Professional Documents
Culture Documents
คณะบรรณาธิการ:
ภูริพันธ์ จิรางกูร
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
ธรรมนูญ ศรีสอ้าน
สมภพ ภู่พิทยา
ISBN: 978-616-422-058-4
พิมพ์ครั้งที่ 1 มิถุนายน 2563 จ�านวน 110 เล่ม
หัตถการพื้นฐานทางออร์โธปิดิกส์ / คณะบรรณาธิการ: ภูริพันธ์ จิรางกูร,
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล, ธรรมนูญ ศรีสอ้าน, สมภพ ภู่พิทยา
กรุงเทพฯ : โครงการต�ารา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
พระมงกุฎเกล้า, 2563
173 หน้า: ภาพประกอบ / ตาราง
บรรณานุกรม
1. หัตถการพื้นฐานทางออร์โธปิดิกส์ (1) ภูริพันธ์ จิรางกูร,
(2) อรรคพัฐ โกสิยตระกูล, (3) ธรรมนูญ ศรีสอ้าน, (4) สมภพ ภู่พิทยา
(5) ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ กองการศึกษา
วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
ISBN 978-616-422-058-4
จัดพิมพ์โดย
ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ กองการศึกษา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
ลิขสิทธิ์ของภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ กองการศึกษา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
การผลิตและลอกเลียนแบบของหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่ารูปแบบใดทั้งสิ้น ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก
ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ กองการศึกษา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
พิมพ์ที่
ห้างหุ้นส่วนจ�ากัด เพนตากอน แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง
566/124 ซอยกิจพานิช ถนนพระราม 4 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทร: 02-235-6038, 02-633-3762, 081-420-5622 โทรสาร: 02-633-0334
2
ค�าน�า
ต�ำรำหัตถกำรพื ้นฐำนทำงออร์ โธปิ ดกิ ส์เล่มนี ้ได้ จดั ท�ำขึ ้นโดยมุง่ หวังให้ เป็ นส่วนหนึง่
ของกำรฝึ กอบรมหลักสูตรนักศึกษำแพทย์ชนคลิ ั ้ นกิ และแพทย์ใช้ ทนุ ทัว่ ไป เพือ่ ให้ นกั ศึกษำ
แพทย์ และแพทย์เวชปฏิบตั ทิ วั่ ไปได้ มีเอกสำรต�ำรำไว้ ศกึ ษำเพิ่มเติมด้ วยตนเอง อีกทังยั ้ ง
เป็ นแนวทำงในกำรดูแลรักษำผู้ป่วยทำงออร์ โธปิ ดิกส์เบื ้องต้ นได้ อย่ำงเหมำะสมอีกด้ วย
กำรเรียบเรียงต�ำรำหัตถกำรพื ้นฐำนทำงออร์ โธปิ ดกิ ส์เล่มนี ้ ได้ รวบรวมจำกบทควำม
ทำงวิชำกำรที่ได้ มำตรฐำน หนังสือ รวมทังประสบกำรณ์
้ และควำมช�ำนำญโดยตรงจำก
อำจำรย์แพทย์เฉพำะทำงที่ดูแลรักษำผู้ป่วยออร์ โธปิ ดิกส์โดยตรง เนือ้ หำสำระในเล่ม
ประกอบไปด้ วยหัตถกำรพื ้นฐำนที่พบเจอได้ บ่อย ซึง่ ล้ วนเป็ นสำระควำมรู้ ที่มีประโยชน์
และสำมำรถน�ำไปใช้ ได้ จริ งในกำรปฏิบตั งิ ำนในกำรดูแลผู้ป่วยทำงออร์ โธปิ ดิกส์
คณะบรรณำธิกำรหวังว่ำจะได้ รับประโยชน์จำกกำรอ่ำนหนังสือเล่มนี ้ แล้ วน�ำควำม
รู้ไปประยุกต์ใช้ ในกำรให้ กำรดูแลรักษำผู้ป่วยออร์ โธปิ ดิกส์ได้ อย่ำงมีประสิทธิภำพต่อไป
คณะบรรณำธิกำร
ภูริพนั ธ์ จิรำงกูร
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
ธรรมนูญ ศรี สอ้ ำน
สมภพ ภูพ่ ิทยำ
3
ค�านิยม
5
ค�านิยม
7
ผู้นิพนธ์
กรกฎ ชรากร
พันโท นำยแพทย์
กองออร์ โธปิ ดิคส์ โรงพยำบำลพระมงกุฎเกล้ ำ
ปวิณ คชเสนี
พันโท นำยแพทย์
กองออร์ โธปิ ดิคส์ โรงพยำบำลพระมงกุฎเกล้ ำ
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
พันโท นำยแพทย์
อำจำรย์ กองออร์ โธปิ ดิคส์ โรงพยำบำลพระมงกุฎเกล้ ำ
8
รุ่ งรั ฐ จิตตการ
พันตรี นำยแพทย์
กองออร์ โธปิ ดิคส์ โรงพยำบำลพระมงกุฎเกล้ ำ
สมภพ ภู่พทิ ยา
พันเอก รองศำสตรำจำรย์
ภำควิชำศัลยศำสตร์ ออร์ โธปิ ดิกส์ วิทยำลัยแพทยศำสตร์ พระมงกุฎเกล้ ำ
สุริยา ลือนาม
พันเอก รองศำสตรำจำรย์
กองออร์ โธปิ ดิคส์ โรงพยำบำลพระมงกุฎเกล้ ำ
องอาจ พฤทธิภาส
พันโท รองศำสตรำจำรย์
กองออร์ โธปิ ดิคส์ โรงพยำบำลพระมงกุฎเกล้ ำ
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
พันโท รองศำสตรำจำรย์
ภำควิชำศัลยศำสตร์ ออร์ โธปิ ดิกส์ วิทยำลัยแพทยศำสตร์ พระมงกุฎเกล้ ำ
อัญญา เวียรศิลป์
อำจำรย์ แพทย์หญิง
สำขำวิชำเวชศำสตร์ ฟืน้ ฟู ศูนย์กำรแพทย์ปัญญำนันทภิกขุ ชลประทำน
มหำวิทยำลัยศรี นคริ นทรวิโรฒ
อารั ญ สวัสดิพงษ์
พันเอก นำยแพทย์
กองออร์ โธปิ ดิคส์ โรงพยำบำลพระมงกุฎเกล้ ำ
9
สารบัญ
หน้ ำ
1. การดามกระดูกในภาวะฉุกเฉิน 1
Common Types of Emergency Splints
ญำณินภ์ ปลื ้มอำรมย์
3. การพันเฝื อกปูน 19
Casting Technique
ภูริพนั ธ์ จิรำงกูร
4. แถบรั ดตรึงกระดูกเชิงกราน 29
Pelvic Circumferential Compression
อำรัญ สวัสดิพงษ์
5. การดามนิว้ มือ 35
Finger Splint
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
6. เทคนิคการพันผ้ ายืด 45
Elastic Bandage Technique
ดนัย หีบท่ำไม้
12
20. การฉีดยาชาระงับความรู้ สึกที่เส้ นประสาทนิว้ 141
Single Subcutaneous Injection Digital Nerve Block
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
21. การรั กษาเบือ้ งต้ นส�าหรั บผู้ป่วยที่มีกระดูกหักแบบเปิ ด 147
Open Fracture Management
รุ่งรัฐ จิตตกำร
13
การดามกระดูกในภาวะฉุกเฉิน
Common Types of Emergency Splints 1
ญำณินภ์ ปลื ้มอำรมย์
1
การดามกระดูกในภาวะฉุกเฉิน Common Types of Emergency Splints
3
การดามกระดูกในภาวะฉุกเฉิน Common Types of Emergency Splints
3. Splint ที่ผลิตจากวัสดุและเครื่องใช้ใกล้ตัว
กรณีทปี่ ระสบพบผู้ป่วยในสิง่ แวดล้ อมซึง่ ไม่สำมำรถหำสิง่ อุปกรณ์เฉพำะ เช่น stockinette,
ส�ำลี, elastic bandage หรื อ splint ซึง่ เป็ นวัสดุทำงกำรแพทย์ดงั ที่ได้ กล่ำวมำแล้ วข้ ำงต้ นได้ เรำ
สำมำรถดัดแปลงโดยใช้ วสั ดุที่มีอยูเ่ ป็ น splint ชัว่ ครำวได้ โดยอำจใช้ หมอน แผ่นไม้ หรื อกระดำษ
แข็ง หรื อหนังสือหนำ ๆ เพื่อใช้ เป็ น splint support upper หรื อ lower extremity เป็ นกำรชัว่ ครำว
ตัวอย่ำงกำรใช้ หมอนเป็ น splint ส�ำหรับ ankle injury ได้ แสดงไว้ ในรูป (รูปที่ 4) หลักกำรส�ำคัญ
ในกำร splint ผู้ป่วยด้ วยวัสดุที่หำได้ ใกล้ ตวั ก็คือ
1. ส�ำหรับ closed fractures ให้ พยำยำมจัดแขน หรื อขำซึง่ หักนันให้ ้ มีกำรผิดรูปน้ อย
ที่สดุ ก่อนที่จะใส่ splint โดยวิธีท�ำ traction อย่ำงนุม่ นวลใน direction ของ angulation ต่อด้ วย
กำร traction ในแนว longitudinal axis ของแขนหรื อขำนัน เมื ้ ่อท�ำ gentle traction เสร็ จจะต้ อง
พบว่ำไม่มีสว่ นของกระดูกไปทิ่มหรื อติดอยูใ่ ต้ ผิวหนัง
2. ในกรณีที่เป็ น open fractures ให้ พยำยำมแก้ ไข alignment อย่ำงนุม่ นวล ตรวจสอบ
บำดแผลและปิ ดคลุมผ้ ำ หรื อ dressing ที่สะอำด พยำยำมให้ ถกู ต้ องตำม sterile techniques
5
การดามกระดูกในภาวะฉุกเฉิน Common Types of Emergency Splints
กำรบำดเจ็บ โดยทัว่ ไปถ้ ำไม่มี dislocation กำร traction ในต�ำแหน่ง neutral หรื อ extend เล็ก
น้ อย มักเป็ นต�ำแหน่งที่ควรใช้ ในกำร immobilization ของ cervical spine fracture
รู ปที่ 5: แสดง ผู้ป่วยบน backboard ซึง่ มีกำร strap บริ เวณคอเรี ยบร้ อยแล้ ว
7
การดามกระดูกในภาวะฉุกเฉิน Common Types of Emergency Splints
เอกสารอ้ างอิง
1. Swiontkowski MF. Manual of orthopedics. Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins; 2001.
2. Paget SA, Gibofeky A, Beary JF. Manual of rheumatology and outpatient orthopedic disorders.
Philadelphia:Lippincott Williams & Wilkins; 2000.
3. Safran MR, Mckeag DB, Vancamp SP. Manual of sport medicine. Philadelphia: Lippincott-Raven; 1998.
4. คเชนทร์ น�ำศิริกลุ . กำรดำมระดูกในภำวะฉุกเฉิน (Common Types of Emergency Splints).
8
การใส่เฝือกปูนชนิดแผ่น
Slab or Splint 2
ภูริพนั ธ์ จิรำงกูร
9
การใส่ เฝื อกปูนชนิดแผ่ น Slab or Splint
วิธีการท�าเฝือกปูนชนิดแผ่น(slab)
1. ทบเฝื อกปูนชนิดแผ่นซ้ อนกันตำมจ�ำนวนชันที ้ ่ต้องกำร
2. จับทีป่ ลำยเฝื อกทีท่ บมำแล้ วข้ ำงละมือแล้ วหย่อนปลำยเฝื อกข้ ำงใดข้ ำงหนึง่ ลงในอ่ำงน� ้ำ
พร้ อม ๆ กับเลือ่ นให้ สว่ นทีผ่ ำ่ นน� ้ำในอ่ำงเปี ยกแล้ วยกขึ ้นเหนือน� ้ำทันทีเรื่อยไปจนถึงปลำยอีกข้ ำงหนึง่
3. ยกปลำยที่จ่มุ ก่อนขึ ้นสูงเหนืออ่ำงน� ้ำพร้ อมกับปล่อยมือปลำยเฝื อกอีกด้ ำนให้ ห้อย
ลงในแนวดิง่ และใช้ นิ ้วมืออีกข้ ำง หรื อให้ ผ้ ชู ว่ ยใช้ ฝ่ำมือรี ดน� ้ำส่วนเกินหมำด ๆ ลงอ่ำงน� ้ำเฝื อก
ปูนจะเรี ยบเป็ นแผ่นเดียวกันพร้ อมที่จะน�ำไปใช้ ได้ ทนั ที
10
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
11
การใส่ เฝื อกปูนชนิดแผ่ น Slab or Splint
รู ปที่ 3: แสดงกำรใส่ Ulnar glutter slab ควรใช้ ม้วนเฝื อก 4 นิ ้วเนื่องจำกเฝื อกต้ องคลุมทังด้
้ ำนหน้ ำ-หลัง
ควรวัดควำมยำวให้ slab คลุมทังนิ้ ้วนำง และนิ ้วก้ อยได้ ทงหมด และขอบด้
ั้ ำน proximal ยำวอย่ำงน้ อยเกินครึ่ง
หนึง่ ของควำมยำวแขน (forearm) หลังจำกพันผ้ ำยืดเสร็จจะต้ องจัดเฝื อกให้ อยูใ่ นท่ำ Jame’s position ทังนี ้ ้เพื่อ
ป้องกัน joint stiffness หลังจำกถอดเฝื อก
12
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
13
การใส่ เฝื อกปูนชนิดแผ่ น Slab or Splint
รู ปที่5: แสดงกำรใส่ posterior long arm slab ควรใส่ให้ ครอบคลุม โดยจัดให้ สว่ น proximal อยูบ่ ริ เวณครึ่ง
หนึ่งของควำมยำวต้ นแขน ผ่ำนข้ อศอกและท่อนแขนส่วนล่ำงทำงด้ ำนหลัง จนคลุมให้ เลยข้ อมือไปสิ ้นสุดถึง
หลังมือบริ เวณ knuckle
14
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
รู ปที่6: แสดงกำรใส่ U-Slab ควรใส่ให้ ครอบคลุมตังแต่ ้ ซอกรักแร้ , ข้ อศอกและหัวไหล่ กำรพันผ้ ำยืดบริ เวณหัว
ไหล่ จ�ำเป็ นอย่ำงยิ่งที่ต้องพันขึ ้นมำจนถึงบริ เวณ ด้ ำนบนของหัวไหล่ด้วย ไม่ควรจัดต�ำแหน่งของเฝื อกให้ อยูช่ ิด
รักแร้ มำกนัก โดยทัว่ ไปจะเว้ นระยะประมำณ 2 นิ ้วมือสอดได้ และสำมำรถที่จะใช้ ผ้ ำนุม่ หรื อ ฟองน� ้ำวำงรอง
ก่อนพันผ้ ำก็ได้ ซึง่ นอกจำกจะป้องกันแผลกดทับและยังช่วยลดกำรกดทับของเส้ นประสำทอีกด้ วย หลังกำร
พันผ้ ำยืดเสร็ จ ควรใช้ เทปกำวผ้ ำติดยึด slab กับผิวหนัง ของผู้ป่วยบริ เวณหัวไหล่ และระหว่ำงแถบผ้ ำยืด เพื่อ
ป้องกันผ้ ำยืดหลวมและหลุด
15
การใส่ เฝื อกปูนชนิดแผ่ น Slab or Splint
การดูแลตนเองหลังการใส่เฝือกปูนชนิดแผ่น (Slab)
โดยทัว่ ไปถ้ ำเป็ นกำรใส่เฝื อกปูนชนิดแผ่น (Slab) ไว้ ชวั่ ครำว ถ้ ำไม่มีปัญหำใด ๆ ไม่ควร
แกะเฝื อกหรื อคลำยผ้ ำยืด (Elastic bandage) ออก แต่ถ้ำมีปัญหำเช่น ผ้ ำยืดรัดแน่นเกินไป อำจ
สอนให้ ผ้ ปู ่ วยคลำยผ้ ำยืดและพันใหม่ให้ มีควำมกระชับพอดีได้ ด้วยตนเอง และถ้ ำมีปัญหำคัน
หรื ออับชื ้น พิจำรณำให้ ผ้ ปู ่ วยคลำยผ้ ำยืดออก เช็ดท�ำควำมสะอำดผิวหนังด้ วยผ้ ำชุบน� ้ำสะอำด
เสร็ จแล้ วให้ ประกบเฝื อกแผ่นเข้ ำที่เดิม และพันผ้ ำยืดใหม่ได้
ส�ำหรับในกรณีทใี่ ช้ เฝื อกปูนชนิดแผ่น (Slab) เพือ่ รักษำกระดูกหักไปจนกระทัง่ กระดูกติดดี
(definite treatment) เช่น ใส่ Ulnar glutter slab ผู้ป่วยมิควรที่จะคลำยผ้ ำยืดหรื อถอดเอำเฝื อก
ออกด้ วยตนเอง มิเช่นนันชิ ้ ้นกระดูกที่หกั อำจจะมีกำรเคลือ่ นไปมำกขึ ้นกว่ำเดิมได้ แพทย์จะนัดผู้
ป่ วยมำตรวจซ� ้ำทุก ๆ ประมำณ 1-2 สัปดำห์หลังใส่เฝื อกแผ่นเพื่อดูอำกำร เช็ดท�ำควำมสะอำด
ผิวหนังและเปลีย่ นเฝื อกแผ่นรวมถึงเปลีย่ นผ้ ำยืดให้ ใหม่ พิจำรณำส่งเอ็กซเรย์ซ� ้ำเท่ำทีจ่ �ำเป็ นเพือ่
ประเมินกำรเคลื่อนของกระดูกที่หกั และกำรเชื่อมของกระดูก โดยทัว่ ไปใส่เฝื อกไว้ ประมำณ 4-6
สัปดำห์ กำรดูแลเฝื อกชนิดแผ่นโดยทัว่ ไปมีดงั นี ้
1. อย่ำท�ำให้ เฝื อกเปี ยกน� ้ำ
2. ถ้ ำใส่เฝื อกชนิดแผ่นที่แขน ไม่ควรเอำเฝื อกไปท้ ำวแขน, กด หรื อ กระแทกกับของแข็ง
3. ถ้ ำใส่เฝื อกชนิดแผ่นที่ขำ ไม่ควรเดินย�่ำลงน� ้ำหนัก full weight บนเฝื อกแผ่น มิเช่นนัน้
เฝื อกแผ่นจะแตกหักอย่ำงรวดเร็ ว ดังนันแพทย์ ้ ควรให้ ไม้ ค� ้ำยัน และสอนให้ ผ้ ปู ่ วยเดินลงน� ้ำหนัก
แบบ partial weight bearing
16
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
เอกสารอ้ างอิง
1. Parsons TA. Basic casting technique. Aust Fam Physician 1991;20:254-7, 260-7, 270-1
2. Davis PS, editor. Nursing the orthopaedic patient. Edinburgh: Churchill Livingstone; 1994
3. Altizer L. Casting for immobilization. Orthop Nurs 2004;23:136-41
4. Instruction for patients wearing a cast. Orthopaedic nursing devision, University of Iowa Hospitals
and Clinics [online]. 2002 [cited 2008 Feb 11] Available from : URL http://www.vh.org/patients/IHB/
Ortho/Castwear.html
17
การพันเฝือกปูน
Casting Technique 3
ภูริพนั ธ์ จิรำงกูร
ข้อบ่งชี้ทั่วไปในการใส่เฝือกปูนแบบแข็ง
1. Immobilization
2. Correct deformity
3. Prevent deformity
4. Facilitate early mobilization
ชนิดของเฝือกปูนแข็งที่ใช้บ่อย
1. Short arm cast: มีควำมยำวตังแต่
้ distal palmar crease จนก่อนถึงข้ อศอก ใช่บอ่ ย
ในกรณีกระดูกเรเดียสส่วนปลำยหัก หรื อ Colles fracture
19
การพันเฝื อกปูน Casting Technique
2. Long arm cast: มีควำมยำวตังแต่ ้ distal palmar crease พันเลยข้ อศอก จนถึง
บริ เวณใต้ ตอ่ axilla ใช้ ในกรณีข้อศอกหัก, เส้ นเอ็นข้ อศอกฉีกขำด เป็ นต้ น
