Professional Documents
Culture Documents
คณะกรรมการนักศึกษาเนติบัณฑิตย สมัยที่ 58
สรุป วิชาครอบครัว
กฎหมายครอบครัวที่ศึกษาในชั้นเนติบัณฑิต ลักษณะขอสอบจะเปนปญหาตุกตาใหวินิจฉัยโดยคําถามกฎหมาย
ครอบครัวจะผสมกับกฎหมายมรดกในขอเดียวกัน หรือจะเปนคําถามกฎหมายครอบครัวอยางเดียว หรือกฎหมายมรดก
แตเพียงอยางเดียวก็ได
การหมั้น มีมาตราที่เกี่ยวของตั้งแต (1435-1447) สาระสําคัญของการหมั้นมีดังตอไปนี้
1. ชายและหญิงจะทําการหมั้นไดตองมีอายุ 17 ปบริบูรณ ( ม. 1435 ) หากการหมั้นกระทําโดยฝาฝน ม. 1435 ผล
คือการหมั้นตกเปนโมฆะ ( ม. 1435 ว. 2 )
2. ผูเยาวทําการหมั้นจะตองไดรับความยินยอมของบิดามารดาหรือผูปกครองดวย ( ม. 1436 ) หากการหมั้นที่ผูเยาว
ทําโดยปราศจากความยินยอมดังกลาวการหมั้นนั้นตกเปนโมฆียะ
ขอสังเกต
1. ผูเยาวมีสิทธิที่จะบอกลางการหมั้นนั้นไดตาม ม. 175 (1 ) ถาไดรับความยินยอมของผูแทนโดยชอบธรรม เมื่อ
บอกลางก็ถือวาเปนโมฆะมาแตเริ่มแรก
2. ผูเยาวอาจใหสัตยาบันในการหมั้นนั้นไดเมื่อตนบรรลุนิติภาวะแลวตาม ม. 177
กรณีผูเยาวบรรลุนิติภาวะดวยการสมรสตาม ม. 20 โดยทําการสมรสกอนอายุครบ 17 ปบริบูรณดวยการขออนุญาตศาล
ใหทําการสมรสตาม ม. 1448
หากตอมาไดขาดจากการสมรสและอายุยังไมครบ 17 ปบริบูรณ แมตนเองจะบรรลุนิตภิ าวะแลวก็ตาม หากจะ
ทําการหมั้นใหมอีกครั้งก็อยูในเงื่อนไขของการหมั้นและจะตองมีอายุครบ 17 ปบริบูรณดวย หากฝาฝนการหมั้นเปน
โมฆะ
ฎ. 3072 / 2547 (ญ.)
วินิจฉัยหลักกฎหมายเรื่อง โมฆะกรรม ( ม. 172 ) , ลาภมิควรได ชําระหนี้ตามอําเภอใจ(ม. 407 )
คืนเงิน ( ม. 412 ) , คืนทรัพย ( ม. 413 ) , หมั้น ( ม. 1435 )
ในขณะที่นาย อ. ทําการหมั้นกับนางสาว ข. นางสาว ข. อายุยังไมครบ 17 ปบริบูรณ การหมั้นดังกลาวจึงฝา
ฝน ม. 1435 ว. 1 ยอมตกเปนโมฆะตาม ม. 1435 ว. 2 และ ม. 172 ว. 2 ถาจะตองคืนทรัพยสินอันเกิดจากโมฆะกรรม
ใหนําบทบัญญัติวาดวยลาภมิควรไดมาใชบังคับ เมื่อโจทกซึ่งเปนบิดานาย อ. ไมทราบวานางสาว ข. อายุ 17 ป ดังนั้น
