Professional Documents
Culture Documents
ไขสงสัยใหนักเรียน ป.ธ. ๕
๏
ผูออกแบบปก : Phu-Best-Design.com
พิสูจนอักษร : พระมหาสงวน สุทฺธิาโณ
จัดทำโดย : พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย)
๑ T. W. Rhys Davids and William Stede, The Pali text Society Pali-
English Dictionary, (London: The Pali Text Society, 2004) p. 615.
๒ พระอุ ด รคณ าธิ ก าร (ชวิ น ทร สระคำ), ศ.พิ เ ศษ ดร.จำลอง สารพั ด นึ ก ,
พจนานุกรม บาลี-ไทย สำหรับนักศึกษา ฉบั บปรับปรุงใหม , พิม พครั้งที่ ๖, (กรุงเทพฯ:
บริษัท ธรรมสาร จำกัด, ๒๕๕๒), หนา ๔๑๘.
๓ สํ.อ. ๑/๓๖๑.
๔ ชา.อ. ๘/๒๘๖.
๕ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๒๑๕ หนา ๒๒๕.
๖ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรมกิริยากิตตฉบับธรรมเจดีย, (กรุงเทพฯ: เรือง-
ปญญา, ม.ป.ป.), หนา ๓๑๑.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๙
ทีฆรตฺตํ (เชน มงฺคล. ๒/๒๓/๑๙)
นักเรียนสงสัยวา ทำไมทานใชศัพทวา ทีฆรตฺตํ ไมใช ทีฆรตฺตึ, ผูเขียนนี้
จึงตอบวา ที่ทานใชศัพทวา ทีฆรตฺตํ เพราะมีหลักการดังตอไปนี้
รตฺ ติ ศั พ ท เมื่ อ นำไปสมาสกั บ ศั พ ท อื่ น ที่ บ อกจำนวนหรื อ บอก
ระยะเวลา เช น ที ฆ , อโห, วสฺ ส ให ลง อ ป จจั ย ที่ สุ ด สมาสนั้ น ๑ รตฺ ติ จึ ง
กลายเปน รตฺต เชน ทีฆรตฺต
ในที่ นี้ ป ระกอบ อํ ทุ ติย าวิ ภั ต ติ จึ งได รู ป เป น ที ฆ รตฺ ตํ (ตลอดคื น
ยาวนาน), คำวา อโหรตฺ ตํ ก็พึ งทราบด ว ยหลั กการเดี ยวกั น นี้ , (อห เป น
มโนคณะ เมื่อสมาสเขาแลว ลบวิภัตติ เอาสระที่สุดของตนเปน โอ)๒
สหพฺเยติ (มงฺคล.๒/๒๖/๒๑)
สหพฺเยติ =ยอมเปน ไป, [สห +พฺ เย ปวตฺ ติยํ+เอ+ติ ], เชน ว า สหพฺ เยติ
คจฺฉตีติ สหพฺโย ปรากฏในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๒๖ หนา ๒๑
สหพฺเยติ แปลวา ยอมเปนไป ประกอบดวย สห บทหนา พฺเย ธาตุใน
ความเปนไป (ปวตฺติยํ) หมวด ภู ธาตุ เอ ปจจัยในกัตตุวาจก ติ วัตตมานา-
วิภัตติ๓
อาณาเปสิ (เชน มงฺคล. ๒/๓๒/๒๘)
อาจารยในปจจุบันนิยมใหนักเรียนแปล อาณาเปสิ ที่เปนกัตตุวาจก
วา สั่งบังคับแลว เพราะถือตามเฉลยขอสอบ วิชา สัมพันธไทย พ.ศ. ๒๕๔๐
๑ องฺ.ปฺจก. ๒๒/๑๕๕/๑๙๘.
๒ ม.มู. ๑๒/๓๗๐/๓๙๖; ม.อ. ๒/๔๑๙.
๓ ม.อ. ๒/๔๑๙.
๔ ขุทฺทก.อ. ๑/๒๔๕.
๕ องฺ.อ. ๒/๓๑๐.
๑๔ มังคลัตถวิภาวินี
ธมฺมจริยากถา
-๐-
๑ ที.อ. ๑/๑๑๘.
๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๗๘๔ หนา ๗๘๑.
๓ กจฺจายน. สูตร ๕๗๓, ๖๑๐, สัททนีตส
ิ ุตตมาลา, สูตร ๑๑๗๖, ๑๒๑๕.
๑๘ มังคลัตถวิภาวินี
๑ สุตฺต.อ. ๒/๒๖๔.
๒ พระญาณกิต ติเ ถระ แห งเชียงใหม, อภิ ธมฺ มตฺถวิภาวิ นิยา ปฺ จิกา นาม อตฺถ-
โยชนา, (พิมพครั้งที่ ๗, กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๕๑), หนา ๒๖๗.
๓ ในกัจจายนสูตรและปทรูปสิทธิ ที่อางถึง เปน ปพฺพชฺ ชาทโย (ซอน ชฺ)
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๒๕
อสมฺมิสฺสตาย วิสํโยคตาย จ เกวลํ๑ แปลวา นิพพาน ชื่อวา เกวล เพราะไม
ปนสังขารและพรากสังขาร
อโหปุรสิ กิ า (มงฺคล. ๒/๘๑/๗๑)
อโหปุ ริสิกา มีป รากฏในมั งคลัตถทีป นี ภาคที่ ๒ ข อ ๘๑ หนา ๗๑
บางทานแปลวา ความโออวด บางทานแปลวา คำพูดของบุรุษผูอัศจรรย;
ศัพทนี้มีใชในคัมภีรรุนหลัง ตั้งแตชั้นฎีกาลงมา หาไมพบในพระไตรปฎกและ
อรรถกถา
ในคัมภีรสทั ทนีติ วา ปุริส ศัพท ที่มี อโห เปนบทหนา ลง ณิก ปจจัย
ใชในอรรถวาถือตัว (อโหปุริสโต ทปฺปเน ณิโก)๒
นักเรียนอาจคนดูศัพทนี้ไดที่คัมภีรปรมัตถมัญชุสา วิสุทธิมรรคมหา-
ฎีกา ภาค ๓ หนา ๒๗๐ ซึ่งเปนหนังสือประกอบการเรียน ป.ธ.๘๓
วาทสฺส ตัดบทเป็น วาโท+อสฺส, ภวสาโร (มงฺคล. ๒/๘๑/๗๑)
วาทสฺส ตัดบทเปน วาโท+อสฺส, พึงเทียบคำวา กุโต+เอตฺถ=กุเตตฺถ๔
สวนคำวา ภวสาโร แปลวา “การแลนไปสูภพ” อาจารยบอกตอๆ กันมาวา
หนังสือบางเลมแปลขอนี้คลาดเคลื่อน จึงแปลใหม ดังนี้
ตถา อตฺตโน วาทสฺส กสฺสจิ ภวสาโร เอว นตฺถิ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโต
[วาทะของตนพึงเปนเชนนั้น, การแลนไปสูภพ ยอมไมมีแกใครๆ เลย
เพราะขาดสูญในฐานะนั้นๆ นั่นเอง]
๑ พั นตรี
ป. หลงสมบุ ญ, พจนานุ กรม มคธ-ไทย, (กรุ งเทพฯ สำนั กเรียนวั ดปากน้ ำ,
๒๕๔๐), หนา ๒๐๙.
๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๑๒๗๙ หนา ๑๑๓๓.
๓ พระธัมมปาลเถระ แหงชมพูทวีป, ปรมตฺถมฺชุสา นาม วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนา มหา-
ฎีกาสมฺม ตา (ตติ โย ภาโค), พิ ม พ ครั้งที่ ๖, (กรุงเทพฯ: มหามกุ ฏราชวิทยาลั ย, ๒๕๔๘),
หนา ๒๗๐.
๔ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๓๐ หนา ๔๑.
๒๖ มังคลัตถวิภาวินี
โคพลิพัททนัย (มงฺคล.๒/๘๔/๗๒)
ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๘๔ หนา ๗๒ ทานกลาวถึงนัยอยาง
หนึ่งวา โคพลิพัททนัย ตอไปนี้จะนำคำอธิบาย โคพลิพัททนัย ที่พิมพรวม
ในหนั ง สื อ เนตติ ห ารั ต ถที ป นี ฉบั บ แปลโดยท า น พระธั ม มานั น ทเถร
มาแสดง๑
โคพลี พทฺทนย คือ วิธีเหมือนวัวและวัวมีกำลัง หมายความวา วิธี ที่
ศัพทหนาหมายเอาสิ่งที่นอกจากศัพทหลัง
คำวา โค แปลวา วัว เปนคำสามัญไมจำเพาะเจาะจงลงไปวาวัวชนิด
ไหน ดังนั้น จึงหมายถึงหลายๆ ชนิดได เชน วจฺฉ (ลูกวัว) ทมฺม (วั วหนุม)
พลีพทฺท (วัวมีกำลัง) ชรคฺคว (วัวแก) แตถามี พลีพทฺท อยูขางหลัง คำวา โค
นี้ก็หมายถึง วจฺฉ, ทมฺม และ ชรคฺคว เทานั้น ไมไดหมายถึง พลีพทฺท เพราะ
มี พลีพทฺท ศัพทอยูตอมา ฉันใด วิธีนี้ก็เปนฉันนั้นเหมือนกัน เพราะศัพทที่
อยูขางหนาหมายเอาสิ่งที่นอกจากศัพทที่อยูขางหลัง
อุทาหรณวา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺ ตฺโต๒ [พระธรรมและ
วินัยอันเราแสดงแลวบัญญัติแลว]
บทวา “ธมฺ โม” เป น โคพลี พทฺ ทนย เพราะหมายเอาพระสูตรและ
อภิธรรม ไมไดหมายเอาพระวินัยเพราะมีบทวา วินโย ตอมา. อธิบายวา คำ
วา พระธรรม เปนคำสามัญหมายเอาพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม
ไมไดหมายเอาพระวินัยเพราะมีแสดงแลวเหมือนในศัพทวา โคพลีพทฺท ที่
โค ศัพทหมายถึงวัวตางๆ มี วจฺฉ เปนตน เวน พลีพทฺท
นักศึกษาควรศึกษานัยอื่น ๆ อีก เชน เอกเสสนัย ปาริเสสนัย กิริยา-
ปธานนัย ทันตเฉทนนัย ทันตโสธนนัย เปนตน
าตกสงฺคหกถา
-๐-
๑ ที.ม. ๑๐/๒๗๓/๓๒๒.
๒ วินย. ๗/๖๓๑/๓๙๖.
๓ วินย. ๑/๖๑๕/๔๑๗.
๔ วินย.อ. ๒/๕๙๔.
๓๒ มังคลัตถวิภาวินี
๕. ตัวอยางศัพทอื่นๆ เชน
กุจฺฉิโต ปุตฺโต กุปุตฺโต (บุตรชั่ว)
กุจฺฉิโต ทาโร กุทาโร (เมียชั่ว)
กุจฺฉิตํ กมฺมํ กุกมฺมํ (กรรมชั่ว)
ปญฺจงฺคิกํ ตุริยํ = ดนตรีมีองค์ ๕ (มงฺคล. ๒/๑๑๔/๙๖)
ในขอวา องฺคิกนฺติ ปฺจงฺคิกํ วิย ตุริยํ องฺคาวินิมุตฺตํ [บทวา
องฺคิกํ คือ ไม พนไปจากองค ๘ เหมือนดนตรีซึ่ งประกอบด วยองค ๕
ฉะนั้น]
ดนตรีป ระกอบด วยองค ๕ ได แ ก อาตตะ กลอง, วิ ต ตะ ตะโพน,
อาตตวิตตะ กลองบัณเฑาะว เปนตน, ฆนะ กรับหรือทับ, สุสิระ เครื่องเปา
มีปและขลุย เปนตน๑
มรุกนฺตาร = ทะเลทราย (มงฺคล. ๒/๑๔๒/๑๑๘)
มรุ ในคำวา มรุกนฺตาร แปลวา ทราย สวน กนฺตาร แปลวา กันดาร
แปลเอาความวา ทะเลทราย คำนี้ป รากฏในมั งคลัต ถที ป นี ภาคที่ ๒ ข อ
๑๔๒ หนา ๑๑๘
ตัวอยางคำอธิบาย มรุ ที่ปรากฏในคัมภีรอื่นๆ เชน มรุกนฺตารํ คจฺฉตีติ
วาลิกกนฺตารํ คจฺฉติฯ๒ แปลวา ขอว า ไปสูมรุกัน ดาร หมายความวา ไปสู
ทะเลทรายฯ, ทานอธิบาย มรุ วา วาลิก
มรุ [มร ปาณจาเค+อุ] วิเคราะหวา สตฺตา มรนฺติ อเนนาติ มรุ (ทราย
ที่ทำใหสัตวตาย ชื่อวา มรุ)๓
ฉคาถายตฺถวณฺณนา
ปาปวิรติมชฺชปานสํยมกถา
-๐-
๑ นิท.ฺ อ. ๒/๓๓.
