You are on page 1of 6

อยู่ในชุดเตรียมบวช ( นาค ) ประนมมือขึ้นรับผ้าไตรวางไว้บนท่อนแขน


เดินเข้าไปนั่งคุกเข่าในโบสถ์ ( ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ) เอาผ้าไตรวางไว้ด้านหน้าซ้ายมือ
กราบในท่าเทพบุตรพร้อมกัน ๓ ครั้ง แล้วว่าคาขอบรรพชาอุปสมบทพร้อมกันทั้งหมด
คาขอบรรพชาอุปสมบท
เอส้าหั้ง ภันเต , สุจริ ะปะรินิพบุ๊ตมั ปิ , ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉ้ามิ ,
ธัมมัญจะ , ภิกขุสั้งฆัญจะ , ละเภยยาหั้ง ภันเต , ตัสสะ ภะคะวะโต , ธัมมะวินะเย ,
ปัพบัช๊ ยัง , ละเภยยัง , อุปะสัม้ ปะดัง.
ดุ๊ติยัมปาหั้ง ภันเต , สุจิระปะรินิพบุ๊ตัมปิ , ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉ้ามิ ,
ธัมมัญจะ , ภิกขุสั้งฆัญจะ , ละเภยยาหั้ง ภันเต , ตัสสะ ภะคะวะโต , ธัมมะวินะเย ,
ปัพบัช๊ ยัง , ละเภยยัง , อุปะสัม้ ปะดัง.
ตะติยัมปาหั้ง ภันเต , สุจิระปะรินิพบุ๊ตัมปิ , ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉ้ามิ ,
ธัมมัญจะ , ภิกขุสั้งฆัญจะ , ละเภยยาหั้ง ภันเต , ตัสสะ ภะคะวะโต , ธัมมะวินะเย ,
ปัพบัช๊ ยัง , ละเภยยัง , อุปะสัม้ ปะดัง.
อะหั้ง ภันเต , ปัพบั๊ชยัง ยาจามิ , อิมานิ , กาส้ายานิ , วัตถ้านิ , คะเหตตะวา ,
ปัพบาเยถะ มัง ภันเต , อะนุกัมปัง อุปาดายะ.
ดุ๊ติยัมปิ อะหั้ง ภันเต , ปัพบั๊ชยัง ยาจามิ , อิมานิ , กาส้ายานิ , วัตถ้านิ , คะเหตตะวา ,
ปัพบาเยถะ มัง ภันเต , อะนุกัมปัง อุปาดายะ.
ตะติยัมปิ อะหั้ง ภันเต , ปัพบั๊ชยัง ยาจามิ , อิมานิ , กาส้ายานิ , วัตถ้านิ , คะเหตตะวา ,
ปัพบาเยถะ มัง ภันเต , อะนุกัมปัง อุปาดายะ.
ถวายผ้าไตรต่อพระอุปชั ฌาย์ ( อาจให้ตัวแทนถวายชุดเดียว )
ว่าตามพระอุปัชฌาย์ทีละบท
เกส้า โลมา นะข้า ดันตา ตะโจ
ว่าย้อนกลับ
ตะโจ ดันตา นะข้า โลมา เกส้า
* เสร็จแล้วประนมมือรับผ้าไตรจากพระอุปัชฌาย์ไว้บนท่อนแขนแล้วลุกเดินออกไปจากโบสถ์
( ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ) *

*** เดินประนมมือออกจากโบสถ์ไปห่มผ้าไตรและไปขอศีลกับพระศีลาจารย์ ***
( เข้าไปขอศีลทีละคน ) กราบพระศีลาจารย์ ( ผู้ให้ศีล ) ๓ ครั้ง แล้วว่า
คาขอศีล
อะหั้ง ภันเต , สะระณะสี้ลัง ยาจามิ.
ดุ๊ติยัมปิ อะหั้ง ภันเต , สะระณะสี้ลัง ยาจามิ.
ตะติยัมปิ อะหั้ง ภันเต , สะระณะสี้ลัง ยาจามิ.
(ผู้ให้ศีลว่า)
“ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สั้มมาสั้มบุทธัสสะ ” ( ๓ จบ )
( เราว่าตาม ๓ ครั้ง )
(ผู้ให้ศีลว่า)
“ เอวัง วะเทหิ ” เรารับว่า “ อามะ ภันเต ”
ต่อจากนั้นว่าตามผู้ให้ศีลไปทีละวรรค ดังนี้
บุ๊ทธัง สะระณัง คัจฉ้ามิ.
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ.
สั้งฆัง สะระณัง คัจฉ้ามิ.
ดุ๊ติยัมปิ บุ๊ทธัง สะระณัง คัจฉ้ามิ.
ดุ๊ติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ.
ดุ๊ติยัมปิ สั้งฆัง สะระณัง คัจฉ้ามิ.
ตะติยัมปิ บุ๊ทธัง สะระณัง คัจฉ้ามิ.
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ.
ตะติยัมปิ สั้งฆัง สะระณัง คัจฉ้ามิ.
(ผู้ให้ศีลว่า)
“ สะระณะคะมะนัง นิฎฐิตัง ” เรารับว่า “ อามะ ภันเต ”