นางสาว ข. และบิดามารดาซึ่งเปนจําเลย ตองคืนของหมั้นและสินสอดใหแกโจทกตาม ม. 412 และ ม. 413 โดยจะ
ถือวาโจทกชําระหนี้ตามอําเภอใจตาม ม. 407 หาไดไม ดังนั้นบันทึกขอตกลงระหวางโจทก-จําเลย ที่จําเลยยอมชดใชคา
เสียหายแกโจทก จึงมีมูลหนี้และใชบังคับได หาขัดตอความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม
แบบของการหมั้น
การหมั้นจะสมบูรณเมื่อฝายชายไดสงมอบหรือโอนทรัพยสินอันเปนของหมั้นใหแกหญิง เพื่อเปนหลักฐานวาจะ
สมรสกับหญิงนั้น ( ม. 1437 ) สัญญาหมั้นเปนสัญญาพิเศษผิดกับสัญญาธรรมดาฉะนั้นการหมั้นจะตองมีของหมั้นมิ
ฉะนั้นการหมั้นไมสมบูรณ
2
2. สิทธิเรียกคาทดแทนจากชายอื่น ถาหากชายอื่นมาลวงเกินหญิงคูหมั้น
การที่ชายอื่นรวมประเวณีกับหญิงคูหมั้น โดยหญิงคูหมั้นยินยอมมีหลักกฎหมายตาม ม. 1445
ดังตอไปนี้
-- ชายอื่นรวมประเวณีกับหญิงคูหมั้น
-- ชายอื่นนั้นรูหรือควรรูวาหญิงไดหมั้นกับชายคูหมั้นแลว และรูดวยวาชายคูหมั้นเปนใคร
-- ชายคูหมั้นไดบอกเลิกสัญญาหมั้นแลว ( จะตองบอกเลิกสัญญาหมั้นกอนจึงจะเรียกคาทดแทน
ได )
การที่ชายอื่นขมขืนหรือพยามขมขืนกระทําชําเราหญิงคูหมั้นมีหลักกฎหมายตาม ม. 1446
-- ชายอื่นจะตองรูวาหญิงมีคูหมั้นแลว แตไมจําเปนตองรูวาชายคูหมั้นเปนใคร
-- ชายคูหมั้นไมจําเปนตองบอกเลิกสัญญาหมั้นกอน ก็เรียกคาทดแทนจากชายอื่นได
ขอสังเกต กรณีมีหญิงอื่นมาลวงเกินชายคูหมั้นทางประเวณี หญิงคูหมั้นไมมีสิทธิเรียกคาทดแทนจาก
หญิงอื่น โดยจะนํา ม. 1445 และ ม. 1446 มาอนุโลมใชบังคับไมได (กฎหมายใชคําวา “ ชายอื่น ”)
3. สิทธิเกี่ยวกับของหมั้น ทรัพยสินของหมั้นนั้นยอมตกเปนสิทธิของหญิงในทันที แตมีบางกรณีที่ฝาย
หญิงตองคืนของหมั้นใหแกฝายชายก็ได
กรณีที่ของหมั้นตกเปนสิทธิแกหญิงโดยไมตองคืนใหแกฝายชาย
1. เมื่อฝายชายผิดสัญญาหมั้น ( ม. 1439 )
2. เมื่อชายหรือหญิงตายกอนสมรส ( ม. 1441 )
3. เมื่อหญิงบอกเลิกสัญญาหมั้น เพราะมีเหตุสําคัญเกิดแกชาย ( ม. 1443 )
กรณีที่หญิงตองคืนของหมั้นใหแกชาย มีดังนี้
1. เมื่อหญิงผิดสัญญาหมั้น ( ม. 1439)
