Engineering Drawing

Engineering Drawing
วน
สง
ขอ
คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 1
สภาวิศวกร | Council of engineers
กร
ข ้อที2 7 :
วิชา : Engineering Drawings การเขียนเส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม ใช ้เส ้นใด
ิ ว
1 : เส ้นเต็มหนัก
าวศ
เนื้อหาวิชา : 709 : Introduction/Lettering 2
3
:
:
เส ้นเต็มบาง
เส ้นศูนย์กลางเล็ก
4 : เส ้นศูนย์กลางใหญ่
สภ
ข ้อที2 1 : คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 3
เส ้นแบบใด ใช ้ในการแสดงเพือ
2 บอกศูนย์กลางของวงกลม
1 :
2 :
3 : ข ้อที2 8 :
4 : ถ ้าใช ้เส ้นศูนย์กลางใหญ่แทนเส ้นศูนย์กลางเล็กในการเขียนแบบแล ้วจะเกิดอะไรขึน
Q
1 : เหมือนเดิม
2 ก
ู ต ้อง : 2 2 : แบบแปรความหมายผิด
3 : งานนันQ ต ้องการปรับปรุง
4 : ต ้องตรวจสอบขนาดตรงเส ้นกําหนด
2 ก
ู ต ้อง : 1
อัตราส่วน (scale) 1:3 หมายถึง
1 : ขนาดในภาพเขียนจะใหญ่กว่าขนาดจริง 3 เท่า
2 : ขนาดในภาพเขียนจะเล็กกว่าขนาดจริง 3 เท่า
3 : การบอกขนาดในภาพเขียน จะระบุขนาดทีใ2 หญ่กว่าขนาดจริง 3 เท่า ข ้อที2 9 :
4 : การบอกขนาดในภาพเขียน จะระบุขนาดทีเ2 ล็กกว่าขนาดจริง 3 เท่า การเอียงของตัวอักษรทีเ2 หมาะสมควรเอียง
1 : 15 องศา กับแนวดิง2 เอียงด ้านหน ้า
2 ก
ู ต ้อง : 2 2 : 75 องศา กับแนวดิง2 เอียงด ้านหลัง
3 : 15 องศา กับแนวดิง2 เอียงด ้านหลัง
4 : 75 องศา กับแนวนอนเอียงด ้านหน ้า
2 ก
ู ต ้อง : 3
เส ้นเต็มบาง (Continuous thin line) ใช ้ในกรณีใดได ้บ ้าง
1 : เส ้นรอบรูป ขอบทีเ2 ห็นชัด
2 : เส ้นรอบรูป ขอบทีถ 2 ก
ู บัง
3 : เส ้นลายตัด ข ้อที2 10 :
4 : เส ้นผ่านศูนย์กลาง คําว่า "King" เมือ
2 อักษร "K" สูง 10 ม.ม อักษร "ing" สูงเท่าใด
1 : 7 ม.ม.
2 ก
ู ต ้อง : 3 2 : 5 ม.ม.
3 : 3 ม.ม.
4 : 2.5 ม.ม.
2 ก
ู ต ้อง : 1
ในงานเขียนแบบทีใ2 ช ้กลุม
่ เส ้น 0.5, 0.35, และ 0.25 มิลลิเมตร การเขียนเส ้นประ (เส ้นขอบชิน
Q งานทีถ ู บัง) ใช ้ขนาดเส ้นเท่าใด
2 ก
1 : 0.5 มิลลิเมตร
2 : 0.35 มิลลิเมตร
3 : 0.25 มิลลิเมตร ข ้อที2 11 :
4 : ขนาดใดก็ได ้ 2 อักษร "K" สูง 10 ม.ม. ขนาดเส ้นทีใ2 ช ้เขียนตัวอักษรมีความหนาเท่าใด
คําว่า "King" เมือ
1 : 0.25 ม.ม.
2 ก
ู ต ้อง : 2 2 : 0.35 ม.ม.
3 : 0.5 ม.ม.
4 : 1.0 ม.ม.
2 ก
ู ต ้อง : 4
พืนQ ผิวระนาบเอียงทีถ
2 กู กําหนดให ้.........................กับระนาบหนึง2 ระนาบของสามระนาบหลักในระบบพิกด
ั ฉากจะ.......................กับอีกสองระนาบ
ทีเ2 หลือของระบบพิกด ั ฉาก
1 : ขนาน, ทํามุมเอียง
2 : ตังQ ฉาก, ทํามุมเอียง ข ้อที2 12 :
3 : ตังQ ฉาก, ขนาน ถ ้าเส ้นตรงวัดได ้ 50 ม.ม.ใช ้มาตราส่วน 1 : 5 จะเขียนเส ้นนัน
Q ลงในแบบเท่าไร
4 : ทํามุมเอียง, ขนาน 1 : 250 ม.ม.
2 : 25 ม.ม.
2 ก
ู ต ้อง : 2 3 : 10 ม.ม.
4 : 5 ม.ม.
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 6 :
ขนาดกระดาษ A4 มีขนาดความกว ้างและยาวเท่าไร
1 : 210 x 297
2 : 297 x 420 ข ้อที2 13 :
3 : 420 x 594 ถ ้าเส ้นตรงวัดได ้ 50 ม.ม. ใช ้มาตราส่วน 2 : 1 จะเขียนเส ้นนัน
Q ลงในแบบเท่าไร
4 : 594 x 840 1 : 100 ม.ม.
2 : 25 ม.ม.
3 : 10 ม.ม. 4:8
4 : 5 ม.ม.
2 ก
ู ต ้อง : 1
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 20 :
ข ้อที2 14 : ข ้อใดกล่าวถูกต ้องเกีย
2 วกับการเขียนตัวเลขเศษส่วน(lettering fraction)
เส ้นใดใช ้เป็ นเส ้นช่วยกําหนดขนาด ั ผัสกับเครือ
1 : ตัวเลขต ้องไม่สม 2 งหมายเศษส่วน
1 : เส ้นเต็มหนัก 2 : ตําแหน่งกึง2 กลางของตัวส่วนต ้องตรงกับตัวเศษ
2 : เส ้นเต็มบาง 3 : ไม่ใช ้เครือ
2 งหมายเศษส่วนแบบเอียงยกเว ้นเมือ
2 มีพน
ืQ ทีแ
2 คบในการเขียน
3 : เส ้นศูนย์กลางใหญ่ 4 : ถูกทุกข ้อ
4 : เส ้นศูนย์กลางเล็ก
2 ก
ู ต ้อง : 4
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 21 :
ข ้อที2 15 : ข ้อใดไม่ใช่มาตรฐานในงานเขียนแบบ
ข ้อใคต่อไปนีเQ ป็ นการใช ้งานของเส ้นศูนย์กลาง
1 : มอก.
1 : แสดงรอยตัดย่นระยะของรูป 2 : ISO
2 : ช่วยให ้ขนาด 3 : AISI
3 : แสดงแนวการหมุนของชินQ ส่วน(Trajectory) 4 : ASHRAE
4 : แสดงลายตัด
2 ก
ู ต ้อง : 4
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 22 :
ข ้อที2 16 : ในทางสากล นิยมวาง Title Box ไว ้ทีต
2 ําแหน่งใดของกระดาษ
การเว ้นระยะตัวอักษร ควรจะเว ้นระยะอย่างไร
1 : บนซ ้าย
1 : พิจารณาจากระยะห่างระหว่างตัวอักษร ให ้มีระยะเท่าๆ กัน 2 : ล่างขวา
2 : พิจารณาจากตําแหน่งกึง2 กลางตัวอักษรตัวแรก และกึง2 กลางตัวอักษรตัวหลังให ้มีระยะเท่าๆ กัน 3 : ล่างซ ้าย
3 : พิจารณาจากพืน
Q ทีว2 า่ งระหว่างตัวอักษร ให ้มีพน
ืQ ทีเ2 ท่าๆ กัน 4 : บนขวา
4 : พิจารณาจากพืนQ ทีว2 า่ ง และระยะห่าง ให ้มีขนาดเท่าๆ กัน
2 ก
ู ต ้อง : 2
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 23 :
ข ้อที2 17 : หลักสากล ในการเขียนแบบ มีเส ้นใดบ ้างทีต
2 ้องลงนํQ าหนักของเส ้นให ้หนาและเข ้ม
จากรูป ข ้อใดกล่าวถึงเส ้น A, B, C และ D ได ้ถูกต ้อง
1 : visible line, center line, dimension & extension line
2 : visible line, break line, cutting plane
3 : visible line, center line, break line
4 : visible line, hidden line, section line
2 ก
ู ต ้อง : 2
1 : VISIBLE LINE, CENTER LINE, HIDDEN LINE AND SECTION LINE ข ้อที2 24 :
2 : VISIBLE LINE, HIDDEN LINE, CENTER LINE AND SECTION LINE การเขียนเส ้นศูนย์กลาง (center line) ในข ้อใดถูกต ้องทีส
2 ด
ุ
3 : SECTION LINE, HIDDEN LINE, CENTER LINE AND VISIBLE LINE
4 : SECTION LINE, HIDDEN LINE, VISIBLE LINE AND CENTER LINE
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 18 :
ดินสอเขียนแบบข ้อใดมีไส ้ดินสอแข็งทีส
2 ด
ุ
1 : 3H
2 : HB 1:
3 : B
4 : 2B
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 19 :
กระดาษขนาด A 4 เป็ นกีเ2 ท่าของ A 1
1 : 1/8 2:
2 : 1/4
3:4
3: 1 : 45 องศา
2 : 125 องศา
3 : 135 องศา
4 : 145 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 30 :
บรรทัดสามเหลีย
2 มตามรูปทีก
2 ําหนดให ้ มีมม
ุ เท่าใดบ ้าง
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 25 :
อุปกรณ์เขียนแบบข ้อใดใช ้วัดตรวจสอบความยาว และแบ่งเส ้นตรงเป็ นส่วนย่อยๆได ้ 1 : 60, 45, 30 องศา
1 : ไม ้บรรทัด 2 : 90, 60, 30 องศา
2 : ดีไวเดอร์ 3 : 90, 45, 30 องศา
3 : เซ็ทสามเหลีย
2 มวัดมุมได ้ 4 : 45, 30, 90 องศา
4 : เพลตสําหรับทําโค ้ง
2 ก
ู ต ้อง : 2
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 31 :
ข ้อที2 26 : จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ มุม B มีคา่ เท่าใด
ข ้อใดคือประโยชน์ของไม ้ที
1 : ใช ้เขียนเส ้นระดับ
2 : ใช ้กดไม่ให ้กระดาษเขียนแบบเคลือ 2 นทีใ2 นขณะเขียนแบบ
3 : เป็ นฐานรองรับฉากสามเหลีย 2 ม
4 : ข ้อที2 1. และ ข ้อที2 3. ถูกต ้อง
2 ก
ู ต ้อง : 4
1 : 5 องศา
ข ้อที2 27 : 2 : 10 องศา
ไส ้ดินสอเบอร์ใดมีความเข ้มน ้อยทีส
2 ด
ุ 3 : 15 องศา
4 : 25 องศา
1 : 2B
2 : HB คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 3
3 : 4H
4 : F
2 ก
ู ต ้อง : 3 ข ้อที2 32 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ มุม C มีคา่ เท่าใด
ข ้อที2 28 :
ไส ้ดินสอเบอร์ใดมีความเข ้มมากทีส
2 ด
ุ
1 : 2B
2 : HB
3 : 4H
4 : F
1 : 5 องศา
2 : 10 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 1
3 : 15 องศา
4 : 25 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 3
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ มุม A มีคา่ เท่าใด
ข ้อที2 33 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ มุม D มีคา่ เท่าใด
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
1 : 45 องศา
2 : 75 องศา ข ้อที2 38 :
3 : 135 องศา ภาพใดแสดง เกลียวน๊อตตามแบบมาตรฐาน
4 : ผิดทุกข ้อ
2 ก
ู ต ้อง : 1
1:
ข ้อที2 34 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ มุม E มีคา่ เท่าใด
2:
3:
1 : 75 องศา
4:
2 : 105 องศา
3 : 115 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 3
4 : 135 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 39 :
มาตราส่วนใดเป็ นมาตราส่วนขยาย
ข ้อที2 35 : 1 : 2:1
กระดาษขนาด A3 ทีใ2 ช ้ในงานเขียนแบบมีขนาดเท่าใด 2 : 1:2.5
3 : 1:5
1 : 297 คูณ 210 ตารางมิลลิเมตร
4 : 1:1
2 ก
ู ต ้อง : 1
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 40 :
ขอบชิน Q งานยาว 120 มม. ใช ้มาตราส่วน 1:2.5 ต ้องเขียนยาวเท่าใด
ข ้อที2 36 : 1 : 300 มม.
การเขียนตัวอักษรงานเขียนแบบใช ้เส ้นขนาดใด 2 : 48 มม.
3 : 120 มม.
1 : (1/10)h
4 : 25 มม.
2 : (2/10)h
3 : (7/10)h
2 ก
ู ต ้อง : 2
4 : (10/10)h
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 41 :
2 ใช ้มาตราส่วน 5:1 จะเขียนขนาดเท่าใด
ขนาดในแบบยาว 30 มม. เมือ
ข ้อที2 37 : 1 : 5
ภาพใดแสดงเกลียวตามแบบมาตรฐาน 2 : 30
3 : 6
4 : 150
1: คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 4
2: ข ้อที2 42 :
มาตราส่วนใดเป็ นมาตราส่วนย่อมาตรฐาน
1 : 2:1
2 : 1:3
3: 3 : 1:2
4 : 1:4
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 43 :
เส ้นมือเปล่าใช ้เมือ
2 ไร 2:
1 : แสดงลายตัดชิน Q งาน
2 : ขอบชิน Q งานทีม2 องเห็น
3 : ขอบชิน Q งานทีม2 องไม่เห็น
4 : เส ้นตัดย่อส่วน 3:
2 ก
ู ต ้อง : 4
4:
ข ้อที2 44 :
ตัวเลขใดเขียนผิดจากมาตรฐาน คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 49 :
1:
เมือ2 ไรเขียนแบบหน ้าแปลนครึง2 ภาพ แทนการเขียนแบบสมบูรณ์เต็มภาพ ดังรูปต่อไปนีQ
2:
3:
1 : เมือ
2 เป็ นหน ้าแปลนกลม
4: 2 : เมือ2 มีเนือ Q ทีจ
2 ํากัด
3 : เมือ 2 2 ข ้างเหมือนกัน
2 ก
ู ต ้อง : 3 4 : เมือ 2 รูปร่างสมมาตร
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 45 :
ความสูงใด ทีไ2 ม่ใช่ความสูงตัวอักษรมาตรฐาน
1 : h = 2.5 มม. ข ้อที2 50 :
2 : h = 3.0 มม. การเขียนแบบหน ้าแปลนอย่างง่ายทีส
2 ด
ุ เขียนอย่างไร
3 : h = 3.5 มม. 1 : เขียนแบบเพียงครึง2 ภาพ
4 : h = 7.0 มม. 2 : เขียนย่อส่วน
3 : แสดงรูยดึ ไว ้ภาพด ้านหน ้าโดยตรง
2 ก
ู ต ้อง : 2 4 : ไม่แสดงสัญลักษณ์คณ ุ ภาพผิว
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 46 :
ขนาดเส ้นใด เขียนอักษรมาตรฐานเทียบกับความสูง
1 : 1/10 ข ้อที2 51 :
2 : 2/10 เส ้นลูกโซ่บาง ไม่ใช ้แสดงเส ้นอะไร
3 : 3/10 1 : เส ้นศูนย์กลาง
4 : 5/10 2 : วงกลมตัดบางส่วน
3 : เส ้นตัดเลือ
2 นแนว
2 ก
ู ต ้อง : 1 4 : Q งาน
อ ้างอิงการแปรรูปชิน
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 47 :
อักษรพิมพ์ใหญ่สงู เท่าไร
1 : 7/10 ข ้อที2 52 :
2 : 8/10 เส ้นเต็มบางไม่ใช ้แสดงเส ้นอะไร
3 : 9/10 1 : เส ้นกําหนดขนาด
4 : 10/10 2 : เส ้นแนวพับชิน
Q งาน
3 : เส ้นโคนเกลียว
2 ก
ู ต ้อง : 4 4 : ชุบแข็งเพียงบางส่วน
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 48 :
แบบใดเขียนได ้ถูกตามเงือ
2 นไข
ข ้อที2 53 :
เส ้นทะแยงมุมแสดงด ้วยเส ้นอะไร
1 : เส ้นเต็มหนา
1: 2 : เส ้นลูกโซ่หนา
3 : เส ้นเต็มบาง
4 : เส ้นประ
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 59 :
ข ้อใดเป็ นการเรียงลําดับไส ้ดินสอจากอ่อนไปแข็งทีใ2 ช ้ในการเขียนแบบทีถ
2 ก
ู ต ้อง
1 : 6H, 4H, 2H, F
ข ้อที2 54 : 2 : 4H, 3H, 2H, B
มาตราส่วนใดไม่อยูใ่ นมาตราส่วยย่อ 3 : B, HB, 2H, 3H
1 : 1 : 2 4 : HB, 2H, 3H, 4H
2 : 1 : 3
3 : 1 : 5 คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 4
4 : 1 : 10
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 60 :
เส ้นเต็มบางใช ้เขียนเส ้นใดต่อไปนีQ
1 : เส ้นแสดงลายตัด เส ้นชีQ เส ้นบอกขนาด
ข ้อที2 55 : 2 : เส ้นขอบรูปทีถ
2 กู บัง เส ้นแสดงแนวตัด เส ้นลายไม ้
เส ้นเต็มบาง (เส ้นทแยงมุมในรูปสีเ2 หลีย
2 มบน) แสดงถึงอะไร 3 : เส ้นตัดแตก เส ้นผ่านศูนย์กลาง เส ้นแสดงขอบเขตการชุบแข็ง
4 : ไม่มคี ําตอบทีถ
2 กู ต ้อง
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 61 :
1 : ไม่ชบ
ุ แข็ง Q ําแหน่ง A, B, C เป็ นเส ้นชนิดใดตามลําดับ
จากรูปข ้างล่างนีต
2 : แสดงถึงพืน Q ราบ
3 : แสดงกรรมวิธแ ี ปรสภาพงานพิเศษ
4 : ส่วนเสริมตัดออกได ้
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 56 :
ภาพคันโยกเส ้นลูกโซ่คอ
ื อะไร
1 : เส ้นเต็มหนา เส ้นมือเปล่า เส ้นประ

