Professional Documents
Culture Documents
30-11-2020
ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็ นภาษีตามประมวลรัษฎากรประเภทหนึ่ง จัดเก็บจากการประกอบกิจการเฉพาะอย่างแทน
ภาษีการค้าที่ถูกยกเลิก ภาษีธุรกิจเฉพาะเริ่ มใช้บงั คับใน พ.ศ.2535 พร้อมกันกับภาษีมูลค่าเพิม่
ผูม้ ีหน้าที่เสี ยภาษีธุรกิจเฉพาะ ได้แก่ ผูป้ ระกอบกิจการที่ตอ้ งเสี ยภาษีธุรกิจเฉพาะ ไม่วา่ ผูป้ ระกอบกิจการดังกล่าว
จะประกอบกิจการในรู ปของ
บุคคลธรรมดา
คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
กองมรดก
ห้างหุน้ ส่ วนสามัญ
กองทุน
หน่วยงานหรื อกิจการของเอกชนที่กระทำโดยบุคคลธรรมดาตั้งแต่สองคนขึ้นไปอันมิใช่นิติบุคคล
องค์การของรัฐบาล สหกรณ์ และองค์กรอื่นที่กฎหมายกำหนดให้เป็ นนิติบุคคล
คำว่า "ธุรกิจแฟ็ กเตอริ ง" หมายความว่า ธุรกิจที่ผขู ้ ายสิ นค้าหรื อผูใ้ ห้บริ การตกลงจะ โอนทรัพย์สินที่จะได้รับ
จากการชำระหนี้เนื่องจากการขายสิ นค้าหรื อการให้บริ การระหว่างตนกับลูกหนี้ของตน ให้แก่ผปู ้ ระกอบธุรกิจ
แฟ็ กเตอริ ง โดยผูป้ ระกอบธุรกิจแฟ็ กเตอริ งตกลงจะให้สินเชื่อซึ่ งรวมถึงการให้กูย้ มื และการ ทดรองจ่ายแก่ผขู ้ าย
สิ นค้าหรื อผูใ้ ห้บริ การและรับที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(ก) จัดให้มีบญั ชีทรัพย์สินที่จะได้รับการชำระหนี้
(ข) เรี ยกเก็บทรัพย์สินที่จะได้รับจากการชำระหนี้
(ค) รับผิดชอบในหนี้ ที่ลูกหนี้ของผูข้ ายสิ นค้าหรื อผูใ้ ห้บริ การผิดนัด
15. กิจการของบริ ษทั หรื อห้างหุน้ ส่ วนนิติบุคคลหรื อนิติบุคคลอื่นในส่ วนที่เกี่ยวกับการแปลงสิ นทรัพย์ เป็ น
หลักทรัพย์ เฉพาะที่เกิดขึ้นเนื่องจากการโอนทรัพย์สินให้แก่นิติบุคคลเฉพาะกิจ หรื อการรับโอน
ทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนจากนิติบุคคลเฉพาะกิจ
16. กิจการของกองทุนรวมอสังหาริ มทรัพย์ กองทุนอสังหาริ มทรัพย์เพื่อแก้ไขปั ญหาในระบบสถาบัน การ
เงิน และกองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จดั ตั้งขึ้น ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ เฉพาะการประกอบกิจการโดยปกติเยีย่ งธนาคารพาณิ ชย์ และการขาย
อสังหาริ มทรัพย์เป็ นทางค้าหรื อหากำไร
17. กิจการของบรรษัทตลาดรองสิ นเชื่อที่อยูอ่ าศัย
18. กิจการของการเคหะแห่งชาติ เฉพาะการให้กูย้ มื เงินตามโครงการพัฒนาคนจนในเมือง
19. กิจการของสหกรณ์ประเภทสหกรณ์บริ การ ซึ่ งดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหาที่อยูอ่ าศัยให้แก่สมาชิก
เฉพาะกรณี ดงั ต่อไปนี้
(1) ต้องเป็ นสหกรณ์ที่เป็ นสมาชิกของโครงการพัฒนาคนจนในเมืองของการเคหะแห่งชาติ และได้รับ
เงินกูต้ ามโครงการดังกล่าว
(2) ต้องนำเงินที่ได้รับไปจัดซื้ ออสังหาริ มทรัพย์เพื่อขายต่อให้แก่สมาชิกของสหกรณ์น้ นั
20. กิจการของสถาบันการเงิน ตามกฎหมายว่าด้วยบริ ษทั บริ หารสิ นทรัพย์ เฉพาะกรณี ที่
(1) สถาบันการเงินนั้นถือหุน้ ในบริ ษทั บริ หารสิ นทรัพย์เกินกว่าร้อยละ 50 ของหุน้ ทั้งหมด ที่มีสิทธิ ออก
เสี ยงหรื อในกรณี ที่สถาบันการเงินนั้นถือหุน้ ในบริ ษทั บริ หารสิ นทรัพย์และสถาบันการเงินนั้นไม่เกิน
กว่าร้อยละ 50 ของหุน้ ทั้งหมดที่มีสิทธิ ออกเสี ยง จะต้องมีนิติบุคคลรายหนึ่งถือหุน้ ในบริ ษทั บริ หาร
สิ นทรัพย์และสถาบันการเงินนั้น เกินกว่าร้อยละ 50 ของหุน้ ทั้งหมดที่มีสิทธิ ออกเสี ยง
(2) เป็ นรายรับที่ได้จากบริ ษทั บริ หารสิ นทรัพย์ เนื่องจากการให้สินเชื่อแก่บริ ษทั บริ หารสิ นทรัพย์ เพื่อ
รับซื้ อหรื อรับโอนสิ นทรัพย์ดอ้ ยคุณภาพ ของสถาบันการเงินนั้น หรื อสถาบันการเงินอื่นที่มี สถาบัน
การเงินนั้นถือหุน้ เกินกว่าร้อยละ 50 ของหุน้ ทั้งหมด ที่มีสิทธิ ออกเสี ยง หรื อการให้สินเชื่อแก่บริ ษทั
บริ หารสิ นทรัพย์เพื่อใช้ใน การบริ หารสิ นทรัพย์ดอ้ ยคุณภาพ ที่รับซื้ อหรื อรับโอนจากสถาบันการเงิน
นั้น หรื อสถาบันการเงินอื่นที่มีสถาบันการเงินนั้น ถือหุน้ เกินกว่าร้อยละ 50 ของหุน้ ทั้งหมดที่มีสิทธิ
ออกเสี ยง
21. กิจการขายอสังหาริ มทรัพย์เป็ นทางการค้าหรื อหากำไรเนื่องจาก
(1) การรับไถ่อสังหาริ มทรัพย์จากการขายฝาก หรื อการไถ่อสังหาริ มทรัพย์จากการขายฝาก โดยการวาง
