Professional Documents
Culture Documents
1. มาตรฐานการเรียนรู้ /ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่ องที่ฟังและอ่านจากสื่ อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตัวชี้วดั 1. ปฏิบตั ิตามคาแนะนาในคู่มือการใช้งานต่างๆ คาชี้แจง คาอธิ บาย และคาบรรยายที่ฟัง
และอ่าน
2. อ่านออกเสี ยง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit)
ถูกต้องตามหลักการอ่าน
3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กบั สื่ อที่ไม่ใช่ความเรี ยงรู ปแบบ
ต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่ อที่ไม่ใช่ความเรี ยงรู ปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กบั
ประโยค และข้อความที่ฟังหรื ออ่าน
4. จับใจความสาคัญ วิเคราะห์ความ สรุ ปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก
การฟังและอ่านเรื่ องที่เป็ นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่าง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2: มีทกั ษะการสื่ อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู ้สึก
และความคิดเห็นอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
ตัวชี้วดั 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่ องต่างๆ ใกล้ตวั ประสบการณ์
สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยูใ่ นความสนใจของสังคม และสื่ อสารอย่าง
ต่อเนื่องและเหมาะสม
2. เลือกและใช้คาขอร้อง ให้คาแนะนา คาชี้แจง คาอธิ บายอย่างคล่องแคล่ว
4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ขอ้ มูล บรรยาย อธิบาย เปรี ยบเทียบ และแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกับเรื่ อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม
5. พูดและเขียนบรรยายความรู ้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่ องต่างๆ
กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 1.3: นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่ องต่างๆ โดยการพูด
และการเขียน
514
ตัวชี้วดั 1. พูดและเขียนนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่ อง และ
ประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสังคม
3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์
ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ
มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชี้วดั 3. เข้าร่ วม แนะนา และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ตัวชี้วดั 1. อธิ บาย/เปรี ยบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สานวน
คาพังเพย สุ ภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
2. วิเคราะห์/อภิปรายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างวิถีชีวติ ความเชื่อ และ
วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนาไปใช้อย่างมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 3.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่ อมโยงความรู ้กบั กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้อื่น และเป็ นพื้นฐาน
ในการพัฒนา แสวงหาความรู ้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตัวชี้วดั 1. ค้นคว้า/สื บค้น บันทึก สรุ ป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ
กลุ่มสาระการเรี ยนรู ้อื่น จากแหล่งเรี ยนรู ้ต่างๆ และนาเสนอด้วยการพูดและ
การเขียน
มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชี้วดั 1. ใช้ภาษาสื่ อสารในสถานการณ์จริ ง/สถานการณ์จาลองที่เกิดขึ้นในห้องเรี ยน
สถานศึกษา ชุมชน และสังคม
มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่ องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ
การแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้กบั สังคมโลก
ตัวชี้วดั 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสื บค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุ ปความรู ้/ข้อมูล
ต่างๆ จากสื่ อและแหล่งการเรี ยนรู ้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ
2. เผยแพร่ /ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรี ยน ชุมชน และท้องถิ่น/
ประเทศชาติ เป็ นภาษาต่างประเทศ
2. สาระการเรียนรู้
2.1 ทักษะเฉพาะวิชา
Language features and functions
515
Grammar: future perfect simple, future perfect continuous, linkers, quantifiers
(either/neither, although, both, all, none), prepositions, indirect questions
Vocabulary: คาศัพท์เกี่ยวกับข่าว ภัยพิบตั ิ หนังสื อพิมพ์ รายการทีวี และภาพยนตร์ ,
phrasal verbs (take, turn, stand), ตัวย่อ (abbreviations)
Intonation: ออกเสี ยงเน้นหนัก-เบา
Language skills
Listening: ฟังเพื่อหาข้อมูลจาเพาะ, ฟังและจดบันทึกย่อ
Speaking: พูดแสดงความคิดเห็น, สนทนาเกี่ยวกับรายการทีวแี ละภาพยนตร์ ,
พูดวางแผนนัดหมาย, พูดข่าวซุ บซิ บ, พูดให้เหตุผลแก้ตวั
Reading: อ่านและเติมประโยคลงในช่องว่าง, อ่านหาจุดผิดและแก้ไขให้ถูกต้อง,
อ่านจับใจความสาคัญ
Writing: เขียนรายงานข่าวเกี่ยวกับภัยพิบตั ิ, เขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์ ,
เขียน formal transactional letter/email
3. สมรรถนะสาคัญของผู้เรี ยน
3.1 ความสามารถในการสื่ อสาร
3.2 ความสามารถในการคิด
3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่ อสาร 3.2.2 ทักษะการให้คาจากัดความ
3.2.3 ทักษะการให้เหตุผล 3.2.4 ทักษะการนาความรู ้ไปใช้
3.2.5 ทักษะการวิเคราะห์ 3.2.6 ทักษะการสังเกต
3.2.7 ทักษะการตีความ
3.3 ความสามารถในการใช้ ทักษะชีวติ
4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
4.1 มีวนิ ยั
4.2 มุ่งมัน่ ในการทางาน
516
Unit 10a Spread the News
1. มาตรฐานการเรียนรู้ /ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่ องที่ฟังและอ่านจากสื่ อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตัวชี้วดั 4. จับใจความสาคัญ วิเคราะห์ความ สรุ ปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก
การฟังและอ่านเรื่ องที่เป็ นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่าง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2: มีทกั ษะการสื่ อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู ้สึก
และความคิดเห็นอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
ตัวชี้วดั 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่ องต่างๆ ใกล้ตวั ประสบการณ์
สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยูใ่ นความสนใจของสังคม และสื่ อสารอย่าง
ต่อเนื่องและเหมาะสม
2. เลือกและใช้คาขอร้อง ให้คาแนะนา คาชี้แจง คาอธิ บายอย่างคล่องแคล่ว
5. พูดและเขียนบรรยายความรู ้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่ องต่างๆ
กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 1.3: นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่ องต่างๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตัวชี้วดั 1. พูดและเขียนนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่ อง และ
ประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสังคม
3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์
ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ
2. สาระการเรียนรู้
2.1 ทักษะเฉพาะวิชา
Language skills
Speaking: พูดแสดงความคิดเห็น
Reading: อ่านและเติมประโยคลงในช่องว่าง
517
3. สมรรถนะสาคัญของผู้เรี ยน
3.1 ความสามารถในการสื่ อสาร
3.2 ความสามารถในการคิด
3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่ อสาร 3.2.2 ทักษะการให้คาจากัดความ
3.2.3 ทักษะการให้เหตุผล
4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
4.1 มุ่งมัน่ ในการทางาน
5. กิจกรรมการเรียนรู้
Lead-in
1. ครู อ่านชื่อ Unit 10 แล้วให้นกั เรี ยนช่วยกันอธิบายความหมาย (keeping people informed) จากนั้น
ให้นกั เรี ยนตอบคาถามในหนังสื อเรียน หน้ า 94 Ex.1 เพื่อให้นกั เรี ยนเดาว่า Unit 10 นี้ น่าจะมีเนื้อหา
เกี่ยวกับเรื่ องอะไร (the news, bad news, disasters, gossip, etc.)
2. ครู อ่านคาถามและข้อมูลที่ให้มาในหนังสื อเรียน หน้ า 94 Ex.2a แล้วรวบรวมคาตอบจากนักเรี ยนว่า
นักเรี ยนรับรู ้ข่าวสารจากช่องทางใด หรื อครู อาจทาแบบสารวจเกี่ยวกับการรับข่าวสารของนักเรี ยน
ในชั้น แล้วนาเสนอผลในรู ปของกราฟ
3. ครู อ่านคาถามในหนังสื อเรียน หน้ า 94 Ex.2b แล้วให้นกั เรี ยนอธิ บายรู ปแบบของหนังสื อแต่ละชนิด
ที่ให้มา หรื อครู อาจนาตัวอย่างหรื อภาพมาให้นกั เรี ยนดูในชั้นเรี ยน จากนั้นให้เวลานักเรี ยน 2 นาที
ตอบคาถามที่ให้มา ซึ่ งถามว่านักเรี ยนเป็ นหนอนหนังสื อหรื อไม่ ชอบอ่านหนังสื ออะไร หนังสื อ
ชนิดใดที่นกั เรี ยนชอบมากกว่ากันระหว่างหนังสื อปกแข็ง หนังสื อปกอ่อน และหนังสื อ
อิเล็กทรอนิกส์ โดยพิจารณาจากประเด็นที่ให้มาคือ ราคา ความสะดวกสบาย การเข้าเล่ม ครู ติดตาม
การทางานของนักเรี ยน เสร็ จแล้วสุ่ มเรี ยกนักเรี ยนให้ลุกขึ้นยืน และรายงานคาตอบให้เพื่อนๆ ฟัง
518
graph.) จากนั้นครู อ่านคาถามและตัวอย่างคาตอบที่ให้มา แล้วให้นกั เรี ยนตอบคาถามเหล่านี้ ซึ่งถาม
ว่าตัวเลขร้อยละในตารางบอกอะไรนักเรี ยน และสื่ อสิ่ งพิมพ์กาลังจะสู ญสิ้ นไปใช่หรื อไม่
the print media (n) = information in the form of books, newspapers and magazines
The percentages tell us that more people use electronic media to read newspapers than
the printed word. This might suggest that the printed word is dying.
