บันทึกข้อความ

ส่วนราชการ สาขาการโรงแรม คณะศิลปศาสตร์ โทร.๐๒-๒๘๒๙๑๐๒ ต่อ ๓๑๐๗

ที่ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๓
เรื่อง ขอให้ท่านใช้เงินหรือส่งมอบทรัพย์สินจากการกระทาละเมิดค่าจ้างให้เป็นไปตามกฎหมาย

เรียน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร สภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคงพระนคร และอธิการบดี

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระนคร

ด้วยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในฐานะหน่วยงานทางปกครอง สภามหาวิทยาลัย

เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้
จ่ายเงินค่าจ้างไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ตามที่ปรากฏรับทราบข้อเท็จจริงตามคาวินิจฉัยตามคาพิพากษาศาล
ปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดาที่ อ.๓๓๓/๒๕๕๙ คดีมหายเลขแดงที่ อ.๘๕๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๓
และอ่านคาพิพากษาที่ศาลปกครองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ แล้วนั้น (เอกสารประกอบ ๑ คา
พิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ่านวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓)

โดยข้าพเจ้า นางสาวสุนันทา ชูตินันท์ เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการ สาขาวิชาการโรงแรม คณะ

ศิลปศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ จนถึงปัจจุบัน ตามสัญญาจ้าง ๑๙๓/๒๕๕๕ (เอกสารประกอบที่ ๒)
สัญญาครั้งแรกเป็นเวลา ๖ เดือน ฐานเงินเดือนปริญญาเอก ๒๕,๓๘๐ บาท (เอกสารประกอบ ๒ สัญญาจ้าง
ทางาน พนักงานมหาวิทยาลัยทดลองงาน) ตามคาสั่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ที่ ๗๘๓/๒๕๕๕
เรื่องการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย และในบันทึกข้อความถึงคณบดีคณะศิลปศาสตร์ เลขที่ ศธ ๐๕๘๑.๑๗/
๑๔๑๒ ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ผู้สอนและไม่เคยรับทราบในการเซ็นต์สัญญาจ้างเป็น
พนักงานมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการหักเงินไว้เป็นสวัสดิการ เมื่อบวกผลรวมแล้วถือว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของมติ
ครม. แล้ว แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้มีการนาเงิน ๐.๓ ดังกล่าวไปจัดสวัสดิการตามเจตนารมณ์ของมติ ครม. จึงไม่ชอบ
ด้วยกฎหมาย
 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพึ่งรับทราบข้อเท็จจริงจากคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน
๒๕๖๓ ว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการ ข้าพเจ้าถูกทาละเมิดให้เสียหายตามกฎหมาย
ตั้งแต่วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ จนถึงปัจจุบัน และจนกว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จ่ายเงินจ่าย
เงินเดือนพนักงานตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๒ เกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัย ในอัตรา
๑.๗ เท่า ของข้าราชการแรกบรรจุในสายวิชาการ และ อัตรา ๑.๕ เท่า ข้าราชการแรกบรรจุในสายสนับสนุน การ
หักเงินออกจากค่าจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยมีการนาไปใช้จ่ายอื่น ๆ อันมิใช่สวัสดิการเกื้อกูล ดังนั้นข้าพเจ้า
จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อยและเสียหาย โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการกระทาหรือการงดเว้นการกระทา
ของท่าน ข้าพเจ้าจึงทาหนังสือฉบับนี้มาเพื่อให้ท่านใช้เงินหรือให้ส่งมอบทรัพย์สินจากการกระทาละเมิดค่าจ้างให้
เป็นไปตามกฎหมายดังนี้

เงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๒ เกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัย ในอัตรา

๑.๗ เท่า ของข้าราชการแรกบรรจุในสายวิชาการ และ อัตรา ๑.๕ เท่า ข้าราชการแรกบรรจุในสายสนับสนุน ซึ่ง
สาหรับสายวิชาการ ระดับปริญญาเอก ให้จ่ายค่าจ้างพนักงาน ๓๕,๗๐๐ บาทต่อเดือน และระดับปริญญาโท ให้
จ่ายค่าจ้างพนักงาน ๒๙,๗๕๐ บาท สาหรับสายสนับสนุนวิชาการ ระดับปริญญาเอก ให้จ่ายค่าจ้างพนักงาน
๓๑,๕๐๐ บาท ระดับปริญญาโท ให้จ่ายค่าจ้างพนักงาน ๒๖,๒๕๐ บาท ระดับปริญญาตรี ให้จ่ายค่าจ้าง ๒๒,๕๐๐
บาท (เอกสารประกอบที่ ๓ สาเนาจดหมายสภาผู้แทนราษฏร จาก รองศาสตราจารย์สุรวาท ทองบุ ลงวันที่ ๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เรื่อง ความเดือดร้อนพนักงานมหาวิทยาลัยกรณีที่มหาวิทยาลัยไม่ปฏิบัติตามมติ
คณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๒)

