Professional Documents
Culture Documents
pdf วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ กองบินตำรวจ
pdf วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ กองบินตำรวจ
คู่มือเตรี ยมสอบ
สารบัญ
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
กองบินตารวจ
***************************************************************
1 แนวข้อสอบควำมสำมำรถด้ำนเหตุผล
2 แนวข้อสอบภำษำไทย
3 แนวข้อสอบวิชำภำษำอังกฤษ
6 แนวข้อสอบเรื่ องงำนไฟฟ้ำและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น
7 อิเล็กทรอนิกส์ข้นั พื้นฐำน
8 แนวข้อสอบควำมรู ้ในงำนอิเล็กทรอนิกส์
10 เทคนิคกำรสอบสัมภำษณ์
****************************
1-5 "#$ % & ก ' " กก ก& ก' ()
1. + & ........................
1) 2) ก
3) &# 4) ก#0&ก
1 + & &1 23 ก ( ก &# ก#0&ก 23 ก
2. 0 1&1ก ....................
1) 1" 2)
3) 1 4) 21 (
2 23 4&5 2 1 6 ( ก 0 1&1ก $ ก) ก%784&5
&9(6 ) กก 1
3. " #ก ก 1 ............................
1) 4กก ( 2) ก
3) 1 : 4) 15
4 " #ก ก 1 15 23 " ) 23 :
4. ; ก& # .........................
1) <# 2) ก
3) 1 ( 4) <
3 ; ก& # 1 ( 23 ( & 0( ) 5 1), 2) &1 4) & 0( )
( ก
5. 0 >1 ก ............................
1) 2)
3) ก& 4) &# ก
2
8. &9กE 23 (F 23 ก <1
1. ก 2. (ก ก
3. 23 4. 23 ก กE
5. 2 5 5(
3
#( &9กE 23 ( 23 ก ) (
9. ก. . . ) . . . &1 ก. )
.( 15 (
1. ก. 2. . 3. . . .
5. 2 5 5(
3. # .
#( ( 4 4 5((
∴ (
10. " ( ก + ก " 5 ( <1
1. " ( ' 2. " ( ก + 3. " 5 ( 15 4. " 52 '
5. 2 5 5(
2
#( ก " $1 ( ก + )( B "5 ( ( " (
ก + (( 2 ก: 8 5((
P " ( q "( ก +
1. P ∨ q ( P )
2. (" 5 ( )
4& q (" ( ก +)
11. @ $5( $1 23 ก $5 5( <1
1. 5 5( ' 2. ' 5 5(
3. 5 5( 23 ก 4. 52 ก
5
#( $5 5( $1 23 5 25 5( 2 ก )
4&) # ก: 8
1. P → q (@ 5( $1 23 ก )
2. ( $5 5()
4& 25 5(
12. ก ก # 5( ก # 5( <1
1. ก 2Lก 2. ก 23 ก #( B 3. ก 23 ก #( B
4. ก # ก ก 5. 2 5 5(
5.
#( ก ก # 5( ก # 5( 23 525( & ก %
#( (
14. ก ก' " @ < กก ก' " <1 @ ) )(
1. ก 2. < กก 3. ก ก' "
4. # ก ( 5. 2 5 5(
2
#( () 9 ($ ( 4 6"
∴ @ < กก
16. ก : M1 # 23 <1
1. # 2. # : M1
3. # 23 4. # 23 21 &(
5. 2 5 5(
2
#( $ก 4 6" # 23 &1 ก : M1 ( #
:M
17. ก#0&&1 12 1 ก#0&&1 15 12 ก#0&&1 14 <1
1. 2 ก 12 2. 12 2 ก 1
3. 1 ก &1 12 4. 1 "ก &1 12
5. 2 5 5(
4
#( $ กก 2 $1 9 1 "ก &1 12
18. 18 25
1) 2)
3) ก 4)
1 ก 18 ! " # $ 16 %& ! " #
$ ก ' 16 ก ก ( $ 25 ก
#( ) 2 P → Q &1 &ก ก#
20. 8 ก # 5( 2& 23 8 <1
1. 2& ' 5( 2. 2& 23 8 3. 2& # 5( 4. 2 5 5(
3
#( 2& # 5( 4 6"
21. 5 ก )$ P <1
1. 5 )$ P 2. 23 5
3. ก )$ P 4. 2 5 5(
1
(# ($ ก 4 6 "
2
(#
25. 23 23 ( ก 25(
1. 23 ก 2. ก
3. ( ก 4. 2 5 5(
4
(# 5 ) ก#(4& 2 ( $B 2 5 5(
2
(# $ ก & ก$ ก 1-4 $1 9 5( ( 23 2& 23 ' @ก (
ก $ก 2& ก# ( ( ( 23 2&
27. 1. 2. 3. & 4. ก
5.
1
#( ' ) @B 5 ) $B 5 "ก
28. 1. 2. "R ก 3. 4$(ก 4. ' 6
5. 4 ' ก
3
#( 4$(ก $ก ' E 5 ) ' ก
29. 1. 2. ก 1 3. N 8 4. @
5. (
4
#( @ 5 ) "' ก : E
30. 1. ) 2. # 3. 4.
5. $ ก
3
#( 5 ) 1 : M1 E
31. 1) ก &8+ 2) #
3) 2S 2 4) ก 10((
3 ก &8+ # &1ก 10(( 23 กT & 5( ( B ก ก 2S 2
& 2 B 52
32. 1) < "& 2) ก#
3) 2 1 4) (
4 < "& ก# ก2 1 ก ก#
33. 1) "ก 2) 2 กก
3) (# 4) &8ก
5.
1
#( 23 1 ก E 23 #
37. 1. 2. 3. 4.
5.
3
#( 1 :5 ) 4&5 E
38. 1. 2. 3. 4.
5.
4
#( 23 2ก %8 5 E
39. 1. 2. 3. 4.
5.
4
#( 8 E ก&ก 23 5ก ก&ก 23 5 $B $ก E
40. 1. 2. 3. 4.
5.
4
#( ก 1 2V 5 23 E
41.
42.
4 2 %# ) $1 ก $ก2 ก
43.
3
#( 2 "# B &1 1 2, 2 &( &1 1
( 2 52
45.
5
#( 2 &1 1 (
47.
4 ก ก ((
ก ((
ก A ก A
ก ((
48.
53. : ก ? : 2&
1. ก2& 2. ' 3. (' ' 4. $
5. 8
3
#( ' ก 23 5 # # ' & 23 # # ' &1 ( @B # & )
@ ( ก ก ก ก& ก : &1 (' ' ก 2& ก9 & ) ' ก
56. : 8:?
1. # 2. ' 3. @ 8 4. &ก
2
(# ' ก &1 : ' & " ) 23 "&
(# ' & &1 23 1 ' ) ) ก & 5
57. 0 :" 8 : 5+< +[ :?
1. +[ 4 2. +[ & 3. A ก 4. ก ;
2
#( ' ก ก#( ' & ก#(
58. : :?
1. & 2. ก 3. ( 4.
2
#( ' & $ ' ก $ ( ก $
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
17
59. : 2Z :?
1. &ก 2. 0$ 8 3. : & 4. +[
1
(# ' ก 23 4 & ' & ' & ) 23 2ก #
60. $( : 0 :" 8 ? : ?
1. : ($ 2. 0 : "( 3. : "( 4. ก 1( M : 0 :" 8
3
(# ' ก) ' & ) "(
61. ( ก5 : 0 ?:?
1. M 8 : $9 2Z 2. :
3. ก :& ก 4. ก : กM %
4
#( ' & &1 ( ก ( 1 ก& &
62. 9 : ?:$ ก
1. 2. 2 3. ก&# 4.
3
#( ' ก &1 $1 ก#(5( : ' & B 23 1 ก 9 : &1ก&#
:$ ก
63. 02 : ' ?: ก #$
1. ก : 2. ก ( 1 #0 3. )$ 4.
2
#( ก ' &1 &1 ' & &1 $1 " U8ก ( 02
ก ( 1 #0 23 2 1ก &1 ' ก9$1 ก # $ 23 2 1ก
64. ก P$ : " 6 ก9 : ?
1) 1 2) &' 2
3) " %8 4)
1 ก P$ &1 " ) 6 1 ก 6 ก9 $B ก 1 B 6 ) ก
&' 2 &1 " %8 ) 6 ) 6 1 ก< (6 )
65. "(& : ?:?
1) # : 2) :
3) 9 : 9 4) ((AZ : ก2 ก
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
18
67.
1. 9
2. 10
3. 11
4. 13
5. 15
4
#( $' &ก :ก8$ ก & B 52 $15( 3 & ( $' 6ก
( 9 4 ก @ก ก 2)
$' 5ก ( 9 3 @ก 2) ( $' 2ก
( 6 + 5 + 2 = 13 ก
68.
1. 9
2. 10
3. 11
4. 12
5. 13
3
69. 1. 35
2. 36
3. 38
4. 40
5. 42
5
#( &ก :ก8 4
& ( $' 15 ก $' 12 ก
$' 9ก ( $' 6ก
( 15 + 12 + 9 + 6 = 42 ก
70. 1. 15
2. 16
3. 17
4. 18
5. 19
3
#( 2 ก $' 9ก ( 2 & @ก ) $' 8ก
9 + 8 = 17 ก
71 W 78 ) "#$ % ( ( )($ ก 1- 5 23 ( ก (
ก' ()
71.
4
#( &ก :ก8 $' ก &1 $1 & 1 W 6 0( 5 ' & ก (
ก & &
72.
5
#( &ก :ก8 $' ก &1 $1 กM A , B , C , D &1 F ก' ก 0(
5 'ก ( ก
73.
2
#( &1( $1 &1 (
74.
4
#( &1( $1 กM A,B,C,D &1 X ก' ก & ก(
B $1 5 )(E ( ( ก
75.
1
#( " ก 1( M 2 & $ & ( 0 & ก$15(
6"
76.
5
#( " ก 1( M 2 ก & ( 6 ) & (2&
ก & ก$15( 2
77.
5
#( " ก 1( M 2 & 4 4 ก & ( ( 2 & ก$15(
78.
2
#( " ก 1( M 2 & $ & ( ก& 23
81. ( ก5
1. ก&# 2. 4 P# 3. 4. 4
2
(# ( ก5 23 P&กM%8 4 P# ก
82.
1. 0 % 2. 3. 4ก 4.
4
(# 23 8 & 5 5(
83.
1
#( ' 6 "$ ก 1 52 # ) ? & $15(6 " %8
84.
2
(# ' 6 "$ ก 2 52 # ) ? & $15(6 " %8
85.
2
(# ' 6 "$ ก 2 52 # ) ? & $15(6 " %8
4 1 F @B J $1 กM ก 3 G H J &1 O $B $1
กM ก 3 ก PQR ' 5( S
87.
2
88 - 90 $ & ก ' @ก
88. ก j ก j #F ก 2
1) ( 2) j (
3) #F ( 4) j (
4 #F $$1 ก j ก95(
%&
&
% , ()
แนวข้ อสอบภาษาไทย
อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 51 – 52
“ทางโรงเรี ยนเปิ ดโอกาสให้ผสู ้ มัครหาเสี ยงเป็ นเวลาสองสัปดาห์ เพือให้นกั เรี ยนอืนๆ ได้ศึกษา
และจําหมายเลขผูท้ ีเขาจะเลือกเป็ นตัวแทน ดังนัน ทุกๆ วันจึงมีการโจษจันกันถึงตัวเก็งทีจะได้เป็ น
ประธานนักเรี ยน ผูส้ มัครคนหนึงแอบแจกขนมเพือน เพือเป็ นอามิสสิ นจ้างให้เลือกตน แต่เพือนก็รู้วา่ เขา
เป็ นคนเฉื อยแฉะไม่เหมาะทีจะเป็ นตัวแทนของพวกเขา จึงไม่มีใครสนใจ บางคนรู ้ตวั ว่าตัวเองไม่สามารถ
เป็ นตัวแทนทีดีได้ จึงรี บไปขอถอนชื อออกจากการแข่งขันก็มี
1. สิ งทีผูล้ งคะแนนต้องจดจําให้ได้คืออะไร
ก. ตัวผูส้ มัคร ข. วิธีการหาเสี ยง
ค. นโยบายของผูส้ มัคร ง. หมายเลขของผูส้ มัคร
คําตอบ ง. หมายเลขของผูส้ มัคร
2. ระยะเวลาทีทางโรงเรี ยนเปิ ดโอกาสให้ชีแจงเรี ยกว่าอย่างไร
ก. ฤดูแห่งการหาเสี ยง ข. ช่วงแห่งการเลือกตัง
ค. ระยะแห่งการปราศรัย ง. เวลาแห่งการเลือกเฟ้น
คําตอบ ค. ระยะแห่งการปราศรัย
5. ผูก้ ล่าวข้อความนีมีอารมณ์อย่างไร
ก. กังวล ข. รําคาญ ค.ห่วงใย ง. ฉุ นเฉี ยว
คําตอบ ง. ฉุ นเฉี ยว
6. ใครขยันทีสุ ดในครอบครัว
ก. พ่อ ข. แม่ ค. ลูก ง. หลาน
คําตอบ ก. พ่อ
แบบที) 2 บทความ
อ่ านข้ อความต่ อไปนีแล้ วตอบคําถามข้ อ 81. – 84.
ฝนซึ มลงมาจากฟ้าทังวัน ชาวบ้านบอกว่าอากาศอย่างนีนานปี จะมีสักครังหนึง ตังแต่โรงเรี ยนเปิ ด
เทอมแรกมาก็พอมองเห็นฟ้าอยูป่ ระมาณสองอาทิตย์ หลังวิสาขบูชาฝนตกมาตลอดฟ้าครึ มฝนอยู่
ตลอดเวลา ก้อนเมฆทีหนาทึบจะบางลงบ้างในช่วง 14 นาฬิกาของทุกวันบางวันก็มีแสงอาทิตย์พอได้ส่อง
ลงมารําไร แต่ไม่เกิน 5 นาที ฝนลงเม็ดหนาในช่วงเย็นและเช้าส่ วนช่วงอืนๆจะริ นพรําๆ เป็ นอยูอ่ ย่างนีทัง
วัน พอย่างเข้าเดือนทีสองฝนทีริ นพรําๆ กลายเป็ นละอองฝนละเอียดเป็ นฝนลอยฟ่ องลงมาตามบรรยากาศ
เหมือนก้อนเมฆ
31. ข้อความนีมีจุดมุ่งหมายอย่างไร
ก. ให้ความรู ้เกียวกับฝน ข. ให้ความรู ้เกียวกับอากาศ
ค. เสนอรายงานสภาพอากาศ ง. บอกเล่าสภาพอากาศ
คําตอบ ง. สังเกตคําว่า “ชาวบ้านบอกว่า…”
32. วันวิสาขบูชาตรงกับวันใด
ก. วันขึน 15 คํา เดือน 3 ข. วันขึน 15 คํา เดือน 6
ค. วันขึน 15 คํา เดือน 8 ง. วันขึน 15 คํา เดือน 11
คําตอบ ข. การบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 ซึ งเป็ นวันทีพระพุทธเจ้าประสู ติ ตรัสรู ้ และ ปริ นิพพาน
33. ข้อใดใช้ภาษาทีทําให้เกิดความรู ้สึกได้ดีทีสุ ด
ก. ฝนซึ มลงมาจากฟ้าทังวัน
ข. ชาวบ้านบอกว่าอากาศอย่างนีนานปี จะมีสักครัง
ค. ก็พอมองเห็นฟ้าอยูป่ ระมาณสองอาทิตย์
ง. หลังวิสาขบูชาฝนตกมาตลอด
คําตอบ ก. “ซึ มลงมาจากฟ้าทังวัน”ให้ความรู สึกว่าฝนตกตลอดเวลา
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ สังซื อที Line : testthai1
33
คู่มือเตรี ยมสอบ
34. ลักษณะข้อใดแตกต่างจากพวก
ก. ฝนซึ มลงมาจากฟ้า ข. ฝนลงเม็ดหนา
ค. ฝนตกปรอยๆ ง. ฝนริ นพรําๆ
คําตอบ ข. หมายถึง ฝนตกมาก
อ่ านข้ อความต่ อไปนี แล้ วตอบคําถามข้ อ 85. – 88.
“เมือความรู ้ยอดเยียมสู งเทียมเมฆ แต่คุณธรรมตําเฉกยอดหญ้านัน
อาจเสกสรรมิจฉาสารพัน เพราะจิตอันไร้อายในโลก”
57. พิธีแห่บงไฟกระทํ
ั ากันในภาคใด
ก. ภาคเหนื อ ข. ภาคอีสาน ค. ภาคกลาง ง. ภาคใต้
คําตอบ ข. พิธีนีกระทํากันแถวจังหวัด ชัยภูมิ อุบลราชะนี
ค. ฟองนําทีปลากัดพ่นไว้ ง. โพรงหญ้าทีปลากัดทําไว้
คําตอบ ค. หวอดปลากัดเป็ นฟองนําทีปลาพ่นไว้สาํ หรับเก็บไข่
80. “สี ไม่เหลืองอย่างนัน” จากข้อความมีความหมายตามข้อใด
ก. หวดปลากระดีสี ขาว ข. หวอดปลากระดีสี เหลือง
ค. หวอดปลากัดสี ไม่เหลือง ง. หวอดปลากัดสี เหลือง
คําตอบ ข. เพราะบอกว่าหวอดปลากัดเป็ นสี ขาว หวอดปลากระดีเป็ นสี เหลือง ส่ วนข้อ ค. ไม่
เหลืองแต่อาจไม่ใช่ขาวจึงไม่ถูก
2. การใช้ ภาษา
แบบที) 1 การเลือกใช้ คําทีถ) ูกต้ องเติมลงในช่ องว่ าง
81. เขาขอยืมเงินกองกลาง…..จ่ายไปก่อน
ก.ทดลอง ข. ทดรอง ค.ทดหนี ง. ทดแทน
คําตอบ ข. ทอรอง หมายถึง จ่ายทรัพย์แทนไปก่อน
คําตอบ ข. คําเชือมความทีเกียวข้องกัน
Reading Comprehension
ก
Directions : Read the following passages and choose the best answer for each question.
(%& ' : 67 8 8 ก 9 : : 9 8; 9 < )
Passage 1
Nang Yai, a form of shadow pupetry and an ancient mode of amusement for ThailandBs
aristocracy, is a combination of several art forms including designing, carving on cowhide, manual
manipulation, music, and literature. Performed in various royal ceremonies to praise the power and
glory of the king, Nang Yai, which mainly related to the related to the monarchy and heroic deeds,
often derived from such epics as the Maha-Bharata, Ramayana, and Ramakian (the Thai version of the
Indian epic Ramayana).
Nang Yai performances involve shadow pupets made from tanned cowhide and fashioned into
figures of humans, animals, places and other objects. In keeping with the story and narration,
pupeteers manipulate the puppets while a pipat musical ensemble plays in the background. Puppeteers
work their puppets both from in front and behind a white screen illuminated from behind to reflect
shadows onto the screen.
