Professional Documents
Culture Documents
ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้ารับบริการนวดแผนไทย
ของผู้สูงอายุในจังหวัดพะเยา
มนชนก ชูวรรธนะปกรณ์1 เกษแก้ว เสียงเพราะ2
1 อาจารย์ประจาสาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
2 อาจารย์ประจาสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนาภาคตัดขวางนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการการ
นวดแผนไทยของผู้สูงอายุที่มารับบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล จังหวัดพะเยา กลุ่มตัวอย่างเป็น
ผู้สูงอายุ จานวน 403 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เก็บข้อมูลในระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2561
โดยใช้แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และ
ไคสแควร์
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุ ร้อยละ 48.4 ที่เคยมีประสบการณ์ นวดแผนไทยโดยมีอายุ
ระหว่าง 60-69 ปี ร้อยละ 27.6 ความถี่ของการมารับบริการนวดแผนไทย 1-2 ครั้งต่อเดือน ร้อยละ 71.7
รูปแบบที่มารับบริการนวดแผนไทย ร้อยละ 65.1 นวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับ
การเข้ารับบริการนวดแผนไทย ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคลด้านเพศ อายุ ฐานะเศรษฐกิจและสังคม สิทธิการ
รักษาพยาบาล โรคประจาตัวของกลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับบริการคือ โรคความดันโลหิตสูง โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ
และโรคเบาหวานตามลาดับ และการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p0.05)
ปัจจัยเสริม การตัดสินใจด้านสถานที่บริการนวดแผนไทย ได้แก่ รูปแบบการให้บริการนวดแผนไทย และ
สภาพแวดล้อมทางกายภาพ มีความสัมพันธ์ต่อการเลือกเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลใน
จังหวัดพะเยา (p0.05)
แนวทางพั ฒ นาคุ ณ ภาพการให้ บ ริ ก ารการแพทย์ แ ผนไทยควรส่ งเสริ ม และให้ ค วามส าคั ญ เกี่ ย วกั บ
กระบวนการให้บริการ บุคลากร ข้อมูลข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ และการจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการ
เข้าถึงระบบบริการสุขภาพให้เพิ่มขึ้นและพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง และหน่วยงานภาครัฐที่
เกี่ยวข้องควรสนับสนุนและจัดระบบบริการให้สิทธิการรักษาเพิ่มแก่ผู้สูงอายุที่มีโรคประจาตัว ให้สามารถ
เข้าถึงระบบบริการแพทย์ทางเลือกเพิ่มขึ้น
Abstract
This cross-sectional descriptive study aimed to study the factors related to decision making on
Thai traditional massage services in elderly people in health promoting hospitals, Phayao
Province. Sample group of 403 participants were selected by multi-stage random sampling. Data
was collected during January - April 2018 by interview form. Data were analyzed using descriptive
statistics, mean, standard deviation, percentages, and Chi square.
The results showed that sample group of elderly people who had were used Thai traditional
massage for 48.4 % who aged between 60-69 years for 27.6 % , the frequency of Thai traditional
massage service 1-2 times per month (71.7 %), types of Thai Traditional massage (65.1 %) Promote
health massage. Factors that related to decision making on Thai traditional massage services were
personal factors, gender, age, economic status and society. Rights to healthcare, Congenital
Disease. The sample group that received the service had Hypertension, musculoskeletal diseases
and Diabetes respectively, and the perception of information were statistically significant (p<0.05).
The reinforcing factors such as process of providing Thai traditional massage services, location and
physical environment on decision making services at Health Promotion Hospital in Phayao
Province had a statistically significant (p<0.05)
Guidelines for improving the quality of Thai traditional medicine services should promote and
pay attention to professional services process, professional personnel, public information
relations, accessible facilities, and building environment management, and constantly service-
quality improvement. And government agencies that related the health should support and
organize the Rights to healthcare system for elderly with congenital diseases to be able to access
to alternative medicine services.
