You are on page 1of 1047

ย้อนเวลากลับมาทัง้ ที ฉันต้องใช้ชีวิตให้ดีกว่าเดิม

ตอนที่ 1 แต่งงานกันเถอะ

อวี๋ตงรู้สึกเจ็บปวดราวกับร่างกายเธอกำลังถูกฉีก
กระชากและดวงตาของเธอก็แห้งผาก ราวกับว่า
กำลังจะเป็ นลมจากการขาดน้ำ เกิดอะไรขึน
้ กับ
เธอ? เธอพยายามลืมตาที่แสบร้อนขึน
้ และสิ่งเธอก็
เห็น ชายร่างสูงตรงหน้าเธอ ท่ามกลางแสงที่สาดลง
มาทำให้เธอมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้ไม่
ชัดเจน

ดูเหมือนว่าชายคนนัน
้ จะพูดอะไรบางอย่างซ้ำไป
ซ้ำมา อวี๋ตงรู้สึกสับสนอยู่นานก่อนที่เธอจะรับรู้ว่า
อีกฝ่ ายฝ่ ายพูดว่าอะไรอย่างชัดเจน

"คุณโอเคไหม?"
อวี๋ตงหยุดตอบสนองไปครู่หนึ่ง เมื่อเธอก็
ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เห็นได้ชัดว่าเวลา
นีเ้ ธอควรจะสวมชุดนอนชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาแล้ว
นอนอยู่บนเตียงในอพาร์ทเม้นต์สุดหรูของเธอ แล้ว
เธอมานั่งอยู่ในสถานที่แปลกๆแบบนีไ้ ด้ยังไง? 

เมื่อมองไปรอบๆ เธอก็มองเห็นตัวอักษรขนาด
ใหญ่ห้าคำที่เด่นสง่าอยู่ตรงหน้าเธอ สมองของเธอ
สับสนและหยุดทำงานในทันที

"สำนักกิจการพลเรือนเซี่ยงไฮ้'

เกิดอะไรขึน
้ ?

อวี๋ตงต้องการลุกขึน
้ ยืน แต่เนื่องจากสภาพ
ร่างกายของเธออ่อนแอเกินไป ขาของเธออ่อนแรง
ดวงตาของเธอพร่ามัว และเธอกำลังจะล้มลงอีก
ครัง้

"คุณเป็ นอะไรไหม?" ชายคนนัน
้ รีบพยุงเธอเอาไว้
ในที่สุดอวี๋ตงก็เห็นหน้าตาของเขา เขาดู
เรียบร้อยและอ่อนโยน แม้เขาจะสวมแว่นตากรอบ
ไว้แต่ก็ไม่สามารถปกปิ ดสายตาที่แสดงความวิตก
กังวลเล็กน้อยของเขาได้

เธอไม่น่าจะเคยรู้จักกับคนคนนี ้ แต่ทำไมเขาถึง
ได้ดูคุ้นหน้านัก

"คุณ...คุณดูคุ้นๆ" อวี๋ตงพูดอย่างงุนงง

"อาจเป็ นเพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วคุณถูกแฟน
ของคุณบอกเลิก ผมบังเอิญอยู่ใกล้ ๆ คุณ และผมก็
ถูกแฟนทิง้ พอดี ดูเหมือนว่าเราจะหัวอกเดียวกัน
นะ" ชายคนนัน
้ หัวเราะอย่างขมขื่น

"....." เธอถูกแฟนทิง้ งัน
้ เหรอ? ที่หน้าประตู
สำนักงานกิจการพลเรือนใช่ไหม? อวี๋ตงมองดูตัว
เองแล้วก็เห็นกระเป๋าเดินทางสีชมพูวางอยู่ บ้า
ชะมัด! นี่มันเหมือนเหตุการณ์วันที่เธอหนีไปเซี่ยงไฮ้
เมื่อ 10 ปี ก่อน เพื่อที่จะไปแต่งงานกับแฟนที่เธอ
คบในตอนนัน
้ แต่กลับถูกทิง้ อย่างน่าสมเพชใช่ไหม?

7 กรกฎาคม 2550!!!

อวี๋ตงมองไปที่โทรศัพท์ของเธอ วันที่ที่แสดงเอา
อยู่บนหน้าจอโนเกียเครื่องเก่าที่คุ้นเคย ได้ยืนยันว่า
เธอเดาถูก

นี่เป็ นรอยด่างเดียวในชีวิตของเธอ นั่นคือปี ที่เธอ


จบการศึกษามหาวิทยาลัย ตอนอายุ 22 ปี เธอลาก
กระเป๋าเดินทางไปที่เซี่ยงไฮ้เพื่อเตรียมแต่งงานกับ
แฟนหนุ่มของเธอ พวกเธอนัดกันที่หน้าประตู
สำนักงานกิจการพลเรือนเพื่อจดทะเบียนสมรส

แต่จบลงที่ แฟนหนุ่มของเธอมาเพื่อขอเลิกกับ
เธอ

เหตุการณ์นัน
้ ผ่านมานานมากแล้ว เธอจำได้แค่
เลือนรางว่าเขาบอกเธอว่าพ่อแม่ของเขาไม่อนุญาต
พ่อแม่ของเขาไม่ต้องการให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่
เพิ่งจะเรียนจบและไม่ได้เป็ นคนเซี่ยงไฮ้

และเขาก็ชดเชยให้เธอด้วยเงิน 10,000 หยวน
เพื่อเป็ นของขวัญจากลา จากนัน
้ เธอก็ยืนอย่างโง่
งมอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผา ร้องไห้จนเป็ น
ลม หลังจากเธอหมดสติ เธอก็ถูกนำส่งโรงพยาบาล

พยาบาลบอกว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งพาเธอมาส่งที่
นี่ และออกค่ารักษาพยาบาลหลายร้อยหยวนให้
แต่ไม่ได้แจ้งชื่อเอาไว้

นั่นคงจะเป็ นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี ้

"คุณโอเคไหม? เวียนหัวหรือเปล่า? คุณน่าจะ
เป็ นลมแดด คุณอยากไปตรวจอาการที่โรงพยาบาล
ดูไหม?" ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเป็ นกังวล เมื่อเห็น
หญิงสาวตรงหน้าเขาไม่ได้พูดอะไรเป็ นเวลานาน
ท่าทางของเธอดูเหม่อลอย
"คุณชื่ออะไร?" อวี๋ตงถาม

"เซี่ยเฟิ ง"

เซี่ยเฟิ งงัน
้ เหรอ? ชายหนุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุด
ในเอเชียแห่งปี  2017 แพทย์หนุ่มอัจฉริยะที่ค้นพบ
วิธีรักษาโรคมะเร็ง ด้วยชื่อเสียงนัน
้ มีผู้คนมากมาย
เข้าคิวรอเพื่อที่จะได้เจอกับอัจฉริยะแห่งแห่งวงการ
แพทย์อย่างเขา

"คุณเป็ นหมอหรือเปล่า?" อวี๋ตงถาม

"คุณรู้ได้ยังไง?" เซี่ยเฟิ งสงสัย

"คุณดูเหมือนอย่างนัน
้ "

"คุณจะบอกว่าหมอทุกคนดูเหมือนๆกันเหรอ?" เ
ซี่ยเฟิ งหัวเราะ

"เมื่อกีค
้ ุณบอกว่า คุณก็ถูกทิง้ เหมือนกัน?" อวี๋ตง
ถาม
เซี่ยเฟิ งเหลือบมองหญิงสาวที่เพิ่งจะอกหักและ
ร้องห่มร้องไห้อย่างหนักอยู่เมื่อกี ้ ที่อยู่ ๆ เธอก็สลัด
อารมณ์โศกเศร้าและโกรธเคืองออกไปเปลี่ยนมา
เป็ นตื่นเต้นแทน

เซี่ยเฟิ งพยักหน้า

"ทำไมคุณถึงถูกทิง้ ?" อวี๋ตงถาม

"ผมอยากแต่งงาน แต่แฟนของผมไม่เห็นด้วย ผม
บอกกับเธอว่า ถ้าวันนีเ้ ธอไม่มาพบผมที่สำนักงาน
กิจการพลเรือนเพื่อจดทะเบียนสมรสกัน พวกเราก็
เลิกกัน" เขายิม
้ อย่างขมขื่น บางทีอาจเพราะพวก
เขาอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน เลยทำให้เขารู้
เปิ ดอกพูดคุยกับคนแปลกหน้าอย่างเธอ

"ทำไมคุณถึงต้องกังวลเรื่องแต่งงานด้วยล่ะ?" อวี๋
ตงถาม
"แม่ของผมสุขภาพไม่ดี ท่านต้องเข้ารับการผ่าตัด
ในอีกไม่กี่วัน ท่านอยากเห็นผมแต่งงานก่อนเข้ารับ
การผ่าตัด" เซี่ยเฟิ งยิม
้ อย่างขมขื่น

"ถ้าอย่างนัน
้ ตอนนีค
้ ุณก็ยังไม่ได้แต่งงาน และก็
เลิกกับแฟนของคุณแล้วถูกไหม?" อวี๋ตงถามย้ำ

"ใช่" และเขาก็ไม่ร้ว
ู ่าเขาจะบอกกับแม่ของเขายัง
ไงดี

"คุณมีบา้ นหรือเปล่า?" จู่ๆอวี๋ตงก็ถามขึน
้ มา

"เอ่อ...มี" เพื่อเตรียมแต่งงานเขาจึงซื้อบ้านเมื่อ
ครึ่งปี ที่แล้ว และตกแต่งใหม่ตามความชอบของ
แฟนสาวของเขา

"ถ้าอย่างนัน
้ ทำไมไม่ให้ฉันแต่งงานกับคุณแทน
ล่ะ!" จู่ๆอวี๋ตงก็เสนอขึน
้ มา

"คุณ..." เซี่ยเฟิ งคิดว่าเขาฟั งผิด


"คุณดูสิ คุณกำลังมองหาคนที่จะแต่งงานด้วย
เพื่อให้แม่ของคุณสบายใจ ฉันก็อยากแต่งงาน ตอน
นีพ
้ วกเราอยู่หน้าสำนักงานกิจการพลเรือนส่วน
เอกสารก็มีครบหมดแล้ว และที่สำคัญที่สุดก็คือ
พวกเราเพิ่งจะเลิกกับแฟน" อวี๋ตงกล่าวเสริมว่า " นี่
คือพรหมลิขิต อา..."

เซี่ยเฟิ งไม่ตอบสนองใด ๆ จนกระทั่งพวกเขา


ออกจากสำนักงานกิจการพลเรือนอีกครัง้ โดยถือ
สมุดทะเบียนสีแดงเล่มใหม่ เซี่ยเฟิ งยังคงงงงวยและ
สงสัยว่า สุดท้ายแล้วเขาการแต่งงานได้ยังไง?

เขาเพิ่งจะเก็บภรรยาได้คนหนึ่งที่หน้าประตู
สำนักงานกิจการพลเรือนใช่หรือเปล่า?

เซี่ยเฟิ งมองดูหญิงสาวที่กำลังดื่มโค้กขวดใหญ่อยู่
ข้างๆเขา ใบหน้าของเธออ่อนโยนและดูเหมือนว่า
เธอเพิ่งจะเรียนจบ

"โค้กไม่ดีต่อสุขภาพ" เซี่ยเฟิ งเตือน


"ฉันร้องไห้เยอะมาก ตอนนีฉ
้ ันต้องการเติมน้ำ
แทนน้ำที่เสียไป" อวี๋ตงดื่มอีกครึ่งขวดก่อนจะหยุด

"สามี ฉันหิวแล้ว ไปหาร้านอาหารสำหรับมื้อเย็น


กันเถอะ"

'สามีงัน
้ เหรอ?' เซี่ยเฟิ งตัวแข็ง

"คุณช่วยฉันถือกระเป๋าเดินทางด้วยนะ ฉันไม่คิด
ว่าชุดกี่เพ้าจะหนักขนาดนี"้ อวี๋ตงออกคำสั่งอย่างไม่
เกรงใจ

แม้ว่าเซี่ยเฟิ งจะค่อนข้างอึดอัด แต่เขาก็ถูกอบรม


มาตัง้ แต่เด็กว่าสุภาพบุรุษควรช่วยเหลือสตรี ยิ่งไม่
ต้องพูดถึงว่าสตรีตรงหน้ายังเป็ นภรรยาของเขาอีก
ด้วย

ทัง้ สองคนไปที่ร้านหม้อไฟที่อยู่ในบริเวณนัน

และสั่งหม้อไฟแบบเผ็ดมากิน
ในที่สุด อวี๋ตงก็ยกแก้วขึน
้ ต่อหน้าเซี่ยเฟิ งผู้ที่นิ่ง
เงียบไม่พูดไม่จา แล้วเอ่ยว่า "หลังจากดื่มจอกนีแ
้ ล้ว
ฉันหวังว่าชีวิตหลังแต่งงานของพวกเราจะเจริญ
รุ่งโรจน์ ราวกับหม้อไฟ"

ความคิดอันพิลึกพิลั่นนีม
้ าจากไหนกัน!!

หลังอาหารเย็น อวี๋ตงพาเซี่ยเฟิ งไปร้านถ่ายภาพ


แต่งงาน เธอก็เดินเข้าไปในร้าน และประกาศว่าเธอ
ต้องการถ่ายรูปแต่งงานวันนี ้

พนักงานในร้านก็เดินมาแจ้งว่า สำหรับการถ่าย
ภาพแต่งงานจะต้องมีการจองล่วงหน้า และตอนนี ้
ไม่มีช่างแต่งหน้าและช่างภาพให้บริการชั่วคราว ถ้า
เดินเข้ามาแล้วแจ้งความต้องการในเวลากระชัน
้ ชิด
เช่นนีค
้ งจัดการให้ไม่ได้

ก่อนที่เซี่ยเฟิ งจะทันได้พูดอะไร เขาก็เห็นอวี๋ตง


หยิบเงินออกมาปึ กหนึ่งพร้อมกับพูดอย่างวางมาด
ว่า "เราจะถ่ายภาพแต่งงานในสตูดิโอ ไม่ต้องเตรียม
อะไรมากมายเอาแบบเรียบง่ายก็พอ ส่วนรูปก็ให้ส่ง
ไปที่บ้านของพวกเราก่อนเที่ยงคืน นี่คือเงินมัดจำ
ค่าล่วงเวลา"

"โอเค โอเค ฉันจะช่วยคุณลูกค้าติดต่อช่างแต่ง


หน้ากับช่างภาพ และหาเวลาช่วยพักกลางวันเพื่อ
ถ่ายภาพอย่างดีให้พวกคุณนะคะ" พนักงานร้าน
เดินออกไปอย่างมีความสุข

ในที่สุด เธอก็ได้ถ่ายรูปแต่งงาน เซี่ยเฟิ งที่ยัง


งุนงงอยู่ก็ได้ส่งที่อยู่ของเขาให้พนักงานไป จากนัน

พวกเขาก็ได้เดินออกจากร้าน

"เมื่อกี ้ คุณกลัวการแสดงออกที่เหมือนอันธพาล
ท้องถิ่นของฉันหรือเปล่า?" อวี๋ตงถามสามีป้ายแดง
ที่มักแสดงสีหน้าที่อ่านไม่ออกอยู่ตลอด

"ทำไมเราต้องถ่ายรูปแต่งงานกันวันนี?้ "
"เพราะว่าวันนีเ้ ป็ นวันที่เราแต่งงานกัน แล้วจะไม่
ให้มีรูปแต่งงานโชว์ที่บ้านได้ยังไง?" อวี๋ตงพูด
หน้าตาเฉย

เซี่ยเฟิ งหุบปากเงียบๆ เขาไม่มีอะไรจะพูดอีก

"ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดออกมา พวกเราจะต้อง
อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมา
เกรงใจกัน"

'เอาล่ะ ถึงแม้ว่าภรรยาป้ ายแดงคนนีจ้ ะค่อนข้าง


แปลกไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยเธอก็วางแผนที่จะ
อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต'

"คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินที่ฉันจ่ายไป นั่นเป็ นเงิน


ชดเชยที่แฟนเก่าของฉันให้มา ฮึ่ม!!! ในเมื่อเขาจะ
ไม่ต้องการฉัน การเอาเงินของเขามาใช้ในการถ่าย
รูปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ก็ดูสะใจดีใช่ไหม?"
'เธอไม่เพียงแค่แปลก เธอยังเป็ นพวกอาฆาต
แค้นอีกด้วย'

"เขาอาจจะคิดว่าฉันอยากจะรักษาหน้าตัวเอง
ด้วยการคืนเงินให้เขา แต่ฝันไปเถอะ!"

'โอเค ฉันเดาว่าเมื่อเทียบกันแล้ว...เธอดูจะ
ยอมรับกับความเป็ นจริงมาก'

"กลับบ้านกันเถอะ!"

เซี่ยเฟิ งพาเธอกลับไปที่บ้านที่พึ่งซื้อได้ไม่นาน
อย่างเงียบ ๆ ทันทีที่ทัง้ สองคนก้าวเข้าไปในบ้าน
ภรรยาคนใหม่ของเขาก็อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ
สายตา

"สามี นี่มันใจกลางเมือง อา! ในย่านนีม


้ ันแพง
มาก อีก 10 ปี ต่อจากนี ้ อพาร์ทเมนต์นีจ
้ ะต้องขาย
ได้ในราคากว่า 100,000 หยวนต่อตารางเมตร "
"ว้าว มันหลังใหญ่มาก จะต้องมีพ้ืนที่
มากกว่า 100 ตารางเมตร มีสองชัน
้ ด้วย ชัน
้ บน ชัน

ล่าง เชื่อฉันว่าหลังจากนี ้ 10 ปี พวกเราจะเป็ น
เศรษฐีเงินล้านโดยไม่ต้องทำอะไรเลย"

"ที่นี่ตกแต่งไปบ้างนิดหน่อย ผมไม่ค่อยได้สนใจ
มันเท่าไหร่"

"อืม แต่ข้าวของของแฟนเก่าคุณจะต้องถูกกำจัด
ฉันจะไม่ขอให้คุณโยนพวกมันทิง้ แต่อย่าให้ฉันเห็น
ของพวกนัน
้ เด็ดขาด ไม่อย่างนัน
้ ฉันจะหงุดหงิด
มาก"

'อื้ม ผู้หญิงคนนีข
้ ีห
้ ึง!' เซี่ยเฟิ งแอบคิดและเริ่ม
กังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง

"คุณอยู่ห้องนีแ
้ ล้วกัน" เซี่ยเฟิ งพาเธอเข้าไปใน
ห้องนอนห้องหนึ่ง ก่อนวางกระเป๋าเดินทางของเธอ
ลง
อวี๋ตงมองไปรอบๆ ห้องนอนที่มองดูก็ร้ว
ู ่าเป็ น
ห้องพักแขก เธอรู้สึกไม่พอใจ

"ทำไม เราไม่นอนด้วยกัน?"

'ภรรยาของเขาค่อนข้างก๋ากั่น'

"ช่างมันเถอะ พวกหนุ่มวิศวะมักขีอ
้ าย ฉันจะให้
เวลาคุณปรับตัว"

'โอ้ ขอบคุณมาก' เซียวเฟิ งแอบตอบเธอในใจ

"ฉันขอนอนพักก่อนนะ ตอนที่ทางร้านส่งรูปมา
คุณช่วยรับมันก่อนนะ เดี๋ยวฉันตื่น พวกเราค่อยมา
ตัดสินใจอีกทีว่าจะแขวนมันไว้ตรงไหน" เมื่อเธอสั่ง
เสร็จ อวี๋ตงก็ปิดประตูทันที

อวี๋ตงนอนเกลือกกลิง้ ไปบนเตียงอย่างสบายอก
สบายใจ ความคิดเดียวที่อยู่ในหัวตอนนีก
้ ็คือ เธอ
อยากจะบอกแม่ของเธอในอีก 10 ปี ข้างหน้าว่า
ลูกสาวของท่านไม่ใช่ผู้หญิงค้างสต็อคอีกแล้ว และ
เธอก็แต่งงานกับกับสินค้าคุณภาพดีเยี่ยมทันทีหลัง
เรียนจบมหาวิทยาลัย

แถมยังมีอพาร์ทเมนต์สุดหรูตงั ้ แต่อายุยังน้อย

และไม่จำเป็ นต้องบังคับให้เธอไปดูตัวกับชาย
อ้วนหัวล้านอีก

ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนีท
้ ี่แม้แต่ผู้ชายรูปลักษณ์น่า
เกลียดยังไม่ต้องการ สุดท้ายก็ต่ น
ื มาเจอผู้ชายที่ทัง้
ดูดีและเลอค่า ที่แพ็คใส่กล่องอย่างดีมาเพื่อ
แต่งงานกับตัวเอง!!

ตอนที่ 2 เผาความรักครัง้ เก่าให้ตายไป
เช้าตรู่วันรุ่งขึน
้ เซี่ยเฟิ งตื่นนอนตามปกติ เขา
นอนมองเพดานเกือบ 2 นาทีก่อนจะลุกขึน

ดูเหมือนว่าวันนีจ
้ ะมีบางอย่างผิดปกติกับบ้าน
ของเขา ทำไมมันถึงมีกลิ่นไหม้และมีควันในตอน
เช้า?

เซี่ยเฟิ งไม่มีเวลาแม้แต่จะสวมแว่น เขารีบเปิ ด


ประตูออกไป และเห็นควันจำนวนมากจากทางห้อง
ครัว เขาตกใจจนต้องรีบไปที่ประตูครัวทันที

"คุณกำลังทำอะไรอยู่!?" เซี่ยเฟิ งรู้สึกเหมือนวันนี ้
เป็ นวันโลกาวินาศ อะไรมันจะวินาศสันตะโรขนาด
นีก
้ ัน

"คุณตื่นแล้วเหรอ?" อวี๋ตงผู้ที่กำลังเผาบางอย่าง
อยู่ในหม้อ หันมาทักทายเซี่ยเฟิ งอย่างอารมณ์ดี

"คุณกำลังทำอะไรอยู่?" เซี่ยเฟิ งถามซ้ำอีกรอบ
"เผาพวกรูปถ่าย ตั๋วแล้วก็ไดอารี่น่ะ" อวี๋ตง
อธิบายพร้อมยกรูปถ่ายในมือขึน
้ "รูปทีถ
่ ่ายกับแฟน
เก่าของฉัน"

"ทำไมคุณต้องเผาของพวกนีใ้ นตอนเช้าแบบนี?้ "

"ก็ฉันเพิ่งเห็นพวกมันเมื่อเช้านีต
้ อนที่ฉันรื้อ
กระเป๋าเดินทาง ฉันไม่สามารถระงับอารมณ์โกรธ
ในใจได้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์อันดีของ
เราในอนาคต ฉันก็เลยตัดสินใจเผาความรักครัง้ นัน

ให้ตายไปเลย" อวี๋ตงพูดอย่างชอบธรรมและมั่นอก
มั่นใจ

"ทำไมคุณถึงเผามันในหม้อ?" เซี่ยเฟิ งกัดฟั นถาม

"คิดว่าฉันไม่กลัวควันเหรอ ฉันรู้ว่ามันจะเกิดควัน
ฉันเลยคิดถึงเครื่องดูดควันในห้องครัว หลังจากมอง
หาของในนีอ
้ ยู่นาน ฉันก็เห็นแต่หม้อใบนี ้ ฉันเลย
เลือกใช้มัน" อวี๋ตงพูดก่อนบ่นพึมพำ "เครื่องดูดควัน
อันนีไ้ ม่ค่อยดีเลย มันดูดควันเข้าไปไม่หมดยังมีควัน
เหลืออีกตัง้ เยอะ นี่มันเลยระยะเวลารับประกันไป
หรือยัง ถ้ายังคุณควรจะเปลี่ยนอันใหม่นะ"

"......." โรงเรียนในทุกวันนีเ้ ขาสอนอะไรกันนะ
กระบวนการคิดของผู้หญิงคนนีถ
้ ึงได้ยุ่งเหยิงขนาด
นี ้

"คุณจะทำอาหารเช้าเหรอ? ฉันเผาพวกนีเ้ กือบ
เสร็จแล้ว รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันล้างหม้อใบนีแ
้ ล้ว
คุณก็สามารถใช้มันต่อได้เลย" อวี๋ตงพูดอย่างชาญ
ฉลาด

“ถ้าเราใช้หม้อใบนีป
้ รุงอาหารต่อ อาหารทุกจาน
ในอนาคตจะไม่มีเศษความรักที่ตายไปของคุณเห
รอ” เซี่ยเฟิ งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเหน็บเบา ๆ

“จริงด้วย ดูออกจะโชคร้ายไปหน่อย งัน


้ เราคง
ต้องทิง้ หม้อใบนีไ้ ปพร้อมกับความรักที่ตายไป”
หลังจากพูดจบ อวี๋ตงก็ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ไม่ดี
กว่า หม้อนีด
้ ูมีราคา ทำไมไม่เอาลงประกาศขายมัน
ในออนไลน์แทนล่ะ อืม ฉันควรรีบถ่ายรูป แล้วอัป
โหลดมัน”

เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่า มุมมองทัง้ 3 ของเขากำลังถูก


ท้าทายอย่างหนัก และเขาทำได้เพียงเดินจากไป
เพื่อไปล้างหน้าและสงบสติอารมณ์

หลังจากทำความสะอาดห้องครัวแล้ว อวี๋ตงก็รีบไป
ที่ห้องนั่งเล่นเพื่อดูรูปแต่งงานของเธอ ถึงแม้ว่าจะ
ถ่ายอย่างเร่งรีบ แต่รูปก็ยังออกมาดูดี ทัง้ สองคนดูดี
และดูเหมาะสมกันมาก

อวี๋ตงชื่นชมรูปนัน
้ คนเดียวอย่างมีความสุขเป็ นเวลา
นาน และเมื่อเธอละสายตาจากมัน เธอก็เห็น
เซี่ยเฟิ งถือจานที่ใส่ไข่ดาวและเบคอนออกจากห้อง
ครัว ก่อนจะวางมันลงที่โต๊ะกินข้าว

“ที่บ้านมีแต่ของพวกนี ้ กินรองท้องไปก่อน”
อวี๋ตงเดินไปนั่งที่โต๊ะอย่างเป็ นธรรมชาติ เธอรับ
แก้วนมที่เซี่ยเฟิ งส่งให้แล้วเริ่มทานอาหาร สำหรับอ
วี๋ตงที่มีทักษะการทำอาหารเป็ นศูนย์แล้ว คนที่
สามารถทำอาหารได้แบบนีก
้ ็ดูราวกับเป็ นพระเจ้า
เลยทีเดียว

“สามี คุณคิดถูกแล้วที่เลือกฉันเป็ นภรรยา”

เซี่ยเฟิ งเกือบจะสำลักนมที่เพิ่งดื่มไป

“ถ้าไม่มีภรรยาที่ทักษะการทำอาหารเป็ นศูนย์ คุณ


จะสามารถแสดงความมีคุณธรรมและพรสวรรค์
ของคุณได้ยังไง!!” อวี๋ตงพูดอย่างชอบธรรม

“ผมควรจะขอบคุณคุณ!” เซี่ยเฟิ งกล่าวรอดไรฟั น

“ด้วยความยินดี!”
เซี่ยเฟิ งหมดคำพูด!!!

หลังจากทานข้าวเสร็จ อวี๋ตงก็อาสาล้างจาน เธอ


พูดว่า “เมื่อกีค
้ ุณเป็ นคนทำอาหารแล้ว งัน
้ เดี๋ยวฉัน
จะเป็ นฝ่ ายล้างจานเอง ในหนังสือที่ฉันเคยอ่าน
บอกว่าสามีภรรยาควรแบ่งกันทำงานบ้าน ไม่ควร
ให้ฝ่ายในฝ่ ายหนึ่งทำคนเดียว”

“ขอบคุณ!!” ไม่ว่าอวี๋ตงจะพูดอะไร ตอนนีเ้ ขาตอบ


กลับได้เพียงขอบคุณ

“ไม่เป็ นไร คุณช่วยแขวนภาพแต่งงานของพวกเรา


ไว้ที่ผนังเหนือโซฟาทีสิ”

เซี่ยเฟิ งมองไปตรงผนังเหนือโซฟา และเห็น


ของขวัญขึน
้ บ้านใหม่จากเพื่อนคนหนึ่งของ
เขาแขวนอยู่บนนัน
้ มันเป็ นภาพสีน้ำมันอัน
ล้ำค่า และเพื่อนของเขาเลือกมาให้เข้ากับ
สไตล์บ้านของเขาโดยเฉพาะ

เซี่ยเฟิ งลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “มันดูแปลกๆ


ถ้าเราจะแขวนมันไว้ตรงนัน
้ มันดูไม่ค่อยเข้ากับการ
ตกแต่งของห้อง”

“ถ้างัน
้ ก็ไม่ต้องแขวน” อวี๋ตงพูดอย่างเฉียบขาด
“ตอนแรก ฉันอยากจะแขวนมันไว้ในห้องนอน แต่
กลัวว่าคุณจะไม่เห็นด้วย”

“ผมจะไปแขวนมันเดี๋ยวนีแ
้ หละ!” เซี่ยเฟิ งรีบขยับ
ตัว แล้วนำภาพสีน้ำมันที่เพื่อนให้มาไปแขวนเอาไว้
ในห้องนอนทันที มันคงจะน่ากลัวถ้าเมื่อตื่นมาทุก
เช้าแล้วสิ่งแรกที่ต้องเห็นก็คือภาพแต่งงานนั่น

อวี๋ตงยิม
้ อย่างพึงพอใจแล้วเดินกลับไปล้างจานต่อ
เซี่ยเฟิ งแขวนภาพสีน้ำมันในห้องนอนของเขาแล้วดู
เวลา มันสายแล้ว เขาวางแผนไว้ว่าวันนีจ
้ ะไปเยี่ยม
แม่ของเขา เพื่อบอกเรื่องการแต่งงานของเขา เขา
รีบเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและทันทีที่แต่งตัว
เรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินออกมาเห็นอวี๋ตงในชุด
เรียบร้อยนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

“คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?” เซี่ยเฟิ งถาม

“ใช่ คุณจะไปทำงานใช่ไหม?”

“เปล่า ผมจะไปเยี่ยมแม่ของผม” เซี่ยเฟิ งคิดเล็ก


น้อยแล้วพูดต่อไปว่า “วันนีผ
้ มจะไปเยี่ยมพ่อกับแม่
ของผม ถ้าสะดวก ผมจะรบกวนให้คุณไปพบพวก
ท่านกับผมที่โรงพยาบาลในอีกสองวัน”

“ไม่สะดวกอะไร รบกวนอะไร? พ่อแม่ของคุณก็


เหมือนพ่อแม่ของฉัน”
“โอเค…อย่างนัน
้ ก็ได้” เซี่ยเฟิ งตอบอย่างไม่ค่อย
เป็ นธรรมชาตินัก

“ยังไงก็ตาม การที่คุณเปลี่ยนแฟนกะทันหัน คุณ


พ่อคุณแม่จะไม่ตกใจเหรอ?” อวี๋ตงกล่าวอย่าง
กังวล

‘คุณพ่อ คุณแม่งัน
้ เหรอ เธอช่างเปลี่ยนสรรพนาม
มาเรียกพวกท่านว่าเป็ นพ่อแม่ของเธอได้อย่าง
รวดเร็ว เฮ้อ แต่เป็ นแบบนีก
้ ็ดีอย่างน้อยแม่ก็จะไม่
สงสัย’

“ไม่หรอก อันอัน…แค่ก…แฟนเก่าของผมไม่เคยพบ
พ่อแม่ของผม” เซี่ยเฟิ งกล่าว

“อ้อ…ถ้าอย่างนัน
้ ก็ดีเลย คุณพ่อคุณแม่ชอบอะไร?
ฉันจะได้ซ้ือของขวัญให้พวกท่าน” อวี๋ตงไม่กังวล
แล้วเมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหา
เซี่ยเฟิ งรู้สึกประหลาดใจที่หญิงสาวตัวน้อยคนนี ้
รู้จักเรื่องการซื้อของขวัญ และเขาก็ร้ส
ู ึกว่าเธอน่า
มองมองขึน
้ และเขาก็ปฏิเสธเธอพลางยิม
้ ตอบ “คุ
ณไม่จะเป็ นต้องสิน
้ เปลือง ผมจะซื้อของขวัญเอง
ส่วนคุณก็แค่นำไปให้พวกท่านก็พอ”

“ตกลง ยังไงพวกเราก็เป็ นครอบครัวเดียวกัน สิ่งที่


คุณซื้อก็ไม่ต่างจากฉันซื้อ” อวี๋ตงพยักหน้าเห็นด้วย

“แค่ก!” แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครัง้ แรกที่ขาเจอกับใบหน้า


อันหนาหนักของอวี๋ตง แต่เขาก็ยังรับไม่ได้เลยสัก
ครัง้ อย่าไปคิดถึงมันดีกว่า ควรออกจากบ้านได้แล้ว

“เดี๋ยว!” อวี๋ตงรีบตะโกน เมื่อเห็นเซี่ยเฟิ งกำลังจะ


ออกไป

“มีอะไรเหรอ?” เซี่ยเฟิ งถาม


“สามี!” อวี๋ตงตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์
“ขอกุญแจบ้านของเราด้วยค่ะ ถ้าคุณออกไปแล้ว
ฉันกลับมาก่อน ฉันจะเข้าบ้านยังไง?”

เซี่ยเฟิ งจู่ๆก็ร้ส
ู ึกปวดท้องหลังจากถูกเรียกว่า ‘สามี’
เขาหยิบกุญแจสำรองจากตู้ข้างประตูแล้วยื่นให้อีก
ฝ่ าย หลังจากคิดบางอย่าง เขาก็พูดว่า “”อวี๋ตง
อย่าเรียกผมว่าสามีได้ไหม เอ่อ แค่เรียกชื่อผมก็
พอ”

“ทำไมล่ะ คุณไม่ชอบเหรอ?”

เซี่ยเฟิ งยังไม่ทันได้ตอบ แต่การแสดงออกของเขาก็


บ่งบอกอยู่ชัดเจนแล้วว่าเขาคิดอะไร

“ก็ได้ ๆ!”

เซี่ยเฟิ งถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พวกวิศวะอย่างคุณเนี่ย คร่ำครึ”

“ผมเรียนหมอ”

“นั่นล่ะ!”

“ผมออกไปก่อนล่ะ” เซี่ยเฟิ งผู้ที่ไม่อยากต่อล้อต่อ


เถียงกับอวี๋ตงต่อ เกือบจะหายตัวไปที่ประตูอย่าง
รวดเร็ว ราวกับว่าเขาไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ต่อได้อีก
แม้แต่ครู่เดียว

อวี๋ตงทำให้เซี่ยเฟิ งที่รีบเผ่นแนบอย่างรวดเร็วด้วย
ความสนุกสนาน เธอโยนกุญแจลงกระเป๋า แล้วเดิน
ออกจากบ้านไป

เมื่อเช้าตอนที่เธอรื้อกระเป๋าเดินทาง เธอเจอ
เอกสารการรับสมัครงานอยู่ใน เอกสารนีช
้ ่วยปลุก
ความทรงจำของเธอ
ในชีวิตก่อนหน้าอวี๋ตงทำงานเป็ นเซลล์ แม้ว่าเธอจะ
ไปถึงตำแหน่งระดับสูง และประสบความสำเร็จใน
สายอาชีพ แต่ความฝั นของเธอตลอดมาคือการเป็ น
ดีเจรายการวิทยุ

และผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีมาก ภายใต้การแนะนำของ
อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ สถานีวิทยุช่ อ
ื ดังใน
เซี่ยงไฮ้ได้นัดสัมภาษณ์เธอในตำแหน่งดีเจ และการ
สัมภาษณ์มีขึน
้ ในช่วงบ่ายสองวันนี ้

เมื่อย้อนกลับไป เพราะเธอร้องไห้จนเป็ นลมที่หน้า


สำนักงานกิจการพลเรือน เธอจึงพลาดการ
สัมภาษณ์ของวันนีไ้ ป สุดท้ายเธอก็ไม่มีโอกาสที่จะ
ได้เข้าร่วมในวงการนัน
้ อีกเลย

เมื่อเธอเห็นเอกสารนีใ้ นวันนี ้ อวี๋ตงก็คิดว่านับตัง้ แต่


ที่ได้สามีมา ได้งานมา การหาเงินให้ได้มากๆก็ดูจะ
ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
ในระหว่างเดินทางไปยังสถานีวิทยุ อวี๋ตงได้ผ่าน
ร้านตัดผม เธอก็ร้ส
ู ึกว่า ผมของเธอยาวเลยไหล่มา
แล้ว เธอเลยตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน

“คุณจะตัดทรงไหนดีคะ?” ช่างตัดผมถาม

“ฉันมีนัดสัมภาษณ์งานช่วงบ่าย ฉันอยากตัดให้มัน
สัน
้ เสมอคาง ทรงนีท
้ ำให้ฉันดูมีความภูมิมากขึน
้ ”อ
วี๋ตงทำมือเสมอคางเพื่อประมาณความยาวให้ช่างดู

“คุณอยากจะทำสีด้วยไหมคะ? มันจะทำให้ดูทัน
สมัยขึน
้ ”

“ได้!”

เวลาบ่ายสอง อุณหภูมิของเซี่ยงไฮ้สูงถึง 39 องศา


อวี๋ตงที่พึ่งแปลงโฉมมาใหม่ก็เดินเข้าไปในสถานี
วิทยุเซี่ยงไฮ้อย่างเงียบ ๆ
เมื่ออวี๋ตงพบกับผู้สัมภาษณ์เธอ เธอไม่ได้ดูกังวล
หรือประหม่าแบบเหมือนนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่
เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนเลย เธอมีท่าทีที่
สงบ และทัศนคติของเธอก็ดูมั่นใจ ซึ่งผู้สัมภาษณ์
ชื่นชอบความแข็งแกร่งแบบนีข
้ องเธอมาก

ผู้หญิงคนนีไ้ ม่ประหม่าใดใดเลยหรือ?

คนสัมภาษณ์คิดในใจ สีหน้าของเขามีความสุขมาก
และหลังจากอ่านข้อมูลของเธอ เขาก็พูดว่า “ผล
การเรียนของคุณดีมาก และอาจารย์ที่ปรึกษาของ
คุณก็แนะนำให้คุณให้กับผู้อำนวยการโดยตรง ทาง
เราเองก็พอใจคุณมากเช่นกัน แต่เท่าที่ผมทราบ
เพื่อนร่วมชัน
้ ของคุณส่วนใหญ่จะเลือกทำงานกับ
สถานีโทรทัศน์ ผมขอถามได้ไหมว่า ทำไมคุณถึง
เลือกทำงานกับสถานีวิทยุแทนสถานีโทรทัศน์?”
อวี๋ตงคิดอยู่ครู่นึง  ‘ตอนนัน
้ อาจารย์พูดว่าอะไร
นะ?’

อ้อ คิด ๆ ดูแล้ว คำพูดดัง้ เดิมของอาจารย์ที่ปรึกษา


ของเธอคือ ในเมื่อเธอเป็ นแบบนี ้ ก็ควรจะเป็ นแค่ดี
เจก็พอแล้ว มันก็เหมือนๆกับพิธีกรในสถานี
โทรทัศน์นั่นแหละ!

บัดซบ น้องสาวอาจารย์สิ! เพียงเพราะว่าสมัยเรียน


ฉันไม่ค่อยแต่งตัว ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะน่า
เกลียดสักหน่อย เพื่อนร่วมชัน
้ คนอื่น ฐานะก็ดี มี
เงินจ้างทัง้ ช่างแต่งหน้าและสไตลิสชัน
้ แนวหน้า มี
เงินซื้อเสื้อผ้าสวยๆ เฮอะ ถ้าเอาฉันไปเทียบกับพวก
เขา ยังไงฉันก็เป็ นได้แค่พ้ืนหลังเท่านัน
้ ล่ะ!

อวี๋ตงพูดอย่างจนปั ญญา “ฉันเป็ นคนค่อนข้างเก็บ


ตัว ถ้าฉันไปที่สถานีโทรทัศน์ มันอาจจะเกิดปั ญหา
ถ้าต้องอยู่ต่อหน้าสาธารณชน”
โอ! บุคลิกที่ดูมั่นใจของเธอ กับคำพูดที่บอกว่าตัว
เองเก็บตัวไม่กล้าอยู่ต่อหน้าสาธารณะ มันไม่ง่าย
เลยที่ใครจะทำแบบเธอได้ ดูเหมือนว่าภูมิหลังของ
เธอคงจะไม่ธรรมดาเลย!

“สำหรับเรื่องงาน ผมมีช่วงเวลาออกอากาศ สอง


ช่วงให้คุณตัดสินใจ” คนสัมภาษณ์พูดขณะที่มอ
งดูอวี๋ตง

อวี๋ตงผายมือแสดงว่าเชิญอีกฝ่ ายพูดต่อ

“ช่วงแรก คือช่วงที่เป็ นที่นิยมที่สุดของเรา ก็คือ


ตอน 2 ทุ่ม ในช่วงนีม
้ ีดีเจฟางเซียวผู้โด่งดังของเรา
เป็ นคนรับผิดชอบ และฟางเซียวก็เป็ นเหมือน
ใบเบิกทางในงานสายนีข
้ องคุณ คุณจะได้เรียนรู้
เพิ่มเติมจากเธอ ส่วนอีกช่วงหนึ่งก็คือ ช่วงเที่ยงคืน
เป็ นรายการใหม่และคุณมีอำนาจควบคุมเรื่องทุก
อย่างในการออกอากาศแต่เพียงผู้เดียว”
“เป็ นดีเจเดี่ยวเหรอคะ? ช่วงเวลานัน
้ ดูเหมือนจะ
ไม่มีเรทติง้ คนฟั งเลย คุณคงจะแค่หารายการมาเติม
ให้เต็มช่วงเวลา” อวี๋ตงพูดอย่างเฉียบแหลม

“อะแฮ่ม!” คนสัมภาษณ์แสร้งทำเป็ นสงบ แล้วพูด


ต่อว่า “โดยส่วนตัวแล้ว ฉันขอแนะนำช่วงเวลา 2
ทุ่ม”

“ไม่ล่ะ ฉันขอเลือกช่วงเที่ยงคืน”

“หือ! ทำไมล่ะ?”

“ฉันไม่ชินกับการทำงานร่วมกับคนอื่น” อวี๋ตงตอบ
อย่างตรงไปตรงมา

หลังจากจบการสัมภาษณ์และการเลือกช่วงเวลา
ทำงานแล้ว ผู้สัมภาษณ์ก็พาเธอเดินดูรอบๆสถานี
เมื่อผู้สัมภาษณ์กลับไปที่สำนักงานของเขาแล้ว เขา
ก็อดคิดขึน
้ ไม่ได้ว่า เด็กสาวที่อายุน้อยขนาดนัน

ทำไมถึงมีท่าทางราวกับคนที่ผ่านการทำงานมาแล้ว
7-8 ปี ?

แน่นอนที่สุดว่า จะต้องมีบางอย่างที่่แตกต่างเกี่ยว
กับครอบครัวของเธอ บรรยากาศช่างดูแตกต่างกัน
มาก

อวี๋ตงคิดว่าเซี่ยเฟิ งไปเยี่ยมแม่ของเขาที่โรงพยาบาล
และคงจะไม่กลับมาเร็วๆนี ้ และเมื่อเธอกลับไปถึง
บ้าน ก็ปรากฎว่าเซี่ยเฟิ งยังไม่กลับมาจริงๆ

อวี๋ตงคิดว่ายังมีเวลา เธอก็เลยตัดสินใจซักผ้า ขณะ


ที่เธอกำลังตากผ้าอยู่ตรงระเบียง เธอก็ได้ยินเสียง
เปิ ดประตูรัว้

เซี่ยเฟิ งเดินเข้ามาพร้อมกับถุง 2-3 ใบ


“คุณกลับมาแล้ว!”

เซี่ยเฟิ งเงยหน้าขึน
้ เห็นผมทรงใหม่ของอวี๋ตง เธอดู
เด็กลงและสวยขึน
้ ในมือของเธอถือ เอ่อ…เซี่ยเฟิ ง
ขัดเขินเล็กน้อยขณะที่เบนสายตาไปทางอื่นและพูด
ว่า

“แค่ก คุณกำลังตากผ้าเหรอ?”

อวี๋ตงงุนงงกับคำถามของเขา แต่เมื่อก้มหน้าลงและ
เห็นของในเธอถืออยู่ในมือเธอ นั่น ๆ ชุดชัน
้ ใน
สีชมพูไซส์ 36 คัพ B ของเธอนั่นเอง!
ตอนที่ 3 เหตุผลที่แต่งงานกัน

หลังจากอวี๋ตงตากผ้าเสร็จ เธอก็คิดว่าในเมื่อ
ตอนนีเ้ ธอแต่งงานแล้ว เธอควรจะลองซื้อชุดชัน
้ ใน
แบบเซ็กซี่มาใส่ดูดีไหมนะ?
ถึงแม้ตอนนีเ้ ซี่ยเฟิ งจะไม่ร้ว
ู ่าอวี๋ตงกำลังคิดอะไร
อยู่ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าอีก
ฝ่ ายจะเป็ นภรรยาของเขา แต่พวกเขาเพิ่งจะรู้จัก
กันได้แค่ 2 วันเท่านัน
้ มันไม่ใช่การพูดเกินจริงหาก
จะบอกว่าพวกเขาเป็ นคนแปลกหน้ากัน แต่ผู้หญิง
คนนีก
้ ลับทำเหมือนว่าพวกเขาคุ้นเคยกันดีมาก ถึง
ขนาดแสดงโชว์ชุดชัน
้ ในของเธออย่างไม่ขัดเขินใด
ใดเลยด้วยซ้ำ เธอเป็ นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถอธิบาย
ได้ด้วยตรรกะทั่วไปจริง ๆ
เซี่ยเฟิ งเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง เมื่อเดิน
ออกมาที่ห้องนั่งเล่นเขาก็เห็นอวี๋ตงกำลังสำรวจของ
ที่เขาซื้อมา
“ผ้าพันคอ นาฬิกา” อวี๋ตงรื้อถุงดูของข้างใน “มี
อาหารเสริมด้วย ของนี่ที่จะเอาไปเยี่ยมคุณพ่อคุณ
แม่ใช่ไหม”
เมื่อเห็นอวี๋ตงเข้าใจถูกต้องแล้ว เขาจึงไม่ได้พูด
อะไร แค่ตอบกลับด้วยการพยักหน้ารับ
"อืม ผ้าพันคอใช้ได้ คุณภาพดีและราคาก็แค่ไม่กี่
พันหยวน แต่นาฬิกาเรือนนีร้ าคาต้องไม่ต่ำกว่า
40,000 ถึง 50,000 หยวนแน่ ๆ เด็กจบใหม่จน ๆ
อย่างฉัน จะมีเงินซื้อได้ที่ไหนกัน" อวี๋ตงหยิบ
นาฬิกาออกจากกล่องและพูดว่า "ถ้าแม่คุณเห็น
นาฬิกาเรือนนี ้ ท่านคงคิดว่าเจ้ามารน้อยไร้ยางอาย
คนนีก
้ ล้าดียังไงถึงได้ใช้เงินของลูกชายฉันเพื่อซื้อ
ของขวัญให้ฉัน?"
"...." เซี่ยเฟิ งถอนหายใจก่อนแย้งว่า "แม่ของผม
จะไม่พูดแบบนัน
้ "
"คุณไม่ร้จ
ู ักผู้หญิง!" อวี๋ตงมองไปทางเซี่ยเฟิ งแล้ว
แสดงสีหน้าท่าทางว่า 'คุณไม่เข้าใจ'
"แต่คุณเป็ นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าอะไรที่เป็ น
ของผมก็เหมือนของคุณ? คุณพูดอย่างชัดเจนมาก
เกี่ยวกับเรื่องนี"้ เซี่ยเฟิ งที่ไม่ร้จ
ู ะตอบอวี๋ตงอย่างไร
จู่ๆก็นึกถึงบทสนทนานัน
้ ขึน
้ มา
"แม้ว่าฉันจะยินดีมากที่คุณยอมรับเรื่องนัน
้ " อวี๋
ตงพูดด้วยสีหน้าโล่งใจ "แต่เรื่องนีก
้ ับเรื่องนัน
้ มัน
คนละเรื่องกัน และเรายังต้องสนใจเกี่ยวกับทัศนคติ
และมารยาทกับพวกท่านเป็ นพิเศษ อย่างน้อยก็
เพื่อสร้างความประทับใจ และสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่า
จะถูกหรือแพง แต่ก็ควรให้ท่านรู้ถึงการที่สะใภ้
อย่างฉันตัง้ ใจและเต็มใจเตรียมของขวัญให้พวก
ท่าน มันเหมือนกับการเต็มใจที่จะจ่ายเงินให้กัน "
"คุณเป็ นนักศึกษาจบใหม่แล้วไปเรียนรู้เรื่อง
แปลกๆพวกนีม
้ าจากไหนกัน?" เซี่ยเฟิ งไม่มีคำพูดใด
ใดอีก
"มันไม่ใช่เรื่องแปลก มันเป็ นเรื่องปกติของมนุษย์
เฮ้อ พวกหนุ่มวิศวะ..." อวี๋ตงส่ายหน้าก่อนพูดต่อว่า
"พวกคุณมีไอคิวสูงมากแต่กลับมีอีคิวต่ำแบบนี ้ ฉัน
เดาว่าคุณคงไม่ร้ว
ู ่าทำไม อันอันถึงได้ทงิ ้ คุณไป"
"คุณรู้จักอันอันงัน
้ เหรอ?" เซี่ยเฟิ งตกตะลึงเมื่อ
ได้ยินชื่อของแฟนเก่า
"เมื่อเช้าคุณเผลอเอ่ยออกมาเองไม่ใช่เหรอไง"
เซี่ยเฟิ งไม่ต้องการพูดเกี่ยวกับแฟนเก่าของเขา
กับอวี๋ตง ดังนัน
้ เขาจึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้ใดใด
"อะไร คุณยังอยากรู้เหตุผลอยู่เหรอ ถ้างัน
้ ฉันจะ
ช่วยให้คุณฟั ง "อวี๋ตงเริ่มคุยโว "มีภรรยาไม่กี่คน
หรอกนะที่จะยอมคุยกับสามีของเธอเกี่ยวกับแฟน
เก่าของเขา"
"คุณคงไม่ลืมว่า ความสัมพันธ์ก่อนหน้านีข
้ องคุณ
เป็ นอย่างไร ถึงทำให้คุณได้มาแต่งงานกับผม!"
เซี่ยเฟิ งเตือนอวี๋ตงอย่างแนบเนียนว่าเธอก็เป็ น
เหมือนเขาที่เพิ่งจะถูกแฟนทิง้ ไปเมื่อวานนีเ้ อง
"ฉันรู้" อวี๋ตงตอบอย่างสงบ
เซี่ยเฟิ งเห็นว่าเธอไม่ได้หลบเลี่ยง เขาก็เริ่มสนใจ
ขึน
้ มา ปกติแล้ว เขาไม่ชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของ
คนอื่น เขามาเจอผู้หญิงแบบเธอนะ เขาก็อดไม่ได้ที่
จะพูดต่อ "งัน
้ ก็มาคุยกัน"
"เอาล่ะ ถ้าอย่างนัน
้ ให้ฉันบอกก่อนว่าคุณผ่าน
เกณฑ์มาตรฐานของฉันได้อย่างไร จำได้ไหมว่าฉัน
ถามคำถามคุณก่อนที่ฉันจะขอแต่งงาน?" อวี๋ตงถาม
เซี่ยเฟิ งนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาขมวดคิว้ แล้วถามว่า
"เพราะผมมีงานทำ?"
"นั่นก็เป็ นหนึ่งในนัน
้ และคุณมีข้อได้เปรียบอีก
มากมาย" อวี๋ตงเริ่มสาธยาย "คุณตัวสูง กะด้วย
สายตาก็ราวๆ 175 ซม. มีการศึกษาที่ดี ถึงคุณจะ
ไม่มีใบประกาศปริญญาโท แต่คุณเรียนหมอ และ
คุณคงจะกลายเป็ นหมอเฉพาะทางในอีกไม่กี่ปี คุณ
ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของฉัน คุณเป็ นนิสัยดี เป็ น
สุภาพบุรุษ ถึงคุณจะแก่กว่าฉัน แต่นั่นก็ไม่เพียง
พอที่จะทำให้ฉันเลิกสนใจคุณ"
เซี่ยเฟิ งยิ่งฟั งสีหน้าของเขาก็ยิ่งมืดครึม
้ มากขึน

เรื่อยๆ "ตามที่คุณพูดมาที่โรงพยาบาลของเรามี
ผู้ชายมากกว่าครึ่งที่ผ่านเกณฑ์ของคุณ"
อวี๋ตงส่ายหน้าเป็ นเชิงไม่เห็นด้วยและยืนยันว่า
"พวกเขาไม่ใช่คุณ ฉันชอบแค่คุณเท่านัน
้ !"
เมื่อได้ยินคำสารภาพอย่างไม่คาดฝั น ใบหน้าของ
เซี่ยเฟิ งก็แดงขึน
้ อีกครัง้ และตัดสินใจว่าจะหนี
"เราจะไปพบพ่อแม่ของผมพรุ่งนี ้ ตอน 10 โมง
เช้า"
อวี๋ตงเห็นท่าทางของเซี่ยเฟิ งที่รีบจากไป ก็
ปิ ดปากและยิม
้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าใบหน้าของ
บุคคลที่ยิ่งใหญ่ในอีก 10 ปี ข้างหน้าจะบางได้ขนาด
นี ้

วันรุ่งขึน

นอกจากอากาศในฤดูร้อนจะอบอุ่นแล้ว ข้อดีที่
สำคัญอีกอย่างก็คือ เราจะเห็นบรรยากาศที่งดงาม
ในเกือบทุกเช้า
อวี๋ตงเปิ ดม่านออกเพื่อให้แสงแดดยามเช้าตกลง
ขอบหน้าต่าง และเธอก็นั่งรับความอบอุ่นของมัน
อยู่บนที่นั่งข้างหน้าต่างอย่างสบายใจ เธอถอน
หายใจ พลางคิดว่าอพาร์ทเม้นท์นเี ้ ต็มไปด้วยพื้นที่สี
เขียวมากมาย
เราสามารถมองหาเห็นสีเขียวได้ทงั ้ อพาร์ทเมนต์
และชัน
้ ล่างยังมีสวนหย่อมเต็มไปหมด ผู้สูงอายุ
หลายคนพาหลาน ๆ มากำลังออกกำลังกายยาม
เช้า ห่างออกไปเล็กน้อยก็จะเห็นแม่น้ำหวงผู่ และ
ผู้คนมากมายวิ่งไปที่นั่นในต นเช้า
เซี่ยเฟิ งที่กลับมาจากวิ่งตอนเช้า พบกับอวี๋ตงที่
เพิ่งผ่านน้ำเสร็จพอดี เขาเดินเข้ามาพร้อมกับ
อาหารเช้าของเธอ
"คุณตื่นแล้วเหรอ? มากินข้าวเช้ากันเถอะ"
เซี่ยเฟิ งวางถุงอาหารลงบนโต๊ะ และพูดว่า "คุณกิน
ข้าวก่อนนะ ผมจะไปอาบน้ำ"
เมื่อเซี่ยเฟิ งอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นอวี๋ตงกำลังกิน
ซาลาเปาและปาท่องโก๋ในมือของเธอ จากนัน
้ ก็
หยิบน้ำเต้าหู้ด้วยมือที่มันเยิม

นิสัยรักความสะอาดของเซี่ยเฟิ งกำเริบ เขาขมวด
คิว้ และพูดว่า "ทำไมคุณไม่เอาอาหารใส่จานดีดีและ
ใช้ช้อนส้อมกินอาหารล่ะ"
"มันก็อยู่ในถุง อยู่ในแก้วอยู่แล้ว ทำไมฉันจะต้อง
เอาไปใส่ภาชนะอื่นด้วย? เดี๋ยวใช้เสร็จก็ต้องล้างมัน
อีก"
เซี่ยเฟิ งไม่มีทางโต้แย้งตรรกะของเธอได้เลย
จะดูแย่ไปไหม ถ้าตอนนีเ้ ขาเข้าครัวไปหยิบจาน
กับส้อม
อวี๋ตงไม่ได้สังเกตเห็นอาการตัดสินใจไม่ถูกของ
เขาเลย หลังจากกินปาท่องโก๋ชิน
้ สุดท้ายหมด เธอก็
โยนถุงพลาสติกกับแก้วน้ำเต้าหู้ลงถังขยะ เธอปั ด
มือไปมา แล้วพูดว่า "ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณก็
ค่อยๆกินล่ะ"
เซี่ยเฟิ งพยักหน้า อืม อวี๋ตงออกไปแล้ว เธอคงจะ
ไม่กลับมาในเวลาสัน
้ ๆ นี ้ เขาจึงรีบวิ่งไปห้องครัว
เพื่อหยิบจานช้อนส้อมอย่างเงียบ ๆ และเมื่อกิน
เสร็จเขาก็ล้างทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว
การหนีออกจากบ้านครัง้ นี ้ อวี๋ตงไม่ได้เอาเสื้อผ้า
มามากนัก หลังจากที่หยิบกางเกงยีนส์และ
กระโปรงสัน
้ ออกจากกระเป๋าหมดแล้ว ก็เหลือกระ
โปรงเพียง 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็ นลายดอกไม้ ส่วนอีกตัว
เป็ นกระโปรงสีขาวยาวถึงเข่า
ในที่สุดอวี๋ตงก็ตัดสินใจเลือกกระโปรงสีขาว
เพราะดูบริสุทธิแ์ ละดูเป็ นคนอ่อนน้อม และผู้อาวุโส
มักจะชอบ
หลังจากแต่งตัวเสร็จเธอก็เริ่มแต่งหน้า เมื่อมองดู
ใบหน้าในกระจกแล้ว อวี๋ตงก็ถอนหายใจอีกครัง้ ว่า
ความเยาว์วัยก็หมายถึงการมีผิวพรรณที่ดี และเธอ
แทบไม่ต้องใช้ไพรเมอร์เลย แต่เพื่อให้ใบหน้าของ
เธอดูเป็ นธรรมชาติและสดใส เธอจึงทาบีบีครีมนิด
กับครีมกันแดดเล็กน้อย จากนัน
้ ก็เขียนคิว้ ต่อด้วย
อายไลเนอร์ ลงท้ายด้วยลิปสติกสีอ่อนที่เติมเต็ม
ความมีชีวิตชีวาขึน
้ มา
ในเวลานีเ้ อง เซี่ยเฟิ งก็มาเคาะประตู "เสร็จหรือ
ยัง?"
อวี๋ตงมองสำรวจตัวเองในกระจกอีกครัง้ เมื่อรู้สึก
ว่ามันสมบูรณ์แบบแล้ว เธอก็หยิบกระเป๋าใบเล็ก
บนเตียงและไปเปิ ดประตู
เซี่ยเฟิ งที่ยืนอยู่หน้าประตู ตกตะลึงเมื่อเขาเห็น
หญิงสาวที่ดูน่ารัก ไร้เดียงสาตรงหน้า เขาผงะไปชั่ว
ขณะ "ทำไมคุณดู เอ่อ?"
"มันดูไม่ดีเหรอ?" อวี๋ตงถาม
"มันก็สวยดี แค่คุณดูแตกต่างจากปกติ" เซี่ยเฟิ ง
ตอบ
"นี่ไม่ใช่การพบคุณพ่อ คุณแม่ของคุณครัง้ แรกเห
รอ จากที่ฉันเคยดูละครวัยรุ่นมา การแต่งตัวแบบนี ้
เป็ นที่ช่ น
ื ชอบของผู้อาวุโสมากกว่า" อวี๋ตงพูดและ
หมุนตัวเล็กน้อยให้เขาดู
ภาพห้องที่สว่างไสวและหญิงสาวในกระโปรงสี
ขาว ทำให้เซี่ยเฟิ งเหมือนเห็นภาพลวงตา เหมือนว่า
ตอนนีเ้ ขาอยู่ในช่วงบ่ายที่มีแสงเจิดจ้า พร้อมกับ
หัวใจที่เต้นรัว เมื่อเห็นอันอันที่สวมชุดขาวบริสุทธิ ์
กอปกับผมสีดำ เรียกเขาที่เดินออกมาจากห้อง
บรรยายหลังจากจบคลาสด้วยน้ำเสียงสดใสว่า ‘รุ่น
พี่’
"สายตาของคุณตอนนี ้ ทำให้ฉันแอบคิดว่าคุณ
กำลังมองเห็นรักครัง้ แรกของคุณจากฉันหรือเปล่า"
ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมที่มาจากการฝึ กฝนทักษะ
ในฐานะเซลล์ในชีวิตก่อน ทำให้อวี๋ตงจับสังเกต
ท่าทางที่แปลกไปของเซี่ยเฟิ งได้อย่างรวดเร็ว
"แค่ก!" เซี่ยเฟิ งไอสำลักอย่างผิดปกติ
"ถ้ารักครัง้ แรกนีข
้ องคุณคืออันอัน ฉันจะไป
เปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี"้ อวี๋ตงยังคงจับจ้องไปที่เซี่ยเฟิ ง
ขณะที่พูด
"ทำไมล่ะ?" เซี่ยเฟิ งแปลกใจ
ดูเหมือนว่าเธอจะเดาถูก! อวี๋ตงปิ ดประตูอีกครัง้
ด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า แล้วรีบเปลี่ยนเป็ นชุดลาย
ดอกไม้อย่างรวดเร็ว อวี๋ตงสูงแค่ 158 เซนติเมตร
เท่านัน
้ ดังนัน
้ เมื่อเธอใส่กระโปรงยาว จึงต้องเลือก
รองเท้าส้นสูง
ขณะที่เซี่ยเฟิ งกำลังสงสัย ประตูก็เปิ ดออกอีก
ครัง้ พร้อมกับอวี๋ตงที่ในชุดใหม่ เธอเปลี่ยนจาก
หญิงสาวที่ดูบริสุทธิไ์ ร้เดียงสาในชุดเดรสสีขาว มา
เป็ นหญิงสาวในชุดที่ดูพริว้ ไหวเหมือนภาพวาด
โบราณอันวิจิตบรรจง
"ชุดนีท
้ ำให้คุณนึกถึงแฟนเก่าของคุณอีกหรือ
เปล่า?" อวี๋ตงถามพร้อมกับเลิกคิว้
"ผมไม่เคยบอกว่าคุณดูเหมือนเธอเลยนะ" เซี่ยเฟิ
งอยากจะมุดตัวหายลงไปในดินจริง ๆ
"ครัง้ นีฉ
้ ันจะปล่อยคุณไปก่อน แต่ถ้าครัง้ ต่อไป
คุณกล้าที่จะมองฉันด้วยสายตาแบบนัน
้ อยู่ล่ะ
ก็...ฉันจะ..." อวี๋ตงขู่
"คุณจะ...?" เซี่ยเฟิ งถาม
"ฉันจะบอกคุณทีหลัง ส่วนตอนนีเ้ ราควรไปกันได้
แล้ว"
เซี่ยเฟิ งตอบตกลง ตอนนีพ
้ วกเขาก็กำลังจะสาย
แล้ว ดังนัน
้ เขาจึงไปหยิบถุงใส่ของขวัญที่เตรียมเอา
ไว้
อวี๋ตงมองดูถุงใบนัน
้ แล้วหยิบผ้าพันคอกับกล่อง
นาฬิกาออก "พวกเราไม่ใช่ว่าตกลงกันเอาไว้ตงั ้ แต่
เมื่อคืนแล้วเหรอว่าของพวกนีไ้ ม่เหมาะ แค่เอาพวก
อาหารเสริมไปก็พอ"
"เมื่อคืน?" เซี่ยเฟิ งพยายามนึกทบทวนว่าเธอพูด
อะไรอีก
"นอกจากนี ้ มันคงจะไม่เป็ นไร ถ้าจะให้ของขวัญ
พวกนีก
้ ับพ่อแม่ของคุณในวันที่ท่านออกจากโรง
พยาบาล" อวี๋ตงอธิบาย
เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่าสมเหตุสมผลและฟั งเธอ ในที่สุด
ทัง้ สองคนก็ลงไปที่ชัน
้ ล่างพร้อมกับผลิตภัณฑ์
อาหารเสริม
ตอนที่พวกเขาออกเดินทางเป็ นเวลาค่อนข้าง
สายแล้ว การจราจรไม่ติดขัดมากนัก เมื่อใกล้ถึงโรง
พยาบาล อวี๋ตงก็บอกให้หยุดรถที่ร้านขายดอกไม้
เพื่อชื้อช่อดอกไม้
เมื่อเดินออกจากร้าน อวี๋ตงก็หันไปหาเซี่ยเฟิ ง
แล้วอธิบายกับเขาเป็ นพิเศษว่า "ผู้หญิงไม่สามารถ
ต้านทานเสน่ห์ของดอกไม้ได้ ไม่ว่าพวกเธอจะอายุ
เท่าไหร่ก็ตาม"
'ซื้อดอกไม้ แค่การซื้อดอกไม้เท่านัน
้ ไม่ใช่กำลัง
ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เรื่องการสร้างจรวดสัก
หน่อย' เซี่ยเฟิ งบ่นอุบอยู่ในใจ ขณะที่เขาเดินตาม
หลังอวี๋ตงไปเงียบๆ
"คุณหมอเซี่ย คุณมาแล้ว" ทันทีที่พวกเขาเข้าไป
ในโรงพยาบาล ก็มีพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก
ทายเซี่ยเฟิ ง
เซี่ยเฟิ งพยักหน้าด้วยรอยยิม
้ ท่าทางของเขาค่อน
ข้างดี
อวี๋ตงมองไปรอบๆ ผู้ชายคนนีเ้ สน่ห์แรงจริง ๆ
ทักษะการดึงดูดสาวๆของเขาก็ค่อนข้างสูงทีเดียว
เธอไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย
"มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?" เซี่ยเฟิ งสังเกตเห็น
ท่าทางของเธอขณะที่ยืนรอลิฟต์
"ฉันกำลังนับวาสนาดอกท้อของคุณ"
"ดอกท้ออะไร คุณไม่ได้ซ้ือดอกคาร์เนชั่นมาเห
รอ?" เซี่ยเฟิ งถามอย่างสงสัย
"คนโง่ก็มีวาสนาของคนโง่” อวี๋ตงถอนหายใจ
"อย่าเอาแต่พึมพำกับตนเองเลย ไปได้แล้ว"
เซี่ยเฟิ งเห็นว่าลิฟต์มาถึงแล้วจึงยื่นมือไปกัน
้ ประตู
ลิฟต์ให้เป็ นสัญญาณบอกให้อวี๋ตงเดินเข้าไปก่อน
อวี๋ตงกำลังจะเข้าไปในลิฟต์ ทันใดนัน
้ เธอก็นึก
เรื่องบางอย่างขึน
้ มาได้จึงชะงักตัวแข็ง
เมื่อเซี่ยเฟิ งเห็นว่ามีคนรอที่จะเข้าลิฟต์จำนวน
มาก เขาจึงทำได้เพียงหลีกทางให้คนอื่นเข้าลิฟต์ไป
ก่อน
"เกิดอะไรขึน
้ ?" อารมณ์ดีของเซี่ยเฟิ งเกือบจะ
หมดลงแล้ว
"เดี๋ยวสิ!" อวี๋ตงชำเลืองมองเซี่ยเฟิ งก่อนพูดว่า
"ฉันเพิ่งนึกขึน
้ มาได้ ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของคุณจะไม่
เคยเจออันอัน แต่พวกท่านน่าจะเคยได้ยินชื่อของ
เธอ และรู้ว่าเธอทำอาชีพอะไร ซึ่งมันไม่สอดคล้อง
กับฉันเลย"
เซี่ยเฟิ งได้แต่รำพึงในใจว่า 'คุณช่วยหยุดพูดเรื่อง
อันอันสักทีได้ไหม คุณพูดราวกับว่าคุณรู้จักเธอ'
เซี่ยเฟิ งผู้ที่กำลังสำนึกเสียใจว่าถึงเหตุการณ์เมื่อ
วานสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดอย่างไม่ค่อย
เต็มใจว่า "คุณไม่ต้องห่วง พ่อแม่ของผมไม่ใช่คน
ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน และนอกจากที่ผมเคยบอก
พวกท่านว่าอันอันเป็ นรุ่นน้องของผมใน
มหาวิทยาลัยแล้ว ผมก็ไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่น"
"แต่ฉันไม่ได้ช่ อ
ื อันอัน แล้วฉันก็ไม่ใช่ร่น
ุ น้องของ
คุณที่มหาวิทยาลัย" อวี๋ตงพูดอย่างไม่พอใจ "ฉันชื่อ
ตงตง และฉันก็ไม่อยากเปลี่ยนชื่อ"
"....." เซี่ยเฟิ งมองเธออย่างโง่งม ใครอยากจะให้
คุณเปลี่ยนชื่อกัน แล้วตงตงคืออะไร?
"ถ้าพวกท่านไม่ถาม ก็ไม่ต้องพูดอะไร" เซี่ยเฟิ ง
รู้สึกว่าเรื่องนีค
้ ่อนข้างยุ่งยากและน่าอึดอัดใจจริง ๆ
เขารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่สามารถบอกความจริงกับพ่อ
แม่ของเขาได้ เฮ้อ เขาคิดบ้าอะไรอยู่ตอนที่เขาตอบ
ตกลงแต่งงานกันนะ?
"เอาล่ะ ฉันจะยอมถูกเรียกว่าอันอันก็ได้ ถึงจะไม่
เต็มใจก็เถอะ"
อวี๋ตงเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่ค่อยเต็มใจ

ตอนที่ 4 ภรรยาพบพ่อแม่สามี

พวกเขาเดินมาได้ไม่นานก็มาถึงหน้าประตูห้องผู้
ป่ วย ขณะที่เซี่ยเฟิ งกำลังจะเคาะประตูห้อง เขาก็
สังเกตเห็นสีหน้าของอวี๋ตงที่ซีดลงเล็กน้อย
"คุณประหม่าเหรอ?" เซี่ยเฟิ งถามอย่างไม่อยาก
จะเชื่อ
"ไร้สาระ!" อวี๋ตงกลอกตา "ลูกสะใภ้คนไหนบ้างที่
จะไม่ร้ส
ู ึกประหม่าเมื่อเจอหน้าแม่สามีเป็ นครัง้ แรก
บ้าง"
"สำหรับคนอื่นล่ะก็ใช่แต่สำหรับคุณผมไม่เคยคิด
มาก่อน" เซี่ยเฟิ งอดไม่ได้ที่จะหัวลอบยิม
้ เมื่อเห็น
สีหน้าของอวี๋ตงที่ดูแย่ เขาก็หันมากล่าวอย่างมั่นใจ
ว่า "ไม่ต้องกังวล รับประกันได้ว่าพ่อแม่ของผมต้อง
เข้ากับคุณได้ และพวกท่านเป็ นคนดี"
อวี๋ตงสูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับต้องเผชิญการ
ตัดสินใจครัง้ ใหญ่ พลางส่งสัญญาณให้เซี่ยเฟิ งเคาะ
ประตู
เซี่ยเฟิ งเคาะประตู และหลังจากได้ยินเสียง
อนุญาตมาจากข้างใน เขาจึงได้ผลักประตูเข้าไป
"พ่อ" เซี่ยเฟิ งทักทาย และมองแม่ของเขาที่กำลัง
นอนพักอยู่บนเตียงด้วยความเป็ นห่วง "แม่ วันนีแ
้ ม่
เป็ นยังไงบ้างครับ?"
พ่อและแม่ของเขาไม่ได้สนใจกับคำพูดของเขา
เลย และเอาแต่จับจ้องไปที่ประตู
เซี่ยเฟิ งงุนงงจึงหันกลับไปดู แล้วก็พบว่าอวี๋ตงยัง
ไม่ได้เดินเข้ามาในห้อง เขาเดินกลับไปที่ประตูอย่าง
รู้สึกขบขันเล็กน้อย แล้วดึงอวี๋ตงที่หลบอยู่ข้าง ๆ
ให้เข้ามาข้างใน
"พ่อครับ แม่ครับ นี่คืออวี๋ตง"
"อวี๋ตง?" คุณแม่เซี่ยคนที่แอบมองอวี๋ตงอยู่ร้ส
ู ึก
สับสนก่อนจะถามว่า "แล้วอันอันล่ะ? ไม่ใช่ว่าลูก
บอกว่าจะพาอันอันมาพบพวกเราวันนีเ้ หรอ?"
สีหน้าคุณพ่อเซี่ยก็ดูสับสนเช่นกัน
เซี่ยเฟิ งเองก็ไม่ร้จ
ู ะตอบว่ายังไงดี ขณะที่สมอง
ของเขากำลังคิดว่าจะตอบอย่างไรดี อวี๋ตงก็พูดขึน

มา
อวี๋ตงที่กำลังถือช่อดอกคาร์เนชั่นอยู่ในมือ ถึงแม้
เธอจะยังดูประหม่าเล็กน้อย ใบหน้าของเธอก็แดง
ระเรื่อ แต่เธอก็ขยับขึน
้ หน้ามาและพูดเสียงเบาๆ
ออกมาว่า "สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้ า หนูช่ อ
ื อวี๋ตง
แล้วก็อันอันด้วยค่ะ"
"เอ๊ะ หนูคืออันอัน?" คุณแม่เซี่ยมีความสุขขึน
้ มา
ทันที เธอได้ยินมาว่าลูกชายมีแฟนที่คบกันมานาน
กว่า 3 ปี แล้ว แต่ก็ไม่เคยได้พบกันเลย
"ดอกไม้นี่สำหรับคุณป้ าค่ะ หนูขอให้คุณป้ าหาย
ดีโดยเร็วนะคะ" อวี๋ตงประคองดอกไม้ด้วยมือทัง้
สองส่งให้
ในตอนที่คุณแม่เซี่ยเห็นอวี๋ตงครัง้ แรก เธอก็ร้ส
ู ึก
ว่าผู้หญิงคนนีด
้ ูฉลาดและสง่างามมาก ดวงตาของ
เธอบริสุทธิ ์ และสร้างความประทับใจแรกของการ
พบกันได้ดี หญิงสาวตัวน้อยยังรู้ด้วยว่าควรมอบ
ดอกไม้ให้เธอ ทันใดนัน
้ คุณแม่เซี่ยก็ยิม
้ กว้างก่อน
ตอบไปว่า "ช่างเป็ นดอกไม้ที่สวยอะไรแบบนี ้ ตาแก่
มาเอาไปใส่แจกันที"
ก่อนที่คุณพ่อเซี่ยจะขยับตัว เซี่ยเฟิ งได้ย่ น
ื มือไป
รับดอกไม้จากมือแม่ของเขาก่อนเดินไปหาแจกัน
พลางพูดว่า "ผมทำเองครับ"
ทันทีที่เซี่ยเฟิ งออกจากห้องไป อวี๋ตงก็ยิ่ง
ระมัดระวังตัวมากขึน
้ เธอยิม
้ ให้ผู้อาวุโวทัง้ สอง
และเมื่อเห็นโต๊ะผลไม้ เธอก็เดินไปที่โต๊ะ และพูด
อย่างชาญฉลาดว่า "คุณป้ าคะ เดี๋ยวหนูปอกแอ
ปเปิ ้ ลให้ทานนะคะ"
"ไม่ ไม่ต้องจ้ะ หนูมานั่งตรงนีเ้ ถอะ" ขณะที่อวี๋ตง
เดินเข้าไปหา คุณแม่เซี่ยก็มองเธออย่างไม่ละ
สายตา และเธอก็มีความสุขมาก 'สาวน้อยคนนีไ้ ม่
หยิ่งยโสหรือขีห
้ งุดหงิด แล้วยังรู้วิธีปอกแอปเปิ ้ ล
เพื่อเอาใจเธอด้วย'
"อันอัน หนูอายุเท่าไหร่จ้ะ?" คุณพ่อเซี่ยถาม เมื่อ
เห็นว่าเธอออกจะดูเด็กไปสักหน่อย
"22 ค่ะ"
"22 เหรอ?" คุณแม่เซี่ยและคุณพ่อเซี่ยมองหน้า
กัน "ถ้าอย่างนัน
้ หนูก็เพิ่งจะเรียนจบ"
"ใช่ค่ะ" อวี๋ตงพยักหน้า
"งัน
้ ไม่ใช่ว่าหนูกับเซี่ยเฟิ ง ตกหลุมรักกันตัง้ แต่ที่
หนูเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยหรอกเหรอ?" คุณแม่เซี่ย
ประหลาดใจ
สีหน้าของคุณพ่อเซี่ยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
และบ่นว่า "เจ้าเด็กหน้าเหม็นนั่น!"
อวี๋ตงเหลือบมองคุณพ่อเซี่ยด้วยความสงสัย เธอ
ไม่ร้ว
ู ่าทำไมบรรยากาศดีดีก่อนหน้านีถ
้ ึงเปลี่ยนเป็ น
แบบนีไ้ ปได้
"คุณว่าลูกชายทำไม?" คุณแม่เซี่ยหันไปจ้องคุณ
พ่อเซี่ยอย่างโกรธจัก
"เขาอายุ 28 แล้ว อายุมากกว่าเธอถึง 6 ปี เขา
กล้ายื่นกรงเล็บไปหาสาวน้อยที่เพิ่งจะเข้า
มหาวิทยาลัยได้ยังไง?" คุณพ่อเซี่ยคำราม
"ยื่นกรงเล็บอะไร ไร้สาระ พวกเขากำลังมีความ
รักต่างหาก!!"
"มันไม่ถูกต้อง มันก็แค่พวกหัวขบถ!"
อวี๋ตงอยากจะหัวเราะเมื่อได้ยินเรื่องนี ้ แต่หลัง
จากที่คิดเกี่ยวกับมันแล้ว เธอยังไม่สามารถทำอะไร
ที่ซับซ้อนเกินไปได้ ดังนัน
้ เธอจึงทำได้เพียงพูดปก
ป้ องเซี่ยเฟิ ง "คุณลุง คุณป้ าคะ ไม่ใช่ความผิดของ
เซี่ยเฟิ ง อันที่จริง หนูเป็ นคนไล่ตามเขาก่อนเองค่ะ"
"หือ!?" คุณพ่อเซี่ยและคุณแม่เซี่ย มองไปที่อวี๋ตง
อย่างไม่เชื่อสายตา
"ตอนที่หนูเป็ นเฟรชชี่ หนูเป็ นลมแดด แล้ว
เซี่ยเฟิ งเป็ นคนพาหนูไปส่งโรงพยาบาล แต่เขาจาก
ไปโดยที่ไม่ได้ทงิ ้ ชื่อเอาไว้ หลังจากนัน
้ หนูก็เลยไป
พยายามสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับเขา หนูแค่อยาก
ตอบแทนเขา เอ่อ เป็ นการเลีย
้ งอาหารเพื่อแสดง
ความขอบคุณ แต่ตอนที่หนูเห็นเขา...หนูก็ หนูก็
ตกหลุมรักเขาตัง้ แต่แรกเห็น" อวี๋ตงพูดอย่างเขิน
อายพลางก้มหน้างุด
ผู้หญิงทุกคนชอบเรื่องโรแมนติกแบบนี ้ คุณแม่
เซี่ยเงยหน้าขึน
้ และยิม
้ ออกมาในทันที เธอรู้สึกว่า
สาวน้อยคนนีม
้ ีสายตาที่ดี เธอตกหลุมรักลูกชาย
ของเธอได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่สบตากับเขา นั่น
ทำให้เธอรู้สึกพอใจมากขึน
้ ไปอีก
"ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เป็ นตายอย่างไรเขาก็ไม่
ยอมพาหนูมาที่บ้าน ป้ าเดาว่าเขารู้ว่าพ่อของเขาจะ
ต้องทุบตีเขาแน่นอน" คุณแม่เซี่ยยิม

"ฮึ่ม!" คุณพ่อเซี่ยคำรามอย่างเห็นด้วย
"แต่หนูเพิ่งจะเรียนจบ ดังนัน
้ หนูไม่น่าตกลง
แต่งงานเร็วแบบนี"้ คุณแม่เซี่ยกล่าวอย่างความ
สงสาร "ป้ าไม่น่าบอกให้เขารีบแต่งงานเลย ถ้าป้ ารู้
ว่าหนูยังเด็กขนาดนี ้ ป้ าก็คงไม่..."
"คุณป้ าคะ หนูไม่ได้เด็กแล้วนะคะ อายุหนูก็ถงึ
เกณฑ์ที่กฏหมายกำหนดแล้ว" และเธอก็กล่าวต่อ
อย่างเขินอายว่า "ยิ่งกว่านัน
้ ความฝั นของหนูก็คือ
การได้แต่งงานกับเซี่ยเฟิ งหลังจากเรียนจบ"
คุณพ่อเซี่ย คุณแม่เซี่ยต่างเหลือบมองกันและกัน
ส่งสายตาบอกเป็ นนัยว่าพึงพอใจต่อสาวน้อย เธอดู
เป็ นคนดี และชื่นชอบลูกชายแสนซื่อบื้อของพวก
เขาจริง ๆ
"คุณป้ าคะ ดูแลสุขภาพของคุณให้ดีนะคะ เซี่ยเฟิ
งบอกว่าเมื่อคุณป้ าหายดีแล้วพวกเราค่อยจัดงาน
แต่งงานกัน"
"ตอนนีป
้ ้ าได้เจอหนูแล้ว ถึงแม้ว่าวันพรุ่งนีป
้ ้ าจะ
ไม่ได้ต่ ืนขึน
้ มา ป้ าก็จะไม่เสียใจ" คุณแม่เซี่ยทอด
ถอนใจ
คุณพ่อเซี่ยขมวดคิว้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็ นกังวล
อย่างมาก
อวี๋ตงรู้สึกว่าคุณแม่เซี่ยมองโลกในแง่ร้ายเล็กน้อย
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดที่มีความเสี่ยง ผู้ป่วยควรจะมี
กำลังใจและคิดในแง่บวก ดังนัน
้ อวี๋ตงจึงหยุดคิด
เล็กน้อยก่อนพูดว่า "คุณป้ า คุณป้ าจะต้องสบายดี
จะต้องไม่เป็ นอะไรแน่นอนค่ะ หนูยังอยากจะให้
คุณป้ าช่วยพวกเราเลีย
้ งลูกของพวกเราในอนาคต
อยู่นะคะ"
"ลูก? หนูท้องแล้วเหรอ?" คุณแม่เซี่ยพูดอย่างตื่น
เต้น
"ยังค่ะ!" อวี๋ตงตอบอย่างอายๆ "แต่ก็ขึน
้ อยู่กับ
เวลาเท่านัน
้ "
"ดี ดี ดี!!" คุณแม่เซี่ยกล่าวคำว่าดีติดต่อกันถึง
สามครัง้ แสดงว่ามีความสุขมาก "ป้ าจะช่วยเลีย
้ งลูก
ของหนูเอง ไม่ว่าหนูจะคลอดพวกเขาออกมากี่คน
ก็ตาม"
คุณพ่อเซี่ยก็ร้ส
ู ึกมีความสุขเช่นกัน
เมื่อสักครู่หลังจากเขานำดอกไม้ใส่แจกัน
เรียบร้อยแล้ว ขณะที่เขากำลังถือแจกันกลับมา เขา
ก็บังเอิญไปเจอกับเพื่อนร่วมงาน ก็เลยหยุดพูดคุย
กันนิดหน่อย แต่เมื่อกลับมาถึงห้องผู้ป่วย เขาก็ร้ส
ู ึก
ว่าบรรยากาศในห้องดูแตกต่างจากก่อนหน้านีม
้ าก
"คลอดใคร?" เซี่ยเฟิ งถาม
"แน่นอนว่าหลานของแม่!" คุณแม่เซี่ยที่ตอนนีด
้ ู
เหมือนจะรับอวี๋ตงเป็ นลูกสาวของตนเองไปแล้ว
ส่วนลูกชายก็ได้รับความห่างเหินเพิ่มขึน
้ แทน
อะไรนะ? เซี่ยเฟิ งหันไปมองอวี๋ตงที่ทำตัวราวกับ
ผู้มีคุณธรรม บริสุทธิ ์ ไร้เดียงสาต่อหน้าแม่ของเขา
ก่อนจะบ่นอยู่ในใจว่า 'เธอคงไม่ได้บอกพ่อกับแม่
หรอกนะว่าเธอกำลังตัง้ ท้องลูกของฉัน'
"แล้วก็ตงตงบอกว่าอันอันเป็ นสมญานามของเธอ
ไม่ใช่ช่ อ
ื เล่นของเธอ เธอไม่อยากให้เรียกชื่อนีอ
้ ีก"
คุณแม่เซี่ยกล่าวอย่างโกรธเคือง "เพ่ย! ชื่อ ตง แล้ว
จะทำไม มันมีอะไรเสียหายกับชื่อ ตง ออกจะเป็ น
ชื่อที่ดี ลูกทำตัวเป็ นเด็กไปได้"
อวี๋ตงพยักหน้าอีกครัง้ และอีกครัง้ ด้วยท่าทางที่ไม่
พอใจ
เซี่ยเฟิ งตะลึงมองอวี๋ตง เขาเพิ่งจะออกไปได้ไม่กี่
นาที ผู้หญิงคนนีพ
้ ูดอะไรกับแม่ของเขากันเนี่ยถึง
ทำให้แม่ของเขาเข้าข้างเธอครัง้ แล้วครัง้ เล่า
"จ้องอะไรของเธอ? ผู้ชายตัวโตๆ จ้องภรรยาของ
ตัวเองแบบนีไ้ ด้ที่ไหนกัน?" เมื่อคุณพ่อเซี่ยเห็น
เซี่ยเฟิ งจ้องเขม็งไปที่อวี๋ตงอย่างลับ ๆ เขาก็โกรธ
จนต้องพูดออกมาว่า "เธอ! ตามฉันออกไป!"
เซี่ยเฟิ งผู้ถูกดุแต่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ ทำได้
เพียงเดินตามหลังผู้เป็ นพ่อออกไปอย่างเชื่อฟั ง
ภายในห้องอวี๋ตงมองตามหลังทัง้ คู่ด้วยสายตา
เป็ นกังวล แต่คุณแม่เซี่ยก็ช่วยปลอบเธอด้วยท่าทาง
รักใคร่
"แก ฉันสอนแกตัง้ แต่เด็กมาว่าอย่างไร ฉันเคย
สอนให้แกกางกรงเล็บไปหาเด็กสาวแบบนีเ้ หรอ?"
คุณพ่อเซี่ยยังคงหมกมุ่นอยู่กับความจริงที่ว่า
ลูกชายของเขากลายเป็ นวัวแก่กินหญ้าอ่อน
"ผม...."
"ผมอะไร? ฉันเห็นแก่ที่อวี๋ตงเป็ นคนที่ไล่ตามเธอ
ฉันจะไม่ลงโทษเธอ" คุณพ่อเซี่ยพูดต่อด้วยสีหน้า
จริงจัง "แต่เธอจะต้องรู้จักสำนึก รู้ไหม แค่เพียง
เพราะอีกฝ่ ายเป็ นคนไล่ตามความสัมพันธ์นีก
้ ่อน ก็
ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทิง้ ๆ ขว้าง ๆ ไม่
หวงแหนเขาได้"
"โอ้..." เซี่ยเฟิ งที่กำลังรับข้อมูลใหม่อย่าง
กะทันหัน แอบกล่าวในใจเงียบ ๆ ว่า 'พ่อช่วยพูด
อีกครัง้ ได้ไหม?'
"ทำหน้าอะไร ฉันขอบอกเอาไว้เลยนะ ถ้าฉันรู้ที
หลังว่าเธอปฏิบัติต่อภรรยาไม่ดี ฉันจะหักขาของ
เธอซะ!!"
"พ่อ พ่อเสียงดังไปแล้ว คนอื่นได้ยินหมดแล้ว"
เซี่ยเฟิ งรู้สึกอับอายเมื่อเขาสังเกตเห็นผู้คนรอบ ๆ
พวกเขา
"ให้พวกเขาฟั ง ฉันจะพูดในสิ่งที่ฉันอยากจะพูด
ให้พวกเขารับฟั งและเป็ นพยาน" คุณพ่อเซี่ยคำราม
"ครับ ครับ ผมฟั งพ่อ" พลางแอบค่อนขอดในใจ
ว่า 'อวี๋ตง คุณไปพูดบ้าอะไรกับพ่อแม่ของผม'กัน
แน่
'ในเวลาไม่ถึง 10 นาที คุณกลับทำให้พวกท่าน
หันมาแยกเขีย
้ วใส่ผมได้แล้ว'
หลังจากพูดคุยกันสักพัก เซี่ยเฟิ งก็กังวลว่าแม่
ของเขาจะเหนื่อยเกินไป จึงได้ขอตัวพาอวี๋ตงกลับ
ออกไป
แม้ว่าวันนีค
้ ุณแม่เซี่ยจะมีความสุขมาก แต่เธอมี
สุขภาพที่ไม่ค่อยดี เธอจึงรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย
"คุณป้ า พักผ่อนก่อนนะคะ หนูจะมาอีกทีในวันที่
คุณป้ าเข้ารับการผ่าตัด"
"ดี!" คุณแม่เซี่ยยิม
้ และโบกมือลา
ทันทีที่ทัง้ สองคนออกจากประตูโรงพยาบาล
เซี่ยเฟิ งก็ถามว่า "คุณไปพูดอะไรกับพ่อแม่ของผม
พวกท่านดูชอบคุณมาก"
"อะไรน่ะ? ผู้หญิงอย่างฉันเป็ นที่รักเสมอล่ะ!" อวี๋
ตงพูดอย่างภาคภูมิใจ
"โอเค โอเค คุณเยี่ยมที่สุด พ่อของผมบอกว่าถ้า
ผมกล้ารังแกคุณ ท่านจะหักขาของผม" เซี่ยเฟิ งพูด
อย่างหดหู่
"ฮิฮิ คุณลุงน่ารักมาก!" อวี๋ตงพูดอย่างอารมณ์ดี
"ถ้าในอนาคต คุณทำให้ฉันไม่พอใจ ฉันไปฟ้ อง
ท่าน"
"แล้วเรื่องคลอดลูกคืออะไร?" เซี่ยเฟิ งกังวลเกี่ยว
กับเรื่องนี ้
"นั่น...เอ่อ..." อวี๋ตงกล่าวว่า "ฉันเห็นว่าคุณป้ าดู
หดหู่แล้วก็คิดในแง่ร้ายเกี่ยวกับการผ่าตัด ฉันเลย
บอกว่าบางทีเราอาจจะมีลูกในไม่ช้า และพวกท่าน
อาจจะต้องมาช่วยเราดูแลลูก ๆ ฉันคิดว่ามันน่าจะ
ทำให้คุณป้ าอยากจะมีชีวิตให้ยืนยาวขึน
้ "
เซี่ยเฟิ งฟั งแล้วก็คิดไปถึงอาการป่ วยของแม่ เขา
ก็เริ่มเป็ นกังวล "ผมหวังว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดเกิด
ขึน
้ "
"อย่ากังวลเลย คุณป้ าเก่งมาก และการผ่าตัดจะ
ต้องราบรื่น" อวี๋ตงพึ่งรู้วันนีว้ ่าคุณแม่เซี่ยไม่มั่นใจใน
การรักษาครัง้ นี ้ เธอเป็ นกังวลมาก ไม่น่าแปลกใจที่
เซี่ยเฟิ งผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับแม่ของเขามาก ตัง้ ใจ
ที่จะแต่งงานให้ได้ แม้ว่าจะโดนเธอหลอกแต่งงาน
ก็ตาม เพราะเขากังวลเกี่ยวกับแม่เขาอย่างมาก
"ผมเชื่อคุณ" เซี่ยเฟิ งยิม
้ "อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลา
แม่ของผมคงตัง้ ตารอหลานชายของท่าน"
"ก็ทำให้เขาเกิดขึน
้ มาสิ" อวี๋ตงกล่าวอย่างเฉยเมย
เซี่ยเฟิ งตกตะลึง ขณะที่เขาหันไปมองอวี๋ตงที่ยืน
อยู่กลางแดด เขาก็ไม่ร้ว
ู ่าจะต่อบทสนทนานี ้
อย่างไร
ในอีกด้านหนึ่ง ที่ห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล
คุณแม่เซี่ยกำลังคุยกับสามีของเธอ
"ฉันโล่งใจแล้ว ฉันเคยกังวลว่าเซี่ยเฟิ งจะทึ่มเกิน
ไป ส่วนหนึ่งเป็ นความผิดของฉัน ที่สอนให้เขาเป็ น
สุภาพบุรุษและรู้จักให้เกียรติเด็กผู้หญิง สุภาพบุรุษ
เป็ นที่ช่ น
ื ชอบของพวกผู้หญิงก็จริง แต่มันก็ง่ายที่
พวกเธอจะปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็ นยางอะไหล่ใช่
ไหม ยางอะไหล่ที่พอเมื่อถึงช่วงหนึ่งก็เปลี่ยนอัน
ใหม่แทน?" คุณแม่เซี่ยถอนหายใจ "อวี๋ตงเป็ นคนดี
เธอมาเติมเต็มเซี่ยเฟิ งได้"
"ใช่" คุณพ่อเซี่ยเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดใด
"คุณจะต้องหายดี แล้วก็รอวันที่หลานของเราคลอด
ออกมา"
"ใช่ ฉันจะต้องหายดี เพื่อรอพบหน้าหลานของ
ฉัน" เมื่อพูดถึงเรื่องหลาน คุณแม่เซี่ยก็ดูมีความสุข
มากขึน

"เจ้าเด็กนั่นช่างมีโชคขีห
้ มาจริง ๆ!" คุณพ่อเซี่ย
ยิม
้ ดีใจ
"ใครมีโชคขีห
้ มา?" คุณแม่เซี่ยหรี่ตาถาม
"ฉันเอง ฉันเอง ฉันพยายามให้หน้าเจ้าเด็กนั่น"
"คุณกำลังให้หน้าใคร?"
"เธอ เธอไง!!"
......
อีกด้าน เซี่ยเฟิ งไปส่งอวี๋ตงกลับบ้าน แล้วค่อย
กลับไปที่โรงพยาบาลอีกรอบ แม้ว่าแม่ของเขาจะ
ป่ วยและทางโรงพยาบาลให้เขาหยุดงานเพื่อดูแล
แม่ แต่ก็ยังมีงานบางอย่างที่เขาจะต้องไปจัดการ
ด้วยตัวเอง
เมื่อกลับมาถึงโรงพยาบาล เซี่ยเฟิ งเพิ่งจอดรถ
เสร็จเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึน

เขาขมวดคิว้ เมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรมานัน

เป็ นการโทรข้ามประเทศมาจากอเมริกา เขาคิดอยู่
ครู่หนึ่งก่อนกดรับสาย
"เซี่ยเฟิ ง!" เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวดังมาปลาย
สาย
"คุณอยู่อเมริกาเหรอ?" เซี่ยเฟิ งนิ่งไปก่อนจะถาม
"ใช่ ฉันอยู่ที่นี่ บ้านที่ฉันเช่าผ่านออนไลน์ค่อน
ข้างดีเลย มีสระว่ายน้ำอยู่ชัน
้ ล่างด้วย" เธอกล่าวกับ
เซี่ยเฟิ งอย่างมีความสุข ราวกับว่าพวกเขายังคบกัน
อยู่
"ดีแล้ว!"
"เซี่ยเฟิ ง...คุณยังโกรธฉันอยู่ไหม?" น้ำเสียงของ
เธอดูประหม่า จนคนฟั งอดไม่ได้ที่จะสงสาร
"ไม่!"
"ฉันรู้ว่าคุณโกรธฉัน เซี่ยเฟิ ง คุณก็ร้ว
ู ่าฉันชอบ
คุณ ฉันแค่ไม่อยากแต่งงานเร็วนัก" เธอหยุดคิดครู่
หนึ่งแล้วถามต่อว่า "คุณป้ า เอ่อ สุขภาพของท่าน
เป็ นยังไงบ้าง?"
"ใช้ได้ทีเดียว!"
"ดีจัง! การผ่าตัดของคุณป้ าจะต้องราบรื่น
แน่นอน” หญิงสาวหยุดพูดไปเล็กน้อยก่อนกล่าว
ต่อ “เซี่ยเฟิ ง ฉันรู้ว่าครัง้ นีฉ
้ ันเอาแต่ใจเกินไป และ
คุณก็มีสิทธิโ์ กรธฉันได้ แต่ได้โปรดสัญญากับฉันนะ
ว่าคุณจะไม่โกรธฉันนานเกินไป"
"อันอัน..." เซี่ยเฟิ งหลับตาลง และเอ่ยราวกับเขา
ตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้วว่า "คุณจำสิ่งที่ผมพูดกับ
คุณก่อนหน้านีไ้ ด้ไหม?"
"คำพูดไหน?"
"คำพูดที่ผมพูดกับคุณในวันที่ผมขอคุณ
แต่งงาน..." เซี่ยเฟิ งเอ่ย
"เซี่ยเฟิ ง คุณ...คุณทำให้ฉันกลัว..." อันอันเริ่ม
รู้สึกตื่นตระหนก
"คุณก็ร้ว
ู ่า..." เซี่ยเฟิ งพูดต่ออย่างอดทน "อันอัน
พวกเราเลิกกันแล้ว"
"เซี่ยเฟิ ง เซี่ยเฟิ ง คุณยังโกรธฉันอยู่ใช่ไหม"
"ผมจริงจัง"
"คุณทำแบบนีไ้ ด้ยังไง เพียงแค่ฉันไม่ยอมแต่งงาน
กับคุณในตอนนี ้ คุณต้องเลิกกับฉันเลยเหรอ? คุณ
ไม่คิดจะหารือหรือตกลงเรื่องการแต่งงานของเราเห
รอ คุณไม่สามารถตัดสินใจเอาเองฝ่ ายเดียวได้ ไม่
ต้องพูดถึงเรื่องที่คุณก็ร้ว
ู ่าฉันเตรียมตัวมากว่า 1 ปี
แล้ว ที่จะมาเรียนต่อที่อเมริกา และตั๋วเครื่องบินก็
ซื้อเอาไว้นานแล้ว เซี่ยเฟิ งคุณทำกับฉันแบบนีไ้ ม่
ได้..."
"อันอัน ผม..." เซี่ยเฟิ งกำลังจะบอกว่าเขา
แต่งงานแล้ว
แต่อันอันกลับร้องไห้แล้วพูดว่า "เซี่ยเฟิ ง คุณยัง
คงโกรธฉันอยู่ รอจนคุณสงบสติอารมณ์ลงก่อน เมื่อ
คุณใจเย็นลงแล้วพวกเราค่อยมาคุยกันอีกที"
เซี่ยเฟิ งมองโทรศัพท์ในมือด้วยสายตาว่างเปล่า
ในที่สุดรอยยิม
้ อันขมขื่นก็ปรากฏขึน
้ ที่มุมปากของ
เขา
‘ไม่สำคัญแล้วล่ะ อย่างไรซะตอนนีเ้ ธอก็อยู่
อเมริกา บางทีเธออาจจะใจเย็นลงแล้วตอนที่เธอ
กลับมา'
ตอนที่ 5 นายติดหนีฉ
้ ันหนึ่งฝ่ ามือ

เมื่ออวี๋ตงกลับมาถึงบ้าน เธอก็ร้ส
ู ึกกระหายน้ำ
เล็กน้อย จึงเดินไปเปิ ดตู้เย็นและเห็นว่ามีแต่น้ำดื่ม
เต็มไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา "ช่างสมกับ
เป็ นตู้เย็นของหมอ ไม่มีเครื่องดื่มอะไรเลยนอกจาก
น้ำเปล่าล้วน ๆ!"
อวี๋ตงหยิบน้ำเปล่าออกมาขวดหนึ่งและจิบเล็ก
น้อย เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึน
้ มาดูตงั ้ ใจจะกดสั่ง
อาหารผ่านแอป แต่เมื่อมองไปที่โทรศัพท์มือถือ
แบบมีปุ่มกด เธอก็นึกขึน
้ มาได้ว่าในอีกไม่กี่ปีข้าง
หน้าสมาร์ทโฟนถึงจะได้รับความนิยม
กริ๊งง!!
หากไม่ใช่ว่าเธอถือโทรศัพท์อยู่ในมือ เธอก็คงไม่
สามารถรู้ได้เลยว่าเสียงที่ดังอยู่นี ้ ดังมาจาก
โทรศัพท์ของเธอเอง
หน้าจอแสดงชื่อ เซียงเสี่ยวเยว่ เพื่อนร่วมคลาส
ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเธอตอนเรียนอยู่
มหาวิทยาลัย แต่เมื่อเซียงเสี่ยวเยว่แต่งงาน
นอกจากแสดงอวดความรักของเธอกับสามีแล้ว ก็
ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก อวี๋ตงซึ่งเป็ นสุนัขโสดจึง
พยายามหลีกเลี่ยงการถูกทำร้ายจากฉากหวานแหว
วแบบนัน
้ และไม่ค่อยได้ติดต่อกับเธอ ทำให้พวกเธอ
ค่อยๆห่างเหินกันไป ในชีวิตก่อนหน้าครัง้ ล่าสุดที่
เจอกันน่าจะเป็ นเมื่อ 3-4 ปี ก่อน
"ฮัลโหล!" อวี๋ตงกดรับสาย
"ตงตง!" เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่แผดออกมา
ทำให้วี๋ตงตกใจจนเกือบขว้างโทรศัพท์ทิง้ "ช่วยด้วย
ช่วยด้วย"
"เกิดอะไรขึน
้ ?"
เซียงเสี่ยวเยว่เป็ นสาวในเมือง โดยปกติสาวใน
เมืองจะมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี และเป็ นลูกคน
เดียว เธอมีอีคิวสูงและหากจะพูดอย่างตรงไปตรง
มาก็คือ เส้นทางในชีวิตของเธอมีคนอื่นคอยช่วยปู
ทางเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เอาล่ะ! ถึงจะพูดเกิน
จริงไปหน่อยก็เถอะ แต่สิ่งหนึ่งที่อวี๋ตงชื่นชมมาก
ที่สุดเกี่ยวกับเธอก็คือ ตอนที่ยังเรียนอยู่
มหาวิทยาลัย ตราบใดก็ตามที่เธอร้องขอไม่ว่าจะ
เป็ นกับแฟนคนเก่าหรือคนใหม่ ถ้าพวกเขาทำได้
พวกเขาจะรีบทำตามคำขอของเธอทันที
"ตอนนีเ้ ธออยู่ที่เซี่ยงไฮ้หรือเปล่า?"
"ใช่" อวี๋ตงตอบ
"เยี่ยม เมื่อเร็วๆฉันได้รับงานพากย์เสียงละครวัย
รุ่นแต่นักพากย์เสียงผู้หญิงที่ฉันติดต่อไว้ จู่ๆก็ขอ
ยกเลิก มาช่วยฉันหน่อยสิ" เสี่ยวเยว่พูด
"มีคา่ จ้างไหม?"
"มีแน่นอน!" เสี่ยวเยว่ตอบเสียงดัง
"ก็ได้ บอกที่อยู่มา"
"เดี๋ยวฉันส่งข้อความไปให้ รีบขึน
้ รถแท็กซี่มาที่นี่
เร็วเข้า ฉันจะจ่ายค่าแท็กซี่ให้เอง!"
ดูเหมือนว่าเสี่ยวเยว่จะกังวลมากจริงๆ และอวี๋
ตงคิดว่าตัวเธอเองก็ต้องการเงิน ดังนัน
้ เธอจึงรีบ
เก็บของและออกจากบ้านไปอีกครัง้
อวี๋ตงไม่จำเป็ นต้องตรวจสอบยอดเงินในบัตร
ธนาคารชองเธอ เธอก็ร้ว
ู ่าตอนนีเ้ ธอมีเงินอยู่เท่า
ไหร่ เพราะเมื่อ 10 ปี ก่อน เธอเคยพยายามอยู่รอด
ในเมืองนีเ้ พียงลำพังด้วยเงินติดตัวเพียง 2,000 หย
วน
แต่สำหรับอวี๋ตงในอีกสิบปี ต่อมาเงิน 2,000 หยว
นยังไม่พอที่จะซื้อเสื้อผ้าสักชุดเลย ยิ่งไม่ต้องพูดว่า
เธอในตอนนีม
้ ีรสนิยมการแต่งตัวที่แตกต่างกับตัว
เธอเมื่อสิบปี ก่อนอย่างสิน
้ เชิง
อวี๋ตงขึน
้ แท็กซี่ไปถึงสถานที่อย่างรวดเร็ว อวี๋ตงที่
ใส่รองเท้าส้นสูงเดินไปซื้อน้ำแตงโมที่ขายอยู่แถว
นัน
้ ยกขึน
้ ดื่มสองสามจิบก่อนจะเดินไปที่สตูดิโอ
ของเซียงเสี่ยวเยว่
สถานที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่ก็ดีมากแล้วที่มีห้อง
พากย์เสียงขนาด 50 ตารางเมตรอยู่ในเซี่ยงไฮ้
การตกแต่งของสตูดิโอดูดี และมันจะไม่ล้าสมัย
แม้จะผ่านไปนานหลายปี มันได้รับการตกแต่งโดย
แฟนเก่าคนหนึ่งของเสี่ยวเยว่ที่เรียนด้านการ
ออกแบบภายใน
"โอ้ ต้องขอบคุณบรรพบุรุษของฉันจริงๆ ที่เธอ
อยู่ที่เซี่ยงไฮ้" เซียงเสี่ยวเยว่แต่งตัวเหมือนมืออาชีพ
อย่างแท้จริง และกำลังมองอวี๋ตงราวกับว่าเธอเป็ น
ผู้ช่วยชีวิต
"รอเดี๋ยว" หลังจากจิบน้ำแตงโมในมือ อวี๋ตงก็
หยิบใบเสร็จค่าแท็กซี่ออกมายื่นให้แล้วพูดว่า "จ่าย
มา 50 หยวนสำหรับค่าแท็กซี่ก่อน"
"เธอคิดว่าฉันจะโกงเงินแค่ 50 หยวนเหรอ?" เซี
ยงเสี่ยวเยว่รับมันด้วยใบหน้าเคือง ๆ ก่อนเร่งอวี๋ตง
ว่า "เธอมาดูสคริปต์ก่อน"
อวี๋ตงเดินเข้าไปในห้องประชุมอย่างไม่รีบร้อน
เธอเห็นว่ามีคน 2 คนนั่งอยู่ด้านใน หนึ่งในนัน
้ เป็ น
เด็กสาวน่าตาน่ารักมาก เธอยิม
้ อย่างอ่อนหวานมา
ให้อวี๋ตง ส่วนอีกคนเป็ นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่ไม่รู้
ว่าทำไม เธอรู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นหน้าเขา
"เอาล่ะ ในบทจะมีผู้หญิงคนที่หนึ่ง ผู้หญิงคนที่
สอง และตัวเอกชาย ในที่สุดก็อยู่ที่นี่กันครบแล้ว"
เซียงเสี่ยวเยว่กล่าวต่อพลางมองไปทางอวี๋ตงและ
ผู้ชายอีกคน "ละครเรื่องนีม
้ ีบทพูดระหว่างพวกเธอ
ทัง้ สองคนมากที่สุด พวกเธอก็นั่งปรึกษาเรื่องบทกัน
ไปก่อน"
อวี๋ตงพยักหน้า แล้วหาเก้าอีน
้ ั่งลงและเริ่มอ่าน
สคริปต์ของตัวเอง
หลังจากนัน
้ ไม่นาน อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกว่ามีใครบางคน
กำลังแอบมองเธออยู่
อวี๋ตงเงยหน้าขึน
้ มอง และก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็น
ชายหนุ่มรูปหล่อที่นั่งอยู่ตรงข้าม เมื่อเขาเห็นว่าเธอ
มองมาจึงรีบก้มหน้าหลบสายตาทันที
เขาตกหลุมรักฉันหรือเปล่า? อวี๋ตงคิด เธอปั ดผม
เล็กน้อย นั่งวางท่าที่สง่างาม แล้วอ่านสคริปต์ต่อไป
หลังจากอ่านไปได้ 2 หน้า เธอก็เห็นว่าชายคน
นัน
้ มองเธออีกจากหางตา เมื่ออวี๋ตงเงยหน้าขึน
้ มอง
อีกฝ่ ายก็ก้มหน้าหลบอีกครัง้
หลังจากนัน
้ ก็เป็ นแบบนีอ
้ ีก 2-3 หน ในที่สุดอวี๋
ตงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่ก็คิดไปว่าอีกฝ่ ายอาจจะ
เป็ นคนขีอ
้ าย จึงได้ถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
"คุณต้องการอะไร?"
เมื่อเห็นอวี๋ตงหันมาถามตัวเอง ชายหนุ่มก็
หุบปากลง
'ทำไมผู้ชายคนนีต
้ ้องทำท่าลังเลกัน? แม้ว่าคุณจะ
สารภาพรักกับฉัน ฉันก็คงได้แต่ปฏิเสธอย่างอ่อน
โยน' อวี๋ตงคิดในใจ
เขายังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "ตงตง สอง
วันนีเ้ ธอเป็ นยังไงบ้าง?"
'ห๊ะ ตงตง!'
ในตอนเด็ก ครอบครัวของเธอค่อนข้างยากจน
ในช่วงฤดูหนาว เพื่อที่จะประหยัดเงิน แม่ของเธอ
มักจะซื้อปลามาแล้วหั่นเป็ นชิน
้ ๆ เพื่อแบ่งกินได้
หลายมื้อ ต่อมาหลังจากเธอเกิด ครัง้ หนึ่งพ่อของ
เธอที่กลับบ้านมาอย่างเมามาย ชีม
้ าที่เธอแล้ว
ตะโกนออกมาว่า อวี๋ตง อวี๋ตง ที่แปลว่าปลาแช่แข็ง
จากนัน
้ เป็ นต้นมา เธอก็ได้ช่ อ
ื ว่าอวี๋ตง พร้อมกับชื่อ
เล่นว่า ตงตง
แต่ก็มีเพียงคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทใน
มหาวิทยาลัยเท่านัน
้ ที่ร้ช
ู ่อ
ื เล่นนี ้
แล้วผู้ชายคนนีเ้ ป็ นใคร?
"ฉันไม่กล้าพูดกับเธอมากไปกว่านัน
้ ในวันนัน
้ ฉัน
เห็นเธอร้องไห้ แต่เมื่อได้มาเจอเธออีกครัง้ ในวันนี ้ ดู
เหมือนว่าเธอจะไม่เป็ นอะไรแล้ว" ชายคนนัน
้ ส่งยิม

ให้
เด็กสาวน่ารักอีกคนที่กำลังอ่านสคริปต์อยู่ด้าน
ข้างดูเหมือนจะได้กลิ่นข่าวซุบซิบ จึงได้หยุดอ่าน
สคริปต์ในมือ
ความทรงจำของอวี๋ตงค่อยๆ ปะติดปะต่อกัน
ผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้านีด
้ ูเหมือนจะเพิ่งเรียนจบ
มหาวิทยาลัย และรู้ช่ อ
ื เล่นของเธอ และเป็ นคนที่
เธอร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าเขาเมื่อวันก่อน
"ไอ้สารเลว!" ในที่สุดอวี๋ตงก็จำได้แล้วว่าคนๆนี ้
เป็ นใคร เธอตบโต๊ะเสียงดัง ให้ตายเถอะ! เธอลืมไป
ได้อย่างไร นี่ไม่ใช่รักครัง้ แรกของเธอที่ไม่ได้เจอหน้า
กันมา 10 ปี หรอกเหรอ!
'อยากจะบ้าตาย! ไม่ได้เจอกันมาเป็ นสิบปี แล้ว
เธอแทบจะจำไม่ได้แล้ว'
"ตงตง ฉันรู้ว่าตอนนีเ้ ธอเศร้ามาก แต่เธอจะมา
ด่าว่าคนอื่นแบบนีไ้ ด้ยังไง" ฝางฮัว แฟนเก่าของอวี๋
ตง เหลือบมองสาวหน้าหวานอีกคนอย่างไม่
สบายใจ
หลังจากที่เลิกรากันไปเมื่อ 10 ปี ก่อน อวี๋ตงก็ไม่
เคยคิดว่าเธอจะได้มาเจอกับฝางฮัวอีกครัง้ ในตอน
นีเ้ มื่อเธอเห็นเขาอีกครัง้ ไฟที่สุมอยู่ในอกของเธอก็
ลุกโชนขึน
้ มา อวี๋ตงลุกขึน
้ ยืนแล้วเดินเข้าไปหาฝาง
ฮัวช้าช้า ทีละก้าว ทีละก้าว
"เธอ...เธอจะทำอะไร?" ฝางฮัวก้าวถอยหลังด้วย
ความกลัวแรงกดดันที่อวี๋ตงปล่อยออกมา
อวี๋ตงยิม
้ แล้วเริ่มโจมตีเขาทันที เธอยกมือขึน

ฟาดฝ่ ามือใส่เขาอย่างแรง "ฉันอยากจะตบหน้านาย
แบบนีม
้ านานแล้ว"
ความเสียใจเพียงอย่างเดียวของอวี๋ตงสำหรับ
เหตุการณ์ในครัง้ นัน
้ ก็คือ เธอเอาแต่ร้องไห้อยู่ที่
หน้าสำนักงานกิจการพลเรือน จนไม่ทันได้คิดว่า
ควรจะตบหน้าผู้ชายสารเลวนั่นสักฉาดสองฉาด แต่
ในที่สุดวันนีเ้ ธอได้ทำสำเร็จแล้ว
"เธอทำอะไรน่ะ?" ฝางฮัวที่หลบไม่ทันจึงถูกตบ
ถามขึน

เด็กสาวน่ารักอีกคนประหลาดใจกับการ
เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี ้
"ฮึ!" หลังจากที่ตบหน้าเขาไปแล้ว อวี๋ตงก็กลับไป
นั่งที่เก้าอีข
้ องเธอก่อนจะคว้าแก้วน้ำแตงโมที่ยังดื่ม
ไม่หมดขึน
้ มาจิบ จากนัน
้ เริ่มเรียก "เสี่ยวเยว่ มาหา
ฉันหน่อย"
"เกิดอะไรขึน
้ ? เกิดอะไรขึน
้ กันน่ะ?" เซียงเสี่ยว
เยว่ที่กำลังยุ่งกับการเดินตรวจงาน ก็รีบวิ่งเข้ามาใน
ห้องทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก แต่เมื่อเธอเข้ามาเธอก็
สังเกตเห็นบรรยากาศที่ดูผิดปกติ และสงสัยว่า "เกิ
ดอะไรขึน
้ ?"
ฝางฮัวสีหน้าโกรธเคืองและไม่ตอบอะไร
สาวน้อยอีกคนพยายามลดความมีตัวตนของเธอ
ในที่แห่งนีอ
้ ย่างเงียบ ๆ
"เซียงเสี่ยวเยว่ เธอเป็ นเพื่อนฉันจริงหรือ
เปล่า?" อวี๋ตงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"แน่นอนสิ"
"เธอเชื่อใช่ไหมว่า ถ้าเธอบอกฉันว่าต้องการ
ความช่วยเหลือจากฉัน ฉันจะมาโดยไม่ตัง้ คำถามใด
ใด”
"ใช่ ฉันเชื่อแบบนัน
้ "
"แล้วเธอทำกับฉันแบบนีไ้ ด้ยังไง?" อวี๋ตงถาม
"ฉัน...ทำอะไรกับเธอ?" เซียงเสี่ยวเยว่สับสน
"เธออยากให้ฉันทำงานกับไอ้เลวที่เพิ่งจะทิง้ ฉัน
ไปเนี่ยนะ? เธอตัง้ ใจทำร้ายจิตใจฉันใช่ไหม?"
คำพูดของอวี๋ตงยิ่งทำให้เซียงเสี่ยวเยว่สับสนมาก
ขึน
้ ไปอีก เธอมองไปที่ฝางฮัวที่มีสีหน้าน่าเกลียด
แล้วถามว่า "พวกเธอเลิกกันแล้วเหรอ?"
"อวี๋ตง ไปคุยเรื่องนีก
้ ันข้างนอก" ฝางฮัวไม่อยาก
พูดเรื่องนีต
้ ่อหน้าคนอื่น
"เฮอะ!" อวี๋ตงมองเขาอย่างเย้ยหยัน
สีหน้าของฝางฮัวยิ่งมืดครึม
้ ลงไปอีก
เซียงเสี่ยวเยว่มองหน้ากลับไปกลับมาระหว่าง
สองคน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเลิกกันแล้วจริงๆ แต่
เธอก็ยังไม่อยากเชื่อ "เธอสองคนเลิกกันแล้วจริงๆ
เหรอ? ฉันคิดว่าพวกเธอกำลังจะแต่งงานกันเสีย
อีก?"
"ใช่ ฉันมีเอกสารพร้อมสำหรับจดทะเบียนสมรส
แต่ตอนที่ฉันไปถึงที่นั่น เขาก็บอกเลิกกับฉันที่หน้า
ประตูสำนักงานกิจการพลเรือน แล้วก็ทงิ ้
เงิน 10,000 หยวนเอาไว้ให้ฉันบอกว่าเป็ นเงิน
ชดเชยและของขวัญจากลา"   อวี๋ตงทำราวกับกำลัง
พูดถึงเรื่องของคนอื่น ไม่มีความเศร้าเสียใจในน้ำ
เสียงของเธอ แต่มันกลับเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
ถากถาง
"คนสารเลว!"
"คนสารเลว!"
เสียงสองเสียงดังขึน
้ พร้อมกัน จากนัน
้ เด็กสาวน่า
รักกับเซียงเสี่ยวเยว่ก็หันมามองหน้ากัน
"อวี๋ตง!" ใบหน้าของฝางฮัวบิดเบีย
้ ว
"ทำไม? นายจะให้ฉันขอบคุณนายเหรอ?" อวี๋ตง
เยาะเย้ย
"มันไม่ใช่แบบนัน
้ " ฝางฮัวรีบหันไปอธิบายกับเซี
ยงเสี่ยวเยว่
"แล้วมันเป็ นยังไงล่ะ?" อวี๋ตงเยาะ "เหตุการณ์วัน
นัน
้ ในแบบของนายเป็ นยังไงล่ะ?"
"เธอ..." ฝางฮัวพูดอย่างโกรธเคืองว่า "ดูตอนนีส
้ ิ
ว่าสภาพของเธอเป็ นอย่างไร"
"สภาพของฉันจะเป็ นยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับ
นายล่ะ?" อวี๋ตงยิม
้ พลางจิบน้ำแตงโม
คนหนึ่งนั่งดื่มน้ำแตงโมอย่างสงบ ขณะที่อีกคน
ยืนขึน
้ ด้วยความโกรธ
"ฉันจะไม่ลดตัวลงไปเถียงกับผู้หญิงหรอกนะ!"
ฝางฮัวหยิบแว่นกันแดดขึน
้ มาใส่ แล้วปิ ดประตูเสียง
ดังก่อนออกไป
ห้องประชุมกลับมาสู่ความเงียบอีกครัง้
อวี๋ตงเคาะสคริปต์ของเธอบนโต๊ะ แล้วพูดว่า
"เธอจะเอาอย่างไรต่อ? ฉันไม่มีทางร่วมงานกับเขา
หรือเธอจะหาคนอื่นมาแทนฉัน?"
"เอ๊ะ..." เซียงเสี่ยวเยว่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "ไม่
เป็ นไร เราสามารถหาคนอื่นมาแทนได้ เราไม่
ต้องการผู้ชายสารเลวแบบนัน
้ !"
"เพื่อนที่ดี!" อวี๋ตงพูดด้วยความพึงพอใจ
เซียงเสี่ยวเยว่ยิม
้ นึกขึน
้ ได้ว่า "เราไม่ได้เจอกันแค่
เดือนเดียว ทำไมเธอถึงเปลี่ยนจากเด็กสาวที่โง่เขลา
และอ่อนหวานไปเป็ นหญิงสาวเคลือบยาพิษล่ะ?"
"เธอก็คิดซะว่ามันเป็ นผลมาจากความรักที่พัง
ทลายของฉัน" อวี๋ตงพูดอย่างเฉยเมย
เซียงเสี่ยวเยว่กรอกตา แล้วก็ออกไปทำงานต่อ
ตอนนีเ้ ธอต้องหานักพากย์ตัวแสดงนำชายก่อน เฮ้อ
ดูจากงานที่ต้องทำทัง้ หมด เธอรู้ซึง้ แล้วว่าการเริ่ม
ต้นธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อวี๋ตงเหลือบมองสาวน้อยน่ารักที่อยู่มุมห้อง เมื่อ
นึกถึงตอนที่เธอเรียกฝางฮัวว่า "คนสารเลว” อวี๋ตง
ก็ส่งยิม
้ ให้เด็กสาวคนนัน
้ แล้วถามว่า "คุณชื่ออะไร?"
"เถาเถา!" สาวน้อยกระพริบตาและยิม
้ ตอบ
เอ๋ เถาเถางัน
้ เหรอ? นี่คงไม่ใช่ราชินีแห่งละครวัย
รุ่นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าหรอกใช่ไหม? อวี๋ตงขยีต
้ า
ก่อนที่จะเงยหน้าขึน
้ มองอีกครัง้ เธอดูดีกว่าตอน
ศัลยกรรมมาก
"น้องสาว สัญญากับฉันว่าเธอจะไม่ทำศัลยกรรม
ในอนาคต!"
"เอ๋ อะไรนะ??"

ที่ โรงพยาบาล
หลังจากเซี่ยเฟิ งตรวจผู้ป่วยรายสุดท้าย เขา
วางแผนว่าจะกลับบ้านหลังจากบันทึกข้อมูลลงเวช
ระเบียน
ขณะนัน
้ เอง เส้าอีฝ
้ านก็เพิ่งกลับมาจากผ่าตัด
เมื่อเห็นเซี่ยเฟิ งเขาก็ถามว่า "ทำไมนายยังไม่
กลับ? พรุ่งนีค
้ ุณป้ าจะต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้ว
นายควรจะอยู่เป็ นเพื่อนท่านในตอนนัน
้ "
"ไม่ต้องห่วง แม่ฉันมีพ่อของฉันคอยอยู่ข้าง ๆ
แล้ว และพรุ่งนีฉ
้ ันจะมาก่อนที่ท่านจะเข้าห้อง
ผ่าตัดแน่นอน" เซี่ยเฟิ งตอบกลับ
"ถึงแม้ว่าการผ่าตัดหัวใจในวันพรุ่งนีจ
้ ะมีอัตรา
ความสำเร็จแค่ 50% แต่ผู้อำนวยการหวังบอกว่า
สภาพจิตใจของคุณป้ าวันนีด
้ ีขึน
้ ค่อนข้างมาก ซึ่ง
เป็ นสัญญาณที่ดี" เส้าอีฝ
้ านกับเซี่ยเฟิ งเป็ นเพื่อนกัน
ตัง้ แต่มหาวิทยาลัย พวกเขาทัง้ คู่เรียนจบพร้อมกัน
แล้วเข้าทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกัน พวกเขาจึง
สนิทกันมาก
"ฉันก็หวังอย่างนัน
้ " เซี่ยเฟิ งยังกังวลเล็กน้อย
"อ้อ ฉันได้ยินมาว่าอันอันไปอเมริกาแล้ว?" เส้าอี ้
ฝานรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของเซี่ยเฟิ งและอันอัน จึง
ไม่ค่อยเข้าใจ ในเวลานีท
้ ำไมอันอันจึงยืนกรานที่จะ
ไปอเมริกา
"ฉันกับอันอันเลิกกันแล้ว" เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่าไม่
จำเป็ นต้องปิ ดบังเรื่องนี ้ หลังจากคิดเล็กน้อย เขาก็
พูดออกไปตรง ๆ
"เลิกกันแล้ว?" เส้าอีฝ
้ านผงะไป "ความสัมพันธ์
ของพวกนายราบรื่นมาหลายปี แล้วก็นายเพิ่งจะซื้อ
บ้านพร้อมทัง้ ตกแต่งใหม่เพื่อเธอ ทำไมพวกนายถึง
เลิกกันล่ะ?"
"ฉันขอเธอแต่งงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เธอก็
ปฏิเสธ" เซี่ยเฟิ งยิม
้ อย่างขมขื่น "ฉันบอกเธอว่า ถ้า
เราไม่ได้แต่งงานกัน เราก็เลิกกัน และในที่สุดเธอก็
บินไปอเมริกา โดยที่ไม่ได้ตอบรับหรือบอกปฏิเสธ
ฉัน"
"ไม่สิ ใครเขาขอแต่งงานแบบนัน
้ กัน นั่นมัน
เป็ นการข่มขู่ไม่ใช่เหรอ?" เส้าอีฝ
้ านพูดไม่ออก "แต่
อันอันก็ไม่จำเป็ นต้องหนีไปถึงที่อเมริกา"
เซี่ยเฟิ งปิ ดบันทึกเวชระเบียนและไม่ได้พูดอะไร
อีก
"นายควรจะใจเย็นลงหน่อยนะ" เส้าอีฝ
้ านคิดอยู่
ครูหนึ่งแล้วพูด
"อีฝ
้ าน นายก็ร้ว
ู ่าฉันไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น"
เซี่ยเฟิ งถอดเสื้อกาวน์ออกไปพาดไว้บนเก้าอีแ
้ ล้ว
พูดว่า "ฉันกลับก่อนนะ"
"โอ้ะ!" เส้าอีฝ
้ านตกตะลึง
เซี่ยเฟิ งไม่เคยเป็ นคนหุนหัน ดังนัน
้ คำพูดของเขา
ที่บอกกับอันอัน ก็คงจะมาหลังจากการพิจารณา
อย่างรอบคอบแล้ว แม้ว่าผลลัพธ์จะเป็ นที่น่าพอใจ
ก็ตาม
หากจะมีอะไรที่เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่าเป็ นการกระทำที่
หุนหันพลันแล่นก็คงจะเป็ นเรื่องเมื่อวันก่อนที่เขา
เก็บภรรยามาคนหนึ่งแล้วก็พาเธอกลับบ้าน...
ตอนที่ 6 หยอกล้อวันละนิด

ตอนที่เซี่ยเฟิ งกลับถึงบ้านก็เป็ นเวลาสองทุ่มแล้ว


แม้ว่าฤดูร้อนจะมีช่วงกลางวันที่ยาวนาน แต่ตอนนี ้
ท้องฟ้ าก็มืดลงแล้ว เซี่ยเฟิ งขับรถไปที่ที่จอดชัน

ใต้ดินของอพาร์ทเมนต์ เขามองขึน
้ ไปเห็นว่า
ระเบียงห้องของเขาสว่าง
ไม่ร้ว
ู ่ากี่ครัง้ แล้วหลังจากที่เขากลับมาจากการ
ทำงานล่วงเวลา ที่เขาฝั นว่าจะได้เห็นภาพแบบนี ้
เขาเฝ้ ารอแสงสว่างนี ้ แสงอันอบอุ่นที่รอเขากลับ
บ้าน แต่การเฝ้ ารอของเขากลับกลายเป็ นเปลี่ยน
จากคนหนึ่งเป็ นอีกคน
"ผมกลับมาแล้ว" เซี่ยเฟิ งพูดอย่างสดชื่น เมื่อเขา
เปิ ดประตูเข้าไปในห้อง
อวี๋ตงที่กำลังกินแตงโมขณะที่อ่านสคริปต์ไปด้วย
ก็หันกลับไปมองแล้วโบกมือทักทายเขา "คุณกลับ
มาแล้วเหรอ? ฉันซื้อแตงโมมา คุณอยากกินไหม?"
"ไม่ล่ะ" เซี่ยเฟิ งที่หันไปตามเสียงก็พูดอย่างไม่
ค่อยพอใจว่า "ทำไมแต่งตัวแบบนี?้ "
อวี๋ตงก้มดูการแต่งตัวของตัวเอง เเสื้อเชิต
้ ผู้ชายสี
ขาวที่ยาวคลุมสะโพกของเธอ แต่เผยต้นขาขาว ๆ
อวี๋ตงวางเปลือกแตงโมลงอย่างใจเย็น หยิบผ้ามา
เช็ดมือก่อนที่จะพูดว่า "เสื้อผ้าทัง้ หมดของฉัน กำลัง
ตากอยู่ แล้วฉันก็ไม่มีชุดนอนใส่ ฉันก็เลยไปหยิบเสิ ้
อมาจากตู้เสื้อผ้าของคุณ ดูเหมือนว่ามันจะมีเสื้อ
เชิต
้ แบบนีอ
้ ยู่เยอะทีเดียว"
"คุณ...คุณไม่ควรใส่มัน" เซี่ยเฟิ งหลบสายตาของ
เขาอย่างไม่ร้จ
ู ะวางสายตาไว้ตรงไหน
"ทำไมล่ะ?" อวี๋ตงถามอย่างสงสัย
“ผู้หญิงไม่ควรแต่งตัวแบบนีต
้ ่อหน้าผู้ชาย”
อวี๋ตงกลอกตา แต่เมื่อเห็นสีหน้าเขินอายของ
เซี่ยเฟิ งที่ไม่ร้จ
ู ะวางสายตาเอาไว้ตรงไหน ในหัวของ
เธอก็มีความคิดซุกซนผุดขึน
้ มา
ทันใดนัน
้ เธอก็เปลี่ยนท่านั่งของเธอ เป็ นท่าทาง
เซ็กซี่ นอนตัวอ่อนอยู่บนโซฟา เธอเลียริมฝี ปากล่าง
ช้าๆ และพยายามใช้ทักษะการพากย์ทัง้ หมดที่
เรียนมาตลอด 4 ปี ในการเปลี่ยนเสียงของเธอให้
กลายเป็ นน้ำเสียงที่เซ็กซี่น่าดึงดูดกล่าวว่า "สามี ฉัน
แค่อยากจะใส่มันเพื่อคุณ"
เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่าท้องน้อยของเขาปวดหนึบ เขารีบ
หนีกลับห้องของตัวเองด้วยความเขินอาย
อวี๋ตงทิง้ ตัวลงบนโซฟาก่และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ เซี่ยเฟิ งก็ร้ส
ู ึกว่า
์ รี
เขากำลังถูกเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ล้อเลียน ด้วยศักดิศ
ที่เหลืออยู่ เขาจึงเปิ ดประตูออกมาแล้วย่างสามขุม
เข้าไปหาอวี๋ตงที่ยังหัวเราะคิกคักอยู่บนโซฟา
"เอ่อ..." อวี๋ตงตกใจเมื่อเห็นเขาเดินตรงเข้ามา
เสียงหัวเราะของเธอหยุดชะงักลงทันที
"ถ้าคุณแกล้งผมอีกครัง้ คุณต้องรับผลที่ตามมา"
เซี่ยเฟิ งกล่าวอย่างเคร่งขรึม
อวี๋ตงกระพริบตา มองเขา และเมื่อเซี่ยเฟิ งกำลัง
จะจากไป เธอก็ยกแขนโอบรอบคอของเขา หายใจ
รดข้างหูของเขา และกระซิบว่า "ได้สิ มาเลย!"

เซี่ยเฟิ งผละออกจากร่างของแม่เสือสาวและวิ่ง
หนีด้วยความอับอายอีกครัง้
อวี๋ตงหัวเราะเสียงดังขึน
้ กว่าเดิมจนเกือบจะกลิง้
ลงกับพื้น
เขาหน้าบางขนาดนัน
้ ยังกล้ามาสู้กับเธอ เขาไม่รู้
หรอกว่าเธออดอยากปากแห้งมานานแค่ไหน เธอ
หิวโหยมาหลายปี แล้ว และตอนนีเ้ ธอมีใบรับรอง
ทัง้ หมดแล้ว เธอและเขาเป็ นสามีภรรยาที่ถูกต้อง
เธอตัง้ ตารอวันนีอ
้ ย่างกระตือรือร้น
แต่ไม่ว่าอวี๋ตงจะหัวเราะต่อไปยังไง เซี่ยเฟิ งก็ไม่
ยอมออกมาจากห้องอีก
อวี๋ตงรู้สึกหิวเล็กน้อย เธอเผยรอยยิม
้ เล็กน้อย
เธอจะได้ว่าเธออ่านสคริปต์มาสักพักหนึ่งแล้วตัง้ แต่
กลับมา เธอยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย และเธอก็นึกถึง
ชายหนุ่มที่หลบอยู่แต่ในห้อง จึงตะโกนถามว่า "คุณ
กินข้าวเย็นหรือยัง? ถ้ายังพวกเรามากินข้าวด้วยกัน
ไหม"
สีหน้าของเซี่ยเฟิ งน่าเกลียดเล็กน้อย แต่เขาก็ยัง
เปิ ดประตูออกมาแล้วถามเธอว่า "คุณอยากกิน
อะไร?"
"ฉันจำได้ว่ามีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ไม่ไกล ฉันว่าจะ
โทรสั่ง"
"ร้านก๋วยเตี๋ยวนั่นไม่ค่อยสะอาดนัก คุณควรจะ
กินอาหารข้างทางให้น้อยลง" เซี่ยเฟิ งกล่าว
"แต่ฉันหิวแล้ว!" อวี๋ตงพูดอย่างเศร้า ๆ "งัน
้ ทำไม
คุณไม่ทำอาหารให้ฉันแทนล่ะ เหมือนว่าจะมีผักอยู่
ในตู้เย็น?"
หลังจากได้ยินเธอพูด เขาก็เข้าห้องครัวไปเปิ ดตู้
เย็น ข้างในเต็มไปด้วยวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร
มากมาย รวมทัง้ เครื่องดื่มอัดลมหลากหลายชนิด
เขาขมวดคิว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อดู
วัตถุดิบก็พบว่ามีครบทัง้ เนื้อสัตว์และผักหลาก
หลายชนิดจริง ๆ เขาจึงถามว่า "คุณอยากกิน
อะไร?"
"อะไรก็ได้ อย่างไรซะวัตถุดิบพวกนัน
้ ก็เป็ นของ
โปรดฉันทัง้ นัน
้ " อวี๋ตงพูด
"...." เธอพูดตรง ๆ เซี่ยเฟิ งจึงหยิบผักบางชนิด
ออกมาและตัง้ ใจจะทำบะหมี่ผัก
"หรือถ้าคุณอยากจะทำซี่โครงหมูก็ดีนะ ฉันไม่ได้
กินซี่โครงเปรีย
้ วหวานมานานแล้ว" จู่ๆก็มีอีก
ประโยคดังลอยมาจากห้องนั่งเล่น
"...." เซี่ยเฟิ งมองผักในมือ คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนัน

ก็เอื้อมมือไปเปิ ดตู้เย็นหยิบซี่โครงออกมา
เป็ นการจับคูเ่ มนูที่ค่อนข้างประหลาด บะหมี่ผัก
สองชามและซี่โครงหมูเปรีย
้ วหวาน ระหว่างทานอา
หารอวี๋ตงคีบซี่โครงเปรีย
้ วหวานชิน
้ แล้วชิน
้ เล่าเข้า
ปาก ดูเหมือนว่าเมนูนจ
ี ้ ะเป็ นเมนูโปรดของเธอจริง

"คุณทำอาหารอร่อยมาก เป็ นรองแค่แม่ของฉัน
นิดนึง" อวี๋ตงหรี่ตาลง
"ซี่โครงเปรีย
้ วหวานมีน้ำตาลสูง และเป็ นอาหาร
ประเภทเนื้อสัตว์ ตอนนีด
้ ึกแล้ว ดังนัน
้ คุณควรจะ
กินให้น้อยลงนะ" เซี่ยเฟิ งอดไม่ได้ที่จะเตือน
"ไม่ต้องเป็ นห่วง ฉันจะไปวิ่งสัก 2 รอบหลังกิน
เสร็จ เพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะไม่อ้วน"
"อ้วนไม่อ้วนก็เรื่องหนึ่ง แต่นั่นไม่ได้บ่งบอกถึง
สุขภาพที่แท้จริงของคุณ หากกินมากเกินไปจะไม่ดี
ต่อกระเพาะและลำไส้ น้ำอัดลมก็ควรจะดื่ม
แค่ 1 ขวดต่อ 2 วัน"
"คุณหมอเซี่ย ฉันขอพบคุณหมอตอนที่ป่วยจริงๆ
จะได้ไหม? ฉันขอล่ะ คุณปล่อยให้ฉันกินเถอะ!" อวี๋
ตงกระพริบตาปริบปริบอย่างน่าสงสาร
เซี่ยเฟิ งยังต้องการจะเตือนอีกครัง้ แต่เมื่อเหลือบ
ไปทางเธอ เขาก็ตระหนักว่าเธอขยับตัวมากเกินไป
ในระหว่างหยิบตักอาหาร ทำให้เสื้อเชิต
้ ผู้ชายที่
ค่อนข้างหลวมสำหรับเธอ ไหล่ร่นลงมาจนเผยให้
เห็นไหล่ลาดขาวเนียนของเธอ
เซี่ยเฟิ งถอนสายตาออกทันที และพูดอย่างไม่
สบายใจว่า "แล้วแต่คุณแล้วกัน แต่อย่าลืมล้างจาน
หลังจากทานเสร็จด้วย"
"รับทราบ!"
เซี่ยเฟิ งกลับเข้าไปในห้อง แล้วหยิบขวดน้ำแร่ขึน

มาดื่มรวดเดียวครึ่งขวด
'อันตรายเกินไปแล้ว'
วันรุ่งขึน
้ เป็ นเช้าที่สดใสอีกวัน
หลังจากทานอาหารเช้า ทัง้ สองคนก็เก็บของ
เตรียมตัวไปที่โรงพยาบาลเพราะวันนีเ้ ป็ นวันที่แม่
ของเซี่ยเฟิ งทำการผ่าตัด
เนื่องจากเป็ นการผ่าตัดใหญ่ อีกทัง้ พ่อและแม่
ของเซี่ยเฟิ งก็เป็ นเพื่อนกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล
ทางโรงพยาบาลจึงให้ความสำคัญกับการผ่าตัดครัง้
นีเ้ ป็ นอย่างมาก เนื่องจากเวลาดำเนินการที่คาดเอา
ไว้ค่อนข้างนาน จึงกำหนดให้เริ่มการผ่าตัด
เวลา 10.30 น.
เซี่ยเฟิ ง คุณพ่อเซี่ย และอวี๋ตง เดินตามเตียงผู้
ป่ วยไปจนถึงห้องผ่าตัด
ก่อนที่เตียงจะถูกเข็นเข้าไป คุณแม่เซี่ยยิม
้ ให้คุณ
พ่อเซี่ยและบอกเขาว่ารอเธอออกมา คุณพ่อเซี่ยก็
พยักหน้ารับด้วยรอยยิม

คุณแม่เซี่ยกุมมืออวี๋ตงไว้อย่างมีความสุข "ไม่ต้อง
เป็ นห่วง ป้ าแน่ใจว่าจะไม่เป็ นอะไร หลังจากป้ า
ผ่าตัดเสร็จแล้ว ป้ าจะจัดงานแต่งงานให้หนูเอง"
"ค่ะ" เซี่ยเฟิ งไม่ได้ตอบอะไร แต่อวี๋ตงพยักหน้า
รับอย่างจริงจัง
เธอหันไปมองดูลูกชายของเธออีกครัง้ ก่อนจะถูก
เข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด
ทัง้ สามคนยืนรออยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด จน
กระทั่งไฟสัญญาณเริ่มการผ่าตัดถูกเปิ ดขึน
้ พวกเขา
จึงได้เดินไปนั่งบนเก้าอีต
้ รงทางเดิน
ช่วงเวลาแห่งการรอคอย เป็ นช่วงเวลาที่ผ่านไป
ช้าที่สุดเสมอ อวี๋ตงไม่รู้ว่าเธอนั่งอยู่นานแค่ไหนแล้ว
ขาและเท้าของเธอแข็งไปหมด เธอรู้สึกเหนื่อย เมื่อ
มองไปทางด้านข้างก็เห็นเซี่ยเฟิ งกับคุณพ่อเซี่ยมอง
จ้องไปทางประตูห้องผ่าตัด
เซี่ยเฟิ งถามว่า "พ่อครับ การผ่าตัดยังต้องใช้เวลา
อีก 5 ชั่วโมง พ่ออยากจะไปนอนพักให้ห้องทำงาน
ของผมไหม?"
"ไม่ล่ะ" คุณพ่อเซี่ยส่ายหน้า "ฉันสัญญากับแม่
ของเธอเอาไว้แล้วว่าจะรอจนแม่ของเธอออกมา"
เซี่ยเฟิ งรู้ถึงความรู้สึกของพ่อกับแม่ของเขาเป็ น
อย่างดี และเขาก็ร้ด
ู ีว่าไม่สามารถโน้มน้าวใจผู้เป็ น
พ่อได้
อวี๋ตงนั่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึน
้ ยืนแล้วเดิน
ออกไป เซี่ยเฟิ งมองตามเธอไปแต่ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากนัน
้ ไม่นานอวี๋ตงก็กลับมาพร้อมกับน้ำดื่ม 
3 ขวด ยื่นส่งไปให้เซี่ยเฟิ งกับคุณพ่อเซี่ยคนละขวด
"คุณลุงดื่มน้ำก่อนค่ะ"
อวี๋ตงคิดถึงความจริงที่ว่า ตัง้ แต่คุณแม่เซี่ยเข้า
ห้องผ่าตัดจนถึงตอนนีก
้ ็ผ่านไปกว่า 5 ชั่วโมงแล้ว
ทัง้ เซี่ยเฟิ งและคุณพ่อเซี่ยยังไม่ได้กินอาหารกลาง
วัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะยังไม่อยากอาหาร
ในเร็ว ๆ นีแ
้ น่ ดังนัน
้ เธอจึงซื้อมาแต่น้ำเปล่า อย่าง
น้อยไว้ให้พวกเขาดับกระหายก็ยังดี
"ขอบคุณ!" เซี่ยเฟิ งยื่นมือไปรับมัน
อวี๋ตงเอนหลังพิงเก้าอยู่อย่างเงียบๆ อีกครัง้ ด้วย
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการนั่งรอ เธอจึง
ค่อย ๆ ผล็อยหลับไป
ในขณะนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็หันมาเห็นฉากนีพ
้ อดี หลัง
จากคิดอยู่ครู่นึง เขาก็เดินไปหาพยาบาล หลังจาก
นัน
้ ไม่นาน ก็มีพยาบาลคนหนึ่งนำผ้าห่มมาให้
เซี่ยเฟิ งคลุมผ้าห่มลงบนตัวของอวี๋ตงอย่าง
ระมัดระวัง เมื่อเห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของ อวี๋ตง
เขาก็ร้ส
ู ึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก
เวลาเดินไปเรื่อยๆ แม้ว่าผู้คนจะอยากให้มันผ่าน
ไปเร็วแค่ไหนก็ตาม
เมื่อไฟห้องผ่าตัดดับลง คุณพ่อเซี่ยก็ลุกขึน
้ ยืน
แทบจะทันที เซี่ยเฟิ งก็ทำเช่นเดียวกัน
ยืนรออยู่สักพัก พยาบาลก็เข็นเตียงผู้ป่วยออกมา
คุณพ่อเซี่ยเดินตามเตียงไปพร้อมกับมองสำรวจคุณ
แม่เซี่ยอย่างระมัดระวัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วย
ความทุกข์ใจ
"ผู้อำนวยการหวัง" เซี่ยเฟิ งมองไปที่ผู้อำนวยการ
หวังอย่างวิตกกังวล
ผู้อำนวยการหวังถอดหน้ากากออก ใบหน้าของ
เขาดูเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงยิม
้ ให้
ก่อนจะพูดว่า "การผ่าตัดประสบความสำเร็จ"
เซี่ยเฟิ งถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขายืนอยู่
หน้าผู้อำนวยการหวังอย่างตื่นเต้นจนไม่ร้จ
ู ะพูด
อะไร
"เป็ นยังไงบ้าง?" อวี๋ตงที่ต่ ืนขึน
้ มาแล้วก็รีบวิ่งไป
มาถามเขาอย่างเป็ นกังวล
"เอาล่ะ ตอนนีล
้ ุงเหนื่อยมากแล้ว ลุงหมดแรง
และไม่อยากพูดอะไรมาก แต่ตอนที่แม่ของเธอฟื้ น
ตัวแล้วก็อย่าลืมเชิญลุงไปทานอาหารค่ำที่บ้านสัก
มื้อล่ะ" ผู้อำนวยการหวังตบไหล่เซี่ยเฟิ งแล้วเดิน
จากไป
"คุณป้ าสบายดีใช่ไหม?" แม้ว่าอวี๋ตงจะพอคาด
เดาอาการของคุณป้ าได้จากคำพูดของหมอ แต่เธอ
ยังต้องการคำยืนยันจากเซี่ยเฟิ ง
"แม่ของผมไม่เป็ นอะไรแล้ว!" เซี่ยเฟิ งกอดอวี๋ตง
อย่างมีความสุข "แม่ของผม ท่านไม่เป็ นอะไรแล้ว"
"เอ่อ..." อวี๋ตงใช้เวลาพักหนึ่งก่อนจะกอดตอบ
เซี่ยเฟิ งแล้วปลอบโยนเขา
"ไม่ต้องกังวลแล้ว คุณป้ าไม่เป็ นอะไรแล้ว"
"ใช่...ผมขอโทษ" ในที่สุดเซี่ยเฟิ งก็ร้ต
ู ัวว่าเขา
กำลังทำอะไรอยู่ จึงรีบปล่อยตัวอวี๋ตงอย่างรวดเร็ว
"ทำไมเราไม่ไปหาคุณป้ ากัน?" อวี๋ตงเตือนเขา
อย่างเขินอาย
จากนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็รีบผละไปอย่างเป็ นกังวล และ
วิ่งไปที่ห้องไอซียูทันที
อวี๋ตงส่ายหน้าอย่างนึกขัน จากนัน
้ เธอก็ขยับ
ร่างกายที่แข็งทื่อ เพื่อให้มันผ่อนคลายลงบ้าง เธอ
หยิบผ้าห่มจากเก้าอี ้ แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์
พยาบาล
หลังจากที่เธอคืนผ้าห่มให้พยาบาลแล้ว เธอก็
ตรงไปยังห้องไอซียู เธอเห็นว่าคุณพ่อเซี่ยเปลี่ยน
เป็ นชุดปลอดเชื้อก่อนจะเข้าไปให้ห้องคุณแม่เซี่ย
ขณะที่เซี่ยเฟิ งยืนอยู่ข้างนอกและมองดูพวกเขา
ผ่านทางหน้าต่าง
"คุณลุงกับคุณป้ ามีความสัมพันธ์ที่น่ารักมาก" อวี๋
ตงพูดอย่างอิจฉา
"ใช่ อันที่จริง แต่ก่อนพ่อของผมเป็ นคนใจร้อย
มาก ท่านชอบพูดเสียงดังและอารมณ์ร้อนตัง้ แต่ยัง
หนุ่ม แต่ท่านก็ยังกลัวแม่ของผม" เซี่ยเฟิ งเองก็
อิจฉาความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่เขา "พวกท่านไม่
ได้ทะเลาะกันบ่อยนัก ถึงแม้ว่าแม่ของผมจะตัวเล็ก
ดูไม่ค่อยมีบทบาท และยุ่งกับการทำสิ่งต่าง ๆ อยู่
เสมอ แต่ท่านก็ปฏิบัติต่อผมอย่างดีที่สุด เป็ นแม่ที่ดี
ที่สุดสำหรับผม"
"งัน
้ คุณก็จะเจริญรอยตามพ่อของคุณสินะ?" จู่ๆอ
วี๋ตงก็ถามขึน
้ มา
"เอ๊ะ?" เซี่ยเฟิ งงุนงงเล็กน้อย
"เพราะพี่สาวคนนีก
้ ็ตัวเล็กเหมือนกัน"
"....." เซี่ยเฟิ งนิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธใดใด
"ฉันจะไปซื้อของกิน วันนีค
้ ุณลุงยังไม่ได้ทาน
อะไรเลย ตอนที่คุณลุงออกมา คุณก็ให้ท่านทาน
ข้าวก่อนแล้วคุณค่อยเข้าไปข้างใน" อวี๋ตงบอก
"ผมไปซื้อเอง!" เซี่ยเฟิ งรู้สึกผิดที่จะให้อวี๋ตงทำ
หน้าที่ลูกแทนเขา
"ไม่เป็ นไร คุณควรจะอยู่ดูคุณป้ ามากกว่า" อวี๋ตง
ปฏิเสธ "ฉันเองก็อยากจะไปเดินยืดเส้นยืดสายซัก
หน่อย"
เซี่ยเฟิ งไม่ได้ยืนกรานอีก
ทันทีที่อวี๋ตงเดินออกไป เส้าอีฝ
้ านก็ปรากฎตัวขึน

"ผู้หญิงคนนัน
้ เป็ นใคร?" เส้าอีฝ
้ านรู้ว่าการผ่าตัด
ของคุณแม่เซี่ยเป็ นไปอย่างราบรื่น ก็โล่งใจ และ
กลับมาสู่โหมดคนอยากรู้อยากเห็นตามเดิม
"นายมาทำไม?" เซี่ยเฟิ งถาม
"ฉันรีบมาที่นี่ทันที หลังจากฉันผ่าตัดเสร็จคนไข้
เสร็จเลยนะ ฉันก็เป็ นห่วงคุณน้าเหมือนกัน" เส้าอี ้
ฝานมองผ่านหน้าต่างเข้าไปแล้วพูดว่า "คุณป้ าไม่
เป็ นอะไรแล้วใช่ไหม"
"ใช่ สัญญาณชีพของท่านเป็ นปกติ"
"ดีแล้ว" เส้าอีฝ
้ านพยักหน้าแล้วเริ่มเข้าโหมดคน
อยากรู้อยากเห็นอีกครัง้ "ฉันได้ยินพยาบาลบอกว่า
มีผู้หญิงคนหนึ่งรอคุณป้ าอยู่กับนายกับคุณลุงที่หน้า
ห้องผ่าตัด เธอเป็ นญาติของนายเหรอ?"
"นายสนใจอะไรขนาดนัน
้ ?" เซี่ยเฟิ งถามด้วย
ความสงสัย
"นายก็ตอบมาเถอะน่า" เส้าอีฝ
้ านเหลือบมอง
เซี่ยเฟิ งอย่างโกรธ ๆ "เพื่อนรัก ฉันโสดมานานแล้ว
นะ"
"อืม นานจริง ๆ นานเกือบสองเดือนแหน่ะ"
เซี่ยเฟิ งเหน็บ
"ฉันเป็ นเพื่อนนายไม่ใช่เหรอ? นายช่วยฉันหน่อย
ไม่ได้รึไง?"
"เพื่อนงี่เง่าน่ะสิ? คิดจะตีท้ายครัวคนอื่นหรือไง!
นั่นคือพี่สะใภ้ของนาย!" เซี่ยเฟิ งกล่าวอย่างไม่พอใจ
"พี่สะใภ้?" เส้าอีฝ
้ านกระพริบตาปริบๆ เขารู้ว่า
ก่อนคุณแม่เซี่ยผ่าตัดเซี่ยเฟิ งได้แต่งงานกับผู้หญิง
คนหนึ่ง เขาไม่ร้ว
ู ่าทำไมเซี่ยเฟิ งถึงเป็ นคนกตัญญู
ขนาดนี ้ เพื่อให้แม่ของเขาสบายใจ เซี่ยเฟิ งถึงขัน

จ้างคนมาเป็ นภรรยาหลังจากที่เลิกกับอันอันแล้ว
"ท่าทางแบบนีข
้ องนายคืออะไร?" เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่า
เหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อเห็นอารมณ์ที่
ขัดแย้งบนใบหน้าของเส้าอีฝ
้ าน
"นายจ้างคนมาเป็ นภรรยาจริงๆ?"
คุณพ่อเซี่ยเปิ ดประตูออกมาในตอนนีพ
้ อดี
ทันใดนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็ตกใจจนหัวใจแทบกระดอน
ออกมาเขารีบคว้าตัวเส้าอีฝ
้ านมากระซิบว่า "จำไว้
ว่าผู้หญิงคนนัน
้ ชื่ออวี๋ตง และเธอคือภรรยาของฉัน
อย่าพูดมากฉันจะอธิบายให้นายฟั งทีหลัง"
คุณพ่อเซี่ยออกมาพบทัง้ สองก็เอ่ยทักมา "อีฝ
้ าน
ก็อยู่เหรอ"
"สวัสดีครับคุณลุง"
คุณพ่อเซี่ยพยักหน้าและถามเซี่ยเฟิ งว่า "แล้วเมีย
เธอล่ะ?"
"ออกไปซื้อของกินให้เราครับ" เซี่ยเฟิ งตอบ
คุณพ่อเซี่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า "หลังกินอะไรแล้ว
เธอก็กลับไปพักที่บ้านก่อนนะ เธอกับอวี๋ตงคงจะ
เหนื่อยมากหลังจากอยู่ที่โรงพยาบาลมาทัง้ วัน"
ครับ อีกเดี๋ยวผมจะพาเธอกลับบ้าน พ่อเองก็ควร
จะพักสักหน่อยนะครับ คืนนีผ
้ มจะอยู่เฝ้ าแม่เอง"
"ไม่ต้องหรอก แม่เธอจะอารมณ์เสียถ้าเธอตื่นขึน

มาแล้วไม่เห็นฉัน" พ่อเซี่ยส่ายหัว
"ถ้าอย่างนัน
้ พ่อก็กลับไปนอนพักที่ห้องทำงาน
ของผมสักหน่อย ถ้าแม่ร้ส
ู ึกตัวหรือมีอะไรเกิดขึน

ผมจะให้พยาบาลไปเรียกพ่อ" เซี่ยเฟิ งเสนอ
คุณพ่อเซี่ยพยักหน้า
หลังจากนัน
้ ไม่นาน อวี๋ตงก็เดินมาพร้อมกับ
อาหาร 3 กล่อง แต่เมื่อเธอกลับมาหน้าห้องพักผู้
ป่ วยไอซียูก็พบว่ามีคนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เขายิม

แปลก ๆ มาให้เธอ แม้ว่าจะมีคนแปลกหน้าเพิ่มขึน

มา แต่อวี๋ตงก็ไม่ได้สนใจเขามากนัก เธอพาพ่อเซี่ย
เดินไปที่เลานจ์เพื่อทานอาหารเย็นร่วมกัน
"ฉันจะรอคำอธิบายจากนาย" ที่โรงพยาบาลค่อน
ข้างยุ่ง เส้าอีฝ
้ านจึงต้องรีบกลับไปทำงาน
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เซี่ยเฟิ งก็มาส่งอวี๋
ตงที่ชัน
้ ล่างของอพาร์ทเมนต์
"คุณลุงอายุมากแล้ว คืนนีก
้ ็ให้ท่านได้พักผ่อน
มาก ๆ นะ" อวี๋ตงรู้ว่าเซี่ยเฟิ งจะกลับไปที่โรง
พยาบาลอีกครัง้ ดังนัน
้ เธอจึงแนะนำเขา
"เข้าใจแล้ว วันนีข
้ อบคุณคุณมากนะ" เซี่ยเฟิ งก
ล่าวอย่างจริงใจ
"วันนีฉ
้ ันก็ต้องขอบคุณคุณด้วย" อวี๋ตงยิม

"ขอบคุณผมเหรอ เรื่องอะไร?"
"ขอบคุณสำหรับผ้าห่ม"
"ไม่ต้องสนใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆหรอก" เซี่ยเฟิ ง
ตอบ
"ถ้าอย่างนัน
้ คุณก็ไม่ต้องเกรงใจฉันเหมือนกัน
พ่อแม่ของคุณก็เหมือนพ่อแม่ของฉัน"
หลังจากกล่าวร่ำลากันเสร็จ อวี๋ตงก็ปิดประตูรถ
เธอโบกมือรับลมเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าไปในอพาร์ท
เมนต์
อาจจะเป็ นเพราะลมในตอนกลางคืนค่อนข้าง
เย็น ทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึน
้ มาเล็กน้อย
ตอนที่ 7 มอบบัตรเงินเดือนให้คุณ

เซี่ยเฟิ งกลับไปที่ห้องไอซียูเพื่อดูอาการแม่ของ
เขาอีกครัง้ และเดินออกมาหลังจากเห็นว่าสัญญาณ
ชีพและเครื่องวัดอื่น ๆ ของคุณแม่เซี่ยแสดงค่าว่า
ทุกอย่างปกติดี
พยาบาลหลิว หัวหน้าพยาบาลเห็นเซี่ยเฟิ งมาดู
อาการทุกชั่วโมงก็อดพูดออกมาไม่ได้ว่า "คุณหมอ
เซี่ย ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ คุณมั่นใจได้เลยว่า
พวกเราทุกคนจะดูแลคุณนายเซี่ยเป็ นอย่างดี ถ้ามี
อะไรเกิดขึน
้ เราจะรีบแจ้งคุณทันที คุณไม่จำเป็ น
ต้องมาดูด้วยตัวเอง"
"พยาบาลหลิว ผมไม่ได้กังวล"
ในขณะที่เซี่ยเฟิ งกำลังจะอธิบายนั่นเอง พยาบาล
หลิวก็หัวเราะแล้วพูดขัดจังหวะพร้อมรอยยิม
้ "ฉัน
เข้าใจค่ะ ฉันรู้ว่าคุณหมอเซี่ยเป็ นลูกกตัญญู"
เซี่ยเฟิ งยิม
้ อย่างเก้อกระดาก "เอ่อ คุณคงยุ่งมาก
งัน
้ ผมขอตัวก่อน"
เมื่อเซี่ยเฟิ งกลับไปที่ห้องของเขา จากนัน
้ ไม่นาน
เส้าอีฝ
้ านก็กลับมาจากห้องตรวจโรคเช่นกัน
"วันนีน
้ ายเข้าเวรเหรอ?" เซี่ยเฟิ งถามเส้าอีฝ
้ าน
ด้วยความแปลกใจ
"ไม่ใช่ แต่เจ้าเด็กหลี่อีน
้ ั่น มาขอให้ฉันเข้าเวร
แทน เขาบอกว่าจะต้องไปดูหนังกับแฟน" เส้าอีฝ
้ าน
กล่าว "อีกอย่าง ฉันก็เป็ นแค่ชายโสดที่วันที่ไม่ได้เข้า
เวรก็ทำได้แค่นอนโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวในหอพัก
ฉันก็เลยมา"
เซี่ยเฟิ งหัวเราะและพูดว่า "ฉันก็เคยมาเข้า
กะแทนนาย ตอนที่นายออกเดท"
"เมื่อก่อนฉันเข้ากะแทนใครกันนะ? อ้อ เข้า
กะแทนนายตอนที่นายกับอันอัน.." ทันทีที่เส้าอี ้
ฝานพูดถึงอันอัน เขาก็นึกเรื่องบางอย่างขึน
้ มาได้
"เอ่อ...เมื่อกีน
้ อ
ี ้ ันอันโทรมาหาฉัน แล้วถามเกี่ยวกับ
คุณป้ า ฉันก็เลยบอกเธอไปว่าการผ่าตัดประสบ
ความสำเร็จ"
"อ้อ!"
เมื่อเส้าอีฝ
้ านเห็นการตอบสนองที่ดูไม่สนใจของ
เซี่ยเฟิ ง เขาก็เริ่มไม่แน่ใจ
"นายไม่อยากให้ฉันพูดเหรอ?"
"ใช่" เซี่ยเฟิ งมองไปที่เส้าอีฝ
้ านแล้วพูดต่อว่า "ต่อ
ไปนายไม่ต้องบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องของฉัน แล้วก็
ไม่ต้องเอาเรื่องของเธอมาบอกฉันด้วย"
"อย่าคิดมากสิ" เส้าอีฝ
้ านเกลีย
้ กล่อม "ถึงอย่างไร
นายกับเธอก็มีความรู้สึกดีดีให้กันมาตัง้ หลายปี แล้ว
ฉันก็เห็นว่านายชอบเธอมากแค่ไหน"
เซี่ยเฟิ งหลุบตาลงแล้วนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง เขารู้ว่า
เขาไม่สามารถซ่อนความคิดของเขาจากเพื่อนที่ดี
อย่างเส้าอีฝ
้ านได้ แต่ตอนนี ้ เมื่อเขาเลือกเดินมาถึง
จุดนีแ
้ ล้ว เขาก็ไม่คิดที่จะเสียใจกับมันเลย
เซี่ยเฟิ งเงยหน้ามองไปที่เส้าอีฝ
้ านและพูดด้วยน้ำ
เสียงจริงจัง "อีฝ
้ าน ฉันแต่งงานแล้ว"
"อะ ...อะไรนะ?" สายตาของเซี่ยเฟิ งดูจริงจังมาก
จนเส้าอีฝ
้ านรู้สึกได้
จากนัน
้ เซี่ยเฟิ งเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึน
้ หน้า
สำนักงานกิจการพลเรือนในวันที่ 7 กรกฎาคม
ตัง้ แต่ต้นจนจบ
"ล้อกันเล่นเหรอ?" เส้าอีฝ
้ านไม่อยากจะเชื่อกับ
เรื่องอันพิลึกพิลั่นที่เขาเพิ่งจะได้ฟัง
เซี่ยเฟิ งเปิ ดลิน
้ ชักโต๊ะทำงาน และเห็นว่าสมุด
ทะเบียนสีแดงเล่มเล็กยังคงวางอยู่ข้างใน ตอนที่เขา
นำมันไปให้พ่อกับแม่ดูในวันนัน
้ เขาก็วางมันไว้ที่นี่
มาตลอด เขามองเล็กน้อยก่อนหยิบขึน
้ มาส่งให้เส้า
อีฝ
้ านดู "อ่ะ นายลองดูเอง!"
เส้าอีฝ
้ านรับมันมาเปิ ดดู เวลา สถานที่ รูปถ่าย
ตราประทับ แม้แต่เนื้อกระดาษก็เหมือนจริงมาก
"นายเก็บภรรยามาแต่งงานจริงๆ เหรอ?" เส้าอี ้
ฝานถามเสียงดังอย่างอดไม่ได้
"เบาหน่อย" เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้ ก่อนพูดว่า "พ่อแม่
ของฉันไม่ร้เู รื่องนี ้ พวกเขาคิดว่าฉันแต่งงานกับอัน
อัน โชคดีที่พวกท่านไม่เคยเจออันอันมาก่อน มันจึง
ไม่สำคัญนัก ถ้าคนที่ฉันพาไปพบพวกท่านจะเป็ น
คนอื่นแทน"
"นั่น สิ่งที่นายเล่าคือเรื่องจริงเหรอ" เส้าอีฝ
้ าน
สมองมึนงงไปหมด "นายเก็บผู้หญิงที่ไม่ร้น
ู ิสัยใจคอ
มาแต่งงานเนี่ยนะ นายไม่กลัวโดยหลอกรึไง?"
"เธอหลอกฉันแล้วได้อะไร?"
"นายมีบา้ น มีรถ มีบัญชีเงินฝาก นายยังเป็ นอดีต
นักศึกษาแพทย์ที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมและยังเป็ น
แพทย์อายุน้อยที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโรงพยาบาลของ
เรา นายไม่ร้เู หรอว่า มีพยาบาลสาวตัง้ กี่คนที่อยาก
จะกระโจนเข้าใส่นาย!" เส้าอีฝ
้ านกล่าวว่า "อวี๋ตง
เป็ นใคร? นอกจากชื่อของเธอ นายรู้อะไรเกี่ยวกับ
เธออีกบ้าง ประวัติการศึกษา หน้าที่การงาน
ภูมิลำเนา?"
เซี่ยเฟิ งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า "ดูเหมือนว่า
เธอจะเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย"
"เธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยไหน? สาขา
อะไร?" เส้าอีฝ
้ านรู้ว่าเซี่ยเฟิ งไม่ได้ไตร่ตรองเกี่ยวกับ
การตัดสินใจของตัวเอง "นายไม่รู้ นายโง่หรือ
เปล่า?"
"นายรีบไปหย่าเถอะ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อ
เล่น" เส้าอีฝ
้ านบอก "ตอนนีก
้ ารผ่าตัดของคุณป้ าก็
ประสบความสำเร็จแล้ว นายไม่มีอะไรต้องอีก"
"การที่ฉันเลือกแต่งงานกับเธอ ฉันก็ไม่ได้ล้อเล่น"
เขาจำตอนที่อวี๋ตงนั่งยองร้องไห้อย่างหนักจนเป็ น
ลมในวันนัน
้ ได้ดี และพูดต่อไปว่า "ฉันเชื่อว่าเธอ
ไม่ใช่คนเลว"
"แม้ว่าเธอจะไม่ได้พยายามมาหลอกนาย แต่ตัว
นายเองต้องการที่จะใช้ชีวิตที่เหลือกับเธอจริงๆเห
รอ? นี่มันเป็ นการตัดสินใจที่เกี่ยวพันกับความสุขทัง้
ชีวิตของนายเลยนะ" เส้าอีฝ
้ านถามอย่างเป็ นกังวล
"นายไม่กลัวหรือว่า ตอนที่นายเจอกับเธอเป็ นตอน
ที่เธอซึ่งกำลังโศกเศร้าเพราะความรัก จึงต้องการ
หาหลักยึดชั่วครู่ และนายที่มีทัง้ บ้าน มีทัง้ รถ ก็เป็ น
เหมือนผู้ช่วยให้รอดที่แสนสะดวกสบาย เธอจึง
เลือกพึ่งพานาย"
เซี่ยเฟิ งแอบคิดในใจว่า 'สหายเส้า นายจะรู้ไหม
ว่าเดาได้ถูกเกินครึ่งเชียว?'
เซี่ยเฟิ งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ถึงเป็ นอย่าง
นัน
้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว"
"ทำไมถึงไม่มีอะไรจะเสีย? บางทีเธออาจแค่
ต้องการเอกสารยืนยันการเป็ นพลเมืองของที่นี่ผ่าน
นาย หรือต้องการแบ่งทรัพย์สินของนายตอนที่นาย
หย่ากับเธอ" เส้าอีฝ
้ านพูด
"นายดูละครมากเกินไปใช่ไหม"
"ละครที่ไหน นี่มันเป็ นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปใน
สังคม แล้วก็เป็ นเรื่องทางกฎหมาย"
"ถ้าเธอต้องการ ก็แค่ให้มันกับเธอ" เซี่ยเฟิ งคิดอยู่
ครู่นึง และรู้สึกว่ามันไม่ได้สำคัญ
"ให้เธอ? พี่ชาย นายใจกว้างขนาดนัน
้ เชียว ถ้า
อย่างนัน
้ ทำไมนายไม่ให้ฉันด้วยล่ะ ฉันไม่มีบ้านใน
เซี่ยงไฮ้เหมือนกัน นายคิดยังไงเกี่ยวกับความตัง้ ใจ
ของฉันที่จะแต่งงานกับนายเพื่อบ้าน"
"การแต่งงานของฉันกับอวี๋ตงทำให้แม่ของฉัน
ดีใจ แต่ถ้านายแต่งงานกับฉันมีแต่ทำให้แม่ฉันโกรธ
จนเป็ นบ้าน่ะสิ" เซี่ยเฟิ งกลอกตา
"แล้วนายจะทำยังไงต่อ?"
เซี่ยเฟิ งอึง้ งันไปเล็กได้ เขาพึ่งตระหนักได้ว่า เขา
กังวลเรื่องการผ่าตัดของแม่อย่างมาก และตัง้ แต่ที่
เขาจดทะเบียนสมรสแล้วเขาก็ไม่เคยคิดถึง
เหตุการณ์ในอนาคตระหว่างเขากับอวี๋ตงอีกเลยจริง

ตอนนี ้ เขาก็พึ่งรู้ตัวว่าเขาไม่ได้วางแผนอะไรไว้
เลย ดังนัน
้ จึงตอบอย่างเชื่องช้าว่า "ปล่อยไปตาม
โชคชะตา!"
"หา ปล่อยไปตามโชคชะตาเหรอ?" เส้าอีฝ
้ าน
ทวนถามอย่างสงสัย
"ฉันไม่เคยคิดเกี่ยวกับมัน แต่ตอนนีฉ
้ ันแต่งงาน
แล้ว และฉันไม่อยากให้มันจบลงเร็วนัก แม้ว่าจะ
เป็ นการเริ่มต้นอย่างรวดเร็วมากก็ตาม" เซี่ยเฟิ ง
หัวเราะและพูดต่อไปว่า "ปล่อยให้เวลาและโชค
ชะตาทำหน้าที่ของมัน"
"นาย ... นายชอบเธอแล้วเหรอ?" เนื่องจากพ่อ
กับแม่ของเซี่ยเฟิ ง เป็ นคูร่ ักที่มีความสัมพันธ์ที่ดี
มากมาโดยตลอด ตัง้ แต่ยังเด็ก เซี่ยเฟิ งก็ฝันว่าจะมี
ชีวิตแต่งงานแบบเดียวกับพวกท่าน เป็ นไปไม่ได้ที่
เซี่ยเฟิ งจะยอมสร้างครอบครัวกับผู้หญิงที่เขาไม่มี
ความรู้สึกอะไรด้วย
เซี่ยเฟิ งนึกถึงฉากที่เขาได้ใช้เวลาอยู่กับอวี๋ตง ใน
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะถูกกลั่นแกล้ง และ
โดนหัวเราะใส่ แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจ ถ้าถามว่าเขา
ชอบเธอแล้วใช่ไหมนัน
้ ....
"บางทีฉันอาจจะชอบเธอเข้าแล้วจริงๆ!" เซี่ยเฟิ ง
พูดอย่างไม่แน่ใจ
เส้าอีฝ
้ านอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และ
ชีไ้ ปที่เซี่ยเฟิ งและพูดติด ๆ ขัด ๆ ว่า "นาย...นาย
ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านายจะแย่กว่าฉันซะอีก นาย
พึ่งเลิกกับอันอันมาแค่ 2-3 วันเองนะ แต่นายก็ดัน
มีผู้หญิงคนใหม่แล้ว ไม่...ไม่ใช่สิ ควรจะเป็ นวันที่
นายเลิกกันอันอัน นายก็..."
เซี่ยเฟิ งไม่สนใจที่จะคุยกับเส้าอีฝ
้ านต่อ ดังนัน

เขาจึงเหลือบดูเวลา และวางแผนที่จะไปที่ห้อง
ฉุกเฉิน
เช้าวันรุ่งขึน
้ อวี๋ตงนั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลด้วย
ตนเอง ระหว่างทางเธอแวะซื้อโจ๊กไว้บำรุงกะเพาะ
อาหารของเซี่ยเฟิ งกับคุณพ่อเซี่ย
แม้ว่าการผ่าตัดจะเป็ นไปได้ด้วยดี แต่คุณแม่เซี่
ยก็ยังต้องพักในห้องไอซียูในช่วง 2 วันแรก เพื่อ
สังเกตการณ์
และเมื่อคุณแม่เซี่ยอยู่ในสภาพที่มั่นคงดีแล้ว เธอ
ก็ได้ย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยทั่วไป และวันนีก
้ ็เป็ นวัน
ที่อวี๋ตงได้เริ่มทำงานวันแรกที่สถานีวิทยุด้วย
เนื่องจากเป็ นรายการใหม่และออกอากาศในช่วง
เที่ยงคืน จึงมีผู้ฟังไม่มากนัก ในคืนนัน
้ อวี๋ตงไม่ได้รับ
โทรศัพท์แม้แต่สายเดียว ส่วนข้อความที่ส่งมาก็
เป็ นการขอเพลงทัง้ หมด เธอไม่ได้สนใจมากนัก เปิ ด
เพลงที่เธออยากเปิ ดและพูดคุยในหัวข้อที่เธอสนใจ
ด้วยตารางงานนี ้ ทำให้เธอสามารถไปเยี่ยมคุณ
แม่เซี่ยในช่วงกลางวัน และไปจัดรายการในช่วง
กลางคืนได้ พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน
วันนีเ้ ป็ นวันที่คุณแม่เซี่ยออกจากโรงพยาบาล
เนื่องจากคุณแม่เซี่ยยังคงต้องพักฟื้ นร่างกาย
เซี่ยเฟิ งจึงเตรียมบ้านพักตากอากาศให้พ่อกับแม่
ของเขาไว้ที่ไห่หนาน และเมื่อคุณแม่เซี่ยออกจาก
โรงพยาบาล เซี่ยเฟิ งก็จัดกระเป๋าและขับรถไปส่ง
พวกท่านทัง้ สองที่สนามบินพร้อมกับอวี๋ตง
ในอาคารผู้โดยสาร
คุณแม่เซี่ยมองดูลูกชายกับลูกสะใภ้ของเธอ โดย
เฉพาะลูกสะใภ้ หลังจากที่ได้ร้จ
ู ักเธอมาครึ่งเดือน
คุณแม่เซี่ยก็พึงพอใจในตัวอวี๋ตงมากขึน
้ เดิมที เธอ
คิดว่าอวี๋ตงที่อายุยังน้อย อาจละเลยเรื่องเล็ก ๆ
น้อย ๆ ไปบ้าง แต่ตลอดครึ่งเดือนมานี ้ เธอก็พบว่า
ลูกสะใภ้ของเธอดีมากจริงๆ อวี๋ตงมักจะมาเยี่ยม
เธอทุกวันและมีของมาฝากติดมือมาด้วยเสมอ ที่
สำคัญที่สุดก็คือ อวี๋ตงไม่เคยลืมที่จะนำซุปกับ
อาหารมาให้เซี่ยเฟิ งเลยสักครัง้
ตอนที่เธอรู้ว่าอวี๋ตงเอาใจใส่ และห่วงใย ดูแล
ลูกชายของเธอทำให้เธอพึงพอใจมากกว่าตอนที่อวี๋
ตงดูแลเธอเสียอีก
"แม่ว่าพักฟื้ นอยู่ที่บ้านก็ได้ ทำไมต้องไปที่บ้าน
พักตากอากาศด้วย?" คุณแม่เซี่ยบ่น "นี่ต้องไปไห่
หนานตัง้ ครึ่งปี ไม่น่าฟุ ่มเฟื อยขนาดนัน
้ เลย เสียเงิน
เปล่าจริง ๆ"
"แม่ครับ สภาพอากาศของไห่หนานเหมาะ
สำหรับการพักฟื้ นของแม่มากกว่า" เซี่ยเฟิ งเกลีย

กล่อม
"เราเลีย
้ งดูเขามามากแล้ว จะเป็ นไรไปถ้าให้เขา
จ่ายเงินให้พวกเราพ่อแม่บ้าง" คุณพ่อเซี่ยพอใจกับ
ข้อเสนอนีม
้ าก เพราะเขาและภรรยาจะได้อยู่ใน
โลกของพวกเขาสองต่อสอง
"คุณจะไปรู้อะไร ตอนนีล
้ ูกชายของฉันแต่งงาน
แล้วนะ" คุณแม่เซี่ยจับมืออวี๋ตง แล้วพูดต่อว่า "อวี๋
ตง ต่อไปก็ให้เซี่ยเฟิ งมอบอำนาจทางการเงินให้หนู
ดูแล ผู้หญิงอย่างเราควรจะเป็ นคนรับผิดชอบเรื่อง
เงินของครอบครัว"
"คุณป้ าคะ ถึงหนูจะคุมการใช้เงินของเขา หนูก็
คงตัดสินใจเลือกบ้านพักตากอากาศนีเ้ ช่นกันค่ะ" อ
วี๋ตงกล่าวอย่างเชื่อฟั ง
"ฟั งนะ ป้ ายังมีเรื่องจะพูดอีก" คุณแม่เซี่ยเปลี่ยน
อารมณ์และพูดอีกครัง้ ว่า "อวี๋ตง ถึงแม้ว่าพิธี
แต่งงานของพวกหนูจะยังไม่ได้จัด แต่หนูก็มีใบ
ทะเบียนสมรสแล้ว เมื่อไหร่ที่หนูจะเริ่มเข้มงวด
กวดขันสามีของหนูสักที?"
อวี๋ตงเหลือบมองเซี่ยเฟิ ง เซี่ยเฟิ งเองก็ประหลาด
ใจอยู่เหมือนกัน "แม่พูดเรื่องอะไรน่ะ? ช่างเถอะ
แม่ไม่ได้เตรียมซองแดงรับขวัญลูกสะใภ้ไว้ใช่ไหม
ครับ?"
"ใครบอกว่าแม่ไม่ได้เตรียมกัน?" หลังจากพูดจบ
เธอก็หันไปมองคุณพ่อเซี่ย คุณพ่อเซี่ยจึงหยิบซอง
แดง 2 ซองออกมาจากกระเป๋าทันที
เซี่ยเฟิ งเหลือบมองอวี๋ตงอย่างเชื่องช้า และไม่รู้
จะพูดอะไรดี
อวี๋ตงกระพริบตา และยิม
้ ด้วยแววตาเปล่ง
ประกายเป็ นพิเศษ ขณะที่คุณแม่เซี่ยและคุณพ่อเซี่
ยมองอวี๋ตงด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู
เมื่อเห็นซองแดง 2 ซองในมือ อวี๋ตงก็มีความสุข
มาก
เมื่อเซี่ยเฟิ งเห็นว่าทัง้ สามคนเข้ากันได้อย่างดี
เขาก็ร้ส
ู ึกมีความสุขและอดไม่ได้ที่จะยกยิม
้ ขึน
้ มา
เมื่อสนามบินประกาศว่า เครื่องบินที่จะบินไปไห่
หนานได้เวลาใกล้ออกเดินทางแล้ว พวกเขาก็อำลา
กันอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก อวี๋ตงและเซี่ยเฟิ งเฝ้ าดู
สองสามีภรรยาชรา เดินผ่านจุดตรวจความ
ปลอดภัย และมองส่งทัง้ คู่ต่อไปจนลับสายตา
"ขอบคุณมากนะ!" เซี่ยเฟิ งกล่าวขึน
้ ทันที
"คุณขอบคุณฉันเรื่องอะไร?" อวี๋ตงสงสัย
สายตาของเซี่ยเฟิ งตกลงไปจดจ้องอยู่ที่ซองแดง 
2 ซองในมือของอวี๋ตง การแสดงออกของเขา
ชัดเจนมาก
"คุณคงจะไม่ได้อยากเอามันคืนหรอกใช่ไหม? นี่
เป็ นเงินที่พ่อกับแม่ของคุณให้ฉันโดยเฉพาะ" อวี๋ตง
กอดซองแดงแนบ อก ด้วยกลัวว่าเซี่ยเฟิ งจะมาแย่ง
มันไป
"...." เส้นเลือดตรงขมับของเซี่ยเฟิ งผุดขึน
้ มา "มัน
ก็แค่เงินไม่กี่หยวน ใครจะไปแย่งคุณกัน"
"ดี!" อวี๋ตงโล่งใจ แล้วเก็บซองแดงใส่กระเป๋า
เซี่ยเฟิ งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามอย่างอดไม่ได้
"ผมสงสัยว่าพ่อกับแม่ให้เงินคุณมาเท่าไหร่?"
เขาไม่ได้ยืนกรานให้เธอเปิ ดซองแดงให้ดู แต่อวี๋
ตงก็ได้ยินคำถามของเขา เนื่องจากเนื้อกระดาษ
ของซองแดงนีค
้ ่อนข้างแข็ง อวี๋ตงจึงไม่อาจรู้ได้ว่า
ข้างในนัน
้ มีอะไรอยู่
เมื่อเธอเปิ ดมันดู อวี๋ตงก็ไม่ได้เห็นธนบัตรหรือ
เหรียญใดใดที่มีคุณปู ่เหมาอยู่บนนัน
้ เลย พบ
เพียง CCB การ์ดหนึ่งใบ
ทัง้ สองคนตกตะลึงเมื่อเห็นการ์ดนัน
้ อวี๋ตงได้เปิ ด
ซองแดงอีกซองดูก็พบว่าข้างในซองนัน
้ เป็ น
จดหมายเธอก็สงสัย

ถึง ตงตง
ป้ ารอให้ตัวเองได้ออกจากโรงพยาบาล เพื่อ
เตรียมงานแต่งงานสำหรับหนูกับเซี่ยเฟิ ง แต่
ร่างกายของป้ ายังไม่เอื้ออำนวย และต้องพักฟื้ นอีก
สักระยะ ดังนัน
้ งานแต่งนีจ
้ ึงต้องเลื่อนออกไป
ลุงกับป้ าคงจะต้องไปอยู่ที่ไห่หนานนานถึงครึ่งปี
ถึงแม้ว่า หนูจะไม่ได้พูดอะไร แต่ลุงกับป้ าก็เห็นว่า
หนูเป็ นเด็กดีจริง ๆ
การ์ดใบนีเ้ ป็ นเงินที่ป้ากับลูกเตรียมไว้สำหรับรับ
ขวัญภรรยาของเซี่ยเฟิ ง เป็ นเงิน 500,000 หยวน
ทัง้ หมดนีส
้ ำหรับหนู

เงินรับขวัญภรรยาของลูก นั่น สินสอดไม่ใช่เห


รอ!!
ช่วงท้ายของจดหมายยังมีชุดตัวเลขเขียนไว้
คงจะเป็ นรหัสของบัตร
อวี๋ตงตกตะลึงไปทันที และมือของเธอที่กำลังถือ
บัตรก็สั่น เธอเหลือบมองเซี่ยเฟิ งอย่างโง่งม และรีบ
ยัดจดหมายพร้อมกับบัตรใบนัน
้ ใส่มือของเขา
"คุณทำอะไรน่ะ?"
"นี่มันมากเกินไปแล้ว..." นั่นเงินตัง้ ครึ่งล้านนะ
มันมากพอที่จะซื้อบ้านในเซี่ยงไฮ้ได้เลย
"นั่นเป็ นเงินนะ ไม่ใช่หมายศาล" เมื่อเซี่ยเฟิ งเห็น
สีหน้าหวาดกลัวของ อวี๋ตงเขาก็กล่าวอย่างขบขัน
"ฉันจะยอมรับเงินจำนวนนีไ้ ด้ยังไง? ฉันคิดว่า
อย่างมากก็มีแค่ 600 หยวน" ใครจะไปรู้ว่า ความ
จริง มันสูงกว่านัน
้ หลายสิบเท่า
"ฮ่าฮ่า..." เซี่ยเฟิ งหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่
"คุณยังจะมาหัวเราะอีก ระวังเถอะ ฉันจะรับมัน
มาจริง ๆ"
"ถ้าอย่างนัน
้ คุณก็เอาไปเถอะ ยังไงซะ มันก็เป็ น
เงินที่แม่ของผมตัง้ ใจให้คุณ" เซี่ยเฟิ งพูดอย่างไม่
ใส่ใจ
"แม่ของคุณบอกให้คุณมอบอำนาจทางการเงิน
ของคุณให้ฉันดูแลด้วย ถ้าแน่จริง คุณก็เอาบัตรเงิน
เดือนของคุณมาให้ฉันสิ" อวี๋ตงกล่าวอย่างไม่ยอม
แพ้
เซี่ยเฟิ งกระพริบตามองมือที่ย่ น
ื มาตรงหน้า แล้ว
หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา หยิบบัตรธนาคารของ
เขาส่งให้ "อ่ะ นี่บัตรเงินเดือนของผม"
"....."
'จู่ๆสามีก็ย่ น
ื บัตรเงินเดือนของเขาให้อย่างไม่โต้
แย้งใดใด นี่มันหมายความว่ายังไง?'