3. Short leg cast: ยำวตังแต่
้ นิ ้วหัวแม่โป้งเท้ ำจนถึง tibial tubercle ใช้ ในกระดูกข้ อเท้ ำ
หัก, เอ็นข้ อเท้ ำฉีกขำด เป็ นต้ น
4. Long leg cast: ยำวตังแต่
้ นิ ้วหัวแม่โป้งเท้ ำจนถึง mid thigh ใช้ ในกระดูกขำท่อนล่ำง
หัก, เส้ นเอ็นหัวเข่ำฉีกขำด เป็ นต้ น
รู ปที่ 2: แสดงม้ วนเฝื อกปูนขนำดต่ำง ๆ ที่ใช้ บอ่ ย ได้ แก่ 3, 4 และ 6 นิ ้ว ตำมล�ำดับ
20
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
รู ปที่ 3: แสดงอุปกรณ์รองพื ้นหรื อซับใน ได้ แก่ ม้ วนส�ำลี (Webril) และ ถุงยืดหดได้ (Stockinette)
ขั้นตอนต่างๆในการเข้าเผือกปูน
1. กำรเตรี ยมผู้ป่วย
1.1 อธิบำยเหตุผลและหลักกำรในกำรบ�ำบัดรักษำผู้ป่วยด้ วยวิธีเข้ ำเฝื อกปูน
1.2 จัดเตรี ยมสถำนที่ที่จะใส่เฝื อกควรมิดชิดมีควำมเป็ นส่วนตัว
1.3 แพทย์จะต้ องเป็ นผู้จดั ท่ำทำงดังกล่ำวและให้ ผ้ ชู ว่ ยถือยึดไว้ ตลอดจนกำรเปลื ้อง
เสื ้อผ้ ำหรื อถอดเครื่ องประดับต่ำง ๆ เช่น แหวน, ก�ำไล, นำฬิกำ ที่จะขัดขวำงกำรเข้ ำเฝื อกออก
เสียก่อน
1.4 กำรเตรี ยมผิวหนัง ได้ แก่ ท�ำควำมสะอำดผิวหนังบริ เวณที่จะพันเฝื อก อำจโรย
แป้งเพื่อลดอำกำรคัน ในกรณีที่มีบำดแผล จ�ำต้ องท�ำเครื่ องหมำยไว้ เพื่อแสดงขอบเขตที่ชดั เจน
และแม่นย�ำสะดวกต่อกำรเจำะตัดเฝื อกเป็ นช่องเพือ่ ส�ำหรับเปิ ดท�ำแผลหลังกำรเข้ ำเฝื อก (รูปที ่ 8)
2. กำรเตรี ยมอุปกรณ์กำรเข้ ำเฝื อกและกำรป้องกันกำรเปรอะเปื อ้ น
2.1 ผ้ ำกันเปื อ้ นพลำสติกส�ำหรับแพทย์และผู้ป่วยเพื่อป้องกันกำรเปรอะเปื อ้ น
2.2 อ่ำงน� ้ำหรื อถังน� ้ำส�ำหรับชุบเฝื อกและล้ ำงมือ
2.3 เฝื อกปูนชนิดม้ วนขนำดและตำมจ�ำนวนที่ต้องกำร
2.4 วัสดุรองพื ้นหรือซับในได้ แก่ผ้ำส�ำลีรองเฝื อก (webril) หรือถุงผ้ ำ Stockinet ตำม
จ�ำนวนและควำมยำวที่ต้องกำร (รูปที่5)
3. กำรใช้ ถงุ ผ้ ำยืดหดได้ Stockinette
3.1 เลือกขนำด stockinet ให้ เล็กกว่ำขนำดรอบวงของอวัยวะทีจ่ ะเข้ ำเฝื อกเล็กน้ อย
ส่วนควำมยำวนันต้ ้ องยำวกว่ำแขนขำที่จะใส่เพรำะ stockinette นี ้จะสันลงเมื ้ ่อสวมใส่อวัยวะที่
มีขนำดโตกว่ำเสมอกับทังยั ้ งต้ องเผื่อไว้ พบั ตลบกลับที่ปลำยทังสองของเฝื
้ อกเพื่อควำมเรี ยบร้ อย
21
การพันเฝื อกปูน Casting Technique
สวยงำมและป้องกันแผลกดทับจำกขอบเฝื อกอีกด้ วย
3.2 ม้ วน stockinette คล้ ำยกับจะสวมถุงเท้ ำ
3.3 เริ่ มสวมจำกปลำยมือหรื อปลำยเท้ ำไปหำศอกหรื อเข่ำจนตลอดควำมยำว
3.4 ดึงแต่งให้ เรี ยบสม�่ำเสมอไม่มีรอยย่นหรื อรอยพับ
3.5 พันเสริ มด้ วยผ้ ำส�ำลีรองเฝื อกตำมต�ำแหน่งปุ่ มกระดูกหรื อเอ็นที่อยูต่ ื ้นและพัน
ทับส่วนปลำยที่จะตรงกับขอบ
4. กำรพันผ้ ำส�ำลีรองเฝื อก (webril) มีหลักเกณฑ์ดงั นี ้
4.1 จับม้ วนผ้ ำส�ำลีรองเฝื อกด้ วยมือที่ถนัดแล้ วใช้ วธิ ีกำรกลิ ้งไปตำมรยำงค์ที่บำดเจ็บ
4.2 ให้ เริ่ มพันรอบข้ อมือส�ำหรับรยำงค์บนแล้ วจึงพันขึ ้นไปที่มือ เข้ ำง่ำมนิ ้วโป้งก่อน
ลงมำที่ทอ่ นแขน ส�ำหรับรยำงค์ลำ่ งให้ เริ่ มต้ นที่ปลำยเท้ ำก่อนพันขึ ้นไปที่ข้อเท้ ำและขำ
4.3 ให้ พนั เป็ นเกลียวลักษณะบันไดเวียนรอบ (spiral) ไม่ควรพันเป็ นวงรอบ (circular)
4.4 พันให้ เกยกันประมำณครึ่งหนึง่ ของควำมกว้ ำงของผ้ ำส�ำลี (overlapping) ดัง
นันเมื
้ ่อพันเสร็ จทุกพื ้นที่จะถูกรองด้ วยผ้ ำพันส�ำลี 2 ชัน้
4.5 เมื่อต้ องกำรจะเปลี่ยนทิศทำงพันให้ ฉีกผ้ ำส�ำลีรองเฝื อกให้ ขำดจำกกันแล้ วเริ่ มพัน
ใหม่ห้ำมจับทบเป็ นอันขำด
4.6 พันผ้ ำพันส�ำลีให้ ยำวเลยกว่ำทีต่ ้ องกำรพันเฝื อกจริง ๆ เล็กน้ อยเพรำะจะตลบกลับมำ
เมือ่ พันเฝื อกไปครึ่งหนึง่ ของทีต่ ้ องกำรพันทังหมด เพื
้ อ่ ป้องกันบำดแผลจำกขอบเฝื อกบำดหรือกด
ทับผิวหนัง
4.7 รองเสริ มตำมต�ำแหน่งปุ่ มกระดูกและเส้ นเอ็นที่อยูต่ ื ้นอีก 1-2 ชัน้
22
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
23
การพันเฝื อกปูน Casting Technique
ม้ วนถ้ ำม้ วนเฝื อกไม่แน่นแกนม้ วนเฝื อกจะหลุดท�ำให้ พนั ต่อไปไม่ได้ ฉะนันก่ ้ อนชุบน� ้ำถ้ ำสังเกต
ว่ำม้ วนเฝื อกหลวมก็แก้ โดยกดปลำยแกนม้ วนเฝื อกทังสองปลำยและดึ
้ งปลำยเฝื อกออกจะท�ำให้
ม้ วนเฝื อกกระชับขึ ้น ถ้ ำพบว่ำม้ วนเฝื อกไม่แน่นเมือ่ ชุบน� ้ำแล้ วก็ให้ ทำ� ท�ำนองเดียวกันแต่ให้ พนั ไป
1-2 รอบก่อนแล้ วจึงดึงให้ ม้วนเฝื อกกระชับแล้ วก่อนพ้ นต่อไปได้
6.2 พันเกยกันครึ่งหนึง่ ของควำมกว้ ำง (overlap) ของหน้ ำเฝื อกเป็ นแบบขันบั ้ นได
เวียน (spiral) หำกต้ องกำรเปลี่ยนทิศทำงให้ ใช้ นิ ้วเหนี่ยวกับด้ ำนใดด้ ำนหนึง่
6.3 พันตลอดควำมยำวตำมส�ำลีรองพื ้นแต่ให้ เหลือที่ปลำยขอบทังสองปลำยละ1 ้
ซม. เมื่อเฝื อกหมำดแล้ วให้ ตลบส�ำลีที่เหลือไว้ กลับมำปิ ดขอบเฝื อก เมื่อเริ่ มพันเฝื อกอีกครึ่งหนึง่
ให้ พนั ทับกับขอบผ้ ำพันส�ำลีที่ตลบกลับมำ (ห้ ำมเลยขอบเฝื อกม้ วนแรกที่พนั ไว้ ) ท�ำให้ ขอบเฝื อก
เรี ยบไม่กดเนื ้อและสวยงำม
6.4 พันให้ หนำประมำณ 6-10 ม.ม.ตำมต้ องกำรตรงต�ำแหน่งที่เฝื อกอำจแตกง่ำย
เช่น ข้ อศอก, ส้ นเท้ ำ อำจพันทบไปมำ 3-4 ชันแล้ ้ วพันทับอีกครัง้ เน้ นที่ต�ำแหน่งนัน ๆ ้
25
การพันเฝื อกปูน Casting Technique
การดูแลตนเองหลังการใส่เฝือก
โดยทัว่ ไปถ้ ำไม่มปี ั ญหำ แพทย์จะนัดผู้ป่วยมำตรวจซ� ้ำประมำณ 1-2 สัปดำห์หลังใส่เฝื อก
เพือ่ ดูอำกำรและดูวำ่ เฝื อกหลวมหรือไม่ถ้ำเฝื อกหลวมก็อำจต้ องเอ็กซเรย์และเปลีย่ นเฝื อกให้ ใหม่
ถ้ ำเฝื อกแน่นและแข็งแรงดีอยูแ่ พทย์ก็จะนัดทุก 1-2 เดือนเพื่อเอ็กซเรย์กระดูกจนกว่ำกระดูกจะ
ติดสนิทซึง่ แพทย์จะใส่เฝื อกไว้ ประมำณ 4-6 อำทิตย์แต่กระดูกจะติดสนิทนันจะต้ ้ องใช้ เวลำถึง
4-6 เดือนดังนันถึ ้ งแม้ วำ่ จะเอำเฝื อกออกแล้ วกระดูกทีห่ กั ก็ยงั ติดไม่สนิทจึงควรระมัดระวังในกำร
ใช้ งำนและปฏิบตั ติ ำมค�ำแนะน�ำของแพทย์ไม่เช่นนันกระดู ้ กที่เริ่มติดก็อำจจะหักซ� ้ำได้ ท�ำให้ ต้อง
มำเริ่ มต้ นรักษำกันใหม่แต่ในขณะที่ใส่เฝื อกอยูต่ ้ องระวังดังนี ้
1. อย่ำท�ำให้ เฝื อกเปี ยกน� ้ำ
2. อย่ำตัดเจำะหรื อใช้ ของแข็งแยงเข้ ำไปในเฝื อก
3. หำกมีอำกำรเหล่ำนี ้เกิดขึ ้นในขณะใส่เฝื อกอยูค่ วรพบแพทย์โดยด่วน
- เมือ่ มีอำกำรปวดมำกยิง่ ขึ ้นหรือบวมทีบ่ ริเวณต�ำ่ กว่ำขอบเฝื อกเนือ่ งจำกกำรไหลเวียน
ของเลือดไม่ดี
- เมื่อนิ ้วมือหรื อนิ ้วเท้ ำข้ ำงที่เข้ ำเฝื อกมีสเี ขียวคล� ้ำหรือซีดขำวบวมมำกขึ ้นหรือมีอำกำรชำ
- เมื่อไม่สำมำรถขยับเขยื ้อนนิ ้วมือหรื อนิ ้วเท้ ำข้ ำงที่ใส่เฝื อกได้
- เมื่อมีวตั ถุแปลกปลอมหลุดเข้ ำไปในเฝื อกอำจท�ำให้ เกิดแผลกดทับและติดเชื ้อตำมมำได้
- เมื่อพบว่ำเฝื อกหลวมบุบสลำยหรื อแตกหัก
- มีเลือดน� ้ำเหลืองหรื อหนองไหลซึมออกมำจำกเฝื อกหรื อมีกลิน่ เหม็น
26
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
เอกสารอ้ างอิง
1. Parsons TA. Basic casting technique. Aust Fam Physician 1991;20:254-7, 260-7, 270-1
2. Davis PS, editor. Nursing the orthopaedic patient. Edinburgh: Churchill Livingstone; 1994
3. Altizer L. Casting for immobilization. Orthop Nurs 2004;23:136-41
4. Instruction for patients wearing a cast. Orthopaedic nursing devision, University of Iowa Hospitals
and Clinics [online]. 2002 [cited 2008 Feb 11] Available from : URL http://www.vh.org/patients/IHB/
Ortho/Castwear.html
27
แถบรัดตรึงกระดูกเชิงกราน
Pelvic Circumferential Compression 4
อำรัญ สวัสดิพงษ์
ขั้นตอนการใส่แถบรัดตรึงกระดูกเชิงกราน
1. ส�ำรวจบริ เวณกระเป๋ ำกำงเกงและเอำของออกจำกกระเป๋ ำกำงเกง
30
อารั ญ สวัสดิพงษ์
5. จัดให้ ขำทังสองข้
้ ำงอยูใ่ นลักษณะหมุนเข้ ำด้ ำนใน (internal rotation) โดยหมุนข้ อ
เข่ำและข้ อเท้ ำทังสองข้
้ ำง
32
อารั ญ สวัสดิพงษ์
เอกสารอ้ างอิง
1. American College of Surgeons. Advanced trauma life support for doctors.10th ed. Chicago, IL:
American College of Surgeons; 2018
2. Knops S. Treatment of pelvic ring fractures with pelvic circumferental compression devices Resmus
University, Rotterdam July 2014.
3. Jain S BS, Marciniak J, Pace A. A national survey of United Kingdom trauma units on the use of
pelvic binders. International Orthopaedics. 2013;31:1335-1339.
4. Coccolini F, Stahel PF, Montori G, et al. Pelvic trauma: WSES classification and guidelines.World J
Emerg Surg. Janurary 2017;12:5.
33
การดามนิ้วมือ
Finger Splint 5
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
35
การดามนิว้ มือ Finger Splint
อุปกรณ์ที่ใช้ (รูปที่ 2)
1. Aluminum splint ขนำด 3/4 หรื อ 1/2 นิ ้ว
2. กรรไกรตัดเฝื อก หรื อกรรไกรที่มีขอบหนำ
3. Micropore หรื อ Transpore ขนำด 1/2 นิ ้ว
36
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
วิธีการปฏิบัต(1,2,3)
ิ
ก่อนกำรท�ำหัตถกำรต้ อง แนะน�ำตัวเอง และสอบถำมชื่อและนำมสกุลของผู้ป่วย และ
แจ้ งให้ ผ้ ปู ่ วยทรำบถึงกำรวินิจฉัยและแนวทำงกำรรักษำทุกครัง้ รวมถึงท�ำควำมสะอำดนิ ้วของ
ผู้ป่วยด้ วยส�ำลี หรื อผ้ ำก๊ อซชุบแอลกอฮอร์
1. เลือกขนำดควำมกว้ ำงของ aluminum splint ทีเ่ หมำะสมกับควำมกว้ ำงของนิ ้วผู้ป่วย
2. ตัด aluminum splint ให้ ได้ ควำมยำวที่เหมำะสม โดยใช้ หลัก one joint above
และ one joint below ยกตัวอย่ำงเช่น mallet finger และ non-displaced fracture ของ distal
phalanx อำจดำมทำงด้ ำน volar หรื อ dorsal ก็ได้ โดยวัดควำมยำวจำกปลำยนิ ้วจนถึงต�ำแหน่ง
ที่อยู ่ distal ต่อ PIP joint ไปเล็กน้ อยเพื่อให้ ผ้ ปู ่ วยสำมำรถขยับ PIP joint ได้ (รูปที่ 3 และ 4) กรณี
non-displaced fracture ของ middle phalanx ให้ ดำมจำก distal phalanx จนถึง proximal
phalanx ให้ ผ้ ปู ่ วยสำมำรถขยับ metacarpophalangeal joint ได้ ส่วนกรณี PIP joint dislocation
ให้ ดำมทำงด้ ำน dorsal โดยดัดให้ PIP joint flex เล็กน้ อย ส่วนกรณี Boutonniere deformity
ให้ ดำมด้ ำน volar เฉพำะข้ อ PIP joint ให้ ผ้ ปู ่ วยสำมำรถขยับ distal interphalangeal joint ได้
(รูปที่ 4)
3. ลบคมของ splint โดยตัดมุมของ splint ให้ มนป้องกันภำวะบำดเจ็บจำกมุมอัน
แหลมคมของ splint (รูปที่ 3)
4. ตัดเทป micropore ขนำด 1/2 นิ ้ว ให้ มีควำมยำวพอดีกบั กำรพันรอบนิ ้วและ splint
เข้ ำด้ วยกัน (ไม่ควรพัน micropore ทังม้ ้ วนเทปกำรเนื่องจำกจะท�ำให้ พนั แน่นเกินไป) (รูปที่ 3)
5. พัน micropore ยึดนิ ้วและ splint เข้ ำด้ วยกัน (รูปที่ 3)
6. ตรวจควำมรู้ สกึ และกำรไหลเวียนของเลือดบริ เวณปลำยนิ ้วว่ำ capillary refill ยัง
เป็ นปกติหรื อไม่ กรณีที่พบว่ำ capillary refill ไวกว่ำปกติแสดงถึงกำรคัง่ ของเลือด (congestion)
จำกกำรพันแน่นเกินไป ใน mallet finger ให้ ดผู ิวหนังทำงด้ ำน dorsal ด้ วยว่ำซีดหรื อไม่ ซึง่ บ่ง
ถึงกำรดัดให้ เกิด hyperextension มำกเกินไป และอำจท�ำให้ ผิวหนังบริ เวณหลังนิ ้วตำยจำกกำร
ขำดเลือดได้ หำกตรวจพบว่ำพันแน่นเกินไปมีกำรไหลเวียนเลือดไม่ดี ให้ คลำย micropore ออก
แล้ วจึงพันใหม่ กรณีกระดูกหักต้ องส่งเอกซเรย์ซ� ้ำหำกมีกระดูกเคลือ่ นมำกขึ ้นอำจแสดงว่ำกระดูก
ที่หกั นันไม่
้ มนั่ คง ควรส่งให้ แพทย์ออร์ โธปิ ดิกส์พิจำรณำกำรรักษำที่เหมำะสมต่อไป
การปฏิบัติตัวหลังการดามนิ้ว
1. ยกมือสูงเหนือระดับหัวใจเพื่อบรรเทำปวดและบวม
2. ดูแลไม่ให้ เปี ยกชื ้น หำกเปี ยกน� ้ำซับและใช้ พดั ลมเป่ ำให้ แห้ ง
37
การดามนิว้ มือ Finger Splint
รู ปที่ 3: แสดงขันตอนกำรใส่
้ aluminum splint เพื่อรักษำภำวะ mallet finger ดังนี ้ 1-2 วัดควำมยำวของ
splint ที่เหมำะสม, 3 ลับมุมที่แหลมคมของ splint, 4 ดัด splint ให้ แอ่นเล็กน้ อย, 5 เตรี ยม micropore ให้ มี
ควำมยำวเหมำะสม, 6-8 หลังกำรใส่ splint ผู้ป่วยสำมำรถงอข้ อ proximal interphalangeal joint ได้
38
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
อุปกรณ์ที่ใช้ (รูปที่ 5)
1. ผ้ ำ gauze ขนำด 3 x 3 นิ ้ว 1 ชิ ้นหรื อส�ำลีม้วน (webril) ขนำดเทียบเท่ำ หรื อวัสดุที่
มีลกั ษณะคล้ ำยคลึงกัน
2. Micropore ขนำด 1/2 นิ ้ว
วิธีการปฏิบัต(2,4,5)
ิ
ก่อนกำรท�ำหัตถกำรต้ อง แนะน�ำตัวเอง และสอบถำมชื่อและนำมสกุลของผู้ป่วย และ
แจ้ งให้ ผ้ ปู ่ วยทรำบถึงกำรวินิจฉัยและแนวทำงกำรรักษำทุกครัง้ รวมถึงท�ำควำมสะอำดนิ ้วของ
ผู้ป่วยด้ วยส�ำลี หรื อผ้ ำก๊ อซชุบแอลกอฮอร์
40
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
41
การดามนิว้ มือ Finger Splint
รู ปที่ 8: น�ำ gauze หรื อ webril คัน่ ระหว่ำงนิ ้วทีบำดเจ็บและนิ ้วข้ ำงเคียง
พิจำรณำกำรรักษำที่เหมำะสมต่อไป
การปฏิบัติตัวหลังการดามนิ้ว
1. ยกมือสูงเหนือระดับหัวใจเพื่อบรรเทำปวดและบวม
2. ดูแลไม่ให้ เปี ยกชื ้น หำกเปี ยกน� ้ำซับและใช้ พดั ลมเป่ ำให้ แห้ ง
3. หำก splint หลุด หลวม ปวดมำก หรือรู้สกึ ว่ำพันแน่นเกินไปให้ มำพบแพทย์เพือ่ เปลีย่ น
4. ใช้ งำนมือได้ เท่ำที่สำมำรถท�ำได้ ภำยในกำรดำมนิ ้ว
5. มำพบแพทย์ตำมนัด หรื อก่อนนัดหำกมีปัญหำดังที่ได้ กล่ำวมำแล้ ว
43
การดามนิว้ มือ Finger Splint
เอกสารอ้ างอิง
1. Strauch RJ. Extensor tendon injury. In: Wolfe SW, Hotchkiss RN, Pederson WC, Kozin SH, Cohen
MS. editors. Green’s operative hand surgery. 7th ed. Philadelphia (PA): Elsevier; 2016. p. 152-182.
