Professional Documents
Culture Documents
Plague in Siam King Rama5
Plague in Siam King Rama5
กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่
พุทธศักราช ๒๕๖๒
กาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕
กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่ พุทธศักราช ๒๕๖๒
จ�ำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม
ลิขสิทธิ์ของกรมศิลปากร
ราคา ๑๖๐ บาท
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ
กาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕. --กรุงเทพฯ : ส�ำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
กรมศิลปากร, ๒๕๖๒
๓๓๖ หน้า. -- (กาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕).
๑. กาฬโรค. ๒. ไทย -- ประวัติศาสตร์ -- กรุงรัตนโกสินทร์ -- รัชกาลที่ ๕,
๒๔๑๑ - ๒๔๕๓. I. ชื่อเรื่อง.
๖๑๖.๙๒๓๒
ISBN 978-616-283-454-7
ที่ปรึกษา
นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร
นายพนมบุตร จันทรโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร
พลตรี ศาสตราจารย์ ดร. ศรศักร ชูสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านประวัติศาสตร์
นางสาวอรสรา สายบัว ผูอ้ ำ� นวยการส�ำนักวรรณกรรมและประวัตศิ าสตร์
นางสาวอรวรรณ ทรัพย์พลอย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอักษรศาสตร์
(ประวัติศาสตร์และจารีตประเพณี)
บรรณาธิการ
นายธันวา วงศ์เสงี่ยม นักอักษรศาสตร์ช�ำนาญการ
เอกสารต้นฉบับ
ส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร
ส�ำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร
ภาพประกอบ
ส�ำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร
พิมพ์ที่
ห้างหุ้นส่วนสามัญณัฐภรเพลท ๒๐๙/๓๒ หมู่ที่ ๓ ต�ำบลพิมลราช อ�ำเภอบางบัวทอง
จังหวัดนนทบุรี ๑๑๑๑๐ โทร. ๐๘๐-๒๘๗-๔๖๓๒, ๐๖๑-๕๑๖-๓๖๔๕
ค�ำน�ำ
ในประวัติศาสตร์ไทย ปรากฏเรื่องราวเหตุการณ์เกี่ยวกับโรคระบาด
ที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นจ�ำนวนมากอยู่หลายครั้ง ปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้นนั้น
บางครั้งผู้ปกครองถึงกับต้องละทิ้งชุมชน อพยพราษฎรย้ายถิ่นฐานหนีโรคร้าย
ไปตั้งอยู่ชุมชนแห่งใหม่ ตราบจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดการระบาดของกาฬโรคในกรุงเทพมหานคร
และตามหัวเมืองหลายแห่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กาฬโรคระบาดไปทั่วโลก
ด้ ว ยเหตุ นี้ รั ฐ บาลสยามจึ ง พิ จ ารณาถึ ง ความส� ำ คั ญ และจ� ำ เป็ น ที่ จ ะต้ อ งใช้
วิธกี ารตามหลักการแพทย์ตะวันตก เพือ่ ป้องกันและระงับการระบาดของกาฬโรค
ไม่ให้สูญเสียชีวิตราษฎรไปมากกว่านี้ ยังผลให้ปัญหาการระบาดของกาฬโรค
คลี่คลายไปได้ในที่สุด
ส�ำนักวรรณกรรมและประวัตศิ าสตร์ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการศึกษา ค้นคว้า อนุรักษ์ เผยแพร่ และส่งเสริมงาน
วิช าการด้ า นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติ ตระหนั ก ถึ ง คุ ณ ค่ า และ
ความส�ำคัญของเอกสารประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับกิจการด้านการแพทย์และ
สาธารณสุ ข ของไทย จึ ง ได้ ด� ำ เนิ น การศึ ก ษา ค้ น คว้ า รวบรวม เรี ย บเรี ย ง
ตรวจสอบช�ำระ และแปลเอกสารประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕
เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขของไทย
ให้เป็นที่ปรากฏแก่สาธารณชน
(๒)
(นายอนันต์ ชูโชติ)
อธิบดีกรมศิลปากร
ส�ำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
มิถุนายน ๒๕๖๒
ค�ำชี้แจง
หนังสือเรือ่ ง “กาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕” เป็นงานศึกษา ค้นคว้า รวบรวม
เรียบเรียง ตรวจสอบช�ำระ และแปลเอกสารประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับการระบาด
ของกาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕ การจัดพิมพ์ครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการ
ของรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ด�ำเนินการป้องกัน
การแพร่ระบาดของกาฬโรคตามหลักการแพทย์ตะวันตก เพื่อมิให้สูญเสียชีวิต
ราษฎรไปมากกว่านี้
ในการนี้ กรมศิ ล ปากร โดยส� ำ นั ก วรรณกรรมและประวั ติ ศ าสตร์
ได้ ม อบหมายให้ น ายธั น วา วงศ์ เ สงี่ ย ม นั ก อั ก ษรศาสตร์ ช� ำ นาญการ
กลุ่มประวัติศาสตร์ เป็นบรรณาธิการ โดยก�ำหนดแนวทางด�ำเนินการดังนี้
๑. เนื้อหา บรรณาธิการได้ศึกษาค้นคว้าและสอบค้นรวบรวมเอกสาร
ประวัติศาสตร์ จ�ำนวน ๔ รายการ ดังนี้
๑.๑ ต�ำราแพทย์แสดงด้วย
กาฬโรค นายแพทย์ยอร์ช แมกฟาร์แลนด์
เป็นผู้แต่ง พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกใน พ.ศ.
๒๔๕๓ ต้นฉบั บเป็ นภาษาไทย มี เ นื้ อ หา
กล่าวถึงประวัติความเป็นมาและวิธีป้องกัน
กาฬโรค บรรณาธิการได้ตรวจสอบช�ำระ
พร้อมทั้งจัดท�ำเชิงอรรถอธิบายความ
(๔)
๑.๒ ประมวลจดหมายเหตุเกี่ยวกับ
กาฬโรคสมั ย รั ช กาลที่ ๕ เป็ น การรวบรวม
จดหมายเหตุเกี่ยวกับการระบาดของกาฬโรค
สมั ย รั ช กาลที่ ๕ โดยคั ด เลื อ กเอกสารจาก
แหล่ ง ต่ า งๆ ทั้ ง หอจดหมายเหตุ แ ห่ ง ชาติ
ราชกิจจานุเบกษา และวารสารต่างประเทศ
ที่ มี เ นื้ อ หาเกี่ ย วกั บ การป้ อ งกั น กาฬโรค
ต้ น ฉบั บ มี ทั้ ง ภาษาไทยและภาษาอั ง กฤษ
บรรณาธิ ก ารได้ ต รวจสอบช� ำ ระ และจั ด ท� ำ
เชิงอรรถอธิบายความ กรณีต้นฉบับเป็นภาษา
อังกฤษ จะด�ำเนินการแปลเป็นภาษาไทยและ
ระบุที่มาเอกสารไว้ในเชิงอรรถ
๑.๓ ประกาศป้ อ งกั น กาฬโรคสมั ย รั ช กาลที่ ๕ เป็ น การ
รวบรวมประกาศและกฎหมายป้องกันกาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕ ตามที่ปรากฏ
ในราชกิ จ จานุ เ บกษาและชุ ด หนั ง สื อ กฎหมาย บรรณาธิ ก ารได้ ต รวจสอบ
ช� ำ ระและจั ด ท� ำ เชิ ง อรรถอธิ บ ายความกฎหมายและประกาศที่ ส� ำ คั ญ
บางรายการพิ ม พ์ ร วมไว้ ด ้ ว ย ส่ ว นรายการที่
ไม่ได้น�ำมาพิมพ์ ผู้อ่านสามารถสืบค้นและอ่าน
ส�ำเนาดิจิทัลได้จากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา
(www.ratchakitcha.soc.go.th) หรือหนังสือ
ประชุ ม กฎหมายประจ� ำ ศก ตามที่ ป รากฏใน
บรรณานุกรม
นอกจากนี้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ
แก่ผู้อ่านถึงความเป็นมาของกาฬโรคในสังคม
ไทย บรรณาธิการได้พิจารณาค้นคว้าเรียบเรียง
(๕)
หน้า
ค�ำน�ำ (๑)
ค�ำชี้แจง (๓)
กาฬโรคกับสังคมไทย ๑
ต�ำราแพทย์แสดงด้วยกาฬโรค ๑๗
ประมวลจดหมายเหตุเกี่ยวกับกาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕ ๕๓
ประกาศป้องกันกาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕ ๒๗๕
ล�ำดับเหตุการณ์ส�ำคัญเกี่ยวกับกาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕ ๓๐๓
ภาคผนวก สมมุติฐานเรื่องกาฬโรคสมัยพระเจ้าอู่ทอง ๓๐๗
บรรณานุกรม ๓๒๐
การค้าขายทางเรือสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นช่องทางให้กาฬโรคระบาดจากต่างประเทศมาถึงเมืองไทย
กาฬโรคกับสังคมไทย
โรคระบาดในชาวฟิลิสตีน ที่เมืองแอชดอด ตามคัมภีร์ไบเบิล
ที่มา : Wellcome Library no.44642i
Cited in https://wellcomecollection.org/works/cnark4vg
กาฬโรคกับสังคมไทย
ความเป็นมาของกาฬโรคในบริบทโลก
กาฬโรค (Plague) เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ
Yersinia pestis มีหนูและหมัดหนูเป็นพาหะโรค เป็นโรคระบาดที่รุนแรงและ
รวดเร็ว จึงคร่าชีวิตผู้คนจ�ำนวนมาก ผู้ติดเชื้อจะมีไข้สูงอย่างฉับพลัน เจ็บหน้าอก
มีรอยช�้ำสีด�ำอันเกิดจากเลือดออกภายใน (เป็นที่มาของค�ำว่า “Black Death”
ในภาษาอังกฤษ และค�ำว่า “กาฬโรค” ในภาษาไทย) และมีต่อมน�้ำเหลืองบวม
บริเวณขาหนีบหรือรักแร้ ท�ำให้เสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
หลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่ากาฬโรคมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และ
มีข้อสันนิษฐานว่าถิ่นก�ำเนิดโรคอยู่บริเวณเอเชียกลางหรือจีน แล้วจึงแพร่ระบาด
ไปยั ง บริ เวณอื่ น จากการย้ า ยถิ่ น ของหนู ที่ เ ป็ น พาหะโรค ในคั ม ภี ร ์ ไ บเบิ ล
(ซามูเอล ฉบับที่ ๑ บทที่ ๕ – ๖) กล่าวถึงโรคระบาดที่มีอาการคล้ายกาฬโรค
ในชาวฟิลิสตีนที่เมืองแอชดอด (Ashdod) เมื่อราวสามพันปีก่อน๑ และต่อมา
ราวพุทธศตวรรษที่ ๖ มีหลักฐานแสดงการระบาดของกาฬโรคในลิเบีย อียิปต์
และซีเรีย ซึ่งท�ำให้มีผู้เสียชีวิตจ�ำนวนมาก
การระบาดวงกว้าง (Pandemic) ครั้งแรกของกาฬโรคเกิดขึ้นในสมัย
พระจักรพรรดิจัสติเนียนที่ ๑ แห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก (ไบแซนไทน์)
๑
ในคัมภีร์ไบเบิลระบุว่า ชาวฟิลิสตีนไปยึดเอาหีบแห่งพันธสัญญา (Ark of Covenant)
ของชาวอิสราเอลมาเป็นของตน พระยะโฮวาห์จึงลงโทษชาวฟิลิสตีนให้มีฝีขึ้นในที่ลับ (บางฉบับ
แปลเป็นภาษาไทยว่า ริดสีดวงทวาร) อย่างรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตจ�ำนวนมาก ภายหลังชาวฟิลิสตีน
จึงต้องน�ำหีบแห่งพันธสัญญาไปคืนชาวอิสราเอลพร้อมเครื่องบูชาเป็นรูปฝีและรูปหนู จึงเป็นเครื่อง
บ่งชี้ว่า โรคระบาดในครั้งนั้นอาจเป็นกาฬโรคที่มีหนูเป็นพาหะ
๔
๑
Robert Pollitzer, Plague (Geneva : World Health Organization, 1954), 11 – 14.
๕
๑
Mark Harrison, Disease and the Modern World : 1500 to the Present Day
(Cambridge : Polity Press, 2005), p. 128 – 130.
๖
กาฬโรคในประวัติศาสตร์ไทย
กาฬโรคเริ่มเข้ามาระบาดในเมืองไทยตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน
แน่ชัด แต่มีนักวิชาการวิเคราะห์ว่า โรคระบาดที่ท�ำให้พระเจ้าอู่ทองทรงอพยพ
ผูค้ นมาสร้างเมืองใหม่ทกี่ รุงศรีอยุธยาเมือ่ พ.ศ. ๑๘๙๓ อาจเป็นกาฬโรค เนือ่ งจาก
ตรงกับช่วงเวลาการระบาดเป็นวงกว้างครั้งที่ ๒ ในยุโรปและเอเชีย หรือที่เรียก
ว่า Black Death โดยสันนิษฐานว่าไทยอาจรับกาฬโรคผ่านการค้าส�ำเภากับจีน
ซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาแล้ว การระบาดของกาฬโรคมีส่วน
ในการขจัดอิทธิพลของขอมในบริเวณลุ่มแม่น�้ำเจ้าพระยา และท�ำให้พระเจ้า
อู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นมาได้๑
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ดังกล่าวยังมีประเด็นที่น่าสงสัย ทั้งการ
หายไปของกาฬโรคหลังการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ซึ่งต่างจากในยุโรปที่มีการ
ระบาดซ�้ำหลายครั้งเป็นเวลาหลายร้อยปี ข้อสงสัยเรื่องกาฬโรคในจีนและอินเดีย
การขาดหลักฐานเกี่ยวกับการระบาดของกาฬโรคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตลอดจนการคงอยู่ของโรคระบาดอื่นๆ ที่มีมากในสมัยนั้น และอาจเป็นสาเหตุ
ของการอพยพมาสร้างกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน๒
กาฬโรคปรากฏชั ด เจนที่ เ มื อ งไทยในรั ช สมั ย พระบาทสมเด็ จ พระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๔๑๑ – ๒๔๕๓)
ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่กาฬโรคระบาดเป็นวงกว้างครั้งที่ ๓ โดยมีจุดเริ่มต้นที่
ประเทศจีน โดยเฉพาะการระบาดอย่างรุนแรงในเมืองท่าส�ำคัญ คือเมืองฮ่องกง
เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ และเป็นจุดแพร่กระจายการระบาดไปยัง
ประเทศอื่นๆ
๑
สุจิตต์ วงษ์เทศ และคณะ, Black Death โรคห่า กาฬโรค ยุคพระเจ้าอู่ทอง ฝังโลกเก่า
ฟื้นโลกใหม่ ได้ “ราชอาณาจักรสยาม” (กรุงเทพฯ : บางกอกน้อย, ๒๕๕๓), หน้า ๖ – ๑๕.
๒
โปรดดูบทวิเคราะห์ที่ภาคผนวก : สมมุติฐานเรื่องกาฬโรคสมัยพระเจ้าอู่ทอง
๗
๑
ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๔ โรคระบาดกลายเป็นปัญหาระดับโลก เนื่องจากโรคระบาด
หลายโรคสามารถระบาดได้อย่างรวดเร็วและรุนแรงข้ามทวีป เช่น อหิวาตกโรคและกาฬโรค น�ำไปสู่
ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อป้องกันโรคระบาด โดยเฉพาะการประชุมด้านสุขอนามัยระหว่าง
ประเทศ (International Sanitary Conference) ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๓๙๔ ที่กรุงปารีส
จากปัญหาการระบาดของอหิวาตกโรคในยุโรป ต่อมามีการตกลงใช้ “ระเบียบการอนามัยระหว่าง
ประเทศ” (International Sanitary Convention) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ เพื่อบังคับใช้มาตรการต่างๆ
ในการป้องกันโรคระบาดระหว่างประเทศ เช่น การกักกันเรือ และมาตรการอื่นๆ
๒
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ. ๘.๔ค/๒ ข้อบังคับพิเศษของกรมพยาบาลเรือ่ งจัดการป้องกัน
โรคร้าย (๒๘ พ.ค. – ๓ ต.ค. ๒๔๓๗).
๓
อยู่ในอ่าวไทย บริเวณอ่าวรูปตัว ก. ทางใต้ของปากแม่น�้ำเจ้าพระยา
๔
กรมพยาบาล สังกัดกระทรวงธรรมการ ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ เพื่อดูแลกิจการของ
โรงศิริราชพยาบาล ตลอดจนกิจการด้านการแพทย์และสาธารณสุขทั่วราชอาณาจักร
๕
ซัวเถา หรือซ่านโถว (Swatow, Shantou) เป็นเมืองท่าแห่งหนึ่งในมณฑลกวางตุ้ง
ประเทศจีน ชาวเมืองส่วนใหญ่ใช้ภาษาจีนแต้จวิ๋ และเป็นแหล่งต้นทางของชาวจีนจ�ำนวนมากทีอ่ พยพ
มาเมืองไทยในสมัยรัตนโกสินทร์
๘
นอกจากมาตรการกักกันเรือแล้ว ยังมีมาตรการรักษาความสะอาด
โดยการตั้งสุขาภิบาลกรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ และตั้งแพทย์สุขาภิบาล
เพื่อจัดการรักษาความสะอาดและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บแก่ราษฎรในกรุงเทพฯ๑
ตลอดจนดูแลการตั้งด่านกักกันเรือที่เกาะไผ่ด้วย แพทย์สุขาภิบาลคนแรกคือ
นายแพทย์ ปี. เอ. ไนติงเกล (P.A. Nightingale) ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๔๔
นายแพทย์ ไ นติ ง เกลลาออกจากต� ำ แหน่ ง จึ ง มี ก ารแต่ ง ตั้ ง นายแพทย์ ฮิ ว จ์
แคมป์เบล ไฮเอต (Hugh Campbell Highet)๒ เป็นแพทย์สุขาภิบาลแทน
และกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทส�ำคัญยิ่งในการป้องกันกาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕
ในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๔๔ กาฬโรคระบาดมาถึง
เมืองไทยเป็นครัง้ แรกทีภ่ เู ก็ต ท�ำให้มผี เู้ สียชีวติ ราว ๔๐ – ๕๐ คน และมีการระบาด
ต่อไปทุกปี นายแพทย์ไฮเอตจึงยืน่ รายงานถึงเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์ววิ ฒ ั น์๓ อธิบดี
กรมสุขาภิบาล เพื่อให้จัดการป้องกันกาฬโรคด้วยวิธีการต่างๆ โดยอ้างอิงจาก
มาตรการป้องกันกาฬโรคของเมืองกลาสโกว์ตามที่ตนเคยเห็นมา มาตรการ
ป้องกันทีน่ ายแพทย์ไฮเอตเสนอ เช่น การตัง้ ด่านกักกันเรือ การปรับปรุงสุขาภิบาล
ในพระนคร และการเฝ้าสังเกตหนู ทั้งยังเสนอให้ออกประกาศเตือนราษฎรให้
๑
“พระราชก�ำหนดศุขาภิบาลกรุงเทพฯ รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๖,” ราชกิจจานุเบกษา,
เล่ม ๑๔, วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ร.ศ. ๑๑๖, หน้า ๕๑๗ – ๕๒๕.
๒
นายแพทย์ฮิวจ์ แคมป์เบล ไฮเอต (Hugh Campbell Highet) แพทย์ชาวอังกฤษ ส�ำเร็จ
การศึกษาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ เดินทางมาเมืองไทยเพือ่ ปฏิบตั หิ น้าทีแ่ พทย์ประจ�ำ
สถานทูตอังกฤษใน พ.ศ. ๒๔๔๐ ต่อมารัฐบาลไทยแต่งตั้งเป็นแพทย์สุขาภิบาลใน พ.ศ. ๒๔๔๔
ทั้งยังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลคนเสียจริตคนแรก (ปัจจุบันคือสถาบันจิตเวชศาสตร์
สมเด็จเจ้าพระยา) ต่อมายังได้เป็นรองประธานสมาคมเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งตะวันออกไกล
(Far Eastern Association of Tropical Medicine) และนายกสยามสมาคม เดินทางกลับอังกฤษ
ใน พ.ศ. ๒๔๖๓ รวมระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในเมืองไทยราว ๒๓ ปี
๓
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ด�ำรง
ต�ำแหน่งอธิบดีกรมสุขาภิบาล เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ และเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ
๑๐
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์
อธิบดีกรมสุขาภิบาล
ทราบถึงลักษณะอาการของกาฬโรค และให้เจ้าพนักงานคอยสังเกตการเสียชีวิต
ที่อาจเกิดจากกาฬโรค ตลอดจนจัดตั้งโรงพยาบาลส�ำหรับกาฬโรคโดยเฉพาะ
นายแพทย์ไฮเอตมีความเห็นว่ากาฬโรคจะระบาดมาถึงกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน
ในเวลาไม่ช้า จึงควรปรับปรุงความสะอาดทั้งในก�ำแพงพระนครและนอกก�ำแพง
พระนคร เพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของกาฬโรคเมื่อเกิดการระบาดขึ้น๑
นายแพทย์ไฮเอตได้ย�้ำเตือนเรื่องนี้อีกหลายครั้งในรายงานประจ�ำปี
ของแพทย์สุขาภิบาล ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๕ – ๒๔๔๖ ในที่สุดก็เกิดการระบาด
ของกาฬโรคขึ้นในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ พบผู้ป่วยและ
ผู้เสียชีวิตจากกาฬโรคที่ต�ำบลตึกแดง ทางฝั่งตะวันตกของแม่น�้ำเจ้าพระยา
ซึ่ ง เป็ น ชุ ม ชนของชาวอิ น เดี ย ในกรุ ง เทพฯ นายแพทย์ ไ ฮเอตจึ ง สั่ ง การให้
พลตระเวน (ต�ำรวจ) ปิดล้อมบริเวณที่เกิดการระบาดในทันที ทั้งยังรื้อถอนและ
เผาบ้านเรือนที่สกปรกหลายหลัง ตลอดจนตั้งกลุ่มจับหนู และท�ำความสะอาด
ในบริเวณนั้นอย่างถ้วนทั่ว ส่วนผู้ป่วยกาฬโรคก็ให้น�ำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
กาฬโรค ซึ่งตั้งขึ้นใหม่ที่คลองสาน๒
๑
“Report on an Outbreak of Bubonic Plague in Glasgow with special
reference to the possibility of such an outbreak in Bangkok,” หอจดหมายเหตุแห่งชาติ,
ร.๕ น. ๕.๗/๑๐ การป้องกันกาฬโรค (๒๒ – ๒๔ ส.ค. ๑๒๐).
๒
เปิ ด ท� ำ การในเดือนกุม ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๗ ต่อ มาใช้เป็น ที่รักษาผู้ป่วยโรคติดต่อ
อื่นๆ ด้วย เช่น อหิวาตกโรค และไข้ทรพิษ รองรับผู้ป่วยประมาณ ๑๐๐ - ๒๐๐ คน ปัจจุบันคือ
โรงพยาบาลตากสิน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
๑๒
๑
“ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค,” ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๒๑, วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์
ร.ศ. ๑๒๓, หน้า ๘๗๑ – ๘๗๓.
๒
“ประกาศห้ามคนตื่นเรื่องแพทย์ตรวจป้องกันกาฬโรค,” ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๒,
วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓, หน้า ๘๗๕.
๑๓
และออกประกาศบังคับให้เจ้าของบ้านต้องแจ้งความเมื่อมีคนป่วยเป็นกาฬโรค๑
แต่ก็ไม่สามารถระงับการระบาดได้ ดังข้อมูลจากรายงานของนายแพทย์ไฮเอต
ใน พ.ศ. ๒๔๔๙ ระบุว่า จ�ำนวนผู้ป่วยทั้งในกรุงเทพและหัวเมืองประจ�ำปีนั้น
มีทั้งหมด ๓๙๐ คน เสียชีวิต ๓๒๘ คน๒
การป้องกันกาฬโรคในหัวเมืองประสบปัญหาหลายประการ เนื่องจาก
การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ และการขาดประสิทธิภาพของหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยขอให้กรมสุขาภิบาลจัดส่งแพทย์ไปช่วย
ป้องกันกาฬโรคในหัวเมืองเป็นครั้งคราว แต่ไม่สามารถท�ำได้ เนื่องจากแพทย์
สุขาภิบาลมีหน้าทีจ่ ดั การป้องกันกาฬโรคในกรุงเทพฯ เป็นหลัก ส่วนกรมพยาบาล
ก็ไม่มีงบประมาณและบุคลากรเพียงพอ กระทรวงมหาดไทยจึงเสนอให้ยุบ
กรมพยาบาล เมื่ อ พ.ศ. ๒๔๔๘๓ และเริ่ ม จั ด หาแพทย์ ไ ปป้ อ งกั น กาฬโรค
ในหัวเมืองเอง ถึง พ.ศ. ๒๔๕๕ จึงมีการตั้งกรมพยาบาลขึ้นใหม่ในกระทรวง
มหาดไทย เพื่อจัดการป้องกันโรคระบาดในหัวเมืองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งยังมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระงับโรคระบาด พ.ศ. ๒๔๕๖ เพื่อป้องกัน
โรคระบาดร้ายแรง ๓ โรค คือ กาฬโรค อหิวาตกโรค และไข้ทรพิษ๔ จนเป็น
ต้นแบบของกฎหมายป้องกันโรคระบาดในเวลาต่อมา
๑
“ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค ก�ำหนดให้แจ้งข่าวคนป่วย,” ราชกิจจานุเบกษา,
เล่ม ๒๓, วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๕, หน้า ๓๑๕ – ๓๑๖ และ “ประกาศให้แจ้งความ
กาฬโรค,” ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๒๓, วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๕, หน้า ๑,๑๔๔ – ๑,๑๔๕.
๒
“รายงานคนป่วยเป็นไข้กาฬโรค รัตนโกสินทรศก ๑๒๕,” ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๒๔,
วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๖, หน้า ๑๙๒ – ๑๙๔.
๓
“รายงานเสนาบดีสภา วันที่ ๘ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๔,” หอจดหมายเหตุ
แห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร (๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗),
หน้า ๔๙ – ๕๔.
๔
“พระราชบัญญัตริ ะงับโรคระบาทว์,” ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๓๐, วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๔๕๖, หน้า ๓๗๒ – ๓๗๘.
๑๔
๑
อาทร จันทวิมล, “ประวัติการควบคุมโรคติดต่ออันตรายในประเทศไทย,” อนุสรณ์
กระทรวงสาธารณสุข ครบ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๒๕๐๕ (พระนคร : กระทรวงสาธารณสุข, ๒๕๐๕),
หน้า ๖๐๔ – ๖๐๗.
๑๕
๑
R. Pollitzer, Plague, pp. 16 - 28.
กระทรวงสาธารณสุข ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕
ต�ำราแพทย์แสดงด้วยกาฬโรค
ต�ำราแพทย์แสดงด้วยกาฬโรค
ต�ำราแพทย์แสดงด้วยกาฬโรค
พิมพ์ที่โรงพิมพ์หมออเมริกัน
๑
นายแพทย์ยอร์ช แบรดลีย์ แมกฟาร์แลนด์ (Dr. George Bradley McFarland) หรือ
ที่คนไทยเรียกว่า หมอฟ้าลั่น เป็นบุตรของมิชชันนารีชาวอเมริกันที่มาเผยแผ่ศาสนาในเมืองไทย
เมือ่ เติบโตได้เดินทางไปศึกษาแพทยศาสตร์ทสี่ หรัฐอเมริกา หลังจากส�ำเร็จการศึกษาจึงเดินทางกลับ
ถึงเมืองไทยใน พ.ศ. ๒๔๓๔ และได้รับแต่งตั้งเป็นแพทย์ใหญ่โรงศิริราชพยาบาลในปีต่อมา นับเป็น
ผู้วางรากฐานการศึกษาวิชาแพทย์สมัยใหม่ในเมืองไทย จนได้รับยกย่องว่าเป็นอิฐก้อนแรกของ
โรงเรียนแพทย์ ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระอาจวิทยาคม
นายแพทย์ยอร์ช แมกฟาร์แลนด์
ค�ำน�ำ
ความประสงค์แห่งการแต่งต�ำรานี้ จะชีช้ กั น�ำบุคคลให้เห็นคุณประโยชน์
ในการป้องกันแก้กาฬโรค ตามวิธีแนะน�ำต่างๆ ซึ่งกล่าวในต�ำรานี้มีอยู่ข้างหน้า
ให้เปรียบดุจดังกระโจมไฟหมายที่ดอนน�้ำตื้น หรือหลักศิลาอันหมายแก่งโสโครก
ใต้น�้ำ หรือไม้ป้ายชี้หนทางตรงแพร่งถนน ซึ่งมีประโยชน์แก่ผู้เดินเรือ และบุคคล
เดินถนนฉันใด ต�ำรานี้ก็ชี้ความอันตราย และผลปลายมือแห่งพยาธิอันร้ายแรง
บอกวิธีปราบ แก้ กัน ก็ย่อมมีประโยชน์มากเหมือนกันฉันนั้น จึ่งส�ำเร็จความ
ประสงค์แห่งการแต่งต�ำราเล็กเล่มนี้ คือเพื่อจะชี้วิธีระวังชีวิตของตน กระท�ำให้
ยืดยาวนานไปได้ โดยถือว่าโรคดุอย่างนี้ปราบ กัน ได้ ห้ามมิให้แพร่หลายได้
ครั้นว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใดรู้ในวิธีปรนนิบัติ และจงใจปรนนิบัติโดยเคร่งครัด
ก็ป้องกันหมู่ญาติทั้งครัวเรือนของตนได้โดยแน่แท้ ดุจดังนายเรือเมื่อเห็นแสง
สว่ า งของกระโจมไฟในเวลากลางคื น อั น มี พ ายุ ก็ ย ่ อ มหลี ก เลี่ ย งไปให้ พ ้ น
เห็นว่าความฉิบหายแห่งชีวิตจะมีแก่ตน และผู้โดยสาร และราคาเรือคงจะถึง
ความวินาศใหญ่ ด้วยพุ่งเรือเข้าหาที่อันตรายฉันใด บุคคลผู้เลินเล่อเข้าไปในที่
มี อั น ตราย หรื อ ปล่ อ ยให้ เชื้ อ แห่ ง พยาธิ อั น นี้ แล่ น โดยพลุ ่ ม พล่ า มเข้ า มาใน
เรือนของตน ก็ย่อมเกิดความวินาศอันใหญ่ฉันนั้น ดุจเดียวกัน
เพราะเช่นนี้ไม่เป็นการเสียเปล่าเลย โดย ๑. ได้แนะน�ำชี้แจงทั้งปฐม
ต้นเหตุเริม่ เกิด ๒. เหตุอนั เป็นเชือ้ อณูปลิวเคลือ่ นคลาด ๓. ฤดูอนั โรคนีแ้ พร่หลาย
๔. อาการแรกเกิดส�ำเหนียกโรค ๕. อาการแรกชีว้ า่ เป็นจ�ำเพาะโรคนี้ ๖. วิธรี กั ษา
๗. การควรประพฤติแห่งจ�ำเพาะคน ในเมื่อมีกาฬโรคเกิดขึ้นในที่อันใกล้เคียง
เป็นภาคๆ ไป เมื่อรู้ในข้อเหล่านี้โดยถ้วนถี่แล้ว สามารถรักษาชีวิตของตน และ
หมู่ญาติในบ้านเรือนอันใกล้เคียง ให้มีความสุขสบาย และเจริญชีวิตไปได้อีกนาน
เมื่อบรรลุยังความประสงค์อันนี้แล้ว ก็เป็นการส�ำเร็จความปรารถนาอันใหญ่ยิ่ง
แห่งข้าพเจ้าผู้แต่งต�ำราเล่มนี้
หมอยอช แมกฟาร์แลนด์
๒๒
แสดงด้วยกาฬโรคเพลก๑
ตามนามของโรคนี้สมมุติเรียกกันคือ
“โรคห่าด�ำ” “ความร้อนแห่งกายเซบติก”๒ “โรคต่อมเป็นพิษ” หรือ
“ไข้พิษ” เป็นต้น
โรคนี้นับเข้าในจ�ำพวกหรือชนิดของโรคดุที่สุด ซึ่งเกิดขึ้นด้วยเชื้อพิเศษ
อย่างหนึ่ง แพร่หลายขึ้นด้วยเชื้ออณูติดค้างในพื้นดิน ในซุ้มซอกแซกของเรือน
ในภาชนะและผ้าห่มฟูกหมอนและผ้าปูที่นอน ปรากฏเป็นโรคห่า และท�ำลาย
ชีวิต ๒ ใน ๓ คนที่เป็นโรคนี้ขึ้น ส�ำแดงความดุร้ายแรงแห่งโรคอันนี้ นับว่าเป็นโรค
อันรวดเร็วฉับพลัน ด้วยว่ามีความร้อนแห่งกายแล้ว ความร้อนนั้นคงอยู่สูง
ตลอดเวลานานของโรค ด้วยผลของเชื้อพิเศษอย่างนี้ มีอาการคือ
๑. อักเสบแห่งต่อม เช่น ต่อมน�้ำเหลือง ทั้งชนิดตื้นตามผิวหนัง และ
ชนิดลึก
๒. ความอักเสบจัดตามเนื้อกล้ามหยาดมัน และพังผืดต่างๆ กระท�ำให้
เกิดฝีหัวใหญ่หรือฝีฝักบัว ในที่เกิดฝีเหล่านี้ปรากฏอักเสบจัด ความร้อนสูง ก�ำลัง
กายพับเพียบเร็ว
๓. มี อ าการโลหิ ต รั่ ว เป็ น แผลช�้ ำ ตามผิ ว หนั ง ด้ ว ยเส้ น โลหิ ต ขาด
ด้วยความอักเสบจัด ให้พงึ เข้าใจว่า อาการเหล่านีร้ วดเร็วยิง่ นัก เป็นทีน่ า่ หวาดเสียว
เหลือเกิน
๑
Plague แปลว่า กาฬโรค
๒
Septic แปลว่า การติดเชื้อ
๒๓
พงศาวดารส�ำแดงความดุร้ายของโรคนี้
เรื่ อ งพงศาวดารแรกเดิ ม ของโรคนี้ อั น เป็ น ที่ เชื่ อ ได้ นั้ น ว่ า โรคนี้ มี
ปรากฏขึ้นในราวคริสต์ศักราชปีที่ ๒๐๐ บางแห่งกล่าวว่าสามารถมีก่อนนี้อีก
แต่พงศาวดารเช่นนั้นบกพร่องไม่เป็นที่เชื่อได้
ต่อมาในราวปีที่ ๑๔๐๐ โรคนีเ้ กิดปรากฏขึน้ โดยรุนแรงในประเทศยุโรป๑
ท�ำลายชีวิตพลเมืองในประเทศนั้นๆ เกือบคน ๑ ใน ๔ คน เกิดทิ้งบ้าน ทิ้งเมือง
ทิ้งธุระการหาเลี้ยงชีพกันใหญ่ ต่อมาในคริสต์ศักราชปีที่ ๑๖๖๕ เกิดโรคห่าใหญ่นี้
ในกรุ ง ลอนดอน ๒ ทราบได้ ต ามพงศาวดารที่ จ ารึ ก ไว้ ว ่ า ในระยะ ๗ วั น
หรือสิ้นอาทิตย์ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายนปีนั้น มีรายชื่อผู้ตายอันจดทะเบียนไว้นั้น
ประมาณ ๕,๐๐๐ คน ต่อมาอีก ๗ วัน ตอนปลายของเดือนกันยายนนี้ รายชื่อของ
ผู้ตายที่จดทะเบียนไว้นั้นเกือบ ๑๐,๐๐๐ คน ถ้าจะสรุปรวมทั้งหมดที่สิ้นชีพ
เพราะโรคนี้ในปีนั้น ราวประมาณ ๗๐,๐๐๐ คน จึ่งต้องนับว่าความดุร้ายแรง
แห่งโรคนี้เป็นที่ยิ่ง ควรหมายเป็นที่หนึ่งในความดุท�ำลายชีวิต ด้วยเพาะเชื้อลง
ให้เกิดลุกลามมากขึ้นได้
๑
หมายถึง การระบาดครั้งใหญ่ของกาฬโรคในทวีปยุโรประหว่าง พ.ศ. ๑๘๙๐ – ๑๘๙๔
หรือที่เรียกกันว่า “Black Death” และมีการระบาดลุกลามไปทั้งในเอเชียและแอฟริกาต่อมาอีก
หลายศตวรรษ ถือเป็นการระบาดวงกว้างครั้งที่ ๒ ของกาฬโรค (Second Plague Pandemic)
๒ หมายถึง การระบาดครั้งใหญ่ของกาฬโรคในกรุงลอนดอนระหว่าง พ.ศ. ๒๒๐๘ – ๒๒๐๙
หรือที่เรียกกันว่า “Great Plague of London” ถือเป็นการระบาดใหญ่ครั้งสุดท้ายของกาฬโรคใน
ประเทศอังกฤษ
๒๔
๑
หมายถึง การระบาดวงกว้างครั้งที่ ๓ ของกาฬโรค (Third Plague Pandemic)
ซึ่งมีจุดเริ่มต้นในมณฑลยูนนานของจีนเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ แล้วลุกลามไประบาดอย่างรุนแรงใน
เมืองกว่างโจว และฮ่องกง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗ จากนั้นจึงระบาดต่อไปตามการค้าขายทางเรือ
โดยระบาดไปถึงอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙ และระบาดมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๗
๒
เมืองบอมเบย์ (Bombay) ปัจจุบันคือ เมืองบุมไบ (Mumbai) ประเทศอินเดีย
๓
เมืองกลาสโกว์ (Glasgow) ประเทศสกอตแลนด์
๒๕
๑
สันนิษฐานว่าหมายถึงการระบาดของกาฬโรคในเมืองซานฟรานซิสโก ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๓ –
๒๔๔๗ ซึ่งเป็นการระบาดของกาฬโรคครั้งแรกบนผืนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกา แต่มีการ
ปิดข่าวการระบาดเพื่อประโยชน์ทางการค้า การระบาดครั้งนั้นท�ำให้มีผู้เสียชีวิต ๑๑๙ คน
๒
คิตาซาโตะ ชิบาซาบูโร (Kitasato Shibasaburo) แพทย์ชาวญี่ปุ่นที่เป็นผู้ค้นพบ
_
เชื้อแบคทีเรียที่ท�ำให้เกิดกาฬโรค ระหว่างการระบาดในฮ่องกงเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗ ในช่วงเวลา
เดียวกันนั้น อเล็กซานเดอร์ เยอร์ซิน (Alexandre Yersin) แพทย์ชาวสวิส-ฝรั่งเศส ก็ได้ค้นพบ
เชื้อแบคทีเรียชนิดเดียวกัน แต่รายงานของอเล็กซานเดอร์ เยอร์ซิน มีความน่าเชื่อถือมากกว่า
ต่อมาจึงมีการตั้งชื่อเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ว่า Yersinia pestis เพื่อเป็นเกียรติแด่อเล็กซานเดอร์
เยอร์ซิน
๓๔ หมายถึง เชื้อแบคทีเรีย
เชื้อแบคทีเรียที่ท�ำให้เกิดอหิวาตกโรคในสัตว์ปีก (Fowl Cholera) คือ Pasteurella
multocida ซึ่งเดิมจัดอยู่ในสกุลเดียวกับแบคทีเรียที่ท�ำให้เกิดกาฬโรค คือสกุล Pasteurella
แต่ต่อมาใน ค.ศ. ๑๙๔๔ (พ.ศ. ๒๔๘๗) เชื้อแบคทีเรียที่ท�ำให้เกิดกาฬโรคย้ายไปอยู่ในสกุลใหม่
คือสกุล Yersinia
๒๖
นายแพทย์คิตาซาโตะ ชิบาซาบูโร
นายแพทย์อเล็กซานเดอร์ เยอร์ซิน
๒๗
กล่าวด้วยแผลเป็นประตูที่เชื้อนี้จะเข้ามาเกาะได้
ตั้งเป็นบัญญัติได้ว่า ผิวหนังก�ำพร้าอันปรกติ ซึ่งปราศจากแผลระแหง
หรือรอยขาด ย่อมเป็นเครื่องป้องกันอันดีที่สุด มิให้ศัตรูอันเป็นชนิดเชื้อปรมาณู
เหล่านี้เข้าเกาะได้
ข้อนี้รับรองได้โดยที่พลิกศพผู้ที่ตายเพราะโรคนี้ หรือผู้ที่ตรวจชันสูตร
และเพาะเลี้ยงเชื้อปรมาณูเหล่านี้ หยิบจับได้ ถ่ายเทได้ โดยไม่เป็นอันตรายเลย
จึ่งตั้งเป็นบัญญัติได้อีกข้อหนึ่งว่า ประมาณ ๖๐ – ๗๐ คน ใน ๑๐๐ คน ที่ตายด้วย
โรคนี้ ได้รับเชื้อเข้าทางแผลตามเท้า จะเป็นแผลใหญ่หรือเล็ก ไม่ว่าแผลข่วน
หรือเกา หรือถลอกไม่มีก�ำหนด ถ้าเช่นนี้จริงก็สันนิษฐานได้อีกชั้นหนึ่งว่า สัตว์อณู
เหล่านี้อยู่ชิดดินเจือดินโสโครก โดยผู้ป่วยถ่ายออกมา หรือที่เคลื่อนจากสัตว์อัน
เปื่อยเน่าตายด้วยโรคนี้ เพาะปลูกหว่านลงไว้อีกชั้น ๑ แล้ว มีผู้เดินมาพักอยู่นาน
พอสมควร เชื้ออณูเหล่านี้กระโดด หรือวิ่งไต่ขึ้นตามเท้า เข้าอู่อันสมควรคือแผล
แล้วจึง่ ส�ำแดงอาการปัจจุบนั ประจ�ำโรคนี้ หรือเชือ้ อณูเหล่านีโ้ ดยได้เพาะปลูกลงไว้
ในที่อันโสโครก ย่อมทวีแผ่พืชพันธุ์ตามแบบธรรมดาแห่งสิ่งเหล่านี้ แล้วมีผู้มา
พักตามเวลาอันสมควร ก็ย่อมได้รับเชื้อเหล่านี้กระโดดขึ้นหา ไต่ปีนขึ้นตามเท้า
และเข้าอู่อันเป็นแผล
เพื่อจะรับรองว่าเชื้ออณูเข้าโดยแผลตามเท้า ให้พึงเข้าใจว่าประมาณ
๗๐ คน ใน ๑๐๐ คน ที่ป่วยด้วยโรคนี้ ส�ำแดงอาการว่า ต่อมขาหนีบแรกโตบวม
โดยอักเสบและมีหนอง ข้อนีน้ ำ� มาเป็นเครือ่ งรับรองได้วา่ ต้นเหตุอยูใ่ นกายเบือ้ งล่าง
เชือ้ ไม่ได้เข้าทางอาหาร ถ้าปนกับอาหารแล้ว ไฉนเล่าต่อมตืน้ ตามขาหนีบจะส�ำแดง
อาการอักเสบได้โดยเร็ว ถ้าเชื้ออณูเข้าโดยทวารอื่น นอกจากแผลตามเท้าแล้ว
เหตุไฉนต่อมตื้นๆ ใกล้เคียงที่นั้นจึ่งไม่บวมโดยมาก มาเฉพาะบวมที่ต่อมขาหนีบ
จึ่งใช้เป็นพยานได้ว่า สรรพสัตว์ละเอียดต่างๆ เช่น ตัวเหา ตัวไร ตัวเรือด แมลงวัน
ตัวหมัด ตัวเห็บ อาจเป็นเครือ่ งน�ำพาเชือ้ เหล่านี้ โดยเชือ้ เกาะแล้วจึง่ ข้ามจากสัตว์นี้
๓๑
๑
ปัจจุบันมีการค้นพบว่า เชื้อโรคหรือปรสิตบางชนิดสามารถส่งผลต่อพฤติกรรมของสัตว์
พาหะ เช่น ท�ำให้สัตว์พาหะนั้นสูญสิ้นความกลัวตามสัญชาตญาณ และวิ่งเข้าหาสัตว์ที่มีขนาดใหญ่
กว่า เพือ่ ให้ตนเองถูกกินหรือสัมผัส จะได้สบื ทอดวงจรชีวติ ของเชือ้ โรคหรือปรสิตในร่างกายของสัตว์
พาหะนั้นต่อไป
๒ แคนตัน (Canton) ปัจจุบันคือเมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
๓๓
๑
คือ ต่อมน�้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ (Inguinal lymph nodes) จะมีอาการบวมโต และเจ็บ
๓๔
๑
รัสเซีย
๒
ฮ่องกง
๓๕
กล่าวด้วยอาการระยะแรกของโรคเพลก
อาการในระหว่างเวลาที่เชื้อเข้าจะส�ำแดง คือในระหว่าง ๒ หรือ ๘ วัน
หรือบางทีชา้ จนครบ ๑๕ วัน แต่ในชนิดดุของเชือ้ เพียง ๓ - ๔ ชัว่ โมงเท่านัน้ กว่าจะ
ส�ำแดงอาการ จึ่งต้องสันนิษฐานว่า ๘ หรือ ๑๐ วัน เป็นเวลาพอที่จะเกิดอาการ
ภายหลังเมือ่ ได้รบั เชือ้ เพราะเช่นนีก้ ารกักเรือ กักพลเมืองราว ๘ วัน ๑๐ วัน ก็เป็นอัน
พอสมควร ถ้าเลย ๑๒ วันไปแล้ว ไม่จำ� เป็นต้องเกรงว่าโรคนัน้ จะเกิดขึน้ ในคนผูน้ นั้
กล่าวด้วยอาการป่วยปรากฏแต่แรก
ในผู้ป่วยน้อยคน ซึ่งจะก�ำหนดอาการป่วยปรากฏแต่แรกเช่นจะกล่าว
ต่อไปนี้ได้ แต่มีว่าความร้อนแห่งกายก�ำเริบ๑ เมื่อยขบ ปวดตามข้อ ความคิด
ไม่สู้แจ่มแจ้งสว่างอย่างธรรมดา ให้หนักศีรษะ ปวดร้าวตามขา หนาวสะท้านสั่น
และให้วิงเวียนศีรษะ ทั้งให้ปวดตึงตามขาหนีบ ซึ่งต่อไปข้างหน้าเป็นถิ่นฐานแห่ง
ความอักเสบ คือต่อมน�้ำเหลืองในที่นี้บวม เหล่านี้เป็นอาการปรากฏน�ำหน้า
แต่ ช นิ ด โดยมากส� ำ แดงความฉั บ พลั น ยิ่ ง ที่ สุ ด สั ง เกตอาการจ� ำ พวกนี้ ไ ม่ ไ ด้
แต่ธรรมดาล้มเจ็บด้วยความร้อนแห่งกายก่อน ความร้อนอย่างสูงอย่างคง
แล้ ว ให้ เ หนื่ อ ยเพลี ย เปลี้ ย ลงเร็ ว ปวดศี ร ษะตามหน้ า ผากหรื อ ท้ า ยทอย
ให้ง่วงเหงาเชื่อมซึม ดุจดังว่าถูกยาเบื่อ เวลากลางคืนน่าจะนอนหลับได้ก็ไม่หลับ
ให้กระสับกระส่ายดิ้นรน ละเมอหยิบจับสิ่งของในอากาศ ตามที่ฝันเห็นว่ามี
ภายหลังการสั่นสะท้านหนาว ให้จับเนื้อเหี่ยวหน้าซีดตาขุ่น ขอบขาวของลูกตา
ให้มีเลือดแดง ประตูตาโต๒ ตาโหลลึก สังเกตหน้าดุจดังว่าผู้ตกใจกลัว หน้ามองดู
ว่าเป็นห่วงเหลียวพลิกอยูเ่ สมอ บางคนอุจจาระให้รว่ ง บางคนให้มอี าการอาเจียน
ไม่ผิดกับอาการโรคปัจจุบันกี่มากน้อย ถ้าจะพยุงให้เดิน ขาเพลีย เหมือนคนป่วย
หนัก ถ้าขาแข้งพอจะเดินได้ ให้โซเซเอนไปเอียงมา อาการเหล่านี้สามารถปรากฏ
พร้อมกัน และอาการเกิดขึ้นเกือบเร็วกว่าที่จะกล่าวพรรณนาล�ำดับมาได้
๑
หมายถึง มีไข้สูง
๒
หมายถึง รูม่านตา (Pupil) ขยาย
๓๖
ระยะเวลาอาการร้อนแห่งกาย
ในเวลาแรกๆ ของโรค อาการร้อนดังกล่าวมาแล้วนั้น ปรากฏและ
อาจจะสังเกตมาได้สักวันหนึ่งแล้ว ให้มีความร้อนแห่งกายก�ำเริบ ร้อนดุจดังไฟ
เกิดขึ้นเร็ว ตรวจด้วยปรอทเพียง ๑๐๓ – ๑๐๔ – ๑๐๗ ดีกรี๑ ทั้งให้ชีพจรก�ำเริบ
และหายใจก�ำเริบด้วย ถ้าจะสัมผัสผิวหนังก็แห้งร้อน หน้าบวมฉุๆ ตาขุ่นโหลลึก
หู ไ ม่ ไ ด้ ยิ น ถนั ด ลิ้ น บวม มี ฝ ้ า ละอองเหลื อ งติ ด ซึ่ ง เกิ ด ด้ ว ยความร้ อ นจั ด
ไม่กชี่ วั่ โมงลิน้ แห้งแข็ง ละอองเหลืองกลายเป็นสีดำ� สีนำ�้ ตาล ความกระหายน�ำ้ จัด
ความอ่อนพับเพียบลงเร็ว ชั้นจะพูดก็ไม่อยากพูดเพราะเหนื่อย ความฟั่นเฟือน
แห่งสติก�ำเริบขึ้นทุกที สังเกตอาการว่าบางคนบ่นพึมพ�ำ พูดอือๆ อาๆ บางคนดู
กระสับกระส่ายดิ้นรน บางคนนอนละเมอเพ้อ ก�ำลังตาขุ่นอยู่ ให้หยิบของ
ที่ฝันเห็นว่าลอย หรือหยิบตามผ้าปูที่นอน ให้ขัดเบา ทั้งมีอาเจียนบ้าง บางคน
อุจจาระให้ผูกหรือท้องร่วงไม่มีก�ำหนด ครั้นจะสวนน�้ำปัสสาวะ หรือถ่ายออกมา
ได้ก็น้อย ฝ่ายชีพจรในชั้นแรก แรงเร็ว สัมผัสได้ง่าย ครั้นต่อไปอีกไม่ช้า อ่อนลง
เบาลึก เร็วไม่เสมอ จนจะสัมผัสไม่ได้เลย ในอาการต่างๆ อย่างที่กล่าวมานี้
สันนิษฐานได้ว่า โรคนี้ผิดกับโรคอื่น ก�ำหนดคือมี
๑. ความร้อน
๒. ความวิปลาสแห่งสมอง ผิดกับสารพัดโรคปัจจุบันอื่น
อธิบายในแผนกความร้อนแห่งกาย
คือ :- ขึ้นท่าเดียว เป็นความร้อนชนิดแรงทวีขึ้นเร็วทันตา
อธิบายในแผนกความวิปริตแห่งสมอง
คือ :- ความเชื่อมซึมมีมาเร็วเกินกว่าสมควร อาจวิปริตจัดได้ในวันที่ ๒
หรือที่ ๓ และส�ำแดงอาการ ดังได้กล่าวมาแล้วนั้น
๑
องศาฟาเรนไฮต์
๓๗
กล่าวด้วยอาการแห่งระยะต่อมอักเสบ
โดยธรรมดา ๒ ใน ๓ คน หรือ ๙ ใน ๑๐ คน ที่ป่วยด้วยโรคนี้
เกิดอาการประจ�ำโรคนี้ คืออักเสบแห่งต่อมขาหนีบ เกิดขึ้นราวภายใน ๒๔ ชั่วโมง
หรื อ จะก� ำ หนดได้ เ ที่ ย งลงอี ก ว่ า เกิ ด ขึ้ น ในระหว่ า งชั่ ว โมงที่ ๓ หรื อ ที่ ๔
ภายหลังมีความร้อนแห่งกาย จนภายในวันที่ ๕ แต่จะค�ำนวณให้เที่ยงก็คือ
ต่อมอักเสบภายใน ๒๔ ชั่วโมง ส�ำแดงอาการประจ�ำโรคนี้
ต�ำบลที่ต่อมอักเสบ
ในผู้ป่วย ๑๐๐ คน ประมาณ ๗๐ คน เป็นต่อมตามขาหนีบแรกบวม
อักเสบ โดยมากต่อมข้างขวาอักเสบบ่อยกว่าข้างซ้าย จะเป็น ๑ เม็ดหรือหลายเม็ด
ในจ�ำพวกนี้ก็ได้ ใน ๑๐๐ คน ต่อมในช่องรักแร้แรกบวมไม่ถึง ๒๐ คน แต่ต่อม
ขากรรไกรแรกบวมน้อยกว่า ๑๐๐ ละ ๑๐ คน ถ้าเป็นเด็กๆ ที่ป่วย โดยมากเป็น
ต่อมใต้ขากรรไกรที่แรกบวม นานๆ ถึงจะพบสักครั้งหนึ่งว่าต่อมท้องข้อเข่าบวม
หรือต่อมท้องข้อศอกบวม เพราะเช่นนัน้ ต่อมขาหนีบเป็นถิน่ ฐานแห่งความอักเสบ
เพราะโรคนี้ บางทีบวมแต่เม็ดเดียว โดยมากผูกกันเป็นสาย อักเสบกันทั้งพวง
บวมจนตัง้ แต่ขนาดเท่าผลหมากสด หรือเท่าไข่หา่ น จนเท่าก�ำปัน้ โดยมากให้ปวดจัด
ให้เบ่งตึง เหยียดขยับขาก็ไม่ได้ หรือบางทีตอ่ มเหล่านัน้ บวมเฉย ไม่ได้รวู้ า่ ขัดขวาง
ประการใดในการงอเหยียดพับขา เพราะเช่นนัน้ ต้องก�ำหนดว่า ความบวมแห่งต่อม
จ�ำพวกนี้ อาจเป็นเครื่องสังเกตครั้งแรก ซึ่งจะเป็นที่ก�ำหนดได้ ครั้นว่าแรกบวม
ในช่องขาหนีบแล้ว อาจบวมได้ในที่อื่นๆ ด้วย จึ่งต้องสันนิษฐานในความแรกบวม
กล่าวด้วยขนาดของฝีที่ขาหนีบ
โดยธรรมดาความอักเสบแห่งต่อมจ�ำพวกนี้ ด�ำเนินจากเม็ดนี้สู่เม็ดอื่น
จนต่อมทั้งพวงโตน่วมเป็นฝีใหญ่ขนาดก�ำปั้น หรือบางทีโตเพียงเท่าฟองไข่ห่าน
หรือบางทีลามอักเสบกว้างจนดูเหมือนว่า เป็นฝีฝกั บัวมีหนองพรุน มีเนือ้ เปือ่ ยยุย่
๓๘
อาการต่อมน�้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโตในผู้ป่วยกาฬโรค
ที่มา : Public Health Image Library (PHIL), Centers for Disease
Control and Prevention, USGov.
