Professional Documents
Culture Documents
วชิราภรณ์
วชิราภรณ์
สารนิ พนธ์
ของ
วชิ ราภรณ์ ชานิ
เสนอต่อบัณฑิ ตวิ ทยาลัย มหาวิ ทยาลัยศรีนคริ นทรวิ โรฒ เพื่อเป็ นส่วนหนึ่ งของการศึกษา
ตามหลักสูตรปริ ญญาการศึกษามหาบัณฑิ ต สาขาวิ ชาการมัธยมศึกษา
มิถุนายน 2555
ลิ ขสิ ทธิ์ เป็ นของมหาวิ ทยาลัยศรีนคริ นทรวิ โรฒ
ผลของการใช้แบบฝึ กที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิ ตศาสตร์ เรื่อง โจทย์
สมการเชิ งเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนระดับชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ 1
บทคัดย่อ
ของ
วชิ ราภรณ์ ชานิ
เสนอต่อบัณฑิ ตวิ ทยาลัย มหาวิ ทยาลัยศรีนคริ นทรวิ โรฒ เพื่อเป็ นส่วนหนึ่ งของการศึกษา
ตามหลักสูตรปริ ญญาการศึกษามหาบัณฑิ ต สาขาวิ ชาการมัธยมศึกษา
มิถุนายน 2555
วชิราภรณ์ ชานิ (2555). ผลของการใช้แบบฝึกทีม่ ตี ่อความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์
เรือ่ ง โจทย์สมการของนักเรียนระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีที ่ 1 สารนิพนธ์ กศ.ม.
(การมัธยมศึกษา).กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
อาจารย์ทป่ี รึกษาสารนิพนธ์ : ผูช้ ่วยศาตราจารย์ชยั ศักดิ ์ ลีลาจรัสกุล.
AN ABSTRACT
BY
WACHIRAPORN CHUMNI
The purpose of this research was to investigate the effect of using Drill on
Learning Equation of One-Variable Toward Mathematical problem solving of
Mathayomsuksa 1 students.
The subjects used in this study were 50 Mathayomsuksa 1 who have studied at
Sacred Heart Convent School in the second semester of 2011 academic year.
They were selected through Cluster random sampling technique. The research
instruments were lesson plans , drill and exercises in solving mathematical problems.
The One – Short Case Study was used for this study. The data was analyzed
by using t – test One Samples.
The results of this study were as follows :
The student’s ability in solving mathematical problems connecting with linear
equations with single variable after the teaching with the exercises was higher than 60% at
the .01 level of significance.
ประกาศคุณูปการ
วชิราภรณ์ ชานิ
สารบัญ
บทที่ หน้ า
1 บทนา..............................................................................................................................1
ภูมหิ ลัง........................................................................................................................1
ความมุง่ หมายของการศึกษาค้นคว้า..............................................................................3
ความสาคัญของการศึกษาค้นคว้า..................................................................................3
ขอบเขตของการการศึกษาค้นคว้า.................................................................................3
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง......................................................................................3
เนื้อหาทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้า...............................................................................3
ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้า.................................................................................3
ตัวแปรทีศ่ กึ ษา.......................................................................................................4
นิยามศัพท์เฉพาะ...................................................................................................4
สมมติฐานการศึกษาค้นคว้า..........................................................................................6
บทที่ หน้ า
3 วิ ธีดาเนิ นศึกษาค้นคว้า..............................................................................................35
การกาหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง.........................................................................35
เนื้อหาทีใ่ ช้ในการศึกษาค้าคว้า....................................................................................35
ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้า.....................................................................................36
แบบแผนทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้า................................................................................36
เครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้า................................................................................36
การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือ...............................................................................37
แผนการจัดการเรียนรู.้ ..........................................................................................37
แบบฝึกทีม่ ตี ่อความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์................................38
แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์...................................39
วิธกี ารดาเนินการศึกษาค้นคว้า....................................................................................41
สถิตทิ ใ่ี ช้ในการศึกษาค้นคว้า.......................................................................................44
4 ผลการวิ เคราะห์ข้อมูล.................................................................................................45
สัญลักษณ์ทใ่ี ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล...........................................................................45
การวิเคราะห์ขอ้ มูล.....................................................................................................45
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล.................................................................................................45
บทที่ หน้ า
บรรณานุกรม...........................................................................................................................54
ภาคผนวก................................................................................................................................61
ภาคผนวก ก......................................................................................................................62
ภาคผนวก ข......................................................................................................................72
ภาคผนวก ค......................................................................................................................76
ภาคผนวก ง.....................................................................................................................165
ตาราง หน้ า
1 แบบแผนการศึกษาค้นคว้าแบบ One-Short Case Study..............................................36
2 การวิเคราะห์ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์เรือ่ ง โจทย์ปญั หา
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของผูเ้ รียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี หลังได้รบั การสอน
โดยใช้แบบฝึกกับเกณฑ์.............................................................................................46
3 การประเมินแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง โจทย์
ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดยผูเ้ ชีย่ วชาญ (แบบอัตนัย)..................................62
4 ค่าความง่าย (PE) และค่าอานาจจาแนก (D) ของแบบทดสอบความสามารถในการ
แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สาหรับแบบทดสอบ อัตนัย โดย คานวณจากสูตร Whitney and Sabers....................63
5 ค่าSU และSL ในการหาค่าความยากและค่าอานาจจาแนกของแบบทดสอบความสามารถ
ในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ทไ่ี ม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจานวน 50 คน............................64
6 ค่า x และ x2 ในการหาค่าความแปรปรวนของแบบทดสอบความสามารถใน
การแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 แบบทดสอบอัตนัย ทีใ่ ช้ในการหาค่าความเชื่อมัน่
(α – Coefficient )...................................................................................................................67
7 ค่า ในการหาค่าความเชื่อมัน( ่ α – Coefficient ) ของแบบทดสอบวัด
ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้น
ตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 แบบทดสอบ อัตนัย
โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ ์แอลฟา( α – Coefficient ).........................................................70
บทที่ 1
บทนำ
ภูมิหลัง
คณิต ศาสตร์มบี ทบาทส าคัญ ยิง่ ต่ อ การพัฒนาความคิดมนุ ษ ย์ ทาให้มนุ ษ ย์มคี วามคิด
สร้างสรรค์ คิด อย่างมีเหตุ ผ ล เป็ นระบบ ระเบียบ มีแ บบแผน สามารถวิเ คราะห์ปญั หาและ
สถานการณ์ได้อย่างถีถ่ ว้ นรอบคอบ ทาให้สามารถคาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ และแก้ ปญั หาได้
อย่างถูกต้องและเหมาะสม และเป็ นเครื่องมือในการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจน
ศาสตร์อ่นื ๆทีเ่ กีย่ วข้อง คณิตศาสตร์จงึ มีประโยชน์ต่อการดารงชีวติ และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวติ ให้ดี
ขึน้ นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยงั ช่วยพัฒนาคนให้เป็ นมนุ ษย์ทส่ี มบูรณ์ มีความสมดุ ลทัง้ ทางร่างกาย
จิตใจ สติปญั ญาและอารมณ์ สามารถคิดเป็น ทาเป็ น แก้ปญั หาเป็ น และสามารถอยู่ร่วมกับผูอ้ ่นื
ได้อย่างมีความสุข ในการศึกษาคณิตศาสตร์สาหรับหลักสูตรการศึ กษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช
2551 เป็ นการศึกษาเพื่อปวงชนที่เปิ ดโอกาสให้เยาวชนทุกคนได้เรียนรู้ คณิตศาสตร์อย่างต่อเนื่อง
และตลอดชีวติ ตามศักยภาพ ทัง้ นี้เพื่อให้เยาวชนเป็ นผูท้ ่มี คี วามรูค้ วามสามารถทางคณิตศาสตร์ท่ี
เพียงพอ สามารถนาความรู้ ทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร์ท่จี าเป็ นไปพัฒนาคุณภาพ
ชีวติ ให้ดขี ้นึ รวมทัง้ สามารถนาไปเป็ นเครื่องมือในการเรียนรู้ ส ิ่งต่างๆ และเป็ นพื้นฐานสาหรับ
การศึกษาต่อ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2545:1)
แต่คณิตศาสตร์กเ็ ป็ นวิชาทีน่ กั เรียนมักประสบปญั หาในการเรียนเนื่องจากเป็นวิชาทีน่ กั เรียน
เข้าใจยาก (ชัยศักดิ ์ ลีลาจรัสกุล. 2543:1) และส่งผลให้นกั เรียนมีผลสัมฤทธิ ์ทางการเรียนต่าสาเหตุ
หนึ่งเกิดจากครูผสู้ อน เนื่องจากครูไม่มสี ่อื ในการสอน ขาดประสบการณ์ และไม่มเี ทคนิคการสอน
ใหม่ๆ ครูยงั คงใช้วธิ กี ารสอนด้วยการอธิบายบนกระดานดา (ยุพนิ พิพธิ กุล. 2524: 2-5) สาเหตุ
ข้างต้นสอดคล้องกับ อารีย์ คาปล้อง (2536: 2) กล่าวว่าครูยงั ใช้วธิ สี อนแบบบรรยาย และจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนทีเ่ น้น เนื้อหามากกว่ากระบวนการ ส่งผลให้ผเู้ รียนไม่มโี อกาสได้รว่ มรู้
ร่วมคิด แก้ปญั หาทีก่ าลังเรียน การทีค่ รูใช้วธิ กี ารดังกล่าว เป็นประจาย่อมทาให้ผเู้ รียนเกิดความเบื่อ
หน่ายและไม่สนใจบทเรียน นักเรียนจึงไม่เกิดการเรียนรูไ้ ม่เกิดมโนมติ ในเรือ่ งทีเ่ รียนและไม่สามารถ
นากฎเกณฑ์ต่างๆ ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง ซึง่ เห็นได้จากผลการประเมินคุณภาพการศึกษา ของสานัก
ทดสอบทางการศึกษา พบว่านักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ในช่วงปีการศึกษา 2553 คะแนน
เฉลีย่ ของรายวิชาหลัก ในระดับเขตพืน้ ที่ สพฐ. และระดับประเทศ ไม่สามารถทาคะแนนได้ถงึ ร้อยละ
50 ในปีการศึกษา 2553 รายวิชาทีเ่ ป็ นปญั หาค่อนข้างมากคือวิชา ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์
และวิทยาศาสตร์ ทีม่ คี ่าเฉลีย่ ที่ ร้อยละ 16.19, 24.18, และ 29.17 ตามลาดับ (สถาบันทดสอบ
การศึกษาแห่งชาติ.2554:ออนไลน์)ผูว้ จิ ยั เองพบว่านักเรียนได้ประสบปญั หาในการเรียนคณิตศาสตร์
หลายเรือ่ ง และปญั หาทีพ่ บมากเรือ่ งหนึ่งก็ คือเรือ่ งทีเ่ กีย่ วกับความสามารถในการแก้ปญั หาทาง
คณิตศาสตร์ และเนื่องจากปญั หาทางคณิตศาสตร์ ถือว่าเป็นเสมือนสถานการณ์จาลองทีส่ ร้างขึน้ มา
2
ควำมมุ่งหมำยของกำรศึกษำค้นคว้ำ
เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์สมการเชิง
เส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ทีไ่ ด้รบั การสอนโดยใช้แบบฝึก กับเกณฑ์
ควำมสำคัญของกำรศึกษำค้นคว้ำ
ผลการศึกษาค้นคว้าวิจยั ครัง้ นี้จะเป็ นแนวทางให้กบั ครูผสู้ อนคณิตศาสตร์ได้นาแบบฝึกไป
ใช้ในการพัฒนาความสามารถการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปร
เดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 นอกจากนัน้ ยังสามารถใช้เป็ นแนวทางในการปรับปรุงและ
พัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรูว้ ชิ าคณิตศาสตร์ให้เหมาะสมกับผูเ้ รียนและเนื้อหาคณิตศาสตร์ ให้ม ี
ประสิทธิภาพยิง่ ขึน้
ขอบเขตของกำรศึกษำค้นคว้ำ
1. ประชำกร
ประชากรที่ใ ช้ใ นการศึกษาค้นคว้าครัง้ นี้ เป็ นนั กเรียนระดับชัน้ มัธ ยมศึกษาปี ท่ี 1
โรงเรียนพระหฤทัย คอนแวนต์ เขตคลองเตย จัง หวัดกรุง เทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2 ปี
การศึกษา 2554 จานวน 4 ห้องเรียน จานวนนักเรียน 220 คน
2. กลุ่มตัวอย่ำง
กลุ่มตัวอย่างทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้าครัง้ นี้ เป็ นนั กเรียนระดับชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1
โรงเรียนพระหฤทัย คอนแวนต์ เขตคลองเตย จัง หวัดกรุง เทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2 ปี
การศึกษา 2554 จานวน 1 ห้องเรียน จานวนนักเรียน 50 คน ได้มาโดยสุ่มแบบกลุ่ม