2. Merrell G, Hastings H. Dislocations and ligament injuries. In: Wolfe SW, Hotchkiss RN, Pederson WC,
Kozin SH, Cohen MS. editors. Green’s operative hand surgery. 7th ed. Philadelphia (PA): Elsevier;
2016. P 278-317.
3. Incavo SJ, Mogan JV, Hilfrank BC. Extension splinting of palmar plate avulsion injuries of the proximal
interphalangeal joint. J Hand Surg Am. 1989 Jul;14(4):659-61.
4. Jensen C, Rayan G. Buddy strapping of mismatched fingers: the offset buddy strap. J Hand Surg
Am. 1996 Mar;21(2):317-8.
5. Vadstrup LS, Jørring S, Bernt P, Boeckstyns ME. Base fractures of the fifth proximal phalanx
can be treated conservatively with buddy taping and immediate mobilisation. Dan Med J. 2014
Aug;61(8):A4882
44
เทคนิคการพันผ้ายืด
Elastic Bandage Technique 6
ดนัย หีบท่ำไม้
Bandage หรื อ Band-Aid คือวัสดุหรื อผ้ ำ ที่ใช้ พนั ปิ ด ห่อหุ้มบำดแผล หรื อ ส่วนของ
อวัยวะ เพื่อป้องกัน ปิ ดบำดแผล ห้ ำมเลือด หรื อ ประคองส่วนของอวัยวะ มีด้วยกัน 3 ชนิด คือ
1. ผ้ ำพันที่เป็ นม้ วน Roller bandage คือ ผ้ ำสี่เหลี่ยมผืนผ้ ำยำว ที่ท�ำเป็ นม้ วนทรง
กระบอก มีทงแบบทีั้ ่ยืดหยุน่ หรื อ Elastic roller bandage และที่ไม่ยืดหยุน่ ซึง่ ท�ำจำกผ้ ำฝ้ำย
หรื อผ้ ำลินิน (Cotton or Linen roller bandage) และแบบที่มีคณ ุ สมบัตยิ ดึ ติดเองได้ ในตัว (Self-
adhesive elastic bandage) (รูปที่ 1)
รู ปที่ 1: แสดงผ้ ำพันที่เป็ นม้ วนแบบต่ำงๆ 1. Elastic roller bandage, 2. Cotton conforming bandage,
3. Roller gauze bandage, 4. Cotton webril bandage, 5. Self-adhesive elastic bandage
45
เทคนิคการพันผ้ ายืด Elastic Bandage Technique
46
ดนัย หีบท่ าไม้
Elastic roller bandage คือ วัสดุที่มีควำมเหนียว และยืดหยุน่ มีลกั ษณะเป็ นม้ วน ใช้
ภำยนอกร่ ำงกำย โดยใช้ พนั ห่อหุ้ม ส่วนของร่ ำงกำย แตกต่ำงตำมต�ำแหน่งของอวัยวะ และ
วัตถุประสงค์ของกำรใช้ งำน ซึง่ มีเทคนิคกำรพันที่ตำ่ งกัน เช่น พันแน่น พันหลวม พันพอดี เพื่อ
ให้ เกิดประโยชน์โดยตรงในส่วนของอวัยวะนัน ๆ เช่ ้ น
1. ลด หรื อป้องกันอำกำรบวม
2. เสริ มควำมแข็งแรง หรื อป้องกันกำรบำดเจ็บของกล้ ำมเนื ้อ
3. ลดกำรเคลือ่ นไหวของข้ อที่ได้ รับบำดเจ็บ หรื อเสือ่ ม หรื อมีอำกำรปวดเพื่อไม่ให้ มีกำร
เคลื่อนไหวมำกเกินไป หรื อเสริ มให้ มีควำมมัน่ คงมำกขึ ้นในข้ อที่มีภำวะหลวมจำกกำรบำดเจ็บ
ของเส้ นเอ็น หรื อจำกกำรเสื่อม
4. ป้องกันบำดแผลจำกกำรปนเปื อ้ น หรื อติดเชื ้อจำกสิง่ สกปรก โดยห่อหุ้ม หรื อปิ ดทับ
วัสดุปิดแผลให้ อยูก่ บั ที่
5. ป้องกัน หรื อ ท�ำให้ บำดแผลที่ถกู ห่อหุ้ม ไม่ให้ เลือดออกเพิ่ม หรื อบำดเจ็บเพิ่มขึ ้น
6. ใช้ พนั วัสดุแข็งเข้ ำกับอวัยวะ เช่น พันกับเฝื อกแผ่น กระดำษแข็ง หรื อไม้ เพื่อดำม
อวัยวะที่ได้ รับบำดเจ็บ
7. พันถุงน� ้ำแข็ง หรื อ cold packing ที่วำงบนอวัยวะเพื่อลดอำกำรปวด หรื อ บวม
47
เทคนิคการพันผ้ ายืด Elastic Bandage Technique
เทคนิคการพันผ้า
1. เลือกชนิดและขนำดของผ้ ำยืดให้ เหมำะสม ตำมวัตถุประสงค์ ต�ำแหน่ง และขนำด
ของอวัยวะที่จะพัน และผ้ ำยืดควรอยูใ่ นสภำพม้ วนเรี ยบร้ อย เพื่อสะดวกในกำรพัน
2. บำงต�ำแหน่ง ต้ องมีผ้ ชู ว่ ยพยุงอวัยวะที่จะพันให้ อยูน่ ิ่ง ในท่ำที่สบำย หรื อในท่ำทำง
ต�ำแหน่งที่เหมำะกับผู้พนั ผ้ ำ
3. ท�ำควำมสะอำดและปิ ดบำดแผลให้ เรี ยบร้ อยก่อนกำรพัน
4. ในต�ำแหน่งนิ ้วมือ นิ ้วเท้ ำ ที่ต้องพันหลำยนิ ้ว ให้ ใช้ ผ้ำก๊ อซสะอำดคัน่ ระหว่ำงนิ ้วก่อน
5. ใช้ มือข้ ำงที่ถนัดจับผ้ ำยืดโดยหงำยม้ วนผ้ ำขึ ้น วำงผ้ ำบนอวัยวะ และเริ่ มพันกลิ ้งไป
รอบอวัยวะและรอบ จุดเริ่ ม 2-3 รอบ เพื่อตรึงผ้ ำไว้ กบั ส่วนที่พนั แล้ วจึงพันต่อจำกส่วนปลำยไป
ยังส่วนต้ น หรื อ จำกส่วนที่เล็กยังส่วนที่ใหญ่ (รูปที่ 5)
6. ขณะพันสำมำรถออกแรงดึงผ้ ำ ให้ มีควำมแน่นมำกน้ อย หรื อพอดีตำมต้ องกำร เช่น
พันแน่นบริเวณแผลทีต่ ้ องกำรห้ ำมเลือด โดยทัว่ ไปควรมีควำมตึงพอประมำณและสม�ำ่ เสมอ กำร
พันแน่นเกินไปจะมีผลต่อกำรไหลเวียนเลือด หรื อ กดทับเส้ นประสำท
7. ผ้ ำยืดไม่ควรหย่อนหรื อย่น พันให้ ซ้อนกันประมำณ 2 ใน 3 ของควำมกว้ ำง เมื่อพัน
หมดม้ วนผ้ ำแล้ ว ใช้ เทปกำว ตะขอยำงยืด หรื อ เข็มกลัด ติดปลำยผ้ ำยืด ถ้ ำเป็ นเข็มกลัด ไม่ควร
ให้ ไปอยูต่ �ำแหน่งที่จะถูกกดทับ
8. หลังพันผ้ ำยืดไม่ควรให้ เปี ยกน� ้ำ หำกเปี ยกจนชุ่ม ควรคลำยผ้ ำยืดออก เช็ดให้ แห้ ง
แล้ วพันใหม่
9. สังเกตเรื่ องอำกำรบวม ชำ ปวด ควำมรู้ สกึ ไม่สบำยหลังพันผ้ ำยืด โดยเฉพำะส่วน
ปลำยของอวัยวะ เช่น นิ ้วมือ นิ ้วเท้ ำ
10. กรณีพนั เพือ่ ปิ ดบำดแผลขอบของผ้ ำยืดควรกว้ ำงกว่ำขอบบำดแผลอย่ำงน้ อยหนึง่ นิ ้ว
11. ต�ำแหน่งข้ อ เช่น ข้ อมือ ข้ อศอก ให้ อยู่ในท่ำเหยียดตรง ถ้ ำเป็ นข้ อเข่ำให้ อยู่ในท่ำ
เหยียดตรง หรื องอเข่ำเล็กน้ อย ถ้ ำเป็ นข้ อเท้ ำ อยูใ่ นท่ำปกติ ไม่กระดกขึ ้นหรื อลง
48
ดนัย หีบท่ าไม้
รู ปที่ 5: แสดงกำรพันแขนส่วนล่ำงด้ วย elastic bandage เริ่ มกำรพันบริ เวณข้ อมือด้ วย circular turn 2-3
รอบโดยหงำยม้ วนขึ ้น (1), แสดงกำรพันแบบ spiral turn จำกส่วนปลำยไปยังส่วนโคน
(2) และ จบกำรพันด้ วย circular turn 2-3 รอบและยึดด้ วยเทปกำว (3)
ขนาดของผ้ายืด
ผ้ ำยืด โดยทัว่ ไปจะมีควำมกว้ ำง 2, 3, 4 และ 6 นิ ้ว มีควำมยำวประมำณ 5 หลำ ผู้พนั จึง
ควรเลือกขนำดที่เหมำะสมดังตำรำงที่ 1
รูปแบบการพันผ้า
1. การพันรอบ (Circular turn) กำรพันรอบในต�ำแหน่งเดิม ซ� ้ำๆหลำยรอบ พื ้นที่ที่พนั
รอบ จะเท่ำกับควำมกว้ ำงของผ้ ำยืด เช่น กำรพันรอบข้ อมือ รอบนิ ้วมือ นอกจำกนี ้กำรพันรอบ
ยังใช้ เป็ นกำรพันตอนเริ่ มต้ น และตอนสุดท้ ำยของทุกชนิดกำรพัน (รูปที่ 5)
2. การพันเกลียว (Spiral turn) คือกำรพันรอบอวัยวะให้ ผ้ำยืดเหลื่อมกันไปเรื่ อยๆ จะ
ได้ พื ้นทีก่ ำรพันมำกขึ ้นจนหมดม้ วนผ้ ำ ส่วนปลำยผ้ ำยืดทังสองจะอยู
้ ค่ นละทำง ใช้ ในกำรพันส่วน
ที่มีรูปร่ำงเป็ นทรงกระบอกหรื อโคน โดยพันจำกส่วนปลำยไปยังส่วนโคน เช่น แขน ขำ ล�ำตัว
- ใช้ มือข้ ำงถนัดจับม้ วนผ้ ำยืด พันรอบอวัยวะในต�ำแหน่งเริ่ มต้ น 2-3 รอบ เพื่อให้ ผ้ำ
ยืดไม่หลุดจำกต�ำแหน่งที่พนั (รูปที่ 5)
- กลิ ้งผ้ ำยืดไปตำมอวัยวะ โดยให้ พนั เฉียงเป็ นเกลียว เพิ่มพื ้นที่ไปส่วนโคน ให้ ผ้ำยืด
เหลื่อมกัน ประมำณ 2 ใน 3 ของควำมกว้ ำงผ้ ำยืด (รูปที่ 5)
- เมื่อพันเฉียงถึงต�ำแหน่งส่วนโคน ให้ พันรอบต่อ 2-3 รอบ และติดปลำยผ้ ำยืด ด้ วย
เทปหรื อ เข็มกลัด โดยเลือกต�ำแหน่งติด เข็มกลัด อย่ำให้ ไปอยูใ่ นส่วนที่จะถูกกดทับ (รูปที่ 5)
3. การพันเกลียวย้ อนกลับ (Spiral reverse turn) คือกำรพันรอบอวัยวะให้ ผ้ำยืด
เหลือ่ มกัน ไปข้ ำงหน้ ำ และย้ อนกลับจะได้ พื ้นทีก่ ำรพันมำกขึ ้น และอยูแ่ น่นมำกกว่ำกำรพันเกลียว
ใช้ ในกำรพันแขน ขำ
- ขันตอนในกำรพั
้ นจะคล้ ำยกำรพันแบบเกลียว แต่จะมีกำรพับผ้ ำยืดให้ ม้วนผ้ ำหงำยและ
คว�่ำสลับกันในระหว่ำงที่พนั จำกส่วนปลำยไปยังส่วนโคน ขอบผ้ ำยืดจะไขว้ กนั ไปมำ ดังรูปที่ 6
50
ดนัย หีบท่ าไม้
4. การพันไขว้ เลขแปด (Figure of eight turn) เป็ นกำรพันผ้ ำยืดไขว้ กนั ไปมำคล้ ำย
กับรูปเลขแปดรอบอวัยวะ ใช้ ในกำรพันส่วนที่เป็ นข้ อต่อ เช่น ข้ อมือ ข้ อเท้ ำ ข้ อศอก หัวไหล่ และ
ข้ อสะโพก ท�ำให้ ข้อขยับได้ น้อยลง พื ้นที่กำรพันจะครอบคลุมข้ อ
- กำรพันผ้ ำยืดรูปเลขแปดนัน เมื
้ ่อถึงต�ำแหน่งข้ อให้ พนั ผ้ ำเฉียงทแยงข้ ำมข้ อขึ ้นไปทำง
ส่วนโคน หรื อส่วนต้ น แล้ วอ้ อมกลับมำส่วนปลำยเป็ นรูปเลขแปด พันกลับไปมำ 2-3 รอบ ให้ ขอบ
ผ้ ำยืดเหลื่อมกันเล็กน้ อย (รูปที่ 7 และ 8)
รู ปที่ 8: กำรพันไขว์เป็ นเลขแปดที่ข้อเท้ ำ เริ่ มจำกกำรพันผ้ ำรอบฝ่ ำเท้ ำ 2 รอบเพื่อให้ ผ้ำไม่หลุด (1),
ต่อมำให้ พนั ผ้ ำเป็ นแนวทะแยงรูปเลขแปด 3 ถึง 4 ครัง้ พันผ้ ำเหลื่อมกันประมำณ 1-2 เซนติเมตร (1-4),
จบด้ วยกำรพันรอบเหนือต�ำแหน่งข้ อเท้ ำและยึดปลำยผ้ ำยืดด้ วยเทปกำว (5,6)
51
เทคนิคการพันผ้ ายืด Elastic Bandage Technique
วัสดุที่ใช้ ยดึ ผ้ ำพันให้ อยูต่ ิดกันได้ แก่ ตะขอเกี่ยว เข็มกลัดซ่อนปลำย และเทปกำว กำร
ทังนี
้ ้ในกำรใช้ ตะขอยึดต้ องระวังปลำยแหลมของตะขอถูกเนื ้อผู้ป่วย (รูปที่ 10)
52
ดนัย หีบท่ าไม้
รู ปที่ 10: แสดงวัสดุที่ใช้ ยดึ ผ้ ำพัน ตะขอเกี่ยว (ซ้ ำย), เข็มกลัดซ่อนปลำย (กลำง) และ เทปกำว (ขวำ)
53
เทคนิคการพันผ้ ายืด Elastic Bandage Technique
เอกสารอ้ างอิง
1. Dresing K, Trafton P, Engelen J. 2014 Casts, splints, and support bandages – nonoperative treatment
and perioperative protection. AO Publishing: Davos.