ทรัพย์ต่อสำนักงานวางทรัพย์ภายในเวลาที่ก ำหนด ได้ในสัญญาหรื อภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
(2) การขายอสังหาริ มทรัพย์ภายหลังที่ได้ไถ่จากการขายฝาก ซึ่ งเมื่อรวมระยะเวลาการได้มาซึ่ ง
อสังหาริ มทรัพย์ก่อนการขายฝาก ระยะเวลาระหว่างการขายฝาก และระยะเวลาภายหลังจากการขายฝาก
แล้วเกินห้าปี
22. กิจการของรัฐวิสาหกิจในส่ วนของรายรับที่ได้รับจากการขายอสังหาริ มทรัพย์ อันเนื่องมาจากการนำทุน
บางส่ วน หรื อทั้งหมดมาเปลี่ยนสภาพเป็ นหุน้ ในรู ปแบบ ของบริ ษทั จำกัดหรื อบริ ษทั มหาชนจำกัดตาม
กฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจ
23. กิจการของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เฉพาะการประกอบกิจการโดยปกติเยีย่ ง
ธนาคารพาณิ ชย์
24. กิจการของกองทุนเงินให้กูย้ มื เพื่อการศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนเงินให้กูย้ มื เพื่อการศึกษา
25. กิจการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาการศึกษาโรงเรี ยนเอกชน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
เอกชน
26. กิจการของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วนั ที่กฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการมีผลใช้บงั คับ
27. กิจการของกองทุนรวมอสังหาริ มทรัพย์และสิ ทธิ เรี ยกร้องที่จดั ตั้งขึ้น ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ เฉพาะการประกอบกิจการโดยปกติเยีย่ งธนาคารพาณิ ชย์และการขาย
อสังหาริ มทรัพย์เป็ นทางค้าหรื อหากำไ
28. กิจการของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เฉพาะการประกอบกิจการโดยปกติเยีย่ งธนาคาร
พาณิ ชย์ และการขายอสังหาริ มทรัพย์เป็ นทางค้าหรื อหากำไร ทั้งนี้ ตั้งแต่วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535
เป็ นต้นไป
29. กิจการของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เฉพาะการโอนกรรมสิ ทธิ์ ในอสังหาริ มทรัพย์ให้แก่ผรู ้ ับ
โอน เนื่องจากการให้เช่าซื้ ออสังหาริ มทรัพย์ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
30. กิจการของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ตามกฎหมายว่าด้วย
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่วนั ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.
2545 เป็ นต้นไป
31. กิจการขายข้อตกลงซื้ อขายล่วงหน้า ตามกฎหมายว่าด้วยการซื้ อขายสิ นค้าเกษตรล่วงหน้า ในตลาด
สิ นค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่วนั ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 เป็ นต้นไป
32. กิจการขายสัญญาซื้ อขายล่วงหน้า ตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้ อขายล่วงหน้าในศูนย์ซ้ื อขายสัญญาซื้ อ
ขายล่วงหน้า ทั้งนี้ ตั้งแต่วนั ที่เปิ ดทำการ ซื้ อขายสัญญาซื้ อขายล่วงหน้า ในศูนย์ซ้ื อขายสัญญาซื้ อขายล่วง
หน้านั้นเป็ นต้นไป
33. กิจการของสำนักงานความร่ วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) เฉพาะการ
ให้กยู้ มื เงินแก่รัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน รัฐวิสาหกิจ หรื อสถาบันการเงินของรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานความร่ วมมือ พัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การ
มหาชน) พ.ศ. 2548
34. กิจการของสถาบันคุม้ ครองเงินฝากตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุม้ ครองเงินฝาก
35. การโอนอสังหาริ มทรัพย์ ซึ่ งเกิดจากการแยกกิจการประกันชีวิต และกิจการประกันวินาศภัยออกจากกัน
ตามมาตรา 127 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2535 หรื อตามมาตรา 121 วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535
36. การขายอสังหาริ มทรัพย์ขององค์การบริ หารสิ นเชื่ออสังหาริ มทรัพย์ หรื อบริ ษทั จำกัดที่สถาบันการเงิน
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริ หารสิ นเชื่ออสังหาริ มทรัพย์ พ.ศ. 2540 ได้จดั ตั้งขึ้นเพื่อดำเนิน
การบริ หาร สิ นเชื่ออสังหาริ มทรัพย์โดยความเห็นชอบ ของธนาคารแห่งประเทศไทย
37. การขายอสังหาริ มทรัพย์ของผูป้ ระกอบกิจการให้แก่องค์การฯ หรื อบริ ษทั จำกัดตาม 36.
