Professional Documents
Culture Documents
พระราชบัญญัติ
ป้องกันและปราบปราม
การทรมานและการกระทาให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. ๒๕๖๕
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
เป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทาให้
บุคคลสูญหาย
พระราชบั ญ ญั ติ นี้ มี บทบั ญ ญัติ บางประการเกี่ ย วกั บ การจ ากั ด สิ ท ธิ และเสรีภ าพของบุคคล
ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้
โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
เหตุผลและความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้
ความคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการทรมานและการกระทาให้บุคคลสูญหายซึ่งกระทาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกั น ปราบปราม และเยียวยาผู้เสียหาย
จากการกระท าในลั ก ษณะดั ง กล่ า ว ซึ่ ง การตราพระราชบั ญ ญั ติ นี้ ส อดคล้ อ งกั บ เงื่ อ นไขที่ บั ญ ญั ติ
ไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว
หนา้ ๔๔
เลม่ ๑๓๙ ตอนที่ ๖๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕
จึ ง ทรงพระกรุ ณ าโปรดเกล้ า ฯ ให้ ต ราพระราชบั ญ ญั ติ ขึ้ น ไว้ โ ดยค าแนะน าและยิ น ยอม
ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน
และการกระทาให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ๒๕๖๕”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้
“ผู้ เ สี ย หาย” หมายความว่ า บุ ค คลซึ่ ง ได้ รั บความเสี ย หายแก่ ชี วิต ร่ า งกาย หรื อ จิ ต ใจ
จากการทรมาน การกระทาที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ายีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทาให้
บุคคลสูญหาย และให้หมายความรวมถึงสามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยา
ซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรส ผู้อุปการะและผู้อยู่ในอุปการะของผู้ถูกกระทาให้สูญหาย
“เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า บุคคลซึ่งใช้อานาจรัฐหรือได้รับมอบอานาจ หรือได้รั บ
การแต่งตั้ง อนุญาต สนับสนุน หรือยอมรับโดยตรงหรือโดยปริยาย จากผู้มีอานาจรัฐให้ดาเนินการ
ตามกฎหมาย
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและ
การกระทาให้บุคคลสูญหาย
“ควบคุมตัว” หมายความว่า การจับ คุมตัว ขัง กักตัว กักขัง หรือกระทาด้วยประการอื่นใด
ในทานองเดียวกันอันเป็นการจากัดเสรีภาพในร่างกายของบุคคล
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทาด้วยประการใดให้ผู้อื่นเกิดความเจ็บปวดหรือ
ความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(๑) ให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือคารับสารภาพจากผู้ถูกกระทาหรือบุคคลที่สาม
(๒) ลงโทษผู้ถูกกระทาเพราะเหตุอันเกิดจากการกระทาหรือสงสัยว่ากระทาของผู้นั้นหรือ
บุคคลที่สาม
หนา้ ๔๕
เลม่ ๑๓๙ ตอนที่ ๖๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕
(๓) ข่มขู่หรือขู่เข็ญผู้ถูกกระทาหรือบุคคลที่สาม
(๔) เลือกปฏิบัติไม่ว่ารูปแบบใด
ผู้นั้นกระทาความผิดฐานกระทาทรมาน
มาตรา ๖ ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐลงโทษหรือกระทาด้วยประการใดที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม
หรื อ ย่ ายี ศั ก ดิ์ ศ รี ค วามเป็น มนุ ษ ย์ อั น เป็ น เหตุ ใ ห้ ผู้ อื่ น ถูก ลดทอนคุ ณ ค่า หรือ ละเมิ ด สิ ท ธิ ขั้น พื้ นฐาน
ความเป็นมนุษย์ หรือเกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานแก่ร่างกายหรือจิตใจที่มิใช่การกระทา
ความผิดตามมาตรา ๕ ผู้นั้นกระทาความผิดฐานกระทาการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ายีศักดิ์ศรี
ความเป็นมนุษย์
การกระทาตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงอันตรายอันเป็นผลปกติหรือสืบเนื่องจากการลงโทษทั้งปวง
ที่ชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา ๗ ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐควบคุมตัว หรือลักพาบุคคลใด โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ปฏิเสธว่ามิได้กระทาการดังกล่าว หรือปกปิดชะตากรรมหรือสถานที่ปรากฏตัวของบุคคลนั้นซึ่งส่งผลให้
บุคคลนั้นไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ผู้นั้นกระทาความผิดฐานกระทาให้บุคคลสูญหาย
การกระท าความผิ ด ตามวรรคหนึ่งให้ ถือเป็นความผิ ด ต่อ เนื่อ งจนกว่า จะทราบชะตากรรม