1 : คันโยก 2 อัน 3 ตําแหน่ง
2 : เส ้นเต็มหนา เส ้นเต็มบาง เส ้นประ
2 : คันโยกเดียว 2 ตําแหน่ง
3 : เส ้นเต็มหนา เส ้นมือเปล่า เส ้นลูกโซ่หนา
3 : เพิม
2 ได ้อีก 2 คันโยก
4 : เส ้นเต็มหนา เส ้นลูกโซ่หนา เส ้นมือเปล่า
4 : ให ้ระวังการเลือ2 นเกิน
2 ก
ู ต ้อง : 2
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 62 :
ข ้อที2 57 :
การเขียนรูปแปดเหลีย ่ ายในรูปวงกลม โดยทีเ2 ส ้นรอบวงของวงกลมลากผ่านมุมทุกมุมของรูปแปดเหลีย
2 มอยูภ 2 มพอดี ข ้อใดต่อไปนีก
Q ล่าวถูกต ้อง
มาตราส่วน 1:5 เป็ นมาตราส่วนแบบใด
1 : มุมทุกมุมภายในรูปแปดเหลีย2 มมีขนาดเท่ากับ 150 องศา
1 : มาตราส่วนเท่าของจริง
2 : รัศมีของวงกลม ยาวเท่ากับเส ้นตรงทีล
2 ากจากมุมหนึง2 ผ่านจุดศูนย์กลางไปยังมุมตรงข ้ามของรูปแปดเหลีย2 ม (across corners)
2 : มาตราส่วนย่อ
3 : เส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม ยาวเท่ากับความยาวด ้านของรูปแปดเหลีย 2 ม
3 : มาตราส่วนขยาย
4 : เส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม ยาวเท่ากับเส ้นตรงทีล
2 ากจากมุมหนึง2 ผ่านจุดศูนย์กลางไปยังมุมตรงข ้ามของรูปแปดเหลีย2 ม (across corners)
4 : ไม่ใช่มาตราส่วนทีใ2 ช ้ในการเขียนแบบ
2 ก
ู ต ้อง : 4
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 63 :
ข ้อที2 58 :
การวัดขนาดความยาวในงานเขียนแบบตามมาตรฐาน ISO (International Standards Organization) ใช ้ระบบหน่วยการวัดในข ้อใด
มาตราส่วน 5:1 เป็ นมาตราส่วนแบบใด
1 : หน่วยอังกฤษ (English units)
1 : มาตราส่วนเท่าของจริง
2 : หน่วยตะวันตก (Western units)
2 : มาตราส่วนย่อ
3 : หน่วยเมตริก (Metric units)
3 : มาตราส่วนขยาย
4 : องศาและเรเดียล (Degrees and radians)
4 : ไม่ใช่มาตราส่วนทีใ2 ช ้ในการเขียนแบบ
2 ก
ู ต ้อง : 3
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 64 :
จากรูปห ้าเหลีย
2 มด ้านเท่าทีก
2 ําหนดให ้ มุม COE มีคา่ เป็ นกีอ
2 งศา
1 : เป็ นขนาดจริง (True Shape)
2 : เป็ นขนาดทีเ2 ล็กลง (Foreshortened)
3 : เป็ นขนาดทีใ2 หญ่ขนึQ (Enlarge)
4 : อาจมีขนาดเท่าขนาดจริง หรือใหญ่ขน ึQ หรือเล็กลงก็ได ้
2 ก
ู ต ้อง : 1
1 : 60 องศา ข ้อที2 69 :
2 : 100 องศา ระนาบ "P" ในรูป Top Views สัมพันธ์กบ
ั ระนาบใดในรูป Front View และ Right Side View
3 : 120 องศา
4 : 144 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 4
1 : a กับ A
2 : b กับ B
เนื้อหาวิชา : 710 : Orthographic Projection 3 : a และเห็นเป็ นเส ้น (Edge View) "C" ในรูป Right Side View
4 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) "c" ในรูป Front View และ "C" ในรูป Right Side View
2 ก
ู ต ้อง : 1
สัญลักษณ์ของมุมที2 1 (First Angle) เป็ นอย่างไร
ข ้อที2 70 :
จากภาพฉายระบบ Third Angle Projection ทีก
2 ําหนดให ้ ระนาบ “P” ในรูป Top Views สัมพันธ์กบ
ั ข ้อใดในรูป Front View
1:
2:
1 : a
2 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) “b”
3 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) “c”
3: 4 : d
2 ก
ู ต ้อง : 2
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3 ข ้อที2 71 :
จากภายฉายระบบ Third Angle Projection ทีก
2 ําหนดให ้ ระนาบ “P” ในรูป Top Views สัมพันธ์กบ
ั ข ้อใดในรูป Front View
ข ้อที2 66 :
เส ้นบนภาพเขียน (Drawings) อาจมีความหมาย หมายถึง
1 : ระนาบทีม 2 องเห็นเป็ นสัน (Edge View)
2 : รอยตัดระหว่างระนาบสองอัน (Intersection) 1 : a
3 : ขอบของระนาบโค ้ง (Surface Limit) 2 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) “b”
4 : ถูกทุกข ้อ 3 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) “c”
4 : d
2 ก
ู ต ้อง : 4
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 67 :
ข ้อใดถูกต ้องเกีย
2 วกับขนาดของระนาบ “A” ในรูป Front View ข ้อที2 72 :
ระนาบ “P” ในรูป Front View สัมพันธ์กบ
ั ระนาบใดในรูป Right Side View
1 : เป็ นขนาดจริง (True Shape) 1 : a

2 : เป็ นขนาดทีเ2 ล็กลง (Foreshortened) 2 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) “b”
3 : เป็ นขนาดทีใ2 หญ่ขนึQ (Enlarge) 3 : เห็นเป็ นเส ้น (Edge View) “c”
4 : อาจมีขนาดเท่าขนาดจริง หรือใหญ่ขน ึQ หรือเล็กลงก็ได ้ 4 : d
2 ก
ู ต ้อง : 2 คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 68 : ข ้อที2 73 :
ข ้อใดถูกต ้องเกีย
2 วกับขนาดของระนาบ “A” ในรูป Right Side View การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะต่อไปนีQ เรียกว่า
1 : ภาพฉายออร์โทกราฟิ ก (Orthographic Projection) และ ภาพฉายไอโซเมทริกซ์ (Isometric Projection) 2:
2 : ภาพฉายไอโซเมทริกซ์ (Isometric Projection)
3 : ภาพฉายออร์โทกราฟิ ก (Orthographic Projection)
4 : ภาพฉายออบบริก (Oblique Projection)
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
4 : ไม่มข
ี ้อใดถูก
2 ก
ู ต ้อง : 1
การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะต่อไปนีQ เรียกว่า
ข ้อที2 78 :
รูป Orthographic Drawing ข ้างล่างนีQ สัมพันธ์กบ
ั วัตถุในข ้อใด
4 : ภาพฉายเพอสเปกทีพ (Perspective Projection)
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 75 :
การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะข ้างล่างนีQ เรียกว่า
1:

3 : ภาพฉายออบบริก (Oblique Projection) 2:
2 ก
ู ต ้อง : 3
3:
ข ้อที2 76 : 4 : ไม่มข
การแสดงภาพของวัตถุด ้วยภาพฉาย (Projection) ในลักษณะข ้างล่างนีQ เรียกว่า
2 ก
ู ต ้อง : 1
1 : ภาพฉายออร์โทกราฟิ ก (Orthographic Projection) ข ้อที2 79 :

2 : ภาพฉายไอโซเมทริกซ์ (Isometric Projection) รูป Pictorial Drawing ข ้างล่างนีQ สัมพันธ์กบ
ั รูป Orthographic ในรูปใด
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 77 :
รูป Orthographic Drawing ข ้างล่างนีQ สัมพันธ์กบ
ั วัตถุในข ้อใด
1:
1:
2:
1:
3:
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 80 :
กําหนดวัตถุดงั รูป ภาพฉายรูปใดเขียนได ้ถูกต ้อง
ข ้อที2 82 :
เป็ นสัญลักษณ์การเขียนแบบภาพฉายตามข ้อใด
1 : การเขียนภาพฉายมุมที2 1 (First Angle Projection)

