Professional Documents
Culture Documents
ท้าวเวสสุวัณคือใครในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาและฮินดู1
Who is Vessavana in Buddhist and Hindu Mythologies
ปริวัตร ศิระเกียรติสกุล2
Pariwat Sirakiatsakul
อรอุษา สุวรรณประเทศ3
Onusa Suwanpratest
บทคัดย่อ
บทความวิจัยเรื่อง ท้าวเวสสุวัณคือใครในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาและฮินดู มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาการ
ปรากฏของพระนาม บทบาทหน้าที่และความส�ำคัญของท้าวเวสสุวัณในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาและฮินดู เป็นการ
วิเคราะห์เอกสาร แสดงผลการศึกษาด้วยการพรรณนาความ ที่มุ่งหาค�ำอธิบายเพื่ออภิปรายเชิงเปรียบเทียบการ
ปรากฏของพระนาม บทบาทหน้าทีแ่ ละความส�ำคัญของท้าวเวสสุวณ ั ในคัมภีรท์ างพุทธศาสนาและฮินดู ผลการศึกษา
การปรากฏของพระนามพบว่า ท้าวเวสสุวณ ั คือองค์เดียวกับท้าวกุเวรและท้าวไพรศรพณ์ มีบทบาทหน้าทีแ่ ละความ
ส�ำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ (1) บทบาทในการเป็นผูค้ มุ้ ครองดูแลศาสนา (2) บทบาทในการเป็นจตุโลกบาล และ (3) บทบาท
ในการเป็นผู้สั่งสอนและช่วยเหลือ การวิจัยครั้งนี้ท�ำให้ทราบสารสาระของท้าวเวสสุวัณว่า ไม่ว่าท่านจะมีพระนาม
บทบาทหน้าที่ และด�ำรงอยู่ในกาละและเทศะใด ดังที่ปรากฏในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาและฮินดู ได้สะท้อนภาพของ
ท่านในการเป็นแบบอย่างการด�ำเนินชีวิตของมนุษย์ ที่มุ่งบ�ำเพ็ญเพียรสู่ความหลุดพ้น มุ่งสู่ปรมาตมัน
ค�ำส�ำคัญ: เวสสุวัณ กุเวร จตุโลกบาล เทพปกรณัม พุทธ ฮินดู
Abstract
The purpose of this paper was to study the names, the roles and the important of
Vessavana in Buddhist and Hindu Mythologies. Documentary analysis was used to explore an
explanation through comparative discussion among the names, the roles and the important
of the Vessavana in Buddhist and Hindu Mythologies. The results were reported by descrip-
tive writing indicated that the Vessavana is also recognized as Kubera and Bhaisob. Their roles
can be designated in three aspects which are (1) the guardian of religion (2) being the Loka-pa-
las and (3) being the preacher and the saviour. Furthermore, the results of the study pointed
out the essence of the Vessavana that no matter what he is called or his role is, he is the ar-
chetype of the Buddhist and Hindu doctrines to attain nirvana.
Keywords: Vessavana, Kubera, Lokapalas, Mythology, Buddhist, Hindu
1
บทความนีเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกเรือ่ ง “ท้าวเวสสุวณ
ั : บทบาทด้านการสัง่ สอนในการปริวตั รทางจิตวิญญาณมนุษย์”
หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาคติชนวิทยา ภาควิชาคติชนวิทยา ปรัชญา และศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
2
นิสิตระดับปริญญาเอก สาขาวิชาคติชนวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
3
อาจารย์ ดร. ภาควิชาคติชนวิทยา ปรัชญา และศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
122 Journal of Humanities, Naresuan University Year 14 Volumn 3, September - December 2017
บทน�ำ
บูชาท้าวเวสสุวัณ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
อิติปิ โส ภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
มะระณัง สุขัง อะหัง สุคะโต นะโม พุทธายะ
ท้าวเวสสุวัณโณ จาตุมะหาราชิกา ยักขะพันตาภัทภูริโต
เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวัณโณ นะโม พุทธายะ.