(Cluster random sampling) โดยใช้หอ้ งเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม (Sampling Unit)
3. เนื้ อหำที่ใช้ในกำรศึกษำค้นคว้ำ
เป็ นเนื้ อ หากลุ่ ม สาระคณิต ศาสตร์ เรื่อ ง โจทย์ส มการเชิง เส้น ตัว แปรเดีย ว ของ
นักเรียน ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เขต
คลองเตย กรุงเทพมหานคร ซึง่ ประกอบด้วยเรือ่ ง
4. ระยะเวลำดำเนิ นกำร
ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้า ดาเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
2554 ใช้เวลา 9 คาบ คาบละ 50 นาที โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ชัวโมงที
่ ่ 1-2 โจทย์สมการเกี่ยวกับการเปรียบเทียบจานวน
4
ชัวโมงที
่ ่ 3-4 โจทย์สมการเกีย่ วกับอายุ
ชัวโมงที
่ ่ 5-6 โจทย์สมการเกีย่ วกับเศษส่วน
ชัวโมงที
่ ่ 7-8 โจทย์ระคน
ชัวโมงที่ ่ 9 ทดสอบหลังเรียน
5. ตัวแปรที่ศึกษำ
1. ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) ได้แก่
- การใช้แบบฝึก
2. ตัวแปรตาม (Dependent Variable) ได้แก่
- ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์
นิ ยำมศัพท์เฉพำะ
1. แบบฝึ ก หมำยถึง สิง่ ที่สร้างขึน้ เพื่อเสริมสร้างทักษะให้แก่นักเรียนและเป็ นสื่อการ
เรียนสาหรับให้นักเรียนได้ทบทวน ฝึกฝนทักษะจนเกิดความชานาญ มีลกั ษณะเป็ นแบบฝึกหัดให้
นัก เรียนได้ นาไปใช้แ ก้ ป ญ ั หาทางคณิต ศาสตร์แบบฝึ ก ที่ผู้ว ิจยั สร้า งขึ้น เป็ น แบบฝึ ก ให้นัก เรีย น
วิเคราะห์โจทย์ปญั หาแบบอัตนัยเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับปญั หานัน้ ๆจนทาให้
ผู้เรียนสามารถมองเห็นแนวทางในการแก้ปญั หาได้ง่ายยิง่ ขึน้ แบบฝึ กที่สร้างขึน้ นาไปใช้กบั เรื่อง
โจทย์ส มการเชิงเส้น ตัว แปรเดียว ส าหรับ นัก เรีย นชัน้ มัธ ยมศึก ษาปี ท่ี 1 ซึ่ง แต่ ล ะแบบฝึ ก
ประกอบด้วย
* ชื่อแบบฝึก
* คาชีแ้ จงในการใช้แบบฝึก
* จุดประสงค์การเรียนรู้
* เวลาทีใ่ ช้ในการทาแบบฝึกวิเคราะห์โจทย์ปญั หา
* สื่อทีใ่ ช้ในการทาแบบฝึกเพื่อช่วยให้งา่ ยต่อการอธิบาย
* เนื้อหาเป็นส่วนทีเ่ สนอความรูใ้ ห้กบั นักเรียน
* กิจกรรมทีท่ าการวิเคราะห์เป็นแบบฝึกวิเคราะห์โจทย์ปญั หา
ประกอบไปด้วยขัน้ ตอนทีส่ าคัญในการวิเคราะห์โจทย์ปญั หา 4 ขัน้ ตอนได้แก่
1. ขัน้ ทาความเข้าใจปญั หา
- บอกใจความสาคัญของโจทย์
- บอกสิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
- บอกสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
2. ขัน้ วางแผนแก้ปญั หา
- เลือกวิธที ใ่ี ช้ในการคานวณ
- เขียนประโยคสัญลักษณ์
3. ขัน้ ดาเนินการตามแผน
5
- แสดงวิธกี ารคิดคานวณเพื่อหาคาตอบ
4. ขัน้ ตรวจสอบ
* การประเมินผลจากกิจกรรมทีท่ าการวิเคราะห์
2. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำคณิ ตศำสตร์ หมำยถึง กระบวนการหาคาตอบ
ให้ก ับ ค าถามหรือ สถานการณ์ ต่ างๆที่กาหนดขึ้น ได้อ ย่า งเหมาะสมและถู กต้อ งซึ่ง กระบวนการ
ดังกล่าวได้มาจากการนาความรู้ ทักษะและประสบการณ์มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน โดยให้สอดคล้อง
กับปญั หาหรือสถานการณ์ใหม่ โดยกระบวนการต้องมีการดาเนินการอย่างเป็ นลาดับขัน้ ตอนขัน้ ตอน
โดยใช้กระบวนการแก้ปญั หาของโพลยา (Polya.1957:16–17) ทีป่ ระกอบด้วยขัน้ ตอนทีส่ าคัญ 4
ขัน้ ตอน ได้แก่
1.ขัน้ ทาความเข้าใจปญั หา เป็ นขัน้ เริม่ ต้นของการแก้ปญั หา ทีต่ ้องอาศัยทักษะใน
การอ่านโจทย์ ทักษะการแปลความทางภาษาการหาแบบจาลอง
2.ขัน้ วางแผนแก้ปญั หา เป็ นขัน้ ตอนทีส่ าคัญทีส่ ุด ให้ผเู้ รียนแสวงหาทางเลือกใน
การแก้ปญั หาอย่างหลากหลาย ด้วยการทดลอง ด้วยการลองผิด – ลองถูก เพื่อกาหนดแนวทาง
หรือแผนในการแก้ปญั หา และท้ายสุดเลือกยุทธวิธที จ่ี ะนามาแก้ปญั หา
3.ขัน้ ดาเนินการตามแผน เป็ นขัน้ ตอนทีต่ ้องอาศัยทักษะในการคิดคานวณ ทักษะใน
การพิสจู น์หรือการอธิบายและการให้เหตุผล โดยเริม่ จากการตรวจสอบความเป็ นไปได้ ตามแผน
พร้อมลงรายละเอียด และลงมือปฏิบตั จิ นกระทัง้ สามารถตอบคาถามได้
4.ขัน้ ตรวจสอบ เป็ นขัน้ ตอนการตรวจสอบผลลัพธ์ท่หี าได้ โดยอาศัยความรูส้ กึ เชิง
จานวนหรือความรูส้ กึ เชิงปริภูม ิ สาหรับนักเรียนที่คาดเดาคาตอบ ก่อนลงมือปฏิบตั ิ ก็สามารถ
เปรียบเทียบหรือตรวจสอบความสมเหตุของคาตอบทีค่ าดเดา กับคาตอบจริงในขัน้ ตอนนี้ได้ ซึง่
ประเมินได้จากการทาแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์
ทีผ่ วู้ จิ ยั สร้างขึน้ เป็นอัตนัยจานวน 8 ข้อ
3. เกณฑ์ หมำยถึง ความต้องการขัน้ ต่ าสุดทีจ่ ะยอมรับว่านักเรียนมีความสามารถใน
แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ในเรือ่ ง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ในทีน่ ้ีใช้เกณฑ์รอ้ ยละ 60 ขึน้
ไปของคะแนนเต็ม กล่าวคือ ถ้านักเรียนได้คะแนนในการทาแบบทดสอบความสามารถในการ
แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ตัง้ แต่รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป ของคะแนนเต็มถือว่าผูน้ นั ้ สอบผ่านเกณฑ์
(สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา.2552:25) ซึง่ มีดงั ต่อไปนี้
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 80 – 100 อยูใ่ นระดับดีเยีย่ ม
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 75 – 79 อยูใ่ นระดับดีมาก
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 70 – 74 อยูใ่ นระดับดี
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 65 – 69 อยูใ่ นระดับค่อนข้างดี
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 60 – 64 อยูใ่ นระดับปานกลาง
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 55 – 59 อยูใ่ นระดับพอใช้
6
ควำมสำมำรถในกำร
กำรใช้แบบฝึ ก แก้ปัญหำทำงคณิ ตศำสตร์
ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจยั
สมมติ ฐำนของกำรศึกษำค้นคว้ำ
ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 หลัง
การใช้แบบฝึก เรือ่ ง การแก้โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สูงกว่าเกณฑ์ (ร้อยละ 60)
บทที่ 2
เอกสารและงานวิ จยั ที่เกี่ยวข้อง
1. ตัง้ วัตถุประสงค์
2. ศึกษาเกีย่ วกับเนื้อหา
3. ขัน้ ตอนในการสร้างแบบฝึก
3.1 ศึกษาปญั หาในการเรียนการสอน
3.2 ศึกษาจิตวิทยาเกีย่ วกับการเรียนการสอนและจิตวิทยาพัฒนาการ
3.3 ศึกษาเนื้อหาวิชา
3.4 ศึกษาลักษณะของแบบฝึก
3.5 วางโครงเรือ่ งและกาหนดรูปแบบของการฝึกให้ครบตามทีก่ าหนดไว
3.6 เลือกเนื้อหาต่างๆทีเ่ หมาะสมมาบรรจุในแบบฝึกให้ครบตามทีก่ าหนดไว้
โรจนา แสงรุ่งเรือง (2531:20) กล่าวว่า การสร้างแบบฝึ กให้ดมี ปี ระสิทธิภาพครูต้อ ง
คานึงถึงตัวนักเรียนเป็ นสาคัญ โดยดูความพร้อม ระดับสติปญั ญา ความสามารถ ความเหมาะสม
ในการใช้สานวนภาษา ตลอดจนเนื้อหาและระยะเวลาในการทาแบบฝึก ซึง่ จะทาให้นักเรียนสนใจที่
จะนาเอาแบบฝึกทีค่ รูสร้างขึน้ มาแก้ไขข้อบกพร่องหรือส่งเสริมทักษะทางภาษาให้ดยี งิ่ ขึน้
วิชยั เพ็ชรเรือง (2531:17) ได้สรุปในการทาแบบฝึกว่า ควรมีลกั ษณะดังนี้
1.แบบฝึกต้องมีเอกภาพและความสมบูรณ์ในตัวเอง
2.เกิดจากความต้องการของผูเ้ รียนและสังคม
3.ครอบคลุมหลายลักษณะวิชาโดยบูรณาการให้เข้ากับการอ่าน
4.ใช้แนวคิดใหม่ในการจัดกิจกรรม
5.สนองความสนใจใคร่รแู้ ละความสามารถของผูเ้ รียน ส่งเสริมให้ผเู้ รียนมีส่วนร่วมในการ
เรียนเต็มที่
6.คานึงถึงพัฒนาการและวุฒภิ าวะของผูเ้ รียน
7.เน้นการแก้ปญั หาครูและนักเรียนได้มโี อกาสวางแผนงานร่วมกัน
8.แบบฝึกควรเป็นสิง่ ทีน่ ่าสนใจ คือเป็นสิง่ ทีม่ คี วามแปลกใหม่สามารถปรับเข้าสู่โครงสร้าง
ทางความคิดของผูเ้ รียนได้
ฉวีวรรณ กีรติกร (2537:11-12) ได้กล่าวถึงหลักในการสร้างแบบฝึกไว้ดงั นี้
1.แบบฝึ กทีส่ ร้างขึน้ นัน้ ควรสอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและลาดับขัน้ ตอนการเรียนรู้
ของผูเ้ รียน เด็กทีเ่ ริม่ เรียนมีประสบการณ์น้อยจะต้องสร้างแบบฝึกทีน่ ่ าสนใจและจูงใจผูเ้ รียนโดยการ
เริม่ จากข้อทีง่ า่ ยไปหายากเพื่อให้ผเู้ รียนมีกาลังใจทาแบบฝึกหัด
2.ให้แบบฝึกหัดทีต่ รงกับจุดประสงค์ทต่ี ้องการฝึกและต้องมีเวลาเตรียมการไว้ล่วงหน้าอยู่
เสมอ
3.แบบฝึกหัดควรมุง่ เสริมนักเรียนแต่ละกลุ่มตามความสามารถทีแ่ ตกต่างกันของผูเ้ รียน
4.แบบฝึกหัดแต่ละชุดควรมีคาชีแ้ จงง่ายๆ สัน้ ๆเพื่อให้ผเู้ รียนเข้าใจหรือมีตวั อย่างแสดงวิธ ี
ทาจะช่วยให้เข้าใจได้ดยี งิ่ ขึน้
5.แบบฝึกจะต้องถูกต้องครูจะต้องพิจารณาให้ดอี ย่าให้มขี อ้ ผิดพลาดได้
14
3. การคิดคานวณและการให้เหตุผล
3.1 การคานวณเป็นสิง่ สาคัญในการหาคาตอบ เพราะถ้าหากวิเคราะห์โจทย์เป็น
ประโยคสัญลักษณ์ได้ถูกต้อง แต่คานวณผิดพลาดคาตอบทีไ่ ด้ไม่ถูกต้อง ถือว่าการแก้ปญั หาไม่
ประสบ ผลสาเร็จ
3.2 การให้เหตุผลเป็นการพิสจู น์ หรืออธิบายคา ตอบว่าข้อความที่ โจทย์กาหนดให้ เป็น
จริงหรือเท็จ โดยอาศัยทักษะการเขียนและการพูดและให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์
4. แรงขับ เนื่องจากโจทย์ปญั หาคณิตศาสตร์มคี วามแตกต่างกัน ดังนัน้ นักเรียนต้องมี เจต
คติทด่ี ี ความสนใจหรือแรงจูงใจใฝส่ มั ฤทธิ ์์ เพื่อใช้ในการแก้ปญั หา
5. ความยืดหยุ่น ในการแก้โจทย์ปญั หาแต่ละข้อนักเรียนต้องมีความยืดหยุน่ ในการคิดหา
คาตอบไม่ยดึ ติดกับวิธกี ารทีค่ นุ้ เคยและนักเรียนต้องปรับกระบวนการแก้ปญั หาด้วยวิธกี ารใหม่ๆ
2.4 แนวทางการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาคณิ ตศาสตร์
ได้มนี กั การศึกษาหลายท่านได้ให้แนวคิดไว้ดงั นี้
เรย์ ซุยดัมและลินด์ควิสท์ (Reys,Suydum ; &Lindquist.1989:30) กล่าวถึงการใช้เวลาใน
การแก้ปญั หาว่า ในการแก้ปญั หาปญั หาหนึ่ง นักเรียนต้องใช้เวลาทาความเข้าใจปญั หา สารวจหา
แนวทางในการแก้ปญั หาและตรวจสอบคาตอบที่ได้โดยเฉพาะปญั หาที่ยงั ไม่รู้วธิ แี ก้ปญั หาต้องใช้
เวลาเพิม่ ขึน้ อีก ดังนัน้ การให้เวลาทีเ่ หมาะสมจึงเป็ นอีกปจั จัยหนึ่งทีส่ ่งผลต่อการแก้ปญั หาโดยทัวไป
่
แล้วลักษณะการจัดการเรียนการสอนให้ชนั ้ เรียนจะเป็ นทัง้ แบบกลุ่มใหญ่ทงั ้ ชัน้ กลุ่มย่อยและแบบ
รายบุคคล
ธีสเซนและคนอื่นๆ (Thiessen and others.1989:38) กล่าวว่า กลุ่มใหญ่จะใช้เพื่อฝึ ก
ความชานาญและกลุ่ มย่อ ยจะเป็ นการรวมเอาจุดดีของกิจกรรมกลุ่ มใหญ่ และแบบรายบุค คลมา
ผสมผสานกัน ซึ่งกลุ่มย่อยนี้นักเรียนทุกคนจะมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ปญั หาอย่างเต็มที่ ได้
แลกเปลีย่ นแนวคิด ประสบความสาเร็จและมีเจตคติทางบวกต่อการเรียน และยังพบอีกว่ากลุ่มย่อย
สามารถแก้ปญั หาได้ดกี ว่ารายบุคคล
สมาคมครู ค ณิ ต ศาสตร์ ใ นสหรั ฐ อเมริ ก า (NCTM.1991:57)ได้ เ สนอแนะเกี่ ย วกั บ
สภาพแวดล้อมทีจ่ ะเอือ้ ให้เกิดการพัฒนาความสามรถของผูเ้ รียนไว้ดงั นี้
1.เป็นบรรยากาศทีย่ อมรับและเห็นคุณค่าของแนวคิดวิธกี ารคิดและความรูส้ กึ ของนักเรียน
2.ให้เวลาในการสารวจแนวคิดในทางคณิตศาสตร์
3.ส่งเสริมให้นกั เรียนได้ทางานทัง้ ส่วนบุคคลและร่วมมือกัน
4.ส่งเสริมให้นกั เรียนได้ลองใช้ความสามารถในการกาหนดปญั หาและสร้างข้อคาดเดา
5.ให้นกั เรียนได้ให้เหตุผลและสนับสนุนแนวคิดด้วยข้อความทางคณิตศาสตร์
กอนซาเลส (Gonzales.1998:74) ได้ให้ความคิดเห็นไว้ว่าบรรยากาศทีส่ ่งเสริมการพัฒนา
ความสามารถในการแก้ปญั หาจะต้องเป็ นบรรยากาศที่ทาให้นักเรียนรูส้ กึ สะดวกสบายในการแสดง
แนวคิด ไม่เข้มงวดเอาจริงเอาจังจนเกิดความตึงเครียด เพราะถ้านักเรียนเกิดความรูส้ กึ กลัวในสิง่ ที่
26
เป็ นการสร้างบรรยากาศโดยให้นักเรียนได้สะท้อนความคิดของตนเองในการทางานการสอนเป็ น
กิจกรรมของการแก้ปญั หาในตัวมันเองครูทม่ี คี วามสามารถในการแก้ปญั หาต้องมีความรูแ้ ละวิธกี าร
แก้ปญั หาทีด่ มี ปี ระสิทธิภาพ
บิทเตอร์, แฮทฟิลด์ และ เอ็ดวาร์ดส์ (Bitter;Hatfield; & Edwards.1998:43 - 44) กล่าวว่า
บทบาทของครูเพื่อช่วยพัฒนาความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน สรุปได้
ดังนี้
1.ควรเลือกปญั หาทีน่ ่ าสนใจ และไม่ยากหรือง่ายเกินไปมาสอนนักเรียน
2.ควรแบ่งนักเรียนเป็ นกลุ่มย่อยๆ เพื่อให้ร่วมกันแก้ปญั หาเป็ นการฝึ กให้นักเรียนรูจ้ กั
ทางานร่วมกัน
3.ควรให้นักเรียนพิจารณาว่า โจทย์กาหนดข้อมูลอะไรมาให้ ซึง่ สามารถนาไปใช้ในการ
แก้ปญั หาและยังต้องให้ขอ้ มูลอื่นใดบ้างในการแก้ปญั หาข้อนัน้ ๆ
4.ควรให้นกั เรียนพิจารณาว่า ปญั หาถามอะไร ถ้าไม่สามารถบอกได้ให้อ่านปญั หานัน้ ใหม่
และถ้าจาเป็นจริงๆ ให้ครูอธิบายความหมายของคาทีใ่ ช้ในปญั หาข้อนัน้ ให้นกั เรียนทราบ
5.ควรให้ฝึกการแก้ปญั หาหลายๆ รูปแบบ เพื่อไม่ให้รสู้ กึ เบื่อหน่ ายกับการแก้ปญั หาที่
ซ้าซาก ไม่ทา้ ทายความสามารถ
6.ควรให้นักเรียนทาการแก้ปญั หาบ่อยๆ จนเคยชินว่าเป็ นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียน
การสอน
7.ควรส่งเสริมให้นกั เรียนแก้ปญั หาหลายๆ ข้อ โดยวิธกี ารเดียวกัน เพื่อจะได้ฝึกทักษะและ
ส่งเสริมให้ใช้การแก้ปญั หาหลายๆ วิธใี นข้อเดียวกัน เพื่อให้เห็นว่ายังมีวธิ กี ารอื่นๆ อีกที่จะใช้
แก้ปญั หาในข้อนัน้ ได้
8.ควรให้เวลากับนักเรียนในการลงมือแก้ปญั หา อภิปรายผลการแก้ปญั หาและวิธกี าร
ดาเนินการแก้ปญั หา
9.ควรให้นักเรียนฝึกความคาดคะเนคาตอบและการทดสอบคาตอบทีไ่ ด้เพื่อประหยัดเวลา
ในการแก้ปญั หา
สิรพิ ร ทิพย์คง(2536:165-167)กล่าวว่าบทบาทหน้าทีข่ องครูในการส่งเสริม ความสามารถ
ในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ สรุปได้ดงั นี้
1.ควรเลือกปญั หาทีช่ ่วยกระตุน้ ความสนใจและเป็นปญั หาทีน่ ักเรียนมีประสบการณ์ในเรื่อง
เหล่านัน้ มาใช้สอนนักเรียน
2.ควรทดสอบดูว่านักเรียนมีพน้ื ฐานความรูเ้ พียงพอหรือไม่ทจ่ี ะนามาใช้ในการแก้ปญั หาได้
ถ้ามีไม่เพียงพอนัน้ ครูตอ้ งสอนเสริมหรือทบทวนในสิง่ ทีน่ กั เรียนเคยเรียนมาแล้ว
3.ควรให้อสิ ระแก้นกั เรียนในการใช้ความคิดแก้ปญั หา
4.ควรให้แบบฝึกหัดทีม่ ขี อ้ ยาก ปานกลางและง่ายเพื่อให้นกั เรียนทุกคนประสบความสาเร็จ
ในการแก้ปญั หา เป็นการเสริมสร้างกาลังใจให้กบั ทุกคน
31
1. กำรกำหนดประชำกรและกำรสุ่มกลุ่มตัวอย่ำง
ประชำกร
ประชากรที่ใ ช้ใ นการศึก ษาค้น คว้า ครัง้ นี้ เป็ น นั ก เรีย นระดับ ชัน้ มั ธ ยมศึก ษาปี ท่ี 1
โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เขต คลองเตย ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2554 จานวน 4
ห้องเรียน โดยแต่ละห้องเป็นนักเรียนทีค่ ละความสามารถกัน มีจานวนนักเรียนทัง้ หมด 220 คน
กลุ่มตัวอย่ำง
กลุ่ มตัว อย่า งที่ใ ช้ใ นการศึก ษาค้นคว้า ครัง้ นี้ เป็ นนั ก เรีย นระดับชัน้ มัธ ยมศึกษาปี ท่ี 1
โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 จานวน 1 ห้องเรียน 50 คน