2. เมื่อชายบอกเลิกสัญญาหมั้น เพราะมีเหตุสําคัญเกิดแกหญิง ( ม. 1442 )
การหมั้นไมเปนเหตุที่จะรองขอใหศาลบังคับใหสมรสได ถามีขอตกลงเรื่องคาปรับในกรณีผิดสัญญา
หมั้น ขอตกลงนั้นเปนโมฆะ
การสิ้นสุดของการหมั้น
1. กรณีที่คูหมั้นฝายใดฝายหนึ่งตายกอนสมรส
2. กรณีมีการบอกลางสัญญาหมั้น
3. กรณีที่มีการสมรส
4. การสิ้นสุดโดยความยินยอมของทั้งชายและหญิง
5. กรณีฝายใดฝายหนึ่งบอกเลิกสัญญาหมั้นเนื่องจากมีเหตุสําคัญอันเกิดแกคูหมั้น
• ชายบอกเลิกสัญญาหมั้นโดยมีเหตุสําคัญอันเกิดแกหญิงคูหมั้น
หญิงบอกเลิกสัญญาหมั้นโดยมีเหตุสําคัญอันเกิดแกชายคูหมั้น
5
กรณีคาทดแทนในการเลิกสัญญาหมั้น มีประเด็นที่นาสนใจดังนี้
คาทดแทนความเสียหายเรื่องการหมั้น ตองเปนคาเสียหายที่เกิดขึ้นแลว มิใชคาขาดกําไรอันควรได และสิทธิเรียกคา
ทดแทนเรื่องการหมั้นนี้นอกจากกรณีตาม ม. 1440 ( 2 ) ไมอาจโอนกันไดและไมตกทอดไปถึงทายาท (ม. 1440 ( 2 )
เปนสิทธิเฉพาะตัว เวนแต สิทธินั้นจะไดรับสภาพกันไวเปนหนังสือหรือผูเสียหายไดเริ่มฟองคดีตามสิทธินั้นแลว)
อายุความในเรื่องการหมั้น
• กฎหมายกําหนดไว 6 เดือน เริ่มนับตั้งแตขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกรอง ( ม. 1447/2 )
• กรณีที่เรียกสินสอดคืน กฎหมายมิไดกําหนดอายุความไวโดยเฉพาะ จึงตองถืออายุความ 10 ป
( ม.193/30 )
การสมรส คือการที่ชายและหญิงสมัครใจเขามาอยูกินกันฉันสามีภริยากันชั่วชีวิต โดยจะไมเกี่ยว
ของทางชูสาวกับบุคคลอื่นใดอีก
เงื่อนไขการสมรส
1. การสมรสจะทําไดในระหวางชายกับหญิงเทานั้น และจะทําการสมรสไดก็ตอเมื่อชายและหญิงมีอายุ 17 ป
บริบูรณ แตในกรณีมีเหตุอันสมควร ศาลอนุญาตใหทําการสมรสกอนนั้นได ( ม. 1448 )
2. หากผูเยาวจะทําการสมรส ตองไดรับความยินยอมจากบุคคลตาม ม. 1454 , 1455 เสียกอน
3. ชายหรือหญิงตองไมเปนคนวิกลจริต หรือเปนบุคคลซึ่งศาลสงใหเปนคนไรความสามารถตาม ม. 1449 ถาฝาฝน
การสมรสตกเปนโมฆะตาม ม. 1495
4. ชายหรือหญิงไมไดเปนญาติสืบสายโลหิตตอกันหรือเปนพี่นองรวมบิดามารดาหรือรวมแตบิดาหรือมารดาตาม ม.