บทบูชาท้าวเวสสุวณ ั ข้างต้นนีเ้ ป็นบทสวดบูชาโดยทัว่ ไปในหมูผ่ นู้ บั ถือท้าวเวสสุวณ ั เป็นการแสดง
ให้เห็นว่าผู้นับถือมีการรับรู้ถึงบุคลิกภาพอันเป็นส�ำคัญของท่านว่าท่านมีรูปเป็นยักษ์ อุปมาว่ามีพันตา
สามารถรู้เห็นโดยรอบ เป็นใหญ่ในหมู่ยักษ์และอมนุษย์ เป็นท้าวมหาราชในชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นนาย
แห่งภูตผี เป็นผู้ที่ตายจากโลกนี้ตายโดยไม่เกิด ดับสิ้นซึ่งกิเลสกองทุกข์ไปด้วยบรมสุข
การรับรูเ้ กีย่ วกับท้าวเวสสุวณ
ั นัน้ ในไตรภูมกิ ถาบรรยายว่าท่านเป็นหัวหน้าของจตุโลกบาลเทพเทวา
ปกครองสวรรค์ชนั้ จาตุมหาราชิกา ปกครองยักษ์จงึ ท�ำให้นริ มาณกายของท่านปรากฏให้พบเห็นได้ทวั่ ไปตาม
สถานที่ต่างๆ เช่น บริเวณประตูทางเข้าวัด โบสถ์ วิหาร บางคราวอาจพบเห็นท่านในลักษณะรูปเคารพบูชา
ทีต่ งั้ อยูใ่ นเทวาลัย โดยรูปลักษณ์ของท้าวเวสสุวณ ั ปรากฏในรูปลักษณ์ของยักษ์ยนื ถือกระบองยาวหรือคทา
(ไม้เท้าเป็นรูปกระบอง) เป็นทีเ่ คารพนับถือว่าเป็นเครือ่ งรางของขลังป้องกันภูตผี ปีศาจ แต่ในบางแห่งยังพบ
รูปเคารพของท่านในรูปของชายนัง่ ในท่ามหาราชลีลา มีลกั ษณะโดดเด่น คือ พระอุระพลุย้ เป็นทีเ่ คารพนับถือ
ในความเชือ่ ว่าเป็นเทพแห่งความร�ำ่ รวย โดยผูน้ บั ถือฮินดูขานพระนามท่านว่า “พระกุเวร” บางสถานทีพ่ บเห็น
ท่านในรูปของกายมนุษย์ และรูปเทพบุตร อีกทั้งยังมีการสร้างวัตถุมงคลเพื่อบูชาตามความเชื่อ กล่าวกันว่า
ผู้มีอาชีพสัปเหร่อ หรือมีอาชีพประหารชีวิตนักโทษมักพกพารูปท้าวเวสสุวัณส�ำหรับคล้องคอเพื่อเป็น
เครื่องรางของขลังป้องกันภัยจากวิญญาณร้ายที่จะเข้ามาเบียดเบียน
ผู้วิจัยจึงขอยกคติความเชื่อเกี่ยวกับท้าวเวสสุวัณ มาพอเป็นสังเขป ได้แก่ (1) ผ้ายันต์รูปยักษ์
(2) การสวดภาณยักษ์ (3) รูปเคารพบูชา ที่วัดจุฬามณี อ�ำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม พบข้อมูลว่า
รูปเคารพท้าวเวสสุวัณ มีทั้งหมด 4 ภาค คือ พรหมาสูติเทพ ชั้นพรหม-มีรูปกายสีทอง ภูษาสีทอง, เทพบุตร
สูติเทพ ชั้นดาวดึงส์-มีรูปกายสีทอง ภูษาสีแดง, จาตุมหาราช ชั้นจาตุมหาราชิกา-มีรูปกายสีเขียวหรือด�ำ
ภูษาสีเขียว, ชั้นมนุษย์-มาในรูปแบบมนุษย์ (4) ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ�ำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
ที่ซุ้มเรือนแก้วของพระพุทธชินราช พบรูปหล่อปิดทองด้านซ้ายของฐานองค์พระท�ำเป็นรูปท้าวเวสสุวัณ
(5) รูปท้าวเวสสุวณ ั หรือพระไพศรพณ์ เป็นสัญลักษณ์ของอัยการ (6) รูปปัน้ ท้าวเวสสุวณ ั ทีห่ น้าศาลหลักเมือง
อ�ำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี และเป็นตราประจ�ำจังหวัดอุดรธานี เป็นต้น
จากข้อมูลทางคติชนคดีเกีย่ วกับท้าวเวสสุวณ ั ดังทีก่ ล่าวมาข้างต้นสามารถสังเกตได้วา่ ในสังคมไทย
มีการรับรู้เกี่ยวกับท้าวเวสสุวัณในวงกว้าง โดยทั่วไปท่านปรากฏในรูปของยักษ์ซึ่งสามารถพบได้ตามประตู
ทางเข้าวัด โบสถ์ วิหาร แต่ก็ยังมีรูปลักษณ์อื่นที่แตกต่างออกไป จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่าพระนาม