ตอนที่ 8 อรุณสวัสดิ ์
อวี๋ตงทำงานในสถานีวิทยุซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอพาร์
ทเม้นท์มากนัก มีถนนหน้าสถานีก็มีรถบัสกลางคืน
วิ่งผ่าน ซึ่งใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมง
เวลาในการทำงานของดีเจวิทยุ ค่อนข้างยืดหยุ่น
และอวี๋ตงจัดรายการแค่เวลาเที่ยงคืนจนถึงตีสอง
เท่านัน

อวี๋ตงมักจะออกจากบ้านประมาณ 23.00 น. ขึน

รถบัสกลางคืนไปยังสถานีวิทยุ เพื่อจัดรายการ และ
มักจะกลับถึงบ้านประมาณตี 3
ในตอนที่เซี่ยเฟิ งเข้ากะกลางคืน เขาไม่ร้ว
ู ่าอวี๋ตง
ออกไปทำงานตอนดึก เมื่อเขากลับมาถึงที่บ้านตอน
เช้า เขาจะเห็นอวี๋ตงนอนหลับอยู่บนเตียงเสมอ
พวกเขาที่อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี ้ จนถึงตอนนี ้
เซี่ยเฟิ งก็ยังคิดว่าอวี๋ตงกำลังหางานทำอยู่เพราะเธอ
เพิ่งจะเรียนจบมา แต่ในวันนีเ้ ขาเข้ากะกลางวัน...
สายลมในยามค่ำคืนค่อนข้างเย็น เธอจึงสวมคลุม
ผ้าคลุมไหล่ผืนใหม่ที่เพิ่งจะซื้อมาในตอนที่ออกไป
ทำงานด้วย และรถบัสก็มาจอดที่หน้าทางเข้าอพาร์
ทเม้นท์ของเธอตรงเวลา
คนขับรถส่งยิม
้ ให้อวี๋ตงขณะที่เธอรูดบัตรเพื่อขึน

รถ
"สาวน้อย คืนนีไ้ ปทำงานอีกแล้วเหรอ?" คนขับ
รถมักจะใช้เวลากับผู้โดยสารมากหน้าหลายตาอยู่
ทุกวัน จริงๆแล้วอาชีพนีเ้ ป็ นอาชีพที่ค่อนข้างโดด
เดี่ยวมาก เขาเลยชอบพูดคุยกับผู้โดยสารขาประจำ
"ใช่ค่ะ"
"ขึน
้ รถบัสหน้าสถานีวิทยุประมาณตี 2 เหมือน
เดิมใช่ไหม?"
"ค่ะ วันนีฉ
้ ันจะไม่ออกมาช้าอีก" อวี๋ตงยิม
้ ก่อนจะ
ยื่นแก้วกาแฟร้อนที่พึ่งซื้อมาให้กับคนขับรถ
"ขอบคุณที่รอฉันเมื่อวานนะคะ"
เมื่อวานอวี๋ตงออกมาจากสถานีชา้ กว่าปกติ 2 นา
ที เธอคิดว่าคงจะพลาดรถบัสไปแล้ว แต่เมื่อเธอ
เดินออกประตูมา เธอก็เห็นคนขับรถบัสโบกมือ
เรียกเธอจากถนนฝั่ งตรงข้าม อารมณ์ของอวี๋ตงใน
ตอนนัน
้ ไม่ต่างกับความอบอุ่นที่เธอสัมผัสได้จาก
แก้วกาแฟร้อนที่เธอถืออยู่ตอนนี ้
"กาแฟ ตัวช่วยที่ทำให้ฉันไม่ง่วง!" คนขับรถยิม
้ รับ
อย่างเต็มใจ
อวี๋ตงยิม
้ ตอบ ก่อนจะเดินไปหาที่นั่งด้านหลัง
รถบัสตอนกลางคืนมักจะทำเวลาได้เร็วมาก บาง
ครัง้ เมื่อคนขับไม่เห็นคนรออยู่ที่ป้าย เขาก็จะขับ
ผ่านไปโดยไม่จอดรถ บางครัง้ ก็มีคนทำงานกะกลาง
คืนหลายคนขึน
้ รถ
รถแล่นไปได้ 2 ป้ าย ก็มช
ี ายวัยกลางคนสวมชุด
สูทใส่รองเท้าหนังขึน
้ มา เขารูดบัตรแล้วเดินเซเล็ก
น้อย เมื่อเดินผ่านอวี๋ตง เธอก็ได้กลิ่นบุหรี่และกลิ่น
เหล้าคลุ้งไปหมด
เมื่อเขาเห็นว่าเก้าอีด
้ ้านหลังอวี๋ตงว่างอยู่ ชายคน
้ ที่เวียนหัวเล็กน้อยเพราะฤทธิแ์ อลกอฮอล์ ก็นั่ง
นัน
ลงหลังเก้าอีข
้ องเธอ
อวี๋ตงเปิ ดหน้าต่างรถอย่างเงียบ ๆ เพื่อระบาย
อากาศ ไล่กลิ่นพวกนัน
้ ออกไป แต่อาจจะเป็ น
เพราะชายคนนัน
้ นั่งอยู่ใกล้เธอมากเกินไป กลิ่น
เหล่านัน
้ จึงยังอวลอยู่ เธอรู้สึกอย่างร้องไห้กับโชคนี ้
จริง ๆ หลังจากกลัน
้ หายใจครู่หนึ่ง อวี๋ตงก็ตัดสินใจ
ย้ายไปนั่งที่อ่ น

แต่ในขณะที่เธอขยับตัวเตรียมลุกขึน
้ ก็ร้ส
ู ึก
เหมือนผ้าคลุมไหล่ของเธอจะติดอะไรบางอย่าง
เมื่อเธอหันกลับไปมองก็พบว่าชายคนนัน
้ เหนื่อย
เกินไปจริง ๆ เขาผล็อยหลับไปแล้ว และแขนของ
เขาก็ทับชายผ้าคลุมไหล่ของเธออยู่
อวี๋ตงนิ่งคิดครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ปลุกเขาให้ต่ น
ื เธอ
ปลดผ้าคลุมไหล่ออกอย่างเบามือ แล้วย้ายไปนั่งอีก
ฟากหนึ่ง
ในยามค่ำคืนที่มืดมิดแบบนี ้ แสงไฟนีออนที่อยู่
นอกหน้าต่างดูงดงามยิ่งนักแต่ผู้คนที่กำลังกลับบ้าน
กลับดูเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด ภาพนีช
้ ่างดูขัด
กับบรรยากาศโดยสิน
้ เชิง มันทำให้อวี๋ตงรู้สึกราวกับ
ว่าเธอได้ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปี ก่อน กลายเป็ นอวี๋
ตงผู้ซึ่งเอาแต่ทำงานอย่างไร้ประโยชน์ เธอทำงาน
หนักอยู่ตลอด เธอมักจะทำงานล่วงเวลาจนถึงตี
หนึ่ง ตีสอง ทำตัวราวกับเป็ นแม่ทัพหญิงที่ต้องการ
ปราบปรามศัตรูให้สิน
้ ซากโดยไม่หยุดหย่อน ใน
อดีต เธอมักจะหลับทันทีที่ขึน
้ รถ และไม่ร้ว
ู ่ากี่ครัง้
แล้ว ที่คนขับรถปลุกเธอเมื่อถึงป้ ายที่ต้องลง และ
เมื่อเธอมีรายได้ที่ดี เธอก็ต้องดื่มยาจีนเพื่อบำรุง
กระเพาะของเธอ
"ป้ ายถัดไป สถานีวิทยุ"
เมื่อได้ยินเสียงเตือน อวี๋ตงก็ลุกขึน
้ แล้วเดินกลับ
ไปยังที่นั่งเดิม ก่อนสะกิดเรียกชายคนนัน
้ เบาๆ
ชายวัยกลางคนลืมตาขึน
้ มองเธออย่างสับสน
หลังจากนัน
้ ไม่นาน เขาก็ร้ว
ู ่าเขากำลังทับชายผ้า
คลุมไหล่ของคนอื่นอยู่ เขาหน้าแดงและขอโทษ
ทันที "ขอโทษที ผมไม่ได้ตงั ้ ใจทับเสื้อผ้าของคุณ"
อวี๋ตงดึงผ้าคลุมไหล่ของเธอคืนมาแล้วพูดเบาๆ
ว่า "ไม่เป็ นไรค่ะ คุณจะลงป้ ายไหนคะ? คุณดู
เหนื่อยมาก ดังนัน
้ ระวังตัวเลยป้ ายนะคะ"
"ถนนฉางซา!" ชายคนนัน
้ ยิม
้ "ผมถึงกับต้องคิด
อยู่นานว่าจะนึกออก"
อวี๋ตงพยักหน้าแล้วเดินไปใกล้ประตูเพื่อรอลง
จากรถ เมื่อรถบัสจอดเธอเหลือบมองชายคนนัน
้ อีก
รอบก็เห็นว่าเขาผล็อยหลับไปอีกแล้ว อวี๋ตงจึงบอก
กับคนขับว่า "คุณลุงคะ ผู้ชายที่นั่นด้านหลังจะลงที่
ป้ ายถนนฉางซานะคะ ถ้าถึงป้ ายแล้วฝากคุณลุง
เตือนเขาด้วยนะคะ"
คนขับรถหันกลับไปดูก่อนพยักหน้า
อวี๋ตงดึงความคิดกลับมา เธอยิม
้ และเก็บผ้าคลุม
ไหล่ที่มีกลิ่นเหล้าติดอยู่ก่อนจะเดินเข้าไปในสถานี
วิทยุ
"เธอมาแล้ว!" นอกจากรปภ. ของสถานีวิทยุแล้ว
คนเพียงคนเดียวที่อยู่ในที่นี่ในเวลานีก
้ ็มีเพียงคือ
เพื่อนร่วมงานอาวุโสของเธอที่ทำหน้าที่โอนสาย
โทรศัพท์ของผู้ฟังที่โทรเข้ามา พี่อวี๋เป็ นชายวัยกลาง
คนวัย 40 ปี ที่อารมณ์ดีและทำงานในสถานีวิทยุมา
นานกว่า 10 ปี ว่ากันว่า แต่ก่อนพี่อวี๋เหมือนเป็ นผู้
รักษาความปลอดภัยของที่นี่ด้วย
"พี่อวี๋ ฉันซื้อของว่างยามเที่ยงคืนมาฝาก" อวี๋ตง
ยิม
้ ก่อนวางถุงของว่างที่เธอซื้อไว้บนโต๊ะของอีกฝ่ าย
อย่างไม่มีพิธีรีตองอะไร
"โอ้ สาวน้อย เธอช่างดีกับฉันจริงๆ" พี่อวี๋รับของ
ว่างอย่างมีความสุขแล้วเริ่มกิน
อวี๋ตงหัวเราะแล้วไม่ได้ชวนคุยต่อ เธอเดินไปวาง
กระเป๋า และสำรวจความเรียบร้อยของตนเองก่อน
เข้าไปในห้องอัด เธอตัง้ ใจจะรับช่วงต่อทันทีที่
รายการก่อนหน้าจบลง
เวลา 00:00:00 น.
"สวัสดีทุกคน นี่คือ FM 9666 ยินดีต้อนรับเข้าสู่
รายการ Midnight Phantom ตอนนีค
้ ุณอยู่กับดี
เจอวี๋ต้ง หรือก็คือดีเจ ฟิ ช เจลลี่นั่นเองค่ะ" รายการ
พูดเปิ ดรายการอย่างชำนาญ และพูดคุยอีกเล็กน้อย
ก่อนจะเริ่มเปิ ดเพลง
"เพลงนีส
้ ำหรับคนที่กำลังเดินทางกลับบ้าน ขอ
ให้เพลงนีจ
้ ะอยู่เป็ นเพื่อนคุณตลอดการเดินทางแล้ว
คุณจะไม่ร้ส
ู ึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป" เพลง “Go
Home” เชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มไร้สายสู่
รายการนี ้
"อื้ม ในคืนนี ้ มีบางคนส่งข้อความมาถามคำถาม
ด้วยนะคะ" หลังจากเธออ่านคำขอเพลงไปสองสาม
เพลง เธอก็เห็นข้อความพร้อมรูปหัวใจของผู้ฟัง
ท่านหนึ่ง "ผู้ฟังคนนีถ
้ ามฉันว่า ทำไมรายการนีถ
้ ึง
ชื่อ Midnight Phantom? Midnight Phantom
ชื่อที่ดูน่าขนลุกแบบนีเ้ หมือนจะเป็ นชื่อหนังสยอง
ขวัญไม่ใช่เหรอ ดีเจควรจะเล่าเรื่องผีหน่อยไหม"
อวี๋ตงยิม
้ แล้วตอบว่า "ชื่อของรายการนีไ้ ม่มีส่วน
เกี่ยวข้องกับหนังเรื่อง Midnight Phantom ชื่อ
รายการนีห
้ มายถึง ภาพร่างอันงดงามยามเที่ยงคืน
แล้วภาพร่างไหนกันนะที่ว่างดงาม นั่นก็คือฉันเอง
ดีเจ อวี๋ต้ง ของคุณไง ภาพร่างอันสวยงามอย่างฉัน
อยู่ที่นี่แล้ว..."
"เอาล่ะ เราจะไม่พูดอะไรมากแล้ว เพราะตอนนี ้
ถึงช่วงที่เราจะมารับสายผู้ฟังกันแล้ว เพื่อน ๆ ที่ฟัง
อยู่สามารถจะต่อสายเข้ามาพูดคุยกับดีเจอวี๋ต้งได้
เรื่องอะไรก็ได้ แม้แต่เรื่องผีก็คุยได้"
อวี๋ตงมองรายชื่อเพลงที่เธอเตรียมไว้ล่วงหน้า
รอบหนึ่งก่อนจะกล่าวเสริมว่า "แน่นอนว่าผู้ฟัง
สามารถขอเพลงต่อไปได้ ถ้าไม่มีเพื่อนๆโทรเข้ามา
ดีเจคนนีจ
้ ะส่งต่อบทเพลงให้ทุกคนต่อไป"
หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปที่พี่อวี๋ เธอคิดว่าเขา
จะยักไหล่แล้วส่ายหน้าเหมือนทุกครัง้ ว่าไม่มีสาย
โทรเข้ามา แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึน
้ อย่างกะทันหัน
พี่อวี๋จึงโอนสายมาให้เธอ
อวี๋ตงหันกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ "เอาล่ะ
เรามารับสายแรกกันเถอะ"
"สวัสดี"
"เยี่ยม พี่สาว อวี๋ต้ง" เด็กสาวจากปลายสายพูด
ออกมาด้วยเสียงดังฟั งชัด ฟั งจากน้ำเสียง เธอน่าจะ
ยังเป็ นเด็กนักเรียนอยู่
"น้องสาว ฉันควรเรียกคุณว่าอย่างไรดี?"
"ฉัน...ฉันไม่ขอบอกชื่อได้ไหม?"  เธอถามอย่างไม่
แน่ใจราวกับว่ากลัวดีเจจะโกรธ
"แน่นอนว่าได้ แต่เพื่อความสะดวก ฉันขอเรียก
คุณว่า คนสวย ได้ไหม?" อวี๋ตงยิม
้ ก่อนพูดต่อว่า
"คนสวย คุณยังเป็ นนักเรียนอยู่เหรอ?"
"ใช่ ฉันเรียนอยู่ชัน
้ มัธยม และเป็ นนักเรียนย้าย"
"อื้ม คุณยังเรียนอยู่มัธยม แล้วทำไมคุณถึงยังไม่
นอนล่ะ? คุณมีปัญหาความรักเหรอ?" อวี๋ตงเดา
ขณะที่เธอมองหน้าจอ ความคิดเห็นมากมายก็
เด้งขึน
้ มาทันที อวี๋ต้ง ไม่มีความรับผิดชอบ เดาสุ่ม
เรื่องของเด็กน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแบบนีไ้ ด้ยัง
ไง
พี่อวี๋ขมวดคิว้ แล้วโบกมือไปมา
อวี๋ต้ง ก็ขมวดคิว้ แต่ทำเป็ นมองไม่เห็นข้อความ
เหล่านัน

"มะ ไม่ใช่!" เสียงของปลายเสียงคล้ายกับคน
ร้องไห้
"อ่า ฉันล้อเล่นนะ ถ้าอย่างนัน
้ คนสวยกำลัง
ประสบกับปั ญหาบางอย่างใช่ไหม?" นี่เป็ นครัง้ แรก
ที่มีคนโทรเข้ามา อวี๋ตงจึงพูดคุยกับเธออย่างใจเย็น
เป็ นอย่างมาก
"ฉัน...ฉันกำลังจะย้ายโรงเรียนอีกครัง้ "
"ย้ายโรงเรียนเหรอ? คุณเข้ากับเพื่อนร่วมชัน
้ ไม่
ได้เหรอ?"
"มะ ไม่!" คนสวยปล่อยโฮออกมาทันที "ฉันไม่
อยากย้ายโรงเรียน ฉันย้ายมาหลายโรงเรียนแล้ว
ทุกครัง้ ที่ย้ายโรงเรียนใหม่เพื่อนร่วมชัน
้ ของฉันก็จะ
กลั่นแกล้งฉัน พอพ่อกับแม่รู้ พวกท่านก็พาฉันย้าย
โรงเรียน แต่พอได้ไปอยู่ที่ใหม่ก็เป็ นเหมือนเดิม ฉัน
ไม่อยากให้เป็ นแบบนี.้ ..พวกเขา พวกเขารังแกฉัน
ทำไม...."
เสียงร้องทุกข์ของเด็กสาวดังก้องไปตามสายวิทยุ
"คนสวย! คนสวย!" อวี๋ต้ง ต้องเรียกสาวน้อยคน
นัน
้ ถึง 2 ครัง้ เธอจึงหยุดร้องไห้ จากนัน
้  อวี๋ต้ง ก็
พูดต่อไปว่า "คนสวย คุณอยากรู้ไหมว่าคนประเภท
ไหนที่จะไม่ถูกรังแกได้ง่ายๆ?"
"อะไรนะ?" เสียงของสาวน้อยดังราวกระซิบ
"คนที่หัวเราะได้ง่าย คนที่กล้าหาญ คนที่มองโลก
ในแง่ดี คนที่ใจกว้าง" อวี๋ตงพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ
และต่อเนื่อง "คนที่กล้าวิ่งไปที่ห้องพักครู คนที่จะ
ไม่ร้องไห้ ไม่แสดงความอ่อนแอ คนที่ไม่เกรงกลัว
อาจารย์ คนแบบนีล
้ ่ะเป็ นคนประเภทที่จะไม่ถูก
รังแกง่าย ๆ"
"....."
มีข้อความมากมายปรากฏขึน
้ บนหน้าจอ
คอมพิวเตอร์ ผู้คนต่างสาปแช่งอวี๋ต้ง ที่สอนเรื่องที่
ไม่ดีให้กับเด็กๆ แต่บางคนก็บอกว่าสิ่งที่เธอพูดนัน

ถูกแล้ว
"แม้ว่าคุณจะรู้สึกเศร้าหรือเจ็บปวดแค่ไหน ก็
อย่าร้องไห้ต่อหน้าคนที่รังแกคุณ" จากนัน
้  อวี๋ต้ง ก็
ถามว่า "คุณจะเป็ นคนๆนัน
้ ได้ไหม?"
"ฉัน...ฉันเหรอ?"
"ใช่"
"ฉัน ...ฉันจะลองดู!"
"คนสวยพรุ่งนีค
้ ุณแต่งตัวให้สวยๆ แล้วไป
โรงเรียนด้วยรอยยิม
้ ทำตัวเหมือนราชินี ตัง้ แต่พรุ่ง
นีเ้ ป็ นต้นไป คุณก็ต้องทำตัวเองให้ดูสูงส่ง สง่างาม
และทรงพลัง!" อวี๋ตงพูด "ด้วยวิธีนี ้ จะทำให้คุณพบ
กับอัศวินที่พร้อมปกป้ องคุณ"
"ฉัน..ฉันจะทำได้เหรอ?"
"คุณคือราชินี!" อวี๋ตงพูดเหมือนสะกดจิตให้เธอ
เชื่อ
"ใช่!" เด็กสาวพึมพำเล็กน้อยก่อนจะตะโกนออก
มาอย่างมั่นใจว่า "ฉันคือราชินี ฉันจะไม่ย้าย
โรงเรียนอีกแล้ว"
หลังจากวางสายโทรศัพท์ อวี๋ตงก็เพิกเฉยต่อ
ความคิดเห็นต่าง ๆ ที่ส่งเข้ามา เธอไม่ต้องการอ่าน
มัน และเริ่มเปิ ดเพลงต่อ
เมื่อรายการจบลง พี่อวี๋ก็รีบเข้าไปหาอวี๋ตงแล้ว
ตำหนิว่า "ทำไมเธอพูดอะไรไร้สาระแบบนัน
้ ลงไป
เราเป็ นรายการวิทยุนะ และเรากำลังออกอากาศ
นะ ออกอากาศนะเธอเข้าใจไหม สิ่งที่เธอพูดกำลัง
ออกอากาศ เธอสอนสิ่งไม่ดีแบบนัน
้ ให้เด็กได้ยังไง?"
"ฉันสอนสิ่งไม่ดีตรงไหน? เห็นได้ชัดว่าฉันสอนให้
เธอต่อต้านความรุนแรงในโรงเรียน" อวี๋ตงกล่าว
"เด็กสาวคนนัน
้ มีสภาพจิตใจที่เลวร้าย ฉันดูเป็ นคน
เลวเหรอที่ทำสิ่งดีๆแบบนี?้ "
"เธอ...ฉันรู้ว่าเธอตัง้ ใจดี แต่ดูที่เธอพูดสิ เธอเพิ่ง
ู ทธิข์ องความคิดเห็นสาธารณชน"
เริ่มงานและไม่ร้ฤ
"เอาล่ะ ไม่สำคัญหรอก จะมีสักกี่คนที่ฟังรายการ
ของเรา ตามข้อความที่นับได้อย่างมากที่สุดก็
แค่ 100 คนเท่านัน
้ " อวี๋ตงกล่าวอย่างไม่สนใจ "แต่
ถ้าเราโดนกระแสวิพากย์วิจารณ์หนักก็แสดงว่า
รายการของเราเป็ นที่ยมแล้ว"
"อวี๋ตง...เฮ้อ..." พี่อวี๋อยากจะสั่งสอนต่อแต่ก็ถูก
ขัดจังหวะ
"โอ้ ฉันจะพลาดรถบัสแล้ว..." อวี๋ตงพูดก่อนคว้า
กระเป๋าแล้ววิ่งหนีไป
เขาทำได้แค่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ
รถบัสมาถึงตรงเวลา เมื่ออวี๋ตงก้าวขึน
้ รถก็พบว่า
บนรถเปิ ดวิทยุคลื่นที่เธอเป็ นดีเจอยู่
"ฉันเพิ่งจะฟั งรายการของคุณ!" คนขับรถยิม

"คะ??"
"คุณคือ ดีเจ อวี๋ต้ง ของรายการ Midnight
Phantom ใช่ไหม?" เขาเปิ ดค้นหาคลื่นวิทยุ FM ข
ณะที่พักรถอยู่ตรงสถานีปลายทาง “เสียงดีเจคล้าย
กับคุณมาก”
“ใช่ค่ะ” อวี๋ตงพยักหน้าพร้อมกับส่งยิม
้ ให้
"สิ่งที่คุณเพิ่งพูดในรายการมันเยี่ยมมาก คนเรา
จะต้องพึ่งพาตนเอง เพื่อไม่ให้ถูกรังแก การที่พ่อแม่
ของเธอพาเธอย้ายโรงเรียน เป็ นการแก้ปัญหาที่
ปลายเหตุ พวกเขาไม่พยายามหาสาเหตุของเรื่องนี ้
เลย" คนขับรถถอนหายใจ
"ฟั งจากคำพูดของคุณ ฉันก็โล่งใจ อย่างน้อยก็มี
คนคิดเหมือนฉัน!"
"ฮ่าฮ่า ต่อจากนี ้ ฉันจะเป็ นผู้ฟังที่ซ่ อ
ื สัตย์ของ
คุณ" ลุงคนขับรถพูดอย่างมีความสุข
"ต้องการลายเซ็นต์ด้วยไหมคะ ถ้าฉันดังแล้ว คุณ
ลุงก็สามารถเอาไปขายได้ราคาดีนะ"
"ฮ่า ฮ่า..."
อวี๋ตงพูดคุยกับคนขับอย่างมีความสุขตลอดการ
เดินทาง จนมาถึงหน้าทางเข้าอพาร์ทเม้นท์ของเธอ
วันนี ้ เซี่ยเฟิ งเข้าทำงานกะกลางวัน แต่การเป็ น
หมอนั่นมีเวลาทำงานที่ไม่แน่นอนนัก เขาทำงาน
ตลอดทัง้ วัน และเพิ่งจะได้กลับบ้านหลัง 5 ทุ่ม
อืม ดูเหมือนเขาจะกลับบ้านแล้ว อวี๋ตงคิด
เนื่องจากเห็นแสงไฟลอดออกมาจากประตูห้อง เธอ
เปิ ดประตูเข้าไป
"คุณกลับมาจากข้างนอกเหรอ?" อวี๋ตงที่นั่งอยู่
หลังโต๊ะทำงานขมวดคิว้
อพาร์ทเม้นท์มี 2 ห้องนอนและ 1 ห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่นนัน
้ มีขนาดใหญ่มาก ดังนัน
้ เซี่ยเฟิ งจึง
แบ่งห้องส่วนหนึ่งเป็ นห้องทำงานเล็ก ๆ ใกล้
ระเบียง
"ปกติคุณไม่ได้นอนดึกขนาดนี?้ " อวี๋ตงก็แปลกใจ
ที่เห็นเซี่ยเฟิ ง
"คุณออกไปไหนมา?" เซี่ยเฟิ งวางเอกสารในมือ
ลง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล "มันไม่
ปลอดภัยที่ผู้หญิงจะออกไปข้างนอกตอนดึกแบบนี"้
ขณะที่เปลี่ยนรองเท้า เธอก็ตอบกลับไปว่า "ฉัน
เพิ่งจะเลิกงาน ฉันนั่งรถบัสจากที่ทำงานมาถึงหน้า
อพาร์ทเมนต์โดยตรงเลย ดังนัน
้ มันปลอดภัยดี"
"เลิกงาน? คุณทำงานอะไรทำไมถึงได้เลิกดึก
ขนาดนี?้ "
อวี๋ตงพึ่งนึกขึน
้ ได้ว่าดูเหมือนเธอจะไม่เคยบอก
เขาเรื่องงานของเธอเลย ดังนัน
้ เธอจึงเดินไปรินน้ำ
แล้วไปนั่งฝั่ งตรงข้ามเซี่ยเฟิ งก่อนอธิบายว่า "ฉันลืม
บอกคุณ ว่าฉันเรียนจบนิเทศ ภาควิชาวิทยุกระจาย
เสียงและวิทยุโทรทัศน์ ตอนนีฉ
้ ันเป็ นดีเจรายการ
วิทยุ ฉันรับผิดชอบช่วงเวลาเที่ยงคืนดังนัน
้ ฉันถึง
กลับบ้านเวลานี"้
"สถานีวิทยุในเมืองเหรอ?"
"อือ" อวี๋ตงพยักหน้า
"มันก็ยังดูไม่ค่อยปลอดภัยอยู่ดีที่คุณเดินทาง
ตอนกลางค่ำกลางคืนอบบนี ้ ไม่อย่างนัน
้ คุณขับรถ
ไปไหม" เซี่ยเฟิ งพูดหลังจากครุ่นคิด
"ฉันว่าก็ดี แต่ฉันยังไม่มีใบขับขี่" แน่นอนว่าชีวิต
ก่อนเธอเคยมีอยู่ใบหนึ่งแต่น่าเสียดายที่ตอนนีเ้ ธอ
ยังไม่ได้ไปทำ "คุณไม่ต้องห่วงนะ ฉันกับคนขับรถ
บัสกะกลางคืนค่อนข้างคุ้นเคยกันดี ขับรถไปเอง
หรือนั่งรถบัสก็ไม่ต่างกันนักหรอก"
เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้ และต้องการจะพูดอะไรบาง
อย่าง แต่ไม่ร้ว
ู ่าควรพูดอย่างไร สุดท้าย เขาก็พูดขึน

มาว่า "ถ้าอย่างนัน
้ ก็ไปเรียนแล้วก็ทำใบขับขี่ซะ
เมื่อคุณได้ใบขับขี่มาแล้วคุณจะได้ขับรถไปทำงาน"
"แล้วคุณล่ะ?"
"พ่อของผมมีรถอีกคันนึง ผมเอาคันนัน
้ มาใช้ได้"
เซี่ยเฟิ งบอก
อวี๋ตงพยักหน้า แล้วพบว่าตอนที่มีคนเป็ นห่วง
มันเป็ นความรู้สึกที่ค่อนข้างดี เมื่อเห็นว่าเซี่ยเฟิ ง
เริ่มก้มหน้าจัดการเอกสารในมือต่อ เธอก็ถามด้วย
ความสงสัยว่า "พรุ่งนี ้ คุณยังต้องไปทำงาน ทำไมยัง
ไม่ไปนอนล่ะ?"
"พรุ่งนีต
้ อนบ่ายผมต้องนำเสนองาน ก่อนหน้านี ้
ที่แม่ของผมเข้าโรงพยาบาลผมค่อนข้างยุ่ง และยัง
ไม่มีเวลาเตรียมเอกสาร ข้อมูลต่าง ๆ ในการนำ
เสนอ" เซี่ยเฟิ งกล่าวจัดการเอกสารในมือ "คุณไป
นอนก่อนเถอะ"
"คุณกำลังแปลพวกมันอยู่เหรอ?" อวี๋ตงเห็นว่า
เอกสารในมือของเซี่ยเฟิ งเป็ นภาษาจีนแต่ในโน้ตบุ๊ค
ที่วางอยู่ข้างๆ เป็ นข้อมูลภาษาอังกฤษ
"อื้อ ผู้เชี่ยวชาญบางคนมาจากอเมริกา ผมก็เลย
แปลข้อมูลสำคัญๆเป็ นภาษาอังกฤษ" เซี่ยเฟิ งยุ่งจน
ไม่ได้เงยหน้าขึน
้ มาตอบคำถาม
เมื่อเห็นกระดาษหลายแผ่นในมือของเขา อวี๋ตงก็
กระพริบตาแล้วถามว่า "คุณต้องการให้ฉันช่วย
ไหม? ภาษาอังกฤษของฉันก็ใช้ได้อยู่นะ และฉัน
สามารถนอนตอนกลางวันได้"
เซี่ยเฟิ งเงยมองอวี๋ตงด้วยความประหลาดใจ อวี๋
ตงยิม
้ แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเพื่อหยิบ
โน้ตบุ๊คออกมา จากนัน
้ เธอก็หยิบเอกสาร 5 แผ่นที่
อยู่ด้านล่างสุดบนมือของเขาไปแล้วเริ่มต้นแปล
เซี่ยเฟิ งเห็นว่าอวี๋ตงตัง้ ใจช่วยจริงๆ ก็เลยไม่ได้
พูดอะไรอีก และคิดว่าเมื่อเธอทำเสร็จเขาก็แค่ตรวจ
สอบอีกครัง้
หลังจากแปลไปได้สักพัก อวี๋ตงที่เห็นศัพท์เฉพาะ
ทางการแพทย์เยอะมากที่เธอไม่ร้จ
ู ัก เธอเลยหันไป
ถามเซี่ยเฟิ ง เขาเหลือบมองและยื่นโน๊ตคำศัพท์ให้อ
วี๋ตง
เมื่อแสงยามเช้าเริ่มสาดส่อง ทัง้ สองก็แปล
เอกสารในมือเสร็จ อวี๋ตงปรินต์เอกสารส่วนที่เธอ
แปลออกมาแล้วส่งให้เซี่ยเฟิ ง "ตรวจดูก่อน ฉันจะ
พิมพ์แก้ให้ถ้าคุณเจอข้อผิดพลาด"
เซี่ยเฟิ งอ่านผ่าน ๆ แล้วก็พบว่าอวี๋ตงแปลออก
มาได้ดีมาก เขาเงยหน้าขึน
้ มองแล้วเห็นว่าสีหน้า
ของเธอดูเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย จึงอดรู้สึกผิดไม่ได้
"ไม่เป็ นไร มันโอเคแล้ว คุณไปนอนก่อนเถอะ ที่
เหลือผมจัดการเอง"
อวี๋ตงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า ที่
เหลือก็คือการตรวจสอบเธออยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก
อีกอย่างเธอก็ค่อนข้างมั่นใจในงานส่วนของเธอ
ก่อนไปเธอกล่าวว่า "ฉันเซฟมันเอาไว้หน้า
เดสท็อปส์บนโน๊ตบุ๊คฉันนะ ถ้าคุณต้องการใช้มัน ก็
มาหยิบไปใช้ได้เลย ฉันไปนอนล่ะ"
"ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของ
คุณ...ขอบคุณนะ!"
อวี๋ตงลุกขึน
้ เตรียมจะออกไป ก็สังเกตว่าพวกเธอ
อยู่ใกล้กันมาก สองมือของเธอเท้าไว้กับโต๊ะ มอง
เข้าไปในดวงตาของเซี่ยเฟิ ง พวกเขามีเพียงโต๊ะตัว
เล็กๆที่คั่น
ในขณะนัน
้ เองแสงแดดส่องเข้ามาทางระเบียง
สาดกระทบใบหน้าด้านข้างของเซี่ยเฟิ ง ความ
อบอุ่นนีก
้ ระแทกอวี๋ตงอย่างจัง
บางทีอาจจะเป็ นเพราะแสงแดดที่ส่องเข้ามา
ทำให้เธอตาพร่า เธอโน้มตัวลงไปใกล้เขา และแตะ
ริมฝี ปากลงบนสันจมูกของเขาอย่างแผ่วเบา กล่าว
สวัสดียามเช้า และกลับเข้าไปนอนที่ห้องนอนของ
เธอ
เหลือไว้เพียง ผู้คนที่แข็งเป็ นหินท่ามกลาง
สายลมฤดูร้อน และแสงแดดยามเช้า
ตอนที่ 9 ควรจะทำตัวเป็ นเด็กในบางครัง้

ห้องประชุมโรงพยาบาล
"เซี่ยเฟิ ง งานนำเสนอของคุณค่อนข้างดีทีเดียว
ทางโรงพยาบาลจะนำไปพิจารณาอย่างรอบคอบ"
"ขอบคุณครับ ท่านประธาน"
"ผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกาทัง้ สองคน ก็ให้ความ
สนใจกับแผนการรักษามะเร็งรูปแบบใหม่ของคุณ
มาก แล้วก็ยังบอกอีกว่าพวกเขาสนใจที่จะทำงาน
วิจัยร่วมกับทางเรา" ผู้อำนวยการฉุยพูดพลางพยัก
หน้า
"ผู้อำนวยการ ผมจะทำงานอย่างหนักต่อไป"
"เอาล่ะ เป็ นคนหนุ่มสาวนี่ดีจริงๆ" ผู้อำนวยการ
ฉุยพยักหน้าแล้วเดินจากไป
ขณะนัน
้ เอง เส้าอีฝ
้ านที่ยืนแอบอยู่ตรงมุมทาง
เดินก็เดินออกมา และทันได้ยินคำพูดทิง้ ท้ายของผู้
อำนวยการฉุย
"คนหนุ่มสาวที่ดี ผู้อำนวยการชื่นชมนายมาก ดู
เหมือนว่าการนำเสนอของนายจะไปได้สวยนะ"
"เมื่อวานนีน
้ ายทำอะไรน่ะ?" เซี่ยเฟิ งเหลือบมอง
เส้าอีฝ
้ าน
"เมื่อวานนีฉ
้ ันไปร้องคาราโอเกะ และเสียงมันดัง
มากฉันก็เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ตอนนายโทรมา
แต่ฉันก็โทรกลับไปหานายแล้วนะ นายบอกเองว่า
ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันแล้ว" เส้าอีฝ
้ าน
จำได้ว่าเซี่ยเฟิ งโทรหาเขาเมื่อวาน แต่เขาไม่ได้รับ
สาย เขาเห็นข้อความว่าให้เขาไปช่วยเรียบเรียง
ข้อมูลที่ส่งมาให้หลังจากนัน
้ เท่านัน
้ "แต่ฉันก็เห็นว่า
นายจัดการมันได้อย่างดีเลยนี่"
"ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของอวี๋ตง ฉันเดา
ว่าตอนนีฉ
้ ันคงจะยังเรียบเรียงมันอยู่"
"จริงเหรอ?" เส้าอีฝ
้ านประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าอ
วี๋ตงเป็ นคนช่วย "เธอรู้เรื่องยาด้วยเหรอ?"
"เธอช่วยฉันแปลเอกสารเป็ นภาษาอังกฤษ"
เซี่ยเฟิ งอธิบาย
"เธอเก่งมาก มีศัพท์เฉพาะอยู่ในเอกสารเยอะ
มาก" เส้าอีฝ
้ านพูดอย่างไม่อยากเชื่อ
เซี่ยเฟิ งขีเ้ กียจจะคุยกับเขาแล้ว จึงเดินตรงไปที่
ห้องพักของพวกเขา
"นายจะทำอะไรต่อ?" เส้าอีฝ
้ านรีบเร่งฝี เท้าเดิน
ตามเซี่ยเฟิ งให้ทันก่อนพูดว่า "ฉันได้ยินที่ผู้อำนวย
การพูดเมื่อกี ้ ดูเหมือนว่านายอาจจะต้องไปอเมริกา
เพื่อวิจัยร่วมกับทางอเมริกา"
"ไม่เสมอไป มีอีกหลายตัง้ คนที่พยายามคว้า
โอกาสไปยังโรงพยาบาลเอ็ดวาร์ดของนิวยอร์ก ฉัน
อาจจะไม่ได้รับเลือกก็ได้" เซี่ยเฟิ งส่ายหน้า
"คนอื่นมีเพียงจดหมายแนะนำตัวของทางโรง
พยาบาล แต่นายแตกต่างออกไป นายได้แสดง
ความสามารถต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกา
โดยตรง แถมอีกฝ่ ายก็ยังสนใจแนวคิดในการรักษา
รูปแบบใหม่ของนายด้วย" เส้าอีฝ
้ านกล่าว
"ค่อยคุยกันทีหลัง" เซี่ยเฟิ งวางแฟ้ มเอกสารในมือ
ลง และหยิบประวัติการรักษาของคนไข้ที่วางอยู่บน
โต๊ะขึน
้ มา "ฉันจะไปตรวจคนไข้"
"นายใช้เวลาตลอดทัง้ คืนในการจัดการเอกสาร
พวกนี ้ แล้วก็เพิ่งจะนำเสนองานที่ใช้เวลาบรรยาย
กว่า 2 ชั่วโมงเสร็จ นายไม่ง่วงเหรอ?" เมื่อเส้าอีฝ
้ าน
เห็นว่าเซี่ยเฟิ งที่เพิ่งจะว่าง ได้เดินตรงไปหาคนไข้
ของเขาแล้ว เขาก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้
"อวี๋ตงช่วยฉันจัดการเอกสารพวกนัน
้ ทำให้ฉัน
ประหยัดเวลาไปได้มาก ฉันนอนมาทัง้ เช้าแล้ว ตอน
นีฉ
้ ันสบายดี" เซี่ยเฟิ งตอบ "อาการของผู้ป่วย
เตียง 5 ไม่ค่อยดีนัก ฉันไม่วางใจ"
"โอ้ นายกำลังอวดความรักกับฉันเหรอ!" เส้าอี ้
ฝานทำท่าทางเกินจริง
"อะไร?" เซี่ยเฟิ งไม่สนใจเขา และเดินออกจาก
ห้องพักไป
อวี๋ตงตื่นขึน
้ ตอน 6 โมงเย็น เมื่อนาฬิกาชีวิตที่
ผิดเพีย
้ นจากปกติ เธอก็ต่ น
ื ขึน
้ มาด้วยอาการปวดหัว
เล็กน้อย เธอนั่งอยู่บนเตียงครู่นึงก่อนจะลุกขึน

อย่างอ่อนแรง
เธอคิดจะเดินเข้าไปหยิบน้ำในตู้เย็น ทันใดนัน

เธอก็เห็นกระดาษโน้ตแปะอยู่ตรงประตูตู้เย็น
 ‘ถึงจะเป็ นฤดูร้อน แต่มันก็ไม่ดีนักที่จะดื่มน้ำ
เย็นโดยเฉพาะสำหรับสาว ๆ ผมทำน้ำผสมน้ำผึง้ ไว้
บนโต๊ะ ถ้าตื่นแล้วก็ด่ ม
ื มันเพื่อดับกระหาย และมี
ข้าวผัดไข่อยู่ในครัว แค่เอามันอุ่นในไมโครเวฟก็
ทานได้เลย’
ปล ขอบคุณที่ช่วยผมจัดการเอกสาร!
จาก เซี่ยเฟิ ง
อวี๋ตงยิม
้ เธอดึงกระดาษโน้ตออกจากประตูตู้เย็น
แล้วไปที่ห้องครัว นำข้าวผัดไปอุ่นในไมโครเวฟ
จากนัน
้ ก็ถือจานข้าวไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อทานข้าว
และดื่มน้ำผสมน้ำผึง้
หลังจากกินข้าว อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกดีขึน
้ มาก
ทันใดนัน
้ เองก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึน

อวี๋ตงมองหน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นว่าเป็ นสายจากพี่
ชายของเธอ อวี๋ซง
อวี๋ตงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือน
แล้ว ตัง้ แต่เธอย้อนอดีตกลับมา เธอไม่เคยโทรกลับ
ไปที่บ้านเลย ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดที่จะโทร เธอก็
แค่ร้ส
ู ึกกลัว
ก่อนที่จะมาได้ย้อนเวลากลับมา หลังจากเธออายุ
28 ปี ครอบครัวของเธอก็เร่งรัดเรื่องการแต่งงาน
ของเธอหนักขึน
้ อย่างที่ไม่เคยเป็ นมาก่อน แม้แต่พี่
ชายของเธอก็เริ่มกดดันเธอในเรื่องนี ้
อวี๋ตงมักจะถูกเรียกไปคุยเรื่องนี ้ การแต่งงานนัน

เป็ นการใช้ชีวิตร่วมกัน และเป็ นครึ่งหนึ่งของกัน
และกัน เป็ นความสัมพันธ์ที่เหมือนกับมือซ้ายและ
มือขวา ไม่สำคัญว่าเธอและฝ่ ายชายจะชอบพอกัน
ไหม
อวี๋ตงจำได้ว่าครัง้ หนึ่งที่เธอกลับบ้านไปเยี่ยมแม่
ตอนนัน
้ พี่ชายของเธอ อวี๋ซงก็เพิ่งกลับมาจาก
ทำงาน เมื่อเขาเห็นเธอเขาก็พูดขึน
้ มาว่า "มาทำบ้า
อะไรอยู่? เธอมองหาผู้ชายแบบไหนกัน นี่คิดว่าตัว
เองยังอายุ 20 ต้นๆ อยู่เหรอ ถึงได้เลือกมากขนาด
นี?้  แล้วไอท่าทางสูงส่งแบบนีแ
้ สดงให้ใครดู เธอคิด
ว่าพวกเราอยากจะเลีย
้ งดูเธอยามแก่เหรอ? ถ้าไม่ใช่
ว่าเธอเป็ นน้องสาวของฉัน ฉันคงไม่มาวุ่นวายกับ
เธอขนาดนีห
้ รอก นี่ก็อายุมากขึน
้ ทุกวัน ไม่เห็นเห
รอว่าคนอื่นเขาแต่งงานกันหมดแล้วเหลือแต่เธอ?"
แล้วแม่ของเธอที่ชอบเร่งรัดเธอเรื่องนีเ้ หมือนกัน
ก็พูดว่า "ผู้ชายคนล่าสุดก็ไม่เลวนะ แต่เธอก็ติว่าเขา
เตีย
้ เกินไป เขาสูง 166 ซม. แต่แกก็สูงแค่ 158 เอง
นะ เธอต้องการคนสูงเพื่อช่วยบังแดดบังลมให้ได้
ฉันก็จะไม่พูดถึงแล้วกัน แต่ก็มีอีกคนที่ดูดี แต่เธอก็
ยังติอีกว่าเขาเงินเดือนน้อย เงิน 3,000 หยวนไม่
พอใช้จ่ายหรอก นอกจากนี ้ เธอสามารถหาเงินเอง
ได้ เขามีสามพันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย"
แม้แต่พ่อของเธอก็ยังพูดว่า "ฉันขอร้อง หยุด
เลือกมาก และรีบๆแต่งงานเถอะ"
หลังจากนัน
้ อวี๋ตงก็ไม่กล้ากลับไปเยี่ยมบ้านอีก
เธอไม่อยากฟั งคำพูดพวกนัน
้ และไม่อยากทะเลาะ
กับคนในครอบครัว สุดท้าย เธอก็เริ่มฉลองปี ใหม่
คนเดียว เฝ้ ามองเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ปกติคนจะ
พลุกพล่านกลายเป็ นเมืองที่ว่างเปล่า เธอย้ายไปอยู่
โรงแรม เมื่ออายุ 30 และทำได้เพียงโทรกลับบ้าน
เพื่อถูกตำหนิ
ในช่วงเทศกาลเหล่านัน
้ แม้ว่าเธอจะอยากสาน
สัมพันธ์กับครอบครัวมากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วสิ่ง
ที่เธอได้รับมันช่างทำให้เธอดูเป็ นคนน่าสมเพช
ดังนัน
้ เธอจึงเริ่มกลัวเทศกาลและวันหยุด
อวี๋ตงไม่กล้าแม้แต่จะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด
เพราะแม้แต่ถนนที่อยู่ถัดไปจากถนนบ้านเธอ ก็ยัง
พูดเรื่องของเธอที่ต้องขึน
้ คานแต่งออกไม่ได้
เสียงโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง จากนัน
้ ก็ดังขึน
้ มา
อีกรอบ อวี๋ตงรวบรวมความกล้าและกดรับสาย
"รับสายได้ซักทีนะ!" พี่ชายของเธอแผดเสียงดัง
มาตามสาย "เธออะไรลงไป? ไม่ได้แต่งงานกับแฟน
จริง ๆ หรอกใช่ไหม?"
"เปล่า!"
"ไม่เหรอ? แม่เห็นเธอหอบกระเป๋าออกจากบ้าน
ไป แม่โกรธมากรู้ไหม" พีช
่ ายของเธอคำรามและ
ถามว่า "แล้วตอนนีเ้ ป็ นอย่างไรบ้าง? ทำอะไรอยู่?"
"ทำงาน และมีความรัก"
"เธอได้งานทำแล้วเหรอ?" อวี๋ซงถาม "ดีที่
ครอบครัวของแฟนเธอไม่เห็นด้วยเรื่องการแต่งงาน
แต่ก็อย่าลืมพาเขามาที่บา้ น อย่าเพิ่งรีบร้อน
แต่งงาน เธอยังเด็กอยู่"
"พี่?" จู่ๆอวี๋ตงก็ถาม "ถ้าฉันเลิกกับแฟนและจะ
ไม่แต่งงานอีกแล้วล่ะ? พี่จะโกรธจะรังเกียจฉันหรือ
เปล่า?"
"ไร้สาระ? ผู้ชายคนนัน
้ รังแกเธอใช่ไหม? บอกฉัน
มา พี่จะไปจัดการเขา!”
"เปล่า ฉันก็แค่ถาม"
"ไม่เป็ นไร ถ้าเธอไม่อยากบอก แต่ถ้าเธอถูกรังแก
จะต้องบอกพี่นะ เด็กสาวอยู่ในเมืองใหญ่ควรใส่ใจ
เรื่องความปลอดภัยเป็ นพิเศษ อย่ารอให้แม่โกรธ
มากกว่านี ้ รีบโทรกลับบ้านด้วย!"
"พี่ ถ้าพี่กับพ่อแม่ไม่ได้คัดค้านเรื่องที่ฉันแต่งงาน
พี่คิดว่าฉันควรหาแฟนแบบไหน?"
"ทำไมถึงถามแบบนี?้ " อวี๋ซงกล่าว "พวกเราไม่ได้
คัดค้านที่แกจะแต่งงาน แต่ครอบครัวเรายังไม่เคย
เจอแฟนของแกเลยสักครัง้ และเราได้ยินแต่ว่าเธอ
ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อเขามากมาย แต่เราไม่เคยได้ยิน
เลยว่าเขาทำอะไรเพื่อเธอ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้พวก
เราไม่สบายใจ กลัวว่าเธอจะถูกรังแก เด็กสาวอย่าง
เธอควรเจอกับเธอต้องหาผู้ชายดีๆ คนที่คู่ควรกับ
น้องสาวของพี่"
"พี่คิดอย่างนัน
้ มาตลอดเลยเหรอ?"
"ใช่สิ" ทันใดนัน
้ เองเธอก็ได้ยินเสียงดังแทรกขึน

มา ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนเรียกเขา "ฉันจะย้ำ
อีกรอบ รีบโทรกลับบ้าน และอย่าลืมพาแฟนมา
เยี่ยมบ้านช่วงตรุษจีนด้วย"
หลังจากวางสาย เธอก็น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่
ทราบสาเหตุ ‘นานแค่ไหนแล้วนะ ที่พี่ชายของเธอ
ไม่ได้พูดกับเธอแบบนี ้ อันที่จริงแล้วในใจของเขาฉัน
เป็ นน้องสาวที่เขารักและห่วงใยเสมอ?’
"คุณเป็ นอะไร?" เซี่ยเฟิ งที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านรู้สึก
กังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นอวี๋ตงนั่งร้องไห้อยู่บนโซฟา
   อวี๋ตงเช็ดน้ำตาแล้วบอกว่า “ไม่มีอะไร ฉันเพิ่ง
โทรกลับบ้าน แล้วถูกแม่ดุมา”
เซี่ยเฟิ งจำได้ว่าเธอหนีออกจากบ้าน ก็พยักหน้า
อย่างเข้าใจและปลอบโยนเธอ "ไม่เป็ นไร พ่อแม่
ของคุณคงไม่โกรธคุณจริง ๆ หรอก แค่คุณกลับไป
เยี่ยมพวกท่าน พวกท่านก็คงหายโกรธแล้ว"
"อือ" อวี๋ตงถามว่า "วันนีก
้ ารนำเสนอของคุณเป็ น
ยังไงบ้าง?"
"ผ่านไปด้วยดี" เซี่ยเฟิ งยิม
้ “คุณช่วยได้มากเลย”
หลังจากช่วยแปลเอกสารของเซี่ยเฟิ งมาตลอดทัง้
คืน อวี๋ตงก็ร้ว
ู ่าการนำเสนอของเขาเป็ นเรื่องเกี่ยว
กับการวิจัยในการรักษาโรคมะเร็งรูปแบบใหม่จึง
พูดว่า "ฉันเป็ นแค่ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ถ้างานวิจัยของ
คุณประสบความสำเร็จมันจะเป็ นประโยชน์กับคน
อีกหลายล้านคนอย่างมาก"
"นี่เป็ นความฝั นของผม แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะทำให้
มันเป็ นจริงได้หรือเปล่า?"
"คุณต้องทำได้แน่!" เธอแอบเสริมในใจว่า ไม่นาน
นักหรอก แค่ 10 ปี เท่านัน

"ใช่! ก่อนที่จะวิจัยยาเพนิซิลลินออกมาได้ แม้แต่
อาการอักเสบก็อาจทำให้คนถึงแก่ชีวิตได้ ดังนัน
้ ผม
ควรมั่นใจว่าผมสามารถทำมันให้สำเร็จได้" เซี่ยเฟิ ง
หัวเราะ 
อวี๋ตงก็หัวเราะไปกับเขาด้วย
เมื่อเห็นว่าอวี๋ตงยังสวมชุดนอน เซี่ยเฟิ งจึงเตือน
เธอว่า "คุณไม่ไปทำงานเหรอ?"
อวี๋ตงกระพริบตาแล้วมองนาฬิกา ตอน
นี ้ 22.00 น.แล้ว เธอนั่งร้องไห้หลังจากคุยโทรศัพท์
ไปนานแค่ไหนกันเนี่ย
"โอ๊ะ! ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ล่ะ"
หลังจากกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
อวี๋ตงกลับออกมาแล้วก็เห็นเซี่ยเฟิ งยืนรออยู่ที่
ประตูหน้า
"คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?" อวี๋ตงถามด้วย
ความสงสัย
"ผมจะไปส่งคุณที่ทำงาน"
"ไม่ต้องหรอก ป้ ายรถโดยสารอยู่ใกล้ประตูทาง
เข้าสถานีวิทยุ" อวี๋ตงปฏิเสธ "คุณไม่ได้นอนมาทัง้
คืน และคุณก็ทำงานมาทัง้ วันอีก คุณไม่ได้พักผ่อน
ดีๆมาเกือบ 24 ชั่วโมงแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ"
พูดจบเธอก็เปิ ดประตูเดินผ่านเขาไปอย่าง
รวดเร็ว
เซี่ยเฟิ งทำได้แค่มองตาม แต่ก็ไม่ได้ตามเธอไป
อวี๋ตงไปสถานีวิทยุเพื่อจัดรายการ Midnight
Phantom แต่อาจจะเป็ นเพราะอารมณ์ของเธอใน
วันนี ้ ทำให้เพลงที่เธอเปิ ดในคืนนีเ้ ป็ นเพลงช้า แนว
เศร้า ๆ เหงา ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอมีผู้ฟัง
ส่งข้อความมามากมาย ส่วนใหญ่บอกให้เธอเปิ ด
เพลงที่มีความสุขบ้าง เพราะเพลงก่อนหน้านีท
้ ี่เธอ
เปิ ดทำให้พวกเขาอยากร้องไห้
อวี๋ตงคิดแล้วก็หันไปเลือกเพลงที่ดูร่าเริงอย่าง
เพลง “Gong Xi Fa Cai” หรือเพลงที่เปิ ดในวัน
ตรุษจีนนั่นเอง
ทันใดนัน
้ เอง ผู้ฟังก็ส่งข้อความมาถล่มอวี๋ต้งอีก
ครัง้ และสงสัยว่าสมองของเธอจะมีปัญหาหรือ
เปล่า?
อวี๋ตงมองดูข้อความเหล่านัน
้ แล้วรู้สึกดีขึน
้ มา
ทันที
เซี่ยเฟิ งที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ก็ได้ยินเสียงลม
กระทบหน้าต่าง เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาก็
เห็นว่าฝนกำลังตก
‘อวี๋ตงพกร่มไปด้วยหรือเปล่า?’
เมื่อมองดูเวลา เที่ยงคืนครึ่ง เซี่ยเฟิ งก็หยิบ
หนังสือเล่มหนึ่งขึน
้ มาอ่านตรงโต๊ะข้างหน้าต่าง
ทันใดนัน
้ ก็มีเสียงฟ้ าและฝนก็ตกลงมาหนักขึน

เซี่ยเฟิ งดูเวลาอีกรอบตอนนีต
้ ีหนึ่งครึ่งแล้ว เขาวาง
หนังสือลงแล้วหยิบกุญแจรถขึน
้ มาจากบนโต๊ะ
เปลี่ยนรองเท้า ลงไปที่ลานจอดรถชัน
้ ใต้ดิน
….
หลังจากจัดรายการเสร็จ อวี๋ตงก็เดินออกจาก
สถานีและตกตะลึงกับภาพห่าฝนขนาดใหญ่ที่
โปรยปรายอยู่ ‘ทำไมฝนต้องตกด้วยเนี่ย?’
ป้ ายรถโดยสารที่ถนนฝั่ งตรงข้ามอยู่ห่างออกไป
ประมาณ 200 เมตร หรือเธอควรจะวิ่งฝ่ าสายฝน
ไป
อวี๋ตงยกกระเป๋าขึน
้ บังศีรษะ และเตรียมจะวิ่งไป
ที่ป้ายรถโดยสาร ทันใดนัน
้ เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้น
เคยดังผ่านสายฝนมา เธอหันไปมองก็เห็นร่างสูงยืน
ถือร่มอยู่
"เซี่ยเฟิ ง?" อวี๋ตงเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ
เซี่ยเฟิ งเห็นกระเป๋าที่ยังวางอยู่บนศีรษะของอวี๋
ตงก็ยิม
้ แล้วช่วยหยิบมันลงมา
เขาหัวเราะพลางพูดว่า "คุณตัง้ ใจจะวิ่งฝ่ าสายฝน
ออกไปเหรอ?"
"หือ??" อวี๋ตงยังคงมึนงงเล็กน้อยที่อยู่ ๆ ก็เห็น
เซี่ยเฟิ ง
"คุณผู้หญิงทำไมคุณดูแปลกใจขนาดนัน
้ ?" เซี่ยเฟิ
งไม่เห็นด้วยกับท่าทางของเธอ
"คุณ…ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?"
"ก็คุณไม่ยอมให้ผมมาส่ง ผมก็เลยต้องมารับคุณ
แทน" เซี่ยเฟิ งกล่าว
"ไม่ใช่ฉันบอกไปแล้วเหรอว่า ไม่เป็ นไร"
"เป็ นผู้หญิงอย่าทำตัวเข้มแข็งเกินไป แม่ของผม
เคยบอกว่าผู้หญิงที่ทำตัวเป็ นเด็กบ้าง รู้จักเอาแต่ใจ
ตัวเองบ้าง จะมีเสน่ห์มากขึน
้ " เซี่ยเฟิ งยื่นร่มอีกคัน
ให้อวี๋ตงแล้วพูดต่อว่า "ไปกันเถอะ รถจอดอยู่ตรง
นัน
้ "
อวี๋ตงรับร่มมาและยืนอย่างโง่ นี่เป็ นครัง้ แรกที่มี
คนมารับเธอจากที่ทำงาน เป็ นครัง้ แรกที่มีคนบอก
เธอว่าเป็ นผู้หญิงอย่าเข้มแข็งเกินไป "ฉันไม่ร้ว
ู ่าควร
ทำตัวเอาแต่ใจยังไง?" จู่ๆอวี๋ตงก็พูดขึน
้ มา
เซี่ยเฟิ งผงะก่อนจะยิม
้ ออกมาแล้วพูดว่า "ไม่
เป็ นไร มันไม่ยากที่จะเรียนรู้"
อวี๋ตงมองร่มในมือ จากนัน
้ ก็เงยหน้าขึน
้ มอง
เซี่ยเฟิ งที่ยืนกางร่มอยู่ท่ามกลางสายฝน สุดท้ายเธอ
ก็เก็บร่มลงกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในร่มคันเดียวกับ
เซี่ยเฟิ ง เอื้อมมือขึน
้ ไปเกาะแขนเขา
"ทำไมไม่ใช้ร่มล่ะ?" เซี่ยเฟิ งสงสัย
"มีใครพกเขาร่มมา 2 คัน เวลามารับผู้หญิงในคืน
ที่มีฝนตกกันบ้างล่ะ? ร่มคันเดียวโนแมนติกกว่า!" อ
วี๋ตงจับมือเซี่ยเฟิ งและโน้มตัวหาเขามากขึน
้ ไม่ร้ว
ู ่า
เพราะเธอกลัวเปี ยกหรือเป็ นเพราะเธอรู้สึกว่าตัว
ของเซี่ยเฟิ งอบอุ่นดี
เซี่ยเฟิ งก้มหน้ามองเธอ ก็เห็นใบหูของเธอขึน
้ สี
แดงเล็กน้อย เขายิม
้ และเดินออกไปกับเธอ
หากว่าคุณอารมณ์ไม่ดีในวันที่ฝนตก อาจจะมี
ใครบางคนมารอที่จะกางร่มให้คุณอยู่!
ตอนที่ 10 ลูกเขยแม่...พูดจาโรแมนติก

"สวัสดีทุกคน ที่นี่คือ FM 9666 ตอนนีค


้ ุณกำลัง
ฟั ง Midnight Phantom และกำลังอยู่กับดีเจ อ
วี๋ต้ง" อวี๋ตงพูดเปิ ดรายการอย่างคล่องแคล่ว "ตอน
นีก
้ ็ได้เวลา ที่เพื่อนๆผู้ฟังของเราจะโทรเข้ามาพูด
คุยกันแล้วนะคะ มาดูกันว่าเพื่อนคนไหนที่จะมา
แบ่งปั นเรื่องราวให้พวกเราได้ฟังกันในคืนนี"้
พี่อวี๋โอนสายให้อวี๋ตงทันที
"สวัสดี ฉัน ดีเจ อวี๋ต้ง ค่ะ"
"สวัสดี" น้ำเสียงผู้ชายที่ฟังค่อนข้างเหนื่อยล้าดัง
มาจากปลายสาย
"ให้ฉันเรียกคุณว่าอย่างไรดีคะ?"
"เรียกผมตามที่คุณต้องการเถอะ" ชายคนนัน
้ ไม่
ต้องการบอกชื่อ
"ดูเหมือนว่าเพื่อนผู้ฟังส่วนใหญ่ของเราที่อยาก
มาแบ่งปั นเรื่องราว จะไม่ต้องการแจ้งชื่อ" อวี๋ตง
หัวเราะก่อนพูดต่อไปว่า "แต่เอาจริง ๆ นะคะ ถึง
ฉันจะทราบชื่อของพวกคุณ แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไป
ตามหาคุณสักหน่อย รู้ใช่ไหมคะ?"
"….." ปลายสายไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
"อืม ดูเหมือนว่า สุภาพบุรุษคนนีจ
้ ะอารมณ์ไม่
ค่อยดี งัน
้ ฉันขอเรียกคุณว่า คุณคนแกร่งก็แล้วกัน
นะคะ?" เมื่ออวี๋ตงเห็นว่าอีกฝ่ ายไม่รับมุขตลกเธอ
เลย เธอก็เดาได้ว่าอีกฝ่ ายคงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีนัก
ในอนาคต ถ้ามีโทรมาแต่ไม่อยากเปิ ดเผยตัว ถ้า
เป็ นผู้ชาย ก็เรียกว่า คุณคนแกร่ง แต่ถา้ เป็ นผู้หญิง
ก็เรียกว่า คุณคนสวย ละกัน สะดวกและง่ายดี’ อวี๋
ตงคิดในใจ
"ยังไงก็ได้" คุณคนแกร่งพูด
"ถ้าอย่างนัน
้ คุณคนแกร่ง คืนนีค
้ ุณมีเรื่องราว
อะไรที่จะมาแบ่งปั นให้พวกเราฟั งไหม?" อวี๋ตงถาม
"ผมอกหัก!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า “นี่
เป็ นการอกหักครัง้ ที่ 15 ของผม"
ขณะนัน
้ มีข้อความจำนวนมากที่บอกว่าพวกเขา
อัศขรรย์ใจจริง ๆ ที่มีคนล้มเหลวในความสัมพันธ์
ถึง 15 ครัง้
แม้จะดึกมากแล้ว แต่ก็ยังมีคนชอบซุบซิบส่ง
ข้อความตอบกลับกันไปมาอยู่มากมาย เธอเลือกที่
จะเพิกเฉยต่อข้อความเหล่านัน
้ "บางทีครัง้
ที่ 16 คุณอาจจะพบรักแท้ของคุณก็ได้"
"ดีเจ คุณก็เป็ นผู้หญิง ผมขอถามคุณหน่อยได้
ไหมว่าผู้ชายแบบไหนที่ผู้หญิงต้องการ?" คุณคน
แกร่งพูดอย่างถือดีเล็กน้อย "ผมคบกับผู้หญิงมา
หลายคนแล้ว แต่ทุกคนก็ทิง้ ผมไป ผมไม่ดีตรงไหน
งัน
้ เหรอ”
"เอ่อ คำถามนีค
้ ่อนข้างยากที่จะตอบ" อวี๋ตงคิด
อยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดไปว่า "ถ้าอย่างนัน
้ คุณลองพูด
ข้อดีของตัวคุณมาก่อน แล้วฉันจะช่วยคุณ
วิเคราะห์"
"ผมคิดว่าผมเป็ นคนใจดีและมีน้ำใจ ผมทำงาน
บ้านเป็ น ผมจะรักภรรยาคนเดียว และทุ่มเท…."
เขาบอกว่าจะรักภรรยาคนเดียว แต่เขาคบกับผู้
หญิงมาแล้วถึง 15 คน…
ทัง้ อวี๋ตงและผู้ฟังจำนวนมากต่างคิดไปในทิศทาง
เดียวกัน และมีข้อความส่งเข้ามาจำนวนมากหลัง
จากจบประโยคนัน

"คุณมีคุณสมบัติที่ดีมาก" อวี๋ตงบอก
"ถ้าอย่างนัน
้ ทำไมพวกเธอถึงได้ทงิ ้ ผม?" คุณคน
แกร่งถามอย่างโกรธจัด
"เอ่อ…ถ้าอย่างนัน
้ ฉันมีคำถามอีก 2-3 ข้อ จาก
มุมมองของผู้หญิงคนหนึ่ง" อวี๋ตงคิดเล็กน้อยแล้ว
ถามว่า "ส่วนสูง น้ำหนัก อายุ การศึกษา อาชีพของ
คุณ?"
"สูง 165 ซม. หนัก 70 กก. เป็ นบัณฑิตวิทยาลัย
อายุ 20 ปี ปั จจุบันเป็ นพนักงานขาย
อสังหาริมทรัพย์"
"จะสะดวกไหมถ้าจะบอกรายได้ประจำปี ของ
คุณ?"
"ด้วยโบนัสการปฏิบัติงานและเงินสนับสนุน ผม
จะมีรายได้ประมาณ 50,000 หยวนต่อปี และผม
สามารถเก็บเงินได้ 30,000 หยวนต่อปี ถ้าผมใช้
จ่ายอย่างประหยัดมากหน่อย"
"เอ่อ…คุณไม่ใช้เงินไปกับการออกเดทเหรอ?" อวี๋
ตงถามพร้อมเหงื่อเย็น ๆ ที่เริ่มไหลลงมา
"ผมใช้เงินซื้อป็ อปคอร์นและตั๋วหนังให้กับพวก
เธอทุกคน แต่หลังจากการดูหนังครัง้ นัน
้ แล้ว พวก
เธอก็ไม่เคยมาพบกับผมอีกเลย ผมเสียเงินค่าตั๋ว
หนังไปถึง 15 ใบแล้ว"
ขณะนัน
้ เอง หน้าแสดงความคิดเห็นของอวี๋ตงก็
คึกคักขึน
้ อีกครัง้ บางคนสงสัยว่า 'พีช
่ ายคนนีก
้ ็ดู
แล้วเป็ นคนมีความสามารถ' บางคนก็บอกว่า 'อาจ
จะเป็ นคนหน้าตาน่าเกลียดที่พยายามทำสิ่งแปลกๆ
เพื่อเรียกร้องความสนใจ' และยังมีข้อความต่าง ๆ
ส่งเข้ามาอีกมากมาย
อวี๋ตงนวดคลึงหน้าผากของเธอ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า "คุณคนแกร่ง ถ้าคุณยัง
ทำแบบนีต
้ ่อไป ฉันมั่นใจว่าผู้หญิงคนที่ 16 ก็ต้องวิ่ง
หนีไปเหมือนกัน"
"ทำไมล่ะ ผู้หญิงไม่ชอบที่ผมดูไม่มีเงิน หรือไม่
ชอบเพราะผมเตีย
้ เกินไป?" คุณคนแกร่งถามอย่าง
ตื่นเต้น
"คุณเยอะเกินไป"
ทันทีที่อวี๋ตงกล่าวจบ ก็มีข้อความชื่นชมเธอ
ปรากฎขึน
้ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เช่น "ดีเจเป็ น
นักรบตัวจริง" , "พรุ่งนีด
้ ีเจจะถูกหักเงินเดือน" , "ใน
ที่สุดก็มีดีเจที่ซ่ ือสัตย์" , "ดีเจบอกว่าเขาตระหนี่"
เดี๋ยวสิ….
"….." คุณคนแกร่งที่สภาวะทางอารมณ์ไม่ค่อยดี
เขาแค่ต้องการที่จะโทรศัพท์มาระบายให้ใครสักคน
ฟั ง เขาคิดเอาเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึน
้ ในรายการ
สาธารณะแบบนี ้ ดีเจจะต้องพยายามปลอบใจเขา
และโอนอ่อนตามเขา แต่กลับกลายเป็ นว่าดีเจทำใน
สิ่งตรงกันข้าม
"ไม่ใช่ว่าคุณสูงไม่พอ แต่ตัวคุณนัน
้ เยอะเกินไป
คุณมีรายได้ปีละ 50,000 หยวน แต่กลับเก็บเงินได้
ถึง 30,000 หยวนต่อปี คุณบอกว่ามีแฟนมา
แล้ว 15 คน แต่คุณก็ยังกล้าพูดว่าคุณจะรักภรรยา
คนเดียว….
…. ขนาด แจ็ค หม่า ก็ยังไม่วางท่าสูงส่งและยิ่ง
ใหญ่เท่าคุณเลย...
"เมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่อย่าง แจ็ค
หม่า แล้ว คุณนับเป็ นอะไร?" อวี๋ตงนึกถึงชีวิตที่แล้ว
ของเธอ ในขณะที่เธอตักเตือนเขาอย่างรุนแรง แต่
ทันใดนัน
้ เธอก็สังเกตเห็นพี่อวี๋กำลังโบกไม้โบกมือ
พร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ
ในที่สุดอวี๋ตงก็นึกได้ว่าเธอกำลังออกอากาศสด
อยู่ เธอจึงรีบเปลี่ยนท่าทีแล้วกล่าวต่อว่า "แต่คุณ
อายุยังน้อยอยู่ ทำไมถึงคิดเรื่องแต่งงานแล้วล่ะ? ใน
เมื่อคุณยังไม่ได้ไปถึงจุดสูงสุดในวิชาชีพของคุณ? ก
ารขายอสังหาริมทรัพย์เป็ นอาชีพที่มีอนาคตที่ดีมาก
ถ้าต่อจากนี ้ คุณทำงานหนักเพื่อเป็ นพนักงานขาย
ยอดเยี่ยมของบริษัท คุณก็อาจมีบริษัทอสังหาเป็ น
ของตนเองได้ภายใน 10 ปี เมื่อคุณเปิ ดบริษัทของ
คุณเองได้ คุณสามารถเลือกจ้างพนักงานในบริษัท
ได้ด้วยตนเอง คุณจะจ้างผู้หญิงสาวๆสวยๆมาเป็ น
พนักงานก็ยังได้ ฉันสัญญากับคุณได้เลยว่า ตอนนัน

คุณจะสามารถคบกับแฟนได้ยาวนานกว่าหนัง 1 เรื่
องแน่นอน ยังไงก็ตามอย่าทำตัวขีเ้ หนียวอีก เงินที่
หามาได้หมายถึงให้นำมาใช้ไม่ใช้นำมาเก็บ ถึงแม้
คนหลายล้านคนจะไม่มีปัญหาเรื่องการเก็บออม
แต่คุณคิดว่าบรรดาเจ้าของบริษัททัง้ หลายเขา
เอาแต่เก็บเงินของพวกเขาเอาไว้เฉยหรือเปล่าล่ะ?"
"….." เงียบ ไม่มีเสียงใดใดตอบกลับมา
"....."
ในแผนกโรคมะเร็งของโรงพยาบาล จู่ ๆ กฌมี
เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วห้อง
เส้าอีฝ
้ านเช็ดน้ำตาก่อนพูดว่า "โอ้ย ฉันชอบดีเจ
คนนี ้ เป็ นฮีโร่ขาโหดตัวจริง"
"….." สีหน้าของเซี่ยเฟิ งดูซับซ้อนเช่นกัน
"ฉันก็ว่ามันดูแปลก ๆ ที่นายมาฟั งรายการวิทยุ
ในเวลาแบบนี ้ รายการนีน
้ ่าสนใจจริง ๆ ฉันจะฟั ง
รายการของเธออีกแน่นอน" เส้าอีฝ
้ านหัวเราะ "ฟั ง
รายการนีค
้ ืนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉัน
หัวเราะไปทัง้ สัปดาห์"
"นายหัวเราะพอหรือยัง?" เซี่ยเฟิ งอดพูดขัดขึน

มาไม่ได้ เมื่อเห็นเส้าอีฝ
้ านหัวเราะไม่หยุด
"ไม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันนึกถึงดีเจคนนี ้ ฉันก็คงอด
หัวเราะไม่ได้ เธอช่างน่าสนใจ" เส้าอีฝ
้ านพูดต่อว่า
"ทุกวันนีด
้ ีเจรายการวิทยุ พิธีกรรายการทีวีก็มักจะ
พูดตามสคริปต์ที่วางไว้ พูดจานอกกรอบนิด ๆ
หน่อย ๆ ก็ไม่ได้ ฉันชอบการพูดตรง ๆ แบบนี ้
จริงๆ"
เซี่ยเฟิ งไม่ตอบ
"แต่ดีเจคนนีจ
้ ะถูกทางสถานีไล่ออกหรือเปล่า?" เ
ส้าอีฝ
้ านหยุดพูดไปเล็กน้อยก็พึมพำมา "ว่าแต่ว่าชื่อ
ดีเจฟั งดูคุ้นๆนะ อวี๋ต้ง หรือ อวี๋ต้ง มันฟั งคล้ายๆชื่อ
เมียนายเลย"
เซี่ยเฟิ งมองจ้องอีกฝ่ ายอย่างว่างเปล่า
"เป็ นไปไม่ได้!" เส้าอีฝ
้ านแปลกใจ "เมียนายจริง
เหรอ?"
"นายคิดว่าไงล่ะ?" เนื่องจากเป็ นห่วงความ
ปลอดภัยของอวี๋ตง เซี่ยเฟิ งจึงติดนิสัยเปิ ดวิทยุฟัง
ตอนเที่ยงคืนเพื่อให้แน่ใจว่าอวี๋ตงจะเดินทางไปถึง
สถานีอย่างปลอดภัย และส่งข้อความถึงเธอตอน
ตี 3 เพื่อถามว่าเธอถึงบ้านหรือยัง
"อ่า เธอคงไม่โดนไล่ออกหรอก บางทีคำพูดของ
เธอในวันนีอ
้ าจสร้างนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คน
ใหม่ในอีก 10 ปี ข้างหน้าก็ได้" เส้าอีฝ
้ านพูด
10 ปี ต่อมา ท่านประธานบริษัทร่างอ้วนก็พาสาว
สวยคนหนึ่งไปยังคฤหาสน์ของเขาในเมือง ขณะนัน

เส้าอีฝ
้ านก็ได้แต่โอดครวญกับคำทำนายอันแม่นยำ
ของตนเอง…
…...
เช้าวันรุ่งขึน
้ อวี๋ตงหลับยาวจนถึงบ่าย 2 เธอเดิน
เข้าไปในห้องครัวอย่างสะลึมสะลือ เธอหลับตา
เอื้อมมือไปหยิบน้ำในตู้เย็น
เซี่ยเฟิ งยืนดูเธอมาสักพักแล้ว เขาส่ายหัวเล็ก
น้อยและดึงอวี๋ตงที่งัวเงียไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วส่งน้ำ
ผสมน้ำผึง้ ให้เธอแก้วหนึ่ง
หลังจากดื่มแล้ว อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกกระปรีก
้ ระเปร่าขึน

เมื่อเห็นเซี่ยเฟิ งเธอจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า
"วันนีค
้ ุณไม่ไปทำงานเหรอ?"
"วันนีเ้ ป็ นวันหยุดน่ะ" เซี่ยเฟิ งเห็นว่าเธอดื่มน้ำ
หมดแล้วจึงรินเพิ่มให้อีกครึ่งแก้ว ขณะพูดว่า "อย่า
นอนมากเกินไป ยิ่งนอนหลับมากสมองก็จะทำงาน
น้อยลง และมีโอกาสที่จะทำงานช้าลงเรื่อยๆ"
"แต่ฉันง่วง!" เซี่ยเฟิ งมองดู อวี๋ตงที่เพิ่งตื่นนอน มี
เสียงขึน
้ จมูกนิด ๆ พร้อมกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง และ
สีหน้าจริงจังนั่น แล้วคิดว่าเธอแบบนีด
้ ูน่ารักมาก
"คุณต้องหัดควบคุมตัวเอง"
"แต่ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้! ถ้าฉันทำไม่ได้คุณก็
จะไม่ชอบฉันเหรอ?"
"ผมแค่เป็ นห่วงสุขภาพของคุณ การทำงานหนัก
และการพักผ่อนเป็ นเวลานานไม่ดีต่อสุขภาพของ
คุณ" เซี่ยเฟิ งกล่าวพร้อมส่ายหัว
"ตราบใดที่คุณไม่เกลียดฉันก็พอ!" อวี๋ตงชำเลือง
มองแล้วยิม

เซี่ยเฟิ งยิม
้ ตาม ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถขัดเธอได้
จึงยื่นมือออกไปขยีผ
้ มที่ยุ่งเหยิงของเธอ
"อ๊า ฉันยังไม่ต่ ืนดี คุณยังมาแกล้งฉันอีก ถ้าต่อไป
ฉันกลายเป็ นคนสมองช้า คุณก็มีแต่ต้องต้องดูแลฉัน
ไปตลอดชีวิตนะ!" อวี๋ตงกล่าวอย่างไม่พอใจ
"แน่นอน ผมจะดูแลคุณเอง!"
อวี๋ตงกระพริบตา คราวนีเ้ ธอตื่นอย่างสมบูรณ์
แล้ว
"คุณหิวหรือเปล่า? อยากกินอะไรไหม?" เซี่ยเฟิ ง
ถาม
"ซี่โครงหมูเปรีย
้ วหวาน!" อวี๋ตงตอบ
"ทำไมคุณถึงชอบอาหารเปรีย
้ ว ๆ หวาน ๆ
นัก? ครัง้ ก่อนเป็ นซี่โครงเปรีย
้ วหวาน คราวนีก
้ ็ยัง
เป็ นซี่โครงหมูเปรีย
้ วหวาน"
"ทำยากเปล่า? ถ้าอย่างนัน
้ ผัดผักก็ได้"
"ไม่ยากหรอก เดี๋ยวผมทำให้ คุณไปล้างหน้าก่อน
เถอะ" เซี่ยเฟิ งลุกขึน
้ เดินไปห้องครัว
อวี๋ตงนั่งยิม
้ มองโต๊ะอาหารอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลูบ
ใบหน้าของตัวเอง ก็พบสัมผัสที่คุ้นเคย คราบ
น้ำลาย เธอก็รีบเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำอย่าง
รวดเร็ว
เมื่อตอนที่อวี๋ตงกลับออกมาที่ห้องนั่งเล่น เสียง
โทรศัพท์ของเซี่ยเฟิ งก็ดังขึน
้ พอดี
"อวี๋ตง หยิบโทรศัพท์มาให้ผมที" เสียงของเซี่ยเฟิ
งดังมาจากในครัว
อวี๋ตงหยิบโทรศัพท์ไปให้เขา แล้วบอกว่า "คุณป้ า
โทรมา"
"แม่ของผม?" เซี่ยเฟิ งถามย้ำ ขณะกำลังทำ
อาหาร "ถ้าอย่างนัน
้ คุณก็ช่วยรับสายให้หน่อยสิ?"
อวี๋ตงเลิกคิว้ และถือโทรศัพท์กลับไปที่ห้องนั่งเล่น
"สวัสดีค่ะ คุณแม่"
"ตงตง วันนีห
้ นูไม่ได้ไปทำงานเหรอ?" เสียงอัน
ร่าเริงของคุณแม่เซี่ยดังมาจากปลายสาย
"ค่ะ วันนีพ
้ วกเราหยุดค่ะ"
"โอ้ แม่คงไม่ได้โทรมาขัดจังหวะการเดทของพวก
ลูกหรอกนะ"
"เปล่าค่ะ พวกเราแค่ทำอาหารกินที่บ้าน"
"ทำอาหารเหรอ? เซี่ยเฟิ งอยู่ในครัวเหรอ?" คุณ
แม่เซี่ยเดา
"ใช่ค่ะ คุณแม่ต้องการคุยกับเขาหรือเปล่า?" อวี๋
ตงเดินเข้าไปในครัวอีกครัง้ และส่งโทรศัพท์ให้
เซี่ยเฟิ ง
ตอนที่เธอเดินเข้ามา เซี่ยเฟิ งก็ปิดเตาพอดี จาก
นัน
้ เขาจึงส่งสัญญาณให้เธอไปจัดโต๊ะอาหารรอก่อน
แล้วยื่นมือไปรับโทรศัพท์มาคุยกับคุณแม่เซี่ย
"ลูกชาย ลูกกับอวี๋ตงทำอาหารอยู่ที่บ้านกันเห
รอ?" คุณแม่เซี่ยถาม
เซี่ยเฟิ งเหลือบมองอวี๋ตง ผู้ที่สามารถทำอาหาร
ทุกอย่างให้มอดไหม้ได้ด้วยการเข้าครัวแล้วตอบไป
ว่า "ครับ เราทำอาหารด้วยกัน"
"ดีแล้ว งานบ้านสมควรจะแบ่งกันทำ" คุณแม่เซี่ย
พูด "แม่ครับ แม่เป็ นคนที่ไม่ควรพูดคำนีท
้ ี่สุด" เมื่อ
ตอนที่เซี่ยเฟิ งยังเด็ก เซี่ยเฟิ งไม่เคยเห็นแม่ของเขา
ทำงานบ้านเลยสักครัง้
"สถานการณ์ของแม่จะเหมือนลูกได้ยังไง?” คุณ
แม่เซี่ยพูด “พ่อของลูกสามารถแต่งงานกับแม่ได้ ก็
เหมือนได้รับพรแห่งความสุขไป 8 ชาติแล้ว ลูกยัง
จะกล้ามาบอกให้แม่ทำงานบ้านอีกเหรอ? ยังไง
ก็ตามผู้หญิงควรจะได้รับการเอาอกเอาใจจากสามี
ของเธอ”
"ครับ แล้วผมจะเรียนรู้จากพ่อ" เซี่ยเฟิ งยิม

"อ้อ แม่เกือบลืมไป แม่โทรมาถามว่า เมื่อไหร่
พวกเราจะได้เจอกับพ่อแม่ของอวี๋ตง พวกลูก 2 คน
แต่งงานกันแล้ว แต่ทัง้ สองครอบครัวยังไม่เคยได้
พบหน้ากันเลย" คุณแม่เซี่ยพูด "รีบนัดเจอกับพวก
เขาเร็วๆ โอ้ ถามพวกเขาด้วยว่าพวกเขาชอบอะไร
พ่อกับแม่สะดวกไปพบกับพวกเขาตลอดเวลา ถ้า
เกิดอวี๋ตงท้องขึน
้ มาแต่พวกเราสองครอบครัวยังไม่
เคยเจอหน้ากัน มันดูเสียมารยาทมาก"
"…." เซี่ยเฟิ งหันไปมองอวี๋ตงอีกครัง้ ก่อนจะรีบ
เดินออกไปที่ระเบียงและตอบว่า "รู้แล้วครับ ผมจะ
ปรึกษากับอวี๋ตงเรื่องนีอ
้ ีกที แต่ยังไงตอนนีแ
้ ม่ควร
พักฟื้ นร่างกายให้แข็งแรงก่อนนะครับ"
"อีกอย่าง ผมกับอวี๋ตงก็ยังไม่อยากมีลูกตอนนี"้
เซี่ยเฟิ งพูดอย่างรู้สึกผิด
"หือ?" คุณแม่เซี่ยผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด "ก็ได้ ตง
ตงยังเด็กอยู่ เธอคงไม่รีบจริง ๆ แต่ลูกก็อย่าลืมหา
เวลาไปพบกับพ่อแม่ของเธอล่ะ"
หลังจากเขาตอบตกลงก็วางสายทันที เมื่อกลับ
เข้ามาในห้องเขาก็เห็นอาหารที่ถูกจัดวางไว้
เรียบร้อยแล้วพร้อมกับอวี๋ตงที่กำลังรอเขาอยู่
"ทำไมคุณไม่กินไปก่อน?"
"อาหารร้อนเกินไปฉันรอให้มันเย็นลงหน่อยก่อน
ค่อยกิน" เมื่อเห็นเซี่ยเฟิ งนั่งลงแล้ว อวี๋ตงก็เลื่อน
จานแคนตาลูปไปทางเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงพึง
พอใจว่า "นี่ ลองชิมแคนตาลูปเย็น ๆ ที่ฉันทำดูสิ"
เซี่ยเฟิ งหยิบขึน
้ มากัดอย่างกระตือรือร้นแล้วพูด
ว่า "รสชาติดี อืม เกือบจะเทียบกับฝี มือเชฟใน
โรงแรมระดับห้าดาวเลย"
แคนตาลูปจากฝี มือเชฟในโรงแรมระดับห้าดาว
หรือแม่ค้าในตลาด มันก็แคนตาลูปที่ปลูกอยู่ในไร่
เหมือนกันไม่ใช่เหรอ เฮอะ แตกต่างกันตรงไหน?
"อย่าคิดว่าฉันไม่ร้ว
ู ่าคุณพูดประชดฉัน" อวี๋ตงพูด
อย่างไม่พอใจนิดหน่อย
"ฮ่าฮ่า อย่าโกรธเลย!" เซี่ยเฟิ งหัวเราะ "แม้ว่า
ทักษะการทำอาหารของคุณจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่
ผมก็สงสัยว่าจะมีเชฟในโรงแรมระดับห้าดาวที่สวย
เหมือนคุณหรือเปล่า"
อวี๋ตงอยากกู่ร้องออกมาดังดังว่า แม่ ลูกเขยของ
แม่พูดจาโรแมนติกเป็ นแล้ว!!!
ตอนที่ 11 ภรรยาของนายต้องการจะดึงตัว
นายมาเดท

หลังจากพากย์เสียงฉากสุดท้ายจบ อวี๋ตงก็เดิน
ออกจากห้องอัดพร้อมบทพากย์ในมือ เธอบังเอิญ
เห็นเซียงเสี่ยวเยว่เอาขาไขว้ไว้บนโต๊ะพลางกัดแอ
ปเปิ ้ ลคำโต อวี๋ตงส่ายหน้าพลางพูดว่า "เธอไม่คิดจะ
รักษาภาพลักษณ์ของบอสใหญ่หน่อยเหรอ”
“คนอื่น ๆ กลับกันไปหมดแล้ว ทัง้ ออฟฟิ ศก็
เหลือแค่ฉันกับเธอ จะต้องรักษาภาพพจน์อะไรอีก
ตอนอยู่มหาวิทยาลัยเธอเคยเห็นแม้กระทั่งฉันใส่ชุด
ชัน
้ ใน” เสี่ยวเยว่ย่ น
ื แอปเปิ ้ ลให้อวี๋ตง
อวี๋ตงมองแอปเปิ ้ ลลูกใหญ่ที่เสี่ยวเยว่ส่งให้ แล้วก็
รู้สึกปวดกรามขึน
้ มาทันที ดังนัน
้ เธอจึงส่ายหน้า
แล้วนั่งลงบนโซฟาข้างเสี่ยวเยว่ “นี่ ในอนาคตเธอ
ช่วยหาบทละครที่มันดีกว่านีไ้ ด้ไหม ดูความน้ำเน่า
ของละครเรื่องนีส
้ ิ ฉันเกือบอาเจียนตัง้ หลายครัง้
ตอนที่พากย์มัน”
“ฮ่าฮ่า…นั่นเป็ นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่พากย์
เอง” เซียงเสี่ยวเยว่กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าครัง้ หน้าเป็ นบทละครน้ำเน่าแบบนีอ
้ ีกละก็
เธอต้องจ่ายค่าจ้างให้ฉันเพิ่มด้วย” อวี๋ตงพูดอย่าง
กึ่งหยอกกึ่งจริง
“อืม มีอีกงานจริง ๆ น่าจะชื่อเรื่อง ‘พีช
่ ายที่รัก’
ถ้าเธอยินดีที่จะพากย์เป็ นตัวนางเอก ฉันจะเพิ่มค่า
คอมมิชชั่นให้เธอเป็ น 2 เท่า”
“ไสหัวไปซะ” แค่ได้ยินชื่อเรื่องเธอก็อยาก
อาเจียนแล้ว
เซียงเสี่ยวเยว่หัวเราะ และกัดแอปเปิ ้ ลคำสุดท้าย
แล้วพูดว่า “อืม ยังพอมีเวลา พวกเราไปชอปปิ ้ ง
กัน”
อวี๋ตงหันไปมองนาฬิกาก็เห็นว่าตอนนีเ้ พิ่งจะบ่าย 
3 จึงพยักหน้าอย่างมีความสุข
เซียงเสี่ยวเยว่ขับรถ BMW สีแดงของเธอ ผ่าน
ห้างสรรพสินค้าไปหลายต่อหลายแห่ง เธอขับตรง
มาตลอดทางจนอวี๋ตงอดไม่ได้ที่ถามว่า“คุณหนู คุณ
จะขับรถไปชอปปิ ้ งที่ไหน?”
“ฉันกำลังจะพาเธอไปที่สตูดิโอส่วนตัว” เซียว
เสี่ยวเยว่พูดขณะขับรถ “เสื้อผ้าที่วางขายในห้าง
เดี๋ยวนี ้ ใส่ได้ครัง้ เดียวก็ไม่สามารถใส่ซ้ำได้อีกแล้ว
คุณภาพแย่เกินไป”
“โอเค งัน
้ ฉันจะตามไปเรียนรู้เพิ่มเติมจากเธอ
แล้วกัน” รสนิยมของเซียงเสี่ยวเยว่นัน
้ ดีมากมา
ตลอด อวี๋ตงจึงวางใจ
“ตอนที่เราไปถึง เธอก็เลือกชุดสักสองชุด เพื่อใส่
ไปงานหมัน
้ ของซินซิน ในเดือนหน้าด้วยนะ”
“ซินซิน?” อวี๋ตงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจาก
นึกออก เธอก็ถามกลับอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “เริน
ซินซินเหรอ?”
“ใช่ ทำไมเธอดูประหลาดใจนัก ซินซินไม่ได้เชิญ
เธอเหรอ?” เซียงเสี่ยวเยว่ถามอย่างสงสัย
เชิญเหรอ? อวี๋ตงจำได้ว่าเธอได้รับเชิญ แต่ใน
ตอนนัน
้ เธอยังทำใจไม่ได้เรื่องการเลิกรากับฝางฮัว
เธอจึงไม่ได้ไปร่วมงาน หลังจากนัน
้  2 ปี เธอก็ได้ยิน
ว่าเรินซินซินฆ่าตัวตาย
อวี๋ตงไม่ได้ยินชื่อนีม
้ า 7 หรือ 8 ปี แล้ว
“ทำไมทำหน้าแบบนัน
้ ? ฉันพูดอะไรผิดไปเห
รอ?”
อวี๋ตงกลับสู่ปัจจุบันอีกครัง้ เธอยิม
้ แล้วพูดว่
า “เปล่า ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดว่า ในบรรดาพวกเรา
สามคน ฉันคบกับแฟนมานานที่สุดแล้ว แต่ฉันกับ
เขาก็เลิกกันหลังเรียนจบ ส่วนเธอมีแฟนมานับไม่
ถ้วนและตอนนีก
้ ็กลายเป็ นแฟนเก่าไปหมดแล้ว
สำหรับซินซินเธอไม่เคยมีแฟนเลยในตอนที่เรียนอยู่
มหาวิทยาลัยแต่ตอนนีเ้ ธอกลับเป็ นคนแรกที่จะได้
แต่งงาน”
“แฟนนับไม่ถ้วนอะไร? เธอพูดเกินจริงไป”
“เธอมีแฟนมาแล้วกี่คน เธอบอกได้หรือเปล่า?”
“เดี๋ยวสิ ฉันไม่เคยนับมัน” เซียงเสี่ยวเยว่คิดอยู่
พักหนึ่ง แล้วก็พบว่าเธอจำจำนวนที่แน่นอนไม่ได้
“นับไม่ถ้วน” อวี๋ตงเยาะเย้ย
“แต่ซินซินจะเป็ นคนที่ไม่เคยมีแฟนได้ยังไง?” เซี
ยงเสี่ยวเยว่พูด “ฉันได้ยินมาว่าเธอกับคู่หมัน
้ ของ
เธอเป็ นคู่รักวัยเด็ก!”
“หึ ฉันไม่เคยเห็นคนรักของซินซินเลยตลอด 4 ปี
ที่อยู่มหาวิทยาลัย?” อวี๋ตงกล่าวอย่างเยาะเย้ย
“ฉันคิดว่าเธอคงไม่อยากจะพูดถึงมันตอนที่พวก
เรายังเรียนอยู่ ยังไงก็ตามมันไม่มีประโยชน์ที่จะมา
คิดเกี่ยวกับเรื่องนี ้ ตอนนีพ
้ วกเราก็เรียนจบกันหมด
แล้ว พวกเราคงจะได้เห็นเขาเองตอนไปร่วมงาน
หมัน
้ ในเดือนหน้า” เซียงเสี่ยวเยว่เห็นร้านอยู่ไม่ไกล
จึงชะลอรถลงและหยุดรถเมื่อถึงร้าน
“ถึงแล้วเหรอ?” อวี๋ตงมองไปรอบๆอย่างสงสัย
แล้วก็พบว่าพวกเธอกำลังอยู่ในย่านที่พักอาศัยอัน
เงียบสงบ
“ดีไซเนอร์คนนีเ้ ป็ นที่ร้จ
ู ักกันดีในจีน บางครัง้ เรา
อาจพบคนดังสักคนสองคนในร้ายโดยบังเอิญ” เซี
ยงเสี่ยวเยว่พาอวี๋ตงเดินไปที่สตูดิโอ
ขณะเดิน เธอก็ชมทิวทัศน์โดยรอบ สวนที่จัดไว้
ด้านนอกนัน
้ ค่อนข้างประณีตและสวยงาม
“บัดซบ!” เซียงเสี่ยวเยว่สบถ “โลกกลมจริง ๆ”
“เกิดอะไรขึน
้ ?” อวี๋ตงหันกลับไปมองอย่างสงสัย
ก็เห็นว่ามีคนสองคนนั่งอยู่ข้างในสตูดิโอ ดูเหมือน
ว่าห้องเสื้อแห่งนีจ
้ ะมีแขกอยู่สองสามคน หนึ่งใน
นัน
้ ก็คือฝางฮัว แฟนเก่าของอวี๋ตง
“กลับเถอะ เราค่อยมาใหม่วันหลัง” เสี่ยวเยว่
กล่าวขึน
้ มาในทันที
“มานี่ เธอจะจากไปทำไม?” อวี๋ตงพูดอย่างไม่
แยแสแล้วก้าวเข้าไปข้างใน
“อวี๋ตง?” คนแรกที่สังเกตเห็นอวี๋ตงไม่ใช่ฝางฮัว
แต่เป็ นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่อวี๋ตงจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร
ฝางฮัวได้ยินเสียงของเหลยเจิน
้ ก็หันไปมองตาม
เสียง เมื่อเห็นว่าเป็ นอวี๋ตงเขาก็ขมวดคิว้ อย่างไม่
พอใจทันที
“สีหน้าของนายดูไม่ค่อยดีนะ? ถ่ายไม่ออกเห
รอ?” เธอยังไม่ชักสีหน้าใส่เขาเลย เขายังกล้ามาชัก
สีหน้าแบบนีใ้ ส่เธออีก
“ฮ่าฮ่า!”
“อุ๊บบ!”
เหลยเจิน
้ และเซียงเสี่ยวเยว่หัวเราะขึน
้ มาพร้อม
กัน
“เธอ….” ฝางฮัวหน้าแดงและชีไ้ ปที่อวี๋ตงอย่าง
ไม่ร้จ
ู ะพูดอะไร
“ฉันไม่ได้เจอนายไม่กี่วัน ตอนนีน
้ ายชีห
้ น้าด่า
ผู้คนได้คล่องแคล่วแล้วนี่” อวี๋ตงชมเชยเขา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เซียงเสี่ยวเยว่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
พลางตบไหล่อวี๋ตง ส่วนเหลยเจิน
้ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็
ไม่ร้ว
ู ่าควรทำอย่างไร อับอายก็อับอายแต่อยาก
หัวเราะก็อยากแต่ก็ไม่กล้า จึงทำได้แต่กลัน
้ หัวเราะ
“อวี๋ตง อย่าให้มันมากเกินไปนะ!”
อวี๋ตงไม่สนใจฝางฮัวอย่างสิน
้ เชิง และหันไปหาเซี
ยงเสี่ยวเยว่พลางกล่าวว่า “เธอกินอะไรมาเนี่ย? มือ
หนักจริงๆ”
ฝางฮัวยิ่งโกรธมากขึน
้ เมื่อเห็นว่าอวี๋ตงไม่สนใจ
เขาเลย เขาต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เหลยเจิ ้
นก็ดึงเขาเอาไว้ก่อน และเอ่ยว่า “อย่าส่งเสียงดัง
เรากำลังรอพี่อันน่าเลือกเสื้อผ้าอยู่นะ”
ฝางฮัวจึงข่มอารมณ์ไว้
“พวกเธอก็มาซื้อเสื้อผ้าเหมือนกันเหรอ?” เหลย
เจิน
้ ถามสาวๆพร้อมรอยยิม

“ใช่” เซียงเสี่ยวเยว่ตอบ เธอรู้จักกับเหลยเจิน
้ ดี
“ฉันได้ยินว่านายทำงานที่สถานีโทรทัศน์?”
“ใช่ ฉันแค่บังเอิญโชคดี” เหลยเจิน
้ พูดอย่างถ่อม
ตัว จากนัน
้ ก็หันไปหาอวี๋ตงที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา
และกล่าวชมเธอว่า “ไม่เจอเธอมาพักใหญ่ อวี๋ตง ดู
เธอสวยขึน
้ นะ”
อวี๋ตงคิดอยู่นานแต่ก็ยังจำไม่ได้ว่าผู้ชายคนนีเ้ ป็ น
ใคร บางทีเขาอาจจะเป็ นเพื่อนคนหนึ่งของไอ้คน
สารเลวนั่น เธอจึงตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ขอบคุณ
แต่ฉันต้องเตือนนายหน่อยนะ ผูช
้ ายที่ขา้ งๆนาย
เป็ นจอมหลอกลวง นายไม่จำเป็ นต้องซื้อของขวัญ
อะไรให้เขา เงินของนายเก็บเอาไว้ซ้ือเสื้อผ้าให้ตัว
เองจะดีกว่า”
“หมายความว่ายังไง? ฉันไปหลอกให้เธอซื้อของ
ให้เมื่อไหร่กัน?” ฝางฮัวพูดอย่างโกรธเคือง “ของที่
เธอซื้อให้ฉัน ฉันก็จ่ายคืนไปแล้ว ตอนที่เลิกกันไม่ใช่
รึไง?”
“โอ้ ฉันคิดว่าเงิน 10,000 หยวนนัน
้ เป็ นเงิน
ชดเชยและของขวัญจากลาซะอีก?” อวี๋ตงพูด
เหมือนพึ่งนึกขึน
้ ได้
“เธอ…” ไม่ว่าจะเป็ นการจ่ายเงินคืนอวี๋ตงหรือ
เป็ นเงินชดเชยในการจบความสัมพันธ์ มันก็ไม่ได้ฟัง
ดูดีเลย
เหลยเจิน
้ ที่เห็นว่าฝางฮัวไม่ใช่คู่มือของอวี๋ตง จึง
เดินไปแยกทัง้ คู่ออกจากกันแล้วรีบพูดกับอวี๋ตงว่า
“อย่าสนใจเราเลย พวกเธอไปเลือกเสื้อผ้าตรงนัน

ก่อนเถอะ?”
“ฮ่าฮ่า! ดูท่าทางโง่ ๆ ของเขาสิ!” เซียงเสี่ยวเยว่
กล่าวอย่างมีความสุข
หลังจากเห็นหญิงสาวสองคนเดินคุยกันเข้ามา
พนักงานในร้านก็เดินเข้ามาหาพวกเธอ แล้วถามว่า
พวกเธอต้องการดูเสื้อผ้าแบบไหน
“คอลเลคชั่นใหม่ของทางร้านอยู่ตรงไหน?” เซี
ยงเสี่ยวเยว่ตอบอย่างคุ้นเคย
“ตามฉันมาทางนีค
้ ่ะ!” พนักงานพาสองสาวเดิน
ไปยังอีกฝั่ งหนึ่งของสตูดิโอ แล้วพูดว่า “นี่เป็ น
คอลเลคชั่นใหม่ของเราค่ะ ถ้าคุณสนใจ สามารถ
ลองชุดได้ที่ห้องแต่งตัวทางด้านนัน
้ นะคะ และถ้ามี
อะไรเรียกดิฉันได้นะคะ”
สองสาวพยักหน้ารับ แล้วพนักงานก็เดินออกไป
สตูดิโอส่วนตัวแบบนีม
้ ักจะไม่จำเป็ นต้องเสนอขาย
สินค้าให้ลูกค้า พนักงานมักจะให้ลูกค้าได้เลือกชม
สินค้าอย่างอิสระ และจะมาให้บริการเมื่อลูกค้า
ต้องการเท่านัน

เซียงเสี่ยวเยว่เลือกชุดได้ 3 ชุดอย่างรวดเร็ว ส่วน
อวี๋ตงก็หยิบมา 2 ชุด พวกเธอกำลังเดินเข้าไปลอง
ชุดในห้องแต่งตัว ก็สวนเข้ากับสาวสวยที่ดูอ่อน
หวานคนหนึ่ง
“นั่นคือหลี่อันน่า พิธีกรรายการโทรทัศน์” เซียง
เสี่ยวเยว่เอ่ยขึน
้ อย่างกะทันหัน
“ผู้หญิงที่เพิ่งจะเดินออกไปน่ะเหรอ?” อวี๋ตง
พยักหน้าแล้วพูดต่อ “ไม่แปลกใจเลย เธอดูดีมี
ระดับ”
“เธอโง่จริง ๆ? คิดก่อนสิ!” เซียงเสี่ยวเยว่กล่าว
ต่อว่า “ฝางฮัวกับผู้หญิงคนนัน
้ อยู่สถานีโทรทัศน์
เดียวกัน ฉันได้ยินมาว่าพิธีกรคู่หูของหลี่อันน่า เพิ่ง
ถูกจับในข้อหาใช้ยาเสพติด ดูเหมือนว่าทางสถานี
กำลังมองหาพิธีกรคู่หูคนใหม่ให้เธอ”
“ที่เธอพูดมาหมายถึง ทางสถานีอาจจะเลือกฝาง
ฮัวเป็ นพิธีกรคู่หูคนใหม่ของหลี่อันน่า?” อวี๋ตงกล่าว
ว่า “แม้แต่รายการพยากรณ์อากาศเขาก็อาจทำตัว
โง่เขลาออกมา ฉันว่าไอคิวของเขาไม่เพียงพอ!”
“เธอร้ายกาจเกินไปแล้ว!” เซียงเสี่ยวเยว่อดไม่
ได้ที่จะสมเพชคนสารเลวนั่นเล็กน้อย
“ไปลองชุดเถอะ!” อวี๋ตงไม่สามารถพูดออกมา
ได้ว่าตัวเธอย้อนเวลากลับมา และเธอไม่เคยเห็น
ฝางฮัวจัดรายการทีวีคู่กับหลี่อันน่าเลย
อวี๋ตงลองชุดไป 2 ชุด และในที่สุดเธอก็เลือกชุดสี
ฟ้ า มันดูสดชื่นและทำให้เธอดูสดใส สะดุดตา
“ชุดนัน
้ เหมาะกับคุณ!”หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวชม
เธอ
อวี๋ตงหันไปตามเสียงก็เห็นว่าเป็ นหลี่อันน่าที่ชม
เธอ อวี๋ตงจึงพยักหน้าให้และตอบอย่างสุภาพว่า
“ขอบคุณ ชุดของคุณก็เหมาะกับคุณเช่นกัน”
ฝางฮัวมองอวี๋ตงด้วยสายตาตกตะลึง เป็ นไปได้
ไหมว่าเขาไม่เคยสังเกตเลยว่าจริงๆแล้วอวี๋ตงน่ารัก
แค่ไหน?
“มันเหมาะกันเธอมาก!” เหลยเจื้นอุทานออกมา
อวี๋ตงยิม
้ ตอบแต่ไม่ได้พูดอะไร นอกจากเหลย
เจิน
้ แล้วฝางฮัวเองก็คิดว่าเธอดูดี แต่เขาไม่กล้าพูด
ออกมา เขากลัวว่าอวี๋ตงจะพูดจาดูถูกเขาต่อหน้าพี่
อันน่า
“ตงตง ฉันใส่ชุดนีห
้ รือว่าชุดลายดอกกุหลาบดูดี
กว่ากัน?” เซียงเสี่ยวเยว่เปิ ดม่านห้องแต่งตัวและ
ทาบกระโปรงลายดอกกุหลายลงบนตัวเพื่อเปรียบ
เทียบ
“ลายดอกกุหลาบ!” อวี๋ตงบอก
“มันไม่เด่นเกินไปเหรอ?” เซียงเสี่ยวเยว่ลังเล
เล็กน้อย ดอกกุหลาบขนาดใหญ่บนกระโปรงนั่นดู
น่ารักมากจริง ๆ แต่เธอก็กลัวว่าเธอจะถูกลวดลาย
ของชุดกลบหมด
“ไม่” อวี๋ตงกล่าวว่า “ความสวยของเธอไม่ถูก
กลบด้วยกระโปรงนั่นหรอก”
“ก็ได้ ฉันจะไปลองอีกรอบ” สำหรับเซียงเสี่ยว
เยว่รสนิยมทางแฟชั่นของ อวี๋ตงนัน
้ ไม่น่าเชื่อถือเลย
สักนิด แต่เมื่อเร็วๆนีร้ สนิยมของอวี๋ตงกลับดีขึน
้ มาก
เธอจึงลองเชื่ออวี๋ตงดู
เมื่อผ้าม่านเปิ ดออกอีกครัง้ ก็พบเซียงเสี่ยวเยว่ที่
สง่างามในชุดลายดอกกุหลาบ ลายกุหลาบขนาด
ใหญ่บนกระโปรงนัน
้ ทำให้เธอดูอบอุ่นและงดงาม
ชายหนุ่ม 2 คนเบิกตากว้าง แม้แต่หลี่อันน่าก็อด
ไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม “เธอพูดถูก คุณใส่ชุดนีแ
้ ล้ว
คุณดูสวยมาก!”
เซียงเสี่ยวเยว่พอใจมากและรีบเดินไปหาอวี๋ตง
“ฉันจะซื้อชุดนี”

พนักงานของร้านเดินเข้ามา และถามว่า “คุณ
ลูกค้าต้องการใส่ชุดนีอ
้ อกไปเลย หรือว่าให้ใส่ถุง
คะ?”
“ฉันจะใส่มันไปเลย” หลังจากพูดกับเซียงเสี่ยว
เยว่แล้ว พนักงานก็หันไปถามอวี๋ตง “คุณลูกค้าจะ
รับชุดนัน
้ ด้วยหรือเปล่าคะ?”
อวี๋ตงพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับเสี่ยวเยว่ว่า
“ช่วยฉันจ่ายชุดนีด
้ ้วย หักจากเงินค่าคอมมิชชั่น
ของฉัน”
เซียงเสี่ยวเยว่ตกลงพร้อมส่งบัตรธนาคารของเธอ
ให้กับพนักงาน
“ช่วยจัดการของฉันด้วย จัดเสื้อผ้าทัง้ หมดที่ฉัน
ลองใส่ถุงให้ด้วย” หลี่อันน่าส่งบัตรธนาคารของเธอ
ให้พนักงานและหันไปพูดกับฝางฮัวและเหลยเจิน
้ ว่า
“เสื้อผ้าที่สตูดิโอนีด
้ ีมากจริงๆ ขอบคุณที่พาฉันมา”
“ยินดีครับ เป็ นทางผ่านของพวกเราอยู่แล้ว”
ฝางฮัวรีบตอบ
เหลยเจิน
้ พยักหน้าด้วยรอยยิม

บริเวณโซนเครื่องประดับ เซียงเสี่ยวเยว่กระซิ
บกับอวี๋ตงว่า “ดูสิ พวกเขาประจบเธอน่าดู”
ตัง้ แต่พวกเธอมาที่นี่ อวี๋ตงไม่ได้ทำอะไรนอกจาก
ดูถูกฝางฮัวในทุกๆโอกาส แต่เมื่ออวี๋ตงเห็นแบบนัน

เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่ยิม
้ และหยิบต่างหู
มาลอง และถามเสี่ยวเยว่ว่า “ดูดีไหม?”
“ดี เข้ากับชุดของเธอเลย!” เซียงเสี่ยวเยว่มอง
อยู่ครู่หนึ่งก่อนออกความเห็นว่า “สร้อยคอจะทำให้
ทัง้ ชุดสมบูรณ์”
พนักงานกลับมาพร้อมส่งถุงใส่สินค้าที่ดูเรียบหรู
ให้กับหญิงสาวทัง้  3 คน หลี่อันน่ารับถุงของเธอ
แล้วเดินจากไป แต่ก่อนไปเธอก็ไม่ลืมหันมาพยัก
หน้าให้สองสาว
เหลยเจิน
้ ยิม
้ ให้และเดินตามเธอออกไป ฝางฮัว
เป็ นคนสุดท้ายที่จากไป และเมื่อเขาเดินผ่านอวี๋ตง
เขาก็มองเธอเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ก็ไม่ได้พูด
อวี๋ตงจ่ายเงินค่าต่างหู และเดินไปยังที่จอดรถ
เดิมทีพวกเธอตัง้ ใจจะไปทานอาหารเย็นด้วยกัน
ต่อ แต่เมื่อขับรถไปได้ครึ่งทาง เสี่ยวเยว่ก็ถูกแม่โทร
มาเรียกตัว เธอจึงปล่อยอวี๋ตงไว้กลางทาง
อวี๋ตงมองไปรอบๆแล้วก็พบว่าเธออยู่ใกล้ๆกับ
โรงพยาบาลที่เซี่ยเฟิ งทำงานอยู่ เธอนึกถึง 2-3 วัน
ที่ผ่านมา เซี่ยเฟิ งทำงานกะกลางวัน ทุกวันเธอออก
ไปทำงานเซี่ยเฟิ งก็เพิ่งจะกลับถึงบ้าน ตอนที่เธอตื่น
นอนเซี่ยเฟิ งก็ออกไปทำงานแล้ว หลายวันแล้วที่ทัง้
คู่ไม่ได้นั่งคุยกัน
ดังนัน
้ อวี๋ตงจึงไปที่โรงพยาบาล หยิบโทรศัพท์
ออกมาเพื่อโทรหาเซี่ยเฟิ ง แต่แล้วเธอก็นึกขึน
้ ได้ว่า
เขาอาจจะกำลังยุ่งอยู่และกลัวว่าจะเป็ นการรบกวน
จึงเปลี่ยนเป็ นส่งข้อความแทน
[คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า?]
อวี๋ตงรออยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่มีข้อความตอบกลับมา
เธอคิดว่าเขาคงจะยุ่งมาก อวี๋ตงมองไปรอบๆ แล้วก็
เห็นร้านน้ำชาอยู่ริมถนน เธอจึงเดินไปสั่งชานมแก้ว
หนึ่งแล้วรอข้อความตอบกลับอย่างใจเย็น
ประมาณ 20 นาทีต่อมา เซี่ยเฟิ งก็ส่งข้อความ
กลับมา
[เพิ่งตรวจคนไข้เสร็จ]
[ไปทานอาหารเย็นด้วยกันไหม? ฉันอยู่ใกล้ๆโรง
พยาบาลของคุณ…]
อวี๋ตงมองไปรอบๆก็เห็นร้านอาหารตะวันตกอยู่
ที่ถนนฝั่ งตรงข้าม จากนัน
้ เธอก็พิมพ์ส่งไปว่า
[มีร้านอาหารฝรั่งอยู่ใกล้ๆ พวกเรากินสเต็กกัน
ไหม]
[คุณกินไปก่อนเลย ตอนนีท
้ ี่โรงพยาบาลค่อนข้าง
ยุ่ง ผมกลัวว่าจะต้องวิ่งกลับมาหลังจากกินไปได้ครึ่ง
เดียว]
อวี๋ตงจิบชานมของเธอและครุ่นคิดเล็กน้อยก่อน
ส่งข้อความกลับไป
[อันที่จริง ฉันลืมเอาเงินมา]
[รอผมอยู่ที่นั่น]
คราวนีเ้ ซี่ยเฟิ งรีบตอบรับทันที อวี๋ตงยิม
้ อย่าง
ยินดีแล้วเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารพร้อมถุงช้อป
ปิ ้ งในมือ

ที่โรงพยาบาล
เส้าอีฝ
้ านเห็นว่า เซี่ยเฟิ งถอดเสื้อกาวน์และกำลัง
จะออกไปข้างนอก จึงถามขึน
้ ด้วยความประหลาด
ใจว่า “นายจะกลับแล้วเหรอ?”
“เปล่า อวี๋ตงกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารฝั่ งตรงข้าม
แต่เธอลืมเอาเงินมา ฉันจะไปจ่ายเงินให้เธอ”
เซี่ยเฟิ งอธิบาย
“โอ้!”
ทันใดนัน
้ ก็มีพยาบาลคนหนึ่งมาเคาะประตูห้อง
ของพวกเขาแล้วบอกว่า “คุณหมอเซี่ย ผู้อำนวย
การต้องการคุยกับคุณ”
“ผมรู้แล้ว ขอบคุณ” เซี่ยเฟิ งรับทราบ แต่จู่ๆก็
นึกถึงเรื่องอวี๋ตง ทำให้เขาลังเล
“ผู้อำนวยการเรียกนายไปพบเหรอ? นั่นจะต้อง
เป็ นเรื่องโครงการแลกเปลี่ยนกับโรงพยาบาลเอ็ด
วาร์ดแน่เลย ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาจะประกาศราย
ชื่อภายใน 2 วันนี”
้ เส้าอีฝ
้ านดูต่ ืนเต้นยิ่งกว่า
เซี่ยเฟิ ง “ทำไมนายยังยืนอยู่ตรงนีอ
้ ีก? รีบไปที่หาผู้
อำนวยการสิ”
“ฉันต้องโทรบอกอวี๋ตงก่อน”
“ทำไมนายไม่เอาเงินมาให้ฉันแทนล่ะ ฉันจะไป
หาเธอแทนนายเอง” เส้าอีฝ
้ านรู้สึกว่าตัวเขาช่าง
เป็ นเพื่อนที่ดีอะไรขนาดนี ้
ดังนัน
้ การรอคอยอย่างกระตือรือร้นของอวี๋ตงก็
จบลงด้วยการเจอเส้าอีท
้ ี่เดินมาหาเธอราวกับนกยูง
รำแพน
เมื่อมาถึงที่รา้ นอาหาร เส้าอีฝ
้ านก็ร้ส
ู ึกว่าผู้หญิง
คนนีส
้ วยขึน
้ ทุกครัง้ ที่ได้พบกัน วันนีก
้ ารแต่งหน้า
ของเธอ ดูสดใสและประณีตกว่าครัง้ ก่อน เขาอดไม่
ได้ที่จะลอบถอนหายใจ พลางคิดในใจว่าเซี่ยเฟิ ง
โชคดีมากที่เลือกผู้หญิงคนนีม
้ าเป็ นภรรยา เธอไม่
เพียงอ่อนโยนและกตัญญูเท่านัน
้ แต่เธอยังดูนิสัยดี
อีกด้วย
“สวัสดี คุณจำผมได้ไหม เราเคยพบกันแล้ว ผม
เป็ นเพื่อนร่วมงานของเซี่ยเฟิ ง ชื่อเส้าอื้ฝาน”
เส้าอีฝ
้ านเคยพบอวี๋ตงหลายครัง้ เพราะแต่ทุก
ครัง้ ที่พบเธอก็คือตอนที่เธอมาเยี่ยมแม่ของเซี่ยเฟิ ง
ที่โรงพยาบาล ซึ่งเธอมาเยี่ยมคุณป้ าทุกวันที่ท่านยัง
อยู่โรงพยาบาล
“แล้วเซี่ยเฟิ งอยู่ที่ไหนคะ?”
“เซี่ยเฟิ งติดธุระด่วน เขาขอให้ผมมาช่วยจ่ายค่า
อาหารให้คุณ” เส้าอีฝ
้ านพูด
“เขาไปตรวจคนไข้เหรอ?”
“เปล่า ผู้อำนวยการเพิ่งจะเรียกตัวเขาไปคุยเรื่อง
บางอย่างด้วย” เส้าอีฝ
้ านบอก “เขาเป็ นห่วงคุณ
ดังนัน
้ ผมก็เลยอาสามาแทน คุณทานเสร็จหรือ
ยัง? พวกเราจ่ายเงินตอนนีเ้ ลยไหม?”
อวี๋ตงมองเส้าอีฝ
้ านแล้วยกยิม
้ ที่มุมปาก
“คุณผู้หญิงจะสั่งอาหารเลยไหมคะ” พนักงาน
เสิร์ฟเดินเข้ามาถาม
“ไม่ต้องแล้วค่ะ คิดเงินค่าเครื่องดื่มก็พอ” ขณะ
ที่พูดเธอก็ย่ ืนธนบัตร 100 หยวนไปให้พนักงาน
เสิร์ฟ
เส้าอีฝ
้ านกระพริบตาปริบ ๆ มองไปตามมือของ
พนักงานเสิร์ฟ เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย “คุณ…คุณ
พกเงินมา”
“คุณหมอเส้า ครัง้ ต่อไปตอนที่ฉันชวนสามีของ
ฉันมาทานอาหารเย็นด้วย คุณไม่จำเป็ นต้องกระตือ
ร้นที่จะทำหน้าที่แทนเขาหรอกนะ”
เซี่ยเฟิ ง …ภรรยาของนายต้องการจะดึงตัวนาย
มาเดท นายรู้ตัวไหม?
ตอนที่ 12 บทกวีรัก
เมื่อเส้าอีฝ
้ านกลับไปที่โรงพยาบาล เขารู้สึกลึก ๆ
ว่าเซี่ยเฟิ งแต่งงานกับภรรยาที่ไม่ค่อยปกติ เขาไม่
เข้าใจแนวคิดของเธอในครัง้ นีจ
้ ริง ๆ และเริ่มกังวล
กับสวัสดิภาพของพี่น้องที่ดีของเขา
“ทำไมนายถึงส่ายหัวไปมา นายได้เจออวี๋ตงหรือ
เปล่า?” เมื่อเซี่ยเฟิ งกลับมาที่ห้องพัก หลังจากคุย
กับผู้อำนวยการแล้ว เขาก็เห็นเส้าอีฝ
้ านเอาแต่ส่าย
หัวไปมาจึงถามด้วยความสงสัย
“ฉันเจอเธอแล้ว” เส้าอีฝ
้ านมองเซี่ยเฟิ งราวกับ
ต้องการที่จะพูดมากกว่านีแ
้ ต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
“ทำไมนายทำหน้าแบบนัน
้ ?” 
“…ฉันแค่อยากจะมองนายให้มากกว่านี!้ ”
“นายป่ วยเหรอ!” เซี่ยเฟิ งรู้สึกพิลึกที่เส้าอีฝ
้ าน
เอาแต่มองเขา “แล้ว อวี๋ตงได้พูดอะไรบ้าง
ไหม? นายได้อธิบายให้เธอฟั งหรือเปล่า?”
“นายสนใจความคิดเห็นของเธอด้วยเหรอ?” เส้า
อีฝ
้ านถามทันที
“สมองของนายตกอยู่ข้างนอกเหรอ? ถาม
คำถามไร้สาระแบบนีย
้ ังถามออกมาได้?” เซี่ยเฟิ ง
พูดอย่างหมดความอดทน
“ก็เป็ นไปได้!” เส้าอีฝ
้ านจำสายตาที่ไม่พอใจขอ
งอวี๋ตงตอนที่เขาจะไปช่วยจ่ายเงินให้เธอได้ดี และ
รู้สึกอย่างลึกซึง้ ว่าไอคิวของเขากำลังถูกบดขยีด
้ ้วย
สายตานัน

“ลืมมันไปเถอะ! ฉันจะโทรไปถามเธอเอง”
เซี่ยเฟิ งกำลังจะหยิบโทรศัพท์ออกมา
“ฉันเจอเธอแล้ว และอธิบายให้เธอฟั งแล้วด้วย”
เส้าอีฝ
้ านกล่าวขึน
้ ก่อนที่เซี่ยเฟิ งจะกดโทรออก
“เซี่ยเฟิ ง จู่ๆ ฉันก็ร้ส
ู ึกว่านายเหมาะกับอวี๋ตงมาก”
“นายไม่รอดูว่าพวกเราจะลงเอยอย่างไรแล้วเห
รอ?” เซี่ยเฟิ งถามด้วยความประหลาดใจ “การคิด
ได้อย่างกะทันหันของนายนี่มันคืออะไรกัน?”
‘ฮ่าฮ่า ก็แค่ฉันได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเมีย
นาย และนายคงตกอยู่ในกำมือเธอไม่ช้าก็เร็ว’ เส้า
อีฝ
้ านแอบคิด
“ว่าแต่ผู้อำนวยการคุยเรื่องโครงการแลกเปลี่ยน
ที่อเมริกากับนายหรือเปล่า?” เส้าอีฝ
้ านเปลี่ยน
เรื่อง
เซี่ยเฟิ งพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการบอก
ว่าผู้เชี่ยวชาญทัง้ สองคนจากทางอเมริกาสนใจ
แผนการรักษารูปแบบใหม่ของฉันมาก ดังนัน
้ จึง
ต้องการเชิญฉันไปที่อเมริกาเพื่อแลกเปลี่ยน”
“ว่าแล้วเชียว!” เส้าอีฝ
้ านชื่นชม “คนอื่นๆ
แข่งขันกันอย่างหนักเพื่อหวังจะคว้าโอกาส แต่
นายกลับได้รับเชิญอย่างง่ายๆ ช่องว่างนีม
้ ันกว้าง
เกินไปจริงๆ”
“เบาเสียงลงหน่อย นายอยากให้คนรุมเกลียดฉัน
หรือไง” เซี่ยเฟิ งจ้องเขาเขม็ง
“นายจะกลัวอะไร? ในฐานะอัจฉริยะ นายต้องเต
รียมพร้อมที่จะรับความอิจฉาของมนุษย์ธรรมดา”
เส้าอีฝ
้ านเห็นว่าเซี่ยเฟิ งเริ่มโกรธจริงๆแล้ว จึงล่า
ถอยอย่างรวดเร็ว “ได้ ได้ นายชนะ ฉันจะไม่พูด
แล้ว ว่าแต่นายจะไปอเมริกาเดือนหน้าใช่หรือ
เปล่า?”
“ใช่” เซี่ยเฟิ งพยักหน้า “เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน
แล้ว ฉันยังมีเอกสารที่ต้องเตรียมอีกมาก นายต้อง
ช่วยฉันด้วย”
เมื่อตอนที่เซี่ยเฟิ งกลับถึงบ้านก็เป็ นเวลาตีหนึ่ง
แล้ว ภายในห้องว่างเปล่ามีเพียงแสงจากโคมไฟ
ขนาดเล็กบนโต๊ะ
เซี่ยเฟิ งเปลี่ยนรองเท้า และหยิบโทรศัพท์ขึน
้ มา
เปิ ดคลื่นสถานีวิทยุของอวี๋ตงเหมือนอย่างเคย เสียง
อันสดใสของเธองส่งผ่านคลื่นวิทยุออกมา
“สวัสดีทุกคน นี่คือ FM 9666 คุณกำลัง
ฟั ง Midnight Phantom และอยู่กับฉันดีเจอ
วี๋ต้ง” อวี๋ตงกล่าวเปิ ดรายการอย่างชำนาญเหมือน
ทุกครัง้ จากนัน
้ เธอก็หันไปหยิบจดหมายที่เธอพึ่งได้
รับขึน
้ มาแล้วพูดว่า “ฉันจัดรายการ Midnight
Phanthom มาได้ระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าฉันจะเชื่อ
ว่าตนเองเป็ นดีเจผู้มีความสามารถมากคนหนึ่ง แต่
ฉันก็ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ฟังเขียนจดหมายมาถึงฉัน
ตอนที่ทีมงานยื่นจดหมายฉบับนีม
้ าให้ฉัน ฉันตกใจ
มาก”
“เอาล่ะ เรามาดูกันว่าเพื่อนผู้ฟังท่านนีเ้ ขียน
อะไรมาจดหมาย” เมื่ออวี๋ตงเปิ ดซองจดหมาย เธอ
ก็พบกับธนบัตรใบละ 100 หยวนสอดอยู่ในซอง
อวี๋ตงรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าเรา
จะได้ของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ จากผู้ส่ง อืม นี่เป็ น
จดหมายรักที่เขียนโดย Frank ชายหนุ่มชาว
ฝรั่งเศสที่เขียนถึงหญิงสาวชาวจีนที่เขาตกหลุมรัก
ในจดหมายนีบ
้ อกว่า พวกเขาติดต่อกันผ่าน
จดหมายมานานกว่า 10 ปี แล้ว และปี ที่ผ่านมา
แฟรงค์ได้สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศ
จีน และตอนนีก
้ ำลังเรียนภาษาจีนในโรงเรียนสอน
ภาษา”
แฟรงค์คงพยายามแปลจดหมายของเขาโดยใช้
แอพไป่ ตู้ แต่ฉันก็พอจะดาดเดาคำพูดของเขา และ
รับรู้ถึงความตัง้ ใจของเขาได้” อวี๋ตงกล่าวต่อว่า
“แต่ฉันต้องการเตือนเพื่อนชาวต่างชาติคนนีข
้ อง
เราว่า สถานีวิทยุของเราไม่รับของกำนัล ดังนัน
้ ครัง้
ต่อไปที่คุณส่งจดหมายมาไม่จำเป็ นต้องใส่ธนบัตร 1
00 หยวนมาในจดหมายของคุณอีก”
หลังอวี๋ตงพูดจบ ความคิดเห็นมากมายก็
กระหน่ำเข้ามาบนหน้าจอของเธอ เช่น
“ดูเหมือนว่าเพื่อนชาวต่างชาติของเราจะรู้ถงึ
ประเพณีซองแดงของจีน ซองแดงของเราได้โด่งดัง
ข้ามประเทศแล้ว! เพื่อให้ดีเจเลือกอ่านอ่าน
จดหมายรักฉบับนีข
้ องเขาอย่างรวดเร็ว เขาถึงส่ง
ซองแดงมาด้วย ฮ่าฮ่า ผู้คนมักจะบอกว่าผู้ชาย
ฝรั่งเศสเป็ นคนโรแมนติก ดูเหมือนว่ามันจะเป็ น
เรื่องจริง”
อวี๋ตงเพิกเฉยต่อความคิดเห็นต่าง ๆ ที่ส่งเข้ามา
เหมือนปกติ และกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “พรุ่งนีฉ
้ ัน
จะช่วยคุณบริจาคเงินจำนวนนีแ
้ ก่มูลนิธิ ขอ
ขอบคุณสำหรับการบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ”
“เอาล่ะ เรามาอ่านจดหมายกันต่อ อืม มันเป็ น
บทกวีรัก มาจากนักกวีชาวฝรั่งเศสผู้โด่งดัง
อย่าง Paul Elluard บทกวีนม
ี ้ ีช่ อ
ื ว่า‘ฉันไม่มีความ
ปรารถนาใด นอกจากรักคุณ'”
Je n'ai envie que de t'aimer
Je n'ai envie que de t'aimer
Un orage emplit la vallée
Un poisson la rivière.

Je t'ai faite à la taille de ma solitude.


Le monde entier pour se cacher
Des jours des nuits pour se comprendre.
Pour ne plus rien voir dans tes yeux
Que ce que je pense de toi
Et d'un monde à ton image.

Et des jours et des nuits réglés par tes


paupières

“ฉันไม่มีความปรารถนาอื่นใด นอกจากรักคุณ
พายุพัดกระหน่ำไปทั่วหุบเขา
ปลาแหวกว่ายอยู่เต็มแม่น้ำ
คุณยิ่งใหญ่เท่ากับโลกอันเงียบเหงาของฉัน

โลกทัง้ ใบซ่อนเราไว้
ผ่านวัน ผ่านคืนที่เข้าใจ
คุณจะมองไม่เห็นสิ่งใด
เห็นได้เพียงภาพของฉันของเธอ
ตกอยู่ในโลกที่เธอวาดฝั น
จะอยู่ในสายตาของคุณทัง้ วัน ทัง้ คืน”
ก่อนที่เธอจะย้อนอดีตมา มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอง
หมกมุ่นอยู่กับหนังฝรั่งเศส เธอเรียนภาษาฝรั่งเศส
มาให้พออ่านออกเสียงได้ถูกต้องเท่านัน
้ แต่ก็ไม่ได้
เชี่ยวชาญนัก
ดังนัน
้ อวี๋ตงจึงสามารถอ่านบทกวีได้อย่างเป็ น
ธรรมชาติและจบลงด้วยความตกตะลึงของผู้ฟังทุก
คน แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจความหมายของบทกวี
แต่พวกเขาก็ถูกสะกดด้วยน้ำเสียงของเธอ
และเมื่ออวี๋ตงอ่านบทกวีนัน
้ เป็ นภาษาจีน
ข้อความแสดงความคิดเห็นก็กระหน่ำเข้ามาอีกครัง้
“ดีเจของเราสุดยอดมาก เธออ่านภาษาฝรั่งเศส
ได้ด้วย”
“ทุกวันนีจ
้ ะมีดีเจกี่คนที่พูดภาษาที่สามที่สี่ได้?”
“ช่างเป็ นน้ำเสียงที่ไพเราะมาก”
“บทกวีรักนัน
้ ช่างงดงาม ฉันก็อยากจะมีคนมา
แอบรักฉันแบบนีบ
้ ้าง”
อวี๋ตงยิม
้ หลังจากอ่านความคิดเห็นเหล่านัน
้ และ
พูดว่า “หญิงสาวของแฟรงค์ ถ้าคุณได้ฟังรายการ
ของเรา คุณก็คงจะได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ ยม
แล้ว เด็กหนุ่มที่น่ารักแบบนีไ้ ม่ควรปล่อยให้หลุดมือ
ไปง่ายๆ นะ!”
“รายการในวันนีด
้ ูเหมือนจะเต็มไปด้วยความรัก
ตอนนีก
้ ็อยู่ในช่วงท้ายของรายการแล้วนะคะ ดิฉันดี
เจอวี๋ต้งของคุณ นึกถึงประโยคที่ชอบมากขึน
้ มาได้
ประโยคหนึ่ง” อวี๋ตงหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า
“ฉันเฝ้ ารอใครสักคน ที่จะมาหยุดความเหงาของ
ฉัน คนที่คอยฟั งเพลงรักเศร้า ๆ กับฉัน แต่ไม่ทำให้
ฉันรู้สึกอยากร้องไห้”
“ถ้าคุณเจอคนแบบนัน
้ แล้ว ได้โปรดอย่าได้
ปล่อยพวกเขาไป เพราะฉันเชื่อว่าคนคนนัน
้ ต้อง
เป็ นคนที่คุณรัก” อวี๋ตงพูดด้วยรอยยิม
้ “เอาล่ะค่ะ
วันนีก
้ ็ขอจบลงเท่านี ้ แล้วพบกัน Midnight
Phantom ใหม่ในคืนพรุ่งนีเ้ วลาเดิม”
เซี่ยเฟิ งถือน้ำแก้วหนึ่งในมืออย่างเงียบ ๆ ขณะที่
เขานั่งอยู่บนโซฟาและฟั งอวี๋ตงพูดถึงเรื่องความรัก
แม้ว่าบทกวีนัน
้ อวี๋ตงอ่านมันให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่
ได้รับความรักจากผู้ฟังที่เขียนจดหมาย แต่เซี่ยเฟิ งก็
ยังคงฟั งอวี๋ตงด้วยความหลงใหล
ราวกับว่าน้ำผสมน้ำผึง้ ในมือเป็ นเหล้าองุ่น และ
เขาที่ด่ ม
ื มันก็เมามายด้วยความรัก

“หืม คุณเพิ่งกลับมาเหรอ?” อวี๋ตงถามด้วย
ความแปลกใจ เมื่อเธอเปิ ดประตูเข้ามาแล้วเห็น
เซี่ยเฟิ งนั่งอยู่บนโซฟา
เซี่ยเฟิ งหันไปมองอวี๋ตงและสังเกตว่าวันนีเ้ ธอใส่
ชุดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาจึงถามว่า “คุณซื้อ
ชุดมาใหม่เหรอ?”
“ใช่ สวยไหม?” อวี๋ตงเปลี่ยนรองเท้า และเอ่ย
ต่อว่า “เพราะว่าฉันจ่ายเงินซื้อชุดไปหมดแล้ว ฉันก็
เลยต้องขอให้คุณมาจ่ายค่าอาหารให้ฉัน”
“ผมขอโทษที่ผมไม่ได้ไปที่ร้านด้วยตัวเอง” เมื่อ
ได้ยินสิ่งที่อวี๋ตงพูด เซี่ยเฟิ งก็จำเหตุการณ์ในตอน
เย็นได้
“ไม่เป็ นไร หมอเส้าบอกว่า ผู้อำนวยการโรง
พยาบาลมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับคุณ” อวี๋ตงพูด
“เป็ นเรื่องที่ผมจะต้องไปอเมริกาในโครงการแลก
เปลี่ยน” เซี่ยเฟิ งอธิบาย “ทุกปี ทางโรงพยาบาล
ของเราจะทำโครงการแลกเปลี่ยนเพื่อการศึกษา
วิจัยทางการแพทย์ กับโรงพยาบาลเอ็ดวาร์ดใน
อเมริกา ที่จริงแล้วปี นีน
้ ่าจะยังไม่ถึงคราวที่ผมควร
ไป แต่ต้องขอบคุณเอกสารที่คุณช่วยแปล ผู้
เชี่ยวชาญชาวอเมริกันจึงได้เลือกผม”
“ฉันแค่ช่วยแปลเอกสารของคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ
สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คืองานวิจัยของคุณต่างหาก” อ
วี๋ตงเอ่ยอย่างรู้ทัน
“ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณ” เซี่ยเฟิ งพูดอย่าง
จริงจัง
อวี๋ตงกลอกตาและพูดว่า “ถ้าอย่างนัน
้ ตอนที่คุณ
ไปอเมริกาก็ซ้ือของมาฝากฉันก็แล้วกัน”
“ได้เลย!” เซี่ยเฟิ งตอบตกลงโดยไม่ลังเล “คุณ
อยากได้อะไรบ้าง?”
“โลชั่น มาสก์หน้า ลิปสติก น้ำหอม…” อวี๋ตงนับ
ทีละรายการแล้วพบว่ามีน้อยเกินไป เธอจึงพูดเสริม
ไปว่า “เดี๋ยวฉันจะไปจดรายการมาให้”
“โอเค” เซี่ยเฟิ งยิม
้ อย่างพอใจ
อวี๋ตงรู้สึกง่วงนอนนิดหน่อยจึงอดไม่ได้ที่จะหาว
ออกมา
“นี่ก็ดึกแล้ว ไปพักผ่อนกันเถอะ” เซี่ยเฟิ งบอก
“อือ ราตรีสวัสดิ”์ อวี๋ตงเดินมุ่งหน้าไปที่ห้อง
นอนของตัวเองอย่างงุนงง
“ราตรีสวัสดิ”์
อันที่จริง เซี่ยเฟิ งเองก็ร้ส
ู ึกเหนื่อยอยู่บ้างตอนที่
กลับมาถึงบ้าน และแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่า
ทำไมเขาถึงยังคงนั่งฟั งรายการของอวี๋ตงแต่ไม่ไป
พักผ่อน
เมื่อนึกถึงคำพูดปิ ดรายการของอวี๋ตงในคืนนี ้
เซี่ยเฟิ งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับอ
วี๋ตงจะเป็ นแบบนัน
้ ได้หรือเปล่า?

วันรุ่งขึน

ที่โรงอาหารของโรงพยาบาล ในเวลาเที่ยงวัน
เส้าอีฝ
้ านและเซี่ยเฟิ งกำลังนั่งทานข้าว และพูด
คุยเกี่ยวกับเคสของคนไข้บางคน แต่คุยไปได้ไม่นาน
เส้าอีฝ
้ านก็เปลี่ยนเรื่อง “ฉันฟั งรายการของอวี๋ตง
เมื่อคืน เธอดูมีความสามารถหลายอย่าง นายบอก
ว่าเธอช่วยแปลเอกสารของนายเป็ นภาษาอังกฤษ
ตอนนีเ้ ธอก็อ่านบทกวีรักเป็ นภาษาฝรั่งเศสระหว่าง
ออกอากาศด้วย”
“ทำไมนายถึงได้ต่ น
ื มากลางดึกเพื่อมาฟั งรายการ
ของภรรยาฉันแทนที่จะนอนหลับ?”
“เฮ้ นายพูดราวกับว่า ฉันเป็ นพวกชอบตีท้าย
ครัวคนอื่นแหน่ะ” เส้าอีฝ
้ านกำลังจะบ่นต่อ ก็หัน
มามองเซี่ยเฟิ งด้วยแววตาตื่นเต้นแทนทันที “เดี๋ยว
นะ ภรรยาของนาย? นายเพิ่งจะเรียกเธอว่า…”
   
“ภรรยาของฉัน? ผิดตรงไหนที่ฉันจะเรียกภรรยา
ของตัวเองว่า ภรรยาของฉัน?” เซี่ยเฟิ งกล่าวอย่าง
ใจเย็น
“โอ้…ฉันคาดว่านายจะต้านทานไปได้อีกสักพัก
แต่คิดไม่ถึงว่านายจะถูกมัดเอาไว้นานแล้ว เพื่อนรัก
ของฉันจะตกไปอยู่ในกำมือของอีกฝ่ ายเรียบร้อย
แล้ว” เส้าอีฝ
้ านส่ายหัวพลางถอนหายใจ
“พูดอะไรของนายน่ะ ทำไมน้ำเสียงของนายฟั งดู
มีลับลมคมใน?”
“ไม่มีอะไร” เส้าอีฝ
้ านรู้สึกเศร้านิดหน่อยขณะ
พูด “นายคิดว่าผู้หญิงแห่งโชคชะตาของฉันอยู่
ที่ไหน? ฉันต้องเป็ นสุนัขโสดไปตลอดชีวิตหรือ
เปล่า?”
เส้าอีฝ
้ านไม่อยากจะกินอาหารสุนัขไปตลอดชีวิต
ของเขา!
“ไม่ใช่นายอวดว่า มีพยาบาลกว่าครึ่งโรง
พยาบาลตกหลุมรักนายหรอกเหรอ?”
“ฉันแค่อยากคุยข่มนายว่าฉันเป็ นที่ต้องการ”
เส้าอีฝ
้ านส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่คิดเดทกับ
เพื่อนร่วมงานหรอกนะ เพราะถ้าเลิกกันเวลา
ทำงานมันจะกระอักกระอ่วนใจ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึน

เซี่ยเฟิ งหยิบโทรศัพท์ขึน
้ มาดู เมื่อเห็นว่าเป็ นอวี๋
ตงก็รีบกดรับสายทันที
“เซี่ยเฟิ ง คุณอยู่ที่โรงพยาบาลไหม?”
“ผมอยู่!”
“เพื่อนของฉันไม่ค่อยสบาย เธอรู้สึกปวดท้อง
มากคุณช่วยหาเตียงผู้ป่วยให้เธอหน่อยได้ไหม?”
“คุณอยู่ที่ไหน?” เซี่ยเฟิ งถามพลางลุกขึน
้ ยืน
“ฉันอยู่ที่แผนกผู้ป่วยนอก”
“รอผมอยู่ที่นั่น ผมกำลังไป” เซี่ยเฟิ งรีบเดินออก
ไป
“นายจะไปไหน? นายพึ่งกินข้าวไปได้ครึ่งจาน
เอง!” เส้าอีฝ
้ านตะโกนเรียกเซี่ยเฟิ งที่รีบร้อนเดิน
จากไป

ตอนที่ 13 ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาแฟน

เมื่ออวี๋ตงตื่นนอนในตอนเช้า เซี่ยเฟิ งก็ไปทำงาน


ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอมักจะถอนหายใจและสงสัย
ว่า ทำไมบางคนที่นอนน้อยอยู่ทุกวัน ถึงตื่นไป
ทำงานที่กินทัง้ พลังงานและเวลาได้ไหว มันไม่เป็ น
วิทยาศาสตร์เลย
วันนีอ
้ วี๋ตงตัง้ ใจจะไปแค่สตูดิโอของเสี่ยวเยว่
เท่านัน
้ เธอจึงแค่เปลี่ยนชุดแต่ไม่ได้แต่งหน้า เมื่อ
เธอมาถึงทางเข้ารถไฟใต้ดิน เธอก็ซ้ือซาลาเปาสอง
สามชิน
้ เพื่อเป็ นมื้อสายของเธอ ที่ควบรวมมื้อเช้า
และมื้อกลางวันไว้ด้วยกัน
ขณะที่เธอเพิ่งจะพากย์เสียงละครทีวีเสร็จ เธอก็
พบว่าสตูดิโอนัน
้ เงียบสงบมาก แต่เซียงเสี่ยวเยว่อยู่
ที่ไหน เธอควรจะอยู่ที่นี่ด้วยไม่ใช่เหรอ?
อวี๋ตงสงสัยเมื่อเห็นตรงโถงต้อนรับและห้อง
รับแขกว่างเปล่า
“เสี่ยวเยว่!” อวี๋ตงตะโกนเรียก เมื่อไม่มีเสียง
ตอบรับ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเสี่ยวเยว่
“เธออยู่ที่ไหน?” อวี๋ตงถาม แต่ทันใดนัน
้ ก็ได้ยิน
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังมาจากห้องประชุม
เมื่อเปิ ดประตูเข้าไป อวี๋ตงก็เห็นเซียงเสี่ยวเยว่
นอนฟุบอยู่บนโต๊ะประชุม ใบหน้าของเธอซีดเซียว
และบิดเบีย
้ วอย่างเจ็บปวด
“เสี่ยวเยว่เกิดอะไรขึน
้ ?” อวี๋ตงรีบวิ่งเข้าไปหา
เธอด้วยความตื่นตระหนก
“ฉัน…ปวด!” เสี่ยวเยว่พูดอย่างอ่อนแรง
“ปวดตรงไหน?”
“ท้อง!” เสี่ยวเยว่พูดอย่างอ่อนแรง จนแทบไม่มี
เสียง
“ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล!” อวี๋ตงเรียกรถ
แท็กซี่และพาเซียงเสี่ยวเยว่ไปโรงพยาบาลในเมือง
เมื่อพวกเธอมาถึงที่โรงพยาบาล อวี๋ตงก็ต้อง
ตะลึงกับจำนวนคนที่มาโรงพยาบาล แน่นอนว่าโรง
พยาบาลไม่มีวันหยุดและแออัดไปด้วยผู้คนอยู่เสมอ
เมื่อเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดของเสี่ยวเยว่ที่ค่อย ๆ
ขาวซีดมากขึน
้ เธอก็ร้ส
ู ึกเป็ นห่วงมาก เธอตัดสินใจ
โทรหาเซี่ยเฟิ งทันที
“เธอรู้จักคนในโรงพยาบาลเหรอ!” เซียงเสี่ยว
เยว่ถามเมื่อเห็นอวี๋ตงคุยโทรศัพท์
“เธอปวดขนาดนี ้ ยังจะสนใจเรื่องแบบนีอ
้ ีก?” อ
วี๋ตงหมดคำพูด
“เอ่อ ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็ นไส้ติ่งอักเสบ” เซียง
เสี่ยวเยว่พูดพลางจับมืออวี๋ตง “ถ้าฉันต้องผ่าตัด
ฝากบอกหมอด้วยว่าอย่าทิง้ รอยแผลเป็ น”
“หุบปาก!” อวี๋ตงพูดอย่างโกรธจัด
“ตงตง เธอไม่รักฉันแล้ว” เสี่ยวเยว่กล่าวอย่าง
น้อยใจ
“เธอ…”
อวี๋ตงคิดจะแย้งก็พอดีกับที่เซี่ยเฟิ งมาถึง เมื่อเขา
เห็นอวี๋ตงจากระยะไกล เขาก็ตะโกน “อวี๋ตง!”
“เซี่ยเฟิ ง!” เธอโบกมือให้เขา
เซี่ยเฟิ งวิ่งเข้าไปหาอวี๋ตง และเห็นหญิงสาวสวย
ที่อยู่ข้าง ๆ เธอ สีหน้าของผู้หญิงคนนัน
้ ซีดเซียว
ด้วยความเจ็บปวด เขาถามอย่างเป็ นกังวลว่า “คุไม่
สบายตรงไหน?”
“นี่!” เสี่ยวเยว่ชีไ้ ปที่ท้องของเธอ
เซี่ยเฟิ งกดบริเวณท้องของเซียงเสี่ยวเยว่แล้วถาม
ว่า “ตรงนีเ้ จ็บไหม?”
“ไม่!” เสี่ยวเยว่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี ้
มันปวดมากแต่จู่ๆตอนนีม
้ ันก็ไม่ปวดแล้ว”
เซี่ยเฟิ งยืนขึน
้ แล้วมองอวี๋ตงก่อนพูดว่า “ไม่ต้อง
เป็ นห่วง น่าจะเป็ นไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน”
“สุดหล่อ ฉันต้องผ่าตัดหรือเปล่า?” เสี่ยวเยว่ยัง
คงคิดมากเกี่ยวกับรอยแผลเป็ น
“หุบปากไปเลย! ชีวิตของเธอหรือว่าแผลเป็ น
สำคัญกว่า” อวี๋ตงตะลึง
“แผลเป็ น!”
“ถ้าอย่างนัน
้ ก็ปล่อยให้ไส้ติ่งมันแตกอยู่ในท้อง
นั่นแหละ!”
ตอนนีเ้ ธอไม่ปวดแล้วจริงเหรอ? ไม่ ไม่ใช่ ตอนนี ้
เธอรู้สึกปวดท้องมากกว่าเมื่อกีอ
้ ีก
“ฮ่าฮ่า…มันคงเป็ นไปไม่ได้ที่จะไม่ผ่าตัด แต่ผม
สามารถบอกหมอที่ผ่าตัดให้คุณได้ว่าให้ระวังเป็ น
พิเศษ และเหลือรอยแผลเป็ นให้เล็กที่สุด” เซี่ยเฟิ ง
หันมาถามอวี๋ตงว่า “คุณได้ลงทะเบียนคนไข้หรือ
ยัง?”
“ยังเลย!” อวี๋ตงตื่นตระหนกเกินกว่าจะทันได้
นึกถึงเรื่องนี ้
“ไม่เป็ นไร เอาบัตรประกันสุขภาพกับบัตร
ประชาชนของเธอมาให้ผม ผมจะไปลงทะเบียนให้
เอง” เซี่ยเฟิ งบอก
อวี๋ตงเปิ ดรื้อกระเป๋าของเสี่ยวเยว่ โชคดีที่เธอ
หยิบพวกมันติดมาด้วยตอนที่กำลังจะออกจากสตูดิ
โอ“ฉันเจอบัตรประชาชนของเธอแล้ว ไปเถอะ”
“รอสักครู่ ผมจะให้พยาบาลมารับคุณ”
สักพักหนึ่งก็มีพยาบาลเดินมาพร้อมกับรถเข็น
เพื่อพาเซียงเสี่ยวเยว่ไปที่ห้องพักผู้ป่วย พยาบาลให้
น้ำเกลือและบอกเธอว่ามันมียาแก้ปวดผสมอยู่ด้วย
ไม่นานเซี่ยเฟิ งก็เดินกลับมา และยื่นบัตร
ประชาชนคืนให้อวี๋ตง “ผมลงทะเบียนคนไข้ให้เธอ
เรียบร้อยแล้ว หมอคงมาถึงเร็วๆนี ้ ผมยังมีคนไข้รอ
ตรวจอีก 2-3 คน ผมต้องกลับไปทำงานแล้ว”
“โอเค ขอบคุณที่มาช่วยนะ ฉันรู้ว่าคุณยุ่งมาก!”
อวี๋ตงรีบพูด
“โทรหาผม ถ้าคุณต้องการอะไร” เซี่ยเฟิ งยิม

ก่อนจะหันไปพูดกับเสี่ยวเยว่ “ผมบอกหมอแล้ว
สบายใจได้ว่าแผลเป็ นจะเล็กมาก”
“ขอบคุณ สุดหล่อ!” เสี่ยวเยว่ตะโกนตามหลัง
เซี่ยเฟิ ง
“เสียงดังเกินไปแล้ว เธอไม่ปวดท้องแล้วเห
รอ?” อวี๋ตงถามอย่างหงุดหงิด
“ฉันรู้สึกดีขึน
้ มากแล้ว” เสี่ยวเยว่พูดอย่าง
กระตือรือร้น และเริ่มซุบซิบนินทา “สุดหล่อคนนัน

เป็ นใคร? เขาหล่อและยังเป็ นหมออีก ที่สำคัญเขาดู
เป็ นสุภาพบุรุษมาก และน้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยน
มาก”
“เธอวางแผนอะไรน่ะ?” อวี๋ตงถาม
“ไร้สาระ พี่สาวคนนีย
้ ังโสดอยู่นะ แล้วพี่สาวคน
นีจ
้ ะปล่อยชัน
้ เลิศแบบนีไ้ ปได้ยังไง?” เซียงเสี่ยวเยว่
พูด “แนะนำให้ฉันรู้จักหน่อย!”
“เธอบอกเองว่าเขาเป็ นสินค้าชัน
้ เลิศ? แล้วฉันจะ
ปล่อยเขาให้เธอได้ยังไง?” อวี๋ตงพูด
“โอ้ เธอเล็งเขาเอาไว้แล้วเหรอ?” เซียงเสี่ยวเยว่
พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ถ้าอย่างนัน
้ ฉันก็จะไม่แย่ง
คนที่เธอเล็งไว้ แต่ถ้าเธอจับเขาได้แล้วก็อย่าลืม
แนะนำเพื่อนร่วมงานของเขาให้ฉันสักคนด้วย”
“…..”
จากนัน
้ หมออายุราว 50 ก็เข้ามาตรวจดูเสี่ยวเยว่
แล้วบอกว่า “อาการของคุณยังไม่ร้ายแรงมาก ผม
ลงชื่อคุณเอาไว้ในตารางผ่าตัดของผมแล้ว ไม่ต้อง
เป็ นห่วง ผมจะไม่ทิง้ รอยแผลเป็ นเอาไว้แน่นอน”
“ขอบคุณค่ะ คุณหมอ!” อวี๋ตงกล่าวขอบคุณ
การผ่าตัดไส้ติ่งเป็ นการผ่าตัดเล็กใช้เวลา
ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านัน

ในตอนท้ายของการผ่าตัดเซี่ยเฟิ งก็แวะมาอีก
รอบ เพื่อดูว่าเซียงเสี่ยวเยว่เป็ นยังไงบ้างและกลับ
ออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็ นไรแล้ว
อวี๋ตงอยู่เป็ นเพื่อนเสี่ยวเยว่จนกระทั่งพ่อกับแม่
ของเธอมาถึงโรงพยาบาล ก่อนที่อวี๋ตงจะกลับ เธอ
ก็แวะไปหาเซี่ยเฟิ งที่แผนกโรคมะเร็ง แต่พยาบาล
บอกว่าเขาอยู่ในห้องผ่าตัด

เมื่อเซี่ยเฟิ งออกจากห้องผ่าตัด เขาก็หยิบ


โทรศัพท์ออกมาดูและเห็นว่าอวี๋ตงส่งข้อความหา
เขา บอกว่าเธอกลับบ้านแล้ว
เซี่ยเฟิ งยิม
้ และตอบกลับว่ารู้แล้ว
“วันนีเ้ หนื่อยมาก!” เส้าอีฝ
้ านพูดพลางทิง้ ตัวลง
นั่งบนเก้าอี ้ “สมองส่วนไหนบอกให้ฉันมาเป็ น
หมอ?”
“ฉันคิดว่าน่าจะเป็ นสมองส่วนที่นายเพิ่งจะทิง้
มันไป?” เซี่ยเฟิ งเลิกคิว้
“ขอบคุณ! ฉันเป็ นหมอมา 8 ปี แล้ว!” เส้าอีฝ
้ าน
พูดอย่างเศร้าใจ “มันเป็ นงานที่หนักมากจนฉันไม่รู้
ว่ารอดชีวิตมาถึงตอนนีไ้ ด้ยังไง”
“เอาล่ะ นายก็รอดชีวิตมาได้แล้ว ดูผู้อำนวยการ
หวังของเราสิ เขาเป็ นหมอมา 30 ปี แล้ว ดูสิว่านาย
กำลังทำอะไรอยู่ ฉันมั่นใจว่านายจะอยู่ได้นานแบบ
นัน
้ เหมือนกัน”
“เฮ้!”
“ไม่ต้องคร่ำครวญแล้ว ไปกินข้าว!” เซี่ยเฟิ งตบ
ไหล่เส้าอีฝ
้ าน
ทัง้ สองคนไปที่โรงอาหารของโรงพยาบาล ที่จริง
มันเลยเวลาเปิ ดของโรงอาหารแล้ว แต่เนื่องจาก
หมอมักจะมีเวลาทานอาหารที่ไม่แน่นอน ทางโรง
อาหารจึงได้เปิ ดบูธเล็กๆที่เปิ ดขายตลอด 24 ชั่วโมง
เอาไว้
“ผู้อำนวยการหวัง!” เซี่ยเฟิ งทักทายผู้อำนวย
การหวังอย่างสุภาพ วันนีเ้ ป็ นผู้อำนวยการหวังที่
ผ่าตัดให้เพื่อนของอวี๋ตง
“เซี่ยเฟิ ง อีฝ
้ าน เพิ่งมาทานข้าวกันเหรอ?” ผู้
อำนวยการหวังหัวเราะ
“ครับ พวกเราเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ” เส้าอีฝ
้ านบอก
“งัน
้ ก็รีบไปกินข้าวเถอะะ!” ผู้อำนวยการหวัง
กำลังจะเดินออกไปก็นึกขึน
้ มาได้จึงหันไปหา
เซี่ยเฟิ งแล้วบอกว่า “เด็กสาวที่ไส้ติ่งอักเสบดู
เหมือนว่าจะชอบกินพริกมาก เตือนให้เธอลดลง
หน่อย”
“ครับ!” เซี่ยเฟิ งพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “รบกวน
คุณแล้ว”
“ไม่เป็ นไร มันไม่ใช่เรื่องง่ายของหมออย่างพวก
เราที่จะหาแฟนสาวได้สักคน อีกอย่างหมอมีหน้าที่
ต้องดูแลผู้ป่วยอยู่แล้ว นอกจากนีก
้ ารรักษาสาว
สวยก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร” หลังจากนัน
้ ผู้อำนวยการ
หวังก็เดินจากไปอย่างร่าเริง
“แฟนนายเหรอ? อวี๋ตงป่ วย?” เส้าอีฝ
้ านเลิกคิว้
ถาม
“เปล่า เพื่อนของอวี๋ตงน่ะ”
“เธอสวยไหม?” เส้าอีฝ
้ านสนใจกับคำตอบนีเ้ ป็ น
พิเศษ “ใช่สิ อวี๋ตงเรียนนิเทศน์นี่นา ผู้หญิงส่วน
ใหญ่ที่เรียนคณะนีม
้ ักจะสวย เธอยังโสดอยู่หรือ
เปล่า? นายช่วยแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยสิ?”
“…..” คำตอบของเซี่ยเฟิ งคือการเดินหันหลังให้
เส้าอีฝ
้ านและจากไป

ในตอนเย็นอวี๋ตงขึน
้ รถบัสไปทำงานตามปกติ
คนขับรถบัสเห็นอวี๋ตงก็ชวนคุยอย่าง
กระตือรือร้น “ฉันจะฟั งรายการของคุณ ตลอดช่วง
กะวิ่งรถของฉันเลย”
“จริงๆเหรอ? คุณชอบรายการของฉันใช่ไหม?”
“มันดีมากจริงๆ ฉันแนะนำให้เพื่อนร่วมงานทุก
คนฟั งรายการของคุณ แล้วพวกเขาทัง้ หมดก็บอก
ว่า เสียงคุณเพราะมาก”
“ขอบคุณพวกเขาแทนฉันด้วย” อวี๋ตงยิม

แม้ว่าในตอนแรกที่เธอตัดสินใจเป็ นดีเจรายการนี ้
เธอจะไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผลตอบรับที่ดีมากนัก
แต่ใครเล่าจะไม่มีความสุขเมื่อได้ยินคนพูดว่า
รายการที่คุณจัดเป็ นรายการโปรดของพวกเขา
อวี๋ตงเดินเข้าไปในสตูดิโอพร้อมกับถุงของว่าง
อย่างทุกที
“เธอเอาอาหารว่างมาให้ฉันทุกวันเลย ขอบคุณ
นะ” พี่อวี๋พูดอย่างร่าเริง
“ฉันเองก็ขอบคุณคุณที่ช่วยฉันรับสายโทรศัพท์”
อวี๋ตงตอบ
“โอ้ เรื่องเล็กน้อย” พี่อวี๋ยิม
้ แล้วพูดว่า “อ้า ใช่
แล้ว มีบางอย่างที่ฉันอยากให้คุณดู”
อวี๋ตงมองดูกระดาษที่พี่อวี๋ส่งมาให้เธอ มันเป็ น
เรทติง้ ความนิยมของสถานีวิทยุต่าง ๆ ในแต่ละช่วง
เวลา เธอเห็นว่า Midnight Phantom ก็ติดอันดับ
ด้วย
“เป็ นอันดับหนึ่งของช่วงเวลานี?้ ” อวี๋ตงตะลึง
“แม้ว่าเรตติง้ จะไม่ได้สูงมาก แต่ก็ยังค่อนข้างสูง
สำหรับช่วงเวลาเที่ยงคืน” พี่อวี๋มีความสุขมาก
ราวกับมันเป็ นรายการของเขาเองที่ได้อันดับหนึ่ง
อวี๋ตงก็มีความสุขเช่นกัน ดังนัน
้  Midnight
Phantom ในคืนนีจ
้ ึงได้เปิ ดแต่เพลงที่ฟังสบายๆ
และมีความสุข
“เอาล่ะ มาถึงเวลาที่เราจะรับสายจากผู้ฟังกัน
อีกครัง้ แล้ว” ขณะที่อวี๋ตงกำลังพูดพี่อวี๋ก็ส่ง
สัญญาณว่ามีการโทรเข้ามาแล้ว
“สวัสดี ฉันดีเจ อวี๋ต้ง”
“สวัสดี อวี๋ต้ง ผมคือคุณคนแกร่ง”
นับตัง้ แต่ครัง้ แรกที่เธอเรียกผู้ที่โทรเข้ามาแล้วไม่
ต้องการแจ้งชื่อว่าคุณคนสวยกับคุณคนแกร่ง ผู้ฟัง
ที่โทรเข้ามาหลังจากนัน
้ ก็มักจะเรียกแทนตัวเองว่า
อย่างนัน
้ ถ้าเป็ นผู้หญิงจะแทนตัวเองว่าคนสวย ถ้า
เป็ นผู้ชายก็จะแทนตัวเองว่าคนแกร่ง
“สวัสดี คุณคนแกร่ง คุณมีเรื่องอะไรที่จะมาแบ่ง
ปั นกับพวกเราในคืนนี?้ ”
“ไม่ ผมไม่มี ผมแค่ต้องการที่จะคุยกับใครสัก
คน”
อวี๋ตงขมวดคิว้ แต่ก็ยังถามต่อว่า “คุณอยากจะ
คุยเรื่องอะไร?”
“ผมไม่ร้ว
ู ่าจะคุยเรื่องอะไร ผมแค่ร้ส
ู ึกว่าในเมือง
ที่ใหญ่มากขนาดนี ้ แต่ตัวผมกลับไม่มีคนที่คอยพูด
คอยรับฟั งเลย” คุณคนแกร่งกล่าว
จู่ๆอวี๋ตงก็นึกถึงหนังที่เธอเคยดูก่อนที่จะย้อน
กลับมาจึงถามไปว่า
“คุณไม่ได้กำลังอยู่บนดาดฟ้ าหรอกใช่ไหม?”
“คุณรู้ได้ยังไง?” คุณคนแกร่งถามอย่างแปลกใจ
“คุณไม่ได้อยากจะกระโดดตึกหรอกใช่ไหม คุณ
อย่าก้าวไปข้างหน้านะ” อวี๋ตงถามด้วยน้ำเสียงที่
พยายามทำให้อ่อนโยนที่สุด
“ผมไม่ได้โง่ ทำไมผมถึงต้องกระโดดลงไป
ด้วย?”คุณคนแกร่งบอก
“ดีแล้ว!” อวี๋ตงยิม
้ แล้วพูดต่อไปว่า “บทสนทนา
นีท
้ ำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่
อาศัยอยู่คนเดียวในเมืองใหญ่ เขารู้สึกเหงามาก ทุก
วันเขามักจะกลับบ้านหลังจากเลิกงาน เขาทำได้แค่
คุยกันตัวเองไม่มีใครพูดคุยกับเขาสักคน ดังนัน
้ เขา
จึงได้โทรหาสถานีวิทยุทุกวันพูดคุยกับดีเจ บอกเล่า
เรื่องราวในแต่ละวันและการดำเนินชีวิตของเขา
แล้ววันหนึ่งดีเจก็ได้บอกว่าชีวิตของเขาควรก้าวไป
ข้างหน้า ผู้ชายคนนัน
้ ที่ยืนอยู่บนดาดฟ้ าจึงก้าวออก
มาและกระโดดลงมาจากดาดฟ้ า”
“….” ปลายสายเงียบลง
ข้อความที่ส่งเข้ามาไม่มีอะไรนอกจากคำบ่นว่า
สาปแช่งดีเจ ที่เธอเล่าเรื่องสยองขวัญในตอนเที่ยง
คืน อันหนาวเหน็บของพวกเขา
“ดีเจ หลังจากฟั งเรื่องราวของคุณแล้ว ทำให้ผม
รู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่น่าสมเพชเลย ดู
เหมือนว่าจะมีคนที่อ่อนแอกว่าผมมาก” คุณคน
แกร่งพูดต่อเหมือนรู้ความคิดของอวี๋ตงว่า “คุณ
มั่นใจได้เลยว่าผมจะไม่กระโดดจากดาดฟ้ า ผม
กำลังจะกลับบ้านเดี๋ยวนีแ
้ ล้ว”
“ขอให้คุณโชคดี” อวี๋ตงวางสายและพูดปิ ด
รายการสำหรับคืนนี ้ “พวกคุณจำสิ่งที่ฉันได้พูดปิ ด
รายการของเมื่อวานนีไ้ ด้หรือเปล่า? ถ้าชีวิตทำให้
คุณรู้สึกเหงา ต้องจำไว้ว่ามีใครบางคนกำลังรอคอย
คุณอยู่ ในที่สุดเมื่อได้พบกันแล้วคุณก็จะสามารถ
กำจัดความเหงาอันเยียบเย็นด้วยการมอบความ
อบอุ่นแก่กันและกัน”
หลัง 2 ชั่วโมงแห่งการจัดรายการจบลง อวี๋ตงก็
เดินออกจากสถานี
เซี่ยเฟิ งยืนรอนิ่งๆอยู่ตรงประตูทางเข้า เมื่อเห็นอ
วี๋ตงเดินออกมาเขาก็ส่งยิม
้ และยื่นแก้วชานมให้เธอ
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?” อวี๋ตงแปลกใจที่เห็น
เซี่ยเฟิ ง
“ผมเพิ่งเลิกงาน เลยแวะมารับคุณ” เซี่ยเฟิ งไม่
ได้บอกว่าเขาจอดรถอยู่หน้าสถานีวิทยุ และฟั งเธอ
จัดรายการอยู่ในรถเป็ นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว
“เวลาทำงานของคุณยาวขนาดนัน
้ คุณควรจะ
กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนมากกว่า” อวี๋ตงพูดอย่าง
ลำบากใจ
“พรุ่งนีผ
้ มไม่ต้องไปทำงาน” เซี่ยเฟิ งบอก
เมื่อได้ยินแบบนัน
้ อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกดีขึน
้ มานิดหน่อย
แต่ก็ยังพูดต่อไปว่า “ครัง้ ต่อไปห้ามคุณทำแบบนีอ
้ ีก
นะ ในช่วงสองสามวันมานี ้ คุณได้นอนแค่วันละสอง
สามชั่วโมงเอง”
เซี่ยเฟิ งก็หัวเราะขึน
้ มาทันที
“คุณหัวเราะอะไร?”
“ผมแค่นึกถึงคำพูดของผู้อำนวยการหวัง”
เซี่ยเฟิ งบอกเธอพร้อมรอยยิม
้ “เขาบอกว่า มันไม่ใช่
เรื่องง่ายสำหรับหมออย่างเราที่จะหาแฟนได้ ดังนัน

จึงควรดูแลพวกเธอราวกับเป็ นสมบัติล้ำค่า”
“ดังนัน
้ คุณก็เลยมารับฉันเหรอ?”
“ผมแวะมารับคุณและซื้อชานมให้คุณเป็ น
พิเศษ”
สุดท้ายไม่ว่าจะไปไกลแค่ไหน เราก็มักจะคิดถึง
บ้านเสมอ เพราะที่นั่นจะมีใครบางคนที่รอเราอยู่
เสมอ
ตอนที่ 14 คุณเลิกหยอกฉันได้ไหม
อวี๋ตงในชุดสูททางการยืนอยู่หน้าประตูสถานี
โทรทัศน์ของเมือง และโทรรายงานเซียงเสี่ยวเยว่
“ฉันมาถึงแล้ว”
“อื้อ เอาเลยตงตง ไม่ต้องกังวลนะ ฉันเชื่อในตัว
เธอ” เซียงเสี่ยวเยว่ตะโกนผ่านโทรศัพท์
“ฉันเข้าใจแล้ว” อวี๋ตงวางสายอย่างช่วยไม่ได้
เธอมีอะไรต้องกังวลอะไรกัน? ในชีวิตก่อนเธอก็
เคยเซ็นต์สัญญาแบบนีม
้ านับครัง้ ไม่ถ้วน แถมมูลค่า
แต่ละสัญญาก็มากกว่านีไ้ ม่ร้ก
ู ี่เท่า แล้วสัญญาการ
พากย์หนังเล็ก ๆ แบบนีจ
้ ะทำให้ฉันกังวลได้ยังไง”
อวี๋ตงนวดขมับเล็กน้อยเพราะนอนน้อย และเดิน
เข้าสถานีโทรทัศน์ไปอย่างช้า ๆ
เมื่อเช้านีเ้ ธอถูกปลุกให้ต่ น
ื โดยการโทรตามอย่าง
ถี่ยิบของเซียงเสี่ยวเยว่ เสี่ยวเยว่โหมบอกว่าเธอโหม
งานอย่างหนักมาได้ระยะหนึ่งแล้วเพื่อหาโอกาสให้
เสี่ยวเยว่ สตูดิโอได้รับเลือกให้พากย์เสียงหนังฮอลลี
วูดในภาษาจีน
อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับที่มีช่ อ
ื เสียงระดับ
นานาชาติมักยุ่งมาก ดังนัน
้ เซียงเสี่ยวเยว่และผู้ช่วย
ของอีกฝ่ ายจึงเจียดเวลาช่วง 11.00 น.ของวันนี ้ ซึ่ง
เป็ นวันที่ทางผู้กำกับมาที่สถานีโทรทัศน์เพื่อ
โปรโมทภาพยนต์
น่าเสียดายที่เซียงเสี่ยวเยว่ต้องเข้ารับการรักษา
ตัวที่โรงพยาบาล และตอนนีก
้ ็ไม่สามารถมาตามที่
นัดด้วยตนเองได้ ดังนัน
้ เธอจึงโทรหาอวี๋ตงอย่าง
ร้อนใจ และขอให้อวี๋ตงไปตามนัดแทนเธอ
“คุณอวี๋ จากเสี่ยวเยว่ สตูดิโอใช่ไหม?” ชายวัย
กลางคนสำเนียงกวางตุ้งถาม
“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ” อวี๋ตงนั่งอยู่ที่ล็อบบีเ้ พื่อรอผู้
กำกับลุกขึน
้ ยืนและยื่นมืออกไปทักทายอย่างสุภาพ
“คุณคือ คุณแจ็คใช่ไหม?”
“ใช่ ผมต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยให้คุณรอ” ผู้ช่วย
ของผู้กำกับสตีเวนพูด
“ผู้กำกับสตีเวนเพิ่งจะให้สัมภาษณ์เสร็จ ตอนนี ้
เขาอยู่ที่ร้านกาแฟในสถานี คุณสามารถไปพบเขา
และบอกเกี่ยวกับข้อเสนอของคุณได้”
อวี๋ตงพยักหน้าและเดินตามแจ็คไป
ในไม่ช้า ทัง้ สองก็มาถึงที่รา้ นกาแฟบนชัน
้  5 ของ
สถานีโทรทัศน์ แจ็คแนะนำอวี๋ตงให้ร้จ
ู ักกับผู้กำกับ
สตีเวน
“Hello, director Steven, I am Yu Dong
from XIAOYUE studio, you can call me
FISH” อวี๋ตงทักทายเป็ นภาษาอังกฤษอย่าง
คล่องแคล่ว
(สวัสดี ผู้กำกับสตีเวน ฉันอวี๋ตง จากเซียวเยว่สตู
ดิโอ คุณสามารถเรียกฉันว่ามิสฟิ ช) 
“nice to meet you (ยินดีที่ได้ร้จ
ู ัก)” ผู้กำกับ
สตีเวนลุกขึน
้ ยืนและจับมือทักทายกับอวี๋ตง
“It's a pleasure for you to give us this
chance ,and Let me show you the
sincerity of our company .”
(เป็ นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณให้โอกาสเรา และให้ฉัน
ได้แสดงความจริงใจของบริษัทเราให้คุณเห็น) อวี๋
ตงหยิบข้อมูลที่เตรียมไว้ออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ
แล้วพูดต่อว่า
“Your movie is mainly expressed……If
you let our company dub your movie,I
believe it will be a wonderful
cooperation”
(ธีมหลักของภาพยนตร์ของคุณได้แสดงถึง….. ถ้า
คุณเลือกให้ทางบริษัทของเราได้พากย์เสียง
ภาพยนตร์ของคุณ ฉันเชื่อว่า การร่วมงานกันครัง้ นี ้
จะมีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม” 
“คุณเคยดูหนังของผม?” ผู้กำกับสตีเวนถาม
อย่างแปลกใจมาก
“ใช่ และฉันก็ชอบหนังเรื่องนีม
้ าก” อวี๋ตงยิม

“อื้ม มิสฟิ ช คุณรู้จักหนังเรื่องนีด
้ ี และคุณสัมผัส
ถึงเจตนารมณ์ของผมในหนังเรื่องนีจ
้ ริง ๆ” สิ่งที่อวี๋
ตงเพิ่งนำเสนอออกมานัน
้ ดูเหมือนจะตรงกับความ
ตัง้ ใจของผู้กำกับสตีเวน ในภาพยนตร์ของเขาจริง

“ถ้าคุณให้โอกาสเสี่ยวเยว่ สตูดิโอในการพากย์
หนังเรื่องนี ้ ฉันจะรักษาเจตนารมณ์ของคุณเอาไว้
อย่างแน่นอน” อวี๋ตงเคยดูหนังเรื่องนีม
้ าหลายรอบ
ในชีวิตก่อนของเธอเพราะเธอชอบเนื้อเรื่อง อวี๋ตง
ยังได้อ่านความคิดเห็นของแฟนๆ มากมายเกี่ยวกับ
ภาพยนต์เรื่องนี ้ รวมถึงข้อคิดเห็นของมิสเตอร์สตี
เวนเกี่ยวกับหนังเรื่องนีด
้ ้วย
“ผมยินดีที่จะร่วมงานกับบริษัทของคุณ” มิสเตอ
ร์สตีเวนยิม
้ และจับมือกับอวี๋ตง
“ขอบคุณ พวกเราจะทำงานอย่างหนักเพื่อให้มัน
สมบูรณ์แบบ” ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับสัญญาความ
ร่วมมือแน่นอนแล้ว
หลังจากเซ็นต์สัญญาแล้ว แจ็คก็เดินเข้ามาเตือน
ผู้กำกับสตีเวนว่าได้เวลาอัดรายการต่อแล้ว
“ผมชอบคุณ มิสฟิ ช” ผู้กำกับสตีเวนลุกขึน
้ ยืน
และบอกลาอวี๋ตง “ชื่อของคุณน่ารักมาก และคุณ
น่าทึ่งมาก”
“ขอบคุณค่ะ”
อวี๋ตงยืนขึน
้ และมองดูผู้กำกับเดินจากไปอย่าง
สุภาพ จากนัน
้ เธอก็หยิบสัญญาที่ลงนามแล้วขึน
้ มา
แล้วพลิกไปมาในมือ เธอยิม
้ อย่างมั่นใจและรู้สึก
ภาคภูมิใจ อวี๋ตงมักจะทำแบบนีท
้ ุกครัง้ เมื่อทำการ
เซ็นต์สัญญาได้สำเร็จ ในชีวิตก่อน
“ตอนนีค
้ ุณดูยอดเยี่ยมมาก” ทันใดนัน
้ เธอก็ได้
ยินเสียงผู้ชายดังขึน

อวี๋ตงหันกลับไปมองอย่างสงสัย และสีหน้าของ
เธอก็มืดครึม
้ ลงทันที ศัตรูมักพบกันในทางแคบจริง
ๆ ทำไมเธอบังเอิญเจอเขาอยู่เรื่อย?
ฝางฮัวและเหลยเจิน
้ นั่งอยู่ที่ร้านกาแฟก่อนที่อวี๋
ตงจะมาถึง พวกเขานั่งอยู่โต๊ะข้างหลัง อวี๋ตงจึง
ไม่ทันได้สังเกตเห็น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ยินบทสนทนาของอวี๋
ตงตัง้ แต่ต้นจนจบและรู้สึกประทับใจมาก เธอใช้
เวลาเพียง 10 นาทีในการพูดคุยข้อเสนอกับอีกฝ่ าย
และเธอก็ประสบความสำเร็จในการเซ็นต์สัญญา
และเอาชนะสตูดิโอพากย์เสียงหลายแห่งที่จับจ้อง
งานนีต
้ าเป็ นมัน
ฝางฮัวไม่อยากเชื่อเลยว่าอวี๋ตงจะเปลี่ยนไปจนดู
เหมือนคนแปลกหน้าหลังจากที่พวกเขาเลิกกันไป
เพียง 1 เดือน เธอเปลี่ยนจากผู้หญิงที่งี่เง่าไร้สาระ
ไปวันๆ กลายมาเป็ นผู้หญิงที่ทำงานเก่ง มีความ
มั่นใจในตัวเอง และสง่างาม
แม้ว่าเหลยเจิน
้ จะรู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกันเกี่ยว
กับเรื่องที่อวี๋ตงเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เขาก็ไม่ได้
รู้จักคุ้นเคยกับเธอนัก เขารู้จักอวี๋ตงจากการพบกัน
ครัง้ ล่าสุดเท่านัน
้ ดังนัน
้ จึงอดชื่นชมเธอไม่ได้
“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่?” อวี๋ตงถามอย่างรังเกียจ
ฝางฮัวเกลียดน้ำเสียงแบบนีข
้ องอวี๋ตง ใบหน้า
ของเขาดูน่าเกลียดเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“พวกเราทำงานอยู่ที่นี่” เหลยเจิน
้ ไม่ได้ใส่ใจและ
ตอบกลับด้วยรอยยิม

“โอ้!” จู่ๆ อวี๋ตงก็พูดขึน
้ มา “นายทำงานอยู่ที่
สถานีโทรทัศน์นี”

“สำเนียงภาษาอังกฤษของคุณดีมากเลย คุณฝึ ก
ยังไง?” เหลยเจิน
้ ถาม
“ฉันดูซีรี่ย์ของอเมริกา” พี่สาวคนนีบ
้ อกคุณไม่
ได้หรอกว่าเธอเคยถูกส่งไปทำงานที่อเมริกามา 5 ปี
‘ไร้สาระ เธอดูแค่ละครเกาหลีเท่านัน
้ !’ ฝางฮัว
บ่นในใจ
“จริงเหรอ? ผมก็ชอบดูซีรีย์ของอเมริกาเหมือน
กัน ตอนนีค
้ ุณดูเรื่องไหนอยู่?” เหลยเจิน
้ ถามอย่าง
สนใจ
คุณผู้ชาย เอาจริง ๆ นะ เราไม่ได้สนิทสนมคุ้น
เคยกันขนาดนัน
้ ฉันจำชื่อคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ ดังนัน

คุณควรปล่อยฉันไป อวี๋ตงแอบบ่นในใจ
ขณะนัน
้ เองที่อวี๋ตงกำลังจะเอ่ยปากขอตัว น้ำ
เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากประตูรา้ นกาแฟ
“อวี๋ตง?” หญิงวัยกลางคนร่างท้วมยืนอยู่ตรง
ประตูมองอวี๋ตงอย่างไม่เชื่อสายตา
“อาจารย์” อวี๋ตงเองก็แปลกใจมากที่เธอได้เจอ
อาจารย์ของเธอ เธอไม่เห็นอาจารย์ในรายการ
โทรทัศน์มาหลายปี แล้ว จึงค่อนข้างแปลกใจ
อาจารย์ของอวี๋ตงชื่อ หลินหลิน และเป็ นคนแนะ
นำอวี๋ตงให้กับสถานีวิทยุที่เธอกำลังทำงานอยู่ตอน
นี ้ ในชีวิตก่อนอาจารย์ของเธอคนนีไ้ ม่เคยตำหนิ
หรือว่าเธอเลย ตอนที่เธอไม่ได้ไปสัมภาษณ์งาน
ความจริงแล้วเมื่อตอนที่อวี๋ตงกระเสือกกระสน
ดิน
้ รนใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในเมืองใหญ่คนเดียว
อาจารย์คนนีก
้ ็มักจะแนะนำงานให้เธอหลายครัง้
เพื่อให้เธอสามารถหาเงินมาจ่ายค่าเช่าได้
ดังนัน
้ การพบกับอาจารย์ของเธออีกครัง้ ในรอบ 
10 ปี อวี๋ตงจึงรู้สึกมีความสุขมาก
“เป็ นเธอจริงๆเหรอ!” อาจารย์ถามอย่างไม่เชื่อ
สายตา “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย อาจารย์ไม่เจอเธอ
มาเดือนกว่า ทำไมนกกระจอกถึงได้กลายเป็ นฟิ นิ
กส์ไปแล้วล่ะ?”
“อะไรคือนกกระจอกกลายเป็ นฟิ นิกส์? หนูเป็ น
หงส์ฟ้ามาตลอด ฟิ นิกส์กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน” อ
วี๋ตงพูดอย่างร่าเริง
“เอาล่ะ ทำไมเธอไม่เกิดใหม่ให้เร็วกว่านี ้ ตอนที่
สถานีโทรทัศน์มองหาพิธีกรสาวสวย อาจารย์จะได้
แนะนำเธอ” อาจารย์หลินคร่ำครวญ
“แต่หนูชอบรายการวิทยุมากกว่า” อวี๋ตงขยิบตา
ใส่
“ฮ่า ๆ ถ้าเธอชอบก็แล้วไปเถอะ!” อาจารย์หลิน
หัวเราะและไม่ได้กดดันอวี๋ตงแต่เปลี่ยนเรื่องคุย
แทน “ทำไมเธอมาอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ล่ะ?”
“หนูมาช่วยงานให้สตูดิโอของเสี่ยวเยว่ค่ะ
อาจารย์ร้แ
ู ล้วใช่ไหมคะ ว่าเสี่ยวเยว่เปิ ดสตูดิโอ?” 
“อื้อ แล้วทำไมเจ้าเด็กนั่นถึงไม่มาเองล่ะ?”
“เธอเข้ารับการรักษาไส้ติ่งอักเสบอยู่ที่โรง
พยาบาลค่ะ” อวี๋ตงบอก
“โอ้…เธอคงจะทรมานน่าดู” อาจารย์หลินรู้ว่า
เซียงเสี่ยวเยว่เป็ นหญิงสาวที่บอบบาง
“แล้วอาจารย์ล่ะคะ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?” อวี๋ตง
ถาม
“สถานีโทรทัศน์เชิญให้อาจารย์มาฝึ กพิธีกรหน้า
ใหม่น่ะ” อาจารย์หลินส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ทุกวัน
นีแ
้ ม้ว่าพิธีกรหน้าใหม่จะหน้าตาดี แต่ติดที่ภาษาจีน
กลางของพวกเขาแย่มาก”
“ฮ่าฮ่า อาจารย์ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ? พวกเราไป
ทานข้าวกลางวันด้วยกันไหมคะ ให้เสี่ยวเยว่จ่ายค่า
อาหารให้เรา” อวี๋ตงหัวเราะ
“โอเค ไปกันเถอะ” อาจารย์หลินตกลง จากนัน

ก็หันไปทางฝางฮัวแล้วพูดว่า “พวกเธอก็มาด้วยกัน
สิ”
ก่อนที่พวกเขาจะตอบ อวี๋ตงก็พูดตัดบทอย่างไม่
เห็นด้วย
“อาจารย์หลินถ้าพวกเขาไปหนูก็ไม่ไป”
“เกิดอะไรขึน
้ ?” อาจารย์หลินถามด้วยความ
แปลกใจ “เธออึดอัดที่จะไปพร้อมฝางฮัวเหรอ?”
“พวกเราเลิกกันแล้ว อาจารย์ก็ร้จ
ู ักหนูดีถ้าหนู
เลิกกับใคร เขาก็จะกลายเป็ นศัตรูของหนูแทน ถ้า
เขามากับพวกเรา หนูคงจะอดใจไม่ไหวที่จะสาดซุป
ใส่หน้าเขา”
“หือ!!” อาจารย์หลินอึง้ งันไป ไม่ใช่พวกเขาบอก
กับทุกคนไม่ใช่หรือว่าพวกเขากำลังจะแต่งงานกัน? 
แล้วมันเกิดอะไรขึน
้ ? 
“อวี๋ตง!” ฝางฮัวตะโกนอย่างโกรธเคือง
“ทำไม?” อวี๋ตงมองเขาอย่างเย็นชา
“เธอ…”
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัด เหลยเจิน
้ จึงดึง
ตัวฝางฮัวไว้แล้วกล่าวอย่างสุภาพว่า “อาจารย์หลิน
พวกเราคงไปด้วยไม่ได้ พวกเรายังมีงานที่ต้องทำ
อีก”
อาจารย์หลินเห็นดังนัน
้ จึงรีบพาอวี๋ตงออกไป
“แฟนเก่าของคุณเป็ นคนแบบนีเ้ องเหรอ?” ไม่มี
ใครรู้ตัวตอนที่หลี่อันน่ามาถึง จู่ๆเธอก็ปรากฎตัว
ออกมาและพูดว่า “คุณยังสามารถรักษาตัวตนของ
ตนเองได้ ไม่เป็ นไรหรอก แม้จะถูกทิง้ ยังไงก็ตาม
เรื่องแบบนีค
้ งเกิดขึน
้ ไม่ช้าก็เร็ว”
“ผมทิง้ เธอ!” ฝางฮัวพูดอย่างโกรธ ๆ
“จริงเหรอ?” หลี่อันถามอย่างไม่มั่นใจ ก่อนเดิน
ออกไปพร้อมกาแฟในมือ
“ทำไมเธอไม่เชื่อฉัน?” ฝางฮัวพูดกับเหลยเจิน

“ฉันเชื่อนาย” เหลยเจิน
้ ปลอบ
“ดี!” ในที่สุดก็มีคนเชื่อว่าเป็ นเรื่องจริง
“แต่นายจะดูไม่เป็ นสุภาพบุรุษนัก ถ้านายบอก
ทุกคนว่านายทิง้ แฟนสาวของตัวเอง” เหลยเจิน
้ ให้
คำแนะนำพลางตบไหล่ฝางฮัว
“…..” ทำไมนายต้องทำให้ฉันเสียขวัญด้วย
หลังจากทานข้าวกลางวันกับอาจารย์หลินแล้วอ
วี๋ตงก็ไปที่โรงพยาบาล
ทันทีที่อวี๋ตงไปถึงที่ห้องพักผู้ป่วย เธอก็โยน
สัญญาลงบนร่างของเซียงเสี่ยวเยว่
เสี่ยวเยว่ยังไม่แน่ใจจนกระทั่งเธอได้เห็นลายเซ็น
ต์บนสัญญา ทันใดนัน
้ เธอก็ตะโกนออกมาเสียงดัง
ลั่น “เย่ อูย!!”
“มีอะไร? ร้องแบบนีห
้ รือว่าแผลเปิ ด?” พยาบาล
รีบเข้ามาในห้อง
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจริงๆ ฉันจะ
ตักเตือนเธอเอง” อวี๋ตงขอโทษขอโพยก่อนที่
พยาบาลจะออกจากห้องไป
เซียงเสี่ยวเยว่ยังรู้สึกเจ็บแผลอยู่นิดหน่อยแต่ก็
ดีใจมาก “เธอได้เซ็นต์สัญญาจริงๆเหรอ? เธอทำได้
ยังไง?”
“ฉันบอกเธอแล้วว่าไม่ต้องเป็ นห่วงมันไม่มี
ปั ญหา” อวี๋ตงหยิบส้มจากโต๊ะข้างเตียงขึน
้ มากิน
“ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเธอจะทำได้จริงๆ มัน
เหมือนของขวัญที่ตกลงมาจากฟ้ า” เสี่ยวเยว่กล่าว
อย่างตื่นเต้น “ถ้าหากเราทำผลงานได้ดี สตูดิโอของ
เราก็จะตัง้ หลักในวงการนักพากย์นีไ้ ด้อย่างเต็มตัว”
“เรามีโอกาสแล้วแต่เธอต้องเลือกนักพากย์อย่าง
ระมัดนะวัง” อวี๋ตงพูด
“เธอจะกลัวอะไรมีอาจารย์ตัง้ หลายคนที่
มหาวิทยาลัยของเรา ใครบ้างที่ไม่มีช่ อ
ื เสียง?” เซียง
เสี่ยวเยว่คิดล่วงหน้าไปแล้ว ตราบใดที่พวกเธอมี
สัญญาก็จะใช้มันเป็ นทางผ่านเชื่อมกับทาง
มหาวิทยาลัย เธอไม่เคยกังวลเรื่องการหานักพากย์
อวี๋ตงยิม
้ แล้วถามว่า “อาการของเธอเป็ นยังไง
บ้าง?”
“พวกเขาจะตัดไหมวันมะรืนนี”
้ เสี่ยวเยว่เศร้า
ทันทีก่อนจะพูดว่า “ฉันคงอดไปที่ทะเลในหน้าร้อน
ปี นี ้ ฉันซื้อบิกินี่ตัวใหม่เอาไว้แล้วด้วย”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนัน
้ ไม่นานเซี
ยงเสี่ยวเยว่ก็หายดีและออกจากโรงพยาบาล ส่วน
เซี่ยเฟิ งก็ต้องไปอเมริกา
เขาจองตั๋วเที่ยวบิน 9 โมงเช้า ดังนัน
้ จึงไม่จำเป็ น
ต้องเร่งรีบ แต่มันเป็ นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่าง
ยิ่งสำหรับอวี๋ตงที่นอนหลับหลังตีสองตีสาม
เวลา 6.30 น. เซี่ยเฟิ งลากกระเป๋าเดินทางออก
มาอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่ลืมทิง้ โน้ตเอาไว้ที่ตู้เย็น
ครัง้ นีม
้ ีคนไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา มี 5 คน นอก
จากเซี่ยเฟิ ง ทุกคนต่างถูกห้อมล้อมด้วยญาติและ
เพื่อนฝูง
เซี่ยเฟิ งนั่งรอที่เก้าอีอ
้ ยู่คนเดียว ยิม
้ และไม่ได้พูด
อะไร
ขณะที่มองไปที่นาฬิกา เขาก็ตัดสินใจเข้าสู่จุด
ตรวจความปลอดภัย ไม่นาน เสียงประกาศเตือนให้
ทราบถึงเที่ยวบินของพวกเขาก็ดังขึน

ทุกคนกล่าวร่ำลากันและเซี่ยเฟิ งก็ลากกระเป๋า
เดินตามเพื่อนร่วมงานของเขาไปยังด่านศุลกากร
“เซี่ยเฟิ ง!” เซี่ยเฟิ งหยุดลง แล้วหันกลับไปอย่าง
คาดไม่ถึง เขาเห็นอวี๋ตงที่อยู่ห่างออกไปเกือบสิบ
เมตรกำลังวิ่งกระหืดกระหอบมา
เซี่ยเฟิ งกระพริบตา เขาปล่อยกระเป๋าเดินทาง
แล้วเดินเข้าไปหาเธอ
“คุณมาได้ยังไง?”
“คุณ…ทำไมคุณไม่ปลุกฉันก่อนออกมา?” อวี๋ตง
ตื่นมาตอน 8 โมง เธอรีบกระโดดขึน
้ แท็กซี่แล้ววิ่ง
มาตลอดทาง
“ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องมาส่ง” เซี่ยเฟิ งเห็นเม็ด
เหงื่อที่ไหลอาบหน้าอวี๋ตงอย่างมากมายก็อดดุเธอ
ไม่ได้
“ใครมาส่งคุณกัน” อวี๋ตงแย้งด้วยเสียงโกรธ ๆ
“ฉันลืมให้รายการของที่จะให้คุณซื้อต่างหาก ฉัน
มาเพื่อส่งรายการของ”
เซี่ยเฟิ งมองดูอวี๋ตงด้วยรอยยิม
้ อ่อนโยน และไม่
ได้เปิ ดโปงข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึน
้ ของเธอ
“อ๊ะ… รายการที่คุณต้องซื้อทัง้ หมด ไม่น้อยห
รอกนะ” อวี๋ตงยัดกระดาษรายการนัน
้ ให้เขา
“ผมอยู่ที่นั่น 3 เดือน ผมจะซื้อทุกอย่างมาให้
ครบแน่นอน” เซี่ยเฟิ งพับกระดาษและใส่เอาไว้ใน
กระเป๋าสตางค์ของเขา
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ขณะนี ้ เที่ยว
บิน UA 087 ที่จะเดินทางไปนิวยอร์คกำลังเตรียม
ขึน
้ บิน ได้โปรดเช็คอินโดยเร็วที่สุด”
อวี๋ตงได้ยินประกาศจึงบอกเซี่ยเฟิ งว่า “ไปได้
แล้ว อย่าลืมโทรหาฉันทันทีที่คุณไปถึงที่นั่นล่ะ”
“คุณก็เหมือนกัน ทุกคืนหลังเลิกงานอย่าลืมส่ง
ข้อความให้ผมด้วย คุณกลับบ้านดึก ผมจะเป็ นห่วง
ถ้าไม่ได้รับข้อความจากคุณ”
“มันยุ่งยาก” อวี๋ตงบอกเขาตามตรง
“กินอาหารขยะให้น้อยลงด้วย” เซี่ยเฟิ งเตือน
เธออีกครัง้
“ฉันควรจะบอกคุณมากกว่าที่อเมริกามีอาหาร
ขยะเยอะมาก คุณควรจะต้องเป็ นคนที่ต้องระวัง
เรื่องนี”
้ อวี๋ตงบีบมือตนเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด
อย่างดุดันว่า “คุณ…ตอนนีค
้ ุณเป็ นผู้ชายที่แต่งงาน
แล้ว อย่าคิดไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นตอนที่คุณอยู่ที่
นั่น”
เซี่ยเฟิ งผงะไปชั่วขณะ ทันใดนัน
้ ก็หัวเราะเสียงดัง
“คุณยังจะมาหัวเราะอีก” อวี๋ตงจ้องเขาเขม็ง
“ผมยังไม่ได้พลอดรักกับภรรยาของตัวเองเลย
ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปคุยกับคนอื่น?”
เมื่อเซี่ยเฟิ งพูดจบ ใบหน้าของอวี๋ตงก็แดงขึน

ทันที
“ผมไปก่อนนะ”
เซี่ยเฟิ งเดินลากกระเป๋าเดินทางออกไปแล้วโบก
มือให้อวี๋ตงก่อนที่เขาเดินเข้าไปในด่านศุลกากร
อวี๋ตงยังยืนนิ่งอยู่ตรงนัน
้ ก่อนจะยกมือขึน
้ ปิ ด
แก้มแดงๆของตัวเองแล้วพูดพึมพำว่า “ใครเค้า
อยากจะพลอดรักกับคุณกัน ฮะ?” 
ตอนที่ 15 ฉันป่ วนงานหมัน
้ ของเพื่อนร่วมชัน

หลังจากนั่งเครื่องบินมานานกว่า 10 ชั่วโมง
เซี่ยเฟิ งกับเพื่อนร่วมงานก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
และกำลังรอรับกระเป๋าที่สายพาน
ทุกคนต่างเปิ ดโทรศัพท์และโทรกลับบ้านเพื่อ
บอกว่าพวกเขาเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
แล้ว
เซี่ยเฟิ งเองก็เปิ ดโทรศัพท์ของเขา อืม ตอนนีท
้ ี่
จีนน่าจะเป็ นเวลา 4 ทุ่ม อวี๋ตงคงกำลังเตรียมตัวไป
ทำงาน
“ฮัลโหล” เสียงอวี๋ตงดังมาจากปลายสาย “คุณ
ถึงแล้วเหรอ?”
เขาไม่ร้ว
ู ่าอวี๋ตงรู้หรือเปล่าว่าน้ำเสียงของเธอ
ไพเราะมาก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินผ่านคลื่นโทรศัพท์
มา เซี่ยเฟิ งอ่อนลงโดยไม่ร้ต
ู ัว “คุณจะออกไป
ทำงานแล้วใช่ไหม?”
“อื้อ ใกล้แล้ว” อวี๋ตงยืนอยู่ตรงระเบียง บ้านที่มี
เพียงเธอคนเดียวดูเงียบเหงาเล็กน้อย เมื่อมองจาก
มุมนีท
้ ำให้เธอหวนคิดถึงวันคืนในชีวิตก่อน
บรรยากาศตอนนีเ้ หมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด เธอ
มองออกไปที่ด้านนอกผู้คนที่มักใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ
ภายในเมืองที่วุ่นวาย ในเวลานีเ้ บาบางลง และ
เหลือเพียงเธอตัวคนเดียวที่นั่งอยู่ในบ้านมองดูแสง
ไฟระยิบระยับภายนอก
“คุณเป็ นอะไรหรือเปล่า?” เซี่ยเฟิ งถาม เขารู้สึก
ถึงความเหงาในน้ำเสียงของอวี๋ตง
“ไม่มีอะไร” อวี๋ตงมองขึน
้ ไปบนท้องฟ้ าที่เต็มไป
ด้วยดวงดาว เวลานีด
้ าวบนท้องฟ้ าในเซี่ยงไฮ้มีมาก
ขนาดนีเ้ ชียว ทำไมเมื่อสิบปี ต่อมาเธอถึงเห็นเพียง
ไม่กี่ดวงล่ะ?
“ฉันแค่ร้ส
ู ึกว่าบ้านหลังนีก
้ ว้างเกินไป มันไม่ค่อย
ดีเลย” อวี๋ตงพูด
เซี่ยเฟิ งตะลึง อวี๋ตง ‘รู้สึกว่าบ้านกว้างเกินไป
อย่างนัน
้ เหรอ? เป็ นเพราะว่าผมหายไปงัน
้ เหรอ? อ
วี๋ตง…คุณกำลังคิดถึงผมใช่ไหม?’ เขาแอบคิด
“คุณต้องเหนื่อยมากแล้วแน่ ๆ หลังจากที่ต้องนั่ง
อยู่บนเครื่องบินมาทัง้ วัน เอาล่ะ คุณรีบไปพักผ่อน
เถอะ ฉันเองก็จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน” อวี๋ตง
กล่าว
“ได้ อย่าลืมส่งข้อความถึงผมหลังเลิกงานด้วย”
เซี่ยเฟิ งเตือน
“ตกลง”
อวี๋ตงวางสายแล้วก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นี่คือความ
แตกต่างระหว่างการอยู่คนเดียวกับการมีใครบาง
คนอยู่เคียงข้างใช่ไหม? มีใครบางคนที่กำลังคิดถึง
เธออยู่ และมีใครบางคนที่รอข้อความจากเธอ
“โทรไปรายงานแฟนมาเหรอ?” อู่ฉีกวงถาม
เพื่อนร่วมงานจากแผนกศัลยกรรมถาม
“หือ?” เซี่ยเฟิ งงงนิดหน่อย จากนัน
้ ก็ยม
ิ ้ แล้ว
พยักหน้า
“ผมก็เพิ่งจะคุยกับแฟนแต่เธอไม่สนใจผมเลย
เธอแค่บอกให้ผมไปที่ร้านปลอดภาษีแล้วช่วยซื้อ
ของบางอย่างให้เธอ” อู่ฉีกวงบ่น
เซี่ยเฟิ งไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ยิม

“ว่าแต่ นายก็กำลังจะไปซื้อของให้แฟนเหมือน
กันใช่ไหม? ไปร้านดิวตีฟ
้ รีกันเถอะ?” อู่ฉีกวงพูด
อย่างกระตือรือร้น
“ทำไมนายถึงรีบไปซื้อนักล่ะ? นายไม่รอให้ใกล้
วันกลับก่อนเหรอ?” เซี่ยเฟิ งถาม
“เป็ นไปไม่ได้ เธอบอกว่าเธอใช้มาสก์หน้าหมด
แล้ว ดังนัน
้ เธอจึงขอให้ผมซื้อแล้วส่งกลับไปให้เธอ
ก่อน” อู่ฉีกวงพูดอย่างจนใจ “ถึงแม้ว่าคุณจะหาซื้อ
มันที่จีนได้ด้วยส่วนต่างเล็กน้อยก็ตาม”
หลังจากได้ฟัง เซี่ยเฟิ งก็คิดเกี่ยวกับมัน เขาจะอยู่
ที่นี่ 3 เดือน อวี๋ตงจะรอนานเกินไปหรือเปล่า?
“ถ้าอย่างนัน
้ ก็ไปกันเถอะ” เซี่ยเฟิ งพูด
ดังนัน
้ พวกเขาจึงเดินไปฝากกระเป๋าเดินทางไว้
กับเพื่อนร่วมงานอีก 3 คน แล้วมุ่งหน้าไปยังร้านดิว
ตีฟ
้ รีในสนามบินด้วยกัน
อู่ฉีกวงหยิบใบรายการของแฟนสาวขึน
้ มา แล้ว
หยิบตะกร้ามุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์สกินแคร์อย่าง
ชำนาญ
เซี่ยเฟิ งเห็นแบบนัน
้ แล้วก็ยม
ิ ้ ออกมา ดูเหมือนว่า
ผู้หญิงจะชอบเตรียมใบรายการช้อปปิ ้ งให้แฟนหนุ่ม
ของพวกเธอ
เขาเปิ ดกระเป๋าสตางค์แล้วก็หยิบใบรายการที่
พับเอาไว้ออกมา เมื่อเขาคลี่มันออกดู บรรทัดแรก
เขียนเอาไว้ว่า
‘คุณช่วยซื้อของตามรายการนีว้ ันละครัง้ คุณจะ
ได้คิดถึงฉันทุกวัน’
อ่า….
เซี่ยเฟิ งมองใบรายการที่ยาวเหยียดนัน
้ มาสก์
หน้าที่อู่ฉีกวงพูดถึงก็ถูกเขียนเอาไว้เหมือนกัน
เคาน์เตอร์ขายของพวกนีท
้ งั ้ หมดจริงๆ…

วันนีเ้ ป็ นวันหมัน
้ ของเรินซินซิน ซึ่งเป็ นเพื่อนใน
สนิทของอวี๋ตงตอนเรียนสมัยมหาวิทยาลัย ในชีวิต
ก่อนเธอพลาดงานเลีย
้ งครัง้ นีไ้ ป แต่คราวนีเ้ ธอจะ
ไม่พลาดมันอีก
“เธอลงมารอฉันข้างล่างเลย ฉันใกล้จะถึงประตู
ทางเข้าอพาร์ทเม้นท์ของเธอแล้ว” เซียงเสี่ยวเยว่
โทรมาบอก
“ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี”