ของบุคคลนั้น
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทาความผิดฐานกระทาทรมานตามมาตรา ๕ ความผิดฐานกระทาการ
ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ายีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามมาตรา ๖ หรือความผิดฐานกระทาให้
บุ ค คลสู ญ หายตามมาตรา ๗ นอกราชอาณาจั ก ร ต้ อ งรั บ โทษในราชอาณาจั ก รตามที่ ก าหนดไว้
ในพระราชบัญญัตินี้ โดยให้นาความในมาตรา ๑๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาใช้บังคับด้วย
โดยอนุโลม
มาตรา ๙ การกระทาความผิดฐานกระทาทรมานตามมาตรา ๕ และการกระทาความผิด
ฐานกระทาให้บุคคลสูญหายตามมาตรา ๗ มิให้ถือว่าเป็นความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองตามกฎหมาย
ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และความผิดทางการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ
ในเรื่องทางอาญา
มาตรา ๑๐ ในคดี ค วามผิ ด ฐานกระท าให้ บุค คลสู ญหายตามมาตรา ๗ ให้ ด าเนิ น การ
สื บ สวนจนกว่ า จะพบบุ ค คลซึ่ ง ถู ก กระท าให้ สู ญ หายหรื อ ปรากฏหลั ก ฐานอั น น่ า เชื่ อ ว่ า บุ ค คลนั้ น
ถึงแก่ความตายและทราบรายละเอียดของการกระทาความผิดและรู้ตัวผู้กระทาความผิด
หนา้ ๔๖
เลม่ ๑๓๙ ตอนที่ ๖๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕
มาตรา ๒๒ ในการควบคุ ม ตั ว เจ้ า หน้ า ที่ ข องรั ฐ ผู้ รั บ ผิ ด ชอบต้ อ งบั น ทึ ก ภาพและเสี ย ง
อย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนหรือปล่อยตัวบุคคลดังกล่าวไป
เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถกระทาได้ ก็ให้บันทึกเหตุนั้นเป็นหลักฐานไว้ในบันทึกการควบคุมตัว
การควบคุ ม ตั ว ตามวรรคหนึ่ ง ให้ เ จ้ า หน้ า ที่ ข องรั ฐ ผู้ รั บ ผิ ด ชอบแจ้ ง พนั ก งานอั ย การและ
นายอาเภอในท้องที่ที่มีการควบคุมตัวโดยทันที สาหรับในกรุงเทพมหานครให้แจ้งพนักงานอัยการและ
ผู้อานวยการสานักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง หากผู้รับแจ้งเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่า
จะมีการทรมาน การกระทาที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ายีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือการกระทา
ให้บุคคลสูญหาย ให้ผู้รับแจ้งดาเนินการตามมาตรา ๒๖ ต่อไป
มาตรา ๒๓ ในการควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูก
ควบคุมตัวโดยอย่างน้อยต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
(๑) ข้อมูลอัตลักษณ์เกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว เช่น ชื่อ นามสกุล หรือตาหนิรูปพรรณ
(๒) วั น เวลา และสถานที่ ข องการถูก ควบคุ มตั ว และข้ อ มู ล เกี่ ย วกั บ เจ้ า หน้า ที่ ข องรัฐ
ผู้ ท าการควบคุ ม ตั ว ในกรณี ที่ มี ก ารย้ า ยสถานที่ ดัง กล่ า ว จะต้ อ งระบุ ถึ งสถานที่ ป ลายทางที่รับตัว
ผู้ถูกควบคุมตัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบการย้ายนั้น
(๓) คาสั่งที่ให้มีการควบคุมตัว และเหตุแห่งการออกคาสั่งนั้น
(๔) เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ออกคาสั่งให้ควบคุมตัว
หนา้ ๕๑
เลม่ ๑๓๙ ตอนที่ ๖๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕
คณะอนุกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการมีหน้าที่และอานาจติดตามผล
ความคืบหน้าของคดีและดาเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและความปลอดภัย ชดเชย
เยียวยา และฟื้นฟูความเสียหายทางร่างกายและจิตใจ ให้คาปรึกษาแนะนาด้านกฎหมาย และสนับสนุน
ช่วยเหลือด้านการดาเนินคดี โดยการมีส่วนร่วมจากผู้เสียหาย
มาตรา ๓๓ เพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้เสียหาย ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงาน
อัยการแจ้งให้ผู้เสียหายทราบในโอกาสแรกถึงสิทธิที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากการกระทา
ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย
ในกรณี ที่ ผู้ เ สี ย หายมี สิ ท ธิ แ ละประสงค์ ที่ จ ะเรี ย กค่ า สิ น ไหมทดแทนดั ง กล่ า วในวรรคหนึ่ ง
ให้พนักงานอัยการเรียกค่าสินไหมทดแทนแทนผู้เสียหายด้วย
มาตรา ๓๔ ให้ ศ าลอาญาคดีทุ จ ริต และประพฤติมิ ช อบเป็ นศาลที่มี เขตอ านาจเหนือคดี
ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และให้รวมถึงคดีซึ่งผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นบุคคล
