Professional Documents
Culture Documents
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากอุตสาหกรรม
นางสนธิกาญจน์ เพื่อนสงคราม
วิทยากรชำนาญการพิเศษ
กลุ่มงานกฎหมาย ๒ สำนักกฎหมาย
บทความใช้เพื่อการนำออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจาย
เสียงรัฐสภา
รายการเจตนารมณ์กฎหมาย
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
1
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากอุตสาหกรรม
เรียบเรียงโดย
สนธิกาญจน์ เพื่อนสงคราม
วิทยากรชำนาญการพิเศษ
บทนำ
ประเทศไทยเป็ นประเทศที่มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากการลงทุนนับแสนล้านบาททางด้าน
อุตสาหกรรม ในระยะเวลาที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทาง
เศรษฐกิจจากประเทศเกษตรกรรมไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม ซึ่งภาครัฐ
มีการสนับสนุนและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมจนเกิดการเจริญเติบโตอย่าง
รวดเร็ว มีการส่งเสริมการส่งออก การนำเข้า มีนโยบายและมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน ทำให้ที่ผ่านมามีโรงงานอุตสาหกรรมเกิด
ขึ้นจำนวนมากจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และผลจากการที่
โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มจำนวนขึ้น ส่งผลให้ของเสียในอุตสาหกรรมเกิด
ขึ้นตามมาเช่นกัน ทั้งจากสารเคมีอันตรายที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในประเทศ สาร
เคมีอันตรายที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งการใช้สารเคมีอย่างแพร่หลาย
และขาดการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการปนเปื้ อนของสารเคมี
อันตรายที่ส่งผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ และ
จากการที่ปริมาณขยะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้เกิดปั ญหาของเสีย
อุตสาหกรรมหรือกากอุตสาหกรรม ปั ญหาสิ่งแวดล้อมจากของเสีย
อุตสาหกรรมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของ
ประชาชนหากมีการจัดการไม่ถูกต้องเหมาะสม ของเสียอุตสาหกรรมจึง
เป็ นมลพิษที่ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการกำจัด เช่น การคัดแยก
แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ การฝั งกลบอย่างปลอดภัย การเผาทำลายโดยเตา
เผาในอุณหภูมิสูง เป็ นต้น ในขณะที่ของเสียอุตสาหกรรมประเภทที่ไม่
อันตราย ส่วนมากสามารถนำไปผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมแปรรูป
เป็ นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ เช่น เศษกระดาษ เศษพลาสติก เศษไม้ เป็ นต้น ใน
แต่ละปี ภาคอุตสาหกรรมของไทยสร้างขยะหรือกากอุตสาหกรรมเป็ น
ปริมาณมหาศาล เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่เป็ นจำนวนมาก จาก
2
ประกอบกับการที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้คาด
การณ์ว่าจะทำให้เกิดกากอุตสาหกรรมเพิ่มตามมาอีก ปั จจุบัน
ประเทศไทยมีโรงงานรวม ๗๐,๐๐๐ กว่าโรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็ นโรงงาน
ที่ดี มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังมีโรงงาน
ส่วนน้อยที่ไม่มีการปฏิบัติตามกฎหมาย จนส่งผลกระทบต่อประชาชน
สภาพแวดล้อม รวมถึงภาพลักษณ์ของภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ
กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากอุตสาหกรรมมีอยู่ ๒
ฉบับ คือ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติวัตถุ
อันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และยังรวมถึงกฎกระทรวง ประกาศกระทรวงและ
ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ คือ
1. พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕
สาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากอุตสาหกรรม
ความหมาย
มาตรา ๕ ได้ให้คำนิยาม
“โรงงาน” หมายความว่า อาคาร สถานที่ หรือยานพาหนะที่
ใช้เครื่องจักร มีกำลังรวมตั้งแต่ห้าสิบแรงม้าหรือกำลังเทียบเท่าตั้งแต่ห้า
สิบแรงม้าขึ้นไป หรือใช้คนงานตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไป โดยใช้เครื่องจักรหรือ
ไม่ก็ตามเพื่อประกอบกิจการโรงงาน ทั้งนี้ ตามประเภทหรือชนิดของ
โรงงานที่กำหนดในกฎกระทรวง
“ตั้งโรงงาน” หมายความว่า การนำเครื่องจักรสำหรับประกอบ
กิจการโรงงานมาติดตั้งในอาคาร สถานที่ หรือยานพาหนะที่จะประกอบ
กิจการโรงงาน หรือนำคนงานมาประกอบกิจการโรงงานในกรณีที่ไม่มีการ
ใช้เครื่องจักร
“ประกอบกิจการโรงงาน” หมายความว่า การทำ ผลิต
ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบำรุง ทดสอบ ปรับปรุง แปรสภาพ ลำเลียง
เก็บรักษา หรือทำลายสิ่งใด ๆ ตามลักษณะกิจการของโรงงานแต่ไม่รวม
ถึงการทดลองเดินเครื่องจักร
การประกอบกิจการโรงงาน
มาตรา ๗ กฎหมายโรงงานกำหนดให้โรงงานตามประเภท
ชนิดหรือขนาดใดเป็ นโรงงาน จำพวกที่ ๑ โรงงานจำพวกที่ ๒ หรือโรงงาน
จำพวกที่ ๓ แล้วแต่กรณี โดยคำนึงถึงความจำเป็ นในการควบคุมดูแล การ
4
(๘) กำหนดการอื่นใดเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในการ
ดำเนินงาน เพื่อป้ องกันหรือระงับหรือบรรเทาอันตรายหรือความเสียหาย
ที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน
มาตรา ๑๐ ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๑ ต้อง
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๘ และ
ประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามกฎกระทรวงดังกล่าว
มาตรา ๑๑ ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๒ ต้อง
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๘ และ
ประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามกฎกระทรวงดังกล่าว และเมื่อจะเริ่ม
ประกอบกิจการโรงงานให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อน แบบและ
รายละเอียดที่ต้องแจ้งและแบบใบรับแจ้งให้เป็ นไปตามที่กำหนดในกฎ
กระทรวง เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้า
หน้าที่ออกใบรับแจ้ง เพื่อเป็ นหลักฐานการแจ้งให้แก่ผู้แจ้งในวันที่ได้รับ
แจ้ง และให้ผู้แจ้งประกอบกิจการโรงงานได้ตั้งแต่วันที่ได้รับใบรับแจ้ง ใน
กรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบในภายหลังว่าการแจ้งตามวรรคหนึ่งไม่
ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้แจ้งแก้ไขให้ถูก
ต้องหรือครบถ้วนภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งดังกล่าว การเลิก
ประกอบกิจการ การโอน การให้เช่าหรือการให้เช่าซื้อโรงงานจำพวก
ที่ ๒ ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องแจ้งเป็ นหนังสือให้พนักงานเจ้า
หน้าที่ทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ดำเนินการดังกล่าว
มาตรา ๑๒ ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๓ ต้องได้รับ
ใบอนุญาตจากผู้อนุญาต และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎ
กระทรวงที่ออกตามมาตรา ๘ ประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามกฎ
กระทรวงดังกล่าวและประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามมาตรา ๓๒ ห้ามมิให้ผู้
ใดตั้งโรงงานก่อนได้รับใบอนุญาต
มาตรา ๑๘ ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตขยายโรงงาน เว้นแต่ได้รับ
อนุญาตจากผู้อนุญาต
การขอขยายโรงงานและการให้ขยายโรงงานตลอดจนการ
อุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ขยายโรงงาน ให้นำ มาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ และ
มาตรา ๑๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
การขยายโรงงานได้แก่
(๑) การเพิ่มจำนวน เปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรทำให้
มีกำลังรวมเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไปในกรณีเครื่องจักรเดิมมีกำลัง
6
รวมไม่เกินหนึ่งร้อยแรงม้า หรือกำลังเทียบเท่าไม่เกินหนึ่งร้อยแรงม้า
หรือเพิ่มขึ้นตั้งแต่ห้าสิบแรงม้าขึ้นไปในกรณีเครื่องจักรเดิมมีกำลังรวมเกิน
กว่าหนึ่งร้อยแรงม้า หรือกำลังเทียบเท่าเกินกว่าหนึ่งร้อยแรงม้า
(๒) การเพิ่มหรือแก้ไขส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารโรงงานทำให้
ฐานรากเดิมของอาคารโรงงานฐานใดฐานหนึ่งต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นตั้งแต่
ห้าร้อยกิโลกรัมขึ้นไป
ใบอนุญาตในส่วนที่ขยายให้มีอายุเท่ากับใบอนุญาตตามมาตรา
๑๔
การเลิกประกอบกิจการโรงงาน
มาตรา ๒๘ ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดเลิกประกอบกิจการโรงงาน
ให้แจ้งเป็ นหนังสือต่อผู้อนุญาตภายในสิบห้าวันนับแต่วันเลิกประกอบ
กิจการโรงงาน
ถ้าผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะเปลี่ยนแปลงโรงงานจำพวกที่
๓ เป็ นโรงงานจำพวกที่ ๑ หรือโรงงานจำพวกที่ ๒ แล้วแต่กรณี ให้แจ้ง
การเลิกประกอบกิจการโรงงานตามวรรคหนึ่ง และเมื่อจะประกอบกิจการ
โรงงานต่อไปให้ดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ สำหรับการ
ประกอบกิจการโรงงานจำพวกดังกล่าว
การกำกับและดูแลโรงงาน
มาตรา ๓๒ เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่ง
แวดล้อม ความมั่นคง ความปลอดภัยของประเทศหรือของสาธารณชน ให้
รัฐมนตรีโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีมีอำนาจกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุ
เบกษาในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) กำหนดจำนวนและขนาดของโรงงานแต่ละประเภท
หรือชนิดที่จะให้ตั้งหรือขยาย หรือที่จะไม่ให้ตั้งหรือขยายในท้องที่ใด
ท้องที่หนึ่ง
(๒) กำหนดชนิด คุณภาพ อัตราส่วนของวัตถุดิบ แหล่ง
กำเนิดของวัตถุดิบและหรือปั จจัยหรือชนิดของพลังงานที่จะนำมาใช้หรือ
ผลิตในโรงงาน
(๓) กำหนดชนิดหรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในโรงงานที่
จะให้ตั้งหรือขยาย
7
(๔) กำหนดให้นำผลผลิตของโรงงานที่จะให้ตั้งหรือขยายไป
ใช้ในอุตสาหกรรมบางประเภท หรือให้ส่งผลผลิตออกนอกราชอาณาจักร
ทั้งหมดหรือบางส่วน
อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๓๗ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ประกอบ
กิจการโรงงานผู้ใดฝ่ าฝื นหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้หรือการ
ประกอบกิจการโรงงาน มีสภาพที่อาจก่อให้เกิดอันตรายความเสียหาย
หรือความเดือดร้อนแก่บุคคลหรือทรัพย์สินที่อยู่ในโรงงานหรือที่อยู่ใกล้
เคียงกับโรงงาน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นระงับการกระทำ
ที่ฝ่ าฝื น หรือแก้ไข หรือปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้องหรือเหมาะสม
ภายในระยะเวลาที่กำหนดได้
มาตรา ๓๙ ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานใดจงใจไม่ปฏิบัติ
ตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๓๗ โดยไม่มีเหตุอันควรหรือ
ในกรณีที่ปรากฏว่าการประกอบกิจการของโรงงานใดอาจจะก่อให้เกิด
อันตรายความเสียหายหรือความเดือดร้อนอย่างร้ายแรงแก่บุคคล หรือ
ทรัพย์สินที่อยู่ในโรงงานหรือที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงานให้ปลัดกระทรวง
หรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการโรงงาน
นั้นหยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมดหรือบางส่วนเป็ นการชั่วคราว และ
ปรับปรุงแก้ไขโรงงานนั้นเสียใหม่หรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่
กำหนด ถ้าผู้ประกอบกิจการโรงงานได้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานหรือปฏิบัติให้
ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัด
กระทรวงมอบหมายสั่งให้ประกอบกิจการโรงงานต่อไปได้ ถ้าผู้ประกอบ
กิจการโรงงานไม่ปรับปรุงแก้ไขโรงงานหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง ภายใน
เวลาที่กำหนด ให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายมีอำนาจ
สั่งปิ ดโรงงานได้ และในกรณีที่เป็ นโรงงานจำพวกที่ ๓ ให้คำสั่งปิ ดโรงงาน
ดังกล่าวมีผลเป็ นการเพิกถอนใบอนุญาตด้วย
มาตรา ๔๒ ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานไม่ปฏิบัติตาม
คำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา ๓๗ ถ้ามีเหตุที่ทางราชการสมควร
เข้าไปดำเนินการแทน ให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมาย มี
อำนาจสั่งการให้พนักงานเจาหน้าที่หรือมอบหมายให้บุคคลใด ๆ เข้า
จัดการแก้ไขเพื่อให้เป็ นไปตามคำสั่งนั้นได้ในกรณีเช่นนี้ผู้ประกอบกิจการ