Keywords: Decision Making Service/ Elderly Health Care/ Thai Traditional Massage Service in
Health Promotion Hospital
บทนา ผู้สูงอายุเป็นภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่
ปั จ จุ บั น ผู้ สู ง อายุ เ พิ่ ม จ านวนขึ้ น ทั่ ว โลก ทุกครอบครัว ตลอดจนชุมชน รวมถึงหน่วยงาน
ประเทศไทยเป็น อีกประเทศหนึ่งที่ กาลังพัฒ นา ภาครัฐ ที่ มี บ ทบาทหน้ าที่ ค วามรับ ผิ ด ชอบด้ า น
และมี ก ารเปลี่ ย นแปลงไปพร้ อ มกั บ สั งคมโลก ผู้สูงอายุต้องดูแลร่วมมือกัน
อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลสถานการณ์ประชากร ในปี กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเสริมนโยบายและ
พ.ศ. 2564 พบว่ า ประเทศไทยก าลั ง จะเข้ า สู่ กาหนดยุทธศาสตร์การแพทย์แผนไทย สนับสนุน
“สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ ” เมื่อประชากรอายุ ให้เป็นทางเลือกในการรักษาโรคและฟื้นฟูสภาพ
60 ปี ขึ้ น ไปมี สั ด ส่ ว นสู งถึ ง ร้ อ ยละ 20.0 ของ ความเจ็ บ ป่ ว ยแก่ ป ระชาชน โดยให้ มี ก ารใช้
ประชากรทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2574 ประเทศไทย ผสมผสานกับการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์
จะเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด เมื่อประชากร แผนไทยมีความสาคัญชัดเจนขึ้นในปี พ.ศ. 2545
อายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28.0 ของ จนถึงปัจจุบันการให้บริการการแพทย์แผนไทยได้
ประชากรทั้งหมด 1 ซึ่งผลจากการที่ผู้สู งอายุไทย เข้าร่วมอยู่ในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ 4 มี
เพิ่ ม จ านวนมากขึ้ น อย่ า งรวดเร็ ว ท าให้ มี ค วาม การให้ บ ริ ก ารด้ า นการแพทย์ แ ผนไทยแก่
ต้องการบริการด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจาก ประชาชนในโรงพยาบาลภาครัฐ ซึ่งการบริการ
อายุที่มากขึ้นทาให้มีโอกาสเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ ประกอบด้ ว ย การนวดแผนไทย การจ่ า ยยา
ง่าย เมื่อเจ็บป่วยจะมีความรุนแรง หายช้า และ สมุ น ไพร การอบหรื อ การประคบสมุ น ไพร
มักมีความพิการหรือพยาธิสภาพต่างๆ ได้เสมอ 2 ซึ่งศาสตร์การดูแลรักษาสุขภาพด้วยการแพทย์
ซึ่ งผู้ สู งอ า ยุ เป็ น ช่ ว งวั ย ที่ ต้ อ งเผ ชิ ญ ก า ร แผนไทย สามารถนามาใช้ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
เปลี่ยนแปลงในทางเสื่อมลงทุกด้าน เช่น ทางด้าน แบบองค์ ร วมตามหลั ก ของธรรมานามั ย คื อ
