Professional Documents
Culture Documents
การออกแบบหลัง คาโดยประยุ ก ต์ ห ลัก การของตัว เก็ บ รัง สีอ าทิ ต ย์ (Roof Solar
Collector) สามารถลดปริมาณความร้อนเนื่องจากรังสีอาทิต ย์ท่จี ะถ่ ายเทเข้าสู่บ้านพักอาศัย
และเป็ นการเพิม่ สภาวะความสบายแก่ผู้อยู่อาศัยอีกด้วย การประยุกต์ใช้หลักการของตัวเก็บ
รังสีอาทิตย์กบั หลังคา ซึ่งนอกจากจะทาให้ค่าการถ่ายเทความร้อนรวมผ่านทางหลังคา (RTTV:
Roof Thermal Transfer Value) มีค่ าต่ าลงแล้วยังก่อให้เกิดการระบายอากาศแบบธรรมชาติ
(Natural Ventilation) อี ก ด้ ว ย จากที่ ก ล่ า วมาแล้ ว นั ้ น ได้ ท าการศึ ก ษ าวิ จ ัย และพั ฒ นา
(Research and Development) รูป แบบของหลังคากัน อย่ า งต่ อ เนื่ อ งตลอดมา โดยเริ่ม จาก
หลังคารับรังสีอาทิต ย์ หลังคาแผ่ รงั สีค วามร้อน (Roof Radiator) การประยุกต์ใช้ระบบเซลล์
แสงอาทิต ย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหลังคารับรังสีอาทิตย์ (A PV System Enhanced the
Performance of Roof Solar Collector) หลังคาบรรยากาศชีวภาพ (Bio-Climatic Roof) ซึ่งใน
การศึกษาวิจยั (Research Design) นอกจากจะทาการออกแบบ และทาการศึกษาเชิงทดลอง
(Experimental Study) แล้ว ยัง ได้มีก ารพัฒ นาแบบจ าลองทางคณิ ต ศาสตร์ (Mathematical
Modeling) ของหลัง คาดัง กล่ า วควบคู่ กัน ไปด้ ว ยเพื่อ ศึก ษาและวิเ คราะห์ ถึ ง อิท ธิพ ลของ
พารามิเตอร์ต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง (Sensitivity Analysis) ดังจะได้นาเสนอต่อไปนี้
งานศึกษาวิจยั ทีป่ ระยุกต์ใช้หลักการตัวเก็บรังสีอาทิตย์กบั หลังคาบ้านพักอาศัยเริม่ จาก
Bunnag (1995) โดยทาการศึกษาประสิทธิภาพของการระบายความร้อนผ่ านทางหลังคารับ
รังสีอาทิตย์ โดยการสร้างหลังคาทีม่ ลี กั ษณะเป็ นหลังคา 2 ชัน้ ดังรูปที่ 3.18.1 ซึ่งประกอบด้วย
134
100
Air velocity (m/s)
90
Relative humidity
80
70
60
50
40
26 28 30 32 34 36 38
Dry bulb temperature ( oC)
138
ซึ่งจากที่กล่าวมาทัง้ หมดจะเห็นได้ว่าศาสตร์ทางด้านการออกแบบกรอบอาคารให้มี
ความเหมาะสมกับสภาพภูมิอ ากาศนัน้ เกี่ยวข้อ งกับ ศาสตร์แขนงอื่น ๆ หลายแขนงด้วยกัน
ดังนัน้ วัตถุประสงค์ของการออกแบบหลังคาบรรยากาศชีวภาพ เพื่อให้หลังคาดังกล่าวทาหน้าที่
3 ประการดังต่อไปนี้ ลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสูอ่ าคาร เหนี่ยวนาให้เกิดการระบายอากาศใน