ก ! "# $% % &' " ก
! ()*! *! & " % ก ก ก ก! ก ก + ' ,(
$ ( %- - "ก ./( (Royal Ceremonies) "< ./( (ก ! .+
! ! . = > . ก(" ,"&% . ก?, "@ ก> ก () ! ( )
ก(+" ก . ก?, "@ ( ก , < ก ( (+ > ก ก ."@, < + A , "
ก(" ,B ( + % ก ."@ " ' ")
ก : M NM 9Oก P ก 8; ก 7Q 7 R ST T
< 8; < R 9 ก :U 8;ก V ก T % -./01 7Q W U: X; 7YZV T
O; 8 : 7 ;ก [: U: O; U: : 8;: 8 O: 8 O O; U:6P
6 VM 677 ก\ O
1. The passage is about __________ .
1. the Thai culture 2. Nang Yai
3. Thai music 4. Thai performance
23 ก ก __________ .
1. b c 6 2. M N (ก8 9 R)
3. : 6 4. ก : 6
4 2. Nang Yai
2. Puppets are made from __________ .
1. paper 2. metal 3. cowhide 4. plastic
23 9 O ก __________ .
1. ก ;: S 2. [8 ; 3. 4. V8 Uก
4 3. cowhide
3. The word danciente in line 1 is closest in meaning to __________ .
1. big 2. popular 3. amazing 4. old
23 9 danciente M : 1 Mก8 ก __________ .
1. M N 2. V 8 3. g 4. ก ก
4 4. old
ancient = old ( ก ก [ X)
4. Which of the following art forms is not included in Nang Yai performance?
1. dancing 2. music 3. designing 4. literature
2 3 7 kU87;6 6 6 6: M ก : M N?
4 1. dancing
8 กO ก : 3 designing, carving, manual manipulator music, literatura 6 กl
1. dancing
5. Nang Yai mainly derived from such epics as the Maha-Bharata, Ramayana, etc. because ____ .
1. such epics were popular among Thai people
2. such epics were the only ones that we have
3. the performanceBs aim was to praise the power and glory of the king
4. cannot tell
23 M N M N6: O ก ก V T R n ; ;, ; 7Q V ;-
__________ .
1. ก V T 8 7Q V 8 M ก8 6
2. ก V T 8 7Q U
3. 7o ก : V UNV ; 9 O 8;V ; ก U k V ; กS U T
(O ก : 4-5)
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
47
4. 6 < ก6:
4 3. the performance<s aim was to praise the power and glory of the king
6. Which one of the following is needed for a Nang Yai performance?
1. Golden colour 2. A cow 3. The king 4. Light
23 6 67 O9 7Q 9 ก : M N?
1. 2. 3. V ; กS U T 4.
4 2. A cow
7. The writer defines Nang Yai __________ .
1. in the beginning of paragraph 1 2. at the end of paragraph 1
3. in the beginning of paragraph 2 4. at the end of paragraph 2
2 3 W 6:M M N __________ .
4 1. in the beginning of paragraph 1
M 1 กl 7 ;[ 1 M (,) [: กl
cU
8. Which is correct according to the passage?
1. Nang Yai was performed in temples
2. Nang Yai was performed by men only
3. Nang Yai was performed for the aristocracy
4. Nang Yai was originally from another country
23 6 <ก ?
1. M N : : R
2. M N<ก : [: W
3. M N<ก : M ก :M ก (O ก : 1-2)
4. M N ก9 U: O ก7 ; k
4 3. Nang Yai was performed for the aristocracy
9. Puppeteers are the ones who __________ .
1. make puppets 2. exchange puppets
3. write the puppet story 4. perform with puppets
23 U: __________ .
1. W8U 2. 8ก 78
3. 4. : U:
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
48
16. The Nile River Valley is called the dcradle of civilizatione because of the __________ .
1. mud it supplies to the oil industry
2. abundance of fish found in the river
3. medical properties found in the river
4. organic muds that overflowed the riverBs banks
23 8 9 6 8T<ก d 8 ก9 U: c e V ; __________ .
4 4. organic muds that overflowed the river<s banks
8 กO ก 2 7 ;[ 3
17. Which sentence in paragraph 2 states the most significant use of mud?
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
2 3 7 ;[ 6 M 2 ก8 <} ก 9 [ 8 M 9 N :?
4 1. 1
O ก7 ;[ 1 2 the biggest use
18. How many major supporting details are there in paragraph 2?
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
23 7 ;[ 8; : 8กก7 ;[ M 2?
4 3. 3
7 ;[ 2, 3 8; 4 7 ;[ 1
19. The main function of the details in this passage is to __________ .
1. the fabric of life 2. the use of mud
3. the origin of mud 4. the most important natural product
23 8ก 8; :M V __________ .
1. ก M กU:MOO:O 2. 9 8; XT
3. M 4. 9 M กU:89 : ก XT
4 3. the origin of mud
Passage 3
Acupuncture is a traditional Chinese medicine that has been viewed with suspicion in the west.
Many Chinese doctors regard acupuncture as an effective treatment for various illnesses such as stroke.
Recently, scientific studies of the effects of acupuncture have begun in China and almost all trials as a
tratment for stroke have been positive. Another study from the UK showed that several other countries
had found positive results too.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
51
21. What would be the most suitable title for this article?
1. Major suspicions about acupuncture
2. The revolt against conventional medicine in China
3. The validity of acupuncture as an alternative therapy
4. The growing acceptance of acupuncture around the world
4 3. The validity of acupuncture as an alternative therapy
; : 9 3. W8 (validity) ก ~€ l M
‰ ;ก กS [ 8 กM (alternative therapy) V ; V:<} : 8;
ก ~€ l กก8 <} : 8; V:<} 7€N
: 7Q ก 7 ก ~€ l O;6:W8:M ก กS 6 7Q V กl 6
8 กV O; M M ก ~€ l กS [ V 67
22. Why has acupuncture been viewed with suspicion in the west?
1. Because there is no solid evidence of its benefits
2. Because westerners do not believe in traditional medicines
3. Because no one has ever benefited from this kind of treatment
4. Because some of the studies have shown that his treatment can work
4 1. Because there is no solid evidence of its benefits
ก ~€ l <ก ; ก 8 8 V ;6 8ก‰ < ก ก
7 ;[ T ก ~€ l ( 1. 7Q 9 <ก ) 9 3 7 ;[ ก
8; 4 7 ;[ :
23. What did the Cochrane Collaboration find about acupuncture?
1. That people suffering from stroke will rarely have any benefit
2. That people suffering from stroke will be cured within 30 days
3. That people suffering from stroke may experience positive results
4. That people suffering from stroke should always receive this treatment
4 3. That people suffering from stroke may experience positive results
U Cochrane Collaboration V ก ก ก ~€ l W7• 7Q [ V O6: W8:O ก
ก ~€ l ( 3.) 1. 6 <ก V ;M V:6 : O 7• 7Q V O;6:
W8:< M ก ~€ l 2. 6 <ก V ;6 6:V: 7Q V O; 6:n M 30 V:
7• ก ~€ l n M 30 4. 6 <ก V ; 6 6: ;
7Q V กS : ก ~€ l 67
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
53
24. Why were the results between ‡shamB and ‡realB acupuncture similar?
1. Because it is basically the same treatment
2. Because conventional medicine was used as well
3. Because patients took this treatment for a long period of time
4. Because the power of the mind can encourage beneficial effects
4 4. Because the power of the mind can encourage beneficial effects
W8O กก ~€ l ‡shamB 8 8} ก W8O ก ‡realB กl V ; 4. 9 O OU MO
ก ; M กU:W8 U ก 9 7 ;[ : 2
25. Why do researchers have problems with ‡shamB acupuncture?
1. Patients want to have placebo treatment
2. There is no way of controlling the outcome of the study
3. The Chinese doctors are unwilling to conduct this study
4. It is difficult to distinguish between real and placebo effects
4 4. It is difficult to distinguish between real and placebo effects
ก UO 7€N ก ก ~€ l dshame V ; 4. 7Q ก O; ก ;W8 6:
O กก ~€ l O U 8; 8 ก (placebo/sham) 9 dthe differences between
dshame and real acupuncture were smalle
26. Why is acupuncture difficult to measure?
1. Because traditional medicine is hard to interpret in modern terms
2. Because the tests conducted are usually unreliable and of poor quality
3. Because there are no agreed measurement standards currently available
4. Because people who suffer strokes do not demonstrates recovery patterns
4 3. Because there are no agreed measurement standards currently available
ก ก ~€ l 7Q ก O; :กl V ; 3. 6 ‰ ก :W8 7Q
M X; ( 9 4 7 ;[ : But these measurements have not yet been
specified) 2. 6 <ก 6 < 8; Xn V6 : 6 M : (tests) 7Q ก
UO (studies)
27. Why do many Chinese patients believe in the benefits of acupunctuer?
1. Acupuncture can cure many illnesses
2. The government promotes the use of acupuncture
3. Chinese people cannot afford conventional medicine
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
54
other human activities than in areas with less ecological alternation. dBy dramatically changing the
landscape, we are tipping the balance in a way that is increasing the risk of malaria transmission,e says
senior author Jonathan Patz, a prefessor at the University of Wisconsin-MadisonBs Nelson Istitute for
Environmental Studies.
A report in the February 14 issue of the Proceeding of the National Academy of Sciences
pointed to similar links between malaria and deforestation. The study, conducted by a different research
team in BrazilBs Amazon, attributes heightened malaria risk to the increase in standing water that comes
with tree-clearing and other ecosystem changes in the early stages of human settlement. New pools of
water create ideal egg-laying environments for A. darlingi, the scientists note. However, once
agriculture and urban development are better established in frontier regions, this breeding habitat
declines and malaria transmission rates fall. The Amazon research aims to inform efforts to better
manage malaria out-breaks, and also confirms the importance of close collaboration between the health
and conservation communities. Since 1980, more than 50 million hectares of Amazon forest has been
lost, an area roughly the size of Thailand.
7Q ก k}กS 2 7• M 7 Uก M } : M l ก กU:[ 8
VU ก } M < ก V V67 ก กM 6 V [ ก O9
7 ; ก VU } V cTก ก 78 78 n U7 ; k ก:
: ก M l ก 78 78 n U7 ; k 9 M VU ก
; :[ 8 : ก n V cT ก8 <} ก [ M 9 : ก ;
[ 8 8;ก :6 9 8 7• 8; 9 N ก ก Mก8 U: ; ~•
c X 8; กST U :8
30. On which of the following subjects do the two studies focus?
1. The landscape is changing
2. Human numbers are increasing
3. People get malaria more frequently
4. Border areas have higher numbers of mosquitoes
4 3. People get malaria more frequently
: ก ก ก k}กS : M l <} ก กU:[ 8 ก } 8;M
7 ;[ : d....... Increasing the risk of malaria transmissione 8 ก 3.
V ; :
35. What reason is cited to explain the findings of the first study?
1. Changes to the ecosystem
2. Increased global temperature
3. Mosquitoes are more aggressive
4. Malaria transmission methods are changing
4 1. Changes to the ecosystem
M ก V O กก k}กS ก ก <} W8 M: 9 1. ก 78 78
; U k U : 7 ;[ :
36. What is the major finding of the second study?
1. Malaria and deforestation are unrelated
2. Mosquito eggs live longer in standing water
3. Humans develop differently, due to malaria transmission
4. Standing water is increasing the risk of malaria transmission
4 4. Standing water is increasing the risk of malaria transmission
ก k} ก S V d n ; 9 U 9M ก ก ; : 8 VU } e
9 3 7 ;[ 2
37. Which groups need to work closely together?
1. The authors of the two articles
2. The two research journals mentiones
3. Ministries of health and ministries of the environment
4. The research team in Peru and the research team in Brazil
4 3. Ministries of health and ministries of the environment
ก8 O; 9 Mก8 U: ก ก; c X 8;ก ; :
U :8 V:6 : O : 7 ;[ ก : d..... confirms the importance
of close collaboration between the health and conservation communitiese
38. What is the best title for this article?
1. Malaria in the Amazon
2. Global Issues About Malaria
3. Malaria Linked to Deforestation
4. Prevention of Malaria Transmission
4 3. Malaria Linked to Deforestation
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก Line : testthai1
58
: : 9 3. [ 8 ก [ ก ก :6 9 8 7•
<} ก ; 8 ก ก 78 78 n U7 ; k
39. What can be inferred from the article?
1. Thailand will have the same problems as Peru and Brazil
2. Environmentalists are not working enough with lealth wxperts
3. Peru and Brazil are carefully controlling the transmission of malaria
4. Certain mosquitoes are becoming stronger and can spread malaria more quickly
4 2. Environmentalists are not working enough with lealth wxperts
Oก < 76: d ก กST U :8 6 6: 9 ก ก W N:
c X กV (=6 ก )e 9 7 ;[ ก : :
dก k}ก S : ก8 O; <} 9 N ก Mก8 U : ; ~•
c X 8;~• กST U :8 e
Passage 5
Sari Zayed of Davis, California, made headlines in 1994 when a city noise enforcement officer
issued Zayed a $50 citation at 1:30 in the morning after a neighbor complained her snoring kept him
awake at night. Zayed go the last laugh. She sued for $24,500 for stress, weight loss and emotional
strain, and settled out of court $13,500.
Snorers arenBt trying to keep others aeake at night. Most of the time, they donBt even know
they snort-they are after all, unconscious at the time. Some anthropologists have suggested that snoring
is a primitive way of keeping beasts away at night. Ear, nose and throat doctors take a different view.
Doctors take snoring seriously. The most serious form is sleep apnea, in which the sleeper
actually stops breathing for periods of at least 10 seconds. Hundreds of times a night. During as much
half their sleep time, patients with sleep apnea may show below-average concentrations of oxygen in
their blood. A lack of oxygen can cause the heart of pump harder and over time can contribute to high
blood pressure.
During REM sleep, the brain sends out an inhibitor that basically paralyzes the body,
presumably to keep you from acting out vivid dreams. When a sleep apnea suffererBs breathing is cut
off, the body rouses itself with a joist of adrenaline. Breathing resumes, the person falls back to sleep
and the whole things start again. These dmicro-arousalse can happen as many as 600 times a night,
disrupting a snorerBs sleep cycle. Studies have linked their apnea induced sleepiness to an increase in
car accidents. A study by the Mayo Clinic also shows that spouses of heavy snorers lose an average of
oneBs hour sleep a night.
People have been trying to develop a snoring cure as far back as the American Revolution when
soldiers sewed small cannonballs into pockests on the back of the snorer-offendersB uniforms so they
would not roll onto their backs. Today, more than 300 anti-snoring devices are registered with the U.S.
Patent and Trademark Office.
To reduce your nighttime noise making, try losing weight, avoiding alcohol within three hours
before you go to sleep and ironically, getting enough sleep. If that doesnBt work, consult a physician,
There are a number of things they can try, such as breathing masks, mouthpieces and surgery.
7Q ก ก ก ก (snore) Wก 6 7Q W 9 M กU : : ก M 8
ก8 ก V Tก ก < 7Q OUO กX : O<} n ; : MO
8 8 (sleep apnea) 6: V O; ก6 กS ก ก M 7 R ก 6 O;
ก6 V‘ Uก Wก W8U nX‚T R O; M ก
40. How mush Zayed benefit from her snoring?
1. $3,450 2. $13,500
3. $50 4. $24,500
4 2. $13,500
9< < ‡Zayed 6:7 ;[ TO กก ก c 6 B กก8 Zayed <ก
ก กl U $50 O ก O (city noise enforcement) O กV
c ก8 ก c 9 M M 8 ก8 Zayed 6: ; 8:
(got the last laugh) c Po (sued) ก8 7Q O9 U $24,500 O กก8 9
M c : 9 ก8: : XT 8; c 6: ก8 กk 8: U :
$13,500 M 2. <ก
41. 8 ก : :
1. had wit and humor 2. got excited and nervous
3. expressed loud and clear noise 4. was more successful in the end
4 4. was more successful in the end
M: Mก8 ก 9 ‡got the last laughB 9 d ; 8
:ก e d 8 O;: ก e ก 4. d7 ; 9 lO กก M O e
Passage 6
African Elephant
The African elephant is the largest land animal in the world. It measures 4 metres tall and
weighs up to 6 tons. It is strictly a herbivore. It has two main enemies-the farmer and the poacher.
Poaschers hunt the African elephants for their expensive tusks. The African elephants often encroach
into farmlands in search of food. Farmers kill the adult elephants when efforts to drive them away fail.
Baby elephants, on the other hand, and captured and sent to zoos and circuses.
P Uก 7Q T ก :M N :M [8ก 4 ก<} 6 8; 7Q T
กU V 7Q V : k 8กR 2 8; V V 8
P Uก V V P Uก 8ก89 V V 67 O} Š
[ l (Adult Elephant) 6 < 68 9 8ก กlO;2AกT' 8; M ก
T 8; X;8; T
50. What about the African elephant is not mentioned in the paregraph?
1. Its dislikes 2. Its physical characteristics
3. Its food 4. None is correct
23 ก ก P Uก 6 6 6:ก8 <} M ?
1. 6 2. 8กSX; ก
3. 4. 6 M:<ก
4 1. Its dislikes
8 ก 6 6:V:<} 6
51. The word dpoacherse refers to __________ .
1. farmers 2. hunters 3. caretakers 4. villagers
23 9 d V e U <} __________ .
4 2. hunters
poachers = hunters ( V )
Passage 7
(1)
My sense organs of smell and taste work together. (2)For example, if I am eating an apple,
my nose smells how sweet it is and tiny bumps (called taste buds) on my tongue pick up its flavor.
(3)
When I have a cold, my nose often gets stuffed up. (4)So, it is hard to smell and taste thing.
(1)
; ก8U 8; g 9 67V ก (2) < g ก9 8 กU 7 7”•8 O ก g กl
O; ก8U 7 7”•8 V M: 8; 8lกR ( ก ) 8U g กlO;
(3) (4)
3' g 7Q : O ก g กlO; 9 ก6 8 O} 9 M : ก8U 8; U R 6:
ก89 ก
56. The main idea is in sentence __________ .
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4
2 3 MO 9 N M 7 ;[ __________ .
4 1. 1
7 ;[ 1
57. Tacte buds allow you to recognize __________ of food.
1. the smell 2. the flavor 3. the touch 4. 1 and 2
23 9 M X6: __________
1. ก8U 2. 3. W 4. 1 8; 2
4 2. the flavor
O ก6:ก8U O;
58. According to the paragraph, __________ .
1. we smell food whether we have a cold
2. we taste foodBs flavor before we smell it
3. when we canBt smell food we canBt taste its flavor
4. the smell organ is more important than the taste organ
23 __________ .
