Professional Documents
Culture Documents
ตัวเก็บรังสีอาทิตย์แบบแผ่นราบ
ตัวเก็บรังสีอาทิตย์แบบแผ่นราบเป็ นรูปแบบหนึ่งของอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน ที่
ทาหน้าที่แปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้อยู่ในรูปพลังงานความร้อน ตัวเก็บรังสีอาทิตย์มคี วาม
แตกต่างจากอุปกรณ์แลกเปลีย่ นความร้อนทัวไป ่ กล่าวคืออุปกรณ์แ ลกเปลีย่ นความร้อนทัวไป ่
นัน้ จะมีลกั ษณะการแลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างของไหลกับของไหล แต่ในกรณีของตัวเก็บ
รังสีอาทิตย์จะมีลกั ษณะการถ่ายเทความร้อนจากตัวเก็บรังสีอาทิตย์ไปยังของไหล การวิเคราะห์
ตัว เก็ บ รัง สีอ าทิ ต ย์ จ ะพิจ ารณาเฉพาะการเปลี่ย นแปลงพลัง งานต่ อ หน่ ว ยพื้น ที่ แ ละหา
ความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานทีน่ าไปใช้ประโยชน์กบั รังสีอาทิตย์ทต่ี กกระทบ
ตัว เก็บ รัง สีอ าทิต ย์แ บบแผ่ น ราบถู ก ออกแบบมา เพื่อ ให้ ใ ช้งานที่อุ ณ หภู มิสูง กว่ า
อุณหภูมแิ วดล้อมประมาณ 100 ๐C ซึ่งตัวเก็บรังสีอาทิตย์จะทาหน้าทีร่ บั รังสีอาทิตย์รวม (Total
Radiation) ทีต่ กกระทบโดยไม่จาเป็ นต้องมีระบบติดตามดวงอาทิตย์ นอกจากนี้แล้วตัวเก็บรังสี
อาทิตย์แบบแผ่นราบนี้ไม่ต้องการการบารุงรักษามากนัก และมีกลไกการทางานทีซ่ บั ซ้อนน้อย
กว่าแบบรวมแสง ซึ่งจะกล่าวถึงในบทที่ 4 การนาไปใช้งานส่วนใหญ่จะถูกใช้ในกระบวนการ
ทางความร้อน เช่น การทาน้ าร้อน การอบแห้ง ระบบปรับอากาศ และกระบวนการทางความ
ร้อนในอุตสาหกรรม เป็ นต้น การประยุกต์ใช้ตวั เก็บรังสีอาทิตย์แบบแผ่นราบในส่วนของผนัง
และหลังคาบ้านให้มลี กั ษณะเป็ นตัวเก็บรังสีอาทิตย์ เพื่อระบายอากาศร้อนก็เป็ นอีกตัวอย่าง
หนึ่งของการระบายความร้อนแบบธรรมชาติในระบบความร้อนแบบพาสซีฟ (Passive Heating
System)
ตัวเก็บรังสีอ าทิต ย์แ บบแผ่ นราบประกอบด้วย ผิว ดูดกลืน รังสีอ าทิต ย์ส ีดา ซึ่งจะท า
หน้ าที่ดูด กลืน รังสีอ าทิต ย์ เมื่อ ผิว ดูด กลืน รังสีอ าทิต ย์ดูด กลืน รังสีอ าทิต ย์จะเกิด การสะสม
พลังงานความร้อน พลังงานความร้อนนี้จะถูกถ่ายเทให้กบั ของไหล แผ่นปิ ดใสเหนือผิวดูดกลืน
รังสีอาทิตย์จะช่วยลดการสูญเสียความร้อนออกสู่บรรยากาศโดยการพา และการแผ่รงั สีความ
ร้อน และฉนวนทีอ่ ยู่ทางด้านล่างซึ่งจะทาหน้าทีล่ ดการสูญเสียความร้อนเนื่องจากการนาความ
ร้อน รูปที่ 3.1.1 แสดงภาพตัดขวางของตัวเก็บรังสีอาทิตย์แบบแผ่นราบ โดยส่วนใหญ่แล้วตัว
เก็บรังสีอาทิตย์ชนิดนี้จะถูกติดตัง้ กับผนัง หรือหลังคา
Fluid conduit
Insulation
75
สมรรถนะของตัวเก็บรังสีอาทิตย์สามารถอธิบายได้โดยใช้หลักการสมดุลพลังงาน เมื่อ
พิจ ารณาที่ส ภาวะคงที่ (Steady state condition) ซึ่ ง ชี้ใ ห้ เ ห็น ถึง การกระจายของพลัง งาน
แสงอาทิตย์ในรูปของพลังงานที่สามารถนาไปใช้ประโยชน์ ได้ การสูญเสียทางความร้อน และ
การสูญ เสียเชิงแสง รังสีอ าทิต ย์ท่ีถูกดูดกลืนโดยตัว เก็บรังสีอ าทิตย์ต่อ หน่ วยพื้นที่ของแผ่ น
ดูดกลืน S มีค่ าเท่ ากับความแตกต่างระหว่างค่ าพลังงานแสงอาทิต ย์ท่ีต กกระทบ และการ
สูญเสียเชิงแสงกับค่าพลังงานความร้อนทีส่ ูญเสียจากตัวเก็บรังสีอาทิตย์ให้กบั สิง่ แวดล้อม โดย
การนา การพา และการแผ่รงั สีความร้อนในช่วงคลื่นอินฟราเรด สามารถเขียนอยู่ในรูปผลคูณ
ของค่าสัมประสิทธิการถ่
์ ายเทความร้อน U L กับค่าความแตกต่างระหว่างอุณหภูมเิ ฉลี่ยของ
แผ่นดูดกลืน Tpm กับอุณหภูมแิ วดล้อม Ta ในสภาวะคงที่ พลังงานทีส่ ามารถนาไปใช้ประโยชน์
ได้ของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ทม่ี พี น้ื ที่ Ac คือ ผลต่างระหว่างค่ารังสีอาทิตย์ทด่ี ูดกลืนกับความร้อน