๒ สงฺคณี.อ. ๒๙๕.
๓ องฺ.อ. ๒/๓๒๕.
๔ ม.อ. ๓/๗๔๑.
๕ ม.ฏี. ๓/๔๑๙.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๓๙
๑. ธา ธาตุ ที่มี อนุ และ วิ เปนบทหนาไดรูปเปน อนุวิธา ใชในอรรถ
วา กระทำตาม (อนุกรเณ)๑ และ ธา ธาตุ มี วิ เปนบทหนา ใชในอรรถว า
กระทำ๒
๒. ย ปจจัยที่ลงหลัง ธา ธาตุในภาววาจก แปลง อา เปน อี๓
๓. ยุ ปจจัย แปลง ยุ เปน อน ลง อา เปน อิตถีลิงค
๔. ลง โย ปฐมาวิภัตติ จึงเปน อนุวิธิยนา, ลง สุ สัตตมีวิภัตติ จึงเปน
อนุวิธิยนาสุ (แจกแบบ กฺา)
ฉะนั้น ในหนังสือมังคลัตถทีปนี ฉบับ มมร. ทานแปล อนุวิธิยนาสุ วา
ในการกระทำเนืองๆ ก็เพราะวา ธา ธาตุ ที่มี วิ เปน บทหนา ใชในอรรถว า
กระทำ สวน อนุ ทานแปลวา เนืองๆ, ในบางคัมภีรทานแปล อนุวิธิยนา วา
การเลียนแบบ
วิลียติ (มงฺคล. ๒/๑๙๐/๑๔๗)
วิลียติ วิ บทหนา ลี ธาตุในความละลาย (ทฺรเว)๔ ย ปจจัย ติ วัตตมานา-
วิภัตติ, ในสัททนีตธิ าตุมาลา๕ วา วิลี ธาตุในความละลาย (วิลีนภาเว)
สปตฺตา (มงฺคล. ๒/๑๙๐/๑๔๗)
ที่ชื่อวา ขาศึก เพราะเปนเหมือนชู เพราะเปนเหตุแหงทุกข, ส อักษร
ใชในความหมายวา รากษส, ชื่อวา ขาศึก เพราะใหกันและกันถึงความไม
เปนประโยชนเกื้อกูล ไมเปนสุข เหมือน ส คือ รากษส๖
๑ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๖๐๘.
๒ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๒๐๐.
๓ กจฺจายน. สูตร ๕๐๒, รูปสิทฺธิ. สูตร ๔๙๓.
๔ ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๓๔๐.
๕ สัททนีติธาตุมาลา, หนา ๖๒๓.
๖ พจนานุกรม มคธ-ไทย, หนา ๗๐๗.
๔๐ มังคลัตถวิภาวินี
๑ วินย. ๒/๗๗๔/๕๑๘.
๒ วินย. ๒/๗๗๔/๕๑๙.
๓ วินย. โย. ๒/๑๒๘.
๔ พันตรี ป. หลงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, หนา ๕๗๔, ๕๗๖.
๔๒ มังคลัตถวิภาวินี
อมฺห บทหนา ทิส ธาตุ กฺวิ ปจจัย แปลง อมฺห เปน ม แลว ทีฆะ เปน
มา แปลง ท ที่ ทิส เป น ร๑ ในหนั งสื อเรียนนั้ น หน า ๑๖๒ ท านแก ไว วา
มาริสาติ มยา สทิสฯ
นาวหเร, ภเณ=น อวหรติ, ภรติ (มงฺคล. ๒/๒๑๒/๑๖๓)
คำวา นาวหเร และ ภเณ ในมังคลัตถทีปนีภาคที่ ๒ ในคาถา ทายขอ
๒๑๒ ทานแปลวา ยอมไมลัก, ยอมไมพูด, ที่แปลเชนนี้ เพราะในแกอรรถขอ
๒๑๓ ทานแกเปน อวหรติ, ภณติ
นักเรียนไดเรียนกันมาวา เอา เอยฺยาสิ, เอยฺยามิ, เอยฺย เปน เอ๒ เชน
วนฺเท=วนฺเทยฺยาสิ, วนฺเทยฺยามิ, หรือ ใช เอ วัตตมานาวิภัตติ ฝายอัตตโนบท
เชน วนฺเท=วนฺทามิ
นาสงสัยว า อาวหเร และ ภเณ ในที่นี้ ลงวิ ภัตติ อะไร ทำไมท านแก
อรรถเปน อวหรติ, ภณติ
เปน ไปได ไหมวา อวหเร และ ภเณ ลง เอยฺย วิ ภัตตินั่น แหละ (เอา
เอยฺย เปน เอ) แตเพราะทานมุงอธิบายวา อวหเร และ ภเณ เปนกิริยาบงถึง
ปจจุบันกาล ไมเชนอดีตกาลหรืออนาคตกาล จึงแกอรรถใหชัดวา อวหรติ,
ภณติ ขอนี้บัณฑิตพึงชี้แนะดวยเมตตา
อปฺปมาทกถา
-๐-
๑ สํ.อ. ๒/๒๔๘.