วันนีเ้ ป็ นวันหยุดสุดสัปดาห์ และสวนด้านหน้าอ
พาร์ทเมนต์ก็ดูคึกคักไปด้วยผู้คน อวี๋ตงเดินอย่าง
สง่างามบนรองเท้าส้นสูง ส่งผลให้ทิวทัศน์ที่
สวยงามนัน
้ ดูสมบูรณ์แบบมากขึน
้ อย่างไรก็ตาม
ผู้คนมักมีความสุขที่ได้เห็นของสวย ๆ งาม ๆ
“ว้าว…” เสี่ยวเยว่อดที่จะชื่นชมไม่ได้ขณะที่อวี๋
ตงเดินเข้ามาใกล้ “เธอดูสง่างามมากจริง ๆ
ดูรปภ.คนนัน
้ สิ มองเธอตาไม่กระพริบเลย”
อวี๋ตงก้าวขึน
้ ไปนั่งบนรถ “เพราะฉันต้องไปร่วม
งานพร้อมกับสาวงามอย่างคุณเซียง ถ้าฉันไม่แต่ง
ตัวให้มากขึน
้ หน่อย ฉันคงโดนเธอกลบหมดน่ะสิ”
“ก็จริง” เซียงเสี่ยวเยว่พูดอย่างภาคภูมิใจ “พวก
เราสามคนเป็ นดอกไม้คริสตัลอันล้ำค่าของภาควิชา
วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และวันนีพ
้ วก
เราจะทำให้ทุกคนตกตะลึง”
ในไม่นานพวกเธอก็มาถึงที่หมาย
โรงบ่มไวน์สุดหรูในเขตชานเมืองเซี่ยงไฮ้
“ฉันไม่เคยรู้เลยว่าครอบครัวของซินซินจะร่ำรวย
ขนาดนี”
้ เซียงเสี่ยวเยว่ผู้ที่คุ้นเคยกับสถานที่
หรูหรายังอดทึ่งไม่ได้กับภูมิทัศน์อันงดงามของโรง
บ่มไวน์
“มันอาจจะเป็ นของคู่หมัน
้ เธอ” อวี๋ตงมองรูป
ของเรินซินซินกับคู่หมัน
้ ผู้ชายในรูปคือ หลู่ซวน คู่
หมัน
้ ของซินซิน เธอเคยพบเขาอยู่บ้างในชีวิตก่อน
“อืม มองจากรูปนีแ
้ ล้ว ฉันให้เขาผ่าน” เซียว
เสี่ยวเยว่พูดขณะที่มองดูรูป
“เขาผ่านในแง่ไหน?”
“เสน่ห์ของเขา”
“เธอไม่คิดว่าเขาดูเหมือนพวกเจ้าชู้เหรอ?” อวี๋
ตงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“อย่าหยาบคายแบบนัน
้ สิ!” เซียงเสี่ยวเยว่ขมวด
คิว้ แล้วพูดว่า “นั่นเป็ นคู่หมัน
้ ของซินซินนะ”
แววตาของอวี๋ตงมืดลงเล็กน้อย เมื่อนึกถึงงาน
เลีย
้ งที่เธอเคยไปเมื่อชีวิตก่อน เธอมักจะเห็นหลู่
ซวนมากับผู้หญิงมากหน้าหลายตาเสมอ ตอนที่เขา
จำได้ว่าเธอเป็ นเพื่อนร่วมชัน
้ ของซินซิน เขาก็ยก
แก้วเครื่องดื่มขึน
้ ทักทายและยิม
้ ให้เธอ
“ไปหาซินซินกัน” อวี๋ตงมองดอกกุหลาบสีขาวที่
ตกแต่งอยาทั่วสถานที่ แล้วรู้สึกเหยียดหยันอย่าง
ไม่มีเหตุผล
ทัง้ หมดนีก
้ ็แค่ จัดฉากให้คนอื่นอิจฉา บอกคนอื่น
ว่าพวกเขา ‘มีความสุข’ งานเลีย
้ งนีก
้ ็จัดขึน
้ เพื่อ
โพสต์รูปลงใน Moment ของ WeChat เท่านัน

พวกเธอเดินผ่านซุ้มกุหลาบและซุ้มลูกโป่ ง
สายลมที่พัดเป็ นครัง้ คราว สะบัดพัดกระโปรงของ
เธอให้พริว้ ไหว
   “คนสวยสองคนตรงนัน
้ คือใคร?” ชายคนหนึ่ง
ที่ถือแก้วไวน์อยู่อีกด้านถามหลู่ซวน
หลู่ซวนหันไปมองก่อนหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “ไม่ร้ส
ู ิ
แต่น่าจะเป็ นเพื่อนของเรินซินซิน”
“นายรู้ภูมิหลังของพวกเธอหรือเปล่า?” ชายคน
นัน
้ ถาม
“พวกเธอจะมีภูมิหลังอะไรพวกเธอเป็ นนักศึกษา
จบใหม่”
“อลัน นายจะไปด้วยไหม?” ชายคนนัน
้ หันไป
ถามเพื่อนอีกคนของเขา
อลันมองเห็นอวี๋ตงกับเสี่ยวเยว่แล้ว แม้ว่าเขาจะ
ไม่ได้สนใจพวกเธอเป็ นพิเศษ แต่เขาก็ไม่อยากขัดใจ
เพื่อน ดังนัน
้ เขาจึงเลิกคิว้ ขึน
้ ก่อนยกยิม
้ “ฉันตาม
นาย”
ดังนัน
้ พวกเขาจึงผละจากหลู่ซวน แล้วเดินตรงไป
ยังอวี๋ตงและเซียงเสี่ยวเยว่ที่กำลังเดินเล่นอยู่
“สวัสดี คนสวย!” ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนขวางตรง
หน้าพวกเธอและเอ่ยด้วยรอยยิม

“ผมชื่อหลินฮุ่ยหยวน ผู้อำนวยการฝ่ ายการ
ตลาดของฮุ่ยหยวน กรุ๊ป”
“ฮุ่ยหยวนกรุ๊ปเหรอ? คุณคือหลินฮุ่ยหยวน เจ้า
นายใหญ่ของฮุ่ยหยวนกรุ๊ปเหรอ?” เสี่ยวเยว่ถาม
ด้วยความสงสัย
หลินฮุ่ยหยวนเพียงแค่ยิม
้ แค่เขาบอกชื่อของเขา
ผู้คนก็จะคาดเดาได้เอง
“เขาไม่ใช่เจ้านายใหญ่ เขาเป็ นคุณชายน้อย ถ้า
ไม่ใช่เพราะพ่อของเขา เขาจะเป็ นผู้อำนวยการได้
ยังไง?” อวี๋ตงแย้งออกมา เธอรู้ว่าสิ่งที่พวกเขา
ต้องการคืออะไรทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาหาพวก
เธอ
อลันเลิกคิว้ ด้วยความแปลกใจ
“คนสวย คุณกำลังสงสัยว่าผมมีเจตนาไม่ดีงัน
้ เห
รอ?” หลินฮุ่ยหยวนเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“ฉันบังเอิญเจอกับคุณหนูฉินตรงทางเข้า” อวี๋ตง
ยิม
้ “ถ้าคุณยังมาคุยกับพวกเราอีก ฉันคิดว่าการ
สานสัมพันธ์กับตระกูลฉินในอนาคตอาจจะหลุด
ลอยไปก็ได้นะ”
ใบหน้าของหลินฮุ่ยหยวนมืดครึม
้ ลงทันที
อลันเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
“ไปกันเถอะ!” อวี๋ตงดึงเสี่ยวเยว่ออกไป
“ประโยคเมื่อกี ้ หมายความว่ายังไง? ใครคือคุณ
หนูฉิน?” เสี่ยวเยว่ถาม
“คุณหนูฉินเป็ นคู่หมัน
้ ของเขา”
“บัดซบ! มีคู่หมัน
้ แล้วยังมาหยอดคนอื่นอีก เฮอะ
ทำให้ฉันเป็ นผู้หญิงไร้ยางอายได้ยังไงกัน?”
“ในที่สุดเธอก็ยอมรับแล้ว?” อวี๋ตงเลิกคิว้
หลู่ซวนเห็นหลินฮุ่ยหยวนเดินกลับมาด้วยสีหน้า
มืดครึม
้ จึงถามว่า “เกิดอะไรขึน
้ ?”
“ดอกไม้งามมีหนาม” อลันหัวเราะ
หลู่ซวนเลิกคิว้ เขาไม่คิดว่าเพื่อนของเรินซินซิน
จะร้ายกาจ
หลังจากนัน
้ ไม่นาน พวกเธอก็เดืนมาถึงห้องแต่ง
ตัวของเรินซินซฺน เซียงเสี่ยวเยว่เปิ ดประตูเข้าไป
ก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า “ซินซิน พวกเรามาแล้ว!”
เรินซินซินแปลกใจ ดวงตาแดงก่ำของเธอฝื นมอง
ไปยังเซียงเสี่ยวเยว่
เมื่ออวี๋ตงเห็นท่าทางที่น่าสงสารของเรินซินซิน
สีหน้าของเธอก็มืดครึม
้ ทันที
“เกิดอะไรขึน
้ ?” เซียงเสี่ยวเยว่ขมวดคิว้
“ไม่มีอะไร” เหริ่นซินเซินเช็ดน้ำตาแล้วยิม
้ ออก
มาทันที “พวกเธอมาแล้ว วันนีพ
้ วกเธอดูดีมาก”
“อย่าพยายามเปลี่ยนเรื่อง เกิดอะไรขึน
้ ?” เซียง
เสี่ยวเยว่พูดอย่างโกรธๆ
“ไม่มีอะไรหรอก แม่ของฉันเพิ่งจะเข้ามาพูดบา
งอย่างน่ะ ฉันก็เลยอดร้องไห้ไม่ได้” เรินซินซินบอก
“อ่า ให้ฉันเดาดูนะ…หรือเพราะคุณป้ าไม่อยาก
จะมาร่วมงาน” เสี่ยวเยว่คิดว่าน่าจะเป็ นเพราะ
เรื่องนี ้ จึงเริ่มปลอบโยน “ไม่เป็ นไรหรอก แค่งาน
เอง เดี๋ยวงานแต่งทัง้ ต้องมาแน่”
“อือ” เรินซินซินพยักหน้าพร้อมด้วยรอยยิม

“เป็ นคุณป้ าจริงๆเหรอที่ทำให้เธอร้องไห้” อวี๋ตง
เดินไปหยิบส้มขึน
้ มาปอกเปลือก เธอพูดอย่างไม่
ใส่ใจว่า “เมื่อคืนฉันพบหลู่ซวนที่บาร์แห่งหนึ่ง เขา
อยู่ในห้องส่วนตัวและมีสาวสวยหลายคนนั่งดื่มกับ
เขา”
“อะไรนะ?” เซียงเสี่ยวเยว่ตกตะลึง
“บางที…มันอาจจะเป็ นปาร์ตีส
้ ละโสด” เรินซินซิ
นพูดอย่างเศร้าสลด
“ต่อมา ฉันบังเอิญไปเห็นมองผ่านประตูที่เปิ ด
แง้มอยู่แล้ว…” อวี๋ตงลดเสียงลงแล้วกระซิบว่า
“3P”
“บ้าไปแล้ว!” เสี่ยวเยว่มองอวี๋ตงอย่างไม่อยาก
เชื่อ “ทำไมตอนนัน
้ เธอไม่จัดการเขาซะ!”
“ฉันไม่ร้น
ู ี่ว่าเขาเป็ นคู่หมัน
้ ของซินซิน” อวี๋ตง
มองตอบด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
เรินซินซินกัดริมฝี ปากเพื่อข่มกลัน
้ อารมณ์ แต่ใน
ที่สุดเธอก็กลัน
้ น้ำตาไว้ไม่ได้
เซียงเสี่ยวเยว่เป็ นกังวล เรินซินซินเป็ นเด็กดีมา
ตัง้ แต่ไหน แต่ไร เธอจะไม่ตอบโต้แม้ว่าเธอจะถูก
รังแกอยู่ก็ตาม
“ไม่ต้องมงต้องหมัน
้ แล้ว ไปกันเถอะ!” เสี่ยวเยว่
พูดอย่างโกรธเคือง “ปล่อยให้ไอ้คนเลวนั่นตาย ๆ
ไปซะ!”
“ไม่...ไม่ได้!” เรินซินซินร้อง “แม่ของฉันต้องไม่
ยอมแน่ๆ”
“แม่ของเธอ? ทำไมคุณป้ าต้องไม่ยอมด้วย?” เสี่
ยวเยว่ถาม
“ฉัน ฉันท้องลูกของหลู่ซวน”
“……” อวี๋ตงและเซียงเสี่ยวเยว่มองหน้ากัน อวี๋
ตงตกใจมาก แต่เสี่ยวเยว่กำลังจะระเบิดออกมา
“เธอท้องแต่เขาก็ยังปฏิบัติต่อเธอแบบนี”

“วันนัน
้ แม่ของหลู่ซวนขอให้ฉันเอาของไปให้เขา
ที่อพาร์ทเมนต์ของเขา ตอนที่ฉันไปถึง ก็พบว่าเขา
เมา แล้ว….” เรินซินซินหยุดชั่วคราวแล้วกล่าวต่อ
ด้วยน้ำตานองหน้าว่า “พอเขาตื่นขึน
้ มา เขาบอกว่า
ฉันยั่วยวนเขา ฉันพยายามจับเขาและใช้วิธีไร้
ยางอายเพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา”
“ไอ้สารเลว!” เสี่ยวเยว่โกรธมากและกำลังจะไป
หาเรื่องคนเลวคนนัน

“จากนัน
้ เธอบอกเรื่องนีก
้ ับแม่ของเธอ แล้วคุณ
ป้ าก็ไปหาแม่ของหลู่ซวน นั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมถึง
มีงานหมัน
้ ใช่ไหม” จากบุคลิกของเรินซินซินมันไม่
ยากเลยที่อวี๋ตงจะคาดเดาเหตุการณ์นี ้
เรินซินซินพยักหน้าแล้วพูดว่า “ครอบครัวของ
เราเป็ นเพื่อนบ้านกันมาตัง้ แต่เด็ก คุณแม่ลู่ก็เอ็นดู
ฉันมาตลอด แต่ต่อมาคุณพ่อลู่ก็ประสบความสำเร็จ
ทางด้านธุรกิจ และมีกิจการที่ใหญ่ขึน
้ แม้ว่าคุณแม่
ลู่จะยังเอ็นดูฉันมาก แต่ความสัมพันธ์ของฉันกับหลู่
ซวนไม่เคยมากไปกว่าเพื่อนข้างบ้าน เขาเอาแต่พูด
ว่าฉันสนใจแต่เงินของครอบครัวเขาเท่านัน
้ แต่ฉัน
ไม่ได้สนใจเรื่องนัน
้ จริง ๆ นะ แม้ว่าครอบครัวของ
ฉันจะไม่ได้ร่ำรวยหรือมีเกียรติเท่าพวกเขา แต่พวก
เราก็ไม่เลว เราพอใจกับชีวิตของเรา…”
“ก่อนหน้านีเ้ ป็ นเขาที่เข้ามาแล้วก็บอกให้ฉัน
คลอดลูกและอยู่กับบ้าน เขาบอกว่าเมื่อพวกเรา
แต่งงานกัน ฉันก็ควรจะเป็ นคนดูแลแม่ของเขา”
เมื่อเรินซินซินนึกถึงดวงตาที่เย็นชาของหลู่ซวนเธอ
ก็ตัวสั่นด้วยความกลัว “เสี่ยวเยว่ ตงตง ฉันไม่อยาก
หมัน
้ ไม่อยากแต่งงานกับเขา ฉันไม่ต้องการชีวิต
แต่งงานที่เย็นชาแบบนี”

“ถ้าอย่างนัน
้ ก็ไม่ต้องหมัน
้ ” เสี่ยวเยว่กอดเรินซิน
ซินไว้ในอ้อมแขน
อวี๋ตงครุ่นคิดเล็กน้อย หากทุกอย่างยังคงดำเนิน
ต่อไปแบบนี ้ อีก 2 ปี เรินซินซินจะฆ่าตัวตาย
“ฉันล่ะยอมเธอจริง ๆ”
ขณะนัน
้ เองพนักงานก็เดินมาเร่ง
“คุณเริน พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว”
“ซินซิน ฉันจะพาเธอไปเอง”
อวี๋ตงมองเรินซินซินที่วิตกกังวลและหวาดกลัว
และกล่าวว่า “ถ้าเธอไม่ต้องการหมัน
้ แล้วก็ไม่
ต้องการเป็ นผู้หญิงที่ไร้ยางอายในสายตาของหลู่
ซวน เธอก็ต้องออกเผชิญหน้ากับเขา แล้วปฏิเสธ
เขาอย่างจริงจัง การหนีจะยิ่งทำให้เธอดูแย่”
“ฉัน…”
“ซินซิน ทุกคนต้องตัดสินใจเลือกทางเดินของตัว
เอง ด้วยตัวเราเอง” อวี๋ตงบอก

เมื่อสองสาวเดินตามเรินซินซินไปยังโถงพิธีการ
พิธีการก็ได้เริ่มขึน
้ แล้ว หลู่ซวนในชุดสูทหรู ยืนอยู่
บนเวทีราวกับคุณชายผู้สูงศักดิ ์
พิธีกรที่เห็นเรินซินซินเดินเข้ามาก็กล่าวผ่าน
ไมโครโฟนว่า “นางเอกของงานมาถึงแล้ว”
ทันใดนัน
้ แขกทุกคนก็ปรบมือต้อนรับเธอ
เรินซินซินสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินขึน
้ ไป
บนเวที แล้วยืนอยู่ตรงข้ามกับหลู่ซวน
พิธีกรกล่าวขึน
้ มาว่า “นางเอกของเราน่ารักมาก
จริง ๆ เอาล่ะค่ะ เรามาฟั งเรื่องราวความรักของ
พวกเขากันดีกว่า ใครจะออกมาเล่าก่อนดีคะ”
“ฉันขอออกไปก่อนค่ะ” เรินซินซินกล่าวขึน

ในขณะนัน
้ ฝูงชนต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องอย่างยินดี
มุมปากของหลู่ซวนยกขึน
้ อย่างเหยียดหยาม
เธอเห็นใบหน้าเหยีนดหยามของเขา และในที่สุด
หัวใจของเธอก็แตกสลายอย่างสมบูรณ์ เธอรับ
ไมโครโฟนจากพิธีกรแล้วกล่าวว่า “หลู่ซวน เรารู้จัก
กันมากว่า 20 ปี แล้ว ในความทรงจำของฉัน มีคุณ
อยู่แทบจะทุกช่วงชีวิต แต่วันนี.้ .” ยิ่งหลู่ซวนได้ฟัง
คำพูดของเรินซินซินความเย้ยหยันก็ปรากฏชัดใน
แววตาของเขา
“เราเลิกกันเถอะ!” เรินซินซินกล่าว และยิม
้ ให้
เขาทัง้ น้ำตา
“เอ๋!” ทันใดนัน
้ ผู้คนที่มาร่วมงานต่างสับสน และ
พิธีการก็ดูยุ่งเหยิงไปหมด
“เธอ!” หลู่ซวนคว้าแขนเรินซินซินและขมวดคิว้
“เธอจงใจ?”
อวี๋ตงและเซียงเสี่ยวเยว่รีบก้าวขึน
้ หน้า ไปกันเริน
ซินซินออกมา ในขวางหลู่ซวนเอาไว้
เมื่อมองดูใบหน้าที่โกรธจัดของหลู่ซวน อวี๋ตงก็
พูดอย่างเยาะเย้ยว่า “คุณลู่ นี่คงจะเป็ นครัง้ แรกที่
ถูกผู้หญิงหักหน้าสินะ รักษาความสุขุม สง่างามของ
คุณหน่อยสิ”
จากนัน
้ ทัง้  3 คนก็เดินจากไป
จากนัน
้ ไม่นาน ข่าวที่ทายาทของ ลู่ กรุ๊ป ถูกคู่
หมัน
้ สาวบอกเลิกกลางงานหมัน
้ ก็กลายเป็ น
ประเด็นร้อนของวงการไฮโซอยู่หลายวัน
ในตอนที่เซี่ยเฟิ งส่งข้อความมาถามว่า ช่วงนีอ
้ วี๋
ตงทำอะไรบ้าง
เธอก็ตอบกลับไปอย่างตามความจริงว่า “ฉัน
ป่ วนงานหมัน
้ ของเพื่อนร่วมชัน
้ ”
ตอนที่ 16 เอาใจ

เซี่ยเฟิ งอ่านข้อความตอบกลับของอวี๋ตงแล้วก็ยม
ิ้
มันดูเหมือนว่าเธอจะมีช่วงเวลาที่ดี
“เซี่ยเฟิ ง มีสาวสวยอยู่ข้างนอกกำลังมองหานาย
อยู่” โรงพยาบาลได้เช่า อพาร์ทเม้นท์เอาไว้
ให้ 2 หลังสำหรับแพทย์ที่เดินทางมาอเมริกาใน
โครงการแลกเปลี่ยน หลังหนึ่งสำหรับผู้ชาย อีก
หลังสำหรับผู้หญิง
เซี่ยเฟิ งกับอู่ฉีกวงและเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่ง
พักด้วยกัน พวกเขามาที่นี่เพื่อศึกษาแลกเปลี่ยน
ความรู้ทางการแพทย์เท่านัน
้ และไม่ได้วางแผนจะ
ไปที่ไหนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตอนนัน
้ เองที่อู่
ฉีกวงผู้พึ่งกลับจากชอปปิ ้ งให้ภรรยาก็เดินมากล่า
วกับเซี่ยเฟิ งแบบนัน
้ เพราะเขาพบเธอที่หน้าอพาร์
ทเมนต์นั่นเอง
สาวสวยเหรอ? เซี่ยเฟิ งสงสัยแต่ก็ยังเดินออกไปดู
“เซี่ยเฟิ ง!” อันอันสวมชุดเดรสลายดำสลับแดง
ผมยาวเป็ นลอนรับเข้ากับชุดที่เธอใส่ เธอยิม
้ อย่าง
อ่อนหวานให้กับเซี่ยเฟิ ง
“อันอัน?” เซี่ยเฟิ งประหลาดใจเล็กน้อย “คุณมา
ได้ยังไง?”
“ตัง้ แต่คุณมาที่นิวยอร์ค ฉันยังไม่เจอคุณเลย”
อันอันพูดอย่างผิดหวังเล็กน้อย “คุณมานิวยอร์ค ก็
ไม่ได้บอกฉัน ฉันใช้เวลาตัง้ นานกว่าจะหาคุณเจอ”
อันอันรู้มาตัง้ นานแล้วว่าเซี่ยเฟิ งจะมานิวยอร์ค
และเธอก็รอให้เซี่ยเฟิ งเป็ นฝ่ ายมาหาเธอก่อน แต่
หลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ เซี่ยเฟิ งไม่มีท่าที
ว่าจะไปหาเธอเลย
อันอันรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก และตัดสิน
ใจมาหาเขาด้วยตัวเอง
เซี่ยเฟิ งไม่ร้ว
ู ่าจะพูดอะไร พวกเขาเลิกรากันมา
นานแล้ว
“คุณมีความผิดนะ!” อันอันแกล้งทำเป็ นโกรธ
เคืองแล้วพูดต่อไปว่า “ฉันจะยอมยกโทษให้คุณ ถ้า
คุณพาฉันไปทานมื้อค่ำ”
เซี่ยเฟิ งรู้ว่าอันอันกำลังพยายามหาทางลงให้เขา
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้า “ตกลง”
อันอันยิม
้ อย่างมีความสุข
ทัง้ สองคนไปยังร้านเสต๊กในห้างสรรพสินค้าที่อยู่
ใกล้ๆ อันอันรับเมนูมาแล้วพูดด้วยรอยยิม
้ ว่า
“เดี๋ยวฉันสั่งอาหารให้คุณเอง สเต็กกับของหวาน
ของร้านนีอ
้ ร่อยมาก”
เซี่ยเฟิ งไม่ได้เรื่องมากนัก จึงพยักหน้าเงียบๆ
หลังจากอาหารมาเสิร์ฟ เซี่ยเฟิ งก็หั่นสเต็กตรง
หน้าเขาอย่างรวดเร็ว ส่วนอันอันที่นั่งฝั่ งตรงข้าม
พูดพลางถอนหายใจว่า “การหั่นมันลำบากจริง ๆ”
เซี่ยเฟิ งมองขึน
้ ไปที่จานสเต๊กตรงหน้าอันอัน
แล้วสลับจานของเขาที่หั่นเสร็จแล้วกับของจานเธอ
และพูดว่า “ถ้าอย่างนัน
้ ก็แลกกัน”
“ขอบคุณ เซี่ยเฟิ ง!” อันอันกล่าวอย่างยินดี “มือ
ของคุณช่างเหมาะกับการจับมีดจริงๆ คุณหั่นสเต็ก
ได้ดีมาก!”
เซี่ยเฟิ งยิม
้ อย่างสุภาพแต่ไม่ได้พูดอะไร
“เซี่ยเฟิ งคุณรู้อะไรไหม? นี่เป็ นครัง้ แรกที่ฉันได้
ทานสเต็กตัง้ แต่ที่ฉันมาอเมริกา” อันอันเอ่ยขึน

“ทำไมล่ะ?” เซี่ยเฟิ งรู้ว่าอันอันชอบทานสเต็ก
มาก ดังนัน
้ เขาจึงถามไปโดยไม่ทันคิด
“เพราะที่นี่ไม่มีคนช่วยหั่นสเต็กให้ฉัน”
เซี่ยเฟิ งยังคงจดจ่ออยู่กับการหั่นสเต็กในจานของ
เขา ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของเธอ
“จริงสิ คุณป้ าเป็ นยังไงบ้าง? หลังจากท่านเข้ารับ
การผ่าตัด” อันอันเห็นว่าเซี่ยเฟิ งไม่ตอบ จึงรีบ
เปลี่ยนเรื่องคุย
“ท่านฟื้ นตัวได้ดี ตอนนีท
้ ่านไปพักฟื้ นที่ไห่หนาน
กับพ่อของผม” เซี่ยเฟิ งตอบ
“ฉันเคยได้ยินเรื่องของพ่อแม่ของคุณ ฉันอิจฉา
ความสัมพันธ์ของพวกท่านมาตลอด ตอนที่ฉันกลับ
ไปจีน ฉันอยากจะไปพบพวกท่าน อื้อ! คุณป้ าชอบ
เลโอนาร์โดใช่ไหม? ฉันขอให้เพื่อนของฉันช่วยขอ
ลายเซ็นต์ของเขาได้นะ” อันอันพูด
เซี่ยเฟิ งหยุดกินแล้วเงยหน้าขึน
้ มองอันอันอย่าง
จริงจัง เขาพบว่าหลังจากที่เธอมาอยู่อเมริกา
ได้ 2 เดือน หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาเปลี่ยนไป
มาก เธอดูสวยขึน
้ และเธอก็ไม่ใช่คนคุ้นเคยของเขา
อีกต่อไปแล้ว
“อันอัน พวกเราเลิกกันแล้ว!” เซี่ยเฟิ งพูดอย่าง
ใจเย็นในขณะที่เขาวางส้อมกับมีดลง
“ไม่ตลกนะ!” อันอันเอ่ยอย่างกังวล
“คุณก็ร้ว
ู ่าผมพูดจริง ๆ” เซี่ยเฟิ งต้องการทำให้
ทุกอย่างชัดเจน
“แต่ฉันไม่เคยตกลงด้วย! คุณไม่สามารถบอกเลิก
ฝ่ ายเดียวได้ มันไม่ใช่การตัดสินใจของคุณเพียงคน
เดียว” เนื่องจากพวกเขายังอยู่ในร้านอาหาร อันอัน
จึงพยายามกลัน
้ เสียงไว้
เซี่ยเฟิ งไม่ถนัดที่จะโต้เถียงกับผู้หญิง พวกเขาคบ
กันมาหลายปี แล้ว และการโต้เถียงเพียงเรื่องเดียว
ของพวกเขาก็คือตอนที่เขาขอเธอแต่งงานและเธอ
ปฏิเสธเขา เขาจึงบอกเธอว่า ถ้าเราไม่แต่งงานกัน
เราก็เลิกกันเถอะ
“ผมแต่งงานแล้ว!” เซี่ยเฟิ งกล่าว
“เป็ นไปไม่ได้!” อันอันไม่เชื่อเขาเลยสักนิด
“คุณก็ร้ว
ู ่าผมไม่ใช่คนชอบโกหก” เซี่ยเฟิ งกล่า
วอย่างใจเย็น
“แต่ฉันก็รู้ว่าคุณไม่มีทางแต่งงานกับใครที่ไหนก็
ไม่ร้”
ู อันอันถอนหายใจ “ฉันรู้ดีว่าคุณอิจฉาความ
สัมพันธ์ของคุณลุงคุณป้ ามากแค่ไหน ฉันรู้ดีกว่าใคร
ไม่ร้ต
ู ัง้ กี่ครัง้ ที่คุณบอกฉันว่าการแต่งงานเป็ นเรื่อง
ของคนสองคนที่รักกันไม่ใช่การแต่งงานเพราะไม่มี
ทางเลือก”
คำพูดของอันอันทำให้เซี่ยเฟิ งนึกถึงความทรงจำ
ที่ผ่านมา ซึ่งควรจะเป็ นความทรงจำที่ดี ที่ควรค่า
แก่การจดจำ แต่...ตอนนีเ้ มื่อเขาได้ฟัง มันกลับ
ทำให้เขารู้สึกถึงความเสียใจเท่านัน
้ เซี่ยเฟิ งตอบ
กลับเบาๆว่า “ผมจำได้ว่านั่นเป็ นคำพูดของผมตอน
ที่ผมขอคุณแต่งงานครัง้ แรก”
ใบหน้าของอันอันซีดเผือด
“และคุณปฏิเสธผม” เซี่ยเฟิ งยิม
้ อย่างขมขื่น
“บางทีคุณอาจจะรักผมอย่างที่คุณคิด”
“ไม่ ไม่ใช่!” อันอันรนรานอธิบาย “ตอนนัน
้ ฉัน
อายุแค่ 22 ฉันเพิ่งจะเรียนจบ ฉันไม่อยากแต่งงาน
เร็วขนาดนัน
้ ฉันแค่อยากสร้างเนื้อสร้างตัวก่อน”
“เราเลิดพูดเรื่องนีก
้ ันเถอะ!” เซี่ยเฟิ งส่ายหน้า
และกล่าวว่า เรื่องทัง้ หมดมันเป็ นอดีตไปแล้ว ไม่มี
เหตุผลอะไรให้ไปคิดถึงมัน
หลังทานอาหารเสร็จ เซี่ยเฟิ งก็เดินไปส่งอันอันที่
ป้ ายรถ เมื่อเดินผ่านผ่านร้านกระเป๋า เซี่ยเฟิ งก็
เหลือบมองกระเป๋าที่วางโชว์อยู่ตรงหน้ากระจกร้าน
และหยุดเดิน
‘ซื้อกระเป๋าดูดี ไม่ต้องแพงเกินไป สิ่งที่สำคัญ
ที่สุดก็คือมันต้องดูดี’
มันเป็ นรายการสุดท้ายในช้อปปิ ้ งลิสต์ของอวี๋ตง
“มีอะไรเหรอ?” อันอันมองตามสายตาของ
เซี่ยเฟิ งแล้วพูดต่อ “คุณสนใจกระเป๋าใบนีเ้ ห
รอ? จะซื้อให้คุณป้ า? คุณอยากให้ฉันช่วยเลือกหรือ
เปล่า? ฉันเลือกของเก่งนะ โดยเฉพาะของพวกนี”

เซี่ยเฟิ งหันไปมองอันอัน แต่ไม่ร้ท
ู ำไมเมื่อเขา
ได้ยินคำพูดของเธอเขาถึงได้นึกถึงคำพูดของอวี๋ตง
ในวันที่เขาซื้อของขวัญแรกพบให้พ่อแม่ของเขาขึน

มาได้
เซี่ยเฟิ งส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ ว่า “ไม่เป็ นไร”
อันอันขึน
้ รถบัสกลับไปสถาบันแล้ว เธอกำลังคิด
เรื่องเซี่ยเฟิ ง ในอดีตเขาไม่เคยโกรธเธอเกิน 1 เดือน
เลย อืม เขายังต้องอยู่ที่นิวยอร์คอีก 3 เดือน
หลังจากส่งอันอันแล้วเซี่ยเฟิ งก็กลับไปที่ร้าน
กระเป๋าแล้วเข้าไปถามพนักงานว่า “กระเป๋าแบบ
ไหนเป็ นที่นิยมของผู้หญิง?”

ที่เสี่ยวเยว่ สตูดิโอ
อวี๋ตงถามเซียงเสี่ยวเยว่ว่า “ซินซินเป็ นยังไง
บ้าง?” 
“ยังเศร้าอยู่” เรินซินซินนั่งร้องไห้อยู่ในอพาร์ท
เม้นท์ทงั ้ วัน เสี่ยวเยว่เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอทำ
นั่งถูกต้องไหม “พวกเราทำผิดหรือเปล่า?” เธอถาม
ขึน

“ไม่!” อวี๋ตงตอบอย่างเด็ดเดี่ยว
“อื้ม นอกจากนี ้ ยังมีเรื่อง 3P อีก คนสารเลว
เรื่องแบบนีย
้ ังทำ” เสี่ยวเยว่ขบเขีย
้ วเคีย
้ วฟั น
อวี๋ตงมองเสี่ยวเยว่อย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยก่อนจะ
บอกว่า “เอ่อ…จริง ๆ แล้วนั่นไม่ใช่ความจริง”
“เธอพูดอะไรน่ะ?” เสี่ยวเยว่ร้องอุทานออกมา
“ฉันไม่ได้เห็นเขาทำอย่างนัน
้ กับตา ฉันแค่เห็น
เขานัวเนียอยู่กับผู้หญิงหลายคนเท่านัน
้ ” อวี๋ตงพูด
“วันนัน
้ ฉันขยะแขยงเขามาก และวิธีที่เขาปฏิบัติ
กับซินซิน ฉันก็ยอมรับไม่ได้”
เซียงเสี่ยวเยว่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปที่
ประเด็นใหม่ก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโหทันที
“ใช่ เขาใช้ประโยชน์จากความน่าสงสารของซินซิน
เอาแต่พูดว่าซินซินสนใจเงินของครอบครัวเขา
เท่านัน
้ เฮอะ”
อวี๋ตงพยักหน้าเห็นด้วย
“อวี๋ตง ถ้าเราทำงานได้ดีแบบนีต
้ ่อไปเรื่อยๆ
บางทีซักวันหนึ่งสตูดิโอของเราก็จะขยายใหญ่ยิ่ง
กว่านี”
้ เสี่ยวเยว่ยืดอกขึน

อวี๋ตงนิ่งคิดเล็กน้อย ในชีวิตก่อน อีกสองปี จากนี ้
เซียงเสี่ยวเยว่จะได้แต่งงาน เธอย้ายไปสิงคโปร์เพื่อ
ลงหลักปั กฐาน และโอนสตูดิโอนีใ้ ห้กับหุ้นส่วนคน
อื่น
“นี่! ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลย?” เสี่ยวเยว่ถามเมื่อ
เห็นอวี๋ตงเงียบไป
“ถ้าอย่างนัน
้ ก็ให้ฉันร่วมหุ้นด้วยคน”
“ได้สิ” เสี่ยวเยว่กล่าวต่อว่า “ยังไงซะ เราก็ได้
สัญญาของผู้กำกับสตีเวนเพราะเธอ พวกเราจะแบ่ง
งานกัน ฉันเป็ นคนหางาน เธอไปคนไปคุยกับพวก
เขาเพื่อเซ็นต์สัญญา โอ้...แล้วซินซินก็ช่วยได้ เธอ
สามารถดูแลภาพรวมทัง้ หมด ในพวกเราทัง้  3 คน
ซินซินถนัดเรื่องการดูภาพรวมที่สุด”
อวี๋ตงไม่แย้งอะไร เธอพยักหน้าตกลง แต่แล้วก็
นึกบางอย่างขึน
้ มาได้ “แล้วลูกของซินซินล่ะ?”
“เธอจะทำอะไรได้อีกนอกจากต้องเอาออก เพิ่ง
จะแค่ 2 เดือนเท่านัน
้ ” เสี่ยวเยว่พูด
เมื่ออวี๋ตงได้ยินแบบนีเ้ ธอก็ตกใจ
ในชีวิตก่อน อวี๋ตงเคยเห็นลูกของซินซิน เธอเป็ น
เด็กน้อยที่งดงาม อวี๋ตงจำได้ว่าตอนนัน
้ เธอไปเยี่ยม
ซินซิน และเด็กหญิงตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงสีชมพูก็
เรียกเธอว่าคุณป้ าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
อวี๋ตงรู้สึกว่าถ้าต้องสูญเสียเด็กหญิงตัวน้อยไปนัน

เธอก็ทำใจไม่ได้ เธอเลยกล่าวว่า “รอให้อารมณ์
ของซินซินคงที่ก่อน ค่อยคุยเรื่องนีก
้ ันใหม่”
“ก็ดี” แต่แล้วเซียงเสี่ยวเยว่ส่ายหน้า “ตอนนี ้
คุณป้ าเรินโกรธมาก และซินซินก็ไม่กล้ากลับบ้าน”
“ซินซินเป็ นเด็กดีมาตลอด” อวี๋ตงพูดด้วยน้ำ
เสียงเฉียบขาด “อาจจะเป็ นเรื่องยากสำหรับท่านที่
จะยอมรับได้ทันที คงต้องให้เวลาท่าน”
“ไม่ว่าจะยอมรับได้ยากแค่ไหน ก็ไม่ควรจะผลัก
ลูกสาวของตัวเองเข้าไปในกองเพลิง” เสี่ยวเยว่
กล่าวอย่างโกรธเคือง “วันนัน
้ ที่ฉันพาซินซินกลับ
บ้าน คุณป้ าก็เอาแต่ดุด่าเธอ ซินซินไม่กล้าพูดอะไร
สักคำ ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายก็เลยบอก
คุณป้ าว่าหลู่ซวนนอกใจเธอ เดาสิว่าคุณป้ าพูดว่า
อะไร? คุณป้ าเรินบอกว่า “มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่
นอกลู่นอกทาง ตราบใดที่เขาไม่เอาผู้หญิงอื่นเข้า
บ้านก็ไม่เห็นเป็ นไร เมื่อเขาสนุกจนพอใจแล้วเขาก็
จะกลับมาเองโดยธรรมชาติ”
“นั่นมันแย่มาก ถ้าแม่ของฉันพูดแบบนี ้ ฉันไม่
ลังเลเลยที่จะตัดแม่ตัดลูก” ยิ่งคิดเสี่ยวเยว่ก็ยิ่งโกรธ
เมื่อได้ยินแบบนีอ
้ วี๋ตงก็นึกถึงแม่ของเธอ ในชีวิต
ก่อนทุกครัง้ ที่เธอกลับบ้าน แม่ของเธอก็จะร้องไห้
สุดท้ายอวี๋ตงก็เลยกลัวที่จะกลับบ้านและกลัวที่จะ
เห็นแม่ร้องไห้
‘ตงตง เธอก็อายุมากแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคู่ชีวิตสักที
ถ้าแก่ตัวไปแล้วใครจะดูแลเธอ ทุกคนล้วนต้องมี
ครอบครัว ไม่ใช่มัวแต่หาเงิน สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
คนเราก็คือการสร้างครอบครัว แต่งงานและมีลูก
จะได้มีคนให้พึ่งพาเมื่อยามแก่เฒ่า หรือจะรอพึ่งลูก
ของพี่ชาย เฮ้อ ตงตง ยามแก่ตัวลง เธอจะไม่มีใคร
ให้พึ่งพาเอานะ อีกอย่างพ่อแม่แก่ ๆ อย่างฉันสอง
คน ก็ไม่ได้อยู่กับเธอตลอดไป‘
‘แม่ หนูยังไม่เจอคนที่เหมาะสม’
‘มีอะไรไม่เหมาะสมกัน เลิกพูดไร้สาระสักที เธอ
มีเงิน มีบา้ น แล้วเธอยังจะรออะไร ขืนรอต่อไป
ชีวิตนีก
้ ็คงไม่ได้แต่งงานแล้ว…’
“เธอคิดอะไรอยู่?” เสี่ยวเยวาถามขึน
้ “สีหน้า
ของเธอดูไม่ดีเลย”
“ฉันกำลังคิดถึงแม่” อวี๋ตงกล่าวด้วยรอยยิม

“แล้วทำไมเธอต้องทำหน้าน่ากลัวขนาดนัน
้ ด้วย”
เสี่ยวเยว่ไม่เข้าใจ
“จำได้ไหมว่าฉันตัง้ ใจจะแต่งงานกับฝางฮัว? แต่
ครอบครัวของฉันไม่เห็นด้วย ฉันก็เลยออกจากบ้าน
แต่ดูสิ่งที่เป็ นอยู่ตอนนีส
้ ิ…” อวี๋ตงยิม
้ อย่างขมขื่น
“ผู้ชายสารเลวอีกคน!” เสี่ยวเยว่ถอนหายใจ “ดู
เธอสิ ไปหลงใหลอะไรในตัวคนแบบนัน
้ ? เธอควร
จะเรียนรู้จากฉัน แล้วเปลี่ยนมาทำให้คนอื่น
หลงใหลเธอแทน”
“จ้า เธอยอดเยี่ยมที่สุด!”

เวลาตีสามที่อพาร์ทเมนต์
อวี๋ตงกลับมาถึงบ้านตามเวลาปกติ และจำคำ
เตือนของเซี่ยเฟิ งได้จึงเปิ ดโทรศัพท์และส่งข้อความ
ไปให้เขาว่า
[ฉันถึงบ้านแล้ว]
[รีบเข้านอนได้แล้ว พรุ่งนีเ้ ช้าเช็คอีเมลของคุณ
ด้วย ผมส่งรูปไปให้ 2-3 รูป ผมอยากได้ความเห็น
ของคุณ]
[โอเค]
[ราตรีสวัสดิ]์
ส่งรูปมาให้ฉันงัน
้ เหรอ? อวี๋ตงอยากรู้มาก จึงเดิน
ไปหยิบคอมพิวเตอร์ของเธอมาเปิ ดเพื่อเช็คอีเมล
ในอีเมลมีรูปกระเป๋าสตางค์สีดำขนาดเล็ก ดีไซน์
ประณีต และด้านล่างยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ
ของกระเป๋า [Prada Classic Money 2007] และ
สโลแกน : ผู้หญิงทุกคนควรถูกเอาใจ
และแล้วรอยยิม
้ เล็กๆก็ปรากฎบนใบหน้าของอวี๋
ตง
ถ้าฉันได้พบคุณในชีวิตก่อน ฉันจะยังเป็ นคนที่
ประสบความสำเร็จแค่ด้านการงานแต่พลาดหวัง
ด้านความรักอยู่อีกเหรอ?
หรือว่าที่ฉันย้อนอดีตกลับมาก็เพื่อให้ฉันได้พบ
กับคุณ?
ตอนที่ 17 เมามาย

เวลามักจะผ่านไปรวดเร็วเสมอ พริบตาเดียวก็
ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
สามสาวเพื่อนสนิทได้มารวมตัวกันที่อพาร์ทเม้น
ท์ของเสี่ยวเยว่
“เธอคิดหรือยังว่าจะเอายังไงต่อ?” เสี่ยวเยว่ถาม
“ฉันคิดแล้ว ฉันจะเก็บเด็กคนนีเ้ อาไว้” หลังจาก
ผ่านเหตุการณ์เหล่านัน
้ มา และคิดไตร่ตรองอย่าง
ยากลำบากกว่าหนึ่งเดือน เรินซินซินก็ดูแน่วแน่
ราวกับเกิดใหม่
“ถ้าอย่างนัน
้ ก็คลอด พวกเราจะช่วยเธอเลีย
้ งเด็ก
คนนี”
้ อวี๋ตงที่ไม่อยากให้ทำแท้งก็รีบสนับสนุนซินซิ
นทันที
“ใช่ คลอดเขาออกมา!” เซียงเสี่ยวเยว่ที่ลังเลใน
ตอนแรก เนื่องจากพ่อของเด็กในท้องเป็ นผู้ชาย
สารเลว และเรินซินซินก็จะมีเวลาที่ยากลำบากใน
การตัง้ ท้อง แต่ตอนนีเ้ ธอเห็นด้วยและสนับสนุนการ
ตัดสินใจของเรินซินซิน อย่างเต็มที่
“ฉันกังวลแค่เรื่องแจ้งเกิด และการลงทะเบียน
ของลูก มันจะยุ่งยากหรือเปล่า?” อวี๋ตงขมวดคิว้
“ไม่ต้องกลัว ฉันมีคนรู้จักอยู่ในแผนกทะเบียน
ครัวเรือน” เสี่ยวเยว่บอก
“แฟนเก่าอีกคนหนึ่งเหรอ?” อวี๋ตงเลิกคิว้
“เธอกำลังพูดอะไรของเธอ? เขาแก่แล้ว” เสี่ยว
เยว่ตอบกลับอย่างเคือง ๆ “ฉันไม่ได้เริ่มมีแฟนตอน
อายุ 3 ขวบนะ!”
อวี๋ตงกับเรินซินซินพากันหัวเราะ
“โอ้ ถ้าเธอจะคลอดลูกก็ให้ไปที่โรงพยาบาลใน
เมือง แฟนของตงตงทำงานอยู่ที่นั่น” เสี่ยวเยว่รีบ
บอกทันที
“แฟนของตงตงเหรอ?” เรินซินซินถามด้วย
ความประหลาดใจ “เธอไม่ได้คบกับฝาง...”
“อย่าไปฟั งเรื่องเหลวไหลของเธอ” อวี๋ตงกล่าว
ขัดขึน

“ฉันพูดเหลวไหลตรงไหน ตอนที่ฉันบอกว่าจะ
จีบเขา เธอกันท่าฉันขนาดนัน
้ ” เสี่ยวเยว่หัวเราะคิก
คัก
เรินซินซินมแงไปทางอวี๋ตงอย่างอยากรู้
“เขาไม่ใช่แฟนฉัน แต่เป็ นสามีของฉัน” อวี๋ตงพูด
ด้วยน้ำเสียงสบายๆ

สองสาวตกตะลึง จากนัน
้ เสี่ยวเยว่ก็หัวเราะออก
มาก่อนจะพูดว่า “โอเค ด้วยทัศนคติแบบนีข
้ องเธอ
มันมีทางเป็ นแบบนัน
้ แน่นอน”
เมื่ออวี๋ตงเห็นปฏิกิริยาของพวกเธอก็ร้เู ลยว่าทัง้
สองคนคิดว่านี่เป็ นเรื่องล้อเล่น ดังนัน
้ อวี๋ตงจึงแสดง
ท่าทางจริงจังแล้วย้ำว่า “ฉันยังไม่มีโอกาสบอกพวก
เธอ แต่ว่าฉันแต่งงานแล้วจริง ๆ”
“….”
“….”
เรินซินซินอ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อและ
พยายามบังคับใบหน้าตัวเองให้หันหน้าไปทางเซียง
เสี่ยวเยว่อย่างงุนงง
“พวกเธอก็ร้ว
ู ่าฉันเลิกกับฝางฮัวยังไง” อวี๋ตงเริ่ม
เล่าช้าๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนัน
้ “วันนัน
้ ที่หน้า
สำนักงานกิจการพลเรือน….”
ในตอนท้ายของเรื่อง สองสาวที่นั่งฟั งก็ยังไม่มี
ปฏิกิริยาใดใด เพราะยังคงตกตะลึงอยู่ และเหมือน
จะประมวลผลไม่ทัน
สุดท้ายเสี่ยวเยว่ก็โอดครวญว่า “แล้วเธอยัง
มีหน้ามาบอกฉันว่า ละครที่ฉันรับพากย์คราวก่อน
เต็มไปด้วยบทน้ำเน่า เฮอะ”
“ตงตง เธอหุนหันพลันแล่นเกินไปหรือ
เปล่า?” เรินซินซินกลัวว่าเพราะความหุนหันพลัน
แล่น จะทำให้เพื่อนของเธอตัดสินใจผิดพลาด
อวี๋ตงยิม
้ แล้วพูดว่า “มันออกจะกระทันหันไป
หน่อยแต่ฉันคิดว่าฉันชอบเขา”
“ถ้าเธอชอบเขาก็ลุยเลย” เสี่ยวเยว่เร่งเร้า “เธอ
มีทะเบียนสมรสแล้ว ดังนัน
้ ลากเขาขึน
้ เตียงซะ”
“เสี่ยวเยว่!” เรินซินซินพูดไม่ออก
“เซี่ยเฟิ งขึอ
้ ายเกินไปในเรื่องพวกนัน
้ ฉันต้อง
ค่อยตะล่อมเขาทีละนิด เดี๋ยวกระต่ายตื่นจนวิ่งหนี
ไป” อวี๋ตงพูดอย่างจริงจัง
“ตงตง…” เธอไม่คิดเลยว่าอวี๋ตงจะจริงจังกับ
เรื่องนีม
้ าก
“ออกไปฉลองกันเถอะ!” เสี่ยวเยว่เสนอขึน
้ มา
“ฉลองอะไร?” อวี๋ตงถามอย่างสงสัย
“ฉลองที่เราทุกคนมีเป้ าหมายใหม่ในชีวิต!”
เสี่ยวเยว่หัวเราะ “ซินซินกำลังจะเป็ นคุณแม่เลีย
้ ง
เดี่ยว เธอก็กำลังกระชับความสัมพันธ์กับเซี่ยเฟิ ง
ส่วนฉันจะขยายสตูดิโอให้ใหญ่ขึน
้ และในอนาคต
ฉันจะเป็ นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในอาชีพ”
อวี๋ตงยิม
้ กับสิ่งที่ได้ยิน สำหรับพวกเธอแล้วปี นีม
้ ี
หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป และถึงเวลา
ที่ต้องเฉลิมฉลองแล้วจริง ๆ ดังนัน
้ ทัง้  3 คนจึงออก
ไปข้างนอก
ก่อนอื่นเสี่ยวเยว่พาทุกคนไปยังสถานเสริมความ
งามเพื่อแต่งหน้า จากนัน
้ ก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อ
ซื้อเสื้อผ้า และจบลงด้วยร้านทำผม
เมื่อสาวๆเดินออกจากประตูร้านทำผม
บรรยากาศนอกร้านก็เปลี่ยนไปแล้ว
“ฉันอยากเป็ นบอสใหญ่!” เสี่ยวเยว่ตะโกน
“ฉันอยากนอนกับเซี่ยเฟิ ง!” อวี๋ตงก็ตะโกน
“ฉันอยากเป็ นแม่เลีย
้ งเดี่ยวที่กล้าหาญและมี
ความสุข!” เรินซินซินตะโกนเช่นกัน
สามสาวหัวเราะอย่างอิสระ
“ป่ ะ ไปที่บาร์กันเถอะ!”
เซียงเสี่ยวเยว่ขับรถพาทุกคนไปที่บาร์ของเพื่อน
เนื่องจากเรินซินซินดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ เธอจึง
สั่งแค่น้ำผลไม้เท่านัน
้ ตรงข้ามกับอวี๋ตงและเซียง
เสี่ยวเยว่ที่ด่ ม
ื ไม่ยัง้
“ตงตง ดื่มน้อยลงหน่อยเดี๋ยวเธอต้องไปทำงาน
อีก!” เรินซินซินเตือน
“ไม่ต้องห่วง คืนนีฉ
้ ันหยุด” ก่อนที่จะมาที่นี่ เธอ
โทรหาพี่อวี๋ก่อนแล้ว และขอให้เขาเล่นรายการที่
เธอเคยอัดไว้ล่วงหน้าแทนในคืนนี ้
“ไปร้องเพลงกันเถอะ!” เสี่ยวเยว่ชีไ้ ปยังเวทีที่
เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
อวี๋ตงเลิกคิว้
“ฉันไม่ไป พวกเธอไปกันเถอะ!” เรินซินซินท้อง
อยู่ จึงไม่อยากทำอะไรที่กระทบกระเทือนครรภ์
ของเธอ
“เราแค่จะไปร้องเพลงไม่ได้เต้นรำ” เซียงเสี่ยว
เยว่ยกแก้วขึน
้ ชูและพูดว่า “ด้วยไวน์แก้วนี ้ ขอให้
เราได้บอกลาอดีตและกล่าวสวัสดีอนาคต”
ทัง้ สามคนชนแก้วกัน
เสี่ยวเยว่มาที่บาร์แห่งนีเ้ ป็ นประจำ และพนักงาน
และแขกประจำก็คุ้นเคยกับเธอเป็ นอย่างดี เมื่อเธอ
เดินมาทางเวที ก็มีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธอ
เซียงเสี่ยวเยว่ย่ น
ื มือไปรับไมโครโฟนและก้าวขึน
้ เวที
ไปอย่างสง่างาม
เซียงเสี่ยวเยว่นัน
้ สูงเพรียวและงดงามอยู่แล้ว
เมื่อประกอบกับเสื้อผ้าที่ซ้ือมาเป็ นพิเศษ ก็ยิ่งขับ
เน้นให้เธอดูงดงามราวกับเทพธิดา
“นางจิง้ จอกชัดๆ!” อวี๋ตงโอดครวญ
“เอ๊ะ?” เรินซินซินได้ยินไม่ชัด
“ว้าว…”
“คนสวย คนสวย ทางนี!้ ”
แม้จะมีเสียงตะโกนและโห่ร้องแต่เสี่ยวเยว่ก็ไม่ได้
เขินหรือประหม่า เธอขยิบตาส่งให้ก่อนที่จะร้อง
เพลงภาษาอังกฤษอย่างสดใส
ที่นั่งบนชัน
้ สอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเชียร์จากชายคน
หนึ่ง
หลู่ซวนที่ได้ยินเสียงนัน
้ จึงมองลงไปที่เวที เขา
เห็นผู้หญิงที่กำลังร้องเพลงและเต้นอยู่
“นั่นเพื่อนของเรินซินซินนี่!” อลันบอก
เมื่อเพลงจบลง ผู้คนก็ส่งเสียงเชียร์และปรบมือ
ให้แล้วขอให้ร้องอีกเพลง
อวี๋ตงยิม
้ ก่อนผลักเรินซินซินขึน
้ ไปบนเวที จาก
นัน
้ เซียวเสี่ยวเยว่ก็ดึงร่างที่ไม่มั่นใจของเรินซินซินขึ ้
นมาบนเวที จากนัน
้ ก็ย่ น
ื ไมโครโฟนให้เธอ พร้อม
ยิม
้ ให้กำลังเล็กน้อยก่อนจะรีบหนีลงจากเวที
“ว้าว!”
เมื่อเห็นสาวสวยอีกคนขึน
้ มาบนเวที เสียงปรบ
มือก็เริ่มดังขึน
้ อีกครัง้
อลันและหลู่ซวนที่มองจากระยะไกล ก็เห็นเริน
ซินซินเช่นกัน อลันมองเพื่อนของเขาพลางเลิกคิว้
ขึน

หลู่ซวนมองร่างเรินซินซินที่อยู่บนเวที ดวงตาเขา
หรี่ลง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เมื่อเรินซินซินเริ่มร้องเพลง เสียงของเธอเบามาก
ดีที่อวี๋ตงเลือกเพลง Scarborough
Fair ของ Sarah Brightman ให้เธอ เมื่อซินซินเปิ ด
ปากเสียงแผ่วเบาและนุ่มนวลของเธอก็ดังก้องไปทั่ว
บาร์ เสียงร้องนัน
้ เปลี่ยนบาร์ที่คึกคัก เร่งรีบ ไปสู่
ความสงบเงียบ และสายตาของทุกคนต่างก็จับจ้อง
อยู่ที่หญิงสาวผมดำในชุดเดรสสีขาวที่ร้องเพลงอยู่
บนเวที
ความงดงามที่ทัง้ อ่อนโยน บริสุทธิ ์ เปี่ ยมเสน่ห์
ทำให้ผู้คนต่างจดจ่ออยู่กับเธอ
ราวกับนางฟ้ าที่หลงทางอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์
ถึงแม้จะไม่ร้ว
ู ่าควรเดินต่อไปอย่างไร แต่ก็ยังมีแสง
แห่งเปี่ ยมความหวังและความงดงามจากดวงตา
ของเธอ
เมื่อเธอร้องเพลงจบ ผู้คนก็ตะโกนเรียกเทพธิดา
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเธอเขินหน้าแดงและรีบลงจากเวที
อลันแอบสังเกตสีหน้าเพื่อนของเขา ก็พบว่าอีก
ฝ่ ายมีสีหน้ามืดครึม
้ จนเขียวคล้ำ
“ดูเหมือนเธอจะทำได้ดี!” อลันหัวเราะ
ผู้หญิงคนนัน
้ ทำได้ดียิ่ง! หลู่ซวนมองเหล่าผู้ชายที่
กระตือรือร้นอยู่ด้านล่างเวที สีหน้าของเขาเริ่ม
เปลี่ยนเป็ นน่าเกลียด
สุดท้าย อวี๋ตงขึน
้ ไปบนเวทีพร้อมกับกีตาร์ในมือ
เซียงเสี่ยวเยว่เลิกคิว้ แล้ววิ่งตามขึน
้ ไปบนเวทีแล้ว
เดินตรงไปที่กลองชุด เรินซินซินก็ตามขึน
้ แล้วเดิน
ไปนั่งที่หน้าเปี ยในที่อยู่ตรงมุมเวที
“เทพธิดา เทพธิดา!”
“โอ้ งดงามอะไรแบบนี!้ ”
ภาพสาวสวยทัง้ สามที่ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมกัน
เป็ นบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมเกินบรรยาย
แม้ว่าจะมีสาวงามอยู่มากมายในบาร์ แต่พวกเธอ
ก็ไม่ได้เป็ นนักร้องหรือไม่ใช่นักดนตรี ไม่ต้องพูด
ถึงว่าตอนนีบ
้ นเวทีมีถึงสามสาวงาม ความสวยของ
พวกเธอเป็ นที่ประจักษ์ และความสามารถของพวก
เธอก็น่าดูชมไม่แพ้กัน เป็ นแบบนีแ
้ ล้วจะไม่ให้ต่ ืน
เต้นยังไงไหว?
ในคืนนีท
้ งั ้ สามสาวมีความสุขมาก โดยเฉพาะอวี๋
ตง เธอไม่ได้สัมผัสความรู้สึกของช่วงวัยเยาว์และไร้
กังวลแบบนีม
้ ากว่า 10 ปี แล้ว
พวกเธอออกจากบาร์ตอนตีสาม
เสี่ยวเยว่และอวี๋ตงค่อนข้างเมา เรินซินซินจึงเดิน
อยู่ตรงกลางคอยประคองทัง้ สองคนเอาไว้
“เธอไม่ต้องมาประคองพวกเราหรอก เธอต้อง
เดินระวังๆ” อวี๋ตงพยายามเอนตัวหนีจากมือของ
ซินซิน
“ใช่ เธอต้องระวัง เธอเป็ นสตรีมีครรภ์” เสี่ยว
เยว่พูดพลางสะอึก
“เอาล่ะ ฉันจะไปเรียกแท็กซี่” เรินซินซินวาง
สองคนไว้ตรงทางเข้าบาร์อย่างไม่ค่อยเต็มใจ แล้ว
เดินไปเรียกแท็กซี่
เวลานีม
้ ีรถวิ่งผ่านเพียงไม่กี่คัน เธอยืนรอตรงสี่
แยกเป็ นเวลานานแล้ว แต่ก็ไม่มีรถแท็กซี่โผล่มาเลย
เธอหันกลับไปมองเพื่อนที่ยืนพิงผนังตึกด้วยความ
กังวล
“เรินซินซิน” ทันใดนัน
้ เธอก็ได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เรินซินซินหันกลับไปก็เห็นหลู่ซวนในชุดสูท ที่
มองเธอด้วยสีหน้ามืดครึม

เรินซินซินนึกถึงตอนที่ชายคนนีฉ
้ วยโอกาสกับ
เธอ และทำให้เธอทะเลาะกับแม่ เธอก็ไม่อยาก
สนใจผู้ชายคนนี ้ ดังนัน
้ จึงหันกลับไปทางถนนและ
โบกมือเรียกรถต่อไป
“ฉันกำลังพูดกับเธออยู่นะ!” เมื่อใดกันที่หลู่ซวน
จะยอมให้ใครเมินเฉยใส่เขา เขาเริ่มโกรธและคว้า
แขนของเรินซินซินทันที
“ปล่อยฉันนะ!” เรินซินซินพยายามดิน
้ รน
อวี๋ตงและเซียงเสี่ยวเยว่ที่กำลังมึน ได้ยินเสียง
ร้องของเรินซินซินจึงหันไปมอง ก็เห็นว่ามีผู้ชายคน
หนึ่งจับแขนเพื่อนของเธออยู่ เพื่อนของเธอกำลัง
ถูกรังแก!
ทัง้ สองคนรีบวิ่งเข้าไป คนนึงชกเข้าที่หน้าของหลู่
ซวน ส่วนอีกคนเตะเข้าที่ขาของเขา หลู่ซวนที่โดน
โจมตีกะทันหันล้มลงกับพื้นทันที
“ตงตง ฝี มือเธอเยี่ยมมาก เธอไปเรียนการออก
หมัดนัน
้ มาจากไหน” เสี่ยวเยว่ยกย่อง
“เธอก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“เฮ้ เฮ้... พี่สาวคนนีเ้ ป็ นถึงเทควันโดสายดำนะ!”
“ฉันก็เคยเข้าแข่งขันการต่อสู้แบบฟรีสไตล์ และ
ได้รางวัลชนะเลิศระดับมณฑล!” อวี๋ตงยิม

“อื้อ วีรสตรีทัง้ สองคน พวกเธอเก่งมาก แต่พวก
เราควรรีบไปได้แล้ว” เรินซินซินหันไปมองหลู่ซวน
เล็กน้อย เธอกลัวว่าเขาจะมาหาเรื่องเธออีก ดังนัน

เธอจึงพยายามลากพวกอวี๋ตงออกไป
“ไป? ทำไมพวกเราต้องไปด้วย?” เสี่ยวเยว่ชีไ้ ปที่
หลู่ซวนที่ยังนั่งกองอยู่กับพื้น “เขามันอันธพาล!”
“ใช่ โทรเรียกตำรวจให้มาจัดอันธพาลนี่เถอะ!”
อวี๋ตงเห็นด้วยเต็มที่
“ใช่ โทร 110!” เสี่ยวเยว่หยิบโทรศัพท์ขึน
้ มา
เพื่อโทรเรียกตำรวจ ซินซินรีบแย่งโทรศัพท์ในมือ
ของเสี่ยวเยว่มา ตอนนีเ้ องที่อวี๋ตงก็หยิบโทรศัพท์
ของตัวเองออกมากดโทร 110
“ใช่ Bar Street 1003 มีผู้ชายอันธพาลกำลัง
ก่อกวนผู้หญิงสาวสวยที่ริมถนน สหายตำรวจรีบมา
เร็วเข้า!” อวี๋ตงวางสายหลังจากพูดจบแล้วยกยิม

ด้วยความพอใจ
เรินซินซินอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
อลันที่เห็นเหตุการณ์ทัง้ หมดก็ยืนตกตะลึง


เวลา 03.40 น. ที่สถานีตำรวจ
หลังจากอธิบายเรื่องราวทัง้ หมด เรินซินซินก็มอง
ไปที่เพื่อนของตัวเองที่ผล็อยหลับไปแล้ว ทันใดนัน

เธอก็ร้ส
ู ึกเหนื่อยขึน
้ มา
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็ นเรื่องเข้าใจผิดกัน คุณก็กลับ
ได้หลังจากที่เซ็นต์เอกสารแล้ว” เจ้าหน้าที่ตำรวจ
บอก
เรินซินซินและหลู่ซวนต่างเซ็นต์ช่ อ
ื ในเอกสาร
“พ่อหนุ่ม ในเมื่อแฟนของคุณบอกเลิกกับคุณ
แล้ว ก็นั่นแหละยังมีดอกไม้ดอกอื่นอีกมากมาย ไม่
จำเป็ นต้องยึดติดอยู่กับคนๆเดียว” ตำรวจผู้อาวุโส
แนะนำหลู่ซวน
หลู่ซวนมีใบหน้าเขียวคล้ำ แต่ก็ไม่พูดอะไรออก
มา
“แล้วก็สาวน้อย คุณเป็ นคนสวยขนาดนี ้ อย่าไป
บาร์ตอนกลางค่ำกลางคืนแบบนีอ
้ ีก มันอันตราย”
เมื่อมองไปที่ผู้หญิงขีเ้ มาสองคนที่กำลังหลับอยู่ด้าน
ข้าง เขาก็พูดต่อไปว่า “บอกเพื่อนของคุณด้วยว่าผู้
หญิงที่ดีไม่ควรดื่มเหล้าจนเมามาย”
“ค่ะ” เรินซินซินพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟั งและ
สำนึกผิด
“เอาล่ะ หมดเรื่องแล้ว กลับบ้านกันไปได้แล้ว”
หลู่ซวนมองเรินซินซินโดยไม่พูดอะไรอีก และ
เดินจากไป
อลันมองหญิงสาวที่เมามายสองคน ที่กำลังนอน
หลับอยู่บนเก้าอีแ
้ ล้วถามว่า “คุณต้องการให้ช่วย
พาพวกเธอกลับบ้านหรือเปล่า?”
“ไม่เป็ นไร เพื่อนของตงตงกำลังมา” เรินซินซิน
ปฏิเสธ
“อื้อ!” อลันยิม
้ แล้วเดินออกไป
หลังจากรอประมาณ 5 นาที เส้าอีฝ
้ านก็เดินเข้า
มาในสถานีตำรวจ และเห็นอวี๋ตงที่นอนหงายอยู่บน
เก้าอี ้ ทันใดนัน
้ มุมมองของเขาที่มีต่อเธอก็แตกต่าง
ไปจากเดิมทันที
“สวัสดี คุณเป็ นเพื่อนของตงตงใช่ไหม?” เรินซิน
ซินเดินเข้าไปถาม
พอเส้าอีฝ
้ านหันไปมองเธอ ดวงตาก็เปล่ง
ประกายทันที เขาเผยรอยยิม
้ อันสมบูรณ์แบบออก
มา พร้อมกล่าวอย่างสุภาพว่า “สวัสดี ผมเป็ นคนที่
คุณรับสาย เส้าอีฝ
้ าน”
“สวัสดี” เรินซินซินพยักหน้าพร้อมรอยยิม

เส้าอีฝ
้ านวิ่งกลับไปกลับมาเพื่อพาคนขีเ้ มาทัง้  2 
คนไปใส่รถ ขณะที่ขับรถเขาก็ชวนเรินซินซินคุยไป
ด้วย “อ้อ ที่แท้พวกคุณก็เพิ่งจะออกไปดื่มกันมา
เซี่ยเฟิ งคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึน
้ ”
“เซี่ยเฟิ ง สามีของตงตงน่ะเหรอ?” เรินซินซิน
ถาม
“ใช่แล้ว” เส้าอีฝ
้ านหัวเราะขณะที่เขาอธิบาย
“ผมเพิ่งได้นอนพักหลังจากเลิกงาน แต่แล้วก็ถูก
ปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์จากเซี่ยเฟิ ง เขาโทรมาไม่
ยอมหยุดถึงแม้ว่าผมจะตัดสายก็ตาม เซี่ยเฟิ งบอก
ว่าไม่ได้รับข้อความจากอวี๋ตงแล้วอวี๋ตงก็ไม่ยอมรับ
โทรศัพท์เลย เขากังวลว่าจะมีเรื่องเกิดขึน
้ จึงโทรมา
ขอให้ผมไปดูเธอให้หน่อย”
“ผมโทรไปสถานีวิทยุที่อวี๋ตงทำงานอยู่ แต่
พนักงานบอกว่าคืนนีเ้ ธอไม่ได้ไปทำงาน จากนัน
้ ผม
ก็ไปที่อพาร์ทเมนต์ของเซี่ยเฟิ งแล้วพบว่าไม่มีใคร
อยู่เลย ผมก็เริ่มกังวลตามเซี่ยเฟิ ง ดีที่คุณรับ
โทรศัพท์แทนเธอ”
เรินซินซินรู้สึกอายมากจึงพูดไปว่า “พวกเราไปที่
บาร์มันคงจะเสียงดังเกินไป เราก็เลยไม่ได้ยินเสียง
โทรศัพท์”
“แต่ทำไมพวกคุณถึงไปลงเอยที่สถานีตำรวจ?” เ
ส้าอีฝ
้ านถาม
“เอ่อ…มันมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึน
้ !” เรินซินซินยัก
ไหล่และยิม
้ ให้เขา
หลังจากพาสามสาวไปส่งที่อพาร์ทเม้นท์ของ
เซียวเยว่ เส้าอีฝ
้ านก็โทรไปหาเซี่ยเฟิ ง
“ฉันเจอเธอแล้ว เธอไปเที่ยวบาร์อยู่กับเพื่อน
ร่วมชัน
้ สมัยมหาวิทยาลัย เธอก็เลยไม่ได้ยินเสียง
โทรศัพท์ตอนที่นายโทรมา” เส้าอีฝ
้ านบอก
“ดีแล้ว!” เซี่ยเฟิ งถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ตอนฉันกลับไปฉันจะเลีย
้ งตอบแทนนาย”
“เป็ นเรื่องที่สมควรทำ!” เส้าอีฝ
้ านหัวเราะ “อ้อ
อีกอย่าง ตอนที่นายกลับมา นายถามอวี๋ตงให้ด้วย
ว่า เพื่อนของเธอมีแฟนหรือยัง”
“นายปิ๊ งสาวคนใหม่อีกแล้ว?” เซี่ยเฟิ งหมดคำ
พูด
“อื้อ นายเป็ นพี่น้องที่ดีของฉันใช่ไหม?”
“ฉันวางสายล่ะ!” เซี่ยเฟิ งตัดบท
“เฮอะ ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน!” เส้าอีฝ
้ านพูด
อย่างหดหู่
วันรุ่งขึน
้ อวี๋ตงตื่นขึน
้ มาเปิ ดโทรศัพท์ดูก็พบว่ามี
สายไม่ได้รับจากเซี่ยเฟิ งมากกว่าสิบสาย เธอตกใจ
และตื่นเต็มตาทันที
เธอถือโทรศัพท์เดินไปที่ระเบียงด้านนอกแล้วกด
โทรออก
“สวัสดี” เซี่ยเฟิ งหัวเราะ “คุณตื่นแล้วเหรอ?”
“คุณ…ฉัน…เมื่อวานฉันออกไปดื่มกับเพื่อนๆมา
แล้วก็ลืมส่งข้อความให้คุณ ฉันขอโทษ!” อวี๋ตงพูด
เสียงอ่อนอย่างร้อนตัว”
“ไม่เป็ นไร คราวหน้าก็อย่าดื่มมากนัก” มีเสียง
ตะโกนเรียกชื่อเซี่ยเฟิ งดังลอดมาตามสาย หลังจาก
นัน
้ ก็ได้ยินเสียงอู้อีข
้ องเซี่ยเฟิ งตอบกลับไป ก่อนที่
เขาจะบอกกับอวี๋ตง “ผมต้องไปแล้ว ดื่มน้ำผสมน้ำ
ผึง้ เยอะๆจะได้ไม่ปวดหัว”
หลังจากวางสาย อวี๋ตงก็ยืนพิงราวระเบียงพร้อม
กับรอยยิม
้ เต็มใบหน้า ขณะที่เงยหน้าขึน
้ มอง
ท้องฟ้ า พลางคิดว่าวันนีท
้ ้องฟ้ าช่างแจ่มใสจริงๆ
‘ดูเหมือนว่าตัง้ แต่ที่ฉันได้พบคุณ ฉันก็พบว่าตัว
เองยิม
้ ได้บ่อยขึน
้ ’
ตอนที่ 18 ดาดฟ้ าที่เต็มไปด้วยดอกไม้

เมื่อต้นหวู่ถงต้องลมฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้แรกถูก
พัด ปลิดปลิวไปตามสายลมพร้อมกับฤดูร้อนอันเจิด
จ้าที่จากไปอย่างเงียบ ๆ
จากชุดกระโปรงอันงดงาม กลายเป็ นเสื้อคลุมกัน
ลม จากรองเท้าแตะ ถูกแทนที่ด้วยรองเท้าบูท
เสี่ยวเยว่ สตูดิโอ มีช่ อ
ื เสียงในวงการนับตัง้ แต่ที่
หนังของผู้กำกับสตีเวนออกฉาย ด้วยสายสัมพันธ์
และเครือข่ายอันกว้างขวางของเสี่ยวเยว่ ที่ขุดเหล่า
ปรมาจารย์ที่เก็บซ่อนตัวในอยู่มหาวิทยาลัยของ
พวกเธอ ออกมาพากย์เสียงได้นน
ั ้ ทำให้บทละคร
มากมายดาหน้าเข้ามาที่สตูดิโอของเธอ

และด้วยเหตุนีฮ
้ อลลีวูดก็ได้จดจำชื่อเสี่ยวเยว่ สตู
ดิโอเอาไว้แล้วและผู้กำกับสตีเวนก็ตัง้ ใจที่จะร่วม
งานกับพวกเธออีกครัง้ ในภาพยนตร์เรื่องต่อไปของ
เขา
“อวี๋ตง เธอถึงหรือยัง?” เสี่ยวเยว่โทรถามขณะ
หาที่จอดรถ
“ฉันเพิ่งมาถึง เธอจะกังวลอะไรขนาดนัน
้ ?” อวี๋
ตงเดินเข้าไปในอาคารที่คุ้นเคย ด้วยรองเท้าส้นสูง
“เธอจะได้ใบขับขี่เมื่อไหร่?” เสี่ยวเยว่บ่น “ครัง้
ก่อนที่เธอออกไปตกลงสัญญาครัง้ สำคัญเธอก็ใช้
รถไฟฟ้ าใต้ดิน งานนีส
้ ำคัญนะ เธอห้ามพลาดเด็ด
ขาด”
“ถ้าฉันได้ใบขับขี่ เธอจะให้รถฉันหรือเปล่า
ล่ะ?” อวี๋ตงกลอกตา
“รถของสามีของเธอไม่ได้จอดไว้ที่ลายจอดรถเห
รอ?” เสี่ยวเยว่ถาม
“เอาล่ะ ลิฟต์มาแล้ว ฉันกำลังจะขึน
้ ไป” ก่อนที่
จะวางสาย อวี๋ตงก็พูดเสียงดุใส่ “แล้วก็เลิกโทรหา
ฉันตอนที่เธอกำลังขับรถอยู่ด้วย”
“ชัน
้ ไหนครับ?” จู่ๆก็มีเสียงชายหนุ่มถามขึน

“ชัน
้  20 ขอบคุณค่ะ” อวี๋ตงเงยหน้าขึน
้ เพื่อ
ขอบคุณชายคนนัน
้ แล้วก็เห็นว่าเป็ นคนรู้จัก เธอจึง
ถามด้วยความแปลกใจ “คุณเองเหรอ?”
อลันเลิกคิว้ แล้วยิม
้ “คุณจำผมได้เหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลืมคนที่มีป้ายห้อยไว้ว่า
‘เพื่อนของคนสารเลว'” อวี๋ตงพูด
“เอ่อ…” อลันไม่เถียง เขามองไปที่เอกสารในมือ
ของอวี๋ตงและถามว่า “คุณมาที่นี่เพื่อคุยเรื่อง
สัญญาเหรอ?”
“ใช่!” อวี๋ตงพยักหน้าอย่างเย็นชา
“กับโอเอ็มเอนเตอร์เทนเม้นท์เหรอ?”
‘ที่อาคารนีต
้ งั ้ แต่ชัน
้ 18-22 เป็ นพื้นที่ของโอเอ็ม
เอนเตอร์เทนเม้นท์ทัง้ หมด แล้วเขาจะถามเรื่องที่
เห็นกันอยู่ชัด ๆ เพื่อ...’ อวี๋ตงพยักหน้าอย่างไม่
ใส่ใจ และลอบถ่มน้ำลายในใจ
“ผมเป็ นผู้จัดการทั่วไปของโอเอ็มเอนเตอร์เทน
เม้นท์” อลันพูด
อวี๋ตงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอมองผู้ชายที่ดูไม่
น่าไว้ใจตรงหน้า เขากำลังยิม
้ ให้เธอ
ในชีวิตก่อน เธอเคยทำงานในอาคารแห่งนีเ้ ป็ น
เวลา 5 ปี และเคยบังเอิญเจอกับผู้จัดการทั่วไปของ
โอเอ็มเอนเตอร์เทนเม้นท์ 2 ครัง้ แต่เขาไม่เหมือน
ชายตรงหน้าเธอสักนิด และคงไม่ใช่คนเดียวกัน?
อย่างไรก็ตาม อวี๋ตงไม่สนใจเขาอีกและหันหลัง
ให้เขา
“คุณไม่อยากใช้โอกาสนี ้ พูดคุยกับผมเหรอ?” อ
ลันถาม
อวี๋ตงไม่ได้หันหลับมาและพูดว่า “ไม่ ฉันไม่
จำเป็ นต้องคุยกับคุณเกี่ยวกับความร่วมมือของโอ
เอ็ม”
ลิฟต์ถึงชัน
้  20 พอดี อวี๋ตงจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
ก่อนก้าวออกจากลิฟต์ไปทันที
นี่เป็ นครัง้ แรกที่อลันได้พบกับผู้หญิงที่มี
เอกลักษณ์เช่นนี ้ เขาส่ายหน้าพลางหัวเราะ แล้วกด
ปิ ดประตูลิฟต์ให้มันเคลื่อนพาเขาขึน
้ ไปยังชัน
้  22
บนชัน
้  20 อวี๋ตงได้พบกับผู้กำกับ แล้วก็เหมือน
กับครัง้ ก่อน หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย ก็จบด้วย
การเซ็นต์สัญญา ซึ่งทุกอย่างเป็ นไปอย่างราบรื่น
อืม ดูเหมือนว่าเธอจะยังมีเวลาเหลือ อวี๋ตงจึง
ตัดสินใจกดลิฟต์ไปยังชัน
้ บนสุด
นี่เป็ นอาคารแฝดที่มีชัน
้ ดาดฟ้ าเชื่อมถึงกันและมี
แกลอรี่คลาวน์อยู่ชัน
้ บนสุด ชัน
้ นัน
้ มีผนังกระจกใส
ทัง้ สองด้าน เมื่อมองจากด้านบนนัน
้ จะเห็นทิวทัศน์
ที่ยอดเยี่ยม
ในชีวิตก่อน ตอนที่อวี๋ตงทำงานอยู่ที่นี่ เธอมักจะ
ชอบมานั่งที่ร้านกาแฟและชื่นชมกับวิวของแกลอรี่
คลาวน์
แต่ตอนนีท
้ ี่ชัน
้ บนยังไม่มีร้านกาแฟแต่มีบริษัท
โฆษณา ดังนัน
้ อวี๋ตงจึงเดินตรงไปยังบันไดที่ขึน
้ ไป
บนดาดฟ้ าแทน
อวี๋ตงมองไปที่ชัน
้ ดาดฟ้ าพร้อมกับนิ่วหน้าเล็ก
น้อย 5 ปี ข้างหน้าดาดฟ้ าจะเต็มไปด้วยต้นไม้เขียว
ขจี แทนที่จะเป็ นพื้นซีเมนต์โล่งๆ แบบนี ้ เธอไม่ร้ว
ู ่า
เมื่อไหร่ที่พวกเขาจะเริ่มปลูกต้นไม้ แต่ดาดฟ้ าจะ
สวยกว่าในตอนนีม
้ าก
ดาดฟ้ าทัง้ หมดจะถูกล้อมรอบด้วยกระจกใสสูง 1 
เมตร เต็มไปด้วยดอกไม้ โต๊ะ และม้านั่ง ตัง้ กระจาย
ไว้จุดต่าง ๆ เพื่อให้คนใช้นั่งพักผ่อน โดยเฉพาะฝั่ ง
ทิศใต้จะมีระเบียงยื่นออกไปอยู่ อวี๋ตงชอบนั่งชมวิว
จากตรงนัน
้ มาก
ขณะที่อวี๋ตงกำลังรำลึกถึงความทรงจำอยู่นั่นเอง
เธอก็เห็นชายคนหนึ่ง ไม่ใช่สิ เป็ นแค่เด็กหนุ่มคน
หนึ่ง เขาอายุราวๆ 16-17 ปี เขากำลังนั่งอยู่ที่ริม
ระเบียง
เด็กหนุ่มดูเหมือนจะสังเกตเห็นอวี๋ตงจึงหันมายิม

ให้เธออย่างอ่อนโยน
อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าทำไม แต่หัวใจของเธอบีบรัน
้ และ
เต้นระรัว เด็กหนุ่มคนนัน
้ ส่งยิม
้ อ่อนโยนราวกับ
ภาพฝั นมาให้
“พี่สาว พี่จะอยู่บนดาดฟ้ านานหรือเปล่า?” อาจ
จะเป็ นเพราะอวี๋ตงมองเขานิ่งอยู่นานแต่ไม่พูดอะไร
สักคำ เด็กหนุ่มจึงเอ่ยปากถาม
“เธอถามทำไม?” อวี๋ตงถาม
“เพราะว่าผมจะทำอะไรบางอย่างเร็วๆนี ้ มัน
อาจจะเป็ นเรื่องน่ากลัวนิดหน่อย พี่สาว ดังนัน
้ ผม
อยากจะรอจนพี่สาวจากไป” เด็กหนุ่มหันกลับไป
ขณะที่เขาแบบนัน

“งัน
้ ฉันคงจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก” อวี๋ตงพูดอย่างทำ
อะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“ทำไมล่ะ?” เด็กหนุ่มถาม
“เพราะว่าเธอกำลังแย่งที่นั่งของฉัน” อวี๋ตงบอก
เด็กหนุ่มตกตะลึงและหันกลับไปถามว่า “พี่สาว
ก็ตงั ้ ใจจะกระโดดลงไปจากตรงนีด
้ ้วยเหรอ?”
อวี๋ตงกระพริบตาแล้วยิม
้ “ฉันไม่ได้อยาก
กระโดดลงไป ฉันแค่อยากจะนั่งตรงนัน
้ เพื่อชมวิว”
“ถ้าอย่างนัน
้ พี่สาวค่อยกลับมาใหม่วันพรุ่งนีก
้ ็
แล้วกัน” เด็กหนุ่มหันหน้าหนีอวี๋ตงอีกครัง้
“ฉันเกรงว่าจะทำแบบนัน
้ ไม่ได้” อวี๋ตงส่ายหน้า
“รอแค่วันเดียวก็ไม่ได้?”
“ไม่ได้ ถ้าเธอกระโดดลงไป วิวตรงนีก
้ ็จะไม่
เหมือนเดิม” อวี๋ตงพูดอย่างกังวล
เด็กหนุ่มค่อนข้างประหลาดใจ “ดังนัน
้ ถ้าผม
กระโดดลงไปจากตึกนีก
้ ็จะทำลายวิวดีๆ”
“ใช่!” มีรัว้ กัน
้ สูง 1 เมตรตรงระเบียงแต่
เนื่องจากไม่มีผนังกระจกล้อมรอบ อวี๋ตงจึงไม่กล้า
เดินเข้าไปใกล้ขอบดาดฟ้ า เธอเอนตัวพิงที่รัว้ กัน

และแสดงท่าทางสงบเยือกเย็นขณะที่พูดคุยกับเด็ก
หนุ่ม “งัน
้ รอจนกว่าฉันจะดูวิวเสร็จ แล้วเธอค่อย
โดด”
“พี่ไม่ได้จะเกลีย
้ กล่อมผมเหรอ?” เด็กหนุ่มรู้สึก
แปลกใจ
อวี๋ตงแสร้งทำเป็ นไม่เข้าใจ “เกลีย
้ กล่อมเธอเรื่อง
อะไร?”
“เกลีย
้ กล่อมไม่ให้ผมกระโดดลงไป” เด็กหนุ่ม
ตอบ
“ไม่ล่ะ” อวี๋ตงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เธอให้ฉันชม
วิวก่อน แล้วฉันจะไม่รบกวนเธออีก”
“พี่สาว พี่น่าสนใจจริง ๆ” เด็กหนุ่มก็ยม
ิ้
อวี๋ตงก็ยม
ิ ้ ตอบ แล้วมองวิวที่ชัน
้ ล่าง แต่เมื่อไม่มี
ดอกไม้มันก็ดูเหมือนว่าวิวนัน
้ จะสวยน้อยลง
อวี๋ตงสังเกตเห็นสคริปต์วางอยู่ตรงมุมหนึ่งจึง
ถามด้วยความอยากรู้ “บทละครนั่นของเธอเห
รอ?”
เด็กหนุ่มส่งเสียงรับในลำคอ
“ฉันขอดูหน่อยได้ไหม?” อวี๋ตงถาม
เขาส่งเสียงฮืมในลำคอ
อวี๋ตงหยิบบทละครขึน
้ มาแล้วเริ่มอ่าน คิว้ ของ
เธอค่อย ๆ ขมวดขึน
้ เรื่องราวในสคริปท์เต็มไปด้วย
ความหดหู่ และฉากนองเลือด ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่
สบายใจ
“มันน่ากลัวมากใช่ไหม?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ
“แล้วตอนจบล่ะ?” อวี๋ตงถาม “ในที่สุดหลังจาก
ที่เสี่ยวเมี่ยวได้เห็นหน้าฆาตกรแล้ว”
เด็กหนุ่มตกตะลึง แล้วถามอย่างไม่อยากเชื่อ “พี่
สาวยังอยากรู้ตอนจบอยู่เหรอ?”
“อยากสิ! มันดูน่ากลัวนิดหน่อยแต่ก็เป็ นเรื่องที่
น่าสนใจจริงๆ” ใบหน้าของ อวี๋ตงเต็มไปด้วยความ
อยากรู้
“ผมไม่รู้!” เด็กหนุ่มส่ายหน้าอย่างความสิน
้ หวัง
“เรื่องเหล่านีม
้ าจากความฝั นของผม ถ้าหากว่า
อยากรู้ตอนจบ ผมจะต้องนอนหลับแล้วค้นหาใน
ความฝั น”
“ถ้าเธอกระโดดลงไปตอนนี ้ ฉันก็จะไม่ร้ต
ู อน
จบ” คำพูดของอวี๋ตงฟั งดูเสียใจ
“พี่สาวไม่คิดว่าผมผิดปกติเหรอ?” เด็กหนุ่มถาม
เธอ
อวี๋ตงทำสีหน้างุนงง
“ผมมีความฝั นที่แปลกประหลาด ตัง้ แต่ผมอายุ
ได้ 8 ขวบ และผมก็ต้องไปพบจิตแพทย์ตัง้ แต่ยัง
เด็ก” เด็กหนุ่มมองคนที่เดินไปมาบนถนนข้างล่าง
แล้วเอ่ยต่อว่า “ครัง้ หนึ่งผมได้ยินจิตแพทย์บอกพ่อ
กับแม่ของผมว่าถ้าผมเป็ นยังแบบนีต
้ ่อไป ผมอาจ
จะกลายเป็ นฆาตกร แล้วเขาก็บอกให้พ่อแม่ของผม
ส่งผมไปที่โรงพยาบาลจิตเวช”
“ตอนนัน
้ พ่อแม่ของผมไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเร็วๆนี ้
ผมเห็นพวกเขากำลังมองหาโรงพยาบาลใน
อเมริกา” เด็กหนุ่มยิม
้ แล้วพูดว่า “แม่ไม่อยากให้
ผมเข้าใกล้น้องชายที่ยังเด็ก”
“เมื่อเช้าก่อนที่ผมจะออกจากบ้าน น้องชายขอ
ให้ผมอุ้มเขา แม่ของผมเห็นเข้าพอดี สายตาของ
เธอดูหวาดกลัวมาก มันเหมือนกับสายตาของเหยื่อ
ที่ผมเห็นในความฝั น” เด็กหนุ่มหัวเราะแล้วพูดว่า
“ผมรู้สึกเหมือนว่าเรื่องราวในความฝั นของผมเริ่ม
เป็ นจริงขึน
้ มาบ้างแล้ว”
“แล้วทำไมเธอถึงได้เขียนเล่าความฝั นเป็ นบท
ละครพวกนี ้ และพกมันมาที่นี่ด้วยล่ะ?” อวี๋ตงที่ฟัง
อยู่เงียบๆเป็ นเวลานานถามขึน

เด็กหนุ่มไม่ตอบ
“ที่เธอไม่ตอบ เพราะว่าเธอไม่ต้องการให้ความ
ฝั นกลายเป็ นความจริงใช่ไหม” อวี๋ตงกล่าวอย่าง
สงบว่า “เธอแค่ต้องการให้ใครสักคนมาบอกเธอว่า
พวกมันเป็ นแค่เรื่องเล่า”
เด็กหนุ่มมองอวี๋ตงนิ่ว แต่ยังคงไม่พูดอะไร แต่อวี๋
ตงรู้ว่าเธอพูดถูก
“พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่?”
ทัง้ สองคนหันกลับไปมองก็เห็นอลันขมวดคิว้ มอง
มาที่พวกเขา
ห้องทำงานของอลันหันหน้ามาทางระเบียง แต่
เดิมเมื่อเขาเห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่ริมระเบียง เขาก็
ตัง้ ใจจะเรียกรปภ. และแล้วอวี๋ตงก็ปรากฏตัวขึน

ทัง้ สองคนพูดคุยกันอยู่นาน และเด็กหนุ่มไม่มีทีท่า
ว่าจะกระโดดลงไป แต่อลันก็ยังรู้สึกไม่วางใจเขาจึง
เดินออกมา
“อลัน?” ดวงตาของอวี๋ตงเป็ นประกายขึน
้ “คุณ
เป็ นผู้จัดการทั่วไปของโอเอ็มใช่ไหม?”
อลันมองอวี๋ตงด้วยความงุนงงแต่ก็ยังพยักหน้า
อวี๋ตงหันหลังให้เด็กหนุ่ม และส่งบทละครนัน
้ ให้
อลันแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าทางบริษัทของคุณกำลัง
สนใจที่จะสร้างหนังเรื่องใหม่ในเร็วๆนีห
้ รอกเหรอ? 
คุณลองดูบทนีด
้ ูหน่อยไหม?”
‘บริษัทของเขาตัดสินใจที่จะสร้างหนังเรื่องใหม่
ตัง้ แต่เมื่อไหร่กัน? นอกจากนี ้ เขาก็เป็ นคนที่เลือก
บทละครมาทำเป็ นหนังแล้วตัง้ มากมาย แล้วเขา
จำเป็ นต้องฟั งคำแนะนำของเธอไหม?’
ยังไงก็ตามเมื่ออลันรับบทละครนัน
้ มาเขาก็เริ่ม
อ่าน
หลังจากอ่านไปไม่กี่หน้าคิว้ ของเขาก็ขมวดมุ่น
เขาเงยหน้าขึน
้ มองอวี๋ตงที่พยายามส่งสัญญาณผ่าน
ทางสายตา อลันพูดตามจริงว่า “ดูน่าสนใจ แต่ผม
ต้องเอาไปให้ผู้กำกับอ่านมันก่อน”
อวี๋ตงหันไปหาเด็กหนุ่มแล้วพูดว่า “เธอไม่อยาก
ฟั งการประเมินของผู้กำกับก่อนที่เธอจะกระโดดลง
ไปเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนี ้ อลันเองก็ยอมแพ้ให้กับเธอจริง

เด็กหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบตกลง “เอาอย่าง
นัน
้ ก็ได้ ไม่ใช่ว่าผมต้องกระโดดลงไปตอนนีส
้ ัก
หน่อย อีกอย่างเวลาจะกระโดดลงจากตึก พี่สาวที่
ยืนดูผมก็ไม่ได้ดูกระวนกระวายใจเหมือนในเรื่องที่
ผมฝั นเลย”
“ถ้าอย่างนัน
้ ก็เพิ่มฉันลงใน QQ ของเธอหน่อย
ไหม กลับไปแล้วก็อย่าลืมบอกตอนจบฉันหลังจากที่
เธอเขียนมันได้แล้ว”
“ได้!” เด็กหนุ่มยืนขึน
้ แล้วส่งยิม
้ มาให้
หลังจากที่เด็กหนุ่มเดินจากไป อลันก็มองบทใน
มือแล้วพูดว่า “เด็กคนนัน
้ เป็ นใคร พวกเราจำเป็ น
ต้องรีบติดต่อพ่อแม่ของเขา”
“ผู้ปกครองของเขากำลังวางแผนที่จะส่งเขาไปที่
โรงพยาบาลจิตเวช” อวี๋ตงรู้สึกหมดหนทาง
“มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับเด็กคนนัน
้ ” อลัน
ขมวดคิว้ กับสคริปต์ในมือ มันเต็มไปด้วยฉากนอง
เลือดและกระหายเลือด อย่างที่คนปกติเขาไม่คิด
กัน
“เมื่อกีเ้ ขาต้องการกระโดดตึกจริง ๆ ซึ่งถ้าเขามี
ปั ญหา หรือมีแนวโน้มว่าจะเป็ นฆาตกร เขาจะ
คิดถึงการฆ่าคนอื่นแทน ยังไงก็ตาม เขามีแนวคิด
มากมายอยู่ในหัว” อวี๋ตงชีไ้ ปที่บทละคร “อย่างที่
คุณได้อ่าน”
“คุณคิดยังไงเกี่ยวกับบทละครนี?้ ” อลันถาม
“ความเห็นของฉัน ถึงแม้ว่ามันจะโหดเหีย
้ มและ
เลือดสาดไปหน่อย แต่ก็เป็ นเนื้อเรื่องที่สมเหตุสม
ผลมาก” อวี๋ตงพูดต่อไปว่า “ถ้าคุณได้เจอผู้กำกับ
เก่ง ๆ มันก็จะกลายเป็ นหนังที่ดี ดูเหมือนว่าในช่วง
นีจ
้ ะไม่มีหนังสยองขวัญดีๆออกมาเลย”
“แล้วทำไมผมจะต้องทำแบบนัน
้ ด้วย?” อลัน
ถาม
“ยังไงก็ตามวันนีฉ
้ ันช่วยชีวิตเขาเอาไว้” อวี๋ตง
กล่าวต่อว่า “ครัง้ หน้าถ้าเขามาที่นี่อีกแล้วกระโดด
ลงไปมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันแล้ว”
‘แล้วมันเป็ นเรื่องของผมงัน
้ เหรอ?’ อลันอึง้ ไป
และแอบค่อนขอดเธอในใจ
อวี๋ตงยักไหล่ แล้วเดินจากไป
2 วันต่อมา อวี๋ตงเปิ ดกล่องจดหมายใน QQ ของ
เธอก็พบว่าได้รับเอกสารใหม่ ในนัน
้ คือเรื่องที่ต่อ
จากในบทละครวันนัน
้ ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนัน

จะตายด้วยน้ำมือของฆาตกร
อวี๋ตงส่งข้อความกลับไปหาเด็กหนุ่ม แต่เขาไม่
เคยตอบกลับมาเลยสักครัง้
อวี๋ตงยังคงให้ความสนใจกับข่าวสังคมต่อไปอีก 2
-3 วัน แต่ก็ไม่เคยเจอข่าวคนกระโดดตึก เธอยังคง
ไม่สบายใจนัก จึงเขียนอีเมลไปเล่าเรื่องนีใ้ ห้เซี่ยเฟิ ง
ฟั ง และหวังว่าเซี่ยเฟิ งจะหาจิตแพทย์มาถามเรื่องนี ้
ได้
วันต่อมา เซี่ยเฟิ งวิดีโอคอลมาหาเธอ
“ผมถามจิตแพทย์ที่ร้จ
ู ักกัน เขาบอกว่าที่เด็ก
หนุ่มคนนัน
้ คิดฆ่าตัวตายก็เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็ นคน
ดี” เซี่ยเฟิ งพูดต่อว่า “แต่โรคนีร้ ักษายากและต้อง
ใช้เวลานาน พวกเขาจะต้องถูกส่งไปที่โรงพยาบาล
จิตเวช”
อวี๋ตงได้ยินแบบนีก
้ ็ค่อนข้างผิดหวัง
“คุณติดต่อกับเขาได้อยู่หรือเปล่า?”
อวี๋ตงส่ายหน้า
เซี่ยเฟิ งเห็นความโศกเศร้าในแววตาของอวี๋ตง
เขาจึงพยายามปลอบใจเธอ “เมื่อผู้คนตัง้ ใจที่จะ
ตาย แม้แต่พระเจ้าก็ไม่อาจช่วยได้ สิ่งที่เราทำได้ก็
แค่โน้มน้าวใจเขาเท่านัน
้ ”
“ยังไงก็ตาม วันนัน
้ คุณทำได้ดีแล้ว ไม่ว่าอนาคต
จะเป็ นยังไง แต่วันนัน
้ คุณได้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้
แล้ว”
อวี๋ตงไม่ได้บอกเซี่ยเฟิ งว่ามีฉากหนึ่งในบทละคร
บอกว่า ฆาตกรมีสวนลับบนดาดฟ้ าที่เต็มไปด้วย
ดอกไม้
และมันทำให้เธอคิดถึง ชีวิตก่อนของเธอ เธอเป็ น
สาวโสด และชอบขึน
้ ไปอยู่บนดาดฟ้ านับครัง้ ไม่
ถ้วน เมื่อตอนที่เธอรู้สึกหดหู่
บางทีดาดฟ้ านัน
้ อาจจะเป็ นของขวัญชิน
้ สุดท้าย
ของเด็กหนุ่มที่แลกมาด้วยชีวิตของเขา
์ ยู่ในใจ ไม่ควรถูกกลบ
ผู้ที่มีดินแดนอันบริสุทธิอ
เป็ นฝุ ่นดิน
ตอนที่ 19 ลิปสติก

ที่ห้างสรรพสินค้า ในนิวยอร์ค
เซี่ยเฟิ งกำลังหาซื้อลิปสติกให้อวี๋ตงที่เคาน์เตอร์
เครื่องสำอาง พนักงานขายแนะนำลิปสติกหลายสี
ให้เขา แต่เขาไม่ร้ว
ู ่าควรเลือกสีไหนดี เขาครุ่นคิด
เกี่ยวกับมันก่อนตัดสินใจโทรหาอวี๋ตง
อวี๋ตงอยู่บนรถบัส เธอกำลังจะไปทำงาน ตอนที่
เธอเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาก็แปลกใจเล็กน้อย
“เซี่ยเฟิ ง?”
“ผมกำลังจะซื้อลิปสติกให้คุณแต่มันมีหลายสี
มาก ปกติคุณใช้สีอะไร?” 
ลิปสติกเหรอ? อวี๋ตงผงะไปครู่หนึ่ง “ลิปสติก
อะไร?”
“รายการที่ 55 ในลิสต์ของคุณ” เซี่ยเฟิ งบอก
“โอ้!” อวี๋ตงแสดงท่าทางไม่อยากจะเชื่อ “คุณคง
ไม่ได้ เอ่อ …คุณซื้อของให้ฉันวันละอย่างจริงๆ
เหรอ?”
“เปล่า ผมซื้อมาสก์หน้าของคุณในคราวเดียวเลย
ถ้าผมซื้อมันวันละชิน
้ ผมกลัวว่าพนักงานขายจะว่า
ผม” เซี่ยเฟิ งบอก
“ฮิฮิ!” อวี๋ตงอดที่จะยิม
้ ไม่ได้ “คุณซื้อของใน
รายการครบหมดแล้วเหรอ?”
“ผมซื้อมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว”
“คุณค่อนข้างเชื่อฟั งนะ” อวี๋ตงเลิกคิว้
“ไม่ใช่ว่าคุณขอให้ผมทำหรอกเหรอ?” เซี่ยเฟิ ง
ได้ยินน้ำเสียงที่ดูสงสัยของเธอ “คงไม่ใช่ว่าคุณ
เขียนรายการพวกนี ้ เพื่อตัง้ ใจจะแกล้งผมหรอกใช่
ไหม?”
เมื่อคิดแบบนีแ
้ ล้ว เขาก็ร้ส
ู ึกว่าเป็ นไปได้มากที
เดียว ในรายการมีของหลายอย่างที่ไม่ใช่แบ
รนด์เนม ราคาก็ไม่แพง และไม่ระบุสีมาให้ชัดเจน
อีกด้วย ส่วนใหญ่เธอจะระบุมาเพียงข้อเดียวเท่านัน

ว่าต้องสวยและดูดี
“เปล่า ใครจะไปแกล้งคุณกัน” อวี๋ตงรีบเปลี่ยน
เรื่องอย่างร้อนตัว “ตอนนีค
้ ุณอยู่ที่เคาน์เตอร์
แบรนด์ไหน?”
เซี่ยเฟิ งมองไปที่ป้ายแล้วบอกว่า “ชาแนล”
“มีสีอะไรบ้าง?”
เซี่ยเฟิ งเลือกสีที่พนักงานแนะนำแล้วบอกว่า
“พนักงานบอกว่า สีเบอร์ 1, 2 แล้วก็ 11 เป็ นที่
นิยมในปี นี”

อวี๋ตงกระพริบตาแล้วถามว่า “วันนีว้ ันที่เท่า
ไหร่?”
“หือ?” เซี่ยเฟิ งงุนงงแต่ก็ตอบเธอว่า
“6 พฤศจิกายน”
“ถ้าอย่างงัน
้ ก็เลือกหมายเลข 11 กับ 6” อวี๋ตง
ตอบโดยไม่ต้องคิด
“ได้” เซี่ยเฟิ งเลือก 2 สีนน
ั ้ แล้วส่งให้พนักงาน
“คุณจะไม่ถามเหรอว่าทำไมฉันถึงเลือก 2 สีนี?้ ” 
อวี๋ตงถาม
เซี่ยเฟิ งกำลังหยิบกระเป๋าของเขาเพื่อชำระบิล
จึงถามกลับอย่างไม่ค่อยใส่ใจว่า “ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่า วันนีเ้ ป็ นวันที่ 6 พฤศจิกายน”
เซี่ยเฟิ งถามกลับด้วยความสงสัยว่า “แล้ววันนี ้
เป็ นวันที่ 6 พฤศจิกายนแล้วมันยังไง?” 
“คนโง่!” อวี๋ตงอดไม่ได้ที่จะดุเขา
เซี่ยเฟิ งที่ถูกดุก็ยังคงสงสัยอยู่ดี และต้องการถาม
อีกครัง้ แต่อวี๋ตงวางสายไปแล้ว
ในตอนนีเ้ องที่พนักงานเดินมาส่งถุงลิปสติกให้
เซี่ยเฟิ ง เขารับมาและกำลังจะจากไป
“เซี่ยเฟิ ง!” อันอันที่ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอ
เซี่ยเฟิ งในห้างสรรพสินค้า แต่สีหน้าของเธอก็พึง
พอใจมาก
เซี่ยเฟิ งเห็นอันอันกำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับ
เพื่อนชาวเอเชียคนหนึ่ง
เซี่ยเฟิ งจึงหยุดรอพวกเธอ และพยักหน้าทักทาย
“ช่างบังเอิญ”
“ใช่ คุณก็มาซื้อของเหรอ?” อันอันมองถุงช้อป
ปิ ้ งในมือของเซี่ยเฟิ งถือ
“คุณคือเซี่ยเฟิ ง? แฟนของอันอันใช่ไหม?” สาว
เอเชียที่ยืนอยู่ข้างๆอันอันถามพร้อมยิม
้ ให้
เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม
เขาไม่อยากหักหน้าอันอันในที่สาธารณะ อย่างไร
เสียเธอก็เป็ นผู้หญิง
“เซี่ยเฟิ งนี่คือ ซีซี เพื่อนร่วมชัน
้ ของฉัน เธอมา
จากฮ่องกง” อันอันแนะนำอย่างเขินอาย
“สวัสดี” เซี่ยเฟิ งกล่าวอย่างสุภาพ “คุณพูด
ภาษาจีนกลางได้ดีมาก ผมแทบไม่ได้ยินสำเนียง
ฮ่องกงหรือไต้หวันเลย”
“ตอนที่ฉันยังเด็กบางทีฉันก็ไปอยู่ที่จีน ภาษาจีน
ของฉันก็เลยไม่ได้แย่นัก” ซีซีมองถุงช้อปปิ ้ งในมือ
เซี่ยเฟิ ง ยิม
้ แล้วพูดว่า “นั่นคือเซอร์ไพรส์สำหรับอัน
อันหรือเปล่า?”
จากนัน
้ เธอก็หันไปหาอันอันแล้วพูดว่า “ดีที่
บังเอิญเจอกันก่อน ไม่อย่างนัน
้ คงได้ซ้ือของซ้ำ
กัน”
ดูเหมือนว่า พวกเธอก็มาซื้อลิปสติกของชาแน
ลด้วยเหมือนกัน
อันอันรับถุงช้อปปิ ้ งจากเซี่ยเฟิ งด้วยความยินดี
และเขินอายเล็กน้อย เธอเปิ ดมันดูแล้วก็พูดอย่าง
แปลกใจ “เบอร์ 11 กับ เบอร์ 6 เหรอ?”
“เบอร์ 11 ก็เหมาะดีนะ แต่เบอร์ 6 ดูไม่ใช่สไตล์
ของเธอเลย” ซีซีออกความเห็น จากนัน
้ ก็เหมือน
นึกอะไรขึน
้ มาได้ “ฉันรู้แล้ว วันนีว้ ัน
ที่ 6 พฤศจิกายน แฟนของเธอต้องหวังให้เธอคิดถึง
วันนีท
้ ุกครัง้ ที่เธอใช้ลิปสติก”
อันอันพยักหน้าให้ซีซีอย่างเขินอาย จากนัน
้ ก็หัน
ไปพูดกับเซี่ยเฟิ งอย่างน่ารักว่า “คุณยังจำได้ว่าฉัน
ชอบลิปสติกของแบรนด์นี”

ดวงตาของเซี่ยเฟิ งเป็ นประกายขึน
้ เขาก็คิดอยู่ว่า
ทำไมตอนที่เขาเข้ามาในห้างสรรพสินค้า เขาถึงก็รู้
สึกคุ้นเคยกับเคาน์เตอร์แบรนด์นี ้ เป็ นเพราะเมื่อ
ก่อนเขาเคยมาซื้อลิปสติกที่นี่หลายครัง้ แล้ว
“โอ้ย ความรักบาดตาจริง ๆ!” ซีซีพูดหยอกล้อ
“ทำไมวันนีฉ
้ ันถึงรู้สึกว่าตัวเองช่างสดใสวิบวับ
ขนาดนี ้ กลับเป็ นเป็ นว่าฉันเป็ นหลอดไฟนี่เอง”
หมายเหตุ การแทนตัวเองเป็ นหลอดไฟ หมาย
ถึง เป็ นพยานในการแสดงความรักของคู่รัก หรือถ้า
ภาษาไทยก็มักจะเรียกว่า กขค
“ซีซี!” อันอันดุเหมือนโกรธ แต่เธอแค่เขินอาย
เมื่อลิปสติกถูกอันอันยึดไปแล้ว เซี่ยเฟิ งจึงทำได้
เพียงหาข้ออ้างในการแยกตัวออกไป
“คุณไปซื้อของต่อเถอะ ผมต้องกลับไปที่โรง
พยาบาลแล้ว”
“โอเค”
เซี่ยเฟิ งออกจากห้างไป และยืนครุ่นคิดอยู่พัก
ใหญ่ จากนัน
้ ก็ข้ามไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ฝั่งตรง
ข้าม เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางแล้วถาม
พนักงานว่า “ผมอยากซื้อลิปสติกให้ผู้หญิงเอเชีย
ผิวขาวมาก อายุราว 22 สีอะไรที่เหมาะกับเธอ?”
เซี่ยเฟิ งเดินออกจากห้างพร้อมกับถุงลิปสติกที่ซ้ือ
มาใหม่แล้วส่งข้อความถึงอวี๋ตง
จากนัน
้ เขาก็ส่งข้อความสัน
้ ๆไปให้อันอัน
อันอันที่กำลังเดินดูเสื้อผ้าได้ยินเสียงแจ้งเตือน
จากโทรศัพท์ เธอจึงหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็ น
ข้อความจากเซี่ยเฟิ ง เธอยิม
้ ก่อนจะเปิ ดอ่านเนื้อ
ความแต่แล้วก็ต้องแข็งค้างทันที
[ผมไม่ได้ซ้ือลิปสติกให้คุณ แต่คุณจะเก็บมันไว้
ก็ได้!]
“มีอะไรเหรอ?” ซีซีเห็นอันอันมีท่าทางผิดปกติก็
ถามขึน
้ มา
“ไม่มีอะไร!” อันอันเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึน

ที่สถานีวิทยุในเซี่ยงไฮ้
“เอาล่ะ ตอนนีก
้ ็หมดเวลาของรายการ
Midnight Phantom แล้ว กลับมาเจอกันใหม่อีก
ครัง้ ในวันพรุ่งนี”
้ หลังจากที่จัดรายการไป 2 ชั่วโมง
เต็ม อวี๋ตงก็บีบนวดต้นคอของเธออย่างเหนื่อยล้า
“เดี๋ยวนีม
้ ีโทรศัพท์เข้ามามากกว่าแต่ก่อนเยอะ
เลย” พี่อวี๋ออกจากห้องอุปกรณ์ มาคุยเล่นกับอวี๋ตง
“ใช่ มีคำถามแปลก ๆ เยอะมาก!” อวี๋ตงส่าย
หน้าและถอนหายใจ
“วิเศษไปเลยใช่ไหมล่ะ!” พี่อวี๋หัวเราะ “มี
ข้อความส่งมาว่าคำตอบของเธอแปลกมากกว่า
คำถามด้วย”
“จริงเหรอ?” อวี๋ตงดูเหมือนจะไม่รับรู้อะไรแล้ว
“ใช่” พี่อวี๋พยักหน้า
อวี๋ตงทำหน้ามุ่ย และขายความน่ารัก ด้วยการ
ทำหน้าตาแอ๊บแบ๊ว
พี่อวี๋ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตัง้ แต่มีจดหมายของเด็ก
หนุ่มชาวฝรั่งเศสที่แนบเงิน 100 หยวนมาด้วย ดู
เหมือนว่าจดหมายที่ส่งมาที่สถานีให้กับรายการ Mi
dnight Phantom จะแนบเงิน 100 หยวนมาด้วย
ตลอด”
“ตามสถิติแล้ว จะคิดเป็ น 100 หยวนใน
ทุกๆ 20 ตัวอักษร” พี่อวี๋เตือนว่า “ถึงแม้ว่าเธอจะ
บริจาคเงินทัง้ หมดแทนพวกเขา แต่สถานีก็เริ่ม
จับตามองเรื่องนีแ
้ ล้ว มันอาจส่งผลกระทบที่ไม่ดี
นัก”
“พรุ่งนีม
้ ีประชุมใช่ไหม? อย่าลืมรายงานเกี่ยวกับ
เรื่องนีด
้ ้วย” พี่อวี๋เตือน
“ได้!” อวี๋ตงมองนาฬิกาแล้วก็หยิบกระเป๋า “พี่อ
วี๋ ฉันไปก่อนนะ”
เมื่ออวี๋ตงไปถึงบ้าน เธอก็เปิ ดคอมพิวเตอร์ตาม
ปกติเพื่อเข้าสู่ระบบ QQ  เธอตัง้ ใจจะส่งข้อความ
หาเซี่ยเฟิ งบอกว่าเธอกลับถึงบ้านแล้ว แต่ก็เห็น
ข้อความที่เขาส่งถึงเธอก่อน
เมื่อดูเวลาแล้วก็เห็นว่ามันถูกส่งมาหลังจากที่เธอ
เข้าห้องจัดรายการ
[ผมเปลี่ยนลิปสติกแล้ว พนักงานบอกว่าสีนีด
้ ี
กว่า]
ถึงแม้ว่าจะแปลกใจที่เซี่ยเฟิ งเปลี่ยนลิปสติกแต่อ
วี๋ตงก็ไม่ได้ถาม แค่ตอบกลับไปว่า
[สีอะไรก็ไม่สำคัญ สำคัญที่คุณเป็ นคนซื้อ]
[คุณกลับถึงบ้านแล้วเหรอ?] อีกฝ่ ายตอบกลับมา
อย่างรวดเร็ว
[ฉันเพิ่งกลับมาถึง]
[งัน
้ ก็รีบพักผ่อน]
[ตกลง]
ข้อความ 4 ประโยคที่ส่งมาเหมือนกันเกือบทุก
วัน แต่มันก็กลายเป็ นสิ่งที่อวี๋ตงขาดไม่ได้ไปแล้ว
เซี่ยเฟิ งจ้องไปที่ข้อความแรกของอวี๋ตงอย่าง
เหม่อลอย
‘สีอะไรก็ไม่สำคัญ สำคัญที่คุณเป็ นคนซื้อ’

ทันใดนัน
้ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึน

เซี่ยเฟิ งมองดูว่าใครโทรมาและกดรับสาย
“เซี่ยเฟิ ง นายส่งอีเมลนัน
้ มาให้ฉัน หมายความ
ว่าอย่างไง?” หลังจากที่ยุ่งมาตลอดทัง้ วัน เส้าอีฝ
้ าน
ที่พึ่งกลับมาถึงบ้านก็เห็นอีเมลมอบหมายให้จัดการ
ธุระโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าจากเซี่ยเฟิ ง เขาไม่ค่อย
พอใจนักและบ่นไปว่า “นายไม่ได้ส่งอะไรมาให้ฉัน
เลย ทำไมฉันต้องเป็ นคนไปรับของพวกนีด
้ ้วย?”
“อวี๋ตงไม่มีใบขับขี่”
“แต่นั่งแท็กซี่ไม่จำเป็ นต้องใช้ใบขับขี่” เส้าอีฝ
้ าน
บอก “นายซื้อของให้เธอตัง้ หลายอย่างพร้อมส่งมัน
กลับมา และมันก็ถูกกักไว้ที่ด่านศุลกากร แต่ทำไม
ฉันต้องเป็ นคนไปรับมันด้วย? ฉันยุ่งมาก ฉันต้อง
ช่วยชีวิตคน และรักษาผู้ป่วยนะ”
“นายไม่อยากไปเจอเพื่อนของอวี๋ตงแล้วเหรอ?” 
เซี่ยเฟิ งถาม
“…” เส้าอีฝ
้ านผงะ “นายสัญญาว่าจะแนะนำให้
ฉันรู้จักกับเธอใช่ไหม?”
“คุยเรื่องนีก
้ ันอีกทีตอนที่ฉันกลับไป ส่วนตอนนี ้
นายควรสำรวจความรู้สึกตัวเองที่มีต่อเธอก่อน”
เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
“ฉันรู้สึกตัง้ แต่ครัง้ ก่อนแล้ว ว่าเมื่อเป็ นเรื่องที่
เกี่ยวกับอวี๋ตง ทัศนคติของนายดูจะไม่ปกติเลย”
เส้าอีฝ
้ านบอก
“นายแน่ใจนะว่าจะคุยเรื่องนี ้ ในการโทรทางไกล
ระหว่างประเทศ?”
“บ้าจริง! ฉันลืมไป!” เส้าอีฝ
้ านสบถ “พรุ่งนีฉ
้ ัน
จะไปรับของให้ แต่นายควรโอนเงินค่าภาษีคืนฉัน
มาด้วย”
“งก!”
“จ่ายค่าแรงให้ฉันด้วย ก็ไม่เลวนะ!” เส้าอีฝ
้ าน
บ่น และตอนที่เขากำลังจะวางสาย ก็มีข้อความ
หลายข้อความเด้งขึน
้ มา เขาชำเลืองดูเล็กน้อยก่อน
จะถามเซี่ยเฟิ งว่า “นายพบอันอันแล้วใช่ไหม?”
“มีอะไร?” เซี่ยเฟิ งถามเมื่อรู้สึกถึงน้ำเสียงที่
เปลี่ยนไปของเส้าอีฝ
้ าน
“อันอันส่งข้อความหาฉัน ถามเรื่องของนาย”
เส้าอีฝ
้ านอ่านข้อความแล้วพูดว่า “เธอบอกว่าดู
เหมือนว่านายจะยังโกรธเธออยู่ เธอบอกว่าได้เจอ
นาย 2 ครัง้ แต่นายดูไม่สนใจเธอเลย ยังบอกอีกว่า
นายโกหกเรื่องที่นายแต่งงานแล้ว นอกจากนัน
้ ยัง
ขอให้ฉันเป็ นคนกลางช่วยให้เธอปรับความเข้าใจ
กับนาย”
“อย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี”
้ เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้
“ใครอยากจะเข้าไปยุ่งกัน?” เส้าอีฝ
้ านพูด “แต่
นายควรจัดการเรื่องนีใ้ ห้เรียบร้อย”
เซี่ยเฟิ งนึกถึงการพบกันทัง้ สองครัง้ ของเขากับ
อันอันก็ลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนัน

นายก็บอกเธอไปว่าฉันแต่งงานแล้ว”
“ฉันจะพูดอย่างนัน
้ ได้ยังไง?” เส้าอีฝ
้ านปฏิเสธ
“แค่บอกเธอไปว่าเรื่องที่ฉันแต่งงานแล้ว เป็ น
เรื่องจริง และนายก็ได้เห็นสมุดทะเบียนสมรสของ
ฉันแล้ว”
“เอาจริงเหรอ” เส้าอีฝ
้ านแปลกใจ
“อื้อ อย่าให้มันคลุมเครืออีกต่อไป เป็ นทางที่ดี
ที่สุด”
“คิดดีแล้วเหรอ นายไม่อยากกลับไปแล้วจริงๆเห
รอ?” เส้าอีฝ
้ านถาม “นายกับอวี๋ตงพึ่งคบกันได้แค่
เดือนเดียว จากนัน
้ นายก็ไปต่างประเทศ แต่นายคบ
กับอันอันมาตัง้ หลายปี ”
“ไม่ว่าฉันจะเสียใจทีหลังหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อย
ฉันก็ไม่ต้องการคบเผื่อเลือก มันไม่ยุติธรรมสำหรับ
ใครเลย”
“นายอยู่ในยุคไหนเนี่ย? ทำไมนายทำตัวคร่ำครึ
แบบนี?้ ” เส้าอีฝ
้ านกลอกตา
“อีฝ
้ าน ไม่ว่าเรื่องการแต่งงาน หรือเรื่องความรัก
สำหรับฉัน มันควรจะเป็ นเรื่องของคน 2 คน
เท่านัน
้ ” เซี่ยเฟิ งกล่าว

ตอนที่ 20 เขาเป็ นผู้ชายของฉัน

ในชีวิตก่อน อวี๋ตงเคยได้ซีรีย์เรื่อง ร้านอาหาร


เที่ยงคืน : บันทึกโตเกียว
ในร้านอาหารขนาดเล็กที่เปิ ดเฉพาะเวลากลาง
คืน ผู้คนที่เข้ามาในร้าน มักจะบอกเล่าเรื่องราวของ
พวกเขาให้พ่อครัวและคนที่เข้ามาทานอาหารใน
ร้านอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสบายใจที่ทำ
แบบนัน
้ เพราะพวกเขารู้ว่าจะไม่ได้เจอกันอีก เมื่อ
รุ่งสาง
ภายในรถบัสก็เช่นกัน คนแปลกหน้าที่อยู่เต็มรถ
ไม่ได้สนใจความสุขหรือความทุกข์ของคุณ แม้ว่า
คุณจะร้องไห้ หรือน่าเกลียดแค่ไหน มันก็เป็ นแค่
เรื่องราวที่เล็ก ๆ ที่คนแปลกหน้าสนใจจะฟั งแค่
ชั่วคราวเท่านัน
้ แต่เขาไม่ได้มาสนใจเรื่องของคุณ
ต่อจากนัน

ในสถานที่แบบนัน
้ คุณสามารถลดเกราะป้ องกัน
ของตัวเองลง และร้องไห้อย่างไร้กังวลใดใด คุณไม่
ต้องเป็ นห่วงว่าพวกเขาจะย้อนกลับมาหาคุณในซัก
วันหนึ่งข้างหน้า
“ทำไมคุณทำกับฉันแบบนี?้  เราคบกันมา 8 ปี
ตัง้ แต่ฉันอายุ 23 จนตอนนี ้ 31 แล้ว คุณมาขอเลิก
กับฉันแบบนีไ้ ด้ยังไง?” ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้าน
หลังอวี๋ตงกำลังพูดโทรศัพท์ไปพลางร้องไห้ไปพลาง
อวี๋ตงเห็นใบหน้าที่นองด้วยน้ำตาของเธอจากเงา
สะท้อนบนกระจกหน้าต่าง
“คุณจะให้ฉันบอกแม่ของฉันว่ายังไง? ความ
ปรารถนาเดียวของท่านก็คือการได้เห็นฉัน
แต่งงาน” ผู้หญิงคนนัน
้ ร้องตะโกนอย่างเศร้าใจ
“คุณบอกให้ฉันไปหาคนอื่น ฉันควรไปหาใคร ฉัน
จะเริ่มต้นใหม่อีกครัง้ ได้อย่างไร คุณจะหาใครมา
เริ่มต้นใหม่ได้ในวัย 30 แบบนี?้  ใครจะมาต้องการผู้
หญิงที่อายุขนาดฉัน?”
“เมื่อ 3 ปี ก่อน ฉันอยากแต่งงาน แต่คุณก็เอาแต่
บอกว่าคุณจะแต่งงานกับฉันแน่นอน แต่เวลายังไม่
เหมาะสม ตอนนีค
้ ุณกลับมาบอกว่าไม่อยาก
แต่งงานกับฉันแล้ว ถ้าคุณไม่อยากแต่งงาน ทำไม
ถึงรัง้ ชีวิตในวัยเยาว์วัยของฉันไว้กับคุณ ตอนนีพ
้ อ
ฉันไม่ใช่เด็กสาวแล้ว คุณก็เลยจะทิง้ ฉันอย่างงัน
้ เห
รอ?”
“คุณบอกว่าคุณไม่มีความสุข? แล้วคุณทนมา
ทำไมตัง้ แปดปี ล่ะ?”
“แม้ว่าคุณจะไม่ชอบฉันแล้ว แต่ฉันต้องการให้
คุณแต่งงานกับฉัน คุณทำให้ฉันเสียเวลามาหลาย
ปี …”
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นสถานีวิทยุ
ที่คุ้นเคย อวี๋ตงจึงลงจากรถ “สวัสดีทุกคน นี่
คือ FM 9666 คุณกำลังฟั ง Midnight Phantom 
อยู่กับดีเจอวี๋ต้ง” อวี๋ตงพูดเปิ ดรายการด้วยประโยค
ที่คุ้นเคย “ก่อนที่ฉันจะเริ่มรายการอย่างเป็ น
ทางการในคืนนี ้ ดีเจอวี๋ต้งอยากจะเล่นเพลงให้ใคร
บางคนฟั ง”
“ตอนที่ฉันนั่งรถบัสมาสถานี มีผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่ง
จะเลิกกับแฟนของเธอ เธอคบกันแฟนมานาน 8 ปี
ตัง้ แต่ที่เธออายุ 23 จนตอนนีก
้ ็อายุ 31 แล้ว ช่วงปี
ที่ดีที่สุดของเธอต้องสูญเสียให้กับผู้ชายคนนี”
้  อ
วี๋ต้ง ยังคงมีอารมณ์ตกค้างอยู่ “สิ่งที่ทำให้ฉัน
สะท้อนใจมากที่สุดก็คือ เธอเอาแต่ถามย้ำไปมาว่า
เธออายุ 30 แล้ว เธอจะไปเริ่มต้นใหม่กับใครได้อีก
จะมีใครต้องการเธออีก”
“ตอนนัน
้ ฉันนึกถึงเพลงนีข
้ ึน
้ มาทันที”
อวี๋ตงหยิบกีตาร์ที่เธอยืมมาจากห้องอัดเสียง
ข้างๆแล้วก็เริ่มร้องเพลง “A 30 Year Old
Woman”
เพลงนีไ้ ม่เคยถูกปล่อยออกอากาศ ดังนัน
้ อวี๋ตง
จึงได้แต่ร้องสดเท่านัน
้ เธอชอบเวอร์ชั่นที่ถาน
เวยเวยโคฟเวอร์เป็ นพิเศษ
อวี๋ตงจะมีอารมณ์อ่อนไหวทุกครัง้ ที่เธอได้ยิน
เพลงนี ้ เพราะเพลงนีแ
้ สดงให้เห็นแนวคิดของผู้
หญิงที่เริ่มอายุมากขึน

เมื่อร้องเพลงจบอวี๋ตงก็วางกีตาร์แล้วพูดว่า “ผู้
หญิงทุกคนได้สัมผัสถึงช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของพวก
เธอในวัยยี่สิบ และถูกผลักให้เข้าสู่วัย 30 อย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตเป็ นถนนเดินรถทางเดียว มัน
จะเดินไปข้างหน้าตามกาลเวลาเท่านัน
้ ไม่มีใคร
สามารถต้านทานมันได้”
“บางคนได้รับความสุขตัง้ แต่เนิ่นๆ ได้เจอคน
แห่งโชคชะตาในเวลาที่เหมาะสม แต่ก็มีคนอีก
มากมายที่พลาดโอกาส หรือไม่มีโอกาสได้พบกับ
คนแห่งโชคชะตาของตนเองเลย ถ้าคุณ
อายุ 30 แล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน จงอย่าสูญเสีย
หัวใจของคุณไป ผู้หญิงทุกคนเป็ นดั่งดอกไม้ที่
บอบบางและมีเสน่ห์ในตัวเอง จะต้องมีใครสักคนที่
มองเห็นและรอชื่นชมคุณอยู่แน่นอน”
“ถึงคุณจะยังไม่เจอก็ไม่เป็ นไร เหมือนกับชีวิต
ของผู้ชายที่ไม่ได้มีแค่ผู้หญิง ดังนัน
้ ชีวิตของผู้หญิง
ไม่ควรมีแค่เรื่องการแต่งงานและความรัก สิ่งเหล่านี ้
ไม่ควรเป็ นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผู้หญิง เรา
ควรงดงามเพื่อตัวเอง สังคมจะไม่หยุดรอคุณ ถ้า
คุณมัวแต่หยุดตัวเอง ร่ำไห้แต่ไม่ก้าวเดินต่อ” 
“ถ้าคุณได้ยินเพลงนี ้ และได้ยินข้อความนีจ
้ าก
ฉัน ก็จงเช็ดน้ำตาของเธอ” แสงแห่งความแน่วแน่
ปรากฏขึน
้ ในดวงตาของอวี๋ตง “บางทีความสุขของ
คุณอาจจะมาช้าไปซักหน่อย แต่อย่าปล่อยให้ความ
โศกเศร้าทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะมีความสุข”
“คนเรามักพบโชคร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่
เราจะได้พบความสุขเมื่อเรายิม
้ ”
คนขับรถบัสเพิ่มระดับเสียงของวิทยุอย่างเงียบ ๆ
ตัง้ แต่อวี๋ตงเริ่มออกอากาศ เขาแอบสังเกตผู้หญิงที่
ร้องไห้ผ่านทางกระจกมองหลัง เธอเหม่อมองออก
ไปนอกหน้าต่างอย่างหดหู่ แต่เธอหยุดร้องไห้แล้ว
เมื่อถึงสถานีพักรถ
ผู้หญิงคนนัน
้ ลงจากรถบัสด้วยท่าทางแข็งทื่อ
ราวกับท่อนไม้ ขณะที่เธอเดินผ่านเขา คนขับเขาก็
อดพูดขึน
้ มาไม่ได้ว่า “แม่หนู ชีวิตคนเราไม่มีขีด
จำกัด”
ผู้หญิงคนนัน
้ หยุดชะงัก “โลกนี ้ มันไม่ได้ง่ายนัก
หรอก และไม่มีใครมีช่วงชีวิตที่ดีตลอดเวลา อาจมี
ช่วยที่แย่บ้าง แต่แล้วจะยังไงล่ะ เราก็แค่ผ่านมันไป
ให้ได้ เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่ดี”
หญิงสาวลูบหน้าตัวเอง
“ร้องไห้ก็ร้องไปแล้ว กลับไปพักผ่อนซะ แล้วพรุ่ง
นีจ
้ ะต้องดีกว่าเดิม” คนขับรถบัสถอนหายใจ
ในที่สุดผู้หญิงที่ร้องไห้ราวหัวใจสลายก็หยุด เธอ
มองคนขับรถบัสแล้วถามว่า “คุณลุง ที่จริงฉันนั่ง
เลยป้ ายที่ฉันจะลงแล้ว รถบัสของคุณลุงจะขับกลับ
ไปทางเดิมหรือเปล่า?”
“แน่นอน ฉันขับเส้นนีจ
้ นถึงรุ่งเช้า”

กว่าที่อวี๋ตงจะเดินทางไปถึงเสี่ยวเยว่ สตูดิโอ ก็
บ่ายโมงกว่าแล้ว
เมื่อเห็นว่าเรินซินซินกำลังกินเค้กอยู่ อวี๋ตงจึงวิ่ง
เข้าไปแย่งชิมเค้กหลายคำ
เสี่ยวเยว่พูดไม่ออก “เธออย่ามาแย่งคนท้องกิน
จะได้ไหม?”
“ฉันยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน” ปากพูดแต่มือก็ยัง
คงถือช้อนเค้กไม่ปล่อย
“เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้าด้วยใช่ไหม?” ซินซินเดา
“อื้ม” อวี๋ตงพยักหน้า
“มันเป็ นเพราะงานของเธอน่ะล่ะ ทำให้นาฬิกา
ชีวิตของเธอรวน แล้วยิ่งเธอไม่กินข้าวเช้าอีกด้วย รู้
ไหมว่ามันไม่ดีกับสุขภาพร่างกายของเธอ”
“ดีเจวิทยุทำไปก็ได้เงินไม่เท่าไหร่เอง ทำไมเธอ
ไม่เลิกทำมันล่ะ!” เสี่ยวเยว่แนะ
“ไม่…” อวี๋ตงกลืนเค้กลงคอ แล้วพูดว่า “ฉันคิด
ว่างานของฉัน มันค่อนข้างมีความหมาย”
“งานนั่นจะมีความหมายยังไง?” เซียงเสี่ยวเยว่
พูดอย่างเหยียดหยาม “ตอนดึกขนาดนัน
้ จำนวนคน
ฟั งคงไม่มากนัก สายที่โทรเข้ามาก็คงเป็ นพวกขี ้
เหงา และโดดเดี่ยว”
“พูดแบบนีไ้ ม่ถูกนะ!” เรินซินซินท้วง “เมื่อคืน
ฉันก็ฟังรายการของอวี๋ตง ฉันคิดว่ามันดีมากเลย
โดยเฉพาะเพลงนัน
้ ฉันร้องไห้ออกมาตอนที่ฉันได้
ฟั งมัน”
“เธอเป็ นคนท้องนะ ตื่นขึน
้ มากลางดึกเพื่อฟั ง
วิทยุทำไมกัน” เสี่ยวเยว่ไม่เห็นด้วย
“ฉันหิวตอนกลางดึกไม่ได้เหรอ? ฉันตื่นมาหา
อะไรกิน” เรินซินซินพูด “ฉันคิดว่าฉันจะเป็ นสาว
โสดตอนอายุ 30”
“เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไร!” เสี่ยวเยว่บ่น
“ฉันไม่มีแผนที่จะแต่งงาน หรือมีคนรักแล้วจริง
ๆ แค่มีลูกก็พอ” เรินซินซินยิม
้ พลางเอามือลูบท้อง
“ตอนที่ฉันเลิกกับหลู่ซวน ฉันคิดว่าฉันคงเอาตัวเอง
ไม่รอดแล้ว ดีที่ตอนนัน
้ มีพวกเธออยู่ด้วย และสิ่งที่
เธอพูดในรายการเมื่อวานก็เหมือนกัน เธอให้กำลัง
ใจฉันด้วยเรื่องหญิงสาวที่ร้องไห้บนรถบัส”
“หญิงสาวอะไร? ร้องไห้อะไร?” เสี่ยวเยว่งุนงง
“ดีแล้ว!” อวี๋ตงพยักหน้า
“เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?” เซียงเสี่ยวเยว่
รู้สึกว่าตัวเองพลาดอะไรไป และกำลังจะถามเพิ่ม
แต่เสียงโทรศัพท์ของอวี๋ตงก็ดังขึน
้ มาขัดจังหวะเสีย
ก่อน
“ฮัลโหล?”
“อวี๋ตง คุณอยู่ที่ไหน?” เส้าอีฝ
้ านถาม
“คุณหาฉัน เพราะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” อวี๋ตง
ถาม
“ใช่ เซี่ยเฟิ งส่งของบางอย่างกลับมา เขาขอให้
ผมขับรถไปส่งให้คุณ” เส้าอีฝ
้ านเพิ่งขับรถไปรับ
พัสดุจากด่านศุลกากร

เซี่ยเฟิ งเหรอ? อวี๋ตงบอกที่อยู่ของเสี่ยวเยว่สตูดิ
โอให้เส้าอีฝ
้ านแล้วกดวางสาย
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา เส้าอีฝ
้ านก็มาถึงหน้าประ
ตูสตูดิโอ พร้อมกล่องใบใหญ่
“อะ นี่คือของทัง้ หมด” เส้าอีฝ
้ านเหนื่อย จาก
การวิ่งรับส่งของตลอดเช้า
“คุณหมอเส้า เชิญดื่มน้ำค่ะ” เรินซินซินรินน้ำ
แล้วยื่นให้เขาแก้วหนึ่ง
“ขอบคุณ!” เส้าอีฝ
้ านรับมาด้วยรอนยิม
้ ทันใด
นัน
้ เขาก็มองไปที่ท้องของเรินซินซิน ท้องของเริน
ซินซินใหญ่ขึน
้ มา ทำไมเธอถึงได้อ้วนขึน
้ มาขนาดนี ้
ในเวลาแค่ครึ่งเดือน? ไม่ ไม่ใช่สิ! ทำไมชุดนีเ้ หมือน
กับชุดคลุมท้องล่ะ?
“คุณ…คุณท้องเหรอ?” เส้าอีฝ
้ านถาม
“ค่ะ!” เรินซินซินยิม

“อ้อ…ยินดีด้วย” หัวใจของเส้าอีฝ
้ านแตกสลาย
ที่ลงทุนลงแรงไปทัง้ หมดสูญเปล่า ดอกไม้งามมี
เจ้าของแล้ว
“นี่คือของที่สามีสุ่มเลือกของเธอ ส่งมาให้เห
รอ?” เสี่ยวเยว่มองกล่องใบใหญ่อย่างสงสัย
สามีสุ่มเลือกเหรอ? เส้าอีฝ
้ านเลิกคิว้
“เธอพูดอะไรน่ะ!” เรินซินซินเตือนเพื่อนตัวเอง
“สุ่มเลือกอะไรกัน? มันคือรักแรกพบ!”
ตอนแรกเซียงเสี่ยวเยว่อยากจะตอบโต้ แต่เธอ
นึกได้ว่ามีคนนอกอยู่ด้วยจึงเปลี่ยนคำพูด “แต่
เซี่ยเฟิ งคนนีก
้ ็ไม่เลว เมื่อครัง้ ก่อนที่เธอเมาแล้วลืม
ส่งข้อความไปหาเขา เขาไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังเป็ น
ห่วงจนต้องโทรหาคุณหมอเส้ากลางดึก ตอนนีก
้ ็ยัง
ส่งของกลับมาให้เธอจากอเมริกาอีกด้วย”
ในเวลานี ้ อวี๋ตงกำลังเดินไปหยิบมีดเพื่อเปิ ด
กล่องใบใหญ่ที่เส้าอีฝ
้ านนำส่ง
“บิสกิต ช็อคโกแลต ถุงเท้า แก้ว ปากกา มาสก์
หน้า…” เสี่ยวเยว่หมดคำพูด เมื่อเธอมองไปที่
สิ่งของในกล่องใบนัน

“ของพวกนีห
้ าซื้อได้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตสินค้านำ
เข้า ทำไมเขาถึงได้ส่งของพวกนีม
้ าให้จาก
อเมริกา?”
“มันถูกกว่าถ้าซื้อที่อเมริกา” เรินซินซินให้
เหตุผล
“ถูกกว่าเท่าไหร่กันเชียว?” เสี่ยวเยว่กล่าวอย่าง
รังเกียจ
เส้าอีฝ
้ านก็ตกตะลึงมากเช่นกัน ‘เขาใช้เวลาและ
ความพยายามทัง้ หมดไปกับของว่างและของใช้
ประจำวันพวกนีเ้ หรอ?’
“ฉันขอให้เขาซื้อของพวกนีเ้ อง!” อวี๋ตงแย้งขึน

“เธอขอให้เขาซื้อ? ทำไมเธอถึงขอให้เขาซื้อของ
พวกนีใ้ ห้?” เซียงเสี่ยวเยว่ถามด้วยความสงสัย
“ไม่ร้ส
ู ิ ฉันแค่อยากให้เขาซื้อให้” อวี๋ตงพูดขณะ
ที่เธอเปิ ดดูกล่องใบเล็กที่วางอยู่ข้างใน แล้วก็พบ
กระเป๋าสตางค์สีดำของผู้หญิงที่ดูคุ้นเคย
“แม่เจ้า! นี่คือกระเป๋า Prada คอลเล็คชั่นใหม่
ล่าสุด ยังไม่มีวางขายในจีนเลย” เสี่ยวเยว่คว้า
กระเป๋าสตางค์ใบนัน
้ มาดูด้วยดวงตาเป็ นประกาย
“เธอขอให้เขาทำแบบนีด
้ ้วยเหรอ?”
“เปล่า ฉันแค่ขอให้เขาซื้อกระเป๋าให้เท่านัน
้ แต่
ฉันไม่ได้บอกแบรนด์หรือรายละเอียด”
“ผู้ชายที่เต็มใจจ่ายเงินให้ผู้หญิงไม่จำเป็ นต้อง
เป็ นคนดี แต่อย่างน้อยมันก็เป็ นก้าวแรกในการเป็ น
ผู้ชายที่ดี!” เซียงเสี่ยวเยว่แสดงความคิดเห็น
เส้าอีฝ
้ านนั่งดื่มน้ำอยู่ด้านข้างเงียบๆ ฟั งพวกเธอ
อย่างตัง้ ใจแต่ไม่พูดอะไร
“เมื่อไหร่เซี่ยเฟิ งจะกลับมา?” เรินซินซินถามขึน

“ฉันไม่ร้ก
ู ำหนดเวลาแน่นอน แต่เขาบอกว่าไป
นาน 3 เดือน” อวี๋ตงตอบ
“อืม ก็ประมาณปลายเดือนหน้า ช่วงเทศกาล
คริสต์มาส!” เส้าอีฝ
้ านกล่าว
“เอาล่ะ เมื่อเขากลับมา เธอพาเขามาแนะนำให้
เราสองคนรู้จักด้วย ฉันกับซินซินจะสแกนตรวจ
สอบเขาให้ละเอียดยิบเลย” เสี่ยวเยว่กล่าวอย่างผู้
เหนือกว่า
“ฉันแต่งงานกับเขาแล้ว เธอไม่จำเป็ นต้องสแกน
หรือตรวจสอบเขา” อวี๋ตงยิม

“หมายความว่ายังไง?” เสี่ยวเยว่ถาม
“เขาเป็ นผู้ชายของฉัน และฉันไม่อนุญาตให้พวก
เธอรังแกเขา!”
ทันทีที่อวี๋ตงพูดจบ เส้าอีฝ
้ านก็สำลักน้ำออกมา
สามสาวมองเขาอย่างงุนงง เส้าอีฝ
้ านรีบวางแก้ว
น้ำลงแล้วพูดว่า “ผมส่งของให้คุณเรียบร้อยแล้ว
งัน
้ ผมขอตัวก่อน ผมยังต้องไปที่โรงพยาบาลต่อ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ รบกวนคุณมากแล้ว” อวี๋ตง
โบกมือลา
ทันทีที่เส้าอีฝ
้ านเข้ามาในรถ เขาก็แทบรอไม่ไหว
ที่จะกดโทรหาเซี่ยเฟิ ง
เซี่ยเฟิ งที่นอนหลับอยู่ ก็ถูกปลุกด้วยเสียง
โทรศัพท์ เขาหงุดหงิดเล็กน้อยและถามว่า “เส้าอี ้
ฝาน นายรู้หรือเปล่าว่าตอนนีม
้ ันกี่โมงแล้ว?”
“บ่าย 2” หลังจากตอบแล้วเส้าอีฝ
้ านก็เหมือน
นึกขึน
้ ได้ เขาจึงหัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “ฉันลืม
เรื่องความต่างของเวลาไปเลย”
“นายมีอะไร?”
“ฉันเอาของทัง้ หมดไปส่งให้อวี๋ตงแล้ว”
“อ่า ฉันจะเลีย
้ งข้าวนายตอนฉันกลับไปละกัน”
“ฉันไม่ได้โทรมาทวงเรื่องเลีย
้ งข้าวจากนาย!”
เส้าอีฝ
้ านยิม
้ อย่างมีเลศนัย “เมื่อกี ้ เพื่อนของอวี๋ตง
ก็อยู่ด้วย พวกเธอบอกว่ารอพบนายเมื่อนายกลับ
มา รู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร พวกเธออยากจะ
ตรวจสอบนาย”
“ห๊ะ?”
“นายลองเดาสิว่า อวี๋ตงตอบว่าอะไร?” เส้าอี ้
ฝานยกยิม
้ “เธอบอกว่า เขาเป็ นผู้ชายของฉัน และ
ฉันไม่อนุญาตให้พวกเธอรังแกเขา! ช่างวางอำนาจ
จริงๆ!”
“แค่นี?้ ”
“ใช่!”
จากนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็กดวางสาย
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขานอนอยู่บนเตียง
พร้อมกับโทรศัพท์มือถือในมือ
ความบังเอิญที่ดีที่สุดในโลกก็คือ เมื่อผมเริ่มชอบ
คุณ คุณก็พยายามที่จะชอบผมเหมือนกัน…
ตอนที่ 21 มาตกหลุมรักกันเถอะ

อวี๋ตงเดินไปช่วยพยุงเรินซินซินที่ท้องค่อนข้าง
ใหญ่ให้ลงจากรถ
“ไม่ต้องพยุงหรอก พึ่ง 5 เดือนเอง ไม่จำเป็ น
ต้องระวังขนาดนีก
้ ็ได้” เรินซินซินกล่าว
“ดูท้องตัวเองเสียก่อน ว่าตอนนีม
้ ันใหญ่ขนาด
ไหน” ถ้าอวี๋ตงไม่ร้ม
ู าก่อนว่าเรินซินซินจะได้ลูกสาว
เธอคงสงสัยว่าในท้องของซินซินเป็ นลูกแฝด
แน่นอน
“ก็แค่เด็กตัวใหญ่ไปหน่อย” ซินซินลูบท้องของ
เธออย่างรักใคร่
“เค้าว่ากันว่าถ้าเด็กเกิดมาตัวโตมักจะโลภมาก
แล้วก็อย่าคิดว่าฉันไม่ร้น
ู ะ เสี่ยวเยว่บอกฉันหมด
แล้วว่าเธอทำอะไร เธอชอบย่องลงไปหาอะไรกิน
ตอนที่เสี่ยวเยว่หลับอยู่” อวี๋ตงเตือนอีกว่า “ครัง้
ก่อนที่ฉันพาเธอมาพบหมอ หมอก็บอกเธอแล้ว
ไม่ใช่เหรอว่าถ้าเด็กตัวใหญ่เกินไป เวลาคลอดจะยิ่ง
อันตราย และอาจต้องผ่าคลอด ดังนัน
้ เธอควรจะ
ควบคุมอาหารของตัวเองซะ เริ่มตัง้ แต่วันนีเ้ ลย”
“ไม่เป็ นไรหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่” เรินซินซินกล่า
วอย่างไม่ใส่ใจ
อวี๋ตงเห็นท่าทางของซินซิน จึงเอ่ยเตือนอีก
ประโยคว่า “หมอบอกว่าคลอดตามธรรมชาติจะดี
ต่อสุขภาพของเด็กที่สุด” ถ้าเสี่ยวเยว่อยู่ด้วย เธอก็
คงจะเห็นด้วยกับอวี๋ตงอย่างแน่นอนเพราะการผ่า
คลอดจะทำให้มีแผลเป็ น
“งัน
้ …ต่อไปฉันจะกินให้น้อยลง!” เรินซินซินลังเล
ก่อนจะตอบรับ
เมื่อถึงหน้าลิฟต์ ทัง้ สองก็กดลิฟท์ขึน
้ ไปที่
ชัน
้  5 จากนัน
้ ก็ตรงไปยังแผนกผลิตภัณฑ์สำหรับ
เด็ก
ขณะที่พวกเธอเดินไปมาเพื่อเลือกสินค้า เรินซิน
ซินก็บ่นว่า “ทำไมของใช้เด็กถึงได้แพงจัง?”
“แพงจริงๆ” แม้แต่อวี๋ตงก็ยังแปลกใจกับราคาที่
แพงขนาดนี ้
“ถ้าอย่างนัน
้ ฉันจะซื้อแค่ของที่จำเป็ น!” เรินซิน
ซินลังเลและพูดว่า “อืม ควรไปเลือกขวดนมกัน
ก่อน!”
เรินซินซินเลือกขวดนมสำหรับทารกที่ราคาค่อน
ข้างแพง แล้วหยิบของบางอย่างที่เลือกใส่รถเข็น
ก่อนหน้านีอ
้ อก
อวี๋ตงหยิบของพวกนัน
้ ใส่กลับลงไปเหมือนเดิม
แล้วดุว่า “เธอหยิบเข้าหยิบออกแบบนีม
้ าหลาย
รอบแล้วนะ”
“ก็ของพวกนีม
้ ันแพงเกินไป ยังมีเรื่องที่ต้องใช้
จ่ายอีกมาก เมื่อเด็กคลอดออกมา” เรินซินซินอธิ
บาย
“ของพวกนีถ
้ ือเสียว่าเป็ นของรับขวัญหลานจาก
ฉันแล้วกัน” หลังจากพูดแบบนัน
้ แล้ว อวี๋ตงก็รีบ
ผลักรถเข็นสินค้าไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน
“ได้ยังไงกัน?”เรินซินซินปฏิเสธ
“ทำไมจะไม่ได้ เสี่ยวเยว่ก็ซ้ือนมสำหรับเด็กไว้ให้
เธอแล้ว” อวี๋ตงยกมือขึน
้ ห้ามไม่ให้เรินซินซิน
ปฏิเสธอีก แล้วพูดว่า “เราคุยกันแล้วไง ว่าพวกเรา
สามคนจะช่วยกันเลีย
้ งลูก”
“แต่…”
“ไม่ต้องปฏิเสธแล้ว การยอมรับความช่วยเหลือ
จากเพื่อน ก็แสดงถึงระดับมิตรภาพเช่นกัน”
หลังจากได้ยินคำพูดของอวี๋ตง เรินซินซินก็ไม่ยืน
กรานปฏิเสธอีก
ที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน เรินซินซินมองดูอวี๋ตงถือ
ขวดนมรูปช้างที่ดูตลกเล็กน้อยไว้ในมือ จึงอดไม่
ได้ที่จะพูดเย้าว่า “ถ้าเธอชอบเด็กมากขนาดนีร้ อจน
เซี่ยเฟิ งกลับมาเธอก็คลอดออกมาสักคนสิ…”
“ก็อยากอยู่” อวี๋ตงตอบ
“หือ เซี่ยเฟิ งไม่อยากมีลูกเหรอ?” เรินซินซิน
ถามอย่างประหลาดใจ
“ไม่ใช่อย่างนัน
้ พวกเรายังแยกห้องนอนกันอยู่
เลย เรื่องมีลูกเป็ นเป้ าหมายที่ไกลเกินไป” อวี๋ตงพูด
พร้อมยักไหล่
“ก็จริง เซี่ยเฟิ งไปอเมริกาหลังจากที่แต่งงานได้
ไม่นาน เขาใกล้จะกลับมาแล้วใช่ไหม?” เรินซินซิน
จำที่เส้าอีฝ
้ านบอกได้ว่า เซี่ยเฟิ งจะกลับมาในช่วง
คริสต์มาส
“อืม น่าจะกลับมาอาทิตย์หน้า แต่ยังไม่ได้
กำหนดวันที่แน่นอน”
สองสาวเดินไปคุยไป และก็เดินผ่านร้านกระเป๋า
หนังผู้ชาย อวี๋ตงหยุดดูครู่หนึ่ง เธอลังเลว่าจะเข้าไป
ในร้านดีหรือไม่เข้าดี
“เธออยากจะซื้อของขวัญให้เซี่ยเฟิ งเหรอ?” ซิน
ซินเดา
“ใช่” อวี๋ตงพยักหน้า
“งัน
้ ก็ เข้าไปสิ!” ซินซินพูด “เซี่ยเฟิ งส่งของมาให้
เธอตัง้ เยอะ เธอควรจะซื้อของให้เขาบ้าง”
หลังจากคิดดูแล้วอวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกว่าเรินซินซินพูดถูก
ดังนัน
้ พวกเธอจึงเดินเข้าไปในร้าน
เรินซินซินนั่งรออวี๋ตงบนเก้าอีพ
้ ัก ขณะที่อวี๋ตง
เดินดูสินค้ารอบ ๆ ร้าน และในที่สุดเธอก็หยิบ
กระเป๋าสตางค์ผู้ชายขึน
้ มา 2 ใบ
“เธอคิดว่าแบบไหนดีกว่ากัน?” อวี๋ตงเดินถือ
กระเป๋าเข้าไปให้ซินซินดู
เรินซินซินมองกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่ง จากนัน
้ ก็ชีไ้ ปที่
กระเป๋าใบหนึ่งแล้วบอกว่า “อันนีด
้ ูดีกว่านิด
หน่อย”
“มันไม่ดูธรรมดาไปเหรอ?” กระเป๋าสตางค์ใบ
นัน
้ ดูเรียบง่ายและไม่มีลวดลายอะไรเลย มันจะดู
ธรรมดาเกินไปไหมนะ
“กระเป๋าสตางค์ของผู้ชายก็ควรจะเป็ นแบบนี ้
ไม่ใช่เหรอ?” เรินซินซินพูด
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้า!” พนักงานคนหนึ่งได้ยิน
การสนทนาของพวกเธอจึงได้เดินเข้ามาพร้อมกับ
รอยยิม
้ “กระเป๋าสตางค์ทัง้ หมดของร้านเรา
สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ ถ้าหากคุณคิดว่า
กระเป๋าใบนีด
้ ูมันเรียบง่ายเกินไป คุณสามารถ
ออกแบบเองได้ ไม่ว่าจะเป็ นการใช้ของตกแต่งเพิ่ม
เติมหรือเพิ่มลวดลายลงไป”
“ปรับแต่งได้เหรอ? มีตัวอย่างแนะนำไหมคะ?” 
อวี๋ตงถามด้วยความสนใจ
“เราสามารถเปลี่ยนสี รูปทรงกระเป๋า หรือเพิ่ม
ลวดลายบางอย่างลงบนหนังได้ค่ะ” พนักงานตอบ
อวี๋ตงมองกระเป๋าสตางค์ในมือมันเป็ นสีดำล้วน
ไม่มีลวดลายใดๆ เธอคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตัดสินใจว่า
“คุณช่วยฉันลงลายเส้นสีเข้มตรงนีไ้ ด้ไหม?”
“ได้แน่นอนค่ะ คุณต้องการให้เป็ นลายแบบ
ไหน?”
“ปลา รูปปลา สลักไว้ทงั ้ ด้านหน้าและด้านหลัง!”
อวี๋ตงกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“รับทราบค่ะ โปรดตามฉันมาที่เคาน์เตอร์ชำระ
เงิน”
อวี๋ตงจ่ายเงินค่ากระเป๋าสตางค์แล้วพนักงานก็
เดินมาแจ้งว่า สามารถมารับสินค้าได้ในอีก 3 วัน
ต่อมา” อวี๋ตงพยักหน้าก่อนเดินกลับไปที่เก้าอี ้
รับรองแขก
“ปลาเหรอ? ทำไมถึงเป็ นปลาล่ะ?” เรินซินซินม
องเพื่อนของเธอด้วยสายตาแปลกๆ
“ไม่ใช่เป็ นปลา แต่เป็ นของปลา!” (เพราะ อวี๋
แปลว่า ปลา)
“โอ้ ไม่ต้องอ้างข้าง ๆ คู ๆ หรอก เธอสลักรูป
ปลาก็เพราะอยากให้เจ้าของกระเป๋านึกถึงคนที่
มอบให้ทุกครัง้ ที่หยิบขึน
้ มาใช้น่ะสิ!” เรินซินซินกล่า

“แล้วไง?” อวี๋ตงตอบอย่างหยิ่ง ๆ
“แผนสูง!” เรินซินซินยกนิว้ โป้ งให้
“เรินซินซิน?” ขณะที่พวกเธอกำลังเดินออกจาก
ร้าน ก็มีเสียงผู้ชายเรียกไว้
ทัง้ สองหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็ นหลู่ซวนที่ยืน
อยู่หน้าร้านรองเท้าผู้หญิง โดยมีหญิงสาวที่แต่งตัว
ทันสมัยอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ใบหน้าของเรินซินซินซีดลง
อวี๋ตงขมวดคิว้ และดึงตัวซินซินไปให้พ้นจากตรง
นัน

“เธอไม่ได้เอาเด็กออก?” เรินซินซินชะงัก
“ในเมื่อเธออยากตัดความสัมพันธ์กับฉัน ทำไม
เธอถึงยังเก็บลูกของฉันเอาไว้?” หลู่ซวนพูดอย่าง
เหน็บแนม “หรือ เธอคิดจะเอาลูกมาผูกมัดฉันให้
กลับไปหาเธอ?”
“ฉันก็สงสัยอยู่ ว่าทำไมวันนีแ
้ ม่ของเธอถึงไม่ได้
ไปที่บ้านฉัน ที่แท้ก็กำลังรอแสดงละครฉากใหญ่
ของเธออยู่สินะ” หลู่ซวนเย้ยหยัน “ฉันแนะนำเธอ
ไม่หยุดซะตัง้ แต่ตอนนี ้ เพราะไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่เคย
คิดที่จะแต่งงานกับเธอ…”
อวี๋ตงทิง้ ถุงช้อปปิ ้ งในมือของเธอลง และหันกลับ
ไปหาหลู่ซวน พลางยิม
้ เยาะ “หลู่ซวน เราไปที่
สถานีตำรวจกันอีกรอบดีไหม? ผลั่ก” อวี๋ตงเตะเข้า
หว่างขาของเขาเต็มแรง
หลู่ซวนตกตะลึงที่ถูกโจมตีกะทันหัน
เขาทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดในทันที
ส่วนสาวสวยที่มากับเขาก็กรีดร้องด้วยความตกใจ
และหันไปชีห
้ น้าอวี๋ตงพลาง “เธอเป็ นผู้หญิงนะ ทำ
อะไรน่ะ?”
“ถ้าคุณจะโทรหาตำรวจ ก็โทรเลยสิ” อวี๋ตงโน้ม
ตัวลงไปมองหลู่ซวน “ไม่อย่างนัน
้ บรรพบุรุษผู้นี ้
จะจากไปแล้วนะ!”
สาวสวยพยายามจะช่วยหลู่ซวน แต่ด้วยรองเท้า
ส้นสูงของเธอ ทำให้เธอช่วยเขาไม่ได้ถนัดนัก
เรินซินซินตกใจและยืนปิ ดปากมองเหตุการณ์ที่
เกิดขึน

“หึ” อวี๋ตงหันกลับไปอย่างเย็นชา เธอก้มลงเก็บ
ถุงช้อปปิ ้ งและพาเรินซินซินเดินจากไป
ที่นิวยอร์ค
เซี่ยเฟิ งและเพื่อนร่วมงานของเขา ‘อู่ฉีกวง’ กำ
ลังช้อปปิ ้ งอยู่ในห้างสรรพสินค้า
อู่ฉีกวงพูดอย่างขมขื่น “คุณดูสิ ฉันมาทำงานที่
อเมริกา 3 เดือน แต่จะต้องมาช้อปปิ ้ งที่ห้างสรรพ
สินค้าในทุกวันหยุด”
“แต่นายก็ซ้ือไปตัง้ เยอะแล้วนี่? ทำไมแฟนนาย
ใช้ของพวกนีห
้ มดเร็วขนาดนี?้ ” เซี่ยเฟิ งรู้ว่าอู๋ฉีกวง
ซื้อเครื่องสำอางไปจำนวนมาก
“ไม่ใช่แค่ของเธอคนเดียว มีทัง้ ของเพื่อนร่วม
งานเธอ เพื่อนสนิทของเธอและญาติๆ ด้วย” อู๋ฉีก
วงหยิบกระดาษ A4 2 แผ่นออกมาแล้วพูดว่า “ดูสิ
เมื่อเธอได้ยินว่าฉันจะกลับไปเร็วๆนี ้ เธอเลยส่ง
รายการของมาให้อีก”
เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
“แฟนนายดีกว่ามาก เธอไม่ได้ให้นายซื้อของให้
เพื่อนของเธอด้วย” อู๋ฉีกวงพูดด้วยความอิจฉา
เซี่ยเฟิ งพยักหน้า และนึกถึงเรื่องที่เส้าอีฝ
้ านบอก
เขาครัง้ ก่อน
เพื่อนของอวี๋ตงอยากพบเขา อืม เขาควรจะซื้อ
ของฝากไปให้พวกเธอดีไหมนะ?
อวี๋ตงมีเพื่อนสนิท 2 คน คนหนึ่งคือเซียงเสี่ยว
เยว่ ซึ่งเขาเคยได้พบเมื่อตอนที่เธอเข้ารับการรักษา
ไส้ติ่งอักเสบที่โรงพยาบาล ส่วนอีกคนก็เป็ นเพื่อน
มหาวิทยาลัย เหมือนอวี๋ตงจะบอกว่าเพื่อนคนนี ้
กำลังท้องอยู่
เสียงโทรศัพท์ดังขึน

เซี่ยเฟิ งหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็เห็นว่าเป็ นอันอัน
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกดรับสาย
“คุณใกล้จะกลับจีนแล้วเหรอ?” อันอันถาม
“ใช่!”
“ตั๋วเมื่อไหร่?”
“วันที่ 23!” เซี่ยเฟิ งตอบ
“คุณ…คุณค่อยออกเดินทางหลังคริสต์มาสได้
ไหม?” เสียงของอันอันฟั งดูเหงาเล็กน้อย “ฉันไม่
อยากฉลองคริสต์มาสคนเดียว… แต่ก่อนคุณมักจะ
ฉลองด้วยกันกับฉัน!”
“อันอัน คุณก็รู้...”
“ฉันรู้ว่าเราเลิกกันแล้ว แต่ถึงแม้จะเป็ นเพื่อนกัน
เราก็ฉลองคริสต์มาสด้วยกันได้ไม่ใช่เหรอ ฉันไม่ได้
ขอมากเกินไปใช่ไหม?” อันอันถาม
เซี่ยเฟิ งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนัน
้ เหลือบมองมาสก์
หน้าในมือแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย แต่ผมอยาก
กลับไปฉลองคริสต์มาสกับภรรยาของผม!”
“เซี่ยเฟิ ง! ทำไมคุณต้องทำกับฉันแบบนี?้ ” อัน
อันพูดอย่างขุ่นเคือง
“อันอัน พวกเราคลาดจากเส้นทางของกันและ
กันแล้ว ดังนัน
้ ก้าวต่อตามทางของตัวเองเถอะ”
เซี่ยเฟิ งกล่าว
“คุณก้าวไปข้างหน้า แต่ฉันถูกทิง้ ไว้ข้างทาง”
“คุณเป็ นคนที่ทิง้ ผมไป!” เซี่ยเฟิ งพูดด้วยน้ำเสียง
จริงจัง “มีคนอื่นมารับผมไป”
“ทำไมเธอถึงได้เอาของๆ ฉันไป?”
“อันอัน ผมไม่ใช่สิ่งของ!”
“.....”

เซี่ยเฟิ งกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ในนิวยอร์ก เขา


มองดูเวลาก็เห็นว่าใกล้ถึงเวลากลับบ้านของอวี๋ตง
แล้ว
เซี่ยเฟิ งเปิ ดคอมพิวเตอร์แล้วจอโปรแกรม QQ ข
องเขาก็เด้งขึน
้ มา
[ฉันถึงบ้านแล้ว]
[เข้านอนให้เร็วหน่อย]
[คุณจองตั๋วหรือยัง?]
[จองแล้ว เที่ยวบินวันที่ 23 ไปถึงเซี่ยงไฮ้เช้าวัน
ที่ 24]
[ฉันควรจะไปรับคุณกี่โมง? ฉันได้ใบขับขี่มาแล้ว]
[ไม่เป็ นไร พวกเราไปถึงเช้ามาก คุณควรจะนอน
พักให้เต็มที่]
[ไม่เป็ นไร ฉันขอหยุดวันที่ 23 ได้]
[ก็ได้] เซี่ยเฟิ งอดไม่ได้ที่จะยิม
้ ออกมา
[ช่วงนีท
้ ี่เซี่ยงไฮ้มีฝนตก แต่พยากรณ์อากาศบอก
ว่าวันที่ 22 จะมีแดด เดี๋ยวฉันจะซักผ้าปูที่นอนของ
คุณเอาไว้ให้ คุณจะได้ใช้ตอนที่คุณกลับมา]
[จะลำบากคุณหรือเปล่า?]
[ไม่หรอก ฉันก็แค่โยนมันลงเครื่องซักผ้า]
[อวี๋ตง…]
[???]
[รอตอนที่ผมกลับไปแล้ว…]
[อื้อ แล้ว...?]
[ผมอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับคุณ มาลอง
ตกหลุมรักกันไหม]
เพล้ง!
ด้วยความตื่นเต้น อวี๋ตงเผลอปั ดถ้วยชาที่วางไว้
ด้านข้าง
กว่า 10 ปี แล้ว ในที่สุด ก็มีผู้ชายคนนึงบอกว่า
เขาอยากตกหลุมรักฉัน!
อวี๋ตงกระโดดขึน
้ ไปบนโซฟาอย่างตื่นเต้น
[งัน
้ คุณก็รีบกลับมานะ!]
ฮ่าฮ่า....เซี่ยเฟิ งยิม
้ พลางส่ายหัว เธอยังคงเป็ น
เหมือนเดิม เปิ ดเผย ตรงไปตรงมา ไม่เก็บซ่อนเลย
สักนิด
ตอนที่ 22 เครื่องรางแห่งความรัก

อาจเป็ นเพราะว่าหากเทียบตอนนีก
้ ับอีกสิบปี ข้าง
หน้า มลภาวะต่าง ๆ ไม่ได้มาก ภาวะโลกร้อนก็ยัง
ไม่รุนแรงนัก วันคริสต์มาสอีฟจึงมีหิมะตกลงเล็ก
น้อยในเมืองเซี่ยงไฮ้
อวี๋ตงสวมกระโปรงสัน
้ สีชมพู คลุมด้วยเสื้อแจ็ก
เก็ตขนเป็ ดสีขาว และสวมรองเท้าบู้ทยาวอวดขา
เรียว
วันนีอ
้ วี๋ตงดูสวยเป็ นพิเศษจากการแต่งหน้า มี
การเขียนอายไลน์เนอร์ให้ดวงตาดูกลมโตขึน
้ ริม
ฝี ปากทาลิปสติกสีชมพู ผู้ชายที่เห็นก็อดหันมามอง
ซ้ำอีกสักรอบไม่ได้เมื่อเธอเดินผ่าน
อวี๋ตงดูนาฬิกาอีกครัง้ ไฟล์ทที่เซี่ยเฟิ งนั่งมาคงถึง
แล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังไม่ออกมา?
หลังจากรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ 5 นาที ในที่สุดอ
วี๋ตงก็เห็นร่างที่คุ้นเคยตรงประตูทางออก
“เซี่ยเฟิ ง!” อวี๋ตงกระโดดเรียกเขาอย่างมีความ
สุข
เซี่ยเฟิ งที่สวมเสื้อโค้ทดำชะงักเมื่อได้ยินเสียง
เรียก เขาหันไปตามเสียงก็เห็นอวี๋ตงอย่างชัดเจน
เขาโบกมือตอบกลับ แล้วหันกลับไปบอกลาเพื่อน
ร่วมงาน จากนัน
้ ก็เดินไปหาอวี๋ตงทันที
อวี๋ตงก็เดินไปหาเซี่ยเฟิ งอย่างมีความสุข ยิม
้ มอง
เขาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ไม่ร้ว
ู ่าจะพูดอะไรดี
เซี่ยเฟิ งมองไปที่อวี๋ตง แล้วก็ชะงักแล้วดุว่า “ผม
เห็นพยากรณ์อากาศบอกว่าวันนีห
้ ิมะตก ทำไมคุณ
ถึงได้ใส่เสื้อผ้ามาน้อยแบบนี?้ ”
อวี๋ตงกระพริบตาจากนัน
้ ก็เริ่มเม้มปากอย่าง
น้อยใจ
“เกิดอะไรขึน
้ ?” เซี่ยเฟิ งที่เห็นว่าอยู่ ๆ อวี๋ตงก็ดู
ไม่มีความสุข
“ฉันตัง้ ใจแต่งตัวมาเป็ นพิเศษ แล้วดูคุณพูดกับ
ฉันสิ” อวี๋ตงกล่าวอย่างขุ่นเคือง
เซี่ยเฟิ งหัวเราะ อวี๋ตงอายุน้อยกว่าเขา 6 ปี ด้วย
รูปร่างหน้าตาของเธอตอนนี ้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก
ว่าตัวเองแก่
“สวยมาก ดูเหมือนผมจะแก่แล้ว เมื่อยืนข้างคุณ
แบบนีผ
้ มดูเหมือนลุงของคุณเลย” เซี่ยเฟิ งที่เห็นลำ
คอระหงอันเปลือยเปล่าของอวี๋ตง จึงคลายผ้าพัน
คอของเขาออกมาพันรอบคอเธอแทน
ความจริง ภายในสนามบินไม่หนาวเลย แต่อวี๋ตง
ชอบที่เซี่ยเฟิ งสวมผ้าพันคอให้เธอ
“อย่างห่วงเลย ยังไงฉันก็ชอบคุณ” อวี๋ตงตอบ
อย่างร่าเริง
“ขอบคุณมาก!” เซี่ยเฟิ งยิม
้ อย่างงงงง
“กลับบ้านกันเถอะ!” อวี๋ตงลากกระเป๋าเดินทาง
ของเซี่ยเฟิ ง
“ได้!” เซี่ยเฟิ งเดินเข้าไปลากกระเป๋าเดินทาง
ของตัวเองแทน เขาจะยอมให้อวี๋ตงลากกระเป๋า
ของเขาได้ยังไง จากนัน
้ เขาก็ใช้มืออีกข้างเอื้อมไป
จับมือของอวี๋ตง
อวี๋ตงตกตะลึงจึงเงยหน้าขึน
้ มองเขา และก็สบกับ
ประกายยิม
้ อ่อนโยนของเซี่ยเฟิ งที่ก้มหน้าลงมาเล็ก
น้อย
[รอตอนที่ผมกลับไปแล้ว ผมอยากพัฒนาความ
สัมพันธ์กับคุณ มาลองตกหลุมรักกันไหม]

นี่คือ จุดเริ่มต้นใช่ไหม?
อวี๋ตงเขินอายแต่ก็ต่ น
ื เต้น เธอก้มหน้าลงและ
ค่อยๆกระชับนิว้ มือของเธอสอดประสานเข้ากับ
ของเขาอย่างเงียบ ๆ
เซี่ยเฟิ งรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในมือของเขา อวี๋
ตงขยับฝ่ ามือและนิว้ นุ่มนวลและบอบบางของเธอ
กระชับในฝ่ ามือเขาแน่นขึน
้ การกระทำนีท
้ ำให้
หัวใจของเขารู้สึกคันยิบยิบ
เนื่องจากหิมะตกทำให้เส้นทางจราจรบางส่วน
ถูกปิ ดกัน
้ อวี๋ตงจึงขับรถอย่างช้า ๆ
“คุณจะนอนพักสักหน่อยไหม? อาจต้องใช้เวลา
อีกเป็ นชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน” เธอมองสภาพถนน
ด้านนอกด้วยความหดหู่
“ไม่เป็ นไร ผมไม่ง่วง ผมนอนบนเครื่องมาบ้าง
แล้ว” เมื่อเขาเห็นทักษะการขับรถของอวี๋ตง จึงเอ่ย
ปากชม “คุณเพิ่งได้ใบขับขี่ แต่คุณขับรถได้ดีมาก”
“นั่นสิ ฉันนี่เก่งจริง ๆ!” คนที่มีประสบการณ์การ
ขับรถมานานหลายปี อย่างเธอ อวดอ้างอย่างไม่
ละอายใจ
“งัน
้ ต่อไป คุณก็ขับรถไปทำงานได้แล้ว ผมจะไป
เอารถของพ่อมาใช้” เซี่ยเฟิ งพูดด้วยรอยยิม

“โอเค!” อวี๋ตงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“ใกล้เที่ยงแล้ว หรือเราไปหาอะไรกินกันก่อนค่อย
กลับบ้าน”
“ได้!” เซี่ยเฟิ งไม่คัดค้าน
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเฟิ งตกลง อวี๋ตงก็เลีย
้ วรถตรงสี่
แยกข้างหน้า เพื่อตรงไปถนนย่านการค้าอย่าง
รวดเร็ว
เนื่องจากวันนีเ้ ป็ นวันคริสต์มาสอีฟ จึงมีผู้คน
มากมายบนถนน และหาที่จอดรถได้ยาก แต่ใน
ที่สุดพวกเขาก็พบที่หนึ่ง ซึ่งค่อนข้างไกลจากร้าน
อาหาร
“วันนีค
้ นเยอะจริงๆ” อวี๋ตงถอนหายใจ
เซี่ยเฟิ งมองดูการประดับตกแต่งของเทศกาล
คริสต์มาสที่มีอยู่ทั่วถนนก็พยักหน้าเห็นด้วย
ทันใดนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็เห็นผู้หญิงขายดอกไม้อยู่ที่
ถนนฝั่ งตรงข้าม เขาเดินข้ามถนนไปและหันมาบอก
กับอวี๋ตงว่า “รอผมแปปนึง”
อวี๋ตงเห็นเซี่ยเฟิ งวิ่งข้ามถนนไปหยุดหน้าหญิง
สาวขายดอกไม้ พวกเขาพูดคุยกันสองสามคำ แล้ว
เขาก็กลับมาพร้อมกับดอกกุหลาบแดง
“สุขสันต์วันคริสต์มาส!” เซี่ยเฟิ งยื่นดอกกุหลาบ
ให้เธอด้วยท่าทางของสุภาพบุรุษชัน
้ สูง
ดวงตาของอวี๋ตงเป็ นประกาย เธอยิม
้ อย่างสดใส
แล้วรับดอกไม้มาประคองไว้ในอ้อมแขน
เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตง เขาไม่พูดอะไรแม้ว่าจะแปลก
ใจกับปฏิกิริยาของเธอ
“ระวังหนาม!” เซี่ยเฟิ งเตือน
“คนโง่ ฉันรู้ว่าคนขายดอกไม้เขาลิดหนามออก
หมดแล้ว!” อวี๋ตงไม่หลงกล
“ทำไมคุณทำเหมือนไม่เคยเห็นดอกกุหลาบมา
ก่อน?” เซี่ยเฟิ งถามอย่างขบขัน
“แน่นอนว่า ฉันเคยเห็นกุหลาบมาก่อน แต่ดอก
กุหลาบนีต
้ ่างออกไป นี่เป็ นดอกไม้จากคนที่ฉัน
ชอบ” อวี๋ตงเงยหน้าขึน
้ ด้วยดวงตาพราวระยับ
เซี่ยเฟิ งชะงักไปชั่วครู สาวน้อยคนนีเ้ ติมเต็ม
ความสุขในกับเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความ
จริงใจอย่างไม่อาจปิ ดบัง ราวกับว่าเธอจะเจาะทะลุ
เข้าสู่หัวใจของผู้คน
“เด็กโง่!” เซี่ยเฟิ งอดไม่ได้ที่จะขยีห
้ ัวเธอเบา ๆ
และจับมือเธออีกครัง้ รู้สึกเหมือนว่าทุกย่างก้าวที่
เดินในบรรยากาศของช่วงคริสต์มาส จะเต็มไปด้วย
ความสุข ความสนุก และความหวาน
“เราไม่ไปกินหม้อไฟแล้วดีกว่า เราไปกินอาหาร
ฝรั่งกันเถอะ” อวี๋ตงพูด
“ทำไมล่ะ?” ตอนที่อยู่บนรถ พวกเขาตกลงกัน
ว่าจะไปกินหม้อไฟ
“เพราะดอกกุหลาบมันเข้ากันได้ดีกับอาหาร
ฝรั่ง” บรรยากาศโรแมนติกไม่สมควรถูกทำลาย
ด้วยการกินหม้อไฟ
เซี่ยเฟิ งดึงอวี๋ตงไปที่ร้านหม้อไฟ มองเธอก่อนพูด
ว่า “เรามากินของที่พวกเราอยากกินเถอะ กุหลาบ
เหมาะกับคุณอยู่แล้ว”
“คุณ…คุณ…” อวี๋ตงไม่เคยถูกผู้ชายพูดคำหวาน
ใส่ขนาดนีม
้ าก่อน หน้าของเธอแดงเรื่อ เธอกัดริม
ฝี ปาก และพูดอย่างดุร้ายว่า “ครัง้ หน้า ถ้าคุณทำ
แบบนีอ
้ ีก ฉัน...ฉันจะไม่ใจเย็นแล้วนะ”
“หืม ผมทำอะไร?” เซี่ยเฟิ งไม่ร้ว
ู ่าเขาทำอะไรผิด
ขณะที่เซี่ยเฟิ งยังคงมึนงง อวี๋ตงก็เขย่งปลายเท้า
ขึน
้ แล้วแอบจูบแก้มเขาอย่างอ่อนโยน
เซี่ยเฟิ งผงะ รีบหันไปมองผู้หญิงที่เพิ่งขโมยจูบ
เขา ซึ่งตอนนีไ้ ด้เข้าไปอยู่ในร้านหม้อไฟแล้ว และ
กำลังตะโกนเรียกเขาว่า “เข้ามาสิ ฉันหิวจะตายอยู่
แล้ว”
เซี่ยเฟิ งยิม
้ พลางส่ายหน้า
เขาเอื้อมมือไปแตะแก้มข้างที่อวี๋ตงจูบเขา และ
เดินผ่านสายตาอิจฉาของพนักงานเสิร์ฟเข้าไปใน
ร้าน
ขณะที่ทานอาหาร เซี่ยเฟิ งก็คีบผักใส่จานอวี๋ตง
อย่างต่อ และเอ่ยเตือนว่า“อย่ากินแต่อาหารรสเผ็ด
ระวังท้องของคุณด้วย”
เมื่ออวี๋ตงเห็นว่าจานของเซี่ยเฟิ งไม่ค่อยผัก เธอ
จึงคีบอาหารให้เขาบ้าง คีบผักมากมายจนกอง
พะเนินเต็มจานแล้วพูดว่า “คุณก็ควรกินให้
มากกว่านี ้ คุณไม่ได้กินหม้อไฟมาตัง้  3 เดือนแล้ว”
“โอเค!” ขณะที่เซี่ยเฟิ งกำลังจะกิน ก็มีเสียง
โทรศัพท์ดังขึน
้ มาขัดจังหวะ
เซี่ยเฟิ งรับโทรศัพท์ “อีฝ
้ าน?”
“เซี่ยเฟิ ง นายลงจากเครื่องหรือยัง?”
“อือ ลงแล้ว ตอนนีก
้ ำลังกินข้าวกันอยู่” เซี่ยเฟิ ง
ตอบ
“ถ้าอย่างนัน
้ หลังจากกินเสร็จ ก็มาที่ห้องแล็
ปด้วย” เส้าอีฝ
้ านพูด “จานเพาะเชื้อของนายใน
ห้องแลปมีปฏิกิริยาตอบสนอง”
ดวงตาของเซี่ยเฟิ งเป็ นประกาย น้ำเสียงของเขา
มีความยินดีแฝงอยู่ “ตกลง อีกไม่นานฉันจะไปถึงที่
นั่น”
อวี๋ตงหยุดกิน และเงยหน้าขึน
้ มองเซี่ยเฟิ งที่มี
สีหน้ายินดีจึงถามว่า “เกิดอะไรขึน
้ ?”
“การทดลองที่ผมทำไว้ก่อนหน้านีแ
้ สดงผลแล้ว
ผมจะต้องไปดู” หลังจากเซี่ยเฟิ งพูดจบ เขาก็มองอ
วี๋ตงอย่างรู้สึกผิด “ผมขอโทษ วันนีผ
้ มคงอยู่กับคุณ
ไม่ได้แล้ว”
การทดลองเหรอ? อวี๋ตงคิดไปถึงความก้าวหน้า
ด้านการแพทย์ของเซี่ยเฟิ งในอนาคต แล้วส่ายหน้า
ก่อนพูดว่า “ไม่เป็ นไร ให้ฉันขับรถไปส่งคุณไหม?”
“ไม่เป็ นไร คุณทานต่อเถอะ ผมจะนั่งแท็กซี่ไป
เอง!” อวี๋ตงพยักหน้า ส่วนเซี่ยเฟิ งก็หยิบเสื้อโค้ท
ของเขาเดินออกจากร้านไป
อวี๋ตงมองไปที่กุหลาบที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัวเธอ จาก
นัน
้ ก็ส่งข้อความไปหาเส้าอีฝ
้ าน
[เซี่ยเฟิ งพึ่งลงจากเครื่อง และเพิ่งจะกินข้าวเที่ยง
ไปได้แค่ครึ่งเดียว ถึงพวกคุณจะยุ่งมากแต่ก็อย่าลืม
เตือนให้เขากินข้าวด้วย]
[ผมขัดจังหวะการเดทของพวกคุณหรือเปล่า?]
[ครัง้ ที่สองแล้ว คุณหมอเส้า]
[ผมผิดไปแล้ว]
อวี๋ตงยิม
้ แล้ววางโทรศัพท์ลง จากนัน
้ ก็หันไปทาน
อาหารต่อ เมื่อเริ่มอิ่มเธอก็เรียกเช็คบิล
“คุณผู้หญิง บิลของคุณได้รับการชำระแล้ว และ
นี่คือเงินทอน” พนักงานเสิร์ฟยื่นสลิปและเงินทอน
ให้เธอ
‘คุณยังคงไม่ลืมจ่ายเงินค่าอาหาร แม้ว่าคุณจะ
รีบร้อนแค่ไหน?’
เมื่อเซี่ยเฟิ งกลับมาถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว
อวี๋ตงตัง้ ใจนั่งรอเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่สุดท้าย
ก็เผลอหลับไป
แม้ว่าภายในห้องจะเปิ ดฮีทเตอร์ แต่ชุดนอนขอ
งอวี๋ตงค่อนข้างบาง เซี่ยเฟิ งเดินเข้าไปหาเธออย่าง
เงียบ ๆ และพยายามจะพาเธอเข้าไปห้องนอนโดย
ไม่ปลุกให้เธอตื่น
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ เขาจึงรู้ว่าผมของอวี๋ตงยัง
เปี ยกอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอผล็อยหลับไปทันทีที่อาบ
น้ำเสร็จ
เซี่ยเฟิ งเดินไปหยิบผ้าห่มมาห่มบนร่างของอวี๋ตง
แล้วเดินไปหยิบไดร์เป่ าผมในห้องน้ำ เพื่อมาเป่ าผม
ให้เธอ
เมื่อผมของเธอเริ่มหมาด อวี๋ตงก็ลืมตาขึน
้ อย่าง
งุนงง
“คุณตื่นแล้วเหรอ?” เซี่ยเฟิ งถามเบา ๆ
“คุณกลับมาแล้ว!” อวี๋ตงถามด้วยน้ำเสียงขึน

จมูก ด้วยยังไม่ต่ ืนดี
“ทำไมคุณถึงเข้านอน โดยไม่เป่ าผมให้แห้งก่อน”
เซี่ยเฟิ งถาม
“ฉันง่วง!”
เซี่ยเฟิ งมองท่าทางน่าสงสารของอวี๋ตง แล้วส่าย
หัวอย่างจนปั ญญา “ต่อไปถ้าคุณง่วงมาก ก็อย่า
สระผม”
อวี๋ตงพยักหน้าอย่างเชื่อฟั ง
เซี่ยเฟิ งสัมผัสผมของอวี๋ตง และทันใดนัน
้ ก็พูดว่า
“ผมของคุณยาวขึน
้ ”
อวี๋ตงยังคงสะลึมสะลือเล็กน้อยพยักหน้าเห็น
ด้วย
“จะตัดไหม?”
“ไม่ล่ะ” อวี๋ตงพูดเบาๆ “ฉันว่าผมยาวก็สวยดี
นะ”
“แล้วทำไมตอนแรกคุณถึงตัดมันล่ะ?” เซี่ยเฟิ ง
จำได้ว่าตอนที่เขาเจออวี๋ตงครัง้ แรกเธอมีผมยาว
ประบ่า
“เมื่อก่อนฉันไว้ผมยาวเพราะแฟนเก่าของฉัน
บอกว่ามันดูดี” อวี๋ตงตอบ
“โอ้!” เซี่ยเฟิ งตกตะลึงและเป่ าผมให้เธอต่อ เมื่อ
รู้สึกว่ามันเกือบจะแห้งแล้วเขาจึงปิ ดไดร์เป่ าผม
“คุณว่า ฉันไว้ผมยาวดูดีไหม?” อวี๋ตงมอง
เซี่ยเฟิ ง
“สวย” เซี่ยเฟิ งนึกถึงภาพหญิงสาวที่กำลังร้องไห้
จนดวงตาบวมแดงที่หน้าสำนักงานกิจการพลเรือน
ผมยาวสีดำเงางามที่ดูนุ่มสลวย อืม ก็ดูน่ารักดี
“งัน
้ คราวนีฉ
้ ันจะไว้ผมยาวเพื่อคุณ ดีไหม?” อวี๋
ตงกระพริบตาถามด้วยรอยยิม

“เพื่อผม?” เซี่ยเฟิ งถามอย่างประหลาดใจเล็ก
น้อย
“ก็คุณบอกว่าฉันไว้ผมยาวแล้วดูดีไม่ใช่เหรอ?”
“คุณไม่จำเป็ นต้องทำอะไรเพื่อผม” เซี่ยเฟิ ง
หัวเราะ
“แต่ฉันอยากเป็ นแบบที่คุณชอบ”
เซี่ยเฟิ งตะลึง ความตรงไปตรงมาของอวี๋ตงบาง
ครัง้ ก็มากเกินไป เซี่ยเฟิ งรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย
ดังนัน
้ เขาจึงยืนขึน
้ แล้วพูดว่า “เด็กโง่ ไปนอนได้
แล้ว!”
“ก็ได้ ราตรีสวัสดิ”์ หลังจากพูดจบ อวี๋ตงก็
หลับตาลงเตรียมพร้อมจะนอนต่อ
“คุณไม่กลับไปนอนที่ห้องของคุณเหรอ?” เซี่ยเฟิ
งสะดุด
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากขยับตัว” อวี๋ตงขีเ้ กียจเกิน
กว่าจะลืมตาตอบ
เซี่ยเฟิ งส่ายหน้าอย่างจนปั ญญา ก่อนที่จะอุ้มอวี๋
ตงที่ขดตัวซุกอยู่ในผ้าห่มขึน
้ เขาวางเธอลงบนเตียง
อย่างนุ่มนวลแล้วดึงผ้าห่มขึน
้ มาห่มให้เธอ
อวี๋ตงคงจะง่วงนอนมากจริงๆ พราะเธอไม่แม้จะ
ลืมตาขึน
้ มาดู
เมื่อแสงไฟจากโคมไฟข้างเตียงสว่างขึน
้ เซี่ยเฟิ งม
องจ้องใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเธอ
“คุณยังเด็กอยู่ คุณไม่เข้าใจจริงๆหรอกว่าคุณ
ชอบอะไร? และความรู้สึกนัน
้ จะยาวนานแค่ไหน?” 
เขายกมือขึน
้ เกลี่ยเส้นผมที่ติดอยู่ที่ริมฝี ปากของอวี๋
ตงออก เซี่ยเฟิ งพูดกับตัวเองเบาๆ “ผมต้องการคู่
ชีวิตที่มีความเข้าใจซึ่งกันและกันไม่ใช่แค่ความ
หลงใหลในช่วงวัยรุ่น ระยะห่าง 6 ปี อาจดูเหมือน
ไม่มีอะไรแต่มันก็เป็ นช่องว่างระหว่างวัย”
“ราตรีสวัสดิ”์ ในที่สุดเซี่ยเฟิ งก็ยืนขึน
้ แล้วปิ ดไฟ
ก่อนเดินออกจากห้องของอวี๋ตงอย่างเงียบๆ
เซี่ยเฟิ งกลับไปที่ห้องนอนของเขา หลังจากที่ล้าง
หน้าล้างตาแล้วก็ขึน
้ ไปนอนบนเตียงที่อบอุ่นและมี
กลิ่นหอม เขาผ่อนคลายขณะที่กำลังจะปิ ดโคมไฟ
บนโต๊ะข้างหัวเตียง เขาก็เห็นกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่ง
วางอยู่บนโต๊ะ
เซี่ยเฟิ งหยิบมันขึน
้ มา มองพิจารณากระเป๋า
สตางค์ใบนัน
้ มันดูดีมาก พื้นผิวเรียบดูเหมือนจะ
ซ่อนลวดลายเอาไว้ เมื่อเขาเปิ ดกระเป๋าดูก็เห็นมี
การ์ดใส่อยู่ข้างใน
เซี่ยเฟิ งเลิกคิว้
ถึง คุณเซี่ยเฟิ ง
ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับมิสอวี๋ตงผู้ที่
สวยอย่างน่าทึ่งที่สุดในจักรวาล นี่คือเครื่องรางแห่ง
ความรักจากมิสอวี๋ตง อย่าลืมเก็บรักษาเธอเอาไว้ให้
ดีๆด้วย!
ปล ไม่ว่าคุณจะยุ่งมากแค่ไหน ก็อย่าลืมทานข้าว
(* ^_^ *)
เซี่ยเฟิ งวางการ์ดลง ขณะที่มือทัง้ สองข้างบีบ
กระเป๋าสตางค์แน่น ในที่สุดเขาก็ใส่การ์ดใบนัน

กลับลงไปตามเดิม แล้วลุกจากเตียงเพื่อเอาของทุก
อย่างจากกระเป๋าสตางค์ใบเดิมมาใส่ในกระเป๋าใบ
ใหม่
หลังจากนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็กลับไปนอนบนเตียงแล้ว
หลับไปพร้อมกับรอยยิม
้ …
....................
ตอนที่ 23 มอบตัวฉันให้คุณ
อวี๋ตงกับเซียงเสี่ยวเยว่กำลังทำเล็บในร้านทำเล็บ
ที่อยู่ถัดจากเสี่ยวเยว่สตูดิโอ 
“คนท้องเนี่ยยุ่งยากจริงๆ ทำอะไรก็ไม่ได้!” เสี่ยว
เยว่เรียกเรินซินซินมาทำเล็บด้วยกันแต่ถูกปฏิเสธ
บอกว่าตัวเองท้องอยู่
“ผู้หญิงท้องจะให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตมาก
ขึน
้ ” อวี๋ตงดูอัลบัม
้ รูปก่อนจะวิเคราะห์
“เธอคิดว่าซินซินอ้วนขึน
้ ไหม? ฉันเคยอ่านมาเค้า
บอกว่ารูปร่างของผู้หญิงจะไม่เหมือนเดิมหลังค
ลอด” น้ำเสียงของเสี่ยวเยว่ฟังดูหวาดกลัวมาก
ราวกับว่าเธอกำลังพูดถึงสิ่งสยองขวัญ
“ฉันอยากได้ลายนีส
้ ำหรับเล็บของฉัน” อวี๋ตงชี ้
ไปที่รูปแล้วก็เอามือใส่กลับเข้าไปในเครื่องอบ
จากนัน
้ ก็มองเสี่ยวเยว่แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ฉันรู้ว่า
เธอกลัวแต่มันไม่เหมือนกันถ้าเธอแต่งงานแล้วมี
ลูก”
“ถ้ามันมีผลกระทบต่อรูปร่างของฉัน ฉันก็คงจะ
ต้องคิดให้ถี่ถ้วนสักหน่อย” เสี่ยวเยว่พูดหลังจาก
ใคร่ครวญอย่างจริงจัง
“มั่นใจได้เลยว่าทุกคนจะไม่ได้รับผลกระทบถ้า
ออกกำลังกายดีๆ” อวี๋ตงบอก “เธอก็เห็นดาราผู้
หญิงหลายคนในทีวี ไม่ใช่ว่าเธอจะอยู่ไปแบบนี ้
เรื่อยๆโดยไม่มีลูกได้”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันจะบอก!” เสี่ยวเยว่ดูเหมือนจะ
เข้าใจ ดังนัน
้ เธอจึงถามขึน
้ มาว่า “ท่าทางของเธอ
วันนีเ้ หมือนจะสดใสแข่งกับฤดูใบไม้ผลิ เธอจะไป
เดทใช่หรือเปล่า?”
“เดท? ฉันจะไปเดทได้ยังไง? เธอเพิ่งจะมอบ
หมายงานให้ฉัน” อวี๋ตงพยักเพยิดไปทางเอกสารที่
อยู่ในกระเป๋าของเธอ
“โอ ใช่!” เสี่ยวเยว่อุทานพร้อมรอยยิม
้ “นั่น
ไม่ใช่สิ่งที่วางแผนเอาไว้ เซี่ยเฟิ งเพิ่งจะกลับมาเรา
ไปคุยเรื่องเซ็นต์สัญญาทีหลังก็ได้”
“ลืมมันไปเถอะ!” อวี๋ตงถอนหายใจ “เซี่ยเฟิ งยุ่ง
มากตื่นนอนแล้วก็ออกไปตัง้ แต่เช้า ถ้าจะพูดถึง
เรื่องเดท คนที่ดูเหมือนว่าจะไปเดทคือเธอมากกว่า
วันนีพ
้ วกเรามีหลายอย่างที่ต้องทำ”
เสี่ยวเยว่ที่แต่งตัวมาอย่างเต็มที่ขยิบตาให้แล้ว
บอกว่า “ฉันจำเป็ นต้องดูลึกลับน่าค้นหาเมื่อต้อง
เล่นกับจินตนาการของผู้ชายไม่เหมือนเธอ ฉันต้อง
แต่งตัวให้ดูมีอะไรบ้าง”
“เธอสวยเกินกว่าจะมาแต่งตัวให้ดูน่าค้นหา ฉัน
แต่งตัวมาก็จริงแต่ทัง้ หมดก็เพื่อไปทำงาน ช่างเสีย
เปล่าจริงๆ” อวี๋ตงส่ายหน้าอย่างเศร้าใจขณะพูด
“นั่นเป็ นความคิดที่ผิด!” เสี่ยวเยว่พูด “ผู้หญิง
ควรแต่งตัวสวยไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่เพื่อตัวเอง พวก
เราพวกผู้หญิงควรจะต้องทำตัวให้สวยอยู่เสมอ”
“แล้วแบบนัน
้ เธอจะไม่เหนื่อยเหรอ?” ก่อนที่เธอ
จะย้อนกลับมา อวี๋ตงมักจะใช้เวลาวันหยุดสุด
สัปดาห์ในชุดนอน การแต่งตัวสวยอยู่ตลอดเวลาฟั ง
ดูน่าเบื่อหน่าย
“มีอะไรที่น่าเหนื่อย?” คุณครูเสี่ยวเยว่เริ่มการ
สอน “ตราบใดที่เธอมีไพ่ 3 ใบ ความสวย ทรงผม
แล้วก็การออกกำลังกาย ทุกชุดที่เลือกต้องจับคู่กับ
รองเท้าที่งดงาม เธอจะถูกรายล้อมด้วยสิ่งสวยงาม
อย่างเป็ นธรรมชาติไม่จำเป็ นต้องตัง้ ใจทำงานอย่าง
หนัก เธอก็จะดูสวยและบอบบางอยู่เสมอ”
“อย่าลืมอีกอย่าง บัตรทำเล็บ” อวี๋ตงกระดิกนิว้
“สถานเสริมความงามทุกวันนีร้ วมการทำเล็บ
เข้าไปด้วย”
“พวกเขายังทำผมด้วย”
“ไม่ เธอไม่เข้าใจ ช่างทำผมในร้านเสริมสวยไม่ใช่
มืออาชีพ ฉันมีสไตล์ลิสส่วนตัว” เสี่ยวเยว่พูด “เธอ
ไม่ควรจะตระหนี่แม้แต่หยวนเดียวเมื่อต้องจ่ายใน
เรื่องพวกนี”

“ตอนนีเ้ ธอก็ได้ฟังคำสั่งสอนของฉันแล้ว ฉันก็
เลยอยากจะถามความคืบหน้าของเธอกับเซี่ยเฟิ งว่า
เป็ นยังไงบ้าง?” เสี่ยวเยว่เริ่มซุบซิบ
“ทุกอย่างกำลังไปได้สวย” อวี๋ตงยิม