ทีส่ ญ
ู เสีย
Qu = Ac S − U L ( T pm − Ta ) (3.2.1)
Qu dt
η= (3.2.2)
Ac GT dt
ในการออกแบบระบบพลังงานแสงอาทิตย์จาเป็ นต้องคานึงถึงราคาของพลังงานซึ่งไม่
ควรมีค่าสูงมากนัก ส่วนการออกแบบตัวรับรังสีอาทิตย์อาจจะออกแบบให้มปี ระสิทธิภาพต่ากว่า
เทคโนโลยีทม่ี อี ยู่ ถ้าต้องการให้ระบบมีราคาถูกลงแต่ยงั คงมีประสิทธิภาพทีด่ ใี นการทางาน
Reflection
Cover
Absorber plate
Bond
Tube
Insulation
ในการวิเคราะห์ตวั เก็บรังสีอาทิตย์จะอาศัยสมมติฐานดังต่อไปนี้
1. พิจารณาระบบทีส่ ภาวะคงที่ (Steady State)
2. โครงสร้างของแผ่นดูดกลืนรังสีอาทิตย์ มีลกั ษณะเป็ นครีบ และท่อขนาน
3. ท่ อ ร่ว ม (Headers) มีพ้ืน ที่น้ อ ย เมื่อ เทียบกับ พื้น ที่แผ่ น ดูด กลืน รังสีอ าทิต ย์ สามารถ
ตัดทิง้ ได้
4. การไหลภายในท่อเป็ นไปอย่างสม่าเสมอ
5. ไม่มกี ารดูดกลืนรังสีอาทิตย์ทแ่ี ผ่นปิ ดใส
6. การถ่ายเทความร้อนในแผ่นปิ ดใสเป็ นไปในทิศทางเดียว
7. ไม่คานึงถึงผลของการลดลงของอุณหภูมใิ นแผ่นปิ ดใส
8. รังสีอนิ ฟราเรดไม่สามารถส่งผ่านแผ่นปิ ดใส
9. การไหลของความร้อนภายในฉนวนเป็ นไปในทิศทางเดียว
10. พิจารณาท้อ งฟ้ าเสมือ นวัต ถุ ด า สาหรับ การแผ่ รงั สีค ลื่น ยาวที่อุณ หภู มิส มมูล ย์ของ
ท้องฟ้ า
11. ไม่คดิ ผลของอุณหภูมทิ แ่ี ตกต่างกันในบริเวณรอบๆ ท่อ
12. พิจารณาเกรเดียนต์ (Gradients) ของอุณหภูมใิ นทิศทางการไหล และในแนวระหว่าง
ท่ออย่างเป็ นอิสระต่อกัน
13. สมบัตทิ างความร้อนของวัสดุแปรผันตามอุณหภูมิ
14. การสูญเสียความร้อนทางด้านบน และด้านล่างของตัวเก็บรังสีอาทิตย์พจิ ารณาเทียบ
กับอุณหภูมแิ วดล้อม
15. ไม่คดิ ผลของฝุ่น และความสกปรกบนตัวเก็บรังสีอาทิตย์
16. ไม่มกี ารบังเงาบนแผ่นดูดกลืนรังสีอาทิตย์
3.4 สัมประสิ ทธิ์ การสูญเสียความร้อนของตัวเก็บรังสี
Ta Ta
R1
1/hc2-a 1/hr,c2-a
Tc2 Tc2
R2
1/hc1-c2 1/hr,c1-c2
Tc1 Tc1
1/hp-c1 1/hr,p-c1 R3
S Qu Qu
Tp Tp
R4
Tb Tb
1/hra R5
1/hb-a
Ta Ta
Ta
S
1/UL
Qu Tp
79
σ( T p4 − Tc41 )
qloss ,top = hc , p −c1 ( T p − Tc1 ) +
1 1
(3.4.1)
+ −1
ε p ε c1
1
R3 = (3.4.4)
hc , p −c1 + hr , p −c1
จะได้ความต้านทานทางความร้อนไปยังสิง่ แวดล้อม
1
R1 = (3.4.6)
hw + hr ,c 2− a
กรณี ต ัว เก็บ รังสีอ าทิต ย์แบบแผ่ นราบที่มีแผ่ น ปิ ดใส 2 ชัน้ ค่ าของ R1 จะขึ้นอยู่กับ
ความเร็วลมที่พ ดั เหนือตัว เก็บ รังสี และอุณ หภูมิของท้องฟ้ า เมื่อ ทราบค่ า R1 , R2 และ R3
สามารถหาค่าสัมประสิทธิการสู์ ญเสียความร้อนรวมทางด้านบน U t ของตัวเก็บรังสีได้ดงั นี้
1
Ut = (3.4.7)
R1 + R 2 + R3
วิธีก ารหาค่ า U t จาเป็ นต้อ งท าการค านวณซ้าๆ กันหลายรอบ โดยขัน้ แรกท าการ
สมมติค่ าอุ ณ หภู มิแ ผ่ น ปิ ด ใสจากสัม ประสิท ธิก์ ารพา และการแผ่ ร ังสีอ าทิต ย์ระหว่ างแผ่ น
จากนัน้ คานวณ U t โดยใช้สมการ (3.4.7) ขัน้ ต่อมาให้คานวณหา Tc ใหม่ จนกระทังค่ ่ า Tc ที่
คานวณได้มคี ่าใกล้เคียงกัน โดยอุณหภูมทิ ค่ี านวณได้ในแผ่นปิ ดใสแรกใช้สาหรับหาอุณหภูมทิ ่ี
แผ่นปิ ดใสใหม่ถดั ไป สาหรับแผ่นที่วางขนานกัน อุณหภูมใิ หม่ของแผ่นที่ j สามารถหาได้ใน
เทอมของอุณหภูมขิ องแผ่นที่ i ดังสมการ
U t ( T p − Ta )
T j = Ti − (3.4.8)
hc ,i − j + hr ,i − j
ตัวอย่าง 3.4.1
จงหาค่าสัมประสิทธิการสู์ ญเสียความร้อนด้านบนของตัวเก็บรังสีอาทิตย์แบบมีกระจก
เป็ นแผ่นปิ ดชัน้ เดียว โดยมีขอ้ มูลดังต่อไปนี้
81
−1
1 1
Ut = +
hc , p −c + hr , p −c hw + hr ,c − a
สัมประสิทธิการแผ่
์ รงั สีความร้อนระหว่างแผ่นดูดกลืนรังสีอาทิตย์กบั กระจก คือ
σ( T p2 + Tc2 )( T p + Tc )
hr , p − c =
1 1
+ −1