ที่แตกต่างกัน ประกอบกับรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันดังกล่าวข้างต้นนั้น มีนัยยะหรือมีความหมายในทาง
คติชนวิทยาอย่างไร จึงเป็นทีม่ าของการศึกษาวิจยั ในครัง้ นี้ ดังนัน้ ผูว้ จิ ยั จึงศึกษาด้วยการส�ำรวจข้อมูลเบือ้ งต้น
ว่าการรับรู้ของคนในสังคมไทยมีความสอดคล้องตรงกับข้อมูลในคัมภีร์ทางศาสนาหรือไม่อย่างไร
วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 ประจ�ำเดือนกันยายน - ธันวาคม 2560 123
1. ค�ำถามในการศึกษา
ท้าวเวสสุวัณคือใคร
2. จุดมุ่งหมายของการศึกษา
เพื่อศึกษาการปรากฏของพระนาม บทบาทหน้าที่และความส�ำคัญ ของท้าวเวสสุวัณในคัมภีร ์
ทางพุทธศาสนาและฮินดู
3. ความส�ำคัญของการศึกษา
ได้ทราบถึงการปรากฏของพระนาม บทบาทหน้าที่และความส�ำคัญ ของท้าวเวสสุวัณในคัมภีร์
ทางพุทธศาสนาและฮินดู อันเป็นสารสาระน�ำไปสู่การศึกษาทางคติชนวิทยาต่อไป
4. ขอบเขตการศึกษา
เป็นการศึกษาจากเอกสารทีเ่ กีย่ วข้องกับท้าวเวสสุวณ
ั คัมภีรท์ างพุทธศาสนาได้แก่ (1) พระไตรปิฎก
(2) ไตรภูมิกถา (3) ปฐมสมโพธิกถา คัมภีร์ทางฮินดูได้แก่ (1) รามายณะ (2) มหาภารตะ
วิธีการวิจัย
เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพจากข้อมูลแหล่งทุตยิ ภูมิ ด้วยการศึกษาวิเคราะห์เอกสาร (documentary
analysis) เพื่อตอบวัตถุประสงค์การศึกษา แสดงผลการศึกษาด้วยการพรรณนาความ (descriptive)
ที่มุ่งหาค�ำอธิบาย (explanatory) เพื่ออภิปรายเชิงเปรียบเทียบการปรากฏของพระนาม บทบาทหน้าที่และ
ความส�ำคัญ ของท้าวเวสสุวัณในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาและฮินดู
ผลการวิจัย
การน�ำเสนอผลการวิจัยเพื่อตอบค�ำถามในการศึกษาครั้งนี้ว่าท้าวเวสสุวัณคือใครใน 2 ประเด็น
ได้แก่ (1) พระนามต่างๆ และรูปลักษณ์ที่ปรากฏ และ (2) บทบาทหน้าที่และความส�ำคัญ เป็นการศึกษา
ให้เห็นถึงความเชือ่ เกีย่ วกับท้าวเวสสุวณ ั ในสังคมไทยตามทีป่ รากฏหลักฐานในเอกสาร ผูว้ จิ ยั จึงเลือกศึกษา
จากคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา และฮินดู ซึ่งผลการศึกษามีรายละเอียด ดังนี้
1. พระนามต่างๆ และรูปลักษณ์ที่ปรากฏ
พระนามต่างๆ ของท้าวเวสสุวณ ั และรูปลักษณ์ทปี่ รากฏ มีเอกสารทีผ่ วู้ จิ ยั พบในปัจจุบนั ได้ปรากฏ
เรียกสมญานามของท่านไว้หลากหลาย เช่น กิตานุ (Ki-tanu)-ผูม้ รี า่ งอัปลักษณ์, ธเนศวร/ธนปติ (Dhana-pati)-
ผูเ้ ป็นเจ้าแห่งสมบัต,ิ อุจฉาวสุ (Ichchhavasu)-ผูไ้ ด้รบั สมบัตทิ กุ อย่างทีต่ อ้ งการ, ยักษะราชา (Yaksha-raja)-
ราชาแห่งยักษ์, รากษะเสนทรา (Rakshasendra)-หัวหน้าแห่งรากษส, รัตนครณ-พุงแก้ว, อีศะสขี-เพือ่ นพระศิวะ
(ประจักษ์ ประภาพิทยากร, 2529, หน้า 12-14; พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จ, 2556,
หน้า 125-130; สมบัติ พลายน้อย, 2555, หน้า 211; สุรศักดิ์ ทอง, 2553, หน้า 153)
จากการศึกษาพระนามของท้าวเวสสุวณ ั ทีเ่ รียกอย่างเป็นทางการตามเอกสารคัมภีรท์ างพระพุทธศาสนา
และคัมภีรท์ างฮินดู ผูว้ จิ ยั ได้พบว่ามีพระนามของท้าวเวสสุวณ ั 3 พระนาม ได้แก่ (1) ท้าวเวสสุวณ ั (2) ท้าวกุเวร
และ (3) ท้าวไพศรพณ์ พระนามและรูปลักษณ์ที่ปรากฏของ ท้าวเวสสุวัณ ท้าวกุเวร และท้าวไพศรพณ์
