You are on page 1of 27

่ นหน้าหรื อไม่ ตามที่ก ำหนดโดยวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ

�ระบุ {0} เกิดขึ้นระหวา่ งเดือนกอ


<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประเมิน</li>
</ul>#�#ก ำหนดวา่ เดือนกอ ่ นเวลาของระบบปัจจุบันอยูใ่ นเดือนก่อนหน้าหรื อไม# ่ ?
Date.IsInPreviousMonth(Date.AddMonths(DateTime.LocalNow(), -1))#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี เกิดขึ้นในชว่ งจ ำนวนวั นกอ
่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันของระบบ#�#ระบุวา่ คา่ วั นที่และเวลาที่

ระบุ {0} เกิดขึนระหวา่ งชว่ งเวลาจ ำนวนวั นกอ ่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประมวลผล</li>
<li>{1}: จ ำนวนวั น</li>
</ul>#�#พิจารณาวา่ วั นหลั งจากเวลาระบบปัจจุบันอยูใ่ นชว่ งเวลาสองวั นกอ ่ นหน้าหรื อ
ไม# ่ @Date.IsInPreviousNDays(Date.AddDays(DateTime.LocalNow(), -1), 2)#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี เกิดขึ้นในชว่ งจ ำนวนเดือนกอ
่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันของระบบ#�#ระบุวา่ คา่ วั นที่และเวลา
่ ้
ทีระบุ {0} เกิดขึนระหวา่ งชว่ งเวลาจ ำนวนเดือนกอ ่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประมวลผล</li>
<li>{1}: จ ำนวนเดือน</li>
</ul>#�#พิจารณาวา่ เดือนหลั งจากเวลาระบบปัจจุบันอยูใ่ นชว่ งเวลาสองเดือนกอ ่ นหน้าหรื อ
ไม# ่ DDate.IsInPreviousNMonths(Date.AddMonths(DateTime.LocalNow(), -1), 2)#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี เกิดขึ้นในชว่ งจ ำนวนไตรมาสกอ
่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันของระบบ#�#ระบุวา่ คา่ วั นที่และ
่ ้
เวลาทีระบุ {0} เกิดขึนระหวา่ งชว่ งเวลาจ ำนวนไตรมาสกอ ่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประมวลผล</li>
<li>{1}: จ ำนวนไตรมาส</li>
</ul>#�#พิจารณาวา่ ไตรมาสหลั งจากเวลาระบบปัจจุบันอยูใ่ นชว่ งเวลาสองไตรมาสกอ ่ นหน้าหรื อ
ไม# ่ HDate.IsInPreviousNQuarters(Date.AddQuarters(DateTime.LocalNow(), -1), 2)#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี เกิดขึ้นในชว่ งจ ำนวนสั ปดาหก ่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันของระบบ#�#ระบุวา่ คา่ วั นที่และ
์ อ
่ ้
เวลาทีระบุ {0} เกิดขึนระหวา่ งชว่ งเวลาจ ำนวนสั ปดาหก ่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ
์ อ
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประมวลผล</li>
<li>{1}: จ ำนวนสั ปดาห< ์ /li>
</ul>#�#พิจารณาวา่ สั ปดาหห ์ ลั งจากเวลาระบบปัจจุบันอยูใ่ นชว่ งเวลาสองสั ปดาหก
์ อ
่ นหน้าหรื อ
ไม# ่ ADate.IsInPreviousNWeeks(Date.AddDays(DateTime.LocalNow(), -7), 2)#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี เกิดขึ้นในชว่ งจ ำนวนปี กอ
่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันของระบบ#�#ระบุวา่ คา่ วั นที่และเวลาที่

ระบุ {0} เกิดขึนระหวา่ งชว่ งเวลาจ ำนวนปี กอ ่ นหน้าหรื อไม่ โดยพิจารณาจากวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประมวลผล</li>
<li>{1}: จ ำนวนปี </li>
</ul>#�#พิจารณาวา่ ปี หลั งจากเวลาระบบปัจจุบันอยูใ่ นชว่ งเวลาสองปี กอ ่ นหน้าหรื อ
ไม# ่ BDate.IsInPreviousNYears(Date.AddYears(DateTime.LocalNow(), -1), 2)#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี เกิดขึ้นระหวา่ งไตรมาสกอ ่ นหน้าหรื อไม่ ตามที่ก ำหนดโดยวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ#�#ระบุวา่ คา่ วั นที่เวลาที่ระบุ

{0} เกิดขึนระหวา่ งไตรมาสกอ ่ นหน้าหรื อไม่ ตามที่ก ำหนดโดยวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประเมิน</li>
</ul>#�#ก ำหนดวา่ ไตรมาสกอ ่ นเวลาของระบบปัจจุบันอยูใ่ นไตรมาสกอ ่ นหน้าหรื อ
ไม# ่ CDate.IsInPreviousQuarter(Date.AddQuarters(DateTime.LocalNow(), -1))#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี เกิดขึ้นระหวา่ งสั ปดาหก ่ นหน้าหรื อไม่ ตามที่ก ำหนดโดยวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ#�#ระบุวา่ คา่ วั นที่เวลาที่ระบุ
์ อ

{0} เกิดขึนระหวา่ งสั ปดาหก ่ นหน้าหรื อไม่ ตามที่ก ำหนดโดยวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ
์ อ
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประเมิน</li>
</ul>#�#ก ำหนดวา่ สั ปดาหก ์ อ
่ นเวลาของระบบปัจจุบันอยูใ่ นสั ปดาหก ์ อ
่ นหน้าหรื อ
ไม# ่ <Date.IsInPreviousWeek(Date.AddDays(DateTime.LocalNow(), -7))#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี เกิดขึ้นระหวา่ งปี กอ
่ นหน้าหรื อไม่ ตามที่ก ำหนดโดยวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ#�#ระบุวา่ คา่ วั นที่เวลาที่ระบุ {0}

เกิดขึนระหวา่ งปี กอ่ นหน้าหรื อไม่ ตามที่ก ำหนดโดยวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประเมิน</li>
</ul>#�#ก ำหนดวา่ ปี กอ ่ นเวลาของระบบปัจจุบันอยูใ่ นปี ก่อนหน้าหรื อ
ไม# ่ =Date.IsInPreviousYear(Date.AddYears(DateTime.LocalNow(), -1))#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี เกิดขึ้นระหวา่ งปี ปัจจุบันหรื อไม่ และอยูใ่ นหรื อกอ
่ นวั นปัจจุบันตามที่ก ำหนดโดยวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ#�#ระบุ
่ ่ ้
วา่ คา่ วั นทีเวลาทีระบุ {0} เกิดขึนระหวา่ งปี ปัจจุบันหรื อไม่ และอยูใ่ นหรื อกอ ่ นวั นปัจจุบันตามที่ก ำหนดโดยวั นที่และเวลาปัจจุบันในระบบ
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประเมิน</li>
</ul>#�#ก ำหนดวา่ เวลาของระบบปัจจุบันอยูใ่ นชว่ งเริ่ มตน ้ ปี ถึงปัจจุบันหรื อ
ไม# ่ (Date.IsInYearToDate(DateTime.LocalNow())#
จริ ง#�#ระบุวา่ วั นที่น้ี ตกอยูใ่ นปี อธิกสุรทินหรื อไม# ่ �#ระบุวา่ คา่ วั นที่เวลาที่ระบุ {0} ตกอยูใ่ นปี อธิกสุรทินหรื อไม่
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code> ที่จะประเมิน</li>
</ul>#�#ระบุวา่ ปี 2012 ตามที่แสดงโดย <code>#date(2012, 01, 01)</code> เป็ นปี อธิกสุรทินหรื อ
ไม# ่ $Date.IsLeapYear(#date(2012, 01, 01))##true#B สง่ กลั บคอมโพเนนตเ์ ดือน#�#สง่ กลั บคอมโพเนนตเ์ ดือน
ของคา่ <code>datetime</code> ที่ระบุ {0}#G คน ้ หาเดือนใน #datetime(2011, 12, 31, 9, 15,
36)#.Date.Month(#datetime(2011, 12, 31, 9, 15, 36))##12#�#สง่ กลั บตัวเลขที่ระบุไตรมาสของปี ซึ่งวั นที่
ตกอยูใ่ นไตรมาสนั น ้ #�#สง่ กลั บตัวเลข 1 ถึง 4 ที่ระบุไตรมาสของปี ซึ่งวั นที่ {0} ตกอยูใ่ นไตรมาสนั น ้ {0} สามารถเป็ นคา่
<code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ <code>datetimezone</code> ได# ้ �#คน้ หา
ไตรมาสของปี ซึ่งวั นที่ #date(2011, 12, 31) ตกอยูใ่ นไตรมาสนั น ้ #'Date.QuarterOfYear(#date(2011, 12,
31))##4#9 สง่ กลั บคา่ แรกของวั น#�#สง่ กลั บคา่ แรกของวั น {0}
{0} ตอ ้ งเป็ นคา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code>#�#คน ้ หาเริ่ มตน้ วั นส ำหรั บวั นที่ 10 ตุลาคม 2011, 8:00AM
(<code>#datetime(2011, 10, 10, 8, 0, 0)</code>)#1Date.StartOfDay(#datetime(2011,
10, 10, 8, 0, 0))# #datetime(2011, 10, 10, 0, 0, 0)#?สง่ กลั บคา่ แรกของเดือน#�#สง่ กลั บคา่ แรกของ
เดือนที่มีชนิ ด <code>date</code> หรื อ <code>datetime</code>#�#คน ้ หาเริ่ มตน ้ เดือนส ำหรั บวั นที่ 10 ตุลาคม
2011, 8:10:32AM (<code>#datetime(2011, 10, 10, 8, 10,
32)</code>)#5Date.StartOfMonth(#datetime(2011, 10, 10, 8, 10, 32))###datetime(2011,
10, 1, 0, 0, 0)#B สง่ กลั บคา่ แรกของไตรมาส#�#สง่ กลั บคา่ แรกของไตรมาส {0}
{0} ตอ ้ งเป็ นคา่ <code>date</code>, <code>datetime</code> หรื อ
<code>datetimezone</code>#�#คน ้ หาเริ่ มตน้ ไตรมาสส ำหรั บวั นที่ 10 ตุลาคม 2011, 8:00AM
(<code>#datetime(2011, 10, 10, 8, 0,
0)</code>)#5Date.StartOfQuarter(#datetime(2011, 10, 10, 8, 0, 0))###datetime(2011,
10, 1, 0, 0, 0)#E สง่ กลั บคา่ แรกของสั ปดาห# ์ �#สง่ กลั บคา่ แรกของสั ปดาหท ์ ่ีมีคา่ <code>date</code>,
<code>datetime</code> หรื อ <code>datetimezone</code>#�#คน ้ หาเริ่ มตน ้ สั ปดาหส ์ ำหรั บวั นที่ 10 ตุลาคม
2011, 8:10:32AM (<code>#datetime(2011, 10, 10, 8, 10,
32)</code>)#4Date.StartOfWeek(#datetime(2011, 10, 10, 8, 10, 32))###datetime(2011,
10, 9, 0, 0, 0)#6 สง่ กลั บคา่ แรกของปี #�#สง่ กลั บคา่ แรกของปี ที่มีคา่ <code>date</code>,
<code>datetime</code> หรื อ <code>datetimezone</code>#�#คน ้ หาเริ่ มตน ้ ปี ส ำหรั บวั นที่ 10 ตุลาคม 2011,
8:10:32AM (<code>#datetime(2011, 10, 10, 8, 10,
32)</code>)#4Date.StartOfYear(#datetime(2011, 10, 10, 8, 10, 32))###datetime(2011,
1, 1, 0, 0, 0)#i สง่ กลั บระเบียนที่มีสว่ นของคา่ วั นที่ #�#สง่ กลั บระเบียนที่มีสว่ นของคา่ วั นที่ระบุ {0}
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>date</code> ส ำหรั บเริ่ มค ำนวณระเบียนของสว่ นประกอบดังกลา่ ว</li>
</ul>#�#แปลงคา่ <code>#date(2011, 12, 31)</code> เป็ นระเบียนที่มีสว่ นตา่ งๆ จากคา่ วั น
ที่#"Date.ToRecord(#date(2011, 12, 31))#;[
Year = 2011,
Month = 12,
Day = 31
]#c สง่ กลั บขอ ้ ความส ำหรั บแสดงคา่ วั นที่#�#สง่ กลั บขอ ้ ความส ำหรั บแสดง {0} คา่ วั นที่ {0}
ฟังกช์ ั นนี้ จะใชพ ้ ารามิเตอร์รูปแบบที่เลือกได้ {1} ส ำหรั บรายการทั งหมดของรู้ ปแบบที่สนั บสนุ น โปรดดูท่ีเอกสารขอ ้ ก ำหนดของ
ไลบรารี #b รั บขอ ้ ความส ำหรั บแสดงแทนของ #date(2010, 12, 31)# Date.ToText(#date(2010, 12, 31))#
"12/31/2010"#Z ชนิ ดที่แสดงแทนคา่ วั นที่ทังหมด# ้ �#สง่ กลั บตัวเลข 1 ถึง 5 ที่ระบุสัปดาหข์ องเดือนที่วันที่น้ี ตกอยูใ่ นสั ปดาห์
นั น#�#สง่ กลั บตัวเลข 1 ถึง 5 ทีระบุสัปดาหข์ องเดือนในปี ที่วันที่ {0} ตกอยูใ่ นสั ปดาหน
้ ่ ์ ัน้
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>datetime</code> ที่สัปดาหข์ องเดือนถูกก ำหนด</li>
</ul>#�#ก ำหนดสั ปดาหข์ องมีนาคมที่มีวันที่ 15 ในปี 2011 (<code>#date(2011, 03, 15)</code>)#
%Date.WeekOfMonth(#date(2011, 03, 15))##3#�#สง่ กลั บตัวเลข 1 ถึง 54 ที่ระบุสัปดาหข์ องปี ที่วันที่น้ี ตกอยูใ่ น
สั ปดาหน ้ #�#สง่ กลั บตัวเลข 1 ถึง 54 ที่ระบุสัปดาหข์ องปี ที่วันที่ {0} ตกอยูใ่ นสั ปดาหน
์ ัน ์ ัน้
<ul>
<li>{0}: คา่ <code>datetime</code> ที่สัปดาหข์ องปี ถูกก ำหนด</li>
</ul>#�#ก ำหนดสั ปดาหข์ องปี ที่วันที่ 23 มีนาคมปี 2011 ตกอยูใ่ น (<code>#date(2011, 03,
23)</code>)#$Date.WeekOfYear(#date(2011, 03, 23))##13#9 สง่ กลั บคอมโพเนนตป ์ ี #{สง่ กลั บคอมโพเนนต์
ปี ของคา่ <code>datetime</code> ที่ระบุ {0}#>คน ้ หาปี ใน #datetime(2011, 12, 31, 9, 15, 36)#-
Date.Year(#datetime(2011, 12, 31, 9, 15, 36))##2011#$แสดงวั นศุกร์#W สง่ กลั บ 6 ตัวเลขที่แสดงวั น
ศุกร์#'แสดงวั นจั นทร์#Z สง่ กลั บ 2 ตัวเลขที่แสดงวั นจั นทร์#$แสดงวั นเสาร์#W สง่ กลั บ 7 ตัวเลขที่แสดงวั นเสาร์#*แสดงวั นอาทิตย# ์ ]สง่
กลั บ 1 ตัวเลขที่แสดงวั นอาทิตย# ์ -แสดงวั นพฤหัสบดี #`สง่ กลั บ 5 ตัวเลขที่แสดงวั นพฤหัสบดี #'แสดงวั นอั งคาร#Z สง่ กลั บ 3 ตัวเลขที่
แสดงวั นอั งคาร#0 ระบุวันในสั ปดาห# ์ #แสดงวั นพุธ#Q สง่ กลั บ 4 ตัวเลขที่แสดงวั นพุธ#T สร้างทศนิ ยมจากคา่ ที่ก ำหนดไว# ้ �#สง่ คืนคา่
<code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นทศนิ ยมจาก {0} ที่ก ำหนดไว้ หาก {0} ที่ก ำหนดไวม ้ ีคา่ <code>นั ล</code>
<code>Decimal.From</code> จะสง่ คืนคา่ <code>นั ล</code> หาก {0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ น
<code>ตัวเลข</code> ที่อยูร่ ะหวา่ งชว่ งของทศนิ ยม จะสง่ คืนคา่ {0} มิฉะนั น ้ จะสง่ คืนคา่ ขอ ้ ผิดพลาด หาก {0} ที่ก ำหนดไว้
เป็ นชนิ ดอื่น ให้ดูท่ี <code>Number.FromText</code> ส ำหรั บการแปลงเป็ นคา่ <code>ตัวเลข</code> และก ำหนดใช้
่ นหน้าเกี่ยวกับการแปลงคา่ <code>ตัวเลข</code> เป็ นคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นทศนิ ยม#รั บคา่
ค ำสั ง่ กอ
<code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นทศนิ ยมส ำหรั บ <code>"4.5"</code>##Decimal.From("4.5")##4.5#u ชนิ ดที่
แสดงตัวเลขต ำแหน่งทศนิ ยมแบบตายตัว#J สร้าง Double จากคา่ ที่ก ำหนดไว# ้ �#สง่ คืนคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ น
Double จาก {0} ที่ก ำหนดไว้ หาก {0} ที่ก ำหนดไวม ้ ีคา่ เป็ น <code>ศูนย< ์ /code> <code>Double.From</code>
จะสง่ คืนคา่ <code>ศูนย< ์ /code> หาก {0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ น <code>ตัวเลข</code> ที่อยูภ ่ ายในชว่ งของ Double จะสง่
คืนคา่ {0} มิฉะนั น ้ จะสง่ คืนคา่ ขอ ้ ผิดพลาด หาก {0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ นชนิ ดอื่น ให้ดูท่ี <code>Number.FromText</code>
ส ำหรั บการแปลงเป็ นคา่ <code>ตัวเลข</code> และก ำหนดใชค ่ นหน้าเกี่ยวกับการแปลงคา่ <code>ตัวเลข</code> เป็ น
้ ำสั ง่ กอ
คา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ น Double#s รั บคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ น Double ส ำหรั บ
<code>"4"</code>##Double.From("4.5")##4.5#�#ชนิ ดที่แสดงตัวเลขจุดลอยตัวความแมน ่ ย ำสองเทา่ #T สง่ กลั บสว่ น
วั นของระยะเวลานี้ #~สง่ กลั บคอมโพเนนตว์ ั นของคา่ <code>duration</code> ที่ระบุ {0}#4 คน ้ หาวั นใน
#duration(5, 4, 3, 2)#$Duration.Days(#duration(5, 4, 3, 2))##5#Q สร้างระยะเวลาจากคา่ ที่
ก ำหนด#�#สง่ กลั บคา่ ระยะเวลาจากรู ปแบบเวลาที่ ใชไ้ ปเป็ นข้อความ (d.h:m:s)#�#สง่ กลั บคา่ ระยะเวลาจากขอ ้ ความที่ระบุ {0}

