Professional Documents
Culture Documents
รูปก. รูป ข.
2. ภาวะสมดุล
เมื่อสารทาปฏิกิรยิ ากัน ที่ภาวะสมดุลจะมีทงั ้ สารที่เข้าทาปฏิกิรยิ า (reactant) และ
ผลผลิต (product) ภาวะสมดุล (equilibrium state) เกิดขึน้ เมื่ออัตราการเกิดปฏิกิรยิ าไป
ข้างหน้า (forward reaction ) เท่ากับอัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าย้อนกลับ (reverse reaction ) ถ้าใน
ระบบที่พจิ ารณาถ้าปฏิกริ ยิ าเปลี่ยนไปข้างหน้าและย้อนกลับเกิดขึน้ ตลอดเวลา เรียกว่า สมดุล
พลวัต หรือ สมดุ ล ไดนามิก (dynamic equilibrium) เขีย นแทนด้ ว ยลู ก ศรไป-กลับ
( ) แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
2.1 ภาวะสมดุลระหว่างสถานะ
สารต่างๆสามารถเปลีย่ นสถานะได้ โดยมีการเปลีย่ นแปลงพลังงานควบคู่ไปด้วย
ดังแผนภาพนี้
ดูดพลังงาน ดูดพลังงาน
ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ
คายพลังงาน คายพลังงาน
จากแผนภาพด้านบน ระบบจะเป็ นสภาวะสมดุ ล ได้ก็ต่ อ เมื่อ จะต้อ งอยู่ใ นระบบปิ ด
เท่านัน้ ตัวอย่าง
solid gas ; เช่น I2(s) I2(g) การระเหิดของเกล็ดไอโอดีน
C10H16O(s) C10H16O(g) การระเหิดของการบูร
solid liquid; เช่น H2O(s) H2O(l)
liquid gas; เช่น H2O(l) H2O(g)
เราสามารถสัง เกตจากสี ท่ี ค งที่ หรือ สถานะของสารคงที่ดู เ สมือ นไม่ เ กิ ด การ
เปลีย่ นแปลง แต่ความจริงแล้วระบบมิได้หยุดนิ่งและมีการเปลีย่ นแปลงตลอดเวลาเรียกการเกิด
สภาวะแบบนี้ว่า “สมดุลไดนามิก” ดังนัน้ ภาวะสมดุลระหว่างสถานะ ก็เป็นสมดุลไดนามิก
2.2 ภาวะสมดุลในสารละลายอิ่ มตัว
เมื่อให้ตวั ถูกละลาย ละลายในตัวทาละลาย ตัวถูกละลายก็จะละลายได้เร็วในตอนแรก
แล้วละลายได้ชา้ ลงและเมื่อเกิดสารละลายอิม่ ตัว เราจะพบว่าตัวถูกละลายไม่ละลายต่อไปอีกไม่
3. การดาเนิ นเข้าสู่ภาวะสมดุลของระบบ
การด าเนิ น เข้า สู่ ส ภาวะสมดุ ล ของระบบไม่ ข้ึน อยู่กับ ทิศ ทาง ไม่ ว่ า จะเริ่ม จากการ
เปลี่ยนแปลงไปข้างหน้ าหรือ เริม่ จากการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับ เมื่อ ระบบเข้าสู่สมดุล ภาวะ
สมดุลทีเ่ กิดขึน้ จะมีลกั ษณะเหมือนกันทุกประการ
การเขียนกราฟแสดงการเกิ ดภาวะสมดุล เขียนได้สองลักษณะ คือ
1. กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเกิ ดปฏิ กิริยากับเวลา
อัตรา
การเกิด
อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าไปข้างหน้า
ปฏิกริ ยิ า
2Fe3+(aq) + 2I-(aq) 2Fe2+(aq) + I2(aq)
อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าย้อนกลับ
2Fe2+(aq) + I2(aq) 2Fe3+(aq) + 2I-(aq)
เวลา
2. เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของสารกับเวลา
ก. ทีภ่ าวะสมดุลทีเ่ วลา t1 ความเข้มข้นของสาร A มากกว่าความเข้มข้นของสาร B
(ความเข้มข้นของสารตัง้ ต้นมากกว่าความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์)
ความ
เข้มข้น [A]
[B]
t1
เวลา
ความ [B]
เข้มข้น
[A]
t1
เวลา
ความ
เข้มข้น [A] = [B]
t1
เวลา
4. สมดุลในปฏิ กิริยาเคมี
4.1 ค่าคงทีส่ มดุล
กฎของภาวะสมดุลทางเคมี (Law of Chemical Equilibrium) กล่าวว่า “ สาหรับ
ปฏิ กิริยาที่ ผนั กลับได้ ที่ ภาวะสมดุล ผลคูณของความเข้มข้นของสารผลิ ตภัณฑ์ เมื่อหาร
ด้วยผลคูณของความเข้มข้นของสารตัง้ ต้นที่เหลือ โดยที่ความเข้มข้นของสารแต่ ละชนิ ด
ยกกาลังด้ วยเลขสัมประสิ ทธิ์ บอกจานวนโมลของสารในสมการที่ ดุลแล้ วจะมี ค่าคงที่
เสมอเมื่ออุณหภูมิคงที่”
เมื่อให้ปฏิกริ ยิ าทัวไปเป็
่ นดังนี้ คือ สาร A จานวน a โมล ทาปฏิกริ ยิ ากับสาร B จานวน
b โมล ได้สาร C จานวน c โมล และ สาร D จานวน d โมล ตามลาดับ ดังสมการ
aA (aq) + bB (aq) cC (aq) + dD (aq)
[C]c [D]d
ที่ภาวะสมดุล จะได้ K c a b ; K = ค่าคงทีข่ องสมดุล
[A] [B]
*** ความเข้มข้นของสารทีจ่ ะมาแทนในสมการต้องเป็ นความเข้มข้นทีภ่ าวะสมดุล
เช่น 2Fe3+(aq) + 2I-(aq) 2Fe2+(aq) + I2(aq)
[Fe 2 ] 2 [I ] 2
จะเขียนได้ว่า K c 3 2 2
[Fe ] [I ]
หากภาวะสมดุลที่เกิดขึ้นในปฏิกิรยิ าที่มสี ารอยู่ในวัฏภาคเดียวกันทัง้ หมดจะเรียกว่า
สมดุลเอกพันธ์ (Homogeneous reaction) สาหรับปฏิกิรยิ าที่เกิดขึ้นที่สารตัง้ ต้นและสาร
ผลิตภัณฑ์มวี ฏั ภาคแตกต่างกัน เรียกว่าสมดุลวิวธิ ภัณฑ์ (Heterogeneous reaction)
ถ้าสารทีเ่ กีย่ วข้องในปฏิกริ ยิ า มีของแข็งหรือของเหลวทีบ่ ริสุทธิร์ วมอยู่ด้วย ไม่ต้องนา
ความเข้มข้นของสารทีเ่ ป็นของแข็งหรือของเหลวบริสุท ธิ์ มาเขียนไว้ในอัตราส่วนทีแ่ สดงค่าคงที ่
ของสมดุล เพราะสารทีเ่ ป็นของแข็งและของเหลวบริสุทธิจ์ ะมีความเข้มข้นคงที ่ เช่น
[NO2]
K1 =
1/2
= 0.60 (ที่ 100 oC)
[N2O4]
K2 = (K1)2
1
K2
K1
K3 = K 1 x K 2
1 [NO2 ]
NO(g) O 2 (g) NO2 (g) ; K2 1 83.33 (ที่ 700 oC) ...(2)
2 [NO][O 2 ] 2
[ SO 3 ][NO]
SO2 (g) + NO2 (g) SO3 (g) + NO (g) ; K3
[NO2 ][ SO 2 ]
= 0.24 (ที่ 700 oC)
K1 20
K3 0.24
K 2 83.33
K1
K3
K2
