You are on page 1of 218

1

คู่มือเตรี ยมสอบ

สารบัญ

วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์

กองบินตารวจ
***************************************************************

1 แนวข้อสอบควำมสำมำรถด้ำนเหตุผล

2 แนวข้อสอบภำษำไทย

3 แนวข้อสอบวิชำภำษำอังกฤษ

4 ควำมรู ้เบื้องต้นเกี่ยวกับกำรบิน (General)

5 ควำมรู ้ทว่ั พื้นฐำนด้ำนไฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์

6 แนวข้อสอบเรื่ องงำนไฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น

7 อิเล็กทรอนิกส์ข้นั พื้นฐำน

8 แนวข้อสอบควำมรู ้ในงำนอิเล็กทรอนิกส์

9 สรุ ปข่ำวเด่น-ควำมรู ้ทว่ั ไป-เกี่ยวกับสังคม-เศรษฐกิจ-กำรเมือง-กำรกีฬำ

10 เทคนิคกำรสอบสัมภำษณ์

MP3-P044 - ข้อสอบวิชำภำษำอังกฤษ กำรใช้ Grammar

http://www.testthai1.com จำหน่ ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน


2

****************************
1-5 "#$ % & ก ' " กก ก& ก' ()
1. + & ........................
1) 2) ก
3) &# 4) ก#0&ก
1 + & &1 23 ก ( ก &# ก#0&ก 23 ก

2. 0 1&1ก ....................
1) 1" 2)
3) 1 4) 21 (
2 23 4&5 2 1 6 ( ก 0 1&1ก $ ก) ก%784&5
&9(6 ) กก 1
3. " #ก ก 1 ............................
1) 4กก ( 2) ก
3) 1 : 4) 15
4 " #ก ก 1 15 23 " ) 23 :
4. ; ก& # .........................
1) <# 2) ก
3) 1 ( 4) <
3 ; ก& # 1 ( 23 ( & 0( ) 5 1), 2) &1 4) & 0( )
( ก
5. 0 >1 ก ............................
1) 2)
3) ก& 4) &# ก
2

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


3

6 - 26 ) "#$ % 2 $ก ก' () ) &1


6. @ (# " 1A ก A 5 ก <1
1. @5 (# 2. @ $$1 #( 3. 5 A 4. (($(
5. 2 5 5(
5
#( @ #( " 1A ก $ 5( @ A ก & @ #( A 5 ก $B 2
5 5(
7. @ # $1 @ 5 @ <1
1. 5 # 2. 5 ก @ 3. @5 23 4. ก @
5. 2 5 5(
1
#( @ # $1 @ 5 @ ( 5 #
( 2 ก: 85((

8. &9กE 23 (F 23 ก <1
1. ก 2. (ก ก
3. 23 4. 23 ก กE
5. 2 5 5(
3
#( &9กE 23 ( 23 ก ) (
9. ก. . . ) . . . &1 ก. )
.( 15 (
1. ก. 2. . 3. . . .
5. 2 5 5(
3. # .
#( ( 4 4 5((

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


4

∴ (
10. " ( ก + ก " 5 ( <1
1. " ( ' 2. " ( ก + 3. " 5 ( 15 4. " 52 '
5. 2 5 5(
2
#( ก " $1 ( ก + )( B "5 ( ( " (
ก + (( 2 ก: 8 5((
P " ( q "( ก +
1. P ∨ q ( P )
2. (" 5 ( )
4& q (" ( ก +)
11. @ $5( $1 23 ก $5 5( <1
1. 5 5( ' 2. ' 5 5(
3. 5 5( 23 ก 4. 52 ก
5
#( $5 5( $1 23 5 25 5( 2 ก )
4&) # ก: 8
1. P → q (@ 5( $1 23 ก )
2. ( $5 5()
4& 25 5(

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


5

12. ก ก # 5( ก # 5( <1
1. ก 2Lก 2. ก 23 ก #( B 3. ก 23 ก #( B
4. ก # ก ก 5. 2 5 5(
5.
#( ก ก # 5( ก # 5( 23 525( & ก %

13. #( ก (' (' ก (' &1 ก ก ก )


(
1. #( 2. (' 3. 4. 5.
1.
#( ( 5(( 4 6"

#( (
14. ก ก' " @ < กก ก' " <1 @ ) )(
1. ก 2. < กก 3. ก ก' "
4. # ก ( 5. 2 5 5(
2
#( () 9 ($ ( 4 6"

∴ @ < กก

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


6

15. 2& ก ' 5( ก 23 2& <1


1. ก ก ' 5( 2. ก ' 5(
3. 2& 23 ก 4. ก ' 5 5(
5. 2 5 5(
2
#( 25( ก 23
B 2& " 1 ก' ( ก
23 2& &12& ก ' 5( <1 ก ' 5(

16. ก : M1 # 23 <1
1. # 2. # : M1
3. # 23 4. # 23 21 &(
5. 2 5 5(
2
#( $ก 4 6" # 23 &1 ก : M1 ( #
:M
17. ก#0&&1 12 1 ก#0&&1 15 12 ก#0&&1 14 <1
1. 2 ก 12 2. 12 2 ก 1
3. 1 ก &1 12 4. 1 "ก &1 12
5. 2 5 5(
4
#( $ กก 2 $1 9 1 "ก &1 12
18. 18 25
1) 2)
3) ก 4)
1 ก 18 ! " # $ 16 %& ! " #
$ ก ' 16 ก ก ( $ 25 ก

19. @ ((5 ก & A ก A 5 ก <1


1. (( ก 2. ((5 ก 3. 5 ) N(A 4. 2 5 5(
1
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
7

#( ) 2 P → Q &1 &ก ก#
20. 8 ก # 5( 2& 23 8 <1
1. 2& ' 5( 2. 2& 23 8 3. 2& # 5( 4. 2 5 5(
3
#( 2& # 5( 4 6"

21. 5 ก )$ P <1
1. 5 )$ P 2. 23 5
3. ก )$ P 4. 2 5 5(
1
(# ($ ก 4 6 "

ก& 5 @ก ) ) ก& )$ P ( $B 25( 5 )$ P

22. @ Q & B 6 M < $15 @< @ <1


1. Q & B 6 M 2. Q &5 B 6 M 3. @ @ก& 4. 2 5 5(

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


8

2
(#

23. " 23 23 &ก$1 23 15


1. 23 2. 23 3. 23 ก 4. 2 5 5(
4
(# 2 5 5( " 1 " " &1 " $1 2 23 "&ก5 5(
24. ก 4 ก ( (' ก ( ) (
1. (' 2. 3. ( 4.
1
(# () 9 (( 4 6 "

25. 23 23 ( ก 25(
1. 23 ก 2. ก
3. ( ก 4. 2 5 5(
4
(# 5 ) ก#(4& 2 ( $B 2 5 5(

26. @ ' &( (ก# 2& 2& ก# ( <1


1. 2& ก# ( 2. ( 23 2&
3. 2& &1 ( 23 : ก 4. 2 5 5(

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


9

2
(# $ ก & ก$ ก 1-4 $1 9 5( ( 23 2& 23 ' @ก (
ก $ก 2& ก# ( ( ( 23 2&

$ "#$ % ' 26 " 5 " ก $ ก 27 - 43

27. 1. 2. 3. & 4. ก
5.
1
#( ' ) @B 5 ) $B 5 "ก
28. 1. 2. "R ก 3. 4$(ก 4. ' 6
5. 4 ' ก
3
#( 4$(ก $ก ' E 5 ) ' ก
29. 1. 2. ก 1 3. N 8 4. @
5. (
4
#( @ 5 ) "' ก : E
30. 1. ) 2. # 3. 4.
5. $ ก
3
#( 5 ) 1 : M1 E
31. 1) ก &8+ 2) #
3) 2S 2 4) ก 10((
3 ก &8+ # &1ก 10(( 23 กT & 5( ( B ก ก 2S 2
& 2 B 52
32. 1) < "& 2) ก#
3) 2 1 4) (
4 < "& ก# ก2 1 ก ก#
33. 1) "ก 2) 2 กก
3) (# 4) &8ก

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


10

1 "ก ) ก $B $1) 5( 2 กก (# &1 &8ก @) 5( &


34. 1) ' 2) $
3) & 4) 2& (
3 & 23 ' $ &12& ( 23
35. 1) (# 2) #Q
3) ก ( 4)
2 (# ก ( ก#( B U # #Q 23 # M8 B
36. 1. 2. 3. 4.

5.

1
#( 23 1 ก E 23 #

37. 1. 2. 3. 4.

5.

3
#( 1 :5 ) 4&5 E

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


11

38. 1. 2. 3. 4.

5.

4
#( 23 2ก %8 5 E

39. 1. 2. 3. 4.

5.

4
#( 8 E ก&ก 23 5ก ก&ก 23 5 $B $ก E

40. 1. 2. 3. 4.

5.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


12

4
#( ก 1 2V 5 23 E

41.

2 2& (ก 23 8 ' : ) ' $( 2& <& 2& ( 2& Bก : ) ' 9

42.

4 2 %# ) $1 ก $ก2 ก

43.

3 &ก: 5 5( & B & E

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


13

44 W 45 ) "#$ % 26 " @ก # &) ?


44.

3
#( 2 "# B &1 1 2, 2 &( &1 1
( 2 52

45.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


14

5
#( 2 &1 1 (

46 W 48 "#$ % & ก6 " ก 6 " ก' ()


46.

1 (&กM%1 ก& &9ก 3 B 6 ) $1 & ก B

47.

4 ก ก ((
ก ((
ก A ก A
ก ((

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


15

48.

1 ($ ก&กM%1 ก& 6 ) 2 $1 ) &1 < ก $1


& ก

49 W 66 ) "#$ % & ก ' 1-5 # & ) ? " ) " U8ก


) ' ( ก ' ก
49. # : ก: :?
1. ' 2. 3. 5 " 4. 8
5. 40(
1
#( # ก& ก : ก & ก& '
50. : M1 : ก :?
1. @ 2. 3. (# 4. + &
5.
2
#( ' ก 23 1 ' & 23 # ) ) 1
51. 0 " &: 0 :?
1. ก 2. 6 0 3. 42ก 4.
5.
4
#( # ก 23 @ # & 23 & ' ) @
52. ก& @ 2 : +S&8 ? : ' Bก
1. 2. (# 3. 2 กก 4. ก 1( M
5. & Bก
3
#( "#$ % # &1 # & $1 23 # $) # ก &1@ ( # & # ก
$1 ' 5 5(

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


16

53. : ก ? : 2&
1. ก2& 2. ' 3. (' ' 4. $
5. 8
3
#( ' ก 23 5 # # ' & 23 # # ' &1 ( @B # & )
@ ( ก ก ก ก& ก : &1 (' ' ก 2& ก9 & ) ' ก

54. (# : & &8ก : ?


1. 2. ก 1( (' 3. 2 & ก 1( 4. ก& &8ก
5. AZ
3
#( # ก) # &) & ( # $1 & &8ก 2 & ก 1(
55. ก ) : * +, ก- : ?
1) 2) ./
3) * , & 4) ' *
1 ก) !. * ,#0 + ' ก +, ก- ',#ก ,#+ '0 1 2 ก
./ !. * , & ,#0 + ' 2 ' * #0, + ' ก ( 2 (+ ' )

56. : 8:?
1. # 2. ' 3. @ 8 4. &ก
2
(# ' ก &1 : ' & " ) 23 "&
(# ' & &1 23 1 ' ) ) ก & 5
57. 0 :" 8 : 5+< +[ :?
1. +[ 4 2. +[ & 3. A ก 4. ก ;
2
#( ' ก ก#( ' & ก#(
58. : :?
1. & 2. ก 3. ( 4.
2
#( ' & $ ' ก $ ( ก $
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
17

59. : 2Z :?
1. &ก 2. 0$ 8 3. : & 4. +[
1
(# ' ก 23 4 & ' & ' & ) 23 2ก #
60. $( : 0 :" 8 ? : ?
1. : ($ 2. 0 : "( 3. : "( 4. ก 1( M : 0 :" 8
3
(# ' ก) ' & ) "(
61. ( ก5 : 0 ?:?
1. M 8 : $9 2Z 2. :
3. ก :& ก 4. ก : กM %
4
#( ' & &1 ( ก ( 1 ก& &
62. 9 : ?:$ ก
1. 2. 2 3. ก&# 4.
3
#( ' ก &1 $1 ก#(5( : ' & B 23 1 ก 9 : &1ก&#
:$ ก
63. 02 : ' ?: ก #$
1. ก : 2. ก ( 1 #0 3. )$ 4.
2
#( ก ' &1 &1 ' & &1 $1 " U8ก ( 02
ก ( 1 #0 23 2 1ก &1 ' ก9$1 ก # $ 23 2 1ก
64. ก P$ : " 6 ก9 : ?
1) 1 2) &' 2
3) " %8 4)
1 ก P$ &1 " ) 6 1 ก 6 ก9 $B ก 1 B 6 ) ก
&' 2 &1 " %8 ) 6 ) 6 1 ก< (6 )
65. "(& : ?:?
1) # : 2) :
3) 9 : 9 4) ((AZ : ก2 ก
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
18

4 "(& ) 1 ) (52 B 23 &กM%1 ( ก ((AZ ก' $(


ก2 ก
66. กก > ก : 58 (8 ? : ?
1) @ 8: @ 8 2) ก& ก9 # ก 1 2V @ &8 : @ &8
3) : 4) & : @$ก
3 กก > ก 23 2ก %82[ ก 58 (8 &1) ก9 2ก %8
#

67 W 70 ) $' &ก :ก8 $' )(

67.
1. 9
2. 10
3. 11
4. 13
5. 15

4
#( $' &ก :ก8$ ก & B 52 $15( 3 & ( $' 6ก
( 9 4 ก @ก ก 2)
$' 5ก ( 9 3 @ก 2) ( $' 2ก
( 6 + 5 + 2 = 13 ก

68.
1. 9
2. 10
3. 11
4. 12
5. 13
3

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


19

&ก :ก8 3 & ( $' 5ก ก& $' 4ก ( $' 2ก


( 5 + 4 + 2 = 11 ก

69. 1. 35
2. 36
3. 38
4. 40
5. 42

5
#( &ก :ก8 4
& ( $' 15 ก $' 12 ก
$' 9ก ( $' 6ก
( 15 + 12 + 9 + 6 = 42 ก

70. 1. 15
2. 16
3. 17
4. 18
5. 19

3
#( 2 ก $' 9ก ( 2 & @ก ) $' 8ก
9 + 8 = 17 ก

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


20

71 W 78 ) "#$ % ( ( )($ ก 1- 5 23 ( ก (
ก' ()

71.

4
#( &ก :ก8 $' ก &1 $1 & 1 W 6 0( 5 ' & ก (
ก & &
72.

5
#( &ก :ก8 $' ก &1 $1 กM A , B , C , D &1 F ก' ก 0(
5 'ก ( ก
73.

2
#( &1( $1 &1 (

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


21

74.

4
#( &1( $1 กM A,B,C,D &1 X ก' ก & ก(

B $1 5 )(E ( ( ก

75.

1
#( " ก 1( M 2 & $ & ( 0 & ก$15(

6"

76.

5
#( " ก 1( M 2 ก & ( 6 ) & (2&

ก & ก$15( 2

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


22

77.

5
#( " ก 1( M 2 & 4 4 ก & ( ( 2 & ก$15(

78.

2
#( " ก 1( M 2 & $ & ( ก& 23

$ &9กE & ก( (# $15( 2

79 W 82 ) "#$ % ' " U8 ก ก ' ก' ()


79. 0 1
1. ( 2. & " 3. ( ( 4.
1
(# ( " U8ก ก (( 1
80. ก0 M
1. ; ก 2. ' $ 3. $' 4.
3
#( ก0 M @ก$ $' ) $'
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
23

81. ( ก5
1. ก&# 2. 4 P# 3. 4. 4
2
(# ( ก5 23 P&กM%8 4 P# ก
82.
1. 0 % 2. 3. 4ก 4.
4
(# 23 8 & 5 5(

83 - 85 $1 6 ") 1 6 " & ( )( B 6 " ก52) "#$ % (


( ก52 6 ")($ ก 1 W 4

83.

1
#( ' 6 "$ ก 1 52 # ) ? & $15(6 " %8
84.

2
(# ' 6 "$ ก 2 52 # ) ? & $15(6 " %8

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


24

85.

2
(# ' 6 "$ ก 2 52 # ) ? & $15(6 " %8

86-87 "#$ % & ก6 "6 " " U8 6 " ก' ()


86.

4 1 F @B J $1 กM ก 3 G H J &1 O $B $1
กM ก 3 ก PQR ' 5( S
87.

2
88 - 90 $ & ก ' @ก
88. ก j ก j #F ก 2
1) ( 2) j (
3) #F ( 4) j (
4 #F $$1 ก j ก95(

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


25

%&

&

% , ()

$ก2 ก j ก j #F ก 25( j ( &


&1 j #F $$1 ก j ก95( #F $$1 ก j ก95(
89. B 23 "U 1 B 23 18 25 $1 23 15
1) # 8 2) $ 8
3) :ก 8 4) 8
1 1B ก 18 ( 23 16 %1 B 23 "U (
23 :ก 8 16 ก :ก 8 <1 25 $1 ก # 8
90. ก @ # & ก@ ก & $1( ' U # 25(
1) U ( ' 2) U ก
3) U 5 ( ' 4) 2 5 5(
4) 2 5 5( " 1U # $$15 กก95(

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


26
คู่มือเตรี ยมสอบ

แนวข้ อสอบภาษาไทย
อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 51 – 52
“ทางโรงเรี ยนเปิ ดโอกาสให้ผสู ้ มัครหาเสี ยงเป็ นเวลาสองสัปดาห์ เพือให้นกั เรี ยนอืนๆ ได้ศึกษา
และจําหมายเลขผูท้ ีเขาจะเลือกเป็ นตัวแทน ดังนัน ทุกๆ วันจึงมีการโจษจันกันถึงตัวเก็งทีจะได้เป็ น
ประธานนักเรี ยน ผูส้ มัครคนหนึงแอบแจกขนมเพือน เพือเป็ นอามิสสิ นจ้างให้เลือกตน แต่เพือนก็รู้วา่ เขา
เป็ นคนเฉื อยแฉะไม่เหมาะทีจะเป็ นตัวแทนของพวกเขา จึงไม่มีใครสนใจ บางคนรู ้ตวั ว่าตัวเองไม่สามารถ
เป็ นตัวแทนทีดีได้ จึงรี บไปขอถอนชื อออกจากการแข่งขันก็มี

1. สิ งทีผูล้ งคะแนนต้องจดจําให้ได้คืออะไร
ก. ตัวผูส้ มัคร ข. วิธีการหาเสี ยง
ค. นโยบายของผูส้ มัคร ง. หมายเลขของผูส้ มัคร
คําตอบ ง. หมายเลขของผูส้ มัคร
2. ระยะเวลาทีทางโรงเรี ยนเปิ ดโอกาสให้ชีแจงเรี ยกว่าอย่างไร
ก. ฤดูแห่งการหาเสี ยง ข. ช่วงแห่งการเลือกตัง
ค. ระยะแห่งการปราศรัย ง. เวลาแห่งการเลือกเฟ้น
คําตอบ ค. ระยะแห่งการปราศรัย

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 53. - 54.


“เสี ยงระฆังดังเป็ นสัญญาณให้นกั เรี ยนเข้าห้องประชุม ซึ งเมือตอนเช้าจัดเป็ นที
ลงคะแนนเลือกตัง พวกนักเรี ยนรู ้สึกตืนเต้นต่างอยากรู ้วา่ ผูท้ ีตนเลือกไว้จะได้รับตําแหน่งประธานนักเรี ยน
หรื อไม่ ขณะทีเดินเป็ นแถวเข้าห้องประชุมจึงคุยกันจ้อกแจ้กจนครู ตอ้ งคอยเตือน เมือนักเรี ยนและครู ทุก
คนเข้ามานังในห้องประชุมเรี ยบร้อยแล้ว อํานวยการถือกระดาษแผ่นหนึงเดินขึนไปบนเวทีแล้วกล่าว
ชมเชยนักเรี ยนว่า นักเรี ยนรู ้จกั หน้าทีของตนดี ไม่มีใครนอนหลับทับสิ ทธิ=เลย การกากบาทหมายเลขที
ตนเลือกลงในบัตรเลือกตังก็เรี ยบร้อยชัดเจนทําให้การตรวจนับคะแนนได้รวดเร็ ว”
3. จากข้อความข้างต้นควรตังชือเรื องว่าอย่างไร
ก. ผูช้ นะ ข. นาทีระทึกใจ ค. คําชมเชย ง.ประธานคนใหม่
คําตอบ ข. นาทีระทึกใจ

4. นักเรี ยนทีลงคะแนนเลือกตังคิดเป็ นร้อยละเท่าไร


ก. ร้อยละ 80 ข. ร้อยละ 85 ค. ร้อยละ 90 ง. ร้อยละ 100
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
27
คู่มือเตรี ยมสอบ

คําตอบ ง. ร้อยละ 100

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 55. - 56.


“อะไรๆ มันก็ตอ้ งฉันทังนัน หาเลียงลุก หาเลียงเมีย ฉันอยากจะรู ้นกั ถ้าบ้านนีไม่มีฉนั เสี ยคน
เดียวคงจะต้องพากันอดตาย เฮอะใครๆ ก็จนปั ญญาแล้วหละ นังๆ นอนๆ กันอย่างนี”

5. ผูก้ ล่าวข้อความนีมีอารมณ์อย่างไร
ก. กังวล ข. รําคาญ ค.ห่วงใย ง. ฉุ นเฉี ยว
คําตอบ ง. ฉุ นเฉี ยว
6. ใครขยันทีสุ ดในครอบครัว
ก. พ่อ ข. แม่ ค. ลูก ง. หลาน
คําตอบ ก. พ่อ

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 57. - 60.


“ปั ญหาสิ งเสพติดเป็ นปั ญหาทีกําลังทวีความรุ นแรงขึนทุกขณะ และก่อความวิตกให้แก่รัฐบาล
และสถาบันต่างๆ ของประเทศเป็ นอย่างมาก เนืองจากปั ญหานี เป็ นปั ญหาทีร้ายแรงก่อความเสี ยหายให้ไม่
เฉพาะแต่สุขภาพอนามัยของผูเ้ สพติดอย่างเดียวเท่านัน แต่ยงั ความเสี ยหายให้เกิดแก่ครอบครัวของผูต้ ิดสิ ง
เสพติดและแก่สวัสดิภาพทางสังคมกับเสถียรภาพของบ้านเมือง เป็ นปั ญหาการเสื อมทางศีลธรรม
ก่อให้เกิดอาชญากรรมนานาชนิดและเป็ นปั ญหาความมันคงของชาติ รวมทังความเสี ยหายแก่ประเทศชาติ
เป็ นส่ วนรวมในด้านการพัฒนาตนและเศรษฐกิจด้วย”

7. ข้อความนีกล่าวถึงความเสี ยหายทีเกิดขึนจากสิ งเสพติดไว้กีอย่าง


ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4
คําตอบ ค. 3
8. “ทวีความรุ นแรง” หมายถึงอะไร
ก. มีการต่อสู ้กนั อย่างรุ นแรง ข. มีกาํ ลังเพิมมากขึน
ค. มีการเพิมขึนอย่างมากมาย ง. มีความรุ นแรงเพิมขึน
คําตอบ ค. มีการเพิมขึนอย่างมากมาย
9. “ปั ญหาสิ งเสพติด” หมายถึง ปั ญหาทีเกิดจากข้อใด
ก. ความขาดแคลนของสิ งเสพติด ข. การพัฒนาผูท้ ีเสพสิ งเสพติด
ค. การเพิมจํานวนการผลิตสิ งเสพติด ง. การเพิมจํานวนของผูเ้ สพสิ งเสพติด
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
28
คู่มือเตรี ยมสอบ

คําตอบ ง. การเพิมจํานวนของผูเ้ สพสิ งเสพติด


10. ข้อความนีสรุ ปถึงปั ญหาสิ งเสพติดว่าเป็ นอย่างไร
ก. เป็ นปั ญหาทีร้ายแรงมาก
ข. เป็ นปั ญหาจะต้องช่วยกันแก้ไข
ค. เป็ นปั ญหาทีทุกคนควรเอาใจใส่
ง. เป็ นปั ญหาร่ วมของรัฐบาลกับสถาบันต่างๆ
คําตอบ ก. เป็ นปั ญหาทีร้ายแรงมาก

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 61 - 64


“วันนีทีมเยาวชนไทยสร้างความตืนเต้นสุ ดขีดให้แก่แฟนลูกหนังทีไปเชียร์ กนั อย่างเนื องแน่รอบๆ
สนามด้วยการเอาชนะนักเตะเวียดนาม “ตัวเก็ง” ในนาทีสุดท้ายด้วยคะแนน 2 : 1 หลังจากเคียวกันมาอย่าง
ดุเดือด”

11. สิ งใดเกิดขึนเป็ นอันดับแรก


ก. ความดุเดือด ข. ความตืนเต้น ค. ความชนะ ง. ความภาคภูมิใจ
คําตอบ ค. ความชนะ
12. ชัยชนะของทีมไทยจัดอยูใ่ นประเทศใด
ก. ชนะอย่างดุเดือด ข. ชนะอย่างท่วมท้น
ค. ชนะอย่างหวุดหวิด ง. ชนะอย่างยิงใหญ่
คําตอบ ค. ชนะอย่างหวุดหวิด
13. “เยาวชน” ในข้อความนี หมายถึงใคร
ก. เด็กทัวไป ข. ผูเ้ ล่นกีฬา ค. ผูเ้ ชียร์ กีฬา ง. ผูช้ มกีฬา
คําตอบ ข. ผูเ้ ล่นกีฬา
14. ข้อใดทําให้เกิดความตืนเต้นสุ ดขีด
ก. การชนะทีมตัวเก็ง ข. การชนะอย่างดุเดือด
ค. การมีผชู ้ มมากมาย ง. การชนะในนาทีสุดท้าย
คําตอบ ง. การชนะในนาทีสุดท้าย
อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 65. – 67.
“เมือวานข้อข้าพเจ้าไปหาหมอ แต่กลับไปพบครู แก้ว ครู คนนีช่างพูด พูดถึงแต่ญาติของตนว่าบาง
คนรวยมาก บางคนจนมาก คนทีรํารวยส่ งเงินให้พอ่ แม่ใช้ ส่ วนคนทีจนมีแต่มาเบียดเบียนพ่อแม่ แต่ก็ถือว่า
เป็ นกรรมก็แล้วกันตามความเชือทางศาสนา อาจเป็ นกรรมดีหรื อกรรมชัวก็ได้ คนชัวเกิดมาหนักแผ่นดิน
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
29
คู่มือเตรี ยมสอบ

เป็ นคนไม่รู้จกั ปรับปรุ งหรื อพัฒนาตนเองอาจเป็ นคนโง่หรื อเป็ นคนขีเกียจก็ได้ คนเราถ้าขยันรับรองไม่มี


ทางจนได้

15. คนทีเขาพบเป็ นคนอย่างไร


ก. พูดเก่ง ข. ใจดี ค. ใจบุญ ง. มีเมตตา
คําตอบ ก. พูดเก่ง
16. ทีคนเป็ นคนจนเพราะ
ก. ไม่มีใครช่วยเหลือ ข. มิได้รับการศึกษาทีดี
ค. ไม่ขวนขวายพยายาม ง. ขีเกียจ
คําตอบ ง. ขีเกียจ
17. ข้อความนี เชือว่าอย่างไร
ก. คนบาป ข. คนมีกรรม ค. คนมีเคราะห์ ง. คนมีดีในตัว
คําตอบ ข. คนมีกรรม

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 68. – 69.


“เนืองจากทะเลมีคลืนจัด ดังนัน จึงขอให้เรื อเล็กทุกชนิดงดออกจากฝังตังแต่ 15.00 น. เป็ นต้นไป”

18. ข้อความนี เป็ นเรื องประเภทใด


ก. ข่าว ข. ประกาศ ค. คําชักชวน ง. คําโฆษณา
คําตอบ ข. ประกาศ
19. ข้อความนีควรจะเพิมเติมรายละเอียดในเรื องใด
ก. เวลาทีเกิด ข. สถานทีทีเกิด
ค. ลักษณะของคลืน ง. ลักษณะของเรื อทีห้าม
คําตอบ ข. สถานทีทีเกิด

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 70. – 71.


“ไม่มีใครรังเกียจเธอเลยสมศรี รู ปธรรม นามธรรม ทําเองไม่ได้และความพิการของเธอก็มีแต่คน
เห็นใจ อย่ามองตัวเองว่าตัวเองเป็ นปมด้อยซิ จะ๊ ”

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1


30
คู่มือเตรี ยมสอบ

20. ข้อความนี เป็ นข้อความเป็ นไร


ก. ให้ขอ้ คิด ข. อบรม ค. ตักเตือน ง. ปลอบใจ
คําตอบ ง. ปลอบใจ
21. บุคคลในข้อความนีมีความรู ้สึกอย่างไร
ก. น้อยใจ ข. เกรงใจ ค. ไม่พอใจ ง. กระดากใจ
คําตอบ ก. น้อยใจ

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 72. - 74.


“ฟักแฟงแตงเต้าถัว งายล
หว่านสิ งใดให้ผล สิ งนัน
ทําทานหว่านกุศล ผลเพิม พูนนา
ทําบาปบาปชันชัน ไล่เลียงตามตน”
22. บทประพันธ์นีมีขอ้ ความเป็ นอย่างไร
ก. ตักเตือน ข. ชักชวน ค. สังสอน ง. อบรม
คําตอบ ค. สังสอน
23. บทประพันธ์นีมีความหมายตรงกับภาษิตใด
ก. ตนเป็ นทีพึงแห่งตน ข. หว่านพืชต้องหวังผล
ค. ทําดีได้ดี ทําชัวได้ชวั ง. ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นนถึ
ั งตัว
คําตอบ ค. ทําดีได้ดี ทําชัวได้ชวั
24. บทประพันธ์นีกล่าวถึงพืชกีชนิด
ก. 6 ข. 5 ค. 4 ง. 3
คําตอบ ก. 6

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 75. – 76.


“พฤติกรรมกล้าแสดงออก เป็ นสิ งสําคัญมากในการดําเนินชีวติ ประจําวันในสังคมนีเพราะเป็ นสิ ง
ทีช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ผูท้ ีมีความบกพร่ องเกียวกับ
พฤติกรรมกล้าแสดงออก จึงมักจะเกิดปั ญหาในสังคมปั จจุบนั แต่ในบางครังการกล้าแสดงออกจนเกินงาม
ก็อาจได้คาํ ตําหนิได้เช่นกัน”

25. การนําเสนอข้อความนี ต้องการสิ งใด


ก. การต่อสู ้กบั สภาพสังคมทีเปลียนไป ข. การปรับตัวเป็ นสิ งทีสําคัญในสังคม
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
31
คู่มือเตรี ยมสอบ

ค. การดําเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุ ข ง. การเรี ยนรู ้สังคมกับความเปลียนแปลง


คําตอบ ค. การดําเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุ ข
26. ข้อความนีมองคนในสังคมอย่างไร
ก. ไม่เก็บตัว ข. การยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ืน
ค. พัฒนาตนตลอดเวลา ง. รู ้จกั สังคม
คําตอบ ก. ไม่เก็บตัว

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 77. – 78.


“ผลจากภาวะเงินเฟ้ อในปั จจุบนั ประเทศต่างๆ ทัวโลกต่างก็ได้รับความกระทบกระเทือนรวมทัง
ประเทศไทยด้วย อันเป็ นเหตุให้ประเทศก้าวหน้าเข้าสู ้ภาวะเศรษฐกิจตกตําและพลอยทําให้การพัฒนา
ประเทศก็หยุดชะงักชะงันไปด้วย ก่อให้เกิดปั ญหาการว่างงานการผลิตสิ นค้าต่างๆ ลดลง อันเนืองจากผูค้ น
มีกาํ ลังซื อน้อยลง และค่าของเงินก็มีการเปลียนแปลงไป”
27. จากข้อความข้างต้น ภาวะทีเกิดขึนมีลกั ษณะอย่างไร
ก. ภาวะเงินมีความตึงตัว
ข. ระดับของสิ นค้าสู งขึน อํานาจในการซือลดลง
ค. ระดับราคาสิ นค้าทัวไปสู งขึนเงินถูกลง
ง. ภาวะราคาสิ นค้าลดลง อํานาจซื อมากขึน
คําตอบ ข. ระดับของสิ นค้าสู งขึน อํานาจในการซื อลดลง
28. ผลทีเกิดจากภาวะเงินเฟ้อ ส่ งผลให้ประเทศต่างๆ ได้รับผลกระทบในด้านใดมากทีสุ ด
ก. ทางด้านเกษตรกรรม ข. ทางด้านการค้า
ค. ทางด้านการลงทุน ง. ภาวะค่าครองชีพ
คําตอบ ง. ภาวะค่าครองชีพ
อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 79. – 80.
“ป่ าไม้เป็ นทรัพยากรอันสําคัญของไทยได้ถูกคนเข้าไปทําลายลงเป็ นอันมาก ซึ งเป็ นเหตุทาํ ให้ขาด
สมดุลในธรรมชาติหากพวกเราไม่ช่วยกันอนุ รักษ์ป่าไม้แล้ว ป่ าไม้ในประเทศไทยคงจะหมดไปในไม่ชา้ นี
เพราะป่ าไม้ได้อาํ นวยประโยชน์ต่อมนุษยชาติเป็ นอันมากทังทางตรง เช่น เป็ นยารักษาโรค เครื องใช้ไม้
สอย และทางอ้อม เช่น เป็ นทีอยูข่ องสัตว์ป่าป้ องกันนําท่วมเป็ นต้น”

29. สาเหตุทีมนุษย์ทาํ ลายป่ าไม้เกิดผลเสี ยมากทีสุ ด


ก. การลักลอบตัดไม้ชกั ลากมาขาย ข. การตัดไม้มาเผาทําถ่านขาย
ค. การตัดต้นไม้ในป่ าเพือทําไร่ เลือนลอย ง. ไฟไหม้ป่าเกิดจากมนุษย์เผลอเลอ
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
32
คู่มือเตรี ยมสอบ

คําตอบ ค. การตัดต้นไม้ในป่ าเพือทําไร่ เลือนลอย


30. วิธีการในข้อใดทีจะเป็ นการอนุ รักษ์ป่าไม้ได้ผลดีทีสุ ด
ก. ลงโทษผูก้ ระทําผิดให้มากขึน ข. ปลูกสวนป่ า
ค. สร้างจิตสํานึกในการอนุ รักษ์ ง. ประกาศเขตป่ าสงวนให้มากทีสุ ด
คําตอบ ค. สร้างจิตสํานึกในการอนุ รักษ์

แบบที) 2 บทความ
อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 81. – 84.
ฝนซึ มลงมาจากฟ้าทังวัน ชาวบ้านบอกว่าอากาศอย่างนีนานปี จะมีสักครังหนึง ตังแต่โรงเรี ยนเปิ ด
เทอมแรกมาก็พอมองเห็นฟ้าอยูป่ ระมาณสองอาทิตย์ หลังวิสาขบูชาฝนตกมาตลอดฟ้าครึ มฝนอยู่
ตลอดเวลา ก้อนเมฆทีหนาทึบจะบางลงบ้างในช่วง 14 นาฬิกาของทุกวันบางวันก็มีแสงอาทิตย์พอได้ส่อง
ลงมารําไร แต่ไม่เกิน 5 นาที ฝนลงเม็ดหนาในช่วงเย็นและเช้าส่ วนช่วงอืนๆจะริ นพรําๆ เป็ นอยูอ่ ย่างนีทัง
วัน พอย่างเข้าเดือนทีสองฝนทีริ นพรําๆ กลายเป็ นละอองฝนละเอียดเป็ นฝนลอยฟ่ องลงมาตามบรรยากาศ
เหมือนก้อนเมฆ

31. ข้อความนีมีจุดมุ่งหมายอย่างไร
ก. ให้ความรู ้เกียวกับฝน ข. ให้ความรู ้เกียวกับอากาศ
ค. เสนอรายงานสภาพอากาศ ง. บอกเล่าสภาพอากาศ
คําตอบ ง. สังเกตคําว่า “ชาวบ้านบอกว่า…”

32. วันวิสาขบูชาตรงกับวันใด
ก. วันขึน 15 คํา เดือน 3 ข. วันขึน 15 คํา เดือน 6
ค. วันขึน 15 คํา เดือน 8 ง. วันขึน 15 คํา เดือน 11
คําตอบ ข. การบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 ซึ งเป็ นวันทีพระพุทธเจ้าประสู ติ ตรัสรู ้ และ ปริ นิพพาน
33. ข้อใดใช้ภาษาทีทําให้เกิดความรู ้สึกได้ดีทีสุ ด
ก. ฝนซึ มลงมาจากฟ้าทังวัน
ข. ชาวบ้านบอกว่าอากาศอย่างนีนานปี จะมีสักครัง
ค. ก็พอมองเห็นฟ้าอยูป่ ระมาณสองอาทิตย์
ง. หลังวิสาขบูชาฝนตกมาตลอด
คําตอบ ก. “ซึ มลงมาจากฟ้าทังวัน”ให้ความรู สึกว่าฝนตกตลอดเวลา
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
33
คู่มือเตรี ยมสอบ

34. ลักษณะข้อใดแตกต่างจากพวก
ก. ฝนซึ มลงมาจากฟ้า ข. ฝนลงเม็ดหนา
ค. ฝนตกปรอยๆ ง. ฝนริ นพรําๆ
คําตอบ ข. หมายถึง ฝนตกมาก
อ่ านข้ อความต่ อไปนี แล้ วตอบคําถามข้ อ 85. – 88.
“เมือความรู ้ยอดเยียมสู งเทียมเมฆ แต่คุณธรรมตําเฉกยอดหญ้านัน
อาจเสกสรรมิจฉาสารพัน เพราะจิตอันไร้อายในโลก”

35. คําประพันธ์นี วรรคใดมีโวหารกล่าวเกินความจริ ง


ก. วรรคที 4 ข. วรรคที 3 ค. วรรคที 2 ง. วรรคที 1
คําตอบ ง. ความรู ้สูงเท่าเมฆ เป็ นการกล่าวเกินจริ ง
36. วรรคใดมีการกล่าวแบบอุปมา
ก. วรรคที 1 ข. วรรคที 2 ค. วรรคที 3 ง. วรรคที 4
คําตอบ ข. สังเกตคําว่า เฉก แสดงการเปรี ยบเทียบ
37. วรรคใดเป็ นการแสดงเหตุผล
ก. วรรคที 1 ข. วรรคที 2 ค. วรรคที 3 ง. วรรคที 4
คําตอบ ง. สังเกตคําว่า เพราะ แสดงเหตุผล
38. คําประพันธ์นีกล่าวสรุ ปได้อย่างไร
ก. ความรู ้สึกดีกว่าคุณธรรม ข. คุณธรรมดีกว่าความรู ้สึก
ค. มีคุณธรรมแต่ไม่มีความรู ้ก็ไม่ดี ง. มีความรู ้แต่ไม่มีคุณธรรมก็ทาํ ชัวได้
คําตอบ ง. ใจความสําคัญกล่าวถึง คนทีมีความรู ้สูง แต่ไม่มีคุณธรรมก็ทาํ ชัวได้ เพราะใจไม่ละอาย
ในกรทําชัว

อ่ านข้ อความต่ อไปนี แล้ วตอบคําถามข้ อ 89. – 90.


“สุ่ มเป็ นเครื องมือจับปลา มีลกั ษณะคล้ายกระโจมหรื อกะลาควํา แต่ภายในไม่มืดทึบเพราะสุ่ มทํา
จากซี ไม้ไผ่สานเป็ นตาห่างๆ สามารถมองเห็นสิ งทีอยูภ่ ายในได้”
39. ข้อความนีมีวธิ ี การเขียนลักษณะใด
ก. อธิ บาย ข. โน้มน้าวใจ ค. พรรณนา ง. โต้แย้ง
คําตอบ ก. มุ่งให้เข้าใจเรื องราว
40. ข้อความนีใช้กลวิธีใดเป็ นสําคัญ
ก. การเปรี ยบเทียบ ข. การใช้ตวั อย่าง
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
34
คู่มือเตรี ยมสอบ

ค. ประโยชน์ของสุ่ ม ง. เครื องมือปลาชนิดหนึง


คําตอบ ง. กล่าวถึงสุ่ มจับปลา

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 92. – 97.


เมือเกิดเสี ยงดังสนัน พระอิศวรและพระอุมาก็ตืนบรรทมและเสด็จออกมาทีประตูทอดพระเนตร
เห็นพระคเณศร์ ทรงถืองาช้างทีหัก พระอุมาก็สวมกอดแล้วไต่ถามเนือความพระคเณศร์ ก็กราบทูลเรื องราว
โดยตลอด พระอุมาก็ทูลพระอิศวรว่านีเพราะคนโปรดของพระอิศวรถือดีจะทรงโปรดว่าอย่างไร พระ
อิศวรก็ทรงถามข้อเท็จจริ งจากปรศุราม ซึ งก็มีขอ้ ความใกล้เคียงกัน แต่ชีแจงว่าทีใช้ขวานนันเพราะ
พระคเณสร์ ใช้วงจับปั นจนเวียนหัวพระอุมาได้ทรงฟังก็กริ วและว่าการใช้อาํ นาจนันไม่ได้ไตร่ ตรอง ต่อไป
ก็จะใช้กาํ ลังแก่คนอืนจึงขอตัดไฟแต่ตน้ ลม ขอให้ปรศุรามจงหมดกําลังเหมือนท่อนไม้จนกว่าพระอุมาจะ
คืนกําลังให้พระอิศวรก็สงสาร แต่ไม่ทราบจะทําประการใด เพราะปรศุรามเป็ นผูผ้ ดิ

42. พระอิศวร คือ เทพเจ้าองค์ใด


ก. พระนารายณ์ ข. พระศิวะ ค. พระอินทร์ ง. พระพรหม
คําตอบ ข. พระอิศวรเป็ นชื อเรี ยกพระศิวะ พระเจ้าของพราหมณ์
43. “ตัดไฟแต่ตน้ ลม” หมายความว่าอย่างไร
ก. ทําเรื องร้ายให้กลายเป็ นดี ข. เคารพสิ ทธิ ของกันและกัน
ค. ตัดต้นเหตุก่อนลุกลามต่อไป ง. สังสอนให้รู้สาํ นึกตน
คําตอบ ค. เป็ นการป้ องกันไม่ให้เกิดเรื องต่อไป
44. พระคเณศร์ ได้ชือว่าเป็ นเทพเจ้าแห่งอะไร
ก. เทพเจ้าแห่งศิลปะ ข. เทพเจ้าแห่งความยุติธรรม
ค. เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ง. เทพเจ้าแห่งความยิงใหญ่
คําตอบ ก. ถือเป็ นเทพแห่งศิลปะ เชือกันว่าถ้าบูชาแล้วจะป้ องกันความขัดข้องทีอาจเกิดมีขึนได้
45. การทีพระอุมาและพระอิศวรไต่ถามเรื องราวจากทังสองฝ่ าย แสดงให้เห็นว่าอย่างไร
ก. ผูใ้ หญ่ปฏิบตั ิตามกฎระเบียบ ข. ผูใ้ หญ่หูเบา เชื อง่าย
ค. ผูใ้ หญ่ทาํ ตามอารมณ์ ง. ผูใ้ หญ่ไม่ลาํ เอียง
คําตอบ ง. ไม่เข้าข้างใคร เปิ ดโอกาสให้ทงสองฝ่
ั ายได้ชีแจง
46. เหตุใดพระอุมาจึงสาปให้ปรศุรามหมดกําลัง
ก. เพราะความอาฆาตแค้นปรศุราม ข. เพราะต้องการสังสอนให้สาํ นึกตัว
ค. เพราะโกรธทีพระอิศวรเข้าข้างปรศุราม ง.เพราะเกลียดปรศุราม
คําตอบ ข. เพือไม่ให้ใช้กาํ ลังกับคนอืนอีก
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
35
คู่มือเตรี ยมสอบ

47. จากข้อความทีอ่าน ปรศุรามถูกลงโทษเพราะสาเหตุใด


ก. ไม่รับผิดชอบในหน้าที ข. ถูกพระคเณศร์ ใส่ ร้าย
ค. พระอุมาไม่ชอบปรศุราม ง. .ใช้อาํ นาจในทางไม่ถูกไม่ควร
คําตอบ ง. สังเกตจากข้อความทีว่า “ใช้อาํ นาจโดยไม่ไตร่ ตรอง”

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 98. - 102.


ผีเสื อเป็ นแมลงทีมีปีกสี สวยงาม สี สันของผีเสื อมีหลายสี สลับกันสวยงาม บางตัวมีปีกสี เหลือง
แดง และดําชอบบินพร้อมกันเป็ นฝูง วางไข่ตามใบไม้ทวๆไป ั เช่น ใบของต้นยีโถใบของต้นรัก เมือครบ
กําหนดตัวหนอนก็จะทะลุเปลือกไข่ออกมาสู่ โลกภายนอกเมือตังหนอนคลานออกจากไข่เป็ นครังแรกจะ
กัดกินเปลือกไข่ของตนเองเป็ นอาหารก่อนทีจะกินใบไม้ต่อไป ระยะนีจะเป็ นระยะทีตัวหนอนกินเก่งทีสุ ด
เมือสะสมอาหารไว้ในต้นจนกระทังหนอนโตขึนพอสมควรก็จะลอกคราบ เลือกทีเหมาะเกาะนิงติดกิงไม้
ครังถึงกําหนดส่ วนหัวของดักแด้ก็จะโตขึน และแตกออกจากเปลือกทีหุ ม้ ตัวอยูเ่ ป็ นตัวผีเสื อทีสวยงาม ซึ ง
จะเกาะอยูก่ บั ทีก่อนเมือตัวแห้งก็จะค่อยค่อยโผบินไป

48. จากข้อความทีอ่านนี แบ่งระยะการเจริ ญเติบโตเป็ นกีระยะ


ก. 2 ระยะ ข. 3 ระยะ ค. 4 ระยะ ง. 5 ระยะ
คําตอบ ค. มี 4 ระยะ คือ ไข่ ตัวหนอน ดักแด้ ผีเสื อ

49. ควรตังชื อข้อความนีว่าอย่างไร


ก. ผีเสื อแสนสวย ข. ประโยชน์ของผีเสื อ
ค. โลกของผีเสื อ ง. ชีวติ ของผีเสื อ
คําตอบ ง. กล่าวถึงวงจรชีวติ ของผีเสื อ
50. แมลง หมายถึงสัตว์ประเภทใด
ก. สัตว์มีปีทุกชนิด ข. สัตว์ปีกมีขา 6 ขา
ค. สัตว์ปีกมีขา 8 ขา ง. สัตว์ปีกทีกินนําหวานเป็ นอาหาร
คําตอบ ข. แมลงมีขา 6 ขา
51. ผูเ้ ขียนใช้กลวิธีใดในการนําเสนอเรื อง
ก. กรเปรี ยบเทียบ ข. ใช้ตวั อย่าง
ค. การอธิ บายตามลําดับขัน ง. การให้คาํ นิยาม
คําตอบ ค. อธิ บายระยะเรี ยงตามลําดับไป ตังแต่เป็ นไข่จนเป็ นผีเสื อ

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1


36
คู่มือเตรี ยมสอบ

52. ข้อความทีอ่านนีจัดเป็ นสารประเภทใด


ก. ประเภทแสดงอารมณ์ ข. ประเภทแสดงความคิดเห็น
ค. ประเภทโน้มน้าวใจ ง. ประเภทข้อเท็จจริ ง
คําตอบ ง. บอกรายละเอียดทีเป็ นความจริ ง

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 103. – 106.


มิตรทีรัก คุณเคยรู ้สึกเหงาบ้างไหม อาการเหงาเปล่าเปลียนนันอาจจะเกินกับใครๆได้ทุก
คน มิใช้เฉพาะคนทีไร้ญาติมิตรจริ งๆ แม้แต่คนทีแต่งงานแล้วหรื อคนทีอยูใ่ นหมู่ญาติมิตรมากมายแม้แต่ใน
ถนนผูค้ นพลุกพล่านแต่ก็อาจรู ้สึกเหงาเศร้าใจได้เหมือนกับว่าต้องอยูค่ นเดียวความเบือหรื อไม่ก็ความรู ้สึก
ว่าตัวเองไม่ปลอดภัยก็เป็ นสาเหตุทีทําให้เกิดความเหงาได้นอกจากสาเหตุอืนๆ อีกมากมาย ความเหงาเพียง
ชัวครังชัวคราวก็ดูไม่กระไรนักแต่ถา้ เหงาติดต่อนานก็คงไม่ดีแน่ จิตแพทย์ได้แนะนําคนทีเกิดอาการเหงามี
ทางรักษาได้โดยวิเคราะห์ตนเองหรื อศึกษาตนเองและรักษาตนเองเพราะความเหงานันเป็ นอาการของ
ความไม่มีสุขทีเกิดขึนจากตัวเอง
53. จากข้อความทีอ่านนีความเหงาเกิดจากอะไรเป็ นสําคัญ
ก.ขาดเพือนฝูง ข. การทํางาน ค. ตัวเอง ง. ญาติมิตร
คําตอบ ค. สังเกตจากประโยคสุ ดท้ายของข้อความ
54. คําว่า “เหงา” มีลกั ษณะใกล้เคียงกับคําใดมากทีสุ ด
ก. เบือหน่าย ข. ว้าเหว่ ค. เศร้าโศก ง. กังวล
คําตอบ ข. ว้าเหว่ เป็ นอาการทีมีความรู ้สึกอยูโ่ ดดเดียว
55. ข้อความนีขึนต้นเรื องโดยใช้วธิ ี การใด
ก. การใช้บทสนทนา ข. การใช้คาํ ทักทาย
ค. การกล่าวถึงเหตุการณ์ ง. การใช้คาํ ถาม
คําตอบ ง. สังเกตจากข้อความ “คุณเคยรู ้สึกเหงาบ้างไหม”
56. คําว่า “วิเคราะห์” มีความหมายใกล้เคียงกับคําใดมากทีสุ ด
ก. ใคร่ ครวญ ข. คิดริ เริ ม ค. วิจารณ์ ง. ตัดสิ นใจ
คําตอบ ก. เป็ นการพิจารณาไตร่ ตรองรายละเอียด

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 107. – 113.


พิธีแห่บงไฟมี
ั มาแต่โบราณแล้ว พิธีนีกระทํากันในระหว่างเดือน 6 ข้างแรม ถึงเดือน 7
ข้างขึน ก่อนจะลงมือทํานา เชือกันว่าทําให้ขา้ วปลาอุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองร่ มเย็นเป็ นสุ ขธรรมเนียมในการ
แห่บงไฟมี
ั ในหลายๆจังหวัด เช่น ชัยภูมิ ศรี ษะเกษ อุบลราชธานี กําหนดงานแบ่งเป็ น 3 วัน คือ วันสุ กดิบ
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
37
คู่มือเตรี ยมสอบ

วันประชุมรื นเริ ง และวันจุดบังไฟในวันสุ กดิบจะมีการปลูกตูบเป็ นโรงสําหรับผูเ้ ป็ นแขกจะได้นงประชุ


ั ม
กัน ในวันทีสองบรรดาแขกทีทําบังไฟไปพร้อมกันทีศาลาการเปรี ยญ พวกต้อนรับแขกก็จะรับแขกกันไป
พิธีของแขกก็จะมากันเป็ นขบวน มีคนตีฆอ้ งกลองนําหน้ามีพระและสามเณรเดินนําติดตามด้วยบรรดา
หนุ่มสาว ชาวบ้านเมือถึงทีพักก็จะตีกลองให้รู้วา่ แขกมาถึงทีพักแล้วมีการทําพิธีแห่งบังไฟ เมือครบพิธีแล้ว
ก็นาํ บังไฟนันไปพาดอยูบ่ นคาคบไม้ ตกแต่งบังไฟอย่างสวยงามเมือถึงวันจุดบังไฟทีละบัง มีการระดมตี
ฆ้องกลองอย่างสนุกสนาน ถ้าบังไฟของบ้านใดจุดแล้วพุง่ ขึนสู งสุ ดก็จะพากันโดดโลดเต้นดีใจ

57. พิธีแห่บงไฟกระทํ
ั ากันในภาคใด
ก. ภาคเหนื อ ข. ภาคอีสาน ค. ภาคกลาง ง. ภาคใต้
คําตอบ ข. พิธีนีกระทํากันแถวจังหวัด ชัยภูมิ อุบลราชะนี

58. บัง หมายถึงอะไร


ก. ผีฟ้า ข. ดอกไม้ ค. กระบอกไม้ไผ่ ง. การทําบุญ
คําตอบ ค. ตัวบังไฟไม่ใช้ไม้กระบอกทํา
59. จุดมุ่งหมายสําคัญในการแห่บงไฟ ั คืออะไร
ก. เพือความสนุกสนานเพลิดเพลิน ข. เพือเซ่นไหว้ผฟี ้า
ค. เพือให้บา้ นเมืองสงบสุ ข ง. เพือสื บทอดประเพณี ไว้
คําตอบ ค. พิธีนีทําก่อนการทํานา เพือให้ขา้ วปลาอาหารอุดมสมบูรณ์
60. สัญญาณทีบอกให้รู้วา่ แขกมาถึงทีพักแล้ว คืออะไร
ก. กลอง ข. ฆ้อง ค. แคน ง. เสี ยงโห่
คําตอบ ก. สังเกตจากข้อความ “เมือถึงทีพักก็จะตีกลองให้รู้วา่ แขกมาถึงทีพักแล้ว”
61. การตัดสิ นการจุดบังไฟ ดูจากอะไรเป็ นสําคัญ
ก. ความสวยงามของบังไฟ ข. ความสนุกสนานของขบวนแห่
ค. บังใดมีเสี ยงฆ้องกลองดังทีสุ ด ง. ดูวา่ บังใดจุแล้วพุง่ ขึนสู งทีสุ ด
คําตอบ ง. ผูช้ นะคือ เจ้าของบังไฟทีจุดได้สูงทีสุ ด
62. ข้อความนี อ่านแล้วให้ประโยชน์ใดมากทีสุ ด
ก. ความเพลิดเพลิน ข. ความรู ้
ค. คติขอ้ คิด ง. ความคิดสร้างสรรค์
คําตอบ ข. ให้ความรู ้เกียวกับประเพณี

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1


38
คู่มือเตรี ยมสอบ

63. วันสุ กดิบ หมายความว่าอย่างไร


ก. วันก่อนถึงกําหนดวันงานพิธี ข. วันฤกษ์งามยามดี
ค. วันพระขึน 15 คํา ง. วันเปลียนจุลศักราชใหม่
คําตอบ ก. วันสุ กดิบเป็ นวันเตรี ยมงาน

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 114. - 120.


“ปรากฏว่าการอนุเคราะห์บุคคลพิการ เป็ นการสาธารณกุศลอันเป็ นทีสนใจของประชาชนทัวไป
ด้วย มีผบู ้ ริ จาคทีดินเพือให้กระทรวงศึกษาธิ การจัดตังโรงเรี ยนสอนคนหู หนวกมีผูร้ ับบริ จาคทรัพย์บาํ รุ ง
กิจการของหน่วยนีเรื อยๆ มา กระทรวงศึกษาธิ การจึงดําริ วา่ สมควรจะก่อตังองค์การสงเคราะห์คนหู หนวง
ขึนเป็ นนิ ติบุคคล เป็ นการเทศจากทางราชการ เพือจะได้สามารถเรี ยกร้องความร่ วมมือร่ วมใจจาก
ประชาชนมากขึน เป็ นการส่ งเสริ มให้ประชาชนชาวไทยสนใจในการช่วยเหลือเพือมนุษย์ให้ได้รับ
การศึกษาและเพือจะเป็ นทางหารายได้มาบํารุ งกิจการในด้านนี เป็ นการช่วยเงินประมาณแผ่นดินด้วยอีก
ทางหนึง องค์การนีจะให้ชือว่า “มูลนิธิอนุเคราะห์คนหู หนวก”
64. คําว่า “อนุ เคราะห์” มีความหมายใกล้เคียงกับคําใด
ก. สงสาร ข.เมตตา ค. เอือเฟื อ ง. สนใจ
คําตอบ ค. อนุ เคราะห์ แปลว่า เอือเฟื อ ช่วยเหลือกัน

65. จุดมุ่งหมายสําคัญของมูลนิธิอนุเคราะห์คนหู หนวกคืออะไร


ก. เพือช่วยเหลือคนหู หนวกให้ได้รับการศึกษา
ข. เพือหารายได้บาํ รุ งกิจการคนหู หนวก
ค. เพือหารายได้ช่วยเหลืองบประมาฯแผ่นดิน
ง. เพือเป็ นการสาธารณกุศลของประชาชนทัวไป
คําตอบ ก. พิจารณาจากข้อความ “เป็ นการส่ งเสริ มให้ประชาชนชาวไทยสนใจในการช่วยเหลือ
เพือมนุษย์ให้ได้รับการศึกษา”
66. โรงเรี ยนสอนคนหู หนวก ปั จจุบนั ขึนอยูก่ บั หน่วยงานใด
ก. กรมการฝึ กหัดครู ข.กรมสามัญศึกษา
ค. กรมอาชีวศึกษา ง. กรมการศึกษานอกโรงเรี ยน
คําตอบ ข. โรงเรี ยนสอนคนหู หนวก ขึนกับกองการศึกษาพิเศษ กรมสามัญศึกษา
กระทรวงศึกษาธิ การ
67.ต่อไปนีข้อใดถือเป็ นนิ ติบุคคล
ก. สมาคมราชวิทยาลัย ข. พิพิธภัณฑ์พระปฐมเจดีย ์
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
39
คู่มือเตรี ยมสอบ

ค. ศูนย์วฒั นธรรมแห่งประเทศไทย ง. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล


คําตอบ ก. นิติบุคคล หมายถึง องค์การหรื อคณะบุคคล ซึ งกฎหมายให้มีสิทธิ และมีหน้าทีกําหนด
ไว้ตามกฎหมาย ข้อ ข. ค. ง. เป็ นหน่วยงานราชการ
68. ข้อความนี มีจุดมุ่งหมายในการนําเสนอเรื องอย่างไร
ก. เพือแนะนํา ข. เพือโน้มน้าวใจ
ค.เพือเล่าเรื องราว ง. เพือแสดงความคิดเห็น
คําตอบ ค. มุ่งให้รู้เรื องราวเกียวกับความเป็ นมาของมูลนิธิอนุเคราะห์คนหู หนวก
69. คําใดมีความหมายต่างจากพวก
ก. สงเคราะห์ ข. อนุเคราะห์ ค.ช่วยเหลือ ง. บริ จาค
คําตอบ ง. บริ จาค แปลว่าให้คาํ อืนๆ แปลว่าช่วยเหลือ
70. จุดมุ่งหมาของ “มูลนิธิ” คืออะไร
ก. เพือร่ วมประชุมปรึ กษาหารื อกัน ข. เพือร่ วมแสดงความคิดเห็นกัน
ค. เพือหากําไรนํามาใช้ประโยชน์ต่างๆกัน ง. เพือสาธารณประโยชน์ต่างๆ
คําตอบ ง. มูลนิธิตงขึั นเพือบําเพ็ญ ทางสาธารณประโยชน์มิได้มุง้ ด้านธุ รกิจ

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถาม 121. – 126.