“อุ๊ย มองดูตารูปหัวใจนั่นสิ เมื่อคืนนีพ
้ วกเธอ…”
เสี่ยวเยว่ถามพลางมองค้อน
น้องสาวที่กำลังจดจ่ออยู่กับการทำเล็บอดที่จะ
หลือบมองอวี๋ตงไม่ได้ ก่อนจะรู้สึกตัวจึงก้มหน้าลง
ทำเล็บตามเดิมอีกครัง้ แสร้งทำเป็ นไม่ได้ยินอะไรทัง้
นัน

อวี๋ตงไม่ได้คาดคิดว่าเสี่ยวเยว่จะถามคำถามไร้
ยางอายแบบนีจ
้ ึงถลึงตามองเพื่อนของตัวเอง
“ตกลง ฉันไม่ถามแล้ว” เสี่ยวเยว่เปลี่ยนคำถาม
“ตอนที่ฉันเจอเซี่ยเฟิ งที่โรงพยาบาล ฉันยังไม่รู้
ความสัมพันธ์ของเธอกับเขา หลังจากเขากลับมา
จากอเมริกาแล้ว เธอวางแผนที่จะพาเขามารู้จักกับ
พวกเราเมื่อไหร่?”
“รออีกสักพักหนึ่ง” อวี๋ตงบอก
“รออีกสักพัก?”
“รอจนกระทั่งความสัมพันธ์ของเรามั่นคงกว่านี ้
อีกหน่อย” อวี๋ตงคิดก่อนตอบออกมาในที่สุด
“เมื่อความรู้สึกของเธอมั่นคงมากกว่านี”
้ เสี่ยว
เยว่มองอย่างเหลือเชื่อ “พวกเธอยังไม่ได้แสดง
ความรักต่อกันอีกเหรอ? ก่อนหน้านีฉ
้ ันไม่ได้บอก
เธอรึไง? ยิ่งนานหมึกก็ยิ่งแห้ง เธอมีใบรับรองอยู่
แล้ว จับเขาโยนลงบนเตียงแล้วกระโดดใส่เขาก็แค่
นัน
้ ”
น้องสาวที่กำลังทำเล็บอดที่จะเหลือบมองอีกครัง้
ไม่ได้
“เซียงเสี่ยวเยว่!” อวี๋ตงคำราม
….
เซี่ยงไฮ้ สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์
คราวนีก
้ ารเซ็นต์สัญญาฉบับต่อไปที่ต้องพูดคุย
ตกลงก็คือ ละครทีวีที่ถ่ายทำในสตูดิโอนี ้ เพราะมัน
กำลังจะออกอากาศในช่วงปี ใหม่ ละครทีวีต้องตัด
ต่อและพากย์เสียงในเวลาเดียวกัน
ละครทีวีเรื่องนีเ้ ป็ นละครแนวประวัติศาสตร์มีนัก
แสดงมากความสามารถและต้นทุนการผลิดก็สูง
มากเช่นกัน น่าเสียดายที่เสียงของนักแสดงบางคน
ไม่เหมาะกับภาษาโบราณ ดังนัน
้ จึงจำเป็ นต้องมี
การพากย์เสียง และการพากย์เสียงก็ต้องมีคุณภาพ
สูงเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านีล
้ ะครเรื่องเดียวที่เสี่ยวเยว่ได้ทำก็คือ
ละครวัยรุ่นน้ำเน่า ถ้าพวกเธอได้เซ็นต์สัญญาละคร
ประวัติศาสตร์เรื่องนีก
้ ็จะเป็ นประโยชน์มากสำหรับ
การพัฒนาในอนาคตของเสี่ยวเยว่สตูดิโอ
อวี๋ตงติดบัตรผู้มาเยี่ยมชมที่พนักงานคนหนึ่ง
มอบให้และตามพวกเขาไปยังสถานที่ถ่ายทำ
“รอสักครู่ ผู้กำกับหลิวถ่ายฉากนีเ้ สร็จแล้ว ฉัน
จะไปแจ้งเขาให้!” พนักงานอธิบาย
“ได้!” อวี๋ตงรู้มาก่อนแล้วว่า ผู้กำกับหลิวเป็ นคน
อารมณ์ร้อนมากขณะถ่ายทำ
อวี๋ตงยืนรอเงียบๆอยู่ด้านข้าง ตอนที่เธอดูทีวีมัก
จะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่เมื่อเห็นการแสดงของนัก
แสดงและฉากที่ลึกลับ ยังไงก็ตามเมื่อมาเห็นฉากที่
ถ่ายทำด้วยตาของตัวเอง เธอก็พบว่ามันน่าเบื่อนิด
หน่อย
หลังจากรอมาครึ่งชั่วโมงกว่าอวี๋ตงที่สวมรองเท้า
ส้นสูงก็ร้ส
ู ึกเมื่อยนิดหน่อย เธอจึงเดินเข้าไปหา
พนักงานที่พาเธอมาและนั่งลงข้างๆพวกเขา ด้วย
เหตุนีพ
้ วกเขาจะได้จำได้ว่าต้องแจ้งเรื่องเธอให้ผู้
กำกับทราบเมื่อเขาว่างแล้ว
เมื่อนั่งลงอวี๋ตงก็คิดขึน
้ มาได้ว่าวันนีเ้ ป็ นวัน
คริสต์มาส เธอควรจะมีเวลาทานอาหารค่ำกับ
เซี่ยเฟิ งจึงหยิบโทรศัพท์ขึน
้ มาแล้วส่งข้อความหา
เขา
[วันนีค
้ ุณเลิกงานกี่โมง?]
หลังจากรออยู่ครึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้รับข้อความตอ
บกลับอวี๋ตงจึงค่อนข้างผิดหวัง หันไปมองที่ผู้กำกับ
หลิวก็เห็นว่าเขาถ่ายฉากนัน
้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็ นร้อย
ครัง้ เธอส่ายหน้าก่อนเบนสายตาไปทางอื่น
จู่ๆอวี๋ตงก็เห็นเด็กผู้ชายอายุราว 6 ขวบ สวมชุด
โบราณหมอบร้องไห้อยู่กับพื้น
เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใหญ่อยู่กับเด็กคนนัน
้ เลยสักคน
เธอจึงเดินเข้าไปหาก่อนทรุดตัวหมอบลงข้างๆเด็ก
น้อยแล้วถามว่า “นักแสดงตัวน้อย ทำไมเธอถึง
ร้องไห้ล่ะ?”
“ผมไม่ได้ร้องไห้” เมื่อเห็นคนแปลกหน้า เด็ก
ชายตัวน้อยก็เช็ดน้ำตาอย่างดื้อรัน

“เอาล่ะ เธอไม่ได้ร้องไห้แค่วันนีล
้ มแรงพัดทราย
เข้าตาเธอ” อวี๋ตงไม่ได้เปิ ดโปงคำโกหกของเด็ก
น้อย เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยอับอายอวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกทุกข์ใจ
กับท่าทางของเขาจึงถามว่า “ผู้กำกับพูดอะไรกับ
เธอเหรอ?”
เด็กชายตัวน้อยกัดริมฝี ปากแต่ในที่สุดก็บอกว่า
“ผมพูดบทไม่เก่ง”
“เธอยังเด็กมันเป็ นเรื่องปกติที่จะทำผิดพลาดใน
บางครัง้ ” อวี๋ตงปลอบเด็กน้อย
“แต่บทพูดบรรทัดเดียวของผมมันสำคัญมาก ผู้
กำกับให้ผมถ่ายซ่อมครัง้ แล้วครัง้ เล่า ผมถ่ายซ่อม
ไป 50 ครัง้ แล้วแต่มันก็ยังไม่ดี”
อะไรที่บอกว่าไม่ดี เด็กไม่สามารถแสดงได้
สมบูรณ์แบบต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ยังไงก็ตามบทพูดที่
ไม่ดีก็สามารถพากย์เสียงแทนได้ทีหลัง
อวี๋ตงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามว่า “บทพูดตรง
ไหนฉันช่วยเธอดูได้นะ”
“พี่สาวก็แสดงละครด้วยเหรอ?”
“เปล่า พี่สาวไม่ได้แสดงแต่การพูดบทให้ดีก็
ถือว่าเป็ นงานของพี่สาวเหมือนกัน” อวี๋ตงหัวเราะ
เด็กชายตัวน้อยสงสัยแต่ก็ยังเอาสคริปต์ของเขา
ออกมา อวี๋ตงเห็นว่าเป็ นบทละครที่ผู้กำกับหลิว
กำลังถ่ายทำอยู่ตอนนี ้ เธอดูบทพูดที่เป็ นของเด็ก
น้อยมันเป็ นตอนสุดท้ายของละคร เมื่อประเทศเริ่ม
ไม่สงบ จักรพรรดิวัยเยาว์ขึน
้ ครองบัลลังก์ เสนาบดี
ต้องการให้จักรพรรดิที่มีอายุเพียงแค่ 8 ชันษา
อภิเษกสมรสและนั่นเป็ นบทพูดระหว่างพวกเขา
“ท่านเสนาบดี เรายังเยาว์เกินกว่าที่จะ
แต่งงาน…” หลังจากอ่านบทพูดของฉากนีแ
้ ล้ว อวี๋
ตงก็เลียนเสียงเด็กน้อยและพูดประโยคนัน
้ ออกมา
ดังๆ
“ว้าว เสียงของพี่สาวเหมือนกับผมเลย!” เด็ก
น้อยอัศจรรย์ใจ
“เพราะพี่สาวเป็ นนักพากย์!” อวี๋ตงอธิบายพร้อม
รอยยิม
้ “พี่สาวคนนีจ
้ ำเป็ นต้องคุยบางอย่างกับผู้
กำกับหลิวแต่ตอนนีเ้ ขากำลังยุ่ง พี่สาวจะช่วยเธอ
ฝึ กพูด”
“ตกลง!” เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าอย่างมีความ
สุข
ดังนัน
้ ทัง้ สองคนจึงกลับไปยังที่นั่งของอวี๋ตงและ
เริ่มฝึ กเพื่อให้เด็กน้อยเข้าถึงบทบาทอย่างรวดเร็ว อ
วี๋ตงจึงเปลี่ยนไปใช้เสียงพูดหลากหลายไม่ว่าจะเป็ น
เสียงทุ้มต่ำสง่างามของเสนาบดี เสียงของขันที
สายลับ หรือเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนของจักรพรรดินี
พวกมันถูกพูดออกมาอย่างชัดเจน
“พี่สาว พี่เก่งจัง!” เด็กชายตัวน้อยชื่นชมดวงตา
ของเขาเป็ นประกาย
“เธอก็เก่งเหมือนกัน!” อวี๋ตงลูบศีรษะของเด็ก
น้อยแล้วพูดว่า “เธอยังเด็กมากแต่เธอก็แสดงได้ดี
พี่สาวคนนีพ
้ ากย์เสียงได้อย่างเดียว”
“คุณอวี๋ตง?”
อวี๋ตงและเด็กน้อยหันไปมองตามเสียงเรียก ใน
ขณะที่อวี๋ตงยังคงพิจารณาดูว่าคนที่มาเป็ นใคร เด็ก
น้อยก็ยืนขึน
้ แล้วร้องเรียก “ผู้กำกับ!”
“สวัสดี ท่องบทเป็ นยังไงบ้าง? ยังพยายามเข้าถึง
บทบาทอยู่หรือเปล่า?” ผู้กำกับหลิวมองเด็กน้อย
แล้วถามขึน
้ มา
“ดี…ผมคิดว่าผมทำได้แล้ว” เด็กน้อยยังหวั่น
เกรงอยู่นิดหน่อย
“ถ้าอย่างนัน
้ ก็กลับไปแต่งหน้าก่อนแล้วเราจะ
ถ่ายฉากของเธอเร็วๆนี”

“ตกลงครับ พี่สาวลาก่อน!” เด็กชายตัวน้อยโบก
มือลาอวี๋ตงขณะที่รีบเร่งจากไป
อวี๋ตงยิม
้ ให้เด็กน้อยจากนัน
้ เธอก็ย่ ืนมือออกไป
จับทักทายกับผู้กำกับหลิว “สวัสดีค่ะ ผู้กำกับหลิว
ฉันอวี๋ตง”
“สวัสดี” ผู้กำกับหลิวเป็ นคนตรงไปตรงมา ดัง
นัน
้ เขาจึงนั่งลงและเริ่มการสนทนา “ผู้ช่วยของผม
บอกเกี่ยวกับคุณบอกตามตรงทีแรกผมไม่ได้นึกถึง
สตูดิโอของคุณมากนัก”
อวี๋ตงเลิกคิว้
“ละครเรื่องก่อนหน้านีข
้ องพวกคุณเป็ นละครวัย
รุ่น ผมจะไม่พูดถึงบทละคร” ผู้กำกับพูดต่อไปว่า
“ละครของผมเป็ นละครแนวประวัติศาสตร์ ผม
ต้องการให้ทุกอย่างถูกต้องตามประวัติศาสตร์แม้แต่
เสียงพูดก็ด้วย”
“ผู้กำกับหลิว พวกเราไม่ได้ทำแค่ละครวัยรุ่น
อย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด
ด้วย” อวี๋ตงเสริม
“ผมรู้แต่สตูดิโอของคุณมีนักพากย์จริงๆอยู่กี่คน
ล่ะ?” ผู้กำกับหลิวพูดต่อทันควัน
อวี๋ตงไม่โกรธ เธอยิม
้ แล้วพูดว่า “ผู้กำกับหลิวไม่
ว่าพวกเขาจะทำสัญญากับทางสตูดิโอของเราหรือ
ไม่ก็ตามแต่จุดแข็งของเราก็คือ คอนเนคชั่นที่
สามารถนำพวกเขามาร่วมงานกับพวกเราได้”
“โอ้?” ผู้กำกับหลิวเงยหน้าขึน
้ แล้วถามว่า “ถ้า
อย่างนัน
้ จะเป็ นไรไหมถ้าผมอยากให้หลินหลินมา
พากย์เสียงจักรพรรดินี?”
อวี๋ตงยิม
้ แล้วตอบไปว่า “บังเอิญว่าเธอเป็ น
อาจารย์ของฉัน ฉันไม่กล้ารับประกันถ้าเป็ นคนอื่น
แต่ถ้าเป็ นอาจารย์หลินฉันก็แค่โทรหาเธอ”
ผู้กำกับหลิวแปลกใจขณะมองดูอวี๋ตง ถ้าหากว่า
เขาไม่ได้เห็นการแสดงของเธอกับเด็กน้อย เธอ
สามารถสวมบทบาทตัวละครหลากหลายได้อย่าง
ง่ายดาย เขาก็คงไม่เสียเวลามาคุยกับเธอ
อวี๋ตงเห็นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้กำกับ
หลิวแล้ว เธอจึงดำเนินการขัน
้ ต่อไปอย่างเป็ น
ธรรมชาติ “ผู้กำกับหลิว ละครของคุณเป็ นละคร
แนวประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ คุณเลือกนักแสดงมาก
ฝี มืออย่างระมัดระวัง เป็ นเรื่องปกติที่คุณจะทำแบบ
เดียวกับการเลือกนักพากย์ คุณมีตัวละครที่สำคัญ
หลายตัวในละครของคุณและสตูดิโอของเราก็มีคน
มากมายมาแนะนำ…”
อวี๋ตงนำเสนอชื่อผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย
ของเธอออกมาอย่างต่อเนื่อง
“พวกเขายังไม่หยุดรับงานพากย์เสียงใช่ไหม?” ใ
นขณะที่ผู้กำกับหลิวฟั งรายชื่อที่ถูกไล่เรียงออกมา
หัวใจของเขาก็เต้นแรงจนอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึน

มา
“เทพคนไหนบ้างที่จะไม่โดดเดี่ยวมันก็แค่ไม่มี
งานที่คู่ควรกับการออกมาแสดงตัว แต่ฉันคิดว่า
ละครของคุณจะสร้างความประทับใจให้พวกเขา
อย่างแน่นอน”
“คุณกำลังจะบอกว่าถ้าไม่ได้พวกเขามาพากย์
เสียงให้ ละครของผมก็จะไม่ดีงัน
้ เหรอ?” ผู้กำกับ
หลิวถาม
ในที่สุดอวี๋ตงก็ประสบความสำเร็จในการเซ็นต์
สัญญา ขณะที่เธอกลับไปที่รถอวี๋ตงก็โทรไปหาเสี่ยว
เยว่เพื่อแจ้งข่าวดี
“เธอทำสำเร็จ! แม้แต่ผู้กำกับหลิวก็ยังไม่ใช่คู่
ต่อสู้ของเธอ” เสี่ยวเยว่เซอร์ไพรส์มาก
“เธอจะต้องไปขอร้อง…” อวี๋ตงไล่รายชื่อออกมา
แล้วพูดต่อว่า “เธอจะต้องให้คนพวกนีม
้ าพากย์
เสียงให้”
“เชื่อมือฉันได้เลย!” เสี่ยวเยว่มั่นใจ
“เอาล่ะ ผู้กำกับหลิวมีตารางงานที่แน่นมาก พรุ่ง
นีจ
้ ะมีคนส่งฉากที่ตัดต่อไปให้ ดังนัน
้ เธอกลับบ้าน
ให้เร็วหน่อยแล้วพรุ่งนีม
้ าทำงานแต่เช้า” อวี๋ตงบอก
“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนีเ้ ช้าจะมีสาวสวยที่ช่ อ
ื ซินซิน
ไปรออยู่ที่ห้องอัดเสียง”
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าซินซินเป็ นผู้หญิงท้องโต
คนหนึ่ง?” อวี๋ตงอดไม่ได้ที่จะแหวออกมา
“ได้ ได้ ฉันจะกลับตอนเที่ยงคืนเป๊ ะ”
“พรุ่งนีเ้ ช้าซินซินยังมีนัดตรวจอีก อย่าลืมไปเป็ น
เพื่อนเธอด้วยล่ะ” อวี๋ตงเตือน
หลังจากวางสาย อวี๋ตงก็ดูโทรศัพท์เห็นว่ายังไม่มี
ข้อความตอบกลับจากเซี่ยเฟิ ง เธอรู้สึกผิดหวังจึงได้
แต่ขับรถกลับบ้าน
ตรงทางเข้าชุมชนเธอเห็นแผงขายผลไม้ออร์แกนิ
ค กระดาษห่อหลากหลายสีสันทำให้ผลไม้นน
ั ้ ดู
สวยงามสดใหม่ อวี๋ตงจึงอดที่จะซื้อซัก 2-3 อย่างไม่
ได้
จนกระทั่ง 4 ทุ่ม เซี่ยเฟิ งกลับมาถึงบ้านในสภาพ
หมดแรง อวี๋ตงรู้สึกว่าเซี่ยเฟิ งดูผิดปกติอย่างมาก
เขามักจะกลับบ้านดึกแต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน
ดวงตาของเขาก็จะสดใสอยู่เสมอ ยังไงก็ตามคืนนี ้
ดวงตาของเขาดูเหมือนถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกสี
เทาอีกชัน
้ หนึ่ง
“เกิดอะไรขึน
้ ?” อวี๋ตงถาม
“ไม่มีอะไร!” เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเฟิ งไม่ต้องการจะ
พูดถึง
หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแตะและถอดเสื้อโค้ทอ
อกแล้ว เซี่ยเฟิ งก็หันไปหาอวี๋ตงก่อนพูดขอโทษ
“ผมขอโทษ วันนีผ
้ มยุ่งมากจนลืมตอบข้อความของ
คุณ”
อวี๋ตงจ้องมองเซี่ยเฟิ งอยู่ 2-3 วินาที จากนัน
้ ก็
เดินเข้าไปหาเขาช้าๆ ก่อนที่จะยกมือถูหน้าผาก
ของเขาเบาๆ นิว้ ของอวี๋ตงอบอุ่นสัมผัสที่นุ่มนวล
ละลายหัวใจ
เซี่ยเฟิ งจับมือของเธอแล้วถามว่า “เป็ นอะไร?”
“ฉันพยายามลบมัน!” อวี๋ตงกังวล “คุณอายุ
มากกว่าฉันแล้วคุณก็ยังจะทำริว้ รอยเพิ่มอีกเหรอ?”
เซี่ยเฟิ งตะลึงก่อนยิม
้ แล้วถามเธอว่า “คุณจะไม่
ชอบผมเหรอถ้าผมมีริว้ รอย?”
“คงจะไม่เป็ นไรถ้าคุณทิง้ มันไว้บนใบหน้าแต่คุณ
ไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บมันเอาไว้ในหัวใจ” อวี๋ตง
มองเข้าไปในดวงตาของเซี่ยเฟิ งขณะพูด
เซี่ยเฟิ งกระพริบตาเนื่องจากไม่ร้จ
ู ะพูดอะไรดี
“ฉันสามารถช่วยคุณเรื่องริว้ รอยบนใบหน้าแต่
ฉันไม่สามารถเข้าไปลบริว้ รอยที่อยู่ในหัวใจของคุณ
ได้” เสียงของอวี๋ตงแผ่วเบาจะแทบจะขาดหายไป
เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตงอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอนกาย
เข้าไปหาเธอ เขาซบหน้าลงบนไหล่บอบบางของ
เธอ มือของพวกเขาเกาะกุมกันอยู่ข้างลำตัว
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่การวิจัยที่ทำมา
ตลอดหนึ่งปี ล้มเหลว ผมรู้สึกท้อนิดหน่อย” เซี่ยเฟิ
งอธิบายขณะที่หลับตาอย่างอ่อนล้า
ช่างตรงข้ามกับคำพูดของเขา อวี๋ตงรู้สึกได้ถึง
ความสูญเสียที่ชัดเจนขณะที่แบกรับน้ำหนักของ
เซี่ยเฟิ ง เธอบีบมือเขาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่ามีหนังสือ
เล่มหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่า ความล้มเหลวทุกครัง้ เป็ น
อีกก้าวหนึ่งที่ขยับเข้าใกล้ความสำเร็จหรอกหรือ?”
“อืม”
“ฉันเชื่อว่าคุณจะทำสำเร็จ” อวี๋ตงรู้ว่าการวิจัย
ของเซี่ยเฟิ งจะประสบความสำเร็จในที่สุดแต่เธอก็
ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนีไ้ ด้
“ผมเชื่อในการวิจัยของผมเสมอ” น้ำเสียงของ
เขาเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
“ไม่ต้องกลัวฉันจะอยู่ตรงนีเ้ สมอ ทุกๆย่างก้าว”
เซี่ยเฟิ งไม่ได้พูดอะไรอีก ทัง้ คู่อยู่กันเงียบๆจนถึง
เวลาที่อวี๋ตงต้องไปทำงาน
“ผมไม่เป็ นไร คุณไปทำงานเถอะ!” เซี่ยเฟิ งกลับ
ไปเป็ นปกติแล้วบอกกับอวี๋ตง
“คืนนีค
้ ุณเข้านอนเร็วหน่อยไม่ต้องรอฉัน”
“ได้!” เซี่ยเฟิ งยิม
้ แล้วพยักหน้า
“โอ้ ใช่แล้ว!” อวี๋ตงจำได้ว่าเธอซื้อผลไม้มา เธอ
จึงหยิบแอปเปิ ้ ลที่ห่อด้วยกระดาษสีเงินส่งให้
เซี่ยเฟิ ง “แกะสลักชื่อของคุณลงบนนี”

เซี่ยเฟิ งมองแอปเปิ ้ ลในมือด้วยความงุนงง
“เร็วสิ!” อวี๋ตงคะยัน
้ คะยอ
อวี๋ตงห่อแอปเปิ ้ ลที่สลักชื่อของเซี่ยเฟิ งและส่งแอ
ปเปิ ้ ลที่ห่อด้วยกระดาษสีชมพูให้เขา “Happy
Christmas!”
เซี่ยเฟิ งรับแอปเปิ ้ ลที่เธอส่งมาให้ก็เห็นว่ามีการ
สลักชื่อของอวี๋ตงเอาไว้บนนัน
้ อย่างหยาบๆด้วย ดู
เหมือนว่าจะสลักเอาไว้ซักพักหนึ่งแล้วเพราะเนื้อ
แอปเปิ ้ ลตรงที่สลักชื่อเริ่มเปลี่ยนสี
“คุณต้องกินให้หมด ฉันก็จะกินแอปเปิ ้ ลที่สลัก
ชื่อของคุณด้วยเหมือนกัน” อวี๋ตงพูดพร้อมหัวเราะ
ไปด้วย
“ทำไมถึงสลักชื่อของพวกเรา?”เซี่ยเฟิ งถาม
“แอปเปิ ้ ลที่สลักชื่อของฉันก็คือตัวฉัน”
“แอปเปิ ้ ลนี่เป็ นตัวแทนของคุณ?” เซี่ยเฟิ งลอง
เดาดู “งัน
้ คุณก็จะกินผมเหมือนกัน?”
“อื้อ” ขณะที่อวี๋ตงพูด หน้าของเธอก็เห่อร้อน
เมื่อตระหนักถึงความหมายของสิ่งที่เธอเพิ่งจะพูด
ออกไป 
“โอ้…ถ้าอย่างนัน
้ ผมก็จะกินไม่ให้เหลือแม้แต่คำ
เดียว!” เซี่ยเฟิ งอดที่จะยื้มไม่ได้
“คุณ…น่าชังจริงๆ” อวี๋ตงกระทืบเท้าก่อนวิ่งไปที่
ประตูหน้าบ้าน
เซี่ยเฟิ งยืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นพร้อมรอยยิม
้ กว้าง
ขณะที่ถือแอปเปิ ้ ลที่สลักชื่ออวี๋ตงเอาไว้
……..........
ตอนที่ 24 เธอกล้าที่จะสู้กับฉันเหรอ?
โรงพยาบาล แผนกผู้ป่วยโรคมะเร็ง
เส้าอีฝ
้ านเพิ่งจะออกมาจากห้องผู้ป่วยและพูดคุย
กับพยาบาลเกี่ยวกับสถานการณ์ของคนไข้ จู่ๆก็
เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินผ่านโถงทางเดิน
“เซี่ยเฟิ ง!” เส้าอีฝ
้ านตะโกนเรียก
เซี่ยเฟิ งได้ยินเส้าอีฝ
้ านเรียกก็เลยเดินเข้ามาหา
แล้วถามว่า “มีอะไร?”
“นักศึกษาฝึ กงานจากมหาวิทยาลัยการแพทย์มา
ถึงแล้วและต้องการคำแนะนำนิดหน่อยระหว่างการ
ฝึ กงาน” เส้าอีฝ
้ านวุ่นวายอยู่กับนักศึกษาฝึ กงานที่
ยืนอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว
“พวกเราก็ไม่มีใครมาคอยชีแ
้ นะตอนที่เรียนจบ”
เซี่ยเฟิ งตัง้ ข้อสังเกต
“เป็ นเพราะว่าพวกเราฉลาด โอเคไหม?” เส้าอี ้
ฝานจำได้ “ฉันจำได้ว่าก่อนที่นายจะเรียนจบ นาย
ก็ตามอาจารย์ฝึกสอนไปที่โรงพยาบาลทุกวัน หลัง
จากที่เรียนจบพวกเขาก็ไม่ได้สร้างปั ญหาให้นาย
ด้วยการให้นายเป็ นนักศึกษาฝึ กงาน พวกเขาให้
นายเริ่มงานได้เลยทันที”
“สำหรับฉันเนื่องจากฉันเป็ นพี่น้องที่ดีของนาย
ฉันจึงปรับตัวได้ภายใน 2 เดือน แต่ดูนักศึกษา
ฝึ กงานพวกนีส
้ ิ เทียบกันแล้วใช้เวลาตัง้ ครึ่งปี กว่า
พวกเขาจะใช้งานได้”
“จู่ๆทำไมนายถึงได้มาประเมินผลการฝึ กงาน
ล่ะ?” เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
“ก็แค่มีเรื่องวุ่นวายน้อยลงคงจะได้ผ่อนคลาย
มากขึน
้ เร็วๆนี”
้ เส้าอีฝ
้ านเลิกคิว้ แล้วถามว่า “เรา
ควรจะไปดื่มกันหลังเลิกงาน”
“ไม่ได้” เซี่ยเฟิ งส่ายหน้าปฏิเสธ “หลังเลิกงาน
ฉันจะไปที่ห้องแล็ป”
“เจอแนวคิดใหม่?” เส้าอีฝ
้ านถามอย่างแปลกใจ
เซี่ยเฟิ งส่ายหน้าอีกครัง้ ก่อนอธิบายว่า “ฉันแค่
อยากทำการทดลองซ้ำอีกสัก 2-3 ครัง้ เพื่อช่วยให้
ฉันคิดแนวทางใหม่ออก”
“โอเค คราวนีน
้ ายเรียกกำลังใจกลับมาได้เร็ว
มาก” เส้าอีฝ
้ านชื่นชม
“ทำไม? ฉันไม่มั่นคงพอที่จะรับผลกระทบเห
รอ?”
“ไม่ใช่อย่างนัน
้ ทุกครัง้ ที่การทดลองล้มเหลว ถ้า
เป็ นเมื่อก่อนนายจะหดหู่ใจไป 2-3 วัน” เส้าอีฝ
้ าน
บอก “เมื่อวานนีฉ
้ ันไปดื่มกับนายไม่ได้แต่ตอนนีฉ
้ ัน
เดาว่าคงไม่มีความจำเป็ นที่จะหาข้ออ้างเพื่อไปดื่ม
แล้ว”
“ดื่มให้น้อยลงหน่อย อย่าลืมว่านายเป็ นหมอ”
เซี่ยเฟิ งแนะ
“หมอก็คนเหมือนกัน” เส้าอีฝ
้ านอ้าปากจะแย้ง
ต่ออีกแต่เสียงโทรศัพท์ดังขึน
้ มาเสียก่อน
เมื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ เส้าอีฝ
้ านก็เลิกคิว้ อย่าง
แปลกใจก่อนรับสาย “ผมไม่คิดว่าสาวสวยจะโทร
มาหาได้”
“โอ้ โอเค โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี”

เมื่อเส้าอีฝ
้ านวางสาย เซี่ยเฟิ งก็ถามว่า “แฟน
ใหม่?”
“ไม่ใช่” เส้าอีฝ
้ านมองเซี่ยเฟิ งก่อนพูดอย่างมี
เลศนัย “ฉันไม่คิดว่าฉันควรจะไป”
เซี่ยเฟิ งมองเส้าอีฝ
้ านด้วยความสงสัย
“คือเพื่อนร่วมชัน
้ ของอวี๋ตง พวกเธอกำลังอยู่ที่
แผนกสูตินารีเวชรอตรวจครรภ์ แต่มีคนรอคิวเยอะ
มาก พวกเธอก็เลยถามฉันว่ามีคนรู้จักที่แผนกบ้าง
หรือเปล่า” เส้าอีฝ
้ านหัวเราะ “นีเ่ ป็ นครัง้ สุดท้ายที่
ฉันพยายามทำความรู้จักกับผู้หญิงที่เป็ นคนรู้จัก
ของนาย ฉันควรใช้โอกาสนีเ้ พื่อสร้างความประทับ
ใจดีหรือเปล่า?”
เซี่ยเฟิ งไม่ได้ตอบเขาแต่รีบไปขวางพยาบาลเอา
ไว้และสั่งว่า “ส่งเคสคนไข้มาให้ผม 3 เคส”
พยาบาลรีบหาแฟ้ มคนไข้แล้วส่งให้เซี่ยเฟิ ง
เซี่ยเฟิ งยัดแฟ้ มคนไข้ใส่มือเส้าอีฝ
้ านก่อนจะบอก
ว่า “ช่วยฉันตรวจคนไข้พวกนีด
้ ้วยแล้วฉันจะไป
สร้างความประทับใจที่ดีแทนนายเอง”
โดยไม่รอปฏิกิริยาของเส้าอีฝ
้ าน เขาหันหลังกลับ
แล้วเดินไปที่แผนกสูตินารีเวชทันที เส้าอีฝ
้ านได้แต่
จ้องมองแผ่นหลังของเซี่ยเฟิ งก่อนจะหันไปทางห้อง
พักผู้ป่วย อา…ฉันช่างเป็ นเพื่อนที่ดีจริงๆ
ครู่ต่อมา เซี่ยเฟิ งก็มาถึงแผนกผู้ป่วยนอก เช่น
เดียวกับครัง้ หลังสุดในหมู่คนป่ วยและฝูงชน เซี่ยเฟิ
งมองเห็นเซียงเสี่ยวเยว่ที่แต่งตัวทันสมัยและงดงาม
แทบจะทันที
“พวกคุณมารอนานแล้วเหรอ?” เซี่ยเฟิ งเดิน
เข้าไปหาหญิงสาวทัง้  2 คนแล้วถามด้วยรอยยิม

อ่อนโยน
“คุณหมอเซี่ย?” เสี่ยวเยว่แปลกใจ ความจริง
ตอนแรกเธออยากจะโทรหาเซี่ยเฟิ งแต่เธอไม่มี
เบอร์โทรของเขา ดังนัน
้ เธอจึงต้องโทรไปหาเส้าอี ้
ฝานแทนแต่เสี่ยวเยว่ไม่คิดว่าเซี่ยเฟิ งจะเป็ นคนมา
ช่วยพวกเธอ
“เสี่ยวเยว่” เรินซินซินรู้ว่าคนที่เดินเข้ามาหา
พวกเธอไม่ใช่เส้าอีฝ
้ าน แต่ท่าทางของเสี่ยวเยว่
แสดงออกชัดเจนว่ารู้จักคนๆนี ้
“ซินซิน นี่คือเซี่ยเฟิ งคนของตงตง” เสี่ยวเยว่
แนะนำพร้อมรอยยิม

“สวัสดี ผมเซี่ยเฟิ ง” เซี่ยเฟิ งแนะนำตัวเอง
เรินซินซินรีบลุกขึน
้ ยืน โดยมีเซียงเสี่ยวเยว่ช่วย
พยุง ก่อนจะพูดตอบอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ ฉันเริน
ซินซินเป็ นเพื่อนร่วมชัน
้ ของตงตง เธอมักจะพูดถึง
คุณให้ฟัง”
้้ อไปตอนที่พวกคุณมาตรวจ ทำไมไม่บอก
“ครังต่
ให้อวี๋ตงโทรหาผมล่ะ?” เซี่ยเฟิ งบอก
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันบอกว่าฉันรอได้แต่
ท้องของฉันเริ่มเจ็บขึน
้ มานิดหน่อย เสี่ยวเยว่ก็เลย
กังวล” เรินซินซินบอกด้วยท่าทางอับอายเล็กน้อย
“จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ได้ยังไง? เมื่อมีเด็กอยู่ในท้อง
อาการปวดท้องไม่ควรมองข้าม ช่วยบอกเธอหน่อย
สิคะคุณหมอเซี่ย” เสี่ยวเยว่เริ่มสั่งสอน
“อันที่จริง...” เซี่ยเฟิ งพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า
“คุณไม่จำเป็ นต้องเรียกผมว่าคุณหมอเซี่ย เรียกชื่อ
ผมตรงๆได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
“ได้ ฉันก็คิดว่ามันค่อนข้างน่าอึดอัดอยู่บ้าง” เซี
ยงเสี่ยวเยว่เห็นด้วย
“รอที่นี่สักครู่ ผมจะไปคุยกับพยาบาลเรื่องคุณ”
หลังจากนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็ไปที่แผนกสูตินารีเวชและเจอ
สูตินารีแพทย์ที่กำลังจะพักเบรค เขาจึงขอให้ช่วย
ตรวจครรภ์ของเรินซินซิน
ในระหว่างการตรวจคงจะไม่เหมาะที่เซี่ยเฟิ งจะ
อยู่กับพวกเธอในห้องตรวจด้วย เขาจึงไปรอข้าง
นอก การตรวจค่อนข้างง่ายและท้องของเรินซินซิน
ไม่มีปัญหาอะไร การตรวจจึงเสร็จเร็ว
เมื่อพวกเธอออกมา เซี่ยเฟิ งก็ดูเวลาแล้วพูดว่
า “เกือบจะได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ผมขอเชิญ
พวกคุณไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน”
“ไม่เป็ นไร วันนีพ
้ วกเราสร้างปั ญหาให้คุณมาก
พอแล้ว” เรินซินซินปฏิเสธทันที “พวกเรามาขอ
ลัดคิวในการตรวจ”
“เธอซื่อตรงเกินไปแล้ว” เสี่ยวเยว่ไม่สนใจเรื่อง
ลัดคิว เธอเกลียดเหล็กที่ไม่กลายเป็ นเหล็กกล้า***
***[หมายถึง รู้สึกไม่พอใจสำหรับสิ่งที่ไม่สามารถ
ตอบสนองความคาดหวังได้]
“คุณไม่ได้ลัดคิวตรวจแต่เป็ นการตรวจระหว่าง
พักเบรค” เซี่ยเฟิ งหัวเราะก่อนพูดว่า “นอกจากนี ้
์ ี่จะให้ญาติหรือเพื่อนๆของเราได้รับ
พวกเรามีสิทธิท
คิวการตรวจล่วงหน้า”
“เห็นไหม…” เซียงเสี่ยวเยว่หันไปทางเซี่ยเฟิ ง
แล้วพูดว่า “ไม่เป็ นไร เพราะพวกเรารบกวนเวลา
คุณมานานแล้ว ถ้าตงตงรู้เรื่องนีซ
้ ินซินกับฉันจะ
ต้องโดนขัดพื้นแน่”
“ตงตง? ปกติพวกคุณมักจะเรียกเธอแบบนีเ้ ห
รอ?” เซี่ยเฟิ งรู้ว่า อวี๋ต้ง ที่เป็ นนามแฝงของอวี๋ตงใน
รายการวิทยุแต่เขาไม่ร้ว
ู ่าเพื่อนๆของเธอก็เรียกเธอ
ด้วยชื่อเล่นนีเ้ หมือนกัน
“ใช่ ให้ฉันเล่าให้ฟัง มันน่าสนุกมากที่เราเรียก
เธอแบบนี ้ ตงตงบอกว่า ‘ตอนอยู่ที่บ้าน พ่อของฉัน
ชอบกินปลาแช่แข็ง ในเมื่อฉันมีช่ อ
ื ว่า ตง ฉันก็เลย
ใช้มันเป็ นชื่อเล่นซะเลย’ หลังจากอธิบายจบ เซียง
เสี่ยวเยว่กับซินซินก็พากันหัวเราะ
เซี่ยเฟิ งก็หัวเราะตามไปด้วย จู่ๆเขาก็ร้ส
ู ึกว่าชื่ออ
วี๋ตงช่างฟั งดูมีชีวิตชีวาเหลือเกิน
“งัน
้ ก็เลิกโอ้เอ้กันอยู่ที่นี่เถอะ คุณจะต้องงานยุ่ง
มากแน่ๆ สำหรับอาหารกลางวันค่อยมาทานด้วย
กันวันอื่นให้อวี๋ตงพาคุณมา พวกเราจะได้ตรวจสอบ
คุณได้สะดวก” เสี่ยวเยว่พูด
“ได้!” เซี่ยเฟิ งหยักหน้าพร้อมรอยยิม

“ยังไงก็ตามฉันชอบอาหารฝรั่งเศส” เสี่ยวเยว่
ขยิบตา “ซินซินชอบอาหารไทย”
“แล้วอวี๋ตงล่ะ?” เซี่ยเฟิ งถาม
“ไม่ใช่ว่าคุณจะสร้างความประทับใจให้พวกเรา
หรอกเหรอ?” เสี่ยวเยว่พูดไม่ออก
เรินซินซินยกมือปิ ดปากแอบยิม

พวกเธอออกจากโรงพยาบาล
เสี่ยวเยว่กำลังขับรถพาซินซินกลับไปที่อพาร์ท
เม้นท์ พวกเธอพูดคุยเรื่องของเซี่ยเฟิ งมาตลอดทาง
“ฉันคิดว่าเซี่ยเฟิ งเป็ นคนดีทีเดียว” เรินซินซิ
นพูด “เขาคงจะดีกับตงตง”
“เขาช่วยเหลือเธอแค่นิดหน่อยตอนนีเ้ ธอก็เข้า
ข้างเขาซะแล้ว” เสี่ยวเยว่ดุ
“อะไรกัน? เธอไม่คิดอย่างนัน
้ เหรอ?” ซินซิน
สงสัย
“ตอนนีย
้ ังไม่มีอะไรพิสูจน์เรื่องนีไ้ ด้” เสี่ยวเยว่
ตอบ “แต่เซี่ยเฟิ งอายุมากกว่าตงตง การขุดคุ้ย
เกี่ยวกับอดีตคงจะไม่มีปัญหา?”
“เธอไม่คิดว่ามันจะมากเกินไปหน่อยเหรอ?”
“จะเป็ นอย่างนัน
้ ได้ยังไง? เธอไม่ร้ว
ู ่าอายุ 22-30 
คือเวลาทองของการแต่งงาน ตงตงเริ่มต้นจากจุดนี ้
ในขณะที่เซี่ยเฟิ งกำลังจะถึงตอนปลายแล้ว” เสี่ยว
เยว่วิเคราะห์
“แล้วเธอจะทำยังไง?”
“รอให้ฉันได้คุยกับเส้าอีฝ
้ านอีกซัก 2-3 ครัง้
ก่อน”
“คุณหมอเส้า?” เรินซินซินแปลกใจ
“ผู้ชายคนนีเ้ ป็ นคนพูดมาก เขาอาจจะหลุดอะไร
ออกมาหลังจากดื่มไวน์ไป 2-3 แก้ว” เสี่ยวเยว่
หัวเราะ “ฉันอาจจะแอบถามถึงจูบแรกของเซี่ยเฟิ
งก็ได้”
“เธอแย่มาก!” เรินซินซินตะลึง
“หัวเราะไปเถอะ! พวกเราช่างเป็ นเพื่อนสาวที่
ยอดเยี่ยม”
เรินซินซินส่ายหน้าพลางหัวเราะ
ในอีกด้านหนึ่งเส้าอีฝ
้ านเห็นเซี่ยเฟิ งกลับมาก็เริ่ม
การซุบซิบนินทาทันที “แล้วเป็ นยังไงบ้าง?”
“นายต้องการให้ฉันถูกข่มขู่?” เซี่ยเฟิ งมอง
เหยียดหยามทันที
“จะเป็ นไปได้ยังไง? ถ้าฉันอยากจะให้นายโดน
ข่มขู่ ฉันจะยอมให้โอกาสนายสร้างความประทับใจ
เหรอ?” เส้าอีฝ
้ านพูด “แค่เซียงเสี่ยวเยว่ดูจะเป็ นผู้
หญิงมั่นใจ”
“นั่นไม่ใช่สเป็ คของนายหรือไง?” เซี่ยเฟิ งแปลก
ใจ
“นั่นมันเมื่อก่อน” เส้าอีฝ
้ านโอดครวญ “ตอนนี ้
ฉันคิดว่าแฟนของฉันควรจะเป็ นคนที่อ่อนโยนแล้ว
ก็ใจดี น่าเสียดายที่ดอกไม้งามมีเจ้าของแล้ว”
“นายกำลังพูดถึงเรินซินซิน?” เซี่ยเฟิ งถาม
“ใช่” เส้าอีฝ
้ านถอนหายใจ “ฉันเกือบจะตกหลุม
รักเธอตัง้ แต่แรกเห็นตอนเจอเธอที่สถานีตำรวจ”
เซี่ยเฟิ งรู้สถานการณ์ของเรินซินซิน แต่เส้าอีฝ
้ าน
มักจะแสดงภาพลักษณ์แบบซูเปอร์เพลย์บอยอยู่
เสมอ ดังนัน
้ เซี่ยเฟิ งจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
“อย่าถอนหายใจไปกินข้าวกลางวันกันเถอะ เรา
ยังมีผ่าตัดช่วงบ่ายอีก” เซี่ยเฟิ งบอก
“ใช่ การผ่าตัดที่ใช้อุปกรณ์นำเข้าจากอเมริกา”
เส้าอีฝ
้ านพูด “ผู้ช่วยมือหนึ่งของนายต้องเป็ นฉัน”
“มันต้องเป็ นนายเท่านัน
้ ”
เมื่อพูดถึงเรื่องการแพทย์ การช่วยเหลือซึ่งกัน
และกันเป็ นสิ่งที่ทำได้อย่างเสรี

อวี๋ตงนอนจนถึง 11 โมง จากนัน
้ เธอก็ลุกขึน
้ แล้ว
แต่งตัวไปร้านอาหารเพื่อซื้อซุปไก่ เมื่อเธอมาถึงอ
พาร์ทเม้นท์ของเสี่ยวเยว่ก็เป็ นเวลาบ่าย 2 โมงแล้ว
“ฉันซื้อซุปไก่ที่ทำจากแม่ไก่แก่มาให้ ผู้หญิงท้อง
กินแล้วจะได้สุขภาพแข็งแรง” อวี๋ตงเลื่อนชามซุป
ไก่ไปให้เรินซินซิน
“อย่าให้เธอกิน หมอบอกว่าท้องของซินซินโตจน
ดูเหมือน 7 เดือนทัง้ ๆที่เพิ่งจะ 6 เดือนเท่านัน
้ เอง”
เสี่ยวเยว่ได้กลิ่นซุปไก่ก็ตักใส่ถ้วยของตัวเอง
“ถ้าอย่างงัน
้ ก็ด่ ม
ื ซุปให้น้อยลงหน่อย ฉันจะซื้อ
มาให้เธอจนกว่าท้องของเธอจะโตเท่าดวงจันทร์” อ
วี๋ตงบอก
“อือ” เรินซินซินยิม
้ ก่อนดื่มซุป
“ตงตงพวกเราไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล ฉัน
ได้เจอเซี่ยเฟิ งด้วย” เรินซินซินบอก
“โอ้?” อวี๋ตงเงยหน้าขึน
้ มองอย่างแปลกใจ
“ฉันจะโทรหาเธอแต่ก็นึกขึน
้ ได้ว่าเธอน่าจะกำลัง
นอนอยู่ ฉันก็เลยตัดสินใจโทรหาเส้าอีฝ
้ าน เซี่ยเฟิ ง
คงจะได้ยินก็เลยมาช่วยแทน” เสี่ยงเยว่บอก “เขาดู
สะดุดตามาก”
“แล้วเธอประทับใจอะไรบ้าง?” ในเมื่อพวกเขา
ได้เจอกันแล้ว อวี๋ตงก็เลยถามตรงๆ
“ฉันคิดว่าเขาเป็ นคนดี!” เรินซินซินยืนยัน “เขา
เป็ นหมอที่ท่าทางสง่างามแถมยังมีน้ำใจ มีความรับ
ผิดชอบแล้วก็ดูเป็ นคนน่ารัก”
“แล้วเธอล่ะ?” อวี๋ตงหันไปหาเสี่ยวเยว่
“โอ้ ฉันยังต้องทำความรู้จักกับเขาให้มากกว่านี ้
ก่อน” เสี่ยวเยว่บอก
อวี๋ตงยิม
้ แล้วพูดว่า “บอกฉันตอนที่เธอคิดออก
แต่อย่าบอกรายละเอียดทัง้ หมด”
“ทำไม?” เสี่ยวเยว่สงสัย
“สำหรับสามีภรรยาที่จะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน
เธอจะต้องจำสิ่งเหล่านีเ้ อาไว้ให้ดี…” อวี๋ตงเริ่มร่าย
ยาว “บางเวลาการทำเป็ นไม่ร้ไู ม่ชีก
้ ็จะทำให้ให้มี
ความสุขมากขึน
้ แกล้งโง่บ้างในบางครัง้ ก็ถือเป็ น
เรื่องฉลาด”
“ฉันอยากจะถามอยู่เลยว่า การแต่งงานกับใคร
ซักคนที่มีแนวคิดแตกต่างกันจะเป็ นยังไง?” เสี่ยว
เยว่ถาม
“เมื่อเธอได้พบคนที่เธออยากถนอมรักษาไว้ เธอ
ก็จะรู้เอง” อวี๋ตงพูดเป็ นปริศนา
“ฉันไม่คิดว่าการสืบความลับที่ซ่อนเอาไว้ของ
เซี่ยเฟิ งจะมีความสำคัญอีกต่อไป ในเมื่อตงตงชอบ
เซี่ยเฟิ งไปแล้ว”
“การสืบหาเป็ นเรื่องสำคัญมากยิ่งขึน
้ เมื่อเธอ
ชอบใครสักคนอย่างแท้จริง หากว่าเขามีผู้หญิงหรือ
แฟนเก่าที่จู่ๆก็โผล่ขึน
้ มาแล้วพยายามขโมยเขากลับ
ไปล่ะ?”
“เธอกล้า?” เสี่ยวเยว่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียง
คำรามของอวี๋ตง
“ฉันกำลังพูดถึงแฟนเก่า!” อวี๋ตงกลอกตา “ฉัน
ท้าให้เธอกลับมาแล้วลองพยายามขโมยสิ่งที่เป็ น
ของฉันไปสิ ฉันไม่เตะเธอกระเด็นก็ไม่ใช่แล้ว”
“…” เซียงเสี่ยวเยว่กับเรินซินซินมองหน้ากัน
พวกเธอหมดคำพูด
…............... 
ตอนที่ 25 ทะเลาะกันครัง้ แรก
หายากที่เซี่ยเฟิ งจะเลิกงานตรงเวลาเหมือนอย่าง
วันนี ้
ทัง้ สองคนขับรถไปยังร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ใกล้ๆ
สำหรับอาหารเย็นแทนที่พวกเขาจะทำอาหารกิน
เองที่บ้าน สถานที่ค่อนข้างแออัดพวกเขาจึงใช้เวลา
อยู่พักหนึ่งกว่าจะหาที่จอดรถเจอซึ่งมันอยู่ห่างจาก
โรงแรมไปไม่ไกลนัก
พวกเขามีความสุขกับอาหารเย็นมื้อนีม
้ าก หลัง
จากทานเสร็จก็เดินเล่นไปตามทางกลับไปยังที่จอด
รถ
อวี๋ตงชอบทำแบบนีม
้ ากแม้ว่ามันจะไกลจากถนน
สายหลักสักหน่อยแต่เธอมีเซี่ยเฟิ งอยู่ข้างๆ
“ทำไมคุณไม่สวมถุงมือ?” เซี่ยเฟิ งจับมืออวี๋ตง
และสังเกตเห็นว่ามันเย็นอยู่สักหน่อยจึงบอกเธอว่า
“เอามือของคุณใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทเร็วเข้า”
เมื่อเห็นว่าเขาปล่อยมือเธออวี๋ตงจึงรีบจับมือของ
เขาเอาไว้แล้วพูดว่า “ฉันไม่หนาว!”
“คุณจะไม่หนาวได้ยังไง? ดูสิมือของคุณแดงออก
ขนาดนี”
้ เซี่ยเฟิ งดึงมือของอวี๋ตงขึน
้ มาดูก็เห็นว่า
ฝ่ ามือของเธอเย็นจนเริ่มกลายเป็ นสีเขียวแล้ว
หลังจากนัน
้ อวี๋ตงก็ก้มหน้าลงและเขี่ยเท้าไปมา
“เป็ นอะไรไป?” เซี่ยเฟิ งเห็นอารมณ์ของอวี๋ตงที่
จู่ๆก็เปลี่ยนไป
“ฉันแค่อยากจับมือกับคุณ” อวี๋ตงพูดเบาจนคำ
พูดนัน
้ แทบจะกลืนหายไปกับสายลม
โชคดีที่พวกเขายืนอยู่ใกล้กันมากดังนัน
้ เซี่ยเฟิ ง
จึงได้ยินที่เธอพูด
สายตาของเซี่ยเฟิ งตกลงบนกระหม่อมของอวี๋ตง
จากนัน
้ ก็เลื่อนลงไปมองยังมือที่เกาะกุมกันอยู่ พอก
ระพริบตามือของอวี๋ตงก็ถูกจับใส่ลงในกระเป๋าเสื้อ
โค้ทของเขา
อวี๋ตงตะลึงกับการกระทำของเซี่ยเฟิ ง เมื่อเธอ
รู้สึกว่ามือของเธอถูกจับใส่ลงในกระเป๋าเสื้อที่อบอุ่น
เธอก็เงยหน้าขึน
้ มองอย่างสับสนและเห็นเซี่ยเฟิ งส่ง
ยิม
้ มาให้
“แบบนีก
้ ็ไม่เย็นแล้ว”
อวี๋ตงยิม
้ ตอบ
“มาเถอะ หิมะเริ่มตกแล้ว” หลังจากนัน
้ เซี่ยเฟิ
งก็กระตุ้นให้อวี๋ตงเดินต่อ
ขณะที่พวกเขาเดินไปตามทางฝ่ ามือของทัง้ คู่
แนบกระชับกันอยู่ในกระเป๋าพร้อมกับหิมะที่เริ่ม
โปรยปราย อวี๋ตงรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังอยู่ใน
ละครเกาหลี
“ระวัง!” เซี่ยเฟิ งคว้าตัวอยูตงเอาไว้ทันทีขณะที่
เธอเหยียบบนพื้นที่เป็ นน้ำแข็งหวิดจะลื่นล้ม
เซี่ยเฟิ งหัวเราะแล้วพูดว่า “ทำไมคุณเดินไม่ดู
ทาง?”
“ไม่ใช่ว่าคุณเป็ นคนเดินนำฉันหรอกเหรอ?” อวี๋
ตงแย้ง
เซี่ยเฟิ งกระพริบตาจากนัน
้ จู่ๆก็ร้ส
ู ึกมีความสุข
นิดหน่อย เขาเอามือของอวี๋ตงใส่กลับเข้าไปใน
กระเป๋าเสื้อโค้ทของเขาแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ผมผิด
เอง”
ทันใดนัน
้ อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกว่าตัวเองค่อนข้างไร้เหตุผล
จึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ฉันได้ยินมาว่า เมื่อ 2-
3 วันก่อน คุณได้เจอเสี่ยวเยว่กับซินซินที่โรง
พยาบาล”
“พวกเธอบอกคุณเหรอ?” เซี่ยเฟิ งไม่ได้เล่าให้อวี๋
ตงฟั งแต่เขาก็ไม่แปลกใจที่เธอรู้เรื่องนี ้
“ซินซินบอกว่าคุณช่วยเธอลัดคิว”
“มันไม่ใช่การลัดคิว ผมใช้เวลาช่วงพักเบรคของ
เพื่อนร่วมงานหลังจากนัน
้ ผมก็พาพวกเธอไปเลีย
้ ง
กาแฟ” เซี่ยเฟิ งอธิบาย
“งัน
้ กาแฟก็คุ้มค่า”
“ทำไมคุณพูดแบบนัน
้ ?” เซี่ยเฟิ งถามด้วยความ
สงสัย
“เสี่ยวเยว่กับซินซินเป็ นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
หลังจากที่พวกเธอได้ยินเรื่องของเราพวกเธอก็
รบเร้าให้ฉันพาคุณไปพบอยู่ตลอด” อวี๋ตงเหลือบ
มองแล้วก็เห็นว่าเซี่ยเฟิ งยิม
้ “กลัวเหรอ?”
“นั่นเป็ นเหตุผลที่ผมไปที่นั่นในวันนัันและ

พยายามสร้างความประทับใจ” เซี่ยเฟิ งขยิบตาใส่


“โอ้…กลายเป็ นว่าคุณทำสำเร็จ” อวี๋ตงพูดเกิน
จริงอย่างจงใจ
เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
“แต่แผนของคุณก็ประสบความสำเร็จมาก” อวี๋
ตงออกความเห็น “อย่างน้อยก็ 50%”
“50%?” เซี่ยเฟิ งงุนงง
“คุณช่วยซินซินลัดคิว เธอก็เลยเข้าข้างคุณ”
“แต่ไม่ใช่กับเสี่ยวเยว่คุณยังไม่ผ่าน” เซี่ยเฟิ งเลิก
คิว้ “ผมจำได้ว่าตอนที่เธอผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบผมก็
ช่วยเธอเป็ นพิเศษแถมยังถามหมอให้ด้วยเรื่องแผล
เป็ น”
“นั่นมัน…”
อวี๋ตงอยากจะพูดต่อแต่เซี่ยเฟิ งขัดจังหวะด้วย
ท่าทางกังวล “นั่นใช่คนหรือเปล่าที่นอนอยู่ตรง
นัน
้ ?”
เมื่อมองตรงไปข้างหน้า อวี๋ตงก็เห็นเงาร่างดำๆ
นอนอยู่บนพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะ
พวกเขารีบวิ่งไปยังร่างที่เห็นนอนห่างไป
ประมาณ 10 เมตรทันที เมื่ออวี๋ตงเห็นว่าเป็ นชาย
ชราที่นอนฟุบอยู่บนพื้นจึงยกโทรศัพท์ขึน
้ มา
อัตโนมัติ เธอถ่ายรูป 2-3 รูป แล้วจึงถ่ายวิดีโอ
เซ๊่ยเฟิ งวิ่งไปหยุดอยู่ข้างชายชราแล้วหันกลับมา
มองอวี๋ตงที่ยังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ เขาเช็คอาการ
ของชายชราจากนัน
้ ก็หันกลับไปตะโกนใส่อวี๋ตง
“ไปที่รถแล้วขับมาที่นี่!”
“โอ้!” ในที่สุดอวี๋ตงก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เธอรีบวิ่ง
ไปที่รถ ทัง้ สองคนขับรถพาชายชราไปส่งที่โรง
พยาบาล
โชคดีที่ชายชรามีโทรศัพท์ พวกเขาจึงได้โทร
ติดต่อไปยังครอบครัของชายชรา หลังจากติดต่อกับ
ครอบครัวของทางนัน
้ แล้วทัง้ คู่ก็ออกจากโรง
พยาบาลขับรถกลับบ้าน
ตลอดทางเซี่ยเฟิ งไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
และเขากลับเข้าห้องไปทันทีหลังจากกลับถึงบ้าน
อวี๋ตงความรู้สึกไวมากพอที่จะรับรู้ได้ว่าเซี่ยเฟิ
งกำลังโกรธแต่เธอไม่ร้ว
ู ่าเรื่องอะไร
อวี๋ตงลังเลแต่ในที่สุดก็ไปเคาะประตูห้องของ
เซี่ยเฟิ ง
“มีอะไร?” เซี่ยเฟิ งถาม
“คุณ…โกรธอยู่เหรอ?” อวี๋ตงถาม “เกิดอะไร
ขึน
้ ?”
เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตงอย่างพิจารณาแต่เห็นว่าเธอไม่
ได้ความละอายใจหรือรู้สึกผิดเลย บางทีเธออาจจะ
ไม่ร้จ
ู ริงๆ
เซี่ยเฟิ งถอนหายใจอยู่ในใจก่อนพาเธอกลับไปที่
ห้องนั่งเล่น
“ตอนอยู่ที่นั่นคุณกำลังทำอะไรอยู่เมื่อผมบอกให้
คุณไปขับรถมา?” เซี่ยเฟิ งถาม
อวี๋ตงตอบว่า “ฉันกำลังถ่ายวีดิโอ”
“ผู้เฒ่ามีอาการเลือดออกในสมอง มีความเป็ นไป
ได้ว่าเขาอาจจะตายถ้าเขาถูกส่งไปโรงพยาบาลช้า
ไปแค่นาทีเดียว” เซี่ยเฟิ งบอก
“นั่นมันน่ากลัวมากแต่เราก็พาเขาไปส่งโรง
พยาบาลได้ทันเวลา” อวี๋ตงยังคงไม่เข้าใจ
“ถ้าเราช่วยชีวิตเขาไม่ทันเพียงเพราะช้าไปแค่
หนึ่งนาที…” เซี่ยเฟิ งมองจ้องอวี๋ตง
แต่อวี๋ตงก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยเฟิ งถึงโกรธ หลัง
จากนัน
้ เขาจึงเริ่มสงสัยไอคิวของเธออย่างจริงจัง
“ทำไมคุณถึงถ่ายรูปแล้วก็ถ่ายวีดิโอล่ะ?” เซี่ยเฟิ
งพิศวง
“ฉัน…” อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าจะอธิบายยังไงดี การถ่าย
รูปและวีดิโอเป็ นหลักฐานเมื่อพบผู้สูงอายุที่ล้มอยู่
บนพื้นเป็ นมาตรการป้ องกันตัวเอง
ในปี  2007 กรณีที่ช่วยเหลือผู้สูงอายุจะเสี่ยงต่อ
การถูกหลอกและแบล็คเมลยังไม่แพร่หลาย
   “คุณควรจะคิดใคร่ครวญเรื่องนี…
้ ” เมื่อเห็น
ว่าสีหน้าของอวี๋ตงยังไม่มีร่องรอยของความเสียใจ
เซี่ยเฟิ งก็ค่อนข้างผิดหวังจึงกลับไปยังห้องของตัว
เอง
อวี๋ตงนั่งอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งถึง
เวลาที่ต้องไปทำงาน
เซี่ยเฟิ งยืนอยู่ตรงระเบียงจมอยู่ในความคิดขณะ
ที่มองรถของอวี๋ตงแล่นออกไป

“สวัสดีทุกคน นี่คือ FM 9666 ตอนนีค
้ ุณกำลัง
ฟั ง Midnight Phantom อยู่ ฉันคือดีเจ อวี๋ต้ง”
อวี๋ตงยังจัดรายการตามปกติแต่ผู้ฟังรู้สึกถึงความ
แปรปรวนทางอารมณ์ของดีเจในคืนนี ้ ดังนัน
้ ผู้ฟังจึง
เริ่มส่งข้อความเข้ามาถาม
[วันนีเ้ กิดอะไรขึน
้ กับ อวี๋ต้ง? อารมณ์ของเธอดู
หดหู่มาก]
[อวี๋ต้ง ไม่สบายหรือเปล่า?]
[มีบางอย่างเกิดขึน
้ กับดีเจหรือเปล่า?]
[มีใครส่งจดหมายพร้อมกับแนบเงินไปด้วยเลย
ทำให้ดีเจถูกตำหนิใช่ไหม?]
….
อวี๋ต้ง อ่านข้อความที่เลื่อนอยู่บนหน้าจอ
คอมพิวเตอร์ อารมณ์ที่มืดหม่นของเธอก็ดีขึน
้ เล็ก
น้อย
หลังจากครุ่นคิดเธอก็เปิ ดไมโครโฟนก่อนจัด
ระเบียบความคิดและเริ่มพูด “มีผู้ฟังจำนวนมาก
เพิ่งจะถามฉันว่า ‘เกิดอะไรขึน
้ กับ อวี๋ต้ง?’ พวกคุณ
รู้ว่าคืนนีฉ
้ ันอารมณ์ไม่ค่อยดี”
มีข้อความไหลขึน
้ มาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อ
ถามว่าเกิดอะไรขึน

“ฉันไม่ร้ว
ู ่าเพื่อนๆผู้ฟังเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า
“แตะเครื่องลายครามก่อนถือเป็ นจำเลย” โดยคำ
กล่าวนีเ้ ป็ นเรื่องของพี่น้องตระกูลหนึ่งที่เริ่มตกต่ำ
ในสมัยราชวงศ์ชิง คนเหล่านีน
้ ำเครื่องลายคราม
ของปลอมราคาแพงออกมาและจงใจขนย้ายข้าม
ถนนโดยรถม้า ก่อนจะแสร้งปล่อยในคนเข้ามาชน
ทำให้เครื่องลายครามตกแตก เขาตะโกนเรียกร้อง
ความเป็ นธรรมและบังคับให้คนที่เข้ามาชนจ่ายค่า
เสียหายด้วยราคาเครื่องลายครามของจริง”
อวี๋ตงหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อไปว่า “อ
วี๋ต้ง ได้พบเหตุการณ์ในละแวกที่เธออยู่ ก่อนหน้านี ้
มีชายใจดีเห็นชายชราคนหนึ่งล้มอยู่ที่ป้ายรถ
โดยสาร ชายหนุ่มพยายามช่วยชายชราด้วยความ
เมตตาโดยการส่งเขาไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ
เขาทำในสิ่งที่ดีมากแต่ในเช้าวันรุ่งขึน
้ ครอบครัวของ
ชายชรากลับกล่าวหาว่าชายหนุ่มทำร้ายชายชรา
และต้องการให้เขาจ่ายเงินชดเชย 80,000 หยวน
สำหรับค่ารักษาพยาบาลและการพักฟื้ น”
[เหงื่อตก…มันเกิดขึน
้ ได้ยังไง?]
[นั่นมันมากเกินไปแล้ว โทรหาตำรวจ]
…..
ข้อความในทำนองเดียวกันเริ่มโผล่ขึน
้ มาบนหน้า
จอคอมพิวเตอร์ อวี๋ตงพูดต่อไปว่า “ตัง้ แต่นัน
้ ผู้คนที่
เจอผู้สูงอายุที่มีอาการเจ็บป่ วยหรือบาดเจ็บก็ไม่
กล้าให้ความช่วยเหลือด้วยกลัวว่าจะถูกเอาเปรียบ
หรือเกิดเรื่องแบบ การแตะเครื่องลายคราม”
“ต่อมามีบางคนเกิดความคิดที่ว่า ถ้าหากมีหลัก
ฐานก่อนที่จะให้การช่วยเหลือก็จะเป็ นการดี ดังนัน

พวกเขาจะได้ช่วยเหลือผู้อ่ น
ื และยังเป็ นการป้ องกัน
ตัวเองไปด้วยในคราวเดียวกัน”
[เป็ นความคิดที่ดีไม่อย่างนัน
้ ถ้าเห็นใครบางคน
ล้มอยู่กับพื้นแต่ไม่ช่วยอะไรเลยก็ดูไม่ค่อยดีนัก]
[วิธีนด
ี ้ ี]
“ดังนัน
้ ฉันก็เลยติดนิสัยแบบนีม
้ า” เมื่ออวี๋ตงพูด
จบเธอก็นึกถึงสีหน้าผิดหวังของเซี่ยเฟิ งในใจของ
เธอรู้สึกเศร้าและรู้สึกผิด “วันนีฉ
้ ันออกไปกินข้าว
เย็นกับคนที่ฉันชอบและเจอชายชราคนหนึ่งล้มอยู่
ที่ข้างถนน”
[เป็ นเรื่องบังเอิญเหรอ?]
[ดีเจ คุณได้ช่วยหรือเปล่า?]
“เพื่อนของฉันรีบวิ่งเข้าไปช่วยชายชรา ส่วนฉัน
ใช้โทรศัพท์ของตัวเองถ่ายวีดิโอประมาณ 1 นาที”
อวี๋ตงพูดต่อ “เมื่อเราพาชายชราไปส่งโรงพยาบาล
หมอบอกว่าเป็ นภาวะเลือดออกในสมองถ้าช้าไปแค่ 
1 นาทีเขาก็อาจเสียชีวิตได้”
[ฉิวเฉียด]
[อันตราย!]
[ฉันรู้แล้วว่าทำไมดีเจอารมณ์ไม่ดี]
“หลังจากนัน
้ เพื่อนของฉันก็ร้ส
ู ึกผิดหวังในตัวฉัน
และถามฉันว่า ทำไมถึงมัวแต่ถ่ายวีดิโอใน
สถานการณ์ที่เร่งด่วนแบบนัน
้ ” ในที่สุดอวี๋ตงก็เล่า
เรื่องของเธอจบ
[มันยากที่จะบอกว่าใครผิด]
[ดีเจชอบใครบางคน? พวกเราทำอะไรได้บ้าง? เ
กิดการเข้าใจผิดกันใช่หรือเปล่า?]
[ชายชราคนนัน
้ สบายดี?]
[ถ้าฉันเป็ นเพื่อนของดีเจ ฉันก็คงจะรู้สึกผิดหวัง
เหมือนกัน ถ้ามีชีวิตคนตกอยู่ในความเสี่ยง]
มีการพูดคุยกันผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์
ผู้คนแสดงความคิดเห็นหลากหลาย
เมื่อเส้าอีฝ
้ านโทรหาเซี่ยเฟิ งที่ยังรู้สึกผิดหวังใน
ตัวอวี๋ตงอยู่ ขณะที่เขากำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บน
เตียง
“อืม?”
“นายทะเลาะกับอวี๋ตงเหรอ?” เส้าอีฝ
้ านยิง
คำถามทันที
“เปล่า” เซี่ยเฟิ งปฏิเสธ
“อย่ามาโกหก ฉันเพิ่งจะได้ฟังอวี๋ตงทางวิทยุ เธอ
บอกว่าตอนที่ออกไปกินข้าวนายช่วยชายชราคน
หนึ่งเอาไว้”
เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้ ทันที ทำไมเรื่องนีถ
้ ึงไปอยู่ใน
รายการของอวี๋ตงได้
“นายไม่ได้ฟังรายการของอวี๋ตงใช่ไหม?” เส้าอี ้
ฝานถาม
เซี่ยเฟิ งไม่ตอบ
“ดังนัน
้ นายก็เลยไม่ได้ฟังคำอธิบายของอีกฝ่ าย”
เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของเพื่อนตัวเอง เส้าอีฝ
้ านก็เลย
ทำหน้าที่บรรยายเรื่องราวของอวี๋ตงให้เซี่ยเฟิ งฟั ง
อีกรอบ
“ฉันฟั งเสียงของอวี๋ตงแล้วฉันก็ร้ส
ู ึกว่าเสียงของ
เธอขาดหายเป็ นช่วงๆ เหมือนกำลังร้องไห้” เส้าอี ้
ฝานพูดเกินจริง
“ร้องไห้?” ท่าทางของเซี่ยเฟิ งเปลี่ยนไปทันทีที่
ได้ยิน
“ใช่ นายอายุเท่าไหร่แล้ว อวี๋ตงอายุแค่ 22 เธอ
เพิ่งจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ว่านายควร
จะพูดคุยและรับฟั งคำอธิบายของคนอื่นบ้างเหรอ? 
แล้วดูสิว่านายทำอะไร นายเพิ่งจะตัง้ คำถามและ
ตัดสินใครบางคนไป” เส้าอีฝ
้ านพูดต่อไปว่า “นาย
คิดว่าทุกคนเป็ นหมอเหมือนอย่างพวกเราเหรอ? ที่
รู้ความแตกต่างระหว่างเลือดออกในสมองของ
ปลอมกับของจริง?”
แต่เซี่ยเฟิ งไม่ได้ฟังในสมองของเขาเต็มไปด้วย
ภาพของอวี๋ตงที่แอบร้องไห้อยู่เงียบๆ
เซี่ยเฟิ งกำโทรศัพท์แน่นจู่ๆเขาก็ร้ส
ู ึกทุกข์ใจนิด
หน่อย
เขาดูเวลา ตีหนึ่งครึ่ง
เซี่ยเฟิ งลุกขึน
้ จากเตียงแต่งตัวแล้วขับรถไปยัง
สถานีวิทยุ
เมื่ออวี๋ตงที่กำลังเดินก้มหน้าก้มตาออกจาก
อาคาร เธอก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนของเซี่ยเฟิ ง
“ผมไม่ได้บอกหรอกเหรอว่าให้เดินดูทางด้วย ถ้า
คุณลื่นล้มอีกจะทำยังไง?”
อวี๋ตงเงยหน้าขึน
้ มองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เซี่ยเฟิ งจับมือเย็นเฉียบของอวี๋ตงอย่างนุ่มนวล
“กลับบ้านกันเถอะ”
.................
ตอนที่ 26 จูบ
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของอวี๋ตงบ่งบอก
ความสงสัยและไม่สบายใจ
“ผมมารับคุณ” เซี่ยเฟิ งสังเกตเห็นว่าอวี๋ตงไม่ได้
ใส่ผ้าพันคอ เขาจึงปลดผ้าพันคอของตัวเองออก
แล้วพันให้เธอ
“คุณ…ไม่ใช่ว่าโกรธฉันอยู่เหรอ?” อวี๋ตงมุดหน้า
ลงใต้ผ้าพันคอของเซี่ยเฟิ งที่ยังมีไออุ่นอยู่
เซี่ยเฟิ งยืนอยู่ตรงหน้าอวี๋ตงมือของเขายังคงสอด
อยู่ในผ้าพันคอที่พันให้เธอ ดังนัน
้ จึงง่ายที่จะสังเกต
เห็นความไม่สบายใจที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ
ความเจ็บปวดใจของเขาทวีความรุนแรงมากขึน

“มันเป็ นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรใส่
อารมณ์กับคุณมากเกินไป” เซี่ยเฟิ งขอโทษ ขณะที่
เขายกมือขึน
้ เกลี่ยผมหน้าม้าของอวี๋ตง
“ไม่หรอก ฉันไม่ดีเอง ฉันไม่ควรมัวแต่ถ่ายวีดิโอ
ในสถานการณ์แบบนัน
้ ” อวี๋ตงส่ายหน้า
“กลับบ้านกันก่อน มันหนาวเกินไปที่จะมายืนคุย
กันอยู่ข้างนอกแบบนี”
้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยืนอยู่
ข้างนอกนานนักแต่เซี่ยเฟิ งเห็นอวี๋ตงถูกความเย็น
จนตัวสั่นไปหมดแล้ว
เขาจับมือเธอแล้วพาเดินไปที่รถ
“รถของฉัน…” ขณะที่เดินไป อวี๋ตงก็นึกได้ว่ารถ
ของเธอยังจอดอยู่ที่ลานจอดรถ
“พรุ่งนีค
้ ุณค่อยมาขับมันกลับไป” เซี่ยเฟิ งเปิ ด
ประตูรถก่อนดันอวี๋ตงเข้าไปข้างใน หลังจากนัน
้ ครู่
หนึ่งสีหน้าของเธอก็กลับมาแดงเรื่ออีกครัง้
“โอ้”
เนื่องจากหิมะตกจึงทำให้รถแล่นได้ช้า แสงไฟ
สลัวเป็ นแหล่งความอบอุ่นเดียวของเมือง
อวี๋ตงรู้สึกอึดอัดใจตัง้ แต่ที่เซี่ยเฟิ งซ่อนตัวอยู่ใน
ห้องของเขาซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่าง
มาก อวี๋ตงไม่เคยสนใจความคิดของผู้คนมากนักใน
ช่วงหลายปี ที่ผ่านมา
“วันนีฉ
้ ันแย่มากใช่ไหม? คุณผิดหวังในตัวฉันใช่
หรือเปล่า?” อวี๋ตงถามด้วยความรู้สึกวูบโหวง
เซี่ยเฟิ งไม่อยากจะพูดเรื่องนีก
้ ับอวี๋ตงในขณะที่
ขับรถอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ต้องระวังเป็ น
พิเศษเนื่องจากถนนเต็มไปด้วยหิมะ ยังไงก็ตามอวี๋
ตงดูเศร้ามากจนเซี่ยเฟิ งลังเล จากนัน
้ เขาก็กด
สัญญาณไฟเลีย
้ วและจอดรถที่ริมถนน
“คุณจะช่วยคนๆนัน
้ หลังจากที่ถ่ายวีดิโอแล้วใช่
ไหม?” เซี่ยเฟิ งถาม
“ใช่ฉันจะช่วย” อวี๋ตงยืนยันแทบจะทันที
“ดีแล้ว!” เซี่ยเฟิ งพูดต่อไป “อันที่จริงแล้วผมไม่
ได้ผิดหวังในตัวคุณมากขนาดนัน
้ แต่ผมกลัว ผมกลัว
ว่า…คุณจะกลายเป็ นคนไร้หัวใจ”
หัวใจของอวี๋ตงราวกับถูกฟ้ าผ่า เธอถามตัวเองว่า
‘เธอเป็ นคนไร้ใจหรือเปล่า?’
หลังจากที่อยู่ตัวคนเดียวมา 10 ปี เธอคุ้นเคยกับ
การเพิกเฉยในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในชีวิตก่อนที่เธอไม่ชอบเข้าสังคม และ
ความเกลียดชังได้กลายเป็ นเรื่องธรรมดามากขึน

ผู้คนปิ ดกัน
้ หัวใจของพวกเขาถือเป็ นบรรทัดฐาน
บางครัง้ อวี๋ตงก็มักจะสงสัยว่า ทัง้ ๆที่เมืองก็ใหญ่
แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่เสมอ
อาจจะเป็ นเพราะเธออยู่ตัวคนเดียวมานาน เธอ
จึงไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้อีกต่อไป?
อวี๋ตงมักจะซื่อสัตย์กับตัวเองเสมอถ้ามันเป็ นเรื่อง
ที่เกี่ยวกับเซี่ยเฟิ ง
ถ้าเธอต้องการอะไร เธอก็จะบอกกับเซี่ยเฟิ งไม่
ปล่อยให้เขาเข้าใจผิด
ถ้าเธออยากรู้อะไร ก็แค่ถามเซี่ยเฟิ งไม่ปล่อยให้
ตัวเองเข้าใจเขาผิด
แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งเหล่านีก
้ ็ยังหลีกเลี่ยงความขัด
แย้งไม่ได้
“เห็นได้ชัดว่าคุณเพียงแค่ระมัดระวังตัวมากเกิน
ไปเท่านัน
้ ” เซี่ยเฟิ งขอโทษอีกครัง้ “ดังนัน
้ มันจึง
เป็ นความผิดของผมเองที่ไม่ฟังคำอธิบายของคุณ”
“คุณ…คุณได้ฟังรายการของฉันใช่ไหม?” อวี๋ตง
เดา
“เส้าอีฝ
้ านบอกผม” เซี่ยเฟิ งหัวเราะ “เขาเป็ น
แฟนคลับของคุณ”
“โอ้” อารมณ์ของอวี๋ตงยังไม่ดีขึน

“คุณ…คุณโกรธผมเหรอ?” เซี่ยเฟิ งเห็นว่าอวี๋ตง
ยังไม่กลับมาเป็ นปกติจึงถามเธอตรงๆ
อวี๋ตงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเป็ นคนไร้หัวใจเห
รอ?”
“ไม่ใช่ วันนีเ้ ป็ นผมที่ผิด”
“ตอนนีฉ
้ ันกลัวจริงๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึน
้ กับชาย
ชราคนนัน
้ ฉันจะกลายเป็ นฆาตกรใช่ไหม?” ดวงตา
ของอวี๋ตงเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำตา “สิ่งที่ฉันพูดใน
รายการคืนนีก
้ ็เป็ นแค่คำแก้ตัวกับสิ่งเกิดขึน

ปฏิกิริยาแรกของฉันคือไม่ได้พยายามที่จะช่วยชาย
ชราคนนัน
้ ที่ฉันทำคือการปกป้ องตัวเอง! เรื่องแตะ
เครื่องลายครามอะไรนั่น! ทำไมฉันถึงต้องไปสงสัย
ในตัวคนอื่นตัง้ แต่แรกด้วย”
“อวี๋ตง…” เซี่ยเฟิ งไม่ร้จ
ู ะพูดอะไรดี
“คุณพูดถูก ฉันเป็ นคนที่คิดถึงแต่ตัวเอง…”
“หยุดได้แล้ว!” เซี่ยเฟิ งคว้าตัวอวี๋ตงเข้ามากอด
เต็มไปด้วยความเกลียดชังตัวเอง เขาพูดต่อไปว่า
“มันเป็ นความผิดของผมเอง ความผิดของผม!”
“เซี่ยเฟิ ง ฉันกลัวจริงๆ ฉันกลัวสิ่งที่อาจจะเกิด
ขึน
้ กับชายชราคนนัน
้ กลัวว่าคุณจะเกลียดฉัน…”
“ไม่ ผมไม่มีวันเกลียดคุณ!”
“ฉันคิดอยู่ตลอดว่าตราบใดที่ฉันไม่ทำร้ายคนอื่น
ฉันก็จะเป็ นคนดี…” อวี๋ตงเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
พยายามเค้นคำพูดออกมา
เซี่ยเฟิ งเป็ นทุกข์มากยิ่งขึน
้ ตอนนีเ้ ขาอยากจะตี
ตัวเองหลายๆที แต่เขาได้เพียงโอบกอดอวี๋ตงเอาไว้
ให้แน่นๆ และพูดว่าเป็ นความผิดของเขาซ้ำแล้วซ้ำ
อีก
สุดท้ายเมื่ออวี๋ตงสงบลง เซี่ยเฟิ งก็ยกมือทัง้ สอง
ข้างกุมใบหน้าแดงก่ำของเธอเอาไว้ ก่อนจะพูดด้วย
ท่าทางจริงจัง “อย่าร้องไห้ ไม่งัน
้ ผมคงใจสลาย”
อวี๋ตงกระพริบตา
“คุณไม่ได้เป็ นคนเห็นแก่ตัวหรือไร้หัวใจคุณแค่
รู้สึกอ่อนแอ ดังนัน
้ คุณจึงต้องปกป้ องตัวเอง”
เซี่ยเฟิ งเช็ดน้ำตาจากหางตาของอวี๋ตง แล้วพูด
ต่อว่า “แต่จากนีไ้ ป ผมจะอยู่กับคุณไม่ว่าคุณจะทำ
อะไร ผมจะอยู่ข้างๆคุณ ถ้าคุณตกเป็ นเหยื่อของ
การแตะเครื่องลายคราม ไม่ว่าต้องเสียเงินมากแค่
ไหนผมก็จะช่วยคุณ ตราบใดที่คุณยังเป็ นผู้หญิงที่
จิตใจดีและมองโลกในแง่ดี คนที่ไม่ต้องรู้สึกอ่อนแอ
หรือหวาดกลัว คนที่เชื่อว่าโลกนีส
้ วยงาม”
“เมื่อผมเป็ นหมอ ผมสาบานว่าจะทำตามคำ
ปฏิญาณตนฮิปโปเครติส*** อาชีพของผมทำให้ผม
ต้องมีจริยธรรมของแพทย์ ด้วยเหตุนีผ
้ มจึงมักจะ
เข้มงวดเกินไปเมื่อมันเกี่ยวกับชีวิตคน คุณให้อภัย
กับข้อเสียของผมและช่วยแก้ไขผมได้ไหม?”
***[คำปฏิญาณตน อิปโปเครติส เป็ นคำปฏิญาณ
จริยธรรมแห่งวิชาชีพแพทย์]
อวี๋ตงไม่ได้ร้องไห้อย่างหนักมาหลายปี แล้ว ตอน
นีจ
้ ึงรู้สึกอับอายมากกว่าปกติ เมื่อเห็นเซี่ยเฟิ งที่ยัง
คงจ้องมองมาด้วยสายตาจริงจัง เธอก็ค่อนข้าง
อึดอัดจึงพูดว่า “คุณพูดเหมือนคนที่กำลังกล่าวคำ
สาบานในงานแต่งต่อหน้าบาทหลวงเลย”
“โอ้”
พวกเขาอดที่ยิม
้ ให้กันไม่ได้
ตอนนีท
้ งั ้ สองคนต่างรู้สึกว่าพวกเขาได้ใกล้ชิดกัน
มากขึน
้ อีกเล็กน้อย
อาจจะเป็ นเพราะบรรยากาศหรือบางทีอาจเกิด
จากความจริงที่ว่าพวกเขานั่งอยู่ใกล้กันมากเกินไป
เซี่ยเฟิ งก้มหน้าลงช้าๆและกดปิ ดริมฝี ปากอ่อนนุ่ม
ของอวี๋ตงด้วยริมฝี ปากตัวเอง
ยังคงมีหิมะโปรยปรายอยู่ขา้ งนอก ในช่วงเวลา
สัน
้ ๆทุกอย่างก็ถูกย้อมเป็ นสีขาว

วันต่อมา
เส้าอีฝ
้ านที่มักจะลืมกินมื้อเช้า ก็ได้รับกาแฟและ
คำเชิญทานอาหารกลางวันจากเซี่ยเฟิ ง ได้รับการ
เอาใจใส่แบบนีด
้ ึงดูดความสนใจของเส้าอีฝ
้ าน
“ถ้าฉันเป็ นผู้หญิง ฉันคงสงสัยว่านายกำลังจีบฉัน
อยู่” เส้าอีฝ
้ านมองกาแฟที่เซี่ยเฟิ งส่งมาให้
“นายจะกินหรือเปล่า?” เซี่ยเฟิ งถาม
“นายจะถามทำไม? ฉันจะไม่กินได้ยังไงในเมื่อ
นายยื่นมาให้ถงึ มือขนาดนี”
้ เส้าอีฝ
้ านจิบกาแฟ
ร้อนแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าที่ฉันโทรไปกลางดึกจะ
ได้ผลลัพธ์ที่ดี”
“ฉันแปลกใจที่นายไม่ขอให้ฉันเลีย
้ งข้าวเย็น
นาย” เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
“ดูสีหน้าสดชื่นราวฤดูใบไม้ผลิของนายสิ ถ้ากิน
ข้าวด้วยก็เหมือนนายกำลังฆ่าฉัน”
ตัง้ แต่เช้าแล้วที่เส้าอีฝ
้ านสังเกตเห็นว่ามุมปาก
ของเซี่ยเฟิ งยังไม่ตกลงมาเลย
“ฉันเลีย
้ งมื้อเช้ากับกาแฟนาย!” เซี่ยเฟิ งชูแก้ว
กาแฟในมือ
“ฉันทำในสิ่งที่ดีมากและนายตอบแทนฉันด้วย
อาหารมื้อเล็กๆแค่นีเ้ หรอ?” เส้าอีฝ
้ านหน้ามุ่ย
“แล้วนายต้องการอะไร?”
“นายช่วยบอกความคืบหน้าของนายกับอวี๋ตงให้
ฉันรู้หน่อย” เส้าอีฝ
้ านเข้าโหมดซุบซิบนินทาทันที
“เมื่อวานนีม
้ ีความคืบหน้าจริง” ดวงตาของ
เซี่ยเฟิ งอ่อนโยนขึน
้ เมื่อจำริมฝี ปากอ่อนนุ่มของอวี๋
ตงและกลิ่นอายที่อ่อนโยนของเธอได้
“ฉันคิดว่าฉันอาจจะตายด้วยความกระหาย”
เส้าอีฝ
้ านร้องออกมา
“แต่ฉันเพิ่งซื้อกาแฟให้นาย” เซี่ยเฟิ ง
“ฉันหมายถึง การมองดูสีหน้าหวานแหววอ่อน
โยนนั่นมันทำให้ฉันอยากกินอาหารที่มีรสเค็ม” เส้า
อีฝ
้ านตบหน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า “คงเหมือนฉัน
ถูกดาเมจได้รับความเสียหาย 10,000 แต้ม ฉัน
ต้องหาแฟนให้ได้เร็วๆแล้ว”
“ถ้าอย่างนัน
้ ก็ตงั ้ ใจหาเข้า” เซี่ยเฟิ งบอก
“แต่ฉันทำไม่ได้ ไม่มีใครเหมาะเลย อ๊าา” เส้าอี ้
ฝานอิจฉาขณะบ่นต่อไป “นายคิดว่ามันง่ายนักหรือ
ไง ถ้าทุกคนสามารถเจอคนที่ต้องการเหมือนอย่าง
นายที่แค่นั่งยองๆอยู่หน้าสำนักงานฝ่ ายกิจการ
พลเรือนก็เจอแล้ว” เมื่อได้ยินแบบนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็
หัวเราะ
“ฉันบอกนายแล้วว่าโชคของนายดีจริงๆ” เส้าอี ้
ฝานถ่มน้ำลาย “นายมีภรรยาที่สวยและอ่อนโยน
แฟนเก่าของนายก็ยังตามติดนายอยู่”
“นายกำลังพูดเรื่องอะไร?” เซี่ยเฟิ งหมดคำพูด
“ฉันไม่ได้พูดไร้สาระ” เส้าอีฝ
้ านบอก “อันอันยัง
โทรมาหาฉัน ถามเกี่ยวกับนายเมื่อ 2 วันก่อน ฉัน
คิดว่านายจะเจอเรื่องยุ่งยากตอนที่เธอเรียนจบกลับ
มา”
“ตามที่ฉันบอก ฉันเลิกกับเธอแล้ว”
“ไม่ใช่ ฟั งฉันนะ เมื่อพูดถึงเรื่องการเลิกราฉันมี
ประสบการณ์มากกว่านาย” เส้าอีฝ
้ านยืดอก
“ตราบใดที่ความรักในหัวใจของผู้หญิงยังไม่โรยราก็
ถือว่านายยังไม่ได้เลิกกันเด็ดขาด”
“ฉันจะกำจัดมันได้ยังไง?” เซี่ยเฟิ งถามอย่าง
สงสัย
“ฉันทำให้พวกเธอรู้สึกท้อแท้ เมื่อมากๆเข้าพวก
เธอก็จะเริ่มมีความคิดอยากเลิกกับฉัน” เส้าอีฝ
้ าน
พูดอย่างภาคภูมิใจ “ดังนัน
้ เมื่อพวกเธอเริ่มเยียวยา
ตัวเอง อาการเจ็บปวดเรื้อรังก็จะไม่กลับมาอีก”
“นายเนี่ยเป็ นมะเร็งความรักจริงๆ” เซี่ยเฟิ ง
ประเมิน
“นายพูดอย่างนีไ้ ด้ยังไงหรือว่านายลืมความ
เมตตาอันยิ่งใหญ่ที่ฉันมอบให้นายไปแล้ว” เส้าอี ้
ฝานพูดอย่างขุ่นเคืองใจ
“พรุ่งนีฉ
้ ันจะไปคุนซาน แต่ฉันจะไม่ซ้ือเป็ ดมา
ฝากนาย”*** เซี่ยเฟิ งขู่
“นั่น…ฉันไม่รับ ถึงแม้ว่านายจะเป็ นคนจ่ายเงิน”
เส้าอีฝ
้ านสำลัก
***[เป็ ด เป็ นคำสแลงสำหรับโสเภณีชาย เซี่ยเฟิ ง
พูดถึงเป็ ดที่เป็ นอาหาร แต่เส้าอีฝ
้ านคิดไปในทาง
ลามก]
ตอนที่เซี่ยเฟิ งอยู่ที่อเมริกา เขาช่วยโรงพยาบาล
ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ระดับสูงมาหลายอย่าง โรง
พยาบาลสาขาที่คุนซานต้องติดตัง้ อุปกรณ์ใหม่ ดัง
นัน
้ พรุ่งนีเ้ ซี่ยเฟิ งจึงต้องไปช่วยฝึ กอบรมพนักงาน
เมื่ออวี๋ตงกลับมาถึงบ้านหลังจากแวะไปที่สตูดิโอ
ของเสี่ยวเยว่ เธอก็เห็นเซี่ยเฟิ งกำลังจัดกระเป๋าเดิน
ทางอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางอวี๋ตงก็แปลกใจจึงถาม
ว่า “คุณกำลังจะเดินทางไปทำงานนอกสถานที่เห
รอ?”
“ใช่” เซี่ยเฟิ งเงยหน้าขึน
้ มองแล้วบอกว่า “ผม
จะไปคุนซาน 2 วัน เพื่อฝึ กอบรมพนักงาน ผมจึง
ต้องจัดการเอกสารข้อมูลล่วงหน้า”
“คุณจะขับรถไปเหรอ?”
“ใช่ มันไม่ไกลขับรถแค่ 2 ชั่วโมงเท่านัน
้ ” เซี่ยเฟิ
งบอก “มีรา้ นขายเป็ ดดีๆอยู่ ผมจะซื้อเป็ นของฝาก
ให้เพื่อนๆ แล้วคุณล่ะ? คุณชอบอะไร? ผมจะได้ซ้ือ
มาฝาก”
“ฉันชอบคุณ!” อวี๋ตงพูดขณะที่แสร้งหยิบถ้วยชา
ขึน
้ มาจิบเพื่อปกปิ ดรอยยิม
้ บนใบหน้า
เซี่ยเฟิ งพูดไม่ออก เมื่อเขาเงยหน้าขึน
้ มองก็เห็นอ
วี๋ตงที่ส่งยิม
้ หวานมาให้
เขายังไม่ได้เริ่มเดินทางเลยแต่เขารู้สึกอยากกลับ
บ้านเสียแล้ว!
….................
ตอนที่ 27 ทะเลดอกไม้
ชานเมือง
หลังจากจอดรถอวี๋ตงก็เดินตรงไปยังอาคารที่อยู่
เบื้องหน้าขณะที่คุยโทรศัพท์กับเซี่ยเฟิ งไปด้วย
“คุณถึงหรือยัง?”
“เพิ่งมาถึง!” เซี่ยเฟิ งมองนาฬิกาแล้วพูดว่า “คุณ
จะพลาดข้าวเช้ารีบเข้าไปกินเร็วเข้า”
“วันนีฉ
้ ันกินข้าวเช้ามาแล้ว” อวี๋ตงยิม
้ แล้วพูดว่า
“ตอนนีฉ
้ ันกำลังจะไปคุยบางอย่างกับทีมงานกอง
ถ่าย”
“โอ้ ที่โรงถ่ายหนังและทีวีที่อยู่นอกเมืองน่ะเห
รอ?” เซี่ยเฟิ งถาม
“ใช่!”
“เพื่อไปถึงที่นั่นตามเวลาในตอนนีค
้ ุณก็ต้องตื่น
แต่เช้าไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยเฟิ งเป็ นห่วง
“ถ้าคุณนอนไม่พอ คุณจะมึนหัวแล้วก็ไม่มีสมาธิ
ดังนัน
้ คุณไม่ควรขับรถ”
“จะเป็ นไปได้ยังไง? ถึงจะหงุดหงิดแต่หลังจากที่
ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นก็จะสดชื่นขึน
้ มาเอง” อวี๋ตง
ฮึดฮัดแล้วพูดต่อว่า “ฉันเป็ นผู้นำทีมเจรจาของ
บริษัทคุณกลับทำเหมือนฉันเป็ นเด็ก 3 ขวบ”
“เอาล่ะ คุณดีที่สุด!” เซี่ยเฟิ งทำได้เพียงหัวเราะ
“ทำไมน้ำเสียงของคุณเหมือนกำลังหัวเราะฉัน
อยู่เลย” อวี๋ตงบ่น
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย โอ้ ผู้อำนวยการมา
แล้ว”
“งัน
้ ก็ไปได้แล้ว”
“บ๊าย บาย”
อวี๋ตงอารมณ์ดีขึน
้ เมื่อวางสาย จากนัน
้ ก็ติดต่อไป
ยังทีมงานของผู้กำกับหลิวที่คุ้นเคยกัน
“สวัสดีค่ะ ผูช
้ ่วยผู้กำกับหวัง” เป็ นผู้ช่วยผู้กำกับ
หวังซินที่มาต้อนรับอวี๋ตง
“ผู้ช่วยผู้กำกับหวัง ผู้กำกับหลิวอยู่ที่นี่หรือ
เปล่า? ฉันนำก็อปปี ้ การพากย์มาให้ดูตามที่เขาขอ”
เพราะข้อกำหนดของผู้กำกับหลิวในการพากย์เสียง
นัน
้ สูงมากเป็ นพิเศษ หลังจากเซ็นต์สัญญาแล้วผู้
กำกับหลิวยังคงยืนยันที่จะตรวจสอบในด้านการ
พากย์เสียงด้วยตัวเอง ดังเช่นการขอดูก็อปปี ้ งานใน
วันนี ้
“ผู้กำกับหลิวกำลังไปเยี่ยมกองถ่ายที่อยู่โรงถ่าย
ถัดไป” ผูช
้ ่วยผู้กำกับหวังบอก
“ถ้าอย่างนัน
้ ฉันจะรอเขาอยู่ที่นี่” อวี๋ตงบอก
“ผู้กำกับหลิวอาจจะไม่ได้กลับมาอีกพักใหญ่” ผู้
ช่วยผู้กำกับหวังส่ายหน้าพลางหัวเราะ “มันเป็ นก
องถ่ายของผู้กำกับจ้าว ตอนที่เจอกันพวกเขาคงจะ
คุยกันนานหลายชั่วโมง”
 “เป็ นอย่างนัน
้ ?” อวี๋ตงจึงถามว่า “ถ้างัน
้ ฉันขอ
ไปหาเขาที่นั่นได้ไหม?”
“ได้” ผู้ช่วยผู้กำกับพูด “ถ้าคุณต้องการผมพา
คุณไปได้หลังจากที่ผมเสร็จงานตรงนีแ
้ ล้ว”
อวี๋ตงมองไปยังทีมงานที่กำลังยุ่งอยู่ ในที่สุดก็
ส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ไม่เป็ นไร ไม่ต้องรบกวนคุณ
แล้ว ฉันไปเองได้ค่ะ”
“โอเค อย่างนัน
้ ก็ระวังตัวด้วย!” ผู้ช่วยผู้กำกับ
หวังเตือน
“เอ๊ะ?” อวี๋ตงงงว่าต้องระวังอะไร
“ผู้กำกับจ้าวกำลังถ่ายทำหนังสืบสวน มันน่าจะ
เป็ นเรื่องเกี่ยวกับฆาตกรโรคจิต ดังนัน
้ จึงมีสเปเชียล
เอฟเฟ็ คเยอะมากที่ต้องถ่าย ทีมงานหญิงบางคน
กลัวกันมาก” ผูช
้ ่วยผู้กำกับหวังอธิบาย
“โอ้ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะระวัง ขอบคุณค่ะ” อวี๋
ตงตอบ
แม้ว่ากองถ่ายจะอยู่ที่โรงถ่ายถัดไปแต่มันก็ค่อน
ข้างไกลพอสมควร อวี๋ตงต้องเดินไป
ประมาณ 10 นาทีกว่าจะถึงที่นั่น
เมื่อเธอมาถึงตรงทางเข้า เธอก็เห็นผู้หญิงหลาย
คนยืนเบียดเสียดกันอยู่ใกล้ๆถังขยะ
“ขอโทษค่ะ ผู้กำกับหลิวอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” อวี๋ตง
ถามพนักงานคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ใช่”
“ฉันขอเข้าไปข้างในได้ไหม?” อวี๋ตงถาม
ทีมงานที่เหลือเหลือบมองอวี๋ตงแล้วพูดอย่าง
ลังเล “ฉากที่พวกเขากำลังถ่ายทำกันอยู่ตอนนีค
้ ่อน
ข้างจะน่ากลัว ฉันเรียกเขาออกมาให้คุณได้”
หนังเรื่องนีม
้ ันน่ากลัวขนาดไหนกัน? ความอยาก
รู้อยากเห็นของอวี๋ตงเริ่มพุ่งสูงขึน

“ไม่เป็ นไร ไหนๆ ฉันก็มาถึงที่นี่แล้ว ฉันไปหาเขา
เองจะดีกว่า” อวี๋ตงบอก
“ก็ได้” จากนัน
้ พนักงานคนนัน
้ ก็ชีไ้ ปยังทิศหนึ่ง
แล้วพูดว่า “ผู้กำกับหลิวกับผู้กำกับจ้าวอยู่ทางนัน
้ ”
อวี๋ตงขอบคุณชายคนนัน
้ แล้วเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ เธอก็ได้ยินเสียง
ผู้ชาย 2 คนกำลังทะเลาะกันเสียงดัง
“ฉันจะบอกนายนะ จ้าวนายไม่สามารถฉายเจ้า
สิ่งนีไ้ ด้” เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับหลิวเป็ นคนพูด
“มันเรียกว่าความสมจริงในการสร้างภาพยนตร์
มันจำเป็ นต้องสมเหตุสมผลและสมจริงไม่ใช่รึไง?” 
ผู้กำกับจ้าวโต้กลับ “นายคิดว่าแค่เครื่องแต่งกายที่
ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ 2-3 ชิน
้ ของนายเพียง
พอที่จะสร้างความสมจริง? แต่นั่นไม่ได้หมายความ
ว่านายจะรู้ว่าคนที่กำลังจะตายมีท่าทางยังไง? เลือ
ดที่ไหลออกจากมุมปากไม่ได้ทำให้มันเพียงพอ
หรอกนะ”
“นายยังกล้าพูดยอกย้อนฉันอีกนะ ฉากนีม
้ ันมี
เลือดมากเกินไป นายจะต้องเบลอภาพเพื่อให้มัน
เข้าฉายได้” ผู้กำกับหลิวสวนกลับ
“ถ้าฉันฉายในประเทศไม่ได้ ฉันจะเอาไปฉายต่าง
ประเทศ”
“นายมันดื้อด้านเหมือนวัว…”
ก๊อก ก๊อก!
“ผู้กำกับหลิว!” อวี๋ตงขัดจังหวะการโต้เถียงที่ดุ
เดือด
“อวี๋ตง?” ผู้กำกับหลิวเห็นเธอแล้วก็นึกขึน
้ ได้
“โอ้ ใช่แล้ว วันนีผ
้ มขอดูตัวอย่างการพากย์นี่นา”
“ฉันนำตัวก็อปปี ้ มาให้คุณดู ถ้าหากมีปัญหาตรง
ไหนก็บอกฉันได้เลย เราแก้ไขมันได้ตลอด” อวี๋ตง
ส่งตัวก็อปปี ้ งานให้เขา
ผู้กำกับหลิวพยักหน้าขณะที่รับแผ่นก็อปปี ้ งาน
มา
“เอ๊ะ?” อวี๋ตงมองไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ของผู้
กำกับจ้าวโดยบังเอิญ จู่ๆก็ร้ส
ู ึกคุ้นกับฉากที่เห็น
“กลัวเหรอ?” ผู้กำกับหลิวหัวเราะ
“ไม่ค่ะ มันแค่ดูคุ้นๆ” อวี๋ตงคิดอยู่พักหนึ่ง แต่
เธอจำไม่ได้ว่าเคยเห็นฉากนีท
้ ี่ไหนไม่ว่าจะพยายาม
นึกเท่าไหร่ก็ตาม
“คุณเคยเห็นมันเหรอ?” ผู้กำกับจ้าวเมื่อเห็น
ปฏิกิริยาของอวี๋ตงก็คิดว่ามันแปลกอยู่ซักหน่อย
ฉากนีถ
้ ูกทำขึน
้ ตามสคริปต์ดัง้ เดิม มันจึงมีเหตุผลที่
จะบอกได้ว่าไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน
“มันดูคุ้นตา” อวี๋ตงพยายามนึกต่อไป
ทันใดนัน
้ ก็มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นรูปร่างผอมเพรียวเดิน
เข้ามาพร้อมกับถังเลือดปลอม ดวงตาของเขาเป็ น
ประกายเมื่อเห็นอวี๋ตง ก่อนหัวเราะเสียงสดใส
ราวกับแสงตะวัน เขาร้องเรียกออกมา “พี่สาว!”
“เธอนั่นเอง!” อวี๋ตงตกใจเมื่อเธอเห็นเด็กหนุ่ม
“พี่สาว พี่มาหาผมเพื่อดูผมทำหนังเหรอ?” เด็ก
หนุ่มเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางมีความสุข
“เธอกำลังสร้างหนังเหรอ?” อวี๋ตงแปลกใจ
“พี่ไม่ใช่เหรอที่เป็ นคนแนะนำให้ผมรู้จักกับนัก
ลงทุน?” เด็กหนุ่มขยิบตาให้เธอ
อวี๋ตงนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านัน
้ แล้วถามว่า
“อลันลงทุนจริงๆ?”
“ใช่” เด็กหนุ่มพยักหน้าพร้อมรอยยิม
้ “เขายังให้
ผู้กำกับจ้าวเป็ นผู้กำกับหลัก แล้วก็ให้เอดิเตอร์หวัง
ช่วยแก้ไขสคริปต์ให้”
“นี่คือพี่สาวของเธอ?” ผู้กำกับจ้าวถาม
“เธอคือพี่สาวที่อยู่ในสคริปต์” เด็กหนุ่มหัวเราะ
“ในสคริปต์?” ผู้กำกับกับจ้าวมองพิจารณาอวี๋ตง
แล้วถามว่า “คุณชื่ออะไร?”
“สวัสดีค่ะ ผู้กำกับจ้าว ฉันชื่ออวี๋ตง นี่นามบัตร
ของฉัน” โอกาสอันยอดเยี่ยมในการทำความรู้จัก
กับผู้กำกับที่มีช่ อ
ื เสียงแบบนี ้ อวี๋ตงจะพลาดได้ยังไง
“ดี” ผู้กำกับจ้าวรับนามบัตรมาแล้วพูดว่า “คุณ
รู้ไหมว่าคุณได้ช่วยอัจริยะเอาไว้?”
“เอ๊ะ?” อวี๋ตงอุทานด้วยความสงสัย
“พี่สาว ผมจะโชว์ความฝั นของผมให้พี่สาวดู”
เด็กหนุ่มลืมไปแล้วว่าเขามาหาผู้กำกับจ้าว เขาพาอ
วี๋ตงไปยังฉากที่กำลังถ่ายทำอยู่
อวี๋ตงมองไปยังฉากนองเลือด เธอรู้สึกเหมือน
กำลังถูกลำเลียงเข้าไปในห้องเก็บศพที่มีชิน
้ ส่วนศพ
เย็นชืดสีซีด จู่ๆเธอก็ร้ส
ู ึกเย็นสันหลังวาบ
“พี่สาว นี่คือฉากความตายครัง้ ที่ 5 ในความฝั น
ของผม” เด็กหนุ่มบอก “ผู้กำกับจ้าวกับเอดิเตอร์
หวังบอกว่าการตายครัง้ นีเ้ ป็ นฉากการตายที่ยอด
เยี่ยมที่สุด พวกเราจึงได้ถ่ายทำฉากนีเ้ ป็ นฉากแรก”
อวี๋ตงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากขณะที่ฟังเด็กหนุ่ม
พูด เธออยากตะโกนว่า ‘HOLD’ ออกไปใจจะขาด
แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงเล่าถึงรายละเอียดอันน่า
สยดสยองไม่หยุด
แม้ว่าอวี๋ตงจะได้อ่านสคริปต์ในวันที่โชคชะตา
บรรจบกันบนดาดฟ้ า แต่เธอก็อ่านไปเพียงแค่ไม่กี่
หน้าเท่านัน
้ โดยแกล้งทำเป็ นว่าเธออ่านมันทัง้ หมด
แล้ว เธออ่านแค่ผ่านๆ และตีสนิทกับเด็กหนุ่มแทน
ยังไงก็ตามเมื่อได้ฟังเด็กหนุ่มในตอนนี ้ อวี๋ตงก็
ประจักษ์ชัดแล้วว่าเขามีความสุขขนาดไหนโดย
เฉพาะตอนที่เขาพูดถึงเอดิเตอร์หวัง
“เธอกำลังจะบอกว่า เธอรับผิดชอบในการเขียน
สคริปต์สร้างรูปแบบการฆ่าและหน้าที่ของเอดิเตอร์
หวังก็คือเขียนบรรยายขัน
้ ตอนการสืบสวนของ
ตำรวจในคดีฆาตกรรม” หลังจากฟั งจบอวี๋ตงก็ออก
ความเห็น
“ใช่! ไม่มีตำรวจอยู่ในความฝั นของผม เอดิเตอร์
หวังสังเกตเห็นแล้วก็บอกว่าความฝั นของผมไม่
สมจริง”
2 เดือนก่อน ถึงเด็กหนุ่มจะยิม
้ แต่ดวงตาของเขา
ไม่เคยสดใสมีชีวิตชีวา ดูราวกับว่าเขาไม่สนใจโลก
ใบนีอ
้ ีกต่อไป
“เธอยังฝั นถึงเรื่องราวพวกนัน
้ อยู่อีกหรือเปล่า?” 
อวี๋ตงถาม
“ไม่ฝันแล้ว” เด็กหนุ่มยิม
้ “นับตัง้ แต่เอดิเตอร์
หวังจับฆาตกรทัง้ หมดในความฝั นของผม ผมก็ไม่ได้
ฝั นถึงฉากสยดสยองพวกนัน
้ อีก”
“แล้วครอบครัวของเธอล่ะ?” อวี๋ตงจำได้ว่าพ่อ
แม่ของเขาต้องการส่งเขาไปอเมริกา
“ผมย้ายออกมาแล้ว” เด็กหนุ่มบอก “ผมคิดว่า
นั่นถือว่าเป็ นบทสรุปที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนถ้าผม
ออกมาเสียได้”
อวี๋ตงรู้สึกเศร้าที่ได้ยินเรื่องนีแ
้ ต่เธอก็ไม่ร้จ
ู ะพูด
ปลอบใจเขายังไงดี
“แต่ผมชอบชีวิตของผมในตอนนีน
้ ะ” เด็กหนุ่ม
หัวเราะ “ผู้กำกับจ้าวบอกว่าผมเป็ นอัจฉริยะ
เอดิเตอร์หวังชอบคุยกับผม เราพูดคุยกันถึงเรื่อง
สคริปต์จากนัน
้ ก็เรื่องสร้างหนัง ผู้กำกับจ้าวบอกว่า
ภายใน 6 เดือน หนังจะได้ฉายทั่วโลกและทุกคนก็
สามารถเห็นความฝั นของผม”
“พี่สาวรู้หรือเปล่าการทำหนังไม่ใช่ส่วนที่ดีที่สุด”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มแสดงถึงความพึงพอใจ แล้วพูด
ต่อไปว่า “มันคือการที่ผมได้ร้ว
ู ่าถึงผมจะแตกต่าง
จากคนส่วนใหญ่แต่ผมไม่ใช่คนบ้า”
“ไม่ใช่แน่นอน เธอเป็ นอัจฉริยะ!” อวี๋ตงหยิบคำ
พูดของผู้กำกับจ้าวมาพูดอีกครัง้
“อื้อ!” เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างมีความสุข
“ขอลายเซ็นต์ของเธอหน่อย ถ้าเธอดังแล้วฉันจะ
ได้เอาไปอวดเพื่อน”
“ฮ่าฮ่า…” เด็กหนุ่มเซ็นต์ช่ อ
ื ให้ด้วยท่าทางเขิน
อาย
“ฉินหวาง?” อวี๋ตงอ่านออกเสียงดังๆ
“พี่สาวขอโทษด้วย ผมคงอยู่คุยด้วยไม่ได้แล้ว ผู้
กำกับเพิ่งจะเรียกตัวผม” เด็กหนุ่มโบกมือลาแล้ววิ่ง
กลับไปที่กองถ่าย
อวี๋ตงมองลายเซ็นต์ในสมุดบันทึกของเธอพลัน
นึกถึงดาดฟ้ าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ในชีวิตก่อนของ
เธอ
ชื่อที่เขียนไว้บนม้านั่งตรงที่ๆเธอชอบไปนั่งพัก
คืออะไรนะ?
“หอคอย?”
เดี๋ยวก่อน…
“ระเบียงของเส้าหวาง…”***
***[หวาง เป็ นตัวอักษรตัวหนึ่งในชื่อของเด็ก
หนุ่ม และมีความหมายว่า อัศจรรย์]
ทะเลดอกไม้เป็ นตัวแทนของชีวิตอันน่าอัศจรรย์
ที่โรยราและตายไปอย่างรวดเร็ว สวนแห่งนัน
้ อยู่คู่
กับอวี๋ตงมาตลอดในชีวิตก่อนของเธอ ในขณะที่เธอ
เสียใจเงียบเหงาหรือแม้แต่ตอนที่งานท่วมหัว
ทะเลดอกไม้เป็ นที่พักพิงของอวี๋ตง แต่ตอนนีม
้ ัน
ได้ถ่ายทอดความฝั นและความหวังครัง้ ใหม่ของเด็ก
หนุ่ม
บางที ทัง้ โลกจะได้ช่ น
ื ชมมันในวันหนึ่ง
แต่สรวงสวรรค์ของอวี๋ตงล่ะ?

ในคืนนัน

[คุณปลูกดอกไม้ได้หรือเปล่า?] อวี๋ตงส่งข้อความ
ถึงเซี่ยเฟิ ง
[เกิดอะไรขึน
้ ? คุณอยากปลูกดอกไม้เหรอ?]
[ฉันอยากปลูกดอกไม้สัก 2-3 ชนิดตรงระเบียง
ของเรา แต่ฉันไม่มีมือสีเขียวแม้แต่แคดตัสฉันก็ปลูก
ไม่ขึน
้ ] อวี๋ตงเศร้า
[เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ พวกเราไปตลาดดอกไม้กัน]
[คุณดูแลพวกมันได้หรือเปล่า?]
[ผมจะทำ]
คุณจะเป็ นทะเลดอกไม้ของฉันได้ไหม?
…..............
ตอนที่ 28 วิถีชีวิตของฉันที่เปลี่ยนไป
ฤดูหนาวเป็ นฤดูสำหรับไข้หวัด น่าเสียดายที่อวี๋
ตงก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อเธอตื่นนอนตอนเช้าเธอรู้สึก
หนักหัวและหนาวสั่นแต่เลือกเมินเฉยกับมันจากนัน

ก็กลับไปนอนต่อ
จนกระทั่งเธอถูกขัดจังหวะโดยเสี่ยวเยว่ที่โทรมา
ไม่หยุด
“ฮัลโหล?” อวี๋ตงพึมพำรับสาย
“ฉันปลุกเธอหรือเปล่าหรือว่าเธอเป็ นหวัด?” เสี่
ยวเยว่ได้ยินน้ำเสียงเหนื่อยล้าของอวี๋ตงจึงถามโดย
อัตโนมัติ
“ทัง้  2 อย่าง!” อวี๋ตงแตะหน้าผากวัดไข้ดูเหมือน
ว่าเธอจะไม่มีไข้
“วันนีเ้ ธอยังจะไปได้ใช่ไหม?” เสี่ยวเยว่ถาม
พลางนิ่วหน้า
“ที่ไหน?” อวี๋ตงคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่เธอจำไม่ได้ว่า
เป็ นวันพิเศษอะไร
“วันเกิดอาจารย์” เสี่ยวเยว่เตือน
วันเกิด? อวี๋ตงพยายามนึก “วันนีใ้ ช่วันเกิดของ
อาจารย์หลินหรือเปล่า?”
“เธอป่ วยจริงๆด้วย! ลืมมันไปเถอะ ฉันไปคน
เดียวก็ได้” เสี่ยวเยว่วางสายด้วยอาการห่อเหี่ยวเล็ก
น้อย
หลังจากที่หลับต่อไปอีก 2-3 ชั่วโมง อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึก
ดีขึน
้ มาก เธอขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงอยู่พักหนึ่ง ใน
ที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะไปงานเลีย
้ งวันเกิดของอาจารย์
หลิน
หลังจากอาบน้ำอุ่นเธอก็มีสติมากขึน
้ กว่าเดิมจึง
ส่งข้อความไปหาเสี่ยวเยว่
[บอกสถานที่ที่จัดงานเลีย
้ งมา ฉันกำลังไป]
[18.00 น. ที่รา้ นอาหารเสฉวนด้านนอก
มหาวิทยาลัยของเรา] เสี่ยวเยว่ตอบกลับอย่าง
รวดเร็ว
อวี๋ตงมองนาฬิกาตอนนี ้ 17.30 น. แล้ว ดูเหมือน
ว่าเธอคงจะไปถึงช้าสักหน่อย
เธอไม่มีโอกาสไปหาซื้อของขวัญ หลังจากคิดอยู่
ครู่หนึ่งในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเลือกชุดผลิดภัณฑ์
บำรุงผิวที่เซี่ยเฟิ งซื้อมาให้จากอเมริกา
การขับรถไปมหาวิทยาลัยทำให้เธอนึกถึงความ
ทรงจำในอดีต อวี๋ตงคิดว่าเธอลืมเรื่องนีไ้ ปแล้วแต่ดู
เหมือนว่าเธอไม่กล้าจำมันมากกว่า
หลังจากจอดรถเสร็จ อวี๋ตงที่ใส่เสื้อผ้าหลายชัน
้ ก็
มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารทันที
“มากี่คนครับ?” บริกรที่อยู่ด้านหน้าถามอย่าง
สุภาพ
“อ่า…” อวี๋ตงลืมถามเสี่ยวเยว่ว่าอยู่ห้องไหน
“งานวันเกิดอาจารย์หลินจัดห้องไหน?”
“อยู่ชัน
้  3 ครับ” บริกรตอบ
หลังจากพูดขอบคุณ อวี๋ตงก็เดินขึน
้ บันไดไป
เมื่ออวี๋ตงเดินมาถึงชัน
้  2 เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุย
กันอย่างสนุกสนานดังมาจากชัน
้ บนแล้ว ดูเหมือน
ว่าจะมีคนมาร่วมงานหลายคนอยู่
“ดูสิ ว่าใครอยู่ที่นี่!” ชายหนุ่มรูปหล่อเห็นอวี๋ตง
เดินเข้ามาก็ส่งยิม
้ ให้
ทุกคนในห้องคุ้นเคยกับอวี๋ตงพอสมควรแต่เธอ
จำชื่อคนส่วนใหญ่ไม่ได้ เธอควรดูหนังสือรุ่นตอน
กลับไป “อวี๋ตง เธอมาแล้ว!” อาจารย์หลินพาร่าง
ท้วมเดินตรงเข้ามาหาพร้อมรอยยิม

“อาจารย์หลิน สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอโทษที่ฉันมา
สาย” อวี๋ตงบอกก่อนจะส่งของขวัญวันเกิดให้
“ไม่เป็ นไร แค่เธอมาก็พอแล้ว” อาจารย์หลิน
บอก
“อวี๋ตง เธอมาแล้ว ฉันเดาว่าไข้หวัดของเธอไม่
หนักมาก” เสี่ยวเยว่มาถึงก่อนหน้าเพียงไม่กี่นาที
“อื้อ!” ขณะที่ถอดเสื้อคลุมออก อวี๋ตงก็กระซิบ
กับเสี่ยวเยว่ “ทำไมมีคนมาเยอะจัง?”
“ทัง้ หมดก็เป็ นเพื่อนร่วมชัน
้ ของเราที่อยู่ใน
เซี่ยงไฮ้ ไม่กี่คนหรอก น่าจะซัก 10 คนได้”
“ทำไมเธอดูไม่ค่อยมีความสุข?” เมื่อมองดูสีหน้า
ของเสี่ยวเยว่ อวี๋ตงก็สังเกตเห็นว่าเธอดูไม่ค่อย
กระตือรือร้นนัก
“เธอจะเห็นเองในไม่กี่นาทีนีแ
้ หละ” เสี่ยวเยว่
พึมพำ
อวี๋ตงไม่ได้ถามต่อ เธอแค่เดินตามเสี่ยวเยว่ไปที่
โต๊ะของพวกเธอ หลังจากนอนมาเกือบทัง้ วันอวี๋ตง
ก็ร้ส
ู ึกหิวมาก เธออยากนั่งลงแล้วเริ่มกินอาหารเต็ม
แก่แล้ว
“เธอได้กินข้าวครัง้ สุดท้ายเมื่อไหร่เนี่ย?” หญิง
สาวผมแดงหัวเราะ “ฝางฮัวไม่ได้ให้เธอกินข้าวเห
รอ?”
อวี๋ตงมองผู้หญิงคนนัน
้ เอ่อ ‘ฉันจำชื่อเธอไม่ได้’
อวี๋ตงจึงแค่ยิม
้ แต่ไม่ได้พูดอะไรเลือกที่จะกินอาหาร
ต่อ
“เธอหมายความว่ายังไง? ลี่ลี่” เสี่ยวเยว่โจมตี
ทันที
“ไม่มีอะไรนี่ ฉันก็แค่ทักทายอวี๋ตง” ลี่ลี่แสร้งทำ
เป็ นไม่ร้เู รื่องและพูดต่อว่า “พวกเราทุกคนต่างก็รู้
ว่าอวี๋ตงกับฝางฮัวจะแต่งงานกันหลังเรียนจบ เฮ้
ฉันเตรียมซองแดงเอาไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อไหร่ที่เธอ
จะจัดงานเลีย
้ ง?”
ลี่ลี่? อวี๋ตงพยายามนึก ไม่ใช่ว่าเป็ นผู้หญิงที่แอบ
ชอบฝางฮัวอยู่หรอกเหรอ? ฉันจำได้ว่าคอยกันท่า
เธออยู่ตงั ้ นาน
“โอ้...พวกเราเลิกกันแล้ว” เซียงเสี่ยวเยว่ที่กำลัง
แช่งชักหักกระดูกราวกับพายุอยู่นน
ั ้ จู่ๆก็เงียบเสียง
ลงหลังจากที่ได้ยินคำตอบเรียบๆของอวี๋ตง
“ทำไม?” ลี่ลี่แสร้งทำเป็ นไม่เข้าใจ
“ฉันได้ยินมาว่าเธอแอบชอบฝางฮัว ฉันก็แค่
กังวลนิดหน่อยที่เมื่อก่อนรสนิยมเรื่องผู้ชายของฉัน
กับเธอเหมือนกัน”
“เธอ…” ลี่ลี่มองเธออย่างโกรธแค้น “อย่าคิดว่า
คนอื่นจะไม่รู้ พวกเราทุกคนได้ยินว่าเธอถูกฝางฮัว
ทิง้ ที่หน้าสำนักงานกิจการพลเรือน”
“ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ดีกว่าคนที่มีประสบการณ์
นะ” อวี๋ตงมองไปรอบๆเพื่อสบตากับทุกคน จาก
นัน
้ ก็พูดว่า “เอาล่ะ วันนีเ้ ป็ นวันเกิดของอาจารย์
หลินอย่าพูดเรื่องพวกนีเ้ ลย ถ้าเธอต้องการจริงๆก็
รอจนกว่าเราจะอยู่กันตามลำพังก่อน”
“ฮึ่ม!” ลี่ลี่สงบลงรู้สึกเหมือนกับว่าเธอเป็ นผู้ชนะ
เซียงเสี่ยวเยว่ต้องการจะเปิ ดฉากกับลี่ลี่แต่เมื่อ
คิดถึงอาจารย์หลิน เธอรู้สึกว่าถ้าเริ่มทะเลาะกันก็
จะทำให้ดูไม่ค่อยดี
ยังไงก็ตามเมื่อละครได้เริ่มต้นขึน
้ แล้วก็มักจะไม่
จบลงอย่างง่ายดายนัก พูดถึงปี ศาจปี ศาจก็มา
ฝางฮัวเดินเข้ามาในตอนที่การสนทนาสิน
้ สุดลง
หลังจากที่ได้เป็ นพิธีกรในรายการทีวี ตอนนีเ้ ขามี
บรรยากาศที่ดูเป็ นผู้ใหญ่ขึน
้ มาก
ลี่ลี่หน้าบานขึน
้ มาทันทีที่เธอเห็นเขา
ยังไงก็ตามอวี๋ตงไม่มีปฏิกิริยา เธอเพียงแค่เติม
ซุปข้าวโพดหวานแทน
“ดูหน้าของลี่ลี่สิ! ทำตัวราวกับแผ่นกาวแปะติด
ฝางฮัว” เสี่ยวเยว่สบถ
“เฮ้ ดื่มซุปนี่สิ มันอร่อยนะ” อวี๋ตงตักซุปให้เสี่ยว
เยว่ครึ่งถ้วย
ในขณะที่คนทัง้ ชัน
้ เรียนเอกด้านการออกอากาศ
และจัดรายการ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านัน
้ ที่สามารถ
ทำงานในสถานีโทรทัศน์ ดังนัน
้ การมาถึงของฝางฮัว
จึงทำให้เกิดความปั่ นป่ วนขึน
้ ทันที หลายคนเข้าไป
ทักทายฝางฮัวและดึงเขาให้มานั่งที่โต๊ะ
ฝางฮัวมองไปรอบๆ ถึงแม้ว่าเธอจะนั่งหันหลังให้
แต่เขาก็จำเธอได้ทันที เนื่องจากพวกเขาคบกันมา
นานหลายปี
ฝางฮัวประหม่าเล็กน้อยขณะที่เลือกนั่งโต๊ะที่อยู่
ถัดจากโต๊ะของอวี๋ตง
ในขณะที่ทุกคนเป็ นเพื่อนร่วมชัน
้ การจบการ
ศึกษาและการทำงานได้เปลี่ยนแปลงผู้คนไปมาก
ความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันระหว่างเพื่อนร่วมชัน

ถูกแบ่งออกเป็ นกลุ่ม
คนที่ได้รับความอิจฉาจากเพื่อนก็คือคนที่ได้เป็ น
ดีเจวิทยุ
คนทำงานที่สถานีโทรทัศน์จะอิจฉาคนที่ทำงาน
อ่านข่าวพยากรณ์อากาศ
คนที่อ่านข่าวพยากรณ์อากาศจะอิจฉาคนที่ได้
เป็ นพิธีกรในช่วงเวลาออกอากาศที่สำคัญ
คนที่มีเงินเดือนต่ำจะอิจฉาคนที่มีเงินเดือนสูง
คนที่ได้รับเงินเดือนสูงจะอิจฉาคนที่มีครอบครัว
ที่ร่ำรวย
การสนทนาทัง้ หมดเกี่ยวกับโปรโมชั่น เส้นสาย
เครือข่าย บ้านและรถ
อวี๋ตงที่มองเสี่ยวเยว่แล้วเธอก็เข้าใจแต่ทำได้
เพียงยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
ที่โต๊ะถัดไป เพื่อนร่วมชัน
้ คนหนึ่งลุกขึน
้ ยืนเพื่อ
กล่าวอวยพร
“สวัสดีเพื่อนร่วมชัน
้ สาวสวยทุกคน” เพื่อนร่วม
ชัน
้ ชายยิม
้ ให้พวกเธอ “พวกเธอเติบโตขึน
้ และดู
สวยกว่าเดิมมากกว่าตอนที่ฉันเห็นพวกเธอเมื่อครึ่ง
ปี ก่อน”
คนเริ่มยืนขึน
้ ทีละคนเพื่อกล่าวคำอวยพร มี
หลายคนมาชนแก้วกับอวี๋ตงแต่เธอไม่อยากดื่มจึง
เลือกชนแก้วด้วยชาแทน
“นี่นามบัตรของฉัน ถ้าหากเธอต้องการความ
ช่วยเหลือในอนาคตอย่าลังเลที่จะโทรหาฉัน”
ทุกคนรับนามบัตรมาอย่างมีความสุข
อวี๋ตงดูนามบัตร จากนัน
้ เสี่ยวเยว่ก็อธิบายว่า
“เขาเริ่มทำบริษัทโฆษณาเลยคุยอวดอยู่ทงั ้ วัน”
อวี๋ตงเลิกคิว้
ในขณะที่ทุกคนพากันยืนกล่าวคำอวยพร มีเพียง
อวี๋ตงกับเสี่ยวเยว่เท่านัน
้ ที่ยังนั่งอยู่ ตอนนีบ
้ นโต๊ะก็
เริ่มเต็มไปด้วยอาหาร
“ฉันขอให้ทุกคนโชคดี” เมื่อถึงตาของฝางฮัว
เขาก็พูดสัน
้ ๆแต่กระชับได้ใจความ
ทุกคนหน้าตายิม
้ แย้มแจ่มใสและยกแก้วขึน
้ ดื่ม
ฝางฮัวเงยหน้ามองอวี๋ตงจากนัน
้ ก็เดินออกไป
“ถ้าฉันเป็ นเธอวันนีฉ
้ ันคงจะอายจนไม่กล้าโผล่
หน้ามา” ลี่ลี่พูดกับอวี๋ตงขณะที่เธอกลับมานั่งที่โต๊ะ
อวี๋ตงเหลือบมอง ผู้หญิงคนนีจ
้ ้องจะหาเรื่องเธอ
อยู่ตลอดเวลา?
“เฮ้ ยัยผู้หญิงหยำฉา เธอช่วยย้ายก้ามโตๆของ
เธอไปที่อ่ น
ื จะได้ไหม?” อวี๋ตงเหน็บแนมอย่างเย็น
ชา
“เธอ…” สีหน้าของลี่ลี่แสดงความไม่พอใจอย่าง
มาก
“ใช่ หยิบเอารองเท้าขาดๆ***ของเธอแล้วไปซัก
ที หรือเธออยากให้ฉันเรียกใครมาให้หรือ
เปล่า?” เสี่ยวเยว่หัวเราะ
   *** [รองเท้าขาดๆ เป็ นคำแสลงหมายถึง ผู้
หญิงแพศยา โสเภณี]
“เซียงเสี่ยวเยว่!!” ลี่ลี่อดไม่ได้จนต้องตะโกนออก
มาทำให้เพื่อนๆหันมามองกันเป็ นตาเดียว ลี่ลี่
สังเกตเห็นจึงรีบนั่งลงอย่างรวดเร็ว
ทุกคนกลับไปพูดคุยและดื่มกินกันต่อ
จากนัน
้ เพื่อนร่วมชัน
้ ชายคนสุดท้ายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
ถัดไปก็ลุกขึน
้ ยืนกล่าวคำอวยพร
ชายหนุ่มดูเหมือนจะประหม่านิดหน่อย เมื่อเขา
ยืนขึน
้ ก็ส่งยิม
้ อย่างอายๆ แล้วพูดว่า “ฉันขอดื่ม
อวยพรให้เพื่อนๆทุกคน”
“ฉินเล่ย? ตอนนีน
้ ายทำอะไรอยู่?” เพื่อนร่วมชัน

คนหนึ่งถาม
“ฉันทำงานที่สถานีโทรทัศน์” ฉินเล่ยหัวเราะ
“เบื้องหลัง?” เพื่อนอีกคนถามอย่างแปลกใจ
“แต่นายเป็ นผู้นำในชัน
้ ของพวกเรา”
“ประสบการณ์ในชีวิตจริงต่างจากการสอบ
ลำดับชัน
้ ในมหาวิทยาลัยไม่เกี่ยวอะไรเลย” เพื่อน
อีกคนถอนหายใจ
“ทุกวันนีส
้ ถานีโทรทัศน์มักจะมองหาคนที่
แต่งงานแล้วหรือไม่ก็มีเส้นสายที่ดี” เพื่อนร่วมชัน

คนหนึ่งพูด “ถ้าคุณมาจากชนบทเหมือนอย่างฉิน
เล่ย คุณก็จะแพ้ให้กับคนที่หน้าตาดีกว่าหรือสภาวะ
อารมณ์ดีกว่า”
ทุกคนเริ่มถกปั ญหาในหัวข้อนีก
้ ัน
ฉินเล่ยที่ยังยืนอยู่พร้อมกับแก้วเครื่องดื่มในมือ
รู้สึกกระอักกระอ่วนจนไม่อาจขยับตัว
เมื่อเห็นแบบนัน
้ อวี๋ตงก็เลยยกแก้วของเธอขึน

มาชนกับแก้วของฉินเล่ย “ฉันดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้
เพราะเป็ นหวัดขอเปลี่ยนเป็ นชาแทนได้หรือ
เปล่า?”
“อย่าดื่มกับอวี๋ตง ฉันจะชนแก้วกับนายด้วย
ความนับถือเอง” เซียงเสี่ยวเยว่โยกแก้วไปมาตรง
หน้าแก้วของเขา
“ขอบคุณ!” ฉินเล่ยมองพวกเธออย่างซาบซึง้ ใจ
และไม่สนใจคนอื่นอีก ทัง้  3 คนดื่มเครื่องดื่มของ
พวกเขา
“ฉันจำที่อาจารย์หลินบอกได้ว่าเสียงของหัวหน้า
ชัน
้ เหมือนกับพายุไต้ฝุ่น” อวี๋ตงหัวเราะ
“ใช่ เสียงของนายยอดเยี่ยมมาก” เสี่ยวเยว่เสียง
ดังลั่น
ฉินเล่ยทำได้แค่เพียงพยักหน้าและหัวเราะกับคำ
พูดของพวกเธอ สิ่งที่เป็ นประโยชน์สำหรับเสียงของ
เขาก็คือ การที่เขาโดยผลักไสให้ไปทำเรื่องจิปาถะ
ต่างๆในสถานีโทรทัศน์
“สังคมของเราก็เป็ นแบบนีบ
้ างคนได้รับโอกาส
แต่เนิ่นๆ บางคนก็ได้รับมันช้า แต่เมื่อถึงวันคน
เหล่านัน
้ จะสั่งสมความรู้และค่อยๆเตรียมความ
พร้อม และนั่นจะทำให้เขากลายเป็ นคนที่ได้
หัวเราะเป็ นคนสุดท้าย”
ฉินเล่ยใคร่ครวญคำพูดของอวี๋ตงพักหนึ่งก่อนจะ
เผยรอยยิม
้ อย่างจริงใจเป็ นครัง้ แรกของเขานับ
ตัง้ แต่ที่มาถึง
งานเลีย
้ งวันเกิดที่ไม่ค่อยสนุกนักก็จบลงในที่สุด
อวี๋ตงไปเดินเล่นกับเสี่ยวเยว่พูดคุยกันถึงเรื่องวัน
วาน ถนนหน้ามหาวิทยาลัยที่คุ้นเคย “พอเลิก
คลาสพวกเราก็มาที่นี่ทันทีเพื่อซื้อชานม” เสี่ยวเยว่
ชีไ้ ปยังร้านชานม
“ร้านนัน
้ เหรอ?” อวี๋ตงไม่ได้เห็นร้านนีม
้ า 10 ปี
ได้แล้วจึงรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก
“ทำไมเธอถึงทำท่าแปลกใจมากขนาดนัน
้ ?” เสี่ย
วเยว่ร้ส
ู ึกงงกับคำพูดที่ดูจะเกินจริงไปหน่อยของอวี๋
ตง
“เธออยากจะซื้อไปฝากซินซินซักแก้วไหม?” อวี๋
ตงพูดพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“โอเค ฉันจะซื้อ” เสี่ยวเยว่ตกลง “แล้วก็ยังมีวอ
ลนัทอบกรอบที่เป็ นของโปรดของซินซินด้วย เธอไป
ซื้ออันนัน
้ มานะแล้วพวกเราไปเจอกันที่ใต้ต้นอะคา
เซีย”
อวี๋ตงพยักหน้าก่อนจะเดินไปที่ร้าน เธอซื้อของ
ว่างโดยที่ไม่มีปัญหาอะไรจากนัน
้ ก็เดินไปรอที่ใต้ต้น
อะคาเซีย
“ฝางฮัว ฉันชอบคุณ”
ทันใดนัน
้ เธอก็ได้ยินใครบางคนสารภาพรัก อวี๋ตง
ตระหนักได้ว่ามันสายเกินไปที่จะซ่อนตัว เพราะฝาง
ฮัวมองเห็นเธอแล้ว
“ขอโทษ” ฝางฮัวเบนสายตาออกจากอวี๋ตงก่อน
ที่จะตอบปฏิเสธ
อวี๋ตงไม่ได้อยากฟั งเรื่องของคนอื่น ดังนัน
้ เธอจึง
เดินกลับออกไปนั่งรอที่ม้านั่งที่อยู่ไกลออกไป
ใช้เวลานานแค่ไหนกันที่จะซื้อชานมหรือว่าคิวจะ
ยาว? เสี่ยวเยว่ถึงได้มาช้านัก
“ฉันไม่ได้เป็ นคนบอกลี่ลี่”
อวี๋ตงหันกลับไปมองก็เห็นฝางฮัว เธอไม่ร้ว
ู ่า
ทำไมแต่ตอนที่เห็นผู้ชายคนนีอ
้ ีกครัง้ ก็ไม่ได้ร้ส
ู ึก
โกรธเคืองมากเท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว
“นายหมายถึงอะไร?”
“เรื่องที่เกิดขึน
้ ที่ประตูสำนักงานกิจการพลเรือน
ฉันไม่ได้เป็ นคนบอกลี่ลี่” ฝางฮัวกัดริมฝี ปากขณะที่
พยายามอธิบาย
“โอ้”
“เธอ…เธอเป็ นยังไงบ้าง?” ฝางฮัวถาม
“ดีทีเดียว!” อวี๋ตงนัน
้ เฉยชาเล็กน้อยแต่ก็ยังยิม

ให้เขา
“เธอดูเปลี่ยนไป”
“ไม่ใช่แค่ฉันทุกคนต่างก็เปลี่ยนไป” อวี๋ตงคิด
เกี่ยวกับทุกคนที่เธอเจอในวันนีจ
้ ู่ๆก็ร้ส
ู ึกอารมณ์สั่น
ไหวนิดหน่อย
“ฉัน…ฉันจะไปแล้ว” ฝางฮัวไม่ร้ว
ู ่าจะพูดอะไร
กับอวี๋ตงดี
“ดูแลตัวเองด้วย”
“…พวกเรายังเป็ นเพื่อนกันได้หรือเปล่า?”
ท่าทางของฝางฮัวทำให้อวี๋ตงนึกถึงตอนที่พวก
เขาตกหลุมรักกันครัง้ แรก
ใต้ต้นอะคาเซียที่มีดอกบานสะพรั่ง เด็กหนุ่มที่
อ่อนโยนกำลังจับมือเด็กสาวที่แก้มแดงปลั่ง มันเคย
เป็ นวันที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตของเธอแต่กาล
เวลาได้เปลี่ยนแปลงเธอ
อวี๋ตงส่ายหน้า
“ทำไม?” ฝางฮัวเจ็บปวดนิดหน่อย
“ฉันกลัวว่าสามีของฉันจะหึง” อวี๋ตงหัวเราะ
เบาๆ
“เธอมีแฟนแล้ว?” ฝางฮัวไม่เชื่อว่าเธอจะจด
ทะเบียนกับใครบางคนแล้ว
อวี๋ตงส่งเสี่ยวเยว่ที่เมาเล็กน้อยกลับไปยังอพาร์ท
เม้นท์ของเธอและขับรถตรงไปทำงานเลย
“คุณเป็ นหวัดหรือเปล่า?” อวี๋ตงเพิ่งจัดรายการ
เสร็จเมื่อเซี่ยเฟิ งโทรมาหาเธอ
“แค่นิดหน่อยไม่ได้เป็ นอะไรมาก” อวี๋ตงยิม

“พรุ่งนีผ
้ มอาจจะกลับถึงบ้านช้ากว่ากำหนด
อย่าลืมทานยาด้วย” เซี่ยเฟิ งบอก
“มีปัญหาที่ทำงานหรือ?” อวี๋ตงถาม
“เปล่า ผมแค่ต้องเข้าผ่าตัดพรุ่งนี ้ ผู้อำนวยการ
อยากให้ผมสาธิตการใช้อุปกรณ์ใหม่อีกรอบ”
“งัน
้ คุณก็ไม่ได้นอนเลยน่ะสิ”
“ผมไม่เป็ นไร การผ่าตัดในวันพรุ่งนีเ้ ป็ นช่วง
บ่าย” เซี่ยเฟิ งยิม
้ ก่อนพูดต่อว่า”
“นอกจากนีผ
้ มยังชอบฟั งรายการของคุณ”
อวี๋ตงอดที่จะยิม
้ ไม่ได้ แต่เมื่อเธอถามว่า “คุณ
ชอบความสามารถในด้านดีเจของฉันหรือคุณแค่
ลำเอียงเพราะคุณชอบฉันกันแน่”
“ก่อนที่ผมจะตอบคำถามนี ้ ผมขอถามคุณก่อน
ได้ไหม?” เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
“แน่นอน”
“ทำไมรักครัง้ แรกที่พูดในรายการคืนนีด
้ ูจะเป็ น
เรื่องสำคัญนัก?” เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้
“เพราะวันนีฉ
้ ันได้เจอกับรักครัง้ แรกของฉัน” อวี๋
ตงตอบอย่างซื่อสัตย์
“โอ้ แล้วคุณยังรู้สึกอะไรหรือเปล่า?” เซี่ยเฟิ ง
ถาม รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย
“คุณหึงเหรอ?” เมื่อสังเกตเห็นว่าน้ำเสียงของ
เซี่ยเฟิ งฟั งดูตึงเครียดเล็กน้อย อวี๋ตงจึงอดที่จะถาม
ออกมาไม่ได้
“เปล่า”
“เปล่า? แล้วทำไมคุณถึงต้องถามว่าฉันยังรู้สึก
อะไรอยู่อีกหรือเปล่าล่ะ?”
“นั่น…แม้ว่าคุณจะได้เจอเขา….”
“เฮ้...” อวี๋ตงยื่นมือขึน
้ ไปรองรับเกล็ดหิมะที่
โปรยปรายลงมา “เขาถามฉันว่าพวกเรายังเป็ น
เพื่อนกันได้หรือเปล่าแต่ฉันตอบเขาไปว่า…สามีของ
ฉันจะหึง”
“รีบกลับบ้านแล้วเข้านอนเร็วหน่อย” เซี่ยเฟิ งก
ระแอมกระไอก่อนวางสาย
อวี๋ตงขมวดคิว้ ก่อนหัวเราะออกมา ผู้ชายที่อายุ
มากกว่าคนนีข
้ ีอ
้ ายยิ่งกว่าผู้หญิงได้ยังไง?
…................
ตอนที่ 29 ขนส่งด่วนเพื่อชีวิต
ท้องของเรินซินซินใหญ่ขึน
้ ทุกวัน บางครัง้ ตอน
ที่มาช่วยงานที่สตูดิโออวี๋ตงกับเสี่ยวเยว่ก็เริ่มลังเลที่
จะให้เธอเดินไปรอบๆ
เสี่ยวเยว่กับอวี๋ตงใช้เวลาอยู่ที่สตูดิโอนานมากใน
แต่ละวัน
เมื่อเร็วๆนีเ้ นื่องจากรับงานละครประวัติศาสตร์
ของผู้กำกับหลิว สตูดิโอจึงต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อ
พากย์เสียง อวี๋ตงรับพากย์เสียงตัวละครหญิงเกือบ
ทัง้ หมดที่อยู่ในฉากพระราชวัง บางครัง้ ก็เป็ นขันที
บางครัง้ ก็เป็ นข้ารับใช้
เมื่อเห็นว่าเกือบจะ 22.00 น. แล้ว เรินซินซินจึง
เรียกให้เพื่อนๆมาทานอาหารเย็น
ในขณะที่ทานอาหารอวี๋ตงก็หันไปหาเสี่ยวเยว่
แล้วพูดว่า “เธอควรไปส่งซินซินกลับบ้านก่อน ฉัน
จะกลับมาที่สตูดิโออีกรอบหลังจากที่เลิกงานแล้ว
จะได้เคลียร์งานที่เหลือให้เสร็จ”
“ไม่เป็ นไรมีเตียงอยู่ที่สตูดิโอ ฉันนอนที่นี่ก็ได้”
เรินซินซินเห็นว่าเพื่อนของเธอทำงานหนักมาก เธอ
คิดนิดหน่อยแล้วพูดว่า “หรือไม่ก็ฉันพากย์เสียงต่อ
เองมันไม่ใช่งานที่ต้องใช้แรง”
“ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่งานหนักแต่ก็ยังต้องเคลื่อนไหว
ร่างกายประกอบด้วยเหมือนกัน” อวี๋ตงแย้ง
“ฉันทำหน้าที่สนับสนุนด้านอื่นก็ได้ ฉันอ่าน
สคริปต์ที่ไม่ใช่ฉากอารมณ์ได้แค่ต้องดัดเสียงให้ต่ำ
ลงจะได้ช่วยเชฟเวลา เธอจะได้ไม่ต้องกลับมาที่สตู
ดิโออีกหลังเลิกงาน” เรินซินซินบอก
“เธอพูดถูก” เสี่ยวเยว่ผู้ที่โบกอาหารให้ว่อน
กลางอากาศพูด “เธอเลิกงานตีสอง ถ้าหากเธอ
กลับมาที่สตูดิโออีกรอบเธอก็จะไม่ได้นอน”
“นอกจากนีเ้ ซี่ยเฟิ งก็ยังไม่กลับมาจากคุนซาน
เขาจะไม่เป็ นห่วงเอาเหรอถ้าเธอกลับบ้านช้า?” เริ
นซินซินอ้าง
“เธอจะไม่เหนื่อยจริงๆใช่ไหม?” อวี๋ตงยังคงเป็ น
กังวลอยู่บ้างเมื่อมองดูท้องของเรินซินซิน
“ผู้หญิงในชนบทมีร่างกายที่แข็งแรง พวกเธอฆ่า
ไก่กับแกะโดยไม่กระพริบตา เธอจะบอกว่าเธอก็
เป็ นเหมือนกันใช่หรือเปล่า?” เสี่ยวเยว่หยอก
“ฉันก็เป็ นผู้หญิงจากชนบทแต่ฉันไม่เคยฆ่าไก่
หรือแกะนะ” อวี๋ตงชำเลืองมองเสี่ยวเยว่ด้วย
สายตาแปลกประหลาด
“โอ้ ฉันลืมไปเลยว่าเธอก็มาจากชนบท ถูก
ท่าทางหรูหราของเธอหลอกตา” เสี่ยวเยว่พูดเกิน
จริง
“ไสหัวไป!” อวี๋ตงอดหัวเราะไม่ได้
เซียงเสี่ยวเยว่กับเรินซินซินก็เลยผสมโรงหัวเราะ
ไปด้วย
“เมื่อเราทำงานนีเ้ สร็จก็คงจะเป็ นช่วงปี ใหม่
พอดี” เสี่ยวเยว่พูด “ฉันจะต้องให้ซองแดงกับพวก
เธอ!”
“เธอจะใส่ซองแดงให้พวกเราเท่าไหร่? บิ๊กบอส”
อวี๋ตงยักคิว้
เรินซินซินมองเสี่ยวเยว่ด้วยรอยยิม
้ กว้าง
“ฉันจะทำร้ายพวกเธอได้ยังไง?” เสี่ยวเยว่ชู 2 นิ ้
วขึน
้ มาแล้วพูดว่า “คนละ 20,000 หยวน!”
“เธอเป็ นหวงซื่อเหรินรึไง?*** หาเงินได้ตงั ้ เยอะ
แต่ให้แค่ 20,000 หยวน!” อวี๋ตงแกล้งทำเป็ นโกรธ
***[หวงซื่อเหริน เป็ นตัวละครที่ขีเ้ หนียวมากใน
งิว้ เรื่อง นางพญาผมขาว]
“ซองแดงก็แค่ซองแดง” เสี่ยวเยว่คิดว่าอวี๋ตง
เข้าใจผิดจึงพยายามอธิบายอย่างกังวล “ฉันจะจ่าย
เงินปั นผลให้พวกเธอแต่ละคนปี ละ 20%”
“20% นั่นไม่มากเกินไปเหรอ?” เรินซินซินรู้สึก
ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเลย ดังนัน
้ จึงรู้สึกผิดเมื่อเธอ
ได้ยินแบบนัน

“ไม่หรอก การได้เซ็นต์สัญญาทัง้ หมดเป็ นเพราะ
ฝี มือของฉัน การพากย์เสียงส่วนใหญ่ก็เป็ นเธอที่ทำ
เซียงเสี่ยวเยว่ทำแค่จดทะเบียนบริษัท” อวี๋ตงตงพูด
อย่างสมเหตุสมผล
“อื้อ” เสี่ยวเยว่ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของอวี๋ตง
เรินซินซินรู้ว่าเสี่ยวเยว่ทำมากกว่าแค่จดทะเบียน
บริษัท มันก็แค่ข้ออ้างที่อวี๋ตงพูดเพื่อให้เธอได้รับ
เงินปั นผล 20% อย่างชอบธรรมเท่านัน

เรินซินซินรู้สึกซาบซึง้ ใจจนตาของเธอเริ่มแดง
รู้สึกว่าเธอมีเพื่อนที่ยอดเยี่ยมมาก และถือว่าเป็ น
โชคอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ
หลังจากทานอาหารแล้วทุกคนก็ยังต้องทำงาน
ต่อ อวี๋ตงจึงออกจากสตูดิโอไปก่อน
ระยะทางค่อนข้างไกลเมื่อต้องขับรถไปสถานี
วิทยุจากสตูดิโอและฝนก็ตกลงมาแล้วด้วย เธอต้อง
ใช้ความระมัดระวังในการขับรถมากเป็ นพิเศษ อวี๋
ตงจึงต้องออกเดินทางล่วงหน้า 20 นาทีจากเวลาที่
ไปทำงานตามปกติ โชคดีที่คืนนีม
้ ีรถไม่มากนักการ
จราจรจึงไม่ติดขัด เธอมาถึงที่สถานีวิทยุทันเวลา
ก่อนการออกอากาศ 10 นาที
อวี๋ตงเตรียมตัวออกอากาศอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็น
ว่าเธอยังพอมีเวลาเหลืออีก 2-3 นาที ก่อนออก
อากาศ เธอจึงโทรหาเซี่ยเฟิ ง
“คุณอยู่ที่ไหน?”
“ผมเพิ่งจะเข้าเซี่ยงไฮ้” เซี่ยเฟิ งรับโทรศัพท์ผ่าน
หูฟังบลูทูธ
“คุณจะกลับถึงบ้านกี่โมง?” อวี๋ตงถามต่อ
“น่าจะอีกชั่วโมงนึง” เซี่ยเฟิ งคาดการณ์
“คืนนีถ
้ นนลื่น ขับรถช้าๆ” อวี๋ตงกังวล
“ได้!” เซี่ยเฟิ งตอบ จากนัน
้ เขาก็ดูเวลาแล้วพูด
ว่า “เกือบจะได้เวลาออกอากาศของคุณแล้ว วาง
สายก่อนเถอะ ผมจะรอฟั งรายการของคุณ”
“ได้” อวี๋ตงกำลังจะวางสายเมื่อได้ยินเสียงดัง
สนั่นดังลอดมาจากทางปลายสาย
อวี๋ตงตกใจจนตะโกนออกมาทันที “เซี่ยเฟิ งนั่น
เสียงอะไร?”
เซี่ยเฟิ งเหยียบเบรคทันที ขณะมองฉากที่เกิดขึน

ตรงหน้าโดยที่สมองยังไม่ทันประมวลผล
“เซี่ยเฟิ งคุณโอเคหรือเปล่า? เกิดอะไรขึน
้ ?” อวี๋
ตงไม่ได้ยินเสียงตอบจึงตะโกนถามเสียงดังยิ่งขึน

“ผมไม่เป็ นอะไร!” ในที่สุดเซี่ยเฟิ งก็ตอบกลับมา
และพูดต่อว่า “มีรถบัสคันหนึ่งที่วิ่งอยู่หน้าผมพลิก
คว่ำ ผมต้องลงไปเช็คดูก่อน”
“อะไรนะ? ฮัลโหล? รถบัสคว่ำ? เกิดอะไรกับคุณ
หรือเปล่า?” อวี๋ตงรู้สึกใจเสียขณะที่บีบโทรศัพท์
แน่น
“อวี๋ตง คุณทำอะไรอยู่? ได้เวลาแล้วนะ” เมื่อพี่อ
วี๋สังเกตเห็นว่าอวี๋ตงยังไม่ออกอากาศรายการ เขา
จึงเปิ ดประตูห้องอัดเข้ามาเตือนเธอ
“โอ้ ทราบแล้ว”
อวี๋ตงคิดว่าเมื่อเซี่ยเฟิ งยังคุยกับเธอได้ก่อนที่จะ
วางสาย เขาก็คงจะไม่เป็ นอะไร
บนทางหลวงที่เชื่อมต่อคุนซานกับเซี่ยงไฮ้ มีรถ
บัสคันใหญ่พลิกคว่ำอยู่ด้านข้าง เนื่องจากถนนลื่น
หลังจากพลิกคว่ำมันก็ไถลไปตามพื้นถนนอีกระยะ
หนึ่ง
กระจกหน้าต่างแตกกระจายมีผู้โดยสารจำนวน
มากถูกเหวี่ยงออกมานอกรถ ฉากนัน
้ ดูน่าหวาดผวา
มาก
เซี่ยเฟิ งจอดรถเอาไว้ที่เลนจอดรถฉุกเฉิน ขณะที่
วิ่งไปที่รถบัสเขาก็โทรเรียกรถพยาบาลและโทรแจ้ง
ตำรวจไปด้วย เขาตรวจสอบคนที่ถูกเหวี่ยงออกมา
จากรถก่อน บางคนยังมีสติบางคนก็หมดสติไปแล้ว
ส่วนใหญ่จะกระดูกหักและไม่สามรถลุกขึน
้ ได้
ผู้โดยสารบางคนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยค่อยๆ
ลุกขึน
้ และเดินไปช่วยผู้โดยสารคนอื่นๆที่ยังติดอยู่
ในรถบัส
ในขณะที่มองผู้บาดเจ็บเซี่ยเฟิ งก็มองหารถที่วิ่ง
ผ่านมาด้วย แต่ตอนนีเ้ ป็ นช่วงกลางดึกรถที่ผ่านไป
มาจึงมีไม่มาก มีเพียงแค่ 2 คันเท่านัน
้ และทัง้ สอง
คันก็โทรเรียกรถพยาบาลให้เรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเฟิ งประเมินว่ารถบัสน่าจะมีผู้โดยสาร
ประมาณ 54 คนรวมคนขับด้วย คำถามก็คือเขาจะ
สามารถพาคนเจ็บทัง้ หมดไปส่งโรงพยาบาลได้ยังไง
“ช่วยด้วย!”
“ฉันขยับไม่ได้ ขาของฉัน…”
“ลูกของฉัน ช่วยลูกของฉันด้วย…”
เซี่ยเฟิ งได้ยินเสียงร้องไห้จึงรีบวิ่งไปยังแม่ที่กำลัง
อุ้มลูกของเธออยู่ เขาพูดปลอบเธอ “ให้เด็กนอน
ราบกับพื้นก่อนแล้วให้ผมเช็คดูหน่อย”
คนเป็ นแม่วางลูกลง เซี่ยเฟิ งตรวจดูก็พบว่าเด็ก
หมดสติมีเลือดไหลจากบาดแผลตรงหน้าผาก เห็น
ได้ชัดว่าศีรษะถูกกระแทกตอนที่รถบัสพลิกคว่ำ แต่
เขาไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถตรวจร่างกายของเด็ก
“ให้เขานอนราบกับพื้นอย่าเพิ่งขยับตัวเขาแล้ว
รอจนกว่ารถพยาบาลจะมา” เซี่ยเฟิ งบอกแม่ของ
เด็ก
แม่ของเด็กพยักหน้ารับขณะที่สะอื้นไห้
เซี่ยเฟิ งยืนขึน
้ แล้วรีบวิ่งกลับไปที่รถเพื่อหยิบ
กระเป๋าเครื่องมือแพทย์ของเขา เมื่อเขาหันกลับไป
มองที่รถบัส เซี่ยเฟิ งก็ราวกับถูกทุบเมื่อตระหนักได้
ว่ามีผู้บาดเจ็บจำนวนมากเกินไป เป็ นไปไม่ได้ที่รถ
พยาบาลจะพาคนเจ็บทัง้ หมดไปโรงพยาบาลได้ทัน
ท่วงที
เซี่ยเฟิ งลังเลแต่ในที่สุดเขาก็เปิ ดประตูรถ เสียง
เพลงจากวิทยุดังออกมาให้ได้ยิน เขาหยิบโทรศัพท์
ขึน
้ มาแล้วโทรหาอวี๋ตง
อวี๋ตงยังคงเป็ นกังวลอยู่ ดังนัน
้ เมื่อเธอเห็น
เซี่ยเฟิ งโทรมาเธอจึงกดรับสายทันที แม้ว่าเธอจะยัง
ออกอากาศอยู่ก็ตาม “เซี่ยเฟิ ง!”
“อวี๋ตง ผมอยู่ระหว่าง
ทางหลวง XX ของ XX” เซี่ยเฟิ งมองป้ ายชื่อถนนที่
อยู่บริเวณใกล้เคียงก่อนพูดต่อว่า”มีรถบัสพลิกคว่ำ
และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 50 คน มีรถยนต์วิ่งผ่าน
น้อยมาก ผมกลัวว่ารถพยาบาลจะมีไม่เพียงพอที่จะ
พาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลแล้วก็ผมกลัวว่ารถจะ
มาไม่ทันเวลา มีคนเจ็บอาการสาหัสอยู่ด้วย”
“คุณบาดเจ็บหรือเปล่า?” อวี๋ตงถามคำถามแรก
ที่ผุดขึน
้ มาในหัว
“ผมไม่เป็ นไร”
“ถ้าอย่างนัน
้ ฉันจะเรียกรถทัง้ หมดที่คุณต้องการ
ให้” อวี๋ตงไม่ได้วางสายแต่เธอกดตัดเพลงที่เปิ ดอยู่
ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเธอเริ่มประกาศ “เพื่อนผู้ฟัง
โปรดฟั งทางนี ้ นี่คือ อวี๋ต้ง มาพร้อมกับข้อความ
ฉุกเฉิน”
“ที่ทางหลวง XX แยกคุนซานเข้าสู่เซี่ยงไฮ้ มีรถ
บัสเกิดพลิกคว่ำเนื่องจากฝนตกหนัก มีผู้บาดเจ็บ
มากกว่า 50 คน บางคนต้องได้รับการรักษาอย่าง
เร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บให้ปลอดภัยอย่าง
รวดเร็ว เราต้องการยานพาหนะในการขนส่งผู้บาด
เจ็บ ผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้โปรดให้ความร่วมมือ
และให้การสนับสนุนด้วย”
มีการประกาศ 3 ครัง้ ติดต่อกัน
“ได้โปรด หากว่ามีใครที่ขับรถอยู่ในบริเวณใกล้
เคียงในหมู่เพื่อนผู้ฟัง กรุณาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
เหล่านัน
้ ด้วย”
อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่ามีกี่คนที่ฟังเธออยู่และสามารถให้
ความช่วยเหลือได้ เธอแค่หวังว่าเรตติง้ จำนวนผู้ฟัง
ที่สูงของเธอคงจะพอช่วยได้บ้าง
คนขับแท็กซี่หลายคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ยิน
ข่าวจากทางวิทยุหรือจากช่องสื่อสารของแท็กซี่
พวกเขาหยุดรับผู้โดยสารและเลีย
้ วรถกลับไปให้
ความช่วยเหลือ
[ฉันกำลังไป!]
[ใกล้ถึงแล้ว]
[ฉันเห็นรถบัสแล้ว มีคนอยู่เยอะเลย]
อวี๋ตงเห็นข้อความที่ถูกส่งผ่านมายังจอ
คอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง
“อวี๋ตงผมเห็นขบวนรถขับตรงมาที่นี่!” เซี่ยเฟิ งม
องไปยังกองทัพรถแท็กซี่ “ขอบคุณ!”
เซี่ยเฟิ งวางสายจากนัน
้ ก็วิ่งไปรอบๆเพื่อจัด
ระเบียบผู้บาดเจ็บที่จะต้องถูกนำส่งโรงพยาบาล
บางคนที่ได้รับบาดเจ็บมากและจำเป็ นต้องได้รับ
การตรวจเช็คโดยละเอียดจะถูกส่งไปที่โรงพยาบาล
ซานเจี่ย ในขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจะถูกส่ง
ไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
หลังจากนัน
้ ครู่หนึ่ง ผู้บาดเจ็บทัง้ หมดก็ถูกขน
ย้ายโดยรถยนต์ซึ่งเป็ นเวลาเดียวกับที่ตำรวจมาถึง
[ผู้บาดเจ็บทัง้ หมดได้รับการส่งขึน
้ รถเรียบร้อย
แล้ว ฉันกำลังขับรถเปล่าตามหลังไป คนขับรถ
แท็กซี่ของเราทุกคนช่างมีน้ำใจกว้างขวาง อา…]
เมื่อเห็นข้อความอวี๋ตงก็เปิ ดไมโครโฟน “ฉันเพิ่ง
ได้รับแจ้งข่าวว่า คนขับรถแท็กซี่ที่อยู่บริเวณใกล้
เคียงได้พาผู้บาดเจ็บทุกคนส่งโรงพยาบาลเรียบร้อย
แล้ว ฉันขอขอบคุณทุกคนอย่างจริงใจและขอให้
พวกคุณทุกคนได้โปรดระมัดระวังขณะที่ขับรถกลับ
บ้านด้วย”
อวี๋ตงยังคงพูดคุยเกี่ยวกับการดูแลจัดการเมื่อเกิด
อุบัติเหตุจนกระทั่งจบรายการ
เมื่อเธอจัดรายการเสร็จแล้ว เธอก็คว้ากระเป๋า
แล้ววิ่งออกไปทันที พี่อวี๋อยากจะคุยกับอวี๋ตงแต่ก็
ไม่ทันมองเห็นแค่เพียงแผ่นหลังไวๆ เท่านัน

“เซี่ยเฟิ งคุณอยู่ที่ไหน?” อวี๋ตงโทรหาเซี่ยเฟิ ง
ขณะอยู่บนรถ
“โรงพยาบาล XX” เธอได้ยินเสียงจอแจผ่านทาง
โทรศัพท์ขณะที่เซี่ยเฟิ งพูด “ผมจะอยู่ช่วยที่นี่ก่อน
คืนนีผ
้ มคงไม่ได้กลับบ้าน”
อวี๋ตงวางสายแล้วเปิ ด GPS ก่อนขับรถไปที่โรง
พยาบาล
เวลาตี 3.30 น. เมื่ออวี๋ตงมาถึงโรงพยาบาล XX
มีแต่เสียงดังสับสนอลหม่านรอบๆแผนกฉุกเฉิน
พยาบาลและหมอต่างวิ่งวุ่นไปทั่วบริเวณ อวี๋ตงเดิน
เข้าไปรวมกลุ่มกับบรรดาครอบครัวของผู้บาดเจ็บ
ในที่สุดก็เห็นเซี่ยเฟิ งที่กำลังปฐมพยาบาลให้ใคร
บางคนอยู่ เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่า
เขาแค่เหนื่อยแต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนัน
้ อวี๋ตงก็เจอมุมที่เงียบสงบจึงนั่งลง
เพื่อรอเซี่ยเฟิ งที่กำลังยุ่งจนกระทั่งท้องฟ้ าค่อยๆ
สว่างขึน

ในที่สุดแผนกฉุกเฉินก็สงบลงและผู้บาดเจ็บทุก
คนได้รับการดูแล อวี๋ตงหยิบโทรศัพท์ขึน
้ มาแล้วส่ง
ข้อความสัน
้ ๆให้เซี่ยเฟิ ง
[คุณเสร็จงานแล้วหรือยัง?]
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเฟิ งไม่ตอบ อวี๋ตงคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะลุกขึน
้ เดินออกไปข้างนอกเพื่อหาซื้ออาหาร
เช้า
ขณะที่เธอเดินกลับไปที่โรงพยาบาลเสียง
โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึน

“เซี่ยเฟิ ง?” อวี๋ตงรับสาย
“ผมยังยุ่งมากเลย ตอนนีย
้ ังกลับบ้านไม่ได้”
เซี่ยเฟิ งบอก
“ออกมาข้างนอกหน่อย ฉันอยู่ตรงทางเข้าโรง
พยาบาล” อวี๋ตงตอบ
เซี่ยเฟิ งยังถือโทรศัพท์ของเขาขณะที่เดินผ่าน
ประตูแผนกฉุกเฉินออกมา เขาเห็นอวี๋ตงสวมเสื้อ
แจ็กเก็ตสีขาวกำลังโบกมือให้
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” เซี่ยเฟิ งวิ่งมาหาเธอก่อน
จะถาม
“ฉันเป็ นห่วงคุณ” อวี๋ตงอธิบาย
“ผมไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าผมไม่เป็ นไร”
“ฉันแค่อยากจะเห็นด้วยตาของตัวเองจะได้
มั่นใจ” อวี๋ตงพูด “คุณบอกว่าคุณไม่เป็ นไรแต่ก็วาง
สายทันที จะไม่ให้ฉันเป็ นห่วงได้ยังไง?”
เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตง จู่ๆเขาก็ไม่สามารถเอ่ยปากพูด
ตอบได้ เนื่องจากมีอารมณ์อันลึกลับติดอยู่ในหัวใจ
“ฉันคิดว่าคุณคงจะหิวหลังจากที่วุ่นวายมาทัง้ คืน
ฉันก็เลยซื้อน้ำเต้าหู้กับซาลาเปามาให้” อวี๋ตงชูถุง
พลาสติกให้เซี่ยเฟิ งดูราวกับว่ามันคือสัมบัติล้ำค่า
เซี่ยเฟิ งทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาดึงอวี๋ตงเข้ามาก
อดแน่น
“น้ำเต้าหู…
้ ”
เซี่ยเฟิ งพบเจอกับความเจ็บป่ วยและความตาย
ทุกวันตัง้ แต่ที่เขาเป็ นหมอ ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความ
เปราะบางของชีวิตยิ่งไปกว่าเขา แต่ถึงกระนัน
้ เมื่อ
ต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี ้ เขาก็อดที่จะรู้สึก
อับจนหนทางจากก้นบึง้ หัวใจไม่ได้
แต่รอยยิม
้ เล็กๆ และความห่วงใยที่แท้จริงของอ
วี๋ตง ก็ช่วยขจัดสิ่งเหล่านีอ
้ อกไปทำให้เขารู้สึกถึง
ความอบอุ่นและความงดงามของชีวิตอีกครัง้
ทำให้เช้าวันใหม่ในฤดูหนาวดูสดใสและมีชีวิต
ชีวา…
…......................
ตอนที่ 30 ความสุขจากการป่ วย
เซี่ยเฟิ งเร่งฮีทเตอร์ในรถยนต์เพิ่มขึน
้ อีกเล็กน้อย
อวี๋ตงที่เหนื่อยล้ากำลังนอนหลับอยู่บนเบาะข้างๆ
เขา
ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงจากสถานีวิทยุมาที่โรง
พยาบาล ด้วยถนนที่อันตรายจึงต้องใช้เวลาขับรถ
นานกว่าปกติ อวี๋ตงรู้สึกเหนื่อยล้ามากและพลิกตัว
ไปมาขณะที่เธอหลับ
เมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็ นสีแดง เซี่ยเฟิ งจึงถือ
โอกาสนีถ
้ อดเสื้อแจ็กเก็ตของเขาออกแล้วคลุมให้อ
วี๋ตง
อวี๋ตงกระสับกระส่ายนิดหน่อยก่อนที่จะพลิกตัว
หันหน้าเข้าหาเซี่ยเฟิ ง เมื่อเห็นใบหน้าแดงเรื่อของ
เธอ เซี่ยเฟิ งก็อดยิม
้ อย่างอ่อนโยนไม่ได้
การจราจรในช่วงเช้าตรู่ค่อยข้างหนาแน่น แต่
บรรยากาศภายในรถกลับเงียบสงบและมีความสุข
‘ท่ามกลางผู้คนนับล้านบนโลกใบนี ้ มีเพียงคุณ
เท่านัน
้ ที่ทำให้ฉันมีความสุข’
เซี่ยเฟิ งเข้าใจความหมายของประโยคนีไ้ ด้ทันที
รถค่อยๆชลอความเร็วลงเมื่อเข้ามาในชุมชนย่าน
ที่พักของพวกเขา แม้ว่าจะไม่อยากปลุกอวี๋ตงแต่
เซี่ยเฟิ งก็คิดว่ามันดูไม่ค่อยสบายตัวนักที่จะนอนต่อ
ในรถ
“อวี๋ตง!” เซี่ยเฟิ งปลุกเธอเบาๆ
อวี๋ตงไม่สนใจการรบกวน เธอยังหลับต่อ
“อวี๋ตง ตื่นเถอะ พวกเราถึงบ้านแล้ว” เซี่ยเฟิ ง
ตบไหล่เธอเบาๆ
“หืม?” อวี๋ตงลืมตาพร่ามัวขึน
้ และมองเซี่ยเฟิ
งก่อนหลับตาลงอีกรอบ “ฉันง่วงนอนมากเลย…”
“ตื่นเถอะ เดี๋ยวคุณค่อยกลับไปนอนต่อที่เตียง”
เซี่ยเฟิ งหัวเราะเบาๆกับคำตอบของอวี๋ตง
“ฮืมมม…” เสียงของอวี๋ตงง่วงงุนมาก “ฉันง่วง!”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมตื่น เซี่ยเฟิ งก็ส่ายหน้าก่อน
จะโน้มตัวไปปลดซีทเบลท์ของเธอออก จากนัน
้ เขา
ก็ลงจากรถตัง้ ใจที่จะอุ้มเธอขึน
้ ไปข้างบน
เนื่องจากกลัวว่าเธอจะหนาว เซี่ยเฟิ งจึงห่อตัว
เธอด้วยเสื้อแจ็กเก็ตของเขาอย่างแน่นหนาแล้วก้ม
ลงช้อนอุ้มตัวเธอออกมาจากเบาะรถ
อวี๋ตงยังหลับอยู่แต่เธอซุกหน้าลงตรงซอกคอของ
เซี่ยเฟิ งอัตโนมัติ เซี่ยเฟิ งรู้สึกได้ทันทีถึงผิวกายอัน
ร้อนผ่าวของเธอตรงบริเวณที่แนบเข้ากับลำคอของ
เขา เขาวางอวี๋ตงกลับลงไปที่เบาะรถและทาบมือลง
บนหน้าผากของเธอ
เห็นได้ชัดว่าอุณหภูมิค่อนข้างสูงทีเดียว อวี๋ตง
กำลังเป็ นไข้!
บ้าชะมัด!
เซี่ยเฟิ งคาดซีทเบลท์ให้เธอ กลับขึน
้ รถแล้วขับ
ตรงไปยังโรงพยาบาลในเมืองอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาล เซี่ยเฟิ งก็ตรงดิ่งไปยัง
แผนกฉุกเฉินโดยมีอวี๋ตงอยู่ในอ้อมแขน
“คุณหมอเซี่ย เกิดอะไรขึน
้ ?” หัวหน้าพยาบาล
หลิวถามด้วยความเป็ นห่วงเมื่อเธอเห็นเซี่ยเฟิ งวิ่ง
มาพร้อมกับคนในอ้อมแขน
“พยาบาลหลิว ช่วยหาเตียงให้ผมหน่อย”
เซี่ยเฟิ งเป็ นกังวลมาก
“โอ้ ได้ค่ะ!” พยาบาลหลิวกวักมือเรียกพยาบาล
มาสั่งงาน ในไม่ช้าพยายาลคนหนึ่งก็เข็นเตียงมาให้
จากนัน
้ เธอก็ช่วยเซี่ยเฟิ งเข็นเตียงผู้ป่วยไปยังวอร์ด
ที่หมาะสม
ไม่นานหลังจากนัน
้ ดร.หลี่ร่ย
ุ หมิง อายุรแพทย์ก็
รีบเร่งมา
“ผู้อำนวยการหลี่” เซี่ยเฟิ งดูท่าทางกังวลใจ
“อย่าเพิ่งตกใจ ขอผมตรวจดูก่อน” ผู้อำนวยการ
หลี่ให้ความมั่นใจ
หลังจากตรวจเช็คอยู่หลายรอบ ผู้อำนวยการหลี่
ก็ได้จัดยาที่จำเป็ นสำหรับอวี๋ตงและบอกให้
พยาบาลจัดการให้น้ำเกลือ
ผู้อำนวยการหลี่เขียนใบสั่งยาให้พยาบาลที่ทำ
หน้าที่ ในที่สุดเขาจึงมองเซี่ยเฟิ งแล้วยิม
้ “ผู้หญิง
คนนีค
้ ือใคร?”
“เอ๊ะ?” เนื่องจากกังวลเรื่องอวี๋ตง เซี่ยเฟิ งจึง
เผลอตอบไปตามตรง “ภรรยาของผมเอง”
“เธอแต่งงานแล้วเหรอ เจ้าลูกชาย?” ผู้อำนวย
การหลี่แปลกใจ เซี่ยเฟิ งผู้ที่ได้รับสมญานามว่า
‘สุภาพบุรุษทองคำของโรงพยาบาล’ มีพยาบาล
ไม่ร้ก
ู ี่คนที่เดินตามเขาต้อยๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขา
แต่งงานแล้ว
หัวหน้าพยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ร้ส
ู ึกตกใจ ดู
เหมือนว่าเธอจะได้ยินเสียงพยาบาลร้องไห้กันระงม
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ใช่ พวกเราจดทะเบียนกันแล้วแต่ยังไม่ได้จัด
งานแต่ง” เซี่ยเฟิ งบอก
“เป็ นเรื่องน่ายินดี เธอยังไม่ได้เชิญพวกเราไปดื่ม
ฉลองเลย” ผู้อำนวยการหลี่มองเซี่ยเฟิ ง
“ผมจะเชิญผู้อาวุโสแน่นอน ผมขอขอบคุณคุณ
สำหรับความช่วยเหลือทัง้ หมดที่มอบให้ผมมาโดย
ตลอด” เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
“ผมเหรอ แน่นอนอยู่แล้ว” ผู้อำนวยการหยอก
ล้อ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนเย็นชาอย่างเธอจะ
ทำท่าตื่นตกใจแบบนัน
้ ตอนที่พยาบาลมาเรียกผม
ผมยังคิดว่ามีคนป่ วยเป็ นโรคร้ายแรงเสียอีก”
“อา…ขอโทษด้วยครับ ผู้อาวุโส” เซี่ยเฟิ งย่อมรู้
ว่าผู้อำนวยการหลี่หมายถึงอะไร ไม่มีปัญหาร้าย
แรงเกี่ยวกับอาการของอวี๋ตง
“เธอไม่เป็ นอะไร แค่เครียดเท่านัน
้ ไม่มีปัญหา
อะไรร้ายแรง ที่เป็ นไข้ก็เพราะอากาศหนาวแล้วก็
ร่างกายเหนื่อยล้าเกินไป ปล่อยให้เธอได้พักผ่อน
เมื่อเธอตื่นก็จะดีขึน
้ เอง ผมเขียนใบสั่งยาให้แล้ว
จากนัน
้ ก็กลับบ้านได้” ผู้อำนวยการหลี่บอก
“โอเค ขอบคุณมากครับ ผู้อำนวยการหลี่”
เซี่ยเฟิ งนั่งอยู่ข้างเตียงของอวี๋ตง หลังจากนัน
้ ไม่
นานเมื่อเห็นว่าเธอนอนหลับอย่างสงบ เขาก็เอี ้
อมมือไปจัดผมที่ยุ่งเหยิงของเธอก่อนจัดผ้าห่มคลุม
ให้เรียบร้อยหลังจากนัน
้ ก็ลุกขึน
้ เดินออกไป
“พยาบาลหลิว ช่วยดูแลเธอด้วย” เซี่ยเฟิ งเดิน
ไปที่โต๊ะทำงานของหัวหน้าพยาบาลก่อนขอร้องเธอ
“เราดูแลสมาชิกครอบครัวของโรงพยาบาลของ
พวกเราเป็ นอย่างดีอยู่แล้ว คุณมั่นใจได้” พยาบาล
หลิวบอก
“โปรดโทรบอกผมด้วยถ้าเธอตื่นแล้ว” เซี่ยเฟิ ง
เพิ่มคำขออีกหนึ่งอย่าง
“คุณไม่ต้องห่วง!” พยาบาลหลิวหัวเราะ
เซี่ยเฟิ งรู้สึกอายนิดหน่อย เขากล่าวขอบคุณเธอ
ก่อนที่จะออกไปยังแผนกศัลยกรรม
“พี่หลิว ผู้ป่วยรายนัน
้ เป็ นแฟนของคุณหมอเซี่ย
เหรอคะ?” พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆแล้ว
ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่ใช่แฟน” พยาบาลหลิวส่ายหน้า
“ค่อยโล่งอกหน่อย! มีหลายคนเลยที่ถามฉันว่า
นั่นใช่แฟนของคุณหมอเซี่ยหรือเปล่า พวกเราวิตก
กันทัง้ วัน” พยาบาลคนนัน
้ พูดพลางทาบมือลงบน
หน้าอกของตัวเองอย่างโล่งใจ
“ฉันว่า พวกเธอทัง้ หมดกำลังฝั นกลางวันเกี่ยว
กับคุณหมอเซี่ย ไม่ใช่ว่าเขาจะมาตกหลุมรักพวก
เธอเสียหน่อย”
“พี่หลิว พี่ไม่เข้าใจ ผู้ชายหล่อๆเป็ นสมบัติของ
ทุกคน ตราบใดที่พวกเรายังไม่ได้แต่งงาน เราก็
สามารถ YY ได้”***
***[YY เป็ นคำแสลงสำหรับการเพ้อฝั นหรือ
จินตนาการลามก]
“ถ้าอย่างนัน
้ เธอก็ได้หยุดแล้วล่ะ” พยาบาลหลิว
ชีไ้ ปทางวอร์ดแล้วพูดว่า “สาวสวยคนนัน
้ ไม่ใช่แฟน
ของคุณหมอเซี่ยแต่เธอเป็ นภรรยาของเขา”
“อะไรนะ?” เสียงพยาบาลคร่ำครวญทันที จู่ๆก็
รู้สึกราวถูกกระแทกอย่างแรง เธอหันไปทาง
พยาบาลคนอื่นแล้วพูดคุยกันอย่างบ้าคลั่งก่อนที่ทัง้
กลุ่มจะตกเข้าสู่ความวุ่นวายและเสียงร้องห่มร้องไห้
ทำไมผู้ชายดีๆต้องแต่งงานเร็วขนาดนีด
้ ้วย?
ในห้องพักแพทย์
เส้าอีฝ
้ านกำลังดูขา่ วตอนที่เขาเห็นเซี่ยเฟิ งเดิน
เข้ามา ดวงตาของเขาก็เป็ นประกายขณะลาก
เซี่ยเฟิ งเข้ามาใกล้ๆแล้วพูดว่า “เซี่ยเฟิ ง เซี่ยเฟิ ง มี
ข่าวอวี๋ตงด้วย”
“ข่าวอะไร?” เซี่ยเฟิ งสงสัย
“ดูสิ ดูสิ…” เส้าอีฝ
้ านดึงเซี่ยเฟิ งไปที่
คอมพิวเตอร์แล้วเปิ ดเว็บไซต์ให้ดู
ข่าวบอกเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถบัสเมื่อคืน โดยมุ่ง
เน้นไปยังกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ที่ขับรถมากันเป็ น
ขบวนเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
“ข่าวสัมภาษณ์ผู้ฟังบางคนว่าเกิดอะไรขึน
้ พวก
เขาพบว่าคนขับรถแท็กซี่ได้ยินอวี๋ตงในรายการวิทยุ
เมื่อคืนนี ้ จึงได้เกิดเหตุการณ์ที่พวกเขาจำนวนมาก
ไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ” เส้าอีฝ
้ านพูดอย่างตื่น
เต้น “ดูรูปถ่ายสิ เมื่อคืนนีม
้ ีรถแท็กซี่จอดอยู่หน้า
โรงพยาบาลเยอะมาก เป็ นภาพที่น่าประทับใจ
จริงๆ”
“โชคไม่ดี เมื่อวานนีฉ
้ ันอยู่กะกลางคืนไม่อย่าง
นัน
้ ฉันก็จะได้ฟังรายการของอวี๋ตง” ท่าทางของเส้า
อีฝ
้ านเต็มไปด้วยความเสียดาย
หลังจากที่อ่านบทความข่าวแล้ว เซี่ยเฟิ งก็เดินไป
ที่โต๊ะของเขาแล้วหยิบเสื้อกาวน์มาสวม
เส้าอีฝ
้ านเพิ่งตระหนักถึงบางอย่างจึงถามเซี่ยเฟิ ง
ว่า “ทำไมนายใส่แค่เชิต
้ ทำงานมาแล้วเสื้อแจ็กเก็ต
ของนายล่ะ?”
“อยู่ที่วอร์ด” เซี่ยเฟิ งนึกขึน
้ ได้
“วอร์ด? นายไปตรวจคนไข้มาแล้วเหรอ?” เส้าอี ้
ฝานมองด้วยความแปลกใจ
“อวี๋ตงเป็ นไข้ ฉันก็เลยพาเธอไปที่วอร์ดแล้วทิง้
เสื้อแจ็กเก็ตเอาไว้ที่นั่น” เซี่ยเฟิ งอธิบาย
“ไอดอลของฉันเป็ นไข้งัน
้ เหรอ?” เส้าอีฝ
้ าน
เซอร์ไพรส์
“ไอดอลของนาย?” เซี่ยเฟิ งชำเลืองมองเส้าอี ้
ฝานด้วยหางตา
“อือ จากนีไ้ ปอวี๋ตงจะเป็ นไอดอลของฉัน” เส้าอี ้
ฝานบอกกับเซี่ยเฟิ งด้วยรอยยิม
้ สดใส
“นายดูมีความสุขมาก!” เซี่ยเฟิ งไม่อยากจะ
สนใจเขาอีก ดังนัน
้ จึงหยิบหูฟังแพทย์แล้วออกไป
ตรวจคนไข้
อวี๋ตงนอนหลับสนิทมาก เมื่อเธอตื่นขึน
้ มาก็เป็ น
เวลา 6 โมงเย็นแล้ว เธอหลับไปตลอดทัง้ วัน
เมื่อมองไปรอบๆอย่างงุนงง หลังจากนัน
้ ไม่นานอ
วี๋ตงก็ร้ว
ู ่าเธออยู่ในโรงพยาบาล เมื่อเธอหันไปมอง
ด้านข้างก็เห็นเสื้อคลุมสีดำวางพาดอยู่ที่เก้าอีข
้ ้าง
เตียง เธอรู้ว่าเป็ นของเซี่ยเฟิ ง ‘ฉันมาอยู่ในโรง
พยาบาลได้ยังไง?’
“คุณตื่นแล้ว?” พยาบาลหลิวเห็นว่าอวี๋ตงตื่น
แล้ว หลังจากเข้ามาวัดอุณหภูมิของเธอ “คุณตัวไม่
ร้อนแล้ว ฉันคิดว่าไข้ของคุณลดลงจนเป็ นปกติแล้ว
แต่ฉันจะวัดอุณหภูมิของคุณอีกครัง้ ให้แน่ใจ”
“แล้วเซี่ยเฟิ งล่ะคะ?” อวี๋ตงถาม
เมื่อได้ยินน้ำเสียงแหบแห้งของเธอ หัวเหน้า
พยาบาลก็รินน้ำมาให้อวี๋ตง
“ขอบคุณค่ะ” อวี๋ตงพยักหน้าขอบคุณขณะที่รับ
แก้วน้ำมา
“คุณหมอเซี่ยแวะมาดูหลายครัง้ แล้วแต่เห็นว่า
คุณยังหลับอยู่เขาก็เลยกลับออกไป” พยาบาลหลิว
บอก “อย่าตำหนิเขาเลย พวกหมอมักจะยุ่งแบบนี ้
เสมอ”
“ฉันรู้” อวี๋ตงยิม

“ดูคุณสิ ช่างเป็ นผู้หญิงที่ดีและเข้าอกเข้าใจไม่
น่าแปลกใจเลยที่คุณหมอเซี่ยจะเป็ นห่วงคุณมาก
ขนาดนี”
้ พยาบาลหลิวยิม

“เอ๊ะ?”
“เมื่อเช้านีฉ
้ ันตกใจมากที่เขารีบร้อนเข้ามา
แม้แต่ผู้อำนวยการของเราก็ตกใจเหมือนกัน
สุดท้ายหลังจากการตรวจแล้ว คุณก็แค่เป็ นไข้ธรรม
ดาๆ” พยาบาลหลิวอดที่จะหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกถึง
เหตุการณ์เมื่อเช้า
“จริงรึ?” อวี๋ตงแปลกใจนิดหน่อย
เมื่อเห็นท่าทางของอวี๋ตง หัวหน้าพยาบาลคิดว่า
เธอไม่เชื่อจึงพูดเสริมว่า “แน่นอน นี่เป็ นความจริง
หมอทุกคนที่นี่ต่างช่วยชีวิตและรักษาผู้บาดเจ็บ แค่
เพราะพวกเขาไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากพอก็
ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ใส่ใจ”
“อา?” อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าทำไมพยาบาลหลิวถึงพูด
เรื่องทัง้ หมดนี ้ เธอค่อนข้างงุนงง
“คุณจะต้องไม่เข้าใจคุณหมอเซี่ยผิด เขาเป็ นห่วง
คุณมากจริงๆ”
“โอ้ ฉันรู้แล้ว ขอบคุณค่ะ!” ในที่สุดอวี๋ตงก็คิดได้
ว่าหัวหน้าพยาบาลคนนีพ
้ ยายามทำอะไร นี่เป็ น
ความเข้าใจผิดที่น่าขันจริงๆ
“ถ้าอย่างนัน
้ ฉันจะไปเรียกคุณหมอเซี่ยให้คุณ”
“ไม่ ไม่เป็ นไรค่ะ ตอนนีเ้ ขาคงจะกำลังยุ่งอยู่” อ
วี๋ตงปฏิเสธ
“นั่นไม่ดีเลย คุณหมอเซี่ยกำชับฉันเอาไว้ว่าต้อง
แจ้งให้เขาทราบถ้าคุณตื่น” หัวหน้าพยาบาลดู
ปรอทวัดไข้ของอวี๋ตง “อุณหภูมิของคุณกลับมา
เป็ นปกติแล้ว แต่ต้องทานยาต่อเมื่อคุณกลับถึง
บ้าน”
อวี๋ตงพยักหน้าและพยาบาลหลิวก็กลับออกไป
อวี๋ตงหยิบโทรศัพท์ขึน
้ มาดูก็เห็นว่ามีสายไม่ได้รับ
อยู่หลายสายจากสถานีวิทยุและจากเสี่ยวเยว่ หลัง
จากคิดอะไรบางอย่างได้ อวี๋ตงก็ลุกขึน
้ แต่งตัวแล้ว
ออกไปที่สวนของโรงพยาบาลเพื่อโทรกลับ เธอ
กังวลว่าการโทรศัพท์ตรงบันไดจะส่งผลกระทบกับ
อุปกรณ์การแพทย์ของโรงพยาบาล
“ผู้อำนวยการหม่า ฉันขอโทษจริงๆ พอดีฉันปิ ด
เสียงโทรศัพท์เอาไว้ ฉันเลยไม่ร้ว
ู ่าคุณโทรมา” อวี๋
ตงโทรกลับไปหาผู้อำนวยการของสถานีว้ ิทยุก่อน
“ไม่เป็ นไร”
“คุณมีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”
“โอ้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผู้อำนวยการใหญ่ของ
เราจากไต้หวันแค่อยากจะชมเชยคุณสำหรับการทำ
สิ่งดีๆ” ผู้อำนวยการหม่าบอก
“ผู้อำนวยการใหญ่ เกรงใจไปแล้ว” อวี๋ตงไม่
จำเป็ นต้องคิดก็ร้ว
ู ่าเป็ นเพราะเรื่องที่เกิดขึน
้ เมื่อคืน
นี ้
“เราจำเป็ นต้องแสดงความยินดีกับคุณ คุณช่วย
มาที่สถานีตอนบ่ายวันพรุ่งนีด
้ ้วยนะ” ผู้อำนวยการ
หม่าพูด
“ได้ค่ะ!”
อวี๋ตงวางสายหลังจากนัน
้ ก็โทรกลับไปหาเสี่ยว
เยว่
“เสี่ยวเยว่ที่สตูดิโอเป็ นยังไงบ้าง?” อวี๋ตงถาม
“ซินซินกับฉันจัดการเสร็จหมดแล้ว เธอไม่ต้อง
เป็ นห่วง” เสี่ยวเยว่ตอบ “เธอมัวไปทำอะไรอยู่? ไม่
ยอมรับโทรศัพท์เลยตลอดทัง้ วัน”
“ฉันเป็ นไข้แล้วก็ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล”
“อะไรนะ? ตอนนีเ้ ธอโอเครึยัง? ฉันจะไปเยี่ยม
เธอ!” เสี่ยวเยว่อุทาน
“ไม่เป็ นไร เซี่ยเฟิ งก็อยู่ด้วย”
“งัน
้ ก็ดีแล้ว!” เสี่ยวเยว่พูด “ฉันรู้ว่าอะไรควรไม่
ควร ฉันจะไม่ไปรบกวนคู่รักหรอก”
อวี๋ตงยิม
้ ขณะที่เธอวางสาย
ตอนที่เธอกลับมาที่วอร์ด เซี่ยเฟิ งก็รออยู่ในห้อง
แล้ว เมื่อเขาเห็นอวี๋ตงเดินกลับเข้ามา เขาก็ขมวด
คิว้ แล้วดุเธอว่า “คุณเพิ่งจะดีขึน
้ ทำไมถึงได้วิ่งไปวิ่ง
มาอีกแล้ว”
เขาเดินเข้าไปหาเธอแล้วจับมือเธอจากนัน
้ ก็ต้อง
ตกใจ “ทำไมมือของคุณถึงได้เย็นขนาดนี?้ ”
“ฉันเพิ่งจะออกไปโทรศัพท์มา” อวี๋ตงอธิบาย
“นี่เป็ นสิ่งที่คนป่ วยสมควรทำหรือ?” เซี่ยเฟิ งไม่
เห็นด้วย
“ฉันไม่ดีเอง!” อวี๋ตงรู้ว่าเซี่ยเฟิ งเป็ นห่วงเกี่ยวกับ
สุขภาพของเธอมากก็เลยรู้สึกผิดขึน
้ มานิดหน่อย
“คุณ…” เซี่ยเฟิ งไม่สามารถพูดอะไรต่อได้
“ฮ่า ฮ่า…” เมื่อเห็นเซี่ยเฟิ งไม่โกรธเธอแล้ว อวี๋
ตงก็เลยหัวเราะคิกออกมา
“หิวไหม?” เซี่ยเฟิ งรู้ว่าอวี๋ตงจะต้องหิว เธอไม่ได้
กินอะไรเลยตลอดทัง้ วัน
“อื้อ!” อวี๋ตงพยักหน้า
“ไปกันเถอะ!” เซี่ยเฟิ งช่วยอวี๋ตงใส่เสื้อแจ็กเก็ต
แล้วจับมือเธอขณะที่พวกเขาเดินออกไปจากวอร์ด
พยาบาลหลายคนแอบมองทัง้ คู่ตลอดทางแต่
เซี่ยเฟิ งก็ไม่ปล่อยมือของอวี๋ตง
มือคู่นรี ้ าวกับมีเวทย์มนต์ อวี๋ตงคิด ‘ถึงแม้ว่า
หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยขวากหนาม ตราบใด
ที่เขายังกุมมือของฉันเอาไว้ ฉันก็จะติดตามเขาไป
ทุกที่’
“ฉันคิดถึงคุณ!”
เซี่ยเฟิ งตัวแข็งจากนัน
้ ก็เริ่มหัวเราะเบาๆ อย่างมี
ความสุข ก่อนลูบศีรษะของอวี๋ตงอย่างสบายใจ
“เด็กโง่”
เส้าอีฝ
้ านที่ยืนอยู่ด้านหลังคนทัง้ คู่ห่างออกไป
ประมาณ 5 เมตร อดร่ำร้องออกมาไม่ได้ “บ้า
ชะมัด ถ้านายไม่ใช่พี่น้องที่ดีของฉัน ฉันคงจะ
กระโดดเข้าไปแทรกระหว่างคู่รักไปแล้ว!”
...................
 