[ NO2 ]2
2 x (1) ; 2NO (g) + O2 (g) 2NO2 (g) ; K2 …(2)
[ NO]2 [O2 ]
K 2 K12
ดังนัน้ สรุปได้ว่า
1) ถ้ากลับสมการ ค่า K จะกลับเศษเป็นส่วน
2) ถ้านาสมการมารวมกัน ค่า K จะนามาคูณกัน
3) ถ้าเอาเลขคูณทัง้ สมการ ค่า K นามายกกาลังเลขนัน้
4) ถ้านาสมการมาลบกัน ค่า K จะนามาหารกัน
หลักการคานวณหาค่า K เพื่อทราบความเข้มข้นของสาร
1.เขียนสมการของปฏิกริ ยิ าพร้อมดุลสมการนัน้
2.หาจานวนโมลหรือ โมล/ลิตร เมือ่ เริม่ ต้นปฏิกริ ยิ า (Initial) หรือ t = 0
3.หาจานวนโมลหรือ โมล/ลิตร ที่เปลีย่ นแปลงไป เนื่องจากเกิดปฏิกริ ยิ าโดยกาหนดให้
จานวนโมลทีห่ ายไปเป็นลบ (สารตัง้ ต้น) จานวนโมลทีเ่ พิม่ ขึน้ เป็นบวก (สารผลิตภัณฑ์)
4.หาจานวนโมล หรือ โมล/ลิตร ณ จุดสมดุล (Final) หรือ t = te โดยนา ข้อ 2 + ข้อ 3
ตามเครือ่ งหมายบวกลบนัน้ ๆ แล้วเปลีย่ นจานวนโมล ณ จุดสมดุลให้เป็ นโมล/ลิตร แล้วจึงแทน
ค่าความเข้มข้นในสมการค่า Kc
ลักษณะโจทย์ในการคานวณค่าคงทีส่ มดุล
มีทงั ้ หมด 4 แนวทาง
1. ให้หา ค่าคงทีส่ มดุล โดยกาหนดความเข้มข้นให้ทุกค่า
2. ให้หาค่าคงที่สมดุล โดยกาหนดความเข้มข้นให้บางค่า ส่วนค่าที่เหลือหา
จากสมการเคมี
3. กาหนดค่าคงทีส่ มดุลให้ และหาความเข้มข้นของสารแต่ละตัว
4. การหาค่า K เมือ่ มีการรบกวนสมดุล
Kc
Cl PCl
2 3
PCl 5
0.30 0.20
1.5
0.040 M
2.0 1.0
2
2.3 M 1
ตัวอย่าง ทีอ่ ุณหภูม ิ 700 องศาเซลเซียส เมื่อนา N2 จานวน 2.00 mol มาทาปฏิกริ ยิ ากับ H2
จานวน 2.00 mol ในภาชนะปิ ด 2.00 ลิตร ภาวะสมดุลมีก๊าซแอมโมเนีย เกิดขึ้น จานวน 1.00
mol จงหาค่า Kc
วิธที า
ขัน้ ที่ 1 เขียนสมการ พร้อมดุลสมการ
N2 (g) + 3H2 (g) 2NH3 (g)
ขัน้ ที่ 2 หาจานวนโมล ณ ภาวะเริม่ ต้น
N2 (g) + 3H2 (g) 2NH3 (g)
จานวนโมลเริม่ ต้น (in) = 2.0 = 2.0 = 0.0 mol
Kc
NH3 2
N2 H2 3
0.50
2
0.75 0.25
3
14 M 2
a
2.0
1.00 a
2.0 (1.00-a) = 2a
a = .50 mol/dm3
แทนค่า [H2] = [I2] = (1.00-a) = 1.00 – 0.50
= 0.50 mol / dm3
[HI] = a
= 0.50 mol / dm3
วิธที า
ความสัมพันธ์ระหว่างค่า Kc และ Kp
จาก PV = nRT
สาหรับสาร A
PAV nA RT
n
PA A RT [ A]RT
V
ในทานองเดียวกันสาหรับสาร B, C, D
PB [ B]RT , PC [C ]RT , PD [ D]RT ,
แทนค่า
K p K c ( RT )n
โดยที่ n คือ จานวนโมลของก๊าซในปฏิกริ ยิ า หาจาก
ตัวอย่าง
N 2O4 ( g ) 2 NO2 ( g )
K p Kc ( RT )
จะได้ว่า KC = [CO2]
โดยที่ KC = KC” [CaCO3] / [CaO]