“วันนีพระวาลมิกิพรหมฤษีไปสู่ สาํ นักพระนารท สนทนาไต่ถามบุคคลสําคัญในโลกว่า
ใครเป็ นผูแ้ กล้วกล้าสามารถ พระนารทจึงเล่าประวัติพระราม ซึ งพระวาลมิกิไม่เคยได้ฟังเรื องมาเลยจน
ตลอด เมือเดินทางกลับมาตามทางเห็นนายพรานยิงนกกระเรี ยนตัวผูต้ วั หนึงซึ งกําลังยินดีอยูก่ บั คู่ของตน
พลัดตกลงตาย ฤษีเกิดสมเพชจึงกล่าวถ้อยคําสาปพรานผูน้ นั
ครังเดินทางต่อมา หวนระลึกก็เสี ยใจด้วยมิใช่กิจการอะไรของตน ท้าวมหาพรหมทางพระกรุ ณามาปรากฏ
พระกายให้เห็น ช่วยปลอบโยนให้คลายโทมนัสเพราะแท้จริ งคําว่าสาปพรานนันกลายเป็ นความหมาย
ในทางสรรเสริ ญพระผูป้ ราบมาร ถ้อยคําของพระวาลมิกินนจึ ั งให้เรี ยกว่า “โศลก” และให้เป็ นบทแรกของ
รามายณะซึ งนับเป็ นมหากาพย์เรื องหนึง”
71. ตามความเชื อ พระรามคือเทพเจ้าองค์ใด
ก. พระพรหม ข. พระอิศวร ค. พระอินทร์ ง. พระนารายณ์
คําตอบ ง. พระราม คือ พระนารายณ์ลงมาปราบยักษ์
72. “โศลก” หมายถึงข้อใด
ก. เรื องราวทีเกียวกับเทพเจ้า ข. นิทานชาดกในศาสนา
ค. คําขับร้องบูชายัญ ง. คําประพันธ์ในภาษาสันสกฤต
คําตอบ ง. โศลก เป็ นคําประพันธ์ชนิดหนึง
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
40
คู่มือเตรี ยมสอบ

73. เรื องรามายณะเกียวกับเรื องใด


ก. มัทนะพาชา ข. ศกุนตลา ค. สาวิตรี ง. รามเกียรติ=
คําตอบ ง. รามายณะเป็ นบ่อเกิดเรื องรามเกียรติ=
74. “พระผูป้ ราบมาร” หมายถึงเทพเจ้าองค์ใด
ก. พระวิษณุ ข. พระพรหม ค. พระอิศวร ง. พระอินทร์
คําตอบ ก. พระวิษณุ คือ พระนารายณ์
75. ศัพท์คาํ ใด มิได้ หมายถึงพระอิศวร
ก. สยมภู ข. ตรี โลจน์ ค. พระศิวะ ง. อมรบดี
คําตอบ ง. อมรบดี คือ พระอินทร์ ศัพท์อืน หมายถึง พระอิศวร
76. ข้อใด มิใช่ ลักษณะของมหากาพย์
ก. เป็ นเรื องสดุดีวรี บุรุษ
ข. พรรณนาถึงบ้านเมือง การเดินทัพ
ค. เป็ นเรื องทีเกิดจากคําสาปของพระวาลมิกิ
ง. เป็ นหนังสื อทีมีความยาวมาก
คําตอบ ค. ลักษณะของมหากาพย์ คือ ข้อ ก. ข. ง.

อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 127. – 130.


“ การยําปลากัดนันต้องไปเงียบๆ เดินไปชายบึงสายตาคอยมองดูหวอดปลากัด ซึ งมันก่อหวอดเล็ก
เท่า 2 นิวเป็ นเม็ดขาวๆ คล้ายหวอดปลากระดี แต่เล็กกว่าและสี ไม่เหลืองอย่างนันถ้าตัวมันอยูค่ อยดู
ประเดีTยวๆมันจะว่าออกมาผุดหายใจทีผิวนํา ถ้าพบตัวมันก็รีบเอาตะแกรงเล็กๆซ้อนใต้หวอด ต้องใช้
ความเร็ วและความชํานาญพอสมควรมันจึงจะไม่ทนั หนีพน้ ไปได้”

77. ข้อความนีแสดงให้เห็นว่าผูเ้ ขียนเป็ นคนอย่างไร


ก. มีความพยายามจับปลากัด ข. มีประสบการณ์เรื องปลากัด
ค. มีความสนใจเรื องปลากัด ง. มีความตังใจจับปลากัด
คําตอบ ข. รู ้รายละเอียดปลีกย่อยทีเป็ นความชํานาญ
78. ข้อความนีมีจุดมุ่งหมายอย่างไร
ก. ให้ความคิดเห็น ข. ชักจูงใจ ค. อธิ บาย ง. ให้ความเพลิดเพลิน
คําตอบ ค. ให้รายละเอียดวิธีการจับปลากัด
79. “หวอดปลากัด” หมายถึงอะไร
ก.รังทีอยูอ่ าศัยของปลากัด ข. ไข่ของปลากัด
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
41
คู่มือเตรี ยมสอบ

ค. ฟองนําทีปลากัดพ่นไว้ ง. โพรงหญ้าทีปลากัดทําไว้
คําตอบ ค. หวอดปลากัดเป็ นฟองนําทีปลาพ่นไว้สาํ หรับเก็บไข่
80. “สี ไม่เหลืองอย่างนัน” จากข้อความมีความหมายตามข้อใด
ก. หวดปลากระดีสี ขาว ข. หวอดปลากระดีสี เหลือง
ค. หวอดปลากัดสี ไม่เหลือง ง. หวอดปลากัดสี เหลือง
คําตอบ ข. เพราะบอกว่าหวอดปลากัดเป็ นสี ขาว หวอดปลากระดีเป็ นสี เหลือง ส่ วนข้อ ค. ไม่
เหลืองแต่อาจไม่ใช่ขาวจึงไม่ถูก

2. การใช้ ภาษา
แบบที) 1 การเลือกใช้ คําทีถ) ูกต้ องเติมลงในช่ องว่ าง
81. เขาขอยืมเงินกองกลาง…..จ่ายไปก่อน
ก.ทดลอง ข. ทดรอง ค.ทดหนี ง. ทดแทน
คําตอบ ข. ทอรอง หมายถึง จ่ายทรัพย์แทนไปก่อน

ข้ อ 132. – 136. ให้ พจิ ารณาเติมคําให้ ถูกต้ อง


ภาษาไทยนับเป็ นเอกลักษณ์ทีสําคัญทีสุ ด (302.) แสดงให้เห็นความเป็ นไทยของเราภาษาไทยมี
(303.) ภาษาพูด (303.) ภาษาเขียน (304.) ภาษาเขียนนันได้มีภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนอยูม่ ากมาย
(305.) ภาษาสี สันสกฤต มอญ จีน อาหรับ (306.) ภาษาฝรังฯบางคําเราออกเสี ยงตามสําเนียงเดิมของเขา
บางคําเรา (306.) นํามาปรับให้เข้า (306.) ลินของเรา

82. ก.จึง ข. กับ ค. ซึ ง ง. ก็


คําตอบ ค. ซึ งเป็ นสรรพนามทีใช้แทนข้อความทีอยูข่ า้ งหน้า
83. ก. ทัง…..อีก ข. ทัง…..ตลอด ค. ทัง…..ด้วย ง. ทัง…..และ
คําตอบ ง. เชือความคล้อยตามกัน

84. ก. เพราะฉะนัน ข. อีกทัง ค. ตลอดจน ง. โดยเฉพาะ


คําตอบ ง. แสดงความเจาะจง
85. ก. ทัง…..กับ ข.ก็…..กับ ค. ทัง…..อีก ง. ทัง…..ด้วย
คําตอบ ข. เชือมความเข้าด้วยกัน
86. ก. ก็…..ด้วย ข. ก็…..กับ ค. ก็…..โดย ง. ก็…..แต่

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1


42
คู่มือเตรี ยมสอบ

คําตอบ ข. คําเชือมความทีเกียวข้องกัน

ข้ อ 137. – 139. พิจารณาเติมคําในช่ องว่ างให้ ถูกต้ อง


87. ร้านอาหารบางแห่ง….. ขายอาหารบางชนิ ดทีต้องเก็บไว้นานๆ….. หมูยอ แหนมพริ กดอง อาหาร
หมักดองต่างๆ
ก. จะ…..ได้แก่…..ซึ ง ข. ต้อง…..ได้แก่…..คือ
ค. จึง…..เช่น…..ด้วย ง. อาจ…..เช่น…..หรื อ
คําตอบ ง. อาจ เป็ นการบอกการคาดคะเน, เช่น เป็ นการยกตัวอย่าง, หรื อ เป็ นคําเชื อมความให้
กําหนดเอา
88. ….. ให้ผใู ้ ช้สามารถใช้เครื องวรรคตอนได้อย่างถูกต้องตรงกัน ….. มีระเบียบแบบแผน จึงควร
ศึกษาวิธีการใช้เครื องหมายวรรคตอนให้เข้าใจ
ก. ทัง…..จึง ข. เพือ…..จึง
ค. ด้วย…..ก็ ง. ฉะนัน…..เพราะฉะนัน
คําตอบ ข. เพือเป็ นการบอกเหตุ และ เชือมความเข้าด้วยกัน
89. เครื องสําอางปั จจุบนั มีหลายชนิด ….. หลายยีห้อ การเลือกใช้ ….. ควรระมัดระวัง ….. อาจ
ก่อให้เกิดการแพ้เป็ นอันตรายต่อร่ างกายได้
ก. ทัง ….. ก็ …..ดังนัน ข. กับ…..จึง…..เพราะฉะนัน
ค. และ …..จึง…..เพราะ ง.ตลอดจน…..ต้อง…..เพือ
คําตอบ ค. ข้อความเป็ นเหตุแกกัน

ข้ อ140.-146. พิจารณาเติมข้ อความให้ เหมาะสม


....(140)...จะอุปมาอธิ บายคุณค่าของราชาศัพท์ ....(140)....คําสุ ภาพ ก็จะพูดได้วา่ ธรรมดาของผูด้ ี....
(141)..... มีผา้ หลายผืน .....(141).....เลือกใช้ได้เหมาะสมสําหรับงานทีต่างลักษณะกัน การทีใครคนหนึงมี
ผ้า ....(142).... จงใจใช้ผา้ เพียงผืนเดียว .......(142).... เช็ดหน้า เช็ดมือ เช็ดพืนใช้ตลอดเรื อยไปจนถึงขัด
รองเท้า ....(143).... ส่ อให้เห็นชัดว่าผูน้ นมี
ั นิสัยเสี ย มักง่าย ไม่มีระเบียบเอาแต่สะดวก ....(143).. เป็ นคน
แร้นแค้นสิ นคิด เรื องนี เป็ น.... (144)... การทีใครคนหนึงใช้คาํ ๆ เดียวกันแทนตัวเองพูด... (144)... บุคคลทุก
ชันทุกโอกาส ย่อมแสดงว่า ผูน้ นใช้ ั ภาษาอย่างมักง่ายสิ นคิด และนิสัยเอา ...(145).... สะดวกในทุกด้าน
ตรงกันข้าม ....(145)... คนทีใช้ผา้ คนละผืนกัน ...(146).... งานต่างชนิดกัน ....(146)….
90. ก. ถ้า…..หรื อ ข. ถ้า…..อีก ค. ถ้า…..ทัง ง. ถ้า…..และ
คําตอบ ง. เชือมความคล้อยตามกัน

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1


43
คู่มือเตรี ยมสอบ

91. ก. จึง…..เพือ ข. ย่อม…..เพือ ค. ย่อม…..กับ ง. จึง…..กับ


คําตอบ ข.บอกจุดประสงค์
92. ก. อีก…..และ ข. ทัง….. ด้วย
ค. แม้…..หรื อ ง. หรื อ…..ทังสําหรับ
คําตอบ ง. บอกความให้เลือก
93. ก. จึง…..กับ ข. ย่อม…..และ
ค. แม้…..กับ ง. ดังนัน…..กับ
คําตอบ ข. บอกความคล้อยตามกัน
94. ก. ฉันใด…..กับ ข. อะไร…..และ
ค. ทําไม…..กับ ง. เหตุใด…..และ
คําตอบ ก. บอกว่าอย่างใดกับสิ งใด บอกความเปรี ยบเทียบเป็ นภาษาอุปไมย
95. ก. ด้วย…..กับ ข. และ…..กับ ค. กับ…..กับ ง. แต่…..กับ
คําตอบ ก. บอกความคล้อยตามกัน
96. ก. ด้วย…..ดังนัน ข. เฉพาะ…..ทังหมด
ค. สําหรับ…..ฉันนัน ง. กับ…..อย่างไร
คําตอบ ค. บอกเพือสําหรับสิ งนัน บอกความเปรี ยบเทียบเป็ นบทอุปมา
97. สมปองมี……………………………………ทีไม่ดีต่อการนําแรงานต่างชาติมาใช้
ก. ทรรศนะ ข. ทัศนคติ ค. ความเห็น ง.ความคิด
คําตอบ ข. ทัศนคติ หมายถึง แนวความคิดเห็น
98.ครู ………………ให้ฉนั เขียนเรี ยงความซึ งฉันไม่ชอบเลย
ก. เขียวเข็ญ ข.เคียวเข็ญ ค. บีบคัน ง. บังคับ
คําตอบ ข. เคียวเข็ญ หมายถึง บีบบังคัน, บีบคันให้ได้ลาํ บาก
99. ชาวนาไทยไม่ควรจะ……………………….กับอุปสรรคต่างๆ
ก.หวาดไหว ข.หวาดกลัว ค.หวาดหวัน ง.หวาดเสี ยว
คําตอบ ค. หวาดหวัน หมายถึง พรันกลัว
100. นักมวยไทยก่อนชกจะรําไหว้ครู และกระทึบเท้าเพือเป็ นการ………………คู่ต่อสู ้
ก. เขย่าขวัญ ข. ข่มขวัญ ค.ขย่มขวัญ ง.ข่มเหง
คําตอบ ข. ข่มขวัญ หมายถึง ทําให้เสี ยขวัญ
101.ตํารวจพยายาม…………ให้ผรู ้ ้ายยอมรับสารภาพ
ก. ไกล่เกลีย ข. เกลียกล่อม ค. ขู่เข็ญ ง.บังคับ
คําตอบ ข. เกลียกล่อม หมายถึง ชักชวนจูงใจให้ร่วมพวก, พูดจูงใจให้คล้อยตามหรื อปฏิบตั ิตาม
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
44
คู่มือเตรี ยมสอบ

102. บิดาของเธอเป็ นคนทีมีจิตใจ…………….ต่อคนทัวไป


ก. เกือหนุ น ข. โอบอ้อม ค.อ่อนน้อม ง นอบน้อม
คําตอบ ข. โอบอ้อม หมายถึง เอือเฟื อเผือแผ่แก่ผูอ้ ืน
103. ถ้าเธอทํางานนีสําเร็ จเธอจะเป็ นที……………..ของเจ้านาย
ก. ถูกใจ ข. ต้องใจ ค. อ่อนน้อม ง. โปรดปราน
คําตอบ ง. โปรดปราน หมายถึง เอ็นดู, รักใคร่
104. เกษตรกาทีบ้านเรื อนถูกนําท่วมได้รับการ…………………..ไม่ตอ้ งจ่ายดอกเบียธนาคาร
ก. ผ่อนผัน ข. ผัดผ่อน ค. ผ่อนปรน ง. ผ่อนชําระ
คําตอบ ก. ผ่อนผัน หมายถึง ลดหย่อนตาม, ลดหย่อนให้
105. แถวนีไม่ค่อยมีบา้ นคนอาศัยอยู่ ทําให้ฉนั รู ้สึก…………………….
ก. เงียบกริ บ ข. เงียบขรึ ม ค. เงียบเชียบ ง. เงียบเหงา
คําตอบ ง. เงียบเหงา หมายถึง เปล่าเปลียว, ว้าเหว่, ไม่มีใคร ไปมาหาสู่
106. ผูท้ ีไม่เห็น……………ของการชิงสุ กก่อนห่าม ย่อมจะมีแต่ความเดือดร้อน
ก. ผล ข. โทษ ค.บาป ง. กรรม
คําตอบ ข. โทษ หมายถึง ความไม่ดี,ความชัว
107. ครู เป็ นบุคคลทีสามารถจะ…………………เยาวชนให้เป็ นคนดีได้
ก.ปลุกปั น ข. ปลุกปลํา ค. กล่อมเกลา ง. กลันกรอง
คําตอบ ค. กล่อมเกลา หมายถึง อบรมให้มีนิสัยไปในทางทีดี
108. สิ งทีเรายึดถือเป็ นแนวปฏิบตั ิในการดําเนินชีวิต เรี ยกว่า ………………
ก. คติ ข. ทรรศนะ ค. ทัศนคติ ง. อุดมคติ
คําตอบ ก. คติ หมายถึง แบบอย่าง, วิธี, แนวทาง
109. อยูค่ นเดียวระวังความคิดจะ……………….
ก. เฟื อง ข. ฟุ้งซ่าน ค. ฟุ้งเฟ้อ ง. ฟุ้งเฟื อง
คําตอบ ข. ฟุ้งซ่าน หมายถึง ไม่สงบ, พล่านไป, ส่ ายไป
110. แม้อายุจะล่วงเลยใกล้เจ็ดสิ บแล้ว แต่เขายังเดิน…………….อยูเ่ ลย
ก. กระฉับกระเฉง ข.กระชุ่มกระชวย
ค. กระชดกระช้อย ง. กระปรี กระเปร่ า
คําตอบ ก. กระฉับกระเฉง หมายถึง คล่องแคล่ว, กระปรี กระเปร่ า

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1


45

Reading Comprehension

Directions : Read the following passages and choose the best answer for each question.
(%& ' : 67 8 8 ก 9 : : 9 8; 9 < )
Passage 1
Nang Yai, a form of shadow pupetry and an ancient mode of amusement for ThailandBs
aristocracy, is a combination of several art forms including designing, carving on cowhide, manual
manipulation, music, and literature. Performed in various royal ceremonies to praise the power and
glory of the king, Nang Yai, which mainly related to the related to the monarchy and heroic deeds,
often derived from such epics as the Maha-Bharata, Ramayana, and Ramakian (the Thai version of the
Indian epic Ramayana).
Nang Yai performances involve shadow pupets made from tanned cowhide and fashioned into
figures of humans, animals, places and other objects. In keeping with the story and narration,
pupeteers manipulate the puppets while a pipat musical ensemble plays in the background. Puppeteers
work their puppets both from in front and behind a white screen illuminated from behind to reflect
shadows onto the screen.
ก ! "# $% % &' " ก
! ()*! *! & " % ก ก ก ก! ก ก + ' ,(
$ ( %- - "ก ./( (Royal Ceremonies) "< ./( (ก ! .+
! ! . = > . ก(" ,"&% . ก?, "@ ก> ก () ! ( )
ก(+" ก . ก?, "@ ( ก , < ก ( (+ > ก ก ."@, < + A , "
ก(" ,B ( + % ก ."@ " ' ")
ก : M NM 9Oก P ก 8; ก 7Q 7 R ST T
< 8; < R 9 ก :U 8;ก V ก T % -./01 7Q W U: X; 7YZV T
O; 8 : 7 ;ก [: U: O; U: : 8;: 8 O: 8 O O; U:6P
6 VM 677 ก\ O
1. The passage is about __________ .
1. the Thai culture 2. Nang Yai
3. Thai music 4. Thai performance
23 ก ก __________ .

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


46

1. b c 6 2. M N (ก8 9 R)
3. : 6 4. ก : 6
4 2. Nang Yai
2. Puppets are made from __________ .
1. paper 2. metal 3. cowhide 4. plastic
23 9 O ก __________ .
1. ก ;: S 2. [8 ; 3. 4. V8 Uก
4 3. cowhide
3. The word danciente in line 1 is closest in meaning to __________ .
1. big 2. popular 3. amazing 4. old
23 9 danciente M : 1 Mก8 ก __________ .
1. M N 2. V 8 3. g 4. ก ก
4 4. old
ancient = old ( ก ก [ X)
4. Which of the following art forms is not included in Nang Yai performance?
1. dancing 2. music 3. designing 4. literature
2 3 7 kU87;6 6 6 6: M ก : M N?
4 1. dancing
8 กO ก : 3 designing, carving, manual manipulator music, literatura 6 กl
1. dancing
5. Nang Yai mainly derived from such epics as the Maha-Bharata, Ramayana, etc. because ____ .
1. such epics were popular among Thai people
2. such epics were the only ones that we have
3. the performanceBs aim was to praise the power and glory of the king
4. cannot tell
23 M N M N6: O ก ก V T R n ; ;, ; 7Q V ;-
__________ .
1. ก V T 8 7Q V 8 M ก8 6
2. ก V T 8 7Q U
3. 7o ก : V UNV ; 9 O 8;V ; ก U k V ; กS U T
(O ก : 4-5)
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
47

4. 6 < ก6:
4 3. the performance<s aim was to praise the power and glory of the king
6. Which one of the following is needed for a Nang Yai performance?
1. Golden colour 2. A cow 3. The king 4. Light
23 6 67 O9 7Q 9 ก : M N?
1. 2. 3. V ; กS U T 4.
4 2. A cow
7. The writer defines Nang Yai __________ .
1. in the beginning of paragraph 1 2. at the end of paragraph 1
3. in the beginning of paragraph 2 4. at the end of paragraph 2
2 3 W 6:M M N __________ .
4 1. in the beginning of paragraph 1
M 1 กl 7 ;[ 1 M (,) [: กl
cU
8. Which is correct according to the passage?
1. Nang Yai was performed in temples
2. Nang Yai was performed by men only
3. Nang Yai was performed for the aristocracy
4. Nang Yai was originally from another country
23 6 <ก ?
1. M N : : R
2. M N<ก : [: W
3. M N<ก : M ก :M ก (O ก : 1-2)
4. M N ก9 U: O ก7 ; k
4 3. Nang Yai was performed for the aristocracy
9. Puppeteers are the ones who __________ .
1. make puppets 2. exchange puppets
3. write the puppet story 4. perform with puppets
23 U: __________ .
1. W8U 2. 8ก 78
3. 4. : U:
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
48

4 4. perform with puppets


10. Paragraph 2 is about __________ .
1. what Nang Yai is 2. how Nang Yai is performed
3. where Nang Yai is performed 4. All are correct
23 2 ก ก __________ .
1. M N ;6 2. M N<ก : 6
3. M N<ก : 6 4. <ก :
4 2. how Nang Yai is performed
Passage 2
(1)
(1) In many respects, mud is the fabrio of life. (2)It has a multitude of practical everyday uses.
(3)
Used as cosmetics, mud baths make womenBs skin soft, smooth, and beautiful. (4)Drug
companies search the world over for mud and soil sample that contain molds the produce
antibodies. (5)Mud is forced down drilling pipes int the oil industry to lubricate the hot drilling
bits and remove chips of rock and dust.
(1)
(2) Perhaps the biggest use of mud has been in agriculture. (2)As far back as human society can
remember, rich organic river mud has been used for farming. (3)The Nile River Valley, often
called the dcradle of civilization,e grew out of the organic muds that overflowed the riverBs
banks. (4)Today dmucke farms produce a large amount of our vegetables and fruits; swamps are
drained and the muds are truned to soils.
(1)
(1) Oก 8 R [ 8 7Q M U (2)M U 7 ;O9 ก 9[ 8 M
(3)
ก M 7Q 9 ก [ 8 9 M WU W NU 8 8; }
(4)
US 8 R [ 8 8;:U } n U ก 6:O ก
[8ก (5)M ก 9 [ 8 <กg:8 M :O ; 9 V 8 8 : ก :O ;
8; 9 M kS U 8;~• 8: ก67
(1)
(2) ก 9 [ 8 M M n กS O< 7 U X ก : (2) 67M ST
(3)
}ก6 [ 8 9 U T 1/3 3 A BC <ก 9 M M ก V ;78ก
8 9 6 T ก6: ก d 8 ก9 U: c e Vb } O ก[ 8
(4)
U T } V ~€Z 9 ก V ;78ก d: 7• กe M 7€OO <W8U Wก
8;W86 M 6:O9 ก 9 <ก 9 M 8;[ 8 กl<ก 78 7Q :U

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


49

11. This passage is about __________ .


1. the fabric of life 2. the use of mud
3. the origin of mud 4. the most important natural product
23 ก ก __________ .
1. M U 2. ก M [ 8
3. ก9 U: [ 8 4. W8U nX‚Tc U 9 N :
4 2. the use of mud
V:<} ก 9 [ 8 67M 7 ;[ T ก (uses)
12. In paragraph 1, there is (are) __________ minor supporting detail(s).
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
23 M 1, 7 ;[ 8; : __________ 7 ;[
4 3. 3
Oก 1 7 ;[ ก 7Q main idea top sentence MO 9 Nก 7 ;[ 2
7Q major supporting detail uses 7 ;[ 3, 4, 5 ก8 <} ก 9 [ 8 67M M : 6
g; 3 7 ;[ 7Q major
13. In paragraph 1, sentence __________ is the topic sentence.
1. 1 2. 2 3. 4 4. 5
23 M 1, 7 ;[ __________ 7Q 7 ;[ MO 9 N
4 1. 1
7 ;[ 1
14. In paragraph 2, the author cites __________ good point(s) of mud.
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
23 M 2, W 6: ก __________ M : [8
4 4. 4
Oก 2 7 ;[ 1, 2, 3, 4 4 7 ;[ : ก8 <} : [ 8
15. Which of the following can replace driche in paragraph 2, sentence 2?
1. various 2. wealthy 3. fertile 4. much
23 6 6 < 9 driche M 2 7 ;[ 2 ?
4 3. 3
rich = fertile ( : XT)

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


50

16. The Nile River Valley is called the dcradle of civilizatione because of the __________ .
1. mud it supplies to the oil industry
2. abundance of fish found in the river
3. medical properties found in the river
4. organic muds that overflowed the riverBs banks
23 8 9 6 8T<ก d 8 ก9 U: c e V ; __________ .
4 4. organic muds that overflowed the river<s banks
8 กO ก 2 7 ;[ 3
17. Which sentence in paragraph 2 states the most significant use of mud?
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
2 3 7 ;[ 6 M 2 ก8 <} ก 9 [ 8 M 9 N :?
4 1. 1
O ก7 ;[ 1 2 the biggest use
18. How many major supporting details are there in paragraph 2?
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
23 7 ;[ 8; : 8กก7 ;[ M 2?
4 3. 3
7 ;[ 2, 3 8; 4 7 ;[ 1
19. The main function of the details in this passage is to __________ .
1. the fabric of life 2. the use of mud
3. the origin of mud 4. the most important natural product
23 8ก 8; :M V __________ .
1. ก M กU:MOO:O 2. 9 8; XT
3. M 4. 9 M กU:89 : ก XT
4 3. the origin of mud
Passage 3
Acupuncture is a traditional Chinese medicine that has been viewed with suspicion in the west.
Many Chinese doctors regard acupuncture as an effective treatment for various illnesses such as stroke.
Recently, scientific studies of the effects of acupuncture have begun in China and almost all trials as a
tratment for stroke have been positive. Another study from the UK showed that several other countries
had found positive results too.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
51

The Cochrane Collaboration, an international non-profit organization conducted a review of the


benefits of acupuncture. They found that those who received treatment within 30 days of suffering a
stroke were much more likely to make a positive recovery than those who were not treated. dShame
acupuncture were small. This may be because of the ‡placebo effectB whereby patients believe in the
treatment and positive effects experienced.
However, the biggest problem with the current research is that most studies are of a poor
quality and are therefore unreliable. For example, only three trials used dshame used in the trials in
China. Part of the problem is that in the Chinese studies the patients are hand-picked. Patients come to
the hospital to receive treatment because they already believe and trust in traditional medicines. These
patients are not willing to be put into a control group to receive ‡shamB treatment and therefore it is
difficult to conduct a proper study.
There is also a problem with the measurement of the results of acupuncture. Chinese doctors
believe that outcome measurement of acupuncture should be different from that of those used in
conventional western medicine because the theory of acupuncture is different. But these measurements
have not yet been specified.
The recent study in China, including 862 patients is the largest trial conducted to date and the
results could prove to be invaluable in the treatment of stroken patents. However, at present there is not
enough data available to endorse the routine use of acupuncture in the treatment of stroke. What we do
know is that acupuncture is cheap, safe and potentially effective treatment that is trusted by many
people, particularly in China.
V:<} ก ~€ l } 7Q Ucก กS ก V T O [ X 7€OO
V 8 67 7 ; k ; ก W 6 O ก UO <} W8 ก กS
~€ l } V W8: ก กS [ V ก UO 7 ; 7€N V ; :
< ก : ‰ ก ก ก :W8 [: 7ก ~€ l 7Q Uc กS ก V T
6 V 8; 7Q M O 7Q ก
20. Where would you read this piece of writing?
1. A novel 2. A brochure
3. An advertisement 4. An editorial
4 4. An editorial
O; M X cUก V ; 7Q : U: l ก ก ก ~€ l
1. U 2. W V 3. [ŠSX
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
52

21. What would be the most suitable title for this article?
1. Major suspicions about acupuncture
2. The revolt against conventional medicine in China
3. The validity of acupuncture as an alternative therapy
4. The growing acceptance of acupuncture around the world
4 3. The validity of acupuncture as an alternative therapy
; : 9 3. W8 (validity) ก ~€ l M
‰ ;ก กS [ 8 กM (alternative therapy) V ; V:<} : 8;
ก ~€ l กก8 <} : 8; V:<} 7€N
: 7Q ก 7 ก ~€ l O;6:W8:M ก กS 6 7Q V กl 6
8 กV O; M M ก ~€ l กS [ V 67
22. Why has acupuncture been viewed with suspicion in the west?
1. Because there is no solid evidence of its benefits
2. Because westerners do not believe in traditional medicines
3. Because no one has ever benefited from this kind of treatment
4. Because some of the studies have shown that his treatment can work
4 1. Because there is no solid evidence of its benefits
ก ~€ l <ก ; ก 8 8 V ;6 8ก‰ < ก ก
7 ;[ T ก ~€ l ( 1. 7Q 9 <ก ) 9 3 7 ;[ ก
8; 4 7 ;[ :
23. What did the Cochrane Collaboration find about acupuncture?
1. That people suffering from stroke will rarely have any benefit
2. That people suffering from stroke will be cured within 30 days
3. That people suffering from stroke may experience positive results
4. That people suffering from stroke should always receive this treatment
4 3. That people suffering from stroke may experience positive results
U Cochrane Collaboration V ก ก ก ~€ l W7• 7Q [ V O6: W8:O ก
ก ~€ l ( 3.) 1. 6 <ก V ;M V:6 : O 7• 7Q V O;6:
W8:< M ก ~€ l 2. 6 <ก V ;6 6:V: 7Q V O; 6:n M 30 V:
7• ก ~€ l n M 30 4. 6 <ก V ; 6 6: ;
7Q V กS : ก ~€ l 67
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
53

24. Why were the results between ‡shamB and ‡realB acupuncture similar?
1. Because it is basically the same treatment
2. Because conventional medicine was used as well
3. Because patients took this treatment for a long period of time
4. Because the power of the mind can encourage beneficial effects
4 4. Because the power of the mind can encourage beneficial effects
W8O กก ~€ l ‡shamB 8 8} ก W8O ก ‡realB กl V ; 4. 9 O OU MO
ก ; M กU:W8 U ก 9 7 ;[ : 2
25. Why do researchers have problems with ‡shamB acupuncture?
1. Patients want to have placebo treatment
2. There is no way of controlling the outcome of the study
3. The Chinese doctors are unwilling to conduct this study
4. It is difficult to distinguish between real and placebo effects
4 4. It is difficult to distinguish between real and placebo effects
ก UO 7€N ก ก ~€ l dshame V ; 4. 7Q ก O; ก ;W8 6:
O กก ~€ l O U 8; 8 ก (placebo/sham) 9 dthe differences between
dshame and real acupuncture were smalle
26. Why is acupuncture difficult to measure?
1. Because traditional medicine is hard to interpret in modern terms
2. Because the tests conducted are usually unreliable and of poor quality
3. Because there are no agreed measurement standards currently available
4. Because people who suffer strokes do not demonstrates recovery patterns
4 3. Because there are no agreed measurement standards currently available
ก ก ~€ l 7Q ก O; :กl V ; 3. 6 ‰ ก :W8 7Q
M X; ( 9 4 7 ;[ : But these measurements have not yet been
specified) 2. 6 <ก 6 < 8; Xn V6 : 6 M : (tests) 7Q ก
UO (studies)
27. Why do many Chinese patients believe in the benefits of acupunctuer?
1. Acupuncture can cure many illnesses
2. The government promotes the use of acupuncture
3. Chinese people cannot afford conventional medicine
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
54

4. Culturally, traditional medicine is very popular in China


4 4. Culturally, traditional medicine is very popular in China
6 O O9 ก M 7 ;[ T ก ~€ l V ; V T W [ X6:
U กM O 4. 7Q <ก 9 3 dPatients come to the hospital
to receive treatment because they already believe and trust in traditional medicinese 8;
: d U กl ก ~€ l 6 V 78 :n 8; 7Q Ucก กS 6:W8:
8; 7Q [: O9 ก[: gV ;M O e
28. Why has acupuncture not yet been used routinely in the west?
1. Not many people trust in the drawbacks of this treatment
2. There is still not enough evidence to support this treatment
3. Many westerners are afraid of putting needles into their bodies
4. Acupuncture has not yet been proved to be a safe form of treatment
4 2. There is still not enough evidence to support this treatment
W8 ก ~€ l 6 6:M O U O M [8ก ; กกl 2. 6 8ก‰
V O; ก ~€ l 9 7 ;[ ก 3.
29. Overall, what mood is portrayed by the end of this article?
1. Skeptical 2. Supportive
3. Dismissive 4. Informative
4 1. Skeptical
M : <} XT 1. 8 8 MO O ก 9 What
do we know = กl M }ก W 6 < 78 676: ก ~€ l :
OUR
Passage 4
Two studies conducted in South AmericaBs Amazon forest show that greater incidence of
malaria in newly settle frontier regions is related not just to the increase in human numbers, but to
changes in the landscape itself.
Over a year, various researchers collected mosquitoes at 56 sites in states of deforestation along
a new road that cuts through the Amazon in mortheastern Peru. The scientist counted how often the
insects landed on humans at each site. Their results, published in the January issue of the american
Journal of Tropical Medicine and Hygiene, reveals that the bite rate from PeruBs main malaria-spreading
mosquito, Anopheles darlingi, was nearly 300 times greater in areas cleared for logging, ranching, and
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
55

other human activities than in areas with less ecological alternation. dBy dramatically changing the
landscape, we are tipping the balance in a way that is increasing the risk of malaria transmission,e says
senior author Jonathan Patz, a prefessor at the University of Wisconsin-MadisonBs Nelson Istitute for
Environmental Studies.
A report in the February 14 issue of the Proceeding of the National Academy of Sciences
pointed to similar links between malaria and deforestation. The study, conducted by a different research
team in BrazilBs Amazon, attributes heightened malaria risk to the increase in standing water that comes
with tree-clearing and other ecosystem changes in the early stages of human settlement. New pools of
water create ideal egg-laying environments for A. darlingi, the scientists note. However, once
agriculture and urban development are better established in frontier regions, this breeding habitat
declines and malaria transmission rates fall. The Amazon research aims to inform efforts to better
manage malaria out-breaks, and also confirms the importance of close collaboration between the health
and conservation communities. Since 1980, more than 50 million hectares of Amazon forest has been
lost, an area roughly the size of Thailand.
7Q ก k}กS 2 7• M 7 Uก M } : M l ก กU:[ 8
VU ก } M < ก V V67 ก กM 6 V [ ก O9
7 ; ก VU } V cTก ก 78 78 n U7 ; k ก:
: ก M l ก 78 78 n U7 ; k 9 M VU ก
; :[ 8 : ก n V cT ก8 <} ก [ M 9 : ก ;
[ 8 8;ก :6 9 8 7• 8; 9 N ก ก Mก8 U: ; ~•
c X 8; กST U :8
30. On which of the following subjects do the two studies focus?
1. The landscape is changing
2. Human numbers are increasing
3. People get malaria more frequently
4. Border areas have higher numbers of mosquitoes
4 3. People get malaria more frequently
: ก ก ก k}กS : M l <} ก กU:[ 8 ก } 8;M
7 ;[ : d....... Increasing the risk of malaria transmissione 8 ก 3.
V ; :

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


56

31. Which areas are studied?


1. Maritime areas
2. Mosquito-infested water reserves
3. Plantations in the Amazon River basin
4. Areas people have moved into recently
4 4. Areas people have moved into recently
U X ก k}กS U X V V67 ก ก lR 9 din newly
settled frontier regionse
32. What is deforestation?
1. The farming of trees
2. The elimination of trees
3. The breeding of mosquitoes
4. The increase in temperatures on forests
4 2. The elimination of trees
deforestation <} ก :6 9 8 7• ก 2. ก ก9 O: 6 R
33. What is the major finding of the first study?
1. Deforestation cauese malaria
2. Mosquitoes are taking over the land in deforestation areas
3. There are 300 times fewer mosquitoes in deforestation areas than elsewhere
4. Mosquitoes are biting people more often in deforestation areas than elsewhere
4 4. Mosquitoes are biting people more often in deforestation areas than elsewhere
ก k}กS กV dM < ก :6 9 8 7• O;ก: กก M e 9
7 ;[ 3 2 dO กก k}กS VU VT ก V ก ก:
Anopheles darlingi ก O; กก 300 M < ก :6 9 8 7• ก
6 ก 78 78 U kU กe
34. What is Anopheles darlingi?
1. A type of malaria 2. A type of mosquito
3. A region near the Amazon River 4. A title of scientific research journal
4 2. A type of mosquito
Anopheles darlingi U: } 9 dPeruBs main malaria-speading mosquito,
Anopheles darlingie
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
57

35. What reason is cited to explain the findings of the first study?
1. Changes to the ecosystem
2. Increased global temperature
3. Mosquitoes are more aggressive
4. Malaria transmission methods are changing
4 1. Changes to the ecosystem
M ก V O กก k}กS ก ก <} W8 M: 9 1. ก 78 78
; U k U : 7 ;[ :
36. What is the major finding of the second study?
1. Malaria and deforestation are unrelated
2. Mosquito eggs live longer in standing water
3. Humans develop differently, due to malaria transmission
4. Standing water is increasing the risk of malaria transmission
4 4. Standing water is increasing the risk of malaria transmission
ก k} ก S V d n ; 9 U 9M ก ก ; : 8 VU } e
9 3 7 ;[ 2
37. Which groups need to work closely together?
1. The authors of the two articles
2. The two research journals mentiones
3. Ministries of health and ministries of the environment
4. The research team in Peru and the research team in Brazil
4 3. Ministries of health and ministries of the environment
ก8 O; 9 Mก8 U: ก ก; c X 8;ก ; :
U :8 V:6 : O : 7 ;[ ก : d..... confirms the importance
of close collaboration between the health and conservation communitiese
38. What is the best title for this article?
1. Malaria in the Amazon
2. Global Issues About Malaria
3. Malaria Linked to Deforestation
4. Prevention of Malaria Transmission
4 3. Malaria Linked to Deforestation
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
58

: : 9 3. [ 8 ก [ ก ก :6 9 8 7•
<} ก ; 8 ก ก 78 78 n U7 ; k
39. What can be inferred from the article?
1. Thailand will have the same problems as Peru and Brazil
2. Environmentalists are not working enough with lealth wxperts
3. Peru and Brazil are carefully controlling the transmission of malaria
4. Certain mosquitoes are becoming stronger and can spread malaria more quickly
4 2. Environmentalists are not working enough with lealth wxperts
Oก < 76: d ก กST U :8 6 6: 9 ก ก W N:
c X กV (=6 ก )e 9 7 ;[ ก : :
dก k}ก S : ก8 O; <} 9 N ก Mก8 U : ; ~•
c X 8;~• กST U :8 e
Passage 5
Sari Zayed of Davis, California, made headlines in 1994 when a city noise enforcement officer
issued Zayed a $50 citation at 1:30 in the morning after a neighbor complained her snoring kept him
awake at night. Zayed go the last laugh. She sued for $24,500 for stress, weight loss and emotional
strain, and settled out of court $13,500.
Snorers arenBt trying to keep others aeake at night. Most of the time, they donBt even know
they snort-they are after all, unconscious at the time. Some anthropologists have suggested that snoring
is a primitive way of keeping beasts away at night. Ear, nose and throat doctors take a different view.
Doctors take snoring seriously. The most serious form is sleep apnea, in which the sleeper
actually stops breathing for periods of at least 10 seconds. Hundreds of times a night. During as much
half their sleep time, patients with sleep apnea may show below-average concentrations of oxygen in
their blood. A lack of oxygen can cause the heart of pump harder and over time can contribute to high
blood pressure.
During REM sleep, the brain sends out an inhibitor that basically paralyzes the body,
presumably to keep you from acting out vivid dreams. When a sleep apnea suffererBs breathing is cut
off, the body rouses itself with a joist of adrenaline. Breathing resumes, the person falls back to sleep
and the whole things start again. These dmicro-arousalse can happen as many as 600 times a night,
disrupting a snorerBs sleep cycle. Studies have linked their apnea induced sleepiness to an increase in

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


59

car accidents. A study by the Mayo Clinic also shows that spouses of heavy snorers lose an average of
oneBs hour sleep a night.
People have been trying to develop a snoring cure as far back as the American Revolution when
soldiers sewed small cannonballs into pockests on the back of the snorer-offendersB uniforms so they
would not roll onto their backs. Today, more than 300 anti-snoring devices are registered with the U.S.
Patent and Trademark Office.
To reduce your nighttime noise making, try losing weight, avoiding alcohol within three hours
before you go to sleep and ironically, getting enough sleep. If that doesnBt work, consult a physician,
There are a number of things they can try, such as breathing masks, mouthpieces and surgery.
7Q ก ก ก ก (snore) Wก 6 7Q W 9 M กU : : ก M 8
ก8 ก V Tก ก < 7Q OUO กX : O<} n ; : MO
8 8 (sleep apnea) 6: V O; ก6 กS ก ก M 7 R ก 6 O;
ก6 V‘ Uก Wก W8U nX‚T R O; M ก
40. How mush Zayed benefit from her snoring?
1. $3,450 2. $13,500
3. $50 4. $24,500
4 2. $13,500
9< < ‡Zayed 6:7 ;[ TO กก ก c 6 B กก8 Zayed <ก
ก กl U $50 O ก O (city noise enforcement) O กV
c ก8 ก c 9 M M 8 ก8 Zayed 6: ; 8:
(got the last laugh) c Po (sued) ก8 7Q O9 U $24,500 O กก8 9
M c : 9 ก8: : XT 8; c 6: ก8 กk 8: U :
$13,500 M 2. <ก
41. 8 ก : :
1. had wit and humor 2. got excited and nervous
3. expressed loud and clear noise 4. was more successful in the end
4 4. was more successful in the end
M: Mก8 ก 9 ‡got the last laughB 9 d ; 8
:ก e d 8 O;: ก e ก 4. d7 ; 9 lO กก M O e

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


60

42. Which of the following is TRUE about the snorers?


1. They cannot sleep all night
2. They are unaware of their habit
3. They try to annoy their neighbor
4. They went to be safe from dangerous animals
4 2. They are unaware of their habit
d M:<ก ก ก W ก e O ก7 ;[ 2 2 ก8 dW ก 6 :
9 V ก ก V ก 6 } ก (unconscious) M 2. dV ก 6 6:
; ก<} (unaware) U V ก e O} <ก
43. What does the writer talk about in the third paragraph?
1. Sleep apnea 2. Breathing pattern
3. Heart functioning 4. Concentration of oxygen
4 1. Sleep apnea
W V:<} ;6 M 3 3 U [: ก8 d V T< ก ก 7Q
OUO ก :กl n ก XT : MO M X; 8 (sleep apnea)e
8 O;ก8 <} n ; :
44. Which of the following does the writer refer to when he mentions dnighttime noise makinge?
1. Snoring 2. Dreaming
3. Sleepling 4. Breathing
4 1. Snoring
W <} M: <} ก 9 : ก M 8 ก8 (nighttime noise
making) W M 8 M : 7 ;[ 1 [: V:<} ก 8: : ก M 8
ก8 : Uc ก R กO ก ก ก ก ก : 1. dก ก e O}
<ก
45. If you donBt want to change your normal behavior, what will the doctor suggest?
1. Lose weight
2. Get enough sleep
3. Try breathing masks
4. Avoid alcohol before retiring at night
4 3. Try breathing masks

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


61

< X6 ก 78 V‘ Uก 7ก U (normal behavior) X V TO; ; 9 M: 3.


8 ก ก MO (breathing masks)
46. What does dtheye in the last paragraph refer to?
1. Snorers 2. Doctors
3. Soldiers 4. Spouses
4 1. Snorers
9 dtheye M : <} M : 7Q ก ; 9 Uc ก R O; 9
M W ก (snorers) 8Uกก 7 ;[ : ก8 d ก 8 Uc ก Vก
<8 6:e ก ก MO 7ก XT 9 M 7 ก (mouth pieces) ก
W : (surgery) dTheye dW ก e
47. What do you find odd and amusing at the end about the writerBs suggestions?
1. Losing weight
2. Getting enough sleep
3. Nighttime noise making
4. Avoiding alcohol before sleeping
4 2. Getting enough sleep
;6 X U: 78ก (odd) 8; (amusing) ก ก 9 ; 9 W M O
: M 9 ; 9 ก ก ก :ก : Uc R 8: 9 ก 8ก 8 ก : 8
ก 3 [ 8; :O; : O U (ironically) กl ก M V V (getting
enough sleep) ก M 9 dironicallye W : M l W กl U: 78ก 2. O}
<ก
48. What main idea does the writer describe in the fourth paragraph?
1. An REM sleep 2. A snorerBs sleep cycle
3. Micro-arousal activites 4. The cause of an accident
4 1. An REM sleep
MO 8ก (main idea) 4 M: 4 7 ;[ U : ก ก8 <}
dREM Sleepe 8 กl <} 1. O} <ก
49. Which of the following sleeping position will encourage snoring?
1. Lying on the back 2. Lying on the stomach
3. Lying on the left side 4. Lying on the right side
4 1. Lying on the back
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
62

M:O;ก ; M กU: (encourage) ก ก 5 ก8 <} ก ก7€N ก


7’U U Uก ก l 8กก ; 7“ M N (cannonballs) U : 6 8
V Vก O;6 V8Uกก8 (they would not roll on their back) :
7Q 9 M กU:ก ก

Passage 6
African Elephant
The African elephant is the largest land animal in the world. It measures 4 metres tall and
weighs up to 6 tons. It is strictly a herbivore. It has two main enemies-the farmer and the poacher.
Poaschers hunt the African elephants for their expensive tusks. The African elephants often encroach
into farmlands in search of food. Farmers kill the adult elephants when efforts to drive them away fail.
Baby elephants, on the other hand, and captured and sent to zoos and circuses.
P Uก 7Q T ก :M N :M [8ก 4 ก<} 6 8; 7Q T
กU V 7Q V : k 8กR 2 8; V V 8
P Uก V V P Uก 8ก89 V V 67 O} Š
[ l (Adult Elephant) 6 < 68 9 8ก กlO;2AกT' 8; M ก
T 8; X;8; T
50. What about the African elephant is not mentioned in the paregraph?
1. Its dislikes 2. Its physical characteristics
3. Its food 4. None is correct
23 ก ก P Uก 6 6 6:ก8 <} M ?
1. 6 2. 8กSX; ก
3. 4. 6 M:<ก
4 1. Its dislikes
8 ก 6 6:V:<} 6
51. The word dpoacherse refers to __________ .
1. farmers 2. hunters 3. caretakers 4. villagers
23 9 d V e U <} __________ .
4 2. hunters
poachers = hunters ( V )

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


63

52. Which is correct according to the paragraph?


1. The African elephant is found in Asia
2. Many kinds of animals are already extinct
3. The largest land animal weighs up to 6 tons
4. The African elephant feeds on small animals
23 6 <ก ?
1. P Uก <กV M 7
2. T 8 7 ; n ก 6: NV cT 8
3. T ก :M N : 9 ก<} 6
4. P Uก 8 : T 8lกR
4 3. The largest land animal weighs up to 6 tons
53. Farmers kill adult elephant because __________ .
1. they want their tusks
2. they want to protect baby elephants
3. the elephants invade their farmlands
4. they want baby elephants to be sent to zoos and circuses
23 Š [ l V ; __________ .
4 3. the elephants invade their farmlands
8ก89 67M V Vก
54. According to the paragraph, the African elephantBs enemies refers to the ones who _____ .
1. hate it 2. feed it 3. drive it away 4. kill it
23 ,k P Uก <} __________ .
1. ก8 : 2. M 3. 68 ก67 4. Š
4 4. kill it
55. The word dcapturede is closest in meaning to __________ .
1. caught 2. protected 3. shown 4. killed
23 9 dO e Mก8 ก __________ .
4 1. caught
capture = catch (V2 = caught) O

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


64

Passage 7
(1)
My sense organs of smell and taste work together. (2)For example, if I am eating an apple,
my nose smells how sweet it is and tiny bumps (called taste buds) on my tongue pick up its flavor.
(3)
When I have a cold, my nose often gets stuffed up. (4)So, it is hard to smell and taste thing.
(1)
; ก8U 8; g 9 67V ก (2) < g ก9 8 กU 7 7”•8 O ก g กl
O; ก8U 7 7”•8 V M: 8; 8lกR ( ก ) 8U g กlO;
(3) (4)
3' g 7Q : O ก g กlO; 9 ก6 8 O} 9 M : ก8U 8; U R 6:
ก89 ก
56. The main idea is in sentence __________ .
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
2 3 MO 9 N M 7 ;[ __________ .
4 1. 1
7 ;[ 1
57. Tacte buds allow you to recognize __________ of food.
1. the smell 2. the flavor 3. the touch 4. 1 and 2
23 9 M X6: __________
1. ก8U 2. 3. W 4. 1 8; 2
4 2. the flavor
O ก6:ก8U O;
58. According to the paragraph, __________ .
1. we smell food whether we have a cold
2. we taste foodBs flavor before we smell it
3. when we canBt smell food we canBt taste its flavor
4. the smell organ is more important than the taste organ
23 __________ .
1. O;6:ก8U 6 O; 7Q : 6
2. ก O;6:ก8U
3. 6 6:ก8U กlO;6 6:
4. ; ก8U 9 N กก ;
4 3. when we can<t smell food we can<t taste its flovor

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1


65
1
ความรูเกี่ยวกับการบิน
ทั่วไป
ขอมูลเบื้องตนสําหรับใหกับผูที่ไมมีความรูเกี่ยวกับเครื่องบินมากอน และตองการจะทราบหลักพื้นฐานวา
ทําไมเครื่องบินถึงบินไดแตจะไมลึกลงไปในรายละเอียดมากนัก
บทนํา
Leonado da Vinci (1452-1519), ผูซึ่งศึกษาในรายละเอียดการบินของนก เขาก็สรุปผิดพลาดวา พลังกลาม
เนื้อของคนมีมากกวานกนา จะบินได
Giovanni Alphonso Borelli's (1680) ไดผลจากการศึกษาการบินของนก และ กลาววาคนไมมีกําลังพอที่จะ
ยกตัวเองและเครื่องบินขึ้นสูอากาศได และก็นําไปสูจุดจบของการทดลองเครื่องบินที่หนักกวาอากาศ
Jean-Francois วันที่ 15 ต.ค. 1783, ไดทําการบินบอลลูนอากาศรอน บินได 4 นาที 24 วินาที ตอมาอีก 2
เดือน บอลลูนที่บรรจุกาซไฮโดรเจนทําการบินสําเร็จใชเวลา 2 ช.ม.
German Otto Lilienthal (1848-1896),เปนผูสรางเครื่องรอนระบบที่หอยตัวที่สวยงามทําใหเขาเปนคนแรก
ในโลกที่มีความมั่นใจในการบินและ เขาบิน มากกวา 2000 ครั้ง เขาไมไดพัฒนาระบบการควบคุมการบินใหกับ
เครื่องรอนของเขาแตเขาควบคุมการบินเครื่องรอนของเขาดวยการโยกน้ําหนักของตัวเองไปมาเขาเสียชีวิตลงเมื่อ
อายุได 48 ป ใน วันที่ 10 ส.ค. 1896 เนื่องจากเครื่องรอนของเขาตกกระทบพื้น ผูบุกเบิกเครื่องรอนสมัยนั้น
ประกอบ ดวย Otto Lilienthal (เยอรมัน), Percy Pilcher (อังกฤษ) ซึ่งเขาก็เสียชีวิตเนื่องจากเครื่องรอนของเขาตก
เชนกัน
Wilbur (1867-1912) and Orville (1871-1948) Wright ไดใหความสนใจความเปนไปไดของอากาศยานใน
รุนแรก ๆ มาในป 1900 พี่นองคูนี้ไดเปน เพื่อนกับ Octave Chanute 1832-1910) และ Chanute พยายามชักนํา และ
ใหขอมูลตางๆ พรอมทั้งชวยเหลือจนกระทั่งพี่นองตระกูล Wrights ประสบความสําเร็จในการบินโดย ใชเครื่องยนต
การบิน ครั้งแรกที่เขาบินเครื่องบินชื่อ flyer ในวันที่ 17 ธ.ค. 1903 นี่คือสิ่งที่คนทั่ว ๆ ไป ยอมรับวาเปนคนแรกที่ทํา
ความฝนใหเปนจริง
หนวยที่เกี่ยวของกับดานการบิน
แรง (Force) = pounds(lb) ระยะทาง (Distance) = feet(ft)
เวลา (Time) = seconds(sec) ความเร็ว ที่บอกทิศทาง (Velocity) = ft/sec (fps)
พื้นที่ (Area) = square ft (ft2) ความกดดัน (Pressure) = lb/ft2 (psf)
อัตราเรง (Acceleration) = ft/sec/sec (fps2)
ความเร็วอากาศ(airspeed) = น็อต (Knots) ไมลทะเล/ชั่วโมง (nautical miles / hour)
อัตราการไต (Rates of climb) = ฟุต/นาที (feet / minute)
66
2
ทฤษฏีที่เกี่ยวของกับดานการบิน
พลังงาน (energy)
1. Potential energy (PE)
2. Kinetic energy (KE)
Total Energy = PE + KE
ความดัน (Pressure)
1. Static Pressure (P) = ความดันบรรยากาศ
2. Dynamic Pressure (Q) = ½ ρ V2
Total Pressure = Static Pressure + Dynamic Pressure
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
1. Inertial (วัตถุในเอกภพถามันหยุดนิ่ง หรือ คลื่นไหวมันจะรักษาอาการของการหยุดนิ่ง หรือ
เคลื่อนที่ไวจนกวาจะมีแรงหนึ่งแรงใดมากระทํากับมัน มันจึงจะเปลี่ยนสถานะภาพของการหยุดนิ่ง หรือการเคลื่อน
ไหวนั่นๆ ไปเปนอยางอื่น )
2. F = ma
3. Action = Reaction
คําจํากัดความและคําเฉพาะ ทางดานการบิน
คําจํากัดความและคําเฉพาะทางดานการบินเหลานี้ควรจะทราบไวบาง คือ
1. Aerodynamics Aero ก็คือคําที่มาจากภาษา Greek มีความหมายวาอากาศ และ Dynamics มาจากคําใน
ภาษา Greek มีความหมายวากําลัง ( Power) หรือเปนสาขาหนึ่งของ Physics ซึ่งพิจารณาเกี่ยวกับวัตถุเคลื่อนที่ และ
แรงที่ทาํ ใหเกิดการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น เมื่อนําเอาคําวา Aero รวมกับ คําวา Dynamics เราก็จะได
Aerodynamics ซึ่งมีความหมายวา " วิทยาศาสตร ที่วาดวย ผลที่ เกิดขึ้น เนื่องจาก อากาศ หรือ ก็าซ ที่ เคลื่อนที่
2. Relative Motion วัตถุที่ เปลี่ยนตําแหนงเราเรียกวาวัตถุเคลื่อนที่ Relative Motion คือ วัตถุเคลื่อนที่หรือ
เปลี่ยนตําแหนงโดยเปรียบเทียบกับวัตถุอีกอันหนึ่งเครื่องบินตองมี Relative Motion ระหวางเครื่องบินและอากาศ
ถึงจะบินอยูได ( Relative Motion ตองไมเทากับ ศูนย ) ความเร็วของการ เคลื่อนที่นี้ระหวางเครื่องบิน และ อากาศ
เราเรียกวา True Airspeed
3. Bernoulli' Principle หลักของ เบอรนูลลี่ กลาววา ความเร็ว ของ อากาศ เพิ่มขึ้น ความกดดัน จะ ลดลง
และ ในทํานองเดียวกัน ถา ความเร็วลม ลดลง ความกดดัน ของ อากาศ ก็จะ เพิ่มขึ้น.
4. Airfoil เปนคําเฉพาะหมายถึงพื้นผิวอะไรก็ไดเชน Airplane Aileron Elevator Rudder หรือปกเครื่อง
บิน ที่ออกแบบมาเพื่อใหเกิดปฏิกิริยาจากอากาศเมื่อมันเคลื่อนที่ ผาน
5. Angle of Attack คือมุมแหลมที่วัดระหวางแนวเสน Chord ของ Airfoil และแนวของ Relative Wind.
6. Cockpit เปนหองนักบินซึ่งแบง แยกออกจากหองโดยสาร
67
3