1. O;6:ก8U 6 O; 7Q : 6
2. ก O;6:ก8U
3. 6 6:ก8U กlO;6 6:
4. ; ก8U 9 N กก ;
4 3. when we can<t smell food we can<t taste its flovor
สวนประกอบของเครื่องบิน
เมื่อเรามองไปที่สนามบินเราจะเห็นวา มีเครื่องบินมากมายหลายแบบ แตถาเรามองใหดีแลวเราจะพบวา
เครื่องบินไมวาแบบใดก็ตาม จะมีสวนประกอบหลักๆ ดังนี้
Fuselage คือ ลําตัวเครื่องบินนั้นมีหนาที่เปนจุดเชื่อมตอของสวนประกอบหลักตางๆ ที่ประกอบรวมกัน
เปนเครื่องบิน แตสวนที่เปนของลําตัวเครื่องบินไดแก หองนักบิน (cabin or cockpit) , ที่นั่ง, สวนบังคับการบินตางๆ
และที่ใสสัมภาระในเครื่องบินบางแบบ หรือ ที่นั่งผูโดยสาร เปนตน
Wing ปก เมื่อมีอากาศไหลผานปกของเครื่องบิน จะทําใหเกิดแรงยกเรียกวา lift ที่ชวยทําใหเครื่องบินลอย
ได ปกเครื่องบิน นั้นในบางแบบจะติดตั้งอยูดานบนของตัวเครื่องบิน บางแบบก็ติดตั้งอยูกลางลําตัว หรือ บางแบบ
อาจติดตั้งอยูใตลําตัวเครื่อง ขึ้นอยูกับผูออกแบบเครื่องบิน บนปกจะมีพื้นบังคับหลักอยูสองชนิดที่ดานหลังของปก
ทั้งสองขาง เรียกวา Aileron และ Flap
Empennage ชุดพวงหางประกอบไปดวย Vertical Stabilizer และ Horizontal Stabilizer ทั้งสองชุดนี้จะ
ชวยใหเราสามารถบังคับ เครื่องบินใหบินในระดับ และทิศทางที่ตองการ ไปในอากาศได บน Vertical Stabilizer จะ
มี Rudder คือแผนพื้นบังคับที่ติดตั้งอยูที่สวนทาย บน Honzontal Stabilizer จะมี Elevator ติดตั้งอยูที่สวนทาย
Landing Gear ทําหนาที่ชวยรับแรงกระแทกในขณะรอนลง และชวยรองรับเครื่องบินในขณะที่อยูบนพื้น
ดิน จะประกอบไปดวย Main Landing Gear จะติดตั้งดานขางของลําตัวเครื่องบิน และ Nose Landing Gear อยูดาน
หนาเปนลอหัว ขณะอยูที่พื้นการบังคับที่ Rudder จะมากระทําที่ลอหัวนี้ในการเลี้ยวไปยังทิศทางที่ตองการ Brakes
ของเครื่องบินจะมีสวนประกอบเชนเดียวกับ ของรถยนต แตเมื่อใชงานแลวรูสึกวาใชงานยากกวา เนื่องจาก การ
บังคับทั้งสองขางจะแยกออกจากกัน โดยจะติดตั้งอยูที่ Main Landing Gear ทั้งสองขางของเครื่องบินที่เปนเชนนี้เพื่อ
ใชในการชวยเลี้ยวในพื้นที่จํากัดบนพื้น ดังนี้ถาเราตองการลดความเร็วจะตองใช Brake ทั้งสองขางในน้ําหนักที่เทา
กัน จึงจะทําใหเครื่องบินลดความเร็วลงในลักษณะที่เครื่องยังอยูในสภาพตรงในทิศทาง หรืออยูบนทางวิ่ง ไมเลี้ยว
ไปในทิศทางใดทางหนึ่ง
Power Plant เครื่องบิน จะมีเครื่องยนต(engine) อยู 2 ชนิด เครื่องยนตลูกสูบ และเครื่องยนตกังหันกาซ
เทอรไบ (Jet Engine) ถาเปนเครื่องบินแบบใบพัด (propeller) โดยเครื่องยนตนั้นมีหนาที่หลักคือ ใหพลังงานในการ
หมุนใบพัดทําใหเกิดแรงดูด หรือผลัก ถาเปนเครื่องบินเจ็ต เครื่องยนตก็จะผลิตมวลอากาศรอนออกมาทางทอทาย
ทําใหเกิดแรงผลัก นอกจากนี้เครื่องยนต ยังทําหนาที่ใหกําหนดพลังงานไฟฟาดวย
69
5
แรงที่กระทําตอเครื่องบิน
มีแรงที่กระทําตอเครื่องบิน อยู 4 แรง ตลอดเวลา ขณะที่ เครื่องบิน กําลัง บินอยู แรงทั้ง สี่นั้น คือ (1) แรงยก
( Lift ), (2) แรงดึงดูด ของโลก ( Gravity force or Weight ), (3) แรงขับไปขางหนา (Thrust ), และ (4) แรงตานทาน
หรือแรงฉุด (Drag ).แรงยก และ แรงตานถือวา เปนแรง ที่เกิดจาก Aerodynamics เพราะวา แรงนี้เกิดจากการเคลื่อน
ที่ของเครื่องบินผานอากาศ
แรงยก (Lift ) เกิดขึ้นโดยความกดอากาศต่ําที่เกิดขึ้นที่พื้นผิวดานบนของปก เมื่อเปรียบเทียบกับความกด
อากาศที่พื้นผิวดานลางของปกเครื่องบิน หรือ แรงที่กระทําบนพื้นผิวดานบนของปก นอยกวาแรงที่กระทําที่พื้นผิว
ของปกดานลางตามหลักของ เบอรนูลลี่ ทําใหเกิดแรงยก ขึ้นขางบนที่ปกของเครื่องบิน ลักษณะและรูปรางของ
ปกเครื่องบิน จะถูกออกแบบมาใหอากาศที่พัดไหลผานดานบนของปกจะมีระยะทางที่อากาศตองเดินทางมากกวา
จึงทําให ตองไหล ผาน เร็วกวา ดานลาง ทําใหเกิดความกดอากาศต่ํา ดังนั้น จึงทําให ปกถูกยกขึ้น แรงยกก็ คือ
แรงที่อยูตรงขามกับน้ําหนัก หรือแรงดึงดูดของโลก แรงยกขึ้นอยูกับ (1) รูปรางของ Airfoil (2) มุมที่ปก กระทําตอ
Relative Wind ที่เรียนวา Angle of Attack (3) พื้นที่ผิวที่อากาศไหลผาน (4) กําลังสองของความเร็วลม (นําไปหา
dynamic pressure) (5) ความหนาแนนของอากาศ (นําไปหา Dynamic Pressure)
น้ําหนัก (Weight ) เกิดจากแรงดึงดูดของโลกแรงนี้กด หรือ ดึงเครื่องบินลงมายังโลกเรา ถือวากระทําที่จุด
ศูนยกลางของแรง หรือ CG ของเครื่องบิน
แรงขับเคลื่อน (Thrust ) คือ แรงที่ขับเคลื่อนไปขางหนาจะเปนแรงผลัก หรือ แรงฉุดที่เกิดจาก เครื่องยนต
ของเครื่องบิน ไมวา จะเปน เครื่องยนต ลูกสูบ, เครื่องยนต เทอรโบเจ็ท หรือ เทอรโบ แฟน
แรงตาน ( Drag ) เปนแรงที่กระทํา ตรงขามกับแรงที่ขับเคลื่อนเครื่องบินไปขางหนา โดยเฉพาะเปนแรง ที่
ตอตานการเคลื่อนที่ของวัตถุในอากาศมีทิศทางขนาน กับวัตถุที่เคลื่อนที่ ก็คือ แรงเสียดทานของอากาศที่ผานสวน
ตางๆ ของเครื่องบิน แรงตานเกิดจากการกระทบของอากาศ การ เสียดทานของพื้นผิวเครื่องบิน และแรงดูด เนื่อง
จากอากาศแทนที่
70
6
แกนของการหมุน
แกนของการหมุน มีอยู 3 แกน คือ แกน (1) Longitudinal Axis (2) Lateral Axis และ (3) Vertical Axis
แกน Longitudinal Axis คือ แกนตามยาวที่วิ่งจากหัวเครื่องบินจนถึงหางเครื่องบินผานจุด ที่เรียกวา Center
of Gravity การเคลื่อนที่ของเครื่องบินรอบแกน นี้ เรียกวา Roll เครื่องบินที่มีอาการ Roll เปนผล ที่ เกิด จากการ
เคลื่อนไหวของ Ailerons ติดตั้งอยูที่ปลายปก และควบคุมโดย Control Column ในหองนักบิน ในลักษณะที่
Aileron ขางหนึ่งกระดกลงลาง แตอีกขางหนึ่งจะกระดกขึ้นบน เมื่อ Aileron มีการ เคลื่อนไหวจากตําแหนงศูนย
หรือ ตําแหนงแนวระดับจะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะแรงยกของปกเครื่องบินทั้งสองขาง การที่จะทําให
ปกเครื่องบินยกขึ้น Aileron ของปกนั้นจะตองกระดกลง ปกที่มี Aileron กระดกลงก็จะทําใหแรงยกบนปกนั้นเพิ่ม
ขึ้น และปกที่มี Aileron กระดกขึ้นก็จะมีแรงยกลดลง สิ่งนี้จะทําใหเครื่องบินเอียงไปทางดานที่ Aileron กระดกขึ้น
Ailerons ของปก ทั้งสองขางตอไปยัง Control Column ในหองนักบินโดยระบบ Mechanical Linkage เมื่อคันบังคับ
หมุนไปทางขวา(หรือโยกคันบังคับไปทางขวา) Aileron ทางปกขวาจะกระดกขึ้น และ Aileron ทางปกซาย จะ
กระดกลง ผลที่เกิดขึ้นก็คือ แรงยกทางปกซายจะเพิ่มขึ้นและ แรงยกทางปกขวาจะลดลงเปนเหตุให เครื่องบินเอียง
ไปทางขวา แตถาหมุนคันบังคับไปทางขวา ( หรือโยกคันบังคับไปทางซาย ) แรงบนปกก็จะเกิดตรงกันขาม เปนเหตุ
ใหเครื่องบินเอียงไปทางซาย.
แกน Lateral Axis คือแกนตามขวางที่เริ่มจากปลายปกดานหนึ่งถึงปลายปกอีกดานหนึ่ง ผานจุด ที่เรียกวา
Center of Gravity ลักษณะของการ เคลื่อนไหวรอบแกน Lateral Axis เรียกวา Pitch การ เคลื่อนไหวแบบนี้เกิดจาก
Elevator ซึ่งติดตั้ง อยูที่ แพนหาง ( Horizontal Stabilizer) Elevator สามารถกระดกขึ้น หรือกระดกลงได เมื่อนักบิน
บังคับคันบังคับ ( Control Column or Stick) ถอยหลังหรือไปขางหนา การดึงคันบังคับมาขางหลังจะบังคับให
Elevator กระดกขึ้น กระแสอากาศที่ประทะกับพื้นผิว ดานบน ของ Elevator ที่กระดกขึ้นทําใหเกิดแรงกดมากขึ้น
เปนเหตุใหสวนหางของเครื่องบินถูกกดลง การเคลื่อนไหวรอบแกน Lateral Axis เมื่อหางเคลื่อนที่ลง สวนหัว ของ
เครื่องบินจะเชิดขึ้น เครื่องบินไตระดับ การผลักคันบังคับไปขางหนาเพื่อบังคับ Elevator ใหกระดกลงลมที่ประทะ
กับพื้นผิวดานลางของ Elevator ที่กระดกลงทําให เกิดแรงดานลางมากขึ้นกวาดานบนเปนเหตุใหสวนหางของเครื่อง
บินกระดกขึ้น และหัวของเครื่องบินกระดกลงเปนเหตุใหหัวเครื่องบินดิ่งลง
แกน Vertical Axis คือแกนตั้งซึ่งผาน จากหลังคาดานบนทะลุทองเครื่องบิน ผานจุด ที่เรียกวา Center of
Gravity เครื่องบิน การเคลื่อนที่รอบแกนนี้ เรียกวา “Yaw” เครื่องบินเคลื่อนไหวโดยการที่นักบินใชเทาเหยียบไป
บน Rudder Pedal ดานขวา Rudder ก็จะตวัดไปทางขวา เหยียบ Radder Pedal ดานซาย Rudder ก็จะตวัดไปทางซาย
ทิศทางของ Rudder ใหตวัดไปทางซายนี่ ก็ทําใหเกิดแรงกระทําตอหางแผนหางของเครื่องบินหางของเครื่องบินก็จะ
เบนไปทางขวา และหัวของเครื่องบินก็จะเบนไปทางซาย( yaw to the left).
71
7
Pitot-Static Instruments
เนื่องจากเครื่องบิน นั้นมีการเคลื่อนไหว ในลักษณะของแกน สามแกน ในอากาศ ดังนั้น เราจึงจําเปนตองใช
เครื่องมือวัดเพื่อใชบอกถึงทาทาง หรือ อาการ ของเครื่องบินใน ขณะนั้นๆ เครื่องวัดมีการทํางาน โดยอาศัยหลักการ
ในเรื่องความแตกตาง ระหวางความกด อากาศ(pressure) เพื่อมา ใชในการแสดง ความเร็วของ อากาศที่ไหล ผาน
เครื่องบิน ทําใหเราทราบถึงความเร็วของ อากาศ ที่ไหลผานเครื่องบินได, นอกจากนี้ ยังสามารถบอกถึง อัตราการไต
(climb) หรือ อัตรา การรอน (หรือ ลดระดับ descent) และ, ความสูง (altitude) ของเครื่องบินใน ขณะนั้นๆ ได
หลักการ ทํางานของ เครื่องวัดอาศัยหลักการ พื้นฐาน ในเรื่องของ ความกดอากาศ มาเกี่ยวของ โดยใช
มาตรฐาน จาก ระดับน้ําทะเล มาตรฐาน (sea level standard atmosphere) ที่กําหนดไว คือ ที่ระดับนี้ จะมีความกด
อากาศ เปน 29.92 " Hg หรือ 1013.2 mb. ที่อุณหภูมิ 15 C หรือ 59 F โดยคานี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ตามความสูง คือ
ทุกๆ ความสูง 1000 ฟุต คาความกด อากาศ จะลดลง 1" Hg และ อุณหภูมิ จะลดลง 2 C
Airspeed Indicator
เปนเครื่องวัดที่แสดงถึงความเร็ว ของเครื่องบินที่ผานอากาศ หรือเรียกอีกอยางหนึ่งวา ความเร็วของ อากาศ
ที่ไหลผานเครื่องบิน ก็ได โดยมีหลักการทํางาน จาก การเปรียบเทียบ ระหวาง ram air pressure กับ static air
pressure ผลที่ไดจากความแตกตาง ของความกดอากาศ ทั้งสองนี้ จะแปลงออกมาเปนคา ของความเร็ว ความเร็วของ
เครื่องบินขนาด เล็กนั้น เราจะมีอยู 4 ชนิด
1. Indicated airspeed (IAS) เปนคาความเร็วอากาศที่ อานโดยตรงจาก เครื่องวัด airspeed indicator
2. Calibrated airspeed (CAS) เปนคาความเร็วอากาศที่ มีการปรับหรือแกไขขอผิดพลาด ที่เกิดจากการ
ติดเครื่องวัด เราสามารถหาคานี้ได จากคูมือ (pilot's operation handbook) ของเครื่องบินนั้นๆ
3. True airspeed (TAS) เปนคาความเร็วอากาศ ที่ถูกตองหลังจาก การแกไขผลกระทบที่ เกิดจาก ความ
สูง ความกดอากาศ อุณหภูมิ ความหนาแนนของอากาศ แลว
4. Ground speed (GS) เปนคาความเร็ว ของเครื่องบินเมื่อเทียบกับ เงาของเครื่องบิน กับพื้นโลก โดยการ
ปรับคาความเร็วของลม ที่มีผลตอ ความเร็วที่เทียบ กับพื้นโลกนี้ เชน ถา เปนลม ตรงหนา เครื่องก็จะ ชาลง หากเปน
ที่มาทาง ทายเครื่องบิน ก็จะทําให ความเร็วนี้เพิ่มขึ้น เปนตน
Altimeter
สามารถทํางาน โดยการรับรูความเปลี่ยนแปลงของ ความกดอากาศ แลวแปลงออกมาเปนความสูง เพื่อ
แสดงออกทางเครื่องวัดนี้ โดยทั่วไปแลว altimeter จะมีอยู ดวยกัน 3 เข็ม เข็มยาวสุด จะแสดงความสูงใน หลัก 100
ฟุต เข็มสั้น จะแสดงหลัก 1,000 ฟุต และ เข็มสั้นที่สุด จะแสดง หลัก 10,000 ฟุต นอกจากนี้ยังมีปุมปรับความ ความ
กดอากาศ ของเครื่องวัด เพื่อให มีคาที่ตรงกับ คาความกดอากาศ บริเวณ นั้นๆ และเวลานั้น เพื่อการแสดงความสูงที่
ถูกตอง เนื่องจากในแตพื้น ที่แตละเวลา ความกดอากาศ หรือ อุณหภูมิ นั้น จะไมเทากันเสมอ ดังนั้นเราจึงตองมีการ
ปรับคา ความกดอากาศนี้ ใหถูกตอง ดังนั้นเพื่อใหเกิด ความผิดพลาดนอย ที่ สุดในการแสดงความสูง ของ altimeter
นี้ เราจะตองมีการปรับ คาความกดอากาศนี้ เปนระยะ ในเสนทางบิน ของเราเมื่อเราพบวา มีการรายงาน คาความกด
อากาศ ในบริเวณ ที่เราบินผานไมตรงกับที่ เราตั้งไว
Vertical Speed Indicator (VSI)
หรือ บางทีเรียกวา Vertical velocity indicator (VVI) VSI นี้จะตออยูกับ ระบบของ static port โดยเครื่องวัด
นี้จะรับรู การเปลี่ยนแปลง ของความกดอากาศ แลวแสดง คาออกมาใหทราบ ถึงทาทางของ เครื่องวา ขณะนี้กําลังอยู
ทาไต (climbs) หรือ รอน (ลดระดับ descend) โดยหนวยที่แสดงออกมา นี้จะมีหนวย เปน ฟุตตอนาที เชน ขณะนี้
กําลังไตอยูที่ 500 ฟุตตอนาที หรือถึง หากเรารักษาทาทางนี้ไว ในทุก 1 นาที เราจะไดความสูงเพิ่มขึ้นมา 500 ฟุต แต
เนื่องจาก เครื่องวัดนี้ อาศัย หลักการถาย-เท ความกดอากาศ ดังนั้นคาที่อานได จะชาความสิ่งที่เกิดขึ้นจริง อยู
ประมาณ 6-9 วินาที
73
9
คําจัดความของ Altitude
1. Indicated altitude เปนความสูงที่ อานโดยตรงจากเครื่องวัด (altimeter) ความสูงที่อานไดนี้ จะมีความถูก
ตอง ก็ตอเมื่อ เรา ปรับหรือตั้งคา ความกดอากาศ ของเครื่องวัดใหถูกตอง กับความกดอากาศ ณ บริเวณ และขณะนั้น
2. Pressure altitude เปนการแสดงความสูง ที่สูงกวา standard datum plane เมื่อเรา ปรับคา ความกดอากาศ
ของ altimeter ไปอยูที่คาของ ระดับน้ําทะเล มาตรฐาน (standard sea level) มีคาเปน 29.92" Hg เราจะใช กับเครื่อง
บิน ที่บินอยู ที่ระดับความสูงตั้งแต 18,000 ฟุต
3. Density altitude เปนคาความสูง ที่มีการแกไข ใหถูกตอง อันเกิดจาก อุณหภูมิที่ไม ตรงตามมาตรฐาน
True altitude เปนคาความสูง จริงที่เทียบ จากระดับน้ําทะเล และความสูงที่แสดงอยูบนแผนที่ ก็ใชความสูงที่เทียบ
เชนเดียวกันนี้ รวมไปถึง เสาอากาศ ตึก ที่อยูในแผนที่ดวย
4. Absolute altitude เปนความสูง ที่เทียบจาก พื้นดิน (above ground level หรือ AGL)
การผิดพลาด ของ Altimeter
การเกิดความผิดพลาด ในการแสดงคา ความสูง altimeter นั้น สามารถ แกไขไดงาย เพียงแต ใหปรับคาของ
altimeter ใหถูกตองตาม พื้นที่ ที่เราบินอยู ตัวอยางเชน เมื่อเราทําการบินอยูในพื้นที่หนึ่ง แลวเราตั้งคา
Gyroscopic Instruments
เปนกลุม เครื่องวัด ที่ทํางานโดยอาศัย หลักการ การหมุนของลูกขาง ที่พยามรักษา จุดเดิมของมันไว เมื่อมัน
หมุนอยู เมื่อมีแรงจากภายนอก มากระทําใหมันเปลี่ยน ตําแหนงไป แตมันก็ยังคง พยามรักษา สถานะนั้น ไว
เครื่องวัดนี้ จะแสดง การเคลื่อนไหว ดาน pitching และ rolling บนแกน lateral และ longitudinal เครื่องวัดนี้ จะ
ก ก
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
75
2
ก2ก 9.3.1
2 -< < P, %3, Q
(# ก $ (CT)
(branch circuit)
( $A (service circuit)
89:;( $A (service equipment)
%, ก2ก 9.3.1
(# ก $ (current transformer: CT) ! (# 0 0 # /( 9
ก $ "%%& # <0 1 ก 89:; 0 / (metering) #$ 89:;(& ก (protection)
(branch circuit) ! $ (ก 9;(& ก ก $ ก / ก
89:;"%%&
( $A (service) ! 89:; #$ "%%& ก $ ก "%%&
T $ (&
89:;( $A (service equipment) ! 89:; 0 0 /ก $ "%%& 3 /
$ "%%& =/ 0 "(( $ก / 2 ;ก ก ก ; ; #$%@ ;
%R $ - S
1. % R
- British Standard (BS) ( $ > กYZ
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
76
3
2. - S =/ 0 "(( $ก / 4
1) $ ก '# (generating system)
2) $ ก ก # "%%& (transmission system)
3) $ (distribution system)
4) $ ก # "%%& (utilization system)
@ , 1
1. ก "%%& "( 3 () ( $ >1/
1.1 DIN
1.2 TIS
1.3 IEC
2. 1 ( $ >" (ก 9;"%%& #$ ก / 3 "%%& 1 1/
3. =/ 0 "( $ "%%& ก # ( $ก / ก0 $"
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
77
4
%, @ , 1
1. "%%& "( 3 () ($ >
1.1 DIN German Industrial Standard ( $ >
1.2 TIS '# 89:; ก ( ก.) ( $ >"
1.3 IEC International Electroechnical Commission () ;ก
$ ($ >
2. (ก 9;"%%& 0 1 1 ( $ >" (n IEC #$
ก. ก / 3 "%%& ( $ >" . . . ก ก%8. ก /
ก / 3 "%%& ( $ >" 2545
3. =/ 0 "( $ "%%& ก # ( $ก / 4 1 ` "/ ก
1) $ ก '#
2) $ ก ก # "%%&
3) $
4) $ 1 ก # "%%&
@ , 2
1. > ก "%%& () 1/
2. #<3 0 ` 01 ( $ก ก >ก "%%& $"
@ , 2
1. "/ $ก / "# ;"/ $ ก (singlclinc diagram)
2. #<3 0 ` 01 ( $ก ก > ก "%%& / 3
- / ( "%%& )
- //( $ 8
-
-
- //( $ 8 / 89:;"%%& = "%%& ()
- / 2 ;ก ก ก ; (Ampere Trip: AT #$ Ampere Frame AF)
- Aก /
- / #$ / #
- 03 ' MDB
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
78
5
- // //( $ 8 (# "%%& ก #
- / ;
-ก = #/
1. U$กVI& % % R ก$
`#กZ9; 1 ` $1 ก IEC
U$กVI& ,G U$กVI& ,G
(# "%%& 0 (#/
(Disconnecting Switch)
(# / 2 ;ก กก ;
(# ก $ %@ ;
# ; : 27 (& ก / "%%&
51 (& ก ก $ ก
0
51N (& ก ก $ ก/
#/ # /
0 /A (;
ก /ก%& '
V= # ; ;
(Lightning Arrester)
%@ ; / ก
# /"% / '#
(Drop-cut Fuse)
# / (Ground) 2;(#/ 1
ก %@ ;
2;(#/
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
79
6
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
80
7
@ , 3
2 ,G < P, U$กVI& %3, Q
%, @ , 3
1. (# ก $
2. = # ; ;
3. 2 ;ก/ ก ก ;
4. %@ ;
5. # /
6. ก /ก%& '
