Professional Documents
Culture Documents
มหาปรินิพพานสูตร
มหาปรินิพพานสูตร
ท่านพระอานนท์ทล
ู ว่า ข ้าพระองค์ได ้ยินมาอย่างนั น พระเจ ้าข ้า ฯ
ี ักหมันประชุมกันเนืองๆ อยูเ่ พียงใด
ดูกรอานนท์ พวกเจ ้าวัชชจ
ึ
พึงหวังได ้ซงความเจริ ื เพียงนั น ฯ
ญอย่างเดียว ไม่มเี สอม
ี ร ้อมเพรียงกัน
ดูกรอานนท์ เธอได ้ยินมาอย่างไร พวกเจ ้าวัชชพ
ประชุมพร ้อมเพรียงกันเลิกประชุม ี งึ
และพร ้อมเพรียงกันทํากิจทีเจ ้าวัชชพ
กระทําหรือ ฯ
ข ้าพระองค์ได ้ยินมาอย่างนั น พระเจ ้าข ้า ฯ
ดูกรอานนท์ ี ักพร ้อมเพรียงกันประชุม
พวกเจ ้าวัชชจ จักพร ้อม
เพรียงกันเลิกประชุม ี งึ กระทําอยู่
และจักพร ้อมเพรียงกันทํากิจทีเจ ้าวัชชพ
ึ
เพียงใด พึงหวังได ้ซงความเจริ ื
ญอย่างเดียว ไม่มเี สอมเพี
ยงนั น ฯ
ดูกรอานนท์ เธอได ้ยินมาอย่างไร พวกเจ ้าวัชชไี ม่ได ้บัญญัตส ิ
ิ งที
ิ ได ้บัญญัตไิ ว ้แล ้ว สมาทานประพฤติอยูใ่ นวัชช ี
มิได ้บัญญัตไิ ว ้ ไม่ถอนสงที
ธรรมของเก่าตามทีบัญญัตไิ ว ้แล ้วหรือ ฯ
ข ้าพระองค์ได ้ยินมาอย่างนั น พระเจ ้าข ้า ฯ
ี ักไม่บัญญัตส
ดูกรอานนท์ พวกเจ ้าวัชชจ ิ มิได ้บัญญัตไิ ว ้ จักไม่
ิ งที
ิ ได ้บัญญัตไิ ว ้แล ้ว
ถอนสงที จักสมาทานประพฤติอยูใ่ นวัชชธี รรมของเก่า
ึ
ตามทีบัญญัตไิ ว ้แล ้วอยูเ่ พียงใด พึงหวังได ้ซงความเจริ
ญอย่างเดียว ไม่ม ี
ื เพียงนั น ฯ
เสอม
ี ก
ดูกรอานนท์ เธอได ้ยินมาอย่างไร พวกเจ ้าวัชชส ั การเคารพนับ
ถือบูชาท่านทีเป็ นผู ้ใหญ่ของพวกเจ ้าวัชช ี ื งถ ้อยคําของท่าน
และเชอฟั
เหล่านั นหรือ ฯ
ข ้าพระองค์ได ้ยินมาอย่างนั น พระเจ ้าข ้า ฯ
Page | 4
ี ั กส ก
ดูกรอานนท์ พวกเจ ้าวัชชจ ั การะเคารพนับถือบูชาท่านทีเป็ น
ผู ้ใหญ่ของพวกเจ ้าวัชช ี และจักเชอฟั
ื งถ ้อยคําของท่านเหล่านั นอยูเ่ พียงใด
ึ
พึงหวังได ้ซงความเจริ ื เพียงนั น ฯ
ญอย่างเดียว ไม่มเี สอม
ดูกรอานนท์ เธอได ้ยินมาอย่างไร พวกเจ ้าวัชชไี ม่ฉุดคร่าขืนใจ
สตรีหรือกุมารีในสกุลให ้อยูร่ ว่ มด ้วยหรือ ฯ
ข ้าพระองค์ได ้ยินมาอย่างนั น พระเจ ้าข ้า ฯ
ดูกรอานนท์ ี ักไม่ฉุดคร่าขืนใจสตรีหรือกุมารีใน
พวกเจ ้าวัชชจ
ึ
สกุล ให ้อยู่ร่วมด ้วยอยูเ่ พียงใด พึงหวังได ้ซงความเจริ
ญอย่างเดียว ไม่ม ี
ื เพียงนั น ฯ
เสอม
ี ก
ดูกรอานนท์ เธอได ้ยินมาอย่างไร พวกเจ ้าวัชชส ั การะเคารพ
นับถือบูชาเจดียข ี ังภายในภายนอก
์ องพวกเจ ้าวัชชท และไม่ปล่อยให ้
ื
ธรรมิกพลี ทีเคยให ้ทีเคยกระทํา แก่เจดียเ์ หล่านั นเสอมทรามไปหรื
อฯ
ข ้าพระองค์ได ้ยินมาอย่างนั น พระเจ ้าข ้า ฯ
ี ักสก
ดูกรอานนท์ พวกเจ ้าวัชชจ ั การะ เคารพ นับถือ บูชาเจดีย ์
ี ังภายในภายนอก และจักไม่ปล่อยให ้ธรรมิกพลี ทีเคยให ้
ของพวกเจ ้าวัชชท
ื เ่ พียงใด พึงหวังได ้ซงึ
ทีเคยกระทํา แก่เจดียเ์ หล่านั น เสอมทรามไปอยู
ื เพียงนัน ฯ
ความเจริญอย่างเดียว ไม่มเี สอม
ี ัดแจงไว ้ดีแล ้ว
ดูกรอานนท์ เธอได ้ยินมาอย่างไร พวกเจ ้าวัชชจ
ึ
ซงความอารั กขาป้ องกันคุ ้มครองอันเป็ นธรรมในพระอรหันต์ทังหลาย ด ้วย
ตังใจว่าไฉนหนอ พระอรหันต์ทยั ่ ว่นแคว ้นและทีมาแล ้ว
ี งมิได ้มา พึงมาสูแ
พึงอยูเ่ ป็ นผาสุกในแว่นแคว ้น ดังนีหรือ ฯ
ข ้าพระองค์ได ้ยินมาอย่างนั น พระเจ ้าข ้า ฯ
Page | 5
เพียงนั น ฯ
๗. ดูกรภิกษุ ทังหลาย พวกภิกษุ จักไม่ถงึ ความนอนใจในระหว่าง
ึ
เพราะการบรรลุคุณวิเศษเพียงขันตํา อยูเ่ พียงใด พึงหวังได ้ซงความเจริ
ญ
ื เพียงนัน ฯ
อย่างเดียวไม่มเี สอม
ดูกรภิกษุ ทังหลาย อปริหานิยธรรม ทัง ๗ นี จักตังอยูใ่ นหมูภ
่ ก
ิ ษุ
และหมูภ ิ ษุ จักสนใจในอปริหานิยธรรม ทัง ๗ นี อยูเ่ พียงใด พึงหวังได ้ซงึ
่ ก
ื เพียงนัน ฯ
ความเจริญอย่างเดียว ไม่มเี สอม
[๗๒] ดูกรภิกษุ ทังหลาย เราจักแสดงอปริหานิยธรรม ๗ อีก
หมวดหนึงแก่พวกเธอ พวกเธอจงฟั ง จงใสใ่ จให ้ดี เราจักกล่าว ภิกษุ
เหล่านั นทูลรับพระดํารัสของพระผู ้มีพระภาคแล ้ว พระผู ้มีพระภาคได ้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุ ทังหลาย
๑. พวกภิกษุ จักเป็ นผู ้มีศรัทธา... ๒. ...มีใจประกอบด ้วยหิร.ิ .. ๓. ...มี
โอตตัปปะ... ๔. ...เป็ นพหูสต
ู ร... ๕. ...ปรารภความเพียร... ๖. ...มีสติตัง
มัน...