Cited in https://en.wikipedia.org/wiki/Bubonic_plague
วิธีรักษา
วิธีรักษาโรคนี้แบ่งได้เป็น ๒ แผนก
แผนกที่ ๑ คือรักษาเมื่อเกิดขึ้นแล้วปรากฏอาการ
แผนกที่ ๒ คือรักษาไม่ให้แพร่หลาย
ในล�ำดับนี้จะอธิบายแผนกที่ ๑ คือวิธีรักษาเมื่อเกิดขึ้นแล้วซึ่งกล่าวมา
แล้ว เรื่องอาการอันปรากฏนั้น มีปรากฏว่าละเหี่ยเพลียเร็ว ก�ำลังกายพับเพียบ
เร็ว เพราะเช่นนั้น ในเมื่อรักษาควรใช้สรรพวิธีบ�ำรุงก�ำลัง ห้ามในยาชนิดที่ระงับ
ก�ำลังแห่งหัวใจ เป็นต้น มีแอกโกไนท์๑ แอนติไพริน๒ เป็นต้น ใช้ยาอื่นๆ บ�ำรุง
ทั้งได้อธิบายแล้วในลักษณะของโรคนี้ว่า เป็นโรคฝ่ายน�้ำเหลือง คือน�้ำเหลืองเจือ
เชื้ออณู เพราะเช่นนี้ควรใช้สรรพยาขับน�้ำเหลือง บ�ำรุงต่อมต่างๆ เพื่อจะได้ถ่าย
น�้ำเหลืองโสโครกออกเร็ว เพราะเช่นนั้นมีบัญญัติไว้ว่าควรใช้ยาเบื้องต้นดังนี้ คือ
๑. ดีเกลือ๓
๒. แคลโลแมล๔ ให้ซ�้ำบ่อยๆ มื้อละมากๆ
๓. เซลอล์ เป็นยาระงับเชื้อโสโครกในอาหาร
๔. ขี้ผึ้งปรอทอ๊อกไซด์เหลือง๕ ทาเกลื่อนฝีตามขาหนีบ
นอกจากค�ำแนะน�ำยาเบือ้ งต้นเหล่านี้ ต้องปรุงยาระงับเฉพาะแต่อาการ
ทีเ่ กิดขึน้ มีอาการความร้อนแห่งกายเป็นส�ำคัญทีส่ ดุ โดยใช้นำ�้ แข็งใส่ถงุ ประคบตาม
๑
อะโคไนต์ (Aconite) เป็นพืชมีพิษชนิดหนึ่ง ท�ำให้เกิดอาการชา คลื่นไส้อาเจียน หายใจ
ล�ำบาก อัตราการเต้นของหัวใจลดลง ในอดีตใช้เป็นยา เนื่องจากมีฤทธิ์ในการลดไข้ฉับพลัน
๒
แอนติไพรีน (Antipyrine) เป็นยาแก้ปวด ลดไข้ ลดการอักเสบ
๓
คือสารประกอบเกลือซัลเฟต ใช้เป็นยาระบาย ถ่ายพิษ
๔
แคโลเมล (Calomel) เป็นสารประกอบเมอร์คิวรีคลอไรด์ (Mercury Chloride) ในอดีต
ใช้เป็นยาระบาย ถ่ายพิษ
๕
หรือ เมอร์คิวริกออกไซด์ (Mercuric Oxide) ใช้เป็นยาทาฆ่าเชื้อ
๔๓
๑
ควินิน (Quinine) ยาแก้ไข้
๒
เกรน (Grain) เป็นหน่วยวัดมวลในอดีต นิยมใช้ในทางการแพทย์
๓
ทิงเจอร์วอร์เบิร์ก (Warburg’s Tincture) ในอดีตใช้เป็นยาแก้ไข้
๔
แดรม (Dram) เป็นหน่วยวัดปริมาตรในอดีต นิยมใช้ในทางการแพทย์
๕
ฟีนาซีตีน (Phenacetin) ในอดีตใช้เป็นยาแก้ปวด ลดไข้
๖
กรดไฮโดรไซยานิก (Hydrocyanic Acid) เป็นสารที่มีพิษร้ายแรง ในอดีตใช้เป็นยาระงับ
ประสาท
๗
คือท้อง สะดือ
สตริกนีน (Strychnine) เป็นสารที่มีพิษร้ายแรง ในอดีตใช้เป็นยากระตุ้นหัวใจ หรือบ�ำรุง
๘
ก�ำลัง สกัดได้จากเมล็ดของต้นแสลงใจ
๙
อะโทรปีน (Atropine) เป็นสารสกัดจากพืช ใช้เป็นยากระตุ้นหัวใจ
๔๔
๓. สปิริตแอมโมเนียหอม๑ มื้อละ m x x x – 60
๔. สปิริตอีเทอร์ไนโทรต๒ ครึ่งแดรม ทวีจนได้ ๑ แดรม
๕. ดิยิทาลิซ๓ รับประทาน m x x และดิยิทาลิน gr. 1/20 ฉีด
แพทย์บางคนนิยมว่า ควรบัญญัติให้รับประทานสตริกนินตามมื้อและ
เวลาสมควร ตลอดเวลาทีป่ ว่ ยเป็นโรค “เพลก” นับถือกันว่าทุน่ ก�ำลังและชูอวัยวะ
ต่างๆ ให้สู้กับผลของเชื้อนั้น จนกว่าเวลาจะขับถ่ายออกได้
ยาระงับเชื้อปรมาณูตามล�ำไส้
ใช้เซลอล์เจือยาสมานท้อง มื้อละ ๑๐ เกรน ทุก ๔ ชั่วโมงไป เพื่อระงับ
กระสับกระส่าย มีมอร์ฟีน เป็นต้น ในชั้นแรกฉีดครั้งละเกรน 1/6 – ค่อยทวีตาม
ความประสงค์จนฉีดครั้งละครึ่งเกรน ครั้นได้ฤทธิ์ของมอร์ฟีนนั้นแล้ว ก็ให้ฉีดแต่
ครั้งละเศษ ๑ ในส่วน ๘ ของเกรน
หรือใช้ ไฮโอซีน Hyoscine๔ gr 1/120 – ทวีจนได้ gr 1/80
โคลแรลไฮเดรต๕ มื้อละ gr 20
ด่างโบรไมด์๖ รับประทาน gr 30 ทุก ๓ ชั่วโมง
๑
หรือ อะโรมาติกแอมโมเนียสปิริต (Aromatic Ammonia Spirit) เป็นยาดมที่ใช้ป้องกัน
และบ�ำบัดอาการหน้ามืด เป็นลม
๒
หรือ สปิรติ ออฟไนตรัสอีเทอร์ (Spirit of Nitrous Ether) เป็นส่วนผสมของกรดไนตริกกับ
แอลกอฮอล์ ใช้เป็นยากระตุ้นประสาท
๓
ดิจิทาลิส (Digitalis) เป็นพืชสมุนไพรสกุลหนึ่ง เรียกกันโดยทั่วไปว่า “ถุงมือจิ้งจอก”
(Foxgloves) สามารถสกัดสารที่มีฤทธิ์ในการเพิ่มแรงบีบของหัวใจ น�ำมาใช้เป็นยา เรียกว่า
“ดิจิทาลิน” (Digitalin)
๔
ไฮออสซีน (Hyoscine) เป็นสารสกัดจากพืช ใช้เป็นยาลดการปวดเกร็งในท้องและล�ำไส้
๕
คลอรัลไฮเดรต (Chloral Hydrate) เป็นสารประกอบที่ใช้เป็นยาระงับประสาท
๖
หรื อ เรี ย กว่ า เกลื อ โบรไมด์ เช่ น โพแทสเซี ย มโบรไมด์ (Potassium Bromide)
เป็นสารประกอบที่ใช้เป็นยาระงับประสาท
๔๕
๑
องศาเซลเซียส
๔๗
ล�ำดับวิธีรักษากาฬโรคแผนกที่ ๒
คือรักษามิให้แพร่หลาย โดยการกักคุมผู้ป่วยและล้อมต�ำบลที่มีโรคนี้
เกิดขึ้น
กว่าการเหล่านี้จะส�ำเร็จไปได้ ต้องการสิ่ง ๒ อย่าง ที่ ๑ อ�ำนาจความ
ปกครองพอที่จะสั่งอย่างไร ให้ส�ำเร็จอย่างนั้น ที่ ๒ ว่าทรัพย์สมบัติพอที่จะใช้สอย
ในหน้าที่ต่างๆ ในวิธีห้ามกันความแพร่หลาย ต้องแบ่งวิธีนี้ออกเป็น ๒ แผนก
แผนกที่ ๑ คือ การกักหรือล้อมหมู่บ้าน หรือประชุมชน
แผนกที่ ๒ คือ ข้อระวังและความประพฤติแห่งเฉพาะบุคคล ถ้า ๒ แผนก
นี้ส�ำเร็จไปได้ ก็อาจรับรองว่าห้ามกันความแพร่หลายได้
ในแผนกที่ ๑ คือวิธีห้ามกันความแพร่หลายแห่งเชื้ออณูในหมู่บ้าน
หรือที่ประชุมชน ทั้งปฏิบัติวิธีท�ำลายเชื้ออันมีอยู่ในหมู่บ้านประชุมชนเหล่านั้น
กว่าความประสงค์ในข้อนี้จะส�ำเร็จไปได้ จ�ำเป็นต้องมีอ�ำนาจบงการให้ส�ำเร็จไป
ตามความประสงค์ เพราะเช่นนี้ควรตรวจตราถ้วนถี่ สารพัดคนอันจะออกจาก
ที่มีโรคอย่างนี้ก็ดี ทั้งกักห้ามผู้อื่นไม่ให้เข้าไปมั่วสุมอยู่กับผู้ป่วยในต�ำบลนั้นๆ
เพราะเช่นนี้ตามสถานีก็ดี ในรถไฟก็ดี หรือตามด่านเจ้าภาษีต่างๆ ตามที่พัก
พลตระเวนต่างๆ ควรมีเจ้าพนักงานส�ำหรับตรวจ ทั้งบุคคลและห่อหรือหีบแห่ง
ผู้เดินทางนั้นๆ ถ้ามีสิ่งซึ่งสงสัยว่าป่วย หรือข้าวของเสื้อผ้า อันมาจากต�ำบล
ทีม่ โี รคอย่างนีแ้ ล้ว ควรกักไว้ไม่ตำ�่ กว่า ๗ วัน หรือ ๘ วัน ได้กด็ ี ต้องล่วงไปเสียก่อน
กว่าจะปล่อยไป นับตั้งแต่วันที่มีผู้ตายโดยส�ำแดงอาการของโรคนี้ นับตั้งแต่นั้น
ไปให้ ไ ด้ ๘ วั น เป็ น ดี แ ล้ ว จึ่ ง ปล่ อ ย ในเวลาซึ่ ง กั ก เช่ น นี้ จ� ำ เป็ น ต้ อ งมี ที่ พั ก
จ�ำเป็นต้องมีเสบียงอาหารเลีย้ ง และยาส�ำหรับบ�ำบัด โดยจะมีผปู้ ว่ ยเกิดขึน้ ในเวลา
ควบคุมนั้น เหล่านี้ควรมีเงินกองกลางเพื่อรับรองเป็นค่าใช้สอย
๔๘
ในการกักควบคุมเฉพาะแต่พลเมืองชาวบ้านก็ไม่พอ เชื้ออณูเหล่านี้
เคลื่ อ นที่ ไ ด้ ใ นเสื้ อ ผ้ า เครื่ อ งใช้ ส อย ทั้ ง ตามขนแห่ ง สั ต ว์ เ ลี้ ย ง แมว สุ นั ข
มิใช่แต่เท่านี้ มีพยานรับรองว่า ผ้า ขนฟูก เบาะ ที่หลับที่นอน อาจเป็นที่ซุ่มซ่อน
ของเชื้ออณูเหล่านี้ได้นาน เพราะเช่นนี้สารพัดเครื่องนุ่งห่มผ้าอันมาจากผู้ป่วย
หรืออันโสโครกโดยกระทบกับของถ่ายทิ้งจากผู้ป่วย หรือเป็นเครื่องผ้าม่าน มุ้ง
พรม เสื่อ อันมาจากห้องของผู้ป่วย และผู้ที่ถึงแก่กรรมด้วยโรคนี้ สิ่งเหล่านี้
จ�ำเป็นต้องไม่เผาไฟ ก็ให้ใส่ในหม้อเหล็กนึง่ ด้วยความร้อนอันสมควร กว่าเชือ้ เหล่านี้
จะตายหมด เช่นนี้เป็นการสมควรประพฤติและส�ำเร็จไปได้ในที่อื่นๆ ถ้าและ
เป็นเรือก�ำปั่นหรือเรือเดินตามคลอง แม่น�้ำ ซึ่งออกจากต�ำบลมีโรคนี้ เกิดคนเจ็บ
ในนั้ น หรื อ มี ผู ้ ถึ ง แก่ ก รรมในนั้ น เรื อ เหล่ า นี้ ค วรต้ อ งค้ า งในระหว่ า งคุ ม ขั ง
กว่าจะครบวันและเวลาที่ก�ำหนดไว้นั้น สารพัดหนู แมลงสาบ ควรจะฆ่าหมด
เครื่องใช้สอยในกระบวนผ้าควรเข้าในหม้อนึ่ง ให้อบความร้อนจนเวลาสมควร
ฝ่ายบุคคลผูโ้ ดยสารบรรดาทีส่ บายทุกอย่าง ให้คมุ อยูก่ อ่ น แต่ผปู้ ว่ ยต้องแยกเอาไว้
ทีอ่ นื่ อันห่างไกล ถ้าผูป้ ว่ ยนัน้ ถึงแก่กรรม ปรากฏอาการโรคนี้ ต้องกักทัง้ เรือทัง้ คน
กว่าจะครบไม่ต�่ำกว่า ๘ วัน
ครั้นโรคนี้ปรากฏขึ้นในหมู่บ้านใด ต้องตั้งเจ้าพนักงานเป็นทหารหรือ
พลเรือนล้อมบ้านนัน้ ห้ามทุกคนทีจ่ ะเข้าหรือออกจากบ้านหรือต�ำบลนัน้ จัดเฉพาะ
บ้านนัน้ เหมือนทีพ่ กั ผูป้ ว่ ยชัว่ คราว จะตายหรือหายก็ดี ต้องช�ำระกวาดล้างประพรม
ด้วยน�ำ้ ยากลบกลิน่ ทีล่ มุ่ ฉ�ำแฉะใต้ถนุ ใช้ปนู ขาวโรย เครือ่ งใช้สอยผ้านุง่ ห่ม มุง้ ฟูก
โดยจะกระทบผูป้ ว่ ย หรือโสโครกด้วยอุจจาระเหล่านี้ ลงกระทะเหล็ก ราดน�ำ้ มันก๊าด
แล้วเผาไฟ ตามเรือนร้านพื้นฟากฝา ใช้ผ้าชุบน�้ำยาถูพรมพ่นโดยโชก เปิดช่องใน
หลังคาให้แดดส่อง หรือรื้อหลังคาแถบหนึ่ง ย้ายครอบครัวไปอยู่ชั่วคราวในที่อื่น
หรือยกพื้นให้สูงจากดิน ฝ่ายศพควรฝังไม่ตื้นกว่า ๔ ศอก หรือเผา ฝ่ายผู้พยาบาล
ผูท้ นี่ า่ จะสงสัยว่าจะน�ำเชือ้ โรค ควรตรวจชันสูตรอยูห่ ลายวันอีกชัน้ หนึง่ เหมือนกัน
๔๙
เจ้าหน้าที่รัฐบาลอาณานิคมอังกฤษในฮ่องกงก�ำลังท�ำความสะอาดบ้านที่มีผู้ป่วยกาฬโรค
ในการระบาดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗
ที่มา : https://zolimacitymag.com/a-plague-a-cure-and-some-art-the-museum-of-
medical-sciences/
ล�ำดับข้อและการควรประพฤติแห่งเฉพาะคน ในเมื่อกาฬโรคเกิดขึ้น
๑. ควรยกเว้นจากการเยี่ยมเยียนสมาคม หรือเข้าในต�ำบล หรือสนิท
กับผู้ที่สงสัยว่าอยู่ชิดโรคนี้
๒. ห้องผูป้ ว่ ยควรเปิดเผย ทัง้ ลมอากาศพัดได้สะดวก ทัง้ สว่างและโปร่ง
และรักษาความสะอาดในทุกแผนกแห่งการหลับนอน กิน และถ่ายเท
๓. ผู ้ เป็ นแพทย์ก็ดี ผู้พ ยาบาลก็ดี ไม่ ควรอุ ้ ม หรื อ ก้ ม คร่ อ มผู ้ ป่ วย
ยกเว้นแต่เมื่อจ�ำเป็นต้องครั้งละประเดี๋ยวๆ แล้วออกไปผึ่งแดด กระพือผ้า
เปลี่ยนเสื้อ
๔. ระวังที่สุดในสรรพแผลเปื่อย แผลเกา โรคผิวหนัง แผลหนังถลอก
ตามมือ ในสารพัดแผลเหล่านี้ ใช้น�้ำยาปิดกันอากาศเข้า เช่น ทิงเจอร์ก�ำยาน
คอมเปานด์๑ แตะจิ้มแผลใหญ่เล็กทุกแห่งไป
๕. หมั่ น ออกตากแดด หมั่ น นั่ ง ในที่ อ ากาศพั ด โปร่ ง หมั่ น อาบน�้ ำ
ถูฟอกสบู่ หมั่นเปลี่ยนเสื้อ ผลัดผ้านุ่ง เสื้อและผ้าที่ผลัดนั้นให้ผึ่งแดดไปพลาง
๖. โดยจ�ำเป็นเข้าห้องผู้เจ็บ อยู่แต่ประเดี๋ยวหนึ่ง ไม่ควรนั่งนอนพักพิง
อยู่นานนัก
๗. การถูฟอกตัว ทั้งผม หนวด ด้วยสบู่คาร์บอลิก๒ และสรรพน�้ำยา
ต่างๆ เป็นการควร
๘. สารพัดผ้าเจือหนอง ผ้ารองอุจจาระ ผ้าห่ม ผ้ารองเบาะ ผ้าน�้ำมัน
ควรเผาทั้งนั้น แล้วหาใหม่มาเปลี่ยน
๑
Compound แปลว่า สารประกอบ
๒
ท�ำจากกรดคาร์บอลิก (Carbolic Acid) มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ
๕๒
พระยาพิพัฒโกษา ไปราชการ
(เซ็น) หลวงพิพิธวิรัชการ แทน
๑
เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) บุตรชายคนเล็กของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหา
ประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ต่อมาด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ และเสนาบดี
กระทรวงธรรมการ
๕๗
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ ๘.๔ค/๒ ข้อบังคับพิเศษของกรมพยาบาลเรื่อง
จัดการป้องกันโรคร้าย (๒๘ พ.ค. – ๓ ต.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๔๖ – ๔๗.
๒
นายแพทย์ฮานส์ อดัมเซน หรือพระบ�ำบัดสรรพโรค
๓
Quarantine แปลว่า การกักกันโรค กักกันผู้ป่วย
๕๘
รับฉลองพระเดชพระคุณจัดการให้มีเจ้าพนักงานส�ำหรับตรวจเรือที่จะเข้ามา
และรับฎีกาความส�ำราญ และต้องจัดการให้มีโรงที่พักแห่งหนึ่งแห่งใด ในที่เกาะ
หรือที่ฝั่งตามสมควร มีพนักงานคอยรักษา และขอผู้ว่าราชการเมือง กรมการ
ในจังหวัดนั้นช่วยเป็นธุระด้วย ถ้าในเรือนั้นมีคนเป็นโรคเปลกอยู่ในเรือ จะได้เอา
ขึ้นรักษาที่โรงพักนั้น กับจะต้องขอเรือกรมทหารเรือล�ำ ๑ เป็นเรือตระเวนตรวจ
รักษาทอดประจ�ำอยู่ กรมพยาบาลจะจัดแพทย์หมอเป็นเจ้าพนักงานส�ำหรับ
ความส�ำราญ ผลัดเปลี่ยนกันอยู่ที่เรือนั้น เพื่อที่จะได้ตรวจเรือทุกล�ำจัดการ
ตามกฎหมายควั ว รั น ตี น และข้ อ บั ง คั บ คราว ๑ ได้ ร ่ า งข้ อ บั ง คั บ ค� ำ สั่ ง พิ เ ศษ
ส�ำหรับเจ้าพนักงานและเรือค้าขายที่จะเข้ามาต้องประพฤติ เป็นภาษาอังกฤษ
ถวายมาในนี้ก่อน ถ้าโปรดแล้วจะได้แต่งลงราชกิจจาสืบไป เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า
ทูตและกงสุลส�ำหรับชาติของเรือค้าขายได้ยอมให้หมอตรวจแล้ว คงจะไม่เป็น
การขัดข้องแต่ขอ้ บังคับนี้ จะควรแก้ไขประการใด และจัดการเพียงใด ขอประทาน
พระด�ำริชอบ การจะควรประการใดสุดแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ
ควรมิควรสุดแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ
(เซ็น) ภาสกรวงศ
๖๐
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ ๘.๔ค/๒ ข้อบังคับพิเศษของกรมพยาบาลเรื่อง
จัดการป้องกันโรคร้าย (๒๘ พ.ค. – ๓ ต.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๔๔ – ๔๕.
๖๒
มีปญ
ั หาว่า การเรือ่ งนีเ้ มือ่ ได้ทราบเหตุ ก็ได้ปรารภและด�ำริการทีเ่ ห็นว่า
เป็นหน้าที่สมควรจะจัดการปกครอง จึงได้มีจดหมายที่ ๗/๑๔๓๗ กราบทูลหารือ
ไปยังพระเดชพระคุณเสนาบดีว่าการต่างประเทศแล้ว ถ้าทรงพระด�ำริเห็นชอบ
ก็จะได้รีบจัดการตามควร ครั้นได้รับหนังสือของท่านว่า ให้สั่งเจ้าพนักงานให้รีบ
จัดการไปตามควรนั้น ก็ได้มีค�ำสั่งยังกรมพยาบาลให้จัดหมอที่สมควรผลัดเปลี่ยน
กันไปคอยตรวจ ถ้าหมอไม่พอก็ให้จดั จ้างเป็นการพิเศษขึน้ แต่หมายของกงสุลนัน้
ต้องขอทุกชาติตามที่จะเข้ามาค้าขายในกรุงเทพฯ
ในส่วนการที่จะตรวจนั้น ไม่สู้จะส�ำคัญ เมื่อไม่มีคนป่วยไข้ในเรือ
ก็ เ ป็ น การดี ถ้ า มี ขึ้ น แล้ ว ต้ อ งจั ด การผ่ อ นคนไข้ ขึ้ น รั ก ษาที่ แ ห่ ง ใดแห่ ง หนึ่ ง
และตรวจเรือบังคับเรือให้ท�ำตามกฎหมายควัวรันตีน จึงจะสิ้นสงสัยในการเรื่องนี้
เพราะฉะนั้นจะต้องจัดที่แห่งหนึ่งแห่งใดปลูกเป็นโรงพักขึ้นไว้ และมีหมอและ
คนพยาบาลส�ำหรับด้วย ที่จะได้รักษาคนเจ็บนั้น และต้องมีผู้ตรวจผู้รักษา
ตามสมควร เพราะฉะนั้น ถ้าจะเป็นการขัดข้องสิ่งใด ต้องขอกระทรวงของท่าน
ช่วยอุดหนุนให้การส�ำเร็จไปด้วย เพราะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้จัดการนี้ให้เป็น
แบบแผนสืบไป
ขอท่านได้น�ำความขึ้นกราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอ เสนาบดีกระทรวง
ว่ า การต่ า งประเทศทราบใต้ ฝ ่ า พระบาท จะควรประการใดสุ ด แล้ ว แต่ จ ะ
โปรดเกล้าฯ
ควรมิควรสุดแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ
(เซน) พระยาวุฒิการบดี
ราชปลัดทูลฉลอง
๖๓
ออฟฟิศกรมพยาบาล๑
๒๗
วันที่ ๒๖ พฤษภาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๓ [พ.ศ. ๒๔๓๗]
เรียนมายังท่านเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เสนาบดีกระทรวงธรรมการทราบ
ด้วยได้รับค�ำสั่งที่ ๔๙/๑๘๔๑ ลงวันที่ ๒๕ เดือนนี้ว่า กระทรวง
ต่ า งประเทศมี จ ดหมายมาด้ ว ยเรื่ อ ง เกิ ด ไข้ ป ั จ จุ บั น ซึ่ ง เป็ น โรคติ ด กั น ได้
ให้กรมพยาบาลจัดหมอที่สมควรไปตรวจตราเรือลูกค้าที่จะเข้ามากรุงเทพฯ
ถ้ามีคนเป็นโรคอยู่ในเรือก็ต้องท�ำตามหนังสือกระทรวงว่าการต่างประเทศ
ถ้ า เห็ น ว่ า การตรวจไม่ พ อ จะควรจั ด ให้ มี ที่ พั ก แห่ ง หนึ่ ง ตามแต่ จ ะเห็ น ควร
พร้ อ มด้ ว ยพนั ก งานที่ ป ระจ� ำ เรื อ ควรจะจั ด การอย่ า งไรอี ก บ้ า งนั้ น ได้ ท ราบ
ตลอดแล้ว
ข้าพเจ้าเรียกหมอมาที่ออฟฟิศกรมพยาบาล ปรึกษาเห็นพร้อมกันว่า
ควรจะไปตั้งโรงพยาบาลที่เกาะไผ่ ขอให้เจ้าเมืองกรมการปลูกโรงพยาบาลให้
ถ้าในเวลานี้จะมีคนไข้มาก็ต้องเช่าบ้านราษฎรในเกาะไผ่อาศัยอยู่ไปพลางก่อน
หรือมิฉะนั้นต้องมีเรือล�ำหนึ่งไปทอดไว้เป็นโรงพยาบาล กับจะต้องมีเรือกลไฟ
ล�ำหนึ่งพอจะไปเกาะไผ่ ได้มอบสิทธิ์ขาดอยู่ในอ�ำนาจหมอส�ำหรับตรวจเรือ
ตรวจโรงพยาบาล ขอให้เจ้าเมืองกรมการเมืองสมุทปราการช่วยดูแลอย่างที่ได้
ช่วยมาแล้วด้วย
กับอนึ่ง ต้องขอหนังสือห้ามเรือจากกงสุลต่างประเทศไว้ส�ำหรับเป็น
คู่มือหมอที่จะตรวจเรือนั้นด้วยอย่างหนึ่ง หรืออีกอย่างหนึ่งถ้าจะจัดการให้
เบาความล�ำบากลง ต้องขออนุญาตกงสุลต่างประเทศให้มีค�ำสั่งถึงบรรดาเรือที่
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ. ๘.๔ค/๑ จดหมายไปมาในระหว่างกรมพยาบาล
กับกระทรวงธรรมการ ในเรื่องป้องกันโรคร้าย (๑๕ พ.ค. – ๑๐ ส.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๕.
๖๔
การจะควรประการใดแล้วแต่จะโปรด
(เซ็นพระนาม) จันทรทัดจุธาธาร๑
๑
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรทัตจุฑาธาร กรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา พระราช
โอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาโหมด ต่อมาทรงด�ำรงต�ำแหน่ง
อธิบดีกรมพยาบาล สังกัดกระทรวงธรรมการ
๖๖
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ ๘.๔ค/๒ ข้อบังคับพิเศษของกรมพยาบาลเรื่อง
จัดการป้องกันโรคร้าย (๒๘ พ.ค. – ๓ ต.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๔๘ – ๔๙.
๖๗
๑
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาวาด ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงรับราชการในไปรเวต
สิเกรตารีออฟฟิศหลวง ฝ่ายต่างประเทศ ต่อมาทรงด�ำรงต�ำแหน่งข้าหลวงใหญ่ประจ�ำมณฑล
พายัพ เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ และเสนาบดีกระทรวงวัง
๖๘
ที่ ๖๑/๑๖๗๖
๒๗
วันที่ ๓ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๓ [พ.ศ. ๒๔๓๗]๑
กราบทูลในพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจันทรทัดจุธาธาร ทรงทราบ
ฝ่าพระบาท
ด้วยหมออาดัมซันกับหลวงด�ำรงมาบอกเกล้ากระหม่อมว่า เรือขงเบ้ง
มาจากฮ่องกงมีคนป่วยในเรือคน ๑ เป็นจีนคนใส่ไฟ ป่วยเป็นไข้ ไข่ดันบวม เดินเซ
ซึ่งเข้าแบบโรคร้ายนั้น แต่ยังไม่ออกดอก และอาการแน่ทีเดียว เป็นที่สงสัย
จึงได้ห้ามเรือนั้นไม่ให้เข้ามากรุงเทพฯ ได้กลับลงไปตรวจใหม่ และจะแวะบอก
กงสุลอังกฤษด้วย เมื่อมีคนเจ็บขึ้นดังนี้ ขอให้ทรงพระด�ำริจัดคนพยาบาลการ
รักษาทั้งปวงได้ หมอลงไปตรวจบอกอาการเป็นแน่ จะต้องเอาคนไข้ขึ้น เรือก็จะ
ต้องควัวรันตีนไว้ตามธรรมเนียม ได้ถามไปที่กระทรวงโยธาธิการว่าที่จะไปปลูก
โรงพักที่เกาะไผ่นั้นแล้วหรือยัง บอกมาว่าได้ให้เรือบรรทุกของไปแต่วันที่ ๓๑
เดือนก่อนแล้ว แต่จะไปถึงหรือยังไม่ทราบ เพราะเรือโป๊ะใช้ใบไป ไปขอเรือไฟ
ที่ทหารเรือไม่ได้ เมื่อเกิดมีคนไข้ขึ้นแล้วจะเอาขึ้นไว้ที่ไหนดี ขอให้ทรงพระด�ำริ
ปรึกษากับหมอดู อย่าให้เป็นทีห่ มูฝ่ รัง่ ตืน่ ตกใจและติโทษในหน้าทีก่ รมพยาบาลได้
ถึงเวลาจ�ำเป็นแล้วเรือไม่ได้จากกรมทหารเรือ ก็ต้องจ้างเรืออื่นเขาบรรทุกคน
และของไปให้ทันการจงได้ เรือเล็กส�ำหรับตรวจที่ปากน�้ำนั้น ถ้าทหารเรือไม่ให้
ต้องจ้างเขา ได้จัดไว้ล�ำหนึ่งแล้ว หมอจะต้องการเอาไปไว้ที่ปากน�้ำก็ได้
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ ๘.๔ค/๑ จดหมายไปมาในระหว่างกรมพยาบาล
กับกระทรวงธรรมการ ในเรื่องป้องกันโรคร้าย (๑๕ พ.ค. - ๑๐ ส.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๑๑ - ๑๓.
๖๙
นายแพทย์ฮานส์ อดัมเซน
หรือพระบ�ำบัดสรรพโรค
๗๐
ในเวลาที่ยังปลูกโรงเกาะไผ่ไม่แล้ว ถ้าจะเอาคนไข้ขึ้นพักไว้สมุทเจดีย์๑
กลัวจะเป็นปัญหาและเป็นที่ติเตียนที่จะป้องกันโรคร้ายในกรุงเทพฯ ไม่ได้
ถ้าอย่างไร ให้เรือไปควัวรันตีนไปพักที่เกาะไผ่ คนไข้นั้นก็เอาขึ้นอาศัยไว้ที่ใดก่อน
จะได้กระมัง ขอให้ทรงปรึกษาหมอให้ตกลงกันจะเอาอย่างไรแน่ จะได้บอกไป
ตามกระทรวงและกรมที่เกี่ยวหน้าที่ให้ทราบ การเช่นนี้ต้องเป็นการด่วน จะทิ้ง
เฉื่อยช้าไม่ได้ เรือใหญ่ยังให้ไปเที่ยวว่าจ้างอยู่ ตกลงประการใดโปรดมีรับสั่ง
มาให้ทราบ
ควรมิควรสุดแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ
[ไม่มีผู้ลงนาม]๒
๑
พระสมุทรเจดีย์ เมืองสมุทรปราการ
สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เสนาบดีกระทรวงธรรมการ หรือพระยา
๒
วุฒิการบดี ปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการ
๗๑
ที่ ๖๒/๑๖๗๗
๒๗
วันที่ ๓ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๓ [พ.ศ. ๒๔๓๗]๑
ถึงหลวงด�ำรง หรือหมออาดัมซัน ปากน�้ำ
ด้วยมีโทรเลขบอกมาว่า สงสัยว่าจะมีคนเจ็บโรคร้ายในเรือขงเบ้ง
ต้องให้เรือหยุด และถามมาว่าคนเจ็บจะเอาขึ้นไว้ที่ไหน กับทูตอังกฤษยอมตาม
ความเห็นควรของหมอนั้น ได้ทราบแล้ว
คนไข้ที่จะเอาขึ้นนั้น จะเอาขึ้นพักที่สมุทเจดีย์ไม่ได้ ขัดข้อง ถ้าเป็นโรค
จริงจะติดมาถึงกรุงเทพฯ ครั้นจะไปฝากไว้ที่เรือนตะเกียง๒ ก่อน ฝรั่งที่รักษาอยู่
ที่นั่นจะไม่ยอม ซึ่งเห็นว่าขัดข้องอยู่เหมือนกัน จึงเห็นว่าการที่พักรักษาและ
ห้ามเรือ ตกลงกันทีเ่ กาะไผ่ กระทรวงโยธาก็ได้ให้เรือบรรทุกของไปปลูกโรงอยูแ่ ล้ว
ควรให้เรือขงเบ้งที่มีคนเจ็บบนเรือที่ต้องควัวรันตีน ไปพักอยู่ที่เกาะไผ่ จะก�ำหนด
กี่วันแล้วแต่หมอจะเห็นควร คนเจ็บก็จะต้องเอาขึ้นรักษาที่เกาะไผ่ แม้ว่าท�ำ
โรงพักแล้ว จึงได้ให้เรือไฟเล็กลงมากับหมอและคนพยาบาลด้วย ถ้าหมอเห็น
สมควรจะให้ก�ำกับไปในเรือก็ตาม หรือไม่ต้องก�ำกับไป รอไว้ตามไปแต่ภายหลัง
แล้วแต่หมอจะเห็นควร เครื่องพยาบาลหมอฝรั่งควรรักษาพยาบาล จะได้จ้างเรือ
จัดส่งตามออกไปทันที เมื่อได้พบกันแล้ว จะได้ปรึกษามีค�ำสั่งต่อไป
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ ๘.๔ค/๑ จดหมายไปมาในระหว่างกรมพยาบาล
กับกระทรวงธรรมการ ในเรื่องป้องกันโรคร้าย (๑๕ พ.ค. - ๑๐ ส.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๘ - ๙.
๒ คือ ประภาคารแห่งแรกของไทย ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น�ํ้ำเจ้าพระยา สมเด็จเจ้าพระยา
บรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๔
๗๒
๑
สิงคโปร์
๒
เมืองไซ่ง่อน ปัจจุบันคือ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
๓
สันนิษฐานว่า เป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรทัตจุฑาธาร กรมหมื่นวิวิธวรรณ
ปรีชา อธิบดีกรมพยาบาล
๗๓
๒๗
วันที่ ๓ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๓ [พ.ศ. ๒๔๓๗]๑
เรียนเจ้าคุณได้ทราบ
ด้วยข้าพเจ้าได้รับหนังสือของเจ้าคุณ ได้ทราบความแล้ว การเรื่องนี้
ข้าพเจ้าได้สั่งหลวงด�ำรงค์และหมอผู้ตรวจแล้วว่า ถ้าพบเรือล�ำใดมีคนไข้ที่เป็น
โรคร้ายนั้นแล้ว ก็ให้ห้ามเรือ อย่าให้เข้ามาในกรุงเทพฯ ให้ไปจอดอยู่ที่เกาะไผ่
แล้ ว กรมพยาบาลจึ ง จะได้ จั ด การพยาบาลต่ อ ไป เมื่ อ มี เ หตุ เ กิ ด ขึ้ น ดั ง นี้ แ ล้ ว
หมอก็จะต้องท�ำตามค�ำสัง่ นัน้ ทีจ่ ะเอาคนไข้ขนึ้ ไว้ทสี่ มุทเจดียห์ รือทีใ่ ดๆ นอกจาก
เกาะไผ่นั้น ไม่ได้เป็นอันขาด
ส่วนการพยาบาลคนไข้ทเี่ กาะไผ่นนั้ เป็นการล�ำบาก เพราะต้องเกีย่ วกับ
กรมอืน่ กรมโยธาไปปลูกโรงพยาบาลก็ยงั ไม่แล้ว กรมทหารเรือก็ไม่ยอมให้เรือ จึงต้อง
เป็นการเนิน่ ช้าอยู่ ถ้ามีเรือส�ำหรับบรรทุกคนและของไปได้เมือ่ ใดแล้ว กรมพยาบาล
ก็จะรีบออกไปจัดการพยาบาลที่เกาะไผ่นั้นให้ทันการจงได้ ขอเจ้าคุณอย่าได้วิตก
ในส่วนกรมพยาบาลเลย ถ้ามีเรือแล้วเมื่อใดเป็นจัดการตลอดเมื่อนั้น ของก็มีอยู่
พร้อมแล้ว ไม่ตอ้ งซือ้ หาอันใด เพียงแต่จะขนไปจัดเท่านัน้ แต่โรงพยาบาลนัน้ ควรจะ
เตือนไปที่กรมโยธาให้รีบท�ำ แม้ที่สุดให้คนไข้อาศัยได้ ๑ คน ๒ คน ก่อน ส่วนเรือ
ทีม่ คี นไข้นนั้ ต้องให้ถอยไปจอดอยูเ่ กาะไผ่กอ่ น ทีจ่ ะให้อยูท่ อี่ นื่ นัน้ ไม่ได้เป็นอันขาด
การที่บอกกงสุลให้ทราบนั้น ก็เป็นการดีแล้ว จะได้ห้ามเรือได้เป็นการสิทธิ์ขาด
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
(เซ็นพระนาม) จันทรทัดจุธาธาร
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ ๘.๔ค/๑ จดหมายไปมาในระหว่างกรมพยาบาล
กับกระทรวงธรรมการ ในเรื่องป้องกันโรคร้าย (๑๕ พ.ค. - ๑๐ ส.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๑๐.
๗๔
กรุงเทพฯ
๒๗
วันที่ ๑๔ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๓ [พ.ศ. ๒๔๓๗]๑
มิสเตอร์แคมเปอแมน มินศิ เตอเรซิเดนราชทูตและกงสุลเยเนราลเยอรมัน
ทูลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ เสนาบดีวา่ การต่างประเทศ
ด้ ว ยในคราวประชุ ม พวกผู ้ แ ทนราชาธิ ป ไตยแห่ ง นานาประเทศ
เมื่อวันที่ ๗ เดือนนี้ การที่ได้ปรึกษาตกลงนั้นจึงได้รับรองดังจะว่าต่อไปนี้
และตามค�ำขอของผู้ที่ได้มาประชุมนั้น ข้าพเจ้าขอรับพระราชทาน
ถวายมายังพระเดชพระคุณ เพื่อที่จะได้ทรงพระกรุณาด�ำริ
๑. ในการที่ราชาธิปไตยสยามเป็นธุระเพื่อที่จะห้ามโรคกาฬะชักน�ำ
เข้ามานั้น ก็สมควรอยู่แล้วตามเหตุที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้
๒. ควรจะต้องร้องขอต่อท่านราชาธิปไตยฝ่ายสยามในธุระอันร้อนนี้
อันทีจ่ ะท�ำต่อไปภายหน้า ให้จดั หาทีเ่ กาะอันสมควรเป็นทีก่ วาเรนตินสเตชันเฉพาะ
ให้อยู่ห่างฝั่ง ส�ำหรับรักษาโรคที่จะติดกันได้นั้นแห่งหนึ่ง และจะต้องจัดการให้มี
เต้น๒ หรือที่พัก กับน�้ำทีก็ให้พอใช้ และเสบียงอาหาร ทั้งหมอผู้ที่จะปฏิบัติรักษา
นั้นให้พร้อมบริบูรณ์ เมื่อต้องการเมื่อใดจะมิได้ขัดขวาง
๓. ในความทุ ก เรื่ อ งที่ เจ้ า พนั ก งานรั ก ษาความสุ ข จะยึ ด เรื อ ไว้ ใ น
กวาเรนติน จะต้องบอกให้กงสุลที่เกี่ยวข้องทราบโดยเร็ว กงสุลผู้นั้นจะได้ให้หมอ
ไปที่เรือ และจะได้เป็นที่พอใจของเขาว่า ที่ห้ามเรือไว้นั้นเป็นการอันควร
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ ๘.๔ค/๒ ข้อบังคับพิเศษของกรมพยาบาลเรื่อง
จัดการป้องกันโรคร้าย (๒๘ พ.ค. – ๓ ต.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๕๓ – ๕๖.
๒
เต็นท์ (Tent)
๗๕
๔. กัปตันและคนโดยสารที่หนึ่งนั้น ขอได้อนุญาตให้ขึ้นไปอยู่ที่เกาะ
ที่เมืองสมุทปราการ และให้รอฟังค�ำสั่งอยู่ที่นั้นต่อไป
ความที่ตั้งใจมั่นคงดังนี้ ได้โวต ๑ และได้ยอมตกลงกันตามบรรดา
ผู้แทนราชาธิปไตยนานาประเทศทั้งปวงแล้ว คือราชทูตกรุงยุไนเตศเตด๒ ๑
จากเยดาแฟร์๓ กรุงเกรตบริตเตน๔ ๑ กรุงฝรั่งเศส ๑ กงสุลต่างๆ แอตติง
กงสุลต่างๆ และแอตติงกงสุลเยเนราล ส�ำหรับกรุงออศเตรีย๕ สวิเดนแอนนอเว๖
เดนมารค๗ โปรตุคอล๘ อิแตลี๙ และตัวข้าพเจ้า
กงสุลเยเนราลฮอลันดา๑๐ ได้ขอเพิม่ เติมรายงานในทีป่ ระชุมส่วนตัวของ
เขาดังนี้
ผู้ได้เซนชื่อข้างท้ายขอแสดงความเห็นว่า เพราะยังมีการจัดขึ้นเพื่อ
ความสุขอย่างใด ซึ่งได้แจ้งความไปยังผู้แทนประเทศอันมีไมตรี หรือถึงตัวเขา
ยังไม่สามารถเห็นการที่จะใช้ได้ เพราะตามที่เคยใช้ในประเทศทั้งปวงที่มีหนังสือ
สัญญา ควรจะได้หารือการที่จัดขึ้นนั้น และตั้งขึ้นโดยประชุมผู้แทนของประเทศ
และผู้แทนอ�ำนาจของต่างประเทศด้วย
๑
Vote แปลว่าออกเสียงลงมติ
๒
สหรัฐอเมริกา
๓
`
Chargé daffaires แปลว่าอุปทูต
๔
สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ ประกอบด้วยประเทศอังกฤษ สกอตแลนด์
เวลส์ และไอร์แลนด์ ภายหลัง พ.ศ. ๒๔๖๕ ประเทศไอร์แลนด์แยกตัวออกไป เหลือเพียง
ไอร์แลนด์เหนือที่ยังอยู่กับสหราชอาณาจักรต่อมาจนถึงปัจจุบัน
๕ ออสเตรีย
๖ สหราชอาณาจักรสวีเดนและนอร์เวย์ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๔๘ จึงแยกออกเป็นประเทศสวีเดน
และประเทศนอร์เวย์
๗
เดนมาร์ก
๘
โปรตุเกส
๙
อิตาลี
๑๐ ฮอลแลนด์ หรือเนเธอร์แลนด์
๗๖
ตามที่ได้แนะน�ำไว้ก็ได้เลือกจัดตั้งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่เกาะไผ่แล้ว
ถ้ า ได้ จั ด ตามสมควรขึ้ น แล้ ว การที่ ต กลงในข้ อ ๓ ก็ เ กิ น ความไป
เพราะข้ อ นี้ ผู ้ แ ทนราชาธิ ป ไตยต่ า งๆ ต้ อ งตกลงกั น และความที่ ไ ม่ มี ห มอ
พอใช้ในกรุงเทพฯ ก็เป็นการท�ำให้เสียเวลาหมอคนหนึ่งหรือสองคนที่เป็นหมอ
ที่เมืองนี้ จะเป็นที่ห้ามไม่ให้เข้าออกไปได้
ว่าในความเห็นของเขาเป็นความล�ำบากมากที่จะท�ำให้เป็นที่ยกเว้น
อย่างใดแก่กัปตันและผู้โดยสารชั้นที่หนึ่ง เพราะในเรือที่มีโรคอันนี้ติดอยู่แล้ว
เขาก็เป็นที่น่ากลัวจะติดโรคนั้น ทั้งคนเรือและผู้โดยสารอื่นๆ
เหมือนประเทศอื่นๆ บางที่จะได้ขอให้ท�ำที่อาศัยจ�ำเพาะเขาในเกาะ
เดียวกัน และห่างกับโรงพยาบาลซึ่งจะได้เป็นที่อาศัยของพวกกุลีและอื่นๆ
ข้าพเจ้าขอแสดงความนับถืออย่างสูงของข้าพเจ้าด้วย
(เซน) มิสเตอร์แคมเปอแมน
มินิศเตอเรซิเดนและกงสุลเยเนอราลเยอรมัน
๗๗
ศาลาว่าการต่างประเทศ
๒๗
วันที่ ๕ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๓ [พ.ศ. ๒๔๓๗]๑
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ เสนาบดีว่าการ
ต่างประเทศ แจ้งความมายังมิสเตอร์แกมเปอแมน มินิสเตอเรสิเดนและกงสุล
เยเนราลเยอรมัน
ด้วยข้าพเจ้าได้รับหนังสือของท่านลงวันที่ ๗ เดือนก่อนนี้ฉบับหนึ่ง
ทีท่ า่ นได้โปรดชีแ้ จงให้ขา้ พเจ้าทราบในข้อต่างๆ ซึง่ ท่านราชทูตและกงสุลทัง้ หลาย
ได้ประชุมกันเห็นชอบด้วยในการที่ราชาธิปไตยสยามได้จัดไว้ให้เป็นที่ป้องกัน
ไม่ให้กาฬโรคเข้ามาในกรุงสยาม
ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบใจของราชาธิปไตยในการที่ท่านและทูตกับ
กงสุลทั้งหลายได้เห็นชอบในการที่ได้กระท�ำไว้จนบัดนี้ และข้าพเจ้ามีความยินดี
ที่ได้กล่าวว่า ราชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเห็นชอบในข้อต่างๆ
ซึ่งได้ยินมาเป็นต้น และเหตุฉะนี้ก็ได้ร่างข้อบังคับส�ำหรับเจ้าพนักงานพยาบาล
ซึ่งข้าพเจ้าขอสอดผนึกส่งข้อบังคับมาฉบับหนึ่ง๒ ให้ท่านกับทูตและกงสุลทั้งปวง
ทราบด้ ว ย ท่ า นคงจะเห็ น ได้ ว ่ า ได้ อ นุ ญ าตให้ เ รื อ เข้ า มาจนถึ ง ปากน�้ ำ
แต่ถ้าหากว่า ได้เห็นมีกาฬโรคเกิดขึ้นในเรือ จึ่งให้ถอยออกไปที่เกาะไผ่ พักอยู่
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ ๘.๔ค/๒ ข้อบังคับพิเศษของกรมพยาบาลเรื่อง
จัดการป้องกันโรคร้าย (๒๘ พ.ค. – ๓ ต.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๗๒ – ๗๓.
๒
คือ “ข้อบังคับและค�ำสัง่ พิเศษของกรมพยาบาล ในเรือ่ งเรือทีม่ โี รคร้ายติดมาด้วย” แต่เมือ่
ส่งให้คณะทูตต่างประเทศพิจารณาแล้ว ก็ต้องมีการแก้ไขอีกหลายครั้ง ประกอบกับการระบาดใน
ฮ่องกงสงบลงใน พ.ศ. ๒๔๓๘ ข้อบังคับนี้จึงยังไม่ได้ประกาศใช้ แต่ต่อมา พ.ศ. ๒๔๓๙ เกิดกาฬโรค
ระบาดในฮ่องกงอีกครัง้ และลุกลามไปถึงเมืองซัวเถาใน พ.ศ. ๒๔๔๐ รัฐบาลไทยจึงต้องออกประกาศ
ห้ามเรือมาจากซัวเถา และพัฒนาเป็นประกาศจัดการป้องกันกาฬโรคในเวลาต่อมา
๗๘
รายงานประจ�ำปีชั้นแรก
ของเจ้าพนักงานแพทย์สุขาภิบาลแห่งกรุงเทพฯ
คริสต์ศักราช ๑๘๙๗ [พ.ศ. ๒๔๔๐]๑
ข้อบัญญัติตั้งส�ำหรับกรมสุขาภิบาล
กรมสุขาภิบาลชั้นในนั้นอยู่ในบัญชาของเสนาบดีกระทรวงนครบาล
ได้ตั้งขึ้น ณ วันที่ ๑ เดือนธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๖ [พ.ศ. ๒๔๔๐]
โดยพระราชเสาวนียใ์ นสมเด็จพระนางเจ้าบรมราชินนี าถ ซึง่ ส�ำเร็จราชการแผ่นดิน
ต่างพระองค์๒ ได้ทรงพระราชทานพระราชานุญาตเมื่อ ณ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน
ร.ศ. ๑๑๖ ทรงพระกรุ ณ าโปรดเกล้ า ฯ ให้ พ ระเจ้ า น้ อ งยาเธอ กรมหมื่ น
นเรศรวรฤทธิ๓์ เสนาบดีกระทรวงนครบาล ๑ กัปตันเย. คาร์ตอง นายช่างใหญ่ ๑
และหมอปี. เอ. ไนติงเกล เจ้าพนักงานแพทย์ ๑ โดยเจ้าพนักงานและอ�ำนาจ
ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้จัดการสุขาภิบาลในอาณาเขต
กรุงเทพฯ๔
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๖/๒ หมอไนติงเกลส่งรายงานประจ�ำปีของ
กองแพทย์สุขาภิบาล (๒๑ ม.ค. ๑๑๖), หน้า ๑๕ – ๒๓, คัดเฉพาะเนื้อความที่เกี่ยวกับกาฬโรค.
๒ ในเวลานั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๑
ระหว่างเดือนเมษายน - ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ จึงมีพระบรมราชโองการให้สมเด็จพระศรีพัชรินทรา
บรมราชินีนาถ เป็นผู้ส�ำเร็จราชการแผ่นดิน
๓
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดากลิ่น ต่อมาทรงด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงนครบาล เสนาบดี
กระทรวงโยธาธิการ และเสนาบดีกระทรวงมุรธาธร
๔
ตามพระราชก�ำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ รัตนโกสินทรศก ๑๑๖
๘๐
๑
หมายถึง “ประกาศห้ามเรือมาจากซัวเถา” ลงวันที่ ๒๖ เมษายน ร.ศ. ๑๑๖ และ “ประกาศ
แก้ไขและเพิ่มเติมเรื่องห้ามเรือมาจากซัวเถา” ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๑๖
๘๒
รายงานประจ�ำปีของกรมสุขาภิบาลกรุงเทพฯ
ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ค.ศ. ๑๘๙๙ [พ.ศ. ๒๔๔๒]
ถึงวันที่ ๑ เมษายน ค.ศ. ๑๙๐๐ [พ.ศ. ๒๔๔๓]๑
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๕/๓ ราชทูตเยอรมันขอรายงานกรมสุขาภิบาล
(๑ เม.ย. – ๒๒ มิ.ย. ๑๑๙), หน้า ๕ – ๑๓, คัดเฉพาะเนื้อความที่เกี่ยวกับกาฬโรค.