1: 2 : การเขียนภาพฉายมุมที2 2 (Second Angle Projection)
3 : การเขียนภาพฉายมุมที2 3 (Third Angle Projection)
4 : การเขียนภาพฉายมุมที2 5 (Fifth Angle Projection)
2 ก
ู ต ้อง : 3
2:
ข ้อที2 83 :
การเขียนภาพฉายมุมที2 1 (First Angle Projection) เป็ นการเขียนแบบภาพฉายระบบใด
1 : ระบบยุโรป
2 : ระบบอเมริกน ั
3: 3 : ระบบเอเชีย
4 : ระบบญีป2 น
ุ่
2 ก
ู ต ้อง : 1
4:
ข ้อที2 84 :
ข ้อใดเป็ นภาพแสดงมุมมองทีถ
2 ก Q องภาพสามมิตท
ู ต ้อง ตามทิศทางลูกศรชีข ี2 ําหนดให ้ (ภาพในข ้อสอบได ้ละเว ้นเส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลมหรือ
ิ ก
2 ก
ู ต ้อง : 1
ทรงกระบอก)
ข ้อที2 81 :
กําหนดวัตถุดงั ภาพด ้านล่าง ภาพใดต่อไปนีเQ ป็ นการวางภาพฉายแบบออร์โธกราฟฟิ ก แบบมุมที2 1 ได ้ถูกต ้อง
1:
2:
1:
2:
3:
3:
4: 4:
2 ก
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 85 : ข ้อที2 87 :
ภาพแสดงมุมมองทีห
2 ายไปของภาพฉายต่อไปนีค
Q อ
ื ข ้อใด จงเลือกภาพฉายด ้านบนให ้ตรงกับภาพฉายด ้านหน ้า และภาพฉายด ้านข ้างทีก
2 ําหนดให ้
1:
1:
2:
2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1 ข ้อที2 88 :
เมือ2 พิจารณาเส ้นตรงเส ้นหนึง2 พบว่าเส ้นความยาวจริงของเส ้นตรงนีป
Q รากฏทีภ
2 าพด ้านหน ้า และภาพด ้านบน ภาพด ้านข ้างจะปรากฏเป็ นรูปร่างใด
1 : เส ้นตรงความยาวไม่จริง
ข ้อที2 86 : 2 : เส ้นตรงความยาวจริง
Q อ
ื ข ้อใด 3 : จุด
4 : เส ้นเอียงความยาวไม่จริง
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 89 :
ในการพิจารณาเส ้นตรงเส ้นหนึง2 หากพบว่าทีภ2 าพด ้านหน ้าปรากฏเป็ นเส ้นความยาวไม่จริงของเส ้นตรงเส ้นนีQ ทีภ
2 าพด ้านข ้างปรากฏเป็ นเส ้นความยาว
จริง เส ้นตรงเส ้นนีจ
Q ะปรากฏบนภาพด ้านบนในลักษณะใด
1 : จุด
2 : เส ้นความยาวจริง
3 : เส ้นโค ้ง
4 : เส ้นความยาวไม่จริง
2 ก
ู ต ้อง : 4 2:
ข ้อที2 90 :
พิจารณาระนาบหนึง2 พบว่าทีภ
2 าพด ้านหน ้าและภาพด ้านข ้างปรากฏเป็ นสันหรือขอบของระนาบ ทีภ
2 าพด ้านบนจะปรากฏเป็ นรูปร่างใด
1 : ระนาบทีแ2 สดงขนาดจริง
2 : ระนาบทีแ 2 สดงขนาดเล็กกว่าความเป็ นจริง
3 : ระนาบทีแ 2 สดงขนาดใหญ่กว่าความเป็ นจริง
4 : สันหรือขอบของระนาบ
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 91 : 3:
พิจารณาระนาบหนึง2 พบว่าทีภ
2 าพด ้านข ้างและภาพด ้านบนปรากฏเป็ นระนาบทีม
2 ข
ี นาดไม่เท่ากับขนาดจริงของระนาบนีQ ภาพด ้านหน ้าจะปรากฏเป็ นรูป
ร่างใด
1 : ระนาบทีม2 ข ี นาดเล็กว่าขนาดจริงของระนาบนีQ
2 : ระนาบทีม 2 ข ี นาดใหญ่วา่ ขนาดจริงของระนาบนีQ
3 : สันหรือขอบของระนาบ
4 : ระนาบทีม 2 ข ี นาดเท่ากับขนาดจริงของระนาบ
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 92 :
ภาพฉายออร์โธกราฟิ กในข ้อใด ทีส
2 อดคล ้องกับรูปไอโซเมตริกต่อไปนีQ
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 93 :
องค์ประกอบของการเขียนภาพฉายตังQ ฉาก ของระบบการวางภาพแบบมุมที2 1 ประกอบด ้วยอะไรบ ้าง ตามลําดับ
1 : คนมอง ฉากรับภาพ วัตถุ
2 : วัตถุ ฉากรับภาพ คนมอง
3 : คนมอง วัตถุ ฉากรับภาพ
4 : ฉากรับภาพ วัตถุ คนมอง
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 94 :
จากภาพฉาย ออร์โธกราฟิ ก ทีก
2 ําหนดให ้ ภาพไอโซเมตริก ใดถูกต ้อง
1:
2:
1: 3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 97 :
ระนาบ A ในภาพฉายตังQ ฉากทีก
2 ําหนดให ้คือระนาบประเภทใด
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 95 :
ในการเขียนภาพฉายตังQ ฉาก 3 ด ้าน (Orthographics) ถ ้าต ้องการดูความสูงของวัตถุ สามารถดูได ้จากภาพฉายด ้านใด
1 : ทังQ 3 ด ้าน 1 : ระนาบปกติ
2 : ด ้านหน ้า - ด ้านบน 2 : ระนาบเอียง
3 : ด ้านข ้าง - ด ้านบน 3 : ระนาบตรง
4 : ด ้านหน ้า - ด ้านข ้าง 4 : ระนาบเทเอียง
2 ก
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 96 : ข ้อที2 98 :
2 ําหนดให ้โดยไม่คํานึงถึงเส ้น CENTER LINE
ภาพ 3 มิตใิ นข ้อใดทีไ2 ม่สอดคล ้องกับภาพด ้านบน ทีก จากมุมมองภาพด ้านบน(top view)ของการฉายภาพ(orthographic projection) ทีก
2 ําหนดให ้ ภาพในคําตอบข ้อใดไม่สามารถเป็ นภาพด ้าน
หน ้า(front view)ของมุมมองภาพด ้านบนนีไ
Q ด้
1:
1:
2:
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 99 :
มุมมองภาพด ้านบนดังรูป สอดคล ้องกับวัตถุในข ้อใด
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 100 :
ภาพสามมิตภ ิ าพใดสอดคล ้องกับภาพฉายทีก
1:
1:
2:
2:
3:
ข ้อที2 104 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ด ้านไม่ถก
ู ต ้อง
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1 : ด ้านบน
2 : ด ้านหน ้า
3 : ด ้านข ้าง
ข ้อที2 101 :
4 : ถูกหมดทุกข ้อ
จากรูป ระนาบ A, B, C, D และ E เป็ นระนาบแบบใดตามลําดับ
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 105 :
ภาพไอโซเมตริก ในข ้อใดทีส ั พันธ์กบ
2 ม ั ภาพฉาย ด ้านบน ด ้านหน ้า และ ด ้านข ้างขวา ทีก
1 : Normal Plane, Inclined Plane, Normal Plane, Oblique Plane and Normal Plane
2 : Normal Plane, Oblique Plane, Normal Plane, Oblique Plane and Normal Plane
3 : Normal Plane, Inclined Plane, Normal Plane, Inclined Plane and Normal Plane
4 : Normal Plane, Oblique Plane, Normal Plane, Inclined Plane and Normal Plane
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 102 :
ข ้อใดคือการวางภาพระบบมุมที2 3.
1 : Right Side View อยูม
่ ม ุ บนซ ้าย,Front View อยูม ่ ม ุ บนขวา,Top View อยูม ่ มุ ล่างขวา
2 : Right Side View อยูม่ ม ุ บนขวา,Front View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา,Top View อยูม ่ ม ุ บนซ ้าย
3 : Right Side View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา,Front View อยูม ่ ม ุ ล่างซ ้าย,Top View อยูม ่ ม ุ บนซ ้าย
4 : Right Side View อยูม ่ ม ุ ล่างซ ้าย,Front View อยูม่ ม ุ บนขวา,Top View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 103 :
ข ้อใดคือการวางภาพระบบมุมที2 1.
1 : Right Side View อยูม
่ ม ุ บนซ ้าย,Front View อยูม ่ ม ุ บนขวา,Top View อยูม ่ มุ ล่างขวา
2 : Right Side View อยูม่ ม ุ บนขวา,Front View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา,Top View อยูม ่ ม ุ บนซ ้าย
3 : Right Side View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา,Front View อยูม ่ ม ุ ล่างซ ้าย,Top View อยูม ่ ม ุ บนซ ้าย
4 : Right Side View อยูม ่ ม ุ ล่างซ ้าย,Front View อยูม่ ม ุ บนขวา,Top View อยูม ่ ม ุ ล่างขวา
2 ก
ู ต ้อง : 1 2:
4:
3:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 107 :
ข ้อใดถูกต ้อง
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 106 :
ภาพไอโซเมตริกในข ้อใด ทีส ั พันธ์กบ
2 ม ั ภาพฉาย ด ้านบน ด ้านหน ้า และ ด ้านข ้างขวา ทีก
1:
1:
2:
3:
2:
1:
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
3:
ข ้อที2 109 :
จากภาพสามมิตท ิ ก
ี2 ําหนดให ้ รูปใดคือภาพด ้านบน
1:
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 108 :
จากภาพสามมิต ิ และภาพด ้านหน ้าทีก
2 ําหนดให ้ รูปใดคือภาพด ้านบน
ข ้อที2 110 :
เส ้นออบบริก (Oblique line) คือ
1 : เป็ นเส ้นทีแ 2 สดงการตัดวัตถุเพือ 2 ให ้มองเห็น หรือแสดงส่วนทีม
2 ล ั ษณะซับซ ้อนของวัตถุ ซึง2 ไม่สามารถแสดงด ้วยภาพฉาย Orthographics ได ้
ี ก
2 : เป็ นเส ้นทีแ Q วัตถุบงั เส ้นอยู่
2 สดงให ้เห็นว่ามีเนือ
3 : เป็ นเส ้นทีว2 างตัวขนานกับระนาบอ ้างอิง 1 ระนาบ
4 : เป็ นเส ้นทีไ2 ม่วางตัวขนานกับระนาบอ ้างอิงใดเลย
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 111 :
เส ้น miter line ต ้องมีมม
ุ เท่าใด
1 : 15
2 : 30
3 : 45
4 : 60
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 112 :
จากภาพทีก 2 ําหนดให ้ เป็ นภาพฉายของวัตถุเสมือนจริงแบบ Isometric อยากทราบวัตถุนจ
ีQ ะมีจํานวนของพืน
Q ผิวเท่าใด
1 : H
2 : D
3 : A
4 : E
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 114 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ พืน
Q ผิวใดอยูด
่ ้านหน ้าทีส
2 ด
ุ
1 : 10
2 : 11
3 : 12
4 : 13
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 113 :
Q ผิวใดอยูด
่ ้านบนทีส
2 ด
ุ
1:
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 117 :
จงเลือกภาพฉายด ้านบนให ้ตรงกับภาพฉายด ้านหน ้า และภาพฉายด ้านข ้างทีก
1 : J
2 : B
3 : C
4 : K
2 ก
ู ต ้อง : 4
1:
ข ้อที2 115 :
2 ําหนดให ้ 2:
3:
4:
1:
2 ก
ู ต ้อง : 4
2: ข ้อที2 118 :
Q ผิวใดอยูร่ ะดับเดียวกันกับพืน
Q ผิว G
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 116 :
จากรูปทีก
2 ําหนดให ้ พืน
Q ผิวใดอยูร่ ะดับเดียวกันกับพืน
Q ผิว D
1 : K
2 : H 1 : C
3 : J 2 : B
4 : H และ K 3 : E
4 : F
2 ก
ู ต ้อง : 3
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 119 :
Q ผิวใดอยูส
่ งู ทีส
2 ด
ุ ข ้อที2 121 :
จากภาพฉายในระบบมุมที2 3 ทีก
2 ด
ุ
1 : ผิวที2 1
2 ก
ู ต ้อง : 1
1 : F
2 : B ข ้อที2 122 :
3 : A จากภาพฉายในระบบมุมที2 3 ทีก
Q ผิวใดเป็ นพืน
Q ผิวเอียง
4 : A และ B
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 120 :
ข ้อที2 125 :
ภาพใดเป็ นภาพจากด ้านทีล ู ศรชีQ
2 ก
1 : พืน
Q ผิวที2 25 1:
2 : พืนQ ผิวที2 23
3 : พืน Q ผิวที2 12
4 : พืน Q ผิวที2 13
2 ก
ู ต ้อง : 3
2:
ข ้อที2 123 :
2 ด
ุ
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 126 :
แบบงานสวมต่อกันต่อไปนีเQ ป็ นงานสวมต่ออะไร
2 : ผิวที2 14
3 : ผิวที2 12
2 ก
ู ต ้อง : 2
1 : แท่งสีเ2 หลีย
2 ม 2 อันมีขนาดเท่ากัน
2 : แท่งสามเหลีย 2 ม 2 อัน
ข ้อที2 124 : 3 : แท่งทรงกระบอกตัน 2 อัน
Q ผิวใดเป็ นพืน
Q ผิวเอียง 4 : ทรงกระบอก 2 อันมีขนาดเท่ากัน
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 127 :
ภาพด ้านข ้างภาพในแสดงตามแบบมาตรฐาน
1:
3 : ผิวที2 29
4 : ผิวที2 13
2:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 130 :
Q งานด ้านใด
ภาพฉายขวามือแสดงชิน
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 128 :
1 : ภาพด ้านหน ้า
ภาพใดแสดงเกลียวในตามแบบมาตรฐาน
2 : ภาพด ้านบน
3 : ภาพด ้านล่าง
4 : ภาพด ้านข ้างขวา
2 ก
ู ต ้อง : 4
1:
ข ้อที2 131 :
ภาพด ้านหน ้าและด ้านบนเหมือนกัน ภาพใดเป็ นภาพด ้านข ้างทีถ
2 ก
ู มาตรฐาน
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 129 :
ภาพด ้านบนทีถ 2 ก
ู ต ้องคือภาพใด
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
2:
ข ้อที2 132 :
Q งานไม่ใช่ทรงกลม ภาพด ้านข ้างทีถ
ภาพด ้านหน ้าและภาพด ้านบนเหมือนกัน ชิน 2 ก
ู ต ้องคือภาพใด
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
2:
2:
3:
3:
4:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 133 :
Q งานไม่ใช่ทรงกลม ภาพด ้านข ้างทีถ
ภาพด ้านหน ้าและภาพด ้านบนเหมือนกัน ชิน 2 ก
ู ต ้องคือภาพใด ข ้อที2 135 :
ภาพใด เป็ นภาพด ้านหน ้าของภาพ 3 มิตต
ิ ามทิศทางลูกศร
1:
1:
2:
2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3 4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 134 :
ภาพฉาย 3 ด ้านชุดใด ทีแ
2 สดงลักษณะภาพ 3 มิต ิ ได ้ถูกต ้อง
ข ้อที2 136 :
จาพภาพฉายด ้านข ้างของทรงกรวย เมือ
2 มองตามมุมมองด ้านบน พืน
Q ทีภ
2 าคตัดเอียงผ่านปลายทรงกรวยเป็ นลักษณะใด
1 : วงกลม
1: 2 : วงรี
3 : สามเหลีย
2 ม
4 : พาราโบลา
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 137 :
จากภาพฉายด ้านข ้างของทรงกรวย เมือ
2 มองตามมุมมองด ้านบน พืน
Q ทีภ
2 าคตัดเอียงกับแกนทรงกรวยเป็ นลักษณะใด
2:
3:
1 : สามเหลีย
2 ม
3 : วงรี
4 : วงกลม
2 ก
ู ต ้อง : 4 4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 138 :
ภาพด ้านบนพืน Q ทีภ
2 าคตัดทรงกระบอก เป็ นลักษณะใด
ข ้อที2 141 :
จากภาพด ้านข ้างทรงกระบอกตัด จงหาภาพด ้านหน ้าทีถ
2 ก
ู ต ้อง
1 : วงรี
2 : วงกลม
3 : ครึง2 วงกลม
2 ก
ู ต ้อง : 1
1:
ข ้อที2 139 :
ภาพด ้านบนพืน Q ทีภ
2 าคตัดทรงกระบอกเป็ นลักษณะใด
2:
1 : วงรี 3:
3 : ครึง2 วงกลม
4 : วงกลม
2 ก
ู ต ้อง : 4
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 140 :
ทรงกระบอกทีม ี นาดเท่ากันสวมต่อกันตามแนวเส ้นศูนย์กลางโดยตรง แบบทีถ
2 ข 2 ก
ู ต ้องคือแบบใด
ข ้อที2 142 :
ภาพใดคือภาพด ้านหน ้าของภาพ 3 มิตท
ิ ก
ี2 ําหนดให ้
1:
1: 2:
2: 3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1 ข ้อที2 145 :
ภาพใดคือภาพด ้านหน ้าของภาพ 3 มิต ิ ทีก
ข ้อที2 143 :
1:
1: 2:
3:
2:
4:
3:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 146 :
4: ภาพใดคือภาพด ้านหน ้าของภาพ 3 มิต ิ ทีก
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 144 :
1:
2:
1:
3: 4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
4: ข ้อที2 149 :
ภาพใดคือภาพด ้านข ้างของภาพ 3 มิต ิ ทีก
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 147 :
1:
1: 2:
3:
2:
4:
3:
2 ก
ู ต ้อง : 2
4: ข ้อที2 150 :
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 148 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
3:
ข ้อที2 151 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 154 :
4: ภาพใดคือภาพด ้านบนของภาพ 3 มิต ิ ทีก
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 152 :
ภาพใดคือภาพด ้านบนของภาพ 3 มิต ิ ทีก
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
3:
ข ้อที2 155 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 153 :
1:
2:
ข ้อที2 158 :
จากภาพด ้านหน ้าทีก
2 ําหนด จงเลือกภาพด ้านข ้าง
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 156 :
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
2:
ข ้อที2 159 :
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 157 : 1:
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 160 :
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1: 3:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3: ข ้อที2 163 :
2 ําหนด จงเลือกภาพด ้านบน
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 161 :
1:
2:
1: 3:
2: 4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 164 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 162 :
1:
2:
1:
3:
2:
ข ้อที2 167 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 165 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 168 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 166 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 169 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3: ข ้อที2 172 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 170 :
1:
2:
1: 3:
2: 4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 173 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 171 :
1:
2:
1: 3:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 174 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 177 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 175 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 178 :
4: ภาพใดคือภาพด ้านบนของภาพ 3 มิต ิ ทีก
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 176 :
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 3
3: ข ้อที2 181 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 179 :
1:
2:
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 3
3: ข ้อที2 182 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 180 :
1:
2:
1: 3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 183 :
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
2:
ข ้อที2 186 :
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1:
ข ้อที2 184 :
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
2:
ข ้อที2 187 :
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1:
ข ้อที2 185 :
2:
2 ก
ู ต ้อง : 2
3:
ข ้อที2 190 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 188 :
1:
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
3: ข ้อที2 191 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 189 :
1:
2:
3:
1:
2: 4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
3:
ข ้อที2 192 :
4:
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
3:
ข ้อที2 195 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 193 :
1:
2:
1: 3:
2: 4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
3:
ข ้อที2 196 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 194 :
1:
2:
ข ้อที2 199 :
จงหาภาพด ้านหน ้าทีถ
2 ก
ู ต ้องของภาพ 3 มิต ิ ทีก
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 197 :
2:
3:
1: 4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
2:
ข ้อที2 200 :
2 ก
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 198 :
2 ก
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
2:
ข ้อที2 201 :
2 ก
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1:
2: 4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 204 :
จงหาภาพด ้านบนทีถ
2 ก
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 202 :
2 ก
1:
2:
1: 3:
2: 4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 205 :
2 ก
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 203 :
2 ก
1:
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 206 :
3: จงหาภาพด ้านบนทีถ
2 ก
2:
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3: ข ้อที2 209 :
จงหาภาพด ้านข ้างทีถ
2 ก
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 207 :
2 ก
1:
2:
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 210 :
2 ก
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 208 :
2 ก
1:
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 211 : 1:
2 ก
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
2:
ข ้อที2 214 :
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1:
ข ้อที2 212 :
2 ก
2:
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3: ข ้อที2 215 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 213 :
1:
2: 4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 218 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 216 :
1:
2:
1: 3:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3: ข ้อที2 219 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 217 :
1:
2:
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 220 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
3:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 223 :
4: ภาพใดคือภาพด ้านข ้างของภาพ 3 มิต ิ ทีก
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 221 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 224 :
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 222 :
1:
2:
ข ้อที2 227 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 225 :
1:
2:
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 228 :
3:
จงเลือกภาพทีต 2 รงกับภาพ 3 มิตท
ิ ก
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 226 :
1:
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 229 :
3:
จงเลือกภาพทีต 2 รงกับภาพ 3 มิต ิ ทีก
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1: 2:
2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
4:
ข ้อที2 232 :
2 ก
ู ต ้อง : 2 จงเลือกภาพทีต 2 รงกับภาพ 3 มิต ิ ทีก
ข ้อที2 230 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
3:
2 ก
ู ต ้อง : 2
4: ข ้อที2 233 :
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 231 :
1:
2:
1:
3:
ข ้อที2 236 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 234 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 237 :
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 235 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
3:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 238 :
4: จงเลือกภาพทีต 2 รงกับภาพ 3 มิต ิ ทีก
2 ก
ู ต ้อง : 2
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
3:
ข ้อที2 241 :
ู ต ้อง ตามทิศทางลูกศรชีข ิ ก
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 239 :
1:
1: 2:
2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2 ข ้อที2 242 :
ข ้อที2 240 :
1: 1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 3
3:
ข ้อที2 245 :
Q อ
ื ข ้อใด
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 243 :
1:
2:
3:
4:
1:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 246 :
2: ภาพแสดงมุมมองทีห
Q อ
3:
4 : ไม่มข
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 244 : 1:
Q อ
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1:
ข ้อที2 247 :
มุมมองภาพช่วยทีแ
2 สดงรูปร่างทีแ
2 ท ้จริงของพืน
Q ผิว จะต ้องฉายไปจาก.................เสมอ
2:
1 : ระนาบอ ้างอิง (Reference plane)
2 : มุมมองด ้านหน ้า (Front view)
3 : มุมมองภาพช่วยทีห 2 นึง2 (Primary auxiliary view)
3: 4 : มุมมองทีข2 อบ (Edge view) ของรูปร่างทีแ 2 ท ้จริงของพืน
Q ผิว
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 248 :
การฉายภาพแบบใด ทีม
2 ก
ี ารฉายจุดไปยังจุดยึดเพียงจุดเดียว
4:
1 : การฉายภาพระบบมุมมองทีห
2 นึง2 (First angles projection)
2 : การฉายภาพระบบมุมมองทีส2 าม (Third angles projection) คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 4
3 : การฉายภาพแบบแอคโซโนเมตริก (Axonometric projection)
4 : การฉายภาพแบบเพอสเปคทีฟ (Perspective projection)
2 ก
ู ต ้อง : 4 ข ้อที2 251 :
Q อ
ข ้อที2 249 :
2 ายไปของภาพฉายต่อไปนีQ คือข ้อใด
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 252 :
Q อ
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 250 :
1:
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
2:
ข ้อที2 253 :
การวางตําแหน่งรูปภาพฉายออร์โธกราฟฟิ คแบบมุมที2 1 รูปใดถูกต ้องเมือ
2 กําหนดการมองดังรูป
3:
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 255 :
2: การวางตําแหน่งรูปภาพฉายออร์โธกราฟฟิ คแบบมุมที2 3 รูปใดถูกต ้องเมือ
3:
4:
1:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 254 :
การวางตําแหน่งรูปภาพฉายออร์โธกราฟฟิ คแบบมุมที2 3 รูปใดถูกต ้องเมือ
2:
3:
4:
1:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 256 : ข ้อที2 259 :
รูปทีก
2 ําหนดให ้ต่อไปนีค
Q า่ ทีห
2 ายไปคือค่าอะไร รูปทีก
Q า่ ทีห
2 ายไปคือค่าอะไร
1:
2: 1:
3: 2:
3:
4: 4 : ไม่มข
ี ้อใดถูกต ้อง
2 ก
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 257 : ข ้อที2 260 :