อัตราทีส่ ูง และให้ความสว่างโดยใช้แสงธรรมชาติ หลังคาบรรยากาศชีวภาพประกอบด้วยส่วน
ของกระเบื้องมุงหลังคา ช่องว่างอากาศ และฝ้ าเพดาน หลังคาบรรยากาศชีวภาพมุงด้วยแผ่น
กระเบื้องมุงหลังคาซีแพคโมเนียร่วมกับแผ่นกระเบื้องมุงหลังคาแบบใส ส่วนของฝ้ าเพดานใช้
แผ่ นยิปซัม่ ชนิดบุฟ อยด์ร่ว มกับแผ่นกรองแสง ดังรูปที่ 3.18.5 หลังคาบรรยากาศชีวภาพมี
หน้าที่สาคัญในการทางานอยู่ 2 ประการด้วยกันกล่าวคือ ในเวลากลางวันหลังคาบรรยากาศ
ชีวภาพทาหน้าทีเ่ ป็ นปล่องรังสีอาทิตย์เหนี่ยวนาให้เกิดการระบายอากาศแบบธรรมชาติ ซึ่งจะ
ช่วยลดค่าความร้อนทีถ่ ่ายเทเข้าสูอ่ าคาร การใช้กระเบือ้ งมุงหลังคาแบบใส นอกจากจะให้ความ
สว่างทีเ่ พียงพอต่อความต้องการสาหรับบ้านพักอาศัยแล้ว ยังช่วยเพิม่ อัตราการระบายอากาศ
อีกด้วย สาหรับในเวลากลางคืนหลังคาบรรยากาศชีวภาพทาหน้าที่เป็ นหลังคาแผ่รงั สี เพื่อแผ่
รังสีความร้อนสู่ครึง่ ทรงกลมท้องฟ้ าทาให้อุณหภูมผิ วิ ของหลังคาลดลงต่ากว่าอุณหภูมอิ ากาศ
แวดล้อม ดังนัน้ อากาศทีอ่ ยู่ในช่องว่างของหลังคาจะอุณหภูมลิ ดลง และเคลื่อนทีล่ งมาก่อให้เกิด
การทาความเย็นในเวลากลางคืน
139
ในการออกแบบได้คานวณหาขนาดความยาวที่เหมาะสมของแผ่นยิปซัมชนิ ่ ดบุฟอยด์
โดยใช้หลักทางเรขาคณิตระหว่างมุมของลาแสงอาทิตย์ และมุมต่างๆ ทีส่ มั พันธ์กนั ของหลังคา
จึงทาให้ไม่มแี สงอาทิตย์ส่องผ่านแผ่นกรองแสงโดยตรง สมการทีไ่ ด้จากการพิสจู น์โดยหลักทาง
เรขาคณิ ต นัน้ สามารถนาไปค านวณหาขนาดความยาวของแผ่ นยิปซัม่ บุฟ อยด์ได้ในกรณี ท่ี
หลังคาหันหน้าไปในทิศทางใดๆ
ในการทดสอบประสิทธิภาพของหลังคาบรรยากาศชีวภาพโดยทดลองเปรียบเทียบกับ
หลังคารับรังสีอาทิตย์ ในการทดสอบได้ทาการทดลองในสภาพภูมอิ ากาศทีแ่ ตกต่างกันกล่าวคือ
ช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม) และช่วงฤดูรอ้ น (มีนาคมถึงเมษายน) ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า
อุณหภูมหิ อ้ งใต้หลังคาบรรยากาศชีวภาพมีค่าต่ากว่าอุณหภูมหิ อ้ งใต้หลังคารับรังสีอาทิตย์และ
มีค่าใกล้เคียงกับอุณหภูมอิ ากาศแวดล้อม ค่าความสว่างภายในห้องมีค่าประมาณ 150 lux ใน
ฤดูหนาวและ 300 lux ในฤดูรอ้ น อัตราการะบายอากาศทีถ่ ูกเหนี่ยวนาโดยหลังคาบรรยากาศ
ชีวภาพและการแลกเปลีย่ นอากาศซึง่ สัมพันธ์กนั นัน้ มีค่าประมาณ 200 cm3.h-1 และ 8 เท่าของ