ซึ่งอยู่ในอานาจศาลทหารในขณะกระทาความผิดด้วย
หมวด ๕
บทกาหนดโทษ
ถ้ า การกระท าความผิ ด ตามวรรคหนึ่ งเป็ น เหตุ ใ ห้ ผู้ ถู ก กระท ารั บ อั น ตรายสาหั ส ผู้ ก ระท า
ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท
ถ้าการกระทาความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทาถึงแก่ความตาย ผู้กระทาต้องระวางโทษ
จาคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงสามสิบปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา ๓๘ ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา ๓๕ หรือมาตรา ๓๖ เป็นการกระทาแก่
บุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปี หญิงมีครรภ์ ผู้พิการทางร่างกายหรือจิตใจ หรือผู้ซึ่งพึ่งตนเองมิได้เพราะอายุ
หรือความป่วยเจ็บ ผู้กระทาต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นกึ่งหนึ่ง
ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา ๓๗ เป็นการกระทาแก่บุคคลตามวรรคหนึ่ง ผู้กระทา
ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นกึ่งหนึ่ง
มาตรา ๓๙ ผู้ใดสมคบเพื่อกระทาความผิดตามมาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗
หรือมาตรา ๓๘ ต้องระวางโทษหนึ่งในสามของโทษที่กาหนดไว้สาหรับความผิดนั้น
ถ้ า ได้ มี ก ารกระท าความผิ ด เพราะเหตุ ที่ ไ ด้ มี ก ารสมคบกั น ตามวรรคหนึ่ ง ผู้ ส มคบกั น นั้ น
ต้องระวางโทษตามที่กาหนดไว้สาหรับความผิดนั้น
ในกรณี ที่ ค วามผิ ด ได้ ก ระท าถึ ง ขั้ น ลงมื อ กระท าความผิ ด แต่ เ นื่ อ งจากการเข้ า ขั ด ขวาง
ของผู้สมคบทาให้การกระทานั้นกระทาไปไม่ตลอดหรือกระทาไปตลอดแล้วแต่การกระทานั้นไม่บรรลุผล
ศาลจะลงโทษผู้สมคบที่กระทาการขัดขวางนั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกาหนดเพียงใดก็ได้
มาตรา ๔๐ ผู้สนับสนุนในการกระทาความผิดตามมาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗
หรือมาตรา ๓๘ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
มาตรา ๔๑ ถ้าผู้กระทาความผิดตามมาตรา ๓๗ มาตรา ๓๘ วรรคสอง มาตรา ๓๙
หรือมาตรา ๔๐ ช่วยให้มีการค้นพบผู้ถูกกระทาให้สูญหายก่อนศาลชั้ นต้นพิพากษา โดยผู้นั้นมิได้รับ
อันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต หรือให้ข้อมูลที่สาคัญและเป็นประโยชน์
ในการดาเนินคดี ศาลจะลงโทษผู้กระทาความผิดน้อยกว่าที่กฎหมายกาหนดเพียงใดก็ได้
มาตรา ๔๒ ผู้บังคับบัญชาผู้ใดทราบว่าผู้ใต้บังคับบัญชาซึง่ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของตน
จะกระทาหรือได้กระทาความผิดตามมาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ หรือมาตรา ๓๘ และ
ไม่ดาเนินการที่จาเป็นและเหมาะสม เพื่อป้องกันหรือระงับการกระทาความผิด หรือไม่ดาเนินการหรือ
ส่งเรื่องให้ดาเนินการสอบสวนและดาเนินคดีตามกฎหมาย ต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กาหนดไว้
สาหรับความผิดนั้น
หนา้ ๕๖
เลม่ ๑๓๙ ตอนที่ ๖๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕
ผู้บังคับบัญชาตามวรรคหนึ่งจะต้องเป็นผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบและมีอานาจควบคุมการกระทา
ซึ่งเกี่ยวข้องกับความผิดฐานกระทาทรมาน ความผิดฐานกระทาการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือ
ย่ายีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือความผิดฐานกระทาให้บุคคลสูญหาย
บทเฉพาะกาล
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
หนา้ ๕๗
เลม่ ๑๓๙ ตอนที่ ๖๖ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕
หมายเหตุ :- เหตุผ ลในการประกาศใช้พระราชบัญ ญัติ ฉบับ นี้ คือ โดยที่การทรมานและการกระท าให้
บุคคลสูญหายซึ่งกระทาโดยเจ้าหน้ าที่ของรัฐ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่ไม่อาจกระทาได้
ไม่ ว่ า ในสถานการณ์ ใ ด ๆ ดั ง นั้ น เพื่ อ ยกระดั บ และเพิ่ ม ประสิ ท ธิภ าพในการบั งคั บ ใช้ก ฎหมาย รวมทั้ง
การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย สมควรกาหนดฐานความผิด มาตรการป้องกันและปราบปราม
และมาตรการเยียวยาผู้เสียหาย ตลอดจนมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน
และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ายีศักดิ์ศรี และอนุสัญญาระหว่าง
ประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ จึงจาเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้