ต่อจากนั้นว่าตามผู้ให้ศีลสมาทานสิกขาบท ๑๐ ประการ ดังนี้
๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี
๒. อะดินนาดานา เวระมะณี
๓. อะ/บระ/เฮอะ/มะ/จะริยา เวระมะณี
๔. มุส้าวาดา เวระมะณี
๕. สุราเมระยะมัชยะปะมาดัฏฐ้านา เวระมะณี
๖. วิกาละโภยะนา เวระมะณี
๗. นัจจะคีตะ วาดิต๊ ะ วิสกู้ ะดั๊สสะนา เวระมะณี
๘. มาลาคันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณดะนะ วิภสู ะนัฏฐานา เวระมะณี
๙. อุจจาสะยะนะ มะห้าสะยะนา เวระมะณี
๑๐. ยาตะรูปะ ระยะตะ ปะฏิคคะหะณา เวระมะณี

(ผู้ให้ศีลว่า)
“ อิมานิ ด๊ะสะ สิกข้าปะดานิ สะมาดิ๊ยามิ ” ( ๑ ครั้ง )
( เราว่าตาม ๓ ครั้ง )
เสร็จแล้วกราบผู้ให้ศีล ๓ ครั้ง
*** รับบาตรสะพายไหล่แล้วเดินกลับไปนั่งในโบสถ์ (ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ)์
ตามตาแหน่งเพื่อรอขอนิสัยกับพระอุปัชฌาย์ ***

อุ้มบาตรคลานเข้าไปทีอ่ าสน์สงฆ์แล้วคลานเข่าขึ้นบนอาสน์สงฆ์ทีละ ๓ รูป
เอาบาตรวางไว้ด้านซ้ายมือนั่งคุกเข่ากราบพระอุปัชฌาย์พร้อมกัน ๓ ครั้ง
เสร็จแล้วว่าคาขอนิสัยทีละรูปตามลาดับ

คาขอนิสัย
อะหั้ง ภันเต , นิสสะยัง ยาจามิ.
ดุ๊ติยัมปิ อะหั้ง ภันเต , นิสสะยัง ยาจามิ.
ตะติยัมปิ อะหั้ง ภันเต , นิสสะยัง ยาจามิ.
ต่อด้วย “ อุปัชฌาโย เม ภันเต โห้หิ ” ( ๓ ครั้ง )
พระอุปัชฌาย์จะกล่าวว่า
๑. “ โอปายิกัง ” ให้เรารับว่า “ ส้าธุ ภันเต ”
๒. “ ปะฏิรูปัง ” ให้เรารับว่า “ ส้าธุ ภันเต ”
๓. “ ปาส้าดิเกนะ สั้มปาเดหิ ” ให้เรารับว่า “ ส้าธุ ภันเต ”
เสร็จแล้วว่าต่อว่า ( ๓ ครั้ง )
“ อัชยะตัคเคดานิ เถ้โร , มัยหั้ง ภาโร , อะหั้มปิ เถ้รัสสะ ภาโร ”
พระคู่สวดจะเอาสายบาตรมาคล้องตัวผู้บวช (ให้เราประนมมือขึ้น) แล้วสวดถามว่า
๑.“ อะยันเต ปัตโต ” เรารับว่า “ อามะ ภันเต ”
๒.“ อะยัง สั้งฆาฎิ ” เรารับว่า “ อามะ ภันเต ”
๓.“ อะยัง อุตตะราสัง้ โค ” เรารับว่า “ อามะ ภันเต ”
๔.“ อะยัง อันตะระวาสะโก ” เรารับว่า “ อามะ ภันเต ”
เสร็จแล้วพระคู่สวดจะพูดว่า “ คัจฉะ อะมุมหิ โอกาเส ติฏฐาหิ ” ให้ประนมมือไว้
ตลอดเวลาแล้วคลานเข่าถอยหลังลงจากอาสน์สงฆ์แล้วทากลับหลังหันทางขวาเดิน