ปริมาตรห้องในฤดูหนาว และมีค่าประมาณ 300 cm3.h-1 และ 12 เท่าของปริมาตรห้องในฤดู
ร้อนตามลาดับ นอกจากนัน้ ผลการทดลองยังบ่งชีว้ ่าการใช้ป ระโยชน์จากแสงธรรมชาติผ่านทาง
140
หลังคาบรรยากาศชีวภาพนัน้ ไม่ก่อให้เกิดความร้อนที่สูงจนเกินไปนักเนื่องจากในทางปฏิบตั ิ
นัน้ อุณหภูมหิ อ้ งมีค่าต่ากว่าและใกล้เคียงอุณหภูมอิ ากาศแวดล้อมเสมอ
นอกจากนี้ยงั ได้พฒ ั นาแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ซ่งึ มีสมมุตฐิ านที่สาคัญคือ ความ
ร้อนถ่ายเทในลักษณะ 2 มิตแิ บบสถานะคงที่ แบบจาลองดังกล่าวสามารถทานายค่ารายชัวโมง ่
ของค่าความสว่างภายในห้อง อัตราการไหลเชิงปริมาตรและอุณหภูมทิ ่จี ุดต่าง ๆ ของหลังคา
บรรยากาศ ชีว ภาพ อิน พุ ท ของแบบจ าลองทางคณิ ต ศาสตร์ด ัง กล่ า วประกอบไปด้ ว ย
พารามิเตอร์ทางด้านภูมอิ ากาศไม่ว่าจะเป็ นค่าความเข้มรังสีอาทิตย์บนพืน้ เอียงรวมถึงค่าความ
สว่างภายนอกอาคาร อุณ หภูมิอากาศแวดล้อ มและอุณ หภู มทิ ้องฟ้ าและความเร็ว ลมผิวพื้น
ภายนอกอาคาร ผลจากแบบจาลองทางคณิตศาสตร์มคี ่าใกล้เคียงกับผลจากการทดลอง ดังนัน้
แบบจาลองนี้ส ามารถนาไปใช้ในการประมาณค่ าสมรรถนะระยะยาวของหลั งคาบรรยากาศ
ชีวภาพได้
ถึงแม้ว่าจะได้มกี ารพยายามออกแบบหลังคาให้มคี วามเหมาะสมกับสภาพภูมอิ ากาศ
แต่ อ ย่ า งไรก็ ต ามอัต ราการะบายอากาศยัง มีค่ า ไม่ สู ง มากนั ก เมื่อ เปรีย บเทีย บกับ การใช้
เครื่อ งจัก รกล อย่างเช่น พัดลม ดังนัน้ จึงได้มแี นวความคิดที่จะใช้เซลล์แสงอาทิต ย์เพื่อเป็ น
แหล่งต้นกาเนิดพลังงานให้กบั พัดลมไฟฟ้ ากระแสตรงเพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพการระบายอากาศ
โดย สหรัฐ อิงคะวณิช (2542) แนวความคิดดังกล่าวตอบสนองต่อความจริงทีว่ ่าในวันทีส่ ภาพ
ภูมอิ ากาศร้อนจัดหรือมีค่าความเข้มรังสีอาทิตย์สูงค่าพลังงานไฟฟ้ าทีไ่ ด้จากเซลล์แสงอาทิตย์ก็
จะมีค่ ามากด้ว ย ดังนัน้ อัต ราการระบายอากาศก็จะมีค่ าเพิ่มขึ้น ตามไปด้ว ยซึ่งเป็ นการเพิ่ม
สภาวะความสบายเชิงความร้อนของผูอ้ ยู่อาศัยไปในตัว [Khedari et al. (2002)]
สร้างแบบจ าลองเชิง คณิ ต ศาสตร์โดยใช้ห ลัก การถ่ ายเทความร้อ นแบบหนึ่ งมิติใ นสภาวะ
สม่ าเสมอ และทาการหาค าตอบของสมการโดยใช้วธิ ีนิวตันราฟสัน (Newton-Raphson) ซึ่ง
ให้ผลทีใ่ กล้เคียงกับผลการทดลอง [Hirunlabh et al. (1999)]
