดการ
บริการซ่อมบํารุงในกรณีฉุกเฉินนอกเหนือจากเวลาทํางานปกติดว้ ย
3. ความต้องการด้านเทคนิ ค
3.1 ระบบสายสัญญาณสาหรับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
3.1.1 ระบบสายสัญญาณสาหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในแต่ละชัน้ มีคุณสมบัตขิ องอุปกรณ์ประกอบดังนี้
3.1.1.1 สายสัญญาณระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีคุณสมบัตเิ ป็นสายทองแดงแบบตีเกลียว UTP
Category 6 ชนิด 4 คู่สาย หรือดีกว่า
3.1.1.2 แผงกระจายสัญญาณชนิด Category 6 (UTP CAT6 Patch Panel) ขนาด 48 หรือ 24 พอร์ท
ตามทีร่ ะบุไว้ในแบบ เป็ นอุปกรณ์กระจายสายสัญญาณ CAT6 ชนิดเข้าสายด้านหลัง แผง
ด้านหน้าเป็ นแบบ RJ 45 Modular Jack
3.1.1.3 สายเชื่อมต่อ (CAT6 UTP Patch Cable) เป็ นสายนําสัญญาณชนิด CAT6 แบบสําเร็จรูปทีผ่ ลิต
จากโรงงาน มีปลายทัง้ สองด้านเป็ นหัวต่อแบบ RJ45 Modular Plug
3.1.1.4 เต้ารับสายสัญญาณตัวเมีย (CAT6 RJ45 Modular Jack) เป็ น CAT6 Modular Jack ชนิดเข้า
สายด้านหลัง และมี Code สีเพื่อบอกสัญลักษณ์การเข้าสายสัญญาณทัง้ แบบ TIA-568A และ
TIA-568B สามารถใช้งานได้ทงั ้ สายแบบ Solid และ Stranded Cable
3.1.1.5 หน้ากากสําหรับเต้ารับ (Faceplate Kit) เป็ นหน้ากากสําหรับเต้ารับสัญญาณตัวเมียตาม
ข้อกําหนดในข้อ 3.1.1.4 โดยผูว้ า่ จ้างจะเป็ นผูเ้ ลือกแบบ เพื่อให้เป็ นลักษณะเดียวกันกับเต้ารับ
ไฟฟ้าทีต่ ดิ ตัง้ คู่กนั
ุ สมบัติของอุปกรณ์ประกอบดังนี้
3.1.2 ระบบสายสัญญาณสาหรับเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างอาคาร มีคณ
3.1.2.1 สายใยแก้วนําแสงแบบ Armored Single Mode ชนิดติดตัง้ ภายนอกอาคารแบบแขวนเสา ทีผ่ ่าน
การทดสอบคุณสมบัตติ ามมาตรฐาน ITU G.652D, ISO/IEC 11801 และ ITA/EIA 568B.3, IEC
60793, IEC 60794-1-2 เป็ นอย่างน้อย
3.1.2.2 ติดตัง้ สายใยแก้วนําแสงขนาด 24 แกน เชื่อมต่อจากอาคารสํานักคอมพิวเตอร์ ไปยังอาคารคณะ
วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
3.1.2.3 ติดตัง้ สายใยแก้วนําแสงขนาด 12 แกน เชื่อมต่อจากอาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์ ไปยังอาคาร
วิศวกรรมเฉพาะทาง 1,2 และอาคารปฏิบตั กิ ารวิศวกรรมพืน้ ฐาน กําหนดให้ตดิ ตัง้ แผงกระจาย
สายทีม่ หี วั เชื่อมต่อแบบ Duplex LC ในตู้ Rack ขนาด 19” ทีต่ ดิ ตัง้ ณ. อาคารต่างๆ
3.1.2.4 มีสายเชื่อมต่อใยแก้วนําแสง ชนิด Single Mode มีความยาวไม่น้อยกว่า 3 เมตรใช้เชื่อมต่อ
สัญญาณจากแผงกระจายสายไปยังอุปกรณ์เครือข่าย มีค่า Return Loss ไม่น้อยกว่า 50 dB
ุ สมบัติดงั นี้
3.1.3 ตู้ Rack ชนิ ดวางพืน้ ความสูง 42U มีคณ
3.1.3.1 เป็ นตูใ้ ส่อุปกรณ์ระบบเครือข่ายและสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ ตัวตูม้ คี วามกว้าง 800 มม. ความ
ลึก 800 มม. และมีความสูง 42U สามารถติดตัง้ อุปกรณ์มาตรฐานขนาด 19” ได้
3.1.3.2 ประตูหน้าและหลัง เป็ นชนิดมีรพู รุน เพื่อการระบายอากาศทีด่ ี โดยบานประตูหน้าเป็ นแบบบาน
เดีย่ วส่วนบานประตูหลัง เป็ นแบบบานคู่เพื่อการประหยัดพืน้ ที่
3.1.3.3 มีพดั ลมระบายความร้อน ไม่น้อยกว่า 2 ตัว
3.1.3.4 มีรางไฟซึง่ มีเต้ารับจํานวนไม่น้อยกว่า 20 ช่องพร้อมสายไฟมีความยาวไม่น้อยกว่า 3 เมตร
จํานวน 2 ชุด
ุ สมบัติดงั นี้
3.1.4 ตู้ Rack ชนิ ดวางพืน้ ความสูง 36U มีคณ
3.1.4.1 เป็ นตูใ้ ส่อุปกรณ์ระบบเครือข่ายและสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ มีความสูง 36U สามารถติดตัง้
อุปกรณ์มาตรฐานขนาด 19” ได้
3.1.4.2 มีพดั ลมระบายความร้อน ไม่น้อยกว่า 2 ตัว
3.1.4.3 มีรางไฟซึง่ มีเต้ารับจํานวนไม่น้อยกว่า 10 ช่อง พร้อมติดตัง้ สายไฟจาก UPS หลักของอาคาร
3.1.4.4 มีอุปกรณ์สาํ หรับการจัดสายทัง้ ในแนวตัง้ และแนวนอนและอุปกรณ์ประกอบการติดตัง้ ครบชุด
ุ สมบัติดงั นี้
3.1.5 ตู้ Rack ชนิ ดวางพืน้ ความสูง 27U มีคณ
3.1.5.1 เป็ นตูใ้ ส่อุปกรณ์ระบบเครือข่ายและสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ มีความสูง 27U สามารถติดตัง้
อุปกรณ์มาตรฐานขนาด 19” ได้
3.1.5.2 มีพดั ลมระบายความร้อน ไม่น้อยกว่า 2 ตัว
3.1.5.3 มีรางไฟซึง่ มีเต้ารับ จํานวนไม่น้อยกว่า 10 จุด พร้อมติดตัง้ สายไฟจาก UPS หลักของอาคาร
3.1.5.4 มีอุปกรณ์สาํ หรับการจัดสายทัง้ ในแนวตัง้ และแนวนอนและอุปกรณ์ประกอบการติดตัง้ ครบชุด
ุ สมบัติดงั นี้
3.1.6 ตู้ Rack ชนิ ดแขวนผนังขนาด 12U มีคณ
3.1.6.1 เป็ นตูใ้ ส่อุปกรณ์ระบบเครือข่ายและสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ มีความสูง 12U สามารถติดตัง้
อุปกรณ์มาตรฐานขนาด 19” ได้
3.1.6.2 มีพดั ลมระบายความร้อน ไม่น้อยกว่า 2 ตัว
3.1.6.3 มีรางไฟซึง่ มีเต้ารับ จํานวนไม่น้อยกว่า 6 จุด พร้อมติดตัง้ สายไฟจาก UPS หลักของอาคาร
3.1.6.4 มีอุปกรณ์สาํ หรับการจัดสายทัง้ ในแนวตัง้ และแนวนอนและอุปกรณ์ประกอบการติดตัง้ ครบชุด
3.2 รายละเอียดอุปกรณ์กระจายสัญญาณเครือข่าย
3.2.1 อุปกรณ์กระจายสัญญาณเครือข่ายแกนหลักของอาคาร (Layer 3 Core Switch 10/100/1000 Mbps)
ุ สมบัติดงั นี้
มีคณ
3.2.1.1 มีขนาดของ Forwarding Bandwidth ไม่น้อยกว่า 176 Gbps
3.2.1.2 มีประสิทธิภาพในการส่งผ่านข้อมูล Forwarding throughput อย่างน้อย 130.95 Mpps
3.2.1.3 รองรับระบบสํารองในเรือ่ งการจ่ายพลังงาน Redundant Power Supply และ fans
3.2.1.4 รองรับทํา Stack โดยมี Throughput อย่างน้อย 480 Gbps
3.2.3.16 สามารถทํา Rate limiting แบบ Ingress policer; egress shaping and rate control; per
VLAN, per port, and flow based
3.2.3.17 สามารถรองรับ RADIUS/TACACS+ ได้
3.2.3.18 สามารถทํา DoS prevention
3.2.3.19 สามารถทํา Congestion avoidance
3.2.3.20 สามารถบริหารจัดการตัวอุปกรณ์ผ่านทาง Web Base configuration (HTTP/HTTPS) และ
Telnet ได้เป็ นอย่างน้อย
3.2.3.21 อุปกรณ์สามารถทําได้ดงั นี้ Traceroute; single IP management;SSH; RADIUS; port
mirroring; TFTP upgrade; DHCP client; BOOTP; SNTP; Xmodem upgrade; cable
diagnostics; ping; syslog; Telnet client (SSH secure support)
3.2.3.22 อุปกรณ์ได้รบั การรับรองมาตรฐาน FCC, CE, UL และCSA เป็ นอย่างน้อย
ุ สมบัติดงั นี้
3.2.4 อุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณใยแก้วนาแสง ความเร็ว 1 Gbps มีคณ
3.2.4.1 เป็ นอุปกรณ์ mini-GBIC หรือ SFP แบบ 1000BASE-LX
3.2.4.2 สามารถใช้งานร่วมกับครุภณ
ั ฑ์ในรายการ 3.2.1, 3.2.2, 3.2.3 และ 3.2.4 ได้
ุ สมบัติดงั นี้
3.2.5 อุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณใยแก้วนาแสง ความเร็ว 10 Gbps มีคณ
3.2.5.1 เป็ นอุปกรณ์สาํ หรับติดตัง้ ในช่อง SFP+ ของครุภณ
ั ฑ์ในรายการ 3.2.1 หรือ 3.2.2
3.2.5.2 รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณทีค่ วามเร็ว 10 Gbps ไปยังสํานักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ุ สมบัติดงั นี้
3.2.6 อุปกรณ์กระจายสัญญาณเครือข่ายไร้สาย มีคณ
3.2.6.1. เป็ นอุปกรณ์ Access Point ทีส่ ามารถทํางานร่วมกับอุปกรณ์บริหารจัดการระบบเครือข่ายไร้สาย
(Wireless LAN Controller) ทีม่ หาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ใช้งานอยู่ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
3.2.6.2. สามารถรับส่งข้อมูลทีย่ ่านความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz ได้
3.2.6.3.รองรับเทคโนโลยี MIMO (Multiple-input Multiple-output) 3x4 เป็ นอย่างน้อย
3.2.6.4. อุปกรณ์ตอ้ งมาพร้อมกับเสาอากาศแบบภายในสําหรับความถี่ 2.4GHz อย่างน้อย 4 dBi และ
สําหรับความถี่ 5 GHz อย่างน้อย 6 dBi แบบ Omnidirectional
3.2.6.5. มีพอร์ท Gigabit Ethernet 10/100/1000 Mbps ทีส่ ามารถรองรับ PoE ตามมาตรฐาน 802.3af
และ 802.3at
3.2.6.6.สนับสนุนการทํางานตามมาตรฐาน IEEE 802.11a/g/n/ac
3.2.6.7. สามารถทํางานแบบ multiple SSID ได้
4. การติ ดตัง้
4.1 การสารวจสถานที่ก่อสร้าง
ก่อนจะทําการติดตัง้ /เดินสายเคเบิล ผูร้ บั จ้างต้องสํารวจบริเวณทีจ่ ะติดตัง้ เพื่อศึกษาถึงลักษณะและสภาพทัวไป
่
เพื่อทีจ่ ะไม่มผี ลกระทบในการเดินสายเคเบิลและการจัดการโยกย้ายสิง่ กีดขวางออกเสียก่อน ทัง้ นี้กระบวนการดังกล่าวถือว่า
เป็ นส่วนหนึ่งของขัน้ ตอนการติดตัง้ หรือการดําเนินงานด้วย
4.2 มาตรฐานในการติ ดตัง้
ให้ตดิ ตัง้ สายต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์ประกอบไปตามมาตรฐานทีผ่ ผู้ ลิตได้กาํ หนดไว้ โดยคํานึงถึงประโยชน์ใช้สอย
และความปลอดภัยของผูใ้ ช้งานเป็ นหลัก
5. การทดสอบ
5.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องทดสอบคุณสมบัตขิ องสาย UTP ให้เป็ นไปตามมาตรฐาน TIA/EIA-568-B.2-1 สายนําสัญญาณเส้นใด
ไม่ผ่านมาตรฐาน จะต้องดําเนินการซ่อมแซม/ติดตัง้ ใหม่ จนกว่าจะผ่านการทดสอบ
5.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องทดสอบคุณสมบัตขิ องสายใยแก้วนําแสงและจุดเชื่อมต่อให้เป็ นไปตามมาตรฐาน EIA/TIA568 ที่
เกีย่ วข้อง
6. การรับประกัน Cabling System
6.1 อุปกรณ์ทุกชนิดทีม่ กี ารติดตัง้ ต้องได้รบั การรับประกันจากบริษทั ผูผ้ ลิตและได้คุณภาพตามทีก่ าํ หนดไว้
6.2 ผูร้ บั จ้าง/ผูผ้ ลิตต้องรับผิดชอบเมื่อมีการซ่อมแซม เปลีย่ นอุปกรณ์ หรืออุปกรณ์ทต่ี ดิ ตัง้ ไม่ได้คุณภาพตามข้อกําหนด
ทัง้ นี้รวมถึงความรับผิดชอบในส่วนของค่าจ้างแรงงานในการถอดเปลีย่ นค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอืน่ ใดทีเ่ กีย่ วข้องทัง้ หมด
6.3 ผูร้ บั จ้างจะต้องแสดงหนังสือรับรอง/รับประกัน ในส่วนของสายนําสัญญาณทีต่ ดิ ตัง้ จากเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือ
ตัวแทนจําหน่ายทีไ่ ด้รบั การแต่งตัง้ ในประเทศไทย โดยมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 25 ปี ให้แก่ทางมหาวิทยาลัยทักษิณด้วย
7. การรับประกันอุปกรณ์เครือข่าย
8. เอกสารประกอบและการฝึ กอบรม
ผูร้ บั จ้าง ต้องจัดหาเอกสารทีเ่ กีย่ วข้องกับโครงสร้างและเป็ นข้อมูลทีถ่ ูกต้องตามหลักวิชโดยข้อมูลต่างๆจะต้องมีความ
น่าเชื่อถือ โดยส่งมอบเอกสารทีอ่ ยู่ในรูปเล่มและไฟล์อเิ ล็คทรอนิกส์ ประกอบด้วย
8.1 รายละเอียดโดยทัวไป
่ เช่น แผนงาน (Layout Plan) ของมาตรฐานวัสดุอุปกรณ์
จบหมวดที่ 72
หมวดที่ 73
เครือ่ งสารองไฟฟ้ าฉุกเฉิ น (Uninterruptible Power Supply : UPS)
1. ความต้องการทัวไป
่
3.13 มี Slot สําหรับต่อเพิม่ อุปกรณ์ Network Management Card (10/100 BaseT) เพื่อให้สามารถควบคุม UPS และ
ระดับไฟฟ้า
3.14 ต้องมีระบบแสดงสภาวะการทํางานของเครื่องด้วย LED เพื่อแสดง
3.14.1 On-line Display
3.14.2 On-Battery Display
3.14.3 Battery Capacity
3.14.4 Load Display
3.14.5 Overload Display
3.14.6 Fault Display
3.14.7 Bypass Display
3.15 ระดับเสียงรบกวนทีเ่ กิดจากเครือ่ ง (Audible Noise) ต้องไม่มากกว่า 50 dBA
3.16 มี Software PowerChute Business Edition ทีร่ องรับ Window 2003, Window 2008, Window server 2008,
Window server 2011, Window server 2012 เป็ นอย่างน้อย
3.17 ได้รบั การรับรองความมาตรฐานการผลิต ISO 9001 และ ISO 14001
3.18 ต้องเป็ นไปตามมาตรฐาน C-tick, CE, EN 50091-1, EN 50091-2, EN 55022 Class A, EN 60950, EN
61000-3-2, GOST, VDE และ RoSH
3.19 ลักษณะและส่วนประกอบของเครื่องต้องเหมาะสมกับสภาพการใช้งานในทุกท้องทีข่ องประเทศไทย ซึง่ จะมี
อุณหภูมภิ ายในอาคารตัง้ แต่ 0 - 40 องศาเซลเซียส และความชืน่ สัมพัทธ์ท่ี 0 - 95%
3.20 ต้องรับประกัน 2 ปี รวมทัง้ แบตเตอรี่
3.21 อุปกรณ์ทุกชิน้ ต้องเป็ นของใหม่ไม่เคยใช้งานมาก่อน ไม่เป็ นอุปกรณ์ทน่ี ํามาปรับปรุงสภาพใหม่ หรือแปรสภาพ
(Reconditioned หรือ Refurbished) โดยต้องมีหนังสือรับรองซึง่ ออกให้สาํ หรับโครงการนี้โดยเฉพาะจากเจ้าของ
ผลิตภัณฑ์สาขาประเทศไทย ยื่นในขัน้ ตอนการขออนุมตั วิ สั ดุ
4. การติ ดตัง้
การติดตัง้ เครื่องสํารองไฟฟ้าฉุกเฉินและแบ็ตเตอรีใ่ ห้ตดิ ตัง้ ตามมาตรฐานผูผ้ ลิตและตามทีร่ ะบุดงั นี้
ก. การเดินสายไฟฟ้าให้เป็ นไปตามมาตรฐานทีร่ ะบุในรายละเอียดประกอบแบบหรือตามมาตรฐานวสท.