๒ สงฺคณี.อ. ๑๗.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๔๗
ส คณะ ลหุ ลหุ ครุ เชน สุคโต
น คณะ ลหุ ลหุ ลหุ เชน สุมุนิ
ย คณะ ลหุ ครุ ครุ เชน มเหสี
ในขั้นนี้สรุปไดวา การแตงวัตรคาถา ในบาทคี่ (โบราณวา บาทขอน
เขียนไวซายมือ) อักษรที่ ๒ ๓ ๔ หามแตงเปน ลหุ ลหุ ครุ หรือ ลหุ ลหุ ลหุ
สวนอักษรที่ ๕ ๖ ๗ ตองแตงเปน ลหุ ครุ ครุ
สังขยา ๕, ๖ และ ๗ ประเภท (สืบเนื่อง โยณฺณวา ใน มงฺคล. ๒/๒๖๐/๑๙๓)
ความรูเรื่องสังขยา ๕, ๖ หรือ ๗ ประเภทที่จะกลาวตอไปนี้ ขอให
ศึกษาเปน ความรูป ระกอบเทานั้น นักเรียนไมควรจำไปตอบขอสอบบาลี
สนามหลวง โดยขอใหถือวาเปนความรูประกอบ
ในหลักสูตรบาลีสนามหลวงในปจจุบัน พวกเราเรียนกันมาวาสังขยา
มี ๒ คือ ปกติสังขยา และ ปูรณสังขยา ความจริงสังขยายังมีอีกมาก ดังจะ
แสดงตอไปนี้
๑) สังขยา ๕ ประเภท
ในคั ม ภี รไวยากรณทั้งหลาย เช น คั ม ภี รสั ททนี ติ ป ทมาลา๑ คัม ภี ร-
กัจ จายนสุตตนิเทส๒ และคัม ภี รป ทวิ จาร๓ เป น ต น กล าวว า สังขยา มี ๕
ไดแก มิสสกสังขยา คุณิตสังขยา สัมพันธสังขยา สังเกตสังขยา และอเนก-
สัง ขยา [ดูค ำแปลและคำอธิบายต อจากนี้ ] ท านประพั น ธ เป น คาถาไวใน
คัมภีรกัจจายนสุตตนิเทส วา
มิสฺสคุณิตสมฺพนฺธ- สงฺเกตาเนกเภทโต
สงฺขฺยา ปฺจวิธา เยฺยา ปาิยา คตินยโต ฯ
[สังขยามี ๕ ประเภท พึงทราบโดยจำแนกเปนมิสสกสังขยา, คุณิต-
สังขยา, สัมพันธสังขยา, สังเกตสังขยา และอเนกสังขยา ตามนัยที่ดำเนินไป
ในพระบาลี]๑
๒) สังขยา ๖ ประเภท
ในคัมภีรวชิรสารัตถสังคหะ๒ ท านวา สังขยา มี ๖ (จาก ๕ นั้น เพิ่ ม
ปริมาณสังขยา ๑ เปน ๖) ไดแก
(๑) มิสสกสังขยา (๒) คุณสังขยา (๓) สัม พัน ธสังขยา (๔) สังเกต-
สังขยา (๕) อเนกปริยายสังขยา และ (๖) อเนกปริมาณสังขยา [ดูคำแปล
และคำอธิบายตอจากนี]้ และทานประพันธเปนคาถาไววา
คุณมิสฺสกสมฺพนฺธ- สงฺเกตปริมาณโต
สงฺขฺยาโย ฉพฺพิธา วุตฺตา อเนกปริยายโต ฯ
[สั ง ขยามี ๖ ประเภท กล า วไว ต ามคุ ณิ ต สั ง ขยา, มิ ส สกสั ง ขยา,
สัมพันธสังขยา, สังเกตสังขยา, ปริมาณสังขยา และอเนกปริยายสังขยา]๓
๓) สังขยา ๗ ประเภท
สวนในหนังสือชื่อ ปทวิจารทีปนี๔ ทานวา สังขยา มี ๗ ประเภท คือ
เพิ่ม ปกติสังขยา และ ปริมาณสังขยา เขาไปอีก [๕ เพิ่ม ๒ เปน ๗] ดังนี้
๑ พระคัน ธสาราภิ วงศ, สารั ตถที ปนี ฎี กา มหาวรรควรรณนา แปล, (กรุ งเทพฯ:
โครงการแปลคัมภีรพุทธศาสน, ๒๕๕๑), หนา ๑๑๙.
๒ พระสิริรัตนปญ ญาเถระ (รจนาเสร็จ พ.ศ. ๒๐๗๘), แยม ประพัฒนทอง (แปล),
วชิรสารัตถสังคหะ, คาถา ๒๖๒ หนา ๑๘๐.
๓ พระคันธสาราภิวงศ, สารัตถทีปนีฎีกา มหาวรรควรรณนา แปล, หนา ๑๑๙.
๔ พระมหานิ มิ ต ร ธมฺ ม สาโร, ปทวิ จ ารที ป นี , (กรุง เทพฯ: ไทยรายวั น การพิ ม พ ,
๒๕๔๗), หนา ๖๓๒-๖๖๓.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๔๙
(๑) มิส สกสั งขยา (๒) คุณ สั งขยา (๓) สั ม พั น ธสั งขยา (๔) สั งเกต-
สังขยา (๕) อเนกสังขยา/อเนกปริ ยายสั งขยา (๖) ปกติ สังขยา และ (๗)
ปริมาณสังขยา
ตอ ไปจะนำคำแปล และคำอธิ บ ายสั งขยาทั้ ง ๗ ประเภทมาแสดง
ดังตอไปนี้
๑. มิ ส สกสั งขยา สั งขยาที่ ได ม าด วยวิ ธี การบวก เชน จตุ จ ทส จ
จตุทฺทส “สี่บวกสิบเทากับสิบสี่” คำวา จตุทฺทส เปนสังขยาที่ไดจากผลลัพธ
ของการบวก จตุ + ทส เชน
ทเสตฺถ ราชิโย เสตา ทสฺสนียา มโนรมา
ฉ ปงฺคลา ปนฺนรส หลิทฺทาภา จตุทฺทสาติ
[เพชรเม็ดนี้ มีลายเสนสีขาว ๑๐ เสน ลายเสนแดง ๒๑ เสน และ
ลายเสนสีเหลืองดุจขมิ้น ๑๔ เสน งดงามตระการตา ตระการใจ]
ในตั ว อย า งนี้ มิ ส สกสั ง ขยา คื อ ศั พ ท ว า ฉ ป งฺ ค ลา ปนฺ น รส
(ปณฺ ณ รส) ที่ แ ปลว า “มี ลายเสนแดง ๒๑ เส น” คือ ฉ=๖+ปณฺ ณ รส=๑๕
บวกกันแลวเทากับ ๒๑
๒. คุณิต/คุณสังขยา สังขยาที่ไดมาดวยวิธีการคูณ เชน สตสฺส ทฺวิกํ
ทฺวิส ตํ “หมวด ๒ แหงรอย เปน สองรอ ย” (๒x๑๐๐) ในตัวอย างนี้ คำว า
ทฺวิสตํ เปนสังขยาที่ไดจากผลลัพทของการคูณ
วรทิพฺราสุสขลํ อุทฺวิปกุอมํนิติ
ติปฺจ คมฺภีรา ปฺหา สมฺพุทฺเธน วิยากตา๑
[ปญหาลุมลึก ๑๕ ขอ พระสัมมาสัมพุทธเจา ทรงพยากรณแลว
คือ วะ, ระ, ทิ, พฺรา, สุ, สะ, ขะ, ลํ, อุ, ทฺวิ, ป, กุ, อะ, มํ, นะ]
๑ ม.มู. ๑๒/๒๘๙/๒๘๐.