๒ พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการเจริญเติบโต ๒ ระยะ ระยะแรกคือการเติบโตในแนวความยาว
หรือความสูง ส่วนระยะที่สองคือการเติบโตในแนวความหนา หรือความกว้างของล�ำต้น
๘๔
๑
Treaty Port หมายถึง เมืองท่าที่เปิดให้ค้าขายได้ตามที่ก�ำหนดไว้ในสนธิสัญญากับ
ต่างประเทศ ในกรณีของกรุงเทพฯ เป็นเมืองท่าตามสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชย์
ที่ไทยท�ำกับอังกฤษ พ.ศ. ๒๓๙๘ เรียกสั้นๆ ว่า สนธิสัญญาเบาว์ริ่ง ต่อมามีการท�ำสนธิสัญญาแบบ
เดียวกันนี้กับประเทศอื่นๆ ด้วย
๒ เป็นอนุสัญญาที่เกิดขึ้นในการประชุมด้านสุขอนามัยระหว่างประเทศ (International
Sanitary Conference) ที่เมืองเวนิซ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๙ และมีเนื้อหาเกี่ยวกับการ
ป้องกันกาฬโรคโดยเฉพาะ
๘๕
ซึ่ ง ไม่ ย อมเข้ า ใจความจ� ำ เป็ น อย่ า งที่ สุ ด ของการบั ง คั บ ใช้ ก ฎระเบี ย บต่ า งๆ
มีหลายกรณีที่ด�ำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนได้ส�ำเร็จ แต่บทลงโทษนั้นเล็กน้อยมาก
จนเกิดค�ำถามขึ้นว่าในสถานการณ์เช่นนี้จะบังคับใช้กฎหมายต่อไปได้หรือไม่
ในสภาพปัจจุบันของกรุงเทพฯ การตรวจกักกันเรือซึ่งมาจากเมืองท่า
ที่มีการระบาดนั้น แทบจะเป็นแนวป้องกันเพียงอย่างเดียวของสยามในการ
ป้องกันกาฬโรค และถ้าแนวป้องกันนี้ล้มเหลวเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจาก
พวกที่มีผลประโยชน์ทางการค้า ไม่ว่าพวกเขาจะมีนโยบายที่คิดสั้นอันเป็น
อุ ป สรรคอย่ า งไรก็ ต าม หายนะก็ จ ะบั ง เกิ ด ขึ้ น กั บ ประเทศนี้ อ ย่ า งแน่ น อน
และพวกนักเดินเรือเหล่านั้นก็จะเป็นผู้ที่สูญเสียมากที่สุดนั่นเอง
คุณประโยชน์ของกฎหมายกักกันเรือนั้นชัดเจน ซึ่งเห็นได้หลังจาก
บังคับใช้ใน ค.ศ. ๑๘๙๘ [พ.ศ. ๒๔๔๑] แล้ว มีการพบผู้ป่วยกาฬโรคหลายราย
ในพวกกุลีที่โดยสารเรือมาจากซัวเถา และพิสูจน์ชัดว่าเป็นอันตรายถึงชีวิต
หลังจากน�ำไปกักตัวไว้ที่ด่านกักกันเรือ
นับแต่นั้นก็ไม่พบผู้ป่วยในเรือที่เดินทางเข้ามาอีก แต่ใน ค.ศ. ๑๘๙๙
[พ.ศ. ๒๔๔๒] กาฬโรคระบาดจากเมืองอามอย๑ ไปถึงเมืองปีนัง และพบผู้ป่วย
หลายราย ที่ด่านกักกันเรือ ณ เกาะเซนต์จอห์นของสิงคโปร์
ในเวลานีม้ คี วามพยายามจะให้เรือทีม่ าจากสิงคโปร์ตอ้ งได้รบั การตรวจ
(เพี ย งแค่ ต รวจเท่ า นั้ น ) ที่ เ กาะไผ่ แต่ ก็ ท� ำ ให้ เ กิ ด การคั ด ค้ า นจากนายเรื อ
และบริ ษั ท เดิ น เรื อ ว่ า การกั ก กั น เรื อ แม้ เ พี ย งช่ ว งเวลาสั้ น ๆ ตามที่ จ� ำ เป็ น
ก็จะส่งผลเสียต่อการค้าขาย ท�ำให้ความพยายามนี้ต้องล้มเลิกไป
๑
เมืองอามอย (Amoy) คนไทยโบราณอ่านว่า อ้ายมุ่ย ภาษาจีนฮกเกี้ยนอ่านว่า เอ้หมึง
ปัจจุบันคือเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน
๘๖
ถ้าในที่สุดกาฬโรคระบาดมาถึงประเทศนี้ ก็ควรจะบันทึกเป็นหลักฐาน
ไว้ว่ารัฐบาลได้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อป้องกันโรคแล้ว ท่ามกลางเสียงคัดค้าน
เช่นนั้น
ขณะนี้มีโรงพยาบาลสองแห่งที่สามารถใช้เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยกาฬโรค
ได้ทุกเมื่อ และมีการเตรียมงานด้านอื่นๆ อย่างรอบคอบส�ำหรับห้ามปรามการ
ระบาดของโรค
ในเวลาเดียวกันนี้ กรุงเทพฯ ไม่มีอาคารที่คนแออัดและสกปรกโสมม
เหมื อ นกั บ แหล่ ง เพาะกาฬโรคในฮ่ อ งกง บอมเบย์ และกั ล กั ต ตา ยกเว้ น
บางบริเวณในส�ำเพ็งซึ่งเป็นย่านชาวจีน ดังนั้นจึงอาจพอมีหวังได้บ้างว่ากาฬโรค
จะไม่ลงหลักปักฐานมากนักในราชธานีของสยามแห่งนี้
กรุงเทพฯ ยังไม่มีการประปาหรือระบบระบายน�้ำทิ้งที่เหมาะสม แต่ก็
สามารถเทียบเคียงกับเมืองอื่นๆ ในโลกตะวันออกซึ่งมีข้อได้เปรียบเหล่านี้
เพราะการออกกฎหมายบั ง คั บ ใช้ ใ นเมื อ งท่ า สนธิ สั ญ ญาเหล่ า นั้ น เป็ น ไปได้
อย่างเชื่องช้ามาก
...(เนื้อความเรื่องอื่น)...
(ลงชื่อ) ปี. เอ. ไนติงเกล
๘๗
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๐ การป้องกันกาฬโรค (๒๒ – ๒๔ ส.ค.
๑๒๐), หน้า ๑๑ – ๑๙.
๘๘
ต้นก�ำเนิดของการระบาด
เด็กทารกคนหนึ่งอาศัยอยู่กับยายในบ้านหลังเดียวกัน ทั้งคู่เกิดอาการ
ป่วยขึ้นอย่างฉับพลันในตอนเย็นวันที่ ๓ สิงหาคม [พ.ศ. ๒๔๔๓] เด็กคนนั้นตาย
ในวันที่ ๗ สิงหาคม ส่วนยายของเขาตายในวันที่ ๙ สิงหาคม แพทย์ระบุสาเหตุ
การตายของเด็กว่า “Zymotic Enteritis” หรือ “โรคท้องร่วงฤดูรอ้ น” ส่วนสาเหตุ
การตายของยายคือ “Acute Gastro-enteritis” หรือโรคกระเพาะและล�ำไส้
อักเสบฉับพลัน
หมายเหตุ ทั้งสองคนมีอาการทางล�ำไส้ และไม่ได้สงสัยว่าเป็นกาฬโรคเลย
หลังจากมีพิธี “Wake” หรือการชุมนุมเพื่อให้เกียรติผู้ตาย และ
งานรื่นเริงตามปกติในหมู่ผองเพื่อนซึ่งเป็นกลุ่มชนในระดับเดียวกับผู้ตายแล้ว
ก็ มี ก ารจั ด พิ ธี ศ พในวั น ที่ ๑๑ สิ ง หาคม ในตอนนี้ เริ่ ม มี ผู ้ ป ่ ว ยด้ ว ยอาการ
ที่น่าสงสัยจ�ำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มคนที่เคยไปยังบ้านของผู้ตาย ทั้งระหว่าง
ที่ เขาทั้ ง สองคนยั ง มี ชี วิ ต อยู ่ และระหว่ า งพิ ธี ชุ ม นุ ม ต่ อ มาในวั น ที่ ๑๒
สิงหาคม สามีของหญิงผู้ตายก็มีอาการป่วย และในตอนเย็นวันที่ ๑๙ สิงหาคม
เด็กหญิงอายุ ๑๐ ปีคนหนึ่งก็มีอาการป่วย และตายใน ๒ วัน โดยมีอาการ
ปอดอักเสบอย่างเห็นได้ชัด ในวันถัดจากที่เด็กคนนั้นมีอาการป่วย มารดาของ
เขาก็มีอาการป่วยด้วย (๒๐ สิงหาคม) บุตรชาย (อีกคนหนึ่ง) มีอาการป่วย
ในวันที่ ๒๒ สิงหาคม และน้องชายต่างมารดาซึ่งเป็นเด็กอายุ ๓ ปี มีอาการป่วย
ในวันที่ ๒๓ สิงหาคม
๘๙
จ�ำนวนผู้ป่วย ๒๘ ราย
จ�ำนวนผู้ตาย ๘ ราย
จ�ำนวนผู้ที่อยู่ในการดูแลรักษา ๒๐ ราย
อัตราการตาย ร้อยละ ๒๘.๕
๙๐
ต้นก�ำเนิดของโรค
ยังไม่แน่ชัด สามีของหญิงที่ตายในคราวแรกท�ำงานนั่งโต๊ะ ในที่ซึ่ง
ห่างไปสองไมล์ และไม่ได้เป็นโรคจนกระทั่งสมาชิกคนอื่นในครอบครัวมีอาการ
ป่วยกันหมดแล้ว นอกจากนี้ เขายังได้รับว่าจ้างให้ท�ำงานเฉพาะด้านบนเรือ
ที่ค้าขายระหว่างท่าเรือต่างๆ ในละแวกบ้าน ไม่พบว่ามีผู้โดยสารเรือล�ำใดๆ
ที่เดินทางไปเยือนบ้านของเขา และไม่มีหลักฐานของกาฬโรคปรากฏกับพวกหนู
ในละแวกบ้านของเขา
ขั้นตอนที่เจ้าพนักงานสุขาภิบาลได้ด�ำเนินการมีดังนี้
๑. ก�ำหนดให้บริเวณบ้านที่ติดเชื้อเป็น “บริเวณติดเชื้อ”
๒. ภายในบริเวณนี้จะมีการท�ำความสะอาดเป็นพิเศษ (ก) ถังขยะจะ
เททิ้งสัปดาห์ละสามครั้ง และล้างด้วยสารละลายคลอไรด์ปูนขาว๑ ทุกสัปดาห์
(เติมคลอไรด์ปูนขาวลงในสารละลาย ๑๒ แกลลอน จนมีความข้นเหมือนนม)
(ข) ลานหลังบ้านที่มีสภาพสกปรกจะล้างทุกคืนด้วยสารละลายคลอไรด์ปูนขาว
๑ ใน ๑๐๐
๓. ตรวจตราเขตพื้ น ที่ นั้ น เป็ น พิ เ ศษเพื่ อ ค้ น หาบ้ า นและเสื้ อ ผ้ า
ที่สกปรก ฯลฯ และบ้านที่มีผู้อยู่อาศัยแออัด
๔. บ้านที่ติดเชื้อ รวมถึงสถานที่ที่มี “ผู้สัมผัสกับผู้ป่วย” หากจ�ำเป็น
ก็จะต้องจัดการตามข้อ ๘.
๑
แคลเซียมไฮโปคลอไรต์ (Calcium Hypochlorite)
๙๑
๕. จัดการตรวจทางการแพทย์ในเขตพื้นที่นั้น ผู้อยู่อาศัยในบ้านที่
ติดเชื้อและ “ผู้สัมผัสกับผู้ป่วย” ทั้งหมดจะได้รับการฉีดซีรัมป้องกันกาฬโรคของ
เยอร์ซิน๑ ส่วนคนอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันกาฬโรค
ของฮาฟไคน์๒ ผู้ที่สงสัยว่าเป็นกาฬโรคจะได้รับการดูแลโดยแพทย์ที่รับหน้าที่
ในด้านนี้
๖. เพิ่ ม กาฬโรคไว้ ใ นกฎหมายควบคุ ม โรคติ ด เชื้ อ (การแจ้ ง เหตุ )
ค.ศ. ๑๘๘๙ [พ.ศ. ๒๔๓๒]
๗. แจกใบปลิวเสนอให้บริการโดยเจ้าพนักงานแพทย์ทุกเวลา เมื่อไป
ขอรับบริการ ณ สถานีพลตระเวนที่ใกล้ที่สุด
๘. รายละเอี ย ดการย้ า ยผู ้ ป ่ ว ยและการฆ่ า เชื้ อ ในบ้ า นที่ ติ ด เชื้ อ
ดังต่อไปนี้ อยู่ภายใต้การก�ำกับดูแลของเจ้าพนักงานแพทย์เป็นการเฉพาะ
(ก) การย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล
(ข) การย้าย “ผู้สัมผัสกับผู้ป่วย” ไปยังบ้านเฝ้าระวัง
(ค) การฆ่าเชือ้ ในบ้านทีต่ ดิ เชือ้ โดยใช้ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ชนิดเหลว
เป็นเวลา ๑๒ ถึง ๒๔ ชั่วโมง ปริมาณน�้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้คิดเป็นสัดส่วนโดยเทียบ
กับขนาดพื้นที่
(ง) หลังจากฆ่าเชื้อในบ้านแล้ว เจ้าพนักงานจะเข้าไปในบ้าน
เพื่ อ น� ำ เสื้ อ ผ้ า และสิ่ ง ของอื่ น ๆ ทั้ ง หมดออกมา แล้ ว น� ำ ไปแช่ ใ นสารละลาย
๑
อเล็กซานเดอร์ เยอร์ซิน (Alexandre Yersin) แพทย์ผู้ค้นพบเชื้อกาฬโรค
๒
วาลเดอมาร์ ฮาฟไคน์ (Waldemar Haffkine) นักจุลชีววิทยาผูค้ ดิ ค้นวัคซีนป้องกันกาฬโรค
๙๒
ข้อคิดเห็นส่วนตนเกี่ยวกับการระบาดในกลาสโกว์
และค�ำแนะน�ำเรื่องวิธีป้องกัน ฯลฯ ในกรุงเทพฯ
๑. ผู้ป่วยกาฬโรคและโรงพยาบาลรักษาไข้
เมื่อได้ทราบข่าวการระบาดของกาฬโรค ข้าพเจ้า [นายแพทย์ไฮเอต]
ก็เดินทางไปกลาสโกว์ในทันที และโชคดีที่ได้พบผู้ป่วยรายแรกๆ ในโรงพยาบาล
รักษาไข้ หลังจากพวกเขาเข้าโรงพยาบาลเพียงสองวัน ข้าพเจ้าสามารถยืนยัน
ได้ว่าผู้ป่วยเหล่านั้นเป็นกาฬโรคที่แท้จริง จากประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าเคยพบ
ผู้ป่วยโรคนี้มาก่อน ข้าพเจ้ามีข้อคิดเห็นว่าการระบาดของกาฬโรคที่กลาสโกว์
ไม่ค่อยจะร้ายแรงนัก และได้รับการยืนยันด้วยอัตราการตายเพียงร้อยละ ๒๘.๕
ซึ่งถือว่าต�่ำมากเมื่อเทียบกับในอินเดียและจีนที่มีอัตราการตายถึงร้อยละ ๖๐
ขึ้ น ไป นี่ อ าจเป็ น เพราะสภาพการดู แ ลรั ก ษาผู ้ ป ่ ว ยอย่ า งดี เ ยี่ ย ม หอผู ้ ป ่ ว ย
มี ข นาดใหญ่ แ ละระบายอากาศดี ม าก ทั้ ง ยั ง ได้ รั บ การดู แ ลจากแพทย์ แ ละ
พยาบาลเป็นอย่างดี
๒. แผนกสุขาภิบาล
ในเรื่องนี้แทบจะไร้ที่ติทีเดียว สมแล้วที่เป็นเมืองชั้นน�ำที่ก้าวหน้า
เรื่องการจัดเทศบาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายแพทย์ เอ. เค. ชาลเมอร์ส
(A. K. Chalmers) แพทย์สุขาภิบาลพยายามควบคุมป้องกันโรคอย่างไม่รู้จัก
เหน็ดเหนื่อยจนกว่าจะประสบความส�ำเร็จ ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจาก
ผู้ช่วยแพทย์ นักจุลวิทยา และผู้ตรวจการสุขาภิบาลจ�ำนวนมากที่ได้รับการ
ฝึกฝนมาอย่างดีและมีประสิทธิภาพสูง ประสบการณ์ของข้าพเจ้าขณะอยู่ใน
กลาสโกว์ท�ำให้ข้าพเจ้าใฝ่ฝันถึงช่วงเวลาที่กรุงเทพฯ จะมีเจ้าพนักงานเช่นนี้บ้าง
๙๔
หาใช่มีแต่แพทย์สุขาภิบาลเพียงคนเดียว และกุลีที่ไม่รู้เรื่องอีกหลายคนซึ่งได้รับ
ค่าจ้างเพียงน้อยนิด ส�ำหรับท�ำตามค�ำสั่งของแพทย์สุขาภิบาล
๓. ต้นก�ำเนิดของการระบาดในกลาสโกว์
มีความส�ำคัญเป็นอย่างมากส�ำหรับสยาม เมื่อเราพิจารณาว่าผู้ป่วย
รายแรกๆ บางรายได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ชาวอังกฤษที่ได้รับการศึกษา
มาอย่างดี แต่ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นกาฬโรคจนกระทั่งหลายวันผ่านไป ท�ำให้เรา
สามารถคาดได้ถึงความยากล�ำบากในการต่อสู้กับโรคนี้ในกรุงเทพฯ
หากกาฬโรคปรากฏขึ้นในกรุงเทพฯ ในหมู่ชนชั้นล่างชาวจีน สิ่งใด
ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีผู้ตายรายแรกๆ ราว ๕๐ รายหรือมากกว่านั้น ซึ่งเกิด
อาการโดยไม่ได้สงสัยว่าเป็นกาฬโรคเลย เพราะโรคไข้ อหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ
และโรคบิด มีการระบาดบ่อยครั้งในกรุงเทพฯ ดังนั้นหากไม่มีข้อมูลที่ชี้ชัด
ลงไปได้ กาฬโรคก็อาจถูกมองข้ามไป แม้จะมีนายอ�ำเภอและก�ำนันที่ชาญฉลาด
แต่ข้อเท็จจริงก็คือ บ่อยครั้งที่มีผู้พบคนก�ำลังจะตายด้วยโรคร้ายแรงบางชนิด
อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้แจ้งต่อแพทย์สุขาภิบาล ดังเช่นในกลาสโกว์ ผู้ป่วย
สองรายแรกที่ เ กิ ด ขึ้ น ในบ้ า นหลั ง หนึ่ ง น� ำ ไปสู ่ ผู ้ ป ่ ว ยรายอื่ น ๆ อี ก ๒๘ คน
ที่กระจายกันอยู่ในบ้านหลังอื่นๆ เราจึงคาดได้ว่าเหตุการณ์เช่นนั้นก็อาจเกิดขึ้น
ในกรุงเทพฯ เหมือนกัน ในบ้านของชาวจีนที่มีผู้อยู่อาศัยอย่างแออัด
๔. ต้นก�ำเนิดของโรค
มีความส�ำคัญในหลายแง่มุม กาฬโรคระบาดมาถึงท่าเรือของกลาสโกว์
ได้ อ ย่ า งไรยั ง เป็ น ปริ ศ นาอยู ่ บริ เวณที่ เ กิ ด กาฬโรคนั้ น ห่ า งจากท่ า เรื อ มาก
เกินกว่าที่พวกหนูจะน�ำพาโรคไปได้ หรือมิเช่นนั้นก็ควรจะมีผู้ป่วยกาฬโรค
๙๕
ในละแวกใกล้เคียงท่าเรือด้วย ดังที่เราทราบแล้วว่าสามีของผู้ป่วยรายแรกท�ำงาน
บนเรือท้องถิ่นเท่านั้น ไม่ได้ท�ำงานบนเรือซึ่งมาจากเมืองอื่นที่มีกาฬโรคระบาด
การตรวจเรือที่เข้ามายังท่าเรือของกลาสโกว์ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถ
ป้องกันการระบาดเข้ามาของกาฬโรค ดังนั้นการตั้งด่านกักกันเรือในน่านน�้ำ
สยามโดยถือว่าเป็นวิธีที่แน่นอนในการป้องกันไม่ให้กาฬโรคระบาดมาถึงสยาม
นั้น เป็นการตั้งความหวังมากเกินไป ข้อเท็จจริงที่ว่ามีการตั้งด่านกักกันเรือ
อย่างระมัดระวังไม่ควรจะไปลดความจ�ำเป็นของการดูแลสุขาภิบาลในกรุงเทพฯ
อย่างต่อเนื่อง บางครั้งอาจเป็นไปได้ที่คนผู้มีสุขภาพดีอาจน�ำพาเชื้อกาฬโรคไป
ระบาดได้ โดยที่ตนเองไม่มีอาการป่วยเลย
อีกประเด็นหนึ่งเป็นดังที่ข้าพเจ้าระบุไว้ในกรณีผู้ป่วยบางรายของ
กลาสโกว์ กล่าวคือโรคนี้อาจมีข้อบ่งชี้น้อยจนสามารถหลุดรอดจากการตรวจ
วิ นิ จ ฉั ย ไปได้ เว้ น แต่ ว ่ า ผู ้ ต รวจจะมี ค วามรู ้ เ กี่ ย วกั บ กาฬโรคและคอยระวั ง
สอดส่องไว้ แต่ถึงแม้ผู้ป่วยจะมีอาการน้อยก็ยังสามารถแพร่โรคได้เหมือนผู้ป่วย
ที่ มี อ าการมาก ควรจ� ำ ไว้ ว ่ า ผู ้ ป ่ ว ยสองรายแรกตายจากอาการทางล� ำ ไส้
ส่ ว นผู ้ ป ่ ว ยรายที่ ส ามตายจากอาการปอดอั ก เสบ ทั้ ง สองรู ป แบบนี้ ถื อ เป็ น
ลักษณะการป่วยที่อันตรายและร้ายแรง ในแง่มุมของการระบาด
๕. สิ่งใดที่ควรท�ำในกรุงเทพฯ เพื่อป้องกันการระบาดของกาฬโรค
๑
เกาะทุ่งคา (Tongkah) หมายถึง เกาะภูเก็ต
๙๖
(๒) ข้าพเจ้าคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องด�ำเนินมาตรการอย่างเข้มแข็ง
ที่ภูเก็ตเพื่อระงับกาฬโรค มิเช่นนั้นจะระบาดไปยังบริเวณอื่นอย่างแน่นอน
(๓) ควรเร่งด�ำเนินงานด้านความสะอาดและสุขาภิบาลทั้งหมดใน
กรุงเทพฯ งานของกรมสุขาภิบาลไม่ควรจ�ำกัดอยู่แต่เฉพาะในก�ำแพงพระนคร
อีกต่อไป ขณะนี้กรุงเทพฯ ชั้นในสะอาดขึ้นกว่าเมื่อสามปีก่อนเป็นอย่างมากแล้ว
และข้าพเจ้าเห็นว่าหากกรมสุขาภิบาลได้รับอนุญาตให้ด�ำเนินงานอย่างเต็มที่
บริเวณอื่นๆ ของกรุงเทพฯ ก็จะสะอาดขึ้นเช่นเดียวกัน มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับ
ตีพิมพ์จดหมายจ�ำนวนมากซึ่งบอกเล่าเกี่ยวกับสถานที่สกปรกภายนอกก�ำแพง
พระนคร ตลอดจนความอันตรายในการเป็นแหล่งเพาะเชื้อกาฬโรค และข้าพเจ้า
ไม่สงสัยเลยว่าพวกทูตต่างชาติจะเป็นผู้ร้องเรียนเป็นรายต่อไป
ส่วนเรื่องเว็จ๑ ของราษฎร ข้าพเจ้าขอแนะน�ำอย่างยิ่งว่าควรล้างด้วย
น�้ำปูนทุกๆ สามเดือน และควรเพิ่มกุลีส�ำหรับท�ำการนี้โดยเฉพาะ
การก�ำจัดขยะมูลฝอยของครัวเรือนในปัจจุบันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ
มาก มีผู้ร้องเรียนมายังแพทย์สุขาภิบาลบ่อยครั้งเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นซึ่งเกิดจาก
กองขยะมูลฝอย โดยเฉพาะที่หลังวัดเทพศิรินทร์ ข้าพเจ้าได้พยายามอย่างดีที่สุด
เพื่อระงับกลิ่นเหม็น แต่หากเราไม่มีเครื่องเผาขยะมูลฝอยอย่างเหมาะสมก็จะมี
ผู้ร้องเรียนอีกแน่นอน และการสุขาภิบาลก็จะตกอยู่ในอันตรายจากขยะมูลฝอย
เหล่านี้
หากท่านต้องการ ข้าพเจ้าจะขอเสนอแผนการติดตั้งเครื่องเผาขยะ
ที่ถนนตก บริเวณโรงฆ่าสัตว์ ประโยชน์ของการตั้งเครื่องเผาขยะในบริเวณนั้น
มีมากมาย เช่น (๑) สถานที่นั้นอยู่ห่างจากชุมชนบ้านเรือนที่ส�ำคัญ (๒) อยู่ใกล้
กับแม่น�้ำ จึงสามารถขนถ่ายขยะไปทางเรือได้ (๓) อยู่ใกล้โรงฆ่าสัตว์ จึงสามารถ
๑
คือ ส้วม
๙๗
เผาขยะมูลฝอยและเครื่องในสัตว์จากโรงฆ่าสัตว์นั้นได้ทันที และไม่ท�ำให้เกิด
กลิ่นเหม็น
เครื่องเผาขยะเช่นนี้มีความจ�ำเป็นหากเกิดกาฬโรคระบาดในพวกหนู
ดังที่มักจะเกิดขึ้นก่อนการระบาดในคน บรรดาซากหนูที่ตายสามารถน�ำไปเผา
รวมกับขยะเพื่อท�ำลายเชื้อให้หมดไป
(๔) ควรแจกจ่ายบันทึก ในภาษาสยามให้ แ ก่ นายอ� ำ เภอ สารวั ต ร
พลตระเวน และเจ้าพนักงานที่ต้องท�ำงานใกล้ชิดกับราษฎร โดยระบุค�ำเตือน
ให้รายงานต่อกรมสุขาภิบาลทันทีเมื่อสังเกตเห็นพวกหนูมีอาการเจ็บป่วยหรือ
ตายจ�ำนวนมากผิดปกติ หรือในหมู่ราษฎรมีอาการเจ็บป่วยหรือตายจ�ำนวนมาก
ผิดปกติ หากท่านต้องการ ข้าพเจ้าสามารถเขียนค�ำอธิบายลักษณะอาการของ
กาฬโรคแบบง่ายๆ ส�ำหรับแจกจ่าย เพื่อช่วยเหลือนายอ�ำเภอ พลตระเวน ฯลฯ
(๕) หากมีบันทึกการเกิดและตายรายสัปดาห์ในกรุงเทพฯ ก็คงจะ
ช่ ว ยงานของแพทย์ สุ ข าภิ บ าลได้ อ ย่ า งมาก แน่ น อนว่ า นายอ� ำ เภอสามารถ
รวบรวมข้อมูลเหล่านี้ในเมืองอื่นๆ ที่ส�ำคัญ มาให้แพทย์สุขาภิบาลด้วย
(๖) ควรจั ด เตรี ย มน�้ ำ ยาฆ่ า เชื้ อ ที่ พึ่ ง พาได้ แ ละอุ ป กรณ์ ที่ จ� ำ เป็ น
ให้เพียงพอและพร้อมใช้งานในทันทีอยู่เสมอ น�้ำยาฆ่าเชื้อสองชนิดที่กล่าวถึง
ไปแล้ว คือ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และฟอร์มาลดีไฮด์ จะต้องจัดเตรียมให้สามารถ
เก็บรักษาได้ดีในสภาพอากาศของกรุงเทพฯ น�้ำยาฆ่าเชื้อเหล่านี้ระเหยเป็นไอ
ได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศ และมีประโยชน์มากในพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ของเหลว
ได้โดยสะดวก ส�ำหรับการฆ่าเชื้อบนเรือนั้น ฟอร์มาลดีไฮด์มีประโยชน์มาก
เนื่องจากไม่กัดเซาะพื้นผิวที่เป็นโลหะ ควรจัดหาน�้ำยาฆ่าเชื้อเหล่านี้โดยไม่ล่าช้า
นอกจากนี้ยังควรอนุญาตให้แพทย์สุขาภิบาลจัดหาวัคซีนป้องกันกาฬโรคของ
ฮาฟไคน์ หรืออุปกรณ์ป้องกันต่างๆ จากห้องปฏิบัติการด้านกาฬโรคที่บอมเบย์
๙๘
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๐ การป้องกันกาฬโรค (๒๒ – ๒๔ ส.ค.
๑๒๐), หน้า ๒๐ – ๒๗.
๒
เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
๑๐๑
(๑) ไม่ควรจัดแต่เฉพาะในพระนคร
(๒) ตามเว็จที่ได้จัดแล้ว ควรล้างด้วยน�้ำปูนทุกสามเดือน และเพิ่ม
กุลีส�ำหรับท�ำการตามเว็จให้มากขึ้น
(๓) ควรมีเครื่องเผาขยะมูลฝอยขึ้นในที่ไกลๆ อย่างบางฅอแหลม
แล้วขนไปเผา โดยอ้างว่า เป็นการจ�ำเป็น เพราะหนูที่ตาย
ด้วยกาฬโรคซึ่งจะมีคนเอามาทิ้งจะได้เลยเผาเสีย
(๔) ควรสั่ ง ผู ้ มี ห น้ า ที่ เ กี่ ย วข้ อ งและปกครองราษฎรในจั ง หวั ด
กรุงเทพฯ เช่น อ�ำเภอและกองตระเวน เป็นต้น ให้สังเกตโรค
ที่ราษฎรจะป่วยจะตายโดยอาการอันประหลาด และบอก
ข่าวให้แพทย์ทราบอย่างประเทศอื่น
(๕) ควรมียาทุกอย่างซึ่งเป็นเครื่องป้องกันการเช่นนี้ไว้ให้พร้อม
เพื่อที่จะใช้ได้ในเวลาต้องการโดยทันที
(๖) ควรมีโรงพยาบาลตามวิธีที่เมืองสิงคโปร์ได้ท�ำไว้ส�ำหรับรักษา
คนป่วยโรคเช่นนี้ ในที่ใกล้ส�ำเพ็งแห่งใดแห่งหนึ่งที่จะท�ำได้
ตามรายงานที่ แ พทย์ สุ ข าภิ บ าลได้ ก ล่ า วแล้ ว นี้ ก็ เ ป็ น การที่ ค วรจั ด
การที่เกี่ยวแก่หน้าที่ของการสุขาภิบาลที่ได้ท�ำอยู่แล้วบางอย่างนั้น ไม่สู้เป็นข้อ
ส�ำคัญนักในการที่จะเพิ่มเติมขึ้น ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้สั่งให้จัดการไปตามสมควร
แล้ว ดังเช่น หายาไว้ให้พร้อม เพิ่มการล้างเว็จและเติมคนท�ำการนั้น เหล่านี้เป็น
ของจะท�ำได้โดยทันที เพราะการในจังหวัดพระนครมีส่ิงของและทุนรอนพอท�ำ
ที่ที่จะขนขยะมูลฝอยไปเผานั้น ถ้าจะว่าก็เป็นของควรมี แต่ว่าตั้งแต่จัดการ
สุขาภิบาลมาในจังหวัดพระนคร ได้หารือกันในชัน้ ต้นว่าขยะมูลฝอยนัน้ จะควรจัด
๑๐๒
ประการใด ได้ตกลงโดยการทดลองเอาไปถมที่ลุ่มเพื่อจะให้เปลืองเงินน้อย
และคอยตรวจตราดูว่าจะเป็นอันตรายอย่างใดบ้าง ก็เรียบร้อยดีอยู่ หาได้มีเหตุ
แปลกประหลาดอย่างใดไม่ ดังมีปรากฏอยู่ในรายงานแพทย์ว่าเป็นประโยชน์ดี
และเปลืองค่าใช้สอยน้อยด้วย ภายหลังได้ขยายการขนขยะออกไปนอกพระนคร
แต่ทำ� เฉพาะริมถนนหนทาง คือมีเกวียนเทีย่ วรับ ดังทีไ่ ด้กราบบังคมทูลพระกรุณา
อยู่ในรายงานประจ�ำปีนั้นแล้ว การเททิ้งได้เอาอย่างไปจากพระนคร คือเลือก
หาที่ลุ่มถม ก็เป็นการตลอดมาได้ และการเรื่องเผาขยะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าได้เคย
หารือกับหมอไนติงเกลและมิสเตอร์อาเลกรี๑ อยู่ว่า ถ้าที่ที่ถมในพระนครเต็ม
และนอกพระนครก็กันดารเข้าแล้ว จะท�ำประการใด ก็ตกกันว่าจะต้องเผา
แต่ได้คิดเห็นพร้อมกันว่า ยังอีกหลายปีกว่าที่ลุ่มเหล่านั้นจะเต็ม จึงยังไม่ได้คิดว่า
จะเผาโดยวิธีอย่างไร เป็นแต่มิสเตอร์อาเลกรีบอกว่า ได้ข่าวว่าที่เมืองมิลัน๒
ประเทศอิตาลี ได้คดิ เตาเผาขยะอย่างง่ายขึน้ ด้วยวิธที จี่ ะยกไปเผาทีใ่ ดก็ได้โดยง่าย
ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้สั่งให้สืบหาแปลนและสอบสวนดูราคาเมื่อมิสเตอร์อาเลกรี
จะออกไปยุโรปครั้งนี้ ยังหาได้รับข่าวมาประการใดไม่ แต่บัดนี้แพทย์สุขาภิบาล
มาแนะน�ำให้ทำ� โดยเกีย่ วถึงกาฬโรคอันเป็นทีน่ า่ พึงกลัวทัว่ กัน ฉะนีข้ า้ พระพุทธเจ้า
ก็ยังหาได้วินิจฉัยสั่งไปประการใดไม่
ตามความเห็ น ของข้ า พระพุ ท ธเจ้ า เองยั ง เห็ น ด้ ว ยเกล้ า ฯ อยู ่ ว ่ า
พอป้องกันได้โดยจะยังคงใช้ถมที่อยู่อย่างเดิม แต่หาดินหรือเถ้ากลบเสียข้างบน
หรือจะโรยปูนขาวก็พอจะใช้ได้ เพราะที่ที่ทิ้งอยู่ทุกวันนี้ที่ใกล้ทางจะท�ำให้
มีปากเสียงก็แต่เพียงที่วัดพลับพลาไชยแห่งเดียว ด้วยพวกที่สั่นกาฬโรคมีอยู่ใน
แถบนัน้ บ้าง โดยทีส่ ดุ ถ้าจ�ำเป็นจะต้องเผาก็ยงั ไม่เป็นข้อส�ำคัญอันใด แต่ความเห็น
๑
คาร์โล อัลเลกรี (Carlo Allegri) วิศวกรชาวอิตาลี ซึง่ เดินทางเข้ามารับราชการในเมืองไทย
สมัยรัชกาลที่ ๕
๒ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
๑๐๓
แพทย์ที่ให้ขยายการสุขาภิบาลออกนอกพระนครนั้น ข้าพระพุทธเจ้ามีความ
วิตกเป็นล้นเกล้าฯ ด้วยเมื่อได้ทราบข่าวกาฬโรคในเมืองภูเกต เมื่อเวลาเสด็จ
พระราชด�ำเนินประพาสประเทศชวา๑ ก็ออกรู้สึกหนักอยู่หน่อยๆ จึงได้สั่งให้
เจ้าพนักงานให้ไปตรวจพอให้ทราบต้นเค้าของการโสโครกไว้ในต�ำบลส�ำเพ็งบ้าง
ได้ความว่าอุดมไปด้วยสิ่งโสโครกอันไม่ควรทูลพระกรุณามิได้ ด้วยเว็จเป็นต้น
ออกรู ้ สึ ก ท้ อ ถอยถึ ง ทุ น ที่ จ ะจั ด ก็ เ ลยยั ง ไม่ มี ค วามคิ ด ที่ จ ะจั ด อย่ า งใดต่ อ ไป
เพราะจะจั ด แต่ บ างอย่ า งบางสิ่ ง ก็ ไ ม่ ไ ด้ คลองก็ ตื้ น ท่ อ ก็ ไ ม่ มี การที่ จ ะท� ำ
ของเหล่ า นี้ พ อให้ ใช้ ไ ด้ สั ก คราวหนึ่ ง ไม่ ต ้ อ งถึ ง พร้ อ มบริ บู ร ณ์ ก็ จ ะเปลื อ งทุ น
ที่ไม่มีใครแลเห็น ยิ่งกว่าในพระนครหลายเท่า แพทย์สุขาภิบาลได้เคยปรารภ
อยู่แก่ข้าพระพุทธเจ้าในเวลาปรึกษาราชการเนืองๆ ถึงการที่จะจัดสุขาภิบาล
นอกพระนคร มีต�ำบลส�ำเพ็งเป็นต้น จะเปลืองทุนสักเพียงใด และไม่มีทาง
ที่ ค วรได้ อ ย่ า งเมื อ งอื่ น มาอุ ด หนุ น อย่ า งไร นอกจากภาษี โรงร้ า นที่ เ ก็ บ แต่
คนในบังคับสยาม ข้อนี้เป็นเหตุให้ระงับด้วยการหนักหน้าเรื่องทุน และเมื่อ
ได้รับรายงานแพทย์กล่าวขึ้นอีกฉะนี้ก็เป็นข้อบังคับที่ต้องคิดถึงการสุขาภิบาล
นอกพระนครว่าจะควรอย่างไร ข้าพระพุทธเจ้าได้ลองที่จะหาทางอีกอย่างหนึ่ง
ถ้าเมื่อจะต้องท�ำ คือ
(๑) กล่าวแนะน�ำชักชวนหาบริษัทให้รับตั้งเว็จในต�ำบลต่างๆ นอก
พระนครตามเขตที่ จ ะกะ รั ฐ บาลออกข้ อ บั ง คั บ ช่ ว ยเพี ย งให้
ชนทั้งปวงตั้งเว็จในบ้านของตนทุกๆ บ้าน ถ้าไม่ตั้ง ไปถ่ายที่เว็จ
บริษัทก็จะต้องเสียตามราคาที่จะคิดเก็บอย่างถูก ถ้าได้อย่างนี้
ก็เป็นการตัดข้อที่จะตั้งเว็จเป็นสาธารณะและทุนที่จะลงส่วนเว็จ
ไปอย่างหนึ่ง
๑
หมายถึง การเสด็จประพาสชวาครั้งที่ ๓ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ระหว่างเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๔
๑๐๔
กองแพทย์สุขาภิบาล๑
กรุงเทพฯ
ในการที่จะยื่นรายงานประจ�ำปี [พ.ศ. ๒๔๔๔] ของแพทย์สุขาภิบาล
กรุงเทพฯ ครั้งที่ ๕ นี้ ข้าพเจ้ามีความเสียใจมากที่หมอไนติงเกล แพทย์เดิม
นั้นไม่อยู่ เพื่อจะได้ยื่นเอง โดยได้ออกไปเสียจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
ร.ศ. ๑๒๐ [พ.ศ. ๒๔๔๔] ข้าพเจ้าจึงได้ว่าที่แทนต่อมา ในเดือนพฤศจิกายน
หมอไนติงเกลได้ส่งใบลาโดยคิดจะไม่กลับเข้ามากรุงเทพฯ และกระทรวงก็ได้
อนุญาตให้ออกตามประสงค์ ในเดือนธันวาคม ข้าพเจ้าจึงได้รับหน้าที่แพทย์
สุขาภิบาลมาจนทุกวันนี้
...(เนื้อความเรื่องอื่น)...
เมื่อหมอไนติงเกลได้มาเป็นเจ้าพนักงานตรวจโรงฆ่าสัตว์พาหนะและ
ความโสโครกที่มีอยู่ในนั้น จึงได้นึกถึงการที่จะขอให้มีกรมสุขาภิบาลขึ้นเพื่อจะ
ได้รักษาความสะอาดแห่งพระนคร และได้มีหนังสือแมมโมรันดัม๒ ยื่นต่อรัฐบาล
เป็นหลายครั้งหลายหน ต่อมาเมื่อต้นปี ๑๘๙๗ [พ.ศ. ๒๔๔๐] ได้เกิดกาฬโรค
อันร้ายแรงขึ้นที่เมืองฮองกง ที่เรียกว่า บิบูนิกเปลก๓ รัฐบาลจึงได้จัดแจงตามค�ำ
ที่หมออธิบายมานั้น แต่เดิมกรุงสยามหาได้ครั่นคร้ามหวั่นหวาดต่อโรคนี้ไม่ และ
ตัง้ แต่นนั้ มารัฐบาลจึงได้หารือหมอไนติงเกลในการทีจ่ ะป้องกันกาฬโรคมิให้เข้ามา
ในกรุงสยามได้ ใช่แต่เท่านั้น แม้เข้ามาได้ก็มิให้ลุกลามติดต่อกันไปได้ ตาม
ค�ำชีแ้ จงทีห่ มอมีมานัน้ หมอได้เตือน เป็นต้นในการทีจ่ ะให้ตงั้ โรงพักตรวจกาฬโรค
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๕/๗ รายงานประจ�ำเดือนสุขาภิบาล ศก ๑๒๐
(ร.ศ. ๑๒๐ – ๙ ก.ย. ๑๒๑), หน้า ๑๐๐ – ๑๐๘, คัดเฉพาะเนื้อความที่เกี่ยวกับกาฬโรค.
๒
Memorandum แปลว่า บันทึกข้อความ
๓
Bubonic Plague แปลว่า กาฬโรคต่อมนํ้าเหลือง หรือเรียกโดยย่อว่า กาฬโรค
๑๐๖
๑
City Engineer คือ ช่างใหญ่สุขาภิบาล
๑๐๗
คนป่วยหรือคนที่อยู่ในระหว่างสงสัยขึ้นพัก บนเกาะนี้มีบ้านอันสมควรส�ำหรับ
แพทย์พักอาศัยเมื่อเกิดกาฬโรค ทั้งมีที่พักพอให้คนต่างประเทศพักอาศัยอยู่ได้
๒ - ๓ คน มีทั้งโรงพยาบาลส�ำหรับคนต่างประเทศที่ป่วยเป็นไข้อยู่ได้ตั้งแต่
๑๒ ถึง ๒๐ คน โรงนี้เป็นโรงที่สร้างขึ้นใหม่ๆ และอย่างถาวรด้วย ในเกาะนี้ยังมี
โรงใหญ่ที่จะพักพวกจีนที่อยู่ในระหว่างสงสัยได้ประมาณ ๑,๕๐๐ คน พร้อมทั้ง
โรงพยาบาลที่จะพักคนไข้ที่เป็นคนในประเทศนี้ได้ ๓๐ คน มีพร้อมทั้งโรงพัก
พลตระเวน ปลูกด้วยไม้สกั หลังคามุงกระเบือ้ งเช่นแบบเรือนฝรัง่ และมีหอ้ งส�ำหรับ
พลตระเวนอาศัยได้ ๒๐ คน กับนายยาม ๑ คน
ห้องเอาไว้ของ
ในห้องนีม้ ถี งั น�ำ้ และเครือ่ งกลัน่ น�ำ้ เครือ่ งกลัน่ นีส้ ำ� หรับกลัน่ น�ำ้ เค็ม และ
พอแก่ความต้องการแห่งคนที่อยู่ในเกาะนั้น แม้เครื่องนี้จะได้เสียลงก็มีน�้ำจืดที่ได้
ขังไว้ส�ำรอง วิธีที่จะจัดการป้องกันกาฬโรคที่เกาะไผ่มีดังแจ้งต่อลงไปนี้
คือเมือ่ กาฬโรคได้เกิดขึน้ ในเมืองฮองกงหรือเมืองอืน่ ๆ พระเจ้าน้องยาเธอ
เสนาบดี ก ระทรวงนครบาล จึ ง ได้ น� ำ ความขึ้ น กราบบั ง คมทู ล พระกรุ ณ า
เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว แพทย์รองก็ได้ตระเตรียมคนเรือ กุลี และ
พลตระเวนไว้พรักพร้อมที่เมืองสมุทปราการ แต่พอได้รับค�ำสั่งก็ได้ออกไปพร้อม
ที่เกาะไผ่ ซึ่งเป็นที่ส�ำหรับท�ำการด่านป้องกันโรคภยันตราย และเป็นที่ท�ำการ
ตรวจโรคตามข้อบังคับในพระราชบัญญัติ และเรือล�ำหนึ่งล�ำใดซึ่งจะออกจาก
เมืองทีเ่ กิดกาฬโรคมาถึงทีเ่ กาะไผ่ตอ้ งแวะจอด เพือ่ แพทย์จะได้ลงไปตรวจ ต่อเมือ่
ตรวจแล้วเห็นว่าไม่มีคนป่วย หรือไม่มีความสงสัยว่ามีคนป่วยในเรือนั้นแล้ว
ก็จะให้ใบอนุญาต เพื่อเรือนั้นจะเข้ามายังกรุงเทพฯ ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ดี ต้องรอ
พักอยู่กว่าจะครบก�ำหนดเวลา ๙ วันเต็ม นับตั้งแต่วันซึ่งได้ออกมาจากท่า
ในระหว่างที่พักอยู่นั้น แพทย์จะลงไปตรวจอีกด้วย เมื่อเห็นว่าไม่มีโรคจริง
แล้วจึงจะอนุญาตให้เข้ามา
๑๐๙
๑
Bacteriological แปลว่า การตรวจเชื้อแบคทีเรีย
๑๑๐
ก่อนจะได้ล�ำเลียงของในเรือนั้นออก การที่จะบรรทุกหรือล�ำเลียงของออกจาก
เรือนั้น ต้องให้ถูกด้วยพระราชบัญญัติ และเรือนั้นหาจ�ำเป็นจะต้องมาจอดรอ
คอยแพทย์ตรวจที่เมืองสมุทปราการไม่ การที่ได้จัดแจงมานี้ไม่ให้ต้องเสียเวลา
แก่เรือ ทั้งไม่เป็นที่เสียแก่การป้องกันกาฬโรคด้วย บรรดาเรือทั้งสิ้นที่ได้รับ
ใบอนุญาตเข้ามายังกรุงเทพฯ แล้ว ก็ยังคงต้องอยู่ในความปกครองของแพทย์
สุขาภิบาลตามพระราชบัญญัติที่กล่าวชัดว่า แพทย์สุขาภิบาลมีอ�ำนาจที่จะตรวจ
ได้ตามสมควร
...(เนื้อความเรื่องอื่น)...
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
(ลงชื่อ) เอช. แคมป์เบล ไฮเอต
แพทย์สุขาภิบาล
๑๑๑
รายงานประจ�ำปีของแพทย์สุขาภิบาล
ร.ศ. ๑๒๑ (๑ เมษายน ค.ศ. ๑๙๐๒ – ๓๑ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๐๓)๑
[ตรงกับวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๕ – ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๕]
รายงานประจ�ำปีที่ ๖ ของแพทย์สุขาภิบาลฉบับนี้ไม่มีเรื่องการพัฒนา
อันใหญ่โตแต่อย่างใด มีเพียงบันทึกการปรับปรุงสภาพสุขาภิบาลของกรุงเทพฯ
อย่างช้าๆ แต่มั่นคง
ก่อนที่จะเข้าสู่รายละเอียด มีบางเรื่องที่ข้าพเจ้าเห็นว่าควรจะใส่ใจ
มากขึ้นในอนาคต
พระราชก�ำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ ในปัจจุบันมีผลเฉพาะภายใน
ก�ำแพงพระนครเท่านั้น จึงควรขยายออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด
ข้า พเจ้ า แน่ ใจว่ า คงไม่เ ป็นการยากอันใดที่จะเจรจากั บพวกทู ตต่ า งประเทศ
เพื่ อ ให้ ค นในบั ง คั บ และพลเมื อ งของประเทศเหล่ า นั้ น ปฏิ บั ติ ต ามกฎหมาย
ฉบับนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจ�ำนวนมากที่ขอให้ข้าพเจ้า
ช่วยแก้ไขสภาพสุขาภิบาลนอกก�ำแพงพระนคร ข้าพเจ้าได้ท�ำทุกทางที่ท�ำได้
เพื่อช่วยระงับความเดือดร้อนเหล่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วข้าพเจ้าเหมือนถูกมัดมือ
มัดเท้าไว้ เนื่องจากไม่มีอ�ำนาจส�ำหรับจัดการกับเรื่องเหล่านั้น ความจ�ำเป็นที่
จะต้องเพิ่มจ�ำนวนเจ้าพนักงานถือเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับประโยชน์อัน
มหาศาลอันจะได้จากการขยายกิจการของกรมสุขาภิบาล
...(เนื้อความเรื่องอื่น)...
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๕/๑๑ รายงานประจำ�ปีกรมสุขาภิบาล
(๒๕ ก.ย. ๑๒๒ – ๒ ม.ค. ๑๒๒), หน้า ๔๒ – ๔๖, คัดเฉพาะเนื้อความที่เกี่ยวกับกาฬโรค.
๑๑๒
การสุขาภิบาลท่าเรือ หรือแผนกป้องกันโรคร้าย
การตรวจเรือทุกล�ำที่มาจากฮ่องกงหรือเมืองท่าต่างๆ ของจีน ด�ำเนิน
ไปตามปกติที่ต�ำบลปากน�้ำ จนกระทั่งวันที่ ๑๖ มิถุนายน [พ.ศ. ๒๔๔๕] มีการ
ประกาศกั ก กั น เรื อ ที่ ม าจากฮ่ อ งกง เนื่ อ งจากเกิ ด กาฬโรคระบาดที่ เ มื อ งนั้ น
จึงต้องเปิดด่านกักกันเรือที่เกาะไผ่ และท�ำการตรวจเรือต่อไปจนกระทั่งวันที่ ๒๓
กันยายน จึงย้ายด่านตรวจเรือกลับไปที่ต�ำบลปากน�้ำ ในปีนี้มีเรือและผู้โดยสาร
ที่ได้รับการตรวจเพิ่มขึ้นพอสมควรดังตัวเลขต่อไปนี้
จ�ำนวนเรือที่ตรวจ จ�ำนวนผู้โดยสารที่ตรวจ
ร.ศ. ๑๒๐ [พ.ศ. ๒๔๔๔] ๒๑๐ ๒๗,๔๙๒
ร.ศ. ๑๒๑ [พ.ศ. ๒๔๔๕] ๒๖๒ ๓๕,๐๒๘
เพิ่มขึ้น ๕๒ ๗,๕๓๖
ในปีนี้ไม่พบผู้ป่วยกาฬโรคบนเรือเหล่านี้ แต่ถึงแม้ขณะนี้กาฬโรคจะยัง
ระบาดมาไม่ถึงกรุงเทพฯ ดังที่เราทราบกัน และถึงแม้ที่ซัวเถาซึ่งเป็นแหล่งที่มา
ของผู้โดยสารส่วนใหญ่ จะมีการตรวจโรคพวกกุลีก่อนที่จะลงเรือ แต่ก็ไม่อาจลด
ความจ�ำเป็นทีเ่ ราจะต้องตรวจเรือทุกล�ำทีม่ าจากฮ่องกงและเมืองท่าต่างๆ ของจีน
อย่างระมัดระวังที่สุด
ข้าพเจ้ามักจะได้ยินผู้กล่าวว่ากาฬโรคจะไม่มีวันระบาดในกรุงเทพฯ
ข้าพเจ้าหวังว่าค�ำปลอบใจเช่นนั้นจะเป็นจริง แต่เนื่องจากกาฬโรคเกิดการ
ระบาดเป็นประจ�ำในเกาะทุ่งคา ซึ่งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่ากรุงเทพฯ ราว
แปดองศา ทั้งยังเกิดการระบาดที่บอมเบย์ ซึ่งอยู่เหนือจากกรุงเทพฯ ราว
สี่องศา ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงมองไม่เห็นว่าท�ำไมกาฬโรคจะไม่ระบาดในกรุงเทพฯ
กาฬโรคจะไม่ระบาดอย่างฉับพลันในสถานที่หนึ่งๆ แต่ดูเหมือนจะอาศัยปัจจัย
๑๑๓
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
(ลงชื่อ) เอช. แคมป์เบล ไฮเอต
แพทย์สุขาภิบาล
๑๑๕
รายงานประจ�ำปีที่ ๗ ของแพทย์สุขาภิบาล
ร.ศ. ๑๒๒ (เมษายน ค.ศ. ๑๙๐๓ – มีนาคม ค.ศ. ๑๙๐๔)๑
[ตรงกับเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๔๖ – มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๖]
ดังที่ข้าพเจ้าเอ่ยถึงในจดหมายน�ำส่งแล้ว การแต่งตั้งแพทย์สุขาภิบาล
ซึง่ อุทศิ เวลาทัง้ หมดไปในการท�ำหน้าที่ และมีสำ� นักงานประจ�ำ จะช่วยให้สามารถ
วางแผนการที่เหมาะสมส�ำหรับสุขาภิบาลของกรุงเทพฯ ด้วยความหวังว่าจะ
ได้เห็นกิจการส่วนใหญ่ด�ำเนินไปในระหว่างที่ปฏิบัติงานอยู่ ดังนั้นข้าพเจ้าจะ
ขอกล่าวโดยสรุปถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นว่าควรจะเป็นเป้าหมายที่ต้องท�ำให้ส�ำเร็จ
หากจะจัดการสุขาภิบาลอย่างจริงจังในกรุงเทพฯ
ข้าพเจ้ามีหน้าที่ท�ำให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ ซึ่งข้าพเจ้าไม่คาดหวังให้
ด�ำเนินการทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเรายังไม่พร้อมจะด�ำเนินการทั้งหมด
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้เห็นเราก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว สองก้าว
จนกระทั่งเราบรรลุผลในบางสิ่ง เช่น การจัดสุขาภิบาลหัวเมืองที่ส�ำคัญต่างๆ
ในภาคตะวันออก และอาจรวมถึงภาคตะวันตกด้วย
เป้าหมายที่ควรบรรลุเพื่อด�ำเนินงานของกรมสุขาภิบาล
ตามแนวทางของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
(๑) การก�ำหนดขอบเขตที่กรมสุขาภิบาลจะด�ำเนินงาน
ในปัจจุบันไม่มีการก�ำหนดขอบเขตดังกล่าวอย่างเหมาะสม เนื่องจาก
แม้ว่ากรมสุขาภิบาลกรุงเทพฯ มีหน้าที่ด�ำเนินงานภายในเขตก�ำแพงพระนคร
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๕/๑๕ ส่งรายงานกรมสุขาภิบาล ประจำ�ศก
๑๒๖ (๒๒ มี.ค. ๑๒๓), หน้า ๖๒ – ๗๐, คัดเฉพาะเนื้อความที่เกี่ยวกับกาฬโรค.