จากคัมภีร์ทางพุทธศาสนา และฮินดู มีรายละเอียดดังนี้
124 Journal of Humanities, Naresuan University Year 14 Volumn 3, September - December 2017
1.1 ท้าวเวสสุวัณ
จากการศึกษาพระไตรปิฎกฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย (2552) พบว่า ในพระไตรปิฎก/
พระสุตตันตปิฎก/ทีฆนิกาย/ปาฏิกวรรค/อาฏานาฏิยสูตร บรรยายว่าพระนามท้าวเวสสุวัณเป็น “ต�ำแหน่ง”
ของเทพบุตรชือ่ กุเวรในสวรรค์ชน้ั จาตุมหาราชิกา ซึง่ ต่อมาได้ครองราชสมบัตใิ นราชธานี ชือ่ วิสาณะ ตัง้ แต่นน้ั
จึงเรียกว่าท้าวเวสสุวัณ มีต�ำแหน่งในการดูแลสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาซึ่งอยู่ในความปกครองของสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์ (มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2552, หน้า 135; สมบัติ พลายน้อย, 2555, หน้า 217-221;
แสงฉาย อนงคาราม, 2521, หน้า 124; อดิศร ถีรสีโล, 2549, หน้า 15-20; http://www.84000.org/tipitaka/
attha/attha.php?b=11&i=207)
ส่วนรามายณะฉบับ ราเมศ เมนอน (2551) ในอุดรกัณฑ์ กล่าวถึงท้าวเวสสุวัณในพระนาม
ของเวศรวัณ [ไวศรวัณ] เป็นโอรสพระวิศราวะ [วิศรพ] ผู้ที่ได้รับพรจากพระพรหมให้มีต�ำแหน่งเทพเป็น
โลกบาล (ราเมศ เมนอน, 2551, หน้า 664-667)
รูปของท้าวเวสสุวณ ั ทีพ่ บได้ทวั่ ไปตามประตูทางเข้าวัด โบสถ์ วิหาร มีลกั ษณะเป็นยักษ์เพราะ
ตามพระไตรปิฎกว่าท่านปกครองยักษ์ เป็นใหญ่ในหมู่ยักษ์และรากษส โดยภาพที่ยกตัวอย่างนี้ (ภาพที่ 1)
เป็นท้าวเวสสุวณั ทีต่ งั้ ตระหง่านอยูท่ หี่ น้าศาลหลักเมือง จังหวัดอุดรธานี หันหน้าไปทางทิศเหนือ เป็นรูปปัน้ ยักษ์
ขนาดใหญ่สีขาว ทรงเครื่องเต็มยศ ประดับด้วยกระเบื้องสี พระหัตถ์ทั้งสองข้างกุมกระบองอยู่ในลักษณะ
ของการปกป้อง และอีกภาพเป็นท้าวเวสสุวัณในลักษณะปกป้องอยู่ที่ซุ้มเรือนแก้วของพระพุทธชินราช
ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ�ำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ดังภาพที่ 2
1.2 ท้าวกุเวร
พระไตรปิฎกฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย (2552) กล่าวถึงพระนามท้าวกุเวร ปรากฏใน
พระสุตตันตปิฎก/ทีฆนิกาย/ปาฏิกวรรค/อาฏานาฏิยสูตร โดยบรรยายก�ำเนิดของท้าวกุเวรว่า เมือ่ พระพุทธเจ้า
ยังไม่อุบัติ มีพราหมณ์คนหนึ่งชื่อกุเวรพราหมณ์ ท�ำไร่หีบอ้อยขาย ได้สร้างโรงหีบอ้อย ประกอบเครื่องยนต์
7 เครื่อง กุเวรพราหมณ์ได้ให้ผลก�ำไรซึ่งเกิดขึ้นที่โรงเครื่องยนต์แห่งหนึ่งแก่มหาชนที่มาแล้วได้กระท�ำบุญ
ผลก�ำไรทีม่ ากกว่าได้ตงั้ ขึน้ ในทีน่ นั้ จากโรงทีเ่ หลือ กุเวรพราหมณ์เลือ่ มใสด้วยบุญนัน้ จึงถือเอาผลก�ำไรทีเ่ กิดขึน้
แม้ในโรงทีเ่ หลือให้ทานตลอดสองหมืน่ ปี เขาได้ถงึ แก่กรรมไปเกิดเป็นเทพบุตรชือ่ กุเวรในสวรรค์ชนั้ จาตุมหาราชิกา
(มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2552, หน้า 135; สมบัติ พลายน้อย, 2555, หน้า 217-221; แสงฉาย อนงคาราม,
2521, หน้า 124; อดิศร ถีรสีโล, 2549, หน้า 15-20; http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.