๒ พระคันธสาราภิวงศ, วุตโตทยมัญชรี, อธิบายคาถา ๑๐ หนา ๓๒.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๕๑
แสดงแทนจำนวนมาก โดยใจความว า มากเหลื อ เกิ น คงตรงกั บ วลี ใน
ภาษาไทยวา “มีเปนรอย” โดยสื่อความวา มีมากมาย เชน สตเตโช ทิวากโร
“พระอาทิตยมีพลังงานเปน ๑๐๐” แมคำวา ปโรสตํ กวารอย, ปโรสหสฺสํ
กวาพัน ก็นาจะนับเขาสังขยาประเภทนี้
๖. ปริม าณสั ง ขยา สังขยาที่ นั บ โดยกำหนดจำนวน ระยะ ขนาด
น้ำหนัก ตามมาตราวัดตวงชั่ง เชน ถามวา กึปมาโณ กุมารสฺส ชาโต [เด็ก
เกิดนานเทาไร] ตอบวา มาโส ชาตสฺส อสฺส [หนึ่งเดือน] (คำวา มาโส เปน
ชื่อของ ๓๐ ราตรี คือ ๓๐ วันเปน ๑ เดือน), นี้จัดเปนปริมาณสังขยา
แมมาตราวัดตามวิธีโบราณก็พึงทราบวาเปนปริม าณสังขยา เชน ๑
ปสตะ (ซองมือ) ชื่อวา ๑ กุฑุวะ, ๔ กุฑุวะ เปน ๑ ปตถะ, ๔ ปตถะ เปน
๑ อาฬหกะ เปนตน
๗. ปกติสังขยา คือจำนวนนับ ที่นับโดยปกติ เชน เอโก (๑) เทฺว (๒)
ตโย (๓) เปนตน, ปกติสังขยานี้ มีปรากฏในวิชา บาลีไวยากรณ หลักสูตร
บาลีสนามหลวงที่เรียนกันนี้แลว จึงไมตองอธิบายใหมากนัก
เท า ที่ แ สดงมานี้ ผู ศึ ก ษาพึ งทราบว า สั งขยามี ห ลายประเภท นั บ
จำนวนได ๗ ประเภทแลว ถานับรวม ปูรณสังขยา ที่เรียนกันมาในหลักสูตร
บาลีไวยากรณเขาไปอีกก็รวมเปน ๘ ประเภท
ที่จริงมีสังขยา ที่ไมไดกลาวถึงในที่นี้อีก เชน วัณณสังขยา (สังขยาใช
อักษรแทนเลข), ปฎกสังขยา (ประชุมตัวอักษรแทนเลข) เทานี้ก็เห็น วามี
รายละเอียดมากแลว จึงยุติคำอธิบายไวกอน ขอใหนักศึกษาไปคนควาตอที่
หนังสือ ปทวิจารทีปนี (หนา ๖๔๘) และ วชิรสารัตถสังคหะ (หนา ๘๕)
ถึงตอนนี้นักเรียนคงจะตอบตัวเองในใจไดแลววา ทำไมในหลักสูตร
บาลีไวยากรณ ทานจึงแสดงสังขยาไวเพียง ๒ อยาง คือ ปกติสังขยา และ
ปูรณสังขยา, เพราะลำพังแคสังขยา ๒ อยางนั้น นักเรียนก็จดจำทำความ
เขาใจจะไมไหวแลว ถาทานแสดงสังขยาไวหลายอยาง คงไมเหมาะสำหรับ
นักเรียนผูเริ่มศึกษา
๕๒ มังคลัตถวิภาวินี
สตฺตมคาถายตฺถวณฺณนา
คารวกถา
-๐-
ปณฺฑุปลาส (มงฺคล. ๒/๒๗๔/๒๐๔)
ปณฺฑุปลาส แปลวา ใบไมเหลือง (ใบไมเกา), คนเตรียมบวช, คนจะ
ขอบวช๑ เชน ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒ ขอ ๒๗๔ วา ตตฺถ ปณฺฑุปลาสสฺส
ถาลเก ปกฺขิปตฺวาป ทาตุ วฏติ ฯ [บรรดาคนเหลานั้น สำหรับปณฑุปลาส
แมจะใสภาชนะใหก็ควร]
วตฺตํ/วฏฏํ แปลวา ค่าใช้สอย (มงฺคล. ๒/๒๗๗/๒๐๗-๘)
นักเรียนคอนขางคุนเคยคำวา วตฺต ที่แปลวา วัตร พอมาพบ วตฺต ที่
แปลวา ทรัพยคาอาหาร ก็สงสัย, ผูเขียนนีค้ นควาแลว บันทึกไวดังนี้
วตฺต ในคำวา ปกติวตฺตํ และ ปากวตฺตโต ในมังคลัตถทีปนี ภาคที่ ๒
ขอ ๒๗๗ หนา ๒๐๗-๒๐๘ ทานแปลวา ทรัพยคาอาหาร ผูเขียนนี้ไดตรวจดู
อรรถกถาและฎีกาเภสัชชกรณวัตถุที่ทานอางแลว พบวา ในอรรถกถาและ
ฎีกานั้นทานใช วฏ ไมใช วตฺต ในแหลงเดิมจึงเปน ปกติวฏํ, ปากวฏโต
ฉะนั้น นักเรียนที่ตองการขอมูลซึ่งตรงกับแหลงเดิม ควรแก ปกติวตฺตํ เปน
ปกติวฏํ, แก ปากวตฺตโต เปน ปากวฏโต
คำวา ปกติว ฏํ ในที่ นี้ม าในอรรถกถาเภสัชชกรณวัตถุ แหงคัมภี ร
สมัน ตปาสาทิ กา๒ สวนคำวา ปากว ฏโต มาในสารัตถทีป นี ฎีก า๓ แตใน
๑ วินย.โย. ๑/๔๐๙.