ึ
๗. พวกภิกษุ จักเป็ นผู ้มีปัญญา อยูเ่ พียงใด พึงหวังได ้ซงความเจริ
ญอย่าง
ื เพียงนั น ฯ
เดียวไม่มเี สอม
ดูกรภิกษุ ทังหลาย อปริหานิยธรรม ทัง ๗ นี จักตังอยูใ่ นหมูภ
่ ก
ิ ษุ
และหมูภ ิ ษุ จักสนใจในอปริหานิยธรรม ทัง ๗ นี อยูเ่ พียงใด พึงหวังได ้ซงึ
่ ก
ื เพียงนัน ฯ
ความเจริญอย่างเดียว ไม่มเี สอม
ั ญา
๕. ...ปหานสญ
๖. ...วิราคสัญญา...
ั ญา อยูเ่ พียงใด พึงหวังได ้ซงความเจริ
๗. พวกภิกษุ จักเจริญนิโรธสญ ึ ญ
ื เพียงนัน ฯ
อย่างเดียวไม่มเี สอม
ดูกรภิกษุ ทังหลาย อปริหานิยธรรมทัง ๗ นี จักตังอยูใ่ นหมูภ
่ ก
ิ ษุ
และหมูภ ิ ษุ จักสนใจในอปริหานิยธรรมทัง ๗ นี อยูเ่ พียงใด พึงหวังได ้ซงึ
่ ก
ื เพียงนัน ฯ
ความเจริญอย่างเดียว ไม่มเี สอม
ั มาสม
อรหันตสม ั พุทธเจ ้าในบัดนีก็ทรงละนิวรณ์ ๕ ซงเป็
ึ นเครืองเศร ้าหมอง
แห่งจิต กระทําปั ญญาให ้ทุรพล มีพระทัยตังมันดีแล ้วในสติปัฏฐาน ๔ ทรง
ั มาสัมโพธิญาณ ฯ
เจริญโพชฌงค์ ๗ ตามความเป็ นจริงตรัสรู ้พระอนุตรสม
ได ้ยินว่า พระผู ้มีพระภาคประทับอยูใ่ นปาวาทิกอัมพวัน ในบ ้าน
นาฬันทาแม ้นัน ทรงกระทําธรรมีกถานีแหละเป็ นอันมากแก่พวกภิกษุ วา่
ี อย่างนีสมาธิ อย่างนีปั ญญา สมาธิอันศล
อย่างนีศล ี อบรมแล ้ว ย่อมมีผล
ใหญ่ มีอานิสงสใ์ หญ่ปัญญาอันสมาธิอบรมแล ้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส ์
ใหญ่ จิตอันปั ญญาอบรมแล ้วย่อมหลุดพ ้นจากอาสวะโดยชอบ คือกามาสวะ
ภวาสวะ อวิชชาสวะ ฯ
ื
ความเสอมแห่
งโภคะอย่างใหญ่อันมีความประมาทเป็ นเหตุ อันนีเป็ นโทษ
ี วิบัตข
ข ้อทีหนึง แห่งศล ี ฯ
ิ องคนทุศล
อีกข ้อหนึง กิตติศัพท์อันชวของคนทุ
ั ศลี ี วิบัตแ
มีศล ิ ล ้วย่อม
ี วิบัตข
กระฉ่อนไปอันนีเป็ นโทษข ้อทีสองแห่งศล ี ฯ
ิ องคนทุศล
ี มีศล
อีกข ้อหนึง คนทุศล ี วิบัตแ ่ ริษัทใดๆ คือ
ิ ล ้ว จะเข ้าไปสูบ
ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คฤหบดีบริษัท หรือสมณบริษัท ย่อมครัน
ี วิบัตข
คร ้าม เก ้อเขินอันนีเป็ นโทษข ้อทีสามแห่งศล ี ฯ
ิ องคนทุศล
ี มีศล
อีกข ้อหนึง คนทุศล ี วิบัตแ
ิ ล ้ว ย่อมหลงกระทํากาละ อันนี
ี งศล
เป็ นโทษข ้อทีสแห่ ี วิบัตข ี ฯ
ิ องคนทุศล
ี มีศล
อีกข ้อหนึง คนทุศล ี วิบัตแ
ิ ล ้ว เบืองหน ้าแต่ตายเพราะกาย
แตกย่อมเข ้าถึงอบาย ทุคติ วินบ ี วิบัต ิ
ิ าต นรก อันนีเป็ นโทษข ้อทีห ้าแห่งศล
ี ฯ
ของคนทุศล
ี วิบัตข
ดูกรคฤหบดีทังหลาย โทษแห่งศล ี ๕ ประการ
ิ องคนทุศล
เหล่านีแล ฯ
์ ห่งศล
[๘๐] ดูกรคฤหบดีทังหลาย อานิสงสแ ี สมบัตข ี
ิ องคนมีศล
๕ ประการเหล่านี ๕ ประการเป็ นไฉน
ี ถึงพร ้อมแล ้วด ้วยศล
ดูกรคฤหบดีทังหลาย คนมีศล ี ย่อมได ้รับ
์ ้อทีหนึง
กองโภคะใหญ่ อันมีความไม่ประมาทเป็ นเหตุ อันนีเป็ นอานิสงสข
ี สมบัตข
แห่งศล ี ฯ
ิ องคนมีศล
อีกข ้อหนึง กิตติศัพท์อันงามของคนมีศล
ี ถึงพร ้อมแล ้วด ้วยศล
ี
ย่อม
Page | 19
์ ้อทีสอง แห่งศล
ขจรไป อันนีเป็ นอานิสงสข ี สมบัตข ี ฯ
ิ องคนมีศล
ี ถึงพร ้อมแล ้วด ้วยศล
อีกข ้อหนึง คนมีศล ี จะเข ้าไปสูบ
่ ริษัทใดๆ
คือขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คฤหบดีบริษัท หรือสมณบริษัท ย่อม
์ ้อทีสาม แห่งศล
องอาจไม่เก ้อเขิน อันนีเป็ นอานิสงสข ี สมบัตข ี ฯ
ิ องคนมีศล
ี ถึงพร ้อมแล ้วด ้วยศล
อีกข ้อหนึง คนมีศล ี ย่อมไม่หลงทํากาละ
์ ้อทีส ี แห่งศล
อันนีเป็ นอานิสงสข ี สมบัตข ี ฯ
ิ องคนมีศล
ี ถึงพร ้อมแล ้วด ้วยศล
อีกข ้อหนึง คนมีศล ี เบืองหน ้าแต่ตายเพราะ
์ ้อทีห ้า แห่งศล
กายแตก ย่อมเข ้าถึงสุคติโลกสวรรค์ อันนีเป็ นอานิสงสข ี
สมบัตข ี ฯ
ิ องคนมีศล
ดูกรคฤหบดีทังหลาย ์ ห่งศล
อานิสงสแ ี สมบัตข ี
ิ องคนมีศล ๕
ประการเหล่านีแล ฯ
จบภาณวารทีหนึง ฯ
ดูกรภิกษุ ทังหลาย ั
เราได ้รู ้แจ ้งแทงตลอดทุกขอริยสจ ทุกข
สมุทัยอริยสัจทุกขนิโรธอริยสจ
ั ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสจ
ั แล ้ว ตัณหา
ี แล ้ว ตัณหาอันจะนํ าไปสูภ
ในภพ เราถอนเสย ่ พสนแล
ิ ้ว บัดนี ภพใหม่ไม่ม ี ฯ
พระผู ้มีพระภาคผู ้สุคตศาสดาครันได ้ตรัสไวยากรณ์ภาษิตนีจบลง
แล ้ว จึงได ้ตรัสคาถาประพันธ์ตอ
่ ไปอีกว่า
[๘๗] เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ตามเป็ นจริง เราและพวกเธอ
ิ
จึงท่องเทียวไปในชาตินันๆ สนกาลนาน
เราได ้เห็นอริยสัจ ๔ เหล่านั นแล ้ว
่ พเสย
เราถอนตัณหาอันจะนํ าไปสูภ ี ได ้แล ้ว
มูลแห่งทุกข์เราตัดได ้ขาดแล ้ว บัดนี ภพใหม่ไม่ม ี ดังนี
ฯ
[๘๘] ได ้ยินว่า พระผู ้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โกฏิคามแม ้นั น
ี อย่างนี
ทรงกระทําธรรมีกถานีแหละเป็ นอันมากแก่พวกภิกษุ วา่ อย่างนีศล
ี อบรมแล ้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงสใ์ หญ่
สมาธิ อย่างนีปั ญญา สมาธิอันศล
ปั ญญาอันสมาธิอบรมแล ้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงสใ์ หญ่ จิตอันปั ญญา
อบรมแล ้ว ย่อมหลุดพ ้นจากอาสวะโดยชอบ คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชา
สวะ ฯ
[๘๙] ครังนั น พระผู ้มีพระภาคประทับอยูต
่ ามความพอพระทัยใน
โกฏิคามแล ้ว ตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสังว่า ดูกรอานนท์ มาไปกัน
เถิด เราจักไปยังนาทิกคาม ท่านพระอานนท์ทล
ู รับพระดํารัสของพระผู ้มี
พระภาคแล ้ว ลําดับนั นพระผู ้มีพระภาคพร ้อมด ้วยภิกษุ สงฆ์หมูใ่ หญ่ เสด็จ
ถึงนาทิกคามแล ้ว ได ้ยินว่า
Page | 25
ึ อด ้วยอิฐทีนาทิกคามนั น
พระผู ้มีพระภาคประทับในทีพักซงก่ ท่านพระ
อานนท์เข ้าไปเฝ้ าพระผู ้มีพระภาคถึงทีประทับ ครันเข ้าไปเฝ้ าแล ้วถวาย
บังคมพระผู ้มีพระภาค นั ง ณทีควรสว่ นข ้างหนึง ครันท่านพระอานนท์นัง
เรียบร ้อยแล ้วได ้กราบทูลพระผู ้มีพระภาคว่า ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ ภิกษุ
นามว่าสาฬหะ มรณภาพแล ้วในนาทิกคามคติและภพเบืองหน ้าของเธอเป็ น
ไฉน ภิกษุ ณีนามว่า นั นทา มรณภาพแล ้วในนาทิกคาม คติและภพเบืองหน ้า
ของเธอเป็ นไฉน
ิ า
อุบาสกนามว่า สุทัตตะ ... อุบาสก
นามว่า สุชาดา ...
อุบาสกนามว่า กกุธะ ...
ิ พะ ... อุบาสก
อุบาสกนามว่า การฬม
นามว่า นิกฏะ ...