๑๑๖
และทางเหนือของพระนครบริเวณสวนดุสิต แต่ด้วยสถานการณ์บังคับให้ต้อง
ขยายการด�ำเนินงานไปทั่วทั้งกรุงเทพฯ บนฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำเจ้าพระยา
การดูแลรักษาถนน พร้อมทั้งการระบายน�้ำบนถนน และการเก็บขยะจากบ้าน
เรือนทีอ่ ยูร่ มิ ถนนสายหลัก ตกเป็นหน้าทีข่ องกรมสุขาภิบาล แต่การขาดกฎหมาย
ที่เหมาะสมก็ท�ำให้ไม่สามารถด�ำเนินการให้ก้าวหน้าไปได้ ยิ่งมีการก�ำหนด
ขอบเขตที่เหมาะสมและขยายกิจการตามนั้นได้เร็วเท่าใด ก็จะส่งผลดีต่อทุกฝ่าย
มากขึ้นเท่านั้น
ข้าพเจ้าขอแนะน�ำให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตัดสินใจในเรื่องนี้ และ
ขอเสนอว่าสมาชิกของคณะกรรมการควรจะประกอบด้วย เสนาบดีกระทรวง
นครบาล รองเสนาบดีและอธิบดีกรมสุขาภิบาล ปลัดทูลฉลองกระทรวงนครบาล
ช่างใหญ่สุขาภิบาล แพทย์สุขาภิบาล และอธิบดีกรมแผนที่
งานของคณะกรรมการดังกล่าวไม่เพียงจะต้องก�ำหนดขอบเขตการ
ด�ำเนินงานนอกพระนครเท่านั้น แต่ยังต้องแบ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตสุขาภิบาล
ต่างๆ การแบ่งเขตด�ำเนินงานเช่นนัน้ จะช่วยในการก�ำกับดูแลสุขาภิบาลอย่างมาก
(๒) เมื่อได้ก�ำหนดขอบเขตการด�ำเนินงานในกรุงเทพฯ แล้ว สิ่งที่ควร
จะมีเป็นล�ำดับต่อไปคือส�ำมะโนประชากรที่อาศัยอยู่ในขอบเขตนั้น
การแจกแจงส�ำมะโนประชากรดังกล่าวมีประโยชน์หลายประการ
หากไม่มีส�ำมะโนประชากรก็ไม่สามารถค�ำนวณอัตราการเกิดและตาย และไม่
สามารถเปรียบเทียบกับเมืองอืน่ ๆ หรือเปรียบเทียบอัตราการตายภายในกรุงเทพฯ
ระหว่างช่วงเวลาต่างๆ ของปี หรือระหว่างเกิดโรคระบาด
๑๑๗
หากมีการท�ำส�ำมะโนประชากร ก็จะเป็นการง่ายขึ้นอย่างมากส�ำหรับ
ช่างใหญ่สุขาภิบาลที่จะค�ำนวณปริมาณน�้ำที่ต้องใช้ในการบริโภคประจ�ำวัน
ซึ่งในปัจจุบันท�ำได้เพียงประมาณการเท่านั้น และอาจสูงเกินไปหรือต�่ำเกินไปได้
โดยง่าย
การท�ำส�ำมะโนประชากรไม่จ�ำเป็นต้องละเอียดมากนัก แต่ควรแสดง
ถึงลักษณะของประชากรอันได้แก่ สัญชาติ เพศ อายุ อาชีพ สถานะโสดหรือ
สมรส จ�ำนวนสมาชิกในครอบครัว พร้อมทั้งจ�ำนวนการเกิดและจ�ำนวนการตาย
ตลอดจนที่อยู่อาศัย คือ ถนน ซอย หรือต�ำบล ในเขตสุขาภิบาล
(๓) ควรมีการประกาศใช้กฎหมายจดทะเบียนคนเกิดและคนตาย
กฎหมายดังกล่าว หากมีการบังคับใช้และด�ำเนินการอย่างเหมาะสม
ก็จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเหลือการสุขาภิบาลได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง
เมือ่ ทราบจ�ำนวนประชากรแล้วก็สามารถค�ำนวณอัตราการเกิดและตาย
เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ การบังคับให้แจ้งเมื่อมีการตาย
นอกจากจะเป็นประโยชน์ในทางตรวจจับอาชญากรรมแล้ว ยังเป็นประโยชน์
ต่อแพทย์สุขาภิบาลอย่างมหาศาล เนื่องจากท�ำให้แพทย์สุขาภิบาลทราบถึง
สภาพสุขาภิบาลที่แท้จริงของราษฎรที่อยู่ในความดูแลอยู่เสมอ
เมื่อพบว่าอัตราการตายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แพทย์สุขาภิบาลก็มี
หน้าที่สืบหาสาเหตุในทันที และบ่อยครั้งที่สามารถตรวจพบการเกิดโรคระบาด
ในชั้นเริ่มต้น หากไม่มีข้อมูลที่แน่นอนดังกล่าว โรคนั้นก็อาจระบาดอย่างมั่นคง
ในสถานที่นั้นไปแล้ว กว่าที่ผู้มีอ�ำนาจจะรับรู้ก็เป็นการสายเกินไปที่จะป้องกัน
มิให้โรคนั้นคร่าชีวิตคนเป็นจ�ำนวนมาก และท�ำความเสียหายต่อการค้าขาย
ของสยาม
๑๑๘
หากมีมาตรการดังกล่าว ก็อาจเป็นไปได้ที่จะตรวจพบผู้ป่วยกาฬโรค
รายแรก และสามารถป้องกันการระบาดเอาไว้ได้ ด้วยมาตรการเช่นนี้เองที่ท�ำให้
กลาสโกว์ เคปทาวน์๑ พอร์ตเอลิซาเบ็ธ๒ อเล็กซานเดรีย๓ ปีนัง และสิงคโปร์ ฯลฯ
สามารถระงับการระบาดของกาฬโรคได้ตั้งแต่ในชั้นเริ่มต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กาฬโรคเป็นโรคที่สมควรจะจัดการรับมืออย่าง
รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หากต้องการป้องกันมิให้เกิดการระบาด จะต้อง
ด�ำเนินการอย่างเร่งด่วน มิเช่นนั้นจะเกิดการระบาดอย่างมั่นคงในสถานที่นั้น
เป็นเวลานาน ดังเช่นที่เกิดในจีน ฮ่องกง และอินเดีย ตลอดจนเกาะทุ่งคาใน
อาณาเขตของสยามเอง
(๔) ควรมี ก ารประกาศใช้ ก ฎหมายที่ บั ง คั บ ให้ แจ้ ง ความต่ อ กรม
สุขาภิบาล เมื่อพบผู้ป่วยโรคติดต่อทุกราย กฎหมายนี้ไม่ควรบังคับใช้เฉพาะ
ผู้ที่อยู่ภายใต้เขตอ�ำนาจของสยามเท่านั้น ข้าพเจ้าแน่ใจว่าสามารถขอความ
ร่วมมือจากพวกทูตต่างประเทศ ในการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ และกฎหมาย
สุขาภิบาลฉบับอื่นๆ โดยไม่ได้รับความล�ำบากมากนัก
ในการร่างกฎหมายพิเศษฉบับนี้ จะมีการก�ำหนดรายชือ่ โรคติดต่อทัว่ ไป
ที่ จ ะต้ อ งแจ้ ง ความ ส� ำ หรั บ สยาม ได้ แ ก่ ไข้ ท รพิ ษ อี สุ ก อี ใ ส อหิ ว าตกโรค
กาฬโรค ไข้รากสาดน้อย (ไทฟอยด์) และโรคหัด
โดยมากแล้ว โรคเหล่านี้เป็นที่รู้จักดีในหมู่ราษฎร และทุกโรคนั้นก็เป็น
ที่รู้จักของแพทย์ทั้งชาวสยามและชาวต่างชาติ ซึ่งรักษาพยาบาลโรคเหล่านี้อยู่
๑
เคปทาวน์ (Capetown) เมืองท่าในประเทศแอฟริกาใต้
๒
พอร์ตเอลิซาเบ็ธ (Port Elizabeth) เมืองท่าในประเทศแอฟริกาใต้
๓
อเล็กซานเดรีย (Alexandria) เมืองท่าในประเทศอียิปต์
๑๑๙
ส่วนในหัวเมืองอื่นๆ แพทย์สุขาภิบาลต้องพึ่งความช่วยเหลือจาก
แพทย์ ค นอื่ น ๆ อย่ า งมาก ที่ จ ะต้ อ งคอยแจ้ ง เมื่ อ มี โรคติ ด ต่ อ ปรากฏขึ้ น ใน
หั ว เมื อ งเหล่ า นี้ ทุ ก คนที่ ป ฏิ บั ติ อ าชี พ ในทางแพทย์ และตรวจรั ก ษาผู ้ ป ่ ว ย
เป็นประจ�ำ จะต้องรายงานเมื่อพบผู้ป่วยโรคติดต่อ หากไม่รายงานจะต้อง
รับโทษปรับสถานหนัก
กฎหมายดังกล่าวสามารถร่างขึ้นอย่างง่ายดาย โดยดัดแปลงจาก
กฎหมายที่บังคับใช้ในสิงคโปร์
(๕) ควรร่างประกาศกรมสุขาภิบาลฉบับใหม่ซงึ่ เรียบง่าย และครอบคลุม
กิจการทั้งหมดของกรมสุขาภิบาล เพื่อใช้แทนประกาศกรมสุขาภิบาลในปัจจุบัน
ซึ่งใช้กับกรุงเทพฯ เท่านั้น หากประกาศกรมสุขาภิบาลฉบับใหม่เรียบง่ายและ
เข้าใจได้ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือจากทูตประเทศต่างๆ แน่นอน
ขณะนี้ข้าพเจ้าก�ำลังร่างประกาศดังกล่าว และจะเสนอให้ท่านพิจารณาในเร็ววัน
(๖) หากกฎหมายที่บังคับให้แจ้งความเมื่อพบผู้ป่วยโรคติดต่อมีผล
บังคับใช้ จะต้องจัดเตรียมโรงพยาบาลไว้รองรับผู้ป่วยโรคติดต่อเหล่านั้นด้วย
ในปัจจุบันไม่มีโรงพยาบาลดังกล่าว จึงล�ำบากอย่างยิ่งในการรับมือกับผู้ป่วย
โรคติดต่อ ข้าพเจ้าจ�ำเป็นต้องจัดเตรียมอาคารโดยแยกหลังหนึ่งในโรงพยาบาล
กรมพลตระเวน๑ ใช้ส�ำหรับผู้ป่วยโรคติดต่อ และก็มีแต่พลตระเวนเข้ามาเป็น
ผู้ป่วย เป็นเรื่องธรรมดาที่จะคาดได้ว่า มีผู้ป่วยโรคไข้ทรพิษอีกจ�ำนวนมากในหมู่
ราษฎรทั่วไป ซึ่งควรส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลที่เหมาะสมจะเป็นการดีกว่า
รักษาเองที่บ้าน เพราะมีโอกาสจะแพร่เชื้อให้ผู้อ่ืนได้มาก เมื่อน�ำตัวผู้ป่วยไปไว้
ยังโรงพยาบาลแล้ว บ้านหลังนั้นก็สามารถท�ำการขจัดเชื้อได้อย่างถ้วนทั่ว ท�ำให้
โอกาสแพร่เชื้อมีน้อยลง
๑
ปัจจุบันคือโรงพยาบาลกลาง ตั้งอยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
๑๒๐
๑
ไหโข่ว (Haikou) เมืองหลวงของมณฑลไหหลำ� หรือไห่หนาน ในประเทศจีน
๑๒๑
กลับลงไปยังเกาะไผ่โดยติดธงกักกันเรือ เหตุการณ์นี้น�ำไปสู่การกักกันเรือที่มา
จากฮ่องกง และการย้ายด่านตรวจเรือไปตั้งที่เกาะไผ่ เมื่อถึงวันที่ ๑๖ พฤษภาคม
[พ.ศ. ๒๔๔๖] ก็มีประกาศว่าเมืองมะนิลาและอามอยเกิดกาฬโรคขึ้น และต้อง
กักกันเรือทุกล�ำที่มาจากเมืองท่าเหล่านี้เป็นเวลาเก้าวัน
หลังจากนั้นไม่พบผู้ป่วยกาฬโรครายอื่นๆ จึงได้ยกเลิกการกักกันเรือ
ในวันที่ ๓ กันยายน [พ.ศ. ๒๔๔๖] ส่วนแพทย์ประจ�ำด่านกักกันเรือและ
เจ้าพนักงานอื่นๆ ก็ได้ย้ายกลับไปยังต�ำบลปากน�้ำ เจ้าพนักงานที่เกาะไผ่นั้น
ประกอบด้วยแพทย์ ผู้รับใช้ คนเรือ กุลี ช่างที่รับผิดชอบเครื่องมือฉีดพ่นน�้ำ
และพลตระเวนอีกสิบสองคน ซึ่งมีนายสิบคนหนึ่ง พลตระเวนเหล่านี้มีหน้าที่
คอยช่วยรักษาความสงบเมื่อพวกกุลีลงจากเรือ ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลยเมื่อมีกุลี
กว่า ๗๐๐ คนอยู่บนเกาะในคราวหนึ่งๆ ทุกครั้งจะมีความยากล�ำบากในการ
น�ำพวกกุลีลงจากเรือเสมอ แต่เมื่ออยู่บนเกาะแล้ว พวกเขาดูจะมีความสุขกับการ
ได้พักอาศัยเป็นเวลาเก้าวัน เจ้าพนักงานได้จัดเตรียมข้าว น�้ำปลา ฯลฯ ไว้ในคลัง
อยู่เสมอ ส�ำหรับกรณีที่ต้องรับพวกกุลีขึ้นมาบนเกาะเป็นจ�ำนวนมาก
...(เนื้อความเรื่องอื่น)...
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
(ลงชื่อ) เอช. แคมป์เบล ไฮเอต
แพทย์สุขาภิบาล
๑๒๒
รายงานตรวจการพยาบาล๑
กรมพยาบาล โรง ต�ำบลตึกแดง (ฝั่งตะวันตกแม่น�้ำเจ้าพระยา)
๓๗
วันที่ ๒๒ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๓ [พ.ศ. ๒๔๔๗]
๑
นายแพทย์ชาร์ลส์ ชรีฟ แบรดด๊อก (Charles Shreve Braddock) แพทย์ชาวอเมริกัน
ที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทยสมัยรัชกาลที่ ๕ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการแพทย์ใหญ่
ของกระทรวงธรรมการ คนไทยเรียกว่า “หมอปลาดัก”
๑๒๔
(ผู้ตรวจลงนาม) หลวงวิฆเนศประสิทธิวิทย์๑
หลวงวิฆเนศร์ประสิทธิ์วิทย์
๑
พันตรี หลวงวิฆเนศร์ประสิทธิ์วิทย์ หรือนายแพทย์อัทย์ หะสิตะเวช นักเรียนแพทย์
รุ่นที่ ๑ ของโรงเรียนแพทยากร (โรงศิริราชพยาบาล) เมื่อสำ�เร็จการศึกษาแล้วรับราชการเป็นแพทย์
ในกรมพยาบาล สังกัดกระทรวงธรรมการ
๑๒๕
กรมสุขาภิบาล๑
กองแพทย์สุขาภิบาล
วันที่ ๒๒ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๐๔ [พ.ศ. ๒๔๔๗]
กราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวง
นครบาล ทราบฝ่าพระบาท
ข้าพเจ้ามีความเสียใจที่ต้องรายงานว่า มีผู้ป่วยที่อาการคล้ายกาฬโรค
เป็นอย่างมาก ปรากฏในกรุงเทพฯ แล้ว เมื่อวานนี้ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจาก
รองเอดิเตอร์ของหนังสือพิมพ์สยามออบเซอร์เวอร์ [Siam Observer] ที่แจ้ง
ข้าพเจ้าว่า มีแขกอินเดียผู้หนึ่งบอกเขาเรื่องแขกอินเดียที่เป็นคนในบังคับของ
อังกฤษจ�ำนวนหลายคนตายที่ตึกใหม่ บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น�้ำเจ้าพระยา
และสงสัยว่าน่าจะเป็นกาฬโรค ข้าพเจ้าจึงรีบไปขอหมายตรวจค้นจากกงสุล
อังกฤษและไปตรวจสถานที่นั้นในทันที ข้าพเจ้าพบว่าเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม
มีหญิงคนหนึ่งที่เป็นภรรยาของอิสไมล์อาลิไบห์นานา และบุตรชายอายุ ๑๑ ปี
ตายเพราะ “ความไข้” หลังจากมีอาการป่วยอยู่ ๘ วัน และเมื่อวานตอนเช้า
วันที่ ๒๑ ธันวาคม บุตรชายอีกคนที่อายุ ๘ ปีก็ตายด้วย ผู้ตายทุกคนถูกฝัง
แล้ว มิตรสหายของพวกเขาให้การว่าผู้ตายไม่มีอาการของกาฬโรคเลย และยัง
ว่าพวกเขารู้จักอาการของกาฬโรคเป็นอย่างดี หลังจากสอบถามแล้วข้าพเจ้าได้
ทราบว่ามีชายอีกสองคนที่มีไข้ จึงไปตรวจร่างกายของพวกเขาทันที ชายที่ชื่อ
อาเมดอิสไมล์ฮาสมีไข้ ๑๐๐.๘ องศา [ฟาเรนไฮต์] ลิ้นเปื้อนเป็นละออง และมี
รอยบวมบริเวณไข่ดันข้างขวา เขาเป็นชายแก่อายุประมาณ ๖๐ ปี รอยบวมนั้น
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๓ – ๔.
๑๒๖
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๕ – ๑๐.
๒
หมายถึง คนในบังคับอังกฤษ
๑๒๙
ในเรื่องที่เกี่ยวการป้องกันกาฬโรคนั้นได้หมด หมอจึ่งจะขอให้ว่ากล่าวแก่กงสุล
ประเทศอื่นๆ ให้ออกหมายให้แก่แพทย์สุขาภิบาลอย่างเดียวกันด้วย
กับหมอจะขอโทรเลขไปในวันยื่นรายงานนี้ ซื้อซีรัมส�ำหรับป้องกัน
กาฬโรคที่เมืองบอมเบให้ส่งเข้ามามากๆ และหมอจะได้ไปตรวจโรคที่ต�ำบล
ตึกใหม่โดยกวดขัน กับขอให้มีค�ำสั่งแก่กรมกองตระเวนให้รายงานการที่ตาย
ซึ่ ง เป็ น โรคที่ น ่ า สงสั ย ในต� ำ บลถิ่ น ที่ นั้ น ด้ ว ย แจ้ ง อยู ่ ใ นส� ำ เนารายงาน
ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวาย ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
อนึ่ง เมื่อเวลา ๕ โมงเช้าวานนี้ ก่อนที่ข้าพระพุทธเจ้าได้รับรายงาน
หมอไฮเอตได้มาหาข้าพระพุทธเจ้าทีบ่ า้ น แจ้งข่าวก่อนส่งรายงานนี้ ข้าพระพุทธเจ้า
ได้ให้หามิสเตอร์ลอซัน๑ ผู้บังคับการกรมกองตระเวนมาพร้อมกันในทันที ปรึกษา
การที่จะระงับโรคและป้องกันไม่ให้โรคแพร่หลายออกไปได้ คือ จ�ำเป็นจะต้องกัก
บรรดาคนที่อยู่ในหมู่บ้านที่เกิดกาฬโรคนั้น ไม่ให้ออกจากบ้านน�ำโรคไปติดคน
ในต�ำบลอืน่ และห้ามไม่ให้คนในต�ำบลอืน่ เข้าไปในบ้านทีเ่ กิดโรคนัน้ จนสิน้ ก�ำหนด
อายุของไข้กาฬโรค ซึ่งนับวันแต่คนป่วยตายเป็นที่สุด แต่บ้านผู้ที่จะต้องกักขัง
ซึง่ เกิดโรคขึน้ นีเ้ ป็นสัปเยกต์องั กฤษ ข้าพระพุทธเจ้าจึง่ ให้มสิ เตอร์ลอซันไปด้วยกัน
กับหมอไฮเอต ชี้แจงข้อความที่จ�ำเป็นแก่มิสเตอร์แปตยิต๒ อัครราชทูตอังกฤษ
ขอหมายให้กรมกองตระเวนจัดการกักคนในบ้านแขกต�ำบลนั้น และขอหมาย
อ�ำนาจให้แก่หมอว่า ถ้าทรัพย์สมบัติ หรือที่บ้านเรือนหลังใด ซึ่งเป็นทรัพย์ปะปน
อยูแ่ ก่คนตาย หรือห้องและเรือนทีเ่ กิดกาฬโรคคนตาย จ�ำเป็นจะต้องช�ำระล้าง หรือ
ที่สุดต้องรื้อเผาเสีย ก็ให้มีอ�ำนาจที่จะบังคับและกระท�ำได้ หากว่าเป็นบ้านเรือน
๑
อีรกิ เซ็นต์ เย. ลอซัน (Eric St. J. Lawson) ชาวอังกฤษทีไ่ ด้รบั การแต่งตัง้ ให้เป็นผูบ้ งั คับการ
กรมกองตระเวนในสมัยรัชกาลที่ ๕
๒
เซอร์ ราล์ฟ แพเจต (Sir Ralph Paget) อัครราชทูตอังกฤษประจำ�สยามระหว่าง
พ.ศ. ๒๔๔๗ – ๒๔๕๒
๑๓๑
ที่ต้องท�ำลาย รัฐบาลก็จะยอมใช้ราคาให้ตามเรือนที่มีราคาอยู่ในเวลาท�ำลาย
เช่นรัฐบาลประเทศอื่นได้จัดการป้องกันโรคมานั้น
หมอไฮเอตกับมิสเตอร์ลอซันได้ไปหามิสเตอร์แปตยิตในเวลาบ่าย
มิสเตอร์แปตยิตก็ยอมอนุญาตให้ตามที่ขอ และให้มิสเตอร์วูดไปด้วยกันกับหมอ
และมิสเตอร์ลอซันจัดการกักคนในบ้านแขกนั้น มิสเตอร์ลอซันกับหมอกลับมา
รายงานเรื่องที่ได้จัดการป้องกันโรคต่อข้าพระพุทธเจ้าเมื่อเวลาย�่ำค�่ำวานนี้ว่า
เมื่อหมอไปถึงตึกใหม่ได้ความว่า แขกอาเมดอิสไมล์ฮาส แขกชราที่ป่วยอยู่นั้น
ตายเสี ย แล้ ว และได้ ค วามว่ า เม้ ย เชยภรรยาแขกคนนี้ ไ ด้ พ ยาบาลผั ว อยู ่
แล้วป่วย ญาติรับมารักษาตัวอยู่ปากคลองตลาด ข่าวว่าตายด้วยเหมือนกัน
และคนไทยลูกจ้างแขกคนหนึ่งก็ป่วย ออกไปรักษาตัวอยู่ที่โรงแถวข้างเรือน
เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ซึ่งตกเป็นของแขกที่ตายในวันนั้นอีกคนหนึ่ง หมอได้ตรวจ
ศพแขกกับไทยลูกจ้างก็มีอาการบวมเป็นกาฬโรคทั้ง ๒ ศพ หมอได้บังคับให้ฝัง
เสียแล้ว แต่ศพเม้ยเชยอีกศพหนึ่งนั้นเป็นข้อส�ำคัญที่ข้ามฟากมารักษาตัวฝั่งนี้
แม้ ค นพยาบาลติ ด ต่ อ กั น เกิ ด เป็ น โรคขึ้ น จะน� ำ โรคแพร่ ห ลายเกิ ด ขึ้ น ในฝั ่ ง
ตะวันออกนี้ได้ มิสเตอร์ลอซันจึ่งจัดให้พระภักดีพิรัชภาคย์ตามไปสืบหาต�ำบล
ที่ รั ก ษาพยาบาล และสื บ เอาศพเม้ ย เชยให้ ไ ด้ พระภั ก ดี ฯ กลั บ มารายงาน
เมื่อเวลาทุ่มครึ่งว่า หญิงคนนี้ได้รักษาตัวอยู่ที่โรงแถวถนนตรีเพชร์ มีอาการ
บวมอย่างกาฬโรค ตายวันที่ ๒๑ ในคืนวันนั้นญาติได้เอาศพไว้ที่ห้องคืนหนึ่ง
รุ่งขึ้ น เอาไปไว้ ที่ วั ดตึก คอยญาติที่จะได้มาเผาต่ อ ไป ข้ า พระพุ ท ธเจ้ า จึ่ ง ให้
พระภักดีฯ กลับไปเผาศพเสียในทันทีเวลา ๒ ทุ่มนั้น และให้มิสเตอร์ลอซัน
วางพลตระเวนกักคนในห้องนั้น ๑๐ วัน ชั่วก�ำหนดอายุไข้กาฬโรค และให้หมอ
ช�ำระล้างห้องที่คนป่วยตายจนสิ้นเชิงนั้นด้วย จึ่งรวมคนที่ป่วยตายสงสัยว่า
เป็นกาฬโรคใน ๓ วัน ชายไทย ๑ แขก ๕ รวม ๖ คน หญิงไทย ๒ รวม ๘ คน
๑๓๒
๑
เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เป็นบุตรชายของสมเด็จเจ้าพระยา
บรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ดำ�รงตำ�แหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง
เสนาบดีกรมท่า และเสนาบดีว่าการต่างประเทศ
๑๓๓
ข้อ ๒ เรื่องตั้งกองเจ้าพนักงานและคนงานส�ำหรับจัดพยาบาลกาฬโรค
พนักงานพยาบาลคงจัดหาจ้างขึ้นได้ เพราะการป้องกันโรคติดกัน มียาซีรัม
ฉี ด ป้ อ งกั น พนั ก งานจ� ำ พวกนี้ จ ะต้ อ งจั ด ตามเวลาที่ มี ค นป่ ว ยมากและน้ อ ย
ข้าพระพุทธเจ้ายังรองบประมาณที่แพทย์กะการจะยื่นนั้นอยู่
ข้อ ๓ เรื่องขออนุญาตตั้งต�ำแหน่งผู้ช่วยแพทย์สุขาภิบาลนั้น ต�ำแหน่ง
นี้เห็นด้วยเกล้าฯ ว่าสมควรต้องมี เหมือนเช่นเมื่อเดือนที่ล่วงแล้วมานี้ กระทรวง
มหาดไทยจะขอแพทย์สุขาภิบาลให้ไปตรวจคิดการป้องกันกาฬโรคที่เมืองภูเกต
ก็ให้ออกไปไม่ได้ เพราะไม่มีตัวรองที่ทราบการ หมอไฮเอตตรวจการสุขาภิบาล
อยู่ผู้เดียวห่วงด้วยการกาฬโรคในประเทศที่ใกล้เคียงกรุงสยาม ซึ่งมีข่าวว่ามีขึ้น
ผิดกว่าปรกติธรรมดา แม้ถ้ามีกาฬโรคเกิดขึ้นในกรุงนี้ ก็น่าที่จะต้องใช้หมอที่
ช�ำนิช�ำนาญด้วยโรคนี้มากคนขึ้น แต่เมื่อคิดถึงเวลาปัจจุบันเช่นนี้จะโทรเลข
เรียกหมอก็ไม่ทัน จ�ำเป็นจะต้องมีผู้ช่วยในทันทีเวลานี้คนหนึ่ง คือ ผู้ช่วยนั้นให้ดู
การสุขาภิบาลส่วนการประจ�ำทัว่ ไป ให้หมอไฮเอตผูเ้ ข้าใจการไข้กาฬโรคได้ทำ� การ
เฉพาะส่วนกาฬโรคนี้ ในระหว่างทีจ่ ะโทรเลขเรียกหมอรองผูช้ ำ� นาญการพยาบาล
ไข้กาฬโรคนั้น หมอไฮเอตขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจ้างหมอสมิท๑
มาท�ำการผู้ช่วยชั่วคราวก่อน จนกว่าจะได้หมอรองเข้ามาถึง
ข้อ ๔ พระราชบัญญัติบังคับจดทะเบียนคนตายนั้น ข้าพระพุทธเจ้า
ได้หารือกับมิสเตอร์ลอซัน ผู้บังคับการกรมกองตระเวน ร่างขึ้นไว้ตั้งจดทะเบียน
คนเกิดและคนตายนั้นแล้ว จะได้น�ำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในอาทิตย์เมื่อสิ้นงาน
วัดเบญจมบพิตรแล้วนี้
๑
นายแพทย์มัลคอล์ม สมิธ (Malcolm Smith) แพทย์ชาวอังกฤษที่เดินทางเข้ามาเมืองไทย
สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นแพทย์ประจ�ำกงสุลอังกฤษ และต่อมายังได้เป็นแพทย์ประจ�ำพระองค์
สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ
๑๓๕
ข้อ ๕ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มีเงินส�ำหรับจัดการ
ป้องกันกาฬโรคให้เพียงพอนัน้ เงินประจ�ำปีแต่กอ่ นเคยมีกำ� หนดอยูป่ ลี ะ ๔๐,๐๐๐
บาท แต่ปีนี้คลังเห็นว่าใช้ไม่หมดทุกปี จึ่งกะไว้เพียง ๒๐,๐๐๐ บาท และปีนี้
ต้องท�ำการซ่อมของเก่ามาก เงินใช้ถึงทุกวันนี้สิ้นไปแล้ว ๑๙,๔๗๑ บาท ๔๓ อัฐ
ยังคงเหลืออยู่เพียง ๕๒๘ บาท ๒๑ อัฐ เท่านั้น เงินที่กะไว้ปีนี้ แม้แต่การประจ�ำ
ก็ไม่พออยู่แล้ว บัดนี้จะมีการป้องกันโรคเป็นพิเศษขึ้นอีก มีสร้างโรงพยาบาล
หรือต้องใช้คา่ ท�ำลายสิง่ ทีป่ ลูกสร้าง เป็นต้น หมอเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า ควรประมาณ
เงินส่วนนี้ไว้อีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้เป็นเมื่อใดให้จ่ายได้ จะต้องลงมือท�ำการ
ทั้งปวงในทันทีปัจจุบันตามความที่ต้องการ
และส่วนที่หมอขออนุญาตสั่งซื้อซีรัมนั้น ข้าพระพุทธเจ้าอนุญาตให้
โทรเลขไปแล้ว ส่วนขอหมายอ�ำนาจแต่กงสุลต่างประเทศนั้น เมื่อมีสัปเยกต์ใด
เกี่ยวข้องด้วยกาฬโรค ก็คงจะขอได้อย่างอังกฤษ ข้าพระพุทธเจ้าจะได้ทูลพระเจ้า
น้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ ให้ทรงช่วยว่ากล่าวกันไว้
อนึง่ เวลาวันนี้ หมอกับมิสเตอร์ลอซันได้มารายงานแก่ขา้ พระพุทธเจ้าว่า
สอบสวนได้ความว่า พีห่ ญิงของพระยาจักรปาณี๑ ป่วยมีอาการคล้ายเป็นกาฬโรค
ถึงแก่กรรมวันที่ ๑๕ ธันวาคม ที่บ้านพระยาจักรปาณีกับที่ตึกแขกที่เกิดกาฬโรค
ไต่สวนได้ความว่า มีหนูตายมากก่อนเกิดโรคทุกแห่ง จึ่งได้วางกองตระเวนกักคน
ในบ้านพระยาจักรปาณีเหมือนที่ตึกใหม่ ตั้งแต่เวลาเช้าวันนี้แล้ว ก�ำหนดจะกักไว้
จนวันที่ ๒๕ ธันวาคม ให้ครบ ๑๐ วัน แม้ไม่มีโรคเช่นนี้เกิดขึ้นในบ้านอีกแล้ว
จึ่งจะยอมเปิดบ้านนี้ และหมอจะขอให้ประกาศ[สิน]บนจับหนูตายตัวละไพ
ท�ำเตาที่ท�ำลายหนูทุกโรงพักกองตระเวนเพื่อป้องกันโรคในคราวนี้
๑
พระยาจักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์ (ลออ ไกรฤกษ์) ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ ได้เลื่อนเป็น
เจ้าพระยามหิธร ราชเลขาธิการ
๑๓๖
ในเวลาวันนี้ได้ตรวจโรคที่ตึกใหม่ ไม่มีคนป่วยเป็นการกาฬโรคอีก
ข้ า พระพุ ท ธเจ้ า และพระยาอิ น ทราธิ บ ดี สี ห ราชรองเมื อ ง ได้ ไ ปตรวจการ
วางกองตระเวนในต�ำบลที่เกิดโรค และที่ท�ำโรงพยาบาลคลองสาน พร้อมกัน
กับหมอและมิสเตอร์ลอซันในเวลาบ่ายวันนี้ด้วย๑
ควรมิควรสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ข้าพระพุทธเจ้า นเรศรวรฤทธิ์ ขอเดชะ
๑
วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราช
หัตถเลขาตอบพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ ความตอนหนึ่งว่า “เรื่องมีคนเป็นไข้
กาฬโรคขึ้นที่ตึกแขกหมู่ตึกแดง จะคิดจัดการป้องกันรักษานั้นได้ตรวจดูแล้ว เห็นว่าเป็นการจ�ำเป็น
ให้เธอจัดการตามที่ว่า เงินที่ขออนุญาตนั้นได้สั่งกระทรวงพระคลังให้อนุญาตเป็นการจรแสนบาท
แล้ว การตรวจคนตายเป็นส�ำคัญ ถึงพระราชบัญญัตจิ ะได้ออก ถ้าไม่ทำ� การได้จริง จะไม่เป็นประโยชน์
อันใด,” อ้างจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๑๒.
๑๓๗
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๑๖ – ๑๗.
๑๓๘
๒. หมอเฮ๑ เป็นผู้มีหน้าที่ตรวจโรคในอ�ำเภอส�ำเพ็ง
๓. หมอบัว เป็นผู้มีหน้าที่ตรวจโรคในอ�ำเภอบางรัก
๔. หมอตรั ม ป์ ๒ เป็ น ผู ้ มี ห น้ า ที่ ต รวจโรคในอ� ำ เภอบางกอกน้ อ ย
บางกอกใหญ่ และบางน�้ำชล
๕. หมอไมเยอร์ เป็นผู้มีหน้าที่ตรวจโรคในเรือในท้องน�้ำ
การที่จะตรวจและสืบสวนนั้น กองตระเวนและปลัดอ�ำเภอทุกต�ำบล
เป็นผู้ตรวจและสืบ แม้ได้ทราบว่าบ้านใดในท้องแขวงมีคนป่วยและตายโดยเป็น
ที่สงสัยว่าจะเป็นกาฬโรคแล้ว ให้แจ้งความตรงยังหมอประจ�ำท้องแขวงทุกคน
หมอทัง้ นีแ้ ม้ได้ทำ� การตรวจโรค ก�ำหนดให้เงินรางวัลเป็นพิเศษเดือนละ ๓๐๐ บาท
เว้นแต่หมอไมเยอร์ผู้ตรวจเรือ ก�ำหนดให้ชั่วคราวตรวจ คือ คราวละ ๑๐ เหรียญ
และได้จ้างหมอสมิทให้เป็นผู้ช่วยแพทย์สุขาภิบาลชั่วคราว เงินเดือน
เดือนละ ๓๐๐ บาท ให้ท�ำการตรวจโรงพยาบาล และข้าราชการตามกระทรวง
ในหน้าที่หมอไฮเอตตรวจ เปิดเวลาให้หมอไฮเอตตรวจโรคในต�ำบลคุมคนกักไว้
และช�ำระล้างที่เกิดกาฬโรคนั้นให้พอแก่ความสามารถที่จะกระท�ำได้ทุกประการ
อนึ่ง เมื่อวานนี้เวลาค�่ำ เรือกลไฟชื่อ “สิงโครา” เข้ามาแต่เมืองสิงคโปร์
หมอที่เมืองสมุทปราการตรวจพบจีนที่โดยสารมา ๒๐ คน ป่วยเป็นไข้คน ๑
จึ่งได้โทรเลขแจ้งเหตุมายังแพทย์สุขาภิบาล แพทย์สุขาภิบาลโทรเลขให้ปล่อย
๑
นายแพทย์โธมัส เฮย์เวิรด์ เฮย์ส (Thomas Heyward Hays) แพทย์ชาวอเมริกนั ทีเ่ ดินทาง
เข้ า มาในเมื อ งไทยสมั ย รั ช กาลที่ ๕ และได้ รั บ ราชการเป็ น แพทย์ ใ หญ่ โรงพยาบาลทหารเรื อ
ทั้งยังเป็นอาจารย์แพทย์คนแรกของโรงเรียนแพทยากร (โรงศิริราชพยาบาล)
๒ นายแพทย์ทรัมป์ (T. Trumpp) แพทย์ชาวเยอรมันที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายแพทย์
ใหญ่ทหารบกในสมัยรัชกาลที่ ๕
๑๓๙
๑
คือชาวยุโรป
๑๔๐
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๘ จัดการป้องกันกาฬโรคในกรมไปรษณีย์
และโทรเลข (๒๔ ธ.ค. – ๒๔ ม.ค. ๑๒๓), หน้า ๓ – ๔.
๒
พระยาศักดิ์เสนี (หนา บุนนาค) ผู้บัญชาการกรมไปรษณีย์โทรเลข ต่อมาได้เลื่อนเป็น
สมุหเทศาภิบาลมณฑลปัตตานี ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาเดชานุชิต
๓
นายธีโอดอร์ คอลมันน์ (Theodor Collmann) ชาวเยอรมันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการ
ไปรษณีย์โทรเลขคนแรกของไทย ต่อมายังด�ำรงต�ำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการกรมไปรษณีย์โทรเลข
ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๙ - ๒๔๕๒
๑๔๒
ก็เป็นการส�ำคัญอยู่ที่เกี่ยวแก่คนเป็นอันมาก ข้าพระพุทธเจ้าจึงน�ำความวิตก
ทั้งนี้ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทโดยเร็ว
แต่ในระหว่างซึ่งยังไม่ได้พระราชทานพระราชวินิจฉัยประการใดนั้น จะท�ำการ
แก้กันบ้างเล็กน้อยเพราะความสงสัย เพียงชั้นรมหนังสืออย่างเงียบๆ นั้นท�ำได้
ไม่เป็นการขัดขวาง
ข้าพระพุทธเจ้าได้ทลู เกล้าฯ ถวายส�ำเนาความเห็นหมอในการจัดป้องกัน
นั้นมาให้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทนี้ด้วยแล้ว
การจะควรประการใดแล้ ว แต่ จ ะทรงพระกรุ ณ าโปรดเกล้ า โปรด
กระหม่อม
๑
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ พระราชโอรสในพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั กับพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ต่อมาทรงด�ำรงต�ำแหน่ง
เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เสนาบดีกระทรวงพระคลัง เสนาบดีกระทรวงกลาโหม และเสนาบดี
กระทรวงวัง ตามล�ำดับ
๑๔๓
(ส�ำเนาความเห็นหมอ)๑
ห้ามมิให้มีการรับส่งจดหมายกับบ้านที่มีกาฬโรค หรือสงสัยว่าจะมี
กาฬโรคโดยเด็ดขาด แม้แต่ในกรณีที่เพียงสงสัยก็ไม่ได้
เรื่ อ งนี้ ค วรปฏิ บั ติ ต ามอย่ า งเคร่ ง ครั ด จนกว่ า การระบาดจะสงบ
พนักงานของกรมไปรษณีย์โทรเลขไม่ควรมีการติดต่อหรือจับต้องกับสิ่งใดที่มา
จากบ้านที่มีกาฬโรค มิเช่นนั้นอาจเกิดการระบาดในหมู่พนักงาน เพื่อความ
ปลอดภัย จดหมายทุกฉบับที่ออกจากท่าเรือควรเจาะให้เป็นรูด้วยตราประทับ
เหล็กแหลม เหมือนกับที่ท�ำในสหรัฐอเมริกา แล้วฆ่าเชื้อให้ทั่วด้วยฟอร์มาลีน
หรือซัลเฟอร์ ถ้าจะให้ดีคือไอฟอร์มาลีน เป็นไปไม่ได้ที่กรมไปรษณีย์โทรเลข
จะคั ด แยกและฆ่ า เชื้ อ เฉพาะจดหมายที่ ส ่ ง มาจากฝั ่ ง ตะวั น ตกของแม่ น้� ำ
เพราะกาฬโรคเกิ ด ขึ้ น ที่ ฝ ั ่ ง ตะวั น ออกด้ ว ย และไม่ มี สิ่ ง ใดที่ จ ะป้ อ งกั น มิ ใ ห้
จดหมายที่ เขี ย นขึ้ น ในบ้ า นที่ มี ก าฬโรค ถู ก ส่ ง มายั ง ฝั ่ ง ตะวั น ออกของแม่ น�้ ำ
และท�ำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องในการส่งจดหมายติดโรคไปทั้งหมด
ไม่มีสิ่งใดที่จะหยุดยั้งกาฬโรคได้นอกจากการกักกันโรคโดยสิ้นเชิง
และการเผาบ้านพร้อมทั้งสิ่งของที่ติดเชื้อทั้งหมด หากไม่ท�ำเช่นนั้น กาฬโรคจะ
ระบาดอย่างมั่นคง และจะไม่งดเว้นผู้ใดทั้งสิ้น ตั้งแต่กุลีไปจนถึงพระมหากษัตริย์
ควรมีการรวบรวมจดหมาย ณ สถานที่กลางแห่งใดแห่งหนึ่งที่ฝั่ง
ตะวันตกของแม่น้�ำ และฆ่าเชื้อจดหมายที่นั่นในทันที ก่อนจะน�ำไปยังที่ท�ำการ
ไปรษณีย์ ประการสุดท้ายคือ ไม่มีข้อบังคับใดที่ถือว่าเข้มงวดเกินไปหรือรุนแรง
เกินไป เพราะชีวิตของคนนับพันอาจสูญสิ้นไปด้วยการติดเชื้อเพียงครั้งเดียว
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๘ จัดการป้องกันกาฬโรคในกรมไปรษณีย์
และโทรเลข (๒๔ ธ.ค. – ๒๔ ม.ค. ๑๒๓), หน้า ๕.
๑๔๔
กรมสุขาภิบาล๑
กองแพทย์สุขาภิบาล
วันที่ ๓๑ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๐๔ [พ.ศ. ๒๔๔๗]
กราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวง
นครบาล ทราบฝ่าพระบาท
ข้าพเจ้าขอประทานกราบทูลรายงานในเรือ่ งทีม่ ผี ทู้ ำ� หนังสือกราบทูลไป
ถึงเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ ดังต่อไปนี้
(๑) ข้อความที่ว่า “ไม่มีสิ่งใดที่จะป้องกันมิให้จดหมายที่เขียนขึ้น
ในบ้านที่มีกาฬโรค ถูกส่งมายังฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำ” นอกจากจะไม่เป็นความ
จริงแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าผู้เขียนไม่ล่วงรู้ขั้นตอนที่ได้ด�ำเนินการไปเพื่อป้องกัน
มิให้กาฬโรคลุกลามเลย
ทีผ่ า่ นมาไม่อนุญาตให้นำ� จดหมายออกจากบ้านทีม่ กี าฬโรค และจะเป็น
เช่นนั้นต่อไปตราบเท่าที่พลตระเวนยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนเช่นเดิมอย่างที่ได้
ท�ำมา
ส่วนเรือ่ งจดหมายทีม่ าจากบ้านทีไ่ ม่มกี าฬโรค ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มเี หตุผล
ใดที่จะต้องฆ่าเชื้อบนจดหมายเหล่านั้น ถ้าหากจะป้องกันมิให้กาฬโรคลุกลาม
โดยการฆ่าเชื้อบนจดหมาย ก็ควรจะต้องฆ่าเชื้อกับทุกสิ่งและทุกคนที่มาจากย่าน
ที่มีกาฬโรคด้วย การท�ำเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ ส่วนเรื่องจดหมายที่ออกจากท่าเรือ
จดหมายเหล่านั้นจะได้รับการฆ่าเชื้อเมื่อไปถึงท่าเรือปลายทาง หากเจ้าพนักงาน
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๘ จัดการป้องกันกาฬโรคในกรมไปรษณีย์
และโทรเลข (๒๔ ธ.ค. – ๒๔ ม.ค. ๑๒๓), หน้า ๒๗ – ๒๙.
๑๔๕
ที่นั้นเห็นว่าเป็นการจ�ำเป็น แม้ว่าเราจะฆ่าเชื้อไปแล้วในที่นี้ก็ไม่อาจหยุดยั้ง
ขั้นตอนดังกล่าวได้
โดยสรุปแล้ว เนื่องจากไม่อนุญาตให้น�ำจดหมายออกจากบ้านที่มี
กาฬโรค ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าการฆ่าเชื้อบนจดหมายนั้นไม่จ�ำเป็นและไม่สามารถ
ท�ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ พนักงานของกรมไปรษณีย์โทรเลขมิได้มีความเสี่ยง
ที่จะติดเชื้อกาฬโรคมากไปกว่าคนอื่นๆ ในกรุงเทพฯ
(๒) ส่วนค�ำถามเรือ่ งการกักกันโรคโดยสิน้ เชิงและการเผาบ้านพร้อมทัง้
สิ่งของที่ติดเชื้อให้หมดนั้น ข้าพเจ้าขอตอบว่า การกักกันผู้ที่สงสัยว่าเป็นกาฬโรค
ทุกรายนั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้ก�ำหนดเอง ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว และข้าพเจ้าจะ
ด�ำเนินการดังกล่าวในกรณีที่เห็นสมควร เช่น การรื้อถอนและเผาบ้านสี่หลังใน
ต�ำบล “โรงเตา” ส่วนกรณีอื่นๆ นั้น การฆ่าเชื้อให้ถ้วนทั่ว และการเผาผ้าปูที่นอน
เสื้อผ้า ฯลฯ ทั้งหมด ก็ถือเป็นการเพียงพอแล้ว
ผลก็คือไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ปรากฏขึ้นในต�ำบลตึกใหม่เป็นเวลา ๙ วัน
และในตึกแดงเป็นเวลา ๕ วันแล้ว ทั้งยังไม่มีรายงานว่าพบผู้ป่วยรายอื่นในที่
แห่งใด เว้นแต่หญิงที่ออกจากตึกใหม่ไปก่อนที่จะเริ่มการกักกัน และตายใน
บริเวณถนนจักรเพชร
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการนี้ยังไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แต่หากข้าพเจ้าสั่งให้
เผาบริเวณทีต่ ดิ เชือ้ ทัง้ หมด ค่าใช้จา่ ยคงจะสูงถึงสิบล้านบาทเป็นแน่ ส่วนผูท้ อี่ าศัย
อยูใ่ นย่านนัน้ ก็ตอ้ งกระจัดกระจายกันไป อีกทัง้ พวกหนูกจ็ ะกระจายไปสูต่ ำ� บลอืน่ ๆ
และท้ายทีส่ ดุ หากมีผปู้ ว่ ยกาฬโรคปรากฏขึน้ นอกบริเวณทีเ่ ผาไปแม้เพียงรายเดียว
ก็จะต้องเผาบริเวณนั้นให้สิ้นไปอีกแห่งหนึ่ง สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอีกจ�ำนวนมาก
๑๔๖
ด้วยท�ำเลที่ตั้งของต�ำบลตึกใหม่และตึกแดงยังปรากฏว่า หากมีการเผา
ที่ต�ำบลนี้ ไฟก็จะลุกลามไปเผาบริเวณส่วนใหญ่ของเมืองทางฝั่งตะวันตกของ
แม่น�้ำเจ้าพระยาด้วยเป็นแน่
หากรัฐบาลของพระเจ้าอยู่หัวพร้อมที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายเช่นนั้น
ก็อาจถือเป็นแผนการทีด่ เี ยีย่ ม แต่ขา้ พเจ้าก็ยงั คงไม่แนะน�ำให้ทำ� ตามแผนการนัน้
โดยสรุปแล้ว ข้าพเจ้าขอให้ฝ่าพระบาททรงให้อิสระแก่ข้าพเจ้าอย่าง
ชาญฉลาด เพื่อรับมือกับการระบาดนี้ ซึ่งตัวข้าพเจ้านั้นได้ด�ำเนินการไปอย่าง
ดีที่สุดเท่าที่ข้าพเจ้าทราบจากประสบการณ์และการศึกษาวิธีป้องกันกาฬโรค
ในกลาสโกว์ สิงคโปร์ และฮ่องกง และทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ท�ำไป และที่จะท�ำ
ต่อไปนั้น ก็เพื่อป้องกันมิให้กาฬโรคลุกลามออกไป ข้าพเจ้าเชื่อว่าข้าพเจ้า
จะมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของตนต่อไป ตามที่ข้าพเจ้าได้รับการฝึกฝนมา
โดยเฉพาะ
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
(ลงชื่อ) เอช. แคมป์เบล ไฮเอต
แพทย์สุขาภิบาล
๑๔๗
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๘ จัดการป้องกันกาฬโรคในกรมไปรษณีย์
และโทรเลข (๒๔ ธ.ค. – ๒๔ ม.ค. ๑๒๓), หน้า ๑๑ – ๑๒.
๑๔๘
และตามข้อความในความเห็นหมอแบรดโดกแสดงแก่กรมไปรษณียน์ นั้
ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ส่งให้แพทย์สุขาภิบาลพิเคราะห์แล้วยื่นรายงานแจ้งการ
ที่จัดห้ามหนังสือในที่กักคน และแจ้งความด�ำริที่ยังไม่กระท�ำการรื้อเผาเรือน
ที่มีโรค โดยยังไม่เห็นความจ�ำเป็นจะต้องเสียเงินมาก เพราะมีโรคเพิ่งเกิดขึ้น
เล็กน้อย ช�ำระล้างและเผาแต่ที่จ�ำเป็นก็เห็นว่าพอ มีความพิสดารแจ้งอยู่ใน
ส�ำเนารายงานหมอไฮเอตลงวันที่ ๓๑ ธันวาคม นั้นแล้ว
อนึ่ ง ตามข้ อ ความในรายงานข้ า พระพุ ท ธเจ้ า ฉบั บ แรก ซึ่ ง กราบ
บังคมทูลพระกรุณาว่า ในข้อซึ่งหมอขอให้ว่ากล่าวกับผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ
ให้ยอมให้หมอและกองตระเวนมีอ�ำนาจจัดการป้องกันกาฬโรคในคนสัปเยกต์
ต่างประเทศได้เต็มอ�ำนาจ เหมือนกงสุลอังกฤษยอมรับและอนุญาตให้จัดใน
คนสัปเยกต์อังกฤษมาแล้ว ทูลไปยังพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษ
วโรประการ ให้ทรงช่วยว่ากล่าวนั้น ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้าฯ
ถวายส�ำเนาหนังสือไปมาในเรื่องนี้ รวมกัน ๑๖ ฉบับ ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
ผู ้ แ ทนรั ฐ บาลต่ า งประเทศทุ ก ชาติ รั บ รองจะช่ ว ยอุ ด หนุ น หมด และในวั น ที่
๗ มกราคมนั้น ข้าพระพุทธเจ้าได้ส่งส�ำเนารายงานย่อของแพทย์ที่แจ้งข่าว
โรคต่อในต�ำบลนั้นอีก ๒ คน คือ เด็กหญิงอายุ ๖ ขวบ ป่วยเมื่อวันที่ ๒๗ ตายวันที่
๒๘ ธันวาคม ๑ ชายผู้ใหญ่อายุ ๒๓ ป่วยวันที่ ๑ เวลาย�่ำค�่ำ ตายวันที่ ๒ มกราคม
เวลา ๑ ทุ่ม อีก ๑ รวมกันเป็นคนป่วยกาฬโรคตายตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม
ถึงวันที่ ๒ มกราคม เพียง ๑๑ คน และคนทั้งปวงที่กักไว้จนสิ้นเขตอายุโรค
แพทย์ได้ตรวจทัว่ ทุกคน ได้เปิดไม่กกั ขังแล้ว ตัง้ แต่วนั ที่ ๒ มกราคม มาจนทุกวันนี้
ไม่มีคนป่วยอีกแล้ว เพื่อให้กระทรวงต่างประเทศแจ้งผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ
ให้ทราบ
๑๔๙
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๑๑ รายงานเรื่องไข้กาฬโรค (๘ ก.พ.
๑๒๓ – ๒๗ พ.ค. ๑๒๔), หน้า ๖.
๑๕๑
ข้าพระพุทธเจ้ามีความร้อนรนใจมากที่โรคมาเกิดขึ้นที่ต�ำบลส�ำเพ็ง
เสียแน่แล้ว ทั้งปรากฏเหมือนว่าเป็นมาโดยหลายวัน เพิ่งทราบแน่วันนี้ จึ่งได้
ก�ำชับสั่งมิสเตอร์ลอซันให้กวดขันกองตระเวนตรวจตราคนป่วยและตายที่ต�ำบล
ส�ำเพ็งโดยแข็งแรง เพื่อได้ทราบทุกไข้และจัดการป้องกันโรคแพร่หลายโดยที่สุด
ที่สามารถจะจัดป้องกันได้ต่อไป๑
ควรมิควรสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ข้าพระพุทธเจ้า นเรศรวรฤทธิ์ ขอเดชะ
๑
วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราช
หัตถเลขาตอบพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ ความตอนหนึ่งว่า “เรื่องกาฬโรคเกิดขึ้น
ทีต่ ำ� บลส�ำเพ็งนัน้ ทราบแล้ว การทีเ่ กิดขึน้ ทีส่ ำ� เพ็งนีร้ า้ ยกาจมาก ฉันเกิดความสงสัยในความประมาท
ของหมอเสียแล้ว คือโรงเรียนราชินที วี่ า่ ย้ายคนแล้วไม่ตอ้ งกวารันตีน เดีย๋ วนีก้ ท็ ราบว่าเป็นอีก จะเป็น
จะตายเท่ากัน ครูกักไว้ในโรงเรียน ทั้งสงสัยกองตระเวนว่าจะรู้ไม่ได้ หรือรู้ไม่ได้ทันที เช่นที่โรงเรียน
ราชินีเป็นก็ไม่รู้ ที่ส�ำเพ็งเป็นก็เพิ่งรู้ ถ้าเช่นนี้เห็นจะเอาไว้ไม่อยู่,” อ้างจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ,
ร.๕ น.๕.๗ก/๑๑ รายงานเรื่องไข้กาฬโรค (๘ ก.พ. ๑๒๓ – ๒๗ พ.ค. ๑๒๔), หน้า ๓๗.
๑๕๒
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๑๑ รายงานเรื่องไข้กาฬโรค (๘ ก.พ.
๑๒๓ – ๒๗ พ.ค. ๑๒๔), หน้า ๔๐ – ๔๑.