The percentages tell us that more people use the printed word to read magazines than
electronic media. This doesn’t suggest that the printed word is dying.
The percentages tell us that more people use the printed word to read encyclopaedias
than electronic media. This doesn’t suggest that the printed word is dying.
The percentages tell us that more people use the printed word to read dictionaries than
electronic media. This doesn’t suggest that the printed word is dying.
กิจกรรมเพิม่ เติม
ดาเนินการสารวจคล้ายๆ กันนี้กบั นักเรี ยนในชั้น แล้วคานวณผลเป็ นร้อยละ และเขียนตารางนาเสนอ
ข้อมูล จากนั้นให้นกั เรี ยนเขียนรายงานผลสารวจ แล้วเปรี ยบเทียบตารางของนักเรี ยนกับตารางใน
หนังสื อเรี ยน หน้า 94 Ex.2c
519
Suggested answer key:
It seems to me that electronic media takes much longer to read than traditional books.
However, electronic media does let us enjoy good graphics and layout.
Reading
1. ให้นกั เรี ยนอ่านชื่ อเรื่ องของบทอ่าน แล้วเดาว่าเนื้อหาของบทอ่านน่าจะเกี่ยวกับเรื่ องอะไร จากนั้นจึง
ให้นกั เรี ยนตอบคาถามในหนังสื อเรียน หน้ า 94 Ex.4a ที่ถามว่าเป็ นไปได้หรื อไม่ที่หนังสื อ
อิเล็กทรอนิกส์จะเป็ นที่นิยมมากในอนาคต พร้อมอธิ บายเหตุผลว่าทาไมถึงเป็ นไปได้/เป็ นไปไม่ได้
1. F 2. B 3. A 4. H 5. G 6. E 7. C
520
ต่อมาครู อธิบายภาระงานและให้เวลานักเรี ยน 2-3 นาที อ่านบทอ่านอีกครั้ง จากนั้นให้นกั เรี ยน
ทางานคู่ หาคาศัพท์จากในบทอ่านที่เกี่ยวข้องกับ technology และ publishing เสร็ จแล้วครู ตรวจ
คาตอบด้วยการเขียนตารางต่อไปนี้บนกระดาน แล้วให้นกั เรี ยนช่วยกันรายงานคาตอบ
Follow-up
ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 95 Ex.5 แล้วให้นกั เรี ยนเลือกว่าประโยค a-c ที่ให้มา
ประโยคใดที่บรรยายประเด็นหลักที่ผเู ้ ขียนนาเสนอได้ดีที่สุด เสร็ จแล้วครู ตรวจคาตอบของนักเรี ยน
พร้อมทั้งให้นกั เรี ยนอธิบายเหตุผลประกอบ
521
Unit 10b Vocabulary practice
1. มาตรฐานการเรียนรู้ /ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตีความเรื่ องที่ฟังและอ่านจากสื่ อประเภทต่างๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตุผล
ตัวชี้วดั 2. อ่านออกเสี ยง ข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit)
ถูกต้องตามหลักการอ่าน
3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กบั สื่ อที่ไม่ใช่ความเรี ยงรู ปแบบ
ต่างๆ ที่อ่าน รวมทั้งระบุและเขียนสื่ อที่ไม่ใช่ความเรี ยงรู ปแบบต่างๆ ให้สัมพันธ์กบั
ประโยค และข้อความที่ฟังหรื ออ่าน
4. จับใจความสาคัญ วิเคราะห์ความ สรุ ปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจาก
การฟังและอ่านเรื่ องที่เป็ นสารคดีและบันเทิงคดี พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่าง
ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2: มีทกั ษะการสื่ อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู ้สึก
และความคิดเห็นอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
ตัวชี้วดั 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่ องต่างๆ ใกล้ตวั ประสบการณ์
สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยูใ่ นความสนใจของสังคม และสื่ อสารอย่าง
ต่อเนื่องและเหมาะสม
2. เลือกและใช้คาขอร้อง ให้คาแนะนา คาชี้แจง คาอธิ บายอย่างคล่องแคล่ว
4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ขอ้ มูล บรรยาย อธิบาย เปรี ยบเทียบ และแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกับเรื่ อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม
5. พูดและเขียนบรรยายความรู ้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่ องต่างๆ
กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 1.3: นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่ องต่างๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตัวชี้วดั 1. พูดและเขียนนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่ อง และ
ประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสังคม
3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์
ทั้งในท้องถิ่น สังคม และโลก พร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ
มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
522
ตัวชี้วดั 3. เข้าร่ วม แนะนา และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ตัวชี้วดั 1. อธิ บาย/เปรี ยบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สานวน
คาพังเพย สุ ภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
2. วิเคราะห์/อภิปรายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างวิถีชีวติ ความเชื่อ และ
วัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนาไปใช้อย่างมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชี้วดั 1. ใช้ภาษาสื่ อสารในสถานการณ์จริ ง/สถานการณ์จาลองที่เกิดขึ้นในห้องเรี ยน
สถานศึกษา ชุมชน และสังคม
มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่ องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ
การแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้กบั สังคมโลก
ตัวชี้วดั 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสื บค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุ ปความรู ้/ข้อมูล
ต่างๆ จากสื่ อและแหล่งการเรี ยนรู ้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ
2. สาระการเรียนรู้
2.1 ทักษะเฉพาะวิชา
Language features and functions
Vocabulary: คาศัพท์เกี่ยวกับข่าว ภัยพิบตั ิ หนังสื อพิมพ์ รายการทีวี และภาพยนตร์
Language skills
Listening: ฟังเพื่อหาข้อมูลจาเพาะ, ฟังและจดบันทึกย่อ
Speaking: สนทนาเกี่ยวกับรายการทีวแี ละภาพยนตร์
Writing: เขียนรายงานข่าวเกี่ยวกับภัยพิบตั ิ, เขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์
3. สมรรถนะสาคัญของผู้เรี ยน
3.1 ความสามารถในการสื่ อสาร
3.2 ความสามารถในการคิด
3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่ อสาร 3.2.2 ทักษะการนาความรู ้ไปใช้
3.3 ความสามารถในการใช้ ทักษะชีวติ
523
4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
5. กิจกรรมการเรียนรู้
The news
1. ครู บอกจุดประสงค์การเรี ยนรู ้ของ Unit 10b ว่า เป็ นการเรี ยนรู ้คาศัพท์เกี่ยวกับข่าวภัยพิบตั ิ
หนังสื อพิมพ์ รายการทีวี และภาพยนตร์
2. ครู อ่านพาดหัวข่าว (headlines) และหมวดข่าวในหนังสื อพิมพ์ (the newspaper sections) ใน
หนังสื อเรียน หน้ า 96 Ex.1a แล้วอธิ บายคาศัพท์ที่นกั เรี ยนไม่รู้ จากนั้นอ่านคาสั่งและอธิ บาย
ภาระงานให้นกั เรี ยนฟัง แล้วจึงให้นกั เรี ยนทางานคู่ จับคู่พาดหัวข่าวกับหมวดข่าวในหนังสื อพิมพ์
ที่ให้มา เสร็ จแล้วให้นกั เรี ยนช่วยกันคิดหมวดข่าวอื่นๆ ในหนังสื อพิมพ์
Suggested answer key: My favourite section is sports. I enjoy reading about sports
events. I never read the business section. I find it very boring and difficult to read.