54
การดึงผิวหนังเพื่อถ่วงน�า้ หนักรยางค์
Skin Traction 7
ปวิณ คชเสนี
บทน�า
กำรใส่ skin traction คือ กำรใส่เครื่ องดึงผิวหนังโดยใช้ เทปกำวเหนียวหรื ออุปกรณ์ตดิ
บริ เวณผิวหนัง เพื่อดึงแนวกระดูกของรยำงค์ เพื่อท�ำให้ เกิดแนวดึงไปยังส่วนปลำยของกระดูก
รยำงค์นนั ้ เพื่อช่วยจัดแนวกระดูกให้ ตรงมำกขึ ้น ลดกำรหดเกร็ งของกล้ ำมเนือ้ และเส้ นเอ็น
ท�ำให้ ข้อมีควำมมัน่ คงมำกขึ ้น และลดกำรบำดเจ็บของเนื ้อเยื่อซ� ้ำจำกกำรขยับของกระดูกที่หกั
นอกจำกนี ้ยังสำมำรถลดอำกำรปวดบริ เวณกระดูกหักได้ ระหว่ำงผู้ป่วยรอกำรผ่ำตัด
อย่ำงไรก็ตำมกำรใส่ skin traction มีผลแทรกซ้ อน เช่น กำรดูแลผู้ป่วยล�ำบำกมำกขึ ้น
กำรตะแคงกำรพลิกตัวล�ำบำกมำกขึ ้น มีผลอำจท�ำให้ เกิดแผลกดทับ หรื อผิวหนังมีแผลจำกแรง
ดึงน� ้ำหนักได้ ดังนันกำรศึ
้ กษำข้ อบ่งชี ้ ข้ อห้ ำมและกำรดูแลหลังกำรใส่จงึ มีควำมส�ำคัญ
55
การดึงผิวหนังเพื่อถ่ วงน�า้ หนักรยางค์ Skin Traction
รู ปที่ 3: แสดงกำรติดแถบกำวเหนียวทังด้
้ ำน medial และ lateral ของขำผู้ป่วย
57
การดึงผิวหนังเพื่อถ่ วงน�า้ หนักรยางค์ Skin Traction
58
ปวิณ คชเสนี
ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง
1. อำกำรแพ้ หรื อระคำยเคืองผิวหนังแถบกำรเหนียว ป้องกันโดยกำรซักประวัตผิ ้ ปู ่ วยว่ำ
เคยมีอำกำรแพ้ อปุ กรณ์เทปปิ ดแผลหรื อไม่
2. แผลพุพองหรื อแผลกดทับจำกกำรเลื่อนของแถบกำวเหนียว ป้องกันโดยกำรหมัน่
ตรวจผิวหนังหลังกำรใส่ อย่ำงน้ อยสัปดำห์ละ 2 ครัง้
3. Compartment syndrome จำกกำรพันผ้ ำที่แน่นเกินไป หำกสังเกตอำกำรปวด
มำกกว่ำปกติ หรื อมีอำกำรบวมบริ เวณปลำยเท้ ำมำก ให้ รีบน�ำ skin traction ออก หำกอำกำร
บวมไม่ลดลง หรื อมีควำมผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิตให้ รีบแจ้ งแพทย์ออร์ โธปิ ดิกส์
4. Peroneal nerve palsy จำกกำรพันอย่ำงไม่ระวัง โดยเฉพำะกระดูก fibula ส่วนต้ น
นอกจำกที่กล่ำวมำแล้ วยังมีกำรใช้ skin traction กับอุปกรณ์อื่น หรื อในรูปแบบอื่น อำทิเช่น
- Russel’s traction กำรใส่ร่วมกับ Buck’s extension ดังรูปที่ 7
- Thomas splint กำรใส่ traction ร่วมกับกำรใส่ splint ของขำ ดังรูปที่ 8
- Bryant’s traction กำรใส่ traction เพื่อดึงรยำงค์ขำ ขึ ้นในแนวดิง่ มีที่ใช้ ในผู้ป่วยเด็ก
เช่นกระดูก femur หัก ดังรูปที่ 9
59
การดึงผิวหนังเพื่อถ่ วงน�า้ หนักรยางค์ Skin Traction
60
ปวิณ คชเสนี
61
การดึงผิวหนังเพื่อถ่ วงน�า้ หนักรยางค์ Skin Traction
เอกสารอ้ างอิง
1. Orthopaedics: For Medical Students, วิทยำลัยแพทยศำสตร์ พระมงกุฎเกล้ ำ ปี 2548
2. A Manual of Orthopaedic Terminology 8th edition: Chapter 6; Casts, Splints, Dressings, and Traction,
pages 177-188
3. Yip DK, Chan CF, Chiu PK, Wong JW, Kong JK. Why are we still using pre-operative skin traction for
hip fractures?. Int Orthop. 2002;26(6):361-364. doi:10.1007/s00264-002-0387-8
62
การดึงกระดูกเพื่อถ่วงน�า้ หนักขา
Skeletal Traction 8
กรกฎ ชรำกร
อัญญำ เวียรศิลป์
บทน�า
กำรดึงกระดูกเพือ่ ถ่วงน� ้ำหนัก เป็ นกำรใช้ น� ้ำหนักดึงถ่วงกระดูกผ่ำนโลหะ (Steinman pin,
Kirschner wire) ซึง่ แทงผ่ำนกระดูก เป็ นวิธีหนึง่ ที่ชว่ ยในกำรรักษำภำวะกระดูกหัก เนื่องจำก
1. สำมำรถลดอำกำรปวด โดยกำรจัดเรียงรักษำแนวกระดูก (maintain alignment) และ
ท�ำให้ รอยหักของกระดูกนันหยุ ้ ดกำรเคลื่อนไหว (immobilization)
2. ป้องกันกำรบำดเจ็บเพิม่ เติมของกระดูกและเส้ นเลือด – เส้ นประสำทบริเวณใกล้ เคียง
กำรดึงกระดูกเพือ่ ถ่วงน� ้ำหนักจัดเป็ นหัตถกำรระดับที่ 2 ตำมเกณฑ์ของแพทยสภำ หมำย
ถึง หัตถกำรทีม่ คี วำมซับซ้ อนกว่ำหัตถกำรพื ้นฐำน มีควำมส�ำคัญต่อกำรรักษำผู้ป่วย ผู้ปฏิบตั คิ วร
สำมำรถอธิบำยขันตอนกำรกระท�
้ ำ ข้ อบ่งชี ้ ข้ อห้ ำม ภำวะแทรกซ้ อนที่อำจจะเกิดได้ ถกู ต้ อง
ข้อบ่งชี้ (Indication)
1. ใช้ รักษำกระดูกหักในผู้ป่วยที่มีควำมเสี่ยงต่อกำรผ่ำตัด
2. ใช้ รักษำแนวกระดูกเพื่อรอรับกำรผ่ำตัด
ข้อห้าม (Contraindication)
1. เด็กเล็ก
2. ผิวหนังมีกำรติดเชื ้อในบริ เวณที่จะท�ำกำรใส่โลหะ
ข้อควรระวัง (Precaution)
1. โลหะที่ใช้ ยดึ ตรึงควรอยูห่ ำ่ งจำกบริ เวณที่จะท�ำผ่ำตัด
2. ไม่ควรใส่โลหะในกล้ ำมเนื ้อและเอ็น
63
การดึงกระดูกเพื่อถ่ วงน�า้ หนักขา Skeletal Traction
อุปกรณ์ (Equipments)
1. Steinmann pin 1 อัน
2. Steinmann pin holder 1 อัน (รูปที่ 1)
3. Chuck key
4. Stirrup
5. เชือกยำว 1.5 หลำ
6. น� ้ำหนักถ่วง
7. เตียงผู้ป่วยติดเฟรม
65
การดึงกระดูกเพื่อถ่ วงน�า้ หนักขา Skeletal Traction
ข้อควรระวัง (Precaution)
1. ทิศทำงของเหล็กยึดตรึงกระดูกควรมำจำกทำง medial ไป lateral เพื่อหลีกเลี่ยง
อันตรำยต่อ femoral artery
2. ต� ำแหน่งของเหล็กยึดตรึ งกระดูกที่ สูงเกิ นไปจะเพิ่ มควำมเสี่ยงกำรบำดเจ็ บต่อ
femoral artery
3. ต�ำแหน่งของเหล็กยึดตรึงกระดูกที่ตำ�่ เกินไปจะเพิม่ ควำมเสีย่ งต่อกำรทะลุเข้ ำไปในข้ อต่อ
4. กำรใส่เหล็กยึดตรึงกระดูกในท่ำเหยียดเข่ำจะท�ำให้ ผ้ ปู ่ วยงอเข่ำได้ ล�ำบำกเนื่องจำก
มีกำรขัดของ iliotibialband
อุปกรณ์ (Equipment)
1. Steinmann pin 1 อัน
2. Steinmann pin holder 1 อัน
3. Chuck key
4. Stirrup
66
กรกฎ ชรากร, อัญญา เวียรศิลป์
67
การดึงกระดูกเพื่อถ่ วงน�า้ หนักขา Skeletal Traction
ข้อควรระวัง (Precaution)
1. เนื่องจำกแรงดึงจะผ่ำนข้ อเข่ำจึงไม่ควรใช้ ในกรณีที่ผ้ ปู ่ วยมีเอ็นหัวเข่ำบำดเจ็บร่วม
2. ข้ อผิดพลำดที่พบบ่อยที่สดุ คือต�ำแหน่งของเหล็กยึดตรึงกระดูกอยู่ชิดทำงด้ ำนหน้ ำ
ของกระดูกหน้ ำแข้ งมำกเกินไป ท�ำให้ เนื ้อไปรวมที่บริ เวณด้ ำนหลังมำกเพิ่มควำมเสี่ยงต่อกำร
หลวมของเหล็กยึดตรึงกระดูก (pin loosening)
3. ต�ำแหน่งของเหล็กยึดตรึงกระดูกที่สงู เกินไป มีควำมเสี่ยงต่อรูเจำะหลวม เนื่องจำก
เป็ นกระดูกส่วน metaphysis ซึง่ เนื ้อกระดูกไม่แข็งเหมือน diaphysis
4. ควรเปลีย่ นเหล็กยึดตรึงกระดูกเมื่อพบว่ำเหล็กที่เจำะมีควำมหลวม (pin loosening)
5. ทิศทำงของเหล็กยึดตรึงกระดูกควรมำจำกทำง lateral ไป medial เพื่อหลีกเลี่ยง
อันตรำยต่อ Peroneal nerve
6. ต�ำแหน่งของเหล็กยึดตรึงกระดูกที่ต�่ำเกินไปจะเพิ่มควำมเสี่ยงต่อกำรบำดเจ็บของ
Peroneal nerve
7. ควรแนะน�ำผู้ป่วยเรื่องกำรท�ำควำมสะอำดเหล็กยึดตรึงกระดูก เพือ่ ป้องกันกำรติดเชื ้อ
ภาวะแทรกซ้อน (Complications)
สิ่งที่ควรระมัดระวังที่สดุ ในกำรใส่เหล็กยึดตรึ งกระดูกคือภำวะแทรกซ้ อน เนื่องจำกจะ
ท�ำให้ กำรฟื น้ ตัวของอำกำรบำดเจ็บช้ ำลงแล้ ว ยังส่งผลให้ ผลกำรรักษำประสบผลส�ำเร็จน้ อยกว่ำ
เป้ำหมำยที่ตงไว้ั ้ ภำวะแทรกซ้ อนที่พบได้ บอ่ ย ณ บริ เวณที่ใส่เหล็กยึดตรึงกระดูกคือกำรติดเชื ้อ,
68
กรกฎ ชรากร, อัญญา เวียรศิลป์
69
การดึงกระดูกเพื่อถ่ วงน�า้ หนักขา Skeletal Traction
เอกสารอ้ างอิง
1. Gebhard F, Kregor P, and Oliver C. Distal Femoral Fractures – Temporary Skeletal Traction. AO
Handbook – Nonoperative Fracture Treatment. AO Foundation, 2013
2. Dhurvas RR, Sengodan VC, Kandasamy K. Skeletal traction for the management of lower limb
fractures: its relevance today. Int. J. Orthod. Sci. 2019;5(1):500-503
3. Obalum DC, and Ibeanusi SB. Current place of traction in orthopaedic and trauma practice: a review.
Ortho & Rheum Open Access J. 2019;13(5): OROAJ.MS.ID.555874 (2019)
4. Stefl MD, Azad A, Antonios K, Carney J, and Marecek GS. Safety of skeletal traction through the
distal femur, proximal tibia, and calcaneus. Arch Trauma Res. 2019;8(4):198-202
70
การรักษาข้อสะโพกเคลื่อนหลุด
Management in Hip Dislocation 9
องอำจ พฤทธิภำส
71
การรั กษาข้ อสะโพกเคลื่อนหลุด Management in Hip Dislocation
การรักษา
กำรท�ำ closed reduction ด้ วยกำรใช้ general anesthesia ไม่แนะน�ำให้ ทำ� ทีห่ ้ องฉุกเฉิน
เพรำะข้ อกระดูกสะโพกเป็ นข้ อทีใ่ หญ่และมีกล้ ำมเนื ้อล้ อมรอบมำก ถ้ ำหลุดแล้ วมักไม่สำมำรถน�ำ
กลับเข้ ำที่ได้ โดยง่ำย ดังนันจึ
้ งควรท�ำกำรดึงในห้ องผ่ำตัดภำยใต้ general anesthesia จะเหมำะ
สมกว่ำ วิธีที่นิยมใช้ คือ Allis’s maneuver (รูปที่ 3)
3. ถ้ ำทดสอบควำมมัน่ คงของข้ อ (stability test) แล้ ว stable และมี joint space เท่ำกัน
ทังสองข้
้ ำง แสดงว่ำเป็ นเพียง simple dislocation ให้ ดงึ skin traction ไว้ ประมำณ 1 สัปดำห์
จำกนันแนะน�
้ ำผู้ป่วยเดิน non-weight bearing ข้ ำงที่สะโพกหลุดโดยใช้ ไม้ ค� ้ำยัน (crutch)
73
การรั กษาข้ อสะโพกเคลื่อนหลุด Management in Hip Dislocation
เอกสารอ้ างอิง
1. Kain MS, Tornetta III P. Hip dislocations and fractures of the femoral head. In: Bucholz RW, Court-
Brown CM, Heckman JD, Tornetta III P, editors. Rockwood and Green’s fractures in adults, 7th ed.
Philadelphia: Lippincott, Williams and Wilkins; 2010. p. 1524-1560.
74
การรักษาข้อเข่าเคลื่อนหลุด
Management in Knee Dislocation 10
องอำจ พฤทธิภำส
75
การรั กษาข้ อเข่ าเคลื่อนหลุด Management in Knee Dislocation
การตรวจร่างกาย
ควรท�ำกำรตรวจ dorsalis pedis artery และ posterior tibial artery รวมทัง common
้
peroneal nerve ทังก่
้ อนและหลังกำรท�ำ reduction เสมอ
การส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการวินิจฉัย
1. แผนภำพรังสี ภำพ x-ray ของข้ อเข่ำในท่ำ AP และ lateral ควรคลอบคลุมส่วน shaft
ของทังกระดู
้ ก femur และ tibia
2. กำรตรวจเพื่อดูกำรบำดเจ็บของเส้ นเลือดโดยใช้ Angiography ควรพิจำรณำท�ำใน
กรณีที่ไม่สำมำรถคล�ำ distal pulse ได้ หรื อสงสัยว่ำมีกำรบำดเจ็บของหลอดเลือดแดง
3. กำรตรวจเอกซเรย์แม่เหล็กไฟฟ้ำ Magnetic Resonance Imaging (MRI) อำจมี
ประโยชน์ในกำรวินิจฉัย กรณีต้องกำรประเมิน associated soft tissue injury เช่น กำรฉีกขำด
ของ cruciate ligaments ร่วมด้ วย
การรักษา
หำกคล�ำเส้ นเลือดไม่ได้ อำจเป็ นเพรำะเส้ นเลือดถูกดึงรั ง้ หรื อขำดก็ได้ ให้ ท�ำ closed
reduction โดยใช้ เทคนิค Traction-countertraction ดังภำพ โดยดึง traction ที่กระดูก tibia ตรงๆ
มำทำง distal จำกนันให้ ้ ดนั กระดูก tibia มำทำงด้ ำนหน้ ำ (รูปที่ 2) จำกนันตรวจคล�
้ ำกำรเต้ นของ
เส้ นเลือด ถ้ ำคล�ำได้ แสดงว่ำเป็ นแค่กำรกดทับหรือดึงรัง้ แต่ถ้ำคล�ำไม่ได้ แสดงว่ำเส้ นเลือดขำด จ�ำเป็ น
ต้ องปรึกษำศัลยแพทย์หลอดเลือดเพือ่ ท�ำกำรตรวจด้ วย angiogram หรือท�ำกำรเย็บซ่อมหลอดเลือด
76
องอาจ พฤทธิภาส
ภาวะแทรกซ้อน (Complications)
กำรบำดเจ็บต่อเส้ นประสำท common peroneal ท�ำให้ กระดกข้ อเท้ ำไม่ขึ ้นและมีอำกำร
ชำที่หลังเท้ ำ ในขณะที่กำรบำดเจ็บของหลอดเลือดแดง อำจเพิ่มควำมเสี่ยงต่อกำรสูญเสียขำ
ของผู้ป่วยได้ นอกจำกนี ้จ�ำเป็ นต้ องประเมินภำวะ compartment syndrome โดยประเมินจำก
อำกำรและอำกำรแสดงคือ out proportional pain, pallor, paresthesia, pulselessness,
poikilothermia และ paralysis จ�ำเป็ นอย่ำงยิ่งที่จะต้ องท�ำ fasciotomy ให้ ทนั ท่วงที
77
การรั กษาข้ อเข่ าเคลื่อนหลุด Management in Knee Dislocation
เอกสารอ้ างอิง
1. Stannard JP, Schenck Jr RC, Fanelli GC. Knee dislocations and fracture-dislocations. In: Bucholz
RW, Court-Brown CM, Heckman JD, Tornetta III P, editors. Rockwood and Green’s fractures in adults,
7th ed. Philadelphia: Lippincott, Williams and Wilkins; 2010. p. 1832-1866.
78
การรักษาข้อไหล่เคลื่อนหลุด
Management in Shoulder Dislocation 11
องอำจ พฤทธิภำส
79
การรั กษาข้ อไหล่ เคลื่อนหลุด Management in Shoulder Dislocation
การรักษา
โดยทัว่ ไปแนะน�ำให้ ดงึ ไหล่เข้ ำที่โดยใช้ general anesthesia เพื่อไม่ให้ ผ้ ปู ่ วยรู้ สกึ เจ็บ
ปวดในระหว่ำงกำรท�ำ closed reduction
ส�ำหรับกำรท�ำ closed reduction มีด้วย
กันหลำยวิธี แต่ที่นิยมใช้ มี 2 วิธี
1. Traction-countertraction (รู ปที่ 4) แพทย์ท�ำกำรดึงแขนของผู้ป่วยตำมแนวยำว
และผู้ชว่ ยแพทย์ใช้ ผ้ำคล้ องบริ เวณรักแร้ ของผู้ป่วยไว้ และดึงต้ ำนแรงกัน จำกนันแพทย์
้ คอ่ ยๆท�ำ
internal และ external rotate วิธีนี ้มักส�ำเร็จมำกกว่ำวิธีที่ 2 (zero position)
80
องอาจ พฤทธิภาส
รู ปที่ 4: Traction-Countertraction
2. Zero position (รูปที่ 5) ที่เรี ยกว่ำ zero เพรำะเป็ นต�ำแหน่งที่แรงดึงกล้ ำมเนื ้อรอบ
ข้ อไหล่สมดุลในทุกทิศทำง แพทย์ท�ำกำรดึงไหล่แบบค่อยเป็ นค่อยไปเริ่ มต้ นโดยกำรขยับแขนให้
abduction ประมำณ 165 องศำ และ forward flexion 45 องศำ โดยให้ medial epicondyle ชี ้
81
การรั กษาข้ อไหล่ เคลื่อนหลุด Management in Shoulder Dislocation
ไปทำงด้ ำนหน้ ำ แล้ วเริ่ มดึง traction ในแนวของของ humeral shaft และค่อยๆ abduction และ
flexion ไปพร้ อมกันจนถึง zero position และใช้ มือดัน humeral head มำทำงด้ ำน lateral เบำๆ
ท่ำนี ้จะค่อนข้ ำงนุ่มนวลในกำร reduction แต่บำงครัง้ อำจไม่ส�ำเร็ จถ้ ำผู้ป่วยมีกล้ ำมเนื ้อไหล่ที่
ใหญ่และเกร็ งมำก
การดูแลผู้ป่วยหลัง reduction
แต่เดิมมีควำมกลัวว่ำหัวไหล่จะหลุดซ� ้ำ (recurrent shoulder dislocation) แพทย์ในอดีต
จึงให้ ใส่ arm sling ไว้ นำนประมำณ 6 สัปดำห์ แต่สว่ นใหญ่ผ้ ปู ่ วยมักจะถอดออกเอง ดังนันใน ้
ปั จจุบนั จึงแนะน�ำให้ ใส่ arm sling นำนประมำณ 2-3 สัปดำห์เพื่อหำยปวด จำกนันจึ ้ งแนะน�ำ
ท�ำกำยบ�ำบัด ฝึ กกล้ ำมเนื ้อ deltoid ให้ แข็งแรงเพื่อป้องกันกำรหลุดซ� ้ำ ระหว่ำงนี ้ห้ ำมผู้ป่วยท�ำ
abduction และ external rotation
82
องอาจ พฤทธิภาส
ส�ำหรับภำวะหัวไหล่หลุดในผู้ป่วยอำยุมำกกว่ำ 45 ปี นันหลั
้ งจำกดึงเข้ ำที่แล้ ว อำจตำม
มำด้ วยปั ญหำไหล่ติดได้ (shoulder stiffness) ดังนันจึ
้ งควรแนะน�ำให้ ท�ำ early ROM หรื อ
pendulum exercise ทันทีเมื่อหำยปวด ส่วนใหญ่ให้ เริ่ มท�ำที่ 1-2 สัปดำห์ ส่วนผู้ป่วยอำยุน้อย
มักมำด้ วยปั ญหำ recurrent shoulder dislocation ที่บอ่ ยกว่ำ
83
การรั กษาข้ อไหล่ เคลื่อนหลุด Management in Shoulder Dislocation
เอกสารอ้ างอิง
1. Kwon YW, Kulwicki KJ, Zuckerman JD. Glenohumeral joint subluxations, dislocations, and instability. In:
Bucholz RW, Court-Brown CM, Heckman JD, Tornetta III P, editors, Rockwood and Green’s fractures
in adults, 7th ed. Philadelphia: Lippincott, Williams and Wilkins; 2010. p. 1165-1209.