สามารถแยกวิเคราะหร์ ู ปแบบตอ่ ไปนี ด้วยฟังกช์ ั นนี : ้
<ul>
<li>(-)hh:mm(:ss) </li>
<li>(-)ddd.hh:mm(:ss) </li>
</ul>#R แปลง <code>"2.05:55:20"</code> เป็ นคา่
<code>duration</code>##Duration.FromText("2.05:55:20")###duration(2, 5, 55,
20)#�#สง่ กลั บคา่ <code>duration</code> จาก {0} ที่ก ำหนด ถา้ {0} ที่ก ำหนดใหเ้ ป็ น
<code>null</code>, <code>Duration.From</code> จะสง่ กลั บ <code>null</code> ถา้ {0} ที่
ก ำหนดใหเ้ ป็ น <code>duration</code> จะมีการสง่ กลั บ {0} คา่ ของชนิ ดตอ่ ไปนี้ สามารถแปลงเป็ นคา่
<code>duration</code> ได้:
<ul>
<li><code>text</code>: คา่ <code>duration</code> จากรู ปแบบเวลาที่ใชไ้ ปเป็ นข้อความ
(d.h:m:s) ดู <code>Duration.FromText</code> ส ำหรั บรายละเอียด</li>
<li><code>number</code>: <code>duration</code> เทียบเทา่ กับจ ำนวนเต็มหรื อเศษสว่ นของวั นที่
แสดงโดย {0}</li>
</ul>
ถา้ {0} เป็ นชนิ ดอื่นใด ระบบจะสง่ กลั บขอ ้ ผิดพลาด#K แปลง <code>2.525</code> เป็ นคา่
<code>duration</code>##Duration.From(2.525)###duration(2, 12, 36, 0)#`สง่ กลั บสว่ นชั ่วโมง
ของระยะเวลานี้ #�#สง่ กลั บคอมโพเนนตช์ ั ่วโมงของคา่ <code>duration</code> ที่ระบุ {0}#@คน ้ หาชั ่วโมงใน
#duration(5, 4, 3, 2)#%Duration.Hours(#duration(5, 4, 3, 2))##4#W สง่ กลั บสว่ นนาทีของระยะเวลา
นี้ #�#สง่ กลั บคอมโพเนนตน ์ าทีของคา่ <code>duration</code> ที่ระบุ {0}#7 คน ้ หานาทีใน #duration(5, 4, 3,
2)#'Duration.Minutes(#duration(5, 4, 3, 2))##3#]สง่ กลั บสว่ นวินาทีของระยะเวลานี้ #�#สง่ กลั บคอมโพเนนต์
วินาทีของคา่ <code>duration</code> ที่ระบุ {0}#=คน ้ หาวินาทีใน #duration(5, 4, 3,
2)#'Duration.Seconds(#duration(5, 4, 3, 2))##2#f สง่ กลั บระเบียนที่มีสว่ นของระยะเวลา#�#สง่ กลั บระเบียนที่
มีสว่ นของคา่ ระยะเวลา {0}
<ul>
<li>{0}: <code>duration</code> ที่ระเบียนถูกสร้าง</li>
</ul>#�#แปลง <code>#duration(2, 5, 55, 20)</code> เป็ นระเบียนของสว่ นตา่ งๆ รวมถึงวั น ชั ่วโมง
นาที และวินาทีหากมีใหใ้ ชง้ าน#*Duration.ToRecord(#duration(2, 5, 55, 20))#@[Days = 2,
Hours = 5,
Minutes = 55,
Seconds = 20]#O สง่ กลั บขอ ้ ความของรู ปแบบ "d.h:m:s"#�#สง่ กลั บขอ ้ ความส ำหรั บแสดงในรู ปแบบ
"day.hour:mins:sec" ของคา่ ระยะเวลาที่ระบุ {0}
สามารถใชค ้ ความที่ระบุรูปแบบเป็ นพารามิเตอร์ท่ีสองให้เลือกได้ {1}
้ า่ ขอ
<ul>
<li>{0}: <code>duration</code> ที่การแสดงขอ ้ ความถูกค ำนวณ</li>
<li>{1}: <i>[ระบุหรื อไมก ไ

่ ้ด ] </i> ค า
่ <code>text</code> ที่ระบุรูปแบบ</li>
</ul>#\แปลง <code>#duration(2, 5, 55, 20)</code> เป็ นคา่
ขอ
้ ความ#(Duration.ToText(#duration(2, 5, 55, 20))#
"2.05:55:20"#i สง่ กลั บวั นทั งหมดที ้ ่ระยะเวลานี้ ขยาย#~สง่ กลั บวั นรวมที่ขยายโดยคา่ <code>duration</code> ที่ระบุ
{0}#R คน ่
้ หาวั นรวมทีขยายใน #duration(5, 4, 3, 2)#)Duration.TotalDays(#duration(5, 4, 3,
2))##5.1687731481481478#v-สง่ กลั บชั ่วโมงทั งหมดที ้ ่ ระยะเวลานี้ ขยาย#�#สง่ กลั บชั ่วโมงรวมที่ขยายโดยคา่
<code>duration</code> ที่ระบุ {0}#^คน ้ หาชั ่ ว โมงรวมที ่ขยายใน #duration(5, 4, 3,
2)#*Duration.TotalHours(#duration(5, 4, 3, 2))##124.05055555555555#l สง่ กลั บนาทีทังหมดที ้ ่
ระยะเวลานี้ ขยาย#�#สง่ กลั บนาทีรวมที่ขยายโดยคา่ <code>duration</code> ที่ระบุ {0}#U คน ้ หานาทีรวมที่ขยายใน
#duration(5, 4, 3, 2)#,Duration.TotalMinutes(#duration(5, 4, 3,
2))##7443.0333333333338#r สง่ กลั บวินาทีทังหมดที ้ ่ ระยะเวลานี้ ขยาย#�#สง่ กลั บวินาทีรวมที่ขยายโดยคา่
<code>duration</code> ที่ระบุ {0}#[คน ้ หาวิ น าที ร วมที่ขยายใน #duration(5, 4, 3,
2)#,Duration.TotalSeconds(#duration(5, 4, 3, 2))##446582#`ชนิ ดที่แสดงแทนคา่ ระยะเวลาทั งหมด#\ ้
เขา้ ถึงคา่ ตามชื่อใน Mashup ที่ฝังตัว#�#สง่ กลั บระเบียนข้อผิดพลาดจากคา่ ขอ ้ ความที่ระบุส ำหรั บเหตุผล ขอ ้ ความ และรายละเอียด#^สง่
กลั บตารางในสมุดงาน Excel ปัจจุบัน#r สง่ กลั บระเบียนของเวิร์กชีตจากสมุดงาน Excel#R สง่ กลั บสารบั ญจากบั ญชี Microsoft
Exchange#�#สง่ กลั บเนื้ อหาของไฟลท ์ ่ีระบุไว้ พร้อมสว่ นขยายเป็ นไบนารี #�#สง่ กลั บเนื้ อหาของไฟลท ์ ่ี อยูภ ่ ายในสว่ นขยาย {0} เป็ น
เชน ่
่ ไบนารี #�#สง่ คืนสตริ งทีปรั บคา่ ให้เขา้ กับระบบจากภายในไฟลส์ ว่ นขยาย MEZ#�#สง่ กลั บสตริ ง {0} จากไฟลส์ ว่ นขยาย MEZ
ปัจจุบันที่มีการปรั บคา่ เพื่อให้เขา้ กับระบบปัจจุบัน กลั บคืนสูร่ ะบบตามคา่ พื้นฐาน หากไมส ่ ามารถเลือกใชค ้ ำอธิบายที่ไมม ่ ีการปรั บให้เขา้ กับระบบ
หรื อ วา่ งเปลา่ หากไมม ี่ การก ำหนดสตริ งไว# ้ �# ถา้ ฟั งก ช
์ ั น ตัวแยกส ง
่ กลั บ คอลั ม น ์ มากกว า
่ ่
ที ต ารางคาดหวั ง ขอ ้ ผิดพลาดควรเกิดขึ้น#�#ถา้
ฟังกช์ ั นตัวแยกสง่ กลั บคอลั มน์มากกวา่ ที่ตารางคาดหวั ง คอลั มน์เหลา่ นั น ้ ควรถูกละเวน ้ #�#ถา้ ฟังกช์ ั นตัวแยกสง่ กลั บคอลั มน์มากกวา่ ที่ตาราง
คาดหวั ง คอลั มน์เหลา่ นั น ้ ควรถูกเก็บรวบรวมในรายการ#�#ระบุการด ำเนิ นการที่คาดหวั งไวส ้ ำหรั บคา่ เพิ่มเติมในแถวซึ่งมีคอลั มน์มากกวา่ ที่
คาดหวั งไว# ้ l สง่ กลั บระเบียนที่มีเนื้ อหาจากกราฟ Facebook#�#สง่ กลั บระเบียนที่มีชุดตารางที่พบในกราฟ Facebook ที่ URL ที่
ระบุ {0}#r สง่ กลั บเนื้ อหาของแฟ้มที่ระบุเป็ นไบนารี #b สง่ กลั บเนื้ อหาของแฟ้ม {0} เป็ นไบนารี #�#สง่ กลั บตารางที่มีคุณสมบั ติและ
เนื้ อหาของแฟ้มและโฟลเดอร์ท่ีพบในโฟลเดอร์ท่ีระบุ #�#สง่ กลั บตารางที่มีแถวส ำหรั บแตล่ ะโฟลเดอร์และแฟ้มที่พบในเสน ้ ทางโฟลเดอร์ {0}
แตล่ ะแถวประกอบดว้ ยคุณสมบั ติของโฟลเดอร์หรื อแฟ้มและลิงกไ์ ปยั งเนื้ อหา#�#สง่ กลั บตารางที่มีคุณสมบั ติและเนื้ อหาของแฟ้มที่ พบใน
โฟลเดอร์ท่ีระบุและโฟลเดอร์ยอ่ ย#�#สง่ กลั บตารางที่มีแถวส ำหรั บแตล่ ะแฟ้มที่พบในเสน ้ ทางโฟลเดอร์ {0} และโฟลเดอร์ยอ่ ย แตล่ ะแถว
ประกอบด้วยคุณสมบั ติของแฟ้มและลิงกไ์ ปยั งเนื้ อหา#E เรี ยกใชฟ ้ ั งกช์ ั นที่ระบุ #�#เรี ยกฟังกช์ ั นที่ก ำหนดไวห ้ ลั งผา่ นระยะเวลาที่ระบุไว# ้ �#สง่
กลั บผลลั พธข์ องการเรี ยก {0} หลั งผา่ นระยะเวลา {1}#�#เรี ยกใชฟ ้ ั งกช์ ั นที่ระบุโดยใชร้ ายการที่ระบุของอาร์กิวเมนตแ ์ ละสง่ กลั บ
ผลลั พธ# ์ t เรี ยกใช้ Record.FieldNames ด้วยหนึ่ งอาร์กิวเมนต์
[A=1,B=2]#/Function.Invoke(Record.FieldNames, {[A=1,B=2]})#{ "A", "B" }#W ชนิ ดที่แสดง

แทนฟังกช์ ั นทั งหมด#2 สง่ คืนบั ญชี Google Analytics#�#สง่ คืนบั ญชี Google Analytics ซึ่งสามารถเขา้ ถึงจากขอ ้ มูล
ประจ ำตัวปัจจุบัน#9 ระบุชนิ ดการจั ดกลุม ่ # � #
<ul>
<li><code>สว่ นกลาง</code>: มีการจั ดกลุม ่ สว่ นกลางจากแถวทั งหมดในตารางข ้ ้ มูลป้อนเขา้ ที่มีคา่ คียเ์ ดียวกัน

</li>
<li><code>ในเครื่ อง</code>: มีการจั ดกลุม ่ ในเครื่ องจากแถวที่มีล ำดับตอ่ เนื่ องในตารางขอ ้ มูลป้อนเขา้ ที่มีคา่ คีย ์
เดียวกัน</li>
</ul>
อาจมีการสร้างกลุม ่ ในเครื่ องขึ้นหลายกลุม ่ โดยมีคา่ คียเ์ ดียวกัน แตจ่ ะมีการสร้างกลุม ่ สว่ นกลางเดี่ยวส ำหรั บคา่ คียท ์ ่ีให้ไว้
#�#สง่ กลั บตารางการนำทางที่มีคอนเทนเนอร์ท่ีพบในบั ญชีท่ีระบุจากชุดเก็บข้อมูลประจ ำตัวที่จัดเก็บ Azure#�#สง่ กลั บตารางการนำ
ทางที่มีแถวของแตล่ ะคอนเทนเนอร์ท่ีพบใน URL บั ญชี {0} จากชุดเก็บขอ ้ มูลประจ ำตัวที่จัดเก็บ Azure แตล่ ะแถวประกอบด้วยการ

เชือมโยงไปยั ง BLOB ของคอนเทนเนอร์#�#สง่ กลั บตารางการนำทางทีมีคอนเทนเนอร์ท่ีพบในบั ญชีท่ีระบุจากชุดเก็บข้อมูลประจ ำตัวที่จัดเก็บ