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
81
8
@, ก @ $ Sก P, @ ก$
1. @, ก @ (Riser Diagram) "/ $ ก /0 ก/1 ก 9 0 # 3
$ 1 " "/ ' "% 3 0 3 1/ ก ก $ "% ก 3 D
/ <0 1 ก/ 1 ! ก "/ $ ก /0
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
82
9
2. Sก P, @ ก$
2.1 F-. @ , , ก S2 ก , , ก SP, ก
2.2 F-.
@
, -%
@ 2 ก
,
, ก S
P, ก
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
83
10
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
84
11
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
85
12
`#กZ9;
! ก =
S ! 2;
LP1 ! ' "% 0 1
AP1 ! ' "% $ 0 ก#
H W 9.62 ก =
H W 9.66 /ก = ก
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
86
13
. . #$ / / 16 . . 1 =/ 3 / () 1 0 4 (THW)
#$ 3 / / 1 =# $ ( ก# (IMC) IMC / ' > ;ก# 50 .
ก2ก
1. 2 ,G [\ก [ % P
1. ก ( $ ? "/ 1 8 $(ก # ' "% ELPI #$ FIREMAN LIFT "% ก '
MDB 0 $ "%%& (ก / 0 ก /"%%& €ก € (G) $ 0 #$ 2; (#0
= (ATS) $ (#0 1 ' ELPI #$ FIREMAN LIFT "% ก 0 ก /"%%& €ก €
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
88
15
2. 2 ,G % 2 , W$ < $ UU I %+, H % P
2. ก ( $ ? "/ ก ก / 3 (ก 9; (S) 9 / ก? ก
/ 3 (ก 9; (S) 2 / ก ก 0# 9 / ก / 3 (ก 9;
(B) #$ (ก 9; / (M) 2 /
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
89
16
@ , 4
2 ,G ก 23 P, @
%, @ , 4
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
90
17
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
91
คู่มือเตรี ยมสอบ
งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เบืองต้ น
ข้ อที 1 การช่ วยเหลือผู้ประสบภัยทางไฟฟ้ า (คะแนน 1)
การช่วยชีวติ ผูถ้ ูกไฟฟ้าดูดทีหยุดหายใจ สามารถทําได้หลายวิธี เช่นวิธีการผายปอดด้วยวิธีปากต่อ
ปาก (Mouth-to-Mouth Method) หรื อวิธีนวดหัวใจ ซึ งมี 2 วิธี เป็ นเทคนิ คทีมีประสิ ทธิ ภาพมากและได้ผลดี
ทีสุ ด ในการทีช่วยให้ผทู ้ ีหยุดหายใจสามารถกลบมาหายใจด้วยตัวเองได้ใหม่ ซึ งวิธีการปฏิบตั ิทาํ ได้โดยไม่
ยุง่ ยาก และทําได้รวดเร็ ว
การวัดแรงดันไฟสลับ
เอซี โวลต์มิเตอร์ คือมิเตอร์ วดั แรงดันไฟสลับ (AC VOLTAGE) หลักการใช้มิเตอร์ ชนิ ดนี จะ
เหมือนกับดี ซีโวลต์มิเตอร์ คือในการใช้งานจะต้องนําไปวัดคร่ อมขนานกับโหลดทีต้องการวัดแรงดันนัน
จะมีส่วนทีแตกต่างจากดีซีโวลต์มิเตอร์ คือในการใช้มิเตอร์ วดั คร่ อมแรงดันหรื อแหล่งจ่ายไฟไม่จาํ เป็ นต้อง
คํานึงถึงขัวมิเตอร์ เพราะแรงดันไฟสลับจะมีขวสลั ั บไปสลับมาตลอดเวลา
เอซี โวลต์ มิเตอร์ มี ทงหมด
ั 5 ย่าน คือ 0~2.5V, 0~10V, 0~50V, 0~250V และ0~1,000V
มี 4 สเกล คือ 0~2.5,0~10, 0~50, 0~250 อ่านขีดสเกลทีอยูใ่ ต้กระจกเงา
การวัดกระแสไฟตรง
ดีซีแอมมิเตอร์ หรื อดีซีมิลลิแอมมิเตอร์ คือมิเตอร์วดั กระแสไฟตรง (DC CURRENT) เพือจะ
ทราบจํานวนกระแสทีไหลผ่านวงจรว่ามีค่าเท่าไร การใช้ดีซีแอมมิเตอร์ หรื อดีซีมิลลิแอมมิเตอร์ วัดกระแส
ไฟตรงในวงจร จะต้องตัดไฟแหล่งจ่ายออกจากวงจร และนําดีซีแอมมิเตอร์ หรื อดีซีมิลลิแอมมิเตอร์ ต่อ
อันดับกับวงจร และแหล่งจ่ายไฟ ขัวของดีซีแอมมิเตอร์ จะต้องต่อให้ถูกต้องมิเช่นนันเข็มมิเตอร์ จะตีกลับ
อาจทําให้มิเตอร์ เสี ยได้ เอซี โวลต์มิเตอร์ มีทงหมด
ั 4 ย่าน คือ 50uA, 2.5mA, 25mA และ 0.25 mA มี 3
สเกล แต่นาํ มาใช้กบั การวัดกระแสจะใช้ 2 สเกล คือ 0~50, 0~250 อ่านขีดสเกลทีอยูใ่ ต้กระจกเงา
ลําดับขันการใช้ ดีซีมิลลิแอมป์ มิเตอร์
1. การต่อดีซีมิลลิแอมมิเตอร์ วดั กระแสในวงจร จะต้องต่ออันดับกับโหลดในวงจร
2. ตังย่านใช้งานของมิเตอร์ ในย่าน DCmA
3. ปรับสวิตช์ตงย่ั านการวัดให้ถูกต้อง ถ้าหากไม่ทราบกระแสทีจะทําการวัด ให้ตงย่ ั านวัดที
ตําแหน่งสู งสุ ด (0.25A) ไว้ก่อน แล้วปรับลดย่านให้ตาลงที
ํ ละย่านจนกว่าเข็มมิเตอร์ จะชีค่าทีอ่านได้ง่าย
และถูกต้อง
4. ก่อนต่อมิเตอร์ วดั กระแสไฟสู งๆ ควรจะปิ ด (OFF) สวิตช์ไฟของวงจรทีจะวัดเสี ยก่อน
5. เมือวัดเสร็ จเรี ยบร้อยควรปิ ด (OFF) สวิตช์ไฟ ของวงจร ทีทําการวัดเสี ยก่อนจึงปลดสายวัดของ
มิเตอร์ ออกจากวงจร
การวัดความต้ านทาน
โอห์มมิเตอร์ คือ มิเตอร์ ทีสร้างขึนมาไว้วดั ค่าความต้านทาน ของตัวต้านทาน (R) โดยอ่านค่า
ออกมาเป็ นค่าโอห์ม โดยมียา่ นการวัดทังหมด 5 ย่าน คือ x1, x10, x100, x1k และ x10k อ่านค่าความ
ต้านทานได้ตงแต่ั 2 กิโลโอห์ม ถึง 20 เมกกะโอห์ม
ลําดับขันตอนการใช้ โอห์ มมิเตอร์
1. ตังย่านใช้งานของมิเตอร์ ทีย่านโอห์ม
2. ใช้สายวัดสี แดงเสี ยบเข้าทีขัวต่อขัวบวก (+) และสายวัดสี ดาํ เสี ยบเข้าทีขัวต่อขัวลบ (-COM)
3. ปรับซี เล็กเตอร์ สวิตช์ตงย่
ั านวัดให้ถูกต้อง
4. ก่อนการนําโอห์มมิเตอร์ ไปใช้วดั ทุกครัง และทุกย่าน จะต้องทําการปรับ 0 โอห์มเสมอ
5. ถ้าจะนําโอห์มมิเตอร์ ไปวัดค่าความต้านทานในวงจรต้องแน่ใจว่าปิ ด (OFF) สวิตช์ไฟ ทุกครัง
การอ่ านสเกลของโอห์ มมิเตอร์
RT = R1 + R2 +R3 +….
โดยที RT = ค่าความต้านทานรวม
R1, R2, R3 = ค่าความต้านทานตัวที 1, 2, 3 ตามลําดับ
ตัวอย่ างที 1 จากวงจรในรู ป จงคํานวณหาค่าความต้านทานรวม
สู ตรทีในในการคํานวณหาค่าความต้านทานทีต่อกันแบบขนาน
RT =
โดยที RT = ค่าความต้านทานรวม
R1, R2, R3 = ค่าความต้านทานตัวที 1, 2, 3 ตามลําดับ
วิธีทาํ RT =
=
คําตอบ = 11.9 Ω
วิธีทาํ จากสู ตร
แทนค่า
คําตอบ I =1
จากที ทราบมาแล้วว่า แรงดันไฟฟ้ า นันแรงที ทํา ให้อิ เล็ ก ตรอนเกิ ด การเคลื อนที หรื อเรี ย กว่า
แรงเคลื อนไฟฟ้ า (Electromotive Force) และเนื องจากการที มีศกั ย์ไฟฟ้ าตรงกันข้าม นันคือ ด้านหนึ งมี
ศักย์ไฟฟ้ าเป็ นบวก (+) ส่ วนอีกด้านหนึ งเป็ นลบ (-) ดังนันขนาดของแรงดันจึงหมายถึ งปริ มาณของความ
ต่างศักย์ไฟฟ้ า (Potential Difference) ทีปรากฏคร่ อมวงจรไฟฟ้ านันเอง ความต่างศักย์ไฟฟ้ าสามารถทีจะ
บอกถึงระดับแรงดันไฟฟ้าทีจ่ายให้แก่วงจรไฟฟ้าได้
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
104
คู่มือเตรี ยมสอบ
W = P t
เมือ W = พลังงานไฟฟ้า หน่วย วัตต์ – วินาที (Watt - Second)
P = กําลังไฟฟ้า หน่วย วัตต์ (Watt)
t = เวลา หน่วย วินาที (Second
ตัวอย่ างที อาคารหลังหนึงใช้หลอดไฟแสงสว่างขนาด 100 วัตต์ จํานวน 20 หลอด ใช้งานนานวันละ 6
ชัวโมง จะชําระค่าไฟฟ้าวันละเท่าไร ถ้าคิดค่าไฟฟ้ายูนิตละ 2 บาท
วิธีทาํ
จาก W = P t
พลังงานไฟฟ้าทีถูกใช้ไป = 100 W 20 6 ชัวโมง
= 12,000 วัตต์ – ชัวโมง
= 12 กิโลวัตต์ – ชัวโมง
หรื อ = 12 ยูนิต
คิดค่าไฟฟ้ายูนิตละ 2 บาท/วัน
= 12 ยูนิต 2 บาท
= 24 บาท / วัน
จะชําระค่าไฟฟ้าวันละ = 24 บาท
วิธีทาํ
คํานวณค่า RT = R1 + R 2 + R 3 + R4
= 2Ω+4Ω+6Ω+8Ω
RT = 20 Ω
คํานวณหาค่า IT = (A)
IT =
= 1A
(Ω)
หรื อ
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
107
คู่มือเตรี ยมสอบ
(Ω)
วิธีทาํ
คํานวณหาค่าความต้านทานรวม
RT =
= = 0.96 Ω
IT =
= = 20.83 A
I1 = = = 10 A
I2 = =
= 5A
I3 = =
= 3.33 A
I4 = =
= 2.5 A
หรื อ
IT = I1 + I2 + I3 + I4
= 10 + 5 + 3.33 + 2.5
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
108
คู่มือเตรี ยมสอบ
= 20.83 A
สายและการต่ อ
สาย
ให้กระแสผ่านได้ง่ายมากจากส่ วนหนึงไปยังส่ วนอืนของวงจร
(wire)
ในวงจรทีซับซ้อนมีสายมากจําเป็ นต้องเขียนสายตัดกันแต่ไม่ต่อ
กัน นิยมใช้สองวิธีคือเส้นตรงตัดกันโดยไม่มีจุดหยด หรื อเส้น
สายไม่
หนึงเขียนโค้งข้าม อีกเส้นทีเป็ นเส้นตรงดังรู ปทางขวา อยาก
ต่อกัน
แนะนําให้ใช้แบบหลังเพือป้ องกันการเข้าใจผิดว่าเป็ นจุดต่อทีลืม
ใส่ จุดหยด
แหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า
เซลล์ เซลล์ตวั เดียวจะไม่เรี ยกว่า
แบตเตอรี
แหล่งจ่ายพลังงาน
แบตเตอรี ไฟฟ้า แบตเตอรี จะมี
มากกว่า 1 เซลล์ต่อเข้า
ด้วยกัน
ป้ อนพลังงานไฟฟ้า
ป้ อนไฟตรง(DC) DC = ไฟกระแสตรง ไหล
ทิศทางเดียวเสมอ
ป้ องกันอุปกรณ์เสี ยหาย
โดยตัวมันจะละลายขาด
ฟิ วส์
หากมีกระแสไหลผ่านเกิน
ค่ากําหนด
ขดลวดสองขดเชือมโยง
กันด้วยแกนเหล็ก หม้อ
แปลงใช้แปลงแรงดัน
กระแสสลับให้สูงขึนหรื อ
ลดลง พลังงานจะถ่ายโอน
หม้อแปลง
ระหว่าง ขดลวดโดย
สนามแม่เหล็กในแกน
เหล็ก และไม่มีการต่อกัน
ทางไฟฟ้าระหว่างขดลวด
ทังสอง
ตัวแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็ นแสง
สัญลักษณ์นีเป็ นหลอดให้แสงสว่าง
หลอด (แสงสว่าง)
ตัวอย่างเช่นหลอดไฟหน้ารถยนต์
หรื อหลอดไฟฉาย
ตัวแปลงพลังงานไฟฟ้าเป็ นพลังงาน
มอเตอร์
จล (หมุน)
สวิทช์
สวิทช์กด ยอมให้กระแสไหลผ่านเมือสวิทช์ถูก
สวิทช์กดต่อ
กด เช่น สวิทช์กริ งประตูบา้ น
1. ความต้านทานแต่ละตัวได้รับแรงดันกระแสไฟฟ้าเท่ากัน
2. กระแสไฟฟ้าทีไหลผ่านความต้านทานแต่ละตัวมีค่าไม่เท่ากัน ทังนีขึนอยูก่ บั ความ
ต้านทานนัน ๆ คือ ถ้ามีความต้านทานมากกระแสไฟฟ้าจะไหลได้นอ้ ย ถ้ามีความต้านทานน้อย
กระแสไฟฟ้าจะไหลได้มาก
3. ผลรวมของกระแสไฟฟ้าทีแยกไหลผ่านแต่ละความต้าน เมือรวมกันแล้วจะเท่ากับกระแสไฟฟ้า
ของวงจร
4. ความต่างศักย์ไฟฟ้าบนความต้านทานแต่ละเส้น จะมีค่าเท่ากัน และเท่ากับความต่างศักย์ไฟฟ้า
รวมทังวงจร
....