ร่างกาย ด้านจิตใจ และด้านสังคม อันส่งผลต่อ กายานามั ย จิ ต ตานามั ย และชี วิ ต านามั ย 5
การเกิด ปั ญ หาสุ ขภาพจิต จากการเจ็บ ป่ วยทาง โดยกายานามัยเป็นหลักการป้องกันก่อนเจ็บป่วย
กาย เกิ ด โรคเรื้ อ รั ง ไม่ สุ ข สบาย ไม่ ส ามารถ เช่ น การรั บ ประทานอาหาร การใช้ ส มุ น ไพร
ทางานได้ อย่างเดิ ม นอกจากนั้ นจากการศึก ษา การนวดบาบัด การออกกาลังกายด้วยท่าบริหาร
ข้ อ มู ล พบว่ า กลุ่ ม โรคที่ ผู้ สู ง อายุ ป่ ว ยมาก 3 ฤาษี ดั ด ตน เป็ น ต้ น จิ ต ตานามั ย เป็ น หลั ก การ
อันดับแรก คือ กลุ่มโรคระบบกล้ามเนื้อ กระดูก บริหารจิตด้วยทาน ศีล ภาวนา ส่วนชีวิตานามัย
และข้อ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ และกลุ่ม เป็นหลักการดาเนินชีวิตชอบ เดินสายกลาง ตาม
โรคหัวใจและหลอดเลือด3 ดังนั้นการก้าวเข้าสู่วัย หลั ก เศรษฐกิ จ พอเพี ย ง อยู่ ใ นสิ่ ง แวดล้ อ มที่
สู งอายุ จึ งต้ อ งให้ ค วามส าคั ญ ในเรื่ อ งการดู แ ล เหมาะสม และเห็นความสาคัญของการช่วยเหลือ
สุขภาพอนามัยที่เหมาะสมแบบเป็นองค์รวมอัน ผู้สูงอายุอื่นให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี การบาบัดโรค
จะส่งผลต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งนี้การดูแล ด้วยวิธีการนวดแผนไทยเป็นวิธีการบาบัดโรคที่มี
Thai Journal of Health Education January – June 2020 Vol. 43 No.1 90
ผู้ สู งอายุ ที่ มี โ รคประจ าตั ว พบว่ า มากกว่ า ร้อยละ 19.6 รองลงมาคือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
ค รึ่ งห นึ่ งเค ย น วด แ ผ น ไท ย ร้ อ ย ล ะ 42.9 ร้อ ยละ 17.9 ครอบครั ว ร้ อ ยละ 11.8 และสื่ อ
เมื่อจาแนกโรคประจาตัวที่พบบ่อยและเคยนวด โปสเตอร์ แผ่นพับ ร้อยละ 10.4 ตามลาดับ เมื่อ
แผนไทย คือโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 34.2 ทดสอบความสัมพั นธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล
รองลงมาคื อ โรคปวดกล้ า มเนื้ อ และโครงสร้ า ง ด้านโรคประจาตัว และการรับรู้ข้อมูลข่าวสารกับ
กระดูก ร้อยละ 28.4 และโรคเบาหวาน ร้อยละ การเข้ารับบริการนวดแผนไทยของผู้สูงอายุพบว่า
14.2 ตามล าดั บ ข้ อ มู ล ข่ า วสารเกี่ ย วกั บ การ มี ค วาม สั ม พั น ธ์ อ ย่ า งมี นั ย ส าคั ญ ทางสถิ ติ
บริการนวดแผนไทย พบว่า ส่วนใหญ่ได้รับข้อมูล (p0.05) (ตารางที่ 2)
ข่าวสารเกี่ยวกับการบริการนวดแผนไทยร้อยละ
37.7 และพบว่า ช่ อ งทางข้ อ มู ล ข่ าวสารที่ ได้ รั บ
มากที่ สุ ด จากอาสาสมั ค รสาธารณสุ ข (อสม.)