ไปยังจุดที่กาหนด ( ประตูโบสถ์ ) แล้วกลับหลังหันอีกครั้งยืนประนมมือหันหน้าเข้าใน
โบสถ์รอจนครบ ๓ รูป
ต่อจากนั้นพระคู่สวดจะเดินมาสวดถามอันตรายิกธรรมเราทีละรูป ดังนี้
๑. “ กุฏฐัง ” ให้เราตอบว่า “ นัตถิ ภันเต ”
๒. “ คัณโฑ ” ” “ นัตถิ ภันเต ”
๓. “ กิลาโส ” ” “ นัตถิ ภันเต ”
๔. “ โส โส ” ” “ นัตถิ ภันเต ”
๕. “ อะปะมาโร ” ” “ นัตถิ ภันเต ”
๖. “ มะนุสโสสิ๊ ” ” “ อามะ ภันเต ”
๗. “ ปุริโสสิ๊ ” ” “ อามะ ภันเต ”
๘. “ ภุชิสโสสิ๊ ” ” “ อามะ ภันเต ”
๙. “ อะนะโณสิ๊ ” ” “ อามะ ภันเต ”
๑๐. “ นะสิ๊ ราชะภะโฏ ” ” “ อามะ ภันเต ”
๑๑. “ อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปิตูหิ ” ” “ อามะ ภันเต ”
๑๒. “ ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊ ” ” “ อามะ ภันเต ”
๑๓. “ ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง ” ” “ อามะ ภันเต ”
“ กินนาโมสิ ” ตอบว่า “ อะหั้ง ภันเต ฉายาผู้บวช นามะ ”
“ โก นามะ เต อุปัชฌาโย ” ตอบว่า “ อุปัชฌาโย เม ภันเต อายัสสะม้า
วะระชาโย นามะ ”
เมื่อพระคูส่ วดถามอันตรายิกธรรมจนครบทั้ง ๓ รูปแล้ว ท่านจะเดินกลับไปที่
อาสน์สงฆ์ แล้วเรียกเราโดยพูดว่า “ อาคัจฉะถะ ” ให้เราเดินแถวตอนเรียง ๑
ประนมมือตามไปนั่งคุกเข่าบนอาสน์สงฆ์จนครบทั้ง ๓ รูป แล้วกราบพร้อมกัน ๓ ครั้ง
เสร็จแล้วกล่าวคาขออุปสมบทพร้อมกัน ๓ รูป

คาขออุปสมบท
สั้งฆัมภันเต , อุปะสั้มปะดัง ยาจามะ , อุลลุมปะตุ โน ภันเต สั้งโฆ ,
อะนุกัมปัง อุปาดายะ.
ดุ๊ติยัมปิ ภันเต สั้งฆัง , อุปะสั้มปะดัง ยาจามะ , อุลลุมปะตุ โน ภันเต สั้งโฆ ,
อะนุกัมปัง อุปาดายะ.
ตะติยัมปิ ภันเต สั้งฆัง, อุปะสั้มปะดัง ยาจามะ , อุลลุมปะตุ โน ภันเต สั้งโฆ ,
อะนุกัมปัง อุปาดายะ.
เมื่อกล่าวคาขออุปสมบทเสร็จแล้วพระอุปัชฌาย์จะเผดียงสงฆ์ ( ประกาศให้
หมู่สงฆ์ทราบว่ามีผู้มาขอบวช ) หมู่สงฆ์ก็จะกล่าวสาธุการขึ้นพร้อมกัน
ต่อจากนั้นพระคู่สวดจะสวดสมมติตนถามอันตรายิกธรรมอีกครั้ง ผู้บวชก็รับ
ว่า “ นัตถิ ภันเต ” ๕ ครั้ง และ “ อามะ ภันเต ” ๘ ครั้ง บอกชื่อพระใหม่
ของตัวเองและชื่อพระอุปัชฌาย์แบบที่ผ่านมาอย่างละ ๑ ครั้ง เราก็ประนมมือ
ฟังท่านสวดญัตติจนจบเสร็จแล้ว กราบพร้อมกัน ๓ ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธีบวช
เป็นพระภิกษุแล้ว
*** เสร็จแล้วให้คลานเข่าถอยหลังลงจากอาสน์สงฆ์แล้วเดินออกไป
จากโบสถ์เพื่อไปรับอนุศาสน์และทาพินธุผ้าต่อไป และเมื่อออกจากโบสถ์แล้ว
ห้ามกลับเข้ามาที่โบสถ์อีกจนกว่าพิธีบวชพระทุกรูปจะเสร็จสิ้นแล้ว ***

You might also like