โรงงานต้องเป็ นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าจัดการนั้นตามจำนวนที่จ่ายจริง
รวมกับเบี้ยปรับในอัตราร้อยละสามสิบต่อปี ของเงินจำนวนดังกล่าว
8
กากอุตสาหกรรม
“กากอุตสาหกรรม” ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม คือ
“สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว” นั้น หมายถึง ของเสียหรือสิ่งที่ไม่ใช้แล้วที่
เกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน ตั้งแต่กระบวนการรับวัตถุดิบ การผลิต
การตรวจสอบคุณภาพ การบำบัดมลพิษ การซ่อมบำรุง
เครื่องจักร/อุปกรณ์ การรื้อถอน/ก่อสร้างอาคารภายในบริเวณโรงงาน
รวมทั้งกากตะกอน หรือสิ่งตกค้างจากสิ่งเหล่านั้น ทั้งที่อยู่ในสภาวะ
ของแข็ง ของเหลว กึ่งแข็ง กึ่งเหลวหรือก๊าซ ทั้งนี้ รวมถึงของเสียอันตราย
ที่เกิดจากอาคารสำนักงานและที่พักคนงานที่อยู่ภายในบริเวณโรงงาน
ประเภทของกากอุตสาหกรรม
กากอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม
หรือสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว แบ่งเป็ น ๒ ประเภท คือ
1) กากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็ นอันตราย (Non - Hazardous
waste)
“กากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็ นอันตราย” หมายถึง ของเสียหรือ
กากอุตสาหกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ชานอ้อย เศษ
ทองแดง ขี้เลื่อย กล่องกระดาษ เศษกระดาษ เป็ นต้น กากอุตสาหกรรม
ประเภทนี้จะไม่เป็ นอันตราย แต่หากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง จะ
ส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมได้ โรงงานอุตสาหกรรม
ส่วนใหญ่จะส่งกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็ นอันตรายไปรีไซเคิล โดยวิธีการคัด
10
แยกเพื่อจำหน่ายต่อหรือการปรับปรุงคุณภาพของวัสดุที่ใช้แล้วให้กลับ
มามีคุณภาพดังเดิมและนำไปใช้ประโยชน์ใหม่อีกครั้ง
2) กากอุตสาหกรรมที่เป็ นอันตราย (Hazardous waste)
“กากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย” หมายถึง กากอุตสาหกรรม
ที่มีองค์ประกอบหรือปนเปื้ อนสารอันตราย หรือมีคุณสมบัติที่เป็ นอันตราย
ตามที่กำหนดในภาคผนวกที่ ๒ ท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. ๒๕๔๘ ยกเว้นสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุ
ที่ไม่ใช้แล้วหรือกากอุตสาหกรรม ที่ไม่เป็ นอันตรายจากสำนักงาน บ้านพัก
อาศัย และโรงอาหารในบริเวณโรงงาน กากกัมมันตรังสี และมูลฝอย
ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และน้ำเสียที่ส่งไป
บำบัดนอกโรงงานทางท่อส่งน้ำ หรือหมายถึงสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้
แล้วหรือกากอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ ดังนี้
(๑) ประเภทสารไวไฟ (Ignitable substances)
(๒) ประเภทสารกัดกร่อน (Corrosive substances)
(๓) ประเภทสารที่เกิดปฏิกิริยาได้ง่าย (Reactive
substances)
(๔) ประเภทสารพิษ (Toxic substances)
(๕) สารที่มีองค์ประกอบของสิ่งเจือปน ตามที่กำหนดไว้ใน
กฎหมาย
กากอุตสาหกรรมที่เป็ นอันตราย ได้แก่ กากตะกอนจาก
ระบบบำบัดน้ำเสีย เศษสายไฟฟ้ า น้ำมันหล่อลื่นที่ไม่ใช้แล้ว เศษใยหิน
เป็ นต้น
เส้นทางกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรม
การกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมนั้นจะมีสามฝ่ ายเข้ามา
เกี่ยวข้อง
๑. โรงงานผู้ก่อกำเนิดกากอุตสาหกรรม หรือ WG เมื่อมี
กากเกิดขึ้น โรงงานก็มีหน้าที่ในการจัดการให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดย
ตรวจสอบปริมาณ ประเภท และวิธีการกำจัดหรือบำบัด และต้องรายงาน
การจัดการกากเหล่านั้นด้วย โดยต้องไปขออนุญาตบำบัดหรือกำจัดจาก
กรมโรงงานอุตสาหกรรม
๒. ผู้ขนส่งกาก หรือ Waste Transporter - WT ในการบำบัด
หรือกำจัดนั้น โรงงานผู้ก่อกำเนิดกากอุตสาหกรรมจะดำเนินการเองหรือส่ง
11
ให้ผู้อื่นจัดการแทนก็ได้ หากส่งให้ผู้อื่นบำบัดหรือกำจัดก็จะต้องมีการ
ขนส่งกากอุตสาหกรรมจาก WG ซึ่งตัวแทนจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียน
อย่างถูกต้องและได้มาตรฐาน เพื่อให้แน่ใจว่าการขนส่งกากอุตสาหกรรม
อันตรายจะไม่เกิดการรั่วไหลในระหว่างขนส่ง
๓. โรงงานผู้รับบำบัดกำจัดกากอุตสาหกรรม หรือ Waste
Processor - WP โดยใช้เทคโนโลยี กำจัดกากอุตสาหกรรม/รับซื้อกาก
อุตสาหกรรม
ประเภทของโรงงาน
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้มีการกำหนดการแบ่ง
โรงงานออกเป็น ๓ ประเภท ขึ้นอยู่กับความจำเป็ นในการควบคุมการ
ป้ องกันเหตุเดือดร้อนรำคาญ การป้ องกันความเสียหาย และการป้ องกัน
อันตรายตามระดับความรุนแรงของผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนหรือสิ่ง
แวดล้อม คือ
โรงงานจำพวกที่ ๑ ได้แก่ โรงงานประเภท ชนิด และขนาดที่
สามารถประกอบกิจการโรงงานได้ทันทีตามความประสงค์ของผู้ประกอบ
กิจการโรงงาน
โรงงานจำพวกที่ ๒ ได้แก่ โรงงานประเภท ชนิด และขนาดที่
เมื่อจะประกอบกิจการโรงงานต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อน
โรงงานจำพวกที่ ๓ ได้แก่ โรงงานประเภท ชนิด และขนาดที่
การตั้งโรงงานจะต้องได้รับใบอนุญาตก่อนจึงจะดำเนินการได้
การตั้งโรงงาน
การตั้งโรงงานต้องมีการขออนุญาตตั้งโรงงาน เพราะว่าการ
ใช้สถานที่เพื่อตั้งเป็ นโรงงาน ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การ
ดำเนินงานอยู่ภายใต้การควบคุมไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็ น
ด้านสิ่งแวดล้อมและด้านอื่น ๆ ซึ่งการขออนุญาตตั้งโรงงานเป็ นเรื่องสำคัญที่
ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
โดยประเภทโรงงานที่ต้องทำการแจ้งประกอบกิจการหรือขอ
อนุญาตประกอบกิจการโรงงาน คือ “โรงงานที่มีเครื่องจักรขนาดตั้งแต่
๕๐ แรงม้า หรือคนงาน ๕๐ คนขึ้นไป ซึ่งต้องดำเนินการตามขั้นตอน
และเงื่อนไขที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดไว้เท่านั้น
ประเภทโรงงานที่ต้องขออนุญาตตั้ง
โรงงานจำพวกที่ ๑
จะไม่ขึ้นอยู่กับขนาดแรงม้าของเครื่องจักรหรือจำนวนคน
12
สำหรับโรงงานจำพวกที่ ๓ จะต้องดำเนินการขออนุญาต
ประกอบกิจการโรงงานก่อนประกอบกิจการ ตามพระราชบัญญัติโรงงาน
พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานที่ได้รับเรียกว่า “ร.ง.