4. ฐานภาษี และอัตราภาษี
(4) ประเภทของการประกอบกิจการ
ให้ผปู้ ระกอบกิจการเลือกใส่ เครื่ องหมายหน้าข้อความประเภทของการ ประกอบกิจการแล้ว
แต่กรณี
(5) เอกสารแนบ
ให้ระบุจ ำนวนเอกสารต่าง ๆ ที่แนบมาพร้อมกับแบบ ภ.ธ.01 ซึ่ งจะต้องตรงกับ จำนวน
เอกสาร ตามที่ระบุไว้ในด้านหลังของแบบภ.ธ.01
(6) การลงชื่อของผูป้ ระกอบกิจการ และการประทับตรานิติบุคคล
กรณี บุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุน้ ส่ วนสามัญ กองมรดก ผูม้ ีอ ำนาจ ลงชื่อได้แก่ เจ้าของ
ผูอ้ ำนวยการ ผูจ้ ดั การ ที่ระบุไว้ตาม (1) หรื อผูร้ ับมอบอำนาจจากบุคคลดังกล่าว
กรณี นิติบุคคล ผูม้ ีอ ำนาจลงชื่อ ได้แก่ ผูม้ ีอ ำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลนั้น ๆ เช่น
กรรมการ ผูเ้ ป็ นหุน้ ส่ วน ผูจ้ ดั การ หรื อผูร้ ับมอบอำนาจจากบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งประทับตรานิติบุคคล (ถ้ามี)
ด้วย
1.3 เอกสารที่ตอ้ งแนบพร้อมแบบคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ
(1) สำเนาหรื อภาพถ่ายทะเบียนบ้าน และหรื อหลักฐานแสดงการอยูอ่ าศัยจริ งภาพถ่ายบัตร ประจำ
ตัวประชาชน และบัตรประจำตัวผูเ้ สี ยภาษีอากรของผูย้ นื่ คำขอ และหรื อภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน ของ
ผูร้ ับมอบอำนาจ
(2) สำเนาหรื อภาพถ่ายสัญญาเช่าอาคารอันเป็ นที่ต้ งั สถานประกอบการ(ในกรณี เช่า) หรื อ หนังสื อ
ยินยอมให้ประกอบการ (ในกรณี อาคารเป็ นของผูอ้ ื่นโดยมิได้เช่า) พร้อมด้วยสำเนาหรื อภาพถ่ายทะเบียน บ้าน
อันเป็ นที่ต้ งั สถานประกอบการ
(3) สำเนาหรื อภาพถ่ายหนังสื อสัญญาจัดตั้งห้างหุน้ ส่ วน (ในกรณี ที่เป็ นห้างหุน้ ส่ วน สามัญ หรื อ
คณะบุคคล)
(4) สำเนาหรื อภาพถ่ายหนังสื อรับรองของนายทะเบียนหุน้ ส่ วนบริ ษทั กระทรวงพาณิ ชย์ (ในกรณี
ที่เป็ นบริ ษทั หรื อห้างหุน้ ส่ วนนิติบุคคล ที่ต้ งั ขึ้นตามกฎหมายไทย) พร้อมทั้งสำเนาหนังสื อบริ คณห์สนธิ และข้อ
บังคับ (ในกรณี ที่เป็ นบริ ษทั จำกัดที่ตอ้ งขึ้นตามกฎหมายไทย) และสำเนาหรื อภาพถ่ายใบทะเบียนพาณิ ชย์
(5) ภาพถ่ายบัตรประจำตัวกรรมการผูจ้ ดั การ หรื อหุน้ ส่ วนผูจ้ ดั การ ในกรณี เป็ น บริ ษทั หรื อห้าง
หุน้ ส่ วนนิติบุคคล
(6) แผนที่สงั เขปหรื อภายถ่ายสถานประกอบการ
1.6 ใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ
(1) การแสดงใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ
เมื่อเจ้าพนักงานได้รับคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะตามแบบ ภ.ธ.01 พร้อมเอกสารที่
เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว จะออกใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะคือ ภ.ธ.20 ให้ ซึ่ งจะมีผลให้ผปู ้ ระกอบกิจการ เป็ นผู ้
ประกอบกิจการตามกฎหมาย ตั้งแต่วนั เริ่ มประกอบกิจการ (วันที่ผปู ้ ระกอบการเริ่ มประกอบกิจการจริ ง)
ในการออกใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ เจ้าพนักงานจะออกให้ตามจำนวน สถานประกอบ
การ ที่มีอยูจ่ ริ ง ตามที่ได้แจ้งไว้ในแบบ ภ.ธ.01 เช่นผูป้ ระกอบกิจการมีสถานประกอบการหลายแห่ง หรื อมี
สำนักงานสาขา จะได้ใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะเป็ นรายสถานประกอบการหรื อสาขาตามที่แจ้งไว้ ผูป้ ระกอบ
กิจการจะต้องนำใบทะเบียนดังกล่าวไปแสดงไว้ ณ ที่เปิ ดเผยซึ่ งเห็นได้ง่ายในสถานประกอบการเป็ นรายสถาน
ประกอบ การ
(2) ใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะสู ญหาย ถูกทำลาย หรื อชำรุ ด
กรณี ใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะสู ญหาย ถูกทำลายหรื อชำรุ ดในสาระสำคัญ ผูป้ ระกอบ