ข. ฐานคอนกรีตรองรับเครื่องสํารองไฟฟ้าฉุกเฉินต้องแข็งแรงและเหมาะสมเมื่อนําเครื่องไปวางและ
สะดวกในการบํารุงรักษา
ค. การติดตัง้ ตู้ UPS, แผงควบคุมและแบ็ตเตอรีต่ อ้ งมีระบบปรับอากาศและระบายอากาศอย่างเพียงพอ
และให้มสี ญ
ั ญาณ Alarm กรณีอุณหภูมภิ ายในตูส้ งู เกินทีก่ าํ หนดไว้
ง. ในการติตตัง้ จะต้องประสานงานการทํางานร่วมกับระบบอื่นทีเ่ กีย่ งข้องเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่าง
สมบูรณ์
5. การทดสอบ
จะต้องทําการทดสอบรายละเอียดต่างๆของ UPS ตามข้อกําหนดณโรงงานผูผ้ ลิตก่อนการจัดส่งพร้อมด้วยรายงานการ
ทดสอบซึง่ ได้รบั การรับรอง
6. การบริการ
6.1 จัดเตรียมหนังสือคู่มอื การบํารุงรักษาและรายละเอียดของวงจรทีส่ มบูรณ์ (Circuit Diagram) พร้อม
ทัง้ Component จํานวน 3ชุด
6.2 จัดเตรียมชุดบํารุงรักษาแบ็ตเตอรีแ่ ละคู่มอื การบํารุงรักษาแบ็ตเตอรีจ่ าํ นวน 1 ชุด
6.3 จัดส่งผูเ้ ชีย่ วชาญของบริษทั ผูผ้ ลิตมาฝึกอบรมช่างเทคนิคหรือตัวแทนของผูว้ ่าจ้าง/เจ้าของโครงการ
จนสามารถทีจ่ ะทําการตรวจซ่อมและบํารุงรักษาได้อย่างถูกต้อง
6.4 จัดทําแผนการบํารุงรักษาเครื่อง UPS และแบ็ตเตอรีอ่ ย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 5 ปี ให้กบั ผูว้ ่าจ้าง/
เจ้าของโครงการเพื่อพิจารณาและถือว่าเป็ นสาระสําคัญของการเสนอราคาและพิจารณา
6.5 จัดส่งรายชื่อและหนังสือรับรองซึง่ แสดงว่าเจ้าหน้าทีผ่ รู้ บั ผิดชอบการบํารุงรักษาได้เคยรับการอบรม
เกีย่ วกับการบํารุงรักษาจากผูผ้ ลิต
จบหมวดที่ 73
หมวดที่ 74
ระบบเสียง
1. ระบบเสียง
ข้อกําหนดทางเทคนิค (TECHNICAL SPECIFICATION)
สามารถใช้งานกระจายเสียงให้พร้อมกันหรือเลือก ZONE กระจายเสียงได้ โดยผ่านอุปกรณ์ SOUND SELECTOR
CONTROL ซึง่ มีความสามารถในการกระจายเสียงได้ไม่ต่ํากว่าทีร่ ะบุในแบบและสามารถจัดโปรแกรมการประกาศ
พร้อมเสียงเตือนและเลือก ZONE ได้จากชุดไมโครโฟนประกาศส่วนกลางโดยตรงและสามารถ OVERRIDE ZONE
ย่อยได้ สําหรับรายละเอียดอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ มีดงั นี้คอื
1.1 AMPLIFIER UNIT
1.1.1 POWER AMPLIFIER มีขนาด RATED OUTPUT POWER ดังระบุในแบบ
- เครื่องขยายเสียงจะต้องเป็ นแบบ IC SOLID STATE
- มีวงจรป้องกันอันตรายทีเ่ กิดจาก SHORT CIRCUIT หรือ MIS-LOADING
- สามารถใช้งานร่วมกับ PREAMPLIFIER และระบบ PAGING ได้
- มี VU METER สามารถอ่านค่าระดับสัญญาณ OUTPUT ได้
- ติดตัง้ ใน STANDARD RACK ทีม่ ชี ่องระบายอากาศและพัดลมระบายอากาศถ่ายเทได้สะดวก
มีรายละเอียดทางเทคนิคประกอบดังนี้
- POWER SOURCE 220-250 V. AC. 50 Hz. 24 V. DC.
- OUTPUT VOLTAGE 100 V., 70 V., 50 V., LINE OUTPUT SUITABLE
FOR REDIFFUSION UP TO 3 KM. DISTANCE
- FREQUENCY RESPONSE 100-18,000 Hz.
- S/N RATIO 80 dB หรือดีกว่า
- DISTORTION LESS THAN 2% หรือดีกว่า
1.1.2 MIXING AMPLIFIER
- ขนาด RATED OUTPUT POWER ดังระบุในแบบ
- เป็ นเครื่องผสมสัญญาณขนาดช่องสัญญาณเข้าไม่ต่ํากว่า 7 ช่อง
- OUTPUT VOLTAGE 100 V., 70 V.
- FREQUENCY RESPONSE 100-18,000 Hz.
- S/N RATIO 60 dB หรือดีกว่า
- DISTORTION LESS THAN 2% หรือดีกว่า
1.1.3 PRE- AMPLIFIER
- เป็ นเครื่องผสมสัญญาณขนาดช่องสัญญาณเข้าไม่ต่ํากว่า 7 ช่อง
- FREQUENCY RESPONSE 100-18,000 Hz.
- S/N RATIO 60 dB หรือดีกว่า
- DISTORTION LESS THAN 2% หรือดีกว่า
1.2 MICROPHONE
จบหมวดที่ 74
หมวดที่ 75
ระบบเสาอากาศวิ ทยุ – โทรทัศน์รวม (SMATV SYSTEM)
1. ความต้องการทัวไป ่
ระบบเสาอากาศวิทยุ-โทรทัศน์รวม (SATELITE MASTER ANTENNA TELEVISION - SMATV) ผูร้ บั จ้างจะต้อง
จัดหาและติดตัง้ อุปกรณ์ประกอบในระบบทีส่ าํ คัญ ซึง่ เป็ นระบบโทรทัศน์รวมโดยใช้จานรับดาวเทียมเพียง 1 ชุด เพื่อ
รับสัญญาณ FREE TV (จานดาวเทียม) ไทยคมแล้วป้อนให้แก่สมาชิกทีต่ อ้ งการรับชมรายการวิทยุโทรทัศน์ได้เป็ น
จํานวนมากตามทีก่ าํ หนดในแบบ โดยระบบจะประกอบด้วย จานรับดาวเทียม สายอากาศ CHANNEL AMPLIFIER,
TAP-OFF, SPLITTER, DISTRIBUTION, BOX, TV OUTLET และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ ทีจ่ าํ เป็ นเพื่อให้สญ ั ญาณ
ทีไ่ ด้รบั อยู่ระหว่าง 60-84 DECIBEL MICROVOLT โดยไม่เกิดสัญญาณภาพซ้อนหรือเงาหรือสัญญาณรบกวนในจอ
เครื่องรับทุกเครื่อง และแบบทีแ่ สดงเป็ นเพียงแนวทางในการติดตัง้ เท่านัน้ สามารถเปลีย่ นแปลงหรือแก้ไขแบบตาม
คําแนะนําของผูผ้ ลิตหรือผูม้ คี วามชํานาญเฉพาะด้าน ในกรณีทส่ี ญ ั ญาณทีไ่ ด้รบั มีเงาภาพซ้อนหรือสัญญาณภาพหรือ
เสียงไม่ชดั เจน ผูร้ บั จ้างจะต้องทําการแก้ไขเพื่อให้เป็ นไปตามความประสงค์ของผูว้ ่าจ้างและตามข้อกําหนดนี้โดยไม่
คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพิม่ เติมทัง้ สิน้
2. จานรับสัญญาณดาวเทียม และอุปกรณ์ประกอบ
2.1 จานรับสัญญาณดาวเทียม (ANTENNA DISH)
ผลิตจากอลูมเิ นียมทําหน้าทีร่ บั สัญญาณทีส่ ่งมาจากดาวเทียมโดยใช้หลักการสะท้อนทีพ่ น้ื ผิวรูปโค้งพาราโบ
ลิค แล้วรวมสัญญาณทีจ่ ุดโฟกัส (FOCAL POINT) คุณสมบัตขิ องจานรับสัญญาณดาวเทียมมีดงั ต่อไปนี้
(1) DIAMETER : 10 FT. (3 M.)
(2) F/D RATIO : 0.4
(3) FOCAL LENGTH : 48”
(4) MOUNTING : AS PER MANUFACTURER STANDARD
(5) GAIN : 39.40 dB for C.BAND at FREQ. 4.2 GHz.
: 47.85 dB for KU-BAND at FREQ. 12.75 GHz.
2.2 FEED HORN
เป็ นอุปกรณ์รวบรวมสัญญาณทีส่ ะท้อนจากผิวจานซึง่ จะติดตัง้ อยู่ท่ี FOCAL POINT โดยมีคุณสมบัตดิ งั นี้
(1) FREQUENCY : 3.7 - 4.2 GHz
(2) ISOLATION : > 30 dB
2.3 LOW NOISE BLOCK DOWN CONVERTER (LNB)
เป็ นอุปกรณ์ขยายสัญญาณดาวเทียม ซึง่ ทําหน้าทีแ่ ปลงความถีแ่ ละขยายสัญญาณทีร่ วบรวมได้จาก FEED
HORN ให้สงู ขึน้ เพื่อต่อเข้าเครือ่ งรับสัญญาณดาวเทียมต่อไป โดยมีคุณสมบัตดิ งั นี้
(1) INPUT FREQUENCY : 3.7 - 4.2 GHz
(2) OUTPUT FREQUENCY RANGE : 850 - 1450 MHz
(3) NOISE TEMPERATURE : 17 - 35 K
(4) GAIN : 60 dB (min)
(5) OUUPUT VSWR : 15-24 Vdc
3. ชุดขยายสัญญาณ (AMPLIFIER)
3.1 ชุดขยายสัญญาณประกอบด้วย Channel Amplifier และในกรณีทส่ี ญ ั ญาณซึง่ ได้รบั จากเสาอากาศมีกาํ ลัง
อ่อน มีความเพีย้ น และ/หรือมีคลื่นรบกวน อาจมีความจําเป็ นต้องใช้ preamplifier, filter และ/หรือ automatic
gain control (AGC.)
3.2 CHANNEL AMPLIFIER ต้องมีคุณสมบัตดิ งั นี้
3.3 นอกจากนัน้ ให้มี channel converter เพื่อเปลีย่ นช่องสัญญาณโทรทัศน์เป็ นช่องทีเ่ หมาะสม และไม่มี
สัญญาณรบกวนซึง่ กันและกัน (interference) โดย channel converter ของแต่ละช่องสัญญาณต้องมี
คุณสมบัตอิ ย่างน้อยดังนี้
SPECIFICATION OF CHANNEL CONVERTER
(1) Input Frequency Range : One TV Channel
7. การติ ดตัง้
7.1 จานดาวเทียมและชุดขยายสัญญาณตามตําแหน่งทีก่ าํ หนดในแบบแต่อาจมีการเปลีย่ นแปลงได้เพื่อความ
เหมาะสมทัง้ ทางเทคนิคและทางสถาปตั ยกรรม
7.2 สายสัญญาณโดยทัวไปให้ ่ รอ้ ยในท่อโลหะ การวางสายในรางร้อยสาย (WIREWAY) อาจกระทําได้ถา้ ได้รบั
อนุมตั จิ ากผูค้ ุมงานและเป็ นสถานทีซ่ ง่ึ เข้าถึงรางร้อยสายได้สะดวก
7.3 ชุดแยกและกระจายสัญญาณ ให้บรรจุในกล่องโลหะทีผ่ ่านกรรมวิธปี ้ องกันสนิมอย่างดีโดยเลือกขนาดของ
กล่องให้เหมาะสมและให้ยดึ กล่องนี้กบั โครงสร้างอาคารในตําแหน่งทีก่ าํ หนดในแบบหรือในตําแหน่งทีส่ มควร
7.4 การติดตัง้ อื่นๆ ทีไ่ ม่ได้ระบุไว้ ให้เน้นไปตามคําแนะนําของผูผ้ ลิตอุปกรณ์นนั ้ ๆ
8. การทดสอบระบบ
ให้ทาํ การตรวจสอบการทํางานของระบบโดยการวัดและบันทึกค่าต่างๆ อย่างน้อยดังต่อไปนี้
8.1 สัญญาณทีไ่ ด้รบั จากเสาอากาศรับสัญญาณ
8.2 สัญญาณทีไ่ ด้รบั จาก ชุดขยายสัญญาณ
8.3 สัญญาณทีจ่ ุดแยก จุดออกจากชุดแยกและกระจายสัญญาณ
8.4 สัญญาณทีเ่ ต้าเสียบจ่ายสัญญาณตามสมควร
8.5 การทดสอบอื่นๆ ทีจ่ าํ เป็ นตามคําแนะนําของผูผ้ ลิต
จบหมวดที่ 75
หมวดที่ 76
ระบบโทรทัศน์วงจรปิ ด (CCTV SYSTEM)
1. ความเป็ นมา
ผูว้ ่าจ้างประสงค์ทจ่ี ะดําเนินการติดตัง้ ติดตัง้ ระบบเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยด้วยระบบโทรทัศน์วงจรปิ ด ณ
อาคารทีก่ ่อสร้างตามรูปแบบรายการ เพื่อบริการแก่เจ้าหน้าทีแ่ ละผูใ้ ช้อาคารอย่างเหมาะสม และครอบคลุม
2. วัตถุประสงค์ของการดาเนิ นงาน
2.1 เพื่อใช้ในอาคารทีก่ ่อสร้างตามรูปแบบและรายการ
2.2 เพื่อการสอดส่อง ควบคุมดูแลความปลอดภัยในชีวติ และทรัพย์สนิ บริเวณพืน้ ทีท่ ก่ี าํ หนด
2.3 เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย บริเวณพืน้ ทีท่ ไ่ี ม่มเี จ้าหน้าทีร่ กั ษาความปลอดภัยประจําอยู่
2.4 เพื่อการป้องปรามเหตุการณ์อนั ไม่พงึ ประสงค์ทอ่ี าจเกิดขึน้ ในรูปแบบต่างๆ
2.5 เพื่อช่วยในการติดตามเหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
2.6 เพื่ออํานวยความสะดวกและช่วยในการประชาสัมพันธ์ต่อการปฏิบตั งิ านของเจ้าหน้าทีใ่ นกรณีทม่ี เี หตุการณ์
ต่างๆ เกิดขึน้
2.7 เพื่อนําข้อมูลไปใช้เป็ นพยานหลักฐาน
3. สถานที่ดาเนิ นการ
ติดตัง้ ในอาคารและนอกอาคารตามรูปแบบกําหนด
4. ข้อกาหนดทัวไป ่
4.1 อุปกรณ์ของระบบโทรทัศน์วงจรปิ ด (CCTV) จะต้องเป็ นผลิตภัณฑ์ทผ่ี ลิตใหม่ ยังไม่เคยใช้งานมาก่อน และ
ยังอยู่ในสายงานการผลิต พร้อมทัง้ แนบรายละเอียดคุณสมบัตขิ องผลิตภัณฑ์ทจ่ี ะนํามาติดตัง้ สําหรับโครงการ
และการทํางานของระบบประกอบการพิจารณาอนุมตั ดิ ว้ ย โดยแนบเอกสารทีร่ ะบุแหล่งผลิตอุปกรณ์ เอกสาร
การนําเข้าสินค้าและมาตรฐานต่างๆทีร่ บั รองคุณภาพของอุปกรณ์นนั ้
4.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาและติดตัง้ ระบบโทรทัศน์วงจรปิ ดพร้อมอุปกรณ์อ่นื ๆ รวมทัง้ Software ต่างๆ ตาม
ข้อกําหนด เพื่อให้ระบบสามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.3 Software ทีใ่ ช้กบั อุปกรณ์ต่างๆในโครงการนี้จะต้องเป็ น Software ทีม่ ลี ขิ สิทธิถู์ กต้องจากบริษทั ผูผ้ ลิต
4.4 ระบบทีน่ ําเสนอต้องรองรับการเพิม่ ขยายระบบให้ครอบคลุมความต้องการของหน่วยงานในอนาคตได้
4.5 ผูร้ บั จ้างจะต้องแนบรายละเอียด (Catalog) ของอุปกรณ์ทเ่ี สนอ เพื่อประกอบการพิจารณา โดยจัดทําตาราง
เปรียบเทียบข้อกําหนดรายละเอียดและคุณลักษณะเฉพาะของแต่ละรายการให้พจิ ารณา
4.6 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทําแบบการติดตัง้ ระบบให้เป็ นไปตามแบบหรือข้อกําหนด โดยให้คณะกรรมการตรวจการ
จ้างและผูค้ วบคุมงาน เห็นชอบก่อนดําเนินการติดตัง้ กรณีจาํ เป็ นต้องเปลีย่ นแปลงจุดติดตัง้ เพือ่ ความ
เหมาะสมต้องได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจการจ้างก่อน
4.7 ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันอุปกรณ์เป็ นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี ตลอดเวลารับประกัน พร้อมทัง้ ให้การอบรม
การใช้อุปกรณ์ต่างๆ แก่พนักงานผูด้ แู ลรับผิดชอบของโครงการจนสามารถเข้าใจระบบการทํางานต่างๆ ได้ดี
5. ขอบเขตของการดาเนิ นงาน และคุณลักษณะเฉพาะ
5.1 ความต้องการทัวไป ่
(1) ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาและติดตัง้ ระบบโทรทัศน์วงจรปิ ด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์ประกอบต่างๆ สําหรับ
ดูแลบันทึกเหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ในบริเวณต่างๆ และติดตัง้ บน Top-Desk Rack ในห้องรักษาความ
(2) เลนส์ ทีใ่ ช้ในลิฟต์ ให้ใช้เลนส์ขนาด (ประมาณ) 3.6 mm. หรือดีกว่า เพื่อให้การจับภาพในห้อง
โดยสารลิฟต์เป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
5.4 จอภาพ (Monitor)
เป็ นอุปกรณ์แปลงสัญญาณไฟฟ้า ให้เป็ นภาพทีส่ ามารถดูได้
(1) ชนิด LCD (Color Monitor) ขนาดไม่ต่ํากว่า 23 นิ้ว
(2) ภาพทีแ่ สดงออกทางจอภาพ ต้องมีหมายเลขกล้อง วัน และเวลา ฯลฯ เพื่อให้ผคู้ วบคุมทราบ
ตําแหน่งภาพบนจอภาพ
(3) แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ 220 โวลท์, 50 เฮิรท์
5.5 เครื่องบันทึกภาพแบบดิจติ ลั CCTV Controller (Digital Video Recorder, DVR)
(1) เป็ น Digital Video Recorder และ Multiplex ในเครื่องเดียวกัน
(2) บันทึกภาพเหตุการณ์เป็ นแบบดิจติ อลลงใน Hard Disk ทีอ่ ยู่ภายในตัวเครื่อง โดยสามารถบันทึก
เฉพาะภาพทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลงและภาพขณะทีเ่ กิด Alarm ขึน้
(3) สามารถทําการบันทึกภาพของกล้องแต่ละกล้องได้อย่างอิสระทัง้ อัตราการบันทึกภาพและ ความ
ละเอียดของภาพ
(4) สามารถแสดงภาพทีบ่ นั ทึกไว้พร้อม ๆ กับทําการบันทึกภาพปจจุ ั บนั ได้โดยไม่รบกวนกัน
(5) สามารถแสดงภาพทีบ่ นั ทึกไว้ในอดีตได้โดยการกําหนด Time/Date Search หรือ Event Search
หรือ Alarm Search ได้
(6) สามารถแสดงผลของภาพได้ถงึ 400(PAL) fps. ต่อ 16 กล้อง