Thai Journal of Health Education January – June 2020 Vol. 43 No.1 94
ตารางที่ 4 จานวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจาแนกตามระดับการตัดสินใจและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการ
ตัดสินใจเข้ารับบริการนวดแผนไทย
การเข้ารับบริการ
รวม (N=403) ไม่เคย เคย
ระดับการตัดสินใจ/ เข้ารับบริการ เข้ารับบริการ p
ปัจจัยแวดล้อม (n=208) (n=195)
จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ
สถานที่ให้บริการนวดแผนไทย 0.025
พอใจมาก 59 14.6 34 8.4 25 6.2
พอใจปานกลาง 235 58.4 108 26.8 127 31.6
พอใจน้อย 109 27.0 66 16.4 43 10.6
รูปแบบการนวดแผนไทย 0.037
พอใจมาก 60 14.9 23 5.7 37 9.2
พอใจปานกลาง 220 54.6 113 28.0 107 26.6
พอใจน้อย 123 30.5 72 19.7 51 12.6
สภาพแวดล้อมทางกายภาพของสถานที่ 0.003
พอใจมาก 54 13.4 19 4.7 35 8.7
พอใจปานกลาง 170 42.2 82 20.3 88 21.9
พอใจน้อย 179 44.4 107 26.5 72 17.9
Thai Journal of Health Education January – June 2020 Vol. 43 No.1 96
อภิปรายผล ที่พบสูงกว่ากลุ่มที่ไม่เคยเข้ารับบริการนวดแผน-
ผลการศึกษาวิจัยครั้งนี้ สามารถอธิบายได้ว่า ไทย คื อ โรคความดั น โลหิ ต สู ง รองลงมาคื อ
ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีความสัมพันธ์ต่อผู้สูงอายุในการ โรคปวดกล้ ามเนื้ อ และโครงสร้ า งกระดู ก และ
เข้ารับการนวดแผนไทยในระบบบริการสุขภาพ โรคเบาหวาน ตามลาดับ แสดงให้ เห็ นว่าระบบ
ประกอบไปด้ ว ยปั จ จั ย ส่ ว นบุ ค คล ปั จ จั ย น า ไหลเวี ย นโลหิ ต ในร่ า งกายของผู้ สู งอายุ มี ก าร
ปั จ จั ย เอื้ อ และปั จ จั ย เสริ ม 7 ส าหรั บ ปั จ จั ย น า ไหลเวียนที่ไม่ดี ทาให้เกิดอาการปวดต่าง ๆ ตาม
เกี่ ย วกั บ คุ ณ ลั ก ษณะประชากรและสั งคมใน ร่างกายขึ้นได้16 ส่วนสถานภาพสมรส และระดับ
การศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วยอายุ พบว่าผู้สูงอายุ การศึ ก ษา พบว่ า ไม่ มี ค วามสั ม พั น ธ์ ท างสถิ ติ
ที่เคยเข้ารับบริการนวดแผนไทยส่วนใหญ่มีอายุ เมื่อเทียบกับการเข้ารับบริการการนวดแผนไทย
ระหว่ า ง 60-69 ปี เนื่ อ งจากอายุ ที่ เพิ่ ม มากขึ้ น ของผู้สู งอายุ จะเห็ น ได้ ว่าผู้ สูงอายุ ที่ ไม่ ได้ เรีย น
ร่างกายก็จ ะมี ภ าวะของการเสื่อ มมากขึ้ น อย่ าง หนั ง สื อ เข้ า รั บ บริ ก ารนวดแผนไทยมากกว่ า
เห็นได้ชัด แต่การนวดแผนไทยให้กับผู้สูงอายุควร ผู้สูงอายุที่เคยเรียนหนังสือ แสดงให้เห็นว่าระดับ
มี ค วามระมั ด ระวั ง เนื่ อ งจากยิ่ ง อายุ ม ากขึ้ น การศึกษาไม่มีความสัมพันธ์อย่างชัดเจนในการ
ร่างกายและกระดูกมีความเปราะบางอาจทาให้ เข้ารับการนวดแผนไทยในผู้สูงอายุ ซึ่งผู้สูงอายุที่