แต่ จากตัว อย่า งข้างต้นจะเห็นได้ว่ า ค่ า คงที่ส มดุล ที่ก าหนดให้มคี ่ าค่ อ นข้างชัดเจน
สามารถพิจารณาได้งา่ ย แต่สาหรับบางปฏิกริ ยิ าทีค่ ่าคงทีส่ มดุลไม่มคี ่าทีช่ ดั เจนมาก
มีหลักเกณฑ์พจิ ารณาดังนี้
สามารถแสดงได้ดงั แผนภาพต่อไปนี้
ตารางพิจารณาปฏิกริ ยิ าว่าดูดหรือคายความร้อน
K 2 ΔH ο (T2 T1 )
ln
K1 RT1T2
เมือ่ K2 และ K1 คือค่าคงทีส่ มดุล ทีอ่ ุณหภูม ิ T2 และ T1 ตามลาดับ
H๐ คือ การเปลีย่ นแปลงเอนทัลปีของปฏิกริยา
R คือ ค่าคงทีข่ องแก๊ส (มักใช้ 8.314 JK-1mol-1 ตามหน่วย H๐)
จะเห็นว่าสมการวันต์โฮฟฟ์ใช้หาค่า K2 ได้เมื่อทราบ K1,T2 ,T1 และH๐ นอกจากนัน้
ยังใช้หาค่า H๐ ถ้าทราบ K1,T2 ,T1 และ T2 ซึง่ เป็ นการนาค่าคงทีส่ มดุลไปหาค่าทางอุณหพล
ศาสตร์
7. การใช้หลักของเลอชาเตอริ เอ
7.1 ในการอุตสาหกรรม
ในการผลิตทางด้านอุตสาหกรรมผูล้ งทุนจะต้องทาการผลิตและเลือกใช้วธิ ผี ลิตในการ
เปลีย่ นวัตถุดบิ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์มากทีส่ ุด ตัวอย่างเช่น การผลิตก๊าซแอมโมเนียมีปฏิกริ ยิ า
ดังนี้ N2(g) + 3H2(g) 2NH3(g) + 92 kJ
แผนภาพแสดงกระบวนการผลิตแก๊สแอมโมเนียในโรงงานอุตสาหกรรม
(McMURRY, Chemistry 4th edition)
ปฏิ กิริยาการเติ ม N2
เมือ่ วัดความเข้มข้นของ Ca2+ พบว่า [Ca2+] = 3.3 x 10-4 M ดังนัน้ [F-] = 6.7 x 10-4 M ด้วย
ดังนัน้ Ksp = [Ca2+] [F-]2 = (3.3 x 10-4) (6.7 x 10-4)2
= 1.5 x 10-10
ในทางตรงกันข้าม ทาการผสม CaCl2 และ NaF
เข้มข้น 1.5 x 10-4 M และ 1.0 x 10-3 M ตามลาดับ พบว่าเกิด
ตะกอนเกิดขึน้ และสารละลายเป็นสารละลายอิม่ ตัวของ CaF2
ดังนัน้ Ksp = [Ca2+] [F-]2 = (1.5 x 10-4) (1.0 x 10-3)2
= 1.5 x 10-10
รูป แสดงสารละลายอิม่ ตัวของ CaF2
(McMURRY, Chemistry 4th edition)
โดยทัวไปแบ่
่ งเกลือออกเป็น 3 ประเภทตามสภาพการละลายได้ในน้ าทีอ่ ุณหภูมหิ อ้ ง ดังนี้
1) เกลือทีล่ ะลายน้ าได้ (soluble salt) เป็ นเกลือทีล่ ะลายในน้ า แล้วความเข้มข้นมากกว่า
0.1 M
2) เกลือทีล่ ะลายไม่ละลายน้ า (insoluble salt) เป็ นเกลือทีล่ ะลายในน้ า แล้วความเข้มข้น
น้อยกว่า 0.001 M
3) เกลือที่ละลายน้ าได้น้อย (slightly soluble salt) เป็ นเกลือทีล่ ะลายในน้ า แล้วความ
เข้มข้น 0.001-0.1 M
ตัวอย่างการคานวณเกี่ยวกับค่า Ksp
ตัวอย่าง การละลายของซิลเวอร์ซลั เฟต Ag2SO4 ละลายได้ 1.5 x 10-2 โมลต่อลิตร ทีอ่ ุณหภูม ิ
25 C จงคานวณหาค่า Ksp ของซิลเวอร์ซลั เฟต
วิธที า
เขียนสมการการเกิดปฏิกริ ยิ า