(7) สามารถแสดงผลการบันทึกภาพได้ถงึ 400(PAL) fps. ต่อ 16 กล้อง
(8) สามารถเชื่อมต่อกับระบบ Network ต่างๆ Standard LAN (Ethernet TCP/IP), ADSL, WAN ได้
(9) สามารถควบคุมการทํางานของกล้อง (หมุน-ส่าย, ก้ม-เงย, การซูมภาพ) จากตัวเครื่อง DVR หรือ
จากระยะไกลโดยผ่านทาง Network ได้
(10) สามารถควบคุมและตัง้ ค่า Configuration ต่างๆ จากอุปกรณ์ควบคุมทีส่ ว่ นกลางได้ เพื่อความสะดวก
ของผูใ้ ช้งาน
(11) สามารถรองรับการแสดงผลบนจอภาพ แบบ 2D/3D
(12) ระดับแรงดันขาเข้าอยู่ระหว่าง 220 – 230 โวลท์กระแสสลับ 50 Hz
(13) ระดับสัญญาณภาพ (Composite Video) ขาเข้า 0.5 Vp-p ถึง 2.0 Vp-p
(14) ขนาดของ Hard Disk ไม่น้อยกว่า 500 GB และรองรับการขยายได้ไม่น้อยกว่า 2000 GB
(15) สามารถเลือกอัตราการบันทึกภาพได้หรือการบันทึกภาพแบบ Real Time
5.6 Cabling System
เป็ นระบบสายสัญญาณทีส่ ง่ สัญญาณจากกล้องไปยัง DVR ทีอ่ ยูห่ ่างออกไป โดยใช้สาย Coaxial Cable หรือ
ตามทีผ่ ผู้ ลิตกําหนด
5.7 Storage Backup
เป็ นอุปกรณ์ทใ่ี ช้จดั เก็บข้อมูลเพื่อเพิม่ พืน้ ทีใ่ นการจัดเก็บข้อมูล ซึง่ มีพน้ื ทีใ่ นการจัดเก็บข้อมูลไม่ต่ํากว่า 1.6
TB และรองรับการเชื่อมต่อระหว่าง Storage Backup กับเครื่องบันทึกภาพแบบดิจติ ลั
5.8 อุปกรณ์อ่นื ๆ
ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาพร้อมติดตัง้ แหล่งจ่ายไฟ UPS เพื่อใช้งานสําหรับระบบ CCTV ทีเ่ สนอ ในห้อง Control
Room ทัง้ หมด โดยมีพกิ ดั ขนาดของแบตเตอรีส่ าํ รองไม่น้อยกว่า 15 นาที
6. การติ ดตัง้
6.1 หากมิได้กาํ หนดไว้เป็ นอย่างอื่น ผูร้ บั จ้างต้องดําเนินการจัดหาติดตัง้ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้อ่นื ๆ
ทัง้ หมด ให้เป็ นไปตามรูปแบบและรายการข้อกําหนดของสัญญา ตําแหน่งติดตัง้ ตามทีก่ าํ หนดในแบบอาจ
เปลีย่ นแปลงได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้อาจมีบางจุดทีจ่ าํ เป็ นต้องจัดหาและติดตัง้ เพิม่ เติมเพื่อให้งาน
ระบบโทรทัศน์วงจรปิ ดและระบบควบคุมการเข้าออกเรียบร้อยสมบูรณ์เป็ นไปตามหลักวิชาการ ผูร้ บั จ้าง
จะต้องดําเนินการโดยค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็ นของผูร้ บั จ้างทัง้ สิน้
6.2 ผูร้ บั จ้างต้องศึกษาแบบและรายละเอียดของงานด้านสถาปตั ยกรรม โครงสร้างอาคาร ระบบปรับอากาศ
ระบบสุขาภิภาล และงานระบบอืน่ ๆ ของเดิม ทีเ่ กีย่ วข้องเพื่อให้แน่ใจว่าวัสดุและอุปกรณ์สามารถติดตัง้ ได้ใน
แนวหรือพืน้ ทีท่ ก่ี าํ หนดไว้ โดยคํานึงถึงลักษณะการใช้งานของอุปกรณ์แต่ละระบบและสอดคล้องกับงานทาง
สาขาอื่น ซึง่ ตําแหน่งของวัสดุและอุปกรณ์ทป่ี รากฎในแบบเป็ นตําแหน่งโดยประมาณ สามารถเปลีย่ นแปลง
ได้ตามความเหมาะสม โดยความยินยอมจากคณะกรรมการตรวจรับงานจ้าง
6.3 การติดตัง้ ในพืน้ ทีท่ ต่ี อ้ งดําเนินการรือ้ ถอน เปลีย่ นแปลง หรือเคลื่อนย้าย วัสดุอุปกรณ์ของเดิม เช่นผนัง ฝ้า
เพดาน ครุภณ ั ฑ์สาํ นักงาน ฯลฯ ผูร้ บั จ้าง ต้องปฏิบตั งิ านด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
ทัง้ นี้ ภายหลังการติดตัง้ ผูร้ บั จ้างต้องรับผิดชอบในการดําเนินการซ่อมแซมผนัง ฝ้า เพดาน สีของผนังและฝ้า
เพดาน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์อ่นื ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องทัง้ หมดให้เรียบร้อยตามความเห็นของผูว้ ่าจ้างหรือตัวแทนผู้
ว่าจ้าง
6.4 ก่อนการดําเนินการ ให้ผรู้ บั จ้างจัดทําแบบทํางานแสดงรายละเอียดการติดตัง้ (Shop Drawing) รายละเอียด
ตามตําแหน่งแนวท่อร้อยสาย วางเดินสาย ชนิด ขนาด จํานวนสายและท่อร้อยสาย และรายละเอียดอื่นๆ ที่
เกีย่ วข้อง พร้อมวิศวกรลงนามเสนอให้ผวู้ ่าจ้างพิจารณาเห็นชอบก่อนดําเนินการติดตัง้ จํานวน 3 ชุด หรือ
จํานวนตามทีผ่ วู้ ่าจ้างกําหนด
6.5 ผูร้ บั จ้างต้องจัดทําแบบแสดงการติดตัง้ จริง (As built Drawing) โดยมีวศิ วกรผูค้ วบคุมการติดตัง้ ของผูข้ ายลง
นามรับรองในแบบประกอบด้วยกระดาษไข 1 ชุด สําเนา 3 ชุด พร้อม CD ส่งมอบผูซ้ อ้ื ก่อนส่งมอบงานงวด
สุดท้าย
6.6 ผูร้ บั จ้างต้องใช้ชา่ งฝีมอื ทีม่ คี วามชํานาญในสาขานี้โดยเฉพาะเป็ นผูท้ าํ การติดตัง้
6.7 ผูร้ บั จ้างต้องมีวศิ วกรควบคุมการติดตัง้ ทีไ่ ด้รบั ใบอนุญาตเป็ นผูป้ ระกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ตาม พรบ.
วิศวกร สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า แขนงไฟฟ้ากําลัง หรือไฟฟ้าสือ่ สารอย่างน้อย 1 คน
6.8 สายสัญญาณระบบโทรทัศน์วงจรปิ ด ให้ใช้สายชนิด RG – 6 และ/หรือ UTP Cat 6 หรือดีกว่า ชนิดใช้ภายใน
อาคารหรือชนิดภายนอกอาคารตามลักษณะของงาน เดินร้อยในท่อร้อยสายโลหะ (EMT) และ/หรือ ท่อโลหะ
อ่อน (Flexible Conduit) และหรือรางเดินสาย ท่อร้อยสาย ข้อต่อท่อและกล่องต่อสาย ทีต่ ดิ ตัง้ ภายนอก
อาคารให้ใช้ชนิดกันนํ้า โดยลักษณะการติดตัง้ ให้ยดึ ถือและปฏิบตั ติ ามมาตรฐานการติดตัง้ ทางไฟฟ้าสําหรับ
ประเทศไทยฉบับล่าสุด
6.9 กรณีทม่ี เี หตุสดุ วิสยั มีความจําเป็ นต้องใช้สายสัญญาณอื่นนอกเหนือจากข้อกําหนด เช่น สัญญาณภาพไม่
คมชัด ระยะสายยาวกว่ามาตรฐานของสายสัญญาณทีร่ บั ได้ ให้ผรู้ บั จ้างชีแ้ จงเหตุผลพร้อมแสดงเอกสารการ
เปรียบเทียบเสนอผูซ้ อ้ื เพื่อพิจารณาอนุมตั เิ ป็ นกรณีไป โดยค่าใช้จ่ายในการนี้เป็ นของผูร้ บั จ้างทัง้ สิน้
6.10 สายไฟฟ้าให้ใช้สาย THW หรือดีกว่า ขนาดไม่เล็กกว่า 2.5 ตร.มม. พร้อมสายดินขนาดไม่เล็กกว่า 2.5 ตร.ม
ม. เดินร้อยในท่อร้อยสายโลหะ (EMT) และ/หรือ ท่อโลหะอ่อน (Flexible Conduit) และหรือรางเดินสาย ท่อ
ร้อยสาย ข้อต่อท่อและกล่องต่อสาย ทีต่ ดิ ตัง้ ภายนอกอาคารให้ใช้ชนิดกันนํ้า โดยลักษณะการติดตัง้ ให้ยดึ ถือ
และปฏิบตั ติ ามมาตรฐานการติดตัง้ ทางไฟฟ้าสําหรับประเทศไทยฉบับล่าสุด
10. ข้อขัดแย้ง
10.1 หากรูปแบบ และ/หรือ รายการประกอบแบบมีขอ้ ขัดแย้งกัน การตีความในข้อขัดแย้งใดๆ จะตีความไปใน
แนวทางวัสดุ และ/หรืออุปกรณ์ทม่ี คี ุณภาพดีกว่า และ/หรือมีจาํ นวนสมบูรณ์ครบถ้วนกว่า ตามข้อวินิจฉัยของ
ผูซ้ อ้ื เป็ นข้อยุติ
10.2 การเสนอราคาและเอกสารเป็ นความรับผิดชอบของผูร้ บั จ้าง กรณีภายหลังพบว่าผูร้ บั จ้างเสนอวัสดุอุปกรณ์
จํานวนไม่ครบถ้วนตามรูปแบบและรายการ ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาและติดตัง้ ให้ครบถ้วนโดยไม่มเี งือ่ นไข
จบหมวดที่ 76
หมวดที่ 77
ระบบควบคุมการเข้าออก (ACCESS CONTROL SYSTEM)
1. ความต้องการทัวไป
่
ข้อกําหนดโดยทัวไปจะครอบคลุ
่ มถึงการจัดหา, การติดตัง้ , การทดสอบอุปกรณ์และสายสัญญาณของ
ระบบรวมไปถึงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆทีจ่ ะสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์นอกจากนี้ยงั รวมถึงคู่มอื , Auto CAD
File, แบบและรายงานการทดสอบ
2. ขอบเขตการทางาน
3. ความต้องการทางด้านเทคนิ ค
1.2.5 จะต้องทําการติดตัง้ Exit Push Button ไว้ดา้ นในห้อง ของแต่ละประตูๆ อย่างน้อย 1 ชุด หรือ 2 ชุดก็
ได้ทงั ้ นี้ขน้ึ อยู่กบั ความเหมาะสมในการใช้งาน และดุลยพินจิ ของกรรมการตรวจรับพัสดุ
1.2.6 จะต้องทําการติดตัง้ Break glass call point สีแดง ไว้ดา้ นนอกห้อง ของแต่ละประตูๆ 1 ชุด
1.2.7 จะต้องทําการติดตัง้ พร้อมเดินสายสัญญาณต่าง ๆ ให้ ระบบสามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์
1.2.8 การเดินสายสัญญาณทุกชนิดจะต้องเดินในท่อร้อยสายเป็ นไปตามมาตรฐานและตามหลักวิศวกรรม
1.2.9 จะต้องทําการติดตัง้ Access Control เข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1.2.10 ติดตัง้ โปรแกรมควบคุมสําหรับการบริหารจัดการการระบบควบคุมการเข้าห้อง
จบหมวดที่ 77
หมวดที่ 78
ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ (BUILDING AUTOMATION SYSTEM)
1. ขอบเขตงาน
1.1 ผูว้ ่าจ้างจะต้องจัดหาและจัดทําแบบรายละเอียด ติดตัง้ และทดสอบเครื่องอุปกรณ์ระบบควบคุมอาคาร
อัตโนมัตแิ ละอื่นๆ ซึง่ ติดตัง้ ทัง้ ภายนอกและภายในอาคารดังแสดงไว้ในแบบและข้อกําหนด เพื่อให้ใช้งานได้
สมบูรณ์และถูกต้องตามความประสงค์ของเจ้าของโครงการ
1.2 ผูร้ บั จ้างต้องติดตัง้ และจัดหาระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ ให้ทาํ งานได้ตามทีร่ ะบุในข้อกําหนดทัวไปทุ
่ ก
ประการ
1.3 ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัตติ อ้ งติดต่อสือ่ สารโดยใช้ Protocol แบบเปิ ด (Open Protocol) ได้แก่
LonTalkTM หรือ BACnet เพื่อสังงาน ่ และตรวจสอบระบบดังนี้
(1) ระบบปรับอากาศ และระบบระบายอากาศ ควบคุม และ/หรือ ตรวจสอบการทํางานของ Heat
rejection plant, Chilled water plant, General air condition unit, Exhaust system และ
Ventilation system
(2) ระบบไฟฟ้าและสือ่ สาร ควบคุม และ/หรือ ตรวจสอบการทํางานของ Standby generator system
และ Power distribution system
(3) ระบบสุขาภิบาลและดับเพลิง ตรวจสอบสภาวะ และ/หรือ สังงาน ่ Main water supply, Fire
protection system, Waste treatment plant, Drainage sump
(4) ระบบแจ้งเหตุและเตือนภัยเพลิงไหม้ ตรวจสอบสภาวะของ ALARM
(5) ระบบ Environmental conditions ตรวจสอบ และ/หรือ สังงาน ่ โดยการอ่านค่าของอุณหภูมคิ วามชืน้
แล้วสังงานอุ
่ ปกรณ์อ่นื ๆ เพื่อคงสภาวะแวดล้อมทีเ่ หมาะสมกับการทํางานต่อไป
1.4 ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาและประสานงานกับระบบไฟฟ้า เพื่อให้ได้พลังงานไฟฟ้าตามขนาด, ชนิด และตําแหน่งที่
ระบุในแบบ หรือตามความต้องการของอุปกรณ์นนั ้ ๆ เพื่อให้ระบบทํางานอยูต่ ลอด 24 ชัวโมง ่
1.5 การทํางานเชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ ทีเ่ กีย่ วข้องในกรณีทต่ี ดิ ต่อด้วย Low level interface (AI, AO, DI, DO)
ให้ตดั ความรับผิดชอบของการติดตัง้ ตามทีร่ ะบุใน Summation BAS point schedule
1.6 การปรับแต่งและ Test ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ จัดปรับแต่ง และทดสอบตามเอกสารข้อกําหนด
2. รายละเอียดการเสนอราคา
2.1 ผูเ้ สนอราคาต้องเสนอราคา โดยชีแ้ จงแสดงรายละเอียดอุปกรณ์ลงใน Technical Data และระบุบริษทั ผูผ้ ลิต
วัสดุอุปกรณ์ทุกประเภทและประเทศผูผ้ ลิต ให้เสนออุปกรณ์มากทีส่ ดุ ไม่เกิน 3 ผลิตภัณฑ์
2.2 ผูเ้ สนอราคาต้องเสนอ Catalog หรือ Brochure ประกอบกับใบเสนอราคาในวันเสนอราคา
2.3 ผูเ้ สนอราคาต้องส่งประวัตผิ ลงานการติดตัง้ และวัสดุอุปกรณ์ทเ่ี คยติดตัง้ ไว้ ณ สถานทีใ่ ดแล้วบ้าง
2.4 ผูเ้ สนอราคาจะต้อง จัดส่งรายละเอียดแสดงระบบการทํางานเป็ นขัน้ ตอนของอุปกรณ์ แต่ละชนิดมี
รายละเอียดการบํารุงรักษา
2.5 ผูเ้ สนอราคาจะต้องเสนอประเภท และจํานวนของอุปกรณ์ อะไหล่ (Spare parts) เครื่องมือ (Tool) และเครื่อง
ทดสอบทีจ่ าํ เป็ นตามข้อแนะนําของโรงงานผูผ้ ลิต
3. ข้อกาหนดทัวไป ่
ข้อความทีร่ ะบุในหัวข้อนี้เป็ นข้อความสรุปความต้องการขัน้ ตํ่าของระบบหากจะต้องเปลีย่ นแปลงรูปแบบของระบบ
หรือเพิม่ เติมอุปกรณ์อ่นื ใด เพื่อให้เป็ นไปตามรายละเอียดข้างล่างนี้ ผูร้ บั จ้างต้องแจ้งให้ผอู้ อกแบบทราบล่วงหน้า
ก่อนทีจ่ ะดําเนินการ ซึง่ หากไม่มกี ารแจ้งให้ทราบ ให้ถอื ว่ารายละเอียดต่อไปนี้ เป็ นความรับผิดชอบของผูร้ บั จ้าง
โดยไม่อาจคิดค่าใช้จ่ายจากผูว้ า่ จ้างได้
3.1 GENERAL
(1) ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ ต่างๆ ทีจ่ าํ เป็ นในระบบ BAS ซึง่ จะต้องประกอบไปด้วย Direct
Digital Controller (DDC) ทีส่ ามารถติดต่อสือ่ สารกับอุปกรณ์อน่ื ๆ ด้วยความเร็วสูงแบบ Peer-to-
peer, Network Controller และ Workstation with Graphical User Interface (GUI) ทีส่ ามารถ
แสดงผลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ลกู ข่ายอื่นๆ โดยเครือข่าย LAN
(2) BAS. มีหน้าทีร่ ายงานผลและควบคุมระบบทางวิศวกรรมต่างๆ ของอาคารทีถ่ ูกระบุให้ทาํ การรายงาน
ผลและควบคุม
(3) การติดต่อสือ่ สารในระดับอุปกรณ์ DDC จะต้องเป็ นระบบเปิ ด (Open Protocol) ตามมาตรฐาน EIA
standard 709.1, LonTalkTM protocol หรือมาตรฐาน ANSI/ASHRAETM standard 135-1995,
BACnet minimum level 3 compliance โดยทีร่ ะบบจะต้องสามารถสือ่ สารกับทัง้ สองมาตรฐานได้
เพื่อความสะดวกในการ Integrate กับระบบอื่นๆ
(4) Local Area Network (LAN) ในระบบ BAS จะต้องเป็ นระบบ Ethernet ทีม่ คี วามเร็วไม่ต่ํากว่า
10/100 Mbps และ สนับสนุน BACnet, HTTP, HTML และ XML เพื่อความสะดวกในการ
ติดต่อสือ่ สารกับ Controller และเครื่องคอมพิวเตอร์อ่นื ๆ ทีเ่ ชื่อมต่อกับระบบ โดยไม่ตอ้ งเพิม่ อุปกรณ์
เฉพาะทีเ่ ป็ น Proprietary Gateway
(5) PC Workstation ประกอบด้วย CPU, Monitor, Keyboard, Disk-drive และ Printer ติดตัง้ อยู่ท่ี
Control room และให้มี Portable Operator’s Terminal ใช้ตดิ ต่อกับ DDC และ NC ต่างๆ ได้