2. รีเลย์ (Relay)
เป็ นอุปกรณ์ควบคุมวงจรไฟฟ้าทีมีการทํางานในลักษณะเป็ น เครื องกลไฟฟ้า ทีนิยมใช้ในวงจร
ควบคุมแบบต่าง ๆ กันอย่างแพร่ หลาย โดยโครงสร้างพืนฐานและการทํางานของรี เลย์ ดังแสดงในรู ปรี เลย์
จะมีหน้าสัมผัสอยูส่ องแบบ คือ แบบปกติเปิ ดและแบบปกติปิด รี เลย์แบบปกติเปิ ดหน้าสัมผัสของรี เลย์และ
จะเปิ ดเมือ ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ไปยังขดลวดของรี เลย์และหน้าสัมผัสจะปิ ดเมือมีกระแสไฟฟ้าไหล
ผ่านไปทีขดลวดของรี เลย์ ซึ งการทํางานก็จะตรงกันข้ามกันในรี เลย์แบบปกติปิด รี เลย์มีหลายชนิดด้วยกน
โดยมากรี เลย์จะถูกนํามาใช้ในวงจรการควบคุมมอเตอร์ ไฟฟ้าในลักษณะของการหน่วงเวลาเพือทําให้เกิด
การทํางานของวงจรควบคุมเป็ นไปตามลําดับหรื อใช้เพือป้ องกันอันตรายทีเกิดขึนภายในวงจรควบคุม
ข้ อ 20 วงจรการควบคุมมอเตอร์ (คะแนน 1)
1. การควบคุมด้ วยมือ (Manual control)
การควบคุมมอเตอร์ ดว้ ยมือจะเป็ นการควบคุมโดยตรงจากผูใ้ ช้งาน โดยมากจะใช้ในวงจร
ควบคุมมอเตอร์ ไฟฟ้าขนาดเล็ก การควบคุมแบบนีจะอาศัยคนทําการควบคุมการเริ มเดิน และการหยุดเดิน
มอเตอร์ ดังรู ป เป็ นวงจรแสดงการควบคุมมอเตอร์ ไฟฟ้าขนาดเล็กเฟสเดียวทีใช้การควบคุมด้วยมือ โดยจะ
ให้คนควบคุมการปิ ดเปิ ดหน้าสัมผัสเพือควบคุมกระแสไฟฟ้าทีไหลไปสู่ มอเตอร์
ลักษณะของเซฟตีสวิตซ์
เซฟตีสวิตซ์ เป็ นอุปกรณ์ทีใช้ควบคุมวงจรไฟฟ้าทัวไปโดยจะเป็ นสวิตซ์เพือใช้ในการตัดระบบ
ไฟฟ้าหลักทีเชือมต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทังหมดออกจากวงจรซึ งเป็ นวิธีง่ายและเป็ นทีนิยมใช้กนั มีทงระบบ
ั
ไฟฟ้าหนึงเฟส (Single - Phase) และระบบไฟฟ้าสามเฟส (Three Phase) ดังแสดงในรู ป (ก) และ (ข)
http://www.testthai1.com สังซื อ E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการทุกหน่วยงาน สังซื อที Line : testthai1
125
คู่มือเตรี ยมสอบ
ลักษณะภายนอก
มีลกั ษณะเป็ นสี เหลียม (จัตุรัส หรื อ ผืนผ้าก็ได้) เป็ นงานมีขา (Peripheral) หรื อ ไม่มีก็ได้ งานไม่มี
ขา (Non - Lead) บางทีขาทีว่าจะมีลกั ษณะกลม เรี ยกว่าบอลตัวงานจะมีลกั ษณะสี ดาํ (หรื อใส (Clear resin)
โดนส่ วนมากจะดํา) เนืองจากใช้เรซินในการฉี ดขึนรู ป ภายในจะมีวงจรต่าง ๆ ใช้สาํ หรับงานต่าง ๆกันไป
สารกึงตัวนําไม่ บริสุทธิe
สารกึงตัวนําไม่บริ สุทธิ‡ เป็ นสารทีเกิดขึนจากการเติมสารเจือปนลงไปในสารกึงตัวนําแท้ เช่น
ซิ ลิกอน หรื อเยอรมันเนียม เพือให้ได้สารกึงตัวนําทีมีสภาพการนําไฟฟ้าทีดีขึน สารกึงตัวนําไม่บริ สุทธิ‡ นี
แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ สารกึงตัวนําประเภทเอ็น (N - Type) สารกึงตัวนําประเภทพี (P - Type)
ชนิด
ข้ อ 24 การต่ อ L (คะแนน 1)
ตัวเหนียวนําเป็ นอุปกรณ์ทีต้านการเปลียนแปลงของกระแสไฟฟ้าในวงจร การต่อตัวเหนียวนําจะ
มีรูปแบบการต่อเช่นเดียวกับการต่อตัวต้านทาน นันคือ ต่อแบบอนุกรมหรื ออันดับ และต่อแบบขนานกรณี
นําตัวเหนียวนําจํานวน 2 ตัว หรื อมากกว่ามาต่อกันแบบอนุกรมจะเป็ นการเพิมความยาวให้กบั ขดลวด และ
ทําให้ค่าความเหนียวนํารวมเพิมขึน และเมือทําการต่อตัวเหนียวนําแบบขนาน การหาค่าความเหนียวนํา
รวมจะใช้วธิ ี คาํ นวณเช่นเดียวกับวิธีของตัวต้านทาน โดยทีค่าความเหนียวนํารวมทีได้ จะมีค่าน้อยกว่าค่า
ความเหนียวนําของตัวเหนียวนําทีมีค่าน้อยทีสุ ดในวงจร
การต่ อตัวเหนียวนําแบบขนาน
การคํานวณหาค่าความเหนียวนํารวม เมือนําตัวเหนียวนํามากกว่า 2 ตัว ต่อกันแบบขนาน
วิธีทาํ
ก. ใช้สูตรในการคํานวณทัวไป
ดังนี
วิธีทาํ
การต่ อตัวเก็บประจุแบบขนาน
รู ป แสดงการต่อตัวเก็บประจุ 2 ตัว A และ B ค่า uF และ 4 uF แบบขนาน ส่ วนรู ปที (ข) แสดงการ
ต่อตัวเก็บประจุ A และ B ซึ งมีค่าคงทีไดอิเล็กตริ ก และระยะห่างระหว่างแผ่นเพลตเท่ากันเข้าด้วยกันแบบ
ขนานจะเห็นว่า ทังด้านบนและด้านล่างแผ่นเพลตของตัวเก็บประจุทงสองสองถู
ั กต่อเข้าด้วยกัน จึงเสทอน
ว่าแผ่นเพลตทังสองเป็ นแผ่นเดียวกัน สรุ ปได้วา่ ถ้าต่อตัวเก็บประจุแบบขนานจะทําให้พนที
ื ของแผ่นเพลต
เพิมขึน และเนื องด้วยค่าการเก็บประจุเป็ นสัดส่ วนโดยตรงกับพืนทีของแผ่นเพลต ดังนัน จึงส่ งผลให้ค่า
การเก็บประจุเพิมขึนด้วย
รหัสสี
ตัวต้านทานชนิดค่าคงทีโดยปกติแล้วจะแบ่งเป็ น แบบใช้งานทัวไป (General – Purpose Resistors)
และแบบเทียงตรงสู ง (Precision Resistors) ซึ งตัวต้านทานแบบใช้งานทัวไปจะมีค่าความคลาดเคลือน
± 5% หรื อมากกว่า และแถบสี แสดงแทนค่าความต้านทานจํานวน 4 แถบ ส่ วนตัวต้านทานแบบความ
เทียงตรงสู งจะมีค่าความคลาดเคลือน ± 2% หรื อน้อยกว่า โดยจะมีแถบสี แสดงค่าความต้านทานทังสอง
แบบนี ดังแสดงในรู ป
อุปกรณ์ทีใช้ในการบัดกรี ได้แก่
1. ตะกัวบัดกรี และฟลัก=
2. หัวแร้งบัดกรี
เทคนิคการบัดกรี
ก่อนทีจะทําการบัดกรี จะต้องเตรี ยมอุปกรณ์ทีต้องบัดกรี และสายไฟใช้สาํ หรับเชือมต่อวงจรให้
พร้อมเสี ยก่อน สําหรับสายไฟนันจะต้องนํามาพันเข้ากับขัวต่อ หรื อ ขาของอุปกรณ์ก่อนจากนันจึงทําการ
บัดกรี ทังนีเพือช่วยให้จุดบัดกรี มีความแข็งแรงมากขึนดังแสดงในรู ป (ก) ส่ วนฉนวนหุ ม้ สายไฟควรทําการ
ปอกให้เหลือเฉพาะลวดนําส่ วนทีจะถูกบัดกรี เท่านัน โดยหลังจากนําสายไฟไปพันเข้ากับขัวต่อ หรื อขา
ของอุปกรณ์แล้วควรเหลือช่องว่างเอาไว้เล็กน้อย ซึ งถ้าช่องว่างน้อยเกินไปอาจจําทําให้ฉนวนไหม้ขณะที
ทําการบัดกรี ได้
สําหรับสายไฟทีประกอบขึนจากขดลวดตัวนําเส้นเล็กหลาย ๆ เส้น ควนบัดกรี ให้เส้นลวดตัวนํา
เหล่านันติดกันก่อนด้วยตะกัวบัดกรี เสี ยก่อน ดังแสดงในรู ป (ข) ส่ วนการวงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงบน
แผ่นวงจร หรื อแผ่นบอร์ ดจะต้องเสี ยบขาของอุปกรณ์ลงบนแผ่นบอร์ ดโดยพยายามให้ตวั อุปกรณ์แนบติด
กับแผ่นบอร์ ดให้มากทีสุ ด นอกจากนันควรดัดขาของอุปกรณ์ให้แยกออกเล็กน้อยดังแสดงในรู ป (ค)
เพือให้ขาของอุปกรณ์ขดั อยูก่ บั แผ่นบอร์ ดเป็ นการป้ องกันไม่ให้อุปกรณ์เคลือนตัวในขณะทีทําการบัดกรี
หม้อแปลงไฟฟ้าเป็ นอุปกรณ์ทีสามารถถ่ายทอดพลังงานจากขดลวดหนึงไปยังอีกขดลวดหนึงโดย
อาศัยหลักการเหนียวนําของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า สําหรับพลังงานทีส่ งผ่านจะอยูใ่ นรู ปของแรงดันไฟฟ้าที
มีระดับของแรงดันเท่ากัน ระดับทีตํากว่า หรื อระดับทีสู งกว่าก็ได้
หลักการพืนฐานของหม้อแปลงไฟฟ้า
จากรู ป (ก) แสดงรู ปสัญลักษณ์ และวงจรพืนฐานของหม้อ แปลงไฟฟ้า ซึ งประกอบด้วยขดลวด 2
ขดทีจัดให้อยูใ่ กล้กนั ได้แก่ ขดลวดปฐมภูมิ (Primary Winding) และขดลวดทุติยภูมิ (Secondary Winding)
ทังนีเพือให้เส้นแรงของสนามแม่เหล็กทีเกิดจากขดลวดปฐมภูมิไปตัดกับขดลวดทุติยภูมิ และเกิดการ
เหนียวนําซึ งกันและกันขึน โดยจัดให้แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับต่อเข้ากับขดลวดปฐมภูมิ และ
โหลด (RL) ต่อเข้ากับด้านทุติยภูมิ
เมือแรงดันไฟฟ้าเพิมมากขึนกระแสไฟฟ้าก็ไหลมากขึน ส่ งผลให้สนามแม่เหล็กเกิดการขยายตัวไปตัดกับ
ขดลวดทุติยภูมิเกิดการเหนียวนําทางไฟฟ้า ส่ งผลให้มีกระแสไฟฟ้าไหลในทิศทางตรงข้าม และไหลผ่าน
ต่อไปยังโหลดเช่นเดียวกัน
ลักษณะของหม้อแปลงแต่ละชนิด
รู ป แสดงลักษณะหม้ อแปลงเพิมระดับแรงดัน
รู ปลักษณะแสดงลักษณะหม้ อแปลงลดระดับแรงดัน
อิเล็กทรอนิกส์ ขนพื
ั นฐาน
อิเล็กทรอนิกส์ข# นั พื#นฐานเป็ นวิชาที&เน้นความรู ้เบื#องต้นเกี&ยวกับไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ การต่อวงจร
อย่างง่ายเพื&อทดสอบคุณสมบัติของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเพื&อนําความรู ้ไปประยุกต์ใช้ ใน
การต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์เพื&อใช้งานต่อไป
ไฟฟ้ าคืออะไร
ไฟฟ้าถูกจัดให้เป็ นพลังงานรู ปหนึ&งที&สามารถแปรรู ปได้โดยอาศัยแรงดันไฟฟ้ าและกระแสไฟฟ้
จ่ายไปให้ อุปกรณ์ไฟฟ้ าเครื& องมือเครื& องใช้ ไฟฟ้ าเพื&อให้ เกิดการทํางานโดยที&ไฟฟ้าที&จ่ายไปให้ กับ
อุปกรณ์เครื& องมือเครื& องใช้ไฟฟ้า ต่าง ๆ นั#นจะอยูใ่ นรู ปกระแสไฟฟ้ าไหลซึ& งก็คือการเคลื&อนที&ของ
อิเล็กตรอนจากอะตอมหนึ&งไปยังอีกอะตอมหนึ&ง
เครื& องกําเนิดไฟฟ้ าและถ่านไฟฉายทําให้ เกิด “ศักย์ไฟฟ้า” หรื อที&เรี ยกว่าแรงดันไฟฟ้ า ระหว่าง
ขั#วของเครื& องกําเนิดไฟฟ้า หรื อถ่านไฟฉายจึงเป็ นเหตุให้ ไฟฟ้า คือ อิเล็กตรอน (ประจุ) เคลื&อนที&ไป และ
บังเกิดเป็ นไฟฟ้าที&เรานํามาใช้ ประโยชน์ได้ อย่างมากมายมหาศาล
แหล่ งกําเนิดของกระแสไฟฟ้ า
ไฟฟ้ามีอยู่ 2 ชนิด คือ ไฟฟ้าสถิตและไฟฟ้ากระแส
ไฟฟ้าสถิต คือ ไฟฟ้าที&อยูนิ&งไม่มีการเคลื&อนที&
ไฟฟ้ากระแส คือ ไฟฟ้าที&เกิดจากการไหลของอิเล็คตรอน แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ ไฟฟ้า
กระแสตรง และไฟฟ้า กระแสสลับ
กฎของโอห์ ม
กฎของโอห์มกําหนดขึ#นมาจากความสัมพันธ์ ของกระแสแรงดันและความต้านทาน
ความสัมพันธ์ นี#เป็ นไปตามความเป็ นจริ งของการทํางานในวงจรไฟฟ้า คือ กระแสไฟฟ้าจะไหลได้ ต้องมี
แรงดันหรื อความต่างศักย์ระหว่างจุดสองจุด แหล่งกําเนิดไฟฟ้าเป็ นตัวให้ แรงดันไฟฟ้าออกมา ส่ วนความ
ต้านทานไฟฟ้าเป็ นตัวต้านการไหลของกระแสไฟฟ้า
กระแสไฟฟ้า คือ การไหลของอิเล็กตรอน
กระแสไฟฟ้า 1 แอมแปร์ คือ การจัดเมื&อประจุไฟฟ้า 1 คูลอมบ์ เคลื&อนที&ผา่ นจุดอีกจุดหนึ&งใน
เวลา 1 วินาที
แรงดันไฟฟ้า คือ แรงที&ทาํ ให้ อิเล็กตรอนเคลื&อนที&ในวงจรไฟฟ้า
แรงดันไฟฟ้า 1โวลต์ คือ ศักย์ไฟฟ้าที&ใช้ ทําให้ ตัวนําซึ& งมีค่าความต้านทาน 1 โอห์ม มี
กระแสไฟฟ้าไหล 1 แอมแปร์
ความต้านทาน คือ การต้านการไหลของกระแสไฟฟ้ า
ความต้านทาน 1 โอห์ม คือจํานวนของค่าความต้านทานที&ยอมให้กระแสไฟฟ้า 1 แอมแปร์ ไหล
ผ่านเมื&อใช้ แรงดันไฟฟ้า 1 โวลต์
ซึ& งนํามาสรุ ปได้ ว่า จํานวนของกระแสไฟฟ้าที&ไหลในวงจรไฟฟ้าเปลี&ยนแปลงตามค่า
แรงดันไฟฟ้าที&จ่ายให้ กับวงจรนั#น แต่เปลี&ยนแปลงเป็ นส่ วนกลับกับความต้านทานไฟฟ้าในวงจร เรา
สามารถนํามาเขียนเป็ นสมการได้ ดงนี#
1. ถ้ากําหนดให้ ความต้านทานในวงจรคงที& กระแสไฟฟ้าในวงจรจะไหลได้ มากเมื&อจ่าย
แรงดันไฟฟ้าให้ วงจรมาก และกระแสไฟฟ้าในวงจรจะไหลได้ น้อย เมื&อจ่ายแรงดันไฟฟ้าในวงจรน้อย
เขียนเป็ นสมการได้ ดังนี#
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
142
คู่มือเตรี ยมสอบ 3
การนํากฎของโอห์ มไปใช้
ตัวอย่าง แรงดันไฟฟ้า 15 โวลต์ ตกคร่ อมความต้านทาน 20 โอห์ม จะมีกระแสไหลผ่านความต้านทานตัว
นี#เท่าไร
จากที&โจทย์กาํ หนด E= 15 โวลต์ R= 20 โอห์ม I=?