ε p εc
สัมประสิทธิการแผ่
์ รงั สีอาทิตย์ระหว่างกระจกกับอากาศ คือ
hr ,c − a = ε c σ( Tc2 + Ts2 )( Tc + Ts )
ได้ค่า hc, p−c , hr , p−c และ hr , c − a แล้วนามาหาค่า Tc จากสมการ (3.4.8) อีกครัง้ ขัน้ ตอนต่อไป
ทาการตรวจสอบค่า Tc ที่ได้ใหม่ว่าใกล้เคียงกับค่าที่สมมติไว้หรือไม่ ถ้าใกล้เคียงกันแสดงว่า
การสมมติค่า Tc ถูกต้อง แต่ถ้าหากไม่ใกล้เคียงกันก็ให้นาค่า Tc ใหม่น้ีไปเป็ นค่าสมมติในการ
คานวณครัง้ ต่อไปจนกว่าจะได้ค่าใกล้เคียงกัน เริม่ ต้นทาการสมมติค่า Tc ที่ 35 ๐C จะได้
82
hr , p −c = 7.60 W.m-2.๐C-1
hr ,c−a = 516
. W.m-2.๐C-1
อุณ หภูมิเฉลี่ยระหว่างแผ่ นดูดรังสีอ าทิต ย์กับแผ่ นปิ ดใส คือ 67.5 ๐C สมบัติของอากาศ คือ
. 10 −5 m2.s-1, k = 00293
= 196 . W.m-2.๐ C-1, T = 3405. K และ Pr = 0.7 , ตั ว เล ขเรย์ เ ล ห์
(Rayleigh Number) หาได้จากสมการที่ (2.11.2)
k 0.0293
h = Nu = 3.19 = 3.73 W.m-2.๐C-1
L 0.025
−1
1 1
Ut = + = 6.49 W.m-2.๐C-1
3.73 + 7.60 5.16 + 10.0
6.49( 90 )
Tc = 100 − = 48.5 ๐C
3.73 + 7.60
คานวณซ้าใหม่ได้
hr , p −c = 8.03 W.m-2.๐C-1
hr ,c − a = 5.53 W.m-2.๐C-1
hc , p −c = 3.52 W.m-2.๐C-1
ได้ค่ า ประมาณของ U t ครัง้ ที่ส อง 662 -2 ๐ -1
. W.m . C ตรวจสอบค่ า Tc จากสมการ
อุณ หภู มิแ วดล้อ มแตกต่ างกัน ที่ 40, 10, และ -20 ๐C เมื่อ ค่ าสัม ประสิท ธิก์ ารพาความร้อ น
เนื่องจากลมมีค่าเป็ น 5, 10 และ 20 W.m-2.๐C-1 และแผ่นดูดกลืนรังสีท่มี คี ่าการแผ่รงั สี 0.95
และ 0.10 ทีเ่ อียงทามุม 45๐ แม้ว่าสัมประสิทธิการสู
์ ญเสียความร้อนทางด้านบน จะใช้สาหรับ
กรณีท่มี รี ะยะห่าง 25 mm แต่ก็สามารถใช้กบั ระยะห่างอื่น ๆ ที่มรี ะยะไม่น้อยกว่า 15 mm ได้
โดยมีค่าคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ถึ ง แม้ ว่ า กราฟ ดั ง ที่ ไ ด้ ก ล่ า วไปข้ า งต้ น จะสามารถช่ ว ย
ประหยัดเวลาในการคานวณค่าสัมประสิทธิการสู ์ ญเสียความร้อนทางด้านบนไปได้มาก แต่กไ็ ม่
สะดวกต่อการคานวณที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ Duffie & Beckman (1991) ได้เสนอ
รายละเอียดของสมการเอ็มไพริคลั (Empirical) ซึง่ พัฒนาโดย Klein ในปี 1979 ดังต่อไปนี้
−1
N 1
Ut = e
+
C ( T pm − Ta ) hw
(3.4.9)
T pm ( N + f )
σ( T pm + Ta )( T pm
2
+ Ta2 )
+
2 N + f − 1 + 0.133ε p
( ε p + 0.00591Nhw ) −1 + −N
εg
เมื่อ N = จานวนของกระจก
f = (1 + 0.089hw − 01166. hw p )(1 + 0.07866 N )
๐ ๐ ๐
C = 520(1 − 0.000051 2 ) สาหรับ 0 < <70 กรณีท่ี > 70 ให้ใช้ = 70๐
e = 0.430(1 − 100 / Tpm )
= มุมเอียง
g = ค่าการแผ่รงั สีความร้อนของกระจก (0.88)
p = ค่าการแผ่รงั สีความร้อนของแผ่นดูดกลืนรังสีอาทิตย์
Ta = อุณหภูมแ ิ วดล้อม (๐C)
Tpm = อุณหภูมเิ ฉลีย ่ ของแผ่นดูดกลืนรังสีอาทิตย์ (๐C)
hw = สัมประสิทธิการพาความร้
์ อนโดยลม (W.m-2.๐C-1)
ความร้อนสูญเสียทางด้านล่างของตัวเก็บรังสีอาทิตย์แสดงอยู่ในรูปของความต้านทาน
ทางความร้อน โดยแบ่งออกเป็ น 2 ส่วนคือ R4 และ R5 แสดงดังรูปที่ 3.4.1 โดยที่ R4 เป็ น
ความต้ านทานทางความร้อ นภายในฉนวนและ R5 เป็ น ความต้านทานทางความร้อ นอัน
เนื่องมาจากอิทธิพลของการพาความร้อน และการแผ่รงั สีความร้อนไปยังสิง่ แวดล้อม ในการ
คานวณ ค่า R5 สามารถตัดทิง้ ได้ เนื่องจากความร้อนสูญเสียในส่วนนี้เป็ นความร้อนสูญเสียไป
84
1 k
Ub = = (3.4.10)
R4 L
ในการคานวณสัมประสิทธิการสู
์ ญเสียความร้อนทางด้านข้างเป็ นเรื่องทีซ่ บั ซ้อนยุ่งยาก
พอสมควร อย่างไรก็ดีในการออกแบบบางกรณี สามารถพิจารณาให้สมั ประสิทธิก์ ารสูญ เสีย
