Professional Documents
Culture Documents
เมทริกซ์
ในบทนี้จะศึกษาเกี่ยวกับพื้นฐานของเมทริกซ์ ในเรื่องการบวก การลบ การคูณเมทริกซ์ด้วย
จานวนจริง และการคูณเมทริกซ์ด้วยเมทริกซ์ เมทริกซ์สลับเปลี่ยน เมทริกซ์ผกผัน และเมทริกซ์ใน
รูปแบบต่าง ๆ รวมถึงสมบัติและทฤษฎีบทที่สาคัญของเมทริกซ์ โดยเราสามารถใช้เมทริกซ์แทนระบบ
สมการเชิงเส้น แล้วใช้การดาเนินต่าง ๆ เพื่อหาคาตอบของระบบสมการเชิงเส้น การแปลงเชิงเส้นก็ใช้
เมทริกซ์แปลงเป็นเมทริกซ์ต่าง ๆ ได้ และยังสามารถใช้เก็บข้อมูลที่ขึ้นกับตัวแปรต้นสองตัว โดย
สามารถบวก คูณ และแยกเมทริกซ์ออกเป็นผลคูณของเมทริกซ์ได้หลายรูปแบบ เมทริกซ์จึงเป็น
แนวความคิดที่มีความสาคัญยิ่งของพีชคณิตเชิงเส้น
เมทริกซ์
โดยทั่วไป เราสามารถพบเห็นข้อมูลหลายชนิดที่เขียนอยู่ในรูปกลุ่มของจานวนซึ่งนามา
จัดเรียงกันในรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากได้มากมายในชีวิตประจาวัน ตัวอย่างเช่น ร้านค้าแห่งหนึ่งซื้อเครื่อง
เขียนมาขาย 4 ชนิด คือ ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด และยางลบ โดยราคาต้นทุนคิดเป็นต่อชิ้น แสดง
เป็นตารางได้ดังนี้
ชนิดเครื่องเขียน ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด ยางลบ
ราคา/ชิ้น 15 10 8 7
15
10
ซึ่งสามารถเขียนสั้น ๆ เป็น 15 10 8 7 หรือ
8
7
หรือในการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลรายการหนึ่ง ตารางคะแนนแจ้งผลการแข่งขันได้ดังนี้
ทีม ชนะ แพ้ เสมอ
A 3 4 2
B 5 2 2
C 4 2 3
D 2 4 3
E 1 3 5
16
3 4 2
5 2 2
ซึ่งสามารถเขียนสั้น ๆ เป็น 4 2 3
2 4 3
1 3 5
หรือในทางคณิตศาสตร์ เราสามารถจัดเรียงสัมประสิทธิ์ของระบบสมการเชิงเส้นให้อยู่ในรูปสี่เหลี่ยม
มุมฉากได้ ดังนี้
3x 5 y 25
x 2 y 10
3 5
ซึ่งสามารถเขียนสั้น ๆ เป็น 1 2
ดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างเบื้องต้นของเมทริกซ์ทั้งสิ้น และเนื่องจากวิชาพีชคณิต
เชิงเส้นส่วนหนึ่งเป็นการศึกษาระบบสมการเชิงเส้น ในบทนี้จะขอทบทวนสมบัติพื้นฐานต่าง ๆ ของ
เมทริกซ์และการดาเนินการบนเมทริกซ์ การบวกและการลบเมทริกซ์ การคูณเมทริกซ์ด้วยจานวน
จริง และการคูณเมทริกซ์ด้วยเมทริกซ์ เพื่อใช้เมทริกซ์เป็นเครื่องมือในการหาผลเฉลยของระบบ
สมการเชิงเส้นต่อไป รวมถึงดีเทอร์มิแนนต์และตัวผกผันสาหรับการคูณ