จากกฎของโอห์ม I=E/R ดังนั#น กระแส = 15/20 = 0.75 แอมแปร์
กําลังไฟฟ้ า
กําลัง คือ อัตราการทํางานในหนึ&งหน่วยเวลา
กําลังไฟฟ้า (P) คือ อัตราการใช้ พลังงานมีหน่วยเป็ นจูล (J) ทําให้อิเล็กตรอนเคลื&อนที&จากจุด
หนึ&งไปยังอีกจุดหนึ&ง ในหน่วยเวลาเป็ นวินาที (s) เขียนเป็ นสมการได้ ดังนี#
P = W/t
P= กําลังไฟฟ้า หน่วยเป็ นวัตต์ (W)
W = พลังงานหรื องาน หน่วยเป็ นจูล (J)
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
143
คู่มือเตรี ยมสอบ 4
วงจรไฟฟ้ า
วงจรไฟฟ้า (Electrical Circuit) คือ การนําอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื& องมือ และเครื& องใช้ไฟฟ้าไปต่อใช้
งานกับแหล่งจ่ายไฟฟ้า ลักษณะการต่อใช้งานจะต้องต่อในรู ปวงจร (Circuit) ซึ& งส่ วนประกอบหลักที&
สําคัญของวงจรมี 3 ส่ วน คือ
1. แหล่งจ่ายไฟฟ้า เป็ นแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าให้ กับอุปกรณ์ที&ใช้ พลังงาน
ไฟฟ้าโดยแหล่งจ่ายไฟฟ้า สามารถนํามาได้ จากหลายแหล่งกําเนิด เช่น จากปฏิกิริยาเคมี จากการทําให้ ขด
ขวดตัดกับสนามแม่เหล็ก(ไฟฟ้ ากระแส) หรื อจากแหล่งพลังงานอื&น ๆ ซึ& งหน่วยการวัดจะเรี ยกเป็ น โวลต์
(Volt) หรื อ V
2. อุปกรณ์ไฟฟ้าหรื อโหลดเป็ นอุปกรณ์ต่างๆที&ใช้ ไฟฟ้ าในการทํางานโหลดจะทําหน้าที&เปลี&ยน
พลังงานไฟฟ้าให้ กลายเป็ นพลังงานรู ปอื&น ๆ เช่น เสี ยง แสง ความร้อน ความเย็น และการสั&นสะเทือน เป็ น
ต้น โหลด คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด เช่น วิทยุ โทรทัศน์ พัดลม เตารี ด ตูเ้ ย็น เครื& องซักผ้า เป็ นต้น โหลด
แต่ละชนิดจะใช้ กําลังไฟฟ้าไม่เท่ากัน ซึ& งจะแสดงด้วยค่าแรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และกําลังไฟฟ้า
3. สายต่อวงจรเป็ นสายตัวนําหรื อสายไฟฟ้าใช้ เชื&อมต่อวงจรให้ ต่อถึงกันแบบครบรอบทําให้
แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าต่อถึงโหลดเกิดกระแสไฟฟ้าไหลผ่านวงจร จากแหล่งจ่ายไปโหลดและกลับมา
ครบรอบที&แหล่งจ่ายอีกครั#ง สายไฟฟ้าที&ใช้ ต่อวงจรมักทําด้วยทองแดงมีฉนวนหุ ม้ โดยรอบ เพื&อให้เกิด
ความปลอดภัยในการใช้งาน
วงจรไฟฟ้าโดยทัว& ไปกระแสไฟฟ้าจะไหลจากขั#วลบของแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าผ่านไปยังโหลด
และจากโหลดกลับมายังขั#วบวกของแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ าซึ& งก็คือกระแสอิเล็กตรอนแต่เพื&อความสะดวก
ในการคํานวณหาค่าต่างๆในวงจรไฟฟ้าจึงตั#งกระแสสมมุติข# ึนมาให้ กระแสไฟฟ้าไหลจากขั#วบวกของ
แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าไปยังโหลด แล้วกลับมาที&ข# วั ลบของแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้า ซึ& งก็คือทิศทางการไหล
ขอโฮลนัน& เอง ดังนั#นต่อไปนี# ถา้ กล่าวถึงการไหลของกระแสไฟฟ้าจึงเป็ นกระแสสมมุติ นัน& เอง
ชนิดของวงจรไฟฟ้ า
วงจรไฟฟ้า หรื อ การต่อโหลดใช้งานในวงจรไฟฟ้า สามารถต่อโหลดในวงจรไฟฟ้าได้ เป็ น 3
แบบ คือ วงจรไฟฟ้าแบบอนุ กรม (Series Electrical Curcuit) วงจรไฟฟ้าแบบขนาน (Parallel Electrical
Curcuit) และวงจรไฟฟ้าแบบผสม (Series-Parallel Electrical Curcuit)
วงจรไฟฟ้ าแบบอนุกรม
วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมเป็ นการต่อวงจรไฟฟ้าโดยมีโหลดหลายตัวในวงจรถูกต่อเรี ยงเป็ นลําดับ
กันไปการต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมนี#ทาํ ให้ เกิดกระแสไหลผ่านโหลดทุกตัวเท่ากันหมด แต่จะเกิด
แรงดันตกคร่ อมโหลดแต่ละตัวอาจไม่เท่ากัน ขึ#นอยูกบั ค่าความต้านทานของโหลดเหล่านั#นการต่อ
วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมไม่นิยมต่อใช้งานกับอุปกรณ์และเครื& องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเรื อน เพราะ อุปกรณ์
และเครื องใช้ ไฟฟ้าที&ใช้งานต้องการแรงดันไฟฟ้าเท่ากันหมดแต่ตอ้ งการกระแสไฟฟ้าต่างกันการต่อ
วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมนิยมใช้ กับงานบางชนิด เช่น การต่อหลอดไฟประดับต่าง ๆ และต่อตัวต้ านทาน
ในวงจร เป็ นต้น
2. ค่ากระแสไฟฟ้าที&ไหลผ่านอุปกรณ์แต่ละตัวในวงจรจะมีค่าเท่ากันหมด
IT = IR1 = IR2= IR3……..IRn
3. แรงดันไฟฟ้าตกคร่ อม R แต่ละตัวรวมกันจะเท่ากับแรงดันของแหล่งจ่าย
ET = ER1 + ER2 + ER3…….+ERn
4. กําลังไฟฟ้ารวมของวงจรมีค่าเท่ากับผลรวมของกําลังไฟฟ้าของอุปกรณ์แต่ละตัวในวงจรไฟฟ้า
PT= PR1+ PR2 + PR3……+PRn
5. การต่อแบตเตอรี& แบบอนุ กรมจะได้ แรงดันไฟฟ้าเพิ&มขึ#น
ตัวอย่าง ตัวต้านทาน 3 ตัว มีค่า 24 โอห์ม 2 วัตต์, 36 โอห์ม 1 วัตต์, 68 โอห์ม 0.5 วัตต์ ตามลําดับนํามาต่อ
กันแบบอนุกรม จงหาค่าความต้านทานรวม และค่าอัตราทนกําลังไฟฟ้า
จากสู ตร RT= R1+ R2 + ……+ Rn
= 24+36+68
RT =128 โอห์ม
อัตราทนกําลังไฟฟ้า = อัตราทนกําลังไฟฟ้าตัวที&นอ้ ยที&สดในวงจร = 0.5 วัตต์
ดังนั#นค่าความต้านทานรวม คือ 128 โอห์ม อัตราทนกําลังไฟฟ้า คือ 0.5 วัตต์
วงจรไฟฟ้ าแบบขนาน
วงจรไฟฟ้าแบบขนาน เป็ นการต่อวงจรไฟฟ้าโดยมีโหลดหลายตัวในวงจรถูกต่อคร่ อมขนานกัน
ทั#งวงจร การต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนานทําให้ เกิดแรงดันไฟฟ้าตกคร่ อมโหลดทุกตัวในวงจรเท่ากันแต่จะ
เกิดกระแสไฟฟ้าไหลผ่านโหลดแต่ละตัวอาจไม่เท่ากันขึ#นอยูก่ บั ค่าความต้านทานของโหลดเหล่านั#นการ
ต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนานเป็ นการต่อวงจรที&เหมาะสมกับการใช้ งานของอุปกรณ์และเครื& องใช้ ไฟฟ้า
ภายในบ้านเรื อนเพราะต้องการแรงดันไฟฟ้าใช้ งานเท่ากันและอุปกรณ์หรื อเครื& องใช้ ไฟฟ้าแต่ละชิ#น
สามารถทํางานได้ อย่างอิสระ จะใช้งานหรื อหยุดใช้ งานเมื&อไรก็ได้
วงจรไฟฟ้ าแบบผสม
วงจรไฟฟ้าแบบผสมเป็ นการต่อวงจรไฟฟ้าโดยการต่อรวมกันระหว่างวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมกับ
วงจรไฟฟ้าแบบขนาน ภายในวงจร โหลดบางตัวต่อวงจรแบบอนุกรมและโหลดบางตัวต่อวงจรแบบขนาน
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
147
คู่มือเตรี ยมสอบ 8
การต่อวงจรไม่มีมาตรฐานตายตัวเปลี&ยนแปลงไปตามลักษณะการต่อวงจรตามต้องการการวิเคราะห์แก้
ปั ญหาของวงจรผสมต้องอาศัยหลักการทํางานตลอดจนอาศัยคุณสมบัติของวงจรไฟฟ้าทั#ง แบบอนุกรม
และแบบขนาน
รายการอุปกรณ์ ทใช้
ี ในการทดลองต่ อวงจร
1. อุปกรณ์ ทวไปที
ั ใช้ ในวงจร
1.2 สวิตช์
สวิตช์ (Switch) เป็ นอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกชนิดหนึ&ง ถือว่าเป็ นอุปกรณ์พ#ืนฐานที&พบการใช้งานได้บ่อย หน้าที&
ของสวิตช์ คือ ใช้ตดั ต่อวงจรไฟฟ้าเพื&อให้ มีการจ่ายแรงดันเข้าวงจรหรื องดจ่ายแรงดันเข้าวงจร จะมีแรงดัน
จ่ายเข้าวงจรเมื&อสวิตช์ ต่อวงจร (Close Circuit) และไม่มีแรงดันจ่ายเข้าวงจรเมื&อ
สวิตช์ตดั วงจร (Open Circuit) สวิตช์มีหลายชนิด แต่ที&นิยมใช้ ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ได้ แก่ สวิตช์แบบ
ไมโคร (Microswitch) คือสวิตช์แบบกดชนิ ดกดติดปล่อยดับนัน& เอง แต่เป็ นสวิตช์ที&สามารถใช้แรงจํานวน
น้อยๆ กดปุ่ มสวิตช์ได้ ก้านสวิตช์แบบไมโครสวิตช์มีดว้ ยกันหลายแบบ อาจเป็ นปุ่ มกดเฉยๆ หรื ออาจมี
ก้านแบบโยกได้มากดปุ่ มสวิตช์อีกทีหนึ&ง การควบคุมตัดต่อสวิตช์ ทําได้โดยกดปุ่ ม สวิตช์หรื อกดก้านคัน
โยกเป็ นการต่อ (ON) และเมื&อปล่อยมือออกจากปุ่ มหรื อก้านคันโยกเป็ นการตัด (OFF) ดังภาพ
สัญลักษณ์
ตัวต้านทานปรับค่าได้ จะมีขาเชื&อมต่อ 3 ขา ในการต่อเพื&อใช้ งานส่ วนใหญ่จะใช้ เพียง 2 ขาโดย
เลือกขาปลายด้านใดด้านหนึ& งกับขาที&เป็ นแกนกลางแล้วให้ ขาปลายที&เหลือไม่มีการเชื& อมต่อ หรื อเลือกขา
ปลายด้านใดด้านหนึ&ง แล้วให้ ขาปลายที&เหลือเชื& อมต่อกับขาที&เป็ นแกนกลาง ดังภาพ
โครงสร้างภายในของตัวต้านทานปรับค่าได้ ประกอบด้วยขดลวดตัวต้านทาน และแกนหมุนเลือก
ตัวต้านทาน ดังภาพ
การทดลองที 4
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
156
คู่มือเตรี ยมสอบ 17
2.11 ไอซีเมโลดี
ปั จจุบนั เทคโนโลยีดา้ นอิเล็กทรอนิกส์ได้ เจริ ญก้าวหน้าไปอย่างมาก ผูผ้ ลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ได้ ผลิตชิพไอซี จาํ นวนมากเพื&อตอบสนองความต้องการของลูกค้า การออกแบบวงจรหรื อต่อวงจรเพื&อใช้
งาน จําเป็ นต้องทราบคุณลักษณะของอุปกรณ์ และไอซี ที&จะใช้งานก่อน โดยศึกษา จากคูมือ (data sheet)
ของบริ ษทั ผูผ้ ลิต หรื อค้นหาจากอินเทอร์ เน็ต
ไอซี เมโลดี#ตระกูล UM66T-L จะมีคุณสมบัติตามคู่มือ ดังนี#
คุณลักษณะ
• หน่วยความจํารอม 64 โน้ต
• ใช้ แหล่งจ่ายไฟ 1.3-3 โวลต์
• สามารถต่อทรานซิ สเตอร์ และลําโพงเพื&อใช้ งานได้
• มีตวั กําเนิดความถี& RC ภายใน
รายละเอียดทัวไป
ไอซี ตระกูล UM66T ถูกออกแบบเป็ น CMOS เพื&อกําเนิดเมโลดี#เสี ยงเพลงสําหรับใช้ ใน
โทรศัพท์และของเล่น ตลอดจนวงจรอิเล็กทรอนิกส์อื&นๆ มีรูปร่ าง โครงสร้าง สัญลักษณ์ดงั ภาพ
ไอซี UM66T จะต้องใช้ แรงดันเข้าประมาณ 1.5 – 3.3 โวลต์ ถ้ าป้ อนแรงดันมากกว่านี# จะทําให้
ไอซี พงั เสี ยหายได้ และขาแต่ละขาของไอซี น# นั จะต้ องต่อเพื&อใช้ งาน ดังนี#
ขา 1 ต่อกับขั#วลบของแหล่งจ่ายไฟหรื อกราวด์
ขา 2 ต่อกับขั#วบวกของแหล่งจ่ายไฟหรื ออินพุตของวงจร
http://www.testthai1.com จําหน่าย E-BOOK แนวข้อสอบรับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกหน่วยงาน
163
คู่มือเตรี ยมสอบ 24
ขา 3 ต่อกับเอาท์พุตของวงจร
ถ้าการต่อเพื&อใช้ งานไม่ตรงตามที&ระบุไว้ ไอซี จะไม่ทาํ านหรื อพังได้ ดังนั#นการเลือกไอซี เบอร์
ต่างๆ เพื&อใช้ งานนั#นจําเป็ นต้ องทราบคุณลักษณะและข้อมูลเบื#องต้นของไอซี เสี ยก่อนจึงจะต่อเพื&อใช้งาน
ได้ การทํางานของไอซี UM66T
………………………………………………………………………………………………………...
ก ก
++++++++++++++++++++++++++++++++++
1. " # $ $ %&
ก. ' &()#
. * +&(+#
. , +
. -)&()#
.
2. ก / ก & ) ก% $+
ก. IE = IB + IC
. IB = IC + IE
. IC = IB + IE
. IE = IB = IC
.
3. " # 7 $ $ ,8 $+
ก.
. #
. )) #
. ") #
.
4. + 7 & $ TR $+
ก. VAA
. VBB
. VCC
. Vout
.
5. ก $ $+
ก. 0.95 - 0.99
. 10 - 99
. 20 - 100
. 20 E 200
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
165
2
.
6. + ( " # GH $+
ก. " # +
. " #&
. " #
. " # ก' , %
.
7. + 7 " GH $+ #
ก. J % 7 + ' -ก+
. J % 7& ก % & )K
. J % 7 + 7 Cก E
. J % 7 ก+ก % 7 "H 7 C ก E
.
8. 7 " # , &+ก #$ $+
ก. #,M+
. # ,M+
. # +ก %
. #) +
ก.
9. $+ ก ก% )) #
ก. ก
.
. )(N
. *
ก.
10. -O PP Q ก+ HO &+ &
ก. + ก+7
. + $ก) + (
. +ก * )+&(
. + +7
.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
166
3
11. ก% ' )7 ก7
ก. 1
.2
.3
.4
.
12. + , ,MR) O,S OGH %& $ J &(
ก. , % TJ - (M #
. , % TJ - &+* +
. , % TJ - ,)
. , % TJ - ก ก) G7
.
13. + +" 7K ก recgulater ) 7 K (M) # + 7&+ % ,S &
ก. -7 HO
. +
. )+)
.& +
.
14. ก[ + -O ก $ ,ก Q# )'ก ก #$+
ก. " #
. " #
." #
. ," #
.
15. ก[ + 7 ก&+ ,S ก7
ก. 1
.2
.3
.4
.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
167
4
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
168
5
21. % ,g ก
ก. *, ก 7$ $ ก P
. *, ก h )
. *, ก )ก 7$ $ ก +ก 7 O +$ % - #
. *, ก + )
.
22. T 7$ $ ก , % )K) ) 7
ก. GOGO
. GOIO
. GIGO
. GIGI
.
23. Windows XP ก %&
ก. Export
. Expert
. Experience
. Express
.
24. Tก ,b ก $ ,) +J ก& $+
ก. 7 - #
. ก )$ 7
.& $ 7 - #ก 1 7 *
. ก' 7 - #& $ + +
.
25. 7 "- & G% &+ % ก+ ก $+
ก. ก % ก
. Hang
. Halt
. '
.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
169
6
26. Q J + 7 G$ 7 - #&+
ก. 60 /
. 70 /
. 80 /
. 85 /
.
27. 7 -7 $ G % )ก $ 7 %&
ก. Ting
. Ping
. Xing
. Zing
.
28. $+ &, O ,S % %+ G7
ก. LAN : Local Area Network
. WAN : Wide Area Network
. UTP : Unshelded Twister Pair
. UTP : Unsielded Twister Pair
.
29. $+ &, O& $ 7 Router
ก. 7+ 7 +
. + ก TCP / IP , APPLE TALK
. ก
. G -7 % % $ LAN &,&ก) HO
.
30. ,ก Q# 7 7 P 7$ % Network $+
ก. Repeater
. Gateways
. Bridge
. Router
.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
170
7
31.ก) $ % - # 7$ $ ก ก + $ ก + ก ?
ก. Data Bus
. Address Bus
. Control Bus
. CPU Bus
.
32. 7$ $ ก ก' ) 7 $ % - # % ก' & $ $+
ก. ROM
. RAM
. INPUT
. OUTPUT
ก.
33. $+ "- 7$ Q
ก. CU
. ALU
. Register
. Accumulator
.
34. 7 Z80 $ )% ) $+
ก. A0 - A7
. D0 - D7
. A0 - A15
. D0 - D15
.
35. # $+ Z-80 7$ ก' 7 %, % )K)
ก. HL
. PC
. SP
.F
.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
171
8
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
172
9
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
174
11
51. $+ 7 ก PP Q
ก. ก + PP Q G7 7 ก
.ก + PP Q G7 &7 ก
.ก + PP Q G7 100 Hz
.ก + PP Q G7 50 Hz
.
52. K % (Heat sink) 7 + + ) & " ก ) # ก %&
ก. -+
. #-+
. ก #
. & &+ ก %&
.
53. * & " # )ก[Q%ก ก " #$ $+
ก. " # ก ,S npn 7 ,S pnp
. " # ก ,S npn 7 ,S npn
. " # ก ,S pnp 7 ,S pnp
. " # ก ,S pnp 7 ,S npn
ก.
54. )'ก ก # 7 7 ) PP Q ก %&
ก. ) , #
. ( #
. (( # #
. ), , #
.
55. 7 7 ก %+ PP Q + ก ก %&
ก. ก ( ) , #
. *-" ( ) , #
. ) , #
. "* ) , #
ก.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
175
12
ก.
.
ก.
58. % *+ ก , K PP Q / $ , -) $+
-7 $ G K ก / &, ,) &+
ก. -) &((b
. -) )'ก&((b
. -)
. -) ก)
.
59. PP Q + ,S )7 G Q )7 PP Q
&+G PP Q $+
ก. G7
.ก )
. -) +
. +
ก.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
176
13
60. 7 G$ ,ก Q#$ $+ -7 ก G7 )7 - # G f ก กก
ก. ก PP Q
. ก/
. ก)
. ก K G 7 G ก , &+
.
61. )7 G7 10 ก*) „ "# % )7 $+
ก. 0.3 ก*)
. 3 ก*)
. 30 ก*)
. 300 ก*)
.
62. G G7 300 - 3000 ก*) „ "# GH $+
ก. ก PP Q
. ก K G 7 G ก , &+
. ก/
. ก)
.