ความร้อนทางด้านข้างนี้มผี ลน้อยมากจนสามารถตัดทิ้งได้ หรือหากในบางกรณีจาเป็ นต้องทา
การคานวณก็จะสามารถพิจารณาให้อยู่ในรูปแบบทีง่ ่ายได้ โดยสมมติให้การไหลของความร้อน
จากทางด้านข้างของตัวเก็บรังสีอาทิตย์เป็ นไปในทิศทางเดียว จะได้ว่า
( UA )edge
Ue = (3.4.11)
Ac
ถ้าสมมติให้ส ัม ประสิท ธิก์ ารสูญ เสีย ความร้อ นทัง้ หมดเทีย บกับ อุณ หภู มิแ วดล้อ ม จะได้ว่ า
สัมประสิทธิก์ ารสูญ เสียความร้อ นรวม U L เท่ากับผลของสัมประสิทธิก์ ารสูญ เสียความร้อ น
ทางด้านบนรวมกับสัมประสิทธิก์ ารสูญ เสียความร้อนทางด้านล่าง และทางด้านข้างแสดงดัง
สมการ 3.4.12
U L = Ut + Ub + Ue (3.4.12)
ตัวอย่าง 3.4.2
จงคานวณหาสัมประสิทธิการสู
์ ญเสียความร้อนรวมของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ กาหนดให้
สัมประสิทธิการสู
์ ญเสียความร้อนด้านบน 6.6 W.m-2.๐C-1
ความหนาของฉนวนด้านหลัง 50 mm
การนาความร้อนของฉนวน 0.045 W.m-1.๐C-1
ความยาวของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ 10 m
ความกว้างของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ 3 m
ความหนาของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ 75 mm
ความหนาของฉนวนด้านข้าง 25 mm
วิ ธีทา
85
สัมประสิทธิการสู
์ ญเสียความร้อนด้านล่าง หาได้จากสมการ (3.4.10)
k 0.045
Ub = = = 0.9 W.m-2.๐C-1
L 0.050
สัมประสิทธิการสู
์ ญเสียความร้อนเนื่องมาจากฉนวนด้านข้าง ซึ่งมีความยาวโดยรอบ 26 m หา
ได้จากสมการ (3.4.11)
ดังนัน้ สัมประสิทธิการสู
์ ญเสียความร้อนรวม
จากการคานวณพบว่าการสูญเสียความร้อน อันเนื่องมาจากฉนวนด้านข้างของตัวเก็บ
รังสีอาทิตย์ขา้ งต้นซึ่งมีพ้นื ที่ของฉนวนด้านข้าง 30 m2 มีค่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการสูญเสีย
ความร้อ นรวม ในกรณี ด ังกล่ าวถ้าหากตัว เก็บ รังสีอ าทิต ย์มีค วามกว้าง 1 m ยาว 2 m การ
สูญ เสียความร้อนเนื่อ งจากฉนวนด้านข้างจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 % เมื่อเทียบกับการสูญ เสีย
ความร้อนทัง้ หมด ดังนัน้ การสูญเสียความร้อน อันเนื่องมาจากฉนวนด้านข้างของตัวเก็บรังสี
อาทิตย์ท่มี ขี นาดใหญ่สามารถที่จะละทิ้งไปได้ แต่สาหรับตัวเก็บรังสีอาทิตย์ ที่มขี นาดเล็กการ
สูญเสียความร้อนเนื่องจากฉนวนด้านข้างจาเป็ นต้องนามาพิจารณาประกอบด้วย
ที่กล่าวมาข้างต้นในส่วนของการสูญเสียความร้อนด้านบนรวมทัง้ สมการ (3.4.9) เป็ น
การพิจารณาตัวเก็บรังสีอาทิตย์ท่มี กี ระจกเป็ นแผ่นปิ ดใส ถ้าหากใช้แผ่นปิ ดใสที่เป็ นพลาสติก
จาเป็ นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการคานวณค่า U t สาหรับแผ่นปิ ดใสชัน้ เดียว
พลังงานทัง้ หมดทีไ่ ด้รบั จากรังสีอาทิตย์ระหว่างแผ่นดูดกลืนรังสีอาทิตย์กบั ท้องฟ้ า คือ
τ c ε p σ( T p4 − Ts4 )
qr , p−s = (3.4.13)
1 − ρ pρc
เมื่อ c และ c เป็ น ค่ าการส่ งผ่ า น และการสะท้อ นรังสีอ าทิต ย์ข องแผ่ น ปิ ด ใส ที่
อุณหภูมิ Tp และที่อุณหภูมิ Ts (สมมติให้การส่งผ่านรังสีอาทิตย์ไม่ขน้ึ กับอุณหภูมขิ องแหล่งที่
แผ่รงั สีความร้อน หรือกาหนดให้อุณหภูมิ Tp และอุณหภูมิ Ts มีค่าใกล้เคียงกัน), p และ p
86
−1
qr , p−s 1 1
Ut = +
+
(3.4.14)
( T p − Ta ) hc , p −c + hr , p −c hw + hr ,c − s
การหาค่าสัมประสิทธิการส่
์ งผ่านความร้อนโดยการแผ่รงั สีในสมการ (3.4.14) จาเป็ น
จะต้องทราบสมบัตขิ องแผ่นปิ ดใส ความร้อนทีไ่ ด้จากการแผ่รงั สีระหว่างแผ่นดูดกลืน และแผ่น
ปิ ดใส คือ
σε p ε c ( T p4 − Tc4 )
q= (3.4.15)
1− ρ pρc
ดังนัน้ สัมประสิทธิการถ่
์ ายเทความร้อนโดยการแผ่รงั สีระหว่างแผ่นดูดกลืน และแผ่นปิ ดใส
σε p ε c ( T p + Tc )( T p2 + Tc2 )