อุบาสกนามว่า กฏิสสหะ ... อุบาสกนามว่า ตุฏฐะ ... อุบาสก
นามว่า สันตุฏฐะ ... อุบาสกนามว่า ภฏะ ... อุบาสกนามว่า สุภฏะ ทํากาละ
แล ้วในนาทิกคาม คติและภพเบืองหน ้าของเขาเป็ นไฉน ฯ
พระผู ้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอานนท์ ภิกษุ นามว่าสาฬหะ
ึ
กระทําให ้แจ ้งซงเจโตวิ
มตุ ติ ปั ญญาวิมต
ุ ติ อันหาอาสวะมิได ้ เพราะอาสวะ
ิ
สนไป ด ้วยปั ญญาอันยิงของตนเองในปั จจุบน
ั เข ้าถึงอยู่ ภิกษุ ณีนามว่า นัน
ทา เพราะสังโยชน์เบืองตํา ๕ สนไป
ิ เป็ นโอปปาติกะ ปรินพ
ิ พานในภพนั น มี
อันไม่กลับมาจากโลกนันเป็ นธรรมดา อุบาสกนามว่า สุทัตตะ เพราะ
สงั โยชน์ ๓ สนไป
ิ และเพราะ
Page | 26
แห่งสัตว์ดริ ัจฉานสนแล
ิ ้ว มีเปรตวิสัยสนแล
ิ ้ว มีอบาย ทุคติ วินบ ิ
ิ าต สนแล ้ว
เราเป็ นพระโสดาบัน มีอันไม่
ตกตําเป็ นธรรมดา เป็ นผู ้เทียง มีอันจะตรัสรู ้ในภายหน ้าดังนี ก็ธรรมปริยาย
ื าธรรมาทาส นั น เป็ นไฉน ดูกรอานนท์ อริยสาวกในธรรมวินัยนี เป็ นผู ้
ชอว่
ประกอบด ้วยความเลือมใสอันไม่หวันไหวในพระพุทธเจ ้าว่า แม ้เพราะเหตุ
นีๆ พระผู ้มีพระภาคพระองค์นัน เป็ นพระอรหันต์ ตรัสรู ้เองโดยชอบ ถึงพร ้อม
ึ
ด ้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล ้ว ทรงรู ้แจ ้งซงโลก เป็ นสารถีฝึกบุรุษที
ควรฝึ กไม่มผ
ี ู ้อืนยิงไปกว่า เป็ นพระศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทังหลาย
เป็ นผู ้เบิกบานแล ้ว เป็ นผู ้จําแนกพระธรรม ดังนี เป็ นผู ้ประกอบด ้วยความ
เลือมใส อันไม่หวันไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู ้มีพระภาคตรัสดี
แล ้ว อันผู ้ปฏิบัตพ
ิ งึ เห็นเองไม่ประกอบด ้วยกาล ควรเรียกให ้มาดู ควรน ้อม
เข ้ามาในตน อันวิญ ช
ู นพึงรู ้เฉพาะตน ดังนี เป็ นผู ้ประกอบด ้วยความ
เลือมใส อันไม่หวันไหว ในพระสงฆ์วา่
พระสงฆ์สาวกของพระผู ้มีพระภาคเป็ นผู ้ปฏิบัตด
ิ แ
ี ล ้ว เป็ นผู ้ปฏิบัตต
ิ รง เป็ น
ผู ้ปฏิบัตเิ ป็ นธรรม เป็ นผู ้ปฏิบัตช
ิ อบ คือคูบ ุ ส ี บุรษ
่ รุ ษ ุ บุคคลแปด นีพระสงฆ์
สาวกของพระผู ้มีพระภาค เป็ นผู ้ควรของคํานับ เป็ นผู ้ควรแก่ทักษิณา เป็ นผู ้
ควรทําอัญชลีเป็ นนาบุญของโลกไม่มน
ี าบุญอืนยิงกว่า ดังนี เป็ นผู ้
ี อันพระอริยะใคร่แล ้ว อันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ดา่ ง ไม่พร ้อย
ประกอบด ้วยศล
เป็ นไทย อันวิญ ช
ู นสรรเสริญแล ้ว อันตัณหาและทิฐไิ ม่ลบ
ู คลําแล ้ว
เป็ นไปเพือสมาธิ ฯ
ื าธรรมาทาส สําหรับทีจะ
ดูกรอานนท์ อันนีแลคือธรรมปริยายชอว่
ให ้อริยสาวกผู ้ประกอบแล ้ว เมือจํานงอยู่ พึงพยากรณ์ตนด ้วยตนเองได ้ว่า
Page | 28
ิ
เรามีนรกสนแล ั ว์ดริ ัจฉานสนแล
้ว มีกําเนิดแห่งสต ิ ้ว มีเปรตวิสัยสนแล
ิ ้ว มี
อบาย ทุคติวน
ิ บ ิ
ิ าต สนแล ้ว เราเป็ นพระโสดาบัน มีอันไม่ตกตําเป็ นธรรมดา
เป็ นผู ้เทียงมีอันจะตรัสรู ้ในภายหน ้า ฯ
ได ้ยินว่า ึ อด ้วยอิฐในนาทิก
พระผู ้มีพระภาคประทับในทีพักซงก่
คามนั นทรงกระทําธรรมีกถานีแหละเป็ นอันมากแก่พวกภิกษุ ว่า ี
อย่างนีศล
ี อบรมแล ้วย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส ์
อย่างนีสมาธิอย่างนีปั ญญา สมาธิอันศล
ใหญ่ ปั ญญาอันสมาธิอบรมแล ้วย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงสใ์ หญ่ จิตอัน
ปั ญญาอบรมแล ้ว ย่อมหลุดพ ้นจากอาสวะโดยชอบ คือ กามาสวะ ภวาสวะ
อวิชชาสวะ ฯ
้
ลําดับนัน พระผู ้มีพระภาคทรงใชความเพี
ยรขับไล่อาพาธนัน ทรง
ดํารงชวี ต
ิ สังขารอยู่แล ้ว อาพาธของพระองค์สงบไปแล ้ว พระผู ้มีพระภาค
ทรงหายประชวร คือหายจากความเป็ นคนไข ้ไม่นาน เสด็จออกจากวิหารไป
ประทับนั งบนอาสนะทีภิกษุ จัดถวายไว ้ทีเงาวิหาร ฯ
ครังนัน ท่านพระอานนท์เข ้าไปเฝ้ าพระผู ้มีพระภาคถึงทีประทับ
ครันเข ้าไปเฝ้ าแล ้วถวายบังคมพระผู ้มีพระภาค นั ง ณ ทีควรสว่ นข ้างหนึง
ครันท่านพระอานนท์นังเรียบร ้อยแล ้ว ได ้กราบทูลพระผู ้มีพระภาคว่า ข ้าแต่
พระองค์ผู ้เจริญข ้าพระองค์เห็นความสําราญของพระผู ้มีพระภาคแล ้ว ข ้า
พระองค์เห็นความอดทนของพระผู ้มีพระภาคแล ้ว ก็แต่วา่ เพราะการ
ประชวรของพระผู ้มีพระภาค กายของข ้าพระองค์ประหนึงจะงอมระงมไป
แม ้ทิศทังหลายก็ไม่ปรากฏแก่ข ้าพระองค์ แม ้ธรรมทังหลายก็ไม่แจ่มแจ ้ง
แก่ข ้าพระองค์ ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ ก็แต่วา่ ข ้าพระองค์มามีความเบาใจอยู่
หน่อยหนึงว่า พระผู ้มีพระภาคจักยังไม่เสด็จปรินพ
ิ พาน จนกว่าจะได ้ทรง
ปรารภภิกษุ สงฆ์ แล ้วตรัสพระพุทธพจน์อย่างใดอย่างหนึง ฯ
Page | 34
บัดนี ภิกษุ ณผ
ี ู ้สาวิกาของพระผู ้มีพระภาคเป็ นผู ้เฉียบแหลมแล ้ว ... แสดง
ธรรมมีปาฏิหาริยข
์ ม
่ ขีปรัปวาททีบังเกิดขึนให ้เรียบร ้อยโดยสหธรรมได ้ ฯ
ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ ขอพระผู ้มีพระภาคจงปรินพ
ิ พานในบัดนี
เถิด ขอพระสุคตจงปรินพ
ิ พานในบัดนีเถิด บัดนี เป็ นเวลาปรินพ
ิ พานของ
พระผู ้มีพระภาคก็พระผู ้มีพระภาคได ้ตรัสพระวาจานีไว ้ว่า ดูกรมารผู ้มีบาป
อุบาสกผู ้เป็ นสาวกของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ... ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ ก็
บัดนี อุบาสกผู ้เป็ นสาวกของพระผู ้มีพระภาคเป็ นผู ้เฉียบแหลมแล ้ว ...