๔”
ซึ่งใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.๔) คือ ใบอนุญาตที่ทางกรม
โรงงานอุตสาหกรรมออกให้สำหรับโรงงานประเภทที่ ๓ ที่ได้รับอนุญาต
ให้ตั้งโรงงานได้ โดยเป็ นโรงงานที่มีเครื่องจักรมากกว่า ๗๕ แรงม้า
และมีจำนวนคนงานมากกว่า ๗๕ คน โดยที่ใบอนุญาตประกอบกิจการ
โรงงาน ร.ง. ๔ นั้นไม่มีหมดอายุ ดังนั้น จึงไม่ต้องมีการต่ออายุของใบ ร.ง.
๔ แต่ยังคงต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมโรงงานรายปี ตามกำลังแรงม้าที่ใช้
สถานที่ห้ามตั้งโรงงาน
โรงงานจำพวกที่ ๑ โรงงานจำพวกที่ ๒ และโรงงานจำพวกที่
๓ หามตั้งโรงงานในสถานที่ ตอไปนี้
๑. บานจัดสรรเพื่อการพักอาศัย อาคารชุดพักอาศัย และบาน
แถวเพื่อการพักอาศัย
๒. ภายในระยะ ๕๐ เมตร จากเขตติดตอสาธารณสถาน
ได้แก่ โรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา วัดหรือศาสนสถาน โรงพยาบาล
โบราณสถาน สถานที่ทําการหนวยงานของรัฐ และให้รวมถึงแหลงอนุรัก
ษ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ลักษณะของโรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรม
โรงงานอุตสาหกรรมที่ประกอบกิจการรับจัดการกาก
อุตสาหกรรม คือ โรงงานอุตสาหกรรมที่ขึ้นทะเบียนโรงงานลําดับประเภท
ที่ ๑๐๑ ๑๐๕ และ ๑๐๖ ตามบัญชีประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมที่
จําแนกตามกฎกระทรวงตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน ซึ่งมีลักษณะ
กิจการจำแนกตามลําดับประเภทดังนี้
1.ประเภทหรือชนิดโรงงานลักษณะที่ ๑๐๑ โรงงานปรับ
คุณภาพของเสียโดยรวม (Central Waste Treatment) ลักษณะกิจการ
ที่ดำเนินการ คือ
โรงงานบำบัดน้ำเสียรวมสำหรับน้ำเสียจากโรงงาน
อุตสาหกรรม : เป็ นการบำบัดมวลสารที่มีอยู่ในน้ำเสียและนำกากตะกอน
ไปกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป
โรงงานเผากากของเสียรวม (เตาเผาของเสียที่ไม่เป็นของเสีย
อันตราย/เตาเผาเฉพาะ/เตาเผาร่วม) : เป็ นการบำบัดของเสียโดยการใช้
14
แหล่งกำเนิดของกากอุตสาหกรรม
การเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมของ
ประเทศไทย เกิดจากการลงทุนทั้งภายในและจากภายนอกประเทศ ได้ส่ง
ผลให้มีโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดกากอุตสาหกรรมมากขึ้น กาก
อุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมีแหล่งกำเนิดมาจากกิจการอุตสาหกรรม
ในประเทศและจากต่างประเทศ
1)กากอุตสาหกรรมที่เกิดจากกิจการอุตสาหกรรมใน
ประเทศ กาอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็ นกากอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นจาก
โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศ มีทั้งกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็ นอันตราย
17
และที่เป็นอันตราย ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากกิจกรรมหรือขั้นตอนต่าง ๆ ใน
กระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งกากอุตสาหกรรมทั้งสอง
ประเภทล้วนต้องมีการจัดการด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ถ้า
ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เช่น มีการลักลอบทิ้งกาก
อุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรมตามสถานที่รกร้างหรือ
ถูกทิ้งปะปนไปกับขยะมูลฝอยชุมชน อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อ
สุขภาพโดยตรง หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญและเกิดความเดือดร้อนต่อ
ประชาชนในบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งเกิดการปนเปื้ อนสู่สิ่งแวดล้อม ส่ง
ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ ซึ่งในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของ
ประชาชน ดังปรากฏเรื่องร้องเรียนเป็ นข่าวตามสื่อต่าง ๆ ตลอดว่ามีการ
ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมที่เป็ นอันตรายในพื้นที่รกร้างว่างเปล่าในบาง
พื้นที่ของประเทศ เช่น ในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเกิดการร้องเรียนมาก
ที่สุด โดยเฉพาะในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดระยอง และจังหวัด
ชลบุรี นอกจากนั้น ยังมีกรณีที่โรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรม ที่เป็ น
อันตรายไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ เป็ นเหตุให้เกิดการรั่ว
ไหลของกากอุตสาหกรรม ที่เป็ นอันตรายต่าง ๆ ออกจากโรงงาน