Kaewruang (1997) ได้ศกึ ษาการนาผนัง Trombe Wall มาใช้ระบายอากาศโดยผนังนี้
ประกอบด้วยกระจก ช่องว่างอากาศ ผนังก่ออิฐฉาบปูนทาด้วยสีดาหนา 8 cm และฉนวนใย
แก้วปิ ดด้วยกระดานอัดดังรูปที่ 3.18.6 ได้มกี ารศึกษาถึงตัวแปรต่างๆ เช่นเดียวกับกรณีผนัง
MSW พบว่ า มีผ ลการทดลองที่ ได้ส อดคล้อ งกัน คือ ผนั ง ที่มีค วามสูง 2 m และขนาดของ
ช่องว่างอากาศ 14.5 cm จะให้อตั ราการระบายอากาศสูงสุดโดยมีอตั ราการระบายอากาศ 0.01
- 0.015 kg.s-1 และจะให้อตั ราการระบายอากาศมากกว่าผนังที่มชี ่องว่างอากาศขนาด 10 cm
อยู่ป ระมาณ 5 - 30 % นอกจากนี้ ยังพบอีก ว่าหลังจาก 4 โมงเย็น แล้ว ความเข้ม ของรังสี
อาทิต ย์ล ดลง แต่ย ังมีก ารระบายอากาศอย่างต่ อ เนื่ อ ง ทัง้ นี้ เนื่ อ งมาจากผนังก่ อ อิฐฉาบปูน
สามารถกักเก็บความร้อนไว้ได้นาน แบบจาลองทางคณิตศาสตร์ท่สี ร้างขึ้นใช้หลักการถ่ายเท
ความร้อนแบบหนึ่งมิติ ในสภาวะไม่สม่าเสมอ และได้ใช้การแก้ปัญ หาของการถ่ายเทความร้อน
ด้วยวิธนี ิวตันราฟสัน ซึง่ ให้ผลทีใ่ กล้เคียงกับผลของการทดลอง [Khedari et al. (1999)]
เพื่อให้เกิดช่องว่างของการเคลื่อนที่ของอากาศ เมื่อรังสีอาทิตย์ตกกระทบบนผิวด้านนอกของ
หลังคาหรือผนัง จะทาให้ผวิ ด้านนอกของหลังคาหรือผนังมีอุณหภูมสิ ูงขึน้ เกิดการถ่ายเทความ
ร้อนโดยการนาความร้อนผ่านความหนาของหลังคาและผนังสูช่ ่องว่างของอากาศทีส่ ร้างขึน้ ทา
ให้เกิดแรงลอยตัวของอากาศภายในช่องว่างและก่อให้เกิดการเคลื่อนทีข่ องอากาศภายในห้อง
ผ่านช่องเปิ ดที่อยู่ด้านล่างของหลังคาหรือผนังด้านในและเคลื่อนที่ออกสู่ภายนอกที่ช่องเปิ ด
ด้านบนของหลังคาหรือผนังด้านนอก ระบบจะดาเนินการเช่นนี้อย่างต่อเนื่องตราบเท่าที่ยงั มี
การถ่ายเทความร้อนจากหลังคาหรือผนัง ขณะทีอ่ ากาศภายในห้องเคลื่อนที่ออกก็จะมีอากาศ
ใหม่จากด้านนอกเข้ามาแทนที่ ทาให้เกิดการระบายอากาศ จึงเป็ นการลดการสะสมความร้อน
ภายในบ้านได้ นอกจากนี้หลังคาหรือผนังลักษณะนี้ยงั เป็ นเสมือนฉนวนป้ องกันความร้อนจาก
ภายนอกถ่ายเทเข้าสูภ่ ายในอีกด้วย จากงานวิจยั ทีผ่ ่านมาทัง้ หมดได้มกี ารนาไปประยุกต์ใช้งาน
ในส่วนของการปรับปรุงอาคารหรือเป็ ฯต้นแบบสาหรับอาคารใหม่ดงั จะเห็นได้จากการก่อสร้าง
บ้านประหยัดพลังงานเฉิมพระเกียรติท่ี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิทยาเขต
บางขุนเทียน ดังรูปที่ 3.18.9
147