แสดงธรรมมีปาฏิหาริยข
์ ม
่ ขีปรัปวาททีบังเกิดขึนให ้เรียบร ้อยโดยสหธรรม
ได ้ ฯ
ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ ขอพระผู ้มีพระภาคจงปรินพ
ิ พานในบัดนี
เถิด ขอพระสุคตจงปรินพ
ิ พานในบัดนีเถิด บัดนี เป็ นเวลาปรินพ
ิ พานของ
พระผู ้มีพระภาคก็พระผู ้มีพระภาคได ้ตรัสพระวาจานีไว ้ว่า ดูกรมารผู ้มีบาป
ิ าผู ้เป็ นสาวิกาของเรา จักยังไม่เฉียบแหลม ... ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ
อุบาสก
ก็บัดนี ิ าผู ้เป็ นสาวิกาของพระผู ้มีพระภาค
อุบาสก เป็ นผู ้เฉียบแหลมแล ้ว
ได ้รับแนะนํ าแล ้ว แกล ้วกล ้าเป็ นพหูสต
ู ทรงธรรม ปฏิบัตธิ รรมสมควรแก่
ธรรม ปฏิบัตช
ิ อบ ประพฤติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล ้ว บอก
แสดง บัญญัต ิ แต่งตัง เปิ ดเผยจําแนก กระทําให ้ง่ายได ้ แสดงธรรม มี
ปาฏิหาริยข
์ ม
่ ขีปรัปวาททีบังเกิดขึนให ้เรียบร ้อยโดยสหธรรมได ้ ฯ
ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ ขอพระผู ้มีพระภาคจงปรินพ
ิ พานในบัดนี
เถิด ขอพระสุคตจงปรินพ
ิ พานในบัดนีเถิด บัดนี เป็ นเวลาปรินพ
ิ พานของ
พระผู ้มีพระภาค
Page | 39
แผ่นดินไหวใหญ่ปรากฏ ฯ
ี ซงอากิ
เพราะล่วงเสย ึ ญจัญญายตนะโดยประการทังปวง ภิกษุ
ั ญานาสัญญายตนะอยู่ อันนีเป็ นวิโมกข์ข ้อทีเจ็ด ฯ
เข ้าถึงเนวสญ
ี ซงเนวส
เพราะล่วงเสย ึ ั ญานาสญ
ญ ั ญายตนะ โดยประการทั งปวง
ั ญาเวทยิตนิโรธอยู่ อันนีเป็ นวิโมกข์ข ้อทีแปด ฯ
ภิกษุ เข ้าถึงสญ
ดูกรอานนท์ วิโมกข์ ๘ ประการเหล่านีแล ฯ
อานนท์ยน
ื เรียบร ้อยแล ้วได ้กราบทูลว่า ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ ภิกษุ สงฆ์
ประชุมกันแล ้ว ขอพระผู ้มีพระภาคทรงทราบกาลอันควรในบัดนีเถิด ฯ
จบภาณวารทีสาม ฯ
ื
@๑. เป็ นชออาหารชนิ ึ งด ้วยเห็ดอย่างหนึงซงเห็
ดหนึง ซงปรุ ึ ดชนิดนั นหมู
ชอบกิน
พร ้อมทังเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมูส ั ว์พร ้อมทังสมณพราหมณ์
่ ต
เทวดาและ
ึ โภคสุกรมัททวะนั นแล ้ว
มนุษย์ซงบริ จะพึงให ้ย่อยไปด ้วยดีได ้นอกจาก
ตถาคต นายจุนทกัมมารบุตรทูลรับพระดํารัสของพระผู ้มีพระภาคแล ้ว จึงฝั ง
ี ในหลุม แล ้วเข ้าไปเฝ้ าพระผู ้มีพระภาค ครันเข ้า
สุกรมัททวะทียังเหลือเสย
ไปเฝ้ าแล ้วถวายบังคมนั ง ณทีควรสว่ นข ้างหนึง พระผู ้มีพระภาคยังนายจุนท
กัมมารบุตรผู ้นั งเรียบร ้อยแล ้วให ้เห็นแจ ้ง ให ้สมาทาน ให ้อาจหาญ ให ้รืนเริง
ด ้วยธรรมีกถา แล ้วเสด็จลุกจากอาสนะเสด็จหลีกไป ฯ
ลําดับนัน เมือพระผู ้มีพระภาคเสวยภัตตาหารของนายจุนท
กัมมารบุตรแล ้วก็เกิดอาพาธอย่างร ้ายแรง มีเวทนากล ้าเกิดแต่การประชวร
ลงพระโลหิต ใกล ้จะนิพพาน ได ้ยินว่า พระผู ้มีพระภาคทรงมีพระ
ั ปชญ
สติสม ั ญะ ทรงอดกลันเวทนาเหล่านั นไว ้ มิได ้ทรงพรันพรึง ตรัสเรียก
ั า มาไปกันเถิดอานนท์ เราจักไปยังเมืองกุสน
ท่านพระอานนท์มารับสงว่ ิ ารา
ท่านพระอานนท์ทล
ู รับพระดํารัสของพระผู ้มีพระภาคแล ้ว ฯ
(คาถาเหล่านี พระสังคีตก
ิ าจารย์ทังหลายกล่าวไว ้ในเวลาทํา
สงั คายนา)
ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคตเพือบูชา ดนตรีอันเป็ น
ทิพย์เล่าก็ประโคมอยูใ่ นอากาศ เพือบูชาพระตถาคต แม ้สงั คีตอันเป็ นทิพย์
ก็เป็ นไปในอากาศ เพือบูชาพระตถาคต ฯ
ครังนัน พระผู ้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสังว่า
ดูกรอานนท์ไม ้สาละทังคู่ เผล็ดดอกบานสะพรังนอกฤดูกาล ร่วงหล่นโปรย
ปรายลงยังสรีระของตถาคตเพือบูชา แม ้ดอกมณฑารพอันเป็ นของทิพย์ ก็
ตกลงมาจากอากาศ ดอกมณฑารพเหล่านั น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระ
ของตถาคตเพือบูชา แม ้จุณแห่งจันทน์อันเป็ นของทิพย์ ก็ตกลงมาจาก
อากาศ จุณแห่งจันทน์เหล่านัน ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคต
เพือบูชา ดนตรีอันเป็ นทิพย์เล่าก็ประโคมอยูใ่ นอากาศ เพือบูชาตถาคต แม ้
สงั คีตอันเป็ นทิพย์ก็เป็ นไปในอากาศเพือบูชาตถาคตดูกรอานนท์ ตถาคต
ื าอันบริษัทสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน ้อมด ้วยเครืองสักการะ
จะชอว่
ิ าก็
ประมาณเท่านีหามิได ้ ผู ้ใดแล จะเป็ นภิกษุ ภิกษุ ณี อุบาสกหรืออุบาสก
ตาม เป็ นผู ้ปฏิบัตธิ รรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัตช
ิ อบ ปฏิบัตต
ิ ามธรรมอยู่ ผู ้นั น
ื าสก
ย่อมชอว่ ั การะ เคารพ นับถือ บูชาตถาคตด ้วยการบูชาอย่างยอดเพราะ
เหตุนันแหละอานนท์ พวกเธอพึงสําเหนียกอย่างนีว่า เราจักเป็ นผู ้ปฏิบัต ิ
ธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัตช
ิ อบ ประพฤติตามธรรมอยู่ ดังนี ฯ
่ นัน
และเมือเป็ นเชน ในกาลครังสุดท ้าย พระผู ้มีพระภาคทรงขับท่านอุป
วาณะว่า ดูกรภิกษุ เธอจงหลีกไปอย่ายืนตรงหน ้าเรา ดังนี อะไรหนอเป็ น
เหตุ อะไรหนอเป็ นปั จจัย ให ้พระผู ้มีพระภาคทรงขับท่านอุปวาณะว่า ดูกร
ภิกษุ เธอจงหลีกไป อย่ายืนตรงหน ้าเราลําดับนั น ท่านพระอานนท์ได ้กราบ
ทูลพระผู ้มีพระภาคว่า ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญท่านอุปวาณะรูปนี เป็ น
ิ พระผู ้มีพระภาคมาชานาน
อุปัฏฐากอยูใ่ กล ้ชด ้ ่ นัน
ก็แลเมือเป็ นเชน ใน
กาลครังสุดท ้าย พระผู ้มีพระภาคยังทรงขับท่านอุปวาณะว่า ดูกรภิกษุ เธอ
จงหลีกไป อย่ายืนตรงหน ้าเรา ดังนี อะไรหนอเป็ นเหตุ อะไรหนอเป็ นปั จจัย
ให ้พระผู ้มีพระภาคทรงขับท่านอุปวาณะว่า ดูกรภิกษุ เธอจงหลีกไปอย่ายืน
ตรงหน ้าเรา ฯ
พระผู ้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอานนท์ เทวดาในหมืนโลกธาตุ
ิ ารา สาลวัน อันเป็ นที
มาประชุมกันโดยมาก เพือจะเห็นตถาคต เมืองกุสน
แวะพักแห่งพวกเจ ้ามัลละเพียงเท่าใด โดยรอบถึง ๑๒ โยชน์ ตลอดทีเพียง
เท่านี จะหาประเทศแม ้มาตรว่าเป็ นทีจรดลงแห่งปลายขนทราย อันเทวดาผู ้
มีศักดิใหญ่ไม่ถก
ู ต ้องแล ้วมิได ้มี พวกเทวดายกโทษอยูว่ ่า พวกเรามาแต่ท ี
ั มาสม
ไกลเพือจะเห็นพระตถาคตพระตถาคตอรหันตสม ั พุทธเจ ้า จะเสด็จ
อุบัตใิ นโลก ในบางครังบางคราว ในปั จฉิมยามแห่งราตรีในวันนีแหละ พระ
ตถาคตจักปรินพ ิ ษุ ผู ้มีศักดิใหญ่รป
ิ พาน ก็ภก ู นี ยืนบังอยูเ่ บืองพระพักตร์พระ
ผู ้มีพระภาค พวกเราไม่ได ้เห็นพระตถาคตในกาลเป็ นครังสุดท ้าย ฯ
อ. ข ้าแต่องค์ผู ้เจริญ ก็พวกเทวดาเป็ นอย่างไร กระทําไว ้ในใจ
เป็ นไฉน ฯ
Page | 75
พระสรีระของพระตถาคตอย่างไร ฯ
ดูกรอานนท์ พวกเธอจงอย่าขวนขวาย เพือบูชาสรีระตถาคตเลย
ื ต่อพยายามในประโยชน์ของตนๆ
จงสบ เถิด จงเป็ นผู ้ไม่ประมาทใน
ประโยชน์ของตนๆ มีความเพียร มีตนอันสง่ ไปแล ้วอยูเ่ ถิด กษั ตริยผ
์ ู ้เป็ น
บัณฑิตก็ด ี พราหมณ์ผู ้เป็ นบัณฑิตก็ด ี คฤหบดีผู ้เป็ นบัณฑิตก็ด ี ผู ้เลือมใสยิง
ในตถาคตมีอยู่ เขาทังหลายจักกระทําการบูชาสรีระตถาคต ฯ
ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ ก็เขาทังหลาย จะพึงปฏิบัตใิ นพระสรีระ
ของตถาคตอย่างไร ฯ
ดูกรอานนท์ พึงปฏิบัตใิ นสรีระตถาคต เหมือนทีเขาปฏิบัตใิ นพระ
สรีระพระเจ ้าจักรพรรดิ ฯ
ข ้าแด่พระองค์ผู ้เจริญ ก็เขาปฏิบัตใิ นพระสรีระพระเจ ้าจักรพรรดิ
อย่างไร ฯ
ดูกรอานนท์ เขาห่อพระสรีระพระเจ ้าจักรพรรดิด ้วยผ ้าใหม่แล ้ว
ั ด ้วยสําลีแล ้วห่อด ้วยผ ้าใหม่ โดยอุบายนี ห่อพระสรีระพระจักรพรรดิด ้วย
ซบ
ิ พระสรีระลงในรางเหล็กอันเต็มด ้วยนํ ามัน ครอบด ้วย
ผ ้า ๕๐๐ คู่ แล ้วเชญ
รางเหล็กอืน แล ้วกระทําจิตกาธารด ้วยไม ้หอมล ้วน ถวายพระเพลิงพระสรีระ
พระเจ ้าจักรพรรดิ สร ้างสถูปของพระเจ ้าจักรพรรดิไว ้ทีหนทางใหญ่ ๔
แพร่ง เขาปฏิบัตใิ นพระสรีระพระเจ ้าจักรพรรดิ ด ้วยประการฉะนีแล พวก
กษั ตริยผ