กิจการจะต้องยืน่ คำขอรับใบแทนใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ภ.ธ.04 ณ หน่วยจดทะเบียน ที่ได้จดทะ
เบียนฯ ไว้ภายใน 15 วัน นับแต่วนั ที่ทราบถึงการสู ญหาย ถูกทำลายหรื อชำรุ ด
ในกรณี ใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะชำรุ ด จะต้องแนบใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ที่ช ำรุ ดมา
พร้อมกับแบบ ภ.ธ.04
ในกรณี ใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะสู ญหาย ถูกทำลาย ผูป้ ระกอบกิจการจะต้องแจ้ง ความต่อ
สถานีต ำรวจท้องที่เพื่อคัดสำเนาบันทึกประจำวันจากพนักงานสอบสวนมาพร้อมกับแบบ ภ.ธ.04 ด้วย
2. การแก้ ไขเปลีย่ นแปลงเกีย่ วกับกิจการต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ได้แก่ แก้ไข
เปลี่ยนแปลง รายการที่ได้ จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะในสาระสำคัญ เช่น
- เปลี่ยนแปลงชื่อสถานประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสิ นค้า หรื อบริ การ
- เปิ ดสถานประกอบการเพิม่
- หยุดประกอบกิจการชัว่ คราว
- โอนกิจการบางส่ วนหรื อทั้งหมด
- ควบเข้ากันของนิติบุคคล
- เลิกประกอบกิจการ
- ผูป้ ระกอบกิจการจดทะเบียนถึงแก่ความตาย
4. สถานที่แจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ
ให้ผปู ้ ระกอบกิจการจดทะเบียนแจ้งการเปลี่ยนแปลงภาษีธุรกิจเฉพาะ ณ หน่วยจดทะเบียนที่ได้ จดทะ
เบียนฯ ไว้ภายในกำหนดเวลาแล้วแต่กรณี
5. กำหนดเวลาแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ
5.1 แจ้งเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ในสาระสำคัญ เช่น เปลี่ยนแปลง ชื่อสถาน
ประกอบการ ประเภทกิจการ ประเภทสิ นค้าหรื อบริ การ ต้องแจ้งภายใน 15 วันนับจากวันที่มีการเปลี่ยน แปลง
เกิดขึ้น
5.2 แจ้งเปิ ดสถานประกอบการเพิ่มเติม ต้องแจ้งก่อนวันเปิ ดสถานประกอบการเพิ่มเติมไม่นอ้ ยกว่า 15 วัน
5.3 แจ้งปิ ดสถานประกอบการบางแห่งต้องแจ้งภายใน 15 วันนับจากวันปิ ดสถานประกอบการ พร้อมคืน
ภ.ธ.20 ของสถานประกอบการนั้น
5.4 แจ้งย้ายสถานประกอบการ
5.4.1 กรณี สถานประกอบการใหม่อยูภ่ ายในท้องที่ที่ได้จดทะเบียนฯ ไว้เดิม จะต้องแจ้งก่อน วันย้าย
สถานประกอบการไม่นอ้ ยกว่า 15 วันพร้อมคืนภ.ธ.20 ของสถานประกอบการ เดิม ณ หน่วยจดทะเบียน ที่ได้จด
ทะเบียนฯ ไว้
5.4.2 กรณี สถานประกอบการใหม่อยูต่ ่างท้องที่ จะต้องแจ้งก่อนวันย้ายสถานประกอบการ ไม่นอ้ ย
กว่า 15 วัน และยืน่ ภ.ธ.09 พร้อมคืน ภ.ธ.20 ของสถานประกอบการเดิม ณ หน่วยจดทะเบียนท้องที่ที่สถาน
ประกอบการแห่งใหม่ต้ งั อยูก่ ่อนวันเปิ ดสถานประกอบการแห่งใหม่ไม่นอ้ ยกว่า 15 วัน
5.5 แจ้งหยุดประกอบกิจการชัว่ คราวเป็ นเวลาติดต่อกันเกิน 30 วันจะต้องแจ้งภายใน 15 วันนับ จากวันที่
หยุดประกอบกิจการชัว่ คราว
5.6 แจ้งโอนกิจการ (บางส่ วนหรื อทั้งหมด)
5.6.1 ผูโ้ อนกิจการ จะต้องแจ้งก่อนวันโอนกิจการไม่นอ้ ยกว่า 15 วัน และถ้าเป็ นการโอนกิจการ
ทั้งหมดจะต้องคืน ภ.ธ.20 พร้อมยืน่ ภ.ธ.09 ด้วย
5.6.2 ผูร้ ับโอนกิจการ
5.6.2.1 ถ้าเป็ นผูป้ ระกอบการจดทะเบียนจะต้องแจ้งก่อนวันรับโอนกิจการไม่นอ้ ย กว่า 15
วัน โดยยืน่ ภ.ธ 099 ณ หน่วยจดทะเบียนที่ผรู ้ ับโอนได้จดทะเบียนฯ ไว้
5.6.2.2 ถ้ามิใช่ผปู้ ระกอบกิจการ จะต้องแจ้งก่อนวันรับโอนกิจการไม่นอ้ ยกว่า 15 วัน โดยยืน่
ภ.ธ.01 ณ หน่วยจดทะเบียนท้องที่ ที่สถานประกอบการตั้งอยูด่ ว้ ย
5.7 แจ้งควบกิจการ
5.7.1 นิติบุคคลเดิม จะต้องแจ้งภายใน 15 วันนับจากวันควบเข้ากัน พร้อมกับคืน ภ.ธ.20 ของสถาน
ประกอบการเดิม ณ หน่วยจดทะเบียนที่ผรู้ ับโอนได้จดทะเบียนฯ ไว้
