You are on page 1of 7

รายการแข่งขัน : พินิจวรรณคดี ระดับชั้น ม.

1-3

ข้อสอบและกระดาษคำตอบ

การแข่งขันศิลปหัตกรรมนักเรียน ครั้งที่ 71 ปี การศึกษา 2566

คำชี้แจง

1. กำหนดเวลาที่ใช้ในการสอบ 1 ชั่วโมง 30 นาที

2. ชุดข้อสอบประกอบด้วย

2.1 บทอ่านวรรณคดี

2.2 ข้อสอบ 100 คะแนน

2.3 กระดาษคำตอบ

3. ให้นักเรียนทำข้อสอบโดยให้เขียนตอบลงในกระดาษคำตอบ ระบุ-
นามสกุลนักเรียน

สังกัดโรงเรียน และเครือข่าย ลงบนหัวกระดาษคำตอบ เขียนด้วยลายมือที่


อ่านง่าย ชัดเจน

ใช้เวลาสอบตามที่กำหนด โดยสามารถดูบทอ่านวรรณคดีได้
4. ห้ามทำข้อสอบจนกว่าจะถึงเวลาสอบ

5. ห้ามนำข้อสอบออกนอกห้องสอบ

นิทานคำกลอน เรื่องพระอภัยมณี

ตอนที่ 10 พระอภัยมณีได้นางเงือก

๏ฝ่ ายเงือกน้ำฟั งยักษ์ตระหนักแน่ ว่าพ่อแม่ม้วยมุดสุดสงสาร

ลงกลิ้งเกลือกเสือกกายเพียงวายปราณ ชลีลานลาองค์พระทรงธรรม์

น้องจะขอไปเป็ นเหยื่อผีเสื้อน้ำ จะได้กล้ำกลืนข้าให้อาสัญ

ด้วยพ่อแม่ก็เข้าไปอยู่ในครรภ์ ได้พบกันตามประสาชีวาวาย

๏ พงศ์กษัตริย์ตรัสห้ามด้วยความรัก หวังจะหักอาดูรให้สูญหาย

โอ้น้องแก้วแววตาจะลาตาย แสนเสียดายดังใครล้วงเอาดวงใจ

ถึงบิดามารดรสมรม้วย พี่จะช่วยปกป้ องให้ผ่องใส

อยู่พึ่งบุญบารมีพระชีไพร เราจะได้เห็นกันทุกวันคืน ฯ
๏ นางเงือกน้ำกำสรดสลดจิต ครั้นทรงฤทธิ์ร่ำปลอบก็ชอบชื่น

เอาความรักหักระกำให้กล้ำกลืน ซบสะอื้นอาลัยไม่ไคลคลา ฯ

๏ พระเห็นเงือกฟั งคำซ้ำสงสาร จึงวอนท่านโยคีมีคาถา

นางเงือกนี้มีคุณแก่ข้ามา ขอฝากฝ่ าบาทบงสุ์พระทรง


ธรรม์

ให้นางอยู่อู่อ่าวที่เหล่านี้ พอเป็ นที่อาศัยใกล้หม่อมฉัน

เมื่อมีทุกข์ขุกเข็ญได้เห็นกัน จะผ่อนผันทำวนให้พ้นภัย ฯ

๏ ฝ่ ายโยคีมีพรตพจนารถ อนุญาตยิ้มย่องสนองไข

เป็ นไรมีที่ตรงนั้นอย่าพรั่นใจ มิให้ภัยบีฑาสีกาโยม

จะให้อยู่วนวังในจังหวัด เป็ นเงือกวัดเถิดหนอนาง


สำอางโฉม

ที่วุ้งเวิ้งเชิงเขาริมเสาโคม เป็ นของโยมอยู่ในน้ำให้


สำราญ

แล้วเสกด้ายสายสิญจน์ให้สวมไว้ ไม่มีภัยผาสุกสนุกสนาน

นางเงือกลาลงวนชลธาร พระชวนหลานมาศาลาเข้า
ราตรี

ให้อยู่กุฏิ์ก่อใหม่ใต้ต้นโศก ริมชะโงกเงื้อมเขาคิรีศรี

แขกฝรั่งทั้งสิ้นพลอยยินดี ฝากไมตรีปรนนิบัติกษัตรา

พระอภัยสุริย์วงศ์องค์โอรส อยู่บรรพตพิสดารนานนักหนา

ให้ลูกน้อยค่อยเพียรเรียนวิชา ตามประสาไสยเพทพระเวทมนตร์
พระโยคีมีจิตคิดสงสาร สอนกุมารสารพัดไม่ขัดสน