7. Control Stick or Control Column คือ ตัวควบคุมที่ตั้งตรง ( เหมือนเสา ) ที่อยูหนานักบิน นักบินใชสวน


นี้ควบคุมหรือสั่งใหเครื่องบิน เอียงซาย - ขวา หรือ เชิด หัวขึ้น - ลง ถาผลักเสานี้ไปขางหนาหรือดึงมาขางหลังก็จะ
ไปควบคุม Elevator ทําให เครื่องบิน เชิด หัว ขึ้น หรือ ลง ถาหมุน (มีสวนที่คลายพวงมาลัยรถยนต) ไปทางซายหรือ
ขวา ก็จะไปควบคุม Ailerons ทําใหเครื่องบินเอียงซาย หรือ ขวา ปจจุบัน เครื่องบินบางเครื่องเปนเสาเล็ก ๆ อยูดาน
ขางของนักบิน เรียกวา Side Stick ทํางานโดยการ โยก ซาย- ขวา และ หนา-หลัง
8. Aileron เปนพื้นบังคับที่เคลื่อนไหวไดใชในการ ควบคุมทาทางของเครื่องบิน ติดตั้งอยูที่ชายปกหลังสวน
ของปลายปกทั้งสองขาง มี่จุดมุงหมายเพื่อควบคุมอาการเอียงของเครื่องบินหรือเคลื่อนที่รอบแกน Longitudinal
Axis โดยสรางความแตกตางของแรงยกบนปกทั้งสองขางของเครื่องบิน การทํางานของ Aileron ทั้งสองขางจะ
ทํางานในทิศทางตรงกันขาม เชนถา Aileron ที่ปกดานซายเลื่อนไปในทิศทางยกขึ้น Aileron ที่ปกดานขวาก็จะเลื่อน
ไปในทิศทางยกลง
9. Elevator คือแผนพื้นบังคับที่ติดตั้งอยูที่สวนทายของ Horizontal Stabilizer ใชในการควบคุมการยกหัว
ขึ้นหรือลงเพื่อใหเราไปยังความสูงที่ตองการได หรือเคลื่อนที่รอบแกน Lateral Axis ติดตั้งอยูที่ชายหลังของแพน
หาง
10. Flap เปนพื้นบังคับที่อยู ชายปกหลังใกลกับลําตัวจะเปนในลักษณะคลายบานพับ หรือแบบเลื่อนถอย
ออกไปก็ได เพื่อเพิ่ม/ลด แรงยกของปกโดยเพิ่มพื้นที่และความโคงของปกโดยปกติแลว จะใชตอนจะบินขึ้นและ
ตอนลง การทํางานของ Flap ทั้งสองขางจะทํางานในทิศทางเดียวกัน เชน เมื่อเลื่อนขึ้นก็จะเลื่อนขึ้นพรอมกันทั้ง
สองขาง
11. Rudder เปน พื้นบังคับ ที่เคลื่อนไหวได ติดตั้งอยูที่ ชายหลังของกระโดงหางทําใหหัวเครื่องบินหันไป
ทาง ซาย หรือขวา หรือเคลื่อนที่รอบแกน Vertical Axis ในการใชงานจริงนั้น Rudder นี้จะตองทํางานรวมกับ
Aileron เพื่อบังคับใหเครื่องบินเลี้ยว
12. Rudder Pedal เปนสวนที่นักบินใชควบคุมการทํางานของ Rudder ติดตั้งอยูที่พื้น นักบินจะใชเทา
เหยียบสองเทา ถาเหยียบเทาซายเครื่องบินก็จะหันไปทางซาย ถาเหยียบเทาขวาเครื่องบินก็จะหันไปทางขวา เพราะ
วา มันไปควบคุม Rudder
13. Stabilizer เปนพื้นผิว ที่อยูกับที่เพื่อชวยใหเครื่องบิน รักษา ลักษณะทาทาง การบินไดคงที่ ไดแก
กระโดงหาง ( Vertical Stabilizer) และแพนหาง ( Horizontal Stabilizer )
14. Trim tab เปนพื้นบังคับขนาดเล็กมีหนานี้ชวยใหเราใหแรงนอยลงในการควบคุม เครื่องใหอยูใน
ตําแหนงที่เราตองการ
68
4

สวนประกอบของเครื่องบิน
เมื่อเรามองไปที่สนามบินเราจะเห็นวา มีเครื่องบินมากมายหลายแบบ แตถาเรามองใหดีแลวเราจะพบวา
เครื่องบินไมวาแบบใดก็ตาม จะมีสวนประกอบหลักๆ ดังนี้
Fuselage คือ ลําตัวเครื่องบินนั้นมีหนาที่เปนจุดเชื่อมตอของสวนประกอบหลักตางๆ ที่ประกอบรวมกัน
เปนเครื่องบิน แตสวนที่เปนของลําตัวเครื่องบินไดแก หองนักบิน (cabin or cockpit) , ที่นั่ง, สวนบังคับการบินตางๆ
และที่ใสสัมภาระในเครื่องบินบางแบบ หรือ ที่นั่งผูโดยสาร เปนตน
Wing ปก เมื่อมีอากาศไหลผานปกของเครื่องบิน จะทําใหเกิดแรงยกเรียกวา lift ที่ชวยทําใหเครื่องบินลอย
ได ปกเครื่องบิน นั้นในบางแบบจะติดตั้งอยูดานบนของตัวเครื่องบิน บางแบบก็ติดตั้งอยูกลางลําตัว หรือ บางแบบ
อาจติดตั้งอยูใตลําตัวเครื่อง ขึ้นอยูกับผูออกแบบเครื่องบิน บนปกจะมีพื้นบังคับหลักอยูสองชนิดที่ดานหลังของปก
ทั้งสองขาง เรียกวา Aileron และ Flap
Empennage ชุดพวงหางประกอบไปดวย Vertical Stabilizer และ Horizontal Stabilizer ทั้งสองชุดนี้จะ
ชวยใหเราสามารถบังคับ เครื่องบินใหบินในระดับ และทิศทางที่ตองการ ไปในอากาศได บน Vertical Stabilizer จะ
มี Rudder คือแผนพื้นบังคับที่ติดตั้งอยูที่สวนทาย บน Honzontal Stabilizer จะมี Elevator ติดตั้งอยูที่สวนทาย
Landing Gear ทําหนาที่ชวยรับแรงกระแทกในขณะรอนลง และชวยรองรับเครื่องบินในขณะที่อยูบนพื้น
ดิน จะประกอบไปดวย Main Landing Gear จะติดตั้งดานขางของลําตัวเครื่องบิน และ Nose Landing Gear อยูดาน
หนาเปนลอหัว ขณะอยูที่พื้นการบังคับที่ Rudder จะมากระทําที่ลอหัวนี้ในการเลี้ยวไปยังทิศทางที่ตองการ Brakes
ของเครื่องบินจะมีสวนประกอบเชนเดียวกับ ของรถยนต แตเมื่อใชงานแลวรูสึกวาใชงานยากกวา เนื่องจาก การ
บังคับทั้งสองขางจะแยกออกจากกัน โดยจะติดตั้งอยูที่ Main Landing Gear ทั้งสองขางของเครื่องบินที่เปนเชนนี้เพื่อ
ใชในการชวยเลี้ยวในพื้นที่จํากัดบนพื้น ดังนี้ถาเราตองการลดความเร็วจะตองใช Brake ทั้งสองขางในน้ําหนักที่เทา
กัน จึงจะทําใหเครื่องบินลดความเร็วลงในลักษณะที่เครื่องยังอยูในสภาพตรงในทิศทาง หรืออยูบนทางวิ่ง ไมเลี้ยว
ไปในทิศทางใดทางหนึ่ง
Power Plant เครื่องบิน จะมีเครื่องยนต(engine) อยู 2 ชนิด เครื่องยนตลูกสูบ และเครื่องยนตกังหันกาซ
เทอรไบ (Jet Engine) ถาเปนเครื่องบินแบบใบพัด (propeller) โดยเครื่องยนตนั้นมีหนาที่หลักคือ ใหพลังงานในการ
หมุนใบพัดทําใหเกิดแรงดูด หรือผลัก ถาเปนเครื่องบินเจ็ต เครื่องยนตก็จะผลิตมวลอากาศรอนออกมาทางทอทาย
ทําใหเกิดแรงผลัก นอกจากนี้เครื่องยนต ยังทําหนาที่ใหกําหนดพลังงานไฟฟาดวย
69
5

แรงที่กระทําตอเครื่องบิน
มีแรงที่กระทําตอเครื่องบิน อยู 4 แรง ตลอดเวลา ขณะที่ เครื่องบิน กําลัง บินอยู แรงทั้ง สี่นั้น คือ (1) แรงยก
( Lift ), (2) แรงดึงดูด ของโลก ( Gravity force or Weight ), (3) แรงขับไปขางหนา (Thrust ), และ (4) แรงตานทาน
หรือแรงฉุด (Drag ).แรงยก และ แรงตานถือวา เปนแรง ที่เกิดจาก Aerodynamics เพราะวา แรงนี้เกิดจากการเคลื่อน
ที่ของเครื่องบินผานอากาศ
แรงยก (Lift ) เกิดขึ้นโดยความกดอากาศต่ําที่เกิดขึ้นที่พื้นผิวดานบนของปก เมื่อเปรียบเทียบกับความกด
อากาศที่พื้นผิวดานลางของปกเครื่องบิน หรือ แรงที่กระทําบนพื้นผิวดานบนของปก นอยกวาแรงที่กระทําที่พื้นผิว
ของปกดานลางตามหลักของ เบอรนูลลี่ ทําใหเกิดแรงยก ขึ้นขางบนที่ปกของเครื่องบิน ลักษณะและรูปรางของ
ปกเครื่องบิน จะถูกออกแบบมาใหอากาศที่พัดไหลผานดานบนของปกจะมีระยะทางที่อากาศตองเดินทางมากกวา
จึงทําให ตองไหล ผาน เร็วกวา ดานลาง ทําใหเกิดความกดอากาศต่ํา ดังนั้น จึงทําให ปกถูกยกขึ้น แรงยกก็ คือ
แรงที่อยูตรงขามกับน้ําหนัก หรือแรงดึงดูดของโลก แรงยกขึ้นอยูกับ (1) รูปรางของ Airfoil (2) มุมที่ปก กระทําตอ
Relative Wind ที่เรียนวา Angle of Attack (3) พื้นที่ผิวที่อากาศไหลผาน (4) กําลังสองของความเร็วลม (นําไปหา
dynamic pressure) (5) ความหนาแนนของอากาศ (นําไปหา Dynamic Pressure)
น้ําหนัก (Weight ) เกิดจากแรงดึงดูดของโลกแรงนี้กด หรือ ดึงเครื่องบินลงมายังโลกเรา ถือวากระทําที่จุด
ศูนยกลางของแรง หรือ CG ของเครื่องบิน
แรงขับเคลื่อน (Thrust ) คือ แรงที่ขับเคลื่อนไปขางหนาจะเปนแรงผลัก หรือ แรงฉุดที่เกิดจาก เครื่องยนต
ของเครื่องบิน ไมวา จะเปน เครื่องยนต ลูกสูบ, เครื่องยนต เทอรโบเจ็ท หรือ เทอรโบ แฟน
แรงตาน ( Drag ) เปนแรงที่กระทํา ตรงขามกับแรงที่ขับเคลื่อนเครื่องบินไปขางหนา โดยเฉพาะเปนแรง ที่
ตอตานการเคลื่อนที่ของวัตถุในอากาศมีทิศทางขนาน กับวัตถุที่เคลื่อนที่ ก็คือ แรงเสียดทานของอากาศที่ผานสวน
ตางๆ ของเครื่องบิน แรงตานเกิดจากการกระทบของอากาศ การ เสียดทานของพื้นผิวเครื่องบิน และแรงดูด เนื่อง
จากอากาศแทนที่
70
6

แกนของการหมุน
แกนของการหมุน มีอยู 3 แกน คือ แกน (1) Longitudinal Axis (2) Lateral Axis และ (3) Vertical Axis
แกน Longitudinal Axis คือ แกนตามยาวที่วิ่งจากหัวเครื่องบินจนถึงหางเครื่องบินผานจุด ที่เรียกวา Center
of Gravity การเคลื่อนที่ของเครื่องบินรอบแกน นี้ เรียกวา Roll เครื่องบินที่มีอาการ Roll เปนผล ที่ เกิด จากการ
เคลื่อนไหวของ Ailerons ติดตั้งอยูที่ปลายปก และควบคุมโดย Control Column ในหองนักบิน ในลักษณะที่
Aileron ขางหนึ่งกระดกลงลาง แตอีกขางหนึ่งจะกระดกขึ้นบน เมื่อ Aileron มีการ เคลื่อนไหวจากตําแหนงศูนย
หรือ ตําแหนงแนวระดับจะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะแรงยกของปกเครื่องบินทั้งสองขาง การที่จะทําให
ปกเครื่องบินยกขึ้น Aileron ของปกนั้นจะตองกระดกลง ปกที่มี Aileron กระดกลงก็จะทําใหแรงยกบนปกนั้นเพิ่ม
ขึ้น และปกที่มี Aileron กระดกขึ้นก็จะมีแรงยกลดลง สิ่งนี้จะทําใหเครื่องบินเอียงไปทางดานที่ Aileron กระดกขึ้น
Ailerons ของปก ทั้งสองขางตอไปยัง Control Column ในหองนักบินโดยระบบ Mechanical Linkage เมื่อคันบังคับ
หมุนไปทางขวา(หรือโยกคันบังคับไปทางขวา) Aileron ทางปกขวาจะกระดกขึ้น และ Aileron ทางปกซาย จะ
กระดกลง ผลที่เกิดขึ้นก็คือ แรงยกทางปกซายจะเพิ่มขึ้นและ แรงยกทางปกขวาจะลดลงเปนเหตุให เครื่องบินเอียง
ไปทางขวา แตถาหมุนคันบังคับไปทางขวา ( หรือโยกคันบังคับไปทางซาย ) แรงบนปกก็จะเกิดตรงกันขาม เปนเหตุ
ใหเครื่องบินเอียงไปทางซาย.
แกน Lateral Axis คือแกนตามขวางที่เริ่มจากปลายปกดานหนึ่งถึงปลายปกอีกดานหนึ่ง ผานจุด ที่เรียกวา
Center of Gravity ลักษณะของการ เคลื่อนไหวรอบแกน Lateral Axis เรียกวา Pitch การ เคลื่อนไหวแบบนี้เกิดจาก
Elevator ซึ่งติดตั้ง อยูที่ แพนหาง ( Horizontal Stabilizer) Elevator สามารถกระดกขึ้น หรือกระดกลงได เมื่อนักบิน
บังคับคันบังคับ ( Control Column or Stick) ถอยหลังหรือไปขางหนา การดึงคันบังคับมาขางหลังจะบังคับให
Elevator กระดกขึ้น กระแสอากาศที่ประทะกับพื้นผิว ดานบน ของ Elevator ที่กระดกขึ้นทําใหเกิดแรงกดมากขึ้น
เปนเหตุใหสวนหางของเครื่องบินถูกกดลง การเคลื่อนไหวรอบแกน Lateral Axis เมื่อหางเคลื่อนที่ลง สวนหัว ของ
เครื่องบินจะเชิดขึ้น เครื่องบินไตระดับ การผลักคันบังคับไปขางหนาเพื่อบังคับ Elevator ใหกระดกลงลมที่ประทะ
กับพื้นผิวดานลางของ Elevator ที่กระดกลงทําให เกิดแรงดานลางมากขึ้นกวาดานบนเปนเหตุใหสวนหางของเครื่อง
บินกระดกขึ้น และหัวของเครื่องบินกระดกลงเปนเหตุใหหัวเครื่องบินดิ่งลง
แกน Vertical Axis คือแกนตั้งซึ่งผาน จากหลังคาดานบนทะลุทองเครื่องบิน ผานจุด ที่เรียกวา Center of
Gravity เครื่องบิน การเคลื่อนที่รอบแกนนี้ เรียกวา “Yaw” เครื่องบินเคลื่อนไหวโดยการที่นักบินใชเทาเหยียบไป
บน Rudder Pedal ดานขวา Rudder ก็จะตวัดไปทางขวา เหยียบ Radder Pedal ดานซาย Rudder ก็จะตวัดไปทางซาย
ทิศทางของ Rudder ใหตวัดไปทางซายนี่ ก็ทําใหเกิดแรงกระทําตอหางแผนหางของเครื่องบินหางของเครื่องบินก็จะ
เบนไปทางขวา และหัวของเครื่องบินก็จะเบนไปทางซาย( yaw to the left).
71
7
Pitot-Static Instruments
เนื่องจากเครื่องบิน นั้นมีการเคลื่อนไหว ในลักษณะของแกน สามแกน ในอากาศ ดังนั้น เราจึงจําเปนตองใช
เครื่องมือวัดเพื่อใชบอกถึงทาทาง หรือ อาการ ของเครื่องบินใน ขณะนั้นๆ เครื่องวัดมีการทํางาน โดยอาศัยหลักการ
ในเรื่องความแตกตาง ระหวางความกด อากาศ(pressure) เพื่อมา ใชในการแสดง ความเร็วของ อากาศที่ไหล ผาน
เครื่องบิน ทําใหเราทราบถึงความเร็วของ อากาศ ที่ไหลผานเครื่องบินได, นอกจากนี้ ยังสามารถบอกถึง อัตราการไต
(climb) หรือ อัตรา การรอน (หรือ ลดระดับ descent) และ, ความสูง (altitude) ของเครื่องบินใน ขณะนั้นๆ ได
หลักการ ทํางานของ เครื่องวัดอาศัยหลักการ พื้นฐาน ในเรื่องของ ความกดอากาศ มาเกี่ยวของ โดยใช
มาตรฐาน จาก ระดับน้ําทะเล มาตรฐาน (sea level standard atmosphere) ที่กําหนดไว คือ ที่ระดับนี้ จะมีความกด
อากาศ เปน 29.92 " Hg หรือ 1013.2 mb. ที่อุณหภูมิ 15 C หรือ 59 F โดยคานี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ตามความสูง คือ
ทุกๆ ความสูง 1000 ฟุต คาความกด อากาศ จะลดลง 1" Hg และ อุณหภูมิ จะลดลง 2 C

เราใช pitot-static เปนอุปกรณ ในการรับคาและแปลงคา ความกดอากาศ เพื่อสงไปยัง เครื่องวัด ที่อยูใน


หองนักบิน (cockpit) ไดแก airspeed indicator, altimeter, และ vertical speed indicator ทั้งสองตัว นี้จะ static
pressure แตจะมีเพียงตัวเดียว ที่ใช ทั้ง static pressure และ pitot pressure คือ airspeed indicator
ความกดอากาศที่เขาทาง ทอ pitot จะเรียกวา impact หรือ ram air pressure โดยทอ pitot นี้มักจะติดตั้งอยูที่
ปกเครื่องบิน หรือ อยูที่ สวนหัวเครื่องบิน ที่ปลายทอ จะมีรู เพื่อรับ ram air pressure ของ relative wind เขามากอนที่
จะผานไปยัง โครงสรางของเครื่องบิน ดังนั้นเมื่อ ความเร็วของอากาศ ก็จะทําให มีการเพิ่มของ ram air pressure ดวย
ความกดอากาศที่เขาทาง static port ซึ่งติดตั้งอยูทางดาน ขางลําตัวของเครื่องบิน โดยความกด อากาศที่เขาไปทาง
static port นี้จะเปนความกดอากาศที่คงที่ ณ ตําแหนง ที่อยูนั้นๆ
72
8

Airspeed Indicator
เปนเครื่องวัดที่แสดงถึงความเร็ว ของเครื่องบินที่ผานอากาศ หรือเรียกอีกอยางหนึ่งวา ความเร็วของ อากาศ
ที่ไหลผานเครื่องบิน ก็ได โดยมีหลักการทํางาน จาก การเปรียบเทียบ ระหวาง ram air pressure กับ static air
pressure ผลที่ไดจากความแตกตาง ของความกดอากาศ ทั้งสองนี้ จะแปลงออกมาเปนคา ของความเร็ว ความเร็วของ
เครื่องบินขนาด เล็กนั้น เราจะมีอยู 4 ชนิด
1. Indicated airspeed (IAS) เปนคาความเร็วอากาศที่ อานโดยตรงจาก เครื่องวัด airspeed indicator
2. Calibrated airspeed (CAS) เปนคาความเร็วอากาศที่ มีการปรับหรือแกไขขอผิดพลาด ที่เกิดจากการ
ติดเครื่องวัด เราสามารถหาคานี้ได จากคูมือ (pilot's operation handbook) ของเครื่องบินนั้นๆ
3. True airspeed (TAS) เปนคาความเร็วอากาศ ที่ถูกตองหลังจาก การแกไขผลกระทบที่ เกิดจาก ความ
สูง ความกดอากาศ อุณหภูมิ ความหนาแนนของอากาศ แลว
4. Ground speed (GS) เปนคาความเร็ว ของเครื่องบินเมื่อเทียบกับ เงาของเครื่องบิน กับพื้นโลก โดยการ
ปรับคาความเร็วของลม ที่มีผลตอ ความเร็วที่เทียบ กับพื้นโลกนี้ เชน ถา เปนลม ตรงหนา เครื่องก็จะ ชาลง หากเปน
ที่มาทาง ทายเครื่องบิน ก็จะทําให ความเร็วนี้เพิ่มขึ้น เปนตน
Altimeter
สามารถทํางาน โดยการรับรูความเปลี่ยนแปลงของ ความกดอากาศ แลวแปลงออกมาเปนความสูง เพื่อ
แสดงออกทางเครื่องวัดนี้ โดยทั่วไปแลว altimeter จะมีอยู ดวยกัน 3 เข็ม เข็มยาวสุด จะแสดงความสูงใน หลัก 100
ฟุต เข็มสั้น จะแสดงหลัก 1,000 ฟุต และ เข็มสั้นที่สุด จะแสดง หลัก 10,000 ฟุต นอกจากนี้ยังมีปุมปรับความ ความ
กดอากาศ ของเครื่องวัด เพื่อให มีคาที่ตรงกับ คาความกดอากาศ บริเวณ นั้นๆ และเวลานั้น เพื่อการแสดงความสูงที่
ถูกตอง เนื่องจากในแตพื้น ที่แตละเวลา ความกดอากาศ หรือ อุณหภูมิ นั้น จะไมเทากันเสมอ ดังนั้นเราจึงตองมีการ
ปรับคา ความกดอากาศนี้ ใหถูกตอง ดังนั้นเพื่อใหเกิด ความผิดพลาดนอย ที่ สุดในการแสดงความสูง ของ altimeter
นี้ เราจะตองมีการปรับ คาความกดอากาศนี้ เปนระยะ ในเสนทางบิน ของเราเมื่อเราพบวา มีการรายงาน คาความกด
อากาศ ในบริเวณ ที่เราบินผานไมตรงกับที่ เราตั้งไว
Vertical Speed Indicator (VSI)
หรือ บางทีเรียกวา Vertical velocity indicator (VVI) VSI นี้จะตออยูกับ ระบบของ static port โดยเครื่องวัด
นี้จะรับรู การเปลี่ยนแปลง ของความกดอากาศ แลวแสดง คาออกมาใหทราบ ถึงทาทางของ เครื่องวา ขณะนี้กําลังอยู
ทาไต (climbs) หรือ รอน (ลดระดับ descend) โดยหนวยที่แสดงออกมา นี้จะมีหนวย เปน ฟุตตอนาที เชน ขณะนี้
กําลังไตอยูที่ 500 ฟุตตอนาที หรือถึง หากเรารักษาทาทางนี้ไว ในทุก 1 นาที เราจะไดความสูงเพิ่มขึ้นมา 500 ฟุต แต
เนื่องจาก เครื่องวัดนี้ อาศัย หลักการถาย-เท ความกดอากาศ ดังนั้นคาที่อานได จะชาความสิ่งที่เกิดขึ้นจริง อยู
ประมาณ 6-9 วินาที
73
9

คําจัดความของ Altitude
1. Indicated altitude เปนความสูงที่ อานโดยตรงจากเครื่องวัด (altimeter) ความสูงที่อานไดนี้ จะมีความถูก
ตอง ก็ตอเมื่อ เรา ปรับหรือตั้งคา ความกดอากาศ ของเครื่องวัดใหถูกตอง กับความกดอากาศ ณ บริเวณ และขณะนั้น
2. Pressure altitude เปนการแสดงความสูง ที่สูงกวา standard datum plane เมื่อเรา ปรับคา ความกดอากาศ
ของ altimeter ไปอยูที่คาของ ระดับน้ําทะเล มาตรฐาน (standard sea level) มีคาเปน 29.92" Hg เราจะใช กับเครื่อง
บิน ที่บินอยู ที่ระดับความสูงตั้งแต 18,000 ฟุต
3. Density altitude เปนคาความสูง ที่มีการแกไข ใหถูกตอง อันเกิดจาก อุณหภูมิที่ไม ตรงตามมาตรฐาน
True altitude เปนคาความสูง จริงที่เทียบ จากระดับน้ําทะเล และความสูงที่แสดงอยูบนแผนที่ ก็ใชความสูงที่เทียบ
เชนเดียวกันนี้ รวมไปถึง เสาอากาศ ตึก ที่อยูในแผนที่ดวย
4. Absolute altitude เปนความสูง ที่เทียบจาก พื้นดิน (above ground level หรือ AGL)
การผิดพลาด ของ Altimeter
การเกิดความผิดพลาด ในการแสดงคา ความสูง altimeter นั้น สามารถ แกไขไดงาย เพียงแต ใหปรับคาของ
altimeter ใหถูกตองตาม พื้นที่ ที่เราบินอยู ตัวอยางเชน เมื่อเราทําการบินอยูในพื้นที่หนึ่ง แลวเราตั้งคา
Gyroscopic Instruments
เปนกลุม เครื่องวัด ที่ทํางานโดยอาศัย หลักการ การหมุนของลูกขาง ที่พยามรักษา จุดเดิมของมันไว เมื่อมัน
หมุนอยู เมื่อมีแรงจากภายนอก มากระทําใหมันเปลี่ยน ตําแหนงไป แตมันก็ยังคง พยามรักษา สถานะนั้น ไว
เครื่องวัดนี้ จะแสดง การเคลื่อนไหว ดาน pitching และ rolling บนแกน lateral และ longitudinal เครื่องวัดนี้ จะ

แสดงทาทาง ของเครื่องบิน โดยภายในจะมี ขอบฟาจําลอง ที่ใชแทนขอบฟา จริง เพื่อใหใชแสดงใน กรณีที่ ตองบิน


ในขณะที่ มีหมอก หรือ เวลากลางคืน ที่เราไมสามารถมอง เห็นขอบฟาจริง ภายในเครื่องวัด จะแสดงมุม ของ pitch
และ มุมของการ bank การใชงานเครื่องวัด นี้ เราตอง ดูขอบฟาจริง ประกอบดวย
Heading Indicator บางครั้งเรียกวา directional gyro (DG) เปนเครื่องวัด การเคลื่อนไหว ทางดาน yaw ของ
เครื่องบิน ในแกน vertical คาที่แสดงโดย heading indicator นี้จะแสดงมุม ตางๆ 360 องคศา โดยคาที่ไดนี้จะเปน
คาที่บอกถึง ทิศ ที่หัวเครื่องบิน อยู ตัวเลขที่แสดงอยูบน heading indicator นี้ จะแสดงโดยการตัดเลข ศูนยออก เชน
เลข 6 หมายถึง 60 องคศา หรือ 12 หมายถึง 120 องคศา
74
1

ก ก

ก (ampere) ! ก " # ก $ "%%& ' () Ampere


A
# $%& (volt) ! / "%%& 0 1 ก/ก #0 0 # 2!0 $ 1
ก $ "%%& " # !3 () Volt V
+, -. (appliance) ! 89:;"%%& <0 1 ( $= ;1 ก 1 0 "( =/
89:; # 3 ก !3 ก# 0 ( ก > 0 2ก' ?
2 3, ( branch circuit) ! 1 $ (ก 9;(& ก ก $ ก
/ ก 89:;"%%&
7, &ก% ก ก, & (circuit breaker: CB) ! (ก 9; 0 ก ก <0 1 (@/ #$(@/
=/ " กก $ " #' ก ก 0ก /" 2 ;ก ก ก ; $ (@/ =/ =
< , $ก (current transformer: CT) ! (# 0 0#/( 9
ก $ "%%&
< , $ @ (voltage transformer: VT) ! (# 0 0#/ $/
/ "%%&
< , $ 2 < 3 (distribution transformer) ! (# 0 0#/ $/ /
ก $/ / ( ก# () $/ / 0
+, $@ 2 (disconnecting switch) ! 89:; 01 1 ก / 1 9$ 0"
= #/
$ (cable trays) ! (@/2!0 / /" /"% 1 #$ !/
#
, (feeder) ! $ 89:;( $A #$ 89:;(& ก ก $

F 3, (panel board) ! ' /0 ก# ' /0 0( $ก ก () ' /
% (receptacle) ! (ก 9; 0 / 3 <0 () / "%1 ก 0 1 "%%&
2 G (service) ! 89:; #$ "%%& ก $ ก "%%&
$ (&

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
75
2

% G (service conductor ) ! ( "%%& ) 0 0 <# "%%& ก


$ ก "%%& 89:;( $A
HIJ& G (service equipment) ! 89:; 0 0 /ก $ 3 / $
"%%& =/ 0 "(( $ก / 2 ;ก ก ก ; ; #$%@ ; ; # / ก /ก%& ' %@ ;
1 0 (# "%%& (# /
.& ก (switchgear) ! (ก 9; 0 0 #$ ก $ "%%& /ก $ 0
#/ = #/ ก
HIJ& +, @ ! 89:; 01 / Dก $ / ก # "%%& 0 <#
"%%&
& (Busways) ! (ก 9;"%%& 0 0 ก $ "%%& ( 9 ก ก / #
"%%& "( = #/ 0$ # ก "%

ก2ก 9.3.1
2 -< < P, %3, Q
(# ก $ (CT)
(branch circuit)
( $A (service circuit)
89:;( $A (service equipment)

%, ก2ก 9.3.1
(# ก $ (current transformer: CT) ! (# 0 0 # /( 9
ก $ "%%& # <0 1 ก 89:; 0 / (metering) #$ 89:;(& ก (protection)
(branch circuit) ! $ (ก 9;(& ก ก $ ก / ก
89:;"%%&
( $A (service) ! 89:; #$ "%%& ก $ ก "%%&
T $ (&
89:;( $A (service equipment) ! 89:; 0 0 /ก $ "%%& 3 /
$ "%%& =/ 0 "(( $ก / 2 ;ก ก ก ; ; #$%@ ;
%R $ - S
1. % R
- British Standard (BS) ( $ > กYZ
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
76
3

- German Industrial Standard (DIN) ($ >


- Japanese Industrial Standard (JIS) ( $ >`0(a
- American National Standard Institute (ANSI) ($ > ก
- Verband Detacher Elekrotechniker (VDE) ก# > ก "%%& 1 ( $ >

- Kiering van Elektroterchnische Materialen (KEMA) ก / ($ >


A ; # /;
- Thailand Industrial Standard (TIS) '# 89:; ก ( ก.) ($ >
"
ก ก 3 # ก#2!0 () 0 #$ ก1 1 # D ( $ > 0 () ก
"/ ก
- International Organization for Standardization (ISO) ;ก 0 0ก /
0 "( / > ; #$ = =# ISO 9000, ISO 9001 #$ ISO 14000 ()
$ ? "/ (ก 9;"%%& 3 # " ก? 0 1 ก ก1
(n IEC ก ก 3 # ( $ >" '# 89:; ก
( ก.) ก/

2. - S =/ 0 "(( $ก / 4
1) $ ก '# (generating system)
2) $ ก ก # "%%& (transmission system)
3) $ (distribution system)
4) $ ก # "%%& (utilization system)

@ , 1
1. ก "%%& "( 3 () ( $ >1/
1.1 DIN
1.2 TIS
1.3 IEC
2. 1 ( $ >" (ก 9;"%%& #$ ก / 3 "%%& 1 1/
3. =/ 0 "( $ "%%& ก # ( $ก / ก0 $"

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
77
4

%, @ , 1
1. "%%& "( 3 () ($ >
1.1 DIN German Industrial Standard ( $ >
1.2 TIS '# 89:; ก ( ก.) ( $ >"
1.3 IEC International Electroechnical Commission () ;ก
$ ($ >
2. (ก 9;"%%& 0 1 1 ( $ >" (n IEC #$
ก. ก / 3 "%%& ( $ >" . . . ก ก%8. ก /
ก / 3 "%%& ( $ >" 2545
3. =/ 0 "( $ "%%& ก # ( $ก / 4 1 ` "/ ก
1) $ ก '#
2) $ ก ก # "%%&
3) $
4) $ 1 ก # "%%&

@ , 2
1. > ก "%%& () 1/
2. #<3 0 ` 01 ( $ก ก >ก "%%& $"

@ , 2
1. "/ $ก / "# ;"/ $ ก (singlclinc diagram)
2. #<3 0 ` 01 ( $ก ก > ก "%%& / 3
- / ( "%%& )
- //( $ 8
-
-
- //( $ 8 / 89:;"%%& = "%%& ()
- / 2 ;ก ก ก ; (Ampere Trip: AT #$ Ampere Frame AF)
- Aก /
- / #$ / #
- 03 ' MDB
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
78
5

- // //( $ 8 (# "%%& ก #
- / ;
-ก = #/
1. U$กVI& % % R ก$

`#กZ9; 1 ` $1 ก IEC
U$กVI& ,G U$กVI& ,G
(# "%%& 0 (#/
(Disconnecting Switch)

(# / 2 ;ก กก ;

(# ก $ %@ ;

# ; : 27 (& ก / "%%&
51 (& ก ก $ ก
0
51N (& ก ก $ ก/
#/ # /
0 /A (;
ก /ก%& '
V= # ; ;
(Lightning Arrester)

%@ ; / ก
# /"% / '#
(Drop-cut Fuse)

# / (Ground) 2;(#/ 1
ก %@ ;
2;(#/

(Load Break Switch)

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
79
6

H W 9.52 `#กZ9; "%%&


2. $กVI Sก U @ ก3 @, ก @ (single line diagram)

H W 9.53 "/ $ ก /0 (single line diagram)

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
80
7

@ , 3
2 ,G < P, U$กVI& %3, Q

%, @ , 3

1. (# ก $
2. = # ; ;
3. 2 ;ก/ ก ก ;
4. %@ ;
5. # /
6. ก /ก%& '

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
81
8

@, ก @ $ Sก P, @ ก$
1. @, ก @ (Riser Diagram) "/ $ ก /0 ก/1 ก 9 0 # 3
$ 1 " "/ ' "% 3 0 3 1/ ก ก $ "% ก 3 D
/ <0 1 ก/ 1 ! ก "/ $ ก /0

ก8 < 9.54 $< ' 2; (main distribution board: MDB) 3 0 3 01


<# "%%& 1 ก ' "% (LP) 4 '/ 3
MDB "%%& 1 ก LP1 ( 3 0 3 0 1) LP3 ( 3 0 3 0 3) #$ LP4 ( 3 0 3 0 4) /
/ 50 . 4 ( # 1 ) #$ / / 10 . . 1
( ก ก8 < 4 x 50 mm2 ) =/ 1 ( $8 0 4 (THW ~ / 0 9.1) =/ 1
/ 1 =# $ ( ก# (intermediate metal conduit IMC) / ' > ;ก# 65 .
( ก ก8 < T4, φ 65 mm. IMC)
LP2 2!0 3 0 3 0 2 "% ก MDB / / 35 . 4 (
#1 ) #$ / / 10 . . 1 ( ก ก8 < 4 x 35 mm2 ) G ~ 10

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
82
9

mm2 =/ 1 ( $8 0 4 #$ / 1 =# $ ( ก# (intermediate metal conduit


IMC) / ' > ;ก# 50 . ( ก ก8 < T4, φ 50 mm. IMC)

2. Sก P, @ ก$
2.1 F-. @ , , ก S2 ก , , ก SP, ก

2.2 F-.

@
, -%
@ 2 ก
,
, ก S
P, ก

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
83
10

2.3 F-. @ , -%@ 2 ก , -%@ P, ก

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
84
11

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
85
12

`#กZ9;
! ก =
S ! 2;
LP1 ! ' "% 0 1
AP1 ! ' "% $ 0 ก#

H W 9.62 ก =

H W 9.66 /ก = ก

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
86
13

ก8 < 0 9.66 ก ก $ "%%& 1 #$ "// 3 1


•a /23 (order department) $ 1 1 •a /23 #$ 2 1
0 / (corridor) #$ 1 0 (reception / lobby) 2!0 3 12 3$
"%/ 3 0 20, 22, #$ 24 23 =/ 3 3 3 $ "% ก '
"% 0 1 (LPI ~ 20, 22, 24) #$ ' "% 0 1 3 9 ( $ ? "/ 1 ' "%
ก $ "%%& / 0ก# #)
1 (office) 3 4 $ 8 1 #$ 4 #$
0 / #$ 1 0 2!0 3 16 3 $ "%/ 3
0 19, 21, #$ 23 =/ 3 3 3 $ "% ก ' "% 0 1 (LPI ~ 19, 21, 23) ()

H W 9.67 "/ $ ก / /ก "% $ 0 ก#1 ก

ก8 < 0 9.67 $ "%%& "// 3 0 ( ก > 3 2 0 (A/C1 #$


A/C2) "%/ ' "% AP1 ' (& (Feeder) 0 1 #$ 2 # / (F1 #$ F2) 2!0 '
"% AP1 "% ก MDB =/ 1 / 50 . . 3 # / 25
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
87
14

. . #$ / / 16 . . 1 =/ 3 / () 1 0 4 (THW)
#$ 3 / / 1 =# $ ( ก# (IMC) IMC / ' > ;ก# 50 .

ก2ก

1. 2 ,G [\ก [ % P
1. ก ( $ ? "/ 1 8 $(ก # ' "% ELPI #$ FIREMAN LIFT "% ก '
MDB 0 $ "%%& (ก / 0 ก /"%%& €ก € (G) $ 0 #$ 2; (#0
= (ATS) $ (#0 1 ' ELPI #$ FIREMAN LIFT "% ก 0 ก /"%%& €ก €

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
88
15

2. 2 ,G % 2 , W$ < $ UU I %+, H % P
2. ก ( $ ? "/ ก ก / 3 (ก 9; (S) 9 / ก? ก
/ 3 (ก 9; (S) 2 / ก ก 0# 9 / ก / 3 (ก 9;
(B) #$ (ก 9; / (M) 2 /

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
89
16

@ , 4

2 ,G ก 23 P, @
%, @ , 4

$ "%%& "% กก "%%& # =/ Drop Out Fuse / 25 A () (ก 9;(& ก


/ (#
(# 01 1 $ "%%& / 500 kw / 24 kv #$/ 0
380/220 V 3 % 4 =/ / 0 3 / =/ #$ /( $ก / 3
/ 240 . . # / 120 . . =/ () "%%& 0 4 (THW) 2!0 "%%&
3 / 1 ก # 0 ก 500 .

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
90
17

# ก 3 "%%& 3 / ก 2; (MDB) ' 2 ;ก ก ก ;ก /


1000AT
1 $ "%%& 3 "%1 ก ' "% 3 / 3 ' "/ ก LP1 LP2 #$ DB1 =/ (& 0
4 (F4) () (&
' LP1 "%' (& 0 1 (F1) 0 (ก 9;(& ก 2 ;ก/ ก ก ; / 180AT
#$ ' 4 / 95 . . #$ / / 16 . . =/
3 / / 1 =# $ ( ก# (IMC) / ' > ;ก# 65 .
' LP2 "%' (& 0 2 (F2) ' "%%& 4 / 50
. . #$ / / 10 . . =/ 2 ;ก ก ก ; / 100AT () 89:;(& ก 2!0
3 / / 1 =# $ ( ก# (IMC) / ' > ;ก# 65 .
' DB1 "% ก (& 0 3 (F3) =/ 2 ;ก ก ก ; / 225 AT ()
89:;(& ก ' 3 / 120 . . # / 70 . . #$ /
/ 25 . . 2!0 "%%& 3 / / 1 =# $ ( ก# (IMC) /
' > ;ก# 65 .

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
91
คู่มือเตรี ยมสอบ

งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เบืองต้ น
ข้ อที 1 การช่ วยเหลือผู้ประสบภัยทางไฟฟ้ า (คะแนน 1)
การช่วยชีวติ ผูถ้ ูกไฟฟ้าดูดทีหยุดหายใจ สามารถทําได้หลายวิธี เช่นวิธีการผายปอดด้วยวิธีปากต่อ
ปาก (Mouth-to-Mouth Method) หรื อวิธีนวดหัวใจ ซึ งมี 2 วิธี เป็ นเทคนิ คทีมีประสิ ทธิ ภาพมากและได้ผลดี
ทีสุ ด ในการทีช่วยให้ผทู ้ ีหยุดหายใจสามารถกลบมาหายใจด้วยตัวเองได้ใหม่ ซึ งวิธีการปฏิบตั ิทาํ ได้โดยไม่
ยุง่ ยาก และทําได้รวดเร็ ว

ข้ อที 2 การป้ องกันเหตุจากอุบัติภัยทางไฟฟ้ า (คะแนน 1)


ข้อควรปฏิบตั ิในการทํางานเพือป้ องกันอันตรายทีเกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้ า – อิเล็กทรอนิ กส์ เพือจะ
เกิดความปลอดภัยในการทํางานมีดงั ต่อไปนี
1. ไม่ควรทําการตรวจซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ ขณะทียังมีแหล่งจ่ายไฟฟ้าต่ออยู่
2. เมือทําการแก้ไขจุดเสี ยภายในไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ
3. เมือทําการตรวจซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ ใดๆ ขณะทียังเปิ ดใช้งานอยู่ ผูท้ าํ การตรวจ
ซ่อมจะต้องป้ องกันตนเอง โดยไม่ยนื พืนทีชืนแฉะ หรื อพิงกับวัตถุทีเป็ นโลหะใดๆ และอาจป้ องกันได้โดย
การสวมรองเท้ายาง หรื อยืนบนเสื อทีทําจากพลาสติก หรื อพรมเช็ดเท้า เป็ นต้น
4.ต้องปิ ดสวิตซ์ อุป กรณ์ ไฟฟ้ า -อิ เล็ กทรอนิ กส์ และถอดปลั=กออกทุ กครั งก่ อนที จะทํา การ
เปลี ยนแปลงชิ นส่ วนใดๆ ทังนี เนื องจากอุ ปกรณ์ บางอย่างถึ งแม้จะปิ ดสวิตซ์ไปแล้วก็ยงั มีแรงดันไฟฟ้ า
ตกค้างอยู่ ส่ วนอุปกรณ์ทีทําให้เกิดความร้อน เช่นตัวต้านทานบางชนิ ด จะต้องทิงไว้ชวขณะหนึ ั ง กลังจาก
ปิ ดสวิตซ์แล้ว เพือให้เย็นตัวลง
5.ไม่ควรใส่ กาํ ไล แหวน หรื อนาฬิ กา ขณะทําการตรวจซ่ อมอุปกรณ์ ไฟฟ้ า-อิเล็กทรอนิ กส์ ใดๆ
ทังนีเนืองจากสิ งของเหล่านีมีค่าความต้านทานตําและเป็ นสื อนํากระแสไฟฟ้าได้ดี
6. ก่อนทําการตรวจซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้ า-อิเล็กทรอนิ กส์ ใดๆ จะต้องตรวจสภาพทัวไปว่าอุปกรณ์วา่
อุปกรณ์เหล่านันมีการสึ ก มีรอยร้าว มีการไหม้ของสาย หรื อมีการแตกของงปลัก= หรื อไม่ ถ้าตรวจพบให้ปิด
สวิตซ์ จากนันให้เปลียนอุปกรณ์เหล่านันให้อยูใ่ นสภาพดีก่อน
7. ขณะทําการตรวจซ่อมต้องแน่ใจว่ามีบุคคลอืนอยูใ่ นบริ เวณใกล้เคียงด้วย ทังนี เพือคอยช่วยเหลือ
ได้ทนั ทีในกรณี ทีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิ น
8. ต้องตรวจสอบดูวา่ สวิตซ์ปิดเปิ ดของอุปกรณ์อยูท่ ีตําแหน่งใดก่อนทําการตรวจซ่ อมเสมอ ทังนี
เพือทีจะสามารถปิ ดเปิ ดสวิตซ์ได้ทนั ทีในกรณี เหตุการณ์ฉุกเฉิ น

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


92
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข้ อที 3 การต่ อใช้ งานเครื องมือวัด (คะแนน 1)


การปฏิบตั ิเมือใช้มลั ติมิเตอร์ วดั ค่ากระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า มีดงั นี
1. ปรับสวิตซ์เลือกการทํางานของมัลติมิเตอร์ มาเป็ นการวัดกระแสไฟฟ้าก่อนโดยเลือกย่านการวัด
ค่าเป็ นการวัดกระแสตรง (IDC) หรื อเป็ นการวัดกระแสไฟสลับ (IAC) ให้ถูกต้องกับวงจรไฟฟ้ าทีต้องการจะ
วัด
2. การวัดกระแสไฟฟ้าในวงจรจะต้องต่อเครื องวัดในเส้นทางทีมีกระแสไฟฟ้าไหล นันคือ จะต้อง
ทําการเปิ ดวงจรก่อน จากนันจึงนําเครื องวัดไปต่ออนุ กรมเข้ากับวงจร และสําหรับการต่อขัวของเครื องวัด
นันถ้าเป็ นการวัดกระแสไฟตรง (IDC) จะต้องต่อขัวให้ถูกต้องโดยขัวสายสี แดง (+) ของเครื องวัดจะต้องต่อ
เข้ากับขัวบวกของวงจร ส่ วนขัวสายสี ดาํ (-) ของเครื องวัดจะต้องต่อเข้ากับขัวลบของวงจร แต่ถา้ เป็ นการ
วัดกระแสไฟสลับ (IAC) ไม่ตอ้ งคํานึงถึงขัวของเครื องวัด
3. ตังย่านการวัดให้สูงสุ ดก่อนเสมอ จากนันค่อยลดลงมาตามค่ากระแสทีทําการวัดได้ ทังนี เพือ
ป้ องกันความเสี ยหายไม่ให้เกิดขึนกับเครื องวัด โดยย่านการวัดทีเลือกนันจะต้องทําให้เข็มของเครื องวัดอยู่
ตรงกึงกลาง เพือให้การอ่านค่าง่ายยิงขึน
4. ค่าความคลาดเคลือนของเครื องวัด
แบบเข็ม ส่ วนใหญ่จะประมาณ ±3% ของค่าที
อ่ า น ไ ด้ เ ต็ ม ส เ ก ล ดั ง นั น ก า ร อ่ า น ค่ า
กระแสไฟฟ้ าควรที จะอ่ านให้ได้ใกล้เคี ย งกับ
เ ต็ ม ส เ ก ล ใ ห้ ม า ก ที สุ ด ตั ว อ ย่ า ง เ ช่ น
ถ้ากระแสไฟฟ้ าค่า 7 มิลลิแอมแปร์ วัดได้จาก
สกล 10 มิลลิ แอมแปร์ ค่าความคลาดเคลื อน
สู งสุ ดเท่ากับ ±3% มิลลิแอมแปร์ ดังนันค่าทีวัด
ได้จะมีค่าตังแต่ 6.7 – 7.3 มิลลิแอมแปร์
5. โดยปกติแล้วเครื องวัดแบบเข็มจะมี
กระจกติดตังอยูท่ ีสเกลบริ เวณด้านหลังเข็มของ
เครื องวัด ซึ งจะช่วย
สะท้อนเงาของเข็มให้ปรากฏบนกระจก ดังนัน
เมือทําการอ่านค่าจะต้องมองในลักษณะตังตรง
เพือให้เข็มของเครื องวัดและเงาในกระจกทับ
กันพอดีจึงจะได้ค่าของกาวัดทีถูกต้อง การปฏิบตั ิเมือใช้มลั ติมิเตอร์ วดั ค่าแรงดันไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า มีดงั นี

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


93
คู่มือเตรี ยมสอบ

1. ปรับสวิตซ์เลือกย่านการทํางานของมัลติมิเตอร์ มาเป็ นการวัดค่าแรงดันไฟฟ้าก่อนโดยเลือกย่าน


การวัดค่าเป็ นการวัดแรงดันไฟตรง (VDC) หรื อเป็ นการวัดแรงดันไฟสลับ (VAC) ให้ถูกต้องกับวงจรไฟฟ้ าที
ต้องการจะวัด
2. การวัดแรงดันไฟฟ้ าในวงจรจะต้องต่อเครื องวัดขนานกับตัวอุปกรณ์ทีต้องการวัด และสําหรับ
การต่อขัวของเครื องวัดนันถ้าเป็ นการวัดแรงดันไฟตรง (VDC) จะต้องต่อขัวให้ถูกต้องโดยขัวสายสี แดง (+)
ของเครื องวัดจะต้องต่อเข้ากับขัวบวกของวงจร ส่ วนขัวสายสี ดาํ (-) ของเครื องวัดจะต้องต่อเข้ากับขัวลบ
ของวงจร แต่ถา้ เป็ นการวัดแรงดันไฟสลับ (VAC) ไม่ตอ้ งคํานึงถึงขัวของเครื องวัด
3. ตังย่านการวัดให้สูงสุ ดก่อนเสมอ จากนันค่อยลดลงมาตามค่าแรงดันทีทําการวัดได้ ทังนี เพือ
ป้ องกันความเสี ยหายไม่ให้เกิดขึนกับเครื องวัด โดยย่านการวัดทีเลือกนันจะต้องทําให้เข็มของเครื องวัดอยู่
ตรงกึงกลาง เพือให้การอ่านค่าง่ายยิงขึน
4. ค่าความคลาดเคลือนของแรงดันไฟฟ้ าของเครื องวัดแบบเข็ม จะมีค่าประมาณ ±3% ดังนันถ้า
แรงดันไฟฟ้าขนาด 7 โวลต์ ค่าทีอ่านได้จะมีค่าประมาณ 6.7 – 7.3 โวลต์
5. การอ่านค่าแรงดันไฟฟ้ าจากเครื องวัดจะต้องมองในลักษณะตังตรงกับเข็มของเครื องวัด ทังนี
เพือให้เข็มของเครื องวัด และเงาในกระจกทับกันพอดีจึงจะได้ทีถูกต้อง

การปฏิบตั ิเมือใช้มลั ติมิเตอร์ วดั ค่าความต้านทานในวงจรไฟฟ้า มีดงั นี


1. ตังสวิตซ์การทํางานของมัลติมิเตอร์ มาเป็ นการวัดค่าความต้านทานจากนันตังย่านการวัดให้
เหมาะสมกับความต้านทานทีต้องการจะวัด

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


94
คู่มือเตรี ยมสอบ

2. นําปลายวัดทังสองมาแตะกัน จากนันให้ปรับทีปุ่ ม Zero – Ohms Adjust เพือให้เข็มของ


เครื องวัดทีชีตําแหน่ง 0 Ω การทําเช่นนีเพือตรวจสอบว่าเครื องวัดยังทํางานได้ถูกต้อง
3. ต้องแน่ ใ จว่าไม่มีแหล่ งจ่า ยแรงดันไฟฟ้ า ต่อเข้า กับ อุ ป กรณ์ ทีต้องการวัด ทังนี เนื องจาก
แรงดันไฟฟ้ าทีมีอยูใ่ นวงจรเมือรวมกับแรงดันไฟฟ้ าของแบตเตอรี ภายใน จะทําให้มีกระแสไฟฟ้ าไหลใน
วงจรมากเกินไป ซึ งจะทําความเสี ยหายให้กบั เครื องวัดได้
4. ต่อสายวัดคร่ อมกับอุปกรณ์ทีต้องการวัด อ่านค่าทีวัดได้จากสเกล จากนันนําค่าทีอ่านได้คูณเข้า
กับย่านการวัดค่าทีตังไว้ คือ R 1, 10 , 100 , 1000 หรื อมากกว่า
5. เมือทําการวัดค่าความต้านทานของอุปกรณ์ใดๆ ขณะทีอุปกรณ์นนยั ั งต่ออยูใ่ นวงจรค่าทีวัดได้
อาจผิดพลาดทังนีเนืองจากผลของตัวต้านทานอืนทีอาจต่อขนานกับอุปกรณ์ทีต้องการวัดนี การแก้ไขทําได้
โดยให้ปลดปลายด้านหนึงของอุปกรณ์ทีต้องการวัดออก จากนันจึงค่อยทําการวัด

ข้ อที 4 การอ่ านค่ าเครื องมือวัด (คะแนน 1)

การวัดแรงดันไฟสลับ
เอซี โวลต์มิเตอร์ คือมิเตอร์ วดั แรงดันไฟสลับ (AC VOLTAGE) หลักการใช้มิเตอร์ ชนิ ดนี จะ
เหมือนกับดี ซีโวลต์มิเตอร์ คือในการใช้งานจะต้องนําไปวัดคร่ อมขนานกับโหลดทีต้องการวัดแรงดันนัน
จะมีส่วนทีแตกต่างจากดีซีโวลต์มิเตอร์ คือในการใช้มิเตอร์ วดั คร่ อมแรงดันหรื อแหล่งจ่ายไฟไม่จาํ เป็ นต้อง
คํานึงถึงขัวมิเตอร์ เพราะแรงดันไฟสลับจะมีขวสลั ั บไปสลับมาตลอดเวลา
เอซี โวลต์ มิเตอร์ มี ทงหมด
ั 5 ย่าน คือ 0~2.5V, 0~10V, 0~50V, 0~250V และ0~1,000V
มี 4 สเกล คือ 0~2.5,0~10, 0~50, 0~250 อ่านขีดสเกลทีอยูใ่ ต้กระจกเงา

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


95
คู่มือเตรี ยมสอบ

ลําดับขันการใช้ เอซีโวลต์ มิเตอร์


1. ต่อเอซี โวลต์ในขณะวัดค่าแรงดันคร่ อมขนานกับโหลด
2. ตังย่านใช้งานของมิเตอร์ ในย่าน ACV
3. ปรับสวิตช์ตงย่ ั านการวัดให้ถูกต้อง หากไม่ทราบค่าทีจะวัดว่าเท่าไร ให้ตงย่
ั านวัดที
ตําแหน่งสู งสุ ด (1,000V) ไว้ก่อน แล้วจึงปรับลดย่านให้ตาลงที
ํ ละย่าน จนกว่าเข็มมิเตอร์ จะชีค่าทีอ่านได้
ง่ายและถูกต้อง
4. ก่อนต่อมิเตอร์ วดั แรงดันไฟสู งๆ ควรจะปิ ดสวิตช์ไฟ (OFF) ของวงจรทีจะวัดเสี ยก่อน
5. อย่าจับสายวัดหรื อมิเตอร์ ขณะวัดแรงดันไฟสู ง เมือวัดเสร็ จเรี ยบร้อยควรปิ ด (OFF) สวิตช์ไฟ
ของวงจร ทีทําการวัดเสี ยก่อนจึงปลดสายวัดของมิเตอร์ ออกจากวงจร
การอ่ านสเกลของเอซีโวลต์ มิเตอร์
การวัดแรงดันไฟตรง
ดีซีโวลต์มิเตอร์ คือ มิเตอร์ วดั แรงดันไฟตรง (DC VOLTAGE) ในการใช้ดีซีโวลต์วดั แรงดันไฟ
ตรง จะต้องต่อดีซีโวลต์มิเตอร์ วดั คร่ อมขนานกับโหลดทีต้องการวัดแรงดัน ขัวของดีซีโวลต์มิเตอร์ ทีจะต่อ
วัดคร่ อมโหลด ต้องมีขวเหมื
ั อนแรงดันทีตกคร่ อมโหลด โดยใช้หลักการวัดดังนี ใกล้บวกใส่ บวก ใกล้ลบ
ใส่ ลบ คือโหลดขาใดรับแรงดันใกล้ขวบวก ั (+) ของแหล่งจ่าย ก็ใช้ขวบวกั (+) ของดีซีโวลต์มิเตอร์ วดั
โหลดขาใดรับแรงดันใกล้ขวลบ ั (-) ของแหล่งจ่าย ก็ใช้ขวลบ
ั (-) ของดีซีโวลต์มิเตอร์ วดั ดีซีโวลต์มิเตอร์ มี
ทังหมด 7 ย่าน คือ 0.1 V, 0.5V, 2.5V, 10V, 50V, 250V และ 1,000V มี 3 สเกล คือ 0~10, 0~50, 0~250
อ่านขีดสเกลทีอยูใ่ ต้กระจกเงา
ลําดับขันการใช้ ดีซีโวลต์ มิเตอร์
1. ต่อดีซีโวลต์ในขณะวัดค่าแรงดันคร่ อมขนานกับโหลด
2. ตังย่านใช้งานของมิเตอร์ ในย่าน DCV
3. ปรับสวิตช์ตงย่ั านการวัดให้ถูกต้อง ถ้าหากไม่ทราบแรงดันไฟทีจะทําการวัด ให้ตงย่ ั าน
วัดทีตําแหน่งสู งสุ ด (1,000V) ไว้ก่อน แล้วปรับลดย่านให้ตาลงที
ํ ละย่านจนกว่าเข็มมิเตอร์ จะชีค่าทีอ่านได้
ง่ายและถูกต้อง
4. ในตําแหน่งทีวัดด้วยดีซีโวลต์มิเตอร์ ไม่ขึน แต่ขณะแตะสายวัดขัวบวกเข้าไปหรื อขณะดึงสาย
วัดขัวบวกออกมา เข็มมิเตอร์ จะกระดิกเล็กน้อยเสมอแสดงว่าจุดวัดนันเป็ นแรงดันไฟสลับ (ACV)
5. การวัดแรงดันไฟตรงในวงจร จะต้องต่อสายวัดให้ถูกต้อง โดยนําสายวัดขัวลบ (-COM) สี ดาํ จับ
ทีขัวลบของแหล่งจ่าย นําสายวัดขัวบวก (+) สี แดงของมิเตอร์ ไปวัดแรงดันตามจุดต่างๆ