php?b=11&i=207)
รามายณะฉบับ ราเมศ เมนอน (2551) กล่าวถึงพระนามท้าวกุเวร ปรากฏในอุดรกัณฑ์ ว่าเป็น
ต�ำแหน่งของเทพผู้เป็นหนึ่งในสี่ของจตุโลกบาล ในรามายณะ บรรยายว่า ครั้งเป็นมนุษย์ท้าวกุเวรองค์นี้
คือ เวศรวัณ ผู้ซึ่งได้รับพรจากพระพรหมให้เป็นโลกบาล (ราเมศ เมนอน, 2551, หน้า 664-667) ตามการ
วิเคราะห์ความเชือ่ ในต�ำนานเกีย่ วกับโลกบาลในยุคมหากาพย์ โดย ณัชพล ศิรสิ วัสดิ์ (2555, หน้า 104-105)
กล่าวว่ามีบทบาทเป็นโลกบาลรักษาประจ�ำทิศเหนือ เป็นเทพแห่งทรัพย์สินอันมีศักดิ์เท่าเทียมองค์อินทร์
วรุณเทพ และยมเทพ ซึง่ มีความสอดคล้องกับเทวนิยายของ สมบัติ พลายน้อย (2555, หน้า 211) ทีอ่ อกเสียง
พระนามของท้าวกุเวรองค์นคี้ รัง้ เป็นมนุษย์วา่ ไวศรวัณ คือ นอกจากปุลสั ตย์ผเู้ ป็นปูจ่ ะให้ชอื่ ว่า ไวศรวัณ แล้วก็ยงั
มีชอื่ ว่า กุเวร อีกด้วย และต่อมาจึงได้รบั พรจากพระพรหมให้เลือ่ นขึน้ เป็นท้าวกุเวรดูแลโลกบาลทิศเหนือ ดังนี้
“วิศรพเป็นนามบิดา จึ่งออกนามา ว่าไวศรวัณสรรพ์ดี อีกตงปรากฏนามมี ทั่วทั้งแดนตรี
ชื่อว่ากุเวรเจนธรรม”
(สมบัติ พลายน้อย, 2555, หน้า 211)
ประจักษ์ ประภาพิทยากร (2529, หน้า 12-14) กล่าวว่า ในรามายณะ ท้าวกุเวรเป็นโอรสของ
พระวิศรวัสมุนี กับนางอิทาวิฑา ในมหาภารตะว่า เป็นโอรสของพระปุลัสตย์ ซึ่งเป็นบิดาของพระวิศรวัส
อีกชั้นหนึ่ง กล่าวกันว่า ท้าวกุเวรใฝ่ใจกับท้าวพรหมา เป็นเหตุให้บิดาโกรธ จึงได้แบ่งภาคเป็นพระวิศรวัส
และพระวิศรวัสเกิดแต่ปุลัสตย์ จึงได้นามอีกว่า เปาลัสตยัม ซึ่งรามเกียรติ์ไทยเรียกว่า ลัสเตียน ท้าวลัสเตียน
ได้กับนางนิกษาบุตรีท้าวสุมาลีรากษสเป็นชายา เกิดโอรสด้วยกัน คือ ทศกัณฐ์ กุมภกรรณ พิเภก และส�ำมะ
นักขา ดังนั้นท้าวกุเวร ซึ่งในรามเกียรติ์ถือเป็นเทวดาองค์เดียวกับท้าวกุเปรัน (สุรศักดิ์ ทอง, 2553, หน้า153)
จึงเป็นลูกร่วมบิดาเดียวกันกับทศกัณฑ์
มหาภารตะ ฉบับ กรุณา กุศลาสัย และ เรืองอุไร กุศลาสัย (2555, หน้า 108) ปรากฏพระนาม
ท้าวกุเวร ในวนบรรพ โดยบรรยายถึงดินแดนของท้าวกุเวรว่า ดินแดนของท้าวกุเวรผูเ้ ป็นเทพเจ้าแห่ง ทรัพย์สนิ
เงินทอง อยูบ่ นภูเขาไกลาส มีสระโบกขรณี มีบวั อันหอมประหลาด มีบริวารได้แก่ เหล่ายักษ์และรากษสดูแล
รักษาอย่างเข้มแข็ง
อีกทั้งยังปรากฏพระนามท้าวกุเวรว่าเป็นท้าวจตุโลกบาล ในต�ำนานทางฮินดูบรรยายว่า
ท้าวกุเวรเคยเป็นขโมยมาก่อน คือมีเรือ่ งเล่าว่าตอนทีเ่ ป็นมนุษย์นนั้ คืนหนึง่ ได้เข้าไปขโมยของในวิหารพระศิวะ
ไส้ตะเกียงภายในวิหารได้หมดลง ต้องจุดใหม่ถึงสิบครั้ง ด้วยการจุดไฟนี้ถือว่าเป็นความดี (เหมือนจุดบูชา
วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 ประจ�ำเดือนกันยายน - ธันวาคม 2560 127