84
การรักษาข้อศอกเคลื่อนหลุด
Management in Elbow Dislocation 12
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
ข้ อศอกเป็ นข้ อที่คอ่ นข้ ำงมัน่ คง อย่ำงไรก็ตำมกำรเกิดศอกหลุดพบได้ คอ่ นข้ ำงบ่อย มัก
เกิดจำกกำรเล่นกีฬำโดยกำรล้ มในท่ำศอกเหยียด ร่วมกับมีแรงส่งไปทำงด้ ำนหลัง หำกมีแรงใน
แนว valgus จะท�ำให้ เกิด posterolateral elbow dislocation โดยทัว่ ไป semilunar notch ของ
กระดูก ulna จะเคลื่อนไปด้ ำนหลังต่อส่วนปลำยของ humerus กรณีที่ไม่มีกระดูกหักจะถือว่ำ
เป็ นแบบไม่ซบั ซ้ อน ซึง่ กำรบำดเจ็บของหลอดเลือดและเส้ นประสำทจะพบได้ น้อย ศอกหลุดเป็ น
ภำวะที่ต้องท�ำกำรรักษำโดยทันทีเพื่อป้องกันภำวะแทรกซ้ อนที่อำจจะเกิดขึ ้น(1)
การตรวจร่างกาย
ตรวจหำกำรบวม รอยช� ้ำ บำดแผลเปิ ด และกำรบำดเจ็บในรยำงค์ข้ำงเดียวกัน ตรวจกำร
ท�ำงำนของหลอดเลือด และเส้ นประสำทโดยเฉพำะ median และ ulnar nerve กรณีศอกหลุด
ไปด้ ำนหลังแขนมักอยูใ่ นท่ำ flexed และสันลง ส่
้ วนในกรณีศอกหลุดไปด้ ำนหน้ ำแขนจะอยูใ่ นท่ำ
เหยียด นอกจำกนี ้ควรตรวจรูปทรงสำมเหลี่ยมหน้ ำจัว่ (isosceles triangle) ที่เกิดจำก medial
และ lateral epicondyle และ olecranon process ในขณะที่ศอกอยูใ่ นท่ำงอ หำกศอกผิดรูป
แต่สำมเหลี่ยมหน้ ำจัว่ นี ้ยังเป็ นปกติ อำจบ่งถึงกำรหักรอบศอก(1) (รูปที่ 1)
การส่งตรวจเพิ่มเติม
ในขันแรกให้
้ ประเมินข้ อศอกด้ วยเอกซเรย์ในแนว antero-posterior และ lateral เพื่อ
ประเมินทิศทำงกำรหลุดเคลื่อนและกำรหัก โดยทัว่ ไปเส้ นที่ลำกในแนวแกนของ radius จะผ่ำน
จุดกึง่ กลำงของ capitellum เสมอ รูปที่ 1 กำรส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ จะช่วยประเมินกำร
หักที่มีควำมสลับซับซ้ อนหรื อในรำยที่เห็นกำรหักไม่ชดั เจนในภำพเอกซเรย์(1)
85
การรั กษาข้ อศอกเคลื่อนหลุด Management in Elbow Dislocation
86
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
87
การรั กษาข้ อศอกเคลื่อนหลุด Management in Elbow Dislocation
88
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
เอกสารอ้ างอิง
1. Cohen MS, Hastings H 2nd. Acute elbow dislocation: evaluation and management. J Am Acad
Orthop Surg. 1998 Jan-Feb;6(1):15-23.
2. Gottlieb M, Schiebout J. Elbow Dislocations in the Emergency Department: A Review of Reduction
Techniques. J Emerg Med. 2018 Jun;54(6):849-854.
89
การจัดกระดูกเรเดียสส่วนปลายที่หักให้เข้าที่
Closed Reduction of Distal
Radius Fracture
13
ภูริพนั ธ์ จิรำงกูร
ภำวะ distal radius fracture มีหลำยชนิด แต่ที่พบได้ บอ่ ยที่สดุ ซึง่ จะเน้ นย� ้ำและกล่ำว
ถึง คือ Colles’ fracture ซึง่ หมำยถึงกระดูกเรเดียสส่วนปลำยที่หกั เคลื่อนไปด้ ำนหลังหรื อด้ ำน
บน (dorsal displacement) และท�ำมุมแหลมด้ ำนหน้ ำ (anterior angulation) โดยรอยหักมัก
จะอยูน่ อกข้ อ (extra-articular fracture)
กำรจัดกระดูกเรเดียสส่วนปลำยที่หกั ให้ เข้ ำที่ (closed reduction) ใช้ ในกำรหักของกระ
ดูกเรเดียสส่วนปลำยที่มีกำรเคลื่อนโดยเฉพำะกำรหักบริ เวณ metaphysis แบบนอกข้ อ (extra-
articular fracture) โดยในทีน่ ี ้จะกล่ำวถึงกำรหักแบบ Colles’ fracture ทีม่ กี ำรเคลือ่ นไปทำงด้ ำน
หลังมือ (dorsal displacement) ซึง่ พบได้ บอ่ ยกว่ำกำรหักแบบอื่นๆ
แม้ กำรหักบำงรูปแบบ ได้ รับกำรจ�ำแนกเป็ นประเภทไม่มนั่ คง (unstable) ต้ องกำรรักษำ
โดยกำรผ่ำตัดอำทิกำรหักเคลือ่ นจำกแรงเฉือน (displaced shear fracture),กำรหักทีม่ กี ำรแตกย่
อยหลำยชิ ้น (comminuted fracture), กำรหักเคลือ่ นเข้ ำข้ อ (displaced articular fracture ร่วม
กับ articular impaction), กำรหักร่วมกับข้ อมือหลุดเคลื่อน (fracture dislocation) หรื อกำรหัก
ที่มีภำวะแทรกซ้ อนเช่น nerve compression, compartment syndrome หรื อ multiple injuries
ซึง่ กำรหักเหล่ำนี ้แม้ ควรจะได้ รับกำรรักษำโดยวิธีกำรผ่ำตัด แต่กำรท�ำ closed reduction และ
splinting ก็ยงั ถือว่ำได้ ประโยชน์โดยเฉพำะกำรบรรเทำปวดลดอำกำรบวมลดกำรกดทับของเส้ น
ประสำท median อีกทังยั ้ งเป็ นกำรป้องกันกำรบำดเจ็บเพิ่มเติมจำกกระดูกที่หกั ได้
91
การจัดกระดูกเรเดียสส่ วนปลายที่หกั ให้ เข้ าที่ Closed Reduction of Distal Radius Fracture
อุปกรณ์
- อุปกรณ์กำรให้ ยำชำ
- อุปกรณ์ชว่ ยกำรดึงมือเช่น Chinese finger trap, น� ้ำหนักถ่วงแขนประมำณ 3-5 กก.
เสำแขวนให้ น� ้ำเกลือ
- อุปกรณ์กำรใส่เฝื อกคือ เฝื อก 4 นิ ้ว 2 ม้ วน webril 4 นิ ้ว 1 มัวน
- ผู้ชว่ ยดึงและเตรี ยมเฝื อก
วิธีการจัดกระดูกเรเดียสส่วนปลายที่หักให้เข้าที่
1. ให้ ยำชำเฉพำะที่บริ เวณที่กระดูกหัก หรื อ hematoma block (รูปที่1) โดยฉีดยำชำ
92
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
2. ท�ำกำรดึงถ่วงน� ้ำหนักประมำณ 3-5 kg. โดยใช้ อปุ กรณ์ Chinese finger trap ห้ อยกับ
เสำน� ้ำเกลือ (รูปที่ 2) ในขันตอนนี ้ ้ให้ ผ้ ปู ่ วยนอนหรื อนัง่ ก็ได้ แต่แนะน�ำให้ นอนบนเตียง เนื่องจำก
ถ้ ำให้ ผ้ ปู ่ วยนัง่ แล้ วได้ รับยำนอนหลับหรื อยำคลำยกังวล อำจเกิดอุบตั เิ หตุเพิ่มได้
3. หลังจำกกำรถ่วงน� ้ำหนักประมำณ 10 นำที เพื่อให้ ชิ ้นกระดูกหักแยกออกจำกกัน ให้
ท�ำกำร reduce ด้ วยหัวแม่มือโดยท�ำกำรดันชิ ้น distal fragment ไปทำงด้ ำน volar
4. ใส่ external splinting ที่เหมำะสม เช่น Forearm sugar tong slab, AP slab หรื อ
short arm cast
93
การจัดกระดูกเรเดียสส่ วนปลายที่หกั ให้ เข้ าที่ Closed Reduction of Distal Radius Fracture
1. Radial inclination ปกติมีคำ่ 23 องศำ (รูป 4A) เกณฑ์ที่ยอมรับได้ คือ มำกกว่ำ 15 องศำ
2. Radial height ปกติมีคำ่ 12 มิลลิเมตร (รูป 4A) เกณฑ์ที่ยอมรับได้ คือ น้ อยลง 2-5 มม.
3. Volar tilt ปกติมีคำ่ 11 องศำ (รูป 4B) เกณฑ์ที่ยอมรับได้ คือ dorsal tilt น้ อยกว่ำ 15
องศำ หรื อ volar tilt น้ อยกว่ำ 20 องศำ
4. intra-articular gap หรื อ step-off น้ อยกว่ำ 2 มิลลิเมตร
หลังกำรรักษำผู้ป่วยควรได้ ใกล้ เคียงกับ anatomical reduction ถ้ ำผลที่ได้ ไม่ดีควรตัด
เฝื อกออกและเริ่ มต้ นชันตอนกำรรั
้ กษำใหม่หรื อพิจำรณำรักษำโดยวิธีกำรผ่ำตัดต่อไป
94
ภูริพนั ธ์ จิรางกูร
95
การจัดกระดูกเรเดียสส่ วนปลายที่หกั ให้ เข้ าที่ Closed Reduction of Distal Radius Fracture
เอกสารอ้ างอิง
1. Earnshaw, S. A., et al. “Closed reduction of Colles fractures: comparison of manual manipulation
and finger-trap traction.” The Journal of Bone & Joint Surgery 84.3 (2002): 354-358.
2. Handoll H, Madhok R, Dodds C. Anaesthesia for Treating Distal Radial Fracture in Adults. Cochrane
Database of Systematic Reviews 2002; 3, CD003320.
3. Myderrizi N, Mema, B. The Hematoma Block: An Effective Alternative for Fracture Reduction in Distal
Radius Fractures. MED ARH 2011; 65(4): 239-242.
96
การรักษาข้อนิ้วเคลื่อนหลุด
Management in Dorsal Proximal
Interphalangeal Joint Dislocation
14
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
กลไกที่ท�ำให้ เกิด proximal interphalangeal joint (PIP) dorsal dislocation ได้ บอ่ ย
ที่สดุ คือ hyperextension force ซึง่ จะท�ำให้ เกิดกำรบำดเจ็บของ volar plate ที่ต�ำแหน่ง distal
insertion และอำจท�ำให้ เกิด avulsion fracture ตรงบริ เวณจุด insertion ได้ ซงึ่ พบได้ ถงึ 1 ใน 3
ของกำรบำดเจ็บ (รูปที่ 1A) กำรบำดเจ็บนี ้หำกมีแรง longitudinal compression force ร่วมด้ วย
จะส่งผลให้ base ของ middle phalanx เกิดกำรหักจำกกำรเฉือนหรื อกำรกระแทก(1,2)
การวินิจฉัย
กำรบำดเจ็บในลักษณะนี ้กำรถ่ำยภำพรังสีในท่ำ postero-anterior (PA) อำจไม่พบควำม
ผิดปกติที่ชดั เจน เนื่องจำกกระดูก proximal และ middle phalanx อยูใ่ นแนวที่ตรงกัน กำรถ่ำย
ภำพรังสีในแนว lateral จึงมีควำมจ�ำเป็ นอย่ำงมำกในกำรวินิจฉัย กำรประเมินกำรหักของ volar
lip ที่ base ของ middle phalanx และกำร reduction(1) (รูปที่ 1)
98
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
รู ปที่ 3: กำรท�ำ closed reduction ด้ วยกำรใช้ นิ ้วหัวแม่มือดัน middle phalanx ไปในทิศทำง distal
และ volar และใช้ นิ ้วชี ้และนิ ้วกลำงดัน proximal phalanx ขึ ้นไปทำง dorsal
99
การรั กษาข้ อนิว้ เคลื่อนหลุด Management in Dorsal Proximal Interphalangeal Joint Dislocation
เอกสารอ้ างอิง
1. Merrell G, Slade JF. Fracture of the carpal bone. In: Wolfe SW, Hotchkiss RN, Pederson WC, Kozin
SH, editors. Green’s Operative hand surgery. 6th ed. Philadelphia: Elsevier Churchill Livingstone;
2011. 291-332.
2. Jespersen B, Nielsen NS, Bonnevie BE, Boeckstyns ME. Hyperextension injury to the PIP joint or to the
MP joint of the thumb--a clinical study. Scand J Plast Reconstr Surg Hand Surg. 1998 Sep;32(3):317-21.
3. Eaton RG, Littler JW. Joint injuries and their sequelae. Clin Plast Surg. 1976 Jan;3(1):85-98.
4. Paschos NK, Abuhemoud K, Gantsos A, Mitsionis GI, Georgoulis AD. Management of proximal
interphalangeal joint hyperextension injuries: a randomized controlled trial. J Hand Surg Am. 2014
Mar;39(3):449-54.
5. Freiberg A. Management of proximal interphalangeal joint injuries. Can J Plast Surg. 2007;15:199–203.
100
การตรวจ Ankle-Brachial Index และ
Arterial Pressure Index 15
สุริยำ ลือนำม
101
การตรวจ Ankle-Brachial Index และ Arterial Pressure Index
วิธีการวัด
1. จัดให้ ผ้ ปู ่ วยอยูใ่ นท�ำนอนหงำย
2. สวม blood pressure cuff บริ เวณ แขน และ ข้ อเท้ ำ (รูปที่ 1 และ 2) จำกนันทำ ้
ultrasound gel ลงบนต�ำแหน่งที่จะท�ำกำรตรวจ brachial artery, dorsalis pedis artery และ
posterior tibial artery
3. วัด systolic pressures บริ เวณแขน วำง doppler ลงบนต�ำแหน่ง brachial pulse
แล้ วจึง inflate cuff ให้ มีควำมดังสูงกว่ำระดับ pulse ที่ได้ ยิน 20 mmHg ต่อมำ deflate cuff ช้ ำๆ
และบันทึกระดับควำมดันที่เสียง pulse เริ่ มได้ ยิน (รูปที่ 1)
4. วัด 2 ครัง้ ในแขนแต่ละข้ ำง เพื่อหำค่ำเฉลี่ย brachial pressure ของแขนแต่ละข้ ำง
5. วัด systolic pressures บริ เวณข้ อเท้ ำ โดยวำง doppler ลงบนต�ำแหน่ง dorsalis
pedis pulse ต่อมำให้ Inflate cuff 20 mmHg มำกกว่ำ pulse ที่ได้ ยิน แล้ ว deflate cuff ช้ ำๆ
102
สุริยา ลือนาม
103
การตรวจ Ankle-Brachial Index และ Arterial Pressure Index
8. ค�ำนวณ ABI
Right ABI = Highest right average ankle pressure (dorsalis pedis or posterior tibial artery)
Highest average arm pressure (right or left)
Left ABI = Highest left average ankle pressure (dorsalis pedis or posterior tibial artery)
Highest average arm pressure (right or left)
104
สุริยา ลือนาม
105
การตรวจ Ankle-Brachial Index และ Arterial Pressure Index
เอกสารอ้ างอิง
1. Schlickewei W, Kuner EH, Mullaji AB, Götze B. Upper and lower limb fractures with concomitant
arterial injury. J Bone Joint Surg Br. 1992 Mar;74(2):181-8.
2. Feliciano DV. Pitfalls in the management of peripheral vascular injuries. Trauma Surg Acute Care
Open. 2017 Aug 28;2(1):e000110.
3. Mills J, Duffy M. Screening for Peripheral Artery Disease and Cardiovascular Disease Risk Assessment
with the Ankle-Brachial Index. Am Fam Physician. 2018 Dec 15;98(12):754-755.
4. Levy BA, Zlowodzki MP, Graves M, Cole PA. Screening for extremity arterial injury with the arterial
pressure index. Am J Emerg Med. 2005 Sep;23(5):689-95.
106
วิธีการวัด Compartment Pressure
16
สุริยำ ลือนำม
107
วิธีการวัด Compartment Pressure
ขั้นตอนการวัด
1. ท�ำควำมสะอำดบริ เวณที่วดั ด้ วย Betadine solution ไม่ต้องฉีดยำชำในบริ เวณที่จะวัด
2. ต่อ IV extension tube เข้ ำกับ three-way connection
3. ต่อหลอดฉีดยำเข้ ำกับ three-way ที่ต�ำแหน่งข้ อต่อส่วนบน
4. ต่อ เข็มฉีดยำ เบอร์ 18 เข้ ำกับปลำยของ IV extension tube แล้ วหมุน stopcock
ของ three-way ให้ ต�ำแหน่งของ IV extension tube อีกฝั่ งหนึง่ เป็ น “off” (รูปที่ 1)
รู ปที่ 1
108
สุริยา ลือนาม
รู ปที่ 2
รู ปที่ 3
109
วิธีการวัด Compartment Pressure
7. Insert เข็มเข้ ำใน compartment ที่จะวัด จัดให้ เครื่ องวัดควำมดันโลหิต และ รยำงค์
ที่จะวัดอยูใ่ นระดับเดียวกัน (รูปที่ 4)
รู ปที่ 4
รู ปที่ 5
110
สุริยา ลือนาม
111
วิธีการวัด Compartment Pressure
เอกสารอ้ างอิง
1. Mubarak SJ, Owen CA, Hargens AR, Garetto LP, Akeson WH. Acute compartment syndromes:
diagnosis and treatment with the aid of the wick catheter. J Bone Joint Surg Am. 1978 Dec;60(8):1091-5.
2. Newton EJ, Love J. Acute complications of extremity trauma. Emerg Med Clin North Am. 2007
Aug;25(3):751-61.
3. Mubarak SJ, Hargens AR, Owen CA, Garetto LP, Akeson WH. The wick catheter technique for
measurement of intramuscular pressure. A new research and clinical tool. J Bone Joint Surg Am.