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


96
คู่มือเตรี ยมสอบ

การอ่ านสเกลของดีซีโวลต์ มิเตอร์

การวัดกระแสไฟตรง
ดีซีแอมมิเตอร์ หรื อดีซีมิลลิแอมมิเตอร์ คือมิเตอร์วดั กระแสไฟตรง (DC CURRENT) เพือจะ
ทราบจํานวนกระแสทีไหลผ่านวงจรว่ามีค่าเท่าไร การใช้ดีซีแอมมิเตอร์ หรื อดีซีมิลลิแอมมิเตอร์ วัดกระแส
ไฟตรงในวงจร จะต้องตัดไฟแหล่งจ่ายออกจากวงจร และนําดีซีแอมมิเตอร์ หรื อดีซีมิลลิแอมมิเตอร์ ต่อ
อันดับกับวงจร และแหล่งจ่ายไฟ ขัวของดีซีแอมมิเตอร์ จะต้องต่อให้ถูกต้องมิเช่นนันเข็มมิเตอร์ จะตีกลับ
อาจทําให้มิเตอร์ เสี ยได้ เอซี โวลต์มิเตอร์ มีทงหมด
ั 4 ย่าน คือ 50uA, 2.5mA, 25mA และ 0.25 mA มี 3
สเกล แต่นาํ มาใช้กบั การวัดกระแสจะใช้ 2 สเกล คือ 0~50, 0~250 อ่านขีดสเกลทีอยูใ่ ต้กระจกเงา
ลําดับขันการใช้ ดีซีมิลลิแอมป์ มิเตอร์
1. การต่อดีซีมิลลิแอมมิเตอร์ วดั กระแสในวงจร จะต้องต่ออันดับกับโหลดในวงจร
2. ตังย่านใช้งานของมิเตอร์ ในย่าน DCmA
3. ปรับสวิตช์ตงย่ั านการวัดให้ถูกต้อง ถ้าหากไม่ทราบกระแสทีจะทําการวัด ให้ตงย่ ั านวัดที
ตําแหน่งสู งสุ ด (0.25A) ไว้ก่อน แล้วปรับลดย่านให้ตาลงที
ํ ละย่านจนกว่าเข็มมิเตอร์ จะชีค่าทีอ่านได้ง่าย
และถูกต้อง
4. ก่อนต่อมิเตอร์ วดั กระแสไฟสู งๆ ควรจะปิ ด (OFF) สวิตช์ไฟของวงจรทีจะวัดเสี ยก่อน
5. เมือวัดเสร็ จเรี ยบร้อยควรปิ ด (OFF) สวิตช์ไฟ ของวงจร ทีทําการวัดเสี ยก่อนจึงปลดสายวัดของ
มิเตอร์ ออกจากวงจร

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


97
คู่มือเตรี ยมสอบ

การอ่ านสเกลของดีซีมิลลิแอมป์ มิเตอร์

การวัดความต้ านทาน
โอห์มมิเตอร์ คือ มิเตอร์ ทีสร้างขึนมาไว้วดั ค่าความต้านทาน ของตัวต้านทาน (R) โดยอ่านค่า
ออกมาเป็ นค่าโอห์ม โดยมียา่ นการวัดทังหมด 5 ย่าน คือ x1, x10, x100, x1k และ x10k อ่านค่าความ
ต้านทานได้ตงแต่ั 2 กิโลโอห์ม ถึง 20 เมกกะโอห์ม
ลําดับขันตอนการใช้ โอห์ มมิเตอร์
1. ตังย่านใช้งานของมิเตอร์ ทีย่านโอห์ม
2. ใช้สายวัดสี แดงเสี ยบเข้าทีขัวต่อขัวบวก (+) และสายวัดสี ดาํ เสี ยบเข้าทีขัวต่อขัวลบ (-COM)
3. ปรับซี เล็กเตอร์ สวิตช์ตงย่
ั านวัดให้ถูกต้อง
4. ก่อนการนําโอห์มมิเตอร์ ไปใช้วดั ทุกครัง และทุกย่าน จะต้องทําการปรับ 0 โอห์มเสมอ
5. ถ้าจะนําโอห์มมิเตอร์ ไปวัดค่าความต้านทานในวงจรต้องแน่ใจว่าปิ ด (OFF) สวิตช์ไฟ ทุกครัง
การอ่ านสเกลของโอห์ มมิเตอร์

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


98
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข้ อที 5 การเลือกใช้ เครื องมือวัด (คะแนน 1)


การเลือกใช้เครื องวัดชนิดใดสามารถทําได้โดยการเลือกจากสวิตซ์ควบคุม สําหรับ มัลติมิเตอร์
นันประกอบด้วยเครื องวัด ดังต่อไปนี
1. แอมมิเตอร์ (Ammeter) ใช้สาํ หรับวัดค่ากระแสไฟฟ้า
2. โวลต์มิเตอร์ (Voltmeter) ใช้สาํ หรับวัดค่าแรงดันไฟฟ้า
3. โอห์มมิเตอร์ (Ohmmeter) ใช้สาํ หรับวัดค่าความต้านทาน

ข้ อที 6 ข้ อควรระวังการใช้ เครื องวัดไฟฟ้ า (คะแนน 1)


1. อย่าให้มลั ติมิเตอร์ มีการกระทบกระเทือนอย่างแรง เช่น ตก หล่นจากทีสู ง เพราะจะทําให้
เครื องมือวัดชํารุ ดเสี ยหาย
2. ควรวางมัลติมิเตอร์ ในตําแหน่งราบ (แนวนอน) ขณะใช้งานและเลิกใช้งาน
3. ก่อนทําการวัดทุกครังต้องแน่ใจว่าเลือกย่านการวัดถูกต้องเสมอ
4. ตังค่าสเกลสู งสุ ดของย่านการวัดขณะวัดจุดทีไม่ทราบค่าแน่นอน
5. ห้ามใช้ยา่ นวัดโอห์มวัดค่าแรงดันไฟตรงหรื อแรงดันไฟสลับ
6. เมือวัดแรงดันไฟตรงต้องใช้สายวัดให้ถูกขัว +- เสมอ
7. เมือเลือกย่านวัดโอห์มไม่ควรให้ปลายสายวัดแตะกันนานเกินไป
8. เมือเลิกใช้งานควรถอดสายวัดออกและปรับสวิตช์เลือกย่านไปที OFF
9. ไม่ควรให้มลั ติมิเตอร์ เกิด Overload (เกินสเกล) บ่อยครังขณะทําการวัดต้องดูตาํ แหน่งของย่าน
วัดการวัดให้เหมาะสมกับวงจรทีจะวัด
10. มัลติมิเตอร์ ทีไม่ได้ใช้เป็ นเวลานาน ก่อนใช้ควรหมุน Function และ Range switch ไปมาเพือ
ลดความฝื ดและให้หน้าสัมผัสไฟฟ้าทีดี
11. ควรจัดเก็บมัลติมิเตอร์ ให้อยูใ่ นเครื องห่ อหุ ม้ (Case) เสมอ

ข้ อที 7 เครื องกําเนิดสั ญญาณไฟฟ้ า (คะแนน 1)


หลัง การการสร้ า งวงจรอิ เล็ ก ทรอนิ ก ส์ ใ ด ๆ เสร็ จ เรี ย บร้ อ ยแล้ว อาจมี ค วามจํา เป็ นต้องป้ อ น
สัญญาณทีมีรูปแบบและความถีทีแน่นอนเข้าไปในวงจร ทังนี ก็เพือเป็ นการทดสอบการทํางานของวงจรที
สร้ า งขึ น สํ า หรั บ เครื องกํา เนิ ด สั ญ ญาณที สามารถนํา ไปใช้ง านได้ห ลายหน้ า ที และนิ ย มใช้ก ัน อย่า ง
แพร่ หลาย มีชือเรี ยกว่า Function Generator ซึ งเครื องกําเนิ ดสัญญาณนีจะให้รูปสัญญาณออกมาได้หลาย
แบบ เช่น รู ปคลืนไซน์ รู ปสี เหลียม รู ปสามเหลียม หรื อแบบฟันเลือย เป็ นต้น ดังรู ป

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


99
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข้ อที 8 การต่ อเซลล์ ไฟฟ้ า (คะแนน 1)


โดยทัวไปแล้วแบตเตอรี จะประกอบด้วยเซลล์หลายเซลล์ทีมีการเชื อมต่อกันทางไฟฟ้ าอยูภ่ ายใน
ซึ งวิธี ก ารต่ อของแต่ ล ะเซลล์แ ละชนิ ดของวัส ดุ ที นํา มาใช้เป็ นเซลล์ จะเป็ นปั จจัย ที กํา หนดขนาดของ
แรงดันไฟฟ้ าและความจุไฟของแบตเตอรี โดยการต่อถ้าให้ขวบวกของเซลล์ ั หนึ งต่อกับขัวลบของเซลล์
ถัดไป และต่อกันเช่นนี ต่อไปเรื อยๆจะทําให้แรงดันไฟฟ้ าทีได้เท่ากับผลรวมของแรงดันไฟฟ้ าแต่ละเซลล์
รวมกัน เรี ยกการต่อแบบนีว่า การต่ออนุกรมหรื อการต่อแบบอันดับ (series connection) ดังรู ป

ข้ อที 9 ประเภทของแหล่ งกําเนิดไฟฟ้ า (คะแนน 1)


แหล่งกําเนิดไฟฟ้าหรื อแหล่งจ่ายไฟฟ้า หมายถึง แหล่งทีให้พลังงานศักย์ไฟฟ้า หรื ออาจเรี ยกว่า
แรงเคลือนไฟฟ้า (Electromotive force, emf) ออกมาใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทัวไป หรื อทีรู ้จกั กันทัวไปว่า
เป็ นแรงดันไฟฟ้านันเอง
แหล่งกําเนิดไฟฟ้าหรื อแหล่งจ่ายไฟฟ้า ซึ งสามารถแบ่งออกได้ 4 ชนิดใหญ่ๆดังนี
1. แบตเตอรี (battery) 2. เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cells)
3. เจนเนอเรเตอร์ (Generator) 4. แหล่งจ่ายไฟฟ้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic)

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


100
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข้ อที 10 การหาค่ าความต้ านทาน (คะแนน 1)

การต่อตัวต้านทานแบบอันดับ (หรื ออนุกรม) ค่าความต้านทานรวมทีเกิดจากการนําตัวต้านทานมา

ข้ อที 10 การหาค่ าความต้ นทาน (คะแนน 1)


การต่อตัวต้านทานแบบอันดับ (หรื ออนุกรม) ค่าความต้านทานรวมทีเกิดจากการนําตัวต้านทานมา
ต่อกันแบบอันดับจะมีค่าเท่ากับ ผลรวมของค่าความต้านทานของตัวต้านทานทุกตัวรวมกัน สู ตรทีในใน
การคํานวณหาค่าความต้านทานทีต่อกันแบบอันดับ

RT = R1 + R2 +R3 +….
โดยที RT = ค่าความต้านทานรวม
R1, R2, R3 = ค่าความต้านทานตัวที 1, 2, 3 ตามลําดับ
ตัวอย่ างที 1 จากวงจรในรู ป จงคํานวณหาค่าความต้านทานรวม

วิธีทาํ =RT R1 + R2 +R3 + R4


= 25 + 20 + 33 + 10
คําตอบ = 88 Ω
การต่อตัวต้านทานแบบขนาน
ค่าความต้านทานรวมทีเกิ ดจากการนําตัวต้านทานมาต่อขนานกันจะมีคาเท่ากับ ผลรวม
ของสวนกลับของค่าความต้านทานทุกตัวรวมกัน
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
101
คู่มือเตรี ยมสอบ

สู ตรทีในในการคํานวณหาค่าความต้านทานทีต่อกันแบบขนาน

RT =
โดยที RT = ค่าความต้านทานรวม
R1, R2, R3 = ค่าความต้านทานตัวที 1, 2, 3 ตามลําดับ

ตัวอย่ างที 2 จากวงจรในรู ป จงคํานวณหาค่าความต้านทานรวม

วิธีทาํ RT =

=
คําตอบ = 11.9 Ω

ข้ อที 11 การหาค่ ากระแสไฟฟ้ า (คะแนน 1)


กระแสไฟฟ้ า (Electrical Current) เกิ ดจากการเคลื อนที ของอิ เล็กตรอนจากจุดหนึ งไปยังอีกจุ ด
หนึ งภายในตัวนําไฟฟ้ า การเคลื อนทีของอิเล็กตรอนเกิดจากการนําวัตถุ ทีมีประจุไฟฟ้ าต่างกันมาวางใกล้
กัน ดังแสดงรู ปที (ก),(ข) และ (ค) ซึ งเป็ นการแสดงการเกิ ดกระแสไฟฟ้ าโดยการนําวัตถุทีมีประจุไฟฟ้ า
ต่า งกันมาเชื อมต่ อกัน โดยใช้ตวั นําทางไฟฟ้ าซึ งในที นี คื อ ทองแดง การเคลื อนที ข องอิ เล็ ก ตรอนจะ
เคลื อนที จากวัตถุ ทีมี ประจุไฟฟ้ าลบ (-)ไปยังวัตถุ ไฟฟ้ าที มี ประจุ บวก (+) กระแสไฟฟ้ ามี หน่ วยวัดเป็ น
แอมแปร์ (Ampere) ใช้อกั ษรย่อเป็ น “A”

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


102
คู่มือเตรี ยมสอบ

กระแสไฟฟ้ าแบ่ งออกเป็ น 2 ชนิด คือไฟฟ้ ากระแสตรง และไฟฟ้ ากระแสสลับ

กระแสไฟฟ้ าแบ่ งออกเป็ น 2 ชนิด คือไฟฟ้ ากระแสตรง และไฟฟ้ ากระแสสลับ


ไฟฟ้ ากระแสตรง
ไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Current) หมายถึง กระแสไฟฟ้าทีเกิดจากการเคลือนทีของ
อิเล็กตรอนจากแหล่งจ่ายไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆ ได้เพียงทิศทางเดียว สําหรับแหล่งจ่ายไฟฟ้ านันมา
จากเซลล์ปฐมภูมิ (ถ่านไฟฉาย) เซลล์ทุติยภูมิ (แบตเตอรี ) หรื อเครื องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรงเป็ นต้น
ไฟฟ้ ากระแสสลับ
ไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternation Current) หมายถึง กระแสไฟฟ้าทีเกิดจากการเคลือนทีของ
อิ เล็ กตรอนจากแหล่ งจ่ า ยไฟฟ้ าไปยังอุ ป กรณ์ ไ ฟฟ้ า ใดๆโดยมี การเคลื อนที กลับไปกลับ มาตลอดเวลา
สํา หรั บ แหล่ ง จ่ ายไฟนันมาจากเครื องกําเนิ ดไฟฟ้ ากระแสสลับ ชนิ ดหนึ งเฟส หรื อเครื องกําเนิ ดไฟฟ้ า
กระแสสลับสามเฟส เป็ นต้น

ตัวอย่ าง จงคํานวณหาค่าปริ มาณกระแสไฟฟ้าของวงจรไฟฟ้าทีมีแรงดันไฟฟ้าขนาด 50 โวลต์


และมีค่าความต้านทานของวงจรเท่ากับ 5 โอห์ม ดังรู ป

วิธีทาํ จากสู ตร

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


103
คู่มือเตรี ยมสอบ

แทนค่า
คําตอบ I =1

ข้ อที 12 แรงดันไฟฟ้ า (คะแนน 1)


แรงดันไฟฟ้ า (Voltage) หมายถึ งแรงดันทีทําให้อิเล็กตรอนเกิดการเคลื อนที หรื อแรงทีทําให้เกิ ด
การไหลของกระแสไฟฟ้ านันเอง ดังแสดงในรู ปที (ก) และ(ข) ซึ งจะแสดงถึ งแรงดันไฟฟ้ าในระดับที
ต่างกันโดยในรู ป (ก) จะมีแรงดันสู งเนืองจากปริ มาณประจุไฟฟ้าทังสองด้านมีความแตกต่างกันมาก ทําให้
เกิ ดการเคลื อนที ของอิ เล็ กตรอนจากขวาไปซ้ายจํา นวนมาก ส่ วนในรู ป (ข) จะมี แรงดันไฟฟ้ า ตํากว่า
เนืองจากปริ มาณประจุไฟฟ้าทังสองด้านมีความแตกต่างกันน้อย ทําให้เกิดการเคลือนทีของอิเล็กตรอนจาก
ขวาไปซ้ายจํานวนน้อยลง

จากที ทราบมาแล้วว่า แรงดันไฟฟ้ า นันแรงที ทํา ให้อิ เล็ ก ตรอนเกิ ด การเคลื อนที หรื อเรี ย กว่า
แรงเคลื อนไฟฟ้ า (Electromotive Force) และเนื องจากการที มีศกั ย์ไฟฟ้ าตรงกันข้าม นันคือ ด้านหนึ งมี
ศักย์ไฟฟ้ าเป็ นบวก (+) ส่ วนอีกด้านหนึ งเป็ นลบ (-) ดังนันขนาดของแรงดันจึงหมายถึ งปริ มาณของความ
ต่างศักย์ไฟฟ้ า (Potential Difference) ทีปรากฏคร่ อมวงจรไฟฟ้ านันเอง ความต่างศักย์ไฟฟ้ าสามารถทีจะ
บอกถึงระดับแรงดันไฟฟ้าทีจ่ายให้แก่วงจรไฟฟ้าได้
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
104
คู่มือเตรี ยมสอบ

ในกรณี ทีกล่าวถึงแรงดันไฟฟ้าโดยทัวๆ ไป จะหมายถึง แรงดันไฟฟ้ าทีตกคร่ อมอุปกรณ์ไฟฟ้ าแต่


ละตัวภายในวงจรไฟฟ้ าหรื อแรงดันไฟฟ้ าของแหล่งจ่ายไฟฟ้ า ซึ งจะใช้สัญลักษณ์ แทนแรงดันไฟฟ้ าเป็ น
อักษร V ตัวเอนใหญ่ ส่ วนหน่วยของแรงดันไฟฟ้ าจะใช้อกั ษร V ตัวใหญ่ธรรมดา แทนคําว่า โวลต์ (Volt)
ซึ งเป็ นหน่วยวัดของแรงดันไฟฟ้า
ตัวอย่ างที จงคํานวณหาแรงดันไฟฟ้าทีตกคร่ อมตัวต้านทาน R1 มีค่าความต้านทานเท่ากับ 200 Ω
มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน 100 มิลลิแอมป์ ดังแสดงในรู ป

วิธีทาํ จากสู ตร ดังนัน V = I x R


แทนค่า V = 100 x 10-3 A x 200 Ω = 20 V
คําตอบ V = 20 โวลต์

ข้ อที 13 พลังงานไฟฟ้ า (คะแนน 1)


ผูค้ น้ พบความสัมพันธ์ ระหว่างพลังงานกับพลังงานความร้ อน คื อ เจมส์ เพรสคอท จู ล (James
Presott Joule) ชาวอังกฤษพบว่าพลังงานไม่ได้สูญหายไปไหน แต่จะเปลี ยนไปเป็ นพลังงานรู ปอื นซึ ง
ส่ วนมากเป็ นพลังงานความร้อน โดย 1 จูล มีค่าเท่ากับ 4.2 แคลอรี ซึ งชื อของจูลเป็ นเป็ นหน่วยวัดพลังงาน
ไฟฟ้าด้วย คือ พลังงาน 1 จูล มีค่าเท่ากับ 1 วัตต์ – วินาที
พลังงานไฟฟ้า (W) หมายถึง ปริ มาณไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ หรื อโหลดทางไฟฟ้ าทีถูกใช้พลังงาน
ไปทังหมด คิ ดในช่ วงระยะเวลาใดเวลาหนึ ง มี หน่ วยเป็ นวัตต์ – ชัวโมง (Watt - Hour) โดยจะได้
ความสัมพันธ์ของพลังงานไฟฟ้าและเวลา ดังนี

W = P t
เมือ W = พลังงานไฟฟ้า หน่วย วัตต์ – วินาที (Watt - Second)
P = กําลังไฟฟ้า หน่วย วัตต์ (Watt)
t = เวลา หน่วย วินาที (Second
ตัวอย่ างที อาคารหลังหนึงใช้หลอดไฟแสงสว่างขนาด 100 วัตต์ จํานวน 20 หลอด ใช้งานนานวันละ 6
ชัวโมง จะชําระค่าไฟฟ้าวันละเท่าไร ถ้าคิดค่าไฟฟ้ายูนิตละ 2 บาท

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


105
คู่มือเตรี ยมสอบ

วิธีทาํ
จาก W = P t
พลังงานไฟฟ้าทีถูกใช้ไป = 100 W 20 6 ชัวโมง
= 12,000 วัตต์ – ชัวโมง
= 12 กิโลวัตต์ – ชัวโมง
หรื อ = 12 ยูนิต
คิดค่าไฟฟ้ายูนิตละ 2 บาท/วัน
= 12 ยูนิต 2 บาท
= 24 บาท / วัน
จะชําระค่าไฟฟ้าวันละ = 24 บาท

ข้ อที 14 วงจรอนุกรม (คะแนน 1)


วงจรอนุกรม คือ วงจรทีนําตัวต้านทานหรื อโหลดทางไฟฟ้ามาต่ออันดับกันไปเรื อยๆ โดยกระแส
ไฟฟ้าทีไหลในวงจรจะมีค่าเท่ากันทังหมด ส่ วนแรงดันไฟฟ้าทังหมดจะเท่ากับผลรวมของแรงดันตก
คร่ อมความต้านทานแต่ละตัว
กระแสไฟฟ้าทีไหลภายในวงจรจะมีค่าเท่ากันทังหมด คือ
IT = I1 = I2 = I3 = ... IN
(A)
แรงดันไฟฟ้าภายในวงจรอนุ กรม คือ
E = V1 + V2 + V3 + … VN
(V)
ค่าความต้านทานรวมทังหมดของวงจร (RT) เท่ากับผลรวมของค่าความต้านทานแต่ละตัวรวมกัน
คือ
RT = R1 + R2 + R3 + ... + RN
(Ω)
ตัวอย่ างที จากวงจรทีกําหนดให้จงคํานวณหาแรงดันตกคร่ อมความต้านทาน R1 , R2 , R3 , R4 เมือ
มีความต้านทานเท่ากับ 2 Ω , 4 Ω , 6 Ω , 8 Ω ตามลําดับ โดยมีแรงดันไฟฟ้า 20 V

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


106
คู่มือเตรี ยมสอบ

วิธีทาํ
คํานวณค่า RT = R1 + R 2 + R 3 + R4
= 2Ω+4Ω+6Ω+8Ω
RT = 20 Ω
คํานวณหาค่า IT = (A)
IT =
= 1A

ข้ อที 15 วงจรขนาน (คะแนน 1)


วงจรขนาน คือ วงจรทีนําตัวต้านทานหรื อโหลดทางไฟฟ้ามาต่อขนาน เข้ากับแหล่งจ่ายไฟโดยค่า
ของแรงดันไฟฟ้าทีตกคร่ อมความต้านทานจะมีค่าเท่ากันและเท่ากับแหล่งจ่ายไฟ ส่ วนค่ากระแสไฟฟ้าที
ไหลในวงจรจะเท่ากับผลรวมของกระแสไฟฟ้าทีไหลในแต่ละสาขา
แรงดันตกคร่ อม (Voltage Drop) ความต้านทานแต่ละตัวจะมีค่าเท่ากับแรงดันของแหล่งจ่าย
(Power Supply) คือ

ET = VR1 = VR2 = VR3 = VR4 ... = VRN


(V)
กระแสรวมทังหมดของวงจร (IT) จะมีค่าเท่ากับผลรวมของกระแสทีไหลในสาขาย่อยรวมกัน คือ
IT = I1 + I2 + I3 + I4 + … + IN
(A)
ค่าความต้านทานรวม (RT) ในวงจรขนานจะมีค่าเท่ากับผลรวมของส่ วนกลับของค่าความต้านทาน
ทุกตัวรวมกัน คือ

(Ω)
หรื อ
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
107
คู่มือเตรี ยมสอบ

(Ω)

ตัวอย่ างที จงคํานวณหาค่ากระแสรวมทีไหลในวงจรและกระแสตัวต้านทานแต่ละตัวเมือวงจรจ่ายแรงดัน


เท่ากับ 20 V

วิธีทาํ
คํานวณหาค่าความต้านทานรวม
RT =

= = 0.96 Ω

IT =
= = 20.83 A
I1 = = = 10 A

I2 = =
= 5A
I3 = =
= 3.33 A
I4 = =
= 2.5 A
หรื อ
IT = I1 + I2 + I3 + I4
= 10 + 5 + 3.33 + 2.5
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
108
คู่มือเตรี ยมสอบ

= 20.83 A

ข้ อที 16 วงจรผสม (คะแนน 1)


วงจรผสม หมายถึ ง วงจรทีมีทงวงจรอนุ
ั กรมและวงจรขนานต่อปนกันอยู่ ซึ งบางครังเราเรี ยกว่า
วงจรอนุกรม – ขนาน หรื อวงจรขนาน – อนุกรม
ขันตอนในการพิจารณาหาค่าต่างๆ ในวงจรผสมแบบอนุกรม – ขนาน
1. หาค่าความต้านทานรวมแบบอนุกรม ในสาขาทีมีความต้านทานต่ออนุกรมกันอยู่
2. หาค่าความต้านทานรวมแบบขนาน
3. หาค่ากระแสทีไหลในสาขาต่าง ๆ ของวงจร
4. หาค่ากระแสรวมทีไหลในวงจร
ขันตอนในการพิจารณาหาค่าต่างๆ ในวงจรผสมแบบขนาน – อนุกรม
1. หาค่าความต้านทานรวมแบบขนาน ในสาขาทีมีความต้านทานต่อขนานกันอยู่
2. หาค่าความต้านทานรวมแบบอนุกรม
3. หาค่าแรงดันตกคร่ อมความต้านทานแต่ละกลุ่ม
4. หาค่าแรงดันรวมของวงจร
5. หาค่ากระแสทีไหลในสาขาต่าง ๆ ของวงจร
6. หาค่ากระแสรวมทีไหลในวงจร

วงจรผสมแบบอนุกรม – ขนาน วงจรผสมแบบขนาน – อนุกรม

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


109
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข้ อที 17 สั ญลักษณ์ วงจรแสงสว่ าง (คะแนน 1)

สายและการต่ อ

อุปกรณ์ สั ญลักษณ์ วงจร หน้ าทีของอุปกรณ์

สาย
ให้กระแสผ่านได้ง่ายมากจากส่ วนหนึงไปยังส่ วนอืนของวงจร
(wire)

เขียนหยดจุดทีสายต่อกัน ถ้าสายต่อและตัดกันเป็ นสี แยก ต้อง


จุดต่อ
เลือนให้เหลือมกันเล็กน้อยเป็ นรู ปตัวทีสองตัวต่อกลับหัว เช่น
สาย
จุดต่อด้านขวามือ

ในวงจรทีซับซ้อนมีสายมากจําเป็ นต้องเขียนสายตัดกันแต่ไม่ต่อ
กัน นิยมใช้สองวิธีคือเส้นตรงตัดกันโดยไม่มีจุดหยด หรื อเส้น
สายไม่
หนึงเขียนโค้งข้าม อีกเส้นทีเป็ นเส้นตรงดังรู ปทางขวา อยาก
ต่อกัน
แนะนําให้ใช้แบบหลังเพือป้ องกันการเข้าใจผิดว่าเป็ นจุดต่อทีลืม
ใส่ จุดหยด

แหล่ งจ่ ายกําลัง

อุปกรณ์ สั ญลักษณ์ วงจร หน้ าทีของอุปกรณ์

แหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า
เซลล์ เซลล์ตวั เดียวจะไม่เรี ยกว่า
แบตเตอรี

แหล่งจ่ายพลังงาน
แบตเตอรี ไฟฟ้า แบตเตอรี จะมี
มากกว่า 1 เซลล์ต่อเข้า

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


110
คู่มือเตรี ยมสอบ

ด้วยกัน

ป้ อนพลังงานไฟฟ้า
ป้ อนไฟตรง(DC) DC = ไฟกระแสตรง ไหล
ทิศทางเดียวเสมอ

แหล่ งจ่ ายกําลัง


ป้ อนพลังงานไฟฟ้า
AC = ไฟกระแสสลับ
ป้ อนไฟสลับ(AC)
เปลียนทิศทางการไหล
ตลอด

ป้ องกันอุปกรณ์เสี ยหาย
โดยตัวมันจะละลายขาด
ฟิ วส์
หากมีกระแสไหลผ่านเกิน
ค่ากําหนด

ขดลวดสองขดเชือมโยง
กันด้วยแกนเหล็ก หม้อ
แปลงใช้แปลงแรงดัน
กระแสสลับให้สูงขึนหรื อ
ลดลง พลังงานจะถ่ายโอน
หม้อแปลง
ระหว่าง ขดลวดโดย
สนามแม่เหล็กในแกน
เหล็ก และไม่มีการต่อกัน
ทางไฟฟ้าระหว่างขดลวด
ทังสอง

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


111
คู่มือเตรี ยมสอบ

อุปกรณ์ ด้านออก: หลอดไฟ, ไส้ ความร้ อน, มอเตอร์ ฯลฯ

อุปกรณ์ สั ญลักษณ์ วงจร หน้ าทีของอุปกรณ์

ตัวแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็ นแสง
สัญลักษณ์นีเป็ นหลอดให้แสงสว่าง
หลอด (แสงสว่าง)
ตัวอย่างเช่นหลอดไฟหน้ารถยนต์
หรื อหลอดไฟฉาย

อุปกรณ์ ด้านออก: หลอดไฟ, ใส้ ความร้ อน, มอเตอร์ ฯลฯ


ตัวแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็ นแสง
สัญลักษณ์นีใช้สาํ หรับเป็ นหลอดตัว
หลอด(ตัวชี) (indicator)
ชีบอก ตัวอย่างเช่นหลอดไฟเตือนบน
หน้าปั ดรถยนต์

ตัวทําความร้อน (heater) ตัวแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็ นความร้อน

ตัวแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็ นพลังงาน
มอเตอร์
จล (หมุน)

กระดิง(bell) ตัวแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็ นเสี ยง

ออด (buzzer) ตัวแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็ นเสี ยง

ตัวเหนียวนํา ขดลวด เมือมีกระแสไหลผ่านจะเกิด

(ขดลวด, โซลินอยด์) สนามแม่เหล็ก หากมีแกนเหล็กอยูข่ า้ ง


ในจะสามารถแปลงพลังงานไฟฟ้า

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


112
คู่มือเตรี ยมสอบ

เป็ นพลังงานกล โดยทําให้เกิดการผลัก


ได้

สวิทช์

อุปกรณ์ สั ญลักษณ์ วงจร หน้ าทีของอุปกรณ์

สวิทช์กด ยอมให้กระแสไหลผ่านเมือสวิทช์ถูก
สวิทช์กดต่อ
กด เช่น สวิทช์กริ งประตูบา้ น

สวิทช์แบบกด ซึ งปกติจะต่อ (on) และเมือถูกกด


สวิทช์กดตัด
จะตัด (off)

SPST(Single Pole Single Throw)


สวิทช์ปิดเปิ ด
สวิทช์ปิดเปิ ด ยอมให้กระแสไหลผ่านทีตําแหน่ง
(SPST)
ต่อ (on)

SPDT(Single Pole Double Throw)


สวิทช์สองทาง เปลียนสลับการต่อเพือให้กระแส
สวิทช์สองทาง ไหลผ่านได้ไปทางตําแหน่งทีเลือก สวิทช์สอง
(SPDT) ทางบางแบบจะมีสามตําแหน่ง โดยตําแหน่งกลาง
ไม่ต่อ(off) ตําแหน่งจึงเป็ น เปิ ด-ปิ ด-เปิ ด(on-off-
on)

DPST(Double Pole Single Throw)


สวิทช์ปิดเปิ ดคู่ สวิทช์ปิดเปิ ดแบบคู่ ปิ ดเปิ ดพร้อมกัน เหมาะ
(DPST) สําหรับตัด-ต่อหรื อปิ ด-เปิ ด วงจรพร้อมกันสอง
เส้น เช่น ไฟเมน

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


113
คู่มือเตรี ยมสอบ

DPDT(Double Pole Double Throw)


สวิทช์สองทางแบบคู่ เปลียนสลับการต่อพร้อม
สวิทช์สองทางคู่
กัน เช่นใช้ในการต่อเพือกลับทิศทางการหมุนของ
(DPDT)
มอเตอร์ ดีซี สวิทช์บางแบบจะมีสามตําแหน่งคือ
ตําแหน่งไม่ต่อ(off)ตรงกลางด้วย

สวิทช์ทาํ งานด้วยไฟฟ้า เมือมีไฟ เช่น 12โวลท์ 24


โวลท์ มาป้ อนให้ขดลวดแกนเหล็ก จะเกิดการดูด
รี เลย์ ตัวสัมผัสให้ต่อกัน ทําหน้าทีเป็ นสวิทช์ต่อวงจร
หรื อตัดวงจร แล้วแต่วา่ ต่ออยูท่ ีขา NO หรื อ NC
NO = ปกติตดั COM = ขาร่ วม NC = ปกติต่อ

ข้ อที 18 การต่ อวงจรแสงสว่ าง (คะแนน 1)


การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ งมีอยู่ 3 แบบ คือ
.......... 1.1 การต่ อความต้ านทานแบบอันดับ หรื อแบบอนุกรม

................เป็ นการต่อความต้านทานเรี ยงกันไปตามลําดับ โดยทีปลายสายของความต้านทานหรื ออุปกรณ์


ไฟฟ้ า (หลอด) ของตัวทีหนึ งต่อกับต้นสายของความต้านทานหรื ออุปกรณ์ ไฟฟ้ า (หลอด) ของตัวทีสอง
และอีกปลายหนึ งของความต้านทานหรื ออุปกรณ์ ไฟฟ้ าตัวทีสองต่อกับต้นสายของความต้านทาน หรื อ
อุปกรณ์ตวั ทีสามเรี ยงต่อกันไปอย่างนีจนครบวงจร

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


114
คู่มือเตรี ยมสอบ

1.3 การต่ อความต้ านทานแบบผสม ...เป็ นการต่อความต้านทานทีมีทงั 2 แบบในวงจรเดียวกัน


คุณสมบัติของการต่ อวงจรแบบขนาน

1. ความต้านทานแต่ละตัวได้รับแรงดันกระแสไฟฟ้าเท่ากัน
2. กระแสไฟฟ้าทีไหลผ่านความต้านทานแต่ละตัวมีค่าไม่เท่ากัน ทังนีขึนอยูก่ บั ความ
ต้านทานนัน ๆ คือ ถ้ามีความต้านทานมากกระแสไฟฟ้าจะไหลได้นอ้ ย ถ้ามีความต้านทานน้อย
กระแสไฟฟ้าจะไหลได้มาก
3. ผลรวมของกระแสไฟฟ้าทีแยกไหลผ่านแต่ละความต้าน เมือรวมกันแล้วจะเท่ากับกระแสไฟฟ้า
ของวงจร
4. ความต่างศักย์ไฟฟ้าบนความต้านทานแต่ละเส้น จะมีค่าเท่ากัน และเท่ากับความต่างศักย์ไฟฟ้า
รวมทังวงจร

วงจรไฟฟ้าภายในบ้านนิยมแบบขนาน เนื องจากถ้ามีอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวใดตัวหนึงขาด อุปกรณ์


ไฟฟ้าทีเหลือก็จะใช้งานได้

หลอดวาวแสงหรื อหลอดฟลูออเรสเซนต์ ....เป็ นหลอดมีไส้อีกชนิดหนึง ประกอบด้วยส่ วนสําคัญ

คือ รางหลอด ขัวหลอดบัลลาสต์ และสตาร์ ตเตอร์ สวิตช์ ซึ งต่อเป็ นวงจร

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


115
คู่มือเตรี ยมสอบ

...... 1) บัลลาสต์ เป็ นส่ วนประกอบทีสําคัญของหลอดวาวแสง เพราะเป็ นตัวจํากัดกระแสไฟฟ้ า ทํา


ให้หลอดมีอายุยืน มีขนาด40 วัตต์ 32 วัตต์ (สําหรับหลอดกลม) และ 20 วัตต์ ปั จจุบนั มีนโยบายประหยัด
พลังงาน บริ ษทั ได้ผลิ ตบัลลาสต์ชนิ ดประหยัดพลังงานไฟฟ้ า เรี ยกว่า “โลลอสบัลลาสต์” (Low Loss
Ballast) เป็ นบัลลาสต์ทีมีการสู ญเสี ยกําลังงานไฟฟ้ าตํากว่าบัลลาสต์ธรรมดา เป็ น การประหยัดไฟฟ้ า
ได้ 4 - 6 วัตต์ต่อ 1 หลอด คิดเป็ น 40 เปอร์ เซนต์ของบัลลาสต์แบบเดิม

....

. .2) สตาร์ ตเตอร์ เป็ นอุปกรณ์ประกอบวงจรหลอดวาวแสง ขาหลอดจะออกแบบไว้ใส่ สตาร์ ตเตอร์


โดยเฉพาะสตาร์ ตเตอร์ มีหน้าทีต่อวงจร เพืออุ่นไส้หลอดเกิดอิเล็กตรอนไหลในหลอด แล้วสตาร์ ตเตอร์ จะ
ตัดวงจรโดยอัตโนมัติโดยอาศัยหลักการขยายตัวของโลหะต่างชนิดกัน เรี ยกว่า แผ่นไบเมทอล (Bimetallic
strip)

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


116
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข้ อที 19 อุปกรณ์ ควบคุมมอเตอร์ (คะแนน 1)


1. สวิตซ์ ทใช้
ี ในการควบคุม
เป็ นสิ งทีสําคัญทีสุ ดแต่มกั จะถูกมองข้ามไปในวงจรควบคุม ซึ งสวิตซ์จะมีอยูห่ ลายลักษณะในการ
ควบคุมแบบต่าง ๆ ด้วยกันคือ
1.1 สวิตซ์ เปิ ดแบบขึนลง (Toggle switch)
เป็ นสวิตซ์ทีใช้ในการควบคุมมอเตอร์ เบืองต้นทีง่ายทีสุ ด สวิตซ์ทีปิ ด เปิ ดแบบขึนลงใช้
ควบคุมการปิ ดเปิ ดมอเตอร์ โดยจะใช้มอเตอร์ ขนาดเล็กทีมีกาํ ลังแรงม้าตํา เช่นมอเตอร์ ทีหมุนด้วยใบพัด
ของพัดลม และมอเตอร์ ทีใช้หมุนเป่ าลมขนาดเล็ก เป็ นต้น

1.2 สวิตซ์ แบบกด (Push – Button switch)


เป็ นสวิตซ์อีกแบบหนึงทีนิยมนํามาใช้ในวงจรการควบคุมมอเตอร์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพือ
ควบคุมให้มอเตอร์ เริ มเดิน หยุดเดิน หรื อเพือกลับทางการหมุนของมอเตอร์ ดังแสดงในรู ป

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


117
คู่มือเตรี ยมสอบ

1.3 สวิตซ์ แบบหมุน (Rotary Switch)


ตามรู ป เป็ นสวิตซ์แบบหมุนทีมีแกนสําหรับหมุนเพือเปลียนตําแหน่งของหน้าสัมผัส
ภายในสวิตซ์ให้เปลียนไป โดยใช้การหมุนมือในลักษณะตามเข็มหรื อทวนเข็มนาฬิกา เพือทําการควบคุม
หน้าสัมผัสของสวิตซ์

1.4 ลิมิตสวิตซ์ (Limit switch)


ลิมิตสวิตซ์ตามรู ป เป็ นสวิตซ์ขนาดเล็ก ทีทํางานโดยการปิ ดเปิ ดวงจรควบคุม โดยการ
เปลียนแปลงในทางกล มาทําให้สวิตซ์ทาํ งานเพือเปลียนแปลงสัญญาณไฟฟ้าทีเข้ามาควบคุมมอเตอร์

1.5 สวิตซ์ อุณหภูมิ (Temperature switches)


สวิตซ์อุณหภูมิถูกนํามาใช้ในวงจรควบคุมมอเตอร์ ต่าง ๆ มากมาย ดังแสดงในรู ป โดยมี
หลักการทํางาน คือ ให้ของเหลวทีบรรจุในกระเปาะควบคุมอุณหภูมิเกิดการขยายตัวเมืออุณหภูมิสูงขึน
แล้วทําให้เกิดเปลียนตําแหน่งของหน้าสัมผัสของสวิตซ์ สวิตซ์อุณหภูมิสามารถปรับตังอุณหภูมิตามทีเรา
ต้องการได้

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


118
คู่มือเตรี ยมสอบ

1.6 สวิตซ์ ลูกลอย (Float Switch)


สวิตซ์ทีใช้ในการวัดการวัดการเพิมขึนหรื อลดลงของเหลวต่าง ๆ โดยจะใช้ในวงจรการ
ควบคุมมอเตอร์ แบบอัตโนมัติเพือทําการเปิ ดปิ ดวงจรควบคุม เมือของเหลวอยูต่ อ้ งการ การทํางานของ
สวิตซ์จะใช้ลูกลอยเป็ นควบคุมการปิ ดเปิ ดของสวิตซ์ ดังแสดงในรู ป

1.7 สวิตซ์ แรงดัน (Pressure Switch)


เป็ นสวิตซ์ทีใช้เพือการควบคุมความดันของเหลวหรื อก๊าซให้อยูใ่ นระดับทีต้องการโดยใน
การควบคุมต้องใช้ความดันทีวัดได้ไปควบคุมการเปิ ดปิ ดหน้าสัมผัสของสวิตซ์ เช่น ในการให้มอเตอร์
ทํางานต้องเพิมแรงดันเข้าไปในถังลม เมือความดันภายในถังลดลงและจะเปิ ดวงจรให้มอเตอร์ หยุดทํางาน
เมือความดันภายในถังได้ตามทีกําหนดไว้ เป็ นต้น สวิตซ์แรงดันจะมีลกั ษณะ ดังแสดงในรู ป
1.8 สวิตซ์ ทใช้
ี เท้ าเหยียบ (Foot Switch)
ในการควบคุมมอเตอร์ อีกแบบหนึง คือ การใช้สวิตซ์ทีใช้เท้าเหยียบโดยจะมีกระเดือง

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


119
คู่มือเตรี ยมสอบ

สําหรับเหยียบเพือใช้ในการควบคุม โดยในสวิตซ์แบบนีจะใช้ในกรณี ทีผุค้ วบคุมทํางานทังมือและเท้าใน


เวลาเดียวกัน
1.9 Drum – controller Switcher
เป็ นสวิตซ์ควบคุมทีจะใช้ในจุดประสงค์ทีพิเศษ โดยปกติจะนิยมใช้ในมอเตอร์ ขนาดใหญ่
ทังในมอเตอร์ เฟสเดียว และสามเฟส จะใช้ในการควบคุมการเริ มเดินหรื อการหยุดเดิน หรื อควบคุมทิศ
ทางการหมุนของมอเตอร์ การควบคุมจะทําได้โดยการเปลียนตําแหน่งของแกนหมุนด้ายบนของมอเตอร์
ด้านบนของสวิตซ์ ดังแสดงในรู ป

2. รีเลย์ (Relay)
เป็ นอุปกรณ์ควบคุมวงจรไฟฟ้าทีมีการทํางานในลักษณะเป็ น เครื องกลไฟฟ้า ทีนิยมใช้ในวงจร
ควบคุมแบบต่าง ๆ กันอย่างแพร่ หลาย โดยโครงสร้างพืนฐานและการทํางานของรี เลย์ ดังแสดงในรู ปรี เลย์
จะมีหน้าสัมผัสอยูส่ องแบบ คือ แบบปกติเปิ ดและแบบปกติปิด รี เลย์แบบปกติเปิ ดหน้าสัมผัสของรี เลย์และ
จะเปิ ดเมือ ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ไปยังขดลวดของรี เลย์และหน้าสัมผัสจะปิ ดเมือมีกระแสไฟฟ้าไหล
ผ่านไปทีขดลวดของรี เลย์ ซึ งการทํางานก็จะตรงกันข้ามกันในรี เลย์แบบปกติปิด รี เลย์มีหลายชนิดด้วยกน
โดยมากรี เลย์จะถูกนํามาใช้ในวงจรการควบคุมมอเตอร์ ไฟฟ้าในลักษณะของการหน่วงเวลาเพือทําให้เกิด
การทํางานของวงจรควบคุมเป็ นไปตามลําดับหรื อใช้เพือป้ องกันอันตรายทีเกิดขึนภายในวงจรควบคุม

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


120
คู่มือเตรี ยมสอบ

3. แมกเนติกคอนแทคเตอร์ (Magnetic Contactors)


เป็ นสวิตซ์ทีใช้สาํ หรับการควบคุมการเริ มและหยุดเดินของมอเตอร์ โดยทําหน้าทีเปิ ดปิ ดแหล่งจ่าย
กระแสไฟฟ้าสําหรับมอเตอร์ โดยเฉพาะมอเตอร์ ขนาดใหญ่ทีมีขนาดเกิน 10 แรงม้าขึนไป แมกเนติกคอน
แทคเตอร์ จะทําหน้าทีควบคุมเริ มหยุดเดินของมอเตอร์ แทนการใช้คนควบคุมโดยตรง ทังนีเพือเป็ นการ
ป้ องกันอันตรายแก่ผคู ้ วบคุม เพราะกระแสไฟฟ้าทีไหลในวงจรจะมีปริ มาณสู ง เนื องจากมอเตอร์ มีขนาด
ใหญ่ และยังมีจุดประสงค์อีกอย่างหนึง คือ เพือให้สามารถทํางานร่ วมกับอุปกรณ์อืนได้อีกในวงจรควบคุม
ทําให้เกิดความสะดวกและความปลดอภัยมากขึน รู ป เป็ นแมกเนติกคอนแทคเตอร์ ทีใช้ในการควบคุมการ
เริ มและหยุดเดินมอเตอร์ โดยการทํางานอาศัยอํานาจแม่เหล็กดึงดูดหน้าสัมผัสให้เชื อมติดกันทําให้
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปสู่ มอเตอร์ ได้และในแมกเนติกคอนแทคเตอร์ ทวไปจะมีั การติดตังรี เลย์ป้องกัน
กระแสไฟฟ้าเกินไว้ดว้ ยเสมอ

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


121
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข้ อ 20 วงจรการควบคุมมอเตอร์ (คะแนน 1)
1. การควบคุมด้ วยมือ (Manual control)
การควบคุมมอเตอร์ ดว้ ยมือจะเป็ นการควบคุมโดยตรงจากผูใ้ ช้งาน โดยมากจะใช้ในวงจร
ควบคุมมอเตอร์ ไฟฟ้าขนาดเล็ก การควบคุมแบบนีจะอาศัยคนทําการควบคุมการเริ มเดิน และการหยุดเดิน
มอเตอร์ ดังรู ป เป็ นวงจรแสดงการควบคุมมอเตอร์ ไฟฟ้าขนาดเล็กเฟสเดียวทีใช้การควบคุมด้วยมือ โดยจะ
ให้คนควบคุมการปิ ดเปิ ดหน้าสัมผัสเพือควบคุมกระแสไฟฟ้าทีไหลไปสู่ มอเตอร์

2. การควบคุมด้ วยเครื องมือจากระยะไกลและแบบอัตโนมัติ (Remote and Automatic)


การควบคุมด้วยเครื องควบคุมจากระยะไกล หรื ออาจจะเรี ยกเป็ นการควบคุมแบบกึงอัตโนมัติ จะเป็ นการ
ควบคุมการโยการใช้การควบคุมปุ่ มสวิตซ์เปิ ดปิ ดทีแผงควบคุมทีอยูภ่ ายในห้องควบคุมหรื อตูค้ วบคุม
เพือทีจะควบคุมการเริ มเดินและหยุดเดินของมอเตอร์ โดยจะต้องมีอุปกรณ์พิเศษทีจะต้องทํางานร่ วมกับ
สวิตซ์หลัก เช่น ใช้สวิตซ์แม่เหล็กไฟฟ้าทํางานร่ วมกันในวงจรเพือทีจะให้สวิตซ์แม่เหล็กเป็ นตัวควบคุม
การจ่ายไฟฟ้าไผยังมอเตอร์ ไฟฟ้าแทนการใช้มือ
การควบคุมมอเตอร์ แบบอัตโนมัติ จะมีวงจรควบคุมการทํางานคล้ายกับแบบใช้เครื องควบคุมจาก
ระยะไกลแต่จะมีวงจรควบคุมทีสามารถให้มอเตอร์ ทาํ การเริ มเดินและหยุดเดินได้อตั โนมัติ ดังแสดงในรู ป
สามารถทีจะควบคุมด้วยมือหรื อเป็ นแบบอัตโนมัติโดยการใช้สวิตซ์ลูกลอยควบคุมการเริ มเดินละหยุดของ
มอเตอร์

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


122
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข้ อ 21 อุปกรณ์ ปิดกันไฟฟ้ า (คะแนน 1)

หลักการทํางานของฟิ วส์ (Fuses)


“ฟิ วส์” เป็ นอุปกรณ์ป้องกันระบบไฟฟ้าทีมีราคาถูก และการนําไปใช้งานสามารถทําได้ง่ายดังนัน
ฟิ วส์จึงนิยมนําไปใช้ในวงจรไฟฟ้าเกือบทุกประเภท ฟิ วส์ มีหน้าทีป้ องกันไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าไหลใน
วงจรในปริ มาณทีเกินกว่าขนาดทีกําหนดไว้ โดยฟิ วส์จะเป็ นตัวเปิ ดวงจรของอุปกรณ์ไฟฟ้าออกจาก
แหล่งจ่ายไฟฟ้าเพือป้ องกันความเสี ยหายทีอาจจะเกิดขึนได้ เมือเกิดการะแสไฟฟ้าไหลเกินเข้ามาในวงจร
ฟิ วส์โดยทัวไปจะมีลกั ษณะเป็ นแผ่นดลหะทีเป็ นส่ วนขงตะกัวและดีบุกทีมีจุดหลอมละลายตํา บรรจุใน
หลอดทีทํามาจากแก้ว หรื อวัสดุทีเป็ นฉนวน และปลายขัวแต่ละข้างของฟิ วส์จะเป็ นตัวนําไฟฟ้าดังแสดง
ในรู ป

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


123
คู่มือเตรี ยมสอบ

ฟิ วส์จะมีอตั ราทนกระแสไฟฟ้ากํากับไว้ซึงอัตราทนกระแสไฟฟ้าจะแสดงถึงปริ มาณของ


กระแสไฟฟ้าสู งสุ ดทียอมให้ไหลผ่านฟิ วส์ไปยังอุปกรณ์ใด ๆ ได้ ดังรู ปที 11 – 12 แสดงให้เห็นถึงฟิ วส์
ขนาด 2 A ต่ออยูร่ ะหว่างแบตเตอรี กับเครื องรับวิทยุ ในกรณี ปกติกระแสไฟฟ้าก็ไหลผ่านฟิ วส์ไปสู่
เครื องรับวิทยุทาํ ให้เครื องรับวิทยุทาํ งาน ในขณะทีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านฟิ วส์อยูน่ นพลั
ั งงานไฟฟ้า
บางส่ วนจะเปลียนรู ปไปเป็ นพลังงานความร้อนเนื องจากความต้านทานของฟิ วส์ แต่เมือใดก็ตามทีมี
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านฟิ วส์นีเกินอัตราทนกระแสไฟฟ้าของฟิ วส์ทีสามารถรับได้ กระแสไฟฟ้าทีเกินมานัน
จะทําให้เกิดความร้อนเพิมขึนจากเดิมจนเพียงพอทีจะหลอมละลายวัสดุทีนํามาใช้ทาํ ฟิ วส์ให้ขาดออกจาก
กัน ทําให้วงจรเปิ ดและกระแส ไฟฟ้าไม่สามารถไหลผ่านฟิ วส์ไปสู่ เครื องรับวิทยุได้ ซึ งจะเป็ นการป้ องกัน
ความเสี ยหายทีจะเกิดกับเครื อง รับวิทยุจากกระแสไฟฟ้าเกินนันได้

การทํางานของเซอร์ กิตเบรกเกอร์ ชนิ ดนี จะอาศัยการขยายตัวของความร้อนอันเนืองจาก กระแส


ไฟฟ้า รู ป แสดงลักษณะโครงสร้างของเซอร์ กิตเบรกเกอร์ ซึ งแผ่นโลหะผสมนีเกิดจากการนําแผ่น
ทองเหลือง และแผ่นเหล็กมาประกบกัน โดยกระแสไฟฟ้าจะไหลเข้ามาทีขัว A จากนันจะไหลเข้ามา
ทางด้านขวามือของแผ่นโลหะผสมนี แล้วไหลออกไปทางด้านซ้ายมือผ่านต่อไปยังตอนบนของหน้าสัมผัส
ซึ งประกบติดกับหน้าสัมผัสตอนล่าง สุ ดท้ายก็ไหลออกจากเซอร์ กิตเบรกเกอร์ ทีขัว B

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


124
คู่มือเตรี ยมสอบ

ถ้ากระแสไฟฟ้าทีไหลเข้ามานีมีปริ มาณมากเกินกว่าอัตราทนกระแสของเซอร์ กิตเบรกเกอร์ ก็จะ


เกิดความร้อนขึนทีบริ เวณแผ่นโลหะผสมนี ซึ งโดยคุณสมบัติของโลหะทุกชนิดเมือได้รับความร้อนก็จะ
เกิดการขยายตัว โลหะบางชนิดจะขยายตัวได้เร็ ว บางชนิ ดขยายตัวได้ชา้ ซึ งจะขึนอยูก่ บั สัมประสิ ทธิ‡ของ
การขยายตัวเมือได้รับความร้อน (Thermal Expansion Corefficient) ของโลหะชนิดนัน ๆ ในกรณี นี
ทองเหลืองจะขยายตัวได้ดีกว่าเหล็ก ส่ งผลให้แผ่นโลหะผสมนีเกิดการโค้งตัวไปทางด้านขวา ทําให้
กระเดืองทีสัมผัสกับโลหะผสมนีถูกปลดออก และถูกดึงให้กระดกขึนตามสปริ งทีคอยรังคานทีเชื อม
กระเดืองไว้ การยกตัวของคานทางด้านว้ายมือนีทําให้หน้าสัมผัสบนล่างแยกออกจากกัน จึงเป็ นการตัด
เส้นทางการเดินของกระแสไฟฟ้า ซึ งเป็ นการป้ องกันวงจรไฟฟ้าจาก การได้รับกระแสไฟฟ้าในปริ มารที
มากเกินไป การรี เซ็ทจะเป็ นการทําให้หน้าสัมผัสทีแยกออกจากกันนีกลับมาประกบชิ ดกันอีกครังหนึง
อย่างไรก็ตามถ้าปั ญหากระแสไฟฟ้าไหลเกินยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะทําให้หน้าสัมผัสภายในยังคงแยก
จากกันอยู่
สรุ ปแล้วเซอร์ กิตเบรกเกอร์ ชนิดทีทํางานโดยอาศัยความร้อน จะทํางานคล้ายฟิ วส์ชนิดหน่วงเวลา
(Slow Blow Fuses) นันคือ จะยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ชวขณะหนึ
ั ง โดยทีไม่ทาํ ให้หน้าสัมผัสแยก
ออกจากกัน ทังนี เนื องจากการหน่วงเวลาทีเกิดจากความร้อนทีให้แก่ดลหะผสม

ลักษณะของเซฟตีสวิตซ์
เซฟตีสวิตซ์ เป็ นอุปกรณ์ทีใช้ควบคุมวงจรไฟฟ้าทัวไปโดยจะเป็ นสวิตซ์เพือใช้ในการตัดระบบ
ไฟฟ้าหลักทีเชือมต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทังหมดออกจากวงจรซึ งเป็ นวิธีง่ายและเป็ นทีนิยมใช้กนั มีทงระบบ

ไฟฟ้าหนึงเฟส (Single - Phase) และระบบไฟฟ้าสามเฟส (Three Phase) ดังแสดงในรู ป (ก) และ (ข)
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
125
คู่มือเตรี ยมสอบ