ภาพที่ 4 ท้าวกุเวร
ที่มา: พระยาสัจจาภิรมย์ฯ (สรวง ศรีเพ็ญ) (2556, หน้า 46)
1.3 ท้าวไพศรพณ์
ไตรภูมิกถาฉบับ กรมศิลปากร (2555) ปรากฏพระนามท้าวไพศรพณ์ เทพผู้ท�ำหน้าที่เป็น
ท้าวจตุโลกบาลประจ�ำทิศเหนือ ซึ่งสอดคล้องกับ สมบัติ พลายน้อย (2555, หน้า 211) กล่าวว่า ในหนังสือ
ไตรภูมิเรียกท้าวกุเวรว่า “ท้าวไพศรพณ์มหาราช” และได้พรรณนาถึงการแต่งองค์ที่แสดงว่าท้าวไพศรพณ์
ร�่ำรวยมากมีทองมากมายไม่รู้กว่ากี่ร้อยล้าน ซึ่งไตรภูมิกถาฉบับ กรมศิลปากร (2555, หน้า 184) บรรยาย
รูปลักษณ์ของท้าวไพศรพณ์มหาราช ดังนี้
“ท้าวไพศรพณ์มหาราช ผู้เป็นใหญ่ปกครองหมู่ยักษ์และเทวดาทั้งหลายทางทิศเหนือของ
ก�ำแพงจักรวาล ทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ เครื่องประดับกายของท้าวไพศรพณ์และ
บริวารเป็นทองเนือ้ สุกงาม หมูย่ กั ษ์ทงั้ หลายบ้างก็ถอื ค้อนถือสากและจามรีลว้ นเป็นทองค�ำ
ทั้งสิ้นไม่รู้ว่ากี่ร้อยล้าน หมู่ยักษ์เหล่านี้มีหน้าตาน่ากลัว ท้าวไพศรพณ์มหาราชทรง
ม้าสีเหลืองดังทอง ขับพลน�ำไปถึงก�ำแพงจักรวาลด้านทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ เดินทางไป
ทางอากาศจนถึงเขายุคันธรด้านทิศเหนือ”
(กรมศิลปากร, 2555, หน้า 184)
128 Journal of Humanities, Naresuan University Year 14 Volumn 3, September - December 2017
2. บทบาทหน้าที่และความส�ำคัญ
บทบาทหน้าทีแ่ ละความส�ำคัญจากการศึกษาเอกสารคัมภีรท์ างพระพุทธศาสนา และคัมภีรท์ างฮินดู
ผู้วิจัยได้พบว่าในพระนามของท้าวเวสสุวัณ ท้าวกุเวร และท้าวไพศรพณ์ มีบทบาทหน้าที่และความส�ำคัญ
3 ด้าน ได้แก่ (1) บทบาทในการเป็นผูค้ มุ้ ครองดูแลศาสนา (2) บทบาทในการเป็นจตุโลกบาล และ (3) บทบาท
ในการเป็นผู้สั่งสอนและช่วยเหลือ โดยผู้วิจัยขอน�ำเสนอผลการศึกษาในประเด็นบทบาทหน้าที่และ
ความส�ำคัญตามพระนามที่ปรากฏในคัมภีร์ทางศาสนา ดังนี้
2.1 ท้าวเวสสุวัณ
ในพระไตรปิฎกฉบับ มหามกุฏราชวิทยาลัย (2552) บทบรรยายได้แสดงให้เห็นถึงบทบาท
หน้าที่และความส�ำคัญของท้าวเวสสุวัณในการเป็นหัวหน้าจตุโลกบาล และการเป็นผู้คุ้มครองดูแลศาสนา
ดังปรากฏในพระสุตตันตปิฎก/ทีฆนิกาย/ปาฏิกวรรค/อาฏานาฏิยสูตร ว่าคืนหนึง่ ขณะทีพ่ ระพุทธเข้าประทับ
ณ เขาคิชฌกูฎ ใกล้กรุงราชคฤห์ ท้าวมหาราช ทัง้ สี(่ จตุมหาราช)5 พร้อมด้วยเสนารักษ์ คนธรรพ์ (รุกขเทวดา)
กุมภัณฑ์และนาค เมื่อท้าวมหาราชทั้งสี่ถวายบังคมแล้ว ท้าวเวสสุวัณ (มีนามอย่างหนึ่งว่าท้าวกุเวร)
กราบทูลว่ามียักษ์ชั้นผู้ใหญ่ชั้นกลางชั้นต�่ำที่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี ไม่เลื่อมใสก็มี แต่ที่ไม่เลื่อมใส