รูปทีก
Q า่ ทีห
2 ายไปคือค่าอะไร Q งานจากรูปทีก
จงเรียงลําดับลักษณะของชิน 2 ําหนดให ้ดังต่อไปนี ้
1:
2:
3:
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง
2 ก
ู ต ้อง : 3
1 : รันเอาท์ ฟิ ลเล็ต ขอบมน

ข ้อที2 258 : 2 : ขอบมน ฟิ ลเล็ต ดายเอาท์
รูปทีก
Q า่ ทีห
2 ายไปคือค่าอะไร 3 : ฟิ ลเล็ต ขอบมน ดายเอาท์
4 : รันเอาท์ ฟิ ลเล็ต ดายเอาท์
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 261 :
รูปด ้านบนรูปใดให ้ความหมายทีถ
2 ก
ู ต ้องกับรูปด ้านหน ้าทีก
2 ําหนดให ้ต่อไปนี ้
1:
2:
3:
4 : ไม่มข
2 ก
ู ต ้อง : 1 1:
3:
2:
4 : ไม่มข
2 ก
ู ต ้อง : 2
3: ข ้อที2 264 :
4 : ไม่มค
ี ําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง ภาพด ้านหน ้าทีก
2 ําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านหน ้าทีถ
2 ก
ู ต ้อง
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 262 :
ลักษณะของเส ้นประทีพ
2 บกันในรูปใดไม่ถก
ู ต ้อง
1:
1:
2:
2:
3:
4 : ไม่มข
3:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 265 :
ภาพด ้านหน ้าทีก
2 ก
ู ต ้อง
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 263 :
ภาพด ้านหน ้าทีก
2 ก
ู ต ้อง
1:
1: 2:
3:
2: 4 : ข ้อ 1 และ 2 ถูกต ้อง
ภาพด ้านบนทีก
2 ําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านบนทีถ
2 ก
ู ต ้อง
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 266 :
ภาพด ้านบนทีก 2 ําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านบนทีถ
2 ก
ู ต ้อง
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
3:
ข ้อที2 269 :
ภาพด ้านข ้างทีก
2 ําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านข ้างทีถ
2 ก
ู ต ้อง
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 267 :
ภาพด ้านบนทีก 2 ําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านบนทีถ
2 ก
ู ต ้อง
1:
2:
1:
3:
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2 ข ้อที2 270 :
ภาพด ้านข ้างทีก
2 ําหนดให ้ยังขาดความสมบูรณ์ รูปใดเป็ นภาพด ้านข ้างทีถ
2 ก
ู ต ้อง
ข ้อที2 268 :
1:
1:
2:
2:
3:
4 : ไม่มข
3:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 271 :
เพือ2 ให ้ภาพ Orthographic ข ้างล่างสมบูรณ์ ต ้องเติมเส ้นอีกกีเ2 ส ้น
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 273 :
เลือก Front View ให ้เหมาะสมกับ Top View ทีใ2 ห ้
1 : 0
2 : 2
3 : 4
4 : 6
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 272 :
เลือก Top View ให ้เหมาะสมกับ Front View ทีก
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 274 :
จากภาพ Orthographic ทีก
2 ําหนดให ้ จงเลือก Left Side View ทีเ2 หมาะสม
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 276 :
จากรูป Orthographic ของเส ้นทางเดินท่อนํQ า จงหาความยาวรวมทังQ หมดของท่อ
1:
2:
3:
1 : 200 m
2 : 230 m
3 : 260 m
4 : 280 m
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 277 :
ข ้อที2 275 :
จากรูป Orthographic ทีก 2 มุมมอง (View) ให ้ถูกต ้อง
2 ําหนดให ้ จงบอกชือ
เลือก Side View ของภาพ Orthographic ทีใ2 ห ้
1 : View 1 = Front view, View 2 = Side view

2 : View 1 = Front view, View 2 = Top view
1: 3 : View 1 = Top view, View 2 = Front view
4 : View 1 = Side view, View 2 = Top view
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 278 :
เลือก Right-side View ของภาพ Orthographic ทีก
1:
1: 2:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 280 :
3:
เลือกภาพวาด Oblique ทีเ2 หมาะสมทีส
2 ด
ุ
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 279 :
จากรูป Front View และ Side View ทีก
2 ําหนดให ้ จงเลือก Top View ทีถ
2 ก
ู ต ้อง
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 281 :
ข ้อใดคือ front view ของรูป Isometric ทีใ2 ห ้
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 283 :
ข ้อใดไม่สามารถเป็ น right-side view ของภาพ Orthographic ทีใ2 ห ้
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 282 : 1:
ข ้อใดคือ front view ของ top view ทีก
2:
3: 1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 284 : 2:
ข ้อใดคือมุมมองทีห
2 ายไป
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
2: ข ้อที2 286 :
จากรูป orthographic หากมองจากทิศทางของ front view ข ้อใดถูกต ้อง
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
1 : Surface K is in front of Surface M and Surface F is in front of Surface L
2 : Surface N is above Surface P and Surface H is in front of Surface K
ข ้อที2 285 : 3 : Surface P is above Surface R and Surface G is in front of Surface M
จงเลือกภาพ orthographic ทีถ
2 ก
ู ต ้อง 4 : Surface D is in front of Surface E and Surface Q is above Surface P
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 287 :
รูปใดเป็ น Sectional View ของรูป Top View ทีก
1:
2:
1:
3:
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 289 :
4:
เลือกภาพ Isometric ทีม
2 ท
ี ผ
ี2 ด
ิ
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 288 :
เลือกภาพวาด Isometric ของภาพ Orthographic ทีก
1:
2:
3: 2:
4:
3:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 290 :
เรียงลําดับความสูงของผิว A, B, C, D จากตํา2 สุดไปสูงสุด
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 292 :
ข ้อใดคือ Top View ของภาพ 3 มิตท
ิ ใี2 ห ้
1 : A, C, B, D
2 : D, A, B, C
3 : C, D, A, B
4 : D, B, A, C
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 291 :
ข ้อใดคือภาพ orthographic ทีถ
2 ก
ู ต ้องในทุกมุมมอง
1:
1:
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 293 :
จากรูป Orthographic ของเส ้นทางเดินท่อนํQ า จงหาความยาวรวมทังQ หมดของท่อ
2:
3:
1 : 240
2 : 280
3 : 320
4 : 360
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 294 : 4:
รูปใดเป็ น Orthographic ของรูป Isometric ทีใ2 ห ้
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 295 :
ข ้อใดไม่สามารถเป็ น side view ของภาพ front view ทีใ2 ห ้
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
3:
ข ้อที2 297 :
เลือกภาพ Isometric ของภาพ orthographic ทีใ2 ห ้
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 296 :
ข ้อใดเป็ นภาพฉาย orthographic ทีถ
2 ก
ู ต ้อง
1:
1:
2:
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 298 :
เลือกภาพ Isometric ทีเ2 ขียนได ้ถูกต ้องทีส
2 ด
ุ
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 300 :
ภาพ orthographic ข ้างล่างเป็ นของวัตถุใด
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 299 :
ข ้อใดคือภาพฉาย orthographic ของภาพสามมิตท
ิ ใี2 ห ้
ภาพ orthographic ทีใ2 ห ้เป็ นของวัตถุใด
1:
1:
2:
2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
4:

2 ก
ู ต ้อง : 4
วัตถุในภาพ orthographic นีใQ ส่กล่องขนาดใดได ้พอดีทส
ี2 ด
ุ
ข ้อที2 303 :
ข ้อใดคือ Top View ของภาพ Orthographic ทีใ2 ห ้
1:
1 : 160x160x120
2 : 110x150x160
3 : 130x110x155
4 : 105x155x150
2 ก
ู ต ้อง : 4 2:
ข ้อที2 302 :
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
3:
ข ้อที2 304 :
ต ้องแก ้ไขภาพ Orthographic อย่างไรเพือ
2 ให ้ภาพสมบูรณ์
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 306 :
ข ้างล่างเป็ นภาพ Isometric และ Orthographic ของวัตถุเดียวกัน มุม ABC ใน Top view มีคา่ เท่าใด
1 : ไม่ต ้องแก ้ไข