อุตสาหกรรม ก่อปั ญหารบกวนและส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่อาศัย
ใกล้เคียง รวมทั้งมีการปนเปื้ อนของสารพิษจากกากอุตสาหกรรมต่อแหล่ง
น้ำสาธารณะจนเป็ นเหตุให้ประชาชนไม่สามารถใช้น้ำในแหล่งน้ำนั้นได้
นอกจากนั้น การแก้ไขปัญหากากอุตสาหกรรมที่ถูกนำมาลักลอบทิ้งในพื้นที่
ต่าง ๆ ก็มีความล่าช้าจนก่อความเดือดร้อนต่อประชาชน ซึ่งบ่งชี้ถึงการ
พัฒนาอุตสาหกรรมที่ไม่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม อัน
จะนำไปสู่การพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน
กากอุตสาหกรรมจากกิจกรรมทั้งหมดภายในบริเวณโรงงาน
และกิจกรรมสนับสนุนการผลิตซึ่งอาจมีคุณสมบัติที่ไม่เป็ นอันตรายหรือที่
เป็ นอันตราย และต้องกำจัดหรือจำหน่ายเป็ นผลพลอยได้ หรือเป็ นวัสดุ
รีไซเคิลไปยังอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นได้ เช่น กากชานอ้อยถูก
จำหน่ายเพื่อนำไปเป็ นเชื้อเพลิงทดแทนหรือตะกรันหลอมทองแดง ถูก
จำหน่ายเพื่อนำไปเป็ นวัตถุดิบทดแทน เป็ นต้น ทั้งนี้ กากอุตสาหกรรม
เป็ นสิ่งที่ต้องเกิดจากกระบวนการผลิตแต่สามารถควบคุมหรือดำเนิน
การลดไม่ให้มีปริมาณมากได้ด้วยการบริหารจัดการที่ดี เช่นเดียวกับกาก
อุตสาหกรรมที่เป็ นอันตราย ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกที่จะใช้วัตถุดิบ
18
หรือสารตั้งต้นในการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายมาทดแทนสารที่เป็ น
อันตรายในกระบวนการผลิตได้
2) กากอุตสาหกรรมที่มีการนำเข้าและการลักลอบนำเข้าจาก
ต่างประเทศ
กากอุตสาหกรรมในประเทศไทยส่วนหนึ่งมีการนำเข้าและการ
ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ
เพื่อนำมาใช้เป็ นวัตถุดิบในธุรกิจอุตสาหกรรม เช่น เศษเหล็ก เศษทองแดง
เศษทองเหลืองและเศษอลูมิเนียม ในส่วนของกากอุตสาหกรรมที่เป็ น
อันตรายที่มีการนำเข้าและการลักลอบนำเข้า ได้แก่ เศษพลาสติกบางชนิด
และซากอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งกาก
อุตสาหกรรมเหล่านี้ถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบ ในกระบวนการผลิตของโรงงาน
อุตสาหกรรมบางประเภทอันจะก่อให้เกิดกากอุตสาหกรรมขึ้นอีกส่วน
หนึ่ง ทั้งกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็ นอันตรายและที่เป็ นอันตราย
ปั จจุบันมีกฎหมายระหว่างประเทศ (อนุสัญญาบาเซล)
ควบคุมการนำเข้าและส่งออกสำหรับประเทศที่เป็ นภาคี โดยหลักการ
จัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็ นอันตราย ควรถูกจัดการหรือกำจัดอย่างถูก
หลักวิชาการภายในประเทศที่เป็ นแหล่งกำเนิดเท่านั้น ยกเว้นแต่ประเทศ
ที่เป็ นแหล่งกำเนิดไม่มีขีดความสามารถหรืออุปกรณ์ที่จะกำจัดอย่างถูก
ต้อง ก็สามารถส่งไปยังประเทศที่เป็ นภาคีด้วยกันเพื่อการกำจัดอย่างถูก
หลักวิชาการได้ ในการส่งออกของกากอุตสาหกรรมที่เป็ นอันตรายรัฐ
ภาคีผู้ส่งออกต้องแจ้งและขอความยินยอมจากรัฐภาคีผู้นำเข้า และต้อง
มั่นใจว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายและการกำจัดกาก
อุตสาหกรรมนั้น กากอุตสาหกรรมที่เคลื่อนย้ายต้องได้รับการบรรจุ
หีบห่อติดฉลากและขนส่งตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ รัฐภาคีมีหน้าที่ต้องออกกฎหมายเพื่อป้ องกันและลงโทษการเคลื่อน
ย้ายกากอุตสาหกรรมข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และต้องรับกาก
อุตสาหกรรมกลับคืนเมื่อมีการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมข้ามแดนโดย
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หลักเกณฑ์และกำจัดกากอุตสาหกรรม
1. ผู้ประกอบกิจการกำจัดกากอุตสาหกรรมเองภายในโรงงาน
สามารถดำเนินการโดย
- การฝั งกลบ ให้ดําเนินการฝั งกลบ โดยจัดให้มีระบบกันซึม
ระบบการตรวจสอบการรั่วไหล ระบบระบายก๊าซ และระบบบําบัดน้ำเสีย
19
ตามความเหมาะสมของชนิดหรือประเภทของเสียนั้น ๆ ทั้งนี้ต้องได้รับ
ความเห็นชอบจาก กรอ.
- การเผาของเสีย
- การเผาของเสียที่ไม่เป็ นอันตราย ให้เผาโดยควบคุมค่า
มาตรฐานของมลสารที่ระบายออกจากปล่องให้เป็ นไปตามประกาศ
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กําหนดมาตรฐาน
ควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากเตาเผามูลฝอยลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน
๒๕๔๐
- ห้ามเผาของเสียที่เป็ นอันตราย เว้นแต่จะได้รับความเห็น
ชอบจาก กรอ.
- การจัดการวิธีอื่นๆ เช่น การหมักทําปุ๋ย การถมที่ การนํา
กลับไปใช้ประโยชน์อีก เป็ นต้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก กรอ.