Azure#�#สง่ กลั บตารางการนำทางที่มีแถวของแตล่ ะคอนเทนเนอร์ท่ีพบใน URL บั ญชี {0} จากชุดเก็บขอ ้ มูลประจ ำตัวที่จัดเก็บ
Azure แตล่ ะแถวประกอบดว้ ยการเชื่อมโยงไปยั ง BLOB ของคอนเทนเนอร์#�#สง่ กลั บตารางที่มีคุณสมบั ติและเนื้ อหาของ Blob ซึ่ง
พบในคอนเทนเนอร์ท่ีระบุจากที่เก็บขอ ้ มูล Azure#�#สง่ กลั บตารางที่มีแถวส ำหรั บแฟ้ม Blob แตล่ ะแฟ้ม ซึ่งพบได้ท่ี URL ของ
คอนเทนเนอร์ {0} จากที่เก็บขอ ้ มูล Azure แตล่ ะแถวมีคุณสมบั ติของแฟ้มและลิงกไ์ ปยั งเนื้ อหาของแฟ้ม#�#สง่ กลั บตารางที่มีคุณสมบั ติ
และเนื้ อหาของแฟ้มและโฟลเดอร์ท่ีพบในโฟลเดอร์ท่ีระบุจากระบบแฟ้ม Hadoop#�#สง่ กลั บตารางที่มีแถวส ำหรั บแตล่ ะโฟลเดอร์และแฟ้มที่
พบใน URL โฟลเดอร์ {0} จากระบบแฟ้ม Hadoop แตล่ ะแถวประกอบด้วยคุณสมบั ติของโฟลเดอร์หรื อแฟ้มและลิงกไ์ ปยั ง
เนื้ อหา#�#สง่ กลั บตารางที่มีคุณสมบั ติและเนื้ อหาของแฟ้มที่พบในโฟลเดอร์ท่ีระบุและโฟลเดอร์ยอ่ ยจากระบบแฟ้ม Hadoop#�#สง่ กลั บ
ตารางที่มีแถวส ำหรั บแตล่ ะแฟ้มที่พบใน URL โฟลเดอร์ {0} และโฟลเดอร์ยอ่ ยจากระบบแฟ้ม Hadoop แตล่ ะแถวประกอบดว้ ย
คุณสมบั ติของแฟ้มและลิงกไ์ ปยั งเนื้ อหา#c สง่ กลั บการแสดงทรั พยากรเว็บที่ระบุ#�#สง่ ขอ ้ มูลที่จะประมวลผลไปยั งทรั พยากรเว็บที่ระบุ#j สร้าง
จ ำนวนเต็ม 16 บิตจากคา่ ที่ก ำหนดไว# ้ �
สง่ คืนคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 16 บิตจาก {0} ที่ก ำหนดไว้ หาก {0} ที่ก ำหนดไวม ้ ีคา่ เป็ น
<code>ศูนย< ์ /code> <code>Int16.From</code> จะสง่ คืนคา่ <code>ศูนย< ์ /code> หาก {0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ น
<code>ตัวเลข</code> ที่อยูภ ่ ายในชว่ งของจ ำนวนเต็ม 16 บิตโดยไมม ่ ีเศษสว่ น จะสง่ คืนคา่ {0} หากมีเศษสว่ น จะมีการปัดเศษ
ตัวเลขโดยใชโ้ หมดการปัดเศษที่ระบุไว้ โหมดการปัดเศษตามคา่ เริ่ มตน ้ คื อ <code>RoundingMode.ToEven</code> หาก
{0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ นชนิ ดอื่น ให้ดูท่ี <code>Number.FromText</code> ส ำหรั บการแปลงเป็ นคา่
<code>ตัวเลข</code> และก ำหนดใชค ่ นหน้าเกี่ยวกับการแปลงคา่ <code>ตัวเลข</code> เป็ นคา่
้ ำสั ่งกอ
<code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 16 บิต ดูท่ี <code>Number.Round</code> ส ำหรั บโหมดการปัดเศษที่สามารถ
เลือกใชไ้ ด้#�#รั บคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 16 บิตส ำหรั บ
<code>"4"</code>##Int64.From("4")##4#�#รั บคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 16 บิตส ำหรั บ
<code>"4.5"</code> โดยใช้ <code>RoundingMode.AwayFromZero</code>#2Int16.From("4.5",
null, RoundingMode.AwayFromZero)##5#y ชนิ ดที่แสดงจ ำนวนเต็ม 16 บิตที่มีเครื่ องหมาย#j สร้างจ ำนวนเต็ม 32
บิตจากคา่ ที่ก ำหนดไว# ้ �
สง่ คืนคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 32 บิตจาก {0} ที่ก ำหนดไว้ หาก {0} ที่ก ำหนดไวม ้ ีคา่ เป็ น
<code>ศูนย< ์ /code> <code>Int32.From</code> จะสง่ คืนคา่ <code>ศูนย< ์ /code> หาก {0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ น
<code>ตัวเลข</code> ที่อยูภ ่ ายในชว่ งของจ ำนวนเต็ม 32 บิตโดยไมม ่ ีเศษสว่ น จะสง่ คืนคา่ {0} หากมีเศษสว่ น จะมีการปัดเศษ
ตัวเลขโดยใชโ้ หมดการปัดเศษที่ระบุไว้ โหมดการปัดเศษตามคา่ เริ่ มตน ้ คื อ <code>RoundingMode.ToEven</code> หาก
{0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ นชนิ ดอื่น ให้ดูท่ี <code>Number.FromText</code> ส ำหรั บการแปลงเป็ นคา่
<code>ตัวเลข</code> และก ำหนดใชค ่ นหน้าเกี่ยวกับการแปลงคา่ <code>ตัวเลข</code> เป็ นคา่
้ ำสั ่งกอ
<code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 32 บิต ดูท่ี <code>Number.Round</code> ส ำหรั บโหมดการปัดเศษที่สามารถ
เลือกใชไ้ ด้#�#รั บคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 32 บิตส ำหรั บ
<code>"4"</code>##Int32.From("4")##4#�#รั บคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 32 บิตส ำหรั บ
<code>"4.5"</code> โดยใช้ <code>RoundingMode.AwayFromZero</code>#2Int32.From("4.5",
null, RoundingMode.AwayFromZero)##5#y ชนิ ดที่แสดงจ ำนวนเต็ม 32 บิตที่มีเครื่ องหมาย#^สร้างจ ำนวนเต็ม 64 บิต
จากคา่ ที่ระบุ#�
สง่ คืนคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 64 บิตจาก {0} ที่ก ำหนดไว้ หาก {0} ที่ก ำหนดไวม ้ ีคา่ เป็ น
<code>ศูนย< ์ /code> <code>Int64.From</code> จะสง่ คืนคา่ <code>ศูนย< ์ /code> หาก {0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ น
<code>ตัวเลข</code> ที่อยูภ ่ ายในชว่ งของจ ำนวนเต็ม 64 บิตโดยไมม ่ ีเศษสว่ น จะสง่ คืนคา่ {0} หากมีเศษสว่ น จะมีการปัดเศษ
ตัวเลขโดยใชโ้ หมดการปัดเศษที่ระบุไว้ โหมดการปัดเศษตามคา่ เริ่ มตน ้ คื อ <code>RoundingMode.ToEven</code> หาก
{0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ นชนิ ดอื่น ให้ดูท่ี <code>Number.FromText</code> ส ำหรั บการแปลงเป็ นคา่
<code>ตัวเลข</code> และก ำหนดใชค ้ ำสั ่งกอ ่ นหน้าเกี่ยวกับการแปลงคา่ <code>ตัวเลข</code> เป็ นคา่
<code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 64 บิต ดูท่ี <code>Number.Round</code> ส ำหรั บโหมดการปัดเศษที่สามารถ
เลือกใชไ้ ด้#j รั บคา่ จ ำนวนเต็ม 64 บิต <code>number</code> ของ
<code>"4"</code>##Int64.From("4")##4#�#รั บคา่ <code>ตัวเลข</code>ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 64 บิตของ
<code>"4.5"</code> โดยใช้ <code>RoundingMode.AwayFromZero</code>#2Int64.From("4.5",
null, RoundingMode.AwayFromZero)##5#y ชนิ ดที่แสดงจ ำนวนเต็ม 64 บิตที่มีเครื่ องหมาย#�#สร้างจ ำนวนเต็ม 8 บิต
ที่มีเครื่ องหมายจากคา่ ที่ก ำหนดไว# ้ �สง่ คืนคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 8 บิตที่มีเครื่ องหมายจาก {0} ที่ก ำหนดไว้
หาก {0} ที่ก ำหนดไวม ้ ีคา่ เป็ น <code>ศูนย< ์ /code> <code>Int8.From</code> จะสง่ คืนคา่ <code>ศูนย< ์ /code>
หาก {0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ น <code>ตัวเลข</code> ที่อยูภ ่ ายในชว่ งของจ ำนวนเต็ม 8 บิตที่มีเครื่ องหมายโดยไมม ่ ีเศษสว่ น จะสง่
คืนคา่ {0} หากมีเศษสว่ น จะมีการปัดเศษตัวเลขโดยใชโ้ หมดการปัดเศษที่ระบุไว้ โหมดการปัดเศษตามคา่ เริ่ มตน ้ คือ
<code>RoundingMode.ToEven</code> หาก {0} ที่ก ำหนดไวเ้ ป็ นชนิ ดอื่น ใหด ้ ูท่ี
<code>Number.FromText</code> ส ำหรั บการแปลงเป็ นคา่ <code>ตัวเลข</code> และก ำหนดใชค ้ ำสั ง่ กอ ่ นหน้าเกี่ยวกับ
การแปลงคา่ <code>ตัวเลข</code> เป็ นคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 8 บิตที่มีเครื่ องหมาย ดูท่ี
<code>Number.Round</code> ส ำหรั บโหมดการปัดเศษที่สามารถเลือกใชไ้ ด้#�#รั บคา่ <code>ตัวเลข</code> ที่เป็ น
จ ำนวนเต็ม 8 บิตที่มีเครื่ องหมายส ำหรั บ <code>"4"</code>##Int8.From("4")##4#�#รั บคา่
<code>ตัวเลข</code> ที่เป็ นจ ำนวนเต็ม 8 บิตที่มีเครื่ องหมายส ำหรั บ <code>"4.5"</code> โดยใช้
<code>RoundingMode.AwayFromZero</code>#1Int8.From("4.5", null,
RoundingMode.AwayFromZero)##5#x ชนิ ดที่แสดงจ ำนวนเต็ม 8 บิตที่มีเครื่ องหมาย#�#ระบุอัลกอริ ทึมการรวมที่ใชง้ านใน
การด ำเนิ นการรวม#�#คา่ ที่เป็ นไปได้ส ำหรั บพารามิเตอร์ <code>JoinKind</code> ที่มีให้เลือกใน
<code>Table.Join</code>
การรวมภายนอกทั งหมดจะช ้ ้
ว่ ยให้แน่ใจวา่ ทุกแถวของทั งสองตารางจะปรากฏในผลลั พธ์ แถวที่ไมม ่ ีรายการที่ตรงกันในตารางอื่นจะถูก
รวมกับแถว "เริ มตน ่ ่ ้ ่
้ " ทีมีคา่ Null ส ำหรั บคอลั มน์ทังหมด#�#คา่ ทีเป็ นไปได้ส ำหรั บพารามิเตอร์ <code>JoinKind</code>
ที่มีใหเ้ ลือกใน <code>Table.Join</code>
ตารางที่เป็ นผลจากการเขา้ ร่วมภายในจะมีแถวส ำหรั บแถวแตล่ ะคูจ่ ากตารางที่ระบุท่ีถูกก ำหนดเพื่อจั บคูต ่ ามคอลั มน์คียท ์ ่ีระบุ#�#คา่ ที่เป็ น
ไปได้ส ำหรั บพารามิเตอร์ <code>JoinKind</code> ที่มีใหเ้ ลือกใน <code>Table.Join</code>
การป้องกันการรวมด้านซ้ายจะสง่ กลั บแถวทั งหมดนั ้ ้ จากตารางแรกซึ่งไมม
น ่ ีรายการที่ตรงกันในตารางที่สอง#�#คา่ ที่เป็ นไปได้ส ำหรั บ
พารามิเตอร์ <code>JoinKind</code> ทีมีใหเ้ ลือกใน <code>Table.Join</code> ่
การรวมภายนอกด้านซ้ายจะชว่ ยให้แน่ใจวา่ ทุกแถวของตารางแรกจะปรากฏในผลลั พธ# ์ �#คา่ ที่เป็ นไปได้ส ำหรั บพารามิเตอร์
<code>JoinKind</code> ที่มีใหเ้ ลือกใน <code>Table.Join</code>
การป้องกันการรวมดา้ นขวาจะสง่ กลั บแถวทั งหมดนั ้ ้ จากตารางที่สองซึ่งไมม
น ่ ีรายการที่ตรงกันในตารางแรก#�#คา่ ที่เป็ นไปไดส ้ ำหรั บ
พารามิเตอร์ <code>JoinKind</code> ที่มีใหเ้ ลือกใน <code>Table.Join</code>
การรวมภายนอกด้านขวาจะชว่ ยให้แน่ใจวา่ ทุกแถวของตารางที่สองจะปรากฏในผลลั พธ# ์ E ระบุชนิ ดการด ำเนิ นการรวม#J สง่ กลั บ
เนื้ อหาของเอกสาร JSON#b สง่ กลั บเป็ น true หากทั งสองด ้ ้านเป็ น true#b อั กขระเป็ นคา่ ข้อความที่มีความยาว 1#o<, >, <=
และ >= จะสง่ true หากการเปรี ยบเทียบเป็ น true#�#สามารถป้อนวั นที่เป็ นข้อความโดยเรี ยกใชส ้ ูตร
DateTime.FromText#d วั นที่จะถูกเขียนเป็ น #date(ปี เดือน วั น)#�#คา่ วั นที่เวลาจะถูกเขียนเป็ น #datetime(ปี เดือน
วั น ชั ่วโมง นาที วินาที)#�#คา่ วั นที่เวลาพร้อมโซนเวลาจะใชอ ้ อฟเซตที่มีใหเ้ ลือก#�#สามารถเปรี ยบเทียบคา่ วั นที่ เวลา วั นที่เวลา และ
ระยะเวลาได้#�#สามารถเพิ่มคา่ ระยะเวลาลงในคา่ วั นที่ เวลา และวั นที่เวลาได้#�#คา่ วั นที่และวั นที่เวลายั งสนั บสนุ นการลบอีก
ด้วย#�#สามารถรวมวั นที่และเวลาเขา้ ไวด ้ ้วยกันได้โดยใช้ & เพื่อสร้างวั นที่เวลา#�#คา่ ระยะเวลาจะถูกเขียนในรู ปแบบเวลา 24 ชั ่วโมง
โดยใช้ #duration(วั น ชั ่วโมง นาที วินาที)#K สามารถเพิ่มคา่ ระยะเวลาได้#B สามารถลบคา่ ระยะเวลาได้#~ในแตล่ ะคอลั มน์ของ
ตารางสามารถอา้ งอิงเป็ น [Column]#�#แตล่ ะคอลั มน์จะสร้างฟังกช์ ั นของหนึ่ งอาร์กิวเมนตซ ์ ่ึงได้รับการระบุเป็ น _#Y= สง่ กลั บเป็ น
true หากสองคา่ เทา่ กัน##แสดงคา่ false#�#ฟังกช์ ั นจะถูกเขียนดว้ ยพารามิเตอร์ a => และนิ พจน์ท่ีจะเรี ยกใชง้ าน#�#นิ พจน์ ถา้
(if) จะทดสอบเงื่อนไขและสง่ กลั บสว่ น แลว้ (then) ถา้ เป็ น true หรื อสว่ นอื่นถา้ เป็ น false#�#เมื่อตอ ้ งการเรี ยกใชฟ ้ ั งกช์ ั น
ให้ระบุอาร์กิวเมนตท ์ ่ีคั่นด้วยจุลภาคซึ่งอยูใ่ นวงเล็บ#�#นิ พจน์ Let จะชว่ ยให้คุณสามารถสร้างตัวแปรด้วยนิ พจน์และค ำนวณผลลั พธด ์ ้วย
ตัวแปรเหลา่ นั น ้ #m สามารถรวมรายการโดยใชเ้ ครื่ องหมายและ (&)#�#สามารถคน ้ หาขอ้ มูลจากรายการได้ด้วยต ำแหน่งตัวเลขของขอ ้ มูล
เหลา่ นั น ้ #�#ถา้ ต ำแหน่งสามารถมากกวา่ ความยาวของรายการ ใหใ้ ช้ ? เพื่อสง่ กลั บ Null เมื่ออยูน ่ อกชว่ ง#�#รายการคือล ำดับคา่ โดย
จะถูกเขียนโดยใชเ้ ครื่ องหมายปี กกา#u ทั งช ้ ว่ งและขอ ้ มูลสามารถปรากฏในรายการได้#N สามารถเขียนเป็ นตัวเลขลบได้#W สง่ กลั บคา่ เชิงตรรกะ
ตรงกันขา้ ม#c<> สง่ กลั บเป็ น true หากสองคา่ ไมเ่ ทา่ กัน#o สามารถเขียนตัวเลขไดอ ้ ยา่ งเป็ นธรรมชาติ#Z สามารถบวก ลบ คูณ และ
หารตัวเลขได้#n สง่ กลั บเป็ น true หากขา้ งใดขา้ งหนึ่ งเป็ น true#l ชว่ งจะถูกเขียนโดยใชส ้ องจุดระหวา่ งคา่ #p สามารถรวมระเบียนโดย
ใชเ้ ครื่ องหมายและ (&)#�#สามารถคน ้ หาคา่ จากระเบียนได้ด้วยชื่อเขตขอ ้ มูล#�#การเลือกเขตขอ ้ มูลสามารถท ำได้จากระเบียนโดยใชช้ ุดการ
อา้ งอิงเขตขอ ้ มูล แตล่ ะชุดจะอยูใ่ นวงเล็บสี่เหลี่ยม#�#ถา้ ชื่อเขตขอ ้ มูลอาจหายไป ให้ใช้ ? เพื่อสง่ กลั บคา่ Null เมื่อหายไป#�#ระเบียน
เป็ นเขตขอ ้ มูลที่มีช่ือและคา่ ของระเบียนเหลา่ นั น ้ โดยจะถูกเขียนโดยใชเ้ ครื่ องหมายวงเล็บ#�#สามารถเขียนตัวเลขเป็ นเครื่ องหมายทาง