63. 7$ $ % * ) $+
ก. ก #
. "+
. #
. )
.
64. ก 7 PP Q $ - # ,)7 ,) ,S ก 7 7 %&
ก. ก ) -)ก"#
. ก + -)ก"#
.ก +)
.ก K
.
65. + & $ Tก - ก % )7 $ )ก[Q%$+
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
177
14
ก. )7 +
. )7 (b
. )7 K
.ก 7 ก*)ก
.
66. $+ + ,S % ก # 7$ ก ,)ก /ก# 7 )7
ก. -2ax + 6ay < az
. 6 aр +9a¢ + 3az
. 2ar - 6 aθ + 9a¢
. 2 ar - 6 aр E az
.
67. $+ + ,S % ก # 7$ ก ,)ก /ก#$ )ก /ก# ก)
ก. -2ax + 6ay < az
. 6 aр +9a¢ + 3az
. 2ar - 6 aθ + 9a¢
. 2 ar - 6 aр E az
.
68. A+B ก $+
ก. A+B
. AB
. A + AB
. AB
.
69. A+B ก $+
ก. A + AB
. AB
. A+AB
. AB
ก.
70. ก 7$ Output ,S ) ก 1 ก' 7 Input $+ H7 O + ,S ) ก 0 ก +$+
ก. OR gate
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
178
15
. AND gate
. NOR gate
. NAND gate
.
71. ก 7$ Output ,S ) ก 0 ก' 7 Input ) ก ก ก +$+
ก. OR gate
. EX - OR
. AND gate
. EX E NOR
ก.
72. ก 7$ Output ,S ) ก 1 ก' 7 Input ) ก ก ก +$+
ก. OR gate
. EX - OR
. AND gate
. EX E NOR
- 79: ก[ % )'ก ก # ก ( 73-100)
73. 7 + - + ,8 ก
ก. ' /
. ก),‡ #
. ) #
. + # ") )
.
74. 7 + $ P ,S $+
ก. ( )#
.- # #
. +) + +K Hก
. +) + )7 7
ก.
75. ˆ "' " O‰ # GH
ก. & #
. G$ #
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
179
16
. & #
. กH 7 #
ก.
76. * # # HO -7 $ + %&
ก. + &((b
. ก % &((b
. &((b
. ก ) &((b
.
77. ก + $ * # # &
ก. * # # + + &(
.* ) # # + + &(
.* ) # # + &(
.* # # + &(
.
78. $ &( ก # +ก % &((b $ &
ก. ก ,ก Q#
. $+ก' ก % &+
. H O ก-) ) &(
. ก) O &((b
.
79. $ &( ก * ) # # + + &((b $ &
ก. ก ,ก Q# H O ก - ) ) &(
. $+ก' ก % &+
. ก ก ,ก Q# H O ก - ) ) &(
. ก) O &((b
ก.
80. O + X 100 ) , กg 50 % &+ &
ก. 50 * #
. 500 * #
. 5 ก*)* #
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
180
17
. 50 ก*)* #
.
81. 7 + 7 + $ ' , )7 &+
ก. + ) ) #
. #
. "*) * ,
. (( #
.
82. + PLC 7 , ก ) # %&
ก. PLC Gกก ) #
. )% G J -+ก
. G 7 ) " " &+
. PLC $ ) $ ก )% ก )#
.
83. ก %+ ก $ # %& 7
ก. #)
. # +
. #)ก)
. # )
.
84. PLC Logo 230 RC $ ก $ *+ ก %&
ก. )#
. ,8R O
. ) +&(
. ก ก ก #
.
85.$ Q%$ 7 $ &((b % $ 7 ,S Š 7+ 7 + -7 %&
ก. ,b ก ก&((b )+ 7 &((b O f
. ,b ก ก + &((b 7 ก ก&,
. ,b ก $ ก % &((b & )K ก ) -O +
. Gก O ก )%
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
181
18
.
86. Ground Rod ,ก Q# 7$ %&
ก. *) % 7$ ก ‹8 ) &,$ + -7 ก # &((b
.$ ‹8 ) $ + -7 H+* ก/
.$ ก H+ก O , %,
. & &+$ , %* # %&
87. ,ก Q# 7$ ,S + )%$ ‹8 ) + %&
ก. O , %,
.ก # Œ +
. ' &
.& $+Gก
.
88. + 7 ก 7 $ &((b , %* # &
ก. 7 ก % &((b ก 7 &((b 7 ก %&+& )) + *+ & ก+
. ,b ก &((b )+
. ,b ก &( ก
. -7 $ + + 7
.
89. Q ,ก Q# )'ก ก #ก ) 7 ก ,ก Q# )'ก ก # 7 &, $+
ก. -ก+ก % ก
. -ก+ + ก
. ก
. -ก+ก % )% + ก
.
90. 7 &+* &+ ก & ก) &+* +ก ) % + ก 7 &+* + ก %&
ก. + 7* )+
. + )
. + +
. + P
.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
182
19
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
183
20
96. PP Q +7 % $ ,ก Q# ก O $ + 7 ,S &
ก. G ,) , % TJ - ก &+ ' 7
. G &++ ก HO
. G, % + +
. G$ &+ HO
ก.
97. ก% + #$ &+* +ก7
ก. 1
.2
.3
.4
.
98. + ก &+* + ") ก7* ) #
ก. 0.3 V
. 0.7 V
.3V
.7V
.
99. ก ก " 7 $ &((b )% )'ก ก # 7 ก 7 ก
ก. ,)Žก&( ,M+&( 7
. % + 7 ก
. + K+,ก 7 *+ ก
. ' ,M+‹ 7 ก
.
100. (M # $ 7 $ &((b )% )'ก ก # + f O % ก
ก. 7
.$ ,S )
. &( +
. J $ '
.
http://www.testthai1.com E-BOOK ก ก ก
184
คู่มือเตรี ยมสอบ
……………………………………………….
ราชวงศ์ จักรี
พระนามเต็ม พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 1-10 (ราชวงศ์ จักรี สมัยรัตนโกสิ นทร์ )
รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
รัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 8 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิ ดล
รัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่ 10 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรี สินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร
กิติสิริสมบูรณ์อดุลยเดช สยามินทราธิ เบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิ รเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รายพระนามพระบรมวงศานุวงศ์
สมเด็จพระนางเจ้ าสิ ริกติ ์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปี หลวง (สมเด็จพระบรมราช
ชนนีพนั ปี หลวง)
พระบาทสมเด็จพระวชิ รเกล้ าเจ้ าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ าสุ ทดิ า พัชรสุ ธาพิมลลักษณ พระ
บรมราชินี (พระมหากษัตริ ยร์ ัชกาลปัจจุบนั และพระอัครมเหสี )
สมเด็จเจ้ าฟ้ าฯ กรมหลวงราชสาริณสี ิ ริพชั ร มหาวัชรราชธิดา (พระราชธิ ดาพระองค์ใหญ่)
สมเด็จพระเจ้ าลูกเธอ เจ้ าฟ้ าสิ ริวณ
ั ณวรี นารีรัตนราชกัญญา (พระราชธิดาพระองค์เล็ก)
สมเด็จพระเจ้ าลูกยาเธอ เจ้ าฟ้ าทีปังกรรั ศมีโชติ (พระราชโอรสพระองค์เล็ก)
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุ ดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระโสทร
กนิษฐภคินีพระองค์ใหญ่)
สมเด็จเจ้ าฟ้ าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี (พระโสทรกนิษฐภคินีพระองค์เล็ก)
พระเจ้ าวรวงศ์ เธอ พระองค์ เจ้ าสิ ริภาจุฑาภรณ์ (พระภาคิไนย)
พระเจ้ าวรวงศ์ เธอ พระองค์ เจ้ าอทิตยาทรกิติคุณ (พระภาคิไนย)
185
คู่มือเตรี ยมสอบ
************************************
ยุทธศาสตร์ ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580
ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
1. ยุทธศาสตร์ ชาติดา้ นความมัน่ คง
2. ยุทธศาสตร์ ชาติดา้ นการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
3. ยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการพัฒนาและเสริ มสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
4. ยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
5. ยุทธศาสตร์ ชาติดา้ นการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวติ ที่เป็ นมิตรต่อสิ่ งแวดล้อม
6. ยุทธศาสตร์ชาติดา้ นการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริ หารจัดการภาครัฐ
187
คู่มือเตรี ยมสอบ
1. การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริ ย ์
2. การสร้างความมัน่ คงและความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุ ขของประเทศ
3. การทานุบารุ งศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม
4. การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
5. การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย
6. การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริ ญสู่ ภูมิภาค
7. การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก
8. การปฏิรูปกระบวนการเรี ยนรู ้และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
9. การพัฒนาระบบสาธารณสุ ขและหลักประกันทางสังคม
10. การพื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยัง่ ยืน
11. การปฏิรูปการบริ หารจัดการภาครัฐ
12. การป้ องกันและปราบปรามการทุจริ ตและประพฤติมิชอบและกระบวนการยุติธรรม
ขณะทีน่ โยบายเร่ งด่ วน 12 เรื่ องทีจ่ ะต้ องทาใน 1 ปี นี้ ประกอบด้ วย
1. การแก้ไขปั ญหาในการดารงชีวติ ของประชาชน
2. การปรับปรุ งระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวติ ของประชาชน
3. มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
4. การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม
5. การยกระดับศักยภาพของแรงงาน
6. การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่ อนาคต
7. การเตรี ยมคนไทยสู่ ศตวรรษที่21
8. การแก้ไขปั ญหาทุจริ ตและประพฤติมิชอบในวงราชการทั้งฝ่ ายการเมืองและฝ่ ายราชการประจา
9. การแก้ไขปั ญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุ ขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
10. การพัฒนาระบบการให้บริ การประชาชน
11. การจัดเตรี ยมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย
12. การสนับสนุนให้มีการศึกษาการรับฟังความเห็นของประชาชน และการดาเนิ นการเพื่อแก้ไข
เพิ่มเติมรัฐธรรมนู ญ
188
คู่มือเตรี ยมสอบ
**************************
อ่ านเพิม่ เติมที่ How Reddit’s WallStreetBets Pushed GameStop (GME) Shares to the Moon –
Bloomberg
8. ความฉูดฉาดของ Tesla
Tesla เป็ นแบรนด์ที่สร้างสี สันให้กบั ปี นี้อย่างแท้จริ ง เห็นได้จากความฉู ดฉาดของแบรนด์ที่มีออกมาตลอด
ทั้งปี เช่น ในการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก Tesla บอกว่า นอกจากจะขายรถแล้ว พวกเขายังขาย
บิทคอยน์จานวน 272 ล้านเหรี ยญสหรัฐออกไปด้วย และทากาไรจากการขายบิทคอยน์ดงั กล่าวได้ถึง 101
ล้านเหรี ยญสหรัฐ ส่ งผลให้กาไรไตรมาส 1 พุง่ ไปแตะ 438 ล้านเหรี ยญสหรัฐเลยทีเดียว
193
คู่มือเตรี ยมสอบ
ขณะที่ไตรมาส 2 บริ ษทั ทากาไรทุบสถิติดว้ ยตัวเลขสู งถึง 1.14 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ ท่ามกลาง
สถานการณ์การขาดแคลนชิ ปที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่ต่างต้องลดกาลังการผลิตลง โดย Tesla ทารายได้จากธุ รกิจ
ยานยนต์ไปทั้งสิ้ น 10,206 ล้านเหรี ยญสหรัฐ เติบโตขึ้น 97% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2020 ที่ทาไว้
5,179 ล้านเหรี ยญสหรัฐ และสามารถส่ งมอบรถยนต์ได้มากกว่า 201,250 คัน จากรถยนต์ที่ผลิตได้ท้ งั หมด
206,421 คัน (นับจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน) เหตุเพราะ Tesla ได้ทาการดึงชิปจาก Powerwall มาผลิตรถก่อน
นัน่ เอง
ไตรมาส 3 บริ ษทั นี้ก็ยงั สร้างความฮือฮาต่อเนื่ อง เพราะตัวเลขกาไรมีแต่เพิ่มขึ้นเป็ น 1.62 พันล้าน
เหรี ยญสหรัฐ แซงหน้าไตรมาสเดียวกันของปี ที่แล้วไปกว่า 4 เท่า ซึ่ งทางบริ ษทั เผยว่า บริ ษทั สามารถทา
ยอดขายทุบสถิติในจีนในเดือนกันยายน โดยทาไปได้ถึง 52,153 คัน นอกจากนั้น จีนยังเป็ นประเทศที่ทา
ให้บริ ษทั สามารถผลิตรถได้มากที่สุดด้วย โดยในไตรมาสนี้ Tesla สามารถส่ งมอบรถได้ถึง 241,300 คันทัว่
โลก (เพิ่มขึ้นจากปี ที่แล้ว 73%) ซึ่ งทาง Tesla ถึงกับบอกว่า จะขยายกาลังการผลิตรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้นใน
อนาคต
อัพเดตสถานการณ์โควิดที่ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php
197
คู่มือเตรี ยมสอบ
เทคนิคการสอบสั มภาษณ์
1. อะไรคือสิ่ งทีผ่ ู้เข้ าสอบสั มภาษณ์ คาดหวังไว้
ตอบ 1. ได้รับกำรปฏิบตั อิยำ่ งสุ ภำพ
2. มีโอกำส และเวลำมำกพอที่จะพูดในสิ่ งที่ตอ้ งกำรพูด
3. ข้อดีและข้อเสี ยจะถูกบันทึกไว้เพื่อกำรให้คะแนน
4. อำจจะต้องใช้เวลำและควำมคิดอย่ำงมำกเมื่อถูกถำมด้วยคำถำมยำกๆ
5. ผูส้ มั ภำษณ์ไม่ควรตัดสิ นใจอะไรจนกว่ำจะเสร็ จสิ้ นกำรสัมภำษณ์
2. ในขณะเดียวกันผู้สัมภาษณ์ กจ็ ะคาดหวังจากผู้สมัครดังนี้
ตอบ 1. ผูส้ มัครมีควำมตั้งที่จะทำงำนในตำแหน่งนั้นจริ งและตั้งใจจะทำกำรสอบสัมภำษณ์เป็ น
อย่ำงดี
2. ผูส้ มัครมีควำมซื่ อตรงต่อคำถำมที่ถูกถำม ไม่พดู เท็จ
3. ผูส้ มัครมีควำมสุ ภำพเรี ยบร้อยและตั้งใจฟังคำถำม
4. ผูส้ มัครมีควำมสำมำรถตอบคำถำมอะไรก็ได้ที่ผสู ้ ัมภำษณ์จะถำม
3. การหาความรู้เกีย่ วกับงาน
ตอบ วิธีหำควำมรู ้ง่ำย ๆ คือ หำเอกสำรต่ำงๆที่เกี่ยวข้องมำอ่ำน ติดตำมเรื่ องของ(หน่วยงำน) ที่
ปรำกฏในหนังสื อพิมพ์รำยงำนประจำปี ควำมเห็นของคนที่อยูใ่ นสำขำงำนนั้นๆรวมทั้งคู่แข่งด้วย
และในปัจจุบนั นี้ ยิง่ สะดวกง่ำยดำยขึ้นโดยกำรค้นหำจำกเว็บไซต์ของหน่วยงำน หรื อหน่วยงำน
นั้นๆ
4. การเตรียมพูดถึงความสามารถของผู้สมัคร
ตอบ เป็ นเรื่ องที่สำคัญที่สุดที่ผสู ้ มัครต้องทำ โดยอำจจะทำกำร์ดขนำด 3" x 5" ด้ำนหนึ่งให้
เขียน
สิ่ งที่ผสู ้ มัครต้องกำรให้ผสู ้ มั ภำษณ์รู้เกี่ยวกับตัวผูส้ มัคร 5 อย่ำง อีกด้ำนหนึงให้จดค ํำถำมที่