(6) การแสดงผลบนจอภาพและเครือ่ งพิมพ์ สามารถแสดงได้ทงั ้ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
(7) การรับรูส้ ถานการณ์ต่างๆ ทีเ่ กิดขึน้ เมื่อมีการแจ้ง Alarm ให้กระทําผ่าน Keyboard ได้
(8) ระบบจะต้องยินยอมให้ ผูค้ วบคุมระบบสามารถเปลีย่ นแปลงสูตรคํานวณต่างๆ ได้จาก PC
Workstation หรือ Portable Operator’s Terminal (POT)
(9) ผูใ้ ช้ตอ้ งสามารถเข้าสูร่ ะบบได้โดยใช้ Internet Browser ทีม่ มี ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ทวไป ั ่ โดยไม่
ต้องใช้โปรแกรมอื่นเข้ามาเสริม
(10) การเก็บข้อมูลต่างๆ จะต้องถูกจัดเก็บในรูปมาตรฐานเท่านัน้ ได้แก่ Open Database Connectivity
(ODBC) หรือ Structure Query Language (SQL)
3.2 OPERATOR PRIVILEGE
ระบบจะต้องแยกระดับความสําคัญ ขอบเขตการเข้าถึงระบบในระดับต่างๆ กันดังนี้
(1) ระบุ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใดทีอ่ นุญาตให้สามารถเรียกหรือสังงานระบบได้
่
(2) แบ่งแยกระดับของผูค้ วบคุม เพือ่ ระบุขอบเขตของอุปกรณ์ทส่ี ามารถสังงานและตรวจสอบรายงานได้
่
(3) Function ใดบ้าง ของระบบทีผ่ คู้ วบคุมสามารถสังงานได้ ่
(4) แก้ไขระดับของผูค้ วบคุม หรือยกเลิกได้
3.3 MONITORING SYSTEM
การแสดงผลและรายงานของ BAS จะต้องแสดงรายละเอียด ดังนี้
(1) สถานะของอุปกรณ์ต่างๆ
(2) แสดงชนิด ประเภทของปญหาขั ั ดข้องทีเ่ กิดขึน้ ขณะ Alarm
(3) แสดงตําแหน่งของเหตุการณ์โดยละเอียด เป็ นตัวอักษร (แสดงห้อง พิกดั ตําแหน่ง) หรือรูปภาพ
แผนภูมิ ตามทีร่ ะบุในแต่ละระบบ ขณะทีเ่ กิด Alarm
(4) แนะนํา ขัน้ ตอน วิธปี ฏิบตั เิ พื่อแก้ไขปญั หาทีเ่ กิดขึน้
3.4 GENERAL AIR CONDITONING UNITS
(1) FCU., AHU., Split-type ทุกตัว ต้องถูกควบคุมหรือตรวจสอบสถานะโดย BAS.
(2) การปรับตัง้ ค่าอุณหภูมิ SET POINT ของเครื่อง FCU., AHU., (ส่วนกลาง) ให้ทาํ ได้ท่ี Keyboard
ของ Workstation
(3) BAS. สามารถสังเปิ ่ ด/ปิ ดอุปกรณ์ตามตารางเวลา (Time schedule)
(4) ในบางห้อง เช่น ห้องประชุม ให้ตดิ ตัง้ อุปกรณ์ Manual On/Off เพื่อ คําสังจากระบบ
่ BAS.
3.5 EXHAUST AND VENTILATION SYSTEM
BAS. ทําหน้าทีแ่ สดงสถานะเปิ ด/ปิ ด และ Alarm
3.6 STANDBY GENERATOR SYSTEM
BAS ต้องสามารถรับทราบสัญญาณทีส่ ง่ มาจาก GENERATOR ดังนี้
(1) Generator ไม่สามารถ Start ได้ (Over crank)
(2) สถานะของ Generator
(3) สัญญาณ General alarm
(4) นํ้ามันใน Dry tank ระดับตํ่ากว่ากําหนด
(5) แสดงค่า Voltage ทุก Phase ในแต่ละเครื่อง (Generator)
(6) แสดงค่า AMP. ทุก Phase ในแต่ละเครื่อง
(7) แสดงค่า ความถีข่ องทุกเครื่อง
(8) แสดงค่า Power factor ของทุกเครื่อง
3.7 POWER DISTRIBUTION SYSTEM
BAS. จะต้องรายงานสถานะของ Circuit Breaker ทุก Main Switchboard
3.8 MAIN WATER SUPPLY
(1) ตรวจสอบระดับและปริมาตรของ Storage tank
(2) ตรวจสอบสภาวะของ Pump นํ้า
3.9 SYSTEM OPERATION
3.10 ACKNOWLEDGABLE EVENTS
เมื่อมีการรับรู้ Alarm แล้ว สิง่ ที่ BAS.จะต้องรายงานและเก็บบันทึกให้ทราบคือ
(1) ชนิดของเหตุการณ์
(2) ตําแหน่งเกิดเหตุ
(3) บันทึกชื่อของคนทีร่ บั ทราบเหตุการณ์
(4) บันทึกเวลาทีผ่ ใู้ ช้งานรับทราบเหตุทเ่ี กิดขึน้ โดยอัตโนมัติ
ข้อมูลทีบ่ นั ทึกไว้ของ BAS จะต้องจัดทําได้ทงั ้ แบบทีเ่ รียกได้จาก PC.(เก็บใน DISK) และทัง้ แบบทีเ่ ป็ น
เอกสาร (โดย Printer)
3.12 ALARM PRIORITIES
เหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ก่อน ต้องมีระดับความสําคัญทีจ่ ะต้องยังคงแสดงบนจอภาพก่อนเสมอ
3.13 UNATTENDED ALARM ANNUNCIATION
เมื่อเหตุการณ์เกิดขึน้ และ BAS แจ้งให้ Operator ทราบ แต่ BAS ไม่ได้รบั การรับรูเ้ หตุการณ์ภายใน
ระยะเวลาทีก่ าํ หนดให้ BAS สังให้่ ระบบเสียงสัญญาณเตือน, แสงไฟสัญลักษณ์ในบริเวณ Console ทํางาน
จนกว่าจะมีการรับรูเ้ หตุการณ์
3.14 BAS COMPONENT
ผูป้ ระมูลจะต้องจัดหาและติดตัง้ ระบบ BAS โดยมีสว่ นประกอบของระบบและคุณสมบัตอิ ย่างน้อยดังนี้
(1) PC Workstation 1 เครื่อง ติดตัง้ อยู่ใน Control Room ประกอบด้วย CPU, Monitor, Mouse,
Keyboard และ Printer 2 ชุด ได้แก่ Alarm Printer และ Logging data Printer
(2) Uninterrupted Power Supply (UPS) 1 ชุด สําหรับสํารองไฟของคอมพิวเตอร์
(3) Graphical User Interface (GUI) Software 1 ชุด
(4) Portable Operator’s Terminal (POT) 1 ชุด
(5) Direct Digital Controller (DDC) ติดตัง้ ตามตําแหน่งของอุปกรณ์ ทีจ่ ะทําการควบคุม และต้องได้รบั
มาตรฐาน UL-916 Energy Management Systems
(6) Network Controller (NC) สําหรับ การเชื่อมโยงระบบ LAN ของ PC Workstation กับ BAS
communication BUS และต้องได้รบั มาตรฐาน UL-916 Energy Management Systems
- สายสัญญาณทีใ่ ช้ตดิ ต่อ สือ่ สาร ระหว่าง DDC และ NC
- สายสัญญาณจากเซนเซอร์ต่างๆ
- อุปกรณ์ ในการติดตัง้ อื่นๆ เช่น ท่อ สายไฟ ตูค้ อนโทรล
- การรับประกัน อุปกรณ์ ของระบบ BAS ทัง้ หมดเป็ นเวลา 1 ปี หลังจากการติดตัง้ รวมถึงการ
ตรวจเช็คการทํางานของอุปกรณ์ สมํ่าเสมอตามความเหมาะสม ในช่วงระยะเวลาการประกัน
3.15 PC WORKSTATION
ผูป้ ระมูลต้องจัดหาคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ สังงาน ่ แสดงผล เก็บค่า ที่ Control room คอมพิวเตอร์ทใ่ี ช้ตอ้ งเป็ น
ของ IBM หรือ Compaq และต้องมีคุณสมบัตขิ นั ้ ตํ่าดังนี้
(1) Processor: Intel Pentium IV, 2.4 GHz., or faster
(2) Random-Access Memory (RAM): 1 GB (min)
(3) Memory: 256 KB
(4) Graphics: Super video graphic adapter (SVGA), minimum 1024x768 pixels, 32 MB video
memory
(5) Monitor LCD : 19 inches, color, high resolutions, control of contrast, brightness, etc
(6) Keyboard: 101/102 key with Thai input
(7) Floppy-Disk Drive: 1.44 MB
(8) Hard-Disk Drive: 40.0 GB., minimum
(9) CD-ROM Drive: 50x, minimum
(10) Mouse: 2 button with wheel
4. TRANSMISSION CABLE
4.1 สายเคเบิลทีใ่ ช้เชื่อมต่อระหว่าง คอมพิวเตอร์, NC และ HUB ควรจะใช้สายชนิด UTP-8 wire, category 5
ยกเว้นใน กรณีทก่ี าํ หนดในแบบให้เป็ นสายประเภท Fiber optic
4.2 สายเคเบิลทีใ่ ช้เชื่อมต่อระหว่าง NC ไปยัง DDC ควรจะใช้สายชนิด Twisted pair with shield ขนาดไม่เล็ก
กว่า 18 AWG
(1) สายเคเบิลทีใ่ ช้เชื่อมต่อระหว่าง DDC ไปยัง Sensor/Actuator ควรจะใช้สายชนิด Twisted pair with
shield ขนาดไม่เล็กกว่า18 AWG
(2) สายเคเบิลทีใ่ ช้เชื่อมต่อระหว่าง DDC ไปยัง Relay/Voltage Free Contact ควรจะใช้สาย ขนาดไม่
เล็กกว่า 1.0 Sq.mm.
5. SENSORS AND TRANSMITTERS
ผูป้ ระมูลจะต้องจัดหา Sensor, Transmitters และ Relay ทัง้ หมดทีจ่ าํ เป็ น รวมทัง้ วัสดุอ่นื ๆ เช่น ท่อ สายไฟ ตู้ โดย
มีขอ้ กําหนดดังนี้
5.1 Temperature Sensor: ต้องเป็ นชนิด Thermistor, Platium หรือ Balco, มี accuracy บวกหรือลบ 0.2% ที่
calibration point
5.2 Humidity Sensor: ต้องเป็ นชนิด Thin-film polymer capacitive, มี accuracy 3%, ให้ค่า Output ออกมา
เป็ น Linear และมีช่วงการวัดอยูท่ ่ี 0-100%RH
Static-Pressure Transmitter: ต้องเป็ นแบบ Nondirectional sensor, มีค่า accuracy 2% of full scale, ให้
ค่า Output เป็ น 4-20 mA และมีช่วงการทํางานอยู่ท่ี 0 -5 Inch WC.
5.3 Filter Clog Sensor : ต้องเป็ นแบบ Differential Pressure Switch โดยเลือกใช้ Normally Open Contact
Output ซึง่ หน้าสัมผัสของสวิทช์จะต่อ เมื่อ Sensor ตรวจวัดค่าความดันตกคร่อม Filter ได้ สูงกว่าค่าทีไ่ ด้ตงั ้
ไว้ ในช่วง 0-1000 Pa
5.4 Air-Flow Status Sensor : ต้องเป็ นแบบ Differential Pressure Switch โดยเลือกใช้ Normally Open
Contact Output ซึง่ หน้าสัมผัสของสวิทช์จะต่อ เมื่อ Sensor ตรวจวัดค่าความดันตกคร่อม พัดลม ได้ สูงกว่า
ค่าทีไ่ ด้ตงั ้ ไว้ ในช่วง 0-1000 Pa
5.5 Water Flow Status Sensor : ต้องเป็ นแบบ Differential Pressure Switch, NEMA4 Enclosure Standard
โดยเลือกใช้ Normally Open Contact Output ซึง่ หน้าสัมผัสของสวิทช์จะต่อ เมื่อ Sensor ตรวจวัดค่าความ
ดันตกคร่อม pump ได้สงู กว่าค่าทีไ่ ด้ตงั ้ ไว้ ในช่วง 0-250 Psi
5.6 Carbon-Monoxide Sensor: ต้องเป็ นแบบ Single หรือ multi-channel ชนิด metal oxide semiconductor ที่
มีอายุการใช้งานไม่ต่ํากว่า 5 ปี ทํางานได้ดใี นช่วงอุณหภูมิ 0ºC - 50ºC สามารถวัดค่าได้ในช่วง 0 – 200
ppm และส่งค่า output เป็ น 4-20 mA
5.7 Carbon-Dioxide Sensor: ต้องเป็ นแบบ Single หรือ multi-channel ชนิด non dispersive infrared ทีม่ อี ายุ
การใช้งานไม่ต่ํากว่า 5 ปี ทํางานได้ดใี นช่วงอุณหภูมิ 0ºC - 50ºC สามารถวัดค่าได้ในช่วง 0 – 2000 ppm
และส่งค่า output เป็ น 4-20 mA
5.8 Electrical Power Meter : สําหรับ วัดค่า KW, Current, Voltage ต้องให้สญ ั ญาณ ออกมาในรูปแบบ
มาตรฐาน ทีส่ ามารถติดต่อกับ ระบบ BAS โดย MODBUS หรือ LonTalk Protocol
6. PROGRAM DESCRIPTION
โปรแกรมต่อไปนี้เป็ นความต้องการขัน้ ตํ่าทีร่ ะบบ BAS ต้องทําได้ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
6.1 DL : DEMAND LIMITING
เป็ นการเก็บค่าการใช้พลังงานขณะนัน้ ๆ และประมาณการในช่วงต่อไป ถ้าหากค่าประมาณการมีค่าสูงกว่า
่ ดอุปกรณ์ไฟฟ้าทีไ่ ม่มคี วามจําเป็ นใช้ ณ ขณะนัน้ เช่น PUMP นํ้า หรือ พัดลมบาง
ค่าทีก่ าํ หนด จะมีคาํ สังปิ
ตัว
6.2 TP : TIME PROGRAM
เปิ ด-ปิ ด อุปกรณ์ภายในอาคารตามช่วงเวลาทีก่ าํ หนดให้ โดยให้สามารถกําหนดรายละเอียดในแต่ละวันของ
สัปดาห์ใน 1 ปี
6.3 LC : LOAD CYCLING
เพื่อเป็ นการประหยัดพลังงานของอาคาร อุปกรณ์บางชนิด เช่น AHU., FCU. สามารถปิ ดเป็ นช่วงได้โดยที่
ไม่ทาํ ให้อุณหภูมิ ความชืน้ หรือค่าอื่นเปลีย่ นแปลงมากกว่าค่าทีท่ าํ ให้เกิด ความสะดวกสบายแก่ผใู้ ช้งาน
6.4 RT : RUN TIME TOTALIZED
เป็ นการบันทึกชัวโมงการทํ
่ างานของอุปกรณ์ทก่ี าํ หนดเพื่อประโยชน์ในการจัดการบํารุงรักษาและบันทึก
ชัวโมงทํ
่ างานในช่วงเวลาทีก่ าํ หนดเพื่อประโยชน์ในการคิดค่าใช้จ่ายในช่วงเวลานัน้ ได้
6.5 AL : ANALOG ALARM LIMIT
เป็ นการรับข้อมูลจากอุปกรณ์รบั สัญญาณ ANALOG และเมื่อค่าดังกล่าวมีค่าสูงกว่าค่าทีก่ าํ หนดให้แจ้ง
สัญญาณ ALARM แก่ผปู้ ฏิบตั กิ ารตามระดับความสําคัญทีโ่ ปรแกรมไว้
6.6 HD : HISTORICAL DATA REPORT
เก็บรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์และค่าทีก่ าํ หนด เพื่อเป็ นข้อมูลในการบํารุงรักษาและใช้สาํ หรับเป็นแนวทางใน
การแก้ปญั หาทีเ่ กิดขึน้ ซํ้าในอนาคต
6.7 MP : MAINTENANCE PROGRAM
ทําตารางแสดงระยะเวลา ส่งสัญญาณเตือนรวมถึงแนะนําขัน้ ตอน การบํารุงรักษาอุปกรณ์แต่ละตัวในอาคาร
เมื่อถึงเวลาต้องตรวจสอบ หรือเมื่อเกิดความเสียหาย โดยการรับข้อมูลจาก RUN TIME TOTALIZED และ
สัญญาณ ALARM ต่างๆ
6.8 GM : GRAPHIC MONITORING
แสดงเหตุการณ์และจุดเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ในรูปแบบแผนภาพ บนจอภาพ
6.9 AP : AUTOMATIC PROGRAM CONTROL
เก็บรวบรวมข้อมูลจาก SENSOR ต่างๆ เปรียบเทียบกับ SET POINT ทีต่ งั ้ ไว้เพื่อคํานวณและ ประมวลผล
สังการ
่ ตามความสัมพันธ์ทโ่ี ปรแกรมไว้ รวมถึงการจัดการเรียงลําดับการเปิ ด-ปิ ด อุปกรณ์เพื่อเฉลีย่ เวลาการ
ทํางานด้วย
6.10 AR : ALARM REPORT
เมื่ออุปกรณ์ต่างๆ ส่งสัญญาณ ALARM แก่ระบบ ให้จดั การแจ้งเหตุไปยังอุปกรณ์ทก่ี าํ หนด เช่น เครื่องพิมพ์
ลําโพง หรือดวงไฟฉุกเฉิน รวมถึงบันทึกเหตุการณ์, ตําแหน่งเกิดเหตุ รวมถึงชื่อผูป้ ฏิบตั งิ านลงในรายงาน
ด้วย
6.11 OS : OPTIMUM START/STOP
อุปกรณ์ปรับอากาศทุกชนิดต้องเปิ ด-ปิ ด ระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
จบหมวดที่ 78
หมวดที่ 79
อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิ รจ์ SPD (Surge Protection Device)
1. ข้อกาหนดทัวไป
่
1.1 ติดตัง้ อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ เพื่อป้องกันความเสียหายเนื่องจากแรงดันเสิรจ์ ทีเ่ กิดขึน้ กับอุปกรณ์ไฟฟ้า
ทีต่ เู้ มนไฟฟ้าของอาคาร (MDB)
1.2 อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ (Surge Protection Device ) มีคุณสมบัตติ ามมาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่ง
ดังต่อไปนี้ IEC, DIN, UL, VDE หรือ ANSI (IEEE)
1.3 อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ ต้องเป็ นผลิตภัณฑ์เดียวกันเพื่อการทํางานทีป่ ระสานสัมพันธ์กนั
1.4 การดําเนินการติดตัง้ ให้เป็ นไปตามมาตรฐานการติดตัง้ ระบบไฟฟ้าของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย
(วสท.)