์ ู ้เป็ นบัณฑิตเป็ นต ้น พึงปฏิบัตใิ นสรีระตถาคตเหมือนทีเขาปฏิบัต ิ
พระสรีระพระเจ ้าจักรพรรดิ พึงสร ้างสถูปของตถาคตไว ้ทีหนทางใหญ่ ๔
ึ
แพร่ง ชนเหล่าใดจักยกขึนซงมาลั ยของหอมหรือจุณจักอภิวาท หรือจักยัง
Page | 78
่ นั น จักเป็ นไปเพือประโยชน์เกือกูล
จิตให ้เลือมใสในสถูปนั น การกระทําเชน
ิ
เพือความสุข แก่ชนเหล่านั นสนกาลนาน ฯ
เวลานัน ฯ
ดูกรภิกษุ ทังหลาย อัพภูตธรรมอันน่าอัศจรรย์ ๔ ประการ มีอยูใ่ น
อานนท์ ฉั นนันเหมือนกัน ถ ้าภิกษุ บริษัทเข ้าไปเพือจะเห็นอานนท์ ด ้วยการ
ทีได ้เห็น ภิกษุ บริษัทนั นย่อมยินดี ถ ้าอานนท์แสดงธรรมในภิกษุ บริษัทนั น
แม ้ด ้วยการแสดง ภิกษุ บริษัทนั นย่อมยินดี ภิกษุ บริษัทยังไม่อมเลย
ิ อานนท์
ิ าบริษัท
ย่อมนิงไปในเวลานัน ถ ้าภิกษุ ณีบริษัท ... อุบาสกบริษัท ... อุบาสก
ิ าบริษัทนั น ย่อมยินดี ถ ้า
เข ้าไปเพือจะเห็นอานนท์ ด ้วยการทีได ้เห็น อุบาสก
ิ าบริษัทนั น แม ้ด ้วยการแสดง อุบาสก
อานนท์แสดงธรรมในอุบาสก ิ าบริษัท
นันก็ยน
ิ ดีอบ ิ าบริษัทยังไม่อมเลย
ุ าสก ิ อานนท์ยอ
่ มนิงไปในเวลานั น ดูกร
ภิกษุ ทังหลายอัพภูตธรรมอันน่าอัศจรรย์ ๔ ประการนีแล มีอยูใ่ นอานนท์ ฯ
ิ าราว่า ดูกรวาสฏ
กุสน ิ ฐะทังหลาย พระตถาคตจักเสด็จปรินพ
ิ พานในปั จฉิม
ยามแห่งราตรีในวันนี พวกท่านจงรีบออกไปเถิดๆ พวกท่านอย่าได ้มีความ
ร ้อนใจในภายหลังว่า พระตถาคตได ้ปรินพ
ิ พานในคามเขตของพวกเรา พวก
เราไม่ได ้เฝ้ าพระตถาคตในกาลเป็ นครังสุดท ้าย พวกเจ ้ามัลละกับโอรส
สุณส
ิ าและปชาบดีได ้สดับคํานีของท่านพระอานนท์แล ้ว ี
เป็ นทุกข์เสย
พระทัย เปี ยมไปด ้วยความทุกข์ใจ บางพวกสยายพระเกศา ประคองหัตถ์ทัง
สองครําครวญอยู่ ล ้มลงกลิงเกลือกไปมา ดุจมีบาทอันขาดแล ้ว ทรงรําพัน
ว่า พระผู ้มีพระภาคจักเสด็จปรินพ ี เร็วนัก
ิ พานเสย พระสุคตจักเสด็จ
ปรินพ ี เร็วนั ก พระองค์ผู ้มีพระจักษุ ในโลกจักอันตรธานเสย
ิ พานเสย ี เร็วนัก ฯ
ครังนัน พวกเจ ้ามัลละกับโอรส สุณส ี
ิ า ปชาบดี เป็ นทุกข์เส ย
พระทัยเปี ยมไปด ้วยความทุกข์ใจ เสด็จเข ้าไปยังสาลวันอันเป็ นทีแวะพัก
ของเจ ้ามัลละทังหลาย เสด็จเข ้าไปหาท่านพระอานนท์ ท่านพระอานนท์ได ้
มีความดําริวา่ ิ าราถวายบังคมพระผู ้มี
ถ ้าเราจักให ้พวกเจ ้ามัลละเมืองกุสน
พระภาคทีละองค์ๆ ิ าราจักมิได ้ถวายบังคมพระผู ้มี
พวกเจ ้ามัลละเมืองกุสน
ี ถ ้ากระไร เราควรจะจัดให ้พวกเจ ้ามัลละ
พระภาคทัวกัน ราตรีนีจักสว่างเสย
ิ าราถวายบังคมพระผู ้มีพระภาคโดยลําดับสกุลๆ ด ้วยกราบทูลว่า
เมืองกุสน
ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ เจ ้ามัลละมีนามอย่างนีพร ้อมด ้วยโอรส ชายา บริษัท
ี ร
และอํามาตย์ ขอถวายบังคมพระบาททังสองของพระผู ้มีพระภาคด ้วยเศย
เกล ้า ฯ
ลําดับนัน ิ ารา
ท่านพระอานนท์จัดให ้พวกเจ ้ามัลละเมืองกุสน
ถวายบังคมพระผู ้มีพระภาคโดยลําดับสกุล ด ้วยกราบทูลว่า ข ้าแต่พระองค์
ผู ้เจริญ เจ ้ามัลละมีนามอย่างนี พร ้อมด ้วยโอรส ชายา บริษัท และอํามาตย์
Page | 85
ี รเกล ้า
ขอถวายบังคมพระบาททังสองของพระผู ้มีพระภาคด ้วยเศย โดย
่ นี ท่านพระอานนท์ ยังพวกเจ ้ามัลละเมืองกุสน
อุบายเชน ิ ารา ให ้ถวายบังคม
พระผู ้มีพระภาคเสร็จโดยปฐมยามเท่านั น ฯ
จบภาณวารทีห ้า
พึงมีบ ้างแก่ภก
ิ ษุ แม ้รูปหนึง พวกเธอจงถามเถิด อย่าได ้มีความร ้อนใจใน
ภายหลังว่า พระศาสดาอยูเ่ ฉพาะหน ้าเรา
แล ้ว เรายังมิอาจทูลถามพระผู ้มีพระภาคในทีเฉพาะพระพักตร์ แม ้ครังที
สามภิกษุ เหล่านั น ก็พากันนิง ฯ
ลําดับนัน พระผู ้มีพระภาครับสังกะภิกษุ ทังหลายว่า ดูกรภิกษุ
ทังหลายบางทีพวกเธอไม่ถาม แม ้เพราะความเคารพในพระศาสดา แม ้
ภิกษุ ผู ้เป็ นสหายก็จงบอกแก่ภก
ิ ษุ ผู ้สหายเถิด เมือพระผู ้มีพระภาคตรัส
อย่างนีแล ้ว ภิกษุ พวกนั นพากันนิง ลําดับนั น ท่านพระอานนท์ได ้กราบทูล