โดยอัตราเงินเดือนแรกบรรจุพนักงานมหาวิทยาลัย ให้จ่ายหนักงาน ๓๕,๗๐๐ บาทต่อเดือน เมื่อจ่าย

๒๕,๓๘๐ ได้กันไว้ ๑๐,๓๒๐ บาท (ส่วนต่างที่เพิ่มคือเงินปรับขึ้นตามการประเมินความดีความชอบเฉพาะบุคคล
โดยนายจ้าง จึงไม่เกี่ยวข้องในการคานวณในการเรียกร้องค่าเสียหาย)

ช่วงที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ได้รับเงินค่าจ้าง ๓๗,๘๖๐ บาท
(๒๕,๓๘๐ + เงินปรับเงินปรับขึ้นตามการประเมินความดีความชอบเฉพาะบุคคลโดยนายจ้าง)
 ก. เท่ากับว่ามีการหักเงิน ๑๐,๓๒๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ รวม
๔ ปี ๑ เดือน ๑๔ วัน รวมเป็นเงิน ๕๑๐,๔๙๖ บาท (๔๙๕,๓๖๐ + ๑๐,๓๒๐ + ๔,๘๑๖) แต่ไม่มีการนาไปจัด
สวัสดิการตามปรากฎรับทราบข้อเท็จจริงล่าสุด

ช่วงที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ – ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ (ได้รับเงินค่าจ้าง ๒๕,๓๘๐ + เงินปรับเงิน

ปรับขึ้นตามการประเมินความดีความชอบเฉพาะบุคคลโดยนายจ้าง) + เงินเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ๒,๐๐๐
บาทต่อเดือน
มหาวิทยาลัยเงินเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน เมื่อสานักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง)
พบบัญชีกองทุนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระนคร ๒ บัญชี และแจ้งว่าเป็นเงินของพนักงานมหาวิทยาลัย หากไม่จัด
สวัสดิการให้พนักงานมหาวิทยาลัย ในเวลา ๒ ปี จะต้องส่งเงินคืนคลัง
ข. เท่ากับว่ามีการหักเงิน ๘,๓๒๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ รวม
๔ ปี ๓ เดือน รวมเป็นเงิน ๔๒๔,๓๒๐ บาท (๓๙๙,๓๖๐ + ๒๔,๙๖๐)

ช่วงที่ ๓ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จ่ายเงินคืนจากบัญชีกองทุนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี

พระนครให้พนักงานมหาวิทยาลัย
ค. ปี ๒๕๖๐ ข้าพเจ้าได้รับการจัดสรรเงินประมาณ ๑๒๕,๐๐๐ บาท และได้รับทราบว่าจะได้รับเงินคืน
อีกส่วนหนึ่งตอนปลายปี ๒๕๖๐ ซึ่งจะมากกว่าจานวนที่จ่ายในครั้งแรก แต่มหาวิทยาลัยมิได้ดาเนินการจ่ายเงิน
เพิ่มเติมอีกในปีนั้น

ช่วงที่ ๔ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ได้จ่ายเงินค่าประกันสุขภาพให้พนักงานมหาวิทยาลัย

จานวน ๒๐,๐๐๐ บาท ต่อปีต่อคน
ง. ปี ๒๕๖๑ เงินประกันสุขภาพ จานวน ๒๐,๐๐๐ บาท
ปี ๒๕๖๒ เงินประกันสุขภาพ จานวน ๒๐,๐๐๐ บาท
ปี ๒๕๖๓ เงินประกันสุขภาพ จานวน ๒๐,๐๐๐ บาท
รวมเป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท
 ช่วงที่ ๕ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร จ่ายเพื่อสงเคราะห์ครอบครัวในสถานการณ์แพร่
ระบาดโควิด ๑๙
จ. วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ จ่ายเงิน สงเคราะห์ครอบครัวในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด ๑๙
จานวน ๑๑,๐๐๐ บาท

เพราะฉะนั้นตามที่ปรากฏรับทราบข้อเท็จจริงตามแนววินิจฉัยตามคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแล้วนั้น
จึงขอให้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร สภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และอธิการบดี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในฐานะหน่วยงานทางปกครอง โปรดชดใช้เงินหรือให้ส่งมอบทรัพย์สิน
จากการกระทาละเมิดค่าจ้างให้เป็นไปตามกฎหมาย ทั้งสิ้น (ก + ข – ค – ง – จ) จานวน ๗๓๘,๘๑๖ บาท (เจ็ด
แสนสามหมื่นแปดพันแปดร้อยสิบหกบาทถ้วน) โดยให้ดาเนินการชาระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่
รับหนังสือฉบับนี้ หรือหากต้องการประนีประนอมยอมความ ขอให้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบภายใน ๗ วัน หากพ้น
กาหนดข้าพเจ้าขอสงวนสิทธิ์ต่อการดาเนินคดีความทั้งทางแพ่งและทางอาญาให้ถึงที่สุดต่อไป

(นางสาวสุนันทา ชูตินนั ท์)

อาจารย์สาขาวิชาการโรงแรม คณะศิลปศาสตร์