ได้มาโดยสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็ นหน่ วยในการสุ่ม
(Sampling Unit)
2. เนื้ อหำที่ใช้ในกำรศึกษำค้นคว้ำ
สาระการเรียนรูท้ ใ่ี ช้ในการศึกษาครัง้ นี้เป็ น โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ใน
วิชาคณิตศาสตร์พ้นื ฐาน ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐาน 2552
กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์รชู้ ่วงชัน้ ที่ 3 ซึง่ ประกอบด้วยเรือ่ ง
1.โจทย์สมการเกีย่ วกับการเปรียบเทียบจานวน
2.โจทย์สมการเกีย่ วกับอายุ
3.โจทย์สมการเกีย่ วกับเศษส่วน
4.โจทย์ระคน
36
3. ระยะเวลำที่ใช้ในกำรศึกษำค้นคว้ำ
ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้า ดาเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา
2554 ใช้เวลา 9 คาบ คาบละ 50 นาที ดังนี้
ชัวโมงที่ ่ 1-2 โจทย์สมการเกีย่ วกับการเปรียบเทียบจานวน
ชัวโมงที ่ ่ 3-4 โจทย์สมการเกีย่ วกับอายุ
ชัวโมงที
่ ่ 5-6 โจทย์สมการเกีย่ วกับเศษส่วน
ชัวโมงที
่ ่ 7-8 โจทย์ระคน
ชัวโมงที
่ ่ 9 ทดสอบหลังเรียน
4. แบบแผนที่ใช้ในกำรศึกษำค้นคว้ำ
การศึกษาในครัง้ นี้เป็ นการพัฒนาและทดลอง โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบ One-
Short Case Study (ล้วน สายยศ; และอังคณา สายยศ. 2538:249)
ตาราง 1 แบบแผนการทดลอง
สัญลักษณ์ทใ่ี ช้ในแบบแผนการทดลอง
E แทน กลุ่มทดลอง
X แทน การใช้แบบฝึก
T2 แทน การทดสอบวัดผลสัมฤทธิ ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังทาการทดลอง
(Post-test)
5. เครื่องมือที่ใช้ในกำรศึกษำค้นคว้ำ
เครื่องมือที่ใช้ในกำรศึกษำค้นคว้ำ
1.1 แผนการจัดการเรียนรูเ้ รื่อง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้
มัธยมศึกษาปีท่ี 1
1.2 แบบฝึ กความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปญั หาสมการเชิง
เส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
1.3 แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรือ่ งโจทย์ปญั หาสมการ
เชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 จานวน 4 ฉบับ ฉบับละ 2 ข้อ
37
6. กำรสร้ำงและหำคุณภำพเครื่องมือที่ใช้ในกำรศึกษำค้นคว้ำ
6.1 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้โดยใช้ แบบฝึ กที่มีต่อควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำทำง
คณิ ตศำสตร์ เรื่องโจทย์สมกำรเชิ งเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษำปี ที่ 1
ขัน้ ตอนการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึ ก เรื่อง โจทย์สมการเชิงเส้นตัว
แปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีดงั นี้
1.ศึกษาหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ของสถาบันส่งเสริมการสอน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กรมวิชาการ และหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนพระหฤทัย
คอนแวนต์ เขต คลองเตย กรุงเทพมหานคร ช่วงชัน้ ที่ 3 ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
2.วิเ คราะห์ส าระการเรีย นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้แ ละตัว ชี้ว ัด กลุ่ ม สาระการเรีย นรู้
คณิต ศาสตร์ ช่ว งชัน้ ที่ 3 ชัน้ มัธ ยมศึกษาปี ท่ี 1 เรื่อง โจทย์สมการเชิงเส้นตัว แปรเดียวความ
สอดคล้องระหว่างตัวชีว้ ดั กับกระบวนการเรียนการสอน
3.ดาเนินการสร้างแผนการจัดการเรียนรูโ้ ดยใช้แบบฝึ ก ให้สอดคล้องกับตัวชี้วดั ใน
กลุ่ ม สาระคณิต ศาสตร์ เรื่อ ง โจทย์ส มการเชิงเส้นตัว แปรเดียว ชัน้ มัธ ยมศึก ษาปี ท่ี 1 ซึ่ง มี
องค์ประกอบดังนี้
3.1 รหัส วิช า / กลุ่ ม สาระการเรีย นรู้ / ช่ ว งชัน้ / ระดับ ชัน้ / ภาคเรีย น / ปี
การศึกษา / ชื่อหน่วยการเรียนรู้ / ชื่อเรือ่ ง / เวลาทีใ่ ช้
3.2 ตัวชีว้ ดั / จุดประสงค์การเรียนรู้
- ด้านความรู้
- ด้านทักษะ / กระบวนการ
- ด้านคุณลักษณะ
3.3 สาระการเรียนรู้
3.4 กิจกรรมการเรียนรู้
- เริม่ ต้น เป็ นการกล่าวถึงความสาคัญและเป้าหมายที่จะเรียน และสอบถาม
ผูเ้ รียนว่ามีความรูใ้ นเรือ่ งที่จะเรียนมาบ้างแล้วหรือไม่อย่างไร
- น าเสนอป ญ ั หาเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งที่ จ ะสอน เป็ น การน าเสนอป ญ
ั หาหรือ
สถานการณ์ทเ่ี กี่ยวข้องกับเรื่องทีจ่ ะเรียนพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เรียนนาเสนอปญั หา โดยปญั หาทีค่ รู
นาเสนอควรเป็ นปญั หาพืน้ ฐานของเรือ่ งทีจ่ ะเรียนพร้อมเปิดโอกาสให้ซกั ถามข้อสงสัยในปญั หา
- มอบหมายงาน เป็ นการมอบหมายงานจากปญั หาหรือสถานการณ์เพื่อให้
นักเรียนเรียนรูม้ โนทัศน์ สรุปมโนทัศน์ และเรียนรูว้ ธิ กี ารแก้ปญั หา
3.5 ภาระงาน/ชิน้ งาน
3.6 สื่อการเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้
3.7 การวัดผลประเมินผล
- วิธกี ารวัด
38
- เครือ่ งมือวัด
- เกณฑ์การประเมิน
3.8 การบันทักผลหลังการสอน
4.นาแผนการจัดการเรียนรูโ้ ดยใช้แบบฝึก เรื่อง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ที่
ผู้วจิ ยั สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเสนอต่ออาจารย์ท่ปี รึกษาสารนิพนธ์แล้วจึงนาไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน
การสอนคณิตศาสตร์จานวน 3 ท่าน ตรวจสอบเกี่ยวกับความเทีย่ งตรงของเนื้อหา ความชัดเจนและ
ความถูกต้องของตัวชีว้ ดั ความสอดคล้องระหว่างเนื้อหากับกิจกรรม สื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้ และ
ความสอดคล้องระหว่างตัวชีว้ ดั กับการวัดผลและประเมินผล เพื่อนาข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข
5.นาแผนการจัดการเรียนรูโ้ ดยใช้แบบฝึก เรื่อง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ที่
ผ่านการปรับปรุงแก้ไขข้อเสนอแนะเรียบร้อยแล้วเสนอต่ออาจารย์ท่ปี รึกษาสารนิพนธ์ตรวจสอบ
พิจารณาอีก ครัง้ แล้ว นามาปรับปรุงแก้ไขให้เ รียบร้อ ยเพื่อ นาไปใช้ใ นการศึกษาค้นคว้ากับกลุ่ ม
ตัวอย่าง
6.2 แบบฝึ กที่ มีต่อควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำทำงคณิ ตศำสตร์ เรื่อง โจทย์
ปัญหำสมกำรเชิ งเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษำปี ที่ 1
ขัน้ ตอนการสร้า งแบบฝึ ก เรื่อ ง โจทย์ส มการเชิง เส้น ตัว แปรเดีย ว ของนั ก เรีย นชัน้
มัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีดงั นี้
1.ศึกษาหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศัก ราช 2551 มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชัน้ ตัว ชี้วดั จุดประสงค์การเรียนรู้ คู่มอื การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการ
เรียนรู้ คณิตศาสตร์ชนั ้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 เอกสารประกอบอื่นๆ เกี่ยวกับความคิดรวบยอดเนื้อหา
กิจกรรมการเรียนการสอน เรื่อง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี
1 ศึกษาเอกสาร ทฤษฎี และงายวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้อง
2.คัดเลือกบทเรียน โดยนาเนื้อหาเรื่อง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของ
นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 มาจัดแบ่งเป็ นแบบฝึกจานวน 4 ชุด ชุดละ 4 ข้อ โดยแต่ละ
แบบฝึกใช้เวลา 2 คาบ แต่ละคาบใช้เวลา 50 นาที ดังนัน้ เนื้อหาทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้า
ครัง้ นี้เป็นเนื้อหาคณิตศาสตร์ชนั ้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานของโรงเรียน
พระหฤทัยคอนแวนต์ เรื่อง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
ในการใช้แ บบฝึ ก แต่ ล ะชุด ผู้ว ิจยั ใช้แ นวทางการแก้ปญั หาของโพลยาและแบบฝึ ก ของจริยาวดี
บรรทัดเที่ยง (2547:98-212) และศิรลิ กั ษณ์ พุ่มกาพล (2546:104-156) มาประยุกต์เข้าด้วยกัน
เพื่อให้เหมาะสมกับวิชา และความสามารถของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 ซึ่งแต่ละแบบฝึ ก
ประกอบด้วย
- ชื่อแบบฝึก
- คาชีแ้ จงในการใช้แบบฝึกและลักษณะของแบบฝึก
- จุดประสงค์การเรียนรู้
39
- เวลาทีใ่ ช้ในการทาแบบฝึกวิเคราะห์โจทย์ปญั หา
- เนื้อหาทีเ่ ป็นส่วนทีเ่ สนอความรูใ้ ห้กบั นักเรียน
- กิจกรรมทีท่ าการวิเคราะห์เป็นแบบฝึกวิเคราะห์โจทย์ปญั หา
- การประเมินผลจากการกิจกรรมทีท่ าการวิเคราะห์
3.นาแบบฝึ กวิเคราะห์โจทย์ปญั หา เสนอต่ออาจารย์ท่ปี รึกษาสารนิพนธ์แล้วจึงนาไป
ให้ผู้เชีย่ วชาญจานวน 3 ท่าน ตรวจสอบเกี่ยวกับความเที่ยงตรง เนื้อหาความถูกต้องของภาษา
และความเหมาะสมของแบบฝึกโจทย์ปญั หา จากนัน้ นามาปรับปรุงแก้ไข
4.นาแบบฝึกทีป่ รับปรุงแล้ว เสนอต่ออาจารย์ทป่ี รึกษาสารนิพนธ์ตรวจพิจารณาอีกครัง้
แล้วนาไปปรับปรุงแก้ไข
5.นาแบบฝึ กที่แก้ไขเรียบร้อยแล้วไปทดลองใช้กับ นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1
โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ทีไ่ ม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จานวน 50 คน เพื่อพิจารณาหาข้อมูลต่างๆ
โดยการสังเกตพฤติกรรมสัมภาษณ์ ผู้เรียนตลอดจนดูผลงานการทาแบบฝึ กวิเคราะห์โจทย์ปญั หา
ระหว่างเรียนการปฏิบตั กิ จิ กรรมระหว่างเรียน แล้วนาไปปรับปรุงแก้ไขก่อนนาไปใช้จริง
6.3 แบบทดสอบควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำคณิ ตศำสตร์ เรื่อง โจทย์สมกำรเชิ ง
เส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษำปี ที่ 1 ซึ่งผูว้ ิ จยั ได้ดำเนิ นกำรสร้ำงตำมขัน้ ตอน
ดังนี้
1.ศึกษาเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรูว้ ชิ าคณิตศาสตร์ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษา
ปีท่ี 1 ในวิชาพืน้ ฐาน
2.ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับทฤษฎีและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความสามารถในการ
แก้ปญั หาคณิตศาสตร์
3.ศึก ษาวิธกี ารสร้างแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาคณิต ศาสตร์ เรื่อ ง
โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
4.สร้างแบบทดสอบอัตนัยจานวน 4 ฉบับ ฉบับละ 2 ข้อ ทีม่ ตี ่อความสามารถใน
การแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ฉบับที่ 1 เรื่อง โจทย์สมการเกี่ยวกับการเปรียบเทียบจานวน ฉบับ
ที่ 2 เรือ่ ง โจทย์สมการเกีย่ วกับอายุ ฉบับที่ 3 เรือ่ ง โจทย์สมการเกีย่ วกับเศษส่วน ฉบับที่ 4 เรื่อง
โจทย์สมการระคน นาแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาคณิตศาสตร์ท่สี ร้างขึ้นเสนอต่อ
อาจารย์ทป่ี รึกษาสารนิพนธ์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและชี้แนะข้อบกพร่องแล้วนาไปแก้ไขตาม
คาแนะนาในการการปรับปรุงแก้ไข
5.นาแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาคณิตศาสตร์ทแ่ี ก้ไขตามคาชีแ้ นะของ
อาจารย์ท่ปี รึกษาสารนิพนธ์แล้วเสนอต่อผูเ้ ชี่ยวชาญซึ่งเป็ นชุดเดียวกับทีต่ รวจสอบความเที่ยงตรง
ของเนื้อหาและความเหมาะสมของภาษาทีใ่ ช้แล้วนาข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข จากนัน้ นาเสนอ
ต่ออาจารย์ทป่ี รึกษาสารนิพนธ์และผูเ้ ชีย่ วชาญอีกครัง้ แล้วนาข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข
40
เกณฑ์การให้คะแนน
เกณฑ์ คะแนน ผลการทาข้อสอบทีป่ รากฏให้เห็น
2 แสดงวิธกี ารคิดชัดเจน ครบถ้วน
ทาความเข้าใจในปญั หา 1 แสดงวิธกี ารคิดไม่ชดั เจนหรือถูกต้องบางส่วน
0 ไม่แสดงวิธกี ารการคิดหรือแสดงวิธกี ารคิดไม่ถูกต้อง
2 แสดงความสัมพันธ์การแก้ปญั หาถูกต้องทัง้ หมด
วางแผนการแก้ปญั หา 1 แสดงความสัมพันธ์การแก้ปญั หาถูกต้องบางส่วน
0 แสดงความสัมพันธ์การแก้ปญั หาไม่ถูกต้อง
2 วิธกี ารแก้ปญั หาถูกต้องทัง้ หมด
ดาเนินการแก้ปญั หา 1 วิธกี ารแก้ปญั หาถูกต้องบางส่วน
0 วิธกี ารแก้ปญั หาไม่ถูกต้อง
1 เมือ่ ตอบถูกต้อง
ตรวจสอบคาตอบ
0 เมือ่ ตอบผิดหรือไม่ตอบ
7. วิ ธีกำรดำเนิ นกำรศึกษำค้นคว้ำ
ผูว้ จิ ยั ได้ดาเนินการศึกษาค้นคว้า โดยดาเนินการตามขัน้ ตอน ในช่วงเดือน มกราคม -
กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2555 ดังนี้
7.1 ขออนุญาตดาเนินการวิจยั กับนักเรียนโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์จากหัวหน้าฝา่ ย
วิชาการ โดยสุ่มตัวอย่างจากประชากรทัง้ หมด ด้วยวิธกี ารสุ่มอย่างง่าย โดยใช้หอ้ งเรียนเป็นหน่วย
การสุ่ม จานวน 1 ห้องเรียน จากจานวน 4 ห้องเรียน ได้จานวนนักเรียน 50 คน จากจานวน
นักเรียนทัง้ หมด 220 คน ของโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ถนนสุนทรโกษา เขตคลองเตย
จังหวัดกรุงเทพมหานคร
7.2 ดาเนินการทดลองโดยผูว้ จิ ยั ดาเนินการใช้แบบฝึกทีม่ ตี ่อความสามารถในการแก้ปญั หา
ทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ดังนี้
ชัวโมงที
่ ่ 1-2 จัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้แบบฝึก เรื่อง โจทย์สมการเกี่ยวกับการ
เปรียบเทียบจานวน
ชัวโมงที ่ ่ 3-4 จัดกิจกรรมการเรียนโดยใช้แบบฝึก เรือ่ ง โจทย์สมการเกีย่ วกับอายุ
ชัวโมงที
่ ่ 5-6 จัดกิจกรรมการเรียนโดยใช้แบบฝึก เรือ่ ง โจทย์สมการเกีย่ วกับ
เศษส่วน
ชัวโมงที
่ ่ 7-8 จัดกิจกรรมการเรียนโดยใช้แบบฝึก เรือ่ ง โจทย์สมการระคน
7.3 ทาการทดสอบหลังเรียน (Post - Test) กับกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบทดสอบ
ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียน
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
7.4 ตรวจให้คะแนนแบบทดสอบและนาคะแนนทีไ่ ด้มาทาการวิเคราะห์โดยใช้วธิ กี ารทาง
สถิตเิ พื่อตรวจสอบสมมติฐานต่อไป
42
X
X
N
เมือ่ แทน คะแนนค่าเฉลีย่
x แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัว
N แทน จานวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง
1.2 ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน
N x 2 x 2
s = N N 1
เมือ่ s แทน ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน
x2 แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัวยกกาลังสอง
(x)2 แทน ผลรวมของคะแนนทัง้ หมดยกกาลังสอง
N แทน จานวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง
2. สถิ ติที่ใช้ในกำรตรวจสอบคุณภำพเครื่องมือ
2.1 ค่าความเทีย่ งตรงของแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์
เรือ่ ง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยหาจากการ
พิจารณาค่าดัชนีความสอดคล้อง( Index Of Congruency : IOC) ระหว่างคุณสมบัตทิ น่ี ิยามไว้กบั
ข้อสอบทีใ่ ช้วดั โดยใช้สตู รของโรวิเนลลี และแฮมเบิลตัน ( ล้วน สายยศ ; และอังคณา สายยศ .