2.ผู้ประกอบกิจการโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรมโดยส่งไป
โรงงานรับกำจัดดำเนินการโรงงานต้องขออนุญาตนําของเสียออกนอก
บริเวณโรงงาน โดยแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับของเสีย วิธีการจัดการ และผู้
รับดําเนินการที่ได้รับอนุญาตจัดการกับของเสียนั้น ๆ โดยใช้แบบฟอร์ม
ของกรมโรงงาน เพื่อจําแนกวิธีการจัดการ และต้องได้รับอนุญาตจาก
กรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อน จึงจะสามารถเคลื่อนย้ายของเสียออกไป
จัดการตามวิธีการที่ได้รับอนุญาต ในขั้นตอนการขนส่งกากของเสียมายัง
โรงงานจัดการกากอุตสาหกรรมนั้น หากเป็ นกากของเสียที่เป็ นอันตราย ผู้ที่
ได้รับมอบหมายให้เป็ นผู้ขนส่งกากของเสียอันตราย จะต้องได้รับอนุญาต
จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และต้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็ นตัวแทนขนส่ง
กากของเสียจากโรงงานผู้ก่อกำเนิดหรือโรงงานผู้ให้บริการจัดการกาก
อุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง และจะต้องใช้ใบกำกับการขนส่ง (Manifest)
กากของเสียอันตรายทุกครั้งด้วย
ปั จจัยที่ก่อให้เกิดการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม มีดังต่อไป
นี้
(๑) มีการผลิต การนำเข้าวัตถุดิบและสารเคมีเพื่อใช้ในภาค
อุตสาหกรรมมากขึ้นทุกปี
(๒) มีการย้ายฐานของโรงงานในกลุ่มเสี่ยงจากประเทศจีนมา
ตั้งยังประเทศไทยเป็ นจำนวนมาก
(๓) การเพิ่มขึ้นของโรงงานประเภท ๑๐๑, ๑๐๕ และ ๑๐๖
ทำให้ปริมาณกากอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น จึงมีความเสี่ยงต่อการจัดการที่ไม่ถูก
20
ต้องและอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่าง
ๆ
(๔) ปริมาณกากของเสียอุตสาหกรรมที่เป็ นอันตรายของประเทศ
เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า ๒ ล้านตัน/ปี
(๕) มีการลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมและขยะพลาสติก
(๖) เจ้าหน้าที่ไม่สามารถกำกับดูแล ตรวจสอบ สั่งการและ
ดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดกับโรงงานอุตสาหกรรมและผู้นำเข้ากาก
อุตสาหกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากอุตสาหกรรม
การจัดการของเสียหรือกากอุตสาหกรรม ต้องเป็ นไปตามพ
ระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง และกฎหมายต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้อง และกฎหมายเหล่านั้นถูกบังคับใช้โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ
การจัดการกากอุตสาหกรรมหลายหน่วยงาน
หน่วยงานหลัก คือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวง
อุตสาหกรรม และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีขอบเขตและความ
รับผิดชอบ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากอุตสาหกรรม
1. กรุงเทพมหานคร - หน่วยงานท้องถิ่น
ควบคุมกิจการที่เป็ นอันตรายต่อสุขภาพตามพระราชบัญญัติ
การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
- กำกับการประกอบการตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- ตรวจสอบสถานประกอบการและการจัดการสิ่งปฏิกูล
และวัสดุที่ไม่ใช้แล้วให้เป็ นไป ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับโรงงานที่ก่อให้เกิด
กากของเสีย
- ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากการกากของเสีย
- ลดอุปสรรคการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ
กากของเสียและสร้างเครือข่ายการเฝ้ าระวังการลักลอบทิ้งกากของเสีย
2. กรมโรงงานอุตสาหกรรม - สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
โรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภทที่ก่อให้เกิดสิ่งปฏิกูลหรือ
วัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำจัดสิ่ง
ปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และผู้
21
ประกอบการที่มีของเสียเคมีตามบัญชี ข ท้ายประกาศกระทรวง
อุตสาหกรรมเรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ดังนี้
- กำกับดูแลการจัดการกากอุตสาหกรรมของสถาน
ประกอบการให้เป็ นไปตามกฎหมาย
- การให้อนุญาตนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอก
บริเวณโรงงาน
- การแต่งตั้งตัวแทนผู้รวบรวมและขนส่งกาก
อุตสาหกรรม และออกเลขประจำตัวผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการ
กากอุตสาหกรรม การตรวจสอบกำกับดูแล และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ตามกฎหมายวัตถุอันตรายและตามอนุสัญญาบาเซลและพิธีสารต่าง ๆที่
เกี่ยวข้องกับของเสียอันตราย
- การตรวจสอบวิธีการและผู้รับจัดการกากอุตสาหกรรม
- ตรวจสอบผู้รับดำเนินการขนส่ง และใบกำกับการขนส่ง
กากอุตสาหกรรม
- การลดอุปสรรคการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวกับ
กากอุตสาหกรรม
- การสร้างเครือข่ายการเฝ้ าระวังการลักลอบทิ้งกาก
อุตสาหกรรม
- การตรวจสอบเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับโรงงานที่ก่อให้
เกิดกากอุตสาหกรรม
3. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - สำนักงานการนิคม
อุตสาหกรรม
กำกับดูแลการจัดการกากอุตสาหกรรมของสถานประกอบ
การอุตสาหกรรมของโรงงานที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
- ให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และวิธีการที่
กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและวัสดุที่ไม่
ใช้แล้ว
- ให้ผู้ประกอบการจัดให้มีระบบและการจัดการด้านสิ่ง
แวดล้อม การป้ องกัน และบรรเทาอุบัติภัยจากอุตสาหกรรม
- ให้ผู้ประกอบการรายงานประจำปี เกี่ยวกับสิ่งปฏิกูลและ
วัสดุที่ไม่ใช้แล้วให้แก่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมที่โรงงานนั้นตั้งอยู่
ภายในวันที่ ๑ เมษายนของปี ถัดไป
22
กฎและข้อบังคับเกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรม
1.กฎและข้อบังคับที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.
๒๕๓๕ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากอุตสาหกรรม ประกอบ
ด้วย
กฎกระทรวง
กฎกระทรวงฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) และฉบับที่ ๒๒
(พ.ศ. ๒๕๕๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
๑. เรื่อง การกำหนดชนิดและขนาดของโรงงาน กำหนดวิธีการ
ควบคุมการปล่อยของเสีย มลพิษ หรือสิ่งใดที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
กำหนดคุณสมบัติของผู้ควบคุมดูแล ผู้ปฏิบัติงานประจำและหลักเกณฑ์
การขอขึ้นทะเบียนผู้ควบคุมดูแล สำหรับระบบป้ องกันสิ่งแวดล้อมเป็ น
พิษ พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
๒. เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.
๒๕๔๘
๓. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการ การแจ้งรายละเอียดเกี่ยว
กับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้ว ออกนอกโรงงานโดยทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
(Internet) พ.ศ. ๒๕๔๗
๔. เรื่อง ยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่
ใช้แล้วที่ไม่เป็ นของเสียอันตรายออกนอกบริเวณโรงงาน พ.ศ.๒๕๖๑
ประกาศ/ระเบียบ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
๕. เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาการแต่งตั้งตัวแทน เพื่อ
เป็ นผู้รวบรวมและขนส่งของเสียอันตราย ตามประกาศกระทรวง
อุตสาหกรรมเรื่องการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. ๒๕๔๘
๖. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการ
สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วของผู้ประกอบกิจการบำบัดและกำจัดสิ่ง
ปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. ๒๕๕๐
๗. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการสิ่ง
ปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. ๒๕๕๑
๘. เรื่อง การรับรองผู้รับบำบัดและกำจัดฯ เพื่อการขอ
อนุญาตและอนุญาตแบบอัตโนมัติผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๑
23
๙. เรื่อง กำหนดรหัสของสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
สำหรับการขออนุญาตและอนุญาตแบบอัตโนมัติผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๑
๑๐. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขออนุญาตและ
อนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และแบบอัตโนมัติผ่านระบบฯ พ.ศ.