2 : เติมเส ้นทึบหนึง2 เส ้น
3 : เติมเส ้นประหนึง2 เส ้น
4 : เติมเส ้นทึบและเส ้นประอย่างละหนึง2 เส ้น
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 305 :
ข ้อใดเป็ น side view ของภาพ front view ทีใ2 ห ้
1 : 67.38 องศา
2 : 60 องศา
3 : 56.31องศา
4 : 30องศา
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 307 :
ข ้อใดคือ front view ของรูป orthographic ทีใ2 ห ้
1:
2:
1:
3:
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
4: ข ้อที2 309 :
รูปใดเป็ น Orthographic ของรูป Isometric ทีใ2 ห ้
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 308 :
วัตถุในภาพ orthographic สามารถประกอบกับวัตถุใดได ้ พอดีทส
ี2 ด
ุ
1:
2:
1:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 311 :
ในภาพฉายตามแนวเส ้นสายตาทีก
2 ําหนด มีเส ้นประกีเ2 ส ้น
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4 1 : 2
2 : 3
3 : 4
4 : 5
ข ้อที2 310 :
ภาพ Orthographic ในข ้อใดไม่ตรงกับภาพ Isometric คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 3
เนื้อหาวิชา : 711 : Orthographic Drawings
ข ้อที2 312 :
ข ้อใดเป็ นการวางตําแหน่งของวัตถุทใี2 ห ้ได ้ถูกต ้องตามหลักของภาพฉายแบบออร์โธกราฟฟิ ก
1:
1:
2: 2:
3:
4 : ถูกทุกข ้อ
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 313 :
ภาพใดไม่ใช่ภาพในการเขียนรูป Drawing แบบ 3 View?
1 : Front View
2 : Right Side View
3 : Top View
4 : Contruction View
2 ก
ู ต ้อง : 4
4:
ข ้อที2 314 :
ขนาดของวัตถุในมิตใิ ดจะเห็นได ้บนภาพด ้านบน (Top View) และ ภาพด ้านหน ้า (Front View) ?
1 : ความกว ้าง
2 : มุมเอียงใดๆ
3 : ความสูง
4 : ความลึก
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 315 :
ขนาดของวัตถุในมิตใิ ดจะเห็นได ้บนภาพด ้านข ้าง (Side View) และ ภาพด ้านหน ้า (Front View) ?
1 : ความกว ้าง
2 : ความสูง
3 : ความลึก
4 : ความยาว
1:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 316 :
รูป Pictorial Drawing ในข ้อใด สัมพันธ์กบ
ั รูป Orthographic Drawing ข ้างล่างนีQ
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
1:
ข ้อที2 318 :
ั รูป Orthographic Drawing ข ้างล่างนีQ
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 317 :
ั รูป Orthographic Drawing ข ้างล่างนีQ 2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 319 :
1:
รูปเขียน Orthographic Drawing ข ้างล่างนีQ สัมพันธ์กบ
ั รูป Pictorial Drawing ในข ้อใด?
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
2:
ข ้อที2 321 :
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1:
ข ้อที2 320 :
ข ้อที2 323 :
ชนิดของฉายภาพลักษณะใดไม่ถอ
ื ว่าเป็ นภาพ PICTORIAL
1 : AXONOMETRIC PROJECTION
2 : OBLIQUE PROJECT
3 : MULTIVIEW PROJECTION
2: 4 : PERSPECTIVE PROJECT
5 : ISOMATRIC PROJECTION
2 ก
ู ต ้อง : 3
3: ข ้อที2 324 :
จากภาพฉาย Orthographics ทีก
2 ําหนดให ้ ภาพ Isometric ในข ้อใดถูกต ้อง
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 322 :
1:
2:
1:
3:
2:
4:
5 : ไม่มข
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 325 :
2 ําหนดให ้ภาพ Isometric ในข ้อใดถูกต ้อง
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
4:
ข ้อที2 327 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ถ ้าระยะ A มีความยาวเท่ากับ 4 และวงกลม C มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 3 จงหาขนาดของรัศมี R
2 ก
ู ต ้อง : 4
1 : 5.5
ข ้อที2 326 : 2 : 7
2 ําหนดให ้ภาพ Isometric ในข ้อใดถูกต ้อง 3 : 5
4 : 4.5
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 328 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ถ ้าระยะ A มีความยาวเท่ากับ 5 และระยะ B มีความยาวเท่ากับ 4.5 วงกลม C มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 2 จงหาขนาดเส ้น
ผ่านศูนย์กลางของวงกลม D
3 : 2.5
4:3
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 331 :
มุมมองภาพช่วย (Auxiliary view) จะใช ้แสดงงานเขียนแบบในข ้อใด
1 : แสดงรูปร่างทีแ
2 ท ้จริงของงานเกลียว
2 : แสดงภาพขยายของมุมชิน Q งาน
3 : แสดงขนาดและรูปร่างทีแ 2 ท ้จริงของพืน
Q ผิวเอียง
4 : แสดงความขรุขระของพืน Q ผิวภาพช่วย
2 ก
ู ต ้อง : 3
1 : 3
2 : 3.5
3 : 4 เนื้อหาวิชา : 712 : Pictorial Drawing
4 : 4.5
2 ก
ู ต ้อง : 1 ข ้อที2 332 :
ข ้อใดเป็ นความหมายทีถ
2 ก
ู ต ้องของ Isometric Circle
1 : เป็ นรูปวงรีทป
ี2 รากฏเห็นเป็ นวงกลมในภาพ Isometric Projection
ข ้อที2 329 : 2 : เป็ นรูปวงกลมบนระนาบ Isometric Plane ทีป 2 รากฏเห็นเป็ นวงรีในภาพ Isometric Projection
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ถ ้าระยะ C มีความยาวเท่ากับ 4 และระยะ D มีความยาวเท่ากับ 2 และวงกลม B มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 2 จงหาขนาด 3 : เป็ นรูปวงกลมทีป 2 รากฏเห็นเป็ นขนาดจริงในภาพ Pictorial Drawing
ของเส ้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม A 4 : เป็ นรูปวงกลมทีใ2 ช ้ช่วยในการสร ้างรูป Isometric Projection
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 333 :
2 วกับขนาดของระนาบต่างๆ ของกล่องสีเ2 หลีย
ข ้อใดถูกต ้องเกีย 2 มจัตรุ ัสในรูป Isometric Projection
1 : ระนาบ “a” จะมีขนาดเล็กกว่าขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดจริง
2 : ระนาบ “a” จะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดจริง
3 : ระนาบ “a” จะมีขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดเล็กกว่าขนาดจริง
4 : ไม่สามารถบอกได ้ว่าระนาบ “a” มีขนาดใหญ่กว่าขนาดจริง หรือเท่ากับขนาดจริง หรือเล็กกว่าขนาดจริง
2 ก
ู ต ้อง : 3
1 : 1
2 : 2
3 : 2.5 ข ้อที2 334 :
4 : 3 2 วกับขนาดของระนาบต่างๆ ของกล่องสีเ2 หลีย
ข ้อใดถูกต ้องเกีย 2 มจัตรุ ัสในรูป Isometric Drawings
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 330 : 1 : ระนาบ “a” จะมีขนาดเล็กกว่าขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดจริง
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ถ ้าระยะรัศมี R เท่ากับ 5 และระยะ D ยาวเท่ากับ 2 และวงกลม B มีขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลางเป็ น 2 เท่าของวงกลม A จงหาขนาด 2 : ระนาบ “a” จะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดจริง
ของรัศมีของวงกลม A 3 : ระนาบ “a” จะมีขนาดจริง และระนาบ “b”, “c”, และ “d” จะเป็ นขนาดเล็กกว่าขนาดจริง
4 : ไม่สามารถบอกได ้ว่าระนาบ “a” มีขนาดใหญ่กว่าขนาดจริง หรือเท่ากับขนาดจริง หรือเล็กกว่าขนาดจริง
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 335 :
การเขียนภาพแบบออบบลิก (Oblique drawing) ในข ้อใดเรียกว่าภาพฉายแบบคาวาเลีย (Cavalier projection) ของกล่องสีเ2 หลีย
2 มจัตตุรัส
1 : 1.5
2:2
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 337 :
ภาพเขียนแบบออบบริก (Oblique) มีกช
ี2 นิด?
1 : 5
2 : 2
3 : 3
4 : 4
2 ก
ู ต ้อง : 2
1:
ข ้อที2 338 :
รูปเขียนออบบริก (Oblique Drawing) ใช ้มุมเท่าใดในการเขียนรูป
1 : 50 องศา
2 : 60 องศา
3 : 75 องศา
4 : 90 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 3
2:
ข ้อที2 339 :
การเขียนความลึกของรูปออบบริก (Oblique) แบบ Cabinet จะมีความยาวเท่าใด
1 : ครึง2 หนึง2 ของความยาวจริง
2 : 1/4 ของความยาวจริง
3 : เท่ากับความยาวจริง
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 340 :
การเขียนความลึกของรูปออบบริก (Oblique) แบบ Cavalier จะมีความยาวเท่าใด
3: 1 : ครึง2 หนึง2 ของความยาวจริง

3 : เท่ากับความยาวจริง
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 341 :
การเขียนความลึกของภาพไอโซเมทริกซ์ (Isometric) ใช ้มุมเขียนเท่าไร
1 : 100 องศา
2 : 30 องศา
3 : 75 องศา
4:
4 : 45 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 3
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 336 :
ข ้อที2 342 :
ข ้อใดคือวัตถุประสงค์หลักในการเขียนรูปไอโซเมทริกซ์ (Isometric)
1 : เพือ
2 แสดงวัตถุในมุมมอง 3 มิต ิ
2 : เพือ2 แสดงตําแหน่งของวัตถุ
3 : เพือ 2 แสดงสีและสภาพผิวของวัตถุ
4 : เพือ 2 แสดงการสร ้างวัตถุ
2 ก
ู ต ้อง : 1
1 : 75 องศา ข ้อที2 343 :

2 : 60 องศา โดยทัว2 ไปแล ้ว เราจะไม่เขียนเส ้นใดบนรูปเขียนไอโซเมทริกซ์ (Isometric)
3 : 45 องศา 1 : เส ้นเต็ม (Visible line)
4 : 30 องศา 2 : เส ้นประ (Hidden line)
3 : เส ้นบอกศูนย์กลางวงกลม (Center Line) 1 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric มีความสมจริงมากกว่า
4 : เส ้นร่าง (Contruction Line) 2 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric มีความสวยงามมากกว่า
3 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric มีความถูกต ้องของสัดส่วนและขนาดมากกว่า
2 ก
ู ต ้อง : 2 4 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric สามารถทําได ้ง่ายและสะดวกรวดเร็วกว่า
5 : การเขียนแบบภาพฉาย Isometric สามารถใช ้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยในการสร ้างภาพได ้
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 344 :
ข ้อใดต่อไปนีไQ ม่ถก
ู ต ้อง
1 : แกนเอียงของภาพออบบลิก (Oblique) ทํามุม 45 กับแนวระดับ
2 : ภาพออบบลิกทัว2 ไป(General oblique) ระยะตามแกนเอียงจะมีขนาดเป็ น 1/2 หรือ 1 เท่าของความยาวจริง ทังQ นีข
Q น
ึQ กับความเหมาะสม ข ้อที2 351 :
3 : มุมทีป
2 รากฏบนภาพไอโซเมตริกซ์ จะเป็ นขนาดจริงเสมอ ข ้อใดกล่าวถึงภาพฉาย 3 มิต ิ แบบ Clinographic Projection ได ้ถูกต ้อง
4 : ภาพวาดไอโซเมตริกซ์ เป็ นภาพทีม2 แ
ี กนอย่างน ้อยสองแกนทํามุม 30 องศากับแนวระดับ 1 : จะแสดงมิตท Q งาน
ิ างความลึกอยูร่ ะหว่างครึง2 หนึง2 ของขนาดจริงถึงขนาดเท่ากับขนาดจริง ของขนาดชิน
2 : จะแสดงมิตท
ิ างความลึกเท่ากับครึง2 หนึง2 ของขนาดจริงวัตถุ
2 ก
ู ต ้อง : 3 3 : จะแสดงมิตทิ างความลึกเท่ากับขนาดจริงของวัตถุ
4 : จะแสดงมิตท ิ างความกว ้างอยูร่ ะหว่างครึง2 หนึง2 ของขนาดจริงถึงขนาดเท่ากับขนาดจริง ของขนาดวัตถุ
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 345 :
ข ้อใดต่อไปนีเQ ป็ นข ้อจํากัดความของการเขียนภาพสามมิต ิ
1 : ใช ้เป็ นเครือ 2 สารความคิดกับผู ้อืน
2 งมือในการสือ 2 ได ้
2 : สามารถแสดงรายละเอียดของภาพได ้ครบถ ้วน ข ้อที2 352 :
3 : สามารถเข ้าใจได ้โดยไม่ต ้องเรียนรู ้มาก่อน การเขียนภาพแบบ ออบบริก(Oblique) ข ้อใดมีความเหมาะสมใน
4 : ใช ้ในขณะออกแบบได ้สะดวก
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 346 :
ภาพชนิดใดทีเ2 สมือนภาพจริงทีม
2 นุษย์มองเห็นมากทีส
2 ด
ุ 1:
1 : Perspective
2 : Oblique
3 : Trimetric
4 : ถูกทุกข ้อ
2 ก
ู ต ้อง : 1
2:
ข ้อที2 347 :
ข ้อใดถูกต ้องทีส
2 ด
ุ เรือ
2 งรัศมีความโค ้งของส่วนโค ้งในภาพ Isometric เมือ
2 เทียบกับรัศมีความโค ้งจริง
1 : มีคา่ เท่าเดิม
2 : มีคา่ มากกว่าเดิม
3 : มีคา่ น ้อยกว่าเดิม
4 : มีคา่ ไม่คงที2
2 ก
ู ต ้อง : 4
3:
ข ้อที2 348 :
ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้องในการเขียนภาพ Pictorial
1 : ต ้องเขียนเส ้นประหรือเส ้นทีถ2 ก
ู บังด ้วยเสมอ เพือ2 ความชัดเจนของภาพ
2 : ไม่นย ิ มเขียนเส ้นประหรือเส ้นทีถ2 ก
ู บังลงในภาพ
3 : เป็ นรูปทีแ
2 สดงภาพได ้ทังQ 3 มุมมองหลักไว ้ในภาพเดียว
4 : ใช ้เขียนประกอบกับภาพฉายตังQ ฉากเพือ 2 ช่วยให ้เข ้าใจได ้ง่ายยิง2 ขึน
Q
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 349 :
ภาพฉายออบบริก (Oblique Projection) จะมีมม
ุ มองด ้านใดเป็ นขนาดจริง
1 : ด ้านหน ้า
2 : ด ้านบน 4:
3 : ด ้านข ้างขวา 5 : ข ้อที2 1. และ ข ้อที2 3. เหมาะสม
4 : ด ้านบนและด ้านหน ้า
2 ก
ู ต ้อง : 1
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 353 :
ข ้อที2 350 : จงเลือกภาพไอโซเมตริก ให ้ตรงกับภาพฉายด ้านหน ้า และภาพฉายด ้านข ้างทีก
เหตุใดในทางวิศวกรรม จึงนิยมใช ้การฉายภาพแบบ Isometric Projection มากกว่า Perspective Projection
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3 3:
ข ้อที2 354 :
จงเลือกภาพไอโซเมตริก ให ้ตรงกับภาพฉายด ้านหน ้า และภาพฉายด ้านบนทีก
2 ําหนดให ้ 4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 356 :
จงเลือกภาพไอโซเมตริก ให ้ตรงกับภาพฉายทีห
2 นดให ้
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
3:
ข ้อที2 355 :
จงเลือกภาพไอโซเมตริก ให ้ตรงกับภาพฉายทีก
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 357 :
2 นดให ้
1:
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 359 :
2 นดให ้
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 358 :
2 นดให ้
1:
2:
3:
4: 1:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 360 :
2 นดให ้ 2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
1:
ข ้อที2 362 :
2 นดให ้
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
1:
ข ้อที2 361 :
2 นดให ้
2:
แบบใดแสดงการกําหนดขนาดส่วนโค ้งถูกต ้อง
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 363 :
การเขียนภาพไอโซเมตริก (Isometric drawings) เป็ นการเขียนแบบในหมวดหมูใ่ ด 3:
1 : การเขียนแบบออบลิค (Oblique drawings)
2 : การเขียนแบบพิคโทเรียล (Pictorial drawings)
3 : การเขียนแบบไดเมตริค (Dimetric drawings)
4 : การเขียนแบบเพอสเปคทีฟ (Perspective drawings)
2 ก
ู ต ้อง : 2 4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 364 :
รูปแบบของการเขียนแบบสามมิตท
ิ ม
ี2 ม
ี ม
ุ มองใกล ้เคียงกับการมองด ้วยสายตาของคนเรามากทีส
2 ด
ุ คือข ้อใด
1 : เพอสเปคทีฟ (Perspective) ข ้อที2 368 :
2 : ออบบลิก (Oblique) การแสดงค่าแบบงานสวมทีถ
2 ก
ู เป็ นแบบใด
3 : ไตรเมตริก (Trimetric)
4 : ไอโซเมตริก (Isometric)
1:
2 ก
ู ต ้อง : 1
2:
ข ้อที2 365 :
ิ องกล่องสีเ2 หลีย
ถ ้าต ้องการสร ้างรูปสามมิตข 2 มในมุมมองของภาพไอโซเมตริก จะต ้องใช ้เส ้นตรงจํานวนกีเ2 ส ้น 3:
1 : 8 เส ้น
2 : 9 เส ้น 4:
3 : 10 เส ้น
4 : 12 เส ้น คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 1
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 369 :
ภาพบอกขนาดมิตขิ ้อใดไม่เหมาะสม
ข ้อที2 366 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ เป็ นงานเขียนแบบชนิดใด
1:
1 : 1-point perspective
2 : 2-point perspective
3 : Isometric
4 : Dimetric
2 ก
ู ต ้อง : 1
2:
เนื้อหาวิชา : 713 : Dimensioning
ข ้อที2 367 : 3:
4:
3:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 370 :
บริเวณ(แรเงา)ใดควรงดเว ้นการบอกขนาด
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 372 :
1: เมือ2 ให ้พืน
Q ทีแ
2 รเงาสีดําเป็ นบริเวณทีค 2 ง การกําหนดขนาดแบบเส ้นตรงควรหลีกเลีย
2 วรหลีกเลีย 2 งบริเวณใด
2: 1:
2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 371 :
การบอกขนาดในภาพใดก่อให ้เกิดความคลาดเคลือ
2 นน ้อยทีส
2 ด
ุ 4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 373 :
เมือ2 ให ้พืน
Q ทีแ
2 รเงาสีดําเป็ นบริเวณทีค
2 วรหลีกเลีย
2 ง การกําหนดขนาดมุมควรหลีกเลีย
2 งบริเวณใด
1:
2: 1:
4 : ขนาดกําหนดคงที่
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 376 :
2:
3:
1 : งานสวมอิสระ
2 : งานสวมพอดี
3 : งานสวมคลอน
4 : งานสวมอัด
2 ก
ู ต ้อง : 4
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3 ข ้อที2 377 :
เส ้นกําหนดขนาดควรห่างจากขอบชิน
Q งานอย่างน ้อยเท่าใด
1 : 8 มม.
2 : 10 มม.
ข ้อที2 374 :
3 : 12 มม.
การกําหนดขนาดงานสวมข ้อใด ทีก
2 ําหนดขนาดไว ้ถูกต ้อง
4 : 14 มม.
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 378 :
1: เงือ
2 นไขขนาดใดทีใ2 ส่ผด
ิ
2:
3:
1 : 8
2 : 15
3 : 16
4 : 30
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 379 :
ข ้อที2 375 : แบบใดถูกต ้องตามเงือ
2 นไข
1 : รูคว ้านคงที2
2 : เพลาคงที2
3 : รูคว ้านและเพลาคงที2
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 381 :
งานกลึงชิน Q ใด แสดงสัญลักษณ์ได ้ถูกต ้อง
1:
1:
2:
2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 382 :
สัญลักษณ์คณ ุ ภาพผิวงานอันใดถูก
ข ้อที2 380 :
ขนาด 30 ในการบอกขนาดต่อไปนีห
Q มายถึงอะไร
1:
1 : ขนาดกําหนดให ้
2 : ขนาดโตสุด
3 : ขนาดเล็กสุด
4 : ขนาดทีว2 ด
ั ได ้
2 : 0.197
3 : 0.260
4 : 0.323
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 386 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ถ ้าระยะ A ยาวเท่ากับ 1.25 ระยะ E จะมีความยาวเท่าใด
2:
3:
1 : 0.25
2 : 0.38
3 : 0.50
4 : 0.62
2 ก
ู ต ้อง : 3
4:
ข ้อที2 387 :
2 ก
ู ต ้อง : 1 จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ระยะ A มีคา่ เท่าใด
ข ้อที2 383 :
ถ ้าตัวอักษรงานเขียนแบบสูง "h" ขนาดเส ้นทีใ2 ช ้เขียนตัวอักษรมีขนาดเท่าใด
1 : 1/10h
2 : 2/10h
3 : 7/10h
4 : 10/10h
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 384 :
ข ้อกําหนดในการกําหนดขนาด ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง 1 : 9
1 : ควรหลีกเลีย 2 งการกําหนดขนาดระหว่างเส ้นประ กับเส ้นประ 2 : 10
2 : ถ ้ามีเส ้นบอกขนาดทีย 2 าวไม่เท่ากันซ ้อนกันหลายเส ้นบนด ้านเดียวกันของชิน
Q งาน เส ้นบอกขนาดทีย
2 าวทีส
2 ด
ุ ควรวางไว ้ใกล ้ผิววัตถุมากทีส
2 ด
ุ 3 : 15
3 : ถ ้างานเขียนแบบไม่ได ้เขียนตามมาตราส่วนทีแ 2 น่นอน จะต ้องเขียน “NOT TO SCALE” ลงในแบบ 4 : 17
4 : โดยทัว2 ไป การกําหนดขนาดของเส ้นผ่านศูนย์กลางจะใช ้กับวงกลม ส่วนการกําหนดขนาดของค่ารัศมีจะใช ้กับส่วนโค ้ง
2 ก
ู ต ้อง : 2
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 388 :
ข ้อที2 385 : จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ค่ารัศมี R มีคา่ เป็ นเท่าใด
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ถ ้าระยะ C ยาวเท่ากับ 1.00 ระยะ F จะมีความยาวเท่าใด
1 : 1.8
2 : 0.9
3 : 0.75
4 : 0.375
1 : 0.135 คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 389 :
ข ้อใดไม่เหมาะสมสําหรับการให ้ขนาด
1 : หลีกเลีย 2 งการตัดกันของเส ้นบอกขนาด(Dimension lone)
2 : ใช ้เส ้นรอบรูปเป็ นเส ้นช่วยให ้ขนาด(Extension line)
3 : กําหนดขนาดลงภายในภาพตัด(Section view)
4 : ลากเส ้นช่วยให ้ขนาดตัดกับเส ้นรอบรูป
2 ก
ู ต ้อง : 2
4:
ข ้อที2 390 :
ข ้อใดผิดหลักการบอกขนาด คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 391 :
จากรูปข ้อใดบอกขนาดได ้ถูกต ้องทีส
2 ด
ุ
1:
1:
2:
2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 392 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ รูเจาะถูกสวมอยูก
่ บ
ั หมุด จงหาระยะจากขอบ A ถึงขอบ B ทีม
2 ากทีส
2 ด
ุ
1:
1 : 82.2
2 : 82.3
3 : 82.4
4 : 82.5 2:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 393 :
การกําหนดขนาดในข ้อใดถูกต ้องทีส
2 ด
ุ
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 395 :
จงหาขนาด X ทีน2 ้อยและมากทีส
2 ด
ุ ตามลําดับ
1 : 1.85 และ 1.95

