Professional Documents
Culture Documents
แลปรีพอร์ตเรื่องMachining
แลปรีพอร์ตเรื่องMachining
ปฏิบัติการการตัดเฉือนด้วยเครื่องกลึงซีเอ็นซี
จัดทำโดย
เสนอ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำนำ
บทนำ
1
วัตถุประสงค์
1
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
1
ชั้นตอนการทดลอง
6
ผลการทดลอง
7
อภิปรายผลการทดลอง
11
สรุปผลการ
12
คำถามท้ายการทดลอง
13
1
1.บทนำ
1.1 วัตถุประสงค์
- ศึกษาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวณการตัดเฉือน
- ศึกษาผลกระทบจากกระบวณการตัดเฉือนต่อสภาพผิวของ
เหล็กและอลูมิเนียมทั้งหมด
2. ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2.1 วัสดุและอุปกรณ์
คือ เครื่องจักรที่มีระบบการทำงานควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
ทั้งหมดทั้งการหมุนของระบบแกน ต่างๆ การหมุนของมอเตอร์ ขั้นตอน
ลำดับการทำงาน และงานปลีกย่อยอื่นๆ ซึ่งมาจากคําว่า CNC ที่ย่อมา
จากคําว่า Computer Numerical Control ซึ่งไม่ว่าจะเป็ นเครี่องจักรใด
ที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์จะนับได้ว่าเป็ น เครื่องจักร CNC
ทั้งหมด อย่างเช่น เครื่องกลึง เครื่องมิลลิ่ง เครื่องเจียระไน เป็ นต้น
ร้อนที่เหมาะสมอาจสามารถเพิ่มความแข็งจนมีค่าใกล้เคียงกับเหล็กกล้า
ความเร็วสูงต่างๆ และถูกจํากัดใช้เฉพาะ เครื่องมือตัดขนาดเล็ก และไม่
เหมาะสมในการตัดด้วยความเร็วสูงหรือใช้ในงานหนัก แต่จะใช้ในการ
ปฏิบัติกับวัสดุอ่อน
4
เหล็กกล้าความเร็วสูงหรือเหล็กรอบสูงจะมีส่วนประกอบของ
โลหะผสมสูง มีความสามารถ
ในการชุบแข็งได้ดี และสามารถรักษาสภาพของคมตัดที่ดีไว้ได้จนถึง
อุณหภูมิประมาณ 650 องศา ซึ่งจะเป็ นคุณสมบัติ ในด้านความต้านทาน
ต่อการอ่อนตัวที่อุณหภูมิสูงซึ่งเป็ นคุณสมบัติที่ต้องการมากที่สุดในเครื่อง
มือตัดต่างๆโดยเหล็กกล้าทำเครื่องมือตัดชนิดแรกถูกพัฒนาขึ้นโดย
Frederick W. Taylor และ M. White ในปี ค.ศ. 1900 ซึ่งทำโดยการ
เติมทังสะเตน (tungsten) 18% และโครเมี่ยม 5.5% ลงเป็ นธาตุผสมใน
เหล็กกล้า
4) คาร์ไบต์ ( Carbide )
5
ทำขึ้นได้โดยการทางโลหะผงเท่านั้นโดยผงโลหะของทังสเตน
คาร์ไบด์และโคบอลต์จะถูกอัด
ให้มีรูปร่างตามต้องการแล้วนําเข้าสู่กระบวนการกึ่งยึดเหนี่ยวในเตาซึ่งมี
บรรยากาศของไฮโดรเจนที่อุณหภูมิ 1550 องศา จากนั้นจึงทำผิวสำเร็จ
โดยการเจียรนัย เครื่องมือคาร์ไบด์นี้มีส่วนผสมของทังสเตนคาร์ไบด์
ประมาณ 94 % และโคบอลต์ 6 % เหมาะสมกับการตัดปาดเหล็กหล่อ
และวัสดุอื่นๆจำนวนมากยกเว้นเหล็กกล้า เนื่องจากเศษตัดจะยึดติด หรือ
เชื่อมตัวเข้ากับผิวหน้าคาร์ไบด์ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการเติมไททาเนียม
และแทนทาลัมคาร์ไบด์ เข้าผสมพร้อมกันกับเพิ่มปริมาณของโคบอลต์ ซึ่ง
ในเครื่องมอื ตัดของคาร์ไบด์ที่เหมาะแก่การปฏิบัติสำหรับเหล็กล้าจะ
ประกอบไปด้วย ทังสเตนคาร์ไบด์ 82% ไททาเนี่ยมคาร์ไบด์ 10% และ
โคบอลต์ 8% ส่วนผสมนี้จะมีสัมประสิทธิ์ความเสียดทานต่ำเป็ นผลให้มี
แนวโน้มการสึกหรอที่ด้านบนหรือความเป็ นแอ่งลดน้อยลง เนื่องจากการ
แปรเปลี่ยนส่วนประกอบจะทำให้คาร์ไบด์มีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติไป
เพชรใช้เป็ นเครื่องมือตัดคมเดี่ยวสำหรับการตัดขนาดเบาะที่
อัตราเร็วสูง ซึ่งต้องมีการรองรับ
อย่างมั่นคงแข็งแรงเนื่องจากวัสดุเพชรมีความแข็งและเปราะสูงมาก รูป
แบบของการใช้งานคือ ใช้ในการตัดปาดวัสดุที่มีความแข็งจนยากต่อการ
ปฏิบัติการด้วยเครื่องมืออื่น ๆ ทั้งยัง ต้องการความแม่นยําและผิวสำเร็จที่
ดีหรือใช้ในการตัดขนาดเบาที่ความเร็วสูงสำหรับวัสดุอ่อนกว่า เช่น การ
ตัดปาดพลาสติก ยางแข็ง คาร์บอนอัดและอลูมินัมที่อัตราเร็วตัด 5-25
6
มีประโยชน์สำหรับการติดตามกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ
ตั้งแต่ยานยนต์ไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ สามารถวัดได้อย่างรวดเร็ว
แม่นยํา ทำให้เป็ นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการควบคุมคุณภาพ
ในโรงงาน
หลักการทำงานของ เครื่องวัดความหยาบผิว
7
1) วางชิ้นงานที่ตำแหน่งวัด ขจัดน้ำมันหรือฝุ่นบนพื้นผิวของชิ้นงาน
ที่จะวัด
2) ทำการวัดความหยาบผิวโดยใช้สไตลัสที่ไวต่อการสัมผัสซึ่งสัมผัส
กับพื้นผิวของชิ้นงานทดสอบ
โดยตรง
3) สไตลัสนี้จะติดอยู่กับอุปกรณ์รับสัญญาณที่มีความละเอียดอ่อน
สามารถตรวจจับการแปรผัน
ของพื้นผิวในระดับนาโนเมตร
4) เมื่อปลายสไตลัสแตะลงบนผิวของชิ้นงานสไตลัสจะเคลื่อนที่ไป
บนพื้นผิวตามระยะที่กำหนดไว้
ในโปรแกรม
5) ในขณะที่ปลายสไตลัสลากไปบนพื้นผิววัสดุ คอมพิวเตอร์ก็จะ
ประมวลผลเป็ น
เป็ นกระบวนการตัดเฉือนที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อตัดแต่งและตัดชิ้นงาน
ให้ได้ขนาดสุดท้ายตามที่ต้องการ กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการกําจัด
วัสดุที่ไม่ต้องการออกจากชิ้นงานด้วยการหมุนชิ้นงานและดอกสว่าน
เครื่องมือจะ เคลื่อนที่เป็ นเส้นตรงในทิศทางขนานกับชิ้นงานที่หมุนด้วย
ความเร็วสูง ดังที่เห็นในรูป บิตของเครื่องมือ จะถูกป้ อน ชิ้นงานจะยึดติด
8
2.2.1 ประเภทการกลึง
2) การกลึงปลอก
(mm/rev)
ชิ้นงานในแต่ละรอบของการหมุนเพลาหัวจับชิ้นงาน(งานกลึง) มี
หน่วยเป็ น (mm/rev) หรือ
ความเร็วการเดินทูลตัดเฉือนชิ้นงานต่อหนึ่งนาที(งานกัด) มีหน่วย
เป็ น (mm/min)
ผิวสำเร็จของการกลึงขึ้นอยู่กับมีดตัด ความเร็วในการตัดและการ
ป้ อน และคมตัดและการสั้น การกลึงมักจะแบ่งออกเป็ นการกลึงหยาบ
และการกลึงละเอียด โดยที่
1) การกลึงหยาบ(Roughing) คือการขึ้นรูปชิ้นงานที่ทำให้เศษโลหะไหล
ออกมาเร็วมากที่สุดเท่าจะ เป็ นไปได้ แต่ผิวงานที่ออกมาจะไม่เรียบนัก
เพราะมีค่าความลึกตัดมาก หรือเป็ นชั้นหนา โดยที่จะ เหลือผิวสำหรับ
การขึ้นรูปชื้นงานในขั้นสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง ใช้อัตราป้ อนสูง และความเร็ว
ตัดต่ำ
3. ขั้นตอนและวิธีการทดลอง
4.1 วัสดุและอุปกรณ์
4.2 ขั้นตอนและวิธีการทดลอง
1. นำแท่งชิ้นงานเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ และอะลูมิเนียมอัลลอยเข้า
เครื่องกลึง CNC
3. นำแท่งชิ้นงานกลึงเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ และอะลูมิเนียมอัลลอย
ออกจากเครื่องกลึง CNC
4. นำแท่งชิ้นงานมาวัดค่าความหยาบของผิว ที่เครื่องมือวัดความ