๑๕๓
โรงเรี ย นได้ ป ิ ด แต่ วันพุธที่ ๘ กุมภาพันธ์นั้นแล้ ว แต่ เ มื่ อ ปิ ด โรงเรี ย นมี บุต รี
พระยารักษาสมบัติป่วยอยู่คนหนึ่ง หมอก็ได้ตรวจแล้วว่าไม่ใช่เป็นกาฬโรค
และหมอได้ตรวจเด็กทุกคนแล้วว่าไม่มีอาการป่วย ครูโรงเรียนจึ่งส่งกลับไปยัง
บ้าน บัดนี้ก็ไม่มีเด็กอยู่ในโรงเรียน
ข้าพระพุทธเจ้าได้สอบสวนหมอว่า เหตุใดจึ่งไม่ควอรันตีนโรงเรียน
หมอชี้แจงว่า บุตรีพระยามนตรีฯ ป่วยเป็นหวัดปวดศีรษะเล็กน้อยแต่บ้านพระยา
มนตรีฯ มายังโรงเรียนวันจันทร์ที่ ๓๐ มกราคม เป็นไข้จับในวันอังคารรุ่งขึ้น
ครูโรงเรียนเห็นว่าไข้แรงจึ่งได้แยกจากห้องเด็กให้มาอยู่ห้องต่างหากผู้เดียวใน
วันนั้น และแจ้งข่าวไปยังบ้าน รุ่งขึ้นวันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ พระยามนตรีฯ ให้มา
รับเด็กไปบ้าน ครูโรงเรียนก็ได้เลิกผ้าผ่อน หมอนมุ้ง ที่นอนของเด็กไว้ต่างหาก
และได้ช�ำระล้างห้อง แต่เมื่อเด็กไปบ้านนั้นแล้ว เด็กป่วยอยู่ที่บ้านพระยามนตรีฯ
ต่อไปจนวันจันทร์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ จึ่งถึงแก่กรรม หมอได้มาตรวจโรงเรียนในวัน
อังคารที่ ๗ กุมภาพันธ์ ได้บงั คับให้ครูเผาผ้าผ่อน หมอนมุง้ ทีน่ อนซึง่ เด็กใช้นน้ั แล้ว
และตรวจโรงเรียนเห็นว่าครูช�ำระล้างพอแก่ความป้องกันโรคแล้ว โดยเด็กนั้น
ป่วยอยู่โรงเรียนเมื่อแรกโรคจับเพียงวันเดียว และทั้งล่วงวันไปแล้วถึง ๗ วัน
ได้ตรวจเด็กทั้งโรงเรียนก็มีอาการเป็นปรกติ เว้นแต่บุตรีพระยารักษาสมบัติ
ป่ ว ยอยู ่ ผู ้ ห นึ่ ง ก็ ต รวจ เห็ น ว่ า ไม่ ใช่ ก าฬโรค หมอจึ่ ง คิ ด ว่ า ไม่ ส มควรจะกั ก
โรงเรียนซึ่งคนป่วยอยู่ล่วงได้ถึง ๗ วันแล้ว และทั้งจะกักก็ไม่เป็นประโยชน์ได้
เพราะเด็กในโรงเรียนนั้น มาเรียนกลางวันแล้วกลับไปบ้านก็มีอยู่ จึ่งได้ก�ำชับ
สัง่ ครูวา่ ถ้ามีเด็กป่วยใหม่ในโรงเรียนอีก ให้ครูเรียกหมอทรัมป์ ซึง่ อยูท่ โี่ รงพยาบาล
ทหารข้างหลังโรงเรียนใกล้กันนั้น ไปตรวจในทันที และจนวันนี้ก็ได้ ๑๑ วัน
สิ้นเขตก�ำหนดไข้กาฬโรคที่ติดกันได้ในส่วนโรงเรียนนั้นแล้ว หมอก็ไม่ได้รับ
รายงานจากหมอทรัมป์ว่าได้ตรวจคนป่วยในโรงเรียนนั้น หมออธิบายเหตุที่ไม่ได้
ควอรันตีนดังนี้
๑๕๔
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๒๕ – ๒๖.
๑๕๖
ข้าพระพุทธเจ้ายังให้เจ้าพนักงานกองตระเวนสืบสวนต้นเหตุอยู่ว่า จะเป็นมาด้วย
เหตุอันใด เพราะคิดด้วยเกล้าฯ ว่า คงจะเกิดมีผู้ถือเอาโอกาสลักลอบขู่กรรโชก
ตรวจลงเอาเงินทองกันในหมู่นี้ ว่าจะเอาไปกักขังและอะไรต่างๆ นั้น
การที่จะให้ราษฎรสงบความตื่นตกใจครั้งนี้ จะต้องประกาศให้ทราบ
วิธีการที่จัดป้องกันให้เห็นคุณประโยชน์ ข้าพระพุทธเจ้าจึ่งได้ร่างประกาศแจ้ง
การที่จัดป้องกันกาฬโรคแพร่หลาย น�ำข้อความที่หมอแจ้งอาการโรคและแนะน�ำ
ให้ปฏิบัตินั้น เพื่อให้มหาชนทราบ ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวาย ข้อใจความ
แจ้งอาการโรคที่หมอเรียบเรียงฉบับ ๑ ร่างประกาศฉบับ ๑ ทราบฝ่าละอองธุลี
พระบาท ถ้าต้องด้วยกระแสพระราชด�ำริ พระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว
จะได้รีบพิมพ์ประกาศในทันใด๑
ควรมิควรสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ข้าพระพุทธเจ้า นเรศรวรฤทธิ์ ขอเดชะ
๑
วันต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ออก “ประกาศ
จัดการป้องกันกาฬโรค” ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓ (พ.ศ. ๒๔๔๗) และ “ประกาศห้ามคน
ตื่นเรื่องแพทย์ตรวจป้องกันกาฬโรค” ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓ (พ.ศ. ๒๔๔๗) เพื่อสร้าง
ความเข้าใจแก่ราษฎร
๑๕๗
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๑๑ รายงานเรื่องไข้กาฬโรค (๘ ก.พ.
๑๒๓ – ๒๗ พ.ค. ๑๒๔), หน้า ๑๒๓.
๑๕๘
รายงานประจ�ำปีที่ ๘ ของเจ้าพนักงานแพทย์สุขาภิบาล
ร.ศ. ๑๒๓ (๑ เมษายน ค.ศ. ๑๙๐๔ – ๓๑ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๐๕)๑
[ตรงกับวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๗ – ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๗]
นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ชาวยุโรปคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ประเทศที่มี
ความสุ ข คื อ ประเทศที่ ไ ม่ มี ป ระวั ติ ศ าสตร์ ” ๒ ค� ำ กล่ า วนี้ ใช้ ไ ด้ กั บ กิ จ การของ
กรมสุขาภิบาลนับแต่ก่อตั้งขึ้นมาจนถึงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว รายงานประจ�ำปี
แต่ละฉบับเป็นการบันทึกความก้าวหน้าอย่างช้าๆ แต่มั่นคง โดยไม่มีช่วงเวลา
วิกฤตหรือเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของกรมสุขาภิบาล จนกระทั่ง
ในปีนี้ เมื่อกาฬโรคระบาดมาถึงพวกเราในที่สุด ข้าพเจ้าได้ท�ำนายเรื่องนี้ไว้
บ่อยครั้งในรายงานประจ�ำปีฉบับก่อนๆ และในเอกสารอื่น แต่ข้าพเจ้าเกรงว่า
การที่ค�ำท�ำนายของข้าพเจ้าบางส่วนไม่เป็นจริงนั้น ท�ำให้ข้าพเจ้าถูกถือว่า
เป็นพวกตื่นตูม
ดังที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวไว้ในรายงานประจ�ำปีของแพทย์สุขาภิบาล ร.ศ.
๑๒๑ [พ.ศ. ๒๔๔๕] ความว่า “ข้าพเจ้ามักจะได้ยินผู้กล่าวว่ากาฬโรคจะไม่มีวัน
ระบาดในกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าหวังว่าค�ำปลอบใจเช่นนั้นจะเป็นจริง แต่เนื่องจาก
กาฬโรคเกิ ด การระบาดเป็ น ประจ� ำ ในเกาะทุ ่ ง คา ซึ่ ง อยู ่ ใ กล้ เ ส้ น ศู น ย์ สู ต ร
มากกว่ากรุงเทพฯ ราวแปดองศา ทั้งยังเกิดการระบาดที่บอมเบย์ ซึ่งอยู่เหนือ
จากกรุงเทพฯ ราวสี่องศา ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงมองไม่เห็นว่าท�ำไมกาฬโรค
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๕/๑๔ รายงานประจ�ำปีกรมสุขาภิบาล
(๑ เม.ย. ๑๒๓ – ๓๑ มี.ค. ๑๒๔), หน้า ๓๐ – ๔๕, คัดเฉพาะเนื้อความที่เกี่ยวกับกาฬโรค.
๒ ค�ำกล่าวนี้หมายความว่า ประวัติศาสตร์มักจะบันทึกเรื่องราวของความวุ่นวาย ความโหด
ร้าย สงคราม ความทุกข์ยากต่างๆ ดังนั้นประเทศที่ไม่มีประวัติศาสตร์จึงเป็นประเทศที่มีความสุข
เพราะไม่มีเรื่องราวเหล่านี้ให้บันทึก
๑๕๙
จะไม่ระบาดในกรุงเทพฯ กาฬโรคจะไม่ระบาดอย่างฉับพลันในสถานที่หนึ่งๆ
แต่ ดู เ หมื อ นจะอาศั ย ปั จ จั ย สี่ อ ย่ า งที่ ท� ำ ให้ เ กิ ด การระบาดอย่ า งร้ า ยแรง คื อ
(๑) การมีผู้ป่วยกาฬโรคเดินทางเข้าสถานที่นั้นซ�้ำๆ อยู่ร�่ำไป (๒) การติดเชื้อ
ที่ผืนดิน บ้าน และพวกหนู ซึ่งติดเชื้อจากผู้ป่วยกาฬโรค (๓) มีการแพร่กระจาย
การติดเชื้อเป็นระยะเวลาหนึ่ง (๔) ผืนดินที่เหมาะส�ำหรับการแพร่กระจายเชื้อ
ผืนดินเหล่านี้ได้แก่เมืองที่ไม่มีสุขาภิบาล บ้านเรือนอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป และมี
ผู้อยู่อาศัยแออัด ทั้งยังมีสิ่งโสโครกต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนั้นพบได้ในส�ำเพ็ง”
ไม่มีใครจะปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่า ผืนดินในกรุงเทพฯ เอื้อต่อการ
แพร่ระบาดของกาฬโรค แม้ว่าปัจจัยข้อ (๑) และข้อ (๒) ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึง
ในรายงานฉบับนั้นจะได้รับความตระหนักในระดับหนึ่ง แต่น�้ำหนักของมันก็ถูก
ลดทอนลงไปมาก เนือ่ งจากกาฬโรคเริม่ ระบาดในฝัง่ ตะวันตกของแม่นำ�้ เจ้าพระยา
ไม่ใช่ในส�ำเพ็งตามที่ข้าพเจ้าคาดการณ์ไว้
ในฝั่งตะวันตกของแม่น�้ำเจ้าพระยา นอกจากบ้านเรือนจะอยู่ห่างกัน
มากกว่าที่ฝั่งตะวันออกแล้ว ผู้อยู่อาศัยโดยทั่วไปก็มีความแออัดน้อยกว่า ทั้งยัง
มีคลองขนาดใหญ่และแม่น�้ำเจ้าพระยาช่วยขวางกั้นบริเวณที่ติดเชื้อ จนไม่น่า
เป็นไปได้ที่กาฬโรคจะระบาดมาถึงฝั่งตะวันออก
เราจึงสามารถหยุดยั้งการระบาดขนาดเล็กได้ในขณะนี้ แต่เนื่องจากมี
หนูตดิ เชือ้ กาฬโรคจ�ำนวนมาก และในฮ่องกงก็ได้รบั การพิสจู น์แล้วว่ากาฬโรคอาจ
กลายเป็นโรคเรื้อรังในสัตว์จ�ำพวกนี้ และเพาะเชื้อในเมืองต่อไปได้เป็นเวลา
หลายเดือน มีเพียงกาลเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่าการขจัดกาฬโรคเป็นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพหรือไม่ ถ้าความพยายามของเราประสบผลส�ำเร็จ เราต้องไม่เหลิงตัว
และคลายใจไปกับความคิดว่ากาฬโรคจะไม่ระบาดอย่างร้ายแรงในกรุงเทพฯ
๑๖๐
ที่สิงคโปร์มีรายงานผู้ป่วยกาฬโรคเป็นช่วงๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่ไม่นานมานี้ ช่วงเวลาที่ปรากฏผู้ป่วยกระชั้นสั้นลงมาก ข้าพเจ้าจะไม่แปลกใจ
เลยถ้าเกิดกาฬโรคระบาดอย่างร้ายแรงที่สิงคโปร์ในอีกไม่นานนี้
ดั ง ที่ ข ้ า พเจ้ า กล่ า วไว้ ใ นรายงานประจ� ำ ปี ฉ บั บ ที่ อ ้ า งถึ ง ก่ อ นหน้ า นี้
ความว่า “สิ่งส�ำคัญที่ต้องท�ำเพื่อป้องกันกาฬโรคคือ (๑) ป้องกันไม่ให้กาฬโรค
ระบาดมาถึง (๒) ถ้ากาฬโรคระบาดมาถึงแล้ว ก็ต้องท�ำให้การแพร่ระบาด
ต่อไปเกิดขึ้นได้ยากหรือเกิดไม่ได้เลย โดยการปรับปรุงสุขาภิบาลในกรุงเทพฯ
หากกาฬโรคระบาดอย่างมั่นคงและทั่วไปในสถานที่หนึ่งแล้ว ดูเหมือนจะเป็น
การยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขจัดการระบาดนั้น”
ตอนนีข้ า้ พเจ้ายังไม่เห็นเหตุผลทีจ่ ะต้องแก้ไขข้อเสนอดังกล่าวทีเ่ ขียนไว้
เมื่อสองปีที่แล้ว
เนื่องจากปริมาณงานอันมหาศาลที่ต้องท�ำในการต่อสู้กับกาฬโรค
จึงมีการแต่งตั้งผู้ช่วยแพทย์สุขาภิบาล คือนายแพทย์คาร์ทิว๑ ซึ่งเคยดูแลรักษา
ผู้ป่วยกาฬโรคเป็นจ�ำนวนมากที่อินเดีย ผลที่สืบเนื่องจากการระบาดของกาฬโรค
อีกอย่างหนึ่งคือ การอนุมัติเงินจ�ำนวนหนึ่งส�ำหรับการตั้งโรงพยาบาลส�ำหรับ
โรคติ ด ต่ อ ซึ่ ง ข้ า พเจ้ า จะกล่ า วถึ ง เรื่ อ งนี้ แ ละเรื่ อ งที่ เ กี่ ย วกั บ กาฬโรคต่ อ ไป
ในส่วนหลังๆ ของรายงานฉบับนี้
...(เนื้อความเรื่องอื่น)...
๑
นายแพทย์มอร์เดน คาร์ทิว (Morden Carthew) แพทย์ชาวอังกฤษที่เดินทางเข้ามาใน
เมืองไทยสมัยรัชกาลที่ ๕ และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยแพทย์สุขาภิบาล ต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์
เป็นพระยาอายุรเวชวิจกั ษ์ มีบทบาทในการสร้างและด�ำเนินงานโรงพยาบาลคนเสียจริตทีค่ ลองสาน
(ปัจจุบันคือสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา)
๑๖๑
นายแพทย์มอร์เดน คาร์ทิว
ผู้ช่วยแพทย์สุขาภิบาล
แผนกสุขาภิบาลท่าเรือ
ข้ อ เท็ จ จริงที่ส�ำคัญที่สุดซึ่งต้องเอ่ยถึง เกี่ ย วกั บงานของแผนกนี้ คือ
การเปลี่ยนที่ตั้งด่านกักกันเรือจากเกาะไผ่เป็นเกาะพระ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสัตหีบ
เหตุผลของการย้ายเป็นเพราะผู้ที่เลือกเกาะไผ่เป็นที่ตั้งด่านกักกัน
เรือนั้นพิจารณาเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเรือต่างๆ สามารถทอดสมอ
ได้สะดวกทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ ไม่เคยมีผู้ใดคาดคิดว่าจะต้อง
กักกันเรือในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือด้วย แต่ในที่สุดก็เกิดความจ�ำเป็นขึ้น
เมื่อกาฬโรคระบาดที่สิงคโปร์ในเดือนธันวาคม ค.ศ. ๑๙๐๔ [พ.ศ. ๒๔๔๗]
เมื่ อ เกรงว่ า จะไม่ มี จุ ด ทอดสมอที่ เ หมาะสมและปลอดภั ย ทางตะวั น ตกของ
เกาะ จึงส่งที่ปรึกษาของนายท่าไปตรวจสอบ โดยได้รับค�ำสั่งว่า หากเกาะไผ่
ไม่มีจุดทอดสมอที่เหมาะสม ก็ให้หาสถานที่อื่นที่เหมาะสม ซึ่งใช้งานได้ทุก
ฤดูมรสุม ที่ปรึกษากลับมารายงานว่า เกาะไผ่ไม่สามารถใช้งานได้ในฤดูมรสุม
ตะวันออกเฉียงเหนือ และหลังจากไปตรวจสอบสถานที่หลายแห่งแล้วพบว่า
๑๖๒
เกาะพระเหมาะส�ำหรับการนี้ที่สุด ข้าพเจ้าจึงได้ไปตรวจสอบที่เกาะพระและ
ที่อื่นๆ จนตัดสินใจว่าไม่มีที่ใดเหมาะสมกว่าเกาะพระอีกแล้ว แม้จะอยู่ค่อนข้าง
ไกลจากกรุงเทพฯ ก็ตาม รัฐบาลจึงส่งพวกกุลีไปถางป่าและตั้งกระท่อมชั่วคราว
ส�ำหรับแพทย์และพนักงานในทันที เมื่อถึงต้นเดือนมกราคมก็ได้ตั้งด่านกักกัน
เรือที่นั่น มีการถางป่าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ และตั้งอาคารต่างๆ ที่ย้ายมาจาก
เกาะไผ่ คนของเราจัดสร้างกระท่อมของพวกกุลีและท่าเรือ มีการท�ำสัญญา
จัดสร้างเครื่องสูบน�้ำซึ่งสามารถจ่ายน�้ำจืดปริมาณ ๓,๐๐๐ แกลลอนในเวลา
๒๔ ชั่วโมง เครื่องสูบน�้ำนี้สร้างเสร็จและจ่ายน�้ำได้มากกว่าที่ท�ำสัญญาไว้เสียอีก
ด่านกักกันเรือเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว แต่ก็เกิดโรคไข้จับสั่นที่ร้ายแรง
ระบาดอย่างชุกชุมตามปกติของสถานที่ ซึ่งเป็นป่ามาแต่เดิมและเพิ่งจะถูกถาง
ไป ที่เกาะไผ่เดิมก็เป็นเช่นนี้อยู่หลายปี กว่าที่หนองบึงชื้นแฉะทั้งหมดจะแห้งไป
หรือถูกถมไป เราก�ำลังพยายามท�ำทุกอย่างให้เกาะพระมีการสาธารณสุขที่ดีขึ้น
เพราะพวกกุลีนั้นหายากยิ่งในเวลาที่ไข้จับสั่นระบาดเช่นนี้
อาจกล่าวได้ว่าเกาะพระจะกลายเป็นด่านกักกันโรคถาวร ก่อนหน้านี้
เมื่อมีการประกาศกักกันเรือที่มาจากเมืองท่าต่างประเทศ ก็จะไปตั้งด่านกักกัน
เรือที่เกาะไผ่ แต่ในช่วงเวลาที่เป็นเพียงการตรวจโรคบนเรือที่มาจากเมืองท่าที่
สงสัย แพทย์ผู้ตรวจของด่านกักกันเรือจะประจ�ำอยู่ที่ต�ำบลปากน�้ำ การนี้ท�ำให้
เกิดปัญหาอย่างมากส�ำหรับเรือที่ต้องการขนของลงที่จุดทอดสมอภายนอก
แต่ตอนนี้จะไม่เป็นปัญหาแล้ว เนื่องจากด่านกักกันเรือไปตั้งอยู่ภายนอกขอบเขต
ของท่าเรือตามที่มันควรจะเป็น
ข้าพเจ้าคาดว่าอาจจะมีปัญหากับพวกทูตต่างประเทศและกัปตันเรือ
ต่างๆ ข้าพเจ้าจึงขอให้กรมแผนที่พิมพ์แผนผังของเกาะพระและบริเวณโดยรอบ
และวางจ�ำหน่ายไว้ที่ส�ำนักงานของนายท่า
๑๖๓
แผนผังนี้เป็นที่ต้องการพอสมควร แต่พวกกัปตันเรือมีความเห็นกัน
โดยทั่วไปว่า ควรจะมีแผนผังที่ละเอียดกว่านี้เพื่อให้เดินเรือระหว่างเกาะได้อย่าง
ปลอดภัย ข้าพเจ้าหวังว่ากรมทหารเรือจะท�ำการส�ำรวจเพื่อเขียนแผนผังเช่นนี้ได้
นอกจากนี้ ควรวางสายโทรเลขจากจันทบุรีไปยังสัตหีบ เนื่องจากใน
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการสื่อสารกับกรุงเทพฯ ต้องอาศัยการส่งข่าวไปกับเรือเท่านั้น
ในปี นี้ ไ ด้ ต รวจเรื อ ๓๐๕ ล� ำ และตรวจผู ้ โ ดยสาร ๓๘,๒๖๕ คน
ในภาคผนวก ๑ มีรายละเอียดของเมืองท่าที่เรือเหล่านี้เดินทางมา ตลอดจน
จ�ำนวนเรือและผู้โดยสารจากท่าเรือต่างๆ ผู้โดยสารส่วนใหญ่มาจากซัวเถา
อีกเช่นเคย จ�ำนวนทั้งสิ้น ๒๖,๔๙๕ คน
ไม่พบผู้ป่วยกาฬโรคในเรือล�ำใดที่ตรวจ แต่มีผู้ตายอย่างน่าสงสัย
บนเรือล�ำหนึ่งที่มาจากซัวเถา จึงให้ผู้โดยสารเรือทั้งหมด ๖๒๕ คน ลงมาพัก
ที่ด่านกักกันเรือเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา ๙ วัน ปรากฏว่าไม่มีโรคอันใด
นอกจากโรคหัดที่ระบาดในหมู่เด็ก หลังจากข้าพเจ้าตรวจโรคแก่ผู้โดยสารทุกคน
แล้วจึงส่งพวกเขาขึ้นเรือไปกรุงเทพฯ ต่อไป
โรคที่ พ บมากที่สุดในหมู่ผู้โดยสารคือโรคผิ วหนั ง และซิ ฟ ิ ลิ ส มี โรค
เหน็บชาหนึ่งราย และอีสุกอีใสสองราย ที่พบในบรรดาลูกเรือ
กฎหมายกักกันเรือที่ประกาศใช้ในรอบปีที่ผ่านมามีดังนี้
๒๐ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๐๔ [พ.ศ. ๒๔๔๗] – กักกันเรือทีม่ าจากฮ่องกง
และซัวเถา
๑ กันยายน ค.ศ. ๑๙๐๔ [พ.ศ. ๒๔๔๗] – ยกเลิกการกักกันเรือที่มา
จากฮ่องกงและซัวเถา
๑๕ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๐๔ [พ.ศ. ๒๔๔๗] – กักกันเรือที่มาจากสิงคโปร์
๑๖๔
๑
คื อ พระราชบั ญ ญั ติ ว ่ า ด้ ว ยการเดิ น เรื อ ในน่ า นน�้ ำ สยาม รั ต นโกสิ น ทรศก ๑๒๔
[พ.ศ. ๒๔๔๘]
๑๖๕
กาฬโรค
ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ในตอนต้นของรายงานฉบับนี้แล้วว่า การที่
กาฬโรคระบาดมาถึงสยามเป็นเรื่องส�ำคัญที่สุดในการทบทวนเรื่องราวของปีนี้
เมื่ อ หลายปี ที่ แ ล้ ว ในเดื อ นสิ ง หาคม ค.ศ. ๑๙๐๑ [พ.ศ. ๒๔๔๔]
ข้าพเจ้าได้เสนอรายงานพิเศษเกี่ยวกับการระบาดของกาฬโรคในกลาสโกว์
ซึ่งข้าพเจ้าได้ไปเห็นมาด้วยตนเอง และแนะน�ำให้ด�ำเนินมาตรการพิเศษต่างๆ
ในกรุงเทพฯ โดยค�ำนึงถึงอันตรายทีก่ าฬโรคจะระบาดเข้ามาจากเมืองท่าใกล้เคียง
สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าแนะน�ำให้ด�ำเนินการคือ ให้ซื้อที่ดินส�ำหรับตั้งโรงพยาบาล
กักกันกาฬโรคที่ฝั่งตะวันตกของแม่น�้ำเจ้าพระยา ใกล้กับส�ำเพ็ง โชคดีอย่างยิ่ง
ที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงนเรศวรวรฤทธิ์ ได้ซื้อที่ดินส�ำหรับการนี้บริเวณ
ริมคลองสานไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อกาฬโรคระบาดขึ้นจริงในกรุงเทพฯ งานก่อสร้าง
โรงพยาบาลนี้จึงไม่ต้องล่าช้าไปกับการเจรจาซื้อที่ดินอย่างยาวนาน
ข้าพเจ้าคงไม่ต้องรายงานเรื่องราวของการระบาดซ�้ำอีกครั้ง เนื่องจาก
มีการส่งรายงานเป็นพิเศษหลายฉบับมาโดยตลอด นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม
ค.ศ. ๑๙๐๔ [พ.ศ. ๒๔๔๗] ถึงวันที่ ๒๑ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๐๕ [พ.ศ. ๒๔๔๗]
มีผู้ป่วยกาฬโรค ๓๒ ราย ซึ่งในจ�ำนวนนี้ตาย ๒๕ ราย คิดเป็นอัตราการตาย
ร้อยละ ๗๘
ด้วยความกรุณาของท่านเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เราจึง
สามารถใช้บ้านหลังใหญ่ในสวนอันกว้างขวางของท่าน บริเวณริมคลองสาน
ซึ่งอยู่ใกล้กับตึกแดงที่มีกาฬโรคระบาด เราได้ตั้งรั้วสังกะสีพร้อมลวดหนาม
ไว้รอบบ้าน กั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ภายในสวน และสร้างบ้านไม้มุงจากขนาดเล็ก
ไว้หกหลัง แต่ละหลังรองรับผู้ป่วยได้หกคน
๑๖๖
มีการแต่งตั้งผู้ตรวจการเพิ่มขึ้นอีกสองคนเพื่อป้องกันกาฬโรคโดย
เฉพาะ ทั้งยังขอความช่วยเหลือจากหมอเอกชนอีกหลายคน ในช่วงที่การระบาด
สงบลงนั้น ปรากฏว่ากรมสุขาภิบาลสามารถต่อสู้กับกาฬโรคได้อย่างเข้มแข็ง
มากขึ้น ตอนนี้พนักงานทุกคนคุ้นเคยกับงานที่ท�ำ ส่วนผู้ตรวจการก็ไม่ได้เขลา
เรื่องลักษณะอาการของผู้ป่วยกาฬโรคอย่างเดิมแล้ว และราษฎรก็เริ่มคิดว่าหมอ
และพวกที่ท�ำการฆ่าเชื้อนั้น แม้จะเป็นปัญหาแต่ก็มีความจ�ำเป็นไม่มากก็น้อย
ไม่ใช่คนร้ายที่ลากตัวราษฎรผู้น่าสงสารไปฆ่าทิ้งในโรงพยาบาล อย่างที่เคย
เชื่อกัน แม้ข้าพเจ้าจะเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งเมืองว่าเป็น “หมอ” แต่ตอนนี้ข้าพเจ้า
สามารถเดิ น ไปทุ ก หนทุ ก แห่ ง โดยไม่ มี ผู ้ ใ ดกลั ว หรื อ ข่ ม ขู ่ เ อาชี วิ ต ข้ า พเจ้ า
เหมือนที่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งก่อนหน้านี้ พวกพลตระเวนโดยเฉพาะพวกที่อยู่
๑๖๗
สยาม
รายงานจากกรุงเทพฯ – ประวัติการระบาดของกาฬโรค๑
๑
แปลจาก “Siam: Report from Bangkok. History of Plague Outbreak,” Public
Health Reports, Vol. 20, No. 28 (Jul. 14, 1905), pp. 1,442 – 1,444. ดาวน์โหลดต้นฉบับ
ดิจิทัลจากเว็บไซต์ http://www.jstor.org/stable/4555559
๑๖๙
มีการตั้งโรงพยาบาลกักกันโรคชั่วคราวและน�ำผู้ป่วยไปรักษาในนั้น
โดยรวมแล้ ว มี ผู ้ ต ายทั้งหมด ๑๑ คนภายในบริ เวณปิ ด ล้ อ ม ก่ อ นหน้ า ที่ จะ
มีการกักกันโรค มีหญิงคนหนึ่งได้พบปะกับผู้ป่วย และหลบหนีไปยังฝั่งตะวันออก
ของแม่น�้ำเจ้าพระยาด้วยความหวาดกลัว นางล้มป่วยและตายที่ฝั่งตะวันออก
เจ้าพนักงานเพิ่งจะทราบข่าวหลังจากนางตาย ทุกคนที่ติดต่อกับนางจึงถูกน�ำไป
ไว้ที่โรงพยาบาลกักกันโรค และฆ่าเชื้อโรคในบ้านของนาง
หลังจากไม่พบผู้ป่วยรายอื่นเพิ่มแล้ว ๑๐ วัน พลตระเวนก็ถอนการ
ปิดล้อม แต่ในวันต่อมาก็มผี ตู้ ายจากกาฬโรคอย่างฉับพลันอีกรายหนึง่ ในบริเวณทีม่ ี
การระบาด เป็นชายหนุ่มชาวสยาม อายุ ๒๑ ปี เริ่มมีไข้ในเวลา ๖ โมงเย็น และ
ต้องทุกข์ทรมานจากการท้องเสียอย่างรุนแรงตลอดคืน จนตายในเวลา ๗ โมงเช้า
ในระหว่างนั้นมีต่อมน�้ำเหลืองโตบริเวณขาหนีบข้างซ้าย นี่เป็นผู้ป่วยรายสุดท้าย
ที่พบในชุมชนแขกอินเดีย ไม่มีการเริ่มปิดล้อมใหม่และไม่พบผู้ป่วยรายอื่น
จนเวลาผ่านไป ๒๑ วัน เมื่อถึงวันที่ ๒๒ มกราคม [พ.ศ. ๒๔๔๗] กาฬโรคระบาด
ขึน้ ในบริเวณใหม่ทอี่ ยูใ่ กล้กบั ชุมชนแขกอินเดีย ตัง้ แต่วนั นัน้ ถึงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์
พบผู้ป่วยรายใหม่ ๑๗ ราย ซึ่งทุกรายเกิดในบริเวณต่างๆ ที่ใกล้กับชุมชนแขก
อินเดีย และในบริเวณดังกล่าวมีหนูตายจ�ำนวนมากก่อนหน้านั้น
มีข้อสังเกตบางอย่างเกี่ยวกับการระบาดของกาฬโรคครั้งนี้
ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะแกะรอยเส้นทางการระบาดเข้าสู่กรุงเทพฯ
ไม่พบหลักฐานอันใดที่จะให้ความกระจ่างในเรื่องนี้
ลักษณะของผู้ป่วย – ผู้ป่วยรายแรกๆ มีอาการฉับพลันอย่างมาก
ร่ ว มกั บ อาการติ ด เชื้ อ ในกระแสเลื อ ดฉั บ พลั น และตายภายใน ๒๔ ชั่ ว โมง
ถึง ๓๖ ชั่วโมง โดยไม่มีเวลาให้ต่อมน�้ำเหลืองโตจนสังเกตได้ ส่วนผู้ป่วยรายหลังๆ
มีลักษณะเป็นกาฬโรคอย่างที่คุ้นเคยกัน ผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการรวดเร็วมาก
๑๗๑
ทั้งยังท้องเสียรุนแรงเป็นอาการส�ำคัญดังที่กล่าวไว้แล้ว พบต่อมน�้ำเหลืองโต
บริเวณขาหนีบ สะโพก ขากรรไกรล่าง ท้ายทอย และรักแร้ ถ้าเราไม่ทราบว่า
ผู้ป่วยรายแรกๆ เป็นกาฬโรค เราอาจมองข้ามผู้ป่วยที่ต่อมน�้ำเหลืองโตบริเวณ
ขากรรไกรล่างไป เพราะในเวลาเดียวกันนั้นที่กรุงเทพฯ มีโรคคางทูมระบาด
อย่างกว้างขวาง
เจ้าพนักงานเพิ่งจะได้รับยารักษากาฬโรคในช่วงท้ายๆ ของการระบาด
นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยรายหนึ่งที่เป็นกาฬโรคปอดด้วย
อัตราการตาย – จากจ�ำนวนผู้ป่วยทั้งหมด ๒๙ ราย มีผู้ตาย ๒๓ ราย
คิดเป็นอัตราการตายร้อยละ ๗๙ ซึ่งสอดคล้องกับการระบาดบริเวณอื่นใน
โลกตะวันออก
การตรวจวินจิ ฉัยเชือ้ โรค – ผูป้ ว่ ยทุกรายไม่ได้รบั การตรวจวินจิ ฉัยเชือ้ โรค
เพื่อยืนยัน แต่มีการตรวจวินิจฉัยเชื้อโรคหลายครั้งจากต่อมน�้ำเหลืองที่ตัดออกมา
หลังจากผู้ป่วยตายแล้ว ทุกครั้งพบเชื้อกาฬโรคเป็นจ�ำนวนมาก
ความยากล�ำบากในการจัดการ – ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลสยาม
เป็นไปด้วยดี พระเจ้าแผ่นดินทรงตระหนักว่ามาตรการที่ทันท่วงทีเป็นสิ่งที่
จ�ำเป็น และทรงให้อ�ำนาจแก่แพทย์สุขาภิบาลอย่างเต็มที่ ทั้งยังทรงมอบอ�ำนาจ
บังคับบัญชาพลตระเวนทั้งหมดด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้คนเกิดความหวาดกลัวกันตามปกติ มีข่าวลือสะพัด
ไปทั่วทั้งเมืองว่ากรมสุขาภิบาลลักพาตัวผู้หญิงและเด็กไปไว้ที่โรงพยาบาลกักกัน
กาฬโรค และวางน�้ำแข็งทับบนหน้าอกพวกเขาจนเสียชีวิต จากนั้นก็จะผ่าร่าง
และดึงถุงน�้ำดีออกมา เพื่อน�ำมาท�ำยาพิษสดๆ ส�ำหรับใช้ฆ่าเหยื่อรายใหม่ๆ
แพทย์สุขาภิบาลและผู้ช่วยจึงถูกคุกคามชีวิตอย่างต่อเนื่อง จนพลตระเวนต้อง
๑๗๒
จัดก�ำลังคุ้มครอง กระทั่งมีประกาศพระบรมราชโองการออกมาเพื่ออธิบาย
ลั ก ษณะของโรค และขั้ น ตอนที่ ก� ำ ลั ง ท� ำ เพื่ อ ขจั ด โรค ๑ ประกาศฉบั บ นี้ มี ผ ล
อย่างดีเยีย่ ม ทัง้ ยังจับผูท้ เี่ ผยแพร่ขา่ วลือผิดๆ มาลงโทษได้ ท�ำให้ความตืน่ ตระหนก
ทั้งหมดคลายลงในเวลา ๒ สัปดาห์
๑
หมายถึง “ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค” ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓ และ
“ประกาศห้ามคนตื่นเรื่องแพทย์ตรวจป้องกันกาฬโรค” ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓
๑๗๓
กองแพทย์สุขาภิบาล๑
วันที่ ๒๒ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๔ [พ.ศ. ๒๔๔๘]
หมอ เอช. แคมแบล ไฮเอต เจ้ากรมกองแพทย์ ขอประทานกราบทูล
พระเจ้ า น้ อ งยาเธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ เสนาบดี ก ระทรวงนครบาล
ทราบฝ่าพระบาท
ด้วยข้าพระพุทธเจ้ามีความเสียใจที่ต้องกราบทูลว่า เมื่อวานนี้ได้รับ
รายงานว่า มีข่าวตายสองรายดูทีเหมือนจะตายด้วยไข้กาฬโรค กอมปะโด ๒
ของบริษัทอิสเอเชียติกได้แจ้งต่อมิสเตอร์กูลเบิก กรรมการจัดการของบริษัท
นั้นว่า มีคนเจ็บสองคนที่อาการคล้ายกาฬโรคได้ตายใกล้บ้านเขา มิสเตอร์
กูลเบิกก็ได้รีบแจ้งความมายังข้าพระพุทธเจ้าโดยทันที และข้าพระพุทธเจ้าก็ได้
ไปที่บ้านกอมปะโดผู้นั้นที่ชื่อซีอองลิมโดยทันทีเหมือนกัน บ้านของซีอองลิมนี้
อยู่ในตรอกเล็กๆ ระหว่างกรมโยธาและวัดโรมันกาทอลิกที่ต�ำบลตลาดน้อย
ไปตกแม่น�้ำ ตรอกนั้นเป็นเหมือนทางส�ำหรับน�้ำไหลเข้าออก และมีสะพานปิด
บ้านนั้นเป็นแบบบ้านจีนอย่างเก่ามีห้องมาก พื้นชั้นบนสะอาด แต่พื้นชั้นล่าง
มีห้องมืดมาก และโสโครกในบ้านนั้นทิ้งลงไปอยู่ในห้องเหล่านั้น โสโครกเหล่านี้
ได้ทิ้งมาแต่ตาตะรางที่พื้นชั้นบน และหาได้กวาดเอาออกไปทิ้งที่อื่นเลย
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๗ เดือนนี้ มีคนอยู่ในบ้านนั้น ๑๔ คน เป็นชาย ๘ หญิง
๖ เมื่อเวลาเย็นวันเสาร์ หญิงอายุ ๑๕ ปีได้เจ็บลง อาการเจ็บนั้นคือเป็นไข้แรง
อาเจียน และบวมที่รักแร้ขวา ในวันอาทิตย์และวันจันทร์อาการก็หนักลง และที่
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕. น.๕.๗ก/๑๕ มีกาฬโรคเกิดขึ้นในที่ต�ำบล
ตลาดน้อย ตาย ๒ คน แพทย์สุขาภิบาลมีความเห็นขอจ้างคนตรวจโรคตามบ้าน ๒ คน และออก
ประกาศจ้างราษฎรจับหนูอีกด้วย (๒๒ มิ.ย. ๑๒๔ – ๑ ก.ค. ๑๒๔), หน้า ๔ – ๖.
๒
Comprador แปลว่า นายหน้า หรือตัวแทน
๑๗๔
ที่จะป้องกันได้ดังที่ได้ท�ำมาที่ฝั่งฟากข้างโน้นที่ไม่สู้มีคนมากนัก และทั้งท้องที่
นั้นก็มีคลองใหญ่และแม่น�้ำขวางอยู่ด้วย
จะเป็นการจ�ำเป็นทีจ่ ะออกประกาศจ้างจับหนูอกี ซึง่ ควรจะท�ำโดยทันที
แต่โดยที่ข้าพระพุทธเจ้าไม่ได้เห็นศพนั้นเอง ข้าพระพุทธเจ้าไม่ขอกราบทูล
แนะน�ำให้ประกาศให้ราษฎรทราบอย่างเดิม แต่ขา้ พระพุทธเจ้าจะคอยระวังสืบไข้
ที่จะเป็นขึ้นอีกต่อไปให้ดีที่สุด และเมื่อเห็นว่าเป็นกาฬโรคจริง จะแจ้งความต่อ
กระทรวงต่างประเทศเหมือนอย่างเดิมก็ได้
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ
(ลงนาม) เอช. แคมแบล ไฮเอต
เจ้ากรมกองแพทย์
๑๗๖
กองแพทย์กรมสุขาภิบาล๑
วันที่ ๑๒ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๔ [พ.ศ. ๒๔๔๘]
หมอ เอช. แคมแบล ไฮเอต เจ้ากรมแพทย์สุขาภิบาล ขอประทาน
กราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงนครบาล
ทราบฝ่าพระบาท
ด้วยข้าพระพุทธเจ้าขอประทานรายงานว่า เมื่อวานนี้หมอคาร์ติว
ผู้ช่วยของข้าพระพุทธเจ้าได้ขึ้นไปตรวจเยี่ยมที่ปากเพรียว๒ เป็นครั้งที่ ๒ ตาม
ค�ำขอร้องของกระทรวงมหาดไทย และได้ตรวจดูเด็กหญิงคนหนึ่งอายุ ๑๕ ปี
ป่วยเป็นไข้กาฬโรคแท้ เหตุฉะนั้นหมอคาร์ติวจึงได้สั่งโดยกวดขันให้คัดเอาคน
ทั้งหลายที่อยู่ใกล้เคียงเด็กหญิงนั้นออกไปกักไว้เสียต่างหาก แล้วหมอคาร์ติว
จึงได้กลับลงมากรุงเทพฯ ภายหลังเมื่อหมอกลับลงมาแล้ว เด็กหญิงนั้นก็ตาย
ข้าพระพุทธเจ้าจึง่ ได้กำ� ชับแนะน�ำท่านปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยโดยทันที
ด้วยการเรื่องนี้ กับได้ก�ำชับแนะน�ำด้วยว่า ให้มีโทรเลขไปยังปากเพรียว ให้สั่ง
เอาผีนั้นไปเผาเสียโดยทันที กับให้ปิดบ้านเรือนนั้นไว้เสีย และให้กักคนที่ไปร่วม
อยู่ใกล้เคียงกับเด็กนั้นไว้เสียต่างหาก ๑๐ วันโดยแข็งแรงกวดขันด้วย
มาวันนี้ข้าพระพุทธเจ้าได้ไปหาท่านพระยาศรีสหเทพ๓ และได้เห็นว่า
การทั้งหลายในเรื่องนี้ก็เป็นอันได้จัดส�ำเร็จไปโดยเรียบร้อยแล้ว
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๑๗ กาฬโรคเกิดขึ้นที่สระบุรีกับที่
สเตชั่นรถไฟบ้านโป่ง และต�ำบลพระปฐมเจดีย์ แพทย์ได้จัดการตรวจ (๒๓ มิ.ย. – ๑๕ ม.ค. ๑๒๔),
หน้า ๒๗ – ๓๑.
๒ ปัจจุบันคือ ต�ำบลปากเพรียว อ�ำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี
๓
พระยาศรีสหเทพ (เส็ง วิริยศิริ) ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย ต่อมาเลื่อนเป็น
พระยามหาอ�ำมาตยาธิบดี ราชปลัดทูลฉลอง
๑๗๗
จะต้องรู้สึกได้ดีทีเดียวว่าประเทศสยามนี้ได้มีราษฎรเกิดทวีมั่งคั่งขึ้น
แต่เหล่าทารกที่ตายและเสียหายด้วยไข้ทรพิษแพร่หลายไป และโรคมาลาเรีย
และโรคอื่นต่างๆ นั้นมีขึ้นอยู่บ่อยๆ มากเหลือประมาณ ทั่วไปทั้งเมือง บัดนี้เล่า
มามีไข้กาฬโรคมาผสมเข้าอีกอย่างหนึ่ง นี้เป็นเหตุให้เห็นชัดให้ราษฎรพลเมือง
ยุบน้อยไปได้ ที่ประเทศทั้งหลายฝ่ายทิศตะวันออกไม่มีความคุ้นเคยช�ำนาญใน
การโรคที่ติดต่อแพร่หลายได้ ปล่อยให้เป็นอยู่ฉะนี้โดยที่มิได้ใช้ค�ำแนะน�ำและ
การอุดหนุนของแพทย์แล้ว เห็นว่าเป็นการหาชอบไม่ เหตุฉะนั้นความคิดเห็น
ของข้าพระพุทธเจ้านั้น ควรต้องคิดจัดตั้งกระท�ำการแพทย์ที่เกี่ยวกับการโอสถ
ทุกอย่างขึ้นในอาณาจักรประเทศสยามนี้ออกแผนกหนึ่งต่างหาก นอกจาก
การแพทย์ ก รมทหารบกทหารเรื อ และให้ อ ยู ่ ใ นใต้ บั ง คั บ บั ญ ชาในกรมหนึ่ ง
ให้ตั้งมีโรงพยาบาลขึ้น มีการกักป้องกันกาฬโรค การสุขาภิบาลในกรุงและ
หัวเมืองและต�ำบลบ้านทั้งหลายในฝ่ายมณฑลมหาดไทย การปลูกไข้ทรพิษ
และไม่ว่าการสิ่งใดที่เกี่ยว จะให้ราษฎรได้รับความสุขส�ำราญนั้นทั่วไป
ในมณฑลหนึ่งนั้น ควรจะต้องมีคนที่มีคุณวุฒิช�ำนาญในทางแพทย์
ยาแก้โรคต่างๆ ให้เป็นแพทย์ของข้าหลวงเทศาภิบาล ให้เขาตั้งดูแลก�ำกับการ
อยู่ที่เมืองใหญ่ท�ำเลประชุมมหาชนส่วนใหญ่และน้อยในมณฑลนั้นๆ และให้มี
แพทย์ที่มีวุฒิหรือเป็นคนเข้าใจในการปรุงยา เช่นเขาจ้างในการอย่างนี้ท่ีในเมือง
อินเดีย เมืองสะเตรตเซตเติลเมนต์๑ และตามเมืองแขกมลายูทั้งหลายต่างๆ นั้น
ในสมัยนี้แพทย์ชาวต่างประเทศซึ่งมีคุณวุฒิก็ได้มีขึ้นที่เชียงใหม่และภูเก็จแล้ว
ข้าพระพุทธเจ้าหวังด้วยเกล้าฯ ว่า การนีพ้ อจะคิดจัดกระท�ำตัง้ ขึน้ ได้นนั้ เป็นต้นว่า
กรุงเก่า นครราชสิมา เพ็ชบูรี ลพบูรี พิศนุโลก ฯลฯ นั้น เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า
ควรลงมื อ จั ด ตั้ ง ขึ้ น ให้ ไ ด้ เ สี ย ที เ ดี ย ว การที่ จ ะตั้ ง ต้ น ขึ้ น นี้ เ ห็ น ว่ า ไม่ สู ้ ย ากนั ก
๑
Straits Settlements หรือนิคมช่องแคบ คือส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์
ในปัจจุบัน
๑๘๐
๑
หมายถึง วิทยาลัยเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งลอนดอน (London School of Tropical
Medicine) และวิทยาลัยเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งลิเวอร์พูล (Liverpool School of Tropical
Medicine) ซึ่งเปิดสอนนักศึกษาแพทย์มาจนถึงปัจจุบัน
๑๘๑
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๓๖ – ๓๗.
๑๘๓
๑
พระเจ้ า บรมวงศ์ เ ธอ กรมหมื่ น มหิ ศ รราชหฤทั ย พระราชโอรสในพระบาทสมเด็ จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาห่วง ต่อมาทรงด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง และ
เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ
๑๘๔
กองแพทย์สุขาภิบาล๑
วันที่ ๓๑ กรกฎาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๔ [พ.ศ. ๒๔๔๘]
หมอเอช. แคมแบล ไฮเอต เจ้ากรมกองแพทย์ ขอประทานกราบทูล
พระเจ้ า น้ อ งยาเธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ เสนาบดี ก ระทรวงนครบาล
ทราบฝ่าพระบาท
ด้วยตามที่ได้ทรงทราบอยู่แล้วว่าไข้กาฬโรคได้เกิดขึ้นอีกในกรุงเทพฯ
แต่ครั้งนี้หาได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะในต�ำบลเดียว ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม หาได้
มีรายงานคนเจ็บที่สงสัยว่าเป็นไข้กาฬโรคยื่นต่อข้าพระพุทธเจ้า จนเมื่อวันที่
๒๐ มิถุนายน ได้มามีคนตายสองคนที่ตลาดน้อย โดยเป็นไข้กาฬโรคแท้ เรื่องนี้
ข้ า พระพุ ท ธเจ้ า ได้ ร ายงานถวายแล้ ว ต่ อ มาได้ ท ราบว่ า พระสราภั ย ที่ อ ยู ่ ใ น
ต�ำบลวัดระฆังได้ตายเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน และมาเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน
หญิ ง ในบ้ า นพระสราภั ย ได้ ต ายอี ก คนหนึ่ ง อาการตายทั้ ง สองรายนี้ เ ป็ น ไข้
กาฬโรค เมื่ อวั น ที่ ๑ กรกฎาคม หญิงในบ้านอ� ำ แดงน้ อ ย ในต� ำ บลส� ำ เพ็ ง
ได้เป็นไข้กาฬโรคตายตามรายงานของการตรวจศพ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม
ข้าพระพุทธเจ้าได้กลับไปที่วัดระฆังอีก ที่บ้านใกล้บ้านพระสราภัย หญิงชื่อ
อ� ำ แดงอ่ อ นได้ เ ป็ น ไข้ ก าฬโรคแท้ ต าย ตั้ ง แต่ วั ด ระฆั ง ไปถึ ง ต� ำ บลบ้ า นทวาย
กองตระเวนได้รายงานแก่ข้าพระพุทธเจ้าเมื่อวันที่ ๑๕ ว่ามีคนตายในโรงสี
กลไฟโปจินสู ซึ่งสงสัยว่าเป็นไข้กาฬโรค ข้าพระพุทธเจ้าได้ไป ณ ที่นั้น ได้เห็นศพ
และมีความพอใจว่าเป็นไข้กาฬโรคแท้ นอกนั้นข้าพระพุทธเจ้ายังได้ทราบว่า
ในชั่วอาทิตย์หนึ่งได้มีคนตายถึงเจ็ดคนนอกจากรายนี้ ซึ่งมีอาการเหมือนกัน
ทั้งนั้น เจ็บอยู่ในชั่ว ๒๔ ถึง ๓๖ ชั่วโมง
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๑๖ พระสราภัยกับราษฎรบ้านหลัง
วั ด ระฆั ง เป็ น กาฬโรค และขอพระบรมราชานุ ญ าตเพิ่ ม เงิ น ส� ำ หรั บ ท� ำ โรงพยาบาลไข้ ก าฬโรค
ที่คลองสานด้วย (๒๑ ก.ค. ๑๒๔ – ๑๓ ต.ค. ๑๒๕), หน้า ๖๕ – ๗๒.