1976 Oct;58(7):1016-20
112
การเจาะข้อและฉีดยาในรยางค์ส่วนล่าง
Lower Extremity Joint Aspiration
and Injection
17
ช�ำนำญนิติ์ รุ้งพรำย
113
การเจาะข้ อและฉีดยาในรยางค์ ส่วนล่ าง Lower Extremity Joint Aspiration and Injection
ข้อบ่งชี้ในการเจาะข้อและฉีดยาเข้าข้อ (Indication)1-3
1. เพื่อกำรวินิจฉัยโรค โดย synovial fluid analysis หรื อ synovial biopsy เช่น ใน
unexplained joint effusion or arthritis, crystal-induced arthropathy
2. เพื่อกำรรักษำ โดยกำรระบำยน� ้ำ (fluid effusion) หนอง (pus/abscess) หรื อเลือด
(hemarthrosis) หรื อ กำรฉีดยำ
3. เพื่อใช้ ในกำรติดตำมผลของกำรรักษำ (follow-up)
4. เพื่อใช้ ในกำรวิจยั (research)
ข้อห้ามในการเจาะข้อและฉีดยาเข้าข้อ (Contraindication)1-3
1. กำรติดเชื ้อของผิวหนังหรื อเนื ้อเยื่อเกี่ยวพันบริ เวณที่จะท�ำกำรเจำะข้ อ (active skin/
soft tissue infection) ถือเป็ น absolute contraindication เพรำะอำจท�ำให้ เชื ้อกระจำยเข้ ำข้ อ
และเกิดข้ อติดเชื ้อได้ หำกจ�ำเป็ นต้ องเจำะให้ เปลี่ยนต�ำแหน่งในกำรเจำะได้ หำกมีกำรติดเชื ้อ
ลุกลำมรอบข้ อทังหมดควรวิ
้ นิจฉัยด้ วยวิธีอื่นแทนกำรเจำะข้ อ
2. กำรติดเชื ้อในกระดูกใกล้ เคียงกับบริ เวณที่จะเจำะข้ อ (adjacent osteomyelitis)
3. ภำวะเลือดไหลหยุดยำก (uncontrolled bleeding or coagulopathy)
4. กำรแพ้ ยำ
วิธีการเจาะข้อ
ข้อสะโพก (Hip joint)2
เป็ นข้ อที่ถือว่ำเจำะได้ ยำกที่สดุ เพรำะอยูล่ กึ กว่ำข้ ออื่นๆ และยังล้ อมรอบด้ วยกล้ ำมเนื ้อ
และเอ็นจ�ำนวนมำก หรื ออำจมีกระดูกงอกจนขวำงกำรเข้ ำถึงของข้ อสะโพก จึงมีควำมจ�ำเป็ น
ต้ องใช้ fluoroscopy ช่วยน�ำทำงหรื อหำต�ำแหน่ง และเข็มที่เจำะต้ องมีขนำดควำมยำว ตังแต่ ้ 2
นิ ้วขึ ้นไป เช่น spinal needle โดยทัว่ ไปกำรเจำะสำมำรถกระท�ำได้ 2 ทำง
1. Anterior approach ท�ำในท่ำนอนหงำย หำต�ำแหน่ง femoral artery แล้ วท�ำกำรท�ำ
เครื่ องหมำยไว้ ต�ำแหน่งของข้ อสะโพกจะอยู ่ lateral ต่อ femoral artery ไป 2 นิ ้ว และ distal
ต่อ inguinal ligament โดยแทงเข็มไปตรงๆ ผ่ำนผิวหนัง เนื ้อเยื่อเกี่ยวพัน ลงไปถึงข้ อสะโพก แต่
หำกปลำยเข็มชนกระดูกให้ ถอยเข็มออกมำเล็กน้ อยและหำทำงใหม่ เมื่อปลำยเข็มเข้ ำในข้ อจะ
มีควำมหนืดเล็กน้ อยเมื่อลองฉีดยำเข้ ำข้ อ แต่หำกมีควำมหนืดมำกแสดงว่ำปลำยเข็มอยูใ่ นเส้ น
เอ็น (รูปภำพที่ 1A)
2. Lateral approach ท�ำในท่ำนอนตะแคง คล�ำและหำ greater trochanter แล้ วท�ำ
เครื่ องหมำยไว้ จุดเข้ ำจะอยูส่ งู กว่ำ tip ของ greater trochanter ไป 1-2 เซนติเมตร โดยแทงเข็ม
ผ่ำนผิวหนัง เนื ้อเยื่อเกี่ยวพันและเข้ ำสูข่ ้ อสะโพก (รูปภำพที่ 1B)
115
การเจาะข้ อและฉีดยาในรยางค์ ส่วนล่ าง Lower Extremity Joint Aspiration and Injection
116
ช�านาญนิต์ ิ รุ้ งพราย
ท�ำในกรณีที่ ด้ ำน lateral มี active skin infection หรื อมี scar ท�ำให้ เจำะเข็มเข้ ำล�ำบำก โดย
ท�ำกำรดันกระดูก patella เข้ ำหำผู้ฉีดทำงด้ ำน medial แล้ ว สอดเข็มเข้ ำไปในช่องว่ำงระหว่ำง
กระดูก patella และ femoral trochlea โดยที่เข็มให้ สอดเข้ ำใต้ mid-patella pole โดยไม่ต้อง
เอียงเข็มดังเช่นทำง lateral6 ทังนี
้ ้ capsule ทำงด้ ำน medial จะเหนียวน้ อยกว่ำด้ ำน lateral2
(รูปภำพที่ 2D)
5. Anterolateral approach (Medial infrapatellar) เป็ นต�ำแหน่งเดียวกับที่ในกำรใช้
ส่องกล้ องข้ อเข่ำ ได้ รับควำมนิยมน้ อยทีส่ ดุ ท�ำในท่ำงอเข่ำในท่ำนัง่ หรือท่ำนอนได้ พิจำรณำท�ำใน
ผู้ป่วยที่ไม่สำมำรถเหยียดเข่ำได้ และเหมำะกับผู้ป่วยที่มีน� ้ำในข้ อเข่ำปริ มำณน้ อย วิธีนี ้ไม่เหมำะ
กับผู้ป่วยที่มีกำรตีบแคบของช่องระหว่ำงข้ อ ทำงด้ ำนนอก เช่น valgus osteoarthritis (รูปภำพ
ที่ 2E)
6. Anteromedial approach (Lateral infrapatellar) พิ จ ำรณำเช่น เดี ย วกับ
anterolateral approach (medial infrapatellar) วิธีนี ้อำจท�ำได้ ล�ำบำกในผู้ป่วยที่มีข้อเข่ำเสื่อม
และมีชอ่ งระหว่ำงข้ อตีบแคบทำงด้ ำน medial (varus osteoarthritis) แต่วธิ ีนี ้จึงเหมำะกับ neutral
alignment หรื อ valgus osteoarthritis (รูปภำพที่ 2F)
117
การเจาะข้ อและฉีดยาในรยางค์ ส่วนล่ าง Lower Extremity Joint Aspiration and Injection
รู ปที่ 3: แสดงต�ำแหน่งของแต่ละเทคนิคในกำรเจำะดูดหรื อฉีดยำเข้ ำข้ อเท้ ำ medial ( 1), anterior (2), และ
lateral (3) approaches (T=tibialis anterior, E=extensor hallucis longus, NV=neurovascular; dorsalis
pedis artery และ deep peroneal nerve, และ P=peroneus tertius, SPN=superficial peroneal nerve)
(viscosupplements)9
ข้ อห้ ำมในกำรฉีดสเตียรอยด์ที่สำ� คัญ (absolute contraindication) คือ มีกำรแพ้ ยำ และ
มีกำรติดเชื ้อเฉพำะที่หรื อในกระแสเลือด ส่วนข้ อห้ ำมอื่นๆ (relative contraindication) ได้ แก่
ภำวะ severe bleeding diathesis ผู้ป่วยเบำหวำนที่ uncontrolled ผู้ป่วยอ้ วนมำก และกรณีที่
ข้ อมีควำมเสียหำยอย่ำงรุนแรง10
119
การเจาะข้ อและฉีดยาในรยางค์ ส่วนล่ าง Lower Extremity Joint Aspiration and Injection
121
การเจาะข้ อและฉีดยาในรยางค์ ส่วนล่ าง Lower Extremity Joint Aspiration and Injection
เอกสารอ้ างอิง
1. Tallia AF, Cardone DA. Diagnostic and therapeutic injection of the ankle and foot. Am Fam Physician.
2003 Oct1;68(7):1356-62.
2. Cardone DA, Tallia AF. Diagnostic and therapeutic injection of the hip and knee. Am Fam Physician.
2003 May15;67(10):2147-52.
3. Gatter RA, Andrews RP, Cooley DA, Fiechtner JJ, Minna DA, Phelps P, et al. American college of
rheumatology guidelines for performing office synovial fluid examinations. J Clin Rheumatol. 1995
Jun;1(3):194-6.
4. Mariani PP, Puddu G, Ferretti A. Hemathrosis treated by aspiration and casting. How to condemn
the knee. Am J Sports Med.1982 Nov-Dec;10(6):343-5.
5. Douglas RJ. Aspiration and injection of the knee joint: approach portal. Knee Surg Relat Res.2014
Mar;26(1):1-6.
6. Esenyel C, Demirhan M, Esenyel M, Sonmez M, Kahraman S, Senel B, et al. Comparison of four
different intra-articular injection sites in the knee: a cadaver study. Knee Surg Sports Traumatol
Arthrosc.2007 May;15(5):573-7.
7. Park SK, Choi YS, Kim HJ. Hypopigmentation and subcutaneous fat, muscle atrophy after local
corticosteroid injection. Korean J Anesthesiol.2013 Dec;65(6 Suppl):S59-61
8. Neustadt DH. Complications of local corticosteroid injections. JAMA.1981 Aug 21;246(8):835-6.
9. Vincent P. Intra-articular hyaluronic acid in the symptomatic treatment of knee osteoarthritis: A meta-
analysis of single-injection products. Curr Ther Res Clin Exp.2019;90:39-51.
10. Freire V, Bureau NJ. Injectable corticosteroids: take precautions and use caution. Semin Musculoskelet
Radiol.2016 Nov;20(5):401-8.
11. Olafsen NP, Herring SA, Orchard JW. Injectable corticosteroids in sport. Clin J Sport Med. 2018
Sep;28(5):451-6.
12. Louw WF. The occasional injection for trochanteric bursitis. Can J Rural Med. 2011
Spring;16(2):68;author reply -9
13. Chiodo CP,Logan C, Blauwet CA. Aspiration and injection techniques of the lower extremity. J Am
Acad Orthop Surg.2018 Aug 1;26(15):e313-e20.
14. Wisniewski SJ, Hurdle M, Erickson JM, Finnoff JT, Smith J. Ultrasound-guided ischial bursa injection:
technique and positioning considerations. PM R.2014Jan;6(1):56-60.
15. Heisel NJ. In plantar fasciitis, corticosteroid injections and placebo do not differ for reducing pain
at </= 12 weeks. Ann Intern Med.2020Jan21;172(2):JC8
122
การเจาะข้อและฉีดยาในรยางค์ส่วนบน
Upper Extremity Joint Aspiration
and Injection
18
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
ภาวะแทรกซ้อนของการเจาะข้อหรือการฉีดยา(1-3)
กำรเจำะข้ อและกำรฉีดยำแม้ จะท�ำอย่ำงระมัดระวังแล้ วแต่ก็อำจเกิดภำวะแทรกซ้ อนขึ ้น
ได้ และเป็ นสิง่ ที่แพทย์จะต้ องแนะน�ำผู้ป่วยก่อนท�ำหัตถกำรทุกครัง้ ดังนี ้
1. บริเวณทีไ่ ด้ รับกำรฉีดยำอำจมีอำกำรปวดและรอยแดงซึง่ มักหำยไปใน 24 ถึง 48 ชัว่ โมง
2. เกิดกำรติดเชื ้อในข้ อหรื อผิวหนัง
3. มีเลือดออกบริ เวณที่ได้ รับกำรเจำะข้ อหรื อฉีดยำ
4. เส้ นเอ็นขำด ซึง่ ป้องกันโดยเลี่ยงกำรฉีดยำเข้ ำเส้ นเอ็น
5. ไขมันและผิวหนังมีกำรฝ่ อลีบและมีสีผิดปกติ จำกกำรฉีดยำในต�ำแหน่งที่ตื ้นเกินไป
หรื อใช้ ยำสเตียรอยด์ที่มีควำมเข้ มข้ นสูง
6. ฉีดยำเข้ ำหลอดเลือด หรื อเกิดกำรบำดเจ็บของเส้ นประสำท
7. เกิดกำรบำดเจ็บของกระดูกอ่อน
8. เกิดกำรแพ้ ยำ
9. มีอำกำรร้ อนวูบวำบ หรื อใจสัน่ เกิดได้ ภำยใน 24 ชัว่ โมง จำกกำรดูดซึมของยำสเตีย
รอยด์เข้ ำสูร่ ่ำงกำย ในผู้ป่วยเบำหวำนอำจพบระดับน� ้ำตำลในเลือดสูงขึ ้นได้ ชวั่ ครำว
123
การเจาะข้ อและฉีดยาในรยางค์ ส่วนบน Upper Extremity Joint Aspiration and Injection
การเจาะข้อและการฉีดยาในรยางค์บน
โดยทัว่ ไปกำรเจำะข้ อและกำรฉีดยำเข้ ำข้ อในรยำงค์บนมักใช้ จดุ อ้ ำงอิงในกำรท�ำหัตถกำร
เดียวกัน โดยในกำรเจำะข้ อนันควรใช้
้ เข็มที่มีขนำดใหญ่ เช่น 20G หรื อ 18G ยำว 1.5 นิ ้ว กำร
วิเครำะห์น� ้ำในข้ อแสดงในตำรำงที่ 1 ส่วนในกำรฉีดยำขนำดของยำ ขนำดเข็มและ ปริ มำณยำ
(1)
ที่แนะน�ำแสดงในตำรำงที่ 2 (2,3)
124
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
125
การเจาะข้ อและฉีดยาในรยางค์ ส่วนบน Upper Extremity Joint Aspiration and Injection
127
การเจาะข้ อและฉีดยาในรยางค์ ส่วนบน Upper Extremity Joint Aspiration and Injection
128
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
การฉีดยาเพื่อรักษา
Subacromion bursa (2,3)
สำมำรถแทงเข็มได้ 2 ทำง
Posterior approach จัดผู้ป่วยอยูใ่ นท่ำนัง่ ทิ ้งแขนข้ ำงล�ำตัว คล�ำขอบหลังของ acromion
แทงเข็มในแนวหลังไปหน้ ำ ที่ต�ำแหน่งที่ medial และsuperior ต่อ posterior corner ของ
acromion ไป 1 เซนติเมตร เล็งให้ ขนำนไปกับแนวเอียงของ acromion process (รูปที่ 6)
Lateral approach แทงเข็มจำกทำงด้ ำน lateral ใกล้ กบั posterior angle ของ acromion
และเล็งเข็มไปทำง anteromedial ให้ ปลำยเข็มอยูค่ รึ่งด้ ำนหน้ ำของ acromion (รูปที่ 7)
130
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
de Quervain tenosynovitis(4,7)
จัดให้ ผ้ ปู ่ วยอยูใ่ นท่ำนัง่ วำงมือบนโต๊ ะ โดยวำงด้ ำน ulnar ของข้ อมือบนผ้ ำม้ วนให้ ข้อมือ
อยูใ่ นท่ำ ulnar deviation เล็กน้ อย คล�ำหำจุดกดเจ็บซึง่ จะอยูต่ รงหรื อใกล้ เคียงกับ radial styloid
ให้ ผ้ ปู ่ วยขยับหัวแม่มือ radial abduction และ adduction เพื่อสัมผัสถึงกำรเคลื่อนไหวของเส้ น
เอ็นที่อยูใ่ ต้ extensor retinaculum เพื่อระบุแนวของเส้ นเอ็น แทงเข็ม distal ต่อ radial styloid
เล็กน้ อย ชี ้ปลำยไปทำง proximal ในแนวของเส้ นเอ็น ถอยเข็มออกเล็กน้ อยแล้ วจึงท�ำกำรฉีดยำ
131
การเจาะข้ อและฉีดยาในรยางค์ ส่วนบน Upper Extremity Joint Aspiration and Injection
132
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
เอกสารอ้ างอิง
1. Shojania K. Rheumatology: 2. What laboratory tests are needed? CMAJ. 2000 Apr 18;162(8):1157-63.
2. Naredo E, Möller I, Rull M. Aspiration and injection of joints and periarticular tissue and intralesional
therapy. In: Hochberg MC, Gravallese EM, Silman AJ, Smolen JS, Weinblatt ME, Weisman MN,
editors. Rheumatology, 7th ed. Philadelphia (PA): Elsevier; 2019. p. 334-346.
3. Zayat AS, Buch M, Wakefield RJ. Arthrocentesis and Injection of Joints and Soft Tissue. In: Firestein
GS, Budd RC, Gabriel SE, McInnes IB, O’Dell JR, editors. Kelley and Firestein’s Textbook of
Rheumatology, 10th ed. Philadelphia (PA): Elsevier; 2017. p. 802-816.
4. Wolfe SW. Tendinopathy. In: Wolfe SW, Hotchkiss RN, Pederson WC, Kozin SH, editors. Green’s
operative hand surgery. 6th ed. Philadelphia (PA): Elsevier Churchill Livingstone; 2011. p. 2067-88.
5. Saldana MJ. Trigger digits: diagnosis and treatment. J Am Acad Orthop Surg. 2001 Jul-
Aug;9(4):246-52.
6. Mackinnon SE, Novak CB. Compressive neuropathies. In: Wolfe SW, Hotchkiss RN, Pederson WC,
Kozin SH, Cohen MS. editors. Green’s operative hand surgery. 7th ed. Philadelphia (PA): Elsevier;
2016. p. 921-958.
7. Ilyas AM, Ast M, Schaffer AA, Thoder J. De quervain tenosynovitis of the wrist. J Am Acad Orthop
Surg. 2007 Dec;15(12):757-64.
133
กลุ่มโรคของอาการปวดกล้ามเนื้อ และ
การฉีดยาเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
Myofascial Pain Syndrome & Trigger Point
19
Injection
รุ่งรัฐ จิตตกำร
สมภพ ภูพ่ ิทยำ
บทน�า
Myofascial pain syndrome คือ กลุม่ โรคของอำกำรปวดกล้ ำมเนื ้อ และอำกำรทำงระบบ
ประสำทอัตโนมัตผิ ิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ ตำพร่ำมัว ตำแดง น� ้ำตำไหล ที่เป็ นผลมำจำก trigger
point (TrP) ที่อยูใ่ นกล้ ำมเนื ้อและเนื ้อเยื่อพังผืด เป็ นโรคที่พบได้ บอ่ ย โดยผู้ป่วยทำงออร์ โธปิ ดกิ ส์
ถึง 30-55 % มีอำกำรปวดจำก myofascial pain syndrome พบในเพศหญิงมำกกว่ำเพศชำย
ประมำณ 2.5:1 เท่ำ โดยกลุม่ ผู้ป่วยจะมีอำยุอยูใ่ นช่วงประมำณ 31-50 ปี จุดปวดส่วนใหญ่มกั
เกิดขึ ้นทีบ่ ริเวณกล้ ำมเนื ้อกลำงล�ำตัว (axial pain) ในกล้ ำมเนื ้อของผู้ป่วยทีเ่ ป็ น myofascial pain
syndrome จะตรวจพบว่ำมี taut band อยู ่ ซึง่ ก็คือใยกล้ ำมเนื ้อที่มีลกั ษณะแข็งและมีอำกำร
ปวดเมื่อเรำตรวจด้ วยกำรคล�ำ เมื่อขยำยดูสว่ นของ taut band เรำจะพบ trigger point ซึง่ เป็ น
จุดเล็กๆที่มีควำมไวและสำมำรถก่อให้ เกิดอำกำรปวด ซึง่ อำจจะเกิดขึ ้นเองก็ได้ หรื อเกิดขึ ้นเมื่อ
มีแรงกดจำกกำรคล�ำก็ได้
ลักษณะอำกำรปวดของ trigger point มีลกั ษณะเฉพำะ คือก่อให้ เกิดอำกำรปวดร้ ำว
ตำมต�ำแหน่งเฉพำะของกล้ ำมเนื ้อแต่ละมัด ซึง่ แตกต่ำงกันไป (referred pain zone) ดังรูปที่ 1
และ trigger point จะมีควำมแตกต่ำงจำกจุดปวดแบบ tender spot ตรงที่ tender spot นันจะ ้
ปวดเฉพำะจุดที่มีพยำธิสภำพ แต่ไม่มีกำรปวดร้ ำวแบบ trigger point
135
กลุ่มโรคของอาการปวดกล้ ามเนือ้ และการฉีดยาเพื่อคลายกล้ ามเนือ้ Myofascial Pain Syndrome & Trigger Point Injection
การฝังเข็ม และยาที่สามารถน�ามาฉีด
1. กำรฝั งเข็มเพียงอย่ำงเดียว นัน่ สำมำรถท�ำได้ โดยปั กไปที่จดุ trigger point ก็สำมำรถ
ท�ำให้ อำกำร myofascial pain ของผู้ป่วยมีอำกำรดีขึ ้นได้ แต่กอ็ ำจจะท�ำให้ เกิดอำกำรเจ็บบริเวณ
ที่ถกู ฝั งเข็มในภำยหลัง (post acupuncture soreness)
2. กำรใช้ ยำ ก็สำมำรถกระท�ำร่วมได้ เช่น lidocaine, corticosteroid และ botulinum
toxin A ซึง่ ส�ำหรับในกำรใช้ corticosteroidฉีดร่วมด้ วยนันไม่
้ เป็ นที่นิยมเนื่องจำกอำจจะเกิดผ
ลข้ ำงเคียงจำกกำรใช้ ได้ ในส่วนของ botulinum toxin A ได้ รับควำมนิยมในกำรฉีดเพิ่มขึ ้นเรื่ อย
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในผู้ป่วยที่มีควำมจ�ำเป็ นต้ องฉีดยำบ่อยๆ จะเลือกใช้ ในกรณีที่มีอำกำรเรื อ้ รัง
และไม่ประสบผลส�ำเร็ จจำกกำรรักษำด้ วยวิธีอื่นๆ โดยจะต้ องใช้ อย่ำงระมัดระวังโดยแพทย์ผ้ ู
เชี่ยวชำญ
การเตรียมก่อนการฉีด
1. กำรเตรี ยมตัวผู้ป่วย และกำรจัดท่ำ
a. ซักประวัติกำรมีเลือดออกง่ำยของผู้ป่วย หรื อได้ รับยำต้ ำนกำรเกำะตัวของเกร็ ด
136
รุ่ งรั ฐ จิตตการ, สมภพ ภู่พทิ ยา
เลือด เช่น Aspirin, Plavix หรื อไม่ รวมไปถึงประวัตกิ ำรแพ้ ยำที่จะใช้ ร่วมในกำรรักษำ
2. กำรเลือกเข็ม
a. ส�ำหรับกล้ ำมเนื ้อที่อยู่ไม่ลกึ เกินไป โดยทัว่ ไปแล้ วมักใช้ เข็มเบอร์ 24-25 โดยใช้
ควำมยำวเข็มที่ 1.5 นิ ้ว ซึง่ จะสำมำรถใช้ ได้ ดี แต่ทงนีั ้ ้ต้ องพิจำรณำเป็ นรำยๆไป เช่นถ้ ำผู้ป่วย
ผอมมำกมีชนไขมั
ั ้ นใต้ ผิวบำงก็อำจพิจำรณำปรับลดควำมยำวของเข็ม
3. กำรท�ำควำมสะอำด
a. ใช้ สำ� ลีชบุ alcohol ป้ ำยบริเวณที่จะท�ำกำรฉีด โดยแพทย์ผ้ รู ักษำสวมถุงมือปลอดเชื ้อ
4. กำรปั กเข็มเพื่อให้ ผ้ ปู ่ วยเข็บน้ อยที่สดุ
a. อำจใช้ สเปรย์ไอเย็น เช่น ethyl chloride พ่นบริเวณผิวหนังที่จะท�ำกำรฉีดก่อนกำรลงเข็ม
b. กำรลงเข็มให้ ผำ่ นชันผิ ้ วหนังด้ วยควำมรวดเร็วโดยกำรกระดกข้ อมือขึ ้นแล้ วปั กเข็มลงไป
c. กำรท�ำให้ ผิวหนังบริ เวณรนันตึ ้ งก่อนโดยใช้ นิ ้วกดผิวหนังบริ เวณที่จะท�ำกำรฉีด
โดยต้ องแจ้ งให้ ผ้ ปู ่ วยทรำบล่วงหน้ ำก่อนว่ำ ถ้ ำหำกลงเข็มได้ ถกู ต้ องในบริ เวณต�ำแหน่ง trigger
point ผู้ป่วยจะมีควำมรู้สกึ ปวดร้ ำวไปตำมต�ำแหน่งที่เคยปวด และอำจจะรู้สกึ ว่ำกล้ ำมเนื ้อนัน้
กระตุกด้ วย
138
รุ่ งรั ฐ จิตตการ, สมภพ ภู่พทิ ยา
เอกสารอ้ างอิง
1. ประดิษฐ์ ประทีปะวณิช. Myofascial pain syndrome : A common problem in clinical practice. ครัง้ ที่ 1.