1.5 อุปกรณ์ทน่ี ํามาติดตัง้ ต้องเป็ นของใหม่ 100% ไม่เคยใช้งานมาก่อน
1.6 การติดตัง้ ชุดอุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ (Surge Protection Device) เป็ นการติดตัง้ แบบขนาน ซึง่ จะไม่มี
ผลกระทบต่อการใช้กระแสไฟฟ้าในระบบ (Load)
2. ข้อกาหนดทางเทคนิ ค
2.1 SPD1
อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ (Surge Protection Device) Class I+II / B+C สําหรับเมนไฟฟ้าทีจ่ า่ ยให้กบั อาคารโดยติดตัง้ ที่
ตู้ MDB มีคุณสมบัตดิ งั นี้
(1) อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ Class I/B เป็ นสปาร์กแก็ป สามารถรับกระแสอิมพัลส์ของฟ้าผ่า (Lighting Impulse
Current) ได้ไม่น้อยกว่า 50kA ต่อเฟส ทีร่ ปู คลื่นทดสอบ 10/350 us สําหรับการติดตัง้ ระหว่าง L-N และสามารถรับ
กระแสอิมพัลส์ของฟ้าผ่า (Lightning Impulse Current) ได้ไม่น้อยกว่า 100 kA ต่อเฟส ทีร่ ปู คลื่นทดสอบ 10/350 us
สําหรับการติดตัง้ ระหว่าง N-PE
(2) อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ Class II/C เป็ น MOV สามารถดิสชาร์จกระแสฟ้าผ่าสูงสุด (Maximum Discharge
Current) ได้ไม่น้อยกว่า 40kA ต่อเฟส ทีร่ ปู คลื่นทดสอบ 8/20 us สําหรับการติดตัง้ ระหว่าง L-N
(3) อุปกรณ์ทงั ้ 2 Class ต้องสามารถถอด-เปลีย่ น แยกออกจากกันได้ทลี ะเฟส เพื่อความสะดวกในการบํารุงรักษา
(4) มีแรงดันตกคร่อมรวมหลังจากอุปกรณ์เสิรจ์ ทํางาน (Voltage Protection Level) ไม่เกิน 900V(L-N) /1500V (N-PE)
(5) สามารถทนแรงดัน (Arrester Rated Voltage Uc) ได้ไม่ต่ํากว่า 275V สําหรับอุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ ระหว่าง L-
N เพื่อป้องกันอุปกรณ์เสิรจ์ เสียหายกรณีเกิดแรงดันเกินในระบบ
(6) ติดตัง้ ฟิวส์ขนาด 125A หรือขนาดตามแบบ ทีห่ น้าอุปกรณ์ป้องกันเสิรจ์ โดยฟิวส์ทใ่ี ช้เป็ นชนิดทีม่ ฝี าครอบปิ ดตัว
ฟิวส์อย่างมิดชิด หรือติดตัง้ สวิตช์ตดั ตอนอัตโนมัติ
(7) การติดตัง้ อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ ให้ต่อระบบสายดิน (กราวนด์) ของระบบ หากบริเวณนัน้ ๆ ไม่มรี ะบบสายดิน
ให้ทาํ การติดตัง้ ใหม่เพื่อให้อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ สามารถทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.2 SPD2
อุปกรณ์ป้องกันแรงดันเสิรจ์ (Surge Protection Device) Class II/C สําหรับเมนไฟฟ้าย่อยทีจ่ ่ายให้กบั อาคารโดยติดตัง้ ทีต่ ู้
DB มีคุณสมบัตดิ งั นี้
3. โครงสร้างและการติ ดตัง้
3.1 อุปกรณ์ป้องกันนี้จะต้องประกอบกันอยู่ภายในกล่องทีแ่ ข็งแรงและมีฝาปิ ด-เปิ ดทีแ่ ข็งแรง พร้อมทีล่ อ็ คฝาหรือ
อาจติดตัง้ ภายใน MDB หรือ DB ทีม่ อี ยู่
3.2 กรณีตดิ ตัง้ ในกล่อง ตัวกล่องทีบ่ รรจุอุปกรณ์ป้องกันนี้ ต้องมีขนาดทีเ่ หมาะสมไม่เล็กหรือใหญ่เกินไปสามารถ
นําไปติดตัง้ ทีผ่ นังหรือตัง้ พืน้ ได้โดยสะดวก
3.3 การต่อวงจรไฟฟ้าของอุปกรณ์ป้องกันเข้ากับระบบไฟฟ้านัน้ ต้องต่ออยู่หลัง Main Circuit Breaker ในตูจ้ ่าย
ไฟฟ้า MDB
3.4 Housing หรือ Body ของตัวอุปกรณ์ป้องกันต้องทําด้วยพลาสติกชนิดไม่ตดิ ไฟตามาตรฐาน UL94V-0
(Flame Resistance Plastic)
จบหมวดที79
หมวดที่ 80
ระบบชุดกุญแจ อัจฉริยะ (SMART ELECTRONIC DOOR LOCK SYSTEM)
1. ความเป็ นมา
ผูว้ ่าจ้างประสงค์ทจ่ี ะดําเนินการติดตัง้ ติดตัง้ ระบบควบคุมการเข้าออก ประตูหอ้ งพัก ตามรูปแบบรายการ เพื่อ
บริการด้านความปลอดภัยให้แก่ผใู้ ช้อาคารอย่างครอบคลุม และสูงสุด
2. วัตถุประสงค์ของการดาเนิ นงาน
2.1 เพื่อใช้ในอาคารทีก่ ่อสร้างตามรูปแบบและรายการ
2.2 เพื่อการสอดส่อง ควบคุมดูแลความปลอดภัยในชีวติ และทรัพย์สนิ บริเวณพืน้ ทีท่ ก่ี าํ หนด
2.3 เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย
2.4 เพื่อการป้องปรามเหตุการณ์อนั ไม่พงึ ประสงค์ทอ่ี าจเกิดขึน้ ในรูปแบบต่างๆ
2.5 เพื่อช่วยในการติดตามเหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
3. สถานที่ดาเนิ นการ
ติดตัง้ ตําแหน่งประตูหลักของห้องพัก ภายในอาคารตามรูปแบบกําหนด
4. ข้อกาหนดทัวไป ่
4.1 อุปกรณ์ของระบบควบคุมการเข้าห้องพัก จะต้องเป็ นผลิตภัณฑ์ทผ่ี ลิตใหม่ ยังไม่เคยใช้งานมาก่อน และยัง
อยู่ในสายงานการผลิต พร้อมทัง้ แนบรายละเอียดคุณสมบัตขิ องผลิตภัณฑ์ทจ่ี ะนํามาติดตัง้ สําหรับโครงการ
และการทํางานของระบบประกอบการพิจารณาอนุมตั ดิ ว้ ย โดยแนบเอกสารทีร่ ะบุแหล่งผลิตอุปกรณ์ เอกสาร
การนําเข้าสินค้าและมาตรฐานต่างๆ ทีร่ บั รองคุณภาพของอุปกรณ์นนั ้
4.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดหาและติดตัง้ ระบบควบคุมการเข้าห้องพัก พร้อมอุปกรณ์อ่นื ๆ รวมทัง้ Software ต่างๆ
ตามข้อกําหนด เพื่อให้ระบบสามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.3 Software ทีใ่ ช้กบั อุปกรณ์ต่างๆ ในโครงการนี้จะต้องเป็ น Software ทีม่ ลี ขิ สิทธิถู์ กต้องจากบริษทั ผูผ้ ลิต
4.4 ระบบทีน่ ําเสนอต้องรองรับการเพิม่ ขยายระบบให้ครอบคลุมความต้องการของหน่วยงานในอนาคตได้
4.5 ผูร้ บั จ้างจะต้องแนบรายละเอียด (Catalog) ของอุปกรณ์ทเ่ี สนอ เพื่อประกอบการพิจารณา โดยจัดทําตาราง
เปรียบเทียบข้อกําหนดรายละเอียดและคุณลักษณะเฉพาะของแต่ละรายการให้พจิ ารณา
4.6 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดทําแบบการติดตัง้ ระบบให้เป็ นไปตามแบบหรือข้อกําหนด โดยให้คณะกรรมการตรวจการ
จ้างและผูค้ วบคุมงาน เห็นชอบก่อนดําเนินการติดตัง้ กรณีจาํ เป็ นต้องเปลีย่ นแปลงจุดติดตัง้ เพือ่ ความ
เหมาะสมต้องได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจการจ้างก่อน
4.7 ผูร้ บั จ้างจะต้องรับประกันอุปกรณ์เป็ นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี ตลอดเวลารับประกัน พร้อมทัง้ ให้การอบรม
การใช้อุปกรณ์ต่างๆ แก่พนักงานผูด้ แู ลรับผิดชอบของโครงการจนสามารถเข้าใจระบบการทํางานต่างๆ ได้ดี
5. ขอบเขตของการดาเนิ นงาน และคุณลักษณะเฉพาะ
ระบบควบคุมการเข้าห้องพัก Smart Electronic Door Lock
5.1 ข้อมูลทัวไป ่
ระบบการผ่านเข้าออกประตูจะเป็ นการปิ ดล๊อคแบบอิเล็กโทรนิกไร้สาย (WIRELESS ELECTRONIC
LOCK)ซึง่ จะควบคุมการผ่านเข้าออกในบริเวณพืน้ ทีท่ ถ่ี ูกกําหนดไว้ เพื่อให้มนใจว่
ั ่ าสามารถไว้วางใจได้อย่าง
สูงสุด และ FRONT DESK UNIT(FDU) สําหรับการลงและอ่านรหัสบัตรก็จะสามารถใช้งานร่วม
5.4 การติดตัง้
ให้เป็ นไปตามคําแนะนําของโรงงานผูผ้ ลิตและตามกําหนดในแบบ
5.5 การทดสอบ
ต้องทดสอบอุปกรณ์ตามหน้าทีข่ องแต่ละระบบ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าระบบทํางานได้อย่างสมบูรณ์ตาม
ความต้องการ
จบหมวดที่ 80
งานระบบลิ ฟต์โดยสาร
หมวดที่ 81
ระบบลิ ฟต์โดยสาร
1. ข้อกาหนดทัวไป ่
1.1 ผูร้ บั จ้างจะต้องติดตัง้ ลิฟต์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ให้สามารถใช้การได้ดตี ามรูปแบบรายการและเป็ นไป
ตามจุดประสงค์ของการใช้งาน
1.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องเตรียมช่องลิฟต์ บ่อลิฟต์ และห้องเครื่องลิฟต์ให้ถูกต้องและสอดคล้องตามขนาดลิฟต์และ
อุปกรณ์ประกอบต่างๆ
1.3 ลิฟต์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ จะต้องผลิตตามมาตรฐาน JIS, ISO, TIS หรือ EN 81
1.4 ลิฟต์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ของ MITSUBISHI, SCHINDLER ,OTIS, SIEMENS หรือ
เทียบเท่า
1.5 ลิฟต์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ทีน่ ํามาติดตัง้ ต้องเป็ นของใหม่ทไ่ี ม่เคยใช้งานมาก่อน และต้องเป็ นรุ่น
ใหม่ล่าสุดของผลิตภัณฑ์ยห่ี อ้ นัน้ โดยทําเอกสารยืนยันเป็ นลายลักษณ์อกั ษร
1.6 อุปกรณ์ขบั เคลื่อน ระบบควบคุม และอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ จะต้องผลิตสําเร็จจากโรงงานของผูผ้ ลิตจาก
ประเทศญีป่ นุ่ เยอรมัน สหรัฐอเมริกา ฟินแลนด์ สวิตซ์เซอร์แลน หรืออิตาลี อุปกรณ์นอกเหนือจากทีร่ ะบุขา้ งต้นให้ใช้
ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศได้
1.7 ในกรณีทข่ี อเทียบเท่าลิฟต์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ให้ผรู้ บั จ้างทํารายการเปรียบเทียบรายละเอียดลิฟต์
และคุณสมบัตริ ะหว่างลิฟต์ตามรูปแบบรายการกําหนดและลิฟต์ทข่ี ออนุมตั ใิ ช้ โดยเปรียบเทียบทุกๆ รายการถึงข้อแตกต่าง
3. รายละเอียดวัสดุลิฟต์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ
3.1 ลิฟต์เป็ นโครงเหล็กแข็งแรง ผลิตจากโรงงานผูผ้ ลิตลิฟต์อย่างเรียบร้อย ขนาดภายในไม่เล็กกว่ามาตรฐาน
ของ JIS, ANSI, ISO, TIS หรือ EN-81
3.2 ประตูลฟิ ต์เป็ นชนิดบานเลื่อนเปิด-ปิ ด โดยอัตโนมัตใิ ช้ระบบ AC-MOTOR ขับเคลื่อนชุดประตูมรี ะบบ
SAFETY RAY ซึง่ เป็ นแสงอินฟาเรด จะทํางานเมื่อมีผโู้ ดยสารหรือมีสงิ่ กีดขวางแนวลําแสงเพื่อป้องกันประตูหนีบผูโ้ ดยสาร
3.3 ประตูและผนังของตัวลิฟต์ทาํ ด้วยแผ่นเหล็กพ่นสีอย่างดี (เลือกสีโดยสถาปนิกผูอ้ อกแบบ)
3.4 ฝ้าเพดานทําด้วยเหล็ก SITE SHEET IN BLACK (CENTER) WITH ANODIZED ALUMINIUM TRIM
BLACK AND STAINLESS STEEL HAIRLINE (BOTH SIDES) พร้อมด้วยทางออกฉุกเฉิน และช่องระบายอากาศ
รายละเอียดตามรูปแบบกําหนด
3.5 พืน้ ปูดว้ ยหินแกรนิตหรือตามทีร่ ปู แบบระบุ ตรงจุดทีช่ นกับผนังให้ตดิ ตัง้ แผ่นกันเท้ากระแทก (KICK PLATE)
3.6 ติดตัง้ พัดลมเพื่อดูดอากาศทีช่ ่องดูดอากาศของเพดานห้องโดยสารลิฟต์และมีระบบซึง่ สามารถตัดการทํางาน
ของพัดลมดูดอากาศได้ เมื่อลิฟต์หยุดวิง่ เกินกว่าเวลาทีก่ าํ หนด
3.7 ติดตัง้ ไฟแสงสว่างแบบ FLUORESCENT หรือหลอดประหยัดไฟ ให้มสี ว่างเหมาะสมและมีระบบดับไฟแสง
สว่างอัตโนมัตเิ มื่อลิฟต์หยุดวิง่ เกินกว่าเวลาทีก่ าํ หนด
3.8 ติดตัง้ แสงสว่างฉุกเฉินซึง่ ทํางานโดยแบตเตอรีท่ ส่ี ามารถชาร์จไฟได้ดว้ ยตนเอง และจะทํางานทันทีท่ี
กระแสไฟฟ้าขัดข้อง
3.9 แผงควบคุมในตัวลิฟต์สว่ นหน้าของแผงเป็ น STIANLESS STEEL HAIRLINE FINISH ปุม่ กดเป็ นแบบ
MICRO STROKE BUTTON โดยประกอบด้วยอุปกรณ์ ดังต่อไปนี้
(1) ปุม่ กดไปตามชัน้ ต่างๆ พร้อมเลขและไฟแสดงสถานะ ตามจํานวนชัน้
(2) ปุม่ กดให้ประตูเปิ ด (DOOR OPEN) 1 ปุม่
(3) ปุม่ กดให้ประตูปิด (DOOR CLOSE) 1 ปุม่
(4) ปุม่ กดให้ลฟิ ต์หยุดฉุกเฉิน (EMERGENCY STOP) 1 ปุม่
(5) ปุม่ กดแจ้งเหตุ (EMERGENCY ALARM) 1 ปุม่
(6) ปุม่ กดปิ ด-เปิ ดพัดลมดูดอากาศ 1 ปุม่
(7) ปุม่ กดปิ ด-เปิ ดไฟแสงสว่าง 1 ปุม่
(8) โทรศัพท์ภายในหรือระบบติดต่อภายใน 1 ปุม่
(9) ไฟแสดงทิศทางการทํางานของลิฟต์ 1 ปุม่
(10) ไฟแสดงตําแหน่งลิฟต์ทงั ้ หมดเป็ นแบบ DOT MATRIX DIGITAL DISPLAY แสดงตําแหน่งของลิฟต์และมองเห็นได้