524
3. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 96 Ex.1b แล้วให้นกั เรี ยนทางานคู่ ตอบคาถามที่
กาหนดให้ ซึ่ งถามว่านักเรี ยนซื้ อหนังสื อพิมพ์บ่อยแค่ไหน หนังสื อพิมพ์ที่ซ้ื อเป็ นแบบรายวันหรื อ
รายสัปดาห์ เป็ นหนังสื อพิมพ์ขนาดเล็กซึ่ งมักจะเป็ นข่าวของบุคคลที่มีชื่อเสี ยง (tabloid) หรื อ
หนังสื อพิมพ์ที่เสนอข้อมูลข่าวสารที่จริ งจัง (broadsheet)
กิจกรรมเพิม่ เติม
ให้นกั เรี ยนจดรายชื่อหนังสื อพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ tabloid และ broadsheets ที่จดั จาหน่ายใน
ประเทศไทย
4. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 96 Ex.2 แล้วเปิ ด CD 3/track 15 ให้นกั เรี ยนฟัง 2 ครั้ง
และจับคู่ชื่อคนกับหมวดข่าวในหนังสื อพิมพ์ (the newspaper sections) ที่พวกเขาพูดถึง
Lyn/classifieds Stacey/horoscopes
Bob/crossword Tony/letters to the editor
กิจกรรมเพิม่ เติม
ให้นกั เรี ยนหาคาศัพท์ที่ใกล้เคียงกันนี้ในพาดหัวข่าวของหนังสื อพิมพ์ไทย
525
6. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 96 Ex.3b แล้วให้นกั เรี ยนทางานคู่ หาคาศัพท์ใน Ex.3a
ได้แก่ quit, bid, cut, back, hit, talks, key จากพาดหัวข่าว ใน Ex.1a จากนั้นให้นกั เรี ยนเขียนพาดหัว
ข่าวดังกล่าวใหม่ โดยไม่ใช้คาศัพท์เหล่านี้
กิจกรรมเพิม่ เติม
ให้นกั เรี ยนรวบรวมพาดหัวข่าวจากหนังสื อพิมพ์ภาษาอังกฤษหลาย ๆ ฉบับ แล้วนาเสนอที่หน้าชั้น
โดยอธิ บายพาดหัวข่าวดังกล่าวและบอกว่ามาจากหมวดใดของหนังสื อพิมพ์
Disasters
1. ครู อ่านพาดหัวข่าวในหนังสื อเรียน หน้ า 96 Ex.4a และอธิ บายภาระงานให้นกั เรี ยนฟัง จากนั้นให้
นักเรี ยนทางานคู่ ตอบคาถามที่กาหนดให้ ซึ่ งถามว่าแต่ละพาดหัวข่าว (1-6) ที่ให้มากล่าวถึงภัยพิบตั ิ
ใดบ้าง และภัยพิบตั ิดงั กล่าวเป็ นภัยพิบตั ิจากธรรมชาติ หรื อจากมนุษย์ เสร็ จแล้วให้นกั เรี ยนช่วยกัน
บอกภัยพิบตั ิอื่นๆ เพิ่มเติม
526
1. earthquake: natural disaster
2. flood: natural disaster
3. famine: natural and/or man-made disaster
4. forest fire: man-made disaster
5. volcanic eruption: natural disaster
6. gas explosion: man-made disaster
Other disasters:
Natural disasters: drought, hurricane, tornado, tsunami, hailstorm, tornado, landslide,
typhoon/cyclone, etc.
Man-made disasters: plane/train crash, multi-car pile up, war, city fire, gas leak, etc.
527
กิจกรรมเพิม่ เติม Active Learning สู่ สมรรถนะ
Active Learning
528
2. ครู อ่านข้อมูลในตารางในหนังสื อเรียน หน้ า 96 Ex.4b แล้วอธิบายคาศัพท์ที่นกั เรี ยนไม่รู้ จากนั้น
อธิบายภาระงาน แล้วเปิ ด CD 3/track 16 ซึ่ งเป็ นรายงานข่าววิทยุให้นกั เรี ยนฟังและเติมข้อมูลที่ขาด
หายไปลงในช่องว่าง ครู เฉลยคาตอบด้วยการเปิ ด CD อีกครั้ง โดยหยุดเป็ นระยะๆ เสร็ จแล้วครู ถาม
นักเรี ยนว่ารายงานข่าวที่ได้ฟังนี้ตรงกับพาดหัวข่าวใดใน Ex.4a
It matches headline 2.
Where? Upton When? Tuesday
What happened? Banks; flooded Resulted: a hundred
Action taken: army, sandbags, sure
3. ให้นกั เรี ยนทากิจกรรมในหนังสื อเรียน หน้ า 96 Ex.4c โดยสมมติวา่ ตนเองเป็ นผูอ้ ่านข่าวของ
สถานี โทรทัศน์ทอ้ งถิ่น แล้วเขียนรายงานข่าวเหตุการณ์น้ าท่วมที่เกิดขึ้นใน Ex.4b ครู ให้เวลานักเรี ยน
ในการเขียนรายงานและจับคู่กบั เพื่อนเพื่อฝึ กซ้อมการอ่านข่าวดังกล่าว ครู เดินสังเกตการทางานของ
นักเรี ยนในชั้น และให้ความช่วยเหลือในกรณี ที่จาเป็ น จากนั้นสุ่ มเลือกนักเรี ยนให้ออกมารายงานข่าว
หรื อครู อาจให้นกั เรี ยนเตรี ยมการรายงานข่าวที่บา้ น แล้วออกมานาเสนอที่หน้าชั้นในคาบเรี ยนถัดไป
โดยให้นกั เรี ยนในชั้นช่วยกันลงคะแนนเสี ยงเลือกคนที่อ่านข่าวได้ดีที่สุด
529
ของเหตุการณ์ดงั กล่าวร่ วมกัน เสร็ จแล้วครู มอบหมายให้นกั เรี ยนกลับไปเขียนรายงานข่าวเป็ น
การบ้าน โดยใช้ขอ้ มูลใน Ex.4b ช่วยในการเขียน
5. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 97 Ex.5 แล้วให้นกั เรี ยนทางานคู่ จับคู่คานามที่ให้มาจาก
ทั้ง 2 คอลัมน์ เพื่อทาให้เป็ นคานามประสม (compound nouns) จากนั้นให้นกั เรี ยนใช้คานามประสม
ดังกล่าวเติมลงในช่องว่างในประโยค 1-6
กิจกรรมเพิม่ เติม
ครู ถามคาถามนักเรี ยนและเปิ ดโอกาสให้นกั เรี ยนได้อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันดังนี้
- เวลาฟังข่าว นักเรี ยนเชื่ อทันทีหรื อไม่ เพราะเหตุใด
- นักเรี ยนเคยรับรู ้ข่าวสารที่เป็ นปั ญหาต่อสังคมและรู ้สึกอย่างไร
- นักเรี ยนมีแนวทางในการรับรู ้ข่าวสารอย่างไรที่ช่วยให้รู้เท่าทันสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
TV guide
1. ครู อ่านข้อมูลใน TV guide ที่ให้มาในหนังสื อเรียน หน้ า 97 Ex.6a แล้วให้นกั เรี ยนช่วยกันบอก
รายการทีวปี ระเภทอื่นๆ เช่น documentary, reality show, quiz เป็ นต้น จากนั้นให้นกั เรี ยนช่วยกัน
บอกคา/วลีที่จาเป็ นสาหรับบอกสิ่ งที่ชอบหรื อไม่ชอบ แล้วครู เขียนคา/วลีเหล่านี้บนกระดาน
- Expressing likes: I quite fancy it. – That’s good idea. – OK, then.
- Expressing dislikes: I don’t think so. – It’s not my style. – I don’t think so.
- I don’t really enjoy watching.....etc.
ครู อธิ บายคาศัพท์ที่นกั เรี ยนไม่รู้ใน TV guide และอธิบายภาระงานให้นกั เรี ยนฟัง จากนั้นครู เลือก
นักเรี ยน 2 คน ให้อ่านบทสนทนาที่ให้มา แล้วจึงให้นกั เรี ยนทางานคู่ แต่งบทสนทนาเกี่ยวกับ
รายการทีวเี หมือนดังตัวอย่าง เสร็ จแล้วสุ่ มเรี ยกนักเรี ยน 2-3 คู่ ให้ออกมานาเสนอที่หน้าชั้น
530
กิจกรรมเพิม่ เติม
ให้นกั เรี ยนแต่งบทสนทนาเกี่ยวกับรายการ TV ในประเทศไทย
Cinema
1. ให้นกั เรี ยนทากิจกรรมในหนังสื อเรียน หน้ า 97 Ex.7a โดยให้เวลานักเรี ยน 1 นาที ทางานคู่ ระดม
ความคิดคาศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ ให้ได้มากที่สุด ครู รวบรวมคาตอบจากนักเรี ยน และเขียน
คาตอบดังกล่าวบนกระดาน
531
Suggested answer key:
A: …with a funny, well-written script.
B: Is the film recommended?
A: Yes. It says it’s a film well worth watching.
B: OK then. Where is the film on?
A: At the Odeon.
B: And what time does it start?
A: At 7:45.
B: We’d better hurry up, then.
3. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 97 Ex.8 หัวข้ อ Project โดยให้นกั เรี ยนจับคู่สนทนากัน
เกี่ยวกับภาพยนตร์ ที่นกั เรี ยนเคยดู ครู สังเกตการทางานของนักเรี ยน จากนั้นครู ขออาสาสมัครออกมา
พูดเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่ตนเองชอบที่หน้าชั้นเรี ยน หรื อครู อาจให้นกั เรี ยน 1 คน ออกมาพูดเกี่ยวกับ
ภาพยนตร์ เรื่ องหนึ่ง โดยไม่เอ่ยถึงชื่อเรื่ อง แล้วให้เพื่อนๆ ในห้องช่วยกันทายชื่อเรื่ อง
ต่อมาครู มอบหมายให้นกั เรี ยนเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์ ที่นกั เรี ยนเพิ่งได้ไปดูมาเมื่อเร็ วๆ นี้ โดยใน
ชั้นเรี ยนเด็กอ่อน ครู มอบให้นกั เรี ยนเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์ ส้ นั ๆ ตามประเด็นที่กาหนดให้ ส่ วน
ในชั้นเรี ยนเด็กเก่ง ครู ให้นกั เรี ยนเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์ ขนาดความยาว 120-180 คา เพื่อนามา
ลงในนิตยสารของโรงเรี ยน โดยครู ช่วยนักเรี ยน ด้วยการให้โครงสร้างในการเขียน ดังนี้
Introduction
(Para 1) Background information
What is the title of the film?
Who plays the hero of the story?
What type of film is it?
Where is it set?
Main Body
(Para 2) Main points of the plot
How does the story begin?
Who are the leading characters?
What are the most important points of the story?
(Para 3) General Comments
What can you say about the cast/special effects/scenes?
Conclusion
(Para 4) Recommendation
Why did you like the film?
Would you recommend it to other people?
532
Suggested answer key
Para 1 - The title of the film is Spider-Man. Tobey Maguire plays the hero of the story.
It is an action-adventure film. It is set in New York.
Para 2 - The story begins by showing how Peter Parker gets his super powers.
The leading characters are Peter Parker/Spider-Man, Mary Jane and the Green Goblin.
The most important points of the story are Peter trying to deal with his new powers
and how he uses them to save New York from the Green Goblin.
Para 3 - The film is well cast. It has exciting special effects.
Para 4 - It was exciting, enjoyable and funny. I would definitely recommend it.
Spider-Man is the latest comic book superhero to be brought to life on the big screen. This
exciting action-adventure film is set in New York City. Spider-Man was directed by Sam Raimi and
stars Tobey Maguire as Peter Parker/Spider-Man.
When schoolboy, Peter Parker is bitten by a genetically modified spider and his life changes
forever. Not only does his strength and eyesight improve dramatically, but he soon discovers that he
can climb walls and shoot webs from his wrists. It isn’t long before Peter becomes Spider-Man and
decides to use his new powers to fight crime and save New York from the evil Green Goblin.
The film is very well cast. Maguire is perfect as the hero and Willem Dafoe makes an
excellent villain. The special effects are brilliant, especially the scenes where Spiderman swings
effortlessly between New York’s skyscrapers.
The film was exciting and funny, and I would recommend it to anyone, even those who
aren’t fans of the original comic. If you’re looking for something light, fast and funny this weekend,
then this is the film for you.
4. ให้นกั เรี ยนเล่นเกมในหนังสื อเรียน หน้ า 97 หัวข้ อ Game: Charades โดยครู นึกชื่อภาพยนตร์หรื อ
รายการทีวมี า 1 ชื่อ แล้วระบุวา่ ในชื่อนี้มีคากี่คา เช่น Lion King มี 2 คา แล้วแสดงท่าทางใบ้คาศัพท์
แต่ละคาที่อยูใ่ นชื่อเรื่ อง เช่น Lion King ครู ก็จะแสดงท่าทางใบ้คาของคาว่า lion และ king เพื่อให้
นักเรี ยนทาย นักเรี ยนคนใดที่ทายถูก ครู ให้นกั เรี ยนคนนั้นออกมาเป็ นผูใ้ บ้คาแทนครู แล้วเริ่ มเล่น
เกมต่อไป
Literature Corner 3 (Unit 10) หนังสื อเรี ยน หน้า 116-117
533
Unit 10c Grammar in use
1. มาตรฐานการเรียนรู้ /ตัวชี้วดั
534
ตัวชี้วดั 1. ใช้ภาษาสื่ อสารในสถานการณ์จริ ง/สถานการณ์จาลองที่เกิดขึ้นในห้องเรี ยน
สถานศึกษา ชุมชน และสังคม
มาตรฐาน ต 4.2: ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่ องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ
การแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้กบั สังคมโลก
ตัวชี้วดั 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสื บค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุ ปความรู ้/ข้อมูล
ต่างๆ จากสื่ อและแหล่งการเรี ยนรู ้ต่างๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ
2. เผยแพร่ /ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรี ยน ชุมชน และท้องถิ่น/
ประเทศชาติ เป็ นภาษาต่างประเทศ
2. สาระการเรียนรู้
2.1 ทักษะเฉพาะวิชา
Language features and functions
Grammar: future perfect simple, future perfect continuous, linkers, quantifiers
(either/neither, although, both, all, none), prepositions
Vocabulary: phrasal verbs (take, turn, stand), ตัวย่อ (abbreviations)
3. สมรรถนะสาคัญของผู้เรี ยน
3.1 ความสามารถในการสื่ อสาร
3.2 ความสามารถในการคิด
3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่ อสาร 3.2.2 ทักษะการวิเคราะห์
3.2.3 ทักษะการนาความรู ้ไปใช้
4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
5. กิจกรรมการเรียนรู้
Future perfect
1. ครู บอกจุดประสงค์การเรี ยนรู ้ของ Unit 10c ว่า นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้และฝึ กฝนการใช้ future perfect,
linkers, quantifiers, prepositions, phrasal verbs (take, turn, stand) ตัวย่อ (abbreviations) และการ
ทาข้อสอบแบบ open cloze
535
2. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 98 Ex.1 และอ่านประโยคที่ให้มา จากนั้นให้นกั เรี ยนตอบ
คาถามที่กาหนดให้
- Which is used to describe an action that will be finished before a stated future
time? (ประโยคใดที่ใช้เพื่อกล่าวถึงการกระทาที่จะเสร็ จสิ้ นก่อนเวลาที่ระบุไว้ในอนาคต)
- Which is used to emphasise the duration of an action up to a certain point in the future?
(ประโยคใดที่ใช้เพื่อเน้นช่วงเวลาซึ่ งการกระทาหนึ่งดาเนินต่อเนื่องมาจนถึงจุดเวลาหนึ่งใน
อนาคต)
The first sentence emphasised the duration of an action up to a certain point in the
future.
The second sentence describes an action will be completed before a stated future time.
เสร็ จแล้วเฉลยคาตอบพร้อมกัน
3. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 98 Ex.2a แล้วอ่านตัวอย่างคาตอบที่ให้มา จากนั้นให้
นักเรี ยนทางานคู่ แต่งประโยคบอกถึงสิ่ งที่ Rachel หวังไว้วา่ จะทาให้สาเร็ จก่อนอายุ 30 ปี ครู อาจ
ช่วยเหลือนักเรี ยนด้วยการถามนักเรี ยนว่า โครงสร้างประโยคใดที่เราใช้เพื่อกล่าวถึงการกระทาที่จะ
เสร็ จสิ้ นก่อนเวลาที่ระบุไว้ในอนาคต
เมื่อได้คาตอบว่า will have + กริยาช่ องที่ 3 (future perfect) แล้ว ครู ให้เวลานักเรี ยนทางาน เสร็ จแล้ว
จึงตรวจคาตอบของนักเรี ยน
Rachel hopes she will have become a famous cellist by the time she is thirty years old.
Rachel hopes she will have played in big orchestras by the time she is thirty years old.
Rachel hopes she will have played with other great musicians by the time she is
thirty years old.
Rachel hopes she will have given concerts around the world by the time she is thirty
years old.
536
Suggested answer key:
I hope I will have bought a sports car by the time I am thirty years old.
I hope I will have found a good job by the time I am thirty years old. etc.
By the end of the year, Luke will have been driving a taxi for six years.
By the end of the year, Sam will have been studying Computer Science for eighteen
months.
By the end of the year, Stella will have been working as a florist for two years.
กิจกรรมเพิม่ เติม
ให้นกั เรี ยนแต่งประโยคคล้ายๆ กันนี้เกี่ยวกับตัวนักเรี ยนเอง
537
Suggested answer key:
1. I think they will have invited a hover car in twenty years’ time.
2. I think that a woman will have been elected president of the United States of
America in twenty years’ time.