วิทยาศาสตร์ได้ การด ำเนิ นการนี จะแสดง 100#�#สามารถคน ้ หาขอ ้ มูลจากตารางได้ด้วยต ำแหน่งตัวเลขของขอ ้ มูลเหลา่ นั น ้ #l สามารถคน ้ หา
ขอ ้ มูลจากตารางได้ด้วยคีย# ์ �#การเลือกคอลั มน์สามารถท ำได้จากตารางโดยใชช้ ุดการอา้ งอิงคอลั มน์ แตล่ ะชุดจะอยูใ่ นวงเล็บ
สี่เหลี่ยม#o สามารถแยกคอลั มน์ตารางเป็ นรายการคา่ ได้#u ตารางนี้ คือระเบียนที่มีรูปร่างเหมือนกั น#�#คา่ ขอ ้ ความจะถูกเขียนโดยใช้
เครื่ องหมายอั ญประกาศ#y สามารถรวมคา่ ขอ ้ ความโดยใชเ้ ครื่ องหมายและ (&)#Z สามารถเปรี ยบเทียบคา่ ขอ ้ ความได้#�#คา่ วั นที่เวลาจะถูก
่ ่
เขียนในรู ปแบบเวลา 24 ชั วโมงเป็ น #time(ชั วโมง นาที วินาที)#�#คา่ เวลาพร้อมโซนเวลาจะใชอ ้ อฟเซตที่มีให้เลือก#u สามารถลบ
คา่ เวลาเพื่อสร้างคา่ ระยะเวลาได# ้ # ส ง
่ กลั บคา่ true# �# แปลงค า
่ ไบนารี เ ป็ น รายการค า ข
่ ้ อความที ่ แ บ ง ด
่ ้ ว ยตัวแบ ง่ บรรทั ด ถา้ มีการระบุตัว
คั ่น ตัวแบง่ บรรทั ดอาจปรากฏในเครื่ องหมายอั ญประกาศ ถา้ includeLineSeparators เป็ นจริ ง อั กขระตัวแบง่ บรรทั ดจะรวม
อยูใ่ นขอ ้ ความ#�#แปลงคา่ ขอ ้ ความเป็ นรายการคา่ ขอ ้ ความที่แบง่ ด้วยตัวแบง่ บรรทั ด หาก includeLineSeparators เป็ นจริ ง จะ
มีการรวมอั กขระตัวแบง่ บรรทั ดในข้อความ#� แปลงคา่ ขอ ้ ความเป็ นรายการคา่ ขอ ้ ความโดยแยกที่ตัวแบง่ บรรทั ด หาก
includeLineSeparators เป็ นจริ ง จะมีการรวมอั กขระตัวแบง่ บรรทั ดไวใ้ นข้อความ
<div>
<ul>
<li><code>QuoteStyle.None:</code> (คา่ เริ่ มตน ้ ) ไมต ่ อ ้ งปิดขอ ้ ความดว้ ยเครื่ องหมายค ำ
พูด</li>
<li><code>QuoteStyle.Csv:</code> ปิดขอ ้ ความด้วยเครื่ องหมายค ำพูดตาม Csv จะมีการใชอ ้ ั กขระ
เครื่ องหมายค ำพูดคูเ่ พื่อก ำหนดเขต และจะมีการใชอ ้ ั กขระเครื่ องหมายค ำพูดคูส ่ องอั นเพื่อระบุอักขระเครื่ องหมายค ำพูดคูเ่ ดี่ยวภายในเขต
</li>
</ul>
</div>
#�#แปลงรายการขอ ้ ความเป็ นคา่ ไบนารี โดยใชก ้ ารเขา้ รหัสและ lineSeparator ที่ระบุ จากนั น ้ lineSeparator จะถูก
ผนวกเขา้ กับแตล่ ะบรรทั ด ถา้ ไมม ่ ีการระบุ อั กขระขึ้นบรรทั ดใหมแ ่ ละอั กขระเลื่อนจะถูกใชง้ าน#�#แปลงรายการขอ ้ ความเป็ นขอ
้ ความเดียว
lineSeparator ที่ระบุจะถูกผนวกกับแตล่ ะบรรทั ด ถา้ ไมม ่ ีการระบุ อั กขระขึ้นบรรทั ดใหมแ ่ ละอั กขระเลื่อนจะถูกใชง้ าน#T สะสมคา่
สรุ ปจากขอ ้ มูลในรายการ#�#สะสมคา่ สรุ ปจากขอ ้ มูลในรายการ {0} โดยใช้ {2}
สามารถตั งค ้ า่ พารามิเตอร์ Seed {1} ที่เลือกได้#�#สะสมคา่ สรุ ปจากขอ ้ มูลในรายการ {1, 2, 3, 4, 5} โดยใช้
((สถานะ, ปัจจุบัน) => สถานะ + ปัจจุบัน )#HList.Accumulate({1, 2, 3, 4, 5}, 0, (state,
current) => state + current)##15#h สง่ กลั บเป็ น true ถา้ นิ พจน์ทังหมดเป็ ้ น true#�#สง่ กลั บเป็ น true ถา้

นิ พจน์ทังหมดในรายการ {0} เป็ น true#�#ก ำหนดวา่ นิ พจน์ทังหมดในรายการ ้ {true, true, 2 > 0} เป็ น true หรื อ
ไม# ่ !List.AllTrue({true, true, 2 > 0})##true#�#ก ำหนดวา่ นิ พจน์ทังหมดในรายการ ้ {true, true, 2 <
0} เป็ น true หรื อไม# ่ "List.AllTrue({true, false, 2 < 0})##false#�#สง่ กลั บรายการที่ประกอบด้วยองค ์
ประกอบออฟเซตจ ำนวนคี่ในรายการ#�#สง่ กลั บรายการที่ประกอบด้วยองคป ์ ระกอบออฟเซตจ ำนวนคี่ในรายการ สลั บระหวา่ งการใชแ ้ ละการ
ขา้ มคา่ จากรายการ {0} โดยขึ้นอยูก ่ ับพารามิ เ ตอร ์
<ul>
<li>{1}: ระบุจ ำนวนคา่ ที่ถูกขา้ มในแตล่ ะครั ง้ </li>
<li>{2}: ชว่ งการท ำซ ้ำที่มีให้เลือกจะระบุจ ำนวนคา่ ที่ถูกเพิ่มระหวา่ งคา่ ที่ขา้ ม</li>
<li>{3}: พารามิเตอร์ออฟเซตที่เลือกได้ท่ีจะเริ่ มขา้ มคา่ ในออฟเซตเริ่ มตน ้ </li>
</ul>#c สร้างรายการจาก {1..10} ที่ขา้ มตัวเลขแรก##List.Alternate({1..10}, 1)##{2, 3, 4, 5,
6, 7, 8, 9, 10}#x สร้างรายการจาก {1..10} ที่ขา้ มตัวเลขอื่นทุกตัว##List.Alternate({1..10}, 1,
1)##{2, 4, 6, 8, 10}#�#สร้างรายการจาก {1..10} ที่เริ่ มตน ้ จาก 1 และขา้ มตัวเลขอื่นทุกตัว#
List.Alternate({1..10}, 1, 1, 1)##{1, 3, 5, 7, 9}#�#สร้างรายการจาก {1..10} ที่เริ่ มตน ้ จาก 1
ขา้ มหนึ่ งคา่ เก็บสองคา่ และอื่นๆ# List.Alternate({1..10}, 1, 2, 1)##{1, 3, 4, 6, 7, 9, 10}#]สง่ กลั บ
เป็ น true ถา้ นิ พจน์ใดๆ เป็ น true#z สง่ กลั บเป็ น true ถา้ นิ พจน์ใดๆ ในรายการ {0} เป็ น true#�#ก ำหนดวา่ นิ พจน์ใดๆ
ในรายการ {true, false, 2 > 0} เป็ น true หรื อไม# ่ List.AnyTrue({true, false,
2>0})##true#�#ก ำหนดวา่ นิ พจน์ใดๆ ในรายการ {2 = 0, false, 2 < 0} เป็ น true หรื อ
ไม# ่ #List.AnyTrue({2 = 0, false, 2 < 0})##false#�#สง่ กลั บคา่ เฉลี่ยของคา่ ตา่ งๆ ใชง้ านคา่ ตัวเลข วั นที่ วั นที่
เวลา โซนวั นที่เวลา และระยะเวลา#�#สง่ กลั บคา่ เฉลี่ยส ำหรั บขอ ้ มูลในรายการ {0} ผลลั พธจ์ ะเป็ นชนิ ดขอ ้ มูลเดียวกันกับคา่ ในรายการ
เฉพาะการใชง้ านคา่ ตัวเลข วั นที่ เวลา วั นที่เวลา โซนวั นที่เวลา และระยะเวลา เทา่ นั น ้
ถา้ รายการวา่ งเปลา่ คา่ Null จะถูกสง่ กลั บ#e หาคา่ เฉลี่ยของรายการตัวเลข <code>{3, 4,
6}</code>##List.Average({3, 4, 6})##4.333333333333333#�#หาคา่ เฉลี่ยของคา่ วั นที่ 1 มกราคม 2011,
2 มกราคม 2011 และ 3 มกราคม 2011#HList.Average({#date(2011, 1, 1), #date(2011, 1, 2),
#date(2011, 1, 3)}) ###date(2011, 1, 2)#*บั ฟเฟอร์รายการ#�#บั ฟเฟอร์รายการ {0} ในหน่วยความจ ำ
ผลลั พธข์ องการเรี ยกนี้ คือรายการที่เสถียร#\สร้างส ำเนาที่เสถียรของรายการ {1..10}##List.Buffer({1..10})##{1, 2,
3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10}#f สง่ กลั บรายการเดียวโดยรวมหลายรายการ#�#ใชร้ ายการของรายการ {0} และรวมเป็ นหนึ่ ง
รายการใหม# ่ K รวมสองรายการงา่ ยๆ {1, 2} และ {3, 4}##List.Combine({{1, 2}, {3, 4}})##{
1,
2,
3,
4
}#�#รวมสองรายการ {1, 2} และ {3, {4, 5}} หนึ่ งในนั น ้ จะมีรายการที่ซ้อนกัน##List.Combine({{1, 2}, {3,
{4, 5}}})#,{
1,
2,
3, {4,
5}
}#K ระบุวา่ รายการมีคา่ หรื อไม่#�#ระบุต ำแหน่งที่รายการมีคา่ ทั งหมดในรายการอื
้ ่น#�#ระบุวา่ รายการ {0} มีคา่ ทั งหมดในรายการอื
้ ่ นหรื อ
ไม่ {1}
สง่ กลั บเป็ น true ถา้ พบคา่ ในรายการ หรื อสง่ เป็ น false หากไมเ่ ป็ นเชน ่ นั น้ โดยสามารถระบุคา่ เกณฑส ์ มการที่เลือกได้ {2}
เพื่อควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน #e คน ้ หาวา่ รายการ {1, 2, 3, 4, 5} มี 3 และ 4 หรื อ
ไม# ่ )List.ContainsAll({1, 2, 3, 4, 5}, {3, 4})##true#e คน ้ หาวา่ รายการ {1, 2, 3, 4, 5} มี 5
และ 6 หรื อไม# ่ )List.ContainsAll({1, 2, 3, 4, 5}, {5, 6})##false#y ระบุต ำแหน่งที่รายการมีคา่ ใดๆ ใน
รายการอื่น#�#ระบุวา่ รายการ {0} มีคา่ ใดๆ ในรายการอื่นหรื อไม่ {1}
สง่ กลั บเป็ น true ถา้ พบคา่ ในรายการ หรื อสง่ เป็ น false หากไมเ่ ป็ นเชน ้ โดยสามารถระบุคา่ เกณฑส
่ นั น ์ มการที่เลือกได้
{2} เพื่อควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน #h คน ้ หาว า
่ รายการ {1, 2, 3, 4, 5} มี 3 หรื อ 9 หรื อ
ไม# ่ )List.ContainsAny({1, 2, 3, 4, 5}, {3, 9})##true#h คน ้ หาวา่ รายการ {1, 2, 3, 4, 5} มี 6
หรื อ 7 หรื อไม# ่ )List.ContainsAny({1, 2, 3, 4, 5}, {6, 7})##false#�#ระบุวา่ รายการ {0} มีคา่ หรื อไม่
{1}
สง่ กลั บเป็ น true ถา้ พบคา่ ในรายการ หรื อสง่ เป็ น false หากไมเ่ ป็ นเชน ่ นั น้ โดยสามารถระบุคา่ เกณฑส ์ มการที่เลือกได้ {2}

เพือควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน #Y คน ้ หาวา่ รายการ {1, 2, 3, 4, 5} มี 3 หรื อไม# ่ !List.Contains({1, 2,
3, 4, 5}, 3)##true#Y คน ้ หาวา่ รายการ {1, 2, 3, 4, 5} มี 6 หรื อไม# ่ !List.Contains({1, 2, 3, 4,
5}, 6)##false#N สง่ กลั บจ ำนวนขอ ้ มูลในรายการ#R สง่ กลั บจ ำนวนขอ ้ มูลในรายการ {0}#I หาจ ำนวนของคา่ ในรายการ {1, 2,
3}##List.Count({1, 2, 3})##3#�#สง่ กลั บคา่ ความแปรปรวนระหวา่ งรายการตัวเลขทั งสองรายการ# ้ �#สง่ กลั บคา่ ความ
แปรปรวนระหวา่ งสองรายการ {0} และ {1} {0} และ {1} ตอ ้ งมีจ ำนวนคา่ <code>number</code>
เดียวกัน#i ค ำนวณคา่ ความแปรปรวนระหวา่ งสองรายการ#$List.Covariance({1, 2, 3},{1, 2,
3})##0.66666666666666607#�#สร้างรายการของคา่ โซนเวลาของวั นที่โดยก ำหนดคา่ เริ่ มตน ้ จ ำนวน และคา่ ระยะเวลาแบบเพิ่ม
หน่วย#�#สง่ กลั บรายการของคา่ <code>datetimezone</code> ของขนาด {1} โดยเริ่ มตน ้ ที่ {0} การเพิ่มหน่วยที่ก ำหนด
ให้ {2} เป็ นคา่ <code>duration</code> ที่ถูกเพิ่มลงในทุกคา่ #�#สร้างรายการที่มี 10 คา่ โดยเริ่ มตน ้ จาก 5 นาทีกอ ่ นวั น
ขึ้นปี ใหม่ (#datetimezone(2011, 12, 31, 23, 55, 0, -8, 0)) ซึ่งจะเพิ่มครั ง้ ละ 1 นาที
(#duration(0, 0, 1, 0))#\List.DateTimeZones(#datetimezone(2011, 12, 31, 23, 55, 0,
-8, 0), 10, #duration(0, 0, 1, 0))#�#{
#datetimezone(2011, 12, 31, 23, 55, 0, -8, 0),
#datetimezone(2011, 12, 31, 23, 56, 0, -8, 0),
#datetimezone(2011, 12, 31, 23, 57, 0, -8, 0),
#datetimezone(2011, 12, 31, 23, 58, 0, -8, 0),
#datetimezone(2011, 12, 31, 23, 59, 0, -8, 0),
#datetimezone(2012, 1, 1, 0, 0, 0, -8, 0),
#datetimezone(2012, 1, 1, 0, 1, 0, -8, 0),
#datetimezone(2012, 1, 1, 0, 2, 0, -8, 0),
#datetimezone(2012, 1, 1, 0, 3, 0, -8, 0),
#datetimezone(2012, 1, 1, 0, 4, 0, -8, 0)
}#�#สร้างรายการของคา่ เวลาของวั นที่โดยก ำหนดคา่ เริ่ มตน ้ จ ำนวน และคา่ ระยะเวลาแบบเพิ่มหน่วย#�#สง่ กลั บรายการของคา่
<code>datetime</code> ของขนาด {1} โดยเริ่ มตน ้ ที่ {0} การเพิ่มหน่วยที่ก ำหนดให้ {2} เป็ นคา่
<code>duration</code> ทีถูกเพิมลงในทุกคา่ #�#สร้างรายการที่มี 10 คา่ โดยเริ่ มตน
่ ่ ้ จาก 5 นาทีกอ ่ นวั นขึ้นปี ใหม่
(#datetime(2011, 12, 31, 23, 55, 0)) ซึ่งจะเพิ่มครั ง้ ละ 1 นาที (#duration(0, 0, 1,
0))#MList.DateTimes(#datetime(2011, 12, 31, 23, 55, 0), 10, #duration(0, 0, 1,
0))#�# {
#datetime(2011, 12, 31, 23, 55, 0),
#datetime(2011, 12, 31, 23, 56, 0),
#datetime(2011, 12, 31, 23, 57, 0),
#datetime(2011, 12, 31, 23, 58, 0),
#datetime(2011, 12, 31, 23, 59, 0),
#datetime(2012, 1, 1, 0, 0, 0),
#datetime(2012, 1, 1, 0, 1, 0),
#datetime(2012, 1, 1, 0, 2, 0),
#datetime(2012, 1, 1, 0, 3, 0),
#datetime(2012, 1, 1, 0, 4, 0)
}#�#สร้างรายการของคา่ วั นที่โดยก ำหนดคา่ เริ่ มตน ้ จ ำนวน และคา่ ระยะเวลาแบบเพิ่มหน่วย#�#สง่ กลั บรายการของคา่
<code>date</code> ของขนาด {1} โดยเริ่ มตน ้ ที่ {0} การเพิ่มหน่วยที่ก ำหนดให้ {2} เป็ นคา่
<code>duration</code> ที่ถูกเพิ่มลงในทุกคา่ #�#สร้างรายการที่มี 10 คา่ โดยเริ่ มตน ้ จากวั นกอ่ นขึ้นปี ใหม่
(#date(2011, 12, 31)) ซึ่งจะเพิ่มครั ง้ ละ 1 วั น(#duration(1, 0, 0, 0))#9List.Dates(#date(2011,
12, 31), 5, #duration(1, 0, 0, 0))#}{
#date(2011, 12, 31),
#date(2012, 1, 1),
#date(2012, 1, 2),
#date(2012, 1, 3),
#date(2012, 1, 4)
}#W สง่ กลั บความถี่ของคา่ เป็ นตาราง#�#ค ำนวณความหนาแน่นของรายการ {0} โดยสร้างตารางระเบียนที่รายงานจ ำนวนของแตล่ ะคา่
โดยสามารถระบุคา่ เกณฑส ์ มการที่เลือกได้ {1} เพื่อควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน คา่ แรกจากแตล่ ะกลุม ่ ความเทา่ กันจะถูก
เลือก#�#หาความถี่ของแตล่ ะคา่ ในรายการตอ่ ไปนี้ {1, 2, "A", #date(2005, 1, 10), "A", 2,
2}#8List.Density({1, 2, "A", #date(2005, 1, 10), "A", 2,
2})#�#Table.FromRecords({[Value = 1,Count = 1],
[Value = 2, Count = 3],
[Value = "A", Count = 2],
[Value = #date(2005, 1, 10), Count = 1]}, {
"Value",
"Count"
})#o สง่ กลั บความแตกตา่ งของสองรายการที่ระบุ #�#สง่ กลั บขอ ้ มูลในรายการ {0} ที่ไมป ่ รากฏในรายการ {1} สนั บสนุ นคา่ ซ ้ำ
โดยสามารถระบุคา่ เกณฑส ่ ่
์ มการทีเลือกได้ {2} เพือควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน #{คน ้ หาขอ ้ มูลในรายการ {1, 2, 3, 4,
5} ที่ไมป ่ รากฏใน {4, 5, 3}#*List.Difference({1, 2, 3, 4, 5},{4, 5, 3})##{1, 2}#r คน ้ หาขอ้ มูล
ในรายการ {1, 2} ที่ไมป ่ รากฏใน {1, 2, 3}#"List.Difference({1, 2}, {1, 2, 3})##{}#c ส ง
่ กลั บ
รายการคา่ ที่ลบคา่ ที่ซ ้ำออก#�#สง่ กลั บรายการซึ่งมีคา่ ทั งหมดในรายการ ้ {0} พร้อมลบคา่ ที่ซ ้ำออก ถา้ รายการวา่ งเปลา่ ผลลั พธจ์ ะเป็ น
รายการวา่ งเปลา่ #[เอาคา่ ที่ซ ้ำออกจากรายการ {1, 1, 2, 3, 3, 3}#!List.Distinct({1, 1, 2, 3, 3, 3})#
{1, 2, 3}#�#สร้างรายการของคา่ ระยะทางโดยก ำหนดคา่ เริ่ มตน ้ จ ำนวน และคา่ ระยะเวลาแบบเพิ่มหน่วย#�#สง่ กลั บรายการ
คา่ {1} <code>duration</code> โดยเริ มตน ่ ้ ที {0} และเพิมตาม <code>duration</code> ที่ก ำหนด
่ ่
{2}#�#สร้างรายการที่ประกอบดว้ ย 5 คา่ เริ่ ม 1 ชั ่วโมงและเพิ่มทีละหนึ่ งชั ่วโมง#?List.Durations(#duration(0, 1,
0, 0), 5, #duration(0, 1, 0, 0))#�#{#duration(0, 1, 0, 0),
#duration(0, 2, 0, 0),
#duration(0, 3, 0, 0),
#duration(0, 4, 0, 0),
#duration(0, 5, 0, 0)}#�#สง่ กลั บรายการคา่ (รวมถึงเขตขอ ้ มูลระเบียน) ที่มีขอ ้ ความที่ระบุ #u สง่ กลั บรายการของคา่
จากรายการ {0} ที่มีคา่ {1}#b คน ้ หาค า
่ ในรายการ {"a", "b", "ab"} ที ่ ตรงกับ "a" #$List.FindText({"a",
"b", "ab"}, "a")##{"a", "ab"}#�#สง่ กลั บคา่ แรกของรายการหรื อคา่ เริ่ มตน ้ ่
ที ระบุ ห ากว า่ งเปลา่ #�#สง่ กลั บขอ้ มูลชุดแรกใน
รายการโดยระบุจ ำนวนขอ ้ มูลที่จะสง่ กลั บหรื อเงื่อนไขที่เหมาะสม#�# <ul>
<li>ถา้ มีการระบุจ ำนวน จะมีการสง่ กลั บหลายรายการได้สูงสุดตามจ ำนวนดังกลา่ ว </li>
<li>ถา้ มีการระบุเงื่อนไข จะมีการสง่ กลั บรายการทั งหมดซึ ้ ่งตรงตามเงื่อนไขในเบื้องตน ้ เมื่อรายการใดรายการหนึ่ งไมเ่ ป็ นไปตามเงื่อนไข
จะไมม ่ ีการพิจารณารายการถัดไป </li>
</ul>#�#คน ้ หาคา่ เริ่ มตน ้ ในรายการ {3, 4, 5, -1, 7, 8, 2} ที่มากกวา่ 0#.List.FirstN({3, 4, 5, -1,
7, 8, 2},each _ > 0)# {3, 4, 5}#�#สง่ กลั บขอ ้ มูลแรกในรายการ {0} หรื อคา่ เริ่ มตน ้ {1} ที่มีใหเ้ ลือก ถา้
รายการวา่ งเปลา่
ถา้ รายการวา่ งเปลา่ และไมม ่ ีการระบุคา่ เริ่ มตน
้ ฟังกช์ ั นจะสง่ กลั บ <code>null</code>#C คน ้ หาคา่ แรกในรายการ {1, 2,
3}##List.First({1, 2, 3})##1#�#คน ้ หาคา่ แรกในรายการ {} ถา้ รายการวา่ งเปลา่ ให้สง่ กลั บ -
1##List.First({}, -1)##-1#�#สร้างรายการที่มีฟังกช์ ั นคา่ เริ่ มตน ้ ฟังกช์ ั นเงื่อนไข ฟังกช์ ั นถัดไป และฟังกช์ ั นการแปลงที่มีให้
เลือกส ำหรั บใชง้ านกั บคา่ ตา่ งๆ#�#สร้างรายการคา่ ที่มีส่ฟ ี ั งกช์ ั นซึ่งสร้างคา่ เริ่ มตน้ {0} ทดสอบกับเงื่อนไข {1} และถา้ ส ำเร็จ ใหเ้ ลือก
ผลลั พธแ ์ ละสร า
้ ่งค า ถัดไป {2}
นอกจากนี้ ยั งสามารถระบุพารามิเตอร์ {3} ที่เลือกได้#�#สร้างรายการที่เริ่ มตน ้ ที่ 10 ยั งมากกวา่ 0 และลดลงทีละ 1#-
List.Generate(()=>10, each _ > 0, each _ - 1)##{10, 9, 8, 7, 6, 5, 4, 3, 2,
1}#�#สร้างรายการระเบียนที่มี x และ y ซึ่ง x เป็ นคา่ และ y เป็ นรายการ x ควรยั งคงน้อยกวา่ 10 และแสดงจ ำนวนขอ ้ มูลใน
รายการ y หลั งจากสร้างรายการแลว้ ให้สง่ กลั บเฉพาะคา่ x#lList.Generate(()=> [ x = 1 , y = {}] , each
[x] < 10 , each [x = List.Count([y]), y = [y] & {x}] , each [x])#!{1, 0, 1, 2, 3,
4, 5, 6, 7, 8, 9}#]สร้างตารางคา่ ระยะเวลาที่มีจ ำนวน#�#ค ำนวณการกระจายคา่ ในรายการ {0} ลงในตารางบั คเก็ต บั คเก็ต
เหลา่ นี้ จะมีเขตขอ ้ มูล เริ่ มตน ้ ตรงกลาง และสิน ้ สุด (ในหน่วยของชนิ ดขอ ้ มูล) และจ ำนวนรายการในบั คเก็ต (ตัวเลข)
พารามิเตอร์ท่ีเลือกได้จะมี :
<ul>
<li>{1}: จ ำนวนบั คเก็ตที่ตอ ้ งการ ถา้ เป็ นคา่ Null ฟังกช์ ั นจะมีผลกับรากที่สองของจ ำนวนขอ ้ มูลในรายการ โดยปัดเศษเป็ น
จ ำนวนเต็มถัดไป</li>
<li>{2}: คา่ เริ่ มตน ้ และคา่ สิน ้ สุดส ำหรั บทั งช
้ ว่ งโดยเขา้ รหัสเป็ นรายการ</li>
</ul>#e สร้างฮิสโตแกรมจากรายการ {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10}#0List.Histogram({1, 2,
3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10}) #�#Table.FromRecords({ [ Start = 1, Center = 2.125, End =
3.25, Count = 3],
[ Start = 3.25, Center = 4.375, End = 5.5, Count = 2],
[ Start = 5.5, Center = 6.625, End = 7.75, Count = 2],
[ Start = 7.75, Center = 8.875, End = 10, Count = 3]
}, {
"Start",
"Center",
"End",
"Count"
})
#�#สร้างฮิสโตแกรมจากรายการ {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10} โดยใช้ 3 บั ค
เก็ต#2List.Histogram({1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10},
3)#�#Table.FromRecords({ [Start = 1, Center = 2.5, End = 4, Count = 3 ],
[Start = 4, Center = 5.5, End = 7, Count = 3 ],
[Start = 7, Center = 8.5, End = 10, Count = 4]}, {
"Start",
"Center",
"End",
"Count"
})#�#สร้าง Histogram จากรายการ {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10} โดยใช้ 4 บั คเก็ตที่มีคา่ เริ่ มตน ้ เป็ น 2
้ สุดเป็ น 9#<List.Histogram({1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10}, 4, {2, 9})
และคา่ สิน
#�#Table.FromRecords({ [Start = 2, Center = 2.875, End = 3.75, Count = 2],
[Start = 3.75, Center = 4.625, End = 5.5, Count = 2],
[Start = 5.5, Center = 6.375, End = 7.25, Count = 2],
[Start = 7.25, Center = 8.125, End = 9, Count = 2]}, {
"Start",
"Center",
"End",
"Count"
})#�#ปรั บรายการให้เหมาะสมส ำหรั บการคน ้ หาที่มีเขตขอ
้ มูลที่เลือกโดยฟังกช์ ั นคีย# ้ หาที่มีเขต
์ �#ปรั บ {0} ใหเ้ หมาะสมส ำหรั บการคน
ขอ ่
้ มูลทีเลือกโดยฟังกช์ ั น {1}#�#แต่ "แตล่ ะ [A]" เพือใชค ่ ้ อลั มน์ [A] เป็ นคียใ์ นรายการ {[A = 1, B = 2], [A = 2,
B = 3], [A = 3, B = 4]}#FList.Index({[A = 1, B = 2], [A = 2, B = 3], [A = 3, B =
4]}, each [A])#t{ [
A = 1,
B = 2
], [
A = 2,
B = 3
], [
A = 3,
B = 4
] }#`แทรกคา่ ลงในรายการที่ดัชนี ท่ีระบุ #�#สง่ กลั บรายการใหมท ่ ่ีสร้างโดยการแทรกคา่ ใน {2} ลงใน {0} ที่ {1} ต ำแหน่ง
แรกในรายการจะอยูท ่
่ ีดัชนี 0
<ul>
<li>{0}: รายการเป้าหมายที่คา่ จะถูกแทรก</li>
<li>{1}: ดัชนี ของรายการเป้าหมาย({0}) ที่คา่ จะถูกแทรก ต ำแหน่งแรกในรายการจะอยูท ่ ่ีดัชนี 0</li>
<li>{2}: รายการคา่ ที่จะถูกแทรกลงใน {0}</li>
</ul>#�#แทรกรายการ ({3, 4}) ลงในรายการเป้าหมาย ({1, 2, 5}) ที่ดัชนี
2#&List.InsertRange({1, 2, 5}, 2, {3, 4})#+{
1,
2,
3,
4,
5
}#�#แทรกรายการที่มีรายการที่ซ้อนกั น ({1, {1.1, 1.2}}) ลงในรายการเป้าหมาย ({2, 3, 4}) ที่ดัชนี
0#/List.InsertRange({2, 3, 4}, 0, {1, {1.1, 1.2}})#H{
1, {
1.1,
1.2
},
2,
3,
4
}#�#สง่ กลั บสว่ นที่ซ ้ำกันของคา่ รายการที่พบในคา่ ที่ป้อน#�#สง่ กลั บสว่ นที่ซ ้ำกันของคา่ รายการที่พบในรายการคา่ ที่ป้อน {0} พารามิเตอร์
ที่เลือกได้ {1} สามารถถูกระบุไว้#_หาสว่ นที่ซ ้ำกันของรายการ {1..5}, {2..6},
{3..7}#(List.Intersect({{1..5}, {2..6}, {3..7}})# {3, 4, 5}#Z ระบุวา่ มีคา่ ซ ้ำในรายการหรื อ
ไม# ่ �# ส ง
่ กลั บค า
่ เชิ ง ตรรกะว า มี
่ ่ ้ำ ค า ซ ในรายการหรื อ ไม ่ {0}; <code>true</code> ถา้ รายการไมซ ่ ้ำ
<code>false</code> ถา้ มีคา่ ซ ้ำ #�#คน ้ หาวา่ รายการ {1, 2, 3} ไมซ ่ ้ำหรื อไม่ (เชน ่ ไมม ่ ีรายการ
ซ ้ำ)##List.IsDistinct({1, 2, 3})##true#�#คน ้ หาวา่ รายการ {1, 2, 3, 3} ไมซ ่ ้ำหรื อไม่ (เชน ่ ไมม ่ ีรายการ
ซ ้ำ)##List.IsDistinct({1, 2, 3, 3})##false#]สง่ กลั บเป็ น true ถา้ รายการวา่ งเปลา่ #�#สง่ กลั บ
<code>true</code> ถา้ รายการ {0} ไมม ่ ีคา่ ใดๆ (ความยาว 0) ถา้ รายการมีคา่ (ความยาว > 0) จะสง่ กลั บ
<code>false</code>#U หาวา่ รายการ {} วา่ งเปลา่ หรื อไม# ่ #List.IsEmpty({})##true#Y หาวา่ รายการ {1, 2}
วา่ งเปลา่ หรื อไม# ่ #List.IsEmpty({1, 2})##false# �# สง่ กลั บคา่ สุดทา้ ยของรายการหรื อคา่ เริ่ มตน ้ ที่ระบุหากวา่ งเปลา่ #�#สง่
กลั บคา่ ลา่ สุดในรายการ สามารถเลือกระบุจ ำนวนคา่ ที่จะสง่ กลั บหรื อเงื่อนไขที่เหมาะสมหรื อไมก ่ ไ็ ด้#�#สง่ กลั บรายการลา่ สุดของรายการ
{0} ถา้ รายการวา่ งเปลา่ ระบบจะแสดงขอ ้ ยกเวน ้
ฟังกช์ ั นนี้ ใชพ ้ ารามิเตอร์ท่ีเลือกได้ {1} เพื่อสนั บสนุ นการรวบรวมหลายรายการหรื อการกรองรายการ สามารถระบุ {1} ได้สามวิธี:
<ul>
<li>ถา้ มีการระบุจ ำนวน จะมีการสง่ กลั บหลายรายการได้สูงสุดตามจ ำนวนดังกลา่ ว </li>
<li>ถา้ มีการระบุเงื่อนไข จะมีการสง่ กลั บรายการทั งหมดซึ ้ ่งตรงตามเงื่อนไขในเบื้องตน ้ โดยเริ่ มตน ้ ที่สว่ นทา้ ยของรายการ เมื่อรายการ
ใดรายการหนึ่ งไมเ่ ป็ นไปตามเงื่อนไข จะไมม ี่ การพิจารณารายการถัดไป </li>
<li>ถา้ พารามิเตอร์เป็ น Null จะมีการสง่ กลั บรายการสุดทา้ ยในรายการ</li>
</ul>#\คน ้ หาคา่ สุดทา้ ยในรายการ {3, 4, 5, -1, 7, 8, 2}#$List.LastN({3, 4, 5, -1, 7, 8,
2},1)##{2}#}คน ้ หาคา่ สุดทา้ ยในรายการ {3, 4, 5, -1, 7, 8, 2} ที่มากกวา่ 0#.List.LastN({3, 4, 5, -
1, 7, 8, 2}, each _ > 0)# {7, 8, 2}#�#สง่ กลั บขอ ้ มูลสุดทา้ ยในรายการ {0} หรื อคา่ เริ่ มตน ้ {1} ที่มีให้
เลือก ถา้ รายการวา่ งเปลา่
ถา้ รายการวา่ งเปลา่ และไมม ่ ีการระบุคา่ เริ่ มตน ้ ฟังกช์ ั นจะสง่ กลั บ <code>null</code>#O คน ้ หาคา่ สุดทา้ ยในรายการ {1,
2, 3}##List.Last({1, 2, 3})##3#�#คน ้ หาคา่ สุดทา้ ยในรายการ {} หรื อ -1 หากคา่ วา่ งเปลา่ ##List.Last({},
-1)##-1#�#สง่ กลั บเป็ น จริง ถา้ ฟังกช์ ั นเงื่อนไขได้รับการยอมรั บจากคา่ ทั งหมดในรายการ# ้ �#สง่ กลั บ <code>true</code>
ถา้ ฟังกช์ ั นเงื่อนไข {1} ถูกยอมรั บโดยคา่ ทั งหมดในรายการ ้ {0} มิฉะนั น ้ จะสง่ กลั บ <code>false</code>#�#ระบุวา่ คา่ ทั งหมด ้
ในรายการ {11, 12, 13} มากกวา่ 10 หรื อไม# ่ +List.MatchesAll({11, 12, 13},each _ > 10)
##true#�#ระบุวา่ คา่ ทั งหมดในรายการ ้ {1, 2, 3} มากกวา่ 10 หรื อไม# ่ (List.MatchesAll({1, 2, 3},each _
> 10) ##false#�#สง่ กลั บเป็ น จริง ถา้ ฟังกช์ ั นเงื่อนไขถูกยอมรั บโดยคา่ ใดๆ#�#สง่ กลั บ <code>true</code> ถา้ ฟังกช์ ั น
เงื่อนไข {1} ถูกยอมรั บโดยคา่ ใดๆ ในรายการ {0} มิฉะนั น ้ จะสง่ กลั บ <code>false</code>#u หาวา่ คา่ ใดๆ ในรายการ
{9, 10, 11} มากกวา่ 10 หรื อไม# ่ *List.MatchesAny({9, 10, 11},each _ > 10) ##true#o คน ้ หาวา่
คา่ ใดๆ ในรายการ {1, 2, 3} ที่มากกวา่ 10#(List.MatchesAny({1, 2, 3},each _ > 10)
##false#�#สง่ กลั บคา่ สูงสุดหรื อคา่ เริ่ มตน ้ ส ำหรั บรายการวา่ งเปลา่ #�#สง่ กลั บคา่ สูงสุดในรายการ ตอ ้ งระบุจ ำนวนคา่ ที่จะสง่ กลั บหรื อ
เงื่อนไขการกรอง#�#สง่ กลั บคา่ สูงสุดในรายการ {0}
หลั งจากเรี ยงล ำดับแถวแลว้ สามารถระบุพารามิเตอร์ท่ีเลือกไดเ้ พื่อกรองผลลั พธเ์ พิ่มเติม พารามิเตอร์ {1} ที่เลือกไดจ้ ะระบุจ ำนวนคา่
เพื่อสง่ กลั บหรื อเงื่อนไขการกรอง พารามิเตอร์ท่ีเลือกได้ {2} จะระบุวธิ ีเปรี ยบเทียบคา่ ในรายการ
<ul>
<li> {0}: รายการคา่ </li>
<li> {1}: ถา้ ระบุตัวเลข จะมีการสง่ กลั บรายการที่มีขอ ้ มูลสูงสุด {1} ขอ ้ มูลตามล ำดับจากน้อยไปหามาก ถา้ ระบุเงื่อนไข
จะมีการสง่ กลั บรายการขอ ้ มู ล ่
ที ต รงกับเงื ่ อนไขตั ้
งแต แ
่ รก เมื่ อรายการใดรายการหนึ ่ งไม เ
่ ป็ น ไปตามเงื ่ อนไข จะไมม ่ ีการพิจารณารายการถัด
ไป</li>
<li>{2}: <i>[Opional]</i> สามารถระบุคา่ <code>comparisonCriteria</code> ที่เลือกได้เพื่อก ำหนดวิธี
เปรี ยบเทียบขอ ้ มูลในรายการ ถา้ พารามิเตอร์เป็ น Null จะมีการใชต ้ ัวเปรี ยบเทียบเริ่ มตน ้
</ul>#`หา 5 คา่ สูงสุดในรายการ <code>{3, 4, 5, -1, 7, 8, 2}</code>##List.MaxN({3, 4, 5, -
1, 7, 8, 2},5)##{8, 7, 5, 4, 3}#�#สง่ กลั บขอ ้ มูลสูงสุดในรายการ {0} หรื อคา่ เริ่ มตน ้ {1} ที่มีให้เลือก ถา้ รายการ
วา่ งเปลา่
สามารถระบุคา่ comparisonCriteria {2} ที่เลือกไดเ้ พื่อก ำหนดวิธีเปรี ยบเทียบขอ ้ มูลในรายการ ถา้ พารามิเตอร์เป็ น
Null จะมีการใชต ้ ัวเปรี ยบเทียบเริ่ มตน ้ #M หาคา่ สูงสุดในรายการ {1, 4, 7, 3, -2, 5}##List.Max({1, 4, 7, 3,
-2, 5},1)##7#�#คน ้ หาคา่ สูงสุดในรายการ {} หรื อสง่ กลั บ -1 หากคา่ วา่ งเปลา่ ##List.Max({}, -1)##-1#B สง่ กลั บ
คา่ กลางในรายการ#�#สง่ กลั บขอ ้ มูลกลางของรายการ {0} ฟังกช์ ั นนี้ จะแสดงขอ ้ ยกเวน ้ ถา้ รายการวา่ งเปลา่
ถา้ มีจ ำนวนคูข่ องรายการ ฟังกช์ ั นจะเลือกสองรายการกลางที่เล็กกวา่ #\หาขอ ้ มูลกลางของรายการ <code>{5, 3, 1, 7,
9}</code>##List.Median({5, 3, 1, 7, 9})##5#�#สง่ กลั บคา่ ต ่ำสุดหรื อคา่ เริ่ มตน ้ ส ำหรั บรายการวา่ งเปลา่ #�#สง่ กลั บ
คา่ ต ่ำสุดในรายการ สามารถระบุจ ำนวนคา่ ที่จะสง่ กลั บหรื อเงื่อนไขการกรอง#�สง่ กลั บคา่ ต ่ำสุดในรายการ {0}
พารามิเตอร์ {1} จะระบุจ ำนวนคา่ เพื่อสง่ กลั บหรื อเงื่อนไขการกรอง พารามิเตอร์ท่ีเลือกได้ {2} จะระบุวธิ ีเปรี ยบเทียบคา่ ใน
รายการ
<ul>
<li> {0}: รายการคา่ </li>
<li> {1}: ถา้ ระบุตัวเลข จะมีการสง่ กลั บรายการที่มีขอ ้ มูลสูงสุด {1} ขอ ้ มูลตามล ำดับจากน้อยไปหามาก ถา้ ระบุเงื่อนไข
จะมีการสง่ กลั บรายการขอ ้ มู ล ที ่ ต รงกับเงื ่ อนไขตั ้
งแต แ ่ รก เมื ่ อรายการใดรายการหนึ ่ งไม เ ่ ป็ น ไปตามเงื ่ อนไข จะไมม ่ ีการพิจารณารายการถัดไป
ถา้ พารามิเตอร์น้ี เป็ น Null คา่ ที่น้อยที่สุดคา่ เดียวในรายการจะถูกสง่ กลั บ</li>
<li>{2}: <i>[Opional]</i> สามารถระบุคา่ <code>comparisonCriteria</code> ที่เลือกได้เพื่อก ำหนดวิธี
เปรี ยบเทียบขอ ้ มูลในรายการ ถา้ พารามิเตอร์เป็ น Null จะมีการใชต ้ ัวเปรี ยบเทียบเริ่ มตน