เมทริกซ์แบบต่าง ๆ
เมทริกซ์ศูนย์ (Zero Matrix or Null Matrix) เมทริกซ์ที่มีสมาขิกทุกตัวเป็นศูนย์ เราเรียกว่า
เมทริกซ์ศูนย์ เขียนแทนด้วย 0mn เช่น
0 0
0 0
A , B 0 0
0 0 0 0
18
1 0 0
B 3 1 0 เมทริกซ์สามเหลี่ยมล่าง
2 1 1
19
0 1 1 0 1 1 0 1 1
B 1 0 2 จะได้ Bt 1 0 2 1 1 0 2 B
1 2 0 1 2 0 1 2 0
การดาเนินการบนเมทริกซ์
การเท่ากันของเมทริกซ์
เมทริกซ์สองเมทริกซ์จะเป็นเมทริกซ์ที่เท่ากัน ก็ต่อเมื่อ เมทริกซ์ทั้งสองมีมิติเท่ากัน และ
สมาชิกของเมทริกซืที่อยู่ในตาแหน่งเดียวกันเท่ากันทุกตัว ซึ่งนิยามได้ดังนี้
นิยาม 1.2 ถ้าเมทริกซ์ A [aij ] และ B [bij ] เท่ากัน เขียนแทนด้วย A B ก็ต่อเมื่อ A และ
B มีมิติเดียวกัน และ aij bij สาหรับทุก ๆ ค่าของ i และ j
b 2 และ b 2
นั่นคือ b 2
ดังนั้น a 5 และ b 2
วิธีทา จากโจทย์จะได้ว่า
5 25 5
1 a0 1
0 log a 1 0 log a 1 0
และ ln e6 6 6 6 ln e 6 1 6
การบวก และการลบเมทริกซ์
การนาเอาสมาชิกของเมทริกซ์ซึ่งอยู่ในตาแหน่งเดียวกันของเมทริกซ์ 2 เมทริกซ์ที่มีมิติเท่ากัน
มาบวกหรือลบกัน ทาให้ได้เมทริกซ์ใหม่ ดังนิยามต่อไปนี้
4 5 1 2
ตัวอย่างที่ 1.6 กาหนดให้A , B จงหาค่าของ A B
2 1 7 0
4 5 1 2
วิธีทา A B
2 1 7 0
4 1 5 2
=
2 7 1 0
5 7
=
9 1
0 2 4 3 2 1
ตัวอย่างที่ 1.7 กาหนดให้A , B จงหาค่าของ A B
1 5 6 0 0 6
0 2 4 3 2 1
วิธีทา A B
1 5 6 0 0 6
0 3 2 2 4 1
=
1 0 50 66
3 0 3
=
1 5 12
6 3 1 5
ตัวอย่างที่ 1.8 กาหนดให้ A B จงหาค่าของ A B
4
,
1 0 8
6 3 1 5
วิธีทา A B
1 4 0 8
6 1 3 5
=
1 0 4 8
7 8
=
1 4
1 2 0 1 3 2
ตัวอย่างที่ 1.9 กาหนดให้ A 2 3 1 , B 0 1 0
จงหาค่าของ A B
0 1 0 3 4 2
1 2 0 1 3 2
วิธีทา A B 2 3 1 0 1 0
0 1 0 3 4 2
1 1 2 3 0 2
= 2 0 3 1 1 0
0 3 1 4 0 2
2 5 2
= 2 2 1
3 5 2
การคูณเมทริกซ์ด้วยสเกลาร์
นิยาม 1.5 การคูณเมทริกซ์ด้วยสเกลาร์
ถ้า A [aij ]m n และ c เป็นสเกลาร์ แล้ว cA [caij ]m n และ Ac [aij c]m n
0 4 3 2
2 5 3
ตัวอย่างที่ 1.10 กาหนดให้ A , B 9 3 , C 0
5 จงหา
1 0 6 1 2 1 3
ค่าของ 3 A , 5B , 2C
2 5 3 3 2 3 5 3 3 6 15 9
วิธีทา 3A 3 3 0 18
1 0 6 3 1 3 0 3 6
24
0 4 5 0 5 4 0 20
5B 5 9 3 5 9 5 3 45 15
5 1
1 2
5 2 5 10
3 2 2 3 2 2 6 4
2C 2 0 5
2 0 2 5 0 10
2 1 2 3
2 6
1 3
1 2 3 4