3. I don’t think scientists will have cured all major diseases in twenty years’ time.
4. I don’t think a global currency will have been adopted by so many countries in
twenty years’ time.
กิจกรรมเพิม่ เติม
ให้นกั เรี ยนทาแบบสารวจถามความคิดเห็นว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในอีก 20 ปี ข้างหน้า เสร็ จ
แล้วแปลงข้อมูลให้อยูใ่ นรู ปร้อยละ (percentages) และนาเสนอในรู ปกราฟ
7. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 98 Ex.5 แล้วให้นกั เรี ยนทางานคู่ เปลี่ยนคากริ ยาในวงเล็บ
ให้อยูใ่ นรู ป future perfect simple หรื อ continuous เสร็ จแล้วตรวจคาตอบของนักเรี ยน
Linkers
1. ครู อ่านและอธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 98 Ex.6 จากนั้นศึกษาตัวอย่างที่ให้มาร่ วมกัน
แล้วให้นกั เรี ยนระบุคาที่พิมพ์ตวั หนาในตัวอย่างว่าแสดงถึงความขัดแย้ง (contrast) การเพิ่มข้อมูล
แบบคล้อยตามกันในเชิงบวก (positive addition) หรื อการเพิ่มข้อมูลแบบคล้อยตามกันในเชิงลบ
(negative addition) ครู ให้นกั เรี ยนยกตัวอย่างคาในแต่ละหมวดเพิ่มเติม แล้วเขียนคาตอบของ
นักเรี ยนบนกระดาน เสร็ จแล้วจึงให้นกั เรี ยนจดบันทึกลงสมุด
538
2. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 98 Ex.7 แล้วสุ่ มเรี ยกให้นกั เรี ยนอ่านประโยค 1-6 จากนั้น
ให้นกั เรี ยนจับคู่กนั เชื่ อมประโยคที่ให้มาในแต่ละข้อด้วยคาที่พิมพ์ตวั หนา ครู อนุญาตให้นกั เรี ยน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก Grammar reference ในหนังสื อเรี ยน หน้า 135 ได้ เสร็ จแล้วครู ตรวจคาตอบ
2. Despite the fact that the play opens next week, Nick isn’t at rehearsals.
3. The film is excellent. Furthermore, the special effects are stunning.
4. Neither Stuart nor Mary plays the guitar.
5. Besides being a very talented actor, he is a good singer.
6. The article was very interesting. However, the writer was a little biased.
1. b 2. c 3. b 4. c 5. a
6. c 7. a 8. a 9. a 10. c
Quantifiers
1. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 99 Ex.9a แล้วให้นกั เรี ยนทางานคู่ ขีดเส้นใต้เลือก
quantifiers (คาแสดงปริ มาณ) ที่ถูกต้อง
539
Suggested answer key:
Both B and E have exciting stories.
Both D and E have great special effects.
None of the films is in a thriller.
All of the films have interesting characters.
Neither A nor F have romantic endings.
A is both an animated film and a comedy.
Propositions
1. ครู อธิบายว่าให้นกั เรี ยนศึกษาข้อมูลใน Appendix 1 ในหนังสื อเรี ยน หน้า 140 ตัวอักษร W ก่อน
เพื่อทากิจกรรมในหนังสื อเรียน หน้ า 99 Ex.10a จากนั้นจึงให้เวลานักเรี ยนเติม prepositions ลงใน
ช่องว่าง เพื่อทาให้เป็ นวลีที่ถูกต้อง
2. ครู อธิ บายว่าวลีในหนังสื อเรียน หน้ า 99 Ex.10b มาจากบทอ่านในหนังสื อเรี ยน หน้า 94-95
ครู อธิบายคาตอบในข้อ 1 ให้นกั เรี ยนดูเป็ นตัวอย่าง จากนั้นให้นกั เรี ยนจับคู่ เติมคาบุพบทลงใน
ช่องว่างที่เหลือ เสร็ จแล้วครู ตรวจคาตอบ แล้วให้นกั เรี ยนเลือกวลีมา 5 วลี เพื่อแต่งประโยค หรื อให้
นักเรี ยนกลับไปแต่งประโยคเป็ นการบ้าน สุ ดท้ายครู แนะนาให้นกั เรี ยนท่องจาวลีเหล่านี้
1. on 2. of 3. on 4. about 5. in
6. of 7. at 8. of 9. for 10. for/to
540
Suggested answer key:
1. I don’t like reading articles on a computer screen. I prefer to hold them in my hands.
2. Sarah is thinking about studying Art and Design at college.
3. Young babies aren’t capable of feeding themselves.
4. There is a lack of sports facilities at my school.
5. Our public library caters for all ages.
Open cloze
ให้นกั เรี ยนทากิจกรรมในหนังสื อเรียน หน้ า 100 Ex.11 ขั้นก่อนอ่าน โดยทาเป็ นคู่ เขียนรายชื่อข่าว
ภายในประเทศในรอบสัปดาห์น้ ี 5 ข่าว แล้วเรี ยงลาดับข่าวเหล่านี้ตามลาดับความสาคัญ จากนั้นให้
นักเรี ยนแต่ละคู่เปรี ยบเทียบคาตอบของตนเองกับเพื่อนๆ ในชั้น
จากนั้นให้นกั เรี ยนอ่านชื่อเรื่ องของบทอ่าน และครู อธิบายความหมายของชื่อเรื่ อง (Hot off the press
means that something has just been published.) จากนั้นให้นกั เรี ยนอ่านบทอ่านแบบ skimming
อย่างรวดเร็ ว เพื่อจับใจความสาคัญ ครู ทาข้อ 1 ร่ วมกับนักเรี ยนเพื่อเป็ นตัวอย่าง โดยให้นกั เรี ยน
พิจารณาคาที่อยูก่ ่อนหน้าและหลังของช่องว่าง เพื่อตัดสิ นใจว่าคาที่ขาดหายไปน่าจะเป็ นคาชนิดใด
จากนั้นจึงให้นกั เรี ยนจับคู่ช่วยกันทาข้อที่เหลือ เสร็ จแล้วครู เฉลยคาตอบบนกระดาน
541
ให้นกั เรี ยนทากิจกรรมขั้นหลังอ่าน โดยให้นกั เรี ยนค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหนังสื อพิมพ์ฉบับแรกใน
ประเทศไทย เช่น หนังสื อพิมพ์ชื่ออะไร เริ่ มต้นเมื่อใด เป็ นหนังสื อประเภทไหน เสร็ จแล้วให้
นักเรี ยนนาเสนอข้อมูลที่พบในคาบเรี ยนถัดไป
Phrasal verbs
1. ครู อธิ บายว่าในการทากิจกรรมในหนังสื อเรียน หน้ า 100 Ex.12 ให้นกั เรี ยนศึกษากริ ยาวลีใน
หนังสื อเรี ยน หน้า 144 Appendix 2 ก่อน จากนั้นครู ให้นกั เรี ยนช่วยกันบอกกริ ยาวลีที่มาจาก
คากริ ยา stand, take หรื อ turn แล้วครู เขียนคาตอบของนักเรี ยนบนกระดาน ครู กระตุน้ ให้นกั เรี ยน
ช่วยกันบอกความหมายของกริ ยาวลีเหล่านี้ ด้วยการยกตัวอย่างประโยค ต่อมาครู ให้นกั เรี ยนอ่าน
ประโยคที่ 1 พร้อมกัน และอธิ บายกริ ยาวลีในข้อนี้วา่ หมายความว่าอย่างไร แล้วจึงให้นกั เรี ยนจับคู่
ทาข้อที่เหลือ เสร็ จแล้วครู ตรวจคาตอบ แล้วแนะนาให้นกั เรี ยนท่องจากริ ยาวลีเหล่านี้
542
กิจกรรมเพิม่ เติม
Grammar reference:
- Future perfect เราใช้ future perfect (will have + past particle)
สาหรับการกระทาซึ่ งจะเสร็ จสิ้ นก่อนเวลาที่ระบุไว้ในอนาคต
ตัวอย่างเช่น I will have graduated by the end of this year.
คา/วลีบ่งบอกเวลาที่ใช้ร่วมกับ future perfect ได้แก่ before, by, by then, by the time, until/till
(only in negative sentences)
- Future perfect continuous เราใช้ future perfect continuous (will have been + verb -ing)
เพื่อใช้กล่าวเน้นถึงความต่อเนื่องของการกระทามาจนถึงเวลาที่ระบุไว้อย่างแน่นอนใน
อนาคต โดยใช้คาดังต่อไปนี้ by ... for
ตัวอย่างเช่น By the end of May, Luke will have been living in Manchester
for five years.