5.7.2 นิติบุคคลใหม่ จะต้องแจ้งภายใน 15 วันนับแต่วนั ที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ โดยยืน่ ภ.ธ.01
ณ หน่วยจดทะเบียนท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยูด่ ว้ ย
5.8 แจ้งเลิกประกอบกิจการ ต้องแจ้งภายใน 15 วันนับจากวันเลิกประกอบกิจการ พร้อมคืน ภ.ธ.20
5.9 แจ้งผูป้ ระกอบกิจการจดทะเบียนซึ่ งเป็ นบุคคลธรรมดาถึงแก่ความตาย
5.9.1 กรณี เป็ นผูค้ รอบครองมรดก ใช้สิทธิ ด ำเนินกิจการของผูต้ าย จะต้องแจ้งโดยเร็ วที่สุด
5.9.2 กรณี เป็ นผูค้ รอบครองมรดก ไม่ใช้สิทธิ ด ำเนินกิจการของผูต้ าย หรื อใช้สิทธิ ด ำเนิน กิจการแล้ว
แต่พน้ กำหนดเวลา 60 วัน หรื อพ้นกำหนดเวลาที่อธิ บดีกรมสรรพากรขยายให้แล้วไม่มีผจู ้ ดั การมรดก หรื อ
ทายาทขอโอนกิจการของผูต้ าย จะต้องแต่ภายใน 15 วันนับจากวันที่ผปู ้ ระกอบกิจการจดทะเบียนถึงแก่ความตาย
หรื อนับแต่วนั พ้นกำหนดเวลาดำเนินกิจการดังกล่าว พร้อมคืน ภ.ธ.20 ด้วย
5.9.3 กรณี เป็ นผูจ้ ดั การมรดกหรื อทายาทที่ประสงค์จะประกอบกิจการของผูต้ ายต่อไป และเป็ นผู ้
ประกอบการจดทะเบียน จะต้องแจ้งก่อนวันรับโอนกิจการไม่นอ้ ยกว่า 15 วัน พร้อมกับคืน ภ.ธ.20 ของผูต้ าย
5.9.4 กรณี เป็ นผูจ้ ดั การมรดกหรื อทายาทที่ประสงค์จะประกอบกิจการของผูต้ ายต่อไป แต่มิใช่ผู ้
ประกอบการจดทะเบียน จะต้องแจ้งก่อนวันรับโอนกิจการไม่นอ้ ยกว่า 15 วัน โดยยืน่ ภ.ธ.01 พร้อมกับคืน
ภ.ธ.20 ของผูต้ าย
6. การยืน่ แบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ
7. การขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะ
1. ผูม้ ีสิทธิ ขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะ ได้แก่
1.1 ผูป้ ระกอบกิจการที่มีหน้าที่เสี ยภาษี ซึ่ งได้ช ำระภาษีไว้เกินหรื อผิด หรื อซ้ำ
1.2 ผูไ้ ม่มีหน้าที่เสี ยภาษีแต่ได้ช ำระภาษีไว้
2. ผูม้ ีหน้าที่เสี ยภาษีธุรกิจเฉพาะ มีสิทธิขอคืนเงินภาษีได้โดยใช้ค ำร้องขอคืนเงินภาษีอากร คือแบบ ค.10
3. การยืน่ คำร้องขอคืนเงินภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามแบบ ค.10 จะต้องแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องไปพร้อมกับคำร้อง
ด้วยได้แก่
3.1 หนังสื อรับรองการจดทะเบียนเป็ นนิติบุคคล กรณี ผขู ้ อคืนเป็ นนิติบุคคล
3.2 ใบเสร็ จรับเงินภาษีธุรกิจเฉพาะ
3.3 หลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ขอคืน
4. ผูม้ ีหน้าที่เสี ยภาษีธุรกิจเฉพาะ มีสิทธิยนื่ คำร้องขอคืนเงินภาษีภายใน 3 ปี นับแต่วนั พ้นกำหนดเวลายืน่ แบบ
แสดงรายการภาษี
8. กำหนดเวลาในการยืน่ แบบแสดงรายการภาษี
9. สถานที่ยนื่ แบบแสดงรายการภาษี
1. บุคคลตามที่ระบุไว้ในช่องที่ 3 ของบัญชีอตั ราอากรแสตมป์ เช่น ผูใ้ ห้เช่าผูโ้ อน ผูใ้ ห้กู้ ผูร้ ับประกันภัย
ฯลฯ
2. ถ้าตราสารทำขึ้นนอกประเทศ ให้เป็ นหน้าที่ของผูท้ รงตราสารคนแรกในประเทศเป็ น ผูเ้ สี ยอากรภายใน
30 วัน นับแต่วนั ที่ได้รับตราสารนั้น
ถ้าหากไม่ได้ปฏิบตั ิตามความข้างต้น ผูท้ รงคนใดคนหนึ่งต้องเสี ยอากรแล้วจึงยืน่ ตราสารเพื่อให้จ ่ายเงิน
รับรอง สลักหลัง โอนหรื อถือเอาประโยชน์ได้
ผูท้ รงตราสารคนใด ได้ตราสารตามความข้างต้นไว้ในครอบครองก่อนพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วนั ที่ได้
รับตราสารนั้น จะเป็ นผูเ้ สี ยอากรก็ได้โดยมีสิทธิ ไล่เบี้ยจากผูท้ รงคนก่อนๆ
3. ตัว๋ เงินที่ยนื่ ให้ช ำระเงิน มิได้ปิดแสตมป์ บริ บูรณ์ ผูร้ ับตัว๋ จะเสี ยอากรและใช้สิทธิ ไล่เบี้ยจาก ผูม้ ีหน้าที่
เสี ยอากร หรื อหักค่าอากรจากเงินที่จะชำระก็ได้
4. ผูม้ ีหน้าที่เสี ยอากร ตามที่ระบุไว้ในบัญชีอตั ราอากรแสตมป์ อาจตกลงให้คู ่กรณี อีกฝ่ ายหนึ่ง เป็ นผูเ้ สี ย
อากรแทนตนก็ได้ เว้นแต่กรณี ตาม 2.