2539 : 248 )
IOC = R
N
SU S L 2 NX min
PE
2 N X max X min
เมือ่
PE แทน ดัชนีค่าความยาก
Su แทน ผลรวมของคะแนนกลุ่มเก่ง
SL แทน ผลรวมของคะแนนกลุ่มอ่อน
X max แทน คะแนนทีน่ กั เรียนทาได้สงู สุด
X min แทน คะแนนทีน่ กั เรียนทาได้ต่ าสุด
N แทน จานวนของผูเ้ ข้าสอบของกลุ่มเก่งหรือกลุ่มอ่อน
2.3 ห่าคาอานาจจาแนกเพื่อวิเคราะห์รายข้อ โดยใช้วธิ ขี องวิทนียแ์ ละซาเบอร์ (ล้วน
สายยศ ; และอังคณา สายยศ. 2539 : 257 ) )
SU S L
D
N X max X min
x 0
t
s
n
การวิ เคราะห์ข้อมูล
การนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลและแปลการวิเคราะห์ขอ้ มูลในการทดลองครัง้ นี้ ผูว้ จิ ยั
เสนอ ดังนี้
ผลการวิเคราะห์ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชัน้
มัธยมศึกษาปีท่ี 1 หลังได้รบั การสอนโดยใช้แบบฝึก เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
กับเกณฑ์ (ร้อยละ 60)
ผลการวิ เคราะห์ข้อมูล
ผลการวิเคราะห์ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์หลังได้รบั การสอนโดยใช้
แบบฝึก เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของผูเ้ รียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 กับเกณฑ์
(ร้อยละ 60) โดยใช้ t – test One Samples ปรากฎในตาราง 2
46
การทดสอบ N K s 60% t
ความสามารถใน
การแก้ปญั หาทาง
คณิตศาสตร์ 50 40 31.10 3.78 24 13.40**
ความมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการ
เชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 กับเกณฑ์หลังได้รบั การสอนโดยใช้แบบฝึก
สมมติ ฐานของการศึกษาค้นคว้า
ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 หลัง
การใช้แบบฝึก เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สูงกว่าเกณฑ์
วิ ธีดาเนิ นการศึกษาค้นคว้า
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรที่ใ ช้ใ นการศึกษาค้นคว้าครัง้ นี้ เป็ นนักเรียนระดับชัน้ มัธ ยมศึกษาปี ท่ี 1
โรงเรียนพระหฤทัย คอนแวนต์ เขตคลองเตย จัง หวัดกรุง เทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2 ปี
การศึกษา 2554 จานวน 4 ห้องเรียน จานวนนักเรียน 220 คน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครัง้ นี้ เป็ นนักเรียนระดับชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1
โรงเรียนพระหฤทัย คอนแวนต์ เขตคลองเตย จัง หวัดกรุง เทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2 ปี
การศึกษา 2554 จานวน 1 ห้องเรียน 50 คน ได้มาโดยสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random
sampling) โดยใช้หอ้ งเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม (Sampling Unit)
2. เนื้ อหาที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
สาระการเรียนรูท้ ใ่ี ช้ในการศึกษาครัง้ นี้เป็ น โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
ในวิชาคณิตศาสตร์พน้ื ฐาน ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน 2552
กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์รชู้ ่วงชัน้ ที่ 3 ซึง่ ประกอบด้วยเรือ่ ง
1.โจทย์สมการเกีย่ วกับการเปรียบเทียบจานวน
2.โจทย์สมการเกีย่ วกับอายุ
3.โจทย์สมการเกีย่ วกับเศษส่วน
4.โจทย์ระคน
48
3. ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการศึกษาค้นคว้า ดาเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
2554 ใช้เวลา 9 คาบ คาบละ 50 นาที ดังนี้
ชัวโมงที
่ ่ 1-2 โจทย์สมการเกีย่ วกับการเปรียบเทียบจานวน
ชัวโมงที่ ่ 3-4 โจทย์สมการเกีย่ วกับอายุ
ชัวโมงที
่ ่ 5-6 โจทย์สมการเกีย่ วกับเศษส่วน
ชัวโมงที ่ ่ 7-8 โจทย์ระคน
ชัวโมงที ่ ่ 9 ทดสอบหลังเรียน
4. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
ในการศึกษาค้นคว้าในครัง้ นี้ ผูว้ จิ ยั มีการสร้างเครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการวิจยั ดังนี้
4.1 แผนการจัดการเรียนรูเ้ รื่อง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียน
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีทงั ้ หมด 4 แผน ดังนี้
4.1.1 แผนการจัดการเรียนรูเ้ รื่อง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกี่ยวกับ
จานวน
4.1.2 แผนการจัดการเรียนรูเ้ รื่อง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกี่ยวกับ
อายุ
4.1.3 แผนการจัดการเรียนรูเ้ รื่อง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกี่ยวกับ
เศษส่วน
4.1.4 แผนการจัดการเรียนรูเ้ รื่อง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกี่ยวกับ
สมการระคน
4.2 แบบฝึ กความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปญั หาสมการ
เชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
4.3 แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรื่องโจทย์ปญั หา
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 จานวน 4 ฉบับ ฉบับละ 2 ข้อ
เป็ นแบบทดสอบแบบอัตนัย จานวน 8 ข้อ ได้ค่าความยาก (PE) อยู่ระหว่าง 0.47 - 0.63 ค่า
อานาจจาแนก (D) อยูร่ ะหว่าง 0.24 - 0.72 ค่าความเชื่อมัน่ (α) เท่ากับ 0.86
5. วิ ธีดาเนิ นการศึกษาค้นคว้า
ผูว้ จิ ยั ได้ดาเนินการทดลองตามขัน้ ตอน ดังนี้
5.1 ขออนุญาตดาเนินการ ทาการวิจยั กับนักเรียน โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ จาก
หัวหน้าฝา่ ยวิชาการ โดยสุ่มตัวอย่างจากประชากรทัง้ หมด ด้วยวิธกี ารสุ่มอย่างง่ายโดยใช้หอ้ งเรียน
เป็นหน่วยการสุ่ม จานวน 1 ห้องเรียน จากจานวน 4 ห้องเรียน ได้จานวนนักเรียน 50 คน จาก
จานวนนักเรียนทัง้ หมด 220 คน ของโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ถนนสุนทรโกษา เขตคลองเตย
จังหวัดกรุงเทพมหานคร
49
การวิ เคราะห์ข้อมูล
วิเ คราะห์ ค ะแนนความสามารถในการแก้ ป ญ ั หาทางคณิ ต ศาสตร์ ข องนั ก เรีย นชัน้
มัธยมศึกษาปีท่ี 1 หลังได้รบั การสอนโดยใช้แบบฝึก โดยใช้ค่าสถิติ t – test One Samples
สรุปผลการศึกษาค้นคว้า
ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
หลังได้รบั การสอนโดยใช้แบบฝึ ก สูงกว่าเกณฑ์รอ้ ยละ 60 อย่างมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ่รี ะดับ .01
โดยมีคะแนนเฉลีย่ คิดเป็นร้อยละ 77.75
อภิ ปรายผล
จากการสอนโดยใช้แบบฝึกทีม่ ตี ่อความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง
โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 สามารถอภิปรายผล
การศึกษาค้นคว้าได้ดงั นี้
ความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปร
เดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 หลังได้รบั การสอนโดยใช้แบบฝึกสูงขึน้ อย่างมีนัยสาคัญ
ทางสถิตทิ ่รี ะดับ .01 ซึง่ เป็ นไปตามสมมติฐาน ทัง้ นี้อาจเนื่องมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดย
ใช้แบบฝึกสามารถช่วยพัฒนาความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนได้ดขี น้ึ
โดยสังเกตจาก
50
ข้อสังเกตจากการศึกษาค้นคว้า
จากการจัดกิจกรรมการเรียนรูก้ บั นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โดยใช้แบบฝึก เรือ่ ง
โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ผูว้ จิ ยั ได้พบข้อสังเกตบางประการจากการวิจยั ซึง่ พอสรุป
ได้ดงั นี้
1.นักเรียนบางคนยังไม่เข้าใจเกีย่ วกับการแสดงวิธคี ดิ ตามกระบวนการแก้ปญั หา 4
ขัน้ ในการแก้โจทย์สมการ ยังวิเคราะห์โจทย์ไม่ได้ว่าส่วนใด คือ สิง่ ทีโ่ จทย์ถาม ส่วนใดคือสิง่ ที่
โจทย์ตอ้ งการทราบ และจะลาดับขัน้ การวางแผนในการแก้ปญั หาอย่างไร ครูจงึ ต้องยกตัวอย่างจาก
โจทย์สมการง่ายๆ ทีก่ าหนดตัวแปรมาให้ไปสู่โจทย์สมการ ทีไ่ ม่กาหนดตัวแปร เพื่อฝึกให้นกั เรียน
สมมติตวั แปรให้ได้ว่าสถานการณ์แบบใดจะต้องสมมติตวั แปรอย่างไรก่อนจึงจะนาไปสู่การแก้ปญั หา
โจทย์สมการนัน้ ได้ เมือ่ นักเรียนเข้าใจจึงนาไปสู่การแก้ปญั หา ตามกระบวนการและยกตัวอย่าง
ประกอบหลากหลายตัวอย่าง เพื่อให้นกั เรียนมีประสบการณ์ในการเรียนรู้หลายๆแบบและลองฝึกให้
52
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะทัวไป ่
1.1. ผูส้ อนควรชีแ้ จงให้นักเรียนเข้าใจถึงวิธ ีการ หลักการ ขัน้ ตอนต่างๆ ของการ
เรียนรูโ้ ดยใช้แบบฝึก ในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ตามขัน้ ตอน
1.2. การสร้างบรรยากาศในชัน้ เรียนและในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครูควร
สร้างบรรยากาศในการเรียนให้สนุกสนาน ท้าทาย ไม่เข้มงวดเอาจริงเอาจังจนเกินไปควรเป็นกันเอง
กับนักเรียนเพื่อให้นกั เรียนรูส้ กึ เป็นอิสระ จะทาให้ผเู้ รียนกล้าพูด กล้าถามและส่งเสริมการสนับสนุน
การแก้ปญั หาของผูเ้ รียน ซึง่ สอดคล้องกับการพัฒนาความสามารถในการแก้ปญั หาของ กอนซาเลส
(Gonzales.1998:74) ได้ให้ความคิดเห็นไว้ว่า บรรยากาศทีส่ ่งเสริมการพัฒนาความสามารถ ในการ
แก้ปญั หาจะต้องเป็ นบรรยากาศทีท่ าให้นกั เรียนรูส้ กึ สะดวกสบายในการแสดงแนวคิด ไม่เข้มงวดเอา
จริงเอาจังจนเกิดความตึงเครียด เพราะถ้านักเรียนเกิดความรูส้ กึ กลัวในสิง่ ทีท่ าผิดพลาดหรือกลัวถูก
หัวเราะเยาะจากเพื่อน นักเรียนจะไม่กล้าซักถาม ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
1.3 การให้ผเู้ รียนทราบผลคะแนนโดยทันทีหลังจากทาแบบทดสอบย่อยจะทาให้
ผูเ้ รียนตัง้ ใจเรียน และกระตือรือร้นในการเรียนมากขึน้ เพื่อจะทาคะแนนให้ดยี งิ่ ขึน้ ในกิจกรรมต่อไป
1.4 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพือ่ ให้เกิดกระบวนการคิด ครูควรจัด
กิจกรรมการเรียนการสอน ให้นกั เรียนโดยใช้กระบวนการกลุ่มเพราะการเรียนรูโ้ ดยผ่านกระบวนการ
กลุ่มจะช่วยให้นกั เรียนได้เรียนรูว้ ธิ คี ดิ และได้เห็นวิธแี ก้ปญั หาทีแ่ ปลกใหม่ การได้พดู คุย อธิบายถึง
กระบวนการต่างๆจะทาให้นักเรียนเห็นข้อบกพร่องและนาไปแก้ปญั หาได้
53
2. ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าครัง้ ต่ อไป
2.1 ควรทาการวิจยั เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนที่ใช้ แบบฝึ ก ในเนื้อหาและ
ระดับชัน้ อื่นๆ เช่น การแก้โจทย์ปญั หาเศษส่วน อัตราส่วนร้อยละ
2.2 ควรศึกษาผลของการใช้แบบฝึก เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
ทีม่ ผี ลต่อตัวแปรอื่นเพิม่ เติม เช่น ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการบูรณาการ
บรรณานุกรม
55
บรรณานุกรม
กติกา สุวรรณสมพงศ์. (2541). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิท์ างการเรียนความคงทนในการ
เรียนรูแ้ ละเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์เรือ่ งเวลาและเงินของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที ่ 1
ทีไ่ ด้รบั การสอนแบบวรรณีทใี ่ ช้แบบฝึกทีส่ ร้างขึน้ กับการใช้แบบฝึกในหนังสือเรียน
ปริญญานิพนธ์ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
กรมวิชาการ. (2545).เอกสารประกอบหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2544 : คู่มอื การ
จัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้า
และพัสดุภณ ั ฑ์ (ร.ส.พ.).
กองวิจยั ทางการศึกษา.(2544).กลวิธกี ารจัดการเรียนการสอนทีส่ อดคล้องกับวิธกี ารเรียน:กองวิจยั
ทางการศึกษา.กรมวิชาการ
จริยาวดี บรรทัดเทีย่ ง.(2547). ผลการใช้ชุดกิจกรรมทีส่ ่งเสริมทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์
ด้านการใช้ตวั แทนเรือ่ งคู่อนั ดับและกราฟสาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที ่ 1.
สารนิพนธ์ กศ.ม (การมัธยมศึกษา).กรุงเทพฯ:บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนคริน
ทรวิโรฒ.อัดสาเนา.
จินตนา วงศามารถ.(2549). ผลการจัดกิจกรรมคณิตศาสตร์โดยใช้เกมทีม่ ตี ่อความสามารถในการ
แก้ปญั หาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที ่ 1 สารนิพนธ์ กศ.ม.
(การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ฉวีวรรณ กีรติกร. (2537). เอกสารประกอบการอบรมการพัฒนาการคิดคานวณของนักเรียนระดับ
ประถมศึกษา กรุงเทพฯ บัณฑิตวิทยาลัย
ฉวีวรรณ เศวตมาลย์. (2544). ศิลปะการสอนคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ : สุวรี ยิ าสาสน์.
ชมนาด เชือ้ สุวรรณทวี. (2542). การสอนคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ : ภาควิชาหลักสูตรและการสอน
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อัดสาเนา
ชัยวงค์ พรหมวงศ์. (2528). ชุดการสอนในระดับประถมศึกษา กรุงเทพ
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ชัยศักดิ ์ ลีลาจรัสกุล. (2539). การจัดกิจกรรมคณิตศาสตร์ในโรงเรียน. กรุงเทพฯ : โรงเรียน
สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน.
ชุลพี ร แจ่มถนอม. (2542). การสร้างแบบทดสอบทีใ่ ช้ในการฝึกการคิดโจทย์คานวณเคมี
เรือ่ ง สมบัตขิ องก๊าซ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที ่ 4. สารนิพนธ์ กศ.ม. (การวัดผลการศึกษา).
กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อัดสาเนา.