hr , p − c = (3.4.16)
1− ρ pρc
การหาค่าสัมประสิทธิการส่
์ งผ่านความร้อนโดยการแผ่รงั สีในสมการ (3.4.14) จาเป็ น
จะต้องทราบสมบัตขิ องแผ่นปิ ดใส ความร้อนที่ได้การแผ่รงั สีระหว่างแผ่นดูดกลืน และแผ่นปิ ด
ใส คือ
σε p ε c ( T p4 − Tc4 )
q= (3.4.15)
1− ρ pρc
ดังนัน้ สัมประสิทธิการถ่
์ ายเทความร้อนโดยการแผ่รงั สีระหว่างแผ่นดูดกลืน และแผ่นปิ ดใส
σε p ε c ( T p + Tc )( T p2 + Tc2 )
hr , p − c = (3.4.16)
1− ρ pρc
W/2
Bond
Di
Tf
W- D D
2
X
รูปที่ 3.5.1 แผ่นดูดกลืน และท่อ [Duffie & Beckman (1991)]
X X
x X
Tb
-kadT
-kadT
dX X
dX X+ X
Insulation
W- D
2
dT dT
S x − U L x( T − Ta ) + − kδ − − kδ =0 (3.5.1)
dx x dx x + x
เงื่อ นไขขอบเขตที่จ าเป็ น ในการแก้ ปั ญ หาของสมการเชิง อนุ พ ัน ธ์ อ ัน ดับ สอง โดย ท าการ
พิจารณาทีฐ่ านของครีบ (x=0) มีลกั ษณะเป็ นฉนวนและที่ปลายอีกด้านหนึ่ง (x=[W-D]/2) มีค่า
เป็ น Tb
dT
= 0, T x =( W − D ) / 2
= Tb (3.5.3)
dx x =0
m = U L / kδ (3.5.4 a)
ψ = T − Ta − S U L (3.5.4 b)
และมีเงือ่ นไขขอบเขต
dψ S
= 0, ψ x =( W − D ) / 2 = Tb − Ta − (3.5.6)
dx x =0 UL
T − Ta − S / U L cosh( mx )
= (3.5.8)
Tb − Ta − S / U L coshm( W − D ) / 2
kδm
q fin = −kδ
dT
= S − U L ( Tb − Ta )tanhm( W − D ) / 2 (3.5.9)
dx x =( W − D ) / 2 UL
89
tanhm( W − D ) / 2
q fin = ( W − D )S − U L ( Tb − Ta ) (3.5.10)
m( W − D ) / 2
q fin = ( W − D )F S − U L ( Tb − Ta ) (3.5.11)
เมื่อ
tanhm( W − D ) / 2
F= (3.5.12)
m( W − D ) / 2
= DS − U L ( Tb − Ta )
qtube (3.5.13)
Tb − T f
q u =
1 1
(3.5.15)
+
hf i πDi C b
90
kbb
Cb = (3.5.16)
γ
ค่าการนาความร้อนตรงรอยต่อระหว่างแผ่นดูดกลืนกับท่อ มีความสาคัญอย่างยิง่ ต่อ
สมรรถนะของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ วัสดุ ทน่ี ามาทาการต่อ หรือยึดนัน้ จะต้องมีความเป็ นโลหะที่ดี
เพือ่ ทีจ่ ะทาให้การนาความร้อนของบริเวณรอยต่อมีค่ามากกว่า 30 W.m-1.C-1
เพื่อ เป็ นการลดรูปสมการให้ง่ายต่อ การนาไปใช้ อาจทาได้โดยการแทนค่ า Tb จาก
สมการ (3.5.15) ลงในสมการ (3.5.14) จะได้สมการของพลังงานมราสามารถนาไปใช้ประโยชน์
ได้ คือ
qu = WF S − U L ( T f − Ta ) (3.5.17)
Uo
F = (3.5.19)
UL
91
ตัวอย่าง 3.5.1
จงคานวนแฟคเตอร์ของประสิทธิภาพของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ตามข้อมูลต่อไปนี้
สัมประสิทธิของการสู
์ ญเสียความร้อนรวม 8.0 W.m-2.๐C-1
ช่องว่างระหว่างท่อ 150 mm
เส้นผ่านศูนย์กลางท่อ (ด้านใน) 10 mm
ความหนาของแผ่นดูดกลืน 0.5 mm
ค่าการนาความร้อน (ทองแดง) 385 W.m-2.๐C-1
สัมประสิทธิการถ่
์ ายเทความร้อนภายในท่อ 300 W.m-2.๐C-1
ความต้านทานทีร่ อยต่อ 0
วิ ธีทา
หาแฟคเตอร์ประสิทธิภาพของครีบ F จากสมการ (3.5.4 a) และ (3.5.12)
1/ 2
8
m= −4
= 6.45
385 5 10
1/ 8
F = = 0.841
1 1
0.15 +
80.01 + ( 0.15 − 0.01 )0.937 π( 0.01 )300
92
m m
C p T f − C p T f + yqu = 0 (3.6.1)
n y n y + y
quseful Y
Y
รูปที่ 3.6.1 สมดุลพลังงานในของไหล
m C p
dT f
dy
− nWF S − U L ( T f − Ta ) = 0 (3.6.2)
ถ้ า สมมติใ ห้ F และ U L มีค่ า คงที่ ไ ม่ ข้ึ น กับ ต าแหน่ ง ใดๆ ดัง นั ้น รูป ค าตอบของ
อุณหภูมขิ องของไหลแต่ละตาแหน่งทีร่ ะยะ y ใดๆ คือ
93
T f − Ta − S U L
T fi − Ta − S U L
(
= exp − U L nWF y m C p ) (3.6.3)
T fo − Ta − S U L
T fi − Ta − S U L
(
= exp − AcU L F m C p ) (3.6.4)
m C p ( T fo − T fi )
FR = (3.7.1)
Ac S − U L ( T fi − Ta )