2 : 2.03 และ 2.13
3 : 1.85 และ 2.13
4 : 1.95 และ 2.03
3: 5 : ไม่มข
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 396 :
จากรูป ORTHOGRAPHICS ทีก
2 ําหนดให ้เพือ
2 กําหนดขนาดของรูปจะต ้องมีการให ้ขนาดทังQ หมด จํานวนกีจ
2 ด
ุ จึง2 เหมาะสมและสมบูรณ์
1 : 4
2 : 5
3 : 6
4 : 7
5 : 8
2 ก
ู ต ้อง : 2
4:
ข ้อที2 397 :
2 ก
ู ต ้อง : 1 จากรูปข ้อใดอธิบายลักษณะรูเจาะ ได ้ถูกต ้อง
ข ้อที2 394 :
การกําหนดระยะเผือ
2 ข ้อใดต่อไปนีเQ ขียนไม่ถก
ู ต ้อง
1:
2:
1 : เส ้นผ่านศูนย์กลางใน 0.50 เจาะทะลุตลอด เส ้นผ่านศูนย์กลางนอก ขนาด 0.75 เจาะแบบ Counter bore ลึก 0.25
2 : เส ้นผ่านศูนย์กลางใน 0.50 เจาะทะลุตลอด เส ้นผ่านศูนย์กลางนอก ขนาด 0.75 เจาะแบบ Countersink ลึก 0.25
3 : เส ้นผ่านศูนย์กลางใน 0.75 เจาะทะลุตลอด เส ้นผ่านศูนย์กลางนอก ขนาด 0.50 เจาะแบบ Counter bore ลึก 0.25
3: 4 : เส ้นผ่านศูนย์กลางใน 0.75เจาะทะลุตลอด เส ้นผ่านศูนย์กลางนอก ขนาด 0.50เจาะแบบ Countersink ลึก 0.25
2 ก
ู ต ้อง : 1
4:
5 : ผิดมากกว่า 1 ข ้อ
ข ้อที2 402 :
ข ้อที2 398 : ขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลางเกลียวกําหนดไว ้อย่างไร
ข ้อใดกล่าวได ้ถูกต ้องทีส
2 ด
ุ
1:
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
1 : A เรียกว่า เส ้นบอกขนาด , C เรียกว่า เส ้นช่วยบอกขนาด
2 : A เรียกว่า เส ้นช่วยบอกขนาด, C เรียกว่า เส ้นบอกขนาด
3 : A เรียกว่า เลขบอกขนาด , C เรียกว่า เส ้นบอกขนาด
ข ้อที2 403 :
4 : A เรียกว่า เส ้นช่วยบอกขนาด , C เรียกว่า เส ้นช่วยบอกขนาด
รหัสใดแสดงรหัสเกลียวมาตรฐาน
2 ก
ู ต ้อง : 1 1 : 10 M
2 : 18 M x 1.5
3 : 20 x 40 Tr
4 : S 12 x 2
ข ้อที2 399 :
การกําหนดขนาดข ้อใดถูกต ้องทีส
2 ด
ุ คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 404 :
1: ขนาดเกลียวมาตรฐานไม่ได ้กําหนดทีใ2 ด
1 : เส ้นผ่าศูนย์กลางยอดเกลียว
2 : ความยาวเกลียวใช ้งานได ้
3 : ตัวสกรูรวมปลายสกรู
2: 4 : เกลียวในลึกรวมรูเรียว
2 ก
ู ต ้อง : 4
3: ข ้อที2 405 :
แบบใดให ้ขนาดถูกตามเงือ
2 นไข
4:
1:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 400 :
2:
การกําหนดขนาดดังรูปมีทผ
ี2 ด
ิ กีท
2 ่ี
3:
4:
1 : 3 ที2
2 : 4 ที2 คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 2
3 : 5 ที2
4 : ไม่ผด ิ เลย
ข ้อที2 406 :
2 ก
ู ต ้อง : 2
รัศมีใดไม่ถก ู ตามมาตรฐาน
ข ้อที2 401 :
เลข 8 ของรหัสสกรู M8 x 30 DIN 931-5.6 หมายถึงอะไร
1 : ระยะพิตเกลียว
2 : ขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลางโคนเกลียว
3 : ขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลางศูนย์เกลียว
4 : ขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลางกําหนด
2 ก
ู ต ้อง : 4 1 : 12
2 : 70
3:3
4:4 ข ้อที2 411 :
แบบใดถูกต ้องตามเงือ
2 นไข
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 407 : 1:
เขียนแบบใดจึงถูกตามเงือ
2 นไข
1 :
2 : R 30
3 : R=30 2:
4 : 30 R
2 ก
ู ต ้อง : 2
3:
ข ้อที2 408 :
เขียนแบบใดจึงถูกตามเงือ
2 นไข
1: 4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 4
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1 ข ้อที2 412 :
2 นไข
ข ้อที2 409 :
การกําหนดขนาดข ้อใดผิด
1:
2:
3:
1 : 22
2 : R10
3 : 11
4 : R12 4:
2 ก
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 410 : ข ้อที2 413 :

2 นไข ข ้อความใดถูกต ้องตามเงือ
2 นไข
1 : กําหนดระยะรูด ้วย เส ้นศูนย์กลางเสมอ
2 : กําหนดระยะรูด ้วย เส ้นรอบวงเสมอ
3 : Q งานมีรห
ชิน ู ลายรูเท่ากัน ให ้กําหนดขนาดทุกรู
4 : อย่าใช ้เส ้นศูนย์กลางรูแทนเส ้นช่วยกําหนดขนาด
1:
2 ก
ู ต ้อง : 1
2: ข ้อที2 414 :
กําหนดขนาดวิธใี ดทีเ2 ข ้ามาตรฐานเขียนแบบ
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 4
3: 1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 415 : 3:
กําหนดขนาดวิธใี ดทีเ2 ข ้ามาตรฐานเขียนแบบ
4:
1:
2 ก
ู ต ้อง : 2
2: ข ้อที2 420 :
เงือ
2 นไขใดกําหนดขนาดได ้มาตรฐาน
3:
1:
4:
2:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 416 : 3:
ข ้อความทีถ 2 ก
ู ทีส
2 ด
ุ คือข ้อความใด
1 : ลูกศรให ้เขียนด ้วยดินสอเท่านัน
Q
2 : ลูกศรมีมมุ ปลายแหลม 25 องศา
3 : ลูกศรแสดงปลายเส ้นกําหนดขนาด 4:
4 : ลูกศรเลือกเขียนได ้หลายขนาด
2 ก
ู ต ้อง : 1
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 421 :
ข ้อที2 417 : เงือ
2 นไขขนาดใดทีไ2 ม่เกีย
2 วข ้องกับขอบ (B)
เส ้นกําหนดขนาดควรห่างจากขอบชิน
Q งานอย่างน ้อยเท่าใด
1 : 8 มม.
2 : 10 มม.
3 : 12 มม.
4 : 14 มม.
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 418 :
1 : 5
เส ้นกําหนดขนาดควรห่างกันอย่างน ้อยเท่าใด
2 : 6
1 : 10 มม. 3 : 10
2 : 9 มม. 4 : 25
3 : 8 มม.
4 : 7 มม. คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 2
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 422 :
เงือ
2 นไขขนาดใดทีใ2 ส่ผด
ิ
ข ้อที2 419 :
เงือ
2 นไขใดทีก 2 ําหนดขนาดได ้ตามมาตรฐาน
ข ้อที2 427 :
2 ําหนดให ้ ถ ้าให ้ทําการบอกขนาด จะต ้องบอกขนาดด ้วยเส ้นบอกขนาดกีเ2 ส ้น จึงถือว่ามีการบอกขนาดทีส
จากภาพสองมุมมองทีก 2 มบูรณ์
1 : 6 เส ้น
1 : 8
2 : 7 เส ้น
2 : 15
3 : 8 เส ้น
3 : 16
4 : 9 เส ้น
4 : 30
2 ก
ู ต ้อง : 2
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 428 :
ข ้อที2 423 :
ข ้อใดให ้ขนาด (Dimensioning) ได ้ถูกต ้องทีส
2 ด
ุ
กฎการเขียนเส ้นกําหนดขนาดข ้อใดถูกต ้อง
1 : เส ้นกําหนดขนาดต ้องไม่ทบ ั กัน