ผูส้ มัครต้องกำรถำมผูส้ มั ภำษณ์ในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์เอำไว ํ้5 ค ํำถำม เอำไว้ให้พร้อม และ
ซ้อมถำม ซ้อมตอบคำถำมต่ำง ๆ ทั้ง10 ข้อนี้ ให้คล่องแคล่ว ให้บิดำมำรดำหรื อคนในครอบครัว
และเพื่อนสนิทฟังกำรถำม-ตอบ ของผูส้ มัครและแก้ไขตำมที่เขำวิจำรณ์
5. ท่ำทำงกำรนัง่ ในขณะสอบสัมภำษณ์ให้นง่ั สบำย ๆ ไม่ยนื่ ตัว ไม่ค้ ำโตะะ นัง่ มัน่ คง ก้น
ชิดหนัก วำงแขนไว้ขำ้ งลำตัว อย่ำนัง่ แบบพักผ่อน วำงศีรษะนิ่ง อย่ำหลบตำ แต่อย่ำถึงกับจ้องเขม็ง
ขณะผูส้ ัมภำษณ์พดู ให้มองผูพ้ ดู ขณะตอบ ให้กวำดสำยตำมองกรรมกำรสอบทุก ๆ คน
6. ขณะตอบให้สงั เกตว่ำผูส้ มั ภำษณ์สนใจฟังผูส้ มัครหรื อไม่ ถ้ำไม่ฟังให้เปลี่ยนจังหวะ
กำรพูด คำแนะนำให้ใช้โดยควำมระมัดระวั ง ถ้ำตอบไปแล้วผูส้ ัมภำษณ์มีท่ำทำงสงสัย ให้
พิจำรณำดูวำ่ ผูส้ มัครได้พดู อะะไรไป และเรี ยนถำมผูส้ ัมภำษณ์วำ่ ต้องกำรข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก
8. เทคนิคในการพูด
ตอบ 1. พูดช้ำๆอย่ำเอำมือป้องปำกขณะพูด
2. อย่ำกังวลกับกำรออกเสี ยงตะกุกตะกักของตัวเอง
3. ตอบง่ำยๆ อย่ำยำวมำก พูดเนื้อหำสำคัญๆ ควรอ้ำงข้อมูลที่ตนเองเคยประสบมำ
สนับสนุนคำตอบ
4. ในตอนแรกๆ ให้พดู ช้ำๆ ระมัดระวั ง จนกว่ำได้ผอ่ นคลำยเต็มที่แล้วจึงพูดจำโต้ตอบ
ไปตำมธรรมชำติ
5. พูดให้มีระดับเสี ยงสู งต่ำ เน้นควำมหนักเบำให้มีชีวิตชีวำ หรื อคอยสังเกตผูส้ ัมภำษณ์ถำ้
เขำมีที่ท่ำเห็นคล้อยตำม เช่น พยักหน้ำให้เปลี่ยนน้ ำเสี ยง เน้นควำมสนใจของเขำอีกครั้งหนึ่ง หรื อ
ไม่เช่นนั้นก็ให้เว้นระยะหนึ่งก่อนพูดต่อ
6. ใช้เวลำในกำรคิดหำคำตอบแต่อย่ำนำนจนกรรมกำรทนรอฟังไม่ได้จนต้องพูดแทรก
ขึ้น
7. อย่ำพูดเร็วผูส้ มั ภำษณ์จะเกิดควำมรำคำญ และเป็ นผลเสี ยต่อเรำเอง เพรำะกำรพูดเร็ว
ขำดกำรควบคุม อำจทำให้พดู เปิ ดเผยมำกกว่ำที่ต้ งั ใจพูด
8.ระมัดระวังในกำรพูด ถึงงำนอดิเรกหรื องำนพิเศษของผูส้ มัคร อย่ำให้ผฟู ้ ังเข้ำใจว่ำ
ผูส้ มัครสนใจงำนอดิเรก สนใจรำยได้พิเศษมำก จนอำจใช้เวลำทำงำนไปสนใจกับงำนเหล่ำนั้น จน
งำนในหน้ำที่ตอ้ งเสี ยหำย
9. ในกำรตอบคำถำมแต่ละครั้งควรมีควำมยำวอยูใ่ นระหว่ำง 20 วินำที ถึง 2 นำที
6. ความชํานาญพิเศษ
แนวถาม: งำนประเภทที่ตอ้ งอำศัยควำมชำนำญพิเศษ เช่น ทำงด้ำนวิทยำศำสตร์หรื องำนประเภท
วิชำชีพ
ต่ำง ๆ ซึ่งในกำรทดสอบผูส้ มัครนั้น นอกจำกจะให้ผสู ้ มัครทำข้อสอบข้อเขียนแล้ว ผูส้ ัมภำษณ์
อำจจะต้องกำรรำยละเอียดเพิ่มเติม โดยเรี ยกเข้ำรับกำรสอบสัมภำษณ์สักครั้งหนึ่ง ก่อนตัดสิ นใจ
ผูใ้ ดผูห้ นึ่ งเข้ำทำงำน และกำรให้มีกำรสอบสัมภำษณ์ดว้ ยนี้ ยังจะสำมำรถทดสอบได้วำ่ ผูส้ มัครมี
ควำมฉับไวในกำรตอบข้อซักถำมได้ดีเพียงใด โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ ในช่วงเวลำ เร่ งด่วนจะแก้
สถำนกำรณ์เฉพำะหน้ำได้ดีเพียงใดเป็ นต้น
แนวตอบ: ควรติดตำมข่ำว และควำมเคลื่อนไหวในเหตุกำรณ์รอบๆ ตัวเรำ โดยผ่ำนสื่ อต่ำง ๆ เช่น
โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสื อพิมพ์ หรื อนิตยสำรต่ำงๆ โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ ควำมเคลื่อนไหวและ
กิจกำรของหน่วยงำนหรื อหน่วยงำนที่เรำต้องกำรสมัครเข้ำทำงำนนั้น ให้มำกที่สุดเท่ำที่จะมำกได้
7. สุ ขภาพ
แนวถาม: โดยมำกเกี่ยวกับเรื่ องสุ ขภำพนี้ ผูส้ ัมภำษณ์สำมำรถดูได้จำกใบรับรองแพทย์ที่แนบมำ
ด้วย แต่บำงครั้งที ต้องถำมเกี่ยวกับเรื่ องสุ ขภำพอีก ก็เพรำะว่ำงำนบำงอย่ำงก็ตอ้ งกำรทรำบ
รำยละเอียดเกี่ยวกับสุ ขภำพเป็ นพิเศษ
แนวตอบ: เกี่ ยวกับเรื่ องสุ ขภำพนี้ ก็คงไม่ตอ้ งเตรี ยมตัวอะไรมำกเพียงแต่ตอบไปตำมควำมจริ ง
และควรพิจำรณำดูว่ำสุ ขภำพของเรำเป็ นอย่ำงไร เป็ นอุปสรรคต่องำนที่จะทำหรื อเปล่ำ และงำน
นั้นระบุคุณสมบัติของผูส้ มัครไว้อย่ำงไรควำมจริ งแล้วเรำไม่สำมำรถเดำใจผูส้ ัมภำษณ์ได้ท้ งั หมด
ว่ำเขำจะถำมเรำอย่ำงไร เพรำะเขำมี สิ ท ธิ เลื อ กถำมได้ท ั่ว ไป ผูส้ มัค รได้แ ต่ เพี ย งเตรี ย มตัว ไว้
ล่วงหน้ำสำหรับถำมหลักเท่ำนั้น ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือผูส้ มัครไม่ควรแสดงอำกำรตื่นเต้น เมื่อเจอ
คำถำมทีไม่ได้คำดกำรณ์ไว้ล่วงหน้ำควรอยู่ในอำกำรสงบและตั้งใจตอบคำถำมให้ดีที่สุดเท่ำที่จ
ะทำได้ถำ้ ไม่เข้ำใจคำถำม ก็อย่ำพยำยำมดันทุรังตอบ เมื่อไม่เข้ำใจก็ควรบอกผูส้ ัมภำษณ์
ตำมตรงว่ำ“ดิ ฉัน /ผมไม่ ค่อยจะเข้ำใจควำมหมำย” หรื อ “ดิ ฉัน /ผมไม่ ค่อยจะแน่ ใจว่ำดิ ฉัน จะ
เข้ำใจค ํำถำม” และขอควำมกรุ ณำให้ถำมหรื ออธิบำยอีกครั้ง
8. อย่ำใช้อำรมณ์หรื อแสดงอำรมณ์รุนแรงในขณะสัมภำษณ์
9. อย่ำแก้ตวั ปิ ดบังหรื อหลีกเลี่ยงในกรณี ที่ กรรมกำรสัมภำษณ์รู้เรื่ องรำวของคุณแล้ว
หรื อมี
หลักฐำนอ้ำงอิงได้คุณควรรับควำมจริ ง
10. อย่ำเล่ำเรื่ องที ไม่ประสบควำมสำเร็ จ หรื อควำมทกุข์
11. ไม่ควรพูดจำในลักษณะที่สอดหรื อแทรกในขณะผูส้ มั ภำษณ์กำลังพูดแต่ควรพยำยำม
ใช้ควำมสังเกตศึกษำสิ่ งที่ ผูส้ มั ภำษณ์สนใจ
12. ไม่ควรพูดจำอ้อมค้อม หรื อนอกประเด็น โดยเฉพำะในเรื่ องซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ
ตำแหน่งงำนที่สมัคร
13. กำรพูดจำฉะฉำน ชัดเจน และง่ำยแก่กำรเข้ำใจ ทั้งนี้ ต้องไม่ดงั หรื อค่อยจนเกินไป
กำรสอบสัมภำษณ์น้ นั ไม่มีหลักเกณฑ์แน่นอนตำยตัวเพรำะผลลัพธ์ที่ออกมำ ขึ้นอยูก่ บั
ควำมคิดแห็น และกำรตัดสิ นใจของผูส้ มั ภำษณ์แต่ละคน ดังนั้นผูส้ มัครจำเป็ นจะต้องมีควำม
อดทนและพร้อมมทีจะยอมรับควำมผิดหวังใด ๆ ที่อำจจะเกิดขึ้น ดังนั้น ควรจะได้หนั มำพิจำรณำ
ศึกษำข้อบกพร่ อง ซึ่งอำจเกิดขึ้นในครั้งก่อน ๆ เพื่อเป็ นแนวทำงในกำรปรับปรุ งตัวเอง เพื่อกำรเข้ำ
สอบสัมภำษณ์ในครำวต่อไปให้ได้ผลดียงิ่ ขึ้น
8. ควรควบคุมอำรมณ์ตนเอง พยำยำมอดกลั้นไม่ควรแสดงกิริยำโต้ตอบ
9.สบตำพูดกับผูส้ มั ภำษณ์ เพรำะกำรก้มหน้ำพูดคล้ำยเป็ นกำรซ่อนเร้นอะไรบำงอย่ำง
และแสดงถึงควำมเป็ นคนไม่เปิ ดเผยจริ งใจ
10.เมื่อกำรสัมภษณ์สร็ จสิ้ น ผูส้ มั ภำษณ์อำจจะให้กล่ำวอะไรบำงอย่ำงที่จะเป็ นประโยชน์
กับผูส้ มัครเองสิ่ งที่ควรจะกล่ำวคือผูส้ มัครมีควำมตั้งใจที่จะมำทำงำนกับหน่วยงำน หรื อหน่วยงำน
แห่งนี้ อย่ำงไร
คำว่ำ "interview" สื บควำมหมำยมำจำก คำว่ำ "sight between" หรื อ "view between" ดังนั้นคำว่ำ
"interview" จึงมีควำมหมำยว่ำ กำรพบกันระหว่ำงบุคคล 2 คน (หรื ออำจมำกกว่ำนี้ ในกรณี สมั ภำษณ์หมู่)
กล่ำวคือระหว่ำงผูส้ มั ภำษณ์ (interviewer) และผูถ้ ูกสัมภำษณ์ (intervicwee) เพื่อเรี ยนรู ้ และแลกเปลี่ยน
ควำมคิดเห็นซึ่งกันและกัน อันจะเป็ นประโยชน์แก่ท้ งั ผูร้ ับ (employer)และผูส้ มัคร (candidate) หรื อ (job
applicant)
จุดมุ่งหมำยของกำรสัมภำษณ์งำน (Purpose of the job interview) ถ้ำผูส้ มัครต้องกำรสอบสัมภำษณ์ให้ได้ดี
ก็จำเป็ นที่จะต้องเข้ำใจ จุดมุ่งหมำยของกำรสอบสัมภำษณ์ อย่ำคิดแต่เพียงว่ำกำรสอบสัมภำษณ์ คือกำรที่
เรำต้องไปนัง่ ตอบคำถำมยำกๆ ที่เกี่ยวกับตัวเรำเองเท่ำนั้น ในทำงตรงกันข้ำม เรำควรคิดว่ำกำรสอบ
สัมภำษณ์ ก็คือกำรที่เรำได้มีโอกำสได้แลกเปลี่ยน ข้อมูลที่เป็ นประโยชน์ แก่ผทู ้ ี่อำจจะเป็ นเจ้ำนำยของเรำ
ในอนำคต
กล่ำวง่ำยๆ กำรสอบสัมภำษณ์งำน ก็คือกำรที่เรำได้มีโอกำสพูดคุย เพือ่ โฆษณำขำยตัวเองให้หน่วยงำน (To
sell yourself to the company) นัน่ เอง และที่สำคัญ กำรสอบสัมภำษณ์มีประโยชน์ดงั นี้ คือ
3. ฝึ กฝน! ฝึ กฝน! ฝึ กฝน! น่ าแปลกใจทีผ่ ู้สอบสั มภาษณ์ จํานวนมากชอบ "ด้ นกลอนสด" ทั้งทีก่ ารไม่
ฝึ กฝน จะทำให้คุณรู ้สึกเหมือน นักปี นเขำมือเปล่ำ ที่ไม่มีเชือกไว้ป้องกัน กำรพลัดตก กำรเตรี ยมคำตอบไว้
ทำให้คุณได้เปรี ยบ เพรำะคุณสำมำรถทดลอง หำประโยค และคำที่เหมำะสม ในขณะที่พดู ออกไปดังๆ
และกำรเตรี ยมคำตอบ ที่เป็ นไปได้ ไว้ให้พร้อมจะช่วย ลดควำมตื่นเต้น และถ้อยคำที่ "สัน่ " และรัวเร็ วได้
คำและวลีอย่ำงเช่น "แบบว่ำ" "มันเป็ นอะไรที่" และ "ประมำณนั้น" จะหำยไป คำที่พดู เวลำนึกอะไร ไม่
ออกอย่ำง "เอ่อ" และ "อ่ำ" ก็จะหำยไปด้วยเช่นกัน และควรฝึ กฝน จังหวะกำรหยุดด้วย เพรำะจะช่วยให้คุณ
แก้ปัญหำเหล่ำนี้ได้
4. เอาตัวคุณเองเป็ นกรณีศึกษา
ทำไมคุณถึงควรได้งำนนี้? คุณเป็ นคนที่ดีที่สุด สำหรับงำนนี้ นัน่ คือเหตุผล!! คุณต้องเชื่อว่ำคุณเป็ นคนที่ดี
ที่สุด สำหรับงำนนี้ หรื อคุณไม่สำมำรถเชื่อมัน่ คนอื่นได้มำกกว่ำนี้ ก็จริ งล่ะ ที่วำ่ คุณอำจไม่มีประสบกำรณ์
ที่จำเป็ นนั้นซะทั้งหมด แต่คุณก็ได้เข้ำสัมภำษณ์แล้วไม่ใช่หรื อ?
หลังจำกคุณได้สำธยำย ทักษะเฉพำะด้ำนของคุณ ในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์ บทสรุ ปของประเภท และลำดับ
ขั้นของทักษะ และประสบกำรณ์จะทำให้ เป็ นที่พอใจมำกชึ้นไปอีก
"คุณสมชำย ตลอดระยะเวลำ 10 ปี ของประสบกำรณ์ ทำงวิชำชีพของผม ผมได้แสดงให้เห็นถึงควำมเป็ น
ผูน้ ำ ควำมสำมำรถเฉพำะด้ำน และกำรพัฒนำลูกค้ำ ซึ่งผมเชื่อว่ำ คุณกำลังหำคนที่เหมำะสมอยู่ คุณจะรับ
ผมไว้ทำงำนได้ไหมครับ ผมจะพยำยำม และฝ่ ำฟันจนกลำยเป็ น สมำชิกที่มีค่ำคนหนึ่ง ของหน่วยงำน
ครับ"
กำร "ปี น" เพื่อไปให้ถึงจุดสู งสุ ดนั้น ไม่จำเป็ นต้องพยำยำมอยูค่ นเดียว อย่ำงโดดเดี่ยว ควรหำควำม
ช่วยเหลือ จำกคนที่คุณเห็นว่ำ ให้คำแนะนำได้ดีที่สุด ไม่วำ่ จะเป็ น ที่ปรึ กษำผูด้ ูแล อำจำรย์ครู ฝึกอำชีพ หรื อ
เพือ่ นร่ วมงำน พวกเขำจะมีควำมสุ ข ที่คุณมองเขำเป็ น "ทรัพยำกรที่มีค่ำ" ด้วยสิ่ งที่จำเป็ น เช่น กำรฝึ กซ้อม
กำรวิจยั กำร "โชว์แล้วเล่ำ" และควำมมัน่ ใจ แล้วกำรสัมภำษณ์ ก็จะไม่ทำให้คุณ กลัวเหมือนที่ผำ่ นมำ
2. อะไรคือข้อเสี ยที่สุดในตัวคุณ
• "ผมเป็ นคนค่อนข้ำงนิยมชมชอบ ควำมสมบูรณ์แบบ และมีควำมภำคภูมิใจในหน้ำที่กำรงำน ที่ตอ้ ง
รับผิดชอบอย่ำงมำก"
• "ผมอยูน่ ่ิงไม่เป็ น ซนเหมือนลูกม้ำยังไงยังงั้น"
5. คุณต้องกำรเงินเดือนเป็ นค่ำตอบแทนเท่ำใด
• "ควรจะเทียบเคียงได้กบั อัตรำทัว่ ไปในปัจจุบนั "
• "ผมไม่ทรำบ แล้วเท่ำไหร่ ล่ะ ที่คุณตัดสิ นใจมำทำงำนให้กบั ที่นี่"
http://www.testthai1.com จำหน่ำย E-BOOK แนวข้อสอบรับรำชกำร รัฐวิสำหกิจ ทุกหน่วยงำน
210
คู่มือเตรี ยมสอบ
6. คุณเคยทำงำนให้กบั ระดับผูจ้ ดั กำร ที่ยำกในกำรทำงำนด้วย หรื อไม่ • "โดยทัว่ ไป ผมมีลกั ษณะนิสยั ที่เข้ำ
กับคนอื่นๆ ได้ดี"
• "ก็เคยอยูบ่ ำ้ ง แต่รับรองได้ คุณจะไม่ได้ยนิ ข่ำวครำวจำกเขำแน่นอน"
8. ลองแสดงให้พวกเรำเห็นถึงควำมมีอำรมณ์ขนั ของคุณ
• "ในช่วงเวลำที่ยำกลำบำก ผมยังพอมองหำรอยยิม้ ได้ ในสถำนกำรณ์น้ นั "
• "ผมอยูต่ รงหน้ำคุณแล้วไง... รึ ไม่มีใครมองเห็นผม"
• "ดึงนิ้วมือผมเล่นสิ "
9. ทำไมพวกเรำจึงควรจ้ำงคุณ • "ผมสำมำรถช่วยงำนหน่วยงำนคุณได้"
• "เพรำะลึกๆ แล้ว คุณชอบผมน่ะสิ "
• "ไม่เอำน่ำ... คุณมักทำเรื่ องง่ำยให้เป็ นเรื่ องยำกเสมอๆ เลยนะ"
คำตอบแรกของทุกคำถำม คือคำตอบที่สร้ำงทัศนคติในเชิงบวกในกำรสัมภำษณ์งำน หำกวันใดที่คุณเดิน
เข้ำไปสมัครงำน หรื อเปลี่ยนงำน และได้ยนิ คำถำมเหล่ำนี้ หวังว่ำคำตอบของคุณ คงอยูใ่ นแดนบวก
มำกกว่ำลบ
สู ตรในการสั มภาษณ์
กรณี เช่นนี้ ถ้ำผูต้ อบ ตอบไม่ได้จริ งๆ ก็ให้ตอบไปตำมตรงเลยว่ำ ไม่ทรำบ (Sorry! I don't know) เพรำะว่ำ
คำถำมประเภทนี้ ผูต้ อบจะไม่ค่อยมีโอกำส แสดงออกควำมคิดเห็น ได้เองเท่ำใดนัก
4. คำถำมหยัง่ คือคำถำมที่หยัง่ ลึกลงไป เพื่อหยัง่ หำเหตุผล ทัศนคติ และควำมเชื่อ ของผูถ้ ูกถำม เช่น ทำไม
คุณจึงยอมลำออก จำกที่ทำงำนเดิม ทั้งๆ ที่ยงั ไม่ทำงำนใหม่ (Why did you decide to quit your last job,
though you have not yet get the new one?)
Questions you need not ask ในกำรสัมภำษณ์หลำยครั้ง ผูส้ มัครงำนมีคำถำม "คำใจ" แม้จะเกี่ยวพันกับกำร
ทำงำน และผลประโยชน์โดยตรง แต่บำงครั้งก็เป็ นคำถำม "ต้องห้ำม" และหำกหลุดปำกถำมออกไป ก็
อำจจะทำให้โอกำส หลุดลอยไปก็ได้ ลองดูกนั ว่ำ คำถำมแนวไหนที่ไม่สมควรถำม....
ผู้สมัครเห็นแก่เงินเดือนเท่ านั้น
ผูส้ มัครไม่ตอ้ งกำรยึดมัน่ อยูก่ บั งำนนั้นโดยเฉพำะ แต่ตอ้ งกำรทำไปอย่ำงนั้นเอง
ผูส้ มัครไม่ค่อยสนใจที่จะปรับปรุ งงำนนั้นให้ดีข้ ึน แต่ตอ้ งกำรเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเท่ำนั้น
ดังนั้น วิธีที่ดี ก็คือ ผูส้ มัครควรถือเสี ยว่ำ เรำยังมีเวลำซักถำม คำถำมเหล่ำนี้อยูม่ ำก รอให้เขำรับเรำเสี ยก่อน
ค่อยถำมก็ได้
ครับ ตอนนี้กจ็ บกันเพียงสั้นๆ และเบำๆ ก่อนครับ แล้วค่อยพบกันตอนหน้ำ สวัสดีครับ