เซฟตีสวิตซ์ มีลกั ษณะเป็ นกล่องโลหะทีใช้เป็ นจุดเอมต่อสายไฟฟ้าหลักไปสู่ อุปกรณ์ไฟฟ้า โดยภายในจะมี


ฟิ วส์ติดตังไว้เพือป้ องกันกระแสไฟฟ้าเกิน แต่ก็มีเซฟตีสวิตซ์บางแบบทีไม่มีฟิวส์ติดตังอยูเ่ พราะทีตัว
อุปกรณ์ไฟฟ้ามีระบบป้ องกันกระแสไฟฟ้าเกินอยูแ่ ล้วการควบคุมเซฟตีสวิตซ์สามารถทําได้โดย การใช้คนั
โยกภายนอกโยกขึนลงเพือการเปิ ด – ปิ ด วงจร

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


126
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข้ อ 22 การต่ อลงดิน (คะแนน 1)


การต่อลงดินเป็ นการป้ องกันอันตรายแก่ผใู ้ ช้ทีอาจจะเข้าไปสัมผัสและถูกกระแสไฟฟ้าดูดโดย
กระแสไฟฟ้าทีรัวไหลลงดินแทนการไหลผ่านร่ างกายของผูท้ ีเข้าไปสัมผัส
การต่อลงดิน (Ground) หมายถึง การต่อตัวนําระหว่างวงจรไฟฟ้าหรื อบริ ภณั ฑ์กบั ดินหรื อส่ วนที
เป็ นตัวนําซึ งทําหน้าทีแทนดิน การต่อลงดินมีจุดมุ่งหมายเพือป้ องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารัวทีมี
สาเหตุจากการชํารุ ด หรื อเสื อมสภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึงอาจจะเกิดขึนได้ตลอดเวลาโดยทีเราไม่สามารถ
ทราบล่วงหน้าได้ ดังนันเพือเป็ นหารป้ องกันอันตรายแก่ผูใ้ ช้ทีอาจจะเข้าไปสัมผัสและถูกกระแสไฟฟ้าดูด
โดยกระแสไฟฟ้าทีรัวจะไหลลงดินแทรกการไหลผ่านร่ างกายของผูท้ ีเข้าไปสัมผัส ดังนันการต่อลงดินจึง
เป็ นวิธีการป้ องกันทีดีทีสุ ด

ข้ อที 23 สารตังตัวนํา (คะแนน 1)


สารกึงตัวนํา (อังกฤษ : semiconductor) คือ วัสดุทีมีคุณสมบัติในการนําไฟฟ้าอยูร่ ะหว่างตัวนํา
และฉนวนเป็ นวัสดุทีใช้ทาํ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มักมีตวั ประกอบของ germanium, selenium, silicon
วัสดุเนือแข็งผลึกพวกหนึงทีมีสมบัติเป็ นตัวนํา หรื อสื อไฟฟ้ากํากึงระหว่างโลหะ กับอโลหะหรื อฉนวน
ความเป็ นตัวนําไฟฟ้าขึนอยูก่ บั อุณหภูมิ และสิ งไม่บริ สุทธิ‡ ทีมีเจือปนอยูใ่ นวัสดุพวกนี ซึ งอาจเป็ นธาตุหรื อ
สารประกอบก็มี เช่น ธาตุเจอร์ เมเนียม ซิ ลิคอน ซี ลีเนียม และตะกัวเทลลูไรด์ เป็ นต้น วัสดุกึงตัวนําพวกนีมี
ความต้านทานไฟฟ้าลดลงเมืออุณหภูมิสูงขึน ซึ งเป็ นลักษณะตรงข้ามกับโลหะทังปวง ทีอุณหภูมิ ศูนย์
เคลวิน วัสดุพวกนีจะไม่ยอมให้ไฟฟ้าไหลผ่านเลย เพราะเนือวัสดุเป็ นผลึกโควาเลนต์ ซึ งอิเล็กตรอนทัง
หลายจะถูกตรึ งอยูใ่ นพันธะโควาเลนต์หมด (พันธะทียึดเหนียวระหว่างอะตอม) แต่ในอุณหภูมิธรรมดา
อิเล็กตรอนบางส่ วนมีพลังงานเนื องจากความร้อนมากพอทีจะหลุดไปจากพันธะ ทําให้เกิดทีว่างขึน
อิเล็กตรอนหลุดออกมาเป็ นสาเหตุให้สารกึงตัวนํา นําไฟฟ้าได้เมือมีมีสนามไฟฟ้ามาต่อเขากับสารนี

ลักษณะภายนอก
มีลกั ษณะเป็ นสี เหลียม (จัตุรัส หรื อ ผืนผ้าก็ได้) เป็ นงานมีขา (Peripheral) หรื อ ไม่มีก็ได้ งานไม่มี
ขา (Non - Lead) บางทีขาทีว่าจะมีลกั ษณะกลม เรี ยกว่าบอลตัวงานจะมีลกั ษณะสี ดาํ (หรื อใส (Clear resin)
โดนส่ วนมากจะดํา) เนืองจากใช้เรซินในการฉี ดขึนรู ป ภายในจะมีวงจรต่าง ๆ ใช้สาํ หรับงานต่าง ๆกันไป

สารกึงตัวนําไม่ บริสุทธิe
สารกึงตัวนําไม่บริ สุทธิ‡ เป็ นสารทีเกิดขึนจากการเติมสารเจือปนลงไปในสารกึงตัวนําแท้ เช่น
ซิ ลิกอน หรื อเยอรมันเนียม เพือให้ได้สารกึงตัวนําทีมีสภาพการนําไฟฟ้าทีดีขึน สารกึงตัวนําไม่บริ สุทธิ‡ นี
แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ สารกึงตัวนําประเภทเอ็น (N - Type) สารกึงตัวนําประเภทพี (P - Type)

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


127
คู่มือเตรี ยมสอบ

ชนิด

ก. สารกึงตัวนําประเภท เอ็น (N - Type)


เป็ นสารกึงตัวนําทีเกิดจากการจับตัวของอะตอมซิ ลิกอนกับอะตอมของสารหนู ทําให้มีอิเล็กตรอน
เกินขึนมา 1 ตัว เรี ยกว่าอิเล็กตรอนอิสระซึ งสามารถเคลือนทีได้อย่างอิสระในก้อนผลึกนันจึงยอมให้
กระแสไฟฟ้าไหลได้เช่นเดียวกับตัวนําทัวไป
ข. สารกึงตัวนําประเภท พี (P - Type)
เป็ นสารกึงตัวนําทีเกิดจากการจับตัวของอะตอมซิ ลิกอนกับอะตอมของอลูมิเนียม ทําให้เกิดทีว่าง
เรี ยกว่า โฮล (Hole) ขึนในแขนร่ วมของอิเล็กตรอนข้างโฮลจะเคลือนทีไปอยูโ่ ฮลทําให้ดูคล้ายกับโฮล
เคลือนทีได้จึงทําให้กระแสไหลได้

ข้ อ 24 การต่ อ L (คะแนน 1)
ตัวเหนียวนําเป็ นอุปกรณ์ทีต้านการเปลียนแปลงของกระแสไฟฟ้าในวงจร การต่อตัวเหนียวนําจะ
มีรูปแบบการต่อเช่นเดียวกับการต่อตัวต้านทาน นันคือ ต่อแบบอนุกรมหรื ออันดับ และต่อแบบขนานกรณี
นําตัวเหนียวนําจํานวน 2 ตัว หรื อมากกว่ามาต่อกันแบบอนุกรมจะเป็ นการเพิมความยาวให้กบั ขดลวด และ
ทําให้ค่าความเหนียวนํารวมเพิมขึน และเมือทําการต่อตัวเหนียวนําแบบขนาน การหาค่าความเหนียวนํา
รวมจะใช้วธิ ี คาํ นวณเช่นเดียวกับวิธีของตัวต้านทาน โดยทีค่าความเหนียวนํารวมทีได้ จะมีค่าน้อยกว่าค่า
ความเหนียวนําของตัวเหนียวนําทีมีค่าน้อยทีสุ ดในวงจร

การต่ อตัวเหนียวนําแบบอนุกรมหรื ออันดับ


เมือตัวเหนียวนําหลาย ๆ ตัวมาต่อกันแบบอนุกรม ค่าความเหนียวนํารวมจะคํานวณได้จากการนํา
ค่าความเหนียวนําของตัวเหนี ยวนําทุกตัวมารวมกัน

ตัวอย่ างที จงคํานวณหาค่าความเหนียวนํารวมของวงจรทีแสดงในรู ป

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


128
คู่มือเตรี ยมสอบ

การต่ อตัวเหนียวนําแบบขนาน
การคํานวณหาค่าความเหนียวนํารวม เมือนําตัวเหนียวนํามากกว่า 2 ตัว ต่อกันแบบขนาน

ตัวอย่ าที 5 – 4 จงหาค่าความเหนียวนํารวม (LT) ของวงจรทีแสดงในรู ป

วิธีทาํ
ก. ใช้สูตรในการคํานวณทัวไป

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


129
คู่มือเตรี ยมสอบ

ข. ใช้สูตรสําหรับการต่อตัวเหนี ยวนําแบบขนาน 2 ตัว

ข้ อที 25 การต่ อ C (คะแนน 1)

การต่ อตัวเก็บประจุแบบอันดับหรื ออนุกรม


จากรู ป แสดงการต่อตัวเก็บประจุค่า 2 mF และ mF แบบอันดับ โดยต่อด้านล่างแผ่นเพลตของตัว
เก็บประจุ A เข้ากับด้านบนแผ่นเพลตของตัวเก็บประจุ B ดังแสดงในรู ปที (ข)

จากการทีด้านบนแผ่นเพลตของตัวเก็บประจุ A และด้านล่างแผ่นเพลตของตัวเก็บประจุ ถูกต่อเข้า


กับวงจรจึงทําให้แผ่นเพลตทีอยูบ่ ริ เวณตรงกลางทังสองแผ่นไม่มีผลใด ๆ ดังแสดงในรู ปที (ค) แต่สิงทีได้

จากการต่อแบบอันดับนี คือ ความหนาของไดอิเล็กตริ กทีเพิมขึน และทําให้ระยะห่างระหว่างแผ่น


เพลตเพิมมากขึน นอกจากนันเส้นแรงแม่เหล็กจะเกิดขึนเฉพาะบริ เวณทีมีแผ่นเพลตรองรับในทิศทาง
ตรงกันข้ามเท่านัน ซึ งในทีนี ซึ งในทีนีจะขึนอยูก่ บั แผ่นเพลตทีมีพืนทีน้อย นันคือแผ่นเพลตของตัวเก็บ
ประจุ A

ดังนี

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


130
คู่มือเตรี ยมสอบ

สําหรับตัวเก็บประจุ 2 ตัว จะใช้สูตรคํานวณดังนี

ตัวอย่ าง จงคํานวณหาค่าการเก็บประจุรวม ของวงจรในรู ป

วิธีทาํ

การต่ อตัวเก็บประจุแบบขนาน
รู ป แสดงการต่อตัวเก็บประจุ 2 ตัว A และ B ค่า uF และ 4 uF แบบขนาน ส่ วนรู ปที (ข) แสดงการ
ต่อตัวเก็บประจุ A และ B ซึ งมีค่าคงทีไดอิเล็กตริ ก และระยะห่างระหว่างแผ่นเพลตเท่ากันเข้าด้วยกันแบบ
ขนานจะเห็นว่า ทังด้านบนและด้านล่างแผ่นเพลตของตัวเก็บประจุทงสองสองถู
ั กต่อเข้าด้วยกัน จึงเสทอน
ว่าแผ่นเพลตทังสองเป็ นแผ่นเดียวกัน สรุ ปได้วา่ ถ้าต่อตัวเก็บประจุแบบขนานจะทําให้พนที
ื ของแผ่นเพลต
เพิมขึน และเนื องด้วยค่าการเก็บประจุเป็ นสัดส่ วนโดยตรงกับพืนทีของแผ่นเพลต ดังนัน จึงส่ งผลให้ค่า
การเก็บประจุเพิมขึนด้วย

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


131
คู่มือเตรี ยมสอบ

ค่าการเก็บประจุรวม คํานวณจากการรวมพืนทีของแผ่นเพลตทุกแผ่นรวมกัน ดังนันค่าการเก็บ


ประจุรวงของตัวเก็บประจุทีต่อกับแบบขนานจึงเท่ากับผลรวมของค่าการเก็บประจุของตัวเก็บประจุทุกตัว

ตัวอย่ าง จงหาค่าการเก็บประจุรวมของวงจรในรู ปที (ก) และ (ข)

ข้ อที 26 การอ่ านแถบสี (คะแนน 1)


การเลือกใช้ตวั ต้านทานค่าต่าง ๆ นัน วิธีทีรวดเร็ วและสะดวก คือการอ่านค่าความต้านทานที
ปรากฏอยูบ่ นตัวต้านทานซึ งแสดงไว้ 2 แบบ ได้แก่ รหัสสี ซึ งมีสัญลักษณ์เป็ นแถบวงแหวนสี ต่าง ๆ
และแบบพิมพ์ซึงจะพิมพ์เป็ นตัวเลขและอักษร ตัวอย่างการแสดงการค่าความต้านทานทัง 2 แบบ ดังแสดง
ในรู ป
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
132
คู่มือเตรี ยมสอบ

รหัสสี
ตัวต้านทานชนิดค่าคงทีโดยปกติแล้วจะแบ่งเป็ น แบบใช้งานทัวไป (General – Purpose Resistors)
และแบบเทียงตรงสู ง (Precision Resistors) ซึ งตัวต้านทานแบบใช้งานทัวไปจะมีค่าความคลาดเคลือน
± 5% หรื อมากกว่า และแถบสี แสดงแทนค่าความต้านทานจํานวน 4 แถบ ส่ วนตัวต้านทานแบบความ
เทียงตรงสู งจะมีค่าความคลาดเคลือน ± 2% หรื อน้อยกว่า โดยจะมีแถบสี แสดงค่าความต้านทานทังสอง
แบบนี ดังแสดงในรู ป

วิธีการอ่ านแถบสี ของค่ าความต้ านทานแบบใช้ งานทัวไป


1. แถบสี แรก ใช้แสดงตัวเลขหลักแรก และจะไม่เป็ นสี ดาํ
2. แถบสี ทีสอง ใช้แสดงตัวเลขหลักทีสอง
3. แถบสี ทีสาม เป็ นตัวคูณสําหรับตัวเลขสองหลักแรก ซึ งจะมีค่าตังแต่ 1/1000 ถึง 10,000,000
4. แถบสี ทีสี ใช้แสดงค่าความคลาดเคลือน ซึ งมีค่าตังแต่ ± 5% ขึนไป

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


133
คู่มือเตรี ยมสอบ

วิธีการอ่ านแถบสี ของค่ าความต้ านทานแบบความเทียงตรงสู ง


1. แถบสี แรก ใช้แสดงตัวเลขหลักแรกของตัวเลขจํานวน 3 หลัก
2. แถบสี ทีสอง ใช้แสดงตัวเลขหลักทีสอง
3. แถบสี ทีสาม ใช้แสดงตัวเลขหลักทีสาม
4. แถบสี ทีสี เป็ นตัวคูณสําหรับตัวเลข 3 หลักแรก
5. แถบสี ทีห้า ใช้แสดงค่าความคลาดเคลือน ซึ งมีค่าตังแต่ ± 2% หรื อน้อยกว่า
ด้วยเหตุนีค่าความต้านทานแบบความเทียงตรงสู ง ให้ค่าความต้านทานทีมีความละเอียดมากกว่า
ดังนัน จึงทําให้มีราคาแพงกว่าตัวต้านทานทีใช้งานแบบทัวไป

ตัวอย่ างที จงบอกค่าความต้านทาน ค่าความคลวาดเคลือน และชนิดของตัวต้านทานทีแสดงในรู ป

ข้ อที 27 ไดโอด (คะแนน 1)


ไดโอดเป็ นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทียอมให้กระแสไฟฟ้าๆหลผ่านได้ในทิศทางเดียวไดโอดทีใช้
งานในปั จจุบนั ส่ วนใหญ่แล้วจะเป็ นซิ ลิกอนไดโอด ไดโอดถูกนําไปใช้ในงานด้านอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่
วงจรเรี ยงกระแส วงจรตรวจรับสัญญาณคลืนวิทยุ หรื ออุปกรณ์ลอจิกในเครื องคอมพิวเตอร์
โอดประกอบด้วยขัวต่อ 2 ขัว มีชือเรี ยกว่า อาโนด (Anode) และคาโธด (Cathode) โดยมี
สัญลักษณ์ ดังแสดงในรู ปที 15 – 1

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


134
คู่มือเตรี ยมสอบ

โดยปกติแล้วไดโอดถูกออกแบบให้มีรูปลักษณ์ทีแตกต่างกัน 3 แบบ ดังแสดงในรู ปที 15 – 2 ซึ ง


รู ปลักษณะเช่นนีจะช่วยป้ องกันไม่ให้ไดโอดเสี ยหายง่าย สําหรับขนาดของไดโอดจะแสดงถึงอัตราทน
กระแสไฟฟ้าทีไดโอดยอมให้ไหลผ่านได้ ส่ วนแถบคาดสี ดาํ ทีพิมพ์อยูท่ ีขอบด้านใดด้านหนึงจะแสดงถึง
ขัวคาโธด ดังแสดงในรู ปที 15 – 2 (ก) และ (ข) สําหรับไดโอดขนาดใหญ่ ดังแสดงในรู ปที 15- 2 (ค) จะ
พิมพ์สัญลักษณ์ของไดโอดลงบนตัวอุปกรณ์เลย

ข้ อที 28 ทรานซีสเตอร์ (คะแนน 1)

ทรานซิ สเตอร์ สร้างมาจากวัสดุประเภทสารกึงตัวนําชนิด P และชนิด N มารวมกันโดยทําให้เกิด


รอยต่อระหว่างเนื อสารนีสองรอยต่อ โดยสามารถจัดทรานซิ สเตอร์ ได้ 2 ชนิด คือ
1. ทรานซิ สเตอร์ ชนิด NPN
2. ทรานซิ สเตอร์ ชนิด PNP
รอยต่อจากเนือสารทัง 3 นี มีจุดต่อเป็ นขาทรานซิ สเตอร์ เพือใช้เชือมโยงหรื อบัดกรี กบั
อุปกรณ์อืนดังนันทรานซิ สเตอร์ จึงมี 3 ขา มีชือเรี ยกว่า คอลเลคเตอร์ (สัญลักษณ์ C) อิมิตเตอร์
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
135
คู่มือเตรี ยมสอบ

(สัญลักษณ์ E) และ เบส (สัญลักษณ์ B) รู ปร่ างโครงสร้างและสัญลักษณ์ของทรานซิ สเตอร์ ดงั รู ป

โครงสร้างทรานซิ สเตอร์ PNP โครงสร้างทรานซิ สเตอร์ NPN

ทรานซิ สเตอร์ PNPP ทรานซิ สเตอร์ NPN

ข้ อที 29 เทคนิคการบัดกรี (คะแนน 1)

บัดกรี คือ การเชื อมโลหะเข้าด้วยกันโดยการใช้โลหะทีมีจุดหลอมเหลวตํา เช่นตะกัวผสมกับ


โลหะอืน) โดยใช้ความร้อนที 180 ถึง 190 เซลเซี ยส (360 ถึง 370 ฟาเรนไฮต์) นอยมใช้ในการเชือม
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

อุปกรณ์ทีใช้ในการบัดกรี ได้แก่
1. ตะกัวบัดกรี และฟลัก=
2. หัวแร้งบัดกรี

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


136
คู่มือเตรี ยมสอบ

เทคนิคการบัดกรี
ก่อนทีจะทําการบัดกรี จะต้องเตรี ยมอุปกรณ์ทีต้องบัดกรี และสายไฟใช้สาํ หรับเชือมต่อวงจรให้
พร้อมเสี ยก่อน สําหรับสายไฟนันจะต้องนํามาพันเข้ากับขัวต่อ หรื อ ขาของอุปกรณ์ก่อนจากนันจึงทําการ
บัดกรี ทังนีเพือช่วยให้จุดบัดกรี มีความแข็งแรงมากขึนดังแสดงในรู ป (ก) ส่ วนฉนวนหุ ม้ สายไฟควรทําการ
ปอกให้เหลือเฉพาะลวดนําส่ วนทีจะถูกบัดกรี เท่านัน โดยหลังจากนําสายไฟไปพันเข้ากับขัวต่อ หรื อขา
ของอุปกรณ์แล้วควรเหลือช่องว่างเอาไว้เล็กน้อย ซึ งถ้าช่องว่างน้อยเกินไปอาจจําทําให้ฉนวนไหม้ขณะที
ทําการบัดกรี ได้
สําหรับสายไฟทีประกอบขึนจากขดลวดตัวนําเส้นเล็กหลาย ๆ เส้น ควนบัดกรี ให้เส้นลวดตัวนํา
เหล่านันติดกันก่อนด้วยตะกัวบัดกรี เสี ยก่อน ดังแสดงในรู ป (ข) ส่ วนการวงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงบน
แผ่นวงจร หรื อแผ่นบอร์ ดจะต้องเสี ยบขาของอุปกรณ์ลงบนแผ่นบอร์ ดโดยพยายามให้ตวั อุปกรณ์แนบติด
กับแผ่นบอร์ ดให้มากทีสุ ด นอกจากนันควรดัดขาของอุปกรณ์ให้แยกออกเล็กน้อยดังแสดงในรู ป (ค)
เพือให้ขาของอุปกรณ์ขดั อยูก่ บั แผ่นบอร์ ดเป็ นการป้ องกันไม่ให้อุปกรณ์เคลือนตัวในขณะทีทําการบัดกรี

ข้ อ 30 หม้ อแปลงไฟฟ้ า (คะแนน 1)

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


137
คู่มือเตรี ยมสอบ

หม้อแปลงไฟฟ้าเป็ นอุปกรณ์ทีสามารถถ่ายทอดพลังงานจากขดลวดหนึงไปยังอีกขดลวดหนึงโดย
อาศัยหลักการเหนียวนําของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า สําหรับพลังงานทีส่ งผ่านจะอยูใ่ นรู ปของแรงดันไฟฟ้าที
มีระดับของแรงดันเท่ากัน ระดับทีตํากว่า หรื อระดับทีสู งกว่าก็ได้
หลักการพืนฐานของหม้อแปลงไฟฟ้า
จากรู ป (ก) แสดงรู ปสัญลักษณ์ และวงจรพืนฐานของหม้อ แปลงไฟฟ้า ซึ งประกอบด้วยขดลวด 2
ขดทีจัดให้อยูใ่ กล้กนั ได้แก่ ขดลวดปฐมภูมิ (Primary Winding) และขดลวดทุติยภูมิ (Secondary Winding)
ทังนีเพือให้เส้นแรงของสนามแม่เหล็กทีเกิดจากขดลวดปฐมภูมิไปตัดกับขดลวดทุติยภูมิ และเกิดการ
เหนียวนําซึ งกันและกันขึน โดยจัดให้แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับต่อเข้ากับขดลวดปฐมภูมิ และ
โหลด (RL) ต่อเข้ากับด้านทุติยภูมิ

รู ป แสดงรู ปลักษณะ และวงจรพืนฐานของหม้ อแปลงไฟฟ้ า

รู ปที (ข) แสดงกระแสไฟฟ้าทีจ่ายออกจากแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าไปเข้าทีขดลวดปฐมภูมิ ซึ ง


กระแสไฟฟ้านีก็จะทําให้เกิดขัวเหนื อทีส่ วนบนของขดลวดปฐมถูมิ ถ้าแรงดันไฟฟ้าด้านอินพุตนีมีความ
เป็ นลบมาก (ช่วงครึ งคลืนลบ) ก็จะทําให้กระแสไฟฟ้าไหลเพิมมากขึนด้วย ส่ งผลให้มีสนามแม่เหล็ก
เกิดขึนทีขดลวดปฐมภูมิมากขึน การขยายตัวของสนามแม่เหล็กทีเกิดขึนจะไปตัดกับขดลวดด้านทุติยภูมิ
และเกิดการเหนียวนําของแรงดันไฟฟ้าขึน จึงทําให้มีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจรด้านทุติยภูมิผา่ นไปยัง
โหลด จากนันแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับทีจ่ายเข้ามาก็จะมีความเป็ นลบลดน้อยลงจนเป็ นค่าศูนย์ และ
เปลียนเป็ นค่าบวก
จากรู ป (ค) ในกรณี นีกระแสไฟฟ้าในวงจรด้านปฐมภูมิจะไหลในทิศทางตรงกันข้ามกับตอนแรก
ทังนีเนื องจากแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับได้เปลียนแปลงเพิมขึนในทิศทางทีเป็ นบวก (ช่วงครึ งคลืนบวก)
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
138
คู่มือเตรี ยมสอบ

เมือแรงดันไฟฟ้าเพิมมากขึนกระแสไฟฟ้าก็ไหลมากขึน ส่ งผลให้สนามแม่เหล็กเกิดการขยายตัวไปตัดกับ
ขดลวดทุติยภูมิเกิดการเหนียวนําทางไฟฟ้า ส่ งผลให้มีกระแสไฟฟ้าไหลในทิศทางตรงข้าม และไหลผ่าน
ต่อไปยังโหลดเช่นเดียวกัน
ลักษณะของหม้อแปลงแต่ละชนิด

หม้ อแปลงเพิมระดับแรงดัน (Step – up transformer)


ลักษณะของหม้อแปลง
- ทางด้านปฐมภูมิจะพันด้วยขดลวดจํานวนน้อยรอบ
- ทางด้านทุติยภูมิจะพันด้วยขดลวดจํานวนมากรอบ

รู ป แสดงลักษณะหม้ อแปลงเพิมระดับแรงดัน

หม้ อแปลงลดระดับแรงดัน (Step – down transformer)


ลักษณะของหม้อแปลง
- ทางด้านปฐมภูมิจะพันด้วยขดลวดจํานวนมากรอบ
- ทางด้านทุติยภูมิจะพันด้วยขดลวดจํานวนน้อยรอบ

รู ปลักษณะแสดงลักษณะหม้ อแปลงลดระดับแรงดัน

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


139
คู่มือเตรี ยมสอบ

หม้ อแปลงระดับแรงดันหนึงต่ อหนึง (One to one transformer)


ลักษณะของหม้อแปลง
- ทังทางด้านปฐมภูมิ และทุติยภูมิ จะพันด้วยขดลวดทีมีจาํ นวนรอบเท่ากัน

รู ปที แสดงลักษณะหม้ อแปลงระดับแรงดันหนึงต่ อหนึง

http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1


140
คู่มือเตรี ยมสอบ 1

อิเล็กทรอนิกส์ ขนพื
ั นฐาน
อิเล็กทรอนิกส์ข# นั พื#นฐานเป็ นวิชาที&เน้นความรู ้เบื#องต้นเกี&ยวกับไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ การต่อวงจร
อย่างง่ายเพื&อทดสอบคุณสมบัติของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเพื&อนําความรู ้ไปประยุกต์ใช้ ใน
การต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์เพื&อใช้งานต่อไป

ความรู้ เบืองต้ นเกียวกับไฟฟ้ าอิเล็กทรอนิกส์

ไฟฟ้ าคืออะไร
ไฟฟ้าถูกจัดให้เป็ นพลังงานรู ปหนึ&งที&สามารถแปรรู ปได้โดยอาศัยแรงดันไฟฟ้ าและกระแสไฟฟ้
จ่ายไปให้ อุปกรณ์ไฟฟ้ าเครื& องมือเครื& องใช้ ไฟฟ้ าเพื&อให้ เกิดการทํางานโดยที&ไฟฟ้าที&จ่ายไปให้ กับ
อุปกรณ์เครื& องมือเครื& องใช้ไฟฟ้า ต่าง ๆ นั#นจะอยูใ่ นรู ปกระแสไฟฟ้ าไหลซึ& งก็คือการเคลื&อนที&ของ
อิเล็กตรอนจากอะตอมหนึ&งไปยังอีกอะตอมหนึ&ง
เครื& องกําเนิดไฟฟ้ าและถ่านไฟฉายทําให้ เกิด “ศักย์ไฟฟ้า” หรื อที&เรี ยกว่าแรงดันไฟฟ้ า ระหว่าง
ขั#วของเครื& องกําเนิดไฟฟ้า หรื อถ่านไฟฉายจึงเป็ นเหตุให้ ไฟฟ้า คือ อิเล็กตรอน (ประจุ) เคลื&อนที&ไป และ
บังเกิดเป็ นไฟฟ้าที&เรานํามาใช้ ประโยชน์ได้ อย่างมากมายมหาศาล

ไฟฟ้ าไหลอย่ างไร


ลักษณะการไหลของกระแสไฟฟ้ าจะไหลจากจุดที&มีอิเล็กตรอนเกินไปยังจุดที&ขาดอิเล็กตรอน
ตามปกติไฟฟ้ าจะไหลไปตามเส้นลวด (ตัวนําไฟฟ้า) และจะไหลติดต่อกันจนครบรอบ หรื อครบวงจร
ประจุไฟฟ้ า คือ ขั#วของไฟฟ้ า มี 2 ขั#ว คือ ขั#วบวกและขั#วลบ
ศักย์ไฟฟ้ า คือค่าหรื อปริ มาณของไฟฟ้าที&แสดงออกมาขณะเกิดความไม่สมดุลของประจุไฟฟ้า

แหล่ งกําเนิดของกระแสไฟฟ้ า
ไฟฟ้ามีอยู่ 2 ชนิด คือ ไฟฟ้าสถิตและไฟฟ้ากระแส
ไฟฟ้าสถิต คือ ไฟฟ้าที&อยูนิ&งไม่มีการเคลื&อนที&
ไฟฟ้ากระแส คือ ไฟฟ้าที&เกิดจากการไหลของอิเล็คตรอน แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ ไฟฟ้า
กระแสตรง และไฟฟ้า กระแสสลับ

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


141
คู่มือเตรี ยมสอบ 2

ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) คือ กระแสไฟฟ้าที&ไหลไปในทิศทางเดียวไม่มีการสลับขั#ว เช่นไฟฟ้าจาก


ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี&
ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) คือ กระแสไฟฟ้าที&ไหลวนสลับกลับทิศทางอยูตลอดเวลา เช่น ไฟฟ้าที&ได้
จากเครื& องกําเนิ ดไฟฟ้ าของโรงไฟฟ้าต่างๆ

กฎของโอห์ ม
กฎของโอห์มกําหนดขึ#นมาจากความสัมพันธ์ ของกระแสแรงดันและความต้านทาน
ความสัมพันธ์ นี#เป็ นไปตามความเป็ นจริ งของการทํางานในวงจรไฟฟ้า คือ กระแสไฟฟ้าจะไหลได้ ต้องมี
แรงดันหรื อความต่างศักย์ระหว่างจุดสองจุด แหล่งกําเนิดไฟฟ้าเป็ นตัวให้ แรงดันไฟฟ้าออกมา ส่ วนความ
ต้านทานไฟฟ้าเป็ นตัวต้านการไหลของกระแสไฟฟ้า
กระแสไฟฟ้า คือ การไหลของอิเล็กตรอน
กระแสไฟฟ้า 1 แอมแปร์ คือ การจัดเมื&อประจุไฟฟ้า 1 คูลอมบ์ เคลื&อนที&ผา่ นจุดอีกจุดหนึ&งใน
เวลา 1 วินาที
แรงดันไฟฟ้า คือ แรงที&ทาํ ให้ อิเล็กตรอนเคลื&อนที&ในวงจรไฟฟ้า
แรงดันไฟฟ้า 1โวลต์ คือ ศักย์ไฟฟ้าที&ใช้ ทําให้ ตัวนําซึ& งมีค่าความต้านทาน 1 โอห์ม มี
กระแสไฟฟ้าไหล 1 แอมแปร์
ความต้านทาน คือ การต้านการไหลของกระแสไฟฟ้ า
ความต้านทาน 1 โอห์ม คือจํานวนของค่าความต้านทานที&ยอมให้กระแสไฟฟ้า 1 แอมแปร์ ไหล
ผ่านเมื&อใช้ แรงดันไฟฟ้า 1 โวลต์
ซึ& งนํามาสรุ ปได้ ว่า จํานวนของกระแสไฟฟ้าที&ไหลในวงจรไฟฟ้าเปลี&ยนแปลงตามค่า
แรงดันไฟฟ้าที&จ่ายให้ กับวงจรนั#น แต่เปลี&ยนแปลงเป็ นส่ วนกลับกับความต้านทานไฟฟ้าในวงจร เรา
สามารถนํามาเขียนเป็ นสมการได้ ดงนี#
1. ถ้ากําหนดให้ ความต้านทานในวงจรคงที& กระแสไฟฟ้าในวงจรจะไหลได้ มากเมื&อจ่าย
แรงดันไฟฟ้าให้ วงจรมาก และกระแสไฟฟ้าในวงจรจะไหลได้ น้อย เมื&อจ่ายแรงดันไฟฟ้าในวงจรน้อย
เขียนเป็ นสมการได้ ดังนี#
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
142
คู่มือเตรี ยมสอบ 3

I แปรตาม E เมื&อ R คงที&


2. ถ้ ากําหนดแรงดันไฟฟ้ าในวงจรคงที&กระแสไฟฟ้าในวงจรจะไหลได้ มากเมื&อตัวต้านทานใน
วงจรมีค่าความต้านทานไฟฟ้าน้อย และกระแสไฟฟ้าในวงจรจะไหลได้นอ้ ย เมื&อต่อตัวต้านทานในวงจรมี
ค่าความต้านทานไฟฟ้ามากเขียนเป็ นสมการได้ ดังนี#
I แปรผกผันกับ R เมื&อ E คงที&
สรุ ปกฎของโอห์ม เขียนเป็ นสมการได้ ดังนี#
I = E/R
I = กระแสไฟฟ้า หน่วยเป็ นแอมแปร์ (A)
E = แรงดันไฟฟ้า หน่วยเป็ นโวลต์ (V)
R = ความต้านทานไฟฟ้า หน่วยเป็ นโอห์ม (Ω)

การนํากฎของโอห์ มไปใช้
ตัวอย่าง แรงดันไฟฟ้า 15 โวลต์ ตกคร่ อมความต้านทาน 20 โอห์ม จะมีกระแสไหลผ่านความต้านทานตัว
นี#เท่าไร
จากที&โจทย์กาํ หนด E= 15 โวลต์ R= 20 โอห์ม I=?
จากกฎของโอห์ม I=E/R ดังนั#น กระแส = 15/20 = 0.75 แอมแปร์

กําลังไฟฟ้ า
กําลัง คือ อัตราการทํางานในหนึ&งหน่วยเวลา
กําลังไฟฟ้า (P) คือ อัตราการใช้ พลังงานมีหน่วยเป็ นจูล (J) ทําให้อิเล็กตรอนเคลื&อนที&จากจุด
หนึ&งไปยังอีกจุดหนึ&ง ในหน่วยเวลาเป็ นวินาที (s) เขียนเป็ นสมการได้ ดังนี#
P = W/t
P= กําลังไฟฟ้า หน่วยเป็ นวัตต์ (W)
W = พลังงานหรื องาน หน่วยเป็ นจูล (J)
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
143
คู่มือเตรี ยมสอบ 4

t = เวลา หน่วยเป็ นวินาที (s)


นอกจากนั#นเรายังสามารถหากําลังไฟฟ้าได้ จากผลคูณของแรงดันไฟฟ้า (E) คูณด้วย
กระแสไฟฟ้า (I) เขียนเป็ นสมการได้ ดังนี#
P = กําลังไฟฟ้า หน่วยเป็ นวัตต์ (W)
E= P = EI แรงดันไฟฟ้า หน่วยเป็ นโวลต์ (V)
I = กระแสไฟฟ้า หน่วยเป็ นแอมแปร์ (A)
สรุ ปได้วา่ กําลังไฟฟ้า 1 วัตต์ คือ อัตราของงานที&ถูกกระทําในวงจร ซึ& งเกิดกระแสไฟฟ้า 1
แอมแปร์ เมื&อมีแรงดันไฟฟ้าจ่ายให้ วงจร 1 โวลต์

วงจรไฟฟ้ า
วงจรไฟฟ้า (Electrical Circuit) คือ การนําอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื& องมือ และเครื& องใช้ไฟฟ้าไปต่อใช้
งานกับแหล่งจ่ายไฟฟ้า ลักษณะการต่อใช้งานจะต้องต่อในรู ปวงจร (Circuit) ซึ& งส่ วนประกอบหลักที&
สําคัญของวงจรมี 3 ส่ วน คือ
1. แหล่งจ่ายไฟฟ้า เป็ นแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าให้ กับอุปกรณ์ที&ใช้ พลังงาน
ไฟฟ้าโดยแหล่งจ่ายไฟฟ้า สามารถนํามาได้ จากหลายแหล่งกําเนิด เช่น จากปฏิกิริยาเคมี จากการทําให้ ขด
ขวดตัดกับสนามแม่เหล็ก(ไฟฟ้ ากระแส) หรื อจากแหล่งพลังงานอื&น ๆ ซึ& งหน่วยการวัดจะเรี ยกเป็ น โวลต์
(Volt) หรื อ V
2. อุปกรณ์ไฟฟ้าหรื อโหลดเป็ นอุปกรณ์ต่างๆที&ใช้ ไฟฟ้ าในการทํางานโหลดจะทําหน้าที&เปลี&ยน
พลังงานไฟฟ้าให้ กลายเป็ นพลังงานรู ปอื&น ๆ เช่น เสี ยง แสง ความร้อน ความเย็น และการสั&นสะเทือน เป็ น
ต้น โหลด คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด เช่น วิทยุ โทรทัศน์ พัดลม เตารี ด ตูเ้ ย็น เครื& องซักผ้า เป็ นต้น โหลด
แต่ละชนิดจะใช้ กําลังไฟฟ้าไม่เท่ากัน ซึ& งจะแสดงด้วยค่าแรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และกําลังไฟฟ้า
3. สายต่อวงจรเป็ นสายตัวนําหรื อสายไฟฟ้าใช้ เชื&อมต่อวงจรให้ ต่อถึงกันแบบครบรอบทําให้
แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าต่อถึงโหลดเกิดกระแสไฟฟ้าไหลผ่านวงจร จากแหล่งจ่ายไปโหลดและกลับมา
ครบรอบที&แหล่งจ่ายอีกครั#ง สายไฟฟ้าที&ใช้ ต่อวงจรมักทําด้วยทองแดงมีฉนวนหุ ม้ โดยรอบ เพื&อให้เกิด
ความปลอดภัยในการใช้งาน

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


144
คู่มือเตรี ยมสอบ 5

วงจรไฟฟ้าโดยทัว& ไปกระแสไฟฟ้าจะไหลจากขั#วลบของแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าผ่านไปยังโหลด
และจากโหลดกลับมายังขั#วบวกของแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ าซึ& งก็คือกระแสอิเล็กตรอนแต่เพื&อความสะดวก
ในการคํานวณหาค่าต่างๆในวงจรไฟฟ้าจึงตั#งกระแสสมมุติข# ึนมาให้ กระแสไฟฟ้าไหลจากขั#วบวกของ
แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าไปยังโหลด แล้วกลับมาที&ข# วั ลบของแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้า ซึ& งก็คือทิศทางการไหล
ขอโฮลนัน& เอง ดังนั#นต่อไปนี# ถา้ กล่าวถึงการไหลของกระแสไฟฟ้าจึงเป็ นกระแสสมมุติ นัน& เอง

ชนิดของวงจรไฟฟ้ า
วงจรไฟฟ้า หรื อ การต่อโหลดใช้งานในวงจรไฟฟ้า สามารถต่อโหลดในวงจรไฟฟ้าได้ เป็ น 3
แบบ คือ วงจรไฟฟ้าแบบอนุ กรม (Series Electrical Curcuit) วงจรไฟฟ้าแบบขนาน (Parallel Electrical
Curcuit) และวงจรไฟฟ้าแบบผสม (Series-Parallel Electrical Curcuit)

วงจรไฟฟ้ าแบบอนุกรม
วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมเป็ นการต่อวงจรไฟฟ้าโดยมีโหลดหลายตัวในวงจรถูกต่อเรี ยงเป็ นลําดับ
กันไปการต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมนี#ทาํ ให้ เกิดกระแสไหลผ่านโหลดทุกตัวเท่ากันหมด แต่จะเกิด
แรงดันตกคร่ อมโหลดแต่ละตัวอาจไม่เท่ากัน ขึ#นอยูกบั ค่าความต้านทานของโหลดเหล่านั#นการต่อ
วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมไม่นิยมต่อใช้งานกับอุปกรณ์และเครื& องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเรื อน เพราะ อุปกรณ์
และเครื องใช้ ไฟฟ้าที&ใช้งานต้องการแรงดันไฟฟ้าเท่ากันหมดแต่ตอ้ งการกระแสไฟฟ้าต่างกันการต่อ
วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมนิยมใช้ กับงานบางชนิด เช่น การต่อหลอดไฟประดับต่าง ๆ และต่อตัวต้ านทาน
ในวงจร เป็ นต้น

โดยสรุ ป หลักการที&สาํ คัญของวงจรแบบอนุกรม มีดงั นี#


1. ค่าความต้านทานของวงจรมีค่าเท่ากับผลรวมของความต้านทานแต่ละตัว
RT = R1+ R2 + ……+ Rn
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
145
คู่มือเตรี ยมสอบ 6

2. ค่ากระแสไฟฟ้าที&ไหลผ่านอุปกรณ์แต่ละตัวในวงจรจะมีค่าเท่ากันหมด
IT = IR1 = IR2= IR3……..IRn
3. แรงดันไฟฟ้าตกคร่ อม R แต่ละตัวรวมกันจะเท่ากับแรงดันของแหล่งจ่าย
ET = ER1 + ER2 + ER3…….+ERn

4. กําลังไฟฟ้ารวมของวงจรมีค่าเท่ากับผลรวมของกําลังไฟฟ้าของอุปกรณ์แต่ละตัวในวงจรไฟฟ้า
PT= PR1+ PR2 + PR3……+PRn
5. การต่อแบตเตอรี& แบบอนุ กรมจะได้ แรงดันไฟฟ้าเพิ&มขึ#น

ตัวอย่าง ตัวต้านทาน 3 ตัว มีค่า 24 โอห์ม 2 วัตต์, 36 โอห์ม 1 วัตต์, 68 โอห์ม 0.5 วัตต์ ตามลําดับนํามาต่อ
กันแบบอนุกรม จงหาค่าความต้านทานรวม และค่าอัตราทนกําลังไฟฟ้า
จากสู ตร RT= R1+ R2 + ……+ Rn
= 24+36+68
RT =128 โอห์ม
อัตราทนกําลังไฟฟ้า = อัตราทนกําลังไฟฟ้าตัวที&นอ้ ยที&สดในวงจร = 0.5 วัตต์
ดังนั#นค่าความต้านทานรวม คือ 128 โอห์ม อัตราทนกําลังไฟฟ้า คือ 0.5 วัตต์

วงจรไฟฟ้ าแบบขนาน
วงจรไฟฟ้าแบบขนาน เป็ นการต่อวงจรไฟฟ้าโดยมีโหลดหลายตัวในวงจรถูกต่อคร่ อมขนานกัน
ทั#งวงจร การต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนานทําให้ เกิดแรงดันไฟฟ้าตกคร่ อมโหลดทุกตัวในวงจรเท่ากันแต่จะ
เกิดกระแสไฟฟ้าไหลผ่านโหลดแต่ละตัวอาจไม่เท่ากันขึ#นอยูก่ บั ค่าความต้านทานของโหลดเหล่านั#นการ
ต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนานเป็ นการต่อวงจรที&เหมาะสมกับการใช้ งานของอุปกรณ์และเครื& องใช้ ไฟฟ้า
ภายในบ้านเรื อนเพราะต้องการแรงดันไฟฟ้าใช้ งานเท่ากันและอุปกรณ์หรื อเครื& องใช้ ไฟฟ้าแต่ละชิ#น
สามารถทํางานได้ อย่างอิสระ จะใช้งานหรื อหยุดใช้ งานเมื&อไรก็ได้

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


146
คู่มือเตรี ยมสอบ 7

โดยสรุ ป หลักการที&สาํ คัญของวงจรแบบขนาน มีดงั นี#


1. ค่าความต้านทานรวมของวงจร คือ
1 1 + 1 + 1
R T = R1 R2 Rn
2. ค่ากระแสไฟฟ้ารวมในวงจรจะเท่ากับกระแสย่อยทั#งหมดรวมกัน
IT = IR1 + IR2 + IR3….+IRn
3. แรงดันไฟฟ้าตกคร่ อมทั#งหมดของวงจรขนานจะเท่ากับแรงดันที&ตกคร่ อมวงจรสาขา
ET = ER1 = ER2 = ER3…….=ERn
4. กําลังไฟฟ้ารวมของวงจรมีค่าเท่ากับผลรวมของกําลังไฟฟ้าของอุปกรณ์แต่ละตัวใน
วงจรไฟฟ้า
PT= PR1+ PR2 + PR3……+PRn
5. การต่อแบตเตอรี& แบบขนานจะได้ กระแสเพิ&มขึ#นแต่แรงดันไฟฟ้าเท่าเดิม
ตัวอย่าง ตัวต้านทาน 3 ตัวต่อขนานกัน มีค่า =100 โอห์ม 5 วัตต์,200 โอห์ม 2 วัตต์, 400 โอห์ม 1 วัตต์
จงหาค่าความต้านทานรวมของวงจร และค่าทนกําลังไฟฟ้าของวงจร
จากสู ตร 1 = 1 + 1 + .......+ 1
RT R1 R2 Rn
=1 + 1 + 1
100 200 400
= 1+2+4
400
= 7
400
RT = 400 = 57.14 = 57 โอห์ม
7
อัตราทนกําลังไฟฟ้า = อัตราทนกําลังไฟฟ้าทุกตัวรวมกัน = 5+2+1 = 8 วัตต์
ดังนั#น ค่าความต้านทานรวม = 57 โอห์ม อัตราทนกําลังไฟฟ้า = 8 วัตต์

วงจรไฟฟ้ าแบบผสม
วงจรไฟฟ้าแบบผสมเป็ นการต่อวงจรไฟฟ้าโดยการต่อรวมกันระหว่างวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมกับ
วงจรไฟฟ้าแบบขนาน ภายในวงจร โหลดบางตัวต่อวงจรแบบอนุกรมและโหลดบางตัวต่อวงจรแบบขนาน
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
147
คู่มือเตรี ยมสอบ 8

การต่อวงจรไม่มีมาตรฐานตายตัวเปลี&ยนแปลงไปตามลักษณะการต่อวงจรตามต้องการการวิเคราะห์แก้
ปั ญหาของวงจรผสมต้องอาศัยหลักการทํางานตลอดจนอาศัยคุณสมบัติของวงจรไฟฟ้าทั#ง แบบอนุกรม
และแบบขนาน

รายการอุปกรณ์ ทใช้
ี ในการทดลองต่ อวงจร

อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ พืนฐานทีใช้ ในการต่ อวงจร


ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์หนึ&งวงจร จะประกอบด้วยอุปกรณ์หลายประเภท ซึ& งอุปกรณ์แต่ละอย่าง
นั#นก็จะทําหน้าที&แตกต่างกันไป การเรี ยนการสอนอิเล็กทรอนิกส์ข# นั พื#นฐานเพื&อศึกษาการทํางานของวงจร
อย่างง่ายนั#น จําเป็ นต้ องมีอุปกรณ์ที&ใช้ ในการต่อวงจรเบื#องต้น ดังนี#

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


148
คู่มือเตรี ยมสอบ 9

1. อุปกรณ์ ทวไปที
ั ใช้ ในวงจร

1.1 โพรโต้ บอร์ ด


โพรโต้บอร์ ด หรื อแผงต่อวงจรเป็ นแผ่นพลาสติกที&มีรูสาํ หรับเสี ยบขาอุปกรณ์ ซึ& งภายในรู เหล่านี#
จะมีแผงโลหะตัวนําปลอดสนิมเชื&อมต่อกันอยูภ่ ายใน การเชื& อมต่อของแผงโลหะภายในนี#จะ แบ่งเป็ น 2
กลุ่ม คือ การเชื& อมต่อในแนวนอน และการเชื&อมต่อในแนวตั#ง สําหรับแนวตั#งนั#นจะมี 5 รู ในแต่ละแถว โดย
แต่ละรู จะเชื& อมต่อกันและนําไฟฟ้าได้ แต่ในแต่ละแถวจะไม่เชื&อมต่อกันและไม่นาํ ไฟฟ้าส่ วนในแนวนอน
นั#นจะถูกจัดวางให้ อยูบ่ ริ เวณขอบบนและขอบล่างของแผงวงจร มี 5 รู เชื&อมต่อกันเป็ นกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะ
เชื&อมต่อกันในแนวนอน แต่จะไม่เชื&อมต่อกันในแนวตั#ง ดังภาพ

1.2 สวิตช์
สวิตช์ (Switch) เป็ นอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกชนิดหนึ&ง ถือว่าเป็ นอุปกรณ์พ#ืนฐานที&พบการใช้งานได้บ่อย หน้าที&
ของสวิตช์ คือ ใช้ตดั ต่อวงจรไฟฟ้าเพื&อให้ มีการจ่ายแรงดันเข้าวงจรหรื องดจ่ายแรงดันเข้าวงจร จะมีแรงดัน
จ่ายเข้าวงจรเมื&อสวิตช์ ต่อวงจร (Close Circuit) และไม่มีแรงดันจ่ายเข้าวงจรเมื&อ

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


149
คู่มือเตรี ยมสอบ 10

สวิตช์ตดั วงจร (Open Circuit) สวิตช์มีหลายชนิด แต่ที&นิยมใช้ ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ได้ แก่ สวิตช์แบบ
ไมโคร (Microswitch) คือสวิตช์แบบกดชนิ ดกดติดปล่อยดับนัน& เอง แต่เป็ นสวิตช์ที&สามารถใช้แรงจํานวน
น้อยๆ กดปุ่ มสวิตช์ได้ ก้านสวิตช์แบบไมโครสวิตช์มีดว้ ยกันหลายแบบ อาจเป็ นปุ่ มกดเฉยๆ หรื ออาจมี
ก้านแบบโยกได้มากดปุ่ มสวิตช์อีกทีหนึ&ง การควบคุมตัดต่อสวิตช์ ทําได้โดยกดปุ่ ม สวิตช์หรื อกดก้านคัน
โยกเป็ นการต่อ (ON) และเมื&อปล่อยมือออกจากปุ่ มหรื อก้านคันโยกเป็ นการตัด (OFF) ดังภาพ

สายไฟฟ้า คือ ตัวนําที&ใช้ เป็ นทางเดินของกระแสไฟฟ้าในการเชื& อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน


สายไฟฟ้าที&ใช้ ในงานไฟฟ้าสามารถแบ่งออกได้ หลายประเภทตามลักษณะการใช้งานซึ& งในทางเทคนิคมี
ชื&อเรี ยกกัน ดังนี#
- Wire หมายถึงเส้นลวดที&ใช้ เป็ นสายตัวนําไฟฟ้า
- Cord หมายถึงสายไฟฟ้าที&มีขนาดเล็ก มีฉนวนแบบอ่อนตัวที&สามารถบิดงอได้งาย
- Cable หมายถึงสายไฟฟ้าขนาดใหญ่ที&มีฉนวนป้ องกันไฟฟ้ารั&วไหลได้ อย่างมัน& คงปลอดภัย
ใช้ ฝังใต้ ดิน ทอดข้ามแม่น# าํ หรื อเป็ นสายเปลือยแขวนลอย
ลักษณะที&สาํ คัญของสายไฟฟ้าจะอยูท่ ี&ความสามารถที&จะยอมให้ กระแสไฟฟ้าไหลได้สูง

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


150
คู่มือเตรี ยมสอบ 11

สุ ดและองค์ประกอบอื&น ๆ เช่น ชนิดของตัวนําไฟฟ้าและฉนวนที&หุม้ ประเภทของการใช้ งานแรงดันไฟฟ้า


ที&สายไฟฟ้าจะทนได้ ขณะใช้งาน และสภาพความแข็งแรงทางกลด้วยกัน

1.4 แบตเตอรี และขัวต่ อแบตเตอรี

แบตเตอรี& (battery) หมายถึงอุปกรณ์อย่างหนึ&งที&ใช้เก็บพลังงาน และนํามาใช้ได้ในรู ปของไฟฟ้า


แบตเตอรี& น# นั ประกอบด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าเคมี เช่น เซลล์กลั วานิก หรื อ เซลล์เชื#อเพลิง อย่างน้อยหนึ&งเซลล์
แบตเตอรี& เป็ นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) คือ กระแสไฟฟ้าที&ไหลไปในทิศทางเดียวไม่มีการสลับขั#ว เช่น จาก
ขั#วบวกไปยังขั#วลบ

2. อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ เบืองต้ น


2.1 ตัวต้ านทาน (Resistor)
ตัวต้านทานเป็ นอุปกรณ์ที&ใช้ ในการควบคุมหรื อจํากัดการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจร เพื&อให้
กระแสไฟฟ้า
และแรงดันไฟฟ้าภายในวงจรมีปริ มาณตามที&กาํ หนด โดยในตัวมันจะมีค่าที&เรี ยกว่า ค่า
ความต้านทาน (resistance) มีหน่วยเป็ นโอห์ม (ohm : Ω)

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


151
คู่มือเตรี ยมสอบ 12

ซึ& งถ้าตัวต้านทานมีค่าความต้านทานมากจะทําให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ น้อยแต่ถา้ ตัวต้านทานนั#นมี


ค่าความต้านทานน้อยจะทําให้ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ มาก ดังการทดลองที& 1

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


152
คู่มือเตรี ยมสอบ 13

การอ่านค่าตัวต้านทาน ถ้าเป็ นแบบวัตต์สูงๆจะมีตวั เลขค่าความต้านทานพิมพ์บนตัวต้านทานนั#นแต่หาก


เป็ นตัวต้านทานวัตต์ต&าํ ๆ ตั#งแต่ 1/8 วัตต์ – 2 วัตต์ จะมีรหัสสี เป็ นตัวบอกค่าความต้านทานซึ& งรหัสสี แต่ละ
แถบจะมีความหมายเป็ นค่าตัวเลข ตัวคูณและค่าความผิดพลาด ดังรู ป

2.2 ตัวต้ านทานปรับค่ าได้


ตัวต้านทานปรับค่าได้ เป็ นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที&สามารถปรับเปลียนค่าความต้านทานได้โดย
การหมุนแกนทวนเข็มนาฬิกา หรื อตามเข็มนาฬิกา โดยปกติจะเรี ยกว่าโวลลุม (Volumn) สามารถปรับค่า
จากตํ&าสุ ดไปหาสู งสุ ด และจากสู งสุ ดไปหาตํ&าสุ ดได้ ดังภาพ

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


153
คู่มือเตรี ยมสอบ 14

สัญลักษณ์
ตัวต้านทานปรับค่าได้ จะมีขาเชื&อมต่อ 3 ขา ในการต่อเพื&อใช้ งานส่ วนใหญ่จะใช้ เพียง 2 ขาโดย
เลือกขาปลายด้านใดด้านหนึ& งกับขาที&เป็ นแกนกลางแล้วให้ ขาปลายที&เหลือไม่มีการเชื& อมต่อ หรื อเลือกขา
ปลายด้านใดด้านหนึ&ง แล้วให้ ขาปลายที&เหลือเชื& อมต่อกับขาที&เป็ นแกนกลาง ดังภาพ
โครงสร้างภายในของตัวต้านทานปรับค่าได้ ประกอบด้วยขดลวดตัวต้านทาน และแกนหมุนเลือก
ตัวต้านทาน ดังภาพ

เมื&อหมุนแกนของตัวต้านทานปรับค่าได้ ในทิศทวนเข็มนาฬิกา และตามเข็มนาฬิกา ระดับความต้านทาน


จะมีการเปลี&ยนแปลงจากมากไปหาน้ อย หรื อจากน้อยไปหามาก ซึ& งระดับความต้านทานน้อยที&สุดที&ปรับ
ได้ นัน& คือ ศูนย์โอห์ม ส่ วนระดับความต้านทานสู งที&สุดที&สามารถปรับได้ นั#นขึ#นอยูก่ บั ค่าความต้านทานที&
เลือกใช้ เช่น ตัวต้านทานปรับค่าได้ 100 กิโลโอห์ม ก็คือตัวต้านทานปรับค่าได้ ที&สามารถปรับค่าได้
ระหว่าง 0 ถึง 100 กิโลโอห์ม เราสามารถอ่านค่าความต้านทานสู งสุ ดของตัวต้านทานปรับค่าได้จากตัว
เลขที&ระบุบนตัวถังการทํางานของตัวต้านทานปรับค่าได้ดงั การทดลองที2

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


154
คู่มือเตรี ยมสอบ 15

2.3 ตัวต้ านทานแปรค่ าตามแสง


ตัวต้านทานแปรค่าตามแสง มาจากคําว่า Light Dependent Resistor (LDR) เป็ นตัวต้านทานชนิด
พิเศษที&สามารถปรับค่าความต้านทานไฟฟ้าของตัวมันเองตามปริ มาณแสงสว่างที&มาตกกระทบตัวมัน ดัง
ภาพ

ตัวต้านทานแปรค่าตามแสง (LDR) ที&มีจาํ หน่ายตามร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะมีรูปร่ างตามภาพซ้ า