1450 ถาฝาฝนการสมรสตกเปนโมฆะตาม ม. 1495
5. ผูรับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันมิไดตาม ม. 1451 แตกฎหมายมิไดบัญญัติใหการสมรสที่ฝาฝน
เงื่อนไขขอนี้เปนโมฆะหรือโมฆียะ เนื่องจากผูรับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมไมมีความสัมพันธในทางสาย
โลหิตกันเลย และมี ม. 1598 / 32 การรับบุตรบุญธรรมเปนอันยกเลิกเมื่อมีการฝาฝน ม. 1451
6. ชายหรือหญิงมิไดเปนคูสมรสของบุคคลอื่นอยูตาม ม. 1452 การสมรสที่ฝาฝนบทบัญญัติดังกลาวเปนโมฆะตาม
ม. 1495
7. หญิงหมายจะสมรสใหมไดก็ตอเมื่อขาดจากการสมรสเดิมแลวไมนอยกวา 310 วัน แตมีขอยกเวนตาม ม. 1453
8. ชายและหญิงยินยอมสมรสกันตาม ม. 1458 โดยเปดเผยตอหนานายทะเบียน และใหนายทะเบียนบันทึกความยิน
ยอมนั้นไวดวย
แบบแหงการสมรส การสมรสจะมีไดเฉพาะเมื่อไดจดทะเบียนสมรสแลวเทานั้นตาม ม. 1457
ขอสังเกตที่นาสนใจ
1. เมื่อชายและหญิงจดทะเบียนสมรสกันแลว ชายหญิงยอมเปนสามีภริยาตามกฎหมาย แมจะไดเลิกรางกัน
ไป 20 ถึง 30 ป ทรัพยสมบัติแบงแยกกันไปเปนสัดสวน แตตราบใดที่ยังไมไดจดทะเบียนหยา หญิง
นั้นยังเปนภริยาชายโดยชอบดวยกฎหมายอยู
2. การที่สามีภริยาตกลงหยาและแบงทรัพยสินกัน โดยชอบดวยกฎหมายแลวแมภายหลังจะกลับมาอยูกิน
กันใหมแตไมไดจดทะเบียนสมรสกันก็ไมถือวาเปนสามีภริยากันโดยชอบดวยกฎหมาย
6
การสิ้นสุดของการแยกกันอยู
--สามีภริยาตกลงยกเลิกการแยกกันอยู
--สามีภริยาอยาขาดจากกัน
--สามีภริยาฝายใดฝายหนึ่งถึงแกความตาย
ความสัมพันธในทางทรัพยสิน ( ม. 1470 )
1. สินสวนตัว ( ม. 1471 ) คือทรัพยสินที่เปนกรรมสิทธิ์ของคูสมรสฝายใดฝายหนึ่งโดยเฉพาะ
(1) ทรัพยสินที่คูสมรสฝายใดฝายหนึ่งมีอยูกอนสมรส ทรัพยสินเชนวานี้จะตองตกเปนกรรมสิทธิ์ของคู
สมรสฝายนั้นแลว แตถาทรัพยสินนั้นยังไมตกเปนกรรมสิทธเด็ดขาดของคูสมรสฝายใด แมจะอยูในเงื่อนไข
ที่จะตองไดกรรมสิทธิ์มาในภายหลัง ก็ไมถือวาเปนทรัพยสินที่มีอยูกอนสมรส เชนโจทกและจําเลยไดรวม
กันดําเนินกิจการรานเสริมสวยตั้งแตกอนจดทะเบียนสมรสกัน กิจการรานเสริมสวยจึงเปนทรัพยสินที่โจทก
และจําเลยมีอยูแลวกอนสมรส จึงเปนสินสวนตัวของโจทกและจําเลยตาม ม. 1471(1)
ตามแนว ฎ. 4650 / 2545
แตถา กรณีที่โจทกมีที่ดินอยูแลวกอนสมรสแมในระหวางสมรสโจทกสมัครเขาเปนสมาชิกนิคมสรางตนเอง
และไดสิทธิในการขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชนและไดขอออก น.ส. 3 สําหรับที่ดินของโจทก เชนนี้เปนเพียง
ขั้นตอนที่โจทกจะไดรับหนังสือรับรองการทําประโยชนสําหรับที่ดินเทานั้น ไมกระทบถึงสิทธิของโจทกที่มีเหนือที่ดิน