๑๘๕
กรมสุขาภิบาลได้ตั้งขึ้นและได้ท�ำการมาได้ ๘ ปี และไม่ต้องสงสัยในระหว่าง
เวลานี้ได้ท�ำการดีๆ แต่ส�ำหรับการสุขาภิบาลอย่างแท้ใหญ่โต เช่น การท�ำน�้ำ
จ�ำหน่าย การไขน�้ำออก การท�ำลายบ้านเรือนที่สกปรก และเปิดที่ที่ราษฎรอยู่
กันแน่นหนา กรมสุขาภิบาลหาได้มีโอกาสที่จะท�ำไปได้ เมื่อสิ่งส�ำคัญเหล่านี้
จะได้เป็นไปได้ การอื่นๆ ในเรื่องสุขาภิบาลก็จะได้แยกออกไป และง่ายที่จะท�ำ
ถึงอย่างไรก็ดี ในสมัยนี้ก็มีสิ่งซึ่งจะท�ำ ถ้าไม่ดังนั้นก็ต้องเป็นอันตกลง
ยอมว่าไข้กาฬโรคจะเกิดขึ้นได้ในกรุงเทพฯ ตามเวลาที่จะชอบเกิด โดยสิ่งเหล่านี้
คือ
๑. บรรดาบ้านเรือนที่โสโครกทั้งสิ้นที่ไข้กาฬโรคได้เกิดขึ้น หรือตาม
ความเห็นของข้าพระพุทธเจ้าว่าจะเกิดขึ้นได้ หรือที่โสโครกซึ่งจะเป็นอันตราย
แก่ความสุข ควรจะรื้อและเผาเสีย หรือมิฉะนั้นจะล้างด้วยน�้ำยาให้สะอาดได้
และเปลี่ยนแก้ให้ดีขึ้น ข้อนี้ควรใช้ทั่วไปส�ำหรับกรุงเทพพระมหานคร มีข้อที่
ย่อมจะเกิดขึน้ ว่า ควรจะให้มเี บีย้ ท�ำขวัญหรือไม่ ตามความเห็นของข้าพระพุทธเจ้า
ไม่ควรจะให้มีเบี้ยท�ำขวัญ เพราะคนเหล่านั้นได้ปล่อยให้สถานที่ของตนโสโครก
เช่นนั้น ถึงกับจะเป็นอันตรายต่อความสุขในร่างกายของตนเองและเพื่อนบ้าน
ควรจะท�ำให้ผู้เจ้าของบ้านเรือนยอมให้รื้อเรือนที่โสโครกของตนและท�ำลายเสีย
และส่วนเงินค่าปลูกสร้างบ้านเรือนใหม่อันสะอาดเรียบร้อยนั้น ควรจะถือว่าเป็น
ภาษี สุ ข าภิ บ าล ถ้ า จะตกลงให้ มี เ บี้ ย ท� ำ ขวั ญ เฉพาะส� ำ หรั บ คนต่ า งประเทศ
ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานแนะน�ำว่า ควรจะตั้งกรรมการตีราคาทรัพย์สมบัติ
ที่ จ ะได้ ตี ร าคาทรั พ ย์ ส มบั ติ ที่ ก รมสุ ข าภิ บ าลสั่ ง ให้ รื้ อ และให้ ยื่ น บั ญ ชี ต ่ อ
กระทรวงพระคลังมหาสมบัติตามราคาที่ได้ตีไว้ การเช่นนี้ไม่เกี่ยวในหน้าที่ของ
ข้าพระพุทธเจ้า และทั้งข้าพระพุทธเจ้าก็ไม่มีเวลาที่จะกระท�ำด้วยได้
๑๘๗
ถึงอย่างไรก็ดี บรรดาบ้านที่จะล้างด้วยน�้ำยาและแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้
ดีขึ้นไม่ได้ ก็ควรจะรื้อลงเสีย และเครื่องเหล่านั้นเผาไฟเสีย ที่ดินให้ว่างไว้ได้ตาก
แดดและตากอากาศอยู่สามเดือนแล้วขุดกลับดิน และแต่พอเมื่อได้ท�ำเช่นนี้เสร็จ
แล้ว ถ้าจะอนุญาตให้ปลูกเรือนใหม่ จะต้องได้รบั ความเห็นชอบของเจ้ากรมแพทย์
และนายช่างสุขาภิบาลจึงจะปลูกได้
เป็นการยากที่จะประมาณเงินเช่นนี้ ถ้าจะยอมให้ท�ำขวัญแก่ผู้เจ้าของ
แต่ควรจะอนุญาตเงินไว้ให้มากๆ โดยทันทีตามที่จะเป็นได้ และเงินเช่นนี้จะต้อง
ให้ทุกๆ ปีจนกว่าการจะได้แล้วบริบูรณ์ ในชั้นต้นจะเห็นว่าเป็นการที่เปลืองเงิน
มาก แต่ในที่สุดการนั้นจะแสดงความที่ช่วยมนุษย์ให้พ้นจากความตาย และตัด
เงินค่าใช้สอยอื่นออก
๒. ควรจะต้องเพิ่มเจ้าพนักงานกรมสุขาภิบาล เพื่อจะได้สามารถ
จัดการซึ่งจะต้องท�ำให้แล้วได้เต็มก�ำลัง ในเวลานี้มีแต่เจ้ากรมแพทย์คนเดียว
ในกรมสุขาภิบาล และตั้งแต่ได้เกิดไข้กาฬโรคขึ้นครั้งก่อนจึงได้ให้มีผู้ช่วยขึ้น
อีกคนหนึ่ง มีหน้าที่เฉพาะส�ำหรับไข้กาฬโรค ที่จะท�ำการให้เรียบร้อยจะต้องมี
หมอกาฬโรคสองคน และผู้ช่วยเจ้ากรมแพทย์คนหนึ่งส�ำหรับการสุขาภิบาล
หมอกาฬโรคนัน้ จะจ้างเฉพาะชัว่ คราวสามปีเช่นอย่างทีท่ ำ� ในอินเดียก็ได้
ผู้ช่วยเจ้ากรมแพทย์ควรจะต้องเป็นพนักงานประจ�ำหน้าที่
ส่วนสารวัตรสุขาภิบาล ยากที่จะเชื่อได้ว่าทั้งพระนครยอมให้มีสารวัตร
แต่คนเดียวทีข่ า้ พระพุทธเจ้าได้ฝกึ หัดเอง และได้รบั พระราชทานเงินเดือน เดือนละ
๒๑๐ บาท เป็นคราวเคราะห์ดีที่ฝ่าพระบาทได้ทรงอนุญาตให้ข้าพระพุทธเจ้าจ้าง
ผูช้ ว่ ยสารวัตรกาฬโรคสองคน ทีไ่ ด้จา้ งครัง้ เกิดไข้กาฬโรคคราวก่อนไว้ตอ่ มาจนบัดนี้
ถ้าข้าพระพุทธเจ้าไม่ได้มีคนเช่นนี้ ในครั้งนี้ก็จะเป็นที่เดือดร้อนล�ำบาก และการ
ก็จะเนิ่นช้าอีกมาก ถ้าจะได้อนุญาตจ�ำนวนสารวัตรที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ขอใน
๑๘๘
งบประมาณปีนี้แล้ว จ�ำนวนคนตายในเดือนมิถุนายนและเป็นอันมากในเดือนนี้
คงจะไม่ได้พ้นความสืบสวนของเจ้าพนักงานไปได้มาก ไม่ต้องสงสัยเลย ตั้งแต่
ได้เกิดไข้กาฬโรคครั้งแรกมาจนบัดนี้ คงจะได้มีคนเป็นไข้กาฬโรคตายตั้งแต่
เวลานั้นมามากกว่าเจ้าพนักงานได้ทราบตามรายวัน และรายอาทิตย์
ข้าพระพุทธเจ้ายังคงยืนตามความคิดเดิมของข้าพระพุทธเจ้าที่ว่า
ควรจะมีสารวัตรสุขาภิบาลอยู่ประจ�ำเป็นท้องที่ และสารวัตรนั้นควรจะต้องไป
ตรวจท้องที่ของตนให้ท่ัวทุกวัน และควรจะต้องรับผิดชอบในการรายงานการ
สุขาภิบาลทั้งสิ้น ที่สารวัตรใหญ่สุขาภิบาลที่เป็นผู้มีหน้าที่ในการนี้จะไต่ถามและ
รายงานให้ข้าพระพุทธเจ้าทราบตามเวลาที่จ�ำเป็น ที่จะท�ำเช่นนี้จะต้องให้มี
ผู้ช่วยสารวัตรสุขาภิบาล ๘ คน เพื่อจะได้ตรวจท้องที่ให้ละเอียดได้ทุกวัน
๓. ควรจะต้องมีพ ระราชบัญญัติสุขาภิ บาลอย่ า งสั้ นๆ ส� ำ หรั บทั้ ง
พระนครโดยทันที อย่าให้เป็นอันใช้ได้เฉพาะชั่วในก�ำแพงพระนครเช่นในเวลา
นี้ ไม่มีคุณอันใดที่จะพยายามปลอบราษฎรให้ประพฤติตามค�ำแนะน�ำของกรม
สุขาภิบาล เพราะการสุขาภิบาลที่ได้ท�ำมาในกรุงเทพฯ ในชั่ว ๗ ปี ก็กระท�ำให้
ข้าพระพุทธเจ้ามีความรู้ได้ว่า มีแต่อ�ำนาจกฎหมายที่ลงโทษปรับเป็นเงิน หรือทั้ง
จ�ำคุก จึงจะบังคับให้ราษฎรสะอาดได้ เพราะราษฎรชอบสกปรก พระราชบัญญัติ
สั้นๆ เช่นที่ข้าพระพุทธเจ้ากล่าวนี้ ข้าพระพุทธเจ้าได้ร่างแล้ว และเมื่อวันเสาร์
ก่อน ข้าพระพุทธเจ้าได้ถวายฉบับหนึง่ ถ้าทรงเห็นด้วยก็ควรจะประกาศให้ใช้โดย
ทันที และไม่ควรจะต้องให้เสียเวลาคอยความตกลงของผูแ้ ทนรัฐบาลต่างประเทศ
พระราชบัญญัตินั้นจะใช้ได้ส�ำหรับราษฎรในกรุงเทพฯ เป็นอันมาก และจะเห็น
เป็นคุณประเสริฐที่สุดแก่พระนคร เมื่อได้ใช้ไปไม่สู้นานนัก ไม่ต้องสงสัยผู้แทน
รัฐบาลต่างประเทศคงจะเห็นคุณประโยชน์ของพระราชบัญญัตินั้น และจะช่วย
กรมสุขาภิบาลในการที่ท�ำ โดยให้เป็นอันใช้ได้ในคนจ�ำพวกที่อยู่ในความปกครอง
ของเขา
๑๘๙
๔. ความอุดหนุนอันใหญ่ส�ำหรับการสืบคนตายโดยไข้กาฬโรคนั้น คือ
พระราชบัญญัติจดทะเบียนคนตายโดยต้องด้วยบังคับ พระราชบัญญัติเช่นนี้
ที่ บั ง คั บ ให้ จ ดทะเบี ย นคนเกิ ด และคนตาย ผู ้ บั ง คั บ การกรมกองตระเวนได้
ร่างและได้รับความเห็นชอบของข้าพระพุทธเจ้าแล้ว และได้ส่งไปยังผู้แนะน�ำ
ราชการแผ่นดิน แต่หลายเวลามาแล้ว เพราะพระราชบัญญัตนิ แี้ ละพระราชบัญญัติ
สุขาภิบาลไม่ควรจะต้องรอรับความตกลงของผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ ขอให้
กรมสุขาภิบาลจัดการก่อน และต่อมาคงจะได้รับความอุดหนุนจากผู้แทนรัฐบาล
ต่างประเทศ
๕. ความอุดหนุนซึ่งใหญ่ยิ่งกว่านี้ในการที่จะสืบคนตายโดยไข้กาฬโรค
ให้รู้โดยเร็วนั้นคือ พระราชบัญญัติบังคับให้แจ้งความเมื่อมีคนเจ็บเป็นโรคที่
ติดต่อกันได้ บัดนี้พวกแพทย์และราษฎรทั่วไปก็รู้จักอาการของไข้กาฬโรคดีแล้ว
และในเมืองฮ่องกงและเมืองสิงคโปร์ก็ต้องด้วยบังคับโดยพระราชบัญญัติให้
รายงานความไข้เจ็บอย่างหนึ่งอย่างใดที่ตนรู้เห็น แพทย์ใหญ่ก็จะได้เห็นโรคนั้น
โดยทันที และถ้าเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ แพทย์จะย้ายคนไข้ไปไว้โรงพยาบาลได้
และล้างบ้านเรือนด้วยน�ำ้ ยา ถ้าท�ำดังนีค้ วามแพร่หลายของโรคก็จะน้อยลงได้มาก
เพราะมีงานด่วนมากนัก ข้าพระพุทธเจ้าจึงไม่สามารถที่จะร่างพระราชบัญญัตินี้
แต่หวังด้วยเกล้าฯ ว่าในไม่ช้าคงจะได้ร่างขึ้น
๖. เรื่องงบประมาณเงินส�ำหรับที่จะได้ใช้ในเวลานี้ ข้าพระพุทธเจ้าได้
ขอ ๒๖,๕๐๐ บาท เพื่อจะได้ท�ำโรงพยาบาลให้แล้วบริบูรณ์ และจ่ายให้ผู้รับเหมา
ค่าการที่ได้ท�ำแล้วที่เกาะพระ ถ้าเป็นอันตกลงว่าบรรดาบ้านที่โสโครกทั้งสิ้น
ซึ่งไม่สามารถจะล้างด้วยน�้ำยาได้ หรือท�ำให้สะอาดได้ จะต้องรื้อลงและเผาไฟ
และถ้าจะให้มีเบี้ยท�ำขวัญแก่เจ้าของ ก็ควรจะต้องจัดหาเงินไว้ให้มากที่สุด
โดยทันทีที่จะหาได้ส�ำหรับจ่ายในการนี้
๑๙๐
อนึ่ง ถ้าจะจัดการสุขาภิบาลให้ทั่วเมืองก็ต้องยื่นงบประมาณพิเศษ
ที่จะปราบไข้กาฬโรคโดยทันทีก็เป็นการจ�ำเป็นที่จะได้รับอนุญาตจ้าง
ผู้ช่วยสารวัตรสุขาภิบาล ๘ คน ทั้งมีคนงานพร้อม สารวัตรทุกคนจะมีที่ท�ำการใน
ท้องที่ของตน เพื่อพลตระเวนท้องที่จะได้ยื่นรายงานได้ และทั้งจะได้เก็บค่ายา
ฆ่ า โสโครกและเครื่ อ งมื อ ไว้ ใ นที่ ท� ำ การได้ นอกจากแพทย์ ที่ มี อ ยู ่ ใ นเวลานี้
กรมสุขาภิบาลควรจะมีแพทย์กาฬโรคที่ได้มีความช�ำนาญในไข้กาฬโรคเพิ่มขึ้น
อีกสองคน คนหนึ่งมีหน้าที่ในโรงพยาบาลกาฬโรค ทั้งการผ่าตรวจศพ และ
ท�ำการตรวจแยกธาตุหาตัวโรคในเวลาที่จ�ำเป็น อีกคนหนึ่งเป็นเจ้าพนักงานตรวจ
นอกออฟฟิศ และเที่ยวตรวจบ้านเรือนที่มีไข้กาฬโรค และจัดการล้างบ้านเรือน
กักผู้คน และส่งคนไข้ไปโรงพยาบาลเงินค่าใช้จ่ายในการนี้คือ
เงินค่าใช้สอยประจ�ำ
เจ้าพนักงานกาฬโรคชาวยุโรป ๒ คน คนละเดือนละ ๘๐๐ บาท ๑๙,๒๐๐
ค่าเช่าบ้านส�ำหรับคนหนึ่ง ๙๖๐
ค่าพาหนะไปมาส�ำหรับคนหนึ่งในหน้าที่ราชการ ๔๘๐
ผู้ช่วยสารวัตร ๘ คน คนละเดือนละ ๑๕๐ บาท ๑๔,๔๐๐
นายงาน ๘ คน คนละเดือนละ ๔๐ บาท ๓,๘๔๐
คนงาน ๑๐๐ คน คนละเดือนละ ๒๐ บาท ๒๔,๐๐๐
ค่าเช่าที่ท�ำการ ๘ ต�ำบล ต�ำบลละเดือนละ ๑๕ บาท ๑,๔๔๐
ค่ายาฆ่าโสโครก เครื่องมือและต่างๆ เดือนละ ๒๐๐ บาท ๒,๔๐๐
ค่าใช้สอยทั่วไป (ที่ยังไม่รู้จะเกิดขึ้น) ๕,๐๐๐
ค่าบ�ำรุงโรงพยาบาล เดือนละ ๕๐๐ บาท ๖,๐๐๐
บาท ๗๗,๗๒๐
๑๙๑
ค่าใช้สอยพิเศษ
ค่าเครื่องใช้ในโรงพยาบาลกาฬโรค ๒,๐๐๐
ค่าโคมไฟ ๕๐๐
ค่าน�้ำ ๓,๐๐๐
ค่าเครื่องส�ำหรับบ้านคนตายและที่ส�ำหรับแยกธาตุ
ที่โรงพยาบาลกาฬโรค ๒,๐๐๐
บาท ๗,๕๐๐
เงิ น ในงบประมาณข้ า งต้ น นี้ ห ารวมอยู ่ ใ นเงิ น ส� ำ หรั บ ด่ า นป้ อ งกั น
กาฬโรคซึ่งได้อนุญาตแล้วนั้น แต่เป็นเงินเพิ่มเติมส�ำหรับใช้ท�ำการชั่วปีหนึ่ง
หรือถัวเดือนเป็นเดือนละ ๖,๕๐๐ บาท และข้าพระพุทธเจ้าหาได้รวมเข้าใน
เงินส�ำหรับเป็นเบี้ยท�ำขวัญเจ้าของบ้านที่ต้องถูกท�ำลายบ้าน
ในทีส่ ดุ ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานกราบทูลโดยแข็งแรงว่า ต้องพยายาม
อย่างที่สุดที่จะป้องกันไม่ให้กาฬโรคแพร่หลาย และอย่าได้คอยจนไข้นี้ตั้งมั่นคง
ได้ การป้องกันเป็นความมุ่งหมายในการสุขาภิบาลอันแท้ อนึ่ง วิธีที่กล่าวไว้
ในข้างต้นนี้ เป็นเรื่องที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ตรึกตรองคิดมานานแล้วโดยละเอียด
และเป็นสิ่งซึ่งอยู่ในความเห็นของข้าพระพุทธเจ้าว่า เป็นสิ่งอันเล็กอันน้อยที่สุด
ที่จะท�ำส�ำหรับการสุขาภิบาลในกรุงเทพฯ
ข้าพระพุทธเจ้าหวังด้วยเกล้าฯว่า ฝ่าพระบาทคงจะทรงน�ำรายงานนีข้ นึ้
กราบบังคมทูลพระมหากรุณา เพื่อจะได้พระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ
(ลงนาม) เอช. แคมแบล ไฮแอต
เจ้ากรมกองแพทย์
๑๙๒
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๑๗ กาฬโรคเกิดขึ้นที่สระบุรีกับที่
สเตชั่นรถไฟบ้านโป่ง และต�ำบลพระปฐมเจดีย์ แพทย์ได้จัดการตรวจ (๒๓ มิ.ย. – ๑๕ ม. ค. ๑๒๔),
หน้า ๔๘ – ๔๙.
๒
พระเจ้ า บรมวงศ์ เ ธอ กรมพระสมมตอมรพั น ธุ ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็ จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั กับท้าวทรงกันดาล ต่อมาทรงให้ดำ� รงต�ำแหน่งราชเลขานุการ และอธิบดี
กรมพระคลังข้างที่
๓
ปัจจุบันคือ ต�ำบลบ้านโป่ง อ�ำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
๔
หมายถึง อาการท้องร่วง
๑๙๓
ก็ ใ ห้ ช� ำ ระล้ า งแล้ ว อย่ า ให้ ค นอยู ่ สั ก ๓ เดื อ น เพื่ อ ป้ อ งกั น โรคมิ ใ ห้ มี ขึ้ น แก่
กองตระเวนต่อไป
หม่อมฉันได้ส่งรายงานแพทย์สุขาภิบาลไปยังกระทรวงมหาดไทย
ให้ทราบ เพื่อจัดการป้องกันแล้ว แต่ส่วนกองตระเวน หม่อมฉันได้สั่งเจ้ากรม
กองตระเวนแล้วว่า ให้จัดคนส�ำรับใหม่ขึ้นไปรักษาการรถไฟที่สเตชั่นบ้านโป่ง
ให้น�ำพลตระเวนที่อยู่ด้วยกันกับคนป่วยมากักตรวจโรคที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ
โรงพักกองตระเวนนั้น ยังเป็นโรงที่ท�ำขึ้นใช้ชั่วคราว ราคาไม่มากนัก หม่อมฉันจึ่ง
สั่งให้เจ้ากรมกองตระเวนเผาเสียตามความแนะน�ำหมอแล้ว
ถ้าท่านมีโอกาสสมควร ขอได้โปรดน�ำข้อความกราบบังคมทูลพระกรุณา
ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วย
ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
(พระนาม) นเรศรวรฤทธิ์
๑๙๔
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๕๖.
๑๙๕
๑
วั น ที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๘ พระบาทสมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว ได้ ส ่ ง
รายงานของนายแพทย์ไฮเอต ไปถึงสมเด็จฯ กรมหลวงด�ำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
พร้อมทั้งมีพระราชหัตถเลขาความตอนหนึ่งว่า “เป็นอันแน่นอนว่าเปลกนั้น ถึงพันแข้งก็ไม่พ้น
เป็นคนในโรงพยาบาลก็ไม่พ้น หมอไฮเอตมีความแค้นในข้อที่คนไม่เชื่อ และว่าที่บ้านโป่งยังไม่ได้จัด
อันใด เธอเป็นผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มาก จึงส่งรายงานมาให้ดู,” อ้างจาก หอจดหมายเหตุ
แห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร (๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗),
หน้า ๕๙.
๑๙๖
สมเด็จฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ
เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
๑๙๗
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๖๒ – ๖๔.
๒
พระยาสุนทรบุรี (ชม สุนทรารชุน) สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครชัยศรีระหว่าง พ.ศ.
๒๔๔๑ – ๒๔๕๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เลื่อนเป็นเจ้าพระยาศรีวิไชยชนินทร์
๓ ปัจจุบันคือต�ำบลพุมเรียง อ�ำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๑๙๘
๑
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาชุ่ม ต่อมาทรงด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
๑๙๙
รายงานเสนาบดีสภา๑
วันที่ ๘ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๔
๑๔
(ตรงกับวันที่ ๒ ฯ ๒ ค�่ำ ปีมะเส็งสัปตศก จุลศักราช ๑๒๖๗)๒
ก�ำหนดเวลาชุมนุมทุ่มหนึ่ง
รายพระนามและนาม
ผู้มาชุมนุม
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุวงษวรเดช๓ [เสนาบดีกระทรวงกลาโหม]
กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ [เสนาบดีกระทรวงนครบาล]
กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ [เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ]
กรมหลวงด�ำรงราชานุภาพ [เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย]
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงษ [เสนาบดีกระทรวงวัง]
กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย [เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัต]ิ
เจ้าพระยาวิชิตวงษวุฒิไกร [เสนาบดีกระทรวงธรรมการ]
เจ้าพระยาเทเวศรวงษวิวัฒน์ [เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ]
พระยาสุริยานุวัตร๔ [เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ]
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕. น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๔๙ – ๕๒, คัดเฉพาะเนื้อความที่เกี่ยวกับกาฬโรค.
๒ ตรงกับวันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๘
๓ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุพันธุวงศ์วรเดช พระราชโอรสใน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี ต่อมาทรงด�ำรง
ต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม
๔ พระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวง
โยธาธิการ และเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ
๒๐๐
มีราชการในระเบียบวาระคือ
ระเบียบวาระ ๑. เรื่องไข้กาฬโรค
ผู้เป็นประธาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับเป็นประธานในที่ชุมนุม
ปรึกษาราชการในระเบียบวาระ
พระยาศรีสุนทรอ่านหนังสือราชการในระเบียบวาระเสนอที่ประชุม คือ
๑. เรื่องไข้กาฬโรค
หนังสือกระทรวงมหาดไทยทูลเกล้าฯ ถวายความว่า เมื่อวันที่ ๕
ได้รบั ข่าวจากพระยาสุนทรบุรวี า่ มีคนเป็นไข้ตายทีโ่ รงแถวเครือ่ งผูก ถนนซ้ายพระ
ที่ตลาดพระปฐมเจดีย์คนหนึ่ง มีอาการสงสัยว่าจะเป็นกาฬโรค พระยาสุนทรบุรี
ได้จัดการป้องกันที่จะไม่ให้โรคเกิดขึ้นอีกตามก�ำลังที่จะท�ำได้ แต่มีความวิตกว่า
ความรู้จะไม่พอ ขอหมอที่รู้วิธีป้องกันกาฬโรคออกไปช่วย
ครั้นเมื่อวันที่ ๗ นี้ ได้รับข่าวจากเมืองเพชร์บุรีว่า เกิดกาฬโรคขึ้น
ที่ในตลาด คนตายแล้วคนหนึ่ง ยังป่วยอยู่คนหนึ่ง ขอหมอออกไปช่วยจัดการ
ป้องกัน
เรื่องกาฬโรคที่เกิดขึ้นตามหัวเมืองปรากฏแล้วถึง ๖ แห่ง เป็นที่วิตกว่า
จะไม่สงบและจะลุกลามต่อไปได้ถึงที่อื่นๆ ด้วย และเห็นเป็นการจ�ำเป็นที่รัฐบาล
จะต้องพากเพียรจัดการป้องกันให้ปรากฏว่ามิได้เพิกเฉย จึงจะเป็นการสมควร
แต่ก่อนมากรมหลวงด�ำรงได้เคยขอแรงหมอกรมสุขาภิบาลออกไป
ตรวจเป็นครั้งเป็นคราว ก็ไม่เป็นการสะดวก หมอร้องอยู่ว่ามีธุระอยู่ในกรุงเทพฯ
นี้มาก คราวนี้ได้ให้ไปตามหมอไฮเอตก็ยังไม่ได้พบกันจนบัดนี้
๒๐๑
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า ๖๗ – ๗๐.
๒๐๔
๑
พระยาสุนทรบุรีพยายามจัดการตามค�ำแนะน�ำของนายแพทย์ไฮเอตเป็นเวลา ๒ เดือน
ก็ไม่ได้ผล เพราะราษฎรมีความหวาดกลัว เกรงว่าจะถูกกักตัวไว้ในโรงพยาบาล เมื่อมีหนูตายที่ใด
ก็ปกปิดไม่ให้เจ้าพนักงานทราบ หรือถ้าผู้ใดมีอาการเป็นไข้ สงสัยว่าจะเป็นกาฬโรค ก็อพยพหลบหนี
ไปซ่อนเร้นทีอ่ นื่ คนตัง้ ร้านค้าในตลาดก็กลัวจะถูกกักขังและเผาทรัพย์สมบัติ ถึงกับจะอพยพไปทีอ่ นื่
พระยาสุนทรบุรีจึงน�ำความวิตกในเรื่องนี้ไปกราบทูลสมเด็จฯ กรมหลวงด�ำรงราชานุภาพ มีรับสั่ง
ว่า “การที่จะจัดการป้องกันโรคภัยเช่นนี้เป็นการใหญ่ เกี่ยวกับราษฎรเป็นอันมาก และเกี่ยวไป
ถึงการค้าขายซึ่งเป็นมาหาเลี้ยงชีพของราษฎร รัฐบาลมีทุนและมีอ�ำนาจจะท�ำอย่างไรก็ท�ำได้จริงอยู่
แต่ถ้าราษฎรไม่ปลงใจช่วยรัฐบาลด้วยแล้ว จะมีผลดีได้โดยยาก การที่จัดการป้องกันกาฬโรคอย่าง
กวดขันที่รัฐบาลอื่น คือประเทศอินเดียเป็นต้น เขาได้จัดท�ำไปถูกราษฎรอักอ่วนรวนเรเช่นนี้ก็ไม่ได้
ผลดี ต้องผ่อนผันเอาใจราษฎร การที่จัดจึงมีผลดี” และมีพระด�ำริให้ผ่อนผันการกวดขันลง โดยจัด
โรงจ�ำหน่ายยาเป็นทาน ให้หมอคอยแนะน�ำราษฎร และงดเว้นการแยกคนป่วยไปกักไว้ทโี่ รงพยาบาล
ตลอดจนงดการกักกันคนในบริเวณที่เกิดกาฬโรค ราษฎรจึงคลายความหวาดกลัว ท�ำให้การป้องกัน
กาฬโรคทีต่ ำ� บลพระปฐมเจดียไ์ ด้ผลดีขนึ้ ดูรายละเอียดใน กระทรวงสาธารณสุข, สมเด็จกรมพระยา
ด�ำรงราชานุภาพกับการสาธารณสุข (พระนคร: กระทรวงสาธารณสุข, ๒๕๐๕), หน้า ๓๑ – ๓๒.
๒๐๗
ข้อความคัดจากรายงานประชุมเสนาบดี
๓๘
วันที่ ๗ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๔ [พ.ศ. ๒๔๔๘]๑
๓. เรื่องกาฬโรคที่เมืองเพชรบุรี
ลายพระหัตถ์กรมหลวงด�ำรงทูลเกล้าฯ ถวายความว่า ตามที่มีพระบรม
ราชประสงค์จะทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ถึงเรื่องกาฬโรคที่เกิดขึ้นที่เมือง
เพชรบุรี ว่าใครไปตรวจว่ากระไรบ้างนั้น ต่อมากรมหลวงด�ำรงได้รับโทรเลขผู้ว่า
ราชการเมืองเพชรบุรีอีก ๕ ฉบับ ได้ความว่ามีคนตายด้วยไข้กาฬโรคอีก ๔ คน
การครั้งนี้กรมหลวงด�ำรงมีความร้อนใจเป็นล้นเกล้าฯ แต่เป็นการเหลือก�ำลัง
ด้วยไม่มีหมอส�ำหรับกระทรวง ได้ตริตรองแก้ไขมานักแล้วก็ไม่ส�ำเร็จ เป็นอัน
พ้นก�ำลังและสติปัญญาแล้ว ขอพระบารมีปกเกล้าฯ เป็นที่พึ่ง
มีพระราชด�ำรัสว่า เรือ่ งนีจ้ ะต้องปรึกษาไว้ให้เป็นหลักส�ำหรับทีจ่ ะจัดการ
ป้องกันโรคทั้งปวงในหัวเมืองต่อไปว่าจะจัดอย่างไร ที่จัดอยู่เดี๋ยวนี้แต่เฉพาะ
ป้องกันกาฬโรคในกรุงเทพฯ เท่านั้น
กรมหลวงด�ำรงกราบบังคมทูลว่า เรื่องที่จะจัดป้องกันโรคในหัวเมือง
นั้น ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมหลวงด�ำรง กรมหลวงนเรศร
กรมหมืน่ มหิศร กับเจ้าพระยาวิชติ ปรึกษากันนัน้ ได้ตกลงกันว่า ต้องเลิกกรมพยาบาล
ส่วนโรงพยาบาลนั้นให้จัดเป็นมณฑลๆ แต่ในกระทรวงธรรมการต้องมีหมอ
ส�ำหรับตรวจการโรงพยาบาลทั่วไปนายหนึ่ง มีหมอส�ำหรับประสมยาจ�ำหน่าย
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕. น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗), หน้า๕๓ – ๕๔, คัดเฉพาะเนื้อความที่เกี่ยวกับกาฬโรค.
๒๐๘
ให้ทั่วถึงนายหนึ่ง มีหมอส�ำหรับท�ำหนองฝีและซีรัมส�ำหรับป้องกันโรคโคกระบือ
นายหนึ่ง และจะได้ลงมือจัดตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ศก ๑๒๕ [พ.ศ. ๒๔๔๙]
เป็นต้นไป ส่วนตัวบุคคลนั้น หน้าที่หมอตรวจการนั้น หมอไปรด๊อก๑ รับจะฉลอง
พระเดชพระคุณ หมอผสมยานั้น หมอวิลเลียมได้ท�ำการอยู่แล้ว และหมอท�ำ
หนองฝี แ ละซี รั ม นั้ น จะเรี ย กหมอวุ ล ลี ม าจากมนิ ล า ๒ ในเวลานี้ ยั ง ติ ด อยู ่ ใ น
ระหว่างเวลายังไม่ขึ้นปีใหม่ แต่ว่าจะโปรดเกล้าฯ ให้หมอไปรด๊อกเข้าท�ำการเสีย
แต่ในเดือนนี้ก็ได้ จะได้ไปตรวจการที่เมืองเพชรบุรีเป็นต้น มีเงินอะไรเหลืออยู่
ก็ให้เสียเดือนหนึ่ง
เจ้าพระยาวิชิตกราบบังคมทูลว่า หมอไปรด๊อกจะรับพระราชทาน
เงินเดือน เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท ได้ตั้งในงบประมาณศก ๑๒๕ แล้ว
มีพระราชด�ำรัสว่าในเดือนมีนาคมนี้ก็ล่วงมาหลายวันแล้ว มีเงินอะไร
เหลือก็จ่ายให้ ให้เข้าท�ำการเสีย และให้เจ้าพระยาวิชิตตั้งรูปมาว่าจะวางการ
อย่างไร ข้อส�ำคัญก็คือกระทรวงธรรมการต้องรู้สึกรับผิดชอบในการเรื่องนี้
ตลอดไป๓
๑
หมอแบรดด๊อก หรือหมอปลาดัก
๒
เมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
๓
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๔๙ จึงมีการยุบกรมพยาบาลในสังกัดกระทรวงธรรมการ และโอน
โรงพยาบาลในกรุ ง เทพฯ ไปขึ้นกับ กระทรวงนครบาล ยกเว้น โรงศิริร าชพยาบาลที่ยังขึ้น กับ
กระทรวงธรรมการ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๕ จึงมีการตั้งกรมพยาบาลขึ้นใหม่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย
เพื่อดูแลการสาธารณสุขในหัวเมือง
๒๐๙
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๒ กาฬโรคตึกขาว ออกประกาศจัดการ
ป้องกันกาฬโรค ก�ำหนดให้แจ้งข่าวคนป่วย (๒๐ มิ.ย. ๑๒๕ – ๒๖ ต.ค. ๑๒๕), หน้า ๔๘ – ๔๙.
๒๑๐
๑
เอ็ดเวิร์ด เฮนรี สโตรเบล (Edward Henry Strobel) ชาวอเมริกันผู้ได้รับการแต่งตั้ง
เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินของสยาม ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๖ – ๒๔๕๑
๒
เจนส์ ไอเวอร์สัน เวสเตนการ์ด (Jens Iverson Westengard) ชาวอเมริกันผู้ได้รับการ
แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยของนายสโตรเบล และต่อมาเมื่อนายสโตรเบลเสียชีวิตก็ได้ด�ำรงต�ำแหน่งที่ปรึกษา
ราชการแผ่นดินแทน ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๕๑ – ๒๔๕๖ และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
พระยากัลยาณไมตรี
๓ ยอร์ช ปาดูซ์ (Georges Padoux) ชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้าน
กฎหมายของรัฐบาลสยามในสมัยรัชกาลที่ ๕
๒๑๑
๑
อีกไม่กี่วันต่อมาก็มีการประกาศกฎหมายที่ก�ำหนดให้แจ้งความเมื่อมีผู้ป่วยกาฬโรค คือ
“ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค ก�ำหนดให้แจ้งข่าวคนป่วย” ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๙
ซึ่งบังคับใช้ในเขตกรุงเทพฯ เป็นหลัก
๒๑๓
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๕ แพทย์สุขาภิบาลตรวจอาการป่วย
นายเล็ก พนักงานพัสดุกระทรวงโยธาธิการ ว่าเป็นกาฬโรค (๒๙ ต.ค. ๑๒๕ – ๖ เม.ย. ๑๒๕),
หน้า ๖ – ๗.
๒๑๔
จึ่งเลยถามว่าเขาจะต้องการใครไปตรวจที่โรงพยาบาลบ้าง ก็ว่าจะให้ไปเฉพาะ
แต่พวกที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ๓ หรือ ๔ คนเท่านั้น เมื่อตรวจแล้วเขาจะต้องให้อยู่ที่
โรงพยาบาลสัก ๗ วัน ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้สั่งให้พระยาเสถียรจัดการตามที่
หมอว่า พูดกันเท่านั้นแล้ว หมอก็ลามาจากห้องเสนาบดี สักประเดี๋ยวหนึ่งหมอ
เดินกระหืดกระหอบมาบอกว่า เวลาที่เขาพูดอยู่กับข้าพระพุทธเจ้า คนไข้วิ่งหนี
ไปเสียแล้ว ไม่ทราบว่าจะไปทางไหน หมอต้องเรียกพลตระเวนเที่ยวติดตาม
พระยาเสถียรให้นักการน�ำไปถึงบ้านบางล�ำภู จึ่งได้พบเอาตัวมาได้ แล้วพาไป
โรงพยาบาล และได้สงั่ ไว้วา่ พวกทีน่ งั่ อยูด่ ว้ ย ๓ – ๔ คนนัน้ จะไม่ตอ้ งไปโรงพยาบาล
ในวันเสาร์ก็ได้ ให้ไปเอาวันจันทร์ทีเดียว และห้องพัสดุนั้นก็ให้ปิดไว้ ห้ามมิให้
คนเข้าออก
เมื่อได้ตัวกันมาแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าได้ไล่เลียงพระยาเสถียรว่า อาการ
ป่วยดูก็มากอยู่ ท�ำไมจึ่งวิ่งหนีไปได้ พระยาเสถียรแจ้งว่า ราษฎรเวลานี้กลัวกันนัก
ในเรื่องที่ต้องไปอยู่โรงพยาบาลโดยสงสัยว่าเป็นเปลก นายเล็กพอทราบเข้าว่าตัว
จะต้องไปอยู่โรงพยาบาล ความกลัวมากกว่าความเจ็บจึ่งได้วิ่งหนีไป
ส่วนอาการของนายเล็กนั้น บ่ายวันนี้ข้าพระพุทธเจ้าได้รับรายงานของ
หมอคาทิวว่า เขาได้ตรวจแล้วไม่ใช่เปลก เป็นไข้ธรรมดา เขาได้ส่งให้กลับมาบ้าน
แล้ว ส่วนห้องที่ปิดไว้นั้นก็อนุญาตให้เปิดได้ดังนี้
ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
(ลงนาม) ข้าพระพุทธเจ้า สุขุมนัยวินิต๑ ขอเดชะ
๑
พระยาสุขุมนัยวินิต (ปั้น สุขุม) ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวง
โยธาธิการ ต่อมาได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยายมราช เสนาบดีกระทรวงนครบาล และเสนาบดีกระทรวง
มหาดไทย
๒๑๕
ห้องเช่าโรงแถววัดชนะสงครามฝั่งเหนือ๑
๓๙
วันที่ ๑๙ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๕ [พ.ศ. ๒๔๔๙]
ข้าพเจ้านายเล็ก ขอให้ถ้อยค�ำไว้ต่อท่านขุนประพิธจะยาการว่า เมื่อ
วันที่ ๑๓ เดือนนี้ เวลา ๕ โมงเช้า ซึ่งข้าพเจ้าได้ป่วยอยู่ในห้องพัสดุกระทรวง
โยธาธิการนั้น เวลาหมอฝรั่งกรมสุขาภิบาลมาถึงได้เอามือกดหน้าขา ๒ ข้าง
ซึ่งเวลานั้นข้าพเจ้าเป็นโรคกระษัยกล่อน๒ บวมตลอดถึงหน้าขา และทนไม่ได้
ร้องว่าโอย หมอซ�้ำเอากล้องเข้าจับเหนือราวนมทั้ง ๒ ข้างและเงี่ยหูฟัง ข้าพเจ้า
ถามว่า ฉันเป็นโรคอะไร หมอตอบว่าเห็นจะเป็นโรคเปลก ข้าพเจ้าบอกกับหมอว่า
ไม่ใช่เปลก ฉันเคยเป็นโรคกระษัยกล่อน ซึ่งได้เคยเป็นติดตัวมาเสมอ บางทีเป็น
๓ วันหายบ้าง ๗ วันหายบ้าง หมอตอบว่าไม่ใช่ ต้องเอาไปโรงพยาบาล แล้วหมอ
ก็ออกจากห้องไป
ทันใดนัน้ ข้าพเจ้านึกว่าหมอคงจะไปตามพลตระเวนมาเอาตัวไปเป็นแน่
เมื่อเอาตัวไปก็คงตายไม่ได้กลับ การที่นึกเช่นนี้ด้วยได้ทราบความเล่าลือกันมาว่า
ถ้าหมอฝรัง่ ตรวจว่าใครเป็นโรคเปลก เอาไปโรงพยาบาลแล้ว ได้ยนิ ว่าไม่ได้กลับมา
บ้านเลย เมือ่ นึกเช่นนีข้ า้ พเจ้าก็รบี ออกจากห้องพัสดุ มาลงเรือหน้ากระทรวง และ
เดินต่อมาถึงบ้าน พอสักครู่หนึ่งหมอก็น�ำนายหมวดพร้อมด้วยพลตระเวนไปถึง
ห้องข้าพเจ้า ในเวลานั้นอาการโรคของข้าพเจ้าค่อยทุเลาขึ้นมาก และได้บอกกับ
หมอว่าฉันไม่ใช่โรคเปลก หมอว่าไม่ได้ ต้องเอาตัวไปโรงพยาบาล ข้าพเจ้าจึ่งได้
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๕ แพทย์สุขาภิบาลตรวจอาการป่วย
นายเล็ก พนักงานพัสดุกระทรวงโยธาธิการ ว่าเป็นกาฬโรค (๒๙ ต.ค. ๑๒๕ – ๖ เม.ย. ๑๒๕),
หน้า ๔ – ๕.
๒ กระษัยกล่อน คือ โรคชนิดหนึ่งที่ท�ำให้ร่างกายทรุดโทรม ผอมแห้ง เกิดจากลูกอัณฑะ
ผิดปกติ
๒๑๖
ข้าพเจ้าได้เซ็นชื่อไว้เป็นส�ำคัญ
นายเล็ก
๑
วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้
ส่งค�ำให้การของนายเล็ก ไปให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวง
นครบาลพิจารณา พร้อมทั้งทรงแนะน�ำว่า “ขอให้เอาใจเธอลงเป็นคนไข้นั้นบ้าง คิดดูจะมีความ
เดือดร้อนประการใด เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเจ็บปิดบังเห็นจะยากนัก โรงพยาบาล
ทีจ่ ะจัดขึน้ เพือ่ จะให้เป็นคุณประโยชน์ กลับเป็นทีส่ ะทกสะท้านของคนไปเช่นนี้ จะแก้ไขได้ประการใด
ขอให้ตริตรองดูให้รอบคอบ อย่าให้เป็นแต่เสียเงินเปล่า ไม่ปอ้ งกันอันใดได้,” อ้างจาก หอจดหมายเหตุ
แห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๕ แพทย์สุขาภิบาลตรวจอาการป่วยนายเล็ก พนักงานพัสดุกระทรวง
โยธาธิการ ว่าเป็นกาฬโรค (๒๙ ต.ค. ๑๒๕ – ๖ เม.ย. ๑๒๕), หน้า ๘.
๒๑๘
กองแพทย์สุขาภิบาล๑
วันที่ ๓ พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๕ [พ.ศ. ๒๔๔๙]
หมอมอเดน คาร์ทวิ แทนเจ้ากรมกองแพทย์กรมสุขาภิบาล ขอประทาน
กราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงนครบาล
ทราบฝ่าพระบาท
ด้ ว ยข้ า พระพุ ท ธเจ้ า ขอประทานรายงานตอบลายพระหั ต ถ์ ฉ บั บ
ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ร.ศ. ๑๒๕ เรื่องโรงพยาบาลไข้กาฬโรค และค�ำร้องทุกข์ของ
นายเล็ก ที่หนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานรายงานตอบรายงานของท่านพระยา
สุขุมนัยวินิจ ด้วยเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ร.ศ. ๑๒๕ เวลาพอเที่ยงแล้วได้มีผู้มา
ตามข้าพระพุทธเจ้าให้ไปตรวจคนเจ็บที่กระทรวงโยธาที่สงสัยว่าเป็นไข้กาฬโรค
เมื่อข้าพระพุทธเจ้าไปถึงกระทรวงโยธาก็ได้เห็นชายมีอายุกลางคนนอนจับไข้
อยู่ในห้อง และบอกว่ามีความเจ็บมากเหลือเกินที่ไข่ดันทั้ง ๒ ข้าง และทั้งบวม
บ้างเล็กน้อยด้วย เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้ตรวจชายผู้นั้นแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าได้
รูส้ กึ แน่ทจี่ ะบอกว่าเป็นไข้อนั ควรพึงสงสัย และมาวินจิ ฉัยดูวา่ คนเจ็บนีท้ ำ� ราชการ
อยู่ในออฟฟิซของรัฐบาลพร้อมด้วยเสมียนทั้งหลาย ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้ตกลง
ที่จะเอาคนคนนี้ไปกักไว้ต่างหาก เพื่อบางทีโรคนั้นจะเป็นไข้กาฬโรค แต่โดยที่
ท่านพระยาสุขุมบอกโดยความจริงว่านายเล็กมีความกลัวมากกว่าความเจ็บ และ
เมื่อล่วงไปอีก ๒ ชั่วโมงได้ตรวจนายเล็กอีกครั้งหนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นว่า
ไข้ของนายเล็กก็ได้หายไปเกือบหมด และนายเล็กได้รู้สึกมีความสบายมากขึ้น
และได้กล่าวว่าไม่ได้มีความเจ็บเลยทีเดียว ข้าพระพุทธเจ้าเกรงด้วยเกล้าฯ
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๕ แพทย์สุขาภิบาลตรวจอาการป่วย
นายเล็ก พนักงานพัสดุกระทรวงโยธาธิการ ว่าเป็นกาฬโรค (๒๙ ต.ค. ๑๒๕ – ๖ เม.ย. ๑๒๕),
หน้า ๔๑ – ๔๔.
๒๑๙
ว่าความเจ็บของนายเล็กในชั้นต้นคงจะไม่ได้เป็นมากเหลือเกินได้ และโดยที่
นายเล็กได้รู้สึกอาการต่างๆ เป็นอันมาก นายเล็กได้แจ้งต่อข้าพระพุทธเจ้า
แต่ถึงกระนั้นข้าพระพุทธเจ้าได้ตกลงที่จะกักนายเล็กไว้ตรวจอย่างน้อยที่สุดเพียง
๔๘ ชั่ ว โมง ข้ า พระพุ ท ธเจ้ า ได้ ต รวจนายเล็ ก เมื่ อ วั น ที่ ๑๔ และวั น ที่ ๑๕
ที่โรงพยาบาล ได้เห็นว่านายเล็กสบายดีแล้ว ไม่ต้องการความพยาบาลอันใด
เพราะดังนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ปล่อยตัวนายเล็กออกจากโรงพยาบาล และได้
มีหนังสือเรียนท่านพระยาสุขุมนัยวินิจว่าข้าพระพุทธเจ้าได้กระท�ำเช่นนั้น
ที่ ส อง เรื่ อ งรายงานของนายเล็ ก ลั ก ษณะอาการไข้ ข องนายเล็ ก
เองนั้น เป็นโรคกระษัย และในระหว่างเวลาที่ข้าพระพุทธเจ้าอยู่ในกรุงสยาม
ข้าพระพุทธเจ้ายังหาได้สามารถพบอาการไข้ของโรคกระษัยร้ายแรงเหลือเกิน
ดังที่นายเล็กได้อธิบายความเจ็บของโรคนี้แก่ข้าพระพุทธเจ้า โดยที่ตัวของเขา
รู้สึกว่าเจ็บเมื่อไม่มีอาการผิดพิรุธอันใด การที่ข้าพระพุทธเจ้าบอกนายเล็กว่า
บางทีนายเล็กจะเป็นไข้กาฬโรคนั้น ท�ำให้นายเล็กมีความกลัวมาก และเพราะ
ดังนั้นแล้ว นายเล็กหมดความรู้สึกว่าตัวเจ็บ นายเล็กได้จับไข้จริง แต่เป็น
ไข้ธรรมดา จับอยู่ ๒ – ๓ ชั่วโมงเท่านั้น เพราะเมื่อพ้น ๒ ชั่วโมงไปแล้ว
ข้าพระพุทธเจ้าได้ตรวจนายเล็กอีกครั้งหนึ่ง ไข้ก็เกือบหมดพิษแล้ว
ส่วนเรื่องที่นายเล็กกลัวโรงพยาบาลนั้น ในจ�ำพวกมหาชนที่ไม่ได้ศึกษา
วิชาความรูก้ ม็ คี วามกลัวอย่างเดียวกันทัง้ ทัว่ โลกในเรือ่ งทีจ่ ะให้ไปอยูใ่ นโรงพยาบาล
เพราะต้องจากเพื่อน ต้องอยู่ในข้อบังคับ และจะกระท�ำสิ่งอันใดไม่ได้ตามความ
ปรารถนาในเรื่องอาหารและเข้าออก เพื่อนเป็นอันมากจะนั่งอยู่รอบและแสดง
ความสงสารด้วยไม่ได้ แต่จะมาเยีย่ มได้เฉพาะชัว่ เวลาทีก่ ำ� หนดให้ และในส่วนเรือ่ ง
โรงพยาบาลส�ำหรับพยาบาลโรคซึง่ ติดเนือ่ งกันได้นนั้ เพือ่ นจะไปเยีย่ มไม่ได้จนกว่า
คนนั้นจะได้ออกจากโรงพยาบาล และเพราะข้อบังคับอันเข้มงวดเช่นนี้ มหาชน
เหล่านี้ก็กล่าวความเท็จเสียแต่ล่วงหน้า และเหมาะที่จะกล่าวโทษเมื่อยังไม่มี
๒๒๐
สิ่ ง อั น จ� ำ เป็ น ตามค� ำ ร้ อ งทุ ก ข์ ข องนายเล็ ก เรื่ อ งที่ ไ ม่ ย อมให้ ไ ปทอดกฐิ น นั้ น
ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานรายงานว่า ส�ำหรับเหตุผลอันเช่นนีก้ ค็ งจะเป็นการยาก
ที่จะยกเว้นคนที่สงสัยว่าเป็นไข้กาฬโรคเสียไม่ต้องกัก
หมอมูนที่โรงพยาบาลไข้กาฬโรคได้เป็นผู้พยาบาลไข้กาฬโรคทั้งสิ้นมา
สองปีแล้ว เป็นผู้มีความช�ำนาญมาก เมื่อก่อนได้เป็นหมออยู่ที่คุกและได้รับ
ความฝึกหัดจากโรงพยาบาลกองตระเวน และมาจนบัดนี้หมอมูนก็ได้ท�ำการ
เป็นที่พอใจเสมอ ทั้งต่อหัวหน้าและคนไข้ที่อยู่ในความรักษาพยาบาลของเขา
เมื่อไต่สวนหมอมูนเรื่องนายเล็ก หมอมูนได้ตอบว่านายเล็กได้ถามหมอ
มูนว่าโรงพยาบาลนี้ใช้ยาอะไร หมอมูนได้ตอบว่ายาฝรั่ง นายเล็กได้บอกว่ารู้สึก
เวียนศีรษะและขอยาไทยรับประทานบ้าง หมอมูนได้ตอบว่า ไม่มี แต่มียาฝรั่ง
นายเล็กได้บอกว่านายเล็กไม่ต้องการยาฝรั่ง หมอมูนกล่าวว่าโดยที่นายเล็ก
ไม่มีอาการป่วยอย่างใด เพราะฉะนั้นไม่จ�ำเป็นที่จะต้องควรรับประทานยาชนิด
ใด ฝ่าพระบาทคงจะทรงเห็นได้ตามค�ำให้การของนายเล็กเป็นมหาชนชนิดหนึ่ง
ที่มหาชนอีกชนิดหนึ่งจะต้องเกี่ยวข้องด้วย และจะเป็นการยากเพียงใดที่จะเอา
ความรู้สึกและความกลัวอันมิชอบธรรมออกจากมหาชนเช่นนี้ได้ ถึงอย่างไรก็ดี
ข้าพระพุทธเจ้าได้พยายามที่สุดที่จะต่อสู้ความรู้สึกเช่นนี้โดยอธิบายแก่คนเหล่า
นั้นเฉพาะตัว ถึงเหตุที่ท�ำไมตัวจึ่งต้องถูกกักพรากจากที่อยู่ และทั้งได้กระท�ำให้
มีความสุขอย่างมากที่สุดที่จะท�ำได้ แต่ข้อขัดข้องอันใหญ่ของชนจ�ำพวกนี้ก็คือ
เพื่อนฝูงมาเยี่ยมเยียนไม่ได้ และทั้งจะออกไปนอกโรงพยาบาลตามล�ำพังใจ
ก็ไม่ได้ และมีความกลัวที่จะตายในโรงพยาบาล เพราะเขาได้ทราบข่าวว่า
คนได้ตายที่โรงพยาบาลเป็นอันมาก ซึ่งเป็นความจริง เพราะคนที่ป่วยเป็นไข้
อหิวาตกโรคและไข้กาฬโรคก็ต้องรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล และไข้สองชนิดนี้
ก็มีตายมากที่สุด
๒๒๑
ในโรงพยาบาลนี้มีคนที่ป่วยเป็นโรคเหน็บชา ๑๘ คน และคนเหล่านี้
ดูเป็นที่พอใจที่สุด ไม่ได้แสดงความกลัวโรงพยาบาลเลย เมื่อผู้ใดได้เข้าไปอยู่เสีย
สักวันสองวันแล้วความกลัวก็หายไป แต่เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้เข้าไปก็มีความกลัว
และความกลัวนี้ก็เป็นเพราะความเล่าลืออันเท็จที่แพร่หลายทั่วไปในกรุงเทพฯ
เมื่อไข้กาฬโรคเพิ่งเกิดขึ้นและในจ�ำพวกมหาชนที่ไม่ได้ศึกษาวิชาความรู้อันใด
ความเล่าลือนี้ก็ยังไม่สูญหาย และเพราะดังนั้นจึ่งมีความกลัวโรงพยาบาลอยู่
จนกว่าตนจะได้เข้าไปอยู่ที่นั่นเอง
ข้าพระพุทธเจ้าเกรงด้วยเกล้าฯ ว่า ความกลัวนี้คงจะอยู่อีกนานจนกว่า
มหาชนจะได้ฟังเรื่องโรงพยาบาลจนชินหูในการที่เอาคนไข้ไปกักไว้ และไม่มี
อันตรายพิเศษอย่างใดจะเกิดขึ้นแก่ตนในเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลนั้น
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ
(ลงนาม) มอร์เด็น คาทิว
แทนเจ้ากรมแพทย์กรมสุขาภิบาล
๒๒๒
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๔๔.๒/๗ ราษฎรเมืองภูเก็ตเป็นกาฬโรคตาย
(๑๔ ก.ค. ๑๒๕ – ๖ พ.ย. ๑๒๕), หน้า ๓ – ๖.
๒ พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง (ทองย้อย เศวตศิลา) บุตรชายคนที่ ๒ ของนายเฮนรี
อาลาบาสเตอร์ ที่ปรึกษาส่วนพระองค์ในรัชกาลที่ ๕ ต่อมาด�ำรงต�ำแหน่งสมุหเทศภิบาลมณฑล
ปราจีนบุรี และปลัดทูลฉลองกระทรวงนครบาล
๒๒๓
๑
พระยาก�ำแหงสงคราม (จัน ณ ราชสีมา) สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครราชสีมา
๒๒๔
ตามความเห็นของหมอแบร๊ดด๊อกที่แนะน�ำมาว่า ควรคิดถึงเรื่องคน
ที่จะมาชุมนุมดูงานเฉลิมที่นครราชสิมา เกรงจะเกิดเป็นกาฬโรคติดกันขึ้นนั้น
กระทรวงมหาดไทยได้มีโทรเลขสั่งไปยังพระยาก�ำแหงสงครามว่า ตามที่พระยา
ก�ำแหงสงครามและข้าราชการพร้อมเพรียงช่วยกันจัดการฉลองพระเดชพระคุณ
เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ก็เป็นความดี
ควรชมเชย แต่เห็นว่าเวลานี้ที่นครราชสิมาก�ำลังเกิดโรคร้ายแรงที่ติดต่อกันได้
ถ้าผู้คนที่มาแต่ที่อื่นมาดูงานเกิดกาฬโรคติดต่อกันขึ้นแล้ว จะพาให้โรคแพร่
หลายถึงเสียชีวิตไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน เพราะการที่เนื่องต่อความตั้งใจอันดีเช่นนั้น
หาควรไม่ เพราะฉะนั้นให้จัดการแต่พอสมควร อย่าให้ใหญ่โตเอิกเกริกไป
จะดีกว่า
ส่วนที่หมอบอกมาในเรื่องเกิดโรคร้ายที่บ้านพาชี และขอให้ช�ำระ
ความโสโครกที่ตลาดเก่านั้น กระทรวงมหาดไทยได้มีโทรเลขสั่งไปยังมณฑล
กรุงเก่าว่า การที่เกิดโรคร้ายขึ้นเช่นนี้เป็นการส�ำคัญเกี่ยวแก่ชีวิตมนุษย์เป็น
อั น มาก จ� ำ เป็ น ต้ อ งรี บ ระงั บ และป้ อ งกั น โดยกวดขั น เพราะฉะนั้ น ให้ จั ด
ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มณฑลสักนายหนึ่ง ให้ไปตรวจดูว่าควรจัดการอย่างไร
ที่จะให้ตลาดเก่าสะอาดขึ้นให้จงได้ และให้จัดการตามทางที่เห็นว่าเป็นอย่างดี
ที่สุด เมื่อจ�ำเป็นจะต้องใช้เงินบ้าง ก็ให้จ่ายเงินส�ำหรับทดรองในการส�ำคัญ
ไปก่อน ดังนี้
ขอได้นำ� ความกราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอฯ เสนาบดีกระทรวงนครบาล
ทราบฝ่าพระบาท
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ราชปลัดทูลฉลองไปราชการ
พระยาจ่าแสนบดี เซ็นแทน
๒๒๘
กรมสุขาภิบาล๑
กองแพทย์สุขาภิบาล
วันที่ ๑๑ มกราคม ค.ศ. ๑๙๐๗ [พ.ศ.๒๔๔๙]
กราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ ทราบฝ่าพระบาท
ข้าพเจ้าขอประทานกราบทูลรายงานที่ได้รับจากนายแพทย์คาร์ทิว
ผู้ช่วยแพทย์สุขาภิบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ที่เพชรบุรีเพื่อจัดการป้องกันกาฬโรค
จากรายงานฉบับนีจ้ ะเห็นได้วา่ การระบาดครัง้ นีร้ า้ ยแรง และต้องอาศัย
การดูแลจากเจ้าพนักงานแพทย์ผู้หนึ่งอย่างเต็มที่ เป็นระยะเวลาไม่แน่นอน
เนื่องด้วยเรามีพนักงานพอส�ำหรับปฏิบัติหน้าที่ของกรมสุขาภิบาล
เท่านั้น ข้าพเจ้าจึงคิดว่ากระทรวงมหาดไทยควรจะจัดหาแพทย์ของตนเองเพื่อ
ปฏิบัติหน้าที่ประจ�ำในกระทรวงมหาดไทย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
(ลงนาม) เอช. แคมป์เบล ไฮเอต
แพทย์สุขาภิบาล
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๖ หมอคาร์ทิวผู้ไปช่วยจัดการระงับ
กาฬโรคที่เมืองเพชรบุรียื่นความเห็นว่าไข้นั้นร้ายกาจ ขอให้กระทรวงมหาดไทยคิดจัดหาแพทย์
ประจ�ำ เพราะถ้าในกรุงเทพมีไข้กาฬโรคหรือโรคอันใดฉุกเฉิน แพทย์สขุ าภิบาลต้องท�ำการเต็มหน้าที่
ไปท�ำการนอกกรมไม่ได้ (๑๑ – ๒๑ ม.ค. ๑๒๕), หน้า ๗ – ๑๑.