มีมาก เพราะพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรม เพื่อเว้นจากฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดปด
ดืม่ สุราเมรัย พวกยักษ์เหล่านัน้ ไม่เว้นจากสิง่ เหล่านี้ โดยมากจึงไม่ชอบ มีสาวกของพระผูม้ พี ระภาคเสพเสนาสนะ
อันสงัดในป่า ซึ่งพวกยักษ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่เลื่อมใสในพระธรรมวินัยของพระองค์อาศัยอยู่เพื่อคุ้มครองรักษา
เพือ่ ไม่ให้เบียดเบียน เพือ่ อยูเ่ ป็นสุขแห่งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ขอพระผูม้ พี ระภาคทรงเรียนการรักษา
ชือ่ อาฏานาฏิยา เพือ่ ท�ำยักษ์เหล่านัน้ ให้เลือ่ มใส พระผูม้ พี ระภาคทรงรับโดยดุษณีภาพ (พนิตา อังจันทรเพ็ญ,
ม.ป.ป., หน้า 115-117; ป.อ. ปยุตฺโต, 2552, หน้า 212-213; มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2552, หน้า 111-119;
สมบัติ พลายน้อย, 2555, หน้า 221; สุชีพ ปุญญานุภาพ, 2539, หน้า 363-364; อดิศร ถีรสีโล, 2549,
หน้า 15-20)
ปฐมสมโพธิกถาฉบับ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส (2552) ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของท้าว
เวสสุวัณในการเป็นจตุโลกบาล และการช่วยเหลือพระพุทธเจ้าเพื่อบ�ำเพ็ญเพียรสู่การหลุดพ้นครั้งสมัย
พุทธกาลว่า ท้าวเวสสุวัณได้ร่วมกับท้าวจตุโลกบาลน�ำบาตรศิลามรกตมาทั้ง 4 ทิศ แล้วเข้ากราบทูลถวาย
ให้ทรงรับซึ่งข้าวสัตตุด้วยบาตรทิพย์ทั้ง 4 จากนั้นพระพุทธองค์ทรงอธิษฐานผสานบาตรทั้ง 4 เข้าเป็นบาตร
เดียวกันแล้วทรงรับข้าวสัตตุด้วยบาตรนั้น ดังความว่า
“พาณิชสองพี่น้องนามตปุสสะ และภัลลิกะน�ำข้าวสัตตุก้อนสัตตุผงถวายบิณฑบาตแก่
พระพุทธองค์ แลขณะนั้นพระพุทธองค์ทรงปริวิตกว่าบาตรของตถาคตก็มิได้มี ณ กาลนั้น
ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ทราบในพุทธอัธยาศัยก็น�ำเอาบาตรศิลาทั้ง 4 บาตร มาทั้ง 4 ทิศ
ทิศละองค์ น้อมเข้ากราบทูลถวายให้ทรงรับซึ่งข้าวสัตตุด้วยบาตรทิพย์ทั้ง 4 พระพุทธองค์
ทรงรับทั้ง 4 บาตร เพื่อจะรักษาปสาทศรัทธาแห่งท้าวจตุมหาราช ใช่จะทรงรับด้วย
มหิจฉภาพเจตนา [ความมักมาก] จึงทรงอธิษฐานผสานบาตรทั้ง 4 เข้าเป็นบาตรเดียว
แล้วทรงรับข้าสัตตุด้วยบาตรนั้น”
(ปรมานุชิตชิโนรส, กรมพระ, 2552, หน้า 175-176)
5
ในพระไตรปิฎก จตุมหาราชผู้วางการรักษาทั้ง 4 ทิศ ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับ ณ เขาคิชฌกูฏ ได้แก่ (1) ท้าวธตรัฏฐ์
เป็นเจ้าแห่งคนธรรพ์ ดูแลทิศตะวันออก (2) ท้าววิรุฬหะ เป็นเจ้าแห่งกุมภัณฑ์ดูแลทิศใต้ (3) ท้าววิรูปักษ์ เป็นเจ้าแห่งนาคราช