วิธีการเสี ยอากรแสตมป์ สำหรับการทำตราสาร เรี ยกว่า ปิ ดแสตมป์ บริ บูรณ์ ซึ่ งหมายความว่า
1. ในกรณีแสตมป์ ปิ ดทับ คือการได้เสี ยอากรโดยปิ ดแสตมป์ ทับกระดาษก่อนกระทำหรื อใน ทันทีที่ท ำตราสาร
เป็ นราคาไม่นอ้ ยกว่าอากรที่ตอ้ งเสี ยและได้ขีดฆ่าแสตมป์ นั้นแล้ว หรื อ
การปิ ดแสตมป์ บริ บูรณ์ตามข้อ 1. และ 2. ดังกล่าวข้างต้น อธิ บดีมีอ ำนาจสัง่ ให้ปฏิบตั ิตาม ที่ก ำหนดในข้อ 3.
แทนได้ คือ กำหนดให้เสี ยอากรเป็ นตัวเงิน เช่น กรณี ตวั๋ แลกเงิน เช็ค ใบรับรางวัลฉลากกินแบ่ง ใบรับเกี่ยวกับ
อสังหาริ มทรัพย์ ใบรับเกี่ยวกับยานพาหนะ ตราสารตัว๋ สัญญาใช้เงินเฉพาะที่บริ ษทั เงินทุนหรื อบริ ษทั
เครดิตฟองซิ เอร์ เป็ นผูอ้ อกตัว๋ จ้างทำของ เฉพาะที่รัฐบาล องค์การของรัฐบาลเป็ นผูว้ า่ จ้างและมีสินจ้างตั้งแต่
200,000 บาทขึ้นไป กูย้ มื เงินหรื อการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร กรมธรรม์ประกันภัย ตัว๋ สัญญาใช้
เงิน เลตเตอร์ออฟเครดิต ฯลฯ
(1) การขอเสี ยอากรเป็ นตัวเงิน ใช้แบบ อ.ส.4 (แบบขอและอนุมตั ิให้เสี ยอากรแสตมป์ เป็ นตัวเงิน)ยืน่ ต่อ
พนักงาน เจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ โดยแนบตราสารที่ขอเสี ยอากรไปด้วย ให้ยนื่ ต่อสำนักงานสรรพากรอำเภอ
(2) สำหรับตราสารที่เป็ น
(2.1) ตัว๋ แลกเงินหรื อตราสารทำนองเดียวกันที่ใช้อย่างตัว๋ แลกเงินเฉพาะที่ธนาคารประกอบกิจการ ในราช
อาณาจักรเป็ นผูส้ ัง่ จ่าย ตามลักษณะแห่งตราสาร 9(1) และใบรับฝากเงินประเภท ประจำของธนาคารโดยมี
ดอกเบี้ย ตามลักษณะแห่งตราสาร 13
(2.2) เช็คที่ออกในราชอาณาจักร ตามลักษณะแห่งตราสาร 12
(2.3) เช็คสำหรับผูเ้ ดินทางที่ออกหรื อจำหน่ายในราชอาณาจักร ตามลักษณะแห่งตราสาร 15 มีวิธีการเสี ย
อากรเป็ นตัวเงินดังนี้
- ตราสารตามข้อ (2.1) ให้ธนาคารผูส้ ัง่ จ่ายหรื อผูร้ ับฝาก แล้วแต่กรณี ช ำระอากรเป็ นตัวเงิน แทน
การปิ ดแสตมป์
- ตราสารตามข้อ (2.2) และ (2.3) ให้ผสู ้ งั่ จ่ายหรื อผูท้ รงคนแรกชำระอากรเป็ นตัวเงินแทน การปิ ด
แสตมป์ โดยชำระไว้ต่อธนาคาร
- ตราสารตามข้อ (2.3) ที่ธนาคารเป็ นผูอ้ อก ให้ธนาคารชำระอากรเป็ นตัวเงินแทน การปิ ดแสตมป์
- ธนาคารผูช้ ำระเงินหรื อรับชำระเงินค่าอากร ที่มีสำนักงานตั้งอยูใ่ นเขตกรุ งเทพมหานคร นำเงิน
ค่าอากรที่มีหน้าที่ตอ้ งชำระ หรื อได้รับชำระไว้ใปยืน่ ขอชำระต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ อากรแสตมป์ ณ สำนักงาน
สรรพากรอำเภอ โดยใช้แบบ อ.ส.4 ก (แบบขอเสี ยอากรแสตมป์ เป็ นตัวเงินสำหรับตราสารเช็คหรื อตัว๋ แลกเงิน)
พร้อมชำระเงิน ส่ วนธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยูใ่ นท้องที่นอกเขตกรุ งเทพมหานคร ให้ยนื่ ชำระเงิน ณ สำนักงาน
สรรพากรอำเภอ หรื อกิ่งอำเภอท้องที่
2. ยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกา
ยกเว้นอากรให้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ผูป้ ระกอบการขนส่ งเฉพาะการรับเงินที่เป็ นค่ารับขนส่ งคนโดยสาร
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ผูค้ ้ำประกัน เฉพาะการค้ำประกันหนี้เนื่องแต่การที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตรให้กู ้
ยืมหรื อให้ยมื
ผูอ้ อกใบรับ เฉพาะการรับเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้กูย้ มื หรื อให้ยมื
การเคหะแห่งชาติ