สามารถกระจายแฟคเตอร์การดึงความร้อนของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ได้ดงั นี้
mC p
T fo − T fi
FR =
AcU L S
U − ( T fi − Ta )
L
S S
T fo − Ta − − T fi − Ta −
m C p UL U L
= (3.7.2)
AcU L S
− ( T fi − Ta )
UL
หรือ
S
− ( T fo − Ta )
mC p U
FR = 1 − L (3.7.3)
AcU L S
U − ( T fi − Ta )
L
94
m C p A U F
FR = 1 − exp − c L
(3.7.4)
AcU L m C p
FR m C p A U F
F = = 1 − exp − c L
(3.7.5)
F AcU L F m C p
เมื่อ F คือ แฟคเตอร์ก ารไหลของตัว เก็ บ รัง สี อ าทิ ต ย์ (Collector Flow Factor)
สามารถเขียนสมการในการหาค่าพลังงานใช้ประโยชน์ ( Qu ) ในเทอมของ FR และอุณหภูมขิ อง
ไหลขาเข้าได้ดงั นี้
Qu = Ac FR S − U L ( Ti − Ta ) (3.7.6)
ตัวอย่าง 3.7.1
จงคานวณค่าพลังงานทีใ่ ช้รายวัน และประสิทธิภาพของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ท่ตี ่อขนาน
กัน 10 แผง มีมุมเอียง 60๐ และมุมอะซิมุท พื้นดิน 0๐ รังสีต กกระทบรายชัวโมง
่ I T ค่ าการ
ดูดกลืนรังสีอาทิตย์รายชัวโมง
่ S และอุณ หภูมแ ิ วดล้อมรายชัวโมง
่ Ta ได้กาหนดไว้ดงั ตาราง
ข้างล่าง กาหนดให้
สัมประสิทธิการสู
์ ญเสียรวม U L 8.0 W.m-2.๐C-1
แฟคเตอร์ประสิทธิภาพ F 0.841 (จากตัวอย่าง 3.5.1)
อัตราการไหลแต่ละตัวของตัวเก็บรังสี 0.03 kg.s-1 ทีข่ นาด 1 2 m2
อุณหภูมขิ องไหลขาเข้ามีค่าคงที่ 40 ๐C
วิ ธีทา
อัตราการไหลเชิงมวลของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ในเทอมไร้มติ ิ
m C p 0.03 4190
= = 0.35
AcU L F 2 8 0.841
95
แฟคเตอร์การดึงความร้อน คือ
Qu
qu = = 0.797( 3.29 − 1.09 ) 10 6 = 1.76 MJ.m-2
Ac
ประสิทธิภาพของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ในชัวโมงนี
่ ้ หาได้จากสมการ (3.2.2)
Qu q 1.76
η= = u = = 0.45
I T Ac I T 3.92
ประสิทธิภาพตลอดวัน คือ
qu 7.57
η day = = = 0.38
IT 19 .79
IT S UL(Ti - Ta) qu
เวลา Ta
(MJ.m-2) (MJ.m-2) (MJ.m-2) (MJ.m-2)
7:00-8:00 -11 0.020 - - 0 0
8:00-9:00 -8 0.43 0.35 1.38 0 0
9:00-10:00 -2 0.99 0.82 1.21 0 0
10:00-11:00 2 3.92 3.29 1.09 1.76 0.45
11:00-12:00 3 3.36 2.84 1.07 1.42 0.42
12:00-13:00 6 4.01 3.39 0.98 1.93 0.48
13:00-14:00 7 3.84 3.21 0.95 1.81 0.47
14:00-15:00 8 1.96 1.63 0.92 0.57 0.29
15:00-16:00 9 1.21 0.94 0.89 0.08 0.07
16:00-17:00 7 0.05 - 0.95 0 -
รวม 19.79 7.57
ผลต่างของอุณหภูมขิ องไหลทีเ่ พิม่ ขึน้ จาก 8.5 ๐C ในช่วงเวลา 12:00 - 13:00 เป็ น 2.5
๐C ในช่วงเวลา 14:00 - 15:00 (คานวณจาก T = Q mC
u p ) เราสามารถเพิม
่ อุณหภูมขิ องของ
ไหลได้โดยการลดอัตราการไหล แต่ทงั ้ นี้กจ็ ะเป็ นการลดพลังงานทีส่ ามารถใช้ ประโยชน์ได้ดว้ ย
เช่นกัน ถ้าอัตราการไหลลดลงครึ่งหนึ่งแต่ F ยังคงเท่าเดิมค่ า FR จะลดลงเป็ น 0.76 และ
อุณ หภูมิท่ีเพิ่มขึ้นระหว่างเวลา 12:00 ถึง 13:00 เป็ น 16.2 ๐C ซึ่งน้ อ ยกว่าสองเท่าของการ
เพิม่ ขึน้ ของอุณหภูมเิ ดิม ประสิทธิภาพระหว่างชัวโมงนี
่ ้จะลดลงจาก 48% เป็ น 46 %
97
3.8 ระดับรังสีวิกฤต
FRU L ( Ti − Ta )
I Tc = (3.8.2)
FR ( τα )
พลังงานที่สามารถนาไปใช้ประโยชน์ ได้ของตัวเก็บรังสีอาทิตย์สามารถเขียนในเทอม
ของระดับการแผ่รงั สีวกิ ฤตได้ดงั นี้
Qu = Ac FR ( τα )( I T − I Tc ) (3.8.3)
1L
T fm = T f ( y )dy (3.9.1)
L0
98
Qu Ac
T fm = T fi + ( 1 − F ) (3.9.2)
FRU L
โดยปกติอุณหภูมเิ ฉลีย่ ทีแ่ ผ่นดูดกลืนจะสูงกว่าอุณหภูมเิ ฉลีย่ ของของไหลเสมอ ซึง่ เป็ น
ผลมาจากความต้านทานความร้อนระหว่างแผ่ นดูดกลืนรังสีกับของไหล ความแตกต่างของ
อุ ณ หภู มิในระบบที่ใ ช้ข องเหลวเป็ น สารท างานจะมีค่ า น้ อ ย แต่ ใ นกรณี ท่ีใช้อ ากาศจะมีค่ า