หยาบผิว โดยวางชิ้นงานบนแท่นให้ได้ระดับ และเลื่อนก้านหัวทดสอบลง
บนบริเวณผิวชิ้นงานต้องการทดสอบ
4. ผลการทดลอง
ตารางที่1 แสดงพารามิเตอร์ที่เงื่อนไขต่างๆที่ใช้ในการทดลอง
Materi N Do Df f N ff V MMR
3
als o. (m (m (mm/ (rp (mm/ πDoN/1 (mm /
m) m) rev) m) min) 000 min)
(m/
min)
0.2
Low 1. 36. 36 884 177 101 4,044
Carbon 1 4
0.5
steel 1. 36. 36 884 442 101 10,109
2 4
0.2
2. 36. 36 176 353.8 202 8,092
1 4 9
0.5
2. 36. 36 176 884.5 202 20,229
2 4 9
12
0.2
Alumin 3. 36. 36 176 353.8 202 8,092
ium 1 4 9
0.5
alloy 3. 36. 36 176 884.5 202 20,229
2 4 9
0.2
4. 36. 36 265 530.6 303 12,135
1 4 3
0.5
4. 36. 36 265 1326.5 303 30,338
2 4 3
ตารางที่2 แสดงผลการวัดค่าความหยาบละเอียดที่เงื่อนไขต่างๆ
16
4.1 2.15 2.20 2.21 2.19 0.032 N7
15
4.2 9.73 9.51 9.19 9.48 0.271 N9
54
14
ตารางที่3 แสดงค่าการเปรียบเทียบความหยาบละเอียดผิวที่อัตราป้ อน
เท่ากันความเร็วตัดไม่เท่ากัน
Average Ra (µm)
Material V f = 0.2 std f = 0.5 std
s (m/min)
Low 101 4.61 0.32578 8.92 0.65064
Carbon 202 2.38 0.28937 10.9 0.1
steel
Alumini 202 8.58 0.07506 10.93 0.51316
um 303 2.19 0.03215 9.48 0.27154
alloy
ความเร็วตัดมีผลต่อค่าความหยาบละเอียดผิวของ
เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำที่อัตราป้ อนไม่เท่ากัน
12 10.9
10 8.92
Ra (µm)
8
F=0.2
6 4.61 F=0.5
4
2.38
2
0
80 100 120 140 160 180 200 220
Cutting speed (m/min)
กราฟแสดงความเร็วตัดมีผลต่อค่าความหยาบละเอียดผิวของเหล็กกล้า
คาร์บอนต่ำที่อัตราป้ อนไม่เท่ากัน
ความเร็วตัดมีผลต่อค่าความหยาบละเอียดผิวของ
อะลูมิเนียมอันลอยที่อัตราป้ อนไม่เท่ากัน
12
10
8
a (µm)
AL feed 0.2
6
AL feed 0.5
4
2
0
180 200 220 240 260 280 300 320
15
Cutting speed (m/min)
กราฟความเร็วตัดมีผลต่อค่าความหยาบละเอียดผิวของอะลูมิเนียมอัน
ลอยที่อัตราป้ อนไม่เท่ากัน
ความเร็วตัดมีผลต่อค่าความหยาบละเอียดผิวของเหล็กกล้า
คาร์บอนต่ำและอลูมิเนียมอันลอยที่อัตราป้อนไม่เท่ากัน
12
10
8 Fe feed 0.2
Ra (µm)
Fe feed 0.5
6
AL feed 0.2
4 AL feed 0.5
0
50 100 150 200 250 300 350
กราฟความเร็วตัดมีผลต่อค่าความหยาบละเอียดผิวของเหล็กกล้า
คาร์บอนต่ำและอลูมิเนียมอันลอยที่ อัตราป้ อนไม่เท่ากัน
16
12 10.9
10 8.92
6
4.61
Ra (µm)
4
2.38
2
0
100 200 300 400 500 600 700 800 900 1000
Feed rate (mm/min)
17
ค่าความหยาบละเอียดผิวที่Feed rateต่างกันบนชิ้น
งานอะลูมิเนียมอันลอย
12
10
8
Ra (µm)
6
4
2
0
200 400 600 800 1000 1200 1400
10
8
Ra (µm)
6
Low Carbon steel
4 Aluminium alloy
0
0 200 400 600 800 1000 1200 1400
5. อภิปรายผลและการวิเคราะห์
6. สรุปผลการทดลอง
คำถามท้ายปฏิบัติการ
ตอบ
12 10.9
10 8.92
8
Ra (µm)
6 4.61
F=0.2
4 2.38 F=0.5
2
0
80 100 120 140 160 180 200 220
Cutting speed (m/min)
ตอบ
ความเร็วตัดมีผลต่อค่าความหยาบละเอียดผิวของ
อะลูมิเนียมอันลอยที่อัตราป้ อนไม่เท่ากัน
12
10
8
Ra (µm)
AL feed 0.2
6 AL feed 0.5
4
2
0
180 200 220 240 260 280 300 320