กระดู ก แตกหั ก ได้ ง่ า ยจึ ง ควรท าการนวดใน ไม่ได้เรียนหนังสืออาจจะเกิดจากการทางานหนัก
ผู้สูงอายุ อย่างระมั ดระวัง 14 เพศ ส่ วนใหญ่ เป็ น และอิริยาบถที่ไม่ถูกต้องทาให้ต้องเข้ารับบริการ
เพศหญิ งที่ เข้ ารับ บริการนวดแผนไทยมากกว่ า นวดแผนไทยมากกว่า15
เพศชาย เนื่ อ งจากเพศหญิ ง มี ฮ อร์ โมนในการ ปัจจัยเอื้อ ประกอบด้วยสิทธิการรักษาพยาบาล
เจริญเติบโตต่อร่างกายที่รวดเร็วและทาให้อาการ จากการศึกษาครั้งนี้พบว่า ผู้สูงอายุที่เข้ารับการ
ปวดตามมาหลังจากที่ฮอร์โมนและประจาเดือน นวดแผนไทยส่วนใหญ่ใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพ
หมด จึงเกิดอาการปวดต่าง ๆ มากกว่าเพศชาย ถ้วนหน้า (บัตรทอง 30 บาท) มากกว่าสิทธิการ
และท าให้ ป ระสบการณ์ ในการนวดแผนไทยมี รักษาชนิ ดอื่นเนื่องจากสิทธิบัตรประกันสุขภาพ
มากกว่า 15 ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมพบว่า ถ้วนหน้า (บัตรทอง 30 บาท) สามารถนามาใช้ใน
ฐานะเพียงพอ ไม่เหลือเก็บ เคยมีประสบการณ์ การเบิกจ่ายได้หลังจากการรับบริการ สอดคล้อง
นวดแผนไทยเนื่องจากรายได้ที่เพียงพอ จึงส่งผล กับงานวิจัยของธีรยา นิยมศิลป์ และคณะ6 พบว่า
ให้ผู้สูงอายุใช้บริการการนวดแผนไทยเพื่อช่วยใน ปัจจุบันรูปแบบการให้บริการด้านการแพทย์แผน
การส่งเสริมสุขภาพหรือการนวดเพื่อรักษาอาการ ไทยในโรงพยาบาลได้ รั บ การสนั บ สนุ น ให้ เป็ น
เพื่ อให้ ห ายจาก โรคที่ เกิ ด จากการท างาน ทางเลือกในการรั กษาโรคและฟื้นฟูสภาพความ
และโรคประจ าตั ว จากการศึ ก ษาครั้ งนี้ พ บว่ า เจ็บป่วยแก่ประชาชนมีความชัดเจนมากขึ้นและ
ผู้สูงอายุที่เข้ารับการนวดแผนไทยมีโรคประจาตัว ได้เข้ามาร่วมอยู่ในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ
97 มกราคม – มิถุนายน 2563 ปีที่ 43 เล่มที่ 1 วารสารสุขศึกษา
ส่ งผลให้ ป ระชาชนเข้ า รั บ บริ ก ารเพิ่ ม ขึ้ น และ ปัจจัยที่ มีผ ลต่อการตัด สิน ใจของผู้ สูงอายุ ที่
สอดคล้ องกั บ งานวิจัยของพรพรรณ ระวังพั น ธ์ เข้ารับบริการในการนวดแผนไทย ได้แก่ สถานที่
และคณะ12 พบว่า การให้บริการการแพทย์แผน ให้ บ ริ ก ารนวดแผนไทย รูป แบบการให้ บ ริ ก าร
ไทยมีโครงสร้างการบริห ารและบุ ค ลากรที่ มีใบ แพทย์แผนไทย และสิ่งแวดล้อมกายภาพ จะอยู่
ประกอบวิ ช าชี พ การแพทย์ แ ผนไทยประจ า ในระดั บปานกลาง ซึ่งอธิบ ายให้เห็ น ว่าสถานที่
โรงพยาบาลชุ ม ชนและโรงพยาบาลส่ ง เสริ ม ให้บริการ และกระบวนการให้บริการ โดยเฉพาะ
สุขภาพตาบลทาให้ประชาชนสามารถตัดสินใจมา ศั ก ย ภ า พ ข อ งเจ้ า ห น้ า ที่ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์