๒๒๙
(ส�ำเนารายงาน)
เรียนนายแพทย์เอช. แคมป์เบล ไฮเอต
แพทย์สุขาภิบาลกรุงเทพฯ
๘/๑/๐๗
ข้ า พเจ้ า ได้ รั บ ค� ำ สั่ ง ให้ เ ดิ น ทางมายั ง เพชรบุ รี เ มื่ อ วั น ที่ ๖ เดื อ นนี้
เพื่อสืบสวนเรื่องการระบาดของกาฬโรคที่เมืองนี้
การระบาดเริ่มขึ้นเมื่อราวหนึ่งเดือนที่แล้ว และในเวลานั้นทราบว่า
มีผู้ตายราว ๓๐ ราย แต่ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการ และไม่มีความพยายาม
ที่จะค้นหาผู้ป่วยหรือศพผู้ตายอย่างเป็นระเบียบ จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจ�ำนวน
ผู้ตายอาจสูงกว่า ๓๐ รายอย่างมาก ส่วนตัวข้าพเจ้าเองได้เห็นผู้ป่วย ๑๐ ราย
ในช่วง ๓ วันที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นจ�ำนวนเฉลี่ยที่มากกว่า ๑๐๐ รายต่อเดือนแล้ว
เมื่อข้าพเจ้าเดินทางมาถึงเพชรบุรี ข้าพเจ้าได้พบกับนายแพทย์แมคแดเนียลส์๑
มิชชันนารีชาวอเมริกันซึ่งเล่าให้ข้าพเจ้าฟังถึงสิ่งที่ได้จัดการไปทั้งหมด และสิ่ง
ต่างๆ ที่ไม่ได้ท�ำอีกมากมาย จากนั้นข้าพเจ้าได้ไปตรวจดูบ้านหลายหลังที่มีผู้ตาย
ด้วยกาฬโรค บ้านหลังแรกๆ ที่ข้าพเจ้าไปตรวจอยู่บนถนนสายหลัก ใกล้กับ
ตลาดใหญ่ บ้านหลังแรกเป็นของหมอต้อย ซึ่งเป็นผู้จ�ำหน่ายยาชาวจีน ภรรยา
ของเขาตายด้วยกาฬโรคเมือ่ ๑๐ วันทีแ่ ล้ว และบุตรคนหนึง่ ก็กำ� ลังป่วยเป็นกาฬโรค
บ้านหลังนี้เป็นบ้านอิฐที่เก่ามาก มีหลังคาปูกระเบื้องอยู่สูง บ้านทั้งหลังอยู่ใน
สภาพที่แย่มาก และมีเพิงมุงจากอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคนในบ้าน
๑
นายแพทย์เอ็ดวิน บี. แมคแดเนียลส์ (Edwin B. McDaniels) มิชชันนารีชาวอเมริกัน
ที่เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาในเมืองไทยสมัยรัชกาลที่ ๕ และได้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และ
สาธารณสุขในหัวเมืองหลายแห่ง เช่น เพชรบุรี นครศรีธรรมราช และเชียงราย
๒๓๐
ภายในบ้านเต็มไปด้วยขยะและสิ่งของทุกชนิด ไม่มีทางที่จะฆ่าเชื้อบนสิ่งของ
เหล่านี้ในขณะที่มีคนอยู่ในบ้านได้ อีกทั้งพื้นบ้านก็เป็นดินชื้นแฉะ ส่วนหลังคาก็
เต็มไปด้วยหยากไย่ ด้านหน้าเพิงที่อยู่อาศัยมีประตูบานหนึ่ง และที่ด้านหลัง
ก็มีช่องเปิดเล็กๆ มิเช่นนั้นบ้านทั้งหลังจะมืดสนิท บ้านส่วนใหญ่ที่อยู่ริมถนน
เส้นนั้นก็มีลักษณะอย่างเดียวกัน แต่มีข้อแตกต่างคือบ้านหลังนี้มีสิ่งของมากกว่า
บ้านอื่นๆ การจะฆ่าเชื้อในบ้านหลังนี้จ�ำเป็นต้องรื้อเพิงมุงจากที่อยู่ด้านหน้า
และถอดกระเบื้องบางส่วนหรือทั้งหมดออก เพื่อล้างผนังอิฐด้วยน�้ำปูนขาวให้ทั่ว
ตลอดจนฆ่าเชื้อบนพื้นดินให้มากที่สุดเท่าที่จะท�ำได้ แล้วจึงค่อยมุงจากที่หลังคา
แทนกระเบื้อง จากนั้นถึงจะให้คนในบ้านที่ไม่ได้ป่วยกลับมาอยู่อาศัยได้
มีบา้ นหนึง่ หลังหรือสองหลังทีเ่ ป็นเพียงการน�ำเอาไม้ไผ่มาตัง้ พิงกันและ
โสโครกอย่างมาก บ้านเหล่านี้จะต้องเผาทิ้งพร้อมทุกสิ่งที่อยู่ภายใน โดยมีราคา
ไม่เกินหลังละ ๕๐ บาท บริเวณที่ห่างออกไปรอบถนนสายหลักและที่ฝั่งตรงข้าม
ของแม่น�้ำยังมีบ้านผู้ป่วยอีกหลายหลัง เกือบทุกหลังเป็นที่อยู่อาศัยของช่าง
ปั้นหม้อ บ้านเหล่านี้เป็นบ้านไม้สักขนาดใหญ่ หลังคามุงจากตามแบบที่พบโดย
ทั่วไป มีห้องโถงกลาง ห้องต่างๆ เปิดเข้าสู่ห้องโถงนี้ ไม่มีห้องย่อย การระบาย
อากาศดี บ้านทุกหลังค่อนข้างสะอาด บ้านเหล่านี้สามารถฆ่าเชื้อได้ง่ายๆ
โดยไม่ต้องย้ายคนออก ข้าพเจ้าเห็นว่าหากตรวจโรคคนในบ้านทุกวันก็ไม่จ�ำเป็น
ต้องแยกกักกันพวกเขา ข้าพเจ้าจะมีคณะผู้ฆ่าเชื้อ ๖๐ คนซึ่งเป็นนักโทษในเมือง
แต่ขา้ พเจ้าต้องใช้ความระมัดระวังกับพวกเขา และคอยตรวจโรคให้พวกเขาทุกคน
ด้วยตนเองทุกวัน และข้าพเจ้าได้แนะน�ำไปว่าคณะผู้ฆ่าเชื้อนี้ควรได้รับอาหารที่ดี
กว่าปกติสักหน่อย ท่านรองผู้ว่าราชการเมืองได้จัดหาสถานที่ให้ข้าพเจ้าตั้งเพิง
พยาบาล และค่ายกักกันเล็กๆ ซึ่งอยู่ไกลกว่าที่ข้าพเจ้าหวังไว้ แต่ข้าพเจ้า
ต้อ งเผชิ ญ กั บ อุ ป สรรคมากมายกว่าจะได้สถานที่ นี้ม า สถานที่ อื่ นที่ ข ้ า พเจ้ า
ต้องการนั้นมีผู้คัดค้านด้วยเหตุผลต่างๆ มากเสียจนข้าพเจ้าต้องยอมรับสถานที่นี้
การสร้างเพิงพยาบาลมีความล่าช้า แต่ขณะนี้สร้างเพิงเสร็จแล้ว ๖ หลัง ไว้ส�ำหรับ
๒๓๑
จะเดินทางไปถึงเพชรบุรีนั้น ท่านรองผู้ว่าราชการเมืองมีความพยายามที่ดี
ในการหยุดยั้งการระบาด แต่เขามีผู้ช่วยเหลือน้อย และมีความรู้น้อยว่าจะต้อง
เริ่มท� ำ สิ่ ง ต่ า งๆ อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังจ�ำเป็ นที่ เขาควรได้ รั บอ� ำ นาจให้
ด�ำเนินการโดยอิสระภายใต้ขอบเขตบางประการ และจะต้องก�ำหนดขอบเขต
เหล่ า นี้ ใ ห้ ชั ด เจน คงจะเป็ น การเสี ย เวลามากถ้ า เขาจะต้ อ งคอยส่ ง โทรเลข
มายังกรุงเทพฯ เพื่อขออนุญาตเผาบ้านเรือน หรือเพื่อบังคับกักกักผู้ป่วยตามที่
ข้าพเจ้าก�ำหนด
หากท่านต้องการให้ข้าพเจ้ากลับไปยังกรุงเทพฯ และรายงานต่อท่าน
เป็ น การส่ ว นตั ว ข้ า พเจ้ า จะรี บ ไปทั น ที เพราะในความเห็ น ของข้ า พเจ้ า
การระบาดที่เพชรบุรีนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าการระบาดที่ลพบุรี แต่ข้าพเจ้าก็คิดว่า
จ�ำเป็นจะต้องมีแพทย์ชาวยุโรปคนหนึ่งอยู่ที่นี่เพื่อก�ำกับดูแลและสั่งการในเรื่อง
ต่างๆ
ขอแสดงความนับถือ
ลงนาม มอร์เดน คาร์ทิว
ผู้ช่วยแพทย์สุขาภิบาล
๒๓๓
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๖ หมอคาร์ทิวผู้ไปช่วยจัดการระงับ
กาฬโรคที่เมืองเพชรบุรีย่ืนความเห็นว่าไข้นั้นร้ายกาจ ขอให้กระทรวงมหาดไทยคิดจัดหาแพทย์
ประจ�ำ เพราะถ้าในกรุงเทพมีไข้กาฬโรคหรือโรคอันใดฉุกเฉิน แพทย์สขุ าภิบาลต้องท�ำการเต็มหน้าที่
ไปท�ำการนอกกรมไม่ได้ (๑๑ – ๒๑ ม.ค. ๑๒๕), หน้า ๑๒ – ๑๓.
๒๓๔
กรมสุขาภิบาล๑
กองแพทย์สุขาภิบาล
วันที่ ๑๒ มกราคม ค.ศ. ๑๙๐๗ [พ.ศ. ๒๔๔๙]
เรียนนายแพทย์เอช. แคมป์เบล ไฮเอต แพทย์สุขาภิบาลกรุงเทพฯ
ต่อเนื่องจากรายงานฉบับที่ข้าพเจ้าเขียนขึ้น ณ เมืองเพชรบุรี เมื่อ
วันที่ ๘ มกราคม ข้าพเจ้าขอรายงานเพิ่มเติมว่า ข้าพเจ้าได้ตรวจผู้ป่วยกาฬโรค
อีก ๑๐ รายที่เมืองเพชรบุรี ก่อนที่จะเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ เมื่อบ่ายวันนี้
ท�ำให้ตั้งแต่วันที่ ๖ ถึงวันที่ ๑๒ มกราคม มีจ�ำนวนผู้ป่วยกาฬโรครวม ๑๗ ราย
ส่วนใหญ่แล้วผูป้ ว่ ยเหล่านีอ้ ยูใ่ นบริเวณถนนสายหลักใกล้กบั ตลาดใหญ่
ผู้ป่วย ๓ รายอาศัยอยู่ในบ้านที่เปิดในตัวตลาดเลย ผู้ป่วยสองรายในคราวล่าสุดนี้
เป็ น กาฬโรคชนิ ด ติ ด เชื้ อ ในกระแสเลื อ ดฉั บ พลั น ทั้ ง สองรายมี อ าการป่ ว ย
เพียง ๒๐ ชั่วโมงก่อนที่จะตาย และไม่มีต่อมน�้ำเหลืองบวม นอกจากนี้ยังมี
ผู ้ ป ่ ว ยอี ก รายหนึ่ ง ที่ ต ายอย่ า งรวดเร็ ว มาก ผู ้ ป ่ ว ยรายนี้ อ าศั ย อยู ่ ใ นบ้ า นที่
ห่างจากตลาดราว ๕๐ หลา และมีอาการป่วยเพียง ๑๐ ชั่วโมงก่อนที่จะตาย
มีผู้ป่วยอีกหลายรายที่อยู่ห่างออกไปนอกเมือง และทุกรายนั้นเป็นกาฬโรค
ต่อมน�้ำเหลืองธรรมดา ซึ่งมีอาการป่วยโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ ๖ วัน
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๖ หมอคาร์ทิวผู้ไปช่วยจัดการระงับ
กาฬโรคที่เมืองเพชรบุรียื่นความเห็นว่าไข้นั้นร้ายกาจ ขอให้กระทรวงมหาดไทยคิดจัดหาแพทย์
ประจ�ำ เพราะถ้าในกรุงเทพมีไข้กาฬโรคหรือโรคอันใดฉุกเฉิน แพทย์สขุ าภิบาลต้องท�ำการเต็มหน้าที่
ไปท�ำการนอกกรมไม่ได้ (๑๑ – ๒๑ ม.ค. ๑๒๕), หน้า ๒๕ – ๒๘.
๒๓๖
ข้าพเจ้าได้ย้ายหมอต้อยและบุตรที่ป่วยไปไว้ในค่ายพยาบาลกักกัน
โรคเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่จริงแล้วมีการออกค�ำสั่งให้ย้ายพวกเขาในทันที
ตั้งแต่เวลาที่สร้างค่ายพยาบาลเสร็จ คือตอนบ่ายวันพุธ แต่ก็มีความล่าช้ากัน
ตามปกติ และเพื่อเป็นการประหยัดเวลา ตลอดจนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่
ผู้ป่วยกาฬโรครายอื่นๆ หมอต้อยจึงเดินทางไปยังค่ายพยาบาลด้วยตนเองและ
ออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้จัดเตรียมเรือไว้เป็นพิเศษส�ำหรับการงาน
ที่ยังไม่พร้อมดี
ข้าพเจ้าเสียใจที่ต้องกล่าวย�้ำถ้อยค�ำที่เขียนไว้ในรายงานฉบับก่อนที่ว่า
ไม่มีทางใดที่จะท�ำความสะอาดและฆ่าเชื้อในบ้านที่มีผู้ป่วยเหล่านี้ได้ หากยังมี
คนและสิ่งของอยู่ในบ้าน ข้าพเจ้าเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ เพื่ออธิบายเรื่องนี้
ให้ท่านทราบ เพราะเมื่อข้าพเจ้าแนะน�ำให้รองผู้ว่าราชการเมืองเพชรบุรีย้ายคน
ออกจากบ้านเหล่านี้ เพื่อไปอยู่ในเพิงที่จัดไว้ให้โดยเฉพาะ เขาก็บอกว่าตนไม่มี
อ� ำ นาจที่ จ ะท� ำ เช่ น นั้ น และต้ อ งส่ ง โทรเลขมายั ง กรุ ง เทพฯ เพื่ อ ขออนุ ญ าต
ก่อน ซึ่งตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่ในเมืองเพชรบุรีนั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบข่าวว่า
เขาได้รับค�ำตอบอย่างใดในเรื่องนี้เลย หรือเขาอาจได้รับค�ำตอบแล้วแต่ไม่ได้แจ้ง
ต่อข้าพเจ้าก็เป็นได้ ข้าพเจ้าเพียงแต่ได้รับอนุญาตให้เผาบ้าน ๒ หลังเท่านั้น
แต่ค�ำตอบที่ข้าพเจ้าได้รับจากเขาอยู่เสมอคือ เขาไม่มีอ�ำนาจที่จะท�ำในสิ่งที่
ข้าพเจ้าแนะน�ำ ข้าพเจ้าขอกล่าวให้ชัดเจนกับท่านว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการให้
กักกันผู้คนเหล่านั้นเป็นเวลา ๑๐ วัน และไม่ได้ต้องการบังคับให้พวกเขามาอยู่
ในค่ายพยาบาลเลย ข้าพเจ้าเพียงแค่ต้องการให้ย้ายพวกเขาออกจากบ้านเท่านั้น
ข้าพเจ้าได้เจรจาให้ขนย้ายสิ่งของของพวกเขาไปเก็บไว้ในศาลาวัดที่อยู่ใกล้กัน
แล้ว แต่รองผู้ว่าราชการเมืองไม่ยอมรับผิดชอบสิ่งของเหล่านั้น และไม่สัญญา
ว่าจะชดเชยให้หากมีสิ่งของสูญหาย จึงไม่มีผู้ใดยอมย้ายออกจากบ้าน และ
ข้าพเจ้าก็เห็นว่าไม่ควรจะบังคับพวกเขา เหตุการณ์จึงหยุดนิ่ง จนกระทั่งวันพุธที่
๙ มกราคม เมื่อยาฆ่าเชื้อและอุปกรณ์จากกรุงเทพฯ ส่งมาถึง ข้าพเจ้าได้ขอให้
๒๓๗
เมืองเพชรบุรีจัดหาเรือบรรทุกปูนขาวให้เต็มล�ำ แต่ปูนขาวที่ได้รับมานั้นกลับมี
สภาพแย่จนไม่สามารถใช้ได้ และจนถึงตอนเช้าวันเสาร์ก็ยังไม่ได้รับปูนขาว
เพิ่มเติมเลย
ในวันพุธ วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ นายทิดและคณะกุลีผู้ท�ำหน้าที่
ฆ่าเชื้อ ได้ไปฆ่าเชื้อตามบ้านต่างๆ พร้อมทั้งขนย้ายสิ่งของเท่าที่พวกเขาจะท�ำได้
แต่ข้าพเจ้าแน่ใจว่าวิธีการนี้ไม่เพียงพอ เพราะมีหลายแห่งที่จ�ำเป็นต้องถอด
หลั ง คาและเปิ ด ให้ ภ ายในบ้ า นทั้ ง หลั ง ได้ สั ม ผั ส แสงแดดเป็ น เวลาอย่ า งน้ อ ย
๑ สัปดาห์ หรือมิเช่นนั้นก็ต้องรื้อท�ำลายบ้านทั้งหลัง
เฉพาะการที่ มี ผู ้ ป ่ ว ยกาฬโรคชนิ ด ติ ด เชื้ อ ในกระแสเลื อ ดฉั บ พลั น
ในตลาดซึ่งมีผู้คนหลายร้อยคนมารวมตัวกันทุกวัน ก็แสดงให้เห็นอย่างแน่นอน
แล้วว่า การช�ำระล้างบ้านเรือนด้วยน�้ำยาเจส์ (Jeyes Fluid)๑ นั้นไม่เพียงพอ
และต้องใช้วิธีการอื่นด้วย
ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านพยายามช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับมอบอ�ำนาจตามที่
ร้องขอ เพื่อให้ข้าพเจ้าสามารถด�ำเนินการในเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม หรือมอบ
อ�ำนาจแก่รองผู้ว่าราชการเมือง เพื่อให้เขาสามารถด�ำเนินการตามค�ำแนะน�ำ
ของข้าพเจ้าได้
อ�ำนาจที่ข้าพเจ้าร้องขอมีดังนี้
๑. เมื่อข้าพเจ้าแนะน�ำให้ราษฎรย้ายออกจากบ้านที่มีผู้ป่วยหรือตาย
ด้วยกาฬโรค ราษฎรต้องปฏิบัติตามนั้น จะมีการฆ่าเชื้อที่สิ่งของของพวกเขาก่อน
แล้วจึงให้พวกเขาย้ายสิ่งของออกไป ถ้าพวกเขาต้องการไปอยู่ที่เพิงกักกันในค่าย
พยาบาลก็สามารถท�ำได้ หรือมิเช่นนั้นก็ย้ายไปยังสถานที่อื่นที่ได้รับอนุญาต
๑
น�้ำยาฆ่าเชื้อ
๒๓๘
๒. ขอให้ข้าพเจ้ามีอ�ำนาจรื้อท�ำลายบ้านเรือนหรือทรัพย์สินในมูลค่า
สูงสุด ๕๐๐ บาท โดยไม่ต้องส่งโทรเลขมายังกรุงเทพฯ เพื่อขออนุญาตก่อน
ส่วนการจะจ่ายเงินชดเชยหรือไม่นั้นไว้ตัดสินใจในภายหลัง
๓. หากข้าพเจ้าเห็นว่าจ�ำเป็นก็สามารถกักกันครอบครัวใดครอบครัว
หนึ่งไว้ในบ้านของพวกเขา หรือไว้ในค่ายพยาบาล หรือในสถานที่อื่นที่ข้าพเจ้า
อนุญาตเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งซึ่งไม่เกิน ๑๐ วัน โดยอยู่ในดุลยพินิจของข้าพเจ้า
แต่เพียงผู้เดียว และหากราษฎรไม่ยอมย้ายไปโดยสันติ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าจ�ำเป็น
ต้องย้าย และได้รับการเห็นพ้องจากผู้ว่าราชการเมือง ก็สามารถใช้ก�ำลังบังคับ
พาตัวราษฎรนั้นไปได้ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการทุกอย่างที่อยู่ในอ�ำนาจเพื่อให้การ
ป้องกันกาฬโรคส�ำเร็จลงได้โดยสันติ และไม่ท�ำให้ราษฎรเกิดความไม่พอใจ
แต่หากได้รับอ�ำนาจสนับสนุนเช่นนี้ก็จะเป็นประโยชน์มาก และข้าพเจ้าจะ
ใช้อ�ำนาจเท่าที่จ�ำเป็นจริงๆ เท่านั้น
โดยสรุปแล้ว ข้าพเจ้าร้องขอว่า หากข้าพเจ้าต้องเดินทางกลับไปยัง
เพชรบุรี และหากข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้จัดการป้องกันกาฬโรคในที่นั้น
ข้าพเจ้าจ�ำเป็นต้องได้รับมอบอ�ำนาจให้ด�ำเนินการไปตามดุลยพินิจของข้าพเจ้า
และไม่ควรจะมีความล่าช้าเช่นเดิมอีกต่อไปในการปฏิบัติตามค�ำแนะน�ำของ
ข้าพเจ้า ซึ่งได้แนะน�ำไปโดยเหมาะสมกับความร้ายแรงของการระบาดเสมอ
ขอแสดงความนับถือ
ลงนาม มอร์เดน คาร์ทิว
ผู้ช่วยแพทย์สุขาภิบาล
๒๓๙
กรมสุขาภิบาล๑
กองแพทย์สุขาภิบาล
วันที่ ๑๔ มกราคม ค.ศ. ๑๙๐๗ [พ.ศ. ๒๔๔๙]
กราบทูลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงนครบาล
ข้าพเจ้าขอประทานกราบทูลรายงานจากหมอคาร์ทิว ซึ่งเป็นการ
สรุ ป สิ่ ง ที่ เขาได้ ก ราบทู ล ต่ อ พระองค์ เ มื่ อ บ่ า ยวั น เสาร์ ที่ ผ ่ า นมา หลั ง จาก
ทู ล ลาพระองค์ แ ล้ ว หมอคาร์ ทิ ว กั บ ข้ า พเจ้ า ได้ เข้ า พบพระยาศรี ส หเทพ
ราชปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย และหมอคาร์ทิวก็ได้ร้องเรียนเรื่องเดิม
ว่ า ต้ อ งการได้ รั บ การสนั บ สนุ น จากข้ า ราชการเมื อ งเพชรบุ รี พวกเราทั้ ง
สามคนเห็นพ้องกันว่า การส่งแพทย์ชาวยุโรปไปจัดการป้องกันการระบาด
ของกาฬโรคอย่ า งร้ า ยแรงดั ง ที่ เ ป็ น อยู ่ นั้ น จะไม่ เ กิ ด ประโยชน์ อั น ใดหาก
ค�ำสั่งของแพทย์ไม่ได้รับการปฏิบัติตาม เราต้องการมีอ�ำนาจเช่นเดียวกับที่เรา
ด�ำเนินการอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อจัดการตามที่เราเห็นสมควร และในท้ายที่สุด
พระยาศรีสหเทพก็รับรองว่าเราจะได้รับการสนับสนุนทุกประการ
ก่อนที่จะอนุญาตให้หมอคาร์ทิวกลับไปยังเพชรบุรี ข้าพเจ้าต้องการ
ให้เขาได้รับหมายค�ำสั่งของกรมสุขาภิบาล ซึ่งมอบอ�ำนาจตามที่จ�ำเป็นเพื่อให้
ด�ำเนินการตามที่เห็นสมควร หากไม่มีค�ำสั่งเช่นนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์
๑
แปลจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๖ หมอคาร์ทิวผู้ไปช่วยจัดการระงับ
กาฬโรคที่เมืองเพชรบุรียื่นความเห็นว่าไข้นั้นร้ายกาจ ขอให้กระทรวงมหาดไทยคิดจัดหาแพทย์
ประจ�ำ เพราะถ้าในกรุงเทพมีไข้กาฬโรคหรือโรคอันใดฉุกเฉิน แพทย์สขุ าภิบาลต้องท�ำการเต็มหน้าที่
ไปท�ำการนอกกรมไม่ได้ (๑๑ – ๒๑ ม.ค. ๑๒๕), หน้า ๒๐ – ๒๑.
๒๔๐
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๖ หมอคาร์ทิวผู้ไปช่วยจัดการระงับ
กาฬโรคที่เมืองเพชรบุรีย่ืนความเห็นว่าไข้นั้นร้ายกาจ ขอให้กระทรวงมหาดไทยคิดจัดหาแพทย์
ประจ�ำ เพราะถ้าในกรุงเทพมีไข้กาฬโรคหรือโรคอันใดฉุกเฉิน แพทย์สขุ าภิบาลต้องท�ำการเต็มหน้าที่
ไปท�ำการนอกกรมไม่ได้ (๑๑ – ๒๑ ม.ค. ๑๒๕), หน้า ๓๕ – ๓๖.
๒๔๒
หมอได้จัดการช�ำระล้างห้องคนป่วยไข้กาฬโรคทั่วแล้ว จะได้จัดการ
ตรวจคนเกี่ยวข้องกับคนไข้ทุกวัน เวลาเช้าและเย็น ตลอดไปจนสิ้นเขตอายุ
ไข้กาฬโรค
และหมอมีความวิตกอยู่ว่า ไข้กาฬโรคในกรุงเทพฯ จะมีมากขึ้นด้วยใน
หมู่นี้ มีคนป่วยเนืองๆ กระชั้นวันกัน เมื่อวานนี้วันเดียวก็มีถึง ๔ คน และไข้เกิดขึ้น
ในทีซ่ งึ่ เคยมีมาแต่กอ่ น คือในทีโ่ รงม้าหลวง และแถวบ้านหม้อนัน้ หมอจึง่ ขออนุญาต
โทรเลขเรียกหมอคาร์ทิวซึ่งไปช่วยจัดการป้องกันไข้กาฬโรคที่เมืองเพ็ชร์บุรีนั้น
ให้กลับมา ตามความที่ได้ตกลงกันกับกระทรวงมหาดไทยไว้แต่ก่อนแล้วว่า
ถ้าในกรุงเทพฯ มีไข้กาฬโรคมากขึ้น กระทรวงมหาดไทยจะต้องหาแพทย์เป็น
การจรไปประจ�ำการ ต้องให้หมอคาร์ทวิ กลับเข้ามาท�ำการตามหน้าทีใ่ นกรุงเทพฯ
บั ด นี้ มี ไข้ ก าฬโรคมากรายและแยกต� ำ บลกั น แพทย์ สุ ข าภิ บ าลจึ่ ง ต้ อ งการ
หมอคาร์ทิวให้เข้ามาช่วยตรวจคนที่เกี่ยวข้องแก่คนป่วยเป็นกาฬโรค
อนึง่ ในเรือ่ งทีใ่ ห้หมอคาร์ทวิ ไปช่วยกระทรวงมหาดไทยระงับไข้กาฬโรค
ทีเ่ มืองเพ็ชร์บรุ นี นั้ ได้มรี ายงานหมอ และหม่อมฉันได้วา่ กล่าวกับพระยาศรีสหเทพ
เป็นความเข้าใจกันแล้วว่า ถ้ามีไข้กาฬโรคมากในกรุงเทพฯ เมื่อใด ถ้าเป็นความ
จ�ำเป็น จะต้องให้หมอคาร์ทิวกลับเข้ามา แจ้งอยู่ในรายงานและหนังสือในเรื่องนี้
หม่อมฉันได้ส�ำเนามาถวายให้ทรงทราบด้วย
หม่อมฉันจึง่ ได้สงั่ หมอให้ไปพบพระยาศรีสหเทพ แจ้งเหตุทจี่ ะต้องเรียก
หมอคาร์ทิวกลับเข้ามา และให้โทรเลขไปยังหมอคาร์ทิวว่า ถ้ามีโอกาสจะจัดวาง
การฝ่ายโน้นได้ ก็ให้รีบจัดการแล้วเข้ามากรุงเทพฯ
๒๔๓
ถ้าท่านมีโอกาสสมควร ขอได้โปรดน�ำข้อความกราบบังคมทูลพระกรุณา
ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
ควรมิควรสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ๑
(พระนาม) นเรศรวรฤทธิ์
๑
วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราช
หัตถเลขาตอบพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์ ความตอนหนึ่งว่า “การที่ได้จัดไป
ดีแล้ว หมอคาร์ทิวนั้นเรียกกลับได้ แต่ตามรายงานที่บอกมานี้ปรากฏว่า พอรู้ว่าเจ็บก็ตายเช่นนี้ ต้อง
เข้าใจว่าเจ็บข้ามวันมาแล้ว ไม่ใช่พอเป็นขึ้นมาก็ตาย เพราะฉะนั้นจึ่งต้องเห็นว่า การสืบสวนเรื่องไข้
กาฬโรคยังห่างอยู่มาก ขอให้ระวังเรื่องประกาศออกไปแล้วจะไม่ได้จริงตามประกาศเป็นส�ำคัญ”
อ้างจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๖ หมอคาร์ทิวผู้ไปช่วยจัดการระงับกาฬโรคที่
เมืองเพชรบุรยี นื่ ความเห็นว่าไข้นนั้ ร้ายกาจ ขอให้กระทรวงมหาดไทยคิดจัดหาแพทย์ประจ�ำ เพราะถ้า
ในกรุงเทพมีไข้กาฬโรคหรือโรคอันใดฉุกเฉิน แพทย์สุขาภิบาลต้องท�ำการเต็มหน้าที่ ไปท�ำการ
นอกกรมไม่ได้ (๑๑ – ๒๑ ม.ค. ๑๒๕), หน้า ๓๗.
๒๔๔
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๒๓ จัดการป้องกันกาฬโรคหัวเมือง
(๒๓ ม.ค. – ๑๐ ก.พ. ๑๒๕), หน้า ๓ – ๔.
๒
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆมั พร กรมหลวงลพบุรรี าเมศวร์ พระราชโอรสใน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระวิมาดาเธอฯ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราช
ปดิวรัดา ต่อมาทรงด�ำรงต�ำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช (พ.ศ. ๒๔๕๓ – ๒๔๖๘)
๓
พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ (ม.ร.ว. เปีย มาลากุล) ปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการ ต่อมาใน
สมัยรัชกาลที่ ๖ ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี เสนาบดีกระทรวงธรรมการ
๔
พระพิศณุประสาทเวช (คง ถาวรเวช) รองแพทย์ใหญ่ฝ่ายการแพทย์แผนไทยที่โรง
ศิริราชพยาบาลในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทั้งยังเป็นผู้รวบรวมและจัดพิมพ์ต�ำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์
ต่อมาได้เลื่อนเป็นพระยาพิศณุประสาทเวช
๒๔๕
ออกประกาศให้แจ้งความกาฬโรคตามร่างที่ส่งมาทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมกับ
จดหมายฉบับนี้ด้วย๑
โรงพยาบาลนั้น ในเวลานี้มีโรงพยาบาลท�ำขึ้นชั่วคราวอยู่ทุกแห่งแล้ว
และข้าพระพุทธเจ้าจะได้จดั ประมาณจ�ำนวนเงินและรายการทีจ่ ะปลูกโรงพยาบาล
ประจ�ำเมืองทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป
อนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าได้ปรึกษาถึงข้อที่จะให้มีหมอฝรั่งเป็นผู้ตรวจตรา
โรงพยาบาล และการรักษาความสะอาด ทีป่ ระชุมเห็นพร้อมกันว่าควรมีสกั คนหนึง่
แต่เห็นว่าเวลานีร้ าษฎรยังหวาดเสียวหมอฝรัง่ มาก ถ้าจัดให้ไปเทีย่ วตรวจในเวลานี้
เกรงด้วยเกล้าฯ ว่าจะพาให้การที่จัดใหม่เสียไปด้วย จึงเห็นพร้อมกันว่า ควรให้
รอหมอฝรั่งผู้ตรวจนั้นไว้สักหน่อยก่อนก็ได้ เพราะเวลานี้แพทย์ไทยที่กะไว้ประจ�ำ
ทุกเมืองนั้นมีแพทย์ที่สอบไล่ได้ประกาศนียบัตรของโรงเรียนแพทย์กรุงเทพฯ
และได้เคยท�ำการกับหมอฝรั่งอยู่ทุกแห่งแล้ว
ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ข้าพระพุทธเจ้า พระยาศรีสหเทพ ขอเดชะ
ราชปลัดทูลฉลอง
๑
อีกไม่กี่วันต่อมาได้ประกาศใช้กฎหมายที่ก�ำหนดให้แจ้งความเมื่อมีผู้ป่วยกาฬโรคใน
เขตหัวเมือง คือ “ประกาศให้แจ้งความกาฬโรค” ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙
๒๔๖
รายงานประชุมที่กระทรวงมหาดไทย
วันที่ ๒๓ มกราคม ร.ศ. ๑๒๕ [พ.ศ. ๒๔๔๙]๑
วิธีจัดการโรงพยาบาล
๑. ให้จัดตั้งโรงพยาบาลหลวงในเมืองที่เกิดกาฬโรค ๕ เมือง คือ
พระปฐมเจดีย์ ๑ เพ็ชร์บุรี ๑ ลพบุรี ๑ สระบุรี ๑ นครราชสิมา ๑
๒. โรงพยาบาลนี้ส�ำหรับเป็นที่รักษาพยาบาลกาฬโรค ให้มีห้องพอรับ
คนป่วยได้ไม่น้อยกว่า ๑๒ คน และมีโอสถศาลาส�ำหรับจ�ำหน่ายยาด้วย
๓. ให้มีแพทย์ประจ�ำโรงพยาบาลเหล่านี้ในเวลาปรกติไม่น้อยกว่า
โรงละ ๒ คน ถ้าเวลาเกิดโรคมาก ก็ให้จัดแพทย์เพิ่มขึ้นให้พอแก่การ และให้มี
คนพยาบาลอยู่ประจ�ำให้เพียงพอ
๔. ให้มีโอสถศาลาเป็นที่จ�ำหน่ายยาของหลวงในโรงพยาบาลนี้ และ
ในเวลามีโรคมาก ดังเช่นกาฬโรคที่เป็นอยู่บัดนี้ ให้แจกยาของหลวงให้เป็นทาน
ถ้าเวลาเป็นปรกติ ควรเรียกค่ายาบ้างโดยราคาถูกๆ
๕. ถ้าผู้ใดป่วยและสมัครจะมาอยู่รักษาพยาบาลในโรงพยาบาลหลวง
ก็ให้รับไว้
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๒๓ จัดการป้องกันกาฬโรคหัวเมือง
(๒๓ ม.ค. – ๑๐ ก.พ. ๑๒๕), หน้า ๕ – ๗.
๒๔๗
ว่าด้วยจัดการป้องกันกาฬโรคที่เกิดขึ้นใหม่ในชั้นแรก
๑. ถ้าเกิดมีกาฬโรคขึ้นใหม่ที่ใดในชั้นแรก ให้ผู้ว่าราชการเมืองจัดการ
กักคนที่ป่วยและผู้ที่พยาบาลไว้ไม่ให้ไปให้มา จนถึง ๑๕ วัน ไม่มีคนใดที่กักไว้ป่วย
ลงอีกจึงปล่อยไป
๒. ในเรือนที่มีคนเจ็บป่วยนั้น ถ้าเรือนที่จะต้องใช้เงินให้ไม่เกินกว่า
๑๐ ชั่ง ให้เอาสังกะสีมาล้อมให้รอบแล้วเผาเสียทีเดียว ถ้าเป็นเรือนราคามาก
ที่ เ ผาไม่ ไ ด้ ก็ ใ ห้ บั ง คั บ ให้ ข นสิ่ ง ของออกมาจั ด การรมยาตามวิ ธี ข องแพทย์
แล้วจัดการบ้านนั้นให้สะอาด และอบรมโรยยาตามวิธีของแพทย์
๓. ถ้าเกิดกาฬโรคขึ้นใหม่เช่นนี้ก็ดี หรือที่เป็นอยู่แล้วดังจะว่าต่อไปนี้
ก็ดี ให้ผู้ว่าราชการเมืองมีรายงานมายังกรุงเทพฯ โดยเร็ว และให้บอกหัวเมือง
ที่ใกล้เคียงให้ทราบทั่วกันด้วย เพื่อจะได้จัดการระวังให้ทันท่วงที
ว่าด้วยการรักษาและป้องกันกาฬโรคที่เป็นอยู่แล้วบัดนี้
๑. ให้ผวู้ า่ ราชการเมืองจัดการรักษาความสะอาดในเขตเมืองหรือบ้านที่
เป็นกาฬโรคนั้นทั่วไป มีการกวาดช�ำระให้เตียน ล้างโรยปูนขาว รมยา ที่ใดซึ่งเป็น
ที่ชื้นฉ�ำแฉะต้องท�ำเสียให้แห้ง ที่ใดอับ อากาศเดินไม่ได้ ต้องแก้ไขให้มีทางลม
และแสงสว่างเข้าได้ เป็นต้น ตามค�ำแนะน�ำของแพทย์
๒. ให้ขยายกฎหมายบังคับให้แจ้งความกาฬโรคทีใ่ ช้มาแล้วในกรุงเทพฯ
ส�ำหรับใช้ในเขตเมืองที่เป็นกาฬโรค
๓. ให้วางการตรวจตราคนทีจ่ ะออกไปจากเขตเมืองทีเ่ ป็นกาฬโรคเท่าที่
จะตรวจได้ ถ้าพบคนป่วยไข้ที่แพทย์สงสัยว่าเป็นกาฬโรค ให้ห้ามไว้ อย่าให้ไป
๒๔๘
๔. ให้มีแพทย์ออกตรวจแนะน�ำชี้แจงรักษาคนป่วยไข้ และเฉพาะคนที่
ป่วยไข้เล็กน้อยตั้งแต่ชั้นปวดศีรษะ ตัวร้อน ให้ได้รักษาเสียแต่แรก ให้ประกาศให้
ราษฎรทราบทั่วกันว่า ถ้าใครเจ็บไข้ไม่สบายเล็กน้อยให้รีบมาขอยารับประทาน
อย่าให้ทันเจ็บไข้ได้มากมาย
๕. คนตายด้วยไข้กาฬโรค ให้เจ้าพนักงานจัดการเผาศพเสียทันที
๖. ในบ้านที่มีคนป่วยหรือตายด้วยกาฬโรค ให้กักคนป่วยและคน
พยาบาลให้อยู่ที่บ้านของตนนั้น มีก�ำหนดไม่น้อยกว่า ๑๐ วัน ในเวลาที่กักไว้นี้
ให้เจ้าพนักงานเป็นธุระดูแลอย่าให้คนที่ถูกกักอดอยาก และให้เจ้าพนักงาน
ช่วยเหลือเกื้อหนุนตามสมควรจงทุกประการ
๒๔๙
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗ก/๓๓ คนเป็นไข้กาฬโรคในกรุงเทพฯ
จ�ำนวนปีรัตนโกสินทรศก ๑๒๔ (๑๓ ส.ค. ๑๒๕ – ๔ ม.ค. ๑๒๕), หน้า ๒๑๓ – ๒๑๕.
๒๕๐
ในเวลาวั น นี้ อ าการจี น หยิ น มี บ วมขึ้ น ที่ ค ออี ก และตั ว ร้ อ นปรอตถึ ง ๑๐๔
ก�ำลังอาการหนักมาก
ตามข้อความที่ไต่สวนได้ความดังนี้ ท่านคงจะเห็นได้ว่า การที่พระยา
ศรีสหเทพแจ้งว่า ได้มีแพทย์คอยตรวจคนป่วยเป็นไข้ กันไม่ให้ขึ้นรถไฟอยู่แล้ว
ทุกเมืองที่มีไข้กาฬโรคนั้น เป็นการจัดยังไม่เป็นไปได้จริง เพราะจีนหยินผู้ป่วย
เป็นไข้จนหลายวันแล้วยังโดยสารรถมาได้ ใช่แต่เท่านั้น ข้าพเจ้าจ�ำต้องตีโทษ
พนักงานตรวจการเดินรถไฟอีกด้วย เหตุว่าจีนหยินเป็นคนมีอาการป่วยถึง
นั่งไม่ไหว ขึ้นรถแล้วต้องนอนอยู่บนเก้าอี้แต่รถยังไม่ออกเช่นนี้ ก็เป็นอาการ
เห็นได้ว่าป่วยอยู่แล้ว ไม่สมควรที่เจ้าพนักงานผู้ตรวจการเดินรถไฟจะยอมให้
โดยสารมาเลย
เมื่อมีเหตุไม่สมควรเกิดขึ้นฉะนี้ ข้าพเจ้าจึ่งคิดว่า สมควรที่เจ้าคุณจะมี
ค�ำสั่งก�ำชับก�ำชาเจ้ากรมรถไฟให้ช่วยอุดหนุนการระมัดระวังโรคติดต่อกัน ให้สั่ง
เจ้าพนักงานเดินรถทุกสายว่า ที่สะเตชั่นเมืองใดซึ่งมีไข้กาฬโรค แม้ได้เห็นคน
จะโดยสารรถมี อ าการป่ ว ยเป็ น ไข้ แ ล้ ว ต้ อ งห้ า มเสี ย อย่ า เพิ่ ง ให้ โ ดยสารมา
ให้นายสะเตชั่นแจ้งเหตุแก่ประชาบาลในต�ำบลนั้น ให้จัดการตรวจโรคที่ป่วย
ว่ า เป็ น กาฬโรคหรื อ มิ ใช่ ถ้ า เป็ น ไข้ ก าฬโรคก็ จ ะได้ จั ด การรั ก ษามิ ใ ห้ โรค
แพร่หลายติดต่อกัน ขอให้เจ้าพนักงานตรวจการเดินรถเอาใจใส่ช่วยป้องกัน
คนป่วยเป็นกาฬโรค อย่าให้โดยสารลงมากรุงเทพฯ นั้น จงกวดขันด้วย
ข้าพเจ้าได้โอกาสนี้ ขอแสดงความนับถือมายังเจ้าคุณในสมัยนี้ด้วย
(พระนาม) นเรศรวรฤทธิ์
เสนาบดีกระทรวงนครบาล
๒๕๑
รายงานคนป่วยเป็นไข้กาฬโรค
รัตนโกสินทรศก ๑๒๕ [พ.ศ. ๒๔๔๙]๑
กองแพทย์สุขาภิบาล
วันที่ ๑๖ เมษายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ [พ.ศ. ๒๔๕๐]
หมอ เอช. แคมป์แบล ไฮเอต เจ้ากรมแพทย์สุขาภิบาล ขอกราบทูล
พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงนเรศวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงนครบาล ทราบ
ฝ่าพระบาท
ด้วยข้าพระพุทธเจ้าขอถวายรายงานอันมีต่อไปนี้ ในเรื่องไข้กาฬโรค
ในกรุงเทพฯ คราวปี ร.ศ. ๑๒๕ [พ.ศ. ๒๔๔๙]
ในคราวเดือนเมษายน และพฤษภาคม ไม่ได้มีผู้แจ้งความด้วยอาการ
คนป่วยไข้กาฬโรคแท้จริง แต่ถึงกระนั้นก็ได้ตรวจคนที่ป่วยซึ่งสงสัยว่าเป็น
ไข้กาฬโรคนั้นเป็นหลายคน
ในเดือนมิถุนายนได้มีไข้กาฬโรคจริงแท้รายหนึ่ง และตั้งแต่เดือนนั้นมา
ก็ได้มีอยู่เสมอทุกๆ เดือน ตลอดปี เว้นแต่เดือนกรกฎาคมเดือนเดียวที่ไม่มีเลย
บัญชีต่อไปนี้เป็นจ�ำนวนประจ�ำเดือนทุกๆ เดือน
๑
คัดจาก ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๒๔, วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๖, หน้า ๑๙๒ – ๑๙๔.
๒๕๒
โรงพยาบาล จ�ำนวนตาย
เมืองบอมเบจัดการพยาบาลนับว่าเป็นอย่างดีที่สุด ๖๑.๕ เปอร์เซ็นต์
เมืองฮ่องกง ๙๓ เปอร์เซ็นต์
เมืองยี่ปุ่น ๖๒ เปอร์เซ็นต์
กรุงเทพฯ ถึงปลายเดือนมีนาคม ร.ศ. ๑๒๕ ๗๗ เปอร์เซ็นต์
ข้อความที่คิดด้วยจ�ำนวนตายจะต้องละไว้เพื่อพิจารณาในภายหน้า
เมื่อมีจ�ำนวนทวีมากขึ้นพอสมควรที่จะเทียบวินิจฉัยได้แน่นอน ความเอาใจใส่
อันเนื่องมาแต่ความจริงที่ไข้กาฬโรคก�ำลังจับทวียิ่งขึ้นในกรุงเทพฯ นั้น จะต้อง
มีความรู้สึกดังที่จะเห็นได้ว่าจ�ำนวนไข้ในเดือนมีนาคมเป็นจ�ำนวนอันมากที่ยัง
ไม่เคยมีในเดือนอื่นๆ และต�ำบลที่พบไข้ได้มีขึ้นนั้น ก็แต่ฝั่งตะวันตกแม่น�้ำ
เจ้าพระยา ตั้งแต่โรงเตาสุราจนถึงวัดอรุณราชวราราม และที่ฝั่งตะวันออกนั้น
ก็ตั้งแต่สามเสนตลอดส�ำเพ็ง และตลาดน้อยถึงบ้านทวาย บางต�ำบลดูเหมือน
จะมีไข้ติดกันมาก เช่น ต�ำบลรอบสะพานด�ำรงสถิตย์ และในเขตแขวงบ้านหม้อ
และบางตอนในส�ำเพ็งและตลาดน้อยเป็นต�ำบลที่โรคชุกชุม การที่มีไข้กาฬโรค
เกิดขึ้นติดต่อทั่วไปในพระนครเช่นนี้ก็ไม่สู้ดีอยู่แล้ว แต่ยังมีต�ำบลที่ไข้กาฬโรค
เกิดแพร่หลายขึ้นใหม่ทั่วไปในหัวเมืองอีก ก็ยิ่งกระท�ำความร้ายให้ปราศจาก
ความสุขส�ำราญของบ้านเมืองนั้นด้วย ตามหัวเมืองนั้น ดูเหมือนไข้จะได้มีไป
โดยทางรถไฟผ่านไป
๒๕๔
การเปรียบเทียบจ�ำนวนเหล่านี้ในส่วนหัวเมืองกับจ�ำนวนในกรุงเทพฯ
นั้น ไม่สมควรจะเทียบกัน เพราะที่จริงบรรดาคนป่วยทั้งปวงในกรุงเทพฯ ก็ได้รับ
ความตรวจตราพยาบาลของแพทย์ชาวยุโรปที่มีความรู้ แต่ส่วนหัวเมืองมีจ�ำนวน
เป็นอันมากที่ไม่ได้ตรวจตราเหมือนเช่นนี้ ตามความจริงอันนี้ จึงเป็นเหตุให้
ข้ า พระพุ ท ธเจ้ า มี ค วามเห็ น ในข้ อ ที่ จ� ำ นวนยอดคนตายผิ ด กั น มากในตาม
หัวเมืองต่างๆ นั้น ถึงอย่างไรก็ดีย่อมเป็นความจริงอยู่ว่า เมื่อได้ตรวจตรา
คนป่ ว ยไข้ ใ ห้ ไ ด้ ท ราบแต่ เ นิ่ น ๆ แล้ ว ได้ ย ้ า ยไปไว้ ใ นต� ำ บลที่ มี อ ากาศดี ก ว่ า
๒๕๕
๑
ขณะนั้ น พระบาทสมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว เสด็ จ ประพาสยุ โรปครั้ ง ที่ ๒
ระหว่างเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ – พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๐
๒๕๖
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ ๘.๔ค/๑๗ กาฬโรคมณฑลปราจีน (๑๔ – ๒๓ ก.ย.
๒๔๕๐), หน้า ๔ – ๑๐.
๒
ปัจจุบันคือ อ�ำเภอบางน�้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา
๓
มณฑลปราจีนบุรี
๕ ปัจจุบันคือ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ
๔
ปัจจุบันคือ อ�ำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
๒๕๗
และท�ำให้คนไข้เพ้อไม่ได้สติ ในที่สุดชักหาวและหอบขึ้นมาก็สิ้นลมหายใจในทันที
ซึ่งยังไม่ทันถึงที่บวมและเป็นเม็ดขึ้นนั้นตั้งหนอง เมื่อตายแล้วประมาณ ๒ ชั่วโมง
เท่านั้น หนังก�ำพร้าตามร่างกายลอกเป็นแผ่นๆ และทั้งมีโลหิตไหลออกจากทาง
ปากจมูกเป็นโลหิตสดๆ ก�ำหนดเวลาที่เป็นกาฬโรคนับแต่เวลาป่วยลง อย่างเร็ว
ตายใน ๑ วัน อย่างช้าตายใน ๖ วัน
๖. การรักษาพยาบาลของราษฎรในเวลานี้ ถ้าผู้ใดเป็นไข้กาฬโรคขึ้น
ไม่มีหมอใดรักษา เป็นแต่บ้านของใครมียาอย่างไรที่เป็นยาแก้ไข้ก็ให้กินไป
ตามบุญตามกรรม บางบ้านที่ไม่มียาก็ไม่ได้ขวนขวายหา และจะไปขอยาที่ตาม
บ้านใกล้เคียงก็ไม่มีใครให้ นอกจากที่เป็นญาติสนิทแท้ ตกลงเหมือนไม่รักษา
ถึงจะมีผู้พยาบาลก็เป็นแต่ให้ข้าวให้น�้ำและนั่งดูใจอยู่เท่านั้น การที่ไม่มีหมอ
รักษาคนในหมู่นั้นก็ดี หรือไปขอยาไม่ให้กันก็ดี ข้าพระพุทธเจ้าได้ความว่าเมื่อ
เวลาก่อนที่ไข้กาฬโรคก�ำลังชุกอยู่ในเขตเมืองธัญญ ซึ่งเป็นพรมแดนใกล้เคียง
กับเขตอ�ำเภอบางน�้ำเปรี้ยว ได้เคยมีหมอแขกรักษาคนไข้โดยทางใช้ยา ๒ คน
และรักษาทางคุณไสย ๑ คน หมอทั้ง ๓ คนนี้อวดอ้างตามวิชาว่ารักษาหายได้
แต่ เ มื่ อ ไปรั ก ษาคนไข้ ก าฬโรคไม่ มี ใ ครหายเลย ในที่ สุ ด บุ ต รของหมอและ
หมอทั้ง ๓ คนก็เลยป่วยเป็นไข้กาฬโรคตายด้วย และใช่แต่เท่านั้น ผู้ที่มียา
ขนานหนึ่ง สองขนาน ให้ยาไปแก้กาฬโรค ในวันเดียวที่ให้ยาไปนั้น กาฬโรค
กลับมาเป็นแก่ผู้ที่ให้ยาถึงตายอีก จึงกระท�ำให้เป็นเหตุไม่ให้ยารักษาแก่กัน
ข้าพระพุทธเจ้า เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า การที่ราษฎรเชื่ อถือเหตุดังกราบทูลมา
แล้ ว นี้ ไม่ เ ป็ น สาระประโยชน์ อั น ใดเลย ที ห มอกลั บ เป็ น กาฬโรคตายนั้ น
ก็เป็นโดยหมอเลินเล่อไม่ระวังรักษาตัวของตน เชื้อโรคนั้นติดมาจึงตาย
๗. ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ศก ๑๒๖ ซึ่งเกิดไข้กาฬโรค มาจนถึง
วันที่ ๑๓ สิงหาคม ศก ๑๒๖ รวม ๑๘ วัน พลเมืองในท้องทีอ่ ำ� เภอบางน�ำ้ เปรีย้ วได้
ป่วยตายโดยไข้กาฬโรค คือ ชาย ๒๐ คน หญิง ๗ คน รวม ๒๗ คน แจ้งอยู่ในบัญชี
๒๕๙
รายงานประจ�ำปี ครั้งที่ ๑๑
ของแพทย์สุขาภิบาล ประจ�ำปี ๑๒๖ [พ.ศ. ๒๔๕๐]
แผนกป้องกันโรคร้าย๑
๑
หมายถึง โรคไข้จับสั่น หรือมาลาเรีย
๒
สัตหีบ
๒๖๔
แผนกโรคร้ายต่างๆ
กาฬโรค
ตามบัญชีหมายเลข ๑๐ ข้างท้ายรายงานนี้จะเห็นได้ว่าในปีนี้มีคน
เป็นกาฬโรคแต่ ๓๙ ราย ในปีก่อนมีถึง ๘๘ ราย ตามจ�ำนวนที่เป็นนี้ได้ทราบ
เมื่อตายแล้วโดยมาก ได้รับรักษาในโรงพยาบาลแต่ ๑๗ ราย เมื่อได้รับมา
พยาบาลนั้น โดยมากมีอาการหนักอยู่แล้ว อยู่ไม่เกินกว่า ๒๔ หรือ ๔๘ ชั่วโมง
ก็ตาย มีห้ารายที่อยู่ได้เกินกว่า ๒ วัน ในจ�ำนวนนี้หายสี่ ตายหนึ่ง รวมจ�ำนวน
ที่ได้รักษาในโรงพยาบาล ตายเทียบส่วนร้อย ๔๗.๓% กาฬโรคนั้นโดยมาก
เกิ ด เป็ น ขึ้ น ในฤดู แ ล้ ง เป็ น ต้ น ในฤดู ห นาวในเดื อ นธั น วาคมและมกราคม
ในฤดูฝนเป็นกันแต่น้อยรายเช่นเดียวกับปีก่อน
ต�ำบลซึ่งเกิดเป็นกาฬโรคมากนั้น เห็นได้ตามบัญชีหมายเลขที่ ๑๑
ข้างท้ายรายงานนี้ คือ คลองสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย เป็นมากกว่าต�ำบลอื่น
รวมเป็นถึง ๑๑ ราย ท้องที่ในต�ำบลนี้โสโครกมาก ข้าพเจ้าก�ำลังเรียบเรียง
รายงานกล่ า วถึ ง ต� ำ บลนี้ เ ป็ น ส่ ว นพิ เ ศษ ตามพระบรมราชโองการรั บ สั่ ง ว่ า
ที่ต�ำบลนี้เป็นรังของกาฬโรคได้แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ถัดต�ำบลนี้มาก็ต�ำบลวัดชะนะสงคราม มี ๖ ราย แต่ที่ได้เป็นในต�ำบลนี้
ก็เป็นในคราวเดียวกัน รายที่แรกเป็นขึ้นนั้น มีผู้ปิดบังไม่ได้แจ้งความ จึงได้เป็น
ติดต่อกันขึ้นอีก เจ้าพนักงานจึงได้ทราบเหตุ ที่บ้านหม่อมจัน ที่ต�ำบลท่าช้าง
วั ง หลวงก็ เ ป็ น อย่ า งเดี ย วกั น ถึ ง แม้ ว ่ า มี ป ระกาศบั ง คั บ ให้ แ จ้ ง ความต่ อ
เจ้าพนักงานเมื่อมีผู้ทราบหรือสงสัยว่าเป็นกาฬโรคก็ดี ยังมีผู้ปิดบังอยู่เสมอ
๒๖๕
เมื่อได้จัดการฟ้องร้องผู้ที่ได้ปิดบังบ้างแล้ว ดูเหมือนจะค่อยยังชั่วขึ้น
ถึงดังนั้นก็ดี ที่ได้มาแจ้งความนั้น ก็ได้มาแจ้งความมีอาการมากแล้ว หรือเมื่อ
ตายแล้ว เพราะเหตุนี้ตามจ�ำนวนที่ทราบนั้นก็ตายโดยมาก
...(เนื้อความเรื่องอื่น)...