ค่อนข้างมาก
Qu = Ac S − U L ( T pm − Ta ) (3.9.3)
Qu Ac
T pm = T fi + ( 1 − FR ) (3.9.4)
FRU L
สมการ (3.9.4) จะถู ก น าไปใช้ใ นการค านวณซ้ า ร่ว มกับ สมการ (3.4.9) ขัน้ แรกให้
ประมาณค่า Tpm จาก U L ที่คานวณได้ โดยการประมาณค่า FR , F และ Qu จะได้ค่า Tpm
ใหม่จากสมการ (3.9.4) และนาไปใช้ใช้หาค่า U t ใหม่ สาหรับค่า U L ใหม่จะใช้หา FR และ
F การสมมติค่าเริม่ ต้นที่เหมาะสมจะทาให้ ได้ค่าที่ใกล้เคียงมากขึ้น โดยในกรณีของตัวเก็บ
รังสีท่ใี ช้ของเหลว และมีอตั ราการไหลอยู่ระหว่าง 0.01 ถึง 0.02 kg.m-2.s-1 ค่าเริม่ ต้นของ Tp
จะประมาณ Tfi + 10 ๐C และประมาณ T fi + 20 ๐C สาหรับระบบทีใ่ ช้อากาศ
ตัวอย่าง 3.9.1
จงคานวณอุณหภูมเิ ฉลี่ยของของไหล และแผ่นดูดกลืน ในช่วงเวลา 11:00 ถึง 12:00
โดยใช้ขอ้ มูลจากตัวอย่าง 3.7.1
วิ ธีทา
( 1.42 10 6 ) / 3600
T pm = 40 + ( 1 − 0.797 ) = 53 ๐C
8 0.797
3.10 ผลของการส่งผ่านและดูดกลืน
D = U p −c ( T p − Tc ) − ( T p − Tc ) (3.10.1)
ผลต่างของอุณหภูมิ Tp และ Tc สามารถเขียนได้เป็ น
U t ( T p −T a )
T p − Tc = (3.10.2)
U p −c
โดยที่ U t คือ สัมประสิทธิการสู
์ ญเสียทางด้านบนมีค่าเท่ากับ U p−cU c−a (U p−c + U c−a )
100
U c − a ( T p − Ta ) − I T ( 1 − τ a )
T p − Tc = (3.10.3)
U p −c + U c − a
ดังนัน้
U p − c U c − a ( T p − Ta ) I T U p −c ( 1 − τ a )
D = U t ( T p − Ta ) − + (3.10.4)
U p −c + U c − a U p −c + U c − a
หรือ
I T U t (1 − τ a )
D= (3.10.5)
U c−a
I U (1 − τ a )
q u = FR S + T t − U L ( Ti − Ta ) (3.10.6)
U c−a
โดยทัวไป
่ I T เป็ นผลรวมของรังสีตรง รังสีกระจาย และรังสีทส่ี ะท้อนจากผิวโลก ในแต่
ละเทอมจะมีค่า ( ) สามารถแบ่งการดูดกลืนรังสีอาทิตย์ในแผ่นปิ ดใสออกเป็ น 3 ส่วน โดย
กาหนดให้ ( ) + (1 − a ) U t U c−a เป็ นค่าประสิทธิผลของการส่งผ่าน และดูดกลืนในแต่ละส่วน
สาหรับระบบทีม่ แี ผ่นปิ ดใสชัน้ เดียว
Ut
( τα )e = ( τα ) + ( 1 − τ a ) (3.10.7)
U c−a
ในการประเมิน ค่ า S จะใช้ ( ) e แทน ( ) โดยที่ ( ) e จะมีค่ า มากกว่ า ( )
ประมาณ 1 % สาหรับตัวเก็บรังสีอาทิตย์แบบกระจกชัน้ เดียวที่ ทาด้วยกระจกธรรมดา และถ้า
101
(3.10.8)
n
( τα )e = ( τα ) + ( 1 − τ a ) a i τ i −1
i =1
ตารางที่ 3.10.1 ค่าทีไ่ ด้จากการคานวณโดยสมการ (3.10.8) และ (3.10.9) [Duffie & Beckman (1991)]
( τα )e 1.02τα (3.10.10 a)
( τα )e 1.01τα (3.10.10 b)
ตัวอย่าง 3.11.1
จากตัวอย่าง 3.7.1 จงประเมินค่าสมรรถนะรายวัน โดยคิดผลกระทบจากฝุ่นและเงา
แผ่นปิ ดใสเป็ นกระจกชัน้ เดียวมี KL = 0.037 และแผ่นดูดกลืนรังสีอาทิตย์มสี ดี า และเป็ นแบบ
ผิวธรรมดา
วิ ธีทา
กระจกดูดกลืนรังสีอาทิตย์ทต่ี กกระทบประมาณ 4 % จากตารางที่ 3.10.1 และสมการ
(3.10.8) ปริมาณรังสีส่วนนี้ 27 % ไม่มกี ารสูญเสีย ดังนัน้ ( ) e เท่ากับ 1.01 ( ) ผลของฝุ่น
หรือเงา แต่ละอย่างทาให้การดูดกลืนรังสีลดลง 1 % ผลกระทบรวมจะทาให้ S ลดลง 2 % ค่า
S และพลังงานที่ใช้ป ระโยชน์ รายชัวโมงแสดงในตารางข้
่ างล่าง เมื่อ FR = 0.8 และ U L = 5
W.m-1.๐C-1 ค่าประสิทธิภาพรายวันมีค่าลดลงจาก 38 % เหลือ 36 %
IT S T qu
เวลา
(MJ.m-2) (MJ.m-2) (C) (MJ.m-2)
7:00-8:00 0.02 - -11 - -
8:00-9:00 0.43 0.34 -8 0 0
9:00-10:00 0.99 0.79 -2 0 0
10:00- 3.92 3.16 2 1.65 0.42
11:00
11:00- 3.36 2.73 3 1.33 0.40
12:00
12:00- 4.01 3.25 6 1.82 0.45
13:00
13:00- 3.84 3.08 7 1.70 0.44
14:00
14:00- 1.96 1.56 8 0.51 0.26
15:00
15:00- 1.21 0.95 9 0.05 0.04
16:00
16:00- 0.05 - 7 - -
17:00
19.79 7.06