ที่ลึกล้ำสำหรับแก้อับจน ค่อยฝึ กฝนสอนกันทุกวันไป


๏ ฝ่ ายพระองค์ทรงโฉมประโลมโลก ครั้นสร่างโศกเศร้าหมองค่อย
ผ่องใส

คิดถึงเงือกน้ำน้อยกลอยฤทัย จะเปลี่ยวใจกัลยาในวารี

ด้วยบิดามารดรสมรม้วย จำจะช่วยปลอบประโลมนาง
โฉมศรี

คะนึงนึกตรึกตราในราตรี จรลีเลี้ยวมาข้างหน้าเนิน

พระเหลือบลงตรงโตรกชะโงกเงื้อม น้ำกระเพื่อมแผ่นผาศิลาเผิน

กระจ่างแจ้งแสงจันทร์แจ่มเจริญ พระเพลิดเพลินพลางเรียก
สำเหนียกใจ

นางมัจฉานารีของพีเอ๋ย เจ้าทรามเชยอยู่ที่นี่หรือ
ที่ไหน

พี่มาเยือนเพื่อนยากฝากอาลัย สายสุดใจจงขึ้นมาหาพี่ชาย

๏ ฝ่ ายเงือกน้อยสร้อยเศร้าให้เหงาง่วง อยู่ในห้วงหุบวนชลสาย

ได้ฟั งคำฉ่ำชื่นค่อยฟื้ นกาย จึงแหวกว่ายสายสมุทรผุดขึ้น


มา

เห็นพระองค์ทรงนั่งอยู่เงื้อมเขา จึงเคียงเข้าข้างแท่นที่แผ่นผา

น้อมคำนับกลับคิดถึงบิดา ชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย
พระลดองค์ลงแอบแนบถนอม จงอดออมอาดูรให้สูญหาย

เจ้าพาพี่หนีรอดไม่วอดวาย คุณของสายสวาทล้นคณนา

จะปกป้ องครองคู่ไม่รู้ร้าง ไม่เว้นว่างวายประโลมโฉม


มัจฉา

ประสายากฝากรักกันสองรา แก้วกานดาดวงจิตอย่าบิดเบือน ฯ

๏ นางเงือกน้ำคำนับอภิวาท เชิงฉลาดเหมือนมนุษย์นั้นสุด
เหมือน

จึงตอบคำทำกระบวนแกล้งชวนเชือน พระมาเยือนเยี่ยมนี้น้องดีใจ

เหมือนบิดรมารดามาให้เห็น จะวายเว้นเวลาน้ำตาไหล

ขอเป็ นข้ากว่าชีวันจะบรรลัย ไม่ไปไกลบาทาฝ่ าธุลี

ซึ่งทรงฤทธิ์คิดปองจะครองคู่ แสนอดสูสารพัดจะบัดสี

วิสัยสัตว์มัจฉาอยู่วารี จะยินดีด้วยมนุษย์นั้นสุดกลัว

เพราะต่างชาติวาสนาน้องน้อยนัก อย่าริรักอนุกูลเลยทูนหัว

จะพลอยพาฝ่ าละอองให้หมองมัว ขอฝากตัวตามประสาเป็ น


ข้าไท ฯ

๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายว่าสายสวาท แสนฉลาดเหลือดีจะมีไหน

น่าสงสารวานอย่าว่าเป็ นข้าไท มิใช่ใจพี่นี้หมายเป็ นนายน้อง

ถึงต่างชาติวาสนาได้มาพบ ก็ควรคบเคียงชมประสมสอง

เจ้าโฉมงามทรามสงวนนวลละออง อย่าขัดข้องคิดหมางระคางใจ

ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย
นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย สุดแต่ใจปรองดองจะครอง
กัน

เจ้ากับพี่นี้ก็เห็นเป็ นกุศล จึงหนีพ้นมารมาไม่อาสัญ

จะเคียงคู่ชูชื่นทุกคืนวัน โอ้เจ้าขวัญนัยนาได้ปรานี

พลางอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า ค่อยต้องเต้าเต่งอุรามารศรี

พระเชยปรางทางฉะอ้อนอ่อนอินทรีย์ ร่วมฤดีเดือนหงายสบายใจ

อัศจรรย์ครั่นครื้นเป็ นคลื่นคลั่ง เพียงจะพังแผ่นผาสุธาไหว

กระฉอกฉาดหาดเหวเป็ นเปลวไฟ พายุใหญ่เขยื้อนโยกกระโชก


พัด

เมขลาล่อแก้วแววสว่าง อสูรขว้างเขวี้ยงขวานประหารหัต

พอฟ้ าวาบปลาบแปลบแฉลบลัด เฉวียนฉวัดวงรอบขอบพระ


เมรุ

พลาหกเทวบุตรก็ผุดพุ่ง เป็ นฝนฟุ้งฟ้ าแดงดังแสงเสน

สีขรินทร์อิสินธรก็อ่อนเอน ยอดระเนนแนบน้ำแทบทำลาย

สมพาสเงือกเยือกเย็นเหมือนเล่นน้ำ ค่อยเฉื่อยฉ่ำชื่นชมด้วยสมหมาย

สัมผัสพิงอิงแอบเป็ นแยบคาย ไม่เคลื่อนคลายคลึงเคล้าเยาวมาลย์

จนดาวเดือนเลื่อนลับพยับฟ้ า จึงโลมลากลับหลังยังสถาน

แต่เช้าไปค่ำมาอยู่ช้านาน จะประมาณเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา

ตอนที่ 1

คำชี้แจง ให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด แล้วทำเครื่องหมาย X ลงในช่องบน


กระดาษคำตอบ (60 คะแนน)

1.

You might also like