ผูโ้ อน เฉพาะโอนหลักทรัพย์จดทะเบียน หรื อหลักทรัพย์รับอนุญาต ที่ตลาดหลักทรัพย์ แห่ง
ประเทศไทย เป็ นนายทะเบียนสำหรับการโอนหลักทรัพย์น้ นั
ผูท้ ี่ตอ้ งเสี ยอากรสำหรับตราสารที่ตอ้ งเสี ยค่าอากรแสตมป์ ไม่ถึงหนึ่งบาท หรื อตราสารที่ค ำนวณ ค่า
อากรแสตมป์ แล้ว ต้องเสี ยอากรแสตมป์ ตั้งแต่หนึ่งบาทขึ้นไป เฉพาะส่ วนที่เป็ นเศษของบาท
ผูโ้ อน เฉพาะการโอนพันธบัตรธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็ น นายทะเบียน
สำหรับการโอนพันธบัตรนั้น
ยกเว้นอากรแสตมป์ สำหรับตราสารใบรับ ซึ่ งสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย และองค์การกุศล
สาธารณะอื่นที่เป็ นนิติบุคคล ซึ่ งมีวตั ถุประสงค์ท ำนองเดียวกันเป็ นผูอ้ อก
ผูโ้ อนหุน้ ในศูนย์ซ้ื อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน
บรรษัทบริ หารสิ นทรัพย์สถาบันการเงิน
ผูท้ ี่ตอ้ งเสี ยอากร เฉพาะกรณี ที่ตอ้ งเสี ยอากรตามบัญชีอากรแสตมป์ สำหรับตราสารที่ท ำขึ้นระหว่าง
นิติบุคคลเฉพาะกิจกับบริ ษทั หรื อห้างหุน้ ส่ วนนิติบุคคล หรื อนิติบุคคลอื่นที่เกิดขึ้นเนื่องจากการแปลง
สิ นทรัพย์หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วย นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสิ นทรัพย์ ทั้งนี้ ตามหลัก
เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
กองทุนอสังหาริ มทรัพย์ กองทุนรวมอสังหาริ มทรัพย์เพื่อแก้ไขปั ญหา ในระบบสถาบันการเงิน และ
กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน ที่จดั ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์
บรรษัทตลาดรองสิ นเชื่อที่อยูอ่ าศัย
ผูโ้ อน เฉพาะการโอนหลักทรัพย์จดทะเบียนที่บุคคลซึ่ งได้รับอนุญาต จากคณะกรรมการกำกับหลัก
ทรัพย์เป็ น นายทะเบียนหลักทรัพย์สำหรับการโอนหลักทรัพย์น้ นั
ผูป้ ระกอบกิจการซึ่ งเป็ นบริ ษทั มหาชนจำกัดหรื อบริ ษทั จำกัด เฉพาะกรณี ที่ผปู ้ ระกอบกิจการดังกล่าว
ควบเข้ากัน หรื อโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กนั ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิ บดีกรมสรรพากร
ประกาศกำหนด
รัฐวิสาหกิจ เฉพาะการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการนำทุนบางส่ วนหรื อทั้งหมดมาเปลี่ยนสภาพ
เป็ นของบริ ษทั จำกัด หรื อบริ ษทั มหาชน จำกัด ตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจ
อนุญาโตตุลาการ เฉพาะตราสารคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
สถาบันพัฒนาองค์การชุมชน (องค์การมหาชน)
ผูท้ ี่ตอ้ งเสี ยอากร เฉพาะตราสารที่ตอ้ งเสี ยอากรแสตมป์ ในกิจการซื้ อหรื อขายหลักทรัพย์โดยมีสญ ั ญา
ขายหรื อซื้ อคืน เฉพาะในส่ วนของหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิ บดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เฉพาะการก
ระทำตราสารในการให้กูย้ มื เงินแก่สมาชิกตั้งแต่วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2545 เป็ นต้นไป
กองทุนรวมอสังหาริ มทรัพย์และสิ ทธิ เรี ยกร้องที่จดั ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์
ผูข้ าย เฉพาะการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการขายอสังหาริ มทรัพย์”ดังต่อไปนี้
(ก) บ้าน โรงเรื อน หรื อสิ่ งปลูกสร้างอื่น ซึ่ งโดยปกติใช้ประโยชน์เพื่อเป็ นที่อยูอ่ าศัย
(ข) อสังหาริ มทรัพย์ตาม (ก) พร้อมที่ดิน