ตอนที่ 31 ทรีอินวันเดท
เมื่อมาถึงโรงอาหารก็เป็ นเวลาบ่ายโมงแล้วดังนัน

จึงมีคนอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่คน อย่างไรก็ตามพนักงานของ
โรงพยาบาลไม่จำเป็ นต้องปฏิบัติงานตามช่วงเวลา
ปกติมันจึงเป็ นเรื่องค่อนข้างท้าทายในการเดิน
เข้าไปในโรงอาหาร
เซี่ยเฟิ งพาอวี๋ตงไปนั่งยังโต๊ะว่าง “นั่งรอที่นี่ก่อน
ผมจะไปเอาอาหารมาให้” เซี่ยเฟิ งบอก
“ได้” อวี๋ตงพยักหน้าพร้อมรอยยิม

เซี่ยเฟิ งส่งยิม
้ ตอบแล้วเดินไปยังร้านอาหาร
“คุณหมอเซี่ย โจ๊กที่คุณสั่งได้แล้ว” พ่อครัวของ
โรงอาหารบอกเมื่อเขาเห็นเซี่ยเฟิ ง “ผมจะไปเอา
ออกมาให้”
“ขอบคุณ” เซี่ยเฟิ งตอบ
“โอ้ คุณไม่ต้องเกรงใจ” พ่อครัวผู้อารมณ์ดีเดิน
กลับเข้าไปในครัว
ในไม่ช้าเขาก็กลับมาพร้อมกับหม้อตุ๋นแล้วพูดว่า
“มันเพิ่งยกลงจากเตาค่อนข้างร้อนอยู่มาก ระวัง
ด้วย”
“ขอบคุณอีกครัง้ ” เซี่ยเฟิ งขอบคุณพ่อครัวขณะ
ที่รับหม้อตุ๋นมา
“นั่นอะไร?” เซี่ยเฟิ งมีความสุขจนไม่ได้สังเกต
เห็นว่าเส้าอีฝ
้ านเข้ามาอยู่ใกล้ เส้าอีฝ
้ านเปิ ดฝาหม้อ
ตุ๋นดู ทำให้กลิ่นหอมของโจ๊กกระจายอบอวล เขา
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดว่า “กลิ่นหอมมาก
โจ๊กไก่ใส่เห็ดหอม”
“ปิ ดฝาหม้อ!” เซี่ยเฟิ งหงุดหงิด
“ทำพิเศษสำหรับอวี๋ตงหรือ? แบ่งให้ฉันสักชามสิ
ฉันไม่ได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมานาน
แล้ว” เส้าอีฝ
้ านเลียริมฝี ปาก
“นายล้อเล่น?” เซี่ยเฟิ งพูด
“อย่างกน่า อวี๋ตงกินไม่หมดหรอกหม้อใหญ่
ขนาดนี”
้ เส้าอีฝ
้ านพยายามหว่านล้อมเซี่ยเฟิ งเพื่อ
ขอกินโจ๊กด้วยสักชาม
“ไม่ใช่ว่านายเพิ่งบอกฉันว่าอวี๋ตงคือไอดอลของ
นาย? แต่นายกลับพยายามแย่งอาหารไอดอลของ
นายเนี่ยนะ?”
“ขีง้ ก!” เส้าอีฝ
้ านปิ ดฝาหม้อตุ๋นก่อนจะหันไป
ต่อว่าพ่อครัว “หัวหน้าเชฟ คุณทำอาหารให้เซี่ยเฟิ ง
เป็ นพิเศษแค่คนเดียวได้ยังไง? ผมก็อยากได้บ้าง”
“โอ้ ฮ่าฮ่า วันอื่น วันอื่นก็แล้วกัน…” พ่อครัวรู้ว่า
เส้าอีฝ
้ านแค่ล้อเล่น เขาจึงรับมุขไปด้วยอย่าง
สนุกสนาน
เซี่ยเฟิ งหนีไปพร้อมกับหม้อตุ๋นกลับไปหาอวี๋ตงที่
โต๊ะ เขาวางหม้อลงตรงหน้าเธอแล้วพูดว่า “รอ
เดี๋ยว ผมขอไปหยิบชามกับช้อนก่อน”
“ได้!” อวี๋ตงเห็นว่าเซี่ยเฟิ งกำลังเดินไปที่
เคาน์เตอร์อุปกรณ์ ด้วยความอยากรู้เธอก็เลยเปิ ด
ฝาหม้อดู ก็เห็นว่าเป็ นโจ๊กไก่ใส่เห็ดหอมดูน่าอร่อย
มาก
อวี๋ตงยืดตัวตรงพร้อมกับหัวเราะเบาๆในลำคอ
เซี่ยเฟิ งกลับมาแล้วส่งช้อนให้อวี๋ตงพร้อมกับตัก
โจ๊กใส่ถ้วยใบเล็กก่อนจะวางลงตรงหน้าเธอ
อวี๋ตงรับช้อนมาหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณทำอย่าง
กับฉันเป็ นเด็ก”
“เด็กๆมักจะร้องไห้แล้วก็สร้างปั ญหา คุณจะเป็ น
เด็กได้ยังไง? ในเมื่อคุณออกจะเชื่อฟั ง” เซี่ยเฟิ งนั่ง
ลงแล้วเริ่มตักโจ๊กให้ตัวเองบ้าง
“มันอร่อยมาก!” หลังจากตักโจ๊กเข้าปาก ดวงตา
ของอวี๋ตงก็หรี่ลงอย่างมีความสุข
“ทำไมคุณทำราวกับไม่เคยกินโจ๊กมาก่อนใน
ชีวิต?” เซี่ยเฟิ งหยอกล้อ
“ก็ใกล้เคียง ฉันไม่ได้กินโจ๊กมาซัก 7-8 ปี ได้
แล้ว” ในชีวิตก่อนอวี๋ตงเป็ นคนบ้างานแต่เธอก็ยัง
ไม่มีปัญญาตื่นเช้า ดังนัน
้ เธอจึงมักจะไม่ได้กิน
อาหารเช้าดีๆ มื้ออาหารส่วนใหญ่ของเธอก็มักจะ
เป็ นอาหารจานด่วน แล้วเธอจะมีเวลามานั่ง
ละเลียดโจ๊กได้ยังไง?
“7-8 ปี ?” เซี่ยเฟิ งแปลกใจ
“เอ๊ะ? อ่า…ใช่ ฮ่าฮ่า…” อวี๋ตงเพิ่งรู้ตัวว่าพูด
อะไรออกไปแต่เธอไม่ร้ว
ู ่าจะหาข้ออ้างยังไงดี ก็เลย
ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนเท่านัน

“โจ๊กดีต่อกระเพาะ คุณมักจะตื่นสายแล้วก็ไม่ได้
กินข้าวเช้า เมื่อมีโอกาสก็กินให้มากหน่อย”
เซี่ยเฟิ งไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม
“ฉันจะกินให้มาก” อวี๋ตงทำได้แค่พยักหน้ารับ
เซี่ยเฟิ งพอใจกับท่าทางว่าง่ายของเธอจึงกลับไป
กินโจีกของตัวเองต่อ
อวี๋ตงมองดูรอบๆในขณะที่เธอกินโจ๊กไปด้วย คน
อื่นๆกำลังกินข้าวหรืออาหารง่ายๆ ดังนัน
้ เธอจึงอด
สงสัยไม่ได้ “คุณยุ่งมาทัง้ วันกินแค่โจ๊กจะอิ่มเห
รอ? คุณอยากจะกินอย่างอื่นเพิ่มไหม?”
“ผมกินขนมปั งรองท้องมาบ้างแล้วก็เลยยังไม่
ค่อยหิว” เซี่ยเฟิ งตอบ
“โอ้”
อวี๋ตงตัง้ ใจกินโจ๊กของตัวเองต่อจากนัน
้ ไม่นานก็
หมดถ้วย เมื่อมองไปยังถ้วยที่ว่างเปล่าเธอเงียบไป
พักหนึ่งก่อนจะยื่นมันไปตรงหน้าเซี่ยเฟิ ง
เซี่ยเฟิ งเงยหน้ามองด้วยความสงสัย
“ขออีกถ้วย!” อวี๋ตงยิม
้ หวาน
นี่คือ…เธอพยายามทำตัวเอาแต่ใจใช่ไหม? เซี่ยเฟิ
งอดไม่ได้ที่จะยิม
้ ให้กับความคิดนี ้ เขาวางช้อนลง
แล้วรับถ้วยที่ย่ น
ื มาตรงหน้า
“ช่างน่ารักจริง!” เส้าอีฝ
้ านนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกล
จากคู่รักมากนัก ถอนหายใจพลางอุทานกับหัวหน้า
พยาบาลหลิว
“พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกัน นั่นถือว่าเป็ นเรื่อง
ปกติ!” พยาบาลหลิวตอบ
“มันไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกัน
แต่เป็ นเพราะพวกเขากำลังมีความรักต่างหาก” เส้า
อีฝ
้ านยังสงสัย “แต่เซี่ยเฟิ งไม่เคยเป็ นแบบนีม
้ า
ก่อน”
ในอดีตตอนที่เซี่ยเฟิ งคบกับอันอันทัง้ สองคนไม่
เคยทำอะไรแบบนีม
้ าก่อน ตอนที่เขาต้องเป็ นหลอด
ไฟ***ในวันที่พวกนัน
้ ออกเดทเขาก็ไม่เคยรู้สึกเขิน
อาย แต่ตอนนีข
้ นาดอยู่ห่างออกมา 5 เมตรแต่ตา
ของเขาก็แทบบอดแล้ว
***[หลอดไฟ คำแสลงหมายถึง บุคคลที่สาม
ก้างขวางคอ ประจักษ์พยานการสวีทของคู่รัก]
“พวกเขาจะเป็ นพวกอวดความหวานได้ยังไง? ก็
แค่กินข้าวด้วยกันเท่านัน
้ เอง” พยาบาลหลิวหัน
กลับมาแล้วพูดว่า “แต่มีบางอย่างเกี่ยวกับหนุ่มสาว
คู่นน
ั ้ บรรยากาศรอบๆมันดูดีเกินไป”
“ใช่แล้ว!” ดูเหมือนว่าเส้าอีฝ
้ านจะได้ค้นพบเนื้อ
คู่แล้ว
“มันอะไรล่ะ? คุณกำลังทำให้ฉันอึดอัดนะ”
พยาบาลหลิวสังเกตเห็นดวงตาที่เป็ นประกายของ
เส้าอีฝ
้ าน
“พี่หลิวถ้าคุณเจอคนดีๆก็ช่วยแนะนำเธอให้ผม
ด้วย” เส้าอีฝ
้ านฉวยโอกาส
“มีพยาบาลสาวๆตัง้ หลายคนที่แอบชอบคุณ แต่
คุณยังจะขอให้ฉันแนะนำคนอื่นให้อีกเหรอ?” พยา
บาลหลิวแปลกใจ “โรงพยาบาลในเมืองของเรามี
เทพบุตรอยู่ 2 คนเท่านัน
้ และหนึ่งในนัน
้ ก็ไม่ว่าง
เสียแล้ว คุณจะบอกฉันว่าคุณยังไม่มีแฟน?”
“อนิจจาแม้ว่าจะมีแม่น้ำถึง 3,000 สายแต่
สายน้ำนัน
้ กลับไหลแผ่วเกินไป”*** เส้าอีฝ
้ านพูด
ด้วยท่าทางมีปัญหา
***[เป็ นคำเปรียบเปรยว่ามีผู้หญิงอยู่มากมายแต่
ไม่มีใครสักคนที่เข้าตา]
“ฮ่าฮ่า…” พยาบาลหลิวทานข้าวเสร็จก็ทิง้ เส้าอี ้
ฝานเอาไว้คนเดียว
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เซี่ยเฟิ งก็ไปขออนุญาต
หัวหน้าของเขาเพื่อพาอวี๋ตงกลับบ้าน
“คืนนีค
้ ุณก็ไม่ต้องไปทำงาน ลาหยุดซักวันนึง”
เซี่ยเฟิ งบอกขณะขับรถ
“อื้อ” อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกว่าร่างกายยังไม่เป็ นปกตินัก
กลัวว่าจะทำงานได้เต็มที่
กริ๊ง กริ๊ง
เซี่ยเฟิ งได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาจึงหยิบมัน
ออกมาแล้วส่งให้อวี๋ตง อวี๋ตงดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็ น
แม่ของเซี่ยเฟิ งที่โทรมา “ฉันจะถือแนบหูคุณให้”
“ไม่เป็ นไรคุณรับได้เลย”
“แต่คุณป้ าโทรมา” อวี๋ตงอิดออด
“ทุกครัง้ ที่ท่านโทรมาก็จะถามถึงคุณอย่างน้อย 
8 ครัง้ อยู่ดี” เซี่ยเฟิ งตอบพลางหัวเราะ
อวี๋ตงตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยอมกดรับสายในที่สุด
“คุณแม่ หนูอวี๋ตงเองค่ะ”
คุณแม่เซี่ยยิม
้ เมื่อได้ยิน
“โอ้ ตงตง หนูอยู่กับเซี่ยเฟิ งเหรอ?” น้ำเสียง
ร่าเริงของคุณแม่เซี่ยดังจากโทรศัพท์
“เซี่ยเฟิ งกำลังขับรถอยู่ เขาก็เลยรับสายไม่ได้”
อวี๋ตงอธิบาย
“โอ้ ไม่เป็ นไร” คุณแม่เซี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ
ถามว่า” ตงตงหนูเป็ นหวัดใช่หรือเปล่า? เสียงของ
หนูฟังดูแปลกๆ”
“อา ใช่ค่ะ หนูเป็ นหวัดนิดหน่อยแต่ก็เกือบหาย
ดีแล้วค่ะ”
เซี่ยเฟิ งฟั งแล้วก็ขมวดคิว้ เล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้
พูดอะไรออกมา
“เกิดอะไรขึน
้ ? จริงๆเลย ลูกชายของแม่ไม่ได้
ดูแลหนูให้ดี เปิ ดลำโพงซิแม่จะคุยกับเขา” จู่ๆคุณ
แม่เซี่ยก็เริ่มโมโห
“คุณแม่คะ ไม่ใช่ความผิดของเซี่ยเฟิ ง ก่อนหน้า
นีห
้ นูไม่ได้ดูสภาพอากาศให้ดีเลยใส่เสื้อผ้าบางไป
หน่อย”
“ไม่หรอกนั่นก็เป็ นความผิดของเขาเหมือนกัน
เขาอายุมากกว่าแถมยังเป็ นหมอ ทำไมเขาถึงไม่พูด
อะไรบ้าง”
“คุณแม่คะ ไม่ใช่ความผิดของเซี่ยเฟิ งจริงๆ เขา
เดินทางไปทำงานที่คุนซาน ตอนที่หนูไม่สบาย…”
“อะไรนะ! ตอนที่หนูป่วยเขาก็ยังไปทำงานที่
อื่น? หนูส่งโทรศัพท์ให้เขา…” คุณแม่เซี่ยยิ่งโมโห
มากขึน

เซี่ยเฟิ งไม่ได้ยินสิ่งที่แม่ของเขาพูดแต่เขาก็พอจะ
เดาได้จากคำพูดของอวี๋ตง เมื่อเห็นว่าอวี๋ตงปกป้ อง
เขาอย่างจริงจัง เขาก็ร้ส
ู ึกว่ามันช่างเป็ นสถานการณ์
ที่น่าขันแต่ก็อบอุ่น
“เอาโทรศัพท์แนบตรงหูผมที” เซี่ยเฟิ งเห็น
ท่าทางลำบากใจของอวี๋ตงจึงขอให้เธอส่งโทรศัพท์
มา
“อื้อ” อวี๋ตงทำตามที่เขาบอก
“แม่ครับ” คุณแม่เซี่ยยังคงโวยวายเกี่ยวกับเรื่อง
ที่ไม่เอาใจใส่ต่ออวี๋ตงเมื่อเซี่ยเฟิ งพูดสาย
“ลูกชาย?” คุณแม่เซี่ยได้ยินเสียงที่เปลี่ยนไป
“ผมเอง”
“ตอนที่อวี๋ตงอยู่กับลูกเธอป่ วยได้ยังไง? ที่
โรงเรียนการแพทย์ลูกเรียนแต่เรื่องไร้สาระรึไง?”
“เรื่องไร้สาระ หมอถูกสอนให้ดูแลรักษาคนอื่น
เขาไม่สามารถห้ามไม่ให้คนเจ็บป่ วยได้ คุณกำลัง
ไม่มีเหตุผล!” เสียงคุณพ่อเซี่ยดังลอดมาตาม
โทรศัพท์
“คุณ เงียบไปเลยนะ!” คุณแม่เซี่ยตวาด
เมื่อเซี่ยเฟิ งฟั งเสียงโต้เถียงของพ่อกับแม่ก็อด
หัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้
“ใช่ ผมไม่ดีเอง ผมไม่ได้ดูแลอวี๋ตงให้ดี” เขา
เหลือบมองอวี๋ตงก็เห็นว่าหน้าของเธอขึน
้ สีด้วย
ความเขินอาย
“ดีมาก เป็ นเรื่องดีที่ลูกเข้าใจ” คุณแม่เซี่ยลด
เสียงลงก่อนถามว่า “เธอเขินอยู่ใช่ไหม?”
เซี่ยเฟิ งหันมองอวี๋ตงอีกครัง้ แล้วตอบว่า “ใช่”
“ลูกชาย แม่ยิ่งดุด่าลูกมากเท่าไหร่ก็เหมือนกับ
ว่าแม่กำลังช่วยลูกมากขึน
้ เท่านัน
้ เข้าใจหรือ
เปล่า?” คุณเซี่ยกระซิบกระซาบ
“ผมเข้าใจ” เซี่ยเฟิ งพยักหน้าพลางหัวเราะไป
ด้วย
“คุณมันผู้หญิงเจ้าแผนการ” คุณพ่อเซี่ยจะไม่รู้
เกี่ยวกับแผนการเล็กๆของภรรยาเชียวหรือ?
“คุณอยากจะอุ้มหลานเร็วๆหรือเปล่าล่ะ? ถ้า
อย่างนัน
้ ก็หุบปาก!” คุณแม่เซี่ยตวาดสามีอีกครัง้
ก่อนที่จะกลับมาคุยกับเซี่ยเฟิ งต่อ “เอาล่ะ มาพูด
เรื่องช่วงปี ใหม่กัน แม่กับพ่อของลูก พวกเราตกลง
กันว่าจะไปเยี่ยมครอบครัวของอวี๋ตงในปี ใหม่ปีนี”

“เอ๊ะ?” เซี่ยเฟิ งตัวแข็ง
“เอ๊ะ อะไร? อย่าบอกนะว่าลูกจะทำงานล่วง
เวลาที่โรงพยาบาลเหมือนเมื่อปี ที่แล้ว ไปขอลา
หยุดกับหัวหน้าของลูกเลยนะ ลูกจะไม่ไปเยี่ยม
ครอบครัวของภรรยาได้ยังไงในเมื่อลูกแต่งงานกับ
ลูกสาวของพวกเขาแล้ว?” คุณแม่เซี่ยพูดต่อไปอีก
ว่า “อย่าคิดว่าลูกจะรังแกอวี๋ตงได้เพียงเพราะเธอ
ปกป้ องลูกนะ”
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” เซี่ยเฟิ งตอบ
“ดี เอาโทรศัพท์ให้อวี๋ตงหน่อย แม่อยากจะคุย
กับเธอ”
เซี่ยเฟิ งหันหน้าไปหาอวี๋ตงแล้วบอกว่า “แม่ของ
ผมอยากจะคุยกับคุณ”
อวี๋ตงทำเสียงแปลกใจนิดหน่อยก่อนรับโทรศัพท์
มา “คุณแม่”
“อวี๋ตง แม่ช่วยสั่งสอนเจ้าเด็กคนนัน
้ ให้แล้ว”
คุณแม่เซี่ยบอก
อวี๋ตงมองเซี่ยเฟิ งที่กำลังขับรถอยู่ก่อนจะรู้สึกผิด
นิดหน่อย
“วันศุกร์นีห
้ นูก็ไม่ต้องไปฉลองวันเกิดของเจ้าเด็ก
คนนัน
้ หรอก” คุณแม่เซี่ยบอกแสร้งทำเป็ นโกรธ
เคือง
วันเกิด? ศุกร์นี?้
อวี๋ตงรีบหันไปมองเซี่ยเฟิ ง
“แม่ไม่กวนหนูแล้ว แม่วางสายก่อนนะ” คุณแม่
เซี่ยพูดจบก็วางสาย
ทางปลายสาย คุณพ่อเซี่ยมองภรรยาตัวเองแล้ว
พูดว่า “คุณเพิ่งจะเตือนอวี๋ตงเรื่องวันเกิดเสี่ยวเฟิ ง”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?” คุณแม่เซี่ยปฏิเสธ
“เด็กสองคนนัน
้ รักกันมาตัง้ นานแล้ว อวี๋ตงจะไม่รู้
วันเกิดของเสี่ยวเฟิ งได้ยังไง?”
คุณพ่อเซี่ยหมดคำพูดแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าคุณแม่เซี่
ยมีเหตุผลบางอย่าง ในเมื่ออวี๋ตงรู้วันเกิดของเซี่ยเฟิ
งอยู่แล้วทำไมถึงต้องพูดเตือนเธออีกรอบด้วยล่ะ?
แต่ความจริงแล้วอวี๋ตงไม่รู้
“มีอะไรหรือเปล่า? พวกเราถึงบ้านแล้ว”
เซี่ยเฟิ งสังเกตเห็นว่าอวี๋ตงท่าทางเหม่อๆ หลังจากที่
เธอวางสาย เขาจึงถามขึน
้ มา
“เอ่อ? บ้าน?” อวี๋ตงมองออกไป ก็เห็นว่าตอนนี ้
เธอมาอยู่หน้าตึกอพาร์ทเม้นท์แล้ว
“ขึน
้ ไปก่อน ผมจะไปจอดรถ”
“อืม” อวี๋ตงปลดซีทเบลท์ ขณะที่กำลังจะลงจาก
รถ
“เดี๋ยวก่อน!” จู่ๆเซี่ยเฟิ งก็ย่ น
ื มือมาแล้วดึงหมวก
ลงให้คลุมศีรษะมากกว่าเดิม เขาช่วยอวี๋ตงรูดซิป
เสื้อแจ็กเก็ตก่อนจะบอกว่า “ข้างนอกอากาศหนาว
คุณกลับเข้าบ้านไปแล้วต้องรีบเปิ ดฮีทเตอร์ทันที
รอจนกว่าจะอุ่นแล้วค่อยถอดเสื้อแจ็กเก็ตออก”
“อือ” อวี๋ตงรู้สึกอ่อนใจนิดหน่อยก่อนที่เธอจะลง
จากรถ
เซี่ยเฟิ งขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ เมื่อเขา
เดินกลับมาก็เห็นว่าอวี๋ตงยังยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า
อาคาร เขาขมวดคิว้ ทันทีและรีบเดินเข้าไปหาเธอ
แล้วถามว่า ” ทำไมถึงยังยืนอยู่ตรงนีอ
้ ีก?”
“ฉันรอคุณ” อวี๋ตงตอบ
“ผมไปจอดรถเร็วที่สุดแล้ว คุณยังไม่ค่อยหายดี
เท่าไหร่” เซี่ยเฟิ งหัวเราะขณะที่เขารูดบัตรเปิ ด
ประตู
“ก็แค่พวกเราไม่ค่อยได้กลับบ้านด้วยกัน” อวี๋ตง
พูดเสียงอ่อย
เซี่ยเฟิ งได้ยินก็จับมืออวี๋ตงแน่นและไม่ร้จ
ู ะพูดว่า
อะไรก็พอดีเสียงเตือนของลิฟต์ดังขึน

“กลับบ้านกันเถอะ” เซี่ยเฟิ งพาอวี๋ตงเข้าไปใน
ลิฟต์
….................. 
ตอนที่ 32 คุณเชื่อฟั งดีมากและฉันก็เป็ นเด็กดี
10.00 น.
อวี๋ตงตื่นขึน
้ มาและนึกถึงจูบแสนหวานในคืน
ก่อนได้ทันที เธออดที่จะกลิง้ ไปกลิง้ มาอยู่บนเตียง
ไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าเซี่ยเฟิ งที่ดูเป็ นสุภาพบุรุษจะ
สามารถจูบได้ดูดดื่มแบบนัน

ไม่แปลกใจเลยที่นิยายที่มีพระเอกเป็ นพวก
เผด็จการนัน
้ จะได้รับความนิยมอย่างมาก การถูก
ครอบครองโดยคนที่คุณชอบจริงๆนัน
้ ทำให้ร้ส
ู ึกดี
อย่างเหลือเชื่อ
“เฮ้ เฮ้…” อวี๋ตงเพลิดเพลินกับความคิดไร้สาระ
ของตัวเอง
หลังจากนัน
้ อีกพักหนึ่ง อวี๋ตงก็ลุกจากเตียงแล้ว
เดินไปที่หน้าต่างเพื่อเปิ ดม่านออก
มันดูงดงามและสดใสผิดปกติ แสงแดดที่สาดส่อง
เข้ามาภายในห้องทำให้วันของทุกคนสดใสขึน
้ แต่
ด้วยอารมณ์ในตอนนีข
้ องอวี๋ตงแม้ว่าจะอยู่
ท่ามกลางลมฝนและพายุหิมะ ทุกอย่างก็คงจะโร
แมนติกสำหรับเธออยู่ดี
เพราะสำหรับผู้หญิงที่กำลังมีความรักทุกอย่างจะ
ดูสดใสและมีชีวิตชีวา
อวี๋ตงยืนอยู่ตรงหน้าต่างยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย
จากนัน
้ ก็ไปอาบน้ำและเตรียมตัวออกไปข้างนอก
หลังจากแต่งตัวเสร็จเธอก็เดินไปที่ห้องครัวและ
พบกล่องใส่อาหารสีฟ้าวางอยู่บนโต๊ะ
เมื่ออวี๋ตงเดินเข้าไปใกล้ๆก็เห็นกระดาษโน้ตวาง
อยู่ข้างกล่อง เป็ นข้อความที่คุ้นเคย และทำให้เธอ
ยิม
้ ได้เพียงแค่เริ่มอ่านมันอวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกมีความสุขแล้ว
[ผมแวะซื้ออาหารเช้ามาด้วยระหว่างทางกลับ
บ้าน และผมก็จำเอาไว้แล้วว่าจะต้องกินอาหารเย็น
ผมกลับมาถึงบ้านแล้ว ผมขอไปนอนก่อนตอนที่ผม
ตื่น ผมจะมาเช็คดูว่าคุณได้กินมันแล้วหรือยัง]
ปล ผมได้กินไปบางส่วนแล้ว
อวี๋ตงขมวดคิว้ ขณะที่เปิ ดกล่องอาหารสีฟ้าออก
เป็ นเสี่ยวหลงเปา 4 ลูก ที่ยังอุ่นๆอยู่ อวี๋ตงหยิบขึน

มาลูกหนึ่งและกัดลงไปคำเล็กๆ เนื้อปูที่อยู่ข้างในมี
รสชาติหวานอย่างคาดไม่ถึง
เธอกินอาหารเช้าอย่างเชื่อฟั งก่อนจะเขียนโน้ต
ใส่เอาไว้ในกล่องแล้วออกจากบ้าน
ทันทีที่อวี๋ตงขับรถออกจากประตูหมู่บ้าน
โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึน
้ เธอรับสายหลังจากที่เห็น
ว่าเป็ นเสี่ยวเยว่
“เสี่ยวเยว่ฉันเพิ่งจะออกจากบ้านจะไปถึงที่นั่น
ภายใน 40 นาที”
“ไม่ต้องไปที่สตูดิโอ มาที่ The World Trade
Center” เสี่ยวเยว่บอก
“The World Trade Center? เธอมีนัดคุยเรื่อง
งานกับใครเหรอ?” อวี๋ตงถาม
“คุยงานอะไรล่ะ? พวกเรากำลังจะไปหาหลู่
ซวน!” เซียงเสี่ยวเยว่โมโห
“หลู่ซวน? เกิดอะไรขึน
้ ?” อวี๋ตงถาม
“คนสารเลวนั่น เขาฉวยโอกาสที่เมื่อวานนีฉ
้ ัน
กลับไปบ้านพ่อแม่ เข้าไปหาซินซินที่อพาร์ทเม้นท์
ของฉัน” จากนัน
้ ความโกรธของเสี่ยวเยว่ก็เพิ่มขึน

“ซินซินไม่เป็ นอะไรใช่ไหม?” อวี๋ตงเริ่มกังวล
“เธอจะไม่เป็ นอะไรได้ยังไง? ตอนที่ฉันกลับไป
เมื่อเช้านีต
้ าของเธอบวมเป่ ง ดูเหมือนว่าเธอจะ
ร้องไห้ทงั ้ คืน” เสี่ยวเยว่คำราม “เธอก็ร้จ
ู ักซินซิน
ทุกครัง้ ที่เกิดเรื่องแบบนีเ้ ธอจะคิดว่าไม่อยาก
รบกวนแล้วก็ไม่โทรมาบอก”
“เอาล่ะ รออยู่ที่นั่นฉันจะไปเดี๋ยวนี”
้ อวี๋ตงวาง
สาย
The World Trade Center อยู่ใกล้กับย่าน
ที่พักของอวี๋ตง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็มาจอด
รถอยู่ใต้อาคารลู่กรุ๊ป
“ตงตง!”
อวี๋ตงลงจากรถก็เห็นเสี่ยวเยว่ยืนอยู่ใกล้ๆกับทาง
เข้าอาคารลู่กรุ๊ป สวมเสื้อคลุมสีแดงเพลิงดูสะดุดตา
และโดดเด่นมากตัดกับอวี๋ตงที่สวมชุดสีขาวดำ
“ไปกันเถอะ!”
ทัง้ สองคนเดินเข้าไปในอาคารและนั่งลงที่ล็อบบี ้
เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนการของพวกเธอ
“หลู่ซวนมาคุยอะไรกับซินซิน?” อวี๋ตงอยากรู้ว่า
เมื่อคืนนีเ้ กิดเรื่องอะไรขึน
้ เสียก่อน
“ผู้ชายเฮงซวยนั่นบอกว่าเขาจะเอาลูกของซิน
ซินไป ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยไม่เคยเห็นผู้ชายที่เลว
ขนาดนีม
้ าก่อน!” เสี่ยวเยว่สาปแช่ง
“เอาลูกไป!? เธอหมายถึงหลู่ซวนอยากได้เด็ก?” 
อวี๋ตงสงสัยจากเหตุการณ์ก่อนหน้านีข
้ องซินซินกับ
หลู่ซวน เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าซินซินตัง้ ใจปล่อยให้
ท้องเพื่อที่จะได้แต่งงานกับเขา หลู่ซวนยังพูดอยู่
หลายครัง้ ว่าเขารังเกียจเด็กคนนี ้
“ใช่ เขาบอกว่าหลังจากที่ซินซินคลอด เขาจะ
ติดต่อทนายให้ฟ้องร้องขอสิทธิเ์ ลีย
้ งดูเด็กแล้วยังขู่
ให้ซินซินยินยอมยกเด็กให้ด้วย” เซียงเสี่ยวเยว่พูด
ต่อไปว่า “ซินซินกลัวแทบตายแล้ว”
“แล้วเรามาทำอะไรที่นี่? คุยกับเขาเหรอ?” อวี๋
ตงถาม
“เขาไม่ยอมมาเจอฉันด้วยซ้ำ” เสี่ยวเยว่พูดอย่าง
หงุดหงิด “ฉันมาที่นี่ตัง้ แต่เช้า ลิฟต์ก็ไม่เปิ ดให้ขึน

ไป แผนกต้อนรับบอกฉันว่าหลู่ซวนกำลังยุ่งกับการ
เจรจาธุรกิจกับ Aville Corporation นั่นมันข้ออ้าง
ชัดๆ”
“ประธานลู่ไม่ต้องการให้เธอไปก่อเรื่องเปิ ดโปง
เขา แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องหาข้ออ้าง” Aville
Corporation ฟั งดูคุ้นๆ
อวี๋ตงหยิบโทรศัพท์ขึน
้ มาเพื่อเสิร์ชหาชื่อนีท
้ าง
อินเตอร์เน็ตแต่ด้วยความเร็วของอินเตอร์เน็ตที่ช้า
ราวกับหญิงชรานัน
้ กว่าจะโหลดเสร็จก็ใช้เวลานาน
พอดู
[Aville Corporation เป็ นบริษัท
อสังหาริมทรัพย์ที่มีช่ อ
ื เสียงในสิงคโปร์ ซีอีโอฉินเยว่
มีพ้ืนเพเป็ นคนจากมณฑลเจียงซู่ และตอนนีอ
้ าศัย
อยู่ที่สิงคโปร์…]
ฉินเยว่? อวี๋ตงตะลึงก่อนจะหันไปมองเสี่ยวเยว่
“อะไร? เธอมองหน้าฉันทำไม?” เสี่ยวเยว่มองอวี๋
ตงด้วยความสงสัย
“เธอรู้จักฉินเยว่หรือเปล่า?” อวี๋ตงถาม
“ฉินเยว่? ใคร?” เสี่ยวเยว่ถามด้วยความงุนงง
สามีในอนาคตของเธอไง…อวี๋ตงตอบในใจ
“เขาเป็ นประธานของ Aville Corporation” อ
วี๋ตงอธิบาย
“ถ้าอย่างนัน
้ จะเป็ นไปได้…ฉันจะไปรู้จักเขาได้
ยังไง?” เสี่ยวเยว่ส่ายหน้า
ดูเหมือนว่าพวกเธอจะต้องเจอกันเร็วขึน
้ กว่าเดิม
ฉันหวังว่าพวกเธอจะตกหลุมรักกันอีกครัง้ ในชีวิตนี ้
“เธอคิดหาวิธีอยู่ใช่ไหม? พวกเราจะต้องคุยกับ
หลู่ซวนและเตือนเขาให้อยู่ห่างๆ!” เสี่ยวเยว่พูด
ด้วยท่าทางจริงจัง
“เธออยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?” จู่ๆอวี๋ตงก็ถาม
ขึน
้ มา
“เกือบจะ 2 ชั่วโมงแล้ว” เสี่ยวเยว่ตอบ
“อย่างนัน
้ ก็น่าจะเป็ นเหมือนเดิม” อวี๋ตง
ประเมินและมองกลับไปที่เสี่ยวเยว่ก่อนจะเตือนเธอ
“หลู่ซวนจะต้องลงมาส่งคนจาก Aville
Corporation เร็วๆนีแ
้ หละ ฉันจะไปหาเขาแต่อย่า
ตื่นเต้นจนเกินไป อย่าลืมท่าทางนางพญาของเธอ!”
อย่าทำให้สามีในอนาคตของเธอกลัว!
“เธอจะจัดการเขาคนเดียวได้เหรอ?” เสี่ยวเยว่
กังวล
“ไม่มีปัญหา!”
หญิงสาวทัง้ คู่นั่งรอต่อไปประมาณ 10 นาที ใน
ที่สุดพวกเธอก็เห็นหลู่ซวน
“มาแล้ว!” เซียงเสี่ยวเยว่ลุกขึน
้ อย่างตื่นเต้น
อวี๋ตงมองไปยังกลุ่มคน ฉินเยว่ยืนอยู่กับหลู่ซวน
ก่อนที่เธอจะย้อนกลับมา เสี่ยวเยว่มักจะส่งรูปสวีท
หวานของเธอกับฉินเยว่ไปให้เพื่อนๆในกลุ่มเป็ น
ประจำ จนถึงจุดที่อวี๋ตงต้องขึน
้ บัญชีดำชื่อของเสี่ยว
เยว่ใน QQ
อวี๋ตงถอดเสื้อโค้ทออกและวางเอาไว้ข้างๆ เธอ
สวมชุดเดรสแขนยาวสีเบจแบบเรียบพร้อมรองเท้า
ส้นสูงสีดำ มันดูไม่ค่อยเป็ นทางการนักแต่ก็จำเป็ น
ต้องทำ
“ประธานฉิน ผมยินดีที่ได้พูดคุยกับคุณ ผมหวัง
ว่าพวกเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกัน” หลู่ซวนจับมือ
กับฉินเยว่
“ก็หวังเช่นนัน
้ พวกเราได้เห็นแผนงานของลู่กรุ๊ป
แล้ว ทางเราค่อนข้างพอใจแล้วผมจะกลับไปพูดคุย
ปรึกษาเรื่องการร่วมมือนีโ้ ดยเฉพาะ” ฉินเยว่
หัวเราะ
“นั่นดีมากเลย!” หลู่ซวนพอใจอย่างยิ่ง
“คุณไม่จำเป็ นต้องเดินออกไปส่งผมหรอก” ฉิน
เยว่บอก
“ดูแลตัวเองด้วย ประธานฉิน!”
อวี๋ตงมองพวกเขาที่กำลังแยกย้ายกัน เธอจึง
ตะโกนออกมาเสียงดัง
“ประธานฉิน!”
ฉินเยว่ได้ยินเสียงตะโกน เขาจึงหันกลับมาแล้วก็
เห็นสาวสวยสองคนเดินตรงเข้ามาหาเขา
เมื่อหลู่ซวนเห็นผู้หญิงทัง้ สองคนก็ขมวดคิว้ ทันที
เขายังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงส่วนลับของตัว
เองอยู่เลย
“คุณอยากจะคุยอะไร?” หลู่ซวนรู้ว่าเสี่ยวเยว่มา
หาเขาตัง้ แต่เช้า
“ฉันมาหาประธานฉิน” อวี๋ตงมองหลู่ซวนด้วย
สายตาขบขัน
“ใช่ คุณจะหลงตัวเองมากไปแล้ว” เสี่ยวเยว่โต้
กลับอย่างรังเกียจ
ฉินเยว่จึงถามว่า “ผมรู้จักคุณด้วยหรือ?”
“สวัสดีค่ะประธานฉิน ฉันชื่ออวี๋ตง ฉันเป็ นผู้
จัดการฝ่ ายการจัดการของ ฉิงเฟิ งอาร์คิเทคเจอร์”
อวี๋ตงยื่นมือออกมาจับทักทาย
“ฉันรู้ว่าฉันมารบกวนคุณแต่การออกแบบของ
เราได้ถูกส่งให้กับบริษัทของคุณนานกว่า 1 เดือน
แล้ว แต่เรายังไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมาเลย ฉัน
ไม่มีทางเลือกจึงต้องทำแบบนีห
้ วังว่าคุณจะเข้าใจ”
อวี๋ตงพูด
เซียงเสี่ยวเยว่มองจ้องอวี๋ตงที่โกหกซึ่งๆหน้า ‘น้อ
งสาวเธอกำลังเล่นอะไรอยู่? ไม่ใช่ว่าเรามาเพื่อ
จัดการกับไอ้สารเลวนั่นหรอกเหรอ?’
หลู่ซวนก็ถึงกับงงไปเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าอวี๋ตง
ทำงานเป็ นดีเจรายการวิทยุอยู่หรือไง? เธอไปเรียน
ด้านสถาปั ตย์มาตัง้ แต่เมื่อไหร่?
แม้ว่าฉินเยว่จะรู้สึกว่ามันเป็ นอะไรที่กระทันหัน
แต่สาวสวยคนนีก
้ ็มาถึงที่นี่เพื่อดักรอเขา ดังนัน
้ เขา
จึงไม่คิดที่จะปฏิเสธก่อนพยักหน้าตกลง
“ไปคุยกันที่นั่นเถอะ!” หลังจากพูดจบ อวี๋ตงก็
หันไปทางหลู่ซวนแล้วพูดว่า “หลู่ซวน คงไม่
รังเกียจที่จะให้เรายืมห้องรับรองของเขา”
“เชิญตามสบาย” หลู่ซวนยินยอม
ฉินเยว่กับผู้ช่วยของเขานั่งลงและพูดกับอวี๋ตงว่า
“ได้โปรดสรุปให้สัน
้ ที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้ ผมยังมี
ประชุมต่อ”
“ได้!” อวี๋ตงจึงเริ่มพูด “บริษัทของคุณต้องการ
สร้างรีสอร์ตในเขตชานเมืองของเซี่ยงไฮ้ที่อยู่ติดกับ
ซูโจว ดังนัน
้ การออกแบบของบริษัทของเราจะเป็ น
สไตล์ราชวงศ์ชิงผสมผสานกับสถาปั ตยกรรมสมัย
ใหม่ เราตัง้ ใจออกแบบ… มีภูเขาและแม่น้ำที่อยู่
บริเวณใกล้เคียงที่งดงาม พวกเราสามารถชักลำน้ำ
ให้ไหลผ่านเข้าสู่ลานบ้านหรือไม่ก็สามารถเลียน
แบบสวนของ Humble ได้…. ปล่อยให้ตัวรีสอร์ท
กลมกลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ…”
เมื่อฉินเยว่ได้ฟังแผนงานของอวี๋ตง เขาก็ร้ส
ู ึกว่า
ภาพรีสอร์ทในใจของเขาค่อยๆปรากฎเป็ นรูปเป็ น
ร่างออกมา
เมื่อเทียบกับของบริษัทอื่นๆที่เสนอการออกแบบ
ที่ทันสมัยหรือไม่ก็เน้นหนักไปทางสไตล์ยุโรป-
อเมริกันแล้วนี่ถือว่าเป็ นภาพที่ใกล้เคียงมากที่สุด
กับแนวคิดของเขา
“ผมขอถามได้ไหมว่าทำไมบริษัทของคุณถึง
ตัดสินที่จะละทิง้ สถาปั ตยกรรมสมัยใหม่แต่เลือกไป
ที่สไตล์จีนโบราณแทน?” ฉินเยว่ถาม
“เพราะสถาปั ตยกรรมของจีนเป็ นทางเลือกที่ดี
ที่สุดเมื่อพูดถึงเรื่องภูมิประเทศ” อวี๋ตงยิม
้ แล้วพูด
ต่อไปว่า “แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็ นเพราะประธาน
ฉินเติบโตในซูโจว เราเลยคิดว่าคุณน่าจะมีความคิด
ไปในแนวทางนีม
้ ากกว่า”
“คุณรู้ด้วยเหรอ?” ฉินเยว่แปลกใจ
แน่นอนว่าฉันรู้ เพราะภรรยาในอนาคตของคุณ
พูดถึงคุณวันละ 800 รอบ
เมื่อเรินซินซินฆ่าตัวตาย เซียงเสี่ยวเยว่ก็ผูกติด
อยู่กับอวี๋ตงและคิดว่าถ้าหากฉินเยว่ร้ก
ู ่อนหน้านี ้
เขาจะไม่มีทางร่วมมือกับหลู่ซวน ฉินเยว่บอกว่าเขา
ต้องการสร้างรีสอร์ตสไตล์จีนโบราณในชิงเฉิงซึ่งจะ
คล้ายคลึงกับลานบ้านที่เขาเคยอาศัยอยู่เมื่อตอน
เป็ นเด็ก
มันเป็ นการออกแบบที่ถูกปฏิเสธจากหัวหน้างาน
และถูกโยนทิง้ ไปโดยที่เขาไม่เคยรู้ เขาเจอแบบงาน
นัน
้ ในภายหลังโดยบังเอิญแต่ตอนนัน
้ เขาได้เซ็นต์
สัญญากับลู่กรุ๊ปไปแล้ว
บางครัง้ ฉินเยว่ก็คิดถึงโอกาสที่พลาดไปและรู้สึก
เสียใจ
จึงควรขอบคุณเสี่ยวเยว่ที่มักจะแสดงออกถึง
ความรักและความเจ็บปวดออกมาให้เห็นในเรื่องนี ้
และส่งผลกระทบต่ออวี๋ตงทำให้เธอสาธยายคำ
เหล่านีอ
้ อกมาได้อย่างสบายๆ
“ผู้จัดการอวี๋ คุณได้นำแบบมาด้วยหรือ
เปล่า?” ฉินเยว่ต้องการดูแบบเนื่องจากเขารู้สึก
สนใจมาก
“ประธานฉินช่างน่าอายจริงๆ เนื่องจากฉันรีบ
ร้อนมาที่นี่ จึงไม่ได้พกแม้แต่นามบัตรมาด้วยซ้ำ ยิ่ง
ไม่ต้องพูดถึงแบบร่าง…” อวี๋ตงอธิบายอย่าง
กระอักกระอ่วน
“ไม่เป็ นไร!” ฉินเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนหัน
ไปหาผู้ช่วยของเขาแล้วบอกว่า” ผูช
้ ่วยหวัง หลัง
จากกลับไปแล้วก็ส่งแบบไปที่ห้องทำงานของผม
โดยเร็วที่สุดด้วย”
“ครับ ท่านประธาน”
ในระหว่างที่พูดคุยกัน เสี่ยวเยว่ก็ไปที่แผนก
ต้อนรับและขอกาแฟ 2 แก้วอย่างสุภาพต่อหน้าหลู่
ซวน
“ประธานฉิน กาแฟค่ะ!” เสี่ยวเยว่วางกาแฟลง
ตรงหน้าฉินเยว่และยื่นอีกแก้วให้ผู้ช่วยของเขาที่นั่ง
อยู่ข้างๆ “กาแฟสำหรับคนรูปหล่อ”
ฉินเยว่ฟังคำพูดของเธอก็อดยิม
้ ไม่ได้ เสี่ยวเยว่
เบือนหน้าหนีเมื่อได้เห็นรอยยิม
้ ของฉินเยว่ก่อนจะ
หันกลับมายิม
้ ตอบอย่างเป็ นธรรมชาติ
ฉินเยว่นัน
้ ตะลึงเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปยังแก้ว
กาแฟที่อยู่ตรงหน้า ดอกไม้ทองคำ 2 ดอกที่วาด
เป็ นลวดลายบนแก้วอ่านได้เป็ นคำว่า ‘ลู่’
ฉินเยว่อดคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวทัง้  2 คนนีช
้ า่ งแข็ง
แกร่งจริงๆ คนหนึ่งวิ่งมาที่บริษัทของคู่แข่งเพื่อ
ขโมยลูกค้าใต้จมูกของพวกเขา ส่วนอีกคนหนึ่งก็ใช้
กาแฟของศัตรูในการต้อนรับลูกค้าที่ตัวเองขโมยไป
ฉินเยว่จิบกาแฟแล้วพูดว่า “โอเค ผมจะ
พิจารณาอย่างรอบคอบหลังจากที่ผมกลับไปดูแบบ
แล้ว”
“ขอบคุณประธานฉิน!”
อวี๋ตงกับหลู่ซวนเดินไปส่งฉินเยว่ด้วยกัน
หลู่ซวนขมวดคิว้ ใส่หญิงสาวทัง้  2 คนแล้วพูดว่า
“ไม่ใช่ว่าคุณเป็ นดีเจรายการวิทยุหรอกเหรอ? คุณ
เริ่มทำงานให้บริษัทก่อสร้างตัง้ แต่เมื่อไหร่กัน?”
“งานของฉันมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล๋ะ?” อวี๋
ตงถาม
“คุณกำลังพยายามสร้างปั ญหา? คุณรู้จัก
ประธานฉินได้ยังไง?” หลู่ซวนรู้สึกว่าอวี๋ตงตัง้ ใจ
สร้างความวุ่นวายให้เขา
“ทำไม? คุณหวาดระแวงเหรอ? ฉันยังไม่ได้ถาม
เลยว่าคุณทำอะไรซินซินเมื่อวานนี?้ ” เสี่ยวเยว่ขัด
ขึน
้ มาอย่างโกรธจัด
์ ายุ่งเรื่องของพวกเรา” หลู่ซวน
“คุณไม่มีสิทธิม
ตอบอย่างเย็นชา
“คุณ…” เสี่ยวเยว่เห็นความหยิ่งยโสของเขาและ
กำลังจะยกขาขึน
้ มาเตะเขาให้กลิง้ แต่ถูกอวี๋ตงหยุด
เอาไว้เสียก่อน
ปฏิกิริยาตอบสนองของหลู่ซวนคือถอยหลังกรูด
ใบหน้าซีดเผือดก่อนจะหันไปตะโกนเรียก “รปภ.”
“เธอจะห้ามฉันทำไม? คอยดูสิถ้าฉันไม่ได้เช็ดพื้น
ด้วยเจ้าสิ่งที่ไร้ยางอายพรรค์นี!้ ” เสี่ยวเยว่ร้อง
ตะโกน
“คุณไม่จำเป็ นต้องเรียกรปภ. หรอก ฉันพูดแค่ไม่
กี่คำแล้วก็จะไป” อวี๋ตงลากเสี่ยวเยว่มาไว้ข้างหลัง
แล้วพูดว่า “ก่อนอื่นคุณไม่สามารถเอาลูกของซิน
ซินไปได้”
หลู่ซวนหัวเราะเยาะ
“ฉันรู้ว่าคุณมีเงินและสามารถจ้างทนายเก่งๆได้
แต่ผู้พิพากษาจะตัดสินใจเลือกพ่อที่ร่ำรวยแต่ยัง
โสดหรือว่าแม่ที่แต่งงานและมีครอบครอบครัวที่
สมบูรณ์ล่ะ?”
“เธอกำลังพูดอะไร?” สีหน้าของหลู่ซวนเปลี่ยน
ไปทันที
“ตอนนีซ
้ ินซินคิดแค่เรื่องลูกเพียงอย่างเดียวและ
ไม่ได้คิดจะแต่งงานใหม่ แต่คุณกลับบีบคัน
้ ให้เธอ
จนมุม และเรื่องอาจจะจบไม่ดีนักสำหรับคุณ
เพราะท้ายที่สุดแล้วยังมีคนที่ชอบพอซินซินอยู่อีก
หลายคน” ความหมายของอวี๋ตงนัน
้ ชัดเจนมาก ซิน
ซินอาจจะถูกบีบคัน
้ ให้ต้องหาคนมาแต่งงานด้วย
เพื่อที่ลูกจะได้อยู่กับเธอ “แน่นอนว่าพวกเราทุกคน
คงไม่ต้องการให้เรื่องมันดำเนินไปไกลขนาดนัน
้ ”
ใบหน้าของหลู่ซวนเปลี่ยนเป็ นดำคล้ำและน่า
กลัว
“ข้อสอง คุณไม่ต้องคิดเรื่องความร่วมมือ
ระหว่าง Aville และลู่กรุ๊ปอีก” อวี๋ตงเยาะเย้ย
ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ตอนนีค
้ ุณอาจจะไม่เชื่อแต่ฉัน
ก็เพิ่งจะขโมยคูค
่ ้าของคุณไป นี่คือคำเตือนสำหรับ
คุณ”
หลังจากพูดจบอวี๋ตงก็แสดงท่าทางเย่อหยิ่งใส่หลู่
ซวนก่อนดึงเสี่ยวเยว่จากไป
“ตงตง ดูหน้าของหลู่ซวนสิ!” เสี่ยวเยว่สาปส่ง
“เห็นผู้ชายสารเลวนั่นเสียหน้าช่างดีจริงๆ!”
“เธอไม่ได้ทำแบบเดียวกันตอนที่เห็นเขางัน
้ เหรอ
แม่เทพธิดา?” อวี๋ตงบอก
“ฉันเป็ นเทพธิดาที่ล้างผลาญผู้ชายสารเลว!”
เสี่ยวเยว่เห็นด้วยแต่ก็เริ่มถามคำถาม “ที่เธอพูด
เรื่องไร้สาระกับประธานฉินไปแบบนัน
้ จะไม่เป็ น
อะไรใช่ไหม?”
“ไม่สำคัญหรอก ยังไงซะฉันก็คงไม่ได้เจอเขา
อีก” อวี๋ตงยักไหล่อย่างไม่แยแส 
‘แน่นอนถ้าเธอแต่งงานกับเขา เรื่องถูกหลอก
ครัง้ นีก
้ ็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน เขาไม่กล้าทำให้เพื่อน
สนิทของภรรยาขุ่นเคืองใจหรอก’ อวี๋ตงเพิ่มสิ่งนี ้
เอาไว้ในใจเงียบๆ
“ใช่แล้ว!” เสี่ยวเยว่พูด “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอ
ฉลาดขึน
้ กว่าเดิมและฉลาดมากขึน
้ เรื่อยๆ ตอนนัน

เห็นชัดๆว่าในพวกเรา 3 คน ฉันเป็ นคนที่ฉลาด
ที่สุด”
“ผิดแล้ว เธอสวยที่สุด!”
“ใช่!” เซียงเสี่ยวเยว่พอใจกับคำพูดนี่เช่นกัน

เวลา 15.00 น. เมื่อเซี่ยเฟิ งตื่นนอน
เขาลูบท้องที่ส่งเสียงร้องของตัวเองก่อนตรง
เข้าไปในห้องครัว รินน้ำอุ่นมาดื่มแก้วหนึ่งหลังจาก
นัน
้ เซี่ยเฟิ งก็นึกถึงกล่องอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
กล่องอาหารใบนัน
้ วางอยู่เงียบๆบนโต๊ะราวกับว่า
มันไม่ได้ถูกขยับเขยื้อนเลย เซี่ยเฟิ งเปิ ดฝากล่องดู ก็
เห็นว่าอวี๋ตงได้เขียนโน้ตทิง้ เอาไว้ข้างใน
[คุณเชื่อฟั งดีมาก และฉันก็เป็ นเด็กดี อา…ฉันกิน
หมดแล้ว (*^_^*)
เซี่ยเฟิ งอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ขณะที่เก็บ
กระดาษโน้ตแผ่นนัน
้ แล้วสอดมันเอาไว้ในสมุด
บันทึกของเขา
….................. 
บทที่ 33 ฉันต้องรอคุณ
00.00 น. เที่ยงคืนของวันศุกร์
น้ำเสียงที่คุ้นเคยของอวี๋ตงเริ่มดังก้องกังวาลไปใน
ท้องฟ้ ายามค่ำยืน
“สวัสดีทุกคน นี่คือ FM 9666 ตอนนีค
้ ือเวลา
เที่ยงคืนและคุณกำลังฟั ง Midnight Phantom ฉัน
คือดีเจ อวี๋ต้ง” อวี๋ตงไอทำให้น้ำเสียงแปร่งแปลกไป
นิดหน่อยเมื่อเธอพูดต่อไปว่า “วันนี ้ ปลาคนนีม
้ ีบาง
อย่างที่จะพูด ฉันอยากจะสารภาพรัก”
“คำสารภาพรักอาจจะเกิดขึน
้ ระหว่างคนคู่หนึ่งที่
ไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกัน ซึ่งอาจเกิดขึน
้ จากความ
กล้าที่จะก้าวต่อไปหรืออาจจะมาจากคนที่กำลัง
แอบรักอยู่” น้ำเสียงของอวี๋ตงที่ดังออกมานัน
้ ฟั งดู
อ่อนโยนเป็ นพิเศษ “แน่นอนว่าคำสารภาพรักจะ
เกิดขึน
้ เองตามธรรมชาติระหว่างคนสองคนที่ต่างก็
ตกหลุมรักกัน”
“คำสารภาพรักเป็ นตัวเร่งปฏิกิริยาก่อให้เกิด
พรหมลิขิตของคนแปลกหน้าคู่หนึ่ง โดยที่อีกฝ่ าย
อาจจะไม่ได้สังเกตเห็นกันและกันมาก่อนเลย และ
คำสารภาพรักของพวกเขานัน
้ เกิดจากคนที่มีความ
สนใจที่จะเก็บเกี่ยวความหวานและความงดงาม
จากคำสารภาพนัน
้ แน่นอนว่ามันขึน
้ อยู่กับพวกเขา
ด้วยว่าจะทำสำเร็จหรือไม่” อวี๋ตงยิม
้ เมื่อเธอเพิ่ม
ประโยคสุดท้ายเข้าไป แล้วพูดต่อไปว่า…
“แต่ทำไมคำสารภาพรักจึงเกิดขึน
้ ระหว่างคน
สองคนที่มีความรักอยู่แล้ว เช่นระหว่างคู่สามี
ภรรยา หรือเพื่อนเก่า”
“มันเริ่มต้นจากคนที่เริ่มรู้สึกก่อนแล้วพูด
สารภาพออกมา จากนัน
้ คุณก็ตกหลุมรักและ
แต่งงานกัน คุณเชื่อว่าคุณจะรักกันตลอดไป แต่ใน
ชีวิตแต่งงานคำว่ารักนัน
้ มักจะไม่ได้ถูกพูดออกมา
บ่อยมากเท่ากับก่อนแต่งงาน”
“เวลาเปลี่ยนเรา บางทีวันหนึ่งคุณจะไม่มั่นใจใน
ความรักที่อยู่ในแววตาของกันและกันอีกต่อไป
บางทีคุณอาจจะไม่แน่ใจในความรักของคุณอีกต่อ
ไป”
“แต่คำว่าครอบครัวและความรับผิดชอบที่ยึด
โยงคุณเอาไว้คุณจึงต้องอยู่ต่อไป ทีละน้อยความรัก
จะกลายเป็ นความผูกพัน เมื่อคุณมาถึงจุดอิ่มตัวใน
ช่วงบัน
้ ปลายชีวิต เมื่อคุณมีกันและกันขณะที่เดิน
อยู่บนชายหาดยามพระอาทิตย์ตกดิน ชายชราจะ
ถามหญิงชราว่า เธอยังรักเขาอยู่หรือเปล่า หรือถ้า
พวกเขาไม่มีลูกด้วยกัน หญิงชราก็จะถามชายชรา
ว่าเขาเคยนอกใจเธอหรือเปล่าในช่วงเวลาที่อาชีพ
การงานของเขารุ่งโรจน์ที่สุด”
“เมื่อคุณมองย้อนกลับไป คุณก็จะพบสิ่งต่างๆ
มากมาย สิ่งต่างๆที่อยู่ในประโยค ‘ฉันรักคุณ’
ประโยคง่ายๆที่จะเป็ นตัวช่วยในการแก้ไขความ
เข้าใจผิดและความเข้าใจผิดที่ไม่อาจแก้ไขได้ก็อาจ
จะกลายเป็ น ‘ทำให้ชีวิตมีความเสียใจน้อยลง’
“ดังนัน
้  อวี๋ต้ง จึงรู้สึกว่า คำสารภาพรักนัน

สามารถทำได้ดีที่สุดในช่วงวัยหนุ่มสาว และช่วง
เวลาที่ไม่ต้องเคร่งเครียดกับชีวิต” อวี๋ต้ง หยิบ
กระดาษที่เตรียมเอาไว้ขึน
้ มาแล้วพูดต่อไปว่า “วัน
นี ้ อวี๋ต้ง จะเริ่มเป็ นคนแรก เพื่อเป็ นตัวอย่าง ฉัน
อยากจะสารภาพรักตอนนีแ
้ ละเดี๋ยวนี”

“ฉันจะอ่านบทกวีรักซึ่งแต่งโดย Pushkin ถึงคน
รักของเขา Kern ตอนนีฉ
้ ันจะขอมอบสิ่งนีเ้ พื่อคุณ
ถึงที่รักของฉัน”
น้ำเสียงอันไพเราะและเต็มเปี่ ยมไปด้วยอารมณ์
ของ อวี๋ต้ง ส่งไปถึงผู้ฟังที่มีวิญญาณอันเงียบเหงา
“ฉันจำได้ถึงโอกาสอันน่าพิศวง
ก่อนหน้านีฉ
้ ันเห็นคุณ
แค่ชั่วพริบตาเดียว
ช่างงดงาม ล้ำเลิศและตราตรึงใจ
ในเงื้อมมือของความสิน
้ หวัง
ในความหวาดหวั่นของมรสุมแห่งชีวิต
นานมาแล้วฉันได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคย
และได้ฝันเห็นเงาร่างของเธอ
หลายปี ผันผ่าน เสียงร่ำร้องของลมพายุแห่ง
ความดื้อรัน

ได้พัดพาความฝั นในดดีตจนกระจัดกระจาย
และฉันได้ลืมเลือนน้ำเสียงอันคุ้นเคยของคุณ
ภาพของคุณที่ราวกับสวรรค์สรรสร้าง
ในความเงียบเหงา ในความมืดมน
วันเวลาของฉันถูกลากผ่านไปอย่างเงียบงัน
ไม่มีพระเจ้า ไม่มีแรงบันดาลใจ
ปราศจากน้ำตา ไร้ชีวิต ไร้ซึ่งความรัก
สำหรับจิตวิญญาณของฉันที่อยากเริงระบำ
และที่แห่งนัน
้ ฉันได้เห็นคุณอีกครัง้
แค่เพียงชั่วพริบตาเดียว
ช่างงดงาม ล้ำเลิศและเป็ นจริง
และหัวใจของฉันเต้นกระหน่ำ
ราวกับการกำเนิดใหม่
พระเจ้า ฤๅแรงบันดาลใจจากสวรรค์
คือชีวิต น้ำตา และความรัก”

หลังจากที่อวี๋ตงอ่านบทกวีจบเธอก็เปิ ดเพลงท่วง
ทำนองสบายๆและนุ่มละมุน ราวกับจะนำพาผู้ฟัง
เข้าสู่บรรยากาศที่งดงามและคลุมเครือที่เธอสร้าง
ขึน

หลังจากเพลงจบ ทุกคนก็ดึงสติกลับมาและ
ข้อความจำนวนหนึ่งก็เริ่มปรากฎขึน
้ บนหน้าจอ
คอมพิวเตอร์ของเธอ
บางข้อความก็เรียบง่าย
[บทกวีนน
ั ้ ช่างงดงาม เสียงของดีเจก็น่ารักมาก]
[ดีเจพูดถูกแล้ว ผู้คนควรจะบอกเกี่ยวกับความ
รู้สึกของพวกเขาแก่คนรักของพวกเขาให้มากขึน
้ ]
[ดีเจคนที่คุณชอบกำลังฟั งอยู่ใช่ไหม? เขาจะต้อง
มีความสุขมากแน่ๆ!]
บางข้อความก็ซ่ อ
ื ตรง
[อวี๋ต้ง คุณกำลังแสดงความรักของคุณอยู่ใช่
ไหม?]
[ปกติแล้ว อวี๋ต้ง จะต้องใจกล้ามากกว่านี ้ นี่คง
ไม่ใช่แค่การอ่านบทกวีอย่างเดียวใช่ไหม?]
[ดีเจเจ้าแผนการ]
[ถูกจับให้กินอาหารหมา!]

ไม่ใช่แค่คนฟั งที่สุ่มส่งข้อความไป เส้าอีฝ
้ านที่
เป็ นแฟนคลับตัวยงของ อวี๋ต้ง ก็กำลังคิดที่จะส่ง
ข้อความไปเหมือนกัน
‘พระเจ้า จริงหรือนี่? ฉันจะต้องบอกเซี่ยเฟิ งใช่
หรือเปล่า?’
   ‘บอกเขา?’
‘แต่ฉันเพิ่งจะถูกภรรยาของนายต่อว่าต่อขานมา
ตอนที่ฉันพยายามช่วยก่อนหน้านี ้ ถ้าฉันพยายาม
ทำตัวเป็ นผู้หวังดีฉันจะถูกเหน็บแนมอีกรอบหรือ
เปล่า?’
‘ไม่บอกเขา?’
เส้าอีฝ
้ านรู้สึกผิดต่อมโนธรรมนิดหน่อย
ในอีกด้านหนึ่งเขาก็ร้ส
ู ึกอิจฉาแต่อีกด้าน
มโนธรรมของเขาก็กำลังกระตุ้นเตือน ช่างเป็ นเรื่อง
ยากในการตัดสินใจ!
“นายกำลังทำอะไรอยู่?” เซี่ยเฟิ งมองท่าทางโง่
งมของเส้าอีฝ
้ านที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เส้าอีฝ
้ านช่วยไม่ได้จึงเดินเข้าไปหาเซี่ยเฟิ งหลัง
จากเปลี่ยนสีหน้าไปมา ในที่สุดเขาก็พูดขึน
้ มาว่า
“ถ้านายว่างก็ไปฟั งรายการของอวี๋ตงทางออนไลน์”
“ฟั ง? นายไม่จำเป็ นต้องบอกฉัน ฉันพยายามที่
จะฟั งรายการของเธอทุกครัง้ ที่ว่าง” รายการของอวี๋
ตงออกอากาศทุกวัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ว่างฟั งทุก
ครัง้ แต่เขาก็พยายามที่จะฟั งเมื่อเขามีเวลา
“ฉันก็ยังจะต้องบอกนายอยู่ดี!” เส้าอีฝ
้ านเดินไป
ที่แผนกฉุกเฉิน พระเจ้าเขากินอาหารหมามากเกิน
ไปแล้ว!
เซี่ยเฟิ งยักไหล่ด้วยความงุงงง ก่อนจะหันกลับไป
อธิบายบางอย่างให้พยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆฟั ง

แม้ว่าบทกวีจะเป็ นเพียงการปูทางสำหรับ
จดหมายรักของอวี๋ตงถึงเซี่ยเฟิ งแต่เธอก็ไม่เต็มใจที่
จะยอมรับมัน
ดังนัน
้ จึงไม่ได้สนใจข้อความที่คาดเดาความจริง
ตอนนีเ้ ป็ นช่วงเปิ ดรับสายโทรศัพท์
“สวัสดี!” อวี๋ตงรับสาย
“สวัสดี อวี๋ต้ง ผมชื่อ คุณคนแกร่ง
หมายเลข 1” เสียงชายหนุ่มแหบห้าว ดังมาตาม
สาย
“หมายเลข 1?” อวี๋ตงสงสัย
“ครับ ดีเจ ผมคือคุณคนแกร่ง
หมายเลข 2…” เสียงชายหนุ่มที่นุ่มนวลกว่าดังขึน

มา จากนัน
้ ก็เริ่มมีเสียงตะโกนแทรกเข้ามาในสาย
เป็ นหมายเลข 3 และหมายเลข 4…
“โอ้ พวกคุณทางนัน
้ ช่างกระตือรือร้นกันมาก
เลย” อวี๋ตงหัวเราะ
“อวี๋ต้ง พวกเรา คุณคนแกร่งหมายเลข 1-5 ทุก
คนแค่อยากจะถามอะไรคุณสักหน่อย” คุณคน
แกร่งหมายเลข 1 พูด
“โอ้ อะไรล่ะ?” อวี๋ตงสงสัย
“พวกเราพนันกันมีผมกับหมายเลข 3 พวกผม
คิดว่าในคืนนีค
้ ุณตัง้ ใจที่จะแสดงความรักของคุณ
กับใครบางคน” คุณคนแกร่งหมายเลข 1 พูด “แต่
คุณคนแกร่งคนอื่น รู้สึกว่าคุณตัง้ ใจที่จะพูดหัวข้อนี ้
ขึน
้ มาในคืนนีเ้ พื่อที่คุณจะได้อ่านจดหมายรักนั่น
เพื่อใครก็ตามที่ได้รับมัน ถูกไหม?”
“…..” อวี๋ตงพูดไม่ออก “นี่มันแตกต่างกันด้วยเห
รอ?”
“ผมเดาว่าไม่ ถ้าอย่างงัน
้ เงินพนันก็ต้องถูกแบ่ง
เท่าๆกัน คนละ 50 หยวน!” คุณคนแกร่ง
หมายเลข 1 ตะโกนบอกคนอื่นๆ อวี๋ตงวางสายลง
เงียบๆ
[ความจริงเผยออกมาแล้ว ฉันก็อยากจะถาม ดัง
นัน
้ ฉันก็จะโทรเข้าไปเหมือนกัน หวังว่าฉันจะโทร
ติด]
[ฮ่าฮ่า… ฉันก็แค่อยากให้ อวี๋ต้ง รู้ว่าฉันกำลัง
หัวเราะอยู่]
อวี๋ตงต่อสายอื่นที่โทรเข้ามาอย่างระมัดระวัง
“อวี๋ต้ง!” เมื่ออวี๋ตงเปิ ดรับสายเสียงแหบพร่าก็ดัง
ขึน
้ มา “ต้องโทษคุณ คุณเป็ นคนผิด!”
“เกิดอะไรขึน
้ ? คุณคนสวย!” นั่นเป็ นเสียงผู้หญิง
ดังนัน
้ จึงถูกเรียกว่าคุณคนสวย
“ฉันเพิ่งฟั งรายการของคุณแล้วก็ร้ส
ู ึกตื่นเต้นมาก
ฉันก็เลยรีบไปหาคนที่ฉันชอบเพื่อสารภาพรัก หลัง
จากนัน
้ เขาก็บอกฉันว่า เขามีแฟนแล้ว! ฉันเพิ่งจะ
อกหัก!” หญิงสาวร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจ
“อย่างน้อยตอนนี ้ คุณก็สามารถเปลี่ยนเป้ า
หมายได้แล้ว บางทีคนต่อไปอาจจะดีกว่าเดิมก็ได้!”
อวี๋ตงแนะนำ
“จริงเหรอ? แต่มีหลายคนเหลือเกิน แล้วคนไหน
ล่ะที่เป็ นคนที่ใช่?”
อวี๋ตงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือน
ว่าคุณคนสวยจะเมา
“น้องสาว ตอนนีค
้ ุณอยู่ที่ไหน? คุณกำลังเมาใช่
ไหม?”
“ฉันอยู่ที่แผงขายของนอกมหาวิทยาลัยของฉัน
แล้วก็ฉันดื่มเบียร์ไปขวดนึง”
แน่นอนแล้วว่าเธอเมามาก อวี๋ตงกำลังจะเกลีย

กล่อมหญิงสาวให้กลับบ้าน ก่อนที่คุณคนสวยจะ
ตะโกนขึน
้ มาอย่างกะทันหัน “อ่า เจ้าชายที่หล่อ
ที่สุดของมหาวิทยาลัยกำลังเดินเข้ามา ฉันจะไป
สารภาพรัก”
โอ้ ไม่นะ!
“ไป๋รุ่ย ฉันชอบคุณ มาเป็ นแฟนกับฉันเถอะ!”
ทุกคนต่างกลัน
้ หายใจ
5 วินาทีต่อมา เสียงคอมพิวเตอร์ของเธอก็ดังบี๊บ
ทุกคนส่งข้อความเข้ามาอีกครัง้
[คุณคนสวยของคืนนีเ้ ป็ นนางเอกในหมู่พวกผู้
หญิง]
[เจ้าชายรูปงามเพิ่งจะถูกฉกตัวไป]
[ดีเจ เป็ นแม่ส่ อ
ื ให้ฉันด้วย!]
[เจ้าชายรูปงามเพิ่งจะเปิ ดเผยตัวตน]
[OMG ฉันอยากไปมหาวิทยาลัยนั่นแล้วนั่งดู
ละครสนุกๆ]
อวี๋ตงรู้สึกเหนื่อยมาก เธอเปิ ดไมโครโฟนแล้วพูด
ว่า “ถ้าคุณจำเสียงของคุณคนสวยได้ โปรดช่วย
เหลือเธอด้วยที่แผงขายของตรงทางเข้า
มหาวิทยาลัย ใครที่ร้เู กี่ยวกับที่อยู่ของเธอได้โปรด
ติดต่อเพื่อนร่วมห้องของเธอหรือไม่ก็ส่งเธอกลับไป
ยังหอพักด้วย”
รู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งจะทำงานไปครึ่งปี อวี๋ตงคิด
ว่าการออกอากาศในคืนนีช
้ ่างน่าเหน็ดเหนื่อยจริงๆ
ในตอนท้ายของการออกอากาศ พี่อวี๋มองอวี๋ตง
ด้วยรอยยิม
้ กว้างราวกับว่าได้ชมละครตลกมาทัง้ คืน
เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านบ้านดูหนาวเย็นและมืด
สนิท ดูเหมือนว่าเซี่ยเฟิ งจะยังไม่กลับมา
อวี๋ตงเปิ ดไฟทุกดวงในห้องนั่งเล่นเพื่อให้บ้านดู
อบอุ่นขึน
้ เล็กน้อย เธอเปลี่ยนรองเท้าแตะแล้วไป
อาบน้ำ
ตัง้ แต่ที่เซี่ยเฟิ งบอกไม่ให้สระผมตอนกลางคืน
เธอก็ไม่เคยทำอีก เมื่ออวี๋ตงอาบน้ำเสร็จเธอก็เทนม
ใส่แก้วแล้วไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟา ไม่ได้สนใจเสียง
การทำงานของฮีทเตอร์ในห้องที่เงียบสงบ
[คืนนีค
้ ุณจะกลับบ้านกี่โมง?] อวี๋ตงส่งข้อความ
[มีเหตุฉุกเฉินเกิดขึน
้ คืนนีผ
้ มอาจจะกลับบ้านช้า
ไปนอนก่อนได้เลย] เซี่ยเฟิ งตอบกลับ
“แต่ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำพรุ่งนีเ้ ช้านี่นา!” อวี๋
ตงกระพริบตาจากนัน
้ ก็วิ่งไปที่ห้องนอนเพื่อหอบ
เอาหมอนกับผ้าห่มออกมาเตรียมพร้อมเพื่อที่จะ
นอนบนโซฟา
ในคืนที่เงียบสงบมีไฟเปิ ดเอาไว้เพียงดวงเดียวใน
อพาร์ทเม้นท์ที่มืดมิด แสงนัน
้ ราวกับไฟจาก
ประภาคารในท้องฟ้ ายามค่ำคืนที่ส่องสว่างนำทาง
ใครบางคนที่กำลังกลับบ้าน
เวลาตี 4.30 น.
เซี่ยเฟิ งเปิ ดประตูเข้าไปในบ้านอย่างเงียบเชียบ
เกือบจะทันทีที่เขาเงยหน้าขึน
้ เขาก็เห็นอวี๋ตงนอน
หลับอยู่ที่โซฟา
ทำไมเธอถึงมานอนในห้องนั่งเล่นอีกแล้ว? เซี่ยเฟิ
งโคลงศีรษะกับความดื้อของอวี๋ตง
เซี่ยเฟิ งถอดเสื้อโค้ทออกแล้วเปลี่ยนรองเท้าแตะ
เขาเดินเข้าไปหาอวี๋ตงตัง้ ใจจะพาเธอกลับไปที่ห้อง
นอน
หืม?
เมื่อเดินเข้าไปใกล้โซฟา เขาก็สังเกตเห็นกระดาษ
โน้ตที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟ
[ตอนที่คุณกลับมา อย่าลืมปลุกฉันด้วย! คุณจะ
ต้องปลุกนะ!]
คุณรอผมอยู่หรือ?
เซี่ยเฟิ งตะลึงเล็กน้อย เขาหันไปมองอวี๋ตงก่อนที่
จะทรุดตัวลงนั่งจนสายตาอยู่ระดับเดียวกับใบหน้า
ของเธอ หลังจากมองดูเธอนอนหลับอยู่ 5 นาที เขา
ก็อดทนที่จะไม่ปลุกเธอ
[คุณจะต้องปลุกนะ!]
เซี่ยเฟิ งมองดูกระดาษโน๊ตใบนัน
้ อีกครัง้ และใน
ที่สุดก็ตัดสินใจปลุกเธอขึน
้ มา
“อวี๋ตง!” เซี่ยเฟิ งตบไหล่เธอเบาๆ
“อืมมม…” อวี๋ตงลืมตาขึน
้ ด้วยความงุนงง
“ทำไมคุณไม่เข้าไปนอนที่ห้องของคุณ? ทำไม
ต้องขอให้ผมปลุกคุณด้วยล่ะ?” เซี่ยเฟิ งถาม
“ฉันรอคุณอยู่!” อวี๋ตงพยายามยันตัวลุกขึน
้ นั่ง
“มีเรื่องอะไร?” เซี่ยเฟิ งกระชับผ้าห่มคลุมรอบ
ไหล่อวี๋ตงให้แน่นขึน

“ฉันมีอะไรบางอย่างจะบอกคุณ” อวี๋ตงยิม

“คุณรอบอกผมตอนที่คุณตื่นแล้วไม่ได้เหรอ?” เ
ซี่ยเฟิ งหัวเราะ
“ตอนนัน
้ คุณคงหลับอยู่ แล้วพรุ่งนีฉ
้ ันก็ยุ่งมาก
อาจจะไม่มีเวลาบอก” อวี๋ตงส่ายหน้า
“ถ้างัน
้ เราค่อยคุยกันทีหลังก็ได้”
“แต่ฉันจำเป็ นต้องพูดมันวันนี!้ ” อวี๋ตงยิม
้ ให้
เซี่ยเฟิ งที่มีสีหน้าสงสัย
“Happy Birthday!”
นี่เป็ นวันเกิดแรกที่ฉันได้ใช้เวลาร่วมกับคุณ
แน่นอนว่าฉันต้องรอคุณ!
…............... 
ตอนที่ 34 คุณคือพระอาทิตย์ของฉัน,ฉันคือบ้าน
ของคุณ
วันนีแ
้ ดดจัด สวนเล็กๆด้านล่างเต็มไปด้วยเด็กๆ
ที่กำลังเล่นกัน
สภาพอากาศในเซี่ยงไฮ้มักจะเป็ นแบบนี ้ ตราบใด
ที่ยังมีดวงอาทิตย์ถึงแม้ว่าจะอยู่ในฤดูหนาว คนก็ยัง
รู้สึกเหมือนเป็ นฤดูใบไม้ผลิ บางทีฤดูใบไม้ผลิอาจ
จะมาถึงเร็วกว่าปกติ
ตอนที่อวี๋ตงกำลังจะออกจากบ้าน เธอก็หันกลับ
ไปมองยังห้องของเซี่ยเฟิ งการแสดงออกของเธอดู
อบอุ่น
บางครัง้ เมื่อพูดถึงคนสองคนที่พยายามปรับตัว
เข้าหากันคนหนึ่งเป็ นผู้ให้ส่วนอีกคนเป็ นผู้รับ ดูเห
มือนว่าอวี๋ตงคนก่อนนัน
้ ได้กลายเป็ นอดีตไปแล้ว
ทุกคนที่เจอคนของตัวเองก็มักจะเป็ นแบบนีใ้ ช่
หรือเปล่า? ความสุขของคุณขึน
้ อยู่กับความสุขของ
พวกเขา?
เหมือนดอกทานตะวันที่คอยไล่ตามดวงอาทิตย์
อวี๋ตงมองผ่านหน้าต่างออกไปยังดวงอาทิตย์ด้าน
นอกและสงสัยว่า ‘ถ้าฉันอบอุ่นได้ขนาดนัน
้ แล้วฉัน
จะกลายเป็ นดวงอาทิตย์ของคุณได้หรือเปล่า?’
….
อวี๋ตงไปที่สตูดิโอเพื่อช่วยเรินซินซินตรวจสอบ
เสียงพากย์เป็ นครัง้ สุดท้าย จากนัน
้ เธอก็ไปทานข้าว
กลางวันก่อนที่จะขับรถตรงไปยังสถานีวิทยุ
“ผู้อำนวยการหม่า” เมื่อวานนีอ
้ วี๋ตงได้รับแจ้งว่า
ผู้อำนายการหม่าต้องการคุยกับเธอ ดังนัน
้ เธอจึง
เข้ามาที่สถานีในบ่ายวันนี ้
“เข้ามาก่อนสิอวี๋ตง คุณกินข้าวกลางวันมาหรือ
ยัง?” ผู้อำนวยการหม่าวางเอกสารที่กำลังอ่านใน
มือลง ก่อนถามอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณที่ถาม ฉันกินมาแล้วค่ะ” อวี๋ตงตอบ
พร้อมรอยยิม

“ดีแล้ว คุณต้องใส่ใจสุขภาพของตัวเอง แม้ว่า
คุณจะยังเด็กแล้วก็มีสุขภาพดีแต่คุณก็ต้องระวังเป็ น
พิเศษ เพราะคุณจัดรายการตอนเที่ยงคืนแล้วนอน
ดึกมาก” ผู้อำนวยการหม่าแนะนำ
“ฉันขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณ”
“นั่งลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน” ผู้อำนวยการหม่า
ลุกออกมาจากหลังโต๊ะทำงานไปนั่งที่โซฟากับอวี๋ตง
“เมื่อคืนผมได้ฟังรายการของคุณด้วย”
“เอ๊ะ?” อวี๋ตงค่อนข้างแปลกใจ
   “ผมต้องบอกว่ามันดูมีพลังและมีชีวิตชีวา
มาก” ผู้อำนวยการหม่าชื่นชม “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
บทกวีรักที่คุณอ่านให้ฟังของพุชกิน มันราวกับว่า
ผมได้กลับไปในยุค 20 ตอนที่ผมกำลังตามจีบ
ภรรยาของผมอยู่”
“ค่ะ นั่นเป็ นเรื่องดี” อวี๋ตงยิม
้ ”
“เมื่อคืนภรรยาของผมก็นั่งฟั งอยู่ด้วยกัน เธอ
อยากให้ผมถามว่าเกิดอะไรขึน
้ ระหว่างเจ้าชายรูป
งามกับคุณคนสวย” ผู้อำนวยการหม่าพูด รอให้อวี๋
ตงเล่ารายละเอียดให้ฟัง
“นี่…ฉันก็ไม่ร้เู หมือนกัน” อวี๋ตงรู้สึกกระดาก
“ถ้าฉันรู้ความคืบหน้า ฉันจะบอกคุณแน่นอน!”
“โอ้…” ผู้อำนวยการหม่ารู้สึกผิดหวัง “คนที่โทร
เข้ามาไม่ระบุช่ อ
ื จึงเป็ นเรื่องยากที่จะติดตาม”
“เหอะ เหอะ…” อวี๋ตงได้แต่หัวเราะอย่างเก้อ
เขิน
“โอ้ แต่พวกนัน
้ ไม่ใช่ทัง้ หมดที่ผมอยากถาม
หรอกนะ ผมแค่จะถามคุณว่าเตรียมตัวสำหรับ
โปรแกรมส่งท้ายปี เก่าไปถึงไหนแล้ว?” ผู้อำนวย
การหม่าจำถึงสิ่งที่เขาอยากจะคุยด้วยได้จริงๆแล้ว
“ฉันวางแผนที่จะร้องเพลงในการแสดงของฉัน”
อวี๋ตงคิดก่อนตัดสินใจว่าเธอจะขึน
้ ไปบนเวทีแล้ว
ร้องเพลง
“นั่นดีมาก คุณร้องเพลงได้ค่อนข้างดี คุณเลือก
เพลงแล้วหรือยัง?” ผู้อำนวยการหม่าถาม
“ฉันจะตัดสินใจพรุ่งนี”
้ เหลืออีก 5 วันกว่าจะ
ทำการซ้อม ดังนัน
้ อวี๋ตงจึงไม่ได้กังวลมากนัก
“ถ้าอย่างนัน
้ คุณจะต้องร้องให้ดี ทำให้แน่ใจว่า
คุณร้องออกมาจากจิตวิญญาณและสื่อถึงความยิ่ง
ใหญ่ของสถานีวิทยุของเรา”
จิตวิญญาณ และความยิ่งใหญ่ของสถานีวิทยุมัน
มีลักษณะยังไง? อวี๋ตงคิดอยู่ในใจขณะที่เธอพยัก
หน้ารับ
“เอาล่ะ เพื่อแสดงการสนับสนุนของเรา ทาง
สถานีได้จัดงบเพื่อช่วยด้านการแต่งตัวเป็ นพิเศษ”
ผู้อำนวยการหม่าหยิบนามบัตรออกมาก่อนส่งให้อวี๋
ตงแล้วพูดว่า” ไปที่ร้านนีแ
้ ล้วขอให้ช่วยเกี่ยวกับ
เสื้อผ้าและการแต่งตัวสำหรับวันนัน
้ ไม่ต้อง
ประหยัดเงิน”
“Blossom Sparrow?” อวี๋ตงเห็นนามบัตรก่อน
จะตกตะลึง เกิดอะไรขึน
้ กับงานแสดงนี?้ Blossom
Sparrow เป็ นสตูดิโอออกแบบทรงผมที่ดีที่สุดใน
ประเทศจีน มีดาราชื่อดังไม่ร้ก
ู ี่คนที่มายังสตูดิโอ
แห่งนีก
้ ่อนจะไปเดินพรมแดง ประเด็นก็คือสตูดิโอนี ้
มีช่ อ
ื เสียงในเรื่องความหรูหราและสวยงาม
“ผมได้ยินมาว่ามีดาราหลายคนไปที่สตูดิโอนีเ้ พื่อ
ดูเคล็ดลับในการจัดแต่งทรงผม” ผู้อำนวยการหม่า
พูดอย่างภาคภูมิใจ
“ผู้อำนวยการ คุณก็เห็น เอ่อไม่ใช่ว่าสไตล์ดีเจ
ของสถานีเราเป็ นแบบง่ายๆสบายๆ มีอารมณ์ขัน
แล้วก็สนุกสนาน? ถ้าฉันไปแบบหรูหราอลังการ มัน
จะไม่ดูตรงข้ามกับภาพลักษณ์ของสถานีเราหรือ
คะ?” อวี๋ตงพูดต่อ “ในฐานะแขกของงานถ้าฉัน
แต่งตัวแบบนัน
้ คนอื่นจะพูดว่าฉันมาเพื่อดึงดูด
ความสนใจหรือเปล่า?”
แม้แต่นักร้องตัวจริงที่ได้รับเชิญก็ไม่ได้แต่งตัว
หรูหราขนาดนี ้ แล้วงานนีก
้ ็ไม่ใช่งานเดินพรมแดง
อีกอย่างมันก็ดูน่าอายด้วย
“นั่นไม่ใช่แค่แสดงให้เห็นว่าสถานีของเราเป็ น
แบบง่ายๆสบายๆเท่านัน
้ แต่เรายังมีความสง่างาม
และมีเกียรติด้วย” ผู้อำนวยการหม่าพูด
อวี๋ตงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงโน้มน้าวเขาต่อไป “ผู้
อำนวยการ ฉันเป็ นแค่แขกที่ได้รับเชิญไปงาน ถ้า
ฉันใส่อะไรที่ดูเกินฐานะดีเจฉันจะโดนเขม่นหรือ
เปล่า? เราไปเข้าร่วมเพื่อแสดงความเป็ นน้ำหนึ่งใจ
เดียวกัน”
“ไม่ต้องเป็ นห่วงเรื่องนัน
้ !” ผู้อำนวยการหม่า
เยาะ “เจ้าภาพที่มาทานอาหารเย็นกับผม
เมื่อ 2 วันที่แล้ว บอกว่าไม่มีผู้หญิงสวยๆในสถานี
วิทยุ คราวนีแ
้ หละให้เขาได้เห็นที่เขาคิดว่ามีเพียง
สถานีโทรทัศน์เท่านัน
้ ที่มีผู้หญิงสวยๆ พอล้าง
เครื่องสำอางกับเอาการจัดแสงดีๆออก ผู้หญิงที่
ขายผลไม้อยู่ตรงถนนฝั่ งตรงข้ามแถวบ้านผมยังสวย
สู้พวกเธอได้เลย”
“….”
นี่เองคือเหตุผล?
นอกจากนี ้ ทำไมคุณถึงได้สนใจผู้หญิงขายผลไม้
ที่อยู่แถวบ้านคุณด้วยล่ะ?
เมื่อออกจากสถานี อวี๋ตงก็ตรงไปยัง Blossom
Sparrow อวี๋ตงไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะได้มาเป็ น
ลูกค้าของที่นี่
“สวัสดีค่ะ” พนักงานต้อนรับเป็ นเด็กสาวหน้าตา
น่ารัก เมื่อเธอเห็นอวี๋ตงเดินเข้ามาเธอก็สอบถาม
อย่างสุภาพ “คุณได้นัดเอาไว้หรือเปล่าคะ?”
“สวัสดี ฉันอวี๋ตงจากสถานีวิทยุ ฉันโทรมานัด
ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว” อวี๋ตงบอก
เด็กสาวแผนกต้อนรับยืนยันการนัดของอวี๋ตง
แล้วก็พาเธอไปยังพื้นที่วีไอพี จากนัน
้ เธอก็หันมาบ
อกว่า “โปรดรอที่นี่สักครู่ ฉันจะไปตามสไตล์ลิสต์
มาให้”
“โอเค” หยุตงพยักหน้าก่อนจะนั่งลง
“อวี๋ตงเหรอ?” จู่ๆก็มีเสียงเรียกชื่อเธออย่างไม่
ค่อยแน่ใจ
อวี๋ตงหันไปดูก็เห็นศีรษะที่มีเส้นผมสีดำสลวยอยู่
ท้ายโซฟาเป็ นสาวสวยที่กำลังยิม
้ ให้เธอ อวี๋ตงจำได้
ในที่สุดขณะร้องอุทานออกมา “เทาเทา!”
“อื้อ” เทาเทารีบขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆอวี๋ตง
“บังเอิญจัง!” อวี๋ตงหัวเราะ
“ตัวแทนพาฉันมาที่นี่เพื่อแต่งตัวไปร่วมงานรับ
รางวัลที่ฉันได้รับเชิญ” เทาเทาบอก
“ดูเหมือนว่าเธอจะดังแล้ว!” แม้ว่าอวี๋ตงจะหยุด
ดูละครวัยรุ่นแล้ว แต่ในชีวิตก่อนเธอเคยได้ดูละคร
หลายเรื่องของราชินีละครวัยรุ่นในอนาคตคนนี ้
“ดังอะไรกัน? ฉันเพิ่งจะถ่ายละครทีวีเสร็จแล้ว
มันก็ได้รับการตอบรับไม่ค่อยดีนัก มีหลายสถานี
โทรทัศน์ที่ออกอากาศในช่วงกลางวันหรือออก
อากาศตอนเที่ยงคืนเรตติง้ ก็เลยไม่ค่อยสูง” เทาเทา
ถอนหายใจ “เมื่อเร็วๆนี ้ ตัวแทนของฉันแนะนำฉัน
กับละครเรื่องอื่นแต่ผู้กำกับบอกว่าใบหน้าเด็กๆของ
ฉันไม่เหมาะกับบทนางเอก ตัวแทนของฉันบอกให้
ฉันปรับเปลี่ยนรูปโฉม”
อวี๋ตงกระพริบตา งัน
้ นี่ก็คือเหตุผลแต่เดิมในการ
ทำศัลยกรรมของเทาเทาในชีวิตก่อน
“เธอเห็นด้วยหรือเปล่า?” อวี๋ตงถาม
เทาเทาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่อยากทำ แต่
ตัวแทนของฉันบอกว่าละครเรื่องนีจ
้ ะได้รับความ
นิยม ทุกคนในวงการต่างก็ทำศัลยกรรมกันทัง้ นัน

แต่ฉันก็ยังลังเลฉันจำได้ว่าคุณบอกไม่ให้ฉันทำ
ศัลยกรรม ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำ ยังไง
ก็ตามฉันคิดว่าฝี มือการแสดงของฉันก็ไม่เลว และ
ฉันก็ยังสามารถเติบโตไปได้อีก ดังนัน
้ มันก็เลยไม่ใช่
เรื่องใหญ่ ฉันแน่ใจว่าในอนาคตฉันจะได้รับความ
นิยม”
อวี๋ตงอดยิม
้ ไม่ได้ ‘ฉันก็แค่ป้องกันใบหน้าผีดิบ
ของเธอเท่านัน
้ ’***
   ***[ผีดิบของจีนจะมีใบหน้าซีดขาว แข็งทื่อ]
“เชื่อฉันเถอะ เธอจะได้รับความนิยมเร็วๆนีแ
้ น่”
อวี๋ตงจำได้ว่าละครทีวีเรื่องแรกของเทาเทา ไม่ได้รับ
ความนิยมในประเทศจีนแต่ต่อมาก็ดังระเบิดใน
เกาหลีและญี่ปุ่น หลังจากนัน
้ เธอก็กลายเป็ นหัวข้อ
ร้อนแรง
“ขอโทษครับ!” เสียงชายหนุ่มน่าฟั งดังขัดจังหวะ
การสนทนาของพวกเธอ “คุณอวี๋ตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”
“ใช่ ฉันเอง!” อวี๋ตงลุกขึน
้ ยืน
“สวัสดี ผมเป็ นสไตล์ลิสต์ของคุณ ผมชื่ออาดี”

อาดีเ้ ป็ นคนผิวขาวที่มีท่าทางค่อนไปทางผู้หญิง
“สวัสดี”
“โปรดตามผมมา เราจะไปเลือกชุดของคุณกัน
แล้วผมจะออกแบบสไตล์ของคุณตามชุดที่คุณ
เลือก” อาดีห
้ ลบไปด้านข้างหลีกทางให้เธอเดินออก
มา
อวี๋ตงและเทาเทาร่ำลากัน จากนัน
้ อวี๋ตงก็เดิน
ตามอาดีเ้ ข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยชุดตกแต่งเป็ น
ประกายระยิบระยับทำให้เธอถึงกับตาพร่า
“คุณมีเสื้อผ้าแบบอื่นไหม?” อวี๋ตงถาม
“ผู้อำนวยการสถานีวิทยุของคุณ ขอเป็ นพิเศษ
ให้เราเลือกแบบที่ดูหรูหรา” อาดีป
้ ฏิเสธอย่าง
สุภาพ
“คุณไม่คิดว่ามันออกจากอลังการมากเกินไป
หน่อยเหรอ?” อวี๋ตงถามอย่างขมขื่น
อาดีย
้ ิม
้ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ผู้อำนวยการหม่า รสนิยมด้านแฟชั่นของคุณ
หยุดอยู่ในยุค 70 ใช่หรือเปล่า? อวี๋ตงรู้สึกว่า
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็ นสีเขียว คุณคิดว่าฉันจะ
ขึน
้ ไปบนเวทีเพื่อครวญเพลงขับกล่อมผู้คนรึไง?

โรงพยาบาลของเมือง
เส้าอีฝ
้ านกำลังซื้อกาแฟอยู่กับเซี่ยเฟิ ง จากนัน

เขาก็หันไปทางเซี่ยเฟิ งแล้วถามขึน
้ มาว่า “วันนีเ้ ป็ น
วันเกิดของนาย ให้ฉันเลีย
้ งกาแฟนายก็แล้วกัน”
“กาแฟสำหรับวันเกิดของฉัน นายไม่ทำอย่าง
ลวกๆไปหน่อยเหรอ?” เซี่ยเฟิ งยกแก้วกาแฟขึน
้ จิบ
“มันดีมากแล้วที่ฉันยังจำได้!” เส้าอีฝ
้ านตอบ
กลับ
เซี่ยเฟิ งไม่ตอบแต่แล้วจู่ๆเขาก็ยิม
้ ออกมา
“นายยิม
้ ทำไม? …ฤดูใบไม้ผลิเบ่งบานในหัวใจ
ของนายอีกแล้วเหรอ?” เส้าอีฝ
้ านถาม
“ไม่มีอะไร” เซี่ยเฟิ งตอบ
“โรงพยาบาลเพิ่งประกาศให้ทุกแผนกจัดตาราง
งานใหม่ในช่วงปี ใหม่” เส้าอีฝ
้ านถาม “พวกเราจะ
ทำเหมือนเดิมที่จัดให้แต่ละคนทำงาน 3 วันใช่หรือ
เปล่า?”
เซี่ยเฟิ งตัวแข็ง จากนัน
้ ก็บ่นพึมพำ “เกือบจะถึง
ปี ใหม่แล้ว”
“ไม่ล้อเล่นสิ!” เส้าอีฝ
้ านพูด “เมื่อไหร่กันที่วัน
เกิดของนายไม่ใช่ช่วงก่อนปี ใหม่!”
“อีฝ
้ าน” เซี่ยเฟิ งเริ่ม “ปี นีน
้ ายทำ 6 วัน!”
“6 วัน นายจะบ้าเหรอ? นายพยายามฆ่าฉันรึ
ไง?” เส้าอีฝ
้ านร้องออกมา
เซี่ยเฟิ งมองเขาพลางกระพริบตาปริบๆใส่
“อย่ามองฉันแบบนัน
้ มันทำให้ฉันอยากอาเจียน
บอกเหตุผลฉันมาก่อน” เส้าอีฝ
้ านทนไม่ไหวจึงบอก
ให้เซี่ยเฟิ งหยุด
“ฉันอาจจะต้องไปพบครอบครัวของอวี๋ตง”
หลังจากที่ได้ยิน เส้าอีฝ
้ านค่อนข้างแปลกใจแต่
พอคิดว่าเวลาก็ผ่านมานานแล้ว
“นาย…นายแน่ใจแล้วเหรอ?” เส้าอีฝ
้ านอดถาม
ไม่ได้
“อื้อ” เซี่ยเฟิ งยิม
้ ก่อนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
“โอ้ พระเจ้า อย่ายิม
้ กว้างขนาดนี ้ โอเค้?” เส้าอี ้
ฝานรู้สึกเหมือนว่าเขาเพิ่งจะสูญเสียค่าชีวิตไป 10,0
00 แต้ม พระเจ้าตอนที่เซี่ยเฟิ งเดทกับอันอัน เขาก็
ไม่เคยต้องรู้สึกแบบนีเ้ ลย
เซี่ยเฟิ งยกกาแฟขึน
้ จิบแต่รอยยิม
้ ในดวงตาของ
เขาไม่ได้จากหายไปเลย
“อย่างน้อยนายก็คงบอกฉันได้ว่าเกิดอะไรขึน
้ ?” 
เส้าอีฝ
้ านรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง “นายได้ฟังรายการ
ของอวี๋ตงเมื่อคืนนีแ
้ ล้วใช่หรือเปล่า?”
เซี่ยเฟิ งรู้สึกแปลกใจ นี่เป็ นครัง้ ที่สองแล้วที่เส้าอี ้
ฝานพูดถึงการออกอากาศของเมื่อคืน
ทัง้ สองคนกลับไปที่ออฟฟิ ศของพวกเขา เซี่ยเฟิ ง
เปิ ดคอมพิวเตอร์เข้าไปที่เว็บไซต์ของสถานีวิทยุขอ
งอวี๋ตง คลิ๊กเปิ ด Midnight Phantom แล้วเริ่ม
ดาวน์โหลด
เส้าอีฝ
้ านมองข้ามไหล่ของเซี่ยเฟิ งอดสบถไม่ได้
“นายเพิ่งจะมาฟั งมันตอนนี ้ ในโทรศัพท์ของฉันได้
ตัง้ การแจ้งเตือนเอาไว้ ฉันจะรู้ทันทีเมื่อมันถูก
อัพโหลดแล้วฉันก็ดาวน์โหลดมาฟั งได้ทันทีที่ฉัน
ต้องการ”
เซี่ยเฟิ งไม่ได้สนใจคำบ่นของเส้าอีฝ
้ าน เขาสวม
เฮดโฟนจากนัน
้ ก็ฟังน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน
ของอวี๋ตง
งัน
้ นีก
้ ็คือของขวัญวันเกิดของคุณที่ให้ผมใช่ไหม?
เซี่ยเฟิ งมักคิดว่าตัวเองเป็ นคนมีเหตุผล เขา
สามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆอย่างเป็ นกลางด้วยความ
สงบและจากมุมมองต่างๆ
แต่เมื่อเกี่ยวกับอวี๋ตงดูเหมือนว่าไม่ว่าจะมุมมอง
ไหน เขาก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากดอกไม้ที่เบ่ง
บานเต็มที่
ทุกคำพูด ทุกอ้อมกอด ทุกรอยจูบที่มอบกำลังให้
แก่เขา
หากบ้านคือท่าเรือของคุณ คือสถานีเติมพลังของ
คุณ คือสวรรค์ของคุณ
เซี่ยเฟิ งคิด ‘ถ้าอย่างนัน
้ อวี๋ตงก็คือบ้านของฉัน’
…….............
ตอนที่ 35 ตอนนีผ
้ มบอกจะคุณ
เซี่ยเฟิ งแทบจะไม่เคยได้เลิกงานตรงเวลา แต่คืน
นีเ้ ขาได้รับโอกาสที่หาได้ยาก เขาไม่ร้ว
ู ่าทำไมแต่เขา
แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เจออวี๋ตง เขาขับรถไปที่
สถานีวิทยุและนั่งฟั งรายการของอวี๋ตงในรถ
ในขณะที่อวี๋ตงพูดปิ ดรายการ ดวงตาของเซี่ยเฟิ
งก็จับจ้องไปยังประตูทางเข้าอาคารอยู่ตลอดเวลา
ในที่สุดเขาก็เห็นอวี๋ตงเดินออกมาพร้อมกับกำลัง
พันผ้าพันคอรอบคอ
“อวี๋ตง!” เซี่ยเฟิ งลงจากรถแล้วโบกมือให้อวี๋ตง
พร้อมรอยยิม

ตอนแรกอวี๋ตงมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่
เมื่อเห็นว่าเป็ นเซี่ยเฟิ งเธอก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”อวี๋ตงถาม
“ผมแค่ร้ส
ู ึกว่าไม่ได้มารับคุณนานแล้ว” เซี่ยเฟิ ง
จัดผ้าพันคอของอวี๋ตงให้เรียบร้อย
“ฉันขับรถมาทำงานทุกคืน ทำไมต้องให้คุณมา
รับฉันด้วยล่ะ?” อวี๋ตงหัวเราะ
“แต่ผมอยากทำ!” อาจจะเป็ นเพราะแสงไฟสลัว
อวี๋ตงรู้สึกว่าในคืนนีส
้ ายตาของเซี่ยเฟิ งดูอ่อนโยน
เป็ นพิเศษ
อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าเป็ นเพราะวิธีที่เซี่ยเฟิ งใช้มองเธอ
หรือเพราะบรรยากาศที่คลุมเคลือ แต่เธอกลับรู้สึก
อึดอัด เธอก้มหน้าลงเขี่ยเท้าไปมาบนพื้น
ความรู้สึกของผู้หญิงช่างแปลกประหลาด เมื่อ
พวกเธอไม่ชอบใครสักคนพวกเธอจะเผชิญหน้ากับ
เขาอย่างกล้าหาญแต่กับคนที่พวกเธอชอบพวกเธอ
จะเปลี่ยนเป็ นขีอ
้ ายและกังวล
อวี๋ตงเริ่มใส่ใจเซี่ยเฟิ งดังนัน
้ เธอจึงเริ่มคิดทุก
อย่างใหม่
เธอเริ่มชอบเซี่ยเฟิ งมากขึน
้ เรื่อยๆ ถ้าวันหนึ่ง
ความสัมพันธ์ไม่เป็ นไปตามที่เธอคาดหวัง เธอก็
คงจะเสียใจ อวี๋ตงกังวลเรื่องนีม
้ านานแล้ว
แต่เธอไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนีม
้ าซักพักนึงแล้ว
เพราะเธอจะเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเพียงแค่นึกถึงมัน
เช่นเดียวกับชีวิตก่อนของเธอ เธอใช้พลังงาน
ทัง้ หมดไปกับการทำงานจะได้ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ
พอที่จะใช้ความคิดไปกับเรื่องที่น่าหดหู่เช่นนี ้
อวี๋ตงไม่อยากจะมองโลกในแง่ร้ายแต่เธอก็ไม่
อยากที่จะสูญเสียเซี่ยเฟิ งไป ไม่อยากที่จะทำ
เหมือนเขาเป็ นเป้ าหมายที่ต้องพุ่งชน เธอแค่อยากมี
ความสุขกับเขา
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” เซี่ยเฟิ งเคาะศีรษะอวี๋
ตงเบาๆ
“อ๊ะ…” อวี๋ตงเงยหน้าขึน
้ ดวงตาของกลมโตของ
เธอเป็ นประกายสดใส
“ฉันไม่ได้คิดอะไร”
“แล้วทำไมคุณต้องก้มหน้าก้มตาด้วยล่ะ?” เห็น
ได้ชัดว่าเซี่ยเฟิ งไม่เชื่อคำโกหกนี ้
“ฉันกำลังหัวเราะอยู่”
เซี่ยเฟิ งมองเธออย่างงุนงง
อวี๋ตงยิม
้ แล้วพูดว่า “คุณมารับฉัน ฉันก็เลยมี
ความสุขแต่ฉันไม่อยากให้คุณรู้ว่าฉันดีใจมาก”
“คุณ…” เซี่ยเฟิ งอดหัวเราะไม่ได้ เขาจับมืออวี๋ตง
แล้วถามว่า “คุณหนาวหรือเปล่า?”
อวี๋ตงส่ายหน้า
“ไปเดินเล่นกัน!” เซี่ยเฟิ งบอก
อวี๋ตงรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เซี่ยเฟิ งคงมีบางอย่างที่เขาต้องการพูดกับเธอ
ถนนเงียบสงบ พวกเขาเดินกันเงียบๆมาเป็ น
ชั่วโมงแล้ว บางครัง้ รถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านก็เจตนาชะลอ
เพื่อดูว่าพวกเขาต้องการรถแท็กซี่หรือเปล่า
เซี่ยเฟิ งจับมืออวี๋ตงเดินไปตามถนนอย่างไร้จุด
หมาย
“ผมไม่ได้ออกมาเดินเล่นแบบนีน
้ านมากแล้ว”
เซี่ยเฟิ งพูด “มันเงียบมาก!”
“คุณชอบความเงียบไหม?” อวี๋ตงถาม
“มันให้ความรู้สึกสงบ!” เซี่ยเฟิ งคิดว่าเขารู้สึก
ชอบความสงบแบบนี ้
“แต่ฉันไม่ชอบมันเลย!” อวี๋ตงมองป้ ายไฟนีออน
ที่อยู่ห่างออกไป เสียงของเธอเย็นชานิดหน่อย “มัน
ทำให้ฉันรู้สึกเหงา”
เธอไม่ร้ว
ู ่าทำไม แต่ในตอนนีอ
้ วี๋ตงรู้สึกถึงความ
อ้างว้าง เธอรู้สึกเหมือนเป็ นนกหลงทางที่พยายาม
หาทางกลับบ้าน เหมือนคนไร้บ้านที่ซัดเซพเนจร
เป็ นเวลานาน
เซี่ยเฟิ งหันไปมองเธอแล้วจับมือเธอแน่นก่อนพูด
ว่า “ผมจะอยู่กับคุณ”
“อื้อ” อาจจะเป็ นเพราะชีวิตก่อนที่ส่งผลให้เธอมี
อารมณ์ความรู้สึกแบบนี ้ คำตอบรับของอวี๋ตงจึงฟั ง
ค่อนข้างเคร่งเครียด
“วันนีท
้ ี่โรงพยาบาลขอให้พวกเราส่งตารางงาน
สำหรับช่วงปี ใหม่ที่กำลังจะมาถึง เซี่ยเฟิ งเปลี่ยน
หัวข้อ “ในปี นีผ
้ มจะไม่ทำงาน”
อวี๋ตงสดใสขึน
้ มาทันที “ถ้าอย่างนัน
้ คุณก็ได้พัก
ผ่อน”
“ใช่!” เซี่ยเฟิ งพยักหน้าแล้วถามเธออย่าง
ระมัดระวัง “ดังนัน
้ …เราใช้โอกาสนีไ้ ปเยี่ยมพ่อตา
แม่ยายของผมได้ไหม?”
อวี๋ตงชะงักตัวแข็งทันที ดวงตาของเธอเบิกกว้าง
ด้วยความตกใจและปะปนไปด้วยความสุข แต่การ
แสดงออกของเธอดูซับซ้อนขณะที่เธอจ้องมอง
เซี่ยเฟิ ง
“มีอะไรเหรอ?” เซี่ยเฟิ งถามเบาๆ “คุณไม่เต็มใจ
หรือ?”
อวี๋ตงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันกำลังรอให้คุณคิด
เรื่องนีแ
้ ล้วเริ่มพูดขึน
้ มาเอง”
คราวนีเ้ ป็ นเซี่ยเฟิ งที่ต้องตกตะลึงบ้าง เขารู้สึก
ผิดนิดหน่อยขณะที่เขาบอกอวี๋ตง “ขอโทษ ผมควร
จะถามตัง้ นานแล้ว”
อวี๋ตงส่ายหน้าอีกครัง้
“ในอนาคตถ้าผมลืมเรื่องสำคัญแบบนีอ
้ ีก คุณ
ต้องเตือนผมนะ” เซี่ยเฟิ งบอก
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะนึกถึงเรื่องนี”
้ อวี๋ตงพูด พวก
เขาไม่ได้แต่งงานกันเพราะตกหลุมรัก อวี๋ตงไม่แน่ใจ
ว่าความรู้สึกของเซี่ยเฟิ งที่มีต่อเธอตอนนีม
้ าถึง
ระดับที่ใกล้ชิดกันมากขึน
้ หรือยัง
นึกถึงเรื่องนี?้  เขามักจะคิดวิตกกังวลในช่วง
แรกๆของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทัง้ คู่อยู่บ้าง
ตอนนีเ้ ซี่ยเฟิ งรับรู้ว่าอวี๋ตงกำลังทำความเข้าใจกับ
ความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่ตลอดเวลาและไม่ได้
กดดันเขา
ใช่ เธอคำนึงถึงความรู้สึกของคนรอบข้างอยู่
เสมอ พยายามทำสิ่งที่เธอต้องการแต่ไม่เคยบีบ
บังคับให้คนอื่นต้องทำตามความคิดของเธอ
“อวี๋ตง คุณรู้ไหม… คุณมีอะไรที่อยากจะถามผม
หรือเปล่า?” เซี่ยเฟิ งกุมมือทัง้ สองข้างของอวี๋ตง
แล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
บางทีเพราะสัมผัสจากฝ่ ามืออุ่นของเขาที่เกาะ
กุมมือของเธอเอาไว้แน่นทำให้อวี๋ตงมีความกล้าเพิ่ม
ขึน

“คุณ..คุณชอบฉันหรือเปล่า?” อวี๋ตงถาม ใน
ดวงตาราวกับมีพายุพัดกระหน่ำ
ตัง้ แต่ที่อวี๋ตงรู้ตัวว่าเธอชอบเซี่ยเฟิ ง เธอก็ยิ่งกลัว
ที่จะถามคำถามนีม
้ ากขึน
้ เรื่อยๆ ถ้าหากเขาตอบว่า
ไม่ อวี๋ตงคงจะไม่สามารถอยู่เคียงข้างเขาได้อีกต่อ
ไป
เธอกลัวว่าเธอจะจบลงเหมือนกับชีวิตก่อนอีก
ครัง้
การย้อนกลับมาของเธอแม้ว่าอายุตามสภาพ
ร่างกายจะยังน้อยแต่จิตวิญญาณของเธอกลับมี
บาดแผลจากความอ้างว้างในช่วงระยะเวลา 10 ปี
หลงเหลืออยู่ บางครัง้ เมื่อคนเราเติบโตขึน
้ พวกเขา
ก็จะรู้สึกอ่อนแอลงเรื่อยๆ
“มองผม!” เซี่ยเฟิ งใช้มือทัง้ สองข้างของเขากุม
ใบหน้าของอวี๋ตงดันขึน
้ มองเขา แสงไฟนีออนที่อยู่
ห่างออกไปสะท้อนเข้ากับดวงตาของเธอ
“ผมชอบคุณ!” เซี่ยเฟิ งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมยอมรับว่าผมสับสน แปลกใจและกังวลอยู่
ตลอดเวลา แต่คุณ…คุณเป็ นผู้หญิงที่มักจะทำให้คน
อื่นรู้สึกชอบได้อย่างง่ายดาย”
“คุณอายุแค่ 22 คุณควรจะได้ใช้ชีวิต แต่ผมไม่
เข้าใจว่าทำไมผมถึงรู้สึกปวดใจแทนคุณ โดยเฉพาะ
ตอนที่ผมกลับมาถึงบ้านแล้วเจอคุณนอนหลับอยู่ที่
โซฟา ไฟที่เปิ ดทิง้ เอาไว้มีคุณนอนขดตัวอยู่”
ไฟนีออนสะท้อนเข้าไปในดวงตาของอวี๋ตง ภาพ
เริ่มพร่ามัวขึน
้ เรื่อยๆเมื่อน้ำตาเริ่มไหล เธอรู้สึกว่า
วิญญาณอันอ้างว้างของเธอในที่สุดก็ได้เจอกับที่พัก
พิงอันอบอุ่น
“อย่าร้องไห้!” เซี่ยเฟิ งพูดอย่างเป็ นกังวล มือ
ของเขาพยายายามเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่ดูเหมือนมัน
จะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ พวกมันยังไหลพรั่งพรูออก
มาไม่หยุด เซี่ยเฟิ งหมดทางเลือกเขาจึงดึงอวี๋ตงเข้า
มาในอ้อมแขน
เดิมทีน้ำตาของเธอมีไว้สำหรับเซี่ยเฟิ ง แต่เมื่อ
เธอซบลงบนไหล่ของเขา เธอก็ร้องไห้เพื่อความรัก
ความโดดเดี่ยวตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมากับ
การรอคอยที่ไร้ผล
แม้ผู้คนบนโลกนีท
้ ี่ยึดติดอยู่กับความคิดเรื่องรัก
แท้ และต้องการเชื่อว่า ณ ที่ใดที่หนึ่งยังมีคนที่เกิด
มาเพื่อพวกเขาอยู่และกำลังมองหากันและกัน
ดังนัน
้ อวี๋ตงจึงรอปี แล้วปี เล่า หลายปี ผ่านไปเธอก็
ยังไม่พบคนๆนัน
้ ผ่านความเงียบเหงา ผ่านคำ
วิพากษ์วิจารณ์ ในขณะที่เธอเติบโตขึน
้ แต่เธอก็ได้
แต่รออยู่เพียงลำพัง
“เอาละ ผมเดาว่าคงได้แต่ปล่อยไปแบบนี!้ ” ในที่
สุดเซี่ยเฟิ งก็ยอมแพ้และปล่อยให้อวี๋ตงร้องไห้จน
พอใจ
เซี่ยเฟิ งไม่ร้ว
ู ่าทำไมจู่ๆอวี๋ตงถึงได้ร้องไห้อย่าง
หนัก แต่เขาก็อยากจะอยู่กับเธอและกอดเธอเอาไว้
ตอนที่เธอร้องไห้
อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าเธอร้องไห้มานานแค่ไหน เธอรู้สึก
ราวกับว่าเธอได้ย้อนกลับไปยังวันที่เธอได้เกิดใหม่
และร้องไห้อย่างหนักจนรู้สึกว่าร่างกายขาดน้ำและ
เป็ นลมหมดสติไป
หลังจากที่ปลดปล่อยอารมณ์ออกไปจนหมด อวี๋
ตงก็ร้ส
ู ึกอับอายดวงตาแดงก่ำราวกับกระต่ายขีอ
้ าย
“หน้าของคุณบวม!” สีหน้าของเซี่ยเฟิ ง
แสดงออกถึงความขบขันอย่างเห็นได้ชัด
“บวมแต่สวย!” เสียงของอวี๋ตงยังคงแหบพร่า
จากการร้องไห้
“ใช่ คุณสวยที่สุด” เซี่ยเฟิ งเอาใจขณะที่เขาจับ
มือของเธออีกครัง้ “กลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณ” อวี๋ตง
ดึงเซี่ยเฟิ งเอาไว้
“หืม?” เซี่ยฟิ งหยุดแล้วหันกลับไปหาอวี๋ตง
“คุณควรจะรู้ว่า ฉันก็ชอบคุณ!” อวี๋ตงเขิน แต่
เธอก็พูดต่อไป “ฉันชอบคุณเหมือนกัน ฉันแค่อยาก
จะบอกคุณ”
จากการกระทำที่ผ่านมาของอวี๋ตงเซี่ยเฟิ งก็รับรู้
อย่างชัดเจนแต่ประโยคที่พูดออกมาอย่างหนักแน่น
นัน
้ ก็ยังทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว
นี่ไม่ใช่ครัง้ แรกที่เซี่ยเฟิ งจูบอวี๋ตง แต่ในเวลานี ้
เขาปรารถนาที่จะทำแบบนีอ
้ ย่างที่ไม่เคยรู้สึกมา
ก่อน ราวกับว่าเขาสามารถสัมผัสถึงส่วนลึกที่สุด
ของอีกฝ่ ายได้ผ่านทางริมฝี ปากอ่อนนุ่มและเรียว
ลิน
้ ที่เกี่ยวกระหวัดกัน
ที่ถนนอันเงียบสงบ ต้นไม้ที่มีแต่กิ่งก้าน และแสง
ไฟสลัว จูบนีเ้ ป็ นสิ่งสุดท้ายที่สามารถมองเห็นได้ใน
คืนนี ้
การยอมรับความรักจากคนอื่นเป็ นเรื่องง่าย
เพราะความรู้สึกเป็ นของพวกเขา แต่ความรักของ
คุณนัน
้ ยากที่จะเข้าใจเนื่องจากคุณไม่ร้ว
ู ่าจริงๆแล้ว
คุณรู้สึกยังไง***
   *** [หมายถึง ความรู้สึกของคนอื่นนัน
้ ไม่ได้
ขึน
้ อยู่กับคุณ การจัดการความรู้สึกของตัวเองนัน

ยากกว่าเพราะคุณรู้ว่า คุณรักใครบางคนมากแค่
ไหน]
มนุษย์เป็ นสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายและซับซ้อนที่สุด
ในโลก พวกเขาสามารถประนีประนอมได้อย่าง
ง่ายดาย แต่ก็มีบางครัง้ ที่ด้ือรัน
้ มากเช่นกัน
แต่ไม่ว่าอะไร ฉันก็หวังว่าคุณจะได้รับหรือได้มี
ความสุขที่ทุกคนสมควรได้รับ!
ระหว่างทางกลับบ้านอวี๋ตงก็เผลอหลับไป บางที
อาจเป็ นเพราะเธอร้องไห้จนเหนื่อย เซี่ยเฟิ งมอง
ถนนด้านหน้า ความคิดของเขาวนเวียนอยู่กับภาพ
ที่อวี๋ตงร้องไห้ดูเหมือนว่าอวี๋ตงจะมีอดีตที่ไม่เหมาะ
สมกับวัยของเธอ น้ำตาของเธอไม่ได้มาจากความ
ยุ่งยากในชีวิตหรือความรัก แต่มันมาจาก
ประสบการณ์ชีวิตที่สั่งสมมานานหลายปี
‘ผมไม่ร้ว
ู ่าอะไรที่ทำร้ายคุณ แต่จากนีไ้ ปผมจะ
อยู่ตรงนีเ้ พื่อปกป้ องคุณ’
เซี่ยเฟิ งอุ้มอวี๋ตงออกจากรถอย่างนุ่มนวล
อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้อวี๋ตงซุกตัว
ไปในอ้อมแขนของเซี่ยเฟิ งอัตโนมัติ เขากอดเธอ
แน่นขึน
้ อีกเล็กน้อยขณะที่เดินเข้าไปในลิฟต์
เมื่อเขาเดินไปถึงหน้าประตูบ้าน เซี่ยเฟิ งก็พบว่า
เขาไม่สามารถเปิ ดประตูได้โดยที่มีอวี๋ตงอยู่ในอ้อม
แขน เขาไม่อยากวางเธอลงจึงได้แต่ปลุกเธอ
“อวี๋ตง” เซี่ยเฟิ งเรียกเบาๆ
“อืมมม…” สายตาของอวี๋ตงยังดูงัวเงียขณะที่
เธอถาม “พวกเราถึงบ้านแล้วเหรอ?”
“เรามาถึงแล้ว เกาะผมเอาไว้ผมต้องเปิ ดประตู”
เซี่ยเฟิ งบอก
อวี๋ตงคลำไปรอบๆก่อนจะหยิบกุญแจออกจากระ
เป๋าของเซี่ยเฟิ งแล้วบอกว่า “ฉันเปิ ดเอง!”
เซี่ยเฟิ งพาอวี๋ตงเข้าไปในห้องนอนของเธอโดย
สวัสดิภาพ
ในขณะที่เขาห่มผ้าให้เธอก็เห็นอวี๋ตงมองจ้องเขา
อยู่ เซี่ยเฟิ งยิม
้ แล้วพูดว่า “นอนได้แล้ว”
“เซี่ยเฟิ ง จู่ๆฉันก็ร้ส
ู ึกว่าฉันอยู่ในสถานที่ของฉัน
แล้ว” อวี๋ตงพูด
มือของเซี่ยเฟิ งที่จับผ้าห่มชะงักทันที หัวใจของ
เขาเจ็บปวด ‘คุณรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลาเลย
เหรอ’ ดูเหมือนว่าเขาจะยังพยายามไม่มากพอ
“งัน
้ นานแค่ไหนที่คุณรู้สึกว่าคุณเป็ นของที่
นี่?”เซี่ยเฟิ งหัวเราะเบาๆ
“อืม..ฉันว่ามันคงจะเป็ นจนกว่าเราจะแก่จนเดิน
ไม่ไหว” อวี๋ตงนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนตอบ
“ถ้าอย่างงัน
้ ผมเกรงว่าคงจะต้องให้คุณช่วยจูงผม
ไป” เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
“ใช่แล้ว คุณอายุมากกว่าฉันนี่!” อวี๋ตงหัวเราะ
ไปกับเขา
“ขอบคุณล่วงหน้า!”
หลังจากฟั งจบอวี๋ตงก็ยิม

“ราตรีสวัสดิ”์ เซี่ยเฟิ งก้มลงกดจูบบนหน้าผาก
ของอวี๋ตงแล้วยืดตัวขึน

‘ผมขอโทษที่ผมชักช้า แต่ตอนนีผ
้ มได้บอกคุณ
แล้ว : ผมชอบคุณ!’
.................... 
ตอนที่ 36 คุณคนแกร่งผู้อันตราย
ปี ใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว แม้ว่าสตูดิโอของเสี่ยวเยว่
จะยังใหม่ต่อโลกธุรกิจ แต่เธอก็ไม่อยากที่จะทำงาน
หนักจนเกินไปดังนัน
้ เธอจึงปิ ดแฟ้ มในมือลงตัง้ ใจ
ผลักทุกอย่างไปไว้ในปี หน้า
พวกเธอยุ่งกันมาครึ่งปี ทัง้ สามคนไม่ได้นั่งลงทาน
อาหารเย็นด้วยกันนานมากแล้ว ดังนัน
้ ในช่วงเที่ยง
ของวันนี ้ เสี่ยวเยว่จึงได้พาเพื่อนทัง้ สองคนมาที่ร้าน
อาหารชื่อดังในละแวกใกล้เคียง
“ทุกคนบอกว่าถ้าคนท้องชอบกินอาหารรสเผ็ด
จะได้ลูกเป็ นผู้หญิง” เสี่ยวเยว่กระทบกระเทียบ
“ตัง้ แต่ที่เรินซินซินท้องเธอก็กินแต่อาหารรสเผ็ดดู
เหมือนว่าจะเป็ นเด็กผู้หญิง”
“นั่นก็ไม่แน่ว่าจะเป็ นเรื่องจริง” สีหน้าของเริน
ซินซินเต็มไปด้วยความคาดหวังของคนเป็ นแม่ “ไม่
ว่าจะเป็ นเพศไหน เขาก็เป็ นลูกของฉัน”
“ผิดแล้ว เป็ นของพวกเราต่างหาก!” อวี๋ตงคีบ
ตะเกียบวางลงบนชามของเรินซินซินก่อนมองเธอ
แล้วพูดว่า “ฉันเห็นด้วยกับเสี่ยวเยว่”
“ใช่ ต้องเป็ นเด็กผู้หญิงแน่นอน” ความเห็นของ
เสี่ยวเยว่ถูกยืนยันจนแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี ้
“ยังไงก็ได้ แล้วแต่พวกเธอจะพูด” เรินซินซินไม่
โต้แย้ง
เสี่ยวเยว่ไม่คาดคัน
้ เรื่องนีอ
้ ีก ก่อนจะหันไปซุบซิ
บกับอวี๋ตงแทน “วันนีด
้ ูแจ่มใสจริง เกิดอะไรขึน
้ เห
รอ?”
ซินซินมองอวี๋ตงแล้วก็นึกได้ว่าอวี๋ตงอารมณ์ดี
มาก ตอนที่มาถึงสตูดิโอ เธอก็ยิม
้ ไม่หุบแล้วยัง
หัวเราะคิกคักอยู่ตลอด แสดงถึงความสุขของคนที่
สมหวังในความรักอย่างชัดเจน
“มีความคืบหน้ากับเซี่ยเฟิ งเหรอ?” เรินซินซิน
ถาม
อวี๋ตงวางตะเกียบลง กระแอมก่อนพูดว่า “พวก
เธอสองคนไม่อยากทานอาหารค่ำกับเซี่ยเฟิ งสักมื้อ
นึงเหรอ?”
เสี่ยวเยว่และเรินซินซินต่างมองหน้ากันแล้วก็
เห็นสัญญาณของความอยากซุบซิบนินทาจากอีก
ฝ่ าย
“โอ้ มีใครบางคนเคยบอกไว้ว่าอยากจะรอจน
รู้สึกมั่นใจก่อนใช่หรือเปล่านะ? ตอนนีเ้ ธอบรรลุเป้ า
หมายแล้วเหรอ?” เสี่ยวเยว่เลิกคิว้ ถาม
“ก็ปกติ!” อวี๋ตงบอก
“ไม่แปลกใจเลยที่วันนีเ้ ธอดูมีความสุข ดูเหมือน
ว่าเมื่อคืนนีเ้ ซี่ยเฟิ งจะดูแลเธอเป็ นอย่างดี” เสี่ยว
เยว่ล้อเลียน
อวี๋ตงตะลึงกับคำพูดของเธอแล้วหัวเราะออกมา
อย่างไม่อยากเชื่อ “ผู้หญิงน่าตายคนนี ้ คิดสกปรก
อะไรอยู่?”
“ฉันคิดสกปรกตรงไหน? เธอลองออกไปถามข้าง
นอกดูสิว่าคู่รักคู่ไหนบ้างที่ไม่ขับขี่? เมื่อคู่รักไม่ขับขี่
นั่นแหละถือเป็ นเรื่องสกปรก”*** เสี่ยวเยว่โต้
เรินซินซินพยักหน้าเห็นด้วยกับเสี่ยวเยว่แต่มุม
ปากของเธอกระตุก
***[ขับขี่ เป็ นคำสแลงสำหรับคนที่มี
ประสบการณ์ทางเพศไม่จำเป็ นต้องกลายเป็ นพวก
เพลย์บอยหรือเพลย์เกิร์ล]
“ลืมมันซะ!” อวี๋ตงหยิบตะเกียบขึน
้ มาโดยไม่
สนใจหัวข้อนีอ
้ ีก “ยังไงก็ตามมันก็ขึน
้ อยู่กับเวลา”
“เอ๊ะ…ฉันก็แค่ล้อเล่น” เสี่ยวเยว่ถาม “แต่เธอไล่
ตามเซี่ยเฟิ งมาตลอดตอนนีเ้ ธอวางแผนจะจับเขา
กินอยู่ใช่ไหม?”
อวี๋ตงเขี่ยอาหารในชามของตัวเองแล้วพูดอย่าง
ลังเล “ฉันยังไม่ได้คิดถึงมันอย่างจริงจังนัก”
“อย่าใช้ความคิดกับเรื่องแบบนี ้ เธอควรจะ
ปล่อยไปตามสถานการณ์” เสี่ยวเยว่พูดอย่างผู้รู้
“ถ้าผู้ชายชอบผู้หญิงคนนัน
้ จริงๆ เขาจะไม่สามารถ
ควบคุมตัวเองได้”
“ฉันเข้าใจแล้ว!” อวี๋ตงรู้สึกเหมือนว่าจะรู้ตัว
“ฉันก็แค่อ้าแขนออกเมื่อเขาวิ่งเข้าใส่”
“เพ้ย! ผู้หญิงคนนีอ
้ ยากจะเสียเงินแทนที่จะได้
เงิน!”*** เสี่ยวเยว่ถอนหายใจ
***[เมื่อคนที่ควรจะได้รับเงินแต่สุดท้ายกลับ
กลายเป็ นฝ่ ายเสียเงินแทน]
“เสียอะไร? คนที่ฉันชอบวิ่งเข้าหาฉันทำไมฉันจะ
ต้องหลบด้วยล่ะ? จะเกิดอะไรขึน
้ ถ้าหากเขาวิ่งไป
อยู่ในอ้อมแขนของคนอื่นแทน?” อวี๋ตงโต้
“….” เป็ นครัง้ แรกที่ทำให้คนที่มีลิน
้ คมกริบอย่าง
เสี่ยวเยว่ถึงกับพูดไม่ออก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…แค่ก…ฮี่ฮี่…” เรินซินซินหัวเราะ
อย่างหนัก “โชคดีที่เราจองห้องส่วนตัว ไม่อย่างนัน

คนที่ได้ยินพวกเธอคุยกันคงได้หัวเราะตายไปแล้ว”
อวี๋ตงกับเสี่ยวเยว่มองหน้ากัน แล้วก็ร้ส
ู ึกว่าการ
สนทนาของพวกเธอเริ่มไร้สาระ
“โดยเฉพาะอวี๋ตง เธอไม่ได้บอกว่าเธอต้องเข้า
ร่วมงานกาล่าในวันสิน
้ ปี เหรอเหรอ?” จู่ๆเรินซินซิ
นก็ถามขึน
้ มา
“ใช่ พวกเราจะซ้อมกันในวันมะรืนนี”
้ อวี๋ตง
ตอบ
“เธอร้องเพลงอะไร?” เสี่ยวเยว่อยากรู้
“ฉันยังไม่ได้คิดเลย ฉันจะลิสต์รายชื่อเพลงในคืน
นีแ
้ ล้วพรุ่งนีต
้ อนบ่ายค่อยตัดสินใจเลือก ฉันต้อง
ถามความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงานด้วย”
เนื่องจากร้านอาหารอยู่ใกล้ หญิงสาวทัง้  3 คน
จึงเดินเล่นช้าๆกลับไปยังสตูดิโอหลังจากทาน
อาหารเย็นเสร็จแล้ว ถนนดูมีชีวิตชีวาด้วยผู้คนที่
เดินกันขวักไขว่อยู่บนทางเท้า ขณะนัน
้ เองก็มีเด็กผู้
หญิงเดินถือตะกร้าดอกไม้สวนมา
อวี๋ตงเห็นเด็กหญิงตัวน้อย แล้วก็นึกถึงวันคริสต์
มาสอีฟที่เซี่ยเฟิ งซื้อดอกกุหลาบให้เธอ
กริ๊ง กริ๊ง
อวี๋ตงหยิบโทรศัพท์ขึน
้ มาดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็ น
เซี่ยเฟิ งเธอยิม
้ ก่อนกดรับสายทันที “คุณตื่นแล้ว?”
“ใช่ ผมกำลังไปที่โรงพยาบาล” เซี่ยเฟิ งตอบผ่าน
ชุดหูฟังบลูทูธของเขา “คุณกินข้าวหรือยัง?”
“เพิ่งกินไปกับซินซินแล้วก็เสี่ยวเยว่ แล้วคุณ
ล่ะ?”
“ผมก็กินแล้ว” เซี่ยเฟิ งตอบกลับทันที จากนัน

เขาก็ไม่ร้จ
ู ะพูดอะไรต่อจึงทำให้เกิดความเงียบขึน

ระหว่างทัง้ สองคนอย่างกระทันหัน
 “ผม…จริงๆแล้ว ก็ไม่มีอะไร ผมแค่อยากบอก
คุณ” …ผมก็แค่อยากได้ยินเสียงคุณ..
“โอ้…” อวี๋ตงได้ยินคำพูดที่เซี่ยเฟิ งไม่ได้พูดออก
มาแต่เก็บเอาไว้ในใจ “คุณโทรมาเพื่อที่จะฟั งเสียง
ของฉันงัน
้ เหรอ?”
“อื้อ” แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยืนอยู่ต่อหน้ากันแต่
เซี่ยเฟิ งก็ยังรู้สึกเขินนิดหน่อย
“เฮ้ เฮ้ …” เสียงหัวเราะของอวี๋ตงดังผ่านเข้าหู
เซี่ยเฟิ ง ‘ปล่อยให้เขาเขินต่อไปก็ได้ ตราบใดที่เธอมี
ความสุข’
“จริงสิ ฉันต้องเข้าร่วมงานกาล่าของสถานี
โทรทัศน์ในอีก 2 วัน ฉันต้องขึน
้ ไปร้องเพลงบนเวที
คุณมาดูได้ไหม?” อวี๋ตงถาม
“งานกาล่า ถ้างัน
้ ก็จัดตอนกลางคืนใช่หรือ
เปล่า?” เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้ “ผมมีคิวผ่าตัดเต็มตาราง
เลย ผมขอโทษ อวี๋ตง”
“ไม่เป็ นไร ฉันก็แค่ลองถามดู” อวี๋ตงถามอีก
คำถามนึง “ถ้างัน
้ คุณคิดว่าฉันร้องเพลงอะไรดี? ฉัน
ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย”
“คุณแน่ใจนะ?” เซี่ยเฟิ งลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อน
ถาม
“คุณต้องช่วยฉันเลือกเพลง” อวี๋ตงทำน้ำเสียง
กระเง้ากระงอดโดยไม่ร้ต
ู ัว
“งัน
้ …” เซี่ยเฟิ งมองไปยังซีดีแผ่นใหม่ที่วางอยู่
หน้ารถ ซึ่งเพิ่งถูกปล่อยออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว เขา
จำได้ว่ามีเพลงที่เนื้อร้องงดงามอยู่ “ถ้าเป็ นของเจย์
โชวล่ะ เพลง Blue and White Porcelain?”
“คุณชอบเพลงนีเ้ หรอ?” อวี๋ตงถาม
“ผมชอบ”
“งัน
้ ฉันจะร้องพลงนีใ้ ห้คุณ”
อวี๋ตงวางสายก่อนหันไปมองเสี่ยวเยว่กับซินซินที่
แกล้งทำท่าอาเจียนอยู่
“เธอก็ท้องเหรอ?” อวี๋ตงอดพูดประชดเสี่ยวเยว่
ไม่ได้
“เห็นชัดๆว่าเธอทำตัวน่าคลื่นไส้ ไม่ต้องมาทำ
เป็ นโจรร้องจับโจรเลย!”*** เสี่ยวเยว่พูดอย่างโมโห
***[โจรร้องจับโจร หมายถึง คนทำผิดแสร้ง
ทำตัวราวกับตกเป็ นเหยื่อ]
“ตงตง ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้คิดอะไรแต่เธอเป็ นคน
ประเภทที่ลืมเพื่อนเมื่อมีความรัก ฟั งคำแนะนำของ
พวกเรา โอเคไหม?” เรินซินซินอดพูดไม่ได้ “อย่า
ไปตามใจเซี่ยเฟิ งให้มากนัก”
“ซินซิน เธอไม่ได้ยินที่อวี๋ตงพูดเหรอ?” เสี่ยวเยว่
เลียนน้ำเสียงก่อนหน้านีข
้ องอวี๋ตง “คุณต้องรอฟั ง
นะ ภรรยาของคุณจะร้องเพลงให้คุณ”
ตอนนีเ้ องที่ทัง้  2 คนพากันหัวเราะอีกรอบ
อวี๋ตงกลอกตา เธอเถียงผู้หญิง 2 คนนีไ้ ม่ได้ ร้อง
รับกันราวกับคู่สามีภรรยา
….
00.30 น.
หลังจากโฆษณาก็เป็ นเวลาที่เปิ ดรับสายโทรศัพท์
อวี๋ตงเชื่อมต่อสายอย่างคล่องแคล่ว “สวัสดี นี่คือ อ
วี๋ต้ง”
“สวัสดี อวี๋ต้ง สวัสดี…ผม...ผมเห็นคุณ!” คุณคน
แกร่งคนนีด
้ ูแปลกๆ
“เราเคยเจอกันด้วยเหรอ?” อวี๋ตงถามด้วยความ
อยากรู้
“ก่อนหน้านี ้ ผมโบกมือให้คุณ 2 ครัง้ ที่ด้านนอก
สถานีวิทยุ ครัง้ แรกเห็นคุณตอนขึน
้ รถบัส ส่วนครัง้
ที่สอง ตอนที่คุณขับรถกลับบ้าน”
คิว้ ของอวี๋ตงเลิกสูงขึน
้ เธอรู้สึกเย็นวาบไปตามสัน
หลัง
[ปาดเหงื่อ พวกโรคจิต โทรแจ้งตำรวจ]
[อวี๋ต้ง เปิ ดสัญญาณเตือนภัย]
[โทรแจ้งตำรวจ]
พี่อวี๋ก็ร้ส
ู ึกกังวลเช่นกัน เขาเป็ นห่วงอวี๋ตงและ
กำลังจะถามเธอว่าควรต้องโทรหาตำรวจหรือเปล่า
อวี๋ตงลังเลแต่ในที่สุดก็ส่ายหน้า
“ดูเหมือนคุณจะค่อนข้างอันตรายนะ คุณคน
แกร่ง” อวี๋ตงหัวเราะ
“น้ำเสียงของคุณฟั งดูแปลกๆ คุณดัดเสียงให้ทุ้ม
ต่ำใช่หรือเปล่า?” คุณคนแกร่งยังกล้าที่จะตำหนิ
“เมื่อพูดถึงการก่ออาชญากรรม คุณจ้องจ่ายเงิน
เพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ของคุณ ไม่อย่างนัน
้ คุณจะถูก
จับได้ง่ายๆ” อวี๋ตงพูด น้ำเสียงจริงใจ “แค่อยากให้
คุณรู้ ฉันเคยชนะการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบ
ผสม”
“เฮ้... คุณเข้าใจผมผิดแล้ว ผมไม่ได้ตงั ้ ใจคุกคาม
คุณ โอเค?”
อวี๋ตงแปลกใจ “แล้วคุณตามฉันทำไม?”
“ผมแค่ผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้ตงั ้ ใจไปดักรอคุณ”
คุณคนแกร่งผู้อันตรายยังคงพูดต่อไป “สิ่งที่ผม
ต้องการก็คือ การแก้แค้นสังคม”
[OMG ดีเจ มีโรงเรียนอนุบาลอยู่ 3 แห่งใกล้ๆ
กับสถานีวิทยุ อย่าบอกฉันนะว่า…]
[โอหังเกินไปแล้ว เปิ ดสัญญาณเตือนภัย คนโง่เง่า
คนนีย
้ ังกล้าที่จะโทรไปรายการวิทยุเพื่อแจ้งเตือน
อีก]
…..
อวี๋ตงขมวดคิว้ มือของเธอจับไมโครโฟนแน่น
“ฉันขอถามได้ไหมว่า สังคมทำอะไรผิดต่อคุณถึง
ทำให้คุณอยากแก้แค้น?”
“นี่อาจจะเป็ นการสนทนาครัง้ สุดท้าย ดังนัน
้ ผม
จะบอกคุณ” คุณคนแกร่งเริ่มเล่าเรื่องราวของเขา
“ผมเป็ นเด็กที่มาจากหมู่บ้านยากจน แต่ผมมีผล
การเรียนที่ดีทางโรงเรียนจึงให้โอกาสได้รับการ
ศึกษาฟรีจากทางรัฐบาล ดังนัน
้ ผมจึงไม่ทำให้
ครอบครัวเดือดร้อน ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้
ตอนที่ผมยังเรียนมัธยม ทุนการศึกษาของผมก็ถูก
ยกเลิก”
“แต่ผมก็ไม่ท้อถอย ผมเข้าไปในเมืองเพื่อหางาน
ทำแต่พวกเขาดูถูกผมเพราะผมมาจากบ้านนอก
และพวกเขาไม่ชอบที่ผมการศึกษาต่ำ ผมจึงไม่
สามารถหางานดีๆทำได้ สุดท้ายก็จบลงโดยต้องไป
ทำงานก่อสร้าง ขนอิฐ ขนปูน หลังจากทำงานหนัก
มาหนึ่งปี เจ้านายของผมก็ขโมยเงินค่าจ้างแล้วหนี
ไป”
“ตอนนัน
้ ผมเหน็ดเหนื่อยกับชีวิตในเมืองเหลือ
เกินและอยากกลับบ้าน แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านคิด
ว่าผมเป็ นนักวิชาการที่ฉลาด ถ้าต้องกลับไปอาศัย
อยู่ที่หมู่บ้านพวกเขาคิดว่ามันน่าละอาย แม้ว่าพ่อ
กับแม่ของผมจะไม่ได้พูดอะไรแต่สีหน้าของพวกเขา
ก็บ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน ดังนัน
้ ผมจึง
ออกจากบ้านอีกครัง้ ย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
ส่งเงินที่หาได้ทงั ้ หมดไปให้ทางบ้านเพื่อที่พวกเขา
จะได้รักษาหน้าเอาไว้”
“ผมโดดเดี่ยวได้กินแค่หมั่นโถวทุกวัน นอนหลับ
ใต้สะพานลอยหรือไม่ก็ม้านั่งในสวนสาธารณะ ถ้าที่
นั่นไม่มีคนมาไล่ผมออกไป”
“แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ ผมทำงานหนักและ
พยายามหางานเป็ นพนักงานขาย แม้ว่าจะได้เงิน
เดือนขัน
้ ต่ำสุด แต่สำหรับ 5 ปี … 5 ปี หลังจากที่
ผมทำยอดขายได้มากมาย เจ้านายของผมปฏิเสธที่
จะให้ค่านายหน้ากับผม เมื่อผมทวงถามเขาก็แค่
บอกว่าผมควรจะรู้สึกสำนึกบุญคุณที่เขาให้งาน
ขอทานที่น่าสงสารอย่างผมทำ ไม่ละอายใจบ้าง
หรือที่มาขอเงินเพิ่มจากคนที่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้
ผมโกรธมากจนทำร้ายเจ้านายของผม สุดท้ายผมก็
ต้องติดคุกเป็ นเวลาหนึ่งปี ”
“เมื่อผมออกจากคุก ผมก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ผม
พยายามตัง้ แผงลอยขายของด้วยเงินที่เหลืออยู่ ผม
ทำงานตัง้ แต่เช้ายันดึก แต่สุดท้ายเทศกิจก็บังคับให้
ผมปิ ดแผงโดยบอกว่า ผมทำให้ทัศนียภาพดูทรุด
โทรม…ฮ่าฮ่า มันเป็ นเพราะสังคมไม่อยากให้ผมมี
ชีวิตอยู่ใช่ไหม?” คุณคนแกร่งพูดอย่างโกรธแค้น
“ถ้าอย่างนัน
้ ผมก็จะไม่อยู่!”
หลังจากฟั งเรื่องราวของเขาแล้ว อวี๋ตงก็หดหู่
และคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “คุณชอบฟั ง
รายการของฉันใช่ไหม?”
“ใช่” คุณคนแกร่งตอบ
“คุณชอบอะไรเกี่ยวกับรายการของฉัน?”
“ผมชอบฟั งเสียงของคุณ ไม่เคยมีใครพูดกับผม
อย่างอ่อนโยนมาก่อน” คุณคนแกร่งตอบ
“คุณมีดอกไม้ที่ชอบหรือเปล่า?”
“นั่น….” คุณคนแกร่งตอบ “ผมชอบดอกไม้ป่าที่
ขึน
้ อยู่บนเนินเขาที่หน้าบ้านของผม พวกมันเติบโต
อยู่เต็มภูเขาในฤดูใบไม้ผลิแล้วก็มีผีเสื้ออยู่
มากมาย”
“คุณคิดถึงบ้านของคุณหรือเปล่า?” อวี๋ตงถาม
“….” ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆก็ได้ยินน้ำ
เสียงราวกับสำลักเนื่องจากความพลุ่งพล่านใน
อารมณ์ “ผมคิดถึงบ้านทุกวัน”
“คุณมาฟั งฉันร้องเพลง ฉันจะส่งตั๋วงานกาล่าใน
คืนนิวเยียร์อีฟไปให้ถือว่าเป็ นของขวัญ เพื่อ
เป็ นการขอบคุณที่คุณชอบรายการของฉัน” อวี๋ตง
พูด “ตอนฉันเลิกงานคืนนี ้ ฉันจะเอาตั๋วไปวางไว้บน
ม้านั่งในสวนทางด้านซ้ายของอาคาร”
“….” เงียบไปนาน
“ในวันนัน
้ ฉันจะขึน
้ ไปร้องเพลงบนเวที ถ้าไม่
อยากไปร่วมงาน ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ได้โปรดนำ
เอาของขวัญของฉันไปด้วย ตกลงไหม?”
ตู๊ด ตู๊ด…
มือของอวี๋ตงที่กำโทรศัพท์แน่นเริ่มคลายลง ใน
ที่สุดเธอก็กลับไปที่ไมโครโฟนแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ทุก
คนที่ได้รับเกียรติแต่เราควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่าง
กล้าหาญ”
เมื่อเธอเลิกงาน พี่อวี๋พยายามห้ามอวี๋ตงไม่ให้ไป
วางตั๋วที่ม้านั่งแต่ก็ไร้ประโยชน์ ในที่สุดเขาก็ตาม
เธอออกไปเดินเป็ นเพื่อนเธอ แต่เมื่อพวกเขาเดิน
ออกจากอาคารทัง้ สองคนก็เห็นเซี่ยเฟิ ง
“คุณ…” อวี๋ตงแปลกใจ
เซี่ยเฟิ งยิม
้ จับมือของเธอจากนัน
้ ก็กล่าวขอบคุณ
พี่อวี๋ที่เดินออกมาเป็ นเพื่อนอวี๋ตง เขาหันไปทางอวี๋
ตงแล้วพูดว่า “ผมไปเป็ นเพื่อนคุณเอง”
‘ผมจะไม่ห้ามคุณจากสิ่งที่คุณต้องการทำแต่ผม
จะไปกับคุณ เมื่อใดก็ตามที่มีอันตราย’
“ฉันไม่ร้ว
ู ่าเขาจะมาหรือเปล่า ฉันก็แค่อยาก
ทำให้สิ่งที่ฉันพอจะทำได้” อวี๋ตงอธิบายให้เซี่ยเฟิ ง
ฟั ง
ทัง้  2 คนวางซองจดหมายไว้บนม้านั่งแล้ววางหิน
ทับด้านบนอีกที หลังจากนัน
้ พวกเขาก็หันหลังเดิน
กลับออกมา
เซี่ยเฟิ งพาอวี๋ตงไปส่งที่รถของเธอ เมื่อเห็นว่าเธอ
ขับรถออกไปแล้วเขาก็กลับไปที่โรงพยาบาล
คืนนัน
้ เงียบสงบหลังจากที่ร้ส
ู ึกราวกับผ่านไปนับ
ศตวรรษ ในที่สุดซองจดหมายบนม้านั่งก็ถูกหยิบขึน

มาโดยมือขาวซีด
มีข้อความเขียนอยู่บนซองจดหมายสีขาว
สำหรับ คุณคนแกร่ง – อวี๋ต้ง วัน
ที่ 22 มกราคม 2008***
***[วันปี ใหม่ของจีนหมายถึงช่วงตรุษจีน]
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงบนซองจดหมายสีขาว
บริสุทธิ ์
…................... 
ตอนที่ 37 สุนัขของเสี่ยวเยว่
ในวันส่งท้ายปี เก่า สถานีโทรทัศน์เช่าฮอลล์ขนาด
ใหญ่เพื่อการงานกาล่า
หลังจากที่เตรียมตัวพร้อมแล้ว อวี๋ตงก็มาถึงหลัง
เวทีก่อนเวลาเริ่มงานครึ่งชั่วโมง ผู้คนคึกคักในชุด
เสื้อผ้าสีสันสดใสแต่น่าเสียดายที่ไม่มีชุดของใครที่
จะมาเทียบกับชุดราตรีปักเลื่อมของอวี๋ตงได้เลย
อวี๋ตงไม่ใช่คนมีช่ อ
ื เสียง เธอจึงไม่มีห้องพัก
รับรองส่วนตัว สุดท้ายก็พบมุมเล็กๆมุมหนึ่ง เธอจึง
นั่งลงเล่นโทรศัพท์
อนิจจา โทรศัพท์ในตอนนีไ้ ม่มีฟังก์ชั่นให้เล่นมาก
นัก…
“ตงตง ….” เซียงเสี่ยวเยว่มองหาอวี๋ตงมาพัก
หนึ่งแล้วก่อนที่จะเจอเธอนั่งหลบอยู่ตรงมุมห้อง
“เสี่ยวเยว่? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” อวี๋ตงส่ง
ตั๋วให้เสี่ยวเยว่กับเรินซินซิน แต่ซินซินท้องโตเกิน
กว่าจะมาสถานที่ที่วุ่นวายแบบนี ้ สุดท้ายเสี่ยวเยว่ก็
เลยมาคนเดียว
“มีคนรู้จักปล่อยให้ฉันเข้ามา” เสี่ยวเยว่ยิม
้ แล้วชี ้
ไปทางด้านหลังของเธอ
อวี๋ตงชะเง้อมองก็เห็นว่าเป็ นเหลยเจิน
้ เพื่อนร่วม
ชัน
้ ในมหาวิทยาลัยฟางฮวา เนื่องจากอวี๋ตงไม่ได้
เจอเหลยเจิน
้ มา 10 ปี แล้ว เธอจึงจำเขาไม่ได้และ
เธอเคยเจอหน้าเขาแค่ไม่กี่ครัง้ หลังจากที่เธอย้อน
อดีตกลับมา อวี๋ตงจำไม่ได้แม้แต่ช่ อ
ื ของเขาด้วยซ้ำ
แต่หลังจากมาซ้อมการแสดงเมื่อวานนี ้ อวี๋ตงก็เริ่ม
สนิทสนมกับเขาขึน
้ มานิดหน่อย
“คุณไม่ได้ขึน
้ แสดงจนกว่าจะถึงเวลา 21.30 น.”
ในฐานะพิธีกรงานกาล่า เหลยเจิน
้ จึงรู้กำหนดเวลา
การแสดง เขาจึงเสนอขึน
้ มาว่า “คุณยังต้องรออีก
ตัง้  2 ชั่วโมง ทำไมคุณไม่ไปนั่งรอในห้องรับรองของ
พวกเราก่อนล่ะ ที่นั่นมีคนอยู่แค่ 2-3 คนเอง”
“ฉันจะไม่สร้างปั ญหาให้คุณใช่ไหม?” อวี๋ตงลังเล
“ไม่เลย พวกเราเป็ นเพื่อนร่วมชัน
้ กันแล้วคุณก็
เคยเจอกับพี่อันน่าแล้ว” เหลยเจิน
้ ยิม

“เราควรจะไปนะ ดูทุกคนยุ่งกันมาก เธอจะไป
เกะกะคนอื่น” เสี่ยวเยว่แนะ
ดังนัน
้ อวี๋ตงและเสี่ยวเยว่จึงตามเหลยเจิน
้ ไปยัง
ห้องพักรับรองของพิธีกร หลี่อันน่ากำลังอ่านการ์ด
โทรศัพท์ของเธออยู่ เมื่อเห็นกลุ่มคนที่เข้ามา เธอก็
ยิม
้ แล้วพูดทักทายพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเหลยเจิน
้ ได้
บอกกับเธอเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
อวี๋ตงขอบคุณเหลยเจิน
้ แล้วนั่งลงกับเสี่ยวเยว่
ไม่ช้าทีมงานคนหนึ่งก็เข้ามาบอกหลี่อันน่ากับ
เหลยเจิน
้ ว่าผู้กำกับกำลังตามหาพวกเขาอยู่ ทัง้ คู่จึง
ออกไปจากห้องพักรับรอง
ในที่สุดก็เหลือแค่เสี่ยวเยว่และอวี๋ตงซึ่งก็ดูคึกคัก
ขึน
้ มาทันที
“ชุดดูดีออก แล้วก็ไม่ได้มากเกินไปอย่างที่เธอ
บอก” เสี่ยวเยว่มองชุดของอวี๋ตงแล้วออกความเห็น
“แต่เธอไม่คิดว่ามันดูอลังการเกินไปสำหรับคน
โนเนมที่มาร่วมงานกับพวกซูเปอร์สตาร์เหรอ?” อวี๋
ตงชีท
้ ี่ตัวเอง
“โอ้ ก็จริงที่ชุดของเธอดูเด่นสะดุดตาว่าชุดที่หลี่
อันน่าใส่” เสี่ยวเยว่ยิม
้ “แต่เธอจะดูยอดเยี่ยมมาก
บนเวทีท่ามกลางแสงไฟ ต้องน่าทึ่งมากแน่นอน!”
“เธอไม่ต้องไปหาที่นั่งของเธอเหรอ?” อวี๋ตงจำ
ได้ว่าคนดูต้องเข้าไปนั่งในฮอลล์ก่อน
“ไม่เป็ นไร ฉันมาให้กำลังใจเธอก่อน” เสี่ยวเยว่
เปิ ดกระเป๋าแล้วหยิบกล้องถ่ายรูปเล็กๆออกมาโชว์
ให้อวี๋ตงดูราวกับว่ามันเป็ นขุมทรัพย์ “ฉันจะถ่ายรูป
ให้เยอะๆเลย”
อวี๋ตงไม่ได้มองกล้องแต่สายตาของเธอจับจ้องไป
ที่กระเป๋าของเสี่ยวเยว่
มันเป็ นกระเป๋าผู้หญิงใบเล็กๆ มีรูปทรงเหมือน
กับกรวยแหลม มันส่องประกายท่ามกลางแสงไฟ
ถ้าคนอื่นเห็นก็ต้องรู้สึกขนลุกแน่นอน
“นั่นกระเป๋าหรืออาวุธสังหาร?” อวี๋ตงอดพูดไม่
ได้
“นี่…” เสี่ยวเยว่เหลือบมองไปที่กระเป๋าของตัว
เองแล้วยกมันขึน
้ โชว์อย่างภาคภูมิใจ “มันเป็ นกระ
เป๋าที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี ้ ฉันสั่งมา
จากอเมริกาโดยเฉพาะเลยนะ มันไม่เท่เหรอ? ฉัน
ยังสามารถใช้มันเป็ นอาวุธได้ตอนที่ฉันต้องการ
ด้วย”
“ก็ถูก!” อวี๋ตงมุมปากกระตุก
ทันใดนัน
้ เสียงโทรศัพท์ของอวี๋ตงก็ดังขึน
้ เธอ
หยิบโทรศัพท์ขึน
้ มาดูก็เห็นว่าเป็ นเซี่ยเฟิ งที่ส่ง
ข้อความมา
[ผมจะดูการแสดงของคุณจากที่นี่]
คราวนีอ
้ วี๋ตงอดยิม
้ หวานออกมาไม่ได้
“เซี่ยเฟิ งส่งข้อความมาเหรอ?” เสี่ยวเยว่เห็น
รอยยิม
้ หวานของอวี๋ตงก็พอจะเดาออก
“ใช่!” อวี๋ตงพยักหน้า
“ฉันอิจฉาจริงๆ” เสี่ยวเยว่เบ้ปาก “ฉันรอมา
นานแล้ว สุนัขของฉันอยู่ที่ไหน?”
“สุนัข?” อวี๋ตงมองเสี่ยวเยว่
“สุนัขเพียงตัวเดียวของฉัน” คำอธิบายของเสี่ยว
เยว่ทำให้อวี๋ตงหัวเราะ
“ตอนนีม
้ ีผู้ชายหลายคนที่กำลังไล่ตามเธออยู่
ไม่ใช่เหรอ?” ใน 3 สาว เสี่ยวเยว่เป็ นคนที่มีช่วง
เวลาแห่งความรักมากที่สุด
เสี่ยวเยว่หยิบหมอนอิงขึน
้ มากอด เธอพูดว่
า “ผู้ชายทุกคนที่ฉันเล่าให้เธอฟั งคบเป็ นเพื่อนจะดี
กว่าเอามาเป็ นแฟน เมื่อไหร่ที่ฉันจะเจอคนที่ทำให้
ฉันตกหลุมรักได้?”
อวี๋ตงนึกถึงฉินเยว่ เธอเงยหน้าขึน
้ และบอกกับ
เสี่ยวเยว่ว่า “บางทีคนๆนัน
้ อาจจะเข้ามาในชีวิต
ของเธอแล้ว แต่เธอยังไม่ได้ตกลุมรักเขาก็แค่นัน

เอง”
“จะเป็ นไปได้ยังไง ถ้าฉันจะชอบใครสักคน ฉันก็
จะรู้สึกชอบเขาทันที” เสี่ยวเยว่คิดถึงผูช
้ ายโสดทุก
คนที่เธอรู้จัก หลังจากนัน
้ ก็ส่ายหน้า
“ถ้าหากเขาเป็ นคนที่โชคชะตากำหนด ถึงแม้ว่า
เขาจะไม่ตรงตามมาตรฐานของเธอ เธอก็หนีไม่พ้น
หรอก” อวี๋ตงบอกอย่างมีความหมาย
ทัง้ คู่นั่งอยู่ในห้องพักรับรอง พูดคุยกันจนกระทั่ง
ทีมงานมาบอกให้อวี๋ตงเตรียมขึน
้ เวที เสี่ยวเยว่จึง
เดินออกไปหาที่นั่งของตัวเอง
…..
คืนนัน
้ ที่โรงพยาบาลเมือง ทีวีทุกเครื่องได้เปิ ด
รายการ นิวเยียร์อีฟกาล่า หัวหน้าพยาบาลหลิวดู
ทีวีแล้วดูตารางการแสดง ก็เห็นว่าอวี๋ตงกำลังจะขึน

แสดงบนเวทีเร็วๆนีแ
้ ล้ว หัวหน้าพยาบาลรีบออกไป
โทรศัพท์ทันที
ในห้องทำงานแผนกศัลยกรรมโรคมะเร็ง
“คุณหมอเซี่ยอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?” พยาบาลหลิว
ถาม
“เซี่ยเฟิ งกำลังจะออกไปตรวจคนไข้ในวอร์ด”
เป็ นเฉียวหมิงที่รับโทรศัพท์
“เข้าใจแล้ว” หัวหน้าพยาบาลหลิววางสายแล้ว
เดินไปตามอาคารผู้ป่วยใน เมื่อเธอเห็นเซี่ยเฟิ งเดิน
ออกมาจากห้อง เธอจึงรีบตะโกนเรียกเขา
“คุณหมอเซี่ย อวี๋ตงกำลังจะขึน
้ แสดงแล้ว”
เซี่ยเฟิ งพยายามหลบเลี่ยงพยาบาลหลิวมาทัง้ คืน
แต่ในที่สุดเขาก็ขอบคุณเธอแล้วเดินกลับไปที่
เคาน์เตอร์พยาบาลพร้อมกับเธอ
…..
“เพื่อนๆ ต่อไปจะเป็ นดีเจวิทยุ อวี๋ต้ง เธอจะขึน

มาร้องเพลง ‘Blue and White Porcelain’ ขอให้
ทุกคนปรบมือต้อนรับเธอด้วย”
ในขณะที่เสียงของหลี่อันน่าถูกกลบด้วยเสียง
ปรบมือ อวี๋ตงในชุดราตรีหางปลาปั กเลื่อมก็เดินมา
อยู่ใต้แสงไฟหลากสีสัน
“อ๊า… เธอคืออวี๋ตงแสนสวย!” เดิมทีเสี่ยวเยว่นั่ง
อยู่เงียบๆ แต่เมื่อเห็นอวี๋ตงเดินเข้ามา เธอก็
กระโดดจากที่นั่งพร้อมกับกรีดร้องจนทำให้คนที่อยู่
รอบๆตัวเธอพากันตกใจ
ที่เคาน์เตอร์พยาบาล เซี่ยเฟิ งมองดูด้วยความ
เซอร์ไพรส์
เมื่อดนตรีเริ่ม เสียงนุ่มนวลและบริสุทธิข์ องอวี๋ตง
ก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ และพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของ
เซี่ยฟิ ง
“ฝี แปรงลากไปตามแบบร่างอันงดงาม ตวัดวาด
เป็ นจังหวะอันแผ่วเบา
ดอกโบตั๋นบนขวดช่างงดงามเช่นเดียวกับคุณ
กลิ่นควันธูปนำพาความร้อนใจของคุณมาสู่หัวใจ
ฉัน
ฉันหยุดชั่วขณะหลังจากลงสีไปได้เพียงครึ่งเดียว
ภาพร่างของสตรีซ่อนเสน่ห์ของเธอเอาไว้
รอยยิม
้ ของคุณสำหรับผมแล้วราวกับดอกไม้ที่
กำลังผลิบาน
แต่ความงามของคุณจะจางหายเหมือนกับหมอก
ควัน
ลับเลือนไปยังสถานที่ซึ่งฉันไม่สามารถไปถึงได้
สีฟ้าสดใสกำลังรอคอยฤดูอันเหมาะสม เหมือน
ดั่งที่ฉันกำลังรอคอยคุณ”
….
เสียงร้องเพลงโคฟเวอร์ ‘Blue and White
Porcelain’ เวอร์ชั่นผู้หญิงยังไม่ได้ถูกทำออกมา
ดังนัน
้ เพลงที่อวี๋ตงร้องจึงให้บรรยากาศที่แตกต่าง
และส่งผลกระทบต่อหัวใจของทุกคนที่ได้ฟัง
เซี่ยเฟิ งดูอวี๋ตงอย่างตัง้ ใจ หน้าจอทีวีโชว์ให้เห็น
หญิงสาวแสนสวยบนเวที เธอเป็ นเหมือนเครื่องลาย
ครามสีน้ำเงินและสีขาวที่ถูกส่งมอบลงมารุ่นสู่ร่น

ในตอนท้ายการแสดงของอวี๋ตง ทัง้ ฮอลล์ที่อยู่ใน
ความเงียบสงัดก่อนหน้านีก
้ ็ดังสนั่นขึน
้ ด้วยเสียง
ปรบมือ เสี่ยวเยว่กระโดดตัวลอยด้วยความตื่นเต้น
กระเป๋าของเธอกระเด้งกระดอนไปมาตามแรง
กระโดดจนมันไปกระแทกเข้ากับศีรษะของคนที่นั่ง
เก้าอีด
้ ้านหน้าเธอ
ฉินเยว่เดิมทีกำลังจดจ่อและเพลิดเพลินอยู่กับ
การแสดง หลังจากที่เขาปรบมือให้ด้วยความเป็ น
สุภาพบุรุษ ในขณะนัน
้ เองเขาก็โดนกระแทกเข้าที่
หน้าผากจนเกิดเป็ นรอยถลอก
จากปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติเขาก็คว้าอาวุธที่
ทำร้ายเขาในทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็ นดำ
คล้ำ
ตอนนัน
้ เองที่เสี่ยวเยว่ส่งเสียงเชียร์เสร็จและ
วางแผนที่จะขึน
้ ไปบนเวที ขณะที่เธอขยับตัวจะเดิน
ออกไป เธอก็ร้ส
ู ึกถึงแรงดึงจึงหันกลับมามองแล้วก็
เห็นถึงสาเหตุ…
ซวยแล้ว!
ชายหนุ่มรูปงามที่หน้าผากมีเลือดไหลกำลังดึง
กระเป๋าของเธออยู่ด้วยสีหน้าบูดบึง้
“ฉัน…ฉัน...” เสี่ยวเยว่ยังไม่ค่อยเข้าใจ
สถานการณ์ดีนักแต่เธอก็ยังรู้สึกผิด “คุณสบายดี
ไหม?”
“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?” ฉินเยว่เห็นว่าผู้หญิงคนนี ้
สำนึกผิด แต่ใครจะยังอารมณ์ดีได้หลังจากที่ได้รับ
บาดเจ็บโดยไม่มีเหตุผล
“โอ้…ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตงั ้ ใจ ทำไมไม่ให้ฉันขับ
รถพาคุณไปตรวจดูที่โรงพยาบาลล่ะ?” เสี่ยวเยว่รีบ
ขอโทษขอโพย
ฉินเยว่เห็นว่าผู้หญิงคนนีย
้ ังมีสามัญสำนัก เขาก็
เลยคิดเสียว่าตัวเองโชคร้ายเอง เขาเดินตามเสี่ยว
เยว่ ออกจากฮอลล์ไปที่รถของเธอ เพื่อที่เธอจะได้
พาเขาไปโรงพยาบาล
ในขณะที่ขับรถ เสี่ยวเยว่โทรหาอวี๋ตง “อวี๋ตง
ฉันต้องออกมาก่อน…ไม่มีอะไร…ฉันแค่มีเรื่องบาง
อย่าง..ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“อวี๋ตง?” ฉินเยว่ใช้ทิชชู่กดบาดแผลของเขาเอา
ไว้ ขณะที่นึกบางอย่างขึน
้ มาได้ พลางมองพิจารณา
หญิงสาวที่กำลังขับรถอยู่ เขาก็จำได้ว่านี่คือหนึ่งใน
สองสาวที่เคยหลอกเขาตอนอยู่ที่ตึกลู่กรุ๊ป
ฉินเยว่ไม่คิดว่าเขาจะได้เจอกับพวกเธออีก ช่าง
บังเอิญจริงๆ
แม้ว่าแผลของเขาเลือดยังไหลอยู่ แต่บาดแผลก็
ไม่ได้ลึกมากนักไม่ได้ร้ายแรงอะไร เมื่อมาถึงที่โรง
พยาบาล พยาบาลก็แค่ทำแผลให้อย่างเดียว
“ฉันขอโทษจริงๆ นี่คือนามบัตรของฉัน หากมี
อาการแทรกซ้อนโปรดโทรหาฉันได้โดยตรง ฉันจะ
รับผิดชอบเอง” เสี่ยวเยว่ให้นามบัตรของเธอไป
“เซียงเสี่ยวเยว่?” ฉินเยว่มองนามบัตร” สตูดิโอ
พากย์เสียงเสี่ยวเยว่ ผู้จัดการทั่วไป ถ้างัน
้ คุณก็ไม่ได้
เป็ นพนักงานของฉิงเฟิ งอาร์คิเทคเจอร์”
“เอ๊ะ?” ฉิงเฟิ งอาร์คเิ ทคเจอร์ ฟั งดูคุ้นๆ เสี่ยว
เยว่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนมองหน้าชายคนนัน
้ อย่าง
ระมัดระวัง ทันใดนัน
้ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างเมื่อ
จำได้
“คุณจำได้แล้ว?” ฉินเยว่เลิกคิว้ ถาม
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...คุณชื่ออะไรนะ?” แม้ว่าเธอจะถูกตี
จนตายแต่เธอก็ไม่ยอมรับซะอยาง ยังไงก็ตามเป็ นอ
วี๋ตงที่ก่อเรื่องไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย
“คุณลืมไปแล้วก็ไม่เป็ นไร มันไม่สำคัญ ผมจะคุย
กับคุณทีหลัง” ฉินเยว่โบกนามบัตรในมือไปมา
เสี่ยวเยว่อยากจะตบหน้าตัวเองเหลือเกิน
“ได้โปรด ไปส่งผมด้วย” ฉินเยว่ดูนาฬิกาตอนนี ้
เป็ นเวลา 22.30 น. แล้ว
“ได้”
เสี่ยวเยว่พาฉินเยว่ไปส่งที่อินเตอร์เนชั่นแนลโฮ
เทลซึ่งอยู่ใจกลางเมือง ขณะที่พวกเขาลงจากรถเธอ
ก็หยิบกล่องเค้กวอลนัทส่งให้ฉินเยว่
ฉินเยว่มองกล่องอย่างงุนงง
“ฉันไม่ได้ตงั ้ ใจทำร้ายคุณจริงๆ สิ่งนีแ
้ ทนคำขอ
โทษจากฉัน เป็ นผู้ใหญ่ก็ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย”
เสี่ยวเยว่แค่ต้องการให้ทุกอย่างจบลงอย่างราบรื่น
“ซูจี?” ฉินเยว่มองกล่องของขวัญในมือด้วย
ความแปลกใจ
“คุณรู้จักยี่ห้อนีด
้ ้วยเหรอ? นี่คือกล่องของขวัญ
โบราณจากซูโจว พวกเขาทำเค้กวอลนัทมาหลาย
ร้อยปี แล้ว” เสี่ยวเยว่พูดอย่างภาคภูมิใจ “กล่องนี ้
คุณยายซูเจ้าของที่เกษียณแล้วของซูจี มอบให้ฉัน
หาซื้อที่ไหนไม่ได้นะ”
“โอ้ คุณทำหน้าภูมิใจมาก” ฉินเยว่พูด
“แน่นอน ครอบครัวของพวกเราเป็ นเพื่อนบ้าน
กัน คุณยายซูเห็นฉันมาตัง้ แต่ยังเด็ก” เสี่ยวเยว่ยิม

เมื่อมองไปยังหญิงสาวสวย รูปร่างสูงสง่าและมี
เสน่ห์ตรงหน้า ฉินเยว่ก็อดหัวเราะไม่ได้
“คุณหัวเราะอะไร?” เสี่ยวเยว่ร้ว
ู ่าฉินเยว่กำลัง
หัวเราะขำเธออยู่
“นี่ผมเอง สาวน้อยตัวอ้วน” ฉินเยว่ยกกล่องเค้ก
วอลนัทในมือขึน
้ แล้วพูดว่า “พีช
่ ายสุดหล่อเพื่อน
บ้านของคุณ”
นรกสิ!!
“คุณคือหลานชายของคุณยายซู!”
เสี่ยวเยว่อยากจะมุดลงดิน ให้ตายเถอะ! นั่น
เป็ นการสารภาพรักที่ล้มเหลวเพียงครัง้ เดียวในชีวิต
ของเธอ เธอสารภาพรักตอนอายุ 5 ขวบ กับพีช
่ าย
ผู้หล่อเหลาข้างบ้าน
……............ 
ตอนที่ 38 ของขวัญพิเศษ
ทุกครัง้ ที่เสี่ยวเยว่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึน
้ เมื่อ
คืน เธอก็จะโมโหพริบตาเดียวเธอก็หักดินสอที่ถือ
อยู่ในมือเป็ นสองท่อนด้วยความโกรธจากนัน
้ ก็โยน
ชิน
้ ส่วนลงถังขยะ
สคริปต์ที่ถืออยู่ในมืออีกข้างก็ยับยู่ยี่ก่อนจะถูก
ฉีกออกเป็ นชิน
้ เล็กชิน
้ น้อย
อวี๋ตงหยิบแก้วกาแฟของตัวเองก่อนจะเดินไปหา
เรินซินซินแล้วกระซิบถาม “เค้าเป็ นอะไรไปน่ะ?”
“ฉันก็ไม่รู้ เสี่ยวเยว่เป็ นแบบนีม
้ าตลอดทัง้ เช้า
แล้ว ฉันก็อยากจะถามอยู่เหมือนกัน เสี่ยวเยว่ไปดู
การแสดงของเธอเมื่อคืนไม่ใช่เหรอ?” เรินซินซิน
ถาม
“ฉันกำลังจะออกไปหาเธอหลังจากจบการแสดง
แต่เธอก็โทรมาบอกก่อนว่ามีเรื่องที่ต้องไปทำจึง
ออกไปก่อน” อวี๋ตงกับเรินซินซินมองหน้ากันด้วย
ท่าทีอยากรู้อยากเห็นและเห็นความกระหายที่จะ
ซุบซิบนินทาในดวงตาของอีกฝ่ าย
อวี๋ตงเดินโฉบกลับไปแล้วเคาะนิว้ ลงบนโต๊ะของ
เสี่ยวเยว่
“อะไร?” เสี่ยวเยว่เงยหน้าขึน
้ มองอวี๋ตง
“ถ้าบีบอีกหน่อย ฉันคิดว่าเธอคงจะได้หักดินสอ
ทัง้ หมดที่อยู่ในกล่องแล้วล่ะ” อวี๋ตงชีไ้ ปที่ถังขยะ
เสี่ยวเยว่มองลงไปก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเศษซาก
ดินสอที่หักเป็ นท่อนๆอยู่หลายแท่งในถังขยะ ใน
ที่สุดเธอก็วางกระดาษในมือลงด้วยความหดหู่ เธอ
ต้องหยุดพัก
“เมื่อคืนนีเ้ กิดอะไรขึน
้ ?” อวี๋ตงถาม
เสี่ยวเยว่เรียกวิญญาณกลับเข้าร่างขณะมองไปที่
อวี๋ตง เธอคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะบอกว่า “ไม่มีอะไร
ฉันก็แค่เจอเพื่อนเก่า”
ประวัติอันดำมืดของเธอตอนที่ยังเป็ นเด็กอ้วนจะ
ต้องไม่ถูกเปิ ดเผยออกมาเด็ดขาด
“แล้วกระเป๋าสังหารของเธอล่ะ ทำไมวันนีไ้ ม่เห็น
ถือมาด้วย?” เสี่ยวเยว่ดูภูมิใจกับกระเป๋าใบนัน
้ มาก
ตอนที่เธอโชว์ให้อวี๋ตงดู เธอควรจะใช้มันไปอีก
หลายอาทิตย์ไม่ใช่แค่คืนเดียว
“โอ้ กระเป๋าใบนัน
้ น่ะเหรอ? ฉันคิดว่าเธอพูดถูก
มันค่อนข้างอันตรายแล้วฉันก็อยู่ใกล้กับคนท้อง ฉัน
ต้องระมัดระวัง” เสี่ยวเยว่อธิบาย
อวี๋ตงมองเธออย่างสงสัยจากนัน
้ ก็มองกลับไปที่
เรินซินซิน เรินซินซินยักไหล่อย่างไม่เชื่อคำตอบของ
เสี่ยวเยว่
กริ๊ง…
เสี่ยวเยว่หยิบโทรศัพท์ของเธอขึน
้ มา เมื่อเห็น
หน้าจอเธอก็ทำหน้าบึง้ แล้วรีบลุกออกไปจากห้อง
“มีกลิ่นแปลกๆ” อวี๋ตงย้ำ
“มีกลิ่นแปลกๆมาก!” เรินซินซินพยักหน้าเห็น
ด้วย
ขณะเดียวกันที่เสี่ยวเยว่เข้าไปในห้องพากย์เสียง
ที่ไม่ได้ใช้งาน ก่อนจะกดรับสายอย่างเลี่ยงไม่ได้
“คุณโทรมาหาฉันมีอะไร?”
“คุณดูไม่ค่อยจะยินดีนักที่ผมโทรมา” ฉินเยว่
ขมวดคิว้ ขณะที่นั่งลงบนโซฟาอย่างสบายใจ
“ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา!” เสี่ยวเยว่พูด
อย่างหัวเสีย เมื่อนึกถึงอดีตอันดำมืดของเธอสีหน้า
ก็เปลี่ยนเป็ นพิลึกพิลั่น
“ไม่มีอะไร ผมแค่อยู่ในเซี่ยงไฮ้แล้วผมก็ยังไม่มี
เวลาไปเที่ยวดูรอบๆ วันนีค
้ ุณพอมีเวลามาเป็ นไกด์
นำเที่ยวให้ผมได้หรือเปล่า?” ฉินเยว่หัวเราะ
“ไม่!” เสี่ยวเยว่ตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
“คุณยังโกรธที่ผมเรียกคุณว่าเด็กอ้วนอยู่อีกเห
รอ?”ฉินเยว่เดา
“คุณช่างลืมง่ายจริงนะ คุณยังเคยพูดมากกว่า
นัน
้ อีก” เสี่ยวเยว่พูดอย่างดุเดือด “คุณบอกว่าฉัน
คงจะเป็ นโรคอะไรสักอย่างแล้วหลอกให้ฉันเชื่อว่า
ต้องกินเนื้อหงส์แล้วจะดีขึน
้ ”
“โอ้ ฮ่าฮ่า….” ฉินเยว่หัวเราะเบาๆ “คุณยังจำ
เรื่องที่เกิดขึน
้ มานานขนาดนัน
้ ได้ยังไง? ตอนนัน
้ คุณ
เพิ่งจะ 5 ขวบเองไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันคิดว่าเด็กอายุ 3 ขวบก็สามารถจดจำเรื่อง
ต่างๆได้แล้ว” เสี่ยวเยว่พูดประชด
ฉินเยว่หัวเราะ รู้สึกสนุกสนาน เด็กอ้วนคนนัน

เติบโตขึน
้ มาเป็ นหญิงสาวสวยที่มีพลังและอารมณ์
ขัน
“นั่นสิ…. ถ้าคุณจำได้ตงั ้ แต่อายุ 3 ขวบ งัน
้ คุณจำ
ได้ไหมว่าคุณบอกว่าคุณจะแต่งงานกับผม?”
“เพ้ย!” เสี่ยวเยว่สบถ “เห็นชัดๆว่าคุณยายซู
อยากจะให้ฉันแต่งงานกับคุณ”
ตอนที่เธอยังเด็ก พวกเขาเป็ นเพื่อนบ้านกัน คุณ
ยายซูเอ็นดูเธอมากจึงมักจะทำขนมเค้กวอลนัทให้
เธอเสมอ เสี่ยวเยว่มีความสุขจึงถามคุณยายซูว่าเธอ
จะขอกินขนมแบบนีไ้ ปตลอดชีวิตได้หรือเปล่า คุณ
ยายซูตบศีรษะเธอเบาๆแล้วตอบว่า “ถ้าหนูมาเป็ น
หลานสะใภ้ของยาย ยายจะทำขนมทุกอย่างที่หนู
อยากกินให้”
นิสัยของเสี่ยวเยว่ไม่เคยเปลี่ยน แม้แต่ตอนที่
เสี่ยวเยว่ชอบพี่ชายสุดหล่อที่อยู่ข้างบ้าน วันหนึ่ง
เธอจึงดักรอฉินเยว่ระหว่างทางจากโรงเรียนกลับ
บ้าน อุ้งมืออวบอ้วนของเธอกำวอลนัทอบกรอบ
ขณะที่เธอพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “พี่ชายสุดหล่อ
ฉันจะเป็ นภรรยาของพี่”
“เฮ้ เจ้าตัวอ้วน พี่คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยว
กับร่างกายของเธอ เธอควรจะไปกินเนื้อหงส์เพื่อให้
ดีขึน
้ ” ฉินเยว่ที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นเคาะศีรษะของ
เด็กหญิง
เด็กหญิงตัวอ้วนตะลึงจนร้องไห้ เธอร้องไห้อย่าง
หนัก เสี่ยวเยว่ยังคงจำวันนัน
้ ได้เป็ นอย่างดีจน
กระทั่งถึงตอนนี ้
“แล้วคุณก็ยังกินขนมวอลนัทของคุณยายผมมา
ตลอดหลายปี นี ้ เพื่อหวังจะให้ผมสังเกตเห็นใช่หรือ
เปล่า?”
“ฮ่า ฝั นอยู่เหรอ!” เสี่ยวเยว่วางสายอย่างโกรธ
จัด “ไร้ยางอาย”
ฉินเยว่ฟังเสียงปี๊ บตัดสาย เขาไม่ได้โกรธอันที่จริง
เขารู้สึกสดชื่นมาก เขาไม่ร้ส
ู ึกเจ็บแผลที่หน้าผาก
เลยขณะที่หยิบแก้วไวน์แดงขึน
้ มาจิบ
เมื่อเสี่ยวเยว่เปิ ดประตูออกไป เธอก็ตกตะลึง
ท่าทางของเสี่ยวเยว่ดิ่งลงทันทีเมื่อเธอรับรู้ได้ว่าอวี๋
ตงยืนพิงประตูแอบฟั งอยู่
“อะไร? เซี่ยเฟิ งไม่ได้เชิญพวกเธอไปดินเนอร์
ด้วยกันวันนีห
้ รือไง? ใกล้จะได้เวลาไปแล้ว ฉันก็เลย
มาเรียกเธอ” อวี๋ตงสุ่มหาข้อแก้ตัว
เมื่อมองดูโทรศัพท์เสี่ยวเยว่ก็ร้ว
ู ่าอวี๋ตงพูดถูก
ตอนนี ้ 17.00 น. แล้ว และพวกเธอต้องไปเจอกับ
เซี่ยเฟิ งตอน 18.00 น.
เมื่อเร็วๆนี ้ เรินซินซินชอบกินอาหารรสเผ็ด
เซี่ยเฟิ งจึงได้จองร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆเอาไว้ ซึ่ง
ทัง้  3 คนมักจะชอบแวะไปทานอยู่เสมอ เมื่อทัง้
สามคนมาถึงที่ร้านเซี่ยเฟิ งก็รออยู่ในห้องอาหาร
ส่วนตัวแล้ว
ทันทีที่อวี๋ตงเห็นเซี่ยเฟิ งเธอก็วิ่งไปหาเขา
อัตโนมัติ แล้วถามว่า “รอนานหรือเปล่า?”
“ไม่นาน เพิ่งจะมาถึง” เซี่ยเฟิ งจับมือของอวี๋ตง
ขณะที่เขาหันไปหาอีก 2 คนและทักทายพวกเธอ
“สวัสดี”
“สวัสดี” เรินซินซินตอบรับด้วยรอยยิม
้ สดใส
เสี่ยวเยว่มองเซี่ยเฟิ งหัวจรดเท้าก่อนจะพูดอย่าง
สุภาพว่า  “ดูเหมือนว่าวันนีค
้ ุณจะพยายามแต่งตัว
ให้ดูดีเป็ นพิเศษ ฉันให้คะแนนคุณสำหรับเรื่องนี”

เซี่ยเฟิ งรู้นิสัยของเสี่ยวเยว่ ดังนัน
้ เขาจึงไม่ถือสา
แต่ถามกลับไปว่า “ถ้าผมเอาของขวัญออกมา คุณ
จะเพิ่มคะแนนให้อีกสัก 2-3 คะแนนหรือเปล่า?”
“ของขวัญ?” หลังจากที่เซี่ยเฟิ งพูดจบ ทัง้ สาม
คนก็มองเขาด้วยความแปลกใจ
เซี่ยเฟิ งยิม
้ แล้วปล่อยมือของอวี๋ตง ก่อนจะหยิบ
กระเป๋า 2 ใบที่วางอยู่ตรงมุมห้องออกมา เขายื่น
กระเป๋าให้เสี่ยวเยว่กับซินซินโดยบอกว่า “ผมไม่ได้
ซื้อของขวัญให้ผู้หญิงบ่อยนักแต่ผมได้ยินมาว่ามัน
ค่อนข้างเป็ นที่นิยม ดังนัน
้ ผมก็เลยซื้อมา 2 ใบ”
“กระเป๋าถือ Coach รุ่นลิมิเต็ด อีดิชั่น?” เสี่ยว
เยว่หยิบกระเป๋าถือออกมาแล้วอุทานว่า “รุ่นนีย
้ ัง
ไม่มีเข้ามาขายในจีนเลยด้วยซ้ำ ฉันน้ำลายไหลกับ
กระเป๋ารุ่นนีม
้ าพักหนึ่งแล้ว”
เรินซินซินเปิ ดกระเป๋าของตัวเองดู มันเป็ นกระ
เป๋ารุ่นเดียวกันแต่คนละสี
“คุณ…คุณซื้อมันตอนที่อยู่อเมริกาเหรอ?” อวี๋ตง
อดถามไม่ได้
“ผมมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ต้องซื้อของฝากให้
เพื่อนของแฟนของเขา ผมก็เลยคิดว่าควรจะทำ
แบบเดียวกัน” เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
เมื่อได้ยินแบบนี ้ หัวใจของอวี๋ตงก็อดที่จะซาบซึง้
ไม่ได้ เซี่ยเฟิ งคำนึงถึงเรื่องนีม
้ านานแล้วใช่หรือ
เปล่า?
เสี่ยวเยว่รับของขวัญไปแล้วจึงไม่สามารถแสดง
เป็ นตัวร้ายได้อีก ดังนัน
้ เธอจึงเดินเข้าไปหาเซี่ยเฟิ ง
แล้วพูดว่า “ทัศนคติของคุณค่อนข้างดี ถ้าฉัน
พยายามแยกพวกคุณออกจากกันหลังจากนีม
้ ันจะ
ทำให้เราลำบากใจ ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแต่จำเอาไว้
คุณห้ามรังแกตงตงเด็ดขาด ไม่อย่างนัน
้ ละก็….”
เสี่ยวเยว่ทำท่าทางใช้นว
ิ ้ ปาดตรงลำคอ ขณะที่
เรินซินซินพยักหน้าเห็นด้วยแม้ว่าอวี๋ตงจะหัวเราะ
เบาๆ กับท่าทางน่าขันของพวกเธอแต่น้ำตาก็ยังซึม
ออกมา
“กินข้าวกันเถอะ!”
เนื่องจากทุกคนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว อาหารเย็นมื้อ
นีจ
้ ึงค่อนข้างเป็ นไปอย่างสบายๆและปลอดโปร่ง
หลังจากทานอาหารเสร็จ เสี่ยวเยว่กับซินซินก็มอง
หน้ากันก่อนจะส่งกล่องของขวัญให้เซี่ยเฟิ ง “เอา
ล่ะ นี่ก็ไม่ถือว่าเสียเปล่าแล้ว สิ่งนีส
้ ำหรับคุณ”
เซี่ยเฟิ งรับกล่องของขวัญมาด้วยความแปลกใจ
“พวกเธอก็เตรียมของขวัญมาด้วยเหรอ?” อวี๋ตง
อยากรู้อยากเห็น ขณะที่เธอกำลังจะเอื้อมมือมา
เปิ ดกล่อง
เสี่ยวเยว่หยุดเธอเอาไว้ได้ก่อนพร้อมกับหัวเราะ
แล้วบอกว่า “เปิ ดตอนที่เธอกลับถึงบ้านแล้ว”
“ตกลง เธอหัวเราะอย่างมีเลศนัยในกล่องต้องมี
อะไรแปลกๆแน่เลย” อวี๋ตงรู้จักเสี่ยวเยว่ดี เมื่อเห็น
ท่าทางแบบนัน
้ มันต้องมีอะไรแน่นอน ดังนัน
้ อวี๋ตง
จึงพยายามคว้ากล่องมาจากเซี่ยเฟิ ง
ก่อนที่เธอจะทำสำเร็จ เสี่ยวเยว่กับซินซินก็ช่วย
กันจับแขนของเธอเอาไว้ ในที่สุดเซี่ยเฟิ งก็หลบพ้น
เงื้อมมือของอวี๋ตงมาได้ก่อนยิม
้ และยืนยันกับเธอว่า
“ถ้าเสี่ยวเยว่ไม่อยากให้พวกเราเปิ ดตอนนี ้ พวกเรา
ค่อยเปิ ดดูตอนที่กลับถึงบ้านก็แล้วกัน”
“ใช่ ใช่!” เสี่ยวเยว่โล่งใจ
หลังจากนัน
้ ทัง้ หมดก็กล่าวคำอำลา เสี่ยวเยว่และ
ซินซินกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ของพวกเธอ เซี่ยเฟิ งก
ลับไปที่โรงพยาบาล ส่วนอวี๋ตงก็ไปสถานีวิทยุเพื่อ
จัดรายการในช่วงปี ใหม่ของเธอ
เนื่องจากการแสดงของเธอในงานกาล่า การ
ปรากฎตัวอันน่าทึ่งของอวี๋ตงก็กลายเป็ นประเด็นที่
น่าสนใจของแฟนรายการ Midnight
Phantom ในคืนนี ้ หลายคนชื่นชมความงามและ
ความใจดีของเธอตลอดการออกอากาศ
หลังจากถูกพี่สาวหลายคนถามเกี่ยวกับการดูแล
ผิวพรรณและรูปร่างของเธอแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่า
ตัง้ แต่เปิ ดรายการ Midnight Phantom มาหัวข้อ
หลักก็คือการพูดเรื่องของดีเจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อจบการออกอากาศ พี่อวี๋ดูเหมือนจะนึกบาง
อย่างได้ เขายื่นจดหมายให้อวี๋ตงแล้วบอกว่า “ตอน
ที่คุณกำลังจัดรายการอยู่ รปภ.ที่อยู่ชัน
้ ล่างนำ
จดหมายนีม
้ าให้ เขาบอกว่ามาจากผู้ฟังคนหนึ่ง”
ด้วยความอยากรู้ อวี๋ตงหยิบจดหมายมาพลิกดู
บนซอง ไม่มีอะไรเขียนเอาไว้ เธอจึงเปิ ดมันแล้วเริ่ม
อ่านจดหมายที่มีอยู่เพียงแผ่นเดียว
อวี๋ต้ง
ผมไม่ได้ไปดูการแสดงของคุณ เพราะผมทนไม่
ได้ที่จะมีส่วนร่วมในความปรารถนาดีเพียงหนึ่ง
เดียวที่ถูกมอบให้แก่ผมในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ผม
นั่งดูตั๋วในมืออยู่พักหนึ่งและตัดสินใจที่จะลองอีก
ครัง้ ผมหวังว่าผมจะอยู่ในจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตแล้ว
ดังนัน
้ จากนีไ้ ปผมจะก้าวสูงขึน
้ ไปเท่านัน

ไม่มีช่ อ
ื ลงท้าย แต่อวี๋ตงก็ร้ว
ู ่าต้องเป็ นคุณคน
แกร่ง
อวี๋ตงใส่จดหมายกลับลงไปในซองด้วยท่าทาง
เคร่งเครียด เธอมองผ่านหน้าต่างออกไปยังดวง
จันทร์ที่ลอยสูงอยู่ด้านบน ต่อสู้กับความสว่างของ
แสงไฟนีออนที่อยู่รายรอบ
บางทีความกล้าหาญก็เหมือนกับดวงจันทร์ที่
ลอยอยู่เหนือเมืองใหญ่ แม้ว่าแสงสว่างจะไม่
สามารถเทียบได้กับป้ ายไฟนีออนและตึกสูงแต่ก็ยัง
คงมีอยู่
…….
มันเป็ นวันที่โรงพยาบาลยุ่งวุ่นวายมาก ดังนัน

เซี่ยเฟิ งจึงกลับถึงบ้านก่อนอวี๋ตงแค่เพียงครู่เดียว
หลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและเปิ ดเครื่องปรับอา
กาศให้อวี๋ตงแล้ว เขาก็นึกถึงกล่องของขวัญที่เสี่ยว
เยว่มอบให้
ด้วยความอยากรู้ เซี่ยเฟิ งแกะกระดาษห่อออกดู
เมื่อเห็นด้านในกล่องที่อัดแน่นไปด้วยถุงยางอนามัย
ใบหน้าอันอ่อนโยนของเขาก็แดงขึน
้ มาทันทีด้วย
ความอับอายและอาการกระอักกระอ่วนที่ไม่
สามารถบรรยายออกมาได้
นี่ถือว่าเป็ นการเตือนความจำและการให้กำลังใจ
ใช่หรือเปล่า?
“……” เซี่ยเฟิ งตะลึงอยู่นาน จู่ๆเขาก็หัวเราะ
ออกมาเสียงดังจนไหล่สั่นสะท้าน หลังจากนัน
้ ไม่กี่
นาที เขาก็สงบสติอารมณ์ได้ในที่สุด เขาถือของ
ขวัญชิน
้ พิเศษนีก
้ ลับไปไว้ในห้องนอน พลางคิดว่า
ควรจะวางเอาไว้ตรงไหนดีและในที่สุดมันก็วางเอา
ไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
เซี่ยเฟิ งนอนพิงหัวเตียงเพื่ออ่านหนังสือก่อนนอน
แม้ว่าเขาจะไม่มีสมาธิก็ตาม ในใจของเขาเต็มไป
ด้วยรอยยิม
้ ของอวี๋ตงและกล่องของขวัญ
ขณะที่เซี่ยเฟิ งยังคงจ้องมองไปข้างหน้าอย่าง
เหม่อลอย เสียงที่ดังขึน
้ ในห้องนั่งเล่นเป็ นสัญญาณ
บ่งบอกว่าอวี๋ตงได้กลับมาแล้ว
หลังจากลังเลนิดหน่อย เซี่ยเฟิ งก็วางหนังสือลง
แล้วเดินออกไปข้างนอก
“เฮ้…ทำไมคุณยังไม่นอนอีก?” อวี๋ตงเห็นเขาจึง
ส่งยิม
้ มาให้ขณะที่เธอถอดเสื้อโค้ท 
“ผมก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน” เซี่ยเฟิ งตอบ
“โอ้ ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ฉันเพิ่งได้รับจดหมาย
จากคุณคนแกร่ง คุณก็รู้ ผู้ชายคนนัน
้ ในคืนก่อน...”
อวี๋ตงมีความสุขมากและกระตือรือร้นที่จะบอก
ข่าวดีกับเซี่ยเฟิ ง
“ไปอาบน้ำก่อน ผมจะรอฟั งหลังจากนัน
้ ”
เซี่ยเฟิ งตบศีรษะอวี๋ตงเบาๆ
“อย่าแตะ ผมของฉันมันเริ่มมันแล้ว” อวี๋ตงเอน
ศีรษะหลบ
“งัน
้ ก็ไปสระผมแล้วผมจะเป่ าให้” เซี่ยเฟิ งเสนอ
“เยี่ยม!” ดวงตาของอวี๋ตงเป็ นประกายก่อนที่
เธอจะไปอาบน้ำอย่างมีความสุข
ในขณะที่อวี๋ตงอาบน้ำ เซี่ยเฟิ งก็เตรียมไดร์เป่ า
ผมและมานั่งรอเธอที่โซฟา เมื่ออวี๋ตงออกมาเธอก็
ยิม
้ ขณะที่เดินเข้าไปหา จากนัน
้ ก็พิงศีรษะที่เปี ยก
ชื้นของเธอลงบนต้นขาเซี่ยเฟิ ง
เซี่ยเฟิ งเป่ าผมให้อวี๋ตงขณะที่เขาฟั งเธอเล่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึน
้ ในคืนนี ้ น้ำเสียงดังลั่นอย่างมี
ความสุขและกระตือรือร้นของเธอเอาชนะเสียงไดร์
เป่ าผมได้
“ฉันรู้สึกว่าฉันเป็ นเหมือนกับคุณ คุณช่วยชีวิต
คน ฉันก็ช่วยเหมือนกัน” อวี๋ตงบอกอย่างมีความ
สุข “เราเป็ นคู่ที่เหมาะสมกันมากเลย”
จู่ๆเซี่ยเฟิ งก็ปิดไดร์เป่ าผมและหยุดเคลื่อนไหว
“เสร็จแล้วเหรอ?” อวี๋ตงรู้สึกว่าผมของเธอยัง
เปี ยกชื้นอยู่นิดหน่อย เธอจึงเงยหน้าขึน
้ มองเซี่ยเฟิ
งด้วยความสงสัย
“คู่ที่สมบูรณ์แบบ”
เซี่ยเฟิ งมองเข้าไปในดวงตาที่ทอประกายด้วย
ความสงสัยของอวี๋ตง ก่อนที่จะก้มลงปิ ดริมฝี ปากที่
ล่อลวงเขามาตลอดทัง้ คืน
เขาอยากให้วันหยุดมาถึงเร็วๆ
หลังจากนัน
้ ไม่นาน เซี่ยเฟิ งก็ปล่อยเธอและเริ่ม
เป่ าผมให้แห้งอีกครัง้ ด้วยรอยยิม
้ ที่ไม่จางหาย
อวี๋ตงกระพริบตาก่อนที่จะหน้าแดงพร้อมกับยิม