</ul>#c หา 5 คา่ เล็กสุดในรายการ <code>{3, 4, 5, -1, 7, 8, 2}</code>#$List.MinN({3, 4, 5,
-1, 7, 8, 2}, 5)##{-1, 2, 3, 4, 5}#�#สง่ กลั บขอ ้ มูลต ่ำสุดในรายการ {0} หรื อคา่ เริ่ มตน ้ {1} ที่มีใหเ้ ลือก ถา้
รายการวา่ งเปลา่
สามารถระบุคา่ comparisonCriteria {2} ที่เลือกได้เพื่อก ำหนดวิธีเปรี ยบเทียบขอ ้ มูลในรายการ ถา้ พารามิเตอร์เป็ น
Null จะมีการใชต ้ ัวเปรี ยบเทียบเริ่ มตน ้ #M หาคา่ ต ่ำสุดในรายการ {1, 4, 7, 3, -2, 5}##List.Min({1, 4, 7, 3,
-2, 5})##-2#�#คน ้ หาคา่ ต ่ำสุดในรายการ {} หรื อสง่ กลั บ -1 หากคา่ วา่ งเปลา่ ##List.Min({}, -1)##-1#]สง่ กลั บ
คา่ ที่ใชบ อ
้ ่ ยสุ ด ในรายการ# �#สง่ กลั บขอ ้ มูลที่ปรากฏบอ่ ยที่สุดในรายการ {0} ถา้ คา่ วา่ งเปลา่ ระบบจะแสดงขอ ้ ยกเวน
้ ถา้ หลายรายการ
ปรากฏด้วยความถี่สูงสุดเดียวกัน รายการสุดทา้ ยจะถูกเลือก
สามารถระบุคา่ ที่เลือกได้ <code>comparisonCriteria</code> ที่เลือกได้ {1} เพื่อควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน
#�#หาขอ ้ มูลที่ปรากฏบอ่ ยที่สุดในรายการ <code>{"A", 1, 2, 3, 3, 4, 5}</code>#"List.Mode({"A", 1,
2, 3, 3, 4, 5})##3#�#หาขอ ้ มูลที่ปรากฏบอ่ ยที่สุดในรายการ <code>{"A", 1, 2, 3, 3, 4, 5,
5}</code>#%List.Mode({"A", 1, 2, 3, 3, 4, 5, 5})##5#�#สง่ กลั บรายการของคา่ ที่ใชบ ้ อ่ ยที่สุดใน
รายการ#�#สง่ กลั บขอ ้ มู ล ่
ที ป รากฏบ อ
่ ยที ่ สุ ดในรายการ {0} ถา คา
้ ่ ่ วา งเปล า
่ ระบบจะแสดงข อ
้ ยกเว น
้ ถ า
้ หลายรายการปรากฏด ว้ ยความถี่
สูงสุดเดียวกัน รายการสุดทา้ ยจะถูกเลือก
สามารถระบุคา่ ที่เลือกได้ <code>comparisonCriteria</code> ที่เลือกได้ {1} เพื่อควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน
#�#หาขอ ้ มูลที่ปรากฏบอ่ ยที่สุดในรายการ <code>{"A", 1, 2, 3, 3, 4, 5, 5}</code>#&List.Modes({"A",
1, 2, 3, 3, 4, 5, 5})##{3, 5}#o สง่ กลั บจ ำนวนขอ ้ มูลที่ไมใ่ ช่ Null ในรายการ#s สง่ กลั บจ ำนวนขอ ้ มูลที่ไมใ่ ช่ Null