กรุงเทพฯ ซ อมริ นทร์ พริ น้ ติ ้งแอนด์พบั ลิชชิ่ง, 2542 : 1-425.
2. Travell JG,Simon DG.Myofascial pain and dysfunction : the trigger point munual, vol1. Baltimore:
William&Wilkins, 1983 : 1-164.
3. Simon DG,Myofascial pain syndrome due to trigger point In : Goodgold J,eds. Rehabilitation medicine.
St.Louis: Mosby, 1988 : 686-723.
139
การฉีดยาชาระงับความรู้สึกที่นิ้วมือ
Single Subcutaneous Injection
Digital Nerve Block
20
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
141
การฉีดยาชาระงับความรู้ สึกที่นิว้ มือ Single Subcutaneous Injection Digital Nerve Block
142
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
ดังนันหำกท�
้ ำกำรฉีดยำชำบริ เวณกึ่งกลำงของโคนนิ ้วยำจะแพร่ กระจำยไปสู่ proper
palmar digital nerve และท�ำให้ ผ้ ปู ่ วยมีอำกำรชำตำมบริ เวณที่เส้ นประสำทนี ้ไปเลี ้ยง (รูปที่ 3)
วิธีนี ้เรี ยกว่ำ single subcutaneous injection digital block ซึง่ ระงับควำมรู้สกึ ได้ ดีไม่ตำ่ งจำก
วิธีอนื่ เกิดควำมเจ็บปวดระหว่ำงฉีดน้ อยทีส่ ดุ ผู้ป่วยมีควำมพึงพอใจมำกทีส่ ดุ และกระท�ำได้ งำ่ ย
ที่สดุ เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ(3,5,6,)
143
การฉีดยาชาระงับความรู้ สึกที่นิว้ มือ Single Subcutaneous Injection Digital Nerve Block
144
อรรคพัฐ โกสิยตระกูล
ข้อควรระวัง
1. หำกสงสัยกำรบำดเจ็บต่อ digital nerve หรือมีบำดแผลอยูใ่ กล้ ตำ� แหน่ง digital nerve
ควรท�ำกำรตรวจร่ำงกำยก่อนกำรท�ำ digital nerve block เสมอ
2. ควรท�ำกำร block dorsal digital nerve โดยฉีดยำชำเข้ ำชัน subcutaneous tissue
้
ทำงด้ ำนหลังนิ ้วนันๆด้
้ วยยำชำปริ มำณ 2-3 มล. ในกรณีดงั ต่อไปนี ้
2.1 ต้ องกำรพันยำงรัดห้ ำมเลือดที่บริ เวณโคนนิ ้ว (rubber tourniquet)
2.2 ต้ องกำรท�ำกำรผ่ำตัดที่บริ เวณหลังนิ ้วในส่วน proximal phalanx หรื อ proximal
interphalangeal joint(1,6)
2.3 ท�ำกำรผ่ำตัดบริ เวณส่วนปลำยด้ ำน dorsal ชองนิ ้วหัวแม่มือและนิ ้วก้ อยเพรำะ
บริ เวณนี ้มักได้ รับเส้ นประสำทควำมรู้สกึ จำก dorsal digital nerve(1,6)
145
การฉีดยาชาระงับความรู้ สึกที่นิว้ มือ Single Subcutaneous Injection Digital Nerve Block
เอกสารอ้ างอิง
1. Fisher L, Gordon M. Anesthesia for hand surgery. In: Wolfe SW, Hotchkiss RN, Pederson WC, Kozin
SH, editors. Green’s Operative hand surgery. 6th ed. Philadelphia: Elsevier Churchill Livingstone;
2011. p. 25-38
2. Volfson D, Farina GA. Digital Nerve Block. Available at: URL:http://emedicine.medscape.com/
article/80887-overview. Accessed May 6, 2017.
3. Low CK, Vartany A, Engstrom JW, Poncelet A, Diao E. Comparison of transthecal and subcutaneous
single-injection digital block techniques. J Hand Surg Am. 1997 Sep;22(5):901-5.
4. Doyle JR. Hand. In: Dolye JR, Botte MJ, editors. Surgical anatomy of the hand and upper extremity.
Philadelphia: Lippincott Williams and Wilkins; 2003. p. 532-666
5. Hung VS, Bodavula VK, Dubin NH. Digital anaesthesia: comparison of the efficacy and pain associated
with three digital nerve block techniques. J Hand Surg Br. 2005 Dec;30(6):581-4.
6. Yin ZG, Zhang JB, Kan SL, Wang P. A comparison of traditional digital blocks and single subcutaneous
palmar injection blocks at the base of the finger and a meta-analysis of the digital block trials. J
Hand Surg Br. 2006 Oct;31(5):547-55.
146
การรักษาเบื้องต้นส�าหรับผู้ป่วยที่มี
กระดูกหักแบบเปิด
Open Fracture Management
21
รุ่งรัฐ จิตตกำร
147
การรั กษาเบือ้ งต้ นส�าหรั บผู้ป่วยที่มีกระดูกหักแบบเปิ ด Open Fracture Management
การจ�าแนกชนิดภาวะกระดูกหักแบบเปิด
148
รุ่ งรั ฐ จิตตการ
Skeletal stabilization
กำรท�ำ early stabilization ของภำวะกระดูกหักแบบเปิ ดมีควำมส�ำคัญ โดยสำมำรถลด
อำกำรปวดของผู้ป่วย ลดกำรบำดเจ็บเพิ่มเติมของเนื ้อเยื่อรอบบริ เวณที่กระดูกหัก อำจเลือกท�ำ
เป็ น temporary fixation ด้ วยเฝื อก, skeleton traction หรื อ external fixation
External fixator เป็ นที่นิยมอย่ำงมำกในปั จจุบนั โดยมีข้อดีคือสำมำรถท�ำได้ ง่ำยและ
รวดเร็ วแต่มีข้อเสียคือ อำจเกิด pin tract infectionได้ ถ้ ำใส่ external fixator นำนเกิน 2 สัปดำห์
อย่ำงไรก็ตำมแพทย์ผ้ ทู �ำกำรรักษำอำจเลือกท�ำ definitive fixation ได้ เลยในกรณีภำวะกระดูก
หักแบบเปิ ดชนิดที่ I, II และ IIIA ที่มีกำรปนเปื อ้ นน้ อย
Wound Management
กำรท�ำ immediate primary wound closure ในปั จจุบนั สำมำรถท�ำได้ อย่ำงปลอดภัย
และอำจลดโอกำสกำรติดเชื ้อภำยในโรงพยำบำลลดลงด้ วย แต่อย่ำงไรก็ตำมวิธีดงั กล่ำวสำมำรถ
ใช้ ได้ ส�ำหรับผู้ป่วยบำงรำยเท่ำนัน้
ในภำวะกระดูกหักแบบเปิ ดชนิด IIIB และ IIIC มักต้ องจะมีกำรผ่ำตัดเพื่อท�ำ soft tissue
reconstruction คลุมบริ เวณที่บำดเจ็บเพื่อช่วยปกป้องหลอดเลือด เพิ่มเลือดที่มำยังบริ เวณ
กระดูกที่หกั ส�ำหรับระยะเวลำในกำรท�ำ soft tissue reconstruction นันควรจะท�
้ ำภำยในระยะ
เวลำ 3-10 วันหลังจำกอุบตั เิ หตุ
150
รุ่ งรั ฐ จิตตการ
151
การรั กษาเบือ้ งต้ นส�าหรั บผู้ป่วยที่มีกระดูกหักแบบเปิ ด Open Fracture Management
เอกสารอ้ างอิง
1. Dunbar RP Jr, Gardner MJ. Initial management of open fracture. In: Bucholz RW, Court-Brown
CM, Heckman JD, Tornetta III P. Rockwood and Greenûs fractures in adults, 7th ed. Philadelphia:
Lippincott, Williams and Wilkins; 2010. p. 283-302.
2. Gustilo RB, Anderson JT. Prevention of infection in the treatment of 1035 open fractures of long bones:
retrospective and prospective analysis. J Bone Joint Surg (Am) 1976;58A:453-458.
3. Gustilo RB, Mendoza RM, Williams DM. Problems in the management of type III (severe) open
fractures. A new classification of type III open fractures. J Trauma 1984;24:742-746.
152
อุปกรณ์ช่วยพยุงเดิน
Ambulatory Assistive Device 22
พัฒนเกติ ชีวะก้ องเกียรติ
ประโยชน์และจุดประสงค์ของการใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงเดิน
1. เพิ่มควำมมัน่ คงของกำรเคลื่อนไหวและกำรทรงตัว จำกกำรเพิ่มขนำดฐำนรองรับ
ร่ำงกำยให้ กว้ ำงขึ ้นตำมลักษณะของอุปกรณ์ชว่ ยเดิน (รูปที่ 1)
2. ลดกำรรับน� ้ำหนักของขำข้ ำงทีเ่ จ็บ โดยกำรถือไม้ เท้ ำ (cane) ด้ ำนตรงข้ ำมสำมำรถลด
กำรรับน� ้ำหนักได้ ประมำณ 25%, กำรใช้ ไม้ ค� ้ำยัน (crutches) ช่วยลดกำรรับน� ้ำหนักได้ ถงึ 80%
3. เสริมแรงและกำรท�ำงำนของกล้ ำมเนื ้อ กำรใช้ อปุ กรณ์ชว่ ยเดินสำมำรถช่วยเสริมกำร
ท�ำงำนของกล้ ำมเนื ้อได้ เช่น กำรใช้ ไม้ เท้ ำในด้ ำนตรงข้ ำมกับด้ ำนที่มีกำรอ่อนแรงของกลุม่ กล้ ำม
เนื ้อสะโพก (hip abductor muscle) จะสำมำรถช่วยชดเชยต่อกำรอ่อนแรงของกล้ ำมเนื ้อกลุม่
ดังกล่ำวได้ ถงึ 2/3 และยังสำมำรถเสริ มก�ำลังกำรเริ่ มออกตัวเดิน (propulsion) ของผู้ป่วยได้
4. ถ่ำยทอดกำรรับรู้ควำมรู้สกึ จำกพื ้นมำสูม่ ือ (transmitting sensory cues)
153
อุปกรณ์ ช่วยพยุงเดิน Ambulatory Assistive Device
Cane
ไม้ เท้ ำเป็ นอุปกรณ์ ช่วยพยุงเดินที่มีกำรใช้ มำกที่สดุ ในผู้สงู อำยุ ไม้ เท้ ำช่วยเพิ่มควำม
มัน่ คงในกำรเดินโดยเพิ่มฐำนกำรรับน� ้ำหนักให้ กว้ ำงขึ ้น ช่วยรองรับน� ้ำหนักได้ ประมำณ 20-25%
นอกจำกนี ้ไม้ เท้ ำยังช่วยในกำรรับสัมผัสชดเชยกำรรับรู้ ถ่ำยทอดกำรรับรู้ควำมรู้สกึ จำกพื ้นมำสูม่ อื
กำรวัดควำมสูงที่เหมำะสม ด้ ำมจับควรจะสูงอยู่ในระดับเดียวกันกับข้ อมือหรื อกระดูก
greater trochanter ของผู้ใช้ ในท่ำผู้ใช้ ยนื หลังตรง ขณะจับไม้ เท้ ำข้ อศอกควรอยูใ่ นท่ำงอประมำณ
15-30 องศำ
ไม้ เท้ ำมี 4 ประเภท
Single cane มีจดุ รับน� ้ำหนักเพียงจุดเดียว ไม่เกะกะเวลำใช้ เดิน แต่ให้ ควำมมัน่ คงน้ อย
Offset cane เป็ นไม้ เท้ ำทีช่ ว่ ยกระจำยน� ้ำหนักได้ มำกกว่ำไม้ เท้ ำแบบมำตรฐำน เนื่องจำก
มีจดุ รับน� ้ำหนักอยูต่ รงกับต�ำแหน่งของมือจับจึงช่วยให้ สำมำรถใช้ แขนรับน� ้ำหนักตัวบำงส่วนได้
ดีกว่ำไม้ เท้ ำแบบมำตรฐำน
Multileg cane มีจดุ รับน� ้ำหนักที่พื ้น 3 หรื อ 4 จุด ท�ำให้ มีควำมมัน่ คงมำกขึ ้น ขณะเดิน
ควรให้ ปลำยทุกด้ ำนของไม้ เท้ ำสัมผัสพื ้นขณะลงน� ้ำหนัก สำมำรถวำงได้ โดยไม่ล้ม แต่มีขนำดที่
ใหญ่กว่ำ ไม่เหมำะในพื ้นที่ที่จ�ำกัดและบันได
Hemiwalker เป็ นเครื่ องช่วยเดินที่มีลกั ษณะผสมระหว่ำงไม้ เท้ ำกับโครงโลหะช่วยเดิน
(walker) ให้ ควำมมัน่ คงสูงที่สดุ ในกลุม่ นี ้เนื่องจำกมีฐำนรับน้ ำหนักกว้ ำงและช่วยพยุงด้ ำนข้ ำง
ได้ ดี เหมำะในผู้ที่ออ่ นแรงครึ่งซีกที่ต้องใช้ แขนรับน� ้ำหนัก
154
พัฒนเกติ ชีวะก้ องเกียรติ
การเดินโดยใช้ ไม้ เท้ าให้ ถือไม้ เท้ ำตรงข้ ำมกับขำข้ ำงทีม่ รี อยโรค จังหวะกำรเดินให้ ยกไม้
เท้ ำตำมด้ วยขำข้ ำงที่มีรอยโรค และขำข้ ำงปกติตำมลำดับ แต่ถ้ำต้ องกำรให้ เดินได้ ไวขึ ้นสำมำรถ
ยกไม้ เท้ ำไปพร้ อมกับขำข้ ำงทีมีรอยโรคตำมด้ วยข้ ำงปกติ
Walker
โครงโลหะช่วยเดิน (walker) มีลกั ษณะคล้ ำยรำวคู ่ มีฐำนกว้ ำง มีขำรับน� ้ำหนัก 4 ขำ เป็ น
อุปกรณ์ชว่ ยพยุงเดินที่ให้ ควำมมัน่ คงมำกที่สดุ เนื่องจำกช่วยเพิ่มขนำดฐำนรองรับร่ำงกำย ช่วย
รองรับน� ้ำหนัก และยังป้องกันกำรล้ มทำงด้ ำนข้ ำงอีกด้ วย เหมำะส�ำหรับผู้ป่วยทีม่ ปี ั ญหำด้ ำนกำร
155
อุปกรณ์ ช่วยพยุงเดิน Ambulatory Assistive Device
ทรงตัวและต้ องกำรลดกำรรับน� ้ำหนักของขำ แต่ walker ก็ยงั มีข้อเสียได้ แก่ มีขนำดใหญ่ ใช้ ขึ ้น
ลงบันไดล�ำบำก กำรเดินไม่เป็ นไปตำมปกติเนื่องจำกไม่มีกำรแกว่งแขน
Wheeled walker เป็ นโครงโลหะช่วยเดินที่มีล้อติดอยูท่ ี่ฐำนรับน� ้ำหนัก มีทงแบบล้
ั้ อหน้ ำ
2 ล้ อและ 4 ล้ อ
Front wheeled walker เหมำะส�ำหรับผู้ที่ต้องใช้ Walker แต่อยำกเดินให้ เร็วมำกขึ ้นกว่ำ
standard walker หรื อผู้ที่มีกำรอ่อนแรงของแขนจนไม่สำมำรถยก walker เป็ นเวลำนำนได้
4-wheeled walker เหมำะส�ำหรับผู้ที่ต้องกำรควำมมัน่ คงกำรเดินจำกกำรเพิ่มฐำนรับ
น� ้ำหนัก สำมำรถเดินได้ ไกล และไม่ต้องกำรกำรช่วยรับน� ้ำหนักมำกนัก ไม่ควรน�ำมำใช้ ในผู้ที่
ต้ องกำรกำรช่วยรับน� ้ำหนักหรื อมีปัญหำด้ ำนกำรทรงตัวเนื่องจำกท�ำให้ ลื่นและล้ มได้ งำ่ ย
156
พัฒนเกติ ชีวะก้ องเกียรติ
Crutches
ไม้ ค� ้ำยัน (crutches) เป็ นอุปกรณ์ชว่ ยเดิน ที่ชว่ ยเพิ่มควำมมัน่ คงขณะยืนและเดิน โดย
ไม้ ค� ้ำยันสำมำรถรองรับน� ้ำหนักตัวได้ มำก มักใช้ ในผู้ป่วยที่มีอำกำรอ่อนแรงหรื อมีกำรบำดเจ็บที่
ขำ กำรเดินโดยใช้ ไม้ ค้ำยันต้ องใช้ แขนยันลงบนไม้ ค้ำยันพร้ อมกันทัง 2 ข้ ้ ำง ผู้ป่วยจึงต้ องมีกล้ ำม
เนื ้อแขนและไหล่ทแี่ ข็งแรงและกำรทรงตัวทีด่ ี อุปกรณ์ประเภทนี ้อำจไม่เหมำะสมทีจ่ ะน�ำมำใช้ ใน
ผู้สงู อำยุที่มีควำมเสี่ยงต่อกำรล้ ม
ไม้ ค� ้ำยันแบ่งออกเป็ น 3 ประเภท
Axillary crutches เป็ นไม้ ค� ้ำยันมำตรฐำนที่ใช้ โดยทัว่ ไป มีสว่ นประกอบ คือ double
uprights, hand piece และ axillary piece ท�ำจำกไม้ หรื อโลหะกลวง สำมำรถปรับควำมสูงของ
ไม้ axillary piece และ hand piece ได้ รำคำไม่แพง หำซื ้อได้ งำ่ ย สำมำรถใช้ เดินขึ ้นลงบันไดได้
ช่วยรองรับน� ้ำหนักได้ มำกถึง 80% ของน� ้ำหนักตัว เหมำะส�ำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหำเรื่ องกระดูกหัก
ผู้ป่วยหลังตัดขำ หรื อผู้ป่วยที่มีปัญหำเรื่ องกำรทรงตัว
การวัดความสูงไม้ คา� ้ ยันที่เหมาะสม
ในท่านอน ให้ ผ้ ปู ่ วยนอนหงำยวัดควำมยำวจำก anterior axillary fold ไปจนถึงส้ นเท้ ำ
บวก 1-2 นิ ้ว
ในท่ายืน วัดเริ่มจำกระยะ 4-5 เซนติเมตรต�ำ่ กว่ำ axilla ไปยังจุดบนพื ้นทีอ่ ยูห่ ำ่ งจำกปลำย
เท้ ำไปทำงด้ ำนข้ ำง 5 เซนติเมตรและด้ ำนหน้ ำ 15 เซนติเมตร ส่วนด้ ำมมือจับ (hand piece)อยู่
ในระดับมือที่งอข้ อศอก 15-30 องศำ
ไม้ ค� ้ำยันที่ยำวเกินไปหรื อ hand piece ที่ต�่ำเกินไปท�ำให้ เกิดกำรกดทับเส้ นประสำท
(radial nerve, brachial plexus) และหลอดเลือดที่บริ เวณรักแร้ ได้ ส่วนไม้ ค� ้ำที่สนเกิ ั ้ นไปหรื อ
hand piece ที่สงู เกินไปท�ำให้ ผ้ ปู ่ วยต้ องโน้ มตัวมำด้ ำนหน้ ำเพิม่ ขึ ้นและงอศอกมำกขึ ้นเกิดควำม
157
อุปกรณ์ ช่วยพยุงเดิน Ambulatory Assistive Device
ไม่มนั่ คงในกำรเดิน
รู ปที่ 6: แสดง axillary crutches A,B. ท่ำยืนจับ axillary crutches ต�ำแหน่ง axillary piece
อยูใ่ ต้ รักแร้ 2-3 นิ ้ว งอศอก 15-30 องศำ มือจับควรอยูต่ �ำแหน่ง greater trochanter
C. แสดงกำรวัดควำมนำว axillary crutches ท่ำยืน
158
พัฒนเกติ ชีวะก้ องเกียรติ
รู ปที่ 7: A,B แสดง forearm crutches (Loftstrand) C,D แสดง platform crutches
Two-point alternate gait กำรเดินที่มีกำรสัมผัส 2 จุด คือ หนึง่ ยกไม้ ค� ้ำยันข้ ำงหนึง่ ไป
ข้ ำงหน้ ำพร้ อมกับก้ ำวขำข้ ำงตรงข้ ำมไปวำงที่ระดับเดียวกัน สอง ยกไม้ ค� ้ำยันและขำข้ ำงที่เหลือ
ก้ ำวไปข้ ำงหน้ ำที่ระดับเลยจำกกำรก้ ำวครัง้ แรก ในแต่ละช่วงมีจดุ รับน� ้ำหนักเพียง 2 จุด ผู้ป่วย
ต้ องมีกำรทรงตัวที่ดีพอควร ข้ อบ่งชี ้คล้ ำยใน 4-point gait แต่สำมำรถเดินได้ เร็ วขึ ้น และมีกำร
เหวี่ยงแขนใกล้ เคียงกับกำรเดินปกติมำกขึ ้น (reciprocal motion)
รู ปที่ 9: 2-point gait A. ท่ำเริ่ มต้ น B. ยกไม้ ค� ้ำข้ ำงหนึง่ พร้ อมก้ ำวขำฝั่ งตรงข้ ำม
C. ยกไม้ อีกข้ ำงหนึง่ พร้ อมก้ ำวขำอีกข้ ำง
Three-point gait กำรเดินแบบสัมผัสพื ้น 3 จุด เริ่ มจำก หนึง่ ยกไม้ ค� ้ำยันไปข้ ำงหน้ ำ
พร้ อมกันทัง 2 ข้
้ ำง สอง ก้ ำวขำข้ ำงที่มีพยำธิสภำพไประดับเดียวกับไม้ ค� ้ำยัน และสำม ก้ ำวขำ
ข้ ำงดีเลยระดับไม้ ค� ้ำยัน กำรเดินวิธีนี ้ เหมำะกับผู้ป่วยที่มีพยำธิสภำพขำข้ ำงเดียว เช่น กระดูกขำ
หัก ซึง่ สำมำรถลงน� ้ำหนักได้ บำงส่วนหรื อไม่ลงน� ้ำหนักที่ข้ำงนันเลย (unilateral partial-weight
้
or non-weight bearing)
160
พัฒนเกติ ชีวะก้ องเกียรติ
161
อุปกรณ์ ช่วยพยุงเดิน Ambulatory Assistive Device
162
พัฒนเกติ ชีวะก้ องเกียรติ
163
อุปกรณ์ ช่วยพยุงเดิน Ambulatory Assistive Device
164
พัฒนเกติ ชีวะก้ องเกียรติ
เอกสารอ้ างอิง
1. Faruqui SR, Jaeblon T. Ambulatory assistive devices in orthopaedics: uses and modifications. J Am
Acad Orthop Surg. 2010 Jan;18(1):41-50.