(ลงนาม) เอ็ช. แกมเบล ไฮเอต
แพทย์สุขาภิบาล
๒๖๖
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๓๓ ไข้บวม เมืองนครราชสีมา (๑ พ.ค. –
๑๐ ก.ค. ๑๒๘), หน้า ๒๔ – ๒๙.
๒๖๘
๑
ซีเมนต์
๒๗๑
๑
พระยาจ่าแสนยบดี (อวบ เปาโรหิตย์) สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครราชสีมา ต่อมาในสมัย
รัชกาลที่ ๗ เลื่อนเป็นเจ้าพระยามุขมนตรี
๒๗๒
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๓๓ ไข้บวม เมืองนครราชสีมา (๑ พ.ค. –
๑๐ ก.ค. ๑๒๘), หน้า ๒๐ – ๒๓.
๒๗๓
๑
ต่ อ มาวั น ที่ ๒๘ กั น ยายน พ.ศ. ๒๔๕๒ จึ ง จั ด ตั้ ง โรงพยาบาลสุ ข าภิ บ าล ๒ แห่ ง
ในเมืองนครราชสีมา เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคทั่วไปแห่งหนึ่ง และรักษาผู้ป่วยโรคติดต่ออีกแห่งหนึ่ง
ภายหลังจึงรวมเป็นแห่งเดียว และพัฒนาเป็นโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาในปัจจุบัน
ประกาศป้องกันกาฬโรค
สมัยรัชกาลที่ ๕
๒๗๖
ประกาศป้องกันกาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕
(ร่าง)
ข้อบังคับและค�ำสั่งพิเศษของกรมพยาบาล
ในเรื่องเรือที่มีโรคร้ายติดมาด้วย
ตามที่รับความเห็นชอบของทูตและกงสุลต่างประเทศแล้ว๑
๑
คัดจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ศธ. ๘.๔ ค/๒ ข้อบังคับพิเศษของกรมพยาบาล
เรื่องจัดการป้องกันโรคร้าย (๒๘ พ.ค. – ๓ ต.ค. ๒๔๓๗), หน้า ๑๓ – ๒๑.
๒
ฉบับภาษาอังกฤษใช้ค�ำว่า Health Officer
๒๘๒
พนักงานเหล่านี้จะต้องไม่ละทิ้งหน้าที่ของตน หรือยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใด
เข้าไปใกล้คนไข้ที่ป่วยอยู่นั้นเลยเป็นอันขาด
ข้อ ๖ เสื้อผ้า เปลนอน หรือผ้าปูที่นอน หรือสิ่งของอื่นๆ ที่เป็นของ
คนไข้ตายด้วยโรคร้ายนี้ เคยใช้อยู่ทุกวันในเวลาเดินทางมาในเรือ หรือเมื่อมาถึง
ท่าแล้วก็ดี ควรต้องเผาไฟเสียให้สิ้น
ข้อ ๗ พนักงานผูพ้ ยาบาลคนไข้ทปี่ ว่ ยเป็นโรคร้ายอันติดกันนัน้ จะต้อง
อยู่คอยพิทักษ์รักษาในที่ใกล้คนไข้ ตามค�ำสั่งของหมอ
ข้อ ๘ เรือและคนโดยสารเรือ หรือสินค้าที่บรรทุกมาในเรือก็ดี ถ้าถูก
ต้องร่างกายผู้ที่ป่วยเป็นโรคร้ายลงใหม่ๆ นั้น จะต้องถูกห้ามใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ข้อ ๙ คนโดยสารเรือทีม่ าในเรือเป็นโรคร้ายอันติดกันนัน้ จะต้องให้แยก
เสียจากคนไข้ และภายในเวลาที่ต้องห้ามอยู่นั้น จะไปมาหาผู้ใดไม่ได้
ข้อ ๑๐ ถ ้ า มี ไข้ ร ้ า ยซึ่ ง ติ ด กั น ปรากฏเป็ น ขึ้ น แก่ ผู ้ ใ ดผู ้ ห นึ่ ง ที่ อ ยู ่ ใ น
ที่ต้องห้าม ในเรือที่มีโรคร้ายเช่นนั้น ผู้อื่นที่ไม่ได้ไปมาถึงคนไข้ที่มาใหม่นั้น
พ้นก�ำหนดต้องห้ามแล้ว ก็จะได้รับอนุญาตให้ไปได้โดยสะดวก
ข้อ ๑๑ บรรดาคนที่ต้องถูกห้ามอยู่นั้น จะมีหมอเป็นเจ้าพนักงานไป
เยี่ยมทุกวัน และหมอนั้นจะระวังโดยแข็งแรงไม่ให้ผู้ใดล่อลวงว่าหายป่วยแล้วได้
ถ้ามีผู้ใดบรรดาที่อยู่ในระหว่างห้ามป่วยลง หมอต้องแยกผู้น้ันเสียจากพวกพ้อง
ของเขา ไม่ให้อยู่ด้วยกัน จนกว่าจะทราบแน่ว่าผู้นั้นป่วยเป็นโรคอันใด
๒๘๓
๑
ไม่ปรากฏว่ามีการประกาศใช้ข้อบังคับฉบับนี้หรือไม่ แต่ในทางปฏิบัตินั้นเริ่มมีการ
ตั้งด่านกักกันเรือที่เกาะไผ่ เพื่อตรวจโรคบนเรือที่มาจากฮ่องกงและเมืองท่าอื่นๆ ของจีน ตั้งแต่
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ แล้ว
๒๘๗
ประกาศห้ามเรือมาจากซัวเถา๑
ด้วยเจ้าพระยาภาสกรวงษ์ รับพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้า
พระบรมราชินีนาถ ซึ่งส�ำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์ ใส่เกล้าฯ ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่า
กาฬโรค (คื อ โรคห่ า ) ได้ เ กิ ด ขึ้ น ที่ เ มื อ งซั ว เถานั้ น ตั้ ง แต่ วั น ที่ ไ ด้
แจ้งความนี้ไปแล้ว
ก�ำปั่นล�ำหนึ่งล�ำใดออกจากเมืองซัวเถา และจะเข้ามาในกรุงนี้ ต้อง
หยุดทอดสมออยู่ที่เกาะไผ่ ในก�ำหนดเก้าวันเต็มแล้ว และถ้าแพทย์ได้ตรวจ
แจ้งว่า กาฬโรคดังที่ว่ามาแล้ว ไม่ได้มีและได้เกิดในเรือนั้นแล้ว จึงจะยอมให้
ก�ำปั่นล�ำนั้นเดินต่อไป จนถึงที่จอดในกรุงนี้ได้
ประกาศ ณ วั น ที่ ๒๖ เดื อ นเมษายน รั ต นโกสิ น ทรศก ๑๑๖
[พ.ศ. ๒๔๔๐]๒
(ลงชื่อ) เจ้าพระยาภาสกรวงษ์
ผู้รับพระราชเสาวนีย์ในที่ประชุม
๑
คัดจาก ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๑๔, วันที่ ๒๘ เมษายน ร.ศ. ๑๑๖, หน้า ๕๕. ประกาศ
ฉบับนี้เป็นประกาศกักกันเรือฉบับแรกที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา
๒
ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศฉบับนี้อีกหลายครั้ง เพื่อขยายขอบเขตในการควบคุมโรค
และพัฒนาเป็นประกาศจัดการป้องกันกาฬโรคในเวลาต่อมา
๒๘๘
ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค๑
มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์
พระจุ ลจอมเกล้ า เจ้าอยู่หัว ด�ำรัสเหนือเกล้าฯ ทรงพระกรุ ณ าโปรดเกล้ า ฯ
ให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า
ด้วยบัดนี้ไข้กาฬโรคอันเป็นโรคติดต่อกันได้ เกิดขึ้นแล้วในเมืองฮ่องกง
จึ่งมีพระราชประสงค์ที่จะจัดการป้องกันไม่ให้โรคเช่นนั้นแพร่หลายลามมาถึง
พระราชอาณาจักรนี้ได้
จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติ ประกาศให้
ทราบทั่วกันดังนี้
ข้อ ๑ ให้จัดเกาะไผ่เป็นที่ส�ำหรับท�ำการด่านป้องกันโรคภยันตราย
และเป็นที่ท�ำการตรวจโรค ตามข้อบังคับในพระราชบัญญัตินี้
ข้อ ๒ เรือล�ำหนึ่งล�ำใดซึ่งออกจากเมืองฮ่องกงมาถึงน่านน�้ำสยาม
ในวันหรือในภายหลังวันที่ได้ประกาศพระราชบัญญัตินี้ ต้องแวะจอดที่เกาะไผ่
และก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตของด่านป้องกันโรคภยันตรายให้เลยเข้ามาได้นั้น
ต้องรอพักอยู่กว่าจะครบก�ำหนดเวลา ๙ วันเต็ม นับตั้งแต่วันที่ได้ออกมาจาก
เมืองฮ่องกง
ข้อ ๓ เรือล�ำหนึ่งล�ำใดที่ออกจากเมืองท่าใดๆ ในประเทศจีนมาถึง
น่านน�้ำสยาม ในวันหรือในภายหลังวันที่ได้ประกาศพระราชบัญญัตินี้ ต้องแวะ
จอดที่เกาะไผ่ และต้องรอพักอยู่ที่นั้นจนถึงเวลาที่เจ้าพนักงานแพทย์จะได้ขึ้นไป
ตรวจบนเรือ และออกใบอนุญาตของด่านป้องกันโรคภยันตรายให้เลยเข้ามาได้
๑
คัดจาก ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๑๕, วันที่ ๗ เมษายน ร.ศ. ๑๑๗, หน้า ๙ – ๑๑.
๒๘๙
ข้อ ๗ ห้ามไม่ให้เจ้าพนักงานศุลกากรซึ่งท�ำการในหน้าที่อยู่เกาะสีชัง
หรือเมืองสมุทปราการ อนุญาตให้เรือล�ำหนึ่งล�ำใดที่มาจากเมืองฮ่องกง หรือจาก
เมืองท่าใดๆ ในประเทศจีน ที่ไม่ได้แสดงใบอนุญาตบอกความบริสุทธิ์จากโรค
อันที่ควรจะได้รับจากเกาะไผ่นั้น ล�ำเลียงถ่ายสินค้าที่เกาะสีชัง หรือแล่นเลย
เข้ามากรุงเทพฯ เป็นอันขาด แต่บรรดาเรือที่จะได้แสดงใบอนุญาตเช่นนั้น
ให้ตรวจดูแล้วจึ่งยอมให้ล�ำเลียงถ่ายสินค้าที่เกาะสีชัง และเลยเข้ามายังกรุงเทพฯ
หรือต�ำบลอื่นๆ ได้ ไม่ต้องมีการตรวจอีก
ข้อ ๘ ให้เจ้าพนักงานแพทย์มีอ�ำนาจตามพระราชบัญญัตินี้ จัดการ
ตามที่จะเห็นสมควรในบรรดาเรือหรือคนทั้งหลายอันมีโรคติดมานั้น เพื่อป้องกัน
ไม่ให้โรคแพร่หลายได้ต่อไป
ข้อ ๙ ผู้หนึ่งผู้ใดที่กระท�ำความละเมิด หรือช่วยกระท�ำความละเมิด
อย่างหนึ่งอย่างใดต่อพระราชบัญญัตินี้ และทั้งผู้เป็นนายเรือ หรือกัปตัน หรือ
ผู้ใดๆ ซึ่งมีอ�ำนาจบังคับการของเรือใหญ่ หรือเรือเล็กล�ำใดๆ ที่ได้มีความละเมิด
นั้นเกิดขึ้นก็ดี หรือเป็นเรือที่ได้ใช้อย่างหนึ่งอย่างใดในการอันเป็นความละเมิด
นั้นก็ดี ผู้นั้นๆ จะต้องต่างคนมีโทษปรับเป็นเงินไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท หรือโทษ
จ�ำขังไม่เกินก�ำหนดเวลา ๖ เดือน หรือต้องรับโทษทั้งสองสถานนั้น
ข้อ ๑๐ บรรดาเงินค่าใช้จ่ายอันมีขึ้น ที่รัฐบาลได้ออกไปเท่าใดในการ
รั ก ษาเลี้ ย งดู ค นที่ ไ ด้ เ อาขึ้ น จากเรื อ ไปพั ก อยู ่ ที่ ด ่ า นป้ อ งกั น โรคภยั น ตราย
ที่เกาะไผ่นั้น ผู้ที่เป็นเอเยนต์ของเรือล�ำนั้นต้องใช้คืนให้แก่รัฐบาลทั้งสิ้น
๒๙๑
๑
คือ สมัยรัชกาลที่ ๕ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๔๐ – ๒๔๔๘ มีประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค
มุ่งเน้นการกักกันเรือซึ่งมาจากเมืองที่มีการระบาดเป็นคราวๆ ไป ในแต่ละปีจึงมีประกาศจัดการ
ป้องกันกาฬโรค และประกาศแก้ไขเพิ่มเติม หรือประกาศเลิกถอนจ�ำนวนหลายฉบับ แต่เนื้อหา
ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน แตกต่างเพียงรายละเอียดบางประการ เช่น การระบุเมืองต้นทางของเรือ
ที่จะกักกัน การเปลี่ยนสถานที่กักกันเรือ การเพิ่มมาตรการป้องกันและบทลงโทษ ตลอดจน
การแก้ไขข้อความบางส่วนให้มีความครอบคลุมยิ่งขึ้น จนกระทั่งมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ
ว่าด้วยการเดินเรือในน่านน�้ำสยาม รัตนโกสินทรศก ๑๒๔ (พ.ศ. ๒๔๔๘) ซึ่งมีหมวดที่ ๕ ว่าด้วย
ข้อบังคับส�ำหรับการป้องกันโรคภยันตราย และให้อ�ำนาจเสนาบดีกระทรวงนครบาลประกาศ
ตั้งด่านกักกันเรือได้ตามที่จ�ำเป็น จึงไม่ต้องออกประกาศจัดการป้องกันกาฬโรคเป็นคราวๆ ไปอีก
๒๙๒
ประกาศกรมสุขาภิบาล
เรื่องจัดการบ้านเรือนให้สะอาด๑
๑
คัดจาก ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๒๑, วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓, หน้า ๘๓๗.
๒๙๓
๑
Jeyes fluid น�้ำยาฆ่าเชื้อ
๒๙๔
ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค๑
๑
คัดจาก ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๒๑, วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓, หน้า ๘๗๑ – ๘๗๓.
ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรคฉบับนี้ มีลักษณะแตกต่างจากประกาศป้องกันกาฬโรคฉบับก่อนๆ
ซึ่งเป็นมาตรการกักกันเรือเพื่อป้องกันไม่ให้กาฬโรคระบาดมาถึงกรุงเทพฯ แต่ประกาศฉบับนี้และ
ฉบับต่อๆ ไป มีขึ้นหลังจากกาฬโรคระบาดมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว จึงต้องมุ่งเน้นการป้องกันโรค
ในหมู่ราษฎร เพื่อไม่ให้กาฬโรคลุกลามออกไป
๒๙๕
จัดให้รักษาพยาบาลให้ถูกต้องวิธีพยาบาลไข้ ถ้าหากว่ามีผู้พยาบาลคนไข้อยู่ก่อน
เจ้าพนักงานตรวจในบ้านเรือน เจ้าพนักงานก็จะได้พาไปตรวจรักษา แม้มีไข้
ติ ด ต่ อ กั น ขึ้ น ก็ จ ะได้ รั ก ษาพยาบาลในทั น ที ไม่ ใ ห้ โรคก� ำ เริ บ ร้ า ยแรงมากไป
ถ้าไม่มีอาการป่วยไข้ก็จะได้ให้กลับคืนมายังบ้านเรือนในก�ำหนด ๑๐ วัน ซึ่งเป็น
เขตสิ้นอายุไข้ที่ติดต่อกันได้นั้น
๕. ให้มีกองเจ้าพนักงานส�ำหรับช�ำระล้างบ้านเรือนต�ำบลที่เกิดไข้
กาฬโรค เพื่อให้สิ้นตัวสัตว์ที่เกิดโรคในต�ำบลนั้น
๖. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์สุขาภิบาลเรียบเรียงแจ้ง
อาการของไข้กาฬโรคโดยสังเขป และแนะน�ำให้มหาชนปฏิบัติ เพื่อได้ป้องกัน
โรคันตรายแห่งตน ดังมีข้อความต่อไปนี้ คือ
(๑) อาการของไข้กาฬโรค
เมื่อตั้งต้นจับ มักเป็นไข้ใหญ่เกิดขึ้นในทันที ชีพจรเดินเร็ว ปวดศีรษะ
ร้อนผิวหนัง และกระหายน�้ำ ตาแดงจัด หน้าในชั้นต้นดูเหมือนคนตื่นตกใจ
แต่ไม่สู้นานนักก็กลับซีดและมัวมึน ส�ำเนียงพูดไม่ชัด เดินไม่ตรงเหมือนดังคน
เมาสุรา ที่ลิ้นในชั้นต้นเป็นฝ้าขาว แต่ในไม่สู้นานนักกลับแห้งและเป็นสีด�ำแดง
และอาการที่ชัดทีเดียวนั้น คือ บวมขึ้นที่ไข่ดัน ที่รักแร้ หรือที่คอ
อาการเช่นนี้มักจะมีขึ้นในวันที่ ๒ หรือวันที่ ๓ นับตั้งแต่วันที่ไข้เกิดขึ้น และถูก
ต้องที่บวมไม่ได้ มีความปวดเป็นก�ำลัง ขนาดที่บวมนั้นต่างๆ กัน ตั้งแต่เมล็ดถั่ว
จนเท่าผลส้มก็มี บางทีจะมีจุดผุดขึ้นที่ตามตัวเป็นสีม่วง หรือบางทีเป็นสีแดง
บางไข้ ม ากรายที่ ต ายแต่ ยั ง ไม่ บ วมก็ มี แต่ อ าการที่ เ ป็ น เช่ น นี้ บ างที ค นเจ็ บ
มี อ าการหอบมากและไอด้ ว ย ในบางไข้ ค นเจ็ บ อาเจี ย นและท้ อ งร่ ว งก็ มี
เมื่ออาการไข้ที่เป็นมีอยู่เช่นนี้ จึ่งยากที่จะรู้ได้ ด้วยเป็นสมัยที่มีไข้กาฬโรคเกิด
๒๙๗
อยู ่ เ นื อ งๆ ดั ง นี้ แม้ มี อ าการเจ็ บ โดยทั น ที อ ย่ า งใดๆ หรื อ อย่ า งร้ า ยแรง
หรืออาการหนักจะถึงอันตราย ผิดกับโรคธรรมดาฉะนั้นแล้ว ก็ควรต้องเข้าใจว่า
เป็นไข้อันสงสัยว่าไข้กาฬโรค สมควรจะต้องแจ้งความต่อกองตระเวนให้ทราบ
ในทันที ด้วยไข้กาฬโรคนี้บางทีก็เกิดขึ้นอย่างไม่สู้ร้ายแรงแก่ผู้ที่เป็น โดยมีอาการ
บวมแต่ยังสามารถเดินไปมาได้ก็มีอยู่
(๒) การที่จะป้องกันไข้กาฬโรค
ไข้กาฬโรคนี้ เป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจ�ำเพาะในต�ำบลที่โสโครก
ต� ำ บลที่ อ ยู ่ เ บี ย ดเสี ย ดกั น และต� ำ บลที่ ไ ม่ มี ช ่ อ งอากาศโปร่ ง ข้ อ ต้ น ที่ ค วร
พึงกระท�ำคือ ให้กวาดล้างบ้านเรือนและบริเวณที่อยู่ให้สะอาด บรรดาขยะนั้น
ควรจะกวาดรวมกั น แล้ ว เผาเสี ย พื้ น เรื อ นและบั น ไดควรจะล้ า งให้ ส ะอาด
และฝาเรือนควรทาปูนขาว ควรจะระวังท่อน�้ำอย่าให้ตัน ให้น�้ำโสโครกไหลไป
จากบ้านเรือนได้สะดวก
อาหารที่รับประทาน อย่าให้มีตัวแมลงต่างๆ ตอมได้ และทั้งหนูด้วย
อย่าให้ไปถูกต้องได้ เพราะสัตว์เหล่านี้สามารถจะน�ำตัวโรค (เยิมร์)๑ จากคนเจ็บ
มาที่อาหาร ท�ำให้ต่อเนื่องกันได้ และเมื่อรับประทานเข้าไปก็เกิดเป็นโรคขึ้นแก่
คนดี
อนึ่ง เป็นอันได้ทราบกันอยู่ทั่วกันแล้วว่า หนูเป็นสัตว์ต้นเหตุที่น�ำ
ตัวโรค (เยิมร์) ไปจากต�ำบลหนึ่ง ยังต�ำบลอื่น เพราะฉะนั้นคนทั้งปวงควรจะ
อุตสาหะจนเต็มความสามารถที่จะจับหนูหรือฆ่าเสีย หรือจะไปขอยาเบื่อหนู
ที่ โรงพั ก กองตระเวนซึ่ ง ใกล้ เ คี ย งบ้ า นก็ ไ ด้ เจ้ า พนั ก งานจะเอายาไปเบื่ อ ให้
และจะเอาซากหนูที่ตายนั้นไปเผาให้ด้วย
๑
Germ แปลว่า เชื้อโรค
๒๙๘
(๓) มีไข้กาฬโรคขึ้นแล้วให้กระท�ำอย่างนี้
เมื่อมีคนป่วยที่มีอาการสงสัยว่าจะเป็นไข้กาฬโรคเกิดขึ้นในบ้านหนึ่ง
บ้านใด ควรจะไปแจ้งต่อโรงพักกองตระเวนที่ใกล้เคียงในทันที และในระหว่าง
ที่แจ้งความนี้ ผู้ใดที่ได้ใกล้เคียงคนเจ็บ ควรจะต้องอยู่ในบ้านทุกคน เมื่อกอง
ตระเวนได้ทราบความแล้วจะได้รีบแจ้งให้เจ้าพนักงานแพทย์สุขาภิบาลทราบ
เจ้ า พนั ก งานแพทย์ จ ะได้ ล งมื อ จั ด การที่ จ� ำ เป็ น ทั้ ง สิ้ น ในทั น ที ซึ่ ง จะป้ อ งกั น
ไม่ให้ไข้กาฬโรคนั้นติดต่อกันในหมู่ครอบครัวในบ้านเรือน และแพร่หลายไปใน
บ้านเรือนใกล้เคียงและต�ำบลอื่นๆ
๗. ให้ ร าษฎรทั้ ง หลายปฏิ บั ติ ต ามข้ อ ความแนะน� ำ ในประกาศนี้
เพือ่ จะได้พน้ โรคันตรายอันน่ากลัวดังได้แสดงมาข้างต้นประกาศนีแ้ ล้ว อย่าพากัน
ตื่นตกใจเชื่อถือถ้อยค�ำบอกเล่าที่ผิดๆ ซึ่งเป็นต้นว่า หมอฝรั่งตรวจจะจับตัวคน
อ้วนหรือคนผอมเกินไปโดยไม่ป่วยไข้เลย ว่าเป็นคนป่วย หรือจับเอาตัวคนป่วย
ไปโรงพยาบาลทายาให้ตายเสีย หรืออันใดอื่นๆ อันไม่เข้าทางรักษาพยาบาล
นั้ น เลย หากว่ า จะมี ฝ รั่ ง ผู ้ ใ ดไปขู ่ ก รรโชกตรวจและจั บ ตั ว จะลงเอาเงิ น ทอง
ไม่ได้กระท�ำการป้องกันโรคอย่างข้อความในประกาศนี้แล้ว ก็ให้รีบน�ำความ
มาแจ้ ง ยั ง กระทรวงนครบาล หรื อ กองตระเวนในต� ำ บลที่ ใ กล้ บ ้ า นในทั น ที
เจ้าพนักงานจะได้สอบสวนเอาตัวผู้ผิดฟ้องร้องเอาโทษให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป
๓๗
ประกาศมา ณ วั น พุ ธ ที่ ๑๕ กุ ม ภาพั น ธ์ รั ต นโกสิ น ทรศก ๑๒๓
[พ.ศ. ๒๔๔๗]
๒๙๙
ประกาศห้ามคนตื่นเรื่องแพทย์ตรวจป้องกันกาฬโรค๑
๑
คัดจาก ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม ๒๑, วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓, หน้า ๘๗๕.
๓๐๐
ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค
ก�ำหนดให้แจ้งข่าวคนป่วย๑
เป็นส�ำคัญ แล้วให้รีบน�ำข่าวอันนั้นไปโดยพาหนะอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะหาได้
เร็วที่สุด แจ้งความให้เจ้ากรมแพทย์สุขาภิบาลทราบ
ข้อ ๔ ถ้าคนผู้ใดป่วยมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนจัด และมีบวมขึ้นที่รักแร้
หรือที่ไข่ดัน ให้ถือว่าผู้นั้นป่วยมีอาการปรากฏเหมือนเป็นไข้กาฬโรค
ข้อ ๕ ถ้าผู้ใดที่ท�ำมาหากินทางวิชาแพทย์ก็ดี หรือผู้ใดผู้หนึ่งได้ไปรักษา
พยาบาลคนป่วยด้วยมีหน้าที่อย่างใดๆ ก็ดี เมื่อเห็นว่าคนที่ป่วยมีอาการปรากฏ
เหมือนไข้กาฬโรค ก็ต้องเป็นหน้าที่ของผู้นั้นที่จะสอบถามเจ้าของบ้านว่า ได้น�ำ
ข่าวที่ป่วยนั้นไปแจ้งต่อกองตระเวนแล้วหรือไม่ และจะต้องขอดูหนังสือคู่มือ
ที่ควรได้รับจากกองตระเวนตามความในข้อ ๓ เป็นส�ำคัญนั้นด้วย
ถ้ายังไม่ได้น�ำข่าวคนที่ป่วยไปแจ้งต่อกองตระเวน ก็ต้องเป็นหน้าที่ของ
แพทย์ผู้นั้นที่จะต้องแจ้งข่าวต่อกองตระเวนในทันที
ข้อ ๖ ถ้าเจ้าของบ้านคนใดละเลยเสีย ไม่นำ� ข่าวคนป่วยมีอาการปรากฏ
เหมือนเป็นไข้กาฬโรคไปแจ้งแก่กองตระเวนตามที่บังคับไว้ในข้อ ๒ ในทันทีก็ดี
ถ้าคนผู้ใดที่ท�ำมาหากินทางวิชาแพทย์ หรือผู้ใดที่ได้ไปรักษาพยาบาล
คนป่วยด้วยหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนที่ป่วยนั้นมีอาการปรากฏ
เหมือนไข้กาฬโรค และได้ทราบแล้วว่าเจ้าของบ้านยังไม่ได้น�ำข่าวไปแจ้งต่อ
กองตระเวน ผู ้ นั้ น ยั ง ละเลยเสี ย ไม่ แ จ้ ง ข่ า วในทั น ที ก็ ดี ผู ้ นั้ น มี ค วามผิ ด
ต้องด้วยโทษปรับเป็นเงินไม่เกินกว่าร้อยบาท
ประกาศมา ณ วั น ที่ ๑๒ กรกฎาคม รั ต นโกสิ น ทรศก ๑๒๕
[พ.ศ. ๒๔๔๙]๑
๑
ประกาศฉบับนีบ้ งั คับใช้ในกรุงเทพฯ ต่อมาอีก ๖ เดือนจึงมี “ประกาศให้แจ้งความกาฬโรค”
ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ร.ศ. ๑๒๕ เพื่อบังคับใช้ในหัวเมือง
๓๐๓
ล�ำดับเหตุการณ์ส�ำคัญเกี่ยวกับกาฬโรคสมัยรัชกาลที่ ๕
วัน เดือน ปี เหตุการณ์
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ กาฬโรคระบาดในฮ่องกง
พฤษภาคม – มิถุนายน ทูตและกงสุลประเทศต่างๆ เสนอให้รัฐบาลไทยใช้มาตรการ
พ.ศ. ๒๔๓๗ กักกันเรือ เพื่อป้องกันไม่ให้กาฬโรคระบาดมาถึงเมืองไทย
รัฐบาลจึงเริ่มตั้งด่านกักกันเรือที่เกาะไผ่ และร่างกฎหมายกักกันเรือ
ตามค�ำแนะน�ำของทูตต่างประเทศ
พ.ศ. ๒๔๓๘ – ๒๔๔๐ กาฬโรคที่ฮ่องกงสงบลงใน พ.ศ. ๒๔๓๘ แต่เกิดการระบาดขึ้นอีกครั้ง
ใน พ.ศ. ๒๔๓๙ และระบาดไปถึงเมืองซัวเถาใน พ.ศ. ๒๔๔๐
๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๐ รัฐบาลไทยประกาศห้ามเรือมาจากซัวเถา เป็นกฎหมายกักกันเรือ
ฉบับแรกที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนพัฒนาเป็นประกาศ
จัดการป้องกันกาฬโรคในเวลาต่อมา
๑๖ พฤศจิกายน จัดตั้งสุขาภิบาลกรุงเทพฯ
พ.ศ. ๒๔๔๐
๒๑ พฤศจิกายน แต่งตั้งนายแพทย์ไนติงเกล เป็นแพทย์สุขาภิบาล และได้ด�ำเนินการ
พ.ศ. ๒๔๔๐ ต่างๆ เพื่อป้องกันกาฬโรคระบาดในกรุงเทพฯ
สิงหาคม – กันยายน กาฬโรคระบาดที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
พ.ศ. ๒๔๔๓ นายแพทย์ไฮเอตเดินทางไปศึกษาเรื่องการระบาดและวิธีป้องกัน
พฤษภาคม – มิถุนายน กาฬโรคระบาดที่ภูเก็ต และต่อมาก็ระบาดเกือบทุกปี
พ.ศ. ๒๔๔๔
๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๔ นายแพทย์ไฮเอตส่งรายงานการระบาดของกาฬโรคในกลาสโกว์
พร้อมด้วยข้อคิดเห็นพิเศษเกีย่ วกับโอกาสเกิดการระบาดในกรุงเทพฯ
๓๐๔
๑
สุจิตต์ วงศ์เทศ และคณะ, Black Death โรคห่า กาฬโรค ยุคพระเจ้าอู่ทอง : ฝังโลกเก่า
ฟื้นโลกใหม่ ได้ “ราชอาณาจักรสยาม” (กรุงเทพฯ : กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๕๓), หน้า ๖ - ๑๕.
๓๑๐
เอกสารที่กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ จัดพิมพ์เผยแพร่
ในงานเสวนาเกี่ยวกับกาฬโรคสมัยพระเจ้าอู่ทอง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๓
๓๑๑
สมมุติฐานดังกล่าวมีความสมเหตุสมผล ทั้งด้านบริบทและช่วงเวลา
เนื่องจากไทยมีการติดต่อค้าขายกับจีนมาตั้งแต่ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา
เมื่อมีกาฬโรคระบาดอย่างรุนแรงในจีน จึงมีโอกาสที่จะระบาดมาถึงไทยด้วย
แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบกับข้อมูลของประเทศอื่นๆ ตลอดจนงานศึกษาของ
ต่างประเทศ ก็ท�ำให้เกิดข้อสงสัยหรือข้อถกเถียงบางประการต่อสมมุติฐานนี้
ประการที่หนึ่ง กาฬโรคเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงและรวดเร็ว ทั้งยังมี
หนูเป็นพาหะเพาะโรคซุกซ่อนอยู่ในธรรมชาติ และสะสมเชื้อไว้ในสิ่งแวดล้อม
เมื่อเกิดการระบาดในพื้นที่ใดแล้ว จึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดการระบาดซ�้ำอีก เช่น
การระบาดของกาฬโรคที่ยุโรปเมื่อ พ.ศ. ๑๘๘๙ – ๑๘๙๔ นั้ น ภายหลั ง
การระบาดสงบลงแล้ ว ก็ เ กิ ด การระบาดซ�้ ำ อี ก หลายครั้ ง ในประเทศต่ า งๆ
เป็นเวลาหลายร้อยปี แล้วจึงค่อยๆ ลดลงในพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ตรงกันข้าม
กับกรณีของไทย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาเดียวกัน กลับไม่พบการระบาด
อีกเลย กล่าวคือภายหลังการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๓ หลักฐาน
ประวัติศาสตร์ของไทยไม่ปรากฏชื่อกาฬโรค หรือเหตุการณ์ที่อาจเป็นการระบาด
ของกาฬโรคเลย เป็นเวลา ๕๐๐ ปีเศษ จนกระทั่งเกิดการระบาดของกาฬโรค
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทั้งยังแตกต่างจากโรคระบาดอื่นๆ เช่น อหิวาตกโรคและ
ไข้ ท รพิ ษ ซึ่ ง ปรากฏชื่ อ ในหลั ก ฐานประวั ติ ศ าสตร์ ส มั ย อยุ ธ ยาหลายครั้ ง
โดยเฉพาะไข้ทรพิษ ซึ่งเป็นโรคระบาดที่ส�ำคัญมากในสมัยอยุธยาตราบจนถึง
ต้นรัตนโกสินทร์๑
๑
ดู ธันวา วงศ์เสงีย่ ม (บรรณาธิการ), หมอบรัดเลกับการปลูกฝีในสยาม (กรุงเทพฯ : ส�ำนัก
วรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๖๐).
๓๑๒
๑
George D. Sussman, “Was the Black Death in India and China?,” Bulletin of
the History of Medicine, Vol. 85, No. 3, Fall 2011, p. 348.
๓๑๓
๑
Norman G. Oven (Editor), Death and Disease in Southeast Asia :
Explorations in Social, Medical and Demographic History (Singapore : Oxford
University Press, 1987).
๒
Samuel K. Cohn, Jr., “The Black Death: End of a Paradigm,” The American
Historical Review, Vol. 107, No. 3 (June 2002), pp. 703 – 738.
๓
George D. Sussman, “Was the Black Death in India and China?,” pp. 319 -
355.
๓๑๔
ประวั ติ ศ าสตร์ ข องอิ น เดี ย และจี น ทั้ ง ที่ ก าฬโรคเป็ น โรคที่ มี อ าการเด่ น ชั ด
การกล่าวถึงชือ่ โรคโดยใช้คำ� กล่าวกว้างๆ อาจหมายถึงโรคระบาดชนิดอืน่ ทีเ่ กิดขึน้
เนืองๆ เช่น ไข้ทรพิษ อีกทัง้ ชุมชนเมืองของอินเดียและจีนก็อยูห่ า่ งไกลกันมากกว่า
ในยุโรป ไม่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของกาฬโรค ตลอดจนระยะทางและความเร็ว
ของการระบาดก็ ไ ม่ น ่ า เป็ น ไปได้ เมื่ อ เที ย บกั บ การระบาดในยุ โรป ดั ง นั้ น
จึงอาจยังสรุปแน่ชัดไม่ได้ว่า โรคระบาดในอินเดียและจีนเวลานั้น เป็นกาฬโรค
จริงหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อสมมุติฐานที่ว่าโรคระบาดเมื่อครั้งสถาปนากรุงศรี
อยุธยาเป็นกาฬโรคทีร่ ะบาดมาจากจีนด้วย จึงเป็นสิง่ ทีต่ อ้ งศึกษาค้นคว้ากันต่อไป
การศึกษาวิเคราะห์โรคระบาดอื่นๆ ที่อาจเป็นไปได้
จากการตรวจสอบหลั ก ฐานทางประวั ติ ศ าสตร์ ส มั ย อยุ ธ ยาพบว่ า
โรคระบาดที่ปรากฏชื่อในเอกสารประวัติศาสตร์ และอาจเป็นสาเหตุของการที่
พระเจ้าอู่ทองทรงอพยพราษฎรมาตั้งราชธานีที่กรุงศรีอยุธยา มีดังนี้
อหิวาตกโรค
อหิวาตกโรค (Cholera) เป็นโรคทีเ่ กิดจากเชือ้ แบคทีเรีย ติดต่อผ่านทาง
อาหารและน�้ำดื่ม ท�ำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
เกิดการระบาดได้เป็นวงกว้างผ่านแหล่งน�้ำที่ใช้ร่วมกัน เป็นโรคเก่าแก่ที่ปรากฏ
ในหลั ก ฐานประวั ติ ศ าสตร์ ตั้ ง แต่ ส มั ย อยุ ธ ยา และอาจเป็ น สาเหตุ ใ นการ
อพยพย้ายเมืองมาตั้งกรุงศรีอยุธยา ดังที่สมเด็จฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ
มีพระวินิจฉัยไว้ว่า สาเหตุหนึ่งที่ท�ำให้พระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา
นั้น เป็นเพราะล�ำน�้ำจระเข้สามพันตื้นเขินด้วยสายน�้ำเปลี่ยนทาง เมืองอู่ทองจึง
กันดารน�้ ำ จนเกิ ด โรคห่าขึ้น ซึ่งอาจเป็นอหิวาตกโรค พระเจ้ า อู ่ ท องจึ ง ต้ อ ง
๓๑๕
๑
สมเด็จฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, นิทานโบราณคดี (พระนคร : เขษมบรรณกิจ,
๒๕๐๓), หน้า ๔๖๐.
๒
กรมศิลปากร, ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๓ (กรุงเทพฯ : กองวรรณกรรม
และประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๒), หน้า ๒๑๔. สันนิษฐานว่า เจ้าแก้ว เจ้าไท เป็นเชื้อ
พระวงศ์ของเขมรที่ส่งมาเป็นตัวประกันในกรุงศรีอยุธยา.
๓ สุจิตต์ วงศ์เทศ และคณะ, Black Death โรคห่า กาฬโรค ยุคพระเจ้าอู่ทอง :
ฝังโลกเก่า ฟื้นโลกใหม่ ได้ “ราชอาณาจักรสยาม”, หน้า ๘.
๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั , พระราชหัตถเลขาเรือ่ ง เสด็จประพาสล�ำน�ำ้
มะขามเฒ่า เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๖๑), หน้า ๖๖.
๓๑๖
๑
B. J. Terwiel, “Asiatic Cholera in Siam: Its First Occurrence and the 1820
Epidemic,” Death and Disease in Southeast Asia : Explorations in Social, Medical
and Demographic History, pp. 143 – 144.
๒
Anthony Reid and Jiang Na, “The Battle of the Microbes: Smallpox, Malaria
and Cholera in Southeast Asia,” Asia Research Institute Working Paper Series,
No. 62, April 2006, pp. 10 - 12.
๓๑๗
ก็ระบุว่าไข้ทรพิษเป็นโรคที่ท�ำให้คนตายมากที่สุด และโรคห่าที่แท้จริงของสยาม
ก็คือไข้ทรพิษ๑
ส่วนต�ำนานเรื่องท้าวแสนปม ซึ่งเป็นพระบิดาของพระเจ้าอู่ทองนั้น
ปรากฏหลักฐานในจุลยุทธการวงศ์ สันนิษฐานว่าแต่งโดยสมเด็จพระพนรัตน (แก้ว)
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ระบุว่าท้าวแสนปมมีหูดต่อมขึ้นทั่วร่างกาย๒
ซึ่งคล้ายกับอาการของผู้เป็นโรคไข้ทรพิษที่มีตุ่มฝีขึ้นทั่วทั้งตัว ส่วนพระราช
พงศาวดารกรุงสยาม ฉบับบริติชมิวเซียมระบุว่า โรคระบาดที่ท�ำให้พระเจ้า
อู ่ ท องทรงอพยพย้ า ยเมื อ งมาตั้ ง กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาคื อ ไข้ ท รพิ ษ ๓ อย่ า งไรก็ ต าม
เนื้อความดังกล่าวไม่ปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับอื่นๆ
ไข้จับสั่น
ไข้จับสั่น หรือมาลาเรีย เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อปรสิตชนิดโปรโตซัว
มียงุ เป็นพาหะ ยุงชนิดนีม้ ชี กุ ชุมในป่าและแพร่พนั ธุโ์ ดยวางไข่ตามแหล่งน�ำ้ ล�ำธาร
จึงเป็นโรคที่พบมากในเขตร้อนชื้น (Tropical) ที่มีภูมิประเทศเป็นป่าฝน ผู้ป่วย
ที่ได้รับเชื้อจะมีไข้สูงเป็นช่วงๆ หนาวสั่น ตับและม้ามโต ปอดบวม เพ้อ ชัก
และเสียชีวิตในที่สุด ผู้ที่รอดชีวิตมาได้ก็จะยังมีเชื้ออยู่ในร่างกายจนเป็นโรค
ไข้จับสั่นเรื้อรัง และพร้อมจะมีอาการก�ำเริบขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
๑
ธันวา วงศ์เสงี่ยม (บรรณาธิการ), หมอบรัดเลกับการปลูกฝีในสยาม, หน้า ๕ – ๖.
๒
ปัจจุบันค�ำว่าท้าวแสนปมเป็นชื่อโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่มีอาการเป็นตุ่มเนื้องอก
ทั่วทั้งตัว
๓
กรมศิลปากร, ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๒ (กรุงเทพฯ : กองวรรณกรรม
และประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๒), หน้า ๑๐.
๓๑๘
หากพิจารณาสภาพภูมิประเทศในสมัยอยุธยา ที่ยังคงมีป่าเขาล�ำธาร
มี ยุ ง ชุ ก ชุ ม ชุ ม ชนเมื อ งอยู ่ ห ่ า งกั น การแพทย์ แ ละสาธารณสุ ข ยั ง ไม่ เจริ ญ
จึงสันนิษฐานว่า มีจ�ำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคไข้จับสั่นสูงมาก๑
ต�ำนานเรื่องพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา ปรากฏในพงศาวดาร
กรุงศรีอยุธยา ฉบับวัน วลิต เขียนขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง กล่าวถึง
หนองน�้ำที่มีพญานาคคอยพ่นพิษออกมา ท�ำให้ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นเกิดโรค
ระบาดเสียชีวิต พระเจ้าอู่ทองจึงทรงท�ำพิธี ๓ ประการ คือ การยิงธนูให้กลับมา
เข้ากระบอกเดิม การใช้ข้าวชโลมพระวรกาย การมวนใบพลูเสวยเป็นหมากพลู
จากนั้นจึงทรงถมหนองน�้ำ ท�ำให้โรคระบาดหมดไป และทรงสร้างกรุงศรีอยุธยา
ขึ้นในบริเวณนั้น๒ โรคระบาดในต�ำนานเรื่องนี้มักจะมีผู้ตีความว่า คือไข้ทรพิษ
เนื่องจากมีลักษณะเป็นพิษ ซึ่งสอดคล้องกับพิษของพญานาค แต่ Anthony
Reid และ Jiang Na ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ต�ำนานเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับอภินิหาร
และสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่เรื่องราวเกี่ยวกับการถมหนองน�้ำและการใช้ข้าว
๑
ในสมัยที่การแพทย์และสาธารณสุขยังไม่เจริญ ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้จับสั่น
จ�ำนวนมาก จากสถิติของกรมอนามัยใน พ.ศ. ๒๔๗๕ – ๒๔๙๐ มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้จับสั่น
ปีละ ๓๐,๐๐๐ – ๕๐,๐๐๐ คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ ๑๕ – ๒๐ ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด และ
เป็นอัตราส่วนทีส่ งู ทีส่ ดุ ในจ�ำนวนโรคระบาดต่างๆ, อ้างจาก กระทรวงสาธารณสุข, อนุสรณ์กระทรวง
สาธารณสุขครบ ๑๕ ปี พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๒๕๐๐ (พระนคร : โรงพิมพ์อุดม, ๒๕๐๐), หน้า ๒๕๙.
๒ กรมศิลปากร, รวมบันทึกประวัติศาสตร์อยุธยาของฟาน ฟลีต (วัน วลิต) (กรุงเทพฯ :
หจก. โชติวงศ์ ปริ้นติ้ง, ๒๕๔๖), หน้า ๑๗๗ – ๑๗๙.
๓๑๙
กล่าวโดยสรุป แม้ว่าการสถาปนากรุงศรีอยุธยาจะตรงกับช่วงเวลาที่มี
โรคระบาดครั้งใหญ่ในยุโรปและบางส่วนในเอเชีย ที่เรียกว่า Black Death
แต่ ใ นดิ น แดนเอเชี ย ตะวั น ออกเฉี ย งใต้ ไม่ ป รากฏข้ อ มู ล ชั ด เจนว่ า
มี โรคระบาดร้ า ยแรงในช่ ว งเวลาดั ง กล่ า ว ถึ ง แม้ จ ะมี ร ่ อ งรอยของการเกิ ด
โรคระบาดในช่ ว งเวลาที่ มี ก ารสถาปนากรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาเป็ น ราชธานี แต่ ไ ม่
ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่า โรคระบาดนั้นคือโรคอะไร ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายให้
มีการศึกษาค้นคว้าอย่างลุ่มลึกต่อไปในอนาคต
๑
Anthony Reid and Jiang Na, “The Battle of the Microbes: Smallpox, Malaria
and Cholera in Southeast Asia,” pp. 7 - 8.
บรรณานุกรม
เอกสารจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, น. ร.๕. น.๕ – ๗๙ Local Sanitary Department,
Health Officer’s Report, Year 126.
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๔๔.๒/๗ ราษฎรเมืองภูเก็ตเป็นกาฬโรคตาย
(๑๔ ก.ค. ๑๒๕ – ๖ พ.ย. ๑๒๕).
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๕/๓ ราชทูตเยอรมันขอรายงานกรมสุขาภิบาล
(๑ เม.ย. – ๒๒ มิ.ย. ๑๑๙).
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๕/๗ รายงานประจ�ำเดือนสุขาภิบาล ศก ๑๒๐
(ร.ศ. ๑๒๐ – ๙ ก.ย. ๑๒๑).
หอจดหมายเหตุ แ ห่ ง ชาติ , ร.๕ น.๕.๕/๑๑ รายงานประจ� ำ ปี ก รมสุ ข าภิ บ าล
(๒๕ ก.ย. ๑๒๒ – ๒ ม.ค. ๑๒๒).
หอจดหมายเหตุ แ ห่ ง ชาติ , ร.๕ น.๕.๕/๑๔ รายงานประจ� ำ ปี ก รมสุ ข าภิ บ าล
(๑ เม.ย. ๑๒๓ – ๓๑ มี.ค. ๑๒๔).
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๕/๑๕ ส่งรายงานกรมสุขาภิบาล ประจ�ำศก ๑๒๖
(๒๒ มี.ค. ๑๒๓).
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๖/๒ หมอไนติงเกลส่งรายงานประจ�ำปีของกอง
แพทย์สุขาภิบาล (๒๑ ม.ค. ๑๑๖).
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๐ การป้องกันกาฬโรค (๒๒ –๒๔ ส.ค. ๑๒๐).
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๗ จัดการป้องกันกาฬโรคในโรงทหาร
(๒๗ ม.ค. ๑๒๓ – ๒๙ ส.ค. ๑๒๗).
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, ร.๕ น.๕.๗/๑๘ จัดการป้องกันกาฬโรคในกรมไปรษณีย์
และโทรเลข (๒๔ ธ.ค. – ๒๔ ม.ค. ๑๒๓).
หอจดหมายเหตุ แ ห่ ง ชาติ , ร.๕ น.๕.๗/๒๓ จั ด การป้ อ งกั น กาฬโรคหั ว เมื อ ง
(๒๓ ม.ค. – ๑๐ ก.พ. ๑๒๕).
๓๒๑
ราชกิจจานุเบกษา
“ประกาศกรมสุขาภิบาล เรื่องจัดการบ้านเรือนให้สะอาด.” ราชกิจจานุเบกษา.
เล่ม ๒๑, วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓.
“ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค ก�ำหนดให้แจ้งข่าวคนป่วย.” ราชกิจจานุเบกษา.
เล่ม ๒๓, วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๕.
“ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค.” ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๕, วันที่ ๗ เมษายน
ร.ศ. ๑๑๗.
“ประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค.” ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๒๑, วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์
ร.ศ. ๑๒๓.
“ประกาศห้ามคนตื่นเรื่องแพทย์ตรวจป้องกันกาฬโรค.” ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๒๑,
วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๓.
“ประกาศห้ามเรือมาจากซัวเถา.” ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๔, วันที่ ๒๘ เมษายน
ร.ศ. ๑๑๖.
“พระราชก�ำหนดศุขาภิบาลกรุงเทพฯ รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๖.” ราชกิจจานุเบกษา.
เล่ม ๑๔, วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ร.ศ. ๑๑๖.
๓๒๓
หนังสือและวารสาร
ภาษาไทย
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชหัตถเลขาเรื่อง เสด็จประพาส
ล�ำน�้ำมะขามเฒ่า เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๖๑.
ด�ำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. นิทานโบราณคดี. พระนคร : เขษมบรรณกิจ,
๒๕๐๓.
ทวีศักดิ์ เผือกสม. เชื้อโรค ร่างกาย และรัฐเวชกรรม : ประวัติศาสตร์การแพทย์สมัย
ใหม่ในสังคมไทย. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
๒๕๕๐.
ธันวา วงศ์เสงีย่ ม (บรรณาธิการ). หมอบรัดเลกับการปลูกฝีในสยาม. กรุงเทพฯ : ส�ำนัก
วรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๖๐.
นภนาท อนุพงศ์พฒั น์ และคณะ. รอยเวลา : เส้นทางประวัตศิ าสตร์สขุ ภาพ. กรุงเทพฯ:
ส�ำนักพิมพ์สุขศาลา ส�ำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ, ๒๕๕๖.
แมกฟาแลนด์, ย๊อช. ต�ำราแพทย์แสดงด้วยกาฬโรค. พระนคร: โรงพิมพ์หมออเมริกัน,
๒๔๕๓.
วรนารถ แก้วคีรี. “โรคระบาดในชุมชนภาคกลางของไทย พ.ศ. ๒๔๔๐ – ๒๔๗๕ :
การศึกษาเชิงประวัติศาสตร์.” วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๕
ศิลปากร, กรม. ประชุม พงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๒. กรุงเทพฯ :
กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๔๒.
๓๒๔
ภาษาต่างประเทศ
Cohn, Jr., Samuel K. “The Black Death : End of a Paradigm.” The American
Historical Review. Vol. 107, No.3 (June 2002).
Harrison, Mark. Disease and the Modern World : 1500 to the Present
Day. Cambridge : Polity Press, 2005.
Miller, Max J. “Plague: History and Epidemiology.” Canadian Journal of
Comparative Medicine. Vol. IV, No. 7 (July 1940).
Oven, Norman G. (Editor). Death and Disease in Southeast Asia :
Explorations in Social, Medical and Demographic History.
Singapore : Oxford University Press, 1987.
Pollitzer, Robert. Plague. Geneva : World Health Organization, 1954.
Reid, Anthony and Jiang Na. “The Battle of the Microbes: Smallpox,
Malaria and Cholera in Southeast Asia.” Asia Research Institute
Working Paper Series. No. 62. (April 2006).
“Siam: Report from Bangkok. History of Plague Outbreak.” Public Health
Reports. Vol. 20, No. 28 (Jul. 14, 1905).
Sussman, George D. “Was the Black Death in India and China?” Bulletin
of the History of Medicine. Vol. 85, No. 3, (Fall 2011).
Velimirovic, B. “Plague in South-East Asia: A brief historical summary and
present geographical distribution.” Transactions of the Royal
Society of Tropical Medicine and Hygiene. Vol. 66, No. 3, 1972.
Wright, Arnold (Editor). Twentieth Century Impressions of Siam :
its history, people, commerce, industries and resources.
London : Lloyds Greater Britain Publishing Company, Ltd., 1908