2 : ให ้เว ้นจุดทีเ2 ส ้นกําหนดขนาดทับกัน
3 : เส ้นกําหนดขนาดใช ้กับเส ้นช่วยกําหนดขนาด เท่านั ้น
4 : เส ้นกําหนดขนาดต ้องไม่อยูก ่ ลางขอบงาน
1:
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 424 :
กําหนดขนาดใดตรงมาตรฐาน
2:
1 : ขนาด 5 ตรงมาตรฐาน
2 : ขนาด 16 ตรงมาตรฐาน
3 : ทังQ 5 และ 16 ไม่ตรงมาตรฐาน
4 : ทังQ 5 และ 16 ตรงมาตรฐาน
2 ก
ู ต ้อง : 3
3:
ข ้อที2 425 :
กําหนดขนาดชิน Q งานสมมาตรอย่างไร
1 : สมมาตรกับเส ้นศูนย์กลาง
2 : ทํามุมกับเส ้นศูนย์กลาง
3 : ไม่เกีย
2 วกัน
4 : จากขอบบนเสมอ
2 ก
ู ต ้อง : 1 4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 426 :
การกําหนดขนาดอ ้างอิงในวงเล็บ (45) หมายถึง อะไร
1 : สําหรับงานผลิตไม่จําเป็ นต ้องใช ้ ข ้อที2 429 :
2 : สําหรับงานผลิตไม่จําเป็ นต ้องใช ้ จุดศูนย์กลาง A และจุดศูนย์กลาง B ห่างกันเท่าใด
3 : ขนาดจําเป็ นต ้องแน่นอนมาก
4 : สําหรับงานประกอบให ้ตรวจสอบอีกครังQ
2 ก
ู ต ้อง : 3
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 431 :
ข ้อใดเขียน center line ได ้ถูกต ้องทีส
2 ด
ุ
1 : 70
2 : 72
3 : 75
4 : 80
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 430 :
ข ้อใดให ้ขนาด ได ้เหมาะสมทีส
2 ด
ุ
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 1
เนื้อหาวิชา : 714 : Section
ข ้อที2 432 :
ภาพตัด (Section) ต่อไปนีQ เป็ นภาพตัดแบบใด
2:
1 : Full Section
2 : Half Section
3 : Broken-out Section
4 : Rotated Section
2 ก
ู ต ้อง : 1
3: ข ้อที2 433 :
ภาพตัด (Section) ต่อไปนีQ เป็ นภาพตัดแบบใด
1 : Full Section คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 4
2 : Half Section
4 : Rotated Section
ข ้อที2 438 :
2 ก
ู ต ้อง : 2 ภาพตัดภาพใดถูกต ้อง
ข ้อที2 434 :
การเขียนเส ้นลายตัดของภาพตัด จะต ้องเอียงทํามุมกับแนววางของชิน
Q งานเป็ นมุมเท่าใด
1 : 90 องศา
2 : 60 องศา
3 : 45 องศา
4 : 30 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 435 :
2 สดงเส ้นลายตัดของทองเหลือง
ข ้อใดเป็ นสัญลักษณ์มาตรฐานทีแ
1:
2:
3: 1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 436 :
2:
ภาพนีเQ ป็ นภาพตัดประเภทใด
3:
1 : ตัดเต็ม
2 : ตัดมาตรฐาน
3 : ตัดธรรมดา
4 : ตัดออก
2 ก
ู ต ้อง : 1
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 437 :
เมือ2 ไรใช ้ภาพตัดประเภทนีQ
ข ้อที2 439 :
จากรูปเป็ นภาพตัดประเภทใด
1 : เฉพาะเหล็กโครงสร ้าง
2 : เฉพาะงานเครือ 2 งประดับ
3 : Q งานประกอบกันไม่น ้อยกว่า 3 ชิน
ชิน Q
4 : ภาพตัดชินQ งานแคบมาก
1 : Full Section
2 : Offset Section
4 : Half Section
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 440 : 1 : Full section

ข ้อใดกล่าวไม่ถก
ู ต ้อง 2 : Half section
1 : การลากเส ้นตัด (Section Line) โดยปกติให ้เอียงทํามุมประมาณ 3 : Offset section
30 องศา, 45 องศา หรือ 60 องศา 4 : Aligned section
2 : นํQ าหนักของเส ้น Section Line เท่ากับ Center Line
3 : นํQ าหนักของเส ้น Cutting Plane Line เท่ากับ Visible Line คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 3
4 : ในการเขียนภาพตัดจะไม่ปรากฏ Hidden Line เสมอ
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 443 :
ข ้อใดถูกต ้องทีส
2 ด
ุ ในการเขียนภาพ sectional view
1 : ภาพตัดครึง2 (half section)เป็ นการเขียนแบบตัดออก 1/2 ส่วน โดยตัดแยกตามเส ้นศูนย์กลาง
ข ้อที2 441 : 2 : นํQ าหนักของแสดงแนวการตัด(cutting plane line)เท่ากับนํQ าหนักของเส ้นศูนย์กลาง(center line)
การตัดแบบใดถือได ้ว่าเป็ นการตัดแบบ Full section แบบหนึง2 3 : ในการเขียนภาพ sectional view ขอบงานทีม 2 องไม่เห็น(ปกติแสดงด ้วยเส ้นประ)จะเขียนแสดงด ้วยเส ้นเต็มหนา
1 : Partial section 4 : ในการเขียนภาพ sectional view จะแสดงภาพฉายอย่างน ้อยสองด ้านเสมอ
2 : Offset section
3 : Broken-out section คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 4
4 : Half section
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 444 :
การเขียนเส ้นรอยตัดใดถูก
ข ้อที2 442 :
จากภาพไอโซเมตริก ทีก
2 ําหนดให ้ควรเขียนภาพตัดแบบใด จึงมีความเหมาะสมทีส
2 ด
ุ
1:
2:
3:
4 : ข ้อ 1. และ ข ้อ 2. ถูก
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 445 :
ภาพตัดใด สอดคล ้องกับรูปทีก
2 ําหนดให ้ สําหรับแนวตัด A-A
1:
1:
2: 2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2 4:
ข ้อที2 446 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ข ้อใดคือภาพตัดตามแนวตัด C-C
5:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 447 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ข ้อใดคือภาพตัดตามแนวตัด A-A
1: 1:
2:
2:
3:
3:
4:
4:
5:
2 ก
ู ต ้อง : 1
5:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 448 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ ข ้อใดคือภาพตัดตามแนวตัด B-B
ข ้อที2 449 :
จากรูปทีก 2 ําหนดให ้ แสดงวิธก
ี ารตัดภาพแบบใด
1 : Offset Section
2 : Full Section
3 : Half Section
4 : Revolved Section
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 452 :
Q ส่วนประเภทใด
การตัดภาพแบบ Half Section เหมาะสําหรับชิน
1 : Q ส่วนทีไ2 ม่มรี ายละเอียดภายในมากนัก
ชิน
2 : ชินQ ส่วนทีม 2 รี ายละเอียดภายในมาก
3 : ชิน Q ส่วนทีม 2 ลี ก
ั ษณะของรูปทรงสมมาตร
4 : ชิน Q ส่วนทีต 2 ้องการแสดงรายละเอียดเฉพาะจุด
1 : Offset Section
2 : Full Section
2 ก
ู ต ้อง : 3
3 : Half Section
4 : Broken out Section
2 ก
ู ต ้อง : 3 ข ้อที2 453 :
Q ส่วนประเภทใด
การตัดภาพแบบ Broken Out Section เหมาะสําหรับชิน
1 : Q ส่วนทีต
ชิน 2 ้องการแสดงรายละเอียดเฉพาะส่วน
ข ้อที2 450 : 2 : ชินQ ส่วนทีม 2 รี ป ู ทรงสมมาตร
ี ารตัดภาพแบบใด 3 : ชิน Q ส่วนทีม 2 รี ายละเอียดภายในซับซ ้อน
4 : ชิน Q ส่วนทีม ั ซ ้อนมากนัก
2 รี ายละเอียดภายในไม่ซบ
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 454 :
ข ้อใดแสดงการลงลายตัดทีถ
2 ก
ู ต ้อง
1:
2:
1 : Full Section
2 : Broken out Section
3 : Offset Section
4 : Removed Section
2 ก
ู ต ้อง : 2
3:
ข ้อที2 451 :
ี ารตัดภาพแบบใด
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 455 :
จากภาพตัดทีก 2 ําหนดให ้ แสดงการตัดภาพของวัสดุชนิดใด
1 : ทองแดง 1 : เหล็กเหนียว
2 : เหล็กเหนียว 2 : ยาง
3 : เหล็กหล่อ 3 : คอนกรีต
4 : ไทเทเนียม 4 : ฉนวนกันความร ้อน
2 ก
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 456 : ข ้อที2 459 :

จากภาพตัดทีก 2 ําหนดให ้ แสดงการตัดภาพของวัสดุชนิดใด การแสดงเส ้นลวดลายภาพตัด(Section Line) ของภาพ Isometric จะต ้องเขียนเส ้นทํามุมกับแนวระดับเท่าใด
1 : 30 องศา
2 : 45 องศา
3 : 60 องศา
4 : 90 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 460 :
ภาพใดเป็ นการแสดงภาพตัดทีถ
2 ก
ู ต ้อง
1 : เหล็กเหนียว
2 : เหล็กหล่อ 1:
3 : ฉนวนกันความร ้อน
4 : ทองเหลือง
2:
2 ก
ู ต ้อง : 1
3:
ข ้อที2 457 :
จากภาพตัดทีก 2 ําหนดให ้ แสดงการตัดภาพของวัสดุชนิดใด
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 461 :
2 ําหนดให ้ ภาพใดแสดงการตัดภาพทีถ
2 ก
ู ต ้อง
1 : เหล็กเหนียว
2 : เหล็กหล่อ
3 : ฉนวนกันความร ้อน
4 : ทองเหลือง
2 ก
ู ต ้อง : 4
1:
ข ้อที2 458 :
จากภาพตัดทีก 2 ําหนดให ้ แสดงการตัดภาพของวัสดุชนิดใด 2:
3:
3 : เส ้นลายตัดต ้องเอียงมากขึนQ
4 : เส ้นลายตัดต ้องเอียงน ้อยลง
2 ก
ู ต ้อง : 1
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 468 :
ภาพตัดใดเขียนได ้ถูกต ้อง
ข ้อที2 462 :
ถ ้าวัตถุมล
ี ก 2 มมาตร ควรใช ้การตัดภาพด ้วยวิธใี ดจึงจะเหมาะสมทีส
ั ษณะรูปทรงทีส 2 ด
ุ
1 : Broken-Out Section
2 : Half Section
3 : Offset Section
4 : Revolved Section 1:
2 ก
ู ต ้อง : 2
2:
ข ้อที2 463 :
ภาพนีเQ ป็ นภาพตัดประเภทใด
3:
4:
1 : ตัดเต็ม คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 2
2 : ตัดมาตรฐาน
3 : ตัดธรรมดา
4 : ตัดออก
ข ้อที2 469 :
2 ก
ู ต ้อง : 1 ภาพตัดใด ตัดไม่ถก
ู ตามมาตรฐาน
ข ้อที2 464 :
การตัดเต็ม ให ้ตัดตามแนวใด
1 : เส ้นศูนย์กลางแนวนอน 1:
2 : เส ้นศูนย์กลางแนวดิง2
3 : เส ้นศูนย์กลางแนวใดก็ได ้
4 : เส ้นใดก็ได ้ตามความเหมะสม
2 ก
ู ต ้อง : 3
2:
ข ้อที2 465 :
เส ้นลายตัด เขียนด ้วยเส ้นอะไร
1 : เส ้นลูกโซ่บาง 3:
2 : เส ้นประบาง
3 : เส ้นมือเปล่าบาง
4 : เส ้นเต็มบาง
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 466 :
เส ้นลายตัดเอียงเท่าใด ข ้อที2 470 :
1 : 15 degree ภาพด ้านบนภาพใดทีต
2 ด
ั ถูกต ้อง
2 : 30 degree
3 : 45 degree
4 : 60 degree
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 467 :
พืนQ ทีภ
2 าคตัดยิง2 แคบ ยิง2 ต ้องเป็ นอย่างไร
1:
1 : ระยะห่าง เส ้นลายตัดยิง2 ต ้องลดลง
2 : ระยะห่าง เส ้นลายตัดยิง2 ต ้องกว ้างขึน
Q
2:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 475 :
ภาพใดเป็ นภาพตัดตามมาตรฐาน
ข ้อที2 471 :
มุมมอง (views) ในข ้อใดทีใ2 ช ้แสดงรายละเอียดทีม
2 อ
ี ยูภ
่ ายในเนือ Q งาน
Q ชิน
1 : มุมมองปกติ (Regular views)
2 : มุมมองภาพตัด (Section views)
3 : มุมมองภาพออบลิค (Oblique views) 1:
4 : มุมมองภาพช่วย (Auxiliary views)
2 ก
ู ต ้อง : 2
2:
ข ้อที2 472 :
เส ้นทีใ2 ช ้ลากผ่านชิน
Q งานโดยมีตวั อักษรกํากับไว ้ทีป 2 นํ าไปเขียนมุมมองภาพตัด คือเส ้นในข ้อใด
2 ลายทังQ สองด ้าน เพือ
1 : เส ้นแสดงลายตัด (Hatch line) 3:
2 : เส ้นเงา (Phantom line)
3 : เส ้นแสดงระนาบตัด (Cutting plane line)
4 : เส ้นตัดมือเปล่า (Free hand Break line)
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 473 :
การเขียนแบบภาพตัด ทีแ Q งานออกเป็ นสองชิน
2 สดงการผ่าครึง2 ชิน Q ส่วนเท่ากัน เรียกว่าการตัดแบบใด ข ้อที2 476 :
1 : ตัดเต็ม (Full section) ทําไมจึงแสดงแบบด ้วยการตัดครึง2 เดียว
2 : ตัดตามแนว (Aligned section) 1 : ประหยัดการเขียนเส ้นลายตัด
3 : ตัดหมุน (Revolve section) 2 : Q งานทีย
ชิน 2 กเว ้นไม่ตด ั
4 : ตัดครึง2 (Half section) 3 : เพือ2 แสดงส่วนทีข 2 าดไป
4 : เมือ Q งานเหลีย
2 เป็ นชิน 2 ม
2 ก
ู ต ้อง : 1
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 474 :
ข ้อใดเป็ นมุมมองภาพตัดหมุนทีถ
2 ก
ู ต ้อง ของรูปทีก
2 ําหนดให ้ ข ้อที2 477 :
การตัดครึง2 ให ้ตัดส่วนใด
1 : ไม่กําหนดไว ้แน่นอน
2 : ส่วนซ ้าย
3 : ส่วนบน
4 : ส่วนล่างและส่วนขวา
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 478 :
1: การตัดครึง2 ให ้แบ่งส่วนด ้วยอะไร
1 : เส ้นมือเปล่า
2 : เส ้นศูนย์กลาง
3 : เส ้นลูกโซ่หนา
4 : เส ้นเต็มหนา
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 479 :
การตัดเฉพาะส่วนแสดงด ้วย เส ้นอะไร
3: 1 : เส ้นเต็มบาง
2 : เส ้นมือเปล่า
3 : เส ้นลูกโซ่หนา
4 : ไม่ต ้องแสดงเส ้น
2 ก
ู ต ้อง : 2 ข ้อที2 483 :
ภาพใด เป็ นภาพตัดทีถ
2 ก
ู ต ้อง
ข ้อที2 480 :
แบบนีม Q อ
ี ะไรไม่ถก
ู ต ้อง
1:
2:
1 : ตัดเฉพาะส่วนแสดงด ้วยเส ้นเต็มบาง

3:
2 : ควรเขียนเป็ นภาพตัดเต็ม
3 : เส ้นลายตัดชิน
Q เดียวกันไปทางเดียวกัน
4 : เขียนถูกต ้องแล ้ว
2 ก
ู ต ้อง : 3
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 481 :
แบบใดเป็ นภาพตัดครึง2
ข ้อที2 484 :
การตัดเฉพาะส่วน ตัดอย่างไร
1:
1:
2:
2:
3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
4:

2 ก
ู ต ้อง : 4
ภาพใดเป็ นภาพตัดทีถ
2 ก
ู ต ้อง
ข ้อที2 485 :
เส ้นคูข Q ๆ ในแบบหมายถึงอะไร
่ นานสัน
1:
1 : กําหนดขนาดสมมาตร
2: 2 : ยอมให ้ศูนย์กลางเปลีย
2 นแนวได ้
3 : แสดงถึงเส ้นสมมาตร
4 : แสดงเส ้นศูนย์กลางทีย2 กขึน
Q
2 ก
ู ต ้อง : 3
3:
ข ้อที2 486 :
ภาพด ้านหน ้าตัดหมุนภาพใดแสดงไว ้ถูกต ้อง หากเขียนภาพฉายด ้านข ้างได ้ดังภาพซ ้ายมือ
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
2:
1:
3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 489 :
3:
แบบหน ้าแปลนนีแ
Q สดงอะไร
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3 1 : เขียนแบบผิด
2 : วงกลมศูนย์รยู ด
ึ
3 : ขอบหน ้าแปลน
4 : แสดงครึง2 ภาพ
ข ้อที2 487 :
ภาพใดแสดงการตัดเคลือ
2 นผิด คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 490 :
ต ้องการเห็นรูเป็ นภาพตัดทังQ 3 รู จะใช ้รหัสอะไร
1:
2:
1 : ไม่มรี หัสเฉพาะ
3: 2 : เส ้นลูกโซ่หนา
3 : เส ้นลูกโซ่หนากับลูกศร
4 : เส ้นลูกโซ่ ลูกศรและตัวพยัญชนะ
2 ก
ู ต ้อง : 4
4:
ข ้อที2 491 :
2 ก
ู ต ้อง : 3 ภาพขยายการตัดบางส่วนออกมาแสดงด ้วยอะไร
1 : วงกลม เส ้นบางและตัวเลข
2 : วงกลม เส ้นบางและตัวพยัญชนะ
ข ้อที2 488 : 3 : วงกลม เส ้นลูกโซ่และตัวเลข
ภาพใดเป็ นภาพตัดหมุนสมบูรณ์ในตัวทีถ
2 ก
ู ต ้อง 4 : วงกลม เส ้นลูกโซ่และตัวพยัญชนะ
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 492 :
1: การเขียนแบบขอบหน ้าแปลนอย่างง่าย แสดงด ้วยอะไร
1 : แสดงครึง2 ภาพด ้านบน
2 : แสดงขอบหน ้าแปลนด ้วยเส ้นเต็มบาง
3 : แสดงขอบหน ้าแปลนด ้วยเส ้นเต็มหนา
4 : แสดงเฉพาะรูยดึ
2 ก
ู ต ้อง : 2 4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 493 :
ตําแหน่งรูยด ึ หน ้าแปลนแสดงทีใ2 ด
ข ้อที2 496 :
1 : ภาพด ้านหน ้า
ภาพตัดครึง2 ภาพใดเขียนถูกต ้องมาตรฐาน
2 : ภาพด ้านข ้าง
3 : วงกลมศูนย์รย ู ด
ึ
4 : ในภาพตัดเต็ม
2 ก
ู ต ้อง : 3
1:
ข ้อที2 494 :
ภาพใดแสดงรูในเกลียวตามแบบมาตรฐาน
2:
1:
2: 3:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
4:
2 ก
ู ต ้อง : 3 ข ้อที2 497 :
ภาพประกอบภาพใดเขียนถูกมาตรฐาน
ข ้อที2 495 :
ภาพตัดภาพใดแสดงเป็ นภาพตัดด ้านหน ้าของภาพทางซ ้ายถูกต ้องตามมาตรฐานในเขียนแบบ
1:
2:
1:
3:
2:
4:
3:
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 498 :
ภาพตัดเฉพาะส่วนภาพใด เขียนถูกมาตรฐาน
1:
2:
1:
3:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4 2:
ข ้อที2 499 :
ภาพตัดใดเขียนไม่ถก
ู มาตรฐาน
1: 3:
2:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 501 :
ภาพใดเป็ น Half-section ทีถ
2 ก
ู ต ้องของภาพ Top view ทีก
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 500 :
ข ้อใดเป็ น Sectional view ทีเ2 หมาะสมทีส
2 ด
ุ สําหรับ top view ทีใ2 ห ้
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 2
2:
ข ้อที2 503 :
การแสดงภาพตัดแบบใดทีเ2 หมาะสมทีส
2 ด
ุ
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 502 :
ภาพใดเป็ น Full-section ทีถ
2 ก
ู ต ้องของภาพ Top view ทีก
2:
3:
1:
4:
2 ก
ู ต ้อง : 4
2: เนื้อหาวิชา : 715 : Freehand Sketch
ข ้อที2 504 :
ข ้อใดไม่ถก
ู ต ้องของการเขียนแบบด ้วยมือเปล่า (Freehand Sketching)
เนื้อหาวิชา : 716 : Other/Application
1 : ใช ้เครือ
2 งมือและอุปกรณ์ในการเขียนแบบน ้อย
2 : เขียนได ้อย่างรวดเร็ว
3 : ได ้มาตราส่วนทีแ 2 น่นอน
ข ้อที2 511 :
4 : ไม่ถก ู ต ้องมากกว่า 1 ข ้อ
ภาพต่อไปนีแ 2 มอะไร
Q สดงสัญลักษณ์แนวเชือ
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 505 :
การเขียนเส ้นตรงด ้วยมือเปล่าให ้ตรง มีหลักในการลากอย่างไร
1 : ให ้สายตามองตามดินสออยูต ่ ลอดเวลา
2 : แบ่งเส ้นลากเป็ นเส ้นสัน Q ๆ ต่อกัน
3 : ลากอย่างช ้าๆ จับดินสอให ้แน่น
4 : ถูกข ้อที2 2. และ ข ้อที2 3. 1 : 2 มชนฉาก 2 ด ้าน
แนวเชือ
2 : แนวเชือ2 มกลาง 2 ด ้าน
2 ก
ู ต ้อง : 2 3 : แนวเชือ 2 มมุม 2 ด ้าน
4 : แนวเชือ 2 ม V 2 ด ้าน
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 506 :
วัตถุประสงค์ของการสเก็ตภาพคือข ้อใด
1 : เพือ
2 ให ้ได ้ภาพทีส 2 วยงาม ข ้อที2 512 :
2 : เพือ2 ให ้ได ้ขนาดทีถ 2 ก
ู ต ้อง รหัสต่อไปนีห Q มายถึงอะไร
3 : เพือ 2 นํ าเสนอแนวความคิดต่อผู ้อืน
2 ได ้อย่างรวดเร็ว
4 : เพือ 2 ให ้เส ้นมีความคมชัด
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 507 : 1 : 2 มทีต

แนวเชือ 2 มทีง2 านติดตังQ
2 ้องเชือ
ข ้อใดคือสิง2 ทีส
2 ําคัญทีส
2 ด
ุ ในการสเก็คภาพ 2 : แนวเชือ2 มต ้องผ่านการตรวจความปลอดภัย
3 : แนวเชือ 2 มต ้องทาสีกน ั สนิม
1 : ต ้องได ้สเกลทีถ 2 ก
ู ต ้อง
4 : แนวเชือ 2 มต ้องอบคลายความเครียด
2 : ต ้องให ้ได ้สัดส่วนทีถ 2 ก
ู ต ้อง
3 : ต ้องให ้ได ้ความสวยงาม
2 ก
ู ต ้อง : 1
4 : ต ้องเขียนให ้ได ้อย่างรวดเร็ว
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 513 :
ตารางรายการแบบอยูท
่ ต
ี2 ําแหน่งใดในกระดาษเขียนแบบ
ข ้อที2 508 : 1 : ด ้านล่างขวามือ
2 งมือทีใ2 ช ้ในการสเก็ตภาพ คือข ้อใด
เครือ 2 : ด ้านล่างซ ้ายมือ
3 : ด ้านล่างตรงกลาง
1 : ดินสอ, ไม ้บรรทัด, ยางลบ
4 : อยูต่ ําแหน่งใดก็ได ้แล ้วแต่เหมาะสม
2 : ดินสอ, เศษกระดาษ, ยางลบ
3 : ดินสอ, ไม ้บรรทัด, วงเวียน
2 ก
ู ต ้อง : 1
4 : ดินสอ, วงเวียน, ไม ้บรรทัด
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 514 :
เกลียวระบบเมตริก M 12 x 1.75 หมายความว่าอย่างไร
ข ้อที2 509 : 1 : เกลียวระบบเมตริก ความยาว 12 มิลลิเมตร เส ้นผ่านศูนย์กลาง 1.75 มิลลิเมตร
วัตถุประสงค์ในการใช ้กระดาษตารางสําหรับการสเก็ตภาพ คือข ้อใด 2 : เกลียวระบบเมตริก จํานวนเกลียว 12 เกลียวต่อความยาว 1 มิลลิเมตรขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง 1.75 มิลลิเมตร
3 : เกลียวระบบเมตริก ขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง 12 มิลลิเมตร จํานวนเกลียว 1.75 เกลียวต่อความยาว 1 มิลลิเมตร
1 : เพือ2 ให ้ได ้สัดส่วน
4 : เกลียวระบบเมตริก ขนาดเส ้นผ่านศูนย์กลาง 12 มิลลิเมตร ระยะพิท 1.75 มิลลิเมตร
2 : เพือ
2 ให ้สเกลทีถ 2 ก
ู ต ้อง
3 : เพือ 2 ให ้ได ้เส ้นตรง
2 ก
ู ต ้อง : 4
4 : เพือ 2 ให ้เขียนรูปสีเ2 หลีย
2 มได ้ง่ายขึน
Q
2 ก
ู ต ้อง : 1
ข ้อที2 515 :
เกลียวระบบยูนไิ ฟ (Unified) 5/8 - 18 UNR F หมายความว่าอย่างไร
ข ้อที2 510 : 1 : เกลียวขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลาง(Normal major diameter) 5/8 นิวQ จํานวนเกลียว 18 เกลียวต่อนิวQ ชนิดละเอียด
ข ้อดีของการสเก็ตภาพ เมือ
2 เปรียบเทียบกับการเขียนแบบด ้วยเครือ
2 งมือ คือข ้อใด 2 : เกลียวขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลาง(Normal major diameter) 18 นิวQ จํานวนเกลียว 5/8 เกลียวต่อนิวQ ชนิดละเอียด
3 : เกลียวขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลาง(Normal major diameter) 5/8 นิวQ ระยะพิท(pitch) 18 นิวQ ชนิดละเอียด
1 : ได ้ขนาดทีม 2 ค
ี วามถูกต ้อง
4 : เกลียวขนาดเส ้นผ่าศูนย์กลาง(Normal major diameter) 5/8 นิวQ จํานวนเกลียว 18 เกลียวต่อนิวQ ชนิดเกรด F
2 : ไม่ต ้องมีทกั ษะในการเขียนแบบมากนัก
3 : ใช ้ดินสอ และเศษกระดาษเป็ นเครือ
2 งมือเท่านัน
Q
2 ก
ู ต ้อง : 1
4 : แบบทีไ2 ด ้มีความสวยงามกว่า
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 516 :
จากรูปทีก
2 ําหนดให ้ ถ ้านํ าหน ้าตัด A หมุนรอบแกน B จะได ้รูปทรงใด
1 : รูปทรงกลม
2 : รูปทรงรี
3 : รูปทรงโดนัท
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 517 :
1 : Isometric
ประโยชน์ของการเขียนภาพช่วย(Auxiliary view) คือข ้อใด
2 : Oblique
1 : ใช ้แสดงเส ้นทีม
2 องไม่เห็น 3 : Multiview
2 : ใช ้แสดงรูปร่างจริงของวัตถุ 4 : Perspective
3 : ใช ้แสดงภาพลายตัดของวัตถุ
4 : เพือ
2 ลดเวลาการเขียนภาพฉาย คําตอบทีถ
2 ก
ู ต ้อง : 4
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 521 :
จากภาพทีก 2 ําหนดให ้ เป็ นภาพชนิดใด
ข ้อที2 518 :
เมือ2 ต ้องการเขียนภาพช่วย เส ้นทีฉ
2 ายจากพืน
Q ผิวเอียง จะต ้องทํามุมเท่าใด
1 : 60 องศา
2 : 45 องศา
3 : 90 องศา
2 ก
ู ต ้อง : 3
ข ้อที2 519 :
จากภาพทีก 2 ําหนดให ้ เป็ นภาพแบบใด
1 : Isometric
2 : Multiview
3 : Perspective
4 : Oblique
2 ก
ู ต ้อง : 4
ข ้อที2 522 :
1 : Isometric Projection
2 : Perspective Projection
3 : Oblique Projection
4 : Multiview Projection
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 520 :
1 : Isometric
2 : Perspective
3 : Oblique
4 : Multiview
2 ก
ู ต ้อง : 2
ข ้อที2 523 :
หากวัตถุในรูปทําจากวัสดุทม
ี2 ค
ี า่ ความหนาแน่น 10000 kg/m3 วัตถุนจ
ีQ ะมีนํQาหนักเท่าใด
1 : 4.6315 kg
2 : 4.5688 kg
3 : 4.5060 kg
4 : 4.3116 kg
2 ก
ู ต ้อง : 1
สภาวิศวกร 487/1 ซอย รามคําแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 สายด่วน 1303 โทรสาร 02-935-6695
@ สงวนลิขสิทธิ/ 2555 สภาวิศวกร : ติดต่อสภาวิศวกร | Contact

Engineering Drawing

Uploaded by

Document Information

Original Title

Copyright

Available Formats

Share this document

Share or Embed Document

Sharing Options

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Copyright:

Available Formats

Engineering Drawing

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

Engineering Drawing

1 : เส ้นเต็มหนา เส ้นมือเปล่า เส ้นประ

1 : เป็ นขนาดจริง (True Shape) 1 : a

1 : ภาพฉายออร์โทกราฟิ ก (Orthographic Projection)

1 : ภาพฉายออร์โทกราฟิ ก (Orthographic Projection) ข ้อที2 79 :

1 : การเขียนภาพฉายมุมที2 1 (First Angle Projection)

ข ้อที2 257 : ข ้อที2 260 :

1 : รันเอาท์ ฟิ ลเล็ต ขอบมน

1 : View 1 = Front view, View 2 = Side view

ข ้อที2 301 : คําตอบทีถ

1 : ไม่ต ้องแก ้ไข

เนื้อหาวิชา : 711 : Orthographic Drawings

3: 1 : ครึง2 หนึง2 ของความยาวจริง

1 : 75 องศา ข ้อที2 343 :

เนื้อหาวิชา : 713 : Dimensioning

1 : 1.85 และ 1.95

ข ้อที2 410 : ข ้อที2 413 :

1 : เส ้นกําหนดขนาดต ้องไม่ทบ ั กัน

เนื้อหาวิชา : 714 : Section

ข ้อที2 440 : 1 : Full section

ข ้อที2 456 : ข ้อที2 459 :

1 : ตัดเฉพาะส่วนแสดงด ้วยเส ้นเต็มบาง

ข ้อที2 482 : คําตอบทีถ

2: เนื้อหาวิชา : 715 : Freehand Sketch

ข ้อที2 507 : 1 : 2 มทีต

You might also like