๒ อภิธานัปปทีปกา. คาถา ๑๐๑๘.
๓ พันตรี ป. หลวงสมบุญ, พจนานุกรม มคธ-ไทย, หนา ๖๒๗.
๔ โมคฺ. สูตร ๑.๕๒.
๕ ปทวิจารทีปนี, หนา ๑๙๙.
๖ ธ.อ. ๓/๑๒๔, ธ.อ. ๖/๑๕๕.
๕๔ มังคลัตถวิภาวินี
เพราะปรากฏศัพทในธัมมปทัฏฐกถานี้เอง ในพจนานุกรมบาลี-ไทย
ธรรมบทภาค ๑-๔ อาจารยบุญสืบ อินสาร๑ จึงอธิบายไววา
ปากวตฺ ตํ (ธนํ ) แปลว า ทรั พ ย อั น เป น ไปเพื่ อ วั ต ถุ อั น บุ ค คลพึ ง
หุงตม วิเคราะหวา
ปจิตพฺพนฺติ ปากํ [ปจ ธาตุ ณ ปจจัย]
ปากสฺส (วตฺถุสฺส) วตฺตตีติ ปากวตฺตํ (ธนํ) [วตฺต ธาตุ อ ปจจัย]
ธมฺมสฺส โกวิทา : หักฉัฏฐีเปนสัตตมี (มงฺคล. ๒/๒๘๕/๒๑๕)
ธมฺมสฺส ในที่นี้เปนฉัฏฐีวิภัต ติ แตใช อรรถสัตตมีวิภัตติ พูดอย างไม
เปนทางการวา หักฉัฏฐีเปนสัตตมี ขอวา ธมฺมสฺส โกวิทา๒ ในอรรถกถาทาน
อธิบ ายไว วา เช าปจายนธมฺ เม กุ ส ลา๓ จึ งแปลวา ฉลาดในธรรม ไม
แปลวา ฉลาดแห งธรรม (ถานักเรียนแปลฉลาดแห งธรรม ถือวาไมมีภูมิรู
จัดเปนศิษยนอกสำนัก) ทั้งนี้มีหลักการวา
ฉัฏฐีวิภัตติใชในอรรถแหงสัตตมีวิภัตติในที่ประกอบดวยบทที่มีอรรถ
วาฉลาด เป น ต น ๔ เชน มคฺคามคฺคสฺ ส โกวิ ท า (ธ.อ. ๘/๑๒๙) [ฉลาดใน
มรรคและไมใชมรรค]
แตในที่บางแหง แมจะประกอบดวยบทที่มีอรรถวาฉลาด ทานก็คงใช
สัตตมีวิภัตติ นั่นเอง ไมใชฉัฏฐีวิภัตติ (มีตัวอยางมาก นำมาแสดงแค ๒ ก็
พอ) เชน ในปณามคาถา แหงธัมมปทัฏฐกถาวา ธมฺมาธมฺเมสุ โกวิโท และ
ปรมัตถทีปนีวา อิทฺธิปาเทสุ โกวิโท๕
สนฺตุกิ ถา
-๐-
กตฺุตากถา
-๐-
๑ ม.อ. ๑/๒๕๗.
๒ ม.ฏี. ๑/๓๑๗.
๗๐ มังคลัตถวิภาวินี
อฏฺมคาถายตฺถวณฺณนา
ขนฺติกถา
-๐-
๑ วินย.อ. ๓/๕๒๖.
๒ วินย. ๒/๑๘๖/๑๖๔.
๓ ดูใน อตฺตโนวตฺถุ, ธ.อ. ๗/๑๓๖.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๗๓
พหุ อตีตมทฺธาเน : พหุ ควรเป็ น อหุ (มงฺคล. ๒/๔๐๗/๓๒๒)
พหุ ในข อวา พหุ อตีตมทฺธาเน ไมตรงกั บขอความในพระไตรปฎก
นักศึกษาพึงแก พหุ (มาก) เปน อหุ (ไดมีแลว) ใหตรงกับพระไตรปฎกนั้น
เปน อหุ อตีตมทฺธาเน๑
อหุ ประกอบดวย อ อาคม หุ ธาตุ อ ปจจัย อี อัชชัตตนี ลงแลวลบ
หรือ อา หิยัตตนี รัสสะ๒ แปลวา ไดมีแลว
ยสฺสทานิ=ยสฺส อิทานิ (มงฺคล. ๒/๔๐๙/๓๒๔)
อาจารยบุ ญ สืบ อิน สาร ๓ แนะว า ยสฺ ส ทานิ ตั ด เป น ยสฺ ส -อิ ท านิ ,
เฉพาะ ยสฺส ตัดเปน โย-อสฺส, โย (คมนกาโล) กาลเปนที่ไปใด, อสฺส พึงมี,
ตฺวํ อ. ทาน มฺสิ จงสำคัญ (ยอมสำคัญ) (ตํ คมนกาลํ) ซึ่งกาลเปนที่ไปนั้น
ทุรุตฺตํ=คําพูดชัว (มงฺคล. ๒/๔๑๒/๓๒๖)
ทุรุ ตฺตํ [ทุ +ร +วจ+ต ] แปลว า คำพู ด ชั่ว เช น ในข อว า ปเรส ทุ กฺ ก ฏ
ทุรุตฺตฺจ ปฏิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาสนตา ฯ [ความเปน
คืออันยกกรรมชั่ว และคำพูดชั่วของชนเหลาอื่นไวเหนือตนอดทนโดยไมทำ
การโกรธตอบ]
ทุรุตฺตํ ประกอบดวย ทุ บทหนา วจ ธาตุ ต ปจจัย แปลง ว เปน อุ,
แปลง จ เปน ตฺ ลง ร อาคม, บางมติวา ลง อุจ ธาตุ ในการออกเสียง๔, บาง
มติวา ลง รูป ธาตุ รัสสะ, แปลง ป เปน ตฺ๕
๑ ขุ.ชา. ๒๗/๕๕๒/๑๓๗.