เมื่อที่ดินของโจทกมีมากอนอยูกินและจดทะเบียนสมรสกับจําเลย จึงมิใชทรัพยสินที่โจทกไดมาระหวางสมรส ไมเปน
สินสมรสแตเปนสินสวนตัวตาม ฎ. 7174 / 2539
(2) ทรัพยสินที่เปนเครื่องใชสอยสวนตัว เครื่องแตงกายหรือเครื่องประดับตามควรแกฐานะ หรือเครื่องมือ
เครื่องใชที่จําเปนในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคูสมรสฝายใดฝายหนึ่ง
(3) ทรัพยที่ฝายใดฝายหนึ่งไดมาระหวางสมรสโดยการรับมรดกหรือการใหโดยเสนหา คือ ทรัพยสินเหลานี้
ถือวาเปนสินสวนตัวของสามีหรือภริยาผูที่ไดรับมาทั้งสิ้น ไมถือวาเปนสินสมรสทั้งๆที่ไดมาระหวางสมรส
เชน กรณีไดที่ดินพิพาทมาในระหวางสมรสกับผูตาย แตปรากฏวาเปนกรณีไดรับการยกใหที่ดินภายหลังใช
บรรพ 5 ใหม พ.ศ. 2519 แลว เมื่อไมปรากฏมีหนังสือยกใหโดยระบุใหเปนสินสมรส ก็ตองถือวาเปนการ
ยกใหที่ดินเปนสินสวนตัวของผูรองตาม ม. 1471 (3) ตามแนว ฎ. 4982 / 2541
(4) ทรัพยที่เปนของหมั้นเปนสินสวนตัวของภริยา
ขอสังเกต
( 1 )ในกรณีที่สามีหรือภริยาไดรับรางวัลจากการกระทําสิ่งใดหรือจากการประกวดชิงรางวัล รางวัลที่ไดรับ
มานั้นเปนสินสวนตัว
( 2 ) ของแทนสินสวนตัว ทรัพยสินที่เปนสินสวนตัวนั้นถาไดมีการแลกเปลี่ยนเปนทรัพยสินอื่นก็ดี ซื้อขาย
ทรัพยสินอื่นมาดวยสินสวนตัวก็ดี หรือขายสินสวนตัวไดเงินมาก็ดี ทรัพยสินอื่นหรือเงินที่ไดมานั้นยังคง
เปนสินสวนตัวอยูตามเดิม เพราะเปนไปตามหลักในเรื่องชวงทรัพยตาม ม. 226 ว. 2 หรือสินสวนตัวที่ถูก
ทําลายไปทั้งหมดหรือบางสวน แตไดทรัพยสินหรือเงินทดแทน ทรัพยสินอื่นหรือเงินที่ไดมานั้นเปนสิน
สวนตัวเชนเดียวกัน
8
การจัดการสินสมรส
หลัก สามีหรือภริยาฝายใดฝายหนึ่งมีอํานาจจัดการสินสมรสไดโดยลําพัง เวนแต การจัดการที่สําคัญจึงจะ
ตองจัดการรวมกันตาม ม. 1476 ( เมื่อการจัดการใดๆที่ทําใหเสียประโยชน หรือ เพิ่มภาระใหสินสมรส)
1. สามีภริยาเพียงคนเดียวมีอํานาจฟองหรือตอสูคดีเกี่ยวกับสินสมรสตาม ม. 1477
2. ถาสามีหรือภริยาฝายใดฝายหนึ่งไมใหความยินยอมในการจัดการสินสมรสที่สําคัญ อีกฝายหนึ่งอาจขอใหศาลสั่ง
อนุญาตแทนความยินยอมไดตาม ม. 1478
3. ถาสามีหรือภริยาจัดการสินสมรสที่สําคัญไปโดยลําพัง คูสมรสอีกฝายหนึ่งที่มิไดยินยอมอาจขอใหศาลเพิกถอน
นิติกรรมนั้นไดตาม ม. 1480 แตการเพิกถอนนิติกรรมดังกลาวอาจจะเปนที่เสียหายแกบุคคลภายนอกได ดังนั้น
ม. 1480 จึงไดบัญญัติคุมครองบุคคลภายนอกผูทําการโดยสุจริตและเสียคาตอบแทนซึ่งการเพิกถอนนิติกรรมนั้น
จะไปกระทบกระเทือนสิทธิบุคคลภายนอกไมได ซึ่ง ม. 1480 วรรคทาย กําหนดใหคูสมรสที่ไมไดใหความยิน
ยอมในการทํานิติกรรมนั้นจะตองฟองขอใหศาลเพิกถอนนิติกรรมนั้นเสียภายในกําหนด 1 ป นับแตวันที่รูวาได