อย่างชัดเจน
5. ระบบช่วยการวิ่ ง
5.1 นํ้าหนักถ่วง (COUNTERWEIGHT) เป็ นเหล็กหล่อติดตัง้ ซ้อนกันในโครงเหล็กแข็งแรงให้ได้น้ําหนัก
เหมาะสม เพื่อช่วยให้ลฟิ ต์วงิ่ ได้นุ่มนวลการเคลื่อนขึน้ ลงจะต้องมี SLIDING GUIDES บังคับในรางเหล็กแข็งแรงให้ได้
นํ้าหนักเหมาะสมทีจ่ ะช่วยให้ลฟิ ต์วงิ่ ได้นุ่มนวลการเคลื่อนขึน้ ลงจะต้องมี SLIDING GUIDES บังคับในรางเหล็ก
5.2 รางลิฟต์ใช้รางเหล็กผิวหน้าใสเรียบผลิตจากโรงงานลิฟต์ให้มขี นาดปลอดภัยทีจ่ ะรับนํ้าหนักของตัวลิฟต์
พร้อมนํ้าหนักบรรทุกตามความเร็วทีก่ าํ หนด
5.3 การหล่อลื่นรางลิฟต์ และรางลูกถ่วงจะต้องหล่อลื่นได้ตลอดเวลาจากส่วนเก็บนํ้ามันหล่อลื่นทีต่ ดิ กับตัวลิฟต์
ลวดสลิงทีจ่ ะใช้จะต้องเป็ นลวดสลิงสําหรับลิฟต์โดยเฉพาะมี SPRING BUFFER รองรับการกระแทกของตัวลิฟต์และลูกถ่วง
นํ้าหนักทีก่ น้ บ่อลิฟต์
6. ระบบพิ เศษ
6.1 เหล็กส่วนทีไ่ ม่ได้พ่นสี จะต้องมีระบบป้องกันสนิมอย่างดี
6.2 มีกระจกเงาติดตัง้ ผนังด้านในของตัวลิฟต์ขนาดไม่น้อยกว่า 1000x1100 มิลลิเมตร
6.3 ปุม่ กดเป็ นแบบ MICRO STROKE BUTTON พร้อมเสียงและอักษรเบรลล์
6.4 ปุม่ กดชัน้ ต่างๆ ตามจํานวนชัน้ ทีจ่ อด ชนิดกดแล้วมีแสงแสดงการตอบรับคําสัง่
6.5 มีตวั เลขและเสียงบอกตําแหน่งชัน้ ต่างๆ เมื่อลิฟต์หยุดและขึน้ หรือลง
6.6 ราวมือจับโดยรอบภายในตัวลิฟต์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 30 มิลลิเมตร แต่ไม่เกิน 40
มิลลิเมตร สูงจากพืน้ ไม่เกิน 900 มิลลิเมตร
7. ความเร็วลิ ฟต์
ความเร็วลิฟต์ไม่น้อยกว่า 60 เมตรต่อนาที ปรับความเร็วอัตโนมัติ หรือความเร็วตามรูปแบบกําหนด
8. ระบบขับเคลื่อน
ระบบขับเคลื่อนแบบ TRACTION DRIVE (ROPE DRIVE) ใช้เครื่องขับลิฟต์ชนิดไม่มเี กียร์ (GEARLESS)
9. ฟังก์ชนการท
ั่ างานของโปรแกรม ประกอบด้วย
9.1 เครื่องอ่านบัตรแบบมีปมุ่ กด
9.2 เครื่องอ่านบัตรแบบไม่มปี มุ่ กด
9.3 เครื่องอ่านบัตรสําหรับลิฟต์
9.4 เครื่องอ่านลายนิ้วมือ
9.5 รายละเอียดของระบบ
- จํานวนผูถ้ อื บัตรสูงสุด 5,000 คน/ระบบ
- จํานวนลายนิ้วมือสูงสุด 2,000 ลายนิ้วมือ/ระบบ
- จํานวนตูค้ วบคุมระบบสูงสุด 20 ตู/้ ระบบ
- จํานวนประตูสงู สุด 4 ประตู/ตูค้ วบคุม
- จํานวนคอมพิวเตอร์จดั การระบบสูงสุด 5 เครื่อง/ระบบ
11. การรับประกันและบารุงรักษา
11.1 เพื่อให้การรับประกันและบํารุงรักษาลิฟต์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ มีคุณภาพดีตลอดไปผูร้ บั จ้างต้องจัดซือ้
จัดหาลิฟต์ทม่ี คี ุณภาพ บริษทั ผูผ้ ลิตหรือผูแ้ ทนจําหน่ายทีม่ คี ุณภาพดีเชื่อถือได้
11.2 ผูร้ บั จ้างจะต้องจัดซือ้ จัดหาจากผูแ้ ทนจําหน่ายโดยตรง และบริการในประเทศไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
11.3 ผูร้ บั จ้างหรือบริษทั ผูผ้ ลิตหรือตัวแทนจําหน่ายทีถ่ ูกต้องจะต้องรับประกันลิฟต์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ เป็ น
เวลา 2 ปี นับตัง้ แต่วนั รับมอบงาน ถ้าอุปกรณ์สว่ นหนึ่งส่วนใดเกิดชํารุดเสียหายจากการทํางานของผูข้ ายจะต้องเปลีย่ นให้
ใหม่โดยจะคิดเงินเพิม่ ไม่ได้
จบหมวดที่ 81
(3) OVER SPEED SHUT-DOWN DEVICE สําหรับหยุดเครื่องยนต์ เมื่อระบบของเครื่องยนต์เกิน 20% ของ RATED
SPEED
(4) TACHOMETER พร้อมหน้าปทม์ ั เพื่อแสดงรอบของเครื่องยนต์
(5) HOUR METER สําหรับบันทึกชัวโมงการทํ
่ างานของเครื่องยนต์
(6) OIL PRESSURE GAUGE สําหรับแสดงความดันของนํ้ามันหล่อลื่น
(7) TEMPERATURE GAUGE สําหรับแสดงอุณหภูมขิ องนํ้าในหม้อนํ้า
(8) แผงควบคุมเครื่องยนต์ (ENGINE PANEL) ติดตัง้ ตําแหน่งทีเ่ หมาะสมของเครื่องยนต์ประกอบด้วยแผงสําหรับติดตัง้
เกจ์ต่างๆ หลอดสัญญาณและชุดสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยอัตโนมัตกิ ารเดินสายภายในแผงควบคุมจะต้องทําสําเร็จมา
จากโรงงานผูผ้ ลิต
(9) BATTERIES AND BATTERY CHARGER สําหรับสตาร์ทเครื่องยนต์ แบตเตอรีจ่ ะประกอบด้วยแบตเตอรีจ่ ริง 1
ชุด และแบตเตอรีส่ าํ รอง 1 ชุด มีกาํ ลังพอทีจ่ ะหมุนเพลาข้อเหวีย่ งให้ได้รอบทีผ่ ผู้ ลิตแนะนําเป็ นเวลานาน 6 นาที ที่
40°C
(10) ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เป็ นแบบระบายความร้อนด้วยนํ้าแบบ CLOSED CIRCUIT TYPE
ประกอบด้วยปมนํ ั ้ ้าระบายความร้อนขับด้วยเครื่องยนต์เอง และ HEAT EXCHANGER พร้อม COOLING PIPING
ซึง่ ประกอบด้วย STRAINER, REGULATOR, SOLENOID VALVE, BY PASS VALVE และ SERVICE VALVE
(11) ท่อ EXHAUST ต้องเป็ นแบบ MUFFLERS สําหรับ RESIDENTIAL SILENCING และ FLEXIBLE
EXHAUST FITTING พร้อม INSULATION
(12) ถังนํ้ามันดีเซลมีขนาดความจุพอทีจ่ ะเก็บนํ้ามันสําหรับใช้ในการเดินเครื่องยนต์ดเี ซลได้ 8 ชัวโมง ่ ติดตัง้ อยู่เหนือดิน
ใกล้กบั เครื่องยนต์ มีอุปกรณ์ประกอบครบชุด เช่น ทางเติมนํ้ามัน ทางจ่ายนํ้ามัน ทางนํ้ามันล้นกลับ ทางระบาย
อากาศ ทางเครน ช่องทําความสะอาดถัง และ SIGHT GLASS ดูระดับนํ้ามัน
4. อุปกรณ์ระบบดับเพลิ ง
4.1 ตูเ้ ก็บสายฉีดนํ้าดับเพลิง ( FIRE HOSE CABINET ) สามารถผลิตและประกอบภายในประเทศได้
อุปกรณ์โดยทัวไปในระบบที
่ ไ่ ม่ได้ระบุเป็ นอย่างอื่นต้องสามารถทนแรงดันขณะใช้งาน (WORKING PRESSURE)
ได้ไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของแรงดันสูงสุดในระบบ ตูเ้ ก็บสายฉีดนํ้าดับเพลิง เป็ นตูเ้ หล็ก หรือ แสตนเลสพ่นสี
แดง ต้องมีความหนาไม่ต่ํากว่า 1.6 ม.ม. และเมื่อพ่นสีจริงแล้วจะต้องนําไปอบสีจริงทีอ่ ุณหภูมทิ ่เี หมาะสมเพื่อให้สมี ี
ความทนทานต่อการขีดข่วน ประตูตจู้ ะต้องสามารถเปิ ดได้ 180๐ การติดตัง้ จะเป็ นชนิดลอย ชนิดฝงั หรือตัง้ พืน้
ตามทีแ่ สดงไว้ในแบบ อุปกรณ์ประกอบตู้ มีดงั นี้คอื
- ทีล่ อ็ กประตูชนิดกดแล้วเด้ง พร้อมกุญแจ
- บานพับประตูแบบซ่อนในยาวตลอดความยาวประตู
- กระจกเป็ นแบบนิรภัยชนิดแตกเป็ นเมล็ดข้าวโพด ( CLEAR SAFETY GLASS ) หนาไม่น้อยกว่า 4 มม.
- ตูด้ บั เพลิงต้องมีขนาด กว้าง x สูง x ลึก เท่ากับขนาดทีร่ ะบุในแบบ
- เป็ นผลิตภัณฑ์ประกอบภายในประเทศ
4.2 กงล้อสายฉีดนํ้าดับเพลิง ( HOSE REEL ) ประกอบด้วยอุปกรณ์มาตรฐานดังนี้
- เป็ นชนิด AUTOMATIC SWING HOSE REEL ถูกรับรองโดยมาตรฐาน BRITISH STANDARD
( EUROPEAN STANDARD ) BS EN 671-1
- ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสาย 1 นิ้ว ยาว 100 ฟุต ( 30 เมตร ) ทนแรงดันทดสอบ ( PROOF PRESSURE
) ได้ไม่น้อยกว่า 24 BAR ( 348 PSI ), ทนแรงดันระเบิด ( BURSTED PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า
42 BAR ( 600 PSI ) และทนแรงดันขณะใช้งาน ( WORKING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า 12
BAR ( 174 PSI )
- วาล์วควบคุมแบบ อัตโนมัติ เมื่อดึงสายออกประมาณ 3 รอบวาล์วสามารถเปิ ดให้น้ําไหลออกมายังหัวฉีด
ได้และปิ ดเมื่อสายถูกม้วนกลับ
- สายทําด้วย RUBBER IN RED COLOR เป็ นชนิด THREE PLY WITH TWO SYNTHETIC
RUBBER LAYERS AND TEXTILE REINFORCEMENT ผลิตตามมาตรฐาน EN 694
- BALL VALVE & NIPPLE ขนาด 25 มิลลิเมตร ( 1นิ้ว ) ทําด้วย BRASS
- หัวฉีดเป็ นชนิดปรับฝอยได้ ( ADJUSTABLE FOG NOZZLE ) เป็ นชนิดทีท่ าํ ด้วยทองเหลืองชุบโครเมีย่ ม
หรือ RIGID PLASTIC FAST OPENING
4.3 แองเกิล้ โฮสวาล์ว ( ANGLE HOSE VALVE )
- ทําด้วยทองเหลือง ( BRASS ) ขนาด 2 ½ นิ้ว ได้รบั รองมาตรฐานโดย UL หรือ FM พร้อมข้อต่อ, ฝาปิ ด
และโซ่
- ทนแรงดันใช้งาน ( WORKING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า 300 PSI
4.4 บอลล์วาล์ว ( BALL VALVE )
- ทําด้วยบรอนซ์ ( BRONZE ) ขนาด 1 นิ้ว ยึดข้อต่อโดยใช้เกลียว ( SCREWED ENDS )
- ทนแรงดันใช้งาน ( WORKING PRESSURE ) ได้ไม่น้อยกว่า 500 PSI
4.5 เครื่องดับเพลิงชนิดมือถือ ( PORTABLE FIRE EXTINGUISHER )
(6) SPRINKLERS เป็ นชนิดมาตรฐาน โดยทัวไปติ ่ ดตัง้ ตามตําแหน่งในแบบหัว SPRINKLER เป็ นชนิดกระเปาะแก้ว
โดยมีอตั ราการทํางานทีอ่ ุณหภูมิ 68°C สําหรับพืน้ ทีท่ วไป
ั ่ และมีอตั ราการทํางานทีอ่ ุณหภูมิ 79 °C สําหรับติดตัง้ ใน
ครัว และห้องเตรียมอาหาร ผูร้ บั จ้างจะต้องส่งหัว SPRINKLER เป็ นตัวอย่างและ CATALOGE เพื่อขออนุมตั กิ ่อน
ดําเนินการติดตัง้
- UPRIGHT SPRINKLER
ใช้สาํ หรับติดตัง้ ในบริเวณห้องเครื่อง, บริเวณทีไ่ ม่มฝี ้ าและทีอ่ ่นื ๆ ตามทีร่ ะบุในแบบ
มีรายละเอียดดังนี้
- FRANGIBLE BULB TYPE
- ½” DIA. NOMINAL ORIFICE
- ทําด้วยทองเหลืองชุบโครเมีย่ มทัง้ ชุด
- อุณหภูมใิ ช้งาน 68๐ C ( 155 ๐F )
- PENDENT SPRINKER
ใช้สาํ หรับติดตัง้ ในส่วนงานสํานักงาน, ทางเดิน และทีอ่ ่นื ๆ ตามทีร่ ะบุในแบบ มีรายละเอียด
ดังนี้
- FRANGIBLE BULB TYPE
- ½” DIA. NOMINAL ORIFICE
- ทําด้วยทองเหลืองชุบโครเมีย่ มทัง้ ชุด
- อุณหภูมใิ ช้งาน 68๐ C ( 155 ๐F )
- CEILING PLATE FINISHED
(7) END TEST ติดตัง้ TEST VALVE ขนาด 1 นิ้วพร้อม SIGHT GLASS ของแต่ละ END TEST ตามตําแหน่งทีแ่ สดง
ในแบบ
(8) GRAPHIC ANNUNCIATOR แสดงสภานการณ์ทาํ งานของวาล์วและ FLOW SWITCH พร้อม RESET เป็ นตูเ้ หล็ก
แผ่นหรืออลูมเิ นียม ขนาดเหมาะสมกับอาคาร ติดตัง้ ตําแหน่งตามแบบ เดินสายสัญญาณด้วยสาย THW ขนาด 2.5
SQ.MM. ในท่อ EMT. ส่งขออนุมตั ริ ปู แบบก่อนการติดตัง้
(9) TESTING และ COMMISSIONING ภายหลังการติดตัง้ ระบบ หรือระหว่างการติดตัง้ จะต้องทําการตรวจสอบรอยรัว่
ของท่อด้วยความดัน 300 PSI เป็ นเวลา 24 ชัวโมง ่ โดยปราศจากการรัว่ ทัง้ นี้ค่าใช้จ่ายในการทดสอบทัง้ หมด โดย
ผูร้ บั จ้างเป็ นผูร้ บั ผิดชอบ
จบหมวดที่ 82
หมวดที่ 83
ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิ งไหม้
1. ความต้องการทัวไป
่
1.1 ทัวไป
่ ระบบสัญญานแจ้งเหตุเพลิงไหม้ตอ้ งเป็ นระบบPRESIGNAL,NON -CODED CLOSED POOP
SYSTEM ตามมาตราฐาน NFPA โดยทีว่ สั ดุ และอุปกรณ์ทใ่ี ช้ในระบบ ได้รบั การรับรองคุณภาพจาก ULหรือ LPCB
1.2 ขอบเขต ผูร้ บั จ้างต้องจัดหาและติดตัง้ ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้และอุปกรณ์ประกอบตามทีแ่ สดงใน
แบบ และระบุในข้อกําหนดนี้ทุกประการ
2. ความต้องการทางด้านเทคนิ ค
2.1 อุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้ (INITIATING DEVICES) ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างน้อยดังนี้
ก แผงควบคุมรวม(Fire Alarm Control Panel, FCP) ทําด้วยแผ่นเหล็กหนา ประกอบสําเร็จรูปจากโรงงานผูผ้ ลิต มีความ
แข็งแรงไม่ผุกร่อน หรือเป็ นสนิมได้ง่าย ซึง่ ประกอบด้วยโซนต่างๆของระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ภายในแผงควบคุม
ประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิคส์ชนิด Modular Unit ต่างๆซึง่ ควบคุมการทํางานด้วยไมโครโปรเซสเซอร์และทํางานด้วย
ไฟตรง 24V โดยแปลงไฟฟ้ามาจากวงจรไฟสลับ 220 V 50 Hz ซึง่ ชุดควบคุม 1loop ต่อ อุปกรณ์ทเ่ี ป็ น Smoke Address / Heat
Address / Manual Address หรือ Module ได้ 230 Address พร้อมทัง้ มีอุปกรณ์ต่างๆอย่างน้อยดังนี้
1 หลอดไฟสัญญาณ (Led Type) แสดงให้รวู้ ่ามีไฟ (AC Power On) หลอดแสดงการเกิดเพลิงไหม้(Alarm) หลอด
แสดงเหตุขดั ข้อง (Trouble) หรือหลอดแสดงสาเหตุของการขัดข้อง เช่นไฟเมนเสีย(AC Power Failure) แรงดันของแบตเตอรี่
ตํ่า (Low Battery Voltage) วงจรรัวลงดิ
่ น (Ground Fault)ฯลฯ
2 สวิต๊ ซ์ควบคุม (Control Switch) สําหรับตัดเสียงสัญญาณ (Alarm-Silence/Acknowledge)สวิต๊ ซ์
ยกเลิกสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้(System Reset Switch) เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ (General Alarm)สวิต๊ ซ์ทดสอบหลอดไฟ
สัญญาณ (Lamp Test Switch)ฯลฯ
ข การแสดงสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Annuciator) โดยใช้หลอดไฟสัญญาณแสดงตําแหน่งของโซนทีเ่ กิดเหตุเพลิง
ไหม้ ทีไ่ ด้แบ่งไว้ตามแผนผังของอาคาร (Graphic Annunciator)มอนิเตอร์จอสี(Color Monitor) เครื่องบันทึกข้อมูล
(Printer)มีการแสดงสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ระยะไกล(Remote Annunciator)ซึง่ ติดตัง้ ทีห่ อ้ งยามตามทีไ่ ด้แสดงไว้ในแบบ
(ถ้าในแบบกําหนดให้ตดิ ตัง้ )
ค เครื่องอัดแบตเตอรี่ และแบตเตอรี่ (Battery Charger and Battery) เครื่องอัดแบตเตอรีต่ อ้ งเป็ นอุปกรณ์ทใ่ี ช้กบั
แรงดันไฟสลับ 220V Hz และแปลงเป็ นแรงดันไฟตรง 24V ประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิคส์ต่างๆโวลต์มเิ ตอร์แอมมิเตอร์
หลอดไฟสัญญาณแสดงการทํางานในสภาวะปกติ เป็ นต้น พร้อมทัง้ มีระบบ ป้องกันต่างๆ เช่นกระแสเกิน การลัดวงจรฯลฯ
เป็ นต้น แบตเตอรีเ่ ป็ นชนิดกรดกํามะถัน-ตะกัว(Seal
่ Lead Acid)หรือนิเกิน-แคดเมีย่ ม ซึง่ มีกาํ ลังพอใช้งานขณะไฟเมนดับได้
ไม่น้อยกว่า 24 ชัวโมงและมี
่ กาํ ลังพอใช้งานขณะไฟเมนดับได้ 24 ชัวโมงโดยที
่ เ่ ครื่องอัดแบตเตอรีต่ อ้ งมีขนาดทีเ่ หมาะสมกับ
การใช้งานดังกล่าวด้วย
ง อุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้(Initiating Devices) ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ซึง่ ได้แสดงในแบบอย่างน้อยดังนี้
3 การติ ดตัง้
ให้ตดิ ตัง้ แผงควบคุมกลาง ทีผ่ นังในห้องควบคุมของอาคาร ให้ลอยบนผนังตามตําแหน่งทีแ่ สดงในแบบและการติดตัง้
ให้เป็ นไปตามกฎของการไฟฟ้าฯ ตลอดจน NFPA
4 การทดสอบ
ให้ทดสอบการทํางานของระบบฯ ตามมาตรฐานของ NFPA และ UL และตามทีผ่ วู้ ่าจ้างเห็นสมควร โดยมีผแู้ ทนของ
ผูว้ ่าจ้างเข้าร่วมทดสอบด้วย
5 การฝึ กอบรม
ผูร้ บั จ้างต้องจัดฝึกอบรมพนักงานของผูว้ ่าจ้างให้รถู้ งึ วิธกี ารใช้งานระบบฯ และวิธกี ารบํารุงรักษาระบบฯ ด้วย
จบหมวดที่ 83
หมวดที่ 84
การอุดช่องเพื่อป้ องกันไฟลาม
1. วัสดุป้องกันไฟลาม
เป็ นผลิตภัณฑ์สาํ เร็จจากต่างประเทศ ทีไ่ ด้รบั การรับรองจากสถาบันทีเ่ ชื่อถือได้ทวไปเช่
ั่ น UL โดยส่งเอกสารขอ
อนุมตั จิ ากตัวแทนผูว้ า่ จ้าง โดยมีคุณสมบัตดิ งั ต่อไปนี้
1.1 ขยายตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อได้รบั ความร้อนสูง
1.2 เกาะยึดได้ดกี บั คอนกรีต โลหะ ไม้ พลาสติก และฉนวนหุม้ สายไฟฟ้า
1.3 สามารถตัดออกได้ง่ายเมื่อแห้งตัว ทนการสันสะเทื ่ อนได้ดี
1.4 สามารถขยายตัวแทนทีฉ่ นวนหุม้ ท่อ ฉนวนหุม้ สายไฟฟ้าและท่อต่าง ๆ ได้เมื่อเกิดเพลิงไหม้เพือ่ ป้องกันไฟ
ลามและควันลามได้
1.5 สามารถขยายทนความร้อนได้ถงึ 1000 องศาเซลเซียส ได้ไม่น้อยกว่า 3 ชัวโมง ่
1.6 ไม่มไี อระเหยทีเ่ ป็ นอันตรายต่อสุขภาพ ทัง้ ในขณะปกติและขณะเกิดเพลิงไหม้
1.7 สามารถถอดประกอบใหม่ เพื่อง่ายต่อการเพิม่ ท่อต่าง ๆ และสายไฟได้ โดยไม่ทาํ ให้ประสิทธิภาพการทนไฟ
เปลีย่ นไป
1.8 สามารถทนทานต่อสภาพความชืน้ สูง มีคุณสมบัตใิ นการยึดเกาะพืน้ ผิวได้ดแี ละสามารถทีจ่ ะทนต่อแรงดันนํ้า
ในสายฉีดนํ้าดับเพลิงได้ โดยจะต้องไม่มกี ารหลุดร่อนหรือเปลีย่ นสภาพคุณสมบัตกิ ารทนไฟและควันลามหลังจากฉีดนํ้า
ดับเพลิงแล้ว
3. สถานที่ติดตัง้ วัสดุป้องกันไฟลาม
3.1 ใช้อุดรอบท่อนํ้า ท่อลมและภายในท่อร้อยสาย รางร้อยสาย รางวางสาย สายเดินลอย บัสดักท์ของช่องท่อ
ต่าง ๆ ช่วงทีเ่ ดินทะลุพน้ื ผนังระหว่างชัน้ ทัง้ หมด ตามความเห็นชอบของผูอ้ อกแบบและ/หรือผูค้ วบคุมงาน
3.2 ช่องเปิ ดทีเ่ ปิ ดไว้สาํ หรับท่อนํ้า ท่อลม สายไฟ ราง และท่อร้อยในอนาคต ให้อุดช่องดังกล่าวเพื่อป้องกัน
ไฟลามด้วย
3.3 ช่องเปิ ดบริเวณตูไ้ ฟฟ้า
3.4 ช่องว่างทีเ่ กิดจากการเจาะผ่านผนังหรือกําแพงกันไฟ เช่นผนังบันไดหนีไฟ , ผนังลิฟท์ดบั เพลิง เป็ นต้น
จบหมวดที่ 84
กฏระเบียบความปลอดภัยในการทางาน
1. กฏทัวไปเกี
่ ่ยวกับความปลอดภัย
4.อุปกรณ์ค้มุ ครองความปลอดภัยส่วนบุคคล
6. ความปลอดภัยในการทางานเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม
7. ความปลอดภัยในการทางานเกี่ยวกับวัสดุอนั ตราย
8.1 ผูค้ วบคุมเครื่อง และผูป้ ้ อนเหล็กจะต้องเป็ นผูท้ ช่ี าํ นาญงาน และทําหน้าทีน่ ้ปี ระจําเท่านัน้
8.2 ผูค้ วบคุมเครื่อง และผูป้ ้ อนเหล็กต้องติดบัตรผูค้ วบคุมเครื่อง และผูป้ ้ อนเหล็กไว้ให้เห็นได้ชดั ตลอดเวลาทีท่ าํ หน้าที่
8.3 ห้ามตัด หรือดัดเหล็กในขณะทีผ่ ปู้ ้ อนเหล็กยังจับเหล็ก หรือตัวคน หรืออวัยวะของร่างกายอยูใ่ นบริเวณทีเ่ หล็ก
หรือเครื่องจักรอาจบีบ , ชน , กระแทกได้ 8.4 การแบกหามเหล็ก เข้าเครื่องตัดหรือดัดจะต้องเป็นไปในทิศทางไป
ด้านเดียวเท่านัน้ ไม่มกี ารเดินสวนกันเพราะปลายเหล็กอาจทิม่ แทงกันได้
8.4 เศษเหล็กทีใ่ ช้ไม่ได้แล้วจะต้องแยกขนาด และนําออกวันต่อวันไปเก็บไว้ในทีท่ ง้ิ เศษเหล็ก
9. ความปลอดภัยในการทางานก่อสร้างว่าด้วยเขตก่อสร้าง
11. ความปลอดภัยในการทางานเกี่ยวกับการตอกเสาเข็ม
13. ความปลอดภัยในงานเชื่อม
14. ความปลอดภัยในงานตัดด้วยแก๊ส
15. ความปลอดภัยในงานเจียร์
16. ความปลอดภัยในการทางานบนที่สูง
16.1 พืน้ ทีส่ งู ทีม่ ชี ่องเปิ ดต่างๆ รวมทัง้ ราวบันได ต้องทําราวกันตกทีม่ นคงแข็
ั่ งแรง
16.2 พืน้ รองรับขาตัง้ และข้อต่อต่างๆ ของนังร้ ่ านจะต้องอยูใ่ นสภาพดีและมันคงและไม่
่ สนคลอนในขณะทํ
ั่ างาน
16.3 พืน้ ไม้หรือเหล็กจะต้องยึดวางอย่างมันคงกั ่ บโครงสร้างของนังร้ ่ าน
16.4 โครงสร้างของนัง่ ร้านทีเ่ ป็ นเสาคํา้ ยันจะต้องให้ได้ฉากกับแนวระดับ ชิน้ ส่วนของนังร้ ่ านทีเ่ สียหายห้ามนํามาใช้
งานเด็ดขาด
16.5 ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชนิดทีเ่ กีย่ วกับข้องกับการใช้งาน เช่น รถเครน , ลวดสลิง , เชือก , ตะขอ , สะเก็น ว่าอยู่
ในสภาพดีทุกครัง้ ก่อนเริม่ ทํางาน หากชํารุดห้ามนํามาใช้
16.6 ผูป้ ฏิบตั งิ านบนทีส่ งู เกิน 4 เมตร ในทีโ่ ดดเดีย่ วเปิ ดโล่งต้องสวมเข็มขัดนิรภัยและคล้องเมื่ออยู่ในสภาพทีค่ ล้องได้
16.7 ขณะทีม่ พี ายุหรือฝนตก ผูป้ ฏิบตั งิ านบนทีส่ งู ต้องหยุดทํางานและลงมาข้างล่าง
16.8 ในกรณีทพ่ี น้ื นังร้ ่ านลื่นชํารุดหรือเป็ นช่อง ต้องทําการแก้ไขโดยทันทีและห้ามใช้ไม้ทช่ี าํ รุดผุกร่อนมาทําพืน้ นัง่
เรียบ นังร้ ่ านทีส่ งู กว่า 2 เมตร ต้องมีราวกันตก สูง 90 ซม . แต่ไม่เกิน 1.10 เมตร
17.1 จัดทําแผนผังวงจรไฟฟ้าชัวคราวที
่ ใ่ ช้ในระหว่างก่อสร้าง พร้อมปรับปรุงข้อมูลในกรณีทม่ี กี ารแก้ไขเปลีย่ นแปลง
18. ความปลอดภัยในการยกเคลื่อนย้ายของหนักด้วยมือ
20. ความปลอดภัยในสานักงานโครงการ
21. ตรวจความปลอดภัยของตะขอ (HOOK) , เสกน ( Shackle) , ลวดสลิ ง , โซ่ยก , สลิ งยก , ตะขอ ( HOOK)
ขนาดโซ่ (นิ้ว) สึกหรอได้สงู สุด (นิ้ว) ขนาดโซ่ (นิ้ว) สึกหรอได้สงู สุด (นิ้ว)
1/4 3/16 1 3/16
21.17 สลิงยกทีม่ เี ส้นลวดขาด 6 เส้นใน 1 รอบของการตีเกลียว (1 rope lay) หรือมีเส้นลวดขาด 3 เส้นใน 1 แสตรนด์
ถือว่าหมดอายุใช้งาน สลิ งยก ( Wire Rope Sling)
21.18 สลิงทีม่ กี ารสึกหรอมากกว่า 1 ใน 3 ของเส้นผ่านศูนย์กลางเดิม ถือว่าหมดอายุการใช้งาน
21.19 การหักงอ หรือแตกออกเป็ นรูปกรงนก หมดอายุใช้งาน
21.20 สลิงยกทีม่ รี อยถูกไฟไหม้ หมดอายุการใช้งาน
21.21 สลิงทีม่ รี อยแตกร้าวทีป่ ลาย Fittings ทัง้ สองข้าง หรือมีการกร่อนทีล่ วดสลิง ห้ามใช้งาน
22. ความปลอดภัยรถเครน
23. ความปลอดภัยว่าด้วยบันได
25.1 เมื่อรถจอดต้องดึงเบรคมือล็อคล้อรถทุกครัง้
25.2 เครือ่ งมือหนักทุกชนิดห้ามโดยสาร
25.3 ห้ามเข้าไปนังอยู
่ ข่ า้ งล่างใบมีด ลูกล้อ หรือไปนอนในบุง้ กี๋ แทรค หรือส่วนใดของเครื่องจักร
26. ป้ ายเตือนความปลอดภัย
27. การปฐมพยาบาล
28. ความปลอดภัยงานขุดขนดิ น
จบหมวดที่ 85
ภาคผนวก ก.
รายการวัสดุเทียบเท่าตามมาตรฐานผลิ ตภัณฑ์อตุ สาหกรรม
หมายเหตุ
1. วัสดุผลิตภัณฑ์ตามข้อ (2), (3), (4) จะต้องมีเครื่องหมายการค้าหรือชื่อบริษทั หรือโรงงานผูผ้ ลิตทีไ่ ด้รบั
อนุญาตให้แสดงเครื่องหมายพร้อมทัง้ เครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรมและหมายเลข มอก. กํากับไว้ชดั เจน ถ้าไม่
สามารถแสดงบนผลิตภัณฑ์ได้ ก็ให้แสดงบนหีบห่อ หรือมีแผ่นป้ายแสดงให้ชดั เจน สําหรับผลิตภัณฑ์ทย่ี งั มิได้มกี ารประกาศ
กําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทก่ี าํ หนดไว้ในแบบรูป หรือรายละเอียด ประกอบแบบก่อสร้าง
กําหนดไว้
2. กรณีวสั ดุอุปกรณ์ทไ่ี ด้กาํ หนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแล้วและต่อมากระทรวงอุตสาหกรรม ได้
กําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพิม่ เติม หรือแก้ไขปรับปรุงขึน้ ใหม่ ก็ให้ถอื มาตรฐานอุตสาหกรรมทีไ่ ด้ประกาศ
เพิม่ เติมได้
3. วัสดุ-อุปกรณ์ ประกอบอาคารทุกชนิดทีจ่ ะใช้ในการก่อสร้างให้ผรู้ บั จ้างนําตัวอย่าง หรือเอกสารประกอบ
อาคารทุกชนิดซึง่ สามารถตรวจพิสจู น์ได้ว่าถูกต้องตามแบบรูปรายการ ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและตาม
ระเบียบพัสดุมอบให้คณะกรรมการตรวจการจ้าง หรือผูร้ บั ผิดชอบซึง่ มีอาํ นาจรับรองตามมติ ครม. ซึง่ หมายถึงสถาปนิ ก-
วิศวกร หรือผูช้ าํ นาญการ พิจารณาผ่านคณะกรรมการตรวจการจ้างก่อนอนุญาตให้ตดิ ตัง้ หากผูร้ บั จ้างดําเนินการไปโดย
ไม่ได้รบั การอนุมตั แิ ละพิสจู น์ทราบได้ว่าได้ทาํ ผิดไปจากแบบรูปรายการ ผูร้ บั จ้างต้องรือ้ ถอนแก้ไขทันที และผูร้ บั จ้างไม่
สามารถเรียกค่าเสียหายใดๆ ทัง้ สิน้ .