ชูศรี วงศ์รตั นะ.(2550). เทคนิคการใช้สถิตเิ พือ่ การวิจยั .พิมพ์ครัง้ ที่ 10 นนทบุร:ี ไทยเนรมิตกิจ
อินเตอร์โปรเกรสชิพ
56
ภาคผนวก ก
หมายเหตุ เกณฑ์การคัดเลือก
ค่าความง่าย (PE) ตัง้ แต่ 0.2 ถึง 0.8
ค่าอานาจจาแนก (D) ตัง้ แต่ 0.2 ขึน้ ไป
เมือ่ ได้ค่าความง่าย(PE) และค่าอานาจจาแนก(D) ของแบบทดสอบความสามารถในการ
แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษา
ปีท่ี 1 ดังกล่าวมาแล้วจึงนาค่าความง่าย (PE) และค่าอานาจจาแนก (D) ของแบบทดสอบมา
พิจารณา ประกอบกับค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับผลการพิจารณาของผูเ้ ชีย่ วชาญทัง้
3 ท่าน เพื่อคัดเลือกข้อสอบไว้ จานวน 8 ข้อ ซึง่ ได้พจิ ารณาเลือกข้อสอบข้อ 1,4,6,7,8,9,12 และ
13 ไว้เป็ นแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ซึง่ ผลทีไ่ ด้ของค่าความง่าย
(PE) อยูร่ ะหว่าง 0.47 - 0.63 ค่าอานาจจาแนก (D) อยูร่ ะหว่าง 0.24 - 0.7
65
คะแนนแต่ละข้อคาถามของนักเรียนกลุ่มต่า
คน ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ รวม
ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16
1 3 3 4 4 4 4 4 4 5 5 5 5 4 4 4 4 66
2 3 3 4 4 5 3 4 4 5 5 4 4 4 4 4 4 64
3 4 4 3 3 4 4 4 4 5 4 4 5 3 4 4 4 63
4 4 4 3 3 4 4 4 4 4 4 5 5 4 4 3 4 63
5 4 4 5 3 4 4 3 3 4 4 5 5 4 4 3 3 62
6 4 3 4 4 3 3 4 4 5 4 5 5 4 3 3 4 62
7 4 4 4 3 4 4 3 3 5 5 4 4 3 3 4 4 61
8 4 4 3 3 3 3 4 4 4 4 5 5 4 4 3 3 60
9 4 4 4 4 3 3 4 4 4 4 4 4 4 4 3 3 60
10 5 4 4 3 3 4 3 3 4 4 4 4 3 3 4 4 59
11 4 4 5 3 4 3 3 4 4 3 3 3 4 4 4 4 59
12 4 4 3 3 4 4 4 3 3 3 4 4 4 4 4 4 59
13 3 4 4 4 5 3 4 3 3 4 4 3 3 4 4 4 59
14 4 4 4 4 3 3 3 3 4 4 5 5 3 3 3 3 58
15 3 3 4 4 3 3 4 4 5 4 3 3 4 4 3 4 58
16 4 4 3 4 4 3 3 3 4 4 4 4 3 3 4 3 57
17 4 4 3 3 4 3 3 3 4 4 3 3 4 4 4 3 56
18 4 4 4 3 4 3 3 3 3 4 4 4 4 3 3 3 56
19 4 4 3 3 3 3 4 4 4 4 4 4 3 3 3 3 56
20 4 4 3 3 4 3 3 3 4 3 3 3 4 4 4 3 55
21 4 4 4 3 3 3 3 3 3 3 4 3 3 4 4 4 55
22 4 4 4 3 4 3 3 3 3 4 4 4 3 3 3 3 55
23 3 3 4 3 4 3 4 3 3 3 4 4 4 3 3 4 55
24 3 3 4 2 4 3 3 3 4 4 3 4 4 3 3 3 53
25 4 4 4 2 3 3 3 3 3 4 4 3 3 3 3 3 52
รวม
95 94 94 81 93 82 87 85 99 98 101 100 90 89 87 88 1,463
(SL)
66
ตาราง 5 (ต่อ)
คะแนนแต่ละข้อคาถามของนักเรียนกลุ่มต่า
คน ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ ข้อ รวม
ที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16
1 3 3 4 4 4 4 4 4 5 5 5 5 4 4 4 4 66
2 3 3 4 4 5 3 4 4 5 5 4 4 4 4 4 4 64
3 4 4 3 3 4 4 4 4 5 4 4 5 3 4 4 4 63
4 4 4 3 3 4 4 4 4 4 4 5 5 4 4 3 4 63
5 4 4 5 3 4 4 3 3 4 4 5 5 4 4 3 3 62
6 4 3 4 4 3 3 4 4 5 4 5 5 4 3 3 4 62
7 4 4 4 3 4 4 3 3 5 5 4 4 3 3 4 4 61
8 4 4 3 3 3 3 4 4 4 4 5 5 4 4 3 3 60
9 4 4 4 4 3 3 4 4 4 4 4 4 4 4 3 3 60
10 5 4 4 3 3 4 3 3 4 4 4 4 3 3 4 4 59
11 4 4 5 3 4 3 3 4 4 3 3 3 4 4 4 4 59
12 4 4 3 3 4 4 4 3 3 3 4 4 4 4 4 4 59
13 3 4 4 4 5 3 4 3 3 4 4 3 3 4 4 4 59
14 4 4 4 4 3 3 3 3 4 4 5 5 3 3 3 3 58
15 3 3 4 4 3 3 4 4 5 4 3 3 4 4 3 4 58
16 4 4 3 4 4 3 3 3 4 4 4 4 3 3 4 3 57
17 4 4 3 3 4 3 3 3 4 4 3 3 4 4 4 3 56
18 4 4 4 3 4 3 3 3 3 4 4 4 4 3 3 3 56
19 4 4 3 3 3 3 4 4 4 4 4 4 3 3 3 3 56
20 4 4 3 3 4 3 3 3 4 3 3 3 4 4 4 3 55
21 4 4 4 3 3 3 3 3 3 3 4 3 3 4 4 4 55
22 4 4 4 3 4 3 3 3 3 4 4 4 3 3 3 3 55
23 3 3 4 3 4 3 4 3 3 3 4 4 4 3 3 4 55
24 3 3 4 2 4 3 3 3 4 4 3 4 4 3 3 3 53
25 4 4 4 2 3 3 3 3 3 4 4 3 3 3 3 3 52
รวม
95 94 94 81 93 82 87 85 99 98 101 100 90 89 87 88 1,463
(SL)
67
4 116 81 SU S L 2 NX min SU S L
PE D
2 N X max X min N X max X min
= 116 + 81 –(2)(25)(3) = 116 – 81
2(25)(5 – 3) 25(5 – 3)
= 47 = 35
100 50
= 0.47 = 0.70
68
คนที่ คะแนนในแต่ละข้อ
ข้อที่ 1 X2 2 X2 3 X2 4 X2 5 X2 6 X2 7 X2 8 X2 x X2
1 4 16 3 9 4 16 4 16 4 16 3 9 3 9 4 16 29 841
2 4 16 4 16 5 25 5 25 4 16 3 9 4 16 4 16 33 1,089
3 4 16 4 16 5 25 5 25 4 16 4 16 5 25 5 25 36 1,296
4 3 9 4 16 5 25 5 25 3 9 3 9 4 16 4 16 31 961
5 3 9 4 16 4 16 4 16 5 25 4 16 4 16 4 16 32 1,024
6 4 16 3 9 4 16 4 16 4 16 4 16 3 9 4 16 30 900
7 5 25 4 16 3 9 3 9 4 16 4 16 3 9 3 9 29 841
8 4 16 3 9 4 16 4 16 4 16 4 16 3 9 3 9 29 841
9 4 16 5 25 4 16 4 16 5 25 5 25 4 16 4 16 35 1,225
10 3 9 4 16 4 16 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 26 676
11 5 25 5 25 4 16 4 16 5 25 5 25 4 16 4 16 36 1,296
12 4 16 4 16 3 9 3 9 5 25 5 25 4 16 4 16 32 1,024
13 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 39 1,521
14 4 16 3 9 3 9 3 9 5 25 5 25 4 16 4 16 31 961
15 4 16 5 25 4 16 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 37 1,369
16 4 16 5 25 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 33 1,089
17 5 25 4 16 4 16 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 37 1,369
18 4 16 3 9 3 9 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 30 900
19 4 16 5 25 4 16 4 16 4 16 4 16 5 25 5 25 35 1,225
20 4 16 4 16 4 16 4 16 5 25 5 25 4 16 4 16 34 1,156
21 3 9 3 9 4 16 4 16 4 16 4 16 5 25 5 25 32 1,024
22 4 16 4 16 4 16 4 16 5 25 5 25 4 16 4 16 34 1,156
23 3 9 3 9 3 9 3 9 4 16 3 9 3 9 3 9 25 625
24 4 16 5 25 4 16 5 25 5 25 5 25 4 16 4 16 36 1,296
25 4 16 5 25 4 16 3 9 3 9 4 16 4 16 4 16 31 961
26 5 25 5 25 5 25 4 16 5 25 4 16 4 16 4 16 36 1,296
27 4 16 4 16 4 16 3 9 4 16 5 25 5 25 4 16 33 1,089
28 3 9 4 16 3 9 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 30 900
29 5 25 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 39 1,521
69
ตาราง 6 (ต่อ)
คนที่ คะแนนในแต่ละข้อ
ข้อที่ 1 X2 2 X2 3 X2 4 X2 5 X2 6 X2 7 X2 8 X2 x X2
30 5 25 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 33 1,089
31 5 25 3 9 3 9 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 31 961
32 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 4 16 4 16 4 16 36 1,296
33 5 25 4 16 5 25 5 25 4 16 4 16 4 16 4 16 35 1,225
34 4 16 4 16 5 25 5 25 5 25 4 16 4 16 4 16 35 1,225
35 4 16 3 9 4 16 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 35 1,225
36 4 16 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 38 1,444
37 5 25 4 16 4 16 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 37 1,369
38 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 32 1,024
39 4 16 3 9 3 9 3 9 5 25 5 25 5 25 5 25 33 1,089
40 3 9 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 31 961
41 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 40 1,600
42 4 16 5 25 5 25 5 25 4 16 5 25 5 25 5 25 38 1,444
43 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 39 1,521
44 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 32 1,024
45 4 16 3 9 3 9 3 9 4 16 3 9 3 9 3 9 26 676
46 4 16 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 5 25 39 1,521
47 3 9 3 9 3 9 3 9 4 16 4 16 4 16 4 16 28 784
48 3 9 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 4 16 31 961
49 4 16 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 3 9 25 625
50 3 9 3 9 4 16 4 16 3 9 3 9 3 9 3 9 26 676
200 820 200 828 203 849 203 849 217 963 212 924 207 881 208 886 1,650 55,212
70
ค่าความแปรปรวนของแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์
เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สาหรับแบบทดสอบอัตนัย ทีใ่ ช้ในการหาค่าความ
่ α- Coefficient )
เชื่อมัน(
2
N x 2 x 2
si = N N 1
= (50)(55,212) – (1,650)2
50(50 – 1)
= 2,760,700 – 2,722,500
2.450
= 15.55
71
การคานวณหาค่าความเชื่อมัน่ (α – Coefficient )
α =
= 8 ( 1 – 3.85 )
8–1 15.55
= 8 ( 1 – 0.25)
7
= 0.86
72
ภาคผนวก ข
1. คะแนนความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนหลังได้รบั
การสอนโดยใช้แบบฝึก เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้
มัธยมศึกษาปี ที่ 1
2. สถิตทิ ใ่ี ช้ในการตรวจสอบสมมติฐานทดสอบความแตกต่างของคะแนนความสามารถในการ
แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ เรือ่ ง โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชัน้
มัธยมศึกษาปี ที่ 1
73
คะแนนของ คะแนนของ
นักเรียนคน นักเรียนแต่ละคน นักเรียนคนที่ นักเรียนแต่ละคน
ที่ (คะแนนเต็ม 40) (คะแนนเต็ม 40)
1 30 900 26 29 841
2 28 784 27 25 625
3 34 1,156 28 31 961
4 26 676 29 34 1,156
5 29 841 30 30 900
6 28 784 31 29 841
7 36 1,296 32 29 841
8 30 900 33 31 961
9 27 729 34 35 1,225
10 29 841 35 37 1,369
11 38 1,444 36 32 1,024
12 36 1,296 37 34 1,156
13 32 1,024 38 28 784
14 37 1,369 39 25 625
15 26 676 40 27 729
16 28 784 41 35 1,225
17 33 1,089 42 38 1,444
18 36 1,296 43 36 1,296
19 25 625 44 28 784
20 32 1,024 45 29 841
21 29 841 46 30 900
22 36 1,296 47 32 1,024
23 34 1,156 48 33 1,089
24 28 784 49 36 1,296
25 27 729 50 28 784
ผลรวม 1,555 49,061
74
N x 2 x
2
จาก s =
N N 1
50(49,061) (1,555)2
= 50 50 1
2,453,050 2,418,025
= 50(49)
35,025
=
2,450
14.30
=
= 3.78
x 0
t
s
; df = n – 1
n
= 31.1 – 24
3.78
75
= 7.1
3.78
7.07
= 7.1
0.53
= 13.40
ดังนัน้ t = 13.40
ภาคผนวก ค
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 1
รหัสวิชา ค 21101 กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2554
ชื่อหน่วยการเรียนรู้ โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับการเปรียบเทียบจานวน จานวน 2 ชัวโมง ่
**********************************************************************************************************
1.สาระ
สาระที่ 4 พีชคณิต
สาระที่ 6 ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
2. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 4.2 ใช้นิพจน์ สมการ อสมการ กราฟและแบบจาลองทางคณิตศาสตร์
อื่นๆแทนสถานการณ์ต่างๆตลอดจนแปลความหมายและนาไปใช้แก้ปญั หา
มาตรฐาน ค 6.1 มีความสามารถในการแก้ปญั หา
3. ตัวชี้วดั
แก้โจทย์ปญั หาเกีย่ วกับสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวอย่างง่ายพร้อมทัง้ ตระหนักถึง
ความสมเหตุสมผลของคาตอบ
4. สาระสาคัญ
การแก้โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับการเปรียบเทียบจานวน เป็ น
การแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ตามขัน้ ตอน/กระบวนการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ดังนี้
1. ขัน้ ทาความเข้าใจปญั หา เป็นขัน้ ของการวิเคราะห์โจทย์ปญั หา ซึง่ ผูแ้ ก้ปญั หาจะต้อง
อ่านโจทย์ปญั หา เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์หรือปญั หาทีโ่ จทย์กาหนดให้ได้ว่า อะไรคือสิง่ ทีโ่ จทย์
กาหนดและอะไรคือสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ
2. ขัน้ วางแผนแก้ปญั หา เป็นขัน้ ของการเสนอแนวคิดหรือสร้างทางเลือกในการแก้โจทย์
ปญั หา ซึง่ นักเรียนจะต้องประมวลสิง่ ต่างๆทีไ่ ด้ในขัน้ ที่ 1 และ 2 เพื่อวางแผนแนวทางในการ
แก้ปญั หาว่าจากสิง่ ทีโ่ จทย์กาหนดและจากสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ นักเรียนจะสามารถเขียนสิง่ เหล่านี้
ออกมาในรูปของสมการได้อย่างไรและจะมีสตู ร ทฤษฎี ข้อเท็จจริงหรือข้อมูลใดทีโ่ จทย์ไม่ได้
กาหนดแต่ตอ้ งนามาใช้เพื่อนามาใช้ในการแก้ปญั หานัน้
3. ขัน้ ดาเนินการตามแผน เป็นขัน้ ทีน่ กั เรียนลงมือปฏิบตั ติ ามแผนทีไ่ ด้วางไว้
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ เป็นขัน้ ของการตรวจคาตอบทีไ่ ด้ว่า คาตอบทีไ่ ด้นนั ้ มีความ
สอดคล้องกับสถานการณ์ทโ่ี จทย์กาหนดให้หรือไม่
78
5. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ : นักเรียนสามารถ
1. แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์เรือ่ งโจทย์สมการเกีย่ วกับการเปรียบเทียบจานวนได้
ด้านทักษะ/กระบวนการ : นักเรียนมีความสามารถ (k)
1. ในการแก้ปญั หา (p )
2. ในการให้เหตุผล (p )
3. ในการสื่อสาร การสื่อความหมายและการนาเสนอข้อมูล (p )
ด้านคุณลักษณะ : นักเรียน
1. มีความรับผิดชอบ (A )
2. มีระเบียบวินยั (A )
3. ทางานเป็นระบบ (A )
6. สาระการเรียนรู้
การแก้โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับการเปรียบเทียบจานวนโดยนา
หลักการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ 4 ขัน้ ตอน ใช้ฝึกนักเรียนในการวิเคราะห์โจทย์ ดังนี้
ก มีเงินเป็น 2 เท่าของ ข และ ค มีเงินเป็น 3 เท่าของ ก ทัง้ สามคนมีเงินรวมกัน 360 บาท อยาก
ทราบว่าแต่ละคนมีเงินเท่าใด
วิ ธีทา
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ อยากทราบว่าแต่ละคนมีเงินเท่าใด
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ ก มีเงินเป็ น 2 เท่าของ ข
และ ค มีเงินเป็ น 3 เท่าของ ก
ทัง้ สามคนมีเงินรวมกัน 360 บาท
2. ขัน้ วางแผน
จากการสิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด จะได้ว่า
1. ข มีซองบรรจุเงินอยู่ 1 ซอง
ก มีซองบรรจุเงินอยู่ 2 ซอง
ค มีซองบรรจุเงินอยู่ 6 ซอง
2. นาจานวนเงิน(ทีเ่ ป็นซอง)ของทัง้ สามคนมารวมกันแล้วให้เท่ากับ 360 บาท
3. คานวณหาจานวนเงินในแต่ละซอง ของแต่ละคน
79
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
จาก ข มีเงิน 40 บาท
ก มีเงิน 80 บาท
ค มีเงิน 240 บาท
ทัง้ สามมีเงินรวมกัน ได้ 40 + 80 + 240 = 360 บาท
ดังนัน้ จะเห็นได้ว่า
ก มีเงินเป็ น 2 เท่าของ ข
และ ค มีเงินเป็น 3 เท่าของ ก
ทัง้ สามคนมีเงินรวมกัน 360 บาท ( เป็นจริงตามทีโ่ จทย์กาหนด)
7. กิ จกรรมการเรียนรู้
คาบที่ 1-2
ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ทบทวนการแก้สมการ การบวก ลบ คูณ หาร จากโจทย์สมการทีค่ รูกาหนด
เพื่อให้นกั เรียนทาความเข้าใจก่อนทีจ่ ะเข้าสู่การแก้โจทย์ปญั หา(k)
2a + 8 = 16
นา 8 ลบออกทัง้ สองข้างของสมการ
2a + 8 – 8 = 16 – 8
2a = 8
นา 2 หารออกทัง้ สองข้างของสมการ
2a ÷ 2 = 8 ÷ 2
a = 4
ตรวจคาตอบ แทนค่า a = 4
80
ในสมการ 2(4) + 8 = 16
8 + 8 = 16 สมการเป็ นจริง
2. ครูนาเสนอวิธกี ารการกาหนดสัญลักษณ์ (ตัวแปร)ทางคณิตศาสตร์ โดย
อธิบายการเขียนสัญลักษณ์ (ตัวแปร) ทางคณิตศาสตร์ ดังตัวอย่าง(k)
นา 4 หารออกทัง้ สองข้างของสมการ
4x ÷ 4 = 56 ÷ 4
X = 14
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
ให้เป็ด แทนด้วย 14 ตัว
ไก่มากกว่าสีเ่ ท่าของเป็ดอยู่ 4(14) + 14
จะได้ว่า 4(14) + 14 = 70
ดังนัน้ 70 = 70 สมการเป็ นจริง
2. เมือ่ นักเรียนได้วเิ คราะห์ตามขัน้ ตอนของแบบฝึกแล้วครูเปิดโอกาสให้นกั เรียน
ซักถามข้อสงสัย
3. ครูแจกใบงานการวิเคราะห์โจทย์ปญั หาให้นกั เรียนลองฝึกทาโดยพิจารณาจาก