2. Hsu JD, Michel JW, Fisk JR. AAOS Atlas of Orthoses and Assistive Devices, 4th edition, Philadelphia,
Mosby Elsevier:2008.
3. Edelstein JE. Assistive devices for ambulation. Phys Med Rehabil Clin N Am. 2013 May;24(2):291-303
4. Bradley SM, Hernandez CR. Geriatric assistive devices. Am Fam Physician. 2011 Aug 15;84(4):405-11.
165
ดัชนี
ก ข้อบ่งชี้ 53
วิธีการปฏิบัติ 54
กระดูกเรเดียสส่วนปลายหัก 105-108 อุปกรณ์ที่ใช้ 54
การจัดกระดูก การดามนิ้วด้วยแผ่นอลูมิเนียม 19
การประเมินผล 108 การปฏิบัติตัวหลังการดามนิ้ว 51
วิธีการ 107 ข้อบ่งชี้ 50
อุปกรณ์ 106 วิธีการปฏิบัติ 51
กระดูกหักแบบเปิด 161-166 อุปกรณ์ที่ใช้ 50
การจ�าแนกชนิดภาวะกระดูกหักแบบเปิด 162 การดึงกระดูกเพื่อถ่วงน�้าหนักขา 77-84
การประเมินผู้ป่วยเบื้องต้น 161-162 ข้อควรระวัง 77
การรักษา 163-165 ข้อบ่งชี้ 77
กลุ่มโรคของอาการปวดกล้ามเนื้อ 149-153 ข้อห้าม 77
การฉีดยา 150 ภาวะแทรกซ้อน 82
การเตรียมตัว 150 การดึงผิวหนังถ่วงน�้าหนัก 69-73
การหาต�าแหน่ง 151 การดูแลหลังการใส่ 72
ข้อบ่งชี้ 150 การเตรียมอุปกรณ์ 70
ข้อห้าม 152 ข้อบ่งชี้ 69
การฝังเข็ม 150 ข้อห้าม 69
การเจาะข้อและฉีดยาในรยางค์ส่วนบน 137-147 ขั้นตอนการใส่ 70
การฉีดยาเพื่อการรักษา 143-146 ภาวะแทรกซ้อน 73
ข้อมือ 139 การถ่วงน�้าหนักที่กระดูกต้นขาส่วนปลาย 78-80
ข้อศอก 139 ข้อควรระวัง 80
ข้อไหล่ 141 ข้อบ่งชี้ 78
ภาวะแทรกซ้อน 137 วิธีการใส่ 78
การเจาะข้อและฉีดยาในรยางค์ส่วนล่าง 127-136 อุปกรณ์ 78
การฉีดยา การถ่วงน�้าหนักที่กระดูกหน้าแข้งส่วนต้น 80-82
เข้าข้อ 133 ข้อควรระวัง 82
ต�าแหน่งที่ไม่ใช่ข้อ 134 ข้อบ่งชี้ 80
ข้อบ่งชี้ 128 วิธีการใส่ 81
ข้อห้าม 128 อุปกรณ์ 80
วิธีการ การพันเฝือกปูน 33-40
ข้อเข่า 130 การดูแลหลังการใส่ 40
ข้อใต้ข้อเท้าหรือข้อซับเทลาร์ 132 ข้อบ่งชี้ 33
ข้อเท้า 132 ขั้นตอนการใส่ 35-39
ข้อสะโพก 129 ชนิด 33
หลักการ 128 หลักการ 33
การฉีดยาระงับความรู้สึกที่นิ้วมือ 155-160 การรักษาข้อนิ้วเคลื่อนหลุด 111-114
กายวิภาคศาสตร์ 156 การรักษา 112
ข้อควรระวัง 159 การวินิจฉัย 111
ข้อบ่งชี้ 155 การรักษาข้อศอกหลุด 99-103
ข้อห้าม 155 การจัดศอกให้เข้าที่ 100-102
ขั้นตอนในการท�า 158 การตรวจร่างกาย 99
การดามนิ้วคู่กัน 53 การส่งตรวจเพิ่มเติม 99
การปฏิบัติตัวหลังการดามนิ้ว 57
167
ข ฝ
ขนาดของผ้ายืด 63 เฝือกปูนชนิดแผ่น 23-31
ข้อเข่าเคลื่อนหลุด 89-92 การดูแลหลังการใส่ 30
การจ�าแนกประเภท 89 ชนิดที่ใช้บ่อย 26-29
การตรวจร่างกาย 90 ประโยชน์ 23
การรักษา 90 วิธีการท�า 24
การส่งตรวจเพิ่มเติม 90
แผนภาพรังสี 90 ม
เอกซเรย์แม่เหล็กไฟฟ้า 90
ภาวะแทรกซ้อน 91 ไม้ค�้ายัน 171
อาการบาดเจ็บร่วม 89 ไม้เท้า 168
ข้อสะโพกเคลื่อนหลุด 85-88
การรักษา 86 ร
การวินิจฉัย 86
การเสื่อมของข้อสะโพก 85 รูปแบบการเดิน 173-178
ข้อสะโพกเคลื่อนหลุดแบบไปข้างหลัง 85 รูปแบบการพันผ้า 64
แบบมีกระดูกหักร่วมด้วย 85 การพันเกลียว 64
แบบไม่มีกระดูกหักร่วมด้วย 85 การพันเกลียวย้อนกลับ 54
ภาวะหัวกระดูกสะโพกตาย 85 การพันไขว้เลขแปด 65
ข้อไหล่เคลื่อนหลุด 93-97 การพันย้อนกลับ 66
การรักษา 94-97 การพันรอบ 64
การส่งตรวจภาพถ่ายทางรังสี 94
ข้อไหล่เคลื่อนหลุดไปทางด้านหน้า 93 ล
อาการและอาการแสดง 93
ลักษณะน�้าในข้อ 138
ค
อ
โครงโลหะช่วยเดิน 169-170
อุปกรณ์ช่วยพยุงเดิน 167-178
ถ จุดประสงค์ 167
ประโยชน์ 167
แถบรัดตรึงกระดูกเชิงกราน 43-47
ขั้นตอนการใส่ 43 A
ท A1 pulley 144
Acromion 143
เทคนิคการพันผ้า 62 Acupuncture 150
เทคนิคการพันผ้ายืด 59 Adhesive tape 70
Advanced Trauma Life Support (ATLS) 161
น Air splint 18
Allis’s maneuver 86, 87
นิ้วล็อก 144 Aluminum splint 49, 50-52, 54, 112
Ambulatory assistive device 167
ผ Aminoglycoside 163
Anatomical reduction 108
ผ้าทรงกระบอก 60 Angiography 116, 119
ผ้าพันที่เป็นม้วน 60 Ankle brace 18
ผ้าสามเหลี่ยม 61 Ankle sprain 18, 19
Ankle-Brachial Index 115, 116, 118
168
Anterior shoulder dislocation 93 Capillary refill 51, 56
Antibiotic prophylaxis 163 Carpal tunnel syndrome 137, 139, 145, 146
AP slab 107 Central slip 50
Arm sling 16, 96 Cervical spine fracture 21
Arterial Pressure Index 115, 116, 118 Cervical splint 20
Arthrolysis 155 Cervical traction 20
Aspiration and Injection see also specific types and sites Chinese finger trap 106, 107, 108
Avascular necrosis 85 Chuck key 78, 80
Avulsion fracture 111 Circular turn 63, 64
Axillary crutches 171, 172 Clavicle fracture 16
Axillary nerve 93, 96 Clavicle splint 16
Closed reduction 27, 86, 90, 94, 100-102, 105, 113, 155
B Closed fractures 19, 121
Clostridium spp. 163
Back board 20, 21 Clostridium tetani 165
Bandage 59-61 Coaptation splint 23, 29
cotton conforming 59 Cold packing 61
cotton or Linen roller 59 Collateral ligament injury 50, 54
cotton webril 59 Collateral ligament 112
elastic 59 Colles’ fracture 27, 33, 105
elastic roller 59 Commercial leg and ankle brace 19
finger tubular 60 Commercial sponge traction 70
mesh tubular 60 Compartment pressure 121, 125
roller 59 Compartment syndrome 18, 73, 91, 121, 125
roller gauze 59 Complex hip dislocation 85, 86
self-adhesive elastic 59 Coracoid process 141
triangular 61 Corticosteroid 150
tubular 60 Cotton conforming bandage 59
Band-Aid 59 Cotton webrilbandage 59
Base of metacarpal fracture 25 Cruciate ligament 90
Base of middle phalanx fracture 111, 112 Crutches 87,167,171-172
Bayonet apposition 112 axillary 171
Below knee amputation 66 forearm 172
Bilateral partial weight bearing 173 platform 172
Botulinum toxin A 150 Crystal-induced arthropathy 128
Boutonniere deformity 50, 51, 53 CT angiogram 116
Boxer’s fracture 25
Bryant’s traction 73, 75 D
Buddy splint 53, 54
Buddy taping 53 de Quervain tenosynovitis 137, 139, 145, 146
Buddy wrapping 53 Digital nerve block 112, 155, 157, 158, 159
Digital nerve
C dorsal 156
palmar 156
Calcaneal fracture 18 Dislocation see also specific types and sites
Cane 168-169 Distal femoral skeletal traction 78-80
hemiwalker 168 application technique 78
multileg 168 equipment 78
offset 168 indication 78
single 168 precaution 80
169
Distal interphalangeal joint 51 Greater trochanter 43, 44, 45
Distal palmar crease 27 Gustilo and Anderson classification 162
Distal phalanx fracture 50, 51
Distal phalanx 56 H
Distal radius fracture 23, 105
Doppler arterial pressure index 119 Hamilton ruler test 93
Dorsalis pedis pressure 116 Hard signs of arterial injury 115
Dorsalis pedis pulse 116, 117 Hemarthrosis 128
Dorsalis pedis artery 90 Hematoma block 106, 107
Duga’s test 93, 94 High-energy trauma 89
Duplex ultrasound 116, 119 Hip dislocation 85-88
avascular necrosis 85
E complex 85
management 85-88
Elastic bandage 18, 19, 30, 59, 63, 70 osteoarthritis of the hip 85
Elbow dislocation 99-103 pelvis AP 86
management 99 posterior 85,86
posterior lateral 99 simple 85
Emergency splint 17, 20 treatment 86-87
Extensor digitorum communis 139, 140 Allis’s maneuver 87
Extensor pollicis longus 139, 140 closed reduction 86
Extensor retinaculum 145 skin traction 87
External fixator 91, 164 stability test 86
Humeral shaft fracture 17, 23, 29
F
I
Fasciotomy 91
Fat globules 161, 162 Impingement syndrome 139
Felon 155 Incomplete fracture 50, 53
Femoral shaft fracture 17 Intraarticular fracture 54
Figure of eight turn 65 Intra-articular step-off 108
Figure-of-8 splinting, strap 16 Irrigation and Debridement 163
Finger splint 49 Ischial bursitis 135
Finger tubular bandage 60 Isosceles triangle 99
First generation cephalosporin 163 IV fluid resuscitation 163
Forearm crutches 172, 173
Four-point gait 173, 178 J
Fracture dislocation 50, 105, 112, 116
Fracture see also specific types and sites Jame’s position 26
Frozen shoulder 16 Jones compression splint 18
Full weight bearing 30
K
G
Kirschner wire 50, 77
Gait pattern see also specific types and sites Knee Dislocation 89
Galeazzi fracture 27 angiogram 90
Gangrene 15 angiography 90
Gauze 54, 55, 56, 70, 71 associated injuries 89
General anesthesia 86, 94 closed reduction 90
Glenohumeral 16 complications 91
170
direction and mechanism of injury 89 N
anterior dislocation 89
lateral dislocation 89 Nondisplaced fracture 50, 51, 53
medial dislocation 89 Non-weight bearing 87, 174
posterior dislocation 89
rotational/rotatory dislocation 89 O
magnetic resonance imaging 90
management 89-92 Open fracture 161-166
symptoms and signs 89 initial evaluation and assessment 161
x-ray 90 treatment of open fracture 163
antibiotic prophylaxis 163
L irrigation and debridement 163
IV fluid resuscitation 163
Lace-up canvas ankle support 19 skeletal stabilization 164
Lister’s tubercle 139 tetanus toxoid vaccination 165
Long arm cast 34 wound management 164
Long arm slab 28 Open reduction 23, 155
Long leg cast 34 Osteoarthritis of the hip 85
Lower extremity joint aspiration and injection 127-136 Osteomyelitis 128
contraindication 128
indication 128 P
injection
extraarticular 134 Paronychia 155
local and intraarticular 133 Partial weight bearing 30, 173, 174
principle 128 Pelvic binder 43
joint aspiration 129 Pelvic circumferential compression 43
ankle 132 Pelvic volume 43
hip 129 Pendulum exercise 97
knee 130 Penicillin G 163
subtalar 132 Peroneal nerve 82, 89, 90, 91
Lower extremity splinting 17 Peroneal nerve palsy 73
Pes anserinus bursitis 134
M Philadelphia collar 20
Pillow splint 20
Mallet finger 50-53 Pin tract infection 164
Malrotation 53, 54 Plantar fasciitis 135
Median nerve 99, 156 Platform crutches 172, 173
Mesh tubular bandage 60 Popliteal artery 89, 91
Metacarpal bone fracture 23, 54 Post acupuncture soreness 150
Metacarpal neck fracture 25 Posterior elbow dislocation 101
Micropore 54-56, 66 Posterior hip dislocation 85, 86
Middle phalanx fracture 50, 53 Posterior long arm slab 101, 102
Middle phalanx 56 Posterior tibial artery 90
Modified Jones compression splint 19 Posterior wall acetabular fracture 86
Molding 38, 39 Posterolateral elbow dislocation 99
Monteggia fracture 27 Prednisolone tabulate 134
Myofascial pain syndrome 149-153 Prepatella bursitis 134
Proper palmar digital nerve 156, 157, 158
Proximal humerus fracture 17, 29
Proximal interphalangeal joint (PIP)
171
50-52, 54, 111-113, 156, 159 complication 82
Proximal interphalangeal joint dislocation contraindication 77
50, 51, 53, 54, 111-112 indication 77
dorsal 112 precaution 77
fracture 112 distal femoral skeletal traction 78-80
management 111-114 proximal tibial skeletal traction 80-82
hyperextension 112 Skin necrosis 18
Proximal phalanx fracture 50, 54 Skin traction 69-73
Proximal phalanx 56 Sling-and-Swathe bandage 17
Proximal tibial skeletal traction 80-82 Soft signs of arterial injury 115
application technique 81 Sphygmomanometer 121, 124
equipment 80 Spiral reverse turn 64
indication 80 Spiral turn 64
precaution 82 Spontaneous reduction 89
Proximal tibial skeletal traction 80 Stability test 86, 87
Stabilization 43
R Steinman pin 77-82
Steinmann pin holder 78, 80
Radial height 108 Stirrup 78, 80
Radial inclination 108 Stockinette 18, 19, 35, 36
Radial styloid 145 Stockinette roll 60
Radiocapitella joint 139 Strangulation 15
Recurrent shoulder dislocation 96, 97 Subacromion bursa 143
Recurrent turn 66 Sugar tong slab 23, 27, 107
Reduction 16, 43 Supracondylar fracture 121
Referred pain zone 149, 150 Swinging gait 175
Roller bandage 59 Swing-through gait 175, 177, 178
Roller gauze bandage 59 Swing-to gait 175, 176, 178
Russel’s traction 73, 74 Synovial biopsy 128
Synovial fluid analysis 128
S Synovial fluid 127, 138
Sciatic nerve 86 T
Second look debridement 163
Self-adhesive elastic bandage 59 Tamponade effect 43
Septic arthritis 129 Taut band 149, 151
Short arm cast 33, 34, 107 Temporary splint 18
Short arm slab 26 Tennis elbow 139, 144
Short leg splint 19 Tenolysis 155
Shoulder Dislocation 17,93-95 Tetanus immunoglobulin 165
anterior 93 Tetanus toxoid 165
closed reduction 94 Thomas splint 17, 73, 74
traction-countertraction 94 Three-point fixation 106
zero position 94,95 Three-point pressure 33, 34
management 93-98 symptoms and signs 93 Three-point gait 173, 178
Duga’s test 93 Hamilton ruler test 93 Three-way connection 121, 122, 124
Simple hip dislocation 85 Traction see also specific types and sites
Single subcutaneous injection digital nerve block Traction-countertraction 90, 91, 94, 95
155-160 Trephination 155
Skeletal traction 69,73,77-84,164 Triamcinolone acetonide 139
172
Triangular bandage 61
Trigger finger 139, 144
Trigger point 149, 150-152
Injection 150-152
Tubinette 60
Tubular bandage 60
Tubular stockinette 16, 20
Two-point alternate gait 174, 178
U
Ulnar glutter slab 23, 25, 26, 30
Ulnar nerve 99, 156
Upper extremity joint aspiration and injection 137-147
carpal tunnel syndrome 137,145
de Quervain 137,145
joint
elbow 139
shoulder 141
wrist 139
lateral epicondylitis 137,144
subacromion bursa 43
tennis elbow 137,144
trigger finger 137,144
Upper extremity splinting 15
U-slab 23, 29
V
Velpeau bandage 17
Viscosupplement 133
Volar lip fracture 111
Volar plate 111, 112
Volar tilt 108
W
Walker 169-170
4-wheeled 170
front wheeled 170
Warm ischemic time 115
Webril 35, 36, 54, 55, 70-72
Windowing 39, 40
Wrist sprain 26
Z
Zero position 94-96
173