มีการทํานิติกรรมหรืออยางชาภายใน 10 ป นับแตวันที่ไดทํานิติกรรม
4. สามีหรือภริยาไมมีอํานาจทําพินัยกรรมยกสินสมรสที่เกินกวาสวนของตนใหแกบุคคลใดไดตาม ม. 1481
5. สามีหรือภริยาโดยลําพังมีอํานาจจัดการบานเรือนหรือจัดหาสิ่งจําเปนสําหรับครอบครัวไดเสมอตาม ม. 1482
6. สามีหรือภริยาอาจขอใหศาลสั่งหามคูสมรสอีกฝายหนึ่งมิใหจัดการสินสมรสอันจะกอใหเกิดความเสียหายถึง
ขนาดไดตาม ม. 1483
7. ถามีเหตุจําเปน สามีหรือภริยาอาจขอใหศาลสั่งอนุญาตใหตนเปนผูจัดการสินสมรสแตผูเดียวหรือขอใหแยกสิน
สมรสไดตาม ม. 1484
หมายเหตุ สินสมรสระหวางสามีภริยาที่ไดจดทะเบียนกัน ตองถือวาตางมีสิทธิเปนเจาของคนละครึ่ง
9
ขอสังเกต เมื่อมีการแยกสินสมรสระหวางสามีภริยาทั้งหมดออกจากกันโดยคําสั่งศาลหรือโดยผลของกฎหมาย
ทั้ง 3 กรณี เนื่องจากคูสมรสทั้งสองฝายตางยังคงเปนสามีภริยากันอยู คูสมรสจึงอาจมีความประสงคที่จะใหมีการรวม
สินสมรสกันใหมก็ไดตาม ม. 1492 / 1 เฉพาะสินสมรสที่เกิดใหมเทานั้นจึงจะเปนสินสมรส
ผลของการสมรสที่เปนโมฆะ
1. การสมรสที่เปนโมฆะไมกอใหเกิดความสัมพันธทางทรัพยสินระหวางสามีภริยาตาม ม. 1498
2. การสมรสที่เปนโมฆะไมทําใหคูสมรสที่สุจริตเสื่อมสิทธิที่ไดมาเพราะการสมรสและยังมีสิทธิเรียกคาเลี้ยงชีพและ
คาทดแทนอีกดวยตาม ม. 1499 ในการสมรสที่เปนโมฆะคูสมรสฝายใดฝายหนึ่งอาจจะทําการสมรสโดย
สุจริต ไมทราบเหตุที่ทําใหการสมรสเปนโมฆะไดตาม ม. 1499 จึงใหความคุมครองคูสมรสไว 3 กรณี
• ชายหญิงผูสมรสโดยสุจริตไมเสื่อมสิทธิที่ไดมาเพราะการสมรสนั้น
• ชายหรือหญิงผูสมรสโดยสุจริตมีสิทธิเรียกคาทดแทนได เชนตาม ฎ. 8882 / 2544
ชายหรือหญิงผูสมรสโดยสุจริตมีสิทธิเรียกคาเลี้ยงชีพได
ฎ. 3134 / 2530 ขณะที่โจทกจดทะเบียนสมรสกับจําเลยนั้นโจทกไมทราบวาจําเลยไดจดทะเบียนสมรสกับหญิง
อื่นอยูแลว โจทกจึงเปนผูสมรสโดยสุจริต เมื่อโจทกฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาแสดงวาการสมรสระหวางโจทกกับ
จําเลยเปนโมฆะ โจทกจึงมีสิทธิเรียกคาทดแทนและคาเลี้ยงชีพจากจําเลยได ที่ศาลชั้นตนกําหนดคาทดแทนเปนเงิน
40,000 บาท และคาเลี้ยงชีพเดือนละ 1,000 บาท เปนการสมควรและเหมาะสมกับพฤติการณแหงรูปคดีแลว
3. การสมรสที่เปนโมฆะไมกระทบถึงสิทธิของบุคคลภายนอก ผูกระทําการโดยสุจริตตาม ม. 1500
4. การสมรสที่เปนโมฆะไมมีผลกระทบกระเทือนถึงการเปนบุตรที่ชอบดวยกฎหมายตาม ม. 1536, 1538, 1499 / 1
อายุความฟองหยาพิจารณาไดดังนี้
1. ในการฟองหยาหรือการฟองเรียกคาทดแทนจากชายชูหรือหญิงอื่นที่มีความสัมพันธทางชูสาวกับสามีตาม ม.