104
7.06
day = = 0.36
19.79
การดาเนินการเกี่ยวกับระบบพลังงานแสงอาทิตย์สว่ นใหญ่จะอยู่ในสภาวะไม่สม่าเสมอ
เมื่อพิจารณาธรรมชาติของแรงขับ (Driving Forces) การสังเกตนี้นาไปสู่การศึกษาเชิงตัวเลข
ถึงผลกระทบของค่าความจุความร้อนของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ท่มี ตี ่อสมรรถนะของตัวเก็บรังสี
อาทิตย์โดย Klein et al. (1974) และ Wijeysundera (1978) สามารถพิจารณาแยกเป็ น 2 ส่วน
ส่ว นแรกเกิดจากการร้อ นขึ้น ของตัว เก็บ รังสีอ าทิต ย์จากช่ว งเช้าที่อุณ หภูมิต่ าจนกระทัง่ ถึง
อุณหภูมสิ ุดท้ายในช่วงบ่าย ส่วนที่สองเกิดจากความไม่สม่าเสมอของแรงขับในแต่ละวัน เช่น
รังสีอาทิตย์ และลม ซึง่ มีการเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา
การแสดงความคิดเห็นของ Klein et al. (1974) แสดงให้เห็นว่าในตอนเช้าของแต่ละวัน
ผลของการสู ญ เสีย ความร้อ นของตัว เก็ บ รัง สีอ าทิ ต ย์ มีค วามส าคัญ แต่ ส ามารถละทิ้ ง ได้
ตัวอย่างเช่น รังสีอาทิตย์ท่ตี กกระทบตัวเก็บรังสี ในตัวอย่าง 3.11.1 ก่อนเวลา 10:00 น. มีค่า
(0.02 + 0.43 + 0.99) = 1.44 MJ.m-2 แต่ ค่ าการสูญ เสียความร้อ นที่ได้จากการค านวณมีค่ า
มากกว่านี้ ทัง้ นี้เพราะในการคานวณค่าการสูญเสียความร้อน จะสมมติว่าอุณหภูมขิ องไหลขา
เข้ามีค่าเท่ากับ 40 C เสมอ แต่ในความเป็ นจริงไม่มขี องไหลทีไ่ หลวน และการดูดกลืนพลังงาน
แสงอาทิตย์จะทาให้ตวั เก็บรังสีอาทิตย์รอ้ นขึน้ โดยทีไ่ ม่มกี ารลดลงของพลังงานใช้ประโยชน์
ค่าความร้อนทีใ่ ช้ในการทาให้ตวั เก็บรังสีอาทิตย์รอ้ นขึน้ สามารถประมาณค่าได้โดยการ
แก้สมการสมดุลพลังงานในสภาวะไม่สม่าเสมอ ทีแ่ ต่ละส่วนของตัวเก็บรังสีอาทิตย์ แรงขับอื่นๆ
เช่น รังสีอาทิตย์ ความเร็วลม และอุณหภูมขิ องอากาศ จะทราบค่ าเพียงแค่ในช่วงรายชัวโมง ่
หนึ่งๆ การทานายพฤติกรรมในสภาวะไม่สม่าเสมอระหว่างช่วงเวลารายชัว่ โมงหนึ่งๆ สามารถ
นาไปใช้ประมาณค่าในการวิเคราะห์อย่างละเอียด
พิจารณาตัวเก็บรังสีอาทิตย์ทม่ี แี ผ่นปิ ดใสชัน้ เดียว สมมติว่าแผ่นดูดกลืน น้าในท่อ และ
บริเวณครึ่งหนึ่งของฉนวนที่อยู่ด้านล่างมีอุณหภูมเิ ท่ากัน และสมมติว่าแผ่นปิ ดใสมีอุณหภูมิ
สม่าเสมอ ซึ่งมีค่าแตกต่างจากอุณหภูมขิ องแผ่นดูดกลืน สมดุลพลังงานของแผ่นดูดกลืน น้ า
และฉนวนมีค่าดังนี้
( mC )p
dT p
dt
= Ac S − U p −c ( T p − Tc ) (3.12.1)
105
ตัวก ากับล่าง c และ p หมายถึง แผ่นปิ ดใส (Cover) และแผ่นดูดกลืน (Plate) ตามลาดับ ,
U p − c คือ ค่ าสัมประสิท ธิก
์ ารสูญ เสียความร้อนจากแผ่ นดูดกลืนไปยังแผ่ นปิ ดใส และ t คือ
เวลาสมดุลพลังงานบนแผ่นปิ ดใสมีค่าดังนี้
( mC )c
dTc
dt
= Ac U p −c ( T p − Tc ) + U c − a ( Ta − Tc ) (3.12.2)
U c −a ( Tc − Ta ) = U L ( T p − Ta ) (3.12.3)
dTc U dT p
= L (3.12.4)
dt U c − a dt
dT p
( mC ) p +
UL
( mC )c
= Ac S − U L ( T p − Ta ) (3.12.5)
U c−a dt
n
( mC )e = ( mC ) p + a i ( mC )c ,i (3.12.6)
i =1
S − U L ( T p − Ta ) AU t
= exp − c L (3.12.7)
S − U L ( T p ,initial − Ta ) ( mC )e
ตัวอย่าง 3.12.1
จากตัว เก็ บ รัง สีอ าทิต ย์ใ นตัว อย่ า งที่ 3.11.1 จงประมาณการลดลงของพลัง งานที่
สามารถใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากผลของค่าความจุความร้อน โดยแผ่นดูดกลืน และท่อทาด้วย
ทองแดง รายละเอียดต่างๆ ของตัวเก็บรังสีอาทิตย์มดี งั นี้
ความหนาของแผ่นดูดกลืน 0.5 mm
เส้นผ่านศูนย์กลางภายในท่อ 10 mm
ระยะห่างของท่อ 150 mm
ความหนาของกระจก 3.5 mm
ความหนาของฉนวนด้านหลัง 50 mm
C (kJ.kg-1.C-1) (kg.m-3)
ทองแดง 0.48 8800
กระจก 0.80 2500
ฉนวน 0.80 50