พระผู ้มีพระภาคว่า ข ้าแต่พระองค์ผู ้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล ้ว ข ้า
พระองค์เลือมใสในภิกษุ สงฆ์อย่างนีว่าความสงสัยเคลือบแคลงในพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ ในมรรค หรือในข ้อปฏิบัต ิ มิได ้มีแก่ภก
ิ ษุ แม ้รูปหนึง ใน
ภิกษุ สงฆ์นี พระผู ้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ เธอพูดเพราะความเลือมใส
ั เคลือบแคลงในพระพุทธ พระ
ตถาคตหยังรู ้ในข ้อนีเหมือนกันว่า ความสงสย
ธรรม พระสงฆ์ ในมรรค หรือในข ้อปฏิบัต ิ มิได ้มีแก่ภก
ิ ษุ แม ้รูปหนึง ในภิกษุ
สงฆ์นี บรรดาภิกษุ ๕๐๐ รูปนี ภิกษุ รป
ู ทีตําทีสุดก็เป็ นโสดาบัน มีอันไม่
ตกตําเป็ นธรรมดา เป็ นผู ้เทียงมีอันจะตรัสรู ้ในภายหน ้า ฯ
ั
[๑๔๓] ลําดับนั น พระผู ้มีพระภาครับสงกะภิ
กษุ ทังหลายว่า ดูกร
ภิกษุ ทงหลาย
ั บัดนี เราขอเตือนพวกเธอว่า สงั ขารทังหลายมีความเสอมไป
ื
เป็ นธรรมดาพวกเธอจงยังความไม่ประมาทให ้ถึงพร ้อมเถิด ฯ
นีเป็ นพระปั จฉิมวาจาของพระตถาคต ฯ
Page | 92
ของรักของชอบใจนีแต่ทไหน
ี ิ
สงใดเกิ
ดแล ้วมีแล ้วปั จจัยปรุงแต่งแล ้ว มี
ิ นอย่าทําลายไปเลย ดังนี
ความทําลายเป็ นธรรมดา การปรารถนาว่า ขอสงนั
่ านะทีจะมีได ้ดูกรอาวุโสทังหลาย พวกเทวดาพากันยกโทษอยู่ ท่าน
มิใชฐ
พระอานนท์ถามว่า ท่านอนุรท
ุ ธะ พวกเทวดาเป็ นอย่างไร กระทําไว ้ในใจ
เป็ นไฉน ท่านพระอนุรุทธะตอบว่า มีอยู่ อานนท์ผู ้มีอายุ เทวดาบางพวก
สําคัญอากาศว่าเป็ นแผ่นดิน สยายผมประคองแขนทังสองครําครวญอยู่ ล ้ม
ลงกลิงเกลือกไปมาดุจมีเท ้าอันขาดแล ้วรําพันว่า พระผู ้มีพระภาคเสด็จ
ปรินพ ี เร็วนั ก พระสุคตเสด็จปรินพ
ิ พานเสย ี เร็วนัก พระองค์ผู ้มีพระ
ิ พานเสย
ี เร็วนัก ดังนี เทวดาบางพวกสําคัญแผ่นดินว่าเป็ น
จักษุ ในโลก อันตรธานเสย
แผ่นดินสยายผมประคองแขนทังสองครําครวญอยู่ ล ้มลงกลิงเกลือกไปมา
ดุจมีเท ้าอันขาดแล ้ว รําพันว่า พระผู ้มีพระภาคเสด็จปรินพ
ิ พาน
ี เร็วนั ก พระสุคตเสด็จปรินพ
เสย ี เร็วนัก พระองค์ผู ้มีพระจักษุ ในโลก
ิ พานเสย
ี เร็วนั ก ดังนี สว่ นเทวดาทีปราศจากราคะแล ้ว มีสติสัมปชญ
อันตรธานเสย ั ญะ
อดกลันโดยธรรมสังเวชว่า สังขารทังหลายไม่เทียง เพราะฉะนั น เหล่าสต
ั ว์
จะพึงได ้ในสังขารนีแต่ทไหน
ี ฯ
ครังนัน ท่านพระอนุรุทธะและท่านพระอานนท์ ยังกาลให ้ล่วงไป
ด ้วยธรรมีกถาตลอดราตรีทยั ่ ัน ลําดับนั น ท่านพระอนุรุทธะสัง
ี งเหลืออยูน
ิ ารา
ท่านพระอานนท์ว่า ไปเถิด อานนท์ผู ้มีอายุ ท่านจงเข ้าไปเมืองกุสน
ิ าราว่า ดูกรวาสฏ
บอกแก่พวกเจ ้ามัลละเมืองกุสน ิ ฐะทังหลาย พระผู ้มีพระ
ภาคเสด็จปรินพ
ิ พานแล ้ว ขอพวกท่านจงทราบกาลอันควรในบัดนีเถิด ท่าน
พระอานนท์รับคําท่านพระอนุรท
ุ ธะแล ้ว ้ ่งแล ้วถือบาตรและจีวร
เวลาเชานุ
ิ าราลําพังผู ้เดียว ฯ
เข ้าไปเมืองกุสน
Page | 96
ิ ารา ดับจิตกาธารของ
จิตกาธารของพระผู ้มีพระภาคพวกเจ ้ามัลละเมืองกุสน
พระผู ้มีพระภาคด ้วยนํ าหอมล ้วนๆ
ลําดับนั น ิ ารากระทําสต
พวกเจ ้ามัลละเมืองกุสน ั ติบัญชรในสัณฐาคารแวด
ั การะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู ้มีพระภาค
ล ้อมด ้วยธนูปราการ สก
ตลอดเจ็ดวันด ้วยการฟ้ อนรํา ด ้วยการขับ ด ้วยการประโคม ด ้วยพวงมาลัย ฯ
ในเมืองปาวา ิ ารา
พวกเจ ้ามัลละเมืองกุสน ก็ได ้กระทําพระสถูปและการ
ิ ารา โทณพราหมณ์ ก็ได ้กระทํา
ฉลองพระสรีระพระผู ้มีพระภาคในเมืองกุสน
สถูปและการฉลองตุมพะ พวกกษั ตริยโ์ มริยะเมืองปิ ปผลิวัน ก็ได ้กระทําพระ
สถูปและการฉลองพระอังคารในเมืองปิ ปผลิวัน ฯ
พระสถูปบรรจุพระสรีระมีแปดแห่ง เป็ นเก ้าแห่งทังสถูปบรรจุตม
ุ
ิ แห่งทังพระสถูปบรรจุพระอังคาร ด ้วยประการฉะนี การแจกพระ
พะเป็ นสบ
่ นี เป็ นแบบอย่างมาแล ้ว ฯ
ธาตุและการก่อพระสถูปเชน
จบมหาปรินพ
ิ พานสูตร ที ๓