ยมือ โครงสร้างคือภาพกลาง ส่ วนสัญลักษณ์ที&ใช้ ในวงจรคือภาพทางขวามือ ตัวต้านทานแปรค่าตามแสงมี
ขาต่อใช้ งาน 2 ขา ที&บนตัวถังของ LDR จะเป็ นสารกึ&งตัวนํา เช่น แคดเมียมซัลไฟด์ หรื อ แคดเมียมซิ ล
ไนด์ฉาบเป็ นเส้นลักษณะเป็ นขดๆ คดเคี#ยวไปมาบนฐานเซรามิก หลักการทํางานของ LDR คือ เมื&อโดน
แสงตัว LDR จะมีค่าความต้านทานลดลง และเมื&อไม่โดนแสง LDR จะมีค่าความ ต้านทานมาก ค่าความ
ต้านทานของ LDR เมื&อไม่ถูกแสงอาจมีค่ามากถึง 1 ล้านโอห์ม ส่ วนค่าความต้านทานเมื&อถูกแสงจะมี
ค่าประมาณ 100 โอห์ม การทดสอบคุณสมบัติของ LDR ดังการทดลองที& 3

2.4 ตัวเก็บประจุ (Capacitor)


ตัวเก็บประจุเป็ นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที&มีหลักการทํางาน คือ เก็บประจุ หรื ออิเล็กตรอน มี
คุณสมบัติในการรับประจุ ที&เรี ยกว่า “ชาร์ จ” (Charge) เมื&อแรงดันภายนอกสู งกว่าแรงดันที&ตกคร่ อมตัวเก็บ
ประจุ และจะคายประจุ หรื อที&เรี ยกว่า “ดิสชาร์ จ” (Discharge) เมื&อแรงดันตกคร่ อมตัวเก็บประจุสูง กว่า
แรงดันภายนอก นิยมนํามาประกอบในวงจรทางด้านไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ทว&ั ไป ตัวอย่างเช่นวงจร กรอง
กระแส ( Filter ) วงจรผ่านสัญญาณ ( By-pass ) วงจรสตาร์ ทเตอร์ (Starter) วงจรถ่ายทอด สัญญาณ
(Coupling) ฯลฯ เป็ นต้ น ตัวเก็บประจุแบ่งออกเป็ น 3 ชนิ ดคือ แบบค่าคงที&แบบเปลี&ยนแปลงค่าได้ และ
แบบเลือกค่าได้ ตัวเก็บประจุเรี ยกอีกอย่างหนึ&งว่าคอนเดนเซอร์ หรื อเรี ยกย่อ ๆ ว่าตัวซี (C) หน่วยของตัว
เก็บประจุคือ ฟารัด (Farad)
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
155
คู่มือเตรี ยมสอบ 16

ตัวเก็บประจุ (Capacitor) เป็ นอุปกรณ์ที&ใช้ ในการเก็บประจุ(Charge) และสามารถคายประจุ


(Discharge) ได้ โดยนําสารตัวนํา 2 ชิ#นมาวางในลักษณะขนานใกล้ ๆ กัน แต่ไม่ได้ ต่อถึงกัน ระหว่าง
ตัวนําทั#งสองจะถูกกั#นด้วยฉนวนที&เรี ยกว่าไดอีเล็กตริ ก (Dielectric) ซึ& งไดอิเล็กตริ กนี# อาจจะเป็ นอากาศ
ไมก้า พลาสติก เซรามิค หรื อ สารที&มีสภาพคล้ายฉนวนอื&น ๆ เป็ นต้น โครงสร้างและสัญลักษณ์ของตัว
เก็บประจุแสดงดังภาพ

หลักการทํางานของตัวเก็บประจุ คือ ความจุทางไฟฟ้าเกิดจากการป้ อนแรงเคลื&อนให้ กับขั#วทั#ง


สองของจุดที&ต่อใช้งานของสารตัวนําซึ& งจะทําให้ เกิดความต่างศักย์ทางไฟฟ้า สนามไฟฟ้าที&เกิดขึ#นบนสาร
ตัวนําที&เป็ นแผ่นเพลท จะทําให้ เกิดค่าความจุทางไฟฟ้าขึ#น ลักษณะนี#เรี ยกว่าการเก็บประจุ (Charge) เมื&อ
ต้องการนําไปใช้ งานเรี ยกว่าการคายประจุ(Discharge) ประจุไฟฟ้าที&เกิดขึ#นบริ เวณ แผ่นเพลทมีหน่วยเป็ น
คูลอมป์ (Coulomb) ส่ วนค่าความจุทางไฟฟ้ามีหน่วยเป็ นฟารัด (Farad) การทดสอบคุณสมบัติของตัวเก็บ
ประจุ ดังการทดลองที& 4

การทดลองที 4
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
156
คู่มือเตรี ยมสอบ 17

2.5 ไดโอด (Diode)


ไดโอดเป็ นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พ#ืนฐานที&ผลิตขึ#นจากสารกึ&งตัวนําที&ได้ จากการนําเอาสารกึ&ง
ตัวนําชนิ ดพี และสารกึ&งตัวนําชนิดเอ็น มาต่อชนกัน ได้ เป็ นอุปกรณ์สารกึ&งตัวนําหนึ&งรอยต่อ (Junction)
ในการต่อสารกึ&งตัวนําชนิดพีและเอ็นนั#น มิใช่เพียงการนํามาติดกันเท่านั#น แต่จะต้องใช้ วิธีปลูกผลึก หรื อ
วิธีการแพร่ สารเจือปนลงไปในสารกึ&งตัวนําบริ สุทธิ{ ไดโอดจะมีลกั ษณะโครงสร้างดังภาพ

โดยทัว& ไปเรามักนําไดโอดมาใช้เปลี&ยนไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ให้เป็ นไฟฟ้ากระแสตรง (DC)


เนื&องจากไดโอดที&ยอมให้ กระแสไฟฟ้าไหลผ่าตัวมันได้ ในทิศทางเดียวเท่านั#น
ไดโอดจะมีขาต่อใช้ งาน 2 ขา คือ แอโนด (Anode : A หรื อขาบวก : ด้ านสี ดาํ ) และ แคโทด
(Kathod : K หรื อขาลบ : ด้านแถบคาดสี เทา) ซึ& งไดโอดจะยอมให้ กระแสไฟฟ้าไหลจากขาแอโนดไปยังขา
แคโทดเท่านั#น
ในทางปฏิบตั ิโอดจะมีแรงดันตกคร่ อมที&ตวั ไดโอด ถ้าเป็ นชนิดเจอร์ มนั เนียมจะมีแรงดันตกคร่ อม
ประมาณ 0.3 โวลต์ ถ้าเป็ นชนิดซิ ลกอนจะมีแรงดันตกคร่ อมประมาณ 0.7 โวลต์
การที&แรงดันที&ขาแอโนดสู งกว่าแรงดันที&ขาแคโทดทําให้ กระแสไหลผ่านจากขาแอโนดไปยังขา
แคโทด ซึ& งเป็ นผลให้ไดโอดนํากระแสไฟฟ้า เราเรี ยกว่า ไบอัสตรง (Forward Bias)
แต่ถา้ หากแรงดันที&ขาแคโทดสู งกว่าแรงดันที&ขาแอโนดทําให้ กระแสไม่สามารถไหลผ่านจากขา
แอโนดไปยังขาแคโทดได้ ซึ& งเป็ นผลให้ไดโอดไม่นาํ กระแสไฟฟ้า เราเรี ยกว่า ไบอัสกลับ (Reward Bias)

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


157
คู่มือเตรี ยมสอบ 18

สรุ ปว่าไดโอดจะนํากระแสไฟฟ้าหรื อยอมให้ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้น# นั ขาแอโนดจะต้องมี


แรงดันหรื อศักย์ไฟฟ้าสู งกว่าขาแคโทด ซึ งถ้ าต่อขาแอโนดอยูท่ างด้านขั#วบวกของแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า
หรื อแบตเตอรี& และต่อขาแคโทดที&ข# วั ลบ จะทําให้ มีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจร ดังการ ทดลองที& 5

2.6 ไดโอดเปล่ งแสง (Light Emitting Diode) หรื อ LED


ไดโอดเปล่งแสงเป็ นไดโอดที&สามารถเปล่งแสงออกมาได้ เมื&อป้ อนกระแสไฟฟ้าให้ ไหลผ่านและ
จะต้องต่อให้ ถูกขั#ว โดยไฟบวกจากแบตเตอรี& ต้องต่อเข้าขั#วแอโนด และไฟลบต่อเข้ าขั#วแคโทด การ
ทํางานของไดโอดเปล่งแสงก็เช่นเดียวกับไดโอด คือ สามารถให้ กระแสไฟฟ้าไหลจากขั#วแอโนดไปยังขั#ว
แคโทดได้ เท่านั#น แต่มีลกั ษณะพิเศษ คือ สามารถเปล่งแสงสว่างได้ แสงของ LED มีหลายสี ข# ึนอยูกบั วัสดุ
ที&นาํ มาใช้ ผลิต
โครงสร้างภายในของ LED ประกอบด้วยชิพที&เป็ นชิ#นเล็กๆ วางบนขั#วลบหรื อขั#วแคโทด ซึ& งเมื&อ
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านจากขั#วแอโนดไปยังขั#วแคโทด ชิ พตัวนี#จะเปล่งแสงออกมา การสังเกตขั#วแคโทด
และแอโนด สามารถสังเกตได้ ง่ายๆ คือ ขาของขั#วแอโนด(ขาบวก) จะยาวกว่าขาของขั#วแคโทด (ขาลบ)
และตัวถังทางด้านแคโทดนั#นจะตัดแบน ดังภาพ

การจ่ายแรงดันให้ กับ LED ต้องมีค่าพอเหมาะ LED จึงจะเปล่งแสงออกมา ถ้าแรงดันที&จ่ายให้ กับ


LED น้อย LED จะมีแสงสว่างน้อย ถ้าแรงดันที&จ่ายให้ กับ LED มาก LED จะมีแสงสว่างมากแต่ถา้ จ่าย
แรงดันมากเกินไป LED จะชํารุ ดเสี ยหายได้ LED จะให้ กําเนิดแสงสว่างที&พอเหมาะจะมี แรงดัน ประมาณ
1.6 ถึง 3 โวลต์ และมีกระแสประมาณ

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


158
คู่มือเตรี ยมสอบ 19

20 – 50 มิลลิแอมแปร์ การจ่ายแรงดันให้ LED จะทําให้ กระแสไหลผ่าน LED ซึ& ง LED จะมีแรงดันตก


คร่ อมตัวมันเองอยูจ่ านวนหนึ& ง ซึ& งแรงดันตกคร่ อมนี# LED แต่ละสี จะมีแรงดันตกคร่ อมไม่เท่ากัน ดังแสดง
ในตาราง

ในกรณี จ่ายแรงดันมากว่า 3 โวลต์ให้ LED จะทําให้ LED ทนไม่ได้ จึงต้องต่อตัวต้านทานอนุกรม


เข้าไป เพื&อจํากัดกระแสไฟฟ้าที&ไหลผ่าน LED เพื&อป้ องกัน LED เสี ยหาย โดยตัวต้านทานจะรับแรงดัน
ส่ วนเกินมาตกคร่ อมเพื&อจํากัดกระแสไม่ให้ ไหลผ่าน LED มากเกินไป ดังการทดลองที& 6

2.7 ซีเนอร์ ไดโอด (Zener Diode)


ซี เนอร์ ไดโอดเป็ นไดโอดชนิ ดพิเศษที&สร้างขึ#นมาเพื&อทําหน้าที&รักษาแรงดันให้คงที&มีโครงสร้าง
เหมือนไดโอดธรรมดาทัว& ๆ ไปแต่ไดโอดธรรมดาทัว& ไปเมื&อทําการไบอัสกลับจนถึงค่าแรงดันเบรกดาวน์
จะทําให้เกิดการเสี ยหายได้ซีเนอร์ ไดโอดเป็ นไดโอดที&ผลิตจากสารซิ ลกอนที&มีปริ มาณความหนาแน่นของ
สารเจือปนในส่ วนทั#งสองของสารพีและเอ็นมีค่าสู งกว่าปกติซ& ึ งคุณสมบัติดงั กล่าวจะทําให้ ค่าแรงดันเบรก
ดาวน์ส่ง และค่าแรงดันเบรกดาวน์หรื อแรงดันซี เนอร์ สามารถกําหนดได้ ด้วยการควบคุมความหนาแน่น
ของสารเจือปนและเมื&อให้ ไบอัสกลับจะสามารถทนกระแสย้อกลับได้ สู งโดยไดโอดไม่เสี ยหาย แรงดันที&
ตกค่อมตัวซี เนอร์ ไดโอดจะเป็ นตัวควบคุมและรักษาแรงดันให้ คงที& ดังภาพ

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


159
คู่มือเตรี ยมสอบ 20

การใช้งานซี เนอร์ ไดโอดต้ องจ่ายไบอัสกลับ และซี เนอร์ ไดโอดจะทําหน้าที&ควบคุมแรงดันให้


คงที&ตลอดเวลา แต่ถา้ นาซี เนอร์ ไดโอดมาต่อไบอัสตรงก็จะเหมือนไดโอดธรรมดา
ซี เนอร์ ไดโอดที&มีจาํ หน่ายทัว& ไป จะมีแรงดันซี เนอร์ ตั#งแต่ 2.4 – 200 โวลต์ มีค่าทนกําลังไฟฟ้า
ตั#งแต่ 150 มิลลิวตต์ – 50 วัตต์ การเลือกใช้ ซี เนอร์ ไดโอด ขึ#นอยูก่ บั การกําหนแรงดันที&ตอ้ งการป้ อนออก
ทางเอาท์พุต ต้ องการเท่าไรก็เลือกค่าแรงดันซี เนอร์ นั#นมาใช้ งาน เช่น ถ้าต้องการแรงดันเอาท์พุต 3.3
โวลต์ ก็เลือกซี เนอร์ ไดโอดที&มีค่าแรงดันประมาณ 3.3 โวลต์ มาใช้ งาน ซี เนอร์ ไดโอดทําหน้าที&รักษา
ระดับแรงดันให้ คงที& วงจรที&นาํ ซี เนอร์ ไดโอดมาใช้ งานมักเรี ยกว่า วงจรเรกูเลเตอร์
การใช้ งานซี เนอร์ ไดโอดแรงดันที&ป้อนเข้าทางอินพุตนั#นต้องสู งกว่าแรงดันซี เนอร์ ของไดโอด
ตัวนั#น แต่มีขอ้ แม้วา่ กระแสอินพุตต้องไม่เกินกระแสสู งสุ ดที&ซีเนอร์ จะทนได้ มิฉะนันซี เนอร์ จะพังได้
การต่อใช้งานซี เนอร์ ไดโอดต้องต่อตัวต้านทานอนุกรมกับวงจร เพื&อทําหน้าที&จาํ กัดกระแส
ไม่ให้เกินค่ากระแสสู งสุ ดที&ซีเนอร์ ไดโอดจะทนได้ ดังการทดลองที& 7

2.8 ลําโพง (Speaker)


ลําโพงเป็ นอุปกรณ์ที&สามารถเปลี&ยนพลังงานไฟฟ้าเป็ นพลังงานเสี ยงได้ การสั&นสะเทือนของ
ลําโพงเกิดขึ#นได้ เนื& องจากที&โคนของลําโพงมีขดลวดอยูเ่ มื&อกระแสไหลเข้าสู่ ขดลวดจะเกิด สนามแม่เหล็ก
ขึ#นรอบๆ ตัวมัน และทําให้ เกิดการผลักดันกับสนามแม่เหล็กถาวรที&อยูภ่ ายในลําโพงจึงเกิดการ
สั&นสะเทือนขึ#นและเกิดเป็ นเสี ยงได้
ลักษณะภายนอกของลําโพง ซึ& งประกอบด้วยกรวย (cone) หรื อ ไดอะแฟรม ซึ& งโดยปกติกรวยจะ
ทํามาจากกระดาษ พลาสติกหรื อโลหะบางๆ ดังภาพ

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


160
คู่มือเตรี ยมสอบ 21

2.9 ทรานซิสเตอร์ (Transistor)


ทรานซิ สเตอร์ เป็ นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที&มีความสําคัญยิง& ในยุคปั จจุบนั มีการนําทรานซิ สเตอร์
ไปใช้งานต่างๆ มากมาย อาทิ วงจรขยายสัญญาณเสี ยงในวิทยุและเครื& องเสี ยง การนําไปใช้ ในวงจรดิจิตลั
แต่หน้าที&หลักของทรานซิ สเตอร์ คือ เป็ นสวิตช์และวงจรขยาย
ทรานซิ สเตอร์ เป็ นอุปกรณ์ สารกึ&งตัวนําที&สามารถทําหน้าที& ขยายสัญญาณไฟฟ้า เปิ ด/ปิ ดสัญ
ญาณไฟฟ้า คงค่าแรงดันไฟฟ้า หรื อกลํ#าสัญญาณไฟฟ้าไฟฟ้า (modulate) เป็ นต้ น การทํางานของ
ทรานซิ สเตอร์ เปรี ยบได้ กับวาลว์ที&ถูกควบคุมด้วยสัญญาณไฟฟ้าขาเข้า เพื&อปรับขนาดกระแสไฟฟ้าขา
ออกที&มาจากแหล่งจ่ายแรงดัน
ทรานซิ สเตอร์ สร้างมาจากวัสดุประเภทสารกึ&งตัวนําชนิ ด P และชนิด N มารวมกันโดยทําให้เกิด
รอยต่อระหว่างเนื# อสารนี&สองรอยต่อ โดยสามารถจัดทรานซิ สเตอร์ ได้ 2 ชนิด คือ
1. ทรานซิ สเตอร์ ชนิด NPN
2. ทรานซิ สเตอร์ ชนิด PNP
รอยต่อจากเนื#อสารทั#ง 3 นี# มีจุดต่อเป็ นขาทรานซิ สเตอร์ เพื&อใช้ เชื&อมโยงหรื อบัดกรี กับอุปกรณ์
อื&นดังนั#นทรานซิ สเตอร์ จึงมี 3 ขา มีชื&อเรี ยกว่า คอลเลคเตอร์ (สัญลักษณ์ C ) อิมิตเตอร์ (สัญลักษณ์ E )
และ เบส (สัญลักษณ์ B ) รู ปร่ างโครงสร้างและสัญลักษณ์ของทรานซิ สเตอร์ ดังภาพ

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


161
คู่มือเตรี ยมสอบ 22

สัญลักษณ์ของทรานซิ สเตอร์ แบบ NPN และ PNP จะมีความแตกต่างกันที&หวั ลูกศรที&


สัญลักษณ์ของทรานซิ สเตอร์ ถ้าลูกศรชี#ออกจากตัวเป็ นชนิด NPN และถ้าลูกศรชี#เข้าหาตัวเป็ นชนิด PNP
การใช้ งานทรานซิสเตอร์ แบบ NPN นั#นจะต้ องป้ อนไฟบวกเข้าขาคอลเลคเตอร์ และป้ อน
ไฟลบเข้าขาอิมิตเตอร์ จากนั#นป้ อนไฟบวกเข้าขาเบส จะทําให้ มีกระแสไฟฟ้าไหลจากขาคอลเลคเตอร์
มายังขาอิมิตเตอร์ ได้ กระแสที&ไหลเข้าขาเบสเพียงเล็กน้อยนี#จะทําให้ มีกระแสจํานวนมากไหลผ่านขา
คอลเล็คเตอร์ มาขาอิมิตเตอร์ อัตราส่ วนของกระแสทั#งสองนี#คือ อัตราขยายกระแสซึ& งเป็ น
ความสามารถในการขยายของทรานซิ สเตอร์ ดังการทดลองที& 9
2.10 ไอซี (Integrated Circuit)
วงจรรวม หรื อ ไอซี (Integrated Circuit) คือ การรวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไว้ ในชิ#น (Chip)
สารกึ&งตัวนําเล็กๆ ที&เรี ยกว่า ซิ ลิกอน และต่ออุปกรณ์ถึงกันด้วยลวดอลูมิเนียม เกิดเป็ นวงจรอิเล็กทรอนิกส์
มากมายและซับซ้ อนที&สามารถนํามาใช้ งานในอุปกรณ์ตวเล็ก ๆ ตัวเดียวที&เรี ยกว่าไอซี
ดังภาพ

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


162
คู่มือเตรี ยมสอบ 23

ไอซี พ#ืนฐานและเป็ นที&นิยมใช้ งานกันอย่างกว้างขวาง คือ ไอซี 555 ซึ& งมีหน้าที&ในการกําเนิด


สัญญาณสี& เหลี&ยม และใช้ เป็ นไอซี ต# งั เวลา การนําไอซี 555 ไปใช้ งานสามารถใช้ ได้ 2 รู ปแบบ คือ โมโนส
เตเบิล (monostable) ดังการทดลองที& 12 และอะสเตเบิล (astable) ดังการทดลองที& 13

2.11 ไอซีเมโลดี
ปั จจุบนั เทคโนโลยีดา้ นอิเล็กทรอนิกส์ได้ เจริ ญก้าวหน้าไปอย่างมาก ผูผ้ ลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ได้ ผลิตชิพไอซี จาํ นวนมากเพื&อตอบสนองความต้องการของลูกค้า การออกแบบวงจรหรื อต่อวงจรเพื&อใช้
งาน จําเป็ นต้องทราบคุณลักษณะของอุปกรณ์ และไอซี ที&จะใช้งานก่อน โดยศึกษา จากคูมือ (data sheet)
ของบริ ษทั ผูผ้ ลิต หรื อค้นหาจากอินเทอร์ เน็ต
ไอซี เมโลดี#ตระกูล UM66T-L จะมีคุณสมบัติตามคู่มือ ดังนี#
คุณลักษณะ
• หน่วยความจํารอม 64 โน้ต
• ใช้ แหล่งจ่ายไฟ 1.3-3 โวลต์
• สามารถต่อทรานซิ สเตอร์ และลําโพงเพื&อใช้ งานได้
• มีตวั กําเนิดความถี& RC ภายใน
รายละเอียดทัวไป
ไอซี ตระกูล UM66T ถูกออกแบบเป็ น CMOS เพื&อกําเนิดเมโลดี#เสี ยงเพลงสําหรับใช้ ใน
โทรศัพท์และของเล่น ตลอดจนวงจรอิเล็กทรอนิกส์อื&นๆ มีรูปร่ าง โครงสร้าง สัญลักษณ์ดงั ภาพ

ไอซี UM66T จะต้องใช้ แรงดันเข้าประมาณ 1.5 – 3.3 โวลต์ ถ้ าป้ อนแรงดันมากกว่านี# จะทําให้
ไอซี พงั เสี ยหายได้ และขาแต่ละขาของไอซี น# นั จะต้ องต่อเพื&อใช้ งาน ดังนี#
ขา 1 ต่อกับขั#วลบของแหล่งจ่ายไฟหรื อกราวด์
ขา 2 ต่อกับขั#วบวกของแหล่งจ่ายไฟหรื ออินพุตของวงจร
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
163
คู่มือเตรี ยมสอบ 24

ขา 3 ต่อกับเอาท์พุตของวงจร
ถ้าการต่อเพื&อใช้ งานไม่ตรงตามที&ระบุไว้ ไอซี จะไม่ทาํ านหรื อพังได้ ดังนั#นการเลือกไอซี เบอร์
ต่างๆ เพื&อใช้ งานนั#นจําเป็ นต้ องทราบคุณลักษณะและข้อมูลเบื#องต้นของไอซี เสี ยก่อนจึงจะต่อเพื&อใช้งาน
ได้ การทํางานของไอซี UM66T

………………………………………………………………………………………………………...

http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน


164
1

ก ก
++++++++++++++++++++++++++++++++++
1. " # $ $ %&
ก. ' &()#
. * +&(+#
. , +
. -)&()#
.
2. ก / ก & ) ก% $+
ก. IE = IB + IC
. IB = IC + IE
. IC = IB + IE
. IE = IB = IC
.
3. " # 7 $ $ ,8 $+
ก.
. #
. )) #
. ") #
.
4. + 7 & $ TR $+
ก. VAA
. VBB
. VCC
. Vout
.
5. ก $ $+
ก. 0.95 - 0.99
. 10 - 99
. 20 - 100
. 20 E 200
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
165
2

.
6. + ( " # GH $+
ก. " # +
. " #&
. " #
. " # ก' , %
.
7. + 7 " GH $+ #
ก. J % 7 + ' -ก+
. J % 7& ก % & )K
. J % 7 + 7 Cก E
. J % 7 ก+ก % 7 "H 7 C ก E
.
8. 7 " # , &+ก #$ $+
ก. #,M+
. # ,M+
. # +ก %
. #) +
ก.
9. $+ ก ก% )) #
ก. ก
.
. )(N
. *
ก.
10. -O PP Q ก+ HO &+ &
ก. + ก+7
. + $ก) + (
. +ก * )+&(
. + +7
.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
166
3

11. ก% ' )7 ก7
ก. 1
.2
.3
.4
.
12. + , ,MR) O,S OGH %& $ J &(
ก. , % TJ - (M #
. , % TJ - &+* +
. , % TJ - ,)
. , % TJ - ก ก) G7
.
13. + +" 7K ก recgulater ) 7 K (M) # + 7&+ % ,S &
ก. -7 HO
. +
. )+)
.& +
.
14. ก[ + -O ก $ ,ก Q# )'ก ก #$+
ก. " #
. " #
." #
. ," #
.
15. ก[ + 7 ก&+ ,S ก7
ก. 1
.2
.3
.4
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
167
4

16. FET Field Effect Transistor ก * ก7


ก. 1
.2
.3
.4
.
17. ก ก' , % + #-+$ ก[ %+ + & -7
ก. ,b ก ก ก % -7
. ,bก ก% ก
. ,bก + ก
. ,b ก ก ")
.
18. ก[ %+ + 7 7
ก. $ + 7* )+ -7 HO
. $ + 7* )+ ก % -7 HO
. $ + 7* )+ 7
. $ + 7* )+ PP Q -7 HO
.
19. $+ &, O& $ , %ก % /
ก. )
. ก , % )K) )
.
. 7 )% Tก
.
20. ) (DATA) GH
ก. ' f 7 $ T 7$ )
. ) 7 ,S ) G &, Q&+
. ) 7, กg - # J -G
. ) ' f 7&+ ก , % )K)
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
168
5

21. % ,g ก
ก. *, ก 7$ $ ก P
. *, ก h )
. *, ก )ก 7$ $ ก +ก 7 O +$ % - #
. *, ก + )
.
22. T 7$ $ ก , % )K) ) 7
ก. GOGO
. GOIO
. GIGO
. GIGI
.
23. Windows XP ก %&
ก. Export
. Expert
. Experience
. Express
.
24. Tก ,b ก $ ,) +J ก& $+
ก. 7 - #
. ก )$ 7
.& $ 7 - #ก 1 7 *
. ก' 7 - #& $ + +
.
25. 7 "- & G% &+ % ก+ ก $+
ก. ก % ก
. Hang
. Halt
. '
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
169
6

26. Q J + 7 G$ 7 - #&+
ก. 60 /
. 70 /
. 80 /
. 85 /
.
27. 7 -7 $ G % )ก $ 7 %&
ก. Ting
. Ping
. Xing
. Zing
.
28. $+ &, O ,S % %+ G7
ก. LAN : Local Area Network
. WAN : Wide Area Network
. UTP : Unshelded Twister Pair
. UTP : Unsielded Twister Pair
.
29. $+ &, O& $ 7 Router
ก. 7+ 7 +
. + ก TCP / IP , APPLE TALK
. ก
. G -7 % % $ LAN &,&ก) HO
.
30. ,ก Q# 7 7 P 7$ % Network $+
ก. Repeater
. Gateways
. Bridge
. Router
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
170
7

31.ก) $ % - # 7$ $ ก ก + $ ก + ก ?
ก. Data Bus
. Address Bus
. Control Bus
. CPU Bus
.
32. 7$ $ ก ก' ) 7 $ % - # % ก' & $ $+
ก. ROM
. RAM
. INPUT
. OUTPUT
ก.
33. $+ "- 7$ Q
ก. CU
. ALU
. Register
. Accumulator
.
34. 7 Z80 $ )% ) $+
ก. A0 - A7
. D0 - D7
. A0 - A15
. D0 - D15
.
35. # $+ Z-80 7$ ก' 7 %, % )K)
ก. HL
. PC
. SP
.F
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
171
8

36. $+ &, O ก+ & * * )) #


ก. - # + )'ก$
. - #$ ก
. ,ก Q# + )'ก
. ,ก Q# )'ก
ก.
37. PORT & * * ) ) # )ก[Q% $+
ก. ,S &+ O - )% #-
. ,S &+ 3 G %
. ,S &+ 2 G % ) ก
. ,S &+ - G % + O
ก.
38. E2PROM $+$ & * * )) #
ก. ก' *, ก 7 HO
. ก' ) % , % )K)
. ก' #
. ก' )
.
39. + & * * )) # 7 ก & * *, " " # $+
ก. ก' )&+ กก
. 7 IO &+
. 7 MEMORY &+
. Gก ก
.
40. *+ 7 &,& * * ) #$ ,ก Q#$+$ ก ก + '
ก. Capacitor
. RC Timer
. Inductor
. Crystal
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
172
9

41. *, ก BURN & "& * * ) #


ก. PROTEUS
. WINPIC800
. MICROCODE STUDIO
. PBP244
.
42. $+ Q - #&+* +$ +
ก. + ก Q% ก % &
. ก % &+ 7 &+ ก &
. ก % 7 & ) Q%& ก)
. ) (‚R ก)
.
43. - #&+* + 7 &,$ 7 ก ,M+,M+ 7 G7 ) ก- #&+* + 7
) (‚R ก) $+
ก. ) (‚R 7
. ) (‚R
. ) (‚R , ก)
. & ,S H GH ) (‚R
.
44. - #&+* + +$+ ) $ ก (‚R 7 +
ก. - #&+* + $ 7 &,
.- #&+* + (‚R '
.- #" #ก&+* +
.- #&+* + G7
.
45. ก &+* + ก % $ &+* + -ก++ $+ -7 HO
ก. ก % & &+ HO
. ก % & ก) &+ HO
. + & &+ HO
. + & ก) &+ HO
ก.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
173
10

46. $+ GH - #&+* + ' 7$ ) # )ก+


ก. + O ก 7 ก O ) O +&+
. + O ก ก O ) O +&+ 7
. + O ก 7 ก O ) O +&+ 7
. + O ก ก O ) O +&+
.
47. $+ GH - #&+* + + 7$ ) # )ก+
ก. + O ก 7 ก O ) O +&+
. + O ก ก O ) O +&+ 7
. + O ก 7 ก O ) O +&+ 7
. + O ก ก O ) O +&+
.
48. - # " # O +ก7
ก. 2
.3
.4
.5
.
49. $+& $ - # " #
ก. #
. )) #
.
. " #"
.
50. $ ก 7& ก + 7 ก ก $ ก $+
ก. + #
. ," #
.& " ก) #
. & $ ก $+f
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
174
11

51. $+ 7 ก PP Q
ก. ก + PP Q G7 7 ก
.ก + PP Q G7 &7 ก
.ก + PP Q G7 100 Hz
.ก + PP Q G7 50 Hz
.
52. K % (Heat sink) 7 + + ) & " ก ) # ก %&
ก. -+
. #-+
. ก #
. & &+ ก %&
.
53. * & " # )ก[Q%ก ก " #$ $+
ก. " # ก ,S npn 7 ,S pnp
. " # ก ,S npn 7 ,S npn
. " # ก ,S pnp 7 ,S pnp
. " # ก ,S pnp 7 ,S npn
ก.
54. )'ก ก # 7 7 ) PP Q ก %&
ก. ) , #
. ( #
. (( # #
. ), , #
.
55. 7 7 ก %+ PP Q + ก ก %&
ก. ก ( ) , #
. *-" ( ) , #
. ) , #
. "* ) , #
ก.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
175
12

56. & " # 555 ,S & " +$+


ก. ก[ + 7
. O )
. ก[ ก % 7
.
.
57. $+ )7 #-+ ก #

ก.

.
ก.
58. % *+ ก , K PP Q / $ , -) $+
-7 $ G K ก / &, ,) &+
ก. -) &((b
. -) )'ก&((b
. -)
. -) ก)
.
59. PP Q + ,S )7 G Q )7 PP Q
&+G PP Q $+
ก. G7
.ก )
. -) +
. +
ก.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
176
13

60. 7 G$ ,ก Q#$ $+ -7 ก G7 )7 - # G f ก กก
ก. ก PP Q
. ก/
. ก)
. ก K G 7 G ก , &+
.
61. )7 G7 10 ก*) „ "# % )7 $+
ก. 0.3 ก*)
. 3 ก*)
. 30 ก*)
. 300 ก*)
.
62. G G7 300 - 3000 ก*) „ "# GH $+
ก. ก PP Q
. ก K G 7 G ก , &+
. ก/
. ก)
.
63. 7$ $ % * ) $+
ก. ก #
. "+
. #
. )
.
64. ก 7 PP Q $ - # ,)7 ,) ,S ก 7 7 %&
ก. ก ) -)ก"#
. ก + -)ก"#
.ก +)
.ก K
.
65. + & $ Tก - ก % )7 $ )ก[Q%$+
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
177
14

ก. )7 +
. )7 (b
. )7 K
.ก 7 ก*)ก
.
66. $+ + ,S % ก # 7$ ก ,)ก /ก# 7 )7
ก. -2ax + 6ay < az
. 6 aр +9a¢ + 3az
. 2ar - 6 aθ + 9a¢
. 2 ar - 6 aр E az
.
67. $+ + ,S % ก # 7$ ก ,)ก /ก#$ )ก /ก# ก)
ก. -2ax + 6ay < az
. 6 aр +9a¢ + 3az
. 2ar - 6 aθ + 9a¢
. 2 ar - 6 aр E az
.
68. A+B ก $+
ก. A+B
. AB
. A + AB
. AB
.
69. A+B ก $+
ก. A + AB
. AB
. A+AB
. AB
ก.
70. ก 7$ Output ,S ) ก 1 ก' 7 Input $+ H7 O + ,S ) ก 0 ก +$+
ก. OR gate
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
178
15

. AND gate
. NOR gate
. NAND gate
.
71. ก 7$ Output ,S ) ก 0 ก' 7 Input ) ก ก ก +$+
ก. OR gate
. EX - OR
. AND gate
. EX E NOR
ก.
72. ก 7$ Output ,S ) ก 1 ก' 7 Input ) ก ก ก +$+
ก. OR gate
. EX - OR
. AND gate
. EX E NOR
- 79: ก[ % )'ก ก # ก ( 73-100)
73. 7 + - + ,8 ก
ก. ' /
. ก),‡ #
. ) #
. + # ") )
.
74. 7 + $ P ,S $+
ก. ( )#
.- # #
. +) + +K Hก
. +) + )7 7
ก.
75. ˆ "' " O‰ # GH
ก. & #
. G$ #
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
179
16

. & #
. กH 7 #
ก.
76. * # # HO -7 $ + %&
ก. + &((b
. ก % &((b
. &((b
. ก ) &((b
.
77. ก + $ * # # &
ก. * # # + + &(
.* ) # # + + &(
.* ) # # + &(
.* # # + &(
.
78. $ &( ก # +ก % &((b $ &
ก. ก ,ก Q#
. $+ก' ก % &+
. H O ก-) ) &(
. ก) O &((b
.
79. $ &( ก * ) # # + + &((b $ &
ก. ก ,ก Q# H O ก - ) ) &(
. $+ก' ก % &+
. ก ก ,ก Q# H O ก - ) ) &(
. ก) O &((b
ก.
80. O + X 100 ) , กg 50 % &+ &
ก. 50 * #
. 500 * #
. 5 ก*)* #
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
180
17

. 50 ก*)* #
.
81. 7 + 7 + $ ' , )7 &+
ก. + ) ) #
. #
. "*) * ,
. (( #
.
82. + PLC 7 , ก ) # %&
ก. PLC Gกก ) #
. )% G J -+ก
. G 7 ) " " &+
. PLC $ ) $ ก )% ก )#
.
83. ก %+ ก $ # %& 7
ก. #)
. # +
. #)ก)
. # )
.
84. PLC Logo 230 RC $ ก $ *+ ก %&
ก. )#
. ,8R O
. ) +&(
. ก ก ก #
.
85.$ Q%$ 7 $ &((b % $ 7 ,S Š 7+ 7 + -7 %&
ก. ,b ก ก&((b )+ 7 &((b O f
. ,b ก ก + &((b 7 ก ก&,
. ,b ก $ ก % &((b & )K ก ) -O +
. Gก O ก )%
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
181
18

.
86. Ground Rod ,ก Q# 7$ %&
ก. *) % 7$ ก ‹8 ) &,$ + -7 ก # &((b
.$ ‹8 ) $ + -7 H+* ก/
.$ ก H+ก O , %,
. & &+$ , %* # %&
87. ,ก Q# 7$ ,S + )%$ ‹8 ) + %&
ก. O , %,
.ก # Œ +
. ' &
.& $+Gก
.
88. + 7 ก 7 $ &((b , %* # &
ก. 7 ก % &((b ก 7 &((b 7 ก %&+& )) + *+ & ก+
. ,b ก &((b )+
. ,b ก &( ก
. -7 $ + + 7
.
89. Q ,ก Q# )'ก ก #ก ) 7 ก ,ก Q# )'ก ก # 7 &, $+
ก. -ก+ก % ก
. -ก+ + ก
. ก
. -ก+ก % )% + ก
.
90. 7 &+* &+ ก & ก) &+* +ก ) % + ก 7 &+* + ก %&
ก. + 7* )+
. + )
. + +
. + P
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
182
19

91. ( VBR ) &+* + %&


ก. + & ) ก)
. + +
. +
. + 7
ก.
92. Reverse Recovery Q $+ &+* +
ก. Q ก +ก %
. Q ก
. Q ก (‚R
. Q ก ก%
.
93. &+* +$ 7 &, ( General Purpose ) -ก+ + )%ก % + $+
ก. 6800 * ) # 4900 ,‡
. 6500 * ) # 4800 ,‡
. 6300 * ) # 4600 ,‡
. 6000 * ) # 4500 ,‡
ก.
94. 7 ,M+ 7 ) +* , ) , กg PP QJ -& ก O ก '
ก. + &( 7 7
. Q 7 7 )
. % PP QJ -
. O& ก
.
95.ก ) *- ก 7 O , %ก ก + %& ก
ก. - + "# ) *- $ ก - + "# 7
. ) *- 7 ก 7 O - +
. ) *- $ 7 '
. ) *- " ก $ -+
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
183
20

96. PP Q +7 % $ ,ก Q# ก O $ + 7 ,S &
ก. G ,) , % TJ - ก &+ ' 7
. G &++ ก HO
. G, % + +
. G$ &+ HO
ก.
97. ก% + #$ &+* +ก7
ก. 1
.2
.3
.4
.
98. + ก &+* + ") ก7* ) #
ก. 0.3 V
. 0.7 V
.3V
.7V
.
99. ก ก " 7 $ &((b )% )'ก ก # 7 ก 7 ก
ก. ,)Žก&( ,M+&( 7
. % + 7 ก
. + K+,ก 7 *+ ก
. ' ,M+‹ 7 ก
.
100. (M # $ 7 $ &((b )% )'ก ก # + f O % ก
ก. 7
.$ ,S )
. &( +
. J $ '
.

http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
184
คู่มือเตรี ยมสอบ

สรุป ข่ าวเด่ น สถานการณ์ ปัจจุบัน ข่ าวไทย และทั่วโลก

……………………………………………….
ราชวงศ์ จักรี
พระนามเต็ม พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 1-10 (ราชวงศ์ จักรี สมัยรัตนโกสิ นทร์ )
รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
รัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 8 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิ ดล
รัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่ 10 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรี สินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร
กิติสิริสมบูรณ์อดุลยเดช สยามินทราธิ เบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิ รเกล้าเจ้าอยูห่ วั

รายพระนามพระบรมวงศานุวงศ์
 สมเด็จพระนางเจ้ าสิ ริกติ ์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปี หลวง (สมเด็จพระบรมราช
ชนนีพนั ปี หลวง)
 พระบาทสมเด็จพระวชิ รเกล้ าเจ้ าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ าสุ ทดิ า พัชรสุ ธาพิมลลักษณ พระ
บรมราชินี (พระมหากษัตริ ยร์ ัชกาลปัจจุบนั และพระอัครมเหสี )
 สมเด็จเจ้ าฟ้ าฯ กรมหลวงราชสาริณสี ิ ริพชั ร มหาวัชรราชธิดา (พระราชธิ ดาพระองค์ใหญ่)
 สมเด็จพระเจ้ าลูกเธอ เจ้ าฟ้ าสิ ริวณ
ั ณวรี นารีรัตนราชกัญญา (พระราชธิดาพระองค์เล็ก)
 สมเด็จพระเจ้ าลูกยาเธอ เจ้ าฟ้ าทีปังกรรั ศมีโชติ (พระราชโอรสพระองค์เล็ก)
 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุ ดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระโสทร
กนิษฐภคินีพระองค์ใหญ่)
 สมเด็จเจ้ าฟ้ าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี (พระโสทรกนิษฐภคินีพระองค์เล็ก)
 พระเจ้ าวรวงศ์ เธอ พระองค์ เจ้ าสิ ริภาจุฑาภรณ์ (พระภาคิไนย)
 พระเจ้ าวรวงศ์ เธอ พระองค์ เจ้ าอทิตยาทรกิติคุณ (พระภาคิไนย)
185
คู่มือเตรี ยมสอบ

 ทูลกระหม่ อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิ ริวฒ ั นาพรรณวดี (พระโสทรเชษฐภคินี; กราบถวาย


บังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์)
 พระเจ้ าวรวงศ์ เธอ พระองค์ เจ้ าโสมสวลี กรมหมื่นสุ ทธนารีนาถ (อดีตพระวรชายา)
 เจ้ าคุณพระสิ นีนาฏ พิลาสกัลยาณี

"คณะรัฐมนตรี ชุดที่ 63" ในรัฐบาล “ประยุทธ์ 2/2”


o พลเอก ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี
o พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
o นายวิษณุ เครื องาม รองนายกรัฐมนตรี
o นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี
o นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี
o นายดอน ปรมัตถ์วินยั รองนายกรัฐมนตรี
o นายสุ พฒั นพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี
o นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรี ประจาสานักนายกรัฐมนตรี
o tพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงกลาโหม
o พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
o นายอาคม เติมพิทยาไพสิ ฐ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงการคลัง
o นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
o นายดอน ปรมัตถ์วินยั รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงการต่างประเทศ
o นายพิพฒั น์ รัชกิจประการ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
o นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงการพัฒนาสังคม
และความมัน่ คงของมนุษย์
o นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรม
o นายเฉลิมชัย ศรี อ่อน รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
o ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์
o นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์
o นายประภัตร โพธสุ ธน รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์
o นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงคมนาคม
o นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
o นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
186
คู่มือเตรี ยมสอบ

o นายพุทธิ พงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงดิจิทลั เพื่อเศรษฐกิจและสังคม


o นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม
o นายสุ พฒั นพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงพลังงาน
o นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงพาณิ ชย์
o นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงพาณิ ชย์
o พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงมหาดไทย
o นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
o นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
o นายสมศักดิ์ เทพสุ ทิน รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงยุติธรรม
o นายสุ ชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงแรงงาน
o นางนฤมล ภิญโญสิ นวัฒน์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน
o นายอิทธิ พล คุณปลื้ม รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงวัฒนธรรม
o นายณัฏฐพล ทีปสุ วรรณ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงศึกษาธิ การ
o คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิ การ
o นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิ การ
o นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงสาธารณสุ ข
o นายสาธิต ปิ ตุเตชะ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุ ข
o นายสุ ริยะ จึงรุ่ งเรื องกิจ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงอุตสาหกรรม

************************************
ยุทธศาสตร์ ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580
ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
1. ยุทธศาสตร์ ชาติดา้ นความมัน่ คง
2. ยุทธศาสตร์ ชาติดา้ นการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
3. ยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการพัฒนาและเสริ มสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
4. ยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
5. ยุทธศาสตร์ ชาติดา้ นการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวติ ที่เป็ นมิตรต่อสิ่ งแวดล้อม
6. ยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริ หารจัดการภาครัฐ
187
คู่มือเตรี ยมสอบ

ร่ างนโยบายหลักรัฐบาล 12 ข้ อ เร่ งด่ วน และอีก 12 ข้ อ เน้ นแก้ปัญหาปากท้อง-หนุนแก้ รัฐธรรมนูญ


รายงานข่าวจากทาเนียบรัฐบาลสาหรับนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาจะมีความหนา
ประมาณ 40 หน้า โดยภายในเล่มนโยบายที่จะแถลงแบ่งเป็ นนโยบายหลัก 12 ด้าน ได้แก่

1. การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริ ย ์
2. การสร้างความมัน่ คงและความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุ ขของประเทศ
3. การทานุบารุ งศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม
4. การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
5. การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย
6. การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริ ญสู่ ภูมิภาค
7. การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก
8. การปฏิรูปกระบวนการเรี ยนรู ้และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
9. การพัฒนาระบบสาธารณสุ ขและหลักประกันทางสังคม
10. การพื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยัง่ ยืน
11. การปฏิรูปการบริ หารจัดการภาครัฐ
12. การป้ องกันและปราบปรามการทุจริ ตและประพฤติมิชอบและกระบวนการยุติธรรม
ขณะทีน่ โยบายเร่ งด่ วน 12 เรื่ องทีจ่ ะต้ องทาใน 1 ปี นี้ ประกอบด้ วย
1. การแก้ไขปั ญหาในการดารงชีวติ ของประชาชน
2. การปรับปรุ งระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวติ ของประชาชน
3. มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
4. การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม
5. การยกระดับศักยภาพของแรงงาน
6. การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่ อนาคต
7. การเตรี ยมคนไทยสู่ ศตวรรษที่21
8. การแก้ไขปั ญหาทุจริ ตและประพฤติมิชอบในวงราชการทั้งฝ่ ายการเมืองและฝ่ ายราชการประจา
9. การแก้ไขปั ญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุ ขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
10. การพัฒนาระบบการให้บริ การประชาชน
11. การจัดเตรี ยมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย
12. การสนับสนุนให้มีการศึกษาการรับฟังความเห็นของประชาชน และการดาเนิ นการเพื่อแก้ไข
เพิ่มเติมรัฐธรรมนู ญ
188
คู่มือเตรี ยมสอบ

ทาเนียบ 10 อันดับ มหาเศรษฐีไทย 2564


อันดับ 1 พีน่ ้ องเจียรวนนท์ (อันดับคงที)่
แหล่งที่มา: เครื อเจริ ญโภคภัณฑ์
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.73 หมื่นล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

อันดับ 2 เฉลิม อยู่วทิ ยา (ขึน้ จากอันดับ 3)


แหล่งที่มา: กระทิงแดง
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.02 หมื่นล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น)

อันดับ 3 เจริญ สิ ริวฒ


ั นภักดี (ขึน้ จากอันดับ 4)
แหล่งที่มา: ไทยเบฟเวอเรจ
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.05 หมื่นล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

อันดับ 4 ตระกูลจิราธิวฒั น์ (ลงจากอันดับ 2)


แหล่งที่มา: กลุ่มเซ็นทรัล
มูลค่าทรัพย์สิน: 9.5 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

อันดับ 5 สารัชถ์ รัตนาวะดี (อันดับคงที)่


แหล่งที่มา: กัลฟ์ เอ็นเนอร์ จี ดีเวลลอปเมนท์
มูลค่าทรัพย์สิน: 6.8 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินเพิม่ ขึ้น)

อันดับ 6 อัยยวัฒน์ ศรีวฒ ั นประภา (อันดับคงที)่


แหล่งที่มา: คิง เพาเวอร์
มูลค่าทรัพย์สิน: 3.8 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

อันดับ 7 ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ (ขึน้ จากอันดับ 15)


แหล่งที่มา: TOA
มูลค่าทรัพย์สิน: 3.1 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น)

อันดับ 8 ตระกูลโอสถานุเคราะห์ (อันดับคงที่)


แหล่งที่มา: โอสถสภา
189
คู่มือเตรี ยมสอบ

มูลค่าทรัพย์สิน: 3 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินคงที่)

อันดับ 9 วานิช ไชยวรรณ (อันดับคงที)่


แหล่งที่มา: ไทยประกันชีวติ
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.8 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินลดลง)

อันดับ 10 ชู ชาติ เพ็ชรอาไพ-ดาวนภา เพชรอาไพ (ขึน้ จากอันดับ 11)


แหล่งที่มา: เมืองไทย ลิสซิ่ ง
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.65 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ (มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น)

ทั้งนี้ มีเศรษฐีสองรายที่หลุดจาก 10 อันดับแรกไปในปี นี้คือ “นพ.ปราเสริ ฐ ปราสาททองโอสถ”


มูลค่าทรัพย์สินลดลงเหลือ 2.6 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ ทาให้อยูใ่ นอันดับ 11 และ “สมโภชน์ อาหุ นยั ” มูลค่า
ทรัพย์สินลดลงเหลือ 1.75 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ อยูใ่ นอันดับ 18

**************************

บทสรุป 10 เหตุการณ์ รอบโลกแห่ งปี 2021


1. ปรากฏการณ์ GameStop
เมื่อช่วงต้นปี (เดือนมกราคม 2021) มีปรากฏการณ์หนึ่งที่ได้รับความสนใจไปทัว่ โลก นัน่ คือ
ปรากฏการณ์ GameStop ซึ่ งเป็ นการปะทะกันของนักลงทุนรายย่อย (โดยส่ วนใหญ่มาจากแพลตฟอร์ ม
Reddit) กับนักลงทุนสถาบันที่ทาการช็อตเซลล์หุน้ ของ GameStop เพื่อหวังทากาไร
ปรากฏการณ์น้ ีถูกเรี ยกว่าเป็ นการดัดหลังนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่ งที่มาของเหตุการณ์ดงั กล่าวมาจาก
เนื่องจากสถานการณ์ของตลาดเกมเปลี่ยนไป คนหันมาซื้ อเกม – เล่นเกมออนไลน์ ทาให้ GameStop จาก
เดิมเคยเป็ นร้านขายเกมยักษ์ใหญ่ ก็มีผลประกอบลดลงเรื่ อย ๆ) ทาให้นกั ลงทุนรายใหญ่ทาการช็อตเซลล์
หุน้ ของ GameStop เพื่อหวังกาไรส่ วนต่างตอนที่มูลค่าหุ ้นลดลง
แต่เหตุการณ์ไม่เป็ นเช่นนั้น เพราะนักลงทุนรายย่อยต่างเข้ามาช่วยกันซื้ อหุ น้ GameStop จนราคา
หุ น้ มีมูลค่าสู งขึ้น ส่ งผลให้นกั ลงทุนรายใหญ่ที่ช็อตเซลล์ไว้น้ นั ต่างขาดทุนไปตาม ๆ กัน และต้องทาการ
ตัดการขาดทุน ซึ่ งกระบวนการเหล่านี้ส่งผลให้หุน้ ของ GameStop พุง่ ขึ้นถึงจุดสู งสุ ดที่มูลค่า 347 เหรี ยญ
สหรัฐ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2021 จากที่เคยมีราคา 39 เหรี ยญสหรัฐเมื่อ 7 วันก่อน
190
คู่มือเตรี ยมสอบ

ศึกนี้จบลงด้วยการพังพินาศของทั้งสองฝั่ง และมีเฮดจ์ฟันด์ยกั ษ์ใหญ่ตอ้ งเสี ยหน้าที่ขาดทุนเป็ น


หลักพันล้านเหรี ยญสหรัฐ ส่ วนนักลงทุนรายย่อยที่ช่วยกันปั่ นจนหุ น้ GameStop ขึ้นไปก็มีสภาพไม่ต่างกัน
เพราะในที่สุดแล้ว ราคาหุน้ ที่เกิดจากการปั่ น และการขายคืนของเฮดจ์ฟันด์ก็ตกลงอย่างรวดเร็ ว (อย่างไรก็
ดี มูลค่าหุ น้ อง GameStop ในปั จจุบนั อยูท่ ี่ 158 เหรี ยญสหรัฐ)

อ่ านเพิม่ เติมที่ How Reddit’s WallStreetBets Pushed GameStop (GME) Shares to the Moon –
Bloomberg

2. ศึกสตาร์ วอร์ ของสองมหาเศรษฐี “Jeff Bezos vs Elon Musk”


นอกจากจะแข่งกันเรื่ องอันดับของการเป็ นมหาเศรษฐีโลกแล้ว Jeff Bezos อดีตซีอีโอ Amazon
และ Elon Musk ซีอีโอ Tesla ก็มีโปรเจ็คด้านอวกาศที่แข่งกันอย่างดุเดือดด้วย
การแข่งขันของสองซี อีโอมีต้ งั แต่การแย่งชิงฐานปล่อยจรวจของนาซา ในปี 2013 ที่ Jeff Bezos
มองว่าไม่แฟร์ หาก SpaceX จะได้สิทธิ์ ใช้ฐานนั้นคนเดียว หรื อในปี 2014 กับเรื่ องสิ ทธิ บตั ร Drone Ship
ของ Blue Origin ที่จะใช้ในการลงจอดของจรวด โดย SpaceX บอกว่า แนวคิดเรื่ องเทคโนโลยีน้ ีมีมานาน
นับสิ บปี แล้ว เป็ นต้น
ส่ วนในปี 2021 การแข่งขันของทั้งสองซี อีโอ มาถึงจุดเดือดอีกครั้ง เมื่อนาซามีการประกาศให้
SpaceX เป็ นผูไ้ ด้รับสิ ทธิพฒั นาระบบ Human Landing System บนดวงจันทร์ แต่เพียงผูเ้ ดียว ซึ่งทาให้ Blue
Origin ออกมาประท้วงจนโครงการดังกล่าวต้องหยุดชะงักไป
แต่ถา้ พูดถึงความสาเร็ จในการออกไปนอกโลกแล้ว อาจกล่าวได้วา่ Jeff Bezos ได้ทาให้ความฝัน
ของเขาเป็ นจริ งก่อน Elon Musk กับการขึ้นไปท่องอวกาศกับยาน New Shepard เป็ นเวลา 11 นาทีและ
กลับมาอย่างปลอดภัยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผา่ นมา โดยเขาได้ลาออกจากตาแหน่งซี อีโอของ Amazon ก่อน
การออกทริ ปนอกโลกครั้งนี้เพียงสองสัปดาห์
ส่ วน Elon Musk นั้น แม้วา่ SpaceX จะสามารถจัดทริ ปในลักษณะเดียวกันได้ต้ งั แต่ปี 2020 แต่ดว้ ย
ฐานะที่เป็ นซี อีโอ ซึ่ งแบกรับภาระต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ทาให้เขาไม่สามารถขึ้นบินได้อย่างอิสระเหมือน
Jeff Bezos นัน่ เอง
อ่านเพิม่ เติมที่ Jeff Bezos, Elon Musk Rivalry: a History of Their 15-Year Feud
(businessinsider.com)
191
คู่มือเตรี ยมสอบ

3. เรื อ Ever Given เกยตื้นทีค่ ลองสุ เอซ


อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทว่ั โลกต้องจดจาก็คือเรื อ Ever Given เกยตื้นที่คลองสุ เอซ ประเทศอียปิ ต์จน
ทาให้การเดินเรื อในคลองสุ เอซต้องหยุดชะงัก และส่ งผลให้ซพั พลายเชนทัว่ โลกที่ตึงมืออยูแ่ ล้วจากวิกฤติ
Covid-19 ต้องวิกฤติหนักขึ้น เรื อหลายลาต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินเรื อใหม่ โดยอ้อมไปทางแหลมกู๊ดโฮป
แทน ซึ่งผลกระทบครั้งนี้ยงั ส่ งผลถึงสหรัฐอเมริ กาด้วย เพราะ “ไข่มุก” ซึ่ งเป็ นส่ วนประกอบของ”ชานม”
เครื่ องดื่มยอดนิยมถึงกับขาดตลาดเลยทีเดียว

4. การกลับสู่ มาตุภูมขิ อง “เมิง่ เหวินโจว”


หลังจากไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกแคนาดานานหลายปี เมิ่ง เหวินโจว (Meng
Wanzhou) ประธานเจ้าหน้าที่บริ หารฝ่ ายการเงินของหัวเว่ย (Huawei) ก็ได้รับการปล่อยตัวจากแคนาดา
และเดินทางกลับจีนเป็ นที่เรี ยบร้อยแล้วเมื่อเดือนกันยายนที่ผา่ นมา โดยมีรายงานว่า เธอเดินทางด้วยสาย
การบินแอร์ ไชน่า และแตะพื้นแผ่นดินจีนที่เสิ นเจิน้ ซึ่ งเป็ นที่ต้ งั ของสานักงานใหญ่หวั เว่ย โดยมีพิธีตอ้ นรับ
อย่างยิง่ ใหญ่

5. ปรากฏการณ์ ปรับแพกเกจจิง้ แบรนด์ รักษ์ โลก


การพัฒนาสิ นค้า หรื อบรรจุภณ ั ฑ์ที่เป็ นมิตรกับสิ่ งแวดล้อมกลายเป็ นอีกหนึ่งกระแสมาแรงในปี
2021 นี้ โดยหากย้อนอดีตจะพบว่ามีแบรนด์ต่าง ๆ ให้ความสนใจ และพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ออกมา
มากมายเต็มไปหมด เช่น กรณี ของ Coca-Cola ที่เปิ ดตัวขวดพลาสติกทาจากข้าวโพด หรื อ Muji ที่เปลี่ยน
แพกเกจเครื่ องดื่มในร้านเป็ นขวดอลูมิเนียมเพื่อความสะดวกในการรี ไซเคิล
ส่ วนแบรนด์ใดที่ยงั ไม่พร้อม ก็จะมีการตั้งเป้ าให้ตวั เองว่าจะบรรลุเป้ าหมายเมื่อไรด้วยเช่นกัน เช่น
กรณี ของ McDonald’s ที่ต้ งั เป้ าว่า ในอีก 4 ปี ของเล่น Happy Meal จะทาจากพลาสติกรี ไซเคิล – กระดาษ
ลูกฟูก