Ag2SO4 (s) 2 Ag+ (aq) + SO42- (aq)
จากสมการจะเห็นได้ว่า 1 โมลของ Ag2SO4 จะให้ Ag+ 2 โมล และ SO42- 1 โมล ใน
สารละลาย ดังนัน้ ถ้า Ag2SO4 1.5x10-2 โมล ละลายเป็ น 1.0 ลิตร จะมีความเข้มข้นของแต่ละ
ไอออนเป็น
[Ag+] = 2 (1.5 x 10-2 ) = 3.0 x 10-2 โมลต่อลิตร
2- -2
[SO4 ] = 1.5 x 10 โมลต่อลิตร
ดังนัน้ จึงหาค่า Ksp ได้ว่า
Ksp = [Ag+]2 [ SO42-]
= (3.0 x 10-2)2 (1.5 x 10-2)
= 1.4 x 10-5
ตัวอย่าง Cu(OH)2 มีค่า Ksp เท่ากับ 2.2 x 10-20 เมื่อให้ Cu(OH)2 ละลายในน้ า จะ
ละลายได้กก่ี รัมทีอ่ ุณหภูม ิ 25 C
วิธที า
เขียนสมการการเกิดปฏิกริ ยิ า
Cu (OH)2 (s) Cu2+ (aq) + 2 OH- (aq)
โมลเริม่ ต้น 0 0
โมลทีเ่ ปลีย่ น +a +a
โมลทีภ่ าวะสมดุล a a
2+ -2
Ksp = [Cu ] [ OH ]
-20
2.20 x 10 = ( a ) ( 2a )2
a3 = (2.20 x 10-20) / 4 = 5.50 x 10-21
a3 = 5.50 x 10-21
a = 1.8 x 10-7 mol / dm3
เราทราบน้ าหนักโมเลกุลของ Cu (OH)2 เท่ากับ 97.57 g/mol
ดังนัน้ Cu (OH)2 จะละลายได้
1 . 8 x 10 7 mol Cu (OH ) 2 97 . 57 g Cu (OH ) 2
x
1 L sol n 1mol Cu (OH ) 2
การพิ จารณาการตกตะกอนของสารประกอบ
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าการละลาย
1. ผลของไอออนร่วม (The common ion effect)
เมื่อเกลือที่ละลายได้น้อย ละลายอยู่ในสารละลายที่มไี ออนที่เหมือนกันอย่างน้อยหนึ่ง
ไอออน (ไอออนร่วม) จะทาให้เกลือนัน้ ละลายได้น้อยลง ตามหลักของเลอชาเตอลิเอร์
เช่น สภาพการละลายได้ของ MgF2 ในน้ าบริสุทธิ ์ ที่ 25oC เท่ากับ 2.6 x 10-4 M
ดังนัน้ Ksp = [Mg2+] [F-]2 = 7.0 x 10-11
เมือ่ นา MgF2 มาละลายใน NaF เข้มข้น 0.10 M ที่ 25oC
ปฏิกริ ยิ าสุทธิ: CaCO3 (s) + H3O+ (aq) Ca2+ (aq) + HCO3- (aq) + H2O (l)
[Ag(NH 3 ) 2 ]
K f K1 x K 2 2
(2.1 x 10 3 ) (8.1 x 10 3 )
[Ag ][NH 3 ]
1.7 x 10 7
ซึง่ ค่า Kf (formation constant หรือ stability constant) คือ ค่าคงทีส่ มดุลของการเกิด
ไอออนเชิงซ้อนของโลหะไอออนบวก ถ้าค่า Kf มาก แสดงว่าโลหะไอออนบวกนัน้ ชอบทีจ่ ะเกิด
เป็นไอออนเชิงซ้อนมาก
สาหรับการละลาย AgCl ด้วยสารละลายแอมโมเนีย จะเป็ นการรวมสมการของการละลาย AgCl
ในน้า และ สมการการทาปฏิกริ ยิ าของ Ag+ (aq) กับ NH3 (aq) ดังสมการ
AgCl (s) Ag+ (aq) + Cl-(aq) Ksp = 1.8 x 10-10
Ag+ (aq) + 2NH3 (aq) Ag(NH3)2+ (aq) Kf = 1.7 x 107
ปฏิกริ ยิ าสุทธิ: AgCl (s) + 2NH3 (aq) Ag(NH3)2+ (aq) + Cl-(aq) Kc = ?