ในรายการ {0}#�#แปลงรายการของจ ำนวนใดๆ เป็ นรายการของจ ำนวนทีระบุโดยเติมชอ่ งวา่ งให้กับรายการด้วยคา่ เริ มตน ่ ้ ถา้ รายการเล็ก
เกินไป หรื อโดยรวมคา่ สว่ นเกินลงในรายการถา้ รายการใหญเ่ กินไป#�#สง่ กลั บรายการตัวเลขที่ไดร้ ั บคา่ เริ่ มตน ้ จ ำนวนนั บ และคา่ การเพิ่มที่
เลือกได้#�#สง่ กลั บรายการตัวเลขที่ไดร้ ั บคา่ เริ่ มตน ้ จ ำนวนนั บ และคา่ การเพิ่มที่เลือกได้ คา่ การเพิ่มเริ่ มตน ้ คือ 1
<ul>
<li>{0}: คา่ เริ่ มตน ้ ในรายการ</li>
<li>{1}: จ ำนวนคา่ ที่จะสร้าง</li>
<li>{2}: <i>[ระบุหรื อไมก ่ ไ็ ด้]</i> คา่ ที่จะเพิ่ม ถา้ คา่ ที่ละเวน ้ ถูกเพิ่มทีละ 1</li>
</ul>#�#สร้างรายการของ 10 ตัวเลขเรี ยงกันโดยเริ่ มตน ้ ที ่ 1##List.Numbers(1, 10)#T{
1,
2,
3,
4,
5,
6,
7,
8,
9,
10
}#�#สร้างรายการตัวเลข 10 ตัวซึ่งเริ่ มตน ้ ที่ 1 โดยเพิ่มขึ้นทีละ 2 ส ำหรั บตัวเลขถัดไปแตล่ ะตัว##List.Numbers(1, 10,
2)#X{
1,
3,
5,
7,
9,
11,
13,
15,
17,
19
}#Q สง่ กลั บออฟเซตของคา่ ในรายการ#Z สง่ กลั บออฟเซตแรกของคา่ ในรายการ#�#สง่ กลั บออฟเซตในรายการ {0} ของการปรากกครั ง้
แรกของคา่ ในรายการ {1} สง่ กลั บ -1 ถา้ ไมพ ่ บการปรากฏ
สามารถระบุพารามิเตอร์การปรากฏ {2} ที่เลือกได้
<ul>
<li>{2}: จ ำนวนสูงสุดของการปรากฏที่สามารถสง่ กลั บได้</li>
</ul>#z หาต ำแหน่งแรกในรายการ {1, 2, 3} ที่คา่ 2 หรื อ 3 ปรากฏ#%List.PositionOfAny({1, 2, 3},
{2, 3})##1#�#สง่ กลั บออฟเซตที่คา่ {1} ปรากฏในรายการ {0} สง่ กลั บ -1 ถา้ คา่ ไมป ่ รากฏ
สามารถระบุพารามิเตอร์การปรากฏ {2} ที่เลือกได้
<ul>
<li>{2}: จ ำนวนสูงสุดของการปรากฏที่จะรายงาน</li>
</ul>#b หาต ำแหน่งในรายการ {1, 2, 3} ที่คา่ 3 ปรากฏ##List.PositionOf({1, 2, 3}, 3)##2#i สง่ กลั บ
รายการออฟเซตส ำหรั บคา่ ที่ป้อน#�#สง่ กลั บรายการออฟเซตส ำหรั บรายการคา่ ที่ป้อน {0}
เมื่อใช้ List.Transform เพื่อเปลี่ยนรายการ จะสามารถใชร้ ายการต ำแหน่งเพื่อใหก ้ ารเขา้ ถึงการแปลงไปยั งต ำแหน่งได้#X หา
ออฟเซตของคา่ ในรายการ {1, 2, 3, 4, null, 5}#%List.Positions({1, 2, 3, 4, null, 5})##{0,
1, 2, 3, 4, 5}#c สง่ กลั บผลิตภัณฑข์ องตัวเลขในรายการ#�#สง่ กลั บผลิตภัณฑข์ องตัวเลขที่ไมใ่ ชค ่ า่ Null ในรายการ {0} สง่
กลั บ nulll ถา้ ไมม ่ ีคา่ ที่ไมใ่ ช่ null ในรายการ#t หาผลิตภัณฑข์ องจ ำนวนในรายการ <code>{1, 2, 3, 3, 4, 5,
5}</code>##List.Product({1, 2, 3, 3, 4, 5, 5})##1800#N สง่ กลั บรายการของตัวเลขสุ ม ่ #�#สง่ กลั บรายการ
ตัวเลขสุ ม ่ ที่ไดร้ ั บจ ำนวนของคา่ ที่จะสร้างและคา่ Seed ที่เลือกได้
<ul>
<li>{0}: จ ำนวนคา่ สุ ม ่ ที่จะสร้าง</li>
<li>{1}: <i>[ระบุหรื อไมก ่ ไ็ ด้]</i> คา่ ตัวเลขที่ใชใ้ นการ Seed ตัวสร้างตัวเลขสุ ม ่ ถา้ ละเวน ้ รายการที่ไมซ ่ ้ำของตัวเลข
่ จะถูกสร้างในแตล่ ะครั ง้ ที่คุณเรี ยกใชฟ
สุ ม ้ ั งกช์ ั น ถา้ คุณระบุคา่ Seed ด้วยตัวเลข ทุกครั ง้ ที่เรี ยกฟังกช์ ั นจะสร้างรายการเดียวกันของตัวเลข
สุ ม่ </li>
</ul>#K สร้างรายการของ 3 ตัวเลขสุ ม ่ ##List.Random(3)##{0.992332, 0.132334, 0.023592}#n สร้าง
รายการของ 3 ตัวเลขสุ ม ่ โดยระบุคา่ Seed##List.Random(3, 2)##{0.883002, 0.245344, 0.723212}#�#สง่
กลั บชุดยอ่ ยของรายการที่เริ่ มตน ้ ที่ออฟเซต#�#สง่ กลั บชุดยอ่ ยของรายการที่เริ่ มตน ้ ที่ออฟเซต {0} พารามิเตอร์ {1} ที่เลือกได้จะก ำหนด
จ ำนวนสูงสุดของรายการในชุดยอ่ ย#�#คน ้ หาเซตยอ่ ยโดยเริ่ มตน ้ ที่ออฟเซต 6 ของรายการจ ำนวน 1 ถึง
10##List.Range({1..10}, 6)#{7, 8, 9, 10}#�#คน ้ หาเซตยอ่ ยของความยาว 2 จากออฟเซต 6 จากรายการ
จ ำนวน 1 ถึง 10##List.Range({1..10}, 6, 2)##{7, 8}#�#สง่ กลั บรายการซึ่งขา้ มจ ำนวนที่ระบุขององคป ์ ระกอบที่จุด

เริ มตน้ ของรายการ#�#สง่ กลั บรายการทีจะเอาองคป ่ ่
์ ระกอบแรกของรายการ {0} ออกถา้ {0} เป็ นรายการทีวา่ งเปลา่ จะมีการสง่ กลั บ
รายการที่วา่ งเปลา่
ฟังกช์ ั นนี้ จะใชพ ้ ารามิเตอร์ท่ีเลือกได้ {1} เพื่อสนั บสนุ นการเอาหลายคา่ ออกตามที่แสดงรายการดา้ นลา่ ง
<ul>
<li>ถา้ มีการระบุจ ำนวน จะมีการเอาหลายขอ ้ มูลออกได้สูงสุดตามจ ำนวนดังกลา่ ว</li>
<li>ถา้ มีการระบุเงื่อนไข รายการที่สง่ กลั บจะเริ่ มตน ้ ด้วยองคป ์ ระกอบแรกใน {0} ที่ตรงกับเงื่อนไขนั น ้ เมื่อรายการใดรายการหนึ่ งไมเ่ ป็ น

ไปตามเงือนไข จะไมม ่ ีการพิจารณารายการถัดไป</li>
<li>ถา้ พารามิเตอร์เป็ น null จะมีการปฏิบัติตามลั กษณะการท ำงานเริ่ มตน ้ </li>
</ul>#n สร้างรายการจาก {1, 2, 3, 4, 5} โดยไมม ี่ 3 จ ำนวนแรก#%List.RemoveFirstN({1, 2, 3, 4,
5}, 3)##{4, 5}#�#สร้างรายการจาก {5, 4, 2, 6, 1} ที่เริ่ มตน ้ ด้วยจ ำนวนที่น้อยกวา่
3#.List.RemoveFirstN({5, 4, 2, 6, 1}, each _ > 3)# {2, 6, 1}#p เอาขอ ้ มูลออกจาก list1 ที่
ปรากฏอยูใ่ นรายการ#�#เอาการปรากฏทั งหมดของค ้ า่ ที่ก ำหนดใหใ้ น {1} ออกจาก {0} ถา้ คา่ ใน {1} ไมม ่ ีอยูใ่ น {0} จะมีการสง่
กลั บรายการเดิม#x เอาขอ ้ มูลในรายการ {2, 4, 6} ออกจากรายการ {1, 2, 3, 4, 2, 5,
5}#2List.RemoveItems({1, 2, 3, 4, 2, 5, 5}, {2, 4, 6})#
{1, 3, 5, 5}#�#สง่ กลั บรายการซึ่งเอาจ ำนวนที่ระบุขององคป ์ ระกอบออกจากจุดสิน ้ สุดของรายการ#� สง่ กลั บรายการซึ่งเอาองค ์

ประกอบ {1}สุดทา้ ยออกจากจุดสินสุดของรายการ {0}ถา้ {0} น้อยกวา่ {1} องคป ์ ระกอบ จะมีการสง่ กลั บรายการที่วา่ งเปลา่
<ul>
<li>ถา้ มีการระบุจ ำนวน จะมีการเอาหลายขอ ้ มูลออกไดส ้ ูงสุดตามจ ำนวนดังกลา่ ว</li>
<li>ถา้ มีการระบุเงื่อนไข รายการที่สง่ กลั บจะสิน ้ สุดด้วยองคป ์ ระกอบแรกจากด้านลา่ งสุดใน {0} ที่ตรงกับเงื่อนไขนั น ้ เมื่อรายการใด
รายการหนึ่ งไมเ่ ป็ นไปตามเงื่อนไข จะไมม ่ ีการพิจารณารายการถัดไป</li>
<li>ถา้ พารามิเตอร์เป็ น Null จะมีการลบออกเพียงรายการเดียว</li>
</ul>#z สร้างรายการจาก {1, 2, 3, 4, 5} โดยไมม ่ ี 3 จ ำนวนสุดทา้ ย#$List.RemoveLastN({1, 2, 3, 4,
5}, 3)##{1, 2}#�#สร้างรายการจาก {5, 4, 2, 6, 4} ที่สน ้ิ สุดดว้ ยจ ำนวนที่น้อยกวา่ 3#-
List.RemoveLastN({5, 4, 2, 6, 4}, each _ > 3)# {5, 4, 2}#f เอาการปรากฏทั งหมดของค ้ า่ ที่ป้อน
ออก#�#เอาการปรากฏทั งหมดของค ้ า่ ที่ก ำหนดใหใ้ น {1} ออกจากรายการ {0} ถา้ คา่ ใน {1} ไมม ่ ีอยูใ่ น {0} จะมีการสง่ กลั บ
รายการเดิม
โดยสามารถระบุคา่ เกณฑส ์ มการที่เลือกได้ {2} เพื่อควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน #]สร้างรายการจาก {1, 2, 3, 4, 5,
5} โดยไมม ่ ี {1, 5}#4List.RemoveMatchingItems({1, 2, 3, 4, 5, 5}, {1, 5})# {2, 3,
4}#h เอาคา่ "null" ทั งหมดออกจากรายการที ้ ่ระบุ #�#เอาการปรากฏทั งหมดของค ้ า่ "null" ใน {0} ออก ถา้ ไมม ่ ีคา่
'null' ในรายการ จะมีการสง่ กลั บรายการเดิม#]เอาคา่ "null" ออกจากรายการ {1, 2, 3, null, 4, 5, null,
6}#0List.RemoveNulls({1, 2, 3, null, 4, 5, null, 6})##{1, 2, 3, 4, 5, 6}#�#เอา
จ ำนวนนั บของคา่ ออกโดยเริ่ มตน ้ ในต ำแหน่งที่ระบุ #�#เอาคา่ {2} ใน {0} ออกโดยเริ่ มตน ้ ในต ำแหน่งที่ระบุ {1}#�#เอา 3 คา่ ใน
รายการออก {1, 2, 3, 4, -6, -2, -1, 5} โดยเริ่ มจากดัชนี 4#3List.RemoveRange({1, 2, 3, 4, -6,
-2, -1, 5}, 4, 3)##{1, 2, 3, 4, 5}#�#สง่ กลั บรายการซึ่งเป็ นจ ำนวนที่ซ ้ำกันของรายการเดิม#�#สง่ กลั บรายการซึ่งเป็ น
รายการ {1} ที่ซ ้ำของรายการเดิม {0}#k สร้างรายการที่มี {1, 2} ที่ถูกท ำซ ้ำ 3 ครั ง้ ##List.Repeat({1, 2},
3)##{1, 2, 1, 2, 1, 2}#h นำการแทนที่แตล่ ะรายการของ { old, new } ไปใช# ้ �#ด ำเนิ นการแทนที่ท่ีก ำหนดใหไ้ ปยั ง
รายการ {0} การด ำเนิ นการแทนที่ {1} ประกอบดว้ ยรายการที่มีสองคา่ ไดแ ก
้ ่ ่ ค า เดิ ม และค า่ ใหม ่ ที่ระบุไวใ้ นรายการ
โดยสามารถระบุคา่ เกณฑส ์ มการที่เลือกได้ {2} เพื่อควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน#�#สร้างรายการจาก {1, 2, 3, 4, 5}
แทนที่คา่ 5 ด้วย -5 และคา่ 1 ด้วย -1#>List.ReplaceMatchingItems({1, 2, 3, 4, 5}, {{5, -5},
{1, -1}})##{-1, 2, 3, 4, -5}#�#แทนที่จ ำนวนนั บของคา่ โดยเริ่ มตน ้ ในต ำแหน่งที่มีคา่ การแทนที่ #�#แทนที่คา่ {2} ใน
{0} ด้วยรายการ {3} โดยเริ มตน ่ ่ ่
้ ในต ำแหน่งทีระบุ {1}#\แทนที {7, 8, 9} ในรายการ {1, 2, 7, 8, 9, 5} ด้วย
{3, 4}#3List.ReplaceRange({1, 2, 7, 8, 9, 5}, 2, 3, {3, 4})##{1, 2, 3, 4, 5}#�#คน ้ หา
รายการส ำหรั บคา่ ที่ระบุและแทนที่คา่ นั น ้ #�#คน ้ หารายการของค า่ {0} ส ำ หรั บค า
่ {1} และแทนที ่ การปรากฏแต ล
่ ะรายการด ว
้ ยค า
่ การ
แทนที่ {2}#s แทนที่คา่ "a" ทั งหมดในรายการ ้ {"a", "B", "a", "a"} ด้วย
"A"#GList.ReplaceValue({"a", "B", "a", "a"}, "a", "A", Replacer.ReplaceText)##{"A",
"B", "A", "A"}#Q ยอ้ นกลั บล ำดับของคา่ ในรายการ#�#สง่ กลั บรายการซึ่งมีคา่ ในรายการ {0} ในล ำดับยอ้ นกลั บ#`สร้างรายการ
จาก {1..10} ในล ำดับยอ้ นกลั บ##List.Reverse({1..10})##{10, 9, 8, 7, 6, 5, 4, 3, 2, 1}#l สง่
กลั บรายการของคา่ ที่ตรงกับเงื่อนไข#�#สง่ กลั บรายการของคา่ จากรายการ {0} ที่ตรงกับเงื่อนไขการเลือก {1}#c คน ้ หาคา่ ในรายการ
{1, -3, 4, 9, -2} ที่มากกวา่ 0#+List.Select({1, -3, 4, 9, -2}, each _ > 0) # {1, 4,
9}#�#สง่ กลั บหนึ่ งขอ ้ มูลในรายการส ำหรั บรายการที่มีความยาวเป็ นหนึ่ ง มิฉะนั น ้ ให้แสดงขอ ้ ยกเวน ้ #�#สง่ กลั บหนึ่ งขอ ้ มูลในรายการส ำหรั บ
รายการที่มีความยาวเป็ นหนึ่ ง และคา่ เริ่ มตน ้ ส ำหรั บรายการที่วา่ งเปลา่ #�#ถา้ มีเพียงขอ ้ มูลเดียวในรายการ {0} ให้สง่ กลั บขอ ้ มูลนั น ้
ถา้ รายการวา่ งเปลา่ ฟังกช์ ั นจะสง่ กลั บ null เวน ้ แตจ่ ะมีการระบุ {1} ที่เลือกได้ ถา้ มีมากกวา่ หนึ่ งขอ ้ มูลในรายการ ฟังกช์ ั นจะสง่
กลั บขอ ้ ผิดพลาด#C คน ้ หาคา่ เดียวในรายการ {1}##List.SingleOrDefault({1})##1#B คน ้ หาคา่ เดียวในรายการ
{}##List.SingleOrDefault({})##null#�#คน ้ หาคา่ เดียวในรายการ {} ถา้ รายการวา่ งเปลา่ ใหส ้ ง่ กลั บ -
1##List.SingleOrDefault({}, -1)##-1#�#ถา้ มีเพียงขอ ้ มู ล เดี ย วในรายการ {0} ให ส
้ ่ง กลั บขอ้ ลนั น
มู ้
ถา้ มีขอ้ มูลมากกวา่ หนึ่ งขอ ้ มูลหรื อรายการวา่ งเปลา่ ฟังกช์ ั นจะแสดงขอ ้ ยกเวน ้ #C คน ้ หาคา่ เดียวในรายการ
{1}##List.Single({1})##1#I คน ้ หาคา่ เดียวในรายการ {1, 2, 3}##List.Single({1, 2, 3})#]
[Expression.Error] There were too many elements in the enumeration to complete the
operation.#�#สง่ กลั บรายการซึ่งขา้ มจ ำนวนที่ระบุขององคป ์ ระกอบที่จุดเริ่ มตน ้ ของรายการ#�#สง่ กลั บรายการที่ขา้ มองคป ์ ระกอบแรก
ของรายการ {0} ถา้ {0} เป็ นรายการที่วา่ งเปลา่ จะมีการสง่ กลั บรายการที่วา่ งเปลา่
ฟังกช์ ั นนี้ จะใชพ ้ ารามิเตอร์ท่ีเลือกได้ {1} เพื่อสนั บสนุ นการขา้ มหลายคา่ ตามที่แสดงรายการดา้ นลา่ ง
<ul>
<li>ถา้ มีการระบุจ ำนวน จะมีการขา้ มหลายขอ ้ มูลได้สูงสุดตามจ ำนวนดังกลา่ ว </li>
<li>ถา้ มีการระบุเงื่อนไข รายการที่สง่ กลั บจะเริ่ มตน ้ ด้วยองคป ์ ระกอบแรกใน {0} ที่ตรงกับเงื่อนไขนั น ้ เมื่อรายการใดรายการหนึ่ งไม่