Linking words
Linking words ใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างประโยคหรื อบางส่ วนของประโยค
- แสดงการเพิ่มข้อมูลที่คล้อยตามกันในเชิงบวก ได้แก่ and, both … and, too, besides
(this/that), moreover, what is more, in addition (to), also, as well as (this/that),
furthermore, etc.
ตัวอย่างเช่น The assistant was both friendly and helpful.
- แสดงการเพิ่มข้อมูลคล้อยตามกันในเชิงลบ ได้แก่ neither (... nor), nor, neither, either,
etc.
ตัวอย่างเช่น Neither Sam nor I went to the meeting.
- แสดงความขัดแย้ง ได้แก่ but, although, in spite of, despite, while, whereas, however,
543
even though, on the other hand, yet, still, etc.
ตัวอย่างเช่น Even though we played very well, we still lost the match.
- แสดงตัวอย่าง ได้แก่ such as, like, for example, for instance, especially, in particular,
etc.
ตัวอย่างเช่น The weather has been excellent this week. Saturday
in particular was very hot and sunny.
- แสดงเหตุ/ผล ได้แก่ as, because, because of, since, for this reason, due to, so, as a result
(of), etc.
ตัวอย่างเช่น He had to take the bus because his car had broken down.
- แสดงเงื่อนไข ได้แก่ if, whether, only if, in case of, in case, provided (that), providing
(that), unless, as/so long as, otherwise, or (else), on condition (that), etc.
ตัวอย่างเช่น Amy’s dad said she could go to the party as long as she was
home by 11 o’clock.
- แสดงจุดประสงค์ ได้แก่ to, so that, so as (not) to, in order (not) to, in order that, in case, etc.
ตัวอย่างเช่น Dan went to the bank to get some money.
- แสดงผล ได้แก่ such/so … that, so, consequently, as a result, therefore, for this reason, etc.
ตัวอย่างเช่น She doesn’t really like her flat so she is looking for somewhere
else to live.
- แสดงเวลา ได้แก่ when, whenever, as, as soon as, while, before, until/till, after, since, etc.
ตัวอย่างเช่น We’ll go out as soon as you get here.
- แสดงข้อยกเว้น ได้แก่ except (for), apart from, etc.
ตัวอย่างเช่น I’ve paid all of the bills except for the electricity.
- สรรพนามเชื่ อมความ ได้แก่ who, whom, whose, which, what, that
ตัวอย่างเช่น That’s the girl who works in the bookshop.
Listing points/events
- เริ่ มต้น ได้แก่ initially, first, at first, firstly, to start/begin with, first of all, etc.
ตัวอย่างเช่น First, he packed his suitcase.
- ดาเนิ นต่อไป ได้แก่ secondly, after this/that, second, afterwards, then, next, etc.
ตัวอย่างเช่น Next, he called for a taxi.
- สุ ดท้าย ได้แก่ finally, lastly, in the end, at last, eventually, etc.
ตัวอย่างเช่น Eventually, we left for the station.
544
- สรุ ป ได้แก่ in conclusion, in summary, to sum up, on the whole, all in all, altogether,
in short, etc.
ตัวอย่างเช่น All in all, it was one of the best holidays of my life.
Both/Neither – All/None - Either
- Both ใช้กล่าวถึงคน 2 คน สิ่ งของ 2 สิ่ ง หรื อกลุ่ม 2 กลุ่ม Both จะมีความหมายในเชิงบวก
และตามด้วยคากริ ยาในรู ปพหูพจน์ (a plural verb)
ตัวอย่างเช่น Both men used to live in Brighton.
- Neither ใช้กล่าวถึงคน 2 คน สิ่ งของ 2 สิ่ ง หรื อกลุ่ม 2 กลุ่ม Neither จะมีความหมายใน
เชิงลบ และตามด้วยคานามนับได้ในรู ปเอกพจน์ (a singular countable noun)
อย่างไรก็ตามโครงสร้าง Neither of + plural noun phrase สามารถตามด้วยคากริ ยาในรู ป
เอกพจน์หรื อพหูพจน์ (a singular or plural verb) ก็ได้ แต่จะต้องอยูใ่ นรู ปบอกเล่า
ตัวอย่างเช่น Neither shop had the CD I was looking for.
Neither of them has/have been to Paris before.
- All ใช้กล่าวถึงคน สิ่ งของ หรื อกลุ่มที่มากกว่า 2 ขึ้นไป All มีความหมายในเชิงบวก และ
จะตามด้วยคากริ ยาในรู ปพหู พจน์
ตัวอย่างเช่น All of the rooms have en suite bathrooms and air conditioning.
- Both/All สามารถตามหลัง verb to be หรื อ กริ ยาช่วยก็ได้ แต่จะต้องอยูห่ น้ากริ ยาแท้
ตัวอย่างเช่น They are both/all very tired.
They have all/both been working very hard.
- Whole ใช้ร่วมกับคานามนับได้ที่เป็ นเอกพจน์ เราใช้โครงสร้างดังนี้
a/the/this/my etc. + whole + noun. Whole จะไม่ใช้กบั คานามนับไม่ได้
ตัวอย่างเช่น She ate the whole pizza.
She ate all of the pizza.
She spent all of her money.
ไม่ใช่ She spent the whole of her money.
- All + day/morning/week/year etc. มีความหมายเท่ากับ the whole + day/morning/week/
year etc.
ตัวอย่างเช่น She’s been working in the restaurant all morning/the whole
morning.
545
- None of ใช้กล่าวถึงคน กลุ่ม หรื อสิ่ งของ 2 หรื อมากกว่า 2 ขึ้นไป มีความหมายในเชิงลบ
None of ใช้ร่วมกับคานามหรื อสรรพนามในรู ปกรรม (object pronouns) และตามด้วย
คากริ ยาในรู ปเอกพจน์หรื อพหู พจน์ก็ได้
ตัวอย่างเช่น None of the islands is/are inhabited.
- Either ใช้กล่าวถึงคน 2 คน สิ่ งของ 2 สิ่ ง หรื อกลุ่ม 2 กลุ่ม Either จะตามด้วยคานามนับได้
ที่เป็ นเอกพจน์ (a singular countable) อย่างไรก็ตามโครงสร้าง either of + plural noun
phrase สามารถตามด้วยคากริ ยาในรู ปเอกพจน์หรื อพหู พจน์ก็ได้
ตัวอย่างเช่น Either dress is fine. Either of the dresses is/are fine.
เราสามารถใช้ not … either (of) แทนที่ neither (of) ได้ และ Either ยังสามารถวางไว้ที่
ท้ายสุ ดของประโยคปฏิเสธได้
ตัวอย่างเช่น “I have never seen Andy’s flat.” “I have never seen it either.”
- Both ... and จะตามด้วยคากริ ยาในรู ปพหูพจน์
ตัวอย่างเช่น Both Rob and John go to the café every day.
Neither … nor/Either … or จะตามด้วยคากริ ยาในรู ปเอกพจน์หรื อพหู พจน์ก็ได้
ตัวอย่างเช่น Neither Italy nor Spain is/are going to sign the treaty.