ตัวอย่างที่ 1.11 กาหนดให้ A , B จงหาเมทริกซ์ X ที่ทาให้
0 3 2 4
2X A B
วิธีทา จากโจทย์ 2X A B จะได้ว่า 2X B A
1
X B A
2
1 3 4 1 2 1 3 1 4 2
2 2 4 0 3 2 2 0 4 3
1 4 6
2 2 1
1 1
2 4 6
2
2 3
1 2 1 1 1
1 2
2 2
2 3
ดังนั้น เมทริกซ์ X
1 1
2
การคูณเมทริกซ์ด้วยเมทริกซ์
นิยาม 1.5 การคูณเมทริกซ์ด้วยเมทริกซ์
ถ้า A [aij ]m n และ B [bij ]n p เป็นเมทริกซ์ จะได้ผลคูณ
C AB [cij ]m p โดยที่ cij ai1b1 j ai 2b2 j ainbnj หรือกล่าวว่า cij คือสมาชิกใน
แถวที่ i หลักที่ j ของเมทริกซ์ C ซึ่งได้จากการนาสมาชิกแถวที่ i ของ A คูณกับสมาชิกในหลักที่
j ของ B เป็นคู่ไปตามลาดับ แล้วนามาบวกกัน
25
การดาเนินการตามนิยามข้างต้นสามารถแสดงในรูปทั่ว ๆ ไป ด้วยแผนภาพต่อไปนี้
a11 a12 a1n
a a22 a2 n b11 b12 b1 j b1 p c11 c12 c1 p
21
b21 b22 b2 j b2 p c21 c22 c2 p
ain
ai1 ai 2
cij
b b bnj bnp cm1 cm 2 cmp
n1 n 2
am1 am 2 amn
โดยที่ c11 a11b11 a12b21 a1nbn1
1 2
0 4 1
ตัวอย่างที่ 1.12 กาหนดให้ A , B 3 0 จงหาค่าของ AB
3 2 2 5 2
1 2
0 4 1
วิธีทา จะได้ว่า AB 3 0
3 2 2 5 2
0 1 4 3 1 5 0 2 4 0 1 2
3 1 2 3 2 5 3 2 2 0 2 2
0 12 5 0 0 2
3 6 10 6 0 4
7 2
7 10
2 1
1 0 2
ตัวอย่างที่ 1.13 กาหนดให้ C , D 1 1
2 1 0 4 0
จงหาค่าของ CD และ DC
2 1
1 0 2
วิธีทา จะได้ว่า CD 1 1
2 1 0 4 0
1 2 0 1 2 4 11 0 1 2 0
2 2 1 1 0 4 2 1 11 0 0
2 0 8 1 0 0
4 1 0 2 1 0
10 1
5 1
2 1
1 0 2
และ DC 1 1
2 1 0
4 0
27
2 1 1 2 2 0 1 1 2 2 1 0
11 1 2 1 0 1 1 1 2 1 0
4 1 0 2 4 2 0 0
4 0 0 1
2 2 0 1 4 0
1 2 0 1 2 0
4 0 00 80
4 1 4
1 1 2
4 0 8
3 0 0 2 0 3
ตัวอย่างที่ 1.14 กาหนดให้ A , B , C จงหาตรวจสอบว่า
0 0 0 0 0 3
AB BC หรือไม่
3 0 0 2
วิธีทา จะได้ว่า AB
0 0 0 0
3 0 0 0 3 2 0 0
0 0 0 0 0 2 0 0
0 0 6 0
0 0 0 0
0 6
0 0
0 2 0 3
และ BC
0 0 0 3
0 0 2 0 0 3 2 3
0 0 0 0 0 3 0 3
0 0 0 6
0 0 0 0
0 6
0 0
นั่นคือ AB BC
28
5 3 0
ตัวอย่างที่ 1.16 กาหนดให้ A จงหา AT
2 1 1
วิธีทา เนื่องจากเมทริกซ์ A มีสองแถว เพราะฉะนั้นถ้าสลับเปลี่ยนแถวที่หนึ่งใน A ไปเป็นหลัก
ที่หนึ่งใน AT และสลับเปลี่ยนแถวที่สองใน A ไปเป็นหลักที่สองใน AT
5 2
ดังนั้น AT
3 1
0 1
หรือหา AT โดยใช้นิยามข้างต้น
เพราะว่าเมทริกซ์ A มีมิติ 2 × 3 เพราะฉะนั้น AT จะมีมิติ 3×2