เป็ นไปตามเงือนไข จะไมม ่ ีการพิจารณารายการถัดไป </li>
<li>ถา้ พารามิเตอร์เป็ น null จะมีการปฏิบัติตามลั กษณะการท ำงานเริ่ มตน ้ </li>
</ul>#n สร้างรายการจาก {1, 2, 3, 4, 5} โดยไมม ี่ 3 จ ำนวนแรก##List.Skip({1, 2, 3, 4, 5},
3)##{4, 5}#�#สร้างรายการจาก {5, 4, 2, 6, 1} ที่เริ่ มตน ้ ด้วยจ ำนวนที่น้อยกวา่ 3#'List.Skip({5, 4, 2,
6, 1}, each _ > 3) # {2, 6, 1}#o เรี ยงล ำดับรายการขอ ้ มูลตามเกณฑท ์ ่ีระบุ#�#เรี ยงล ำดับรายการขอ ้ มูล {0} ตาม
เกณฑท ์ ่ีเลือกได้ท่ีระบุ
พารามิเตอร์ท่ีเลือกได้ {1} สามารถระบุเป็ นเกณฑก ์ ารเปรี ยบเทียบ ซึ่งสามารถใชค ้ า่ ดังตอ่ ไปนี้ :
<ul>
<li> เมื่อตอ ้ งการควบคุมล ำดั บ เกณฑก ์ ารเปรี ยบเทียบตอ ้ งเป็ นคา่ enum ของล ำดับ
(<code>Order.Descending</code>, <code>Order.Ascending</code>) </li>
<li> เมื่อตอ ้ งการค ำนวณคียท ์ ่ีจะใชส ้ ำหรั บการเรี ยงล ำดับ สามารถใชฟ ้ ั งกช์ ั นของ 1 อาร์กิวเมนตไ์ ด้ </li>
<li> เมื่อตอ ้ งการทั ้
งเลื อ กคี ย แ์ ละควบคุมล ำดับ เกณฑก ์ ารเปรี ยบเทียบตอ ้ งเป็ นรายการที่มีคียแ์ ละล ำดับ (<code>{{each 1 /
_, Order.Descending}}</code>) </li>
<li> เมื่อตอ ้ งการควบคุมการเปรี ยบเทียบทั งหมด ้ สามารถใชฟ ้ ั งกช์ ั นของ 2 อาร์กิวเมนตท ์ ่ีสง่ กลั บ -1, 0 หรื อ 1 โดยก ำหนด
ความสั มพันธร์ ะหวา่ งคา่ ที่ป้อนด้านซ้ายและขวา Value.Compare เป็ นเมธอดที่สามารถใชใ้ นการมอบสิทธิ์ตรรกะนี้ </li>
</ul>#:เรี ยงล ำดับรายการ {2, 3, 1}##List.Sort({2, 3, 1})# {1, 2, 3}#e เรี ยงล ำดับรายการ
{2, 3, 1} จากมากไปหาน้อย#&List.Sort({2, 3, 1}, Order.Descending)# {3, 2, 1}#�#เรี ยงล ำดับ
รายการ {2, 3, 1} จากมากไปหาน้อยโดยใชเ้ มธอด Value.Compare#7List.Sort({2, 3, 1}, (x, y) =>
Value.Compare(1/x, 1/y))# {3, 2, 1}#�#สง่ กลั บการประมาณคา่ เบี่ยงมาตรฐานโดยอิงตามตัวอยา่ ง#�#สง่ กลั บ
การประมาณคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐานโดยอิงตามตัวอยา่ งของคา่ ในรายการ {0}
ถา้ {0} เป็ นรายการจ ำนวน จะมีการสง่ กลั บจ ำนวน ถา้ {0} เป็ นรายการ <code>datetime</code> หรื อ
<code>duration</code> ผลลั พธจ์ ะเป็ น <code>duration</code>
เกิดขอ ้ ยกเวน้ ขึ้นกับรายการที่วา่ งเปลา่ หรื อรายการขอ ้ มูลที่ไมใ่ ชช่ นิ ด <code>number<code>,
<code>datetime</code> หรื อ <code>duration</code>#n คน ้ หาคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐานของจ ำนวน 1 ถึง
5##List.StandardDeviation({1..5})##1.5811388300841898#W สง่ กลั บผลรวมของขอ ้ มูลในรายการ#�#สง่ กลั บ
ผลรวมของคา่ ที่ไมใ่ ช่ null ในรายการ {0} สง่ กลั บ nulll ถา้ ไมม ี่ คา่ ที่ไมใ่ ช่ null ในรายการ#\หาผลรวมของจ ำนวนใน
รายการ <code>{1, 2, 3}</code>##List.Sum({1, 2, 3}) ##6#�#สร้างรายการของคา่ เวลาโดยก ำหนดคา่ เริ่ มตน ้
จ ำนวน และคา่ ระยะเวลาแบบเพิ่มหน่วย#�#สง่ กลั บรายการของคา่ <code>time</code> ของขนาด {1} โดยเริ่ มตน ้ ที่ {0}
การเพิ่มหน่วยที่ก ำหนดให้ {2} เป็ นคา่ <code>duration</code> ที่ถูกเพิ่มลงในทุกคา่ #�#สร้างรายการที่ประกอบด้วย 4 คา่
เริ่ มจากเที่ยงวั น (#time(12, 0, 0)) โดยเพิ่มหน่วยทีละหนึ่ งชั ่วโมง (#duration(0, 1, 0,
0))#5List.Times(#time(12, 0, 0), 4, #duration(0, 1, 0, 0))#[{
#time(12, 0, 0),
#time(13, 0, 0),
#time(14, 0, 0),
#time(15, 0, 0)
}#x สง่ กลั บรายการคา่ ใหมท ่ ่ีค ำนวณจากรายการนี้ #�#สง่ กลั บรายการซึ่งมีองคป ์ ระกอบที่ถูกแปลงจากรายการคา่ ที่ป้อนโดยใชฟ ้ ั งกช์ ั นที่ระบุ #�
สง่ กลั บรายการซึ่งมีองคป ์ ระกอบที ่ ถ ู ก คาดการณ ไ
์ ้ ว จ ากรายการค า ที
่ ้ ่ ป อน ฟ งก
ั ์ ชั น collectionTransform ถู กนำไปใชก ้ ับ
แตล่ ะองคป ์ ระกอบ และฟ ั งก ช
์ ั น resultTransform ถู ก เรี ย กใช เ
้ พื่ อ สร ้ า งรายการแสดงผลลั พ ธ ์
collectionSelector มีนามสกุล (x เป็ นคา่ ใดๆ) => ... ซึ่ง x เป็ นองคป ์ ระกอบหนึ่ งในรายยการ
resultTransform เสนอรู ปร่างของผลลั พธแ ์ ละมีลายเซ็น (x เป็ นคา่ ใดๆ และ y เป็ นคา่ ใดๆ) => ... ซึ่ง x เป็ นองค์
ประกอบในรายการ และ y เป็ นองคป ์ ระกอบที่ได้รับโดยการนำ collectionTransform ไปใชก ้ ับองคป ์ ระกอบนั น ้ #�#สง่ กลั บ
รายการคา่ ใหมโ่ ดยการนำฟังกช์ ั นการแปลง {1} ไปใชก ้ ับรายการ {0}#U เพิ่ม 1 ลงในแตล่ ะคา่ ในรายการ {1,
2}#"List.Transform({1, 2}, each _ + 1)##{2, 3}#Q ชนิ ดที่แสดงแทนรายการทั งหมด# ้ �#สง่ กลั บยูเนี ยนของคา่
รายการที่พบในคา่ ที่ป้อน#�#ใชร้ ายการของรายการ {0} รวมขอ ้ มู ลในแต ล
่ ะรายการ และส ง
่ กลั บ ข อ
้ มู ลเหล า
่ นั ้
น ในรายการผลลั พธ์ ผลลั พธ์
ที่ได้คือ รายการที่สง่ กลั บจะประกอบด้วยขอ ้
้ มูลทั งหมดในรายการค า่ ที่ป้อน
การด ำเนิ นการนี้ จะรั กษาการสื่อความหมายแบบ Bag แบบดั งเดิ ้ มไว้ เพื่อให้คา่ ที่ซ ้ำกันถูกจั บคูใ่ นรู ปแบบสว่ นประกอบของยูเนี ยน
โดยสามารถระบุคา่ เกณฑส ์ มการที่เลือกได้ {1} เพื่อควบคุมการทดสอบความเทา่ กัน #V สร้างยูเนี ยนของรายการ {1..5},
{2..6}, {3..7}#&List.Union({ {1..5}, {2..6}, {3..7} })##{1, 2, 3, 4, 5, 6, 7}#6 ระบุ
ระดับการติดตาม#$สง่ กลั บคา่ False##สง่ กลั บคา่ True#H สร้างตรรกะจากคา่ ที่ก ำหนด#g สร้างคา่ ตรรกะจากคา่ ขอ ้ ความ "true"
และ "false"#�#สร้างคา่ ตรรกะจากคา่ ขอ ้ ความ {0} ซึ่ ง เป็ น "true" หรื อ "false" ถ า
้ {0} ประกอบด ว้ ยสตริ งอื่น ระบบ
จะแสดงขอ ้ ยกเวน ้ คา่ ขอ ้ ความ {0} ไมต ่ รงตามตัวพิมพใ์ หญเ่ ล็ก#[สร้างคา่ ตรรกะจากสตริ งขอ ้ ความ
"true"##Logical.FromText("true")##true#X สร้างคา่ ตรรกะจากสตริ งขอ ้ ความ
"a"##Logical.FromText("a")#2[Expression.Error] Could not convert to a logical.#�#สง่
กลั บคา่ <code>logical</code> จาก {0} ที่ก ำหนด ถา้ {0} ที่ก ำหนดใหเ้ ป็ น <code>null</code>,
<code>Logical.From</code> จะสง่ กลั บ <code>null</code> ถา้ {0} ที่ก ำหนดใหเ้ ป็ น
<code>logical</code> จะมีการสง่ กลั บ {0} คา่ ของชนิ ดตอ่ ไปนี้ สามารถแปลงเป็ นคา่ <code>logical</code> ได: ้
<ul>
<li><code>text</code>: คา่ <code>logical</code> จากคา่ ขอ ้ ความ ซึ่งเป็ น
<code>"true"</code> หรื อ <code>"false"</code> ดู <code>Logical.FromText</code> ส ำหรั บราย
ละเอียด</li>
<li><code>number</code>: <code>false</code> ถา้ {0} เทา่ กับ <code>0</code> และ
<code>true</code> ถา้ ไมใ่ ช< ่ /li>
</ul>
ถา้ {0} เป็ นชนิ ดอื่นใด ระบบจะสง่ กลั บขอ ้ ผิดพลาด#F แปลง <code>2</code> เป็ นคา่
<code>logical</code>##Logical.From(2)##true#q สง่ กลั บ "true" หรื อ "false" ที่มีการก ำหนดคา่
ตรรกะ#�#สร้างคา่ ขอ ้ ความจากคา่ ตรรกะ {0} ซึ่งเป็ น <code>true</code> หรื อ <code>false</code> ถา้ {0}
ไมใ่ ชค่ า่ ตรรกะ ระบบจะแสดงขอ ้ ยกเวน ้ #W สร้างคา่ ขอ ้ ความจากตรรกะ
<code>true</code>##Logical.ToText(true)##"true"#W ชนิ ดที่แสดงแทนคา่ ตรรกะทั งหมด# ้ �#สง่ กลั บตัวดึงขอ ้ มูล

ทั งหมดที ่สมั ครรั บบริ การจาก Microsoft Azure Marketplace#B นำเขา้ เนื้ อหาของเอกสาร#�#พารามิเตอร์ท่ีเลือกได้ใน
ระเบียนและฟังกช์ ั นตารางแสดงให้เห็นวา่ เขตขอ ้ มูลที่ขาดหายไปอาจสง่ ผลใหเ้ กิดขอ ้ ผิดพลาด (คา่ นี้ เป็ นคา่ พารามิเตอร์เริ่ ม
ตน ้ )# �# พารามิ เ ตอร ์ ท่ ี เ ลื อกได ใ
้ นระเบี ย นและฟ งก
ั ์ ช ั น ตารางแสดงให เ
้ ห็น ว า
่ สามารถละเว น
้ เขตขอ้ มูลที่ขาดหายไป#�#ระบุการด ำเนิ นการที่คาด
หวั งไวส้ ำหรั บคา่ ที่หายไปในแถวซึ่งมีคอลั มน์น้อยกวา่ ที่คาดหวั งไว# ้ � # พารามิ เ ตอร ์ ท่ ี เ ลื อกได ใ
้ นระเบี ยนและฟังกช์ ั นตารางแสดงใหเ้ ห็นวา่ ควร
รวมเขตขอ ้ มูลที่ขาดหายไปในรู ปแบบของคา่ null#�#สง่ กลั บตารางของตาราง SQL มุมมอง และฟังกช์ ั นสเกลาที่จัดเก็บซึ่งมีให้ใชง้ านใน
ฐานขอ ้ มูล MySQL#�#สง่ กลั บตารางของตาราง SQL มุมมอง และฟังกช์ ั นสเกลาที่จัดเก็บซึ่งพร้อมใชง้ านในฐานขอ ้ มูล MySQL บน
เซิร์ฟเวอร์ {0} ในอินสแตนซฐ์ านขอ ้ มูลที่ช่ือ {1} อาจมีการระบุพอร์ตทางเลือกส ำหรั บเซิร์ฟเวอร์ โดยใชเ้ ครื่ องหมายโคลอนแยก อาจมี
การระบุพารามิเตอร์ระเบียน {2} ที่เลือกได้เพื่อควบคุมตัวเลือกดังตอ่ ไปนี้ :
<ul>
<li> <code>CreateNavigationProperties</code> : ตรรกะ (จริ ง/เท็จ) ที่ตังค ้ า่ วา่ จะสร้างคุณสมบั ติ
การนำทางบนคา่ ที่สง่ กลั บหรื อไม่ (คา่ เริ่ มตน ้ คือจริ ง)</li>
<li> <code>NavigationPropertyNameGenerator</code> : ฟังกช์ ั นที่ใชใ้ นการสร้างชื่อส ำหรั บคุณสมบั ติ
การนำทาง</li>
<li> <code>Query</code> : ขอ ้ ความที่มีการแปลเป็ นคิวรี SQL ที่มีการเรี ยกใชง้ านบนเซิร์ฟเวอร์ สามารถระบุคิวรี ได้
หลายรายการแตจ่ ะแสดงผลเฉพาะผลลั พธแ ้
์ รกเทา่ นั น</li>
<li> <code>CommandTimeout</code> : ระยะเวลาที่ควบคุมชว่ งเวลาที่อนุ ญาตใหค ้ ิวรี ฝั่งเซิร์ฟเวอร์เรี ยกใชก ่ นที่จะ
้ อ
มีก

You might also like