6. Hybrid Workplace จากเทรนด์ สู่ Norm


หลังจาก Work From Home กันจนเป็ นเทรนด์ในปี 2020 พอมาถึงปี 2021 องค์กรจานวนไม่นอ้ ย
เริ่ มอยากเรี ยกพนักงานกลับเข้าออฟฟิ ศ โดยเฉพาะบรรดา Tech Company ที่มองว่า ความคิดสร้างสรรค์ใน
การพัฒนา Product เริ่ มหายไปเรื่ อย ๆ อย่างไรก็ดี ผลสารวจจาก Cisco Global Workforce Survey ชี้วา่
91% ของพนักงานต้องการการทางานแบบ “Hybrid Working” และหลายคนอาจเลือกลาออกแทนหาก
ออฟฟิ ศบังคับให้กลับไปทางาน
192
คู่มือเตรี ยมสอบ

การทางานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) จึงอาจไม่ใช่แค่สมัยนิยม แต่จะกลายเป็ น


Norm ปกติของชีวิตในอนาคต ถึงแม้การระบาดของโควิด-19 จะเริ่ มคลี่คลายไปแล้วก็ตาม สะท้อนจาก
ข้อมูลของบริ ษทั Morgan Stanley ระบุวา่ อีก 7 ปี ข้างหน้า ครึ่ งหนึ่งของแรงงานในสหรัฐฯ จะเป็ นฟรี แลนซ์
ไม่เฉพาะชาติตะวันตก กระแสการทางานที่ใดก็ได้ ยังทาให้ประเทศที่บา้ การทางานแบบสุ ด ๆ
อย่างญี่ปุ่นเกิดการปรับตัวเช่นกัน เห็นได้จากรถไฟชินคันเซนที่มีการปรับตูร้ ถไฟให้รองรับการทางาน
ระหว่างเดินทาง แถมยังเพิ่มไวไฟ – เมาส์ให้ยมื ฟรี ๆ อีกต่างหาก หรื อ IKEA ที่พฒั นาผ้าม่านมหัศจรรย์
กรองทั้งแสงกรองทั้งเสี ยงให้กบั ชาว WFH ด้วย

7. เสี ยงปรบมือทัว่ โลกมอบแด่ Tokyo Olympics แม้ ไร้ ผู้ชม


Tokyo Olympic 2020 มหกรรมการแข่งขันที่วา่ กันว่ายิง่ ใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ และมี
กาหนดต้องจัดในปี 2020 แต่ถูกเลื่อนมาจัดในปี 2021 ได้ถูกบันทึกเอาไว้วา่ เป็ นการจัดงานที่มีตน้ ทุนสู ง
ที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากประเทศเจ้าภาพอย่างญี่ปุ่นต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการป้ องกันการ
แพร่ ระบาดของ Covid-19 ไม่เพียงเท่านั้น Tokyo Olympic 2020 ยังเป็ นมหกรรมที่ไม่สามารถทารายได้
จากการขายตัว๋ เข้าชม และไร้เสี ยงเชียร์ ในสนาม แถมประชาชนในประเทศญี่ปุ่นก็ไม่โอเคกับการจัดงาน
ครั้งนี้เอามาก ๆ ถึงกับมีการประท้วงรัฐบาลกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี Tokyo Olympic 2020 ก็เปิ ดฉากขึ้นอย่างสวยงามและเรี ยกเสี ยงฮือฮาไปทัว่ โลก เมื่อ
ญี่ปุ่นเลือกใช้เพลงจากเกมดังในพิธีเปิ ดการแข่งขัน ไม่วา่ จะเป็ น Dragon Quest, Final Fantasy, The
Legend of Zelda, Sonic, Monster Hunter รวมถึงใช้คอนเทนต์จากรายการทีวเี กมซ่าท่ากึ๋นที่หลายคนคิดถึง
มาทาเป็ นภาพ Pictogram ของกีฬาแต่ละชนิดด้วย
ส่ วนในพิธีปิด ญี่ปุ่นเลือกแสดงออกอย่างเรี ยบง่าย แต่ก็ยงั คงไว้ซ่ ึ งความเป็ นญี่ปุ่น และมีความสง่า
งามแฝงอยูใ่ นคราวเดียวกัน (รวมถึงมีการนาเพลงอนิเมะยอดฮิตแห่งยุคอย่าง Demon Slayer หรื อดาบ
พิฆาตอสู รมาใช้ดว้ ย) ผลก็คือ แม้คนในชาติจะไม่ชอบใจนักกับการจัดมหกรรมโอลิมปิ กในครั้งนี้ แต่ทว่ั
โลกก็ปรบมือให้กบั สปิ ริ ตของญี่ปุ่น และรู ้สึกขอบคุณที่ทาให้การจัดงานครั้งนี้สาเร็ จลุล่วงไปได้ดว้ ยดี

8. ความฉูดฉาดของ Tesla
Tesla เป็ นแบรนด์ที่สร้างสี สันให้กบั ปี นี้อย่างแท้จริ ง เห็นได้จากความฉู ดฉาดของแบรนด์ที่มีออกมาตลอด
ทั้งปี เช่น ในการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก Tesla บอกว่า นอกจากจะขายรถแล้ว พวกเขายังขาย
บิทคอยน์จานวน 272 ล้านเหรี ยญสหรัฐออกไปด้วย และทากาไรจากการขายบิทคอยน์ดงั กล่าวได้ถึง 101
ล้านเหรี ยญสหรัฐ ส่ งผลให้กาไรไตรมาส 1 พุง่ ไปแตะ 438 ล้านเหรี ยญสหรัฐเลยทีเดียว
193
คู่มือเตรี ยมสอบ

ขณะที่ไตรมาส 2 บริ ษทั ทากาไรทุบสถิติดว้ ยตัวเลขสู งถึง 1.14 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ ท่ามกลาง
สถานการณ์การขาดแคลนชิ ปที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่ต่างต้องลดกาลังการผลิตลง โดย Tesla ทารายได้จากธุ รกิจ
ยานยนต์ไปทั้งสิ้ น 10,206 ล้านเหรี ยญสหรัฐ เติบโตขึ้น 97% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2020 ที่ทาไว้
5,179 ล้านเหรี ยญสหรัฐ และสามารถส่ งมอบรถยนต์ได้มากกว่า 201,250 คัน จากรถยนต์ที่ผลิตได้ท้ งั หมด
206,421 คัน (นับจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน) เหตุเพราะ Tesla ได้ทาการดึงชิปจาก Powerwall มาผลิตรถก่อน
นัน่ เอง
ไตรมาส 3 บริ ษทั นี้ก็ยงั สร้างความฮือฮาต่อเนื่ อง เพราะตัวเลขกาไรมีแต่เพิ่มขึ้นเป็ น 1.62 พันล้าน
เหรี ยญสหรัฐ แซงหน้าไตรมาสเดียวกันของปี ที่แล้วไปกว่า 4 เท่า ซึ่ งทางบริ ษทั เผยว่า บริ ษทั สามารถทา
ยอดขายทุบสถิติในจีนในเดือนกันยายน โดยทาไปได้ถึง 52,153 คัน นอกจากนั้น จีนยังเป็ นประเทศที่ทา
ให้บริ ษทั สามารถผลิตรถได้มากที่สุดด้วย โดยในไตรมาสนี้ Tesla สามารถส่ งมอบรถได้ถึง 241,300 คันทัว่
โลก (เพิ่มขึ้นจากปี ที่แล้ว 73%) ซึ่ งทาง Tesla ถึงกับบอกว่า จะขยายกาลังการผลิตรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้นใน
อนาคต

9. จีนลงดาบ Tech company


นับตั้งแต่ปลายปี 2020 เป็ นมา การคุมเข้มบริ ษทั เทคโนโลยีในจีนแผ่นดินใหญ่ได้กลายเป็ นที่จบั ตา
ของทัว่ โลก โดยบริ ษทั ที่ตอ้ งจ่ายค่าปรับมีต้ งั แต่อาลีบาบา กับข้อหาผูกขาดทางการค้า ที่คิดเป็ นเงินค่าปรับ
2.8 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ หรื อ Meituan ที่โดนค่าปรับไป 3.44 พันล้านหยวน ประมาณ 589 ล้านเหรี ยญ
สหรัฐด้วยข้อหาเดียวกัน
นอกจากนั้น รัฐบาลจีนยังเคยสัง่ ถอดแอปพลิเคชัน Didi Chuxing ออกจาก App Store ด้วย
เนื่องจากกังวลเรื่ องประเด็น Data Security หลังจากบริ ษทั ไป IPO ในตลาดสหรัฐอเมริ กา
Tencent เองก็หนีไม่พน้ โดยเมื่อเร็ ว ๆ นี้ บริ ษทั ถูกทางการจีนระงับการอัปเดตแอป เพื่อให้
ทางการเข้าไปตรวจสอบการทางานของแอปเหล่านั้นแล้ว สาเหตุที่มีคาสั่งดังกล่าวเนื่ องจากทางการจีนมี
การบังคับใช้กฎหมายด้าน Privacy ตัวใหม่ จึงจาเป็ นต้องตรวจสอบว่า บริ ษทั เทคโนโลยีเหล่านี้ทาอะไรกับ
ข้อมูลส่ วนบุคคลของผูบ้ ริ โภคบ้างนัน่ เอง
แน่นอนว่า นโยบายคุมเข้มบริ ษทั เทคโนโลยีของรัฐบาลจีน ได้ทาให้นกั ลงทุนต่างชาติที่มาลงทุน
ในบริ ษทั เหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่นกั ลงทุนบางส่ วนก็มองว่า นี่เป็ นช่วงเวลาที่ดีที่จะเข้ามาเก็บ
หุน้ ของอาลีบาบา, Tencent, JD และ Baidu ด้วยเช่นกัน
194
คู่มือเตรี ยมสอบ

10. ปัญหาขาดแคลนชิป กระทบทั้ง IT และ Automotive


ปั ญหาการขาดแคลนชิปเซ็ทเป็ นปั ญหาที่กระทบกับทุกวงการมานานนับปี และทาให้บริ ษทั ผูผ้ ลิต
รถยักษ์ใหญ่ตอ้ งปรับกาลังการผลิต หรื อไม่ก็หยุดการผลิตชัว่ คราวในบางโรงงาน ทาให้อุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์เช่น เราเตอร์ มีแนวโน้มจะขาดตลาดนั้น
ปี 2021 เป็ นอีกปี ที่ปัญหาดังกล่าวถูกฉายภาพให้เห็นชัดขึ้น ผ่านผลประกอบการของหลาย ๆ
บริ ษทั ที่ถือเป็ นกรณี ศึกษาได้อย่างดี ตัวอย่างแรกคือ LG ที่ตดั สิ นใจถอนตัวออกจากธุ รกิจสมาร์ ทโฟน ที่ทา
ให้หุน้ ของบริ ษทั เด้งขึ้นทันที 2% โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า LG ไม่ลงทุนในธุ รกิจชิปมากพอ ทาให้
ไม่สามารถไปต่อได้ ขณะที่ Samsung นั้นตรงกันข้าม เพราะสามารถทากาไรในไตรมาส 2 ได้ถึง 9.45 ล้าน
ล้านวอน ซึ่ งเหนือกว่าที่นกั วิเคราะห์คาดการณ์อย่างมาก โดยสิ่ งที่ทาให้ธุรกิจของ Samsung เติบโตในไตร
มาสดังกล่าว มาจากยอดขาย “ชิปหน่วยความจา” ไม่ใช่สมาร์ ทโฟนแต่อย่างใด
ส่ วน Apple ยักษ์ใหญ่ที่แทบไม่เคยมีปัญหาขาดแคลนชิป มาในปี 2021 ก็มีรายงานว่า เริ่ มได้รับ
ผลกระทบแล้วเช่นกัน โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผา่ นมา มีรายงาน Apple อาจต้องลดกาลังการผลิต iPhone 13
ลงไปประมาณ 10 ล้านเครื่ อง หรื อคิดเป็ น 11%
ไม่เฉพาะ iPhone 13 แต่นาฬิการุ่ นสาคัญอย่าง Apple Watch Series 7 ก็คาดว่าจะเจอปั ญหาด้วย
เช่นกัน ทั้งนี้ Apple ถือเป็ นบริ ษทั ที่มีชื่อเสี ยงเรื่ องการบริ หารจัดการซัพพลายเชนมาได้ดว้ ยดี แม้จะอยูใ่ น
ภาวะโรคระบาด โรงงานต้องปิ ดตัวเพราะไม่มีคนทางาน การขาดแคลนชิปที่ส่งผลกระทบต่อ Apple ใน
ครั้งนี้นบั เป็ นเรื่ องใหญ่ไม่ใช่นอ้ ยแถมยังมาในไตรมาสสาคัญอีกด้วยนัน่ เอง
195
คู่มือเตรี ยมสอบ

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)


โรคโควิด-19 เป็ นโรคติดเชื้ อไวรัสผ่านทางละอองฝอยจากระบบทางเดินหายใจ และจากการ
สัมผัสกับสารคัดหลัง่ ของผูป้ ่ วย เช่น น้ าลาย น้ ามูก เสมหะ
เชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล ซึ่ งมีการกลายพันธุ์ในระดับที่มีนยั สาคัญต่อสาธารณสุ ขโลก เช่น แพร่
ระบาดได้ง่ายขึ้น หรื อทาให้วคั ซี นมีประสิ ทธิ ภาพลดลง มีชื่อตามอักษรกรี กดังนี้
 อัลฟา (Alpha) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ B.1.1.7 ที่ตรวจพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร
 เบตา (Beta) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ B.1.351 ที่ตรวจพบครั้งแรกในแอฟริ กาใต้
 แกมมา (Gamma) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ P.1 ที่ตรวจพบครั้งแรกในบราซิ ล
 เดลตา (Delta) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ B.1.617.2 ที่ตรวจพบครั้งแรกในอินเดีย
เชื้อกลายพันธุ์ที่น่าสนใจ หรื อน่าจับตา มีชื่อตามอักษรกรี กดังนี้
 เอปไซลอน (Epsilon) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ B.1.427/B.1.429 ที่ตรวจพบครั้งแรกในสหรัฐฯ
 ซีตา (Zeta) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ P.2 ที่ตรวจพบครั้งแรกในบราซิ ล
 ซีตา (Zeta) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ P.2 ที่ตรวจพบครั้งแรกในบราซิ ล
 อีตา (Eta) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ B.1.525 ที่ตรวจพบครั้งแรกในหลายประเทศ
 ธีตา (Theta) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ P.3 ที่ตรวจพบครั้งแรกในฟิ ลิปปิ นส์
 ไอโอตา (Iota) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ B.1.526 ที่ตรวจพบครั้งแรกในสหรัฐฯ
 แคปปา (Kappa) ใช้เรี ยกสายพันธุ์ B.1.617.1 ที่ตรวจพบครั้งแรกในอินเดีย
WHO ระบุวา่ การใช้ระบบเรี ยกชื่อใหม่ของเชื้ อโรคโควิด-19 สายพันธุ์ต่าง ๆ ด้วยอักษรกรี ก มีข้ ึน
เพื่อให้ง่ายต่อการจดจาและใช้เรี ยกนอกแวดวงวิทยาศาสตร์ รวมทั้งช่วยไม่ให้ประเทศหรื อสถานที่ใดถูก
ตราหน้าว่าเป็ นต้นตอการระบาดของเชื้ อโรคโควิด-19 สายพันธุ์น้ นั ๆ

โรคโควิด-19 (COVID-19) หรื อ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็ นโรคที่เริ่ มระบาด


ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2019 โดยเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า SARS-CoV-2 ซึ่ งมีตน้ ตอการพบเชื้ อ
ครั้งแรกที่ตลาดอาหารทะเลในเมืองอู่ฮนั่ ประเทศจีน และแพร่ ระบาดสู่ ประเทศอื่นๆ อย่างรวดเร็ ว
จนกระทัง่ มีการพบผูต้ ิดเชื้ อในเกือบทุกประเทศทัว่ โลก
196
คู่มือเตรี ยมสอบ

ยีห่ ้ อวัคซีนโควิดที่ WHO อนุมัติให้ ใช้ งานได้


การอนุมตั ิวคั ซีนโมเดอร์ นา ทาให้ในปัจจุบนั มีวคั ซีนโควิด-19 ทั้งหมด 5 ยีห่ อ้ ที่ได้รับอนุมตั ิโดย
องค์การอนามัยโลก เรี ยงลาดับตามวันที่อนุมตั ิ ดังต่อไปนี้
1.) วัคซีนไฟเซอร์ -ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) ผ่านการอนุมตั ิวนั ที่ 31 ธันวาคม 2563
2.) วัคซี นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ผ่านการอนุมตั ิวนั ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564
3.) วัคซีนโควิชิลด์ (Covishield) ซึ่ งเป็ นวัคซี นแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในอินเดีย ผ่านการอนุมตั ิวนั ที่ 15
กุมภาพันธ์ 2564
4.) วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) ผ่านการอนุมตั ิวนั ที่ 12 มีนาคม 2564
5.) วัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) ผ่านการอนุมตั ิวนั ที่ 30 เมษายน 2564

อัพเดตสถานการณ์โควิดที่ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php
197
คู่มือเตรี ยมสอบ

เทคนิคการสอบสั มภาษณ์
1. อะไรคือสิ่ งทีผ่ ู้เข้ าสอบสั มภาษณ์ คาดหวังไว้
ตอบ 1. ได้รับกำรปฏิบตั อิยำ่ งสุ ภำพ
2. มีโอกำส และเวลำมำกพอที่จะพูดในสิ่ งที่ตอ้ งกำรพูด
3. ข้อดีและข้อเสี ยจะถูกบันทึกไว้เพื่อกำรให้คะแนน
4. อำจจะต้องใช้เวลำและควำมคิดอย่ำงมำกเมื่อถูกถำมด้วยคำถำมยำกๆ
5. ผูส้ มั ภำษณ์ไม่ควรตัดสิ นใจอะไรจนกว่ำจะเสร็ จสิ้ นกำรสัมภำษณ์
2. ในขณะเดียวกันผู้สัมภาษณ์ กจ็ ะคาดหวังจากผู้สมัครดังนี้
ตอบ 1. ผูส้ มัครมีควำมตั้งที่จะทำงำนในตำแหน่งนั้นจริ งและตั้งใจจะทำกำรสอบสัมภำษณ์เป็ น
อย่ำงดี
2. ผูส้ มัครมีควำมซื่ อตรงต่อคำถำมที่ถูกถำม ไม่พดู เท็จ
3. ผูส้ มัครมีควำมสุ ภำพเรี ยบร้อยและตั้งใจฟังคำถำม
4. ผูส้ มัครมีควำมสำมำรถตอบคำถำมอะไรก็ได้ที่ผสู ้ ัมภำษณ์จะถำม
3. การหาความรู้เกีย่ วกับงาน
ตอบ วิธีหำควำมรู ้ง่ำย ๆ คือ หำเอกสำรต่ำงๆที่เกี่ยวข้องมำอ่ำน ติดตำมเรื่ องของ(หน่วยงำน) ที่
ปรำกฏในหนังสื อพิมพ์รำยงำนประจำปี ควำมเห็นของคนที่อยูใ่ นสำขำงำนนั้นๆรวมทั้งคู่แข่งด้วย
และในปัจจุบนั นี้ ยิง่ สะดวกง่ำยดำยขึ้นโดยกำรค้นหำจำกเว็บไซต์ของหน่วยงำน หรื อหน่วยงำน
นั้นๆ
4. การเตรียมพูดถึงความสามารถของผู้สมัคร
ตอบ เป็ นเรื่ องที่สำคัญที่สุดที่ผสู ้ มัครต้องทำ โดยอำจจะทำกำร์ดขนำด 3" x 5" ด้ำนหนึ่งให้
เขียน
สิ่ งที่ผสู ้ มัครต้องกำรให้ผสู ้ มั ภำษณ์รู้เกี่ยวกับตัวผูส้ มัคร 5 อย่ำง อีกด้ำนหนึงให้จดค ํำถำมที่
ผูส้ มัครต้องกำรถำมผูส้ มั ภำษณ์ในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์เอำไว ํ้5 ค ํำถำม เอำไว้ให้พร้อม และ
ซ้อมถำม ซ้อมตอบคำถำมต่ำง ๆ ทั้ง10 ข้อนี้ ให้คล่องแคล่ว ให้บิดำมำรดำหรื อคนในครอบครัว
และเพื่อนสนิทฟังกำรถำม-ตอบ ของผูส้ มัครและแก้ไขตำมที่เขำวิจำรณ์

5. หัวข้ อประเมินผู้เข้ าสั มภาษณ์


ตอบ 1. สุ ขภำพและสภำพร่ ำงกำย ดูจำกควำมแข็งแรง สภำพร่ ำงกำยที่ปรำกฏ กริ ยำ ท่ำทำง
ควำมสำมำรถในกำรฟัง สำยตำ กำรแต่งกำย น้ ำเสี ยง ฯลฯ แต่มิใช่วำ่ จะสำคัญไปหมดทุก ๆ อย่ำง

http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน


198
คู่มือเตรี ยมสอบ

ขึ้นอยูก่ บั ว่ำตำแหน่งงำนที่เปิ ดรับ ว่ำต้องกำรคุณลักษณะทำงกำยเป็ นพิเศษอย่ำงไรบ้ำง


2. ควำมสำเร็ จดูจำกผลกำรศึกษำและประสบกำรณ์ที่ผำ่ นมำ
3. ควำมฉลำดและไหวพริ บ เป็ นสิ่ งที่ดูกนั ยำก อำจใช้ทดสอบเชำว์ปัญญำ แต่ส่วนใหญ่
แล้ว
จะดูจำกควำมสำมำรถเข้ำใจกำรเรี ยนรู ส่ิ งใหม่ๆ ได ํ้และแนวโน้มเรี ยนรู ้งำนว่ำเร็วหรื อช้ำ
เพียงใด
4. ควำมถนัด ดูจำกควำมสำมำรถที่จะพัฒนำทักษะทำงด้ำนต่ำง ๆ ที่เกี่ยวกับงำน เช่น กำร
ใช้เครื่ องมือเครื่ องกลในกำรทำงำน กำรคำนวณ ฯลฯ
5. ควำมสนใจดูจำกประสบกำรณ์และทักษะที่ผสู ้ มัครมีผสู ้ มัครอำจรู ้สึกว่ำควำมสนใจ
ของตนไม่เกี่ยวกับเรื่ องงำน แต่ผสู ้ ัมภำษณ์กลับสนใจที่จะถำมสิ่ งนั้นด้วยเหตุผลหลำยอย่ำง เช่น
ต้องกำรดูวำ่ มีทกั ษะที่จะเป็ นประโยชน์กบั งำนหรื อเปล่ำ ยกตัวอย่ำงหำกผูส้ มัครเคยสนใจเข้ำร่ วม
กิจกรรมนักศึกษำมีหน้ำที่ดูแลทรัพย์สินให้สโมสรนักศึกษำก็อำจทำงำนเกี่ยวกับงำนพัสดุหรื อทำ
บัญชีได้ดี
เป็ นต้น
6. กิจกรรมในยำมว่ำง ดูจำกวิธีกำรหำควำมสมดุลในชีวิตประจำวัน เช่น กำรกีฬำ และ
งำนอดิเรกว่ำมีผลต่องำนเพียงใด เช่น หำกผูส้ มัครเป็ นนักกีฬำทีมชำติตอ้ งไปฝึ กซ้อมบ่อย ๆ แต่
งำนที่ ผูส้ มัครไว้ไม่เกี่ยวข้องกับงำนกีฬำก็เป็ นเรื่ องที่ผสู ้ ัมภำษณ์ตอ้ งคิด
7. เหตุกำรณ์สำคัญในชีวิต เป็ นเรื่ องยำกเรื่ องหนึ่งที่จะใช้วดั คน แต่กเ็ ป็ นประโยชน์แก่ผู ้
สัมภำษณ์มำกทีเดียว เช่น ผูส้ มัครอำจเคยทำควำมสำเร็ จควำมล้มเหลวปัญหำที เคยประสบหรื อ
เหตุกำรณ์ที่สำคัญในชีวิต สิ่ งเหลำนี้อำจมีผลเกี่ยวโยงต่องำนที่จะให้ผสู ้ มัครรับผิดชอบด้วย
นอกจำกนี้แล้วผูส้ ัมภำษณ์จะพิจำรณำ อำยุ แหล่งที่อยู่ สภำพครอบครัว สิ่ งแวดล้อม
รอบ ๆตัว อำรมณ์ควำมเครี ยดและควำมก้ำวร้ำว ซึ่งเป็ นตัวชี้วำ่ ผูส้ มัครสำมำรถทำงำนกับผูอ้ ื่น
ได้ดีหรื อไม่เพียงใดมำเป็ นเครื่ องพิจำรณำด้วย อำจจะไม่มีคำถำมเฉพำะในเรื่ องนี้ แต่ผสู ้ ัมภำษณ์
อำจวัดควำมเหมำะสมได้จำกสิ่ งอื่นๆ ที่ผตู ้ อบแสดงออกมำประกอบด้วย

6. การปฏิบัตติ ัวหน้ าห้ องสอบ

ตอบ กำรตรงต่อเวลำเป็ นเรื่ องสำคัญ ต้องแน่ใจว่ำท่ำนถึงห้องสอบทันเวลำ หำกมำให้ทนั เวลำ


ไม่ได้ให้โทรศัพท์แจ้งผูส้ ัมภำษณ์โดยด่วน อธิบำยเพียงสั้นๆว่ำเกิดอะไรขึ้น จะสำยไปนำนเท่ำไร
ขณะที ผูส้ มัครนัง่ คอยเจ้ำหน้ำที่เรี ยกตัวเข้ำสอบ ให้มองดูรอบๆ ตัวอำจได้ขอ้ มูลที่เกี่ยวข้องกับ
หน่วยงำนได้มำกขึ้น เช่น บรรยำกำศในกำรทำงำน ระเบียบวินยั กำรประชำสัมพันธ์ เป็ นต้น อย่ำ
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
199
คู่มือเตรี ยมสอบ

พยำยำมชวนเจ้ำหน้ำที่หรื อเลขำนุกำร หรื อใครต่อใครในสำนักงำนคุยนำนเกินไป เขำอำจไม่มี


เวลำว่ำงและรู ้สึกรำคำญ อย่ำตื้อสอบถำมเกี่ยวกับตัวผูส้ มั ภำษณ์ สิ่ งที่ผสู ้ มัครทำไปอำจถูกรำยงำน
ให้ผสู ้ ัมภำษณ์ทรำบ ควรสุ ภำพอ่อนน้อมต่อทุก ๆ คนที่พบ พนักงำนท่ำทำงใจดีที่เจอในลิฟท์และ
ช่วยกดลิฟท์ให้ท่ำนอำจเป็ นประธำนหน่วยงำน แทนที่จ ะเป็ นพนักงำนประจำลิฟท์กไ็ ด้

หำกผูส้ มัครสมัครงำนทำงจดหมำย ในวันนัดสัมภำษณ์ เจ้ำหน้ำที่อำจยืน่ ใบสมัครให้


กรอกใหม่ กรณี เช่นนี้ ถ้ำผูส้ มัครได้เตรี ยมสำระสำคัญที่ตอ้ งกรอกใบสมัครเอำไว้ก่อนล่วงหน้ำ
ตำมที่ได้ทำแบบฝึ กหัดเอำไว้แล้ว จะทำให้ผสู ้ มัครกรอกได้ง่ำยและไม่เสี ยเวลำ และเป็ นภำพที่ดีตวั
ผูส้ มัครเองด้วย
7. ภาษากายในการสอบสั มภาษณ์
ตอบ ภำษำกำยมีควำมสำคัญในกำรสอบสัมภำษณ์มำกในปัจจุบนั หลักสู ตรกำรฝึ กอบรมด้ำนกำร
บริ หำรและกำรสัมภำษณ์มกั บรรจุเนื้อหำเกี่ยวกับ "ภำษำกำย" และกำรแปลควำมหมำยเอำไว้ดว้ ย
ฉะนั้น
1. ผูเ้ ข้ำสอบสัมภำษณ์อย่ำพูด โกหก หรื อเสแสร้งใดๆ
2.ผูส้ ัมภำษณ์ตอ้ งกำรเห็นผูส้ มัครมีควำมเชื่อมัน่ เพรำะผูม้ ีควำมเชื่อ มัน่ ย่อมตอบคำถำม
และให้ขอ้ มูลแก่ผสู ้ มั ภำษณ์ดว้ ยกำรแสดงควำมคิดริ เริ่ มสร้ำงสรรค์และโต้ตอบปัญหำต่ำงๆ วิธีลด
ควำมตื่นเต้นและสร้ำงควำมเชื่อมัน่ คือหำควำมรู ้เกี่ยวกับคนในหน่วยงำนนั้นและซ้อมกำรถำม
ตอบสัมภำษณ์กบั เพือ่ นสนิท ถ้ำไม่สำมำรถหำเพื่อนมำช่วยได ํ้ ให้ใช้เทปอัดเสี ยงพูดของ
ผูส้ มัคร อย่ำหยุดแม้จะพูดได้ไม่ดี อย่ำลบเทปทิ้ง แล้วอัดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่ำ เพรำะฟังแล้วไม่
ชอบใจ แต่ให้ฟังเหมือนกับว่ำผูส้ มัครฟังเสี ยงใครอยูก่ ไ็ ม่รู้ ลองวิจำรณ์วำ่ เสี ยงน่ำสนใจและเชื่อได้
หรื อไม่ ให้ฝึกจนกว่ำจะพอใจ และไม่วำ่ จะฝึ กกับเพื่อน หรื อฝึ กกับเทป อย่ำใช้บทพูด คนเรำไม่
จำเป็ นต้องพูด เหมือนกันทุกครั้ง ทุกครั้งที่ท่ำนพยำยำมพูดเหมือนเดิมแต่ใช้คำพูดแตกต่ำงออกไป
จะทำให้ผสู ้ มัครเพิ่มควำมมัน่ ใจขึ้น
3. กำรแต่งกำยในวันสอบสัมภำษณ์ เสื้ อผ้ำที่ใช้แต่งในกำรเข้ำสัมภำษณ์ควรเป็ นชุดที่
สุ ภำพสะอำด ดูวำ่ ผูส้ มัครให้ควำมเอำใจใส่ต้ งั แต่หวั จรดเท้ำ ทั้งรู ปแบบและสี สันควรเข้ำกันได้กบั
วัฒนธรรมกำรแต่งกำยของพนักงำนในหน่วยงำนทีท่ำนเข้ำรับกำรคัดเลือก
4. ยกมอืไหว้ทกั ทำย ถ้ำผูส้ มั ภำษณ์จบั มือ ให้จบั อย่ำงกระชับอย่ำงจับนำนเกินไป ขณะจับ
มือให้มองหน้ำและยิม้ ให้ ก่อนอื่นผูส้ มัครต้องให้เวลำกับตัวเองที่จะทำให้ตวั ให้สบำย กำรมอง
รอบๆ ห้องจะทำให้รู้สึกผ่อนคลำยได้บำ้ ง สบตำกับผูส้ ัมภำษณ์หำยใจลึกๆ เว้นระยะ และ
เตรี ยมพร้อมที่จะฟังผูส้ ัมภำษณ์
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
200
คู่มือเตรี ยมสอบ

5. ท่ำทำงกำรนัง่ ในขณะสอบสัมภำษณ์ให้นง่ั สบำย ๆ ไม่ยนื่ ตัว ไม่ค้ ำโตะะ นัง่ มัน่ คง ก้น
ชิดหนัก วำงแขนไว้ขำ้ งลำตัว อย่ำนัง่ แบบพักผ่อน วำงศีรษะนิ่ง อย่ำหลบตำ แต่อย่ำถึงกับจ้องเขม็ง
ขณะผูส้ ัมภำษณ์พดู ให้มองผูพ้ ดู ขณะตอบ ให้กวำดสำยตำมองกรรมกำรสอบทุก ๆ คน
6. ขณะตอบให้สงั เกตว่ำผูส้ มั ภำษณ์สนใจฟังผูส้ มัครหรื อไม่ ถ้ำไม่ฟังให้เปลี่ยนจังหวะ
กำรพูด คำแนะนำให้ใช้โดยควำมระมัดระวั ง ถ้ำตอบไปแล้วผูส้ ัมภำษณ์มีท่ำทำงสงสัย ให้
พิจำรณำดูวำ่ ผูส้ มัครได้พดู อะะไรไป และเรี ยนถำมผูส้ ัมภำษณ์วำ่ ต้องกำรข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก

8. เทคนิคในการพูด
ตอบ 1. พูดช้ำๆอย่ำเอำมือป้องปำกขณะพูด
2. อย่ำกังวลกับกำรออกเสี ยงตะกุกตะกักของตัวเอง
3. ตอบง่ำยๆ อย่ำยำวมำก พูดเนื้อหำสำคัญๆ ควรอ้ำงข้อมูลที่ตนเองเคยประสบมำ
สนับสนุนคำตอบ
4. ในตอนแรกๆ ให้พดู ช้ำๆ ระมัดระวั ง จนกว่ำได้ผอ่ นคลำยเต็มที่แล้วจึงพูดจำโต้ตอบ
ไปตำมธรรมชำติ
5. พูดให้มีระดับเสี ยงสู งต่ำ เน้นควำมหนักเบำให้มีชีวิตชีวำ หรื อคอยสังเกตผูส้ ัมภำษณ์ถำ้
เขำมีที่ท่ำเห็นคล้อยตำม เช่น พยักหน้ำให้เปลี่ยนน้ ำเสี ยง เน้นควำมสนใจของเขำอีกครั้งหนึ่ง หรื อ
ไม่เช่นนั้นก็ให้เว้นระยะหนึ่งก่อนพูดต่อ
6. ใช้เวลำในกำรคิดหำคำตอบแต่อย่ำนำนจนกรรมกำรทนรอฟังไม่ได้จนต้องพูดแทรก
ขึ้น
7. อย่ำพูดเร็วผูส้ มั ภำษณ์จะเกิดควำมรำคำญ และเป็ นผลเสี ยต่อเรำเอง เพรำะกำรพูดเร็ว
ขำดกำรควบคุม อำจทำให้พดู เปิ ดเผยมำกกว่ำที่ต้ งั ใจพูด
8.ระมัดระวังในกำรพูด ถึงงำนอดิเรกหรื องำนพิเศษของผูส้ มัคร อย่ำให้ผฟู ้ ังเข้ำใจว่ำ
ผูส้ มัครสนใจงำนอดิเรก สนใจรำยได้พิเศษมำก จนอำจใช้เวลำทำงำนไปสนใจกับงำนเหล่ำนั้น จน
งำนในหน้ำที่ตอ้ งเสี ยหำย
9. ในกำรตอบคำถำมแต่ละครั้งควรมีควำมยำวอยูใ่ นระหว่ำง 20 วินำที ถึง 2 นำที

9. ก่อนทีจ่ ะสิ้นสุ ดการสอบสั มภาษณ์


ผูส้ มัครสำมำรถจะแสดงออกถึงควำมรู ้สึกบำงอย่ำงในขณะที่ ผูส้ อบสัมภำษณ์กำลังจะ
แสดงสัญญำณบำงอย่ำงออกมำ ที่มีควำมหมำยถึงกำรสิ้ นสุ ดกำรสอบสัมภำษณ์ได้แต่หำ้ มแสด
ควำมรู ้สึกในเชิงต่อต้ำนออกไป ผูส้ มัครจะต้องมีเทคนิคและควำมรู ้สึกที่ดีในกำรรู ้เวลำว่ำ กำสอบ
สัมภำษณ์ได้หมดเวลำลงแล้ว ผูส้ อบสัมภำษณ์อำจจะนัดหมำยกำหนดกำรสอบสัมภำษณ์อีกครัง
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
201
คู่มือเตรี ยมสอบ

หนึ่งก็ได้ หรื ออำจจะให้ขอ้ มูลว่ำขั้นตอนต่อจำกกำรสอบสัมภำษณ์ จะเป็ นขั้นตอนอย่ำงไรและ


ขั้นตอนต่อไปนั้น ผูส้ มัครจะต้องใช้เวลำนำนเท่ำไร

10. แนวคําถามและตอบในการสอบสั มภาษณ์


ตอบ ผูส้ มัครควรศึกษำแนวคำถำม และตอบอย่ำงคร่ ำวๆ ว่ำ คำถำมในกำรสอบสมั ภำษณ์จะเป็
นอย่ำงไรได้บำ้ ง และเมื่อเผชิญกับคำถำมประเภทนี้ จะต้องตอบในลักษณะใดจึงจะเหมำะสมและ
มีน้ ำหนักพอที่จะทำให้เรำมีควำมโดดเด่นกว่ำผูส้ มัครรำยอื่นๆ ได้
1. ชีวประวัติเบื้องต้ น
แนวถาม: บำงครั้งที่ผสู ้ ัมภำษณ์ถำมคำถำมเหล่ำนี้ ก็เพื่อตรวจสอบดูวำ่ ผูส้ มัครเป็ นอย่ำงไร
ในขณะที่มำในฐำนและโอกำสแตกต่ำงกัน เช่น ผูส้ มัครสองคนอำจสอบได้คะแนนดีท้ งั คู่ แต่
พื้นฐำนและโอกำสอำจจะมีไม่เท่ำกัน เป็ นต้นว่ำ คนแรกอำจจะมำจำกครอบครัวที่มี ฐำนะดี มี
ผูป้ กครองคอยช่วยเหลือ ถึงจะพลำดงำนนี้ ก็ไม่เดือดร้อนเรื่ องสถำนภำพทำงด้ำนกำรเงิน จึงอำจ
ไม่ค่อยกระตือรื อร้นแต่ในทำงกลับกัน ผูส้ มัครคนที่สองมำจำกครอบครัวที่ยำกจน และต้องคอย
ช่วยเหลือพ่อแม่ในกำรทำงำน แต่มีควำมตั้งใจจริ งและอยำกได้งำนทำเพรำะต้องกำรแบ่งเบำภำระ
ของบุพกำรี ในลักษณะเช่นนี้ ผูส้ ัมภำษณ์กอ็ ำจจะให้คะแนนผูส้ มัครคนที่สองมำกกว่ำ เพรำะมี
ควำมกระตือรื อร้นและตั้งใจจริ งมำกกว่ำ ถึงแม้จะเรี ยนดีดว้ ยกันทั้งคู่ แต่องค์ประกอบอื่น ๆ ก็
นับเป็ นตัวแปรที่สำคัญอีกด้วย
แนวตอบ: ควำมจริ งแล้วค ํำถำมประเภทนี้ เป็ นค ํำถำมประเภทตรงไปตรงมำ สำมำรถ
คำดกำรณ์
ล่วงหน้ำได้ และยังง่ำยต่ อกำรตอบอี ก ด้วย แต่ ผูส้ มัครบำงคนก็อำย ไม่ กล้ำที่ จะเปิ ดเผยพื้ น เพ
ครอบครัวของตนเอง เพรำะเกรงว่ำจะถูกหัวเรำะเยำะ ที่จริ งแล้วผูส้ มัครไม่ควรอำยที จะตอบ หรื อ
พยำยำมปกปิ ดข้อเท็จจริ งและที่สำคัญคือไม่ควรพูดเท็จและควรตอบตำมควำมเป็ นจริ ง
2. การศึกษาและการฝึ กงาน
แนวถาม: คำถำมลักษณะนี้จะมุ่งไปยังกำรหำข้อมูลเกี่ยวกับกำรเรี ยนและคะแนนที่ ผูส้ มัครได้รับ
โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ ในกรณี ที่ผสู ้ มัครไม่มีประสบกำรณ์กำรทำงำนมำก่อนเลย หรื อมีบำ้ งนิดหน่อยผู ้
สัมภำษณ์ก็จะเน้นไปยังจุดนี้ และนอกจำกนี้ ก็อำจจะรวมคำถำมเกี่ยวกับกิจกรรมนอกหลักสู ตร
เข้ำไว้ดว้ ย เช่น กำรเป็ นสมำชิกของชมรมต่ำงๆ ระหว่ำงเรี ยน ข้อมูลเหลำนี้ จะช่วยให้ผสู ้ ัมภำษณ์
ทำกำรประเมินผลกำรให้คะแนนได้ง่ำยขึ้น เพรำะพอจะมองออกว่ำผูส้ มัครเป็ นคนเช่นไร
แนวตอบ: ในทำนองเดียวกัน คำถำมเกี่ยวกับกำรศึกษำและกำรฝึ กงำนก็ง่ำยต่อกำรตอบเช่นกัน
นอกเสี ยจำกผูส้ มัครไม่ได้เตรี ยมกำรไว้ล่วงหน้ำ ในกรณี ที่ ผูส้ มัครทำคะแนนได้ไม่ดีผสู ้ ัมภำษณ์ก็
อำจจะถำมถึงสำเหตุที่ทำให้เขำได้คะแนนไม่ดี แต่ผสู ้ มัครก็ไม่ควรจะแก้ตวั ไปเสี ยทุกกรณี ไป ควร
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
202
คู่มือเตรี ยมสอบ

ยอมรับในจุดด้อยของตนเองบ้ำง เพรำะควำมจริ งแล้ว ผูส้ ัมภำษณ์ อำจไม่ตอ้ งกำรถำมลึกไปถึงเห


ตผุ ล ของกำรท ำคะแนนได้ดี ห รื อ ไม่ ดี แต่ ที่ ถ ำมเพรำะต้อ งกำรที่ จ ะทดสอบว่ ำ ผู ้ส มัค รมี
ควำมสำมำรถในกำรแสดงออกได้ดีแค่ไหนเพียงใดเมื่อต้องเผชิญกับคำถำมในลักษณะนี้
3. ประสบการณ์ ในการทํางาน
แนวถาม: ที่จริ งแล้วในจดหมำยสมัครงำน และประวัติยอ่ ก็จะให้รำยละเอียดเกี่ยวกับประวัติกำร
ทำงำนอยูแ่ ล้ว แต่ที่ตอ้ งถำมลึกลงไปอีก ก็เพือ่ ดูรำยละเอียดอื่นๆ เป็ นต้นว่ำ ควำมสำมำรถในกำร
ทำงำนเป็ นอย่ำงไร กำรทำตัวเข้ำกับเพื่อนร่ วมงำนเป็ นอย่ำงไร และทำไมจึงออกจำกงำนที่วำ่ นี้
นอกจำกนี้ ก็เพื่อเป็ นกำรทดสอบดูวำ่ ผูส้ มัครจะตอบคำถำมตรงกับข้อมูลที่ให้ไว้ก่อนหน้ำนี้ใน
จดหมำยสมัครงำนและประวัติยอ่ หรื อไม่ งำนประเภทใดที่เหมำะสมกับผูส้ มัครนี้ ถึงแมว่ำคำถำม
นี้อำจจะใช้ไม่ได้กบั นักศึกษำจบใหม่ๆ แต่บำงรำยก็ปีระสบกำรณ์ในกำรทำงำนนอกเวลำมำก่อนก็
มี แต่กจ็ ะถำมได้ไม่ละเอียดเหมือนกับผูท้ ี่เคยทำงำนเต็มเวลำก่อนอยูด่ ีนนั่ เอง
แนวตอบ: คำตอบที่ควรเตรี ยมไว้ล่วงหน้ำเกี่ยวกับประสบกำรณ์ในกำรทำงำน ก็คือ
- เหตผุลที่ออกจำกงำนเก่ำ
- ทำไมจึงต้องกำรทำงำนที่น้ ี
- เคยทำงำนอะไรในตำแหน่งใดเป็ นงำนทีม มีส่วนช่วยส่ งเสริ มงำนที่สมัครนี้หรื อไม่
- เคยประสบควำมสำเร็ จในกำรทำงำนประเภทใดมำก่อนบ้ำงหรื อไม่
- เคยมีปัญหำอะไรบ้ำงและแก้ไขปัญหำนั้นอย่ำงไร
- เข้ำกับเพื่อนร่ วมงำนได้ดีหรื อไม่เพียงใด
สำหรับสองข้อแรก ก็อำจจะตอบได้ว่ำ เพื่อต้องกำรเพิ่มประสบกำรณ์ หำควำมก้ำวหน้ำ
หรื องำนที่มี ควำมรับผิดชอบมำกขึ้น หรื อไม่กห็ น่วยงำนที่สมัครนี้ มีชื่อเสี ยง หรื อให้สวัสดิกำรดี
4. สิ่ งกระตุ้นและแรงดลใจ
แนวถาม: ผูส้ ัมภำษณ์อำจต้องกำรทรำบสิ่ งกระตุน้ ใจ และควำมกระตือรื อร้นของผูส้ มัครว่ำสนใจ
งำนประเภทใดเป็ นพิเศษ ซึ่งก็อำจจะถำมคำถำมประเภท เช่น ทำไมเลือกสมัครตำแหน่งนี้ คำถำม
ลักษณะนี้ ผูส้ ัมภำษณ์สำมำรถตรวจสอบได้วำ่ ผูส้ มัครมีควำมทะเยอทะยำนสู งหรื อต่ำ เป็ นไปได้
หรื อไม่หรื อเป็ นแค่เพียงควำมฝันเท่ำนั้น
แนวตอบ: ผูส้ มัครควรรู ้ตวั เองว่ำ เรำต้องกำรทำอะไรในขณะนี้ มีแผนกำรอะไรบ้ำง
มีแผนกำรอะไร ไม่ควรตอบว่ำ ยังไม่มีแผนกำรที่แน่นอน เพรำะจะทำให้ดูเหมือนว่ำ เป็ นคนหลัก
ลอยและไม่สำมำรถรับผิดชอบตัวเองได ํ้ควรแสดงควำมกระตือรื อร้นและควำมทะเยอทะยำน
แต่พอดีไม่มำกหรื อน้อยเกินไป และผูส้ มัครไม่ควรแสดงออกถึงควำมเป็ นผูม้ ีควำมทะเยอทะยำน
จนเกินไป เพรำะจะทำให้พลำดโอกำสได้ ที่ เป็ นเช่นนี้ ก็เพรำะว่ำผูส้ ัมภำษณ์ อำจมองว่ำผูส้ มัครมี
ควำมทะเยอทะยำนมำก อำจไม่ค่อยจะพอใจกับอะไรได้ง่ำยๆ และอำจจะอยู่ทำงำนได้ไม่นำนก็
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
203
คู่มือเตรี ยมสอบ

ออกไปหำงำนใหม่ทำซึ งจะทำให้หน่วยงำนเสี ยเงินและเสี ยเวลำในกำรคัดเลือกผูส้ มัครประเภทนี้


ไปโดยเปล่ำประโยชน์ ค ํำถำมว่ำ “ถ้ำคุณต้องไปทำงำนต่ำงจังหวัดคุณจะไปได้หรื อไม่ ” ก็
ไม่ควรด่วนตัดสิ นใจปฏิเสธควรคิดให้รอบคอบเสี ยก่อนหรื อถ้ำไม่มีปัญหำอะไร ก็ควรแสดงให้
เห็นว่ำ เรำมีควำมต้องกำรทำงำนนี้ จริ งๆ แต่ท้ งั นี้ ผูส้ มัครก็ควรเตรี ยมให้พร้อมว่ำสำมำรถปฏิบตั ิ
ตำมนั้นได้หรื อไม่
5. ความสนใจยามว่ างและงานอดิเรก
แนวถาม: คำถำมเกี่ยวกับเรื่ องนี้ส่วนใหญ่จะเป็ นคำถำมแบบกว้ำง ๆ เช่น ใช้เวลำว่ำงทำอะไรบ้ำง
หรื อมีงำนอดิเรกบ้ำงหรื อไม่ คำถำมประเภทนี้ จะช่วยให้ผสู ้ มั ภำษณ์ทรำบได้วำ่ ผูส้ มัครมี
ควำมสำมำรถในกำรแสดงออกอย่ำงไร มีควำมชัดเจนเพียงพอหรื อไม่ ทั้งยังเป็ นกำรตรวจสอบดู
ว่ำงำนอดิเรกของผูส้ มัครมีผลดีต่องำนที่สมัครนั้นอย่ำงไร
แนวตอบ: ในกำรตอบคำถำมเกี่ยวกับควำมสนใจยำมว่ำงระวังอย่ำพูดเท็จ แล้วก็อย่ำตอบเพียงเพื่อ
เอำใจ ผูส้ ัมภำษณ์เป็ นอันขำด ถ้ำจะบอกว่ำงำนอดิเรกของเรำคืออะไรแล้ว ก็ตอ้ งมีควำม
มัน่ ใจว่ำเรำทำในสิ่ งนั้นบ่อย ๆ จนเป็ นนิ สัย และสำมำรถพดูคุยให้รำยละเอียดเกี่ยวกับงำนอดิเรก
ประเภทนั้นได้เป็ นอย่ำงดีเพรำะมิฉะนั้น จะทำให้เรำเสี ยเครดิ ต ซึ่ งอำจจะมีผลทำให้ผูส้ ัมภำษณ์
หมดควำมเชื่อถือในตัวเรำเกือบทุกๆ เรื่ องที่เรำตอบไปแล้วก็ได้

6. ความชํานาญพิเศษ
แนวถาม: งำนประเภทที่ตอ้ งอำศัยควำมชำนำญพิเศษ เช่น ทำงด้ำนวิทยำศำสตร์หรื องำนประเภท
วิชำชีพ
ต่ำง ๆ ซึ่งในกำรทดสอบผูส้ มัครนั้น นอกจำกจะให้ผสู ้ มัครทำข้อสอบข้อเขียนแล้ว ผูส้ ัมภำษณ์
อำจจะต้องกำรรำยละเอียดเพิ่มเติม โดยเรี ยกเข้ำรับกำรสอบสัมภำษณ์สักครั้งหนึ่ง ก่อนตัดสิ นใจ
ผูใ้ ดผูห้ นึ่ งเข้ำทำงำน และกำรให้มีกำรสอบสัมภำษณ์ดว้ ยนี้ ยังจะสำมำรถทดสอบได้วำ่ ผูส้ มัครมี
ควำมฉับไวในกำรตอบข้อซักถำมได้ดีเพียงใด โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ ในช่วงเวลำ เร่ งด่วนจะแก้
สถำนกำรณ์เฉพำะหน้ำได้ดีเพียงใดเป็ นต้น
แนวตอบ: ควรติดตำมข่ำว และควำมเคลื่อนไหวในเหตุกำรณ์รอบๆ ตัวเรำ โดยผ่ำนสื่ อต่ำง ๆ เช่น
โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสื อพิมพ์ หรื อนิตยสำรต่ำงๆ โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ ควำมเคลื่อนไหวและ
กิจกำรของหน่วยงำนหรื อหน่วยงำนที่เรำต้องกำรสมัครเข้ำทำงำนนั้น ให้มำกที่สุดเท่ำที่จะมำกได้

http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน


204
คู่มือเตรี ยมสอบ

7. สุ ขภาพ
แนวถาม: โดยมำกเกี่ยวกับเรื่ องสุ ขภำพนี้ ผูส้ ัมภำษณ์สำมำรถดูได้จำกใบรับรองแพทย์ที่แนบมำ
ด้วย แต่บำงครั้งที ต้องถำมเกี่ยวกับเรื่ องสุ ขภำพอีก ก็เพรำะว่ำงำนบำงอย่ำงก็ตอ้ งกำรทรำบ
รำยละเอียดเกี่ยวกับสุ ขภำพเป็ นพิเศษ
แนวตอบ: เกี่ ยวกับเรื่ องสุ ขภำพนี้ ก็คงไม่ตอ้ งเตรี ยมตัวอะไรมำกเพียงแต่ตอบไปตำมควำมจริ ง
และควรพิจำรณำดูว่ำสุ ขภำพของเรำเป็ นอย่ำงไร เป็ นอุปสรรคต่องำนที่จะทำหรื อเปล่ำ และงำน
นั้นระบุคุณสมบัติของผูส้ มัครไว้อย่ำงไรควำมจริ งแล้วเรำไม่สำมำรถเดำใจผูส้ ัมภำษณ์ได้ท้ งั หมด
ว่ำเขำจะถำมเรำอย่ำงไร เพรำะเขำมี สิ ท ธิ เลื อ กถำมได้ท ั่ว ไป ผูส้ มัค รได้แ ต่ เพี ย งเตรี ย มตัว ไว้
ล่วงหน้ำสำหรับถำมหลักเท่ำนั้น ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือผูส้ มัครไม่ควรแสดงอำกำรตื่นเต้น เมื่อเจอ
คำถำมทีไม่ได้คำดกำรณ์ไว้ล่วงหน้ำควรอยู่ในอำกำรสงบและตั้งใจตอบคำถำมให้ดีที่สุดเท่ำที่จ
ะทำได้ถำ้ ไม่เข้ำใจคำถำม ก็อย่ำพยำยำมดันทุรังตอบ เมื่อไม่เข้ำใจก็ควรบอกผูส้ ัมภำษณ์
ตำมตรงว่ำ“ดิ ฉัน /ผมไม่ ค่อยจะเข้ำใจควำมหมำย” หรื อ “ดิ ฉัน /ผมไม่ ค่อยจะแน่ ใจว่ำดิ ฉัน จะ
เข้ำใจค ํำถำม” และขอควำมกรุ ณำให้ถำมหรื ออธิบำยอีกครั้ง

11. ข้ อแนะนําอื่น ๆ ในการสอบสั มภาษณ์

ตอบ 1. ไม่ควรพูดในควำมหมำยที่วำ่ ไม่ได้ต้ งั ใจมำสมัครงำน เช่น ถูกพี่สำวบังคับให้มำ เพำระ


ไม่อยำกขัดใจแม่เพื่อนชวนก็เลยลองมำสมัครดูถึงแม้วำ่ จะเป็ นกำรพูดคุยในระหว่ำงเพื่อน ฝูงที
พบกันโดยบังเอิญที่หน่วยงำนก็ตำม ถ้ำฝ่ ำยบุคคลปะปนอยูใ่ นขณะนั้นได้ยนิ เข้ำก็จะเป็ นผลเสี ย
สำหรับคุณอย่ำงยิง่
2. ถ้ำฝ่ ำยบุคคลถำมว่ำคุณต้องกำรทำงำนอะไรอย่ำตอบว่ำ งำนอะไรก็ได้หน่วยงำนไหนก็
ได้กำรตอบแบบนั้นเป็ นกำรตอบที่เลื่อนลอยไม่มีเป้ำหมำยในกำรทำงำน
3. อย่ำพูดว่ำต้องกำรมำทำงำนในระยะเวลำอันสั้น ๆ เท่ำนั้น
4. อย่ำเส้นตื้น หัวเรำะในสิ่ งที ไม่ควรหัวเรำะเพรำะคุณกำลังอยูใ่ นระหว่ำงกำรสัมภำษณ์
จึงควรควบคุมอำรมณ์ให้อยูใ่ นอำกำรสำรวมพอสมควร
5. อย่ำเคร่ งขรึ ม หน้ำนิ้วคิ้วขมวดในระหว่ำงสัมภำษณ์ซ่ ึงมีผลทำให้เสี ยบรรยำกำศในกำร
สัมภำษณ์
6. อย่ำโอ้อวดว่ำรู ้จกั มักคุน้ กับผูบ้ ริ หำรระดับสู งของ
7. อย่ำพูดว่ำต้องไปปรึ กษำผูป้ กครองก่อน กำรกล่ำวเช่นนั้นแสดงว่ำคุณยังไม่มีควำมกล้ำ
ในกำรตัดสิ นใจด้วยตนเอง

http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน


205
คู่มือเตรี ยมสอบ

8. อย่ำใช้อำรมณ์หรื อแสดงอำรมณ์รุนแรงในขณะสัมภำษณ์
9. อย่ำแก้ตวั ปิ ดบังหรื อหลีกเลี่ยงในกรณี ที่ กรรมกำรสัมภำษณ์รู้เรื่ องรำวของคุณแล้ว
หรื อมี
หลักฐำนอ้ำงอิงได้คุณควรรับควำมจริ ง
10. อย่ำเล่ำเรื่ องที ไม่ประสบควำมสำเร็ จ หรื อควำมทกุข์
11. ไม่ควรพูดจำในลักษณะที่สอดหรื อแทรกในขณะผูส้ มั ภำษณ์กำลังพูดแต่ควรพยำยำม
ใช้ควำมสังเกตศึกษำสิ่ งที่ ผูส้ มั ภำษณ์สนใจ
12. ไม่ควรพูดจำอ้อมค้อม หรื อนอกประเด็น โดยเฉพำะในเรื่ องซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ
ตำแหน่งงำนที่สมัคร
13. กำรพูดจำฉะฉำน ชัดเจน และง่ำยแก่กำรเข้ำใจ ทั้งนี้ ต้องไม่ดงั หรื อค่อยจนเกินไป
กำรสอบสัมภำษณ์น้ นั ไม่มีหลักเกณฑ์แน่นอนตำยตัวเพรำะผลลัพธ์ที่ออกมำ ขึ้นอยูก่ บั
ควำมคิดแห็น และกำรตัดสิ นใจของผูส้ มั ภำษณ์แต่ละคน ดังนั้นผูส้ มัครจำเป็ นจะต้องมีควำม
อดทนและพร้อมมทีจะยอมรับควำมผิดหวังใด ๆ ที่อำจจะเกิดขึ้น ดังนั้น ควรจะได้หนั มำพิจำรณำ
ศึกษำข้อบกพร่ อง ซึ่งอำจเกิดขึ้นในครั้งก่อน ๆ เพื่อเป็ นแนวทำงในกำรปรับปรุ งตัวเอง เพื่อกำรเข้ำ
สอบสัมภำษณ์ในครำวต่อไปให้ได้ผลดียงิ่ ขึ้น

12. เคล็ดลับสู่ ความสํ าเร็จในการสั มภาษณ์ (โดยสรุป)


ตอบ 1. ตรงต่อเวลำ หรื อควรไปถึงสถำนที่นดั หมำยก่อนเวลำนัดจริ งประมำณ 30 นำที ถึง 1
ชัว่ โมง
2. แต่งกำยให้สะอำดสุ ภำพ สมฐำนำนุรูปและถูกกำลเทศะ
3. วำงตัวสุภำพเรี ยบร้อยเป็ นธรรมชำติ
4. ก่อนเข้ำห้องสัมภำษณ์ควรเคำะประตูก่อนแล้วขออนุญำตเข้ำไป เมือ พบหน้ำผู ้
สัมภำษณ์
ควรยกมือไหว้ทกั ทำยกล่ำวคำสวัสดีครับหรื อสวัสดีค่ะ โดยไม่ตอ้ งทรำบก่อนว่ำผูส้ มั ภำษณ์น้ นั จะ
อ่อนหรื อแก่กว่ำเรำหรื อไม่ และจะนัง่ ได้กต็ ่อเมื่อผูส้ ัมภำษณ์กล่ำวเชิญแล้วเท่ำนั้น หลังจำกนั้นควร
แนะนำ
ตัวเองว่ำ ชื่ออะไร เพื่อเป็ นกำรสร้ำงบรรยำกำศที่เป็ นกันเอง
5. ตั้งใจฟังคำถำมหรื อข้อซักถำมอย่ำงระมัดระวั งแตไม่ตอ้ งเกร็ ง
6. หยุดคิดสักครู่ ก่อนตอบคำถำม (เมื่อมัน่ ใจว่ำเข้ำใจคำถำมอย่ำงแท้จริ ง) และต้องตอบ
ให้ชดั เจนที่สุด
7. ยกเว้นกำรพูดโจมตีหรื อพำดพิงบุคคลที่สำม
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
206
คู่มือเตรี ยมสอบ

8. ควรควบคุมอำรมณ์ตนเอง พยำยำมอดกลั้นไม่ควรแสดงกิริยำโต้ตอบ
9.สบตำพูดกับผูส้ มั ภำษณ์ เพรำะกำรก้มหน้ำพูดคล้ำยเป็ นกำรซ่อนเร้นอะไรบำงอย่ำง
และแสดงถึงควำมเป็ นคนไม่เปิ ดเผยจริ งใจ
10.เมื่อกำรสัมภษณ์สร็ จสิ้ น ผูส้ มั ภำษณ์อำจจะให้กล่ำวอะไรบำงอย่ำงที่จะเป็ นประโยชน์
กับผูส้ มัครเองสิ่ งที่ควรจะกล่ำวคือผูส้ มัครมีควำมตั้งใจที่จะมำทำงำนกับหน่วยงำน หรื อหน่วยงำน
แห่งนี้ อย่ำงไร

ครับก็อย่ำงที่พดู ไว้ ในตอนที่แล้วว่ำ ในตอนนี้เรำจะได้พดู ถึงเรื่ องกำรสอบสัมภำษณ์งำน แต่ก่อนอื่นเรำก็


ต้องทรำบควำมหมำยและวิธีกำรเสี ยก่อนดังนี้ครับ
กำรสอบสัมภำษณ์งำน (Job Interview) กระบวนกำรสุ ดท้ำย ของกำรสมัครงำน ก็คือ กำรสอบสัมภำษณ์
หรื อ "interview" ดังนั้น จึงอำจกล่ำว ได้วำ่ กำรสอบสัมภำษณ์ ถือเป็ นกุญแจสำคัญ ในอันที่จะก้ำวไปสู่
ควำมสำเร็ จ ของกำรสมัครงำน และในที่น้ ีผเู ้ ขียนได้รวบรวมคำถำมและคำตอบ ที่พบเห็นอยูบ่ ่อยๆ ตำม
สำกลนิยม และครอบคลุมหน่วยงำนทุกสำขำวิชำ ซึ่งโดยมำกก็จะยึดคำถำม และคำตอบเหล่ำนี้เป็ นหลัก
แทบทั้งสิ้ น
คํานิยามของคําว่ า "สั มภาษณ์ " (Definition of interview)

คำว่ำ "interview" สื บควำมหมำยมำจำก คำว่ำ "sight between" หรื อ "view between" ดังนั้นคำว่ำ
"interview" จึงมีควำมหมำยว่ำ กำรพบกันระหว่ำงบุคคล 2 คน (หรื ออำจมำกกว่ำนี้ ในกรณี สมั ภำษณ์หมู่)
กล่ำวคือระหว่ำงผูส้ มั ภำษณ์ (interviewer) และผูถ้ ูกสัมภำษณ์ (intervicwee) เพื่อเรี ยนรู ้ และแลกเปลี่ยน
ควำมคิดเห็นซึ่งกันและกัน อันจะเป็ นประโยชน์แก่ท้ งั ผูร้ ับ (employer)และผูส้ มัคร (candidate) หรื อ (job
applicant)
จุดมุ่งหมำยของกำรสัมภำษณ์งำน (Purpose of the job interview) ถ้ำผูส้ มัครต้องกำรสอบสัมภำษณ์ให้ได้ดี
ก็จำเป็ นที่จะต้องเข้ำใจ จุดมุ่งหมำยของกำรสอบสัมภำษณ์ อย่ำคิดแต่เพียงว่ำกำรสอบสัมภำษณ์ คือกำรที่
เรำต้องไปนัง่ ตอบคำถำมยำกๆ ที่เกี่ยวกับตัวเรำเองเท่ำนั้น ในทำงตรงกันข้ำม เรำควรคิดว่ำกำรสอบ
สัมภำษณ์ ก็คือกำรที่เรำได้มีโอกำสได้แลกเปลี่ยน ข้อมูลที่เป็ นประโยชน์ แก่ผทู ้ ี่อำจจะเป็ นเจ้ำนำยของเรำ
ในอนำคต
กล่ำวง่ำยๆ กำรสอบสัมภำษณ์งำน ก็คือกำรที่เรำได้มีโอกำสพูดคุย เพือ่ โฆษณำขำยตัวเองให้หน่วยงำน (To
sell yourself to the company) นัน่ เอง และที่สำคัญ กำรสอบสัมภำษณ์มีประโยชน์ดงั นี้ คือ

1. เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ และควำมเหมำะสมกับงำนของผูส้ มัคร


(To judge the applicant's qualifications and suitability for the job.)
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
207
คู่มือเตรี ยมสอบ

2. เพื่อให้ขอ้ มูลแก่ผสู ้ มัคร ซึ่งจะเป็ นประโยชน์ ต่อกำรตัดสิ นใจของเขำ ก่อนกำรรับข้อเสนอเข้ำทำงำน


(To provide the applicant with the information he needs to decide about the job.)