ตัวอย่างทีก่ าหนดให้บนกระดาน (p)
ขัน้ สรุป
ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปลาดับขัน้ ตอนการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์เรือ่ งโจทย์
สมการ:การใช้สญั ลักษณ์ (ตัวแปร) ว่ามีลาดับขัน้ ตอนอย่างไร
9. สื่อการเรียนรู้
1. แบบฝึ กการแก้สมการเกี่ยวกับการเปรี ยบเทียบจานวน
2. หนังสื อเรี ยนคณิ ตศาสตร์
3. ตัวอย่างโจทย์ปัญหาสมการ
10. แหล่งการเรียนรู้
ห้องเรียน / ห้องสมุด
82
12. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการสอน
นักเรียนบางคนยังไม่เข้าใจเกีย่ วกับการแสดงวิธคี ดิ ตามกระบวนการแก้ปญั หา 4 ขัน้
ในการแก้โจทย์สมการยังวิเคราะห์โจทย์ไม่ได้ว่าส่วนใดคือ สิง่ ทีโ่ จทย์ถาม ส่วนใดคือสิง่ ทีโ่ จทย์
ต้องการทราบ และจะลาดับขัน้ การวางแผนในการแก้ปญั หาอย่างไร ครูจงึ ต้องยกตัวอย่างจากโจทย์
สมการง่ายๆ ทีก่ าหนดตัวแปรมาให้ไปสู่โจทย์สมการทีไ่ ม่กาหนดตัวแปรเพื่อฝึกให้นักเรียนสมมติตวั
แปรให้ได้ว่าสถานการณ์แบบใด จะต้องสมมติตวั แปรอย่างไร ก่อนจึงจะนาไปสู่การแก้ปญั หาโจทย์
สมการนัน้ ได้ เมือ่ นักเรียนเข้าใจจึงนาไปสู่การแก้ปญั หา ตามกระบวนการและยกตัวอย่างประกอบ
หลากหลายตัวอย่าง เพื่อให้นกั เรียนมีประสบการณ์ในการเรียนรูห้ ลายๆแบบและลองฝึกให้นกั เรียน
เขียนสมการจากโจทย์ทค่ี รูให้โดยยังไม่แสดงวิธที า ให้ฝึกเขียนสมการให้ได้จากสถานการณ์ต่างๆ
ปญั หาและอุปสรรค
นักเรียนบางคนไม่ทราบว่าจะต้องกาหนดตัวแปรก่อนในกรณีทโ่ี จทย์สมการไม่
กาหนดตัวแปรมาให้และจะใช้ขอ้ มูลส่วนใดนามาใช้ในการกาหนดตัวแปร
แนวทางแก้ไข
ครูยกตัวอย่างจากโจทย์สมการง่ายๆ ทีก่ าหนดตัวแปรมาให้ไปสู่โจทย์สมการทีไ่ ม่
กาหนดตัวแปรเพื่อฝึกให้นกั เรียนสมมติตวั แปรให้ได้ว่าสถานการณ์แบบใดจะต้องสมมติตวั แปร
อย่างไรก่อนจึงจะนาไปสู่การแก้ปญั หาโจทย์สมการนัน้ ได้เมือ่ นักเรียนเข้าใจจึงนาไปสู่การแก้ปญั หา
ตามกระบวนการและยกตัวอย่างประกอบหลากหลายตัวอย่างเพื่อให้นกั เรียนมีประสบการณ์ในการ
เรียนรูโ้ จทย์สมการหลายๆแบบ
ลงชื่อ ……………………………………………
( นางสาววชิราภรณ์ ชานิ )
84
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
รหัสวิชา ค 21101 กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2554
ชื่อหน่วยการเรียนรู้ โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับอายุ จานวน 2 ชัวโมง
่
**********************************************************************************************************
1.สาระ
สาระที่ 4 พีชคณิต
สาระที่ 6 ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
2. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 4.2 ใช้นิพจน์ สมการ อสมการ กราฟและแบบจาลองทางคณิตศาสตร์
อื่นๆแทนสถานการณ์ต่างๆตลอดจนแปลความหมายและนาไปใช้แก้ปญั หา
มาตรฐาน ค 6.1 มีความสามารถในการแก้ปญั หา
3. ตัวชี้วดั
แก้โจทย์ปญั หาเกีย่ วกับสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวอย่างง่ายพร้อมทัง้ ตระหนักถึง
ความสมเหตุสมผลของคาตอบ
4. สาระสาคัญ
การแก้โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับการหาอายุ เป็ นการแก้ปญั หา
ทางคณิตศาสตร์ ตามขัน้ ตอน/กระบวนการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ดังนี้
1. ขัน้ ทาความเข้าใจปญั หา เป็นขัน้ ของการวิเคราะห์โจทย์ปญั หา ซึง่ ผูแ้ ก้ปญั หาจะต้อง
อ่านโจทย์ปญั หา เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์หรือปญั หาทีโ่ จทย์กาหนดให้ได้ว่า อะไรคือสิง่ ทีโ่ จทย์
กาหนดและอะไรคือสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ
2. ขัน้ วางแผนแก้ปญั หา เป็นขัน้ ของการเสนอแนวคิดหรือสร้างทางเลือกในการแก้โจทย์
ปญั หา ซึง่ นักเรียนจะต้องประมวลสิง่ ต่างๆทีไ่ ด้ในขัน้ ที่ 1 และ 2 เพื่อวางแผนแนวทางในการ
แก้ปญั หาว่าจากสิง่ ทีโ่ จทย์กาหนดและจากสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ นักเรียนจะสามารถเขียนสิง่ เหล่านี้
ออกมาในรูปของสมการได้อย่างไรและจะมีสตู ร ทฤษฎี ข้อเท็จจริงหรือข้อมูลใดทีโ่ จทย์ไม่ได้
กาหนดแต่ตอ้ งนามาใช้เพื่อนามาใช้ในการแก้ปญั หานัน้
3. ขัน้ ดาเนินการตามแผน เป็นขัน้ ทีน่ กั เรียนลงมือปฏิบตั ติ ามแผนทีไ่ ด้วางไว้
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ เป็นขัน้ ของการตรวจคาตอบทีไ่ ด้ว่า คาตอบทีไ่ ด้นนั ้ มีความ
สอดคล้องกับสถานการณ์ทโ่ี จทย์กาหนดให้หรือไม่
85
5. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ : นักเรียนสามารถ
1. แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์เรือ่ งโจทย์สมการเกีย่ วกับอายุได้
ด้านทักษะ/กระบวนการ : นักเรียนมีความสามารถ (k)
1. ในการแก้ปญั หา (p )
2. ในการให้เหตุผล (p )
3. ในการสื่อสาร การสื่อความหมายและการนาเสนอข้อมูล (p )
ด้านคุณลักษณะ : นักเรียน
1. มีความรับผิดชอบ (A )
2. มีระเบียบวินยั (A )
3. ทางานเป็นระบบ (A )
6. สาระการเรียนรู้
การแก้โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับการหาอายุ ขัน้ ตอน/กระบวนการ
แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ดังนี้
ปจั จุบนั พ่อมีอายุเป็ น 3 เท่าของอายุบุตร อีก 10 ปีขา้ งหน้าพ่อจะมีอายุครบ 61
ปีพอดี จงหาว่าปจั จุบนั บุตรมีอายุก่ปี ี
วิธีทำ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ ปจั จุบนั บุตรมีอายุก่ปี ี
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ ปจั จุบนั พ่อมีอายุเป็น 3 เท่าของอายุบุตร
อีก 10 ปีขา้ งหน้าพ่อจะมีอายุครบ 61 ปีพอดี
2. ขัน้ วางแผน
จากการวิเคราะห์โจทย์ จะได้ว่า อีก 10 ปีขา้ งหน้าพ่อจะมีอายุครบ 61 ปี
ดังนัน้ ปจั จุบนั พ่อมีอายุ 61 - 10 = 51 ปี
แต่ ปจั จุบนั พ่อมีอายุเป็น 3 เท่าของบุตร 3x ปี
สมการทีไ่ ด้กค็ อื 3x = 51
X = 17
นัน่ คือ ปจั จุบนั บุตรมีอายุ 17 ปี
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
ปจั จุบนั บุตรมีอายุ 17 ปี
พ่อมีอายุ เป็น 3 เท่าของบุตร 3 × 17 = 51
ดังนัน้ อีก 10 ปีขา้ งหน้า พ่อจะมีอายุ 51 + 10 = 61 ปี
( ซึง่ ตรงกับทีโ่ จทย์กาหนดว่า อีก 10 ปีขา้ งหน้า พ่อจะมีอายุครบ 10 ปี )
7. กิ จกรรมการเรียนรู้
คาบที่ 3-4
ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูทบทวนการแก้โจทย์ปญั หาสมการ การบวก ลบ คูณ หาร เพื่อให้
นักเรียนทาความเข้าใจก่อนทีจ่ ะเข้าสู่การแก้โจทย์ปญั หาสมการเกีย่ วกับการหาอายุ (k)
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
ให้อายุปจั จุบนั ของแพรวา 12 ปี
อีก 3 ปี แพรวาจะมีอายุ 12 + 3 = 15
ดังนัน้ 15 = 15 สมการเป็นจริง
ขัน้ สอน
1. ครูอธิบายเพิม่ เติมโดยยกสถานการณ์ทเ่ี ป็นโจทย์สมการเกีย่ วกับอายุท่ี
ซับซ้อนขึน้ มาให้นกั เรียนช่วยกันพิจารณาแล้วฝึกแก้โจทย์จนเกิดความชานาญ (p),(k)
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด 1. สามเท่าของอายุของต้นมากกว่าอายุของปู่ 5 ปี
2. ปูอ่ ายุ 70 ปี
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ ต้นอายุเท่าไร
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
วิธที ใ่ี ช้ในการคิดคานวณ กาหนดตัวแปรจากสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
ให้อายุตน้ แทนด้วย x ปี
สามเท่าของอายุของต้นมากกว่าอายุของปู่ 5 ปี จะได้ว่า 3x - 5
ถ้าปูอ่ ายุ 70 ปี จะได้ว่า 3x - 5 = 70
ประโยคสมการ คือ 3x - 5 = 70
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
ให้อายุตน้ แทนด้วย x ปี
สามเท่าของอายุของต้นมากกว่าอายุของปู่ 5 ปีจะได้ว่า 3x - 5
ถ้าปูอ่ ายุ 70 ปี จะได้ว่า 3x - 5 = 70
ประโยคสมการ คือ 3x - 5 = 70
นา 5 บวกทัง้ สองข้างของสมการ
3x - 5 + 5 = 70 + 5
3x = 75
นา 3 หารทัง้ สองข้างของสมการ
3x ÷ 3 = 75 ÷ 3
x = 25
88
ดังนัน้ ต้นอายุ 25 ปี
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
อายุตน้ 25 ปี
สามเท่าของอายุของต้นมากกว่าอายุของปู่ 3(25) - 5 = 70
ดังนัน้ 70 = 70 สมการเป็ นจริง
9. สื่อการเรียนรู้
1. แบบฝึกการแก้สมการเกี่ยวกับการหาอายุ
2. หนังสือเรียนคณิตศาสตร์
3. ตัวอย่างโจทย์สมการเกีย่ วกับการหาอายุ
10. แหล่งการเรียนรู้
ห้องเรียน/ห้องสมุด
89
12. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการสอน
นักเรียนมีความรูเ้ กีย่ วกับการวิเคราะห์โจทย์สมการ จากเดิมมากขึน้ ลาดับขัน้ ตอนใน
การแก้ปญั หาได้ตามกระบวนการ 4 ขัน้ จากทีไ่ ด้เรียนมาแล้วในคาบเรียนก่อนเกีย่ วกับการแก้โจทย์
สมการเปรียบเทียบจานวนสามารถวิเคราะห์โจทย์ได้ ถูกต้องจะมีไม่กค่ี นทีย่ งั สับสนในขัน้ ตอนของ
การวางแผนการแก้ปญั หาและขัน้ ดาเนินการ เนื่องจากขาดการฝึกเพราะนักเรียนไม่ทางานด้วย
ตนเองใช้วธิ กี ารลอกเพื่อนในขณะทีค่ รูมอบหมายงานให้ทา
ปญั หาและอุปสรรค
มีนกั เรียนบางคนสับสนกับโจทย์สมการเกี่ยวกับการหาอายุวเิ คราะห์โจทย์ไม่ได้ว่า
โจทย์ตอ้ งการอะไรและลาดับวิธกี ารแก้ปญั หาไม่ได้ว่าต้องแก้สมการใดก่อนและหลังเพราะโจทย์
สมการเกีย่ วกับการหาอายุมลี กั ษณะการถามจากอดีตไปจนถึงอนาคตนักเรียนจึงสับสนไม่สามารถ
ลาดับการแก้ปญั หาได้
แนวทางแก้ไข
ครูยกตัวอย่างสถานการณ์เกีย่ วกับโจทย์การหาอายุในกรณีจากง่ายเพียงหาตัวแปร
เพียงตัวเดียวให้ได้คาตอบให้นกั เรียนแก้ปญั หาโดยนากระบวนการแก้ปญั หาตามขัน้ ตอนฝึกเขียน
สมการไปก่อนยังไม่ตอ้ งเข้าสู่กระบวนการแก้ปญั หาขัน้ ดาเนินการให้วเิ คราะห์โจทย์สมการและฝึก
เขียนสมการเพื่อให้เรียนรูว้ ่าโจทย์สมการแบบใดจะต้องใช้วธิ กี ารแก้อย่างไรเมือ่ นักเรียนสามารถ
วิเคราะห์โจทย์ได้แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการแก้ปญั หาขัน้ ดาเนินการและตรวจคาตอบ
ลงชื่อ ……………………………………………
( นางสาววชิราภรณ์ ชานิ )
91
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
รหัสวิชา ค 21101 กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2554
ชื่อหน่วยการเรียนรู้ โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับเศษส่วน จานวน 2 ชัวโมง
่
**********************************************************************************************************
1.สาระ
สาระที่ 4 พีชคณิต
สาระที่ 6 ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
2. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 4.2 ใช้นิพจน์ สมการ อสมการ กราฟและแบบจาลองทางคณิตศาสตร์
อื่นๆแทนสถานการณ์ต่างๆตลอดจนแปลความหมายและนาไปใช้แก้ปญั หา
มาตรฐาน ค 6.1 มีความสามารถในการแก้ปญั หา
3. ตัวชี้วดั
แก้โจทย์ปญั หาเกีย่ วกับสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวอย่างง่ายพร้อมทัง้ ตระหนักถึง
ความสมเหตุสมผลของคาตอบ
4. สาระสาคัญ
การแก้โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับเศษส่วน เป็ นการแก้ปญั หา
ทางคณิตศาสตร์ ตามขัน้ ตอน/กระบวนการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ดังนี้
1. ขัน้ ทาความเข้าใจปญั หา เป็นขัน้ ของการวิเคราะห์โจทย์ปญั หา ซึง่ ผูแ้ ก้ปญั หาจะต้อง
อ่านโจทย์ปญั หา เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์หรือปญั หาทีโ่ จทย์กาหนดให้ได้ว่า อะไรคือสิง่ ทีโ่ จทย์
กาหนดและอะไรคือสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ
2. ขัน้ วางแผนแก้ปญั หา เป็นขัน้ ของการเสนอแนวคิดหรือสร้างทางเลือกในการแก้โจทย์
ปญั หา ซึง่ นักเรียนจะต้องประมวลสิง่ ต่างๆทีไ่ ด้ในขัน้ ที่ 1 และ 2 เพื่อวางแผนแนวทางในการ
แก้ปญั หาว่าจากสิง่ ทีโ่ จทย์กาหนดและจากสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ นักเรียนจะสามารถเขียนสิง่ เหล่านี้
ออกมาในรูปของสมการได้อย่างไรและจะมีสตู ร ทฤษฎี ข้อเท็จจริงหรือข้อมูลใดทีโ่ จทย์ไม่ได้
กาหนดแต่ตอ้ งนามาใช้เพื่อนามาใช้ในการแก้ปญั หานัน้
3. ขัน้ ดาเนินการตามแผน เป็นขัน้ ทีน่ กั เรียนลงมือปฏิบตั ติ ามแผนทีไ่ ด้วางไว้
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ เป็นขัน้ ของการตรวจคาตอบทีไ่ ด้ว่า คาตอบทีไ่ ด้นนั ้ มีความ
สอดคล้องกับสถานการณ์ทโ่ี จทย์กาหนดให้หรือไม่
92
5. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ : นักเรียนสามารถ
1. แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์เรือ่ งโจทย์สมการเกีย่ วกับเศษส่วนได้
ด้านทักษะ/กระบวนการ : นักเรียนมีความสามารถ (k)
1. ในการแก้ปญั หา (p )
2. ในการให้เหตุผล (p )
3. ในการสื่อสาร การสื่อความหมายและการนาเสนอข้อมูล (p )
ด้านคุณลักษณะ : นักเรียน
1. มีความรับผิดชอบ (A )
2. มีระเบียบวินยั (A )
3. ทางานเป็นระบบ (A )
6. สาระการเรียนรู้
การแก้โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับเศษส่วน มีหลักการวิเคราะห์
โจทย์ดงั นี้
พอใจมีขนมอยูก่ ล่องหนึ่ง แบ่งให้เป็นต่อไป 2 ใน 5 ของขนมทีม่ อี ยู่ ปรากฏว่าเป็ น
ต่อได้ขนมไป 20 ชิน้ เดิมพอใจมีขนมทัง้ หมดกี่ชน้ิ
วิธีทำ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ เดิมพอใจมีขนมทัง้ หมดกี่ชน้ิ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ พอใจมีขนมอยูก่ ล่องหนึ่ง แบ่งให้เป็ นต่อไป
2 ใน 5 ของขนมทีม่ อี ยู่
ปรากฏว่าเป็นต่อได้ขนมไป 20 ชิน้
2. ขัน้ วางแผน
จากการวิเคราะห์โจทย์ จะได้ว่า ให้พอใจมีขนม x ชิน้
แบ่งให้เป็นต่อไป 2 ใน 5 ของขนมทีม่ อี ยู่ จะได้ x
นา 5 คูณทัง้ สองข้างของสมการ
93
x × 5 = 20 × 5
2x = 100
นา 2 หารทัง้ สองข้างของสมการ
2x ÷ 2 = 100 ÷ 2
X = 50
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
เดิมพอใจมีขนมทัง้ หมด 50 ชิน้
แบ่งให้เป็ นต่อไป 50 ×
7. กิ จกรรมการเรียนรู้
คาบที่ 5-6
ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูทบทวนการแก้โจทย์ปญั หาสมการ การบวก ลบ คูณ หาร เพื่อให้
นักเรียนทาความเข้าใจก่อนทีจ่ ะเข้าสู่การแก้โจทย์ปญั หาสมการเกีย่ วกับเศษส่วน (k)
ขัน้ สอน
1. ครูอธิบายเพิม่ เติมโดยยกสถานการณ์ทเ่ี ป็นโจทย์สมการเกีย่ วกับเศษส่วนที่
ซับซ้อนขึน้ มาให้นกั เรียนช่วยกันพิจารณาแล้วฝึกแก้โจทย์จนเกิดความชานาญ (p),(k)
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด สามในห้าของจานวนหนึ่ง มากกว่า 8 อยู่ 7
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ เลขจานวนนัน้ คือ
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
กาหนดตัวแปร ให้เลขจานวนนัน้ แทนด้วย x
สามในห้าของจานวนหนึ่ง x
มีค่ามากกว่า 8 อยู่ 7 จะได้ว่า x- 8=7
ประโยคสมการ คือ x -8 = 7
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
ให้ เลขจานวนนัน้ แทนด้วย x
สามในห้าของจานวนหนึ่ง x
95
นา 8 บวกทัง้ สองข้างของสมการ
x–8+8 = 7+8
x = 15
นา 5 คูณทัง้ สองข้างของสมการ
X × 5 = 15 × 5
3 x = 75
นา 3 หารทัง้ สองข้างของสมการ
3 x ÷ 3 = 75 ÷ 3
X = 25
ดังนัน้ เลขจานวนนัน้ คือ 25
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
ให้ เลขจานวนนัน้ คือ 25
สามในห้าของจานวนหนึ่งมากกว่า 8 อยู่ 7 จะได้ว่า (25 ) – 8 = 7
ดังนัน้ 7 = 7 สมการเป็นจริง
9. สื่อการเรียนรู้
1. แบบฝึก การแก้สมการเกีย่ วกับเศษส่วน
2. หนังสือเรียนคณิตศาสตร์
3. โจทย์ปญั หาสมการเกีย่ วกับเศษส่วน
10. แหล่งการเรียนรู้
ห้องเรียน/ห้องสมุด
12. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการสอน
นักเรียนสามารถวิเคราะห์โจทย์สมการได้ถูกต้องตามกระบวนการแก้ปญั หา 4 ขัน้
ลาดับขัน้ ตอนได้และแสดงวิธกี ารดาเนินการได้ถูกต้องเนื่องจากนักเรียนได้ฝึกการแก้โจทย์สมการไป
แล้วก่อนทีจ่ ะเรียนการแก้โจทย์สมการเศษส่วน ซึง่ ในแต่ละเรือ่ งทีน่ กั เรียนผ่านมานักเรียนจะได้การ
แก้โจทย์สมการ ตามกระบวนการมาแล้ววิธกี ารจะเหมือนเดิม เพียงแต่ครูเปลีย่ นโจทย์สมการจาก
แบบเดิมมาเป็ นแบบเศษส่วน จึงไม่มปี ญั หาในการแสดงวิธกี ารแก้ปญั หาโจทย์ สมการเศษส่วน
นักเรียนส่วนใหญ่สามารถวิเคราะห์โจทย์ และเข้าสู่กระบวนการแก้ปญั หาได้ จะมีเพียงไม่กค่ี นทีย่ งั
เรียนรูไ้ ด้ชา้ มาตัง้ แต่ตน้ จึงทาให้กระบวนการแก้ปญั หาเป็นไปได้ชา้ ครูตอ้ งคอยแนะนาทีละขัน้ ตอน
จึงจะสามารถผ่านการฝึกในแต่ละแบบฝึกได้
ปญั หาและอุปสรรค
ยังมีนกั เรียนบางคนทีย่ งั ต้องคอยให้คาแนะนาขัน้ ตอนในการแก้ปญั หาจากแบบฝึกที่
ครูให้ยงั ต้องให้ครูคอยช่วยเหลือในการลาดับขัน้ ตอนการแก้ปญั หาให้ครูคอยแนะนาเป็นรายบุคคล
แนวทางแก้ไข
ครูนานักเรียนกลุ่มนี้มาสอนนอกเวลาเพิม่ เติมในช่วงกลางวันโดยนาตัวอย่างโจทย์
สมการแบบง่ายมาฝึกให้นกั เรียนวิเคราะห์หาวิธแี ก้และเขียนประโยคสัญลักษณ์ของสมการก่อนทีจ่ ะ
ให้นกั เรียนแสดงวิธที าตามกระบวนการทีค่ รูสอนในชัวโมงเรี
่ ยน
ลงชื่อ ……………………………………………
( นางสาววชิราภรณ์ ชานิ )
98
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4
รหัสวิชา ค 21101 กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2554
ชื่อหน่วยการเรียนรู้ โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับสมการระคน จานวน 2 ชัวโมง
่
**********************************************************************************************************
1.สาระ
สาระที่ 4 พีชคณิต
สาระที่ 6 ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
2. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ค 4.2 ใช้นิพจน์ สมการ อสมการ กราฟและแบบจาลองทางคณิตศาสตร์
อื่นๆแทนสถานการณ์ต่างๆตลอดจนแปลความหมายและนาไปใช้แก้ปญั หา
มาตรฐาน ค 6.1 มีความสามารถในการแก้ปญั หา
3. ตัวชี้วดั
แก้โจทย์ปญั หาเกีย่ วกับสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวอย่างง่ายพร้อมทัง้ ตระหนักถึง
ความสมเหตุสมผลของคาตอบ
4. สาระสาคัญ
การแก้โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับสมการระคน เป็นการแก้ปญั หา
ทางคณิตศาสตร์ ตามขัน้ ตอน/กระบวนการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ ดังนี้
1. ขัน้ ทาความเข้าใจปญั หา เป็นขัน้ ของการวิเคราะห์โจทย์ปญั หา ซึง่ ผูแ้ ก้ปญั หาจะต้อง
อ่านโจทย์ปญั หา เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์หรือปญั หาทีโ่ จทย์กาหนดให้ได้ว่า อะไรคือสิง่ ทีโ่ จทย์
กาหนดและอะไรคือสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ
2. ขัน้ วางแผนแก้ปญั หา เป็นขัน้ ของการเสนอแนวคิดหรือสร้างทางเลือกในการแก้โจทย์
ปญั หา ซึง่ นักเรียนจะต้องประมวลสิง่ ต่างๆทีไ่ ด้ในขัน้ ที่ 1 และ 2 เพื่อวางแผนแนวทางในการ
แก้ปญั หาว่าจากสิง่ ทีโ่ จทย์กาหนดและจากสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการ นักเรียนจะสามารถเขียนสิง่ เหล่านี้
ออกมาในรูปของสมการได้อย่างไรและจะมีสตู ร ทฤษฎี ข้อเท็จจริงหรือข้อมูลใดทีโ่ จทย์ไม่ได้
กาหนดแต่ตอ้ งนามาใช้เพื่อนามาใช้ในการแก้ปญั หานัน้
3. ขัน้ ดาเนินการตามแผน เป็นขัน้ ทีน่ กั เรียนลงมือปฏิบตั ติ ามแผนทีไ่ ด้วางไว้
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ เป็นขัน้ ของการตรวจคาตอบทีไ่ ด้ว่า คาตอบทีไ่ ด้นนั ้ มีความ
สอดคล้องกับสถานการณ์ทโ่ี จทย์กาหนดให้หรือไม่
99
5. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ : นักเรียนสามารถ
1. แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์เรือ่ งโจทย์สมการเกีย่ วกับสมการระคนได้
ด้านทักษะ/กระบวนการ : นักเรียนมีความสามารถ (k)
1. ในการแก้ปญั หา (p )
2. ในการให้เหตุผล (p )
3. ในการสื่อสาร การสื่อความหมายและการนาเสนอข้อมูล (p )
ด้านคุณลักษณะ : นักเรียน
1. มีความรับผิดชอบ (A )
2. มีระเบียบวินยั (A )
3. ทางานเป็นระบบ (A )
6. สาระการเรียนรู้
การแก้โจทย์ปญั หาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเกีย่ วกับสมการระคน มีหลักการ
วิเคราะห์โจทย์ดงั นี้
ห้าเท่าของจานวนๆหนึ่งน้อยกว่า 85 อยู่ 15 จงหาจานวนนัน้
วิธีทำ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ จานวนนัน้ คือ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ ห้าเท่าของจานวนๆหนึ่งน้อยกว่า 85 อยู่ 15
2. ขัน้ วางแผน
จากการวิเคราะห์โจทย์ จะได้ว่า ให้จานวนนัน้ คือ x
ดังนัน้ ห้าเท่าของจานวนๆนัน้ คือ 5x
มีค่าน้อยกว่า 85 อยู่ 15 จะได้ 5x + 85 = 15
3. ขัน้ ดาเนิ นการตามแผน
สมการทีไ่ ด้ คือ 5x - 85 = 15
นา 85 บวกทัง้ สองข้างของสมการ
5x - 85 + 85 = 15 + 85
5x = 100
นา 5 หารทัง้ สองข้างของสมการ
5x ÷ 5 = 100 ÷ 5
X = 20
100
7. กิ จกรรมการเรียนรู้
คาบที่ 7-8
ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูทบทวนการแก้โจทย์ปญั หาสมการ การบวก ลบ คูณ หาร เพื่อให้
นักเรียนทาความเข้าใจก่อนทีจ่ ะเข้าสู่การแก้โจทย์ปญั หาสมการเกีย่ วกับการหาอายุ (k)
ขัน้ สอน
1. ครูอธิบายเพิม่ เติมโดยยกสถานการณ์ทเ่ี ป็นโจทย์สมการเกีย่ วกับสมการระคน
ทีซ่ บั ซ้อนขึน้ มาให้นกั เรียนช่วยกันพิจารณาแล้วฝึกแก้โจทย์จนเกิดความชานาญ (p),(k)
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด 1. จานวนต็มสามจานวนซึง่ มีค่าเรียงกัน
2.ผลรวมของจานวนทัง้ สามจานวนมีค่าเท่ากับ
114
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ จานวนน้อยทีส่ ุดมีค่าเท่าไร
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
วิธที ใ่ี ช้ในการคิดคานวณ กาหนดตัวแปรจากสิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
ให้ จานวนนัน้ แทนด้วย x
จานวนเต็มสามจานวนซึง่ มีค่าเรียงกัน x , x+1 , x+2
ผลรวมของจานวนทัง้ สามจานวนมีค่าเท่ากับ 114
102
9. สื่อการเรียนรู้
1. แบบฝึกการแก้สมการเกี่ยวกับสมการระคน
2. หนังสือเรียนคณิตศาสตร์
3. โจทย์ปญั หาสมการเกีย่ วกับสมการระคน
10. แหล่งการเรียนรู้
ห้องเรียน/ห้องสมุด
12. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการสอน
นักเรียนสามารถวิเคราะห์โจทย์สมการได้ถูกต้องตามกระบวนการแก้ปญั หา 4 ขัน้
ลาดับขัน้ ตอนได้และแสดงวิธกี ารดาเนินการได้ถูกต้องเนื่องจากนักเรียนได้ฝึกการแก้โจทย์สมการไป
แล้วก่อนทีจ่ ะเรียนการแก้โจทย์สมการเศษส่วน ซึง่ ในแต่ละเรือ่ งทีน่ กั เรียนผ่านมานักเรียนจะได้การ
แก้โจทย์สมการตามกระบวนการมาแล้ว วิธกี ารจะเหมือนเดิมเพียงแต่ครูเปลีย่ นโจทย์สมการจาก
แบบเดิม มาเป็ นแบบสมการระคนจึงไม่มปี ญั หาในการแสดงวิธกี ารแก้ปญั หา โจทย์สมการระคน
นักเรียนส่วนใหญ่สามารถวิเคราะห์โจทย์ และเข้าสู่กระบวนการแก้ปญั หาได้ จะมีเพียงไม่กค่ี นทีย่ งั
เรียนรูไ้ ด้ชา้ มาตัง้ แต่ตน้ จึงทาให้กระบวนการแก้ปญั หาเป็นไปอย่างช้า ครูตอ้ งคอยแนะนาทีละ
ขัน้ ตอนจึงจะสามารถผ่านการฝึกในแต่ละแบบฝึกได้
ปญั หาและอุปสรรค
ยังมีนกั เรียนบางคนทีย่ งั ต้องคอยให้คาแนะนาขัน้ ตอนในการแก้ปญั หาจากแบบฝึกที่
ครูให้ยงั ต้องให้ครูคอยช่วยเหลือในการลาดับขัน้ ตอนการแก้ปญั หาให้ครูคอยแนะนาเป็นรายบุคคล
แนวทางแก้ไข
ครูนานักเรียนกลุ่มนี้มาสอนนอกเวลาเพิม่ เติมในช่วงกลางวันโดยนาตัวอย่างโจทย์
สมการแบบง่ายมาฝึกให้นกั เรียนวิเคราะห์หาวิธแี ก้และเขียนประโยคสัญลักษณ์ของสมการก่อนทีจ่ ะ
ให้นกั เรียนแสดงวิธที าตามกระบวนการทีค่ รูสอนในชัวโมงเรี
่ ยน
ลงชื่อ ……………………………………………
( นางสาววชิราภรณ์ ชานิ )
105
เกณฑ์การให้คะแนน
เกณฑ์ คะแนน ผลการทาข้อสอบทีป่ รากฏให้เห็น
2 แสดงวิธกี ารคิดชัดเจน ครบถ้วน
ทาความเข้าใจในปญั หา 1 แสดงวิธกี ารคิดไม่ชดั เจนหรือถูกต้องบางส่วน
0 ไม่แสดงวิธกี ารการคิดหรือแสดงวิธกี ารคิดไม่ถูกต้อง
2 แสดงความสัมพันธ์การแก้ปญั หาถูกต้องทัง้ หมด
วางแผนการแก้ปญั หา 1 แสดงความสัมพันธ์การแก้ปญั หาถูกต้องบางส่วน
0 แสดงความสัมพันธ์การแก้ปญั หาไม่ถูกต้อง
2 วิธกี ารแก้ปญั หาถูกต้องทัง้ หมด
ดาเนินการแก้ปญั หา 1 วิธกี ารแก้ปญั หาถูกต้องบางส่วน
0 วิธกี ารแก้ปญั หาไม่ถูกต้อง
1 เมือ่ ตอบถูกต้อง
ตรวจสอบคาตอบ
0 เมือ่ ตอบผิดหรือไม่ตอบ
106
เกณฑ์การประเมิ นผล
เกณฑ์การประเมินความสามารถในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์เรือ่ งโจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปร
เดียว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีดงั นี้
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 80 – 100 อยูใ่ นระดับดีเยีย่ ม
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 75 – 79 อยูใ่ นระดับดีมาก
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 70 – 74 อยูใ่ นระดับดี
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 65 – 69 อยูใ่ นระดับค่อนข้างดี
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 60 – 64 อยูใ่ นระดับปานกลาง
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 55 – 59 อยูใ่ นระดับพอใช้
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 50 – 54 อยูใ่ นระดับผ่านเกณฑ์ขนั ้ ต่ า
ได้ช่วงคะแนนร้อยละ 0 – 49 อยูใ่ นระดับต่ากว่าเกณฑ์
107
เฉลยแบบทดสอบ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ นิชามีสม้ อยูจ่ านวนหนึ่ง ซือ้ มาเพิม่ อีก 15 ผล
นิชานาส้มมารวมกันแล้วแบ่งให้แม่ครึง่ หนึ่ง ทาให้นิชาเหลือส้มอยู่ 25 ผล
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ เดิ มนิ ชามีส้มกี่ผล
2. การวางแผน กาหนดให้ นิชามีสม้ x ผล
นิชาซือ้ มาเพิม่ อีก x + 15
โจทย์กาหนดว่าแบ่งให้แม่ครึง่ หนึ่ง เท่ากับ
และเหลือส้มอยูอ่ กี 25 ผล
สมการที่ได้กค็ ือ = 25
3. การดาเนิ นการตามแผน
จากสมการ = 25
นา 2 คูณจานวนทัง้ สองข้างของสมการ
× 2 = 25 × 2
X +15 = 50
นา -15 บวกจานวนทัง้ สองข้างของสมการ
X + 15 + (-15) = 50 + (-15)
X = 35
ดังนัน้ เดิมนิชามีสม้ 35 ผล
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการ = 25
แทนค่า = 25
25 = 25 สมการเป็นจริง
109
เฉลยแบบทดสอบ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ 3
ของผลไม้ตระกร้าหนึ่ง เมือ่ เพิม่ อีก 12 ผล ก็จะครบ 51 ผล
4
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ มีผลไม้ทงั ้ สิน้ กีผ่ ล
X = 52
มีผลไม้ในตระกร้า 52 ผล
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
3
สมการ x + 12 = 51
4
3
แทนค่า ( 52 ) + 12 = 51
4
51 = 51 สมการเป็ นจริง
111
เฉลยแบบทดสอบ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ปจั จุบนั พ่อมีอายุเป็ น 3 เท่าของอายุบุตร
- อีก 10 ปีขา้ งหน้าพ่อจะมีอายุครบ 61 ปีพอดี
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ ปจั จุบนั บุตรมีอายุ กี่ ปี
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการ 3x = 51
แทนค่า 3 (17 ) = 51
อีก 10 ปี พ่อจะมีอายุ 51 + 10 = 61
61 = 61 สมการเป็นจริง
113
เฉลยแบบทดสอบ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ปจั จุบนั พ่อมีอายุ 41 ปี
- ลูกมีอายุ 9 ปี
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ อีกกีป่ ีพ่อจะมีอายุเป็ น 3 เท่าของลูก
3. การดาเนิ นการตามแผน
จากสมการ 41 + x = 3(9 + x)
41 + x = 27 + 3x
41 - 27 = 3x - x
14 = 2x
นา 2 หารจานวนทัง้ สองข้างของสมการ
14 = 2x
14 ÷ 2 = 2x ÷ 2
7 = x
อีก 7 ปีพ่อจะมีอายุเป็ น 3 เท่าของลูก
5. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการ 41 + x = 3(9 + x)
แทนค่า 41 + 7 = 3(9+7)
48 = 48 สมการเป็ นจริง
115
เฉลยแบบทดสอบ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ 10 เท่าของเงินจานวนหนึ่งมีค่ามากกว่า 450 บาท อยู่ 50
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ เงินจานวนนัน้ มีค่าเท่าไร
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการ 10x – 450 = 50
แทนค่า 10(50) – 450 = 50
50 = 50 สมการเป็ นจริง
117
เฉลยแบบทดสอบ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ตู่มเี งินจานวนหนึ่ง เต๋ามีเงินเป็น 3 เท่าของตู่
- รวมเงินทัง้ สองคนเป็น 648 บาท
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ ตู่และเต๋ามีเงินคนละกีบ่ าท
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการ x + 3x = 648
แทนค่า 162+(3×162) = 648
648 = 648 สมการเป็นจริง
119
เฉลยแบบทดสอบ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ ห้าเท่าของจานวนจานวนหนึ่งรวมกับ 1 ของเลขจานวนนัน้ มีค่า
4
เท่ากับ 126
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ เลขจานวนนัน้ มีค่าเท่าไร
นา 4 คูณจานวนทัง้ สองข้างของสมการ
4 ( 5x) +( 1 x) × 4 = 126 × 4
4
= 504
นา 21 หารจานวนทัง้ สองข้างของสมการ
÷ 21 = 504 ÷ 21
X = 24
จานวนนัน้ มีค่า 24
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการ 5x + 1 x = 126
4
แทนค่า 5(24) + 1 (24) = 126
4
เฉลยแบบทดสอบ
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ เศษสามส่วนห้าของจานวนจานวนหนึ่งมากกว่า 15 อยู่ 60
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ จงหาจานวนนัน้
นา 15 บวกจานวนทัง้ สองข้างของสมการ
x - 15 + 15 = 60 + 15
x = 75
X = 125
เลขจานวนนัน้ คือ 125
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการ คือ ( × 125 ) – 15 = 60
60 = 60 สมการเป็ นจริ ง
123
แบบฝึ กการแก้โจทย์ปัญหา
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวที่มีต่อความสามารถ
ในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
โดย
นางสาววชิราภรณ์ ชานิ
ครู โรงเรี ยนพระหฤทัยคอนแวนต์
เขตคลองเตย จังหวัดกรุ งเทพมหานคร
124
คานา
คาชี้แจงแบบฝึ ก
1. ให้นักเรียนอ่านคาชี้แจงอย่างละเอียดจนเข้าใจดี
2. แบบฝึ กที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิ ตศาสตร์ เรื่อง
สมการเชิ งเส้นตัวแปรเดียว มีทงั ้ หมด 4 ชุด แบ่งออกเป็ นชุดละ 4 ข้อ
3. ให้นักเรียนพิ จารณาโจทย์ปัญหาสมการเชิ งเส้นตัวแปรเดียวที่กาหนดให้
คิ ดวิ เคราะห์โจทย์ปัญหา เขียนสมการ หาคาตอบ ด้วยความระมัดระวัง
และมีความตัง้ ใจ โดยทาลงในแบบฝึ กนี้
4. ตรวจทานความถูกต้องให้ดี ตรวจคาตอบว่ามีอะไรผิดพลาดหรือไม่
ถ้ามีให้ย้อนกลับไปคิ ดวิ เคราะห์ใหม่ให้ถกู ต้องอีกครัง้
126
จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ นักเรียนสามารถ
บอกสิง่ ทีโ่ จทย์กาหนดได้ถูกต้อง
เลือกวิธกี ารคิดคานวณและเขียนประโยคสัญลักษณ์ได้ถูกต้อง
แสดงวิธหี าคาตอบได้ถูกต้อง
ตรวจคาตอบได้ถูกต้อง
ด้านทักษะ/กระบวนการ
มีความสามารถในการแก้ปญั หา
มีความสามารถในการให้เหตุผล
ด้านคุณลักษณะ
มีความรับผิดชอบ
มีการทางานอย่างเป็นระบบ
มีระเบียบวินยั ในการปฏิบตั งิ าน
127
ชุดที่ 1 โจทย์ปัญหาสมการเกี่ยวกับการเปรียบเทียบจานวน
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
ประโยคสัญลักษณ์………………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
130
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………...