4. อํานาจ และสิทธิ การเลือก ใช้เป็นของผูว้ ่าจ้าง ในการทีจ่ ะเลือกใช้และอนุมตั ิ
41 โครงเคร่าเหล็กกล้าสําหรับยึดแผ่นฝ้าและแผ่นผนัง 863-2532
42 ชิน้ ส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสําเร็จสําหรับระบบพืน้ ประกอบ 828-2546
43 ดวงโคมไฟฟ้าติดประจําทีส่ าํ หรับจุดประสงค์ทวไป
ั่ 902-2532
44 ดวงโคมไฟฟ้าฝงั 903-2532
45 ตะแกรงลวดเหล็กกล้าข้ออ้อยเชือ่ มติดเสริมคอนกรีต 926-2533
46 ตะแกรงเหล็กกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีต 737-2549
47 ถังเก็บนํ้าพลาสติก 1379-2551
48 ถังเก็บนํ้าพลาสติกเสริมใยแก้ว 435-2548
49 ถังนํ้าเหล็กอาบสังกะสี 238-2520
50 ถังเหล็กกล้าไร้สนิมสําหรับเก็บนํ้า 989-2533
51 ท่อคอนกรีตไม่เสริมเหล็กสําหรับงานระบายนํ้า 224-2533
52 ท่อคอนกรีตเสริมเหล็กสําหรับงานระบายนํ้า 128-2549
53 ท่อคอนกรีตเสริมเหล็กหล่อสําเร็จรูปสีเ่ หลีย่ มสําหรับงานระบายนํ้าใต้ทางเท้า 1164-2536
54 ท่อซีเมนต์ใยหินชนิดทนความดัน 81-2548
55 ท่อซีเมนต์ใยหินสําหรับงานระบายนํ้าทัวไป
่ 622-2529
56 ท่อซีเมนต์ใยหินสําหรับงานระบายนํ้าภายในอาคาร 621-2529
57 ท่อพีวซี แี ข็งสําหรับใช้เป็ นท่อนํ้าดื่ม 17-2532
58 ท่อพีวซี แี ข็งสําหรับใช้รอ้ ยสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ 216-2524
59 ท่อพอลิเอทิลนี สําหรับนํ้าดื่ม 982-2548
60 ท่อโพลิบวิ ทิลนี สําหรับใช้เป็ นท่อนํ้าดื่ม 910-2532
61 ท่อเหล็กกล้า 276-2532
62 ท่อเหล็กกล้าเคลือบสังกะสีสาํ หรับใช้รอ้ ยสายไฟฟ้า 770-2533
63 ท่อเหล็กกล้าเชื่อมด้วยไฟฟ้าสําหรับส่งนํ้า 427-2531
64 ท่อเหล็กกล้าไร้สนิมออสเทไนต์ 1006-2535
65 ท่อเหล็กกล้าอาบสังกะสี 277-2532
66 นํ้ายาประสานท่อพีวซี แี ข็งและข้อต่อท่อพีวซี แี ข็ง 1032-2534
67 นํ้ายารองพืน้ สําหรับปูน อิฐ หิน ทีส่ ที าไว้เดิมขึน้ ฝุน่ (นํ้ายารองพืน้ ทับสีเก่า) 1177-2536
68 บัลลาสต์สาํ หรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ 23-2521
69 บัลลาสต์อเิ ล็กทรอนิกส์ใช้กบั ไฟฟ้ากระแสสลับ 885-2551
สําหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ เฉพาะด้านความลอดภัย
70 บานประตูแผ่นไม้ประกอบ 192-2549
71 บานพับสําหรับประตูและหน้าต่าง : บานพับสองปี ก 759-2531
72 บานพับสําหรับหน้าต่าง : บานพับปรับมุมชนิดฝืด 862-2532
73 ประตูเหล็กม้วนแบบทึบชนิดใช้มอื ดึง 593-2530
74 ปูนซีเมนต์ขาว 133-2518
75 ปูนซีเมนต์ปอร์ดแลนด์ เล่ม 1 ข้อกําหนดเกณฑ์คุณภาพ 15 เล่ม 1-2547
76 ปูนซีเมนต์ปอร์ดแลนด์ปอซโซลาน 849-2532
77 ปูนซีเมนต์ผสม 80-2550
78 ปูนยิปซัมผสม 1057-2549
79 ปูนยิปซัมสําหรับการก่อสร้าง 188-2547
80 แผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสําเร็จสําหรับระบบพืน้ คอนกรีต 576-2546
81 แผ่นชิน้ ไม้อดั ซีเมนต์ : ความหนาแน่นสูง 878-2537
82 แผ่นพอลิเอสเตอร์เสริมใยแก้ว 612-2549
83 แผ่นไม้อดั 178-2549
84 แผ่นไม้อดั เคลือบพลาสติกสําหรับแบบหล่อคอนกรีต 1107-2535
85 แผ่นยิปซัม 219-2524
86 แผ่นใยแก้ว 487-2526
87 แผ่นใยไม้อดั แข็ง 180-2532
88 แผ่นเหล็กมุงหลังคา 1128-2535
89 ฝกั บัวอาบนํ้า 1187-2547
90 พัดลมไฟฟ้ากระแสสลับ เฉพาะด้านความปลอดภัย 934-2533
91 พัดลมไฟฟ้ากระแสสลับชนิดแขวนเพดาน 205-2530
92 พัดลมไฟฟ้ากระแสสลับชนิดตัง้ โต๊ะและติดผนัง 92-2536
93 พัดลมไฟฟ้ากระแสสลับชนิดตัง้ พืน้ 127-2536
94 พัดลมไฟฟ้ากระแสสลับชนิดส่ายรอบตัว 572-2528
95 มาตรวัดนํ้าต่อด้วยเกลียวชนิดใบพัด 1021-2534
96 มาตรวัดนํ้าต่อด้วยเกลียวชนิดลูกสูบ 1271-2538
97 มุง้ ลวดอลูมเิ นียมกันแมลง 313-2531
ภาคผนวก ข.
ตัวอย่างมาตรฐานวัสดุอปุ กรณ์
วัตถุประสงค์
1. รายละเอียดในหมวดนี้ได้แจ้งถึงรายชื่อผูผ้ ลิตและผลิตภัณฑ์ วัสดุ และอุปกรณ์ทถ่ี อื ว่าได้รบั การยอมรับ ทัง้ นี้
คุณสมบัตขิ องอุปกรณ์นนั ้ ๆ ต้องไม่ขดั ต่อรายละเอียดเฉพาะทีก่ าํ หนดไว้ การเสนอผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากชื่อที่
ให้ไว้ทใ่ี ห้ไว้น้ี ต้องแสดงเอกสาร รายละเอียด และหลักฐานอ้างอิงอย่างเพียงพอ เพื่อการพิจารณาอนุมตั ใิ ห้ใช้งาน
โดยมีคุณภาพเทียบเท่า
2. “เทียบเท่า” หมายถึง การอนุญาตให้ใช้วสั ดุก่อสร้างนอกเหนือจากทีก่ าํ หนดไว้ ในกรณีทผ่ี รู้ บั จ้างไม่สามารถจัดหา
วัสดุนนั ้ ๆได้ ทัง้ นี้ตอ้ งเทียบเท่าโดยคุณภาพ ปริมาณ และราคา และต้องได้รบั ความเห็นชอบจากผูว้ ่าจ้างแล้ว
เท่านัน้ ในกรณีทผ่ี รู้ บั จ้างมีความประสงค์จะขอใช้วสั ดุทด่ี กี ว่าหรือเทียบเท่า กับสิง่ ของทีร่ ะบุในสัญญา ผูร้ บั จ้าง
จะต้องเสนอเรื่อง ขอใช้วสั ดุเทียบเท่าต่อผูว้ ่าจ้างก่อนทีจ่ ะถึงกําหนดใช้วสั ดุนัน้ เป็ นเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน โดย
ผูร้ บั จ้างต้องแสดงเหตุผลความจําเป็ นทีไ่ ม่สามารถใช้วสั ดุทร่ี ะบุในรายการได้ และทําตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติ
คุณลักษณะ มาตรฐาน และราคา ตามวัตถุประสงค์ของรูปแบบทีก่ าํ หนดให้ใช้วสั ดุนนั ้ ตามสัญญา ไม่น้อยกว่า 2
ผลิตภัณฑ์ทร่ี ะบุไว้ (ยีห่ อ้ ) โดยเปรียบเทียบกับวัสดุทข่ี อใช้เทียบเท่าให้ครบถ้วน พร้อมระบุและแสดงวิธที ดสอบ
หรือพิสจู น์ ซึง่ ทางผูว้ ่าจ้างจะทําการแต่งตัง้ กรรมการผูท้ รงคุณวุฒไิ ม่น้อยกว่า 3 คน ขึน้ พิจารณาการเทียบเท่า
อย่างละเอียด โดยการตัดสินของคณะกรรมการพิจารณาเทียบเท่าวัสดุทแ่ี ต่งตัง้ ขึน้ ให้ถอื เป็ นทีส่ ดุ เฉพาะคราวนัน้
(ตามนัย โดยปฎิบตั ต ิ ามหลักเกณฑ์ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ข้อ 16 อํานาจการ
อนุมตั ขิ องผูค้ วบคุมงานและกรรมการตรวจการจ้าง ตาม ข้อ 72-73 และมติคณะรัฐมนตรีแจ้งโดยหนังสือสํานัก
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีท่ี สร.0203/ว.52 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2520)
3. ประเทศผูผ้ ลิตวัสดุและอุปกรณ์ตามทีไ่ ด้ระบุไว้ เป็ นเพียงประเทศต้นสังกัดของวัสดุและอุปกรณ์นนั ้ ๆ การนําเสนอ
รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ (MATERIAL APPROVE) และผลิตภัณฑ์นนั ้ ๆ ไม่ได้ผลิตภายในประเทศต้นสังกัด
ผูร้ บั จ้างจะต้องแสดงหลังฐานการนําเข้าผลิตภัณฑ์ทม่ี าจากประเทศผูผ้ ลิตจริง เพื่อการพิจารณาอนุมตั ิ ตามความ
เห็นชอบของเจ้าของโครงการ วิศวกรผูอ้ อกแบบ หรือวิศวกรผูค้ วบคุมงานก่อสร้าง
รายชื่อผูผ้ ลิตและผลิตภัณฑ์ของวัสดุและอุปกรณ์มาตรฐาน
1. รายชื่อผูผ้ ลิตและผลิตภัณฑ์ของวัสดุ และอุปกรณ์มาตรฐานงานสถาปตั ยกรรม
คุณภาพเทียบเท่า
- กระจกอัดแผ่นฟิลม์ - VMC ของบจก. สยาม วี. เอ็ม. ซี. กระจกนิรภัย
(LAMINATED GLASS) - TGSG ของบจก. ไทย-เยอรมัน สเปเชียลตีก้ ลาส
- PMC บจก. กระจกพีเอ็มเค – เซ็นทรัล
- Taiwan Glass Ind.Corp.(บ.กระจกคุณค่า จํากัด)หรือ
คุณภาพเทียบเท่า
- กระจกสะท้อนแสง - อาซาฮี ของบจก. กระจกไทย – อาซาฮี
(REFLECTIVE GLASS) - TGSG ของบจก. ไทย-เยอรมัน สเปเซียลตีก้ ลาส
- Taiwan Glass Ind.Corp.(บ.กระจกคุณค่า จํากัด)หรือ
คุณภาพเทียบเท่า
1.23 งานผนังกระจก - ASIA ALUMINUM AND GLASS CO.,LTD.
GLAZED CURTAIN WALL/SPIDER - OREGON ALUMINIUM CO., LTD.
GLAZING SYSTEM - YHS INTERNATIONAL CO., LTD.
- ASIA ASIATIC (THAILAND) CO.,LTD.,
- S ONE ALUMINIUM CO.,LTD.
- TOSTEM THAI CO.,LTD.หรือคุณภาพเทียบเท่า
- หรือคุณภาพเทียบเท่า
1.32 แผ่นไฟเบอร์ซเี มนต์บอร์ด (ปราศจากใยหิน) - สมาร์ดบอร์ด ตราช้าง ของบจก. สยามอุตสาหกรรมยิป
ซัม่
- ต้นไม้ (ไม้ระแนงเฌอร่า,ฝ้าเฌอร่าแฟล็กซีบ่ อร์ด,ไม้เฌอ
ร่า
- ROCK WOOD
- หรือคุณภาพเทียบเท่า
1.33 ฝ้าเพดานตะแกรงอลูมเิ นียมกล่องอบสี - CN ของบจก. ซี เอ็น โปรเกรส อินเตอร์ กรุ๊ป
- ผลิตภัณฑ์ของ บจก. โอเวอร์ซี อลูมนิ มั ่
- ผลิตภัณฑ์ของบจก. อัลท็อป
1.34 กระเบือ้ งหินขัดปูพน้ื มอก. 379-2543 - TRG ของบจก. สระบุรรี ชั ต์
- MARBLEX ของบจก. กรุงเทพหินอ่อนเทียม
- STONIC ของบจก. เคหะภัณฑ์ มาร์เก็ตติง้
- หรือคุณภาพเทียบเท่า
1.35 แผ่นฝ้าเพดานกันเสียง
(ACOUSTICAL CEILINGS)
- แผ่นฝ้าเพดานกันเสียง - ARMSTRONG ของบจก. สยามอุตสาหกรรมยิปชัม่
ACOUSTICAL BOARD (สระบุร)ี
- CELOTEX ของบจก. ไทยผลิตภัณฑ์ยปิ ชัม่
- USG ของบจก. ธ.พัฒนกิจ
- หรือคุณภาพเทียบเท่า
- โครงเคร่าโลหะ - CMC ของบจก. สยามอุตสาหกรรมยิปชัม่ (สระบุร)ี
- GYPROC ไทยยิปชัม่ ของบจก. ไทยผลิตภัณฑ์ยปิ ชัม่
- ARCON
- หรือคุณภาพเทียบเท่า
1.36 หินอ่อน (MARBLE FLOORING) - บจก. อาณาจักรสุโขทัยหินอ่อนและแกรนิต
- บจก. เอเชียแกรนิต
- บจก. เอ็มไพร์แกรนิต
- บจก. MAPEI
- หรือคุณภาพเทียบเท่า
1.37 หินแกรนิต (GRANITE FLOORING) - บจก. อาณาจักรสุโขทัยหินอ่อนและแกรนิต
- บจก. เอเชียแกรนิต
- บจก. เอ็มไพร์แกรนิต
- บจก. MAPEI
- หรือคุณภาพเทียบเท่า
1.38 คอนกรีตบล็อกประสานปูพน้ื - CPAC ของบจก. สยามซีแพคบล็อค
2.51 กล้องโทรทัศน์วงจรปิดผ่านเครือข่ายไอ
พี ชนิดเลนส์ 360° (Fixed Type Fish AXIS, BOSCH, MOBOTIX, PELCO,หรือคุณภาพ
Eye Lens CCTV Camera) เทียบเท่า
2.52 อุปกรณ์บนั ทึกสัญญาณภาพ และเสียง DELL, HP, IBM, QNAP, SYNOLOGY,หรือ
สําหรับกล้องวงจรปิดผ่านเครือข่ายไอพี คุณภาพเทียบเท่า
2.53 เครือ่ งคอมพิวเตอร์สาํ หรับมอนิเตอร์
ระบบ DELL, HP, IBM,หรือคุณภาพเทียบเท่า
2.54 LG, PHILIPS, TOSHIBA, SAMSUNG, SONY,
จอแสดงภาพ หรือคุณภาพเทียบเท่า
2.55 ระบบบริหารจัดการกล้องโทรทัศน์วงจร MILESTONE, NUUO, LEVEL1,หรือคุณภาพ
ปิดพร้อมซอฟท์แวร์ เทียบเท่า
2.56 APC, EMERSON, MGE, POWERWARE,หรือ
เครือ่ งสํารองไฟฟ้าฉุ กเฉิน คุณภาพเทียบเท่า]
(Uninterruptible Power Supply : UPS)
ขนาด 20 kVA
2.57 อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ากระโชก (Surge EMERSON, SQUARE D, STABIL,หรือคุณภาพ
Protector Device) เทียบเท่า
2.58 สื่อประชาสัมพันธ์แบบดิจติ อล(Digital
Signage) CISCO, LG, SAMSUNG,หรือคุณภาพเทียบเท่า
2.59 ระบบ Access Control (Finger Scan + iGuard, KEYKING, BOSCH,หรือคุณภาพ
RFID) เทียบเท่า
- MITSUBISHI
- YORK หรือเทียบเท่า
- SAMSUNG
3.3. VENTILATING FAN (PROPELLER,
CEILING MOUNTED) PANASONIC, JAPAN
- MITSUBISHI, JAPAN
- GREENHECK, USA
- ITT-HOFFMAN, USA
- KITAZAWA, JAPAN
- HOFFER, THAILAND
- SCHENK, USA
- TRERICE, USA
4.43 PRESSURE GAUGE - MARSHAL TOWN, USA
- WEISS, USA
- DRESSER, USA
- TYCO, USA
4.44 ALARM VALVE - CENTRAL, USA
- VICTAULIC, USA
- TUNA, USA
- GIACOMINI, ITALY
- CENTRAL, USA
4.45 FIRE DER ARTMENT CONNECTION, - STAND PIPE, USA
ROOF MANIFOLD, FIRE HOSE VALVE, - AUTO.SPK, USA
HYDRANT
4.46 RELIEF VALVE - CLAYTON, USA
- MUESCO, USA
- WATTS ACV, USA, GEM, USA
- GEM, USA
- VIKING, USA
4.51 FLOW SWITCH, SURERVISORY - POTTER ELECTRIC, USA
SWITCH - SYETEM SENSOR, USA
- GE, USA
- SIEMENS, W. GERMANY
4.52 SWITCHGEAR AND STARTER - AEG, W.GERMANY
- ITE, USA
4.53 CONDUIT - MATSUSHITA, JAPAN
- MERUTCHI, JAPAN
- TAS, LOEAL
4.54 CABLE - THAI YAZAKI, THAILAND
- PHELPSDODGE, THAILAND
- BANGKOK CABLE, THAILAND
- HYGOOD, UK