๒ พจนานุกรมกิริยาอาขยาต ฉบับธรรมเจดีย, หนา ๓๓.
๓ บุญสืบ อินสาร, คูมือแปลมังคลทีปนี ภาค ๒, พิมพครั้งที่ ๓, (กรุงเทพฯ: สืบสาน
พุทธศาสน, ๒๕๕๖), เชิงอรรถ หนา ๒๕๒.
๔ โมคฺ. สูตร ๕.๑๑๑. ธาตวัตถสังคหปาฐนิสสยะ, คาถา ๒๗ หนา ๒๘.
๕ พจนานุกรมกิริยากิตต ฉบับธรรมเจดีย, หนา ๒๑๔.
๗๔ มังคลัตถวิภาวินี
๑ ม.ฏี. ๑/๒๑๓.
๗๘ มังคลัตถวิภาวินี
๑ ม.อ. ๒/๑๖๖.
๒ กจฺจายน. สูตร ๙๑, สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๒๔๘ หนา ๑๙๔.
๓ อภิธานวรรณนา, คาถา ๒๐๖, ๗๒๕.
๔ ม.อ. ๒/๑๖๖, ม.ฏี. ๒/๙๘.
๘๔ มังคลัตถวิภาวินี
โสวจสฺสตากถา
-๐-
สุวโจ (ปุ.) (มงฺคล. ๒/๔๓๕/๓๔๐)
วิ. สุเขน วตฺตพฺโพ อนุสาสิตพฺโพติ สุวโจ (ปุคฺคโล) [สุ+วจ+ข] บุคคล
อันเขาพึงกลาวคือพึงสั่งสอนไดโดยงาย ชื่อวา สุวโจ
๑ ชา.อ. ๓/๒๐๒.
๒ ขุ.อิติ. ๒๕/๒๗๓/๓๐๑.
๙๒ มังคลัตถวิภาวินี
สมณทสฺสนกถา
-๐-
ธมฺมสากจฺฉากถา
-๐-
แปล
อุโบสถกรรม ชื่อวาตบะ ในมหาหั งสชาดก ว า เรา
พิจารณาเห็น กุศลธรรมเหลานั้ น คือ ทาน ๑ ศีล ๑
บริจาค ๑ ความซื่อตรง ๑ ความออน โยน ๑ ตบะ ๑
[ความไม โ กรธ ๑ ความไม เบี ย ดเบี ย น ๑ ความ
อดทน ๑ ความไมยินราย ๑ ซึ่งตั้งอยูแลวในตน]
๑ พระราชเวที,
ศัพท-สำนวน มังคลัตถทีปนี, พิมพครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ: เลี่ยงเชียง,
๒๕๓๔), หนา ๒๔; สัททนีติปทมาลา, หนา ๘๙๒, ๙๐๑.
๒ สัททนีติสุตตมาลา, สูตร ๔๙๗, ๖๔๙, ๖๕๕. และ หนา ๑๒๔๕.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๑๐๑
ฉะนั้น คำวา ยตฺวาธิกรณํ จึงแปลวา เพราะเหตุการไมสำรวมอินทรีย
คือจักษุใด
ยตฺ ว าธิก รณํ ตั ด บทเป น ยโต-อธิ ก รณํ ๑ แปลว า เพราะเหตุ ...ใด,
อธิกรณํ เปนปฐมาวิภัตติใชในอรรถการณะ แปลวา เพราะเหตุ, ยโต คือรูป
ของ ยํ ที่ เปลี่ ยนไปตามหลักการว า เมื่ อ นิ ทาน ศั พท เป น ต น อยู ห ลั ง ให
เปลี่ยนปฐมาวิภัตติที่ ยํ, ตํ เปน โต๒ (ยโต ตโต), ยํอธิกรณํ เปลี่ยนเปน ยโต-
อธิกรณํ
ฉะนั้นทานจึงแก ยโต อธิกรณํ วา ยํการณา และอธิบายตอวา ยสฺส
จกฺขุนฺทฺริยสฺส การณา, (ยํ ในที่นี้คือ ยสฺส) ยสฺส เขาสมาสจึ งกลายเปน ยํ
ในที่นี้โยค จกฺขุนฺทฺริยสฺส, นักศึกษาพึงเห็นลำดับการเปลีย่ นรูป ยโต-ยํ-ยสฺส
สรุปการจำแนกศัพทโดยลำดับดังนี้
ยตฺวาธิกรณํ - ยโต อธิกรณํ [ตัดบทเปน ยโต-อธิกรณํ]
ยโต อธิกรณํ - ยํอธิกรณํ [ยํ เปลี่ยนปฐมาที่ ยํ เปน โต]
ยํอธิกรณํ - ยํการณา [อธิกรณํ ปฐมา. ในอรรถการณะ]
ยํการณา - ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส การณา [ยสฺส เขาสมาสจึงเปน ยํ]
หรือ ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ [เหตุ ปฐมา. ในอรรถการณะ]
อริยสจฺจทสฺสนกถา
-๐-
[อายาส คือความลำบากใจซึ่งเปนไปโดยอาการใจหายใจ
คว่ำ, ความลำบากใจเหลือกำลัง ชื่อวาอุปายาส]
อุปายาส มีลักษณะติดของงวนอยูกับอารมณที่ใหเกิดความไมสบาย
ใจ (พฺยาสตฺติลกฺขโณ) ทำใหเกิดการทอดถอนหมดอาลัย (นิตฺถุนนรโส) และ
ปรากฏผลเปนความเศราใจ (วิสาทปจฺจุปาโน)
ขอให นักเรียนอา นเรื่องในอรรถกถามหานิเทส ดั งต อไปนี้ จะเห็ น
ความตางของ ทุกข (ทุกขกาย) โทมนัส (ทุกขใจ) โสกะ ปริเทวะ อุปายาส
ความโศก พึ ง เห็ น เหมื อ นการหุ งต ม ภายในภาชนะด ว ยไฟอ อ นๆ
ปริเทวะ พึงเห็น เหมื อ นการลน ออกนอกภาชนะของอาหารที่ หุ งตม ดว ย
ไฟแรง อุปายาส พึงเห็นเหมือนการเคีย้ วอาหารทีเ่ หลือจากลนออกภายนอก
ลนออกไมไดอีก เคี่ยวภายในภาชนะนั่นแหละจนกวาจะหมด๑
จริงอยู เมื่ อ บุ ค คลถูก พระราชากริ้ วแล วก็ ท รงถอดยศ ทั้ งบุ ตรและ
พี่ชายนองชายของเขาก็ถูกประหาร ทั้งตัวเขาเองก็ถูกสั่งประหาร เพราะเขา
กลัวจึงหลบหนีไปในดง ถึงความเปนผูเศราใจอยางใหญ หลวง เกิดทุกขะ
(ทุกขกาย) มีกำลังเพราะยืนเปนทุกขนอนเปนทุกขนั่งเปนทุกข เมื่อคิดอยูวา
พวกญาติของเราเทานี้ โภคทรัพยเทานี้ ฉิบหายแลว ดังนี้ โทมนัส (ทุกขใจ)
มีกำลังก็ยอมเกิดขึ้น
จริงอยู เมื่อบุคคลประสบทุกข โดยทุกขคือการถูกตัดมือตัดเทา และ
ตัดหูตัดจมูกซึ่งนอนวางกระเบื้องเกาไวขางหนาขออาหารในศาลาของคน-
อนาถา เมื่ อ มีหมูห นอนออกจากแผลทั้ งหลาย ทุ ก ข กายเหลือ กำลั งย อม
เกิดขึ้น โทมนัสรุนแรงก็ยอมเกิดเพราะเห็นมหาชนผูมีเสือ้ ผายอมดวยสีตา งๆ
ประดับไดตามชอบใจเลนงานนักษัตรอยู
๑ นิทฺ.อ. ๑/๑๐๔.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๑๑๑
อโสกจิตฺตกถา
-๐-
๑ วิมติ.ฏี. ๑/๓.