(ค) ห้องชุดสำหรับการอยูอ่ าศัยในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับกรณี การทำสัญญาซื้ อขายอสังหาริ มทรัพย์ซ่ ึ งผูโ้ อนได้ใช้เป็ นที่อยูอ่ าศัยอันเป็ นแหล่งสำคัญ
โดยมีชื่ออยูใ่ นทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรเป็ นเวลาไม่นอ้ ยกว่าหนึ่งปี นับแต่วนั ที่ได้มา
ซึ่ งกรรมสิ ทธิ์ หรื อสิ ทธิครอบครองในอสังหาริ มทรัพย์น้ นั ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิ บดีกรม
สรรพากรกำหนด
การได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง ต้องปรากฏว่าภายในกำหนดเวลาหนึ่งปี ก่อนหรื อนับตั้งแต่วนั ที่ท ำสัญญาซื้ อขาย
อสังหาริ มทรัพย์ดงั กล่าว ผูข้ ายได้ท ำสัญญาซื้ อขายอสังหาริ มทรัพย์แห่งใหม่ซ่ ึ งมีลกั ษณะตาม (ก) (ข) หรื อ (ค)
เพื่อใช้เป็ นที่อยูอ่ าศัยของตน และให้ได้รับยกเว้นเท่ากับค่าอากรแสตมป์ ที่ค ำนวณได้จากจำนวนมูลค่าของ
อสังหาริ มทรัพย์ดงั กล่าว แต่ไม่เกินจำนวนมูลค่าของอสังหาริ มทรัพย์แห่งใหม่
(แก้ไขเพิม่ เติมโดยพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 444) พ.ศ. 2548 ใช้บงั คับ 30 พฤศจิกายน 2548 เป็ นต้นไป)
1. ความรับผิดทางแพ่ง
1.1 กรณี ยนื่ ตราสารขอเสี ยอากรเอง ตราสารใดมิได้ปิดแสตมป์ บริ บูรณ์ ผูม้ ีหน้าที่เสี ยอากร หรื อผูท้ รง
ตราสาร หรื อผูถ้ ือเอาประโยชน์ชอบที่จะยืน่ ตราสารนั้น ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อขอเสี ยอากรได้ เมื่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่ได้รับตราสารแล้ว ให้อนุมตั ิให้เสี ยอากรภายในบังคับแห่งบทบัญญัติต่อไปนี้
2. ความรับผิดทางอาญา
2.1 ผูใ้ ดมีหน้าที่เสี ยอากร หรื อขีดฆ่าแสตมป์ เพิกเฉยหรื อปฏิเสธไม่เสี ยอากรหรื อไม่ขีดฆ่าแสตมป์ ต้อง
ระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
2.4 ผูใ้ ดไม่ท ำหรื อไม่เก็บบันทึกตามมาตรา 105 ตรี หรื อไม่ออกใบรับให้ทนั ทีที่ถูกเรี ยกร้องตาม มาตรา
106 (ข้อ 2.2) หรื อออกใบรับซึ่ งไม่ปิดแสตมป์ ตามจำนวนอากรที่ตอ้ งเสี ย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
2.7 ผูใ้ ดโดยเจตนาทุจริ ตมีแสตมป์ ซึ่ งรู ้อยูว่ า่ เป็ นแสตมป์ ปลอมก็ดี หรื อค้าแสตมป์ ที่ใช้แล้วหรื อที่มีกฎ
กระทรวง ประกาศให้เลิกใช้เสี ยแล้วก็ดี ผูน้ ้ นั มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาทหรื อจำคุกไม่เกิน
สามปี หรื อทั้งปรับทั้งจำ
ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์ บริ บูรณ์ จะใช้ตน้ ฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรื อสำเนาตราสารนั้นเป็ นพยานหลักฐาน ใน
คดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะได้เสี ยอากรโดยปิ ดแสตมป์ ครบจำนวนอัตราในบัญชีทา้ ย หมวดอากรแสตมป์ และขีดฆ่า
แล้วแต่ท้ งั นี้ไม่เป็ นการเสื่ อมสิ ทธิที่จะเรี ยกเงินเพิม่ อากร
ผูใ้ ดเสี ยค่าอากรหรื อค่าเพิ่มอากรเกินไปไม่นอ้ ยกว่า 2 บาท สำหรับตราสารลักษณะเดียวหรื อเรื่ องเดียว ผูน้ ้ นั
ชอบที่จะทำคำร้องเป็ นหนังสื อยืน่ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่ออธิ บดีเห็นว่าเกินไปจริ งก็ให้คืน ค่าอากรหรื อค่าเพิ่ม
อากรที่เกินไปนั้นให้แก่ผเู้ สี ยอากรได้ แต่ค ำร้องที่กล่าวนั้นต้องยืน่ ภายใน 6 เดือน นับแต่วนั เสี ยอากรหรื อค่าเพิ่ม
อากรและต้องประกอบด้วยคำชี้แจงหรื อเอกสาร ซึ่ งพนักงานเจ้าหน้าที่หรื อ อธิ บดีเห็นสมควรให้ยนื่ สนับสนุน
คำร้อง