546
Unit 10d Listening & Speaking skills
1. มาตรฐานการเรียนรู้ /ตัวชี้วดั
547
2. สาระการเรียนรู้
2.1 ทักษะเฉพาะวิชา
Language features and functions
Intonation: ออกเสี ยงเน้นหนัก-เบา
Language skills
Listening: ฟังและจดบันทึกย่อ
Speaking: พูดวางแผนนัดหมาย, พูดข่าวซุ บซิ บ, พูดให้เหตุผลแก้ตวั
3. สมรรถนะสาคัญของผู้เรี ยน
3.1 ความสามารถในการสื่ อสาร
3.2 ความสามารถในการคิด
3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่ อสาร 3.2.2 ทักษะการนาความรู ้ไปใช้
3.2.3 ทักษะการสังเกต
4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
4.1 มีวนิ ยั 4.2 มุ่งมัน่ ในการทางาน
5. กิจกรรมการเรียนรู้
Open cloze
1. ครู บอกจุดประสงค์การเรี ยนรู ้ของ Unit 10d นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้และฝึ กฝนเกี่ยวกับการพูดข่าว
ซุบซิบ วางแผนนัดหมาย ให้เหตุผลแก้ตวั และการฟังและจดบันทึกย่อ
2. ให้นกั เรี ยนทากิจกรรมขั้นก่อนฟัง นึกถึงภัยพิบตั ิ 3 อย่าง แล้วช่วยกันบอกวิธีการปฏิบตั ิตวั เพื่อให้
ปลอดภัยขณะเกิดภัยพิบตั ิดงั กล่าว จากนั้นครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 101 Ex.1 และ
อ่านข้อความที่ให้มา แล้วให้นกั เรี ยนช่วยกันพิจารณาว่าข้อมูลที่ขาดหายไปในช่องว่าง 1-10 น่าจะ
เป็ นข้อมูลหรื อคาชนิดใด ครู อธิ บายว่ากิจกรรมนี้เป็ นการฝึ กจดบันทึกย่อ (a note-taking exercise)
และนักเรี ยนจาเป็ นต้องฟังอย่างตั้งใจเพื่อจับประเด็นสาคัญ ครู ให้ขอ้ มูลนักเรี ยนว่าในแต่ละช่องว่าง
ไม่ควรเติมคาเกิน 3 คา
ต่อมาครู เปิ ด CD 3/track 17 ให้นกั เรี ยนฟัง และเติมข้อมูลที่ขาดหายไป จากนั้นครู เปิ ด CD อีกครั้ง
เพื่อให้นกั เรี ยนตรวจทานคาตอบของตนเอง ครู เตือนให้นกั เรี ยนพิจารณาดูคาตอบของตนเองว่ามี
548
ความเหมาะสมทั้งในด้านความหมายและโครงสร้างของประโยคหรื อไม่ แล้วจึงเฉลยคาตอบด้วย
การเปิ ด CD อีกครั้ง โดยหยุด CD ให้นกั เรี ยนเป็ นระยะๆ
กิจกรรมเพิม่ เติม
ให้นกั เรี ยนทาโปสเตอร์ เกี่ยวกับข้อควรปฏิบตั ิขณะที่เกิดภัยพิบตั ิ
Gossip
1. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 101 Ex.2a ว่าให้นกั เรี ยนฟังบทสนทนา แล้วระบุวา่
บทสนทนาใดที่พูดถึงคนที่รู้จกั ดี และบทสนทนาใดที่พูดถึงบุคคลที่มีชื่อเสี ยง จากนั้นครู เปิ ด CD
3/track 18 ให้นกั เรี ยนฟังและทากิจกรรม เสร็ จแล้วครู ตรวจคาตอบของนักเรี ยน
2. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 101 Ex.2b แล้วให้นกั เรี ยนอ่านบทสนทนา และระบุวา่ วลี
ที่พิมพ์ตวั หนาในบทสนทนา เป็ นการเล่าข่าวซุ บซิ บ หรื อพูดตอบข่าวซุ บซิ บ
เสร็ จแล้วครู ตรวจคาตอบของนักเรี ยน แล้วจึงให้นกั เรี ยนฝึ กซ้อมแสดงบทสนทนาเหล่านี้ ครู สุ่มเรี ยก
นักเรี ยน 1 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาที่หน้าชั้น
Phrases which pass on gossip: Did you hear that…; Guess what!;
I’ve got the most amazing news. You’ll never believe it…
Phrases which respond to gossip: Are you sure?; No, really!;
Tell me. I won’t tell a soul.
3. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 101 Ex.2c ว่าให้นกั เรี ยนใช้วลีที่พิมพ์ตวั หนาจาก Ex.2b
พูดซุบซิบตามสถานการณ์ที่ให้มา
- เพื่อนกาลังจะมีลูก
549
- เพื่อนบ้านกาลังจะออกรายการการแข่งขันตอบปั ญหาทางโทรทัศน์
จากนั้นครู สนทนากับนักเรี ยน 1 คน เพื่อเป็ นตัวอย่าง แล้วจึงให้นกั เรี ยนจับคู่กนั แสดงบทสนทนา
ครู ติดตามการทางานของนักเรี ยน เสร็ จแล้วให้นกั เรี ยน 3-4 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาที่หน้าชั้น
Intonation
ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 101 Ex.3 แล้วเปิ ด CD 3/track 19 ให้นกั เรี ยนฟัง
บทสนทนาสั้นๆ 3 บท โดยครู หยุด CD หลังจบแต่ละบทสนทนา เพื่อให้เวลานักเรี ยนขีดเส้นใต้
คาที่ออกเสี ยงเน้นหนัก ครู ตรวจคาตอบของนักเรี ยน แล้วเปิ ด CD ให้นกั เรี ยนฟังอีกครั้ง และให้
นักเรี ยนอ่านออกเสี ยงตาม
Making arrangements
1. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 101 Ex.4a ว่า ให้นกั เรี ยนฟังบทสนทนาและตอบคาถามว่า
ผูพ้ ูดจะพบกันเวลาใด จากนั้นครู เปิ ด CD 3/track 20 ให้นกั เรี ยนฟัง และตอบคาถามดังกล่าว
เสร็ จแล้วจึงตรวจคาตอบของนักเรี ยน
At six o’clock.
550
2. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 101 Ex.4b แล้วให้นกั เรี ยนทางานคู่ จับคู่ประโยค 1-5 กับ
a-e เพื่อทาให้เป็ นบทสนทนาที่ถูกต้อง เสร็ จแล้วครู ตรวจคาตอบของนักเรี ยนด้วยการขออาสาสมัคร
ให้อ่านบทสนทนาที่เรี ยงลาดับถูกต้องแล้ว
1. c 2. a 3. b 4. e 5. d
551
กิจกรรมเพิม่ เติม
ให้นกั เรี ยนสนทนาคล้ายๆ กันนี้ เกี่ยวกับเมืองของตัวเอง
Making excuses
1. ให้นกั เรี ยนทากิจกรรมในหนังสื อเรียน หน้ า 101 Ex.5a โดยครู เปิ ด CD 3/track 21 ให้นกั เรี ยนฟัง
แล้วตอบคาถามว่า Danny วางแผนไว้วา่ จะไปที่ไหน
To the cinema.
2. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 101 Ex.5b โดยให้นกั เรี ยนอ่านบทสนทนา แล้วเติมคา/วลี
ลงในช่องว่าง จากนั้นครู สุ่มเลือกนักเรี ยนให้อ่านบทสนทนาที่เติมคาสมบูรณ์แล้ว เพื่อเฉลยคาตอบ
552
เหมือนคนอังกฤษหรื อไม่ และในสถานการณ์ใดบ้างที่จาเป็ นต้องเคร่ งครัดเรื่ องเวลา เช่น การ
สัมภาษณ์งาน การเข้าเรี ยนในชั้นเรี ยน พร้อมทั้งอธิ บายเหตุผลประกอบว่าเพราะอะไร
553
Unit 10e Writing
1. มาตรฐานการเรียนรู้ /ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ต 1.2: มีทกั ษะการสื่ อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู ้สึก
และความคิดเห็นอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
ตัวชี้วดั 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่ องต่างๆ ใกล้ตวั ประสบการณ์
สถานการณ์ข่าว/เหตุการณ์ ประเด็นที่อยูใ่ นความสนใจของสังคม และสื่ อสารอย่าง
ต่อเนื่องและเหมาะสม
4. พูดและเขียนเพื่อขอและให้ขอ้ มูล บรรยาย อธิบาย เปรี ยบเทียบ และแสดงความ
คิดเห็นเกี่ยวกับเรื่ อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3: นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่ องต่างๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตัวชี้วดั 1. พูดและเขียนนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง/ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่ อง และ
ประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสังคม
มาตรฐาน ต 4.1: ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชี้วดั 1. ใช้ภาษาสื่ อสารในสถานการณ์จริ ง/สถานการณ์จาลองที่เกิดขึ้นในห้องเรี ยน
สถานศึกษา ชุมชน และสังคม
2. สาระการเรี ยนรู้
2.1 ทักษะเฉพาะวิชา
Language features and functions
Grammar: indirect questions
Language skills
Listening: ฟังและจดบันทึกย่อ
Reading: อ่านหาจุดผิดและแก้ไขให้ถูกต้อง, อ่านจับใจความสาคัญ
Writing: เขียน formal transactional letter/email
3. สมรรถนะสาคัญของผู้เรี ยน
3.1 ความสามารถในการสื่ อสาร
554
3.2 ความสามารถในการคิด
3.2.1 ทักษะการคิดที่ใช้ในการสื่ อสาร 3.2.2 ทักษะการนาความรู ้ไปใช้
3.2.3 ทักษะการตีความ
4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
4.1 มุ่งมัน่ ในการทางาน
5. กิจกรรมการเรียนรู้
Analysing the rubric
1. ครู บอกจุดประสงค์การเรี ยนรู ้ของ Unit 10e ว่า นักเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้วธิ ี การเขียน formal
transactional letter/email
2. ครู อ่านข้อความในหนังสื อเรียน หน้ า 102 หัวข้ อ Tip แล้วครู ช่วยอธิบายประเด็นที่ยากสาหรับ
นักเรี ยน
3. ให้นกั เรี ยนอ่านคาสั่งในการทางาน (rubric) ในหนังสื อเรียน หน้ า 102 Ex.1 แล้วขีดเส้นใต้คาสาคัญ
ครู ตรวจคาตอบและอ่านคาถาม 1-5 ที่ให้มา แล้วรวบรวมคาตอบจากนักเรี ยน
555
You are an author and you have received the following invitation. Write an
email accepting the invitation and ask for details regarding the location, time
and whether you can bring any guests with you.