AT B [b ji ]2 3 [a ji ]3 2
ทฤษฎีบท
ถ้า k เป็นสเกลาร์ใด ๆ และ A, B เป็นเมทริกซ์ที่มีมิติแล้วจะได้ว่า
AT
T
1. A
2. A B T AT BT และ A B T AT BT
3. AB T BT AT
4. kAT kAT
อินเวอร์สการคูณของเมทริกซ์
นิยาม 1.7 ถ้า A เป็นเมทริกซ์จัตุรัสใด ๆ และถ้า B เป็นเมทริกซ์ ที่ซึ่ง AB BA I n แล้วจะ
เรียก B ว่า เป็นอินเวอร์สการคูณของ A
ถ้า A หาอินเวอร์สการคูณไม่ได้ เรียก A ว่า เมทริกซ์เอกฐาน (singular matrix)
ถ้า A หาอินเวอร์สการคูณได้ เรียก A ว่า เมทริกซ์มิใช่เอกฐาน (non-singular matrix)
1 2 2 1
ตัวอย่างที่ 1.17 กาหนดให้ A และ B จงแสดงว่า B เป็น
3 4 3 2 1 2
อินเวอร์สการคูณของ A
วิธีทา จะได้ว่า
1 2 2 1
AB
3 4 3 2 1 2
2 3 1 1
6 6 3 2
1 0
0 1
และ
2 1 1 2
BA
3 2 1 2 3 4
2 3 4 4
3 3
3 2
2 2
1 0
0 1
ดังนั้น AB BA I 2 แสดงว่า B เป็นอินเวอร์สการคูณของ A
31
a b
ทฤษฎีบท ถ้า A โดยที่ ad bc 0 แล้ว อินเวอร์สการคูณของ A
c d
1 d b
หาได้จาก A1
ad bc c a
32
1 d b
และ B 1 เนื่องจาก ad bc 0 จึงไม่สามารถหาอิน
ad bc c a
เวอร์สการคูณของ B ได้
สมบัติของอินเวอร์สของเมทริกซ์
ทฤษฎีบท
กาหนด A , B เป็นเมทริกซ์จัตุรัสมิติเดียวกัน และมีอินเวอรส์ การคูณ
1. ( A1 )1 A
2. ( AB)1 B 1 A1
3. ( A1 )T ( AT )1
4. An มีอินเวอร์สการคูณ และ ( An )1 ( A1 )n เมื่อ n 0, 1, 2,
5. kA มีอินเวอร์สการคูณ และ (kA)1 1 A1 สาหรับจานวนจริง k 0
k
33
เมทริกซ์มูลฐานและวิธีหา A1
นิยาม 1.8 เมทริกซ์ E ที่มีมิติ n n จะเรียกว่า เมทริกซ์มูลฐาน เมื่อ E เป็นเมทริกซ์ที่เกิด
จากการใช้การดาเนินการตามแถวเบื้องต้นชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงครั้งเดียวบนเมทริกซ์เอกลักษณ์
ตัวอย่างที่ 1.20 เมทริกซ์ต่อไปนี้เป็นเมทริกซ์มูลฐาน
1 0 1 0 1 0
1. 0 3 เพราะ
0 1 0 3
1 0 0 1 0 0 1 0 0
2. 0 1 0 เพราะ 0 1 0 0 1 0
0 0 1 0 0 1 0 0 1
0 0 1 1 0 0 0 0 1
3. 0 1 0 เพราะ 0 1 0 0 1 0
1 0 0 0 0 1 1 0 0
1 0 0 0 1 0 0 0 1 0 0 0
0 1 0 4 0 1 0 0 0 1 0 4
4. เพราะ
0 0 1 0 0 0 1 0 0 0 1 0
0 0 0 1 0 0 0 1 0 0 0 1
0 1 1 2 3 4
จะได้ EA
1 0 0 1 2 0
0 1 1 0 0 2 11 0 3 1 2 0 4 1 0
11 0 0 1 2 0 1 1 3 0 2 1 4 0 0
0 0 0 1 0 2 0 0
1 0 2 0 3 0 4 0
0 1 2 0
=
1 2 3 4