รับบริการมากขึ้น ความเชี่ ย วชาญ และสิ่ งแวดล้ อ มทางภายภาพ
ส าหรั บ การเข้ า รั บ บริ ก ารนวดแผนไทย ป ระ กอ บ ด้ วย อุ ป กรณ์ ก ารจั ด ห้ อ งส ร้ า ง
อธิบายได้ว่าผู้สูงอายุที่มีโ รคประจาตัว และเคย บรรยากาศ ความสะอาดส าหรั บ การนวด
ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับนวดแผนไทยด้านการนวด ทุกปัจจัยล้วนมีความสาคัญต่อการตัดสินใจของ
รั ก ษาอาการและนวดส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพจาก ผู้สูงอายุที่จะมารับบริการการนวดแบบแผนไทย
อาสาสมั ครสาธารณสุ ข (อสม.) เคยเข้ารับ การ ในระบบสาธารณสุ ข สอดคล้ อ งกั บ งานวิ จั ย
นวดแผนไทยมากกว่าผู้สูงอายุที่ไม่มีโรคประจาตัว ที่ผ่านมา16 พบว่าประชาชนบางส่วนไม่มั่นใจใน
และความถี่ของการมารับบริการมากกว่าครึ่งหนึ่ง คุ ณ ภาพของการให้ บ ริ ก ารการแพทย์ แ ผนไทย
จากการสารวจเคยมารับบริการการนวดแผนไทย เนื่ อ งจากยั งไม่ ค่ อ ยเชื่ อ มั่ น ในบทบาทวิ ช าชี พ
1-2 ครั้ ง ต่ อ เดื อ นมากที่ สุ ด ซึ่ งแสดงให้ เห็ น ถึ ง แพทย์แผนไทย และขาดแคลนบุคลากรที่มี ความ
อัตราส่วนในการใช้บริการที่ชัดเจน รูปแบบของ เชีย่ วชาญ (ร้อยละ 12.6) บุคลากรทางการแพทย์
บริ ก ารนวดแผนไทยที่ เ ลื อ กใช้ ม ากที่ สุ ด คื อ อื่นๆยังขาดความเชื่อมั่นในวิชาชีพแพทย์แผนไทย
การนวดส่ งเสริ ม สุ ข ภาพมากกว่ าการนวดเพื่ อ และมี ค วามเข้ า ใจคลาดเคลื่ อ นเกี่ ย วกั บ แพทย์
รั ก ษาอาการ เนื่ อ งจากการนวดเพื่ อ ส่ ง เสริ ม แผนไทย (ร้อยละ15.5) โดยการให้บริการแพทย์
สุขภาพส่วนใหญ่จะนวดทั้งร่างกาย ส่วนการนวด แผนไทยในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลควร
เพื่อรักษาอาการจะนวดเฉพาะจุดที่เป็นโรค และ เน้ น ที่ ค วาม พึ งพ อ ใจ ข อ งผู้ ม ารั บ บ ริ ก าร
เน้ น การรั ก ษาอาการเจ็ บ ปวดเฉพาะบริ เวณ การจั ด การสภาพแวดล้ อ มที่ เ อื้ อ ต่ อ การดู แ ล
เท่ า นั้ น 16 นอกจากนี้ ยั ง พบว่ า กลุ่ ม ตั ว อย่ า ง สุขภาพอย่างต่อเนื่อ ง และเพิ่ม ผลต่อการผ่อน-
ส่ วนใหญ่ ที่ ม ารับ บริก ารการแพทย์ แ ผนไทยใน คลาย เพื่ อ สอดคล้ อ งกั บ ความต้ อ งการของ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลมีจานวนผู้เข้า ประชาชนที่ ม ารั บ บริ ก าร ฉะนั้ น แนวทางการ
รับบริการในระดับปานกลางและน้อย ประเภท พัฒนาคุณภาพการให้บริการการแพทย์แผนไทย
ของการใช้บริการส่งเสริมสุขภาพและการป้อง- ควรส่งเสริมให้ครบวงจรในการดูแลสุขภาพแบบ
กันโรคพบว่าส่วนใหญ่ใช้บริการนวดไทยมากที่สุด องค์รวมทั้งด้านกาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ6
Thai Journal of Health Education January – June 2020 Vol. 43 No.1 98