กริ่ม
……............. 
ตอนที่ 39 1 พฤษภา วันแห่งผลกำไร
เมื่ออากาศเริ่มร้อนขึน
้ คนก็เริ่มเปลี่ยนสไตล์การ
แต่งกาย ไฟถนนหลายแห่งได้ถูกเปลี่ยนเป็ นโคมไฟ
สีแดง และซูเปอร์มาร์เก็ตก็เริ่มจัดแสดงสินค้าสีแดง
ทัง้ หมด
อวี๋ตงคิดมาตลอดว่าบรรพบุรุษชาวจีนของพวก
เขาค่อนข้างฉลาดในการตกแต่งบ้านในแบบสีร้อน
แรงเพื่อต่อสู้กับความหนาวเย็นของหิมะ
“เราจะซื้อของพวกนีจ
้ ริงๆเหรอ?” เซี่ยเฟิ งมองที่
รถเข็นของพวกเขาด้วยท่าทางหวาดหวั่น
เพื่อไปเยี่ยมบ้านของภรรยา เซี่ยเฟิ งจึงลากอวี๋ตง
ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆบ้านเพื่อหาซื้อของขวัญปี
ใหม่
“เชื่อเถอะ งานอดิเรกอย่างเดียวของพ่อก็คือการ
สูบบุหรี่กับดื่มเหล้า”
หลังจากที่อวี๋ตงพูด เซี่ยเฟิ งก็ชีไ้ ปที่ของในรถเข็น
แล้วเตือนอย่างเข้มงวด “คุณไม่ได้รับอนุญาตให้
เลียนแบบท่าน”
เมื่อมองไปที่รถเข็นอีกรอบ เซี่ยเฟิ งก็ออกความ
เห็นว่า “ของพวกนีร้ าคาถูกเกินไป เราควรซื้อเหมา
ไถเพิ่มสัก 2 ขวด” เซี่ยเฟิ งยังไม่ค่อยพอใจกับราคา
ของเหล้าที่อวี๋ตงเลือก
“ไม่ต้องหรอก เราซื้อแค่ขวดเดียวพอ ไม่งัน
้ เขา
จะเอาขวดอื่นไปเก็บไว้ บุหรี่ก็ไม่ต้องราคาแพงจน
เกินไป แล้วก็ควรจะเป็ นพวกบุหรี่นอกจะดีที่สุด
ครัง้ หนึ่งเขาไปซูเปอร์มาร์เก็ตกับแม่ของฉัน แล้ว
แอบซื้อบุหรี่ยี่ห้อเดียวกันมา” อวี๋ตงรู้นิสัยพ่อของ
ตัวเองดี
“เดี๋ยวก่อน…งัน
้ คุณก็เลือกบุหรี่กับเหล้านำเข้า
เพื่อป้ องกันไม่ให้พ่อของคุณแอบไปซื้อมาเปลี่ยนที่
กับของเดิมอย่างนัน
้ เหรอ?” เซี่ยเฟิ งเจอเคล็ดลับขอ
งอวี๋ตงหลังจากคิดอย่างละเอียด
   *** [หมายความว่า พ่อของอวี๋ตงทำเป็ นว่าเขา
เหลือบุหรี่ซองสุดท้ายทัง้ ที่สูบจนหมดไปแล้ว และ
ไปซื้อของยี่ห้อเดียวกันมาสับเปลี่ยนเอาไว้ตลอด
นั่นจึงเป็ นเหตุผลที่อวี๋ตงซื้อของนำเข้าไปให้เพราะ
มันหาซื้อยากในซูเปอร์มาร์เก็ตที่บ้านเกิดของอวี๋ตง]
“ฉลาดมาก!” อวี๋ตงชม
“แล้วคุณป้ าล่ะ? เราซื้อวิตามินน้อยไปหรือ
เปล่า?” เซี่ยเฟิ งชีไ้ ปที่ขวดวิตามิน 2-3 ขวดในรถ
เข็น
“ฉันจะซื้อเสื้อผ้าให้ท่านด้วย” อวี๋ตงตอบ
“ผมก็ควรซื้ออะไรให้ท่านบ้างเหมือนกัน ผม
ได้ยินมาว่าคนสูงอายุมักจะชอบทองคำ ผมควรจะ
ซื้อสร้อยข้อมือทองคำให้คุณป้ าดีไหม?” เซี่ยเฟิ งจำ
ได้ว่ามีร้านขายเครื่องประดับอยู่ 2-3 ร้านที่ชัน
้ หนึ่ง
ของห้างสรรพสินค้า
“ไม่ต้องสงสัยเลย ทองคำเป็ นของโปรดของแม่”
อวี๋ตงออกความเห็นอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่นึกย้อนไป
ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึน
้ กับแม่ของเธอและสร้อยข้อ
มือทองคำของป้ าผู้ละโมบ ป้ าอวดว่าลูกสะใภ้เป็ น
คนมอบสร้อยข้อมือทองคำเส้นนัน
้ ให้
“งัน
้ ก็ไปซื้อกันเลยดีไหม?”เซี่ยเฟิ งหันหลังแล้ว
เข็นรถเข็นไปยังทิศทางที่มีร้านขายเครื่องประดับที่
ใกล้ที่สุด
“ทำไมคุณถึงกระตือรือร้นนัก ฉันยังพูดไม่จบเลย
ธรรมเนียมของบ้านเราคือให้ลูกสะใภ้ซ้ือสร้อยข้อ
มือทองคำให้กับแม่สามี” อวี๋ตงดึงให้เซี่ยเฟิ งหยุด
“เอ๊ะ? คุณมีธรรมเนียมแบบนีด
้ ้วยเหรอ? ถ้างัน

ผมควรเปลี่ยนเป็ นซื้อสร้อยคอแทนดี?” เซี่ยเฟิ ง
แนะ
“ถ้าคุณกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี ้ คุณควรจะต้อง
ทุ่มเทความคิดทัง้ หมดเพื่อให้พ่อแม่ของฉันยอมรับ
คุณจะดีกว่า” อวี๋ตงยิม
้ “อย่าลืมว่าฉันหนีออกจาก
บ้านมานานกว่าครึง่ ปี แล้ว ส่วนผู้ชายที่ฉันพากลับ
บ้านก็เป็ นคนละคนกัน”
“แต่มันไม่ใช่ความผิดของคุณนี่?” เซี่ยเฟิ งถาม
“ใช่ แต่ถึงอย่างนัน
้ คุณก็กลับบ้านกับฉันในปี นี”

อวี๋ตงพูดต่อแล้วแบมือยักไหล่ “หรือฉันจะบอกว่า
เลิกกับเขาในปี นีแ
้ ล้วค่อยพาคุณกลับบ้านด้วยในปี
หน้าดี?”
“ถ้าอย่างนัน
้ ผมจะไม่ต้องซ่อนตัวอยู่เป็ นปี เลยเห
รอ?” เซี่ยเฟิ งไม่ต้องการแบบนัน
้ “ผมอยากเผชิญ
หน้ากับพ่อแม่ของคุณแล้วขอขมาท่าน”
อวี๋ตงอดหัวเราะไม่ได้ เธอมองนาฬิกาก็ร้ว
ู ่าเกือบ
จะ 21.00 น.แล้ว เธอจึงหันไปหาเซี่ยเฟิ งแล้วบอก
ว่า “ฉันต้องไปทำงานแล้ว”
“ไปได้เลย” เซี่ยเฟิ งรู้ว่าอวี๋ตงต้องไปอัดเทป
รายการเตรียมเอาไว้ในช่วงปี ใหม่ ดังนัน
้ จึงต้องไป
ทำงานก่อนเวลา
อวี๋ตงเขย่งเท้าจุ๊บที่ริมฝี ปากของเซี่ยเฟิ งก่อนจาก
ไป
เซี่ยเฟิ งมองดูอวี๋ตงขณะเดินจนลับสายตาก่อนลง
ไปที่ชัน
้ หนึ่งเพื่อไปรับนาฬิกาที่เขาสั่งเอาไว้ให้พี่
ภรรยา
ตามที่อวี๋ตงบอก ถึงพี่ชายของเธอจะค่อนข้างทึ่ม
ทื่อแต่ก็เป็ นผู้ชายที่น่ารักเป็ นคนที่เข้ากับคนอื่นได้
ง่าย ปั ญหาเดียวของพี่ชายอวี๋ตงก็คือเขายังไม่ได้
แต่งงาน เขาเดาว่าน่าจะเป็ นเพราะอวี๋ตงยังไม่ได้
แต่งงาน เซี่ยเฟิ งยิม
้ ขณะที่เดินไปที่ร้านเพื่อรับ
นาฬิกา
ร้านขายนาฬิกาและร้านขายเครื่องประดับอยู่ติด
กัน ดังนัน
้ ขณะที่เขามุ่งหน้าไปทางร้านขายนาฬิกา
สายตาของเขาก็เหลือบไปมองที่กระจกหน้าร้าน
ของร้านเครื่องประดับ
เซี่ยเฟิ งหยุดมองไปยังเครื่องประดับที่เป็ น
ประกายแวววาวทัง้ หมดอย่างครุ่นคิด
…….
ตอนเที่ยงคืน อวี๋ตงเปิ ดไมโครโฟนอย่างชำนาญ
และอุปกรณ์ออกอากาศทัง้ หมดก็กระพริบราวกับ
จะแจ้งให้ผู้ฟังทุกคนในเมืองทราบว่าได้เวลาแล้ว
“สวัสดีทุกคนยามค่ำคืน FM 666 ยินดีต้อนรับ
เพื่อนผู้ฟังสู่รายการ Midnight Phantom นี่คือดี
เจ อวี๋ต้ง ของคุณ” อวี๋ตงพูดอย่างมีความสุข “วันนี ้
เป็ นการออกอากาศสดครัง้ สุดท้ายของ อวี๋ต้ง ก่อน
เข้าสู่เทศกาลปี ใหม่ทางจันทรคติ ฉันจึงขออวยพร
ให้ทุกคนมีความสุขในวันปี ใหม่”
ในขณะที่ข้อความที่ปรากฎบนหน้าจอ
คอมพิวเตอร์ของอวี๋ตงล้วนแต่เป็ นข้อความที่
อวยพรให้เธอมีความสุขให้วันปี ใหม่
อวี๋ตงยิม
้ แม้ว่ามันจะไม่เข้ากับบรรยากาศที่น่า
รื่นรมย์ในตอนนี ้ แต่เธอก็ยังเดินหน้าต่อและหยิบ
จดหมายขึน
้ มา “ก่อนที่จะเริ่มรายการของคืนนี ้ อ
วี๋ต้ง อยากจะอ่านจดหมายจากเพื่อนผู้ฟังคนหนึ่ง
ยังไงก็ตามจดหมายฉบับนีไ้ ม่ได้เขียนให้กับ อวี๋ต้ง แ
ต่เขียนให้กับคนรักที่จากไปแล้วของผู้ฟัง”
“อันที่จริงจดหมายฉบับนีไ้ ม่เข้ากับบรรยากาศ
แห่งความสุขนีเ้ ลย แต่ยังไงก็ตาม อวี๋ต้ง หวังว่าทุก
คนจะสามารถรับฟั งได้” อวี๋ตงพูดขณะที่เธอคลี่
จดหมายออก
“สวัสดี อวี๋ต้ง ฉันเป็ นแม่เลีย
้ งเดี่ยวที่มักจะฟั ง
รายการของคุณอยู่เสมอ คนรักของฉันเสียชีวิตไป
เมื่อปี ที่แล้วในช่วงเวลานี ้ ฉันเคยสัญญาเอาไว้ว่าฉัน
จะไม่รักใครอีก และฉันจะเลีย
้ งดูลูกชายของพวก
เราด้วยตัวเองจนกว่าเขาจะเติบโต แต่…ฉันกำลังจะ
แต่งงานกับผู้ชายอีกคนในเร็วๆนี ้ ฉันรู้สึกว่าฉันไม่
สามารถเผชิญหน้ากับสามีผู้ล่วงลับของฉันได้ และ
ฉันหวังว่าเขาจะไม่ประณามฉันในความฝั น แต่ฉัน
ไม่แม้แต่จะฝั นถึงเขา เขาจะดูถูกฉันหรือเปล่า? จะ
กล่าวโทษฉันที่ผิดสัญญาหรือไม่ที่ฉันทำลายความ
รักของเรา?”
“ฉันมีหลายเรื่องที่อยากจะบอกเขา แต่ฉันไม่ร้ว
ู ่า
จะพูดได้ที่ไหน ฉันได้ยินมาว่า เวลาเที่ยงคืนเป็ น
เวลาที่ภูติผีมักจะมาเยือนโลกของเรา ดังนัน
้ ฉันจึง
หวังว่า ถ้าบอกผ่านรายการนีเ้ ขาจะได้ยินมัน
ทัง้ หมดถึงสิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับเขา”
อวี๋ตงพลิกจดหมายแล้วก็เห็นรอยน้ำตาที่เปรอะ
เปื้ อนอยู่บนจดหมายถึงอดีตสามีของผู้หญิงคนนี ้
“ที่รัก ฉันหวังว่าเวลาจะสามารถย้อนกลับไปได้
ถึงแม้ว่าเวลาจะย้อนกลับในตอนที่คุณกำลังจะตาย
ก็ตาม ฉันจะยังสามารถจับมือคุณเอาไว้ และมอง
ภาพสะท้อนของฉันในดวงตาของคุณอีกครัง้ แต่คน
ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ฉันเคยได้ยินคนพูด
กันว่า ถ้าคุณรักใครคุณต้องรักพวกเขาทัง้ หมด ทัง้
น้ำตาและความทุกข์ทรมาน”
“แต่ฉันเป็ นแค่คนไร้ค่าที่ไม่สามารถเลีย
้ งดู
ครอบครัวของคุณได้หลังจากที่คุณจากไป ฉันรู้ว่า
คุณปกป้ องฉันมากแค่ไหน หลังจากเรียนจบ
มหาวิทยาลัย ฉันก็ร้ส
ู ึกปลอดภัยอยู่ภายใต้ปีกที่กาง
ออกปกป้ องของคุณ ฉันอบอุ่นและสบายใจใน
สถานะนัน
้ คุณปกป้ องฉันจากลมและฝนตอนนี ้
แม้แต่งานแคชเชียร์ฉันก็ยังทำได้ไม่ดี”
“ไม่กี่วันก่อน ลูกชายของเราป่ วยหนักและฉัน
ไม่มีแม้แต่เงินที่จะจ่ายค่ารักษาให้เขา ฉันหยิบใบ
เสร็จแล้วหลบไปร้องไห้อยู่ตรงมุมหนึ่งของทางเดิน
ในโรงพยาบาล ขณะที่ฉันกำกระดาษใบเสร็จนัน
้ มือ
ของฉันก็สั่นเทา ฉันกลัวมากและฉันคิดถึงคุณเหลือ
เกิน”
“ฉันช่วยไม่ได้จึงต้องโทรไปหาเขา คุณก็น่าจะรู้
ว่าเขาเป็ นใคร เขารีบมาตอนกลางดึก ช่วยจ่ายค่า
รักษาพยาบาลและพาพวกเรากลับบ้าน เขาไม่ได้
ร้องขออะไรแต่หลังจากนัน
้ ฉันก็ร้ต
ู ัวแล้วว่าฉันไม่
สามารถเลีย
้ งลูกคนเดียวได้”
“คุณก็ร้ว
ู ่าเขาชอบฉันแต่ฉันชอบคุณ ตอนนีค
้ ุณ
จากไปแล้วแต่เขาก็ยังครองตัวเป็ นโสด”
“ฉันทัง้ อ่อนแอ ขีข
้ ลาดและไร้ความสามารถ ฉัน
ถามเขาว่า “คุณยังชอบฉันอยู่หรือเปล่า? หลังจาก
เรื่องทัง้ หมดนีถ
้ ้าคุณยังรู้สึกกับฉัน ฉันก็จะแต่งงาน
กับคุณ”
“ตอนที่ฉันถามเขาเรื่องนี ้ ฝนก็ตกลงมาอย่าง
หนักในเซี่ยงไฮ้ คุณโกรธฉันใช่หรือเปล่า?”
“ฉันจะแต่งงานกับเขาเร็วๆนี ้ ก่อนวันตรุษจีนฉัน
จะกลายเป็ นภรรยาของผู้ชายคนอื่น ฉันสัญญากับ
คุณว่าฉันจะใส่ชุดแต่งงานกับคุณคนเดียวเท่านัน
้ ใน
ชีวิตนี ้ ฉันบอกเขาว่าพวกเราแค่จดทะเบียนสมรส
กันอย่างเดียวก็พอ”
“ฉันคิดว่าเมื่อฉันตายฉันคงจะไม่สามารถเจอ
หน้าคุณได้เพราะคุณอยู่บนสวรรค์แต่ฉันอยู่ในนรก
แต่ฉันคิดว่านรกยังดีกว่าเมื่อเทียบกับการเห็นความ
ผิดหวังและความเศร้าในดวงตาของคุณ”
“ทัง้ หมดนีเ้ พียงเพื่อให้คุณรู้ว่าฉันอ่อนแอและไร้
ความสามารถแค่ไหน ถ้าหากชีวิตหลังความตายมี
อยู่จริง ฉันหวังว่าคุณจะได้พบกับผู้หญิงที่ดีกว่านี”

อวี๋ตงอ่านจดหมายทัง้ หมดจนจบ และมองไปยัง
จุดที่ฉีกขาดบนหน้ากระดาษ อวี๋ตงเห็นได้ชัดว่าผู้
หญิงคนนีห
้ ัวใจสลายแค่ไหน
อวี๋ตงวางจดหมายลงและพูดว่า “ฉันไม่ร้ว
ู ่า
เจ้าของจดหมายนีก
้ ำลังฟั งการออกอากาศของคืนนี ้
อยู่หรือเปล่า? ฉันไม่ร้ว
ู ่าเคยมีใครที่พูดคำที่ฉันกำลัง
จะพูดกับคุณหรือไม่? แต่ฉันอยากจะบอกกับคุณ
ว่า…”
“การแต่งงานอีกครัง้ ไม่ใช่ความผิดของคุณ”
“การเริ่มต้นความสัมพันธ์ครัง้ ใหม่ไม่ใช่ความผิด
ของคุณ”
“ถ้าวันหนึ่งคุณตกหลุมรักผู้ชายคนนัน
้ ก็ไม่ใช่
ความผิดของคุณเช่นกัน”
“อย่าเชื่อว่าความรักครัง้ ใหม่เป็ นการดูหมิ่น
ความศรัทธา ถ้าหากคุณจะทำแบบนัน
้ มันไม่ใช่แค่
ส่งผลกระทบต่อคุณและสามีผู้ล่วงลับของคุณ
เท่านัน
้ แต่เขาก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน อย่า
ปล่อยให้คนอีกคนต้องพบกับความรู้สึกสูญเสียแบบ
เดียวกับที่คุณต้องเผชิญอยู่ตอนนี”

“จงเดินหน้าต่อไปอย่ากล้าหาญและเชิดหน้าให้
สูง คุณไม่ได้ทำอะไรผิด”
เมื่ออวี๋ตงพูดจบ ข้อความจำนวนมากก็ไหลผ่าน
หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอ ทัง้ หมดบอกให้ผู้หญิง
คนนีเ้ ริ่มต้นชีวิตใหม่ หลายคนเข้าใจดีว่าการเป็ นแม่
เลีย
้ งเดี่ยวนัน
้ ยากลำบากมากแค่ไหน
…….
บ้านเช่าที่อยู่ห่างไกลในเซี่ยงไฮ้ หญิงสาวคนหนึ่ง
กำลังร้องไห้ขณะที่มือถือรูปถ่ายอยู่ใบหนึ่ง
“แม่ แม่ร้องไห้เหรอ?” จู่ๆก็มีเด็กชายวัย 4 ขวบ
เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“ลูกตื่นแล้วเหรอ?” หญิงสาวเช็ดน้ำตาแล้วฝื น
ยิม

“ผมปวดฉี่” เด็กชายตอบ
“มา เดี๋ยวแม่ช่วย” หญิงสาววางรูปถ่ายลงแล้ว
เดินไปจูงมือเด็กชาย
เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ เขาก็มองเห็นหยาดน้ำตา
ที่หางตาของเธอ เขาดูเศร้าก่อนจะพูดว่า “แม่ อย่า
ร้องไห้ ผมจะปกป้ องแม่เอง”
เมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนัน
้ เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อ
ไป เธอทรุดตัวลงกอดเด็กน้อยแน่น น้ำตาไหลพราก
“อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ แม่เป็ นเด็กดี” เด็กน้อย
ตบหลังเธออย่างเงอะงะ ขณะที่เขาปลอบแม่ของ
เขา
……
หลังจากอวยพรให้พี่อวี๋มีความสุขในวันปี ใหม่
แล้วหยุตงก็
ู ขับรถกลับบ้าน เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้
ตัวอาคาร เธอก็เห็นว่าไฟในบ้านของเธอยังเปิ ดอยู่ดู
เหมือนว่าเซี่ยเฟิ งจะยังไม่นอน
อวี๋ตงยิม
้ ขณะที่ออกจากลิฟต์ เธอเดินเข้าไปในอ
พาร์ทเม้นท์ อวี๋ตงก็เห็นเซี่ยเฟิ งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
เล็กๆริมระเบียง
ขณะที่อวี๋ตงถอดเสื้อโค้ทออก เธอก็ถามว่า
“ทำไมคุณยังไม่นอนอีก?”
“ผมรอคุณอยู่” เซี่ยเฟิ งเดินเข้าไปหาเธอ
“ทำไมยังใส่รองเท้าอยู่?” เมื่อเซี่ยเฟิ งยืนขึน
้ อวี๋
ตงก็เห็นว่าเขาสวมเสื้อกันหนาว กางเกงลำลองและ
รองเท้าหนังคู่ใหม่ เธอสงสัยจึงถามไปว่า “คุณก็เพิ่ง
กลับมาถึงเหรอ?”
เซี่ยเฟิ งยิม
้ ขณะที่เขาจับมือเธอ แล้วดึงอวี๋ตงไปที่
กลางห้องนั่งเล่น
“คุณจะทำอะไร?” จู่ๆอวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกว่าบรรยากาศ
ดูแปลกๆ
“ยืนอยู่ตรงนี ้ นิ่งๆ” เซี่ยเฟิ งเดินไปที่ระเบียงและ
ปิ ดไฟในห้องนั่งเล่น ชั่วขณะหนึ่งสิ่งเดียวที่ทำให้
ห้องนั่งเล่นสว่างก็คือแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟ
ตัง้ โต๊ะ
เซี่ยเฟิ งเดินกลับไปหาอวี๋ตงและจับมือทัง้ สองข้าง
ของเธอเอาไว้ ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ ยมไปด้วยความ
รักแล้วถามว่า “ก่อนที่ผมจะไปพบพ่อแม่ของคุณ
ผมมีคำถามที่จะถามคุณ”
“อะไรเหรอ?” อวี๋ตงมองเข้าไปในดวงตาที่อบอุ่น
ของเซี่ยเฟิ ง
เซี่ยเฟิ งยิม
้ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วหยิบ
แหวนที่ซ่อนเอาไว้ใต้โต๊ะกาแฟออกมา เขาเงยหน้า
ขึน
้ มองอวี๋ตงด้วยสายตาเปี่ ยมความหวังแล้วพูดว่า
“คุณจะแต่งงานกับผมได้ไหม?”
“ฉัน….” อวี๋ตงมองไปที่แหวนอย่างโง่งมและไม่รู้
จะพูดอะไร
“ผมขอโทษที่ผมไม่ได้เตรียมเทียนกับดอกไม้มา
ด้วย” เซี่ยเฟิ งชูแหวนขึน
้ และพูดอย่างจริงจัง “แต่
ผมหวังว่าคุณจะตอบตกลง”
“อื้อ!” อวี๋ตงพยักหน้าอย่างแรง
อวี๋ตงคิดว่าเธอจะไม่มีวันได้สัมผัสกับช่วงเวลา
เช่นนีัแล้วในชีวิตของเธอ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอใน
ดวงตาขณะที่เธอมองเขา
เซี่ยเฟิ งยิม
้ ขณะที่สวมแหวนทองคำขาวดีไซน์ทัน
สมัยลงในนิว้ นางข้างซ้ายของเธอ จากนัน
้ ทัง้ สองคน
ก็สวมกอดกันอย่างมีความสุข
คำขอแต่งงานนีไ้ ม่มีดอกกุหลาบ ไม่มีดินเนอร์ใต้
แสงเทียน ไม่มีแหวนเพชรเพื่อเป็ นสัญลักษณ์แห่ง
ความรักของพวกเขา
แต่ในตอนนีอ
้ วี๋ตงคิดว่าเป็ นรูปแบบการขอ
์ ี่สุด การแต่งงานไม่ใช่เพื่อการ
แต่งงานที่บริสุทธิท
เซอร์ไพรส์สุดโรแมนติก หรือเพื่อแหวนเพชรเม็ด
ใหญ่เป็ นประกาย แต่เป็ นเพราะพวกเขาอยากอยู่
ด้วยกันไปตลอดชีวิต
แม้ว่าทุกวันที่มาถึงจะเป็ นวันเรียบง่ายธรรมดา
แต่แค่ขอให้มีชีวิตที่สงบและมีความสุขก็เพียง
พอแล้ว
สิ่งที่เกิดขึน
้ ต่อไปเป็ นเรื่องตามธรรมชาติ อวี๋ตง
ถูกเซี่ยเฟิ งอุ้มเข้าไปในห้องนอน เมื่อเธอถูกวางลง
บนเตียง อวี๋ตงก็จูบเซี่ยเฟิ ง
เธอรู้สึกว่าเสื้อผ้าของเธอถูกถอดออกทีละชิน

ด้วยมือที่อ่อนโยนและกระตือรือร้น จนกระทั่งอวี๋
ตงสัมผัสได้ถึงผ้าปูที่นอนที่เย็นนิดหน่อยบนผิว
เนียนนุ่มของเธอ พลันก็ทำให้เธอมีสติขึน
้ มาบ้าง
“เซี่ยเฟิ ง….” ตอนนีแ
้ ก้มของอวี๋ตงขึน
้ สีแดงเรื่อ
และดวงตาที่มีเสน่ห์ของเธอดูงุนงงเล็กน้อย
“อืม….” เซี่ยเฟิ งฝั งใบหน้าของเขาตรงซอกคอ
ของอวี๋ตงและกัดลงไปเบาๆ ปลายลิน
้ ไล้เลียอยู่ตรง
ไหปลาร้าของเธอ
ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมแล่นปลาบไปตามกระดูก
สันหลังตรงเข้าไปยังสมองของเธอ อวี๋ตงพบว่ามัน
ยากที่จะประคองสติต่อไปได้ ขณะที่เธอแหงนเงย
เปิ ดเปลือยลำคอเรียวระหงของเธอ
อวี๋ตงดึงทึง้ ผ้าปูที่นอนราวกับมันเป็ นที่ยึดเหนี่ยว
เพียงอย่างเดียวของเธอ ในที่สุดมืออันชุ่มเหงื่อของ
เธอก็โอบรอบตัวของเซี่ยเฟิ ง เมื่อร่างของทัง้ สอง
แนบชิดกันมากขึน
้ กว่าเดิม
มืออันอบอุ่นของเซี่ยเฟิ งราวกับมีกระแสไฟฟ้ า
ขณะที่มันลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของอวี๋ตง ก่อนที่จะ
เลื่อนลงไปจับกระชับตรงเอวบางของเธอ
ด้วยลมแรงและสายฝนกระหน่ำ อวี๋ตงรู้สึก
ราวกับกำลังจมอยู่ในความฝั นอันยอดเยี่ยม…
……................ 
ตอนที่ 40 มุมมองของแม่ที่มีต่อลูกเขย
เมื่ออวี๋ตงตื่นขึน
้ มาก็ร้ส
ู ึกสับสน เธอรู้สึกว่าหมอน
ที่หนุนอยู่แข็งและรู้สึกอึดอัด เธอพยายามพลิกตัว
เพื่อให้สบายขึน
้ แต่กลับกระแทกเข้ากับแผ่นอกหนา
และอบอุ่นโดยไม่ตัง้ ใจ
เกือบทันทีอวี๋ตงหายใจสะดุดและสายตาของเธอ
ก็เลื่อนไปตามลำแขนอันอบอุ่น กระทั่งสบเข้ากับ
ดวงตาอันอ่อนโยนของเซี่ยเฟิ ง
“ตื่นแล้วเหรอ?” เซี่ยเฟิ งก้มหน้าลงแล้วจูบหน้า
ผากของอวี๋ตง
อวี๋ตงกระพริบตา ภาพกิจกรรมเมื่อคืนก็ผุดขึน

มาในหัว เซี่ยเฟิ งเห็นหน้าของเธอค่อยๆแดงขึน

“อา…” เมื่อมองอวี๋ตงที่เขินอาย เซี่ยเฟิ งก็อด
หัวเราะไม่ได้
“คุณหัวเราะอะไร?” อวี๋ตงรู้สึกอายจึงขยับตัว
ออกจากอ้อมกอดของเซี่ยเฟิ ง เธออยากจะลุกขึน

นั่งแต่ผ้าห่มที่เลื่อนลงเผยให้เห็นหน้าอกของเธอ อวี๋
ตงร้องอุทานออกมาก่อนจะซุกตัวกลับลงไปเหมือน
เดิม
เซี่ยเฟิ งพออกพอใจอย่างยิ่งที่ร่างอันอ่อนนุ่มกลับ
เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอีกครัง้ เขาจึงเผยรอยยิม
้ กว้าง
กว่าเดิมขณะที่กระชับอ้อมกอดรอบร่างอวี๋ตง
อวี๋ตงพูดไม่ออกเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่น่าอาย
แบบนีใ้ นตอนเช้า เธอทำได้เพียงกัดแผ่นอกของ
เซี่ยเฟิ งเพื่อระบายอารมณ์
“หยุดก่อน อย่าเพิ่งก่อเรื่องเราต้องตื่นมากินข้าว
เช้าก่อนแล้วค่อยออกเดินทาง” วันปี ใหม่คือ
อีก 2 วันข้างหน้า เซี่ยเฟิ งและอวี๋ตงวางแผนที่จะ
ขับรถกลับไปบ้านเกิดของเธอในวันนี ้
“คุณก็ลุกขึน
้ ก่อนสิ” อวี๋ตงบอกขณะที่เธอถลึงตา
มอง
เมื่อเห็นท่าทางที่น่ารักแบบนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็อดไม่
ได้ที่จะจูบอวี๋ตงอย่างลึกซึง้ อีกครัง้ หลังจากนัน
้ เขา
ก็รีบอดกลัน
้ เอาไว้เลือกที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อ
อาบน้ำ
อวี๋ตงวางมือทาบลงตรงหัวใจที่เต้นรัวราวกับ
เสียงกลองขณะที่มองเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่บนพื้น ฉวย
โอกาสนีร้ ีบหยิบเสื้อผ้าแล้วกลับไปที่ห้องนอนของ
ตัวเองทันที
เมื่อเซี่ยเฟิ งออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแค่เตียงที่
ว่างเปล่า เขาเร่งฝี เท้า แต่งตัวพลางเช็ดผมด้วยผ้า
ขนหนูก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียม
อาหารเช้า
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง อวี๋ตงก็ปรากฎตัว เธอ
เห็นเซี่ยเฟิ งกับอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้า
ของเธอก็ขึน้ สีอย่างควบคุมไม่ได้
“มา นั่่งลงกินข้าว” เซี่ยเฟิ งสังเกตเห็นอวี๋ตงที่ยืน
อยู่ตรงประตู เขาจึงกวักมือเรียกเธอเข้ามา
“โอ้….” อวี๋ตงเดินตัวแข็งทื่อมานั่งลงที่เก้าอี ้
อวี๋ตงที่ไม่ค่อยได้ต่ ืนเช้าบ่อยนักจึงไม่ร้ส
ู ึกอยาก
อาหาร หลังจากกินไข่ลวกไป 2 ฟองก็ด่ ม
ื นมช้าๆ
เซี่ยเฟิ งเงยหน้าขึน
้ มองก็เห็นที่รอบปากของเธอ
เปื้ อนนมเป็ นคราบจึงอดยื่นมือออกไปเช็ดให้ไม่ได้
อวี๋ตงไม่หลบเลี่ยงมือของเขาแต่ดวงตาที่เขินอาย
ของเธอกระพริบปริบๆและไม่สามารถมองเขาได้
เต็มตา
“ทำไมคุณไม่ทำท่าทางเขินอายแบบนีต
้ อนที่เรา
พบกันครัง้ แรก?” เซี่ยเฟิ งถาม
“คุณกำลังพูดถึงอะไร?” ในฐานะหญิงเก่งขึน

คานที่มาเกิดใหม่ อวี๋ตงยอมรับความจริงที่ว่า เธอ
เก่งแต่ในด้านทฤษฎีแต่ด้านปฏิบัตินัน
้ ย่ำแย่มาก
เซี่ยเฟิ งยืนขึน
้ ก่อนยื่นหน้ามากัดริมฝี ปากเล็กๆ
ของอวี๋ตง อา…รสชาติเหมือนนม
“คุณ…”
“อย่าเพิ่งยั่วผม ไม่งัน
้ เราจะพลาดมื้อเย็นกับ
แม่ยาย” เซี่ยเฟิ งกลับไปนั่งทานอาหารเช้าของตัว
เองต่อ
อวี๋ตงรู้สึกราวกับเธอเพิ่งจะพ่ายแพ้บางอย่าง
พ่ายแพ้ผู้ชายหน้าหนาตรงหน้าเธอคนนี ้ แค่ก…
ผู้ชายคนนีห
้ น้าหนาขนาดนีต
้ งั ้ แต่เมื่อไหร่?
…..
บ้านเกิดของอวี๋ตงอยู่ทางตอนกลางของมณฑล
เจียงซี โดยปกติจะใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมงทาง
รถไฟ แต่เนื่องจากที่หมู่บ้านของอวี๋ตงไม่มีรถ
ประจำทางวิ่งผ่าน อวี๋ตงจึงต้องลงรถไฟแล้วต่อรถ
บัสอีกหลายทอด
อวี๋ตงจึงเสนอให้ขับรถไปแทน ถ้าพวกเขาใช้
ทางหลวงก็จะมาถึงโดยใช้เวลาใกล้เคียงกับการเดิน
ทางแบบอื่น และยังสามารถเอาข้าวของมาด้วย
เยอะๆได้ ที่สำคัญถ้าเซี่ยเฟิ งถูกแม่ของอวี๋ตงไล่ออก
มา เขาก็สามารถขับรถไปนอนที่โรงแรมในเมืองได้
“แน่ใจเหรอว่าแม่ของคุณจะไม่ชอบผม?” ขณะ
ที่เซี่ยเฟิ งขับรถเขาก็ถามอวี๋ตง
“มันก็ค่อนข้างพูดลำบากในตอนนี”
้ อวี๋ตงคิด
ย้อนกลับไป ‘ถ้าเป็ นในอีก 10 ปี ข้างหน้าไม่สิ
แค่ 5 ปี ก็พอ แม่ของฉันได้พบคุณคงจะจุดประทัด
พร้อมกับตีฆ้องร้องเป่ าแน่นอน’
“สบายใจได้ ไม่ว่าพ่อตาแม่ยายจะทำอะไรกับผม
ผมก็จะไม่ทิง้ คุณ” เซี่ยเฟิ งบอก
“คุณกล้าเหรอ!” เซี่ยเฟิ งยิม
้ ให้กับการโต้กลับนี ้
แล้วมองไปที่นิว้ นางของอวี๋ตงด้วยสายตาอบอุ่น
……
ลู่เจีย 17.00 น.
ตัง้ แต่ 18.00 น. พ่อกับแม่อวี๋ถามอวี๋ซง
ทุกๆ 10 นาทีว่าเมื่อไหร่อวี๋ตงจะมาถึง
อวี๋ซงผู้น่าสงสารไม่มีทางเลือกนอกจากทิง้ ระเบิด
ข้อความไปถามอวี๋ตงทุกๆ 10 นาที ในใจของเขาก็
บ่นว่า ‘ถ้าพวกพ่อกับแม่ร้อ
ู ยู่แล้วว่า อีก 1 ชั่วโมง
กว่าที่พวกอวี๋ตงจะมาถึงก็ไม่ควรบังคับถามทุกๆ 2-
3 นาทีแบบนี’้
“แม่กับข้าวเริ่มเย็นแล้ว แม่ควรเอาไปอุ่นให้ร้อน
ก่อน อวี๋ตงมาถึงจะได้กินอาหารร้อนๆอร่อยๆ” แม่
ของเขากระสับกระส่ายมากขึน
้ อวี๋ซงจึงแนะนำได้
เพียงเท่านี ้
“ยังจะกินอะไรอีก? หนีตามผู้ชายออกจากบ้าน
ไปแล้ว ใครอยากจะให้ข้าวเด็กคนนัน
้ กินกัน?” แม่
อวี๋คำราม
“ใช่ ใช่” อวี๋ซงกลอกตาไปมา เขาเข้าใจถึงใจจริง
ของแม่ซึ่งมักจะถามหาอวี๋ตงทุกๆสัปดาห์ และ
ได้ยินมาว่าอวี๋ตงจะพาแฟนกลับมาด้วย แม่ของเขา
ก็รีบสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ไม่เคยยอมเอาออกมาใส่
เลยใน 2 ปี ที่ผ่านมา
แม่ของเขายังจู้จีแ
้ ต่เธอก็เอาอาหารกลับเข้าไป
อุ่นในครัวอีกรอบ
“แฟนของตงตงเป็ นยังไง? ตงตงได้บอกอะไรกับ
แกบ้างหรือเปล่า?” เมื่อพ่ออวี๋เห็นแม่อวี๋เข้าไปใน
ครัวแล้วเขาก็ดึงลูกชายของตัวเองมากระซิบถาม
“พ่อ ผมก็ไม่ค่อยรู้ พ่อบอกเองว่าเป็ นผู้ชายไม่
ควรไปสนใจชีวิตรักของน้องสาวให้มากนัก” อวี๋ซง
ตอบ
“งัน
้ แกจะมีประโยชน์อะไร?” พ่ออวี๋นั่งลงอย่าง
ขัดใจ
อวี๋ซงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็ นปลาที่อยู่ในน้ำที่มี
คลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง ‘พระเจ้า ช่วยให้ผม
เอาชนะความยากลำบากครัง้ นีด
้ ้วยเถอะ!’
ตอนนีเ้ องที่มองเห็นแสงไฟหน้ารถส่องผ่าน
หน้าต่างเข้ามา ทำให้ลานบ้านสว่างขึน
้ ทัง้  3 คน
รีบวิ่งไปที่ประตู อวี๋ซงมองป้ ายทะเบียนรถแล้ว
ตะโกนบอกว่า “พวกเขามาถึงแล้ว นั่นป้ าย
ทะเบียนของเซี่ยงไฮ้”
พ่อกับแม่อวี๋เกาะแขนกันด้วยความตื่นเต้นดีใจ
แล้วจึงแสร้งทำเป็ นเมินเฉย คนหนึ่งเดินกลับไปที่
ห้องนั่งเล่นส่วนอีกคนก็ตรงเข้าไปที่ห้องครัว อวี๋ซง
พูดไม่ออกกับการกระทำของทัง้ คู่ มุมปากของเขา
กระตุก นั่นมันคืออะไรพวกเขารีบวิ่งออกมาเร็วกว่า
ฉันเสียอีก!
รถจอดสนิทและอวี๋ตงเป็ นคนแรกที่ลงจากรถ
การได้พบกับพี่ชายของเธออีกครัง้ โดยปราศจาก
ความกดดันและความกังวลของครอบครัวทำให้
กระโดดเข้าไปกอดเขาแน่น
“เป็ นอะไรไป? แกโดนใครรังแกมาเหรอ?” อวี๋ซ
งอยากรู้เกี่ยวกับน้องเขยของเขาแต่การกระทำขอ
งอวี๋ตงทำให้เขารู้สึกโกรธและสรุปไปในทางเลวร้าย
พ่ออวี๋ยังอยู่ในบ้านแต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของ
ลูกชาย เขาก็รีบกระเด้งตัวขึน
้ ก่อนจะคว้าเก้าอีต
้ ัวที่
นั่งอยู่ทันที แล้วขู่ให้เซี่ยเฟิ งถอยออกไปห่างๆ
อวี๋ตงรับรู้ถึงความผิดพลาด เธอจึงรีบปล่อยพี่
ชายก่อนจะพูดด้วยความลำบากใจ “ฉันไม่ได้เจอพี่
มาสักพักแล้ว ฉันก็แค่คิดถึงพี่”
มันนานมากแล้ว ตัง้ แต่ที่ฉันได้เห็นพี่ยิม
้ ให้ฉัน
ครัง้ สุดท้าย
“อย่าทำให้ฉันตกใจแบบนี”
้ อวี๋ซงขยีผ
้ มน้องสาว
ก่อนหันไปทางเซี่ยเฟิ ง
“พ่อ!” ในชีวิตก่อน พ่อของเธอเป็ นคนที่กดดัน
ให้เธอแต่งงานน้อยที่สุด แค่เขากลับมีผลกระทบต่อ
เธอมากที่สุด ผมสีขาว ดวงตาเศร้าสร้อยและแผ่น
หลังที่โค้งงอของเขา ทำให้อวี๋ตงรู้สึกว่าการที่เธอไม่
ได้แต่งงานเป็ นบาปมหันต์
เมื่อเห็นว่าเป็ นเพียงแค่ความเข้าใจผิดกัน พ่อขอ
งอวี๋ตงก็กระแอมก่อนลดเก้าอีล
้ งอย่างใจเย็นแล้วนั่ง
ที่ลานบ้าน
เมื่ออวี๋ตงหันกลับมาก็โบกมือให้เซี่ยเฟิ ง เขาจึง
รู้สึกกล้าที่จะขยับเข้ามาใกล้
“พ่อ นี่คือแฟนของหนู เซี่ยเฟิ ง” อวี๋ตงแนะนำ
พร้อมรอยยิม

“สวัสดีครับ คุณลุง ผมชื่อเซี่ยเฟิ ง” เซี่ยเฟิ ง
ทักทายด้วยรอยยิม

พ่ออวี๋มองสำรวจเขาขึน
้ ๆลงๆ แค่นเสียงในลำคอ
แต่ไม่ได้ออกความเห็นใดๆ
คุณหมอเซี่ยที่ผ่าตัดมานับครัง้ ไม่ถ้วนโดยไม่กระ
พริบตา ตอนนีก
้ ลับตกอยู่ในอาการหวาดวิตกอย่าง
ยิ่ง
“แม่อยู่ที่ไหน?” อวี๋ตงถามพี่ชาย
“กำลังอุ่นกับข้าวอยู่” อวี๋ซงตอบก่อนชีไ้ ปทาง
ห้องครัว
อวี๋ตงลังเลครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็ยังเข้าไปในห้อง
ครัว ก่อนที่เธอจะย้อนกลับมาเกิดใหม่อวี๋ตงกับแม่
ของเธอมักจะทะเลาะกันทุกครัง้ ที่พบหน้า แต่ถึง
กระนัน
้ เธอก็คิดถึงแม่และความรักที่ท่านมีต่อเธอ
เสียงของตกแตกดังออกมาจนทำให้ชายทัง้ สาม
คนในลานบ้านสะดุ้งจนตัวโยน
“แกยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ ทำไมไม่ตายอยู่
ข้างนอกนั่นซะ!? ดูสิว่าฉันจะไม่ฆ่าแกให้ตาย!”
“แม่ แม่ หนูผิดไปแล้ว อย่าเพิ่งทะเลาะ”
เสียงดังลั่นของแม่อวี๋กับเสียงโอดครวญของอวี๋ตง
ดังก้องไปทั่วลานบ้านเล็กๆ
อวี๋ซงกับพ่ออวี๋มองหน้ากันแต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ยังไงก็ตามเมื่อเซี่ยเฟิ งได้ยินเสียงอันน่าเวทนาขอ
งอวี๋ตง เขาก็อดที่จะวิ่งเข้าไปข้างในไม่ได้ ขณะที่เขา
กำลังวิ่งเข้าไป เขาก็เห็นอวี๋ตงวิ่งสวนออกมาจาก
ห้องครัว แม่ของเธอไล่ตามหลังมาพร้อมกับไม้เท้า
ในมือ
เซี่ยเฟิ งไม่กล้าห้ามแม่อวี๋ เขาได้แต่กอดอวี๋ตงเอา
ไว้เพื่อกันไม่ให้ไม้เท้าในมือแม่อวี๋ตีโดนเธอ
หลังจากตีไปได้ 2-3 ที ในที่สุดแม่อวี๋ก็ร้ว
ู ่าเธอตี
ผิดคน ยังไงก็ตามเธอยังตีต่อไปอีก 2-3 ทีก่อนที่จะ
หยุด
“คุณเป็ นอะไรหรือเปล่า?” ความกังวลแรกของ
เซี่ยเฟิ งก็คืออวี๋ตง
อวี๋ตงพยักหน้า เธอร้องเสียงดังทุกครัง้ ที่ถูกตีเพื่อ
ลดความโกรธของแม่ เสื้อผ้าหนาๆ ช่วยป้ องกันไม่
ได้เธอเจ็บ
เซี่ยเฟิ งรู้สึกโล่งใจอย่างมากเมื่อได้ยินที่อวี๋ตง
กระซิบบอก จากนัน
้ เขาก็หันไปเผชิญหน้ากับแม่อวี๋
เขาโค้งคำนับด้วยความเคารพก่อนจะพูดว่า “คุณ
ป้ าครับ ผมชื่อเซี่ยเฟิ ง เป็ นแฟนของอวี๋ตง”
แวบแรกแม่อวี๋มีความประทับใจที่ดีต่อเซี่ยเฟิ งที่
เห็นเขารีบวิ่งเข้ามาปกป้ องอวี๋ตง แต่หลังจากที่
ได้ยินคำแนะนำตัวของเซี่ยเฟิ ง เธอก็ระงับอารมณ์
เอาไว้ไม่อยู่ “เซี่ยเฟิ งงัน
้ เหรอ? แฟนของแกชื่อฝาง
ฮัวไม่ใช่รึไง?”
“คือ…นั่น…พวกเราเลิกกันนานแล้ว” อวี๋ตงพูด
เสียงแผ่ว
“แก…แก นังเด็กน่าตาย!” อวี๋ตงแทบไม่มีเวลา
คิด เมื่อแม่ของเธอแกว่งไม้เท้าอีกรอบ
เซี่ยเฟิ งเห็นแบบนีก
้ ็รีบกดอวี๋ตงเอาไว้กับอกเพื่อ
ปกป้ อง
อวี๋ซงกับพ่ออวี๋กำลังเบียดเสียดกันอยู่ตรงประตู
เฝ้ ามองด้วยความสนุกสนาน อวี๋ซงออกความเห็น
ว่า “ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนีจ
้ ะชอบตงตงโง่ของเรา
จริงๆ เขาเกาะติดไม่ยอมปล่อยเลย”
พ่ออวี๋พยักหน้าเห็นด้วย เมื่อเห็นว่าแม่อวี๋บรรลุ
จุดประสงค์แล้วเขาก็ร้องบอก “เอาล่ะ พอได้แล้ว
เลิกวุ่นวายกันสักที ไปกินข้าวกันก่อน”
แม่อวี๋เริ่มเบื่อที่จะเหวี่ยงไม้เท้าไปรอบๆ เธอจึง
เดินกลับเข้าไปในครัว ขณะที่ถลึงตามองลูกสาว
ของเธอ “ไปหยิบจานออกมา”
อวี๋ตงเดินตามไปอย่างว่าง่าย
เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตงก่อนถอยกลับไปอย่างหวาดๆ
แต่เขาก็ร้ว
ู ่าตอนนีเ้ ขาไม่สามารถตามเธอไปได้ เมื่อ
เขาหันกลับไปก็เห็นว่า พ่อตากับพี่ภรรยาของเขา
กลับไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วทิง้ เขาเอาไว้คนเดียว
หลังจากลูบจมูกตัวเองอย่างเก้อเขิน เซี่ยเฟิ งก็
กลับไปที่รถแล้วหยิบของขวัญที่เตรียมเอาไว้ออกมา
เซี่ยเฟิ งหยิบบุหรี่กับไวน์ออกมาก่อนเดินเข้าไป
หาพ่ออวี๋ “นีเ่ ป็ นของขวัญที่ผมกับอวี๋ตงซื้อมาให้”
“เฮ้ ยีห
่ ้อนีข
้ องอเมริกาเป็ นยี่ห้อที่ดีมาก!” อวี๋ซ
งออกความเห็นขณะที่เขามองที่กล่อง
ปฏิกิริยาของพ่ออวี๋ดูสงบนิ่งเมื่อเขารับของขวัญ
ไป แต่อวี๋ซงรู้ดีว่าพ่อของเขาพอใจมาก
ตัง้ แต่ที่เขาเข้ามา พี่ภรรยาเป็ นคนที่ต่อต้านการ
มาของเขาน้อยที่สุด ดังนัน
้ เซี่ยเฟิ งจึงถือโอกาสหยิบ
นาฬิกาออกมา “อวี๋ตงบอกว่าคุณชอบนาฬิกา”
เซี่ยเฟิ งพูดขณะที่เขายื่นกล่องนาฬิกาให้อวี๋ซง
“เฮ้ย…นี่มัน Longines!” อวี๋ซงมองนาฬิกาด้วย
ดวงตาเบิกกว้าง 
“หืม” พ่ออวี๋เหลือบมองลูกชายที่กำลังน้ำลาย
ไหล
“เสียดายที่ฉันไม่ค่อยชอบยี่ห้อนี!้ ” อวี๋ซงรู้ตัวว่า
กำลังจ้องมองนาฬิกาด้วยท่าทางราวกับชายแก่ผู้
ละโมบ เขาจึงรีบวางนาฬิกาลงบนโต๊ะเงียบๆ
แม้ว่าคุณจะอยากจูบลูบคลำมันแค่ไหนแต่ก็ไม่
สามารถทำได้ ไม่อย่างนัน
้ คงได้ทำให้น้องสาวของ
ตัวเองขายหน้าแน่ๆ
เซี่ยเฟิ งรู้สึกราวกับหัวใจครึ่งหนึ่งของเขาร่วง
ลงพื้นขณะที่เขายืนอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่าง
กระอักกระอ่วน ในความเงียบอันเกินทนแม่กับ
ลูกสาวก็เดินออกมาจากห้องครัว….
…………......
ตอนที่ 41 ทางเดียวที่พ่อจะจัดการเขาได้ก็คือ
ต้องผ่านหนูไปก่อน
ความอึดอัดใจของเซี่ยเฟิ งไม่ยังคลายลงเลยจน
กระทั่งอวี๋ตงปรากฎตัวขึน
้ พร้อมกับจานในมือ
เมื่ออาหารถูกวางลงบนโต๊ะทุกคนก็เดินไปนั่ง
ประจำที่
"ทันทีที่แม่ได้ยินว่าแกจะกลับมา กับข้าวเกินครึ่ง
บนโต๊ะก็เป็ นของโปรดของแก" อวี๋ซงชีไ้ ปที่
อาหาร 2-3 อย่าง
"อีกครึ่งก็เป็ นของที่แกเกลียด" แม่อวี๋มองลูกชาย
ตัวเองอย่างรังเกียจ
"แม่ ขอบคุณนะ" มันนานแล้วที่อวี๋ตงไม่ได้กิน
อาหารฝี มือแม่ของเธอ เธออยากกินในชีวิตก่อนแต่
ตอนนัน
้ เธอมักจะถูกเทศนาในช่วงอาหารเย็นอยู่
เสมอ ดังนัน
้ จึงพาลให้ไม่ร้ส
ู ึกอยากอาหาร
พ่ออวี๋มีอาการติดเหล้านิดหน่อย ทุกครัง้ ที่ทาน
อาหารเย็น เขาจะเปิ ดเหล้าขวดเล็กเพื่อดื่มสัก 2-
3 อึกเสมอ วันนีก
้ ็ไม่มีข้อยกเว้น ขณะที่เขาวางขวด
ลงบนโต๊ะ มันก็ถูกหยิบขึน
้ มา
เมื่อพ่ออวี๋เงยหน้าขึน
้ มองก็เห็นรอยยิม
้ จริงใจของ
เซี่ยเฟิ ง "คุณลุง ผมรินให้"
หลังจากบริการพ่ออวี๋แล้ว เซี่ยเฟิ งก็วางขวดลง
เมื่อเห็นแบบนัน
้ พ่ออวี๋ก็เหลือบมองไปยังแก้วที่ว่าง
เปล่าของเซี่ยเฟิ งเงียบๆ
เซี่ยเฟิ งมองตามสายตาของพ่ออวี๋ไปที่แก้วของ
ตัวเอง เขาค่อนข้างประหม่าขณะที่พูดว่า "คุณลุง
ผมดื่มไม่เก่ง"
"เหอะ" พ่ออวี๋ไม่ดึงดันขณะที่เขาหยิบแก้วของตัว
เองขึน
้ จิบเพื่อสุขภาพ
เซี่ยเฟิ งได้ยินเสียงแค่นในลำคออย่างเย็นชา ก็
รู้สึกกังวลทันทีว่าพ่อตาจะไม่พอใจเขาหรือเปล่า
ลังเลอยู่ไม่กี่วินาทีเซี่ยเฟิ งก็หยิบขวดเหล้าขึน
้ มา
แล้วรินใส่แก้วของตัวเอง เขายืนขึน
้ ก่อนจะพูดว่า "
คุณลุง ผมขอดื่มเพื่อแสดงความเคารพ"
สายตาของพ่ออวี๋ไม่ค่อยจะยินดีนักขณะที่เซี่ยเฟิ
งกระดกแก้วดื่มรวดเดียวจนหมด ฤทธิแ์ อลกอฮอล์
ที่แรงกว่า 40 ดีกรี แม้ว่าจะเป็ นแค่แก้วเล็กๆ แต่รส
่ มข้นและเผ็ดร้อนก็ทำให้ใบหน้าของ
ชาติที่เข้
เซี่ยเฟิ งเห่อร้อน ขณะที่เขาพยายามไม่ให้ตัวเอง
ต้องขายหน้าโดยการคีบผักใส่ปาก
แม้ว่าอวี๋ตงจะไม่ร้ป
ู ริมาณแอลกอฮอล์ของเหล้า
แต่เธอก็ร้ว
ู ่าพวกหมอจะไม่ค่อยดื่มบ่อยนัก ดังนัน

เธอจึงรู้ว่าเซี่ยเฟิ งคงรู้สึกไม่ค่อยดี
เธอรีบตักซุปกระดูกอ่อนครึ่งชามส่งให้เขา
เซี่ยเฟิ งรับชามซุปไปอย่างขอบคุณและดื่มลงไป 
2 อึกในทันที
"ตงตง ดูเหมือนว่าแฟนของแกจะดื่มไม่ค่อยได้"
เมื่อมองเห็นภาพอวี๋ซงก็อดเหยียดหยามไม่ได้
"เซี่ยเฟิ งเป็ นศัลยแพทย์ เขาเลยไม่ค่อยดื่มเหล้า"
อวี๋ตงอธิบาย
"ศัลยแพทย์ คนที่ใช้มีดผ่าตัด?" อวี๋ซงแปลกใจ
พ่อกับแม่อวี๋มองหน้ากันดูเหมือนว่าการงานจะ
โอเค
"คุณไม่จำเป็ นต้องดื่มก็ได้" พ่ออวี๋พูดเมื่อเห็น
หน้าแดงก่ำของเซี่ยเฟิ ง ยังไงก็ตามเมื่อเขาพูดจบ
พ่ออวี๋ก็แอบคิดในใจว่า ผู้ชายที่ด่ ม
ื ไม่เป็ นก็ไม่ถือว่า
เป็ นลูกผู้ชาย
เซี่ยเฟิ งราวกับจะได้ยินคำพูดประโยคต่อท้ายที่
พ่ออวี๋ไม่ได้พูดออกมา  นี่เป็ นการมาพบหน้าพ่อตา
ครัง้ แรกของเซี่ยเฟิ ง เขาจะทำให้ผิดหวังได้ยัง
ไง? เขาหยิบขวดเหล้าขึน
้ มาแล้วรินเติมให้แก้วของ
พ่ออวี๋ "คุณลุง ถึงผมจะดื่มไม่เก่งแต่อย่างน้อยผมก็
พอที่จะดื่มไปเพื่อนคุณลุงได้ 2-3 แก้ว ผมคงยังไม่
เมา"
พ่ออวี๋เลิกคิว้ ขึน
้ เซี่ยเฟิ งรินเหล้าใส่แก้วตัวเอง
ด้วยความเจ็บปวดใจ ตับของเขาสั่นไปหมดแล้ว
ดังนัน
้ หลังจากดื่มไป 2 แก้ว เซี่ยเฟิ งก็ดูเหมือน
จะสติหลุดไปแล้ว เขาฟุบลงไปที่โต๊ะอาหาร
"เซี่ยเฟิ ง เซี่ยเฟิ ง" อวี๋ตงเขย่าไหล่ของเซี่ยเฟิ งแต่
เขาก็ไม่ขยับตัวเลย เธอหันไปมองพ่อของเธอแล้ว
ทำหน้ามุ่ย "พ่อ ทำไมพ่อต้องให้เซี่ยเฟิ งดื่มหนัก
ขนาดนีด
้ ้วย?"
"ดื่มหนักอะไร ฉันดื่มแค่ 3 แก้วเท่านัน
้ เอง" พ่ออ
วี๋ร้ส
ู ึกผิด ตัวเขาเองยังไม่ออกอาการมึนเลยสักนิด
"ทำไมแกถึงไปโทษพ่อล่ะ? เซี่ยเฟิ งเป็ นคนที่ด่ ม

ไม่เก่งเอง" อวี๋ซงพูดเหน็บมาจากด้านข้าง
"เอาล่ะ พอได้แล้วมาช่วยฉันแบกเขาไปที่เตียงที"
อวี๋ตงยกแขนเซี่ยเฟิ งขึน
้ พาดคอตัวเอง
อวี๋ซงเดินไปอีกด้านเพื่อช่วยพยุงเซี่ยเฟิ งขึน
้ จาก
นัน
้ เขาก็หยุดชะงักก่อนถามว่า "ห้องไหน?"
"แน่นอนว่าต้องเป็ นห้องของฉันสิ" อวี๋ตงบอก
ภาษาถิ่นของแม่อวี๋หลุดออกมาขณะที่เธอ
กระแทกตะเกียบลงแล้วพูดว่า "อวี๋ซงพาเขาไปที่
ห้องของแก ส่วนแกมานี่"
อวี๋ตงอ้าปากจะเถียงแต่สุดท้ายเธอก็ร้ต
ู ัว ดังนัน

เธอจึงนั่งลงอย่างเงียบๆ เธอลืมไปเลยว่า เธอไม่ได้
อยู่ในชาติก่อน ก่อนที่เธอจะย้อนอดีตกลับมา
แน่นอนว่าอีก 10 ปี ข้างหน้า แม่ของเธอคงจะหมด
หวังมากพอที่จะทิง้ ผู้ชายคนใดคนหนึ่งลงบนเตียง
ของเธอด้วยตัวเอง แต่ตอนนีแ
้ ม้แต่แฟนของเธอก็
ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอน ยกเว้นแต่ว่า
เขาอยากจะถูกเสียบด้วยมีดทำครัว
อวี๋ซงยิม
้ ให้เธอขณะที่เขาเดินออกไป ทิง้ ให้อวี๋ตง
ที่ยังมึนงงอยู่เอาตัวรอดเอง
อวี๋ตงไม่ได้กินต่อ เธอนั่งลงที่เก้าอี ้ พ่ออวี๋เหลือบ
มองขณะที่เขาดื่มเหล้าอีกขวด อวี๋ซงกลับเข้ามา
แล้วมองสลับไปมาระหว่างสองด้าน ก่อนจะตัดสิน
ใจเดินไปหาพ่อของเขาซึ่งมันอยู่นอกโซนสาด
น้ำลาย
อวี๋ตงใช้รอยยิม
้ ที่คิดว่าน่ารักที่สุดของเธอ ขณะที่
ใช้ศรี ษะถูไถกับไหล่ของแม่อวี๋ เธอพยายามทำตัวให้
น่ารัก "แม่..."
"ยืนขึน
้ !" แม่อวี๋ชีน
้ ว
ิ ้ สั่ง
อวี๋ตงกระพริบตา กัดริมฝี ปากขณะที่ลุกขึน
้ ยืน
"พูดมา!" ท่าทางของแม่อวี๋เหมือนกับผู้พิพากษา
ที่กำลังจ้องนักโทษอยู่
"เรื่องอะไร?" อวี๋ตงกำลังจะพ่ายแพ้
"เริ่มด้วย แก้ตัวเรื่องที่แกขโมยสมุดบัญชีของแก
แล้วก็หนีออกจากบ้าน" มันมีเงินอยู่ไม่มากในบัญชี
แต่แม่อวี๋ก็จำจำนวนได้อย่างชัดเจน
ทัง้ พ่อและลูกชายทำเป็ นหูหนวกตาบอด
"นั่น...นั่นเป็ นแค่ความคิดชั่ววูบ ตอนนีห
้ นูมาคิด
ดูดีๆแล้วก็นึกได้ว่าแม่ยังไม่เคยเจอแฟนของหนูเลย
หนูร้ว
ู ่าถ้าแต่งงานกับเขาเลยก็คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
อวี๋ตงพูดต่อโดยหยอดคำยกยอเข้าไปด้วย "โชคดีที่
หนูเปลี่ยนใจแล้วเลิกกับเขาหลังจากที่หนูไปถึง
เซี่ยงไฮ้แค่ไม่กี่วัน"
"นั่นเป็ นสิ่งที่ฉันคิด จะมาแต่งงานกันง่ายๆได้ยัง
ไง?พวกเรายังไม่เคยไปพบหน้าพ่อแม่ของอีกฝ่ าย
เลยด้วยซ้ำไม่ร้แ
ู ม้กระทั่งนิสัยใจคอของเขา" แม่อวี๋
พูดอย่างไร้ความปราณี
อวี๋ตงที่ยืนอยู่พยักหน้าเห็นพ้องราวกับแม่ไก่ที่
กำลังจิกกินอาหาร แต่ลึกลงไปแล้วเธอไม่เห็น
ด้วย 10 ปี ต่อมาตราบใดที่เป็ นผู้ชาย ขอเพียงเธอ
พยักหน้าตกลงก็คงจะได้แต่งงานภายในหนึ่งชั่วโมง
เป็ นแน่
"แล้วกับเซี่ยเฟิ งมันเกิดขึน
้ ได้ยังไง?" แม่อวี๋ถาม
"เซี่ยเฟิ ง...." อวี๋ตงไม่สามารถให้แม่อวี๋ร้เู รื่องที่เธอ
แต่งงานแล้วได้โดยเด็ดขาด ไม่อย่างนัน
้ เธอคงจะไม่
ได้อยู่ดูปีใหม่ปีหน้าแน่ๆ "หนู...หนูชอบเขา"
อวี๋ซงแกล้งทำเป็ นอาเจียนเมื่อเห็นท่าทางของ
น้องสาว เขาลูบขนที่ลุกชันบนแขนของตัวเอง
"ลืมมันซะ...อะไรที่ฉันชอบก็คือสามารถเลีย
้ ง
ปากเลีย
้ งท้องได้" แม่อวี๋เริ่มซักไซ้ "การศึกษา อายุ
หน้าที่การงาน บ้าน รถ แล้วก็พ่อแม่ของเขาเป็ นคน
ยังไง? บอกฉันมาเดี๋ยวนี"้
"แม่..." เมื่อมองไปทางพ่อกับพี่ชายของเธอ อวี๋
ตงก็บอกว่า "บ้านเราไม่เก็บเสียง แม่เบาเสียงลง
หน่อย"
"แล้วยังไง อย่างงัน
้ ก็ให้เขาออกมาแล้วบอกฉัน
ด้วยตัวเอง" แม่อวี๋พูดต่อ "พี่ชายของแกมักจะเล่าให้
ฟั งเรื่องเด็กผู้หญิงที่เพิ่งเรียนจบจะถูกหลอกได้
ง่ายๆ แกไม่ร้ห
ู รอกว่าควรต้องระวังใครหรืออะไร"
"หนูคิดว่าคนอื่นน่าจะขอบคุณที่หนูไม่ไปหลอก
เขามากกว่า" อวี๋ตงอดหัวเราะคิกไม่ได้
"หยุดยิม
้ ได้แล้ว" แม่อวี๋เคาะโต๊ะแล้วพูดต่อว่า
"เร็วเข้า รีบบอกฉันมา"
"ศัลยแพทย์ อายุ 28 อาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ มีบ้าน
มีรถ มีเงินเก็บแล้วก็สิ่งที่สำคัญที่สุด เขาชอบ...
ชอบลูกสาวของแม่มากๆ" อวี๋ตงพูดอย่างไร้ยางอาย
"คุณสมบัติช่างเพรียบพร้อม? บอกความจริงมา
แกเป็ นคนไปไล่ตามเขาใช่ไหม?" หลังจากได้ยิน
ข้อมูลคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมแบบนี ้ อวี๋ซงก็อดจิกกัดอวี๋
ตงอย่างโหดร้ายไม่ได้
"พี่หุบปากซะแล้วก็กินข้าวไป" อวี๋ตงมองค้อน
แม่อวี๋และพ่ออวี๋มองหน้ากันด้วยความงุนงงแล้ว
ถามอย่างลังเล "หมอ...อา...แถมยังเป็ นหมอผ่าตัด
ด้วย แกไปเข้าตาเขาได้ยังไง?" 
อวี๋ซงพ่นซุปที่อยู่ในปากออกมา
อวี๋ตงรู้นิสัยแม่ของเธอที่มักจะหลับหูหลับตา
ชื่นชมคนที่เป็ นนักวิชาการซึ่งจะส่งผลกระทบอย่าง
มากต่อการตัดสินใจของท่าน
"ถ้าเขาเป็ นหมอแล้วยังไงล่ะ? ในเซี่ยงไฮ้ทุกครัง้ ที่
แม่เดินข้ามถนน แม่ก็จะเจอสักคนหนึ่งอยู่แล้ว" อวี๋
ตงอวดอ้าง "ยังไงก็ตามถ้าไม่ใช่เพราะเขาพยายาม
ไล่ตามหนูอย่างสิน
้ หวัง หนูก็คงไม่แม้แต่จะปราย
ตามองเขาด้วยซ้ำ"
หลังจากได้พักไปครู่หนึ่งเซี่ยเฟิ งก็เริ่มสร่างเมา
แต่พอมาได้ยินคำพูดของอวี๋ตงก็ถึงกับตกตะลึง
จากนัน
้ ไม่นานเขาก็ยกมือขึน
้ ปิ ดตาพยายามกลัน
้ ยิม

"ท่าทางของเขาดูดี" แม่อวี๋นึกย้อนไปตอนที่
เซี่ยเฟิ งปรากฎตัว "ตัวเขาก็สูงด้วย"
"แน่นอน หนูตกหลุมรักเขาก็เพราะใบหน้า"
ไหล่ของเซี่ยเฟิ งสั่นเทิม
้ ขณะที่เขาพยายามกลัน

หัวเราะ
"เขาชอบแกมากขนาดนัน
้ เลยเหรอ?" เมื่อมอง
ลูกสาวตัวเองแม่อวี๋ก็คิดว่ามันยากที่จะเชื่อ
"เขาก็อยู่ที่นี่แล้วจะเป็ นเรื่องโกหกไปได้ยังไง"
แม่อวี๋เหลือบมองสามีแล้วถามว่า "พ่อคิดว่ายัง
ไง?"
"ฉันต้องขอดูอีกที ฉันกำลังจะมอมเหล้าเขาก่อน
หลอกถามแต่เขาดันเมาฟุบไปก่อนหลังจากดื่มไป
แค่ 2 แก้ว" พ่ออวี๋พูดด้วยท่าทางน่าสงสารนิด
หน่อย
"พ่อ!" คราวนีอ
้ วี๋ตงรู้สึกพูดไม่ออกจริงๆ
เสียงหัวเราะของเซี่ยเฟิ งหยุดลงทันที เขาอดคิด
ไม่ได้ว่าสำหรับทุกคนในครอบครัวนีพ
้ ่ออวี๋เป็ นคนที่
ล้ำลึกที่สุด
....
ทุกคนในหมู่บ้านมักจะตื่นกันตัง้ แต่เช้า คนเป็ น
แม่จะตื่นมาทำอาหาร ส่วนคนพ่อจะตื่นเช้าเพื่อไป
ทำงานในไร่ เซี่ยเฟิ งตื่นนอนตอน 7 โมงเช้า แต่เขา
ก็ยังสายอยู่สักหน่อยเมื่อเทียบกับผู้อาวุโส
เซี่ยเฟิ งต้องการช่วยทำงานบ้านแต่เแม่อวี๋ไม่ยอม
ให้เขาหยิบจับอะไรเลย สุดท้ายเซี่ยเฟิ งก็ต้องมานั่ง
อยู่คนเดียวในลานบ้าน กระดิกนิว้ เล่นอย่างคนว่าง
งาน
ในตอนนีเ้ องอวี๋ซงซึ่งออกมายืดเส้นยืนสายก็ได้
สังเกตเห็นเซี่ยเฟิ ง อวี๋ซงเดินเข้ามาหาก่อนพูด
ทักทาย "คุณก็ต่ น
ื แต่เช้า?"
"ใช่" เซี่ยเฟิ งยืนขึน
้ ทักทายเขา
"แกช่วยเข้าไปปลุกอวี๋ตงให้หน่อยได้ไหม?" แม่อวี๋
ชะโงกหน้าออกมาจากประตูห้องครัวแล้วตะโกน
บอก "ไปบอกเธอให้ต่ ืนมาช่วยทำงาน"
"อื้อ" หลังจากฟั งจบ อวี๋ซงก็หันหลังเดินกลับ
เข้าไปในบ้าน
แต่เซี่ยเฟิ งหยุดเขาเอาไว้ก่อนแล้วบอกแม่อวี๋ว่า
"คุณป้ า ผมช่วยทำงานแทนเธอได้ ปกติแล้วตอน
เช้าๆ อวี๋ตงจะง่วงนอนมากปล่อยให้เธอนอนต่ออีก
สักหน่อยเถอะ"
บริเวณลานบ้านเงียบกริบทันทีมีเพียงเสียงสุนัข
ของเพื่อนบ้านเห่ามา 2 ครัง้
เซี่ยเฟิ งรู้สึกแปลกๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามีบาง
อย่างผิดปกติ?
แม่อวี๋ออกมาจากห้องครัวโดยที่มือถือตะหลิว
เธอมองไปที่เซี่ยเฟิ งแล้วถามว่า "คุณรู้ได้ยังไงว่า
ตอนเช้าๆอวี๋ตงเป็ นแบบไหน?"
"ไม่ใช่ว่าพวกคุณอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ?" อวี๋ซงทำ
สีหน้าตื่นตะลึงอ้าปากค้าง
เมื่อแม่อวี๋ได้ยินสายตาของเธอก็เปลี่ยนเป็ นรังสี
พิฆาตทันที เซี่ยเฟิ งเองก็ตกใจกับรังสีที่รุนแรง
นัน
้   เขารู้สึกว่าเหงื่อเย็นๆซึมออกมาทั่วแผ่นหลัง
และไม่ร้ว
ู ่าจะตอบกลับไปยังไงดี
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเฟิ งอ้ำๆอึง้ ๆ แม่อวี๋ก็สรุปว่านั่นคือ
การตอบรับโดยปริยาย อา...แล้วจะเป็ นยังไง
ล่ะ? แม่อวี๋ก็รีบไปที่ห้องนอนของอวี๋ตงพร้อมกับ
ตะหลิวในมือ
"นังเด็กน่าตาย! รอประเดี๋ยวเถอะ!"
"คุณป้ าครับ คุณป้ าเข้าใจผิดแล้ว" เซี่ยเฟิ งรีบวิ่ง
ตามเธอไป
อวี๋ตงที่กำลังนอนหลับอุตุสะดุ้งตื่นทันทีเมื่อแม่
ของเธอกระชากผ้าห่มออก รู้สึกถึงอากาศเย็นเล็ก
น้อย ก่อนจะขดตัวกลมเป็ นลูกบอลแล้วหลับต่อ
"แกกล้าดียังไง!" แม่อวี๋บิดหูของอวี๋ตงก่อนลาก
เธอออกจากเตียง
เซี่ยเฟิ งเห็นแบบนัน
้ ก็ร้ส
ู ึกราวกับว่าเขาถูกบิดหู
เสียเอง เขาจึงรีบเข้าไปช่วยอวี๋ตง
"แม่ทำอะไรน่ะ? มันเจ็บนะ!" อวี๋ตงลูบใบหูที่แดง
ก่ำของตัวเองขณะที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของ
เซี่ยเฟิ ง
แม่อวี๋จะทนมองภาพที่สนิทชิดเชื้อแบบนีไ้ ด้ยังไง
เธอเอื้อมมือไปดึงอวี๋ตงออกจากอ้อมกอดของ
เซี่ยเฟิ งทันทีส่งผลให้คอเสื้อชุดนอนของอวี๋ตงเปิ ด
กว้างจนเผยให้เห็นลำคอขาวผ่อง
รอยบนลำคอของอวี๋ตงที่ถูกเซี่ยเฟิ งขบกัดเมื่อคืน
ก่อนถูกเผยให้เห็น เซี่ยเฟิ งหน้าแดงทันทีแล้วรีบ
ช่วยอวี๋ตงจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่อย่างรีบร้อน
ภาพที่น่าตกใจนีส
้ ่งผลกระทบอย่างมากจนแม่อวี๋
เผลอปล่อยตะหลิวหลุดมือ
"แม่ แม่ใจเย็นก่อน" อวี๋ซงหยิบตะหลิวขึน
้ มาแล้ว
อุ้มแม่ของเขาที่กำลังจะเป็ นลมขึน

"คุณป้ า ฟั งผมก่อน" เซี่ยเฟิ งเป็ นผู้บริสุทธิ ์ เขา
และภรรยาของเขาเพียงแค่แสดงความรักต่อกันก็
เท่านัน
้ เองแต่เขาจะบอกเรื่องแบบนีใ้ ห้แม่ยายฟั งได้
ยังไง?
"มีเรื่องอะไรกัน?" พ่ออวี๋ที่เพิ่งจะกลับจากไปคุย
กับเพื่อนบ้านเห็นทุกคนมาชุมนุมกันอยู่ในห้องขอ
งอวี๋ตงก็เลยถามขึน
้ มา
"พ่อ ตงตงกับเซี่ยเฟิ งอยู่ด้วยกันแล้ว แม่ก็เลย
โกรธ" อวี๋ซงอธิบายอย่างไร้ความปราณี
หัวใจของเซี่ยเฟิ งเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเมื่อเขา
มองพ่อตา จู่ๆเขาก็เห็นสายตาของพ่ออวี๋เปลี่ยน
เป็ นน่ากลัวทันที
ขณะที่แม่อวี๋พร้อมที่จะทุบตีอวี๋ตง พ่ออวี๋ก็พร้อม
ที่จะทุบตีเซี่ยเฟิ งเช่นกัน
"ไปเอาขวานของฉันที่อยู่ตรงลานบ้านมา" พ่ออวี๋
สั่งอวี๋ซง
"ทางเดียวที่พ่อจะจัดการเขาได้ก็คือต้องผ่านหนู
ไปก่อน" ในที่สุดอวี๋ตงก็หลุดออกจากความมึนงง
ขณะที่เธอลนลานไปยืนขวางอยู่ด้านหน้าเซี่ยเฟิ ง
ในตอนนีเ้ องที่ตาของแม่อวี๋กลอกไปมาก่อนที่เธอ
จะเป็ นลมไป...
................... 
ตอนที่ 42 หมอเซี่ยเลีย
้ งหมู
ในห้องนั่งเล่น
หลังจากที่แม่อวี๋ฟ้ื นจากการกดจุดใต้จมูก เธอก็
นั่งลงบนเก้าอีด
้ ้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
อวี๋ซงส่งท่าทางไร้เสียงให้อวี๋ตง ด้วยการปาดมือ
ตรงลำคอ
พ่ออวี๋กำลังสูบบุหรี่ขณะที่เขามองลูกสาวตัวเอง
สุดท้ายก็ถอนหายใจ เขาแผ่กลิ่นอายสังหารออกมา
แล้วพูดกับเซี่ยเฟิ งที่ถูกกดดันด้วยกลิ่นอายนัน
้ ว่า "
คุณไปเลีย
้ งหมู"
"เอ๊ะ...ครับ...เลีย
้ งหมู?" เซี่ยเฟิ งตกตะลึง
"โฮ้ย เร็ว รีบไป อาหารหมูอยู่ในถังสีดำในครัว
คอกหมูอยู่หลังบ้าน" อวี๋ซงรู้ว่าพ่ออวี๋ต้องการ
ประชุมครอบครัว เขาจึงเร่งเซี่ยเฟิ ง
เซี่ยเฟิ งไม่ค่อยสบายใจนักที่ต้องทิง้ อวี๋ตงเอาไว้
คนเดียวในสถานการณ์แบบนีแ
้ ต่อวี๋ตงส่งยิม
้ ให้และ
แสดงท่าทางให้เขาออกไป
ในที่สุดเซี่ยเฟิ งก็เดินเข้าไปในครัวอย่างจำใจ
อวี๋ตงมองสำรวจสีหน้าแม่ของเธอและรู้สึกได้ว่า
ร่างอันแก่ชราของท่านเริ่มแยกแยะสถานการณ์
ก่อนหน้านีไ้ ด้แล้ว เธอจึงรีบพูดออกมา "แม่ อย่า
โกรธอีกเลย"
"จะไม่โกรธได้ยังไง?" แม่อวี๋ยืดตัวตรงแล้วพูดว่า
"แก...แกกับเขา...ทำไปแล้ว..."
"แม่ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ?"
"แก..." แม่อวี๋เริ่มหน้ามืดอีกครัง้
"แม่ใจเย็น ใจเย็นๆ" อวี๋ซงรีบส่งถ้วยชาให้
แม่อวี๋โบกมือปฏิเสธอวี๋ซง แล้วชีน
้ ว
ิ ้ สั่นๆไปที่อวี๋
ตง "แก...แก...ฉันเลีย
้ งแกให้กลายมาเป็ นเด็กแบบนี ้
ได้ยังไง?...แก ไม่ร้จ
ู ักความหมายของคำว่ายับยัง้
ชั่งใจเลยเหรอ?"
"แม่ ไม่ต้องเป็ นห่วงมากเกินไป พวกเขากำลังมี
ความรักแล้วก็เป็ นแฟนกัน.." อวี๋ซงอยากช่วย
คลี่คลายสถานการณ์แต่สุดท้ายก็ต้องกลัวสายตา
ดุร้ายของแม่อวี๋
"แกเป็ นผู้หญิงแล้วแกไม่เคารพตัวเองขนาดนีไ้ ด้
ยังไง ถ้าเป็ นในสมัยของฉัน แกคิดว่าจะยังได้
แต่งงานอยู่อีกเหรอ?" แม่อวี๋ตำหนิ
"ถ้างัน
้ หนูก็ไม่แต่ง"
ในสมัยของแม่อวี๋เป็ นเรื่องปกติที่จะต้องถูกบังคับ
ให้แต่งงานแบบคลุมถุงชน ในยุคสมัยนัน
้ ถ้าผู้หญิง
ไม่สามารถแต่งงานออกไปได้ก็จะทำให้ครอบครัว
ของเธอถูกดูถูกเหยียดหยาม เมื่ออวี๋ตงคิดถึงเรื่องนี ้
เธอก็อดโกรธไม่ได้จึงเถียงแม่ของเธอกลับไป
"แก..." แม่อวี๋พูดไม่ออก
"พูดกับแม่แบบนีไ้ ด้ยังไง?" พ่ออวี๋ที่ไม่ได้เอ่ยปาก
เลยตอนนีเ้ ริ่มโกรธขึน
้ มา
"ช่างเถอะ บอกให้เซี่ยเฟิ งเข้ามาแล้วถามเขาว่า
เมื่อไหร่เขาจะแต่งงานกับแก" แม่อวี๋หายใจไม่ออก
จนต้องทาบมือลงบนหน้าอกตัวเอง
"แม่ไม่จับพวกเขาย่างบนตะแกรงแล้วเหรอ?" อ
วี๋ซงแปลกใจจนอดถามไม่ได้ "หมายความว่าแม่
ยอมรับแล้วใช่ไหม?"
"น้องสาวของแกถูกกินไปแล้ว..." แม่อวี๋อดหลั่ง
น้ำตาออกมาเล็กน้อยไม่ได้ "จะต้องไปสอบสวน
อะไรอีก พวกเราก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเป็ นผู้ชายที่มี
ความรับผิดชอบ แค่ดีกับน้องสาวแกให้มากซัก
หน่อยตอนที่แกเตรียมสินเดิม"
"แม่..." อวี๋ซงพูดไม่ออก แม่ของเขาเพิ่งจะผลัก
ภาระการเตรียมสินเดิมมาให้เขาใช่หรือเปล่า?
อวี๋ตงไม่เคยสงสัยในความรักของแม่ที่มีต่อเธอ
แต่ช่องว่างระหว่างรุ่น การศึกษาและนิสัยของพวก
เธอ ทำให้เข้าหน้ากันไม่ค่อยติด ทุกครัง้ ที่แม่ร้องไห้
อวี๋ตงจะเศร้าและรู้สึกผิดอย่างมาก แม้ว่าเธอจะไม่
ได้ทำอะไรผิดแต่แม่ก็มักจะทำร้ายจิตใจเธอด้วยการ
ร้องไห้
"แม่..." อวี๋ตงอยากจะบอกความจริงกับแม่ของ
เธอ ว่าที่จริงแล้วเธอกับเซี่ยเฟิ งจดทะเบียนสมรส
กันแล้ว แต่ในใจของอวี๋ตงรู้สึกหดหู่ ทำไมแม่ของ
เธอถึงลดค่าลูกสาวของตัวเองให้ต่ำลงเพียงเพราะ
เรื่องนี ้
'ในชีวิตก่อน แม่คิดว่าฉันน่าอับอายเพราะไม่ได้
แต่งงาน แม่ร้ส
ู ึกเหมือนเสียหน้าและฉันทำให้
ครอบครัวต้องอับอาย ตอนนีฉ
้ ันมาเกิดใหม่ ฉันอยู่
กับผู้ชายก่อนแต่งแต่ถึงกระนัน
้ แม่ก็ร้ส
ู ึกว่าฉัน
ทำให้ท่านต้องอับอายขายหน้า เมื่อคืนเพิ่งจะซักฉัน
อย่างละเอียดเกี่ยวกับลูกเขยของท่าน แต่ตอนนี ้
กลับกลัวว่าเขาจะไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวตัวเอง'
อวี๋ตงเข้าใจว่าเรื่องแบบนีเ้ ป็ นมุมมองของคนรุ่น
ใหม่ซึ่งให้ลำดับความสำคัญต่างกัน แต่เธอก็อดไม่
ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจมากจนดวงตาแดงก่ำ
"แกจะร้องไห้ทำไม? เขาไม่อยากแต่งงานกับแก
เหรอ?" เมื่อแม่อวี๋เห็นลูกสาวร้องไห้ เธอก็สรุปไปใน
ทางเลวร้ายทันที
"เขากล้า! ฉันจะเค้นจนเขาเหลวเป็ นน้ำแน่!" อ
วี๋ซงผุดลุกขึน
้ เพื่อไปจัดการกับใครบางคน เมื่อเห็น
ผู้หญิงในครอบครัวของเขาร้องไห้ ใครจะไปทนได้?
"ไม่ต้อง กลับมา!" อวี๋ตงรู้ว่าชีวิตก่อนของเธอได้
ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจจึงปาดน้ำตาแล้วพูด
ว่า "เขามาที่นี่เพื่อขออนุญาตแต่งงานกับหนู"
พ่อกับแม่อวี๋มองหน้ากันอย่างโล่งใจ
"งัน
้ ก็ดี" อวี๋ซงยังรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับเหตุการณ์
เมื่อเช้า "ถ้าเขากล้ารังแกแกก็บอกพี่ใหญ่ ฉันจะ
ช่วยแกเอง"
พ่ออวี๋เป็ นคนรุ่นเก่า ถึงแม้ว่าเขาจะใส่ใจความ
รู้สึกของลูกๆ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะพูดแสดงความ
รู้สึกมากนัก
"เขาดีกับแกหรือเปล่า?" พ่ออวี๋ถามพียงคำถาม
เดียว เมื่ออวี๋ตงพยักหน้า เขาก็ดับบุหรี่แล้วพูดว่า
"ไปเรียกเขามากินข้าวเช้าเถอะ"
เมื่ออวี๋ตงเดินออกไป เธอก็กลัน
้ น้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
"ตงตง พ่อไม่อยากให้แกหาผู้ชายแบบสุ่มๆ แต่
แกควรแต่งงาน" อวี๋ตงเคารพพ่อของเธอตลอดมา
ในชีวิตก่อนเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอถูกกดดันให้แต่งงาน
เธอทะเลาะกับแม่ได้แต่เธอปฏิเสธพ่อไม่ได้
ตัง้ แต่ที่เธอยังเด็ก อวี๋ตงมักจะเห็นพ่อของเธอ
ผู้ชายที่นั่งอยู่มุมห้องสูบบุหรี่เงียบๆ ดวงตาของเขา
เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อลูกๆ
ในตอนนีอ
้ วี๋ตงรู้สึกว่าเธอไม่ค่อยยุติธรรมเล็ก
น้อย พระเจ้าให้โอกาสครัง้ ที่สองแก่เธอและช่วย
เธอขจัดปั ญหาเรื่องการแต่งงาน ตอนนีบ
้ ้านของเธอ
กลับมาเป็ นสถานที่อันอบอุ่นอย่างที่เธอคาดหวังมา
ตลอด แต่ไม่ร้ท
ู ำไมเธอถึงได้ร้ส
ู ึกยากลำบาก
ในขณะเดียวกัน หมอเซี่ยก็กำลังให้อาหารหมูอยู่
ที่คอกหลังบ้าน
เซี่ยเฟิ งเทอาหารลงในรางและยืนดูลูกหมู 3 ตัว
ที่กำลังกินอาหารอยู่ใกล้ๆ
เขาหวนคิดไปถึงเหตุการณ์ในเช้าวันนี ้ ครอบครัว
ของอวี๋ตงต้องมีการปรึกษาหารือกันอย่างแน่นอน
เช้าวันนีค
้ ่อนข้างวุ่นวาย ท้ายที่สุดมันก็จะไม่ใช่เรื่อง
ใหญ่ ยังไงก็ตามเขากับอวี๋ตงก็แต่งงานกันแล้ว
ดังนัน
้ เซี่ยเฟิ งจึงเฝ้ ามองลูกหมูด้วยใจที่สงบ
เพียงแค่รอให้อวี๋ตงมาเรียกเขา
จู่ๆก็มีคุณป้ าวัย 50 เดินตรงมาที่บ้านของพวก
เขาแล้วจ้องมองเซี่ยเฟิ งจากระยะไกล เป็ นเรื่องยาก
ที่เซี่ยเฟิ งจะหลบเลี่ยงสายตาอันรุนแรงของเธอ ดัง
นัน
้ เมื่อคุณป้ าเดินเข้ามาใกล้เขาจึงส่งยิม
้ อย่าง
สุภาพไปให้
"เฮ้ พ่อหนุ่ม ฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย
ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?" เมื่อเห็นชายหนุ่ม
หน้าตาหล่อเหลายิม
้ ให้ เธอก็เริ่มต้นพูดคุยด้วยทันที
"เอ่อ...ผมเป็ นแฟนของอวี๋ตง" เซี่ยเฟิ งไม่ใข่คนที่
สามารถปฏิเสธท่าทางกระตือรือร้นของคุณป้ าคนนี ้
ได้
"โอ้ แฟนของแม่หนูปลา อา ครอบครัวเก่าแก่
ครอบครัวนีใ้ นที่สุดก็ได้ลูกเขยแล้ว" สายตาของเธอ
วาววับเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเอาไปซุบซิบนินทาได้
"พ่อหนุ่ม คุณชื่ออะไรล่ะ? ทำงานอะไร? แล้วอยู่
หมู่บ้านไหน?"
"เอ่อ...สวัสดีครับคุณป้ า ผมชื่อเซี่ยเฟิ ง ผมเป็ น
หมอมาจากเซี่ยงไฮ้" เซี่ยเฟิ งแนะนำตัวอย่างสุภาพ
"เป็ นคนเมืองแล้วก็เป็ นหมอด้วย!" หญิงชราเก็บ
ความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนที่จะหันหลังแล้วรีบ
เดินกลับไปเพื่อซุบซิบนินทาเรื่องนีก
้ ับคนอื่นๆ
เซี่ยเฟิ งหัวเราะขณะที่เขามองดูร่างที่เดินห่างออก
ไปของเธอ จากนัน
้ ก็หันกลับไปดูลูกหมูต่อ
เซี่ยเฟิ งและลูกหมูทงั ้  3 ตัวลงเอยด้วยการมอง
จ้องหน้ากันอย่างเงียบๆ
ทันใดนัน
้ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึน
้ เป็ นการสิน
้ สุด
ความเงียบ
เซี่ยเฟิ งหยิบโทรศัพท์ออกมา เมื่อเห็นว่าใครโทร
เข้ามาเขาก็ยิม
้ แล้วกดรับสาย "แม่"
"ลูกชาย มีความคืบหน้าบ้างไหม? ทุกอย่างไปได้
ดีหรือเปล่า?" คุณแม่เซี่ยกำลังรอข่าวอย่างร้อนใจ
ตัง้ แต่เมื่อคืนแล้ว แต่เซี่ยเฟิ งไม่แม้แต่จะส่งข้อความ
มาให้ ทำให้เธอต้องเป็ นฝ่ ายโทรมาหาเองตัง้ แต่เช้า
ตรู่แบบนี ้
"คืบหน้าไหม?" เซี่ยเฟิ งนึกถึงเหตุการณ์หายนะ
เมื่อเช้า เขาก็ไม่ร้ว
ู ่าจะบอกยังไงดีจึงได้แต่ตอบแบบ
คลุมเครือไป "ก็วุ่นวายนิดหน่อย"
"เป็ นอะไรไป พ่อแม่ของอวี๋ตงไม่ชอบลูกเห
รอ?" คุณแม่เซี่ยถาม
"นิดหน่อย..."
"นั่นก็ไม่เกินความคาดหมาย อวี๋ตงเป็ นลูกสาวที่
มีค่าของพวกเขา ลูกกำลังจะพาเธอไป พวกเขาจะมี
ความสุขได้ยังไง พ่อของลูกก็เจอแบบเดียวกัน แม่
จะส่งโทรศัพท์ให้เขานะ" คุณพ่อเซี่ยที่แอบฟั งอยู่
ใกล้ๆ เมื่อถูกจับได้โดยไม่ทันตัง้ ตัว คุณพ่อเซี่ยก็
ทำได้เพียงพูดสิ่งแรกที่เขาคิดอยู่ในใจออกไป "ถ้า
แกไม่มีฝีมือก็แค่พยายามให้มากขึน
้ "
"คุณกำลังบอกเรื่องไร้สาระอะไรกับลูกชายของ
คุณกัน" คุณแม่เซี่ยรับโทรศัพท์กลับมารู้สึกเหมือน
ว่าเธอคิดผิดที่ให้คุณพ่อเซี่ยคุย "เซี่ยเฟิ ง อา.. ให้แม่
บอกให้ฟังการพยายามให้มากขึน
้ เป็ นสิ่งที่ดีแต่นั่น
ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการแสดง
ให้พ่อแม่ของเธอเห็นว่า ลูกสาวของพวกเขาได้
ตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกลูก พูดคุยเกี่ยวกับแผนการ
ในอนาคตของลูกอย่างเหมาะสม"
"สุดท้ายแล้วแม้ว่าลูกต้องถอย 10,000 ก้าว แต่
แค่ลูกเอาสมุดทะเบียนสมรสออกมาให้ดูนั่นก็ถือว่า
ชนะสงครามไปแล้วครึ่งหนึ่ง" คุณแม่เซี่ยพูดต่อไป
ว่า "แน่นอนว่าการที่ลูกแต่งงานกับตงตงโดยที่พวก
เขาไม่ได้รับรู้ด้วยอาจจะส่งผลเสีย ดังนัน
้ ลูกควร
เลือกใช้วิธีนเี ้ ป็ นวิธีสุดท้ายเท่านัน
้ "
"ได้ครับ!" เซี่ยเฟิ งตอบด้วยรอยยิม

"ลูกมั่นใจได้เลย ลูกชายของแม่เป็ นผู้ชายที่ดีมาก
แม่ไม่กังวลเพราะตงตงชอบลูกมาก ดังนัน
้ พ่อกับแม่
ของเธอก็จะชอบลูกเหมือนกัน ทำดีๆล่ะเราจะรอ
ฟั งข่าวดี" หลังจากนัน
้ เธอก็หันไปแล้วถามสามีของ
เธอว่า "คุณมีอะไรจะพูดเพิ่มเติมไหม?"
"ให้ฉันพูดอะไรหน่อยสิ" คุณพ่อเซี่ยรับโทรศัพท์
มาแล้วพูดว่า "เซี่ยเฟิ งความพยายามเป็ นกุญแจสู่
ความสำเร็จ" 
เซี่ยเฟิ งวางสายด้วยอารมณ์ที่ดีขึน
้ มาก ด้วยเหตุ
นีเ้ ขาจึงเปิ ดประตูคอกหมูออกแล้วทรุดตัวนั่งบน
รางใส่อาหารก่อนจะลูกหัวลูกหมูน้อย
"คุณชอบหมู?" เมื่ออวี๋ตงมาถึงเธอก็เห็นฉากนี ้
พอดี
"คุยเสร็จแล้วเหรอ?" เซี่ยเฟิ งเห็นอวี๋ตงก็รีบลุก
ขึน
้ แล้วเดินไปหาเธอทันที
"เสร็จแล้ว"
"คุณลุงกับคุณป้ าว่ายังไงบ้าง?" เซี่ยเฟิ งถาม
"พวกท่านโกรธ" อวี๋ตงยักไหล่
"เราบอกความจริงกับพวกท่านดีไหม?" เซี่ยเฟิ ง
ถาม
"แล้วเราจะบอกว่ายังไงล่ะ? ลูกสาวของคุณขโมย
ทะเบียนบ้านของเธอแล้วหนีไปแต่งงานกับใครก็
ไม่รู้ เพราะถูกทิง้ อยู่ที่หน้าประตูสำนักงานกิจการ
พลเรือนน่ะเหรอ?"
อวี๋ตงเลิกคิว้ "แล้วสุดท้ายเธอก็ต้องเสียใจที่สุ่มสี่
สุ่มห้าไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้?"
หลังจากฟั งเธอพูดเซี่ยเฟิ งก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ใน
ที่สุดเขาก็เงยหน้าขึน
้ แล้วก็หัวเราะ "แม้ว่าคุณจะ
แต่งงานกับคนแปลกหน้าแบบสุ่มๆ แต่ผมรู้สึกโชค
ดีที่ได้เป็ นคนๆนัน
้ "
"ฉัน...นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันหมายถึง มันไม่ใช่เรื่อง
ง่ายๆ..." อวี๋ตงตระหนักได้ว่าเธอเพิ่งจะพูดอะไรบาง
อย่างที่ดูจะใจร้ายไปสักหน่อย เธอจึงพยายาม
อธิบายแต่ก็ทำไม่ได้ เธอจะบอกเขาได้ยังไงว่าเธอ
แต่งงานกับเขาเพราะเขาจะมีช่ อ
ื เสียงในอนาคต?
แต่ความรู้สึกของเธอนัน
้ ไม่สำคัญอีกต่อไป ใน
สายตาของอวี๋ตงมีเพียงแค่เซี่ยเฟิ งที่อยู่ตรงหน้าของ
เธอที่นี่ตอนนีเ้ ท่านัน

"ไม่เป็ นไรผมรู้ว่าตอนนีค
้ ุณชอบผม" เซี่ยเฟิ งพูด
พร้อมรอยยิม

"เซี่ยเฟิ ง..." อวี๋ตงเท้ามือกับรัว้ คอกหมูแล้วโน้ม
ตัวไปหาเซี่ยเฟิ งก่อนจะพูดว่า "ฉันชอบคุณ!"
เซี่ยเฟิ งยิม
้ ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาเธอเช่นกัน มอง
สบสายตาแล้วค่อยๆเคลื่อนใบหน้าใกล้เข้าไป
เรื่อยๆ
แน่นอนว่าอวี๋ซงมาได้จังหวะ เมื่อเขาออกมาก็
เห็นฉากหวานชื่นนีพ
้ อดี เขายกมือขึน
้ ปิ ดตาก่อน
ร้องบอกว่า "ฟั งฉันนะ! แกช่วยใส่ใจกับสภาพรอบ
ตัวสักนิดจะได้ไหม? แกไม่กลัวว่าพรุ่งนีค
้ นทัง้ หมู
บ้านจะรู้ว่าแกกำลังทำอะไรรึไง? หรือว่าแกอยาก
จะให้ทุกคนคิดว่าแกเป็ นแม่หมู? แม่ยังอารมณ์ไม่
ค่อยดีเท่าไหร่ แต่แกกำลังจะจุดไฟอีกรอบแล้ว!"
"แค่ก!" เซี่ยเฟิ งยืดตัวขึน
้ อย่างเชื่องช้า
อวี๋ตงมองพี่ชายด้วยสายตาขุ่นเคือง "ทำไมพี่มาที่
นี่ล่ะ? ไม่ร้เู วล่ำเวลาเลย"
"เฮ้....นี่แกยังมียางอายอยู่บ้างไหมเนี่ย?" อวี๋ซง
ยอมแพ้ให้กับความไร้ยางอายของน้องสาว เกิด
อะไรขึน
้ กับเธอในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมากัน? น้อง
สาวที่เรียบง่ายของเขาเปลี่ยนไปเป็ นแบบนีไ้ ด้ยังไง?
"พวกเราขอให้แกมาพาเซี่ยเฟิ งไปกินข้าวเช้า แต่แก
ไม่กลับไปซักทีฉันก็เลยมาดูว่าเกิดอะไรขึน
้ "
อวี๋ซงพูดแล้วก็เดินกลับเข้าไปก่อน
ตอนนีเ้ องที่เซี่ยเฟิ งออกมาจากคอกหมู เขาจับ
มืออวี๋ตงแล้วพูดว่า "เข้าไปข้างในกันเถอะ"
"อื้อ"
"ในหมู่บ้านของคุณเป็ นแบบนัน
้ จริงๆเหรอ?" เซี่ย
เฟิ งนึกถึงสิ่งที่พี่ภรรยาของเขาเพิ่งจะพูด
"ไม่ต้องไปสนใจหรอก" อวี๋ตงตอบส่งๆ "ทำไม?
คุณกลัวเหรอ?"
"เปล่า...แต่ดูเหมือนว่าตอนที่อยู่ที่นี่เราจะไม่
สามารถแสดงความรักกันได้" เซี่ยเฟิ งหัวเราะขณะ
ที่เขาพูดแบบนัน

.................... 
ตอนที่ 43 ผมยังน่าเชื่อถือไม่พอ
  ครอบครัวที่ดูคึกคักมีชีวิตชีวาเมื่อเช้า ตอนนีพ
้ า
กันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะเต็มไปด้วย
อาหารเช้าที่ไหม้เกรียม
นั่นก็เป็ นไปตามความคาดหมาย ตอนที่แม่อวี๋
ออกจากห้องครัวเธอถือตะหลิวไปด้วย หลังจากนัน

เธอก็เป็ นลมทำให้อาหารถูกลืมทิง้ ไว้บนเตา
หลังจากกินข้าวเช้าที่ยากจะกลืนลงแล้ว พ่ออวี๋ก็
ขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ตลาดเพื่อซื้ออาหารสำหรับมื้อ
เย็นวันส่งท้ายปี ใหม่
"คุณลุงครับ คุณลุงจะไปไหนให้ผมขับรถไปส่งนะ
ครับ" เซี่ยเฟิ งรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นพ่ออวี๋ขับ
มอเตอร์ไซค์ออกไปโดยไม่ได้สวมหมวกกันน็อค
"ไม่เป็ นไร ฉันแค่จะไปที่ตลาดใกล้ๆนี่เพื่อซื้อของ
มาทำอาหารเย็น" พ่ออวี๋ปฏิเสธ
"ให้ผมไปส่งเถอะนะครับ รถของผมใส่ของได้
เยอะแล้วก็สะดวกกว่า" เซี่ยเฟิ งยังคงเกลีย
้ กล่อม
"ถนนในชนบทคับแคบรถยนต์ขับผ่านไม่ได้
หรอก" ในที่สุดพ่ออวี๋ก็บอกความจริง
"โอ้" จู่ๆก็เกิดบรรยากาศน่าอึดอัดขึน

ขณะที่พ่ออวี๋ขึน
้ คร่อมมอเตอร์ไซค์เขาก็มอง
เซี่ยเฟิ งแล้วถามว่า "ป้ าเค้าฝากถามว่าเธอมีอาหาร
จานโปรดหรือเปล่า?"
"เอ๊ะ?" เซี่ยเฟิ งชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบตอบกลับ
ไป ด้านหลังของเขาราวกับมีภาพดอกไม้บาน
สะพรั่ง "ผม...ผมชอบกินปลา"
"ได้" พ่ออวี๋สตาร์ทรถจากนัน
้ ก็ขับหายลับไปตาม
เส้นทางในชนบท
เซี่ยเฟิ งมองร่างที่ลับตาไป ใบหน้าอันหล่อเหลา
ของเขามีรอยยิม
้ อบอุ่นแตะแต้มอยู่
"ยิม
้ โง่ๆ แบบนัน
้ คืออะไร?" จู่ๆอวี๋ซงก็มาปรากฎ
ตัวที่ด้านหลังของเซี่ยเฟิ ง
"ไม่มีอะไร" เซี่ยเฟิ งตอบ
"เฮ้ ฉันขอยืมรถหน่อยสิ ฉันอยากจะเข้าไปซื้อ
ของในเมือง" ในฐานะพี่ภรรยา อวี๋ซงไม่กังวลเรื่อง
ความเกรงใจกับว่าที่น้องเขย
เซี่ยเฟิ งหยิบกุญแจออกมาแล้วส่งให้อวี๋ซงอย่าง
ไม่ลังเล
"ขอบคุณ!" เขาคว้ากุญแจรถแล้วตรงไปที่รถก่อน
จะขับออกไป
แม่อวี๋ได้ยินเสียงรถขับออกไป เธอก็ออกมาดูโดย
มือยังถือผ้าขีร้ ิว้ อยู่ เมื่อเธอเห็นเซี่ยเฟิ งยังยืนอยู่ที่
ลานบ้าน เธอก็ร้ท
ู ันทีว่าใครเป็ นคนที่ขับรถออกไป
"ฝี มือการขับรถของเขาย่ำแย่มาก คุณควรระวัง
มากกว่านีต
้ อนที่ให้เขายืมรถไป"
"ไม่เป็ นไรครับรถมีประกัน" เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่าเขา
ว่างงานมากจึงถามไปว่า "คุณป้ ามีอะไรให้ผมช่วย
ไหมครับ?"
"งัน
้ ไปช่วยตงตงติดกระดาษกลอนมงคลก็แล้ว
กัน" แม่อวี๋คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดออกมาในที่สุด
"ได้ครับ!" เซี่ยเฟิ งยิม
้ แล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่าง
มีความสุข หลังจากหาตัวอวี๋ตงเจอ ทัง้ สองคนก็เริ่ม
ติดกระดาษกลอนรอบบ้าน
ทุกลานบ้านในหมู่บ้านจะเปิ ดรับแขกในช่วงนี ้
เพื่อนบ้านมักจะแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนเมื่อพวกเขา
เดินผ่าน แต่จำนวนคนที่เดินผ่านดูเหมือนจะ
มากกว่าปกตินิดหน่อย
คุณป้ าคนหนึ่งเข้ามาเมียงมอง เด็กคนหนึ่ง
หัวเราะขณะที่เขาวิ่งผ่านไป เด็กหญิงตัวเล็กๆหน้า
แดงขณะที่เธอแอบมองผ่านประตูเข้ามา
อวี๋ตงขบคิดจากนัน
้ ก็หันไปมองเซี่ยเฟิ ง "เมื่อเช้า
คุณได้เจอใครที่หลังบ้านหรือเปล่า?"
"ผมเจอคุณป้ าคนหนึ่ง พวกเราได้คุยกันนิด
หน่อย" เซี่ยเฟิ งตอบ
"คุณคุยอะไรกับแก?" อวี๋ตงถาม
"ก็ไม่มีอะไรมากแค่บอกว่าผมเป็ นแฟนของคุณ"
เซี่ยเฟิ งสงสัยเล็กน้อย "มีอะไรหรือเปล่า?"
"ไม่มีอะไรหรอกแค่ตอนนีท
้ ุกคนในหมู่บ้านอยาก
จะเห็นหน้าคุณ" อวี๋ตงถอนหายใจ
"ผม?" เซี่ยเฟิ งติดกระดาษสีแดงม้วนสุดท้าย
ก่อนจะหันไปถามอวี๋ตงเพิ่มเมื่อเขามองเห็นสายตา
ที่เมียงมองด้วยความสนในใคร่ร้ห
ู ลายคู่
"สวัสดีครับ!" แม้ว่าเซี่ยเฟิ งจะตกใจอยู่บ้างแต่เขา
ก็กล่าวทักทายคนพวกนัน
้ ไปอย่างสุภาพ
"ไอหยา พ่อหนุ่มคนนีห
้ ล่อเหลาขนาดนีเ้ ลย เขา
เป็ นแฟนของแม่หนูปลาจริงๆเหรอ?" หญิงกลางคน
ถาม
"ใช่!" อวี๋ตงตอบยิม
้ ๆ
แม่อวี๋ที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องครัวได้ยินป้ า
คนนัน
้ ถามเรื่องนีพ
้ อดี เธอจึงพูดคุยกับหญิงกลาง
คนด้วยท่าทางโอ้อวดนิดหน่อย "เสี่ยวหลาน นังหนู
ปลาของครอบครัวเราพาแฟนกลับมาบ้านแล้ว
ท่าทางเขาดีมากเลย"
"ใช่ ใช่ ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็ นหมอจริงหรือ
เปล่า?"
"พวกเราจะได้ด่ ม
ื เหล้ามงคลเมื่อไหร่ล่ะ?" คุณป้ า
ถามติดตลก
"ยังเร็วเกินไป อวี๋ตงเพิ่งจะเรียนจบ เธอต้อง
ทำงานไปอีกสักพัก" ไม่ว่าแม่อวี๋จะกังวลเกี่ยวกับ
การแต่งงานของอวี๋ตงมากแค่ไหนก็ตามแต่เธอก็ยัง
ต้องแสดงท่าทางไม่แยแสเรื่องนีน
้ ักต่อหน้าคนอื่น
"แต่เธอควรเริ่มเชื่อมสัมพันธ์ให้เร็วหน่อยนะอย่า
เป็ นเหมือนเป่ าฉิน เธออายุ 28 แล้วแต่ยังไม่ได้
แต่งงานเลย แม่ของเธอกังวลมาก"
"ใช่ ใช่ ตอนนีแ
้ ม่ของเธอไล่ถามทุกคนที่เธอรู้จัก
มันไม่ง่ายเลยลูกสาวที่อายุมากขนาดนีจ
้ ะหาใครมา
แต่งงานด้วยได้"
.....
อวี๋ตงทัง้ รักทัง้ ชังป้ าประเภทนี ้ คนที่กระตือรือร้น
ในเรื่องของคนอื่น คนที่แพร่กระจายข่าวลือและ
เรื่องซุบซิบนินทาได้รวดเร็วยิ่งกว่าใคร
"เรายังไม่ได้ติดกลอนมงคลที่ประตูหลังเลย ไป
ติดกันเถอะ" อวี๋ตงลากเซี่ยเฟิ งกลับเข้าไปในบ้าน
เมื่อติดกลอนมงคลเสร็จ ป้ าที่อยู่ในลานบ้านก็
กลับบ้านไปเพื่อเตรียมอาหารเย็นสำหรับครอบครัว
ของตัวเองแล้ว จากนัน
้ ไม่นานแม่อวี๋ก็ถือตะกร้าใบ
ใหญ่ออกมาจากห้องครัว มันคือเนื้อหมูกับผลไม้
บางอย่าง เธอวางมันลงบนโต๊ะ แล้วมองอวี๋ตงก่อน
จะพูดว่า "ไปกับเซี่ยเฟิ ง เอาของพวกนีไ้ ปที่ถูตี ้
กง"***   
***[ศาลเจ้าที่เป็ นที่เคารพบูชาเทพเจ้าของ
หมู่บ้าน]
"ได้" แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำแบบนีม
้ าหลายปี แล้ว
แต่อวี๋ตงก็ยังจำขัน
้ ตอนได้ พวกเขาต้องนำของไป
เซ่นไหว้ จุดเทียนและจุดประทัดในศาลเจ้า
ขณะที่ทัง้ สองคนเดินไปที่ศาลเจ้า มีชาวบ้าน
หลายคนที่เดินผ่านมาก็พูดทักทายอวี๋ตง พอเดิน
คล้อยหลังไปก็เริ่มพูดคุยซุบซิบกันทันที
อวี๋ตงยิม
้ พร้อมทัง้ กล่าวสวัสดีกับทุกคน
"ดีจังเลยนะ!" จู่ๆเซี่ยเฟิ งก็พูดขึน
้ มา
"อะไรดี?" อวี๋ตงเอียงคอถาม
"ทุกคนรู้จักกันหมดเลยแล้วก็เป็ นมิตรต่อกัน"
เซี่ยเฟิ งหัวเราะ "พวกเขาทุกคนดูจะชอบคุณ"
อวี๋ตงยักไหล่ด้วยความกระดากอายเล็กน้อย
"แม่หนูปลา!" จู่ๆก็มีเสียงแหลมสูงกระชากอวี๋ตง
ออกจากภวังค์
"ป้ าหลิว!" อวี๋ตงมองหญิงกลางคนที่กำลังมองมา
ทางเธอพร้อมกับโบกมือให้อย่างยินดี "แล้วก็พี่เป่ า
ฉิน"
อวี๋เป่ าฉินรีบเดินตรงมาหาอวี๋ตงพร้อมรอยยิม

"เธอก็มาเซ่นไหว้เหรอ?" ป้ าหลิวถาม
"ใช่ค่ะ!" 
"แล้วนี่ก็แฟนของเธอ อา?" ป้ าหลิวมองเซี่ยเฟิ งอ
ย่างพินิจพิเคราะห์
"ใช่ค่ะ นี่คือเซี่ยเฟิ ง" ตอนที่อวี๋ตงเดินเข้าไปหาพี่
สาว เซี่ยเฟิ งก็เดินตามเธอไปด้วย
"สวัสดีครับผมเซี่ยฟิ ง" เขาแนะนำตัวเองอย่าง
สุภาพหลังจากที่อวี๋ตงพูดจบ
"อายุ 28 คุณอายุเท่ากับเป่ าฉินของฉันเลย คุณมี
เพื่อนร่วมชัน
้ หรือเพื่อนร่วมงานที่ยังโสดบ้างไหม?" 
ป้ าหลิวถามด้วยแววตาของนักล่า
เซี่ยเฟิ งรู้สึกแปลกใจมากกับคำถามที่จู่ๆก็ถูกถาม
มาอย่างกระทันหัน เขาจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ
"แม่...." อวี๋เป่ าฉินดึงแขนแม่ของเธอด้วยท่าทาง
ลำบากใจ เธอมองไปทางอวี๋ตงด้วยสายตาอ้อนวอน
"จะมาดึงฉันทำไม แกจะทำอะไร?"
"แม่ แม่ไม่ควรไปถามเรื่องแบบนีก
้ ับคนที่เราเพิ่ง
จะเจอหน้านะ"
"ฉันจะทำอะไรได้อีกล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะแกเป็ น
แบบนี"้ ป้ าหลิวโกรธจัด
เซี่ยเฟิ งไม่เข้าใจว่าการพูดแค่ 2-3 คำ สามารถ
ทำให้คนโต้เถียงกันได้ยังไง เขาหันกลับไปมองอวี๋ตง
เพื่อขอความช่วยเหลือเงียบๆ
อวี๋ตงเองก็ร้ส
ู ึกสะเทือนใจเมื่อได้เห็นฉากที่คุ้น
เคย เธอรู้ด้วยว่ามันจะกลายเป็ นความวุ่นวายในไม่
ช้าถ้าเธอไม่ขัดจังหวะแม่ลูกคู่นี ้ "ป้ าหลิวเราต้องเอา
ของไปเซ่นไหว้ก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง"
"ตกลง อย่าลืมช่วยเป่ าฉินด้วยนะ" ป้ าหลิวยังไม่
ลืมถามหาความช่วยเหลือ
ขณะที่ทัง้ สองคนเดินไปก็ยังได้ยินเสียงป้ าหลิว
บรรยายคุณสมบัติของลูกสาวตัวเองไล่หลังมา
เซี่ยเฟิ งรู้สึกโล่งใจแต่อวี๋ตงค่อนข้างไม่พอใจนัก
เขาไม่ร้ว
ู ่าทำไม สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงจับมือเธอ
เงียบๆ อวี๋ตงดึงความคิดของเธอกลับมาแล้วมองลง
ไปยังมือที่จับกันอยู่ หลังจากนัน
้ ไม่นานเธอก็เงย
หน้าขึน
้ มองแล้วยิม
้ ให้กับเซี่ยเฟิ งก่อนจะหันไปทาง
ศาลเจ้า
ศาลเจ้าเป็ นห้องโถงบรรพบุรุษที่หมู่บ้านสร้างขึน

มีรูปปั ้ นเทพเจ้าที่พวกชาวบ้านเคารพบูชาตัง้ อยู่
ด้านหน้าของรูปปั ้ นเป็ นแท่นยกสูงขึน
้ สำหรับวาง
ของเซ่นไหว้ ส่วนด้านล่างเป็ นแท่นดินเหนียวที่มีธูป
ปั กอยู่เต็ม
ทัง้ สองคนวางตะกร้าของพวกเขาลงบนแท่นบูชา
ก่อนจุดประทัด 2-3 อันจากนัน
้ ก็เผาจินหยวน
เป่ า***[กระดาษเงินกระดาษทอง]
เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตงจุดธูป 3 ดอกก่อนหลับตา
อธิษฐาน หลังจากนัน
้ ไม่นานเธอก็ก้มลงไปปั กธูปที่
แท่นดินเหนียว
"คุณอธิษฐานอะไร?" เซี่ยเฟิ งถาม
"ฉันขอบคุณท่าน" ‘ฉันรู้สึกขอบคุณเทพเจ้า
ทัง้ หมดที่ทำให้ฉันได้กลับมาเกิดใหม่’
"โอ้ ผมก็อยากจะขอบคุณท่านเหมือนกัน" อวี๋ตง
จึงสอนเซี่ยเฟิ งถึงวิธีการสวดมนต์ขอพร
"ขอบคุณเรื่องอะไร?" อวี๋ตงอยากรู้
"ผมขอบคุณท่านที่คอยดูแลปกป้ องคุณตอนที่ผม
ยังไม่ร้จ
ู ักคุณ" เซี่ยเฟิ งตอบอย่างจริงจัง
"คร่ำครึ!" อวี๋ตงหัวเราะเบาๆก่อนจะชวนเซี่ยเฟิ
งกลับออกไป
ศาลเจ้าถูกสร้างเอาไว้ตรงหน้าหมู่บ้านอยู่ติดกับ
ทะเลสาบ ทะเลสาบขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่มีทุ่ง
นากว้างใหญ่ล้อมรอบ เมื่อเซี่ยเฟิ งเห็นทิวทัศน์ที่
สวยงามนีเ้ ขาก็คิดว่ามันเป็ นวิวที่งดงามมากในช่วง
ฤดูใบไม้ร่วง
"หมู่บา้ นของคุณสวยมาก" เซี่ยเฟิ งพูดอย่าง
ชื่นชม
"นี่แหละชนบท" อวี๋ตงชีไ้ ปที่ยุ้งข้าวที่อยู่ไกลๆ
"อันนัน
้ เป็ นของครอบครัวเรา"
เซี่ยเฟิ งหันไปมองยังทิศทางนัน
้ แต่สุดท้ายเขาก็
บอกไม่ได้ว่าอันไหนเป็ นอันไหน
"พี่เป่ าฉิน?" อวี๋ตงเห็นร่างในชุดสีแดงเดินอยู่บน
เนินเขาใกล้ๆ "เซี่ยเฟิ งคุณเดินไปก่อน ฉันอยากไป
คุยกับพี่เป่ าฉินสักหน่อย"
เมื่อเซี่ยเฟิ งพยักหน้า อวี๋ตงก็วิ่งไปทางทุ่งนา
"พี่เป่ าฉิน" อวี๋ตงตามเธอทันในเวลาไม่นานนัก
"ตงตง" อวี๋เป่ าฉินรู้สึกแปลกใจกับการปรากฎ
ตัวอย่างกระทันหันของอวี๋ตง
"ฉันเห็นพี่ก็เลยเข้ามาทัก" อวี๋ตงบอก
"เข้าใจแล้ว" อวี๋เป่ าฉินมองข้ามไหล่อวี๋ตงก็เห็น
เซี่ยเฟิ งที่กำลังเดินห่างออกไป น้ำเสียงของเธอไม่
ค่อยสบอารมณ์นักขณะที่พูดว่า "การหาเพื่อนใน
เมืองเป็ นเรื่องยากแต่การอยู่บ้านก็ยากเหมือนกัน"
"ป้ าหลิวพูดอะไรอีกแล้วเหรอ?" อวี๋ตงถาม
"แม่โกรธที่ฉันไม่ยอมไปนัดบอดเมื่อวาน" อวี๋เป่ า
ฉินยิม
้ อย่างขมขื่น
"พ่อแม่ของเราไม่ได้มีมุมมองความคิดเหมือนกับ
พวกเรา โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวกับการนัดเดท" ชีวิต
ก่อนหลังจากนีไ้ ป 6 ปี แม่ของเธอก็พร่ำบ่นอย่างไม่
หยุดหย่อนเหมือนกัน อวี๋ตงจึงรู้สึกเห็นใจใน
สถานการณ์นีข
้ องเป่ าฉินเป็ นพิเศษ
"การนัดบอดของฉันถูกแนะนำโดยเหม่ยหลิง"
"เหม่ยหลิง? ไม่ใช่ว่าเธอแต่งงานไปก่อนหน้านัน

แล้วเหรอ?" อวี๋ตงถาม
"ใช่ เมื่อวานซืนเธอมาเยี่ยม เธอท้องโตมากคง
ใกล้คลอดแล้ว แม่ต่ น
ื เต้นมากตอนที่เหม่ยหลิงมา
เยี่ยมก็เลยขอให้เธอเป็ นแม่ส่ ือ" อวี๋เป่ าฉินพูดอย่าง
ฝาดเฝื่ อน "ที่จริงก่อนหน้านีเ้ ธอโทรมาบอกฉันเกี่ยว
กับผู้ชายคนนัน
้ แล้วแต่ฉันก็ปฏิเสธไป ฉันไม่คิดว่า
เธอจะมาคุยกับแม่ของฉันอีกรอบ"
"ทำไมเธอถึง..." บีบบังคับแม่ของตัวเอง
"ผู้ชายคนนัน
้ เป็ นลูกพี่ลูกน้องกับสามีของเธอ..."
อวี๋เป่ าฉินพูดอย่างจนใจ "ตงตงถึงแม้ว่าฉันจะเลี่ยง
ไม่ยอมกลับมาเยี่ยมบ้านในปี หน้าแต่จะเกิดอะไรขึน

ในปี ถัดไปล่ะ? แม่จะมีความสุขหรือเปล่า?ถ้าท่าน
ไม่ต้องเจอหน้าฉัน?"
"ตอนนีค
้ นทัง้  8 หมู่บา้ นต่างก็ร้ก
ู ันหมดแล้วว่ามีผู้
หญิงชื่ออวี๋เป่ าฉินที่หาผู้ชายมาแต่งงานด้วยไม่ได้
แม่แนะนำให้ฉันไปเจอกับคนแปลกหน้า ท่านทำ
ราวกับฉันเป็ นสิ่งของเหมือนฉันเป็ นผักเป็ นปลาที่
พอมีผู้ชายโสดเดินผ่านก็ต้อนให้มาเลือกซื้อฉันไป
แม้แต่ผู้เฒ่าในหมู่บ้านก็ยังมาบอกกับฉันว่าไม่ควร
เลือกมากเกินไปนัก...จริงๆแล้วฉัน...."
ตาของเป่ าฉินแดงก่ำ "ฉันก็แค่อยากมองหาผู้ชาย
ที่ฉันอยากแต่งงานด้วยจริงๆ แต่ดูเหมือนฉันจะยัง
ไม่เจอ ฉันผิดมากเหรอ?"
"พี่เป่ าฉิน..."
"บางครัง้ ฉันก็คิดที่จะหนีไปยังสถานที่ที่ไม่มีใคร
รู้จัก ฉันจะกลับมาก็ต่อเมื่อฉันได้แต่งงานแล้ว"
อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าจะปลอบใจเป่ าฉินยังไงดี เหมือนกับ
ชีวิตก่อนในอีก 10 ปี ข้างหน้าของเธอที่พี่เป่ าฉินก็
ไม่ร้จ
ู ะปลอบใจเธอยังไงเหมือนกัน เมื่อพูดถึงการ
แสวงหาความรักของผู้หญิงเราแล้ว หากว่าใครที่ไม่
โชคดีพอ พวกเธอก็ได้แต่ยอมจำนนต่อความเป็ น
จริงหรือไม่ก็ต้องรอเพียงลำพัง
"อือ เธอไม่ต้องพูดอะไรหรอก ฉันก็แค่พูดให้เธอ
ไม่สบายใจ" เป่ าฉินยิม
้ ให้อวี๋ตงแล้วพูดว่า "ตงตงฉัน
อิจฉาเธอจริงๆ ดังนัน
้ เธอต้องพยายามมีความสุขให้
เต็มที่นะ"
อวี๋เป่ าฉินโบกมือลาแล้วยืดตัวขึน
้ ตรงราวกับ
กำลังสวมเกราะที่มองไม่เห็นของเธอเพื่อสู้กับเสียง
ซุบซิบนินทาและข่าวลือรอบๆตัวช่างเหมือนกับอวี๋
ตงในชาติที่แล้ว
"พี่เป่ าฉิน เดี๋ยวก่อนพี่ไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด" ไม่
ว่าจะถูกหรือผิดก็ไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งที่เธอ
ต้องการก็คือหนึ่งเสียงที่สนับสนุนท่ามกลางเสียง
ตำหนิของผู้คน
อวี๋เป่ าฉินหันกลับมา ภาพของสาวสวยในชุดสี
แดงเป็ นภาพที่ทำให้ตกอยู่ในภังค์
บางทีคุณอาจจะกลายเป็ นคนที่แปลกแยกใน
สังคมแต่คุณก็ยังดูงดงามและเข้มแข็ง ทุกคนมีทาง
เลือกในชีวิตที่แตกต่างกันแต่ละคนก็จะเจอผลลัพธ์
ที่แตกต่างกันทัง้ ดีและไม่ดี แต่ไม่ควรมีใครต้องถูก
ตำหนิ
"ได้เวลากลับไปทานข้าวกลางวันแล้ว"
....
เมื่ออวี๋ตงดึงสติกลับมา เธอก็เห็นเซี่ยเฟิ งกำลัง
เท้าแขนกับเข่าของเขาแล้วโน้มตัวลงมาจ้องมอง
เธออยู่
"คุณกำลังคิดอะไรอยู่?" เซี่ยเฟิ งที่เดินมาหาอวี๋ตง
หลังจากที่เห็นว่าเธอกำลังจมอยู่ในความคิดของตัว
เอง
"ฉันกำลังคิดเรื่องของคุณ ฉันคิดถึงคุณ" อวี๋ตง
เงยหน้าขึน
้ มองพร้อมส่งยิม
้ ให้
"ตอนนีผ
้ มก็อยู่ที่นี่แล้ว" เซี่ยเฟิ งหัวเราะเบาๆ
"ใช่ ขอบคุณที่คุณอยู่ที่นี่"
"มีอะไรหรือเปล่า?" เซี่ยเฟิ งเห็นอารมณ์ที่ดูสิน

หวังของเธอ
"เซี่ยเฟิ ง" อวี๋ตงยกแขนขึน
้ โอบรอบคอของเขา
"ฉันโชคดีจริงๆที่ได้พบคุณ"
เซี่ยเฟิ งไม่ร้ว
ู ่าเกิดอะไรขึน
้ กับเธอแต่เขาก็ก้มตัว
ลงไปกอดเธอเอาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ
‘คุณยังรู้สึกหลงทางอยู่อีกเหรอ? เพราะผมยังน่า
เชื่อถือไม่พอใช่ไหม?’
................. 
ตอนที่ 44 สิทธิประโยชน์เต็มรูปแบบ
อาหารเย็นเพื่อฉลองปี ใหม่ในปี นีไ้ ม่ได้หรูหรา
มากนัก แต่นี่เป็ นสิ่งที่อวี๋ตงไม่ได้สัมผัสมาเป็ นเวลา
นาน ดังนัน
้ จึงทำให้เธอรู้สึกคิดถึง
ที่โต๊ะมีชามไก่ตุ๋นชามใหญ่และปลาตุ๋นแสนอร่อย
วางอยู่ข้างๆกัน มองเพียงแวบเดียวอวี๋ตงก็บอกได้
ว่ากับข้าวพวกนีพ
้ ่อของเธอเป็ นคนทำ
"วันนีพ
้ ่อเป็ นคนทำกับข้าวใช่หรือเปล่า?" อวี๋ตงรู้
ว่าพ่อของเธอทำอาหารเก่งแต่เขาแค่ไม่ค่อยชอบทำ
"เรามีเซี่ยเฟิ งอยู่ด้วยต้องขอบคุณเขาสำหรับเรื่อง
นี ้ พ่อออกไปซื้อปลาสดให้เขาเป็ นพิเศษ" อวี๋ซงยัก
คิว้ ใส่น้องสาว
"แค่ก!" พ่ออวี๋สำลักเหล้า
เซี่ยเฟิ งรู้สึกซาบซึง้ ใจมาก เขารินเหล้าใส่แก้ว
ของตัวเองก่อนจะลุกขึน
้ ยืน "ขอบคุณครับคุณลุง
ผมขอดื่มให้หนึ่งแก้ว"
"ไม่ใช่ว่าเธอคออ่อนหรอกเหรอ?" พ่ออวี๋บอก
"ผมจะดื่มให้น้อยลง"
พ่ออวี๋พยักหน้าแล้วชนแก้วกับเซี่ยเฟิ ง
ตอนนีเ้ องที่แม่อวี๋วางหม้อซุปซึ่งเป็ นกับข้าวอย่าง
สุดท้ายลงบนโต๊ะ ครอบครัวก็นั่งลงพร้อมหน้า
พร้อมตาแล้วเริ่มลงมือกินอาหารเย็นสำหรับวันส่ง
ท้ายปี เก่าด้วยกันอย่างมีความสุข
ระหว่างกินอาหารอวี๋ซงถือโอกาสรินเหล้าให้
เซี่ยเฟิ งอีกแก้วซึ่งเขาก็รับไปดื่ม แม้อาหารจะพอ
ช่วยได้บ้างแต่เซี่ยเฟิ งที่คออ่อนก็เริ่มเมา
เห็นได้ชัดว่าพ่ออวี๋มีอารมณ์ร่ น
ื เริงหลังจากดื่มไป
ไม่กี่แก้วก็เริ่มพูดมากขึน

"เซี่ยเฟิ ง เธอต้องดีกับลูกสาวของฉัน" พ่ออวี๋ชีไ้ ป
ที่เซี่ยเฟิ ง
"คุณลุงสบายใจได้ผมจะดีกับอวี๋ตง" เซี่ยเฟิ ง
สะบัดหัวพยายามขจัดความมึนงง
"ตงตงของครอบครัวเรา ไม่อยากจะคุยแต่เธอดี
ที่สุดในหมู่บ้าน" พ่ออวี๋เริ่มนับนิว้ "ฉลาด กตัญญู
แล้วก็สวย"
"แต่ไม่อ่อนโยน!" อวี๋ซงที่เริ่มดื่มได้ที่ก็เสริมขึน
้ มา
"แก หุบปาก!" พ่ออวี๋ถลึงตามองลูกชาย
"ไม่ อวี๋ตงเป็ นผู้หญิงที่อ่อนโยนมาก" เซี่ยเฟิ งทาบ
มือลงบนหน้าอกแล้วก็หัวเราะ "ทุกครัง้ ที่ผมมอง
เห็นเธอ หัวใจของผมก็ร้ส
ู ึกอบอุ่น"
"ฉันปกป้ องตงตงมา 22 ปี แต่ตอนนีต
้ งตงกำลัง
จะไปเป็ นคนในครอบครัวของเธอแล้ว" พ่ออวี๋พูด
ด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
"คุณลุง ในอนาคตผมจะเป็ นคนปกป้ องเธอเอง"
เซี่ยเฟิ งตบหน้าอกตัวเองด้วยท่าทางมั่นใจ
"ใครจะปกป้ องใครกันแน่ น้องสาวของฉันเป็ น
เด็กที่มีช่ อ
ื เสียงว่าเป็ นคนที่แข็งแกร่งราวกับผู้ชาย"
อวี๋ซงยกแขนขึน
้ เบ่งกล้ามแบบนักมวย "เธอเป็ น
หัวโจกในสมัยเรียนประถมกับตอนมัธยมต้น"
"แข็งแกร่งขนาดนัน
้ เชียว?" เซี่ยเฟิ งพึมพำศีรษะ
เอียงไปข้างหนึ่ง
"ใช่ คุณต้องระวังตัวเอาไว้ด้วย ถ้าคุณกล้าทำร้าย
น้องสาวของฉัน คุณต้องผ่านฉันไปก่อน แล้วถึงจะ
ได้ไปเจอกับเธอ" อวี๋ซงเริ่มพูดไม่ปะติดปะต่อ
"ได้เลย!" เซี่ยเฟิ งไม่ร้จ
ู ะพูดอะไรจึงได้แต่หัวเราะ
"ตงตงเป็ นคนที่มีความคิดซื่อตรง เธอจะปกป้ อง
คนที่เธอห่วงใยอย่างเต็มกำลัง เด็กผู้หญิงที่เข้มแข็ง
แบบนีไ้ ม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำร้าย" พ่ออวี๋ร้จ
ู ัก
ลูกสาวของตัวเองดีที่สุด "แต่ถ้าเป็ นคนที่เธอห่วงใย
เธอจะยอมรับหมัดอย่างไม่ต่อต้านแม้แต่นิดเดียว"
"ดังนัน
้ ...เซี่ยเฟิ งได้โปรดดูแลเธอด้วยตอนที่ฉันไม่
อยู่" พ่ออวี๋มองไปที่เซี่ยเฟิ งด้วยดวงตาที่เคร่งขรึม
จริงจัง
"คุณลุง..."
"ลุงคนนีก
้ ลัวว่าเธอจะถูกรังแก"
"คุณลุงสบายใจได้...ต่อจากนีไ้ ป...เธอจะมีผม..."
เซี่ยเฟิ งพยายามที่จะนั่งตัวตรงแต่สุดท้ายเขาก็ฟุบ
ลงไปกับโต๊ะ
พ่ออวี๋ยม
ิ ้ ขณะที่เขามองว่าที่ลูกเขยซึ่งดูเหมือน
จะจบลงบนโต๊ะอีกรอบ
"พ่อ!" อวี๋ตงที่นั่งเงียบๆอยู่ด้านข้างมองพ่อสุด
ที่รักของเธอด้วยดวงตาที่เอ่อคลอด้วยน้ำตาขณะที่
สูดน้ำมูกไปด้วย
พ่ออวี๋ยม
ิ ้ และเธอรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนกลับไปใน
วัยเด็ก เขาเอื้อมมือมาตบศีรษะอวี๋ตงเบาๆ
มือที่อ่อนโยนทำให้อวี๋ตงน้ำตาซึม
"เฮ้ คุณร้องไห้ทำไม?" เซี่ยเฟิ งที่เงยหน้าขึน
้ มา
มองด้วยความมึนงง เมื่อเห็นน้ำตาของอวี๋ตงเขาจึง
เอื้อมมือมาเช็ดมันด้วยความปวดใจ
"อย่าร้อง ผมเพิ่งจะสัญญากับคุณลุงว่าผมจะ
ปกป้ องคุณ" มืออันอบอุ่นของเซี่ยเฟิ งลูบแก้มของอ
วี๋ตงราวกับว่าเขากำลังปลอบเด็กน้อย อวี๋ตงยิม

ก่อนพยักหน้า
เซี่ยเฟิ งที่ผ่อนคลายและมึนเมาดูเหมือนจะหมด
สภาพเสียแล้วเพราะเขาเอนตัวพิงอวี๋ตงก่อนจะ
หลับไป
เมื่อแม่อวี๋ออกมาจากห้องครัว เธอก็เจอกับภาพ
ผู้ชายขีเ้ มา 3 คนบนโต๊ะอาหารของเธอ
.....
เช้าวันปี ใหม่
เซี่ยเฟิ งถูกปลุกให้ต่ น
ื ขึน
้ ด้วยแสงตะวันที่ส่อง
ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา สิ่งที่เขาเห็นเป็ นอย่างแรก
เมื่อลืมตาขึน
้ ก็คืออวี๋ตงที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่
ลมหายใจของพวกเขาผสานกันขณะที่หน้าผาก
แนบชิด แขนข้างหนึ่งวางพาดอยู่รอบเอวบาง
เซี่ยเฟิ งมองขนตายาวของเธออดที่จะจูบมันเบาๆ
ไม่ได้
เปลือกตาของอวี๋ตงสั่นไหวจากนัน
้ ก็เปิ ดขึน

ดวงตาที่งดงามคู่หนึ่งส่งผ่านความรู้สึกลึกซึง้ มาให้
เขาอย่างชัดเจน มันสว่างไสวและพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจ
ของเซี่ยเฟิ ง
"อรุณสวัสดิ!์ " เซี่ยเฟิ งไม่ได้ปล่อยเธอแต่เขาขยับ
เข้ามาใกล้ยิ่งขึน
้ ก่อนจะส่งยิม
้ ไปให้ 
"อรุณสวัสดิ!์ " อวี๋ตงตอบกลับด้วยรอยยิม
้ แสน
หวานของเธอ
เซี่ยเฟิ งกระพริบตาจากนัน
้ ก็ดึงตัวเธอให้เข้ามา
แนบชิดยิ่งขึน
้ ร่างของเขาบังแสงแดดที่ส่องต้อง
ใบหน้าของอวี๋ตง
อวี๋ตงหลับตาลงเมื่อเธอรับรู้ได้ถึงริมฝี ปากที่คุ้น
เคย เธอยังรู้สึกได้ถึงรสชาติของแอลกอฮอล์ที่เขา
ดื่มไปเมื่อคืน ขณะที่เขาสำรวจโพรงปากนุ่มของเธอ
เรียวลิน
้ กวาดต้อนหยอกล้อไม่เว้นแม้แต่ไรฟั น ไล้
เลียริมฝี ปากนุ่มของอวี๋ตง เมื่อรู้สึกถึงอุณหภูมิที่สูง
ขึน
้ ของเขาพลอยทำให้เธอร้อนรุ่มไปด้วย
เซี่ยเฟิ งราวกับทรราชที่เข้าโจมตียึดครองเมืองจน
อวี๋ตงพ่ายแพ้อย่างสิน
้ ท่า
ทัง้ สองคนแยกออกจากกันในที่สุดเมื่อรู้สึกว่าลม
หายใจเริ่มขาดห้วง หยาดน้ำใสเป็ นสายเชื่อมริม
ฝี ปากทัง้ สองเอาไว้เมื่อตอนที่ทัง้ คู่ผละออกจากกัน
เซี่ยเฟิ งถอนหายใจขณะคลายอ้อมแขน เขายีผม
ยุ่งๆของอวี๋ตงแล้วพูดเบาๆว่า "สวัสดีปีใหม่"
"สวัสดีปีใหม่" อวี๋ตงตอบกลับ เธอหลุบตาลงเพื่อ
หลบสายตาของเขาอย่างกระดากอาย
"ผมนึกถึงคำอธิษฐานขอพรปี ใหม่ของของผม"
เซี่ยเฟิ งกอดอวี๋ตงเอาไว้แนบอก เขาเกยคางบน
ศีรษะของเธอ
"มันคืออะไร?" อวี๋ตงถามด้วยความสงสัย
"ผมแค่หวังว่าทุกครัง้ ที่ผมตื่นขึน
้ มาในตอนเช้า
สิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือคุณ"
ตอนนีเ้ องที่อวี๋ตงขยับตัวแล้วเงยหน้าขึน
้ มอง
เข้าไปในดวงตาของเซี่ยเฟิ ง หลังจากส่งยิม
้ หวานให้
เขาแล้วเธอก็ซุกตัวกลับเข้าไปในอ้อมกอดของ
เซี่ยเฟิ ง
ทัง้ สองคนนอนเล่นกันอยู่บนเตียงสักพักก่อนจะ
ลุกขึน
้ ในที่สุด
......
เช้าวันปี ใหม่เซี่ยเฟิ งก็ค้นพบสิ่งใหม่ๆหลายอย่าง
พ่ออวี๋ยอมรับบุหรี่ที่เขาซื้อมาให้ อวี๋ซงก็ใส่นาฬิกาที่
เขามอบให้ ส่วนแม่อวี๋ก็สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่อวี๋ตง
ซื้อให้ เธอเอาวิตามินที่เซี่ยเฟิ งให้เป็ นของขวัญไป
อวดเพื่อนบ้าน
"ผมผ่านแล้วใช่ไหม?" เซี่ยเฟิ งถาม
"แน่นอน!" อวี๋ตงหัวเราะกับคำถาม
"ฮ่า ฮ่า..." เซี่ยเฟิ งยิม
้ กว้าง "แล้วเราจะเริ่มเตรียม
จัดงานแต่งงานเมื่อไหร่ดี?" 
"เราต้องคุยกับแม่" อวี๋ตงตอบ
"แล้วก็คุยกับแม่ของผมด้วย" เซี่ยเฟิ งกล่าวเสริม
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยต้องการบอกข่าวดีกับ
แม่ของเขา
พอผ่านช่วงปี ใหม่ เทศกาลฤดูใบไม้ผลิก็จะมาถึง
ในไม่ช้า ภูเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้
ใบหญ้า เสื้อผ้าหนาๆจะถูกแทนที่ด้วยเสื้อแจ็กเก็ต
เนื้อบาง หลังผ่านปี ใหม่ไป 5 วัน ทัง้ สองคนก็เตรียม
ตัวกลับเซี่ยงไฮ้
ก่อนที่ทงั ้ สองคนจะกลับแม่อวี๋ก็ได้ให้ซองแดงกับ
เซี่ยเฟิ งและบอกว่าเป็ นของขวัญ
เซี่ยเฟิ งอยากจะปฏิเสธแต่อวี๋ตงก็ห้ามไว้
ก่อนที่พวกเขาจะขึน
้ รถ เซี่ยเฟิ งก็เดินไปหาพ่ออวี๋
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "คุณลุงสบายใจได้เลย
นะครับ ผมจำทุกอย่างที่พูดในคืนนัน
้ ได้"
"ดี!" ในที่สุดใบหน้าเคร่งขรึมของพ่ออวี๋ก็ยิม
้ ออก
ขณะที่เขาตบไหล่เซี่ยเฟิ ง
พ่ออวี๋ดูร่าเริงแต่เซี่ยเฟิ งรู้ดีว่าการที่เขาเอาสมบัติ
ล้ำค่าไปจากท่านเป็ นสิ่งที่ทำใจได้ยากมากแค่ไหน
เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับในวันที่ 6 
หลังจากเทศกาลปี ใหม่ ถนนจึงยังค่อนข้างโล่ง หลัง
จากกินข้าวเที่ยงแล้วทัง้ สองคนก็เดินทางต่อและ
กลับถึงเซี่ยงไฮ้เวลา 22.00 น.
หลังจากขับรถอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12 ชั่วโมง
สิ่งแรกที่อวี๋ตงทำเมื่อกลับถึงบ้านก็คือกระโดดขึน

โซฟา
เมื่อเซี่ยเฟิ งถือกระเป๋าของทัง้ คู่เดินผ่านประตู
หน้าบ้านเข้ามา เขาก็เห็นอวี๋ตงที่ดูราวกับหอยทาก
กำลังขดตัวอยู่บนโซฟาจึงพูดด้วยเสียงกลัว้ หัวเราะ
"คุณบอกว่าหิว"
"แต่ฉันไม่อยากขยับตัว" อวี๋ตงใช้โอกาสนีท
้ ำตัว
เอาแต่ใจ
"ไปอาบน้ำก่อนจะได้สดชื่นขึน
้ ผมจะทำอะไรให้
กินระหว่างที่คุณอาบน้ำ" เซี่ยเฟิ งบอก
"ได้!" อวี๋ตงลุกขึน
้ แล้วหยิบกระเป๋าของตัวเองตรง
ไปที่ห้องนอน
เซี่ยเฟิ งมองท่าทางที่ทำไปตามปกตินิสัยของอวี๋
ตงแล้วก็กระพริบตา เขาน่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อ
ให้อวี๋ตงรู้ว่าต่อจากนีไ้ ปเธอจะต้องนอนอีกห้องหนึ่ง
อวี๋ตงเข้าไปอาบน้ำ จากนัน
้ เธอก็ใส่เสื้อคลุมอาบ
น้ำมานั่งที่โต๊ะอย่างหิวโหยเกินกว่าที่จะแต่งตัวให้
เรียบร้อยเสียก่อน
ไม่ช้าเซี่ยเฟิ งก็วางชามบะหมี่ลงตรงหน้าเธอก่อน
จะยื่นตะเกียบให้ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ก็เห็นว่าอวี๋
ตงยังไม่ได้เช็ดผมให้แห้ง มีน้ำหยดหนึ่งไหลผ่าน
ไหปลาร้าของเธอลับหายเข้าไปในสาบเสื้อคลุมอาบ
น้ำ
ใบหน้าของเธอเป็ นสีชมพูเรื่อและดูอ่อนโยน
ดวงตาของเซี่ยเฟิ งมืดครึม
้ ลง
"กินข้าวไปก่อน ผมจะไปอาบน้ำ" เสียงของ
เซี่ยเฟิ งฟั งดูแหบแห้งเล็กน้อยขณะที่พูด
"อื้อ" อวี๋ตงไม่มีปัญหาขณะที่เธอเงยหน้าขึน
้ มอง
พลางสูดเส้นบะหมี่เข้าปาก
เมื่อกินเสร็จอวี๋ตงก็มานั่งอยู่บนโซฟาด้วยท้องที่
ถูกเติมเต็ม เธอได้ยินเสียงเซี่ยเฟิ งร้องเรียกมาจาก
ห้องน้ำ
"มีอะไรเหรอ?" อวี๋ตงเข้าไปในห้องนอนของเขา
เพื่อถาม
"แชมพูของผมหมด คุณช่วยหยิบขวดใหม่มาให้
ผมหน่อยได้ไหม?" เสียงของเซี่ยเฟิ งดังออกมา
"โอ้" อวี๋ตงวิ่งออกไปหยิบแชมพูขวดใหม่จากตู้
เก็บของแล้วเอาเข้าไปให้เซี่ยเฟิ งทันที
เธอเคาะประตูห้องน้ำ "เปิ ดประตูหน่อย ฉันจะ
ยื่นเข้าไปให้"
ประตูห้องน้ำเปิ ดแง้มออก
อวี๋ตงไม่ได้คิดอะไรมากขณะที่เธอยื่นแขนผ่าน
ช่องประตูเข้าไปเพื่อส่งขวดแชมพูให้เซี่ยเฟิ ง แต่
โดยไม่คาดคิดเซี่ยเฟิ งไม่ได้รับขวดแชมพูไปแต่เขา
กลับจับแขนของอวี๋ตงเอาไว้แล้วดึงเธอเข้าใปใน
ห้องน้ำแทน
ก่อนที่อวี๋ตงจะทันได้ร้ต
ู ัวว่าเกิดอะไรขึน
้ เธอก็ถูก
ดันติดผนังห้องน้ำ รองเท้าแตะกระต่ายขนยาวของ
เธอเปี ยกโชก เสื้อคลุมอาบน้ำของเธอก็เปี ยกจน
แนบไปกับเรือนร่างเช่นเดียวกัน
เธอไม่ร้ว
ู ่าเมื่อไหร่ที่มือของเซี่ยเฟิ งดึงชุดคลุม
อาบน้ำอาบของเธอลงแล้วลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียน
ของเธอ
"เซี่ยเฟิ ง..." อวี๋ตงเงยหน้ามองอย่างงุนงง
"หืม?"
เมื่ออวี๋ตงเห็นสายตาของเซี่ยเฟิ งที่เต็มไปด้วย
ความหลงใหลในเรือนร่างของเธอ อวี๋ตงก็เกิดปฎิ
กิริยาตอบสนองทันที
เสื้อคลุมอาบน้ำของเธอถูกดึงออกขณะที่เธอถูก
กดแนบไปกับผนังห้องน้ำ อวี๋ตงทำอะไรไม่ได้
นอกจากรับรู้ถึงมืออันร้อนลวกของเซี่ยเฟิ งที่กำลัง
สัมผัสไปตามเรือนร่างของเธอทุกตารางนิว้
อวี๋ตงหลับตาลงแต่กลับทำให้ความอ่อนไหวของ
เธอเพิ่มสูงขึน

ในที่สุดเซี่ยเฟิ งก็หยุดมือแล้วขบกัดที่กระดูก
ไหปลาร้าของอวี๋ตง ก่อนจะค่อยๆหมุนร่างของเธอ
ให้หันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ
อวี๋ตงวางมือทาบลงบนผนังอัตโนมัติ แล้วก็ต้อง
กลัน
้ หายใจเมื่อรู้สึกว่ามือของเซี่ยเฟิ งจับตรงเอว
บางของเธอแล้วดันใด้เธอโน้มตัวลงเล็กน้อย ส่วน
มืออีกข้างก็เอื้อมไปเคล้นคลึงยอดอกสีชมพูเรื่อของ
เธอ
ขณะที่เรียวขาถูกแยกออกอวี๋ตงก็อดครางผะ
แผ่วออกมาไม่ได้
จากนัน
้ การโจมตีของพายุเสน่หาก็เริ่มดุเดือด
และร้อนแรงไม่มีผ่อนปรนเลยแม้แต่น้อย มือของอ
วี๋ตงยันกับผนังห้องน้ำแน่น ริมฝี ปากนุ่มของเธอ
ปลดปล่อยเสียงครวญครางออกมาเป็ นครัง้ คราว
เมื่อพายุเสน่หาผ่านพ้น พิรุณพร่างพรม เซี่ยเฟิ งก็
ปิ ดฝั กบัว ห้องน้ำเงียบลงชั่วขณะ เซี่ยเฟิ งรวบร่างที่
อ่อนปวกเปี ยกของอวี๋ตงเข้ามาในอ้อมแขน ทัง้ สอง
คนยืนพิงผนังห้องน้ำเพื่อซึมซับความสุขสม
หลังจากรู้สึกราวกับผ่านไปชั่วนิรันดร์ เซี่ยเฟิ งก็
ลูบไล้ลำแขนเรียวของอวี๋ตงอย่างปลอบประโลม
ก่อนจะชะงักตัวแข็ง "ผม...ผมลืมใส่ถุงยาง"
อวี๋ตงไม่ได้ลืมตาขึน
้ มอง ขาของเธออ่อน
ปวกเปี ยกราวกับเยลลี่ ดังนัน
้ เธอจึงเอนตัวซบกับ
ร่างของเซี่ยเฟิ ง ขณะที่ส่งเสียงถามอย่างเกียจคร้าน
"คุณชอบเด็กไหม?"
"ผมชอบ..."
"งัน
้ ก็มามีกันสักคนเถอะ"
เซี่ยเฟิ งไม่เห็นสีหน้าของอวี๋ตงตอนที่เธอพูด เขา
ค่อยๆอุ้มเธอขึน
้ และทิง้ เสื้อคลุมอาบน้ำที่เปี ยกชุ่มไว้
บนพื้น
ผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาวผ่อง ภาพที่
เห็นช่างมีเสน่ห์ยั่วยวนจนทำให้เซี่ยเฟิ งร้อนรุ่มขึน

มาอีกครัง้
เมื่อรู้สึกว่าเซี่ยเฟิ งขยับเข้ามาใกล้อวี๋ตงก็ลืมตา
ขึน
้ มองท่าทางผิดปกติของเขา เซี่ยเฟิ งแอบกัดปาก
เล็กน้อยขณะจ้องมองเธออย่างหิวโหย
อวี๋ตงหลับตาลงและเป็ นฝ่ ายเริ่มด้วยการยกแขน
ขึน
้ โอบรอบร่างของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เซี่ยเฟิ ง
จับข้อเท้าของอวี๋ตงแล้วพาดเรียวขาของเธอลงบน
ไหล่ของเขา จากนัน
้ การโจมตีที่ร้อนแรงก็เริ่มขึน
้ อีก
รอบ หลังจากที่นึกเปรียบเทียบภาพลักษณ์ที่อ่อน
โยนของเซี่ยเฟิ งในยามปกติกับยามนีแ
้ ล้ว อวี๋ตงก็
ทำได้เพียงส่งเสียงครวญครางขณะที่ผ้าปูที่นอน
เปี ยกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
หลังจากพายุผ่านพ้นเซี่ยเฟิ งก็สวมกอดอวี๋ตง
เมื่อมองเห็นท่าทางเหนื่อยล้าของเธอ เขาก็อดที่จะ
รู้สึกผิดและเจ็บปวดใจไม่ได้
"ตงตง"
"อืมมม...." อวี๋ตงตอบรับงำงำในลำคอ
"ต่อจากนีน
้ อนที่นี่นะ"
"ได้”
เซี่ยเฟิ งไม่ร้ว
ู ่าอวี๋ตงเข้าใจจริงๆหรือเปล่า เพื่อ
ชดเชยให้กับการไม่ยับยัง้ ชั่งใจของเขา เซี่ยเฟิ งจึง
ลุกขึน
้ และเอาไดร์มาเป่ าผมของอวี๋ตงให้แห้ง เมื่อ
เห็นว่าผมของเธอแห้งดีแล้ว เขาก็ดึงอวี๋ตงเข้าสู่อ้อม
แขนก่อนที่จะหลับตาลงแล้วฝั งใบหน้าของเขาตรง
ซอกคอของเธอ
เซี่ยเฟิ งไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะรู้สึกหิว
กระหายใครสักคนได้มากขนาดนี ้ เขารู้สึกอยากจะ
ทำทุกอย่างเพื่อจะได้เธอมาอยู่เคียงข้างราวกับว่า
เธอเป็ นโลกทัง้ ใบของเขา
................... 
ตอนที่ 45 การกลับมาของอันอัน
อวี๋ตงบิดตัวอย่างเกียจคร้านบนผ้าปูที่นอน
สีน้ำเงินเข้ม ความปวดร้าวตรงบัน
้ เอวประท้วง
การกระทำของเธอทำให้ร้ส
ู ึกไม่สบายตัวนิดหน่อย
ขณะที่เธอลืมตาเหตุการณ์เมื่อวานก็หวนกลับมาใน
ความคิด รอยจูบ รอยยิม
้ อันแสนหวานและร่างกาย
อันอบอุ่นของเซี่ยเฟิ งที่เคลื่อนไหวอยู่บนตัวเธอ
อวี๋ตงสูดหายใจเข้าลึกๆ 2-3 ครัง้
ผ้าปูที่นอนฝ้ ายให้ความรู้สึกดีเมื่อสัมผัสกับผิว
เปลือยของเธอจนทำให้ไม่อยากขยับตัว แต่อวี๋ตง
คิดถึงเรินซินซินที่ไม่เจอหน้ากันตัง้ แต่ช่วงปี ใหม่ ไม่
นานเธอก็ทนไม่ไหวจนต้องลุกขึน
้ นั่ง
อวี๋ตงเหยียดแขนบิดขีเ้ กียจ ขณะที่กำลังจะลุก
จากเตียงเธอก็เหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตที่วางอยู่
บนโต๊ะข้างเตียงเสียก่อนจึงหยิบขึน
้ มาอ่าน
[ตงตง ผมถือวิสาสะย้ายของๆคุณบางอย่างมา
ต่อจากนีไ้ ปไม่ให้คุณไปนอนที่ไหนอีกนอกจากห้อง
นีเ้ ท่านัน
้ ]
ด้วยคำพูดที่เอาแต่ใจแบบนี ้ อวี๋ตงจึงอดหัวเราะ
เบาๆไม่ได้
อวี๋ตงหยิบเสื้อเชิต
้ ของเซี่ยเฟิ งมาใส่ก่อนจะเดิน
เข้าห้องน้ำ กระจกบานใหญ่สะท้อนให้เห็นรอยแดง
และม่วงที่เกลื่อนไปทั่วผิวขาวๆของเธอ อวี๋ตงเอื้อม
มือไปแตะที่รอยเหล่านัน
้ แล้วก็อดนึกถึงการกระทำ
อันเร่าร้อนของเซี่ยเฟิ งเมื่อคืนนีไ้ ม่ได้
อวี๋ตงสะบัดศีรษะแรงๆไล่ภาพที่เร้าอารมณ์นัน

ออกไป ในตอนเช้าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมักจะเป็ น
แบบนีก
้ ันทุกคนหรือเปล่า?
อวี๋ตงรีบอาบน้ำและสงบสติอารมณ์แต่พอเห็น
ผนังห้องน้ำเธอก็ตัวแข็ง อวี๋ตงยังจดจำได้ถึงความ
เย็นของผนังซึ่งตัดกับสัมผัสร้อนๆจากมือของ
เซี่ยเฟิ งที่แผดเผาไปทั่วร่างจนเธอต้องสบถออกมา
"นั่น...คนๆนัน
้ ..ปกติแล้วเขาไม่เป็ นแบบนัน
้ นี่!"
อวี๋ตงยกมือขึน
้ ปิ ดหน้าแดงก่ำของตัวเองก่อนจะ
วักน้ำขึน
้ มาล้างเพื่อลดความร้อนของใบหน้า หลัง
จากนัน
้ เธอก็สังเกตเห็นแปรงสีฟัน 2 อันวางอยู่
เคียงกันและเครื่องสำอางของเธอก็วางอยู่เต็ม
บริเวณพื้นที่หน้ากระจก อวี๋ตงอดยิม
้ กับสิ่งนีไ้ ม่ได้
เซี่ยเฟิ งเก็บมาเฉพาะแปรงสีฟันและเครื่องสำอาง
แต่ยังไม่ได้ย้ายเสื้อผ้าของเธอมาด้วย ดังนัน
้ แล้ว
หลังจากล้างหน้าเสร็จ อวี๋ตงก็ต้องเดินออกจากห้อง
นอนใหญ่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องนอนของตัว
เอง
เมื่อผ่านประตูห้องครัวเข้าไป เธอก็สังเกตเห็น
กระดาษโน้ต 2 ใบ ใบหนึ่งแปะอยู่บนจาน ส่วนอีก
ใบวางอยู่บนโต๊ะ
[มีขา้ วต้มอยู่บนเตาอย่าลืมกินนะ! คืนนีผ
้ มอาจ
จะกลับดึกไม่ต้องรอผม]
อวี๋ตงเลิกคิว้ และเปิ ดที่ครอบจานออกดูก็เห็นว่า
เป็ นผักดอง
"กลับบ้านช้าในวันแรก เขาคิดว่าฉันจะยกโทษให้
ถ้าเขาทำอาหารเช้าเอาไว้ให้งัน
้ หรือ"
อวี๋ตงตักข้าวต้มให้ตัวเองหนึ่งชาม เมื่อเธอกินไป
ได้ครึ่งหนึ่งก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึน
้ จึงรีบวิ่งไปที่
ห้องนั่งเล่นเพื่อหาโทรศัพท์ที่เธอจำไม่ได้แล้วว่าโยน
มันเอาไว้ตรงไหน
ในที่สุดเธอก็หาเจอมันอยู่ใต้เบาะโซฟา เธอมอง
หน้าจอก็เห็นว่าเป็ นเสี่ยวเยว่ที่โทรเข้ามาจึงยิม
้ แล้ว
กดรับสาย "เสี่ยวเยว่"
"ตงตง เธอกลับมาเซี่ยงไฮ้แล้วหรือยัง?" เสียงของ
เสี่ยวเยว่ฟังดูหวาดกลัว
"ฉันกลับมาแล้ว" อวี๋ตงสังเกตได้ถึงน้ำเสียงที่เป็ น
ทุกข์ของเสี่ยวเยว่จึงถามว่า "เกิดอะไรขึน
้ ?"
"ซินซินกำลังจะคลอด"
"อะไรนะ? กำหนดคลอดของเธอคือเดือนหน้า
ไม่ใช่เหรอ?" ไม่อย่างนัน
้ เธอคงจะไม่ออกนอกเมือง
และห่างจากเรินซินซิน
"ทัง้ หมดเป็ นเพราะไอ้ผู้ชายเฮงซวยแซ่ลู่นั่น รีบ
มาที่โรงพยาบาลในเมืองเร็วเข้า"
เมื่อวางสายอวี๋ตงก็เห็นว่าเสี่ยวเยว่ได้โทรมาหา
เธอหลายครัง้ แล้ว สถานการณ์ต้องเลวร้ายแน่ อวี๋
ตงรีบวิ่งกลับไปที่ห้องนอนของเธอเพื่อแต่งตัวก่อน
ขับรถไปที่โรงพยาบาลในเมือง
เธอวิ่งไปที่หน้าห้องคลอดในแผนกสูตินรีเวช
"เสี่ยวเยว่! ซินซินเป็ นยังไงบ้าง?" อวี๋ตงมองเห็น
เสี่ยวเยว่จึงรีบวิ่งเข้าไปหาเธอ
"ตงตง" เสี่ยวเยว่จับมืออวี๋ตงแล้วอธิบายด้วย
ความกังวล "เธออยู่ในห้องคลอดมา 2 ชั่วโมงแล้ว"
"หมอว่ายังไงบ้าง?"
"หมอ หมอยังไม่ออกมาเลย" เสี่ยวเยว่ต่ น

ตระหนก "เราจะทำยังไงกันดี? ซินซินเจ็บมาก ฉัน
ได้ยินเสียงเธอกรีดร้องจากตรงนีด
้ ้วย"
"คลอดลูกก็เป็ นแบบนีแ
้ หละอย่าเพิ่งร้อนใจไป"
ฉินเยว่อดพูดปลอบใจไม่ได้เมื่อเห็นเสี่ยวเยว่เริ่มเกิด
อาการหายใจไม่ออกยามตื่นตระหนก
"เป็ นความผิดของคุณ ถ้าหากเมื่อคืนนีค
้ ุณไม่ลาก
ฉันกลับไปที่ซูโจว ซินซินก็คงไม่เป็ นแบบนี"้ เสี่ยว
เยว่มองจ้องฉินเยว่ด้วยสายตากล่าวโทษ
ฉินเยว่ส่งยิม
้ งอนง้อ เสี่ยวเยว่พูดแบบนีก
้ ับเขา
หลายครัง้ แล้ว เขาหวังเพียงว่าเรินซินซินจะผ่านพ้น
ไปด้วยดีไม่อย่างนัน
้ เขาคงจะต้องเจอกับอนาคตที่
น่าเวทนาเป็ นแน่
เมื่อคิดได้แบบนี ้ ฉินเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะมองจ้อง
หลู่ซวนที่กำลังยืนตื่นตระหนกอยู่ใกล้ๆ
อวี๋ตงไม่ได้สนใจการทะเลาะเบาะแว้งของเสี่ยว
เยว่กับฉินเยว่แต่กลับพุ่งความสนใจไปที่หลู่ซวน
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เสี่ยวเยว่บอกเธอทางโทรศัพท์ อวี๋ตง
ก็เดินเข้าไปหาหลู่ซวนแล้วถามว่า "คุณทำบ้าอะไร
ถึงได้ทำให้ซินซินต้องคลอดก่อนกำหนด?"
"ฉันกลับมาจากซูโจวเมื่อเช้ารู้สึกเป็ นห่วงซินซิน
นิดหน่อย ฉันก็เลยแวะไปที่อพาร์ทเม้นท์ ตอนที่ฉัน
ไปถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงตะโกนอยู่ข้างใน" เสี่ยว
เยว่เล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี ้ "ตอนที่ฉันเข้าไปข้าง
ในก็เห็นซินซินล้มอยู่บนพื้นกำลังร้องตะโกนว่าเจ็บ
ท้อง ฉัน...ฉันกลัวมากก็เลยรีบพาเธอมาโรง
พยาบาล"
"ทัง้ หมดเป็ นเพราะเขา" เสี่ยวเยวชีไ้ ปที่หลู่ซวน
ด้วยท่าทางมาดร้าย
อวี๋ตงมองหลู่ซวนอย่างโกรธเกรีย
้ ว
"ฉัน..ฉันก็ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนีเ้ หมือนกัน
ฉันก็แค่ไปรับเธอ" เมื่อนึกถึงอุบัติเหตุของเรินซินซิน
หลู่ซวนก็ร้ส
ู ึกร้อนรน
"ไปรับเธอ? รับไปไหน? ซินซินไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง
กับคุณ ฉันเคยบอกคุณไปแล้วว่าคุณไม่ควรมาปราก
ฎตัวต่อหน้าซินซินอีก ไม่อย่างนัน
้ ..." เสี่ยวเยว่
เตรียมที่จะพุ่งเข้าไปทำร้ายเขา
ฉินเยว่รีบกอดแล้วดึงตัวเธอเอาไว้ "คุณจะทำ
อะไร ตอนนีพ
้ วกเราอยู่ที่โรงพยาบาลนะ"
"ลูกสาวกับลูกเขยของฉันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย"
หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหลู่ซวนพูดขึน
้ มา
อวี๋ตงรู้จักผู้หญิงคนนี ้ เธอเป็ นแม่ของเรินซินซิน
พวกเธอเคยเจอกันหลายครัง้ ที่มหาวิทยาลัย
"คุณป้ า ซินซินกับหลู่ซวนเลิกกันแล้ว" เสี่ยวเยว่
บอก
"พวกเขาเลิกกันตัง้ แต่เมื่อไหร่? ยิ่งไปกว่านัน
้ ลูก
ในท้องของซินซินก็เป็ นลูกของหลู่ซวน" แม่เหริ่นพู
ดอย่างโกรธๆ "เธอเรียกใครว่าผู้ชายเฮงซวย?"
"คุณป้ า!" เสี่ยวเยว่มองแม่ของซินซินอย่างไม่
อยากเชื่อ
"คุณป้ าที่ซินซินเจอกับหลู่ซวนวันนีเ้ ป็ นฝี มือของ
คุณป้ าใช่หรือเปล่า?" อวี๋ตงรู้ว่าซินซินไม่มีทางยอม
ให้หลู่ซวนเข้ามาในอพาร์ทเม้นท์แน่ เธอจึงเดาเอา
ว่าแม่ของซินซินจะต้องมากับหลู่ซวนด้วย
"แล้วยังไง?" แม่เหริ่นพูด "เธอเป็ นลูกสาวของฉัน
แบกท้องโตแบบนัน
้ ฉันก็เลยไปรับเธอกลับบ้านกับ
หลู่ซวน"
"เธอเป็ นลูกสาวของคุณป้ า แล้วทำไมเธอถึงไม่
อยากกลับบ้านไปกับคุณป้ าล่ะ?" อวี๋ตงพูดถึงความ
เป็ นจริงแต่ก็อดที่จะตวัดเสียงไม่ได้ตอนที่พูด
"ฉัน..." จู่ๆแม่เหริ่นก็พูดไม่ออก
"ทำไมคุณป้ าไม่พาเธอกลับบ้านตอนช่วงปี ใหม่? 
ทำไมไม่ไปรับเธอตอนที่เธออุ้มท้องไปทำงานข้าง
นอก? ทำไมถึงทิง้ เธอเมื่อตอนที่เธออยากจะไปหา
คุณ?" เสียงของอวี๋ตงดังขึน
้ เรื่อยๆตามคำถามที่ถูก
ถามออกมาทีละข้อ
"ซินซินคลอดก่อนกำหนด คุณรู้หรือเปล่า? แล้ว
คุณก็มายืนอยู่ตรงนีเ้ พื่อปกป้ องคนที่คุณเรียกว่า
ลูกเขย" อวี๋ตงถาม
"เธอไม่ต้องมากังวลกับเรื่องในครอบครัวของเรา"
แม่เหริ่นพูดอย่างร้ายกาจ
"ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีแม่คนไหนที่ทำตัวเหมือน
อย่างคุณ คุณยังกล้าเรียกตัวเองว่าแม่ของซินซินอยู่
อีกเหรอ?" เสี่ยวเยว่แทบกระโดดออกมาด้วยความ
โกรธ
"ฉันเลีย
้ งเธอมาฉันจะไม่ใช่แม่ของเธอได้ยังไง?" แ
ม่เหริ่นยังพูดอย่างมั่นใจ
"คุณ..." เสี่ยวเยว่กำลังจะแย้งและด่าผู้ที่อาวุโส
กว่า ตอนนีเ้ องที่ประตูห้องคลอดเปิ ดออก
หมอมองความวุ่นวายตรงหน้าก่อนจะตำหนิออก
มา "ทำไมเสียงดังกันแบบนี?้ "
ทุกคนเงียบเสียงลง เสี่ยวเยว่กับอวี๋ตงรีบเข้าไป
หาคุณหมอ "คุณหมอเพื่อนของฉันเป็ นยังไงบ้าง?"
หมอมองพวกเธอแล้วตอบว่า "การคลอดมีความ
ยุ่งยากต้องมีการวางแผนให้ดี ใครเป็ นสมาชิกใน
ครอบครัว?"
"ผม...ผมเป็ นพ่อของเด็ก" หลู่ซวนร้องบอกเสียง
ดัง
"แล้วไง ซินซินไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณแล้ว"
เสี่ยวเยว่ขัดเขาก่อนที่หันกลับไปหาคุณหมอ "หมอ
คะ ฉันเป็ นคนที่พาเธอมาส่งโรงพยาบาล"
หมอเหลือบมองเธอแล้วถามว่า "คุณจะเป็ นคนที่
ตัดสินใจว่าจะเก็บแม่หรือเก็บลูกเอาไว้ถ้าเกิด
ว่าการผ่าตัดล้มเหลว?"
"ฉัน..." เสี่ยวเยว่พูดไม่ออก
"ผมจะเซ็นต์ยอมรับความเสี่ยงเอง" หลู่ซวนรับ
แบบฟอร์มยินยอมมาจากมือหมอแล้วเซ็นต์ช่ อ
ื ลง
ไป
หมอดูเอกสารก็เห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงกลับ
เข้าไปในห้องคลอด หลังจากนัน
้ ไม่นานเรินซินซินที่
นอนอยู่บนเตียงก็ถูกเข็นออกมาและถูกพาเข้าไปใน
ห้องผ่าตัด
ทุกคนวิ่งไปที่หน้าประตูห้องผ่าตัด เสี่ยวเยว่มือ
สั่นขณะที่จับมือของอวี๋ตงเอาไว้พลางภาวนาสุด
ชีวิต "ตงตง เราจะทำยังไงดี? หมอบอก
ว่า...หมายความว่า..."
เสี่ยวเยว่ไม่กล้าพูดต่อ
"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก หมอก็แค่สมมติ" อวี๋ตงก็
เป็ นกังวลอย่างมาก
"แล้วเซี่ยเฟิ งไปไหน? ให้เขาลองไปถามดู" เสี่ยว
เยว่เสนอทันที
"ฉันโทรหาเขาแล้วแต่เขาปิ ดโทรศัพท์ เขาคงจะ
ยุ่งอยู่" ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล อวี๋ตงได้โทร
หาเซี่ยเฟิ งแล้วแต่เสียดายที่เขาปิ ดโทรศัพท์ เธอจึง
ได้แต่ส่งข้อความไปให้เขา
ไม่มีใครรู้อาการของซินซิน เสี่ยวเยว่ไม่อยู่ใน
อารมณ์ที่จะหาเรื่องทะเลาะกับผู้ชายเฮงซวยคนนัน

และอวี๋ตงเองก็วิตกกังวลเกินกว่าจะพูดคุย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซี่ยเฟิ งในเสื้อกาวน์สีขาวก็รีบ
วิ่งเข้ามาหา
"เซี่ยเฟิ ง" อวี๋ตงลุกขึน
้ ยืน
"ซินซินเป็ นยังไงบ้าง?" เซี่ยเฟิ งถามด้วยความเป็ น
ห่วง
"ยังอยู่ขา้ งใน เราเลยไม่ร้ส
ู ถานการณ์" เมื่อเห็น
เซี่ยเฟิ ง อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกว่าจิตใจสงบลงเล็กน้อย
"ไม่ต้องเป็ นห่วง ที่หมอไม่ได้พูดอะไรก็แสดงว่า
ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล" เซี่ยเฟิ งให้ความมั่นใจ "ผม
จะไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลแล้วสอบถามให้"
"อื้อ!" อวี๋ตงกับเสี่ยวเยว่ร้ส
ู ึกโล่งใจขึน
้ มาบ้าง
เซี่ยเฟิ งเดินออกไปจากหน้าห้องผ่าตัด จากนัน
้ ไม่
นานเขาก็กลับมาพร้อมกับแฟ้ มคนไข้ของซินซิน
สายตาหลายคู่มองเขาขณะที่เขาอ่านข้อมูล "...
อาการของซินซินคงที่และสุขภาพของเธอก็แข็งแรง
ดี ตอนที่เธอล้มท้องไม่ได้ถูกกระแทกแต่เด็กต้องได้
รับการตรวจเช็คอีกทีหลังคลอดแล้ว"
"หมายความว่ายังไง?" ทัง้ อวี๋ตงและเสี่ยวเยว่ถาม
ขึน
้ มาทันที
"ไม่ต้องเป็ นห่วง เราได้โทรถามกุมารแพทย์เพื่อ
ขอคำปรึกษาแล้ว" เซี่ยเฟิ งให้ความมั่นใจกับหญิง
สาวทัง้ สองคน
"มันต้องไม่เป็ นไร มันต้องไม่เป็ นไร" อวี๋ตงเองก็
เอาแต่สวดภาวนา
เสี่ยวเยว่บีบมืออวี๋ตงแน่น ทัง้ สองคนต่างให้กำลัง
ใจซึ่งกันและกันอย่างเงียบๆ
"ทัง้ หมดนี่เป็ นเพียงการคาดเดา เราจะไม่รู้
จนกว่าเด็กจะคลอดออกมา ถ้าทัง้ คู่มีอาการคงที่
เด็กก็จะไม่มีอันตราย" เซี่ยเฟิ งพูดต่อ
"นั่งลงก่อน หมอบอกว่าไม่เป็ นไร" ฉินเยว่ค่อยๆ
ดึงตัวเสี่ยวเยว่เข้ามาและบอกให้เธอนั่งลง
"ถ้ามีอะไรเกิดขึน
้ กับซินซิน ฉันจะไม่พบหน้าคุณ
อีก" เสี่ยวเยว่อดบ่นฉินเยว่ไม่ได้
เวลาผ่านไปแต่ละวินาทีอย่างเชื่องช้า การรอ
คอยนัน
้ ใช้เวลาไม่นานนักแต่ทุกคนรู้สึกราวกับว่า
มันยาวนานเป็ นศตวรรษก่อนที่ประตูห้องผ่าตัดจะ
เปิ ดออกอีกครัง้
พยาบาลคนหนึ่งเข็นตู้อบใสออกมา ทุกคนต่าง
พากันเข้าไปรุมล้อมทันที ไม่นานหมอก็ออกมาแล้ว
บอกว่า "เป็ นทารกเพศหญิง แข็งแรงดีไม่มีปัญหา
อะไร แม่ต้องเย็บแผลดังนัน
้ จึงออกมาช้าหน่อย"
"เราจะพาเด็กไป SCU ก่อน" หลังจากพูดจบ
พยาบาลก็เข็นตู้อบไป
เมื่อแม่เหริ่นได้ยินว่าลูกสาวของเธอไม่เป็ นอะไร
แล้ว เธอก็กระพริบตาก่อนจะตามพยาบาลไปเพื่อ
ดูแลเด็ก
"คุณหมอ ขอบคุณมาก" เสี่ยวเยว่คว้ามือหมอมา
เขย่าอย่างแรงด้วยความตื่นเต้น
"ใช่ ขอบคุณมาก" อวี๋ตงพูดขอบคุณด้วยความ
จริงใจ
แพทย์หญิงยิม
้ แล้วรอจนเสี่ยวเยว่ปล่อยมือของ
เธอก่อนจะถอดหน้ากากออก อวี๋ตงจึงได้เห็นว่า
แพทย์หญิงคนนีส
้ วยมากแล้วยังอายุน้อยอยู่
"มีหมอสวยๆแบบนีใ้ นโรงพยาบาลด้วย" เสี่ยว
เยว่อดพูดชื่นชมไม่ได้
"ขอบคุณสำหรับคำชม" แพทย์หญิงยิม
้ ก่อนมอง
ไปยังกลุ่มคน เธอเดินไปข้างหน้า 2-3 ก้าวก่อนจะ
หยุดตรงหน้าเซี่ยเฟิ งแล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแผ่ว
เบา "ไม่ได้เจอกันนานเลย"
"อันอัน" สายตาของเซี่ยเฟิ งดูซับซ้อน
อวี๋ตงยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา สายตาของเธอเย็น
ชาราวกับว่ากำลังยืนคั่นอยู่ระหว่างภูเขาและแม่น้ำ
ซึ่งเป็ นการเผชิญหน้ากันของคู่รักที่ไม่ได้เจอกันมา
นาน
เซี่ยเฟิ งเงยหน้าขึน
้ มองผ่านผู้หญิงตรงหน้าไปสบ
ตากับอวี๋ตง อันอันงุนงงกับการกระทำของเซี่ยเฟิ ง
จึงหันกลับไปมอง ตาสีอ่อนอันงดงามของเธอมอง
ไปที่อวี๋ตงโดยสัญชาตญาณ
........................ 
ตอนที่ 46 ความรักไม่สามารถวัดได้ด้วยระยะ
เวลา
สายตาที่เย็นชาของอวี๋ตงบีบรัดหัวใจของ
เซี่ยเฟิ ง การปรากฎตัวอย่างกระทันหันของอันอัน
และบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี ้ จู่ๆก็ทำให้เซี่ยเฟิ งรู้สึก
ร้อนรนขึน
้ มาเล็กน้อย
"ตงตง มานี่สิ" เซี่ยเฟิ งยื่นมือไปทางเธอ
อวี๋ตงชะงักเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหา
เซี่ยเฟิ ง
"ผมขอแนะนำให้ร้จ
ู ัก นี่คือ..."
เซี่ยเฟิ งยังพูดไม่ทันจบประโยคอันอันก็เป็ นฝ่ ายที่
ยื่นมือออกไปหาตงตงขัดจังหวะการแนะนำของ
เซี่ยเฟิ ง เธอกล่าวว่า "สวัสดี ฉันอันอันเป็ นแฟน..."
"แฟนเก่า?" อวี๋ตงยิม
้ ขณะที่เธอตัดบทคำพูดของ
อันอันและยื่นมือออกไปจับทักทายกับเธอ
อันอันแปลกใจกับการกระทำของอวี๋ตงก่อนจะ
คลี่ยิม
้ ออกมาช้าๆ "ดูเหมือนว่าเซี่ยเฟิ งจะเคยพูดถึง
ฉันกับคุณ"
"แน่นอน" เมื่อหันไปมองเซี่ยเฟิ งแล้ว อวี๋ตงก็พูด
ต่อไปว่า "ฉันรู้เรื่องคุณในวันที่พวกเราพบกัน"
ใบหน้าของอันอันแข็งค้างทันที เมื่อมองไปที่
เซี่ยเฟิ งเธอก็พูดต่ออย่างไม่ค่อยยินดีนักว่า "แผนก
กุมารเวชต้องการตัวฉันเห็นว่ามีเรื่องจะคุยด้วย" ฉัน
คงต้องขอตัวก่อน"
"ได้" เซี่ยเฟิ งพยักหน้า
อันอันกวาดสายตามองไปยังคนสองคนที่ยืนจับ
มือกันอยู่ก่อนจะส่งยิม
้ ให้แล้วจึงเดินจากไป
เมื่ออวี๋ตงคิดว่ายกนีเ้ ธอชนะแล้ว จู่ๆอันอันก็หัน
กลับมามองเซี่ยเฟิ งแล้วพูดขึน
้ มาว่า "ใช่แล้ว เพื่อน
ร่วมงานของฉันจัดงานเลีย
้ งต้อนรับ ตอนนีค
้ ุณก็
กลับมาแล้ว คุณคงจะพอมีเวลาว่าง ถ้ายังไงก็มาสนุ
กกับพวกเราคืนนีส
้ ิ"
"ผม..."
"ฉันเช็คดูแล้ว คุณไม่มีตารางผ่าตัดคืนนี"้ อันอัน
พูดก่อนจะเดินลับหายไปตรงมุมทางเดิน
อวี๋ตงได้ยินคำพูดก่อนเดินจากไปของเธอแล้วเลิก
คิว้ มองเซี่ยเฟิ งขณะรอฟั งคำตอบของเขา
ก่อนที่เซี่ยเฟิ งจะอ้าปากพูด ประตูห้องผ่าตัดก็
เปิ ดออกอีกครัง้ อวี๋ตงทิง้ เซี่ยเฟิ งแล้วรีบไปที่หน้า
ประตูพร้อมกับเสี่ยวเยว่ทันที
"ซินซิน ซินซิน" ทัง้ สองคนเข้ามายืนประกบอยู่
ข้างเตียงคนไข้แล้วก้มลงไปมองเพื่อนของตัวเอง
"ไม่ต้องเป็ นห่วง อาการของแม่คงที่แล้ว ตอนที่
ยาสลบหมดฤทธิเ์ ธอก็จะฟื้ นขึน
้ มาเอง ให้เราย้าย
เธอไปพักที่ห้องพักก่อน" หมออธิบายขณะที่เข็น
เตียงคนไข้ไป
ทุกคนกล่าวขอบคุณคุณหมอแล้วเดินตามเตียง
คนไข้เข้าไปในวอร์ด
เซี่ยเฟิ งเห็นว่าอวี๋ตงกำลังจะเดินไป เขาก็ลูบหน้า
ผาก ไม่ร้ว
ู ่าเขาโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
ในตอนนีเ้ องร่างที่แอบอยู่ตรงมุมทางเดินก็รีบวิ่ง
เข้ามาหาเซี่ยเฟิ งทันที
"นายเจอเธอแล้วใช่ไหม?"
เซี่ยเฟิ งไร้ความปราณีขณะที่เขายกมือขึน
้ มา
ทุบตีชายหนุ่มที่วิ่งเข้ามาหา
"รู้แล้วทำไมถึงไม่บอกฉันล่วงหน้า"
เส้าอีฝ
้ านหลบมือที่ตีมาเป็ นพัลวันพลางรีบ
อธิบายว่า "ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนีเ้ มื่อ 2 วันก่อน ฉัน
อยากจะบอกนายแต่นายไปพบหน้าพ่อแม่ของอวี๋
ตงฉันก็เลยไม่อยากจะเพิ่มภาระให้นาย ฉันกะจะ
บอกนายตอนนาย กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลแต่
บังเอิญว่าฉันต้องเข้าห้องผ่าตัดตัง้ แต่เช้า ดูสิฉันยัง
ไม่ได้ล้างมือเลย" เซี่ยเฟิ งส่งสายตาคาดโทษ ดู
เหมือนจะไร้ประโยขน์ถ้ามัวแต่คุยไร้สาระอยู่ตรงนี ้
เขาต้องไปหาอวี๋ตง
"นายกำลังจะไปไหน?" เส้าอีฝ
้ านเดินตามเซี่ยเฟิ ง
ต้อยๆราวกับได้กลิ่นเรื่องที่น่าเอามาซุบซิบนินทา
"นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าเกิดอะไรขึน
้ ตอนที่พวก
เธอเจอกัน พวกเธอทะเลาะกันหรือเปล่า? เพื่อนฝูง
พอฉันเห็น ฉันก็เลยไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเลย"
"เส้าอีฝ
้ าน นายมีชีวิตอยู่เพื่อเรื่องตื่นเต้น
ประเภทนีเ้ ท่านัน
้ ใช่ไหม?"
"ใช่" เส้าอีฝ
้ านยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
"ฉันจะเลิกคบกับนาย"
"เฮ้ เฮ้ ฉันแค่ล้อเล่น"  เส้าอีฝ
้ านรีบหยุดเซี่ยเฟิ ง
เอาไว้แล้วพูดขอโทษ "ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องของนาย
นายมีรักครัง้ ใหม่อยู่ในมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็เป็ น
รักครัง้ เก่า"
"รักใหม่ รักเก่าอะไร อวี๋ตงคือหนึ่งเดียวในใจของ
ฉัน" เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้
"แต่อันอันเป็ นคนที่นายเคยขอแต่งงานด้วยถึง 3 
ครัง้ ฉันก็เลยคิดว่า..."
เส้าอีฝ
้ านพูดไม่ทันจบประโยคเขาก็เห็นสายตา
ของเซี่ยเฟิ งเสียก่อน
"ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย อย่ามองฉันแบบนัน
้ ช่าง
มันเถอะฉันไปก่อนดีกว่า" เส้าอีฝ
้ านตัดสินใจล่าถอย
เซี่ยเฟิ งเป็ นคนประเภทที่ไม่ชอบความวุ่นวาย ดัง
นัน
้ เส้าอีฝ
้ านจึงแปลกใจว่าทำไมตอนแรกเขาถึงได้
สงสัยในตัวเพื่อนของเขา
เมื่อเซี่ยเฟิ งมาถึงแผนกสูตินรีเวช เสี่ยวเยว่กับหลู่
ซวนก็กำลังเผชิญหน้ากันอยู่
"คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป" เสี่ยวเยว่ยืนขวาง
อยู่หน้าประตู
"ฉันก็แค่จะเข้าไปดูว่าเธอเป็ นยังไงบ้าง" หลู่ซวน
บอก
"ถ้าฉันยังยืนอยู่ตรงนีค
้ ุณคิดว่าคุณจะได้เข้าไปหา
เธออย่างงัน
้ เหรอ? หลู่ซวนคุณคิดผิดแล้ว" เสี่ยวเยว่
หัวเราะใส่หน้าเขา
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ฉินเยว่ก็คิดว่าเธอดู
เปลี่ยนไปมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับตอนที่เป็ นเด็ก
น้อยตัวอ้วนกลมในอดีต เขาพบว่าท่าทางตอนนี ้
ของเธอคล้ายกับตอนที่เธอมาขวางทางเขาเอาไว้
เพื่อสารภาพรักในตอนที่พวกเขายังเป็ นเด็ก ด้วย
ความคิดนีเ้ ขาก็อดคิดไม่ได้ว่าเสี่ยวเยว่ในตอนนีช
้ ่าง
น่ารักจริงๆ
เซี่ยเฟิ งเดินมาที่หน้าประตูและอยากจะเข้าไป
ข้างใน อย่างไรก็ตามเขาก็ถูกเสี่ยวเยว่ขวางเอาไว้
เหมือนกัน
เซี่ยเฟิ งตกตะลึงแล้วถามว่า "ตงตงอยู่ข้างในหรือ
เปล่า?"
"อยู่"
"ผมอยากคุยกับเธอ"
"บอกฉันมาก่อนว่าเมื่อกีน
้ ม
ี ้ ีเรื่องอะไรระหว่าง
คุณกับหมอผู้หญิงคนนัน
้ ?" เสี่ยวเยว่ถูกไล่ตามจาก
บรรดาผูช
้ ายนับไม่ถ้วนตัง้ แต่ที่เธอยังเป็ นเด็กแล้ว
นั่นจึงเป็ นเหตุผลที่ทำให้เธอได้กลิ่นของความไม่
ชอบมาพากลในความสัมพันธ์ที่คลุมเครือแม้ว่าจะ
อยู่ห่างออกไปเป็ นไมล์ก็ตาม
เจ้าเศษขยะหลู่ซวนกับเซี่ยเฟิ งที่ตอนนีด
้ ูไม่ค่อย
น่าไว้ใจเท่าไหร่นัก เมื่อทัง้ คู่มาอยู่ต่อหน้าเธอก็
ทำให้เธอรู้สึกอยากทุบตีคนขึน
้ มาในไม่กี่วินาทีนี ้
แล้ว
"หรือไม่ก็เรียกตงตงออกมาให้ผมที ผมจะได้ไม่
ต้องเข้าไป" เซี่ยเฟิ งไม่ได้โต้เถียงกับเสี่ยวเยว่แต่ใช้
วิธีประนีประนอมแทน
เสี่ยวเยว่อยากปฏิเสธแต่ฉินเยว่ก็เข้ามาลากเธอ
ไปอีกด้าน "คุณกำลังทำอะไร คุณจะเข้าไปยุ่งกับ
ความสัมพันธ์ของคนอื่นแบบนีไ้ ม่ได้ คุณทำราวกับ
เป็ นแม่ไก่ที่กำลังกางปี กปกป้ องลูกน้อย คนที่อยู่
ข้างในนัน
้ ไม่ใช่ลูกๆของคุณสักหน่อย"
"ก็แล้วยังไงล่ะ?" เสี่ยวเยว่สะบัดมืออกจากการ
เกาะกุมของฉินเยว่พร้อมร้องคำราม
ขณะเดียวกันหลู่ซวนกับเซี่ยเฟิ งก็ถือโอกาสแอบ
เข้าไปในห้อง
อวี๋ตงกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อของ
ซินซิน
เมื่ออวี๋ตงเห็นเซี่ยเฟิ งเข้ามาเธอก็ส่งยิม
้ ให้ ทำให้
หัวใจของเซี่ยเฟิ งสว่างไสวขึน
้ และเขารู้สึกสงบลง
"เสี่ยวเยว่เข้ามาดูแลซินซินที" อวี๋ตงเห็นเสี่ยวเยว่
เดินเข้ามาพร้อมชูกำปั ้ นก็เลยพูดดักเธอเอาไว้ก่อน
"ได้" เสี่ยวเยว่ชำเลืองมองหลู่ซวนขณะที่เธอเดิน
ผ่านชายหนุ่มทัง้ สองคนไปแล้วหย่อนตัวลงนั่งข้าง
เตียงราวกับกำแพงป้ องกันอย่างหนาแน่นเพื่อกัน
หลู่ซวนให้อยู่ห่างๆ
ฉินเยว่มองท่าทางไม่พอใจของเธอแล้วก็ร้ส
ู ึก
สงสารหลู่ซวนขึน
้ มานิดหน่อย
เซี่ยเฟิ งพาอวี๋ตงออกไปที่สวนด้านข้างโรง
พยาบาล เขาจับมือเธอเอาไว้พลางคิดว่าจะอธิบาย
ยังไงดี แต่สุดท้ายเขาก็ได้แค่พูดว่า "เชื่อใจผม"
"คุณกำลังจะบอกให้ฉันเชื่อใจคุณหรือว่าคุณแอบ
ไปทำอะไรที่ทำให้ฉันไม่ไว้ใจมา" อวี๋ตงเลิกคิว้ ถาม
"ไม่ มันไม่ใช่แบบนัน
้ " เซี่ยเฟิ งรีบปฏิเสธทันที
"ผมไม่ร้ว
ู ่าเธอกลับมาที่จีน ตามโปรแกรมแล้วเธอ
ควรจะต้องอยู่ที่อเมริกาอีก 4 เดือน"
"ดูเหมือนว่าคุณจะจำข้อมูลได้แม่นเชียวนะ" อวี๋
ตงดึงมือของเธอออกจากการเกาะกุมของเซี่ยเฟิ
งด้วยท่าทางเย็นชา
"ผม...มันไม่..." เซี่ยเฟิ งเริ่มร้อนรน "อา...ผมจะ
อธิบายเรื่องนีย
้ ังไงดี"
"คิก..." อวี๋ตงอดหัวเราะขบขันกับท่าทางของ
เซี่ยเฟิ งไม่ได้
เซี่ยเฟิ งรู้ว่าอวี๋ตงไม่ได้โกรธจริงจังก็ร้ส
ู ึกจนใจปน
หดหู่ ก่อนจะยกมือขึน
้ ลูบศีรษะของเธอ
"เฮ้ คุณจะทำผมฉันยุ่ง" อวี๋ตงหลบมือแล้วจัดทรง
ผมของตัวเอง "เมื่อก่อนมันอาจจะโอเคถ้าผมจะยุ่ง
บ้าง แต่ตอนนีฉ
้ ันมีคู่แข่งอยู่ใกล้ๆ"
"คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร" เซี่ยเฟิ งเคาะ
ศีรษะอวี๋ตง
"คุณยังชอบเธออยู่หรือเปล่า?" ในที่สุดอวี๋ตงก็
ถามคำถามนีก
้ ับเซี่ยเฟิ ง
"...." อันที่จริงเซี่ยเฟิ งไม่เคยคิดถึงประเด็นนีอ
้ ย่าง
ลึกซึง้ มาก่อน อันอันเป็ นผู้หญิงคนแรกที่เขาตกหลุม
รัก หลังจากที่คบหากันมา 4 ปี มันคงจะแปลกถ้า
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับเธอ แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เขา
มั่นใจอย่างแน่นอนก็คือ เขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับ
อวี๋ตง
"ตงตง" เซี่ยเฟิ งมองเธอก่อนจะพูดออกมาอย่าง
จริงจัง "ผมชอบคุณ"
"แต่คุณก็เคยชอบเธอมาก่อนยิ่งไปกว่านัน
้ คุณก็
ชอบเธอมานาน" อวี๋ตงพูดด้วยท่าทางไม่สบายใจ
เล็กน้อย "คุณเพิ่งจะมาชอบฉันเมื่อไม่นานมานีเ้ อง"
"ตงตง ผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่าอันอันเป็ นแค่
เพื่อนธรรมดาในสายตาของผม" เซี่ยเฟิ งพูดต่อขณะ
ที่เขาจับมืออวี๋ตงเอาไว้ "แต่ผมรับรองได้ว่าเราจะไม่
กลับมาคืนดีกันอย่างแน่นอน นอกจากนีค
้ วามรู้สึก
ของคนๆหนึ่งไม่อาจวัดได้จากระยะเวลา"
ในตอนนีอ
้ วี๋ตงเพียงแค่ปรารถนาว่าเซี่ยเฟิ งจะ
บอกว่าอันอันเป็ นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่คุ้นเคยใน
สายตาของเขา หรือไม่ก็เขาจะไม่ไปพบเธอหรือพูด
คุยกับเธออีก แต่ถ้าเขาทำแบบนัน
้ ก็เท่ากับว่าเขา
โกหกเธอ
ผู้หญิงมีความขัดแย้งในตัวเองสูง บางครัง้ เธอก็
อยากให้เขาโกหกเธอ แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันเป็ นเรื่อง
โกหกก็ตาม เช่นเดียวกับจักรพรรดิคนนัน
้ กับเสื้อผ้า
ของเขา เขาเปลือยกายออกไปข้างนอกแล้วก็แสร้ง
ทำเป็ นว่ากำลังสวมใส่เสื้อผ้าที่งดงามอยู่***
***[นิทานเรื่อง เสื้อผ้าชุดใหม่ของจักรพรรดิ
ผู้คนทำให้จักรพรรดิเชื่อว่าเขากำลังสวมเสื้อผ้าชุด
ใหม่แม้ว่าเขาจะเดินเปลือยกายไปอวดเสื้อผ้าชุด
ใหม่กับประชาชนของเขา ซึ่งก็ไม่มีใครกล้าบอก
ความจริงกับจักรพรรดิ]
"งัน
้ ก็สัญญากับฉันมาอย่างหนึ่ง" อวี๋ตงไม่อยาก
โกหกตัวเอง
"ได้สิ" เซี่ยเฟิ งพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
"อย่าไปพบเธอตามลำพังแล้วก็ต้องบอกฉันถ้า
คุณต้องไปเจอกับเธอ ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องนีจ
้ าก
คนอื่นทีหลัง" อวี๋ตงพูดก่อนจะเบะปากเห็นได้ชัดว่า
ไม่พอใจ
เซี่ยเฟิ งมองปากที่บุ้ยของเธอแล้วก็หัวเราะเบาๆ
ก่อนจะพยักหน้า "ถ้าผมทำตามที่คุณบอก คุณยัง
จะหึงอยู่อีกหรือเปล่า?"
"อื้อ" อวี๋ตงพยักหน้า
"แล้วคุณจะไม่สบายใจเหรอถ้าหากว่าผมรายงาน
เรื่องแบบนีใ้ ห้คุณรู้" เซี่ยเฟิ งคิดใคร่ครวญก่อนจะ
ขมวดคิว้
"คุณกำลังจงใจแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม? ทำไมคุณถึง
ได้ถามคำถามมากมายขนาดนี?้ " อวี๋ตงเริ่มหงุดหงิด
"โอ้..." เซี่ยเฟิ งรู้สึกขบขันกับท่าทางที่ไม่สบ
อารมณ์ของอวี๋ตง เขาดึงเธอเข้ามากอดพลางบอก
ว่า "ถ้าอย่างนัน
้ สัญญากับผม ไม่ว่ายังไงก็ตามคุณ
ต้องบอกถึงสิ่งที่คุณคิดและความรู้สึกทัง้ หมดของ
คุณเกี่ยวกับสิ่งที่ผมทำ"
"ได้!"
"ถ้าหากคุณมีคำถามก็ต้องถามผม อย่าเก็บเอา
ไว้" 
"อื้อ"
"ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องอันอัน แต่ทุกเรื่องที่คุณไม่
สบายใจ" เซี่ยเฟิ งพูดต่อไปว่า "เพราะเราจะต้องอยู่
ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน"
"...ถ้างัน
้ คืนนีก
้ ็อย่าไปงานเลีย
้ งต้อนรับเธอ" อวี๋
ตงพูดหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง
"ฮ่า ฮ่า ...." เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่าอวี๋ตงร่ายเวทย์มนต์ใส่
เขาทุกครัง้ ที่เขาอยู่กับเธอ เขามักจะมีความสุข
เสมอ "ผมไม่ได้วางแผนที่จะไปอยู่แล้ว ตอนเย็นผม
คิดว่าจะไปที่ห้องปฏิบัติการ"
"ฉันจะอยู่ดูแลซินซินตลอดบ่าย งัน
้ หลังจากนี ้
พวกเราไปทานอาหารเย็นด้วยกันนะ" อวี๋ตงเอียง
คอถาม
"เยี่ยม!" เซี่ยเฟิ งต้านทานไม่ได้จนต้องหัวเราะ
ออกมา
ที่ระเบียงชัน
้ สองของแผนกผู้ป่วยใน อันอันมอง
ผ่านหน้าต่างกระจกลงไปยังคนทัง้ คู่ที่ยืนอยู่ในสวน
ใบหน้าของเธอซีดเซียว
"เห็นไหม?ผมไม่ได้โกหกคุณ" เส้าอีฝ
้ านที่ยืนอยู่
ข้างๆเธอ รู้สึกราวกับว่าเขากำลังบอกเลิกเธอแทน
เซี่ยเฟิ ง
"นั่นไม่ได้มีความหมายอะไรเลย" อันอันเสมองไป
ทางอื่น
"อันอัน ความจริงแล้ว ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไม
คุณถึงได้ปฏิเสธคำขอของเซี่ยเฟิ งถึง 3 ครัง้ แล้วก็ไป
อเมริกา ตอนนีเ้ ซี่ยเฟิ งอยู่กับคนอื่นแล้ว ทำไมคุณ
ถึงดื้อดึงไม่ยอมปล่อยเขาไป" เส้าอีฝ
้ านไม่เข้าใจ
กระบวนความคิดของอันอันเลยแม้แต่น้อย
"คุณวางใจได้ ถ้าหากในหัวใจของเซี่ยเฟิ งไม่ได้มี
ฉันอยู่อีกต่อไป ฉันจะไม่ดึงดันแล้วก็จะไม่ทำอะไร
อีก" อันอันบอก
"อันอัน" เส้าอีฝ
้ านพูดต่อ "ผมรู้ว่าเราเป็ นเพื่อน
กันมานาน อวี๋ตงเป็ นผู้หญิงที่ดีจริงๆ เซี่ยเฟิ งมี
ความสุขที่ได้อยู่กับเธอ คุณ...."
"นิสัยของเซี่ยเฟิ งเป็ นยังไงพวกเราเข้าใจดีกว่า
ใคร" อันอันพูดขัดจังหวะ "คุณเชื่อจริงๆหรือว่าเขา
จะหาผู้หญิงสักคนจากหน้าประตูสำนักงานกิจการ
พลเรือนเพื่อทำให้คุณป้ าสบายใจ? คุณเชื่อจริงๆเห
รอว่าเขาเป็ นคนที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนัน
้ ? เพีย
งเพื่อให้ได้จดทะเบียนสมรส?"
แม้แต่เส้าอีฝ
้ านก็ยังสงสัยในข้อนี ้ เพราะเซี่ยเฟิ
งกับอวี๋ตงอยู่ด้วยกันแค่เพียงระยะเวลาสัน
้ ๆ สาเหตุ
ที่พวกเขาแต่งงานกันก็เพื่อคุณแม่เซี่ยเท่านัน
้ หลัง
จากนัน
้ พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะเซี่ยเฟิ งต้อง
ไปอเมริกา 3 เดือน แม้ว่าหลังจากที่เซี่ยเฟิ งกลับมา
แล้วส่วนใหญ่เขาก็จะใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลหรือ
ไม่ก็หมกตัวอยู่ในห้องทดลอง
พูดถึงความรู้สึกลึกๆแล้ว มันก็อาจจะเป็ นอย่างที่
อันอันพูดก็ได้
"ทำไมคุณกลับมาที่จีนเร็วนัก?" เส้าอีฝ
้ านถามอัน
อัน
"ติวเตอร์ของฉันเชิญให้ฉันกลับมาที่จีนใน
โครงการแลกเปลี่ยน" อันอันตอบอย่างใจเย็น "แล้ว
ก็เป็ นเพราะเซี่ยเฟิ ง"
เส้าอีฝ
้ านไม่สามารถบอกได้ว่าควรรู้สึกยังไงกับ
คำพูดของอันอัน เขารู้สึกว่าสถานการณ์ของพวก
นัน
้ ช่างยุ่งเหยิง เขาถอนหายใจ ผู้หญิงช่างเป็ น
ปั ญหาจริงๆ
"ผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องนีแ
้ ล้ว" เส้าอีฝ
้ านบอกตรงๆ
"ได้..." อันอันยิม
้ "แต่คืนนีค
้ ุณต้องไปงานเลีย
้ ง
ต้อนรับของฉันนะ"
ตอนนีเ้ ส้าอีฝ
้ านรู้สึกว่าการเป็ นสุนัขโสดก็ไม่เลว
ร้ายเกินไปนัก อย่างน้อยเขาก็ไม่จำเป็ นต้องมาคอย
จัดการกับเรื่องยุ่งยากมากมาย
................. 
ตอนที่ 47 ปกป้ องได้แค่คนเดียว
ในระหว่างอาหารเย็น เซี่ยเฟิ งไม่ได้ไปงานเลีย
้ ง
ต้อนรับของอันอัน แต่เขากินสเต็กอยู่ที่ร้านอาหาร
ตะวันตกนอกโรงพยาบาลกับอวี๋ตง
อวี๋ตงมองเซี่ยเฟิ งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็อดหัวเราะ
ไม่ได้
"คุณหัเราะอะไร?" หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย
แล้ว เซี่ยเฟิ งเห็นอวี๋ตงหัวเราะก็เลยถามขึน
้ มา
"ฉันจำได้ว่าครัง้ แรกที่ฉันขอให้คุณมาทานอาหาร
เย็นกับฉันก็เป็ นที่ร้านนี"้ อวี๋ตงตอบพร้อมรอยยิม