๒๕๖๑
นอกจากพระราชบัญญัติโรงงานพ.ศ. ๒๕๓๕ แล้วยังมี
กฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวข้องอีก เช่น
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้
แล้ว พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้มีการกำหนดว่า
ข้อ ๓ ในประกาศนี้
“สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว” หมายความว่า สิ่งของที่ไม่ใช้
แล้วหรือของเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้น จากการประกอบกิจการโรงงาน รวมถึง
ของเสียจากวัตถุดิบ ของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ของเสียที่เป็ น
ผลิตภัณฑ์เสื่อมคุณภาพ และน้ำทิ้งที่มีองค์ประกอบหรือมีคุณลักษณะที่
เป็ นอันตราย
“ของเสียอันตราย” หมายความว่า สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้
แล้วที่มีองค์ประกอบ หรือปนเปื้ อน สารอันตราย หรือมีคุณสมบัติที่เป็ น
อันตราย ตามที่กําหนดในภาคผนวกที่ ๒ ท้ายประกาศนี้
“การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว” หมายความว่า กา
รบําบัด ทําลายฤทธิ์ ทิ้ง กําจัด จําหน่ายจ่ายแจก แลกเปลี่ยน หรือนํากลับ
ไปใช้ประโยชน์ใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการกักเก็บไว้ เพื่อทําการดัง
กล่าว
“ผู้ก่อกําเนิดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว” หมายความว่า ผู้
ประกอบกิจการโรงงานที่ก่อให้เกิดและมีสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วไว้ใน
ครอบครอง
“ผู้รวบรวมและขนส่ง” หมายความว่า ผู้มีสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุ
ที่ไม่ใช้แล้วไว้ในครอบครอง เพื่อการขนส่ง และผู้มีไว้ในครอบครองสิ่ง
ปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในสถานที่เก็บรวบรวม หรือขนถ่ายสิ่งปฏิกูลหรือ
วัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
“ผู้บําบัดและกําจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว”
หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่มีสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
ไว้ในครอบครอง ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ระบบเอกสา
24
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
อุตสาหกรรมได้ประกาศระบุวัตถุใดเป็ นวัตถุอันตรายชนิดที่ ๔ ให้ผู้ผลิต
ผู้นำเข้า หรือผู้มีไว้ในครอบครองปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่
และให้นำมาตรา ๔๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๔๕ ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบ
ครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ ๑ วัตถุอันตรายชนิดที่ ๒ หรือวัตถุอันตราย
ชนิดที่ ๓ ดังต่อไปนี้
(๑) วัตถุอันตรายปลอม
(๒) วัตถุอันตรายผิดมาตรฐาน
(๓) วัตถุอันตรายเสื่อมคุณภาพ
(๔) วัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้
(๕) วัตถุอันตรายที่ถูกสั่งเพิกถอนทะเบียน
มาตรา ๕๒ เมื่อปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าผู้ผลิต ผู้นำเข้า
ผู้ส่งออก ผู้นำผ่าน ผู้นำกลับเข้ามา ผู้ส่งกลับออกไป หรือผู้มีไว้ในครอบ
ครองซึ่งวัตถุอันตรายผู้ใดฝ่ าฝื นหรือไม่ปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัตินี้ให้
พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นระงับการกระทำที่ฝ่ าฝื น หรือแก้ไข
หรือปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องได้ในการนี้ หากเป็ นกรณีมีเหตุอัน
สมควร พนักงานเจ้าหน้าที่ จะสั่งให้ผู้นั้นส่งออกไปซึ่งวัตถุอันตรายนั้น
เพื่อคืนให้แก่ผู้ผลิตหรือผู้จัดส่งวัตถุอันตรายนั้น หรือเพื่อการอื่นตาม
ความเหมาะสมก็ได้ โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่
หน่วยงานผู้รับผิดชอบกำหนดโดยความเห็นของคณะกรรมการ
เมื่อมีกรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าปรากฏว่าผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่ง
ออก ผู้นำผ่าน ผู้นำกลับเข้ามา ผู้ส่งกลับออกไป หรือผู้มีไว้ในครอบครอง
ซึ่งวัตถุอันตรายดังกล่าวไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องได้ไม่ว่าเพราะไม่มี
ความสามารถหรือเพราะเหตุอื่นใด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้
บุคคลดังกล่าวส่งมอบวัตถุอันตรายนั้นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่
ที่กำหนด เพื่อทำลายหรือจัดการตามควรแก่กรณี โดยคำนึงถึงอันตราย
ที่อาจเกิดขึ้นจากวัตถุอันตรายดังกล่าวด้วย
มาตรา ๕๒/๑ เมื่อปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าผู้ผลิต
ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย ประกอบกิจการ
อันมีสภาพที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหาย หรือความเดือดร้อนแก่
บุคคลหรือทรัพย์สินที่อยู่ในสถานประกอบการหรือที่อยู่ใกล้เคียงกับสถาน
ประกอบการ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นดำเนินการแก้ไข
28
การกระทำดังกล่าว โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่
พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด
หน้าที่และความรับผิดทางแพ่ง
มาตรา ๖๓ ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ขนส่ง ผู้นำผ่าน ผู้นำกลับเข้ามา
ผู้ส่งกลับออกไป หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายต้องรับผิดชอบ
เพื่อการเสียหายอันเกิดแต่วัตถุอันตรายที่อยู่ในความครอบครองของตน
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะ
ความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
มาตรา ๖๔ ผู้ขายหรือผู้ส่งมอบวัตถุอันตรายให้กับบุคคลใด
ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายของบุคคลดังกล่าวอันเกิดแต่วัตถุอันตราย
นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิด
เพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
มาตรา ๖๗ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่วัตถุอันตราย
ตามพระราชบัญญัตินี้ เป็ นอันขาดอายุความเมื่อพ้นสามปี นับแต่วันที่ผู้
ต้องเสียหายรู้ถึงการเสียหายความเป็ นวัตถุอันตราย และผู้พึงต้องใช้ค่า
สินไหมทดแทน ถ้ามีการเจรจาเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนที่พึงจ่าย
ระหว่างผู้ที่เข้าใจกันว่าต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนและผู้มีสิทธิได้ค่า
สินไหมทดแทน ให้อายุความสะดุดหยุดอยู่จนกว่าจะปรากฏว่าการเจรจา
นั้นไม่อาจตกลงกันได้
มาตรา ๖๙ ในกรณีที่วัตถุอันตรายก่อให้เกิดความเสียหายแก่
บุคคล สัตว์ พืช หรือ สิ่งแวดล้อม ถ้ารัฐได้รับความเสียหายเพราะต้อง
เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าช่วยเหลือ เคลื่อนย้าย บำบัด บรรเทา หรือขจัด
ความเสียหายให้เกิดการคืนสู่สภาพเดิมหรือสภาพที่ใกล้เคียงกับสภาพ
เดิม หรือเป็ นความเสียหายต่อทรัพย์ไม่มีเจ้าของ หรือ
ทรัพยากรธรรมชาติ หรือเป็ นความเสียหายต่อทรัพย์สินของแผ่นดิน เมื่อ
ได้รับคำร้องขอจากหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบวัตถุอันตราย
ดังกล่าวให้พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้ องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความ
เสียหายของรัฐดังกล่าวได้
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๗๐/๒ ผู้ใดนำผ่านวัตถุอันตรายชนิดที่ ๑ โดยไม่ปฏิบัติ
ตามมาตรา ๒๐/๒ วรรคหนึ่งหรือวรรคหก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหก
29
ในกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ในกรณีที่อาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ เมื่อผู้กระทำความผิด
ยินยอมและได้แก้ไขของกลางที่ยึดหรืออายัดไว้ให้ถูกต้อง
30
(๑) กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตราย
ตามบัญชี ๑ ท้ายประกาศนี้
(๒) กรมประมงรับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตรายตาม
บัญชี ๒ ท้ายประกาศนี้
(๓) กรมปศุสัตว์รับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตรายตาม
บัญชี ๓ ท้ายประกาศนี้
(๔) สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยารับผิดชอบในการ
ควบคุมวัตถุอันตรายตามบัญชี ๔ ท้ายประกาศนี้
(๕) กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบในการควบคุมวัตถุ
อันตรายตามบัญชี ๕ ท้ายประกาศนี้
(๖) กรมธุรกิจพลังงานรับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตราย
ตามบัญชี ๖ ท้ายประกาศนี้
ข้อ ๕ ให้ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองวัตถุ
อันตรายตามข้อ ๒ ที่ได้ดําเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่ก่อนวันที่
ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ แจ้งการดําเนินการสําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่
๒ หรือยื่นคําขออนุญาตสําหรับวัตถุอันตรายชนิดที่ ๓ ภายในกําหนดสามสิบ
วัน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ และถ้าวัตถุอันตรายใดจะต้อง
ขึ้นทะเบียน ก็ให้ยื่นคําขอขึ้นทะเบียนภายในกําหนดเวลาดังกล่าวด้วย
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การเก็บรักษาวัตถุ
อันตรายที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ พ.ศ. ๒๕๕๑
ข้อ ๑
“วัตถุอันตราย” หมายความวา วัตถุอันตรายที่กรมโรงงาน
อุตสาหกรรมเปนผูรับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ออก
ตามความในมาตรา ๑๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.
๒๕๓๕
“ผูประกอบการวัตถุอันตราย” หมายความวา ผูผลิต ผูนําเข้า
ผูสงออก หรือผูมีไวในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย
“สถานที่เก็บรักษา” หมายความวา อาคารคลังสินค้าที่ใชสําห
รับเก็บรักษาวัตถุอันตราย
“การเก็บรักษา” หมายความวา การเก็บรักษาวัตถุอันตรายทั้ง
ในและนอกสถานที่เก็บรักษา ทั้งนี้ไมรวมถึงการเก็บรักษาในแท็งก (Tank)
32
เหมาะสมของการเก็บรักษาและการตรวจสอบความเหมาะสมของผู้ที่รับ
มอบวัตถุอันตรายไปจากตนหรือผู้ที่อาจคาดหมายได้ว่าอาจจะได้รับมอบ
วัตถุอันตรายดังกล่าว (มาตรา ๖๐)
๔. ผู้ขนส่ง ต้องระมัดระวังในการตรวจสอบความถูกต้องของสิ่ง
ที่ใช้ในการขนส่งหรือยานพาหนะ และอุปกรณ์ความถูกต้องของภาชนะ
บรรจุฉลากความเหมาะสมของวิธีการขนส่งความถูกต้องของ การจัดวาง
ขนยานพาหนะและความไว้วางใจได้ของลูกจ้างหรือผู้จัดทำการงานให้แก่
ตนหรือร่วมกับตน (มาตรา ๖๑)
การพิจารณาจัดชนิดวัตถุอันตราย
มีอนุสัญญาและพิธีสารหลายฉบับที่เกี่ยวข้องในการติดตาม
และกำกับดูแลการใช้สารเคมีวัตถุอันตรายในภาคอุตสาหกรรม ได้แก่
- อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีและความมั่นคงด้านสารเคมี และ
พระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์
พ.ศ. ๒๕๓๐
- อนุสัญญาบาเซล (การเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน)
- พิธีสารเกียวโต (Climate change)
- พิธีสารมอนทรีออล (สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน)
- อนุสัญญารอตเตอร์ดัม (PICs: สารเคมีป้ องกันและกำจัดศัตรู
พืชป้ องกันและกำจัดศัตรูพืช)
- อนุสัญญาสตอกโฮล์ม (POPs: สารพิษตกค้างยาวนาน)
- อนุสัญญาต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด
บทสรุป
ภาคอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ
ประเทศ การที่ภาคอุตสาหกรรมเกิดการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงส่ง
ผลให้เกิดกากอุตสาหกรรมที่เป็นผลพลอยได้ของการผลิตอุตสาหกรรม ฉะนั้น
จึงจำเป็ นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง เพื่อ
ให้สามารถจัดการและแก้ไขปั ญหากากอุตสาหกรรมอย่างรอบด้าน ซึ่งทั้ง
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.
๒๕๓๕ มีส่วนสำคัญในการดูแลเรื่องการจัดการกากอุตสาหกรรม ดังนั้น
จึงต้องมีการกำหนดแนวทาง การบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมให้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น โดยที่ภาครัฐต้องมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน
ผลักดันหรือปรับแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการกาก
อุตสาหกรรมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปั จจุบัน ซึ่งจะ
34
บรรณานุกรม
กรมโรงงานอุตสาหกรรม. คู่มือการดำเนินการพัฒนายกระดับมาตรฐาน
การให้บริการบำบัด/กำจัดกากของเสีย.
กรุงเทพฯ : กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม, ๒๕๖๔.
คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “รายงานการ
พิจารณาศึกษา เรื่อง การจัดการกาก
อุตสาหกรรม.”
https://www.senate.go.th/document/Ext ๒๗๑๔๒/๒๗๑๔๒๗๙๙_
๐๐๐๒.PDF
(สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖).
ราชพฤกษ์วิศวกรรม. “ผู้ประกอบการต้องรู้ การขอใบอนุญาตประกอบ
กิจการโรงงาน.”
https://www.recndt.com/Article/Detail/๑๔๒๓๙๘ (สืบค้น
เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๖).
อรพรรณ ปางแก้ว. “บทที่ ๓ มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการทำธุรกิจ
วัตถุอันตราย.”
http://dspace.spu.ac.th/bitstream/
๑๒๓๔๕๖๗๘๙/๓๓๗๐/๗/๗ chap ๓.pdf (สืบค้นเมื่อวันที่
๘พฤษภาคม ๒๕๖๖).
36