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเหมือนกับการสลับแถวที่ 1 กับแถวที่ 2 ของเมทริกซ์ A
1 0 0 2 1 1 2 1 1
ดังนั้น
EA 0 0 1 3
2 5 2 3 2
0 1 0 2 3 2 3 2 5
1 0 0 1 0 0
2. E 2 1 0 เป็นเมทริกซ์มูลฐานที่เกิดจากการสลับแถวของ I3 0 1 0
0 0 1 0 0 1
1 0 0 1 0 0
นั่นคือ 0 1 0 2 1 0
0 0 1 0 0 1
35
1 0 0 2 1 1 2 1 1
ดังนั้น
EA 2 1 0 3 2 5 1 0 3
0 0 1 2 3 2 2 3 2
วิธีการหาตัวผกผัน
ถ้ากาหนดให้ A เป็นเมทริกซ์ที่มีมิติ n n และหาอินเวอร์สได้ จากทฤษฎีข้างต้น เรา
พบว่า A I n แสดงว่าจะต้องมีเมทริกซ์มูลฐาน E1 , E2 , , Ek ทาให้
Ek Ek 1 E2 E1 A I n
แต่เนื่องจากเมทริกซ์มูลฐานเหล่านี้มีอินเวอร์ส จึงนา Ek 1 , , E21 , E11 คูณทั้งสองข้างอย่าง
ต่อเนื่องกันจะได้
A E11 E21 Ek 1I n
1
Ek Ek 1 E2 E1
A1 Ek Ek 1 E2 E1
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดกระบวนการหาอินเวอร์สของเมทริกซ์ A ดังนี้
1. เขียน A I n
2. ใช้การดาเนินการตามแถวเบื้องต้น A I n จนได้ I n B
3. จะได้ B A1
36
1 2 3
ตัวอย่างที่ 1.22 จงหาอินเวอร์สการคูณของ A 2 5 3
1 0 8
วิธีทา
1 2 3 1 0 0 1 2 3 1 0 0
2 5 3 0 1 0 0 1 3 2 1 0
1 0 8 0 0 1 1 0 8 0 0 1
1 2 3 1 0 0
0 1 3 2 1 0
0 2 5 1 0 1
1 2 3 1 0 0
0 1 3 2 1 0
0 0 1 5 2 1
1 2 3 1 0 0
0 1 3 2 1 0
0 0 1 5 2 1
1 2 0 14 6 3
0 1 3 2 1 0
0 0 1 5 2 1
1 2 0 14 6 3
0 1 0 13 5 3
0 0 1 5 2 1
1 0 0 40 16 9
0 1 0 13 5 3
0 0 1 5 2 1
ดังนั้น
40 16 9
A1
13 5 3
5 2 1
37
40 16 9
จากตัวอย่าง 1.22 จะได้ว่า A1 13 5 3
5 2 1
5 2 1 17
200 48 153
65 15 51
25 6 17
1
1
2
นั่นคือ x1 1, x2 1, x3 2
38
บทสรุป
เมทริกซ์ คือ การแสดงข้อมูลหรือตัวเลขชุดหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งด้วยการจัดลาดับของตัวเลขให้
อยู่ในรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากที่ประกอบด้วยแนวนอนและแนวตั้ง โดยความรู้เกี่ยวกับเมทริกซ์จะเป็น
เครื่องมือที่ช่วยในการแก้ปัญหาระบบสมการเชิงเส้น โดยได้อธิบายคาจากัดความของเมตริกซ์ ชนิด
ของเมทริกซ์ในรูปแบบต่าง ๆ การดาเนินการบนเมทริกซ์ทั้งการบวกเมทริกซ์ การลบเมทริกซ์ การคูณ
เมทริกซ์ด้วยจานวนจริง และการคูณเมทริกซ์ด้วยเมทริกซ์ เมตริกซ์สลับเปลี่ยน เมทริกซ์ผกผัน
เมตริกซ์มูลฐาน เพื่อเป็นพื้นฐานในการนาไปประยุกต์ในบทต่อ ๆ ไป