ที่นี่? เซี่ยเฟิ งคิดย้อนกลับไปอย่างถี่ถ้วน แต่ก็จำ
ไม่ได้ว่าเขาเคยมาที่ร้านนีก
้ ับอวี๋ตง "ทำไมผมถึงจำ
ไม่เห็นได้?"
"ก็เพราะคุณไม่ได้มา" น้ำเสียงของอวี๋ตงเริ่มไม่
พอใจเล็กน้อย "ฉันบอกให้คุณมาช่วยจ่ายค่าอาหาร
ให้แต่คุณกลับส่งคนอื่นมาแทน"
"โอ้ ครัง้ นัน
้ นั่นเอง..." เซี่ยเฟิ งจำได้แล้ว "ตอนนัน

คณบดีเรียกตัวผมพอดี...เป็ นความผิดของผมเอง"
เซี่ยเฟิ งแสดงสีหน้าลุแก่โทษ
อวี๋ตงยกมือขึน
้ เท้าคางก่อนจะพูดอย่าง
เกียจคร้านว่า "ช่างมันเถอะ ตอนนัน
้ คุณก็ยังไม่ได้
ชอบฉัน แต่เป็ นฉันที่ไล่ตามคุณอยู่"
ทัง้ คู่พูดคุยสัพเพเหระกันอยู่พักหนึ่งก่อนที่บริกร
จะนำอาหารมาเสิร์ฟ
ทัง้ คู่เริ่มหั่นสเต็กของพวกเขา เมื่อเซี่ยเฟิ งหั่น
สเต็กไปได้ครึ่งหนึ่งเขาก็เงยหน้าขึน
้ มองอวี๋ตงที่
กำลังหั่นสเต็กของตัวเองอย่างชำนาญ
"ทำไมคุณถึงมองฉันแบบนัน
้ ?" อวี๋ตงเห็นว่าเขา
มองมาก็เลยหยุดเคลื่อนไหวแล้วถามออกมา
"ผมแค่คิดว่า...ภรรยาของผมมีความสามารถ
จริงๆ" เซี่ยเฟิ งตอบพร้อมรอยยิม
้ "คุณหั่นสเต็กเก่ง
ขนาดนี ้ ผมก็เลยอดแสดงฝี มือ"
อวี๋ตงมองสเต็กที่เธอหั่นไปมากกว่าครึ่งก่อนจะ
มองสเต็กของเซี่ยเฟิ ง เมื่อมองใบหน้ายิม
้ แย้มของ
เซี่ยเฟิ งแล้วก็นึกถึงคำพูดที่เขาเคยพูดเอาไว้ตอนไป
รับเธอที่ที่ทำงานเป็ นครัง้ แรก
วันนัน
้ ฝนตก เซี่ยเฟิ งเป็ นคนถือร่มให้เธอน้ำเสียง
ของเขาอ่อนโยนขณะที่มองเธอ "คุณไม่จำเป็ นต้อง
ทำตัวเข้มแข็งตลอดเวลา ผู้หญิงทำตัวเอาแต่ใจบ้าง
จะดูมีเสน่ห์กว่า"
อวี๋ตงกระพริบตาดึงสติมาจากความทรงจำ เธอ
วางมีดกับส้อมลง ยิม
้ แล้วพูดว่า "จู่ๆ ฉันก็ร้ส
ู ึกหมด
แรง ดูเหมือนว่าคุณคงจะต้องช่วยฉันหั่นสเต็กที่
เหลือแล้วล่ะ"
"ได้!" เซี่ยเฟิ งพยักหน้าแล้วหยิบจานของอวี๋ตงมา
จัดการหั่นสเต็กส่วนที่เหลือให้เธออย่างขยันขันแข็ง
เมื่อเห็นแบบนีอ
้ วี๋ตงก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง
เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะถามว่า "คุณช่วย
อันอันแบบนีต
้ ลอดใช่หรือเปล่า?"
เซี่ยเฟิ งเงยหน้าขึน
้ มอง เขารู้ว่าคำตอบของเขา
จะทำให้อวี๋ตงอึดอัดแต่ก็ยังพยักหน้าเบาๆ
อวี๋ตงบีบแก้วของเธอแน่น เธอบอกตัวเองซ้ำๆว่า
อย่าโกรธมันคงไม่ดีที่จะโกรธอยู่ตลอดเวลา เธอไม่
ควรไปยึดติดกับอดีต เธอเป็ นผู้ใหญ่ที่ใจเย็น
"ฉันไม่พอใจ" ใช้เวลาไม่ถึงนาทีอวี๋ตงก็ระเบิด
ออกมา
เซี่ยเฟิ งค่อยๆวางจานกลับไปตรงหน้าอวี๋ตง
"จากนีไ้ ปผมจะหั่นให้คุณแค่คนเดียวเท่านัน
้ "
"ฉันไม่เชื่อคุณ" อวี๋ตงรู้ตัวว่าเธอกำลังหึงหวงอยู่
ดูเหมือนจะงอนและไม่ยอมเข้าใจง่ายๆ
"ตงตงมองผม" เซี่ยเฟิ งอดทนรอจนอวี๋ตงเงยหน้า
ขึน
้ มองจากนัน
้ เขาก็พูดว่า "ผมอาจจะไม่ได้ดีอะไร
นัก แต่ถ้าผมสัญญาอะไรกับคุณ ผมจะพยายาม
อย่างเต็มที่เพื่อรักษามัน"
คำพูดของเขาดูเหมือนจะช่วยล้างน้ำส้มสายชูใน
ใจของอวี๋ตงไปได้
"รีบกินเถอะ คุณต้องไปเปลี่ยนกับเสี่ยวเยว่อีก"
เมื่อเทียบกับความจริงใจของเซี่ยเฟิ งแล้ว อวี๋ตงรู้สึก
ราวกับว่าเธอกำลังทำตัวไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เธอ
รู้สึกอับอายจึงก้มหน้าแล้วเริ่มกินอาหาร
เซี่ยเฟิ งรู้ว่าในที่สุดอวี๋ตงก็ยกโทษให้เขาแล้ว เขา
จึงยิม
้ แล้วยื่นมือมาเช็ดซอสที่เปื้ อนตรงมุมปากขอ
งอวี๋ตงด้วยผ้าเช็ดปาก
ใบหน้าของอวี๋ตงขึน
้ สีจากการกระทำของเขา
เวลาอาหารเย็นที่เหลือต่อจากนีม
้ ีเพียงความอิ่มเอม
ใจ
เซี่ยเฟิ งเดินไปส่งอวี๋ตงกลับไปที่โรงพยาบาลจาก
นัน
้ เขาก็ขับรถไปที่ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย
โดยปกติแล้วขณะที่ทำการทดลองเซี่ยเฟิ งจะมี
สมาธิอย่างมาก เขาจะไม่รับรู้เวลาหรือสังเกตเห็น
ความเคลื่อนไหวใดๆรอบตัวเขาอย่างสิน
้ เชิง ดังนัน

เขาจึงไม่ได้ยินเสียงเปิ ดประตูห้องทดลอง
อันอันเข้ามาในห้องโดยที่ยังสวมเทรนช์โค้ทสี
น้ำตาลอยู่ เธอยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ ดวงตาสีอ่อนข
องเธอจ้องมองไปยังเซี่ยเฟิ งที่กำลังส่อง
กล้องจุลทรรศน์ เมื่อเธอเห็นเซี่ยเฟิ งเสร็จสิน

กระบวนการแล้ว อันอันจึงพูดขึน
้ มาว่า "คุณดู
จริงจังมากตอนที่ทำการทดลอง"
เซี่ยเฟิ งสะดุ้งตกใจหันขวับไปมอง "อันอัน? คุณ
เข้ามาได้ยังไง?"
อันอันชูกุญแจที่ถืออยู่ในมือขึน
้ แล้วหัวเราะขณะ
บอกว่า "กุญแจสำรองยังอยู่ที่เดิม"
เซี่ยเฟิ งวางสไลด์ในมือลงแล้วเดินเข้าไปหาอันอัน
เขาเอื้อมมือไปหยิบกุญแจมาจากมือของเธอ
จากการกระทำของเซี่ยเฟิ งทำให้สีหน้าของอัน
อันเหมือนกับจะแตกร้าว เธอพยายามปรับอารมณ์
ให้ดีขึน
้ ขณะเปลี่ยนเรื่อง "คุณยังทดลองเรื่องเนื้อ
งอกอยู่ใช่หรือเปล่า?"
"อือ" เมื่อเซี่ยเฟิ งได้กุญแจคืนมาแล้ว เขาก็กลับ
ไปนั่งตรวจสอบข้อมูลยิ่งเขาทำเสร็จเร็วเท่าไหร่ เขา
ก็ยิ่งได้กลับบ้านเร็วขึน
้ เท่านัน

"ได้ทำการทดลองมากี่ครัง้ แล้ว? ข้อมูลที่คุณได้มี
แน้วโน้มบ้างไหม?" อันอันเอื้อมมือไปหยิบบันทึก
การทดลองที่วางอยู่ข้างๆเซี่ยเฟิ งมาดู
บนนิว้ อันเรียวยาวงดงามของอันอันมีแหวนเพชร
หรูหราเป็ นประกายอยู่ ประกายระยับนัน
้ สะท้อน
เข้าตาของเซี่ยเฟิ งและเมื่อเห็นแหวนเขาก็ตัวแข็ง
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ เซี่ยเฟิ งก็เก็บข้อมูล
ชุดสุดท้ายเสร็จ เขาลุกขึน
้ ยืนก่อนจะหันไปหาอัน
อัน และยื่นมือไปตรงหน้าเธอ
อันอันมองมือที่คุ้นเคยตรงหน้าเธอ จากนัน
้ ก็ส่ง
บันทึกผลการทดลองไปให้ขณะที่สายตายังจับจ้อง
อยู่ที่มือข้างนัน
้ ตลอดเวลา
เซี่ยเฟิ งหยิบเอกสารการทดลองกลับมาแล้ววาง
มันลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะยื่นมือกลับไปตรงหน้า
อันอันอีกครัง้
"ฉันก็คืนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?" อันอันถามอย่าง
งุนงง
"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมขอ" สายตาของเซี่ยเฟิ งเพ่งมอง
ไปที่มือขวาของอันอัน
เมื่ออันอันรู้ว่าเซี่ยเฟิ งกำลังพูดถึงอะไร เธอก็หน้า
ซีดแล้วกุมมือข้างนัน
้ ด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ เธอ
ถามเซี่ยเฟิ งว่า "คุณอยากจะได้มันคืนเหรอ?"
"ใช่" เซี่ยเฟิ งพยักหน้า
"แต่คุณให้ฉันแล้ว" อันอันส่ายหน้า
์ ี่จะสวมมันอีกต่อไป" เซี่ยเฟิ ง
"แต่คุณไม่มีสิทธิท
พูดอย่างใจเย็น "คืนมาให้ผมเถอะ"
"เธอขอให้คุณทำแบบนีใ้ ช่ไหม?" อันอันถาม เธอ
รู้สึกนิสัยของเซี่ยเฟิ งดีที่สุด ไม่มีทางที่เขาจะทำ
แบบนี ้
"ตงตงไม่ร้เู รื่องนี ้ แต่...ผมไม่อยากให้เธอเข้าใจ
ผิด" ที่นี่มีแค่เพียงพวกเขาสองคน ดังนัน
้ เซี่ยเฟิ งจึง
รู้สึกว่าเขาสามารถพูดออกไปตรงๆได้
"แต่เดิม..." อันอันอยากจะบอกว่าเขาเคยอยาก
ให้เธอรับแหวนวงนีเ้ อาไว้มากแค่ไหน แต่...
"ตอนนัน
้ ที่ฉันคืนแหวนไปแต่สุดท้ายก็รับมันเอา
ไว้ ความหมายยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ?" จู่ๆอันอัน
ก็ร้ส
ู ึกขุ่นเคือง "ฉันรับแหวนเอาไว้แต่ทำไมคุณถึงได้
ไปแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?"
"อันอัน..." เซี่ยเฟิ งไม่อยากจะรื้อฟื้ นอดีตเพราะ
ว่ามันจะทำให้ทงั ้ คู่ร้ส
ู ึกลำบากใจ และหวนนึกถึง
ความทรงจำที่เจ็บปวด "คืนมันมาให้ผมเถอะ มัน
ไม่ใช่ของคุณอีกต่อไปแล้ว" 
"มันเป็ นของฉัน" อันอันกำมือปิ ดแหวนบนนิว้ เอา
ไว้แน่น ก่อนจะมองเซี่ยเฟิ งอย่างไม่พอใจ ดูเหมือน
ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยเฟิ งถึงได้ทำแบบนี ้
เซี่ยเฟิ งมองไปที่อันอันแล้วก็ร้ส
ู ึกเหนื่อยล้า ถ้ายัง
มีเรื่องพัวพันกันแบบนีต
้ ่อไป คงจะไม่ดีสำหรับใคร
ทัง้ นัน

เซี่ยเฟิ งชักมือกลับแล้วมองอันอันด้วยสีหน้าเรียบ
เฉย "คุณยังจำได้ไหมว่าตอนแรกคุณได้แหวนวงนี ้
มายังไง?"
ดวงตาสีอ่อนของอันอันเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
เซี่ยเฟิ งรู้สึกสงสารแต่หัวใจของเขาไม่ได้เต้นเพื่อเธอ
มานานแล้ว  "เราเดทกันมา 3 ปี ผมไปที่ร้านจิวเวล
รี่ทุกแห่งในเซี่ยงไฮ้เพื่อหาแหวนที่คุณชอบ ผม
อยากสวมมันลงบนนิว้ ของคุณแต่คุณกลับบอกว่า
คุณยังยุ่งอยู่กับงานและเรื่องการเรียน คุณจึงยังไม่
อยากแต่งงาน"
"ครึ่งปี ต่อมาเมื่อคุณเรียนจบผมก็คิดว่าภาระของ
คุณคงจะเบาลงแล้ว ผมจึงไปรับแหวนมาและไปหา
คุณ....แต่คุณกลับตอบว่า คุณยุ่งอยู่กับงานวิจัยทาง
วิทยาศาสตร์บางอย่าง ...ซึ่งคุณยุ่งยิ่งกว่าก่อนหน้า
นี.้ ..." เซี่ยเฟิ งมองไปที่แหวนเพชรของอันอันแล้วพูด
ต่อไปเรียบๆว่า "จากนัน
้ แหวนวงนีก
้ ็สูญเสียความ
หมายเดิมของมันไป"
หลังจากที่ฟังอันอันก็อดร้องแย้งออกมาไม่ได้
"แต่ฉันยุ่งจริงๆ"
"ครัง้ ที่ 3 คุณรับแหวนไปแต่คุณกลับทิง้ ผมไว้ที่
หน้าสำนักกิจการพลเรือน คุณบอกว่า...คุณบอกว่า
คุณจำเป็ นต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ คุณเอา
แหวนไปด้วยเพื่อที่ว่าสุดท้ายแล้วเมื่อคุณอยาก
แต่งงาน คุณจะกลับมาพร้อมกันมัน" เซี่ยเฟิ งมอง
อันอันด้วยท่าทางต้อยต่ำ "ผมไม่เคยอยู่ในแผนการ
ในอนาคตของคุณเลย ตอนนัน
้ ผมรู้สึกเหมือน
ขอทานที่คุกเข่าขอเศษเงินแทนที่จะเป็ นผู้ชายคน
หนึ่งที่กำลังขอคุณแต่งงาน"
"ฉันไม่....ไม่ใช่...คุณยังโทษฉันที่ไม่ไปเยี่ยมคุณป้ า
อยู่อีกเหรอ? ฉันเตรียมพร้อมที่จะไป ฉันยังเตรียม
ของขวัญเอาไว้แล้วด้วย...." อันอันพยายามยกเรื่อง
ต่างๆขึน
้ มาพูด
"แต่สุดท้ายคุณก็ไม่เคยไปเยี่ยมแม้แต่ครัง้ เดียว"
เซี่ยเฟิ งบอก
"นั่นก็เป็ นเพราะว่าคุณไม่มารับฉัน ฉันจะไปคน
เดียวได้ยังไง? จู่ๆฉันจะเดินเข้าไปหาพวกท่านโดยที่
ไม่มีคุณอยู่ด้วยได้ยังไง?" อันอันพยายามหาเหตุผล
มาอธิบาย
"แล้วทำไมคุณถึงไม่มาบอกผมล่ะ?" เซี่ยเฟิ งอดที่
จะชีใ้ ห้เห็นข้อเท็จจริงไม่ได้
"ฉัน...ฉัน.." อันอันเบิกตากว้างแล้วคว้าแขนของ
เซี่ยเฟิ งไว้ "คุณยังใส่ใจฉันอยู่ใช่ไหม?"
"ไม่!" เซี่ยเฟิ งก้าวถอยห่างจากอันอัน และบอก
เธอด้วยท่าทางจริงจัง "อันอัน ผมจะบอกคุณตาม
ตรง ปั ญหาของเรามันมีมานานแล้ว อันที่จริงถ้า
ไม่ใช่เพราะแม่ของผมป่ วย ผมก็ไม่คิดที่จะขอคุณ
แค่งงานในครัง้ ที่ 3"
"ฉันไม่เชื่อคุณ!" อันอันตกใจมาก สายตาของเธอ
เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
"ผมไม่ได้ต้องการให้คุณเชื่อหรือจะพิสูจน์อะไร
กับคุณ" เซี่ยเฟิ งรู้สึกเหนื่อย "ผมไม่สนใจแหวนวงนี ้
เลยด้วยซ้ำ"
"แล้วทำไมถึงอยากได้มันคืนล่ะ?"
"เพราะผมกลัวว่าอวี๋ตงจะมาเห็นเข้า ผมไม่อยาก
ให้เธอเสียใจ" เมื่อจำได้ว่าก่อนหน้านีอ
้ วี๋ตงโกรธ
เรื่องสเต็ก เซี่ยเฟิ งก็ไม่สามารถจินตนาการได้ถึง
ปฏิกิริยาของเธอหากว่าเธอได้เห็นแหวน
"ฉันไม่คืน มันเป็ นของฉัน" อันอันส่ายหน้าปฏิเส
ธเซี่ยเฟิ งราวกับว่าแหวนวงนีเ้ ป็ นด้ายเส้นสุดท้ายที่
ยึดโยงทัง้ คู่เอาไว้ด้วยกัน
"ถ้าคุณไม่คืนมาให้ผม ผมก็ไม่สามารถบังคับคุณ
ได้" เซี่ยเฟิ งถอดเสื้อกาวน์ออกแล้วเดินตรงไปที่
ประตู "มันดึกแล้วผมจะกลับบ้านก่อน หลังจากที่
คุณออกไปแล้วอย่าลืมล็อคประตูด้วย"
"เซี่ยเฟิ งคุณจะทำกับฉันแบบนีจ
้ ริงๆเหรอ?" อัน
อันน้ำตาไหลพรากขณะมองเซี่ยเฟิ งที่เดินห่างออก
ไป
"อันอัน...เราเลิกกันแล้ว" เซี่ยเฟิ งหันมามอง
สบตาเธอ "อย่าทำเหมือนว่าพวกเรายังคบกันอยู่
ผมไม่ได้ร้ส
ู ึกอะไรอีกแล้ว"
หลังจากพูดจบเซี่ยเฟิ งก็เดินออกจากห้องทดลอง
ทีละก้าวอย่างมั่นคง
อันอันมองไปยังประตูที่ว่างเปล่า ก่อนจะทรุดตัว
ลงนั่งกับพื้นแล้วร้องไห้โฮออกมา "แค่ปีเดียว...ฉัน
จะกลับมาภายในหนึ่งปี ...ฉันวางแผนเอาไว้
แล้ว..ทำไมคุณถึงไม่รอฉัน..."
เมื่อเซี่ยเฟิ งออกจากห้องทดลอง เขารู้ดีว่าอันอัน
จะต้องร้องไห้อยู่ข้างใน เรื่องนีท
้ ำให้เขาไม่ค่อย
สบายใจนัก นี่เป็ นครัง้ แรกที่เขาพูดจาทำร้ายจิตใจผู้
หญิงคนหนึ่ง
ท่าทางของเซี่ยเฟิ งยังดูสง่าผ่าเผยขณะที่ขับรถ
กลับบ้าน มันเป็ นแบบนีจ
้ นกระทั่งเขากลับไปถึง
ห้องนอนแล้วเห็นอวี๋ตงนอนอยู่บนเตียง
เซี่ยเฟิ งเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงก่อนจะรวบตัว
ของอวี๋ตงเข้ามาในอ้อมแขน
อวี๋ตงที่กำลังหลับอยู่ก็ได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่คุ้น
จมูก เธอลืมตาขึน
้ มาก็พบว่าตัวเองถูกกอดอยู่ใน
อ้อมแขนของเซี่ยเฟิ งจึงถอนหายใจอดไม่ได้ที่จะ
ยกมือลูบหลังเขาเบาๆ ก่อนจะกระซิบถาม "คุณ
กลับมาแล้ว"
"ผมปลุกคุณหรือเปล่า?" เซี่ยเฟิ งพูดเบาๆ
มือของอวี๋ตงโอบรอบเอวของเซี่ยเฟิ งโดย
อัตโนมัติ ทำให้ทงั ้ คู่ดูใกล้ชิดกันมากขึน

"ผม...ผมเพิ่งจะเจอกับอันอันในห้องทดลอง"
เซี่ยเฟิ งลังเลหลังจากที่พูดออกมาแล้ว เขาก็คิดว่า
จะพูดอะไรต่อดี
อวี๋ตงชะงักตัวแข็ง ความง่วงงุนของเธอปลิวหาย
ไปในพริบตา  เธอเงยหน้าขึน
้ มองเซี่ยเฟิ งขณะที่รอ
ให้เขาพูดต่อ
เซี่ยเฟิ งมองสบตาของอวี๋ตง แล้วถอนหายใจก่อน
จะเล่าสิ่งที่เกิดขึน
้ ในห้องทดลองให้ฟัง
"ดังนัน
้ ผมก็ไม่ได้แหวนเพชรวงนัน
้ กลับคืนมา ถึง
แม้ว่ามันจะได้สูญเสียความหมายไปแล้วก็ตาม"
เซี่ยเฟิ งใช้นว
ิ ้ เกี่ยวผมอวี๋ตงเล่น
อวี๋ตงเงียบตลอดเวลาที่เซี่ยเฟิ งพูดและไม่ได้
ขัดจังหวะเขาเลยสักครัง้ เดียว เมื่อเซี่ยเฟิ งพูดจบ
เธอก็ยกมือขวาขึน
้ มาดูแหวนที่ถูกสวมอยู่ที่นว
ิ ้ นางก็
ปรากฎอยู่ตรงหน้า น้ำเสียงของเธอค่อนข้างไม่
พอใจเมื่อเธอพูดว่า "ทำไมฉันถึงไม่ได้แหวนเพชร
บ้างล่ะ?"
เซี่ยเฟิ งยิม
้ แล้วตอบว่า "แหวนวงนัน
้ เป็ นสิ่งที่อัน
อันชอบ แต่แหวนวงนีเ้ ป็ นแบบที่ผมชอบ"
เซี่ยเฟิ งพูดอย่างคลุมเครือเล็กน้อยแต่เขารู้ว่าอวี๋
ตงจะเข้าใจ
"แล้วทำไมคุณถึงไม่ถามฉันล่ะว่าชอบแบบไหน?" 
อวี๋ตงเข้าใจคำพูดของเซี่ยเฟิ งแต่เธอก็ยังถาม
"คุณไม่ชอบผมเหรอ?" เซี่ยเฟิ งแกล้งทำเป็ น
แปลกใจ
"....." อวี๋ตงพบว่าหน้าของเซี่ยเฟิ งนับวันก็ยิ่งหนา
ขึน
้ ถึงกระนัน
้ เธอก็ยังยอมรับอย่างไม่อิดออด "ใช่
ฉันชอบคุณจริงๆ"
ในตอนนีเ้ ซี่ยเฟิ งอดใจไม่ไหวจึงก้มลงไปจูบอวี๋ตง
"ตอนที่เธอร้องไห้ คุณไม่เสียใจเหรอ?" อวี๋ตงอด
ถามเรื่องนีไ้ ม่ได้
"เสียใจ? ไม่นะ แต่ผมแค่ร้ส
ู ึกไม่สบายใจนิด
หน่อย"
"ถ้าอย่างนัน
้ คุณก็ควรไปปลอบใจเธอ!" อวี๋ตงผละ
ออกจากอ้อมกอดของเซี่ยเฟิ งทันที ผูช
้ ายคนนีช
้ า่ ง
น่าชังจริงๆ คุณจะโกหกแล้วพูดจาปลอบประโลม
ฉันสักครัง้ ไม่ได้เลยรึไง? หยุดพูดแต่ความจริงสักที!
เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตงที่พลิกตัวหันหลังให้ก็บ่งบอก
อย่างชัดเจนแล้วว่าเธอไม่อยากจะคุยกับเขาอีก
เซี่ยเฟิ งยิม
้ ขณะจูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมนุ่มของอ
วี๋ตง "ผมคิดเรื่องนีม
้ าตลอดทางกลับบ้าน เมื่อเกี่ยว
กับความรู้สึก ความสามารถของเซี่ยเฟิ งคนนีม
้ ีค่อน
ข้างจำกัด ด้วยความสามารถของผม ผมปกป้ องได้
แค่คนๆเดียวเท่านัน
้ ....และคนๆนัน
้ ก็คือ...คนที่อยู่
ในอ้อมแขนของผม"
ในตอนนีเ้ องอวี๋ตงคิดว่าผู้ชายทุกคนอาจจะมี
ความสามารถในการพูดจาอ่อนหวานเอาใจผู้หญิง
เพื่อให้เธอเต็มใจมอบตัวเองเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
ของเขา
"คุณ...คุณไปอาบน้ำเลยนะ" อวี๋ตงผลักเซี่ยเฟิ งอ
อก
เซี่ยเฟิ งมองใบหูแดงเรื่อของอวี๋ตงก็ร้ว
ู ่าเธอเขิน
อายแต่กลับทำเป็ นโมโหกลบเกลื่อน
เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่าอวี๋ตงเป็ นผู้หญิงที่มีความขัดแย้ง
ในตัวสูง บางครัง้ ความคิดอ่านและการกระทำของ
เธอก็ไม่ได้เป็ นไปตามวัย แต่ในบางคราวเธอก็ทำตัว
เป็ นเด็กสาวขึอ
้ าย มันทำให้เขาหลงใหลเธออย่าง
มาก แต่ในที่สุดเขาก็จำใจลุกขึน
้ แล้วไปอาบน้ำ
อวี๋ตงฟั งเสียงน้ำจากฝั กบัวก่อนจะนอนกลิง้ ไปมา
อยู่บนเตียง ขณะเอามือกุมแก้มที่ร้อนผ่าวของตัว
เอง ภายใต้แสงไฟสลัว เธอค่อยๆลูบแหวน
ทองคำขาวแบบเรียบๆที่อยู่บนนิว้ ความอบอุ่นใน
ดวงตาของเธอราวกับจะเอ่อล้นออกมา
..................
ตอนที่ 48 ลิปสติกที่กลับคืนมา
สำหรับเรินซินซินที่เพิ่งจะคลอดลูก แม่เหริ่นจู่ๆ
ก็หันมาใส่ใจความเป็ นอยู่ของลูกสาว ทุกวันจะต้อง
เห็นเธอมาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมลูกสาวและหลาน
สาว
อวี๋ตงเห็นปฏิกิริยาของซินซินในเรื่องนี ้ การ
เปลี่ยนแปลงของแม่เหริ่นทำให้ซินซินมีความสุข
และมีรอยยิม
้ ปรากฎขึน
้ บนใบหน้าบ่อยครัง้ แม้ว่า
หลู่ซวนจะมาป้ วนเปี ้ ยนอยู่รอบๆ แต่ซินซินก็ไม่ได้
ทำสีหน้าเศร้าหมองเหมือนเมื่อก่อน
อย่างไรก็ตามเสี่ยวเยว่ที่เฝ้ าดูจากวงนอกก็
วิเคราะห์สถานการณ์กับอวี๋ตงอย่างลับๆ เธอไม่เชื่อ
ในพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของ
แม่เหริ่น
อวี๋ตงกลัวว่าซินซินจะมีอาการแทรกซ้อน ดังนัน

เธอจึงมาเยี่ยมซินซินทุกวันและอยู่กินอาหารกลาง
วันกับเซี่ยเฟิ ง
วันนีต
้ อนที่อวี๋ตงกำลังจะเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
เธอก็เห็นแม่เหริ่นเดินไปทางแผนกเด็กอ่อน
ภาพพจน์ของแม่เหริ่นนัน
้ แย่มากและก็แย่ลงเรื่อยๆ
ในเรื่องการบีบบังคับแสดงเจตจำนงที่แน่วแน่ใน
เรื่องของหลู่ซวน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี ้ อวี๋ตงก็เปลี่ยนจุดหมายแล้วเดิน
ตามแม่เหริ่นไปช้าๆ
แม่เหริ่นเดินไปที่ห้องของหลานสาวยืนอยู่ข้าง
เตียงขณะหยอกล้อกับเด็กน้อยพลางสนทนากับ
พยาบาลไปด้วย ดูเหมือนว่าเธอจะรักใคร่เอ็นดูเด็ก
คนนีจ
้ ริงๆ
เมื่อเห็นฉากที่ดูกลมกลืนนี ้ จู่ๆอวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกว่า
บางทีแม่เหริ่นก็ยังพอมีหัวใจอยู่บ้าง
"คุณพยาบาล" เมื่อเธอเห็นพยาบาลที่คุยกับแม่
เหริ่นเดินออกมา อวี๋ตงก็เรียกเธอเอาไว้พร้อมกับส่ง
ยิม
้ ให้ "เด็กที่อยู่เตียง 12 เป็ นยังไงบ้าง?"
"อา...คุณเป็ นแฟนของคุณหมอเซี่ย" พยาบาล
อุทานด้วยสายตาเป็ นประกาย
"เอ่อ ...คุณรู้จักฉันด้วยเหรอ?" อวี๋ตงตะลึงเล็ก
น้อย
"แน่นอน คุณหมอเซี่ยเป็ นหนุ่มเนื้อหอมของโรง
พยาบาล เมื่อปี ที่แล้วตอนที่พวกเราได้ยินว่าเขา
แต่งงาน พยาบาลหลายคนยังร้องไห้อยู่ตงั ้ นาน"
พยาบาลหัวเราะ "ไม่ใช่ว่าคุณก็อยู่ในงานกาล่าปี
ใหม่ที่ถ่ายทอดสดทางทีวีเมื่อปี ที่แล้วหรอกเหรอ? 
พวกเราดูอยู่ คุณร้องเพลงเพราะมาก"
"ขอบคุณ!" อวี๋ตงเขินอายเมื่อได้ยิน
"ใช่ คุณถามเกี่ยวกับเตียง 12 ใช่ไหม?" เนื่องจา
กอวี๋ตงเป็ นคนที่พยาบาลรู้จัก เธอจึงกระตือรือร้นที่
จะอธิบายให้ฟัง "เด็กยังอ่อนแออยู่บ้างนิดหน่อย
เพราะเธอคลอดก่อนกำหนด แต่อยู่ในตู้อบ
มา 3 วัน เธอก็ทรงตัวแล้ว ถ้าภายใน 2 วันนีท
้ ุก
อย่างเป็ นปกติ เธอก็ออกจากตู้อบได้ คุณยายก็ถาม
ฉันเรื่องนีเ้ หมือนกัน"
"ยายของเด็กถามว่าเด็กจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่
หรือ?" อวี๋ตงถามด้วยความสงสัย
"อาจจะเป็ นเพราะหลานสาวน่ารักเกินไปเธอก็
เลยกระตือรือร้นมาก ถามถึงเรื่องนีท
้ ุกวัน"
พยาบาลหัวเราะ
อวี๋ตงพยักหน้าและขอบคุณพยาบาล
เนื่องจากเธอเปลี่ยนใส่ชุดปลอดเชื้อเพื่อเข้ามาใน
วอร์ด เธอจึงขีเ้ กียจเกินกว่าจะไปเปลี่ยนกลับตอนนี ้
จึงได้ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าต่างกระจกอีกครู่หนึ่ง เมื่อ
มองผ่านกระจกเข้าไปก็เห็นเด็กทารกที่นอนกลิง้ ไป
กลิง้ มาอยู่บนเตียง จู่ๆอวี๋ตงก็นึกถึงลูกของตัวเองใน
อนาคต
"พวกเขาไม่น่ารักเหรอ?" เมื่ออันอันออกมาจาก
ห้องทำงานก็เห็นอวี๋ตงที่ยืนอยู่
เมื่ออวี๋ตงเห็นเงาสะท้อนจากกระจกหน้าต่าง
เธอก็ร้ส
ู ึกแปลกใจเช่นกันจึงส่งยิม
้ ไปทักทายหมอ
สาว
"คุณชอบเด็กไหม?" อันอันถาม
"ชอบ พวกเขาน่ารักมาก" อวี๋ตงพยักหน้า
"ฉันก็ร้ส
ู ึกแบบนัน
้ ถึงได้เลือกเรียกกุมาร
เวชศาสตร์" อันอันพูดด้วยรอยยิม
้ "ก่อนหน้านี ้
เซี่ยเฟิ งพูดถึงเรื่องที่ฉันรักเด็กมากแค่ไหน พวกเรา
มักจะคุยกันเรื่องมีลูก...."
จู่ๆอันอันก็หยุดพูดราวกับเธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า
เธอเลิกกับเซี่ยเฟิ งแล้วและตอนนีก
้ ำลังคุยอยู่กับ
ภรรยาของเขา เธอจึงรีบกล่าวขอโทษขอโพย
"ขอโทษด้วย ฉัน...."
"ไม่เป็ นไร ก่อนหน้านีพ
้ วกคุณเป็ นคนรักกันย่อม
เป็ นเรื่องธรรมดาที่จะพูดคุยกันเรื่องมีลูก" อวี๋ตง
หัวเราะเรียบๆ "แต่เซี่ยเฟิ งก็ชอบเด็กจริงๆ ตอนนี ้
พวกเราก็เลยวางแผนที่จะมีลูกกัน"
'โอ้ แม่เด็กน้อย...พยายามพูดข่มฉัน อย่าคิดว่าพี่
สาวคนนีจ
้ ะเต้นไปตามคำพูดของเธอ'
รอยยิม
้ ของอวี๋ตงไม่ลดลง แม้ว่าเธอจะเกลียด
พฤติกรรมเด็กน้อยของอันอัน
"เป็ นอย่างนีเ้ อง" ใบหน้าของอันอันแข็งค้าง ก่อน
จะพูดต่อไปว่า "งัน
้ ก็ขอแสดงความยินดีด้วย"
"ฉันยังไม่ท้องแต่เราจะพยายามกันให้มากขึน
้ "อ
วี๋ตงยิม
้ อย่างขัดเขิน
"ถ้าอย่างนัน
้ ...ฉันก็หวังว่าคุณจะบรรลุเป้ าหมาย"
ในขณะที่อันอันรู้สึกราวกับถูกแทงเข้าที่หัวใจแต่
เธอก็ยังรักษารอยยิม
้ บนใบหน้าเอาไว้อย่างกล้า
หาญ
"ขอบคุณคุณหมออัน คุณใจดีมาก" อวี๋ตงแสร้ง
ทำสีหน้าไร้เดียงสา
ตอนแรกอันอันต้องการพูดเรื่องเด็กขึน
้ มาเพื่อ
โยงเธอเข้ากับเซี่ยเฟิ ง จากนัน
้ ก็จะพูดถึงความรู้สึก
ของเขา แต่ด้วยการแสดงที่น่าประทับใจของอวี๋ตง
จึงได้ปิดกัน
้ ความตัง้ ใจของเธอดูราวกับว่าอวี๋ตงจะ
ทำไปโดยไม่ได้ตงั ้ ใจ
หญิงสาวไร้เดียงสาคนนีม
้ าจากที่ไหนกัน?
ทำตัวน่ารักจนทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็ นผู้หญิง
เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
ใบหน้าของอันอันยังคงมีรอยยิม
้ แต่ราวกับว่าจู่ๆ
ก็นึกเรื่องบางอย่างขึน
้ มาได้ "โอ้ พอดีว่าเซี่ยเฟิ งฝาก
ของเอาไว้กับฉัน ฉันยังไม่มีโอกาสเอาไปให้เขา ใน
เมื่อคุณก็อยู่ตรงนีแ
้ ล้วฉันฝากเอาไปให้เขาด้วยเลยก็
แล้วกัน"
"ของอะไรเหรอ?" อวี๋ตงถามด้วยความสงสัย
"มันอยู่ในห้องทำงาน เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้ คุณ
รออยู่ตรงนีก
้ ่อน" หลังจากพูดจบอันอันก็เดินกลับ
ไปที่ห้องทำงานของเธอ
อวี๋ตงมองอันอันที่เดินห่างออกไป ในใจก็คิดว่า
คุณวางแผนที่จะคืนแหวนเพชรมาให้ ฉันก็ยินดีรับ
เอาไว้
อันอันกลับมาพร้อมกับถุงใบเล็กๆ ก่อนจะยื่นให้
อวี๋ตงที่แสดงท่าทางอยากรู้อยากเห็น เธอพูดพร้อม
รอยยิม
้ "ตอนที่เราบังเอิญเจอกันที่อเมริกา ฉันเอา
ลิปสติกที่เขาซื้อให้คุณไปโดยไม่ได้ตงั ้ ใจ"
ตอนนีเ้ องดวงตาของอวี๋ตงก็เป็ นประกายวาบ
"ตอนนีฉ
้ ันก็ขอคืนมันให้เจ้าของเดิม"
อวี๋ตงรับถุงกระดาษมาแล้วเปิ ดดูข้างในก็ห็น
ลิปสติก 2 แท่ง
"สีนัมเบอร์ 11 กับ 6 ของชาแนล ฉันก็ชอบสีนี ้
เหมือนกัน" อันอันหัวเราะ "ฉันเดาว่าพวกเราคงจะ
มีรสนิยมคล้ายๆกัน"
อวี๋ตงหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆเงยหน้าขึน
้ จาก
นัน
้ ก็ส่งยิม
้ กว้าง "คงจะเป็ นแบบนัน
้ จริงๆ ไม่งัน
้ พวก
เราจะมาตกหลุมรักผู้ชายคนเดียวกันได้ยังไง?"
"โอ้...อืม..ฉันค่อนข้างยุ่งคงต้องขอตัวก่อน" อัน
อันก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
"โอ ถ้าอย่างนัน
้ ก็อย่าให้ฉันรัง้ คุณเอาไว้เลย" อวี๋
ตงยิม
้ ก่อนจะโบกมือลาอันอัน
หลังจากที่อันอันเดินพ้นไปจากสายตาแล้ว อวี๋ตง
ก็จับถุงใบนัน
้ เกร็งแน่นจนข้อนิว้ ซีดขาว เธออยาก
จะไปหาเซี่ยเฟิ งแล้วถามเขาเรื่องนี ้
"เซี่ยเฟิ ง คนของบ้านคุณมีบางอย่างที่จะตกลง
กับคุณ เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ!" หลังจากพึมพำ
อย่างเข่นเขีย
้ วแล้วอวี๋ตงก็เขย่าถุงในมือก่อนจะเดิน
กลับไปที่วอร์ดคนไข้ที่ซินซินนอนพักอยู่
เซี่ยเฟิ ง คุณรอจนถึงคืนนีก
้ ่อนเถอะ!
.........
"ตงตง เธอมาแล้ว" เรินซินซินที่นอนอยู่บนเตียง
พูดทักทายอย่างมีความสุข
"วันนีเ้ ธอเป็ นยังไงบ้าง?" อวี๋ตงนั่งลงที่เก้าอีข
้ ้าง
เตียง
"ดีขึน
้ มากแล้ว หมอบอกว่าพรุ่งนีจ
้ ะตัดไหม ฉัน
ต้องนอนพักต่ออีก 2 วัน" เรินซินซินยิม

"ดีแล้ว" อวี๋ตงหยิบแอปเปิ ้ ลขึน
้ มาแล้วเริ่มปอก
เปลือก ขณะที่พูดต่อไปว่า "เธออยากจะกลับไปที่อ
พาร์ทเม้นท์ของเสี่ยวเยว่หรือว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้าน
ของเธอ?"
"ฉัน...แม่บอกให้ฉันกลับไปอยู่บ้าน" ซินซินลังเล
แล้วพูดต่อว่า "แต่ฉันไม่อยากเจอหลู่ซวน
"เธออยากจะทำอะไรล่ะ?" ซินซินกับหลู่ซวน
เติบโตมาด้วยกัน สุดท้ายแล้วอวี๋ตงก็ไม่ร้ค
ู วามรู้สึก
ลึกๆของซินซินที่มีต่อเพื่อนสมัยเด็กคนนีข
้ องเธอ อ
วี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าซินซินจะยินดีให้โอกาสหลู่ซวนอีกครัง้
หรือเปล่า
"อันที่จริง...เขามาเยี่ยม 2-3 ครัง้ แล้ว..." ซินซิ
นพูด "เขายังขอโทษฉันด้วย"
อวี๋ตงอดทนรอให้เรินซินซินพูดความรู้สึกที่แท้
จริงของเธอออกมา
"แต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีทุกครัง้ ที่เห็นเขา..." เรินซินซิ
นยิม
้ อย่างขมขื่น "ฉันไม่อยากเจอเขา"
อวี๋ตงส่งแอปเปิ ้ ลที่ปอกเสร็จแล้วให้ซินซินแล้ว
พูดว่า "ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจยังไง เสี่ยวเยว่กับฉันก็
จะอยู่ข้างเธอ"
"ฉันรู้" ซินซินรู้สึกซาบซึง้ ใจขณะที่ยิม
้ รับ การมี
เพื่อนที่ดีแบบนีใ้ นชีวิตถือเป็ นพรอันประเสริฐ
อวี๋ตงใช้เวลาอยู่กับซินซินอีกครู่ใหญ่ จากนัน
้ ก็
ขับรถออกไป
อวี๋ตงไปที่สตูดิโอของเสี่ยวเยว่เพื่อช่วยงาน จาก
นัน
้ ก็มุ่งหน้าไปที่สถานีวิทยุเพื่อจัดรายการ Midnig
ht Phantom จนในที่สุดก็กลับถึงบ้านเวลาตีสอง
ครึ่ง
เมื่อมองบ้านที่ว่างเปล่า อวี๋ตงก็เดินเข้าไปในห้อง
นอนใหญ่แล้วโยนถุงลิปสติกของอันอันลงบนเตียง
จากนัน
้ เธอก็กลับไปที่ห้องนอนสำรองเพื่อใช้นอน
คืนนีแ
้ ละยังล็อคประตูอย่างแน่นหนา
เมื่อเซี่ยเฟิ งกลับมาถึงบ้านก็เห็นเตียงนอนที่ว่าง
เปล่า ความคิดแรกของเขาก็คืออวี๋ตงยังไม่กลับถึง
บ้าน ยังไงก็ตามความคิดนัน
้ ก็ถูกปั ดตกไปเพราะ
เขาเห็นเสื้อโค้ทที่แขวนอยู่กับรองเท้าของอวี๋ตงที่
ตรงประตูบ้าน
เซี่ยเฟิ งคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนัน
้ เขาก็เดินไปที่ห้อง
นอนสำรอง ค่อยๆเปิ ดประตูออกก็เห็นเงาร่างของ
คนที่นอนอยู่บนเตียง
เซี่ยเฟิ งถอนหายใจยาวอย่างจนใจ นิสัยนอนผิด
ห้องของอวี๋ตงสมควรได้รับการแก้ไขโดยเร็ว เขาคิด
จะอุ้มร่างที่หลับไหลอยู่บนเตียงกลับไปยังห้องนอน
ใหญ่เงียบๆ แต่ทันทีที่เขายกตัวอวี๋ตงขึน
้ เธอก็ลืมตา
ขึน
้ มาแสดงให้เห็นว่าเธอตื่นอยู่
"ตื่นแล้วเหรอ? ทำไมไม่ไปนอนที่ห้องนอน
ใหญ่?"เซี่ยเฟิ งกระซิบ
"วางฉันลง!" อวี๋ตงพูดอย่างเย็นชา
เซี่ยเฟิ งแปลกใจแต่เขาก็ทำตามที่เธอบอก เขาวา
งอวี๋ตงลงบนเตียง อวี๋ตงมุดกลับเข้าไปในผ้าห่มพลัก
ตัวหันหลังให้เซี่ยเฟิ งแล้วหลับต่อ
"มีอะไรหรือเปล่า?" เซี่ยเฟิ งไม่ใช่คนโง่จึงสามารถ
บอกได้ว่าอวี๋ตงกำลังโกรธเคือง แต่หลังจากที่คิด
ทบทวนอยู่พักหนึ่ง เขาก็แน่ใจว่าเมื่อเร็วๆนีเ้ ขาไม่
ได้ทำอะไรที่ผิดต่อเธอ
"ฉันอยากจะแยกกันสักพัก!" อวี๋ตงพูดทัง้ ทียัง
นอนหันหลังให้เซี่ยเฟิ งอยู่
"อย่ามาล้อเล่น!" เมื่อเซี่ยเฟิ งได้ยินว่า "แยกกัน"
เขาก็จริงจังมาก
"ใครจะไปล้อเล่น คุณกลับไปที่ห้องของคุณ ฉัน
จะนอนที่นี่!" อวี๋ตงชีไ้ ปทางประตูแล้วร้องตะโกน
ออกมา
"เกิดอะไรขึน
้ ?" เซี่ยเฟิ งรู้ดีว่าต้องมีบางอย่างเกิด
ขึน
้ เพราะอวี๋ตงไม่ใช่คนที่จะโกรธโดยไม่มีเหตุผล
"ฉันจะนอนแล้ว คุณออกไปซะ!" ผู้ชายคนนีไ้ ม่
เห็นถุงลิปสติกที่อยู่บนเตียงเลยรึไง? ยังจะมีหน้ามา
ถามอีกว่าเกิดอะไรขึน
้ อวี๋ตงโกรธมากขณะที่ขยับ
ตัวหนีไปจนถึงขอบเตียง ยกผ้าห่มขึน
้ คลุมจนมิด
ศีรษะราวกับดักแด้
แม้ว่าเซี่ยเฟิ งจะไม่ร้เู รื่องอะไรแต่สัญชาตญาณ
บอกเขาว่า เขาไม่สามารถปล่อยให้อวี๋ตงโกรธแบบ
นีไ้ ปตลอดทัง้ คืน เมื่ออวี๋ตงปฏิเสธที่จะคุย เซี่ยเฟิ ง
จึงไม่มีทางเลือก เขาก้มตัวลงแล้วอุ้มอวี๋ตงที่ห่อตัว
อยู่ในผ้าห่มขึน
้ มาก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอน
ใหญ่ อวี๋ตงดิน
้ ขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน
หลังจากที่วางอวี๋ตงลง เธอก็ดิน
้ อยู่พักหนึ่งถึง
หลุดออกมาจากผ้าห่มได้ เมื่อเธอโผล่ศีรษะออกมา
ก็ตะโกนใส่เซี่ยเฟิ งอย่างโกรธขึง้ "ฉันอยากจะแยก
กันอยู่!"
"ตงตงอย่ามาล้อเล่น" เซี่ยเฟิ งรู้สึกปวดหัวขึน
้ มา
"ใครล้อเล่นกัน! ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม
พรุ่งนีฉ
้ ันจะย้ายออก" อวี๋ตงรู้สึกย่ำแย่มาก
เมื่อได้ยินว่าอวี๋ตงวางแผนที่จะย้ายออก เซี่ยเฟิ ง
จะทนได้ยังไง? เมื่อเห็นว่าอวี๋ตงกำลังจะลุกออก
จากเตียง เขาก็ขยับตัวไปผลักเธอกลับลงไปนอนที่
เตียงตามเดิม
"ปล่อยฉันนะ คุณจะทำอะไร?" อวี๋ตงพยายาม
ผลักเซี่ยเฟิ งออก
ดวงตาของเซี่ยเฟิ งมืดครึม
้ เขาลดศีรษะลง
จัดการปิ ดปากที่พูดจาร้ายกาจนัน
้ ของอวี๋ตงทันที
อวี๋ตงที่กำลังดิน
้ รนขัดขืนอยู่ในตอนแรก จู่ๆก็ถูก
จูบนีท
้ ำให้ร่างกายแข็งทื่อ เรียวลิน
้ อันดุดันของ
เซี่ยเฟิ งกระตุ้นให้อวี๋ตงอยากจะกัดมัน แต่สุดท้าย
เธอก็ทำได้แค่ยอมแพ้
เมื่อเซี่ยเฟิ งจูบอวี๋ตงเสร็จ เขาก็เจอกับใบหน้าที่
แดงก่ำพร้อมน้ำตาที่เอ่อคลอของเธอ เขาถามด้วย
ท่าทางอ่อนโยน "คราวนีบ
้ อกผมได้รึยังว่าเกิดอะไร
ขึน
้ ?"
"คุณ...คุณลุกขึน
้ ก่อน" อวี๋ตงรู้สึกอับอายขณะที่
เธอพยายามผลักเซี่ยเฟิ งออก
"อธิบายมาให้ชัดเจนก่อนผมถึงจะลุกขึน
้ "
เซี่ยเฟิ งโต้
"คุณ..." อวี๋ตงไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่าเซี่ยเฟิ ง
จะเจ้าเล่หข
์ นาดนี ้ "ฉันจะไม่หนีแล้ว เพราะฉะนัน

คุณก็ลุกออกไปก่อน"
ในที่สุดเซี่ยเฟิ งก็ผ่อนคลายลงแล้วลุกขึน
้ นั่ง
อวี๋ตงจัดชุดนอนที่ไม่เรียบร้อยของเธอ จากนัน
้ ก็
หันไปมองเซี่ยเฟิ งแล้วถามอย่างโกรธเคือง "คุณได้
เจอกับอันอันตอนอยู่ที่อเมริกาหรือเปล่า?"
อันอัน? เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้ แต่ก็พยักหน้า " ผมเจอ
เธอ 2 ครัง้ แต่เราไม่ได้คุยกันมากนัก"
"ถ้าไม่ได้คุยกันมากนักแล้วทำไมลิปสติกที่คุณซื้อ
ให้ฉันถึงไปอยู่กับเธอได้?" อวี๋ตงโต้กลับอย่างขุ่น
เคือง จากนัน
้ ก็คว้าถุงลิปสติกที่มุมเตียงโยนไปทาง
เซี่ยเฟิ ง
เซี่ยเฟิ งไม่โกรธเมื่อเขารับถุงที่โยนมา เขาเพียง
แค่แปลกใจเมื่อเปิ ดออกดูก็เห็นลิปสติก 2 แท่งอยู่
ข้างใน หลังจากมองดูมันอยู่พักหนึ่งเขาก็นึกออก
เรื่องที่อวี๋ตงกำลังพูดถึง
"ผมไม่ได้ให้มันกับอันอัน ตอนที่ผมกำลังเลือกซื้อ
ลิปสติกให้คุณอยู่ บังเอิญเจออันอันกับเพื่อนของ
เธอ ตอนที่พวกเธอเห็นลิปสติกก็ทึกทักเอาเองว่า
ผมซื้อให้อันอัน เธอจึงฉวยมันไปจากผม"
"แล้วทำไมถึงปล่อยให้เธอเอาไป?" อวี๋ตงพูดต่อ
อย่างโกรธๆ "แล้วคุณก็เลยไปซื้อยี่ห้ออื่นให้ฉัน
คุณ...."
อวี๋ตงอยากจะต่อว่าเซี่ยเฟิ งมากกว่านีแ
้ ต่ไม่ร้จ
ู ะ
พูดอะไร นอกจากนีค
้ วามรู้สึกของเซี่ยเฟิ งที่มีต่ออัน
อันในตอนนัน
้ จะต้องมากกว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอ
จู่ๆหัวใจของอวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกปวดแปลบและอ่อนไหว
จากนัน
้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา
"อย่าร้องไห้" เมื่อเซี่ยเฟิ งเห็นน้ำตาของอวี๋ตงเขา
ก็ต่ น
ื ตระหนกทันที และพยายามเช็ดน้ำตาของเธอ
"ผมผิดเอง ไม่ต้องร้อง"
อวี๋ตงรู้สึกไร้ประโยชน์โดยเฉพาะตอนที่ร้องไห้กับ
เรื่องเล็กน้อยแบบนี ้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง น้ำตา
ของเธอกลับไหลไม่หยุด
"มันเป็ นความผิดของผมเองที่ไม่ได้ขอมันคืน แต่
ผมไม่คิดว่าคุณจะชอบลิปสติกของชาแนล ผมก็เลย
ซื้อยี่ห้ออื่นให้คุณแทน" เซี่ยเฟิ งอธิบาย
"ใครบอกคุณว่าฉันไม่ชอบลิปสติกของชาแนล!"
อวี๋ตงสะอื้น
"เอาล่ะ เอาล่ะ คุณชอบมัน!" เซี่ยเฟิ งพยัก
หน้าตามอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่อวี๋ตงพูด "ก็แค่ก่อน
หน้านัน
้ คุณเคยบอกผมว่าคุณไม่ชอบให้ผมคิดว่า
คุณจะเป็ นเหมือนอันอัน ผมก็เลยคิดว่าถ้าหากซื้อ
ลิปสติกยี่ห้อที่อันอันชอบให้คุณ คุณก็คงจะไม่
ชอบใจนัก ถ้าคุณชอบชาแนลพรุ่งนีผ
้ มจะพาคุณไป
ซื้อทุกสีเลย"
"คุณ...หมายถึงอะไร?" อวี๋ตงสำลัก
"รายการที่คุณให้ผมไป คุณไม่ได้ระบุว่าคุณ
ต้องการยีห
้ ้ออะไร ผมไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับพวกเครื่อง
สำอาง ตอนที่ผมไปถึงห้าง ผมก็ตรงไปที่เคาน์เตอร์
ของชาแนลแล้วผมก็เจออันอันทำให้ผมนึกขึน
้ มาได้
ว่าที่ผมตรงดิ่งมาที่เคาน์เตอร์ชาแนลเป็ นเพราะว่า
อันอันมักจะพาผมไป" เซี่ยเฟิ งพูดต่อว่า "ต่อมาผมก็
คิดว่าคุณคงจะไม่ชอบ ผมจึงได้ซ้ือยี่ห้ออื่นให้คุณ"
"นั่น...ถึงอย่างนัน
้ ก็ให้เธอไม่ได้" หลังจากที่อวี๋ตง
ได้ฟังคำอธิบายของเซี่ยเฟิ ง เธอก็ร้ส
ู ึกโล่งใจ แต่ก็ยัง
รู้สึกโกรธอยู่นิดหน่อย "แม้ว่าคุณจะซื้อของที่ฉันไม่
ชอบมาคุณก็ไม่สามารถเอามันไปให้คนอื่นได้"
"เอาล่ะ ต่อไปผมจะไม่ทำอีก" เซี่ยเฟิ งยกมือขึน

"ผมสัญญา"
"ฉันเกลียดอันอัน" อวี๋ตงบ่น
"อืม"
"วันนีเ้ ธอจงใจยั่วยุฉันด้วยลิปสติกพวกนี ้ ผู้หญิง
แพศยา!"
"เอ่อ..."
"เธอคิดว่าฉันจะเข้าใจคุณผิด แล้วทำให้พวกเรา
ทะเลาะเบาะแว้งจนต้องเลิกกันงัน
้ เหรอ? ไม่มีทาง
ฉันจะจับมือคุณเอาไว้แน่นๆ แล้วก็ทำให้เธอโมโห
จนอกแตกตายไปเลย"
"เอ่อ...แล้วแต่คุณเลย"
ตราบใดที่คุณไม่ร้องไห้ ก็ทำตามที่คุณพูดทุก
อย่าง
"จากนีไ้ ปฉันจะเกลียดชาแนล ฉันจะเกลียดทุก
อย่างที่เธอชอบ" อวี๋ตงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด
ต่อว่า "ยกเว้นคุณ!"
ในที่สุดเซี่ยเฟิ งก็กลัน
้ หัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ภรรยา
ผู้โง่เขลาของเขาน่ารักขนาดนีไ้ ด้ยังไง!
.................... 
ตอนที่ 49 สีเทาของชีวิต
เซี่ยเฟิ งและเส้าอีฝ
้ านแปลกใจที่ไม่มีตารางผ่าตัด
ในวันนี ้ ดังนัน
้ เมื่อราวน์วอร์ดเสร็จ พวกเขาจึงไปกิน
อาหารเย็นในโรงอาหารได้ตรงเวลา เมื่ออันอันเข้า
มาในโรงอาหาร เธอก็ไปตักอาหารใส่ถาดก่อนจะก็
เดินเข้าไปหาชายหนุ่มทัง้ สองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริม
หน้าต่าง
เส้าอีฝ
้ านที่ยุ่งกับการดื่มซุปเมื่อเขาเห็นอันอัน
เดินมานั่งลงตรงข้ามเซี่ยเฟิ ง เขาก็พ่นน้ำซุปออกมา
ทันที
"ทำไมคุณน่ารังเกียจจัง?" อันอันส่งผ้าเช็ดปากให้
เขา
เส้าอีฝ
้ านมองเซี่ยเฟิ งขณะที่เขาไอสำลัก เมื่อเห็น
ว่าเซี่ยเฟิ งไม่ได้ตกใจกับการมาของอันอันทำแค่
เพียงก้มหน้าจดจ่ออยู่กับอาหารของเขาโดยไม่คิด
จะพูดทักทาย
เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มอึดอัด เส้าอีฝ
้ านจึง
พยายามหาหัวข้อมาพูดคุย "แค่ก ...เอ่อ อันอัน ผม
จำได้ว่าดร.เลน จะอยู่ที่นี่เดือนหนึ่ง? คุณจะกลับไป
ที่อเมริกาหรือว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ?"
ดร.เลนเป็ นที่ปรึกษาของอันอันตอนเรียนอยู่ที่
อเมริกา โดยโรงพยาบาลของเมืองได้เชิญดร.เลนมา
สอน อันอันจึงติดตามมาที่นี่ด้วยในฐานะลูกศิษย์
"ฉันจะกลับไปอเมริกาก่อน เพราะฉันยังต้อง
เรียนต่ออีก 2 เดือนถึงจะจบ" ขณะที่พูดอันอันก็
แอบมองเซี่ยเฟิ งไปด้วย
"แล้วหลังจากที่เรียนจบ คุณจะไปอยู่โรง
พยาบาลเด็กหรือว่าจะมาทำงานที่โรงพยาบาลนี?้ " 
เส้าอีฝ
้ านถาม
"ฉันได้รับเชิญจากทัง้  2 แห่ง แต่ฉันยังไม่ได้ตัด
สินใจไ อันอันยังคงมองไปทางเซี่ยเฟิ ง
เซี่ยเฟิ งทานอาหารเสร็จแล้วก็วางตะเกียบลง
แล้วหยิบผ้าเช็ดปากขึน
้ มาเช็ดปาก เขามองอันอัน
ก่อนจะถามเธอว่า "อันอัน เมื่อวานนีค
้ ุณได้เจออวี๋
ตงหรือเปล่า?"
เส้าอีฝ
้ านตัวแข็ง ตวัดสายตามองไปทางเซี่ยเฟิ ง
ทันที
เมื่ออันอันให้ลิปสติกกับอวี๋ตง เธอก็ร้ว
ู ่าเซี่ยเฟิ ง
จะต้องรู้เรื่องนีแ
้ น่นอน ดูเหมือนว่าเมื่อวานนีเ้ ธอจะ
สร้างปั ญหาให้อวี๋ตง อันอันรู้สึกพอใจกับเรื่องนีม
้ าก
แต่สีหน้าของเธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่ตอบ
ว่า "ใช่ ฉันรู้สึกขายหน้าจริงๆที่เอาลิปสติกที่คุณซื้อ
ให้อวี๋ตงไป ฉันจึงเอามันมาด้วยตอนที่กลับมาแล้ว
เมื่อวานนีบ
้ ังเอิญฉันได้เจออวี๋ตงในวอร์ดกุมารเวช
ฉันก็เลยถือโอกาสคืนมันให้เธอ"
"ขอบคุณ" เซี่ยเฟิ งบอก
"ด้วยความยินดี"
"แต่ตอนนีค
้ วามสัมพันธ์ของเรามันน่าอึดอัดอยู่
เล็กน้อย ดังนัน
้ ในอนาคตคุณควรจะคิดสักหน่อย
คุณไม่จำเป็ นต้องเอามันมาคืน" เซี่ยเฟิ งพูดด้วยรอย
ยิม

สีหน้าของอันอันแข็งค้างทันทีเมื่อได้ยินก่อนจะ
มองเซี่ยเฟิ งอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เส้าอีฝ
้ านรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของเซี่ยเฟิ ง สุภาพ
บุรุษคนนีไ้ ม่เคยพูดจาหักหน้าผู้หญิงมาก่อน นับ
ประสาอะไรที่จะพูดแบบนีก
้ ับอันอัน
"ฉันจะทำแบบนัน
้ ได้ยังไง? ลิปสติกพวกนัน
้ มัน
แพงมาก" อันอันบอก
"ไม่เป็ นไร ไม่ใช่ว่าเงินเดือนของผมจะน้อยเสีย
เมื่อไหร่ ผมสามารถซื้อของขวัญมากเท่าไหร่ก็ได้ให้
อวี๋ตง" หลังจากพูดจบ เซี่ยเฟิ งก็ลุกขึน
้ "ผมกินข้าว
เสร็จแล้ว ขอตัวก่อน"
เซี่ยเฟิ งเดินออกจากโรงอาหารโดยไม่รอฟั งคำ
ตอบ
เส้าอีฝ
้ านมองอันอันก็พบว่าเธอหน้าตาบูดบึง้
ตะเกียบที่อยู่ในมือของเธอหักเป็ นสองท่อน
"ผมก็กินเสร็จแล้วเชิญคุณตามสบาย ค่อยๆกิน
นะ" เส้าอีฝ
้ านรีบปลีกตัวหลบไปอย่างรู้งาน ทิง้ ให้
อันอันกระแทกตะเกียบที่หักคามือลงบนโต๊ะอย่าง
แรง
เส้าอีฝ
้ านวิ่งตามเซี่ยเฟิ งจนทัน ด้วยความตกใจ
เขาก็ถามว่า "เกิดอะไรขึน
้ เมื่อวานนี?้ "
เซี่ยเฟิ งผลักประตูห้องทำงานของพวกเขาให้เปิ ด
ออกแล้วตอบว่า "อยากรู้อยากเห็นให้น้อยลง
หน่อย"
"ไม่ได้ ไม่ นายต้องบอกฉัน นี่ทำให้ฉันกลัวจริงๆ
นายไม่เคยพูดหักหน้าใครแล้วนั่นก็อันอันเชียวนะ
และที่สำคัญนายทำต่อหน้าฉันด้วย" เส้าอีฝ
้ านพูด
"งัน
้ นายก็ไม่ควรอวดฉลาดโดยการพาตัวเอง
เข้าไปขวางอยู่ตรงกลาง" เซียเฟิ งเลิกคิว้ พลางเอียง
คอมองเส้าอีฝ
้ าน
"ฉัน...." เส้าอีฝ
้ านชีไ้ ปที่ตัวเองแล้วร้องอุทานออก
มา "มันไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อยที่มันจบลง
อย่างอึดอัดแบบนี!้ ใครจะไปรู้ว่านายจะทำตัวผิด
ปกติแล้วพูดออกไปแบบนัน
้ "
"ฉันรู้ว่านายเป็ นเพื่อนของอันอันแต่พวกเราเลิก
กันแล้ว คนที่ฉันชอบคืออวี๋ตง อันอันสร้างปั ญหาใน
ครัง้ นีไ้ ม่ได้ช่วยอะไรใครเลย" เซี่ยเฟิ งบอก "เหมือน
กับที่ฉันคิดเรื่องนีอ
้ ย่างจริงจังและคิดว่าฉันคงจะ
ต้องเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด"
"......" เส้าอีฝ
้ านตะลึง
"ถ้านายอยากจะช่วยจริงๆ ก็ควรพยายามเกลีย

กล่อมให้เธอหยุด" เซี่ยเฟิ งบอกขณะที่เขาหยิบสเต็ต
โทสโคปของเขาขึน
้ มา "นายเชื่อจริงๆเหรอว่าอันอัน
ชอบฉันมากขนาดนัน
้ ?"
"แล้วไม่ใช่รึไง?" เส้าอีฝ
้ านแย้ง
"เธอก็แค่ไม่พอใจที่ฉันเป็ นฝ่ ายบอกเลิกเธอก่อน"
หลังจากที่เซี่ยเฟิ งพูดจบเขาก็ตบไหล่เส้าอีฝ
้ านแล้ว
เดินออกไป สุดท้ายเมื่อคุณมีสิ่งให้เปรียบเทียบ คุณ
ก็จะมองเห็นอย่างชัดเจนว่าคนๆหนึ่งจะชอบคุณได้
มากแค่ไหน
เส้าอีฝ
้ านยืนนิ่งงันอยู่ในห้องทำงานที่ว่างเปล่า
พักหนึ่งก่อนจะสบถออกมา "เจ้าพวกตดเหม็น
ทัง้  3 คน! ทำไมฉันต้องพยายามไปช่วยคนที่ไม่เห็น
ค่าพวกนัน
้ ด้วย ต่อไปฉันจะหุบปากตัวเองให้สนิท"
อวี๋ตงย่อมไม่ร้ว
ู ่าเซี่ยเฟิ งพูดแบบนัน
้ กับอันอัน
เธอมีเรื่องมากมายที่ต้องไปจัดการ
.....
 งานพากย์เสียงเริ่มต้นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากซิน
ซินเข้าโรงพยาบาล อวี๋ตงกับเสี่ยวเยว่ต่างต้อง
ทำงานล่วงเวลา บวกกับที่พวกเธอต้องคอยผลัดกัน
ไปเยี่ยมซินซินทุกวัน อวี๋ตงก็ต้องเตรียมจัดรายการ
ของเธอทุกคืน จนเดี๋ยวนีพ
้ วกเธอทัง้ สองคนต่าง
ซูบซีดและผอมแห้งลงทุกวัน
ความจริงผลกำไรของเสี่ยวเยว่สตูดิโอเมื่อปี ที่
แล้วนัน
้ ค่อนข้างดี เสี่ยวเยว่ยังใจกว้างให้เงินโบนัส
ก้อนโตแก่เพื่อนสาวทัง้ สองคนของเธอ อวี๋ตง
สามารถลาออกจากสถานีวิทยุแล้วมาทำงานเต็ม
เวลากับเสี่ยวเยว่ก็ได้ ซึ่งเสี่ยวเยว่ก็พูดถึงเรื่องนี ้
หลายครัง้ แล้วแต่อวี๋ตงก็มักจะปฏิเสธเรื่อยมา
เพราะเธอชอบงานดีเจ การจัดรายการวิทยุทำให้
อวี๋ตงรู้ว่าเสียงของเธอจะอยู่เป็ นเพื่อนคนขีเ้ หงา
มากมายในช่วงค่ำคืน
"สวัสดีทุกคน นี่คือ FM 9666 คุณกำลัง
ฟั ง Midnight Phantom หลังจากโฆษณา นี่คือ
ดีเจ อวี๋ต้ง" อวี๋ตงยิม
้ ขณะที่เธอพูด แม้ว่าคนฟั งจะ
มองไม่เห็นแต่เธอก็รู้ว่าพวกเขาสามารถรับรู้ได้จาก
น้ำเสียงของเธอ "ได้เวลาเปิ ดรับสายจากผู้ฟังอีกครัง้
แล้ว พวกเรามารับสายกันก่อน" หลังจากนัน
้ ก็มี
เสียงปี๊ บของการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ดังขึน

"สวัสดี นี่คือ อวี๋ต้ง" อวี๋ตงพูดด้วยรอยยิม

"สวัสดี Fish ฉันคือ คุณคนสวย" ได้ยินเสียงผู้
หญิงแผ่วเบาดังมาจากปลายสาย น้ำเสียงฟั งดูนุ่ม
นวลสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของเธอที่มีต่อดีเจ
"คืนนี ้ คุณคนสวยมีเรื่องอะไรจะเล่าให้พวกเรา
ฟั งบ้าง?" อวี๋ต้ง ถาม
"ฉัน...." น้ำเสียงที่อ่อนโยนค่อนข้างลังเลอยู่พอ
สมควร ก่อนจะถามออกมาอย่างขลาดอาย "สัญญา
ได้ไหมว่าจะไม่ดูถูกฉัน ถ้าฉันเล่าให้ฟัง?"
"เอ่อ..." อวี๋ต้ง กระพริบตาอย่างสงสัย คิดว่ามัน
คงจะไม่เลวร้ายจนเกินไป อวี๋ต้ง จึงพูดต่อว่า "คุณ
รู้จักตู้สารภาพบาปในโบสถ์คริสต์หรือเปล่า? คุณก็
คิดเสียว่าฉันเป็ นบาทหลวง คืนนีค
้ ุณจะได้เล่าเรื่อง
ของคุณออกมา บางทีภายในหัวใจของคุณจะได้
รู้สึกเบาลง"
"เหมือนกับในหนังของอเมริกาน่ะเหรอ?" คุณคน
สวยถาม
"ใช่"
ในที่สุดคุณคนสวยก็เริ่มเล่าเรื่องราวของเธอ
"อันที่จริง...ฉัน...ฉันเป็ นคนที่ถูกเรียกว่าเมีย
น้อยหรืออีกนัยหนึ่งก็คือภรรยาคนที่สอง"
อวี๋ต้ง ชะงักกับคำพูดของคุณคนสวย เธอคิดถึง
ความเป็ นไปได้มากมายแต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะเป็ น
เรื่องนี ้ ในฐานะผู้หญิงเธอเกลียดเมียน้อยแต่เธอก็
ไม่ได้ขัดคำพูดของคุณคนสวย
"ฉันได้เจอกับภรรยาหลวงของคนรักของฉันตอน
ออกไปชอปปิ ้ ง ตอนนัน
้ ฉันถือบัตรเครดิตของสามี
เธออยู่ในมือและกำลังจะซื้อเสื้อผ้า เธอไม่ร้จ
ู ักฉัน
แต่เธอเป็ นมิตรมาก ฉันเห็นชุดที่ตัดเย็บสวยมากใน
ร้าน แต่เป็ นเพราะระดับสมาชิกของฉันไม่สูงพอที่
จะให้พนักงานขายชุดนัน
้ ให้ฉัน เธอเห็นแบบนัน
้ ก็
เลยเสนอให้ฉันยืมบัตรสมาชิกของเธอ ฉันรู้สึก
อับอายนิดหน่อยแต่เธอก็ยังใจดีและยิม
้ ให้ฉัน เธอ
บอกฉันว่ามันสวยและเหมาะกับฉันมาก"
บางทีอาจจะเป็ นสิ่งที่ยากจะพูด คุณคนสวยเล่า
เรื่องของเธอต่อไปด้วยความมั่นใจมากขึน
้ "ฉันรู้
เรื่องเธอในวันที่ฉันกลายเป็ นเมียน้อยของเขา ฉันรู้
ว่าเธอมีตัวตนอยู่แต่ฉันไม่เคยรู้สึกผิดเลย เพราะฉัน
ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปแทนที่เธอ ฉันพอใจใน
สถานะเมียน้อยที่ไม่เป็ นที่ร้จ
ู ักแบบนี"้
"ด้วยเหตุนีค
้ นรักของฉันจึงพอใจและใจกว้างกับ
ฉันมาก แต่หลังจากนัน
้ ไม่ร้ท
ู ำไมฉันถึงได้คิด
ว่า 'ทำไมฉันถึงต้องมาเป็ นเมียน้อยด้วย?'
"ฉันมีการศึกษา สวยแล้วก็ยังเด็ก ฉันสามารถหา
งานที่ดีทำและเลีย
้ งตัวเองได้ แต่สุดท้ายฉันก็กลาย
มาเป็ นเมียน้อย" คุณคนสวยคร่ำครวญ "ตอนที่ฉัน
เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ฉันได้งานเป็ นธุรการ
เงินเดือน 3,000 หยวนต่อเดือน คนรอบตัวของฉัน
ใช้ชีวิตอย่างประหยัดมัธยัสถ์ และฉันจำได้ว่าฉัน
ต้องคอยคิดคำนวณเรื่องต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะซื้อ
บ้านได้ แต่ครัง้ แรกที่ได้เจอเขา เขาก็ซ้ืออพาร์ทเม้น
ท์ให้ฉันทันที"
"สำหรับบางอย่างที่คนอื่นต้องทำงานอย่างหนัก
กว่า 30 ปี ถึงจะได้มา ส่วนฉันทำเพียงแค่พยักหน้า
เท่านัน
้ " คุณคนสวยถอนหายใจ "แล้วทำไมฉันจะไม่
ยอมทำล่ะ ฉันคิดแบบนัน
้ "
"เขาให้เงินฉันใช้เดือนละ 100,000 หยวน แล้ว
ยังส่งกระเป๋าแบรนด์เนมกับรถราคาแพงมาให้เป็ น
ครัง้ คราว บางทีในอีก 2 หรือ 3 ปี ฉันอาจจะเลิก
ตอนนีฉ
้ ันมีเงินเก็บที่คนส่วนใหญ่ฝันถึงแล้ว" คุณคน
สวยพูดต่อ "ถ้าตอนนัน
้ ฉันอยากจะสร้าง
ครอบครัว  ฉันก็สามารถขายบ้านและย้ายไปอยู่ใน
ที่ๆไม่มีใครรู้จัก หาผู้ชายที่อายุเท่ากันตกหลุมรัก
และแต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข"
"ฉันวางแผนที่จะทิง้ เขาเมื่อฉันมีโอกาส..." จาก
นัน
้ คุณคนสวยก็เงียบเสียง 
อวี๋ต้ง ไม่สนใจต่อคำด่าทอและข้อความสาปแช่ง
ที่เลื่อนอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลังจากลังเลอยู่
ครู่หนึ่งเธอจึงถามว่า "แล้วทำไมคุณถึงโทรมา?"
"อันที่จริง...ฉันก็ไม่รู้...บางทีฉันก็แค่อยากจะหา
คนระบาย" คุณคนสวยพูดเสริม "คุณไม่ต้องออก
ความเห็นก็ได้ ฉันจะวางสายแล้ว"
"คุณเคยมีคนที่คุณชอบจริงๆหรือเปล่า?" อ
วี๋ต้ง ถาม
"ฉัน..." คุณคนสวยเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะบอก
ว่า "ฉันไม่คิดว่าฉันจะรักใครได้เมื่อมีอดีตแบบนี ้ ฉัน
ไม่คิดว่าฉันจะสามารถชอบใครสักคนได้อย่างสุด
หัวใจ แต่ฉันคิดว่าคนรักของฉันชอบฉันและฉันก็คิด
ว่าฉันเองก็ชอบเขาเหมือนกัน"
"คุณโทรมาเพราะคุณไม่มีความสุข" อวี๋ตงพูด
อย่างจริงจัง "เพราะแม้จะร่ำรวยขึน
้ การมีรถมีบา้ น
ที่คนธรรมดาทั่วไปต้องดิน
้ รนหามาแต่คุณกลับไม่มี
ความสุขแม้แต่น้อย คุณรู้สึกเหงาและว่างเปล่า
เพราะคุณไม่ได้รับความรักจากใครเลยสักคน"
"ฉันเริ่มมองหามันแล้ว ฉันมีทุกอย่างพร้อม" คุณ
คนสวยบอก
"เมื่อคุณเริ่มมองหามันจริงๆ สักวันสิ่งเหล่านีจ
้ ะ
กลายเป็ นความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน" อ
วี๋ต้ง พูด "ถ้าคุณไม่พบใครสักคน คุณจะไม่เหลือ
อะไรเลยนอกจากความเจ็บปวด"
"ปิ๊ บ"
คุณคนสวยไม่ตอบและกดวางสาย Fsih
Jelly ไม่ได้พูดอะไรต่อ หน้าจอคอมพิวเตอร์ของ
เธอมีแต่ถ้อยคำด่าทอ
การรับสายในคืนนีท
้ ำให้ อวี๋ต้ง รู้สึกอึดอัดนิด
หน่อย(ซึ่งก็ไมได้เลวร้ายนักเมื่อดูจากประวัติการรับ
สายของเธอจนถึงตอนนี)้ ไม่มีกฎหมายใดที่จะ
ตัดสินคุณคนสวยในกรณีนี ้ เป็ นเพียงแค่การมีเส้น
แบ่งทางศีลธรรมที่แตกต่าง ผลประโยชน์ของเธอก็
คือเงิน เธออาจจะสร้างความประทับใจแก่ผู้ฟังที่
อายุน้อยและยังไม่บรรลุนิติภาวะ อวี๋ตงรู้สึกระสับ
กระส่ายและต้องการจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไข
สถานการณ์ แต่เธอก็ไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะ
สมได้
"ฉันไม่มีสิทธิไ์ ปตัดสินว่าการกระทำของคุณถูก
หรือผิด แต่ฉันเห็นใจคุณเพราะคุณได้ถือเอาตัวเอง
เป็ นสินค้าไปแล้ว"
การคุยโทรศัพท์ครัง้ นีท
้ ำให้อวี๋ตงค่อนข้างอึดอัด
ใจ เธอคิดว่าบอสใหญ่ที่อยู่ไต้หวันคงไม่ชอบนักที่
เธอปล่อยให้คนแบบนีเ้ ล่าเรื่องของพวกเขาออก
อากาศ อวี๋ตงคิดไม่ออกว่าทำไมคนบางคนถึง
ขายตัวเองเพื่อเงินและปฏิบัติกับตัวเองเหมือน
สินค้าที่เอาไว้ให้เลือกซื้อ เมื่อวันหนึ่งคุณหาเงินได้
มากพอและปรารถนาที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติ
ธรรมดา พวกเธอจะสบายใจได้จริงๆเหรอ?
 ......
 เมื่อออกมาจากห้องน้ำ เซี่ยเฟิ งสังเกตเห็นว่าอวี๋
ตงยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางสับสน เขาเลิก
ผ้าห่มขึน
้ ก่อนจะรวบตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
แล้วพูดว่า "อย่าคิดเรื่องนัน
้ อีกเลย มานอนเถอะ"
"ฉันคิดไม่ออก เธอบอกว่าเมื่อเธอหาเงินได้มาก
พอแล้ว เธอจะย้ายไปอยู่เมืองอื่นเพื่อหาคนรักที่
เหมาะสมและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข นั่น
จะไม่เป็ นการดูถูกเหยียดหยามคนธรรมดาที่ทำงาน
อย่างขยันขันแข็งหรอกเหรอ?"
"มุมมองของเธอที่มีต่อสิ่งต่างๆเปลี่ยนไปหมด
แล้ว เธอกลายเป็ นคนที่น่าสงสาร" เซี่ยเฟิ งพูด
"แม้ว่าในอนาคตเธออาจจจะเจอคนที่เธอชอบจริงๆ
แต่งงานมีครอบครัวและลูกๆ แต่อดีตของเธอจะ
ติดตัวเธอไป ทำให้เธออยู่อย่างหวาดระแวง ถ้าเงิน
นำความสุขมาให้ได้จริงก็คงไม่น่าหดหู่อย่างที่เป็ น
อยู่ตอนนี"้
"ฉันรู้สึกอึดอัดใจอยู่นิดหน่อย" อวี๋ตงบอกขณะ
เงยหน้าขึน
้ มอง
เซี่ยเฟิ งยิม
้ แล้วก้มลงจูบริมฝี ปากแดงเรื่อของเธอ
อวี๋ตงกระพริบตา
"ดีขึน
้ ไหม?" เซี่ยเฟิ งถาม
"นิดหน่อย" อวี๋ตงบอก
เซี่ยเฟิ งหันกลับมาแล้วพลิกตัวอวี๋ตงลงไปใต้ร่าง
ของเขา เขาปิ ดปากเธอด้วยริมฝี ปากตัวเอง จน
กระทั่งลมหายใจของเธอแทบขาดห้วง อวี๋ตงรู้สึกว่า
บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนเป็ นคลุมเครือ ความนึกคิด
ของเธอเริ่มพล่าเลือน เธอรู้สึกว่าเซี่ยเฟิ งค่อยๆ
เลื่อนมือเข้าไปในชุดนอนของเธอ ทำให้เธอรู้สึกขัด
เขิน
"ตอนนีด
้ ีขึน
้ หรือยัง?" เซี่ยเฟิ งขบกัดติ่งหูของอวี๋
ตงเบาๆ
"หมาป่ าจอมหื่น" อวี๋ตงบ่น
"ฮ่า ฮ่า..." มือของเซี่ยเฟิ งเริ่มปลดกระดุมชุด
นอนของอวี๋ตงออก ทัง้ สองค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าแนบ
ชิดกันมากขึน
้ การแสดงความรักแบบดัง้ เดิมยัง
เป็ นการแสดงออกถึงจิตวิญญาณที่เร่าร้อนที่สุด
บางทีในสังคมปั จจุบัน เรื่องเพศเปิ ดกว้างมากขึน

แต่อวี๋ตงยังรู้สึกว่าโดยผิวเผินแม้มันจะนำความสุข
มาให้แต่เซ็กส์ทั่วไปก็ไม่สามารถสัมผัสถึงจิด
วิญญาณได้
มันอาจจะหยาบคาย สกปรกและลามก แต่มันก็
งดงามได้เช่นเดียวกัน
.................. 
ตอนที่ 50 ในนามของความรัก
 อากาศเริ่มอบอุ่นขึน
้ ต้นไม้ที่อยู่ริมถนนค่อยๆ
ผลิใบอ่อนสีเขียวสดออกมา ทิวทัศน์ที่มีสีสันสดใส
ทำให้ผู้ที่สัญจรผ่านไปมาอารมณ์ดีขึน

อวี๋ตงขับรถไปตามถนนสีเขียวเลื่อนกระจก
หน้าต่างรถลงเพื่อรับลมฤดูใบไม้ผลิ
วันนีเ้ ป็ นวันที่เรินซินซินออกจากโรงพยาบาล
เนื่องจากเธอจัดรายการดึกจึงออกไปรับซินซินใน
ตอนสาย เสี่ยวเยว่บอกให้อวี๋ตงขับรถไปรอที่อพาร์
ทเม้นท์ของเธอก่อนส่วนตัวเธอจะไปรับสองแม่ลูก
เอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ใคร่ครวญเรื่องนีอ
้ ย่าง
จริงจัง เรินซินซินก็ตัดสินใจว่าจะพาลูกของเธอไป
อยู่กับเสี่ยวเยว่ก่อน
ตอนที่อวี๋ตงใกล้จะถึงอพาร์ทเม้นท์ของเสี่ยวเยว่
จู่ๆเสี่ยวเยว่ก็โทรเข้ามา อวี๋ตงคิดว่าเธอคงจะโทร
มาบอกว่าพวกเธอกำลังจะออกจากโรงพยาบาล
แล้ว
"อีก 10 นาทีฉันจะไปถึง เธอ..."
"ตงตงรีบมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนีเ้ ลย ไอ้สารเลว
นัน
้ พยายามจะขโมยเด็กไป!" ก่อนที่อวี๋ตงจะทันได้
พูดจบประโยค เสี่ยวเยว่ก็ร้องตะโกนมาตามสาย
เสียก่อน
อวี๋ตงกระแทกเบรคกะทันหันและขับรถไปจอด
ตรงริมถนน
"ฉันจะไปเดี๋ยวนี ้ อย่าให้พวกนัน
้ พาเด็กออกจาก
โรงพยาบาล" อวี๋ตงบอก
"ได้!"
เนื่องจากตอนนีเ้ ป็ นช่วงเวลาทำงาน บนถนนจึง
ไม่ค่อยมีรถมากนัก อวี๋ตงไม่สนในกฎจราจร เธอ
หมุนพวงมาลัยเลีย
้ วรถกลับไปทางโรงพยาบาลทันที
.....
-โรงพยาบาลในเมือง แผนกทารกแรกเกิดในหอ
ผู้ป่วย-
"แม่ คืนลูกให้หนูเถอะ" เรินซินซินขอร้องแม่ของ
เธอ
"แกก็กลับไปกับฉันสิ" แม่เหริ่นโต้
"แม่...." เรินซินซินชำเลืองมองหลู่ซวนกับแม่ลู่ที่
อยู่ใกล้ๆ เธอไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าพวกเขาอยากจะให้เธอ
ทำอะไร แต่เธอกลับไปอยู่บ้านไม่ได้
"คุณป้ า คุณป้ าจะไม่สนใจความต้องการของซิน
ซินแล้วจับลูกสาวกับหลานสาวของคุณป้ าใส่กล่อง
ผูกโบว์ให้หลู่ซวนอย่างนัน
้ เหรอ?" เสี่ยวเยว่จิกกัด
แม่เหริ่นอย่างไร้ความปราณี
"เป็ นผู้หญิงมาพูดจาแบบนีไ้ ด้ยังไง? เด็กคนนีก
้ ็
เป็ นลูกของหลู่ซวนเหมือนกัน ไม่ผิดที่จะรักษา
ความเป็ นครอบครัวเอาไว้" แม่เหริ่นเบื่อหน่ายกับ
การพูดจาก้าวร้าวของเสี่ยวเยว่มานานแล้ว เธอจึง
ตอบโต้อย่างไร้ความเกรงใจ "เธอเป็ นแค่คนนอกที่
พยายามทำลายครอบครัวของคนอื่น เธอเป็ นคน
ใจร้ายใจดำขนาดไหนกันเนี่ย?"
เมื่อเสี่ยวเยว่ได้ยินแบบนัน
้ เธอก็โกรธจนแทบ
หายใจไม่ออก
"ซินซิน กลับบ้านกับป้ าหยุนเถอะ ป้ าจะช่วยจัด
งานแต่งงานให้หนูกับหลู่ซวนอีกครัง้ "
"ป้ าหยุน หนูร้ว
ู ่าป้ าใจดีกับหนูมาก" ซินซินมอง
ไปที่แม่ของหลู่ซวนเธอเติบโตมาโดยที่มีป้าคนนี ้
คอยดูแล ความจริงมีอยู่หลายครัง้ ที่เธอรู้สึกว่าป้ า
หยุนเป็ นแม่มากกว่าแม่แท้ๆของเธอเสียอีก ตอน
เด็กเธอใช้เวลาอยู่กับหลู่ซวนและป้ าหยุนที่อ่อนโยน
ทำให้เธอปฏิบัติต่อคุณป้ าด้วยความเคารพ "ถ้าคุณ
ป้ าอยากจะเจอหลานคุณป้ าสามารถมาเยี่ยมได้ทุก
เมื่อ แต่จะให้หนูกลับไปอยู่กับหลู่ซวนต่อคงเป็ นไป
ไม่ได้"
"เรินซินซิน...." เมื่อได้ยินซินซินพูดแบบนี ้ ใบหน้า
ของหลู่ซวนก็ซีดลงและอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
"คุณจะตะโกนทำไม?" เสี่ยวเยว่ตวาด
"หุบปาก!" ป้ าหยุนรู้จักลูกชายของตัวเองดี เขา
ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงหน้าตามากกว่าสิ่งอื่นใด
เธอเสียใจที่ปล่อยให้เขาทำตัวแบบนีจ
้ นแทบอยาก
จะกระอักเลือด แต่เธอก็ยังพยายามเกลีย
้ กล่อมซิน
ซินต่อ "ซินซิน หนูสบายใจได้ ป้ าจะคอยจับตาดูเขา
เอาไว้ ไม่ปล่อยให้เขารังแกหนูได้อีก!"
"ป้ าหยุน หนูไม่เคยอยากแต่งงานกับเขา!" เริน
ซินซินส่ายหน้าปฏิเสธขณะที่ร้องไห้ออกมา
   ทันใดนัน
้ หัวใจของหลู่ซวนก็เต้นรัวด้วยความ
ตกใจ เรินซินซินหมายความว่ายังไงกับคำพูดพวก
นัน
้ ? ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยอยากแต่งงาน
กับเขาเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะท้องขึน
้ มาและต้อง
คลอดลูก ตอนนีพ
้ วกเขาคงแต่งงานกันไปแล้ว แม่
เหริ่นมักจะไปเยี่ยมที่บ้านเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่
ดีอยู่เสมอ
เพี๊ยะ!
แม่เหริ่นส่งเด็กไปให้ป้าหยุน ก่อนจะตบหน้าเริน
ซินซินอย่างแรงท่ามกลางความตกใจของทุกคน
"คุณทำอะไร?" เมื่อเห็นแก้มขึน
้ รอยแดงของเริน
ซินซิน เสี่ยวเยว่ก็อยากจะเข้าไปทุบตีหญิงแก่คนนี ้
จริงๆ
หลู่ซวนกับป้ าหยุนก็ตกใจกับการกระทำของแม่
เหริ่นเช่นกัน
"เรินซินซิน แกคิดจะทำอะไร?" ดวงตาของแม่เห
ริ่นแดงก่ำ ขณะที่เธอตะคอกอย่างดุเดือด "แกเป็ น
แค่เด็กสาวที่เพิ่งเรียนจบ แกท้องก่อนแต่งด้วยซ้ำ
เข้าใจบ้างไหมว่าคนอื่นจะมองแกยังไง?"
"หลู่ซวนก็ยินดีที่จะรับผิดชอบ ทำไมแกถึงยังไม่
พอใจอีก? จุดประสงค์ที่แกกบฎแบบนีค
้ ืออะไร?"
"แล้วทำไมคุณถึงได้โทษซินซินเรื่องที่เธอท้อง
คุณไม่ควรโทษเขาหรอกเหรอที่เป็ นคนทำให้ลูกสาว
คุณท้อง!" เสี่ยวเยว่ชีไ้ ปที่หลู่ซวนแล้วตะโกนว่า "มี
แม่แบบนีไ้ ด้ยังไง?"
เรินซินซินยกมือขึน
้ ปิ ดหน้าพลางก้มหน้าลง เมื่อ
เธอดึงเสี่ยวเยว่เข้ามา สีหน้าของเธอก็สงบลงอย่าง
คาดไม่ถึงแต่ดวงตาของเธอยังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
"แม่ หนูโตแล้ว และหนูก็เชื่อฟั งแม่มาตลอด แต่
ตอนนีห
้ นูเหนื่อยมากแล้ว" เรินซินซินสูดหายใจเข้า
ลึกๆ "หนูไม่ร้ว
ู ่าจะเป็ นลูกสาวที่ดีของแม่ต่อไปได้ยัง
ไง?"
"แต่งงานกับหลู่ซวนเสียสิ!" แม่เหริ่นบอก
"แม่ ทำไมแม่ถึงพาหนูมาด้วยตอนที่หย่ากับ
พ่อ?"เรินซินซินอดถามออกมาไม่ได้
"ฉัน...." แม่เหริ่นหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะพูด
อย่างอ่อนโยนว่า "แกฟั งฉันนะ แกเป็ นเด็กดีแล้วอยู่
กับหลู่ซวนเพื่อที่ลูกของแกจะได้มีบ้านที่สมบูรณ์
ต่อไปแม่จะไม่สร้างปั ญหาอีก"
"หนูเลีย
้ งลูกคนเดียวได้" เรินซินซินบอก
"แกจะไปรู้อะไร? แกรู้ไหมว่าการเป็ นแม่เลีย
้ ง
เดี่ยวมันลำบากแค่ไหน?" แม่เหริ่นอดร้องตะโกน
ออกมาไม่ได้
"หนูรู้..." เรินซินซินมองแม่ของเธอก่อนจะพูดว่า
"หนูร้เู พราะหนูก็เติบโตมาแบบนัน
้ ...แต่หนูจะไม่
เข้าไปจัดการชีวิตของลูกเหมือนที่แม่ทำกับหนู"
แม่เหริ่นไม่ได้คาดหวังว่าลูกสาวที่อ่อนแอของเธอ
จะเข้มแข็งขึน
้ มากขนาดนี ้ ผ่านไปพักหนึ่งเธอก็ยัง
ไม่ร้ว
ู ่าจะพูดอะไรออกมาดี
"ซินซิน..." ป้ าหยุนได้ยินสิ่งที่ซินซินพูดและรู้สึก
แย่นิดหน่อย
"ป้ าหยุนคืนลูกให้หนูเถอะแล้วค่อยมาเยี่ยมเธอ
ทีหลัง รอให้เธอโตกว่านีอ
้ ีกสักหน่อย" เรินซินซิน
หันไปทางป้ าหยุน
ป้ าหยุนมองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนจากนัน
้ ก็
มองซินซินด้วยท่าทางไม่ยินยอม
"เด็กคนนีก
้ ็เป็ นลูกของฉันเหมือนกัน" จู่ๆหลู่ซวน
้ มา "ฉันเป็ นพ่อของเด็ก ฉันมีสิทธิ"์
ก็พูดโพล่งขึน
"คุณ..." เรินซินซินมองหลู่ซวนอย่างไม่อยากจะ
เชื่อ
"เรินซินซิน ฉันไม่สนว่าเธอจะคิดยังไง แต่ฉันไม่มี
วันปล่อยให้ลูกสาวของฉันต้องกำพร้าพ่อ" หลู่ซวน
มองเรินซินซินแล้วพูดต่อไปว่า "ตอนนีเ้ ธอมีสอง
ทางเลือก เธอจะให้ลูกกับฉันหรือไม่เราก็แต่งงาน
กัน ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอ"
อวี๋ตงที่มือแตะอยู่บนลูกบิดประตูได้ยินคำพูด
ของหลู่ซวนพอดี
ปฎิกิริยาของอวี๋ตงเปลี่ยนเป็ นดุดันทันที ขณะที่
เธอเปิ ดประตูอย่างแรงแล้ววิ่งไปที่เสี่ยวเยว่ "เธอ
ปล่อยให้เขาพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ เสี่ยวเยว่โทร
หาตำรวจ!"
"ตงตง!" ซินซินแปลกใจที่เห็นอวี๋ตง
เมื่อหลู่ซวนเห็นอวี๋ตงคิว้ ของเขาก็ขมวดทันที
เมื่อเทียบกับเซียงเสี่ยวเยว่ที่ชอบพ่นพิษใส่ด้วยลิน

คมๆแล้ว การจัดการกับอวี๋ตงนัน
้ ยากกว่ามาก
"คุณลู่ ฉันจะให้ทางเลือกกับคุณ 2 ทาง" อวี๋ตงชู
นิว้ ขึน
้ มา 2 นิว้ "หนึ่งคือคุณคืนลูกให้ซินซินเดี๋ยวนี ้
สองเราจะโทรหาตำรวจแล้วบอกว่ามีคนพยายาม
ขโมยเด็ก"
"แต่นี่ก็เป็ นลูกของฉันเหมือนกัน..." ความโกรธข
องหลู่ซวนพุ่งสูงขึน

"ได้" อวี๋ตงหัวเราะเยาะ "งัน
้ ฉันจะให้ทางเลือกที่
สามกับคุณ ฉันจะไปหานักข่าวแล้วเล่าสถานการณ์
โดยละเอียด จากนัน
้ ก็จะไปหาทนายความเพื่อฟ้ อง
ร้อง ค่อยๆลากคดีให้ยืดเยื้อนานที่สุด มาดูกันว่า
อะไรจะดิ่งลงก่อนกันระหว่างคดีหรือว่าหุ้นของลู่
กรุ๊ป"
หลู่ซวนจ้องอวี๋ตงเขม็งแต่เธอก็มองจ้องกลับด้วย
สายตาฟาดฟั ดไม่ต่างกัน
อวี๋ตงไม่มีความอดทนมากนัก เมื่อเห็นว่าหลู่ซวน
ยังเงียบ เธอก็หันไปบอกเสี่ยวเยว่ "โทรเลย!"
"ได้!" เสี่ยวเยว่คว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึน
้ มาแล้ว
กดโทร 110
"รอเดี๋ยว!" ป้ าหยุนหยุดเสี่ยวเยว่เอาไว้ ถ้าเรื่อง
ไปจบที่สถานีตำรวจจะเกิดอะไรขึน
้ กับครอบครัว
ของเธอ? สถานการณ์จะวุ่นวายมากขึน
้ เรื่อยๆ
ป้ าหยุนเดินเข้าไปหาเรินซินซินช้าๆ แล้วส่งเด็ก
คืนให้คนเป็ นแม่อย่างระมัดระวังก่อนจะพูดว่า "ป้ า
หยุนไม่ได้มาที่นี่เพื่อพรากแม่พรากลูก ป้ าหยุนเพียง
หวังแค่ว่าหนูจะให้โอกาสหลู่ซวนอีกสักครัง้ "
เรินซินซินรับลูกน้อยกลับคืนมาและอดที่จะหลั่ง
น้ำตาออกมาไม่ได้ ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากของ
ลูกน้อยอย่างอ่อนโยน ซินซินเงยหน้าขึน
้ แล้วพูดว่า
"ขอบคุณ!"
"แม่!" เมื่อเห็นแบบนี ้ หลู่ซวนก็อดร้องเรียกแม่
ของตัวเองไม่ได้
"อะไร? แกอยากจะไปที่สถานีตำรวจจริงๆเห
รอ?"ป้ าหยุนดุ "แกไม่ละอายใจบ้างเลยเหรอ?"
แม้ว่าหลู่ซวนจะเป็ นคนชอบแสดงอำนาจตอนที่
อยู่ข้างนอก แต่เขาก็ไม่กล้าโต้แย้งกับแม่ของเขา
"ไปกันเถอะ!" ป้ าหยุนเห็นว่าเป็ นไปไม่ได้แล้วที่
ลูกชายโง่ๆของเธอจะกลับไปอยู่กับซินซิน เธอหัน
หลังแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความผิดหวัง
หลู่ซวนตะลึง เขามองเรินซินซินกับเด็กน้อยใน
อ้อมแขนของเธอ เมื่อเห็นว่าซินซินยังตัง้ ป้ อม
ป้ องกันตัวเอง หัวใจของเขาก็ปั่นป่ วน สุดท้ายเขาก็
ไม่ได้พูดอะไรอีกขณะที่เดินตามแม่ของตัวเองออก
ไป
หลังจากที่แม่กับลูกชายจากไป ซินซินก็ถอน
หายใจด้วยความโล่งอก จากนัน
้ เธอก็มองไปที่แม่
ของตัวเองที่กำลังงุนงงและส่งเสียงกรีดร้องสัน
้ ๆ
ด้วยความขัดใจออกมา
แม่เหริ่นรู้สึกเหมือนมีคนตีหัว เมื่อมองลูกสาว
ของเธอก่อนจะพูดว่า "ดี! ต่อไปแกก็ดูแลตัวเองก็
แล้วกัน!"
แม่เหริ่นหันหลังให้ ดูราวกับว่าเธอแก่ขึน
้ หลายปี
ขณะที่เธอเดินโซเซออกไปจากห้อง
"แม่!" เรินซินซินอดร้องเรียกไม่ได้
เมื่อคนพวกนัน
้ ออกจากห้องไปแล้ว ห้องก็พลัน
สงบขึน
้ เสี่ยวเยว่ตบหน้าอกตัวเองอย่างโล่งใจ "ฉัน
คิดว่าฉันจะต้องโทรหาตำรวจจริงๆเสียแล้ว"
"นั่นคือสิ่งที่เธอคิดได้หลังจากเรื่องทัง้ หมดนีเ้ ห
รอ?"อวี๋ตงหันไปมองเรินซินซินแล้วบอกว่า "กลับ
บ้านกันเถอะ!"
เรินซินซินพยักหน้าขณะที่เธอค่อยๆโอบอุ้มเด็ก
น้อยแนบอก
เมื่อทัง้ สามคนเดินออกจากห้อง พวกเธอก็เห็น
เซี่ยเฟิ งยืนรออยู่ข้างนอก
"คุณสบายดีใช่ไหม?" เซี่ยเฟิ งถามด้วยความเป็ น
ห่วง
"ค่ะ ขอบคุณ!" เรินซินซินตอบ
ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาล อวี๋ตงโทรหา
เซี่ยเฟิ งแล้วเล่าเรื่องแม่เหริ่นให้เขาฟั ง เรื่องที่เธอ
ต้องการพาเด็กไป เซี่ยเฟิ งจึงโทรแจ้งรปภ. ของโรง
พยาบาลให้เตรียมพร้อมที่จะหยุดเธอ
"ดีแล้ว" เซี่ยเฟิ งหันไปหาอวี๋ตงพร้อมรอยยิม

ขณะที่เกลี่ยผมชื้นเหงื่อของเธอ "ผมยังมีผ่าตัดต่อ
คงต้องไปก่อน"
"อื้ม!" อวี๋ตงพยักหน้า
เซี่ยเฟิ งกล่าวอำลากับสาวๆจากนัน
้ ก็เดินจากไป
ในที่สุดหญิงสาวทัง้  3 คนและหนึ่งทารกก็
สามารถกลับไปยังอพาร์ทเม้นท์ของพวกเธอได้โดย
สวัสดิภาพ
.....
อพาร์ทเม้นท์ของเสี่ยวเยว่ที่เช่าไว้ค่อนข้าง
สะดวกสบาย มีผนังห้องที่ป้องกันเสียงรบกวนและ
กว้างขวาง มี 2 ห้องนอน เนื่องจากซินซินมีลูกน้อย
เสี่ยวเยว่จึงเสนอตัวขอย้ายไปนอนที่ห้องนอนเล็ก
และยกห้องนอนใหญ่ให้ซินซิน
ซินซินป้ อนนมลูก จากนัน
้ ก็วางเจ้าตัวเล็กลงใน
เปลกล่อมนอนก่อนจะออกจากห้อง
สองสาวที่อยู่ข้างนอกจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อย
แล้ว เมื่อเห็นซินซินอวี๋ตงก็ยิม
้ "เธอใช้เวลาไปพัก
ใหญ่เลย แต่ก็มาได้จังหวะพอดีซุปไก่กำลังอุ่นได้ที่
พร้อมกิน"
อวี๋ตงออกไปที่ร้านอาหารแล้วซื้ออาหารกลับมา
ซินซินยิม
้ ขณะที่เธอรับถ้วยชา ภายในใจรู้สึกอบอุ่น
"เดือนนีก
้ ็อย่าเพิ่งไปทำงาน อยู่บ้านเลีย
้ งลูกไป
ก่อน" เสี่ยวเยว่บอกขณะที่กินไปด้วย "ถ้าเธออยาก
ได้อะไรก็บอกฉัน ตอนเย็นฉันจะซื้อกลับมาให้"
"เสี่ยวเยว่พูดถูก ฉันจะสั่งซุปที่ร้านนีเ้ อา
ไว้ 1 เดือน นอกจากซุปไก่แล้วก็ยังมีซุปปลา ซุปตีน
หมู ถ้าเธอเบื่อซุปก็บอกให้พวกเขาเปลี่ยนเป็ นอย่าง
อื่นก็ได้" อวี๋ตงเสริม
"ได้" ซินซินอยากจะหัวเราะ แต่ด้วยเหตุผลบาง
อย่างตาของเธอกลับเริ่มพร่ามัว
"อย่าร้องไห้ ฉันเคยอ่านมาน้ำตาของแม่คือน้ำนม
ของลูก อย่าให้ลูกสาวของฉันต้องขาดอาหาร" เสี่ยว
เยว่เห็นซินซินน้ำตาซึมจึงรีบพูดขึน
้ มา
คำพูดนัน
้ ทำให้ซินซินหัวเราะออกมาทันที
"เธอไปอ่านเรื่องบ้าบอนีม
้ าจากที่ไหน?" อวี๋ตงตก
ตะลึง
"ไป่ ตู้ อ้า" เสี่ยวเยว่ตอบ "จิ๊ พวกเราไม่มี
ประสบการณ์ ครัง้ หน้าที่ฉันกลับไปบ้านจะต้องถาม
แม่ของฉัน"
"พูดถึงแม่ ฉันสงสัยว่าฉันควรจะทำยังไง
ดี?" จู่ๆ ซินซินก็พูดขึน
้ มา
"คุณป้ า...." เสี่ยวเยว่อยากจะบอกว่าแม่เหริ่นไม่
สมกับความเป็ นแม่ แต่อวี๋ตงก็ใช้ศอกกระทุ้งเธอไป
ทีหนึ่ง
"เมื่อก่อนท่านไม่ได้เป็ นแบบนี"้ เรินซินซินอธิบาย
กับเพื่อนสนิททัง้ สองของเธอ "ฉันจำได้ว่าตอนที่
ท่านหย่ากับพ่อของฉัน ฉันต้องไปอยู่กับพ่อแต่ท่าน
กลัวว่าฉันจะถูกแม่เลีย
้ งรังแก ท่านจึงพาฉันไปด้วย"
"ตอนนัน
้ หลังจากหย่าชีวิตของท่านลำบากมาก"
เรินซินซินจำได้ "แม่ของฉันเป็ นคนสวยและเก่งมาก
ตอนที่ท่านยังสาวหลังจากหย่าก็มีผู้ชายมาจีบท่าน
หลายคน แต่ท่านก็ปฏิเสธไปหมดทุกคน ในที่สุด
ท่านก็แต่งงานกับพ่อเลีย
้ งเพราะเขาดีกับฉัน แค่ใน
ช่วงหลังนีพ
้ วกท่านทำได้ไม่ค่อยดีนัก"
"ซินซิน..." เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นว่าเธอกำลังเศร้าก็
อยากจะปลอบใจเพื่อน
"ไม่เป็ นไร ฉันไม่เคยหยุดเชื่อในความรักของแม่ที่
มีต่อฉัน สุดท้ายแล้วท่านก็จะกลับมา" เรินซินซิน
หัวเราะ "แต่ก่อนอื่น ฉันต้องใช้ชีวิตและเลีย
้ ง
ลูกสาวของฉันให้ดี"
"ถูกแล้ว!" อวี๋ตงพยักหน้า
"ฉันจะไปขอโทษคุณป้ าทีหลัง" เสี่ยวเยว่จำ
พฤติกรรมที่ไม่สุภาพและหยาบคายของเธอที่มีต่อ
แม่เหริ่นในวันนัน
้ ได้ ความจริงเสี่ยวเยว่ไม่เชื่อว่าจะ
มีแม่คนไหนที่ไม่รักลูก เพียงแค่พวกเธอไม่ร้ว
ู ่าอะไร
คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกๆของพวกเธอ
อวี๋ตงนึกไปถึงแม่ของเธอ แม่ของเธอก็เคยดื้อรัน

โดยเชื่อว่าการแต่งงานเป็ นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
บ่อยครัง้ ที่การกระทำพวกนีใ้ นนามของความรัก
คือสิ่งที่น่าเป็ นห่วงและน่าหงุดหงิดที่สุด
เราได้แต่หวังว่าความรักแบบเดียวกันนีจ
้ ะทำให้
เกิดความเคารพซึ่งกันและกัน และการพูดคุยกัน
ด้วยเหตุผล
แต่สำหรับแม่แล้วพวกท่านรู้ว่าพวกท่านจะรัก
คุณเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึน
้ ก็ตาม!
....................

ตอนที่ 51 พึ่งพาซึ่งกันและกัน
ตัง้ แต่ที่เรินซินซินออกจากโรงพยาบาลไม่ว่าฝน
จะตกหรือแดดจะออก อวี๋ตงก็จะมาส่งซุปและไป
เยี่ยมหลิงตังเสมอ สำหรับลูกสาวของซินซินถูกตัง้
ชื่อว่า หลิงตัง(กระดิ่งน้อย) เสี่ยวเยว่มักจะหลอกล่อ
เด็กน้อยด้วยของเล่นนานาชนิด ส่วนทารกน้อยจะ
ชื่นชอบกระดิ่งของเล่นมากที่สุด ดังนัน
้ นี่จึงเป็ น
ที่มาของชื่อนี ้
เมื่อเห็นอวี๋ตงเล่นกับหลิงตัง ซินซินก็ยิม
้ "เธอดู
จะชอบเด็กมาก เธอควรจะมีเองสักคน"
"ถ้าจะมาก็ปล่อยให้มา" อวี๋ตงหัวเราะเสียงใส
"โอ้ เธอกำลังพยายามอยู่เหรอ?" เรินซินซิน
แปลกใจนิดหน่อย
"ใช่" อวี๋ตงยอมรับโดยไม่อิดออด
"ดีจัง!" เรินซินซินแปลกใจในตอนแรก แต่ดู
เหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างได้จึงถามว่า "แต่ฉัน
ได้ยินมาพักหนึ่งแล้วว่าแฟนเก่าของเซี่ยเฟิ งกลับมา
ที่จีน?"
"เธอก็แค่แฟนเก่า เซี่ยเฟิ งไม่มีอะไรต้องที่จะต้อง
เกี่ยวข้องกับเธออีก" อวี๋ตงยักไหล่
"เธออย่าได้ประมาท" เรินซินซินเห็นรอยยิม
้ ที่
อบอุ่นของอวี๋ตงจึงอดเตือนไม่ได้
"ไม่ต้องเป็ นห่วง ฉันคอยระวังอยู่" อวี๋ตงขยิบตา
เรินซินซินส่ายหน้าพลางยิม
้ อย่างอ่อนใจ เมื่อ
เหลือบมองนาฬิกาก็พูดขึน
้ มาว่า "ไม่ใช่ว่าเธอจะ
ต้องไปคุยเรื่องสัญญากับกองถ่ายเหรอ? เธอควรจะ
รีบไปได้แล้ว"
"โอ้!" เมื่อมองนาฬิกาอวี๋ตงก็เห็นว่าได้เวลาต้อง
ไปแล้ว
......
โรงพยาบาลเมือง สำนักงานแผนกศัลยกรรม
พยาบาลที่กำลังวิตกกังวลวิ่งผ่านวอร์ดก่อนผลัก
ประตูห้องทำงานให้เปิ ดออก
"คุณหมอเส้า เร็วเข้า คุณหมอเซี่ยกำลังถูก
ครอบครัวคนไข้ทำร้าย!"
"อะไรนะ?" เส้าอีฝ
้ านที่กำลังซดบะหมี่อยู่แทบจะ
พ่นน้ำซุปออกมา
"มีคนไข้เสียชีวิตขณะทำการผ่าตัดเมื่อเช้า
ครอบครัวของคนไข้กำลังล้อมคุณหมอเซี่ยเอาไว้"
พยาบาลอธิบาย
เส้าอีฝ
้ านวางตะเกียบลงแล้วรีบวิ่งไปกับพยาบาล
จนถึงห้องผ่าตัด เมื่อเขาเข้าไปใกล้ก็เห็นคน 5-
6 คนกำลังรุมล้อมเซี่ยเฟิ งอยู่พลางผลักเขาไปมา
เซี่ยเฟิ งดูเหนื่อยล้าขณะที่เขานิ่งเงียบแล้วปล่อยให้
คนเหล่านัน
้ ผลักจนเขาเซไปมา พยาบาลหลายคน
พยายามเข้าไปห้ามแต่ก็ไร้ผล
"พวกคุณกำลังทำอะไรกัน?" เส้าอีฝ
้ านวิ่งเข้ามา
แล้วแทรกตัวเข้าไปหยุดชายกลางคนที่ดุร้ายคน
หนึ่ง
"ฉันกำลังทำอะไรน่ะเหรอ? ไอ้คนหลอกลวงนี่ฆ่า
พ่อของฉัน ฉันต้องการให้เขาชดใช้ด้วยชีวิตของ
เขา" ชายกลางคนเป็ นลูกชายคนโตของคนไข้ เขาชี ้
ไปที่เซี่ยเฟิ งด้วยแววตาแข็งกร้าว
"มันเป็ นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูง พวกเราเคย
พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนีก
้ ่อนการผ่าตัดแล้ว" เส้าอีฝ
้ าน
บอก "สมาชิกในครอบครัวของคุณเซ็นต์ยินยอมรับ
ความเสี่ยง"
"พวกเราไม่ร้ว
ู ่าจะเป็ นแบบนี"้ หญิงวัยกลางคน
ร้องบอกออกมา "ฉันถามเรื่องการผ่าตัดปอดที่ซับ
ซ้อนของคุณพ่อแล้วก็ขอให้คุณหมอจงผู้อำนวยการ
แผนกศัลยกรรมของคุณเป็ นคนทำการผ่าตัด แต่
ทำไมหมอหนุ่มคนนีถ
้ ึงมาอยู่ที่นี่ได้ เขาไม่มีความ
สามารถมากพอ ทำไมเขาถึงได้มาผ่าตัดให้พ่อของ
ฉันได้ เขาไม่ควรถูกกล่าวโทษเหรอ?"
"ใช่ พวกเราให้ความไว้วางใจในโรงพยาบาลของ
คุณ แต่พวกคุณกลับปฏิบัติต่อชีวิตมนุษย์ราวกับผัก
หญ้า" คนหลายคนกล่าวผสมโรงด้วย
"เป็ นคนไข้ที่ขอให้คุณหมอเซี่ยทำการผ่าตัดให้
เขา" หัวหน้าพยาบาลทนไม่ไหวกับข้อกล่าวหาจึง
พูดแทรกขึน
้ มาเสียงดัง
"เขาหลงกล" ลูกสาวคนที่สองของผู้เสียชีวิตชีไ้ ป
ที่เซี่ยเฟิ งแล้วบอกว่า "ฉันรู้ว่าหมออายุน้อยที่มี
คุณสมบัติต่ำไม่มีโอกาสได้เข้าทำการผ่าตัดใหญ่ ดัง
นัน
้ เมื่อเห็นว่าพ่อของฉันอายุมากแล้วและกำลัง
สับสนอยู่ ก็เลยถือโอกาสบีบบังคับท่านให้ยินยอม
เข้ารับการผ่าตัด"
"คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ!" หัวหน้าพยาบาลโต้
กลับด้วยความโกรธ "คนไข้มีเนื้องอกขนาดใหญ่
มากและปอดของเขากำลังกลายเป็ นเนื้อตาย
นอกจากนีย
้ ังมีเลือดออกในระหว่างการผ่าตัด คุณ
หมอเซี่ยไม่สามารถช่วยเขาได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด
ก็ตาม"
"พ่อของฉันยังมีชีวิตดีอยู่ก่อนผ่าตัด ท่านจะตาย
แบบนัน
้ ได้ยังไง?"
"ถูกต้อง ต้องมีบางอย่างเกิดขึน
้ ระหว่างการ
ผ่าตัดอย่างแน่นอน"
"ฉันจะรายงานเรื่องของคุณ"
เซี่ยเฟิ งเงยหน้าขึน
้ ดวงตาของเขาว่างเปล่าขณะ
มองไปยังสมาชิกครอบครัวที่กำลังมองเขาด้วย
สายตาดุรา้ ย เขาเดินผ่านเส้าอีฝ
้ านออกมาแล้วพูด
อย่างใจเย็นว่า "คุณหลี่หมินอยู่ในระยะสุดท้ายของ
มะเร็งปอดหลังจากที่ทำการผ่าเปิ ดช่องอกก็พบว่า
เนื้องอกได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะภายในส่วน
อื่นๆแล้ว และไม่สามารถผ่าตัดแยกเนื้องอกออกได้
เมื่อพิจารณาก็เห็นว่าผู้ป่วยมีอายุมากแล้วจึงไม่
แนะนำให้ทำการผ่าตัดต่อ ผมจึงเริ่มทำการเย็บปิ ด
ช่องอก แต่จู่ๆหัวใจของผู้ป่วยก็กระตุกและทำให้
เส้นเลือดแตกก่อให้เกิดสภาวะตกเลือด การ
พยายามช่วยเหลือไม่เป็ นผลและผู้ป่วยเสียชีวิต"
"ไม่ว่าคุณจะแก้ตัวยังไงก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริง
เรื่องที่คุณฆ่าเขา คุณต้องบอกพวกเราให้ได้ว่าทำไม
เส้นเลือดถึงแตกอย่างไม่มีเหตุผล" ชายกลางคน
ตะโกนขณะที่เขาก้าวมาข้างหน้า
เส้าอีฝ
้ านรีบเดินเข้าไปปกป้ องเซี่ยเฟิ งอีกครัง้ ใน
ตอนนีเ้ องอันอันก็มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รักษาความ
ปลอดภัย ในที่สุดก็สามารถควบคุมสถานการณ์เอา
ไว้ได้ และได้พาคนทัง้ หมดไปยังสำนักงานกรมการ
แพทย์
จากนัน
้ ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมก็มาหา
เซี่ยเฟิ งก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกว่า "เซี่ยเฟิ ง
คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวที่เหลือผม
จัดการเอง"
"ไม่เป็ นไร ผมจัดการได้" เซี่ยเฟิ งส่ายหน้า
"ตอนนีค
้ รอบครัวของคนไข้กำลังอารมณ์ไม่ดี
คุณควรจะหลีกเลี่ยง" ผู้อำนวยการแนะนำ "ผมรู้
เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยแล้ว คนไข้เป็ นคนขอให้
คุณทำการผ่าตัดให้ ซึ่งทำให้เรื่องนีไ้ ม่น่าจะเป็ น
ปั ญหาใหญ่ คุณควรกลับไปก่อน"
เซี่ยเฟิ งพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้องล็อคเกอร์ด้วย
อาการมึนงง
เส้าอีฝ
้ านกำลังจะเดินตามไปแต่พยาบาลเรียก
เขาเอาไว้เพื่อเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด สุดท้ายเส้าอี ้
ฝานจึงทำได้เพียงมองตามหลังเซี่ยเฟิ งไปก่อนจะ
เดินออกมา
"คุณหมอเซี่ยโชคร้ายจริงๆ เห็นชัดๆว่าคนไข้เป็ น
คนขอให้คุณหมอเซี่ยทำการผ่าตัดให้เขาเองแท้ๆ"
"ใช่ ส่วนพวกลูกๆของคนไข้ตอนที่เขาป่ วยก็ไม่
เห็นมีใครมาเยี่ยมเลยสักคน พอเกิดเรื่องพวกเขาก็
กลายเป็ นลูกกตัญญูขึน
้ มาทันที"
"ใช่ นอกจากนีผ
้ ู้อำนวยการก็บอกว่าทักษะของ
คุณหมอเซี่ยไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย"
"....."
ขณะที่พยาบาลพูดคุยกัน อันอันก็ยืนฟั งอยู่ครู่
หนึ่งก่อนจะเดินตามเซี่ยเฟิ งไปที่ห้องล็อคเกอร์
อย่างกังวลใจ
เซี่ยเฟิ งยืนพิงตู้ล็อคเกอร์ของเขา สีหน้าว่างเปล่า
ภายในหัวยังมีภาพที่เกิดขึน
้ วิ่งวนซ้ำไปซ้ำมา ช่อง
อกที่เปิ ดมีเนื้องอกกระจายเป็ นบริเวณกว้าง ถ้าเขา
รู้มาก่อนเขาก็คงจะไม่แนะนำให้ชายชราเข้ารับการ
ผ่าตัด บางทีชายชราอาจจะมีชีวิตยาวนานกว่านี ้
แทนที่จะเสียชีวิตบนเตียงผ่าตัด
เซี่ยเฟิ งกระแทกตัวเข้ากับตู้ล็อคเกอร์
อันอันที่อยู่นอกประตู เมื่อได้ยินเสียงดังปั งด้วย
ความกังวลเธอแทบจะรีบเข้าไปข้างใน แต่สุดท้าย
เธอก็ยอมปล่อยลูกบิดประตู
เซี่ยเฟิ งเป็ นคนหยิ่งยโสและเขาคงไม่ต้องการให้
ใครมาเห็นตอนที่เขารู้สึกตกต่ำ
หลังจากนัน
้ ไม่นาน เมื่อบรรยากาศคลายความ
ตึงเครียด เซี่ยเฟิ งก็เริ่มสงบลง เขาหันไปเปิ ดตู้
ล็อคเกอร์ก่อนจะมองโทรศัพท์สีดำที่อยู่วางอยู่ข้าง
ใน เขาเอื้อมมือไปกดเปิ ดเครื่อง นิว้ ของเขากดปุ ่ม
สองสามปุ ่มแล้วชื่อของอวี๋ตงก็กระพริบขึน
้ บนหน้า
จอ
อวี๋ตงกำลังรอให้ผู้กำกับถ่ายทำเสร็จ ขณะที่
โทรศัพท์ของเธอส่งเสียงขึน
้ เมื่อมองหน้าจอก็เห็น
ว่าเป็ นเซี่ยเฟิ งที่โทรเข้ามา เธอกดรับพร้อมรอยยิม

"เซี่ยเฟิ ง"
"คุณอยู่ที่ไหน?"
"ฉันกำลังรอคุยเรื่องสัญญากับผู้กำกับ" อวี๋ตง
ตอบทันที
"กลับ...กลับมาได้ไหม?"
"เซี่ยเฟิ ง? เกิดอะไรขึน
้ ?" อวี๋ตงบอกได้ทันทีว่าน้ำ
เสียงของเซี่ยเฟิ งผิดปกติ
"ผมอยากเจอคุณ"
"ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี!้ " อวี๋ตงกล่าวขอโทษผู้
กำกับที่เพิ่งจะเสร็จจากการถ่ายทำ หลังจากนัน
้ ก็
รีบวิ่งออกไปทันทีโดยไม่ได้สนใจสายตาตื่นตกใจ
ของพวกเขา
อันอันที่แอบอยู่อีกด้านของตู้ล็อคเกอร์ได้ยิน
เสียงคุยโทรศัพท์ของเซี่ยเฟิ ง ทันใดนัน
้ เธอก็
ตระหนักถึงความจริงที่ว่าเซี่ยเฟิ งไม่ต้องการเธออีก
ต่อไปแล้ว
รอยยิม
้ ขมขื่นของอันอันปรากฎขึน
้ ก่อนจะหัน
หลังแล้วเดินจากไปในที่สุด
ปกติจะใช้เวลาชั่วโมงครึ่งในการขับรถจากกอง
ถ่ายกลับบ้าน แต่อวี๋ตงสามารถไปถึงได้
ภายใน 20 นาทีเท่านัน

อวี๋ตงรู้สึกกังวลใจมากระหว่างทางกลับบ้านและ
สงบลงเมื่อเธอเปิ ดประตูแล้วเห็นเซี่ยเฟิ งนั่งเงียบๆ
อยู่ในห้องนั่งเล่น
"เซี่ยเฟิ ง" อวี๋ตงไม่สนใจที่จะเปลี่ยนรองเท้าส้นสูง
ออก เธอรีบเดินเข้าไปและทรุดตัวคุกเข่าตรงหน้า
เซี่ยเฟิ ง "เกิดอะไรขึน
้ ?"
เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตงที่อยู่ตรงหน้าเขา เธอสวมสูท
แต่งหน้าบางๆ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความ
กังวล เธอแต่งตัวค่อนข้างเป็ นทางการมากกว่าปกติ
นิดหน่อยแต่ก็ยังคงเป็ นเธอ
เซี่ยเฟิ งยกมือขึน
้ ช้าๆ โดยไม่มีการเตือนใดๆ เขา
ก็กดอวี๋ตงลงบนโซฟาแล้วก้มหน้าลงไปจูบเธออย่าง
รุนแรง
อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าเกิดอะไรขึน
้ จึงตกตะลึงกับการกระ
ทำอย่างกะทันหันของเซี่ยเฟิ ง ริมฝี ปากของเขาให้
ความรู้สึกแตกต่างจากจูบที่อ่อนโยนตามปกติ
การกระทำที่รุนแรงของเขาทำให้เธอลิม
้ รสเลือด
เล็กน้อย
เซี่ยเฟิ งดึงทึง้ เสื้อกันหนาวของอวี๋ตงออกอย่าง
หยาบคาย จากนัน
้ เขาก็เลิกเสื้อตัวในของเธอขึน

เผยให้เห็นชัน
้ ในสีขาว
อวี๋ตงเจ็บปวดเล็กน้อยจากการถูกขบกัดแต่เธอก็
ไม่ได้หลบเลี่ยง กลับกันเธอปล่อยให้เซี่ยเฟิ งทำ
ตามใจ
มือของเซี่ยเฟิ งเลื่อนลงไปปลดกระดุมกางเกงขอ
งอวี๋ตง แต่จู่ๆเขาก็หยุดชะงักก่อนที่กระดุมจะถูก
ปลดออก
เมื่อสังเกตเห็นว่าเซี่ยเฟิ งหยุดเคลื่อนไหว อวี๋ตงก็
ค่อยๆลืมตาขึน
้ มอง ยกแขนขึน
้ โอบรอบร่างของเขา
ก่อนจะถามเบาๆว่า "ทำไมคุณไม่ทำต่อแล้วล่ะ?"
เซี่ยเฟิ งยกศีรษะขึน
้ จากหน้าอกของอวี๋ตงแล้ว
มองลงไปยังริมฝี ปากที่บวมแดงของภรรยา เขา
เอื้อมมือไปพยุงอวี๋ตงขึน
้ แล้วดึงเสื้อลงมาปิ ดให้
เรียบร้อย
"ผมขอโทษ" เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตงด้วยสายตาที่เต็ม
ไปด้วยความรู้สึกผิด
"บอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึน
้ ?" อวี๋ตงลูบไล้ใบหน้า
ของเซี่ยเฟิ งอย่างอ่อนโยน ดวงตาของเธอเต็มไป
ด้วยความเสียใจและอดทนรอ
เซี่ยเฟิ งยิม
้ อย่างขมขื่นจากนัน
้ ก็ค่อยๆ เล่าเรื่องที่
เกิดขึน
้ ในวันนีใ้ ห้ฟัง
"คุณหลี่เชื่อใจผม แต่ผมไม่ร้ส
ู ภาพร่างกายของ
เขาเลย"
"คุณไม่ร้ว
ู ่าเนื้องอกของเขาจะแพร่กระจายไปทั่ว
แล้ว" อวี๋ตงปลอบใจ
"แต่ถ้าผมไม่ผ่าตัดให้เขา เส้นเลือดก็จะไม่แตก..."
เซี่ยเฟิ งหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด
"มันเป็ นอุบัติเหตุ การเปลี่ยนหมอก็คงไม่ทำให้
ผลลัพธ์แตกต่างออกไป"
"บางทีลูกสาวของเขาอาจจะพูดถูก เรื่องที่ผม
ทำการผ่าตัด ถ้าผมรออีก 2 วันผู้อำนวยการก็จะ
ว่าง..." เซี่ยเฟิ งคิดว่าอาการป่ วยของคุณหลี่จะได้รับ
การวินิจฉัยอย่างละเอียดกว่านีแ
้ ละพวกเขาอาจจะ
สังเกตเห็นการแพร่กระจายของเนื้องอกได้ชัดเจน
ขึน
้ "
"คุณทำการผ่าตัดเพราะคุณรู้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยน
ถึงแม้ว่าคุณจะรอผู้อำนวยการ" อวี๋ตงส่ายหน้า "แม้
ว่าการผ่าตัดจะล่าช้าออกไปแต่ผลลัพธ์ก็คงจะ
เหมือนเดิม"
"ผมเป็ นหมอ นี่ไม่ใช่ครัง้ แรกที่ผมเห็นคนตายบน
เตียงผ่าตัด แต่นี่เป็ นครัง้ แรกที่ผมทำการผ่าตัดโดย
ไม่จำเป็ นเลย" เซี่ยเฟิ งพูดอย่างเจ็บปวด
"มันเป็ นอุบัติเหตุ เขาจะไม่โทษคุณ" อวี๋ตงรู้สึกไม่
สบายขณะที่ปลอบโยนเขา
"จริงๆ เหรอ?"
"จริงสิ!"
เซี่ยเฟิ งก้มลงวางศีรษะของเขาลงบนต้นขาของอ
วี๋ตงแล้วยกแขนขึน
้ กอดเอวเธอ ใบหน้าของเขาซุก
ลงบนหน้าท้องของเธอราวกับเด็กที่ทำอะไรไม่ถูก
อวี๋ตงลูบไล้เส้นผมสีดำของเซี่ยเฟิ งด้วยปลายนิว้
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "เซี่ยเฟิ ง
ฉันเห็นคุณทำงานหนักมากเพื่อการวิจัย ฉันเชื่อว่า
คุณจะประสบความสำเร็จและในที่สุดคุณก็จะช่วย
ชีวิตผู้คนอีกนับไม่ถ้วนที่เป็ นแบบเดียวกับคุณหลี่
ดังนัน
้ อย่าได้ร้ส
ู ึกผิดอีกเลย คุณต้องมองไปข้าง
หน้า"
"คุณคิดว่าผมจะทำสำเร็จจริงๆเหรอ?" เซี่ยเฟิ
งอดสงสัยตัวเองและการวิจัยที่ทำมายาวนานไม่ได้
"ใช่!" น้ำเสียงของอวี๋ตงหนักแน่น
"คุณจะอยู่ข้างๆผมตลอดใช่ไหม?"
"ใช่ ฉันจะอยู่กับคุณไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม"
เมื่อได้รับคำยืนยันในที่สุดเซี่ยเฟิ งก็หลับไปอย่าง
สบายใจ โดยที่แขนยังโอบรอบเอวของอวี๋ตง
อวี๋ตงนั่งอยู่บนโซฟาเฝ้ าดูพระอาทิตย์ตกและ
พระจันทร์เริ่มปรากฎ เธอไม่ขยับเขยื้อนเพราะเกรง
ว่าจะทำให้เซี่ยเฟิ งตื่น หลังจากนัน
้ ไม่นานเธอก็ทน
ไม่ไหวแล้วค่อยๆเอนตัวลงบนโซฟา
ทัง้ สองคนอิงแอบกันอย่างสนิทสนม จนดูราวกับ
ว่าจนถึงวันสิน
้ โลกก็จะไม่มีวันแยกจาก
เมื่อเซี่ยเฟิ งรู้สึกตัวตื่นแล้วเห็นท่าทางที่ไม่น่า
สบายนักของอวี๋ตงบนโซฟา เมื่อมองนาฬิกาเขาก็รู้
ว่ามันผ่านไป 8 ชั่วโมงแล้ว หัวใจของเขาปวดร้าว
ขณะที่ค่อยๆอุ้มอวี๋ตงขึน
้ แล้วพาเธอไปที่เตียง
"เซี่ยเฟิ ง" ขณะที่เซี่ยเฟิ งอุ้มเธอเข้าไปในห้อง
นอน อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกตัวแล้วและดึงเสื้อของเขาเบาๆ
"ตื่นแล้วเหรอ?" เซี่ยเฟิ งคุกเข่าลงที่ข้างเตียง
"ตอนนีฤ
้ ดูใบไม้ผลิแล้ว เราจะไปหาซื้อดอกไม้กัน
เมื่อไหร่ดี?" อวี๋ตงเห็นว่าเซี่ยเฟิ งดูดีขึน
้ มากแล้ว
หัวใจของเธอก็ค่อยๆคลายความกังวล ก่อนจะส่ง
ยิม
้ และถามขึน
้ มา
"เราไปกันพรุ่งนีเ้ ลยก็ได้"
'ผมสัญญาเอาไว้ว่าจะปลูกดอกไม้จนเต็มระเบียง
ให้เธอ'
................... 
ตอนที่ 52 ผมเจอคุณก่อน
โดยทั่วไปตลาดดอกไม้จะมีขนาดใหญ่และอยู่
ห่างจากตัวเมือง เช้าวันนีเ้ ซี่ยเฟิ งและอวี๋ตงขับรถ
จากตัวเมืองไปยังชานเมืองที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียว
ขจี
อวี๋ตงเลื่อนกระจกหน้าต่างรถลงแล้วปล่อยให้
สายลมพัดผ่านเส้นผมยาวสลวยของเธอ ใบหน้า
เต็มไปด้วยความสุขและดวงตาเป็ นประกายสดใส
"ไปจอดรถตรงนัน
้ กันเถอะ" อวี๋ตงชีไ้ ปยังลาด
จอดรถเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆ
เซี่ยเฟิ งหันมามองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
และความงุนงง "แต่ตลาดดอกไม้ยังอยู่อีกไกล"
"เราเดินไปก็ได้" อวี๋ตงยิม
้ "วันนีอ
้ ากาศดีจริงๆ"
เซี่ยเฟิ งพยักหน้าและชลอรถลงจอดตรงที่มีร่มไม้
ในฤดูใบไม้ผลิที่สดใสมักจะทำให้ผู้คนมีความสุข
แม้ว่าพวกเขาจะนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างนอกแต่ก็ยัง
รู้สึกว่ามีความสุข
เซี่ยเฟิ งจับมือของอวี๋ตงขณะที่เดินผ่านไปตามร่ม
ไม้ที่มีแสงแดดส่องทะลุผ่านลงมา ตกต้องใบหน้าที่
มีรอยยิม
้ น่ารักของอวี๋ตง
"มันนานแล้วที่ผมไม่ได้ออกมาเดินแบบนี"้
อากาศสดชื่น ภรรยามีความสุข เซี่ยเฟิ งรู้สึกราวกับ
จะบินได้
"คุณก็เลยพลาดทิวทัศน์ที่งดงามแบบนี?้ " อวี๋ตง
หัวเราะ
"ใช่ แม้จะไม่มีดอกไม้แต่สีเขียวของต้นไม้ก็
สามารถทำให้คนรู้สึกสดชื่นและมีความสุขได้"
เซี่ยฟิ งเสียดาย
"ฉันเคยไปปั กกิ่งครัง้ หนึ่งตอนที่ต้นไม้ผลิใบแบบ
นี"้ อวี๋ตงเล่า "ฉันขี่จักรยานไปตามถนนและตรอก
ซอกซอย มีต้นป็ อปล่าร์สูงตระหง่านมากสุดเท่าที่
ฉันเคยเห็นมาเลย"
เซี่ยเฟิ งนึกภาพตามและคิดว่าน่าเสียดายที่
เซี่ยงไฮ้ไม่มีต้นป็ อปล่าร์สูงตระหง่านพวกนัน

"คุณคิดไว้หรือยังว่าจะซื้อดอกไม้อะไร?" เซี่ยเฟิ ง
ถาม
"อืม...ฉันคิดว่าจะซื้อกล้วยไม้แล้วก็ไม้ประดับกับ
พวกดอกไม้สีสันสดใสอีกสัก 2-3 ชนิด" อวี๋ตงบอก
"ตอนที่ฉันเดินทางไปยุโรปฉันเห็นดอกไม้สวยๆ
มากมายที่ปลูกเอาไว้ตรงระเบียง เราสามารถวาง
ชุดโต๊ะและเก้าอีอ
้ าบแดดหรือเอาไว้สำหรับอ่าน
หนังสือก็น่าจะดี"
"คุณชอบเดินทางท่องเที่ยวหรือ?" เซี่ยเฟิ งบอก
ได้ว่าอวี๋ตงเคยไปมาหลายที่และได้พบเห็นสิ่งต่างๆ
มากมาย
"อือ" ก่อนที่เธอจะมาเกิดใหม่ เธอใช้เวลาพักร้อน
ทุกปี แม้ว่าจะต้องเดินทางคนเดียวแต่เธอก็อยาก
จะไปดูสถานที่สวยงามทั่วทุกมุมโลก
"ถ้างานไม่ยุ่ง เราน่าจะไปด้วยกัน" เซี่ยเฟิ งเสนอ
แล้วตระหนักได้ว่าเขาไม่เคยได้ไปเที่ยวกับอวี๋ตงเลย
อวี๋ตงยิม
้ แล้วถามว่า "แล้วเมื่อไหร่งานที่โรง
พยาบาลจะไม่ยุ่งล่ะ?"
เซี่ยเฟิ งตกตะลึง ดูเหมือนว่างานที่โรงพยาบาล
จะยุ่งอยู่ตลอดเวลา แม้แต่วันหยุดวันนี ้ เขาก็ได้รับ
อนุมัติเป็ นพิเศษจากผู้อำนวยการจง"
เซี่ยเฟิ งถูจมูกก่อนพูดอย่างเชื่องช้าว่า "เรา
สามารถหาเวลาได้เสมอ"
แม้ว่าคำพูดของเขาจะไม่ได้ใคร่ครวญให้ดีแต่อวี๋
ตงก็พอใจกับข้อเสนอของเซี่ยเฟิ ง
อวี๋ตงไม่ใช่เด็กสาวในวัยยี่สิบจริงๆ เธอเป็ นคนที่
สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวคนเดียว เป็ นคนที่รัก
อิสระและมีบุคลิกที่เข้มแข็ง อวี๋ตงมีจิตวิญญาณของ
ผู้หญิงวัย 30 ที่เป็ นผู้ใหญ่และอ่อนโยน
"มีสถานที่มากมายที่ฉันอยากไปแต่มีเพียงสถาน
ที่เดียวที่ฉันอยากจะกลับไปเสมอ" เนื่องจากพวก
เขาเดินใกล้กันมาก อวี๋ตงจึงต้องเงยหน้าขึน
้ สบตา
กับเซี่ยเฟิ ง
แสงแดดที่ส่องลอดผ่านใบไม้ลงมาตกต้องลงบน
ใบหน้าของอวี๋ตง สายลมที่โชยมาแผ่วเบาพัดผ่าน
เส้นผมของเธอ หัวใจที่สงบของเซี่ยเฟิ งก็เริ่มสั่นไหว
เซี่ยเฟิ งคิดว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่อวี๋ตงพยายามจะ
สื่อ นิว้ มือที่สอดประสานกันกระชับแน่นราวกับว่า
พวกเขาไม่สามารถแยกจากกันได้
พวกเขาเดินไปด้วยระยะทางค่อนข้างไกล แต่ใน
ไม่ช้าทัง้ สองคนก็มาถึงตลาดดอกไม้ ตลาดเต็มไป
ด้วยพืชพรรณนานาชนิด ทำให้อวี๋ตงรู้สึกตื่นเต้น
อวี๋ตงมองไปรอบๆอย่างมีความสุข ทางทิศตะวัน
ตกมีดอกทานตะวันอันสดใส ทางทิศตะวันออก
เป็ นต้นไผ่ เธอยังมองเห็นดอกไฮเดรนเยียที่กำลัง
เบ่งบาน ราวกับว่าที่นี่รวมเอาดอกไม้ทงั ้ หมดของ
ฤดูใบไม้ผลิเอาไว้
"อา มีไม้เลื้อยของญี่ปุ่นอยู่ตรงนัน
้ ด้วย" อวี๋ตง
ร้องออกมาขณะที่ชีไ้ ปที่ไม้เลื้อย
"ถ้าเราปลูกไว้ที่หลังบ้าน เพื่อนบ้านต้องมาเคาะ
ประตูแน่ๆ" เซี่ยเฟิ งคิดถึงความเป็ นไปได้ที่จะปลูก
ไม้เลื้อยตรงระเบียงของพวกเขาก็อดสะดุ้งไม่ได้
"ฉันก็แค่พูดเฉยๆ" อวี๋ตงหัวเราะ "ตอนที่ฉันยัง
เป็ นเด็กมัธยมมีไม้เลื้อยพวกนีข
้ ึน
้ อยู่ด้านหลัง
โรงเรียน ฉันไม่ร้ช
ู ่อ
ื ของไม้เลื้อยพวกนัน
้ แต่เคยอ่าน
เจอจากบทความ ฉันอยากปลูกไม้เลื้อยของญี่ปุ่น
เอาไว้ที่บ้านของฉันมาตลอด รอจนถึงฤดูร้อนเพื่อ
ให้มันเลื้อยไปตามกำแพง
"แต่ตอนนัน
้ ในหมู่บ้านของฉันมีงูมากกว่ามด แม่
บอกว่าอาจจะมีงูมาซ่อนอยู่ในพุ่มไม้เลื้อย ฉันก็เลย
กลัวมากจนล้มเลิกความคิดนัน
้ " อวี๋ตงพูดพลาง
เอียงศีรษะ
"ไม้เลื้อยไม่น่าจะปลูกที่บ้านตอนนีไ้ ด้ รอจนพวก
เราแก่ตัวลงแล้วย้ายไปอยู่ชานเมือง เราค่อยหาซื้อ
บ้านที่มีสนามหญ้า พวกเราค่อยปลูกเอาไว้สักมุม
หนึ่ง" เซี่ยเฟิ งบอก
"เมื่อเราแก่ตัว?" อวี๋ตงกระพริบตาจากนัน
้ ก็ถาม
ว่า "เรายังไม่ได้จัดงานแต่งงานเลย แต่ทำไมฉันถึง
รู้สึกว่าฉันแก่แล้ว? ฉันเดาว่าตอนนีค
้ ุณก็เป็ นสามี
เฒ่า"
"คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?" เซี่ยเฟิ งเคาะ
ศีรษะอวี๋ตง
"ตีฉันทำไม?" อวี๋ตงยกมือกุมศีรษะ "คุณไม่อยาก
แก่ไปกับฉันเหรอ?"
คนขายดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ มองคนทัง้ คู่ด้วยรอย
ยิม
้ หยอกล้อ เซี่ยเฟิ งที่สังเกตเห็นก็ร้ส
ู ึกขัดเขินขึน

มาก่อนจะลากอวี๋ตงให้ออกเดิน
อวี๋ตงไม่ได้ร้ส
ู ึกอายอะไร ขณะที่พวกเขายังคง
เดินดูร้านขายดอกไม้ก่อนจะแอบแลบลิน
้ ใส่เซี่ยเฟิ ง
"ฮิฮิ...เมียแก่อะไรกัน ฉันเห็นแค่คู่แต่งงานใหม่"
คนขายดอกไม้หัวเราะ "สามีภรรยาเก่าแก่ต้องเป็ น
แบบคู่ของฉัน ทะเลาะกันเถียงกันตลอด เด็กๆ
อย่างพวกคุณก็เป็ นแค่คู่แต่งงานที่รักกันหวานชื่น"
"แค่ก...เจ้าของร้านโปรดคิดเงินด้วย" ในฐานะที่
เซี่ยเฟิ งมีนิสัยเก็บตัวจึงมักไม่ค่อยชอบแสดงความ
รักในที่สาธารณะ
คนขายดอกไม้รู้ว่าทัง้ สองคนเขินอายจึงรับเงินไป
อย่างมีความสุขและส่งกระถางเล็กๆที่มีดอก
ทานตะวันสีแดงงดงามให้อวี๋ตง
เนื่องจากพวกเขาซื้อต้นไม้จำนวนมาก อวี๋ตงจึง
สั่งซื้อชัน
้ วางที่ใช้ตกแต่งตรงระเบียงผ่านทาง
ออนไลน์ ดังนัน
้ พืชพรรณส่วนใหญ่ที่พวกเขามาหา
ซื้อก็จะเลือกใช้บริการจัดส่ง แต่ทัง้ สองคนต่างก็ถือ
กระถางดอกทานตะวันที่ซ้ือวันนีก
้ ลับไปด้วยตัวเอง
หลังจากทานอาหารเย็นที่ห้างสรรพสินค้าแล้ว
จู่ๆอวี๋ตงก็อยากดูหนังขึน
้ มา พวกเขาจึงไปซื้อตั๋ว
และยืนรออยู่บริเวณใกล้ๆ
เซี่ยเฟิ งมองไปรอบๆก็เห็นว่ามีคู่รักเดินกันอยู่
ประปราย หลายคนสวมชุดคู่รักที่เข้าคู่กัน เขาแอบ
เหลือบมองไปทางอวี๋ตงแล้วคิดว่าเธออาจจะชอบ
อะไรแบบนี ้
"เราไปซื้อกันดีไหม?"
"อะไรเหรอ?" อวี๋ตงงง
"ชุดคู่รัก" เซี่ยฟิ งขยายความ
อวี๋ตงสังเกตเห็นคนใส่เสื้อผ้าคู่รักที่เดินอยู่บริเวณ
นี ้ บางคนก็ใส่เสื้อเชิต
้ ลายการ์ตูนแบบเดียวกัน อวี๋
ตงเลิกคิว้ ก่อนออกความเห็น "อา ดูเด็กเกินไป"
"โอ้" จู่ๆเซี่ยเฟิ งก็ร้ส
ู ึกผิดหวังนิดหน่อย
"แต่ฉันชอบชุดพ่อแม่ลูกมากกว่า" อวี๋ตงหัวเราะ
ดวงตาของเซี่ยเฟิ งกลับมาสดใสเหมือนเดิม
ความผิดหวังปลิวหายไปทันที
....
หนังกำลังจะถึงเวลาฉายแล้ว เซี่ยเฟิ งจึงพาอวี๋ตง
ไปตรงประตูตรวจตั๋วแล้วแยกไปซื้อข้าวโพดคั่วกับ
น้ำอัดลม
ในตอนนีเ้ องอลันที่เพิ่งจะดูหนังรอบปฐมทัศน์จบ
ก็เห็นอวี๋ตงที่กำลังยืนอยู่ตรงประตูตรวจตั๋ว อลัน
แปลกใจก่อนจะหันไปหาผู้ช่วยแล้วพูดสองสามคำ
บอกให้พวกเขาเดินไปก่อน จากนัน
้ ก็ส่งยิม
้ สุภาพไป
ให้อวี๋ตงขณะที่เดินเข้าไปหา
"คุณอวี๋"
"โอ้?" อวี๋ตงแปลกใจที่เจออลัน "คุณก็มาดูหนัง
เหมือนกันเหรอ?"
"ผมเพิ่งจะดูรอบปฐมทัศน์จบน่ะ" อลันหัวเราะ
อวี๋ตงพยักหน้า ไม่แปลกใจเลยที่มีแฟนๆจำนวน
มากถือโปสเตอร์อยู่บริเวณนี ้
"ใช่แล้วหนังเรื่อง Bloody Dream ได้เข้าฉายใน
ต่างประเทศ อันดับในบ็อกซ์ออฟฟิ ศก็ดีมาก" จู่ๆ อ
ลันก็พูดขึน
้ มา "ผมยังไม่มีโอกาสได้พูดขอบคุณเลย"
Bloody Dream เป็ นหนังของฉินฮุ่ย*** เด็กวัย
รุ่นที่ฝันร้าย เนื่องจากเนื้อหาของมันจึงสามารถเข้า
ฉายได้ที่ต่างประเทศเท่านัน
้ แต่เมื่ออวี๋ตงได้ยินว่า
อันดับในบ็อกซ์ออฟฟิ ศออกมาดี เธอก็ร้ส
ู ึกดีใจ "ทำ
ไมต้องขอบคุณฉัน คุณควรจะขอบคุณสติปัญญา
และสัญชาตญาณของคุณ"
   ***[ชื่อฉินฮุ่ย ตอนที่อวี๋ตงได้เด็กหนุ่มเจอที่โรง
ถ่าย เด็กหนุ่มคนนีเ้ ซ็นต์ช่ อ
ื ให้อวี๋ตงว่า ฉินหวาง
หวางคือตัวอักษรตัวหนึ่งในคำฮุ่ย]
"สติปัญญาอะไรกัน เห็นชัดๆว่าเป็ นคุณที่มัดมือ
ชกผม" อลันพูดติดตลก
"มันก็ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้ขาดทุนนี่"
"ไม่ ผมไม่ขาดทุนกลับกันผมได้กำไรมหาศาล" อ
ลันบอก "ดังนัน
้ เพื่อเป็ นการขอบคุณที่คุณมอบห่าน
ทองคำตัวใหญ่ให้ผม ผมจะมอบเงินปั นผล 1% ให้
คุณ"
"ให้ฉัน?" อวี๋ตงตกใจ
"ใช่ ถ้าไม่มีคุณก็คงไม่มีหนังเรื่องนี"้ อลันตอบ
"คุณไม่ร้ห
ู รอก ฉันก็แค่ทำเพื่อช่วยเขาเท่านัน

เอง" อวี๋ตงหัวเราะ
"แต่ผลลัพธ์ก็คือคุณมอบโชคให้ผม" อลันจริงจัง
มาก
"...คุณต้องการตอบแทนฉันให้ได้?"อวี๋ตงกระพริบ
ตา
"ใช่!" 
"มันเป็ นเงินจำนวนมาก!" อวี๋ตงถามอย่าง
ระมัดระวัง
"ก็ค่อนข้างมากอยู่" อลันพบว่าปฏิกิริยาของอวี๋
ตงดูตลกนิดหน่อย
"งัน
้ ก็บริจาคมันแทนฉันที" หลังจากลังเลอยู่ครู่
หนึ่งอวี๋ตงก็พูดออกมา
"บริจาคเหรอ?" ถึงคราวที่อลันต้องแปลกใจบ้าง
แล้ว
"อื้อ" อวี๋ตงพยักหน้า "เนื่องจากฉันไม่ได้ทำเพื่อ
เงินตัง้ แต่แรกก็ควรให้มันเป็ นเงินบริจาคจะดีกว่า"
อลันตกตะลึงอยู่ในใจ เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำ
ตอบแบบนี ้
"เพื่อนของคุณเหรอ?" เซี่ยเฟิ งที่ไปซื้อข้าวโพดคั่ว
กลับมาก็เห็นอวี๋ตงยืนคุยกับใครบางคนอยู่ เขาพยัก
หน้าทักทายอลันอย่างสุภาพ
อวี๋ตงรับน้ำอัดลมจากเซี่ยเฟิ ง ขณะที่แนะนำว่า
"นี่คืออลัน ผู้จัดการทั่วไปของโอเอ็มเอนเตอร์เทน
เม้นท์ แล้วนี่ก็สามีของฉัน เซี่ยเฟิ ง"
"สวัสดี!" เซี่ยเฟิ งพยักหน้าทักทายอีกครัง้
อลันมองอวี๋ตงอย่างตกใจ "คุณแต่งงานแล้วเห
รอ?"
อวี๋ตงยิม
้ พลางยักไหล่ อลันแปลกใจแต่ยังไง
ก็ตามเขาก็จับมือทักทายกับเซี่ยเฟิ งอย่างสุภาพ
"ผมไม่รบกวนพวกคุณสองคนแล้ว"
"ผมจะไปจัดการเรื่องเงินปั นผลให้คุณ" อลันรีบ
บอกลาและเดินจากไปหลังจากที่พูดจบ
"เข้าไปกันเถอะ" อวี๋ตงยิม
้ ให้เซี่ยเฟิ ง
"คุณสนิทกับคนๆนัน
้ มากเหรอ?" เซี่ยเฟิ งอดถาม
ไม่ได้ขณะที่เดินตามฝูงคนเข้าไป
"ไม่หรอกเป็ นเพื่อนของเพื่อนห่างๆอีกที" อวี๋ตง
ยกน้ำอัดลมขึน
้ จิบขณะที่ตอบคำถาม
"ดีแล้ว" เซี่ยเฟิ งดูออกถึงสายตาที่คนๆนัน
้ มองอวี๋
ตง สายตาที่แสดงออกถึงความลึกซึง้ ขณะที่อวี๋ตง
ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
"เอ๊ะ?" อวี๋ตงทำหน้าฉงน
"ไม่มีอะไร โรงที่ 3 อยู่ตรงนัน
้ " เซี่ยเฟิ งบอก
อาจจะมีคนมากกว่าหนึ่งคนในโลกนีท
้ ี่ชอบคุณ
แต่ผมเป็ นชายผู้โชคดีที่ได้เจอคุณก่อน...
.................... 
ตอนที่ 53 เหตุผลในการเลือก
ฝ่ ายบริหารของโรงพยาบาลมักจะมี
ประสบการณ์ในการจัดการข้อพิพาทระหว่างแพทย์
กับคนไข้ ไม่ต้องรอให้ระเบียงตกแต่งเสร็จเซี่ยเฟิ งก็
ได้กลับไปทำงานเรียบร้อยแล้ว
ดังนัน
้ อวี๋ตงจึงเป็ นคนที่ตกแต่งระเบียง ทุกวัน
เซี่ยเฟิ งจะได้เห็นสิ่งใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามา
เวลาผ่านไปจากเดือนกุมภาพันธ์ก็เข้าสู่เดือน
มีนาคม ตอนที่อันอันมาปรากฎตัวต่อหน้าเซี่ยเฟิ
งอีกครัง้ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้เจอหน้าเธอ
มานานแล้ว
"ตอนนีค
้ ุณพอมีเวลาไหม?" อันอันรอจนกระทั่ง
เซี่ยเฟิ งราวน์วอร์ดเสร็จจึงค่อยปรากฎตัวออกมา
"เอ่อ.. อืม" 
"ไปเดินเล่นในสวนกันเถอะ" อันอันเสนอ
"เอ่อ..." เซี่ยเฟิ งลังเลว่าเขาควรจะไปดีหรือเปล่า
"อา...คุณจำไม่ได้" อันอันหัวเราะออกมา
"อะไร?"
"การแลกเปลี่ยนใกล้จบแล้ว ฉันจะต้องกลับ
อเมริกาคืนนี"้ อันอันอธิบาย
เซี่ยเฟิ งตกใจจนหันไปมองอันอัน เขามีสีหน้า
ลำบากใจนิดหน่อย
แม้แต่โรงพยาบาลก็ไม่สามารถหยุดยัง้ ผู้คนที่คลั่ง
ไคล้ฤดูใบไม้ผลิได้ สวนเต็มไปด้วยผู้ป่วยที่เดินเล่น
ชมดอกไม้ใบหญ้า อันอันมองฉากนีแ
้ ล้วก็โอดครวญ
"คุณรียนจบเร็วกว่าฉัน 2 ปี แล้วก็มาทำงานที่โรง
พยาบาลทันทีที่เรียนจบ"
"อืม" เซี่ยเฟิ งพยักหน้า
"แต่นี่เป็ นครัง้ แรกที่เราได้เดินเล่นในสวนนีด
้ ้วย
กัน" อันอันนึกทบทวน
"ตอนที่คุณฝึ กงาน ส่วนใหญ่ก็เป็ นผมที่มาหาคุณ"
เซี่ยเฟิ งคิดย้อนไปในตอนนัน
้ แล้วจึงพูดออกมา
"ตอนนัน
้ เราทุกคนยุ่งมาก ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเรา
ไปดูหนังด้วยกันครัง้ สุดท้ายเมื่อไหร่" อันอันดูทำ
อะไรไม่ถูกเมื่อเธอพูดเรื่องนีข
้ ึน
้ มา
เซี่ยเฟิ งไม่ร้ว
ู ่าทำไมอันอันถึงพูดเรื่องพวกนีข
้ ึน
้ มา
แต่เขาก็นิ่งฟั งและมองตรงไปข้างหน้าขณะที่ก้าว
เดินช้าๆ
"ฉันคิดเสมอว่าคุณจะอยู่กับฉัน ดังนัน
้ ฉันจึงมุ่ง
มั่นที่จะทำตามเป้ าหมายซึ่งฉันยังทำไม่สำเร็จ
มากกว่า" อันอันเม้มริมฝี ปาก "แต่ในตอนที่ฉันยุ่ง
กับการไล่ตามสิ่งเหล่านัน
้ ฉันก็สูญเสียคุณไปโดย
ไม่ทันรู้ตัว"
"อันอัน" เซี่ยเฟิ งอดเรียกขึน
้ มาไม่ได้
"อย่าเพิ่งกังวล ฉันไม่ได้หมายถึงอะไรทัง้ นัน
้ " อัน
อันหันมามองเซี่ยเฟิ ง "วันนัน
้ ฉันได้ยินคุณโทรหาอวี๋
ตงตอนที่อยู่ในห้องล็อคเกอร์"
เมื่อคิดว่าถูกพบในช่วงเวลาเปราะบางเซี่ยเฟิ งก็รู้
สึกแปลกๆนิดหน่อย
"เราอยู่ด้วยกันมานาน ฉันมักจะรู้สึกว่าฉันรู้จัก
คุณดีจนกระทั่งถึงตอนนัน
้ ที่..." อันอันหลุบตาลง
"ฉันคิดว่าเธอดีกับคุณมากกว่าที่ฉันเคยทำ"
“อันอัน..." เซี่ยเฟิ งพูด "คุณกับอวี๋ตงแตกต่างกัน
อย่างสิน
้ เชิง"
“งัน
้ ...เธอก็เหมาะกับคุณมากกว่าฉัน” อันอัน
สรุปด้วยตัวเอง
เซี่ยเฟิ งไม่ร้ว
ู ่าควรตอบเธอว่ายังไง แต่อันอันก็
เปิ ดเผยความคิดของเขาออกมาโดยเดาได้จาก
ท่าทางของเขา
อันที่จริงตลอดเดือนที่ผ่านมา อันอันมาคิดเรื่องนี ้
อย่างจริงจัง เนื่องจากทัง้ คู่เป็ นหมอดังนัน
้ จึงยุ่งมาก
ยุ่งเกินไปที่จะออกเดท ยุ่งเกินกว่าที่จะไปพบพ่อแม่
ของคนรัก ยุง่ เกินกว่าจะแต่งงานและยุ่งเกินกว่าที่
จะรู้ตัวว่าความรักของทัง้ คู่เลือนรางไปนานแล้ว
เธอพยายามอย่างมากที่จะก้าวหน้า โดย
พยายามเป็ นหมอที่เก่งไม่แพ้เซี่ยเฟิ ง แต่สุดท้าย
แล้วทัง้ หมดนีเ้ พื่ออะไร? การได้ยืนอยู่ข้างๆเขา
อย่างภาคภูมิใจหรือเป็ นเพราะความทะเยอทะยาน
ของตัวเธอเองกันแน่?
สุดท้ายแล้วครอบครัวที่ปรองดองจะเกิดขึน
้ ได้ก็
ต่อเมื่อมีฝ่ายใดฝ่ ายหนึ่งยอมประนีประนอมด้วย
ความเต็มใจ
“ฉันจะไม่คืนแหวนให้คุณ” จู่ๆอันอันก็พูดขึน
้ มา
“เอ๊ะ?” เซี่ยเฟิ งฟั งแล้วก็คิดได้ว่าเธอกำลังพูดถึง
เรื่องแหวนเพชร
“ฉันอยากเก็บเอาไว้เป็ นที่ระลึกและเพื่อเตือนตัว
เองว่าฉันได้สูญเสียผู้ชายที่ดีแบบนีไ้ ป” อันอัน
หัวเราะอย่างรู้สึกเป็ นอิสระ บางทีหลังจากที่คุณ
ปล่อยวาง คุณก็จะพบว่าสิ่งต่างๆไม่ได้เหลือทน
อย่างที่คิด
เซี่ยเฟิ งกระพริบตาก่อนยิม
้ ให้อันอัน
“คุณมีคำแนะนำให้ฉันบ้างไหม?” อันอันพูด
อย่างซุกซน
“คำแนะนำ?” เซี่ยเฟิ งคิดใคร่ครวญก่อนจะตอบ
ว่า “ถ้ามีคนขอคุณแต่งงานมากกว่าหนึ่งครัง้ คุณ
ควรจะตอบรับ”
อันอันตกตะลึงก่อนจะส่งยิม
้ กว้าง เซี่ยเฟิ งเกา
ศีรษะ เขารู้สึกว่าเรื่องที่พูดออกไปฟั งดูน่าขันนิด
หน่อย ทัง้ สองคนยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้หลากสีสัน
และหัวเราะอย่างแจ่มใสหลังจากปล่อยวางได้แล้ว
เซี่ยเฟิ งไม่ได้ถามอันอันว่าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่
เพราะเขารู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนาน แต่เมื่อได้เจอกัน
อีกครัง้ ก็คงจะสามารถพูดทักทายในฐานะเพื่อนได้
...
ในห้องบันทึกเสียงของสถานีวิทยุ อวี๋ตงสวมหูฟัง
ขณะที่ปิดเพลงที่ออกอากาศ ใบหน้าของเธอดู
สดชื่นและดวงตาสุกใส หลังจากพูดทักทายอย่าง
ร่าเริงแล้ว พี่อวี๋ก็ส่งสัญญาณให้เธอเริ่มเปิ ดรับสาย
“นี่คือการรับสายครัง้ สุดท้ายของเราในคืนนี”
้  อ
วี๋ต้ง ยิม
้ “ไม่ร้ว
ู ่าจะเป็ นสายจากคุณคนแกร่งหรือ
คุณคนสวย”
“ฮัลโหล อวี๋ต้ง สวัสดีครับ” ได้ยินเสียงผู้ชายดัง
แจ่มชัด
“สวัสดี สวัสดี” อวี๋ต้ง หัวเราะคิก “ฟั งจากเสียง
ของคุณ ดูเหมือนจะเป็ นเด็กหนุ่ม”
“ผมเป็ นรุ่นพี่ที่จะจบมหาวิทยาลัยปี นี”
้ คุณคน
แกร่งตอบ
“รุ่นพี่ที่กำลังจะจบการศึกษาปี นีม
้ ีปัญหาเรื่อง
การหางานทำหรือเปล่า?” อวี๋ต้ง เดา
“ผมหางานทำได้นานแล้ว ทำงานรัฐวิสาหกิจใน
ด้านการศึกษา” คุณคนแกร่งตอบ
“ถ้าอย่างนัน
้ ก็ขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยที่
เข้าสู่องค์กรการศึกษาส่วนกลาง คุณต้องมีความ
สามารถมากแน่ๆ” อวี๋ต้ง พูดยกย่อง
“ขอบคุณ” น้ำเสียงของชายหนุ่มคนนีฟ
้ ั งดูไม่
ค่อยมีความสุขหรือตื่นเต้นมากนัก
“แล้วคืนนีค
้ ุณจะเล่าเรื่องอะไรให้พวกเราฟั ง?” 
อวี๋ต้ง ถามเบาๆ
“ผม...ผมสงสัยว่าควรจะเลิกกับแฟนดีหรือ
เปล่า?” คุณคนแกร่งพูดอย่างลังเล
อวี๋ต้ง ตัวแข็งก่อนจะเดาว่า “พวกคุณสองคน
วางแผนที่ทำงานคนละเมืองกันใช่หรือเปล่า?"
ฤดูกาลรับปริญญาเป็ นฤดูแห่งการเลิกรา มี
สาเหตุมากมายแต่นี่คือสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด
“เปล่า พวกเรายังทำงานในเมืองเดียวกัน” คุณ
คนแกร่งพูดต่อ “วันนีผ
้ มกลับไปเยี่ยมบ้านและได้
เจอกับผู้อาวุโสที่ประสบความสำเร็จมากใน
ครอบครัว เขาเล่าเรื่องบางอย่างให้ผมฟั ง”
“เขาบอกว่าผมไม่ควรคิดเรื่องความรักในวัยนี ้
เพราะมันไม่ช่วยเรื่องอนาคต เขาบอกผมเกี่ยวกับ
เสี่ยวเหอเพื่อนของเขา” คุณคนแกร่งพูดต่อ “เสี่ยว
เหอเป็ นคนเก่งมากได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
หลังจากกลับมาเขาก็ได้งานที่ดีมากในองค์กรส่วน
กลางเนื่องจากคุณวุฒิทางการศึกษา ด้วยความ
สามารถและหน้าตาที่ดีทำให้เขาเข้าตาผู้นำระดับ
สูง”
“ภรรยาของผู้นำหลายคนถามว่าเขายังโสดหรือ
เปล่า ถ้าเขาไม่มีแฟนจะได้แนะนำลูกสาวหรือ
หลานสาวให้เขา แต่เสี่ยวเหอคบใครบางคนมา
ตัง้ แต่หนึ่งปี ก่อน”
“แฟนของเขาเป็ นแค่เด็กสาวธรรมดาๆ เธอไม่มี
ความสามารถพิเศษอะไรแต่เธอก็ไม่ได้เลวร้าย
เสี่ยวเหอทนบอกเลิกเธอไม่ได้ ในไม่ช้าก็มีเพื่อนร่วม
งานใหม่เข้ามาในแผนกของพวกเขา ต่างก็เป็ นคนที่
มีคุณสมบัติและหน้าตาดีเหมือนกันแต่สิ่งเดียวที่
ต่างกันก็คือ เพื่อนร่วมงานคนใหม่ยังโสด”
“ภรรยาของรุ่นพี่คนหนึ่งแนะนำผู้หญิงจาก
ครอบครัวที่ดี อายุน้อยและมีการศึกษาให้กับเขา
เพื่อนร่วมงานชายคนนัน
้ ตกหลุมรักเธอตัง้ แต่แรก
เห็น ในระยะเวลาสัน
้ ๆ เขาก็แต่งงาน ซื้อบ้าน ซื้อ
รถ ได้เลื่อนตำแหน่ง ดูเหมือนชีวิตของเขาถูกติด
ปี ก”
“แต่เสี่ยวเหอ ยังติดหนีเ้ งินกู้ อาศัยอยู่กับแฟน
สาวในห้องกว้างแค่ 60 ตารางเมตร” คุณคนแกร่ง
บอกว่า “ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งในครอบครัวของผม
ถามเขาว่า เสี่ยวเหอสำนึกเสียใจบ้างหรือเปล่า เขา
บอกว่า...”
“เมื่อเขาเล่าเรื่องนีใ้ ห้ผมฟั งจนจบ เขาก็บอกว่า
ในอนาคตผมก็จะเจอสถานการณ์คล้ายๆกัน นั่นก็
คือเมื่อผมก้าวหน้าแล้ว ผมก็จะได้เจอกับผู้หญิงทีดี
กว่า ดังนัน
้ ถ้าผมไม่อยากกลายเป็ นคนเลวโดย
สมบูรณ์ ผมก็ควรที่จะ ‘อย่านำความรักไปด้วยเมื่อ
เรียนจบมหาวิทยาลัย’ "
“ผมสับสนนิดหน่อย ชีวิตจะต้องการการคิด
คำนวณที่แม่นยำทุกฝี ก้าวขนาดนัน
้ เลยเหรอ ผม
ควรเชื่อในสิ่งที่ผู้อาวุโสบอกดีหรือเปล่า เพราะเขา
ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานและมีภรรยาที่
สะสวยและใจกว้าง”
อวี๋ต้ง ย่นคิว้ สีหน้าน่าเกลียดเล็กน้อย “คุณ
สับสนเกี่ยวกับเรื่องความคิดของผู้อาวุโสของคุณจะ
ถูกต้องหรือเปล่า หรือว่าคุณสับสนในเรื่องที่ว่าคุณ
ควรจะเลิกกับแฟนของคุณดีไหมกันแน่?”
“แล้วมันต่างกันตรงไหน?” คุณคนแกร่งถาม
“ทุกคนต่างต้องตัดสินใจในชีวิตและท้ายที่สุดเรา
ต้องดำเนินชีวิตไปตามการตัดสินใจนัน
้ ” อวี๋ต้ง พูด
ต่อไปว่า “แต่เมื่อคุณบอกว่าคุณกำลังลังเลว่าจะ
เลิกดีหรือเปล่า คุณก็ขีดเส้นทางของการแยกจาก
กันเอาไว้แล้วในส่วนลึกของหัวใจของคุณ”
“ผมไม่ได้หมายความแบบนัน
้ ผมไม่ได้อยากจะ
เลิกจริงๆ”คุณคนแกร่งพูดจนลิน
้ พันกัน “บางครัง้
ตอนที่ผมเดินไปตามทางในมหาวิทยาลัย ผมยัง
นึกถึงเธอตอนที่ผมได้กลิ่นหอมของดอกไม้”
“แต่ข้างหน้ายังมีดอกไม้ที่ดีกว่า สวยกว่าและ
หอมกว่า” อวี๋ต้ง พูดอย่างโหดร้าย
“คุณควรจะเลิกกับเธอ คุณสองคนไม่เหมาะสม
กันอีกต่อไปแล้ว” น้ำเสียงของ อวี๋ต้ง กดลึก “ก่อน
ที่คุณจะกลายเป็ นคนเลวอย่างสมบูรณ์”
“ผมเป็ นคนเลวหรือเปล่า?” มีความตื่นตระหนก
ในน้ำเสียงของคุณคนแกร่ง
“คุณไม่ใช่คนเลว แต่คุณเป็ นเพียงคนที่ไม่มีเป้ า
หมายที่ชัดเจน” อวี๋ต้ง พูดประโยคสุดท้ายก่อนจะ
วางสาย” ฉันขอให้คุณประสบความสำเร็จ!”
อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าเมื่อไหร่ที่สังคมเปลี่ยนไปเป็ นสังคมที่
เราหัวเราะเยาะคนยากจน และรอยยิม
้ เลือนหาย
ไป เธอไม่ร้ว
ู ่าเมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้ว บรรทัดฐาน
ของความรักวัดได้จากภูมิหลังของครอบครัวของ
บุคคลนัน
้ ๆแค่นัน
้ หรือ
ทุกการตัดสินใจของคนล้วนขึน
้ อยู่กับผล
ประโยชน์
เมื่อคุณยังเด็กและไร้เดียงสา คุณชอบอะไรในตัว
คนรักของคุณ?
แล้วเธอล่ะ? ทำไมตอนแรกถึงได้เลือกเซี่ยเฟิ ง?
...
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” เซี่ยเฟิ งกอดอวี๋ตงขณะ
ที่เอนตัวพิงหมอน
“คุณจำที่ฉันถามคุณตอนที่เราเจอกันครัง้ แรกได้
หรือเปล่า?” อวี๋ตงถาม
“คุณขอให้ผมแต่งงานกับคุณ” เซี่งเฟิ งอด
หัวเราะไม่ได้
“ไม่ ฉันถามคุณ 2-3 คำถามก่อนหน้านัน
้ ” อวี๋ตง
ทบทวน
“อืม...” เซี่ยเฟิ งพยายามนึก “คุณถามว่าผมมี
บ้านหรือเปล่า?”
“คุณคิดว่าฉันเป็ นคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์หรือ
เปล่า?” อวี๋ตงถาม “เพราะฉันคิดว่าที่ฉันเลือกคุณก็
เพราะคุณมีบ้าน”
“คุณเปล่า!” เซี่ยเฟิ งส่ายหน้า
“ทำไมคุณถึงได้เชื่อใจฉันมากขนาดนัน
้ ?” อวี๋ตง
เลิกคิว้
“ถ้าอย่างนัน
้ คุณจะแต่งงานกับผมหรือเปล่าถ้า
ผมบอกว่าไม่มีบ้าน?” เซี่ยเฟิ งถามด้วยน้ำเสียง
จริงจัง
ใช่ อวี๋ตงพยักหน้าในใจเพราะเธอรู้ว่าเขาจะ
ประสบความสำเร็จในอนาคต
แต่เพราะฉันรู้ถึงความสำเร็จของคุณ ฉันจึงไม่รู้
ว่าฉันเลือกคุณหรือเลือกอนาคตของคุณกันแน่
“ตอบยากมากเลยเหรอ?” เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้
“ฉันรู้แล้วว่าคุณมีบ้าน ฉันจะตอบอย่างจริงใจได้
ยังไง?” อวี๋ตงรู้สึกลำบากใจ
“เด็กโง่!” เซี่ยเฟิ งก้มลงใช้หน้าผากแตะหน้าผาก
เธอ “ถ้าหากว่าผมต้องขายบ้านเพราะต้องการเงิน
ทุนสำหรับการวิจัย คุณจะเลิกกับผมหรือเปล่า
ล่ะ?”
อวี๋ตงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็ นต้องขาย
บ้าน ฉันหาเงินเก่ง”
“ฮ่า...” เซี่ยเฟิ งยิม
้ ขณะที่เขาจูบภรรยาที่โง่งม
ของเขา
มีหลายสาเหตุที่ทำให้เลิกกัน : การสูญเสียความ
รัก การพลัดพราก หรือมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า
แต่ยังมีเหตุผลมากมายที่จะอยู่ด้วยกัน : รักแรก
พบ การเต้นของหัวใจที่เร็วขึน
้ หรือคุณพบคู่ที่
เหมาะสมกับคุณ
ชีวิตจะไม่ทำให้คุณมีเส้นทางที่ราบรื่นเพียง
เพราะความใจดีของคุณและในทำนองเดียวกัน มัน
จะไม่นำคุณไปสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม
เพียงเพราะคุณเป็ นคนที่มีผลประโยชน์
...................... 
ตอนที่ 54 จูบจากสาวงาม
หนึ่งเดือนหลังจากที่เรินซินซินพักฟื้ นอยู่ที่บ้าน
ในที่สุดอวี๋ตงก็ทำงานของเสี่ยวเยว่สตูดิโอที่คั่งค้าง
จากปี ที่แล้วจนเสร็จ เรินซินซินยังมีร่างกายที่อวบ
อ้วนอยู่เล็กน้อยจากการตัง้ ครรภ์ แต่ผิวของเธอดี
ขึน
้ มากจนแทบจะเทียบได้กับหลิงตังและใบหน้าก็
แฝงความอ่อนโยน
“ฉันเห็นว่ามีลูกแล้วทำให้ผิวดีขึน
้ ขนาดนีฉ
้ ันก็
อยากจะมีนะ” เสี่ยวเยว่อดพูดแบบนีท
้ ุกครัง้ ไม่ได้
หลังจากที่เธอเห็นซินซิน
“งัน
้ ก็ไปมีลูกสักคนสิ” ซินซินหัวเราะ
“คำถามคือกับใคร?” เสี่ยวเยว่แบมืออย่างจนใจ
“ฉินเยว่?” อวี๋ตงแนะนำ
“เขามีอะไรที่ทำให้เธอนึกถึง?” เสี่ยวเยว่หน้าบูด
บึง้ เล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงฉินเยว่
“ดูเหมือนว่าเธอจะตามไม่ทัน อา” อวี๋ตงส่าย
หน้าของเศร้าใจ
“ฉันถามว่าทำไมถึงอยากให้ฉันอยู่กับเขาขนาด
นัน
้ ?” เซียงเสี่ยวเยว่ต้องการถามมานานแล้ว นับตัง้
แต่ที่อวี๋ตงรู้เรื่องที่ฉินเยว่คอยไล่ตามเธอ ทัศนคติ
ของอวี๋ตงก็คือ “เห็นด้วยทัง้ หมด” โดยให้คำ
แนะนำและแนวคิดกับฉินเยว่ ของขวัญชิน
้ ล่าสุดที่
เธอได้รับมาจากชายหนุ่มค่อนข้างตรงตามรสนิยม
ของเธอมากทีเดียว
“ฉันชอบเขา” อวี๋ตงตงพูดอย่างหนักแน่น
“เขาดียังไง? เขาเหมาะสมกับฉันตรงไหน?” เสี่ย
วเยว่ไม่เห็นด้วย
“เขาหล่อแล้วก็หุ่นดี” เรินซินซินบอก
“มาจากครอบครัวที่ดีและเขาน่าเชื่อถือ” อวี๋ตง
เสริม
“เขาคุยสนุกแล้วก็มีบุคลิกที่สุขุมหนักแน่น”
“เขามุ่งมั่นต่อเป้ าหมาย เป็ นคนเอาอกเอาใจ
ภรรยาและไม่หยิ่งยโส” จากนัน
้ อวี๋ตงก็ใช้ปากกาใน
มือชีไ้ ปที่เสี่ยวเยว่ “และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาชอบ
เธอจริงๆ”
“สำคัญมากเมื่อเทียบกับแฟนหลายสิบคนก่อน
หน้านีข
้ องเธอ คนนีแ
้ ตกต่าง” เรินซินซินวิเคราะห์
“เขาตัดสินบนพวกเธอเท่าไหร่ถึงได้มาพูดกล่อม
ฉันแบบนี”
้ เสี่ยวเยว่อดถามไม่ได้ “พูดชื่นชมเขา
เสียเลิศลอย”
อวี๋ตงกับเรินซินซินยิม
้ ให้กัน โดยอวี๋ตงยอมรับ
อย่างตรงไปตรงมาว่า “ซินซินได้ผ้าอ้อม 2 ห่อ ส่วน
ฉัน...เขายกโทษให้ฉันที่เคยหลอกเขา”
“ฉันมีค่าแค่ผ้าอ้อม 2 ห่อเองเหรอ?” เสี่ยวเยว่
ไม่อยากเชื่อ
“อย่าดื้อรัน
้ ไปเลย ฉันเห็นนะตอนที่เธออยู่ใน
ห้องประชุม” อวี๋ตงพูดโดยจงใจให้ฟังคลุมเครือ
“อะไร?” เรินซินซินถามด้วยความแปลกใจ
“เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไร? อะไรในห้องประชุม
วันนัน
้ ...เขาหลอกใช้ประโยชน์จากความไม่ตัง้ ใจ
ของฉัน” เสี่ยวเยว่พูดอย่างเชื่องช้า
“จูบนั่นช่างร้อนแรง ฉันกลัวจะขัดจังหวะก็เลย
เลิกงานก่อนเวลา” เห็นชัดๆว่าอวี๋ตงไม่เชื่อคำ
แก้ตัวที่อ่อนด้อยของเสี่ยวเยว่
“เฮ้อ...อย่าพูดไร้สาระ” เสี่ยวเยว่ทำราวกับจะ
กระโดดใส่อวี๋ตง
ในวันนัน
้ ฉินเยว่มาหาเซียงเสี่ยวเยว่ที่สตูดิโอ เดิม
ทีเสี่ยวเยว่ไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่นักแต่ใครจะรู้ว่า
เพื่อนเก่าคนนีจ
้ ะกดเธอเข้ากับผนังห้องแล้วจูบเธอ
เสียดูดดื่มขนาดนัน
้ เมื่อเขาปล่อยเธอ เสี่ยวเยว่ก็
เห็นว่ากระดุมเสื้อของเธอก็ถูกปลดออก 2 เม็ดไป
เรียบร้อยแล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องนีท
้ ีไรเสี่ยวเยว่ก็ร้ส
ู ึก
โกรธและอับอาย ผู้ชายคนนัน
้ เป็ นพวกเผด็จการ
“เป็ นหนักมาก ฉันคิดว่าในที่สุดราชินีผู้มาก
ประสบการณ์ของเราก็ถูกโค่นล้มลงในที่สุด” อวี๋ตง
และเรินซินซินตบโต๊ะพลางหัวเราะอย่างขบขัน
ทัง้ สามคนต่างหัวเราะต่อกระซิกและพูดคุยกัน
จนงานเสร็จ เนื่องจากยังเช้าอยู่อวี๋ตงจึงวางแผนที่
จะไปหาเซี่ยเฟิ งที่โรงพยาบาลและอยู่กินข้าวกลาง
วันกับเขา
เสี่ยวเยว่ต้องการไปหาฉินเยว่เพื่อคิดบัญชีกับเขา
จนเขาต้องร้องขอชีวิต เรินซินซินกับลูกน้อยนั่ง
แท็กซี่กลับบ้าน
มีสวนสาธารณะขนาดเล็กอยู่นอกเขตที่พักของ
ซินซิน อีกด้านหนึ่งของสวนเป็ นซูเปอร์มาร์เก็ต
ขนาดใหญ่ ซินซินวางแผนจะซื้อของใช้ประจำวัน
ก่อนกลับเข้าบ้าน เธอจึงเข็นรถเข็นเด็กเดินตัดผ่าน
สวนสาธารณะไป
หลังจากนัน
้ ไม่กี่นาที ซินซินก็เห็นกลุ่มคนขนาด
ย่อมยืนรุมล้อมกันอยู่ที่หน้าม้านั่งกลางสวน
สาธารณะ เธอไม่ร้ว
ู ่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน มี
หญิงวัยกลางคน 2-3 คนแสดงท่าทางตื่นเต้น ซินซิ
นกังวลว่าเสียงดังจอแจนัน
้ จะรบกวนหลิงตัง เธอจึง
ไม่เดินเข้าไปใกล้แม้จะอยากรู้มากแค่ไหนก็ตาม
เธอทำได้เพียงแค่เดินเลี่ยงไป
หลังจากช้อปปิ ้ งอยู่ครึ่งชั่วโมง ฟ้ าเริ่มมืดแล้ว
ตอนที่ซินซินเดินผ่านสวนสาธารณะอีกครัง้ ไฟถนน
บางส่วนเริ่มทำงาน มีบางส่วนที่เสีย ดังนัน
้ สวน
สาธารณะจึงมืดสลัวเป็ นบางช่วง ซินซินกลัวว่าเธอ
จะเดินสะดุดอะไรเข้าในความมืดแล้วทำให้ลูกน้อย
ตกใจกลัว เธอจึงรีบเร่งฝี เท้า
อาจจะเป็ นเพราะเธอเดินเร็วเกินไปหรืออาจ
เพราะข้าวของที่พะรุงพะรัง ซินซินจึงเผลอทำถุง
ช้อปปิ ้ งตกพื้นจนของหล่นกระจัดกระจาย แอปเปิ ้ ล
ที่เธอซื้อมากลิง้ ไปทั่ว
ซินซินก้มลงเก็บเฉพาะข้าวของที่หล่นอยู่รอบๆ
ตัวเพราะก็ไม่กล้าทิง้ รถเข็นเด็กเอาไว้โดยไม่มีใคร
ดูแล เมื่อมองไปยังท้องฟ้ าที่มืดมิดเธอก็ค่อนข้าง
กังวล
จู่ๆก็มีมือที่ผอมแห้งคู่หนึ่งส่งแอปเปิ ้ ลหลายลูก
มาให้เธอ เรินซินซินเงยหน้าขึน
้ มองคนที่ย่ น
ื แอปเปิ ้
ลมาให้แล้วก็ยกยิม
้ “อา...คุณนั่นเอง”
ชายตรงหน้าเธอมีผมที่ยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย
และรองเท้าที่สกปรกจนบอกสีเดิมไม่ได้ ดวงตาของ
ชายคนนัน
้ แวววาวและแก้มตอบซูบจนยากที่จะ
บอกอายุที่แท้จริงของเขาได้
เป็ นชายจรจัดที่ชอบนอนหลับอยู่ในสวน
สาธารณะแห่งนีน
้ ั่นเอง
ซินซินพบเขาครัง้ แรกเมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน
ตอนแรกซินซินค่อนข้างกลัวเขา เมื่อไหร่ก็ตามที่
เธอเห็นชายจรจัดคนนีเ้ ธอก็จะพยายามหลีกเลี่ยง
เขา แต่เมื่อ 2 เดือนก่อนขณะที่เธอกำลังเดินกลับ
จากซูเปอร์มาร์เก็ต จู่ๆก็เกิดปวดท้องขึน
้ มา สวน
สาธารณะแห่งนีจ
้ ะเงียบและหาคนเดินผ่านไปมาได้
ยาก เรินซินซินปวดท้องมากจนแทบจะเป็ นลม แต่
ชายจรจัดคนนีเ้ ข้ามาช่วยเธอและพาเธอไปนั่งพัก
บนม้านั่งที่เขามักจะใช้นอน
ชายคนนัน
้ ไม่ค่อยชอบพูดคุยเท่าไหร่นัก เขา
เพียงแค่ย่ น
ื ขวดน้ำที่เธอทำหล่นเอาไว้มาให้ ซินซิ
นรับมาก่อนกล่าวขอบคุณ แต่ชายคนนัน
้ ไม่ได้ตอบ
อะไร เขาไปนั่งลงบนพื้นหญ้าที่ห่างจากม้านั่งไป
ราวๆ 1 เมตร
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เรินซินซินที่ร้ส
ู ึกดี
ขึน
้ จึงค่อยๆเดินเข้าไปหาเขาเพื่อพูดขอบคุณ ก่อนที่
จะเดินออกจากสวนสาธารณะ เธอยังรู้สึกได้ถึง
สายตาของเขาที่มองส่งตามหลังมา แต่คราวนีซ
้ ินซิ
นรู้สึกว่าถึงแม้เขาจะไม่มีที่อยู่แต่เขาก็ดูเป็ นคนอ่อน
โยนและใจดี
ตัง้ แต่นัน
้ เมื่อใดก็ตามที่ซินซินเดินกลับจากซู
เปอร์มาร์เก็ต เธอก็จะวางขนมปั งและน้ำเอาไว้ให้
ชายคนนัน
้ เสมอ และตอนที่เธอทำแบบนัน
้ ชาย
จรจัดก็จะรับของไปเงียบๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
เรินซินซินยิม
้ ขณะรับแอปเปิ ้ ลที่ชายคนนัน
้ ยื่นให้
จากนัน
้ เธอก็มองไปยังม้านั่งของชายจรจัดก่อนถาม
ว่า “เมื่อตอนที่ฉันเดินผ่านม้านั่งของคุณ ฉันเห็นคน
มากมายกำลังรุมล้อมมันอยู่ พวกเขาพยายามไล่
คุณไปเหรอ?”
ชายคนนัน
้ ส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าซินซินเก็บข้าว
ของหมดแล้ว เขาก็เดินกลับไปที่ม้านั่ง
ซินซินคุ้นเคยกับความเงียบของเขาแล้วดังนัน

เธอจึงแค่ยิม
้ เมื่อนึกถึงถุงขนมปั งที่เธอซื้อมาด้วย
เธอจึงเดินเข้าไปหาชายจรจัดเพื่อมอบมันให้เขา
“ฉันซื้อขนมปั งกับน้ำมา” เรินซินซินส่งถุง
ขนมปั งให้ชายจรจัดที่ทำหน้างุนงงเล็กน้อย
เขาเอื้อมมือไปรับถุงมาเงียบๆ
“โอ้ นี่คือลูกสาวของฉัน หลิงตัง” เรินซินซินเปิ ด
หลังคารถเข็นเด็กออกก่อนจะกระซิบบอก “หลิงตัง
น้อยน่าจะจำคุณลุงที่เคยช่วยเธอตอนยังอยู่ในท้อง
ได้”
ชายคนนัน
้ ตกตะลึงแล้วมองเข้าไปในรถเข็นเด็กก็
เห็นใบหน้าเล็กๆบอบบางของเธอ
ซินซินยิม
้ และสังเกตเห็นแผ่นกระดาษแข็งบนม้า
นั่ง มีข้อความเขียนอยู่แต่เพราะมันมืดเธอจึงต้อง
เพ่งสายตามองเพื่ออ่านคำพวกนัน