ดูแลทิศตะวันตก (4) ท้าวเวสสุวัณ หรือท้าวกุเวร เป็นเจ้าแห่งยักษ์ทั้งหลายดูแลทิศเหนือ
130 Journal of Humanities, Naresuan University Year 14 Volumn 3, September - December 2017
ตารางที่ 3 สรุปผลการศึกษาคติความคิดบทบาทหน้าที่และความส�ำคัญในศาสนาพุทธและฮินดู
พระนาม ศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู
ผู้คุ้มครองดูแลศาสนา -
ผู้เป็นจตุโลกบาล ผู้เป็นจตุโลกบาล
ผู้สั่งสอนและช่วยเหลือ
ท่านสอนในตัวบท
-สอนและช่วยเหลือ อสันธมิตตา-
ท้าวเวสสุวัณ การหมั่นบ�ำเพ็ญบารมี ผู้สั่งสอนและช่วยเหลือ
ท้าวกุเวร การสั่งสอนและช่วยเหลือผู้อื่นต่อ
ท่านสอนผู้อ่านคัมภีร์
ท้าวไพศรพณ์
-ช่วยเหลือ พระพุทธเจ้า- -แบบของการบ�ำเพ็ญตบะบารมี-
ขณะปริวิตกรับบาตรจากพาณิช 2 พี่น้อง เวศรวัณหรือกุเวรนั่งสมาธิและได้รับ
ท่านสอนผู้อ่านคัมภีร์ พรจากพระพรหม
-แบบของการบ�ำเพ็ญทานบารมี-
กุเวรพราหมณ์บริจาคผลก�ำไรโรงหีบอ้อย
แล้วไปเกิดในจาตุมหาราชิกา
กิตติกรรมประกาศ
ผู้วิจัยขอขอบพระคุณ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. กิ่งแก้ว อัตถากร คุณธัญญ์ฐิตา สถิรไชยวิทย์
คุณโรจกร ธูปศรี คุณปิยะ รุ่งทรัพย์ทวีคูณ ที่ท�ำให้การวิจัยครั้งนี้ส�ำเร็จได้ด้วยดี
7
อ่านเพิ่มเติมในชาตกฏฺฐกถา เล่ม 2 หน้า 136 อ้างถึงใน ณัชพล ศิริสวัสดิ์ (2555, หน้า 123) ศึกษาเรื่อง โลกบาลในวรรณคดี
พุทธศาสนา วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
8
อมรา มลิกา (2530) กล่าวไว้ใน อริยทรัพย์ Seven noble treasures ว่าอริยทรัพย์ 7 ประการ ได้แก่ (1) ศรัทธา (Faith)
(2) ศีล (Morality) (3) หิริ (Moral Shame) (4) โอตตัปปะ (Moral Fear) (5) พาหุสัจจะ (Great Learning) (6) จาคะ (Charity)
และ (7) ปัญญา (Wisdom) คุณธรรมเหล่านีเ้ ป็นสิง่ ประเสริฐ ถ้าผูใ้ ดท�ำอริยทรัพย์ทงั้ 7 ประการนี้ ให้บริบรู ณ์แล้ว ความบริบรู ณ์น ้ี
จะเป็นก�ำลังให้ไปถึงสภาวะโสดาบัน คือเข้าสู่กระแสความเป็นอริยบุคคล อ่านเพิ่มได้จาก
http://pioneer.netserv.chula.ac.th/~sprapant/Buddhism/treasures.htm ค้นเมื่อ 31 มกราคม 2559
วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 ประจ�ำเดือนกันยายน - ธันวาคม 2560 135
บรรณานุกรม
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=10&A=5727&Z=6256&pagebreak=0 ค้นเมื่อวันที่
20 เมษายน 2557
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=207 ค้นเมื่อ 23 ธันวาคม 2558
http://www.udclick.com/home1/index.php?option=com_sobi2&sobi2Task=sobi2Details&
catid=62&sobi2Id=2005&Itemid=300146 ค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2556