Para2: I would be grateful if you could let me know the exact date of the event, …
I would be grateful if you could let me know if the location has changed.
I also need to know what time the event starts.
Para3: I was wondering if it would be possible to bring my daughter as my guest.
I would be grateful if you could let me know whether there will be any
vegetarian dishes on the menu.
- Has she included all the points? Yes
2. ให้นกั เรี ยนทางานคู่ ตอบคาถามที่กาหนดให้ในหนังสื อเรียน หน้ า 102 Ex.2b เสร็ จแล้วครู ตรวจ
คาตอบของนักเรี ยน
556
Suggested answer key:
1. The first paragraph accepts the invitation, and gives the reason for writing.
In the second paragraph Mrs. Stephens asks about the exact date, the location
and the time. The third paragraph is about the menu and whether she can
bring a guest. In the last paragraph she thanks them again and writes her
closing remarks.
2. Formal phrases: “I would be honoured to”, “Could you please let me know”,
“I would be grateful if you could let me know”, “I was wondering if it would
be possible to”, “I would like to mention that”.
3. An extra question has been asked:...I would be grateful if you could let me
know whether there will be any vegetarian dishes on the menu.
Indirect questions
1. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 102 Ex.3a ว่าให้นกั เรี ยนใช้วลีในกรอบเปลี่ยนประโยค
คาถามที่ให้มาให้เป็ น indirect questions โดยครู อาจทบทวนเกี่ยวกับ indirect questions ให้นกั เรี ยน
สั้นๆ จากนั้นครู อ่านสานวนวลีในกรอบและตัวอย่างคาตอบในข้อ 1 แล้วจึงให้เวลานักเรี ยนเปลี่ยน
คาถามข้อ 2-5 ให้เป็ น indirect questions เหมือนดังตัวอย่าง
2. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 102 Ex.3b ว่าให้นกั เรี ยนเปลี่ยนประโยคที่ให้มาใน Ex.3a
ให้อยูใ่ นรู ป formal indirect questions อีกครั้ง โดยใช้คาอื่น ไม่ให้คาตอบซ้ ากับใน Ex.3a เสร็ จแล้ว
จึงตรวจคาตอบร่ วมกัน
557
Suggested answer key:
2. I was wondering if it is possible for you to tell me where my seat is located.
3. Could you tell me the departure time of the last train?
4. I would appreciate it if you would give me some information about the supplies
we should bring.
5. I would be grateful if you could let me know whether parking is available nearby.
Content analysis
1. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 103 Ex.4a แล้วอ่านประโยค indirect questions ที่ให้มา
และข้อมูลที่กาหนดให้ จากนั้นให้นกั เรี ยนทางานคู่ จับคู่ประโยค 1-4 ซึ่งเป็ น formal indirect
questions กับประเภทของจดหมาย A-D เสร็ จแล้วให้นกั เรี ยนเปลี่ยนประโยค 1-4 จาก formal
indirect questions ให้เป็ น direct questions
1. B 2. C 3. D 4. A
558
Error correction
ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 103 Ex.5 และอ่านข้อความที่ให้มา 1 ย่อหน้า จากนั้นให้
นักเรี ยนขีดเส้นใต้จุดผิด 4 แห่ง และแก้ไขให้ถูกต้อง ครู ตรวจคาตอบของนักเรี ยน ด้วยการสุ่ มเรี ยก
นักเรี ยนอ่านข้อความที่แก้ไขถูกต้องแล้ว เสร็ จแล้วให้นกั เรี ยนระบุวา่ ข้อความนี้ นามาจากจดหมาย
ประเภทใด
3. ครู อธิบายภาระงานในหนังสื อเรียน หน้ า 103 Ex.6c แล้วอ่านคาสัง่ ในการทางาน (rubric) ให้
นักเรี ยนฟังและขีดเส้นใต้คาสาคัญ
559
You have just received an email informing you that you have won
a competition. Write an email to the competition organisers
asking for the information you require.
5. ให้นกั เรี ยนทากิจกรรมในหนังสื อเรียน หน้ า 103 Ex.7 เขียน email ถึงผูจ้ ดั งานการแข่งขัน
(competition organisers) โดยใช้คาตอบจาก Ex.6 เป็ นข้อมูลในการเขียน และดู email จาก Ex.2a
หน้า 102 เป็ นต้นแบบ โดยครู มอบหมายให้นกั เรี ยนกลับไปเขียนเป็ นการบ้าน
560
Suggested answer key:
Dear Mr Sinclair,
Thank you for informing me about winning first prize. I am very excited about
the prospect of taking part in the Suffolk Summer Arts Camp. I am writing to ask for
more details about the prize.
First of all, could you please let me know the exact dates of the camp? I would
also appreciate it if you could tell me whether meals, accommodation and transport
are included in the prize. In addition, I was wondering if I will be met at the airport.
I also have some questions regarding the schedule. Firstly, could you tell me
whether the lessons will last all day. Could you also let me know if there are any
organised trips during the camp? I would also be interested to know how many other
people will be attending the camp. Thank you again for this wonderful opportunity.
I am looking forward to it immensely.
Yours sincerely,
Jane Morgan
Famous words
1. ให้นกั เรี ยนอ่านคากล่าวที่มีชื่อเสี ยงในหนังสื อเรียน หน้ า 103 Ex.8 แล้วครู ช่วยนักเรี ยนตีความ
ความหมายของคากล่าวเหล่านี้
Books give depth to our lives just as the soul gives meaning to our bodies.
We need to know what is happening in the world so that we can make the right
decisions.
Watching TV passes the time without giving you any real benefit.
The public is easily influenced by those in positions of power.
561
Grammar reference:
Indirect Questions:
ถ้าต้องการสร้างประโยคคาถามในภาษาอังกฤษ เราสามารถสร้างได้โดยเปลี่ยนลาดับคา เช่น Is he
your brother? Was she there? Have you been to Ireland? หรื อใช้ verb to do เข้ามาช่วย เช่น Do
you know them? Does he live with you? Did you enjoy it? แต่ indirect questions ไม่ได้เรี ยง
ลาดับคาเหมือนประโยคคาถามโดยปกติทวั่ ไป แต่มีการเรี ยงลาดับคาเหมือนกับประโยคบอกเล่า
และไม่ใช้ verb to do เข้ามาช่วยในการทาให้เป็ นประโยคคาถาม โดยปกติแล้ว indirect questions
จะตามหลังวลีนา (introductory phrases) ที่อยูร่ ่ วมกับ interrogative pronouns and adjectives (who,
whom, what, which, whose), adverbs (when, where, how, why) หรื อ if, whether
ตัวอย่างเช่ น Direct: What did she want?
Indirect: Do you know what she wanted?
Direct: Where was it?
Indirect: Do you remember where it was?
Direct: Will they come?
Indirect: I wonder if they will come.
มีวลีนาหลายวลีที่สามารถนามาใช้ข้ ึนต้นใน indirect questions เช่น I ask, I wonder, I want/would
like to know, I can’t remember, I have no idea, I am sure เป็ นต้น หรื อสามารถขึ้นต้นด้วย direct
questions เช่น Can you tell me, Do you know, Do you remember, Have you any idea เป็ นต้น
Indirect questions เป็ นคาถามที่สุภาพและเป็ นทางการมากกว่า direct questions
การเรียงลาดับคา (Word order)
ถ้าไม่ได้ข้ ึนต้นด้วยประโยคคาถามโดยตรง ก็จะขึ้นต้นด้วยวลีต่อไปนี้ Can you tell me...? Do you
know...? I wonder if... . การเรี ยงลาดับคาใน indirect questions จะเหมือนกับในประโยคบอกเล่า
ตัวอย่างเช่ น Direct question: What is he doing?
Indirect question: Do you know what he is doing?
Direct question: Where have they been?
Indirect question: I wonder where they have been?
Do, does, did
ถ้าใน direct question มีกริ ยาช่วย do, does หรื อ did เมื่อทาเป็ น indirect questions จะละ verb to do
เหล่านี้
ตัวอย่างเช่ น Direct question: What do you want?
Indirect question: Can you tell me what you want?
562
Direct question: When did she leave?
Indirect question: Do you know when she left?
Yes/no questions
ถ้า direct questions เป็ นคาถามแบบ yes/no questions เมื่อทาเป็ น indirect questions จะใช้ if หรื อ
whether
ตัวอย่างเช่ น Direct question: Have you seen my dog?
Indirect question: Could you tell me if you have seen my dog?
563
Progress test 10
(Unit 10)
564
Progress test 10
565