1529 กําหนดอายุความไวเพียง 1 ป นับแตวันที่คูสมรสฝายที่มีสิทธิฟองหยาไดรูหรือควรรูความจริง
2. ในการฟองหยาในกรณีที่มีลักษณะตอเนื่องกันไปหรือเปนการถาวรตาม ม. 1516 (5) ไมมีอายุความตราบใดที่
เหตุนั้นๆยังมีอยูก็ฟองหยาไดแตถาเหตุเหลานี้สิ้นสุดลงแลวจะยกขึ้นอางเปนเหตุฟองหยาไมได
3. ในกรณีฟองหยาเพราะผิดทัณฑบนที่ทําไวเปนหนังสือในเรื่องความประพฤติตาม ม. 1518 (8) ไมมีลักษณะเปน
การตอเนื่องแตกฎหมายมิไดกําหนดอายุความไว จึงตองใชอายุความ 10 ปตาม ม. 193 / 30
บิดามารดากับบุตร
การเปนบุตรที่ชอบดวยกฎหมาย หลัก บุตรที่เกิดจากหญิงยอมเปนบุตรที่ชอบดวยกฎหมายของมารดาเสมอ
ขอยกเวน
1. เด็กที่เกิดระหวางสมรสตาม ม. 1536 ใหสันนิษฐานวาเปนบุตรที่ชอบดวยกฎหมายของชายผูเปนสามี ขอ
สันนิษฐานใชบังคับกับกรณีเด็กเกิดแกหญิงหมายภายใน 310 วัน หลังจากชายผูเปนสามีตาย หยาหรือศาล
พิพากษาใหเพิกถอนการสมรสกับหญิงดวย
2. เด็กที่เกิดจากการสมรสเปนโมฆะ กรณีการสมรสซอน
• หญิงทําการสมรสซอนตาม ม. 1452 ผลคือการสมรสครั้งที่สองเปนโมฆะ หญิงคลอดบุตรออกมา
กฎหมายใหสันนิษฐานไวกอนวาเปนบุตรชอบดวยกฎหมายของชายซึ่งเปนสามีคนที่สองตาม ม. 1538
(ในกรณีสามีคนที่สองอาจพิสูจนโดยการฟองคดีไมรับเด็กเปนบุตรไดตาม ม. 1539 ผล เมื่อศาลไดมี
คําพิพากษาถึงที่สุดแสดงวาเด็กไมใชบุตรชอบดวยกฎหมายของสามีคนที่สองแลว กฎหมายให
สันนิษฐานไวกอนวาเด็กเปนบุตรชอบดวยกฎหมายของสามีคนที่หนึ่งตาม ม. 1538 ว. 2 ตอนทาย )
13
…………………………………………………………..
หลวงวิจิตรวาทการ......กลาววา.......
.....สิ่งสําคัญที่สุดในจริยวัตรของมนุษย คือตองพยายามที่จะไมใหเวลาลวงไปโดยไมมีประโยชน
เราตองตีราคาคุณคาของเวลาใหสูงมาก การเสียเวลาเทากันกับเสียทรัพย เสียโอกาส
เสียหนทางแหงความกาวหนา และเปนการสูญเสียที่เราไมสามารถจะโทษผูอื่นได
นอกจากตัวของเราเอง.......
ลิขสิทธิ์ของคณะกรรมการนักศึกษาสมัยที่ 58