[Ag(NH 3 ) 2 ][Cl ]
Kc 2
K sp x K f (1.8x10 10 )(1.7x10 7 ) 3.1x10 3
[NH3 ]
่ อ Ag(NH3)2+ เกิดได้มากขึน้ ดังนัน้ AgCl จะสามารถ
จะเห็นว่าค่า Kc มากกว่า Ksp มาก นันคื
ละลายได้มากขึน้
15. เมือ่ ใส่ SbCl5 10.0 g ในภาชนะขนาด 5.0 ลิตร ทีอ่ ุณหภูม ิ 448 C จากนัน้ ปล่อยให้ระบบ
เข้าสู่สมดุล อยากทราบว่ามีปริมาณ SbCl5 เท่าไหร่ทส่ี มดุล? ปฏิกริ ยิ าเป็นดังนี้
SbCl5 (g) SbCl3 (g) + Cl2 (g) ทีอ่ ุณหภูม ิ 448C มีค่า Kc = 2.51 x 10-2
16. จงหาค่าคงทีส่ มดุลจากปฏิกริ ยิ าทีก่ าหนดให้ต่อไปนี้
1) Zn(s) + 2Ag+(aq) Zn2+(aq) + 2Ag(s) คาตอบ Kc =
2) CCl4(l) CCl4(g) คาตอบ Kc =
2+ 2+
3) Hg (l) + Hg (l) Hg2 (aq) คาตอบ Kc =
17. จงทานายการดาเนินไปของปฏิกริ ยิ าเมือ่ รบกวนสมดุลว่าทิศทางไปทางไหนเพื่อปรับเข้าสู่
สมดุลใหม่
2Fe3+ + 2I- 2Fe2+ + I2
เติม Fe(NO3)3 สมดุลเลื่อนไปทาง ……เติม Pb(NO3)3 สมดุลเลื่อนไปทาง ……
เติม KI สมดุลเลื่อนไปทาง …….เติม AgNO3 สมดุลเลื่อนไปทาง…….
เติม LiI สมดุลเลื่อนไปทาง ……………………
18. ทีภ่ าวะสมดุลของปฏิกริ ยิ า H2 (g) + I2 (g) 2HI (g) เมือ่ มีการระบกวน
ภาวะสมดุลโดยการเปลีย่ นแปลงความเข้มข้นของสารจะมีการเปลีย่ นแปลง ดังตาราง
HI
ความเข้มข้น
I2
H2
เวลา
ความเข้ มข้ น I2
H2
เวลา
กรณีท่ี III. ระบบกวนระบบโดยการแยก I2
HI
ความเข้ มข้ น
I2
H2
เวลา
กรณีท่ี IV. ระบบกวนระบบโดยการแยก HI
HI
ความเข้ มข้ น
I2
H2
เวลา
19. 2CO(g) + O2(g) 2CO2(g)
เพิม่ ความดันสมดุลเลื่อนไปทาง………………………..
ลดความดันสมดุลเลื่อนไปทาง…………………………
ถ้าต้องการให้สมดุลเลื่อนจากซ้ายไปขวา ต้องลดหรือเพิม่ ความดัน………………..
ถ้าเพิม่ ความดันให้ระบบจะได้กราฟทีส่ มดุลใหม่เป็นเช่นไร
CO
ความเข้มข้น
O2
CO2
เวลา
ถ้าลดความดันให้ระบบจะได้กราฟทีส่ มดุลใหม่เป็นเช่นไร
CO
ความเข้ มข้ น
O2
CO2
เวลา
เอกสารอ้างอิ ง