3. เพื่อทดสอบดูวำ่ ท่ำนมีควำมสนใจงำน ที่สมัครจริ งหรื อไม่ และนโยบำยของหน่วยงำน พร้อมทั้งโอกำส


ที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง เป็ นที่สนใจของท่ำนจริ งหรื อไม่
(To find out if you will like the job you are applied for, whether the company's policies and prospects for
promotion re attractive ehough for you to want the job.)

เคล็ดลับ "สั มภาษณ์งาน"

กำรสัมภำษณ์งำน ไม่ต่ำงอะไร กับกำรปี นเขำนัก เพรำะถ้ำพลำดพลั้ง ขึ้นมำเมื่อใด หมำยถึงหำยนะเมื่อนั้น


ถ้ำปรำศจำกกำรเตรี ยมตัวที่ดี กำลังปี นๆ อยูก่ อ็ ำจร่ วงหล่นลงมำได้ง่ำยๆ ต่อไปนี้ คือ เกร็ ดกำรเตรี ยมตัว
สำหรับกำรสัมภำษณ์งำน ที่คุณอำจมองข้ำมไป
1. "ทําการบ้ าน" มาก่อน
พนักงำนหน่วยงำนใหญ่รำยหนึ่ง เล่ำให้ฟังว่ำเขำ ถูกเรี ยกไปสัมภำษณ์งำน ก็เพรำะหน่วยงำนประทับใจ ที่
เขำโทรไปสอบถำมข้อมูล ของหน่วยงำนก่อน กำรสัมภำษณ์ และเขำเป็ น เพียงคนเดียว ที่ทำเช่นนั้น และ
เขำก็ได้งำนในที่สุด
กำรทำกำรค้นคว้ำ หำข้อมูลอย่ำงเปิ ดเผย จะช่วยคุณได้มำก ในกำรสัมภำษณ์ เพรำะเป็ นสิ่ งที่ยนื ยันได้วำ่
คุณมีควำมสนใจ ในหน่วยงำน หรื อตำแหน่งนั้นๆ และสำมำรถทำให้คุณ เป็ นผูส้ มัครที่มีคุณสมบัติ ครบ
ด้วยข้อมูลพื้นฐำน ที่คุณเตรี ยมไว้ คุณจะสำมำรถ ทำให้ประสบกำรณ์ และทักษะของคุณ มำบรรจบ กับสิ่ ง
ที่คุณรู ้วำ่ นำยจ้ำงต้องกำร
ในกำรเตรี ยมตัว เพื่อสัมภำษณ์งำน คุณควรใช้ประโยชน์ จำกห้องสมุดร้ำนหนังสื อ งำนบริ กำรนักศึกษำที่
มหำวิทยำลัย และอินเทอร์เน็ต ให้เป็ นประโยชน์ เพรำะแหล่งข้อมูล เหล่ำนี้จะเป็ นวิธีที่ดี ที่จะทำให้คุณ
ได้มำ ซึ่งข้อมูล ของหน่วยงำน ไม่วำ่ จะเป็ นเวบไซต์ของหน่วยงำน หรื อจำกงำนวิจยั ของบุคคลอื่น

2. "โชว์ ให้ ดูแล้วเล่าให้ ฟัง"


"show-and-tell" หรื อ "โชว์ให้ดูแล้วเล่ำให้ฟัง" เป็ นเทคนิคประกำรหนึ่ง ที่สำมำรถหยิบมำใช้ ในกำร
สัมภำษณ์งำนได้ ทั้งนี้ เพรำะกำรแสดง ให้เห็นตัวอย่ำงของทักษะ ที่คุณมีจะได้ผลดีกว่ำ กำรพูดคุยอย่ำง
เดียว
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
208
คู่มือเตรี ยมสอบ

วิธีกำร "show-and-tell" ก็เช่นกำรนำเสนอรำยงำน กำรทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ กำรวิเครำะห์ทำนำยผล


และหนังสื อรับรอง หรื อประกำศนียบัตร และถ้ำคุณไม่ได้อยูใ่ นตำแหน่ง ที่จะสำมำรถโชว์ "พอร์ทโฟลิโอ"
ของคุณได้ คุณควรนำเอำประสบกำรณ์ที่ "จับต้องได้จริ ง" มำแสดงให้เห็น มีนำยจ้ำงจำนวนมำก ที่ใช้
เทคนิคกำร "สัมภำษณ์โดยดูควำมประพฤติ" พวกเขำเชื่อว่ำพฤติกรรม ที่ผำ่ นมำจะเป็ นตัวบ่งชี้พฤติกรรม
ในอนำคต ดังนั้น ถ้ำคุณถูกถำม เกี่ยวกับทักษะทัว่ ไป จงยกตัวอย่ำง ที่เฉพำะเจำะจง ซึ่งจะช่วยให้คุณ
ได้เปรี ยบ จำกผูส้ ัมภำษณ์คนอื่น

3. ฝึ กฝน! ฝึ กฝน! ฝึ กฝน! น่ าแปลกใจทีผ่ ู้สอบสั มภาษณ์ จํานวนมากชอบ "ด้ นกลอนสด" ทั้งทีก่ ารไม่
ฝึ กฝน จะทำให้คุณรู ้สึกเหมือน นักปี นเขำมือเปล่ำ ที่ไม่มีเชือกไว้ป้องกัน กำรพลัดตก กำรเตรี ยมคำตอบไว้
ทำให้คุณได้เปรี ยบ เพรำะคุณสำมำรถทดลอง หำประโยค และคำที่เหมำะสม ในขณะที่พดู ออกไปดังๆ
และกำรเตรี ยมคำตอบ ที่เป็ นไปได้ ไว้ให้พร้อมจะช่วย ลดควำมตื่นเต้น และถ้อยคำที่ "สัน่ " และรัวเร็ วได้
คำและวลีอย่ำงเช่น "แบบว่ำ" "มันเป็ นอะไรที่" และ "ประมำณนั้น" จะหำยไป คำที่พดู เวลำนึกอะไร ไม่
ออกอย่ำง "เอ่อ" และ "อ่ำ" ก็จะหำยไปด้วยเช่นกัน และควรฝึ กฝน จังหวะกำรหยุดด้วย เพรำะจะช่วยให้คุณ
แก้ปัญหำเหล่ำนี้ได้

4. เอาตัวคุณเองเป็ นกรณีศึกษา
ทำไมคุณถึงควรได้งำนนี้? คุณเป็ นคนที่ดีที่สุด สำหรับงำนนี้ นัน่ คือเหตุผล!! คุณต้องเชื่อว่ำคุณเป็ นคนที่ดี
ที่สุด สำหรับงำนนี้ หรื อคุณไม่สำมำรถเชื่อมัน่ คนอื่นได้มำกกว่ำนี้ ก็จริ งล่ะ ที่วำ่ คุณอำจไม่มีประสบกำรณ์
ที่จำเป็ นนั้นซะทั้งหมด แต่คุณก็ได้เข้ำสัมภำษณ์แล้วไม่ใช่หรื อ?
หลังจำกคุณได้สำธยำย ทักษะเฉพำะด้ำนของคุณ ในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์ บทสรุ ปของประเภท และลำดับ
ขั้นของทักษะ และประสบกำรณ์จะทำให้ เป็ นที่พอใจมำกชึ้นไปอีก
"คุณสมชำย ตลอดระยะเวลำ 10 ปี ของประสบกำรณ์ ทำงวิชำชีพของผม ผมได้แสดงให้เห็นถึงควำมเป็ น
ผูน้ ำ ควำมสำมำรถเฉพำะด้ำน และกำรพัฒนำลูกค้ำ ซึ่งผมเชื่อว่ำ คุณกำลังหำคนที่เหมำะสมอยู่ คุณจะรับ
ผมไว้ทำงำนได้ไหมครับ ผมจะพยำยำม และฝ่ ำฟันจนกลำยเป็ น สมำชิกที่มีค่ำคนหนึ่ง ของหน่วยงำน
ครับ"
กำร "ปี น" เพื่อไปให้ถึงจุดสู งสุ ดนั้น ไม่จำเป็ นต้องพยำยำมอยูค่ นเดียว อย่ำงโดดเดี่ยว ควรหำควำม
ช่วยเหลือ จำกคนที่คุณเห็นว่ำ ให้คำแนะนำได้ดีที่สุด ไม่วำ่ จะเป็ น ที่ปรึ กษำผูด้ ูแล อำจำรย์ครู ฝึกอำชีพ หรื อ
เพือ่ นร่ วมงำน พวกเขำจะมีควำมสุ ข ที่คุณมองเขำเป็ น "ทรัพยำกรที่มีค่ำ" ด้วยสิ่ งที่จำเป็ น เช่น กำรฝึ กซ้อม
กำรวิจยั กำร "โชว์แล้วเล่ำ" และควำมมัน่ ใจ แล้วกำรสัมภำษณ์ ก็จะไม่ทำให้คุณ กลัวเหมือนที่ผำ่ นมำ

http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน


209
คู่มือเตรี ยมสอบ

วิธีเอาตัวรอดจาก 9 คําถามสั มภาษณ์งาน


บ่อยครั้ง "คำถำม" ในกำรสัมภำษณ์ ก่อนรับเข้ำทำงำน สร้ำงควำมตื่นเต้น จนหนุ่มสำวออฟฟิ ศ หลำยคน
สอบตก
"กำรสัมภำษณ์งำน" ช่วยให้หน่วยงำนผูจ้ ำ้ ง รู ้จกั พนักงำนใหม่ ที่จะรับเข้ำมำร่ วมงำน ทั้งในด้ำนวิชำควำมรู ้
ทัศนคติ ไปจนถึงลักษณะนิสยั ส่ วนตัว
ลองอ่ำนคำถำมทั้ง 9 ข้อต่อไปนี้ พร้อมคำตอบ ที่มีไว้ให้ คุณรู ้สึกอย่ำงไร กับคำตอบเหล่ำนั้น

1. เล่ำเรื่ องเกี่ยวกับตัวคุณ ให้พวกเรำฟังหน่อย? • "ผมมีประสบกำรณ์ ครอบคลุมด้ำนพัฒนำ กลยุทธ์ทำง


กำรตลำดอย่ำงกว้ำงขวำง รวมทั้งตรวจสอบกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่"
• "ผมก็เป็ นเหมือนกับมนุษย์ทวั่ ไป ที่เขำเป็ นกันนัน่ แหละครับ"
• "ผมเป็ นแบทแมน!"

2. อะไรคือข้อเสี ยที่สุดในตัวคุณ
• "ผมเป็ นคนค่อนข้ำงนิยมชมชอบ ควำมสมบูรณ์แบบ และมีควำมภำคภูมิใจในหน้ำที่กำรงำน ที่ตอ้ ง
รับผิดชอบอย่ำงมำก"
• "ผมอยูน่ ่ิงไม่เป็ น ซนเหมือนลูกม้ำยังไงยังงั้น"

3. เพรำะเหตุใดคุณจึงตัดสิ นใจ ลำออกจำกงำนที่ทำอยูเ่ ดิม • "ควำมสำมำรถของผม มีมำกกว่ำตำแหน่งเดิม


ที่หน่วยงำนเสนอให้"
• "ผมมีปัญหำเล็กน้อยเกี่ยวกับข้อตกลงเรื่ องกำรว่ำจ้ำง"
• "นโยบำยกำรล้ำงมือที่นน่ั เข้มงวดเกินไป"
• "เพื่อนร่ วมงำนที่นน่ั ถำมนู่นถำมนี่มำกเกินไป"
• "เดำได้เลย.....ว่ำคุณไม่ได้อ่ำนหนังสื อพิมพ์"

4. ถ้ำคุณกับเจ้ำนำยเกิดควำมตึงเครี ยด เรื่ องกำรทำงำนระหว่ำงกัน คุณจะจัดกำรอย่ำงไร • "ผมเชื่อว่ำ กำร


สื่ อสำรอย่ำงตรงไปตรงมำ จะช่วยคลี่คลำยได้ทุกปัญหำ"
• "ผมจะใช้นโยบำยควำมสัมพันธ์ส่วนตัวเข้ำช่วย"

5. คุณต้องกำรเงินเดือนเป็ นค่ำตอบแทนเท่ำใด
• "ควรจะเทียบเคียงได้กบั อัตรำทัว่ ไปในปัจจุบนั "
• "ผมไม่ทรำบ แล้วเท่ำไหร่ ล่ะ ที่คุณตัดสิ นใจมำทำงำนให้กบั ที่นี่"
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
210
คู่มือเตรี ยมสอบ

6. คุณเคยทำงำนให้กบั ระดับผูจ้ ดั กำร ที่ยำกในกำรทำงำนด้วย หรื อไม่ • "โดยทัว่ ไป ผมมีลกั ษณะนิสยั ที่เข้ำ
กับคนอื่นๆ ได้ดี"
• "ก็เคยอยูบ่ ำ้ ง แต่รับรองได้ คุณจะไม่ได้ยนิ ข่ำวครำวจำกเขำแน่นอน"

7. คุณจะเสนอขำย "ที่เย็บกระดำษ" ตัวนี้ ให้กบั ลูกค้ำอย่ำงไร


• "ควรจะรวบรวมกำรวิจยั ทำงกำรตลำดให้มำกๆ ก่อนเป็ นอันดับแรก"
• "ยืน่ ข้อเสนอในสิ่ งที่คนซื้อไม่สำมำรถปฏิเสธได้"
• "จ้ำงพนักงำนแนะนำที่เป็ นผูห้ ญิง ลูกค้ำพร้อมจะเออออไปกับคนขำยสวยๆ อยูแ่ ล้ว"

8. ลองแสดงให้พวกเรำเห็นถึงควำมมีอำรมณ์ขนั ของคุณ
• "ในช่วงเวลำที่ยำกลำบำก ผมยังพอมองหำรอยยิม้ ได้ ในสถำนกำรณ์น้ นั "
• "ผมอยูต่ รงหน้ำคุณแล้วไง... รึ ไม่มีใครมองเห็นผม"
• "ดึงนิ้วมือผมเล่นสิ "

9. ทำไมพวกเรำจึงควรจ้ำงคุณ • "ผมสำมำรถช่วยงำนหน่วยงำนคุณได้"
• "เพรำะลึกๆ แล้ว คุณชอบผมน่ะสิ "
• "ไม่เอำน่ำ... คุณมักทำเรื่ องง่ำยให้เป็ นเรื่ องยำกเสมอๆ เลยนะ"
คำตอบแรกของทุกคำถำม คือคำตอบที่สร้ำงทัศนคติในเชิงบวกในกำรสัมภำษณ์งำน หำกวันใดที่คุณเดิน
เข้ำไปสมัครงำน หรื อเปลี่ยนงำน และได้ยนิ คำถำมเหล่ำนี้ หวังว่ำคำตอบของคุณ คงอยูใ่ นแดนบวก
มำกกว่ำลบ

สิ่ งที่ "ควรทำ" และ "ไม่ควรทำ" ในกำรสัมภำษณ์งำน


แม้วำ่ ผูส้ มั ภำษณ์งำนแต่ละคน จะไม่ถำมอะไรที่เหมือนกัน "เปะ ะ" แต่กย็ งั พอคำดเดำคำถำม ที่คุณต้องเผชิญ
ได้ล่วงหน้ำ ดังนั้น ถ้ำคุณกำลังมองหำหนทำง ที่จะเลื่อนตำแหน่งงำนงำน โดยกำรโยกย้ำยหน่วยงำนใหม่
ก็จงทำกำรบ้ำนเพื่อเตรี ยมคำตอบที่ "ฉลำดๆ" ไว้ก่อน
ต่อไปนี้คือ

"คําถาม" ยอดนิยม และแนวทางในการ "ตอบ"

1. คุณให้คะแนนควำมสำมำรถของตัวคุณเองเท่ำไรตั้งแต่ 1-10? อย่ำ ให้คะแนนที่ระบุเป็ นตัวเลขลงไป


โดยเฉพำะเลข 10 เพรำะคุณจะกลำยเป็ นคนที่ "โอ้อวด" ทันที และคะแนน 7 หรื อ 8 ก็จะทำให้คุณดูเหมือน
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
211
คู่มือเตรี ยมสอบ

ขำดควำมมัน่ ใจ จง พูดว่ำคุณจะฝ่ ำฟันไปให้ถึงระดับ 10 ทั้งเรื่ องของชีวิตกำรทำงำนและชีวิตส่วนตัวได้


อย่ำงไร และเน้นย้ำว่ำกำรทำอะไรให้ดีที่สุดนั้น "สำคัญ" สำหรับคุณเสมอ

2. อะไรคือจุดแข็งที่สุดของคุณ? อย่ำ จำกัดคำอธิบำยของคุณด้วยคำตอบสั้นๆ เช่น "ผมเป็ นคนทำงำนหนัก


มำก" หรื อ "ผมชอบทำงำนเป็ นทีม" จง ทำให้ผสู ้ มั ภำษณ์เชื่อมัน่ ในตัวคุณ บอกอุปนิสยั ส่ วนตัวของคุณ
จำกนั้นรี บยกตัวอย่ำงเรื่ องจริ ง เพื่อให้เห็นภำพสักหนึ่งหรื อสองนำที โดยควรเตรี ยมไว้สกั สอง หรื อสำม
เรื่ อง

3. คุณมองหำ "อะไร" ในงำนต่อไปของคุณ? อย่ำ พูดว่ำคุณต้องกำรให้หน่วยงำนให้อะไรแก่คุณ จง อธิบำย


ว่ำคุณต้องกำรอะไร ในแง่มุมที่วำ่ "คุณ" สำมำรถให้อะไรแก่นำยจ้ำงได้บำ้ ง ถ้ำคุณกำลังมองหำกำรเพิ่ม
ประสบกำรณ์ดำ้ นกำรจัดกำรโครงกำร คุณก็ควรอธิบำยว่ำคุณมีควำมเชี่ยวชำญในด้ำนนี้มำก่อน และคุณจะ
นำเอำควำมสำมำรถนี้มำช่วยได้อย่ำงไร และกำรทำงำนนำยจ้ำงที่จะสำมำรถช่วยให้สิ่งนี้เป็ นจริ งได้

4. คุณจะอยูต่ รงไหนใน 5 ปี ข้ำงหน้ำ? อย่ำ พูดถึงแผนกำรของคุณเกี่ยวกับกำรกลับไปเรี ยน หรื อกำรเริ่ มต้น


ธุรกิจสอนดำน้ ำบนเกำะ จง แสดงให้เห็นว่ำคุณมีควำมมำนะพยำยำมและมีหนทำงที่จะไปถึงจุดหมำยได้
แต่คุณไม่จำเป็ นต้องเจำะจงลงไป คุณควรที่จะอธิบำยว่ำในเวลำนี้คุณกำลังมองหำ ควำมก้ำวหน้ำในอำชีพ
กำรงำนอยู่ และคุณตระหนักดีวำ่ ยังมีโอกำสอื่นๆ ที่อำจเกิดขึ้นได้ เมื่อหน่วยงำนได้เรี ยนรู ้ตวั คุณมำกขึ้น

5. คุณใช้เวลำ 4 ปี ที่ผำ่ นมำ ในกำรทำหน้ำที่เป็ นคุณแม่ และแม่บำ้ นอย่ำงเต็มตัว ต่อไปนี้คุณจะสร้ำงควำม


สมดุลระหว่ำงงำนและลูกๆ ได้อย่ำงไร? อย่ำ พูดว่ำลูกตัวน้อยๆ ของคุณเลี้ยงง่ำยและน่ำรักเพียงใด เพรำะ
นัน่ จะไม่ทำให้คุณ ได้รับควำมเชื่อมัน่ จำกนำยจ้ำง
จง บอกว่ำลูกของคุณตอนนี้ ก็เติบโตขึ้น และกำลังอยู่ ในโรงเรี ยนเตรี ยมอนุบำล และคุณกำลังพกพำควำม
กระตือรื อร้น และควำมตื่นเต้น ที่จะได้กลับเข้ำมำทำงำนอีกครั้ง ซึ่งควำมรู ้สึกนี้อำจไม่พบ ในลูกจ้ำงที่ไม่
เคยมีประสบกำรณ์ ในกำร "ต้องอยูบ่ ำ้ น" ...

สู ตรในการสั มภาษณ์

เป็ นที่น่ำสังเกตว่ำ สู ตรต่ำงๆ ที่หยิบยกมำแนะนำนั้น เป็ นของต่ำงประเทศ อำจเป็ นเพรำะว่ำ เขำมีคนช่ำงคิด


ช่ำงจัดก็ได้ แต่สำมำรถ นำมำปรับใช้ กับกำรจ้ำงงำน ของเรำได้ดีทีเดียว ผูอ้ ่ำนที่ติดตำม มำตลอด คงเข้ำใจ
คำว่ำ สู ตรที่ใช้วำ่ หมำยถึงอะไร สู ตรที่จะ ให้ครั้งนี้ มีชื่อว่ำ STAR หลำยคนที่เคย ผ่ำนหลักสู ตร Target
Selection ต้องเรี ยนถึงสู ตรนี้ หลักสู ตร ยำวนำนถึง สำมวันทีเดียว แต่ทำ ในรู ปของ Workshop คือต้องฝึ ก
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
212
คู่มือเตรี ยมสอบ

ภำคปฏิบตั ิ เกือบตลอดเวลำ จะสรุ ปใจ ควำมของสู ตรนี้ ดังนี้


S ตัวแรกย่อมำจำกคำว่ำ Situation ที่แปลว่ำ สถำนกำรณ์ คือต้องกำรทรำบว่ำ ผูส้ มัคร เคยมี ประสบกำรณ์
ในกำรเผชิญกับ ปัญหำหรื อมรสุ ม อะไรในชีวิตบ้ำง ธรรมดำคนเรำ ถ้ำไม่เคยพบกับ ควำมลำบำกยำกเข็ญ
ก็จะไม่แกร่ ง ไม่แข็งแรงพอ ที่จะผจญกับ ควำมลำบำกยุง่ ยำก ไม่เคยเจ็บ ก็ไม่มีภูมิตำ้ นทำน บำงครั้งเรำ จึง
ต้องฉีดเชื้อโรคเข้ำไป เพื่อให้ร่ำงกำย สร้ำงภูมิคุม้ กันให้ ก็จะไม่เป็ นโรคนั้น ฉะนั้น จึงต้องมีกำรค้นหำว่ำ
ผูส้ มัครผ่ำนสมรภูมิ หรื อมีภูมิคุม้ กันบ้ำงไหม
เขำจะแกร่ งพอ สำหรับงำน หรื อสู ก้ บั งำน ได้อย่ำงทรหด อดทนไหม ผูส้ มั ภำษณ์ ต้องสร้ำงคำถำม เพื่อให้
ผูส้ มัคร มีโอกำสเล่ำถึง ประสบกำรณ์ที่เขำเคยพบมำ ต้องชัง่ น้ ำหนักว่ำ สิ่ งที่เขำบอกเล่ำ มันหนักหรื อเบำ
เขำเป็ นตัวปัญหำ หรื อเป็ นผูร้ ับ ผลกระทบ
Task คือคำเต็ม ของตัว T หมำยถึง ควำมสำมำรถ ของผูส้ มัคร ในกำรรับมือกับ Situation ที่เขำบอกเล่ำ
อย่ำงไร เขำสำมำรถ ยืนหยัดด้วยตนเอง หรื อได้รับควำมช่วย เหลือจำกใคร จนทำให้เขำ ผ่ำนพ้น
สถำนกำรณ์ที่ยงุ่ ยำกนั้นมำได้ ข้อนี้วดั ผูส้ มัครได้ หลำยอย่ำง ทั้งด้ำนกำร ควบคุมอำรมณ์ กำรวิเครำะห์ กำร
ใช้เหตุผล รวมตลอดถึง ควำมเป็ นผูใ้ หญ่ หำกเขำบอกว่ำ ไม่เคยมี สถำนกำรณ์ ที่ยงุ่ ยำก แล้วเลยแปลว่ำ
หมดโอกำส ค้นหำข้อ ต่อไปหรื อไม่ คงไม่เป็ น เช่นนั้น เพรำะหำก เขำโชคดี ชีวิตรำบเรี ยบ ก็สำมำรถ ใช้
คำถำมและ สร้ำงสถำนกำรณ์ ให้เขำตอบได้วำ่ หำกเขำเจอแบบนี้ จะทำอย่ำงไร ทั้งนี้ข้ ึนอยูก่ บั
ควำมสำมำรถ ของผูส้ ัมภำษณ์ ด้วยเป็ นสำคัญ
A ตัวนี้ ไม่ใช่อย่ำงที่หลำยคนนึก เพรำะผูเ้ ขียนเคยลองหลำยทีแล้วว่ำ ตัวนี้น่ำจะมำจำก คำว่ำอะไร ปรำกฏ
ว่ำทำยผิดแทบทุกคน คำเต็มคือ Action ซึ่งแปลว่ำ กำรกระทำ เป็ นสิ่ งที่ต่อเนื่อง จำกสองคำแรก หมำยถึงว่ำ
กำรกระทำอะไรที่ได้ทำลงไป เพื่อคลี่คลำยควำมยุง่ ยำก ที่ตอ้ งเผชิญ เป็ นกำรวัด พลังควำมคิด และให้
พิสูจน์ไปใน ตัวว่ำ คิดแล้วสำมำรถ ทำให้เกิดเป็ น จริ งด้วยได้ จะได้ผล หรื อไม่เป็ นสิ่ ง ที่วดั ผลได้เลย จำก
คำบอกเล่ำ ของผูส้ มัคร จะพูดแบบเกินเลย หรื อไม่น้ นั อยูท่ ี่ผฟู ้ ัง คือผูส้ มั ภำษณ์ ต้องใช้วิจำรณญำณ ของ
ตนเองว่ำ เรื่ องรำว ที่เขำเล่ำนั้น น่ำเชื่อถือแค่ไหน เพียงใด
R คือคำว่ำ Result หรื อผลลัพธ์นนั่ เอง เป็ นผลมำจำกอะไร ก็เป็ นผลมำจำกกำร กำรที่ตอ้ งพบกับควำม
ยุง่ ยำก หรื อปัญหำ แล้วก็เรี ยงมำ ถึงควำมคิด ควำมสำมำรถ ที่จะรับมือกับปัญหำ เมือคิดได้แล้ว ถึงขั้นลง
มือทำ มำจบลงที่ผลที่เกิดขึ้น จำกควำมคิดเหล่ำนั้น ว่ำเกิดผลอย่ำงไร จะเลวร้ำยกว่ำเดิม หรื อผ่อนคลำย
หรื อรอดพ้นมำได้ คือผลลัพธ์ตำมข้อนี้
จะเห็นได้วำ่ Situation Task Action Result [STAR] เป็ นกำรวัดควำมสำมำรถของคน ซึ่งมีควำมเกี่ยวพันกัน
เป็ นลูกโซ่ จะขำดช่วงใด คำใดไม่ได้ ต้องโยงใยครบถ้วน แล้วได้อะไร จำกกำรใช้สูตรนี้ น่ำจะครบ
พอสมควร สำหรับกำรทำงำน อยำกบอกเพิ่มเติมว่ำ คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน จำกกำรหำแบบนี้ ไม่ใช่
พนักงำนธรรมดำหรอก น่ำจะเป็ นคนที่มีศกั ยภำพ [ Potential] คนหนึ่งทีเดียว คนเรำลอง พบปัญหำ แล้ว
สติไม่แตก กลับพลิก วิกฤตเป็ นโอกำส ใช้ควำมสุ ขมุ คิดแก้ปัญหำ แล้วยังลงมือ แก้ตำมที่คิด ยังผลให้เกิด
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
213
คู่มือเตรี ยมสอบ

เห็นเป็ น รู ปธรรมด้วย น่ำจะเป็ นคน ที่ได้ไว้ทำงำนด้วย น่ำจะจัดได้วำ่ เป็ นคนมีคุณภำพ


ขอย้ำสักนิดว่ำ นี่คือคนเก่งนะ แต่ไม่อำจรับรองว่ำจะเป็ นคนดีดว้ ย ต้องแยกให้ออกว่ำ คนเก่งและคนดี ไม่
เหมือนกัน หำกจะหำคนดี อำจต้องค้นหำ ด้วยสู ตรอื่น หรื อคำถำมอื่น คนเก่งอำจ ไม่ตอ้ งกำรเวลำมำกนัก
ในกำรเรี ยนรู ้งำน หลำยแห่ง เมื่อใช้สูตรนี้ กำหนดว่ำ จะต้องมีวิธีจดั กำร หรื อกำหนดอนำคตคน ที่ผำ่ นสู ตร
นี้ได้เป็ นพิเศษ เรี ยกว่ำมีเส้นทำงลัด [ Fast Track} ในกำรเติบโต เช่นกำรจ้ำง ผูบ้ ริ หำรฝึ กหัด [
Management Trainee] หำกไม่มี แผนพิเศษให้เขำ องค์กำรจะรู ้วำ่ ไม่สำมำรถตอบสนอง หรื อเก็บเขำไว้กบั
องค์กำรได้ เนื่องจำกคนพวกนี้ จะเป็ นนักแสวงหำ มีพลังแฝงในตัวสู ง หำกให้งำนธรรมดำ ไม่พอมือ พอใจ
เขำหรอก ต้องมีเส้นทำงพิเศษให้เดิน
ผูส้ มั ภำษณ์ ต้องเรี ยนรู ้ถึงกำรสร้ำง คำถำมที่สอดคล้องกับสู ตรนี้ แน่นอนคำถำมต้องกว้ำง เป็ นแบบเปิ ดไม่
ชี้นำ เพรำะต้องกำร ให้เขำแสดงออกมำกที่สุด ใช้กำรกระตุน้ ให้กำลังใจ จะได้พดู ออกมำให้หมด อำจมี
กำรซักถำม เป็ นบำงช่วง หำกต้องกำรรู ้รำยละเอียดเพิ่ม แต่ควรปล่อยให้เขำพูด อย่ำขัดจังหวะ แต่ตอ้ งจำ
แล้ว เก็บมำถำมใน ตอนท้ำย สิ่ งที่จะช่วยคือต้องมีควำมจำดี ช่ำงสังเกต และกำรมีมุมมองที่กว้ำง ใจกว้ำง
พร้อมรับฟังควำมคิด ของคนอื่น ซึ่งอำจไม่เหมือน กับของผูส้ มั ภำษณ์ หำกบังเอิญ Situation พ้องกับ สิ่ งที่ผู ้
สัมภำษณ์เคยพบ อำจมีวิธีแก้ปัญหำ ไม่เหมือนกัน อย่ำเร่ งตัดสิ นว่ำ เขำผิด ไม่ใช่อย่ำงนั้น แต่ตอ้ งค้นให้
พบว่ำ เขำได้เรี ยนรู ้อะไรบ้ำง และจะนำมำใช้ในช่วง ชีวิตต่อไปอย่ำงไร
STAR เป็ นสู ตรในกำรสัมภำษณ์ ที่ได้รับควำมนิยมในวงกว้ำง บ้ำนเรำเริ่ มเรี ยนรู ้สูตรนี้แล้ว ไม่อยูใ่ นแวด
วง แคบเหมือนเมื่อก่อน ที่ใช้เฉพำะบำงธุรกิจเท่ำนั้น แต่กำรรู ้แค่สูตร หำกไม่สำมำรถ นำไปประยุกต์ใช้ ก็
เปล่ำประโยชน์ จึงอยูท่ ี่กำรปรับ ใช้โดยกำรสร้ำงคำถำม จึงจะสมบูรณ์ ได้ท้ งั ประสิ ทธิภำพ และ
ประสิ ทธิผล

ประเภทของคำถำม เมื่อได้ทรำบกระบวนกำรต่ำงๆ ของกำรสอบสัมภำษณ์งำนไปแล้ว ต่อไปนี้ลองมำดู


ประเภทของคำถำมกันบ้ำง เพรำะเมื่อถึงเวลำสัมภำษณ์เข้ำจริ งๆ จะได้เตรี ยมตัวได้ถูก ดังนี้ครับ

นักวิชาการ ได้ แบ่ งลักษณะของคําถาม ออกเป็ น 5 ประเภท คือ

1. คำถำมเปิ ด คำถำมชนิดนี้จะเปิ ดกว้ำง ให้ผตู ้ อบได้มีโอกำสตอบ และแสดงควำมคิดเห็นของตน อำจจะ


เป็ นคำถำมที่คลุมเครื อ เช่น คุณมีประสบกำรณ์อะไรบ้ำง (What experience do you have?) ดังนั้น เวลำ
ตอบ ผูต้ อบคำถำมเหล่ำนี้ ต้องตอบโดยตีควำมให้แคบลง โดยระบุลงไปว่ำ มีประสบกำรณ์อะไรบ้ำง

2. คำถำมปิ ด คือคำถำมที่ตอ้ งกำร เฉพำะเจำะจง เพียงต้องกำรให้ผตู ้ อบ ตอบเพียง Yes หรื อ No เท่ำนั้น

http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน


214
คู่มือเตรี ยมสอบ

กรณี เช่นนี้ ถ้ำผูต้ อบ ตอบไม่ได้จริ งๆ ก็ให้ตอบไปตำมตรงเลยว่ำ ไม่ทรำบ (Sorry! I don't know) เพรำะว่ำ
คำถำมประเภทนี้ ผูต้ อบจะไม่ค่อยมีโอกำส แสดงออกควำมคิดเห็น ได้เองเท่ำใดนัก

3. คำถำมทวน เป็ นคำถำมที่แนะเป็ นนัย ให้ผตู ้ อบตรึ กตรองดูอีกครั้งหนึ่งว่ำ คำตอบ ที่ตอบไปแล้วนั้น จะ


สมบูรณ์พอแล้วหรื อไม่ เช่น คุณพูดว่ำ คุณจะไปต่ำงประเทศสิ้ นปี นี้ใช่หรื อไม่(You said you would go
abroad at the end of this year, is that true?)

4. คำถำมหยัง่ คือคำถำมที่หยัง่ ลึกลงไป เพื่อหยัง่ หำเหตุผล ทัศนคติ และควำมเชื่อ ของผูถ้ ูกถำม เช่น ทำไม
คุณจึงยอมลำออก จำกที่ทำงำนเดิม ทั้งๆ ที่ยงั ไม่ทำงำนใหม่ (Why did you decide to quit your last job,
though you have not yet get the new one?)

5. คำถำมนำ คือคำถำมที่มีลกั ษณะ แบบทำให้ผตู ้ อบ ตอบตำมที่ผถู ้ ำมคำดคะเนเอำไว้ เช่น เธอไม่มีโรค


ประจำตัว ตำมที่ระบุไว้ในข้อ 4 ของระเบียบใช่หรื อไม่ (You don't have any diseases as indicated in
clause 4 of our procedure, do you?)
ทั้งหมดที่กล่ำวมำนี้ คือประเภทของคำถำม ที่ผสู ้ มัครพึงศึกษำไว้ล่วงหน้ำ เพื่อที่จะใช้คำตอบได้ถูกต้อง
และในบทต่อไปเป็ นคำถำม และคำตอบที่ผเู ้ ขียนได้รวบรวมไว้ เพื่อเป็ นแนวทำงแก่ผทู ้ ี่จะเข้ำสอบ
สัมภำษณ์ ได้ศึกษำ และเรี ยนรู ้ไว้ก่อน

Prepare for predictable questions ในกำรสอบสัมภำษณ์แม้วำ่ จะต่ำงกรรม ต่ำงวำระ แต่จะมีคำถำมส่ วน


หนึ่ง เป็ นคำถำม Basic ที่ผสู ้ ัมภำษณ์มกั ใช้สัมภำษณ์ ซึ่งหำกมีกำรเตรี ยมตัว หรื อซักซ้อมคำตอบไว้
ล่วงหน้ำ จะเป็ นคำถำมช่วยทำคะแนน คำถำมต่อไปนี้ผเู ้ ขียนได้เตรี ยมไว้ล่วงหน้ำ เพื่อให้ผสู ้ มัคร ได้มี
โอกำสเตรี ยมตัว รับสถำนกำรณ์ไว้ ก่อนเข้ำรับกำรสัมภำษณ์จริ ง....

1. Why did you apply for this position? (ทำไมคุณจึงเลือกสมัครตำแหน่งนี้) หรื อ


Why do you want to leave your present job? (ทำไมคุณจึงต้องกำรออกจำกงำน ที่ทำอยูป่ ัจจุบนั )
คำถำมประเภทนี้ ต้องตอบในลักษณะที่วำ่ เรำต้องกำรมีประสบกำรณ์มำกขึ้น และอยำกมีควำมรับผิดชอบ
มำกขึ้นกว่ำนี้อีก เช่น
I would like to broaden my experience and have more responsibility. หรื อ
I have been looking for another job which give me more responsibility and offer better prospects for the
future. (ผมกำลังหำงำนใหม่ ที่มีควำมรับผิดชอบมำกขึ้น และมีอนำคตที่ดีกว่ำ)

http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน


215
คู่มือเตรี ยมสอบ

2. ไม่ควรทำตัวคุน้ เคยจนเกินไป ถึงแม้วำ่ หน่วยงำนที่เรำไปสมัครนั้น จะไม่ค่อยเคร่ งครัดเกี่ยวกับระเบียบ


มำกนักก็ตำม เช่น ถ้ำหำกผูส้ มั ภำษณ์ แนะนำตัวเองว่ำ "My name is James Thomson" ก็ไมควรเรี ยกเขำ
โดยใช้ชื่อแรกว่ำ "Mr.James" เพรำะในภำษำอังกฤษถือว่ำไม่สุภำพ ควรจะเรี ยกเขำว่ำ "Mr.Thomson" จะ
เหมำะสมกว่ำ

3. ตำมปกติแล้ว มีนอ้ ยครั้งที่ผสู ้ มั ภำษณ์จะเริ่ มต้นโดยกล่ำวว่ำ


"Right, tell me about yourself." (เอำละช่วยบอกให้ผมทรำบเกี่ยวกับตัวคุณหน่อยซิ)
คำถำมลักษณะนี้ เวลำตอบต้องถำมผูส้ มั ภำษณ์ให้แน่นอนว่ำ จะให้เริ่ มเล่ำตั้งแต่ตอนไหน โดยกำรถำมเขำ
ว่ำ "Where would you like me to begin?"
เมื่อถึงตอนนี้ผสู ้ มั ภำษณ์อำจจะพูดว่ำ "I'd like you to tell me a bit about what you've been doing since you
left University." (ผมอยำกให้คุณเล่ำให้ฟังนิดหน่อยว่ำ คุณทำอะไรหลังจำกจบมหำวิทยำลัยแล้ว)
ผูส้ มัครอำจจะตอบว่ำ well, when I graduated in 1986, I started work as a salesman with an electronics
company and I have been with this company since then." (เมื่อผมได้รับปริ ญญำในปี ค.ศ.1986 ผมก็เริ่ ม
ทำงำนเป็ นเซลส์แมนกับหน่วยงำนอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่ง และผมก็ได้ทำงำนกับหน่วยงำนนี้ มำ
จนกระทัง่ บัดนี้)

4. อนึ่ง กำรที่เรำชักชวนให้ผสู ้ มั ภำษณ์พดู นั้น ย่อมเป็ นวิธีที่ดีอย่ำงหนึ่ง และเวลำเขำพูด เรำก็ตอ้ งแสดง


ควำมในใจให้เขำเห็น โดยกำรตอบรับบ้ำง อย่ำนัง่ ฟังแต่เพียงฝ่ ำยเดียว เช่น
"That's interesting." (นัน่ น่ำสนใจจริ งๆ ครับ) หรื อ
"I see." (อย่ำงนั้นหรื อครับ)
กำรตอบรับแบบนี้ ควรพูดได้เป็ นบำงครั้ง บำงครำวเท่ำนั้น เพรำะถ้ำใช้พร่ ำเพรื่ อ จะกลำยเป็ นว่ำเรำไม่มี
ควำมรู ้ ควำมสำมำรถอะไรเลย ครับ ยังไม่จบนะครับยังมีต่อ แต่ตอนนี้จะขอจบไว้เพียงเท่ำนี้ก่อน เอำไว้พบ
กันตอนหน้ำนะครับ สวัสดีครับ!

Prepare for predictable questions ก่อนที่จะเข้ำสัมภำษณ์ทุกครั้ง ผูส้ มัครไม่ควรละเลย ที่จะซักซ้อมคำถำม


คำตอบล่วงหน้ำไว้ก่อน เพือ่ หำคำตอบที่ดีที่สุด ซึ่งบำงครั้งคำถำม คำตอบเหล่ำนี้ อำจจะถูกถำมหรื อไม่กไ็ ด้
เหมือนกับกำรจับ "ใบดำ ใบแดง" แต่อย่ำงน้อย เพื่อสร้ำงควำมมัน่ ใจให้กบั ตัวเอง เมื่ออยูต่ ่อหน้ำผู ้
สัมภำษณ์ ซึ่งครำวที่แล้วเรำได้พดู คุยเกี่ยวกับเรื่ องนี้ไปแล้ว ครำวนี้จะมำดูวำ่ มีคำถำมอะไรเพิ่มเติมอีกบ้ำง
ที่เรำพอจะเตรี ยมตัวได้อีกบ้ำง
กรณี ที่มีผสู ้ มั ภำษณ์หลำยคน ซึ่งเรี ยกว่ำ "The panel interview" นั้น เมื่อเรำกำลังจะตอบคำถำม ของผู ้
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
216
คู่มือเตรี ยมสอบ

สัมภำษณ์ท่ำนใดท่ำนหนึ่ง แต่มีผสู ้ มั ภำษณ์ท่ำนอื่น พูดแทรกขึ้นมำ เรำควรพูดคัน่ ในทำนองนี้ "May l try


to answer your question together with the one raised by your colleague?" (ขอให้ผมได้ตอบคำถำมของ
ท่ำน พร้อมกับคำถำมของเพื่อนร่ วมงำน ของท่ำนด้วยนะครับ)
คำถำมที่ควรระมัดระวังในกำรตอบก็คือ คำถำมเกี่ยวกับเรื่ องเงินเดือน เช่น ถ้ำถูกถำมว่ำ "What salary do
you expect to get?" (คุณต้องกำรเงินเดือนเท่ำไหร่ )
คำถำมประเภทนี้ ไม่ควรตอบโดยระบุวำ่ ต้องกำรเท่ำนั้นเท่ำนี้ ควรตอบในลักษณะนี้จะดีกว่ำ "Usually
what is your standard rate of pay for a person in this position?" (โดยปกติแล้ว มำตรฐำนกำรจ่ำยเงินเดือน
ของคุณ ให้กบั บุคคลที่มีประสบกำรณ์เช่นผม ซึ่งทำงำนในตำแหน่งเดียวกันนี้เป็ นอย่ำงไร)
ถ้ำต้องกำรให้เหตุผลว่ำ เรำมีคุณสมบัติเหมำะสมกับงำน ควรใช้ "I am suited to the job." อย่ำใช้ The Job
suits me. เด็ดขำด เพรำะงำนอยูก่ บั ที่ เรำเองต่ำงหำกที่ไปเหมำะสมกับงำนเอง
เมื่อถูกถำมเกี่ยวกับชีวิตในครอบครัว (Family background) เช่น What does your father do for a living?
หรื อ Does your mother work?
อะไรทำนองนี้ ก็ไม่ควรพยำยำมบ่ำยเบี่ยงไม่ตอบ เพรำะรู ้สึกอำย หรื อกลัวว่ำเมื่อตอบควำมจริ งแล้ว จะทำ
ให้ตวั เองต่ำต้อย หรื อไม่กก็ ลัวถูกปฏิเสธ แท้จริ งแล้วเรำควรพูดควำมจริ ง เพรำะถ้ำคิดจะดิ้นรน ต่อสู ช้ ีวิต
ในอนำคต ก็ไม่ควรปล่อยให้วิถีชีวิตในอดีต มำเป็ นอุปสรรคแก่ตวั เรำได้
คำถำมเกี่ยวกับเวลำว่ำง (Spare time) หรื องำนอดิเรก (Hobbies) ถ้ำเรำตอบว่ำชอบอ่ำนหนังสื อ ก็ควรจะ
ตอบได้วำ่ ผูเ้ ขียนหนังสื อที่เรำอ่ำนคือใคร และเป็ นเรื่ องเกี่ยวกับอะไร อย่ำเพียงแต่ระบุไว้ในใบสมัคร ทั้งๆ
ที่ตวั เองไม่มีนิสยั รักกำรอ่ำน หรื อเกี่ยวกับกิจกรรมอื่นๆ เรำก็ควรมีควำมรู ้เกี่ยวกับเรื่ องนั้นๆ เพรำะถ้ำไม่รู้
จริ ง จะทำให้ผสู ้ ัมภำษณ์ หมดควำมเชื่อถือในตัวเรำได้
เรำควรติดตำมควำมเคลื่อนไหว ในเหตุกำรณ์ปัจจุบนั ซึ่งอยูร่ อบๆ ตัวเรำ ทั้งทำงด้ำนกำรเมือง เศรษฐกิจ
และสังคม โดยกำรอ่ำนหนังสื อพิมพ์ ดูทีวี หรื อฟังวิทยุ ก็ได้ ถึงแม้เรำจะไม่เคยสนใจมำก่อนเลยก็ตำม
โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ ข่ำวใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น
คำถำมเกี่ยวกับควำมทะเยอทะยำน หรื อควำมกระตือรื อร้น (Ambition) หรื อ (Aspiration) เช่น How do
you see your career developing over the next five years? (คุณเห็นว่ำอีก 5 ปี ข้ำงหน้ำ งำนของคุณจะ
พัฒนำไปอย่ำงไร) ก็ไม่ควรแสดงควำมทะเยอทะยำนจนเกินไป เพรำะผูส้ มั ภำษณ์อำจเกรงว่ำ ผูส้ มัครมี
ควำมทะเยอทะยำนมำกจนเกินไป จนเป็ นเหตุให้อยูห่ น่วยงำนได้ไม่นำน
คำถำมที่ถำมว่ำ What do you think are your weaknesses or failings? (อะไรที่คุณคิดว่ำเป็ นควำมอ่อนแอ
หรื อเป็ นข้อบกพร่ องของคุณบ้ำง) คำถำมเช่นนี้ไม่ควรตอบว่ำ "I dont't have any weaknesses/failings at
all. (ผมไม่มีควำมอ่อนแอ หรื อข้อบกพร่ องใดๆ เลยครับ) ซึ่งเมื่อฟังแล้ว ดูจะเป็ นกำรพูดเท็จมำกกว่ำ
ดังนั้น คำถำมในลักษณะนี้ ควรตอบเช่นนี้จะเหมำะสมกว่ำ "I don't think I have any weaknesses or
failings which would affect my ability to do this job." (ผมไม่คิดว่ำผมมีควำมอ่อนแอ หรื อข้อบกพร่ อง
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
217
คู่มือเตรี ยมสอบ

ใดๆ ที่จะเป็ นอุปสรรค ต่อควำมสำมำรถของผม ในกำรทำงำนนี้ครับ)


คำถำมคำตอบเหล่ำนี้ เป็ นเพียงแนวทำงเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งผูส้ มัครควรเตรี ยมตัวไว้บำ้ ง จะได้ไม่รู้สึกเจ็บใจ
เมื่อออกจำกห้องสัมภำษณ์มำ และกลับมำพูดหัวข้อใหม่ ในตอนหน้ำนะครับ....

Questions you need not ask ในกำรสัมภำษณ์หลำยครั้ง ผูส้ มัครงำนมีคำถำม "คำใจ" แม้จะเกี่ยวพันกับกำร
ทำงำน และผลประโยชน์โดยตรง แต่บำงครั้งก็เป็ นคำถำม "ต้องห้ำม" และหำกหลุดปำกถำมออกไป ก็
อำจจะทำให้โอกำส หลุดลอยไปก็ได้ ลองดูกนั ว่ำ คำถำมแนวไหนที่ไม่สมควรถำม....

1. Do I have to sign a contract?


(ผมต้องเซ็นสัญญำหรื อไม่)

2. What are the working hours?


(ชัว่ โมงกำรทำงำนเป็ นอย่ำงไร)

3. Will I have to work overtime?


(ผมต้องทำงำนล่วงเวลำหรื อไม่)

4. What degree have you obtained?


(ท่ำนสำเร็ จศึกษำอะไรมำ)

5. How much vacation leave am I entitled to?


(ผมมีสิทธิลำหยุดงำนได้นำนเท่ำไร)

6. Do we have a Labour Union here?


(ที่นี่เรำมีสหภำพแรงงำนได้หรื อไม่)

7. Will I have the cpportunity to travel overseas?


(ผมจะมีโอกำสไปต่ำงประเทศหรื อไม่)

8. What fringe benefits does your company offer?


(ทำงหน่วยงำนให้ผลประโยชน์อะไรบ้ำง)
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
218
คู่มือเตรี ยมสอบ

แน่นอนที่สุด ผูส้ มัครย่อมต้องกำรคำตอบของคำถำมเหล่ำนี้ ก่อนที่จะรับทำงำน แต่ผสู ้ มัครก็ไม่ควรถำม


คำถำมเหล่ำนี้ในขณะสัมภำษณ์ เพรำะผูส้ มั ภำษณ์อำจเกิดควำมรู ้สึกที่ไม่ดี (bad impression) ต่อผูส้ มัคร
เป็ นต้นว่ำ

ผู้สมัครเห็นแก่เงินเดือนเท่ านั้น
ผูส้ มัครไม่ตอ้ งกำรยึดมัน่ อยูก่ บั งำนนั้นโดยเฉพำะ แต่ตอ้ งกำรทำไปอย่ำงนั้นเอง
ผูส้ มัครไม่ค่อยสนใจที่จะปรับปรุ งงำนนั้นให้ดีข้ ึน แต่ตอ้ งกำรเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเท่ำนั้น
ดังนั้น วิธีที่ดี ก็คือ ผูส้ มัครควรถือเสี ยว่ำ เรำยังมีเวลำซักถำม คำถำมเหล่ำนี้อยูม่ ำก รอให้เขำรับเรำเสี ยก่อน
ค่อยถำมก็ได้
ครับ ตอนนี้กจ็ บกันเพียงสั้นๆ และเบำๆ ก่อนครับ แล้วค่อยพบกันตอนหน้ำ สวัสดีครับ

Questions you will need to ask


เกือบทุกครั้งที่จบบทสัมภำษณ์ ผูส้ มั ภำษณ์มกั จะเปิ ดโอกำส ให้ผสู ้ มัครได้ถำมสิ่ งที่อยูใ่ นใจ ซึ่งเป็ น
"ข้อสอบ" อีกข้อหนึ่งที่ใช้ "ประเมินผล" ดังนั้น ผูถ้ ูกสัมภำษณ์จึงต้องระวังตัวพอสมควร ก่อนที่จะเอ่ยแต่
ละคำถำม อันเป็ นขั้นตอนหนึ่งของกำรเตรี ยมตัวที่ดี และไม่ควรจะมองข้ำม ดังนี้
โดยปกติแล้วหลังจำก กำรสอบสัมภำษณ์เสร็ จแล้ว ผูส้ มั ภำษณ์จะถำมว่ำ
Do you have any questions?
Well! is there anything further you would like to know? (คุณมีคำถำมอะไรอีกไหม)
และเมื่อเป็ นเช่นนี้ จะเป็ นกำรดีมำก ถ้ำหำกว่ำผูส้ มัคร จะมีคำถำมสัก 2-3 คำถำม เพื่อแสดงให้เห็นว่ำ ตัว
ผูส้ มัครมีควำมสนใจในงำนจริ งๆ .

http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน

You might also like