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
ประโยคสัญลักษณ์……………………………………………………………………….
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
131
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………..
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
132
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
…………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
ประโยคสัญลักษณ์………………………………………………………………………..
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
.
133
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์…………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
135
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์…………………………………………………………………………..
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
136
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์…………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
…………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
137
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………..
ประโยคสัญลักษณ์……………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
138
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………..
ประโยคสัญลักษณ์………………………………………………………………………….
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
140
2. ปี นี้ คณ
ุ ยายอายุ 60 ปี หลานสาวอายุ 12 ปี อีกกี่ปีอายุของคุณยายจะเป็ น 3 เท่า
ของอายุหลาน
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์…………………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
.....................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
………………………………………………………………………………………
141
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์………………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
142
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์…………………………………………………………………………..
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
…………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
143
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์……………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
145
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
…………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์……………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
5.ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
146
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์…………………………………………………………………………..
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4 .ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
147
1. ขัน้ ทาความเข้าใจในปัญหา
สิง่ ทีโ่ จทย์กาหนด
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
สิง่ ทีโ่ จทย์ตอ้ งการทราบ
……………………………………………………………………………………………….
2. ขัน้ วางแผนการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
ประโยคสัญลักษณ์……………………………………………………………………………
3. ขัน้ ดาเนิ นการแก้ปัญหา
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
4. ขัน้ ตรวจสอบคาตอบ
……………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
148
เฉลยแบบฝึ กชุดที่ 1
( ข้อ 1. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ ต้องการทราบว่าลูกฟุตบอลแพงกว่าลูกบาสเกตบอลกีบ่ าท
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ฝา่ ยจัดซือ้ จะจัดซือ้ ลูกบอลให้หอ้ งพละ เมือ่ คานวณ
เงินแล้วพบว่า ถ้าซือ้ ฟุตบอล 8 ลูก บาสเกตบอล
5 ลูก เป็นเงิน 2,955 บาท
- ถ้าซือ้ ฟุตบอล 5 ลูก บาสเกตบอล 8 ลูก เป็นเงิน
2,877 บาท
2. การวางแผน กาหนดให้
กาหนดให้ลูกบอลราคาลูกละ x บาท
บาสเกตบอลราคาลูกละ y บาท
ซื้อฟุตบอล 8x
ซื้อบาสเกตบอล 5y
ทั้งสองอย่างรวมกัน 8x + 5y = 2,955 สมการ
5x + 8y = 2,811 สมการ
3. การดาเนิ นการตามแผน
ซื้อฟุตบอล 8x
ซื้อบาสเกตบอล 5y
ทั้งสองอย่างรวมกัน 8x + 5y = 2,955 สมการ
5x + 8y = 2,811 สมการ
สมการ +
8x + 5y + 5x + 8y = 2,955 + 2,811
13x + 13y = 5,772
นา 13 หารสมการ
แทนค่า ในสมการ
8x + 5 (444 - x) = 2,955
8x + 2,220 - 5x = 2,955
3x = 735
149
X = = 245
แทนค่า x ในสมการ y = 444 - 245
y = 199
ราคาลูกฟุตบอลแพงกว่าลูกบาสเกตบอล = 245 - 199 = 46 บาท
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
8 (245) + 5 (199) = 2,955
5 (245) + 8 (199) = 2,817 ( เป็ นจริ งตามที่กาหนด )
150
( ข้อ 2. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ จงหาจานวนครัง้ ทีท่ มี ฟุตบอลเด็กดีแข่งชนะ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ทีมฟุตบอลเด็กดีลงแข่งขันชิงถ้วยเยาวชนรุ่นเล็ก
ทัง้ หมด 24 ครัง้
- โดยชนะ มากกว่าแพ้ 6 ครัง้
2. การวางแผน กาหนดให้
แข่งขันจานวน 24 ครั้ง กาหนดให้ชนะ x ครั้ง
แข่งขันแพ้ 24 - x
เนื่องจากแข่งขันชนะมากกว่าแพ้ 6 ครั้ง
จะได้วา่ X - ( 24 - x ) = 6
3. การดาเนิ นการตามแผน
X - ( 24 - x ) = 6
X - 24 + x = 6
2x = 6 + 24
X =
X = 15
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
15 - ( 24 – 15 ) = 6
15 - 11 = 6 ( เป็ นจริ งตามที่กาหนด )
151
( ข้อ 3. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ จานวนใดคือผลบวกของจานวนทัง้ สองนี้ ถ้าผลต่าง
ของจานวนทัง้ สองคือ 3
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ สามเท่าของจานวนหนึ่งบวกกับสามเท่าของอีก
จานวนหนึ่งมีค่า 21
2. การวางแผน กาหนดให้
จานวนสองจานวนมีผลต่างของจานวนทั้งสอง คือ 3
ให้จานวนหนึ่งเป็ น x อีกจานวนหนึ่งเป็ น x + 3
จากโจทย์สามเท่าของจานวนหนึ่งบวกกับสามเท่าของอีกจานวนหนึ่ งมีค่า
เท่ากับ 21 สมการ คือ 3 x + 3 ( x + 3 ) = 21
3. การดาเนิ นการตามแผน
สมการ คือ 3 x + 3 ( x + 3 ) = 21
3 x + 3 x + 9 = 21
6 x = 21 – 9
X =
X =2
ดังนั้นผลบวกของจานวนทั้งสอง x + (x + 3) = 2x + 3
= (2 2 ) + 3 = 7
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
3( 2 ) + 3(2+3) = 21
6+9 = 21 ( เป็ นจริ งตามที่กาหนด )
152
( ข้อ 4. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่ โจทย์ถาม คือ หาราคาของสมุดและดินสอ
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - สมุดราคาแพงกว่าดินสอ 4 บาท
- ถ้าสมุดและดินสอมีราคารวมกัน 100 บาท
2. การวางแผน กาหนดให้
ดินสอราคา x บาท
สมุดราคา x+4 บาท
สมุดและดินสอราคารวมกัน x+(x+4) = 100
จะได้ว่า 2x + 4 = 100
3. การดาเนิ นการตามแผน
สมการคือ 2x + 4 = 100
นา 4 ลบทัง้ สองข้างของสมการ
2x + 4 – 4 = 100 - 4
2x = 96
นา 2 หารทัง้ สองข้างของสมการ
2x ÷ 2 = 96 ÷ 2
X = 48
ดังนัน้ ดินสอราคา 48 บาท และสมุดราคา 48+4 = 52 บาท
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการคือ 2x + 4 = 100
แทนค่า 2(48) + 4 = 100
100 = 100 สมการเป็นจริง
153
เฉลยแบบฝึ กชุดที่ 2
( ข้อ 1. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ แม่มสี ม้ ทัง้ หมดเท่าไร
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - แม่ซอ้ื ส้มมาจานวนหนึ่ง แบ่งให้เด็กไป 2 ใน 3
ของจานวนส้มทีม่ อี ยู่
- ปรากฏว่ายังมีสม้ เหลืออีก 6 ผล
2. การวางแผน กาหนดให้
สมมติแม่มสี ม้ x ผล
แบ่งให้เด็กไป ผล
เหลือส้มอยู่ ผล
3. การดาเนิ นการตามแผน
สมการคือ = 6
= 6
นา 3 คูณทัง้ สองข้าง ของสมการ
×3 = 6×3
X = 18
ดังนัน้ แม่มสี ม้ ทัง้ หมด 18 ผล
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการคือ = 6
แทนค่า
6 = 6 สมการเป็นจริ’ง
154
( ข้อ 2. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ สมชายวิง่ ได้กก่ี โิ ลเมตร
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - สมชายวิง่ ได้ x กิโลเมตรในวันศุกร์
- วันต่อมาวิง่ ได้น้อยกว่าวันแรกอยู่ 2 กิโลเมตร
- ต่อมาวันอาทิตย์ระยะทางทีเ่ ขาวิง่ ได้เป็นครึง่ หนึ่ง
ของผลรวมทีเ่ ขาวิง่ ใน 2 วันก่อนหน้านี้
3. การดาเนิ นการตามแผน
วันศุกร์สมชายวิง่ ได้ระยะทาง x กม.
วันเสาร์สมชายวิง่ ได้ระยะทาง x – 2 กม.
วันอาทิตย์สมชายวิง่ ได้ระยะทาง ( x + x - 2 ) กม.
= (2x - 2)
= x 2 x - x2
= x - 1 กม.
155
( ข้อ 3. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ คนทีไ่ ด้ส่วนแบ่งมากทีส่ ุดกับน้อยทีส่ ุดได้แตกต่างกันเท่าไร
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - เจ้าสัวต้องการแบ่งเงิน 28 ล้านบาทให้ลกู สามคน
- ให้ลกู คนแรกเป็นสองเท่าของคนทีส่ อง
- ลูกคนแรกได้เป็นครึง่ หนึ่งของคนทีส่ าม
2. การวางแผน กาหนดให้
สมมติลกู คนแรกได้ส่วนแบ่ง x ล้านบาท
จากโจทย์แสดงว่าลูกคนทีส่ องได้ส่วนแบ่ง
จากโจทย์แสดงว่าลูกคนทีส่ ามได้ส่วนแบ่ง 2 x
สมการ คือ
3. การดาเนิ นการตามแผน
(x+2) + + ( 2 x + 2 ) = 28
X =
X =8
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ 8 + + ( 2×8) = 28
( ข้อ 4. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ ส้มสอบได้คะแนนเท่าใด
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ค่าเฉลีย่ คะแนนสอบของนักเรียน 4 คน คือ ส้ม
ดา เขียวและแดง เป็น 20
- คะแนนถ้าเขียวและดาสอบได้คะแนนเท่ากันและ
ส้มสอบได้คะแนนเป็นสองเท่าของเขียว
- แดงสอบได้คะแนนเป็นครึง่ หนึ่งของส้ม
2. การวางแผน กาหนดให้
สมมติสม้ สอบได้ P คะแนน
แดงสอบได้ คะแนน (แดงสอบได้ครึง่ หนึ่งของส้ม)
สมการ คือ
2. การดาเนิ นการตามแผน
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
32 + + + = 80
32 + 16 + 16 + 16 = 80 ( เป็ นจริ งตามที่กาหนด )
157
เฉลยแบบฝึ กชุดที่ 3
( ข้อ 1. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ ปจั จุบนั ปรานีมอี ายุเท่าไร
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - เมือ่ 16 ปีก่อนปรานีมอี ายุเป็นครึง่ หนึ่งของโสภา
- ปจั จุบนั ปรานีและโสภามีอายุรวมกันได้ 62 ปีพอดี
X + - 16 + 16 = 62 + 16
= 78 x
X = 52
ดังนั้นโสภามีอายุ 52 ปี
จะได้วา่ ปราณี อายุ - 16 = 10 ปี
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
52 + - 16 = 62
( ข้อ 2. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ อีกกีป่ ีอายุของคุณยายจะเป็น 3 เท่าของอายุ
หลาน
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ปีน้คี ุณยายอายุ 60 ปี หลานสาวอายุ 12 ปี
2. การวางแผน กาหนดให้
ให้ว่าอีก x ปี อายุคุณยายเป็ น 3 เท่า ของอายุหลาน = 3 ( 12 + x )
ปีน้คี ุณยายอายุ 60 ปี หลานสาวอายุ 12 ปี = 60 + x
3. การดาเนิ นการตามแผน
สมการ 60 + x = 3 ( 12 + x )
60 + x = 36 + 3x
3x - x = 60 + 36
x = = 12
ดังนัน้ อีก 12 ปี คุณยายอายุเป็ น 3 เท่าของหลาน
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
60 + 12 = 3 ( 12 + 12 ) ( เป็นจริงตามทีก่ าหนด )
159
( ข้อ 3. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ ฝาแฝด สองคน มีอายุรวมกันกีป่ ี
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - นักเรียนจานวน 4 คน มีอายุ 10,11,14,15 ปี
- มีฝาแฝดอีก 2 คน อายุเฉลีย่ ของเด็กกลุ่มนี้เป็น 13 ปี
2. การวางแผน กาหนดให้
ให้ฝาแฝดแต่ละคนอายุ x ปี
ค่าเฉลีย่ เลขคณิต =
นักเรียนจานวน 4 คน มีอายุ 10,11,14,15 ปี
มีฝาแฝดอีก 2 คน อายุเฉลีย่ ของเด็กกลุ่มนี้เป็ น 13 ปี
3. การดาเนิ นการตามแผน
แทนค่า 13 =
13 =
2x = ( 13 6) – 50
X = 78 - 50
ฝาแฝด 2 คนอายุรวมกัน = 28 ปี
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
แทนค่า 13 =
13 = 13 ( เป็นจริงตามทีก่ าหนด )
160
( ข้อ 4. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ ปจั จุบนั บุตรมีอายุกป่ี ี
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ปจั จุบนั พ่อมีอายุเป็ น 3 เท่าของอายุบุตร
- อีก 10 ปีขา้ งหน้าพ่อจะมีอายุครบ 61 ปี พอดี
2. การวางแผน กาหนดให้
โจทย์กาหนดว่าอีก 10 ปีขา้ งหน้าพ่อจะมีอายุครบ 61 ปี
ดังนัน้ ปจั จุบนั พ่อมีอายุ 61 - 10 = 51 ปี
แต่ ปจั จุบนั พ่อมีอายุเป็น 3 เท่าของบุตร 3x ปี
สมการทีไ่ ด้กค็ อื 3x = 51
3. การดาเนิ นการตามแผน
สมการทีไ่ ด้กค็ อื 3x = 51
นา 3 หารทัง้ สองข้างของสมการ
3x ÷ 3 = 51 ÷ 3
X = 17
นัน่ คือ ปจั จุบนั บุตรมีอายุ 17 ปี
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
3( 17 ) = 51
51 = 51 ( เป็นจริงตามทีก่ าหนด )
161
เฉลยแบบฝึ กชุดที่ 4
( ข้อ 1. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ มีคนทีท่ งั ้ สูบบุหรีแ่ ละดื่มสุรากีค่ น
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - โรงงานแห่งหนึ่งมีพนักงานฝา่ ยผลิต 200 คน
- มีคนทีไ่ ม่สบู บุหรีแ่ ละไม่ด่มื สุรา 60 คน มีคนสูบ
บุหรี่ 70 คน มีคนดื่มสุรา 100 คน
2. การวางแผน กาหนดให้
คนที่สูบบุหรี่ และดื่มสุ รามี x คน
สู บบุหรี่ อย่างเดียว 70 – x คน
ดื่มสุ ราอย่างเดียว 100 – x คน
และไม่สูบบุหรี่ และดื่มสุ รา 60 คน
มีคนทั้งหมด 200 คน
สมการ คือ x + (70-x) + (100-x)+60 = 200
3. การดาเนิ นการตามแผน
สมการ คือ x + (70-x) + (100-x)+60 = 200
X = 30
คนที่ดื่มสุ ราและสู บบุหรี่ = 30 คน
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
30 + ( 70 – 30 ) + ( 100 – 30 ) + 60 = 200
200 = 200 ( เป็นจริงตามทีก่ าหนด )
162
( ข้อ 2. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ ฝรังแต่ ่ ละผลหนักเท่าไร
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ฝรัง่ 2 ผลมีน้าหนักเท่ากับ 1ใน 4 ของแตงโมผลหนึ่ง
- ถ้าแตงโมผลนัน้ หนัก 2,400 กรัม
2. การวางแผน กาหนดให้
สมมติฝรังแต่
่ ละผลหนัก x กรัม
ฝรัง่ 2 ผลหนัก ของแตงโมผลหนึ่ง
จะได้ว่า ฝรัง่ 2x =
3. การดาเนิ นการตามแผน
2x =
จะได้ 2x = 600
นา 2 หารทัง้ สองข้างของสมการ
2x ÷ 2 = 600 ÷ 2
X = 300
ดังนัน้ ฝรังแต่
่ ละผลหนัก 300 กรัม
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการคือ
แทนค่า
( ข้อ 4. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ เดิมครูมหี นังสือกีเ่ ล่ม
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - ครูมหี นังสือจานวนหนึ่งแจกให้นกั เรียนจานวน 2
ใน 5 ของจานวนหนังสือทีม่ ี
- ปรากฏว่ายังมีหนังสือเหลืออยูจ่ านวน 60 เล่ม
2. การวางแผน กาหนดให้
เดิมครูมหี นังสือ x เล่ม
3. การดาเนิ นการตามแผน
สมการคือ x -
นา 5 คูณทัง้ สองข้างของสมการ
3x = 300
นา 3 หารทัง้ สองข้างของสมการ
3x ÷ 3 = 300 ÷ 3
X = 100
ดังนัน้ เดิมครูมหี นังสือ 100 เล่ม
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
สมการคือ x-
แทนค่า 100 -
60 = 60 ( เป็นจริงตามทีก่ าหนด )
164
( ข้อ 4. )
1. ขัน้ ทาความเข้าใจ
สิ่ งที่โจทย์ถาม คือ อยากทราบว่ามีหมูอยูก่ ต่ี วั
สิ่ งที่โจทย์กาหนด คือ - มีเป็ดและหมูอยูใ่ นเล้า นับหัวรวมกันได้ 12 หัว
- ขาของเป็ดมากกว่าขาของหมู 6 ขา
3. การดาเนิ นการตามแผน
นาสมการ x 2 2 x - 4 y = 24
นา - ( 2 x + 2 y ) - ( 2 x - 4 y ) = 24 - 6
6 y = 18
y = = 3
4. ขัน้ ตรวจคาตอบ
9 + 3 = 12 เป็ด
2 (9) - 4 (3) = 6 หมู
165
ภาคผนวก ง
รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ
166
รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