“ผมต้องการจูบจากสาวสวยเพื่อปลุกจิต
วิญญาณที่สูญสลาย” แม้ว่ากระดาษจะดูเก่าคร่ำ
คร่าแต่ตัวอักษรกลับดูสวยงามจนเรินซินซินอดเอ่ย
ปากชมไม่ได้ “ช่างสวยงาม”
ชายคนนัน
้ เหลือบมองเธอขณะที่เขากินขนมปั ง
หมดไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เรินซินซินคิด “คุณเป็ นคนเขียนใช่ไหม?”
ชายจรจัดพยักหน้า
“เพื่อปลุกจิตวิญญาณที่สูญสลาย... คุณจะเลิก
เป็ นคนจรจัดหลังจากที่ถูกปลุกจิตวิญญาณใช่หรือ
เปล่า?” แม้ว่าเธอจะไม่สามารถบอกอายุของชาย
คนนีไ้ ด้ แต่ดูจากทรงผม นิว้ มือและดวงตารวมไป
ถึงท่าทางการเคลื่อนไหวของเขา เรินซินซินคิดว่า
ชายจรจัดคนนีน
้ ่าจะยังอายุไม่มากและมีการศึกษา
ค่อนข้างดี
ชายคนนัน
้ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองจ้องเธอ
“มีข้อความเขียนเอาไว้แบบนีน
้ ี่เอง ไม่น่าแปลก
เลยที่วันนีจ
้ ะมีคนมารุมล้อมคุณ” เรินซินซินเดา
ชายคนนัน
้ รู้สึกหิวจึงก้มหน้าลงกินขนมปั งต่อ
“มีผู้หญิงสาวสวยมาจูบคุณบ้างหรือยัง?” ซินซิน
ถามด้วยความสงสัย
ชายคนนัน
้ ส่ายหน้า
“อืม...คุณคิดว่า...ฉันสวยหรือเปล่า?” ซินซิน
ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามขึน
้ มา
มือของชายคนนัน
้ ชะงักค้าง ดวงตาที่เฉยชาของ
เขากระพริบจากนัน
้ เขาก็พยักหน้า
ซินซินอดยิม
้ ไม่ได้ เธอเอียงหน้าเล็กน้อยก่อนจะ
ทัดผมไปที่หลังใบหู โดยมีดวงดาวที่อยู่ห่างไกลเป็ น
พยาน เธอก้มหน้าและจูบลงบนแก้มของชายคนนัน

เบาๆ
ชายจรจัดมองเห็นขนตายาวสั่นไหวของซินซิน
ดวงตาที่สดใสและรอยยิม
้ ที่อ่อนโยนของเธอ รับรู้ได้
ถึงความอบอุ่นจากสัมผัสของเธอ มือของเขาสั่นเทา
จนแทบทำขนมปั งหล่น
“ต่อไปก็หางานทำอย่างจริงจังและให้ดวง
อาทิตย์สาดแสงมาที่คุณ”เรินซินซินยิม
้ หลังจากนัน

ก็เข็นรถเข็นเด็กเดินจากไป
“คุณชื่ออะไร?” เสียงแหบแห้งเรียกเธอจากด้าน
หลัง เรินซินซินหันหน้ากลับไปมองชายจรจัดที่ยืน
โดดเดี่ยวอยู่ในสวนสาธารณะที่ว่างเปล่าในคืนนี ้
“เรินซินซิน” เธอตอบด้วยรอยยิม

“ผมชื่อเกาเฟิ ง” อาจจะเป็ นเพราะเขาไม่ได้เอ่ย
ปากพูดคุยกับใครมาเป็ นเวลานาน น้ำเสียงของเขา
จึงแหบแห้งแต่ก็ยังฟั งดูดี
“ยินดีที่ได้พบคุณ แต่ฉันคงต้องกลับบ้าน
แล้ว...ลาก่อน เกาเฟิ ง” เรินซินซินโบกมือลาขณะที่
เธอค่อยๆเดินลับหายไปจากสายตาของเขา
เกาเฟิ งมองไปยังทิศทางที่เรินซินซินเดินจากไป
หลังจากที่ยืนนิ่งอยู่เป็ นเวลานาน ในที่สุดเขาก็หยิบ
กระดาษแข็งเก่าๆแผ่นนัน
้ ขึน
้ พร้อมกับถุงขนมปั งที่
เรินซินซินมอบให้เขา เขาเดินหายไปยังอีกด้านหนึ่ง
ของสวนสาธารณะ ตัง้ แต่นัน
้ มาที่สวนสาธารณะ
แห่งนีก
้ ็ไม่เคยมีใครเห็นคนที่ช่ อ
ื เกาเฟิ งอีกเลย แต่
เรื่องราวของเขาที่ขอให้ผู้หญิงสวยมอบจูบเพื่อปลุก
จิตวิญญาณของเขาให้ต่ น
ื ขึน
้ ยังคงถูกบอกเล่าต่อๆ
กันในละแวกนัน
้ อยู่เป็ นเวลานาน
หลังจากนัน
้ เรินซินซินพยายามตามหาเขาอยู่ 2-
3 ครัง้ เมื่อแน่ใจว่าเกาเฟิ งได้จากไปแล้ว เธอก็ร้ส
ู ึก
โล่งใจ
เมื่อเทียบกับข่าวลือที่่บรรดาป้ าๆทัง้ หลายซุบซิบ
กันว่าเขาถูกตำรวจจับตัวไป ซินซินก็อยากจะเชื่อว่า
เกาเฟิ งจากไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วมากกว่า
หลายปี ต่อมาก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตของ
เธอ เรินซินซินไม่เคยคิดเลยว่า เรื่องราวของเธอจะ
เริ่มต้นด้วยจูบที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีและคำ
อวยพรในวันนัน

บางทีเธออาจจะถูกปลุกให้ต่ น
ื มากกว่าแค่จิต
วิญญาณที่สูญสลาย...
................. 
ตอนที่ 55 วิธีการดูแล
การทดลองในคืนนีผ
้ ่านไปด้วยดี การประมาณ
การเบื้องต้นได้ผลลัพธ์อย่างถูกต้องและขัน
้ ตอนต่อ
ไปค่อนข้างใช้เวลานานมาก ดังนัน
้ เซี่ยเฟิ งจึงออก
จากห้องทดลองก่อนเวลาซึ่งสิ่งนีค
้ ่อนข้างหาได้ยาก
แม้ว่าในคืนฤดูใบไม้ผลิจะยังมีความหนาวเย็นอยู่
บ้าง แต่กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้ที่ลอยอวลอยู่ใน
อากาศก็ทำให้อารมณ์ดีขึน
้ เซี่ยเฟิ งมองนาฬิกาและ
เห็นว่ามีเวลาที่จะไปรับภรรยาของเขาจากที่ทำงาน
มันเป็ นเวลากลางดึกถนนจึงว่างเปล่า ร้านค้า 2
ข้างทางก็ปิดจนหมด เซี่ยเฟิ งจึงไปที่ร้านสะดวกซื้อ
ที่เปิ ด 24 ชั่วโมงเพื่อซื้อเครื่องดื่มร้อน 2 แก้ว
เมื่ออวี๋ตงก้าวออกจากประตูสถานีวิทยุ เสียง
รองเท้าส้นสูงของเธอกระทบพื้นเป็ นจังหวะ ก่อน
จะมองเห็นเซี่ยเฟิ งที่ยืนอยู่ตรงบันได เขาสวมเสื้อ
คลุมยาวสีดำในมือถือแก้วเครื่องดื่ม 2 แก้วขณะส่ง
ยิม
้ มาให้เธอ
ดวงตาของอวี๋ตงเป็ นประกายก่อนที่จะวิ่งเข้าไป
หา “ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าจะมา?”
“อย่าวิ่งตอนที่คุณสวมรองเท้าส้นสูง!” เซี่ยเฟิ ง
เตือนขณะส่งแก้วเครื่องดื่มอุ่นๆให้อวี๋ตง
อวี๋ตงรับแก้วไปแล้วโยนความผิดให้เขา “ทัง้ หมด
ก็เป็ นเพราะคุณนั่นแหละที่โผล่มาโดยไม่บอกก่อน”
“เอาล่ะ ผมเป็ นคนผิดเอง!” เซี่ยเฟิ งส่ายหน้า
อย่างจนใจ แต่เต็มใจยอมรับความผิดเอาไว้เอง
อวี๋ตงพอใจก่อนจะจิบเครื่องดื่ม เธอจึงรู้ว่ามัน
เป็ นน้ำส้มหวานๆ “คุณไปหาน้ำส้มมาจากที่ไหนใน
เวลาแบบนี?้ ”
“ผมบังเอิญผ่านร้านสะดวกซื้อ” เซี่ยเฟิ งเห็นอวี๋
ตงดื่มอย่างมีความสุขดังนัน
้ เขาจึงลองจิบน้ำส้มใน
แก้วของตัวเองดูบ้าง มันรสดีจริงๆ
“อืม ดื่มเสร็จแล้วก็กลับบ้านกันเถอะ” อวี๋ตง
เสนอ
โดยปกติเซี่ยเฟิ งมักจะไม่คัดค้านอยู่แล้ว ทัง้ สอง
คนจึงค่อยๆเดินไปตามถนนที่มีใบไม้กวัดแกว่งไปมา
เมื่อเทียบกับต้นไม้ในฤดูหนาวที่เยือกเย็นและว่าง
เปล่าแล้ว ฉากในตอนนีม
้ ีความงดงามที่แตกต่าง
ออกไปมาก
“เรามักจะ....ได้พบกันในตอนดึก” จู่ๆอวี๋ตงก็
ถอนหายใจและรู้สึกกระอักกระอ่วนนิดหน่อย เมื่อ
เธอพูดว่า “ประโยคเมื่อกีฟ
้ ั งดูเหมือนกับว่าพวกเรา
กำลังมีความสัมพันธ์แบบหลบๆซ่อนๆกันอยู่เลย”
เซี่ยเฟิ งรู้สึกขบขันกับคำพูดของอวี๋ตง และรู้สึก
ว่าสิ่งที่เธอพูดทัง้ หมดนัน
้ เป็ นเรื่องจริง ทุกๆวันเขา
ตื่นขึน
้ มาและออกไปทำงาน ขณะที่อวี๋ตงยังนอน
หลับอยู่ จากนัน
้ เมื่อกลับมาบ้านอวี๋ตงก็ออกไป
ทำงานที่สถานีวิทยุแล้ว การเจอหน้ากันในตอนเช้า
แทบจะไม่เคยเกิดขึน
้ เลย ถ้าอยากเจอก็ต้องมีการ
นัดกันล่วงหน้า
“ผมชอบช่วงเวลาแบบนีม
้ าก” เซี่ยเฟิ งบอก “ทัง้
เมืองกำลังหลับสนิท ราวกับว่าสถานที่แห่งนีว้ ่าง
เปล่าเหมือนมีเพียงแค่เราสองคนในโลก”
“คุณ...” อวี๋ตงตะลึงและรู้สึกเหมือนถูกตกด้วย
คำหวาน “ทำไมจู่ๆคุณถึงได้กลายเป็ นคนพูดจา
อ่อนหวานได้ คุณไปเรียนมาจากใคร?”
“สิ่งที่ผมพูดไม่ได้เรียนมาจากใครแต่ผมพูดออก
มาจากใจ” เซี่ยเฟิ งหัวเราะเบาๆ ขณะที่เริ่มหยอด
คำหวานใส่อวี๋ตง
อวี๋ตงรู้สึกจิตใจสั่นไหว เธอรู้สึกเหมือนเป็ นหญิง
สาวไร้เดียงสา ไอคิวของเธอตกลงไปเทียบได้กับ
สาวน้อยช่างเพ้อฝั นวัย 16 ด้วยใจสั่นไหวอวี๋ตง
ทำได้เพียงตะโกนกลับไป “คุณ...อย่ามาพูดเรื่อง
หวานเลี่ยนแบบนี ้ ฉันรับไม่ได้”
“อา...” ตอนนีเ้ ซี่ยเฟิ งรู้สึกว่าอวี๋ตงน่ารักเป็ น
พิเศษ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อเธอต่อ “ครัง้
หนึ่งคุณเคยพูดเอาไว้ในรายการว่าคนสองคนที่รัก
กันควรจะแสดงความรู้สึกต่อกันให้บ่อยกว่านี”

“ฉัน....” อวี๋ตงรู้สึกว่าเซี่ยเฟิ งที่อยู่ตรงหน้าเธอ
ตอนนีด
้ ูแปลกไปนิดหน่อย เธอมีความสุขและเขิน
อายเล็กน้อยกับคำพูดที่น่ารักของเขา แต่เธอก็ลังเล
ที่จะปล่อยให้มันเป็ นแบบนีต
้ ่อ
“ผมพบว่าตัง้ แต่ที่เรากลับมาจากหมู่บ้านของคุณ
เมื่อต้นปี คุณไม่มีเวลาบอกความรู้สึกของคุณกับผม
เลย ผมก็เลยคิดว่า ผมควรจะเปลี่ยนเป็ นฝ่ ายรุก
บ้าง...” เซี่ยเฟิ งพูดไม่ทันจบเมื่ออวี๋ตงมอบจูบให้
เขาโดยไม่คาดฝั น
รู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังจะระเบิด อวี๋ตง
ควบคุมตัวเองไม่ได้เธอจึงเขย่งปลายเท้าไปลิม
้ รส
หวานของน้ำส้มที่ริมฝี ปากของเขา เธอรู้สึกว่ามัน
หวานล้ำมากขึน
้ เรื่อยๆ
เซี่ยเฟิ งรู้สึกแปลกใจจากนัน
้ เขาก็โอบแขนรอบเอ
วอวี๋ตง ก้มศีรษะและหลับตาลงช้าๆซึมซับความ
รู้สึกด้วยรอยยิม

ภรรยาของเขาพูดถูก คูร่ ักยิ่งมีความรักต่อกัน
มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ควรจะใช้เวลาในการแสดง
ความรักต่อกันให้มากขึน
้ เท่านัน

......
พวกเขากลับมาถึงบ้านตอนตี 3 โชคดีที่ทัง้ คู่ไม่
จำเป็ นต้องตื่นเช้า เซี่ยเฟิ งไปอาบน้ำก่อน จากนัน
้ ก็
มานอนรออวี๋ตงที่เตียงพร้อมหนังสือในมือ คิดว่าจะ
รอเข้านอนพร้อมกัน
ประมาณ 10 นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ก็ปลุก
เซี่ยเฟิ งจากการภวังค์ เขาคิดว่ามาจากโรงพยาบาล
จึงหยิบโทรศัพท์ขึน
้ มาดู แต่ก็พบว่าเป็ นพ่อของเขา
ที่โทรมา
โดยปกติแล้วเมื่อมีอะไรเกิดขึน
้ แม่จะเป็ นคนโทร
มาหาเขา พ่อจะไม่ค่อยโทรมาเท่าไหร่นัก อย่าบอก
นะว่าเกิดอะไรขึน
้ กับแม่ของเขา?
เซี่ยเฟิ งรู้สึกกังวลนิดหน่อยเมื่อเขากดรับสาย
“พ่อ!”
“ขอโทษ ฉันปลุกแกหรือเปล่า?” คุณพ่อเซี่ยกระ
ซิบ
“ผมยังไม่ได้นอน” เนื่องจากน้ำเสียงของคุณพ่อ
เซี่ยไม่ได้เคร่งเครียดและยังมีเวลาถามว่าปลุกเขา
หรือเปล่า จึงดูเหมือนว่าไม่มีปัญหาอะไรเร่งด่วน
“แกยังอยู่ที่โรงพยาบาลหรือเปล่า?”
“เปล่า ผมเพิ่งกลับถึงบ้าน” จากนัน
้ เซี่ยเฟิ งก็
ถามว่า “ดึกป่ านนีแ
้ ล้วทำไมพ่อยังไม่นอนอีกล่ะ?”
“แค่ก...แม่ของแกน่ะสิบังคับให้ฉันซื้อตั๋ว” น้ำ
เสียงของคุณพ่อเซี่ยฟั งดูจนปั ญญา
“ตั๋ว? พ่อจะไปไหน?” เซี่ยเฟิ งถามด้วยความ
งุนงง
“กลับเซี่ยงไฮ้” คุณพ่อเซี่ยอธิบาย “แม่ของแก
เพิ่งจะฝั นถึงตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเด็กทารกที่สวม
เสื้อผ้าสีแดงสดใสแล้วก็เรียกเธอว่า ‘ย่า’ แม่ของแก
สะดุ้งตื่นมากลางดึก ตอนนีก
้ ็เอาแต่พูดว่าลูกสะใภ้
ท้องแล้ว พวกเราต้องรีบกลับเซี่ยงไฮ้”
“อะไรนะ?” เซี่ยเฟิ งหัวเราะอย่างหนักจนน้ำตา
ไหล
“เจ้าลูกชาย บอกฉันมา ท้องจริงหรือ
เปล่า?” คุณพ่อเซี่ยถาม
“พ่อ ถ้าพวกเรามีลูก ผมก็คงไม่ปิดบังพ่อหรอก”
เซี่ยเฟิ งหมดคำพูด
“ฉันก็บอกแม่แกแบบนีเ้ หมือนกัน แต่ยังไงก็ตาม
เที่ยวบินเป็ นวันพรุ่งนี ้ อย่าลืมมารับพวกเราด้วย”
หลังจากคุณพ่อเซี่ยพูดจบ เขาก็วางสายโดยไม่รอ
คำตอบ
ในตอนนีเ้ องที่อวี๋ตงเปิ ดประตูห้องน้ำออกมา เธอ
เห็นเซี่ยเฟิ งที่ยังถือโทรศัพท์ค้างอยู่และกำลังยิม

เธอจึงถามว่า “เกิดอะไรขึน
้ ?”
เซี่ยเฟิ งหันหน้าไปทางอวี๋ตงก็เห็นภาพอันเปี่ ยม
เสน่ห์ของภรรยา เขากลืนน้ำลายลงคอเบาๆ
ดวงตาเริ่มดำมืด เขาหันไปวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
ข้างเตียง ค่อยๆพูดว่า “เมื่อกีพ
้ ่อโทรมา บอกว่าแม่
ฝั นเห็นหลานชาย เลยร้องโวยวายว่าจะกลับพรุ่งนี”

“เอ๊ะ??” อวี๋ตงฉงน “คุณแม่จะกลับมาพรุ่งนีง้ ัน

เหรอ? ถ้าอย่างนัน
้ พวกเราไปรับท่านกัน”
“การไปรับท่านไม่ควรจะเป็ นสิ่งที่คุณให้ความ
สนใจ” เซี่ยเฟิ งยิม
้ “คุณควรจะถามในส่วน
ของ ‘หลานชาย’ มากกว่า”
อวี๋ตงสังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องมาอย่างหลงใหล
ของเซี่ยเฟิ ง จู่ๆก็ร้ส
ู ึกประหม่านิดหน่อย
เซี่ยเฟิ งลุกจากเตียงค่อยๆเดินเข้ามาหาอวี๋ตง มุม
ปากของเขายกสูงขึน
้ จากนัน
้ ก็เอื้อมมือไปคลาย
สายรัดเสื้อคลุมอาบน้ำของอวี๋ตง ต่อไปก็เป็ นชุด
นอนผ้าไหมของเธอที่ร่วงหล่นลงไปอยู่บนพื้นเผยให้
เห็นผิวขาวเนียนชุ่มชื้น
จากนัน
้ อวี๋ตงก็ถูกโอบอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของ
เซี่ยเฟิ ง ขณะที่เธอยังมึนงงอยู่ ชุดนอนที่เพิ่งจะซื้อ
มาก็ถูกทิง้ อยู่หน้าประตูห้องน้ำ
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” เซี่ยเฟิ งถามขณะที่เขา
โน้มตัวลงไปขบกัดภรรยาที่กำลังตกอยู่ในภวังค์
“ฉันสงสัยว่าทำไมคุณถึงยังใส่ชุดนอนอยู่?” อวี๋
ตงตอบราวกับละเมอ
“งัน
้ ก็ช่วยผมถอดมันออกสิ...” เซี่ยเฟิ งหัวเราะ
อย่างมีความสุขพลางจับมือของอวี๋ตงมาวางตรง
กระดุมชุดนอนของเขา
ใบหน้าของอวี๋ตงแดงซ่าน แต่เธอก็ค่อยๆปลด
กระดุมชุดนอนของเขาออกอยู่ดี จากนัน
้ เธอก็ยก
แขนไล้ไปตามลาดไหล่แข็งแกร่งของชายหนุ่ม ก่อน
จะยกมันขึน
้ โอบรอบคอของเขา
......
ผ้าม่านในห้องนอนค่อนข้างหนาทึบ จึงช่วยให้คู่
สามีภรรยาที่มักจะกลับบ้านในเวลาไม่ค่อยปกตินัก
ได้นอนหลับอย่างสงบ
“กี่โมงแล้ว?” อวี๋ตงถามเซี่ยเฟิ งโดยที่ตายังปิ ด
สนิทอยู่
เซี่ยเฟิ งปล่อยอวี๋ตงออกจากอ้อมแขนของเขา
อย่างระมัดระวัง แล้วดึงผ้าห่มขึน
้ มาคลุมไหล่ที่
เปลือยเปล่าของเธอ การกระทำของเขาเป็ นไป
อย่างทะนุถนอมและอ่อนโยนแต่อวี๋ตงก็ยังคงรู้ถึง
การเคลื่อนไหวของเขาแล้วตื่นขึน
้ มาอยู่ดี
“9 โมงครึ่งแล้ว กลับไปนอนต่อเถอะ” เซี่ยเฟิ งก
ระซิบ
“อืมม” อวี๋ตงที่สะลึมสะลือพลิกตัวหันหลังแล้ว
หลับต่อ
เซี่ยเฟิ งยิม
้ จากนัน
้ ก็ลุกขึน
้ ไปใส่เสื้อผ้า เขาเข้า
ห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา หลังจากจัดการทุกอย่าง
เสร็จเรียบร้อย ตอนที่เขาเดินออกมาก็เห็นอวี๋ตงลุก
ขึน
้ นั่งอยู่บนเตียง
เห็นได้ชัดจากดวงตาที่ยังคงปิ ดและท่าทาง
งุ่มง่ามของเธอแสดงออกว่ายังง่วงนอนอยู่มาก
“ทำไมไม่นอนต่อล่ะ? ลุกขึน
้ มาทำไม?” เซี่ยเฟิ ง
ถามอย่างเจ็บปวดใจ
“ฉันเพิ่งนึกออกว่าพ่อกับแม่จะกลับถึงเซี่ยงไฮ้วัน
นีไ้ ม่ใช่เหรอ?” อวี๋ตงขยีต
้ า “เที่ยวบินของพ่อกับแม่
ลงจอดกี่โมง? ฉันจะไปรับพวกท่านกับคุณด้วย”
“ไม่ต้องหรอก ผมไปคนเดียวได้” เซี่ยเฟิ งขยับ
ตัวเข้าไปลูบศีรษะอวี๋ตงเบาๆ
ในตอนเช้าเซี่ยเฟิ งได้รับข้อความจากพ่อของเขา
บอกว่าเครื่องบินจะลงจอดเวลา 11.00 น. แล้วก็
บอกอีกว่าไม่จำเป็ นต้องไปรับ
“รอฉันแป๊ บนึง ขอฉันไปล้างหน้าก่อน” อวี๋ตง
คลานออกจากเตียงก่อนจะเดินโซเซไปทางห้องน้ำ
ไม่นานก็ได้ยินเสียงน้ำไหล
จู่ๆเซี่ยเฟิ งก็จำหนังสือที่เขาเคยอ่านเมื่อนานมา
แล้วได้ ‘คุณจะบอกได้อย่างไรว่าคนๆนัน
้ สนใจคุณ
จริง?’
ถ้าเธอห่วงใยครอบครัวของคุณมากกว่าคุณ
แม้ว่าอวี๋ตงจะนอนไม่พอ แต่การแต่งหน้า
บางเบาของเธอก็ยังพอช่วยให้ดูชีวิตชีวาขึน
้ เมื่อ
มองดูนาฬิกาเธอก็เริ่มลนลาน อวี๋ตงเร่งเซี่ยเฟิ งที่
กำลังละเลียดซดโจ๊กอย่างสบายอารมณ์ “เลย 10
โมงแล้ว เรายังต้องขับรถไปที่สนามบินอีก รีบ
หน่อย”
เซี่ยเฟิ งหยิบชามโจ๊กส่งให้อวี๋ตง “กินสักหน่อย
เถอะ”
อวี๋ตงนิ่วหน้าก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่หิว เดี๋ยวเรา
ค่อยไปกินข้าวกลางวันด้วยกันหลังจากที่ไปรับพ่อ
แม่ของคุณก็ได้”
“ถ้าคุณไม่ยอมกิน เราก็จะยิ่งไปช้า จากนัน
้ เมื่อ
พ่อกับแม่ถามว่าทำไมเราถึงมาช้า ผมก็คงต้องบอก
ไปว่าเพราะคุณไม่ยอมกินข้าวเช้า” เซี่ยเฟิ งเลิกคิว้
“คุณเป็ นเด็กรึไง?” อวี๋ตงมองเซี่ยเฟิ งจากนัน
้ ก็
รับชามโจ๊กมาดื่ม
เซี่ยเฟิ งพยักหน้าอย่างพอใจ จากนัน
้ ก็ไปสวมเสื้อ
โค้ท แล้วออกจากบ้านไปพร้อมกับอวี๋ตง
“คุณขับให้เร็วกว่านีห
้ น่อย เครื่องบินกำลังจะลง
จอดแล้ว” เมื่อดูนาฬิกาหยุตงก็เร่งเซี่ยเฟิ ง
“ไม่ต้องห่วง หลังจากที่เครื่องลงจอดแล้วพวก
ท่านยังต้องรอรับกระเป๋าอีก" เซี่ยเฟิ งปลอบเธอ
ขณะขับรถ
อวี๋ตงคิดตามแล้วก็เห็นด้วย ดังนัน
้ เธอจึงเงียบ
เสียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึน
้ มาส่งข้อความถึงเสี่ยว
เยว่ เพื่อบอกว่าวันนีเ้ ธอจะไม่เข้าไปที่สตูดิโอเพราะ
ต้องไปรับพ่อแม่สามี เสี่ยวเยว่เต็มใจให้อวี๋ตงลา
หยุด
อวี๋ตงยิม
้ ขณะที่กำลังจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึน

อวี๋ตงกดรับสาย “แม่?”
เซี่ยเฟิ งฟั งน้ำเสียงที่อ่อนโยนของอวี๋ตงแต่ก็ไม่ส่ง
เสียงรบกวนเธอ
อวี๋ตงพยักหน้าเป็ นบางครัง้ แล้วมองไปทาง
เซี่ยเฟิ งขณะที่เธอฟั งแม่ของเธอพูดไปด้วย สีหน้า
ของเซี่ยเฟิ งยังคงอ่อนโยนและอดทนรอจนกว่าอวี๋
ตงจะคุยจบ หลังจากนัน
้ 5 นาทีอวี๋ตงก็วางสาย
“แม่บอกอะไร?” เซี่ยเฟิ งถาม
“แม่บอกว่า คุณควรหยุดส่งของไปให้ที่บ้านได้
แล้ว ท่านต้องวิ่งไปรับของที่ไปรษณีย์หลายรอบ จน
เงินค่าน้ำมันรถของพ่อหมดเกลีย
้ ง” อวี๋ตงบอกต่อ
“ห๊ะ??” เซี่ยเฟิ งตกตะลึง
“พ่อของฉันยังบอกอีกว่า คุณไม่ควรซื้อบุหรี่ยี่ห้อ
แปลกๆเพราะคนที่ไปรษณีย์จะสับสน ทางที่ดีครัง้
ต่อไปควรจะซื้อยี่ห้อจงหัว” อวี๋ตงเสริม
“โอ้!” เซี่ยเฟิ งพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ
แล้ว
“คุณเริ่มส่งของไปให้ที่บ้านของฉันตัง้ แต่เมื่อ
ไหร่?” อวี๋ตงถาม
“เมื่อไม่นานมานีเ้ อง...” เซี่ยเฟิ งยิม
้ อย่างรู้สึกผิด
“ขอบคุณ!” อวี๋ตงก้มหน้าลงขณะที่เธอจับ
โทรศัพท์ด้วยหัวใจที่สั่นไหว
“ผมไม่อยากให้คุณขอบคุณ” เซี่ยเฟิ งเลีย
้ วตรง
โค้งสุดท้ายก่อนจะขับรถเข้าไปในลานจอดรถของ
สนามบิน
“แต่ถ้าคุณอยากจะแสดงความขอบคุณผมจริงๆ
ผมก็ไม่รังเกียจถ้าคุณจะจูบผม”
ทันทีที่เซี่ยเฟิ งพูดจบ เขาก็ได้รับจูบจากอวี๋ตง
เซี่ยเฟิ งตกใจมากจนเผลอเหยียบเบรกกะทันหัน
รถคันหลังที่ขับตามมาไม่คิดว่าเซี่ยเฟิ งจะเบรกจน
เกือบทำให้รถชนท้าย ชายคนนัน
้ เริ่มโกรธก่อนจะ
ตะโกนมาว่า “คุณรู้วิธีขับรถหรือเปล่า?”
เซี่ยเฟิ งรีบเร่งเครื่องขับออกไป ขณะที่อวี๋ตงซุก
ตัวเข้าไปในที่นั่ง...
....................... 
ตอนที่ 56 เติบโตด้วยตัวเอง
เซี่ยเฟิ งและอวี๋ตงยืนอยู่ตรงประตูสนามบินสอด
ส่ายสายตาผ่านฝูงชน หลังจากผ่านไป
ประมาณ 10 นาที พวกเขาก็เห็นคุณพ่อเซี่ยเข็นรถ
ใส่กระเป๋าและคุณแม่เซี่ยที่สวมหมวกกับแว่น
กันแดดเดินอยู่ข้างๆ นี่คือรูปลักษณ์ทั่วไปของคนที่
เพิ่งจะกลับมาจากไห่หนาน
"พ่อแม่!" เซี่ยเฟิ งรับรถเข็นจากพ่อของเขาขณะที่
อวี๋ตงเข้าไปกอดเอวคุณแม่เซี่ย
"ใครบอกให้พวกเธอมารับเรา?" ดวงตาของคุณ
แม่เซี่ยเป็ นประกายสดใสแต่ปากก็ยังพูดบ่น
"ตงตงอยากมา" เซี่ยเฟิ งยิม
้ ก่อนจะยกความดี
ความชอบให้อวี๋ตงคนเดียว
เมื่อคุณแม่เซี่ยได้ยินเธอก็หันไปหาอวี๋ตงทันที
เห็นใบหน้าเล็กๆนัน
้ ซีดเซียวเล็กน้อย คุณแม่เซี่ยก็
รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ "โอ้ ดูรอยคล้ำใต้ตาของหนูสิ
ทำงานดึกขนาดนัน
้ แล้วยังจะมารับพวกเราอีกได้ยัง
ไง?"
"ทันทีที่หนูได้ยินว่าพ่อกับแม่จะกลับมา หนูก็ต่ น

เต้นจนนอนไม่หลับ" อวี๋ตงพูดประจบเอาใจทันที
ก่อนหัวเราะ
เซี่ยเฟิ งนึกถึงท่าทางง่วงนอนก่อนหน้านีข
้ องอวี๋
ตงแล้วก็อยากจะหัวเราะ แต่เขาก็ไม่ได้ทำลาย
ความพยายามของภรรยา
คุณแม่เซี่ยรับฟั งด้วยรอยยิม
้ แม้ว่าจะรู้ว่าอวี๋ตรง
พูดเพื่อเอาใจแต่เธอก็พออกพอใจและมีความสุขที่
ได้ยินคำพูดพวกนี ้
ทัง้  4 คนออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว เซี่ยเฟิ ง
ขับรถไปส่งพ่อกับแม่ที่บ้านตระกูลเซี่ยซึ่งอยู่ในย่าน
เก่าแก่ในเมือง แม้ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกใน
ชุมชนจะไม่ค่อยทันสมัยนักแต่ทำเลก็ดีและเงียบ
สงบเป็ นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุใช้อยู่อาศัย
เซี่ยเฟิ งและคุณพ่อเซี่ยยกกระเป๋า 2 ใบเข้าไปใน
บ้าน ส่วนอวี๋ตงก็เปิ ดหน้าต่างระบายอากาศ
เมื่อเห็นปริมาณฝุ ่น อวี๋ตงก็อดพูดไม่ได้ว่า "คุณ
แม่ ทำไมวันนีพ
้ ่อกับแม่ไม่ไปพักกับพวกเราก่อน
ล่ะ? รอจนเราจ้างคนมาทำความสะอาดให้
เรียบร้อยแล้วพรุ่งนีค
้ ่อยย้ายกลับมา"
"ไม่เป็ นไร พวกเราไม่อยากไปรบกวนรังรักของ
พวกเธอ" คุณแม่เซี่ยปฏิเสธ
"คุณแม่พูดล้อเล่นแล้ว" อวี๋ตงไม่ร้ว
ู ่าเธอควรจะ
หัวเราะหรือร้องไห้ดี
"ถ้าอย่างนัน
้ หนูก็คิดเสียว่ากำลังขวางทางรักของ
แม่กับพ่อก็ได้" คุณแม่เซี่ยเปลี่ยนคำพูด
 คุณพ่อเซี่ยกระแอมไอเมื่อได้ยินแต่ก็ไม่ได้พูด
อะไรเมื่อเจอกับสายตาของคุณแม่เซี่ยที่มองตวัดมา
อวี๋ตงและเซี่ยเฟิ งมองหน้ากันก่อนจะยิม

"ถ้าอย่างนัน
้ พวกเราไปทานอาหารกลางวันกัน
ก่อนแล้วค่อยกลับมาทำความสะอาด" เซี่ยเฟิ งเสนอ
ทุกคนเห็นด้วยจึงสั่งอาหารมา 2-3 อย่างจาก
ร้านอาหารใกล้ๆ ความจริงคุณสามารถพูดได้ว่า
ร้านยิ่งเล็กเท่าไหร่อาหารก็จะยิ่งอร่อย อวี๋ตงพบว่า
มันยากที่จะหยุดกินปลาเค็ม
เซี่ยเฟิ งสังเกตเห็นว่าอวี๋ตงกินปลาเค็มไม่หยุด
เขาจึงช่วยคีบใส่ชามให้เธอ
อวี๋ตงเอียงศีรษะส่งยิม
้ หวานให้เขา
คุณแม่เซี่ยเห็นลูกชายกับลูกสะใภ้เข้ากันได้ดีและ
หวานชื่น เธอก็ร้ส
ู ึกยินดีเมื่อได้เห็นความสัมพันธ์
ที่ราบรื่นของทัง้ คู่
"ตงตง แม่ว่าปลาเค็มค่อนข้างจะเปรีย
้ วไปหน่อย
นะ แต่ดูเหมือนหนูจะชอบกิน?" คุณแม่เซี่ยถา
มด้วยรอยยิม
้ ที่คลุมเครือ
"ปลาเค็มที่ปรุงรสเปรีย
้ วถึงจะอร่อยที่สุด" อวี๋ตง
ตอบ
"ชอบกินของเปรีย
้ วหรือเปล่า?" คุณแม่เซี่ยเลิก
คิว้ ถาม
"ไม่ใช่ของโปรดของหนู แต่วันนีห
้ นูร้ส
ู ึกอยากกิน
ขึน
้ มา" อวี๋ตงชะลอความเร็วในการคีบอาหาร เมื่อ
เธอรู้สึกตัวว่าการกินอาหารของเธอรวดเร็วเกินไป
และอาจจะทำให้แม่สามีหวาดกลัวได้
เซี่ยเฟิ งเดาได้แล้วว่าแม่ของเขาหมายถึงอะไร
เขาจึงพูดว่า "แม่ครับ แม่ไม่ต้องหยั่งเชิงหรอก เธอ
ยังไม่มี"
"หืม? ฉันยังไม่มีอะไร?" อวี๋ตงรู้สึกงุนงงขณะที่
มองเซี่ยเฟิ ง
"ลูกจะไปรู้อะไร! บางทีอาจแค่ยังไม่ร้ก
ู ็ได้" คุณ
แม่เซี่ยมองค้อนลูกชาย
"มันจะเร็วขนาดนัน
้ ได้ยังไง!" ความจริงเซี่ยเฟิ
งกับอวี๋ตงเพิ่งจะได้สนิทสนมกันเมื่อไม่นานมานีเ้ อง
"เร็วอะไร? พวกลูกแต่งงานกันมาตัง้ ครึ่งปี แล้ว
บางคนก็เตรียมคลอดลูกแล้วด้วยซ้ำถ้าอยู่ใน
สถานการณ์พิเศษ" คุณแม่เซี่ยบอก
อวี๋ตงสำลักน้ำซุปที่เธอกำลังดื่ม เซี่ยเฟิ งรีบยื่น
กระดาษเช็ดปากไปให้ขณะที่คุณแม่เซี่ยถามด้วย
ความเป็ นห่วง "เกิดอะไรขึน
้ ? หนูร้ส
ู ึกอยากอาเจียน
หรือเปล่า?"
"แม่!" เซี่ยเฟิ งหมดคำพูด
"เห็นชัดๆว่าเป็ นเพราะคำพูดของเธอ ทำไมเธอ
ถึงได้คาดเดาไปแบบนัน
้ ล่ะ?" คุณพ่อเซี่ยพยายาม
ดึงความคิดของภรรยาให้เข้าที่เข้าทาง
"เอ๊ะ? ตกใจคำพูดของฉันเหรอ?" คุณแม่เซี่ยเห็น
ว่าอวี๋ตงยังไอสำลักอยู่ เธอจึงขอโทษ "เอาล่ะ เอา
ล่ะ ตงตงแม่ไม่ได้หมายความว่าอะไรทัง้ นัน
้ ก็แค่
เมื่อคืนแม่ฝันถึงเด็กผู้ชายที่น่ารักมากๆเท่านัน
้ เอง"
"ไม่เป็ นไรค่ะ หนูแค่รีบร้อนดื่มเกินไปหน่อย" อวี๋
ตงพยายามกลบเกลื่อน
"งัน
้ เหรอ?" คุณแม่เซี่ยดูผิดหวัง
คุณพ่อเซี่ยดึงชายเสื้อของภรรยาจากใต้โต๊ะ
พลางกระซิบที่หูของเธอ
เซี่ยเฟิ งยิม
้ ให้อวี๋ตงก่อนยักไหล่ หลังจากนัน
้ อวี๋ตง
ก็กลัวเกินกว่าที่จะคีบปลาเค็มมากินอีกเพราะเกรง
ว่าจะไปกระตุ้นความคิดของคุณแม่เซี่ยอีกรอบ
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ เซี่ยเฟิ งกับอวี๋
ตงเตรียมจะไปทำความสะอาดบ้านแต่ถูกคุณพ่อ
เซี่ยและคุณแม่เซี่ยบอกว่าทัง้ สองคนต้องไปทำงาน
ต่อจึงได้ไล่ทัง้ คู่กลับ เซี่ยเฟิ งและอวี๋ตงไม่มีทาง
เลือกนอกจากบอกลาและขับรถจากไป
"แม่ของผมนิสัยแบบนัน
้ เองอาจจะดูแปลกๆสัก
หน่อยแต่คุณไม่ต้องไปจริงจังหรอก" เซี่ยเฟิ งกลัวว่า
จะทำให้อวี๋ตงเครียดเขาจึงอธิบายให้ฟัง "อีกสักพัก
ท่านก็ลืม"
"คุณกลัวว่าฉันจะรู้สึกกดดัน" อวี๋ตงเห็นอย่าง
ชัดเจนว่าเซี่ยเฟิ งกำลังพยายามทำอะไร
เซี่ยเฟิ งมองอวี๋ตงแต่ไม่ได้พูดอะไร แต่ท่าทางของ
เขาบอกทุกอย่างหมดแล้ว
"ทำไมฉันต้องรู้สึกกดดันด้วยล่ะ? การตัง้ ท้องไม่
ได้ขึน
้ อยู่กับฉันคนเดียวสักหน่อย" อวี๋ตงไม่ใส่ใจ
"คุณจะบอกเป็ นนัยว่า...ผมยังทำการบ้านไม่มาก
พอเหรอ?" น้ำเสียงของเซี่ยเฟิ งฟั งดูอันตรายเล็ก
น้อย
"ตัง้ ใจขับรถไป คิดเรื่องไร้สาะอะไรอยู่" น้ำเสียง
ของเซี่ยเฟิ งฟั งดูจริงจังจนอวี๋ตงต้องหัวเราะออกมา
เสียงดัง
เซี่ยเฟิ งก็ร้ส
ู ึกว่าสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดออกมาฟั งดู
เหมือนกับพระเอกละครไอดอลที่ออกอากาศตอน
ดึกๆ เขาจึงผสมโรงหัวเราะไปกับเธอด้วย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็มาจอดที่ลานจอดรถตึกที่
ตัง้ เสี่ยวเยว่สตูดิโอ อวี๋ตงกำลังจะลงจากรถ จู่ๆ
เซี่ยเฟิ งก็เรียกเธอเอาไว้
"มีอะไรเหรอ?" อวี๋ตงหยุดชะงัก
"ตงตง พวกเรารออีกสัก 2-3 ปี แล้วค่อยมีลูกดี
ไหม?" เซี่ยเฟิ งคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะได้ข้อสรุป
"ทำไม?" อวี๋ตงชะงักกับคำพูดของเขาก่อนจะ
ถาม
"วันนีผ
้ มเห็นว่าแม่อยากจะมีหลานชายมาก แต่
เมื่อผมคิดใคร่ครวญอย่างจริงจังแล้ว การเลีย
้ งลูก
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย" เซี่ยเฟิ งอธิบาย "คุณเพิ่งจะเรียน
จบแล้วก็เพิ่งเริ่มทำงาน ส่วนผมก็ยุ่งเรื่องการทำ
วิจัยกับงานที่โรงพยาบาล พวกเรา..."
"แล้วเราจะอธิบายเรื่องนีก
้ ับแม่ของคุณยังไง?" อ
วี๋ตงไม่ได้บอกความเห็นของเธอแต่กลับถามคำถาม
นีแ
้ ทน
"ผมรู้จักแม่ของผมดี ท่านเป็ นคนที่ค่อนข้าง
กระตือรือร้นแต่ก็เป็ นคนที่มีเหตุผล ผมคิดว่าท่าน
จะเข้าใจ" เซี่ยเฟิ งนิ่งคิดก่อนตอบ
"แล้ว...ถ้าหากว่าฉันอยากมีลูกล่ะ?" อวี๋ตงถาม
อย่างจริงจังและมองสบตากับเซี่ยเฟิ งตรงๆ
"...." เซี่ยเฟิ งแปลกใจแต่เขาก็พิจารณาเรื่องนี ้
อย่างจริงจัง
อวี๋ตงรออยู่เงียบๆ หัวใจของเธอบีบรัดด้วย
เหตุผลบางอย่าง
"ถ้าอย่างนัน
้ ผมก็จะพักเรื่องการทำวิจัยเอาไว้
ก่อน ทำแค่งานที่โรงพยาบาลอย่างเดียว เพื่อที่ผม
จะได้กลับบ้านเร็วขึน
้ " เซี่ยเฟิ งบอกเธอ
"พักการทำวิจัยของคุณงัน
้ เหรอ?"อวี๋ตงแปลกใจ
"ใช่ รอจนลูกโตสักหน่อยแล้วผมค่อยกลับไปเริ่ม
ทำวิจัยใหม่" เซี่ยเฟิ งบอก
"นั่น ไม่...ฉันเป็ นคนลาออกจากงานเองก็ได้..."
อวี๋ตงพูดไม่ทันจบประโยคเซี่ยเฟิ งก็ขัดขึน
้ มาก่อน
เขาจับมือของเธอแล้วพูดด้วยท่าทางจริงจังว่า
"ครอบครัวของเราคือผมกับคุณ เลีย
้ งลูกควรเป็ น
หน้าที่ของพวกเราทัง้ คู่ ผมไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยให้
คุณเป็ นคนที่เสียสละเพียงฝ่ ายเดียว ผมชอบ
ทัศนคติและความกระตือรือร้นในงานของคุณ"
"แต่งานวิจัยของคุณ...ถ้ามันประสบความสำเร็จก็
จะเป็ นประโยชน์ต่อคนนับล้าน" อวี๋ตงอดเตือนสติ
เขาไม่ได้
"ถ้าผมมีพลังพอที่จะช่วยเหลือคนนับล้านแล้วผม
จะละเลยครอบครัวและลูกของผมได้ยังไง?" เซี่ยเฟิ
งยิม

อวี๋ตงไม่สามารถปล่อยให้การวิจัยของเขาล่าช้า
ได้ ไม่อย่างนัน
้ ก็จะถือว่าเป็ นความผิดของเธอ ถ้า
หากเซี่ยเฟิ งไม่สามารถเผยแพร่ผลงานวิจัยของเขา
ตามกำหนดในปี  2017
"แต่ฉันไม่อยากให้คุณพักการวิจัย ฉันชอบเวลาที่
คุณกลับบ้านแล้วเล่าให้ฉันฟั งเกี่ยวกับการทดลอง
ของคุณ ท่าทางของคุณเวลาที่การวิจัยก้าวหน้า
คุณดูดีมากๆ" อวี๋ตงอดพูดไม่ได้
"แล้วผมควรทำยังไง?" ถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับงาน
เซี่ยเฟิ งก็ไม่ร้ว
ู ่าจะทำอะไรได้อีก
"แม่ของฉันบอกว่า เด็กๆควรได้เรียนรู้ที่จะเติบโต
ด้วยตัวเอง" อวี๋ตงจำคำพูดที่แม่ของเธอเคยพูดก่อน
หน้านีไ้ ด้
"เหลวไหล!" เซี่ยเฟิ งไม่ได้เก็บงำความคิดของเขา
"คุณบอกว่าแม่ฉันพูดเหลวไหลเหรอ?" อวี๋ตงตา
เบิกกว้าง
"ผม..ไม่..โอ้..." เซี่ยเฟิ งไม่ร้จ
ู ะอธิบายการระเบิด
อารมณ์ของเขายังไงดี
"ฮ่าฮ่า..." อวี๋ตงเห็นท่าทางลุกลีล
้ ุกลนของเซี่ยเฟิ ง
แล้วก็ร้ส
ู ึกขบขัน
"...." เซี่ยเฟิ งรอจนอวี๋ตงหัวเราะ
"เอาล่ะ เราคิดไกลเกินไปแล้ว! ฉันก็ยังไม่ท้องสัก
หน่อย" อวี๋ตงหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า "ถึงแม้ว่า
ฉันจะท้อง...คุณก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พักการวิจัย
ของคุณ"
"แต่ผมไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียว..."
"ตราบใดที่คุณคิดถึงฉัน...ฉันก็ไม่ได้อยู่คนเดียว"
'ผมรู้ว่าคุณมีหัวใจรักที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่ผม
ต้องการก็คือได้เห็นเงาสะท้อนของผมในดวงตาของ
คุณ'
เซี่ยเฟิ งรวบตัวอวี๋ตงเข้าสู่อ้อมกอดที่อ่อนโยน
เขาถอนหายใจขณะที่สูดกลิ่นหอมของเธอ "มันจะ
ยากสำหรับคุณ"
"คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงจะรู้สึกยากลำบากเมื่อไหร่?" 
อวี๋ตงกระซิบ
"เมื่อไหร่?" เซี่ยเฟิ งถาม
"เมื่อเธอทุ่มเทให้กับครอบครัวของเธอ แต่กลับ
ไม่ได้รับการชื่นชม" อวี๋ตงบอก "เซี่ยเฟิ งฉันรักงาน
ของฉันแต่ฉันรักคุณมากกว่า"
เซี่ยเฟิ งกระชับอ้อมแขนของเขาอีกรอบ
"ฉันไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาและโง่งม ตอนที่ฉันรู้
ว่าคุณเป็ นหมอ ฉันก็ร้ด
ู ีว่างานคุณจะยุ่งมากและ
คุณจะใช้เวลากับคนไข้มากกว่าฉัน"
หัวใจของเซี่ยเฟิ งเต้นรัว
"คุณมีงานวิจัยที่ต้องทำ ฉันรู้ว่ามันเป็ นการ
ทดลองที่ยากลำบากแต่ฉันรู้ว่ามันสมเหตุสมผล ฉัน
ไม่ได้ต้องการให้สามีของฉันเป็ นบุคคลดีเด่นแต่ฉันรู้
ว่างานวิจัยนีม
้ ีความหมายกับคุณมาก"
"ก่อนที่ฉันจะได้พบคุณ ฉันไม่เคยรู้สึกว่าผู้หญิง
ต้องเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัว แต่หลังจากที่ได้
พบคุณฉันพบว่าตัวเองเต็มใจที่จะเสียสละเพื่อคุณ"
อวี๋ตงบอก
"ผมก็อยากจะเสียสละตัวเองเพื่อคุณเหมือนกัน"
เสียงของเซี่ยเฟิ งแหบแห้งเล็กน้อย ดวงตาของเขา
เปี ยกชื้น
"เซี่ยเฟิ ง ตัง้ แต่วันหยุดที่ผ่านมา ประจำเดือน
ของฉันยังไม่มาเลย"
เมื่ออวี๋ตงพูดจบ เซี่ยเฟิ งก็ร้ส
ู ึกราวกับถูกฟ้ าผ่า
เขายืดตัวขึน
้ แล้วมองจ้องอวี๋ตงอย่างไม่อยากเชื่อ
"มันอาจจะช้าไปหน่อย แต่ฉันตัง้ ใจว่าจะไปหา
หมอก่อนแล้วค่อยบอกคุณแม่" อวี๋ตงพูดต่อ
 "คุณ...ผม.."
"ถ้าฉันท้องล่ะ?" อวี๋ตงถาม
"ปล่อยให้เรียนรู้เพื่อที่จะเติบโตด้วยตัวเอง!"
เซี่ยเฟิ งรู้สึกว่าแม่ยายของเขาพูดถูก ขณะที่ลูก
เติบโตเขาจะไม่ยอมให้ภรรยาต้องเหนื่อยคนเดียว
.................... 
ตอนที่ 57 ท้อง
หลังจากรอมา 2 สัปดาห์ อวี๋ตงก็เลิกลังเล เธอ
ตามเซี่ยเฟิ งไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ
ผู้อำนวยการหลี่จากแผนกสูตินรีเวชมองคู่สามี
ภรรยาที่ดูกระวนกระวายใจตรงหน้า เขาก็ไม่ร้ว
ู ่า
จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ก่อนจะบอกกับทัง้ คู่ว่า "ถ้า
พวกคุณกังวลมากจริงๆ ผมสามารถให้พวกเขา
แทรกคิวตรวจก่อนเป็ นการส่วนตัวได้"
"ไม่ต้องครับ!" เซี่ยเฟิ งรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขา
ไม่ต้องการรบกวนเพื่อนร่วมงาน
"จากประสบการณ์ทางการแพทย์หลายปี ของผม
ภรรยาของคุณตัง้ ครรภ์แน่นอน" ผู้อำนวยการหลี่
หัวเราะ "และผมจะไม่บอกเรื่องนีก
้ ับใคร"
"จะ..จริงๆเหรอครับ?" เซี่ยเฟิ งและอวี๋ตงมอง
หน้ากันอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
"คุณถามผมแบบนี ้ ผมก็เริ่มกังวลขึน
้ มาเหมือน
กันนะ" ผู้อำนวยการหลี่เริ่มลังเลเล็กน้อยหลังจาก
เห็นปฏิกิริยาของเซี่ยเฟิ ง "ผมคิดว่าพวกเราควรรอ
ผลการตรวจก่อน"
"เซี่ยเฟิ งเราควรออกไปรอข้างนอก ปล่อยให้ผู้
อำนวยการหลี่ตรวจคนไข้คนอื่นต่อ" อวี๋ตงดึงแขน
เซี่ยเฟิ ง
"ไม่ต้องเป็ นห่วงคุณนายเซี่ย วันนีผ
้ มไม่มีนัดกับ
คนไข้อ่ น
ื อีก" ผู้อำนวยการหลี่ชีไ้ ปที่เซี่ยเฟิ งแล้วก็
หัวเราะ "เด็กคนนีโ้ ทรมาหาผมตัง้ แต่เช้า จนผมต้อง
มาที่โรงพยาบาลก่อนเวลาทำงาน ผมบอกให้เขาไป
ซื้อที่ตรวจครรภ์จากร้านขายยามาลองตรวจดูก่อน
แต่เขาก็ยังกังวลว่าผลตรวจอาจจะไม่แม่นยำนัก ก็
เลยขอให้ผู้อำนวยการแผนกสูตินรีเวชมาตรวจให้
เป็ นการส่วนตัว ตอนนีผ
้ มกำลังรู้สึกเหมือนเอาค้อน
ยักษ์ทุบเมล็ดถั่วอยู่"***  
***[หมายถึงใช้คนเก่งมาทำเรื่องไม่สลักสำคัญ]
เซี่ยเฟิ งรับฟั งคำบ่นของผู้อำนวยการหลี่ด้วย
อาการกระอักกระอ่วน "ผู้อำนวยการ ผมสร้าง
ปั ญหาให้คุณแล้ว"
"เมื่อคุณรู้อย่างนีก
้ ็อย่าลืมให้ไข่สีแดงกับผมสัก 2-
3 ฟองด้วยล่ะ ถ้าผลตรวจออกมาเป็ นไปตามที่คิด"
ผู้อำนวยการหลี่พูดอย่างร่าเริง
"แน่นอนค่ะ!" อวี๋ตงหัวเราะ
จากนัน
้ พยาบาลก็เข้ามาให้ห้องพร้อมกับผลการ
ตรวจ เมื่อเห็นเซี่ยเฟิ ง เธอก็ยิม
้ พลางหัวเราะคิกคัก
ก่อนจะส่งผลตรวจให้กับผู้อำนวยการหลี่และพูดว่า
"ผู้อำนวยการนี่คือผลการตรวจที่คุณขอค่ะ"
"อืม" ผู้อำนวยการหลี่หยิบกระดาษผลตรวจขึน

มาดูเป็ นเวลานาน คิว้ ของเขาเลิกขึน

"เป็ นยังไงบ้างครับผู้อำนวยการ?" เซี่ยเฟิ งถาม
อย่างกังวล อวี๋ตงยืดตัวขึน
้ อย่างประหม่า
"ดูด้วยตัวเอง เอาไหม?" ผู้อำนวยการหลี่ส่งผล
ตรวจให้เซี่ยเฟิ ง
"ผู้อำนวยการ!" เซี่ยเฟิ งผู้ถูกกลั่นแกล้ง "คุณบอก
เรามาเถอะ"
"ฮ่า ฮ่า..." ผู้อำนวยการหลี่เห็นท่าทางที่ถูกรังแก
ของเซี่ยเฟิ งก็อดหัวเราะไม่ได้ก่อนจะพูดว่า "ยินดี
ด้วย คุณกำลังจะได้เป็ นพ่อแม่แล้ว"
แม้ว่าอวี๋ตงจะเตรียมใจมาแล้วแต่เมื่อได้ยินคำ
ประกาศของหมอ เธอก็ร้ส
ู ึกประหลาดใจมาก
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ขณะที่หันไปมองเซี่ยเฟิ
งด้วยท่าทางโง่งม เซี่ยเฟิ งก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่
นัก เขาประหม่าจนไม่ร้จ
ู ะวางมือเอาไว้ตรงไหนดี
"อายุครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว ทุกอย่างปกติดี แต่
ในฐานะของผู้หญิงตัง้ ครรภ์ นับตัง้ แต่นีค
้ ุณควรจะ
ใส่ใจสุขภาพร่างกายของคุณเป็ นพิเศษ คุณไม่ควร
ทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก" ผู้อำนวยการเสริม
"ค่ะ!" อวี๋ตงตื่นเต้นมากทำได้เพียงพยักหน้ารับ
ซ้ำๆ
"ยังไงก็ตามผมได้ยินมาว่า คุณเป็ นดีเจที่จัด
รายการช่วงดึก การนอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพของแม่
และเด็กในท้อง ดังนัน
้ ผมขอแนะนำให้คุณหยุดพัก"
ผู้อำนวยการหลี่กล่าวต่อ
อวี๋ตงเงียบไปครู่หนึ่ง ลังเลอยู่เพียงไม่กี่วินาที
ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างแน่วแน่
เซี่ยเฟิ งเห็นปฏิกิริยาของอวี๋ตงก็รับรู้ได้ว่าเธอไม่
เต็มใจที่จะหยุดพักงาน เซี่ยเฟิ งมักจะฟั งรายการขอ
งอวี๋ตง ความรักและความชื่นชอบในงานของเธอ
ปรากฎชัดในทุกครัง้ ที่ออกอากาศ
เซี่ยเฟิ งไม่ร้จ
ู ะปลอบใจอวี๋ตงยังไงดี เขาทำได้
เพียงจับมือของเธอแน่น
อวี๋ตงรู้สึกสบายใจและอบอุ่นจากมือที่กระชับ
แน่นของเซี่ยเฟิ งจึงส่งยิม
้ ให้เขา
"ผมไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้ว ผมจะปล่อยให้คุณ
สองคนแสดงความรักกันต่อก็แล้วกัน" ผู้อำนวยการ
หลี่หัวเราะขณะที่ลุกขึน
้ ยืน
"ขอบคุณครับผู้อำนวยการ" เซี่ยเฟิ งบอก
ขณะที่ผู้อำนวยการหลี่เดินผ่านประตูออกไปก็
พูดขึน
้ มาว่า "อย่าลืมไข่สีแดงของผมล่ะ"
"แน่นอนครับ!"
ผู้อำนวยการพออกพอใจ
"เซี่ยเฟิ ง...พวกเรากำลัง...จะมีลูก?" อวี๋ตงรู้สึก
อัศจรรย์ใจเล็กน้อยเมื่อสัมผัสที่หน้าท้องของตัวเอง
"ใช่!" เซี่ยเฟิ งสวมกอดอวี๋ตง ภายในใจเต็มไปด้วย
ความตื่นเต้นยินดี ความจริงเซี่ยเฟิ งอยากจะทำ
แบบนีต
้ งั ้ แต่ตอนที่เขารู้ผลตรวจแล้วแต่ก็ขัดเขิน
เกินกว่าที่จะทำต่อหน้าผู้อำนวยการหลี่ โชคดีที่
ตอนนีอ
้ ีกฝ่ ายยุ่งมากจึงไม่ได้อยู่ต่อ
"ฉันไม่เคยรู้เลยว่าฉันจะรู้สึกรักใครสักคนได้
ง่ายดายแบบนี ้ แต่เซี่ยเฟิ งฉันแทบอดใจรอไม่ไหวที่
จะได้เจอลูกของเรา" อวี๋ตงบอก
"ผมก็ชอบลูกของเราเหมือนกัน" เซี่ยเฟิ งลูบผม
ของอวี๋ตงเบาๆ "แต่ผมชอบคุณมากที่สุด"
อวี๋ตงยิม
้ รู้สึกอบอุ่นอ่อนหวานไปทัง้ หัวใจ
"ทำไมคุณไม่พูดอะไรเลยล่ะ?" เซี่ยเฟิ งรออยู่ครู่
หนึ่งแต่เมื่อเขาไม่ได้รับการตอบสนอง เขาก็ร้ส
ู ึก
กังวลขึน
้ มา
"คุณอยากให้ฉันพูดอะไร?" ความจริงอวี๋ตงก็ร้ว
ู ่า
เซี่ยเฟิ งกำลังบอกใบ้อะไรอยู่ แต่เธอแค่อยากจะ
แกล้งเขานิดหน่อย
เซี่ยเฟิ งขมวดคิว้ นึกถึงเพื่อนร่วมงานชายที่
แต่งงานมาได้สักพักได้บอกว่าเมื่อผู้หญิงมีลูกคำ
สาบานรักทัง้ หมดของพวกเขาจะถูกโยนทิง้ ไปนอก
หน้าต่าง
์ รีลงก่อนมองหน้าอวี๋ตง เขาย้ำ
เซี่ยเฟิ งลดศักดิศ
อีกครัง้ ว่า "ผมชอบลูกของเราแต่ผมชอบคุณ
มากกว่า"
"ฉันรู้!" อวี๋ตงกระพริบตา แสร้งทำเป็ นไขสือ
"โอ้..." เซี่ยเฟิ งรู้สึกราวกับพ่ายแพ้ขณะที่วาง
ความยึดมั่นในตัวอวี๋ตงลง
"คิก..." เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยเฟิ งอวี๋ตงก็กลัน

หัวเราะเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปก่อนจะพูดว่า "ซื่อบื้อ!"
เซี่ยเฟิ งก็ร้ว
ู ่าเขาทำตัวเหมือนเด็กจึงพลอย
หัวเราะไปกับภรรยาด้วย
เซี่ยเฟิ งยังมีวันที่ยุ่งมากรออยู่ ทัง้ สองคนจึงไม่ใช้
เวลาโอ้เอ้อยู่ที่นี่นานนัก พวกเขาเดินออกมาจาก
ห้องตรวจ เซี่ยเฟิ งตัง้ ใจจะไปส่งอวี๋ตงที่ลานจอดรถ
เมื่อทัง้ คู่เดินไปตามโถงทางเดิน บรรดาพยาบาล
กับแพทย์หลายคนที่เดินสวนกับพวกเขาก็หยุด
ทักทายพร้อมกับแสดงความยินดี อวี๋ตงรู้สึกสงสัย
มากจึงถามว่า "พวกเขารู้ได้ยังไง?"
"คงจะเป็ นพยาบาลที่เอาผลตรวจมาให้ผู้อำนวย
การ" เซี่ยเฟิ งเดา
.....
ขณะเดียวกันผู้อำนวยการหลี่ก็เจอกับคณบดี
และหยุดพูดคุยทักทายกับเขา
"เป็ นอะไร? ดูคุณมีความสุข" คณบดีถาม
"เด็กคนนัน
้ เซี่ยเฟิ งน่ะกำลังจะเป็ นพ่อคนแล้ว"
ผู้อำนวยการหลี่หัวเราะ
"โอ้ วิเศษมาก!" คณบดีร้ส
ู ึกแปลกใจ
ด้านหลังคณบดียังมีกลุ่มแพทย์และพยาบาลกลุ่ม
ใหญ่ที่เพิ่งจะเดินผ่านไป ทุกคนต่างหยิบโทรศัพท์
มือถือของตัวเองออกมากดกันมือเป็ นระวิง
ขณะที่อวี๋ตงเปิ ดประตูรถเธอก็นึกขึน
้ มาได้ "เรา
จะบอกพ่อกับแม่ตอนไหนดี?"
"โอ้ ใช่ ผมเกือบลืมไปเลย ผมจะโทรบอกเดี๋ยวนี ้
แหละ" เมื่อจำได้ว่าคุณแม่เซี่ยกระหายอยากจะมี
หลานชายมากแค่ไหน เซี่ยเฟิ งจึงโทรไปหาเธอก่อน
"สวัสดีครับแม่ แม่อยู่บ้านเหรอ?" ผมอยากบอก
อะไรแม่บางอย่าง" เซี่ยเฟิ งยิม
้ ให้อวี๋ตง "แม่กำลังจะ
เป็ นคุณย่าแล้ว"
"อะไรนะ?" คุณแม่เซี่ยกำลังตากผ้าอยู่เมื่อเธอ
ได้ยินที่เซี่ยเฟิ งบอก เธอก็โยนไม้แขวนเสื้อในมือทิง้
แล้วตะโกนเรียกสามี
เซี่ยเฟิ งได้ยินเสียงตะโกนขาดๆหายๆ และน้ำ
เสียงตื่นเต้นดีใจของแม่ที่ยังคุยโวเรื่องความฝั นของ
เธอที่เหมือนเป็ นคำทำนาย เขายังได้ยินเสียงของ
พ่อที่พยายามปลอบให้เธอสงบใจลงก่อน
เซี่ยเฟิ งส่ายหน้าก่อนจะวางสาย เขาหันไปมองอ
วี๋ตงแล้วยักไหล่ "ผมคงทำให้คุณลำบากไปพักใหญ่
แม่ของผมท่านคงจะทำซุปบำรุงร่างกายมาให้คุณ
เยอะมากแน่ๆ"
"ถ้าฉันอ้วนขึน
้ ก็เป็ นเพราะแม่ของคุณ คุณไม่ได้
รับอนุญาตให้หยุดชอบฉัน" อวี๋ตงชีไ้ ปที่เซี่ยเฟิ ง
"ถ้าอย่างนัน
้ ผมก็จะช่วยคุณกินครึ่งหนึ่ง เราจะได้
อ้วนไปด้วยกัน"
"มันก็อ้วนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?" อวี๋ตงนึกขึน
้ มา
ได้ "แต่แม่ของฉัน ท่านจะว่ายังไง? แม่คิดว่าพวก
เรายังไม่ได้แต่งงานกัน!"
เซี่ยเฟิ งรู้ว่าแม่ยายเป็ นผู้หญิงหัวเก่า เขาลังเลเล็ก
น้อยก่อนจะเสนอว่า "เราบอกท่านไปว่าพวกเราจด
ทะเบียนกันทันทีหลังจากกลับมา แล้วเราก็กำลัง
เตรียมจัดงานแต่งงานกัน โอ้ ตอนที่อยู่ไห่หนานพ่อ
กับแม่ของผม พวกท่านได้คิดแผนแต่งงานเอาไว้
แล้ว 7-8 แบบ เราก็แค่เลือกมาซักอันหนึ่ง"
"คุณจะลางานเพื่อแต่งงานได้เหรอ?"
"ลืมไปเลยว่าแต่งงานแล้วแต่พวกเขาจะไม่ให้ผม
ลาได้ยังไง? ในเมื่อผมกำลังจะเป็ นคุณพ่อ" เซี่ยเฟิ ง
พูดติดตลก
อวี๋ตงพอใจกับคำตอบของเซี่ยเฟิ งจึงมอบจูบให้
เขาอีกครัง้ ก่อนจะขับรถออกไป
"เซี่ยเฟิ ง!" เส้าอีฝ
้ านที่ยังอยู่ในชุดที่ใช้ผ่าตัดวิ่ง
เข้ามาพลางชกที่ไหล่ของเพื่อนสนิท "เด็กคนนีม
้ า
เร็วเกินไป ฉันยังโสดอยู่เลยแต่นายกำลังจะมีลูก
แล้ว"
"อิจฉาเหรอ?"
"ไม่มีทาง!"
"อิจฉาแน่ๆ" เซี่ยเฟิ งอารมณ์ดีก่อนจะนั่งลงที่
เก้าอีแ
้ ละอ่านบันทึกการแพทย์
"นายทำแบบนีก
้ ับพี่น้องที่ดีเหรอ? ยังไง
ก็ตาม...ตราบใดที่นายยอมแบ่งลูกชายของนายให้
ฉันบ้าง" เส้าอีฝ
้ านพูดด้วยน้ำเสียงขีโ้ กง
"ถ้าฉันมีลูกสาวล่ะ?" เซี่ยเฟิ งถาม
"ถ้านายมีลูกสาวก็ควรระวังเอาไว้ให้ดี" เส้าอีฝ
้ าน
พูดติดตลก "นายก็ร้ว
ู า่ ฉันชอบเดทกับผู้หญิงที่อายุ
น้อยกว่า"
"ไปตายซะ!" เซี่ยเฟิ งปาปากกาใส่หัวของเส้าอี ้
ฝาน
.....
เสี่ยวเยว่สตูดิโอ 
เซียงเสี่ยวเยว่กำลังฟุบอยู่หน้าโซฟาแล้วมองจ้อง
ไปที่ท้องของอวี๋ตง "เธอท้องจริงๆเหรอ?"
อวี๋ตงกับซินซินหัวเราะกับท่าทางที่ไม่เชื่อของ
เสี่ยวเยว่
"ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอดูดีขึน
้ ทัง้ ๆ ที่ไม่ได้แต่ง
หน้าด้วยซ้ำ" เสี่ยวเยว่เริ่มกังวล "การตัง้ ครรภ์ทำให้
คนสวยขึน
้ ได้จริงเหรอ?"
"ทำไม? เธอจะลองดูงัน
้ เหรอ?" อวี๋ตงอดพูดเย้า
แหย่ไม่ได้
"คุณควรจะลองดูนะ ไม่งัน
้ ผมคงต้องเสียเงินติด
สินบนแบบนีไ้ ปเรื่อยๆ" ฉินเยว่วนเวียนอยู่ใกล้ๆเพื่อ
รอเสี่ยวเยว่ทำงานเสร็จ
"ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ?ผู้ชายหน้าด้าน!" เสี่ยว
เยว่หันกลับไปตะโกนใส่เขา
"ที่รัก อย่าเอะอะไป ผมรู้ว่าเมื่อคืนเป็ นความผิด
ของผม!" ฉินเยว่ตอบด้วยใบหน้าระรื่น
"โอ้..." อวี๋ตงกับเรินซินซินหันไปมองเสี่ยวเยว่ด้วย
สีหน้ามีเลศนัย
ใบหน้าของเสี่ยวเยว่แดงเรื่อ เธอรู้สึกอยากจะทุบ
ผู้ชายไร้ยางอายคนนีด
้ ้วยกระเป๋า ฉินเยว่ไม่ได้หลบ
เลี่ยงขณะที่มองกระเป๋าของเสี่ยวเยว่อย่างไม่เกรง
กลัว "เอาสิ ตีผมเลยแต่จำไว้ว่าคุณต้องพาผมไปส่ง
โรงพยาบาลด้วย"
"คุณ..." เสี่ยวเยว่ไม่เข้าใจว่าผู้ชายที่แต่งตัว
เรียบร้อยเหมาะสมคนนีท
้ ำไมถึงได้กวนประสาทได้
ขนาดนีก
้ ัน
เรินซินซินเห็นว่าเสี่ยวเยว่เริ่มจะโมโหขึน
้ มาจริงๆ
แล้ว เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยและถามอวี๋ตงว่า "เธอ
เตรียมงานแต่งงานแล้วหรือยัง?"
อวี๋ตงพยักหน้า "ขึน
้ อยู่กับว่าเซี่ยเฟิ งจะลางานได้
เมื่อไหร่ เธอก็ร้ว
ู ่าที่โรงพยาบาลงานยุ่งจะตาย"
"แต่ถ้าเป็ นแบบนีเ้ ธอจะจองสถานที่จัดงานไม่ทัน
นะ" เรินซินซินกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี ้ เพราะสถานที่
จัดงานแต่งงานจะต้องจองล่วงหน้าหลายเดือนและ
มักจะหายาก
"ไม่ต้องเป็ นห่วง ไปใช้โรงบ่มไวน์เฟิ งฟางก็ได้"
เสี่ยวเยว่บอกขณะที่หันไปหาฉินเยว่ "เตรียมโรงบ่ม
ไวน์ให้ว่างเอาไว้ด้วย"
"ผมเพิ่งจะซื้อมันมาได้ไม่นาน แต่ผมจะโทรไป
บอกให้เตรียมสถานที่เอาไว้ให้พร้อม" ฉินเยว่ตอบ
ด้วยรอยยิม

อวี๋ตงเลิกคิว้ ขณะที่ซินซินกลัน
้ ยิม
้ อวี๋ตงเดินไป
หาฉินเยว่แล้วยกนิว้ โป้ งให้เขา ฉินเยว่ชีน
้ ว
ิ ้ เข้าหาตัว
เองก่อนจะขยิบตาให้
อวี๋ตงมีความสุขกับบรรยากาศที่เกิดขึน
้ ตอนนี ้
เสี่ยวเยว่และฉินเยว่ยังทะเลาะกันอย่างมีความสุข
แต่ว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะได้แต่งงานกัน
เรินซินซินกับเสี่ยวตังและเพื่อนสาวของเธอเริ่มมี
ชีวิตที่ดีขึน
้ และมีความสุขมากขึน
้ เรื่อยๆ
และอวี๋ตง? อวี๋ตงไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีลูกกับ
ใครสักคน เธอชอบเด็กมาตลอดแต่เธอไม่เคยคาด
หวัง
ความคิดเรื่องลูกเป็ นเครื่องมืออันยอดเยี่ยม
สำหรับแม่ของเธอที่ชอบใช้มันบีบบังคับให้อวี๋ตง
แต่งงานในชีวิตก่อน แม่อวี๋มักจะวาดภาพอนาคต
ของอวี๋ตงด้วยท่าทางเยือกเย็น
แม่อวี๋บอกว่าถ้าหากไม่มีลูกก็จะไม่มีใครระลึกถึง
เธอและเธอจะต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังโดยปราศจาก
คนเหลียวแล ถ้าเธอป่ วยก็จะไม่มีใครมาคอยดูแล
และปลอบประโลมเธอ
เด็กถูกเลีย
้ งดูมาเพื่อเป็ นหลักประกันไม่ให้เกิด
ความเงียบเหงาในวัยชราอย่างนัน
้ เหรอ?
ตอนนีใ้ นที่สุดอวี๋ตงก็เข้าใจแล้วว่าทัง้ หมดนัน

ไม่ใช่ความจริง เด็กเกิดมาเพราะคนๆหนึ่งรู้สึกมี
ความสุขและมีความปรารถนาอย่างแท้จริง
เหมือนทูตสวรรค์ที่ถูกส่งลงมาให้เราได้ช่ น
ื ชม
และยินดี
....................
ตอนที่ 58 บทสุดท้าย
ในสถานีวิทยุ
ผู้อำนวยการหม่ารู้สึกพูดไม่ออกขณะมองอวี๋ตงที่
มาปรากฎตัวในห้องทำงานของเขาอย่างกะทันหัน
กระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย
"คุณ...คุณกำลังขอลาคลอด ถูกต้องใช่ไหม?"
"ใช่ ฉันหวังว่าคุณจะอนุมัติ" อวี๋ตงรู้สึกอายเล็ก
น้อย "ฉันรู้ว่ามันค่อนข้างขาดความรับผิดชอบที่จู่ๆ
ก็มาขอลาพักในตอนที่รายการกำลังได้รับความ
นิยม แต่คุณมั่นใจได้เลยว่าฉันจะมาทำงานจนกว่า
คุณจะหาคนจัดรายการคนใหม่ได้"
"นั่นไม่ใช่..." ผู้อำนวยการหม่าโบกมือ "คุณ
แต่งงานแล้วเหรอ? ทำไมผมถึงไม่เคยรู้เรื่องนีเ้ ลย
ล่ะ?ไม่ใช่ว่าคุณมาที่สถานีวิทยุของเราหลังจากเรียน
จบหรอกเหรอ?"
"ฉันมาที่สถานีวิทยุหลังจากฉันแต่งงานได้แค่วัน
เดียว แต่เรายังไม่ได้จัดงานแต่งงาน" อวี๋ตงยิม
้ ขณะ
พูดเชิญเขาช้าๆ "ถ้าคุณมีเวลาก็ได้โปรดมาร่วมงาน
แต่งงานของเราด้วย"
"ทำไมคุณไม่พูดแบบนีต
้ งั ้ แต่แรก ถ้าผมรู้ว่าคุณ
เพิ่งจะแต่งงาน ผมคงจะไม่ให้คุณจัดรายการช่วง
เที่ยงคืน" ผู้อำนวยการหม่าแปลกใจ
อวี๋ตงหัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไร
"เอาละ.." ผู้อำนวยการหม่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ
พูดว่า "อันที่จริงผมกะจะบอกเรื่องนีก
้ ับคุณภาย
หลัง หลังจากที่ได้ผลสรุปแน่นอนแล้ว แต่เพราะว่า
คุณท้องผมจึงบอกคุณล่วงหน้าถือว่าเป็ นของขวัญ"
"เรื่องอะไรเหรอคะ ผู้อำนวยการ?" อวี๋ตงสงสัย
"นับตัง้ แต่ที่คุณเริ่มจัดรายการ Midnight
Phantom เรตติง้ ผู้ฟังของเราเพิ่มขึน
้ อย่างต่อเนื่อง
ตอนนีค
้ ุณเป็ นห่านทองคำของเราแล้ว"
ผู้อำนวยการหม่าพูดต่อไปว่า "โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งเมื่อปี ที่แล้ว ตอนที่คุณได้ช่วยคนจำนวนมากจาก
อุบัติเหตุบนทางหลวง จากเหตุการณ์ครัง้ นัน
้ แม้แต่
ผู้ปกครองในเขตก็ยังยกชื่อคุณขึน
้ มาพูด นอกจากนี ้
แม้แต่ผู้ฟังที่ค่อนข้างเป็ นบุคคลอันตรายคุณก็ยัง
รับมือได้ดี"
"ผู้อำนวยการหม่า ฉันซาบซึง้ กับคำชื่นชมของ
คุณแต่นี่เป็ นสิ่งที่ใครๆก็ทำได้" อวี๋ตงถ่อมตัว
“ผมไม่ได้พูดเกินจริง ความสำเร็จของคุณชัดเจน
มาก ผู้อำนวยการใหญ่ในไต้หวันก็สังเกตเห็นคุณมา
นานแล้ว" ผู้อำนวยการหม่าพูด
"ผู้อำนวยการใหญ่?" อวี๋ตงสงสัย
"สถานีโทรทัศน์ซิตีท
้ ีวีกำลังวางแผนเปิ ดรายการ
ทอล์คโชว์ตัวใหม่ โปรดิวเซอร์ของรายการสนใจคุณ
อยากให้คุณเป็ นพิธีกร พวกเขาติดต่อทางเรามา
แล้ว" ผู้อำนวยการหม่าหัวเราะ
"ซิตีท
้ ีวี? รายการทอล์คโชว์?" อวี๋ตงตะลึงเมื่อจู่ๆ
พายชิน
้ ใหญ่ก็หล่นจากฟ้ าตกลงมาบนตักของเธอ
"รายการทีวีสามารถบันทึกเทปล่วงหน้าได้ ดังนัน

คุณก็ไม่ต้องนอนดึก" ผู้อำนวยการหม่าบอก "นี่เป็ น
โอกาสที่ดีของคุณ"
.......
สถานีวิทยุจัดการเรื่องนีอ
้ ย่างรวดเร็ว ภายใน
เวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ ดีเจคนใหม่ก็เข้ามารับช่วง
ต่อรายการของอวี๋ตง
คืนนีเ้ ป็ นคืนสุดท้ายที่อวี๋ตงจะเป็ นดีเจรายการ M
idnight Phantom
"สวัสดีทุกคน นี่คือ FM 9666 ยินดีต้อนรับทุก
คนอีกครัง้ หลังโฆษณา นี่คือ ดีเจ อวี๋ต้ง  ฉันเคยพูด
เรื่องนีม
้ าแล้วนับครัง้ ไม่ถ้วน และคืนนีจ
้ ะเป็ นคืน
สุดท้ายที่ฉันได้มาจัดรายการ อวี๋ต้ง ไม่เต็มใจอย่าง
ยิ่ง ซึ่งตอนนีท
้ ุกคนก็รับรู้แล้ว ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าจะ
ได้กลับมาจัดรายการอีกหรือเปล่า"
อวี๋ตงเฝ้ าดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีข้อความเลื่อน
ผ่านมาเรื่อยๆ ทำให้เธอน้ำตาซึม
อวี๋ตงเงยหน้าขึน
้ ก่อนเหลือบมองเวลา ยังมีเหลือ
อีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่รายการจะจบ อวี๋ตงพยายาม
ปรับอารมณ์ให้ดีขึน
้ ขณะที่ดำเนินรายการตามขัน

ตอนปกติ "เอาล่ะ เรามาดูกันว่าคืนนี ้ คุณคนแกร่ง
หรือคุณคนสวยจะมีเรื่องอะไรมาแบ่งปั นให้พวกเรา
ได้ฟังกัน"
"สวัสดีค่ะ นี่คือ อวี๋ต้ง" อวี๋ตงรับสายโทรศัพท์
"โทรติดแล้วใช่ไหม? พวกเราโทรติดหรือ
เปล่า?"เสียงเด็กสาวดังมาตามสาย เห็นได้ชัดว่าเธอ
ตื่นเต้นมากและดูเหมือนจะไม่เชื่อว่าเธอกำลังพูด
ออกอากาศในรายการวิทยุ
"คุณคนสวย สวัสดี"
"อ๊า! อ๊า!" เสียงเด็กสาวร้องอุทานออกมาอย่างมี
ความสุข "ในที่สุดฉันก็ได้เป็ นคุณคนสวย"
"อย่าเพิ่งตื่นเต้นจนเกินไป รีบแนะนำตัวกับพวก
เราก่อน..."
อวี๋ตงฟั งเสียงเอะอะที่ดังจากปลายสายก่อนจะ
เลิกคิว้ อย่างจนปั ญญา
"ค่ะ สวัสดีค่ะ อวี๋ต้ง ฉันกับเพื่อนร่วมชัน
้ ทุกคน
ต่างก็เป็ นแฟนตัวยงของคุณ" เด็กสาวแนะนำตัว "พ
วกเรามีผู้หญิง 3 คนกับผู้ชายอีก 5 คนทุกคนกำลัง
เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยฮวาต๋า"
"สวัสดีค่ะ อวี๋ต้ง ฉันคุณคนสวยหมายเลข 2"
"ฉันคนสวยหมายเลข 3"
"พวกเราคือคุณคนแกร่งหมายเลข 1-5"
"ใครบอกให้นายเป็ นตัวแทนของพวกเรา?" เสียง
เด็กหนุ่มบ่นแทรกเข้ามา
"แนะนำทีละคนมันเสียเวลา"
"สวัสดี" อวี๋ต้ง ทักทายพวกเขาทุกคนด้วยน้ำ
เสียงมีความสุข
"พวกเรามักจะทำโครงงานกับการบ้านช่วงดึกๆ
พวกเราเลยชอบฟั งรายการของคุณด้วยกัน" คุณคน
สวยหมายเลข 1 อธิบาย "แต่พวกเราไม่เคยมีเรื่อง
น่าสนใจที่จะเล่าให้ฟังก็เลยไม่เคยโทรเข้ามา แต่
เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณบอกว่าคุณกำลังท้องและคุณ
ต้องออกจากการเป็ นดีเจของ Midnight
Phantom พวกเราก็เลยอยากโทรมาแสดงความ
ยินดีกับคุณ!"
"ขอบคุณ!"
"เราอยากจะบอกว่า...ถ้าไม่มีคุณก็คงจะไม่มี Mid
night Phantom และก็คงไม่มีคุณคนสวยกับคุณ
คนแกร่ง" คุณคนสวยหมายเลข 1 พูดต่อว่า "ดังนัน

พวกเราจึงตัดสินใจว่า คืนนีย
้ ังไงก็ตามเราจะต้อง
เป็ นคุณคนสวยกับคุณคนแกร่งให้ได้"
จู่ๆ อวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกอยากร้องไห้ เมื่อรับรู้ความจริงว่า
คนสวยกับสตรองไม่ใช่แค่คำทั่วๆไปแต่เป็ นส่วน
สำคัญของรายการ พวกเขาบอกว่ามันเป็ นคำพิเศษ
ที่ใช้บ่งบอกถึงตัวตนของเธอ
"เมื่อกีพ
้ วกเราต่างกดหมายเลขโทรด่วน โชคดีที่
โทรติด" เมื่อคนสวยหมายเลข 1 พูดจบ ก็ได้ยิน
เสียงพูดเซ็งแซ่เพื่อแย่งกันบอกเล่าความรู้สึกของ
พวกเขา
"อวี๋ต้ง" คุณคนแกร่งหมายเลข 1 รู้สึกตื่นเต้นขึน

มาอีกรอบ "เราไม่มีเรื่องราวพิเศษจะแบ่งปั น แต่เรา
อยากจะบอกคุณว่าคืนนีจ
้ ะเป็ นคืนที่อบอุ่นสำหรับ
คุณ"
"อวี๋ต้ง ขอให้คุณกับลูกน้อยมีความสุขและ
สุขภาพแข็งแรง!"
"ขอให้มีความสุข!"
"เราจะรอคุณกลับมา!"
.......
ในขณะที่คุณคนสวยกับคุณคนแกร่งยังคงส่งมอบ
ความปรารถนาดีของพวกเขามาให้ ในที่สุดอวี๋ตงก็
ปล่อยให้หยดน้ำตาของเธอร่วงหล่นลงมา
[น้องสาวพูดได้ถูกแล้ว!]
[เธอพูดแทนใจพวกเราทุกคน]
……
"นี่เป็ นครัง้ แรกที่ฉันลังเลที่จะแยกจากกับคนที่
ฉันไม่เคยได้เจอหน้ามาก่อน" คุณคนสวยหมายเลข
1 บอก
"เราก็ร้ส
ู ึกเหมือนกัน” หลายเสียงดังแทรกเข้ามา
พร้อมกัน
"ขอบคุณมาก!" อวี๋ตงสะอื้น
ในตอนท้ายของรายการพี่อวี๋ก็เข้าไปในห้อง
บันทึกเสียงเพื่อส่งทิชขู่ให้อวี๋ตง เมื่อเห็นดวงตาที่
แดงก่ำของเธอเขาก็พูดว่า "ฉันทำงานในสถานีนีม
้ า
หลายปี แต่นี่เป็ นครัง้ แรกที่ฉันเห็นสถานการณ์แบบ
นี"้
อวี๋ตงรับทิชชู่และเช็ดน้ำตาของเธอ
"คุณยอดเยี่ยมมาก!" พี่อวี๋อดชื่นชมไม่ได้
อวี๋ตงมองพี่อวี๋อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอ
ก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ
"คุณควรกลับบ้านเร็วหน่อย ร้องไห้มากไปจะ
เป็ นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ คุณกำลังท้องอยู่
นะ" พี่อวี๋ส่ายหน้าพลางยกยิม

.....
ขณะที่อวี๋ตงเดินลงบันไดหน้าอาคาร จู่ๆเธอก็
มองกลับไปยังตึกสูงด้านหลัง พลางสงสัยว่าเธอจะ
ได้กลับมาอีกหรือเปล่า
"อ๊ะ! นี่ของขวัญของคุณ" รปภ. ที่ประจำอยู่ตรง
ประตูเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องของขวัญขนาดเล็ก
"ใครส่งมาคะ?" อวี๋ตงถาม
"เดิมทีคนขับรถบัสอยากจะมอบมันให้คุณด้วยตัว
เองแต่คุณออกมาช้ากว่าเวลาปกติ เขาต้องขับรถ
ต่อก็เลยฝากเอาไว้ที่นี่" รปภ.พูดต่อว่า "เขายังขอให้
ผมแสดงความยินดีกับการตัง้ ครรภ์ของคุณแล้วก็ขอ
ให้คุณดูแลสุขภาพให้มากขึน
้ ด้วย"
อวี๋ตงรับกล่องของขวัญมาแล้วมองไปยังป้ ายรถ
โดยสารที่ว่างเปล่าบนถนนฝั่ งตรงข้าม โดยจำได้ว่า
คนขับรถบัสมักจะจอดรอเธออยู่สักพักเวลาที่เธอ
ออกมาช้า
"มีอะไรเหรอ?" เซี่ยเฟิ งยืนรออยู่ข้างรถ เมื่อเขา
เห็นอวี๋ตงยืนเหม่อลอยอยู่ตรงประตูทางเข้าอาคาร
จึงเดินเข้ามาถาม
"เซี่ยเฟิ ง ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่าโลกนีค
้ ่อนข้าง
อบอุ่น" จู่ๆอวี๋ตงก็พูดขึน
้ มา
อวี๋ตงถือกล่องดนตรีเอาไว้ในมือและฟั งมัน
บรรเลงเพลง "To Alice" กับเซี่ยเฟิ งตลอดทางกลับ
บ้าน
.....
เนื่องจากเซี่ยเฟิ งแทบจะไม่เคยขอลางานเลย
และความจริงที่ว่าเขากำลังจะแต่งงานทางโรง
พยาบาลจึงอำนวยความสะดวกให้เขาเต็มที่
ตอนที่พ่อแม่ของอวี๋ตงได้พบกับพ่อแม่ของ
เซี่ยเฟิ ง ทัง้ 2 ครอบครัวก็เข้ากันได้ดี ทัง้ สอง
ครอบครัวต่างกล่าวชื่นชมลูกของอีกฝ่ าย คุณแม่
เซี่ยยังมอบเงินของขวัญให้อีกครึ่งล้านหยวนแต่อวี๋
ตงรีบปฏิเสธทันที แม่อวี๋ก็ตกใจมากนี่คงไม่ใช่พล็อต
เรื่องละครเลือดสุนัขหลังข่าวหรอกนะ? เธอไม่กล้า
รับหรอก!
คุณแม่เซี่ยก็ชะงักค้าง เธอจะไม่ให้เงินสำหรับจัด
งานแต่งงานของลูกชายได้ยังไง? สถานที่จัดงานก็
เป็ นเพื่อนของอวี๋ตงที่จัดการให้ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
เซี่ยเฟิ งกับอวี๋ตงก็เป็ นคนจัดการเอง
ถ้างัน
้ ก็ช่างเถอะ ฉันเก็บเอาไว้ให้หลานก็ได้
.....
งานแต่งงานถูกจัดขึน
้ ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็ น
ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อนที่สมบูรณ์แบบ โรง
บ่มไวน์เต็มไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่ง
นอกจากญาติและพ่อแม่แล้ว แขกที่มาร่วมงาน
ส่วนใหญ่มาจากโรงพยาบาลของเซี่ยเฟิ งและสถานี
วิทยุของอวี๋ตง มีศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยของอวี๋
ตงไม่กี่คน
งานแต่งงานมีการปล่อยลูกโป่ งหลากสีและจบลง
ด้วยช่อดอกไม้ของเจ้าสาวในมือของเซียงเสี่ยวเยว่
อวี๋ตงจับมือเซี่ยเฟิ งขณะที่เธอมองลูกโป่ งหลาก
สีสันที่ลอยขึน
้ ไปบนท้องฟ้ าสะท้อนอารมณ์ของเธอ
ในตอนนัน

ฉินเยว่เดินไปหาเสี่ยวเยว่ท่าทางพึงพอใจที่เห็น
เธอได้ช่อดอกไม้ "คืนนีผ
้ มจะโทรหาพ่อกับแม่แล้ว
บอกให้พวกท่านกลับบ้าน"
"ทำไมคุณถึงอยากให้คุณลุงกับคุณป้ ากลับมาที่
จีน?" เสี่ยวเยว่งุนงง
   "คุณต้องไปเยี่ยมที่บ้านผมอย่างเป็ น
ทางการ!" ฉินเยว่มองไปยังช่อดอกไม้ในมือของเธอ
"คุณนี่หน้าหนาขนาดไหนกัน?" เสี่ยวเยว่ตวาด
"คุณได้รับช่อดอกไม้นี่ถือเป็ นโชคชะตาของคุณ"
"พระเจ้าประสงค์ให้ฉันแต่งงานแต่ไม่ใช่กับคุณ"
เสี่ยวเยว่เยาะ "ยังไงก็ตามสำหรับเพื่อนเจ้าสาวที่ดูดี
ที่สุดมักจะได้คู่กับเพื่อนเจ้าบ่าวที่ดีที่สุด"
เส้าอีฝ
้ านที่สวมสูทในวันที่อากาศร้อนจัด จู่ๆก็
รู้สึกหนาวสั่นขึน
้ มา
เรินซินซินกอดลูกเอาไว้ในอกขณะที่เธอหัวเราะ
...
ตกกลางคืนเซี่ยเฟิ งที่เหนื่อยล้าก็ไปอาบน้ำ เมื่อ
กลับออกมาก็ไม่เห็นเจ้าสาวหมาดๆของเขาแล้ว
เซี่ยเฟิ งหยิบผ้าคลุมไหล่จากตู้เสื้อผ้าแล้วเดินไปที่
ระเบียง ตามคาดอวี๋ตงอยู่ที่นั่น นั่งอยู่บนเก้าอีแ
้ ล้ว
มองไปยังดวงจันทร์
"ระวังจะเป็ นหวัด" เซี่ยเฟิ งคลุมผ้าคลุมไหล่ให้
เธอ
อวี๋ตงหันไปมองเซี่ยเฟิ งพร้อมส่งยิม
้ แสนหวานให้
เขา จากนัน
้ ก็หันกลับไปมองดวงจันทร์
"คืนนีพ
้ ระจันทร์ดูสวยเป็ นพิเศษหรือเปล่า?" เซี่ย
เฟิ งอดถามไม่ได้
"อืม" อวี๋ตงพยักหน้าจากนัน
้ ก็หัวเราะ "ฉันแค่
นึกถึงบทกลอน 2-3 บท 'การฟั งเพลงและบทเพลง
ในคืนที่มัวเมา ไม่ใช่เพราะพระจันทร์หรือดอกไม้ที่
ชูช่อ...'"
“กลอนบทนีไ้ ม่ได้ใช้แบบนีน
้ ี่?” เซี่ยเฟิ งถาม
"นี่คือสิ่งที่ฉันตีความ" อวี๋ตงไม่แยแส
"ทำไม?" เซี่ยเฟิ งถามด้วยรอยยิม

"บ้านของฉันคือสถานที่ที่ดีที่สุดและสวยงามที่สุด
ในโลกด้วยดอกไม้กับตัวคุณ และในอีกไม่กี่เดือน
ด้วยลูกของเรา"
เซี่ยเฟิ งเกาะกุมมืออวี๋ตงที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยมือ
ทัง้ สองข้างของตัวเอง จากนัน
้ ภายใต้แสงดาว
เขามองอวี๋ตงก่อนบรรจงจุมพิตปลายนิว้ เย็นของ
เธอทีละนิว้
"ฉันไม่ต้องการดอกไม้หรือดวงจันทร์ทัง้ หมดที่ฉัน
ต้องการก็คือคุณและลูก"
ผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ ฝั นที่จะสวมชุดสีขาวชุดนัน

ไม่ใช่เพราะชุดทำให้พวกเธอดูงดงาม แต่เป็ นเพราะ
มันเป็ นสัญญาณที่บ่งบอกว่าวันนัน
้ จะมีคนมอบบ้าน
ใหม่ให้แก่พวกเธอ....

💕💕💕💕💕
 ตอนพิเศษ 1
อวี๋ตงมาที่สถานีโทรทัศน์เร็วกว่าเวลาปกติหนึ่ง
ชั่วโมง เธออยากจะพบกับแขกรับเชิญทัง้  2 คนของ
เธอก่อนการสัมภาษณ์พวกเขาในรายการ
แขกรับเชิญทัง้ สองคนของเธอค่อนข้างพิเศษ คน
หนึ่งเป็ นชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ในการออกแบบหุ่น
ยนต์ที่ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยปรากฎมา
ก่อนในสาขาอาชีพนี ้ ขณะที่อีกคนเป็ นผู้ประกอบ
การใจบุญซึ่งเข้าร่วมงานการกุศลมากมาย
"ผู้กำกับ แขกรับเชิญมาแล้วเหรอ?" อวี๋ตงถาม
เมื่อเธอเจอผู้กำกับรายการ
"มีคนหนึ่งโทรเข้ามาบอกว่าพวกเขาเจอรถติดแต่
โชคดีที่ออกมาเร็ว ผมคิดว่าเขาคงไม่น่าจะมาสาย"
ผู้กำกับชอบแขกรับเชิญที่มาตรงเวลามากที่สุด
"ฉันยังอยากเจอเขาก่อนบันทึกเทปรายการ" อวี๋
ตงอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
"ตงตง คุณไม่ต้องกังวลเพราะเขาเป็ นแฟนคลับ
ของคุณ" ผู้กำกับพูดปลอบใจ "คุณเหลียวชอบ
บริจาคเพื่อการกุศล แต่ผมก็สังเกตเห็นบางอย่าง
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพูดฝากเรื่องการบริจาคใน
รายการ เขาจะเป็ นคนแรกที่บริจาคเสมอ โดย
เฉพาะล่าสุดที่คุณบอกว่าไม่มีโรงเรียนในหมู่บ้าน
เล็กๆบนภูเขาตอนเหนือของยูนนาน คุณบอกว่าถ้า
หากไม่มีโรงเรียนในหมู่บ้านเด็กๆก็ต้องเดินเท้าถึง 2 
ชั่วโมงเพื่อไปเรียน วันรุ่งขึน
้ ผู้จัดการบริษัทบางแห่ง
ก็ถูกส่งไปที่ยูนนานเพื่อสร้างโรงเรียนในหมู่บ้าน ต่อ
มาก็มีเงินบริจาคหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดจนสามารถ
ซื้อหนังสือและอุปกรณ์การเรียนให้ทุกคนได้"
"นั่นเป็ นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงอยากพบเขาก่อน"
อวี๋ตงสงสัยเกี่ยวกับคุณเหลียวคนนีม
้ าตลอด
"เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะมาถึงก่อน
เวลา" ผู้กำกับยักไหล่ วันนีก
้ ารจราจรแย่มาก
"แล้วแขกรับเชิญอีกคนล่ะ?" อวี๋ตงถาม
"พูดถึงเขาแล้ว โปรดิวเซอร์ทุกคนตกใจมาก
คนๆนีม
้ ีช่ อ
ื เสียงว่าไม่ยอมให้สัมภาษณ์แม้แต่
รายการข่าวก็ยังถูกปฏิเสธโดยอ้างว่าเขาขีเ้ กียจเกิน
ไป ทุกคนต่างพากันสงสัยว่าทำไมเขาถึงยอมมา
ออกรายการเล็กๆของเรา" ผู้กำกับตื่นเต้น
"พวกเราถือว่าเป็ นรายการเล็กๆ?" อวี๋ตงรู้ว่านับ
ตัง้ แต่ที่เธอเริ่มจัดรายการ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็ น
เพียงรายการทอล์คโชว์แต่เรตติง้ ก็ค่อนข้างดี
"เราจะเทียบอะไรกับรายการข่าวได้ล่ะ" ผู้กำกับ
หัวเราะ
"เอาล่ะ ฉันแค่จะถามว่าเมื่อไหร่ที่คนดังคนนีจ
้ ะ
มาถึง ฉันได้ยินว่าคนๆนีพ
้ ูดคุยด้วยค่อนข้างยากก็
เลยอยากจะทำความรู้จักกับเขาก่อน ฉันจะได้ร้ว
ู ่ามี
คำถามไหนบ้างที่ถามได้หรือถามไม่ได้" อวี๋ตงบอก
"โอ้...ดูเหมือนว่าเขาก็เจอรถติดด้วยเหมือนกัน"
ผู้กำกับยักไหล่อีกครัง้ อย่างช่วยไม่ได้
"...." พวกเขาอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันหรือยัง
ไง? หรือว่าวันนีก
้ ารจราจรติดขัดในทุกถนน? ช่าง
มัน เธอก็แค่ทำให้สิ่งที่ต้องทำ
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา อวี๋ตงก็เตรียมตัวให้พร้อม
อยู่ในห้องแต่งตัวของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะออกไป
ก็ได้ให้คำแนะนำกับผู้ช่วยของเธอว่า "เมื่อฉันเริ่ม
สัมภาษณ์แขกรับเชิญคนแรก เธอไปที่หลังเวทีแล้ว
ถามแขกรับเชิญคนที่สองว่ามีคำถามไหนบ้างที่ฉัน
ไม่ได้รับอนุญาตให้ถาม"
ผู้ช่วยของเธอเป็ นเด็กสาวที่เพิ่งเรียนจบมาเมื่อ 2 
ปี ก่อน หลังจากฟั งอวี๋ตงจบเธอก็หน้าแดงทันที
เมื่อเห็นแบบนีใ้ นดวงตาของอวี๋ตงก็จุดประกาย
ล้อเลียน "ดูเหมือนว่าแขกรับเชิญคนที่สองจะหล่อ
มากทีเดียว"
"อื้อ" เด็กสาวพยักหน้าหลายครัง้
"ถ้าอย่างนัน
้ ทำไมเธอไม่ใช้โอกาสนีพ
้ ูดคุยกัน
ล่ะ?"อวี๋ตงเลิกคิว้
"ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจและความเมตตาที่
ยิ่งใหญ่ของคุณ!" เด็กสาวจับมือแล้วโค้งคำนับด้วย
ท่าทางน่าขันก่อนจะวิ่งออกไป
อวี๋ตงพูดไม่ออกกับท่าทางซื่อบื้อของเด็กสาว
จากนัน
้ ก็ยม
ิ ้ ขณะที่เธอรอสัญญาณจากทีมงานเพื่อ
ขึน
้ ไปบนเวที หลังจากเสียงปรบมือต้อนรับอย่าง
อบอุ่นหยุดลง อวี๋ตงก็เริ่มแนะนำถึงแขกพิเศษของ
วันนี ้
"แขกรับเชิญคนแรกของเราในวันนี ้ เป็ นผู้
ประกอบการที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
เซี่ยงไฮ้เมื่อปี ที่แล้ว ขอเชิญคุณเหลียวเจียฮุ่ย
ประธานบริษัทอวีห
้ ลินกรุ๊ป" อวี๋ตงแนะนำต่อว่า
"คุณเหลียวเจียฮุ่ย ไม่เพียงแต่เป็ นนักธุรกิจที่น่าทึ่ง
แต่ยังเป็ นผู้ใจบุญที่ยิ่งใหญ่ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา คุณ
เหลียวเจียฮุ่ยได้บริจาคเงินไม่น้อยกว่า 30 ล้าน
หยวนให้กับองค์กรการกุศลต่างๆมากมาย โปรด
ปรบมือต้อนรับคุณเหลียวเจียฮุ่ยค่ะ"
ชายวัยกลางคนผิวสีแทนในชุดสูทเดินขึน
้ มาบน
เวที ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง คุณเหลียว
ทักทายผู้ชมและจับมือกับพิธีกรก่อนจะนั่งลงบน
โซฟา
อวี๋ตงบอกได้เลยว่าชายคนนีร้ ้ส
ู ึกประหม่าจึงค่อน
ข้างแปลกใจกับเรื่องนี ้ ท้ายที่สุดเขาเป็ นประธาน
บริษัทเงินล้านอะไรบ้างที่เขาไม่เคยพบเจอมาใน
ชีวิต? ทำไมเขาถึงได้ประหม่ากับแค่การมาให้
สัมภาษณ์ในรายการทีวีเล็กๆนี ้
"คุณเหลียว เราทุกคนรู้ดีว่าคุณเริ่มต้นสร้าง
บริษัทนีข
้ ึน
้ มาในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปี คุณ
เปลี่ยนเวิร์คช็อปของเกษตรกรรายย่อยที่บ้านเกิด
ของคุณจนกลายเป็ นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ
ขนาดใหญ่ คุณเคยจินตนาการถึงอนาคตแบบนี ้
หรือเปล่าในตอนที่คุณเริ่มเวิร์คช็อป?"
"โอ้...ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดอะไรขึน
้ ในอนาคต
ผมแค่อยากเริ่มชีวิตใหม่" คุณเหลียวหัวเราะ ความ
คิดคำนึงปรากฎชัดในน้ำเสียงของเขา
"โอ้ มีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังการเริ่มต้นใหม่ของ
คุณใช่หรือเปล่า?" อวี๋ตงกระพริบตา
"พิธีกร อันที่จริงเราเคยพบกันมาก่อน" จู่ๆคุณ
เหลียวก็พูดขึน
้ มา "อันที่จริงคุณถือได้ว่าเป็ นที่มา
ของความสำเร็จทัง้ หมดของผม"
"เอ๊ะ?" อวี๋ตงตกตะลึง จากนัน
้ ก็พิจารณาใบหน้า
ของเขาเป็ นเวลานาน แต่สุดท้ายแล้วเธอก็จำไม่ได้
ว่าเคยพบคุณเหลียวจากที่ไหนจึงได้แต่พูดว่า "ขอโ
ทษด้วย แต่ฉัน..."
"ผมเดาว่าคุณคงจำไม่ได้" คุณเหลียวไม่โกรธแต่
กลับหัวเราะอย่างมีความสุขแทน
อวี๋ตงได้แต่เออออตามไป
คุณเหลียวหยิบซองจดหมายสีขาวออกมาจาก
กระเป๋าด้านในเสื้อสูทแล้วมองอวี๋ตงด้วยท่าทาง
เคร่งขรึม "นี่ บางทีคุณอาจจะจำมันได้"
อวี๋ตงหยิบซองจดหมายมาและเมื่อเธอเห็น
ลายมือที่คุ้นเคย ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง เธอผุด
ลุกขึน
้ พูดเสียงตะกุกตะกัก "นะ..นี่...คุณ...คุณ..."
"ผมอยากจะขอบคุณคุณด้วยตัวเองมาตลอด"
คุณเหลียวลุกขึน
้ ยืน ต่อหน้ากล้องและผู้ชมทุกคน
ก่อนจะโค้งคำนับอวี๋ตงด้วยความซาบซึง้ ใจ
"ขอบคุณสำหรับของขวัญที่คุณมอบให้ผมใน
ปี 2008"
หลังจากความรู้สึกเหลือเชื่อ ไม่นานอวี๋ตงก็รีบ
เข้าไปประคองเขาขึน
้ ดวงตาของเธอเป็ นประกาย
สดใส "คุณ...คุณไม่จำเป็ นต้อง..."
เหลียวเจียฮุ่ย : คุณอาจจะไม่ร้ว
ู ่าผมเปลี่ยนจาก
คุณคนแกร่งมาเป็ นเหลียวเจียฮุ่ยในวันนีไ้ ด้ยังไง
เพราะซองจดหมายนีค
้ อยเป็ นแรงผลักดันผมมา
ตลอดเส้นทาง
จากนัน
้ เหลียวเจียฮุ่ยก็หันกลับมาและเล่าเรื่อง
ราวของเขาต่อหน้ากล้องและผู้ชมที่ตกตะลึงกับสิ่ง
ที่เกิดขึน
้ ในรายการวิทยุของอวี๋ตง
"ตอนนัน
้ ผมไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่อีก คุณอาจ
จะพูดได้ว่าผมเป็ นคนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
มันเป็ นเพราะจดหมายที่มีตั๋วไปงานกาล่าที่ช่วยผม
เอาไว้ ทำให้ผมมีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่และต่อสู้
อีกครัง้ เมื่อผมทำสำเร็จ...ผมคิดว่า ผมจะตอบแทน
ผู้มีพระคุณของผม" คุณเหลียวมองกลับไปที่อวี๋ตง
"ดังนัน
้ ผมจึงคิดที่จะช่วยเหลือคนอื่นที่เป็ นแบบ
ผม ผมรับอุปการะเด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ตัง้ ศูนย์
ช่วยเหลือทางกฎหมายสำหรับแรงงานข้าม
ชาติ...ผมคิดว่าคุณจะชื่นชมของขวัญแบบนี ้
มากกว่าสิ่งอื่น"
จู่ๆอวี๋ตงก็ร้ส
ู ึกอยากร้องไห้
เสียงปรบมือดังกึกก้อง ทุกคนรวมถึงผู้ชมและทีม
งานต่างรู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องนีแ
้ ละพากันปรบมือ
ให้
ที่มุมเวทีเด็กสาวแสนสวยที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์
ร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น
"ฉันรู้สึกตื้นตันใจมาก ฉันรู้เรื่องนี ้ ฉันได้ฟังวิทยุ
ตอนที่มันเกิดขึน
้ ฉันร้องไห้หนักมาก" หญิงสาวรีบ
หันไปพูดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ
"อย่าร้อง เธอจะดูน่าเกลียด" ชายหนุ่มขมวดคิว้
แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเอาอกเอาใจ
"ฉันไม่สน ฉันจะร้อง"
"แต่อีกเดี๋ยวเธอจะต้องออกทีวีแล้ว"
"ฮึก..." หญิงสาวสะอื้นและกระพริบตาถี่ๆ
"...หรือว่านายจะขึน
้ ไปคนเดียว?"
"ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันก็จะกลับเดี๋ยวนี.้ ..." ฉัน
อยากจะหนีไปจากที่นี่ นั่นคือสิ่งที่สายตาของชาย
หนุ่มบอก
"ได้!" หญิงสาวปิ ดตา "ฉันจะไปขอน้ำแข็งจากทีม
งานมาประคบตา"
หลังจากสัมภาษณ์แขกรับเชิญคนแรกจบแล้ว จะ
มีเวลาพักครึ่งชั่วโมง เดิมทีอวี๋ตงต้องการใช้โอกาสนี ้
ไปพูดคุยกับแขกรับเชิญคนต่อไป แต่ก็ยังมีคำพูด
มากมายที่อวี๋ตงและคุณคนแกร่ง...ไม่สิ คุณเหลียว
อยากจะพูด
นอกจากนัน
้ ผู้ช่วยของเธอยังมาบอกว่า แขกรับ
เชิญคนต่อไปไม่มีปัญหาเรื่องคำถามที่อวี๋ตงจะถาม
ดังนัน
้ อวี๋ตงและคุณเหลียวจึงพูดคุยกันต่ออย่าง
สงบ หลังจากแลกเปลี่ยนช่องทางติดต่อกันแล้วอวี๋
ตงก็กลับไปที่เวทีก่อนเริ่มบันทึกเทปรายการ 
5 นาที
"สวัสดีอีกครัง้ ค่ะ สำหรับแขกรับเชิญคนต่อไปก็
คือ ไป๋รุ่ย ผู้ก่อตัง้ บริษัท New Age
Robotics และเป็ นผู้ชนะการแข่งขัน World
Robotics Competition 2016"
ในขณะที่ผู้ชมปรบมือ ชายหนุ่มรูปงามสวมเสื้อ
เชิต
้ สีขาวก็ก้าวเดินช้าๆขึน
้ มาบนเวที อวี๋ตงอด
นึกถึงคำพูดบางประโยคไม่ได้ เมื่อเธอเห็นเขา 'ฉัน
รักคุณโดยไม่มีเหตุผลอื่นใด แต่เพราะดวงอาทิตย์
ส่องแสงในวันนัน
้ และเพราะเขาใส่เสื้อเชิต
้ สีขาว'
"สวัสดีพิธีกร!" ไป๋รุ่ยทักทายอย่างสุภาพ
"เชิญนั่งค่ะ!" อวี๋ตงปกปิ ดหัวใจสาวน้อยของตัว
เองเอาไว้และหัวเราะ "แม่น้ำและทะเลสาบพูดถึง
ตำนานของคุณเสมอแต่ไม่มีใครเคยบอกว่าคุณหล่อ
ขนาดนี"้
"ขอบคุณครับ" ไป๋รุ่ยสงบเยือกเย็นดูไม่เข้ากับ
อายุของเขาตอนนี ้
"ผลงานและความสำเร็จของคุณในสายงานนีไ้ ด้
รับการบันทึกเอาไว้อย่างดีเยี่ยมในนิตยสารและ
วารสารมากมาย และแน่นอนว่าฉันเป็ นแค่คน
ธรรมดาเมื่อพูดถึงหุ่นยนต์ ดังนัน
้ ฉันจะไม่พยายาม
แสดงความรู้อันน้อยนิดของฉันต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ"
อวี๋ตงพูด "ฉันแค่อยากจะถามคุณว่า คุณหน้าตา
หล่อเหลาขนาดนี ้ คุณมีแฟนแล้วหรือยัง?"
ทันทีที่อวี๋ตงพูดจบ ก็สามารถได้ยินเสียงสูด
หายใจจากเด็กสาวหลายคนในกลุ่มผู้ชม
ไป๋รุ่ยมองอวี๋ตงโดยปราศจากความอดกลัน

ความจริงเขาดูต่ น
ื เต้นราวกับว่าเขากำลังรอให้เธอ
ถามคำถามนีก
้ ับเขา "มีแล้วครับ"
"คุณคงคบกับเธอมาตัง้ แต่สมัยเรียน
มหาวิทยาลัย?" อวี๋ตงเลิกคิว้
"คุณรู้ได้ยังไง?"
"คุณต้องได้รับเลือกให้เป็ น 'เจ้าชายรูปงาม' ใน
มหาวิทยาลัยของคุณอย่างแน่นอน ฉันแน่ใจว่าต้อง
มีสาวๆหลายคนมาสารภาพรักกับคุณ" อวี๋ตงบอก
"อืม!" ไป๋รุ่ยดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่าง
เพราะมีรอยยิม
้ จางๆปรากฎบนใบหน้าของเขา
ทำให้ผู้ชมหายใจไม่ทั่วท้องอีกครัง้
"แฟนของคุณเป็ นฝ่ ายสารภาพรักก่อนหรือ
เปล่า?"อวี๋ตงพยายามสืบเสาะ
"ใช่" ไป๋รุ่ยพยักหน้า "เธอยังเป็ นแฟนคลับของ
คุณด้วย"
"โอ้?" อวี๋ตงเริ่มสนใจ "มีแฟนคลับของฉันที่นี่
ด้วย?"
ไป๋รุ่ยพยักหน้าและโบกมือไปทางด้านข้าง ทุกคน
จ้องมองหญิงสาวที่ยกมือขึน
้ ปิ ดหน้าของเธอ
พยายามที่จะซ่อนตัว
ใบหน้าของไป๋รุ่ยมืดครึม
้ ก่อนที่จะหันไปพูดขอ
โทษกับอวี๋ตง แล้วลงไปพาหญิงสาวคนนัน
้ ขึน
้ มาบน
เวที
"อาจารย์..ฉันหมายถึงพิธีกร สวัสดีค่ะพิธีกร"
หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก มือคว้าจับแขนเสื้อของไป๋
รุ่ย
อวี๋ตงชอบสาวน้อยขีอ
้ ายคนนี ้ เธอจึงยิม
้ และพูด
ติดตลก "คุณขีอ
้ ายมากแต่ไป๋รุ่ยบอกว่าคุณเป็ นคนที่
สารภาพรักกับเขาก่อน เขาโกหกเราใช่หรือเปล่า?"
มีเสียงหัวเราะชอบใจจากทางผู้ชม
"วันนัน
้ เธอดื่มเบียร์ไปขวดนึง" ไป๋รุ่ยอธิบาย
อวี๋ตงอุทานโอ... ยาวๆขึน ้้ เป็ นแบบนี ้
้ มา ดังนันก็
นี่เอง
"ไร้สาระ...ฉัน..."
"ฉันอะไร?" ไป๋รุ่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย ถ้าผู้หญิงน่า
ตายคนนีก
้ ล้าบอกการสารภาพรักของเธอเป็ นเรื่อง
ผิดพลาด เขาจะไม่ปล่อยเธอไปแน่นอน
"นั่น...ฉัน...ฉันขอกำลังใจจาก อวี๋ต้ง" หญิงสาว
รู้สึกตัวจึงรีบเปลี่ยนคำตอบ
"ฉัน?" อวี๋ตงแปลกใจ
"เมื่อปลายปี  2007 ตอนที่คุณยังเป็ นดีเจรายการ
วิทยุ ครัง้ หนึ่งคุณเคยสารภาพรักกับคนรักทางวิทยุ
และสนับสนุนให้แสดงความรักต่อคนรอบข้าง ดัง
นัน
้ ฉันจึงรวบรวมความกล้า และ..."
"เธอสารภาพความลับที่เก็บเอาไว้ยาวนานกับ
ฉัน!" ไป๋รุ่ยชะงัก
ดวงตาของอวี๋ตงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เธอ
จำเรื่องนีไ้ ด้ อันที่จริงแล้วเด็กสาวคนนีอ
้ กหักจาก
การสารภาพรักกับคนที่เธอแอบชอบ และดื่มจน
เมาก่อนจะบังเอิญไปเจอกับเจ้าชายแห่ง
มหาวิทยาลัยของเธอ...ผลลัพธ์ก็คือ...
อวี๋ตงพูดว่า "ฉันจำเรื่องนีไ้ ด้ คุณโทรหาฉัน"
"ใช่!" หญิงสาวยิม
้ และพยักหน้า "คืนนัน
้ ฉันเป็ น
คุณคนสวย"
"ฉันมีคำถามอยากจะถามคุณด้วยตัวเองมาตลอด
คุณไป๋" อวี๋ตงหัวเราะ
"เชิญเลย" ไป๋รุ่ยแปลกใจแต่ก็ยังพยักหน้า
"ในตอนนัน
้ เราได้ยินเสียงแฟนของคุณดื่มอยู่ที่
แผงขายอาหารแล้วบังเอิญว่าคุณอยู่ใกล้ๆ..." อวี๋ตง
มองไป๋รุ่ยอย่างจริงจัง "คุณบังเอิญถูกหยุดเอาไว้
โดยคุณคนสวยหรือว่าคุณตัง้ ใจหยุดเองเมื่อคุณเห็น
เธอ?"
เมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนัน
้ สายตาของเธอก็พุ่ง
ตรงไปที่เขาทันที
สีหน้าของไป๋รุ่ยดูผิดปกติไปเล็กน้อย เขา
กระแอมไอก่อนจะพูดว่า "แน่นอนว่าเป็ นเพราะเธอ
มาหยุดผม"
คุณคนสวยผิดหวัง เธอทำปากยู่
"อิอิ...ฉันเข้าใจแล้ว" คำตอบของอวี๋ตงฟั งดู
คลุมเครือ
"เธอบอกว่าอยากจะเจอไอดอลของเธอ ตอนนี ้
ก็ได้เจอแล้วไม่มีเหตุผลที่จะต้องเลื่อนงานแต่งงาน
อีก" ไป๋รุ่ยคว้ามือหญิงสาว
"พวกคุณกำลังจะแต่งงานกัน?" อวี๋ตงแสดงความ
ยินดีกับทัง้ คู่ "ช่างเป็ นวิธีพิเศษในการฉลอง!"
"ขอบคุณ..." คุณคนสวยเขิน
เมื่อไป๋รุ่ยเห็นท่าทางเขินอายของแฟนสาว เขาก็
กลอกตาแล้วพูดกับอวี๋ตงว่า "พิธีกรครับ เรามีคำขอ
แปลกๆ"
"อะไรคะ?" อวี๋ตงเลิกคิว้
"ผู้หญิงคนนีพ
้ ูดมาตลอดว่าคืนนัน
้ ถ้าไม่มีคุณให้
กำลังใจเธอ เธอก็คงไม่มีความกล้าที่จะมาสารภาพ
รักกับผม เพราะงัน
้ คุณก็คือแม่ส่ ือของเรา" ไป๋รุ่ยจึง
ถามอย่างจริงจัง "เราหวังว่าคุณจะมาร่วมงาน
แต่งงานของเรา"
หญิงสาวพยักหน้าด้วยใบหน้าแดงเรื่อ
"แน่นอนค่ะ! ฉันจะไปแน่นอน" อวี๋ตงหันไปหา
หญิงสาวและพูดด้วยท่าทางขีเ้ ล่นว่า "ฉันไม่
สามารถเรียกคุณว่าคุณคนสวยได้ตลอดไป คุณชื่อ
อะไรคะ?" 
"ฟู ่เหยาเหยา" หญิงสาวยิม
้ หวานเผยให้เห็นลัก
ยิม
้ เล็กๆบนแก้มทัง้  2 ข้าง
ตัง้ แต่เดือนกรกฎาคม 2007  ถึงเดือนเมษายน 2
008 อวี๋ตงเป็ นดีเจรายการ Midnight Phantom
เมื่อเวลาผ่านไป เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังพูดคุย
เกี่ยวกับเรื่องของคุณคนแกร่งและคุณคนสวย แต่
เมล็ดพันธุ์ที่ได้ถูกหว่านเอาไว้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและ
ฤดูใบไม้ร่วงยังคงงอกงาม
อวี๋ตงไม่เคยรู้สึกว่าเธอได้ทำอะไรที่น่าจดจำเป็ น
พิเศษ เพียงแค่ร้ส
ู ึกว่าเธอควรบอกคนอื่นเกี่ยวกับ
ช่วงเวลานัน
้ ในชีวิตของเธอ เมื่อเธอได้พบกับความ
อบอุ่น เมื่อเธอได้พบกับชายที่ทำให้เธอมีความสุข
ที่สุด
..................

 ตอนพิเศษ 2
ผมชื่อเซี่ยหยาง ชื่อเล่นชีชี  เป็ นเด็กผู้ชาย
สาเหตุที่ผมเน้นความจริงที่ว่าผมเป็ นเด็กผู้ชายก็
เพราะว่าชื่อเล่นของผมฟั งดูเหมือนชื่อของเด็กผู้
หญิง
ว่ากันว่าตอนที่ผมยังไม่เป็ นอะไรเลยนอกจากสิ่ง
มีชีวิตเซลล์เดียว สิ่งแรกที่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของ
ผมไม่ใช่แม่ของผม ไม่ใช่พ่อของผม แล้วก็ไม่ใช่แท่ง
ตรวจการตัง้ ครรภ์ ไม่ใช่แม้แต่หมอแต่เป็ นคุณย่า
ของผม เป็ นเพราะคืนหนึ่งท่านฝั นว่า ผมสวมชุดตูตู่
สีแดง*** คุณย่ามักจะบอกว่าผมดูเหมือนเด็กทารก
ที่ท่านฝั นถึง แต่ไม่มีใครรู้ว่าเด็กทารกที่ท่านฝั นเห็น
มีหน้าตาแบบไหน แม้ว่าผมจะสงสัยอย่างจริงจังว่า
ท่านอาจจะฝั นถึงทารกทองที่อยู่กับพระอวโลกิเต
ศวรโพธิสัตว์ที่ตัง้ อยู่ในบ้าน
***[ชุดตูตู่ คือชุดเอี๊ยมสำหรับเด็ก]
แน่นอนว่า ผมคิดว่าผมน่ารักกว่าทารกทองทุก
คน ยังไงซะเสื้อผ้าของผมก็ดูดีกว่าชุดตูตู่สีแดงนั่น
แม่ของผมเป็ นพิธีกรรายการโทรทัศน์ แม้ว่าผม
จะเห็นแม่บ่อยๆในทีวีแต่ผมก็ร้ส
ู ึกเสมอว่าแม่ในทีวี
ไม่เหมือนแม่ตอนอยู่ที่บ้าน เพราะแม่ในทีวีดูฉลาด
มากแต่ในชีวิตจริงแม่ไม่ร้ด
ู ้วยซ้ำว่าแอปเปิ ้ ลราคา
เท่าไหร่
พ่อของผมเป็ นคนที่งานยุ่งมาก เขามักจะกลับมา
บ้านหลังจากที่ผมเข้านอนแล้วเสมอ นอกจากนีก
้ ็ยัง
มีกลิ่นเหม็นของน้ำยาฆ่าเชื้อบนเสื้อผ้าของเขา แต่
เมื่อไหร่ก็ตามที่พ่อกลับถึงบ้าน เขาไม่เคยพลาดที่
จะไปหาผมที่ห้อง
ผมไม่ร้ว
ู ่าเป็ นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่คุณย่าบอก
ว่าในความฝั นของท่านผมเกิดมาพร้อมกับรัศมีสี
ทอง ท่านบอกว่าผมเป็ นเด็กที่ประเสริฐ ผมจึงจดจำ
สิ่งต่างๆได้เร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
ผมจำได้ว่าทุกครัง้ ที่พ่อมาที่ห้องของผม ไม่ว่าผม
จะหงุดหงิดแค่ไหน เขาก็จะจูบผมเสมอ ย้อนกลับ
ไปตอนที่ผมยังพูดไม่ได้ทำได้เพียงแผดเสียงร้องไห้
ผมแค่อยากเรียกให้พ่อมาอุ้มผมแต่เขากลับเอาแต่
หัวเราะผมก็เลยคิดว่าเขาคงไม่ชอบผม
โดยปกติแล้วเวลาผมร้องไห้แม่จะเข้ามาโอ๋ ผม
คิดว่าแม่คงรักผมมาก แต่ถ้าผมเห็นพ่อผมก็จะเมิน
เขา...
หลายคืนนับไม่ถ้วนที่พ่อมาจูบผม แม่ก็จะจูบผม
ด้วย หลังจากนัน
้ ทัง้ สองคนก็หันไปจูบปากกันต่อ
หน้าผม
แฮ่ม...พวกคุณคิดว่าผมยังเด็กและไม่ร้เู รื่องอะไร
อย่างงัน
้ เหรอ? จูบปากหมายความว่าคุณสองคน
ชอบกันและคงมากกว่าชอบผมแน่ๆ
....
ตอนที่ผมอายุได้ 4 ขวบ ตอนที่พี่สาวยังเล่น
ตุ๊กตาบาร์บีอ
้ ยู่ ผมก็ได้เรียนรู้คำศัพท์มากมายและ
นับเลขได้ถึง 100 แล้ว ครัง้ หนึ่งแม่กับผมไปที่สตูดิ
โอของคุณป้ าเสี่ยวเยว่ คุณป้ ายื่นขวดโหลใส่ดาวให้
เราและบอกว่าถ้าหากเรานับดาวได้ 99 ดวง คุณป้ า
จะซื้อลูกอมกระต่ายขาวให้เรา
ผมไม่ชอบกินลูกอม ผมชอบเล่นต่อจิ๊กซอว์
มากกว่า
"พี่เสี่ยวตังทำอะไรอยู่?" ผมดูพี่เสี่ยวตังนับดาวที่
กระจัดกระจายอยู่รอบๆตัว
"ฉันจะนับดาวแล้วเอาไปแลกลูกอม"
"พีช
่ อบกินลูกอมเหรอ?"
"ใช่!" พี่เสี่ยวตังพยักหน้า
"งัน
้ ก็ค่อยๆนับนะ!" คุณปู ่พูดเสมอว่าเราต้อง
ทำงานเพื่อที่เราจะได้สนุกกับผลที่ได้แต่ผมไม่อยาก
ได้ลูกอม และผมคงยอมให้พี่เสี่ยวตังได้ลูกอมมา
โดยที่ไม่ทำงานไม่ได้ ดังนัน
้ ผมก็เลยไม่ช่วยเธอ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานจนผมต่อจิ๊กซอว์เสร็จ
ดาวก็ยังนับไม่ครบ
"ยังนับไม่เสร็จอีกเหรอ?" ผมอดถามไม่ได้
"ดาวทุกดวงดูเหมือนๆกัน ฉันนับแต่ไม่ร้ว
ู ่าดวง
ไหนที่ฉันนับแล้วและดวงไหนที่ยังไม่ได้นับ..." พี่
เสี่ยวตังดูเหมือนกำลังจะร้องไห้
ผมถอนหายใจแล้วใส่ดาวทัง้ หมดกลับลงไปใน
ขวดโหล จากนัน
้ ผมก็หยิบดาวดวงหนึ่งออกมาวาง
ลงบนพื้น
"ตอนนีพ
้ ี่ก็มีดาว 99 ดวงที่จะเอาไปแลกลูกอม
แล้ว"
"ว้าว ชีชีเธอเก่งเกินไปแล้ว!" พี่เสี่ยวตังไม่สงสัย
ในตัวผมแม้แต่นิดเดียว ขณะที่เธอหยิบขวดโหล
แล้ววิ่งไปหาคุณป้ าเสี่ยวเยว่
อนิจจาเด็กผู้หญิงคนนัน
้ โง่เกินไปแล้ว บอกอยู่
ชัดๆว่าในขวดโหลมีดาวอยู่ 100 ดวง การนับดาวที
ละดวงมันเสียเวลาเกินไป
ตอนเย็นแม่ของผมพาผมไปที่ห้องทดลองของพ่อ
เพื่อทานอาหารเย็นกับเขา ผมเล่าเรื่องพี่เสี่ยวตังกับ
ดาวในพวกเขาฟั ง
พ่อบอกว่าผมฉลาดมากกว่าเด็กคนอื่นแต่ผมไม่
ควรทำตัวโอ้อวด ผมยังไม่ได้แสดงท่าทางโอ้อวดสัก
หน่อย แม่ก็เขกหัวผมแล้วบอกว่าอย่ารังแกพี่เสี่ยว
ตัง ผมรังแกเธอตัง้ แต่เมื่อไหร่กัน?
ผมโกรธมากแต่พ่อบอกว่าเด็กผู้ชายไม่ควร
แข่งขันกับเด็กผู้หญิง แม่เป็ นเด็กผู้หญิงด้วยงัน
้ เห
รอ? แต่พี่เสี่ยวตังนับเลขได้ถึงแค่ 20 เท่านัน
้ แล้ว
แม่ก็ไม่ร้ว
ู ่าแอปเปิ ้ ลกิโลละเท่าไหร่ ดังนัน
้ แม่ก็คงแค่
อิจฉาที่ผมฉลาดกว่าก็เลยเขกหัวผม
.....
โอ้ ผมได้พูดแล้วหรือยัง? ว่าผมไม่ค่อยชอบใจชื่อ
เล่นของผม ผมเป็ นเด็กผู้ชาย แต่ทำไมถึงถูกเรียกว่า
ชีชี? เด็กผู้หญิงหลายคนในชัน
้ เรียนของผมก็ถูก
เรียกว่า ฉีฉี เมื่อครูเรียกชื่อ ผมมักจะไม่ร้ว
ู ่าครูเรียก
ใคร
คืนหนึ่งผมคุยเรื่องนีก
้ ับพ่อแม่อย่างจริงจัง
แม่บอกว่า วันที่ 7 กรกฎาคม เป็ นวันที่พ่อกับแม่
แต่งงานกัน ผมรู้ว่ามันต้องเป็ นวันที่มีความสุขมาก
แน่ๆ แต่ทำไมความสุขของพวกเขาต้องสร้างขึน
้ บน
ความทุกข์ของผมด้วยล่ะ?
***[ชีชี คือ 7 7 ความหมายคือ เดือน 7 วันที่
7]
ลุงบอกเสมอว่า แม่กับพ่อชอบอวดความรัก ชื่อ
เล่นของผมเป็ นส่วนหนึ่งของการโอ้อวดของพวก
เขาด้วยหรือเปล่า?
เดิมทีพ่อตกลงที่จะเปลี่ยนชื่อเล่นของผมแล้ว แต่
แม่แค่ปรายตามองครัง้ เดียว พ่อก็ยอมแพ้ทันที ช่าง
ไม่มีความกล้าหาญและความเป็ นลูกผู้ชายเลย ผม
เป็ นแค่เด็กตัวเล็กๆ ผมรู้ว่าผมสู้ชนะแม่ไม่ได้ แต่พ่อ
ตัวใหญ่กว่าผมมาก ทำไมเขาไม่ยืนหยัดเลยล่ะ?
ผมขอให้คุณปู ่กับคุณย่าเรียกร้องเรื่องนีแ
้ ทนผม
แต่คุณปู ่ก็เชื่อฟั งคุณย่าเสมอ และคุณย่าก็ไม่คิดว่า
เรื่องนีเ้ ป็ นเรื่องจริงจังอะไร
แต่ผมรู้ว่าแม่จะต้องถูกกรรมตามสนอง : แม่ของ
แม่ หรือก็คือยายสุดที่รักของผม ท่านไม่ได้อาศัยอยู่
ในเมือง นานๆครัง้ ยายกับตาจะมาเยี่ยมพวกเรา
บางครัง้ ยายก็มาคนเดียว
ผมเป็ นหลานรักของยาย ดังนัน
้ ผมจึงวางแผนขอ
ความช่วยเหลือจากท่าน ผมรินชาแล้วเอาไปให้
ท่านที่ห้อง
"ชีชี เด็กดี" ยายตบศีรษะผมเบาๆอย่างมีความ
สุข
"ยายครับ เรียกผมว่าหยางหยางแทนชีชีได้ไหม?
ชีชีฟังดูเหมือนชื่อเด็กผู้หญิง เพื่อนร่วมชัน
้ ของผม
ชอบหัวเราะเยาะผม" ผมถือโอกาสร้องเรียน
"เอาล่ะ ยายจะไม่เรียกหลานว่าชีชีอีก ต่อไปยาย
จะเรียกหลานว่าหยางหยางแทน" แน่นอนว่ายาย
เป็ นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการขอร้อง
"ยายเยี่ยมที่สุด!" ผมเขย่งเท้าขึน
้ หอมแก้มท่าน พี่
เสี่ยวตังบอกว่าคนแก่มักจะชอบกลอุบายแบบนี ้
ตราบใดที่คุณหอมแก้มพวกเขา พวกเขาก็จะให้
สัญญาทุกอย่างกับคุณ
แน่นอนว่ายายยิม
้ กว้างแล้วเรียกผมว่า สมบัติ
ล้ำค่า
"ยายต้องไปคุยกับพ่อแม่ให้ผม บอกพวกเขาต่อ
ไปนีต
้ ้องเรียกผมว่าหยางหยาง" ผมพูดต่อว่า "พวก
เขาไปสามารถเรียกผมว่า ชีชี เพียงเพราะพวกเขา
แต่งงานกันในวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม "
"ไม่นะ พ่อกับแม่ของหลานแต่งงานกันเดือน
พฤษภาคม"
"ไม่ครับ พฤษภาเป็ นงานแต่งงานแต่พวกเขาจด
ทะเบียนกันวันที่ 7 กรกฎาคม" ผมจำเรื่องนีไ้ ด้
อย่างแม่นยำเพราะยายบอกผมหลายต่อหลายครัง้
"แต่หลานคงจำผิดแล้ว พ่อกับแม่ของหลานมา
เยี่ยมยายแล้วกลับไปจดทะเบียนกันหลังปี ใหม่ตอน
ที่กลับมาที่นี่ อาจจะเป็ นเดือนกุมภาพันธ์ แม่ของ
หลานตัง้ ท้องหลานจึงได้จัดงานแต่งงานในเดือน
พฤษภาคม"
ในฐานะเป็ นเด็กที่เติบโตมาอย่างเฉลียวฉลาด
กว่าเด็กคนอื่น ผมอยากพิสูจน์ให้ยายเห็นว่าผม
ความจำดี ผมจึงไปที่ห้องของพ่อกับแม่แล้วหยิบ
สมุดสีแดงเล่มเล็กๆของพวกเขาออกมา เฮ้.. ใครขอ
ให้พวกเขาปฏิเสธที่จะเปลี่ยนชื่อเล่นของผมทุกครัง้
กันล่ะ? ผมหยิบสมุดมาแล้วเช็คดูวันที่บนนัน

ผมยื่นสมุดปกแดงให้ยายที่กำลังยิม
้ ผมไม่ร้ว
ู ่า
ทำไมแต่หลังจากที่ท่านเห็นวันที่ ใบหน้าของยายก็
ดูน่าเกลียดทันทีเป็ นเพราะยายความจำไม่ดีเท่าผม
ท่านจึงโกรธใช่หรือเปล่า? [OMG]
ผมไม่คิดว่ายายจะมีความสุขอีกต่อไป ผมจึงไม่
กล้าพูดเรื่องเปลี่ยนชื่อเล่นอีก ผมกลับเข้าไปอยู่ใน
ห้องของผมอย่างสงบเสงี่ยม
หลังจากนัน
้ ไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูง
ของแม่เป็ นสัญญาณว่าเธอกลับมาถึงบ้านแล้ว ผม
กังวลว่าแม่จะหาว่าผมทำให้ยายเสียใจ แต่ทันใดนัน

ผมก็ได้ยินเสียงแม่ร้องด้วยความเจ็บปวด ผมสงสัย
จึงได้แง้มประตูแอบมอง ก็เห็นยายกำลังบิดหูแม่
อย่างแรง แม่ได้แต่ร้องเสียงหลง
"บอกมา...เกิดอะไรขึน
้ ระหว่างแกกับเซี่ยเฟิ ง?" ย
ายโยนสมุดสีแดงเล่มเล็กลงบนโต๊ะ
ดูเหมือนว่าผมจะทำอะไรบางอย่างผิดไป แม้ว่า
ผมจะไม่ร้ว
ู ่าผมทำอะไรผิดก็ตาม
"แม่ แม่ หนูผิดไปแล้ว หนูอธิบาย
ได้....โอ๊ย...โอ๊ย..."
ผมร้องไห้เพราะสงสารแม่ เลยแอบหยิบ
โทรศัพท์มือถือของผมมาแล้วโทรไปหาพ่อ
"ชีชี มีอะไรหรือเปล่า? มีคำถามจะถามพ่อใช่
ไหม?"
"พ่อรีบกลับมาด่วนเลย แม่กำลังถูกยายตี"
"ยาย? เกิดอะไรขึน
้ ?"
"ผมก็ไม่รู้ ผมเห็นยายบิดหูแม่ โอ้...ยังมีสมุดสี
แดงเล่มเล็กๆวางอยู่บนโต๊ะด้วย"
ผมรอไม่นาน พ่อก็กลับมาถึง ตอนนัน
้ ยัง
แค่ 2 ทุ่มเท่านัน
้ พ่อไม่เคยกลับบ้านเร็วขนาดนีม
้ า
ก่อน แม้แต่ในตอนที่ผมโดยแม่ดุแล้วผมโทรไปฟ้ อง
พ่อ พ่อก็ยังไม่เคยกลับมาก่อนเวลาเลย นี่เป็ นข้อ
พิสูจน์อีกอย่างหนึ่งว่า พ่อชอบแม่มากกว่าผม
ผมไม่ร้ว
ู ่าเกิดอะไรขึน
้ หลังจากนัน
้ ทัง้ หมดที่ผมรู้
ก็คือยายโกรธอยู่ 2-3 วัน แม่หักหลังลุงโดยการ
ยอมบอกที่อยู่ของเขาให้ยายรู้ ยายก็เลยยิม
้ ได้ใน
ที่สุด
พูดถึงลุงของผม ผมชอบเขามาก เขาเป็ นคน
เดียวที่จะช่วยผมจัดการกับแม่ตอนที่แม่รังแกผม
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ยายมาเยี่ยม ลุงจะหายตัวไป
ทันที ทัง้  2 คนไม่เคยปรากฏตัวอยู่ในที่เดียวกัน
และเวลาเดียวกันเลย ทำให้ผมอารมณ์เสียมาก
ครัง้ หนึ่งผมแอบฟั งพ่อกับแม่คุยกัน จึงได้ร้ว
ู ่ายาย
โกรธลุงเพราะเขาไม่ยอมมีป้าสะใภ้ให้ผม ดูเหมือน
ว่ายายจะหาป้ าสะใภ้เอาไว้ที่บ้านหลายคน แต่ลุงไม่
อยากได้คนไหนเลย เขาก็เลยหนีออกจากบ้าน
ทุกครัง้ ที่ผมเห็นพวกเขาพูดเรื่องนี ้ สีหน้าของแม่
จะเต็มไปด้วยความสุขเสมอ "โอ้...เรื่องพลิกแล้ว
เขายังไม่ได้แต่งงาน...โอ้ โอ้ ฉันจะไปหาเขา แล้ว
ถามว่าเขามีโรคที่บอกไม่ได้อยู่หรือเปล่า?"
ผมไม่ค่อยเข้าใจที่แม่พูดพอผมไปถามลุงเรื่องนี ้
ลุงก็ยิม
้ แล้วจูบหัวผมก่อนจะใส่เกลือครึ่งถุงในน้ำ
อัดลมที่แม่ชอบ
...
คุณปู ่กับคุณย่ารู้ว่าพ่อกับแม่มักจะงานยุ่งมาก ดัง
นัน
้ พวกท่านจึงเป็ นคนที่คอยผลักดันผมเข้าสู่การ
แข่งขันต่างๆ อย่างเช่นการวาดภาพ การเขียน
อักษร การเล่นหมากล้อม จากการแข่งแถวละแวก
บ้านไปยังพื้นที่ใกล้เคียงหรือแม้แต่การแข่งระดับ
เขต
ด้วยคำขอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของคุณปู ่กับคุณย่า
พ่อกับแม่ถูกบังคับให้มางานมอบรางวัลของผม โดย
บอกว่าพวกเขาควรได้เป็ นสักขีพยานในช่วงเวลา
แห่งความรุ่งโรจน์ของผม แต่จริงๆแล้ว...ผมรู้มาว่า
พิธีมอบรางวัลบังเอิญเป็ นวันเดียวกับการประกวด
เต้นรำผู้สูงอายุของคุณปู ่กับคุณย่า
ดูเหมือนว่าผู้มอบรางวัลจะเป็ นคนรู้จักของแม่
เพราะหลังจากที่ผมรับรางวัล ผู้ชายคนนีก
้ ็มาดึง
แม่เอาไว้เพื่อคุยด้วย
"ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณก็คือ อวี๋ต้ง"
"ใช่ ฉันเอง"
"ผมไม่ร้ว
ู ่าคุณยังจำผมได้หรือเปล่า? ผมเคยโทร
ไปในรายการของคุณครัง้ นึง"
"ฮ่า ฮ่า...คุณคือคุณคนแกร่ง?"
"คุณยังจำผมได้จริงๆ ความสำเร็จทัง้ หมดของผม
ต้องขอบคุณคุณ"
"ฮ่าฮ่า ฉันคงไม่กล้ารับเอาไว้"
"อย่าเกรงใจไปเลย ถ้าคุณไม่สนับสนุนให้ผมเริ่ม
ต้นธุรกิจ ผมก็คงไม่มีทางได้เป็ นเจ้าของ
อสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จมากขนาดนี ้
ผมรับฟั งคำแนะนำของคุณ ตอนนีส
้ ำนักงานขาย
ของผมเต็มไปด้วยสาวสวย ผู้หญิงสวยที่มีความรู้"
"ฮ่า..."
"ยังไงก็ตาม คนรวยก็มีปัญหาของคนรวย ตอน
ผมไม่มีเงินก็ไม่มีใครชอบผมเลย ตอนนีผ
้ มมีเงิน
มากมายก็เลยมีคนอยากเดทกับผมมากเกินไป แต่
ผมไม่ร้ว
ู ่าคนไหนที่ชอบผมจริงแล้วคนไหนที่หวังแค่
เงินของผม คุณมีคำแนะนำให้ผมบ้างไหม?"
"ฮ่าฮ่าฮ่า"
"มันเป็ นปั ญหายุ่งยาก แน่นอนว่าผมได้คิดหาวิธี
รับมือ ทุกครัง้ ที่ผมไปเดท ผมจะไปที่แผงขาย
อาหารที่ราคาอาหารต่อมื้อไม่เกิน 20 หยวน ถ้าผู้
หญิงคนไหนทนกับสิ่งนีไ้ ด้ถึง 1 ปี ผมก็คิดว่าเธอ
อาจจะชอบผมจริงๆ"
"แล้วมันได้ผลหรือเปล่า?"
"เห็นสาวสวยขายาวตรงนัน
้ ไหม? นั่นคือแฟนคน
ที่สิบของผม ผมชอบเธอมาก ผมหวังว่าเธอจะทน
ได้...."
"ฮ่า ฮ่า ...ฉันขอให้คุณประสบความสำเร็จ"
"ยังไงซะ...ผมเพิ่งจะเปิ ดอพาร์ทเม้นท์ใหม่ในย่าน
ชานเมืองที่มีวิวสวยมาก ผมกำลังวางแผนสร้าง
วิลล่าซัก 2-3 หลังที่นั่น ผมอยากจะยกให้คุณหลัง
นึง"
"โอ๊ย...นั่นมันแพงเกินไปที่จะให้ฟรีๆ..."
"ถ้าปราศจากความช่วยเหลือของคุณ เงินหลาย
พันล้านหยวนที่ใช้สร้างมันคงจะไม่มีจริง จาก
ทรัพย์สินทัง้ หมดของผม วิลล่าหลังเดียวนับเป็ น
อะไรได้..."
ท้ายที่สุดครอบครัวของเราก็ไม่ได้ไปอยู่ที่วิลล่า
นัน

....
ในปี  2017 ผมเรียนอยู่ชัน
้ ประถม เพื่อนร่วมชัน

หลายคนกังวลว่าแม่ของพวกเขาจะมีลูกคนที่สอง
เพราะมันหมายถึงสถานะของพวกเขาในครอบครัว
อาจจะสั่นคลอน เนื่องจากเด็กที่ถูกตามใจมาตลอด
จะไม่ได้รับการเอาอกเอาใจอีก แต่ผมไม่กังวลเกี่ยว
กับเรื่องนัน

นั่นเป็ นเพราะคุณย่าของผมมักจะบอกว่า แม่ยุ่ง
อยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีผมขึน
้ มาได้
วันหนึ่งพ่อวิ่งกลับมาบ้านอย่างมีความสุขแล้ว
บอกแม่ว่าการทดลองของเขาประสบความสำเร็จ
แล้ว ต่อไปเขาก็จะไม่ยุ่งมากแบบนีอ
้ ีก
การมีลูกคนที่สองมีความสำคัญมากถึงขนาดที่ว่า
แม้แต่พ่อที่แทบจะไม่ได้กลับบ้านตอนที่ผมป่ วยก็ยัง
ตัดสินใจหยุดทำงาน
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่ครอบครัวของเราจะเดิน
ทางไปต่างประเทศ
แม่บอกว่าพ่อได้รับรางวัลที่น่าทึ่งเพราะสามารถ
ช่วยชีวิตผู้คนได้มากมาย ครอบครัวของเราจึงเดิน
ทางไปต่างประเทศเพื่อรับรางวัล
มันช่างอยุติธรรมเกินไปจริงๆ ผมได้รับรางวัล
มากมายกลับมีแค่คุณปู ่กับคุณย่าที่เป็ นคนไปงาน
รับรางวัลของผม พ่อของผมได้รับรางวัลแค่เพียง
รางวัลเดียวเท่านัน
้ แต่ทุกคนต้องไปร่วมงานและ
พวกเรายังต้องแต่งตัวให้ดูดีเป็ นพิเศษด้วย
ตอนที่พ่อรับรางวัล แม่ร้องไห้จนตาบวมเป่ ง ต่อ
มาเมื่อเรากลับไปที่โรงแรม แม่ก็ยังร้องไห้ไม่หยุด
แล้วกอดพ่อไปด้วย ผมไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้หนัก
ขนาดนีม
้ าก่อน แม่ร้องไห้นานกว่าเด็กผู้หญิงคน
ไหนในชัน
้ เรียนของผม
ในฐานะผู้ชาย คุณปู ่คุณย่าและพ่อมักจะสอนให้
ผมเป็ นสุภาพบุรุษ ผมจึงไปดึงแขนเสื้อของแม่
"ชีชี?" ในที่สุดแม่ก็มองมาที่ผม
"อย่าร้องไห้ ผมตกลงให้แม่คลอดลูกอีกคน" ผม
บอกอย่างทำตัวไม่ถูก
"อะไรนะ? คลอดลูก?" ตอนนีแ
้ ม่ควรจะมีความ
สุขได้แล้ว...ผมจึงได้พูดซ้ำอีกครัง้
"แม่สามารถมีน้องชายหรือน้องสาวก็ได้...ตามที่
แม่ต้องการ" ผมพูดย้ำและสัญญาว่า "ผมจะไม่
อิจฉาพวกเขา"
ผมคิดว่าแม่จะมีความสุขแต่ผลที่ได้คือผมโดนตบ
หัว
ผมโกรธมาก ผู้หญิงมักจะชอบทุบตีคนอื่นไม่ว่า
พวกเธอจะมีความสุขหรือไม่ก็ตาม
.....
ยังไงก็ตามคุณป้ าเสี่ยวเยว่มักจะพูดว่า : คำพูด
ของผู้ชายเชื่อไม่ได้เต็มร้อย ดูอย่างพ่อของผมที่
บอกอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่งานยุ่งเหมือนเมื่อก่อน
อีก และผมที่ยินยอมให้มีน้องชายหรือน้องสาวแต่
พ่อก็ยังอยู่นอกบ้านทัง้ วัน
อย่างน้อยเมื่อก่อนพ่อก็ยังอยู่ที่เมืองเดิม แม่มัก
จะพาผมไปหาพ่อที่ห้องทดลองเพื่อกินข้าวเย็นด้วย
กัน แต่ตอนนีผ
้ มไม่ร้ด
ู ้วยซ้ำว่าพ่ออยู่ประเทศไหน
ผมเห็นพ่อแค่ในทีวีเท่านัน
้  เหมือนๆกับแม่
พ่อจะเอาของขวัญมาให้ผมทุกครัง้ ที่เขากลับมา
ตอนนีผ
้ มต้องช่วยพ่อดูแลต้นไม้กับดอกไม้ตรง
ระเบียงบ้าน ดอกไม้สีสันสดใสเป็ นของรักของแม่
แต่ทำไมผมถึงต้องเป็ นคนที่ดูแลมันด้วยล่ะ? สุดท้า
ยแล้วผมก็ต้องทำ
ฤดูร้อนเป็ นอะไรที่แย่ที่สุด มียุงเยอะมาก มันกัด
ผมไปหลายตัวแล้ว ผมยังต้องตรวจดูพยากรณ์
อากาศทุกวันก่อนเลิกเรียน เพราะเวลาฝนตกต้อง
เปิ ดกันสาด
ครัง้ หนึ่งผมไปค่ายฤดูร้อน 1 สัปดาห์ เมื่อตอนที่
ผมกลับมาถึงบ้าน ดอกไม้ก็ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แม่
โทรไปร้องไห้กับพ่อ
ผมรู้ว่าผมไม่ควรให้แม่รดน้ำดอกไม้เอง บางทีมัน
อาจจะไม่ตายมากขนาดนีก
้ ็ได้
"ไม่ต้องเสียใจ ผมจะกลับบ้านหลังจบการ
บรรยาย แล้วไปซื้อบ้านที่มีสนามหญ้ากัน ตอนที่ผม
กลับบ้าน ผมจะปลูกดอกไม้เยอะๆ แล้วปลูกไม้
เลื้อยที่คุณชอบด้วย" พ่อวุ่นวายอยู่กับการปลอบใจ
แม่
"คุณยังจำได้"
"ผมจำทุกอย่างที่เคยสัญญากับคุณ"
"งัน
้ ก็รีบกลับมาเร็วๆ"
"ได้"
ผมอยากจะบอกพวกเขาว่าพวกเขาแก่แล้วไม่
ควรมาพลอดรักกันราวกับคู่รักวันหวานแบบนีอ
้ ีก
.....................
 ตอนพิเศษ 3
เรินซินซินนั่งอยู่ในคาเฟ่ ไม่ไกลจากเซี่ยงไฮ้แก
รนด์เธียเตอร์เพื่อฆ่าเวลาก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่ม หลัง
เสร็จจากการส่งข้อความใน WeChat ซินซินก็เห็น
ใบหน้าของลูกสาวที่เปื้ อนเค้ก
"แม่คิดว่าเค้กส่วนใหญ่ไปอยู่บนหน้าของลูก
แทนที่จะอยู่ในปากนะ" เรินซินซินหัวเราะก่อนจะ
หยิบผ้าเช็ดปากมาเช็ดให้ลูกสาว
"แม่คะ เค้กช็อคโกแลตอันนีอ
้ ร่อยมากเลย" เสี่ยว
ตังกระพริบตากลมโตของเธอแล้วพูดว่า "หนูอยาก
กินอีกชิน
้ "
"ลูกไม่ควรกินเค้กมากเกินไป ไม่งัน
้ ฟั นจะผุนะ"
เรินซินซินพยายามเกลีย
้ กล่อมลูกสาวของเธอ
"แต่ฉีฉีบอกว่าเมื่อเด็กๆ โตขึน
้ ฟั นของพวกเขาก็
จะหลุดเองตามธรรมชาติแล้วฟั นใหม่ก็จะงอกขึน

มา ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่หนูต้องกินขนมหวานน้อยลง"
เสี่ยวตังจำได้ว่าป้ าเสี่ยวเยว่ก็พูดแบบเดียวกันกับแม่
ของเธอ แต่น้องฉีฉีก็ตอบป้ าเสี่ยวเยว่ไปแบบนี ้
ฉีฉี เด็ก 4 ขวบจะรู้เรื่องพวกนีไ้ ด้ยังไง
"แต่ถ้าฟั นไม่ได้หลุดเองตามธรรมชาติ ฟั นที่งอก
ขึน
้ มาใหม่จะไม่สวยนะ" เรินซินซินบอกลูกสาว
อย่างอดทน "แล้วถ้าลูกกินเค้กมากเกินไป ลูกก็จะ
อ้วน ไม่มีใครชอบคนอ้วน"
"ทุกคนจะชอบหนูหรือเปล่า? ถ้าหนูไม่กินเค้ก
อีก"
"ใช่จ้ะ"
"แม่โกหก" เสี่ยวตังพูดด้วยท่าทางจริงจัง "ป้ าตง
ตงบอกว่าสิ่งเดียวที่ทุกคนชอบก็คือเงินหยวนไม่ใช่
หลิงตัง"
อวี๋ตงเธอพูดอะไรให้เด็กๆฟั งกันแน่ ไม่น่าแปลก
เลยที่ฉีฉีจะมีนิสัยประหลาดทัง้ ที่ยังเด็กอยู่แท้ๆ
"ป้ าตงตงของลูกก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน"
"โอ้ งัน
้ หนูขอกินเค้กอีกชิน
้ ได้ไหมคะ?" ความชื่น
ชอบในเค้กของเสี่ยวตังสำคัญมากกว่า
"....." เรินซินซินลุกขึน
้ ยืนอย่างช่วยไม่ได้ "แม่จะ
ไปซื้อมาให้ อย่าเดินออกไปไหนล่ะ"
"อื้อ" เสี่ยวตังพยักหน้าอย่างมีความสุข
เรินซินซินมองไปรอบๆ คาเฟ่ ที่เงียบสงบ ไม่มีคน
นั่งอยู่ที่โต๊ะรอบๆ เมื่อเห็นว่าเธอสามารถมองเห็น
ลูกสาวจากเคาน์เตอร์ได้อย่างชัดเจน เรินซินซินจึง
เดินออกไปอย่างสบายใจ
"สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิง มีอะไรให้ช่วย
คะ?" แคชเชียร์ถาม
"ขอเค้กช็อคโกแลตชิน
้ นึงค่ะ" เรินซินซินพูดขณะ
ที่หันไปมองลูกสาวของเธอที่กำลังตักเค้กเข้าปาก
จนแก้มป่ อง
"รอสักครู่ค่ะ" แคชเชียร์หยิบเค้กชิน
้ ใหม่ส่งให้ซิน
ซิน
เรินซินซินยิม
้ และหยิบคุณตาเหมาออกมาเพื่อ
จ่ายค่าเค้ก*** [ผู้นำเหมาเจ๋อตงที่อยู่บนธนบัตร
ของจีน]
"คุณผู้หญิง เค้กชิน
้ นีม
้ ีคนจ่ายเงินให้แล้วค่ะ"
แคชเชียร์ไม่รับเงินจากเรินซินซิน
"เอ๊ะ?" เรินซินซินไม่เข้าใจ เธอไม่เห็นคนรู้จักเลย
สักคนเมื่อมองไปรอบๆคาเฟ่
"ลูกค้าคนหนึ่งคิดว่าลูกสาวของคุณน่ารัก ก็เลย
บอกว่าถ้าคุณมาซื้อเค้กอีกชิน
้ ก็ช่วยมอบให้คุณ
ด้วย" แคชเชียร์อธิบาย
"คนๆนัน
้ อยู่ไหน?" เรินซินซินมองไปรอบๆ แต่ก็
ไม่เห็นใครมองมาที่เธอเลย
"เขาไปแล้วค่ะ"
"โอ้" เรินซินซินทำอะไรไม่ได้นอกจากรับเค้กชิน

นัน
้ มาแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของเธอ
เสี่ยวตังเพิ่งจะกินเค้กชิน
้ แรกหมด เมื่อเห็นเค้ก
ชิน
้ ใหม่ที่แม่ถือมา เธอก็คว้าช้อนคันเล็กๆขึน
้ แล้ว
เริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มพองราวกับหนูแฮม
สเตอร์
เรินซินซินยังคงคิดถึงบุคคลปริศนาที่ซ้ือเค้กให้
เธอ โต๊ะของพวกเธออยู่ตรงมุมและค่อนข้างเป็ น
ส่วนตัว ทำไมคนๆนัน
้ ถึงยังมองเห็น แล้วก็ไม่ยอม
เดินเข้ามาทักทายด้วย
เธอคิดอยู่นานแต่ก็หาคำตอบไม่ได้จึงยอมแพ้ ดู
เหมือนว่าอีกฝ่ ายจะแค่ชอบเด็กเท่านัน

หลังจากนัน
้ เรินซินซินก็ช่วยเช็ดปากให้เสี่ยวตัง
และบอกว่า "เราจะไปดูคอนเสิร์ตของนักเปี ยโน
ฝี มือเยี่ยมกัน ถ้าลูกชอบแม่จะได้ให้ลูกไปเรียนเปี ย
โน"
"ถ้าหนูไม่ชอบล่ะ?"
"ถ้าอย่างนัน
้ ก็ไม่เป็ นไร ตอนดูคอนเสิร์ตเราจะ
เดินออกกลางคันไม่ได้ ลูกต้องนั่งเงียบๆอย่างส่ง
เสียงดัง ถ้าหากว่าเบื่อลูกก็นอนหลับพิงแม่ได้" เริน
ซินซินบอกลูกสาวอย่างจริงจัง
"เสี่ยวตังเข้าใจแล้วค่ะ"
....
ตอนที่พวกเธอกำลังจะนั่งลงที่เก้าอี ้ จู่ๆเสี่ยวตังก็
อยากเข้าห้องน้ำ สองแม่ลูกจึงไปห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ
แต่ตอนที่พวกเธอกลับมาที่นั่งในแถวส่วนใหญ่มีคน
เข้ามานั่งจนเกือบเต็มแล้ว เรินซินซินจูงมือลูกสาว
ค่อยๆเดินผ่านผู้ชมไปจนถึงที่นั่งของเธอ
หลังจากนัน
้ ไม่นานซินซินก็พาลูกสาวมายังที่นั่ง
ได้ เธอนั่งลงที่เก้าอีข
้ ้างๆเสี่ยวตัง สักพักคอนเสิร์ตก็
เริ่มขึน
้ ซินซินชอบดนตรีคลาสสิคมาตัง้ แต่ยังเด็ก
ตอนเด็กๆเธอเคยเรียนเปี ยโนมาระยะหนึ่ง แต่
เนื่องจากไม่มีพรสวรรค์มันจึงกลายเป็ นงานอดิเรก
แทน ทุกครัง้ เธอจะซื้อตั๋วมาดูคอนเสิร์ตของนักเปี ย
โนฝี มือเยี่ยม สำหรับครัง้ นีเ้ ธอมาเพื่อดูว่าลูกสาว
ของเธอมีความสนใจในดนตรีหรือไม่
เพียงแต่...แค่ครึ่งชั่วโมงเสี่ยวตังก็หลับไปเสียแล้ว
เรินซินซินส่ายหน้าพลางยกยิม
้ เมื่อมองลูกสาวของ
เธอที่กำลังนอนหลับอย่างสงบ เธอไม่ได้ปลุกเสี่ยว
ตังแต่หันกลับไปดูคอนเสิรต์ต่อ
เมื่อคอนเสิร์ตจบลง ซินซินก็ปรบมือด้วยความ
ชื่นชมก่อนจะรับรู้ว่าลูกสาวของเธอไม่ได้พิงอยู่ที่ตัว
อีกต่อไปแต่กลับไปพิงชายคนที่นั่งอยู่อีกด้านแทน
แขนเสื้อของชายคนนัน
้ มีคราบน้ำลายและรอยฟั น
ปรากฎอยู่ ซึ่งมันได้ทำลายชุดสูทราคาแพงของเขา
"ขอโทษด้วยค่ะคุณผู้ชาย!" เรินซินซินรีบอุ้มลูก
สาวของเธอกลับมา
ชายคนนัน
้ หันมามองซินซินแล้วพูดว่า "พวกเรา
ออกไปกันเถอะ"
โอ้....ช่างสมบูรณ์แบบจริงๆ เรินซินซินพบว่าเธอ
ไม่สามารถคิดหาคำใดๆมาบรรยายใบหน้านีไ้ ด้
ราวกับพระเจ้าได้เสกสรรปั ้ นแต่งผลงานชิน
้ เอกมา
โดยใส่ยีนที่ดีที่สุดของมนุษย์ลงไปในคนๆนี ้ แม้แต่
ดวงตาที่เย็นชาของเขาก็ทำให้เขามีออร่าที่ดูลึกลับ
"เราต้องออกไป คอนเสิร์ตจบแล้ว" ชายคนนัน

เห็นว่าเรินซินซินยังคงนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว เขาจึงพูด
เตือนอีกครัง้
"โอ้..." เรินซินซินอุทานออกมาหลังหลุดจาก
ภวังค์ หน้าขึน
้ สีแดงขณะที่กอดเสี่ยวตังเอาไว้ เธอ
ก้มหน้าลงด้วยความตื่นตระหนก ช่างน่าขายหน้า
จริงๆที่หลงไปกับรูปลักษณ์ของผู้ชาย
"ฉันขอโทษด้วยเรื่องสูทของคุณ ฉันจะจ่ายค่า
ซักแห้งให้" เรินซินซินขอโทษอีกครัง้
"ไม่เป็ นไร" ชายคนนัน
้ ถอดเสื้อสูทออกเผยให้เห็น
เสื้อเชิต
้ สีขาวด้านใน พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก....
"จะไม่เป็ นไร ได้ยังไง..."
"ไม่เป็ นไรจริงๆ ผมดีใจมากที่ได้พบกับคุณอีก
ครัง้ " ชายคนนัน
้ พูดขึน
้ มา
"เอ๋???" เรินซินซินมองชายคนนัน
้ ด้วยความ
ประหลาดใจ พบฉันอีกครัง้ ?? บอกว่าคุณดีใจแต่
กลับไม่มีรอยยิม
้ เลย?
"เราเคยพบกันมาก่อนใช่หรือเปล่า?" เรินซินซิน
ไม่แน่ใจ
ชายคนนัน
้ พยักหน้าแต่กลับไม่มีความยินดีในน้ำ
เสียงของเขาขณะที่เขาพูดว่า "วัน
ที่ 6 เมษายน 2008 เวลา 17.31.58 น."
"(☉०☉) โอ้" เรินซินซินตาโต
"ผมเกาเฟิ ง ผมดีใจที่ได้พบคุณอีกครัง้ เรินซินซิน"
ในที่สุดชายคนนัน
้ ก็แสดงอารมณ์ออกมาเมื่อเขาพูด
เช่นนี ้ ดวงตาที่สงบนิ่งของเขากระพริบ
สมองของเรินซินซินเริ่มประมวลผลด้วยความเร็ว
สูง ในปี  2008 เธอคลอดเสี่ยวตังในเดือนเมษายน
งัน
้ คงเป็ นช่วงก่อนที่เสี่ยวตังจะเกิด....เวลาช่วงนัน

ส่วนใหญ่เธอจะไปทำงานแล้วก็กลับบ้าน นอกจาก
เซี่ยเฟิ งกับฉินเยว่ เธอก็ไม่เคยพูดคุยหรือติดต่อกับ
ผู้ชายคนไหนอีก
เวลา 17.00 น. เธอคงจะเลิกงานแล้ว เขาชื่อเกา
เฟิ ง เกาเฟิ ง..."
"คุณ...คุณ...ชายจรจัดบนม้านั่งในสวน
สาธารณะ?"เรินซินซินถามแต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก
"คุณยังจำผมได้" หัวใจของเกาเฟิ งมีกระแสความ
อบอุ่นผ่านเข้ามาเล็กน้อย นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ความ
สุขใช่หรือเปล่า?
หลังจากอยู่บนโลกนีม
้ า 5 ปี กับ 3 เดือน เขาได้
พบเห็นอารมณ์ของมนุษย์มามากมายนับไม่ถ้วนแต่
นี่เป็ นครัง้ แรกที่เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกเหล่านัน

ด้วยตัวเอง
เขาต้องวิเคราะห์สิ่งนีใ้ นภายหลัง ดูเหมือนว่า
ร่างกายของเขาจะผลิตสารกระตุ้นบางอย่างที่ส่ง
ผลกระทบต่อระบบประสาท นี่คือความแตกต่าง
ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ใช่หรือเปล่า?
เป็ นครัง้ แรกที่เกาเฟิ งตระหนักว่าภารกิจของ
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะหมายถึงอะไร
......
บ้านเกิดของเกาเฟิ งอยู่ห่างไกลจากทางช้างเผือก
หลายล้านปี แสง ดวงดาวนัน
้ เรียกว่าเคฟเลอร์
อารยธรรมบนดาวดวงนีไ้ ด้รับการพัฒนาอย่างมาก
ซึ่งยีนของคนบนดาวได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะ
สม พวกเขาไม่เคยเจ็บป่ วยไม่แก่และไม่ตาย ไม่
แม้แต่ต้องเรียนรู้ นั่นก็เป็ นเพราะระบบ
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะจะฝั งชิพลงไปในสมองของ
ทารกแรกเกิด โดยเชื่อมคลื่นสมองของเด็กทารก
เข้ากับระบบเพื่อให้ผู้คนสามารถรับความรู้ทัง้ หมด
ได้ในทันที
ดังนัน
้ พวกเขาจึงไม่เคยมีวัยเด็กเพื่อการเรียนรู้
เคฟเพอเรียนทุกคนมีรูปลักษณ์เหมือนเดิมตัง้ แต่
เด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ พวกเขาไม่ต่างจากพวกหุ่นยนต์
ที่พวกเขาสร้างขึน
้ มาเลย
เพราะดาวเคราะห์มีพลังมากเกินไปจึงไม่มี
สงคราม เนื่องจากเทคโนโลยีก้าวหน้าเกินไปจึงไม่มี
ความหิวโหยหรือความเจ็บปวด เนื่องจากทุกคนมี
การพัฒนาทางจิตใจเหมือนกันจากชิพที่ฝังอยู่ใน
สมองจึงไม่มีความกระหายที่จะเรียนรู้
วันแล้ววันเล่าโลกทัง้ ใบของเคฟเลอร์จึงผ่านไป
ราวกับเครื่องจักรที่ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ทำงาน
อย่างราบรื่นจนกระทั่งวันหนึ่ง การฆ่าตัวตายครัง้
แรกก็เกิดขึน

ทุกคนพิศวงงงงวยแต่ไม่ได้เศร้าโศก ไม่มีใครคิด
เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายนานนัก เพราะอาจจะมีเด็ก
ทารกเกิดขึน
้ มาใหม่ ด้วยการควบคุมประชากร
อย่างเข้มงวด พวกเขาไม่เคยขาดแคลนผู้คน
แต่นั่นเป็ นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เช่นเดียวกับสวิตช์
ที่ถูกเปิ ด เคฟเพอเรียนจำนวนมากที่มีชีวิตอยู่นาน
เกินไปเริ่มต้องการสัมผัสความรู้สึกของการฆ่าตัว
ตาย ทุกวันจึงนำมาซึ่งการฆ่าตัวตาย จนกระทั่ง
ปรากฎการณ์นัน
้ ดึงดูดความสนใจของคอมพิวเตอร์
อัจฉริยะในที่สุด
ระบบของคอมพิวเตอร์อัจฉริยะทำการประมวล
ผลอย่างเร่งรีบภายในเวลา 1 เดือน ก่อนจะสรุปได้
ว่า ชาวเคฟเลอร์ประสบกับภาวะซึมเศร้าที่เป็ น
ตำนานของตำนาน
แต่โรคซึมเศร้าคืออะไร? ทุกคนไม่เข้าใจ
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะตอบ : เมื่อคุณใช้ชีวิต
เหมือนเครื่องจักรมากขึน
้ เรื่อยๆ ราวกับว่าคุณไม่มี
จิตวิญญาณ
คนที่ไม่เห็นด้วยบอกว่า พวกเขามีสติและแรงขับ
เคลื่อนทางจิตใจแต่หุ่นยนต์กับเครื่องจักรไม่มี
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะบอก แต่คุณไม่มีความรู้สึก
คุณใช้ชีวิตวันแล้ววันเล่าโดยไม่เคยพบเจอกับความ
สุข ความเศร้า ความปรารถนา คุณไม่หวาดกลัว
ความตาย
ความรู้สึกคืออะไร? ชาวเคฟเลอร์ร้ท
ู ุกคำที่
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะบอก แต่พวกเขาไม่เข้าใจ
ทำไมต้องมีความปรารถนาในเมื่อเรามีทุกอย่างแล้ว
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะออกคำสั่ง : หากรูปแบบ
การดำเนินชีวิตเช่นนีย
้ ังดำเนินต่อไป ชาวเคฟเลอร์
จะต้องตายด้วยน้ำมือตัวเอง และอารยธรรมอันยิ่ง
ใหญ่นีก
้ ็จะสูญสลาย
อย่างไรก็ตาม ชาวเคฟเลอร์ไม่ได้วิตกกังวล ต้น
กำเนิดการพัฒนาและการสูญพันธุ์ในเวลาต่อมา
ของสิ่งมีชีวิตใดๆก็ตามถือว่าเป็ นกระบวนการที่
หลีกเลี่ยงไม่ได้และเป็ นเรื่องธรรมชาติ เช่นเดียวกับ
ดวงอาทิตย์หลังจากกำเนิดมาหลายพันล้านปี ต่อ
มามันก็จะเผาไหม้ตัวเองและจักรวาลใหม่ก็จะถูก
สร้างขึน
้ มา เช่นเดียวกันดวงอาทิตย์ดวงใหม่ก็ถือ
กำเนิด อารยธรรมอื่นก็จะถูกสร้างขึน

คอมพิวเตอร์อัจฉริยะบอกต่อไปว่า : เมื่อฉันถูก
สร้างโดยบรรพบุรุษของพวกคุณ งานหลักของฉันก็
คือปกป้ องชาวเคฟเลอร์เพราะฉะนัน
้ ฉันจึงต้องทำ
อะไรสักอย่าง
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะจึงมอบหมายงาน โดยส่ง
ชาวเคฟเลอร์หนึ่งในสามออกเดินทางไปยังดาว
เคราะห์ที่มีอารยธรรมต่ำกว่า เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิต
ขัน
้ พื้นฐานที่เทคโนโลยี่ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่าง
เต็มที่
เกาเฟิ งได้รับมอบหมายให้ไปตรวจสอบดาว
เคราะห์ที่ล้าหลังที่สุด เขาต้องผ่านรูหนอนหลายสิบ
ครัง้ และเดินทางนับล้านปี แสงก่อนจะถึงจุดหมาย
ปลายทาง
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ห้ามไม่ให้ชาวเคฟเลอร์นำ
เทคโนโลยีใดๆก็ตามที่สูงกว่าเทคโนโลยีของท้องถิ่น
มาใช้ ดังนัน
้ เมื่อเกาเฟิ งมาถึงดาวโลก เขาก็มีเพียง
แค่ยานอวกาศกับมือเปล่าๆ
ในวันที่ยานของเขาลงจอดมีฝนตกหนัก เขามอง
ดูฝูงชนแปลกๆด้านล่างที่วิ่งกันขวักไขว่ เกาเฟิ งรู้ว่า
พายุฝนฟ้ าคะนองและเมฆครึม
้ เหล่านีเ้ กิดจากยาน
อวกาศของเขา
"อากาศเป็ นแบบนีไ้ ด้ยังไง? พยากรณ์อากาศ
บอกว่าวันนีแ
้ ดดจะออกไม่ใช่เหรอ?"
"พยากรณ์อากาศทางทีวีเคยพูดถูกที่ไหน?"
"หาที่หลบก่อน..."
.....
"คนๆนัน
้ โง่หรือเปล่า ทำไมเขาถึงได้ยืนตากฝน
อยู่แบบนัน
้ ?"
"เป็ นผู้ชายตัวใหญ่ ผมยาวใส่ชุดแปลกๆด้วย..."
"แต่เสื้อผ้าของเขาดูเหมือนจะไม่เปี ยกเลยนะ?"
.......
"ไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้แบบนัน
้ ....ฟ้ าจะไม่ผ่าเอาเห
รอ?"
"มีเสาล่อฟ้ าอยู่ทั่วเมือง..."
.......
"ฝนตกอีกแล้ว วันนีฉ
้ ันยังหาเงินไม่ได้เลย..."
"ให้เมียเอาร่มมาให้ดีกว่า..."
.......
เกาเฟิ งอยู่บนโลกได้ไม่ถึง  5 นาที เขาก็ปวดหัว
เสียแล้วด้วยเสียงความคิดนับไม่ถ้วนดังเข้ามาในหัว
ของเขาจากทุกทิศทุกทาง!
เกาเฟิ งเดินตามกระแสของผู้คนโดยมองหาสถาน
ที่ที่เงียบสงบ เขาคิดจะไปยังที่ๆไม่มีคนแต่เกาเฟิ งก็
จำภารกิจหลักที่คอมพิวเตอร์อัจฉริยะมอบหมายให้
ได้ เขาจึงมาที่สวนสาธารณะเล็กๆแทน
เนื่องจากมีฝนตก สวนเล็กๆแห่งนีจ
้ ึงปราศจาก
ผู้คน เกาเฟิ งนั่งลงบนม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆ ปล่อยให้สาย
ฝนตกกระทบร่าง ยังไงก็ตามร่างกายของเขาก็ไม่
เจ็บป่ วย
แต่ความรู้สึกมันแปลกๆ จากข้อมูลที่ได้รับมา
มนุษย์โลกไม่มีเครื่องปรับสภาพอากาศและเขา
อาศัยน้ำพวกนีใ้ นการอาบ ข้อมูลบอกว่าการอาบ
น้ำจะช่วยให้สดชื่นและสบายตัว แต่ตอนนีเ้ ขาไม่ได้
รู้สึกดีนัก เขาลืมตาไม่ขึน
้ ด้วยซ้ำ
หลังจากนัน
้  1 ชั่วโมงฝนก็หยุดตก เมื่อมองไป
รอบๆ เกาเฟิ งรู้สึกว่าสวนสาธารณะเปลี่ยนไปนิด
หน่อย รู้สึกว่าสะอาดขึน
้ และเมื่อแสงแดดสาดส่อง
ลงมา ต้นไม้ก็ดูเหมือนจะคืนพลังชีวิต
"แม่ เสื้อผ้าของลุงคนนัน
้ ดูแปลกๆ" เด็กคนหนึ่งชี ้
ไปที่เกาเฟิ ง
"อย่าพูดเหลวไหล" เมื่อคนเป็ นแม่เห็นว่าลูกชาย
ของเธอกำลังชีไ้ ปที่ชายผมเผ้ารุงรังที่ใส่ชุดแปลกๆ
ก็ตกใจกลัวแล้วรีบพาลูกชายของเธอเดินหนีไป
ทันที
"นั่นเป็ นลูกมนุษย์ดึกดำบรรพ์หรือเปล่า? ทำไม
คลื่นสมองของเขาถึงได้อ่อนแอนัก ไอคิวก็ต่ำ เขาโง่
มากจนจับแมลงของเคฟเลอร์ไม่ได้ด้วยซ้ำ..." เกา
เฟิ งสัมผัสได้ถึงคลื่นสมองของคนอื่นและรู้สึกฉงน
มาก สิ่งมีชีวิตที่โง่เขลาขนาดนี ้ พวกเขาอยู่รอดมา
ได้ยังไง?
"ติ๊ด ติ๊ด"
เกาเฟิ งเปิ ดรับการเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์
อัจฉริยะ และเสียงก็ดังขึน
้ ในสมองของเขา : โปรด
อย่าก่อสิ่งที่กระทบต่อการพัฒนาตามธรรมชาติของ
อารยธรรมดึกดำบรรพ์และโปรดคิดในแง่ความเท่า
เทียมกันกับพวกเขา เมื่อคุณตระหนักถึงความรู้สึก
และรับรู้อารมณ์ของคุณ คุณสามารถขับยานกลับ
เคฟเลอร์ได้ แต่ฉันขอให้คุณทำภารกิจให้สำเร็จ
ลุล่วงก่อน จงทำความ
เข้าใจ 7  อารมณ์ 6 ปรารถนาของมนุษย์
เกาเฟิ งปิ ดการเชื่อมต่อเงียบๆ เริ่มมีคนเข้ามาใน
สวนสาธารณะเรื่อยๆ คนเหล่านัน
้ เห็นท่าทาง
แปลกๆของเขาก็พากันกระซิบกระซาบ เกาเฟิ งนิ่ง
คิดเล็กน้อยก่อนจะลุกขึน
้ ไปมองหาเสื้อผ้าเปลี่ยน
โชคดีที่ในถังขยะมีอยู่มากมาย
เกาเฟิ งหยิบเสื้อผ้าขึน
้ มา 2-3 ตัวแล้วนำมาสวม
ทับชุดอวกาศของเขา ก่อนที่จะกลับไปนั่งบนม้านั่ง
ในสวน ผู้คนเดินผ่านไปมามากขึน
้ แต่ยังไม่
พลุกพล่าน เกาเฟิ งตัง้ ใจนั่งอยู่ที่นั่นและคอย
สังเกตการณ์สักพัก แต่มนุษย์ดึกดำบรรพ์พวกนี ้
แปลกมากหลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า สิ่งที่ได้รับ
จากคลื่นความรู้สึกของพวกนัน
้ ก็คือ "ขยะแขยง"
ความรู้สึกของพวกเขารุนแรงและแปรปรวนง่าย
ไม่น่าแปลกใจที่อายุขัยเฉลี่ยของพวกเขาไม่สูงนัก
เกาเฟิ งไม่สนในความรู้สึกรังเกียจ หวาดกลัวหรือ
เกลียดชังที่ผู้คนมีต่อเขา เขาเพียงแค่นั่งเงียบๆอยู่
บนม้านั่งและมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆตัว เขายัง
เป็ นคนนอกของโลกใบนี ้
....
เป็ นผู้หญิงคนนัน
้ อีกแล้ว ทุกครัง้ ที่เกาเฟิ งเห็น
เธอเดินผ่าน เธอมักจะอยู่คนเดียว ผู้หญิงคนนัน

ควรได้รับการตัดสินว่างดงามมากสำหรับสิ่งมีชีวิต
บนดาวดวงนี ้ คลื่นชีวิตของเธอมีความแปรปรวน
อย่างมากและเกาเฟิ งรู้สึกว่ามันกำลังจะเกิดบาง
อย่างขึน
้ ในไม่ช้า
"อา!" จู่ๆผู้หญิงคนนัน
้ ก็หน้าซีดและยกแขนขึน

โอบประคองรอบท้องราวกับว่าเธอกำลังเจ็บปวด
เกาเฟิ งรู้ดีว่ามนุษย์ดึกดำบรรพ์เหล่านีบ
้ อบบาง
มาก แค่มีความเสียหายเพียงเล็กน้อยก็สามารถคร่า
ชีวิตพวกเขาได้ ในช่วงเวลานีใ้ นสวนสาธารณะมัก
จะว่างเปล่าและไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมา เกาเฟิ ง
จึงต้องไปพาผู้หญิงคนนัน
้ มานั่งที่ม้านั่ง และส่งคลื่น
ทางจิตเข้าไปทำให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆในท้องของผู้หญิง
คนนัน
้ สงบลง
นี่คือ? มันผ่านเข้าสู่สมองฉันอีกแล้ว...ความสุขรึ?
เกาเฟิ งรู้สึกถึงคลื่นความรู้สึกจากสิ่งมีชีวิตเล็กๆนัน

"ขอบคุณ!"
ใบหน้าของหญิงสาวยังซีดเซียวแต่เธอก็ส่งยิม

และกล่าวขอบคุณแก่เขา เกาเฟิ งค่อยๆก้มหน้าลง
มองเธอ เขารู้ว่าผู้หญิงคนนีก
้ ็กลัวเขาเหมือนกับคน
อื่นๆ ทุกครัง้ ที่เธอเดินผ่านม้านั่งของเขา เธอจะรู้สึก
กระวนกระวายใจและรีบเร่งฝี เท้า
เกาเฟิ งจึงทำสิ่งที่ช่วยเหลือเธออีกนิดหน่อยด้วย
การเก็บข้าวของของเธอที่หล่นอยู่ให้ เขายังไม่เคย
ลิม
้ ลองอาหารของโลกใบนี ้ เขาดื่มเพียงชุดสาร
อาหารที่นำมาด้วยเพราะรู้ว่าถ้าเขาเริ่มกินอาการ
ของโลกนี ้ การเชื่อมต่อทางจิตกับพื้นที่ที่ใช้เก็บชุด
สารอาหารทัง้ หมดของเขาจะถูกล็อค นี่คือ
กระบวนการที่ช่วยให้เขาหลอมรวมเข้ากับสภาพ
แวดล้อมของโลกใบนีโ้ ดยเร็วที่สุด
เกาเฟิ งวางถุงพลาสติกไว้ตรงปลายม้านั่งและนั่ง
ลงบนพื้นหญ้าเงียบๆขณะคำนวณว่าชุดสารอาหาร
ที่เขานำมาจะใช้กินได้นานแค่ไหน
"ขอบคุณมาก" ผู้หญิงคนนัน
้ เปิ ดถุงพลาสติกแล้ว
พูดว่า "นี่ฉันให้คุณค่ะ"
เกาเฟิ งมองของกินตรงหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร
หญิงสาววางพวกมันลงบนม้านั่งแล้วค่อยๆเดินจาก
ไป
เกาเฟิ งมองร่างที่กำลังเดินห่างออกไป จากนัน
้ ก็
หยิบอาหารขึน
้ มาดมกลิ่น มันส่งกลิ่นหอมจางๆ
สมองของเขาบอกว่ามันคือส้มเป็ นผลไม้ที่สูญพันธุ์
ไปหลายพันปี แล้วในเคฟเลอร์
ถ้าเขาต้องการเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์ เขาต้อง
หลวมรวมตัวเองเข้ากับสังคมของพวกมนุษย์และมี
ปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา....
ด้วยการวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล สมองของเกา
เฟิ งจึงเปิ ดรับข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เขาค่อยๆปอก
เปลือกส้มและกระดกขวดน้ำผลไม้รสเปรีย
้ วอม
หวานขึน
้ ดื่ม รสชาติที่ได้รับและน้ำลายที่ถูกหลั่ง
ออกมาอัตโนมัติช่างให้ความรู้สึกแปลกใหม่
ช่องว่างที่ใช้บรรจุชุดสารอาหารถูกล็อค เป็ นครัง้
แรกที่เกาเฟิ งรู้สึกหิว มันเป็ นเรื่องแปลกใหม่และ
เขาเริ่มรู้สึกถึงความอ่อนแอ
......
"ไม่หิวเหรอ? ฉันซื้อขนมปั งกับอาหารกล่องมา
ให้...."
เป็ นผู้หญิงคนนีอ
้ ีกแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะมา
ทุกๆ 2-3 วัน เกาเฟิ งตรวจสอบโดยเชื่อมต่อกับ
ระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ : เห็นได้ชัดว่าผู้หญิง
คนนีแ
้ สดงความปรารถนาดี 
นอกจากนีย
้ ังเตือนเขาด้วยว่า เมื่อมีคนใจดีกับ
เขา เขาสามารถพัฒนาสิ่งนีแ
้ ละเข้าสู่สิ่งที่เรียก
ว่า 'มิตรภาพ' ได้
เกาเฟิ งไม่สนใจผู้หญิงคนนัน
้ แต่ยอมรับอาหารมา
เงียบๆ
ผู้หญิงคนนัน
้ ไม่โกรธ เธอแค่ยิม
้ แล้วก็เดินจากไป
เกาเฟิ งสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาของสิ่งมีชีวิต
เล็กๆในตัวเธอและมีความคิดว่า "เด็กคนนัน
้ กำลัง
จะเกิดแล้ว"
"พลังทางจิตของคุณไปกระตุ้นให้คลอดก่อน
กำหนด" คอมพิวเตอร์อัจฉริยะตอบ
"ไม่มีอันตราย เธอจะมีสุขภาพที่ดี"
เดือนต่อมาเกาเฟิ งก็ไม่เห็นผู้หญิงคนนัน
้ อีก เธอ
คงจะคลอดลูกแล้ว
.....
"สมองของคุณมักจะฉายภาพความทรงจำเกี่ยว
กับผู้หญิงคนนัน
้ คุณคิดถึงเธอใช่
ไหม?" คอมพิวเตอร์อัจฉริยะถาม
"ไม่ร้ส
ู ิ" เกาเฟิ งรู้สึกสับสนเล็กน้อย
"ผู้หญิงในยุคนีย
้ ังมีความเสี่ยงอยู่มากจากการ
คลอดลูก พวกเธอต้องพักผ่อนอีกระยะหนึ่ง ดังนัน

เธอจึงยังคงไม่มาปรากฎตัวอีกสักพัก"
"บอบบางจังเลย" เกาเฟิ งออกความเห็น "ไปหา
อะไรกินกันเถอะ"
ไม่กี่วันต่อมา เกาเฟิ งก็ตระหนักว่าถึงเวลาแล้วที่
เขาจะหลอมรวมตัวเองกับโลกใบนีใ้ นรูปแบบที่แตก
ต่างออกไป ผู้คนเริ่มรังเกียจเขามากขึน
้ เรื่อยๆ
"ทำไมพวกเขาถึงเกลียดฉัน?"
"เพราะคุณสกปรกและมีกลิ่นเหม็น"
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะตอบ
"แต่ชุดอวกาศของฉันสามารถทำความสะอาดตัว
เองได้"
"แต่เสื้อผ้าที่คุณสวมทับสกปรก"
"โลกนีช
้ า่ งซับซ้อน ฉันต้องใช้การวิเคราะห์นับไม่
ถ้วนเพื่อค้นหารูปแบบพฤติกรรมของพวกเขา" เกา
เฟิ งพึมพำ
"คนเหล่านัน
้ เป็ นเพียงกลุ่มเล็กๆในมุมหนึ่งของ
โลกใบนี ้ เทียบไม่ได้กับดาวดาวนับไม่ถ้วนบนทาง
ช้างเผือก...." คอมพิวเตอร์อัจฉริยะเตือนเขา
"แต่คุณบอกว่าถ้าฉันสามารถหลอมรวมเข้ากับ
สถานที่แห่งนีแ
้ ละเรียนรู้ความรู้สึกของพวกเขาได้
แล้วก็สามารถกลับไปที่เคฟเลอร์ได้"
"ฉันช่วยคุณคำนวณไม่ได้แต่เราสามารถทำการ
ทดสอบได้"
"ทดสอบ?"
"ฉันเพิ่งเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายของโลกใบนี ้
และพบว่ามนุษย์ที่นี่สนใจในสิ่งที่เรียกว่า เสน่ห์"
"เสน่ห์คืออะไร?"
"ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัว
แต่ยิ่งคุณมีมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งได้รับความนิยม
มากขึน
้ เท่านัน
้ "
"แล้วคุณจะทดสอบสิ่งนีย
้ ังไง?" เกาเฟิ งถาม
"รอสักครู่...." คอมพิวเตอร์อัจฉริยะเงียบไปพัก
หนึ่ง ก่อนตอบกลับมาว่า "ฉันพบข้อความนีจ
้ าก
นิยายยอดนิยม สำหรับผู้ชายแล้วการได้รับจูบจาก
ผู้หญิงสวยเป็ นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงว่าคุณมี
เสน่ห์"
"ฉันต้องได้รับจูบจากสาวสวยเพื่อปลุกจิด
วิญญาณที่สูญสลาย" เกาเฟิ งขมวดคิว้ ขณะที่อ่าน
ข้อความ
"เขียนข้อความนีล
้ งบนกระดาษเพื่อให้คนบนโลก
นีเ้ ข้าใจถึงเจตจำนงของคุณ" คอมพิวเตอร์อัจฉริยะ
แนะนำ
"เรากำลังมองหาความงามแบบไหน?" เกาเฟิ งผู้
แสนจริงจังถาม "มีมาตรฐานที่เราใช้คัดสรรหรือ
เปล่า?"
"ไป่ ตู้ อธิบายว่าตราบใดที่ดูดีในสายตาของคุณก็
ถือว่าสวย"
"ถ้าอย่างนัน
้ ก็มาลองกันเถอะ ถ้าการทดสอบนี ้
สำเร็จ ฉันจะได้เริ่มทำภารกิจอย่างเป็ นทางการ"
ตัง้ แต่เช้าตรู่จนถึงยามตะวันตกดิน เกาเฟิ งรออยู่
ที่ม้านั่งของเขาแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็ นความรู้สึก
เกลียดชังที่รุนแรงขึน
้ จากคนที่เดินผ่านไปมา
"ทำไมพวกเขาถึงมีปฏิกิริยารุนแรงแบบนี?้ " เกา
เฟิ งฉงน
"บางทีคุณอาจจะไม่มีเสน่ห์มากพอ"
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะตอบ
"โอ้...." จู่ๆเกาเฟิ งก็เห็นผู้หญิงที่เขาไม่ได้เจอมา
เป็ นเดือน อีกครัง้ ที่เธอทำถุงหล่นและข้าวของก็
กระจัดกระจายบนพื้น ดังนัน
้ เกาเฟิ งจึงวางแผ่น
กระดาษแข็งลงแล้วเข้าไปช่วยเธอ
"นี่คือลูกสาวของฉัน หลิงตัง" ผู้หญิงคนนัน

แนะนำอย่างมีความสุข
ฉันรู้สึกว่าคลื่นสมองของเธอแข็งแรงขึน
้ มาก
"เฮ้ นี่คุณเขียนเองเหรอ?"
เกาเฟิ งพยักหน้า
"คิดว่าฉันสวยหรือเปล่า?"
เกาเฟิ งพยักหน้าอีกครัง้ เธอเป็ นคนที่หน้าตาดี
ที่สุดในโลกใบนีเ้ ท่าที่เขาเคยเห็นในช่วง 2-3 เดือน
ที่ผ่านมา
ทันใดนัน
้ เขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกๆบน
ใบหน้า : นุ่มนวลและอบอุ่น
เขาสามารถได้กลิ่นหอมจากเส้นผมของเธอ มอง
เห็นขนยาวยาวและได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้น นี่ก็
คือจูบ?
การกระทำที่เรียบง่าย แต่ส่งผลให้เกิดความรู้สึก
ที่ยอดเยี่ยม
"ดูเหมือนว่าคุณจะมีเสน่ห์" คอมพิวเตอร์
อัจฉริยะบอก
"ต่อไปก็หางานทำอย่างจริงจังให้ดวงอาทิตย์สาด
แสงมาที่คุณ" หญิงสาวยิม
้ แล้วเข็นรถเข็นเด็กเดิน
จากไป
"คุณชื่ออะไร?" เกาเฟิ งอดถามไม่ได้ นี่เป็ นครัง้
แรก....ครัง้ แรกที่เขาสัมผัสกับมนุษย์อย่างแท้จริง
 "เรินซินซิน" หญิงสาวยิม
้ อย่างสดใส รอยยิม
้ ของ
เธอคนอื่นเทียบไม่ได้เลย
"ฉันชื่อเกาเฟิ ง"
คุณเป็ นคนแรกที่ร้จ
ู ักชื่อของฉัน เรินซินซิน
.......
"เกาเฟิ งที่เป็ นชายจรจัดในสวนสาธารณะ?" เริน
ซินซินแปลกใจมาก
"นั่นคือผมเอง" เกาเฟิ งมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่
ตื่นขึน
้ มาอย่างงัวเงีย "หลิงตังโตขึน
้ มากทีเดียว"
"คุณ..." เขายังจำชื่อของหลิงตังได้ เขาคือชาย
จรจัดคนนัน
้ จริงๆ
"แม่คะ ลุงคนสวยคนนีค
้ ือใคร?" เสี่ยวตังชอบสิ่ง
สวยๆงามๆมาตลอด
"เสี่ยวตัง พูดว่าคุณลุงสวยไม่ได้นะ"
"แต่คุณลุงคนนีส
้ วยมากๆเลย สวยกว่าในการ์ตูน
อีก" เสี่ยวตังพูดอย่างจริงจัง
"หนูกำลังชมฉัน ขอบใจนะ!" เกาเฟิ งมองเสี่ยวตัง
"คุณลุงที่หนูชมคุณลุง คุณลุงไม่พอใจเหรอ
คะ?" หลิงตังถามด้วยความสงสัย
"ฉันควรจะ...ฉันมีความสุข" เกาเฟิ งไม่ร้จ
ู ะ
อธิบายความรู้สึกยังไง
"แล้วทำไมคุณลุงไม่ยิม
้ เลยล่ะคะ?" เสี่ยวตังยกนิว้
เล็กๆดันมุมปากสองข้างของตัวเองขึน
้ "แบบนีไ้ ง
คะ"
เกาเฟิ งเลียนแบบเธอค่อยๆยกมุมปากของเขา นี่
ก็คือการยิม
้ ? มันช่างให้ความรู้สึกแตกต่างจริงๆ
เรินซินซินตกตะลึงกับรอยยิม
้ อันงดงามของชาย
คนนี.้ ..
 
จบบริบูรณ์

You might also like