๒ ม.มู. ๑๒/๒๘๙/๒๘๑.
๓ พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ, วิชา สัมพันธไทย ธรรมบทภาคที่ ๕ ฉบับ
แกไข/ปรับปรุง, (กรุงเทพฯ : ประยูรสาสนไทย การพิมพ, ๒๕๕๒), หนา ๑๕๐.
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๑๑๓
อาคา (มงฺคล. ๒/๕๗๔/๔๔๓)
อาคา [อา+คม/คมุ ธาตุ+อ ปจจัย+อี อัชชัตตนีวิภัตติ], อาคา ในขอ
วา อนวฺหาโต ตโต อาคา แปลวา มาแลว, เอา อี กับที่สุดธาตุเปน อา
ในคัมภีรโมคคัลลานะวา เมื่อลง อา หิยัตตนีวิภัตติ และ อี อัชชัตตนี-
วิภัตติแลว เอาตัวทายแหง คม ธาตุเปน อา๑
วิรชจิตฺตกถา
-๐-
เขมจิตฺตกถา
-๐-
พระมหานพพร อริยาโณ (สีเนย์) ๑๒๑
เอกาทสมคาถายตฺถวณฺณนา
-๐-
๑๒๘ มังคลัตถวิภาวินี
รายนามผู้ร่วมพิมพ์ หนังสื อ
พลเรือ เอกชัยณรงค เจริญ รักษ ๑๐๐ เลม สายบุ ญ ของคุณฐิติม า
วิ ท ยานนท เ อกทวี ๑๐๐ เล ม คุ ณ มี ณ ชญภั ท ร เนี ย มหอม ๓๖ เล ม
คุณภาณุวัฒณ มีสัตย ๒๔ เลม
นางสาวเกณิกา วุฒิกรกัลยาณี ๑๒ เลม นางสาวพิตะวัน ยุพดีรังสีกุล
๑๐ เล ม คุ ณ เกษม-คุ ณ อาทร พิ ร พั ฒ น ๒๐ เล ม คุ ณ กนกพร มณี ร อด
๑๐ เลม นางสาวกิรณา ศุภสินฐาโนดม นายสมชาย-ด.ญ.ณิชา จอมสงาวงษ
๑๐ เลม นายยุทธพงศ-สมศรี จิตตวิริยะกุล และครอบครัว ๘ เลม
คุณจำนงค-คุณสมหวัง อนุมา และครอบครัว ๘ เลม นางสาวจตุพร
ประชุ ม พั น ธ และครอบครั ว ๕ เล ม นายภาคภู มิ นั น ทนิ ต ย วรกุ ล และ
ครอบครัว ๕ เลม คุณชมปภัคคม ธรรมวิสธุ ีร และครอบครัว ๕ เลม
คุณ อาภรณ สาวิโร และครอบครัว ๕ เล ม นายลั่ น ทม สิ งห ท อง
๔ เลม นาวาโทสมภพ-คุณกิตติมา พิรพัฒน ๔ เลม นายปวันศิลปชัย-บุศพร
จิตตวิริย ะกุล ๔ เลม คุณ พิ เชษฐ ทองปากน้ ำ ๔ เล ม นางสาวหยกธรณ
ยิ่งยวดหิรัญกุล ๓ เลม
คุณภานุมาศ มีสมงาม ๓ เลม คุณกานดา ธรรมมานุสรณ ๒ เลม
คุณเอนกพร พิรพัฒ น ๒ เลม นางสาวอนงค เอี่ยมมา ๒ เลม คุณ สุชาดา
หนอสิงหา และครอบครัว ๒ เลม คุณเอื้อมพร อปปะตะ ๒ เลม คุณวาสนา
มณีใหม-ด.ช.ปยะ สังสมศักดิ์ ๒ เลม คุณปองนุช เถื่อนศิริ ๒ เลม
นาวาตรี ห ญิ ง วรนุ ช มี สั ต ย ๒ เล ม นายโอภาส มี สั ต ย ๒ เล ม
นางภัชชภร เศรษฐวรางกูร ๑ เลม นองน้ำตาล ๑ เลม (รวมจำนวน ๔๐๐
เลม, เลมละ ๕๕ บาท รวมเปนเงิน ๒๒,๐๐๐ บาท)
ผูส มทบทุ นคา ออกแบบปกหนั งสื อ : พระมหาสงวน สุ ทฺ ธิ าโณ
๕๐๐ บาท พระมหาอภิญ อภิลาโภ และคุณ Laura Bruneau ๑,๐๐๐ บาท